The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jirayu Wongsuta, 2022-09-02 01:58:30

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์ 5 ว30205

30205

มการจัดการเรยี นรูต้ ามตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้
รู้ วิทยาศาสตร์
205 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6

ชวี้ ดั แนวทางการจัด สมรรถนะสาคัญ คุณลกั ษณะ แนวการวัด
อันพงึ ประสงค์ และประเมินผล
การเรียนรู้ ของผเู้ รยี น

จดั การเรยี นรู้ 1. ความสามารถใน 1. รักชาตศิ าสน์ กษัตรยิ ์ 1.แบบฝกึ ทักษะการคดิ

แบบสืบเสาะ การสื่อสาร 2. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 2.บันทกึ การทดลอง

าร หาความรู้ (5E) 2.ความสามารถใน 3. มวี นิ ัย 3.แบบทดสอบเกบ็

การคดิ 4..ใฝเ่ รยี นรู้ คะแนน

3. ความสามารถใน 5. อย่อู ย่างพอเพยี ง

การแก้ปัญหา 6. มุ่งมัน่ ในการทางาน

7. รกั ความเปน็ ไทย

8. มจี ติ สาธารณะ

แบบบนั ทกึ การวเิ คราะห์การออกแบบกจิ กรรม
สาระการเรียนร

วิชาฟิสกิ ส์ 5 รหสั วิชา ว302

ผลการเรียนรู้ นักเรยี นทาอะไรได้ นกั เรียน ประเภทตัวช
รู้อะไร

12. อธบิ ายและคานวณ 1.อธิบายความหมายของ 1.ความหมายของความ 1.ความรู้
ความดันเกจ ความดัน ความดัน ดัน (K)
สัมบูรณ์ และความดัน 2.ทดลองเรอื่ ง ความดนั ใน 2.ความดันในของเหลว 2.กระบวนกา
บรรยากาศ รวมทั้งอธบิ าย ของเหลว 3.หลกั การของเครอื่ งวัด (P)
หลักการทางานของแมนอ 3.อธิบายหลกั การของ ความดัน 3.เจตคต(ิ A)
มเิ ตอร์ บารอมิเตอรแ์ ละ เคร่อื งวดั ความดนั 4.ค่าแรงกระทาต่อ

เคร่อื งอัดไฮโดรลิกและ 4.คานวณหาคา่ แรงกระทา ประตนู ้าและเข่อื น
การสร้างฝายและเข่อื นก้นั ต่อประตนู า้ และเขอื่ น 5.ความดันกับ
นา้ ในทอ้ งถ่นิ ตามหลกั 5.อธบิ ายความดนั กับ ชวี ติ ประจาวัน
ปรัชญาของเศรษฐกจิ ชวี ิตประจาวัน
พอเพียง

มการจัดการเรียนรู้ตามตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้
รู้ วทิ ยาศาสตร์

205 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

ชว้ี ัด แนวทางการจัด สมรรถนะสาคญั คุณลักษณะ แนวการวดั
อันพงึ ประสงค์ และประเมินผล
การเรยี นรู้ ของผูเ้ รยี น

จดั การเรยี นรู้ 1. ความสามารถใน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.แบบฝึกทกั ษะการคิด
แบบ 5step การส่ือสาร กษตั ริย์ 2.บันทกึ การทดลอง
าร 2.ความสามารถใน 2. ซ่ือสตั ย์สุจรติ 3.ผงั ความคิดการสืบคน้
การใชเ้ ทคโนโลยี 3. มีวนิ ยั ข้อมลู และการนาเสนอ
3.ความสามารถใน 4..ใฝเ่ รยี นรู้ เรอื่ ง พลังงานทดแทน
การคิด 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง 4.แบบทดสอบเกบ็

4. ความสามารถใน 6. ม่งุ ม่ันในการทางาน คะแนน
การแกป้ ญั หา 7. รักความเปน็ ไทย
8. มจี ติ สาธารณะ

แบบบันทึกการวเิ คราะห์การออกแบบกจิ กรรม
สาระการเรยี นร

วชิ าฟสิ ิกส์ 5 รหสั วิชา ว302

ผลการเรยี นรู้ นกั เรียนทาอะไรได้ นักเรยี น ประเภทตวั ช
ร้อู ะไร

13. ทดลอง อธิบายและ 1.อธิบายหลกั อารค์ ีมีดสี 1.หลักอาร์คีมีดีส ความรู้
คานวณขนาดแรงพยุงจาก 2.การทดลองเรื่อง 2.แรงพยงุ (K)
ของไหล แรงพยงุ 3.การลอยของวัตถุใน 2.กระบวนกา
3.การลอยของวัตถุใน ของไหล (P)
ของไหล

14. ทดลอง อธิบายและ 1. อธิบายความหมายของ 1. ความหมายของความ 1.ความรู้

คานวณความตึงผวิ ของ ความตงึ ผิวของของเหลว ตึงผวิ ของของเหลว (K)
ของเหลว รวมทงั้ สังเกต 2. การทดลองเร่อื ง ความ 2. ความตึงผวิ ของ 2.กระ
และอธบิ ายแรงหนดื ของ ตึงผิวของของเหลว ของเหลว บวนการ (P)
ของเหลว 3. อธิบายความหมายของ 3. ความหมายของความ
ความหนดื ในของเหลว หนืดในของเหลว

มการจดั การเรียนรู้ตามตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้
รู้ วิทยาศาสตร์

205 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

ชว้ี ดั แนวทางการ สมรรถนะสาคญั คณุ ลกั ษณะ แนวการวดั และ
จดั การเรยี นรู้ ของผู้เรียน อันพึงประสงค์ ประเมนิ ผล

จดั การเรียนรู้ 1. ความสามารถใน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.แบบฝึกทกั ษะการคิด

แบบสืบเสาะ การส่ือสาร กษตั รยิ ์ 2.บนั ทกึ การทดลอง

าร หาความรู้ (5E) 2. ความสามารถใน 2. ซือ่ สัตย์สุจรติ 3.แบบทดสอบ

การคิด 3. มวี ินัย เก็บคะแนน

3. ความสามารถใน 4..ใฝเ่ รยี นรู้

การแก้ปญั หา 5. อยู่อยา่ งพอเพียง

6. มงุ่ มัน่ ในการทางาน

7. รกั ความเป็นไทย

8. มีจติ สาธารณะ

จดั การเรียนรู้ 1. ความสามารถใน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.แบบฝกึ ทักษะการคดิ

แบบสืบเสาะ การสอ่ื สาร กษัตรยิ ์ 2.บนั ทกึ การทดลอง
หาความรู้ (5E) 2.ความสามารถใน 2. ซ่อื สัตย์สจุ รติ 3.แบบทดสอบ
การคดิ 3. มวี ินยั เกบ็ คะแนน
3. ความสามารถใน 4..ใฝเ่ รยี นรู้
การแกป้ ญั หา 5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
6. ม่งุ มั่นในการทางาน
7. รักความเป็นไทย
8. มจี ิตสาธารณะ

แบบบนั ทกึ การวเิ คราะห์การออกแบบกจิ กรรม

สาระการเรยี นร
วชิ าฟิสกิ ส์ 5 รหสั วิชา ว302

ผลการเรยี นรู้ นกั เรียนทาอะไรได้ นกั เรยี น ประเภทตวั ช
รูอ้ ะไร

15. อธบิ ายสมบตั ิของของ 1. อธบิ ายพลศาสตร์ของ 1. พลศาสตร์ของ 1.ความรู้
ไหลอดุ มคติ สมการความ ของไหล ของไหล (K)

ตอ่ เนอ่ื ง และสมการของ 2. อธบิ ายหลกั การของ 2. หลักการของแบร์นลู ี 2.กระบวนกา
แบร์นูลลี รวมทั้งคานวณ แบรน์ ลู ี 3. การประยกุ ตใ์ ช้ (P)
ปริมาณต่างๆทีเ่ กยี่ วข้อง 3. อธบิ ายการประยกุ ต์ใช้ หลักการของแบรน์ ลู ี
และนาความรเู้ ก่ียวกบั หลักการของแบร์นูลี
สมการต่อเนอ่ื งและสมการ
แบรน์ ลู ลีไปอธิบายหลกั าร
ทางานของอุปกรณ์ทาง
วิศวกรรมในภมู ภิ าค
อาเซียนตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

มการจดั การเรยี นรู้ตามตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้

รู้ วทิ ยาศาสตร์
205 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

ชวี้ ดั แนวทางการจดั สมรรถนะสาคัญ คุณลักษณะ แนวการวัดและ
อนั พงึ ประสงค์ ประเมนิ ผล
การเรยี นรู้ ของผ้เู รยี น

จดั การเรยี นรู้ 1. ความสามารถใน 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.แบบฝกึ ทกั ษะการคิด

แบบสบื เสาะ การส่ือสาร กษัตรยิ ์ 2. ผังความคดิ

าร หาความรู้ (5E) 2.ความสามารถใน 2. ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต 3.แบบทดสอบเก็บ

การคดิ 3. มวี ินัย คะแนน

3. ความสามารถใน 4..ใฝ่เรียนรู้

การแก้ปัญหา 5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง

6. มงุ่ ม่นั ในการทางาน

7. รักความเป็นไทย

8. มีจติ สาธารณะ

2.5 การออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้

แบบบนั ทึกการออกแบบการจัดการเรยี นรู้
รายวชิ าฟิสกิ ส์ 5 รหัสวชิ า ว30205
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี แผนที่ เร่ือง จานวนชวั่ โมง การจัดการเรียนรู้ (Active
Learning)
1 1 สนามแม่เหลก็ 3 5E/รร.สจุ รติ
แมเ่ หล็กและไฟฟ้า 2 แรงแมเ่ หลก็ (ประจไุ ฟฟ้า) 5E/รร.สจุ รติ
3 แรงแมเ่ หลก็ (ลวดตัวนา) 3 5E/รร.สจุ รติ
4 โมเมนต์แรงคคู่ วบ 3 5E/รร.สจุ รติ
5 กระแสไฟฟา้ เหนีย่ วนาและอเี อ็ม 3 5E/รร.สุจรติ
3
เอฟเหนย่ี วนา
6 ไฟฟา้ กระแสสลับ 3 5E/รร.สุจรติ
7 การผลติ และการส่งไฟฟ้า
3 5E บูรณาการ
กระแสสลับ ทอ้ งถน่ิ /อาเซียน/พอเพยี ง/
บรมราโชบาย ร.10/รร.สจุ ริต
2 8 ความร้อน
ความร้อนและแก๊ส 9 แก๊สอุดมคติ 3 GPASS 5STEP
10 ทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊
11 พลังงานภายในระบบและการ 6 5E/รร.สจุ ริต

ประยุกต์ 3 5E/รร.สุจริต

3 12 ของแขง็ และสภาพยดื หยุ่นของ 3 5E บูรณาการ
ทอ้ งถนิ่ /อาเซียน/พอเพียง/
ของแข็งและของไหล ของแขง็ บรมราโชบาย ร.10/รร.สจุ รติ

13 ของไหลสถติ 3 5E บรู ณาการ
ท้องถ่นิ /อาเซยี น/พอเพียง/
14 แรงพยุงจากของไหล บรมราโชบาย ร.10/รร.สจุ ริต

6 5Eและเทคนิค R-C-A
บรู ณาการท้องถน่ิ /อาเซียน/
พอเพยี ง/บรมราโชบาย ร.10/
รร.สุจรติ

3 5E/รร.สจุ ริต

15 ความตึงผิว 3 5E/รร.สุจรติ
16 ความหนดื
17 พลศาสตรข์ องของไหล 3 5E/รร.สจุ รติ

6 5STEP บูรณาการ
ทอ้ งถิน่ /อาเซยี น/พอเพียง/
บรมราโชบาย ร.10/รร.สุจริต

3.1 กิจกรรมการเรียนร้บู รู ณาการฯ

แบบบนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรบู้ ูรณาการกบั นโยบายโรงเรยี น
รายวิชาฟสิ ิกส์ 5 รหสั วชิ า ว30205
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ แผน เร่ือง สาระท้อง ่ิถน
ท่ี อาเซียน
เศรษฐ ิกจพอเพียง
พระบรมราโชบาย
โรงเ ีรยนสุจ ิรต
ทักษะ ีช ิวต
GPAS 5STEP
5Step

1 1 สนามแมเ่ หล็ก 
แมเ่ หล็กและไฟฟา้ 2 แรงแมเ่ หลก็ (ประจุไฟฟา้ ) 
3 แรงแมเ่ หลก็ (ลวดตวั นา) 
4 โมเมนตแ์ รงคคู่ วบ 
5 กระแสไฟฟา้ เหน่ยี วนาและ 

อีเอ็มเอฟเหน่ยี วนา 
6 ไฟฟา้ กระแสสลับ 
7 การผลติ และการสง่ ไฟฟา้

กระแสสลบั

2 8 ความรอ้ น  
ความรอ้ นและแกส๊ 9 แกส๊ อุดมคติ 
10 ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ 
11 พลังงานภายในระบบและ 

การประยุกต์

3 12 ของแข็งและสภาพยดื หย่นุ ของ      

ของแข็งและของไหล ของแขง็

13 ของไหลสถติ 

14 แรงพยุงจากของไหล 

15 ความตงึ ผิว 

16 ความหนืด 

17 พลศาสตรข์ องของไหล  

3.2 การจัดการเรยี นรสู้ อดคลอ้ งศตวรรษท่ี 21

แบบบันทกึ
การจดั การเรียนรู้สอดคลอ้ งศตวรรษที่ 21 เนน้ การปฏิบัติ (Active Learning)

รายวิชาฟสิ ิกส์ 5 รหสั วิชา ว30205
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

