ื
่
้
หน่วยการเรียนร ู้ การประเมินความน่าเชอถือของขอมูล
ที่
4
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 6 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4/1 การประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูล 6 ชั่วโมง
่
สาระการเรียนรู้
1. การประเมินความนาเชื่อถือและความทันสมัยของสารสนเทศ
่
2. เหตุผลวิบัติ
3. ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาดและการรู้เท่าทันสื่อ
่
ตัวชี้วัดชั้นปี
ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์สื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิดเพอการใช้
ื่
งานอย่างรู้เท่าทัน (ว 4.2 ม.3/3)
สมรรถนะสำคัญ/ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
1. สมรรถนะสำคัญ
- ความสามารถในการสื่อสาร
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
2. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ทักษะ 3 Rs
1. ทักษะการอ่าน (Reading)
2. ทักษะการเขียน (Writing: Riting)
3. ทักษะการคิดค านวณ (Arithmetic: Rithmetic)
ทักษะ 7 Cs
ั
1. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปญหา (Critical thinking and problem
solving)
่
่
2. ทักษะการสือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสือ (communications, information, and
media literacy)
็
3. ทักษะด้านความร่วมมือ การท างานเปนทีมและภาวะผู้นา (collaboration, teamwork
and leadership)
4. ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (creativity and innovation)
5. ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร (computing and ICT
่
literacy)
6. ทักษะด้านการท างาน การเรียนรู้ และการพึงตนเอง (career and learning self–
่
reliance)
7. ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน (cross–cultural
์
understanding)
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
์
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย์
2. ซื่อสัตย์สุจริต
3. มีวินัย รับผิดชอบ
4. ใฝเรียนรู้
่
5. อยู่อย่างเพียงพอ
6. มุ่งมั่นในการท างาน
็
7. รักความเปนไทย
8. มีจิตสาธารณะ
การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning
หน่วยการเรียนรูท 4 การประเมินความน่าเชอถือของข้อมูล
ื
่
้
่
ี
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้
็
ั
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงค านวณในการแก้ปญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเปนขั้นตอนและ
ั
่
็
เปนระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารในการเรียนรู้การท างาน และการแก้ปญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
้
ี
ตัวชวัด
มฐ. ว 4.2 ม.3/3 ประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์สือและผลกระทบจากการให้ข่าวสารทีผิดเพื่อ
่
่
่
การใช้งานอย่างรู้เท่าทัน
แนวคิดส าคัญ ค าถามหลัก
็
่
1. การประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูลเปนการ 1. ท าไมจึงต้องประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูล
่
่
่
ตรวจวัดว่าข้อมูลทีได้มามีความนาเชื่อถือมาก 2. ความทันสมัยของข้อมูลมีผลต่อข้อมูลอย่างไร
้
ั
็
นอยเพียงใด เหมาะส าหรับใช้เปนสารสนเทศใน 3. สารสนเทศในปจจุบันมีกี่ประเภท
็
่
งานทีท าหรือไม่ โดยการตรวจสอบเปรียบเทียบ 4. แหล่งสารสนเทศได้แก่อะไรบ้าง บอกเปนข้อ ๆ
กับข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง และแยกใช้เฉพาะ 5. ข่าวลวง หรือข่าวปลอมก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม
็
่
ข้อมูลทีเปนข้อเท็จจริง อย่างไร
2. เหตุผลวิบัติ (fallacy) คือ การยกเหตุผลมากล่าว 6. เหตุผลวิบัติคืออะไร
่
้
อ้างเพือโนมนาวให้ผู้รับข้อมูลคล้อยตาม 7. เหตุผลวิบัติกับข่าวลวงแตกต่างกันหรือไม่
้
่
3. ข่าวสารทีผิดพลาดจะส่งผลกระทบต่อผู้ถูก 8. ภาษาวิบัติคืออะไร
พาดพิงถึงในทางลบเสมอ 9. การโต้ตอบออนไลนของกลุ่มวัยรนมักท าให้เกิด
์
ุ่
การรู้เท่าทันสือ หมายถึง การไม่หลงเชื่อข้อมูลที ่ ภาษาวิบัติจริงหรือไม่
่
ได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟง ได้เห็น แต่สามารถคิด 10. การปดบังข่าวกับการให้ข่าวผิดพลาดมีผลกระทบ
ิ
ั
วิเคราะห์ ตั้งข้อสงสัย และติดตั้งค าถามว่า สิ่งนั้น ต่อผู้รับข่าวสารต่างกันหรือไม ่
็
่
จริงหรือไม่จริง ใครเปนผู้ให้ข้อมูลและต้องการสือ 11. การรู้เท่าทันสือหมายถึงอะไร
่
ถึงอะไร มีจุดมุ่งหมายแอบแฝงมาด้วยหรือไม่ 12. การเชิญชวนให้ไปร่วมวิ่งเพือการกุศล จัดเปนการ
็
่
ปลุกระดมหรือไม ่
่
13. สือดิจิทัลมีลักษณะอย่างไร
่
14. ข้อควรระวังในการผลิตสือดิจิทัลคืออะไร
์
15. ค าว่าสือสังคมออนไลนหมายถึงอะไร
่
่
้
่
16. อันตรายทีอาจเกิดขึนจากการใช้สือสังคมออนไลน ์
คืออะไร
์
17. ผู้ทีรับข้อมูลจากสือสังคมออนไลนแล้วเชื่อทันทีว่า
่
่
เปนความจริงโดยไม่พิจารณาจัดว่าเปนคนชนิดใด
็
็
่
18. ท าไมการสือสารผ่านเครื่องมือในอินเทอร์เน็ตจึงมี
ความนิยมอย่างมาก
่
19. การโพสต์และแชร์เปนสือดิจิทัลหรือไม่ เพราะเหตุ
็
ใด
้
่
20. นักเรียนสามารถผลิตสือดิจิทัลขึนมาเองได้หรือไม่
กิจกรรมการเรยนรู ้ การวัดและประเมินผล
ี
่
1. ครูยกตัวอย่างข่าวการระดมทุนผ่านทางสือสังคม 1. ท ากิจกรรมตรวจสอบการเรียนรู้ ตอบค าถามท้าย
์
่
ออนไลน เช่น การเล่นแชร์ออนไลน การขอยืมเงิน หนวยการเรียนรู้
์
์
่
ุ่
จากเพือนผ่านสือสังคมออนไลน แล้วให้นักเรียน 2. การสังเกตพฤติกรรมนักเรียนด้านใฝเรียนรู้ มงมั่น
่
่
ช่วยกันอภิปรายถึงผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ ในการท างาน และซื่อสัตย์สุจริต
ของแต่ละกิจกรรม 3. การเขียนสมุดบันทึกความรู้
้
่
2. บอกเปาหมายการเรียนรู้ในหัวข้อเรื่องทีสอน ทั้ง 4. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมใน
ด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอภิปราย ซักถาม และตอบค าถามกิจกรรม
3. ใช้เทคนิคการสอนแบบสืบสวน (ตั้งค าถาม-ตอบ 5. แบบประเมินพฤติกรรมด้านทักษะปฏิบัติ
ค าถาม) เพือนาไปสู่ข้อสรุปหรือการสอนแบบ 5E 6. แบบประเมินการนาเสนอผลงานกลุ่ม
่
- ใช้เทคนิคการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม โดย 7. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง
้
ให้นักเรียนแบ่งหนาทีกันสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูล 8. แบบประเมินการเขียนรายงาน
่
ทีหลากหลาย 9. แบบประเมินการเขียนผังมโนทัศน ์
่
- นาเสนอผลงานโดยการเล่าเรื่องหนาชั้นเรียน 10. แบบประเมินทักษะทีจ าเปนในศตวรรษที 21
็
่
่
้
และสรุปเปนรายงาน
็
่
่
- สอนโดยใช้กิจกรรมเพือนคู่คิดเพือการเรียนรู้
และแลกเปลียนเรียนรู้
่
- ฝกการประเมินตนเองและประเมินเพือน
ึ
่
- กิจกรรมตรวจสอบความรู้ความเข้าใจโดยการ
เขียนตอบ
4. ประเมินผลการเรียนรู้ด้วยแบบทดสอบแบบ
เลือกตอบ ตรวจและเฉลยก่อนเรียนหนวยต่อไป
่
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4/1
เรื่อง การประเมินความนาเชอถอของข้อมล เวลา 6 ชั่วโมง
ื
่
่
ู
ื
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดชั้นปี
่
ั
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงค านวณในการแก้ปญหาทีพบในชีวิตจริงอย่างเปนขั้นตอน
็
็
และเปนระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารในการเรียนรู้การท างาน และการแก้ปญหาได้อย่างมี
่
ั
ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
ตัวชี้วัดข้อ 3 ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์สื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิดเพื่อ
การใช้งานอย่างรู้เท่าทัน
2. แนวคิดสำคัญ
่
่
็
2.1 การประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูลเปนการตรวจวัดว่าข้อมูลทีได้มามีความนาเชื่อถือมาก
่
่
นอยเพียงใด เหมาะส าหรับใช้เปนสารสนเทศในงานทีท าหรือไม่ โดยการตรวจสอบเปรียบเทียบกับข้อมูลจาก
็
้
หลาย ๆ แหล่ง และแยกใช้เฉพาะข้อมูลทีเปนข้อเท็จจริง
่
็
้
้
2.2 เหตุผลวิบัติ (fallacy) คือ การยกเหตุผลมากล่าวอ้างเพือโนมนาวให้ผู้รับข้อมูลคล้อยตาม
่
่
2.3 ข่าวสารทีผิดพลาดจะส่งผลกระทบต่อผู้ถูกพาดพิงถึงในทางลบเสมอ
่
ั
่
การรู้เท่าทันสือ หมายถึง การไม่หลงเชื่อข้อมูลทีได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟง ได้เห็น แต่สามารถคิด
่
็
วิเคราะห์ ตั้งข้อสงสัย และติดตั้งค าถามว่า สิ่งนั้นจริงหรือไม่จริง ใครเปนผู้ให้ข้อมูลและต้องการสือถึงอะไร มี
