The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jirayu Wongsuta, 2022-09-02 01:37:44

แผนการจัดรายวิชาฟิสิกส์ 6 ว30206

30206

ความรอ้ นแฝงจาเพาะ ( Specific Latent Heat, L ) หมายถงึ ความรอ้ นท่ที าให้วตั ถมุ วล 1

หน่วย เปล่ียนสถานะท้ังหมด โดยอณุ หภมู ไิ ม่เปลีย่ นแปลง
แก๊สอดุ มคติสมบตั ิทางกายภาพของแก๊สที่สามารถทาการทดลองวดั ไดโ้ ดยตรงด้วยวิธกี ารทีไ่ ม่

ยงุ่ ยากซบั ซ้อน เชน่ มวล ปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิ สมบัตขิ องเหล่าน้ีไดจ้ ากการทดลอง

กฎของบอยล์ “สาหรับแก๊สท่ีมอี ุณหภูมิคงที่ ความดันของแก๊สจะเป็นปฏภิ าคผกผนั กับปรมิ าตร
ของแก๊ส”

กฎของชาร์ล “ สาหรับแกส๊ ท่มี ีมวลคงที่จานวนหนึ่ง เม่ือใหค้ วามดันของมนั คงท่ปี ริมาตรของ
แก๊สจะเปน็ ปฏิภาคโดยตรงกบั อณุ หภูมิ ”

กฎของแก๊ส (Gas Law ) หรอื สมการของสถานะ ( Equation of State ) ผลท่ีไดจ้ ากการ

ทดลองกฎของบอยล์และกฎของ
ชารล์ หรอื เกยล์ ุสแสค นักวทิ ยาศาสตรไ์ ด้นามารวมเป็นสตู รเดียวกนั แสดงความสัมพันธ์ระหวา่ ง

ความดนั ปรมิ าตร และอุณหภมู ิ ของแกส๊ ทก่ี าหนดมวลมาให้ เราเรยี กสมการนีว้ า่ Equation of
State

แบบจาลองของแก๊สอดุ มคติ

แบบจาลองของแกส๊ (Model of Gasses) แก๊ส ประกอบดว้ ยอนภุ าคขนาดเลก็ ๆ จานวนมากตา่ งก็
เคล่อื นทด่ี ้วยความเร็วสงู อย่างไมเ่ ปน็ ระเบียบไปชนกัน ความเร็วประมาณ 103 เมตรตอ่ วนิ าที
อนุภาคแกส๊ มโี มเลกุลขนาด 10-10 เมตร

แบบจาลอง (Model ) มีลกั ษณะดงั ต่อไปนี้
1. แก๊สประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ เรียกวา่ โมเลกลุ

2. โมเมกลุ มีการเคลอื่ นทแ่ี บบ random แต่เปน็ ไปตามกฎการเคลอ่ื นท่ขี องนวิ ตนั
โมเลกลุ จะเคล่ือนทท่ี ุกทิศทกุ ทางด้วยอัตราเรว็ ตา่ งกนั

3. โมเลกุลมจี านวนมากมายมหาศาล ทิศทางและอัตราเร็วของการเคลือ่ นที่ของโมเลกุลแต่
ละตัวจะมีการเปล่ยี นแปลงอย่างทนั ทที ันใด ถา้ ชนกับผนงั ภาชนะหรือโมเลกลุ ตวั อนื่ ทางเดนิ โมเลกุล
จึงเปน็ รปู ซิกแซก

4. โมเลกุลทุกโมเลกุลเมือ่ รวมกันแล้ว จะมปี รมิ าตรนอ้ ยมากเม่ือเทยี บกับปรมิ าตรของ
ภาชนะ เราจะเห็นไดด้ ีเม่อื แกส๊ ถูกควบแน่นเปน็ ของเหลว ปริมาตรจะเลก็ ลงเปน็ พัน ๆ เทา่ ของ

ปรมิ าตรเดมิ แสดงว่า ปรมิ าตรของโมเลกุลทปี่ ระกอบกันเปน็ แกส๊ เล็กมาก เม่อื เปรยี บเทียบกบั
ปรมิ าตรแก๊ส

5. โมเลกลุ ทุกโมเลกุลจะไมม่ ีแรงกระทาต่อกัน ยกเว้นช่วั ขณะทชี่ นกัน

6. การชนของโมเลกลุ เป็นการชนแบบยดื หยุ่นและช่วงเวลาท่ีชนสนั้ มากไม่ว่าจะชนกนั เอง
หรือชนกบั ภาชนะ (พลงั งานจลนก์ ่อนชน = พลังงานจลนห์ ลงั ชน )

7. พลงั งานจลน์เฉลย่ี ของแกส๊ เป็นปฏภิ าคโดยตรงกับอณุ หภูมิ
ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ (Kinetic Theory of Gas) เราถอื วา่ แก๊สประกอบดว้ ยอนภุ าคที่เลก็ มาก
เรยี กวา่ โมเลกลุ ซ่งึ เคลื่อนทแ่ี บบไร้ระเบียบ โมเลกุลเหล่าน้อี ยหู่ า่ งกนั มาก และจะไมเ่ กดิ แรงดึงดูด

ระหวา่ งกัน เราให้โมเลกุลของแก๊สเปน็ ทรงกลมที่เลก็ มาก มีพลังงานจลนม์ ากกวา่ พลังงานศักย์มาก
จนเกอื บถือได้ว่ามแี ตพ่ ลงั งานจลน์

พลังงานภายในของระบบ

พลงั งานภายในระบบคอื ผลรวมของพลังงานจลนแ์ ละพลงั งานศกั ย์ของโมเลกลุ ในระบบ ถ้า

ให้ U เป็นพลังงานภายในของระบบทป่ี ระกอบด้วยแกส๊ N โมเลกลุ จะได้

U  NEK  3 NKBT
2

กฎอนุรักษ์พลงั งาน ( กฎขอ้ ที่ 1 ของเทอรโ์ มไดนามิกส์ )

กฎข้อที่ 1 ของเทอรโ์ มไดนามกิ ส์ กล่าวไว้ว่า พลังงานความรอ้ นทง้ั หมดท่ใี ห้แกร่ ะบบจะตอ้ งมี

คา่ เท่ากบั ผลรวมของพลังงานภายในระบบที่เพิ่มข้ึนกบั งานท่ีทาโดยระบบนั้น

3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง

- ความรอ้ น
- แกส๊ อดุ มคติ
- ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊

- กฎข้อท่ีหนึ่งของอุณหพลศาสตร์

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

จดุ เน้นการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนด้านสมรรถนะ

1. แสวงหาความรู้เพ่อื การแกป้ ัญหา
2. การคดิ วเิ คราะห์ข้นั สงู

3. การใช้เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้
4. ทักษะชวี ิต
5. ทักษะการสอ่ื สารอย่างสร้างสรรค์ตามช่วงวัย

5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซ่ือสัตยส์ ุจรติ
3. มวี ินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
6. มุ่งม่นั ในการทางาน

7. รักความเปน็ ไทย
8. มจี ิตสาธารณะ

จุดเนน้ การพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียนดา้ นคุณลักษณะ
1. มงุ่ ม่นั ในการศกึ ษาและรกั การทางาน

คุณลกั ษณะของโรงเรยี นสุจริต ทกั ษะกระบวนการคดิ มวี ินยั ซอ่ื สัตยส์ ุจริต อยู่อย่างพอเพียง
มจี ติ สาธารณะ

6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น

2. แผนภาพ/mind mapping
4. ใบงาน/แบบฝึกหัด

7. การวดั และการประเมินผล
7.1 ด้านความรู้ (K)

วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การวัด
และประเมินผล และประเมนิ ผล
- ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ขึ้นไป
- การตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น
- ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
และหลงั เรยี น และหลงั เรยี น
- ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70 ขึ้นไป
- การตรวจแผนผัง /แผนภาพ / - แบบประเมินแผนผงั /

mind mapping แผนภาพ / mind

mapping

- การตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหัด

7.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)

วธิ ีการวัดและประเมินผล เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การวัด
และประเมนิ ผล และประเมนิ ผล
- การสงั เกตสมรรถนะสาคญั ของ - ผ่านเกณฑ์ระดับ 2 ข้นึ ไป
ผู้เรียน - แบบบันทกึ ผล
การประเมนิ สมรรถนะ - ผ่านเกณฑ์ระดบั ดี ขนึ้ ไป
- การสังเกตพฤตกิ รรม การเรยี น ผเู้ รียน
ของนักเรยี นรายบุคคล
- แบบบนั ทึกผล
การประเมนิ พฤติกรรม
การเรยี นของนักเรียน
รายบคุ คล

- การสังเกตพฤติกรรม การทางาน - แบบบนั ทึกผล - ผา่ นเกณฑ์ระดบั ดี ขึน้ ไป
กล่มุ การประเมนิ พฤตกิ รรม

การทางานกลมุ่

7.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ ารวัด
และประเมินผล และประเมนิ ผล
- การสังเกตคณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์ แบบบันทกึ ผลการประเมนิ - ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 ข้ึนไป
ผเู้ รียนด้านคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ใชก้ ารเรียนการสอนแบบ 5E

9. เวลาเรยี น/จานวนช่วั โมง
ใช้เวลา 15 ชวั่ โมง

10. แผนการจดั การเรียนรู้ เวลา 3 ชวั่ โมง
10.1 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 8 เรื่อง ความรอ้ น เวลา 6 ชั่วโมง
10.2 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 9 เรอ่ื ง แกส๊ อุดมคติ เวลา 3 ชัว่ โมง
10.3 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 10 เรื่อง ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊
11.4 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11 เรอ่ื ง กฎขอ้ ทีห่ น่งึ ของอณุ หพลศาสตร์ เวลา 3 ช่ัวโมง
บูรณาการทอ้ งถ่นิ /อาเซียน/พอเพียง/
พระบรมราโชบาย

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8

กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว 30205 รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 5

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565

ชอื่ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง ความร้อนและแกส๊

ช่อื แผน ความร้อน เวลา 3 ชว่ั โมง ผสู้ อน นางดวงดาว บดีรฐั

โรงเรียนวชั รวิทยา อาเภอเมอื ง จังหวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************

1. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

1. ความรอ้ น

ความรอ้ น เปน็ พลังงานรปู หนงึ่ ทส่ี ามารถทางานได้ และเปลีย่ นเป็นพลังงานรปู อ่นื ได้ ความรอ้ น

อาจจะเปล่ียนรูปมาจากพลังงานรูปอ่ืนได้ เชน่ พลงั งานเคมี พลงั งานไฟฟ้า ฯลฯ

ความร้อน เป็นพลงั งานซงึ่ สามารถถ่ายทอดจากวตั ถทุ ่มี อี ุณหภูมิสูงไปสู่วัตถทุ ม่ี ีอุณหภูมิตา่ กวา่ ความ

ร้อนจะถา่ ยเทให้กันจนกระท่ังอุณหภูมิเทา่ กนั

หนว่ ยของพลงั งานความรอ้ น(ท่ใี ช้โดยท่ัวไป)

1. จลู ( joule, J ) เป็นหน่วยของพลงั งานกลท่ใี ช้ในระบบเอสไอ

2. แคลอรี ( calorie, cal ) เปน็ หนว่ ยหน่ึงของพลงั งานความร้อน (โดยที่ 1 cal = 4.186 J )

1 แคลอรี คือ พลังงานความร้อนที่ทาให้นาท่มี ีมวล 1 กรมั มอี ณุ หภมู เิ พิม่ ขนึ 1 องศาเซลเซียส

( ๐C) (ในช่วง 14.5 ๐C ถงึ 15.5 ๐C ) ที่ความดนั 1 บรรยากาศ

3. บีทยี ู ( British thermal unit หรอื Btu ) คือ พลังงานความร้อนท่ีทาใหน้ าทมี่ ีมวล 1 ปอนด์

มีอุณหภูมิเพมิ่ ขนึ 1 องศาฟาเรนไฮต์ ( ๐F) (ในชว่ ง 63 ๐F ถงึ 64 ๐F ) ที่ความดนั 1 บรรยากาศ

( 1 Btu = 252 cal = 1,055 J )

1.1 อณุ หภมู ิ

อณุ หภมู ิ คือ ปริมาณท่ีใช้บอกระดบั ความร้อน

ก. เครอ่ื งมือวัดอุณหภูมิ เทอร์มอมิเตอรเ์ ป็นเคร่ืองมือวดั อุณหภมู ิ ซงึ่ สรา้ งขึนจากการอาศัยสมบัติ

บางอยา่ งทางฟสิ กิ ส์ท่ีเปล่ยี นไปตามความรอ้ นทเ่ี ปลีย่ นแปลง

ข. หน่วยของอุณหภูมิ อุณหภมู ิวัดในหน่วย องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต์ เคลวิน และโรเมอร์ แต่

ท่ใี ช้ในระบบ SI คือ เคลวนิ

เม่ือ K แทน คา่ อุณหภูมิในหน่วยเคลวนิ F แทน คา่ อุณหภูมใิ นหน่วยองศาฟาเรนไฮต์

C แทน ค่าอณุ หภูมใิ นหน่วยองศาเซลเซยี ส R แทน ค่าอุณหภมู ิในหนว่ ยองศาโรเมอร์

จะไดว้ า่ C = F  32 = R = K  273
59 4 5

1.2 การขยายตวั ของวตั ถเุ นอ่ื งจากความรอ้ น

วัตถโุ ดยทว่ั ไปเมอื่ ได้รบั ความรอ้ นจะขยายตวั ซงึ่ ทาให้ความยาวหรือพนื ท่หี น้าตัดหรือปริมาตรของ

วัตถุเพ่ิมขึน ในทางกลับกันถา้ วัตถุสญู เสยี ความร้อนหรือคายความรอ้ นวตั ถกุ จ็ ะหดตวั ทาให้มคี วามยาว หรอื

พนื ท่ีหนา้ ตดั หรือปรมิ าตรลดลง

สมบตั ิสาคัญท่เี กย่ี วกบั การขยายตัวของของแขง็ ทคี่ วรทราบ ได้แก่

1. ของแขง็ ตา่ งชนิดกนั ถ้าเดิมมีความยาวเทา่ กัน เม่อื รอ้ นขนึ เท่ากันจะมสี ว่ นขยายตัวเพ่ิมขนึ ไม่เท่ากนั

2. ของแข็งชนดิ เดียวกนั ถา้ เดิมมคี วามยาวเท่ากัน เมื่อรอ้ นขนึ เท่ากนั จะขยายตวั เพม่ิ ขึนเท่ากัน

3. สมบัติของการขยายตวั และหดตัวของวัตถเุ มือ่ อณุ หภูมิเปลย่ี น เปน็ เรือ่ งที่วศิ วกรต้องคานงึ ถึง
เวลานาวตั ถุมาใชง้ าน