แผนท่ี เรื่อง การจัดการเรียนรู้ (Active Learning)

1 สนามแมเ่ หลก็ 5E/รร.สุจริต
2 แรงแมเ่ หลก็ (ประจุไฟฟ้า) 5E/รร.สจุ ริต
3 แรงแม่เหล็ก (ลวดตวั นา) 5E/รร.สจุ ริต
4 โมเมนต์แรงคูค่ วบ 5E/รร.สุจริต
5 กระแสไฟฟ้าเหน่ียวนาและอีเอม็ เอฟ 5E/รร.สจุ ริต

เหนย่ี วนา 5E/รร.สุจริต
6 ไฟฟ้ากระแสสลับ 5E บูรณาการท้องถนิ่ /อาเซยี น/พอเพยี ง/
7 การผลติ และการส่งไฟฟ้ากระแสสลบั
พระบรมราโชบาย ร.10/รร.สุจริต

8 ความร้อน GPASS 5STEP
9 แกส๊ อดุ มคติ 5E/รร.สุจริต
10 ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ 5E/รร.สุจรติ
11 พลังงานภายในระบบและการประยุกต์ 5E บรู ณาการทอ้ งถิ่น/อาเซียน/พอเพยี ง/
พระบรมราโชบาย ร.10/รร.สจุ รติ

12 ของแข็งและสภาพยดื หยุ่นของของแข็ง 5E บรู ณาการท้องถ่ิน/อาเซยี น/พอเพียง/
พระบรมราโชบาย ร.10/รร.สจุ รติ
13 ของไหลสถิต
5Eและเทคนคิ R-C-A บูรณาการทอ้ งถนิ่ /อาเซยี น/
14 แรงพยงุ จากของไหล พอเพียง/พระบรมราโชบาย ร.10/รร.สุจริต
15 ความตึงผวิ
16 ความหนืด 5E/รร.สจุ รติ
17 พลศาสตรข์ องของไหล
5E/รร.สุจริต

5E/รร.สุจรติ
5STEP บูรณาการท้องถนิ่ /อาเซียน/พอเพียง/

พระบรมราโชบาย ร.10/รร.สุจริต

3.3 การใชส้ ือ่ นวัตกรรมหรอื แหล่งเรยี นรู้

แบบสรุปการใช้แหล่งเรยี นร้ภู ายในและภายนอกโรงเรยี นในการจดั การเรยี นรู้
รายวชิ าฟิสกิ ส์ 5 รหัสวิชา ว30205
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

ประเภทแหล่งเรียนรู้

แผนท่ี เรอ่ื ง
ห้องป ิฏบั ิตการ
ห้องส ุมดโรงเ ีรยน
ห้อง Resouce
บ้านนักเ ีรยน
ool.net.th/edu
cati

1 สนามแมเ่ หล็ก  

2 แรงแม่เหลก็ (ประจไุ ฟฟา้ )  

3 แรงแมเ่ หลก็ (ลวดตวั นา)  

4 โมเมนตแ์ รงคคู่ วบ 

5 กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนาและอเี อ็มเอฟเหน่ียวนา    

6 ไฟฟา้ กระแสสลบั

7 การผลติ และการส่งไฟฟ้ากระแสสลบั

8 ความร้อน 
9 แก๊สอุดมคติ  
10 ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส  
11 พลังงานภายในระบบและการประยกุ ต์  

12 ของแขง็ และสภาพยดื หยุ่นของของแขง็  
13 ของไหลสถติ  
14 แรงพยุงจากของไหล  
15 ความตึงผวิ  
16 ความหนดื 
17 พลศาสตร์ของของไหล  

หมายเหตุ บันทึกการใช้ส่ือ นวตั กรรม อย่ใู นขอ้ 4.1-4.3

3.9 แผนการจัดการเรยี นรเู้ ป็นปจั จุบนั

แบบบนั ทึก
การปรับปรุงแผนการจัดการเรยี นรู้เปน็ ปัจจุบนั และทนั ตอ่ การเปล่ียนแปลงของสังคม

รายวิชาฟสิ ิกส์ 5 รหสั วชิ า ว30205
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

แผนท่ี เร่ือง เหตุผลการปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้
ปรบั ปรับเทคนคิ / ปรบั ส่อื ปรับ
1 สนามแมเ่ หล็ก หลกั สตู รใหม่ วิธกี ารสอน การสอน แบบทดสอบ
2 แรงแมเ่ หล็ก (ประจไุ ฟฟ้า) 
3 แรงแม่เหลก็ (ลวดตัวนา) 
4 โมเมนต์แรงคคู่ วบ 
5 กระแสไฟฟา้ เหน่ยี วนาและ 

อเี อม็ เอฟเหนยี่ วนา
6 ไฟฟา้ กระแสสลับ 
7 การผลิตและการสง่ ไฟฟ้า 

กระแสสลับ

8 ความร้อน 

9 แก๊สอุดมคติ  

10 ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส 

11 พลงั งานภายในระบบและ  

การประยกุ ต์

12 ของแข็งและสภาพยืดหยนุ่  
ของของแข็ง
 
13 ของไหลสถิต  
14 แรงพยุงจากของไหล  
15 ความตงึ ผวิ  
16 ความหนืด  
17 พลศาสตรข์ องของไหล

3.9 แผนการจดั การเรยี นรเู้ ปน็ ปัจจุบัน

แบบบันทึก
การนาข้อสอบ O-NET มาใช้ในการจัดการเรยี นรู้ เพอ่ื ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

รายวชิ าฟสิ ิกส์ 5 รหัสวิชา ว30205
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

แผนท่ี เร่อื ง การนาขอ้ สอบ O-NET มาใช้
กิจกรรมการเรียน แบบฝึกหัด แบบทดสอบ
1 สนามแมเ่ หล็ก
2 แรงแมเ่ หลก็ (ประจุไฟฟา้ ) 
3 แรงแม่เหลก็ (ลวดตวั นา)  
4 โมเมนต์แรงคูค่ วบ
5 กระแสไฟฟา้ เหนย่ี วนาและอีเอ็มเอฟเหน่ียวนา 
6 ไฟฟ้ากระแสสลบั  
7 การผลติ และการสง่ ไฟฟ้ากระแสสลบั




8 ความรอ้ น 
9 แกส๊ อดุ มคติ 
10 ทฤษฎีจลน์ของแกส๊  
11 พลงั งานภายในระบบและการประยุกต์  

12 ของแขง็ และสภาพยืดหย่นุ ของของแข็ง  
13 ของไหลสถิต 
14 แรงพยงุ จากของไหล
15 ความตงึ ผิว  
16 ความหนืด  
17 พลศาสตรข์ องของไหล  
 

4.1 การใช้หรือพฒั นาส่ือ นวัตกรรม

แบบบนั ทกึ การใช้หรือพัฒนาส่อื นวัตกรรม เทคโนโลยางการศกึ ษามาใชใ้ นการจัดการเรยี นรู้
รายวิชาฟสิ ิกส์ 5 รหัสวชิ า ว30205
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

ประเภทส่ือการสอน

แผนท่ี เรือ่ ง
ใบงาน
ใบความ ู้ร

เอกสารประกอบการสอน

แบบทดสอบ
PPT
ีว ีด ัทศน์
บทเ ีรยนออนไลน์
ชุดสาธิต
ุชดการทดลอง
ุชดฝึกทักษะ

1 สนามแมเ่ หลก็   

2 แรงแม่เหล็ก (ประจุไฟฟ้า)    

3 แรงแมเ่ หลก็ (ลวดตัวนา)   

4 โมเมนตแ์ รงคคู่ วบ    

5 กระแสไฟฟ้าเหนีย่ วนาและอเี อม็ เอฟ       

เหนีย่ วนา

6 ไฟฟ้ากระแสสลบั    

7 การผลิตและการส่งไฟฟา้ กระแสสลบั      

8 ความร้อน   
9 แกส๊ อดุ มคติ   
10 ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส   
11 พลงั งานภายในระบบและการ   

ประยุกต์

12 ของแขง็ และสภาพยืดหยุ่นของ  
ของแข็ง
  
13 ของไหลสถิต   
14 แรงพยงุ จากของไหล   
15 ความตึงผิว   
16 ความหนืด   
17 พลศาสตร์ของของไหล

4.2 การใชห้ รือพัฒนาสอื่ นวัตกรรม

แบบบันทกึ การสรา้ งส่ือหรอื พัฒนาสอื่ นวัตกรรม เทคโนโลยางการศกึ ษามาใช้ในการจัดการเรียนรู้
รายวิชาฟิสิกส์ 5 รหสั วิชา ว30205
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

ประเภทสอื่ การสอน

แผนที่ เรอื่ ง
ใบงาน
ใบความ ู้ร

เอกสารประกอบการสอน

แบบทดสอบ
PPT
ีว ีด ัทศน์
บทเ ีรยนออนไลน์
ชุดสาธิต
ุชดการทดลอง
ุชดฝึกทักษะ

1 สนามแมเ่ หลก็  
2 แรงแมเ่ หล็ก (ประจุไฟฟ้า)  
3 แรงแมเ่ หล็ก (ลวดตัวนา) 
4 โมเมนต์แรงคู่ควบ  
5 กระแสไฟฟา้ เหน่ียวนาและอีเอม็ เอฟ  

เหน่ียวนา  
6 ไฟฟ้ากระแสสลับ  
7 การผลติ และการสง่ ไฟฟ้ากระแสสลบั
  
8 ความรอ้ น   
9 แกส๊ อดุ มคติ   
10 ทฤษฎจี ลนข์ องแก๊ส  
11 พลงั งานภายในระบบและการประยกุ ต์
 
12 ของแขง็ และสภาพยดื หย่นุ ของของแข็ง  
13 ของไหลสถติ  
14 แรงพยุงจากของไหล  
15 ความตึงผิว  
16 ความหนดื  
17 พลศาสตรข์ องของไหล

4.3 การสรุปหรอื การรายงานการใชส้ ือ่

แบบบันทึกการสรุปหรอื การรายงานการใชส้ ่อื
รายวิชาฟสิ ิกส์ 5 รหัสวิชา ว30205
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

แผนที่ เรอ่ื ง ประเภทส่ือ
วัสดุ ตารา ส่ิงพมิ พ์ อปุ กรณ์ เทคนิควิธีการ คอมพิวเตอร์
1 สนามแม่เหล็ก
2 แรงแมเ่ หลก็ (ประจไุ ฟฟา้ ) 
3 แรงแม่เหลก็ (ลวดตวั นา) 
4 โมเมนตแ์ รงคคู่ วบ
5 กระแสไฟฟา้ เหนย่ี วนาและ 

อเี อม็ เอฟเหนีย่ วนา 
6 ไฟฟา้ กระแสสลับ 
7 การผลติ และการสง่ ไฟฟา้

กระแสสลบั

8 ความรอ้ น
9 แก๊สอุดมคติ
10 ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊
11 พลงั งานภายในระบบและ

การประยุกต์

12 ของแข็งและสภาพยืดหยุน่ ของ
ของแข็ง

13 ของไหลสถิต
14 แรงพยงุ จากของไหล
15 ความตึงผวิ
16 ความหนดื
17 พลศาสตร์ของของไหล

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1

กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาฟสิ กิ ส์ 5 รหัสวชิ า ว30205

ระดับชน้ั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 1 จานวน 1.5 หนว่ ย เวลาเรียนจานวน 21 ชัว่ โมง

ผ้สู อน นางดวงดาว บดรี ฐั โรงเรยี นวชั รวทิ ยา

1. ชื่อหน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เร่ือง แม่เหลก็ และไฟฟา้
2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด

สาระฟิสิกส์
3. เขา้ ใจแรงไฟฟ้า และกฎขอคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศักยไ์ ฟฟ้า และกฎของโอห์ม วงจรไฟฟา้
กระแสตรง พลงั งานไฟฟ้า และกาลงั ไฟฟ้า การเปลีย่ นพลงั งานทดแทนเป็นพลงั งานไฟฟา้
สนามแมเ่ หล็ก แรงแมเ่ หลก็ ที่กระทากบั ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ การเหนยี่ วนาแมเ่ หล็กไฟฟ้า
และกฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลบั คลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ และการสอ่ื สาร รวมทั้งการนาความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์
1. สงั เกต และอธิบายเสน้ สนามแมเ่ หลก็ อธบิ ายและคานวณฟลักซ์แมเ่ หล็กในบริเวณท่ี

กาหนดรวมทงั้ สังเกต และอธบิ ายสนามแม่เหลก็ ที่เกิดจากกระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นา

เสน้ ตรงและโซเลนอยด์

2. อธิบาย และคานวณแรงแมเ่ หล็กท่กี ระทาต่ออนภุ าคท่มี ปี ระจไุ ฟฟา้ เคล่อื นทใ่ี น

สนามแม่เหล็กแรงแมเ่ หล็กทก่ี ระทาตอ่ เส้นลวดที่มกี ระแสไฟฟ้าผา่ นและวางใน

สนามแม่เหล็ก รัศมคี วามโคง้ ของการเคล่ือนทเ่ี ม่ือประจเุ คล่อื นทตี่ ้งั ฉากกบั

สนามแม่เหลก็ รวมทัง้ อธบิ ายแรงระหวา่ งเส้นลวดตัวนาคู่ขนานทีม่ กี ระแสไฟฟ้าผา่ น

3. อธิบายหลกั การทางานของแกลแวนอมเิ ตอรแ์ ละมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง รวมทงั้

คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง

4. สงั เกต และอธบิ ายการเกิดอีเอ็มเอฟเหน่ยี วนา กฎการเหนีย่ วนาของฟาราเดย์ และ

คานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง รวมทงั้ นาความรู้ เรอื่ งอีเอ็มเอฟเหนี่ยวนาไปอธบิ าย