จุดมุ่งหมายแอบแฝงมาด้วยหรือไม่
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ประเมินความนาเชื่อถือและความทันสมัยของสารสนเทศทีรับมาได้อย่างถูกต้อง
่
่
3.2 รู้ความหมายของเหตุผลวิบัติ (logical fallacy) และวิเคราะห์ได้
3.3 รู้ความหมายของข่าวลวง หรือข่าวปลอม
้
3.4 รู้ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาดและปองกันได้
่
่
3.5 รู้เท่าทันสือทีได้รับ
่
4. สาระการเรียนรู้
่
4.1 การประเมินความนาเชื่อถือและความทันสมัยของสารสนเทศ
4.2 เหตุผลวิบัติ
่
4.3 ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาดและการรู้เท่าทันสือ
่
5. ชิ้นงาน/ภาระงาน
5.1 ท าแบบทดสอบก่อนเรียน
่
5.2 ท ากิจกรรมประจ าหนวย
่
5.3 ตอบค าถามประจ าหนวย
่
5.4 ท าแบบทดสอบท้ายหนวย
6. คำถามหลัก
่
6.1 ท าไมจึงต้องประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูล
6.2 ความทันสมัยของข้อมูลมีผลต่อข้อมูลอย่างไร
่
ั
6.3 สารสนเทศในปจจุบันมีกีประเภท
6.4 แหล่งสารสนเทศได้แก่อะไรบ้าง บอกเปนข้อ ๆ
็
6.5 ข่าวลวงหรือข่าวปลอมก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมอย่างไร
6.6 เหตุผลวิบัติคืออะไร
6.7 เหตุผลวิบัติกับข่าวลวงแตกต่างกันหรือไม่
6.8 ภาษาวิบัติคืออะไร
่
6.9 การโต้ตอบออนไลนของกลุ่มวัยรุ่นมักท าให้เกิดภาษาวิบัติจริงหรือไม
์
ิ
6.10 การปดบังข่าวกับการให้ข่าวผิดพลาดมีผลกระทบต่อผู้รับข่าวสารต่างกันหรือไม ่
6.11 การรู้เท่าทันสือหมายถึงอะไร
่
็
่
6.12 การเชิญชวนให้ไปร่วมวิ่งเพือการกุศล จัดเปนการปลุกระดมหรือไม่
6.13 สือดิจิทัลมีลักษณะอย่างไร
่
6.14 ข้อควรระวังในการผลิตสือดิจิทัลคืออะไร
่
6.15 ค าว่าสือสังคมออนไลนหมายถึงอะไร
่
์
์
่
่
6.16 อันตรายทีอาจเกิดขึนจากการใช้สือสังคมออนไลนคืออะไร
้
่
่
6.17 ผู้ทีรับข้อมูลจากสือสังคมออนไลนแล้วเชื่อทันทีว่าเปนความจริงโดยไม่พิจารณาจัดว่าเปนคน
์
็
็
ชนิดใด
6.18 ท าไมการสือสารผ่านเครื่องมือในอินเทอร์เน็ตจึงมีความนิยมอย่างมาก
่
่
6.19 การโพสต์และแชร์เปนสือดิจิทัลหรือไม่ เพราะเหตุใด
็
6.20 นักเรียนสามารถผลิตสือดิจิทัลขึนมาเองได้หรือไม่
้
่
7. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้
7.1 ขั้นนา (1 ชั่วโมง)
ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างข่าวและภาพการแชร์ข้อมูลในสือสังคมออนไลนทีเกิดขึน เช่น ข่าว
่
้
่
์
การจับกุมผู้เปนหัวหนาวงแชร์ทีไม่จายเงินให้กับลูกแชร์ และถูกแจ้งจับจากลูกวงหลายคน ลักษณะการนาเงิน
่
่
้
็
์
้
่
จากผู้เล่นแชร์คนใหมมาจ่ายให้ลูกวงคนเก่า ท าให้เห็นว่ามีการเล่นจริงและได้ผลประโยชนสูงจึงเพิ่มทุนมากขึน
้
่
้
่
หรือชักชวนเพือนมาเล่นเพิ่มขึนเรียกว่า แชร์ลูกโซ่ การหลอกให้ลงทุนท าธุรกิจทีได้ดอกเบียสูงมากเช่น ลงทุน
ี
1,000 ได้คืน 10,000 บาท เปนไปได้หรือไม่ เปนได้แต่ต้องใช้เวลาหลายสิบป การแชร์หรือปล่อยข่าวลวงท า
็
็
ให้ผู้รับหลงเชื่อและแชร์กันต่อ ๆ เกิดเปนความตื่นตระหนกเกินเหตุ ดังนั้นเมื่อได้รับข้อมูลไม่ว่าจากการแชร์
็
ในสือสังคมออนไลน หรือจากหนังสือพิมพ์และทีอืน ๆ ต้องนามาประเมินก่อนว่ามีความนาเชื่อถือเพียงใด
่
่
่
์
่
7.2 ขั้นสอน (5 ชั่วโมง)
็
่
1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนให้สืบค้นข่าวหรือข้อมูลเรื่องต่าง ๆ ทีเปนการหลอกลวง เช่น การหา
่
่
์
เพือนออนไลน การระดมทุนแบบต่าง ๆ ทั้งทีถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกต้อง กลโกงในการหลอกขาย
์
สินค้าออนไลน ความหมายทีถูกต้องของค าว่านักรบไซเบอร์ หลังจากสืบค้นแล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา
่
้
นาเสนอหนาชั้นเรียน พร้อมภาพประกอบ
่
2. เหตุผลวิบัติ (logical fallacy) หมายถึง การอ้างเหตุผลเพือสนับสนนข้อสรุปของตนเองแต่
ุ
่
การให้เหตุผลไม่ชัดเจน หรือเปนเหตุผลทีไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผู้ให้เหตุผลมักกล่าวอ้างถึงบุคคลอื่นเพือให้มีความ
็
่
่
นาเชื่อถือในทางจิตวิทยา ท าให้คนจ านวนมากเกิดความเข้าใจผิด บางเหตุผลก็เกิดจากความรู้สึกนึกคิดของผู้
กล่าวอ้างขึนเอง
้
ท าให้รู้สึกได้ทันทีว่าไม่สมเหตุสมผล บางเหตุผลจะกล่าวอ้างว่าไม่รู้มาก่อน เช่น การโพสต์ภาพหรือข้อความ
้
เลียนแบบอาชญากรเมื่อถูกจับได้ก็อ้างว่าไม่รู้ว่าการกระท าอย่างนีผิดกฎหมายยินดีช าระค่าปรับแต่ยิ่งไม่รู้ไป
ใหญ่ว่าความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์มีโทษหนักกว่าความผิดทั่วไปมาก
3. ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาด ข่าวสารทีผิดพลาดมาจากหลายสาเหตุ เช่น การให้ข่าว
่
่
เท็จ ข่าวล่าช้า มีการเติมแต่งข้อมูลความคิดเห็นส่วนตัวเข้าในข่าวสาร ข้อมูลไม่ครบ ผู้รวบรวมข่าวสารไม ่
ตรวจสอบทบทวนให้ครบถ้วนก่อนนาเสนอ
ผลกระทบจากข่าวสารทีผิดพลาด
่
- ท าให้เข้าใจผิด
- ท าให้ผู้รับข้อมูลตัดสินใจผิดพลาด
- ท าให้ผู้ถูกแอบอ้างเสียหาย
- ท าให้เกิดความขัดแย้งทางสังคม
- ท าให้เกิดความตืนตระหนก
่
็
่
้
่
4. ข่าวปลอม (Fake news) เปนข่าวทีมีผู้ปลอมขึนมาเพือจุดประสงค์บางอย่าง เช่น ใช้โจมตี
นักการเมืองฝายตรงข้าม ปล่อยข่าวให้ราคาหุ้นทีโจมตีราคาตกเพือเก็งก าไร บางครั้งก็เปนการสร้างข่าว
่
่
็
่
็
เพือให้เกิดความแตกตื่นในสังคมโดยไม่มีเหตุผลก็มี ข่าวปลอมมีความหมายถึงข้อมูลปลอมด้วย แบ่งเปน
่
หลายแบบ เช่น
้
- ข่าวปลอมทีสร้างขึนเองทั้งหมด ทั้งข่าวและเนือหารวมทั้งภาพประกอบ
่
้
่
- การพาดหัวข่าวเพือเรียกร้องความสนใจแต่เนือหาในข่าวไม่ตรงกับทีพาดหัวไว้
่
้
่
่
์
- ข่าวแอบอ้าง เช่นนาตราสัญลักษณขององค์กรทีมีชื่อเสียงมาใช้ในข่าวเพือแอบอ้าง
ทีมา
่
็
- ข่าวล้อเลียน เสียดสีให้ข าขัน แต่ไม่สร้างความเสียหายให้กับผู้ใดก็จัดเปนข่าวปลอม
ด้วย
5. ภาษาวิบัติ ค าว่าวิบัติ มาจากภาษาบาลี แปลว่า พินาศ เสียหาย ภาษาวิบัติจึงหมายถึง
่
่
การใช้ภาษาไทยทีท าให้เกิดความเสียหายต่อภาษา เช่น การพูดและเขียนทีไม่ถูกต้อง การสะกดค าไม่ถูกต้อง
ไม่รวมถึงการใช้ค าย่อในภาษาอังกฤษ เช่น AI2U หมายถึง AI to you ต้นเหตุของภาษาวิบัติเกิดจากความไม ่
ุ่
เอาใจใส่ในการฝกอ่านและเขียน ท าให้รู้ความหมายของค าต่าง ๆ ภาษาทีวัยรนใช้กันในการแชตหรือส่ง
ึ
่
้
ข้อความอาจมีการสะกดผิดพลาดไปบ้างเพราะแผงแปนอักขระของสมาร์ตโฟนมีขนาดเล็ก ท าให้กดแปนไม ่
้
ตรงแต่ก็ต้องพยายามพิมพ์ให้ถูกต้องเพราะการปล่อยผ่านบ่อย ๆ ท าให้ติดเปนนิสัย ดังทีย าบ่อย ๆ ว่า การท า
้
็
่
่
กิจกรรมทุกเรื่องต้องเริ่มทีการเสนอโครงงาน ถ้าใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องผู้พิจารณางาน หรือผู้ให้ทุนด าเนินงาน
้
ในวันข้างหนาก็ไม่ให้ความสนใจเพราะอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง
6. การรู้เท่าทันสือ
่
่
่
์
่
่
สือทีนาเสนอในระบบออนไลนมีมากมายทั้งสือทีให้ความรู้เช่นข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ
์
รายการพูดคุยแลกเปลียนความรู้ ข่าวประจ าวันเช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน โพสต์ต่าง ๆ เปนต้น การรู้เท่าทัน
็
่
่
่
่
สือคือการไม่หลงไปกับเรื่องทีรับรู้มา ต้องมีการประเมินว่ามีความนาเชื่อถือเพียงใด โดยการรับรู้อย่าง
้
ื
พิจารณา เช่น อ่านเนอหาให้เข้าใจ พิจารณาภาพและเสียงประกอบว่ามีการตัดต่อหรือไม่ ท าความเข้าใจ
ประเมินว่าสือทีรับมามีประโยชนมากนอยเพียงใดเหมาะสมกับการนาไปใช้หรือไม่
่
่
้
์
้
็
่
่
็
การรู้เท่าทันสือนอกจากปองกันไม่ให้ตกเปนเครื่องมือของสือแล้วยังเปนแนวทางในการผลิต
่
์
สือด้วยตนเองได้ ปจจุบันระบบออนไลนก็เปนช่องทางหารายได้โดยไมจ ากัดอายุของผู้ผลิตสือ เพียงแต่ผู้ผลิต
่
ั
็
่
็
์
ต้องมีแนวคิดในการนาเสนอข้อมูลทีเปนประโยชนต่อผู้รับทั้งด้านความบันเทิง ความรู้ และสันทนาการ และ
่
ศึกษาเครื่องมือทีใช้ผลิตสือ วิธีเผยแพร่สือตลอดอย่างจริงจัง ดูตัวอย่างการจ าหนายสติกเกอร์ออนไลน ถ้า
่
่
์
่
่
่
จ าหนายภาพละ 1 บาทแต่มีผู้ใช้สมาร์ตโฟนมากกว่าสิบล้านเครื่องในประเทศไทย ถ้าทุกคนสนใจซือคนละ
้
่
่
่
้
่
่
หนึงภาพจะได้เงินเท่าไร สิ่งทีต้องศึกษาคือจะวาดทีนาสนใจขึนมาได้อย่างไร และวาดแล้วจะจ าหนายได้
อย่างไร
็
่
การท าตัวเปนเน็ตไอดอลแบบเก่า ๆ เช่น สร้างเรื่องทีคนปกติไม่ท ากันเพือเรียกร้องความ
่
่
สนใจหมดยุคไปแล้วเพราะผู้ใช้สือรู้จักประเมินว่าสือใดมีประโยชน รายได้จากการผลิตสือก็เช่นเดียวกับ
่
่
์
่
์
้
รายการโทรทัศนคือค่าโฆษณา ส่วนรายจายก็นอยกว่ามาก
้
นกรบไซเบอร์ ค านีเปนค าใหม่เดิมใช้ค าว่าแฮกเกอร์ (Hacker) หมายถึงผู้เชียวชาญในการ
็
่