1.3 ความจุความรอ้ น สถานะและการเปลีย่ นสถานะของสาร

1. สถานะของสารโดยทัว่ ไปจาแนกได้เปน็ 3 สถานะ คอื ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส
การเปลี่ยนแปลงสถานะเน่อื งจากของแข็ง เมือ่ ได้รับความร้อนจะกลายเป็นของเหลว ถ้ารอ้ น
มากขนึ จะกลายเปน็ แกส๊ เขียนแผนผงั ได้ดงั นี

รบั ความรอ้ น

ของแขง็ หลอมเหลว ระเหิด เดอื ด
แข็งตวั ของเหลว แก๊ส

ควบแน่น

คายความรอ้ น

2. การเปลี่ยนแปลงจากของแข็งเป็นของเหลว หรือจากของเหลวเป็นแกส๊ เรียกว่าการเปล่ียนแปลง
สถานะ

3. การเปลีย่ นแปลงสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว และจากของเหลวเปน็ ของแข็ง ในขณะท่ีวตั ถุ

กาลงั เปล่ียนสถานะ อณุ หภมู ขิ องวตั ถุจะคงทอ่ี ยู่ตลอดเวลา การเปล่ยี นแปลงสถานะจากของแข็งเป็น
ของเหลว เรียกวา่ การหลอมเหลว หรอื การกลายเปน็ ของเหลว สว่ นการเปลย่ี นสถานะจากของเหลวเปน็

ของแข็ง เรยี กว่า การกลายเป็นของแขง็ หรอื เยือกแข็ง
4. จุดหลอมเหลว ( melting point ) คอื อุณหภูมิในขณะที่ของแขง็ กาลังเปลี่ยนสถานะเปน็

ของเหลวภายใต้ความดันปกติ

5. จุดเยือกแขง็ ( Freezing point ) คอื อณุ หภูมใิ นขณะทีข่ องเหลวกาลังกลายสถานะเปน็ ของแขง็
ภายใตค้ วามดันปกติ

6. ความร้อนแฝงจาเพาะ ( Specific Latent Heat, L ) หมายถึง ความรอ้ นทที่ าให้วตั ถุมวล 1
หนว่ ย เปลย่ี นสถานะทงั หมด โดยอณุ หภูมไิ มเ่ ปลย่ี นแปลง

L  ΔQ …………………………………………..(18.1)

m

มีหน่วยเป็น kJ/kg หรือ J/g หรอื J/kg

ความรอ้ นแฝงจาเพาะของสารมี 2 ชนดิ คอื
6.1. ความรอ้ นแฝงจาเพาะของการหลอมเหลว คือปรมิ าณความร้อนท่ที าให้สารนนั หนง่ึ หนว่ ย

เปลยี่ นสถานะจากของแขง็ เป็นของเหลว โดยท่ีอณุ หภูมิไม่เปล่ียนแปลง ความร้อนแฝงจาเพาะของการ
หลอมเหลวของนาเท่ากบั 80 cal/g หรือ 333 kJ/kg หรือ 333 X 10 3 J/kg

6.2 ความร้อนแฝงจาเพาะของการกลายเป็นไอ คือ ปรมิ าณความร้อนท่ีให้สารนันหนึ่งหนว่ ยเปลี่ยน

สถานะจากของเหลวกลายเป็นไอ โดยท่อี ุณหภูมิไม่เปล่ยี นแปลง ความรอ้ นแฝงจาเพาะของการกลายเป็นไอ

ของนาเทา่ กับ 540 cal/g หรอื 536 cal/g หรือ 2,256 kJ/kg หรอื 2,256 X 10 3 J/kg

7. หลักการคานวณเกี่ยวกบั ความรอ้ นแฝงจาเพาะ ใช้สตู รดงั นี

ΔQ  mL ………………………………….(18.2)

เมื่อ Q คือ ปริมาณความร้อน ( cal หรือ J )

m คือ มวลสาร ( g หรอื kg )

L คือ ความร้อนแฝงจาเพาะของสาร ( cal/g หรอื kJ/kg หรอื J/kg )

สง่ิ ทค่ี วรทราบเพ่มิ เติม

1. ความจุความรอ้ น ( Heat Capacity, C ) หมายถึง ปรมิ าณความร้อนท่ที าให้ระบบมีอณุ หภมู ิ

เปลี่ยนไป 1 หน่วย

C  ΔQ …………………………………….(18.3)
ΔT

เมอ่ื Q คอื ปรมิ าณความร้อนหรือพลังงานความร้อน ( cal หรือ J )

C คือ ความจุความรอ้ น (cal/ C หรือ cal/K หรอื J/ C หรือ J/K )

T คือ อณุ หภมู ิท่เี ปลีย่ นไป ( K )

2. ความจุความรอ้ นจาเพาะ ( Specific heat Capacity , c )หมายถึงปรมิ าณความร้อนท่ีทาใหว้ ัตถุ

1 หน่วย มีอณุ หภูมเิ ปลยี่ นไป 1 หน่วย

c  C  Q …………..……………….…(18.4)
m mT

เม่ือ Q คอื ปรมิ าณความรอ้ นหรอื พลงั งานความร้อน ( cal หรอื J )

C คือ ความจคุ วามร้อน (cal/ C หรือ cal/K หรือ J/ C หรือ J/K )

C คอื ความจคุ วามรอ้ นจาเพาะ (cal/ kgC , cal/kgK , J/ kgC , J/kgK )

m คอื มวลของวตั ถุ ( g หรอื kg )

T คอื อุณหภมู ิท่เี ปลย่ี นไป ( K )
ดังนนั สูตรท่ีใช้ในการคานวณเก่ยี วกับปริมาณความร้อน หรอื พลงั งานความร้อน คอื

Q = mcT ……………….(18.5) เม่ือ T เป็นองศาเคลวนิ

Q = mct ……………..(18.6) เม่อื t เปน็ องศาเซลเซยี ส

1. เมือ่ อุณหภมู ผิ สมกนั

tสูง tผสม tตา่

m1c1 T1 T2 m2c2
Q1 Q2

จะไดว้ ่า Q เพมิ่ = Q ลด
m1c1T1 = m2c2T2

m1c1(tสูง – tผสม) = m2c2(tผสม – tต่า )

2. พลงั งานศกั ย์เปลี่ยนเปน็ พลงั งานความร้อน

จะไดว้ า่ mgh = mcT

3. พลังงานไฟฟา้ เปลยี่ นเป็นพลังงานความร้อน

จะไดว้ า่ Pt = mcT

1.4 การถา่ ยโอนความร้อน

ความร้อนจะถา่ ยโอนจากสง่ิ ทีม่ อี ณุ หภูมิสูง ไปสสู่ ง่ิ ท่มี ีอณุ หภมู ติ ่ากว่าเสมอ เราพอจะแบ่งการถา่ ย
โอนความร้อนไดด้ งั นี

1. การนา เกิดในของแขง็ โมเลกุลสง่ พลังงานความรอ้ นตอ่ ๆ กันไปเป็นทอด ๆ
2. การพา เกดิ ในของเหลวและแก๊ส โมเลกลุ ของตัวกลางพาความรอ้ นไป
3. การแผ่รงั สี ไมต่ อ้ งอาศัยตวั กลาง

2. มาตรฐาน

สาระฟสิ ิกส์
4. เขา้ ใจความสมั พนั ธข์ องความรอ้ นกับการเปลีย่ นอุณหภูมิและสถานะของสสารสภาพยืดหยนุ่
ของวสั ดุและมอดลู ัสของยงั ความดันในของไหล แรงพยงุ และหลัก ของอาร์คิมดี สิ

ความตงึ ผิวและแรงหนดื ของของเหลว ของไหลอดุ มคติ และ สมการแบรน์ ูลลี กฎของแก๊ส
ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ อุดมคติและพลงั งานในระบบ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์

โฟโตอิเลก็ ทริก ทวภิ าวะของคล่ืนและ อนภุ าค กมั มนั ตภาพรงั สี แรงนิวเคลยี ร์ ปฏกิ ิรยิ า
นิวเคลียร์ พลงั งานนิวเคลียร์ ฟิสกิ ส์อนภุ าค รวมทังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

3. ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้
ผลการเรียนรู้

อธบิ ายและคานวณความร้อนทีท่ าให้สารเปลีย่ นอุณหภูมิ ความรอ้ นที่ทาให้สาร
เปล่ยี นสถานะ และความรอ้ นที่เกิดจากการถา่ ยโอนตามกฎการอนุรักษ์พลงั งาน

4. สาระการเรยี นรู้
- สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

1. ความรอ้ น
2. การขยายตวั ของวัตถเุ น่ืองจากความร้อน
3. ความจุความร้อน สถานะและการเปลี่ยนแปลงของสาร

4. การถา่ ยโอนความร้อน

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

จุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นด้านสมรรถนะ

1. การใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื การเรียนรู้
2. ทกั ษะการสือ่ สารอยา่ งสร้างสรรคต์ ามชว่ งวยั

3. ทักษะการคิดชนั สงู

6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ซื่อสัตย์สจุ ริต
2. มีวินัย
3. ใฝ่เรียนรู้

4. มุ่งมนั่ ในการทางาน
จดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียนด้านคุณลกั ษณะ

1. คุณลกั ษณะม่งุ มั่นในการทางาน
2. คุณลกั ษณะใฝ่เรียนรู้

7. คุณลักษณะ 5 ประการโรงเรียนสุจรติ
1. กระบวนการคิด

2. มวี ินยั
3.ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ
4. อยู่อย่างพอเพียง

5. มจี ิตสาธารณะ

8. ช้ินงาน/ภาระงาน
1. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 เรอ่ื ง ความรอ้ นและแก๊ส
2. ทาแบบฝึกหดั พฒั นาทักษะการคดิ ในแบบเรยี น เร่อื ง ความรอ้ นและแกส๊ ในแบบเรยี น

แบบฝกึ หัด 16.1 (หนา้ 144) คาถามขอ้ 1-16 (หนา้ 181-182) และ ปัญหาข้อ 1-9
(หนา้ 183)

3. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 8 เร่ือง ความร้อน

9 .การวัดและประเมินผล

9.1 การประเมินระหว่างจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

ชนิ งาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
ตามเกณฑ์
ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
การประเมินผล
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ือง กอ่ นเรยี น จานวน 20 ขอ้
การทาแบบทดสอบ
ความร้อนและแกส๊ จานวน 20 ข้อ
ตามเกณฑ์
ทาแบบฝึกหัดพัฒนา ตรวจแบบฝึกหัดพัฒนา แบบฝกึ หัดพฒั นาทักษะ การประเมินผล
แบบฝึกหดั
ทักษะการคดิ ในแบบเรยี น ทักษะการคดิ ในแบบเรียน การคิดในแบบเรียน

เรื่อง ความรอ้ น เร่อื ง ความร้อน เรอื่ ง ความรอ้ น

9.2 การประเมินเมือ่ สนิ สุดการเรียนรู้

ชนิ งาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมนิ เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

สอบเกบ็ คะแนน ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเก็บ ตามเกณฑ์
คะแนน การประเมนิ ผล
เก็บคะแนน การทาแบบทดสอบ
จานวน 10 ขอ้
จานวน 10 ข้อ

ภาระงาน/ชินงาน เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics) พอใช้ ปรบั ปรงุ
แบบฝึกหัด ดมี าก ดี
ทาแบบฝกึ หดั
ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝึกหัด ทาแบบฝกึ หดั ถกู ต้อง ตา่ กว่า
50%
ถูกตอ้ ง 80% ถูกตอ้ ง 60-80% ถกู ต้อง 50 -
ขึนไป 60%

เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียน / แบบทดสอบเก็บคะแนน ใชเ้ กณฑด์ ังนี้

ร้อยละ 80 ขึนไป หมายถงึ ดีมาก

ร้อยละ 70-79 หมายถงึ ดี

ร้อยละ 60-69 หมายถงึ ปานกลาง

ร้อยละ 50-59 หมายถงึ ผา่ น

ต่ากว่ารอ้ ยละ 50 หมายถงึ ปรับปรุง

ผ้ปู ระเมิน

1. ครูผ้สู อนประเมนิ นักเรียน 2. นักเรียนประเมินนักเรยี น

10. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชก้ ารเรียนการสอน แบบ 5E
1. ขนั สรา้ งความสนใจ
1. นกั เรียนยกตัวอย่างสงิ่ ของท่ีมคี วามรอ้ นที่ใช้ ในชีวติ ประจาวัน
2. ให้นกั เรียนรว่ มกันตงั คาถามเกี่ยวกับส่งิ ท่ีตอ้ งการรู้ จากเนอื หาที่เกี่ยวกบั ความรอ้ น
3. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง ความร้อนและทฤษฎจี ลน์

ของแกส๊ จานวน 20 ข้อ

2. ขนั สารวจและค้นหา
1. แบง่ นกั เรยี นเปน็ กลุ่ม ๆ 6 -7 คน (ประกอบดว้ ย นกั เรยี น เกง่ กลาง อ่อน จากผลการวเิ คราะห์

ผู้เรียน)
2. ครูนานกั เรยี นอภิปรายถงึ สงิ่ ของท่มี ีความร้อนในชีวติ ประจาวันของนักเรยี นแล้วให้นักเรยี น
ยกตวั อย่างตามความเข้าใจของนกั เรียน โดยให้นักเรยี นแสดงเหตุผลประกอบดว้ ย
3. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ การวางแผนการสบื ค้น/การศกึ ษาเรื่อง ความรอ้ น
4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันสบื คน้ และศึกษา ความร้อน จากคลิปวดี ิโอ
“พลังงานความรอ้ นในชวี ิตประจาวนั ” ความยาว 12 นาที
5. นักเรยี นแต่ละกล่มุ อภิปรายร่วมกนั ถึง พลงั งานความรอ้ น

3. ขันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป
1. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการสบื ค้นและผลการศกึ ษา เรอื่ ง ความรอ้ น
2. นักเรียนแต่ละกลุม่ ได้ผลการสืบค้นและศึกษา เหมือนกันหรือตา่ งกนั อย่างไร
3. ครูตงั คาถามว่า จากนิยามของความร้อน ครตู งั คาถามดงั นี
- สารในสถานะตา่ งๆ จะรบั ความร้อนไดม้ ากหรอื น้อยต่างกันอยา่ งไร
- ความจุความร้อนของสาร หมายถึง และสารในแต่ละสถานะมคี า่ อย่างไร
- ความจุความรอ้ นจาเพาะของสาร หมายถงึ และสารแต่ละชนดิ มีคา่ อยา่ งไร
- เมอื่ สารต้องการเปลีย่ นสถานะ มีการเปลยี่ นแปลงทางความร้อนอยา่ งไร
- เม่อื สารตอ้ งการเปลย่ี นสถานะ มกี ารถ่ายโอนความรอ้ นอย่างไร
4. นักเรยี นทงั หมดร่วมกนั สรุปผลจากการศึกษาและอภิปราย เรอื่ ง ความรอ้ น
5. ครูอธิบายสมการที่ใช้คานวณหาปรมิ าณความรอ้ นและปรมิ าณทีเ่ กยี่ วข้องพรอ้ มยกตัวอย่าง
6. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรับโจทยป์ ญั หากลุ่มละ 5 ข้อ

4. ขนั ขยายความรู้
1. ให้นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายแนวคิดที่ได้จากการสืบคน้ และศึกษาเรอื่ ง ความร้อน
2. นักเรยี นแต่ละกล่มุ นาเสนอผลงานการคิดคานวณโจทย์ปญั หาที่ได้รบั มอบหมาย

5. ขนั ประเมนิ ผล
1. แบบฝึกหัดพัฒนาทกั ษะการคดิ ในแบบเรียน เรือ่ ง ความรอ้ นและแก๊ส ในแบบเรียน
แบบฝกึ หดั 16.1 (หนา้ 144) คาถามข้อ 1-16 (หน้า 181-182) และ ปัญหาข้อ 1-9
(หน้า 183)
2. นกั เรียนทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 เรือ่ ง ความรอ้ น

10. ส่ือการเรยี นรู/้ แหล่งเรยี นรู้
สอื่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ฟิสกิ ส์ เลม่ 5 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. PPT หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง ความร้อนและแกส๊
3. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง ความร้อนและแกส๊
4. แบบฝกึ หัดพัฒนาทักษะการคิดในแบบเรยี น เรอื่ ง ความรอ้ นและแก๊ส ในแบบเรียน
แบบฝึกหดั 16.1 (หนา้ 144) คาถามขอ้ 1-16 (หนา้ 181-182) และ ปญั หาขอ้ 1-9
(หนา้ 183)
5. แบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการเรยี นรทู้ ่ี 8 เรือ่ ง ความรอ้ น
แหล่งเรียนรู้
1. หอ้ งสมุดโรงเรยี น
2. หอ้ งสบื คน้ Resource Center

11. กจิ กรรมเสนอแนะ
แนะนาใหน้ กั เรียนค้นคว้าหาความรเู้ พิ่มเตมิ เร่ือง
จาก http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3 และ
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นางเกศนิ ี พงษพ์ ันธ)ุ์

ตาแหน่ง หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์
วันที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารงานวิชาการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………........................................……….