การทางานของเครอื่ งไฟฟา้

5. อธบิ าย และคานวณความตา่ งศกั ยอ์ าร์เอม็ เอส และกระแสไฟฟา้ อารเ์ อม็ เอส

6. อธิบายหลักการทางานและประโยชน์ของเคร่อื งกาเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส การ

เปลี่ยนแปลงอีเอม็ เอฟของหม้อแปลง และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง

สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
สนามแมเ่ หลก็ (Magnetic field) หมายถงึ บริเวณท่แี ม่เหลก็ สามารถส่งอานาจหรอื แรง

แมเ่ หล็กไปถึง หรอื บริเวณทม่ี ีแรงทางแมเ่ หลก็ กระทาบนอนภุ าคหรอื ประจไุ ฟฟ้าท่เี คล่อื นทผี่ ่านบริเวณ
นนั้ เปน็ ปริมาณเวกเตอร์ มีหน่วยเป็นเวเบอรต์ ่อตารางเมตร (Wb/m2) หรือ เทสลา (T) ทิศของ

สนามแม่เหล็กทต่ี าแน่งใดๆ คอื ทิศท่เี ข็มของเขม็ ทิศวางตัวอย่างสมดุล และเรียกสนามแม่เหล็กได้อีก
อย่างวา่ ความหนาแนน่ ฟลักซแ์ ม่เหลก็ (Magnetic flux) คอื เสน้ แรงแมเ่ หลก็ ท่พี งุ่ ผ่านพืน้ ทใ่ี ดๆ

บริเวณใกลข้ ั้วแม่เหล็กจะมฟี ลักซ์แม่เหล็กหนาแน่น และความหนาแน่นของฟลักซ์แมเ่ หลก็ จะนอ้ ยลง
เมอ่ื อยหู่ า่ งจากขัว้ แมเ่ หลก็ อตั ราส่วนระหว่างฟลกั ซ์แมเ่ หล็กตอ่ พื้นท่ที ต่ี งั้ ฉากกับฟลักซ์แมเ่ หลก็ มี
หนว่ ยเวเบอร์ (weber หรอื Wb)

แรงแม่เหล็กแรงกระทาตอ่ อนภุ าคที่มีประจุไฟฟ้า ซ่ึงเคลอ่ื นทต่ี ัดผา่ นสนามแม่เหล็ก
ถา้ ประจอุ ยู่นงิ่ หรอื เคลือ่ นท่ีขนานกับทศิ ของสนามแมเ่ หลก็ จะไมม่ ีแรงกระทาจาก

สนามแม่เหล็กแตถ่ า้ ใหอ้ นภุ าคทีม่ ีประจเุ คล่ือนท่ใี นทศิ ทางท่ีไม่ขนานกบั ทิศทางของสนามแมเ่ หล็กจะมี
แรงกระทาจากสนามแมเ่ หล็กทันที และเรยี กแรงนีว้ า่ แรงแมเ่ หลก็ (Magnetic force) หรือแรงลอ
เรนซ์(Lorentz Force) ซ่งึ แรงนีจ้ ะทาให้แนวการเคลอ่ื นท่ีของประจุเปลย่ี นไป โดยทศิ ทางของแรง
แม่เหล็กนี้สามารถหาได้จาก "กฎมอื ขวา (Right Hand Rule)"

1. วางมอื ขวาให้ทศิ ทางของสนามแม่เหล็กทิม่ ด้านหลงั มือก่อน
2. ส่ีนิว้ (นิว้ ช,ี้ นิ้วกลาง,นวิ้ นางและนวิ้ กอ้ ย) ชตี้ ามทิศทางการเคลือ่ นที่ของอนภุ าคทีม่ ปี ระจุ
3. น้ิวโป้งชแ้ี สดงทศิ ทางของแรงทก่ี ระทากับอนุภาคท่มี ปี ระจุบวก (อนุภาคทีม่ ีประจลุ บแรง
จะมีทศิ ทางตรงข้ามกบั น้ิวโปง้ ) 10-3
โมเมนตแ์ รงคูค่ วบ
การท่เี กดิ แรงกระทากบั ลวดตวั นาที่วางตง้ั ฉากกับสนามแมเ่ หล็กเม่ือมีกระแสไฟฟา้ ไหล
ผ่าน ทาใหเ้ ราสามารถประยกุ ตห์ ลกั การนีเ้ พอ่ื นามาสร้างอปุ กรณต์ ่างๆได้ เชน่ แกลวานอมเิ ตอร์ ,
มอเตอร์ โดยนาลวดตวั นามาพนั ให้กลายเป็นขดลวด แลว้ นาไปวางไว้ในสนามแม่เหลก็ ปลายทั้งสอง
ของขดลวดตอ่ กับขัว้ ของแบตเตอรเ่ี มอ่ื กระแสไฟฟา้ ผา่ นขดลวด ขดลวดจะเกิดโมเมนต์ของแรงค่คู วบ
กระทาใหข้ ดลวดหมุนรอบแกนหมุน
ไฟฟา้ กระแสสลับทส่ี ่งไปตามบ้านเรอื น มีความตา่ งศกั ยแ์ ละกระแสไฟฟา้ เปลยี่ นแปลงไปตาม
เวลาในรูปของฟงั ก์แบบไซน์ การวัดความต่างศักยแ์ ละกระแสไฟฟ้าสลบั ใช้ค่ายังผลหรอื ค่ามเิ ตอร์
ซง่ึ เป็นค่าเฉล่ยี แบบรากทีส่ องเฉล่ีย การผลติ และการส่งไฟฟา้ กระแสสลบั ใชห้ ลกั การของเคร่ืองกาเนิด
ไฟฟา้ หรอื ไดนาโมกระแสสลับ เป็นการผลติ ไฟฟา้ โดยใชข้ ดลวดหมุนตัดฟลักซ์แมเ่ หลก็ โรงไฟฟา้ จะมี

ชดลวดตวั นาอยู่ 3 ชดุ โดยแต่ละชุดวางทามมุ 120 ซึ่งเรียก เคร่อื งกาเนดิ ไฟฟ้าแบบนนี้ว่า เครือ่ ง
กาเนดิ ไฟฟา้ 3 เฟส ซึง่ มลี ักษณะดงั รปู

3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- สนามแมเ่ หล็ก
- แรงแม่เหลก็
- โมเมนตข์ องแรงคูค่ วบกระทาตอ่ ขดลวดทีม่ ีกระแสไฟฟา้ ผา่ น เมอ่ื อยู่ในสนามแมเ่ หล็ก
- กระแสไฟฟา้ เหน่ียวนาและอเี อม็ เอฟเหนยี่ วนา
- ไฟฟ้ากระแสสลับ

4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

จุดเนน้ การพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี นด้านสมรรถนะ
1. แสวงหาความร้เู พอื่ การแก้ปัญหา
2. การคิดวิเคราะห์ขัน้ สูง
3. การใช้เทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้
4. ทกั ษะชวี ติ
5. ทักษะการสือ่ สารอยา่ งสร้างสรรคต์ ามชว่ งวัย

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซื่อสตั ยส์ ุจรติ
3. มวี ินยั
4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยอู่ ย่างพอเพียง
6. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
7. รกั ความเปน็ ไทย
8. มีจติ สาธารณะ

จดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รยี นด้านคณุ ลักษณะ
1. มงุ่ มนั่ ในการศึกษาและรักการทางาน

คุณลักษณะของโรงเรียนสุจรติ ทักษะกระบวนการคดิ มวี นิ ัย ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ อยู่อย่างพอเพียง
มีจิตสาธารณะ

6. ช้ินงาน/ภาระงาน
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน
2. แผนภาพ/mind mapping
4. ใบงาน/แบบฝกึ หัด

7. การวดั และการประเมินผล
7.1 ดา้ นความรู้ (K)

วธิ กี ารวัดและประเมินผล เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารวัด
และประเมินผล และประเมินผล
- ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป
- การตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น
- ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ขึน้ ไป
และหลงั เรยี น และหลังเรียน
- ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70 ข้ึนไป
- การตรวจแผนผงั /แผนภาพ / - แบบประเมนิ แผนผัง /

mind mapping แผนภาพ / mind

mapping

- การตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด

7.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)

วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การวัด
- การสงั เกตสมรรถนะสาคัญของ และประเมินผล และประเมินผล
ผเู้ รียน - ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 ขนึ้ ไป
- แบบบันทึกผล
- การสงั เกตพฤติกรรม การเรยี น การประเมนิ สมรรถนะ - ผ่านเกณฑ์ระดับดี ข้นึ ไป
ของนักเรยี นรายบคุ คล ผู้เรยี น
- ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี ขึ้นไป
- การสงั เกตพฤตกิ รรม การทางาน - แบบบันทึกผล
กลุ่ม การประเมินพฤตกิ รรม
การเรียนของนักเรียน
รายบุคคล

- แบบบนั ทึกผล
การประเมนิ พฤติกรรม
การทางานกลุ่ม

7.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

วธิ กี ารวดั และประเมินผล เครื่องมอื วัด เกณฑ์การวัด
และประเมินผล และประเมินผล
- การสงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์ แบบบันทึกผลการประเมนิ - ผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ข้นึ ไป
ผเู้ รียนด้านคุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์

8. กิจกรรมการเรยี นรู้
ใช้การเรยี นการสอนแบบ 5E

9. เวลาเรยี น/จานวนชว่ั โมง เรือ่ ง สนามแม่เหลก็ เวลา 3 ชวั่ โมง
ใชเ้ วลา 21 ชั่วโมง เวลา 3 ช่วั โมง
เร่อื ง แรงแม่เหลก็ (ประจไุ ฟฟ้า) เวลา 3 ช่ัวโมง
10. แผนการจดั การเรียนรู้ เรือ่ ง แรงแมเ่ หล็ก (ลวดตวั นา) เวลา 3 ชวั่ โมง
10.1 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เวลา 3 ชั่วโมง
10.2 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง โมเมนต์แรงคู่ควบ
10.3 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง กระแสไฟฟา้ เหนี่ยวนาและอเี อม็ เอฟ เวลา 3 ชั่วโมง
11.4 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 เวลา 3 ช่ัวโมง
10.5 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 เหนยี่ วนา

10.6 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 เรื่อง ไฟฟ้ากระแสสลับ
10.7 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 7 เรื่อง การผลิตและการส่งไฟฟ้ากระแสสลับ

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว30206 รายวิชา ฟิสิกส์ 6

ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564

ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า

ช่ือแผน การเกดิ และลกั ษณะคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ เวลา 3 ชวั่ โมง ผู้สอน นางดวงดาว บดีรัฐ

โรงเรียนวชั รวทิ ยา อาเภอเมอื ง จงั หวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************

1. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

คล่นื แมเ่ หล็กไฟฟา้ เกิดจากการเปลยี่ นแปลงของสนามไฟฟา้ ตลอดเวลาเหนย่ี วนา ทาใหเ้ กิดสนามแมเ่ หลก็

พอเกิดสนามแมเ่ หล็กจะเหน่ียวนา ทาให้เกดิ สนามไฟฟ้าเกดิ ต่อเนือ่ งกันตลอดเวลาและสนามแม่เหล็กกบั สนาม ไฟฟา้
ต้ังฉากกันตลอดเวลาหาทิศของความเรว็ โดยใชก้ ฎมือขวา และเกดิ คล่ืนแม่เหล็กในทกุ ท่ีไมว่ า่ จะเปน็ ทว่ี า่ ง ตวั นาหรอื
ฉนวน คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ ทกุ ชนิดจะมคี วามเรว็ เท่ากนั คอื เท่ากับ 3 x 108 m/s แต่ความถ่ไี ม่เท่ากนั

18.2 การแผก่ ระจายของคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าจากสายอากาศ

A

ประจุวงิ่ ข้นึ ลง เมื่อประจเุ คลื่อนทีข่ ้ึนลงด้วยความเร่งหรือความหน่วง

จะแผค่ ลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้าออกมาทกุ ทศิ ทาง ยกเว้น

a เหนือเสาอากาศท่จี ดุ A และ B

ประจวุ ่ิงขึ้นลง B

2. มาตรฐาน
สาระฟสิ กิ ส์
3. เข้าใจแรงไฟฟา้ และกฎขอคลู อมบ์ สนามไฟฟ้า ศกั ยไ์ ฟฟ้า และกฎของโอหม์ วงจรไฟฟา้
กระแสตรง พลงั งานไฟฟ้า และกาลังไฟฟ้า การเปลย่ี นพลงั งานทดแทนเป็นพลงั งานไฟฟ้า
สนามแมเ่ หล็ก แรงแมเ่ หล็กที่กระทากบั ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหน่ยี วนา
แม่เหล็กไฟฟา้ และกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ และการส่ือสาร
รวมทั้งการนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

3. ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้
ผลการเรยี นรู้
อธบิ ายการเกดิ และลักษณะเฉพาะของคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า

4. สาระการเรยี นรู้
- สาระการเรียนร้แู กนกลาง
1. การเกิดคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้
2. ลักษณะเฉพาะของคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า

5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

จุดเน้นการพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รยี นด้านสมรรถนะ

1. การใช้เทคโนโลยเี พอื่ การเรยี นรู้
2. ทักษะการสอ่ื สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ตามช่วงวัย

6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ซ่ือสัตย์สจุ ริต

2. มีวินยั
3.ใฝ่เรยี นรู้
4. มุ่งมัน่ ในการทางาน

จุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี นด้านคุณลักษณะ
1. คณุ ลักษณะมุ่งม่ันในการทางาน

2. คณุ ลักษณะใฝ่เรียนรู้

7. คุณลกั ษณะ 5 ประการโรงเรียนสุจริต
1. กระบวนการคดิ
2. มวี ินัย
3.ซอื่ สตั ย์สจุ ริต

