The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ปี65

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by TPSO 11, 2023-02-27 08:27:38

โครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ปี65

โครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ปี65

โดย สำ�นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1 – 12 สำ�นักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ของผู้สูงอายุ คุณภาพชีวิต การส่งเสริม โครงการวิจัย


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วม ของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน คณะผู้ดำ�เนินการวิจัย คณะที่ปรึกษาโครงการ นางณิชาพัชฌ์เพ็ชรพันธุ์ ผู้อำ นวยการสำ นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 รองศาสตราจารย์ดร.กาญจน์สุนภัส บาลทิพย์ คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ขนิษฐา นาคะ คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะผู้วิจัย นางสาวศีลิยา สุขอนันต์ สำ นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 นายทศพล นุชิต สำ นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 นางศิริพร อินทร์แก้ว สำ นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 นายจิตตฤณ เจะอามะห์ สำ นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 พิมพ์ที่ : ไอคิวมีเดีย 089-4660752 จัดพิมพ์และเผยแพร่ : สำ นักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถนนสงขลา-เกาะยอ ตำ บลพะวง อำ เภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา 90100 โทรศัพท์/โทรสาร 074-330222, 074-330228 E-mail: [email protected]


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ก คำ�นำ� การเข้าสู่สังคมสูงอายุของประเทศไทยที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ทางเศรษฐกิจและสังคมอันเกิดจากการลดลงของประชากรวัยแรงงานและประชากรวัยเด็ก รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของอัตรา การพึ่งพิงที่วัยสูงอายุมีต่อวัยแรงงาน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการปรับตัวของผู้สูงอายุเท่านั้น คนใน ช่วงวัยอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้บริบททางสังคมและเศรษฐกิจเดียวกันย่อมต้องมีการปรับตัวให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขและไม่เกิดปัญหาสังคมตามมา การปรับตัวของผู้สูงอายุเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นพลวัตรนั้น จำ เป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนท้องถิ่นซึ่งมีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับผู้สูงอายุมากที่สุด เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับ คนที่กำลังจะเข้าสู่วัยสูงอายุสามารถก้าวข้ามผ่านความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความรู้สึกมั่นคง การพัฒนารูปแบบ/แนวทาง การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชนจะเป็นกรอบทิศทาง ที่ชี้ให้เห็นถึงบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอันจะสามารถถ่ายทอดสู่การปฏิบัติได้อย่างสอดคล้องและ เหมาะสม การศึกษาวิเคราะห์เพื่อกำ หนดแนวทาง/รูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่เชื่อมโยงสู่การดำ เนินงาน ในพื้นที่จะต้องคำ นึงถึงบริบทความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่น ดังนั้นสำ นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 ในฐานะ หน่วยงานส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในภูมิภาครับผิดชอบเขตพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง (ตรัง, พัทลุง, สงขลา, สตูล, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส) จึงดำ เนินการศึกษาวิจัยโครงการ “การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของ คนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน” เพื่อศึกษาถึงสถานการณ์ความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ภายใน ครอบครัว และการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุโดยกลไก/ภาคีเครือข่าย/ภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำ ไปสู่การกำ หนด รูปแบบ/แนวทาง การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของชุมชนท้องถิ่น สร้างสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพ สำ นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 ขอขอบคุณ รองศาสตราจารย์ดร.กาญจน์สุนภัส บาลทิพย์และผู้ช่วย ศาสตราจารย์ดร.ขนิษฐา นาคะ จากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ได้กรุณาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา โครงการวิจัย “การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน” และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการวิจัยดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการดำ เนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้ที่สนใจ ไม่มากก็น้อย และหากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ณ ที่นี้ สำ นักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 มีนาคม 2565


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ข บทคัดย่อ โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความตระหนักในคุณค่าความสำคัญ และการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในการส่งเสริมคุณภาพ ชีวิตของผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ สามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น รวมทั้งเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว/ชุมชนระหว่างคนทุกช่วงวัย และมีการพัฒนาระบบกลไกในการคุ้มครอง ดูแลผู้สูงอายุ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีครอบคลุมในทุกมิติผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ของกลไกทุกระดับโดยเฉพาะครอบครัวและชุมชนท้องถิ่นซึ่งมีความใกล้ชิดกับผู้สูงอายุมากที่สุด เพื่อให้การช่วยเหลือดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิตเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โครงการวิจัยชิ้นนี้ใช้วิธีการวิจัยแบบผสานวิธีซึ่งประกอบด้วย การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพที่มีทั้ง วิธีการสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์เชิงลึก สำ หรับการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และสมาชิกช่วงวัยอื่นในครอบครัวที่มีอายุตั้งแต่10-59 ปีโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัยจำ นวน 1,000 ชุด ส่วนการสนทนากลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว จำ นวน 15 คน กับกลุ่มตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำ เนินงานด้านผู้สูงอายุในพื้นที่ เช่น ตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำ บล(รพสต.)สำ นักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) และตัวแทนจากสมาชิกชมรม/โรงเรียนผู้สูงอายุ/องค์กรชุมชน จำ นวน 15คน สำ หรับการสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นการสัมภาษณ์ ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาในเขตพื้นที่จำ นวน 3 ท่าน การศึกษาวิจัยใช้ระยะเวลาในการดำ เนินงาน 1 ปีช่วงระหว่างเดือนเมษายน 2564 ถึงเดือนมีนาคม 2565 ผลการวิจัยพบว่า คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในปัจจุบันทั้งจากการประเมินโดยตัวของผู้สูงอายุและการประเมินโดย สมาชิกช่วงวัยอื่นในครอบครัวเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน โดยผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางมีคะแนน เฉลี่ยเท่ากับ 3.36ในกลุ่มผู้สูงอายุและคะแนนเฉลี่ย3.28ในกลุ่มของสมาชิกในครอบครัวรวมทั้งมีคะแนนเฉลี่ยรายองค์ประกอบ ดังนี้องค์ประกอบทางด้านร่างกายมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.28 และ 3.17 ในกลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว ตามลำดับ องค์ประกอบด้านจิตใจมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.43 และ 3.33 ในกลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว ตามลำ ดับ องค์ประกอบด้านสัมพันธภาพทางสังคมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.40 และ 3.35 ในกลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว ตามลำดับ และองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.39และ3.30ในกลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว ตามลำดับ เมื่อพิจารณารายองค์ประกอบพบว่า นอกจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะให้คะแนนการประเมินอยู่ในระดับปานกลาง เท่ากับ 3.36และ3.28ในกลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัวตามลำดับ แต่มีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือองค์ประกอบด้านจิตใจ มีร้อยละของการประเมินคุณภาพชีวิตในระดับที่ดีสูงกว่าองค์ประกอบด้านอื่นๆ โดยเท่ากับร้อยละ 28.20 และ 16.30 ในกลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัวตามลำดับ ส่วนองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อมมีร้อยละของการประเมินคุณภาพชีวิต ในระดับตํ่ามากกว่าองค์ประกอบด้านอื่นๆ ซึ่งเท่ากับร้อยละ 18.50 และ 21.30 ในกลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว ตามลำดับ จากข้อมูลดังกล่าวแสดงว่า ในภาพรวมผู้สูงอายุมีความพึงพอใจกับคุณภาพชีวิตของตนเองอยู่ในระดับปานกลาง โดยที่สมาชิกช่วงวัยอื่นในครอบครัวมีความคิดเห็นในทิศทางที่สอดคล้องกัน นั่นหมายความว่า ผู้สูงอายุยังต้องการให้มี การช่วยเหลือดูแล และพัฒนาเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น โดยเฉพาะองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อม ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่และสภาพปัญหาของผู้สูงอายุในปัจจุบัน โดยในส่วนของความเป็นอยู่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ร่วมกับสมาชิกในครอบครัว หรือมีบ้านพักอาศัยอยู่ในบริเวณ ใกล้เคียงกัน และยังคงได้รับการดูแลจากสมาชิกในครอบครัว ญาติตลอดจนเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัย


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ค อยู่ตามลำ พัง ส่วนสภาพปัญหาสำคัญคือปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัว การประสบปัญหาป่วยติดเตียง และการเป็นโรคอัลไซเมอร์ซึ่งพบมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุรวมทั้งปัญหาด้านรายได้ที่ไม่เพียงพอในกลุ่มผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยไม่ สามารถช่วยเหลือตนเองได้หรือผู้สูงอายุที่มีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินให้กับบุตร การดำ เนินงานของหน่วยงานและภาคส่วน ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน มีทั้งมิติของการช่วยเหลือดูแลด้านสุขภาพโดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่มีบทบาทสำคัญใน การดูแลเกี่ยวกับสุขลักษณะของผู้สูงอายุป่วยติดเตียง มิติด้านสิ่งแวดล้อมในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้มีสภาพเหมาะสม โดยบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายใต้การสนับสนุนงบประมาณของสำ นักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์จังหวัดและการช่วยเหลือปรับสภาพบ้านให้ถูกสุขลักษณะในกลุ่มของผู้สูงอายุที่ไม่มีกำลังความสามารถโดยบทบาท ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) มิติด้านการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะความรู้ในการดูแลสุขภาพ ตนเองและทักษะการทำ งานโดยสำ นักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) มิติด้านการมี ส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมโดยบทบาทของชมรม/โรงเรียนผู้สูงอายุผ่านการดำ เนินกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น แนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ตลอดจน ภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ คือการส่งเสริมคุณภาพชีวิตตามคุณลักษณะและ ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองของผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาป่วยติดเตียงควรให้การดูแลด้านสุขลักษณะ อย่างเหมาะสมทั้งในด้านของการกิน อยู่ หลับ นอน โดยเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่มีทักษะความเชี่ยวชาญ และการจัด สภาพบ้านให้เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยโดยการมีส่วนร่วมของสมาชิกในครอบครัว ผู้สูงอายุติดบ้านควรส่งเสริมการมี ส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคซึมเศร้าหรือกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุติดสังคมที่ควรส่งเสริม ให้ได้รับการพัฒนาทักษะความรู้เพื่อการปรับตัวได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และผู้สูงอายุที่มีทักษะความรู้/ภูมิปัญญา ที่ควรส่งเสริมบทบาทการเป็นวิทยากรหรือเป็นผู้ให้ข้อมูลเพื่อนำ ไปสู่การจัดการความรู้ที่สามารถเผยแพร่หรือพัฒนาต่อยอดได้ การส่งเสริมบทบาทของเยาวชนให้ทำ หน้าที่ในการช่วยเหลือดูแลเกี่ยวกับการดำ เนินชีวิตประจำ วันของผู้สูงอายุ ตลอดจน ถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารที่จำ เป็นต่างๆวัยแรงงานซึ่งมีบทบาทในการดูแลผู้สูงอายุเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ควรส่งเสริม ให้มีการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุในทุกมิติโดยเฉพาะด้านสุขภาพและรายได้ภาคีเครือข่ายและภาคส่วนต่างๆ ในชุมชน ควรมีการพัฒนาทักษะความรู้ส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมในการดำ เนินงานด้านผู้สูงอายุ และประสานความ ร่วมมือกับภาคส่วน/หน่วยงานภายนอกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ควรมีการกำ หนดนโยบายในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุให้มีความชัดเจน ผลักดันให้มีการขับเคลื่อนโดยการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ จัดบริการสาธารณะและ กิจกรรมที่เหมาะสม รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของภาคีเครือข่ายที่เป็นกลไกสำคัญในการดำ เนินงาน โดยมีการสนับสนุนจาก หน่วยงานภาครัฐทั้งด้านองค์ความรู้บุคลากร งบประมาณ การจัดสวัสดิการและบริการรองรับอย่างเหมาะสม การเตรียม ความพร้อมของวัยผู้ใหญ่ก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ การพัฒนาทักษะและส่งเสริมอาชีพ รวมทั้งการกำ หนดมาตรการรองรับ ผู้สูงอายุที่ขาดผู้ดูแลทั้งในด้านงบประมาณ สถานที่และบุคลากรการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคเอกชนเพื่อให้ มีการสนับสนุนงบประมาณและเทคโนโลยีรวมทั้งการมาตรการในการจ้างงานอย่างเฉพาะเจาะจงสำ หรับผู้สูงอายุ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้แก่การจัดทำฐานข้อมูลของผู้สูงอายุเพื่อประโยชน์ ในการจัดทำ แผนงานในการช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนา การจัดสรรบุคลากรที่ได้รับการพัฒนาทักษะความรู้ในการดูแล ผู้สูงอายุอย่างทั่วถึงการกำ หนดมาตรการด้านการส่งเสริมสวัสดิการ/ระบบการคุ้มครองทางสังคมสำ หรับแรงงานนอกระบบ ที่เป็นผู้สูงอายุการพัฒนาช่องทางและระบบการให้บริการที่ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกการประสานความร่วมมือ กับหน่วยงานภาคเอกชนในลักษณะของ CSR หรือ MOU เพื่อให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการดำ เนินงานด้านผู้สูงอายุรวม ทั้งนำ รูปแบบ/แนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชนไป ทดลองปฏิบัติจริงในพื้นที่เพื่อขยายผลการศึกษาวิจัย


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ง Abstract A research project on promoting the quality of life of the elderly through participation of people of all ages in the family and community. Its purpose is to raise awareness of the value, importance and participationof peopleof all ages in promoting the qualityof lifeof theelderly.To promotetheelderly to have a good qualityof life, both physically and mentally can be more self-reliant.As well as to promote relationships withinthefamily/community between peopleofallages.and has developed a mechanism to protect and care for the elderly. The main goal is to promote the elderly to have a good quality of life covering all dimensions through the participation process of all levels of mechanisms, especially families and local communities that are closest tothe elderly. Tohelp care and promote the qualityof life is continuous and sustainable.


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน จ Various research methods are employed in this research. These are quantitative research and qualitative research which includes focus-group discussions and in-depth interviews. Research sample groups for quantitative research using questionaires are elderly people aged 60 years and over and other family members aged 10–59years1,000sets. Focus group discussions consistsof2target groups, which are the elderly and their family members of 15 people and A group of representatives of organizations involved in the operation of the elderly in the area, such as representatives from local governmentorganizationsSub-District HealthPromoting Hospital (Public Organization), Officeof Non-Formal and Informal Education (Non-School Education) and representatives from members/schools for the elderly/communityorganizationsof15 people.For thein-depthinterviews wereinterviews with3experts who were academics from educational institutions in the area. The study was conducted for one year between April 2021 and March 2022 The results showed that the quality of life of the elderly at present, both assessed by the elderly and assessed by other family members, are in the same direction. The overall assessment results were at a moderate level with an average score of 3.36 among the elderly. And a mean score of 3.28 among family members. As wellashavingaveragescores foreachcomponentas follows : physical components mean scores were 3.28 and 3.17 among the elderly and their family members, respectively. Mental componentshad meanscores were3.43and 3.33among theelderly and their family members, respectively. The social relationship components had mean scores of 3.40 and 3.35 among the elderly and their family members, respectively. And the environmental components had mean scores of 3.39 and 3.30 among the elderly and their family members, respectively. When considering each component, it was found that, in addition to the majority of the target groups, the assessment scores were at a moderate level of 3.36 and 3.28 among the elderly and their family members, respectively. But there is an interesting observation. The mental component had a higher percentageof good qualityof lifeassessments thantheothercomponents by28.20% and 16.30% among the elderly and their family members, respectively. The environmental component had a lower percentage of the quality of life assessments than the other components. Which was equal to 18.50% and 21.30% among the elderly and their family members, respectively. From suchinformation, it shows that Overall, the elderly were satisfied with their quality of life at a moderate level. Where other age membersof the family have theiropinions in the same direction. That means, Elderly people still need help and care. and develop to have a better quality of life especially the environmental component. The data from the focus group discussion shows the current situation of the elderly's well-being and problems. In terms of living conditions, most of the elderly still live with their family members. or have a house to live in the vicinity and still being cared for by family members, relatives and neighbors nearby Only a small percentage of people live alone. As for the condition, the main problem is health problems. Both illnesses with congenital disease Suffering from bedridden problems and Alzheimer's disease, whichis more commonamong the elderly including the problem of insufficient income among the elderly who are sick and unable to help themselves or the elderly who have debts from borrowing money to their children. Operations of various departments and sectors relevant to the present There are dimensionsof health care assistance by public health agencies that play an important role in


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ฉ the health care of bedridden elderly. Environmental dimensions in the improvement of housing to be suitable conditions by the role of local government organizations under the budget support of the Provincial Social Development and HumanSecurity Office. and helping toadjust thehome conditionto be hygienic in the group of the elderly with no capacity by the role of village health volunteers (VHVs). Educational dimensionsonthe developmentof knowledgeskills inself-careand work skills bythe Office for the Promotion of Non-Formal and Informal Education (NFE) Dimensions on participation in social activities by roles of the club/school for the elderly through various activities, etc. Approaches to promoting the quality of life of the elderly through participation of people of all ages in the family and community as well as various sectors related According to information from in-depth interviews with experts, they are: Promoting quality of life according to the characteristics and self-help abilities of the elderly. Elderly people who suffer from bed-ridden illnesses should be provided with proper sanitary care in term of eating, sleeping by skilled health care worker and arranging home conditions to besuitablefor living withthe participationof family members.Elderlystayathomeshould encourage participation in social activities to prevent depression or becoming bedridden. The elderly are socially attached that should be encouraged to develop skills and knowledge to adapt appropriately tothe situationand the elderly withknowledge/wisdom skills that should promote their roles as speakers or informants inorder tolead toknowledge management thatcan be disseminated or further developed. Promoting the role of youth in helping to care for the daily life of the elderly as well as conveying necessary information. Working age, which plays a role in caring for the elderly in relation to daily expenses Preparation before entering old age should be promoted in all dimensions, especially health and income. Network partnersand various sectors inthecommunityshould develop skillsand knowledge. Promotetheroleof participationintheoperationof theelderly and collaborating withexternal sectors/ organizations. Local government organizations that should have a clear policy to promote the quality of life of the elderly. Drive to be driven by the participation of various sectors. Organize appropriate public services and activities as well as to develop the potential of network partners, which is an important mechanism in operation. There is support from government agencies in terms of knowledge, personnel, budget, welfare provisionand appropriate support services.Preparationof adulthood before entering old age Skill development and career promotion including setting up measures to support the elderly wholack caregivers intermsof budget, locationand personnel. Coordinating with private sector agencies to provide budget and technology support. including specific measures for employment for the elderly. Additional recommendations to promote the elderly to have a better quality of life include establishing a database of elderly people for the benefit of preparing work plans to help, promote, develop, allocate personnel who have developed knowledge and skills in care. the elderly thoroughly. Determining measures to promote welfare/social protection system for elderly informal workers. Developing channels and service systems that the elderly can easily access. Coordination with private sector agencies in the form of CSR or MOU to participate in supporting operations on the elderly. As well as apply the model/guideline to promote the quality of life of the elderly by participation of people of all ages in the family and community to practice in the area to expand the research results.