ั
ใช้คอมพิวเตอร์ระดับสูง สามารถตรวจสอบหาจุดอ่อนของระบบทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และระบบเครือข่าย
็
่
้
่
เพือปองกันการโจมตีจากผู้บุกรกได้ ต่อมาค าว่าแฮกเกอร์กลายเปนผู้ร้ายทีคอยลักลอบเจาะท าลายระบบ จึง
่
เปลียนมาใช้ค าว่านักรบไซเบอร์ (Cyber warrior) ปจจุบันประเทศไทยมีนักรบไซเบอร์ทั้งในหนวยงานทหาร
่
ั
้
่
่
ทุกเหล่าทัพ ต ารวจ หนวยราชการต่าง ๆ ธนาคาร รวมทั้งบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ท าหนาทีตรวจสอบและ
ปองกันการโจมตีข้อมูลจากแฮกเกอร์ทั่วโลก
้
7.3 ขั้นสรุป
1. นักเรียนสรุปความรู้ความเข้าใจตามจุดประสงค์การเรียนรู้
2. นักเรียนเขียนผังความคิดสรุปผลการเรียนรู้
8. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
8.1 สื่อการเรียนรู้
1. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พืนฐาน วิทยาการค านวณ ชั้นมัธยมศึกษาปที 3 ของบริษัท
ี
่
้
แม็คเอ็ดดูเคชั่น จ ากัด
2. เว็บไซต์ความรู้ของบริษัท แม็คเอ็ดดูเคชั่น จ ากัด
8.2 แหล่งการเรียนรู ้
1. ห้องสมุดของโรงเรียน
2. เว็บไซต์ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน)
https://www.egov.go.th/
่
3. เว็บไซต์กระทรวงดิจิทัลเพือเศรษฐกิจและสังคม https://www.egov.go.th/
9. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
่
9.1 ท าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ท้ายหนวย
9.2 แบบประเมินด้านทักษะปฏิบัติ (ในกิจกรรม)
่
9.3 แบบประเมินการนาเสนอผลงานกลุ่ม (โดยให้ครู เพือนกลุ่มอื่น และกลุ่มตนเองประเมิน)
่
9.4 แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง (นักเรียนประเมินผลทีได้จากการสะท้อนตนเองจากการ
็
เรียนรู้ลงในแบบประเมินข้อ 11 ซึงครูเปนผู้จัดท าให้)
่
9.5 แบบประเมินการเขียนผังมโนทัศน ์
9.6 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้
็
่
9.7 แบบประเมินทักษะทีจ าเปนในศตวรรษที 21
่
9.8 แบบบันทึกการจัดการเรียนรู้ส าหรับนักเรียน.
9.9 แบบบันทึกการจัดการเรียนรู้ส าหรับครู
9.10 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้
9.11 แบบประเมินสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน
9.12 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ
10. ความคิดเห็นของผู้บริหาร/สถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ ................................................... ผู้บริหาร
11. บันทึกการเรียนรู้สำหรับนักเรียน (Student’s Reflection)
11.1 ความรู้ความเข้าใจที่ได้จากการเรียนรู้
ด้านความรู้.........................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ด้านทักษะ..........................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ด้านการพัฒนาคุณลักษณะอนพึงประสงค์.........................................................................................
ั
..............................................................................................................................................................................
11.2 ปัญหา/อุปสรรคในการเรียนรู้ ...........................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
11.3 แนวทางการปรับปรุงหรือพัฒนาตนเองครั้งต่อไป .............................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ ................................................... ผู้เรียน
12. บันทึกการจัดการเรียนรู้สำหรับครู (Teacher’s Reflection)
12.1 ความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้
ด้านผู้เรียน..........................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ด้านวิธีสอนการวัดผล.........................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
12.2 ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ .................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
12.3 สิ่งที่ไม่ได้ปฏิบัติตามแผน ..................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
เหตุผล................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
12.4 แนวทางการปรับปรุง/พัฒนาตนเองครั้งต่อไป
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ ................................................... ผู้สอน
ใบงานที่ 4.1
้
เรื่องการใหเหตุผล
ื่
ชอ.............................................................................................เ ล ข ท . ี่ . . . . . . . . . . . . . .
ี่
ี
ชั้นมัธยมศึกษาปท 3/........
ี
ื
วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) วันเดอนป ...........................................
้
่
ี
้
ค าชแจง จงหาคาของ X และใหเหตุผลว่าท าไม X จึงมีคาตามท่หาได ้
ี
่
1. 3, 5, 7, 9, X
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
2. 1, 6, 11, 16, 21, X
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
3. 2, 6, 18, 54, 162, X
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
4. 3, 8, 18, 38, 78, X
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
5. 10, 24, 52, 108, X
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
เฉลยใบงานที่ 4.1
้
เรื่องการใหเหตุผล
ื่
ชอ.............................................................................................เ ล ข ท . ี่ . . . . . . . . . . . . . .
ี
ี่
ชั้นมัธยมศึกษาปท 3/........
ี
ื
วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) วันเดอนป ...........................................
้
ค าชแจง จงหาคาของ X และใหเหตุผลว่าท าไม X จึงมีคาตามท่หาได ้
ี
้
ี
่
่
1. 3, 5, 7, 9, X
................................... 11 เหตุผล เพิ่มค่าครั้งละ
2.........................................................................................
...................................................................................................................................................................
...........
2. 1, 6, 11, 16, 21, X
......................................... 26 เหตุผล นาจ านวนเดิมบวกด้วย
5........................................................................
...................................................................................................................................................................
...........
3. 2, 6, 18, 54, 162, X
.......................................... 486 เหตุผล คูณจ านวนทางซ้ายด้วย 3
..................................................................
...................................................................................................................................................................
...........
4. 3, 8, 18, 38, 78, X
........................................ 158 เหตุผล นาจ านวนเดิมบวก 1 แล้วคูณด้วย 2
....................................................
...................................................................................................................................................................
...........
5. 10, 24, 52, 108, X
......................................... 220 เหตุผล นาจ านวนเดิมบวก 2 แล้วคูณด้วย
......................................................
...................................................................................................................................................................
...........
...................................................................................................................................................................
...........
ใบงานที่ 4.2
ใบงานที่ 4.1
่
ุ
เรืองเหตผลวิบัติ
ใบงานที่ 4.1
ี
้
่
ั
่
้
ค าชแจง ใหนกเรียนใสเครื่องหมาย ในชอง
หรือ
่
1. เหตุผลวิบัติ คือ การอ้างเหตุผลทีผิดพลาด
2. การอ้างเหตุผลวิบัติ อาจมีข้อสรุปทีเปนจริง
็
่
็
3. เมื่อมีการอ้างเหตุผลวิบัติ ข้อสรุปของเหตุผลนั้นย่อมเปนเท็จในทันที
็
4. การเรียนรู้เหตุผลวิบัติท าให้ไม่ตกเปนเหยื่อ