8. ช้ินงาน/ภาระงาน

1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้

2. ทาแบบฝกึ หัดพัฒนาทกั ษะการคดิ ในแบบเรยี น เรอื่ ง การเกดิ และลกั ษณะคลน่ื

แมเ่ หล็กไฟฟ้า ในแบบเรยี น คาถาม ข้อ 1-3 (หนา้ 12) แบบฝกึ หัดท้ายหน่วยท่ี 1 คาถามข้อท่ี 1-3 และ

ปัญหาข้อ 1 (หน้า 49)

3. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 1 เร่ือง การเกิดและลกั ษณะคลน่ื

แมเ่ หล็กไฟฟา้

9 .การวดั และประเมินผล

9.1 การประเมนิ ระหว่างจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

ช้นิ งาน/ภาระงาน วิธีการประเมนิ เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

ทาแบบทดสอบกอ่ น ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ตามเกณฑ์

เรียน หนว่ ยการ กอ่ นเรยี น ก่อนเรียน การประเมนิ ผล
เรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง จานวน 20 ข้อ
จานวน 20 ขอ้ การทาแบบทดสอบ
คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้

ชิ้นงาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

ทาแบบฝกึ หดั พฒั นา ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั พฒั นา ตามเกณฑ์
ทักษะการคิดใน พฒั นาทักษะการคดิ ทักษะการคดิ ใน การประเมนิ ผล
แบบเรยี น เร่อื ง การ ในแบบเรียน เร่ือง แบบเรยี น เรอ่ื ง การ
เกดิ และลกั ษณะ การเกิดและลกั ษณะ เกิดและลักษณะคลื่น แบบฝกึ หดั
คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า

9.2 การประเมนิ เมอ่ื สิ้นสดุ การเรียนรู้

ช้ินงาน/ภาระงาน วิธีการประเมนิ เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

สอบเกบ็ คะแนน ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเกบ็ ตามเกณฑ์

เกบ็ คะแนน คะแนน การประเมนิ ผล

จานวน 10 ขอ้ จานวน 10 ขอ้ การทาแบบทดสอบ

เกณฑ์การประเมิน (Rubrics)

ภาระงาน/ชิ้นงาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ

แบบฝกึ หดั ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝึกหดั ทาแบบฝึกหดั ทาแบบฝึกหดั
ถูกต้อง 80% ถกู ต้อง 60-80% ถูกตอ้ ง 50 - ถกู ตอ้ ง ตา่ กวา่
ข้ึนไป 50%
60%

เกณฑก์ ารประเมินผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน / แบบทดสอบเก็บคะแนน ใช้เกณฑ์ดงั น้ี

รอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป หมายถึง ดมี าก

รอ้ ยละ 70-79 หมายถงึ ดี

รอ้ ยละ 60-69 หมายถงึ ปานกลาง

ร้อยละ 50-59 หมายถงึ ผ่าน

ตา่ กวา่ ร้อยละ 50 หมายถึง ปรบั ปรุง

ผปู้ ระเมิน

1. ครผู สู้ อนประเมินนักเรยี น 2. นักเรียนประเมินนักเรยี น

10. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชก้ ารเรยี นการสอน แบบ 5E
1. ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1. ครูนาภาพเสาอากาศและภาพเสาสถานีวทิ ยแุ ละเสาโทรศัพท์ให้นกั เรียนดูและต้งั คาถามว่า

เปน็ อปุ กรณใ์ ช้ทาอะไร มีหลักการทางานอยา่ งไร ให้นกั เรยี นตอบอย่างอสิ ระตามความเขา้ ใจของนักเรยี น โดย
ให้นกั เรียนแสดงเหตุผลประกอบดว้ ย (กระบวนการคดิ )

2. ให้นักเรยี นร่วมกันตง้ั คาถามเก่ียวกบั ส่ิงทตี่ อ้ งการรู้ จากเนื้อหาที่เกยี่ วกบั การเกิดและลกั ษณะ
ของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า (กระบวนการคิด)

2. ข้ันสารวจและคน้ หา

1. แบง่ นักเรยี นเปน็ กลุ่ม ๆ 6 -7 คน (ประกอบด้วย นกั เรยี นเก่ง กลาง ออ่ น จากผลการ
วิเคราะห์ผเู้ รยี น)

2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ การวางแผนการสบื ค้นและการศกึ ษาเรอื่ ง การเกิดและลกั ษณะของ
คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ (กระบวนการคิด)

3. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มศกึ ษา การเกดิ และลักษณะของคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า จากคลิปวีดโิ อ
“คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า” ความยาว 18 นาที (กระบวนการคดิ )

4. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ อภปิ รายรว่ มกันถึง คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ เก่ยี วกบั การเกดิ และลักษณะของ
คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า (กระบวนการคิด มีวินยั และซือ่ สตั ยส์ ุจรติ )

3. ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ
1. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการสืบค้นและผลการศึกษา เรื่อง การเกิดและลักษณะของคลน่ื

แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า (กระบวนการคดิ มวี นิ ยั และซือ่ สตั ย์สุจรติ )
2. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ได้ผลการสืบค้นและศึกษา เหมอื นกันหรือต่างกนั อยา่ งไร
3. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรุป การเกดิ และลักษณะของคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ (กระบวนการคดิ

มีวนิ ยั และซอื่ สัตย์สจุ รติ )
4. ขั้นขยายความรู้
1. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายการนาความรูเ้ กยี่ วกบั การเกดิ และลกั ษณะของคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า

ไปใชใ้ นระบบเสาอากาศวิทยุ โทรทัศนแ์ ละโทรศัพท์ (กระบวนการคดิ มีวินัย และซอื่ สัตย์สุจรติ )
2. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สรปุ หลกั การเกิดคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าและลักษณะของคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้าใน

ระบบเสาอากาศวทิ ยุ โทรทัศนแ์ ละโทรศพั ท์ (กระบวนการคิด มีวินยั และซ่ือสัตย์สุจริต)
3. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ แลกเปลีย่ นเรยี นรหู้ ลักการเกิดคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ และลกั ษณะของคลื่น

แมเ่ หล็กไฟฟา้ ในระบบเสาอากาศวิทยุ โทรทัศน์และโทรศพั ท์ (กระบวนการคิด มวี ินัย และซอ่ื สัตย์สุจริต)
5. ขัน้ ประเมินผล
1. นกั เรียนทาแบบฝึกหัดพฒั นาทกั ษะการคิดในแบบเรยี น เรอื่ ง การเกดิ และลกั ษณะคล่นื

แมเ่ หล็กไฟฟ้า ในแบบเรียน คาถาม ขอ้ 1-3 (หน้า 12) แบบฝึกหดั ทา้ ยหน่วยที่ 1 คาถามข้อท่ี 1-3 และ
ปัญหาข้อ 1 (หน้า 49) (กระบวนการคดิ มีวนิ ัย และซ่อื สัตยส์ จุ รติ )

2. ทาแบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 1 เรอ่ื ง การเกดิ และลักษณะคลนื่
แมเ่ หล็กไฟฟ้า (กระบวนการคิด มีวนิ ยั และซือ่ สัตยส์ ุจริต)

11. สอื่ การเรียนรู/้ แหล่งเรียนรู้
สือ่ การเรยี นรู้
1. หนงั สือเรยี นรายวชิ าเพิ่มเติมฟสิ กิ ส์ เล่ม 6 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. คลิปวดี โิ อ “พลงั งานยึดเหน่ียว” สื่อการสอน สสวท.
https://www.youtube.com/watch?v=GcjV1hbvaNg
3. PPT หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง คล่นื แม่เหลก็ ไฟฟา้
4. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอื่ ง คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า
5. ทาแบบฝกึ หดั พฒั นาทักษะการคดิ ในแบบเรียน เรอื่ ง การเกดิ และลักษณะคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้

ในแบบเรียน คาถาม ขอ้ 1-3 (หนา้ 12) แบบฝกึ หัดท้ายหน่วยที่ 1 คาถามข้อท่ี 1-3 และ ปัญหาข้อ 1
(หน้า 49)

6. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอื่ ง การเกดิ และลกั ษณะคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้า

แหล่งเรียนรู้
1. ห้องสมดุ โรงเรียน
2. ห้องสืบค้น Resource Center

11. กจิ กรรมเสนอแนะ
แนะนาให้นกั เรียนคน้ ควา้ หาความร้เู พิม่ เตมิ เร่อื ง
จาก http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3 และ
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

ลงช่อื ........................................................
(นางตวงรัตน์ อ้นอิน)

ตาแหนง่ หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
วันท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผูอ้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………........................................….

ลงชอ่ื ...................................................................
(นายสุรศักดิ์ โพธิ์บัลลังค์)

ตาแหนง่ รองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของผอู้ านวยการโรงเรยี น
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .......................................................
(นายพัฒนา ทรงประดษิ ฐ)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนวัชรวิทยา
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

บันทึกผลหลงั การสอนแผนการสอนท่ี 1
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 วชิ า ฟิสกิ ส์ 6 รหสั วชิ า ว30206

ครูผู้สอน นางดวงดาว บดรี ัฐ
1. ผลการสอน

1.1 สรุปผลการสอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความก้าวหนา้ ในการเรยี นการสอน คะแนนเฉล่ีย ความก้าวหนา้
หลงั เรียน ในการเรยี น
จานวนนกั เรียน คะแนนเตม็ คะแนนเฉล่ยี
กอ่ นเรยี น

ร้อยละความกา้ วหนา้ = คะแนนหลังเรียน – คะแนนก่อนเรยี น x 100
คะแนนเตม็

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………ครผู ู้สอน
( นางดวงดาว บดรี ฐั )
ตาแหน่ง ครู คศ. 3

วันที่…..เดอื น……………..……..พ.ศ...........

กลุ่มสาระการเรียนรู้ แบบทดสอบ รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 6
วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง (ว30206)

ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 การเกิดและลกั ษณะ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1
คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้
คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้

1. คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถเกิดได้จากข้อใด

ก. นิวตรอน ข. อเิ ลก็ ตรอน ค. สนามแม่เหล็ก ง. สนามไฟฟ้า

2. คล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้าทุกชนิดจะเคลื่อนทใี่ นสญู ญากาศ โดยมสี ง่ิ เหมอื นกันคอื ขอ้ ใด

ก. ความถี่ ข. อัตราเร็ว ค.แอมพลิจดู ง. ความยาวคลื่น

3. จากสมมติฐานของแมกซเ์ วลส์พบวา่ การเปลย่ี นแปลงสนามไฟฟา้ จะทาให้เกิดอะไร

ก. กระแสไฟฟา้ ข. แรงดัน ค. สนามแมเ่ หลก็ ง. แรงเคล่ือนไฟฟา้

4. คลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ สามารถเคลอ่ื นท่ีผา่ นได้ในขอ้ ใด

ก. ผา่ นก๊าซ ข. เพียงสุญญากาศ

ค. ผ่านบริเวณทม่ี ีสนามไฟฟ้า ง. ผา่ นได้ทุกขอ้ ทกี่ ล่าวข้างต้น

5. พลงั งานของคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟา้ น่าจะซ่อนอยู่ในข้อใด

ก. ความถี่ ข. ความเรว็ ค. ความยาวคลืน่ ง. สนามแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและ

สนามแม่เหลก็

6. คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าจะนาส่ิงในขอ้ ใดไปดว้ ย

ก.ประจุ ข. ความถ่ี ค. พลงั งาน ง. ความยาวนคลน่ื

7. ทิศทางของสนามแมเ่ หล็กของคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าจะอย่างไร

ก. ขนานกบั สนามไฟฟา้ ข. ตงั้ ฉากกับสนามไฟฟ้า

ค. ขนานกบั ทิศทางการเคลือ่ นทขี่ องคล่ืน ง. มีทิศตั้งฉากท้ังสนามไฟฟ้าและทศิ การแผ่ของคลนื่

8. ขนาดความเข้มของสนามแม่เหลก็ ของคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในขณะใดๆจะเปน็ ไปตามข้อใด

ก. แปรผกผนั กับความเข้มสนามไฟฟา้ ข . เปน็ ปฏภิ าคโดยตรงกบั ความเขม้ สนามไฟฟ้า

ค. เทา่ กับสนามไฟฟา้ ง. ถูกทุกขอ้

9. (O-NET53) ข้อใดไม่ถูกตอ้ งเก่ยี วกบั คลื่นแม่เหล็กไฟฟา้

1. คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าทุกชนดิ มอี ัตราเรว็ ในสุญญากาศเทา่ กนั

2. มีคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าบางชนดิ ตอ้ งอาศัยตวั กลางในการเดินทาง

3. คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ เป็นคลน่ื ท่ีมีทั้งสนามไฟฟา้ และสนามแม่เหลก็

4. เมอื่ คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้าเดนิ ทางในตัวกลางที่เปล่ียนไป อตั ราเร็วของคลนื่ จะเปล่ียนไป

10. (O-NET54) เหตใุ ดคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าจงึ จดั เปน็ คลืน่ ตามขวาง

1. เพราะสนามแมเ่ หล็กมีทิศตั้งฉากกบั สนามไฟฟ้า

2. เพราะสนามแม่เหลก็ และสนามไฟฟา้ มที ิศตรงขา้ มกบั ทิศการเคล่ือนท่ขี องคล่นื

3. เพราะสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้ามที ิศตัง้ ฉากกบั ทิศการเคลอื่ นที่ของคล่ืน