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ช บทสรุปผู้บริหาร โครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน เป็นโครงการ ที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่สัดส่วนของประชากรสูงอายุเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพ ชีวิตที่ดีโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนทุกช่วงวัย การมี ส่วนร่วมในการช่วยเหลือดูแล และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุซึ่งเป็นการเสริมความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง ลดภาวะพึ่งพา ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะพฤฒพลัง (Active Aging) เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมในการ พัฒนาสังคม วัตถุประสงค์สำคัญของโครงการศึกษาวิจัยคือ เพื่อเสริมสร้างความตระหนักในคุณค่า ความสำคัญ และการมีส่วนร่วม ของคนทุกช่วงวัยในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางด้านร่างกายและ จิตใจ สามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น รวมทั้งเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว/ชุมชนระหว่างคนทุกช่วงวัย และ มีการพัฒนาระบบกลไกในการคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุโดยใช้วิธีดำ เนินการวิจัยแบบผสานวิธีประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ผู้สูงอายุและสมาชิกช่วงวัยอื่นในครอบครัว จำ นวน 1,000 คน ในจำ นวนดังกล่าว เป็นผู้สูงอายุจำ นวน 400 คน และสมาชิกในครอบครัวจำ นวน 600 คน โดยเป็น การประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุตามแบบสอบถามที่ประยุกต์จากแบบฟอร์มการประเมินคุณภาพชีวิตของ WHO เพื่อสะท้อนถึงมุมมองความคิดเห็นทั้งจากการประเมินตนเองโดยผู้สูงอายุ และการประเมินจากมุมมองความคิดเห็นของ สมาชิกในครอบครัว ส่วนวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพซึ่งเป็นวิธีการวิจัยหลัก เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ ความเป็นอยู่และสภาพปัญหาของผู้สูงอายุการดำ เนินงานของภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมคุณภาพ ชีวิตของผู้สูงอายุปัจจัยหนุนเสริมและปัญหาอุปสรรคในการดำ เนินงานด้านผู้สูงอายุตลอดจนข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรูปแบบ/ แนวทางในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ภายใต้ การสนับสนุนของภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวิธีการดำ เนินการประกอบด้วยการสนทนากลุ่มกับกลุ่มเป้าหมาย จำ นวน 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือ ตัวแทนผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว กลุ่มที่ 2 คือ ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ การดำ เนินงานด้านผู้สูงอายุในพื้นที่ และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่ที่มี การดำ เนินงานด้านผู้สูงอายุ


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ซ ผลจากการศึกษาวิจัยพบว่า กลุ่มเป้าหมายที่เป็นตัวแทนผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีช่วงอายุอยู่ระหว่าง 60 – 70 ปีร้อยละ 54.00ระดับการศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในระดับประถมศึกษาและไม่ได้เรียนหนังสือร้อยละ77.50การประกอบอาชีพส่วนใหญ่ ไม่ได้ประกอบอาชีพและประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีจำ นวนรวมกันเท่ากับร้อยละ 75.00 และส่วนใหญ่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาท ร้อยละ85.50แหล่งรายได้หลักมาจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุร้อยละ77.30ส่วนใหญ่อยู่ในครอบครัวที่มีจำ นวน สมาชิก 2-5 คน ร้อยละ 82.25 และอาศัยอยู่ตามลำ พังร้อยละ 4.00 ส่วนกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่ มีช่วงอายุอยู่ระหว่าง 41-59 ปีร้อยละ 61.50 ระดับการศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้นและ มัธยมศึกษาตอนปลาย มีจำ นวนรวมกันเท่ากับร้อยละ 64.00 การประกอบอาชีพส่วนใหญ่เป็นอาชีพรับจ้างทั่วไปและ เกษตรกรรมซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน ร้อยละ 55.00 รายได้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 10,001 - 200,000 บาท ร้อยละ 71.80 แหล่งรายได้หลักมาจากการทำ งาน ร้อยละ 84.30 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 3-5 คน ร้อยละ 69.30 การประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทั้งโดยตัวของผู้สูงอายุเองและสมาชิกช่วงวัยอื่นในครอบครัวมีความสอดคล้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ มีระดับคะแนนการประเมินอยู่ในระดับปานกลาง มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.36ในกลุ่มผู้สูงอายุ และคะแนนเฉลี่ย3.28ในกลุ่มของสมาชิกในครอบครัว ทั้งองค์ประกอบทางด้านร่างกายองค์ประกอบด้านจิตใจองค์ประกอบ ด้านสัมพันธภาพทางสังคม องค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตโดยรวม แต่หากพิจารณาองค์ประกอบรายประเด็น จะพบว่ามีบางประเด็นที่มีคะแนนการประเมินอยู่ที่ระดับมาก โดยในส่วนของผู้สูงอายุประเด็นที่มีคะแนนระดับมาก ได้แก่ ความรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย ความพอใจกับสภาพบ้านเรือนที่อยู่อาศัยปัจจุบัน ความพอใจต่อความสัมพันธ์ที่มีกับคนรอบข้าง ความรู้สึกถึงความมั่นคงปลอดภัยในในการดำ เนินชีวิตประจำวัน ความคิดเห็นว่าสภาพแวดล้อมดีต่อสุขภาพ ความสามารถ ในการไปไหนมาไหนด้วยตนเอง การมีคุณภาพชีวิตชีวิตที่ดีและความรู้สึกพอใจในตนเอง รวมทั้งการมีความรู้สึกไม่ดีเช่น รู้สึกเหงา เศร้า หดหู่สิ้นหวัง วิตกกังวล บ่อยครั้ง โดยคิดเป็นร้อยละ 55.00, 53.50, 51.80, 50.00, 45.30, 45.30, 45.30, 42.50 และ 40.50 ตามลำดับ สมาชิกในครอบครัวประเด็นที่มีคะแนนการประเมินระดับมากได้แก่ ความคิดเห็นว่าผู้อายุรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย ความคิดเห็นว่าสภาพบ้านเรือนที่อยู่อาศัยปัจจุบันมีความเหมาะสมกับผู้สูงอายุ ความคิดเห็นว่าผู้สูงอายุรู้สึกพอใจกับ ความช่วยเหลือที่ได้รับจากคนในครอบครัวและคนในชุมชน รวมทั้งความคิดเห็นว่าผู้สูงอายุรู้สึกพอใจต่อความสัมพันธ์ที่มีกับ คนรอบข้าง โดยคิดเป็นร้อยละ 47.30, 46.00, 45.50, และ 43.70 ตามลำดับ แม้ว่าโดยรวม ผลการประเมินคุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุจะอยู่ในระดับปานกลางแต่เมื่อเทียบกันระหว่างองค์ประกอบแต่ละด้านพบว่าองค์ประกอบด้านจิตใจมีร้อยละของ การประเมินคุณภาพชีวิตในระดับที่ดีสูงกว่าองค์ประกอบด้านอื่นๆ โดยเท่ากับร้อยละ 28.20 และ 16.30 ในกลุ่มผู้สูงอายุ และสมาชิกในครอบครัว ตามลำดับ ส่วนองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อมมีร้อยละของการประเมินคุณภาพชีวิตในระดับตํ่า มากกว่าองค์ประกอบด้านอื่นๆ ซึ่งเท่ากับร้อยละ 18.50 และ 21.30 ในกลุ่มผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว ตามลำดับ ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าคะแนนการประเมินในภาพรวมของทุกองค์ประกอบอยู่ในระดับปานกลางแต่เมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างผู้สูงอายุกับสมาชิกในครอบครัวพบว่า ผู้สูงอายุมีมุมมอง/ทัศนคติต่อคุณภาพชีวิตของตนเองดีกว่ามุมมอง/ทัศนคติ ที่สมาชิกในครอบครัวมีต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทั้งในส่วนของคะแนนรายประเด็นตามองค์ประกอบ รวมทั้งการประเมิน ระดับคุณภาพชีวิตที่ดีในส่วนขององค์ประกอบด้านจิตใจและการมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดีในส่วนขององค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ผลการศึกษาวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า ผู้สูงอายุมีองค์ประกอบทางด้านจิตใจที่ดี/มีสภาพจิตใจในระดับค่อนข้างดี โดยมีความรู้สึกพึงพอใจในชีวิตของตนเองและรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย แต่สิ่งที่ควรมีการปรับปรุงเพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้นคือการปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยและสิ่งอำ นวยความสะดวกที่เอื้อต่อการดำ เนินชีวิตของผู้สูงอายุ สถานการณ์ด้านความเป็นอยู่และสภาพปัญหาของผู้สูงอายุข้อมูลจากการสนทนากลุ่มสะท้อนถึงลักษณะความเป็นอยู่ ของผู้สูงอายุในปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวอย่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีความผูกพัน ใกล้ชิด หรือบางรายมีที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัยของบุตรหลาน มีการดูแลเอาใจใส่ทั้งทางด้านร่างกาย เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน และการดูแลด้านสภาพจิตใจ สำ หรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้อาศัยอยู่ร่วมกับบุตรหลาน จะได้รับการ ดูแลจากญาติ/เพื่อนบ้าน สถานการณ์การอยู่อาศัยร่วมกับสมาชิกในครอบครัวมีความคล้ายคลึงกันทั้งในพื้นที่องค์กรปกครอง


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ฌ ส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่และพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กสิ่งที่แตกต่างกันคือฐานะความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจ ซึ่งผู้สูงอายุที่อยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่จะมีฐานะดีจากการที่เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือได้รับการดูแลจากบุตร หลานที่มีฐานะดีและเป็นผู้สูงอายุที่มีภาวะพฤฒพลัง (Active Aging) โดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ขณะที่ผู้สูงอายุในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กส่วนใหญ่มีฐานะปานกลาง รายได้หลักมาจากเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุและส่วนใหญ่ต้องรับบทบาทหน้าที่ในการเลี้ยงดูหลาน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมจึงค่อนข้างน้อย สภาพ ปัญหาที่สำคัญคือ ปัญหาด้านสุขภาพทั้งการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัว การเป็นโรคอัลไซเมอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และ การประสบปัญหาป่วยติดเตียง/ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงการมีรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายแม้ว่า ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหากลุ่มหลังนี้จะมีจำ นวนไม่มากแต่ชุมชนท้องถิ่นก็ไม่อาจที่จะช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง ปัญหาสุขภาพ ของผู้สูงอายุดังกล่าวนี้พบในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ส่วนในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็ก ผู้สูงอายุจะมีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวเป็นส่วนใหญ่และมีปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือการมีหนี้สินจากการกู้ยืม เงินให้กับบุตร การดำ เนินงานโดยภาคส่วนต่างๆและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1)อาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) มีการลงพื้นที่เพื่อสำรวจสภาพปัญหาและให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น รวมทั้งมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา ตัวอย่างของกิจกรรมที่ดำ เนินการโดย อสม. ได้แก่การช่วยเหลือทำความสะอาด และจัดสภาพบ้านของผู้สูงอายุให้ถูกสุขลักษณะ การลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำ บล (รพสต.) เพื่อเยี่ยมผู้สูงอายุป่วยติดเตียง 2) ชมรม/โรงเรียนผู้สูงอายุ/กลุ่ม/องค์กรชุมชน มีการดำ เนินกิจกรรมในลักษณะ ของการส่งเสริมและพัฒนาได้แก่การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่มีศักยภาพทำ หน้าที่ ช่วยเหลือผู้สูงอายุด้วยกันในลักษณะ“เพื่อนช่วยเพื่อน”กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนเงินสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ประสบปัญหา 3)องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการจัดทำแผนงาน/โครงการในการช่วยเหลือและพัฒนา ผู้สูงอายุ ทั้งในลักษณะของกิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ/ทักษะความรู้ด้านอาชีพ การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อการ ติดตามให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาการจัดตั้งกลุ่มสัจจะออมทรัพย์เพื่อให้มีทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำ เป็น สำ หรับผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาสุขภาพ และการปรับสภาพห้องน้ำสำ หรับผู้สูงอายุให้ถูกสุขลักษณะ 4) หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่สำ นักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด(พมจ.) ที่มีการสนับสนุนงบประมาณเพื่อซ่อมแซมบ้านให้กับ ผู้สูงอายุและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมในชุมชน หน่วยงานด้านสาธารณสุขที่มีบริการตรวจสุขภาพให้ กับผู้สูงอายุและการมีเจ้าหน้าที่บริบาล/CG ทำ หน้าที่ดูแลผู้สูงอายุป่วยติดเตียงที่อยู่ตามบ้าน สำ นักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) มีการพัฒนาทักษะความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และการพัฒนาทักษะด้าน อาชีพระยะสั้นที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ สำ นักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) มีการสนับสนุนงบประมาณให้กับ ชมรมผู้สูงอายุที่เสนอโครงการและสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาแว่นตาสำ หรับผู้สูงอายุ5) หน่วยงานภาคเอกชน มูลนิธิ Lion มีการสนับสนุนด้านสิ่งของเครื่องใช้ที่จำ เป็นสำ หรับผู้สูงอายุที่ประสบปัญหา ปัจจัยหนุนเสริมการดำ เนินงานด้านผู้สูงอายุในชุมชนท้องถิ่น 1) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีบทบาทสำคัญ ในการขับเคลื่อนการดำ เนินงานเพื่อช่วยเหลือ ดูแล และพัฒนาทักษะให้กับผู้สูงอายุ รวมทั้งเป็นกลไกในการประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) เป็นกลไกสำคัญที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น และประสานงานกับหน่วยงาน 3) กลุ่ม/ชมรม/องค์กรชุมชน ที่มีการดำ เนินงานทั้งในด้าน ของการพัฒนาทักษะความรู้และช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ4) หน่วยงานภาครัฐที่มีการสนับสนุนด้านงบประมาณ องค์ความรู้ และอุปกรณ์ที่จำ เป็นต่างๆ 5) หน่วยงานภาคเอกชนที่มีการสนับสนุนสิ่งของเครื่องใช้ที่จำ เป็นสำ หรับผู้สูงอายุ ปัจจัยที่เป็นอุปสรรค/ข้อจำกัดในการดำ เนินงาน คือการขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มีทักษะความรู้ที่สามารถ ให้การดูแลผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึง และกระบวนการดำ เนินงานของหน่วยงานด้านการช่วยเหลือดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ยังขาดการบูรณาการอย่างเป็นระบบ ซึ่งส่งผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ญ


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ฐ แนวทาง/รูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน ภายใต้ การสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง • การส่งเสริมตัวของผู้สูงอายุให้มีความสามารถในการพึ่งพาตนเอง ทั้งในกลุ่มที่ไม่มีความพร้อมด้านปัจจัยพื้นฐาน ให้มีโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร สวัสดิการ และบริการต่างๆ มากขึ้น ส่วนกลุ่มที่มีความพร้อมด้านปัจจัยพื้นฐาน ควรส่งเสริมความตระหนักถึงคุณค่าของตนเองรวมทั้งการเป็น Active Agingอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม • การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวทั้งในด้านของการดำ เนินกิจวัตร ประจำวัน และเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารที่จำ เป็น รวมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุในชุมชนท้องถิ่นที่ขาด ผู้ดูแลแม้ไม่ใช่คนในครอบครัว • การมีส่วนร่วมของวัยแรงงานเกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพดีพร้อมทั้งดูแล สุขภาพของตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ • การคัดเลือกบุคคลสำคัญ (KeyPerson)ซึ่งเป็นที่ยอมรับและสามารถสร้างการมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้นในพื้นที่โดย มีการพัฒนาศักยภาพของบุคคลดังกล่าวเพื่อให้ทำ หน้าที่เป็นแกนนำ ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ • การพัฒนาศักยภาพกลุ่ม/ชมรม/องค์กรชุมชนให้มีความเข้มแข็งและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุพร้อมทั้งขยายความร่วมมือไปยังเครือข่ายภายนอกในลักษณะของการเกิดผลประโยชน์ร่วม (win-winsituation) • ชุมชนท้องถิ่นโดยเฉพาะผู้นำควรให้ความสำคัญและมีการกำ หนดนโยบายด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของ ผู้สูงอายุให้มีความชัดเจน มีการถ่ายทอดสู่แนวทางปฏิบัติพร้อมกำกับติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด มีการพัฒนาระบบ การดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ • หน่วยงานภาครัฐในฐานะผู้กำกับนโยบายควรมีมาตรการรองรับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทั้งในระยะสั้น และระยะยาวโดยระยะสั้นควรดำ เนินการช่วยเหลือดูแลและพัฒนาตามคุณลักษณะรวมทั้งความสามารถในการช่วยเหลือ ตนเองของผู้สูงอายุ ส่วนมาตรการระยะยาวมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับ การวางแผนและการจัดการด้านการเงิน มิติด้านสุขภาพเพื่อเสริมความสามารถในการพึ่งพาตนเองและป้องกันการเจ็บป่วย ด้วยโรคที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง มิติด้านการศึกษาควรมีการพัฒนาทักษะและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับผู้สูงอายุ มิติด้านรายได้และการจ้างงาน ควรกำ หนดนโยบายในการส่งเสริมอาชีพสำ หรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังมีศักยภาพ/ความต้องการ ในการทำ งาน และพัฒนาทักษะความรู้เกี่ยวกับอาชีพสมัยใหม่ รวมทั้งการจัดสวัสดิการหรือระบบการคุ้มครองทางสังคม ที่ครอบคลุมการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่เป็นแรงงานนอกระบบ • การสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาคเอกชนในลักษณะของ CSR เพื่อให้หน่วยงานภาคเอกชนมีส่วนร่วม ในการสนับสนุนงบประมาณ องค์ความรู้และเทคโนโลยีในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ รวมทั้งกำ หนดอาชีพที่มี ความเหมาะสมและเฉพาะเจาะจงไว้สำ หรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังมีศักยภาพ/ความพร้อม/ความต้องการในการทำ งาน


สารบัญ คำ นำ ก บทคัดย่อ ข บทสรุปผู้บริหาร ซ บทที่ 1 บทนำ ความสำคัญและที่มาของการวิจัย 2 วัตถุประสงค์ 3 โจทย์การวิจัย 4 นิยามศัพท์ที่สำคัญ 4 ประโยชน์ที่ได้รับ 4 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต 6 แนวคิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วม 9 แนวคิดการพึ่งตนเอง 11 แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับบทบาทของผู้สูงอายุในครอบครัว ชุมชน และสังคม 12 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 15 แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545-2565) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563 15 ข้อเสนอของสภาปฏิรูปประเทศ 16 มาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุ 17


นโยบายรองรับสังคมผู้สูงอายุ 18 แผนยุทธศาสตร์20 ปีกรมกิจการผู้สูงอายุ ปีพ.ศ.2561-2580 19 เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 20 บทที่ 3 วิธีดำ เนินการวิจัย วิธีดำ เนินการวิจัย 25 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 27 การนำ เสนอข้อมูล 28 กรอบแนวคิด 29 บทที่ 4 ผลการวิจัย ผลการวิจัยเชิงปริมาณ 31 ผลการวิจัยเชิงคุณภาพ 74 การสังเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ 107 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ สรุปผลการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ 119 สรุปผลการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ 122 อภิปรายผลการศึกษาวิจัย 127 สรุปความเชี่อมโยงของสถานการณ์การดำ เนินงานของหน่วยงาน 134 ที่นำ ไปสู่การกำ หนดรูปแบบ/แนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการดำ เนินงาน 138 บรรณานุกรม 140 ภาคผนวก 142


