The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by info abms, 2020-08-27 09:36:55

วิทยาการคำนวณ ม.3




หน่วยการเรียนร ู้ การประเมินความน่าเชอถือของขอมูล

ที่
4
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 6 ชั่วโมง


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4/1 การประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูล 6 ชั่วโมง


สาระการเรียนรู้


1. การประเมินความนาเชื่อถือและความทันสมัยของสารสนเทศ


2. เหตุผลวิบัติ
3. ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาดและการรู้เท่าทันสื่อ





ตัวชี้วัดชั้นปี


ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์สื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิดเพอการใช้
ื่
งานอย่างรู้เท่าทัน (ว 4.2 ม.3/3)





สมรรถนะสำคัญ/ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21




1. สมรรถนะสำคัญ

- ความสามารถในการสื่อสาร

- ความสามารถในการคิด

- ความสามารถในการแก้ปัญหา

- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

2. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

ทักษะ 3 Rs

1. ทักษะการอ่าน (Reading)

2. ทักษะการเขียน (Writing: Riting)
3. ทักษะการคิดค านวณ (Arithmetic: Rithmetic)

ทักษะ 7 Cs

1. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปญหา (Critical thinking and problem

solving)


2. ทักษะการสือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสือ (communications, information, and
media literacy)



3. ทักษะด้านความร่วมมือ การท างานเปนทีมและภาวะผู้นา (collaboration, teamwork
and leadership)
4. ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (creativity and innovation)
5. ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร (computing and ICT


literacy)
6. ทักษะด้านการท างาน การเรียนรู้ และการพึงตนเอง (career and learning self–

reliance)

7. ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน (cross–cultural


understanding)





คุณลักษณะอันพึงประสงค์



1. รักชาติ ศาสน กษัตริย์
2. ซื่อสัตย์สุจริต
3. มีวินัย รับผิดชอบ
4. ใฝเรียนรู้

5. อยู่อย่างเพียงพอ
6. มุ่งมั่นในการท างาน


7. รักความเปนไทย

8. มีจิตสาธารณะ

การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning



หน่วยการเรียนรูท 4 การประเมินความน่าเชอถือของข้อมูล





มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้



มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงค านวณในการแก้ปญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเปนขั้นตอนและ



เปนระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารในการเรียนรู้การท างาน และการแก้ปญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม


ตัวชวัด
มฐ. ว 4.2 ม.3/3 ประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์สือและผลกระทบจากการให้ข่าวสารทีผิดเพื่อ



การใช้งานอย่างรู้เท่าทัน
แนวคิดส าคัญ ค าถามหลัก


1. การประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูลเปนการ 1. ท าไมจึงต้องประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูล



ตรวจวัดว่าข้อมูลทีได้มามีความนาเชื่อถือมาก 2. ความทันสมัยของข้อมูลมีผลต่อข้อมูลอย่างไร



นอยเพียงใด เหมาะส าหรับใช้เปนสารสนเทศใน 3. สารสนเทศในปจจุบันมีกี่ประเภท


งานทีท าหรือไม่ โดยการตรวจสอบเปรียบเทียบ 4. แหล่งสารสนเทศได้แก่อะไรบ้าง บอกเปนข้อ ๆ
กับข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง และแยกใช้เฉพาะ 5. ข่าวลวง หรือข่าวปลอมก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม


ข้อมูลทีเปนข้อเท็จจริง อย่างไร
2. เหตุผลวิบัติ (fallacy) คือ การยกเหตุผลมากล่าว 6. เหตุผลวิบัติคืออะไร


อ้างเพือโนมนาวให้ผู้รับข้อมูลคล้อยตาม 7. เหตุผลวิบัติกับข่าวลวงแตกต่างกันหรือไม่


3. ข่าวสารทีผิดพลาดจะส่งผลกระทบต่อผู้ถูก 8. ภาษาวิบัติคืออะไร
พาดพิงถึงในทางลบเสมอ 9. การโต้ตอบออนไลนของกลุ่มวัยรนมักท าให้เกิด

ุ่
การรู้เท่าทันสือ หมายถึง การไม่หลงเชื่อข้อมูลที ่ ภาษาวิบัติจริงหรือไม่

ได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟง ได้เห็น แต่สามารถคิด 10. การปดบังข่าวกับการให้ข่าวผิดพลาดมีผลกระทบ


วิเคราะห์ ตั้งข้อสงสัย และติดตั้งค าถามว่า สิ่งนั้น ต่อผู้รับข่าวสารต่างกันหรือไม ่



จริงหรือไม่จริง ใครเปนผู้ให้ข้อมูลและต้องการสือ 11. การรู้เท่าทันสือหมายถึงอะไร

ถึงอะไร มีจุดมุ่งหมายแอบแฝงมาด้วยหรือไม่ 12. การเชิญชวนให้ไปร่วมวิ่งเพือการกุศล จัดเปนการ


ปลุกระดมหรือไม ่


13. สือดิจิทัลมีลักษณะอย่างไร


14. ข้อควรระวังในการผลิตสือดิจิทัลคืออะไร

15. ค าว่าสือสังคมออนไลนหมายถึงอะไร




16. อันตรายทีอาจเกิดขึนจากการใช้สือสังคมออนไลน ์
คืออะไร

17. ผู้ทีรับข้อมูลจากสือสังคมออนไลนแล้วเชื่อทันทีว่า


เปนความจริงโดยไม่พิจารณาจัดว่าเปนคนชนิดใด



18. ท าไมการสือสารผ่านเครื่องมือในอินเทอร์เน็ตจึงมี
ความนิยมอย่างมาก


19. การโพสต์และแชร์เปนสือดิจิทัลหรือไม่ เพราะเหตุ

ใด



20. นักเรียนสามารถผลิตสือดิจิทัลขึนมาเองได้หรือไม่
กิจกรรมการเรยนรู ้ การวัดและประเมินผล


1. ครูยกตัวอย่างข่าวการระดมทุนผ่านทางสือสังคม 1. ท ากิจกรรมตรวจสอบการเรียนรู้ ตอบค าถามท้าย


ออนไลน เช่น การเล่นแชร์ออนไลน การขอยืมเงิน หนวยการเรียนรู้



ุ่
จากเพือนผ่านสือสังคมออนไลน แล้วให้นักเรียน 2. การสังเกตพฤติกรรมนักเรียนด้านใฝเรียนรู้ มงมั่น


ช่วยกันอภิปรายถึงผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ ในการท างาน และซื่อสัตย์สุจริต
ของแต่ละกิจกรรม 3. การเขียนสมุดบันทึกความรู้


2. บอกเปาหมายการเรียนรู้ในหัวข้อเรื่องทีสอน ทั้ง 4. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมใน
ด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอภิปราย ซักถาม และตอบค าถามกิจกรรม
3. ใช้เทคนิคการสอนแบบสืบสวน (ตั้งค าถาม-ตอบ 5. แบบประเมินพฤติกรรมด้านทักษะปฏิบัติ
ค าถาม) เพือนาไปสู่ข้อสรุปหรือการสอนแบบ 5E 6. แบบประเมินการนาเสนอผลงานกลุ่ม



- ใช้เทคนิคการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม โดย 7. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง

ให้นักเรียนแบ่งหนาทีกันสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูล 8. แบบประเมินการเขียนรายงาน

ทีหลากหลาย 9. แบบประเมินการเขียนผังมโนทัศน ์

- นาเสนอผลงานโดยการเล่าเรื่องหนาชั้นเรียน 10. แบบประเมินทักษะทีจ าเปนในศตวรรษที 21





และสรุปเปนรายงาน



- สอนโดยใช้กิจกรรมเพือนคู่คิดเพือการเรียนรู้
และแลกเปลียนเรียนรู้

- ฝกการประเมินตนเองและประเมินเพือน


- กิจกรรมตรวจสอบความรู้ความเข้าใจโดยการ
เขียนตอบ
4. ประเมินผลการเรียนรู้ด้วยแบบทดสอบแบบ
เลือกตอบ ตรวจและเฉลยก่อนเรียนหนวยต่อไป


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4/1




เรื่อง การประเมินความนาเชอถอของข้อมล เวลา 6 ชั่วโมง






1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดชั้นปี




มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงค านวณในการแก้ปญหาทีพบในชีวิตจริงอย่างเปนขั้นตอน


และเปนระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารในการเรียนรู้การท างาน และการแก้ปญหาได้อย่างมี


ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
ตัวชี้วัดข้อ 3 ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์สื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิดเพื่อ
การใช้งานอย่างรู้เท่าทัน




2. แนวคิดสำคัญ






2.1 การประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูลเปนการตรวจวัดว่าข้อมูลทีได้มามีความนาเชื่อถือมาก


นอยเพียงใด เหมาะส าหรับใช้เปนสารสนเทศในงานทีท าหรือไม่ โดยการตรวจสอบเปรียบเทียบกับข้อมูลจาก


หลาย ๆ แหล่ง และแยกใช้เฉพาะข้อมูลทีเปนข้อเท็จจริง




2.2 เหตุผลวิบัติ (fallacy) คือ การยกเหตุผลมากล่าวอ้างเพือโนมนาวให้ผู้รับข้อมูลคล้อยตาม


2.3 ข่าวสารทีผิดพลาดจะส่งผลกระทบต่อผู้ถูกพาดพิงถึงในทางลบเสมอ



การรู้เท่าทันสือ หมายถึง การไม่หลงเชื่อข้อมูลทีได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟง ได้เห็น แต่สามารถคิด


วิเคราะห์ ตั้งข้อสงสัย และติดตั้งค าถามว่า สิ่งนั้นจริงหรือไม่จริง ใครเปนผู้ให้ข้อมูลและต้องการสือถึงอะไร มี
จุดมุ่งหมายแอบแฝงมาด้วยหรือไม่

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ประเมินความนาเชื่อถือและความทันสมัยของสารสนเทศทีรับมาได้อย่างถูกต้อง


3.2 รู้ความหมายของเหตุผลวิบัติ (logical fallacy) และวิเคราะห์ได้
3.3 รู้ความหมายของข่าวลวง หรือข่าวปลอม

3.4 รู้ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาดและปองกันได้


3.5 รู้เท่าทันสือทีได้รับ


4. สาระการเรียนรู้




4.1 การประเมินความนาเชื่อถือและความทันสมัยของสารสนเทศ
4.2 เหตุผลวิบัติ


4.3 ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาดและการรู้เท่าทันสือ


5. ชิ้นงาน/ภาระงาน



5.1 ท าแบบทดสอบก่อนเรียน


5.2 ท ากิจกรรมประจ าหนวย

5.3 ตอบค าถามประจ าหนวย

5.4 ท าแบบทดสอบท้ายหนวย


6. คำถามหลัก




6.1 ท าไมจึงต้องประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูล
6.2 ความทันสมัยของข้อมูลมีผลต่อข้อมูลอย่างไร