4. เพราะสนามแม่เหลก็ และสนามไฟฟ้ามีทิศเดยี วกับทิศการเคลอื่ นท่ขี องคล่นื

ทักษะกระบวนการ
1. ศึกษา
2. อธบิ าย

3. การคิดคานวณ

ชนิ้ งาน / ภาระงาน
1. แบบฝึกทกั ษะเพือ่ พฒั นาทักษะการคดิ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 ฟิสกิ ส์อะตอม
ชดุ ท่ี 1 เรื่อง วิวัฒนาการของอะตอม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการประเมินตามสภาพจรงิ

ระดับคะแนน 5 4 3 2 1

การทาแบบึกก หดั ทางานท่ไี ด้รบั ทางานทีไ่ ด้รบั ทางานทไ่ี ดร้ บั ทางานทไี่ ด้รบั มอบหมาย ไมส่ ามารทางานที่
มอบหมายด้วยตนเอง มอบหมายด้วยตนเองไม่ ด้วยตนเอง ไม่ครบถ้วน ไดร้ บั มอบหมายดว้ ย
และแบบึกกคานวณ มอบหมายดว้ ยตนเอง ครบถ้วนถูกตอ้ ง70% ครบถ้วนถกู ต้อง60% ถูกตอ้ ง 50% /ตรงตาม ตนเอง และไม่ส่ง
ตรงตามกาหนสง่ ตรงตามกาหนดส่ง กาหนดส่ง ตามกาหนดสง่
ครบถว้ นตรงตาม
งานกลมุ่ ครบถ้วนแต่ งานกลมุ่ ไม่ครบถ้วน งานกล่มุ ไม่ครบถว้ น โดยมี งานกล่มุ ไม่ครบถว้ น
กาหนดสง่ และถกู ตอ้ ง ไม่เรียบรอ้ ย ภายใต้ ภายใตค้ วามรว่ มมอื ของ สมาชิกในกลมุ่ บางคน โดยสมาชกิ ทง้ั กล่มุ
ความร่วมมอื ของ สมาชกิ ในกลมุ่ ทกุ คน ไม่ให้ความร่วมมือ ไมใ่ หค้ วามร่วมมือ
การทางานร่วมกัน งานกลุ่มครบถ้วน สมาชกิ ในกลุ่มทุกคน

เปน็ กลุม่ เรยี บร้อย ภายใต้

ความร่วมมอื ของ

สมาชกิ ในกลุ่มทุกคน

ระดบั คะแนน 5 4 3 2 1

การอภปิ ราย ก า ร อ ภิ ป ร า ย ผ ล การอภปิ รายผล การอภิปรายผลถูกต้อง การอภิปรายผลไม่ถูกต้อง ผู้ อ ภิ ป ร า ย ไ ม่
ถู ก ต้ อ ง ชั ด เจ น ผู้ ถกู ตอ้ งชดั เจน แต่ไม่ชัดเจน ผู้ อ ภิ ป ร า ย น า เส น อ ก า ร สามารถเสนอการ
อภิปรายนาเสนอ การ ผอู้ ภิปรายนาเสนอ ผู้ อ ภิ ป ร า ย น า เส น อ ผ ล อธบิ ายได้ไม่ดี อภปิ รายผลได้
อภิปรายได้ดี พูดชัด การอภิปรายไดไ้ มค่ อ่ ย การอภิปรายได้ไม่ค่อยดี
ถอ้ ยชัดคา ดี

กิจกรรมการเรียนรู้
1.นานักเรียนอภิปรายถึงองค์ประกอบท่ีเล็กที่สุดของวัตถุ แล้วให้นักเรียนอธิบายถึงอะตอมในความ

เขา้ ใจของนกั เรียน โดยให้นกั เรียนแสดงเหตผุ ลประกอบด้วย

2. ครูใหน้ ักเรยี นค้นควา้ ข้อมูลทฤษฎีอะตอมของดาลตัน แลว้ ใหร้ ายงานผลที่ได้
3. นกั เรยี นตอบคาถามเกย่ี วกบั แนวความคิดซึ่งเป็นท่ีมาของทฤษฎีอะตอมของดาลตนั ในชุดกิจกรรม
4. ให้นกั เรียนสรุปทฤษฎีอะตอมของดาลตนั

5. ให้นักเรียนคน้ คว้าขอ้ มูลทฤษฎีอะตอมของทอมสนั การทดลองโดยให้หลอดรังสีแคโทด การทดลอง
หยดนา้ มันของมิลลแิ กน แลว้ รายงานผลที่ได้

6. นกั เรยี นตอบคาถามเกย่ี วกบั การทดลอง ซ่ึงเป็นท่ีมาของทฤษฎอี ะตอมของทอมสัน ในชดุ กิจกรรม
7. ครูเฉลยคาถามในชุดกิจกรรม แล้วให้นกั เรียนสรุปทฤษฎอี ะตอมของทอมสัน
8. ให้นักเรียนค้นคว้าข้อมูลจากทฤษฎีอะตอมของรัทเทอรฟ์ อร์ด การทดลองยิงอนุภาคแอลฟาเข้าใส่
แผน่ ทองคา แล้วรายงานผลทไี่ ด้รบั
9. นักเรยี นตอบคาถามเกีย่ วกับการทดลองของรัทเทอรฟ์ อรด์ ในชดุ กจิ กรรม
10. ครเู ฉลยคาถามในชุดกิจกรรมแลว้ ให้นักเรียนสรุปทฤษฎอี ะตอมของรัทเทอรฟ์ อร์ด

สอ่ื /อปุ กรณ์การเรียนรู้

1. ชุดกิจกรรม “ แบบฝกึ ทกั ษะเพอ่ื พัฒนาทกั ษะการคิด หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 ฟสิ ิกส์อะตอม ”
ชุดที่ 1 เรอื่ ง วิวัฒนาการของทฤษฏอี ะตอม

แหลง่ เรยี นรู้

http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

กจิ กรรมเสนอแนะ
ใหน้ กั เรียนค้นควา้ เพมิ่ เตมิ จาก http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3
และ http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com บนั ทกึ ความรูท้ ่ไี ด้ลงสมุด เพอ่ื ใหส้ นองมาตรฐานการ
ประกันคณุ ภาพการศึกษา มาตรฐานที่ 3 และมาตรฐานที่ 4

การสอนแบบ GPASS 5STEP

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว30206 รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 6

ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564

ชอื่ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้

ช่ือแผน สเปกตรมั ของคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ เวลา 3 ชัว่ โมง ผสู้ อน นางดวงดาว บดีรัฐ

โรงเรยี นวัชรวทิ ยา อาเภอเมอื ง จงั หวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************

สาระสาคญั

สเปกตรัมของคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้
สเปกตรมั คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ คอื แถบแสดงความถี่ หรือความยาวคล่นื ตา่ ง ๆ ของคล่ืน

แม่เหล็กไฟฟา้ เรยี งตามลาดับความถี่ เรยี งจากความถี่น้อยทส่ี ุดถึงความถีม่ ากท่ีสุด

รปู 1.1 ชนิดของคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
คล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้าจึงเป็นคลน่ื ทีม่ ีความถ่ตี ง้ั แตห่ ลายสิบกโิ ลเฮริ ์ตซ์ จนกระทง่ั ถงึ รังสเี อ็กซห์ รอื รังสี
แกมมาท่ีมคี วามถี่สงู มากๆ เมอ่ื ความถ่ีเปลี่ยนไปคุณสมบัติของคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ นนั้ ๆ ก็ยอ่ มเปลย่ี นแปลงไป
ดว้ ยแตก่ ็ยงั มคี ณุ สมบตั ริ ่วมกนั อยูค่ อื มอี ัตราเรว็ เท่ากบั 3x108 เมตร/วนิ าที

มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระฟสิ ิกส์ 3. เข้าใจแรงไฟฟา้ และกฎขอคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟ้า และกฎของโอห์ม

วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และกาลงั ไฟฟา้ การเปลีย่ นพลงั งานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้าสนามแมเ่ หลก็
แรงแม่เหล็กท่ีกระทากบั ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ การเหนี่ยวนาแมเ่ หล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้า
กระแสสลับ คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ และการสอื่ สาร รวมทัง้ การนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์

ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้
อธบิ ายสเปกตรัมของคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟา้ ได้

เนื้อหา

1. สเปกตรัมของคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า

1.1 คล่นื วทิ ยุ 1.2 คลื่นไมโครเวฟ

1.3 รังสอี นิ ฟราเรด 1.4 แสง

1.5 รังสีอัตราไวโอเลต 1.6 รังสีเอกซ์

1.7 รงั สแี กมมา

ภาระงานนักเรยี น (ร่องรอยการเรยี นร)ู้
1. ทาใบงาน เรอื่ ง สเปกตรมั ของคลนื่ ของแมเ่ หล็กไฟฟ้า
2. ทาแผนภาพปีกกา (Brace Map) /นาเสนอผลงาน เรือ่ ง สเปกตรมั ของคลื่นของ

แม่เหลก็ ไฟฟ้า
3. ทาแบบฝึกหัดพฒั นาทักษะการคดิ ในแบบเรยี น เรอ่ื ง สเปกตรมั ของคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้

ในแบบเรยี น คาถาม ข้อ 1-4 (หนา้ 22) แบบฝกึ หัดท้ายหน่วยที่ 1 ปญั หาขอ้ 2-6 (หนา้ 50)
4. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรือ่ ง สเปกตรมั ของคลื่น

แมเ่ หล็กไฟฟา้

การวดั และประเมินผล
1. ตรวจใบงาน
2. ตรวจแผนภาพ/การนาเสนอผลงาน
3. ตรวจแบบฝกึ หัด
4. ตรวจแบบทดสอบ
2. การประเมนิ เมอื่ ส้นิ สุดการเรียนรู้

กจิ กรรมการเรียนรู้

ขนั้ Gathering : การคน้ หาและเลอื กขอ้ มลู

ใหน้ กั เรยี นทาอะไร
1. ตอบคาถาม (ใบงาน)
2. ระดมความคดิ และตง้ั คาถาม (ใบงาน)
3. รวมกลมุ่ ศึกษาและอภิปราย

ครูใช้กลวธิ ีการสอนอะไร
1. การสนทนา/การตง้ั คาถาม
2. การใหค้ าแนะนา
3. การระดมความคดิ

สอื่ /แหลง่ เรียนรขู้ องครูคืออะไร
1. หนงั สือเรียนรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ฟสิ ิกส์ เล่ม 6 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. PPT หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรือ่ ง คลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า
3. วดี ิโอ เร่ือง “สเปกตรมั ของคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า” สือ่ การสอน สสวท.
4. ใบงาน

ผลงานนกั เรยี นคืออะไร
1. ใบงาน

วัดและประเมนิ ผลอยา่ งไร
1. ตรวจใบงาน

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ตารางเกณฑว์ ัดและประเมนิ ผล (หลังแผน)

ใบกจิ กรรม
ตารางเกณฑว์ ดั และประเมนิ ผล (หลงั แผน)

ข้นั Processing : การจดั การทาข้อมลู หรือการจัดขอ้ มูลใหเ้ ปน็ ระบบ

ใหน้ กั เรียนทาอะไร
1. นาเสนอผลการศกึ ษาแต่ละกล่มุ (จากการดูวดิ โี อ) (ใบงาน)
2. เปรยี บเทียบผลการศกึ ษากบั กลุม่ อนื่
3. ร่วมกนั สรปุ ผลการศึกษารวมทกุ กลมุ่
4. วเิ คราะหแ์ ผนภาพความคิด

ครูใชก้ ลวิธกี ารสอนอะไร
1. การให้คาแนะนา
2. การกระตนุ้ ดว้ ยคาถาม

สื่อ/แหล่งเรยี นร้ขู องครูคอื อะไร
1. หนงั สือเรียนรายวิชาเพม่ิ เติมฟสิ ิกส์ เลม่ 6 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. PPT หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรื่อง คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้
3. คลปิ วีดโิ อ “สเปกตรัมของคล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ ” สอ่ื การสอน สสวท.
4. แผนภาพความคิด
5. ใบงาน

ผลงานนักเรียนคอื อะไร
1. สรปุ ข้อมลู เป็นแผนภาพความคิด

วดั และประเมนิ ผลอยา่ งไร
1. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

เกณฑ์การประเมนิ ผล
ตารางเกณฑ์วัดและประเมินผล (หลงั แผน)

ใบกจิ กรรม
ตารางเกณฑ์วัดและประเมนิ ผล (หลังแผน)

ขัน้ Applying 1 (Applying and Constructing the Knowledge) : การปฏิบตั ิและสรุปความรู้

ใหน้ กั เรยี นทาอะไร
1. รวมกลมุ่ วางแผนการสบื คน้ และศึกษาค้นควา้ เพม่ิ เตมิ (ใบงาน)
2. ปฏบิ ตั ิการสืบค้นและศึกษาค้นควา้

3. จดั ทาแผนภาพปกี กา (Brace Map) เร่ือง สเปกตรัมของคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้
4. ออกแบบการใช้คล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้าในชีวิตประจาวนั (นวตั กรรมกล่องสเปกตรมั คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า)

ครใู ชก้ ลวิธีการสอนอะไร
1. การให้คาแนะนา /การออกแบบ
2. การระดมความคดิ รูแ้ ล้ว : อยากรู้ : เรยี นรู้ ( Knowledge Want to know Learning : K W L )

ส่ือ/แหล่งเรียนรูข้ องครูคืออะไร
1. หนงั สอื เรยี นรายวิชาเพมิ่ เตมิ ฟิสิกส์ เลม่ 6 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. PPT หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรือ่ ง คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้
3. ห้องสมุดโรงเรียน
4. ห้อง Resource Center
5. ตวั อยา่ งนวัตกรรม

ผลงานนกั เรยี นคอื อะไร
1. แผนภาพปกี กา (Brace Map)
2. นวตั กรรมกลอ่ งสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