็
่
็
5. การให้เหตุผลเชิงตรรกะทีดี เปนเหตุผลวิบัติอย่างเปนทางการ
เฉลยใบงานที่ 4.2
ุ
เรืองเหตผลวิบัติ
่
่
่
ั
ี
้
้
ค าชแจง ใหนกเรียนใสเครื่องหมาย ในชอง
หรือ
1. เหตุผลวิบัติ คือ การอ้างเหตุผลทีผิดพลาด
่
่
2. การอ้างเหตุผลวิบัติ อาจมีข้อสรุปทีเปนจริง
็
3. เมื่อมีการอ้างเหตุผลวิบัติ ข้อสรุปของเหตุผลนั้นย่อมเปนเท็จในทันที
็
็
4. การเรียนรู้เหตุผลวิบัติท าให้ไม่ตกเปนเหยื่อ
็
5. การให้เหตุผลเชิงตรรกะทีดี เปนเหตุผลวิบัติอย่างเปนทางการ
่
็
ใบความรู้ที่ 4.1
เหตุผลวิบัติ (logical fallacy) เปนการอ้างเหตุผลทีไม่ชัดเจน หรือไม่ใช่ข้อเท็จจริงจากความบกพร่อง
่
็
ในการคิดให้เหตุผล ท าให้เหตุผลนั้นไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลอันเปนเท็จทั้งการให้เหตุผลแบบอุปนัยและ
็
นิรนัย
การให้เหตุผลแบบอุปนัย (Inductive reasoning) เปนวิธีการสรุปผลจากการค้นหาความจริง การ
็
สังเกตหรือการทดลองหลายครั้ง แล้วนามาสรุปเปนความรู้แบบทั่วไป ข้อสรุปจะเชื่อถือได้มากนอยเพียงใดนั้น
็
้
ขึนอยู่กับลักษณะของข้อมูล หลักฐานและข้อเท็จจริงทีนามาอ้าง ได้แก่ จ านวนข้อมูล และความถูกต้องของ
้
่
่
ข้อมูล ซึงการให้เหตุผลแบบอุปนัยอาจไม่จริงเสมอไป
ิ
้
็
การให้เหตุผลแบบนรนัย (Deductive reasoning) เปนการนาความรู้พืนฐานซึงอาจเปนกฎ ข้อตกลง
็
่
็
็
่
่
ความเชื่อ หรือบทนิยาม ซึงเปนสิ่งทีรู้มาก่อน และยอมรับว่าเปนความจริงเพือหาเหตุผลนาไปสู่ข้อสรุป เปน
็
่
่
การอ้างเหตุผลทีมีข้อสรุปตามเนือหาสาระทีอยู่ภายในขอบเขตของข้ออ้างทีก าหนด
่
้
่
เหตุผลวิบัติแบ่งเปน 3 ประเภท คือ
็
็
็
1. เหตุผลวิบัติแบบเปนทางการหรือเหตุผลวิบัติรูปนัย (Formal logical fallacy) เปนการอ้างเหตุผลที ่
่
่
้
ผิดพลาดทางตรรกะ เช่น เมือมีเหตุ ควรได้ผลตามเหตุทีเกิดขึน แต่กลับไม่ใช่
็
2. เหตุผลวิบัติแบบไม่เปนทางการหรือเหตุผลวิบัติอรูปนัย (Informal logical fallacy) เปนการอ้าง
็
่
เหตุผลทีไม่เกียวกับหลักตรรกะแต่เปนการอ้างเพือโนมนาวให้เกิดการเข้าใจผิด
่
้
่
็
้
3. เหตุผลวิบัติทางจิตวิทยา (Psychological fallacy) เปนการใช้ถ้อยค าชักนาให้ผู้รับฟงเข้าใจผิด เช่น
ั
็
์
่
การโฆษณาขายสินค้าออนไลนทีมีการลดราคาให้ผู้ซือมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แต่ต้องช าระเงินก่อนจึงได้รับ
้
สินค้า เมื่อช าระเงินแล้วกลับติดต่อไม่ได้อีกเลย
คำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้
่
่
1. ก่อนทีนักเรียนจะเข้าไปสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ นักเรียนต้องพิจารณาความนาเชื่อถือของ แต่ละ
เว็บไซต์จากข้อมูลอะไรบ้าง
้
่
2. เนือหา (Content) ของข้อมูลทีรวบรวมมาจากหลาย ๆ เว็บไซต์จะนาไปใช้ได้ทันทีหรือไม่ อย่างไร
่
3. ราคาตามปกของหนังสือมีส่วนเกียวข้องกับการประเมินคุณค่าและความนาเชื่อถือของหนังสือ หรือไม่
่
อย่างไร
4. เหตุผลวิบัติมีลักษณะอย่างไร ยกตัวอย่างข้อมูลหรือข่าวสารทีจัดเปนเหตุผลวิบัติมา 2 ตัวอย่าง
็
่
่
5. ภาพหรือข้อความทีมีผู้แชร์มาถึงเราโดยมีข้อความต่อท้ายว่า “ถ้าส่งต่อไปอีก 5 คน ท่านจะ มีโชคลาภ”
์
็
์
้
ี
ข้อความลักษณะนไร้สาระหรือไม่ ผู้แชร์ต่อได้ประโยชนอะไร ผู้เปนต้นทางคนแรก ได้ประโยชนอะไร
เฉลยคำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้
่
1. ก่อนทีนักเรียนจะเข้าไปสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ นักเรียนต้องพิจารณาความนาเชื่อถือของ แต่ละ
่
เว็บไซต์จากข้อมูลอะไรบ้าง
้
1. ประเมินเนอหาของบทความว่าตรงกับความต้องการในการนาไปใช้หรือไม่
ื
่
่
2. ประเมินจากความนาเชื่อถือของแหล่งทีมาของบทความนั้น
3. ประเมินจากผู้เขียนบทความนั้นว่านาเชื่อถือเพียงใด
่
4. ถ้าเปนหนังสือทั่วไป หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ต้องดูว่ามีเลขมาตรฐานประจ าหนังสือหรือไม่
็
2. เนือหา (Content) ของข้อมูลทีรวบรวมมาจากหลาย ๆ เว็บไซต์จะนาไปใช้ได้ทันทีหรือไม่ อย่างไร
้
่
่
ยังใช้ไม่ได้ต้องนามาประเมินว่ามีความนาเชื่อถือเพียงใด และต้องสรุปสาระส าคัญใหม่โดยไม่ลอกมา
ทั้งหมด
3. ราคาตามปกของหนังสือมีส่วนเกียวข้องกับการประเมินคุณค่าและความนาเชื่อถือของหนังสือ หรือไม่
่
่
อย่างไร
ราคาของหนังสือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประเมินคุณค่าและความนาเชื่อถือของหนังสือ คุณค่าอยู่ที ่
่
่
ประโยชนทีได้จากเนือเรื่องในหนังสือ การใช้ภาษาทีถูกต้องอ่านแล้วเข้าใจง่าย
้
์
่
็
4. เหตุผลวิบัติมีลักษณะอย่างไร ยกตัวอย่างข้อมูลหรือข่าวสารทีจัดเปนเหตุผลวิบัติมา 2 ตัวอย่าง
่
เหตุผลวิบัติ (logical fallacy) มีลักษณะเปนการกล่าวอ้างถึงเรื่องราวหรือเหตุการณทีมีข้อเท็จจริง
็
่
์
่
้
่
เพียงบางส่วน หรืออ้างถึงบุคคลทีเปนทีสนใจ เพือโนมนาวให้ผู้รับฟงหลงเชื่อ หรือเกิดการเข้าใจผิด เช่น
่
ั
็
้
่
ตัวอย่างที 1
้
้
้
เมื่อไวรัส โควิด 19 ระบาดก็มีค าแนะนาให้ใส่หนากากปองกันเมื่อออกจากบ้าน ท าให้ผู้คนแย่งกันซือ
้
หนากากจนขาดตลาด ภายหลังจึงมีค าอธิบายใหม่ว่าการใส่หนากากไม่ได้ช่วยปองกันการติดเชือ
้
้
้
่
ตัวอย่างที 2
็
่
ต้นตะเคียนเปนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีนางไม้สิงอยู่เรียกว่านางตะเคียน ถ้าอยากได้เลขเสียงโชคต้อง
้
นาแปงไปทาและถู จะเห็นตัวเลขให้ไปซือลอตเตอรี
่
้
ท าไมนางตะเคียนจึงต้องให้เลขเพียงอย่างเดียวจะให้อย่างอื่นได้หรือไม่ และท าไมจึงต้องทาแปงเพือ
้
่
้
ขอเลขใช้วิธีอื่นจะได้หรือไม่ และเลขทีได้มาถ้าซือหวยแล้วไม่ถูกท าไมจึงบอกว่าไมมีโชคไม่ใช่เพราะนาง
่
่
ตะเคียนบอกเลขไม่ถูก
5. ภาพหรือข้อความทีมีผู้แชร์มาถึงเราโดยมีข้อความต่อท้ายว่า “ถ้าส่งต่อไปอีก 5 คน ท่านจะ มีโชค
่
์
ลาภ” ข้อความลักษณะนีไร้สาระหรือไม่ ผู้แชร์ต่อได้ประโยชนอะไร ผู้เปนต้นทางคนแรก ได้ประโยชนอะไร
็
์
้
็
่
การบอกให้แชร์ต่อกันไปจัดเปนจดหมายลูกโซ่ มีมาตั้งแต่ยุคทีเขียนจดหมายด้วยกระดาษโดยเขียน
็
เปนข้อความต่าง ๆ ทีไม่ใช่ข้อเท็จจริง หรือมีข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน และระบุตอนท้ายให้ส่งจดหมายต่อไป
่
่
่
ยังผู้รับ อื่น ๆ หรือให้คัดลอกเพือส่งต่อไปยังผู้รับตามจ านวนทีระบุไว้ชัดเจน ซึงหากคนจ านวนมาก
่
หลงเชื่อปฏิบัติไปตามนั้นจะเปนเหตุให้จดหมายถูกแพร่กระจายออกไปไม่รู้จบ ข้อความอาจขึนต้นด้วยค าเชิญ
้
็
่
ชวนให้ส่งต่อหรือการอ้างเหตุผลทีควรส่งต่อ และอาจลงท้ายด้วยค าอวยพรต่อผู้ทีปฏิบัติตามทีจดหมายระบุไว้
่
่
่
หรือค าสาปแช่งหรือข่มขูผู้ทีเพิกเฉยไม่ส่งต่อ เพือเร้าให้ผู้อ่านกระท าตาม
่
่
ั
์
์
ปจจุบันจดหมายลูกโซ่พัฒนามาส่งในรูปแบบออนไลน เช่น อีเมล แชร์ทางไลน ข้อความ และสือสังคม
่
ออนไลนต่าง ๆ
์
ผู้เปนต้นทาง อาจได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อทีงมงาย หรือเปนคนทีชอบเล่นพิเรนทร์ ชอบ
่
่
็
็
์
หลอกลวง แต่ก็ไม่ได้รับประโยชนอะไร
่
์
ผู้ทีรับและแชร์ต่อไม่ได้รับประโยชนอะไร แต่อาจได้รับโทษตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ถ้า
่
่
ข้อความทีแชร์ต่อพาดพิงถึงสถาบันหรือบุคคลอื่นท าให้เสือมเสีย
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
็
1. ข้อใดเปนสือสังคมออนไลน ์
่
์
ก. เฟสบุ๊ก ข. ใลน
ค. อีเมล ง. บล็อก
1. ข้อ ก
2. ข้อ ก และ ข้อ ข
3. ข้อ ก และ ข้อ ง
4. ข้อ ก ข และ ง
์
่
2. การสมัครใช้สือสังคมออนไลน หรืออีเมล มีขั้นตอนอย่างไร
1. กรอกข้อมูล ชื่อทีอยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอื่น ๆ
่
2. กรอกข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์อย่างเดียว
3. กรอกเลขประจ าตัว 13 หลัก
4. กรอกข้อมูลชื่อเล่นก็ได้
3. การโพสต์ หมายถึงข้อใด
1. หนังสือพิมพ์
2. หนังสือพิมพ์ออนไลน ์
3. การส่งต่อข้อมูลให้เพือน
่
่
4. การส่งข้อมูลข่าวสารไปไว้ในสือสังคมออนไลน ์
์
4. การแชร์ในความหมายของสื่อสังคมออนไลนคือการกระท าตามข้อใด
1. การระดมสมอง
่
2. การหาเสียงผ่านสือสังคมออนไลน ์
3. การส่งต่อข้อมูลทีได้รับมาจากผู้อื่น
่
4. การร่วมกันแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์
5. บล็อกเกอร์หมายถึงข้อใด
1. ผู้ออกแบบล็อก
2. ผู้เขียนบล็อก
3. ผู้หยุดการกระท าของสือทีไม่ดี
่
่
4. ผู้ตรวจสอบความถูกต้องของบล็อก
่
่
้
6. กองบังคับการปราบปรามการกระท าความผิดเกียวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ท าหนาทีตรวจสอบ
่
และปราบปรามผู้ท าความผิดเกียวกับการใช้สือทางคอมพิวเตอร์ หนวยงานนมีชื่อย่อตามข้อใด
ี
้
่
่
1. ปทอ.
2. ปปช.
3. ปอท.
4. ปชช.