6.3 สารสนเทศในปจจุบันมีกีประเภท
6.4 แหล่งสารสนเทศได้แก่อะไรบ้าง บอกเปนข้อ ๆ

6.5 ข่าวลวงหรือข่าวปลอมก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมอย่างไร

6.6 เหตุผลวิบัติคืออะไร

6.7 เหตุผลวิบัติกับข่าวลวงแตกต่างกันหรือไม่

6.8 ภาษาวิบัติคืออะไร


6.9 การโต้ตอบออนไลนของกลุ่มวัยรุ่นมักท าให้เกิดภาษาวิบัติจริงหรือไม


6.10 การปดบังข่าวกับการให้ข่าวผิดพลาดมีผลกระทบต่อผู้รับข่าวสารต่างกันหรือไม ่
6.11 การรู้เท่าทันสือหมายถึงอะไร



6.12 การเชิญชวนให้ไปร่วมวิ่งเพือการกุศล จัดเปนการปลุกระดมหรือไม่
6.13 สือดิจิทัลมีลักษณะอย่างไร

6.14 ข้อควรระวังในการผลิตสือดิจิทัลคืออะไร

6.15 ค าว่าสือสังคมออนไลนหมายถึงอะไร





6.16 อันตรายทีอาจเกิดขึนจากการใช้สือสังคมออนไลนคืออะไร




6.17 ผู้ทีรับข้อมูลจากสือสังคมออนไลนแล้วเชื่อทันทีว่าเปนความจริงโดยไม่พิจารณาจัดว่าเปนคน



ชนิดใด
6.18 ท าไมการสือสารผ่านเครื่องมือในอินเทอร์เน็ตจึงมีความนิยมอย่างมาก


6.19 การโพสต์และแชร์เปนสือดิจิทัลหรือไม่ เพราะเหตุใด

6.20 นักเรียนสามารถผลิตสือดิจิทัลขึนมาเองได้หรือไม่





7. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้


7.1 ขั้นนา (1 ชั่วโมง)




































ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างข่าวและภาพการแชร์ข้อมูลในสือสังคมออนไลนทีเกิดขึน เช่น ข่าว





การจับกุมผู้เปนหัวหนาวงแชร์ทีไม่จายเงินให้กับลูกแชร์ และถูกแจ้งจับจากลูกวงหลายคน ลักษณะการนาเงิน








จากผู้เล่นแชร์คนใหมมาจ่ายให้ลูกวงคนเก่า ท าให้เห็นว่ามีการเล่นจริงและได้ผลประโยชนสูงจึงเพิ่มทุนมากขึน




หรือชักชวนเพือนมาเล่นเพิ่มขึนเรียกว่า แชร์ลูกโซ่ การหลอกให้ลงทุนท าธุรกิจทีได้ดอกเบียสูงมากเช่น ลงทุน

1,000 ได้คืน 10,000 บาท เปนไปได้หรือไม่ เปนได้แต่ต้องใช้เวลาหลายสิบป การแชร์หรือปล่อยข่าวลวงท า


ให้ผู้รับหลงเชื่อและแชร์กันต่อ ๆ เกิดเปนความตื่นตระหนกเกินเหตุ ดังนั้นเมื่อได้รับข้อมูลไม่ว่าจากการแชร์

ในสือสังคมออนไลน หรือจากหนังสือพิมพ์และทีอืน ๆ ต้องนามาประเมินก่อนว่ามีความนาเชื่อถือเพียงใด







7.2 ขั้นสอน (5 ชั่วโมง)




























1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนให้สืบค้นข่าวหรือข้อมูลเรื่องต่าง ๆ ทีเปนการหลอกลวง เช่น การหา



เพือนออนไลน การระดมทุนแบบต่าง ๆ ทั้งทีถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกต้อง กลโกงในการหลอกขาย

สินค้าออนไลน ความหมายทีถูกต้องของค าว่านักรบไซเบอร์ หลังจากสืบค้นแล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา


นาเสนอหนาชั้นเรียน พร้อมภาพประกอบ




























2. เหตุผลวิบัติ (logical fallacy) หมายถึง การอ้างเหตุผลเพือสนับสนนข้อสรุปของตนเองแต่


การให้เหตุผลไม่ชัดเจน หรือเปนเหตุผลทีไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผู้ให้เหตุผลมักกล่าวอ้างถึงบุคคลอื่นเพือให้มีความ



นาเชื่อถือในทางจิตวิทยา ท าให้คนจ านวนมากเกิดความเข้าใจผิด บางเหตุผลก็เกิดจากความรู้สึกนึกคิดของผู้
กล่าวอ้างขึนเอง


ท าให้รู้สึกได้ทันทีว่าไม่สมเหตุสมผล บางเหตุผลจะกล่าวอ้างว่าไม่รู้มาก่อน เช่น การโพสต์ภาพหรือข้อความ

เลียนแบบอาชญากรเมื่อถูกจับได้ก็อ้างว่าไม่รู้ว่าการกระท าอย่างนีผิดกฎหมายยินดีช าระค่าปรับแต่ยิ่งไม่รู้ไป
ใหญ่ว่าความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์มีโทษหนักกว่าความผิดทั่วไปมาก


































3. ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาด ข่าวสารทีผิดพลาดมาจากหลายสาเหตุ เช่น การให้ข่าว


เท็จ ข่าวล่าช้า มีการเติมแต่งข้อมูลความคิดเห็นส่วนตัวเข้าในข่าวสาร ข้อมูลไม่ครบ ผู้รวบรวมข่าวสารไม ่

ตรวจสอบทบทวนให้ครบถ้วนก่อนนาเสนอ
ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาด

- ท าให้เข้าใจผิด

- ท าให้ผู้รับข้อมูลตัดสินใจผิดพลาด

- ท าให้ผู้ถูกแอบอ้างเสียหาย

- ท าให้เกิดความขัดแย้งทางสังคม

- ท าให้เกิดความตืนตระหนก






4. ข่าวปลอม (Fake news) เปนข่าวทีมีผู้ปลอมขึนมาเพือจุดประสงค์บางอย่าง เช่น ใช้โจมตี
นักการเมืองฝายตรงข้าม ปล่อยข่าวให้ราคาหุ้นทีโจมตีราคาตกเพือเก็งก าไร บางครั้งก็เปนการสร้างข่าว





เพือให้เกิดความแตกตื่นในสังคมโดยไม่มีเหตุผลก็มี ข่าวปลอมมีความหมายถึงข้อมูลปลอมด้วย แบ่งเปน

หลายแบบ เช่น



- ข่าวปลอมทีสร้างขึนเองทั้งหมด ทั้งข่าวและเนือหารวมทั้งภาพประกอบ




- การพาดหัวข่าวเพือเรียกร้องความสนใจแต่เนือหาในข่าวไม่ตรงกับทีพาดหัวไว้






- ข่าวแอบอ้าง เช่นนาตราสัญลักษณขององค์กรทีมีชื่อเสียงมาใช้ในข่าวเพือแอบอ้าง
ทีมา


- ข่าวล้อเลียน เสียดสีให้ข าขัน แต่ไม่สร้างความเสียหายให้กับผู้ใดก็จัดเปนข่าวปลอม
ด้วย
5. ภาษาวิบัติ ค าว่าวิบัติ มาจากภาษาบาลี แปลว่า พินาศ เสียหาย ภาษาวิบัติจึงหมายถึง



การใช้ภาษาไทยทีท าให้เกิดความเสียหายต่อภาษา เช่น การพูดและเขียนทีไม่ถูกต้อง การสะกดค าไม่ถูกต้อง
ไม่รวมถึงการใช้ค าย่อในภาษาอังกฤษ เช่น AI2U หมายถึง AI to you ต้นเหตุของภาษาวิบัติเกิดจากความไม ่
ุ่
เอาใจใส่ในการฝกอ่านและเขียน ท าให้รู้ความหมายของค าต่าง ๆ ภาษาทีวัยรนใช้กันในการแชตหรือส่ง



ข้อความอาจมีการสะกดผิดพลาดไปบ้างเพราะแผงแปนอักขระของสมาร์ตโฟนมีขนาดเล็ก ท าให้กดแปนไม ่

ตรงแต่ก็ต้องพยายามพิมพ์ให้ถูกต้องเพราะการปล่อยผ่านบ่อย ๆ ท าให้ติดเปนนิสัย ดังทีย าบ่อย ๆ ว่า การท า




กิจกรรมทุกเรื่องต้องเริ่มทีการเสนอโครงงาน ถ้าใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องผู้พิจารณางาน หรือผู้ให้ทุนด าเนินงาน

ในวันข้างหนาก็ไม่ให้ความสนใจเพราะอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง
6. การรู้เท่าทันสือ






























สือทีนาเสนอในระบบออนไลนมีมากมายทั้งสือทีให้ความรู้เช่นข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ

รายการพูดคุยแลกเปลียนความรู้ ข่าวประจ าวันเช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน โพสต์ต่าง ๆ เปนต้น การรู้เท่าทัน





สือคือการไม่หลงไปกับเรื่องทีรับรู้มา ต้องมีการประเมินว่ามีความนาเชื่อถือเพียงใด โดยการรับรู้อย่าง


พิจารณา เช่น อ่านเนอหาให้เข้าใจ พิจารณาภาพและเสียงประกอบว่ามีการตัดต่อหรือไม่ ท าความเข้าใจ
ประเมินว่าสือทีรับมามีประโยชนมากนอยเพียงใดเหมาะสมกับการนาไปใช้หรือไม่











การรู้เท่าทันสือนอกจากปองกันไม่ให้ตกเปนเครื่องมือของสือแล้วยังเปนแนวทางในการผลิต


สือด้วยตนเองได้ ปจจุบันระบบออนไลนก็เปนช่องทางหารายได้โดยไมจ ากัดอายุของผู้ผลิตสือ เพียงแต่ผู้ผลิต







ต้องมีแนวคิดในการนาเสนอข้อมูลทีเปนประโยชนต่อผู้รับทั้งด้านความบันเทิง ความรู้ และสันทนาการ และ

ศึกษาเครื่องมือทีใช้ผลิตสือ วิธีเผยแพร่สือตลอดอย่างจริงจัง ดูตัวอย่างการจ าหนายสติกเกอร์ออนไลน ถ้า






