The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jirayu Wongsuta, 2022-09-02 01:58:30

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์ 5 ว30205

30205

T = 0.693 …………….. (5)
λ

ปฏกิ ิริยานิวเคลียร์

สาหรบั การชนระหวา่ งนิวเคลยี สกบั นิวเคลียส หรือนิวเคลียสกับอนภุ าคนัน้ เขียนเปน็ ปฏกิ ิริยา

นวิ เคลียสได้ดงั นี้

สมการแบบเต็ม x + a y+b

สมการแบบยอ่ x (a , b ) y

กาหนดให้ x คอื นวิ เคลียสทใ่ี ช้เป็นเป้า

a คือ อนภุ าคทว่ี ่ิงเข้ามาชนเปา้

b คอื นวิ เคลยี สของธาตุใหม่ท่เี กิดขึ้นภายหลังกนั ชน

หลกั การ Balance สมการ

1. ผลบวกของเลขมวลตอนก่อน = ผลบวกของเลขมวลตอนหลงั

A ตอนก่อน = A ตอนหลงั

2. ผลบวกของเลขอะตอมตอนกอ่ น = ผลบวกของเลขอะตอมตอนหลงั

Z ตอนก่อน = Z ตอนหลงั

การหาพลงั งานของปฏิกริ ยิ านวิ เคลียร์ ΔE = Δmx 931 หรอื ΔE = Δm x 930 หนว่ ย MeV

ปฏกิ ิรยิ าฟชิ ชัน (Fission reaction) เกิดจากธาตุหนกั ถูกยิงดว้ ยนิวตรอน แลว้ แตกเป็นธาตุเบา

ปฏกิ ริ ยิ าฟชิ ชนั เปน็ ปฏกิ ริ ยิ าแยกตวั ของนวิ เคลยี ส โดยมนี วิ ตรอนเปน็ ตวั วิง่ เขา้ ชนนวิ เคลยี สหนักๆ ( A  230 )

เป็นผลทาให้นวิ เคลยี สท่มี ขี นาดปานกลาง และมนี ิวตรอนที่มีความเร็วสูงเกดิ ข้นึ ประมาณ 2-3 ตวั ทง้ั มกี ารคาย

พลังงานออกมาด้วย ดงั ตวั อยา่ งปฏกิ ริ ยิ าตอ่ ไปนี้

+235  + + + E141
56
92U 1 n Ba 92 Kr 301 n
0 36

+235 1  +140 94 + 2 1 n +  + 200 MeV
0 38 0
92 54
U n Xe Sr

รูปแสดงการเกิดฟชิ ชันของยูเรเนียม -235

ปฏกิ ิริยาลกู โซ่ (Chain reaction) เปน็ ปฏกิ ริ ิยานิวเคลียรแ์ บบฟิชชันท่ีเกิดขนึ้ อยา่ ง
ตอ่ เนอ่ื ง โดยอาศัยนิวตรอนท่เี กิดขนึ้ เปน็ ตวั ยิงนวิ เคลยี สของธาตุต่อไป

รูปแสดงการเกดิ ปฏิกิริยาลกู โซ่

ปฏกิ ิริยาฟิวชัน (Fision reaction) เกดิ จากธาตเุ บาตัง้ แต่สองธาตรุ วมกนั กลายเปน็ ธาตุหนกั ปฏิกิริยา

ฟิวชนั เป็นปฏิกิรยิ าหลอมตวั ของนวิ เคลียสและมพี ลังงานคายออกมาด้วย นิวเคลยี สที่ใช้หลอมจะต้องเป็น

นวิ เคลยี สเล็กๆ ( A < 20 ) หลอมรวมกลายเปน็ นวิ เคลียสเบาทีใ่ หญก่ วา่ เดมิ

ตวั อย่างของปฏกิ ิริยาฟวิ ชนั ทที่ าได้ในหอ้ งปฏิบตั กิ าร

H+2 2 H  3 H + +1 H 4 MeV
1 1
1 1

+2H 2 H  3 He + 1 n + 3.3 MeV
1 2 0
1

H+2 31H  4 He + 1 n + 17.6 MeV
2 0
1

+2 3  +4 1 + 18.3 MeV
2 1
1 2
H He He H

ตัวอย่างของปฏกิ ิรยิ าฟิวชันทีเ่ กดิ ขนึ้ บนดาวฤกษ์

+1 1  MeV2  e0
1 1
1 H H H 1  0.4

H+2 2 H  +3 1 n + 5.5 MeV
1 0
1 2
He

+ 3 3 4 He + +211 H 12.9 MeV
2 2
2
He He

+15N 1 H  12 C + 4 He + 4.9 MeV
1 6 2
7

ประโยชน์ของกัมมนั ตภาพรังสี

1. ทางอตุ สาหกรรม ใช้หารอยร่ัวของท่อ รอยรา้ วของแผ่นโลหะ หรือใช้ควบคุมความ

หนาแนน่ ของแผน่ โลหะ

2. ทางการเกษตร ใชป้ รับปรุงพนั ธ์พุ ืช วจิ ยั ปยุ๋ ( 32 P ) วจิ ยั โคนม ( 131 I ) การถนอมอาหาร
15 53

หรือศึกษาการปรงุ อาหารของพืช

3. ทางการแพทย์ ใช้รกั ษาโรคมะเร็ง ( 60 Co ) ตรวจการไหลเวียนของโลหติ ( 24 Na )
27 11

4. การหาวตั ถโุ บราณหรอื การหาอายโุ ลกจะใช้คารบ์ อน – 14และยูเรเนียม (Uranium-lead

dating)

อันตรายจากกมั มนั ตภาพรังสี

กมั มันตภาพรงั สี เมอื่ ผา่ นเข้าไปในเนอ้ื เยื่อของส่ิงมีชีวติ ทาให้เกดิ การเปลยี่ นแปลงภายใน

เน้อื เยื่อทาให้เน้อื เย่อื ตายทันที หรือมกี ารเปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ ทาให้เกิดโรคมะเร็ง

การป้องกันอันตรายจากกมั มนั ตภาพรงั สี
1. เนอ่ื งจากปรมิ าณกัมมนั ตภาพรงั สที ี่เราได้รบั ข้ึนกบั เวลา ดงั น้นั ถา้ จาเป็นตอ้ งเขา้ ใกล้
บริเวณที่มธี าตกุ มั มันตรังสี ควรใช้เวลาส้นั ที่สดุ เท่าทีจ่ ะทาได้
2. เนื่องจากปริมาณกัมมนั ตภาพรงั สจี ะลดลง ถ้าบรเิ วณนน้ั อยหู่ ่างแหล่งกาเนิด
กมั มนั ตภาพรังสมี ากขึ้น ดังนนั้ จงึ ควรอยูห่ ่างบริเวณทมี่ ธี าตกุ มั มนั ตรงั สใี ห้มากทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะมากได้
3. เน่อื งจากปรมิ าณกัมมนั ตภาพรังสชี นิดต่าง ๆ มีอานาจทะลุผ่านวัตถไุ ด้ต่างกัน ดังนนั้ จึง
ควรใช้วัตถทุ ีก่ ัมมันตภาพรังสผี า่ นได้ยากเปน็ เครอ่ื งกาบัง เชน่ มักใช้ตะกัว่ คอนกรตี กาบงั รงั สี
แกมมาและรังสีบตี าได้ นยิ มใชน้ า้ เป็นเครือ่ งกาบังนวิ ตรอน เป็นต้น

3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- เสถียรภาพของนวิ เคลียส
- แรงนวิ เคลยี ร์
- พลังงานยดึ เหนย่ี ว
- กมั มนั ตภาพรังสี
- การสลายตัวของนิวเคลยี สกบั กมั มนั ตรงั สี
- เวลาครึ่งชีวติ ( Half Life )
- ปฎกิ ิริยานวิ เคลียร์
- ปฎกิ ริ ยิ านิวเคลียรฟ์ ิชชันและฟิวชัน
- ประโยชน์ อนั ตรายและการป้องกันกัมมนั ตภาพรงั สี
- ประโยชน์ อันตรายและการปอ้ งกนั พลงั งานนิวเคลยี ร์
- ประโยชนข์ องพลังงานนวิ เคลยี ร์ และรังสี รวมท้งั อันตรายและการป้องกนั รงั สี ในด้าน
ตา่ ง ๆ ในทอ้ งถนิ่ และภมู ิภาคอาเซียนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ
พระบรมราโชบาย ร.10
สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่นิ
1. การใช้ประโยชน์ และการป้องกันกัมมนั ตภาพรงั สีในท้องถิ่น
2. การใช้ประโยชน์ และการป้องกนั พลงั งานนวิ เคลียร์ในทอ้ งถิ่น

สอดแทรกหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
1. การใช้ประโยชน์ และการปอ้ งกนั กัมมนั ตภาพรงั สีในท้องถน่ิ ตามหลักปรชั ญาของ

เศรษฐกจิ พอเพียง
2. การใช้ประโยชน์ และการป้องกนั พลังงานนวิ เคลียร์ในทอ้ งถิ่นตามหลักปรชั ญา

ของเศรษฐกจิ พอเพียง

สอดแทรกความร้กู ารเข้าสปู่ ระชาคมอาเซยี น
- การร่วมกล่มุ การนารงั สแี ละพลงั งานนิวเคลยี รไ์ ปใช้ประโยชนใ์ นภมู ิภาคอาเซียนทางสนั ติ
ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและพระบรมราโชบาย ร.10

4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

จุดเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนดา้ นสมรรถนะ
1. แสวงหาความรเู้ พ่อื การแกป้ ญั หา
2. การคดิ วเิ คราะห์ข้ันสงู
3. การใชเ้ ทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้
4. ทักษะชวี ิต
5. ทักษะการสื่อสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามช่วงวัย

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ
3. มวี ินยั
4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง
6. มุ่งม่ันในการทางาน
7. รักความเปน็ ไทย
8. มีจติ สาธารณะ

จุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนด้านคุณลกั ษณะ
1. มุ่งม่ันในการศกึ ษาและรกั การทางาน

คุณลักษณะของโรงเรยี นสจุ รติ ทกั ษะกระบวนการคิด มวี ินัย ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ อยู่อย่างพอเพียง
มจี ติ สาธารณะ

6. ช้นิ งาน/ภาระงาน
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น
2. รายงานและการนาเสนอ เรอ่ื ง การประยกุ ตใ์ ช้กลศาสตร์ควอนตัมในทอ้ งถน่ิ และภมู ภิ าค

อาเซยี น

3. แผนภาพ หรอื mind mapping
4. ใบงาน/แบบฝกึ หัด

7. การวัดและการประเมนิ ผล
7.1 ดา้ นความรู้ (K)

วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล เครื่องมอื วัด เกณฑ์การวัด
และประเมนิ ผล และประเมินผล
- ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70 ข้นึ ไป
- การตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
- ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70 ขึน้ ไป
และหลังเรียน และหลังเรยี น
- ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป
- การตรวจรายงาน /แผนภาพ / - แบบประเมินรายงาน /

mind mapping แผนภาพ / mind

mapping

- การตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหัด

7.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)

วธิ ีการวดั และประเมินผล เครื่องมอื วดั เกณฑ์การวัด
- การสงั เกตสมรรถนะสาคญั และประเมินผล และประเมนิ ผล
ของผู้เรยี น - ผ่านเกณฑ์ระดบั 2 ขนึ้ ไป
- แบบบันทกึ ผล
- การสังเกตพฤติกรรม การเรยี น การประเมินสมรรถนะ - ผ่านเกณฑ์ระดบั ดี ข้ึนไป
ของนักเรยี นรายบุคคล ผู้เรียน
- ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี ข้นึ ไป
- การสังเกตพฤตกิ รรม การทางาน - แบบบันทึกผล
กลุ่ม การประเมินพฤตกิ รรม
การเรยี นของนักเรยี น
รายบคุ คล

- แบบบนั ทกึ ผล
การประเมินพฤติกรรม
การทางานกลุม่

7.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

วิธีการวดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมือวดั เกณฑ์การวัด
และประเมินผล และประเมินผล
- การสงั เกตคุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์ แบบบนั ทึกผลการประเมนิ - ผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 ขน้ึ ไป
ผู้เรียนดา้ นคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์

8. กิจกรรมการเรยี นรู้
ใชก้ ารเรียนการสอนแบบ 5E , 5STEPs และ เทคนิค R-C-A

9. เวลาเรยี น/จานวนชั่วโมง เวลา 3 ชว่ั โมง
ใช้เวลา 21 ชัว่ โมง เวลา 3 ชั่วโมง
เวลา 6 ชัว่ โมง
10. แผนการจัดการเรยี นรู้
10.1 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 11 เรือ่ ง เสถยี รภาพของนิวเคลียส เวลา 3 ชว่ั โมง
10.2 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 12 เรอ่ื ง กมั มนั ตภาพรังสี เวลา 3 ชั่วโมง
10.3 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 13 เรอื่ ง การสลายของธาตุกมั มนั ตรังสี

11.4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 เรอ่ื ง ปฏิกิริยานิวเคลียร์
10.5 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 15 เรื่อง ประโยชน์และการป้องกนั อนั ตราย

จากรงั สี

รวมเวลาเรยี น 21 ชวั่ โมง

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว30206 รายวชิ า ฟิสิกส์ 6

ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564

ชอ่ื หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรอ่ื ง ฟิสกิ สน์ วิ เคลียร์

ชอ่ื แผน เสถยี รภาพของนวิ เคลียส เวลา 3 ชวั่ โมง ผู้สอน นางดวงดาว บดรี ัฐ

โรงเรียนวัชรวิทยา อาเภอเมอื ง จังหวดั กาแพงเพชร

************************************************************************************

1. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การเปลี่ยนสภาพนิวเคลียส : โดยทวั่ ไปนวิ เคลยี สจะประกอบดว้ ยอนภุ าค 2 ชนดิ คอื โปรตอน

(proton) และนิวตรอน (neutron) ซง่ึ จะเรยี กโปรตอนและนิวตรอนทีอ่ ยใู่ นนิวเคลียสหนึ่งวา่ นิวคลอี อน

(nucleon) โดยการเปลย่ี นสภาพนวิ เคลียสเกิดขนึ้ เมือ่ นวิ เคลียสสลายตวั ใหร้ งั สแี อลฟา รังสบี ีตาและรงั สี

แกมมา อย่างใดอย่างหน่ึง ทาให้นวิ เคลยี สของธาตมุ ีเลขอะตอมและจานวนนิวคลอี อนเปลี่ยนไป

สญั ลักษณข์ องนิวเคลียร์ (nuclear symbol) หรอื ทเ่ี รยี กวา่ นิวไคลด์ (nuclide) ชนดิ หนึ่งของธาตุ จะ

ใช้จานวนโปรตอนและนวิ ตรอนในการระบชุ นิดของนวิ ไคลด์ ดงั ต่อไปนี้

ZAX

โดย Z แทนเลขอะตอม (atomic number) คือ จานวนของโปรตอนในนิวเคลยี สนน้ั
n แทนเลขนวิ ตรอน (neutron number) คอื จานวนของนวิ ตรอนในนิวเคลยี สนน้ั
A แทนเลขมวล (mass number)คือ จานวนนวิ คลอี อนทงั้ หมดในนวิ เคลยี สนัน้ หรอื A=Z+ n
X แทนสัญลกั ษณ์ทางเคมี (chemical symbol) คอื สญั ลักษณ์ของธาตุทางเคมี

แรงนิวเคลียร์
แรงนวิ เคลยี ร์ คอื แรงทีใ่ ช้ยึดเหนีย่ วนวิ คลีออนเขา้ ด้วยกนั ซ่ึงไมใ่ ช่ท้งั แรงระหวา่ งประจแุ ละแรงดึงดูดระหว่างมวล

แต่เปน็ แรงทเี่ กิดจากการแลกเปล่ยี นอนุภาคเมซอนระหวา่ งนวิ คลีอออนในนิวเคลยี ส
พลงั งานยึดเหน่ยี ว (B.E.)
มวลของนิวเคลยี ส เกิดจากมวลของโปรตอนและนิวตรอนรวมกัน แตจ่ ากการทดลองพบวา่