7. กฎหมายเกี่ยวกับการท าความผิดทางคอมพิวเตอร์ มีชื่อเรียกว่า
1. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์
่
่
2. กฎหมายว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์
3. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์
4. กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
8. ข้อใดท าได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
1. กดแชร์ (Share) ทีท าให้ผู้อื่นเสียหาย
่
่
2. กดไลค์ (Like) ในเรื่องทีแชร์โดยไมเหมาะสม
่
3. ส่งอีเมล (e-mail) ขายของ
4. ผิดกฎหมายทุกข้อ
9. โทษสูงสุดของการส่งอีเมล หรือแชร์ ให้เกิดความเดือดร้อนร าคาญต่อผู้อื่น คือข้อใด
1. ตักเตือน ลบโพสต์หรือภาพ
2. ตักเตือนและปรับ 500 บาท
3. ยึดเครื่องและปรับ 1 หมืนบาท
่
4. ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
10. ค าว่าอาชญากรรมไซเบอร์ (Cybercrime) หมายถึงข้อใด
1. การก่ออาชญากรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์
2. การก่ออาชญากรรมโดยใช้หุ่นยนต์
3. การก่ออาชญากรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
4. การก่ออาชญากรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตและหุ่นยนต์
่
่
็
์
11. เรื่องทีส่งต่อกันในสือสังคมออนไลนจัดเปนข้อใด
1. ข้อมูลดิบ
2. ข้อมูลปฐมภูมิ
ู
3. ข้อมูลทุติยภมิ
4. ข้อมูลตติยภูมิ
์
็
่
12. สือสังคมออนไลนจัดเปนการประมวลผลแบบคลาวด์ถูกต้องหรือไม่
1. ถูกต้อง เพราะเก็บข้อมูลไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ
่
็
2. ไม่ถูก เพราะเปนเพียงข้อมูลทีเก็บไว้ชั่วคราวโดยผู้ส่งไม่ได้สั่งบันทึก
่
3. ถูกต้อง เพราะไม่รู้ว่าข้อมูลอยู่ทีไหน
4. ไม่ถูก เพราะไม่มีการเก็บข้อมูล
13. บริการเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ เช่น Google Drive หรือ One Drive คือบริการข้อใด
1. DaaS
2. SaaS
3. PaaS
4. IaaS
่
็
14. ภาษาจีนเปนภาษาทีมีตัวอักษรจ านวนมากหลายหมื่นตัวการเข้ารหัสของภาษาจีนในคอมพิวเตอร์ต้องใช้
ตารางรหัสข้อใด
1. ASCII
2. UTF-16
3. UTF - 8
4. CHINA-32
์
15. ถ้านักเรียนได้รับแชร์ข้อมูลทางไลนว่า มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในประเทศไทยแล้ว 32 คน นักเรียน
ควรท าอย่างไร
้
็
1. ตักเตือนผู้แชร์ว่า ไม่ควรแชร์เรื่องประเภทนีเพราะเปนการสร้างความตืนตระหนกให้สังคม
่
2. แชร์ต่อให้เพือนคนอื่น ๆ ทันที ให้ระวังปองกันตัว
่
้
3. ไม่ต้องสนใจปล่อยผ่านไป
4. ไม่มีข้อถูก
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
1. 2 2. 1 3. 4 4. 3 5. 2
6. 3 7. 1 8. 2 9. 4 10. 3
11. 1 12. 2 13. 4 14. 2 15. 1
ี
เฉลยละเอยด
1. ตอบข้อ 2 ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก
เหตุผล
่
์
็
็
่
์
็
เฟสบุ๊กและไลน เปนสือสังคมออนไลน ส่วนอีเมล เปนบริการรับส่งข้อมูล บล็อกเปนเว็บไซต์ทีนาเสนอ
็
ิ
เรื่องราวในกลุ่มสนใจและเปดโอกาสให้ผู้เปนสมาชิกแสดงความคิดเห็นได้
่
2. ตอบข้อ 1 กรอกข้อมูล ชื่อทีอยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอื่น ๆ
เหตุผล
่
เพือให้สามารถติดตามผู้โพสต์ข้อมูลทีผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ได้ จึงต้องมีชื่อ นามสกุลและหมายเลข
่
่
โทรศัพท์ เพราะในข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์มีทีอยู่ของผู้ขอใช้อยู่ด้วยทั้งแบบเติมเงินและแบบรายเดือน
่
3. ตอบข้อ 4 การส่งข้อมูลข่าวสารไปไว้ในสือสังคมออนไลน ์
เหตุผล
Post แปลว่า การไปรษณีย์ หรือติดประกาศ ในความหมายของสือสังคมออนไลน คือการส่งข้อความหรือ
์
่
่
ุ
ภาพทีไว้ในพืนทีทีได้รับอนญาต
่
้
่
่
่
4. ตอบข้อ 3 การส่งต่อข้อมูลทีได้รับมาจากผู้อืน
เหตุผล
การแชร์ หมายถึงการส่งต่อข้อมูลทีรับมาให้ผู้อื่น ถ้าสร้างข้อมูลขึนเองเรียกว่าการโพสต์
้
่
5. ตอบข้อ 2 ผู้เขียนบล็อก
เหตุผล
บล็อกเกอร์หมายถึงผู้สร้างบล็อก
6. ตอบข้อ 3 ปอท.
เหตุผล
่
็
เปนชื่อย่อของหนวยงาน
่
7. ตอบข้อ 1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์
เหตุผล
่
่
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือเรียกย่อว่า
พรบ.คอมพิวเตอร์
8. ตอบข้อ 2 กดไลค์ (Like) ในเรื่องทีแชร์โดยไม่เหมาะสม
่
เหตุผล
็
การกดไลค์เปนการแสดงความชอบหรือชืนชมให้กับผู้โพสต์ ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท า
่
ความผิดทางคอมพิวเตอร์ ระบุไว้ว่าไม่ผิดกฎหมาย
9. ตอบข้อ 4 ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
เหตุผล
ี
้
มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนเปนวรรคสองและวรรคสามของมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการ
็
่
กระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
็
“ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นอันมีลักษณะเปนการก่อให้เกิดความ
เดือดร้อนร าคาญแก่ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่เปดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอก
ิ
เลิกหรือแจ้งความประสงค์เพือปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่าย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท”
่
10. ตอบข้อ 3 การก่ออาชญากรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
เหตุผล
อาชญากรรมทางไซเบอร์ หมายถึงอาชญากรรมใด ๆ ทีเกียวกับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
่
่
11. ตอบข้อ 1 ข้อมูลดิบ
เหตุผล
็
่
่
ข้อมูลทีส่งต่อกันโดยการแชร์ไม่มีการตรวจสอบหรือยืนยันทีมา จัดเปนข้อมูลดิบ
็
่
12. ตอบข้อ 2 ไม่ถูกเพราะเปนเพียงข้อมูลทีเก็บไว้ชั่วคราวโดยผู้ส่งไม่ได้สั่งบันทึก
เหตุผล
่
์
่
่
ข้อมูลทีรับ-ส่งทางสือสังคมออนไลนต่าง ๆ จะถูกเก็บไว้ในเครื่องบริการตามระยะเวลาทีก าหนดเมื่อครบ
ิ
่
็
้
แล้วจะถ่ายโอนไปเปนแฟมหรือข้อมูลชนิดอื่นทีเปดใช้ไม่ได้อีก
13. ตอบข้อ 4 IaaS
เหตุผล
่
Infrastructure-as-a-Service หรือ IaaS บริการให้ใช้โครงสร้างพืนฐาน เช่น พืนทีเก็บข้อมูล หนวย
้
้
่
ประมวลผล เปนต้น พืนทีเก็บข้อมูลขนาดเล็กมีบริการฟรี เช่น ในกูเกิลไดรฟ ใน OneDrive ซึงเพียงพอ
์
็
่
้
่
้
ส าหรับการท างานทั่วไป เช่น เก็บแฟมเอกสาร เก็บภาพ แต่ถ้าต้องการพืนทีขนาดใหญ่ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายใน
้
่
้
่
การซือพืนที เปนรายเดือนหรือรายป หรืออื่น ๆ ตามเงือนไขทีผู้ให้บริการก าหนด
้
่
่
็
ี
14. ตอบข้อ 2 UTF-16
เหตุผล
16
็
UTF-16 เปนตารางรหัสขนาด 16 บิต =2 = 65,536 แต่สามารถขยายออกได้ถึง 32 บิต = 2 =
32
่
้
4,294,967,296 รหัสภาษาไทย ภาษาญีปุนและภาษาจีน ก็ใช้รหัสนี
่
็
ี
้
15. ตอบข้อ 1 ตักเตือนผู้แชร์ว่า ไม่ควรแชร์เรื่องประเภทนเพราะเปนการสร้างความตื่นตระหนกให้สังคม
เหตุผล
่
เรื่องทีแชร์แล้วท าให้สังคมแตกตื่น ตกใจ แม้จะเปนข้อมูลจริงก็ไม่ควรแชร์
็
แบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
่
1. การประเมินความนาเชื่อถือของข้อมูลคือการท าตามข้อใด
1. สารสนเทศนั้นตรงกับความต้องการนาไปใช้หรือไม่
2. ภาพประกอบสารสนเทศนั้นดึงดูดความสนใจมาก
็
่
3. เปนสารสนเทศทีได้มาจากเว็บไซต์ชื่อดัง
4. ถูกทุกข้อ
2. ความทันสมัยของข้อมูลหมายถึงข้อใด
่
1. เปนเรื่องเล่าทีนิยมมาก
็
้
่
2. มีผู้เข้าชมเว็บทีนาเสนอเรื่องนีมาก
ื
้
3. เปนเนอหาทีได้ปรับปรุงตลอดเวลา
็
่
็
4. เปนเรื่องเก่าทีนามาเสนอใหม่
่
3. ผู้ทีโพสต์ข่าวปลอม (Fake news) นาจะมีจุดประสงค์ตามข้อใด
่
่
่
่
1. สร้างความเสือมเสียให้ฝายตรงข้ามโดยเฉพาะช่วงใกล้วันเลือกตั้ง
2. ผู้โพสต์อยู่ในโลกสมมติต้องการมีการโพสต์ต่อมาก ๆ
3. หลอกให้ผู้รับแชร์ต่อ
4. ถูกทุกข้อ
่
4. ข้อใดเปนหลักเกณฑ์ในการประเมินความนาเชื่อถือของสารสนเทศ
็
ก. เชื่อถือได้ ข. มีความถูกต้อง
ค. สือสารได้รวดเร็ว ง. เปนการไลฟสด
่
็
์
1. ข้ อ ก ถูก 2. ข้อ ก และ ข
3. ข้อ ก, ข และ ค ถูก 4. ถูกทุกข้อ
5. ข้อใดเปนแหล่งสารสนเทศสถาบัน