สารบัญแผนภาพ แผนภาพที่ 4.1 จำ นวนของผู้สูงอายุจำแนกตามเพศ 32 แผนภาพที่ 4.2 จำ นวนของผู้สูงอายุจำแนกตามช่วงอายุ 32 แผนภาพที่ 4.3 จำ นวนผู้สูงอายุจำแนกตามระดับการศึกษา 33 แผนภาพที่ 4.4 จำ นวนผู้สูงอายุจำแนกตามอาชีพ 33 แผนภาพที่ 4.5 จำ นวนผู้สูงอายุจำแนกตามรายได้ 34 แผนภาพที่ 4.6 จำ นวนผู้สูงอายุจำแนกตามแหล่งรายได้หลัก 35 แผนภาพที่ 4.7 จำ นวนผู้สูงอายุจำแนกตามการมีเงินออม 35 แผนภาพที่ 4.8 จำ นวนผู้สูงอายุจำแนกตามจำ นวนสมาชิกในครอบครัว 36 แผนภาพที่ 4.9 ความพึงพอใจกับสุขภาพในปัจจุบันของผู้สูงอายุ 37 แผนภาพที่ 4.10 การเจ็บป่วยตามร่างกาย หรือโรคประจำตัว ทำ ให้ผู้สูงอายุไม่สามารถทำสิ่งที่ต้องการได้ 37 แผนภาพที่ 4.11 การมีกำลังเพียงพอในการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ 38 แผนภาพที่ 4.12 ความพึงพอใจในการนอนหลับของผู้สูงอายุ 38 แผนภาพที่ 4.13 ความพึงพอใจในชีวิต (มีความสุข ความสงบ มีความหวัง) ของผู้สูงอายุ 39 แผนภาพที่ 4.14 การมีความจำและมีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ ของผู้สูงอายุ 39 แผนภาพที่ 4.15 ความรู้สึกพอใจในตนเองของผู้สูงอายุ 40 แผนภาพที่ 4.16 การมีความรู้สึกที่ไม่ดีเช่น เหงา เศร้า หดหู่สิ้นหวัง ของผู้สูงอายุ 40 แผนภาพที่ 4.17 ความรู้สึกพึงพอใจที่สามารถทำอะไรๆ ให้ผ่านไปได้ในแต่ละวันของผู้สูงอายุ 41 แผนภาพที่ 4.18 ความจำ เป็นในการเข้ารับการรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุ 41 แผนภาพที่ 4.19 ความพึงพอใจกับความสามารถในการทำ งาน/การช่วยเหลือตนเองของผู้สูงอายุ 42 แผนภาพที่ 4.20 ความพึงพอใจต่อความสัมพันธ์ที่มีกับคนรอบข้างของผู้สูงอายุ 42 แผนภาพที่ 4.21 ความพึงพอใจกับความช่วยเหลือที่ได้รับจากคนในครอบครัวและคนในชุมชนของผู้สูงอายุ 43 แผนภาพที่ 4.22 ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในการดำ เนินชีวิตแต่ละวันของผู้สูงอายุ 43 แผนภาพที่ 4.23 ความพึงพอใจกับสภาพบ้านเรือนที่อยู่อาศัยในปัจจุบันของผู้สูงอายุ 44 แผนภาพที่ 4.24 การมีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายตามความจำ เป็นของผู้สูงอายุ 44 แผนภาพที่ 4.25 ความพึงพอใจในการที่จะสามารถใช้บริการสาธารณสุขได้ตามความจำ เป็นของผู้สูงอายุ 45 แผนภาพที่ 4.26 การรับรู้เรื่องราวข่าวสารที่จำ เป็นในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ 45 แผนภาพที่ 4.27 การมีโอกาสพักผ่อนคลายเครียดของผู้สูงอายุ 46 แผนภาพที่ 4.28 ความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ 46 แผนภาพที่ 4.29 ความพึงพอใจต่อการเดินทางโดยการคมนาคมของผู้สูงอายุ 47 แผนภาพที่ 4.30 ความรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายของผู้สูงอายุ 47 แผนภาพที่ 4.31 ความสามารถในการไปไหนมาไหนด้วยตนเองของผู้สูงอายุ 48 แผนภาพที่ 4.32 การมีคุณภาพชีวิตที่ดี(ในภาพรวม) ของผู้สูงอายุ 48 แผนภาพที่ 4.33 การประเมินคุณภาพชีวิตรายองค์ประกอบ (ร้อยละ) 50 แผนภาพที่ 4.34 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุจำแนกตามเพศ (คน) 51 แผนภาพที่ 4.35 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุจำแนกตามช่วงอายุ 51 แผนภาพที่ 4.36 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุจำแนกตามระดับการศึกษา 52


แผนภาพที่ 4.37 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุจำแนกตามอาชีพ 53 แผนภาพที่ 4.38 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุจำแนกตามรายได้ 54 แผนภาพที่ 4.39 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุจำแนกตามแหล่งรายได้หลัก 55 แผนภาพที่ 4.40 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุจำแนกตามการมีเงินออม 55 แผนภาพที่ 4.41 จำ นวนสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุจำแนกตามจำ นวนสมาชิกในครอบครัว 56 แผนภาพที่ 4.42 ความพึงพอใจกับสุขภาพในปัจจุบันของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 57 แผนภาพที่ 4.43 การเจ็บป่วยตามร่างกาย หรือโรคประจำตัว ทำ ให้ผู้สูงอายุไม่สามารถ 57 ทำ ในสิ่งที่ต้องการได้ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.44 การมีกำลังเพียงพอในการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ 58 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.45 ความพึงพอใจในการนอนหลับของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 59 แผนภาพที่ 4.46 ความพึงพอใจในชีวิตของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 59 แผนภาพที่ 4.47 การมีความจำและมีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ ของผู้สูงอายุ 60 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.48 ความรู้สึกพอใจในตนเองของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 61 แผนภาพที่ 4.49 การมีความรู้สึกที่ไม่ดีของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 61 แผนภาพที่ 4.50 ความรู้สึกพึงพอใจที่สามารถทำอะไรๆ ให้ผ่านไปได้ในแต่ละวันของผู้สูงอายุ 62 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.51 ความจำ เป็นในการเข้ารับการรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุ 62 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.52 ความพึงพอใจกับความสามารถในการทำ งาน/ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง 63 ของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.53 ความพึงพอใจต่อความสัมพันธ์ที่มีกับคนรอบข้างของผู้สูงอายุ 64 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.54 ความพึงพอใจกับความช่วยเหลือที่ได้รับจากคนในครอบครัวและชุมชนของผู้สูงอายุ 64 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.55 ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในการดำ เนินชีวิตแต่ละวันของผู้สูงอายุ 65 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.56 ความพึงพอใจกับสภาพบ้านเรือนที่อยู่อาศัยในปัจจุบันของผู้สูงอายุ 66 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.57 การมีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายตามความจำ เป็นของผู้สูงอายุ 66 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.58 ความพึงพอใจในการที่สามารถใช้บริการสาธารณสุขได้ตามความจำ เป็นของผู้สูงอายุ 67 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.59 การรับรู้เรื่องราวข่าวสารที่จำ เป็นในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ 68 ตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แผนภาพที่ 4.60 การมีโอกาสพักผ่อนคลายเครียดของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 68 แผนภาพที่ 4.61 ความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมต่อสุขภาพของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิก 69 ในครอบครัว


แผนภาพที่ 4.62 ความพึงพอใจต่อการเดินทางโดยการคมนาคมของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิก 70 ในครอบครัว แผนภาพที่ 4.63 ความรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 70 แผนภาพที่ 4.64 ความสามารถในการไปไหนมาไหนด้วยตนเองของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิก 71 ในครอบครัว แผนภาพที่ 4.65 การมีคุณภาพชีวิตที่ดี(ในภาพรวม) ของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 71 แผนภาพที่ 4.66 การประเมินคุณภาพชีวิตรายองค์ประกอบ (ร้อยละ) 73 แผนภาพที่ 5.1 รูปแบบ/แนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น 137 ภายใต้การสนับสนุนของภาคีเครือข่าย/ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง


บทที่ 1 บทนำ�


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 2 2 บทที่ 1 บทน ำ 1.1 ควำมส ำคัญและที่มำของกำรวิจัย การเข้าสู่สังคมสูงอายุของประเทศไทยส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม จาก อัตราก าลังของวัยแรงงานที่ลดลงซึ่งส่งผลภาคการผลิต การสร้างรายได้ และการจัดเก็บภาษีที่ลดน้อยลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในด้านของสวัสดิการและการรักษาพยาบาลกลับเพิ่มสูงขึ้น ภาครัฐจึงมีการก าหนด ยุทธศาสตร์ แผนพัฒนา และนโยบายต่างๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560, ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2580), แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560 – พ.ศ.2564), มาตรการขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติเรื่องสังคม สูงอายุ (2561) รวมทั้งแผนพัฒนาผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545-2564) โดยก าหนดแนวทางในการ ส่งเสริมสวัสดิการ พัฒนาระบบความคุ้มครอง เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้ อยู่ ดี มี สุข มี ความสามารถในการปรับตัวและรู้เท่าทันสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี และการสื่อสารเข้ามามีบทบาทในการด าเนินชีวิตของคนในสังคมมากขึ้น แม้ว่าเทคโนโลยีจะมีความส าคัญต่อความเจริญก้าวหน้าและการพัฒนาในทุกมิติ ซึ่งรวมถึงการ ติดต่อสื่อสารและการท างานในปัจจุบัน แต่การเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารอย่างสะดวกรวดเร็ว มีการ หลั่งไหลของข้อมูลจ านวนมากโดยไม่มีกระบวนการกลั่นกรอง ท าให้ผู้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่สามารถวิเคราะห์ หรือท าความเข้าใจข้อมูลได้อย่างถูกต้องมีความคิดและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขาดผู้ชี้น าทางความคิดและ แนวทางการด าเนินชีวิตที่ถูกต้อง จึงมีปัญหาทางสังคมเกิดขึ้นมากมาย การก าหนดกฎหมาย มาตรการ และ แนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ สามารถจัดการได้เพียงปลายเหตุ ปัญหาบางอย่างอาจ จัดการ/ควบคุมได้ ในขณะที่ปัญหาบางอย่างไม่สามารถจัดการ/ควบคุมให้หมดไปได้อย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ ปัญหาทางสังคมมีคุณลักษณะประการหนึ่งที่คล้ายคลึงกับเทคโนโลยีคือมีพัฒนาการ มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการ แก้ไขปัญหาเพียงปลายเหตุอาจไม่สามารถที่จะจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะสถานการณ์ ด้านผู้สูงอายุที่มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่อัตราการเกิดของเด็ก ลดน้อยลง เช่นเดียวกับประชากรวัยแรงงาน ในมิติเชิงเศรษฐกิจจะแสดงถึงอัตราการพึ่งพิงที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้สูงอายุที่มีสมรรถนะและภาวะสุขภาพที่เสื่อมถอยลงอาจถูกมองว่าเป็นภาระ ไม่มีบทบาทและความส าคัญ มีความล้าหลังไม่ทันต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ สิ่งที่คนยุคใหม่เรียนรู้คือข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางเทคโนโลยีต่างๆ มากกว่าการแนะน า อบรมสั่งสอนจากผู้สูงอายุ ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้ท าให้ช่องว่างระหว่างวัยและ ความสัมพันธ์ในครอบครัวมีความห่างเหินมากขึ้น ผู้สูงอายุอาจถูกละเลยไม่ให้ความส าคัญ ดังนั้นนอกจาก สุขภาพทางกายที่เสื่อมถอยลงแล้ว ภาวะที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ ท าให้รู้สึกว่าตนเองไร้คุณค่า และอาจน าไปสู่การเกิดโรคซึมเศร้าในที่สุด การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเป็นสิ่งส าคัญ เนื่องจากจ านวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการมีคุณภาพชีวิตที่ดีจะท าให้ผู้สูงอายุด ารงชีวิตได้อย่างมีความสุข มีคุณค่า และไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระ ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตอาจจ าแนกผู้สูงอายุตามก าลังความสามารถออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ผู้สูงอายุที่สามารถ ช่วยเหลือตนเองได้และช่วยเหลือผู้อื่นได้ ผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้แต่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 3 3 และผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แนวทาง/วิธีการในการด าเนินการส่งเสริมจึงอาจมีความแตกต่าง กันไป และถึงแม้ว่าผู้สูงอายุจ านวนไม่น้อยจะมีสมรรถนะทางด้านร่างกายที่เสื่อมถอยลง แต่มีประสบการณ์และ ภูมิปัญญาความรู้ที่สามารถถ่ายทอดได้ ขณะที่คนรุ่นใหม่มีการเรียนรู้เทคโนโลยีที่สามารถน ามาใช้ประโยชน์ใน การด าเนินชีวิต ดังนั้นจึงควรมีการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ตามพื้นฐานของคนแต่ละช่วงวัย เพื่อการเรียนรู้ที่เท่าทันสังคมโดยไม่ละทิ้งภูมิปัญญาความรู้ดั้งเดิม และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแลซึ่งกัน และกัน ทั้งนี้จุดเริ่มต้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของคนต่างช่วงวัยคือครอบครัวที่เป็นสถาบันในการบ่มเพาะ ถ่ายทอดความรู้ และสร้างตัวตนของคนแต่ละคนตามพื้นฐานของครอบครัวนั้นๆ โดยก่อนที่จะเริ่มต้นการส่งเสริม คุณภาพชีวิตจากการมีส่วนร่วมของคนในครอบครัว ควรมีการสร้างความตระหนักรู้ถึงความส าคัญของ ครอบครัว บทบาทหน้าที่ของคนในแต่ละช่วงวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นบุคคลส าคัญในครอบครัว เป็นผู้มาก ประสบการณ์ เป็นผู้ให้การอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูคนในรุ่นลูก หรือคนที่เป็นวัยแรงงานในปัจจุบัน เป็นผู้ที่ควรให้ ความเคารพเชื่อฟังและให้การดูแลเอาใจใส่เพื่อให้มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี นอกเหนือจากสถาบันครอบครัวที่เป็นกลไกส าคัญในการยึดโยงหรือเชื่อมความสัมพันธ์ของคนใน ครอบครัวแล้ว ชุมชนท้องถิ่นยังเป็นแหล่งศูนย์รวมของคนหลากหลายครอบครัวที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในอาณาบริเวณ ใกล้เคียงกัน ดังนั้น การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยผ่านกลไกของครอบครัวจึงควรมีการขับเคลื่อน ร่วมกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นองค์รวม เสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่ ได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง รวมทั้งมีการพัฒนาระบบกลไกในการคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุ ส านักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 ในฐานะหน่วยงานส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค สังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีบทบาทหน้าที่ส าคัญในการศึกษาวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใน การพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน สตรี วัยแรงงาน คนพิการ และผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีจ านวนมากขึ้นแต่คุณภาพชีวิตไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ส านักงาน ส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 จึงด าเนินการศึกษาวิจัยเรื่อง “การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการ มีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน” เพื่อเสริมสร้างความตระหนักในคุณค่าและความส าคัญของ การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ และการส่งเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว/ชุมชนระหว่างคนทุกช่วงวัย 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อเสริมสร้างความตระหนักในคุณค่า ความส าคัญ และการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในการ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ 1.2.2 เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ มากขึ้น 1.2.3 เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว/ชุมชนระหว่างคนทุกช่วงวัย และมีการพัฒนาระบบ กลไกในการคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุ 1.2.4 เพื่อพัฒนาแนวทาง/รูปแบบในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคน ทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 4 4 1.3 โจทย์กำรวิจัย 1.3.1 คนในแต่ละช่วงวัยมีความตระหนักถึงคุณค่าและให้ความส าคัญกับผู้สูงอายุมากน้อยเพียงใด 1.3.2 คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเป็นอย่างไร มีระดับคุณภาพชีวิตที่ดีมากน้อยเพียงใด 1.3.3 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชนเป็นอย่างไร มีระบบ/ กลไกในการคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ อย่างไร 1.3.4 แนวทาง/รูปแบบในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยใน ครอบครัวและชุมชนที่มีความเหมาะสมกับบริบทของชุมชนท้องถิ่นควรเป็นอย่างไร 1.4 นิยำมศัพท์ที่ส ำคัญ 1.4.1 คุณภาพชีวิตที่ดีหมายถึง ความพึงพอใจในชีวิต มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ อยู่ใน ครอบครัวที่อบอุ่น มีสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดี รวมทั้งมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 1.4.2 ผู้สูงอายุ หมายถึง ประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 1.4.3 การมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัย หมายถึง การที่คนในวัยเด็ก เยาวชน วัยแรงงาน รวมถึง ผู้สูงอายุ ร่วมกันคิด วางแผน ด าเนินการให้การดูแล คุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดีทั้ง ร่างกายและจิตใจ ภายใต้สภาพสังคมที่เอื้อต่อการด ารงชีวิตอย่างมีความสุข 1.4.4 ครอบครัว หมายถึง การอยู่ร่วมกันของกลุ่มบุคคลที่เป็นสมาชิก ซึ่งมีความสัมพันธ์ผูกพันกัน เช่น ความสัมพันธ์ทางสายเลือด กลุ่มบุคคลดังกล่าวประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติ และอาจรวมถึงผู้ ที่มาอาศัยอยู่ร่วมกันโดยไม่มีความผูกพันทางสายเลือด แต่มีสายสัมพันธ์บางประการเกี่ยวข้องกัน ทั้งนี้ แต่ละ คนมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละครอบครัว 1.4.5 ชุมชน หมายถึง กลุ่มคนที่อยู่รวมกันเป็นสังคมขนาดเล็ก อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน 1.5 ประโยชน์ที่ได้รับ 1.5.1 มีรูปแบบ/แนวทางในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคน ทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 1.5.2 มีแนวทางการเสริมสร้างกลไกการช่วยเหลือดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 5 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 6 6 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และเอกสำรงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิจัยเรื่อง “การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัว และชุมชน” เป็นการศึกษาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในปัจจุบัน การให้ความส าคัญและตระหนักถึงคุณค่าของ ผู้สูงอายุ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชนในการคุ้มครอง ดูแล ส่งเสริมคุณภาพ ชีวิตของผู้สูงอายุ เพื่อก าหนดรูปแบบ/แนวทางในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุผ่านการมีส่วนร่วมและ ระบบกลไกการคุ้มครองดูแลของครอบครัวและชุมชน โดยมีแนวคิด ทฤษฏี และเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 2.1 แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับคุณภำพชีวิต 2.1.1 ควำมหมำยของคุณภำพชีวิตที่ดี องค์การอนามัยโลก (2541) ให้ค าจ ากัดความว่า คุณภาพชีวิตเป็นการรับรู้ของบุคคลต่อต าแหน่ง ชีวิตของตนในบริบทของวัฒนธรรมและระบบคุณค่าต่างๆ ที่บุคคลเกี่ยวข้องอยู่ และในส่วนที่สัมพันธ์กับบรรดา เป้าหมายในชีวิตของบุคคลนั้นๆ รวมทั้งการคาดหมายมาตรฐานและสิ่งที่เกี่ยวข้องต่างๆ ของบุคคล แนวคิดนี้ หมายรวมถึงสุขภาพกาย ภาวะจิตใจ ความเป็นอิสระหรือความเป็นตัวของตัวเอง ความสัมพันธ์ทางสังคม ความเชื่อและความสัมพันธ์ของบุคคลกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่รอบตัว องค์การยูเนสโก (UNESCO, 1993) ได้นิยามว่า คุณภาพชีวิต หมายถึง ระดับความเป็นอยู่ที่ดีของ สังคม และระดับความพึงพอใจในความต้องการส่วนหนึ่งของมนุษย์ ดังนั้นคุณภาพชีวิตจึงเป็นระดับของการมี ชีวิตที่ดี มีความสุข ความพึงพอใจในชีวิตและสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ในการด าเนินชีวิตของ ปัจเจกบุคคลในสังคม ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ให้ค าจ ากัดความไว้ว่า คุณภาพชีวิตที่ดี คือ “ชีวิตที่มีคุณภาพ สามารถด ารงอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และชีวิตที่มีคุณภาพที่ดี จะรู้ได้โดยการที่คน หรือในชุมชนนั้นบรรลุเกณฑ์ความจ าเป็นพื้นฐาน หรือความต้องการพื้นฐาน ที่คนหรือชุมชนจะมี หรือจ าเป็น เพื่อให้มีชีวิตได้อย่างปกติพอสมควรในช่วงเวลาหนึ่ง” วิไลลักษณ์ รัตนเพียรธัมมะ (2550) ให้ความหมายของคุณภาพชีวิตว่า เป็นองค์ประกอบที่ให้ความ พึงพอใจแก่บุคคลทั้งทางร่างกายและจิตใจในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณภาพในด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา การเมือง และศาสนาโดยไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว มีความพึงพอใจที่ได้รับการตอบสนอง ความต้องการทางจิตใจและสังคมทั้งระดับจุลภาค มหภาค รวมถึงชีวิตที่มีความสุข สามารถปรับตัวเองเข้ากับ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ โดยสรุปคือ คุณภาพชีวิตที่ดี คือ การมีชีวิตที่สุขสบาย หรือมีความผาสุก ซึ่งการมีชีวิตที่ผาสุกได้นั้น จะต้องประกอบด้วย องค์ประกอบทั้งในด้านของสุขภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และสภาวะแวดล้อม โดยมีสิ่ง ตอบสนองทั้งในด้านของวัตถุและจิตใจ ดังนั้น องค์ประกอบของคุณภาพชีวิต สามารถจ าแนกได้เป็น 5 ประการ คือ 1) มีความสุขสบายทั้งทางด้านร่างกาย และวัตถุ ทางด้านร่างกาย ได้แก่ การมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทางด้านวัตถุ ได้แก่ การมีบ้านน่าอยู่ มีอาหารที่ดี มีเครื่องอ านวยความสะดวก