จ าหนายภาพละ 1 บาทแต่มีผู้ใช้สมาร์ตโฟนมากกว่าสิบล้านเครื่องในประเทศไทย ถ้าทุกคนสนใจซือคนละ







หนึงภาพจะได้เงินเท่าไร สิ่งทีต้องศึกษาคือจะวาดทีนาสนใจขึนมาได้อย่างไร และวาดแล้วจะจ าหนายได้
อย่างไร


การท าตัวเปนเน็ตไอดอลแบบเก่า ๆ เช่น สร้างเรื่องทีคนปกติไม่ท ากันเพือเรียกร้องความ


สนใจหมดยุคไปแล้วเพราะผู้ใช้สือรู้จักประเมินว่าสือใดมีประโยชน รายได้จากการผลิตสือก็เช่นเดียวกับ






รายการโทรทัศนคือค่าโฆษณา ส่วนรายจายก็นอยกว่ามาก

นกรบไซเบอร์ ค านีเปนค าใหม่เดิมใช้ค าว่าแฮกเกอร์ (Hacker) หมายถึงผู้เชียวชาญในการ



ใช้คอมพิวเตอร์ระดับสูง สามารถตรวจสอบหาจุดอ่อนของระบบทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และระบบเครือข่าย




เพือปองกันการโจมตีจากผู้บุกรกได้ ต่อมาค าว่าแฮกเกอร์กลายเปนผู้ร้ายทีคอยลักลอบเจาะท าลายระบบ จึง

เปลียนมาใช้ค าว่านักรบไซเบอร์ (Cyber warrior) ปจจุบันประเทศไทยมีนักรบไซเบอร์ทั้งในหนวยงานทหาร





ทุกเหล่าทัพ ต ารวจ หนวยราชการต่าง ๆ ธนาคาร รวมทั้งบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ท าหนาทีตรวจสอบและ
ปองกันการโจมตีข้อมูลจากแฮกเกอร์ทั่วโลก

7.3 ขั้นสรุป
1. นักเรียนสรุปความรู้ความเข้าใจตามจุดประสงค์การเรียนรู้
2. นักเรียนเขียนผังความคิดสรุปผลการเรียนรู้

8. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้

8.1 สื่อการเรียนรู้
1. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พืนฐาน วิทยาการค านวณ ชั้นมัธยมศึกษาปที 3 ของบริษัท



แม็คเอ็ดดูเคชั่น จ ากัด
2. เว็บไซต์ความรู้ของบริษัท แม็คเอ็ดดูเคชั่น จ ากัด
8.2 แหล่งการเรียนรู ้
1. ห้องสมุดของโรงเรียน
2. เว็บไซต์ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน)
https://www.egov.go.th/

3. เว็บไซต์กระทรวงดิจิทัลเพือเศรษฐกิจและสังคม https://www.egov.go.th/

9. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้





9.1 ท าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ท้ายหนวย
9.2 แบบประเมินด้านทักษะปฏิบัติ (ในกิจกรรม)


9.3 แบบประเมินการนาเสนอผลงานกลุ่ม (โดยให้ครู เพือนกลุ่มอื่น และกลุ่มตนเองประเมิน)

9.4 แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง (นักเรียนประเมินผลทีได้จากการสะท้อนตนเองจากการ

เรียนรู้ลงในแบบประเมินข้อ 11 ซึงครูเปนผู้จัดท าให้)

9.5 แบบประเมินการเขียนผังมโนทัศน ์
9.6 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้



9.7 แบบประเมินทักษะทีจ าเปนในศตวรรษที 21

9.8 แบบบันทึกการจัดการเรียนรู้ส าหรับนักเรียน.
9.9 แบบบันทึกการจัดการเรียนรู้ส าหรับครู
9.10 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้

9.11 แบบประเมินสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน
9.12 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ




10. ความคิดเห็นของผู้บริหาร/สถานศึกษา


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………







ลงชื่อ ................................................... ผู้บริหาร

11. บันทึกการเรียนรู้สำหรับนักเรียน (Student’s Reflection)



11.1 ความรู้ความเข้าใจที่ได้จากการเรียนรู้


ด้านความรู้.........................................................................................................................................

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ด้านทักษะ..........................................................................................................................................

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ด้านการพัฒนาคุณลักษณะอนพึงประสงค์.........................................................................................


..............................................................................................................................................................................
11.2 ปัญหา/อุปสรรคในการเรียนรู้ ...........................................................................................................


..............................................................................................................................................................................
11.3 แนวทางการปรับปรุงหรือพัฒนาตนเองครั้งต่อไป .............................................................................


..............................................................................................................................................................................




ลงชื่อ ................................................... ผู้เรียน

12. บันทึกการจัดการเรียนรู้สำหรับครู (Teacher’s Reflection)



12.1 ความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้

ด้านผู้เรียน..........................................................................................................................................

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ด้านวิธีสอนการวัดผล.........................................................................................................................

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

12.2 ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ .................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

12.3 สิ่งที่ไม่ได้ปฏิบัติตามแผน ..................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

เหตุผล................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

12.4 แนวทางการปรับปรุง/พัฒนาตนเองครั้งต่อไป

..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................







ลงชื่อ ................................................... ผู้สอน

ใบงานที่ 4.1




เรื่องการใหเหตุผล


ื่
ชอ.............................................................................................เ ล ข ท . ี่ . . . . . . . . . . . . . .
ี่

ชั้นมัธยมศึกษาปท 3/........


วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) วันเดอนป ...........................................






ค าชแจง จงหาคาของ X และใหเหตุผลว่าท าไม X จึงมีคาตามท่หาได ้


1. 3, 5, 7, 9, X
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................

...........

...................................................................................................................................................................

...........

2. 1, 6, 11, 16, 21, X

...................................................................................................................................................................

...........
...................................................................................................................................................................

...........

...................................................................................................................................................................

...........

3. 2, 6, 18, 54, 162, X

...................................................................................................................................................................

...........
...................................................................................................................................................................

...........

...................................................................................................................................................................

...........

4. 3, 8, 18, 38, 78, X

...................................................................................................................................................................

...........

...................................................................................................................................................................

...........
...................................................................................................................................................................

...........

5. 10, 24, 52, 108, X

...................................................................................................................................................................

...........

...................................................................................................................................................................

...........
...................................................................................................................................................................

...........






เฉลยใบงานที่ 4.1


เรื่องการใหเหตุผล



ื่
ชอ.............................................................................................เ ล ข ท . ี่ . . . . . . . . . . . . . .

ี่
ชั้นมัธยมศึกษาปท 3/........


วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) วันเดอนป ...........................................



ค าชแจง จงหาคาของ X และใหเหตุผลว่าท าไม X จึงมีคาตามท่หาได ้





1. 3, 5, 7, 9, X
................................... 11 เหตุผล เพิ่มค่าครั้งละ
2.........................................................................................

...................................................................................................................................................................
...........

2. 1, 6, 11, 16, 21, X

......................................... 26 เหตุผล นาจ านวนเดิมบวกด้วย
5........................................................................

...................................................................................................................................................................

...........
3. 2, 6, 18, 54, 162, X

.......................................... 486 เหตุผล คูณจ านวนทางซ้ายด้วย 3

..................................................................

...................................................................................................................................................................

...........

4. 3, 8, 18, 38, 78, X


........................................ 158 เหตุผล นาจ านวนเดิมบวก 1 แล้วคูณด้วย 2
....................................................

...................................................................................................................................................................

...........

5. 10, 24, 52, 108, X


......................................... 220 เหตุผล นาจ านวนเดิมบวก 2 แล้วคูณด้วย
......................................................

...................................................................................................................................................................

...........

...................................................................................................................................................................
...........












ใบงานที่ 4.2
ใบงานที่ 4.1



เรืองเหตผลวิบัติ
ใบงานที่ 4.1







ค าชแจง ใหนกเรียนใสเครื่องหมาย  ในชอง
หรือ 


1. เหตุผลวิบัติ คือ การอ้างเหตุผลทีผิดพลาด

2. การอ้างเหตุผลวิบัติ อาจมีข้อสรุปทีเปนจริง




3. เมื่อมีการอ้างเหตุผลวิบัติ ข้อสรุปของเหตุผลนั้นย่อมเปนเท็จในทันที



4. การเรียนรู้เหตุผลวิบัติท าให้ไม่ตกเปนเหยื่อ





5. การให้เหตุผลเชิงตรรกะทีดี เปนเหตุผลวิบัติอย่างเปนทางการ



























เฉลยใบงานที่ 4.2



เรืองเหตผลวิบัติ








ค าชแจง ใหนกเรียนใสเครื่องหมาย  ในชอง
หรือ 

 1. เหตุผลวิบัติ คือ การอ้างเหตุผลทีผิดพลาด



 2. การอ้างเหตุผลวิบัติ อาจมีข้อสรุปทีเปนจริง



 3. เมื่อมีการอ้างเหตุผลวิบัติ ข้อสรุปของเหตุผลนั้นย่อมเปนเท็จในทันที



 4. การเรียนรู้เหตุผลวิบัติท าให้ไม่ตกเปนเหยื่อ



 5. การให้เหตุผลเชิงตรรกะทีดี เปนเหตุผลวิบัติอย่างเปนทางการ



ใบความรู้ที่ 4.1








เหตุผลวิบัติ (logical fallacy) เปนการอ้างเหตุผลทีไม่ชัดเจน หรือไม่ใช่ข้อเท็จจริงจากความบกพร่อง


ในการคิดให้เหตุผล ท าให้เหตุผลนั้นไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลอันเปนเท็จทั้งการให้เหตุผลแบบอุปนัยและ

นิรนัย

การให้เหตุผลแบบอุปนัย (Inductive reasoning) เปนวิธีการสรุปผลจากการค้นหาความจริง การ


สังเกตหรือการทดลองหลายครั้ง แล้วนามาสรุปเปนความรู้แบบทั่วไป ข้อสรุปจะเชื่อถือได้มากนอยเพียงใดนั้น



ขึนอยู่กับลักษณะของข้อมูล หลักฐานและข้อเท็จจริงทีนามาอ้าง ได้แก่ จ านวนข้อมูล และความถูกต้องของ



ข้อมูล ซึงการให้เหตุผลแบบอุปนัยอาจไม่จริงเสมอไป




การให้เหตุผลแบบนรนัย (Deductive reasoning) เปนการนาความรู้พืนฐานซึงอาจเปนกฎ ข้อตกลง







ความเชื่อ หรือบทนิยาม ซึงเปนสิ่งทีรู้มาก่อน และยอมรับว่าเปนความจริงเพือหาเหตุผลนาไปสู่ข้อสรุป เปน