ลงชือ่ ...................................................................
(นายสรุ ศักดิ์ โพธิบ์ ัลลังค์)

ตาแหนง่ รองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผอู้ านวยการโรงเรียน
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .......................................................
(นายพฒั นา ทรงประดษิ ฐ)

ตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรยี นวัชรวิทยา
วันที่..........เดือน..........................พ.ศ............

บนั ทกึ ผลหลังการสอนแผนการสอนที่ 8

ชันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 วชิ า ฟสิ ิกส์ 5 รหัสวิชา ว30205

ครูผสู้ อน นางดวงดาว บดีรฐั

1. ผลการสอน

1.1 สรปุ ผลการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความกา้ วหน้าในการเรยี นการสอน

จานวนนักเรียน คะแนนเต็ม คะแนนเฉล่ยี คะแนนเฉลีย่ ความกา้ วหน้า

ก่อนเรียน หลังเรียน ในการเรียน

ร้อยละความก้าวหนา้ = คะแนนหลังเรียน – คะแนนกอ่ นเรยี น x 100
คะแนนเต็ม

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ปญั หา / อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………................……………………………………………………………….………………………………………………………

ลงชอ่ื ………………………………ครูผู้สอน
( นางดวงดาว บดีรัฐ)
ตาแหนง่ ครู คศ. 3

วันที่…..เดือน……………..……..พ.ศ...........

เกณฑ์การให้คะแนนการประเมินตามสภาพจริง

ระดบั คะแนน 5 4 3 2 1

การทาแบบฝึกหัด ทางานทีไ่ ดร้ ับ ทางานทไี่ ดร้ ับ ทางานทีไ่ ดร้ ับ ทางานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ไม่สามารทางานที่
มอบหมายด้วยตนเอง มอบหมายดว้ ยตนเองไม่ ดว้ ยตนเอง ไม่ครบถว้ น ไดร้ บั มอบหมายดว้ ย
และแบบฝึกคานวณ มอบหมายดว้ ยตนเอง ครบถว้ นถูกต้อง70% ครบถว้ นถูกต้อง60% ถกู ต้อง 50% /ตรงตาม ตนเอง และไม่ส่ง
ตรงตามกาหนสง่ ตรงตามกาหนดส่ง กาหนดส่ง ตามกาหนดส่ง
ครบถ้วนตรงตาม
งานกลุม่ ครบถว้ นแต่ งานกลมุ่ ไมค่ รบถ้วน งานกลุ่มไม่ครบถ้วน โดยมี งานกลุ่มไม่ครบถว้ น
กาหนดสง่ และถูกต้อง ไม่เรียบรอ้ ย ภายใต้ ภายใต้ความร่วมมอื ของ สมาชกิ ในกลุ่มบางคน โดยสมาชิกทงั กล่มุ
ความร่วมมอื ของ สมาชิกในกล่มุ ทกุ คน ไมใ่ ห้ความรว่ มมือ ไมใ่ หค้ วามรว่ มมอื
การทางานรว่ มกัน งานกลุ่มครบถว้ น สมาชกิ ในกลมุ่ ทกุ คน

เป็นกลุ่ม เรียบรอ้ ย ภายใต้

ความรว่ มมอื ของ

สมาชิกในกลุม่ ทกุ คน

ระดับคะแนน 5 4 3 2 1

การอภปิ ราย ก า ร อ ภิ ป ร า ย ผ ล การอภิปรายผล การอภิปรายผลถูกต้อง การอภิปรายผลไม่ถูกต้อง ผู้ อ ภิ ป ร า ย ไ ม่
ถู ก ต้ อ ง ชั ด เจ น ผู้ ถกู ตอ้ งชดั เจน แตไ่ ม่ชดั เจน ผู้ อ ภิ ป ร า ย น า เส น อ ก า ร สามารถเสนอการ
อภิปรายนาเสนอ การ ผู้อภปิ รายนาเสนอ ผู้ อ ภิ ป ร า ย น า เส น อ ผ ล อธิบายได้ไมด่ ี อภิปรายผลได้
อภิปรายได้ดี พูดชัด การอภปิ รายไดไ้ มค่ อ่ ย การอภิปรายได้ไม่คอ่ ยดี
ถ้อยชดั คา ดี

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว 30205 รายวิชา ฟสิ ิกส์ 5
ปีการศกึ ษา 2565
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 1
นางดวงดาว บดรี ฐั
ชื่อหน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เร่อื ง ความร้อนและแก๊ส

ชื่อแผน แก๊สอุดมคติ เวลา 6 ชวั่ โมง ผูส้ อน

โรงเรียนวัชรวิทยา อาเภอเมือง จงั หวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************
1. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

แก๊สอดุ มคติ

สมบัติทางกายภาพของแก๊สท่ีสามารถทาการทดลองวัดได้โดยตรงด้วยวิธกี ารที่ไม่ยงุ่ ยากซบั ซอ้ น

เชน่ มวล ปริมาตร ความดนั และอุณหภูมิ สมบัติของเหล่านีไ้ ด้จากการทดลอง

1. กฎของบอยล์
บอยลเ์ ปน็ นักวิทยาศาสตรช์ าวอังกฤษ ไดท้ าการทดลองพบว่า “สาหรบั แกส๊ ทมี่ อี ุณหภมู ิคงท่ี ความ

ดันของแกส๊ จะเปน็ ปฏิภาคผกผันกบั ปรมิ าตรของแกส๊ ”

P α1
V

P K ( K = คา่ คงท่ี )
V

PV = K

P1V1 = P2V2 …………………………………(1) เม่ือ T คงที่
2. กฎของชาร์ล จากการทดลองพบวา่ “ สาหรบั แก๊สท่มี มี วลคงทีจ่ านวนหนึ่ง เมื่อใหค้ วามดัน
ของมันคงทปี่ ริมาตรของแกส๊ จะเปน็ ปฏิภาคโดยตรงกับอณุ หภมู ิ ”

VT

= K คงที่

V1  V2 ……………….……..(2) เมื่อ P คงท่ี

T1 T2

*** อุณหภูมิ 0 เคลวิน หรอื –273 องศาเซลเซยี ส อ่านวา่ อุณหภูมศิ ูนย์สัมบูรณ์ เปน็ อุณหภูมติ า่ สุด
แกส๊ ทกุ ชนิดก่อนถงึ อณุ หภมู นิ ้จี ะเปน็ ของเหลว

3. กฎของแก๊ส (Gas Law )
หรอื สมการของสถานะ ( Equation of State ) ผลท่ีได้จากการทดลองกฎของบอยล์และกฎของ
ชารล์ หรอื เกยล์ ุสแสค นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ดน้ ามารวมเป็นสูตรเดียวกนั แสดงความสัมพันธร์ ะหว่างความดนั
ปรมิ าตร และอณุ หภมู ิ ของแก๊สทกี่ าหนดมวลมาให้ เราเรียกสมการน้ีวา่ Equation of State

PV  คา่ คงที่ …………………………………..(3)

T

กฎของแก๊ส (กรณแี กส๊ ไมร่ ว่ั )

P1V1  P2V2 ……………………………………..(4)

T1 T2

กฎของกา๊ ซ (ในกรณีบอกจานวนโมลมา)

จาก nPV α
T
PV = K = R
nT

จะได้ PV  nRT …………………………..……….(5)
เม่อื n คอื จานวนโมลของแกส๊ ( โมล, mol)

R คอื คา่ นิจของแกส๊ ( Gas Constant ) เทา่ กับ 8.31 J/mol K

*แกส๊ 1 โมลมีจานวนโมเลกุล 6.02 X 1023 โมเลกุล สรุปได้ว่า

N = nNA …………………………………..(6)
เมือ่ N คือ จานวนโมเลกุลของแกส๊ ทง้ั หมด

NA คือ เลขอโวกาโดร ( NA = 6.02 X 1023 )

จาก PV  nRT จะได้
PV  NKBT …………………………………(7)

เม่อื KB = ค่านจิ ของ Boltzmann ( )K BR
 NA 1.83X1023 J/K

กฎของแก๊ส (กรณแี กส๊ ร่วั )
จาก PV  nRT

PV = K

nT

จะได้ P1V1 = P2V2 ………………………………(8)
n1T1 n 2T2

เม่ือ n1 แทน โมลตอนแรก
n2 แทน โมลตอนหลงั (ท่เี หลอื )

จาก n= g แทนในสมการ (9)
m

จะได้ =P1V1 P2 V2

g1 T1 g2 T2
m m

นั่นคือ =P1V1 P2V2 ………………………………(10)
g1T1 g 2 T2

g1 แทน มวลตอนแรก g2 แทน มวลตอนหลัง (ทเ่ี หลือ)

จากสูตร n= N แทนในสมการ (11)
จะได้ NA

P1V1 = P2 V2

N1 T2 N2 T2
NA NA

น่ันคอื P1V1 = P2V2 ………………………………(12)
N1T1 N 2 T2

จาก ความหนาแนน่ =m
จากสมการที่ (18.15) V
ย้ายปริมาตรลงไปหามวล
=P1V1 P2V2 ( )P1V1  P2V2
m 1T1 m 2T 2
g1T1 g 2 T2

=P1 P2
g1 g2
V1 T1 V2 T2

นั่นคือ P1  P2 ……………………..……………..(13)
ρ1T1 ρ 2 T2

หน่วยของความดนั ( P )

1. บอกเปน็ บรรยากาศ (atmosphere = atm. ) เชน่ ความดนั 1 บรรยากาศ

2. บอกเป็นความสงู ของปรอทในบารอมอเตอร์ เชน่ ความดนั 760 มม.ของปรอท
3. บอกเป็นแรงต่อพื้นที่ เชน่ ความดนั 1.01 X 105 นวิ ตนั ตอ่ ตารางเมตร

การหาอุณหภูมขิ องแกส๊ ผสม
1. การหาอุณหภูมิของแก๊สผสม

Tผสม = N1T1  N2T2  N3T3 ... …………………………(14)
N1  N2  N3  ...

หรือ Tผสม = n1T1  n2T2  n3T3  ... …………………..………(15)
n1  n2  n3  ...

2. การหาความดันของแก๊สผสม

Pผสม = P1V1  P2V2  P3V3 ... …………………………(16)
V1 V2 V3  ...

2. มาตรฐาน
สาระฟิสกิ ส์

4. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกบั การเปล่ยี นอณุ หภมู แิ ละสถานะของสสารสภาพยดื หยุ่น
ของวสั ดุและมอดลู ัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยงุ และหลัก ของอารค์ ิมดี ิส
ความตงึ ผวิ และแรงหนืดของของเหลว ของไหลอุดมคติ และ สมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส

ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ อุดมคติและพลงั งานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์
โฟโตอิเล็กทริก ทวภิ าวะของคลน่ื และ อนภุ าค กัมมนั ตภาพรังสี แรงนวิ เคลียร์ ปฏกิ ริ ิยา

นวิ เคลยี ร์ พลังงานนิวเคลียร์ ฟสิ ิกส์อนุภาค รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

3. ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้
ผลการเรียนรู้
อธบิ ายกฎแก๊สอุดมคติและคานวณปริมาณที่เกี่ยวขอ้ ง

4. สาระการเรยี นรู้
- สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. กฎของบอยล์
2. กฎของชารล์
3. กฎของแก๊ส

5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

จุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียนด้านสมรรถนะ
1. การใชเ้ ทคโนโลยเี พือ่ การเรยี นรู้
2. ทักษะการสื่อสารอย่างสรา้ งสรรคต์ ามช่วงวยั
3. ทักษะการคดิ ชัน้ สงู

6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
2. มวี ินยั
3.ใฝ่เรียนรู้
4. มุง่ มัน่ ในการทางาน

จุดเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี นดา้ นคณุ ลกั ษณะ
1. คณุ ลักษณะมุ่งมน่ั ในการทางาน
2. คุณลักษณะใฝ่เรยี นรู้

7. คณุ ลักษณะ 5 ประการโรงเรยี นสจุ ริต
1. กระบวนการคิด
2. มวี ินยั
3.ซ่ือสตั ย์สุจรติ

8. ช้ินงาน/ภาระงาน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนแผนการเรยี นร้ทู ี่ 9 เรอ่ื ง แกส๊ อดุ มคติ
2. ทาแบบฝึกหัดพฒั นาทกั ษะการคิดในแบบเรยี น เรอื่ ง แก๊สอดุ มคติ ในแบบเรยี น

แบบฝกึ หดั 16.2 (หนา้ 154) คาถามข้อ 18-19 (หนา้ 182) และ ปัญหาขอ้ 10-18
(หนา้ 1183-184) ปญั หาท้าทายข้อ 35-39 (หนา้ 186-187)
3. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 9 เรือ่ ง แกส๊ อุดมคติ

9 .การวัดและประเมินผล

9.1 การประเมินระหวา่ งจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ชิ้นงาน/ภาระงาน วธิ ีการประเมิน เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
ตามเกณฑ์
ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ
ก่อนเรยี น การประเมนิ ผล
แผนการเรยี นร้ทู ่ี 9 เร่อื ง กอ่ นเรยี น จานวน 10 ข้อ
การทาแบบทดสอบ
แกส๊ อดุ มคติ จานวน 10 ข้อ