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 7 7 2) มีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น เช่น ความสัมพันธ์กับคู่สมรส บิดา มารดา ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และบุคคลอื่น ๆ นอกจากนี้ การมีบุตรและการเลี้ยงดูบุตรก็ถือเป็นความสัมพันธ์ด้านนี้ด้วย 3) การมีกิจกรรมในสังคมและชุมชน การได้มีโอกาสช่วยเหลือและสนับสนุนผู้อื่นในสังคม 4) มีพัฒนาการด้านบุคลิกภาพ และมีความส าเร็จอย่างสมบูรณ์ตามพัฒนาการ เช่น การมี พัฒนาการทางสติปัญญา การเรียนรู้ และสนใจการเรียน การเข้าใจตนเอง รู้จุดบกพร่องของตน มีงานที่ น่าสนใจท า ได้รับผลตอบแทนที่ดี และการแสดงออกในทางสร้างสรรค์ 5) มีสันทนาการ เช่น อ่านหนังสือ ฟังดนตรี ดูกีฬา และสิ่งบันเทิงอื่น ๆ และมีส่วนร่วมในสังคมให้ ดีขึ้น ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ ตลอดจนสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยให้อยู่ในสภาพที่ดี 2.1.2 องค์ประกอบของคุณภำพชีวิต องค์ประกอบของชีวิตมนุษย์ ตามทรรศนะของนักจิตวิทยาจ าแนกคุณภาพชีวิตของมนุษย์ออกเป็น 4 ด้าน คือ 1) ด้านกาย ได้แก่ โครงสร้างทางร่างกาย และ สุขภาพร่างกาย รวมถึงด้านบุคลิกภาพ 2) ด้านจิต ได้แก่ สภาพจิตใจและสุขภาพจิตรวมถึงด้านคุณธรรมและจริยธรรมด้วย 3) ด้านสังคม ได้แก่ สถานะทางสังคม ยศ ต าแหน่ง เกียรติยศชื่อเสียง การยอมรับนับถือ รวมถึง การมีมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น 4) ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ สถานะทางเศรษฐกิจการเงินและรายได้ที่มั่นคง เป็นต้น Power, Bullinger and WHOQOL Group อ้างถึงใน เครื่องชี้วัดคุณภาพชีวิตขององค์การอนามัย โลกชุดย่อ ฉบับภาษาไทย องค์ประกอบของคุณภาพชีวิต (WHOQOL – BREF – THAI) ได้พัฒนาเครื่องมือวัด คุณภาพชีวิต ซึ่งประกอบด้วยข้อค าถาม 2 ชนิดคือ แบบภาวะวิสัย (Perceived objective) และอัตวิสัย (selfreport subjective) โดยประกอบด้วยองค์ประกอบคุณภาพชีวิต 4 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านร่างกาย (physical domain) คือ การรับรู้สภาพด้านร่างกายของบุคคล ซึ่งมีผลต่อ ชีวิตประจ าวัน เช่น การรับรู้สภาพความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย การรับรู้ถึงความรู้สึกสุขสบาย ไม่มีความ เจ็บปวด การรับรู้ถึงความสามารถที่จะจัดการกับความเจ็บปวดทางร่างกายได้ การรับรู้ถึงพละก าลังในการ ด าเนินชีวิตประจ าวัน การรับรู้ถึงความเป็นอิสระที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น การรับรู้ถึงความสามารถในการเคลื่อนไหว ของตน การรับรู้ถึงความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันของตน การรับรู้ถึงความสามารถในการท างาน การรับรู้ว่าตนไม่ต้องพึ่งพายาต่างๆ หรือการรักษาทางการแพทย์อื่นๆ เป็นต้น 2) ด้านจิตใจ (psychological domain) คือการรับรู้สภาพทางจิตใจของตนเอง เช่น การรับรู้ ความรู้สึกทางบวกที่บุคคลมีต่อตนเอง การรับรู้ภาพลักษณ์ของตนเอง การรับรู้ถึงความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง การรับรู้ถึงความมั่นใจในตนเอง การรับรู้ถึงความคิด ความจ า สมาธิ การตัดสินใจ และความสามารถในการรับรู้ เรื่องราวต่างๆ ของตน การรับรู้ถึงความสามารถในการจัดการกับความเศร้า หรือกังวล การรับรู้เกี่ยวกับความ เชื่อต่างๆ ของตนที่มีผลต่อการด าเนินชีวิต เช่น การรับรู้ถึงความเชื่อด้านวิญญาณ ศาสนา การให้ความหมาย ของชีวิต และความเชื่ออื่นๆ ที่มีผลในทางที่ดีต่อการด าเนินชีวิตมีผลต่อการเอาชนะอุปสรรค เป็นต้น 3) ด้านความสัมพันธ์ทางสังคม (social relationships) คือ การรับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของตนกับ บุคคลอื่น การรับรู้ถึงการที่ได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นในสังคม การรับรู้ว่าตนได้เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ บุคคลอื่นในสังคมด้วย รวมทั้งการรับรู้ในเรื่องอารมณ์ทางเพศ หรือการมีเพศสัมพันธ์


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 8 8 4) ด้านสิ่งแวดล้อม (environment) คือการรับรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการด าเนินชีวิต เช่น การรับรู้ว่าตนมีชีวิตอยู่อย่างอิสระ ไม่ถูกกักขัง มีความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิต การรับรู้ว่าได้อยู่ใน สิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ดี ปราศจากมลพิษต่างๆ การคมนาคมสะดวก มีแหล่งประโยชน์ด้านการเงิน สถาน บริการทางสุขภาพและสังคมสงเคราะห์ การรับรู้ว่าตนมีโอกาสที่จะได้รับข่าวสารหรือฝึกฝนทักษะต่างๆ การ รับรู้ว่าตนได้มีกิจกรรมสันทนาการ และมีกิจกรรมในเวลาว่าง เป็นต้น จากองค์ประกอบของชีวิตเหล่านี้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะกฎของธรรมชาติคือ มี การเกิด มีแก่ มีเจ็บ และมีการตายจากไป จึงท าให้มนุษย์เกิดความต้องการด้านต่าง ๆ ที่จะเป็นแนวทางในการ พัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อมุ่งความส าเร็จให้แก่ตนเองสืบต่อไป 2.1.3 แนวทำงในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ชีวิตที่มีคุณภาพย่อมเป็นชีวิตที่ประสบความสมหวัง รู้จักยับยั้งความต้องการทางร่างกาย และความ ต้องการทางอารมณ์ของตนเองให้อยู่ในขอบเขตที่พอดี สามารถใช้ความรู้ สติปัญญาความรู้สึกนึกคิดของตน ไม่ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเบียดเบียนหรือให้โทษแก่บุคคลอื่น เป็นพลเมืองดีมีศาสนาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ มี ระเบียบมีวินัยมีกฎเกณฑ์ทางสังคม รู้จักใช้ความคิดและสติปัญญาแก้ไขปัญหาสุขภาพและการด ารงชีวิตของ ตนเอง โดยมีแนวทางในการพัฒนา ดังต่อไปนี้ 1) พัฒนากายเพื่อมุ่งให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และความพิการใดๆ 2) พัฒนาทางอารมณ์เพื่อมุ่งให้อารมณ์มีความสนุกสนานร่าเริง ไม่มีความเครียดหรือวิตกกังวลต่อ การเรียน หรือต่อการปฏิบัติงาน ในหน้าที่รับผิดชอบ มีแต่ความเจริญหู เจริญตา เจริญใจ มองโลกในแง่ดี ตลอดไป 3) พัฒนาทางสังคม เพื่อมุ่งให้เป็นคนที่มีเกียรติ ได้รับการยกย่อง เคารพนับถือการยอมรับ ความรู้สึกเป็นเจ้าของ และความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม 4) พัฒนาทางความคิด เพื่อมุ่งให้เป็นคนที่มีความต้องการที่จะรู้และเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ มีความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์ในการคิดค้นหาวิธีการป้องกันแก้ไขปัญหาทั้งหลาย ให้ตัวเองได้ด ารงชีพอยู่อย่างสุขสบาย 5) พัฒนาทางจิตใจ เพื่อมุ่งให้เป็นคนที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อชุมชน เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางใจ มี ความมั่นใจว่าชีวิตนี้มีคุณค่า มีความสุขหรือมีชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต ได้รับความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลาย 6) พัฒนาทางปัญญา เพื่อมุ่งให้เป็นคนมีความเฉลียวฉลาด สามารถคิดพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ได้ อย่างมีเหตุผล ซึ่งปัญญาจะแตกฉานในบุคคลได้นั้น จ าเป็นจะต้องมีการศึกษาเล่าเรียนมีความสนใจเอาใจใส่ต่อ วิชาความรู้ที่ครูอาจารย์อบรมสั่งสอนเพื่อให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและน าไปพัฒนาชีวิตที่มีคุณค่าต่อไป ภายภาคหน้า 7) พัฒนาทางวินัย เพื่อมุ่งให้เป็นคนมีระเบียบวินัยในตนเอง สามารถเคารพและปฏิบัติต่อภาระหน้าที่ ต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้อยู่ในกรอบของข้อบังคับของกฎเกณฑ์ที่ได้ก าหนดขึ้น ไม่ประพฤติตนออกนอกลู่นอกทาง การมีวินัยที่ดีตามทรรศนะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คือ “คนที่มีระเบียบวินัย นั้นเป็นผู้ที่เข้มแข็ง เป็นผู้ที่หวังดีต่อตัวเอง เป็นผู้จะมีความส าเร็จในอนาคต” (10 กันยายน 2524) 2.1.4 ควำมส ำคัญของสุขภำพกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 9 9 โดยธรรมชาติร่างกายของคนเราต้องมีการเจริญเติบโต มีความแข็งแรง เพื่อต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และจะต้องมีชีวิตที่ยืนยาวพอสมควร ซึ่งร่างกายจะต้องได้รับสิ่งจ าเป็นในการด ารงชีวิต 6 อย่าง ได้แก่ อาหาร น้ า อากาศ การพักผ่อนการออกก าลังกายและการไม่มีโรคภัยไข้เจ็บชีวิตเป็นสิ่งมีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใด ๆ ทุกคนย่อมรักษาและหวงแหนชีวิตของตนเองปรารถนาให้ตนเองมีชีวิตที่ผาสุกจึงจ าเป็นต้องรักษา สุขภาพอนามัยให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ สิ่งที่ประเมินค่ามิได้ของมนุษย์ก็คือ การมีสุขภาพทางกายดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บหรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่าง ๆ มีกล้ามเนื้อที่ท างานได้ดีสามารถแบกภาระงานใน หน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดีส าหรับทางด้านจิตใจนั้นมี ความสัมพันธ์กับการท างานของด้านร่างกายอย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ โดยภาวะจิตใจต้องไม่มีความ วิตกกังวล ไม่ถูกความเครียดมารบกวน ซึ่งจะท าให้เรายอมรับถึงสภาพชีวิตที่ตนเองเป็นอยู่ได้เป็นอย่างดีไม่ว่า จะเป็นการเรียน การเล่น การท างาน ความรับผิดชอบต่อครอบครัว กล่าวโดยสรุปคือ คุณภาพชีวิต หมายถึง การมีชีวิตที่มีคุณภาพ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม ความคิดและสติปัญญา รวมถึงสภาพแวดล้อม มีความเป็นอยู่อย่างเหมาะสมตามความจ าเป็นพื้นฐาน และเพียงพอต่อความต้องการของบุคคล ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตคือการพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้มีชีวิตที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้ เจ็บ พัฒนาด้านจิตใจและอารมณ์ให้มีสติ มีความรับผิดชอบ ปราศจากความเครียดและวิตกกังวล พัฒนาด้าน สังคม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม พัฒนาด้านความคิดและสติปัญญาเพื่อให้มี ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน 2.2 แนวคิดเกี่ยวกับกำรมีส่วนร่วม 2.2.1 ควำมหมำยของกำรมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมตามการให้ค านิยามของ บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548) หมายถึง การที่ปัจเจกบุคคล หรือกลุ่มคนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเป็นลักษณะของการร่วมมือ ร่วมรับผิดชอบในกิจกรรมการพัฒนาที่เป็น ประโยชน์ต่อสังคม ในขั้นตอนต่างๆ ของการด าเนินกิจกรรมนั้นๆ โดยมีกลุ่ม/องค์กรรองรับ บุคคลที่เข้ามามีส่วน ร่วมการพัฒนาภูมิปัญญา การรับรู้ สามารถคิดวิเคราะห์ และตัดสินใจ เพื่อก าหนดการด าเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง วันชัย วัฒนศัพท์ (2549) ให้นิยามของการมีส่วนร่วมไว้ว่า การท างานแบบมีส่วนร่วมนั้น ไม่ว่าจะ เป็นระดับครอบครัว ระดับโรงเรียน ระดับชุมชน ระดับองค์กร หรือระดับประเทศนั้น มีความส าคัญอย่างยิ่งใน กระบวนทัศน์ปัจจุบัน เพราะจะช่วยให้ผู้มีส่วนร่วมเกิดความรู้สึกความเป็นเจ้าของ (Ownership) และจะท าให้ ผู้มีส่วนร่วม หรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียนั้นยินยอมปฏิบัติตาม (Compliance) และรวมถึงตกลงยอมรับ (Commitment) ได้อย่างสมัครใจ เต็มใจ และสบายใจ ประพันธ์พงศ์ ชิณพงษ์ (2551) ให้ความหมายของการมีส่วนร่วมไว้ว่า การมีส่วนร่วมเป็นผลมาจาก การเห็นพ้องต้องกันในเรื่องของความต้องการและทิศทางการเปลี่ยนแปลง ความเห็นพ้องต้องกันนั้นจะมีมากพอ จนเกิดความคิดริเริ่มโครงการเพื่อการปฏิบัติการ กล่าวคือ ต้องเป็นความเห็นพ้องต้องกันของคนส่วนใหญ่ที่จะ เข้าร่วมปฏิบัติการนั้น และเหตุผลที่คนมาร่วมปฏิบัติการได้จะต้องตระหนักว่าการปฏิบัติการทั้งหมดโดยกลุ่ม หรือในนามของกลุ่มหรือกระท าการผ่านองค์กร ดังนั้นองค์กรจะต้องเป็นเสมือนตัวที่ท าให้การปฏิบัติการบรรลุถึง ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องการ