วัดและประเมินผลอยา่ งไร
1. ตรวจแผนภาพ (Brace Map)
2. ประเมินนวัตกรรม

เกณฑ์การประเมินผล
ตารางเกณฑ์วัดและประเมินผล (หลงั แผน)

ใบกิจกรรม
ตารางเกณฑว์ ดั และประเมนิ ผล (หลงั แผน)

ขนั้ Applying 2 (Applying and Communication Skill) : การส่ือสารและการนาเสนอ

ให้นกั เรียนทาอะไร
1. เขียนขอ้ สรปุ ประโยชน์และโทษของการใช้คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ และผลกระทบจากการใช้คล่นื
แม่เหล็กไฟฟา้ ในชวี ิตประจาวัน
2. ตรวจสอบผลงานของตนเอง
3. นาเสนอผลงาน

ครใู ชก้ ลวิธีการสอนอะไร
1. การเสรมิ แรง
2. การแลกเปล่ียนความคิด (Show + Share)

สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ของครคู อื อะไร
1. เคร่อื งเสียง/ไมโครโฟน
2. เคร่ืองฉายภาพทึบแสง
3. คอมพวิ เตอร์
4. เคร่อื ง Projecter

ผลงานนกั เรียนคอื อะไร
1. เขียนข้อสรุปประโยชน์และโทษของการใช้คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ และผลกระทบจากการใช้คล่นื
แม่เหลก็ ไฟฟา้ ในชีวิตประจาวนั
2. การนาเสนอผลงาน (แผนภาพ)

วดั และประเมินผลอย่างไร
1. การประเมนิ ผลงาน

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ตารางเกณฑ์วดั และประเมนิ ผล (หลังแผน)

ใบกจิ กรรม
ตารางเกณฑว์ ดั และประเมินผล (หลังแผน)

ข้ัน Self - regulating : การประเมนิ เพม่ิ คุณค่า

ใหน้ กั เรยี นทาอะไร
1. ตรวจสอบผลงานเขียนข้อสรปุ ประโยชนแ์ ละโทษของการใชค้ ล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้าและผลกระทบจากการ
ใช้คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าในชีวิตประจาวนั
4. รว่ มตรวจผลงานเพอ่ื น
5. เผยแพร่ผลงาน

ครใู ช้กลวธิ กี ารสอนอะไร
1. แลกเปลีย่ นเรียนรู้

สอื่ /แหล่งเรียนร้ขู องครูคืออะไร
1. เกณฑ์การวัดและประเมินผล.

ผลงานนักเรยี นคืออะไร
1. การตรวจสอบผลงานตนเองและเพ่อื น
2. แบบฝึกหัด
3. แบบทดสอบ

วัดและประเมินผลอย่างไร
1. ตรวจแบบฝกึ หัด
2. ตรวจแบบทดสอบ

เกณฑ์การประเมินผล
ตารางเกณฑ์วัดและประเมนิ ผล (หลงั แผน)

ใบกจิ กรรม
ตารางเกณฑว์ ดั และประเมนิ ผล (หลงั แผน)

ตารางเกณฑ์วดั และประเมินผล

1. การประเมนิ ระหวา่ งจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

ช้ินงาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมิน เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน
ตามเกณฑ์
ทาใบงาน ตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน
การประเมินผลใบงาน
ทาแบบฝกึ หัดพัฒนา ตรวจแบบฝกึ หัดพัฒนา แบบฝึกหัดพฒั นา ตามเกณฑ์

ทักษะการคดิ ใน ทักษะการคิดในแบบเรียน ทกั ษะการคิดใน การประเมินผล
แบบฝกึ หดั
แบบเรยี น แบบเรยี น ตามเกณฑ์

ทาแผนภาพหรือ Mind ตรวจแผนภาพหรอื Mind แบบประเมินแผนภาพ การประเมนิ ผล
แบบฝกึ หดั
mapping เรื่อง mapping เรอ่ื ง หรอื Mind mapping
เกณฑ์การประเมิน
สเปกตรัมของคล่นื สเปกตรัมของคลนื่ ตามเกณฑ์

แม่เหล็กไฟฟา้ แม่เหลก็ ไฟฟา้ การประเมนิ ผล
การทาแบบทดสอบ
2. การประเมินเมื่อส้ินสุดการเรยี นรู้

ชน้ิ งาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมิน เครือ่ งมอื

สอบเก็บคะแนน ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเก็บ

เก็บคะแนน คะแนน

จานวน 10 ข้อ จานวน 10 ขอ้

เกณฑก์ ารประเมิน (Rubrics)

ระดบั คะแนน 5 43 2 1
ทางานที่ได้รับ ไมส่ ามารทางานท่ี
การทาใบงาน ทางานทไ่ี ดร้ ับ ทางานทไี่ ด้รบั ทางานทไี่ ดร้ ับ มอบหมายด้วย ไดร้ ับมอบหมาย
ตนเอง ไม่ครบถว้ น ด้วยตนเอง และ
และแบบฝึกหัด มอบหมายด้วย มอบหมายดว้ ย มอบหมายดว้ ย ถูกต้อง 50% / ไม่สง่ ตามกาหนด
ตรงตามกาหนดสง่ สง่
ตนเอง ครบถ้วนตรง ตนเอง ครบถว้ น ตนเองไม่ครบถว้ น งานกลุ่มไมค่ รบถ้วน งานกลมุ่ ไม่
โดยมสี มาชกิ ในกลุม่ ครบถว้ นโดย
ตามกาหนดสง่ และ ถูกตอ้ ง70% ถูกตอ้ ง60% บางคน ไม่ใหค้ วาม สมาชิกท้ังกลุ่ม
รว่ มมือ ไม่ใหค้ วามรว่ มมือ
ถกู ต้อง ตรงตามกาหนสง่ ตรงตามกาหนดสง่
การนาเสนอผลงาน ผนู้ าเสนอไม่
การทางานรว่ มกนั งานกลุ่มครบถ้วน งานกลุม่ ครบถว้ น งานกลุ่มไม่ครบถ้วน ไม่ถกู ตอ้ งผนู้ าเสนอ สามารถนาเสนอ
ได้ไม่ดี ผลงานได้
เปน็ กลมุ่ เรียบรอ้ ย ภายใต้ แต่ไมเ่ รียบรอ้ ย ภายใต้ความรว่ มมอื
ทาแบบทดสอบ ทาแบบทดสอบ
ความร่วมมือของ ภายใตค้ วามรว่ มมอื ของสมาชกิ ในกลุ่ม ถูกต้อง 50-59% ถกู ต้องตา่ กวา่
50%
สมาชิกในกลุม่ ของสมาชิกในกลมุ่ ทุกคน

ทุกคน ทุกคน

การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน

ถูกตอ้ งชดั เจนผู้ ถกู ตอ้ งชดั เจนผู้ ถูกตอ้ งไม่ชดั เจน

นาเสนอ ไดด้ ี พดู ชัด นาเสนอ ไดไ้ มค่ อ่ ยดี ผู้นาเสนอ ได้ไมค่ ่อย

ถอ้ ยชัดคา ดี

การทาแบบทดสอบ ทาแบบทดสอบ ทาแบบทดสอบ ทาแบบทดสอบ

ถูกตอ้ ง 80% ถูกต้อง 70-79% ถูกตอ้ ง 60-69%

ข้นึ ไป

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ แบบทดสอบ รายวิชา ฟสิ ิกส์ 6
วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง (ว30206)

ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 สเปกตรมั ของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1
คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟา้

1. คล่นื แม่เหล็กไฟฟ้าชนดิ ใดตอ่ ไปนีท้ มี่ คี วามยาวคลื่นส้ันท่ีสดุ

ก. อนิ ฟาเรด ข. ไมโครเวฟ

ค. คลื่นวทิ ยุ ง. อลั ตราไวโอเลต

2. คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้าในข้อใดทม่ี ีพลงั งานมากท่ีสุด

ก. แสง ข. รงั สีเอ็กซ์

ค. ไมโครเวฟ ง. อัลตราไวโอเลต

3. ข้อใดเรียงลาดบั จากความยาวคล่นื น้อยไปหาความยาวคลนื่ มากได้ถกู ต้อง

ก. อนิ ฟราเรด , แสง , แกมมา ข. รงั สีเอก็ ซ์ , อนิ ฟราเรด , แสง

ค. ไมโครเวฟ , แสง , อินฟราเรด ง. รงั สเี อก็ ซ์ , อัลตราไวโอเลต , อินฟราเรด

4. ขอ้ ใด ไม่ใช่ คุณสมบัติของรังสีเอ็กซ์

ก. ทาใหแ้ กส๊ แตกตวั เปน็ ออิ อน ข. เปน็ คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ความถ่ีสูง

ค. มอี านาจในการผา่ นทะลทุ ะลวงสงู ง. เบ่ียงเบนในสนามไฟฟา้ และสนามแมเ่ หล็ก

5. ข้อใดถูกต้องเกีย่ วกับคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าชว่ งคลืน่ ตา่ งๆ ในสเปกตรัม

1. มแี หล่งกาเนดิ และการตรวจจับทตี่ ่างกัน 2. เคล่ือนท่ีในสุญญากาศด้วยความเร็วแสง

3. มีการสง่ ผ่านพลงั งานไปพรอ้ มกบั คลนื่

ก. ขอ้ 1 เทา่ น้นั ข. ข้อ 1 และ 2

ค. ขอ้ 2 และ 3 ง. ข้อ 1 , 2 และ 3

6. คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ต่อไปน้ี คลื่นใดมีความถต่ี ่าท่ีสดุ

ก. คล่ืนวทิ ยุ ข. คล่ืนแสง

ค. รงั สอี นิ ฟราเรด ง. รังสอี ัลตราไวโอเลต

7. รังสีชนิดใดมพี ลังงานมากท่สี ุด

ก. รงั สีเอ็กซ์ ข. รงั สีแกมมา

ค. รังสอี ินฟราเรด ง. รงั สอี ัลตราไวโอเลต

8. รังสีทีแ่ ตกตา่ งไปจากรงั สอี ่นื คือขอ้ ใด

ก. รงั สบี ีตา ข. รังสีเอก็ ซ์

ค. รงั สีอนิ ฟราเรด ง. รังสอี ัลตราไวโอเลต

9. ความถีค่ ลนื่ วิทยอุ ยู่ในช่วงใด

ก. สูงกว่ารังสอี ินฟราเรด ข. ต่ากวา่ รงั สีอนิ ฟราเรด

ค. สงู กวา่ รังสีอลั ตราไวโอเลต ง. อยู่ในชว่ งเดยี วกบั รังสีแกมมา

10. ขอ้ ใดเป็นการเรียงลาดับคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ จากความยาวคลื่นนอ้ ยไปมากทถ่ี ูกตอ้ ง

ก. รังสีเอกซ์ อนิ ฟราเรด ไมโครเวฟ ข. อินฟราเรด ไมโครเวฟ รังสเี อกซ์

ค. รงั สีเอกซ์ ไมโครเวฟ อินฟราเรด ง. ไมโครเวฟ อนิ ฟราเรด รงั สเี อกซ์



แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว30206 รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 6

ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

ช่ือหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่อง คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้

ชอ่ื แผน โพลาไรเซชนั ของคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า เวลา 3 ชั่วโมง ผสู้ อน นางดวงดาว บดีรัฐ

โรงเรียนวชั รวทิ ยา อาเภอเมอื ง จงั หวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************

1. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

โพลาไรเซชัน (Polarization) ปรากฏการณก์ ารแทรกสอดและการเลย้ี วเบนของแสง แสดงสมบัติความ

เปน็ คลืน่ ของแสง แตไ่ มส่ ามารถสรุปได้วา่ แสงเป็นคล่นื ตามยาว หรอื คลื่นตามขวาง สาหรบั ปรากฏการณ์ท่ี

แสดงใหเ้ หน็ วา่ แสงเปน็ คล่ืนตามขวาง คอื ปรากฏการณ์ โพลาไรเซชนั ทั้งนเ้ี นอ่ื งจากคล่ืนตามยาวจะไม่แสดง

ปรากฏการณน์ ้ี

โพลาไรเซซนั ของคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า

แสงเป็นคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า และเปน็ คล่ืนตามขวาง ประกอบดว้ ยสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กท่ีสนั่

ตั้งฉากกัน ในระนาบท่ตี ้ังฉากกบั ทิศการแผ่ของคล่ืน ทศิ การสน่ั ของสนามไฟฟา้ กาหนดใหเ้ ป็นทศิ ของโพลา
ไรเซชัน แสงธรรมดาทีไ่ มโ่ พลาไรส์ (unpolarized light) ประกอบด้วยเวกเตอรข์ องสนามไฟฟา้ ที่สนั่ ในทกุ
ทศิ ทาง และอยูบ่ นระนาบท่ีต้งั ฉากกับทิศทางการแผข่ องคลื่น แสงโพลาไรส์ (polarized light) จะ

ประกอบด้วยสนามไฟฟา้ ซึง่ สัน่ ในแนวใดแนวหนึ่งเท่านนั่ เช่น ในแนวดง่ิ แนวราบ เปน็ ตน้
เราทราบแล้วว่าคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้าทีส่ ่งออกมาจากสายอากาศโทรทัศนเ์ ป็นคลืน่ โพลาไรสเ์ พราะ

สนามไฟฟา้ เปล่ียนทิศกลับไปมาในแนวเดยี วกันเสมอแสงกเ็ ปน็ คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ ดังนัน้ แสงมโี พลาไรเซชนั
หรอื ไม่

แหลง่ กาเนดิ คลนื่ แสงโดยทว่ั ไปเชน่ ดวงอาทิตย์ หลอดไฟ จะปล่อยคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ (คลืน่ แสง) ซ่ึง