การอ้างเหตุผลทีมีข้อสรุปตามเนือหาสาระทีอยู่ภายในขอบเขตของข้ออ้างทีก าหนด



เหตุผลวิบัติแบ่งเปน 3 ประเภท คือ



1. เหตุผลวิบัติแบบเปนทางการหรือเหตุผลวิบัติรูปนัย (Formal logical fallacy) เปนการอ้างเหตุผลที ่



ผิดพลาดทางตรรกะ เช่น เมือมีเหตุ ควรได้ผลตามเหตุทีเกิดขึน แต่กลับไม่ใช่

2. เหตุผลวิบัติแบบไม่เปนทางการหรือเหตุผลวิบัติอรูปนัย (Informal logical fallacy) เปนการอ้าง


เหตุผลทีไม่เกียวกับหลักตรรกะแต่เปนการอ้างเพือโนมนาวให้เกิดการเข้าใจผิด






3. เหตุผลวิบัติทางจิตวิทยา (Psychological fallacy) เปนการใช้ถ้อยค าชักนาให้ผู้รับฟงเข้าใจผิด เช่น




การโฆษณาขายสินค้าออนไลนทีมีการลดราคาให้ผู้ซือมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แต่ต้องช าระเงินก่อนจึงได้รับ

สินค้า เมื่อช าระเงินแล้วกลับติดต่อไม่ได้อีกเลย

คำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้









1. ก่อนทีนักเรียนจะเข้าไปสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ นักเรียนต้องพิจารณาความนาเชื่อถือของ แต่ละ
เว็บไซต์จากข้อมูลอะไรบ้าง





2. เนือหา (Content) ของข้อมูลทีรวบรวมมาจากหลาย ๆ เว็บไซต์จะนาไปใช้ได้ทันทีหรือไม่ อย่างไร

3. ราคาตามปกของหนังสือมีส่วนเกียวข้องกับการประเมินคุณค่าและความนาเชื่อถือของหนังสือ หรือไม่

อย่างไร


4. เหตุผลวิบัติมีลักษณะอย่างไร ยกตัวอย่างข้อมูลหรือข่าวสารทีจัดเปนเหตุผลวิบัติมา 2 ตัวอย่าง



5. ภาพหรือข้อความทีมีผู้แชร์มาถึงเราโดยมีข้อความต่อท้ายว่า “ถ้าส่งต่อไปอีก 5 คน ท่านจะ มีโชคลาภ”





ข้อความลักษณะนไร้สาระหรือไม่ ผู้แชร์ต่อได้ประโยชนอะไร ผู้เปนต้นทางคนแรก ได้ประโยชนอะไร

เฉลยคำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้







1. ก่อนทีนักเรียนจะเข้าไปสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ นักเรียนต้องพิจารณาความนาเชื่อถือของ แต่ละ

เว็บไซต์จากข้อมูลอะไรบ้าง




1. ประเมินเนอหาของบทความว่าตรงกับความต้องการในการนาไปใช้หรือไม่



2. ประเมินจากความนาเชื่อถือของแหล่งทีมาของบทความนั้น
3. ประเมินจากผู้เขียนบทความนั้นว่านาเชื่อถือเพียงใด

4. ถ้าเปนหนังสือทั่วไป หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ต้องดูว่ามีเลขมาตรฐานประจ าหนังสือหรือไม่

2. เนือหา (Content) ของข้อมูลทีรวบรวมมาจากหลาย ๆ เว็บไซต์จะนาไปใช้ได้ทันทีหรือไม่ อย่างไร





ยังใช้ไม่ได้ต้องนามาประเมินว่ามีความนาเชื่อถือเพียงใด และต้องสรุปสาระส าคัญใหม่โดยไม่ลอกมา
ทั้งหมด


3. ราคาตามปกของหนังสือมีส่วนเกียวข้องกับการประเมินคุณค่าและความนาเชื่อถือของหนังสือ หรือไม่


อย่างไร


ราคาของหนังสือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประเมินคุณค่าและความนาเชื่อถือของหนังสือ คุณค่าอยู่ที ่


ประโยชนทีได้จากเนือเรื่องในหนังสือ การใช้ภาษาทีถูกต้องอ่านแล้วเข้าใจง่าย




4. เหตุผลวิบัติมีลักษณะอย่างไร ยกตัวอย่างข้อมูลหรือข่าวสารทีจัดเปนเหตุผลวิบัติมา 2 ตัวอย่าง

เหตุผลวิบัติ (logical fallacy) มีลักษณะเปนการกล่าวอ้างถึงเรื่องราวหรือเหตุการณทีมีข้อเท็จจริง






เพียงบางส่วน หรืออ้างถึงบุคคลทีเปนทีสนใจ เพือโนมนาวให้ผู้รับฟงหลงเชื่อ หรือเกิดการเข้าใจผิด เช่น





ตัวอย่างที 1



เมื่อไวรัส โควิด 19 ระบาดก็มีค าแนะนาให้ใส่หนากากปองกันเมื่อออกจากบ้าน ท าให้ผู้คนแย่งกันซือ


หนากากจนขาดตลาด ภายหลังจึงมีค าอธิบายใหม่ว่าการใส่หนากากไม่ได้ช่วยปองกันการติดเชือ




ตัวอย่างที 2


ต้นตะเคียนเปนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีนางไม้สิงอยู่เรียกว่านางตะเคียน ถ้าอยากได้เลขเสียงโชคต้อง


นาแปงไปทาและถู จะเห็นตัวเลขให้ไปซือลอตเตอรี


ท าไมนางตะเคียนจึงต้องให้เลขเพียงอย่างเดียวจะให้อย่างอื่นได้หรือไม่ และท าไมจึงต้องทาแปงเพือ



ขอเลขใช้วิธีอื่นจะได้หรือไม่ และเลขทีได้มาถ้าซือหวยแล้วไม่ถูกท าไมจึงบอกว่าไมมีโชคไม่ใช่เพราะนาง


ตะเคียนบอกเลขไม่ถูก

5. ภาพหรือข้อความทีมีผู้แชร์มาถึงเราโดยมีข้อความต่อท้ายว่า “ถ้าส่งต่อไปอีก 5 คน ท่านจะ มีโชค


ลาภ” ข้อความลักษณะนีไร้สาระหรือไม่ ผู้แชร์ต่อได้ประโยชนอะไร ผู้เปนต้นทางคนแรก ได้ประโยชนอะไร





การบอกให้แชร์ต่อกันไปจัดเปนจดหมายลูกโซ่ มีมาตั้งแต่ยุคทีเขียนจดหมายด้วยกระดาษโดยเขียน

เปนข้อความต่าง ๆ ทีไม่ใช่ข้อเท็จจริง หรือมีข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน และระบุตอนท้ายให้ส่งจดหมายต่อไป



ยังผู้รับ อื่น ๆ หรือให้คัดลอกเพือส่งต่อไปยังผู้รับตามจ านวนทีระบุไว้ชัดเจน ซึงหากคนจ านวนมาก

หลงเชื่อปฏิบัติไปตามนั้นจะเปนเหตุให้จดหมายถูกแพร่กระจายออกไปไม่รู้จบ ข้อความอาจขึนต้นด้วยค าเชิญ



ชวนให้ส่งต่อหรือการอ้างเหตุผลทีควรส่งต่อ และอาจลงท้ายด้วยค าอวยพรต่อผู้ทีปฏิบัติตามทีจดหมายระบุไว้



หรือค าสาปแช่งหรือข่มขูผู้ทีเพิกเฉยไม่ส่งต่อ เพือเร้าให้ผู้อ่านกระท าตาม





ปจจุบันจดหมายลูกโซ่พัฒนามาส่งในรูปแบบออนไลน เช่น อีเมล แชร์ทางไลน ข้อความ และสือสังคม

ออนไลนต่าง ๆ

ผู้เปนต้นทาง อาจได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อทีงมงาย หรือเปนคนทีชอบเล่นพิเรนทร์ ชอบ





หลอกลวง แต่ก็ไม่ได้รับประโยชนอะไร


ผู้ทีรับและแชร์ต่อไม่ได้รับประโยชนอะไร แต่อาจได้รับโทษตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ถ้า


ข้อความทีแชร์ต่อพาดพิงถึงสถาบันหรือบุคคลอื่นท าให้เสือมเสีย

แบบทดสอบก่อนเรียน



หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความน่าเชื่อถือของข้อมูล




จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว


1. ข้อใดเปนสือสังคมออนไลน ์


ก. เฟสบุ๊ก ข. ใลน
ค. อีเมล ง. บล็อก
1. ข้อ ก

2. ข้อ ก และ ข้อ ข
3. ข้อ ก และ ข้อ ง

4. ข้อ ก ข และ ง


2. การสมัครใช้สือสังคมออนไลน หรืออีเมล มีขั้นตอนอย่างไร
1. กรอกข้อมูล ชื่อทีอยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอื่น ๆ

2. กรอกข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์อย่างเดียว

3. กรอกเลขประจ าตัว 13 หลัก
4. กรอกข้อมูลชื่อเล่นก็ได้

3. การโพสต์ หมายถึงข้อใด
1. หนังสือพิมพ์

2. หนังสือพิมพ์ออนไลน ์
3. การส่งต่อข้อมูลให้เพือน


4. การส่งข้อมูลข่าวสารไปไว้ในสือสังคมออนไลน ์

4. การแชร์ในความหมายของสื่อสังคมออนไลนคือการกระท าตามข้อใด
1. การระดมสมอง

2. การหาเสียงผ่านสือสังคมออนไลน ์
3. การส่งต่อข้อมูลทีได้รับมาจากผู้อื่น

4. การร่วมกันแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์

5. บล็อกเกอร์หมายถึงข้อใด
1. ผู้ออกแบบล็อก

2. ผู้เขียนบล็อก
3. ผู้หยุดการกระท าของสือทีไม่ดี


4. ผู้ตรวจสอบความถูกต้องของบล็อก




6. กองบังคับการปราบปรามการกระท าความผิดเกียวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ท าหนาทีตรวจสอบ

และปราบปรามผู้ท าความผิดเกียวกับการใช้สือทางคอมพิวเตอร์ หนวยงานนมีชื่อย่อตามข้อใด




1. ปทอ.
2. ปปช.
3. ปอท.
4. ปชช.
7. กฎหมายเกี่ยวกับการท าความผิดทางคอมพิวเตอร์ มีชื่อเรียกว่า
1. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์


2. กฎหมายว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์
3. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์

4. กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
8. ข้อใดท าได้โดยไม่ผิดกฎหมาย