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 10 10 สันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ (2551) ได้กล่าวถึงสาระส าคัญของการมีส่วนร่วมไว้ว่า การเปิดโอกาสให้ บุคคลเข้ามามีส่วนร่วมในการคิดริเริ่มตัดสินใจในการปฏิบัติงานและรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ อันมีผลกระทบ มาถึงตัวบุคคลเอง การที่จะสามารถท าให้บุคคลเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหา และน ามาซึ่ง สภาพความเป็นอยู่ของบุคคลให้ดีขึ้นนั้น ผู้น าจะต้องยอมรับในปรัชญาการพัฒนาว่า มนุษย์ทุกคนมีความ ปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของผู้อื่นและพร้อม ที่จะอุทิศตนเพื่อกิจกรรมของส่วนรวม 2.2.2 แนวคิดกำรมีส่วนร่วมของชุมชน การมีส่วนร่วมของชุมชนมีความครอบคลุมประเด็นดังต่อไปนี้ 1) การมีส่วนร่วมของประชาชนครอบคลุมการสร้างโอกาสที่เอื้อให้สมาชิกทุกคนของชุมชนและ สังคมได้ร่วมกิจกรรมซึ่งน าไปสู่การพัฒนา มีอิทธิพลต่อกระบวนการพัฒนา และเอื้อให้ได้รับประโยชน์จากการ พัฒนาโดยเท่าเทียมกัน 2) การมีส่วนร่วมสะท้อนการเข้าเกี่ยวข้องโดยสมัครใจ และเป็นประชาธิปไตยในกรณีดังนี้คือ การ เอื้อให้เกิดการพยายามพัฒนา การแบ่งสรรผลประโยชน์จากการพัฒนาโดยเท่าเทียมกัน และการตัดสินใจเพื่อ ก าหนดเป้าหมาย นโยบายและการวางแผนด าเนินการโครงการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม 3) การมีส่วนร่วมเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างประชาชนและทรัพยากรเพื่อการพัฒนากับประโยชน์ที่ ได้รับจากการลงทุนดังกล่าว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจ ไม่ว่าระดับ ท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับชาติ จะช่วยก่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่ประชาชนลงมือลงแรงกับ ประโยชน์ที่ได้รับ 4) การมีส่วนร่วมของประชาชนอาจแตกต่างกันไปตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศ นโยบาย และ โครงสร้างการบริหาร รวมทั้งลักษณะเศรษฐกิจสังคมของประชากร การมีส่วนร่วมของประชาชนมิได้เป็นเพียง เทคนิควิธีการ แต่เป็นปัจจัยส าคัญในการประกันให้เกิดกระบวนการพัฒนาที่มุ่งเอื้อประโยชน์ต่อประชาชน 2.2.3 แนวคิดเกี่ยวกับกำรสร้ำงกำรมีส่วนร่วมของประชำชน การสร้างการมีส่วนร่วม หมายถึง การเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนของ สังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการท ากิจกรรมเพื่อสังคม โดยจ าแนกระดับของการมีส่วนร่วมเป็น 5 ระดับ ดังนี้ 1) การให้ข้อมูลข่าวสาร เป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนในระดับต่ าที่สุด โดยเป็นการให้ข้อมูล ข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เอกสาร สิ่งพิมพ์ จดหมายข่าว สื่อวิทยุโทรทัศน์ รวมทั้งโซเชี่ยลมีเดีย ในปัจจุบัน 2) การรับฟังความคิดเห็น เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และความคิดเห็นเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การรับฟังความคิดเห็น การส ารวจความ คิดเห็น การจัดเวทีสาธารณะ การแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น 3) การเกี่ยวข้อง เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน หรือร่วมเสนอ แนวทางที่น าไปสู่การตัดสินใจเพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้อมูล ความคิดเห็น และความต้องการของประชาชนจะ ถูกน าไปพิจารณาเป็นทางเลือกในการบริหารงาน 4) ความร่วมมือ เป็นการให้กลุ่มประชาชน ผู้แทนภาคสาธารณะมีส่วนร่วม โดยเป็นหุ้นส่วนในทุก ขั้นตอนการตัดสินใจ และมีการด าเนินกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 11 11 5) การเสริมอ านาจแก่ประชาชน เป็นขั้นที่ให้บทบาทประชาชนสูงที่สุด โดยให้ประชาชนเป็น ผู้ตัดสินใจในการด าเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดจากความต้องการของประชาชน 2.2.4 แนวคิดประโยชน์ของกำรมีส่วนร่วมของประชำชน 1) คุณภาพของการตัดสินใจดีขึ้น เนื่องจากกระบวนการหารือจะท าให้มีความเข้าใจที่ชัดเจน เกี่ยวกับความสอดคล้องของการด าเนินงานและความต้องการของประชาชน 2) การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะท าให้ทราบถึงความต้องการที่แท้จริง โดยไม่เกิดการ คัดค้านหรือโต้แย้ง ซึ่งจะส่งผลต่อความล้มเหลวของโครงการ 3) การมีส่วนร่วมของประชาชนจะสร้างข้อตกลงและข้อผูกพันอย่างมั่นคงในระยะยาวจากการมี ข้อสรุปหรือฉันทามติร่วมกัน 4) การเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจท าให้ประชาชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในการตัดสินใจ นั้น และเมื่อเกิดการตัดสินใจแล้วย่อมต้องการเห็นผลในทางปฏิบัติ ท าให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างจริงจัง 5) การสร้างความน่าเชื่อถือและชอบธรรม จากกระบวนการตัดสินใจที่โปร่งใสและเปิดโอกาสให้ ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม 6) การพัฒนาภาคประชาสังคม การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้และตัดสินใจ ท า ให้ประชาชนได้เรียนรู้ทักษะการท างานร่วมกันในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งเป็นการสร้างผู้น าที่มีบทบาทชัดเจน โดยสรุปแล้ว การมีส่วนร่วมคือ การที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลมีความเห็นพ้องต้องกันและให้ความ ร่วมมือในการด าเนินงานหรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา/พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น การมีส่วนร่วมมีหลาย ระดับ ทั้งในระดับครอบครัว ระดับโรงเรียน ระดับชุมชน ระดับองค์กร หรือระดับประเทศ โดยการมีส่วนร่วม จะสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ ซึ่งส่งผลให้ผู้มีส่วนร่วมดังกล่าวมีความเต็มใจ ตั้งใจในการให้ความร่วมมืออย่าง จริงจัง กระบวนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมจะมีสัดส่วนที่แตกต่างกันไปเป็น 5 ลักษณะ ได้แก่ การให้ข้อมูล ข่าวสารแก่ประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ การรับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริง และความคิดเห็นจากประชาชน การ เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน การให้กลุ่มประชาชนมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการตัดสินใจ และด าเนินกิจกรรมร่วมกัน รวมทั้งการเสริมอ านาจโดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในการด าเนินกิจกรรมต่างๆ 2.3 แนวคิดกำรพึ่งตนเอง 2.3.1 ควำมหมำยของกำรพึ่งตนเอง การพึ่งตนเอง หมายถึง ความสามารถในการด ารงตนอยู่ได้อย่างอิสระ มั่นคง สมบูรณ์ ซึ่งการ พึ่งตนเองได้นั้น มีทั้งในระดับบุคคลและชุมชน การพึ่งตนเองต้องสามารถผันเปลี่ยนไปตามเวลาได้ เพื่อให้เกิด ความเหมาะสม สอดคล้อง และสมดุล เสรี พงศ์พิศ (2554) ได้ให้ความหมายของการพึ่งตนเองว่า หมายถึง ความสามารถของคนที่จะ ช่วยเหลือตนเองให้ได้มากที่สุด โดยไม่เป็นภาระคนอื่นมากเกินไป มีความสมดุล ความพอดีในชีวิต เป็นสภาวะ ทางกายที่สอดคล้องกับสภาวะทางจิตที่เป็นอิสระ มีความพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ มีสิ่งจ าเป็นปัจจัยสี่พอเพียง เป็นความพร้อมของชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม กล่าวถึงความหมายของการพึ่งตนเองไว้ว่า เป็นการจัดชีวิตให้สัมพันธ์กับ สิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสมกับคน กับสังคม และกับธรรมชาติรอบๆ ตัว การพึ่งตนเอง คือ การมีสวัสดิการและ


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 12 12 ความมั่นคงในชีวิตในปัจจุบันถึงอนาคต สวัสดิการที่พร้อมตอบสนองทันที โดยไม่ต้องไปเรียกร้องให้ใครมา จัดสวัสดิการให้หรือให้ใครมาช่วยเหลือ 2.3.2 แนวทำงกำรพึ่งตนเอง 1) การพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจ คือ ความสามารถในการประกอบอาชีพที่มีความมั่นคงพอสมควร และเป็นไปอย่างสมดุล 2) การพึ่งตนเองทางสังคม เป็นการเสริมสร้างให้แต่ละชุมชนร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เนื่องจาก ปัจจัยพื้นฐานบางอย่างไม่สามารถพึ่งตนเองเฉพาะในครอบครัวได้ จึงต้องอาศัยการพึ่งตนเองอย่างเป็นระบบ เช่น มีคลินิกสุขภาพชุมชนที่ส่งเสริมบทบาทหมอพื้นบ้าน มีระบบการจัดการทุนของตนเอง ที่เรียกว่า “ธนาคาร เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นต้น 3) การพึ่งตนเองด้านทรัพยากรธรรมชาติ เป็นการพึ่งตนเองบนฐานองค์ประกอบ 3 ประการ คือ “คน ความรู้ ทรัพยากร” โดยการพัฒนาศักยภาพของคน ค้นหาทรัพยากรในชุมชนท้องถิ่น และสร้างแนวทาง การพัฒนาบนฐานความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ 4) การพึ่งตนเองด้านเทคโนโลยี โดยการศึกษา ทดลอง ทดสอบ เพื่อค้นหาและสร้างเทคโนโลยีที่ เหมาะสมกับบริบทของชุมชนท้องถิ่น 5) การพึ่งตนเองทางด้านจิตใจ โดยยึดหลักธรรมค าสอนตามศาสนาที่ตนเองนับถือปฏิบัติ มีความ มั่นคงทางจิตใจ ก าหนดและควบคุมจิตใจไม่ให้แปรผันไปตามการเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีที่ ชักน าไปสู่ทิศทางของความเสื่อม โดยสรุปแล้วการพึ่งตนเองเป็นการใช้ความสามารถของตนเองในการช่วยเหลือตนเองให้ได้มาก ที่สุด มีการใช้ชีวิตที่สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคน ครอบครัว ชุมชน สังคม และ เศรษฐกิจ มีความมั่นคงในชีวิตและมีสวัสดิการที่ดีเพียงพอ การพึ่งตนเองในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องท าทุกสิ่ง ทุกอย่างด้วยตนเอง แต่สามารถพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่นในเรื่องที่เกินก าลังความสามารถ แนวทางการพึ่งตนเองประกอบด้วย การพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจ คือ การประกอบอาชีพที่มั่นคง การพึ่งตนเองทางสังคม เป็นระบบการพึ่งพาอาศัยกันของคนในชุมชน การพึ่งตนเองด้านทรัพยากรธรรมชาติ อยู่ บนพื้นฐานองค์ประกอบ 3 ประการ คือ “คน ความรู้ ทรัพยากร” การพึ่งตนเองด้านเทคโนโลยีที่มีความ เหมาะสมกับบริบทของชุมชนท้องถิ่น การพึ่งตนเองทางด้านจิตใจ เพื่อสร้างความมั่นคง และควบคุมจิตใจไม่ให้ ผันแปรโดยง่ายตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม 2.4 แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับบทบำทของผู้สูงอำยุในครอบครัว ชุมชน และสังคม 2.4.1 ทฤษฎีบทบำททำงสังคม (Role Theory) มีค าอธิบายว่า อายุเป็นองค์ประกอบที่ส าคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการที่จะก าหนดบทบาทของแต่ละ บุคคล บุคคลจะปรับตัวต่อการเป็นผู้สูงอายุได้ดีเพียงใด ย่อมน่าจะขึ้นอยู่กับการยอมรับบทบาทของตนเองใน แต่ละช่วงอายุ ซึ่งบทบาทดังกล่าวจะส่งผลไปถึงการยอมรับบทบาททางสังคมที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ด้วย นอกจากนี้ การสร้างบทบาททางสังคมของตนขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนบทบาทหน้าที่ที่สูญเสียไป ขึ้นอยู่กับ บทบาททางสังคม และการมองเห็นคุณค่าของตนเองเป็นส าคัญ สถาบันครอบครัวควรจะส่งเสริมผู้สูงอายุใน บทบาทอื่นๆ เช่น การเป็นบิดา มารดา ปูย่าตายาย เพื่อเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลาน และลูกหลานควรจะเห็น ความส าคัญของผู้สูงอายุ ส่วนด้านสังคม จะสามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุได้มาก โดยการจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุขึ้น


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 13 13 ในทุกหมู่บ้าน เพื่อให้ผู้สูงอายุในวัยเดียวกันได้พบปะสังสรรค์กัน ปรึกษาหารือในการที่จะช่วยเหลือสังคมได้ ด้วย สิ่งเหล่านี้จะท าให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างมีความสุข อยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีและเหมาะสม กล่าวคือ เป็นทั้ง ผู้ใหญ่ และผู้รับประโยชน์จากสังคมเสมอเหมือนสมาชิกอื่นๆ ในสังคม ผู้สูงอายุแต่ละคนจะมีความสามารถ แตกต่างกันไป จึงสามารถเลือกท างานอาสาสมัครได้ตามความถนัด และความสนใจของแต่ละคน ซึ่งจะท าให้ บทบาทของผู้สูงอายุเป็นไปอย่างต่อเนื่อง 2.4.2 บทบำทของผู้สูงอำยุในครอบครัว ชุมชน และสังคม นักจิตวิทยาสังคมระบุว่า การปรับตัวเข้าสู่บทบาทผู้สูงอายุเป็นเรื่องยาก สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะ งานที่เปลี่ยนเข้าสู่กลุ่มผู้สูงอายุนั้นขาดกลุ่มสนับสนุน เด็กได้รับการสอนให้เรียนรู้ถึงบทบาทของวัยรุ่น และ วัยรุ่นได้รับการฝึกฝนวิธีที่จะเป็นผู้ใหญ่ แต่มีผู้ใหญ่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับการฝึกฝนที่จะเป็นผู้สูงอายุ คน สมัยใหม่ยังเห็นว่า ค่านิยมทางวัฒนธรรมจารีตประเพณีเป็นเรื่องล้าสมัย ความผูกพันระหว่างพี่น้อง เครือญาติ การกตัญญูกตเวทีจะต้องมีขอบเขตจ ากัด จึงเกิดลักษณะวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่ต่างคนต่างช่วยตัวเอง ตัวใครตัวมัน ผู้ที่จะอยู่ในสังคมสมัยใหม่ได้จะต้องมีความสามารถแบบพหูสูต รอบรู้ทุกเรื่อง และที่ส าคัญต้องพึ่งตนเองได้ ด้วยเหตุนี้ผู้สูงอายุที่จะอยู่ในสังคมไทยอีก 10 - 20 ปีข้างหน้า จะต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีความพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ ความรู้ ความสามารถ กล่าวโดยรวมหมายถึงว่า ผู้สูงอายุจะต้องมีศักยภาพในชุมชนที่เข้มแข็งนั่นเอง ผู้สูงอายุบางส่วนในปัจจุบันเป็นผู้ที่มีศักยภาพ คือเป็นบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ และ ประสบการณ์ เป็นผู้ถึงพร้อมทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิ เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า แม้ผู้สูงอายุจะเข้าสู่วัยที่ ร่างกายอ่อนแอเสื่อมถอยแล้ว แต่ยังมีความพร้อมและสามารถที่จะช่วยเหลือครอบครัวได้ เช่น ช่วยดูแลบุตร หลาน ขณะที่พ่อแม่ออกไปท างาน ช่วยดูแลบ้านเรือน ช่วยท าอาหาร ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ตามก าลังที่มี นอกจากนี้ยังช่วยให้ค าแนะน าปรึกษาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านอาชีพการงาน ด้านการด าเนินชีวิต ด้าน ครอบครัว ด้านสังคม และอื่นๆ ผู้สูงอายุบางคนมีทักษะความรู้ในวิชาชีพบางด้าน เช่น ช่างไม้ ช่างแกะสลัก ท าอาหารไทย เย็บปักถักร้อย ฯลฯ ซึ่งสามารถถ่ายทอดให้กับบุตรหลาน รวมถึงผู้ที่สนใจเพื่อด ารงวิชาชีพนั้น ต่อไป และผู้สูงอายุบางส่วนที่ยังมีความพร้อมด้านสุขภาพร่างกาย สติปัญญา มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ยังอาจมีความพึงพอใจในการท างาน เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับครอบครัว ชุมชน และสังคม 2.4.3 ทฤษฎีกิจกรรมทำงสังคม (Activity Theory) มีค าอธิบายว่า ถ้าบุคคลใดมีกิจกรรมมากอย่าง จะสามารถปรับตัวได้มากขึ้นเท่านั้น และมีความ พึงพอใจในชีวิตสูง ท าให้เกิดความสุขในการด าเนินชีวิตต่อไป แนวคิดนี้จะเห็นว่ากิจกรรมเป็นสิ่งส าคัญส าหรับ ผู้สูงอายุมากกกว่าการลดบทบาท (Role Loss) ทางสังคมลง และจะพบว่าผู้สูงอายุมีทรรศนะเกี่ยวกับตนเองใน ทางบวก และมองโลกในแง่ดี จะมีความกระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรมที่สร้างบทบาทใหม่ๆ ให้กับผู้สูงอายุ พอสมควร กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้พัฒนาในส่วนต่างๆ ของร่างกายให้สมวัย กิจกรรมที่ควรจัด ให้กับผู้สูงอายุ ได้แก่ งานอดิเรกต่างๆ งานอาสาสมัคร เป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานต่างๆ และเป็นสมาชิก ชมรมผู้สูงอายุ เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ หรือเกษียณอายุงานแล้ว ท าให้มีเวลาว่างมาก การส่งเสริมกิจกรรมในยามว่าง ไม่ว่าจะเป็นนันทนาการ การเรียนรู้สิ่งใหม่ หรือให้บริการผู้อื่น จึงเป็นเรื่องที่ส าคัญ ซึ่งน าความพึงพอใจมาให้ ท าให้มีชีวิตชีวา และมีความหมาย การที่เกษียณอายุการงานอย่างไม่มีจุดหมาย จะน าไปสู่ความเซ็ง เบื่อหน่าย และแยกตัวออกจากสังคม การส่งเสริมให้สุขภาพร่างกาย และจิตใจเจริญงอกงามตามแรงกระตุ้นของกิจกรรม


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 14 14 ต่างๆ จึงเป็นการดี กิจกรรมหลักๆ ที่ส าคัญ ได้แก่ กิจกรรมนันทนาการ ประเภทงานอดิเรก ดนตรี กีฬา การ ท่องเที่ยว กิจกรรมการเรียนรู้ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นจิตใจ และเป็นการแลกเปลี่ยนความสนใจกับผู้อื่น กิจกรรม บริการผู้อื่น ในฐานะอาสาสมัครที่ช่วยให้บริการด้านสุขภาพอนามัย การท างานในองค์กรการกุศล เป็นต้น 2.4.4 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อควำมพึงพอใจในชีวิตของผู้สูงอำยุ 1) ปัจจัยส่วนบุคคล - ระดับการศึกษา ผู้สูงอายุที่มีระดับการศึกษาสูง จะมีความสามารถในการดูแลตนเอง และมี โอกาสเลือกท ากิจกรรมได้ดีและมากกว่ากลุ่มที่มีการศึกษาต่ า - งานอดิเรก ซึ่งหมายถึง วิถีทางในการใช้เวลาท ากิจกรรมด้านต่างๆ นอกเหนือไปจากหน้าที่ การงานประจ า หรือเป็นกิจกรรมที่ท าในเวลาว่างด้วยความสมัครใจ เพื่อก่อให้เกิดความรู้สึกเพลิดเพลินแก่ ผู้กระท าโดยตรง บทบาทและกิจกรรมใดก็ตามที่บุคคลถูกผลักดันให้เลิกกระท า จะต้องมีกิจกรรมใหม่ขึ้นมา ทดแทน และกิจกรรมที่ถูกเลือกเข้ามาคือ งานอดิเรก - สุขภาพ ผู้สูงอายุมักประสบปัญหาสุขภาพที่ทรุดโทรมลง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ กิจวัตรประจ าวัน และการต้องพึ่งพาผู้อื่นท าให้ผู้สูงอายุมีความรู้สึกด้อยในสายตาของบุคคลทั่วไป และมีผลต่อ ความพึงพอใจของผู้สูงอายุ 2) ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาส าคัญส าหรับผู้สูงอายุจากการที่มีรายได้ลดน้อยลง อันส่งผล ต่อความสามารถในการดูแลตนเองทางด้านสุขภาพ และความพึงพอใจในชีวิตของผู้สูงอายุ 3) ปัจจัยด้านความสัมพันธ์ทางสังคม เมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ท าให้สูญเสียบทบาทในการท างาน ผู้สูงอายุจึงเปลี่ยนจุดสนใจไปยังครอบครัวเพื่อสร้างบทบาทใหม่ให้กับตนเอง ด้วยการเป็นผู้ให้ค าปรึกษา แนะน าช่วยเหลือดูแลลูกหลานภายในบ้าน หากความสัมพันธ์ในครอบครัวดีจะส่งผลต่อความพึงพอใจในชีวิต ของผู้สูงอายุ ส่วนด้านความสัมพันธ์ของผู้สูงอายุกับบุคคลภายนอก จากที่มีการศึกษา พบว่า ผู้สูงอายุที่แยกตัว ออกจากสังคม มีอัตราการตายสูงกว่าผู้ที่ได้รับการสนับสนุนทางสังคมประมาณ 2.5 เท่า จากปัจจัย 3 ด้านที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในชีวิตของผู้สูงอายุ ในส่วนของงานอดิเรกและการ มีสัมพันธภาพกับบุคคลในครอบครัว รวมทั้งสังคม ได้สอดคล้องกับทฤษฎีกิจกรรม (Activity Theory) ซึ่งอาจ กลายเป็นบทบาทหน้าที่ของผู้สูงอายุที่ควรมีต่อสังคม ครอบครัว และชุมชน เพื่อการมีคุณค่าในชีวิต และเพิ่ม ความพึงพอใจของตนเองของผู้สูงอายุ โดยอาจจ าแนกเป็น 3 ประเภท คือ - กิจกรรมที่ไม่มีรูปแบบ (Informal activity) เช่น การช่วยเหลืองานของสมาชิกในครอบครัว และการพบปะสังสรรค์กับเพื่อน ญาติ เป็นต้นก -ไ กิจกรรมที่มีรูปแบบ (Formal activity) เช่น เข้าร่วมในสมาคมต่าง ๆ การเข้ากลุ่มทางศาสนา การเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม ซึ่งเป็นกิจกรรมภายนอกครอบครัว เป็นต้น -ไ กิจกรรมที่ท าคนเดียว (Solitary activity) เช่น การท างานในยามว่าง กิจกรรมเพื่อการพักผ่อน หย่อนใจส่วนตัว และกิจกรรมภายในบ้าน เป็นต้น โดยสรุปแล้ว บทบาทของผู้สูงอายุในครอบครัว ชุมชน และสังคม ถูกก าหนดด้วยช่วงอายุเป็นหลัก ท าให้ หน้าที่ความรับผิดชอบในครอบครัวต้องเปลี่ยนแปลงไป ผู้ที่เข้าสู่วัยสูงอายุต้องมีการปรับตัว ปรับบทบาททาง สังคม โดยยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พร้อมกับสร้างบทบาทใหม่ขึ้นมาในการเป็น ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นร่มโพธิ์