สนามไฟฟ้ามีทศิ ตัง้ ฉากกบั ทิศการเคลือ่ นท่ีของคลื่นเสมอไมว่ ่าคลนื่ จะอยู่ ณ ตาแหน่งใดแต่สนามไฟฟา้ ของแสง
ทีส่ ่งออกมาจากดวงอาทิตยม์ ที ิศต่างๆกนั มากมาย ดังรปู ดังนนั้ แสงจากแหลง่ กาเนิดแสงจึงเป็นแสงไม่มีโพลา

ไรส์

โพลาไรเซซันโดยการสะทอ้ น

เมอื่ แสงไมโ่ พลาไรส์ตกกระทบผวิ ตัวกลาง แสงที่สะทอ้ นอาจจะเปน็ แสงไม่โพลาไรส์ หรอื แสงโพลาไรส์ก็ได้
ขน้ึ กับมุมตกกระทบ สาหรับมุมตกกระทบ 0 องศา หรอื 90 องศา แสงสะทอ้ นจะเป็นแสงไมโ่ พลาไรส์ แต่จาก
การทดลองพบว่าทีม่ มุ ตกกระทบค่าหนงึ่ แสงสะท้อนจะเปน็ แสงโพลาไรสส์ มบรู ณ์

โพลาไรเซชันโดยการหักเห
วัสดุบางชนิด เช่น แคลไซทห์ รอื ควอทซ์ มีคณุ สมบัติท่เี รยี กว่า Birefringent คือมคี ่าดัชนหี กั เห 2 ค่า เนื่องจาก
แสงเคล่อื นที่ด้วยความเรว็ ไม่เทา่ กันในแตล่ ะทิศทางของผลกึ เมื่อฉายแสงทีไ่ ม่โพลาไรสเ์ ข้าสู่ผลึกของวสั ดุ
เหล่านี้ แสงท่หี ักเหออกมาจงึ เป็นลาแสงโพลาไรส์ ซ่งึ ตา่ งก็เป็นแสงโพลาไรสท์ ัง้ คู่ โดยมีทิศของโพลาไรเซชัน

แสงโพลาไรสโ์ ดยการหักเหสองแนว
เมือ่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าตกกระทบอนภุ าค เช่น กา๊ ซ หรืออิเลก็ ตรอนในโมเลกลุ ของตัวกลาง อนภุ าคจะดูดกลืน
พลงั งานจากคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ แล้วแผ่คล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ออกมาทกุ ทิศทาง ปรากฏการณน์ ี้ เรียกวา่
การกระเจิง (scattering)

2. มาตรฐาน
สาระฟสิ กิ ส์
3. เข้าใจแรงไฟฟา้ และกฎขอคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศกั ยไ์ ฟฟา้ และกฎของโอห์ม วงจรไฟฟา้
กระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และกาลังไฟฟา้ การเปล่ียนพลังงานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟา้
สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหลก็ ทีก่ ระทากบั ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ การเหน่ยี วนา
แม่เหลก็ ไฟฟา้ และกฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลับ คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ และ
การสือ่ สาร รวมทัง้ การนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

3. ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้
ผลการเรยี นรู้
อธบิ ายการเกิดแสงไมโ่ พลาไรส์ แสงโพลาไรส์เชงิ เสน้ และแผน่ โพลารอยด์

4. สาระการเรยี นรู้
- สาระการเรียนร้แู กนกลาง
1. แสงไม่โพลาไรส์
2. แสงโพลาไรส์เชิงเส้น
3. แผ่นโพลารอยด์

5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา

จุดเน้นการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียนด้านสมรรถนะ
1. การใช้เทคโนโลยีเพ่อื การเรียนรู้
2. ทักษะการสือ่ สารอยา่ งสรา้ งสรรคต์ ามชว่ งวยั
3. ทักษะการคิดชน้ั สูง

6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ซือ่ สัตย์สจุ ริต
2. มีวนิ ัย
3.ใฝ่เรียนรู้
4. มุ่งมน่ั ในการทางาน

จดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี นด้านคุณลกั ษณะ
1. คุณลักษณะมงุ่ มัน่ ในการทางาน
2. คุณลักษณะใฝ่เรยี นรู้

7. คณุ ลกั ษณะ 5 ประการโรงเรยี นสจุ รติ
1. กระบวนการคิด

2. มวี ินัย
3.ซอ่ื สัตยส์ ุจริต

8. ช้นิ งาน/ภาระงาน
1. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้

2. เขยี นรายงานผลการทดลอง เรือ่ ง ความสว่างของแสงเมื่อผ่านแผ่นโพลารอยด์
3. ทาแบบฝกึ หดั พฒั นาทกั ษะการคดิ ในแบบเรยี น เรอ่ื ง โพลาไรเซชนั ของคลื่น

แม่เหลก็ ไฟฟ้า ในแบบเรยี น คาถาม ข้อ 1-3 (หนา้ 28) คาถามในแบบฝกึ หัดเพิ่มเตมิ ข้อ 1-5
4. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรียนรู้ ท่ี 3 เรอื่ ง โพลาไรเซชันของคลื่น

แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า

9 .การวดั และประเมนิ ผล

9.1 การประเมนิ ระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมิน เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
ตามเกณฑ์
ทาแบบฝึกหดั พฒั นา ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั พัฒนา
การประเมินผล
ทักษะการคิดใน พัฒนาทกั ษะการคดิ ทกั ษะการคดิ ใน แบบฝกึ หดั

แบบเรียน เร่อื ง ในแบบเรยี น เรอ่ื ง แบบเรยี น เรือ่ ง ตามเกณฑ์
การประเมินผล
โพลาไรเซชนั ของ โพลาไรเซชนั ของ โพลาไรเซชนั ของ แบบประเมิน

คล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้

รายงานผลการ ตรวจรายงานผลการ แบบบันทกึ การตรวจ

ทดลองท่ี 1 ความ ทดลองท่ี 1 ความ การทดลอง

สวา่ งของแสงเม่อื สว่างของแสงเมอื่

ผา่ นแผ่นโพลารอยด์ ผ่านแผ่นโพลารอยด์

9.2 การประเมินเม่อื สิน้ สดุ การเรียนรู้

ช้ินงาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมิน เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ

สอบเกบ็ คะแนน ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเก็บ ตามเกณฑ์
คะแนน การประเมนิ ผล
เก็บคะแนน การทาแบบทดสอบ
จานวน 10 ขอ้
จานวน 10 ขอ้

เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics)
ภาระงาน/ช้นิ งาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

แบบฝึกหดั ทาแบบฝึกหัด ทาแบบฝึกหดั ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝกึ หดั
ถกู ต้อง 80% ถูกตอ้ ง 60-80% ถกู ต้อง 50 - ถูกตอ้ ง ต่ากว่า
ขนึ้ ไป 50%
60%

เกณฑ์การประเมินผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียน / แบบทดสอบเกบ็ คะแนน ใช้เกณฑด์ ังนี้

ร้อยละ 80 ข้ึนไป หมายถงึ ดีมาก

รอ้ ยละ 70-79 หมายถึง ดี

รอ้ ยละ 60-69 หมายถึง ปานกลาง

รอ้ ยละ 50-59 หมายถงึ ผ่าน

ต่ากว่ารอ้ ยละ 50 หมายถงึ ปรบั ปรุง

ผปู้ ระเมิน

1. ครูผสู้ อนประเมนิ นกั เรยี น 2. นักเรยี นประเมินนกั เรยี น

10. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใชก้ ารเรยี นการสอน แบบ 5E
1. ขัน้ สรา้ งความสนใจ

1. ครนู าภาพสนามแมเ่ หลก็ และสนามไฟฟา้ ของการเกิดคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ และตงั้ คาถามถึง
ทิศทางการแผ่ของคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ ไปตามแกนใด ใหน้ กั เรียนตอบอย่างอิสระตามความเข้าใจของนักเรียน
โดยใหน้ กั เรียนแสดงเหตผุ ลประกอบดว้ ย (กระบวนการคดิ )

2. ให้นักเรียนรว่ มกนั ตงั้ คาถามเกี่ยวกับสิ่งท่ีต้องการรู้ จากเนอ้ื หาท่ีเก่ยี วกบั การเกิดและลกั ษณะ
ของคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า (กระบวนการคดิ )

2. ขั้นสารวจและคน้ หา
1. แบ่งนักเรียนเป็นกลมุ่ ๆ 6 -7 คน (ประกอบดว้ ย นักเรยี นเกง่ กลาง อ่อน จากผลการ

วิเคราะห์ผเู้ รียน)

2. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาวิธีทาการทดลอง กิจกรรมที่ 1 เร่ือง ความสว่างของแสงเมือ่
ผา่ นแผ่นโพลารอยด์ ในแบบเรยี นหน้าท่ี 24-25 (กระบวนการคดิ มวี นิ ยั และซื่อสตั ยส์ จุ รติ )

3. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มลงมือทาการทดลองตามวธิ ีการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง ตอบคาถาม
ท้ายการทดลอง (กระบวนการคดิ มวี นิ ัย และซ่อื สตั ยส์ ุจริต)

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อภปิ รายและสรุปผลการทดลอง (กระบวนการคดิ มีวนิ ัย และซอ่ื สัตย์

สจุ ริต)
3. ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ

1. นักเรียนแต่ละกล่มุ นาเสนอผลการอภิปรายและสรปุ การทดลอง เรื่อง ความสวา่ งของแสงเม่อื
ผา่ นแผ่นโพลารอยด์ (กระบวนการคิด มีวินยั และซื่อสตั ยส์ จุ รติ )

2. นักเรียนแต่ละกลุ่มได้ผลการทดลองเหมือนกนั หรือต่างกนั อยา่ งไร (กระบวนการคดิ )

3. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปผลการทดลอง (กระบวนการคิด มีวินัย และซอื่ สตั ย์สุจริต)
4. ขนั้ ขยายความรู้

1. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันอภปิ รายการนาความรเู้ กยี่ วกับโพลาไรเซชนั ของคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟา้
ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวนั (กระบวนการคดิ มีวินยั และซ่อื สัตย์สจุ ริต)

2. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ สรปุ การนาความรเู้ กย่ี วกับโพลาไรเซชันของคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าไปใช้ประโยชนใ์ น

ชีวิตประจาวนั (กระบวนการคิด มวี ินยั และซือ่ สตั ย์สจุ ริต)
3. นักเรียนแต่ละกล่มุ แลกเปลีย่ นเรยี นรู้การนาความร้เู กีย่ วกับโพลาไรเซชันของคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า

ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน (กระบวนการคดิ มีวินัย และซือ่ สัตยส์ จุ ริต)
5. ขน้ั ประเมนิ ผล

1. นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดพฒั นาทกั ษะการคดิ ในแบบเรียน เร่ือง การเกดิ และลกั ษณะคลื่น
แมเ่ หล็กไฟฟ้า ในแบบเรียน คาถาม ขอ้ 1-3 (หนา้ 12) แบบฝกึ หัดทา้ ยหนว่ ยท่ี 1 คาถามข้อที่ 1-3 และ
ปัญหาข้อ 1 (หนา้ 49) (กระบวนการคิด มีวนิ ัย และซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ )

2. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 1 เรือ่ ง การเกดิ และลกั ษณะคลืน่
แมเ่ หล็กไฟฟ้า (กระบวนการคดิ มวี นิ ยั และซ่อื สัตย์สุจรติ )

11. สือ่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรียนรู้
ส่อื การเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าเพิ่มเติมฟิสกิ ส์ เลม่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. PPT หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้
3. อุปกรณ์การทดลอง เรือ่ ง ความสว่างของแสงเม่ือผา่ นแผน่ โพลารอยด์
4. ทาแบบฝกึ หดั พฒั นาทักษะการคิดในแบบเรียน เรื่อง โพลาไรเซชนั ของคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟา้ ใน

แบบเรียน คาถาม ขอ้ 1-3 (หน้า 28) คาถามในแบบฝกึ หัดเพม่ิ เติม ข้อ 1-5
5. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 3 เรอ่ื ง โพลาไรเซชนั ของคลนื่

แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แหลง่ เรยี นรู้
1. ห้องสมดุ โรงเรียน
2. หอ้ งสืบคน้ Resource Center

11. กจิ กรรมเสนอแนะ
แนะนาใหน้ ักเรยี นค้นคว้าหาความรเู้ พิ่มเติมเรื่อง
จาก http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3 และ
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

ลงช่อื ........................................................
(นางตวงรัตน์ อน้ อนิ ทร)์

ตาแหน่ง หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………….

ลงชอื่ ...................................................................
(นายสุรศกั ดิ์ โพธ์ิบลั ลงั ค์)

ตาแหน่ง รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารงานวชิ าการ
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผอู้ านวยการโรงเรยี น
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงช่ือ.......................................................
(นายพฒั นา ทรงประดิษฐ)

ตาแหนง่ ผอู้ านวยการโรงเรียนวัชรวิทยา
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

บนั ทกึ ผลหลังการสอนแผนการสอนที่ 3
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 วิชา ฟสิ ิกส์ 6 รหัสวชิ า ว30206

ครูผ้สู อน นางดวงดาว บดรี ฐั
1. ผลการสอน

1.1 สรปุ ผลการสอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความก้าวหนา้ ในการเรยี นการสอน คะแนนเฉล่ยี ความก้าวหน้า
หลังเรียน ในการเรยี น
จานวนนักเรยี น คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ย
กอ่ นเรยี น

รอ้ ยละความกา้ วหนา้ = คะแนนหลังเรยี น – คะแนนกอ่ นเรยี น x 100
คะแนนเตม็

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ………………………………ครูผู้สอน
( นางดวงดาว บดรี ัฐ)
ตาแหนง่ ครู คศ. 3

วนั ที่…..เดือน……………..……..พ.ศ...........

