48
ใบงานที่ 2
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง หน่วยวัดไฟฟ้าและปรมิ าณไฟฟา้
จงเตมิ คาลงในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง
1. กฎของโอห์ม กลา่ วไว้ว่า .................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. กาลังไฟฟ้า คือ ...............................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. พลังงานไฟฟ้า คือ ..........................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. จากความสมั พนั ธ์ระหว่าง I, E และ R ตามกฎของโอห์ม จะไดส้ ตู รวา่
I = ……………………………………………….
E = ……………………………………………….
R = ……………………………………………….
5. แรงดนั ไฟฟา้ มีหนว่ ยเป็น ...............................................................................................................................
6. กระแสไฟฟา้ มีหนว่ ยเปน็ ...............................................................................................................................
7. พลงั งานไฟฟ้าทนี่ ิยมใช้ มหี นว่ ยเปน็ ...............................................................................................................
8. เตารีดขนาด 1,000 วัตต์ ใช้งาน 7 ชว่ั โมง จะเสยี คา่ ไฟฟ้าเทา่ ไหร่ ถา้ ค่าไฟฟา้ คิดยนู ติ ละ 1 บาท
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. จากรปู I มคี า่ เท่ากับ ……………………………………………………………………………………………………………………….
10. จากขอ้ ท่ี 9 กาลังไฟฟา้ เกิดขน้ึ ท่คี วามตา้ นทานจะมคี า่ เท่ากบั ………………………………………………………………
49
ใบงานที่ 2
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง หน่วยวัดไฟฟา้ และปรมิ าณไฟฟา้
จงแสดงวธิ ีทาให้ถูกต้อง
1. จงคานวณหาค่ากาลงั ไฟฟา้ ของโหลด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. บา้ นหลงั หนึ่งใชไ้ ฟฟา้ 220 V มอี ปุ กรณ์ไฟฟา้ ดงั นี้ มอเตอรข์ นาด 2 Hp 2ตัว กาต้มน้าขนาด 500 วัตต์ หมอ้
หงุ ขา้ วขนาด 1,000 วัตต์ เคร่อื งปรับอากาศใชก้ ระแสไฟฟา้ 7.3 แอมแปร์ หลอดไฟฟ้าขนาด 60 วตั ต์ 5 ดวง
ทง้ั หมดใช้วันละ 6 ชั่วโมง อยากทราบว่าบ้านหลงั นใี้ ช้กระแสไฟฟ้าท้งั หมดเท่าไร และใน 1 เดือน บ้านหลงั นี้
จะเสียคา่ ไฟฟา้ เท่าไร ถ้าคา่ ไฟฟา้ ยนู ิตละ 1.25 บาท
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
50
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยท่ี 2 หนว่ ยวัดไฟฟ้าและปริมาณไฟฟ้า
คาสั่ง ให้นักเรยี นเลือกคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่ีสดุ เพียงข้อเดยี ว ทาเคร่ืองหมาย Х ลงในกระดาษคาตอบ
1. ข้อใดคือกฎของโอหม์
ก. R EI ข. E I
R
ค. E PI ง. I E
R
2. ในวงจรไฟฟ้าหนง่ึ มีแบตเตอร่แี รงดันไฟฟ้า 12 V กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านหลอดไฟ 6 mA ความต้านทาน
ของวงจรมีคา่ เท่าใด
ก. 2 k ข. 0.5 k
ค. 72 ง. 2
3. ในวงจรไฟฟา้ มกี ระแสไฟฟา้ 2 mA ไหลผ่านตัวตา้ นทานท่มี คี ่า 2 k แรงดนั ไฟฟ้าทแ่ี หลง่ จา่ ยมีค่า
เท่าใด
ก. 8 V ข. 4 V
ค. 2 V ง. 1 V
4. ในวงจรไฟฟา้ หนง่ึ ตัวต้านทานมีค่า 200 แรงดนั ไฟฟา้ ทแ่ี หล่งจา่ ย 20 V กระแสไฟฟา้ ทีไ่ หลผ่านตวั
ต้านทานมีคา่ เท่าใด