มวลของนิวเคลียส  มวลของโปรตอน + มวลของนวิ ตรอน มีมวลหายไปบางส่วนเรยี กวา่ มวลพร่อง
สูตรมวลพร่อง
มวลพรอ่ ง Δm = มวลของโปรตอน + มวลของนิวตรอน – มวลนวิ เคลยี ส
มวลพร่อง Δm = มวลของไฮโดรเจน + มวลของนิวตรอน – มวลอะตอม
ΔE = Δmx 931 หรอื ΔE = Δm x 930 หนว่ ย MeV

พลงั งานยึดเหนย่ี วตอ่ นิวคลอี อน (พลังงานยึดเหนย่ี วตอ่ เลขมวล)
BE  Δmx931 มหี นว่ ยเป็น MeV

AA

2. มาตรฐาน
สาระฟิสิกส์
4. เขา้ ใจความสมั พันธ์ของความรอ้ นกับการเปลีย่ นอุณหภมู แิ ละสถานะของสสาร สภาพยืดหยุ่นของ
วัสดุและมอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอารค์ ิมดี สิ ความตึงผิวและ
แรงหนืดของของเหลว ของไหลอดุ มคติ และ สมการแบร์นลู ลี กฎของแกส๊ ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊
อดุ มคติและพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทรกิ ทวิภาวะของ
คลน่ื และอนภุ าค กมั มันตภาพรงั สี แรงนิวเคลียร์ ปฏิกริ ิยานวิ เคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ ฟสิ ิกส์
อนภุ าค รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

3. ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้
ผลการเรยี นรู้ อธิบายเสถียรภาพของนวิ เคลยี ส แรงนิวเคลียร์ และพลังงานยดึ เหนีย่ ว รวมท้งั

คานวณปรมิ าณต่างๆท่ีเกยี่ วข้อง

4. สาระการเรียนรู้
- สาระการเรียนร้แู กนกลาง
1. เสถยี รภาพของนวิ เคลยี ส
2. แรงนวิ เคลยี ร์
3. พลังงานยึดเหนย่ี ว

5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

จุดเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียนดา้ นสมรรถนะ

1. การใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้
2. ทกั ษะการส่ือสารอยา่ งสร้างสรรคต์ ามช่วงวยั

3. ทักษะการคดิ ช้นั สงู

6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ซอื่ สัตยส์ ุจริต
2. มวี นิ ยั
3.ใฝ่เรยี นรู้
4. มุ่งม่ันในการทางาน

จุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นดา้ นคณุ ลักษณะ
1. คณุ ลักษณะมุ่งม่นั ในการทางาน
2. คณุ ลกั ษณะใฝ่เรียนรู้

7. คณุ ลักษณะ 5 ประการโรงเรยี นสุจรติ
1. กระบวนการคิด
2. มวี นิ ยั
3.ซือ่ สตั ยส์ ุจริต

8. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
1. ทาแบบฝกึ หัดพัฒนาทกั ษะการคิดในแบบเรียน เรื่อง เสถยี รภาพของนิวเคลยี ส
ในแบบเรียน คาถาม ข้อ 1-5 (หนา้ 129) แบบฝกึ หัดขอ้ ที่ 1-5 (หน้า130) และ
แบบฝกึ หดั ทา้ ยหน่วยที่ 3 คาถามข้อที่ 1-4 (หน้า 209) ปัญหาข้อ 1-3 (หนา้ 213)

2. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11 เรื่อง เสถยี รภาพของนวิ เคลียส

9 .การวดั และประเมินผล

9.1 การประเมินระหวา่ งจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ชน้ิ งาน/ภาระงาน วิธีการประเมนิ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

ทาแบบฝึกหัดพฒั นา ตรวจแบบฝกึ หัดพัฒนา แบบฝกึ หดั พฒั นา ตามเกณฑ์
การประเมนิ ผล
ทกั ษะการคดิ ใน ทักษะการคิดใน ทกั ษะการคดิ ใน
แบบฝกึ หัด
แบบเรยี น เร่อื ง แบบเรียน เรอื่ ง แบบเรยี น เรื่อง

เสถยี รภาพของ เสถยี รภาพของ เสถยี รภาพของ

นวิ เคลยี ส นิวเคลียส นิวเคลียส

9.2 การประเมินเม่อื สนิ้ สดุ การเรียนรู้

ช้ินงาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
สอบเก็บคะแนน
ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเก็บ ตามเกณฑ์
เก็บคะแนน คะแนน การประเมนิ ผล
จานวน 10 ข้อ การทาแบบทดสอบ
จานวน 10 ข้อ

เกณฑ์การประเมิน (Rubrics)

ภาระงาน/ชน้ิ งาน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

แบบฝึกหดั ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝกึ หัด ทาแบบฝึกหัด
ถกู ต้อง 80% ถกู ตอ้ ง 60-80% ถูกต้อง 50 - ถูกต้อง ตา่ กว่า
ขน้ึ ไป 50%
60%

เกณฑ์การประเมินผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียน / แบบทดสอบเกบ็ คะแนน ใช้เกณฑ์ดงั นี้

ร้อยละ 80 ข้นึ ไป หมายถึง ดมี าก

ร้อยละ 70-79 หมายถึง ดี

ร้อยละ 60-69 หมายถึง ปานกลาง

ร้อยละ 50-59 หมายถึง ผ่าน

ตา่ กวา่ ร้อยละ 50 หมายถึง ปรบั ปรุง

ผู้ประเมิน

1. ครูผูส้ อนประเมนิ นกั เรียน 2. นักเรียนประเมนิ นักเรยี น

10. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชก้ ารเรียนการสอน แบบ 5E
1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ

1. ครูนานกั เรยี นอภิปรายถึง พลงั งานยดึ เหนีย่ ว ตามความเข้าใจของนักเรียน โดยให้นกั เรยี น
แสดงเหตุผลประกอบด้วย (กระบวนการคดิ )

2. ใหน้ กั เรียนร่วมกันตงั้ คาถามเกยี่ วกบั สงิ่ ท่ตี อ้ งการรู้ จากเนื้อหาที่เกย่ี วกับพลังงานยดึ เหนี่ยว
(กระบวนการคดิ )

2. ขน้ั สารวจและคน้ หา

1. แบ่งนักเรยี นเปน็ กล่มุ ๆ 6 -7 คน (ประกอบด้วย นกั เรยี นเกง่ กลาง อ่อน จากผลการ
วเิ คราะหผ์ ู้เรียน)

2. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ การวางแผนการสบื ค้นการศึกษาเร่ือง พลงั งานยดึ เหน่ยี ว
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันสบื คน้ และศึกษา เสถียรภาพของนวิ เคลียส จากคลปิ วีดโิ อ

“เสถยี รภาพของนิวเคลยี ส ” ความยาว 14 นาที (กระบวนการคิด)

4. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ อภิปรายรว่ มกนั ถึง เสถียรภาพของนวิ เคลียส (กระบวนการคิด มีวนิ ยั และ
ซอื่ สัตยส์ จุ รติ )

5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อภิปรายรว่ มกันถึงการนาเสถยี รภาพของนิวเคลยี ส (พลงั งานยึดเหน่ยี ว)
ไปอธิบายการอยรู่ วมกนั ของโปรตอนและนวิ ตรอนในนวิ เคลียส (กระบวนการคิด มีวินยั และซือ่ สตั ย์สุจริต)

3. ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป

1. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลการสืบค้นและผลการศึกษา เรือ่ ง เสถียรภาพของนิวเคลยี ส
(กระบวนการคิด มีวนิ ัย และซ่อื สัตย์สุจริต)

2. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ได้ผลการสืบค้นและศึกษา เหมอื นกันหรือตา่ งกนั อย่างไร
3. ครตู งั้ คาถามวา่ จากการศึกษา เร่ือง เสถยี รภาพของนิวเคลียส (กระบวนการคดิ )

- แรงนิวเคลียร์ หมายถึง

- แรงนิวเคลียรต์ ่างจากแรงทางไฟฟา้ อยา่ งไร
- มวลพร่อง หมายถึง

- การหามวลพรอ่ งของนวิ เคลยี สหาอย่างไร
- พลงั งานเทยี บเทา่ มวล 1U หาจากสมการใด
- พลงั งานยึดเหนย่ี วมีความสัมพันธ์กบั มวลพร่องอยา่ งไร

- พลงั งานยดึ เหนยี่ วมคี วามสัมพนั ธก์ ับจานวนนิวคลอี อนอยา่ งไร
- พลังงานยึดเหนี่ยวต่อนิวคลีออนมีความสัมพนั ธ์กบั จานวนนิวคลอี อนของธาตอุ ยา่ งไร

4. นกั เรยี นศกึ ษาและฝึกทกั ษะการคดิ จากชุดฝกึ ทักษะการแก้โจทย์ปญั หาวิชาฟิสิกส์ เรือ่ ง
พลงั งานยดึ เหน่ียว (กระบวนการคดิ มีวินยั และซือ่ สัตย์สุจริต)

5. นกั เรียนท้ังหมดรว่ มกันสรปุ ผลจากการศกึ ษาชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปญั หาวิชาฟิสกิ ส์ เรอ่ื ง

พลงั งานยดึ เหนี่ยว (กระบวนการคดิ มีวนิ ยั และซ่อื สัตย์สุจริต)
4. ขั้นขยายความรู้

1. ใหน้ ักเรียนร่วมกันอภิปรายเสถียรภาพของนิวเคลยี ส ( แรงนิวเคลียร์ พลังงานยึดเหนย่ี ว)และ
การฝึกทักษะการคานวณหาพลงั งานยึดเหนยี่ ว (กระบวนการคดิ มวี นิ ัย และซอ่ื สตั ย์สจุ ริต)

2. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สรปุ เสถยี รภาพของนิวเคลียส ( แรงนิวเคลยี ร์ พลังงานยดึ เหนย่ี ว)

(กระบวนการคดิ มวี ินัย และซื่อสัตยส์ ุจริต)

3. นกั เรียนทาชุดฝึกทกั ษะการแก้โจทย์ปัญหา เร่ือง เสถยี รภาพของนวิ เคลียส (กระบวนการคิด
มีวินัย และซื่อสตั ยส์ ุจรติ )

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้การคานวณโจทย์ปญั หาที่เก่ยี วข้อง(กระบวนการคิด มวี นิ ัย
และซื่อสัตย์สจุ ริต)

5. ขั้นประเมนิ ผล
1. นกั เรยี นทาแบบฝกึ หัดพฒั นาทกั ษะการคิดในแบบเรยี น เร่ือง เสถียรภาพของนิวเคลียส ใน

แบบเรยี น คาถาม ข้อ 1-5 (หนา้ 129) แบบฝกึ หัดข้อที่ 1-5 (หนา้ 130) และแบบฝกึ หัดท้ายหน่วยท่ี 3 คาถาม
ขอ้ ที่ 1-4 (หนา้ 209) ปัญหาขอ้ 1-3 (หนา้ 213) (กระบวนการคิด มวี นิ ยั และซ่ือสตั ย์สจุ ริต)

2. ชดุ ฝึกทกั ษะการแกโ้ จทย์ปญั หา เรอ่ื ง พลังงานยึดเหน่ียว(กระบวนการคิด มวี นิ ยั และซือ่ สัตย์
สจุ ริต)

3. ทาแบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 11 เรอ่ื ง เสถียรภาพของนวิ เคลยี ส
(กระบวนการคิด มีวนิ ยั และซ่อื สตั ย์สจุ ริต)

11. ส่ือการเรียนรู/้ แหล่งเรยี นรู้
สื่อการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพม่ิ เติมฟสิ ิกส์ เล่ม 6 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. คลปิ วดี โิ อ “พลงั งานยดึ เหน่ยี ว” สื่อการสอน สสวท.
https://www.youtube.com/watch?v=GcjV1hbvaNg
3. PPT หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง ฟสิ ิกส์นวิ เคลียร์
4. ทาแบบฝกึ หัดพฒั นาทักษะการคดิ ในแบบเรยี น เรอ่ื ง เสถียรภาพของนิวเคลยี ส ในแบบเรียน
ในแบบเรียน คาถาม ข้อ 1-5 (หน้า 129) แบบฝึกหัดขอ้ ที่ 1-5 (หนา้ 130) และ
แบบฝึกหดั ทา้ ยหน่วยท่ี 3 คาถามข้อท่ี 1-4 (หนา้ 209) ปญั หาข้อ 1-3 (หน้า 213)
5. ชดุ ฝกึ ทกั ษะการแกโ้ จทย์ปญั หา เรอ่ื ง พลังงานยดึ เหน่ียว
6. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11 เร่อื ง เสถียรภาพของนวิ เคลยี ส

แหลง่ เรยี นรู้
1. ห้องสมุดโรงเรยี น
2. ห้องสบื ค้น Resource Center

12. กจิ กรรมเสนอแนะ
แนะนาใหน้ ักเรียนค้นคว้าหาความรูเ้ พม่ิ เติมจาก
http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นางตวงรตั น์ อน้ อิน)

ตาแหน่ง หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
วันท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………........................................…………………….

ลงชือ่ ...................................................................
(นายสรุ ศกั ดิ์ โพธิบัลลังค์)

ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการกลมุ่ บริหารงานวิชาการ
วันท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงชื่อ.......................................................
(นายพัฒนา ทรงประดษิ ฐ)

ตาแหน่ง ผ้อู านวยการโรงเรยี นวชั รวิทยา
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

บันทกึ ผลหลงั การสอนแผนการสอนท่ี 11

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 วิชา ฟิสิกส์ 6 รหสั วชิ า ว30206

ครผู ้สู อน นางดวงดาว บดีรฐั

1. ผลการสอน

1.1 สรปุ ผลการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความก้าวหน้าในการเรยี นการสอน

จานวนนกั เรยี น คะแนนเต็ม คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ ความก้าวหน้า

ก่อนเรียน หลงั เรียน ในการเรยี น

รอ้ ยละความกา้ วหนา้ = คะแนนหลงั เรยี น – คะแนนก่อนเรียน x 100
คะแนนเต็ม

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหา / อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………ครูผู้สอน
( นางดวงดาว บดรี ฐั )
ตาแหนง่ ครู คศ. 3

วันที่…..เดือน……………..……..พ.ศ...........

กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ แบบทดสอบ รายวิชา ฟสิ ิกส์ 6
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เรือ่ ง (ว30206)

เสถียรภาพของนิวเคลียส หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3
ปฏิกิรยิ านวิ เคลยี ร์

1. ถ้านวิ เคลยี สของธาตุ A มีมวล 4.0020 u และนิวเคลยี สของธาตุ A นปี้ ระกอบขึ้นดว้ ยโปรตอนและนิวตรอน

อยา่ งละ 2 ตวั ( มวลของโปรตอน = 1.0073 U , มวลของนิวตรอน = 1.0087 u มวล 1 u เทียบเท่ากบั พลังงาน

930 MeV ) พลงั งานยดึ เหนี่ยวตอ่ นิวคลอี อนของธาตุ A มคี า่

ก. 2 MeV ข. 7 MeV ค. 14 MeV ง. 28 MeV

2. จากกราฟธาตุทมี่ พี ลังงานยึดเหนี่ยวสูงสุด คอื

ก. 63Cu ข. 235U ค. 4H ง. 2H

3. จากภาพธาตุท่มี พี ลงั งานยึดเหนี่ยวตอ่ นิวคลีออนตา่ สดุ คอื

ก. 63Cu ข. 235U ค. 4He ง. 2H

4.จากภาพธาตทุ ่ีมีพลงั งานยดึ เหนยี่ วตอ่ นวิ คลอี อนสงู สุด คือ

ก. 63Cu ข. 235U ค. 4He ง. 2H

5.นิวเคลียสชนิดใดควรจะมีเสถียรภาพมากที่สุด

ก. 7Li มีพลังงานยึดเหนยี่ วรวม 39.2 MeV ข. 13C มพี ลงั งานยดึ เหนี่ยวรวม 4.9 MeV

ค. 63Cu มพี ลังงานยึดเหนีย่ วรวม 551.3 MeV ง. 235U มพี ลังงานยดึ เหนย่ี วรวม 17.884 MeV

6. จะต้องใช้รังสีแกมมาพลงั งานอย่างนอ้ ยทีส่ ุดเท่าใด จงึ จะทาให้ 27Al แตกตัวให้อนุภาคแอลฟากาหนดมวล

นวิ เคลยี สของ 27Al , 23Na , 4He เท่ากบั 26.98153u , 22.98977u, และ 4.00260u ตามลาดับ

ก. 8.09 MeV ข. 10.09 MeV ค. 3,716 MeV ง. 4,716 MeV

7. รงั สแี กมมาพลงั งานสงู ชนนวิ เคลยี สอาจทาใหน้ ิวเคลียสแตกตวั ออกได้ จงคานวณหาพลงั งานตา่ สุดของโฟ

ตอนท่จี ะทาให้ดวิ เทกรอนแตกตวั กาหนด มวลดวิ เทอรอน 2.0136 u มวลนวิ เตรอน1.0087u ,มวลโปรตอน

1.0073u

ก. 0.11 MeV ข. 1.11 MeV ค. 2.20 MeV ง. 2.23 MeV

8. มวลพรอ่ งของ 105B มคี ่าเท่าใดในหนว่ ย u

ก. 0.1271u ข. 0.7050u ค. 0.0066u ง. 0.0663u

9. Ra-226 สลายตัวใหอ้ นภุ าคแอลฟาแลว้ เปลีย่ นสภาพนิวเคลยี สเปน็ Rn-222 พลังงานจลนส์ งู สดุ ของอนุภาค

แอลฟามคี ่าก่ี MeV ถ้ามวลอะตอมของ Ra-226 , Rn-222 และ He-4 มีคา่ เปน็ 226.02540u , 222.01757u

และ 4.00260u ตามลาดับ

ก. 4.87 MeV ข. 4.36 MeV ค. 3.65 MeV ง. 3.14 MeV

10. ถา้ นวิ เคลียสของธาตุ A มมี วล 4.0020 u และนิวเคลยี สของธาตุ A น้ปี ระกอบข้นึ ดว้ ยโปรตอนและนิวตรอน

อย่างละ 2 ตวั ( มวลของโปรตอน = 1.0073 U , มวลของนิวตรอน = 1.0087 u มวล 1 u เทียบเท่ากบั พลังงาน

930 MeV ) พลังงานยึดเหนยี่ วธาตุ A มีค่า

ก. 22 MeV ข. 14 MeV ค. 24 MeV ง. 28 MeV

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 12

กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว30206 รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 6
ปีการศึกษา 2564
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นที่ 2
นางดวงดาว บดีรฐั
ช่อื หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่ือง ฟสิ กิ สน์ วิ เคลียร์

ชือ่ แผน กมั มันตภาพรังสี เวลา 3 ชัว่ โมง ผสู้ อน

โรงเรียนวชั รวทิ ยา อาเภอเมือง จังหวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************
1. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

กมั มันตภาพรงั สี

เบ็กเคอเรล ทดลองพบวา่ ธาตุยเู รเนยี มจะปลอ่ ยรังสอี อกมาจากธาตยุ เู รเนยี มตลอดเวลาแม้ไมโ่ ดน
แสงแดด และพบวา่ รงั สียังสามารถผ่านวตั ถุทึบแสงออกมาภายนอกได้ จากการทดลองพบวา่ คณุ สมบตั ิของ

ธาตุยูเรเนียมมสี มบัติเหมือนรังสีเอกซ์ เชน่
1. สามารถวิง่ ผ่านวตั ถตุ า่ ง ๆ ได้
2. ทาให้อากาศรอบนอกแตกตวั เปน็ ไอออน

3. เกดิ การแผร่ งั สเี กิดเองตลอดเวลาแตร่ ังสีเอกซเ์ กดิ เองไม่ได้
ปแี อรแ์ ละมารี ครู ี ไดท้ าการทดลองพบวา่ ยงั มธี าตอุ ่ืน เชน่ ทอเรียม เรเดียม บอโลเรียม

สามารถแผร่ งั สอี อกมาได้เชน่ เดยี วกนั

รูปแสดงการเคลื่อนท่ีของรงั สีทงั้ 3 ชนิด ผ่านสนามแม่เหล็ก

รงั สแี บ่งออกเป็น 3 ชนิด

1. รังสีแอลฟา สัญลกั ษณ์  หรือ 4 He (ประจุบวก)
2

2. รังสบี ีตา สญั ลักษณ์  หรือ 0 e (ประจุลบ)
1

3. รงั สแี กมมา สัญลกั ษณ์  (เปน็ กลางทางไฟฟ้า)

เปรยี บเทยี บสมบัตขิ อง  ,  และ     
1. มวลและประจุไฟฟ้า    
2. พลงั งาน    
3. การทาใหอ้ ากาศแตกตวั เป็นไอออน

4. อานาจทะลุทะลวงผ่านอากาศ 

สญั ลกั ษณข์ องธาตุและอนภุ าคบางอยา่ งทค่ี วรทราบ

แอลฟา () = 4 He ไฮโดรเจนหรือโปรตอน = 1 H
2 1

บตี า ( - ) = 0 e ดวิ เทอรอน = 2 H
1 1

บีตา (+ ) = 0 e ตริตรอน = 3 H
1 1

แกมมา () =  นวิ ตรอน = 01n
=
ยูเรเนียม = 235 U ตะก่ัว
92
206
82 Pb

2. มาตรฐาน

สาระฟิสิกส์
4. เข้าใจความสมั พันธ์ของความรอ้ นกบั การเปล่ยี นอณุ หภูมแิ ละสถานะของสสาร สภาพยืดหยนุ่ ของ

วสั ดุและมอดลุ ัสของยัง ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอาร์คมิ ดี สิ ความตงึ ผิวและ
แรงหนดื ของของเหลว ของไหลอดุ มคติ และ สมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎจี ลน์ของแก๊ส
อดุ มคตแิ ละพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณโ์ ฟโตอเิ ล็กทริก ทวภิ าวะของ
คลื่นและอนภุ าค กมั มันตภาพรังสี แรงนิวเคลยี ร์ ปฏกิ ิรยิ านิวเคลยี ร์ พลังงานนิวเคลยี ร์ ฟสิ ิกส์
อนภุ าค รวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

3. ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรู้
ผลการเรียนรู้ อธิบายการคน้ พบกมั มันตภาพรังสแี ละความแตกตา่ งของรงั สแี อลฟา บตี า

และแกมมา

4. สาระการเรียนรู้

- สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. กมั มันตภาพรังสี

5. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

จดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียนด้านสมรรถนะ

1. การใชเ้ ทคโนโลยเี พือ่ การเรยี นรู้
2. ทกั ษะการส่ือสารอย่างสรา้ งสรรค์ตามชว่ งวัย

6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2.ใฝเ่ รียนรู้

3. มุ่งม่นั ในการทางาน

จดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียนด้านคณุ ลกั ษณะ
1. คุณลักษณะม่งุ มนั่ ในการทางาน
2. คณุ ลักษณะใฝ่เรยี นรู้

7. คณุ ลักษณะ 5 ประการโรงเรียนสุจริต
1. กระบวนการคดิ
2. มวี นิ ัย

3.ซอื่ สัตย์สุจรติ

8. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
1. ทาแบบฝึกหัดพัฒนาทักษะการคิดในแบบเรยี น เร่ือง กมั มนั ตภาพรังสี ในแบบเรียน

แบบเรยี นคาถาม ข้อ 5-8 (หนา้ 209-210) และ ปญั หาข้อ 4-7 (หนา้ 213)

2. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 เรอ่ื ง กัมมันตภาพรงั สี

9 .การวดั และประเมินผล

9.1 การประเมนิ ระหว่างจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

ช้นิ งาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมิน เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน

ทาแบบฝกึ หัดพัฒนา ตรวจแบบฝึกหัดพัฒนา แบบฝึกหัดพฒั นา ตามเกณฑ์
การประเมินผล
ทกั ษะการคิดใน ทักษะการคดิ ใน ทักษะการคิดใน
แบบฝกึ หัด
แบบเรียน เรื่อง แบบเรยี น เรอ่ื ง แบบเรียน เรือ่ ง

กัมมนั ตภาพรังสี กัมมนั ตภาพรงั สี กัมมันตภาพรงั สี

9.2 การประเมินเมื่อสน้ิ สดุ การเรยี นรู้

ชิน้ งาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมนิ เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน
สอบเกบ็ คะแนน
ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเก็บ ตามเกณฑ์
เก็บคะแนน คะแนน การประเมนิ ผล
จานวน 10 ข้อ การทาแบบทดสอบ
จานวน 10 ขอ้

เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics)

ภาระงาน/ชิน้ งาน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

แบบฝกึ หัด ทาแบบฝึกหดั ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝกึ หดั ทาแบบฝกึ หัด
ถูกตอ้ ง 80% ถกู ต้อง 60-80% ถูกต้อง 50 - ถูกตอ้ ง ต่ากว่า
ขึ้นไป 50%
60%

เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียน / แบบทดสอบเก็บคะแนน ใชเ้ กณฑ์ดงั น้ี

รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป หมายถงึ ดมี าก

รอ้ ยละ 70-79 หมายถงึ ดี

ร้อยละ 60-69 หมายถึง ปานกลาง

ร้อยละ 50-59 หมายถงึ ผา่ น
ตา่ กว่าร้อยละ 50 หมายถึง ปรบั ปรงุ

ผปู้ ระเมิน 2. นักเรยี นประเมนิ นกั เรียน
1. ครูผสู้ อนประเมินนกั เรยี น

10. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชก้ ารเรียนการสอน แบบ 5E
1. ขั้นสร้างความสนใจ

1. ครนู านกั เรียนอภปิ รายถงึ ธาตุและสมบตั ิของธาตุ ตามความเข้าใจของนักเรียน โดยให้
นักเรียนแสดงเหตผุ ลประกอบด้วย (กระบวนการคิด)

2. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันตง้ั คาถามเกย่ี วกับสิ่งท่ีต้องการรู้ จากเน้อื หาที่เกย่ี วกับกมั มันตภาพรงั สี

(กระบวนการคิด)
2. ขัน้ สารวจและค้นหา

1. แบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม ๆ 6 -7 คน (ประกอบดว้ ย นักเรยี นเกง่ กลาง ออ่ น จากผลการ
วิเคราะห์ผูเ้ รยี น)

2. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มการวางแผนการสบื คน้ การศกึ ษาเรื่องกมั มันตภาพรงั สี

3. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั สบื ค้นและศกึ ษา กัมมนั ตภาพรงั สี จากคลิปวีดโิ อ
“กัมมนั ตภาพรังสี” ความยาว 15 นาที (กระบวนการคิด)

4. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ อภปิ รายร่วมกันถึง กัมมนั ตภาพรังสี (กระบวนการคิด มีวินัย และซอื่ สัตย์
สุจริต)

3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการสบื ค้นและผลการศกึ ษา เร่อื ง กมั มนั ตภาพรังสี

(กระบวนการคดิ มวี นิ ยั และซอื่ สตั ย์สุจรติ )
2. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ได้ผลการสืบค้นและศึกษา เหมอื นกนั หรือต่างกันอย่างไร (กระบวนการคดิ )
3. ครตู ้ังคาถามวา่ จากการศกึ ษา เรื่อง กัมมนั ตภาพรังสี (กระบวนการคิด)

- กมั มนั ตภาพรังสี หมายถึง อะไร
- ธาตทุ ส่ี ามารถแผร่ งั สไี ด้เองอย่างต่อเน่ือง เรียกว่า

- รงั สีทธ่ี าตุกัมมนั ตรังสีปลอ่ ยออกมามกี ช่ี นดิ
- รังสแี ตล่ ะชนิดมีสมบตั ิอยา่ งไร
- รงั สที ีม่ ีพลงั งานต่าสดุ คอื เพราะเหตุใด

- การเคลอื่ นที่ของรังสที ้ังสามชนดิ ในบริเวณสนามแมเ่ หลก็ เป็นอยา่ งไร
- การเคลื่อนทีข่ องรงั สีทั้งสามชนดิ ในบริเวณสนามไฟฟ้าเปน็ อย่างไร

- การหาปรมิ าณทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การเคลื่อนที่หาได้จากสมการใด
4. นกั เรียนทง้ั หมดร่วมกันสรปุ ผลจากการสบื ค้นและศกึ ษาเรอ่ื ง กมั มันตภาพรงั สี

(กระบวนการคดิ มีวนิ ัย และซอื่ สตั ยส์ ุจรติ )

4. ขน้ั ขยายความรู้
1. ให้นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายกัมมนั ตภาพรังสแี ละสมบัตขิ องรงั สที ้ังสมาชนดิ (กระบวนการ

คิด มวี ินยั และซอื่ สตั ย์สจุ ริต)

2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สรุปและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การคานวณโจทยป์ ญั หาท่ีเกี่ยวข้อง
(กระบวนการคิด มวี นิ ยั และซ่อื สตั ย์สุจรติ )
5. ขนั้ ประเมินผล

1. นกั เรยี นทาแบบฝึกหัดพฒั นาทกั ษะการคดิ ในแบบเรียน เรอื่ ง กัมมันตภาพรงั สี ใน
แบบเรียนคาถาม ขอ้ 5-8 (หนา้ 209-210) และ ปญั หาขอ้ 4-7 (หน้า 213) (กระบวนการคิด มีวินยั
และซือ่ สัตยส์ ุจริต)

2. นักเรยี นทาแบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 12 เรื่อง
กัมมันตภาพรงั สี (กระบวนการคดิ มวี ินยั และซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ )

11. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
สอ่ื การเรียนรู้
1. หนังสือเรยี นรายวชิ าเพมิ่ เติมฟสิ ิกส์ เล่ม 6 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. คลิปวีดิโอ “กมั มนั ตภาพรงั สี” สื่อการสอน สสวท.
3. PPT หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรื่อง ฟิสิกสน์ ิวเคลียร์
4. นกั เรยี นทาแบบฝกึ หัดพฒั นาทกั ษะการคดิ ในแบบเรียน เรือ่ ง กัมมันตภาพรังสี ใน

แบบเรยี นคาถาม ข้อ 5-8 (หน้า 209-210) และ ปัญหาข้อ 4-7 (หน้า 213)
5. นักเรียนทาแบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 10 เร่ือง กมั มนั ตภาพรังสี

แหลง่ เรียนรู้
1. ห้องสมุดโรงเรียน
2. ห้องสืบคน้ Resource Center

12. กิจกรรมเสนอแนะ
แนะนาใหน้ ักเรียนค้นคว้าหาความรเู้ พ่ิมเตมิ จาก
http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3 และ
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

ลงชื่อ........................................................
(นางตวงรตั น์ อน้ อินทร)์

ตาแหนง่ หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
วันท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………........................................…………………….

ลงชอื่ ...................................................................
(นายสุรศกั ดิ์ โพธบิ ลั ลังค์)

ตาแหน่ง รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .......................................................
(นายพัฒนา ทรงประดษิ ฐ)

ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรยี นวชั รวิทยา
วันท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

บนั ทึกผลหลังการสอนแผนการสอนท่ี 12

ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 วชิ า ฟสิ กิ ส์ 6 รหสั วชิ า ว30206

ครูผ้สู อน นางดวงดาว บดีรัฐ

1. ผลการสอน

1.1 สรุปผลการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………........……………………………………………………………………………

1.2 หาความกา้ วหน้าในการเรียนการสอน

จานวนนกั เรียน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลี่ย ความก้าวหนา้

กอ่ นเรยี น หลังเรียน ในการเรียน

ร้อยละความกา้ วหนา้ = คะแนนหลงั เรยี น – คะแนนกอ่ นเรยี น x 100
คะแนนเตม็

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ปญั หา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ………………………………ครผู สู้ อน
( นางดวงดาว บดรี ฐั )
ตาแหน่ง ครู คศ. 3

วนั ท…ี่ ..เดอื น……………..……..พ.ศ...........

กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ แบบทดสอบ รายวิชา ฟิสิกส์ 6 (ว
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 เรื่อง 30206)

กัมมันตภาพรังสี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3

ปฏิกิริยานวิ เคลียร์

1. ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี หมายถงึ ธาตุที่มสี มบตั ใิ นการแผ่รังสีไดเ้ องและรังสที ่ีแผอ่ อกมาจะตอ้ งเปน็ รงั สีต่อไปนี้

เสมอ

ก. รังสแี อลฟา ข. รังสีบีตา รงั สีแกมมา

ค. รงั สีแอลฟา รงั สีบตี า รังสีแกมมา ง. เปน็ รงั สีชนดิ ใดก็ได้

2. คณุ สมบตั ิทส่ี าคญั ประการหนึง่ ของอนุภาคแอลฟา กค็ อื

ก. มีอานาจทะลุทะลวงสงู ข. มีพลงั งานจลนส์ งู กว่าอนภุ าคตวั อ่นื

ค. ทาให้สารท่ีผ่านแตกตัวเปน็ ไอออน ง. คล้ายกับรังสีเอกซ์ (X-ray)

3. รังสีแอลฟามอี านาจในการทะลุผ่านน้อยกวา่ รงั สชี นิดอ่นื ทอ่ี อกมาจากธาตุกมั มันตรงั สเี นือ่ งจาก

ก. รงั สีแอลฟามีพลังงานน้อยกว่ารงั สชี นดิ อื่น

ข. รงั สแี อลฟามีคุณสมบัตใิ นการทาให้สารท่ีรังสีผ่าน แตกตวั เปน็ ไอออนไดด้ กี ว่า

ค. รังสีแอลฟาไม่มีประจุไฟฟา้ ง. ถกู ทั้งขอ้ ก และ ข

4. พจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ีสาหรบั รังสแี อลฟา บตี า และแกมมา

1. มีความสามารถในการทาใหก้ า๊ ซแตกตัวเป็นไอออนได้ดกี วา่

2. ตอ้ งใช้วัสดทุ ่มี คี วามหนามากในการกน้ั รังสี

3. เมื่อเคลื่อนที่ผ่านบรเิ วณทมี่ ีสนามแม่เหล็ก แนวการเคลอ่ื นที่เป็นแนวโคง้

4. อัตราสว่ นประจตุ อ่ มวลมีค่ามากท่ีสดุ

ขอ้ ความใดเป็นสมบัติของรังสบี ีตา

ก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ขอ้ 1 และ 3

ค. ขอ้ 2 และ 4 ง. ขอ้ 3 และ 4

5. ขอ้ ความตอ่ ไปนข้ี ้อใดถกู

ก. รังสบี ีตามีอานาจทะลุผ่าน สูงกว่ารังสีแกมมา แต่นอ้ ยกว่ารงั สเี อกซ์

ข. รังสบี ีตามอี านาจทะลผุ า่ น สงู กวา่ รังสเี อก็ แตน่ ้อยกว่ารังสีแอลฟา

ค. รงั สีบีตามีอานาจทะลุผ่าน สงู กว่ารังสีแอลฟา แต่นอ้ ยกวา่ รงั สีแกมมา

ง. รงั สีบตี ามอี านาจทะลุผา่ น สูงกว่ารังสีอ่ืน ๆ ทกุ ชนิด

6. ถ้ารังสแี อลฟา บีตา และแกมมา เคลื่อนท่ีอยใู่ นนา้ และรงั สที ง้ั สามชนดิ มพี ลงั งานเท่ากัน เราจะพบวา่

รังสีบตี าเคล่ือนทไ่ี ดร้ ะยะทาง

ก. ส้ันท่ีสดุ ข. ไกลที่สุด

ค. ไกลกว่าแกมมาแตใ่ กล้กว่าแอลฟา ง. ไกลกว่าแอลฟาแต่ใกล้กว่าแกมมา

7. อนภุ าคแอลฟาประกอบไปดว้ ย

ก. 2 โปรตอน ข. 2 โปรตอน กับ 2 อเิ ลก็ ตรอน

ค. 2 โปรตอน กบั 2 นวิ ตรอน ง. 4 โปรตอน

8. ไอโซโทป เป็นชื่อเรยี กนวิ เคลยี สของธาตทุ ่ีมีลกั ษณะดังน้ี

ก. มีจานวนนิวคลอี อนเท่ากนั

ข. มีจานวนโปรตอนเทา่ กบั นิวตรอน

ค. มีจานวนโปรตอนต่างกนั แต่มีจานวนนิวตรอนเท่ากัน

ง. มีจานวนโปรตอนเท่ากนั แตม่ ีจานวนนวิ ตรอนตา่ งกัน

9. รงั สีในข้อใดที่มอี านาจในการทะลุทะลวงผ่านเนื้อสารไดน้ อ้ ยที่สดุ

ก. รงั สแี อลฟา ข. รงั สบี ตี า

ค. รงั สแี กมมา ง. รังสเี อกซ์

10. อนภุ าคแอลฟา อนุภาคบีตา รงั สีแกมมา เมอ่ื เคล่ือนทใี่ นสนามแมเ่ หล็ก ขอ้ ใดไมเ่ กดิ การเบน

ก. อนภุ าคแอลฟา ข. อนุภาคบตี า

ค. รังสแี กมมา ง. อนุภาคแอลฟาและบีตา

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13

กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว30206 รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 6
ปีการศึกษา 2564
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2
ผสู้ อน นางดวงดาว บดีรฐั
ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ฟิสิกสน์ ิวเคลียร์

ช่ือแผน การสลายของธาตุกัมมันตรังสี เวลา 6 ช่วั โมง

โรงเรยี นวชั รวทิ ยา อาเภอเมือง จงั หวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************
1. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การสลายตัวของนวิ เคลยี สกับกัมมันตรงั สี รัทเธอร์ฟอรด์ และซอดดไี ดต้ งั้ สมมติฐานเพ่ือใชอ้ ธบิ ายการสลายตัว

ของธาตกุ ัมมันตภาพรังสีไว้ดังน้ี
1. ธาตุกมั มนั ตภาพรงั สจี ะแตกตัวออกให้อนภุ าคแอลฟาหรือบีตาไดส้ ารใหม่ และสารใหมท่ ี่

เกดิ ข้นึ นอี้ าจจะมกี ารแผ่กมั มันตภาพรังสีต่อไปไดอ้ ีก
2. ในการสลายตัวของธาตุกมั มันตภาพรังสี เราไม่สามารถจะบอกได้วา่ นิวเคลียสใดจะสลายก่อน

หรือหลังแต่เราสามารถบอกได้เพียงว่านิวเคลยี สทุกตัวมคี วามน่าจะเป็นท่ีจะสลายตัวเท่ากันหมดและอตั ราการ

สลายจะขึ้นอยกู่ ับจานวนนวิ เคลยี ส ( นวิ เคลียสทีพ่ ร้อมจะสลาย ) ในขณะน้ัน
ถ้าทีเ่ วลา t1 ให้ธาตกุ ัมมนั ตภาพรังสมี จี านวนนวิ เคลยี สอยู่ N1

และที่เวลา t2 ใหธ้ าตกุ มั มนั ตภาพรงั สมี จี านวนนวิ เคลยี สอยู่ N2

 อัตราการลดของนวิ เคลียส = N = N2  N1
t t2  t1

โดย ΔN = N2 - N1 = การเปลี่ยนแปลงของนวิ เคลียส
t = t2 - t1 = เวลาที่ผา่ นไป

จากสมมตฐิ านข้อ 2 จะไดอ้ ธบิ ายอตั ราการสลายขน้ึ อย่กู ับจานวนนิวเคลียสท่มี ีอยู่ขณะนัน้

 - ΔN  N
Δt

- ΔN = A = N ……………(20.4)
Δt

โดย  = คา่ คงท่ขี องการสลายตวั
N = จานวนนิวเคลยี สของธาตุกัมมนั ตภาพรงั สที ่มี ีอยู่ขณะนั้น

- ΔN = A = อัตราการสลายตัวของนิวเคลยี ส มเี ครอ่ื งหมายเป็นลบแสดงวา่ เปน็
Δt
อัตราการลด

หน่วยกัมมันตรงั สี
1 คูรี(ci) = 3.7 x 10 10 เบค็ เคอเรล (Bq )

เมอ่ื ธาตุกมั มนั ตรังสีสลายตวั จะเปลย่ี นเปน็ ธาตุใหม่ใช้หลักการ Balance สมการ
1. ผลบวกของเลขมวลตอนกอ่ น = ผลบวกของเลขมวลตอนหลงั

A ตอนกอ่ น = A ตอนหลงั
2. ผลบวกของเลขอะตอมตอนก่อน = ผลบวกของเลขอะตอมตอนหลัง

Z ตอนกอ่ น = Z ตอนหลัง

2.1. สมมตธิ าตุกมั มันตรงั สสี ลายตัวให้แอลฟา () 1 ตวั

 +A 4 AZ42Y
2
Z
X He

จะไดธ้ าตเุ ลขมวลลดลงจากเดิม 4 เลขอะตอมลดลง 2

2.2. สมมติธาตกุ มั มันตรงั สีสลายตวั ให้บตี า บีตา ( - ) 1 ตวั

X +A 0 e ZA1Y
1
Z

จะไดธ้ าตใุ หมเ่ ลขมวลของธาตุเท่าเดิม แต่เลขอะตอมเพิ่มหนึ่ง

2.3. สมมตธิ าตุกมั มันตรังสสี ลายตวั ให้แกมมา () 1 ตัว

A X  + A Y
Z Z

จะไดธ้ าตุตัวเดมิ เลขอะตอม เลขมวลไม่เปลยี่ นแปลง

เวลาครึ่งชวี ิต( Half Life )

ตอนแรกมีมวลเริม่ ตน้ N0 เมื่อเวลาผ่านไป 1 ช่วงครึ่งชีวติ เหลือ N = N0
21

ตอนแรกมมี วลเริ่มตน้ N0 เม่ือเวลาผ่านไป 2 ช่วงครงึ่ ชวี ิตเหลอื N = N0
22

ตอนแรกมมี วลเรมิ่ ตน้ N0 เมอ่ื เวลาผา่ นไป n ช่วงครง่ึ ชวี ติ เหลอื N = N0 …………(1)

2n

เวลาผ่านไป T วินาที คิดเปน็ 1 ช่วงคร่งึ ชีวติ

เวลาผ่านไป t วนิ าที คดิ เป็น n  t ชว่ งคร่ึงชีวติ ................................ (2)
T
แทน (20.2) ใน (20.1) จะได้ N   1 n
N0  2

t T คือ เวลาครึ่งชีวติ

จะได้ N   1  T ….................... (3)
N0  2

เมื่อ N0 คือ มวลเรม่ิ ต้น N คือ มวลท่เี หลอื t คอื เวลาผ่านไป
ความสัมพันธข์ องอตั ราการสลายตัวของกมั มันตภาพรังสกี บั คร่ึงชีวติ

จาก dN = - N
dt

dN = - dt

dt

N dN = t …………………..1
N
   dt

N0 0

จากสมการ Integrate dN จะได้ n N
N

 สมการ 1 เขียนใหม่ได้ n N = -t t
0

แทนค่าขดี จากัดบน Upper Limit และขดี จากัดล่าง Lower Limit จะได้

n N - n N0 = -  t  0 

n N = -
N0

เขยี นในรปู เลขชกี้ าลังจะได้ e-t = N
N0

 N = N0e-t ………….…….. (4)

โดย N0 = จานวนนวิ เคลยี สของธาตกุ ัมมันตภาพรงั สีทีเ่ วลา t = 0

N = จานวนนิวเคลยี สของธาตุกัมมันตภาพรงั สที ี่เวลา t = t

e = คา่ คงที่ = 2.718

อตั ราการสลายตวั ของกัมมนั ตภาพรังสีกับครึ่งชีวิต จากสตู ร N = N0e-t

เม่ือเวลาผ่านไปครง่ึ ชวี ติ t = T จานวนนิวเคลียสเหลือ N  N0
2

แทนคา่ N0 = N0e-T
2

1 = e-T

2

2 = e T

เขียนในรปู ของ log จะได้ log e 2 = T

 log 2 = log2 = log2 = 0.693 = T
log e log2.718

T = 0.693 …………….. (5)
λ

2. มาตรฐาน

สาระฟสิ ิกส์

4. เข้าใจความสมั พันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภมู แิ ละสถานะของสสาร สภาพยืดหยนุ่ ของ

วสั ดุและมอดลุ ัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยงุ และหลักของอาร์คิมีดิส ความตงึ ผิวและ

แรงหนดื ของของเหลว ของไหลอดุ มคติ และ สมการแบร์นูลลี กฎของแกส๊ ทฤษฎจี ลน์ของแก๊ส

อดุ มคติและพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทรกิ ทวภิ าวะของ

คลนื่ และอนภุ าค กมั มันตภาพรงั สี แรงนิวเคลยี ร์ ปฏิกิรยิ านิวเคลยี ร์ พลงั งานนิวเคลียร์ ฟิสกิ ส์

อนุภาค รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

3. ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้

ผลการเรียนรู้ อธบิ าย และคานวณกมั มนั ตภาพของนิวเคลียสกัมมันตรังสี รวมทัง้ ทดลอง
อธิบายและคานวณจานวนนิวเคลียสกัมมนั ตภาพรงั สีที่ เหลอื จากการสลายและคร่งึ ชวี ิต

4. สาระการเรียนรู้
- สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
1. การสลายตัวของนิวเคลียสกบั กัมมนั ตรงั สี
2. เวลาคร่งึ ชวี ติ ( Half Life )

5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

จดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนด้านสมรรถนะ

1. การใชเ้ ทคโนโลยีเพือ่ การเรยี นรู้
2. ทักษะการสอ่ื สารอย่างสรา้ งสรรคต์ ามช่วงวัย

3. ทักษะการคิดชั้นสูง

6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต

2. มวี นิ ยั
3.ใฝ่เรียนรู้

4. มุง่ มนั่ ในการทางาน
จุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนดา้ นคุณลักษณะ

1. คณุ ลักษณะมุ่งมัน่ ในการทางาน

2. คณุ ลกั ษณะใฝ่เรยี นรู้

7. คณุ ลกั ษณะ 5 ประการโรงเรียนสจุ รติ
1. กระบวนการคิด
2. มวี นิ ยั
3.ซือ่ สัตย์สุจรติ

8. ช้ินงาน/ภาระงาน

1. ทาแบบฝกึ หัดพัฒนาทกั ษะการคดิ ในแบบเรียน เร่อื ง การสลายของธาตกุ ัมมันตรังสี
ในแบบเรียน คาถาม ข้อ 1-9 (หนา้ 158-159) แบบฝึกหดั ขอ้ ท่ี 1-8 (หนา้ 160) และแบบฝึกหัดท้ายหนว่ ย
คาถามข้อ 11-15 (หนา้ 209-210) ปญั หาขอ้ 4-25 (หน้า 213-215)

2. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 13 เร่ือง การสลายของ
ธาตกุ ัมมนั ตรังสี

9 .การวัดและประเมินผล

9.1 การประเมนิ ระหว่างจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

ชนิ้ งาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมนิ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ
ตามเกณฑ์
ทาแบบฝกึ หัดพัฒนา ตรวจแบบฝึกหัดพัฒนา แบบฝกึ หัดพฒั นา
การประเมนิ ผล
ทักษะการคิดใน ทักษะการคดิ ใน ทักษะการคดิ ใน แบบฝึกหัด

แบบเรยี น เร่อื ง การ แบบเรยี น เรือ่ ง การ แบบเรยี น เรือ่ ง การ เกณฑ์การประเมนิ
ตามเกณฑ์
สลายของธาตุ สลายของธาตุ สลายของธาตุ
การประเมนิ ผล
กัมมนั ตรังสี กมั มนั ตรงั สี กมั มันตรังสี การทาแบบทดสอบ

9.2 การประเมินเมอ่ื สนิ้ สดุ การเรยี นรู้

ชนิ้ งาน/ภาระงาน วธิ ีการประเมิน เคร่ืองมือ
สอบเก็บคะแนน
ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเกบ็
เก็บคะแนน คะแนน
จานวน 10 ข้อ
จานวน 10 ข้อ

เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics)

ภาระงาน/ช้นิ งาน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

แบบฝึกหดั ทาแบบฝึกหดั ทาแบบฝกึ หัด ทาแบบฝึกหัด ทาแบบฝกึ หัด
ถกู ตอ้ ง 80% ถกู ตอ้ ง 60-80% ถกู ตอ้ ง 50 - ถกู ตอ้ ง ต่ากวา่
ขึน้ ไป 50%
60%

เกณฑก์ ารประเมินผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน / แบบทดสอบเก็บคะแนน ใช้เกณฑ์ดังนี้