กลุ่มสาระการเรียนรู้ แบบทดสอบ รายวิชา ฟิสกิ ส์ 6
วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง (ว30206)

ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 โพลาไรเซชนั ของคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1
คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า

แบบทดสอบประจาหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอื่ งคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้

1. คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าสามารถเกดิ ได้จากขอ้ ใด

ก. นิวตรอน ข. อเิ ล็กตรอน ค. สนามแม่เหล็ก ง. สนามไฟฟา้

2. คลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ ทุกชนดิ จะเคลื่อนท่ใี นสูญญากาศ โดยมีสิ่งเหมือนกนั คอื ขอ้ ใด

ก. ความถ่ี ข. อตั ราเร็ว ค.แอมพลจิ ดู ง. ความยาวคลื่น

3. ความยาวคลนื่ ช่วงใดต่อไปนม้ี ีความยาวคลน่ื สั้นทีส่ ดุ

ก. แสงสแี ดง ข. แสงสมี ว่ ง ค. คลนื่ วทิ ยุ ง.รงั สเี อกซ์

4. จากสมมติฐานของแมกซเ์ วลสพ์ บวา่ การเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟา้ จะทาให้เกิดอะไร

ก. กระแสไฟฟ้า ข. แรงดนั ค. สนามแม่เหล็ก ง. แรงเคลอื่ นไฟฟ้า

5. คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า สามารถเคลือ่ นที่ผ่านได้ในข้อใด

ก. ผา่ นก๊าซ ข. เพียงสุญญากาศ

ค. ผ่านบรเิ วณทมี่ ีสนามไฟฟ้า ง. ผ่านได้ทุกข้อท่กี ล่าวขา้ งต้น

6. พลังงานของคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้านา่ จะซอ่ นอยู่ในข้อใด

ก. ความถ่ี ข. ความเร็ว ค. ความยาวคล่นื ง. สนามแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และ

สนามแมเ่ หล็ก

7. คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ จะไม่นาสิง่ ในข้อใดไปดว้ ย

ก. ประจุ ข. โมเมนตัม ค. พลงั งาน ง. สัญญาณจากวทิ ยุ

8. คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ จะนาสง่ิ ในขอ้ ใดไปด้วย

ก.ประจุ ข. ความถี่ ค. พลงั งาน ง. ความยาวนคล่ืน

9. ทศิ ทางของสนามแม่เหลก็ ของคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าจะอยา่ งไร

ก. ขนานกับสนามไฟฟ้า ข. ต้ังฉากกบั สนามไฟฟา้

ค. ขนานกับทศิ ทางการเคลอ่ื นท่ีของคลนื่ ง. มีทิศตงั้ ฉากท้ังสนามไฟฟา้ และทิศการแผข่ องคล่นื

10. ขนาดความเข้มของสนามแม่เหล็กของคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ในขณะใดๆจะเป็นไปตามข้อใด

ก. แปรผกผันกบั ความเข้มสนามไฟฟา้ ข . เป็นปฏิภาคโดยตรงกบั ความเขม้ สนามไฟฟา้

ค. เท่ากบั สนามไฟฟา้ ง. ถูกทกุ ขอ้

11.ความเรว็ ของแสงในอากาศ 3108 เมตร/วินาที สถานีวทิ ยุ F.M.สถานีหนึง่ ประกาศว่ากระจายเสยี งดว้ ย

ความถี่

100 MHz ความยาวคลน่ื ในอากาศของสถานีนั้นเปน็ เทา่ ใด

ก. 1 เมตร ข. 2 เมตร ค. 3 เมตร ง. 4 เมตร

12.จากข้อ 11. สายอากาศที่ส้นั ทส่ี ุดที่ทาใหเ้ กิดคลนื่ นิง่ ในสายอากาศนนั้ ได้พอดตี ้องยาวเทา่ ใด

ก. 0.5 เมตร ข. 1 เมตร ค. 1.5 เมตร ง. 2 เมตร

13. คล่ืนวทิ ยุ FM ความถ่ี 88 เมกะเฮิรตซ์ มีความยาวคลน่ื เท่าใด กาหนดใหค้ วามเรว็ ของคล่นื วิทยเุ ทา่ กับ
3.0 x 108 เมตร/วนิ าที

ก. 3.0 เมตร ข. 3.4 เมตร ค. 6.0 เมตร ง. 6.8 เมตร

14. สถานวี ทิ ยกุ ระจายเสยี งแห่งหนึง่ ออกอากาศดว้ ยคลน่ื 100 เมกะเฮิรตซถ์ ้าท่านตอ้ งการสรา้ งสายอากาศ

สาหรบั รบั คล่นื ของสถานีวทิ ยกุ ระจายเสียงแหง่ น้ี ความยาวท่เี หมาะสมของสายอากาศที่ท่านจะสรา้ งจะเปน็

เท่าใด

ก. 0.5 เมตร ข. 1 เมตร ค. 1.5 เมตร ง. 2

เมตร

15. คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้าทกุ ชนดิ มคี ณุ สมบัติทเ่ี หมือนกนั คอื ข้อใด

ก. หักเหได้เท่ากัน ข. เลีย้ วเบนไดเ้ ท่ากนั ค. แทรกสอดได้เท่ากัน ง. มคี วามเร็วเทา่ กับแสง

16. คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟา้ ในขอ้ ใดท่มี พี ลงั งานมากที่สุด

ก. แสง ข. รังสเี อ็กซ์ ค. ไมโครเวฟ ง. อัลตราไวโอเลต

17. เมอ่ื นกั บินอวกาศขึ้นไปบนดวงจันทรส์ ามารถพูดคุยกับคนทอ่ี ยบู่ นโลกได้ จะตอ้ งใชค้ ลน่ื ชนิดใด

ก. คลนื่ วิทยุ ข. คลน่ื เสียง ค. คล่ืนโทรทัศน์ ง. คลื่นไมโครเวฟ

18. คลืน่ วิทยุ F.M. มชี ่วงความถี่เท่าใด

ก. 88 - 108 kHz ข. 88 - 108 MHz ค. 530 - 1600 kHz ง. 530 - 1600

MHz

19. สถานีโทรทศั น์ใช้วธิ สี ่งเสียงและภาพในระบบใดตามลาดับ

ก. A.M. - A.M. ข. A.M. - F.M. ค. F.M. - A.M. ง. F.M. -

F.M.

20. ขอ้ ใดเรียงลาดับจากความยาวคลืน่ น้อยไปหาความยาวคลืน่ มากไดถ้ ูกต้อง

ก. อินฟราเรด , แสง , แกมมา ข. รังสีเอก็ ซ์ , อินฟราเรด , แสง

ค. ไมโครเวฟ , แสง , อนิ ฟราเรด ง. รงั สีเอ็กซ์ , อลั ตราไวโอเลต , อินฟราเรด

21. ขอ้ ใด ไม่ใช่ คุณสมบตั ิของรังสีเอ็กซ์

ก. ทาให้แกส๊ แตกตัวเปน็ ออิ อน ข. เป็นคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง

ค. มีอานาจในการผา่ นทะลทุ ะลวงสูง ง. เบ่ียงเบนในสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก

22. คล่ืนวทิ ยุท่ีส่งออกจากสถานวี ิทยุสองแหง่ มคี วามถี่ 90 MHz และ 100 MHz ความยาวของคล่นื วิทยุ

ทัง้ สองน้ีต่างกนั เทา่ ไร

ก. 0.16 m ข. 0.33 m ค. 3.00 m ง. 3.33

m

23. คลื่นวทิ ยแุ ตกต่างจากคลนื่ แสงอย่างไร

ก. คลน่ื วิทยุมีความถ่ตี ่ากวา่ คล่ืนแสง ข. คลน่ื วทิ ยุความถส่ี งู กวา่ คล่ืนแสง

ค. คลน่ื วิทยุเคลือ่ นทีไ่ ดเ้ ร็วกวา่ คลื่นแสง ง. คลืน่ วทิ ยเุ คลอ่ื นทไ่ี ด้ชา้ กวา่ คลน่ื แสง

24. คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าทม่ี นุษย์สามารถสัมผสั ได้คือขอ้ ใด

ก. รงั สีเอ็กซ์ ข. รงั สีแกมมา ค. รงั สีอนิ ฟราเรด ง. รังสี

อัลตราไวโอเลต

25. ขอ้ ใดถูกตอ้ งเกย่ี วกับคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ ชว่ งคล่นื ต่างๆ ในสเปกตรมั

1. มแี หล่งกาเนิดและการตรวจจับทต่ี ่างกนั 2. เคลอื่ นที่ในสญุ ญากาศด้วยความเรว็ แสง

3. มกี ารส่งผ่านพลังงานไปพร้อมกบั คลืน่

ก. ขอ้ 1 เทา่ น้นั ข. ขอ้ 1 และ 2 ค. ข้อ 2 และ 3 ง. ข้อ 1 , 2 และ 3

26. การเช่ือมโลหะดว้ ยไฟฟา้ สามารถทาให้เกดิ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนดิ ใด

ก. อนิ ฟาเรด ข. อัลตราไวโอเลต ค. แกมมา ง. เอ็กซ์

27. มนุษย์อวกาศสองคนปฏบิ ตั ภิ ารกิจบนพืน้ ผวิ ดวงจนั ทร์ สือ่ สารกนั ด้วยวิธใี ด

ก. คลนื่ วิทยุ ข. คลนื่ โซนาร์ ค. คลนื่ เสยี งธรรมดา ง. คลนื่

เสยี งอลั ตราซาวด์

28. Henry Becquerel นาแผ่นฟลิ ์มใสไ่ วใ้ นซองสีดาวางไวใ้ ต้ธาตุยเู รเนยี ม เมื่อนาฟลิ ม์ ไปล้างพบว่า

เกิดรอยดาบนแผน่ ฟลิ ์มและสรปุ ว่ารงั สีทีอ่ อกมา จากธาตุยเู รเนยี มไม่ใช่รังสเี อกซด์ ้วยเหตผุ ลใด

1. รอยดาน้นั มีความเข้มมากกว่ารงั สีเอกซ์ 2. รงั สนี ี้ถกู ปล่อยออกมาตลอดเวลา

3. รังสีนท้ี าใหเ้ กิดการแตกตัวเป็นออิ อนได้ดกี วา่ รงั สีเอกซ์ 4. รงั สนี ้เี บย่ี งเบนใน

สนามแม่เหล็ก

ข้อท่ถี กู ต้องคอื

ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3, 4 ค. 1, 3, 4 ง. ถกู ทกุ ขอ้

29. สมบัติขอ้ ใดของคล่นื ไมโครเวฟที่ทาใหอ้ าหารสกุ ได้

ก. ทะลผุ ่านวตั ถุไดด้ ี ข. มคี วามถีส่ งู กว่าคลื่นวทิ ยุ

ค. ทาให้โมเลกลุ ของน้าสนั่ ง. เมอ่ื ผา่ นวัตถคุ ลนื่ จะสะทอ้ นไปมาในวตั ถไุ ด้

30. ข้อความใดตอ่ ไปน้ี กล่าวไม่ถกู ตอ้ ง เกีย่ วกับรังสอี ัลตราไวโอเลต

ก. มีประโยชน์ในการฆ่าเช้ือโรค

ข. มองเห็นเป็นสีมว่ งออ่ นและสามารถผ่านแผน่ แก้วบาง ๆ ได้

ค. สามารถทาให้สารเคมีบางชนดิ เรืองแสงไดจ้ งึ มกี ารนาไปใชส้ อ่ งเสื้อผา้ ที่ทาดว้ ยสารเรอื งแสงของผู้

แสดง

บนเวทีจะช่วยใหเ้ หน็ เป็นสีสันทนี่ ่าตื่นตามากขน้ึ

ง. ถ้าโอโซนในชน้ั บรรยากาศชนั้ บนลดนอ้ ยลง การดูดกลืนรังสอี ัลตราไวโอเลตจากดวงอาทติ ย์ก็จะ

ลดลงไป

ด้วย จนอาจได้รบั อันตรายจากรังสนี ี้ทต่ี กลงสโู่ ลกได้

31. คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้าต่อไปน้ี คล่ืนใดมคี วามถต่ี า่ ที่สุด

ก. คลืน่ วิทยุ ข. คลนื่ แสง ค. รังสอี นิ ฟราเรด ง. รังสี

อลั ตราไวโอเลต

32. รังสีทใี่ ชป้ ระโยชนใ์ นการตรวจสอบลายมอื ผู้ฝากธนาคาร คือรงั สีใด

ก. รังสีเอ็กซ์ ข. รงั สีแกมมา ค. รังสีอินฟราเรด ง. รงั สี

อลั ตราไวโอเลต

33. คลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าชนดิ ใดท่ีสามารถสะท้อนได้ดีทบ่ี รรยากาศช้นั ไอโอโนสเฟียรค์ อื ข้อใด

ก. คลน่ื โทรทัศน์ ข. รงั สอี ินฟราเรด ค. คล่นื ไมโครเวฟ ง. คล่ืนวิทยุ เอ เอ็ม

34. ขอ้ ใดที่ถือวา่ เปน็ ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับจากรงั สอี นิ ฟราเรด

ก. ตรวจสอบและคน้ หาสัตว์ป่าในทม่ี ืด ข. ใชอ้ บอาหาร ทาใหอ้ าหารสกุ

ค. ใช้ในอุตสาหกรรมอบสี ง. ถูกทุกขอ้ ทกี่ ล่าวมา

35. แสงสีใดต่อไปน้ีที่มคี วามถีน่ อ้ ยที่สุด


Click to View FlipBook Version