1. กดแชร์ (Share) ทีท าให้ผู้อื่นเสียหาย


2. กดไลค์ (Like) ในเรื่องทีแชร์โดยไมเหมาะสม

3. ส่งอีเมล (e-mail) ขายของ
4. ผิดกฎหมายทุกข้อ

9. โทษสูงสุดของการส่งอีเมล หรือแชร์ ให้เกิดความเดือดร้อนร าคาญต่อผู้อื่น คือข้อใด
1. ตักเตือน ลบโพสต์หรือภาพ

2. ตักเตือนและปรับ 500 บาท
3. ยึดเครื่องและปรับ 1 หมืนบาท

4. ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
10. ค าว่าอาชญากรรมไซเบอร์ (Cybercrime) หมายถึงข้อใด

1. การก่ออาชญากรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์
2. การก่ออาชญากรรมโดยใช้หุ่นยนต์

3. การก่ออาชญากรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
4. การก่ออาชญากรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตและหุ่นยนต์





11. เรื่องทีส่งต่อกันในสือสังคมออนไลนจัดเปนข้อใด
1. ข้อมูลดิบ
2. ข้อมูลปฐมภูมิ

3. ข้อมูลทุติยภมิ
4. ข้อมูลตติยภูมิ






12. สือสังคมออนไลนจัดเปนการประมวลผลแบบคลาวด์ถูกต้องหรือไม่
1. ถูกต้อง เพราะเก็บข้อมูลไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ



2. ไม่ถูก เพราะเปนเพียงข้อมูลทีเก็บไว้ชั่วคราวโดยผู้ส่งไม่ได้สั่งบันทึก

3. ถูกต้อง เพราะไม่รู้ว่าข้อมูลอยู่ทีไหน
4. ไม่ถูก เพราะไม่มีการเก็บข้อมูล
13. บริการเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ เช่น Google Drive หรือ One Drive คือบริการข้อใด

1. DaaS
2. SaaS

3. PaaS
4. IaaS



14. ภาษาจีนเปนภาษาทีมีตัวอักษรจ านวนมากหลายหมื่นตัวการเข้ารหัสของภาษาจีนในคอมพิวเตอร์ต้องใช้
ตารางรหัสข้อใด
1. ASCII
2. UTF-16

3. UTF - 8
4. CHINA-32


15. ถ้านักเรียนได้รับแชร์ข้อมูลทางไลนว่า มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในประเทศไทยแล้ว 32 คน นักเรียน
ควรท าอย่างไร



1. ตักเตือนผู้แชร์ว่า ไม่ควรแชร์เรื่องประเภทนีเพราะเปนการสร้างความตืนตระหนกให้สังคม

2. แชร์ต่อให้เพือนคนอื่น ๆ ทันที ให้ระวังปองกันตัว


3. ไม่ต้องสนใจปล่อยผ่านไป
4. ไม่มีข้อถูก




















เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน

1. 2 2. 1 3. 4 4. 3 5. 2

6. 3 7. 1 8. 2 9. 4 10. 3

11. 1 12. 2 13. 4 14. 2 15. 1








เฉลยละเอยด
1. ตอบข้อ 2 ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก
เหตุผล









เฟสบุ๊กและไลน เปนสือสังคมออนไลน ส่วนอีเมล เปนบริการรับส่งข้อมูล บล็อกเปนเว็บไซต์ทีนาเสนอ


เรื่องราวในกลุ่มสนใจและเปดโอกาสให้ผู้เปนสมาชิกแสดงความคิดเห็นได้

2. ตอบข้อ 1 กรอกข้อมูล ชื่อทีอยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอื่น ๆ
เหตุผล

เพือให้สามารถติดตามผู้โพสต์ข้อมูลทีผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ได้ จึงต้องมีชื่อ นามสกุลและหมายเลข


โทรศัพท์ เพราะในข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์มีทีอยู่ของผู้ขอใช้อยู่ด้วยทั้งแบบเติมเงินและแบบรายเดือน

3. ตอบข้อ 4 การส่งข้อมูลข่าวสารไปไว้ในสือสังคมออนไลน ์
เหตุผล
Post แปลว่า การไปรษณีย์ หรือติดประกาศ ในความหมายของสือสังคมออนไลน คือการส่งข้อความหรือ




ภาพทีไว้ในพืนทีทีได้รับอนญาต





4. ตอบข้อ 3 การส่งต่อข้อมูลทีได้รับมาจากผู้อืน
เหตุผล
การแชร์ หมายถึงการส่งต่อข้อมูลทีรับมาให้ผู้อื่น ถ้าสร้างข้อมูลขึนเองเรียกว่าการโพสต์


5. ตอบข้อ 2 ผู้เขียนบล็อก
เหตุผล
บล็อกเกอร์หมายถึงผู้สร้างบล็อก
6. ตอบข้อ 3 ปอท.
เหตุผล


เปนชื่อย่อของหนวยงาน




7. ตอบข้อ 1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์
เหตุผล



พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือเรียกย่อว่า
พรบ.คอมพิวเตอร์
8. ตอบข้อ 2 กดไลค์ (Like) ในเรื่องทีแชร์โดยไม่เหมาะสม

เหตุผล


การกดไลค์เปนการแสดงความชอบหรือชืนชมให้กับผู้โพสต์ ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท า

ความผิดทางคอมพิวเตอร์ ระบุไว้ว่าไม่ผิดกฎหมาย
9. ตอบข้อ 4 ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

เหตุผล


มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนเปนวรรคสองและวรรคสามของมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการ


กระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

“ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นอันมีลักษณะเปนการก่อให้เกิดความ
เดือดร้อนร าคาญแก่ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่เปดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอก

เลิกหรือแจ้งความประสงค์เพือปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่าย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท”

10. ตอบข้อ 3 การก่ออาชญากรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
เหตุผล

อาชญากรรมทางไซเบอร์ หมายถึงอาชญากรรมใด ๆ ทีเกียวกับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต


11. ตอบข้อ 1 ข้อมูลดิบ
เหตุผล




ข้อมูลทีส่งต่อกันโดยการแชร์ไม่มีการตรวจสอบหรือยืนยันทีมา จัดเปนข้อมูลดิบ


12. ตอบข้อ 2 ไม่ถูกเพราะเปนเพียงข้อมูลทีเก็บไว้ชั่วคราวโดยผู้ส่งไม่ได้สั่งบันทึก
เหตุผล




ข้อมูลทีรับ-ส่งทางสือสังคมออนไลนต่าง ๆ จะถูกเก็บไว้ในเครื่องบริการตามระยะเวลาทีก าหนดเมื่อครบ




แล้วจะถ่ายโอนไปเปนแฟมหรือข้อมูลชนิดอื่นทีเปดใช้ไม่ได้อีก
13. ตอบข้อ 4 IaaS
เหตุผล

Infrastructure-as-a-Service หรือ IaaS บริการให้ใช้โครงสร้างพืนฐาน เช่น พืนทีเก็บข้อมูล หนวย



ประมวลผล เปนต้น พืนทีเก็บข้อมูลขนาดเล็กมีบริการฟรี เช่น ในกูเกิลไดรฟ ใน OneDrive ซึงเพียงพอ






ส าหรับการท างานทั่วไป เช่น เก็บแฟมเอกสาร เก็บภาพ แต่ถ้าต้องการพืนทีขนาดใหญ่ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายใน




การซือพืนที เปนรายเดือนหรือรายป หรืออื่น ๆ ตามเงือนไขทีผู้ให้บริการก าหนด






14. ตอบข้อ 2 UTF-16
เหตุผล

16

UTF-16 เปนตารางรหัสขนาด 16 บิต =2 = 65,536 แต่สามารถขยายออกได้ถึง 32 บิต = 2 =
32


4,294,967,296 รหัสภาษาไทย ภาษาญีปุนและภาษาจีน ก็ใช้รหัสนี




15. ตอบข้อ 1 ตักเตือนผู้แชร์ว่า ไม่ควรแชร์เรื่องประเภทนเพราะเปนการสร้างความตื่นตระหนกให้สังคม
เหตุผล

เรื่องทีแชร์แล้วท าให้สังคมแตกตื่น ตกใจ แม้จะเปนข้อมูลจริงก็ไม่ควรแชร์








































แบบทดสอบหลังเรียน

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล



จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว


1. การประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูลคือการท าตามข้อใด
1. สารสนเทศนั้นตรงกับความต้องการนาไปใช้หรือไม่

2. ภาพประกอบสารสนเทศนั้นดึงดูดความสนใจมาก


3. เปนสารสนเทศทีได้มาจากเว็บไซต์ชื่อดัง
4. ถูกทุกข้อ

2. ความทันสมัยของข้อมูลหมายถึงข้อใด


1. เปนเรื่องเล่าทีนิยมมาก




2. มีผู้เข้าชมเว็บทีนาเสนอเรื่องนีมาก


3. เปนเนอหาทีได้ปรับปรุงตลอดเวลา




4. เปนเรื่องเก่าทีนามาเสนอใหม่

3. ผู้ทีโพสต์ข่าวปลอม (Fake news) นาจะมีจุดประสงค์ตามข้อใด




1. สร้างความเสือมเสียให้ฝายตรงข้ามโดยเฉพาะช่วงใกล้วันเลือกตั้ง
2. ผู้โพสต์อยู่ในโลกสมมติต้องการมีการโพสต์ต่อมาก ๆ
3. หลอกให้ผู้รับแชร์ต่อ
4. ถูกทุกข้อ

4. ข้อใดเปนหลักเกณฑ์ในการประเมินความนาเชื่อถือของสารสนเทศ

ก. เชื่อถือได้ ข. มีความถูกต้อง

ค. สือสารได้รวดเร็ว ง. เปนการไลฟสด



1. ข้ อ ก ถูก 2. ข้อ ก และ ข
3. ข้อ ก, ข และ ค ถูก 4. ถูกทุกข้อ









5. ข้อใดเปนแหล่งสารสนเทศสถาบัน

1. ปราชญ์ดิน

2. อนสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

3. ศูนย์สารสนเทศของมหาวิทยาลัย

4. อินเทอร์เน็ต

6. เลข ISBN หรือ International Standard Book Number คืออะไร

1. เลขรหัสลิขสิทธิ์ของเพลง

2. เลขมาตรฐานสากลประจ าหนังสือ
3. เลขทะเบียนเครื่องหมายการค้าของสิ่งพิมพ์

4. เลขมาตรฐานการผลิตสินค้าในประเทศไทย





7. ผู้ทีท าบุญเปนเงินหรือทรัพย์สินอื่น ๆ จ านวนมาก ๆ จะได้ขึนสวรรค์ชั้นสูง ๆ ค ากล่าวนีจัดเปน