ทาแบบฝกึ หดั พัฒนา ตรวจแบบฝึกหัดพัฒนา แบบฝกึ หัดพัฒนา ตามเกณฑ์
ทักษะการคดิ ใน ทกั ษะการคดิ ใน การประเมินผล
ทกั ษะการคิดในแบบเรยี น แบบเรียน
เร่อื ง แก๊สอดุ มคติ เรอ่ื ง แก๊สอุดมคติ แบบเรียน แบบฝกึ หัด
เรือ่ ง แก๊สอุดมคติ
เกณฑก์ ารประเมนิ
9.2 การประเมินเมื่อส้นิ สดุ การเรยี นรู้ ตามเกณฑ์

ชิน้ งาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมนิ เครือ่ งมือ การประเมนิ ผล
สอบเกบ็ คะแนน การทาแบบทดสอบ
ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเกบ็

เก็บคะแนน คะแนน

จานวน 10 ขอ้ จานวน 10 ขอ้

ภาระงาน/ช้นิ งาน เกณฑก์ ารประเมิน (Rubrics) พอใช้ ปรบั ปรงุ
แบบฝกึ หัด ดมี าก ดี
ทาแบบฝึกหัด ทาแบบฝกึ หัด
ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝึกหัด ถกู ต้อง 50 - ถูกต้อง ต่ากวา่
ถกู ตอ้ ง 80% ถกู ต้อง 60-80%
60% 50%
ข้นึ ไป

เกณฑก์ ารประเมินผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น / แบบทดสอบเก็บคะแนน ใชเ้ กณฑด์ งั นี้

ร้อยละ 80 ขึ้นไป หมายถงึ ดมี าก

รอ้ ยละ 70-79 หมายถงึ ดี

รอ้ ยละ 60-69 หมายถงึ ปานกลาง

รอ้ ยละ 50-59 หมายถงึ ผ่าน

ตา่ กวา่ รอ้ ยละ 50 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

ผูป้ ระเมนิ

1. ครูผู้สอนประเมนิ นักเรียน 2. นกั เรียนประเมนิ นกั เรยี น

10. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใชก้ ารเรียนการสอน แบบ 5E
1. ข้นั สรา้ งความสนใจ

1. นักเรยี นทบทวนสมบัติของสสารทั้ง 3 สถานะ
2. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันตงั้ คาถามเกย่ี วกบั สิ่งที่ตอ้ งการรู้ จากเนอ้ื หาที่เก่ียวกับแก๊สอดุ มคติ

3. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นแผนการเรยี นรู้ที่ 9 เรื่อง แก๊สอดุ มคติ จานวน 10 ข้อ
2. ขนั้ สารวจและคน้ หา

1. แบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม ๆ 6 -7 คน (ประกอบด้วย นักเรียน เกง่ กลาง ออ่ น จากผลการ

วิเคราะห์ผู้เรยี น)
2. ครูนานักเรียนอภปิ รายถงึ การศึกษาสมบัติของแก๊ส

3. ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มการวางแผนการสืบคน้ การศึกษาเรอ่ื งแก๊สอุดมคติจากการศึกษาวิดีโอ
การทดลองดังนี้

- กฎของบอยล์

- กฎของชาร์ล
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อภิปรายร่วมกนั ถงึ กฎของบอยลแ์ ละกฎของชารล์

3. ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการอภิปรายจากการศกึ ษาวีดีโอการทดลอง กฎของบอยลแ์ ละ

กฎของชารล์

2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ได้ผลการอภปิ รายเหมือนกนั หรอื ตา่ งกันอย่างไร
3. ครตู ั้งคาถามว่า จากการทดลองกฎของบอยล์และกฎของชารล์ ดังนี้

- ความสัมพนั ธ์ของความดัน ปริมาตรและอณุ หภมู ติ ามกฎของบอยล์มีลักษณะอยา่ งไร
- ความสัมพนั ธข์ องความดนั ปรมิ าตรและอุณหภมู ติ ามกฎของชารล์ มลี กั ษณะอยา่ งไร
- การรวมกฎของบอยลแ์ ละกฎของชารล์ ไดค้ วามสมั พันธอ์ ยา่ งไร

- ถา้ นาแก๊ส 2 ชนดิ หรอื มากกวา่ มาผสมกนั ความดัน ปริมาตรและอุณหภมู ิของ
แกส๊ ผสมมคี วามสัมพันธ์อยา่ งไร

4. นกั เรยี นทั้งหมดร่วมกันสรปุ สมการจากกฎของบอยล์ กฎของชาร์ลและกฎของแก๊ส
4. ขน้ั ขยายความรู้

1. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ฝกึ ทักษะการแกโ้ จทยป์ ญั หาจากสมการกฎของบอยล์ กฎของชาร์ลและ

กฎของแกส๊
2. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ เสนอแนวคดิ ท่ไี ด้จากการการฝึกทกั ษะการแก้โจทยป์ ัญหาจากสมการ

กฎของบอยล์ กฎของชาร์ลและกฎของแกส๊
5. ข้นั ประเมนิ ผล

1. ทาแบบฝึกหัดพฒั นาทกั ษะการคิดในแบบเรยี น เร่อื ง แกส๊ อดุ มคติ ในแบบเรยี น

แบบฝกึ หัด 16.2 (หนา้ 154) คาถามข้อ 18-19 (หนา้ 182) และ ปัญหาข้อ 10-18
(หน้า 1183-184) ปญั หาท้าทายข้อ 35-39 (หนา้ 186-187)

2. นักเรียนทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรยี นรู้ ที่ 9 เรือ่ ง กฎของแก๊ส

10. สือ่ การเรียนร้/ู แหลง่ เรยี นรู้
สือ่ การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี นรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ฟิสกิ ส์ เล่ม 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. PPT หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
3. แบบทดสอบก่อนเรยี นแผนการเรยี นร้ทู ่ี 9 เร่อื ง แกส๊ อดุ มคติ
4. แบบฝึกหดั พฒั นาทักษะการคดิ ในแบบเรยี น เร่ือง แกส๊ อุดมคติ ในแบบเรยี น
แบบฝึกหดั 16.2 (หน้า 154) คาถามขอ้ 18-19 (หน้า 182) และ ปัญหาข้อ 10-18
(หนา้ 1183-184) ปญั หาท้าทายขอ้ 35-39 (หน้า186-187)
5. แบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการเรียนรู้ที่ 9 เรือ่ ง แกส๊ อดุ มคติ
แหล่งเรยี นรู้
1. ห้องสมดุ โรงเรยี น
2. ห้องสบื ค้น Resource Center

11. กิจกรรมเสนอแนะ
แนะนาใหน้ กั เรยี นค้นควา้ หาความรูเ้ พ่มิ เติมเร่อื ง
จาก http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3 และ
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นางเกศินี พงษพ์ ันธ)ุ์

ตาแหนง่ หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผูอ้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………........................................……….

ลงช่ือ...................................................................
(นายสรุ ศกั ด์ิ โพธิ์บัลลังค์)

ตาแหนง่ รองผอู้ านวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงชื่อ.......................................................
(นายพฒั นา ทรงประดิษฐ)

ตาแหน่ง ผูอ้ านวยการโรงเรียนวชั รวทิ ยา
วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ............

บนั ทกึ ผลหลังการสอนแผนการสอนท่ี 9
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 วิชา ฟิสิกส์ 5 รหัสวชิ า ว30205

ครูผู้สอน นางดวงดาว บดีรัฐ

1. ผลการสอน

1.1 สรปุ ผลการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความกา้ วหน้าในการเรียนการสอน

จานวนนักเรียน คะแนนเต็ม คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉล่ยี ความกา้ วหนา้

กอ่ นเรียน หลังเรยี น ในการเรียน

ร้อยละความกา้ วหนา้ = คะแนนหลังเรียน – คะแนนก่อนเรยี น x 100
คะแนนเต็ม

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………..……………………………………………….………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………ครผู ูส้ อน
( นางดวงดาว บดรี ัฐ)
ตาแหน่ง ครู คศ. 3

วนั ที่…..เดอื น……………..……..พ.ศ...........

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วิชา ว 30205 รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 5

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565

ชื่อหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 เร่ือง ความร้อนและแกส๊

ช่ือแผน ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ เวลา 3 ชวั่ โมง ผูส้ อน นางดวงดาว บดีรฐั

โรงเรยี นวัชรวิทยา อาเภอเมอื ง จงั หวดั กาแงงเงชร

************************************************************************************
1. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

ทฤษฎจี ลนข์ องแก๊ส
1. แบบจาลองของแก๊สอดุ มคติ
แบบจำลองของแกส๊ (Model of Gasses) แกส๊ ประกอบด้วยอนภุ ำคขนำดเล็ก ๆ จำนวนมำกตำ่ งก็เคล่ือนท่ี
ด้วยควำมเร็วสูงอย่ำงไม่เปน็ ระเบียบไปชนกัน ควำมเร็วประมำณ 103 เมตรตอ่ วินำที อนภุ ำคแกส๊ มโี มเลกลุ

ขนำด 10-10 เมตร

แบบจาลอง (Model ) มีลกั ษณะดังต่อไปนี้
1. แกส๊ ประกอบด้วยอนุภำคเล็ก ๆ เรียกว่ำ โมเลกุล
2. โมเมกลุ มกี ำรเคล่ือนทแี่ บบ random แต่เป็นไปตำมกฎกำรเคลอ่ื นทขี่ องนิวตนั โมเลกลุ จะ
เคลอ่ื นที่ทกุ ทศิ ทุกทำงดว้ ยอตั รำเร็วต่ำงกัน
3. โมเลกุลมีจำนวนมำกมำยมหำศำล ทิศทำงและอตั รำเร็วของกำรเคลือ่ นทขี่ องโมเลกุลแตล่ ะตวั จะ
มกี ำรเปล่ียนแปลงอย่ำงทันทีทันใด ถ้ำชนกบั ผนงั ภำชนะหรือโมเลกลุ ตวั อืน่ ทำงเดนิ โมเลกลุ จึงเปน็ รูปซกิ แซก
4. โมเลกุลทกุ โมเลกุลเม่อื รวมกนั แลว้ จะมีปริมำตรน้อยมำกเม่ือเทียบกบั ปริมำตรของภำชนะ เรำ
จะเหน็ ได้ดีเม่อื แก๊สถกู ควบแน่นเปน็ ของเหลว ปริมำตรจะเลก็ ลงเปน็ พัน ๆ เท่ำ ของปริมำตรเดมิ แสดงว่ำ
ปรมิ ำตรของโมเลกลุ ที่ประกอบกันเป็นแกส๊ เล็กมำก เม่ือเปรยี บเทียบกับปรมิ ำตรแก๊ส
5. โมเลกุลทุกโมเลกุลจะไมม่ แี รงกระทำตอ่ กัน ยกเวน้ ชวั่ ขณะท่ชี นกนั
6. กำรชนของโมเลกุลเป็นกำรชนแบบยดื หยุ่นและชว่ งเวลำท่ีชนสน้ั มำกไมว่ ่ำจะชนกันเองหรือชนกบั
ภำชนะ (พลงั งำนจลน์กอ่ นชน = พลังงำนจลน์หลงั ชน )
7. พลงั งำนจลน์เฉลีย่ ของแกส๊ เป็นปฏิภำคโดยตรงกับอณุ หภูมิ

2. ความดันและงลังงานจลนเ์ ฉลย่ี ของแก๊ส
ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส (Kinetic Theory of Gas) เรำถอื วำ่ แกส๊ ประกอบด้วยอนุภำคท่ีเล็กมำกเรียกว่ำ

โมเลกุล ซึ่งเคลอ่ื นทีแ่ บบไรร้ ะเบียบ โมเลกุลเหล่ำนี้อยู่หำ่ งกนั มำก และจะไมเ่ กิดแรงดงึ ดูดระหวำ่ งกนั เรำ
ใหโ้ มเลกุลของแก๊สเป็นทรงกลมที่เล็กมำก มีพลังงำนจลนม์ ำกกวำ่ พลังงำนศกั ย์มำกจนเกอื บถือได้ว่ำมแี ต่
พลงั งำนจลน์

ความดนั ตามทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ อนุภำคของแกส๊ เม่อื ชนกับผนงั ภำชนะมีผลเกิดขึ้นดงั นี้
1. ควำมเรว็ ( v ) เปลย่ี นค่ำ เพรำะมแี รงกระทำจำกผนัง

2. โมเมนตมั (P) เปลี่ยนค่ำตำมคำ่ ของควำมเรว็ (P = mv ) แต่ m มีค่ำคงท่ี
3. พลังงำนจลน์ คงทเ่ี พรำะเปน็ กำรชนแบบยดื หยุ่น

ผลทไี่ ด้จากทฤษฎีจลน์ของแก๊ส

PV  1 Nmv 2  NKBT  nRT
3

3 PV  1 Nmv 2  3  3 nRT
2 2 2 NKBT 2

EK  1 mv 2  3 KBT
2 2

เม่อื v คือ อัตรำเร็วเฉลย่ี ของโมเลกุลของแก๊ส

m คอื มวลของแก๊ส

EK คอื พลงั งำนจลนเ์ ฉล่ียของโมเลกลุ แก๊ส

3. อัตราเรว็ ของโมเลกลุ ของแก๊ส

การหาคา่ อัตราเรว็ กาลังสองเฉลี่ยของโมเลกลุ ของแก๊ส (Root-mean-square-speed ,vr.m.s.)

v =r.m.s. v 2 v 2 v 2  ...v 2
1 2 3 n

n

vr.m.s. = 3RT เมอื่ M เป็นมวลของ 1 โมล ( kg/mol )
M เมื่อ  เปน็ ควำมหนำแน่น ( kg/m3 )

vr.m.s. = 3P


vr.m.s. = 3KBT แก๊สโมเลกุลอะตอมเด่ยี ว (Monoatomic Gas)
m

vr.m.s. = 5K BT แกส๊ โมเลกลุ อะตอมคู่ (Diatomic Gas)
m

2. มาตรฐาน

สาระฟิสกิ ส์
4. เขำ้ ใจควำมสมั พันธ์ของควำมร้อนกบั กำรเปล่ียนอุณหภูมิและสถำนะของสสำรสภำพยดื หย่นุ

ของวสั ดุและมอดลู สั ของยงั ควำมดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอำร์คิมดี ิส
ควำมตึงผิวและแรงหนืดของของเหลว ของไหลอดุ มคติ และ สมกำรแบรน์ ูลลี กฎของแกส๊
ทฤษฎีจลนข์ องแก๊สอดุ มคติและพลงั งำนในระบบ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรำกฏกำรณ์

โฟโตอิเล็กทริก ทวภิ ำวะของคลน่ื และ อนุภำค กัมมนั ตภำพรงั สี แรงนวิ เคลียร์ ปฏิกริ ยิ ำ
นิวเคลยี ร์ พลงั งำนนวิ เคลียร์ ฟสิ กิ ส์อนภุ ำค รวมทั้งนำควำมรไู้ ปใช้ประโยชน์

3. ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้
ผลการเรยี นรู้

อธบิ ำยแบบจำลองของแกส๊ อุดมคติ ทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ และอัตรำเรว็ อำรเ์ อม็ เอสของ
โมเลกลุ ของแกส๊ รวมทั้งปรมิ ำณต่ำงๆทีเ่ กีย่ วข้อง

4. สาระการเรยี นรู้
- สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง
1. แบบจำลองของแกส๊ อุดมคติ
2. ควำมดันและพลังงำนจลน์เฉล่ยี ของแก๊ส
3. อตั รำเร็วของโมเลกลุ ของแกส๊

5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร
2. ควำมสำมำรถในกำรคิด
3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปญั หำ

จุดเน้นกำรพฒั นำคณุ ภำพผเู้ รยี นดำ้ นสมรรถนะ
1. กำรใช้เทคโนโลยีเพอื่ กำรเรยี นรู้
2. ทกั ษะกำรสือ่ สำรอย่ำงสรำ้ งสรรค์ตำมชว่ งวัย
3. ทักษะกำรคิดชนั้ สูง

6. คุณลกั ษณะอันงึงประสงค์
1. ซือ่ สัตยส์ ุจริต
2. มีวนิ ัย
3.ใฝเ่ รียนรู้
4. มงุ่ มัน่ ในกำรทำงำน

จดุ เนน้ กำรพฒั นำคุณภำพผู้เรียนดำ้ นคณุ ลกั ษณะ
1. คุณลักษณะม่งุ ม่นั ในกำรทำงำน
2. คุณลักษณะใฝ่เรยี นรู้

7. คณุ ลักษณะ 5 ประการโรงเรียนสุจรติ
1. กระบวนกำรคดิ
2. มวี ินยั
3.ซือ่ สัตยส์ จุ รติ

8. ชิ้นงาน/ภาระงาน
1. ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นแผนกำรเรยี นร้ทู ่ี 10 เรอื่ ง ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊
2. ทำแบบฝกึ หัดพฒั นำทักษะกำรคิดในแบบเรยี น เรอื่ ง ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊
ในแบบเรียน แบบฝึกหัด 16.3 (หนำ้ 164) ปัญหำขอ้ 19-27 (หนำ้ 184-185) และ

ปญั หำทำ้ ทำยขอ้ 40-44 (หนำ้ 187-188)
3. ทำแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ท่ี 10 เรอ่ื ง ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส

9 .การวดั และประเมินผล

9.1 กำรประเมินระหว่ำงจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้

ชน้ิ งำน/ภำระงำน วิธีกำรประเมนิ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ำรประเมนิ
ตำมเกณฑ์
ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ
ก่อนเรยี น กำรประเมินผล
เรื่อง ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ ก่อนเรยี น จำนวน 10 ขอ้
กำรทำแบบทดสอบ
จำนวน 10 ขอ้

ทำแบบฝึกหดั พัฒนำทกั ษะ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝึกหัดพัฒนำ ตำมเกณฑ์
กำรคิดในแบบเรยี น เรอ่ื ง พฒั นำทักษะกำรคิดใน ทักษะกำรคดิ ใน กำรประเมินผล

ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส แบบเรยี น เรอ่ื ง แบบเรียน เรอื่ ง ทฤษฎี แบบฝึกหดั
ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ จลน์ของแกส๊

9.2 กำรประเมินเมอ่ื สิ้นสดุ กำรเรียนรู้

ชน้ิ งำน/ภำระงำน วิธีกำรประเมิน เครอื่ งมือ เกณฑ์กำรประเมิน
สอบเก็บคะแนน
ทำแบบทดสอบ แบบทดสอบเก็บ ตำมเกณฑ์
กำรประเมินผล
เกบ็ คะแนน คะแนน กำรทำแบบทดสอบ

จำนวน 10 ข้อ จำนวน 1จ ขอ้

ภำระงำน/ช้ินงำน เกณฑก์ ารประเมนิ (Rubrics) พอใช้ ปรับปรุง
แบบฝึกหัด ดมี ำก ดี
ทำแบบฝกึ หัด
ทำแบบฝกึ หัด ทำแบบฝกึ หัด ทำแบบฝึกหดั ถูกตอ้ ง ต่ำกว่ำ
ถกู ตอ้ ง 80% ถกู ต้อง 60-80% ถูกต้อง 50 - 50%
ขนึ้ ไป
60%

เกณฑ์การประเมินผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น / แบบทดสอบเกบ็ คะแนน ใช้เกณฑด์ ังนี้

รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป หมำยถึง ดีมำก

รอ้ ยละ 70-79 หมำยถงึ ดี

รอ้ ยละ 60-69 หมำยถึง ปำนกลำง

รอ้ ยละ 50-59 หมำยถึง ผำ่ น

ต่ำกว่ำรอ้ ยละ 50 หมำยถงึ ปรับปรงุ

ผู้ประเมนิ

1. ครผู ู้สอนประเมินนักเรียน 2. นักเรยี นประเมนิ นักเรียน

10. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใช้การเรียนการสอน แบบ 5E
1. ข้นั สร้ำงควำมสนใจ
1. นักเรียนทบทวนกฎของแก๊สและเชอ่ื มโยงกับกำรเคล่ือนที่ของแก๊ส
2. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั ต้งั คำถำมเก่ียวกบั ส่งิ ทต่ี ้องกำรรู้ จำกเน้อื หำที่เกี่ยวกับทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
3. นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นแผนกำรเรียนรู้ท่ี10 เรอ่ื ง ทฤษฎจี ลนข์ องแก๊สจำนวน10 ข้อ

2. ขน้ั สำรวจและค้นหำ
1. แบ่งนกั เรยี นเป็นกลุ่ม ๆ 6 -7 คน (ประกอบดว้ ย นกั เรียน เก่ง กลำง อ่อน จำกผลกำร
วเิ ครำะห์ผู้เรยี น)
2. ครนู ำนักเรยี นอภิปรำยถึงควำมหมำยของทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ ให้นกั เรียนควำมเข้ำใจโดยให้
นกั เรียนแสดงเหตุผลประกอบดว้ ย
3. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลุม่ กำรวำงแผนกำรสืบค้นกำรศกึ ษำเร่ืองทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊
4. ให้นกั เรยี นอธิบำยและเช่อื มโยงค่ำพลงั งำนจลน์เฉล่ียกบั กฎของแก๊สและบอกควำมสัมพันธข์ อง
อตั รำเรว็ ที่สองของกำลังสองเฉลีย่ กบั ปจั จัยอืน่ จำกกฎของแก๊ส
5.นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั สืบค้นและศึกษำ ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ จำกคลปิ วีดโิ อ
“ทฤษฎีจลนข์ องแก๊ส” ควำมยำว 7 นำที
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรำยร่วมกันถึง ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส

3. ขัน้ อธบิ ำยและลงขอ้ สรุป
1. ครูแสดงวธิ ีกำรคำนวณเพ่ือแสดงควำมสัมพันธข์ องพลงั งำนจลนเ์ ฉล่ีย และอตั รำเร็วรำกทีส่ อง
ของกำลังสองเฉลย่ี
2. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ทำแบบฝกึ หดั กำรคำนวณและนำเสนอ
3. นักเรียนร่วมกนั สรปุ ทฤษฎจี ลน์ของแก๊ส
4. ใหน้ ักเรยี นอธิบำยและเช่อื มโยงค่ำพลงั งำนจลน์เฉล่ยี กับกฎของแกส๊ และบอกควำมสัมพนั ธ์
ของอตั รำเร็วท่ีสองของกำลังสองเฉลี่ยกบั ปจั จัยอ่นื จำกกฎของแก๊ส
5. จำกนน้ั ใหน้ ักเรียนตอบคำถำมในแบบเรยี น
6. ครแู สดงวธิ ีกำรคำนวณเพอ่ื แสดงควำมสัมพันธข์ องพลงั งำนจลน์เฉล่ยี และอตั รำเรว็ รำกท่ีสอง
ของกำลงั สองเฉลี่ย
7. นักเรยี นทัง้ หมดรว่ มกนั สรุปผลจำกกำรศกึ ษำเรอ่ื ง ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊

4. ขัน้ ขยำยควำมรู้
1. ให้นักเรียนทำแบบฝกึ ทักษะกำรแก้โจทยป์ ัญหำและรว่ มกนั อภปิ รำยแนวคิดท่ีได้จำกกำรศึกษำ
เรอ่ื งทฤษฎีจลน์ของแกส๊
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มเสนอแนวคิดทไี่ ดจ้ ำกกำรกำรสบื คน้ และศึกษำเรื่องทฤษฎจี ลน์ของแก๊ส

5. ขน้ั ประเมินผล
1. นกั เรียนทำแบบฝึกหัดพัฒนำทักษะกำรคิดในแบบเรยี น เรอ่ื ง ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ ในแบบเรยี น
2. ทำแบบฝกึ หัดพัฒนำทักษะกำรคดิ ในแบบเรยี น เร่อื ง ทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ ในแบบเรยี น
แบบฝึกหดั 16.3 (หนำ้ 164) ปัญหำขอ้ 19-27 (หน้ำ 184-185) และ ปัญหำท้ำทำยขอ้
40-44 (หนำ้ 187-188)
3. นกั เรยี นทำแบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ท่ี 10 เร่อื ง ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส

10. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้

ส่ือกำรเรยี นรู้
1. หนงั สือเรยี นรำยวิชำเพ่มิ เติมฟสิ กิ ส์ เลม่ 5 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ของ สสวท.
2. PPT หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง ควำมร้อนและทฤษฎีจลน์ของแกส๊
3. แบบฝึกหัดพัฒนำทกั ษะกำรคดิ ในแบบเรยี น เร่อื ง ทฤษฎีจลนข์ องแก๊ส ในแบบเรียน
แบบฝกึ หดั 16.3 (หนำ้ 164) ปญั หำข้อ 19-27 (หนำ้ 184-185) และ ปัญหำท้ำทำยขอ้
40-44 (หนำ้ 187-188)
4. แบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนกำรเรยี นรทู้ ่ี 10 เรื่อง ทฤษฎีจลนข์ องแก๊ส

แหล่งเรียนรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
2. ห้องสืบคน้ Resource Center

11. กิจกรรมเสนอแนะ
แนะนำให้นักเรียนคน้ คว้ำหำควำมรเู้ พ่ิมเตมิ เรื่อง
จำก http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3 และ
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

ข้อเสนอแนะของหัวหน้ำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

ลงชื่อ........................................................
(นำงเกศนิ ี พงษ์พนั ธ)์ุ

ตำแหนง่ หัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยกำรกลุ่มบรหิ ำรงำนวชิ ำกำร
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………........................................……….

ลงช่ือ...................................................................
(นำยสรุ ศกั ด์ิ โพธิ์บัลลังค์)

ตำแหน่ง รองผอู้ ำนวยกำรกลมุ่ บรหิ ำรงำนวิชำกำร
วันที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี น
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงชื่อ.......................................................
(นำยพฒั นำ ทรงประดิษฐ)

ตำแหนง่ ผู้อำนวยกำรโรงเรียนวชั รวทิ ยำ
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

บนั ทึกผลหลังการสอนแผนการสอนที่ 10

ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 วชิ า ฟิสกิ ส์ 5 รหัสวิชา ว30205

ครผู สู้ อน นำงดวงดำว บดีรฐั

1. ผลการสอน

1.1 สรปุ ผลการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความก้าวหนา้ ในการเรียนการสอน

จำนวนนักเรียน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลี่ย ควำมก้ำวหน้ำ

ก่อนเรียน หลงั เรียน ในกำรเรยี น

รอ้ ยละควำมกำ้ วหนำ้ = คะแนนหลังเรียน – คะแนนก่อนเรยี น x 100
คะแนนเต็ม

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………….………………………………………………………

ลงชือ่ ………………………………ครผู ู้สอน
( นำงดวงดำว บดรี ัฐ)
ตำแหนง่ ครู คศ. 3

วนั ที่…..เดือน……………..……..พ.ศ...........

แผนบรู ณาการสาระท้องถน่ิ /เศรษฐกิจพอเพียง/ทักษะชวี ิต/โรงเรยี นสุจริต/พระบรมราโชบาย ร.10

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11

กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว 30205 รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 5
ปีการศึกษา 2565
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 1
นางดวงดาว บดีรัฐ
ช่ือหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง ความรอ้ นและแก๊ส

ชอ่ื แผน พลงั งานภายในระบบและการประยกุ ตใ์ ช้ เวลา 3 ชว่ั โมง ผสู้ อน

โรงเรียนวัชรวิทยา อาเภอเมอื ง จังหวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************
1. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

พลงั งานภายในของระบบ

พลังงานภายในระบบคือ ผลรวมของพลังงานจลนแ์ ละพลังงานศักยข์ องโมเลกลุ ในระบบ ถ้าให้ U

เป็นพลงั งานภายในของระบบที่ประกอบดว้ ยแกส๊ N โมเลกุล จะได้

U  NEK  3 NKBT
2

กฎอนรุ กั ษ์พลังงาน ( กฎขอ้ ท่ี 1 ของเทอรโ์ มไดนามิกส์ )

กฎข้อท่ี 1 ของเทอรโ์ มไดนามิกส์ กลา่ วไว้วา่ พลงั งานความร้อนทัง้ หมดท่ีให้แกร่ ะบบจะตอ้ งมคี า่

เทา่ กบั ผลรวมของพลงั งานภายในระบบทเี่ พิ่มข้ึนกับงานท่ีทาโดยระบบน้ัน สามารถเขียนเปน็ สมการได้ดงั น้ี

Q  U  W

เมื่อ Q แทนพลงั งานความร้อนทใ่ี ห้แกร่ ะบบ

U แทนพลังงานภายในระบบท่ีเพิ่มข้นึ

W แทนงานท่ีระบบทา

ในการเปล่ยี นแปลงของระบบ อาจมกี รณอี ืน่ ๆ ด้วย ดังนนั้ ในความสมั พนั ธ์จากกฎข้อที่ 1 ของเทอร์

โมไดนามิกส์ จะต้องคดิ เคร่อื งหมายดว้ ย ดังนี้

Q  (U )  (W ) เม่ือ U  3 PV  3 nRT  3 NKB T
2 2 2

W  PV  nRT  NKB T

หลกั การคิดเคร่อื งหมาย เครอื่ งหมาย

ปริมาณ ลักษณะ +
-
พลงั งานความร้อนไหลเข้าสู่ระบบ 0
Q พลังงานความร้อนไหลออกจากระบบ
+
ไมม่ พี ลงั งานความร้อนไหลเขา้ หรือออกจากระบบ -
0
พลังงานภายในระบบเพ่ิมขนึ้ (อุณหภมู ิเพ่ิมขึน้ )
U พลังงานภายในระบบลดลง(อุณหภูมลิ ดลง) +
-
พลังงานภายในระบบคงตวั (อณุ หภมู คิ งตัว) 0