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 15 15 ร่มไทร ให้ค าแนะน าปรึกษา ซึ่งในการปรับตัวนั้นอาจเป็นเรื่องยาก หากไม่มีการเตรียมความพร้อมต่อการเข้าสู่ วัยผู้สูงอายุ เนื่องจากในปัจจุบันวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ เป็นไปในลักษณะต่างคนต่างอยู่และมีความห่างเหินต่อกันมากขึ้น ผู้ที่เข้าสู่วัยสูงอายุในปัจจุบันและอนาคตจึง ต้องมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองโดยการสนับสนุนของครอบครัวและชุมชน บุตรหลาน คนในครอบครัว ต้องให้ความส าคัญกับผู้สูงอายุ ครอบครัวและชุมชนต้องร่วมกันส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีความเป็นอยู่แบบ “อยู่ ดี มี สุข” ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ตามทักษะความรู้ ประสบการณ์ หรือสร้างกิจกรรมใหม่ๆ ที่ผู้สูงอายุ สามารถมีส่วนร่วมได้ อันจะท าให้ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจ มีการพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และ สังคมมากขึ้น กิจกรรมที่ควรจัดให้กับผู้สูงอายุ ได้แก่ งานอดิเรกต่างๆ งานอาสาสมัคร เป็นที่ปรึกษาให้กับ หน่วยงานต่างๆ และเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ผู้สูงอายุในปัจจุบันบางส่วนยังมีสุขภาพที่แข็งแรง มีความพร้อมในด้านของทักษะความรู้ ภูมิปัญญาที่สามารถถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลังเพื่ออนุรักษ์ หรือประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน การส่งเสริม บทบาทและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมให้กับผู้สูงอายุเพื่อสร้างความพึงพอใจ ความรู้สึกมีคุณค่า นับเป็นการส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ 2.5 ยุทธศำสตร์และนโยบำยระดับชำติเกี่ยวกับผู้สูงอำยุ 2.5.1 แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติฉบับที่ 12 มียุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านผู้สูงอายุ จ านวน 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1) การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ แนวทางการพัฒนาส าคัญ ประกอบด้วย (1) ปรับเปลี่ยนค่านิยมคนไทยให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัย จิตสาธารณะ และพฤติกรรมที่พึงประสงค์ (2) พัฒนาศักยภาพคนให้มีทักษะ ความรู้ และความสามารถในการด ารงชีวิตอย่างมีคุณค่า (3) ยกระดับคุณภาพ การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต (4) ลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพและให้ทุกภาคส่วนค านึงถึงผลกระทบต่อ สุขภาพ (5) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบสุขภาพภาครัฐ และปรับระบบการเงินการคลังด้าน สุขภาพ (6) พัฒนาระบบการดูแลและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับสังคมสูงวัย และ (7) ผลักดันให้ สถาบันทางสังคมมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศอย่างเข้มแข็ง 2) ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ าในสังคม แนวทางการพัฒนาส าคัญ ประกอบด้วย (1) การเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มเป้าหมาย ประชากรร้อยละ 40 ที่มีรายได้ต่ าสุดสามารถเข้าถึง บริการที่มีคุณภาพของรัฐและมีอาชีพ (2) การกระจายการให้บริการภาครัฐทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุขและ สวัสดิการที่มีคุณภาพให้ครอบคลุมและทั่วถึง (3) เสริมสร้างศักยภาพชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและ การสร้างความเข้มแข็งการเงินฐานราก ตามหลัก 13 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ชุมชนสามารถ พึ่งพาตนเองได้ มีสิทธิในการจัดการทุนดินและทรัพยากรภายในชุมชน 3) ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม แนวทางการพัฒนาส าคัญ ประกอบด้วย (1) เร่งส่งเสริมการลงทุนวิจัยและพัฒนา และผลักดันสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม (2) พัฒนาผู้ประกอบการให้เป็นผู้ประกอบการทางเทคโนโลยี (3) พัฒนาสภาวะแวดล้อมของการพัฒนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรมด้านบุคลากรวิจัย 2.5.2 แผนปฏิบัติกำรด้ำนผู้สูงอำยุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 – 2565) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 16 16 (เดิมเป็นชื่อแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2545 – 2564)) มียุทธศาสตร์ในการด าเนินงาน ประกอบด้วย 5 ประเด็นยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1) ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมความพร้อมของประชากรเพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพ ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่ (1) มาตรการหลักประกันรายได้เพื่อวัยสูงอายุ (2) มาตรการการให้การศึกษา และเรียนรู้ไปตลอดชีวิต และ (3) มาตรการการปลุกจิตส านึกให้คนในสังคมตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของ ผู้สูงอายุ 2) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุ ประกอบด้วย 6 มาตรการ ได้แก่ (1) มาตรการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วย (2) มาตรการส่งเสริมการรวมกลุ่มและสร้างความ เข้มแข็งขององค์กรผู้สูงอายุ (3) มาตรการส่งเสริมด้านการท างานและการหารายได้ของผู้สูงอายุ (4) มาตรการ สนับสนุนผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ (5) มาตรการส่งเสริมสนับสนุนสื่อทุกประเภทให้มีรายการเพื่อผู้สูงอายุ และ สนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้รับความรู้และสามารถเข้าถึงข่าวสารและสื่อ และ (6) มาตรการส่งเสริมและสนับสนุน ให้ผู้สูงอายุมีที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม 3) ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์ด้านระบบคุ้มครองทางสังคมส าหรับผู้สูงอายุ ประกอบด้วย 4 มาตรการ ได้แก่ (1) มาตรการคุ้มครองด้านรายได้ (2) มาตรการหลักประกันด้านสุขภาพ (3) มาตรการด้าน ครอบครัว ผู้ดูแล และการคุ้มครอง และ (4) มาตรการระบบบริการและเครือข่ายการเกื้อหนุน 4) ยุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุอย่างบูรณา การระดับชาติ และการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ (1) มาตรการการบริหาร จัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุอย่างบูรณาการระดับชาติ และ (2) มาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการ พัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ 5) ยุทธศาสตร์ที่ 5 ยุทธศาสตร์ด้านการประมวล พัฒนา และเผยแพร่องค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ และการ ติดตามประเมินผลการด าเนินการตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่ (1) มาตรการการ สนับสนุนและส่งเสริมการวิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุส าหรับการก าหนดนโยบาย และการพัฒนาการ บริการหรือการด าเนินการที่เป็นประโยชน์แก่ผู้สูงอายุ (2) มาตรการด าเนินการให้มีการติดตามประเมินผลการ ด าเนินการตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติที่มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง และ (3) มาตรการพัฒนาระบบข้อมูลทางด้าน ผู้สูงอายุให้ถูกต้องและทันสมัย โดยมีระบบฐานข้อมูลที่ส าคัญด้านผู้สูงอายุที่ง่ายต่อการเข้าถึงและสืบค้น 2.5.3 ข้อเสนอของสภำปฏิรูปประเทศ 1) ระบบเพื่อรองรับผู้สูงอายุด้านเศรษฐกิจ เพื่อสร้างหลักประกันรายได้ส าหรับผู้สูงอายุและ ประชากรรุ่นใหม่ มีข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป 2 ข้อเสนอ ดังนี้ - พัฒนาระบบบ านาญแห่งชาติ - มาตรการขยายอายุการท างาน และสร้างโอกาสในการท างานของผู้สูงอายุ 2) ระบบเพื่อรองรับผู้สูงอายุด้านการปรับสภาพแวดล้อม สิ่งอ านวยความสะดวก และบริการ สาธารณะที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต มีข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป 5 ข้อเสนอ ดังนี้ - สร้างชุมชนน่าอยู่ส าหรับสังคมสูงวัย - ส่งเสริม สนับสนุนการปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่พักอาศัย - ก าหนดที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม (Social Housing)


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 17 17 - ส่งเสริมอุตสาหกรรมและธุรกิจเพื่อรองรับสังคมสูงวัย - ปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องและจัดท าข้อเสนอนโยบายเพื่อเร่งรัด และติดตามผลการปฏิบัติงาน 3) ระบบเพื่อรองรับผู้สูงอายุด้านสุขภาพ พัฒนาระบบสุขภาพเพื่อรองรับสังคมสูงวัย มีข้อเสนอ เพื่อการปฏิรูป 3 ข้อเสนอ ดังนี้ - สร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพ - จัดตั้งระบบบริการสุขภาพที่ขาดหายไป - จัดระบบโครงสร้างที่รองรับการสร้างระบบดูแลสุขภาพชุมชนเมือง (พัฒนากฎหมาย มาตรฐานการบริการ และกลไกก ากับมาตรฐาน/มาตรการเพิ่มก าลังดูแลผู้สูงอายุ) 4) ระบบเพื่อรองรับผู้สูงอายุด้านสังคม การพัฒนาสังคมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย มีข้อเสนอเพื่อการ ปฏิรูป 6 ข้อเสนอ ดังนี้ - มาตรการเตรียมความพร้อมสังคมไทย โดยการส่งเสริมการวางแผนชีวิตครอบครัวแนวใหม่ เพื่อส่งเสริมการมีครอบครัวเข้มแข็ง และเพิ่มอัตราการเกิดที่มีคุณภาพ - มาตรการพัฒนาศักยภาพของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการสร้างการมีส่วน ร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชุมชน ภาคเอกชน พัฒนากฎระเบียบต่างๆ ที่เอื้อ ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดูแลผู้สูงอายุ - มาตรการเร่งรัดการด าเนินงานเชิงรุกของภาครัฐและเอกชนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย เพื่อให้เกิด การบูรณาการและการท างานเชิงรุกเพื่อรองรับสังคมสูงวัย - การเพิ่มคุณค่าของผู้สูงอายุ - สื่อสารสังคมเพื่อสร้างความตระหนักในสถานการณ์สังคมสูงวัย และการเตรียมความพร้อมสู่ วัยสูงอายุอย่างมีคุณภาพ - กลไกพิทักษ์ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ 2.5.4 มำตรกำรช่วยเหลือผู้สูงอำยุ 1) มาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุ แนวทางการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ผ่านมาเน้นสร้างหลักประกันรายได้ยามชราภาพ ผ่านการ จ่ายเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการด ารงชีวิตของผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ รัฐบาลจึงตระหนักถึงความส าคัญของการส่งเสริมสุขภาวะทางสุขภาพที่ดีผ่านการพัฒนาชุดความรู้ต่างๆ ควบคู่ กันไป เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาวะทั้งทางร่างกายและจิตใจที่ดีเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสังคมสูงวัย มาตรการ ต่างๆ ที่ภาครัฐก าหนดตามมติการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ประกอบด้วย - มาตรการจ้างงานผู้สูงอายุหากหน่วยงานใดมีการจ้างงานคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เงินเดือนที่ต้อง จ่ายให้กับผู้สูงอายุจะสามารถน ามาหักภาษีได้สองเท่าของรายจ่ายประเภทเงินเดือนและค่าจ้าง (ส าหรับการจ้าง บุคลากรผู้สูงอายุซึ่งมีอัตราค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน) โดยนายจ้างสามารถขอใช้สิทธิได้ไม่เกินร้อย ละ 10 ของจ านวนลูกจ้างทั้งหมด มาตรการนี้ถือว่าเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงในเรื่องรายได้ของผู้สูงอายุ ให้สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ยาวนานขึ้น เป็นการเปลี่ยนการมองภาพผู้สูงอายุที่มองว่า “ผู้สูงอายุเป็นภาระ” ให้เป็น “ผู้สูงอายุมีคุณค่า” โดยเป็นการส่งเสริมให้เกิดพฤฒพลัง (active ageing) และท าให้ผู้สูงอายุประสบความส าเร็จ


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 18 18 - มาตรการสร้างที่พักอาศัยส าหรับผู้สูงอายุ มาตรการนี้ส่งเสริมการสร้างที่พักอาศัยที่มีความ เหมาะสม และมีสิ่งอ านวยความสะดวกเป็นการเฉพาะให้กับผู้สูงอายุ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้ มีที่พักอาศัยที่ปลอดภัย มีอุปกรณ์ใช้สอยที่เหมาะสม และอยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาล โดยจะมีการ สร้างที่พักอาศัยทั้งในรูปแบบการเช่าที่ราชพัสดุ จ านวน 4 แห่ง ในจังหวัดชลบุรี นครนายก เชียงราย และ เชียงใหม่ การจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อสร้างที่พักอาศัยส าหรับผู้สูงอายุในรูปแบบของบ้านประชารัฐที่ ด าเนินการโดยการเคหะแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และการสนับสนุน เงื่อนไขผ่อนปรนให้แก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยส าหรับ ผู้สูงอายุวงเงินรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท และให้มีการจัดสรรวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยส าหรับผู้สูงอายุ เพื่อ รองรับการด าเนินโครงการในระยะต่อไปด้วย โดยให้สิทธิการจองส าหรับบุตรที่เลี้ยงดูบิดามารดาเป็นล าดับแรก - สินเชื่อที่อยู่อาศัยส าหรับผู้สูงอายุสินเชื่อที่อยู่อาศัย หมายถึง เงินกู้ระยะยาวที่กู้ยืมจากสถาบัน การเงินหรือธนาคารเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัยนั้น โดยใช้ที่อยู่อาศัยนั้นเป็นหลักประกันในการจ านองให้แก่ ธนาคารผู้ให้สินเชื่อ มาตรการนี้เป็นการให้้เงินกู้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระหนี้เป็น ของตนเอง เพื่อให้้ผู้สูงอายุน าที่อยู่อาศัยของตนมาเปลี่ยนเป็นเงินด ารงชีพ ซึ่งมูลค่าเงินที่กู้ได้จะขึ้นอยู่กับอายุของผู้ กู้ มูลค่าบ้าน และอัตราดอกเบี้ย ผู้สูงอายุสามารถเลือกวิธีรับเงินเป็นก้อนเดียว หรือทยอยรับเป็นงวด จนกว่าจะ เสียชีวิตหรือจนกว่าจะหมดอายุสัญญาเงินกู้ โดยผู้กู้ไม่ต้องช าระเงินต้นหรือดอกเบี้ยคืน และหลังจากผู้กู้เสียชีวิต ที่ อยู่อาศัยจะตกเป็นของธนาคาร มาตรการดังกล่าวนับได้ว่าเป็นทางเลือกส าหรับวัยเกษียณในอนาคต และเป็นอีก หนึ่งมาตรการที่เสริมสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้ผู้สูงอายุและการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีการออมที่พอเพียง - การบูรณาการระบบบ าเหน็จบ านาญ มาตรการนี้เป็นการสนับสนุนการออมภาคบังคับ เพื่อ สร้างหลักประกันรายได้ที่มั่นคงเมื่อยามสูงวัย มาตรการนี้ก าหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายบ าเหน็จ บ านาญแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ท าหน้าที่ก าหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนา และก ากับ ดูแลระบบบ าเหน็จบ านาญของประเทศให้ครอบคลุม และจัดตั้งกองทุนบ าเหน็จบ านาญแห่งชาติ(กบข.) เพื่อ เป็น “กองทุนส ารองเลี้ยงชีพภาคบังคับ” ส าหรับแรงงานในระบบ ครอบคลุมทั้งลูกจ้างเอกชน ลูกจ้างชั่วคราว ของส่วนราชการ พนักงานราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่มีอายุ 15 - 60 ปี ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุน ส ารองเลี้ยงชีพ โดยให้มีการจ่ายเงินเข้ากองทุนจาก 2 ฝ่าย คือ ลูกจ้าง และ นายจ้าง ลูกจ้างจะได้รับบ านาญ หรือบ าเหน็จเมื่ออายุครบ 60 ปี เพื่อให้แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีรายได้ที่เพียงพอในการด ารงชีวิ้ตหลังเกษียณ 2.5.5 นโยบำยรองรับสังคมผู้สูงอำยุ นโยบายรองรับผู้สูงอายุ ข้อมูลจากสมัชชานโยบายรองรับผู้สูงวัย น าเสนอ 4 มติ เชื่อมทุกส่วน เคลื่อนทั้งสังคม วางแผนออม(ก่อนแก่)-รวมกลุ่มสร้างคุณค่าชีวิต-เดินทางสะดวกดังใจ-สุขภาพดีมีคนดูแล เมื่อ วันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ประเด็นส าคัญที่มีการน าเสนอ ประกอบด้วย 1) ด้ำนเศรษฐกิจ มุ่งเน้นการน าเสนอเรื่องการออมหลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างที่เป็นก าลังเริ่ม เป็นที่สนใจในต่างจังหวัดคือ การออมด้วยการปลูกไม้ยืนต้น โดยสมัชชาฯ เสนอให้กระทรวงทรัพยากรฯ รับรองสิทธิของผู้ปลูกในการตัด/แปรรูป/จ าหน่ายไม้ยืนต้นในพื้นที่กรรมสิทธิ์ตนเอง และให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับส่วนอื่นๆ จัดตั้งองค์กรส่งเสริมการปลูกไม้เพื่อการออม โดยรับรองให้ไม้ดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์ในการ ท าธุรกรรมต่างๆ เช่น การประกันตัว การกู้ยืม การลงทะเบียนเรียน ฯลฯ 2) ด้ำนสังคม เน้นการเสริมสร้างศักยภาพและชมรมผู้สูงอายุ เพราะการรวมกลุ่มเป็นเรื่องส าคัญ ที่จะท าให้เกิดสุขภาวะ ข้อเสนอคือ การมีพื้นที่กลางที่เป็นมิตรและเข้าถึงได้ส าหรับผู้สูงอายุในทุกพื้นที่ เพื่อให้