1. เหตุผลวิบัติ
2. ข่าวปลอม
3. ข่าวลวง

4. การหลอกลวง




8. สถานีโทรทัศนช่องหนึงประกาศข่าวหนวยกู้ภัยจับงูจงอางขนาดใหญ่ทีเลือยเข้าในบ้านหลังหนึง และ


ถ่ายภาพเลขบ้านพร้อมกับประกาศว่าอีกสองวันหวยจะออกแล้วนะ การประกาศนีจัดเปนข้อใด


1. ข่าวลวง
2. เหตุผลวิบัติ
3. ข่าวปลอม

4. การมอมเมาประชาชน


9. ครูให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที 3 เขียนโครงงานเรื่อง สมองกลฝงตัว เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้วส่งครู



ปรากฏว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจทั้งการสะกดค าก็ผิดมาก การท างานลักษณะนจัดเปนข้อใด


1. ไม่สนใจภาษาไทย
2. เหตุผลวิบัติ
3. ภาษาอุบัติ

4. ภาษาวิบัติ





10. ข้อใดเปนผลกระทบจากการให้ข่าวสารทีผิดพลาด



1. ท าให้ขาดความนาเชื่อถือ
2. ท าให้เกิดความเข้าใจผิด

3. ท าให้เสียทรัพย์

4. ถูกทุกข้อ

11. ข้อใดเปนความหมายทีถูกต้องของสือดิจิทัล




1. ฮาร์ดดิสก์

2. ไลน ์

3. ภาพยนตร์และเสียง

4. สมาร์ตโฟน



12. ข้อใดเปนสิ่งทีต้องระวังในการผลิตสือ

1. เนือหาของสือละเมิดความเปนส่วนตัวของผู้อื่นหรือไม่


2. ต้องมีความยาวพอเหมาะ
3. ต้องมีภาพและเสียงประกอบ


4. ใช้โปรแกรมนาเสนอทีเหมาะสม


13. ข้อควรระวังในการซือสินค้าออนไลนคือข้อใด



1. ไม่ซือสินค้าทีให้ช าระเงินก่อนส่งสินค้าให้
2. ตรวจสอบสินค้าก่อนลงชือรับและช าระเงิน

3. ข้อ 1 และ 2 ถูก

4. ข้อ 2 ถูก

14. สมมติมีคนร้ายโรคจิตลอบท าร้ายประชาชนแล้วซ่อนตัวอยู่ในห้างสรรพสินค้า เมื่อเจ้าหนาทีต ารวจส่ง








ก าลังเข้าจับกุม คนร้ายก็หลบหนีไปหลบในทีทีไมมีเจ้าหนาทีได้ทุกครั้ง คนร้ายทราบได้อย่างไรว่าเจ้าหนาที ่
อยู่ทีไหน


1. คนร้ายดูภาพจากข่าวและสือสังคมออนไลนในสมาร์ตโฟน


2. คนร้ายดูภาพจากกล้องวงจรปดในห้างสรรพสินค้า





3. คนร้ายฟงเสียงจากวิทยุทีเจ้าหนาทีสือสารกัน
4. ถูกทุกข้อ



15. มีข่าวว่าในชนบท ของประเทศไทย มีผู้นาใบสมัครงานไปให้ชาวบ้านกรอกข้อมูลเพื่อรับสมัครงาน โดยให้



กรอบชื่อ นามสกุล ถ่ายส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนไว้ กรอกรายการต าแหนงงานทีต้องการสมัคร เปน
ผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝายบัญชีและการเงิน ต าแหนงบริหารอื่น ๆ เงินเดือนทีต้องการพร้อมกับหมายเลข






บัญชีเงินฝากและชื่อธนาคารทีเปดบัญชีอยู่ (เพือโอนเงินเดือนเข้าเมื่อได้รับการคัดเลือก) ข้อมูลเหล่านี ้

มิจฉาชีพนาไปใช้ท าอะไรได้บ้าง
1. ท าอะไรไม่ได้เพราะไม่มีรหัสของบัตรธนาคาร


2. ใช้สมัครกระเปาเงินออนไลนได้
3. ใช้ซือรถยนต์หรือมอเตอร์ไซต์ได้


4. ข้อ ข และ ค ถูก









































เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน





1. 1 2. 3 3. 4 4. 2 5. 3

6. 2 7. 1 8. 2 9. 4 10. 4

11. 2 12. 1 13. 3 14. 1 15. 4




เฉลยละเอยด

1. ตอบข้อ 1 สารสนเทศนั้นตรงกับความต้องการนาไปใช้หรือไม่
เหตุผล


วิธีประเมินความนาเชื่อถือของสารสนเทศขั้นแรกคือ ประเมินว่าสารสนเทศนั้นตรงกับความต้องการ




นาไปใช้ตามหัวเรื่องทีต้องการหรือไม่ หลังจากนั้นจึงนามาตรวจสอบความถูกต้องของการใช้ภาษาและเนือหา

2. ตอบข้อ 3 เปนเนอหาทีได้ปรับปรุงตลอดเวลา



เหตุผล






ข้อมูลทีนาเชือถือต้องมีความทันสมัย ไม่เปนข้อมูลเก่า เช่น ข้อมูลการเกิดอุทกภัยเมื่อหลายปทีผ่านมา





แต่มีผู้พบเห็นภาพในเว็บไซต์ปจจบันจึงรีบนามาโพสต์ทันทีโดยไม่ได้อ่านรายละเอียดว่าเปนเหตุการณที ่

เกิดขึนเมื่อไรท าให้เกิดการโพสต์ต่อจนเกิดความแตกตื่นกันไป
3. ตอบข้อ 4 ถูกทุกข้อ
เหตุผล



อินเทอร์เน็ต เปนโลกสมมติของบางคนทีทุกสิ่งเปนไปได้ เช่น การสร้างเรื่องราวให้มีผู้สนใจเข้ามาชมและ
กดไลค์มาก ๆ โดยไม่ค านึงถึงความถูกต้องและจริยธรรม ขอเพียงเข้ามาชมก็ได้ตัวเลขการเข้าชมแล้ว การใช้

ข่าวปลอมสร้างความเสือมเสียให้ฝายตรงข้าม เช่น การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาได้มีการตั้งกลุ่มคนขึนมาเพือ





โพสต์ข่าวหาเสียงให้กับนักการเมืองรวมทั้งส่งข่าวปลอมออกไปท าให้ฝายตรงข้ามเสือมเสียด้วย
4. ตอบข้อ 2 ข้อ ก และ ข
เหตุผล
หลักเกณฑ์ในการประเมินความนาเชื่อถือของสารสนเทศคือ ตรงความต้องการ เชื่อถือได้ ถูกต้องไม่


บิดเบือน รู้แหล่งทีมา




5. ตอบข้อ 3 ศูนย์สารสนเทศของมหาวิทยาลัย

เหตุผล

แหล่งสารสนเทศแบ่งเปนแหล่งสารสนเทศสถาบัน แหล่งสารสนเทศวัตถุ แหล่งสารสนเทศบุคคลและ
อินเทอร์เน็ต
6. ตอบข้อ 2 เลขมาตรฐานสากลประจ าหนังสือ

เหตุผล


ISBN เปนรหัสทีก าหนดขึนให้ใช้กับสิ่งพิมพ์ประเภทหนังสือทั่วไป เพือให้เปนเอกลักษณเฉพาะของ





หนังสือแต่ละเรื่อง เปนการอ านวยความสะดวกในการควบคุมข้อมูลสิ่งพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ในด้านการ





สั่งซือ การขาย การบริการ การเงิน และการนาสินค้าออกจ าหนายไปยังส านักพิมพ์ในประเทศต่าง ๆ เช่น

ISBN 978-616-274-992-6 เลขรหัสแบ่งเปนส่วนต่าง ๆ ดังนี ้

ส่วนที 1 รหัสบาร์โค้ดของ EAN (European Article Numbering international retail product code) เช่น
978 หรือ 979

ส่วนที 2 รหัสกลุ่มประเทศ รหัส 974 คือประเทศไทย

ส่วนที 3 รหัสส านักพิมพ์

ส่วนที 4 รหัสชื่อเรื่อง
ส่วนที 5 เปนเลขตรวจสอบ


การแปลงเลขเปนรหัสบาร์โค้ดจะไม่ใส่ยัติภังค์(-) คั่นตัวเลข เช่น 9786162749926

7. ตอบข้อ 1 เหตุผลวิบัติ

เหตุผล




การยกเอาสวรรค์มาอ้างเพือให้ท าบุญมาก ๆ เปนวิธีหาผลประโยชนทีไม่มีข้อยืนยันแม้ในค าสอนของ

ศาสนาก็ไม่ได้กล่าวถึง ค ากล่าวนีจึงเปนเหตุผลวิบัติ


8. ตอบข้อ 2 เหตุผลวิบัติ
เหตุผล

เปนการอ้างถึงงูว่าจะเปนตัวให้โชคจากเลขทีเห็นจัดเปนเหตุผลวิบัติถึงแม้จะเปนการกล่าวลอย ๆ แต่ก็





เปนการหลอกให้หลงเชื่อ
9. ตอบข้อ 4 ภาษาวิบัติ
เหตุผล


การเขียนหนังสือแบบสะกดผิด ใช้ค าไม่ถูกต้องหรือสร้างค าแปลก ๆ ไม่ตรงกับหลักภาษาไทย จัดเปน

การใช้ภาษาวิบัติ คือเสือมเสียต่อการใช้ภาษาไทย การท ากิจกรรมต่าง ๆ เช่น การท าธุรกิจขนาดเล็ก การ


ประดิษฐ์ระบบฝงตัวทีใช้งานได้จริง ผู้ลงมือปฏิบัติจะมีความสามารถอย่างมาก เก่ง แต่เขียนภาษาไทยไม ่


ถูกต้องเมื่อนาเสนอโครงงานเพือขออนมัติ หรือขอการสนับสนนด้านเงินทุนจากหนวยงานต่าง ๆ ก็ไม่มีผู้ใดให้



เพราะอ่านโรงงานแล้วไม่เข้าใจ นอกจากการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ แล้วนักเรียนต้องหมั่นฝกเขียนภาษาให้ถูกต้อง


และเข้าใจง่าย ท าอย่างไรจะฝกได้ ต้องเริ่มจากการอ่านให้มากลดการเล่นลง
10. ตอบข้อ 2 ถูกทุกข้อ
เหตุผล



การให้ข่าวสาร เช่น การให้สัมภาษณ การแพร่ข่าวของส านักข่าวต่าง ๆ ถ้ามีข้อผิดพลาดแม้เพียง