งานท่ที าโดยระบบ(ปริมาตรเพม่ิ ข้นึ )
W งานท่สี ง่ิ แวดลอ้ มทาใหร้ ะบบ(ปริมาตรลดลง)

ไม่มกี ารเปลี่ยนแปลงปริมาตร

การประยุกต์(การนาความร้เู ก่ยี วกับความรอ้ นมาใชป้ ระโยชน)์
1. คคู่ วบความร้อน เปน็ แหลง่ กาเนิดกระแสไฟฟา้ โดยนาเอาลวดโลหะต่างชนดิ กนั มาพันต่อเข้า
ด้วยกัน แล้วให้ความร้อนท่ีรอยต่อนน้ั จะทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าขน้ึ

รูปท่ี 1 คู่ควบความรอ้ นที่เกดิ จากลวดโลหะตา่ งชนิดกนั
2. การใชค้ วามร้อนในการวินจิ ฉัยโรค วงการแพทย์สามารถตรวจสอบหรือรักษาโรค
ต่างๆ ได้โดยการใช้กล้องถา่ ยรปู ต่อเข้ากบั จอภาพแล้วยงิ รังสอี ินฟราเรดไปยงั รา่ งกายเรา ภาพของ
ร่างกายเราจะปรากฏท่จี อภาพเปน็ สีตา่ งๆ เราเรียกสตี ่างๆ น้วี ่ากราฟความรอ้ น (Thermograph)
แพทยจ์ ะใชแ้ ถบสีนีใ้ นการวนิ ิจฉัยโรค เชน่ การตรวจมะเรง็ ทหี่ นา้ อกคนไข้ โดยใชก้ ราฟความรอ้ น
ดงั รูปท่ี 2

รปู ที่ 2 สนี ้าเงนิ จะแสดงอุณหภูมิที่เย็นท่ีสดุ และสีเหลอื งปนขาวจะแสดงอุณหภมู ทิ ี่รอ้ นที่สุด
3. การนาความร้เู รอ่ื งความร้อนมาใช้ในการออกแบบรอยต่อของสะพานหรือถนน การสรา้ ง
สะพานหรือถนนคอนกรีตจะต้องทาการเทคอนกรตี ทีละช่วง ดังนีน้ รอยต่อแต่ละช่วงจะต้องเผอี่ การขยายตวั
ของคอนกรีตจึงมกี ารเข่ือมรอยตอ่ ดวย้ เหล็กและอุดรอยตอ่ ด้วยยางมะตอยดงั รปู ที่ 3 แสดงการเช่ือมเหลก็ ท่ี
รอยต่อของสะพาน

รปู ท่ี 3 รอยตอ่ ของสะพานคอนกรีตจะเช่อื มตอ่ ดว้ ยเหล็กโดยมีช่องห่างกนั เผ่ือการขยายตัวของคอนกรตี

4. อาศัยความดันก๊าซในการออกแบบหวั ฉดี สเปร์

รปู ที่ 4 แสดงการทางานของหวั ฉดี สเปรย์
ภาชนะดงั รูปบรรจขุ องเหลว และเหนอื ภาชนะบรรจกุ ๊าซซึ่งมีความดนั สงู สปริงอนั หนง่ึ
อยู่ระหว่างท่อที่จมในของเหลวและหัวฉดี สเปรด์ ังรปู (a ) เม่ือออกแรงกดท่หี วั ฉีดจะทาให้สปริงยบุ ตวั กา๊ ซ
ในภาชนะจะดนั ของเหลวผ่านท่อไปยังหัวฉีดทาให้ของเหลวผา่ นหัวฉีดออกมาเป็นละอองดังรูป (b)
5. เคร่ืองทานา้ รอ้ นโดยอาศยั พลงั งานจากดวงอาทิตย์
เราเรยี กวา่ solar collector จากรูป 18.5 เคร่ืองป๊มั นา้ จะสง่ น้าไปยงั solar collector ซึ่ง
ประกอบดว้ ยทอ่ ทองแดงทาด้วยสดี าจะทาหน้าท่ดี ูดความร้อนไดด้ ีและเหนอื ท่อจะเปน็ แผ่นกระจกใสให้ความ
รอ้ นผา่ นได้ดีเมื่อน้าผ่านเคร่อื ง solar collector นา้ จะรอ้ นขึน้ และจะถกู สง่ ไปยังแหล่งเกบ็ นา้ ร้อนเพ่ือทจ่ี ะ
แจกจา่ ยไปยังสว่ นตา่ งๆในบา้ น

รูปท่ี 5 แสดงการทางานของเครือ่ งปั๊มนา้
6. ถงุ ลมนิรภัยในรถยนต์ การออกแบบรถยนตใ์ นสมยั ใหม่มักจะมกี ารตดิ ต้ังถุงลมนิรภยั เพอ่ื
ป้องกนั อุบตั เิ หตอุ ันเนอ่ื งจากการกระแทกของคนขับกบั พวงมาลยั รถดงั รปู ท่ี 18.6 เมอื่ รถไดร้ บั การกระแทก
กา๊ ซไนโตรเจนจานวนหนง่ึ จะถกู อัดเข้าไปในถุงลมทาใหถ้ งุ ลมพองตัวออกและมีความดันเกิดขึ้นเพื่อป้องกัน
ไมใ่ ห้ศรี ษะกระแทกกับพวงมาลยั รถปริมาณก๊าซทอี่ ดั เข้าไปในถงุ ลมสามารถคานวณไดจ้ ากสมการ
n = PV

RT

รูปที่ 6 แสดงการทางานของถงุ ลมนิรภัย

7. การอัดกา๊ ซร้อนเขา้ ไปในบอลลนู เพือ่ ใหบ้ อลลูนลอยตัวข้ึนจากคุณสมบัติของก๊าซจะทราบได้
วา่ เมอื่ กา๊ ซมีอณุ หภูมิสูงขึน้ และบรรจใุ นภาชนะท่ีมปี ริมาตรและความดันคงที่จะมนี ้าหนกั เบากว่ากา๊ ซทีม่ ี
อุณหภูมิต่ากวา่ จึงทาให้ก๊าซน้ันสามารถลอยตัวขนึ้ ไดด้ ังเช่น การลอยตวั ของบอลลนู ในรูปที่ 7

2. มาตรฐาน
สาระฟิสิกส์
4. เข้าใจความสมั พันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภมู แิ ละสถานะของสสารสภาพยืดหยุ่น
ของวสั ดุและมอดลู ัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุง และหลัก ของอารค์ มิ ีดสิ
ความตงึ ผวิ และแรงหนดื ของของเหลว ของไหลอุดมคติ และ สมการแบร์นลู ลี กฎของแก๊ส
ทฤษฎีจลนข์ องแก๊สอุดมคตแิ ละพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์
โฟโตอิเลก็ ทรกิ ทวภิ าวะของคลื่นและ อนุภาค กมั มนั ตภาพรงั สี แรงนิวเคลยี ร์ ปฏกิ ิริยา
นิวเคลยี ร์ พลงั งานนิวเคลยี ร์ ฟสิ ิกสอ์ นภุ าค รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

3. ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้
ผลการเรยี นรู้ อธบิ ายงานท่ีทาโดยแก๊สในภาชนะปิดโดยความดนั คงตัว และอธิบาย

ความสมั พันธ์ระหว่างความร้อน พลงั งานภายในระบบ และงาน รวมทั้งคานวณปรมิ าณต่างๆท่ีเกยี่ วข้อง และ
นาความร้เู ร่ืองพลงั งานภายในระบบไปอธิบายการทางานของเคร่ืองใช้ในชวี ิตประจาวนั

4. สาระการเรยี นรู้
- สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. พลังงานภายในของระบบ
2. การประยุกต์(การนาความรเู้ กย่ี วกบั ความร้อนมาใช้ประโยชน์)

4. สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน
1. การนาพลังงานความร้อนไปประยกุ ตใ์ ช้

5.สอดแทรกหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. การนาพลังงานความร้อนไปประยกุ ต์ใช้

6.สอดแทรกความรู้การเข้าสปู่ ระชาคมอาเซยี น
- การประยกุ ต์ใชพ้ ลังงานความรอ้ นในภมู ิภาคอาเซยี น

7. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

จดุ เนน้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านสมรรถนะ
1. การใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื การเรียนรู้
2. ทักษะการส่อื สารอยา่ งสร้างสรรคต์ ามช่วงวัย
3. ทักษะการคิดชั้นสงู

8. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
2. ซอื่ สัตยส์ ุจริต
3. มวี นิ ยั
4.ใฝ่เรยี นรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
6. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
7. รักความเป็นไทย
8. มจี ิตสาธารณะ

จุดเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นด้านคุณลกั ษณะ
1. คุณลกั ษณะม่งุ มัน่ ในการทางาน
2. คณุ ลกั ษณะใฝ่เรยี นรู้

9. คณุ ลกั ษณะ 5 ประการโรงเรียนสจุ รติ
1. กระบวนการคิด
2. มีวินัย
3.ซื่อสตั ย์สจุ ริต
4. อยู่อย่างพอเพียง
5. มีจติ สาธารณะ

10. ช้นิ งาน/ภาระงาน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียนแผนการเรยี นรทู้ ี่ 11 เรื่อง พลังงานภายในระบบ
และการประยกุ ต์ใช้
2. ทาแบบฝกึ หัดพฒั นาทกั ษะการคิดในแบบเรยี น เรอื่ ง พลงั งานภายในระบบและ
การประยุกต์ใช้ ในแบบเรยี น แบบฝกึ หดั 16.4 คาถามข้อ 20-22 (หน้า 182) และ
ปัญหาขอ้ ขอ้ 30 (หนา้ 185) ปัญหาท้าทายข้อ 45-46 (หน้า188)
(หนา้ 103-104)
3. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 11 เร่ือง พลังงานภายในระบบและ
การประยุกตใ์ ช้

11.การวดั และประเมินผล

11.1 การประเมนิ ระหว่างจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

ช้นิ งาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมิน เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
ตามเกณฑ์
ทาแบบทดสอบก่อน-หลัง ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ
ก่อน-หลงั เรยี น การประเมนิ ผล
เรยี น เร่ือง พลงั งานภายใน กอ่ น-หลงั เรียน จานวน 10 ขอ้
การทาแบบทดสอบ
ระบบและการประยุกตใ์ ช้ จานวน 10 ข้อ

ทาแบบฝึกหดั พัฒนาทกั ษะ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดพฒั นาทกั ษะ ตามเกณฑ์
การคิดในแบบเรียน เรอ่ื ง พัฒนาทักษะการคดิ ใน การคดิ ในแบบเรยี น เรอ่ื ง การประเมินผล
พลังงานภายในระบบและ
แบบเรียน เรื่อง พลงั งานภายในระบบ แบบฝกึ หดั
การประยุกต์ใช้ พลงั งานภายในระบบ และการประยุกตใ์ ช้
และการประยุกต์ใช้ ตามเกณฑก์ ารประเมนิ
รายงาน เร่อื ง การใช้ รายงาน
พลังงานความรอ้ นใน ตรวจรายงาน เรื่อง แบบประเมินรายงาน
การใช้พลังงานความ เรอื่ ง การใชพ้ ลังงาน
อาเซยี น
ร้อนในอาเซียน ความรอ้ นในอาเซียน

11.2 การประเมนิ เมื่อส้ินสดุ การเรยี นรู้

ชิน้ งาน/ภาระงาน วธิ ีการประเมิน เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ

สอบเกบ็ คะแนน ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเกบ็ ตามเกณฑ์
คะแนน การประเมินผล
เก็บคะแนน การทาแบบทดสอบ
จานวน 15 ข้อ
จานวน 15 ข้อ

ภาระงาน/ช้นิ งาน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) พอใช้ ปรับปรงุ
แบบฝกึ หดั ดีมาก ดี
ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝกึ หดั
ทาแบบฝกึ หัด ทาแบบฝกึ หัด ถูกตอ้ ง 50 - ถูกตอ้ ง ต่ากวา่
ถูกต้อง 80% ถกู ตอ้ ง 60-80%
60% 50%
ขึ้นไป

รายงาน ทางานท่ไี ด้รบั ทางานทีไ่ ดร้ ับ ทางานทีไ่ ดร้ ับ ทางานทไ่ี ด้รบั

มอบหมายดว้ ย มอบหมายด้วย มอบหมายดว้ ย มอบหมายดว้ ย
ตนเอง ครบถ้วน ตนเอง ครบถ้วน ตนเอง ครบถว้ น ตนเองไม่ครบถ้วน

ตรงตามกาหนด ถูกตอ้ ง80% ตรง ถกู ต้อง70% ตรง ถูกตอ้ ง 50% /
สง่ และถกู ตอ้ ง ตามกาหนสง่ ตามกาหนสง่ ตรงตามกาหนดสง่

เกณฑก์ ารประเมินผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น / แบบทดสอบเก็บคะแนน ใชเ้ กณฑ์ดงั นี้

รอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป หมายถงึ ดีมาก

ร้อยละ 70-79 หมายถึง ดี

รอ้ ยละ 60-69 หมายถึง ปานกลาง

ร้อยละ 50-59 หมายถงึ ผ่าน

ตา่ กว่าร้อยละ 50 หมายถึง ปรับปรงุ

ผ้ปู ระเมิน

1. ครผู สู้ อนประเมินนกั เรียน 2. นกั เรียนประเมนิ นักเรียน

12. การวิเคราะห์ความสอดคลอ้ งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

12.1 ผู้เรียนได้เรยี นรู้หลักคิด และฝกึ ปฏบิ ัติ ตาม 3 หว่ ง 2 เงื่อน ดังนี้

ความรู้ คณุ ธรรม

1. แนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง 1. ความขยัน

2. ปญั หาและการพฒั นาประเทศของไทยทีน่ า 2. ใฝ่เรียนรู้

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ในการ 3. ความรับผิดชอบ

วางแผน พัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมฉบบั ท่ี 11 4. ความม่งุ ม่นั ในการทางาน

5. ความสามคั คภี ายในกลมุ่

พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี ูมิค้มุ กันในตวั ท่ดี ี

1. พอประมาณกบั งบประมาณ ใน 1. เขา้ ใจและเห็นความสาคญั ในการนา 1. นาปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งไป

การนาเสนอผลงานหนา้ แนวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ ประยกุ ต์ใช้กับการดาเนนิ ชวี ิตของตนเอง

ช้ันเรียน เชน่ การทารายงาน ในชวี ิตประจาวันอยา่ งมเี หตุผล อย่างเหมาะสมถกู ตอ้ ง เพื่อใหส้ ามารถยืน

2. พอประมาณในการดาเนินชวี ิต หยัดไดอ้ ยา่ งมนั่ คงทา่ มกลางกระแส

การเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็วของสงั คม

เศรษฐกจิ และส่ิงแวดลอ้ ม

12.2 ผเู้ รียนได้เรียนรกู้ ารใช้ชีวติ ที่สมดลุ และพรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลงใน 4 มิติ ตามหลักปรัชญาของ