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 19 19 เกิดการท ากิจกรรมภายใต้การบริหารงานของผู้สูงอายุเอง หลายหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนอยู่ก็สามารถ สนับสนุนผ่านพื้นที่กลางดังกล่าวเพื่อให้เกิดการบูรณาการ 3) ด้ำนสภำพแวดล้อม ปัจจุบันผู้สูงอายุไทยช่วยตัวเองไม่ได้มากถึงร้อยละ 5 ส่วนที่อยู่ล าพังมีสูงถึง ร้อยละ 11 อยู่กับคู่สมรสมีร้อยละ 21 การเดินทางของผู้สูงอายุไทยเป็นไปอย่างยากล าบาก ต้องพึ่งพิงคนอื่น ท า ให้มักต้องอยู่แต่กับบ้าน จึงเสนอว่าให้ขยายโครงการ 1 ต าบล 1 ศูนย์อยู่ดี ซึ่งเป็นงานน าร่องที่ สสส. ออกแบบ Universal Design Center ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของหลายภาคส่วนออกไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ 4) ด้ำนสุขภำพ เป็นการหารือเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ สปสช. หรือระบบสวัสดิการต่างๆ รองรับไม่ ทั่วถึง โดยเสนอให้ระดมทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน เช่น ศาสนสถาน สถาบันการศึกษา หน่วยบริการสุขภาพ เข้ามาช่วยดูแลคนในชุมชน สร้างสหกรณ์ออมทรัพย์ ธนาคารเวลา เพื่อสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว รวมถึงการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพผ่านเครื่องมืออย่างสมัชชาสุขภาพพื้นที่ ธรรมนูญสุขภาพพื้นที่ เป็นต้น 2.5.6 แผนยุทธศำสตร์ 20 ปี กรมกิจกำรผู้สูงอำยุ ปี พ.ศ.2561 – 2580 มีการก าหนดประเด็นยุทธศาสตร์ และเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของแต่ละประเด็น ดังนี้ 1) ประเด็นที่ 1 เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบาย มาตรการ กลไก นวัตกรรมงานด้านผู้สูงอายุไปสู่การปฏิบัติ เป้าประสงค์ มีการบูรณาการทั้งระดับนโยบาย กลไก สู่การปฏิบัติ โดยมีการเชื่อมโยงแผน ระดับนโยบายสู่การปฏิบัติในพื้นที่ ยกระดับหน่วยงานเพื่อเป็นกลไกในการด าเนินงานด้านผู้สูงอายุ และสร้าง ความร่วมมืองานด้านผู้สูงอายุระหว่างประเทศ 2) ประเด็นที่ 2 พัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุและเตรียมความพร้อมคนทุกช่วงวัยเพื่อรองรับสังคม ผู้สูงอายุร่วมกับภาคีเครือข่าย เป้าประสงค์พัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุและเตรียมความพร้อมคนทุกวัย เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการ พัฒนาศักยภาพ ส่งเสริมให้มีงานท า มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมผ่านเครือข่ายและกลไกในระดับพื้นที่ และ คนทุกวัยมีการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ 3) ประเด็นที่ 3 พัฒนาระบบการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ เป้าประสงค์ ผู้สูงอายุได้รับการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิอย่างทั่วถึง โดยมีการผลักดันและ ขับเคลื่อนมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุไปสู่การปฏิบัติเพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง พร้อมทั้งสร้าง ระบบคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทในพื้นที่ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการ คุ้มครองและพิทักษ์ประโยชน์อย่างทั่วถึง 4) ประเด็นที่ 4 เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุ เป้าประสงค์พัฒนาระบบการบบริหารจัดการเพื่อยกระดับการให้บริการ เพื่อให้ประชาชนมี ความพึงพอใจต่อคุณภาพการให้บริการ โดยออกแบบการบริการที่ยึดกลุ่มเป้าหมายเป็นศูนย์กลาง มีการน า เทคโนโลยีสารสนเทศหรือนวัตกรรมที่เหมาะสม รัฐบาลตระหนักถึงความส าคัญของการเข้าสู่สังคมสูงวัยจากการที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการก าหนดยุทธศาสตร์และนโยบายระดับชาติเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งมาตรการ/แนวทางในการ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้สังคมสูงวัยในปัจจุบัน ได้แก่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติฉบับที่ 12 ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ให้คนทุกช่วงวัยมีคุณธรรม จริยธรรม มีการพัฒนาทักษะความรู้ และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของชุมชนท้องถิ่นผ่าน


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 20 20 ระบบเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้คน และชุมชน แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ที่มีการก าหนด ยุทธศาสตร์ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ การส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุในด้านสุขภาพ การ ท างาน การรวมกลุ่ม และการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การสร้างระบบคุ้มครองทางสังคมส าหรับ ผู้สูงอายุการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุ รวมทั้งการประมวล พัฒนา และเผยแพร่องค์ ความรู้ด้านผู้สูงอายุข้อเสนอของสภาปฏิรูปประเทศ ในการพัฒนาระบบเพื่อรองรับผู้สูงอายุด้านเศรษฐกิจ ด้าน การปรับสภาพแวดล้อม สิ่งอ านวยความสะดวก และบริการสาธารณะ ด้านสุขภาพ และด้านสังคม มาตรการ ช่วยเหลือผู้สูงอายุ ในเรื่องของการจ้างงาน การสร้างที่พักอาศัย การให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยส าหรับผู้สูงอายุและ การบูรณาการระบบบ าเหน็จบ านาญ นโยบายรองรับผู้สูงอายุ ในด้ำนเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นเรื่องการออม ด้ำน สังคมที่เน้นการเสริมสร้างศักยภาพและชมรมผู้สูงอายุ ด้ำนสภำพแวดล้อม ในกำรส่งเสริมกำรขยำยโครงกำร Universal Design Center ด้ำนสุขภำพ โดยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนในการช่วยเหลือดูแลคนในชุมชน แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี กรมกิจการผู้สูงอายุ ปี พ.ศ.2561 – 2580 โดยมุ ่งเน้นการเป็นหน ่วยงานหลักใน การบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายด้านผู้สูงอายุไปสู่การปฏิบัติ เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ พัฒนาระบบการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ และเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุในการพัฒนา ระบบการให้บริการ การก าหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และมาตรการของภาครัฐแสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมในการ รองรับสังคมสูงอายุอย่างมีคุณภาพ ทั้งการเตรียมความพร้อมให้กับตัวผู้สูงอายุเองในการพัฒนาทักษะ ความรู้ เพื่อให้สามารถปรับตัวและรู้เท่าทันสถานการณ์ การมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน ในการส่งเสริมสุขภาพ การรวมกลุ่มกิจกรรมต่างๆ บทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับสภาพแวดล้อม ที่อยู่อาศัย และสิ่งอ านวย ความสะดวกส าหรับผู้สูงอายุ การส่งเสริมการจ้างงาน และระบบการออม รวมทั้งการพัฒนาระบบการคุ้มครอง และพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ 2.6 เอกสำรงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง สุทธิพงศ์ บุญผดุง (2554) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในท้องถิ่นโดยใช้โรงเรียน เป็นฐาน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง (ระยะที่ 1)” ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในภาพรวม อยู่ในระดับค่อนข้างมาก อันดับแรกคือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล รองลงมาคือด้านการรวมกลุ่มทางสังคม ด้านสภาพอารมณ์ที่ดี และด้านสภาพร่างกายที่ดี ตามล าดับ ในขณะที่ด้านสภาพความเป็นอยู่ที่ดี และการ ตัดสินใจด้วยตนเอง มีระดับคุณภาพชีวิตปานกลาง 2) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต พบว่า ด้านสภาพ อารมณ์ที่ดี มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยด้านความว้าเหว่ อ้างว้าง และปัจจัยด้านความสุขกาย สบายใจ ด้าน ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยด้านปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว มิตรสหาย และเพื่อน บ้าน ด้านการรวมกลุ่มทางสังคม มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยด้านการอุทิศและการได้รับการยอมรับจาก ชุมชน ด้านสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยด้านการด ารงชีพ และปัจจัยด้านรายรับและ รายจ่าย คุณภาพชีวิตด้านสภาพร่างกายที่ดี มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยด้านการใส่ใจเรื่องสุขภาพ และ ปัจจัยด้านการบริโภคที่ดี และสุดท้าย ด้านการตัดสินใจด้วยตนเอง มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยด้านความ เป็นอิสระทางความคิด และปัจจัยการเลือกท าในสิ่งที่ต้องการ 3) แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านความเห็นชอบจากผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งสามารถน าไป ทดลองใช้ และศึกษาผลการใช้กับผู้สูงอายุในท้องถิ่นในงานวิจัยระยะที่ 2 ต่อไป


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 21 21 เยาวเรศ แตงจวง (2557) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอ าเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์” ผลการศึกษาพบว่า ระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุอ าเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านจิตใจมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ ด้านสิ่งแวดล้อม และ ด้านร่างกาย แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอ าเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ พบว่า ด้านร่างกาย ควร ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตนเองและส่งเสริมการออกก าลังกาย ปลุกจิตส านึกให้ คนในครอบครัว บุตรหลาน มีความกตัญญู เอาใจใส่ ให้ความรักความอบอุ่นแก่ผู้สูงอายุ มีรถรับส่งผู้สูงอายุที่ เดินทางไปสถานพยาบาล และมีอาสาสมัครคอยดูแล ตรวจเยี่ยมบ้าน และรับฟังปัญหา ด้านจิตใจ ควรส่งเสริม ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุ ควรสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้มีบทบาทในการถ่ายทอดภูมิปัญญา ท้องถิ่นแก่เด็กและเยาวชน ควรจัดกิจกรรมแสดงความรักความกตัญญูแก่ผู้สูงอายุ เช่น รดน้ าด าหัวผู้สูงอายุ กิจกรรมนันทนาการร่วมกันโดยมีสมาชิกหลายวัย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ จัดกิจกรรมที่มีการแสดงธรรม เทศนา และจัดให้มีการทัศนศึกษา ด้านความสัมพันธ์ทางสังคม ควรจัดให้มีการท ากิจกรรมร่วมกันเดือนละ 1 ครั้ง เช่น มีการพบปะพูดคุย เล่าปัญหาให้กันฟัง ช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหา ส่งเสริมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุให้มี ความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการบริหารชมรม และด้านสิ่งแวดล้อม ควรจัดท าโครงการชุมชนน่าอยู่ เช่น การประกวดหมู่บ้าน การส่งเสริมชุมชนบริหารจัดการขยะโดยท าปุ๋ยชีวภาพและปลูกพืชปลอดสารเคมี ปรับปรุงส่วนสาธารณะ จัดสิ่งอ านวยความสะดวกส าหรับผู้สูงอายุ เช่น การท าราวจับในห้องน้ าสาธารณะ วริยา จันทร์ข า หทัยชนก บัวเจริญ และชินวุฒิ อาสน์วิเชียร (2558) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “รูปแบบการดูแล ผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง กรณีศึกษา : องค์การบริหารส่วนต าบลท่างาม อ าเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี” ผลการวิจัยพบว่า 1) ฐานคิด ทุนทางสังคม และศักยภาพการดูแลผู้สูงอายุเพื่อสร้างชุมชน จัดการตนเอง คือ การมีส่วนร่วมคิด ร่วมท า ร่วมรับผลประโยชน์ แก้ไขปัญหาโดยใช้ภาคีเครือข่าย สร้างความมี จิตสาธารณะเพื่อพัฒนาศักยภาพการดูแลสุขภาพ พัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาวะชุมชน จัดระบบ บริการสุขภาพ จัดตั้งกองทุน/สวัสดิการ และน าข้อมูลต าบลมาใช้ในการพัฒนางานอย่างเป็นระบบ 2) รูปแบบ การดูแลผู้สูงอายุของชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองใช้ระบบฐานข้อมูลต าบลบูรณาการทุนและศักยภาพทางสังคม ภายในและภายนอกพื้นที่ เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิต สุขภาพความเป็นอยู่ และการพึ่งพาตนเอง ดูแลผู้ที่จะ เข้าสู่วัยผู้สูงอายุและผู้สูงอายุโดยเน้น 4 มิติ คือ 1) การดูแลระยะยาวส าหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Longterm care) 2) การพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุด้านการเรียนรู้สัมมาอาชีพ 3) การเตรียมความพร้อมก่อนวัย สูงอายุ และ 4) การจัดการสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ อภินันท์ สนน้อย ปิยาภรณ์ ศิริภานุมาศ และ สุรชัย ปิยานุกูล (2559) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “รูปแบบการ พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในจังหวัดบุรีรัมย์” ผลการวิจัยพบว่า 1) ด้านร่างกาย ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีสุขภาพไม่ แข็งแรง มีโรคประจ าตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ด้านจิตใจ ผู้สูงอายุมีสภาพความเป็นอยู่ดี อบอุ่น มีความ เหมาะสม ความสัมพันธ์กับครอบครัวชุมชน ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมการท ากิจกรรมพอสมควร ด้าน สภาพแวดล้อม ลักษณะที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุมีความเหมาะสม 2) ระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในจังหวัด บุรีรัมย์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับสูง เมื่อพิจารณารายด้าน ระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุอยู่ในระดับสูง ได้แก่ ด้านความสัมพันธ์ทางสังคม และด้านจิตใจ อยู่ในระดับปานกลาง ได้แก่ ด้านร่างกาย และด้านสภาพแวดล้อม 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ ปัจจัยด้านการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวัน ปัจจัย ด้านการมีส่วนร่วมกับครอบครัวและชุมชน ปัจจัยด้านการสนับสนุนทางสังคม ปัจจัยด้านความพึงพอใจในชีวิต


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 22 22 ความเป็นอยู่ และปัจจัยด้านการให้คุณค่าในตนเอง 4) รูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในจังหวัด บุรีรัมย์ ผู้สูงอายุควรพัฒนาตนเอง ช่วยเหลือตนเอง ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ครอบครัวควรช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ ให้ ความส าคัญกับผู้สูงอายุ หน่วยงานภาครัฐ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล ควรเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ จัดสวัสดิการ กิจกรรมเพื่อสุขภาพ ดูแล ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ อบรมให้ ความรู้ จัดสิ่งอ านวยความสะดวก จัดบริการสาธารณะ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในชุมชน กานดา เต๊ะขันหมาก กาสัก เต๊ะขันหมาก และปัญญา อนันตธนชัย (2559) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “รูปแบบการ บริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในจังหวัดลพบุรี” ผลการ ศึกษาวิจัยพบว่า คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในภาพรวมอยู่ในระดับที่ดีมาก ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม เศรษฐกิจ สติปัญญา และการพัฒนาตนเอง ในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ าแนกเป็นสองลักษณะคือ 1) การส่งเสริมและสนับสนุนโดยตรง และ 2) การระดมความร่วมมือจากภาครัฐและภาคเอกชนทั้งภายในและ ภายนอกพื้นที่ ปัจจัยความส าเร็จขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้แก่ 1) การด าเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2) ทุนทางสังคม/วัฒนธรรม/เศรษฐกิจ/สิ่งแวดล้อมของชุมชน 3) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล/กองทุนหลักประกันสุขภาพต าบล 4) ชมรมผู้สูงอายุ 5) หน่วยงานของภาครัฐ และภาคเอกชนที่อยู่ในพื้นที่และ 6) หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่อยู่นอกเขตปกครอง กัญญา ชื่นอารมย์ และ วลัยนารี พรมลา (2560) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ จังหวัดปทุมธานี” ผลการวิจัยพบว่า แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตจะต้องประกอบไปด้วย 1) นโยบายและ ยุทธศาสตร์ในการสนับสนุน 2) ส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยการจัดตั้งกลุ่ม/ชมรมผู้สูงอายุ 3) การส่งเสริมอาชีพ ให้กับผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ 4) การสนับสนุนแพทย์เคลื่อนที่เพื่อตรวจสุขภาพประจ าปี 5) สนับสนุน ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตนเองให้กับผู้สูงอายุ ศิริมาศ โกศัลย์พิพัฒน์ (2561) ศึกษาวิจัยเรื่อง “รูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชนบท ภาคเหนือโดยการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ผลการศึกษาวิจัยพบว่า แนวทางในการพัฒนา คุณภาพชีวิตที่เหมาะสมประกอบด้วย 6 มิติได้แก่ 1) มิติด้านเศรษฐกิจ/รายได้ 2) มิติด้านความเป็นอยู่ 3) มิติ ด้านสุขภาวะ 4) มิติด้านความอบอุ่น สัมพันธภาพในครอบครัว 5) มิติด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม 6) มิติด้านความมีคุณค่า ส่วนรูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ความส าเร็จเกิดจาก 1) การด าเนินงานตามนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ เป็นไปอย่างเข้มแข็ง 2) มีการประสานความร่วมมือกับองค์กรต่างๆเพื่อให้ความรู้และท ากิจกรรม 3) การ คัดเลือกตัวแทนผู้สูงอายุที่มีความสามารถมาเป็นวิทยากรให้ความรู้ 4) จัดเวทีแสดงความสามารถของผู้สูงอายุ ณัฐกฤตา งามมีฤทธิ์ วัชรินทร์ ระฤาชาติ และณภัทร โพธิ์วัน (2561) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “รูปแบบการพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในเขตภาคกลางโดยใช้กิจกรรมนันทนาการ” ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยด้านสุขภาพ ทาง กายภาพ ปัจจัยด้านจิตใจ ปัจจัยด้านความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้สูงอายุอยู่ในระดับมาก ส่วนปัจจัยด้าน สิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับปานกลาง 2) โมเดลองค์ประกอบเชิงยืนยันคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในเขตภาคกลางพบว่า ผล การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสอง โมเดลคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ คือ ปัจจัยด้านสุขภาพที่มีน้ าหนักขององค์ประกอบมากที่สุด รองลงมาคือ ปัจจัยด้านจิตใจ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และ ปัจจัยด้านความสัมพันธ์ทางสังคม 3) รูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในเขตภาคกลางโดยใช้กิจกรรม


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 23 23 นันทนาการเป็นรูปแบบเชิงระบบบนฐานของข้อค้นพบจากวิธีเชิงปริมาณ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ (1) ก าหนด กรอบรูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุโดยใช้กิจกรรมนันทนาการ (2) อธิบาย ท าความเข้าใจกับผู้สูงอายุ เกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยใช้กิจกรรมนันทนาการ (3) ก าหนดแผนปฏิบัติการกิจกรรม นันทนาการให้ครอบคลุมเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทุกด้านตามความต้องการของผู้สูงอายุ (4) ด าเนินการตาม แผนปฏิบัติการ อนุชา ม่วงใหญ่ (ม.ป.ป) มีการจัดท ารายงานการวิจัยเรื่อง “แนวคิด และวิธีการ เพื่อการด ารงชีวิตอย่างมี คุณค่าของผู้สูงอายุ” บทสรุปจากการศึกษาวิจัยคือ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุด ารงชีวิตอย่างมีคุณค่า คือการ ส่งเสริมการท างานให้กับผู้สูงอายุ นอกจากการส่งเสริมความมีคุณค่าจะเป็นสิ่งจ าเป็นแล้ว การส่งเสริมคุณภาพ ชีวิตให้ผู้สูงอายุ “อยู่ ดี มี สุข” มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดี ครอบครัวและชุมชนเป็นผู้ที่มีบทบาทส าคัญใน การมีส่วนร่วมดูแลทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ ด้านเศรษฐกิจ ความต้องการทางสังคม การเจ็บป่วยและการ รักษาพยาบาล รวมทั้งการส่งเสริมกิจกรรมและสร้างความรักความอบอุ่นภายในครอบครัว ในส่วนของการ ท างานภาครัฐควรมีนโยบาย กฎหมาย ระเบียบ และแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจนในการสนับสนุนการท างานที่ เหมาะสมกับสมรรถนะ ทักษะ ความรู้ความสามารถของผู้สูงอายุ และบริบทของชุมชนท้องถิ่น การปรับ ทัศนคติใหม่เกี่ยวกับการท างานของผู้สูงอายุโดยค านึงถึงศักยภาพและความพร้อมมากกว่าอายุ ตลอดจนการ ส่งเสริมการท างานให้มีความยืดหยุ่น เหมาะสมกับความเป็นอยู่และความต้องการของผู้สูงอายุ โดยสรุปแล้ว การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุมีความเกี่ยวข้องกับตัวผู้สูงอายุเอง ซึ่งผู้สูงอายุต้องมี การดูแลตนเอง และสามารถพึ่งพาตนเองได้ตามสมรรถนะของร่างกาย ภายใต้การมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ ดูแลของครอบครัวและชุมชน คนทุกช่วงวัย รวมทั้งอาสาสมัครในพื้นที่ ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตอย่างครอบคลุมทุกด้าน ทั้งสุขภาพร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สภาพแวดล้อม และเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้สูงอายุมีสภาพร่างกายที่เสื่อมถอย และมีโรคประจ าตัว ซึ่งควรให้การดูแล ตรวจ สุขภาพอย่างสม่ าเสมอ รวมทั้งการออกก าลังกาย ทางด้านจิตใจ โดยการให้ความส าคัญ ความรัก ความอบอุ่น มีสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว ด้านอารมณ์ มีการส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างความสุขให้กับผู้สูงอายุ เช่นกิจกรรม นันทนาการต่างๆ ด้านสังคม ในการเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน การเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ ด้านสภาพแวดล้อม คือ การปรับสภาพที่อยู่อาศัย และสิ่งอ านวยความสะดวกที่เอื้อต่อการด ารงชีวิตของผู้สูงอายุ รวมทั้งด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นส าคัญในปัจจุบัน เนื่องจากผู้สูงอายุมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่รายได้และการออมมีอยู่ค่อนข้าง น้อย การส่งเสริมการท างานให้กับผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งที่หลายภาคส่วนให้ความส าคัญมากขึ้น ประโยชน์ที่ได้รับ นอกเหนือจากเป็นการสร้างรายได้แล้วยังเป็นสร้างความรู้สึกมีคุณค่าให้กับผู้สูงอายุในอีกทางหนึ่ง