เล็กนอยก็ส่งผลต่อผู้ทีถูกกล่าวถึงอย่างมาก เพราะตามธรรมชาติของผู้รับข่าวสารมักจะให้นาหนักกับ



ข้อผิดพลาดมากกว่าข้อเท็จจริงบางครั้งเปนข้อผิดพลาดเพียงเล็กนอยไม่ถึงกับท าให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ก็




ส่งผลให้เกิดความเสียหายขึน เปนผลให้เกิดการขาดความนาเชื่อถือ ท าให้ภาษาวิบัติ ขาดการใช้เหตุผล เกิด

ความเข้าใจผิด ท าให้เสียทรัพย์ เปนต้น
11. ตอบข้อ 2 ไลน ์

เหตุผล








สือดิจิทัลเปนสือทีจัดเก็บในรูปของสัญญาณดิจิทัล ทั้งภาพและเสียง สือทีมีการโพสต์หรือสือสารถึงกัน


เช่น ไลน เฟสบุ๊ก เมื่อโพสต์แล้วจะเก็บในเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการอย่างอัตโนมัติในช่วงเวลาหนึงหรือจนกว่า
จะลบออกและสามารถตรวจสอบได้


12. ตอบข้อ 1 เนือหาของสือละเมิดความเปนส่วนตัวของผู้อื่นหรือไม่

เหตุผล
การละเมิดความเปนส่วนตัวของผู้อื่นมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์

13. ตอบข้อ 3 ข้อ 1 และ 2 ถูก
เหตุผล

เว็บซือขายออนไลน อ านวยความสะดวกให้กับทั้งผู้ซือและผู้ขาย ประหยัดต้นทนเพราะไม่ต้องจ้าง




พนักงานขายหนาร้าน ไม่ต้องมีหนาร้าน แต่ก็มีมิจฉาชีพแอบอ้างเข้ามาขายสินค้าราคาถูกกว่าการซือในห้าง




ร้านทั่วไปแต่มักมีเงือนไขให้ช าระเงินก่อนแล้วส่งสินค้าให้ ส่วนมากเมื่อรับเงินแล้วจะปดเว็บไซต์หายไป แล้ว

เปดเว็บใหม่เปลียนชื่อผู้ติดต่อใหม่ บางเว็บซึงอาจเปนเว็บไซต์ชื่อดังรับฝากขายสินค้าทีหมดสภาพ หรือ





หมดอายุแล้วก็มี ดังนั้นก่อนลงชื่อและช าระเงินต้องตรวจสอบก่อนว่าเปนสินค้าทีสั่งและใช้งานได้จริง ถ้า



ตรวจสอบไม่ทัน ต้องเก็บหลักฐานไว้ให้ดีและรีบตรวจสอบ เมื่อพบข้อบกพร่องก็รีบติดต่อผู้ขายทันที เหตุทีมี



การหลอกลวงกันมากเพราะจ านวนเงินทีซือขายกันนอย ๆ ไม่คุ้มค่าในการด าเนินคดีมิจฉาชีพจึงฉวยโอกาสนี ้
ในการหลอกลวง


14. ตอบข้อ 1 คนร้ายดูภาพจากข่าวและสือสังคมออนไลนในสมาร์ตโฟน


เหตุผล




โทรทัศนทุกช่องมีผู้สือข่าวประจ าอยู่ทุกจังหวัด เมื่อมีเหตุการณรุนแรงเกิดขึนผู้สือข่าวก็พยายามเข้าถึง



สถานการณอย่างใกล้ชิดโดยไม่ค านึงถึงผลกระทบทีเกิดขึน คนส่วนใหญ่มีสมาร์ตโฟนรวมทั้งคนร้ายด้วยจึง





ทราบการเคลื่อนไหวของเจ้าหนาทีตลอด ส่วนการดูภาพจากกล้องวงจรปดต้องอยูทีศูนย์รักษาความปลอดภัย


ของห้าง และการฟงเสียงวิทยุสือสารของเจ้าหนาทีก็เปนได้ยาก




15. ตอบข้อ 4 ข้อ 2 และ 3 ถูก
เหตุผล



การขอใช้กระเปาเงินออนไลน เพียงแต่แจ้งชื่อ นามสกุลและรหัสเลขประจ าตัว 13 หลักก็เปดได้แล้ว






คนร้ายอาจให้โอนเงินจากเลขบัญชีทีแจ้งไปธนาคารเข้ากระเปาเงินออนไลนแล้วนาไปซือสินค้า หรือ นาไป


ผ่อนซือสินค้าราคาแพงอื่น ๆ เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์











































แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้


วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) เรื่อง ......................................................................... ชั้น ม.

3/........

ความ การตั้ง การทำ ส่งงานใน มาเรียน รวม ปรับ

ตั้งใจ คำถาม กิจกรรม เวลาที่ สม่ำเสมอ คะแนน คะแนน
เลขที่ ชื่อ-นามสกุล มุ่งมั่น ตอบ กลุ่ม กำหนด (4) (20) (10)

(4) คำถาม (4) (4)

(4)
1

2

3

4

5


6


7

8





หมายเหตุ 1. เพิ่มชื่อนักเรียนตามจ านวนจริง

2. แบบประเมินนีใช้ได้ตลอดภาคเรียน

3. เกณฑ์การประเมิน





ผู้ประเมิน ........................................................

( )

แบบประเมินสมรรถนะส าคัญ


ชื่อ..........................................................นามสกุล........................................................ ชั้น ม.3/.........เลขที ่

.........




ค าชแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และใส่เครื่องหมาย  ลงในช่องระดับคุณภาพ
ระดับคุณภาพ



ดมาก ดี พอใช ปรับ

สมรรถนะด้าน รายการประเมิน
(3) (2) (1) ปรุง
(0)

1. ความสามารถ 1.1 ความสามารถในการรับ-ส่งข้อมูล

ในการสือสาร 1.2 ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้

ความคิด ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษา

อย่างเหมาะสม



1.3 ใช้วิธีการสือสารทีเหมาะสม มีประสิทธิภาพ

1.4 เจรจาต่อรองเพือขจัดและลดปญหาความ

ขัดแย้งต่าง ๆ ได้


1.5 เลือกรับและไมรับข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผล
และถูกต้อง

สรุปผลการประเมิน

2. ความสามารถ 2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์

ในการคิด สังเคราะห์

2.2 มีทักษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์

2.3 สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ

2.4 มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้

2.5 ตัดสินใจแก้ปญหาเกี่ยวกับตนเองได้อย่าง
เหมาะสม

สรุปผลการประเมิน

3. ความสามารถ 3.1 สามารถแก้ปญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ทีพบ


ในการแก้ปญหา ได้

3.2 รู้จักใช้เหตุผลในการแก้ปญหา


3.3 เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลียนแปลงใน

สังคม

3.4 แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการ

ปองกันและแก้ไขปญหา



3.5 ตัดสินใจแก้ปญหาได้เหมาะสมกับวัย
สรุปผลการประเมิน

4. ความสามารถ 4.1 เรียนรู้ด้วยตนเองได้เหมาะสมตามวัย

ในการใช้ทักษะ 4.2 ท างานกลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้
ชีวิต 4.3 นาความรู้ทีได้ไปใช้ประโยชนใน



ชีวิตประจ าวัน
4.4 จัดการปญหาและความขัดแย้งได้เหมาะสม


.5 หลีกเลียงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทีส่งผล

กระทบต่อตนเอง

สรุปผลการประเมิน

5. ความสามารถ 5.1 เลือกและใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสมตามวัย

ในการใช้ 5.2 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

เทคโนโลยี 5.3 สามารถนาเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาตนเอง


5.4 ใช้เทคโนโลยีในการแก้ปญหาอย่าง
สร้างสรรค์

5.5 มีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี

สรุปผลการประเมิน

แบบประเมินคุณลักษณะอันพงประสงค์ 8 ประการ


ี่
วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) ภาคเรียนท...........ปการศึกษา..............
ชื่อ-สกุลนักเรียน............................................................................................ ชั้น ม.3/........... เลขที ่

............




ค าชแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน

ช่องว่างทีตรงกับระดับคะแนน

คุณลักษณะอันพึง รายการประเมิน ระดับคะแนน


ประสงค์ดาน 4 3 2 1
1. รักชาติ ศาสน ์ 1. ยืนตรงเมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติ ร้องเพลงชาติ
กษัตริย์ ได้ และบอกความหมายของเพลงชาติ

2. ปฏิบัติตนตามสิทธิของนักเรียน ให้ความ

ร่วมมือกับสมาชิกในกลุ่มอย่างแข็งขัน


2. ซื่อสัตย์ สุจริต 1. ให้ข้อมูลทีถูกต้องและเปนจริง ท างานด้วย
ความสามารถของตนเอง
2. ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง เปน



แบบอย่างทีดีแก่เพือนและนักเรียนอื่น ๆ
3. มีวินัย 1. ปฏิบัติตามระเบียบ กฎการใช้ห้องปฏิบัติการ
รับผิดชอบ คอมพิวเตอร์อย่างเคร่งครัด

4. ใฝเรียนรู้ 1. ตั้งใจเรียน
2. เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ
3. ศึกษาและสืบค้นหาความรู้เพิ่มเติมจาก

แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้งในหนังสือแบบเรียน ใน
ห้องสมุดและในอินเทอร์เน็ต

4. วิเคราะห์ความนาเชื่อถือของข้อมูลและสรุป


เปนองค์ความรู้จัดเก็บไว้ใช้อ้างอิง

5. คิดและหาวิธีแก้ปญหาด้วยขั้นตอนทาง
วิทยาศาสตร์


5. อยู่อย่างเพียงพอ 1. ใช้อุปกรณการเรียนของโรงเรียนอย่าง
ประหยัดและคุ้มค่า

6. มุ่งมั่นในการ 1. ความตั้งใจในการท างานให้เสร็จในเวลาที ่


ท างาน ก าหนดและมีคุณภาพตามเปาหมาย
2. มีความอดทนไมท้อแท้ต่ออุปสรรคทีพบ


ท างาน
ให้ส าเร็จ


7. รักความเปนไทย 1. ใช้ภาษาไทยในการท าเอกสารและการโต้ตอบ


ในโปรแกรมตลอดจนในสือสังคมออนไลนอย่าง

ถูกต้อง สุภาพ ไม่ใช้ค าหยาบคาย
8. มีจิตสาธารณะ 1. รู้จักดูแลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของ


อุปกรณคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนและโรงเรียน

แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง


ชื่อ .........................................................ชั้น ม.3/.........เลขที่ ...........คะแนนที่ได้ ...............