เศรษฐกิจพอเพยี ง ดังน้ี

ดา้ น สมดุลและพรอ้ มรับการเปลี่ยนแปลงในดา้ นต่างๆ

องค์ประกอบ วัตถุ สังคม สงิ่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม

ความรู้ -มคี วามรูเ้ ก่ยี วกับแนวคดิ -รจู้ ักแบง่ หน้าท่ี -มคี วามรเู้ ก่ียวกบั การ -รูแ้ ละเข้าใจ

เศรษฐกิจพอเพียงและ รับผิดชอบใน รกั ษาธรรมชาติและ ในวฒั นธรรม

สามารถนาปรชั ญา การทางาน สงิ่ แวดล้อม ท้องถิน่ ท่ีตน

เศรษฐกิจพอเพยี งมา อาศยั อยู่

ประยุกต์ใช้

ในชีวติ ประจาวัน

ทักษะ -มีทกั ษะในการนา - ปฏิบัตกิ จิ กรรม - ดูแลรกั ษา -การช่วยเหลอื

แนวคดิ เศรษฐกิจ ภายในกลุม่ ได้ และไมท่ าลาย เก้อื กูลเอื้อเฟื้อ

พอเพยี งมาประยุกต์ อยา่ งมีประสทิ ธิ ภาพ ส่งิ แวดลอ้ ม แบ่งปัน

ใช้ชวี ติ ประจาวัน

สมดุลและพรอ้ มรับการเปลีย่ นแปลงในด้านต่างๆ

ดา้ น วตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดล้อม วัฒนธรรม
องค์ประกอบ
-มีทกั ษะในการนา - ปฏิบัติกจิ กรรม - ดแู ลรักษา -การช่วยเหลอื
ทักษะ แนวคิดเศรษฐกจิ ภายในกลุ่มได้ และไม่ทาลาย เกือ้ กูลเออื้ เฟอื้
พอเพยี งมาประยกุ ต์ อย่างมีประสทิ ธิ สิง่ แวดลอ้ ม แบ่งปัน
คา่ นิยม ใช้ชีวิตประจาวนั ภาพ
-ตระหนกั ในการ -เหน็ คุณคา่ ของ
-มคี วามตระหนกั และ -เกดิ ความรัก ใช้ทรพั ยากรทม่ี ี วฒั นธรรมองถ่นิ ทตี่ น
เหน็ คุณค่าของการ สามัคคใี นหมู่ อย่อู ยา่ งคมุ้ คา่ อาศัยอยู่
นา แนวคดิ เศรษฐกจิ คณะและยอมรับ
พอเพียงมาประยุกต์ ฟงั ความคดิ เห็น
ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน ของผอู้ น่ื

13. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้การเรยี นการสอน แบบ 5E

1. ขั้นสร้างความสนใจ
1. นกั เรยี นยกตัวพลงั งานท่ีเกดิ จากแกส๊ ในชีวิตประจาวนั
2. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั ตั้งคาถามเกย่ี วกับส่ิงทต่ี ้องการรู้ จากเนื้อหาท่เี กีย่ วกับพลังงานภายในระบบ
และการประยุกต์ใช้
3. นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นแผนการเรียนรู้ที่ 11 เรื่อง พลังงานภายในระบบและ
การประยกุ ตใ์ ช้ จานวน 10 ขอ้

2. ขนั้ สารวจและค้นหา
1. แบง่ นกั เรยี นเปน็ กลมุ่ ๆ 6 -7 คน (ประกอบดว้ ย นักเรยี น เกง่ กลาง ออ่ น จากผลการ
วเิ คราะห์ผู้เรียน) (เงอื่ นไขคณุ ธรรม : ความรับผดิ ชอบ, ความมุ่งมน่ั )
2. ครทู บทวนความรเู้ ร่อื งกฎของแก๊ส และความสมั พนั ธ์ของพลงั งานจลน์ของแก๊สและ
กฎของแก๊ส โดยครใู ช้คาถามดังน้ี (เง่อื นไขความร้)ู

- กฎของแกส๊ กล่าวว่าอย่างไร

- พลงั งานจลน์ของแก๊ส และกฎของแกส๊ มคี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างไร
3. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ การวางแผนการสืบค้นการศกึ ษาเรื่อง พลงั งานภายในระบบและ

การประยุกตใ์ ช้พลงั งานความร้อนในท้องถ่นิ และประเทศในอาเซียน (เง่ือนไขความรู้ :
คณุ ธรรม : ความรับผดิ ชอบ, ความมุ่งมน่ั )
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสบื ค้นและศึกษา พลงั งานภายในระบบและการประยกุ ต์ใช้
คลิปวีดิโอ “พลังงานภายในระบบและการประยกุ ตใ์ ช้ ” ความยาว 15 นาที (เงอ่ื นไขความรู้ :
ความรับผิดชอบ, ความมงุ่ ม่ัน)
5. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ อภปิ รายรว่ มกันถึง พลังงานภายในระบบและการประยกุ ต์ใช้พลังงาน
ความรอ้ นในอาเซยี น (เงอื่ นไขความรู้ : ความรบั ผิดชอบ, ความมุ่งมัน่ )

3. ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป
1. ครแู สดงภาพลกู สูบที่สามารถเปล่ียนแปลงปรมิ าตรได้ แล้วอธิบายการเปลยี่ นแปลงปรมิ าตร
ของแกส๊ ในกระบอกสบู นัน้
2. ให้นกั เรียนพิจารณาความสมั พนั ธข์ องงานท่ีทิศจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของแกส๊ ใน
กระบอกสูบนัน้ โดยครูใช้คาถามดังนี้
- ถา้ v2 < v1 งานจากการเปล่ียนแปลงปรมิ าตร มีคา่ เปน็ บวกหรอื
- ถ้า v2 > v1 งานจากการเปลี่ยนแปลงปรมิ าตร มคี ่าเปน็ บวกหรือลบ
3. นกั เรียนสามารถสรุปความสมั พันธ์ระหว่างการเปลย่ี นแปลงปรมิ าตร และงานจากการ
เปล่ยี นแปลง ปริมาตรนั้น อย่างไร(พอประมาณกบั งบประมาณ, ความมีเหตผุ ล,
การมภี ูมิคุ้มกนั ในตัวที่ดี, เง่ือนไขความรู้ และเงอ่ื นไขคุณธรรม)

4. ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาเปรยี บเทียบการเปลี่ยนแปลง ปริมาตรมีผลอยา่ งไรกบั งานจาก

การเปลีย่ นแปลง ปรมิ าตรทีเ่ กิดขึ้น
5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเพอื่ สรปุ ลกั ษณะของงานจากการเปลี่ยนแปลงปรมิ าตรของแกส๊

( ความพอประมาณ,ความมีเหตุผล, การมภี มู คิ มุ้ กันในตัวที่ดี, เงื่อนไขความรู้ และเงือ่ นไข

คุณธรรม)
6. ให้นักเรียนทบทวนคา่ พลงั งานในของแก๊ส และผลการเปลีย่ นแปลงปรมิ าตรของแกส๊
7. ครูอธบิ ายความสัมพนั ธ์ของพลงั งานความรอ้ น ค่าพลังงานภายในของแก๊สและงานจาก

การเปลีย่ นแปลง ปรมิ าตรของแกส๊ จากกฎขอ้ ท่ี 1 ของอณุ หพลศาสตร์
8. ครูอธิบายการเปลย่ี นแปลงของสารอนั เน่ืองมาจาก พลงั งานความรอ้ น 2 ลกั ษณะ คอื

การเปล่ียนอณุ หภมู ิ และการเปลี่ยนสถานะ จากเงื่อนไขของปรมิ าตรคงตวั ให้นกั เรียน
พจิ ารณาจากกฎข้อท่ี 1 ของอุณหพลศาสตร์ เพือ่ อธิบายความสมั พนั ธ์ของพลังงานความรอ้ น
และสมบตั ิของแก๊ส และหาคา่ ความจุความรอ้ นจาเพาะของแก๊ส เมือ่ ปริมาตรคงตวั โดยครูใช้
คาถามดงั น้ี
- เม่ือให้พลงั งานความรอ้ นแกแ่ กส๊ โดยไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงปรมิ าตร จากกฎของอณุ หพล

ศาสตร์ ข้อที่ 1 และกฎของแกส๊ จะไดค้ วามสัมพันธ์ของพลงั งานความร้อนและสมบัตขิ อง
แกส๊ อยา่ งไรและจงหาค่าของความจุความร้อนจาเพาะของแก๊ส เม่ือปริมาตรคงตวั (Cr)

- เม่อื ให้พลงั งานความรอ้ นแกแ่ ก๊สโดย ไม่มีการเปล่ยี นแปลงความดนั แต่มกี ารเปล่ยี นแปลง

ปริมาตร จะได้ความสัมพนั ธ์ของพลงั งานความรอ้ นและสมบตั ขิ องแกส๊ อย่างไร และจงหาค่า

ความจคุ วามรอ้ นจาเพาะของแกส๊ เม่ือปรมิ าตรคงตวั
9. จากเงือ่ นไขของความดนั คงตัวใหน้ ักเรียนพจิ ารณาจากกฎขอ้ ท่ี 1 ของอุณหพลศาสตร์ เพ่ือ

อธิบายความสมั พันธ์ของพลังงานความรอ้ นและสมบตั ิของแกส๊ และหาค่าความจุความรอ้ น
จาเพาะของแก๊ส เมอื่ ความดันคงตัว
10. ครแู สดงตัวอย่างวิธีการคานวณจากกฎข้อที่ 1 ของอุณหพลศาสตร์ เพอ่ื อธบิ ายลักษณะของ
แก๊ส

11. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สนทนาเพอื่ สรุปความสมั พันธข์ องพลังงานความรอ้ น ค่าพลงั งานภายใน
ของแก๊ส และงานจากการเปลยี่ นแปลงปรมิ าตรของแก๊สจากกฎขอ้ ท่ี 1 ของอณุ หพลศาสตร์
( ความพอประมาณ,ความมีเหตุผล, การมภี มู คิ มุ้ กันในตวั ทีด่ ี, เงอ่ื นไขความรู้ และเงื่อนไข
คณุ ธรรม)

4. ขนั้ ขยายความรู้
1. ให้นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายแนวคิดทไี่ ดจ้ ากการสืบค้นและศกึ ษาเรือ่ งพลังงานภายในระบบและ
การประยุกต์ใช้ ( ความพอประมาณ,ความมีเหตุผล, การมภี ูมิคมุ้ กันในตวั ท่ีดี, เง่ือนไขความรู้ และ
เง่อื นไขคุณธรรม)
2. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอแนวคดิ ที่ได้จากการการสบื คน้ และศึกษาเร่ืองพลังงานภายในระบบและ
การประยกุ ตใ์ ช้พลงั งานความรอ้ นในอาเซยี น (พอประมาณกบั งบประมาณ, ความมีเหตุผล, การมี
ภูมคิ มุ้ กนั ในตวั ทีด่ ี, เง่ือนไขความรู้ และเงื่อนไขคณุ ธรรม)

5. ขน้ั ประเมนิ ผล
1. แบบฝึกหดั พัฒนาทกั ษะการคดิ ในแบบเรียน เร่ือง พลงั งานภายในระบบและการประยุกต์ใช้
ในแบบเรยี น แบบฝกึ หัด 16.4 คาถามขอ้ 20-22 (หนา้ 182) และปัญหาขอ้ ข้อ 30 (หน้า
185) ปญั หาทา้ ทายข้อ 45-46 (หนา้ 188)
2. นักเรยี นทาแบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 11 เร่อื ง พลงั งานภายในระบบและ
การประยกุ ต์ใช้

10. สือ่ การเรียนรู/้ แหลง่ เรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนรายวชิ าเพิ่มเตมิ ฟสิ ิกส์ เลม่ 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. PPT หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง ความรอ้ นและทฤษฎจี ลน์ของแกส๊
3. แบบฝกึ หัดพฒั นาทักษะการคิดในแบบเรยี น เรือ่ ง พลงั งานภายในระบบและการประยกุ ต์ใช้
ในแบบเรยี น แบบฝกึ หัด 16.4 คาถามขอ้ 20-22 (หน้า 182) และ ปัญหาข้อ ขอ้ 30
(หนา้ 185) ปัญหาท้าทายขอ้ 45-46 (หน้า188)
4. แบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการเรียนรูท้ ี่ 11 เร่อื ง พลังงานภายในระบบและการประยกุ ตใ์ ช้
แหล่งเรยี นรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
2. หอ้ งสบื ค้น Resource Center

11. กิจกรรมเสนอแนะ
แนะนาให้นักเรียนค้นคว้าหาความรูเ้ พม่ิ เติมเรอ่ื ง
จาก http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3 และ
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

ลงชือ่ ........................................................
(นางเกศนิ ี พงษ์พนั ธ)์ุ

ตาแหน่ง หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………........................................……….

ลงชอ่ื ...................................................................
(นายสรุ ศกั ด์ิ โพธ์ิบัลลงั ค์)

ตาแหน่ง รองผูอ้ านวยการกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ
วันที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงช่อื .......................................................
(นายพฒั นา ทรงประดิษฐ)

ตาแหน่ง ผูอ้ านวยการโรงเรยี นวัชรวิทยา
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

บนั ทึกผลหลังการสอนแผนการสอนที่ 11

ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 วชิ า ฟสิ ิกส์ 5 รหัสวชิ า ว30205

ครูผูส้ อน นางดวงดาว บดรี ัฐ

1. ผลการสอน

1.1 สรปุ ผลการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความกา้ วหนา้ ในการเรียนการสอน

จานวนนักเรยี น คะแนนเตม็ คะแนนเฉล่ยี คะแนนเฉล่ยี ความกา้ วหนา้

กอ่ นเรยี น หลงั เรยี น ในการเรยี น

ร้อยละความก้าวหน้า = คะแนนหลังเรยี น – คะแนนก่อนเรยี น x 100
คะแนนเตม็

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหา / อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………….......................................................................................…………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………................….………………………………………………………

ลงช่อื ………………………………ครผู สู้ อน
( นางดวงดาว บดีรฐั )
ตาแหน่ง ครู คศ. 3

วันที่…..เดอื น……………..……..พ.ศ...........