ร้อยละ 80 ข้นึ ไป หมายถงึ ดมี าก

รอ้ ยละ 70-79 หมายถึง ดี

รอ้ ยละ 60-69 หมายถึง ปานกลาง

ร้อยละ 50-59 หมายถงึ ผ่าน

ตา่ กวา่ รอ้ ยละ 50 หมายถงึ ปรบั ปรุง

ผปู้ ระเมนิ

1. ครูผู้สอนประเมนิ นักเรยี น 2. นกั เรยี นประเมนิ นกั เรยี น

10. กจิ กรรมการเรียนรู้ ใช้การเรยี นการสอน แบบ 5E

1. ขนั้ สร้างความสนใจ
1. ครนู านกั เรียนอภิปรายถึง การสลายของธาตกุ ัมมนั ตรงั สี ตามความเข้าใจของนกั เรยี น โดยให้

นกั เรียนแสดงเหตผุ ลประกอบด้วย (กระบวนการคิด)
2. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ต้ังคาถามเก่ยี วกบั สิง่ ทีต่ อ้ งการรู้ จากเนือ้ หาที่เก่ียวกับการสลายของธาตุ

กัมมนั ตรังสี (กระบวนการคดิ )

2. ขัน้ สารวจและคน้ หา
1. แบง่ นกั เรียนเปน็ กลมุ่ ๆ 6 -7 คน (ประกอบดว้ ย นักเรยี นเกง่ กลาง อ่อน จากผลการ

วเิ คราะห์ผ้เู รยี น)
2. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มการวางแผนการสืบคน้ การศึกษาเรอื่ งการสลายของธาตุกัมมนั ตรังสี
3. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั สบื ค้นและศึกษา การสลายของธาตกุ มั มนั ตรังสี จากคลิปวดี โิ อ

“การสลายของธาตกุ มั มันตรงั สี ” ความยาว 15 นาที (กระบวนการคิด)
4. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ อภิปรายรว่ มกันถงึ การสลายของธาตกุ ัมมันตรงั สี (กระบวนการ

คดิ มวี ินัย และซอื่ สัตยส์ ุจริต)
5. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ อภปิ รายรว่ มกันถงึ การนาสมบตั ขิ องรงั สแี อลฟา รังสบี ีตาและรังสี

แกมมามาเขียนสมการการสลายตวั ของนวิ เคลยี สธาตุกมั มนั ตรงั สี (กระบวนการคิด มีวนิ ยั และ

ซื่อสัตย์สุจรติ )
3. ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป

1. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ นาเสนอผลการสืบคน้ และผลการศกึ ษา เร่ือง การสลายของธาต
กมั มนั ตรงั สี(กระบวนการคดิ มวี นิ ยั และซือ่ สตั ย์สุจรติ )

2. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มได้ผลการสบื ค้นและศึกษา เหมอื นกันหรอื ตา่ งกนั อยา่ งไร (กระบวนการคิด)

3. ครตู งั้ คาถามว่า จากการศกึ ษา เรอื่ ง การสลายของธาตุกัมมนั ตรงั สี (กระบวนการคดิ )
- การสลายตวั ของธาตกุ ัมมันตรังสีเกิดขึ้นเมื่อใด

- ความสัมพันธข์ องนิวเคลียสใหม่กบั นวิ เคลียสตงั้ ตน้ เปน็ อยา่ งไร
- หลักการเขียนสมการการสลายตวั สัมพันธก์ ับการดลุ สมการทางเคมีอย่างไร
- คร่ึงชีวติ หมายถงึ
- ความสมั พันธ์ของครงึ่ ชีวติ กบั การสลายตวั ของธาตุกมั มนั ตรงั สีเปน็ อยา่ งไร
- การหาค่าครึ่งชวี ติ ของธาตุกัมมันตรงั สหี าไดโ้ ดยวิธีใดได้บา้ ง
- คร่งึ ชวี ิตมีความสมั พันธ์กบั ค่าคงตัวการสลายอย่างไร
- ธาตุที่มคี รึง่ ชีวติ มากจะมคี ่าคงตัวการสลายมากหรอื น้อยกว่าธาตทุ มี่ ีครง่ึ ชวี ติ น้อย

4. นักเรียนท้ังหมดร่วมกันสรปุ ผลจากการสืบค้นและศกึ ษาเร่ือง การสลายของธาตุ
กมั มนั ตรงั สี (กระบวนการคิด มวี นิ ัย และซือ่ สตั ยส์ จุ รติ )
4. ขน้ั ขยายความรู้

1. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภิปรายการสลายของธาตุกมั มันตรังสีและการฝกึ ทักษะการคานวณหา
ค่าคงตัวการสลาย ครึ่งชวี ติ จานวนนวิ เคลียสเร่ิมตน้ จานวนนวิ เคลยี สที่เหลือ (กระบวนการคดิ มี
วินัย และซื่อสตั ยส์ จุ รติ )

2. นักเรียนแต่ละกล่มุ สรปุ การสลายของธาตุกัมมนั ตรังสี (กระบวนการคิด มีวินยั และ
ซอ่ื สัตย์สุจริต)

3. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ แลกเปลีย่ นเรยี นรกู้ ารคานวณโจทยป์ ัญหาท่ีเก่ียวข้อง (กระบวนการคิด
มีวินัย และซื่อสตั ยส์ จุ รติ )
5. ข้นั ประเมนิ ผล

1. ทาแบบฝึกหัดพัฒนาทกั ษะการคดิ ในแบบเรียน เรอ่ื ง การสลายของธาตกุ มั มันตรงั สี
ในแบบเรียน คาถาม ขอ้ 15-30 (หนา้ 224-225) และ ปญั หาข้อ 2-25 (หนา้ 227-228)
(กระบวนการคดิ มวี ินัย และซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ )

2. นักเรียนทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรยี นรู้ ที่ 12 เร่อื ง การสลายของ
ธาตุกมั มนั ตรังสี (กระบวนการคดิ มวี ินัย และซอื่ สัตยส์ ุจริต)

11. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
ส่ือการเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี นรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ฟสิ กิ ส์ เลม่ 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. คลิปวีดิโอ “การสลายของธาตกุ มั มันตรังสี” ส่อื การสอน สสวท.
https://www.youtube.com/watch?v=GcjV1hbvaNg
3. PPT หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง ฟสิ ิกสน์ วิ เคลียร์
4. ทาแบบฝกึ หัดพัฒนาทักษะการคิดในแบบเรียน เรือ่ ง การสลายของธาตุกัมมันตรังสี

ในแบบเรียน คาถาม ข้อ 1-9 (หน้า 158-159) แบบฝกึ หัดขอ้ ท่ี 1-8 (หน้า 160) และแบบฝกึ หัดท้ายหนว่ ย
คาถามขอ้ 11-15 (หนา้ 209-210) ปญั หาข้อ 4-25 (หน้า 213-215)

5. นักเรียนทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรยี นรู้ ท่ี 13 เรื่อง การสลายของ
ธาตุกมั มันตรงั สี

แหล่งเรยี นรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
2. หอ้ งสบื คน้ Resource Center

12. กจิ กรรมเสนอแนะ
แนะนาให้นักเรียนคน้ ควา้ หาความรเู้ พ่ิมเติมจาก

http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3

ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

ลงช่ือ........................................................
(นางตวงรัตน์ อน้ อินทร)์

ตาแหน่ง หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผ้อู านวยการกล่มุ บรหิ ารงานวิชาการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………........................................…………………….

ลงช่อื ...................................................................
(นายสุรศักดิ์ โพธบิ ลั ลังค์)

ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผ้อู านวยการโรงเรียน
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงชือ่ .......................................................
(นายพฒั นา ทรงประดษิ ฐ)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรยี นวัชรวทิ ยา
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

บนั ทกึ ผลหลงั การสอนแผนการสอนท่ี 13

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 วิชา ฟิสกิ ส์ 6 รหัสวิชา ว30206

ครูผู้สอน นางดวงดาว บดรี ฐั

1. ผลการสอน

1.1 สรุปผลการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความก้าวหน้าในการเรียนการสอน

จานวนนักเรยี น คะแนนเตม็ คะแนนเฉลี่ย คะแนนเฉลยี่ ความก้าวหนา้

ก่อนเรียน หลงั เรียน ในการเรียน

ร้อยละความกา้ วหน้า = คะแนนหลังเรยี น – คะแนนก่อนเรียน x 100
คะแนนเต็ม

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ………………………………ครผู ูส้ อน
( นางดวงดาว บดรี ฐั )
ตาแหน่ง ครู คศ. 3

วันที่…..เดือน……………..……..พ.ศ...........

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ แบบทดสอบ รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 6
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 เร่ือง (ว30206)

การสลายของธาตกุ ัมมันตรงั สี หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1
ปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลยี ร์

1. ธาตุ A สลายเป็นธาตุ B โดยปล่อยรังสบี ีตาออกมา ธาตทุ ง้ั สองจะมีจานวนใดเท่ากัน

ก. นวิ ตรอน ข. โปรตอน

ค. ผลรวมของนิวตรอนและโปรตอน ง. ผลต่างของนิวตรอนและโปรตอน

2. จากธาตุไอโซโทปของยูเรเนียม 238 U สลายตวั แบบอนุกรมไดอ้ นภุ าคแอลฟารวม 8 ตวั และอนุภาคบีตารวม 6 ตัว
92

และได้ไอโซโทปของธาตใุ หม่อีก 1 ตวั อยากทราบว่าไอโซโทปของธาตใุ หม่มเี ลขมวลและเลขอะตอมตรงกบั ขอ้ ใด

ก. 91 , 324 ข. 92 , 206 ค. 234 , 91 ง. 206 , 82

3. เมอ่ื บิสมัท 214 Bi สลายตัวใหร้ ังสีบีตาลบ นวิ เคลียสของธาตใุ หม่คอื
83

ก. 210 Pb ข. 210 Bi ค. 214 At ง. 214 Po
82 83 85 84

4. ในการสลายตัวต่อ ๆ กนั ของธาตุกมั มนั ตรังสีโดยเร่ิมจาก 238 U เม่อื สลายใหอ้ นุภาคท้ังหมดเป็น 2 , 2 และ 2 
92

จะทาใหไ้ ดน้ วิ เคลียสใหม่ มีจานวนโปรตอนและนวิ ตรอนเท่าใด

ก. จานวนโปรตอน 88 จานวนนิวตรอน 140 ข. จานวนโปรตอน 90 จานวนนิวตรอน 140

ค. จานวนโปรตอน 88 จานวนนวิ ตรอน 142 ง. จานวนโปรตอน 90 จานวนนิวตรอน 142

5. นิวเคลยี ส 210 Pb สลายตัวไอโซโทปเสถยี รตามลาดับดังนี้
82

210 XY Z จานวนนิวตรอนในไอโซโทปเสถยี ร Z เปน็ อย่างไร

82
Pb

,  , 

6. ธาตุไอโอดนี - 126 มคี รึง่ ชวี ติ 12 วัน นาย ข ได้รับธาตไุ อโอดีน - 126 เข้าไปในรา่ งกาย 16 กรมั เป็นเวลานาน

กวี่ นั ไอโอดีน – 126 ในรา่ งกายของนาย ข จึงลดลงเหลือ 2 กรมั

ก. 12 วัน ข. 24 วนั ค. 36 วัน ง. 48 วนั

7. สารกัมมันตรงั สีชนิดหนง่ึ มคี ่ากัมมนั ตภาพ 256 ครู ี พบวา่ เวลาผ่านไป 6 นาที กัมมนั ภาพลดลงเหลือ 32 คูรี จง

หา

คร่ึงชีวติ และค่ากัมมันภาพท่เี หลืออยู่หลงั จากเวลาผา่ นไปอกี 8 นาที

ก. 2 นาที 2 คูรี ข. 2 นาที 30 ครู ี ค. 4 นาที 8 คูรี ง. 4 นาที 24 คูรี

8. ไอโซโทปของโซเดียม 24 Na มคี ร่ึงชวี ิต 15 ช่ัวโมง จงหาวา่ เวลาผ่านไป 75 ชว่ั โมง นิวเคลยี สของไอโซโทปนจี้ ะ
11

สลาย

ไปแลว้ ประมาณก่เี ปอรเ์ ซน็ ตข์ องจานวนสารที่ตั้งตน้ ถา้ ตอนเร่ิมแรกมนี วิ เคลยี สของไอโซโทปนมี้ คี า่ 5 คูรี

ก. 75 % ข. 87 % ค. 94 % ง. 97 %

9. สารกมั มันตรงั สโี คบอลต์ - 60 สลายตวั ใหร้ ังสบี ตี าและรงั สีแกมมา โดยมีครง่ึ ชีวิต 5.3 ปี จงหา เปอร์เซ็นตข์ อง

สารกมั มันตรงั สที ี่เหลอื อยู่เมอื่ เวลาผา่ นไป 15.9 ปี

ก. 6.25 % ข. 12.5 % ค. 18.75 % ง. 25 %

10. ตอ้ งใช้เวลานานเทา่ ใด ธาตกุ มั มนั ตรงั สีทีม่ ีคร่ึงชีวติ เทา่ กับ 30 ปี จึงจะมปี ริมาณเหลอื เพียงร้อยละ 10 ของ

ของเดิม

ก. 80 ปี ข. 100 ปี ค. 120 ปี ง. 240 ปี

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14

กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว30206 รายวิชา ฟิสกิ ส์ 6
ปกี ารศึกษา 2564
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2
ผู้สอน นางดวงดาว บดรี ัฐ
ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรื่อง ฟสิ กิ สน์ วิ เคลยี ร์

ช่อื แผน ปฎกิ ิรยิ านวิ เคลยี ร์ เวลา 3 ช่ัวโมง

โรงเรียนวัชรวทิ ยา อาเภอเมือง จังหวัดกาแพงเพชร

************************************************************************************

1. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

ปฏิกิรยิ านวิ เคลยี ร์

สำหรบั กำรชนระหว่ำงนวิ เคลียสกับนิวเคลียส หรือนิวเคลยี สกบั อนภุ ำคนั้น เขียนเปน็ ปฏกิ ริ ยิ ำ

นิวเคลียสได้ดงั น้ี

สมกำรแบบเต็ม x + a y+b

สมกำรแบบย่อ x (a , b ) y

กำหนดให้ x คอื นิวเคลียสทีใ่ ชเ้ ปน็ เป้ำ
a คอื อนุภำคท่ีวง่ิ เข้ำมำชนเปำ้

b คือ นิวเคลียสของธำตุใหม่ท่ีเกิดขน้ึ ภำยหลังกันชน

หลักกำร Balance สมกำร หนว่ ย MeV
1. ผลบวกของเลขมวลตอนกอ่ น = ผลบวกของเลขมวลตอนหลัง

A ตอนก่อน = A ตอนหลงั
2. ผลบวกของเลขอะตอมตอนกอ่ น = ผลบวกของเลขอะตอมตอนหลงั

Z ตอนก่อน = Z ตอนหลัง

กำรหำพลังงำนของปฏิกริ ิยำนวิ เคลียร์ ΔE = Δmx 931 หรอื ΔE = Δm x 930

ปฏิกิริยาฟิชชนั (Fission reaction) เกดิ จำกธำตหุ นกั ถกู ยงิ ดว้ ยนิวตรอน แลว้ แตกเป็นธำตเุ บำ ปฏิกิรยิ ำ

ฟิชชันเปน็ ปฏิกริ ยิ ำแยกตัวของนิวเคลยี ส โดยมีนวิ ตรอนเปน็ ตวั วงิ่ เขำ้ ชนนิวเคลียสหนกั ๆ ( A  230 ) เป็นผล

ทำใหน้ ิวเคลยี สทีม่ ขี นำดปำนกลำง และมีนวิ ตรอนท่ีมีควำมเร็วสูงเกดิ ข้ึนประมำณ 2-3 ตวั ทงั้ มีกำรคำยพลังงำนออกมำ

ด้วย ดังตวั อย่ำงปฏิกิริยำตอ่ ไปนี้

+235 1  + + + E141
0 56
92 U n Ba 92 Kr 301 n
36

+235 1 n  +140 94 + 1 n +  + 200 MeV
0 38 0
92 54
U Xe Sr 2

รูปแสดงกำรเกิดฟิชชนั ของยเู รเนียม -235

ปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain reaction) เปน็ ปฏิกริ ยิ ำนิวเคลยี รแ์ บบฟิชชนั ที่เกิดขนึ้ อย่ำงตอ่ เนื่อง โดย
อำศยั นิวตรอนที่เกิดขึน้ เป็นตวั ยิงนวิ เคลยี สของธำตุต่อไป