็
1. ปราชญ์ดิน
2. อนสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ุ
3. ศูนย์สารสนเทศของมหาวิทยาลัย
4. อินเทอร์เน็ต
6. เลข ISBN หรือ International Standard Book Number คืออะไร
1. เลขรหัสลิขสิทธิ์ของเพลง
2. เลขมาตรฐานสากลประจ าหนังสือ
3. เลขทะเบียนเครื่องหมายการค้าของสิ่งพิมพ์
4. เลขมาตรฐานการผลิตสินค้าในประเทศไทย
้
็
็
้
7. ผู้ทีท าบุญเปนเงินหรือทรัพย์สินอื่น ๆ จ านวนมาก ๆ จะได้ขึนสวรรค์ชั้นสูง ๆ ค ากล่าวนีจัดเปน
่
1. เหตุผลวิบัติ
2. ข่าวปลอม
3. ข่าวลวง
4. การหลอกลวง
่
้
่
์
8. สถานีโทรทัศนช่องหนึงประกาศข่าวหนวยกู้ภัยจับงูจงอางขนาดใหญ่ทีเลือยเข้าในบ้านหลังหนึง และ
่
่
ถ่ายภาพเลขบ้านพร้อมกับประกาศว่าอีกสองวันหวยจะออกแล้วนะ การประกาศนีจัดเปนข้อใด
้
็
1. ข่าวลวง
2. เหตุผลวิบัติ
3. ข่าวปลอม
4. การมอมเมาประชาชน
ั
9. ครูให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที 3 เขียนโครงงานเรื่อง สมองกลฝงตัว เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้วส่งครู
่
ี
็
ปรากฏว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจทั้งการสะกดค าก็ผิดมาก การท างานลักษณะนจัดเปนข้อใด
ี
้
1. ไม่สนใจภาษาไทย
2. เหตุผลวิบัติ
3. ภาษาอุบัติ
4. ภาษาวิบัติ
10. ข้อใดเปนผลกระทบจากการให้ข่าวสารทีผิดพลาด
็
่
่
1. ท าให้ขาดความนาเชื่อถือ
2. ท าให้เกิดความเข้าใจผิด
3. ท าให้เสียทรัพย์
4. ถูกทุกข้อ
11. ข้อใดเปนความหมายทีถูกต้องของสือดิจิทัล
่
่
็
1. ฮาร์ดดิสก์
2. ไลน ์
3. ภาพยนตร์และเสียง
4. สมาร์ตโฟน
่
็
่
12. ข้อใดเปนสิ่งทีต้องระวังในการผลิตสือ
็
1. เนือหาของสือละเมิดความเปนส่วนตัวของผู้อื่นหรือไม่
่
้
2. ต้องมีความยาวพอเหมาะ
3. ต้องมีภาพและเสียงประกอบ
่
4. ใช้โปรแกรมนาเสนอทีเหมาะสม
้
13. ข้อควรระวังในการซือสินค้าออนไลนคือข้อใด
์
่
้
1. ไม่ซือสินค้าทีให้ช าระเงินก่อนส่งสินค้าให้
2. ตรวจสอบสินค้าก่อนลงชือรับและช าระเงิน
่
3. ข้อ 1 และ 2 ถูก
4. ข้อ 2 ถูก
14. สมมติมีคนร้ายโรคจิตลอบท าร้ายประชาชนแล้วซ่อนตัวอยู่ในห้างสรรพสินค้า เมื่อเจ้าหนาทีต ารวจส่ง
่
้
่
่
้
่
้
่
ก าลังเข้าจับกุม คนร้ายก็หลบหนีไปหลบในทีทีไมมีเจ้าหนาทีได้ทุกครั้ง คนร้ายทราบได้อย่างไรว่าเจ้าหนาที ่
อยู่ทีไหน
่
่
1. คนร้ายดูภาพจากข่าวและสือสังคมออนไลนในสมาร์ตโฟน
์
ิ
2. คนร้ายดูภาพจากกล้องวงจรปดในห้างสรรพสินค้า
้
่
่
่
ั
3. คนร้ายฟงเสียงจากวิทยุทีเจ้าหนาทีสือสารกัน
4. ถูกทุกข้อ
15. มีข่าวว่าในชนบท ของประเทศไทย มีผู้นาใบสมัครงานไปให้ชาวบ้านกรอกข้อมูลเพื่อรับสมัครงาน โดยให้
่
็
่
กรอบชื่อ นามสกุล ถ่ายส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนไว้ กรอกรายการต าแหนงงานทีต้องการสมัคร เปน
ผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝายบัญชีและการเงิน ต าแหนงบริหารอื่น ๆ เงินเดือนทีต้องการพร้อมกับหมายเลข
่
่
่
ิ
่
่
บัญชีเงินฝากและชื่อธนาคารทีเปดบัญชีอยู่ (เพือโอนเงินเดือนเข้าเมื่อได้รับการคัดเลือก) ข้อมูลเหล่านี ้
มิจฉาชีพนาไปใช้ท าอะไรได้บ้าง
1. ท าอะไรไม่ได้เพราะไม่มีรหัสของบัตรธนาคาร
์
๋
2. ใช้สมัครกระเปาเงินออนไลนได้
3. ใช้ซือรถยนต์หรือมอเตอร์ไซต์ได้
้
4. ข้อ ข และ ค ถูก
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน
1. 1 2. 3 3. 4 4. 2 5. 3
6. 2 7. 1 8. 2 9. 4 10. 4
11. 2 12. 1 13. 3 14. 1 15. 4
ี
เฉลยละเอยด
1. ตอบข้อ 1 สารสนเทศนั้นตรงกับความต้องการนาไปใช้หรือไม่
เหตุผล
่
วิธีประเมินความนาเชื่อถือของสารสนเทศขั้นแรกคือ ประเมินว่าสารสนเทศนั้นตรงกับความต้องการ
่
้
นาไปใช้ตามหัวเรื่องทีต้องการหรือไม่ หลังจากนั้นจึงนามาตรวจสอบความถูกต้องของการใช้ภาษาและเนือหา
้
2. ตอบข้อ 3 เปนเนอหาทีได้ปรับปรุงตลอดเวลา
็
ื
่
เหตุผล
่
่
ี
็
่
่
ข้อมูลทีนาเชือถือต้องมีความทันสมัย ไม่เปนข้อมูลเก่า เช่น ข้อมูลการเกิดอุทกภัยเมื่อหลายปทีผ่านมา
ุ
็
ั
์
แต่มีผู้พบเห็นภาพในเว็บไซต์ปจจบันจึงรีบนามาโพสต์ทันทีโดยไม่ได้อ่านรายละเอียดว่าเปนเหตุการณที ่
้
เกิดขึนเมื่อไรท าให้เกิดการโพสต์ต่อจนเกิดความแตกตื่นกันไป
3. ตอบข้อ 4 ถูกทุกข้อ
เหตุผล
็
่
็
อินเทอร์เน็ต เปนโลกสมมติของบางคนทีทุกสิ่งเปนไปได้ เช่น การสร้างเรื่องราวให้มีผู้สนใจเข้ามาชมและ
กดไลค์มาก ๆ โดยไม่ค านึงถึงความถูกต้องและจริยธรรม ขอเพียงเข้ามาชมก็ได้ตัวเลขการเข้าชมแล้ว การใช้
่
ข่าวปลอมสร้างความเสือมเสียให้ฝายตรงข้าม เช่น การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาได้มีการตั้งกลุ่มคนขึนมาเพือ
่
้
่
่
่
โพสต์ข่าวหาเสียงให้กับนักการเมืองรวมทั้งส่งข่าวปลอมออกไปท าให้ฝายตรงข้ามเสือมเสียด้วย
4. ตอบข้อ 2 ข้อ ก และ ข
เหตุผล
หลักเกณฑ์ในการประเมินความนาเชื่อถือของสารสนเทศคือ ตรงความต้องการ เชื่อถือได้ ถูกต้องไม่
่
่
บิดเบือน รู้แหล่งทีมา
5. ตอบข้อ 3 ศูนย์สารสนเทศของมหาวิทยาลัย
เหตุผล
็
แหล่งสารสนเทศแบ่งเปนแหล่งสารสนเทศสถาบัน แหล่งสารสนเทศวัตถุ แหล่งสารสนเทศบุคคลและ
อินเทอร์เน็ต
6. ตอบข้อ 2 เลขมาตรฐานสากลประจ าหนังสือ
เหตุผล
์
ISBN เปนรหัสทีก าหนดขึนให้ใช้กับสิ่งพิมพ์ประเภทหนังสือทั่วไป เพือให้เปนเอกลักษณเฉพาะของ
้
็
็
่
่
หนังสือแต่ละเรื่อง เปนการอ านวยความสะดวกในการควบคุมข้อมูลสิ่งพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ในด้านการ
็
่
้
สั่งซือ การขาย การบริการ การเงิน และการนาสินค้าออกจ าหนายไปยังส านักพิมพ์ในประเทศต่าง ๆ เช่น
็
ISBN 978-616-274-992-6 เลขรหัสแบ่งเปนส่วนต่าง ๆ ดังนี ้
่
ส่วนที 1 รหัสบาร์โค้ดของ EAN (European Article Numbering international retail product code) เช่น
978 หรือ 979
่
ส่วนที 2 รหัสกลุ่มประเทศ รหัส 974 คือประเทศไทย
่
ส่วนที 3 รหัสส านักพิมพ์
่
ส่วนที 4 รหัสชื่อเรื่อง
ส่วนที 5 เปนเลขตรวจสอบ
็
่
การแปลงเลขเปนรหัสบาร์โค้ดจะไม่ใส่ยัติภังค์(-) คั่นตัวเลข เช่น 9786162749926
็
7. ตอบข้อ 1 เหตุผลวิบัติ
เหตุผล
็
่
์
การยกเอาสวรรค์มาอ้างเพือให้ท าบุญมาก ๆ เปนวิธีหาผลประโยชนทีไม่มีข้อยืนยันแม้ในค าสอนของ
่
ศาสนาก็ไม่ได้กล่าวถึง ค ากล่าวนีจึงเปนเหตุผลวิบัติ
็
้
8. ตอบข้อ 2 เหตุผลวิบัติ
เหตุผล
็
เปนการอ้างถึงงูว่าจะเปนตัวให้โชคจากเลขทีเห็นจัดเปนเหตุผลวิบัติถึงแม้จะเปนการกล่าวลอย ๆ แต่ก็
็
่
็
็
็
เปนการหลอกให้หลงเชื่อ
9. ตอบข้อ 4 ภาษาวิบัติ
เหตุผล
็
การเขียนหนังสือแบบสะกดผิด ใช้ค าไม่ถูกต้องหรือสร้างค าแปลก ๆ ไม่ตรงกับหลักภาษาไทย จัดเปน
่
การใช้ภาษาวิบัติ คือเสือมเสียต่อการใช้ภาษาไทย การท ากิจกรรมต่าง ๆ เช่น การท าธุรกิจขนาดเล็ก การ
่
ั
ประดิษฐ์ระบบฝงตัวทีใช้งานได้จริง ผู้ลงมือปฏิบัติจะมีความสามารถอย่างมาก เก่ง แต่เขียนภาษาไทยไม ่
ุ
่
ถูกต้องเมื่อนาเสนอโครงงานเพือขออนมัติ หรือขอการสนับสนนด้านเงินทุนจากหนวยงานต่าง ๆ ก็ไม่มีผู้ใดให้
ุ
่
เพราะอ่านโรงงานแล้วไม่เข้าใจ นอกจากการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ แล้วนักเรียนต้องหมั่นฝกเขียนภาษาให้ถูกต้อง
ึ
ึ
และเข้าใจง่าย ท าอย่างไรจะฝกได้ ต้องเริ่มจากการอ่านให้มากลดการเล่นลง
10. ตอบข้อ 2 ถูกทุกข้อ
เหตุผล
์
การให้ข่าวสาร เช่น การให้สัมภาษณ การแพร่ข่าวของส านักข่าวต่าง ๆ ถ้ามีข้อผิดพลาดแม้เพียง
้
่
เล็กนอยก็ส่งผลต่อผู้ทีถูกกล่าวถึงอย่างมาก เพราะตามธรรมชาติของผู้รับข่าวสารมักจะให้นาหนักกับ
้
้
็
ข้อผิดพลาดมากกว่าข้อเท็จจริงบางครั้งเปนข้อผิดพลาดเพียงเล็กนอยไม่ถึงกับท าให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ก็
่
็
้
ส่งผลให้เกิดความเสียหายขึน เปนผลให้เกิดการขาดความนาเชื่อถือ ท าให้ภาษาวิบัติ ขาดการใช้เหตุผล เกิด
็
ความเข้าใจผิด ท าให้เสียทรัพย์ เปนต้น
11. ตอบข้อ 2 ไลน ์
เหตุผล
่
็
่
่
่
่
่
สือดิจิทัลเปนสือทีจัดเก็บในรูปของสัญญาณดิจิทัล ทั้งภาพและเสียง สือทีมีการโพสต์หรือสือสารถึงกัน
์
่