แบบทดสอบภาคปฎิบัติวชิ าปฏิบตั ิการฟิสิกส์ (ว30207)

กิจกรรมที่ 1 จอดเฮลิคอปเตอร์
วัสดอุ ุปกรณ์

1. ใบไม้ 6 ใบ (ชนิดเดียวกันและขนาดเท่ากนั ) ทา 2 ชุด
2. กระดาษกาว
3. ดนิ น้ามัน
4. ไม้เสียบลกู ช้นิ
5. ดา้ ยเย็บผา้
คาสงั่
1. ให้นกั เรยี นออกแบบเฮลิคอปเตอร์
2. ประดษิ ฐเ์ ฮลิคอปเตอร์
3. ทดสอบการลงจอดท่ีระยะความสงู 3-5 เมตร
4. วัดระยะตาแหน่งที่ลงจอด

หมายเหตุ จุดลงจอดเป็นวงกลมเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 50 เซนติเมตร

กิจกรรมที่ 2 จอดเฮลคิ อปเตอร์ (เปลีย่ นวัสดุจากใบไม้เปน็ วัสดุอ่นื )

กิจกรรมท่ี 3 ใครกลิง้ ไดไ้ กลกว่า
ให้นักเรยี นออกแบบการทดลองโดยเลอื กวสั ดตุ ามความสนใจ

กิจกรรมท่ี 4 ใครแรงดกี ว่า
ให้นักเรยี นออกแบบการทดลองโดยเลือกวสั ดุตามความสนใจ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3

กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาฟิสกิ ส์ 5 รหัสวชิ า ว30205

ระดบั ชนั้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรียนท่ี 1 จานวน 1.5 หนว่ ย เวลาเรยี นจานวน 24 ชว่ั โมง

ผ้สู อน นางดวงดาว บดรี ัฐ โรงเรียนวัชรวิทยา

1. ชอื่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่อื ง ของแข็งและของไหล
2. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด

สาระฟิสิกส์
3. เขา้ ใจแรงไฟฟา้ และกฎขอคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟา้ และกฎของโอห์ม วงจรไฟฟา้
กระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และกาลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า
สนามแมเ่ หล็ก แรงแมเ่ หล็กทีก่ ระทากับประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ การเหน่ียวนาแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
และกฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลับ คลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าและการสอื่ สาร รวมทั้งการนาความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์
11. อธบิ ายสภาพยดื หยุน่ และลกั ษณะการยดื และหดตัวของวสั ดุที่เป็นแท่ง เมอื่ ถกู กระทาดว้ ย

แรงคา่ ต่างๆ รวมท้ังทดลอง อธิบายและคานวณความเคน้ ตามยาว ความเครยี ดตามยาว

และมอดูลัสของยงั และนาความรู้เร่อื งสภาพยดื หย่นุ ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั

12. อธบิ ายและคานวณความดนั เกจ ความดันสมั บรู ณ์ และความดนั บรรยากาศ รวมท้งั
อธบิ ายหลักการทางานของแมนอมเิ ตอร์ บารอมิเตอร์ และเครอ่ื งอัดไฮโดรลิกและการ
สรา้ งฝายและเขอ่ื นกน้ั น้าในทอ้ งถิ่นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

13. ทดลอง อธบิ ายและคานวณขนาดแรงพยุงจากของไหล

14. ทดลอง อธบิ ายและคานวณความตึงผิวของของเหลว รวมท้ังสงั เกตและอธบิ ายแรงหนดื

ของของเหลว

15. อธบิ ายสมบัติของของไหลอุดมคติ สมการความต่อเนอ่ื ง และสมการของแบรน์ ลู ลี รวมทงั้

คานวณปริมาณตา่ งๆทีเ่ กี่ยวขอ้ ง และนาความรเู้ ก่ียวกับสมการตอ่ เน่ืองและสมการแบร์

นลู ลีไปอธิบายหลกั ารทางานของอปุ กรณ์ทางวศิ วกรรมในภมู ิภาคอาเซยี นตามหลัก

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
สมบัติที่วสั ดุเปล่ียนรูปและกลับสูร่ ูปเดิม เมอ่ื หยุด ออกแรงกระทาเรียกว่า สภาพยดื หยนุ่ ถา้ ยงั

ออกแรงตอ่ ไป วัสดุจะขาดหรือเสยี รูปอย่างถาวรในกรณีท่ีวัตถุมีการเปลยี่ นแปลงความยาวถ้าออกแรง
กระทาต่อเส้นลวดไม่เกินขดี จากัดการแปรผันตรง ความยาวท่เี พม่ิ ขึ้นของเส้นลวด แปรผนั ตรงกบั
ขนาดของแรงดงึ ทาให้ ความเครียดตามยาวท่ีเกิดข้ึนแปรผนั ตรงกบั ความเคน้ ตามยาว โดยความเค้น
ตามยาว อตั ราส่วนความเค้นตามยาวตอ่ ความเครียดตามยาว เรียกวา่ มอดุลัสของยงั ซึ่งมคี า่ ขน้ึ กับ
ชนิดของวสั ดุ

แรงดัน (Force, F)ผลคณู ระหว่างความดนั กบั พืน้ ที่ ๆ ถกู แรงกระทา แรงดันเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์
มหี น่วยเป็นนิวตนั

ความดัน ( Pressure , P ) คืออัตราส่วนระหว่างแรงทก่ี ระทาต่อพื้นท่ี ๆ ถูกแรงกระทาโดยพนื้ ที
น้นั ต้องตัง้ ฉากกับแรงกระทาด้วยความดนั เปน็ ปรมิ าณสเกลาร์ มหี นว่ ยเปน็ นวิ ตนั ตอ่ ตารางเมตรหรือ
พาสคัล(Pa)
สรปุ หลักการสาคญั เก่ียวกับความดนั ในของเหลวในสภาวะอยู่นิ่งไดด้ ังน้ี

1. ณ จดุ ใด ๆ ในของเหลวจะมีแรงกระทาของของเหลวไปในทุกทศิ ทุกทาง
2. แรงทีข่ องเหลวกระทาต่อผนังภาชนะหรอื ผิววตั ถุทอ่ี ยู่ในของเหลวจะอยู่ในทิศต้งั ฉากกบั
ผนงั ภาชนะหรือผวิ ของวัตถทุ ข่ี องเหลวสัมผัส
3. ความดัน ณ จดุ ใด ๆ ในของเหลวทีอ่ ยนู่ ่งิ แปรผนั ตรงกบั ความลึกและความหนาแนน่
ของของเหลวเมอื่ อณุ หภมู คิ งตวั
4. ความดนั ในของเหลวชนิดหนงึ่ ๆ ไมข่ ึ้นอยูก่ ับปรมิ าตรและรปู ร่างของภาชนะทีบ่ รรจุ
ของเหลวและท่คี วามลกึ เทา่ กันของเหลวชนิดเดยี วกนั ความดนั จะเท่ากนั เสมอ
ถ้าหากเราชั่งน้าหนกั วตั ถุในขณะทจ่ี มอยใู่ นของเหลว จะพบวา่ น้าหนักวตั ถุขณะน้ันจะนอ้ ย
กว่าน้าหนักวตั ถุท่ีช่งั ในอากาศ ท้ังนี้เพราะของเหลวออกแรงพยุงวัตถไุ ว้ในทศิ ข้ึนขา้ งบน เรียกแรงน้ี
ว่าแรงลอยตวั ของของเหลว ( Buoyant Force , B )
หลกั ของอารค์ ิมีดีส กลา่ ววา่ วัตถุใด ๆ ท่ีจมอยใู่ นของเหลวทงั้ กอ้ นหรอื จมอยเู่ พยี งบางสว่ น
จะถกู แรงลอยตัวกระทาและขนาดของแรงลอยตัวน้ันจะเท่ากับขนาดของนา้ หนกั ของของเหลวทถ่ี กู
วัตถุแทนที่
ความตึงผิว หมายถึง อตั ราส่วนของแรงท่ีกระทาไปตามผิวของเหลวตอ่ ความยาวของผวิ ท่ี
ถกู แรงกระทา ความยาวน้ตี ้องตง้ั ฉากกับแรงดว้ ย มีหนว่ ยเป็น นวิ ตนั ต่อตารางเมตร
แรงตงึ ผวิ ของของเหลว หมายถงึ แรงชนิดหน่งึ ทพี่ ยายามยดึ ผวิ ของเหลวไว้ แรงดึงผิวของ
ของเหลวจะมที ิศขนานกบั ผวิ ของของเหลวและต้งั ฉากกบั เส้นขอบท่ขี องเหลวสมั ผสั
แรงหนดื คอื แรงเสยี ดทานภายในของไหล หรอื แรงต้านทานการเคล่อื นทีข่ องวตั ถทุ เ่ี กิด
ภายในของไหลนน้ั ซง่ึ จะเปน็ สัดสว่ นโดยตรงกบั ความเรว็ พ้นื ทผี่ วิ ของของไหล และเป็นปฏภิ าคกลับ
ความหนาของของไหล

ความหนืด () คอื คณุ สมบัติของของไหลในการตา้ นการเคลือ่ นที่ของวตั ถุในของไหลนนั้
มีหนว่ ยเปน็ นวิ ตัน-วินาทตี อ่ ตารางเมตร ( N-S /m 2 )

ความหนดื ในของเหลวเกิดจากแรงดงึ ดดู ระหว่างโมเลกุล ซงึ่ จะมคี ่าลดลงเมือ่ ของเหลวมี
อณุ หภมู ิสูงขน้ึ ความหนดื ในอากาศ ซงึ่ โมเลกุลของมนั อยู่ห่างกนั มากเกิดการถ่ายทอดโมเมนตมั ซ่งึ
จะมีค่าความหนดื เพิ่มข้ึน เมอื่ อณุ หภูมิของอากาศสงู ขนึ้ ของไหลทม่ี คี วามหนดื สูงจะเคลื่อนท่ีได้ช้า
กว่าของไหลท่ีมคี วามหนืดต่า

ของไหลอุดมคติ การเคลอ่ื นทขี่ องของไหลเป็นการเคล่ือนท่ีท่ซี บั ซอ้ น เพอ่ื ให้การศกึ ษาการ
เคล่ือนที่ของของไหลไมย่ ุ่งยาก เราจะพจิ ารณา ของไหลอุดมคติ(ideal fluid) หมายถงึ ซ่ึงมสี มบัติ
ดงั นี้

1. มีการไหลอย่างสา่ เสมอ (steady flow) หมายถึงความเร็วของทุกอนภุ าค ณ ตาแหน่ง
ตา่ งๆ ในการไหลมคี า่ คงตัว โดยความเรว็ ของอนภุ าคของของไหลเม่อื ไหลผ่านจุดตา่ ง ๆ กันจะเท่ากัน
หรือต่างกันกไ็ ด้

2. มกี ารไหลโดยไมห่ มุน (irrotational flow) กลา่ วคอื ในบรเิ วณโดยรอบจุดหนงึ่ ๆ ในของ
ไหลจะไม่มีอนุภาคของของไหลเคลอื่ นทดี่ ้วยความเร็วเชงิ มุมรอบจดุ นัน้ ๆ เลย

3. มกี ารไหลโดยไมม่ ีแรงตา้ นเน่อื งจากความหนดื (nonviscous flow) หมายความว่า ไม่มี
แรงตา้ นใด ๆ ภายในเน้ือของของไหลมากระทาต่ออนภุ าคของของไหล

4. ไมส่ ามารถอดั ได้ (incompressible flow) หมายความว่า ของไหลมีปริมาตรคงตวั โดย
ปริมาตรของของไหลแตล่ ะสว่ นไม่วา่ จะไหลผ่านบรเิ วณใดก็ยงั มีความหนาแนน่ เทา่ เดมิ
การไหลของของไหลอดุ มคติ

3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- ของแขง็ และสภาพยดื หยุ่นของของแขง็
- ความตึงผิวและความหนืดของของเหลว
- ของไหลสถิต
- พลศาสตร์ของของไหล

4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

จดุ เน้นการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นด้านสมรรถนะ
1. แสวงหาความรู้เพอื่ การแก้ปัญหา
2. การคิดวเิ คราะหข์ นั้ สูง
3. การใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื การเรยี นรู้
4. ทกั ษะชีวติ
5. ทักษะการสื่อสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามช่วงวัย

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซื่อสตั ยส์ ุจรติ
3. มวี นิ ัย

4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
6. มุง่ มั่นในการทางาน
7. รักความเปน็ ไทย
8. มีจิตสาธารณะ

จดุ เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านคุณลักษณะ
1. มุ่งมัน่ ในการศกึ ษาและรักการทางาน

คณุ ลักษณะของโรงเรียนสุจริต ทกั ษะกระบวนการคิด มีวินยั ซอื่ สัตยส์ ุจรติ อยู่อย่างพอเพียง
มีจติ สาธารณะ

6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรียน

2. แผนภาพ/mind mapping
4. ใบงาน/แบบฝกึ หัด

7. การวดั และการประเมินผล
7.1 ดา้ นความรู้ (K)

วธิ กี ารวัดและประเมินผล เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การวัด
และประเมนิ ผล และประเมินผล
- ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
- การตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น
- ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป
และหลังเรยี น และหลังเรียน
- ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ขนึ้ ไป
- การตรวจแผนผัง /แผนภาพ / - แบบประเมินแผนผงั /

mind mapping แผนภาพ / mind

mapping

- การตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั

7.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)

วิธกี ารวัดและประเมินผล เครือ่ งมือวัด เกณฑ์การวัด
และประเมินผล และประเมนิ ผล
- การสงั เกตสมรรถนะสาคญั ของ
ผู้เรียน - แบบบนั ทึกผล - ผ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขนึ้ ไป
การประเมนิ สมรรถนะ
ผเู้ รยี น

- การสังเกตพฤติกรรม การเรยี น - แบบบนั ทกึ ผล - ผ่านเกณฑ์ระดับดี ขึ้นไป
ของนักเรียนรายบคุ คล การประเมนิ พฤติกรรม - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี ขนึ้ ไป
การเรยี นของนกั เรียน
- การสงั เกตพฤติกรรม การทางาน รายบุคคล
กลุม่
- แบบบันทึกผล
การประเมินพฤติกรรม
การทางานกลุ่ม

7.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)

วิธีการวัดและประเมินผล เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การวัด
และประเมินผล และประเมนิ ผล
- การสงั เกตคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ แบบบนั ทึกผลการประเมิน - ผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ข้นึ ไป
ผู้เรียนดา้ นคุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ใชก้ ารเรยี นการสอนแบบ 5E

9. เวลาเรียน/จานวนชั่วโมง
ใชเ้ วลา 24 ช่ัวโมง

10. แผนการจัดการเรยี นรู้ เวลา 3 ชั่วโมง

10.1 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 12 เรือ่ ง ของแข็งและสภาพยืดหยนุ่ ของ เวลา 6 ชั่วโมง
ของแข็ง
เวลา 3 ชว่ั โมง
บรู ณาการทอ้ งถ่ิน/อาเซยี น/พอเพียง/ เวลา 3 ช่วั โมง
พระบรมราโชบาย เวลา 3 ชวั่ โมง
10.2 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 13 เรอ่ื ง ของไหลสถิต เวลา 6 ช่ัวโมง

บูรณาการท้องถิน่ /อาเซียน/พอเพียง/
พระบรมราโชบาย

10.3 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 14 เรื่อง แรงพยุงจากของไหล
10.4 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 15 เรื่อง ความตึงผวิ
10.5 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 16 เร่ือง ความหนืด

10.6 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 17 เรือ่ ง พลศาสตร์ของไหล
บูรณาการท้องถ่นิ /อาเซียน/พอเพียง/

พระบรมราโชบาย


Click to View FlipBook Version