รปู แสดงกำรเกดิ ปฏกิ ริ ิยำลกู โซ่

ปฏกิ ริ ิยาฟวิ ชนั (Fision reaction) เกิดจำกธำตุเบำตั้งแต่สองธำตรุ วมกันกลำยเป็นธำตุหนกั ปฏกิ ิริยำฟวิ ชัน

เปน็ ปฏิกิริยำหลอมตวั ของนิวเคลยี สและมีพลงั งำนคำยออกมำดว้ ย นิวเคลียสท่ีใชห้ ลอมจะต้องเป็นนิวเคลียสเล็กๆ

( A < 20 ) หลอมรวมกลำยเป็นนิวเคลียสเบำท่ใี หญก่ ว่ำเดมิ

ตัวอยำ่ งของปฏกิ ิริยำฟวิ ชันทีท่ ำได้ในห้องปฏิบัติกำร

+2H 2 H  3 H + +1H 4 MeV
1 1
1 1

H+2 2 H  3 He + 1 n + 3.3 MeV
1 2 0
1

H+2 31H  4 He + 1 n + 17.6 MeV
2 0
1

+2 3  +4 1 + 18.3 MeV
2 1
1 2
H He He H

ตวั อย่ำงของปฏิกริ ยิ ำฟิวชันทเี่ กิดข้ึนบนดำวฤกษ์

+1 1  MeV2 e0
1 1
H1 H H  1  0.4

+2 2  +3 1 n + 5.5 MeV
1 0
1 2
H H He

+ 3 3 4 He + +211 H 12.9 MeV
2 2
2
He He

+15N 1 H  12 C + 4 He + 4.9 MeV
1 6 2
7

2. มาตรฐาน
สาระฟสิ ิกส์

4. เขำ้ ใจควำมสมั พนั ธ์ของควำมรอ้ นกบั กำรเปลี่ยนอณุ หภมู ิและสถำนะของสสำรสภำพยดื หยนุ่ ของวัสดุ
และมอดลู ัสของยงั ควำมดันในของไหล แรงพยงุ และหลัก ของอำรค์ ิมดี ิส ควำมตงึ ผวิ และแรงหนืด

ของของเหลว ของไหลอุดมคติ และ สมกำรแบรน์ ูลลี กฎของแกส๊ ทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ อุดมคตแิ ละ
พลงั งำนในระบบ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรำกฏกำรณโ์ ฟโตอเิ ล็กทรกิ ทวิภำวะของคลื่นและ
อนภุ ำค กัมมนั ตภำพรงั สี แรงนิวเคลียร์ ปฏิกิรยิ ำนวิ เคลียร์ พลงั งำนนิวเคลยี ร์ ฟิสกิ ส์อนภุ ำค

รวมทั้งนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์

3. ตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ อธบิ ำยปฏิกริ ิยำนวิ เคลียร์ ฟิชชันและฟวิ ชนั รวมทั้งคำนวณพลงั งำน
ผลการเรียนรู้

นวิ เคลียร์

4. สาระการเรียนรู้

- สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง
1. ปฎกิ ิรยิ ำนิวเคลียร์
2. ปฎิกริ ยิ ำนิวเคลียร์ฟิชชันและฟิวชนั

5. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
1. ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร
2. ควำมสำมำรถในกำรคดิ
3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปญั หำ

จุดเนน้ กำรพัฒนำคุณภำพผเู้ รียนดำ้ นสมรรถนะ

1. กำรใช้เทคโนโลยเี พอื่ กำรเรยี นรู้
2. ทักษะกำรส่ือสำรอย่ำงสร้ำงสรรค์ตำมชว่ งวยั

3. ทกั ษะกำรคดิ ชั้นสงู

6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต

2. มีวินยั
3.ใฝเ่ รียนรู้

4. มุ่งม่ันในกำรทำงำน
จุดเนน้ กำรพฒั นำคุณภำพผูเ้ รยี นด้ำนคณุ ลักษณะ

1. คุณลกั ษณะมงุ่ มน่ั ในกำรทำงำน

2. คณุ ลักษณะใฝ่เรียนรู้

7. คณุ ลกั ษณะ 5 ประการโรงเรยี นสุจริต
1. กระบวนกำรคิด

2. มวี นิ ยั
3.ซอ่ื สัตย์สจุ ริต

8. ช้นิ งาน/ภาระงาน
1. ทำแบบฝึกหัดพฒั นำทกั ษะกำรคิดในแบบเรยี น เร่ือง ปฏกิ ิรยิ ำนวิ เคลียร์ ในแบบเรียน

คำถำม ขอ้ 1-6 (หนำ้ 174) แบบฝึกหัดขอ้ ที่ 1-5 (หน้ำ 175-176) และแบบฝกึ หัดทำ้ ยหนว่ ย ปัญหำขอ้ 26-
37 (หน้ำ 215-217)

2. ทำแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 14 เรื่อง ปฏิกิริยำนิวเคลียร์

9 .การวดั และประเมินผล

9.1 กำรประเมนิ ระหว่ำงจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้

ช้ินงำน/ภำระงำน วธิ ีกำรประเมิน เครอื่ งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ

ทำแบบฝึกหัดพฒั นำ ตรวจแบบฝึกหัดพัฒนำ แบบฝกึ หดั พัฒนำ ตำมเกณฑ์
กำรประเมินผล
ทกั ษะกำรคิดใน ทักษะกำรคิดใน ทกั ษะกำรคิดใน
แบบฝึกหัด
แบบเรียน เรอ่ื ง แบบเรียน เร่ือง แบบเรียน เร่อื ง

ปฏิกริ ยิ ำนิวเคลียร์ ปฏิกริ ยิ ำนวิ เคลยี ร์ ปฏิกริ ยิ ำนวิ เคลียร์

9.2 กำรประเมินเม่อื สน้ิ สุดกำรเรียนรู้

ชน้ิ งำน/ภำระงำน วธิ กี ำรประเมนิ เครอ่ื งมอื เกณฑ์กำรประเมนิ
สอบเก็บคะแนน
ทำแบบทดสอบ แบบทดสอบเก็บ ตำมเกณฑ์
เกบ็ คะแนน คะแนน กำรประเมินผล
จำนวน 10 ขอ้ กำรทำแบบทดสอบ
จำนวน 10 ขอ้

เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics)

ภำระงำน/ชิ้นงำน ดีมำก ดี พอใช้ ปรับปรุง

แบบฝกึ หดั ทำแบบฝกึ หัด ทำแบบฝึกหัด ทำแบบฝึกหดั ทำแบบฝกึ หัด
ถกู ตอ้ ง 80% ถกู ตอ้ ง 60-80% ถกู ต้อง 50 - ถูกตอ้ ง ต่ำกวำ่
ขนึ้ ไป 50%
60%

เกณฑก์ ารประเมินผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน / แบบทดสอบเกบ็ คะแนน ใชเ้ กณฑ์ดงั น้ี

รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป หมำยถงึ ดมี ำก

รอ้ ยละ 70-79 หมำยถึง ดี

ร้อยละ 60-69 หมำยถงึ ปำนกลำง

ร้อยละ 50-59 หมำยถงึ ผำ่ น

ต่ำกวำ่ ร้อยละ 50 หมำยถงึ ปรับปรุง

ผูป้ ระเมิน 2. นกั เรียนประเมินนักเรียน
1. ครผู สู้ อนประเมินนักเรยี น

10. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใชก้ ารเรยี นการสอน แบบ 5E

1. ขัน้ สร้ำงควำมสนใจ
1. ครนู ำนกั เรยี นอภิปรำยถงึ ปฏกิ ริ ยิ ำนวิ เคลยี ร์ ตำมควำมเข้ำใจของนกั เรยี น โดยให้นักเรียน

แสดงเหตุผลประกอบด้วย (กระบวนกำรคดิ )

2. ให้นักเรยี นร่วมกนั ต้งั คำถำมเกี่ยวกับสง่ิ ท่ตี ้องกำรรู้ จำกเน้ือหำที่เก่ยี วกบั ปฏกิ ริ ยิ ำนิวเคลยี ร์
2. ขัน้ สำรวจและค้นหำ (กระบวนกำรคดิ )

1. แบ่งนักเรียนเปน็ กลมุ่ ๆ 6 -7 คน (ประกอบดว้ ย นักเรยี นเกง่ กลำง ออ่ น
2. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ กำรวำงแผนกำรสบื ค้นกำรศึกษำเรอื่ งปฏิกริ ิยำนิวเคลยี ร์
3. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั สบื คน้ และศกึ ษำ ปฏกิ ิรยิ ำนวิ เคลยี ร์ จำกคลิปวีดิโอ

“ปฏิกริ ยิ ำนิวเคลยี ร์” ควำมยำว 18 นำที และ PPT เรื่อง ปฏิกิริยำนวิ เคลยี ร์ (กระบวนกำรคิด)
4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สรปุ ควำมรู้ทไ่ี ด้จำกกำรดวู ีดโี อ เร่อื ง ปฏิกิริยำนวิ เคลยี ร์ (กระบวนกำรคิด)

5. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ศึกษำชนดิ ของปฏิกิริยำนิวเคลียร์ (กระบวนกำรคิด มีวนิ ัย และซื่อสัตย์
สุจรติ )

3. ขน้ั อธบิ ำยและลงข้อสรปุ

1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนำเสนอผลผลกำรศกึ ษำ เร่อื ง ปฏกิ ริ ยิ ำนวิ เคลียร์ (กระบวนกำรคิด มีวนิ ัย
และซอื่ สัตยส์ จุ ริต)

2. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ได้ผลกำรสืบค้นและศึกษำ เหมือนกันหรือต่ำงกนั อยำ่ งไร (กระบวนกำรคิด
และซือ่ สัตยส์ จุ ริต)

3. ครูตั้งคำถำมวำ่ จำกกำรศกึ ษำ เร่ือง ปฏิกริ ิยำนวิ เคลียร์ (กระบวนกำรคดิ )

- ปฏกิ ิริยำนวิ เคลยี ร์ หมำยถงึ
- ปฏกิ ริ ิยำนวิ เคลยี ร์ มกี ่ปี ระเภท ไดแ้ ก่

- กำรเขียนสมกำรปฏกิ ิรยิ ำนวิ เคลียร์เขียนอย่ำงไร
- ปฏกิ ริ ิยำนวิ เคลียร์ ฟิชชันเกิดขึน้ อยำ่ งไร
- ปฏกิ ริ ิยำลูกโซ่ เกิดไดอ้ ยำ่ งไร

- จำนวนครั้งของกำรเกดิ ปฏิกริ ิยำลูกโซใ่ นปฏกิ ิริยำนิวเคลยี ร์ฟชิ ชนั มผี ลอย่ำงไรกบั พลังงำน
ทเี่ กิดขึน้

- ปฏกิ ริ ยิ ำนวิ เคลยี ร์ ฟวิ ชนั เกิดข้ึนอย่ำงไร
- ปฏิกิรยิ ำนิวเคลยี ร์ ฟวิ ชนั บนดวงอำทติ ยเ์ กิดจำกนิวเคลียสของธำตใุ ด
- พลังงำนจำกปฏกิ ิรยิ ำนวิ เคลยี ร์หำได้จำกสมกำรใด

- พลังงำนนิวเคลยี ร์ต่ำงจำกพลงั งำนยึดเหนี่ยวอยำ่ งไร
4. นักเรียนทั้งหมดรว่ มกันสรุปผลจำกกำรสืบค้นและศึกษำเรื่อง ปฏิกิรยิ ำนวิ เคลียร์ (กระบวนกำรคดิ

และซอ่ื สัตย์สุจริต)
4. ขน้ั ขยำยควำมรู้
1. ให้นักเรียนร่วมกันอภปิ รำยปฏกิ ิรยิ ำนิวเคลยี ร์ และกำรฝกึ ทักษะกำรคำนวณหำพลังงำนจำกชุดฝึก

ทักษะกำรแกโ้ จทยป์ ัญหำฟสิ ิกส์ เรื่อง ปฏิกริ ิยำนิวเคลียร์ (กระบวนกำรคดิ มีวินัย และซอ่ื สตั ย์สุจริต)

2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสรปุ ปฏกิ ิริยำนวิ เคลียร์ (กระบวนกำรคดิ และซื่อสตั ยส์ จุ ริต)
3. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ แลกเปลย่ี นเรียนรกู้ ำรคำนวณโจทยป์ ัญหำที่เกีย่ วข้อง (กระบวนกำรคดิ และ
ซ่อื สัตย์สุจริต)
5. ขั้นประเมินผล

1. ทำแบบฝึกหดั พฒั นำทักษะกำรคดิ ในแบบเรยี น เรือ่ ง ปฏกิ ริ ยิ ำนิวเคลยี ร์
คำถำม ขอ้ 1-6 (หนำ้ 174) แบบฝึกหดั ขอ้ ที่ 1-5 (หน้ำ 175-176) และแบบฝึกหดั ทำ้ ยหน่วย ปัญหำขอ้ 26-
37 (หนำ้ 215-217) (กระบวนกำรคดิ มวี ินยั และซอ่ื สัตย์สุจรติ )

2. นักเรียนทำแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 14 เร่ือง ปฏกิ ิริยำนวิ เคลยี ร์
(กระบวนกำรคิด มีวินยั และซือ่ สตั ย์สจุ รติ )

11. ส่อื การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
ส่ือกำรเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี นรำยวชิ ำเพม่ิ เติมฟิสกิ ส์ เลม่ 6 กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ ของ สสวท.
2. คลปิ วีดโิ อ “ปฏิกริ ยิ ำนวิ เคลียร์” ส่ือกำรสอน สสวท.
https://www.youtube.com/watch?v=GcjV1hbvaNg
3. PPT หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี 1 เร่อื ง ฟิสิกสน์ วิ เคลยี ร์
4. ชดุ ฝึกทกั ษะกำรแก้โจทย์ปัญหำฟิสิกส์ เรื่อง ปฏิกิริยำนวิ เคลยี ร์
5. ทำแบบฝึกหัดพฒั นำทกั ษะกำรคิดในแบบเรียน เรอ่ื ง ปฏกิ ิรยิ ำนวิ เคลยี ร์ ในแบบเรยี น คำถำม
ข้อ 1-6 (หนำ้ 174) แบบฝึกหัดข้อที่ 1-5 (หน้ำ 175-176) และแบบฝึกหดั ท้ำยหน่วย ปัญหำ
ข้อ 26-37 (หน้ำ 215-217)
6. ทำแบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 14 เรื่อง ปฏกิ ิริยำนวิ เคลียร์
แหล่งเรียนรู้
1. ห้องสมุดโรงเรยี น
2. ห้องสบื คน้ Resource Center

12. กจิ กรรมเสนอแนะ
แนะนำใหน้ ักเรียนค้นคว้ำหำควำมรเู้ พิ่มเติมจำก
http://www.school.net.th/education/physics-resources.php3 และ
http://SCIENCE.HOWSTAFFWORKS.com

ข้อเสนอแนะของหวั หน้ำกล่มุ สำระกำรเรยี นรู้
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

ลงช่ือ........................................................
(นำยสุระศักดิ์ ยอดหงษ์)

ตำแหน่ง หวั หน้ำกลุม่ สำระกำรเรียนร้วู ทิ ยำศำสตร์
วันท.ี่ .........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยกำรกลุม่ บริหำรงำนวิชำกำร
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………........................................…………………….

ลงชอ่ื ...................................................................
(นำยสรุ ศกั ดิ์ โพธิบัลลงั ค์)

ตำแหน่ง รองผู้อำนวยกำรกลุ่มบรหิ ำรงำนวิชำกำร
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผูอ้ ำนวยกำรโรงเรียน
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .......................................................
(นำยพฒั นำ ทรงประดษิ ฐ)

ตำแหนง่ ผู้อำนวยกำรโรงเรยี นวัชรวิทยำ
วันท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

บันทึกผลหลงั การสอนแผนการสอนที่ 14

ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 วิชา ฟิสิกส์ 6 รหสั วชิ า ว30206

ครผู ู้สอน นำงดวงดำว บดีรัฐ

1. ผลการสอน

1.1 สรปุ ผลการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 หาความก้าวหนา้ ในการเรยี นการสอน

จำนวนนักเรียน คะแนนเต็ม คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉล่ยี ควำมกำ้ วหน้ำ

กอ่ นเรยี น หลังเรยี น ในกำรเรียน

รอ้ ยละควำมก้ำวหน้ำ = คะแนนหลงั เรียน – คะแนนกอ่ นเรียน x 100
คะแนนเตม็

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………….………………………………………................………………

ลงชือ่ ………………………………ครูผู้สอน
( นำงดวงดำว บดีรัฐ)
ตำแหน่ง ครู คศ. 3

วันท่ี…..เดอื น……………..……..พ.ศ...........

กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ แบบทดสอบ รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 6 (ว
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เรอ่ื ง 30206)

ปฏกิ ิรยิ านวิ เคลยี ร์ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3

ฟิสิกส์นิวเคลยี ร์

1. จำกปฏิกิรยิ ำนิวเคลียร์ 2 H + X 4 He + n X ควรเปน็ อนภุ ำคใด
1 2

ก. อเิ ล็กตรอน ข. โปรตอน ค. ดิวเทอรอน ง. ทรทิ อน

2. จำกปฏิกริ ิยำนวิ เคลียร์ +14 N 1 H N+ X15 X คอื อนุภำคใด
1
7 7

ก. อิเล็กตรอน ข. โปรตอน ค. นิวตรอน ง. โพซติ รอน

3. จำกปฏกิ ริ ิยำนวิ เคลียร์ (n , y)198 197 ถำมว่ำ y คอื อนภุ ำคใด
79
80
Hg Au

ก. อนภุ ำคแอลฟำ ข. โปรตอน ค. ดวิ เทอรอน ง. ทรทิ อน

4.ข้อใดถูกต้องเก่ียวกบั ปฏิกิริยำนิวเคลียรฟ์ ิวชนั ( fusion )

ก.. เกิดที่อณุ หภมู ติ ่ำ

ข. ไมส่ ำมำรถทำใหเ้ กิดบนโลกได้

ค. เกิดจำกนิวเคลยี สของธำตุเบำหลอมรวมกันเปน็ ธำตุหนกั

ง. เกดิ จำกกำรทนี่ วิ เคลียสของธำตุหนกั แตกตัวออกเปน็ ธำตุเบำ

5. ในกำรสลำยตวั ของ 146C นิวเคลียสของ C-14 ปล่อยอเิ ลก็ ตรอนออกหนึง่ ตัว นิวเคลยี สใหม่จะมีประจเุ ปน็ ก่ี

เท่ำของประจุโปรตอน

ก.. 5 ข. 7 ค. 13 ง. 15

6. อตั รำกำรสลำยตวั ของกลมุ่ นิวเคลยี สกัมมันตรงั สี A ขน้ึ กบั อะไร

ก. อุณหภูมิ ข. ควำมดนั ค. ปรมิ ำณ ง. จำนวนนวิ เคลียส A ที่มอี ยู่

7. นิวเคลยี สของเรเดียม-226 มีกำรสลำยดังสมกำรข้ำงลำ่ ง x คืออะไร
22688Ra  22286Rn + x

ก. รังสแี กมมำ ข. อนุภำคบีตำ ค. อนุภำคนวิ ตรอน ง. อนภุ ำคแอลฟำ

8. ธำตุหรอื ไอโซโทปในข้อใดทไี่ ม่มสี ่วนเกี่ยวขอ้ งในปฏิกริ ยิ ำนิวเคลียร์ฟิวชันท่ีเกดิ ขึ้นท่ีดวงอำทิตย์

ก. ไฮโดรเจน ข. ดิวเทอเรียม ค. ทรเิ ทียม ง. ฮเี ลียม

9. ธำตทุ ่มี สี ญั ลกั ษณ์นวิ เคลียร์ 40 K มักถกู เรียกชือ่ ย่อวำ่ อะไร
19

ก. โปแตสเซียม-19 ข. โปแตสเซยี ม-21 ค. โปแตสเซยี ม-40 ง. โปแตสเซียม-59

10.จงคำนวณพลังงำนทไ่ี ด้จำกปฏิกริ ยิ ำนวิ เคลียรต์ ่อไปน้ี

14 N + 2 H  15 N + 1 H
7 1 7 1

(กำหนดใหม้ วลอะตอม N – 14 = 14.003074 u, H – 2 = 2.014102, N – 15 = 15.000108 u และ H-1

= 1.007825 u)

ก. 4.04 MeV ข. 8.60 MeV ค. 11.52 MeV ง. 15.66 MeV

แผนบูรณาการสาระทอ้ งถิน่ /เศรษฐกจิ พอเพยี ง/อาเซียน/ทกั ษะชีวิต/โรงเรยี นสุจรติ /พระบรมราโชบาย ร.10/5STEPs

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 15

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว 30206 รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 6

ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

ช่อื หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่อื ง ฟสิ ิกสน์ ิวเคลียร์

ชื่อแผน ประโยชน์และการป้องกันอนั ตรายจากรังสี เวลา 3 ชั่วโมง ผสู้ อน นางดวงดาว บดีรัฐ

โรงเรยี นวัชรวิทยา อาเภอเมอื ง จงั หวดั กาแพงเพชร

************************************************************************************

1. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสี

1. ทางอตุ สาหกรรม ใชห้ ารอยร่วั ของท่อ รอยรา้ วของแผ่นโลหะ หรอื ใช้ควบคมุ ความหนาแนน่ ของ

แผ่นโลหะ

2. ทางการเกษตร ใชป้ รบั ปรงุ พนั ธ์ุพืช วิจยั ปยุ๋ ( 32 P ) วิจัยโคนม ( 131 I ) การถนอมอาหาร หรือ
15 53

ศึกษาการปรุงอาหารของพืช

3. ทางการแพทย์ ใชร้ กั ษาโรคมะเร็ง ( 60 Co ) ตรวจการไหลเวยี นของโลหิต ( 24 Na )
27 11

4. การหาวัตถุโบราณหรือการหาอายโุ ลกจะใช้คาร์บอน – 14และยเู รเนยี ม (Uranium-lead dating)

อนั ตรายจากกัมมันตภาพรงั สี

กมั มันตภาพรังสี เม่อื ผา่ นเขา้ ไปในเนือ้ เยื่อของสิ่งมีชวี ติ ทาให้เกิดการเปลีย่ นแปลงภายในเน้ือเย่อื

ทาใหเ้ น้อื เยื่อตายทันที หรือมีการเปล่ยี นแปลงไปจากเดิมทาให้เกดิ โรคมะเร็ง

การปอ้ งกนั อนั ตรายจากกัมมนั ตภาพรังสี

1. เนือ่ งจากปรมิ าณกัมมนั ตภาพรังสีท่ีเราไดร้ ับขึ้นกบั เวลา ดังนนั้ ถา้ จาเป็นตอ้ งเข้าใกลบ้ ริเวณทมี่ ี

ธาตกุ มั มันตรังสี ควรใช้เวลาสนั้ ท่ีสดุ เท่าที่จะทาได้

2. เน่อื งจากปรมิ าณกัมมนั ตภาพรงั สจี ะลดลง ถ้าบรเิ วณนน้ั อยหู่ ่างแหลง่ กาเนดิ กมั มนั ตภาพรงั สีมาก

ขน้ึ ดงั น้นั จงึ ควรอยู่หา่ งบริเวณทม่ี ีธาตกุ มั มันตรังสใี ห้มากที่สุดเทา่ ทจ่ี ะมากได้

3. เนื่องจากปริมาณกมั มันตภาพรงั สชี นิดตา่ ง ๆ มีอานาจทะลผุ ่านวัตถุไดต้ ่างกนั ดงั นั้นจงึ ควรใช้

วัตถทุ ก่ี ัมมนั ตภาพรังสผี า่ นไดย้ ากเป็นเครอื่ งกาบัง เชน่ มักใชต้ ะกว่ั คอนกรตี กาบังรงั สแี กมมาและรงั สบี ีตา

ได้ นิยมใชน้ ้าเปน็ เครื่องกาบงั นวิ ตรอน เปน็ ตน้

2. มาตรฐาน
สาระฟิสิกส์

4. เขา้ ใจความสัมพันธ์ของความร้อนกบั การเปลย่ี นอุณหภมู แิ ละสถานะของสสารสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ
และมอดลู ัสของยงั ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลัก ของอาร์คมิ ีดิส ความตึงผิวและแรงหนืด

ของของเหลว ของไหลอุดมคติ และ สมการแบร์นลู ลี กฎของแกส๊ ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ อดุ มคตแิ ละ
พลังงานในระบบ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ล็กทรกิ ทวิภาวะของคล่ืนและ
อนภุ าค กมั มันตภาพรงั สี แรงนิวเคลียร์ ปฏกิ ิรยิ านวิ เคลียร์ พลังงานนวิ เคลียร์ ฟิสิกส์อนุภาค

รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

3. ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้
ผลการเรียนรู้ อธิบายประโยชนข์ องพลงั งานนิวเคลียร์ และรงั สี รวมทั้งอนั ตรายและการ

ปอ้ งกันรงั สี ในดา้ นต่าง ๆ ในท้องถิน่ และภมู ภิ าคอาเซียนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และ
พระบรมราโชบาย ร.10

5. สาระการเรียนรู้
- สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. ประโยชน์ อันตรายและการป้องกันกัมมันตภาพรงั สี
2. ประโยชน์ อนั ตรายและการป้องกนั พลงั งานนวิ เคลียร์

6. สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน
1. การใชป้ ระโยชน์ และการป้องกันกัมมนั ตภาพรงั สีในท้องถน่ิ
2. การใชป้ ระโยชน์ และการป้องกันพลงั งานนิวเคลียร์ในทอ้ งถิน่

7. สอดแทรกหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ประโยชน์ อันตรายและการป้องกนั กัมมันตภาพรงั สี
2. ประโยชน์ อนั ตรายและการป้องกันพลังงานนวิ เคลียร์

8. สอดแทรกความรู้การเข้าสู่ประชาคมอาเซยี น
- การร่วมกลมุ่ การนารงั สแี ละพลังงานนิวเคลยี ร์ไปใช้ประโยชน์ในภูมิภาคอาเซียนทางสันติ

9. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

จดุ เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นด้านสมรรถนะ
1. ทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
2. ทักษะการสื่อสารอย่างสร้างสรรคต์ ามชว่ งวัย

10. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1.ใฝ่เรียนรู้
2. ม่งุ มั่นในการทางาน

จดุ เนน้ การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นดา้ นคุณลกั ษณะ
1. มุ่งมัน่ ในการศึกษาและการทางาน
2. คุณลักษณะใฝ่เรียนรู้

11. คณุ ลกั ษณะ 5 ประการโรงเรียนสจุ รติ
1. กระบวนการคดิ
2. มีวินัย

3.ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
4. อยู่อย่างพอเพียง

12. พระบรมราโชบาย ร.10
– ด้านมีงานทา มอี าชพี และพลเมอื งดี

13. จดุ เน้นสกู่ ารพฒั นาคุณภาพผ้เู รยี น ทกั ษะศตวรรษท่ี 21
 การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และทักษะในการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)
 ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความรว่ มมอื การทางานเป็นทีม และภาวะผนู้ า (Collaboration, Teamwork

and Leadership)
 ทกั ษะดา้ นการสอื่ สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั ส่อื (Communications, Information, and

Media Literacy)

ทกั ษะด้านชีวิตและอาชพี
 ความยืดหยนุ่ และการปรบั ตวั
 การริเร่ิมสรา้ งสรรค์และการเปน็ ตัวของตัวเอง
 ทักษะสงั คม และสงั คมขา้ มวัฒนธรรม
 การเป็นผู้สรา้ งหรอื ผู้ผลิต และความรับผิดชอบเช่อื ถอื ได้
 ภาวะผู้นาและความรับผิดชอบ

คุณลกั ษณะสาหรับศตวรรษท่ี 21
 คุณลกั ษณะดา้ นการทางาน ได้แก่ การปรบั ตัว ความเปน็ ผู้นา
 คณุ ลักษณะดา้ นการเรยี นรู้ ได้แก่ การชี้นาตนเอง การตรวจสอบการเรยี นร้ขู องตนเอง
 คณุ ลักษณะด้านศีลธรรม ไดแ้ ก่ เคารพผอู้ ื่น ความซื่อสตั ย์ สานึกพลเมือง

14. ชิ้นงาน/ภาระงาน
1. ทาแบบฝึกหัดพฒั นาทักษะการคิดในแบบเรียน เร่ือง กัมมนั ตภาพรังสแี ละพลงั งาน

นวิ เคลียรใ์ นชีวติ ประจาวัน ในแบบเรียน คาถาม ข้อ 31-32 (หนา้ 212) และปัญหาขอ้ 34-38 (หน้า 217)
2. ทารายงานกล่มุ และนาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น
3. ทาแบบทดสอบเก็บคะแนนแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15 เรอ่ื ง ประโยชน์และการปอ้ งกนั

อนั ตรายจากรังสี

15 .การวัดและประเมนิ ผล

15.1 การประเมนิ ระหว่างจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

วดั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารประเมิน เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ

1. อธบิ ายประโยชน์ ตรวจแบบฝึกหัดพัฒนา แบบฝึกหัดพัฒนาทกั ษะ ตามเกณฑ์

อันตรายและการป้องกัน ทกั ษะการคิดในแบบเรียน การคดิ ในแบบเรียน การประเมนิ ผล

กัมมันตภาพรังสี เรื่อง กมั มนั ตภาพรงั สแี ละ เร่อื ง กัมมนั ตภาพรงั สี แบบฝกึ หดั

พลงั งานนวิ เคลยี รใ์ น และพลังงานนิวเคลียร์ใน

ชีวิตประจาวัน ชีวิตประจาวนั

2. อธบิ ายประโยชน์ ตรวจแบบฝกึ หัดพัฒนา แบบฝึกหัดพัฒนาทกั ษะ ตามเกณฑ์

อนั ตรายและการป้องกัน ทักษะการคิดในแบบเรียน การคดิ ในแบบเรียน การประเมินผล

พลงั งานนิวเคลียร์ เรอื่ ง กมั มันตภาพรังสแี ละ เรอ่ื ง กัมมนั ตภาพรงั สี แบบฝกึ หดั

พลังงานนิวเคลียรใ์ น และพลงั งานนิวเคลยี ร์ใน

ชวี ติ ประจาวัน ชีวติ ประจาวนั

3. เขียนรายงานและ ตรวจรายงานและการ แบบประเมินรายงาน ตามเกณฑก์ าร

นาเสนอผลงานการใช้ นาเสนอ เร่อื ง การใชร้ ังสี และการนาเสนอ เรือ่ ง ประเมนิ รายงานและ

กัมมนั ตภาพรังสีและ และพลังงานนวิ เคลียรใ์ น การใชร้ ังสีและพลงั งาน การนาเสนอ

พลังงานนิวเคลียรใ์ นภูมภิ าค ภูมิภาคอาเซยี น นิวเคลียรใ์ นภูมิภาค

อาเซยี น อาเซยี น

15.2 การประเมินเมอ่ื สนิ้ สดุ การเรียนรู้

ชิน้ งาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมิน เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน

สอบเก็บคะแนน ทาแบบทดสอบ แบบทดสอบเก็บคะแนน ตามเกณฑ์
การประเมินผล
เก็บคะแนนจานวน 10 ขอ้ จานวน 10 ขอ้ การทาแบบทดสอบ

ภาระงาน/ช้นิ งาน เกณฑก์ ารประเมิน (Rubrics) พอใช้ ปรบั ปรุง
ดมี าก ดี
ทาแบบฝึกหัดถูกตอ้ ง
แบบฝกึ หดั ทาแบบฝกึ หัดถกู ตอ้ ง ทาแบบฝึกหัด ทาแบบฝึกหดั ตา่ กว่า 50%
รายงาน 80% ถกู ต้อง 60-80% ถูกต้อง 50 -60%
ขน้ึ ไป ทางานที่ได้รับ
ทางานทไี่ ดร้ บั ทางานทไ่ี ด้รบั มอบหมายด้วย
ทางานที่ไดร้ ับ มอบหมายดว้ ย มอบหมายดว้ ย ตนเองไม่ครบถ้วน
มอบหมายดว้ ย ตนเอง ครบถ้วน ตนเอง ครบถ้วน ถกู ตอ้ ง 50% /ตรง
ตนเอง ครบถว้ นตรง ถูกต้อง80% ตรง ถกู ต้อง70% ตรง ตามกาหนดสง่
ตามกาหนดส่งและ ตามกาหนส่ง ตามกาหนส่ง
ถกู ตอ้ ง