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 24


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 25 บทที่ 3 วิธีดำ�เนินการวิจัย


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 26 25 บทที่ 3 วิธีด ำเนินกำรวิจัย การวิจัยเรื่อง “การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัว และชุมชน” ผู้วิจัยได้ก าหนดวิธีการด าเนินงานวิจัยเพื่อให้ครอบคลุมกับค าถามหรือโจทย์ของการวิจัย และได้ ผลการวิจัยที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ก าหนดไว้ โดยมีวิธีการด าเนินการวิจัย ดังนี้ 3.1 วิธีด ำเนินกำรวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยประยุกต์ (Applied Research) ศึกษาโดยใช้วิธีวิทยาการวิจัยแบบผสานวิธี (Mix Methodology) ซึ่งประกอบด้วยการวิจัยแบบเชิงปริมาณ (Quantitative Methodology) และการ วิจัยแบบเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมทั้งมีการวิเคราะห์ผลข้อมูลการวิจัยโดยใช้วิธีการ วิเคราะห์เชิงพรรณา (Descriptive Study) คณะผู้วิจัยจึงได้ก าหนดการคัดเลือกพื้นที่ ขนาดตัวอย่าง และ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก ดังนี้ 3.1.1 กำรวิจัยเชิงปริมำณ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากรกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่/คุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุในปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวิจัย ดังนี้ 1) การคัดเลือกพื้นที่เชิงปริมาณ การคัดเลือกพื้นที่ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ มีการพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินศูนย์พัฒนา ครอบครัวในชุมชน (ศพค.) และเกณฑ์การประเมินศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) โดยเป็นการคัดเลือกพื้นที่ที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับดี/มีความเข้มแข็ง ในเขตจังหวัดสงขลา รวมทั้งหมด 4 พื้นที่ (ตารางที่ 3.1) ตารางที่ 3.1 พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลเชิงปริมาณซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบของ สสว.11 จังหวัด พื้นที่ จ ำนวนกลุ่มตัวอย่ำง (คน) สงขลา 1) เทศบาลเมืองสะเดา อ.สะเดา 2) เทศบาลต าบลควนลัง อ.หาดใหญ่ 3) อบต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง 4) อบต.คลองหรัง อ.นาหม่อม 250 250 250 250 รวม 4 พื้นที่ 1,000 2) ขนาดตัวอย่างในการเก็บแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย ตัวแทนของผู้สูงอายุจ านวน 400 คน และสมาชิกช่วงวัยอื่นในครอบครัวของผู้สูงอายุ จ านวน 600 คน รวมจ านวน 1,000 คน 3) วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างในการคัดเลือกมาจากจังหวัดที่มีประชากรวัยสูงอายุ (อายุ60 ปีขึ้นไป) มาก ที่สุด คือจังหวัดสงขลา โดยมีการคัดเลือกพื้นที่ที่มีศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.) และศูนย์พัฒนา คุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) ที่เข้มแข็ง จากนั้นจึงเป็นการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคน


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 27 26 ทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน เพื ่อให้ได้ข้อมูลเกี ่ยวกับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในปัจจุบันทั้งจาก มุมมองความคิดเห็นของผู้สูงอายุ และจากมุมมองความคิดเห็นของสมาชิกต่างช่วงวัย 4) การเก็บรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ การเก็บรวมรวมข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลจาก กลุ่มตัวอย่างจ านวน 1,000 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของประชากรทุกช่วงวัยในชุมชนท้องถิ่น ในพื้นที่ 4 อ าเภอของ จังหวัดสงขลา ที่เป็นเขตรับผิดชอบของส านักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 3.1.2 กำรวิจัยเชิงคุณภำพ โครงการวิจัยในประเด็นการศึกษาเรื่อง “การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการ มีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน” ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพประกอบกับการวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของงานวิจัย โดยมีรายละเอียด เกี่ยวกับกระบวนการวิจัย ดังนี้ 1) กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงคุณภาพ 1.1) ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่เป้าหมาย 2 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย - ตัวแทนของผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในชุมชนท้องถิ่น จ านวน 15 คน - ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ เช่น เจ้าหน้าที่ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ก านัน/ผู้ใหญ่บ้านที่เป็นผู้น าชุมชน เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพต าบล (รพสต.) เจ้าหน้าที่จากศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.) ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและ ส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) เป็นต้น จ านวน 15 คน 1.2) ผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสูงอายุ ซึ่งเป็น อาจารย์/นักวิชาการจากสถาบันการศึกษา จ านวน 3 คน 2) การเก็บรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ ในส่วนของการวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ เพื่อก าหนดแนวทาง/รูปแบบที่ เหมาะสมในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัย มีการด าเนินการ ดังนี้ 2.1) การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) โดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและมีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งเสริมส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยน เสนอแนะ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ใช้ในการก าหนดแนวทาง/รูปแบบที่เหมาะสมในการส่งเสริมคุณภาพ ชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน จ านวน 15 คน/ 2 กลุ่ม 2.2) การสัมภาษณ์เชิงลึก (IndepthInterview) โดยผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีประสบการณ์ เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสูงอายุ ซึ่งเป็นอาจารย์/นักวิชาการจากสถาบันการศึกษา เพื่อให้ได้ ข้อเสนอแนะ ทิศทางในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยครอบครัวและชุมชน นโยบายในการส่งเสริม คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ส าหรับการก าหนดแนวทาง/รูปแบบที่เหมาะสมในการส่งเสริม คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในพื้นที่ จ านวนทั้งหมด 3คน


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 28 27 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในกำรวิจัย 3.2.1 เครื่องมือกำรวิจัยเชิงปริมำณ แบบสอบถามที่ใช้เป็นเครื่องมือในส่วนของการวิจัยเชิงปริมาณ ได้มีการสร้างขึ้นโดย การศึกษาเอกสารทางวิชาการต่างๆ และได้มีการประยุกต์ใช้ค าถามจากแบบประเมินคุณภาพชีวิตของ WHO ฉบับย่อภาษาไทย เป็นแนวทางในการก าหนดข้อค าถามเพื่อสร้างแบบสอบถามที่สามารถตอบโจทย์การวิจัยและ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ โดยแบบสอบถามประกอบด้วยข้อค าถามเกี่ยวกับคุณลักษณะทั่วไปของผู้ตอบ แบบสอบถาม และการประเมินคุณภาพชีวิตของตนเองในส่วนของผู้สูงอายุ รวมถึงการประเมินคุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุตามความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว 3.2.2 กำรแปลผลข้อมูล 1) การประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในครอบครัวทั้งโดยการประเมินตนเองของผู้สูงอายุ และการประเมินจากความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว ทั้งประเด็นด้านสุขภาพ สังคม ความสัมพันธ์กับ บุคคลอื่น และสภาพแวดล้อม 2) การแปลผล/ประมวลผล ใช้โปรแกรมสถิติส าเร็จรูปเพื่อวิเคราะห์ผลการประเมินคุณภาพ ชีวิตของผู้สูงอายุว่าอยู่ในระดับใด ซึ่งจะท าให้ทราบว่าควรมีการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในด้านใด มาก น้อยเพียงใด 3.2.3 เครื่องมือกำรวิจัยเชิงคุณภำพ 1) การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) 1.1) เป็นแบบประเด็นค าถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลส าคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งน าไปสู่ การก าหนดแนวทาง/รูปแบบที่เหมาะสมในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุก ช่วงวัย ประกอบไปด้วย - สถานการณ์ด้านผู้สูงอายุ และบทบาทความส าคัญของผู้สูงอายุในครอบครัวและ ชุมชนท้องถิ่น - กิจกรรมในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ด้านสุขภาพ ด้านสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อการด ารงชีวิต ด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของครอบครัวและชุมชนท้องถิ่น - ปัจจัยที่ช่วยหนุนเสริมและปัจจัยที่เป็นปัญหาอุปสรรคของการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุ - แนวทางการด าเนินงานของหน่วยงานที่เข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการส่งเสริม คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชนท้องถิ่น - ข้อเสนอแนะแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของ ผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการพึ่งพาตนเอง - นโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุควรมีนโยบายใดบ้าง และบทบาทภารกิจของแต่ละหน่วยงานควรเป็นอย่างไร อะไรเป็นปัญหาและอุปสรรคของการด าเนินการ


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 29 28 2) การสัมภาษณ์เชิงลึก (Indepth Interview) 2.1) เป็นแบบประเด็นค าถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทิศทาง และการขับเคลื่อน นโยบายด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งน าไปสู่การก าหนดแนวทาง/รูปแบบที่เหมาะสมในการ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัย ประกอบไปด้วย - แนวทาง/รูปแบบในการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด ารงชีวิตอย่างมี ความสุขและรู้สึกมีคุณค่า -การใช้ประโยชน์จากทักษะ/ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่สั่งสมจากการท างาน ของผู้สูงอายุเพื่อถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง - ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการ พึ่งพาตนเอง - กลไกส าคัญในชุมชนท้องถิ่นในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ - การพัฒนาระบบ/กลไกในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ - แนวทาง/รูปแบบที่เหมาะสมในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมี ส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยทั้งในเชิงรับ และในเชิงรุก - นโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ บทบาท ภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ปัญหาและอุปสรรคของการด าเนินงาน - นอกจากหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานใดที่ควรเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริม คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ 3.3 กำรน ำเสนอข้อมูล เป็นการน าเสนอข้อมูลในเชิงวิเคราะห์และพรรณนาโดยน าเสนอข้อมูลเชิงปริมาณในส่วนของการ ประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ และใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพในส่วนของสถานการณ์ปัญหา และความต้องการ ของผู้สูงอายุ การด าเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ปัจจัยสนับสนุน รวมทั้งปัจจัยที่เป็นอุปสรรค/ ข้อจ ากัดต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ การพัฒนาระบบ/กลไกในการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีการก าหนดแนวทาง/รูปแบบการด าเนินงานที่เหมาะสม การน าเสนอผลการวิจัยทั้งในเชิง ปริมาณและคุณภาพมีรูปแบบ ดังนี้ 3.3.1 กำรน ำเสนอผลกำรวิจัยเชิงปริมำณ เป็นการน าเสนอผลการวิจัยที่ผ่านการประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรมสถิติส าเร็จรูป ในรูปแบบของตารางประกอบกับการแสดงค่าสถิติต่างๆ เช่น ค่าเฉลี่ย ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร T- test เป็น ต้น 3.3.2 กำรน ำเสนอผลกำรวิจัยเชิงคุณภำพ เป็นการน าเสนอข้อมูลจากการวิเคราะห์เนื้อหาจากการสนทนากลุ่มและสัมภาษณ์เชิงลึกใน รูปแบบของการพรรณนาความ


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 30 29 3.4 กรอบแนวคิด ค ำอธิบำยกรอบแนวคิด การประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทั้งจากมุมมองของผู้สูงอายุและจากมุมมองของสมาชิกช่วงวัยอื่น ในครอบครัวจะท าให้ทราบถึงความคิดเห็นและความรู้สึกพึงพอใจต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในปัจจุบัน เมื่อ ประกอบกับการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์และสภาพปัญหาของผู้สูงอายุ การด าเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ที่ เกี่ยวข้อง ความส าเร็จและปัญหาอุปสรรคในการด าเนินงาน ซึ่งจะน าไปสู่การวิเคราะห์สถานการณ์ของผู้สูงอายุ ตามบริบทของชุมชนท้องถิ่น แนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่เหมาะสมสอดคล้องกับ สถานการณ์บทบาทการมีส่วนร่วมของคนในช่วงวัยต่างๆ รวมทั้งกลไก/ภาคีเครือข่ายในการช่วยเหลือ ดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุตลอดจนน าไปสู่บทสรุปของการก าหนดแนวทาง/รูปแบบในการส่งเสริม คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชนท้องถิ่น รวมทั้ง แนวทางการพัฒนาระบบกลไก/เครือข่ายในการช่วยเหลือ ดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ลักษณะส่วนบุคคล - เพศ - อายุ - การศึกษา - อาชีพ - รายได้ กำรประเมินคุณภำพชีวิตของ ผู้สูงอำยุ - ระดับของคุณภาพชีวิตจากการ ประเมินตนเองของผู้สูงอายุและ จากการประเมินของคนในครอบครัว กำรมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในกำร ส่งเสริมคุณภำพชีวิตของผู้สูงอำยุ - การวิเคราะห์สถานการณ์ด้านคุณภาพ ชีวิตของผู้สูงอายุตามบริบทของชุมชน - ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตที่เหมาะสมส าหรับผู้สูงอายุ - บทบาทของคนช่วงวัยต่างๆ ในการ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ - การส่งเสริมการสร้างระบบกลไกในการ ช่วยเหลือ ดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ สถำนกำรณ์ด้ำนผู้สูงอำยุ และกำร ด ำเนินงำนของหน่วยงำนในพื้นที่ - สถานการณ์และสภาพปัญหา ของผู้สูงอายุ - การด าเนินงานด้านผู้สูงอายุของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ - ปัจจัยความส าเร็จและปัญหา อุปสรรคของการด าเนินงานด้าน ผู้สูงอายุ แนวทำง/รูปแบบกำรส่งเสริม คุณภำพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอำยุ - แนวทางในการส่งเสริมให้ ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดย อาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุก ช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ท้องถิ่น - แนวทางการพัฒนาระบบกลไก/ เครือข่ายในการดูแลผู้สูงอายุ 29 3.4 กรอบแนวคิด ค ำอธิบำยกรอบแนวคิด การประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทั้งจากมุมมองของผู้สูงอายุและจากมุมมองของสมาชิกช่วงวัยอื่น ในครอบครัวจะท าให้ทราบถึงความคิดเห็นและความรู้สึกพึงพอใจต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในปัจจุบัน เมื่อ ประกอบกับการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์และสภาพปัญหาของผู้สูงอายุ การด าเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ที่ เกี่ยวข้อง ความส าเร็จและปัญหาอุปสรรคในการด าเนินงาน ซึ่งจะน าไปสู่การวิเคราะห์สถานการณ์ของผู้สูงอายุ ตามบริบทของชุมชนท้องถิ่น แนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่เหมาะสมสอดคล้องกับ สถานการณ์บทบาทการมีส่วนร่วมของคนในช่วงวัยต่างๆ รวมทั้งกลไก/ภาคีเครือข่ายในการช่วยเหลือ ดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุตลอดจนน าไปสู่บทสรุปของการก าหนดแนวทาง/รูปแบบในการส่งเสริม คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชนท้องถิ่น รวมทั้ง แนวทางการพัฒนาระบบกลไก/เครือข่ายในการช่วยเหลือ ดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ลักษณะส่วนบุคคล - เพศ - อายุ - การศึกษา - อาชีพ - รายได้ กำรประเมินคุณภำพชีวิตของ ผู้สูงอำยุ - ระดับของคุณภาพชีวิตจากการ ประเมินตนเองของผู้สูงอายุและ จากการประเมินของคนในครอบครัว กำรมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในกำร ส่งเสริมคุณภำพชีวิตของผู้สูงอำยุ - การวิเคราะห์สถานการณ์ด้านคุณภาพ ชีวิตของผู้สูงอายุตามบริบทของชุมชน - ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตที่เหมาะสมส าหรับผู้สูงอายุ - บทบาทของคนช่วงวัยต่างๆ ในการ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ - การส่งเสริมการสร้างระบบกลไกในการ ช่วยเหลือ ดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ สถำนกำรณ์ด้ำนผู้สูงอำยุ และกำร ด ำเนินงำนของหน่วยงำนในพื้นที่ - สถานการณ์และสภาพปัญหา ของผู้สูงอายุ - การด าเนินงานด้านผู้สูงอายุของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ - ปัจจัยความส าเร็จและปัญหา อุปสรรคของการด าเนินงานด้าน ผู้สูงอายุ แนวทำง/รูปแบบกำรส่งเสริม คุณภำพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอำยุ - แนวทางในการส่งเสริมให้ ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดย อาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุก ช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน ท้องถิ่น - แนวทางการพัฒนาระบบกลไก/ เครือข่ายในการดูแลผู้สูงอายุ


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 31 บทที่ 4 ผลการวิจัย


โครงการวิจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัวและชุมชน 32 31 บทที่ 4 ผลกำรวิจัย ผลการวิจัยเรื่อง การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของคนทุกช่วงวัยในครอบครัว และชุมชน คณะผู้วิจัยได้ด าเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามที่ประกอบด้วยค าถาม เกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคล และความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ผู้สูงอายุ และสมาชิกในครอบครัว จ านวน 1,000 คน ใน 4 พื้นที่ของจังหวัดสงขลา รวมทั้งมีการ เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพโดยวิธีการสนทนากลุ่มกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว จ านวน 1 ครั้ง การสนทนากลุ่มกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของหน่วยงานที่มีการขับเคลื่อนการด าเนินงานด้าน ผู้สูงอายุในพื้นที่จ านวน 1 ครั้ง เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้สูงอายุในพื้นที่ ตลอดจนการมีส่วน ร่วมของครอบครัว ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ นอกจากนี้มีการ สัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดย อาศัยการขับเคลื่อนในระดับชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลที่น าเสนอประกอบด้วย 4.1 ผลการวิจัยเชิงปริมาณเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในปัจจุบัน 4.2 ผลการวิจัยเชิงคุณภาพเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้สูงอายุในพื้นที่ และการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชนท้องถิ่น ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ 4.3 ข้อเสนอแนะแนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยอาศัยการขับเคลื่อนในระดับชุมชน ท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนข้อเสนอแนะในระดับนโยบาย 4.1 ผลกำรวิจัยเชิงปริมำณ การวิจัยเชิงปริมาณเป็นการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในปัจจุบัน โดยประเมินจาก มุมมองความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่เป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อ เปรียบเทียบความเหมือนหรือความแตกต่างจากการประเมินตนเองของผู้สูงอายุ และจากการประเมินคุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุโดยความคิดเห็นของคนในช่วงวัยอื่น ข้อมูลในส่วนของการวิจัยเชิงปริมาณจึงประกอบด้วยข้อมูลหลัก 2 ส่วนคือ การประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยตัวของผู้สูงอายุเอง และการประเมินโดยสมาชิกในครอบครัว 4.1.1) กำรประเมินคุณภำพชีวิตของผู้สูงอำยุโดยกลุ่มเป้ำหมำยผู้สูงอำยุ กลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุจากการเก็บรวบรวมข้อมูลในพื้นที่เป้าหมาย 4 พื้นที่ในจังหวัดสงขลา ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนต าบลคลองหรัง อ าเภอนาหม่อม, องค์การบริหารส่วนต าบลรัตภูมิ อ าเภอ ควนเนียง, เทศบาลต าบลควนลัง อ าเภอหาดใหญ่ และเทศบาลเมืองสะเดา อ าเภอสะเดา โดยมีกลุ่มตัวอย่าง ผู้สูงอายุพื้นที่ละ 100 คน รวมจ านวนกลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุทั้งหมด 400 คน


Click to View FlipBook Version