ให้นักเรียนประเมินตนเองจากผลที่ได้จากการเรียนรู้ในวิชาวทยาศาสตร์ โดยทำเครื่องหมาย  ลงในช่องที่ตรง

กับระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีในแต่ละหวข้อ


ระดับความรู้ความเข้าใจ ทักษะ บันทึก
สัปดาห์ที่ เรื่อง/หัวข้อย่อย/กิจกรรม
มาก ปานกลาง น้อย เพิ่มเติม

1

2


3
4


5



หมายเหตุ 1. ทำให้ครบทุกสัปดาห์

2. ให้นักเรียนประเมินตนเองจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน

แบบประเมินทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21



วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) เรื่อง ......................................................................... ชั้น ม.

3/........



การ
การ
รู้ศัพท์ รู้ รู้ การคิดแบบม ี การ คิด สรุป
เลขที่ ชื่อ-นามสกุล ทำงาน
รู้ภาษา คณิตศาสตร์ ICT วิจารณญาณ สื่อสาร สร้าง ผล
ร่วมกัน
สรรค์



























ลงชื่อผู้ประเมิน...............................................
(.............................................)


คำชี้แจง 1. เกณฑ์การให้ระดับคุณภาพ

3 = ดีเยี่ยม 2 = ดี 1 = ผ่าน

2. ให้ทำเครื่องหมาย  ลงในช่อง เมื่อนักเรียนแสดงพฤติกรรมตามหัวข้อประเมิน แล้วสรุปผลในแต่

ละช่องว่าควรได้ระดับคุณภาพใด โดยทำให้ครบทุกช่อง
3. การสรุปผลการประเมินให้สรุปโดยใช้เกณฑ์ถ้าได้ระดับใดมากที่สุด ผลการประเมินโดยสรุป ใช้

ระดับคุณภาพนั้น เช่น ถ้าได้ 3 = 3 รายการ ได้ 2 = 6 รายการ สรุปผลได้ = 2
4. แบบประเมินนี้ใช้ได้ตลอดทั้งภาคเรียนแล้วจึงสรุปผล


หน่วยการเรียนร ู้ ใชเทคโนโลยอย่างปลอดภัย


ที่
5
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 6 ชั่วโมง


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5/1 ใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย 6 ชั่วโมง


สาระการเรียนรู้



1. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย

2. กฎหมายเกียวกับคอมพิวเตอร์


ตัวชี้วัดชั้นปี



ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับ

คอมพิวเตอร์ ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม (ว 4.2 ม.3/4)




สมรรถนะสำคัญ/ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21




1. สมรรถนะสำคัญ


- ความสามารถในการสื่อสาร
- ความสามารถในการคิด


- ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
2. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21


ทักษะ 3 Rs

1. ทักษะการอ่าน (Reading)
2. ทักษะการเขียน (Writing: Riting)

3. ทักษะการคิดค านวณ (Arithmetic: Rithmetic)

ทักษะ 7 Cs

1. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปญหา (Critical thinking and problem

solving)


2. ทักษะการสือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสือ (communications, information, and
media literacy)



3. ทักษะด้านความร่วมมือ การท างานเปนทีมและภาวะผู้นา (collaboration, teamwork
and leadership)
4. ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (creativity and innovation)
5. ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร (computing and ICT


literacy)
6. ทักษะด้านการท างาน การเรียนรู้ และการพึงตนเอง (career and learning self–

reliance)

7. ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน (cross–cultural


understanding)





คุณลักษณะอันพึงประสงค์



1. รักชาติ ศาสน กษัตริย์
2. ซื่อสัตย์สุจริต
3. มีวินัย รับผิดชอบ
4. ใฝเรียนรู้

5. อยู่อย่างเพียงพอ
6. มุ่งมั่นในการท างาน


7. รักความเปนไทย

8. มีจิตสาธารณะ

การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning





หน่วยการเรียนรูท 5 การใชเทคโนโลยสารสนเทศอย่างปลอดภัย



มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้



มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงค านวณในการแก้ปญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเปนขั้นตอนและ



เปนระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารในการเรียนรู้การท างาน และการแก้ปญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม

ตัวชวัด

มฐ. ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ปฏิบัติตาม
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม

แนวคิดส าคัญ ค าถามหลัก


1. ความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. ธุรกรรมออนไลนหมายถึงการท าอะไร


คือ การรู้จักปองกันภัยคุกคามทีเกิดจากการใช้ 2 ข้อควรระวังในการซือสินค้าออนไลนคืออะไร


เทคโนโลยี ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภัยคุกคามจาก 3. การซือไอเท็มคือซืออะไร




การท าธุรกรรมออนไลนการซือสินค้า 4. บอกความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

2. ผลพวงจากการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย มาตามทีทราบ



ท าให้เกิดสือต่าง ๆ ขึนมากมาย เช่น สือสังคม 5. การเปดอีเมลของผู้ไม่รู้จักทีส่งมาให้อาจมีผลเสีย


อย่างไร

ออนไลนการซือขายสินค้าออนไลน การท า



6. ทรัพย์สินทางปญญาหมายถึงอะไร
ธุรกรรมทางการเงินออนไลน เปนต้น สือเหล่านีมี




7. ลิขสิทธิ์จะได้รับการคุ้มครองเมื่อไร
ความสะดวกในการใช้อย่างมาก อาจมีผู้ฉกฉวย 8. สิทธิบัตรหมายถึงอะไร
โอกาสใช้สือในการแสวงหาผลประโยชนโดยไม ่ 9. เครื่องหมายการค้าต้องจดทะเบียนหรือไม่


สุจริต หรือใช้ในการล่อลวงผู้อื่น จึงต้องมี 10. โตโยต้าคืออะไรในภาษากฎหมาย


กฎหมายเพือจัดระเบียบการใช้คอมพิวเตอร์ 11. ส้มบางมดจัดเปนอะไรในพระราชบัญญัติ
คอมพิวเตอร์
12. ครูสอนวิชานาฏศิลปคิดค้นท่าร าอวยพรแบบใหม่

ท่าร านีต้องจดลิขสิทธิ์หรือไม ่

13. ถ้าจดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว มีผลคุ้มครอง
ในประเทศอื่นหรือไม ่
14. สิทธิบัตรมีผลคุ้มครองนานเท่าไร

15. ลิขสิทธิ์มีอายุคุ้มครองนานเท่าไร

16. ทรัพย์สินทางปญญาแบ่งเปนกี่ประเภท



17. การนาเพลงของเบิร์ดมารวมไว้ในหนวยความจ า

แบบแฟลชแล้วขายมีความผิดหรือไม่

18. การเล่นแชร์ออนไลนมีความผิดหรือไม ่

19. การคัดลอกข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาส่งเปน
รายงาน มีความผิดหรือไม่
20. การคัดลอกเนือหาบางส่วนของหนังสือ



อิเล็กทรอนิกส์มาท าเปนรายงานแล้วบอกแหล่งทีมาไว้
ตอนท้าย เรียกว่าการใช้สารสนเทศแบบใด


กิจกรรมการเรยนรู ้ การวัดและประเมินผล



1. ครูนาอภิปรายเพือสร้างความสนใจโดยใช้ค าถาม 1. ท ากิจกรรมตรวจสอบการเรียนรู้ ตอบค าถามท้าย
กระตุ้นให้นักเรียนสังเกต คิดวิเคราะห์ และช่วยกัน หนวยการเรียนรู้


ตอบ 2. การสังเกตพฤติกรรมนักเรียนด้านใฝเรียนรู้ มงมั่น
ุ่

2. บอกเปาหมายการเรียนรู้ในหัวข้อเรื่องทีสอนทั้ง ในการท างาน และซื่อสัตย์สุจริต

ทางด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึง 3. การเขียนสมุดบันทึกความรู้
ประสงค์ 4. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมใน
3. ใช้เทคนิคการสอนแบบสืบสวน (ตั้งค าถาม-ตอบ การอภิปราย ซักถาม และตอบค าถามกิจกรรม



ค าถาม) เพือนาไปสู่ข้อสรุปหรือการสอนแบบ 5E 5. แบบประเมินพฤติกรรมด้านทักษะปฏิบัติ
ดังนี ้ 6. แบบประเมินการนาเสนอผลงานกลุ่ม

3.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 7. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง
นาเข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างเหตุการณทีเปนข่าว 8. แบบประเมินการเขียนรายงาน




เช่น แจ้งจับบริษัทขายตรงโกงเงินหลายล้าน ครูตั้ง 9. แบบประเมินการเขียนผังมโนทัศน ์
ข้อสังเกต เช่น การขายตรงจะโกงเงินได้อย่างไร เมื่อ 10. แบบประเมินทักษะทีจ าเปนในศตวรรษที 21



รับสินค้าไปขายแล้วก็รับเงินมา ให้นักเรียนช่วยกัน
อภิปรายสั้น ๆ สร้างความสนใจ หรือยกเรื่องที ่



นาสนใจจากเหตุการณทีเกิดขึนอยู่ในช่วงเวลานี หรือ


เปนเรื่องทีเชื่อมโยงกับความรู้เดิมทีเพิ่งเรียนรู้มาแล้ว




เปนตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างค าถาม ก าหนด

ประเด็นทีศึกษา
3.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)
แบ่งกลุ่มให้นักเรียนสืบค้นและรวบรวมผลกระทบ
เรื่องอันตรายจากการใช้เทคโนโลยี โทษของการท า
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยคอมพิวเตอร์

มาตราต่าง ๆ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้

ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นอย่างยุติธรรม

3.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)


นาข้อมูลข้อสนเทศทีได้มาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล

จากการส ารวจและการสืบค้นมานาเสนอในรูปต่าง ๆ

เช่น บรรยายสรป ท าเปนแผนภมิ เปนต้น





3.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) นาความรู้ที ่
สร้างขึนไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือความคิดทีได้


ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนาแบบจ าลองหรือข้อสรุปทีได้



ไปใช้อธิบายสถานการณหรือเหตุการณอื่น ๆ ถ้าใช้


อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มากก็แสดงว่าข้อจ ากัดนอย

ซึงจะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และท าให้เกิด

ความรู้กว้างขวางขึน
3.5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) ประเมินผล
การเรียนรู้ด้วยกระบวนการและเครื่องมือต่าง ๆ เพือ


ตรวจสอบว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร เพือ
ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่น ๆ
4. ประเมินผลการเรียนรู้ด้วยแบบทดสอบแบบ

เลือกตอบ ตรวจ เฉลยก่อนเรียนหนวยต่อไป


Click to View FlipBook Version