เช่น ไลน เฟสบุ๊ก เมื่อโพสต์แล้วจะเก็บในเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการอย่างอัตโนมัติในช่วงเวลาหนึงหรือจนกว่า
จะลบออกและสามารถตรวจสอบได้
็
้
12. ตอบข้อ 1 เนือหาของสือละเมิดความเปนส่วนตัวของผู้อื่นหรือไม่
่
เหตุผล
การละเมิดความเปนส่วนตัวของผู้อื่นมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
็
13. ตอบข้อ 3 ข้อ 1 และ 2 ถูก
เหตุผล
เว็บซือขายออนไลน อ านวยความสะดวกให้กับทั้งผู้ซือและผู้ขาย ประหยัดต้นทนเพราะไม่ต้องจ้าง
์
ุ
้
้
พนักงานขายหนาร้าน ไม่ต้องมีหนาร้าน แต่ก็มีมิจฉาชีพแอบอ้างเข้ามาขายสินค้าราคาถูกกว่าการซือในห้าง
้
้
้
่
ร้านทั่วไปแต่มักมีเงือนไขให้ช าระเงินก่อนแล้วส่งสินค้าให้ ส่วนมากเมื่อรับเงินแล้วจะปดเว็บไซต์หายไป แล้ว
ิ
เปดเว็บใหม่เปลียนชื่อผู้ติดต่อใหม่ บางเว็บซึงอาจเปนเว็บไซต์ชื่อดังรับฝากขายสินค้าทีหมดสภาพ หรือ
ิ
่
่
่
็
หมดอายุแล้วก็มี ดังนั้นก่อนลงชื่อและช าระเงินต้องตรวจสอบก่อนว่าเปนสินค้าทีสั่งและใช้งานได้จริง ถ้า
็
่
่
ตรวจสอบไม่ทัน ต้องเก็บหลักฐานไว้ให้ดีและรีบตรวจสอบ เมื่อพบข้อบกพร่องก็รีบติดต่อผู้ขายทันที เหตุทีมี
้
่
้
การหลอกลวงกันมากเพราะจ านวนเงินทีซือขายกันนอย ๆ ไม่คุ้มค่าในการด าเนินคดีมิจฉาชีพจึงฉวยโอกาสนี ้
ในการหลอกลวง
14. ตอบข้อ 1 คนร้ายดูภาพจากข่าวและสือสังคมออนไลนในสมาร์ตโฟน
่
์
เหตุผล
์
้
่
่
โทรทัศนทุกช่องมีผู้สือข่าวประจ าอยู่ทุกจังหวัด เมื่อมีเหตุการณรุนแรงเกิดขึนผู้สือข่าวก็พยายามเข้าถึง
์
์
่
สถานการณอย่างใกล้ชิดโดยไม่ค านึงถึงผลกระทบทีเกิดขึน คนส่วนใหญ่มีสมาร์ตโฟนรวมทั้งคนร้ายด้วยจึง
้
่
่
่
้
ทราบการเคลื่อนไหวของเจ้าหนาทีตลอด ส่วนการดูภาพจากกล้องวงจรปดต้องอยูทีศูนย์รักษาความปลอดภัย
ิ
ั
ของห้าง และการฟงเสียงวิทยุสือสารของเจ้าหนาทีก็เปนได้ยาก
่
่
้
็
15. ตอบข้อ 4 ข้อ 2 และ 3 ถูก
เหตุผล
ิ
์
การขอใช้กระเปาเงินออนไลน เพียงแต่แจ้งชื่อ นามสกุลและรหัสเลขประจ าตัว 13 หลักก็เปดได้แล้ว
๋
๋
์
่
คนร้ายอาจให้โอนเงินจากเลขบัญชีทีแจ้งไปธนาคารเข้ากระเปาเงินออนไลนแล้วนาไปซือสินค้า หรือ นาไป
้
้
ผ่อนซือสินค้าราคาแพงอื่น ๆ เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์
แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้
วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) เรื่อง ......................................................................... ชั้น ม.
3/........
ความ การตั้ง การทำ ส่งงานใน มาเรียน รวม ปรับ
ตั้งใจ คำถาม กิจกรรม เวลาที่ สม่ำเสมอ คะแนน คะแนน
เลขที่ ชื่อ-นามสกุล มุ่งมั่น ตอบ กลุ่ม กำหนด (4) (20) (10)
(4) คำถาม (4) (4)
(4)
1
2
3
4
5
6
7
8
หมายเหตุ 1. เพิ่มชื่อนักเรียนตามจ านวนจริง
2. แบบประเมินนีใช้ได้ตลอดภาคเรียน
้
3. เกณฑ์การประเมิน
ผู้ประเมิน ........................................................
( )
แบบประเมินสมรรถนะส าคัญ
ชื่อ..........................................................นามสกุล........................................................ ชั้น ม.3/.........เลขที ่
.........
ี
้
ค าชแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และใส่เครื่องหมาย ลงในช่องระดับคุณภาพ
ระดับคุณภาพ
ี
ดมาก ดี พอใช ปรับ
้
สมรรถนะด้าน รายการประเมิน
(3) (2) (1) ปรุง
(0)
1. ความสามารถ 1.1 ความสามารถในการรับ-ส่งข้อมูล
ในการสือสาร 1.2 ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้
่
ความคิด ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษา
อย่างเหมาะสม
่
่
1.3 ใช้วิธีการสือสารทีเหมาะสม มีประสิทธิภาพ
่
1.4 เจรจาต่อรองเพือขจัดและลดปญหาความ
ั
ขัดแย้งต่าง ๆ ได้
่
1.5 เลือกรับและไมรับข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผล
และถูกต้อง
สรุปผลการประเมิน
2. ความสามารถ 2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์
ในการคิด สังเคราะห์
2.2 มีทักษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์
2.3 สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ
2.4 มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้
ั
2.5 ตัดสินใจแก้ปญหาเกี่ยวกับตนเองได้อย่าง
เหมาะสม
สรุปผลการประเมิน
3. ความสามารถ 3.1 สามารถแก้ปญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ทีพบ
ั
่
ในการแก้ปญหา ได้
ั
3.2 รู้จักใช้เหตุผลในการแก้ปญหา
ั
3.3 เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลียนแปลงใน
่
สังคม
3.4 แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการ
ปองกันและแก้ไขปญหา
้
ั
ั
3.5 ตัดสินใจแก้ปญหาได้เหมาะสมกับวัย
สรุปผลการประเมิน
4. ความสามารถ 4.1 เรียนรู้ด้วยตนเองได้เหมาะสมตามวัย
ในการใช้ทักษะ 4.2 ท างานกลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้
ชีวิต 4.3 นาความรู้ทีได้ไปใช้ประโยชนใน
่
์
ชีวิตประจ าวัน
4.4 จัดการปญหาและความขัดแย้งได้เหมาะสม
ั
่
.5 หลีกเลียงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทีส่งผล
่
กระทบต่อตนเอง
สรุปผลการประเมิน
5. ความสามารถ 5.1 เลือกและใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสมตามวัย
ในการใช้ 5.2 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี
เทคโนโลยี 5.3 สามารถนาเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาตนเอง
ั
5.4 ใช้เทคโนโลยีในการแก้ปญหาอย่าง
สร้างสรรค์
5.5 มีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี
สรุปผลการประเมิน
แบบประเมินคุณลักษณะอันพงประสงค์ 8 ประการ
ึ
ี
ี่
วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) ภาคเรียนท...........ปการศึกษา..............
ชื่อ-สกุลนักเรียน............................................................................................ ชั้น ม.3/........... เลขที ่
............
ี
้
ค าชแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน
่
ช่องว่างทีตรงกับระดับคะแนน
คุณลักษณะอันพึง รายการประเมิน ระดับคะแนน
้
ประสงค์ดาน 4 3 2 1
1. รักชาติ ศาสน ์ 1. ยืนตรงเมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติ ร้องเพลงชาติ
กษัตริย์ ได้ และบอกความหมายของเพลงชาติ
2. ปฏิบัติตนตามสิทธิของนักเรียน ให้ความ
ร่วมมือกับสมาชิกในกลุ่มอย่างแข็งขัน
็
่
2. ซื่อสัตย์ สุจริต 1. ให้ข้อมูลทีถูกต้องและเปนจริง ท างานด้วย
ความสามารถของตนเอง
2. ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง เปน
็
่
่
แบบอย่างทีดีแก่เพือนและนักเรียนอื่น ๆ
3. มีวินัย 1. ปฏิบัติตามระเบียบ กฎการใช้ห้องปฏิบัติการ
รับผิดชอบ คอมพิวเตอร์อย่างเคร่งครัด
่
4. ใฝเรียนรู้ 1. ตั้งใจเรียน
2. เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ
3. ศึกษาและสืบค้นหาความรู้เพิ่มเติมจาก
แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้งในหนังสือแบบเรียน ใน
ห้องสมุดและในอินเทอร์เน็ต
4. วิเคราะห์ความนาเชื่อถือของข้อมูลและสรุป
่
็
เปนองค์ความรู้จัดเก็บไว้ใช้อ้างอิง
ั
5. คิดและหาวิธีแก้ปญหาด้วยขั้นตอนทาง
วิทยาศาสตร์
์
5. อยู่อย่างเพียงพอ 1. ใช้อุปกรณการเรียนของโรงเรียนอย่าง
ประหยัดและคุ้มค่า
6. มุ่งมั่นในการ 1. ความตั้งใจในการท างานให้เสร็จในเวลาที ่
้
ท างาน ก าหนดและมีคุณภาพตามเปาหมาย
2. มีความอดทนไมท้อแท้ต่ออุปสรรคทีพบ
่
่
ท างาน
ให้ส าเร็จ
7. รักความเปนไทย 1. ใช้ภาษาไทยในการท าเอกสารและการโต้ตอบ
็
์
ในโปรแกรมตลอดจนในสือสังคมออนไลนอย่าง
่
ถูกต้อง สุภาพ ไม่ใช้ค าหยาบคาย
8. มีจิตสาธารณะ 1. รู้จักดูแลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของ
์
อุปกรณคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนและโรงเรียน
แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ชื่อ .........................................................ชั้น ม.3/.........เลขที่ ...........คะแนนที่ได้ ...............