เกณฑก์ ารประเมินผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน / แบบทดสอบเก็บคะแนน ใช้เกณฑ์ดังน้ี

ร้อยละ 80 ขึ้นไป หมายถึง ดีมาก

ร้อยละ 70-79 หมายถงึ ดี

รอ้ ยละ 60-69 หมายถงึ ปานกลาง

ร้อยละ 50-59 หมายถงึ ผา่ น

ตา่ กวา่ ร้อยละ 50 หมายถึง ปรับปรงุ

ผปู้ ระเมิน

1. ครูผสู้ อนประเมนิ นกั เรียน 2. นกั เรยี นประเมินนักเรียน

การวัดสมรรถนะและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รยี น

สมรรถนะ/ คุณลักษณะอนั พงึ วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์การผา่ น
ประสงค์ของผู้เรียน ระดับ ๒ ผ่านเกณฑ์
ตรวจรายงาน แบบประเมินสมรรถนะ ระดับ ๒ ผา่ นเกณฑ์
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด ตรวจแบบฝึกหัดพัฒนา แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั ๒ ผ่านเกณฑ์

คณุ ลักษณะใฝเ่ รียนรู้ ทักษะการคิด ระดับ ๒ ผ่านเกณฑ์

คุณลักษณะมุ่งม่นั ในการทางาน นกั เรียนประเมนิ ตนเอง แบบประเมินตนเอง

ออนไลน์

นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง แบบประเมนิ ตนเอง

ออนไลน์

16. การวเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
16.1 ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้หลักคดิ และฝกึ ปฏิบัติ ตาม 3 หว่ ง 2 เง่ือน ดงั นี้

ความรู้ คณุ ธรรม

1. แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียง 1. ความขยนั 2. ใฝ่เรยี นรู้

2. ประโยชน์ อนั ตรายและการปอ้ งกนั รงั สีและ 3. ความรับผดิ ชอบ 4. ความมุ่งมน่ั ในการทางาน

พลังงานนิวเคลียร์ 5. ความสามัคคีภายในกลมุ่

พอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมคิ ้มุ กนั ในตัวที่ดี

1. พอประมาณกบั งบประมาณ 1. เข้าใจและเห็นความสาคญั ในการ 1. นาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไป

ในการนาเสนอผลงานหน้า นาแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ประยุกต์ใช้กับการดาเนินชวี ิตของตนเอง

ชั้นเรยี น เช่น การทารายงาน มาใช้ในชีวติ ประจาวนั อย่างมเี หตผุ ล อยา่ งเหมาะสมถูกตอ้ ง เพ่ือให้สามารถ

2. พอประมาณในการดาเนินชีวิต ยนื หยดั ไดอ้ ย่างมน่ั คงท่ามกลางกระแส

การเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ของสงั คม

เศรษฐกจิ และสิ่งแวดล้อม

16.2 ผู้เรยี นไดเ้ รียนรกู้ ารใช้ชีวติ ท่ีสมดลุ และพรอ้ มรบั การเปล่ยี นแปลงใน 4 มติ ิ ตามหลกั ปรัชญาของ

เศรษฐกิจพอเพยี ง ดังน้ี

สมดลุ และพรอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลงในดา้ นตา่ งๆ

ด้าน วตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม

องค์ประกอบ

ความรู้ -มีความรู้เกย่ี วกบั แนวคดิ -รู้จักแบ่งหน้าที่ -มคี วามร้เู ก่ียวกับ -รู้และเข้าใจ

เศรษฐกจิ พอเพยี งและ รับผิดชอบใน การรกั ษาธรรมชาติ ในวัฒนธรรม

สามารถนาปรัชญาเศรษฐกิจ การทางาน และสิง่ แวดลอ้ ม ทอ้ งถ่นิ ทตี่ น

พอเพียงมาประยกุ ตใ์ ช้ อาศยั อยู่

ในชีวติ ประจาวนั

ทักษะ -มีทักษะในการนา แนวคดิ - ปฏิบตั ิกิจกรรม - ดูแลรกั ษา -การชว่ ยเหลือ

เศรษฐกจิ พอเพยี งมา ภายในกลุ่มไดอ้ ย่างมี และไมท่ าลาย เกือ้ กูลเออ้ื เฟือ้

ประยุกต์ ใช้ชีวติ ประจาวนั ประสิทธิ ภาพ ส่งิ แวดลอ้ ม แบง่ ปนั

สมดุลและพรอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลงในด้านต่างๆ

ดา้ น วตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม

องค์ประกอบ

คา่ นิยม -มีความตระหนกั และ -เกดิ ความรัก สามัคคี -ตระหนักในการ -เห็นคุณค่าของ

เห็นคุณคา่ ของการนา ในหมู่ คณะและ ใช้ทรัพยากรทม่ี ี วฒั นธรรมองถ่ินทต่ี น

แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี งมา ยอมรับฟังความ อยู่อย่างคุ้มค่า อาศัยอยู่

ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั คิดเห็น

ของผ้อู ืน่

17. กจิ กรรมการเรียนรู้ ใช้การเรยี นการสอน แบบ 5STEPs

1. ขั้นตอนท่ี 1 การเรยี นรู้ตั้งคาถาม ( Learning to Question)
1. ครูนานกั เรยี นอภปิ รายถึง กัมมนั ตภาพรังสีและพลังงานนิวเคลียร์ในชวี ิตประจาวนั ตามความ

เขา้ ใจของนักเรียน โดยใหน้ กั เรียนแสดงเหตุผลประกอบด้วย (กระบวนการคดิ )
2. ใหน้ ักเรียนรว่ มกันตัง้ คาถามเกีย่ วกับสง่ิ ท่ตี ้องการรู้ จากเนื้อหาที่เกี่ยวกบั กัมมันตภาพรังสีและ

พลังงานนวิ เคลียร์ในชวี ิตประจาวนั (กระบวนการคิด)

2. ขน้ั ตอนที่ 2 การเรยี นรูแ้ สวงหาสารสนเทศ ( Learning to Search)
1. แบ่งนกั เรยี นเป็นกล่มุ ๆ 6 -7 คน (ประกอบด้วย นักเรยี นเกง่ กลาง อ่อน) (เง่อื นไข

คุณธรรม : ความรับผดิ ชอบ, ความมงุ่ มัน่ )
2. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ การวางแผนการสบื ค้นการศึกษาเรอ่ื งกมั มนั ตภาพรังสีและพลงั งาน

นวิ เคลยี รใ์ นชวี ติ ประจาวนั (กระบวนการคิด)
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั สืบค้นและศกึ ษา กมั มนั ตภาพรังสแี ละพลังงานนิวเคลยี ร์ใน

ชวี ติ ประจาวัน จากคลิปวีดโิ อ “ประโยชน์ โทษของรงั สแี ละพลังงานนิวเคลยี ร์” ความยาว 20 นาที
(เง่ือนไขความร)ู้ (กระบวนการคดิ )

4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สืบค้นและศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มูลจากหนังสอื พิมพ์ อินเทอรเ์ น็ต วทิ ยุ หรอื
โทรทศั น์ เพ่ือจดั ทารายงานและนาเสนอผลการสืบคน้ เรอ่ื ง การใช้รงั สแี ละพลงั งานนิวเคลยี รใ์ นทอ้ งถนิ่ และ
ภูมิภาคอาเซียน(เง่ือนไขความรู้ ) (กระบวนการคดิ มวี ินัยและซ่ือสตั ย์สจุ ริต)

5. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มฝึกปฏบิ ัตกิ ารสืบค้นและศกึ ษาค้นควา้ (กระบวนการคดิ มวี นิ ัยและซื่อสตั ย์
สจุ รติ )

3. ขัน้ ตอนที่ 3 การเรียนรู้เพือ่ สรา้ งองคค์ วามรู้ ( Learning to Construct)
1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการสบื คน้ และผลการศึกษา เร่อื ง การใชร้ งั สีและพลังงาน

นิวเคลียรใ์ นอาเซียน (พอประมาณกับงบประมาณ, ความมีเหตุผล, การมภี มู คิ มุ้ กันในตัวทีด่ ,ี เง่อื นไขความรู้
และเง่อื นไขคุณธรรม) กระบวนการคิด มีวินยั ซอื่ สตั ย์สุจรติ และอยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง)

2. สังเกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤตกิ รรม
ในการทางานเป็นรายบคุ คลหรอื เปน็ กล่มุ ในขณะนกั เรียนปฏบิ ตั ิกจิ กรรม (พอประมาณกบั งบประมาณ, ความ
มีเหตุผล, การมภี มู คิ ุ้มกนั ในตัวทด่ี ี) กระบวนการคดิ มีวินัย ซือ่ สัตย์สุจรติ และอยู่อยา่ งพอเพียง)

3. นกั เรยี นท้ังหมดรว่ มกันสรุปผลจากการสืบค้นและศึกษาคน้ ควา้ ( ความมเี หตุผล, การมี
ภมู คิ ุ้มกนั ในตัวทีด่ ,ี เง่อื นไขความรู้ และเงอ่ื นไขคุณธรรม) กระบวนการคดิ มีวินัย ซ่อื สตั ยส์ ุจริตและอยอู่ ยา่ ง
พอเพียง)

4. ขน้ั ตอนท่ี 4 การเรียนรู้เพอ่ื การสื่อสาร ( Learning to Communicate)
1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ ความร้เู ร่ือง การใช้รงั สแี ละพลังงานนิวเคลียร์ในอาเซียน ( ความมี

เหตุผล, การมภี ูมคิ ุม้ กันในตัวท่ดี ,ี เง่อื นไขความรู้ และเงือ่ นไขคุณธรรม) กระบวนการคดิ มวี นิ ัย ซ่ือสัตย์สุจริต
และอยู่อยา่ งพอเพียง)

2. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ การรว่ มกล่มุ การนารงั สแี ละพลงั งานนิวเคลียร์ไปใชป้ ระโยชน์ในทางสนั ติ
และการปอ้ งกนั อนั ตรายจากรงั สแี ละพลงั งานนิวเคลยี รต์ ลอดจนการร่วมตรวจสอบการใช้พลงั งานนวิ เคลยี ร์
ในทางการทหาร ( ความพอประมาณ,ความมีเหตุผล, การมีภูมิคมุ้ กนั ในตวั ที่ด,ี เงื่อนไขความรู้ และเงื่อนไข
คณุ ธรรม) (กระบวนการคดิ มีวนิ ัย ซอื่ สัตย์สุจริตและอยอู่ ย่างพอเพียง) (พระบรมราโชบาย ร.10
–ด้านมงี านทา มอี าชพี และพลเมืองดี)

5. ขัน้ ตอนท่ี 5 การเรยี นรู้เพอื่ ตอบแทนสงั คม ( Learning to Serve)
1. นกั เรียนทาแบบฝึกหดั พัฒนาทักษะการคิดในแบบเรียน เรื่อง ประโยชนข์ อง

กมั มนั ตภาพรงั สแี ละพลังงานนวิ เคลยี ร์ ในแบบเรียน คาถาม ข้อ 41-43 (หนา้ 226) กระบวนการคิด มวี ินยั
ซ่อื สัตยส์ จุ รติ และอย่อู ย่างพอเพยี ง)

2. นกั เรียนรายงานกลมุ่ และนาเสนอหน้าชั้นเรียน (กระบวนการคดิ มวี นิ ัย ซอ่ื สตั ย์สุจริตและ
อยู่อย่างพอเพยี ง) ขณะนกั เรยี นทากิจกรรมตา่ งๆ ครูสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นของนักเรยี นรายบุคคล
พฤตกิ รรมการอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี นสื่อความ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นตาม
กาหนด และสะทอ้ นความรู้สึกจากคาถาม R-C-A

3. สนทนาดว้ ยเทคนิคคาถาม R – C – A เพื่อพัฒนาทกั ษะชีวิต ปรับปรุงทิศทาง การดาเนิน
ชีวติ ให้มีโอกาสประสบความสาเรจ็ ตามเป้าหมายทก่ี าหนดไว้ (กระบวนการคดิ มีวินยั ซ่อื สัตย์สุจรติ
อยู่อย่างพอเพียงและจติ สาธารณะ)

(R) คาถามเพ่ือการสะท้อน
- นักเรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรต่อการเขียนรายงาน เร่ือง การใช้รงั สีและพลงั งานนิวเคลยี รใ์ น

อาเซียน

-การเขียนรายงานฉบับนมี้ ปี ระโยชนต์ ่อนกั เรียนหรอื ไม่

(C) คาถามเพอื่ การเชื่อมโยง

- การเรยี นเรือ่ ง การใชร้ งั สีและพลังงานนิวเคลยี รใ์ นอาเซยี น นกั เรียนเคยตง้ั คาถามหรอื ไม่

ว่าเรยี นไปเพอ่ื อะไรและมปี ระโยชน์อยา่ งไร

- นกั เรยี นคิดว่าความดัน สอดคลอ้ งและสมั พันธก์ ับความหนาแน่นหรือไม่ อย่างไร

(A) คาถามเพือ่ การปรับใช้

- เรอ่ื งทเ่ี รียนมีประโยชน์ตอ่ ชวี ติ ประจาวนั ของนกั เรยี น ทาใหน้ กั เรยี นสนใจการเรียนมาก
ขึ้นกวา่ เดมิ หรอื ไม่และตรงตามกับเปา้ หมายทน่ี กั เรยี นคาดหวงั ไวไ้ ด้หรือไมอ่ ย่างไร
4. สนทนาด้วยเทคนคิ คาถาม R – C – A เพ่อื พัฒนาทักษะชวี ติ มคี วามยืดหยนุ่ ทางความคิด
ไม่ยดึ ติดกับทางเลอื กเดมิ ท่คี นุ้ เคย (กระบวนการคิด มีวนิ ัย ซ่ือสตั ย์สจุ ริต อยู่อย่างพอเพียงและจิตสาธารณะ)
(R) คาถามเพื่อการสะท้อน
- จากผลการศกึ ษาของกลมุ่ นักเรียนและกลมุ่ ของเพ่ือน มีความสอดคลอ้ งหรอื แตกต่างจาก

ของนักเรยี นหรือไมอ่ ย่างไร

(C) คาถามเพอ่ื การเชอื่ มโยง

- นกั เรียนคดิ ว่าการใช้รงั สแี ละพลงั งานนิวเคลยี ร์ในอาเซียนท่ีศกึ ษามายังมเี หตุการณืใดที่มี

ผลต่อการใชร้ ังสีและพลังงานนวิ เคลียรใ์ นอาเซียนได้อกี บ้าง

(A) คาถามเพื่อการปรบั ใช้

- นักเรียนมสี รุปความคดิ เร่อื ง การใชร้ ังสีและพลังงานนวิ เคลียรใ์ นอาเซียนดว้ ยวิธีการอื่น
นอกเหนอื จากการเขยี นรายงานหรอื ไมอ่ ยา่ งไร
- นกั เรียนนาการใชร้ งั สีและพลงั งานนิวเคลยี รใ์ นอาเซยี นไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั ได้
หรอื ไมอ่ ย่างไร และมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรกบั นักเรียน
5. นักเรียนทาแบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการจัดการเรียนรู้ ท่ี 15 เรอ่ื ง ประโยชนข์ อง
กมั มนั ตภาพรังสแี ละพลังงานนวิ เคลยี ร์ (กระบวนการคิด มีวินัย ซอื่ สตั ย์สุจริตและอยู่อย่างพอเพียง)

14. สอื่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้
สอื่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเติมฟสิ กิ ส์ เล่ม 5 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ของ สสวท.
2. คลปิ วีดโิ อ “รงั สแี ละพลงั งานนวิ เคลียร์” สอื่ การสอน สสวท.
https://www.youtube.com/watch?v=GcjV1hbvaNg
3. PPT หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง ฟสิ ิกส์นวิ เคลียร์
4. แบบฝกึ หัดพฒั นาทักษะการคดิ ในแบบเรียน เรอื่ ง ประโยชน์ของกมั มันตภาพรังสแี ละพลงั งาน
นิวเคลยี ร์ ในแบบเรยี น คาถาม ข้อ 41-43 (หน้า 226)
5. แบบทดสอบเกบ็ คะแนนแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 15 เร่ือง ประโยชนข์ องกัมมันตภาพรังสแี ละ
พลังงานนิวเคลียร์


Click to View FlipBook Version