ิ
ให้นักเรียนประเมินตนเองจากผลที่ได้จากการเรียนรู้ในวิชาวทยาศาสตร์ โดยทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรง
ั
กับระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีในแต่ละหวข้อ
ระดับความรู้ความเข้าใจ ทักษะ บันทึก
สัปดาห์ที่ เรื่อง/หัวข้อย่อย/กิจกรรม
มาก ปานกลาง น้อย เพิ่มเติม
1
2
3
4
5
หมายเหตุ 1. ทำให้ครบทุกสัปดาห์
2. ให้นักเรียนประเมินตนเองจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
แบบประเมินทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21
วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) เรื่อง ......................................................................... ชั้น ม.
3/........
การ
การ
รู้ศัพท์ รู้ รู้ การคิดแบบม ี การ คิด สรุป
เลขที่ ชื่อ-นามสกุล ทำงาน
รู้ภาษา คณิตศาสตร์ ICT วิจารณญาณ สื่อสาร สร้าง ผล
ร่วมกัน
สรรค์
ลงชื่อผู้ประเมิน...............................................
(.............................................)
คำชี้แจง 1. เกณฑ์การให้ระดับคุณภาพ
3 = ดีเยี่ยม 2 = ดี 1 = ผ่าน
2. ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่อง เมื่อนักเรียนแสดงพฤติกรรมตามหัวข้อประเมิน แล้วสรุปผลในแต่
ละช่องว่าควรได้ระดับคุณภาพใด โดยทำให้ครบทุกช่อง
3. การสรุปผลการประเมินให้สรุปโดยใช้เกณฑ์ถ้าได้ระดับใดมากที่สุด ผลการประเมินโดยสรุป ใช้
ระดับคุณภาพนั้น เช่น ถ้าได้ 3 = 3 รายการ ได้ 2 = 6 รายการ สรุปผลได้ = 2
4. แบบประเมินนี้ใช้ได้ตลอดทั้งภาคเรียนแล้วจึงสรุปผล
้
หน่วยการเรียนร ู้ ใชเทคโนโลยอย่างปลอดภัย
ี
ที่
5
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 6 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5/1 ใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย 6 ชั่วโมง
สาระการเรียนรู้
1. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
่
2. กฎหมายเกียวกับคอมพิวเตอร์
ตัวชี้วัดชั้นปี
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม (ว 4.2 ม.3/4)
สมรรถนะสำคัญ/ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
1. สมรรถนะสำคัญ
- ความสามารถในการสื่อสาร
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
2. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ทักษะ 3 Rs
1. ทักษะการอ่าน (Reading)
2. ทักษะการเขียน (Writing: Riting)
3. ทักษะการคิดค านวณ (Arithmetic: Rithmetic)
ทักษะ 7 Cs
ั
1. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปญหา (Critical thinking and problem
solving)
่
่
2. ทักษะการสือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสือ (communications, information, and
media literacy)
็
3. ทักษะด้านความร่วมมือ การท างานเปนทีมและภาวะผู้นา (collaboration, teamwork
and leadership)
4. ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (creativity and innovation)
5. ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร (computing and ICT
่
literacy)
6. ทักษะด้านการท างาน การเรียนรู้ และการพึงตนเอง (career and learning self–
่
reliance)
7. ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน (cross–cultural
์
understanding)
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
์
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย์
2. ซื่อสัตย์สุจริต
3. มีวินัย รับผิดชอบ
4. ใฝเรียนรู้
่
5. อยู่อย่างเพียงพอ
6. มุ่งมั่นในการท างาน
็
7. รักความเปนไทย
8. มีจิตสาธารณะ
การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning
้
้
หน่วยการเรียนรูท 5 การใชเทคโนโลยสารสนเทศอย่างปลอดภัย
ี
ี
่
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้
ั
็
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงค านวณในการแก้ปญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเปนขั้นตอนและ
่
ั
็
เปนระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารในการเรียนรู้การท างาน และการแก้ปญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
ี
ตัวชวัด
้
มฐ. ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ปฏิบัติตาม
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม
แนวคิดส าคัญ ค าถามหลัก
์
1. ความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. ธุรกรรมออนไลนหมายถึงการท าอะไร
์
้
คือ การรู้จักปองกันภัยคุกคามทีเกิดจากการใช้ 2 ข้อควรระวังในการซือสินค้าออนไลนคืออะไร
้
่
เทคโนโลยี ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภัยคุกคามจาก 3. การซือไอเท็มคือซืออะไร
้
้
้
์
การท าธุรกรรมออนไลนการซือสินค้า 4. บอกความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
่
2. ผลพวงจากการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย มาตามทีทราบ
่
ิ
่
ท าให้เกิดสือต่าง ๆ ขึนมากมาย เช่น สือสังคม 5. การเปดอีเมลของผู้ไม่รู้จักทีส่งมาให้อาจมีผลเสีย
้
่
อย่างไร
์
ออนไลนการซือขายสินค้าออนไลน การท า
้
์
ั
6. ทรัพย์สินทางปญญาหมายถึงอะไร
ธุรกรรมทางการเงินออนไลน เปนต้น สือเหล่านีมี
่
็
์
้
7. ลิขสิทธิ์จะได้รับการคุ้มครองเมื่อไร
ความสะดวกในการใช้อย่างมาก อาจมีผู้ฉกฉวย 8. สิทธิบัตรหมายถึงอะไร
โอกาสใช้สือในการแสวงหาผลประโยชนโดยไม ่ 9. เครื่องหมายการค้าต้องจดทะเบียนหรือไม่
่
์
สุจริต หรือใช้ในการล่อลวงผู้อื่น จึงต้องมี 10. โตโยต้าคืออะไรในภาษากฎหมาย
็
่
กฎหมายเพือจัดระเบียบการใช้คอมพิวเตอร์ 11. ส้มบางมดจัดเปนอะไรในพระราชบัญญัติ
คอมพิวเตอร์
12. ครูสอนวิชานาฏศิลปคิดค้นท่าร าอวยพรแบบใหม่
์
ท่าร านีต้องจดลิขสิทธิ์หรือไม ่
้
13. ถ้าจดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว มีผลคุ้มครอง
ในประเทศอื่นหรือไม ่
14. สิทธิบัตรมีผลคุ้มครองนานเท่าไร
15. ลิขสิทธิ์มีอายุคุ้มครองนานเท่าไร
16. ทรัพย์สินทางปญญาแบ่งเปนกี่ประเภท
็
ั
17. การนาเพลงของเบิร์ดมารวมไว้ในหนวยความจ า
่
แบบแฟลชแล้วขายมีความผิดหรือไม่
์
18. การเล่นแชร์ออนไลนมีความผิดหรือไม ่
็
19. การคัดลอกข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาส่งเปน
รายงาน มีความผิดหรือไม่
20. การคัดลอกเนือหาบางส่วนของหนังสือ
้
่
็
อิเล็กทรอนิกส์มาท าเปนรายงานแล้วบอกแหล่งทีมาไว้
ตอนท้าย เรียกว่าการใช้สารสนเทศแบบใด
ี
กิจกรรมการเรยนรู ้ การวัดและประเมินผล
่
1. ครูนาอภิปรายเพือสร้างความสนใจโดยใช้ค าถาม 1. ท ากิจกรรมตรวจสอบการเรียนรู้ ตอบค าถามท้าย
กระตุ้นให้นักเรียนสังเกต คิดวิเคราะห์ และช่วยกัน หนวยการเรียนรู้
่
่
ตอบ 2. การสังเกตพฤติกรรมนักเรียนด้านใฝเรียนรู้ มงมั่น
ุ่
่
2. บอกเปาหมายการเรียนรู้ในหัวข้อเรื่องทีสอนทั้ง ในการท างาน และซื่อสัตย์สุจริต
้
ทางด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึง 3. การเขียนสมุดบันทึกความรู้
ประสงค์ 4. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมใน
3. ใช้เทคนิคการสอนแบบสืบสวน (ตั้งค าถาม-ตอบ การอภิปราย ซักถาม และตอบค าถามกิจกรรม
่
ค าถาม) เพือนาไปสู่ข้อสรุปหรือการสอนแบบ 5E 5. แบบประเมินพฤติกรรมด้านทักษะปฏิบัติ
ดังนี ้ 6. แบบประเมินการนาเสนอผลงานกลุ่ม
3.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 7. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง
นาเข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างเหตุการณทีเปนข่าว 8. แบบประเมินการเขียนรายงาน
็
์
่
เช่น แจ้งจับบริษัทขายตรงโกงเงินหลายล้าน ครูตั้ง 9. แบบประเมินการเขียนผังมโนทัศน ์
ข้อสังเกต เช่น การขายตรงจะโกงเงินได้อย่างไร เมื่อ 10. แบบประเมินทักษะทีจ าเปนในศตวรรษที 21
็
่
่
รับสินค้าไปขายแล้วก็รับเงินมา ให้นักเรียนช่วยกัน
อภิปรายสั้น ๆ สร้างความสนใจ หรือยกเรื่องที ่
์
้
่
นาสนใจจากเหตุการณทีเกิดขึนอยู่ในช่วงเวลานี หรือ
้
่
เปนเรื่องทีเชื่อมโยงกับความรู้เดิมทีเพิ่งเรียนรู้มาแล้ว
่
่
็
็
เปนตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างค าถาม ก าหนด
่
ประเด็นทีศึกษา
3.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)
แบ่งกลุ่มให้นักเรียนสืบค้นและรวบรวมผลกระทบ
เรื่องอันตรายจากการใช้เทคโนโลยี โทษของการท า
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยคอมพิวเตอร์
มาตราต่าง ๆ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้
ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นอย่างยุติธรรม
3.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
่
นาข้อมูลข้อสนเทศทีได้มาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล
จากการส ารวจและการสืบค้นมานาเสนอในรูปต่าง ๆ
เช่น บรรยายสรป ท าเปนแผนภมิ เปนต้น
ู
็
ุ
็
3.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) นาความรู้ที ่
สร้างขึนไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือความคิดทีได้
่
้
ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนาแบบจ าลองหรือข้อสรุปทีได้
่
์
ไปใช้อธิบายสถานการณหรือเหตุการณอื่น ๆ ถ้าใช้
์
้
อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มากก็แสดงว่าข้อจ ากัดนอย
่
ซึงจะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และท าให้เกิด
้
ความรู้กว้างขวางขึน
3.5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) ประเมินผล
การเรียนรู้ด้วยกระบวนการและเครื่องมือต่าง ๆ เพือ
่
่
ตรวจสอบว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร เพือ
ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่น ๆ
4. ประเมินผลการเรียนรู้ด้วยแบบทดสอบแบบ
่
เลือกตอบ ตรวจ เฉลยก่อนเรียนหนวยต่อไป