ก. 10 A ข. 5 A
ค. 1 A ง. 0.1 A
5. ในวงจรไฟฟ้าหากค่าความต้านทานมคี ่าเพม่ิ ข้นึ จะมผี ลอย่างไร
ก. กระแสไฟฟา้ ลดลง ข. กระแสไฟฟ้าเพมิ่ ขึน้
ค. แรงดนั ไฟฟา้ ลดลง ง. แรงดันไฟฟ้าเท่าเดมิ
6. กาลงั ไฟฟา้ คอื อะไร
ก. ผลคณู ของความต้านทานกบั กระแสไฟฟ้า
ข. กาลงั ไฟฟา้ ทีใ่ ชไ้ ปในระยะเวลาหน่ึง
ค. อตั ราที่พลงั งานไฟฟา้ ถูกใช้ไปในระยะเวลาหนง่ึ
ง. ถูกทงั้ ก และ ค
7. ในวงจรไฟฟ้าหนง่ึ หลอดไฟมีความตา้ นทาน 50 มีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน 2 A กาลงั ไฟฟา้ ท่ี
หลอดไฟมคี า่ เทา่ ใด
ก. 200 W ข. 150 W
ค. 100 W ง. 25 W
51
8. หลอดไฟมีกาลงั ไฟฟ้า 20 W แรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ ม 10 V หลอดไฟนมี้ คี า่ ความต้านทานเท่าใด
ก. 40 ข. 5
ค. 2 ง. 0.5
9. พลังงานไฟฟ้าคือข้อใด
ก. พลงั งานที่แหล่งจา่ ยไฟฟา้
ข. พลังงานที่ใชไ้ ปในระยะเวลาหนงึ่
ค. ผลคูณของแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
ง. กาลงั ไฟฟา้ ที่ถกู ใชไ้ ปในระยะเวลาหนงึ่
10. สมการหาพลังงานไฟฟ้าคือขอ้ ใด
ก. WP ข. W PI
I
ค. WP ง. W Pt
t
11. หลอดไฟขนาด 50 W จานวน 2 หลอด ใช้งานนาน 5 ช่วั โมง จะใช้พลงั งานไฟฟา้ ไปเทา่ ใด
ก. 500 Wh ข. 250 Wh
ค. 100 Wh ง. 50 Wh
12. หลอดไฟมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน 100 mA มีแรงดนั ไฟฟ้าตกคร่อม 50 V ใชง้ านนาน 10 ช่ัวโมง จะ
ใช้พลงั งานไฟฟา้ ไปเทา่ ใด
ก. 100 Wh ข. 50 Wh
ค. 20 Wh ง. 5 Wh
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
หน่วยท่ี 2 หนว่ ยวัดไฟฟ้าและปรมิ าณไฟฟา้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. ง
2. ก
3. ข
4. ง
5. ก
6. ค
7. ก
8. ข
9. ง
10. ง
11. ก
12. ข
52
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยท่ี 2 หนว่ ยวดั ไฟฟา้ และปริมาณไฟฟ้า
คาสงั่ ให้นกั เรียนเลอื กคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่ีสดุ เพียงขอ้ เดยี ว ทาเครอ่ื งหมาย Х ลงในกระดาษคาตอบ
1. ข้อใดคือกฎของโอหม์
ก. R EI ข. E I
R
ค. E PI ง. I E
R
2. ในวงจรไฟฟ้าหนงึ่ มีแบตเตอร่แี รงดนั ไฟฟ้า 12 V กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านหลอดไฟ 6 mA ความต้านทาน
ของวงจรมีคา่ เท่าใด
ก. 2 k ข. 0.5 k
ค. 72 ง. 2
3. ในวงจรไฟฟา้ มกี ระแสไฟฟา้ 2 mA ไหลผ่านตัวตา้ นทานท่มี คี ่า 2 k แรงดนั ไฟฟ้าทแ่ี หลง่ จา่ ยมีค่า
เท่าใด
ก. 8 V ข. 4 V
ค. 2 V ง. 1 V
4. ในวงจรไฟฟ้าหนงึ่ ตัวต้านทานมีค่า 200 แรงดนั ไฟฟา้ ทแ่ี หล่งจา่ ย 20 V กระแสไฟฟา้ ทีไ่ หลผ่านตวั
ต้านทานมีค่าเทา่ ใด
ก. 10 A ข. 5 A
ค. 1 A ง. 0.1 A
5. ในวงจรไฟฟา้ หากคา่ ความต้านทานมคี ่าเพิ่มขึน้ จะมผี ลอย่างไร
ก. กระแสไฟฟา้ ลดลง ข. กระแสไฟฟ้าเพมิ่ ขึน้
ค. แรงดันไฟฟ้าลดลง ง. แรงดันไฟฟ้าเท่าเดมิ
6. กาลงั ไฟฟ้าคอื อะไร
ก. ผลคูณของความต้านทานกบั กระแสไฟฟ้า
ข. กาลงั ไฟฟ้าทีใ่ ชไ้ ปในระยะเวลาหนึ่ง
ค. อตั ราท่พี ลงั งานไฟฟา้ ถูกใช้ไปในระยะเวลาหนง่ึ
ง. ถูกท้งั ก และ ค
7. ในวงจรไฟฟา้ หนงึ่ หลอดไฟมีความตา้ นทาน 50 มีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน 2 A กาลงั ไฟฟา้ ท่ี
หลอดไฟมีคา่ เทา่ ใด
ก. 200 W ข. 150 W
ค. 100 W ง. 25 W
53
8. หลอดไฟมีกาลงั ไฟฟ้า 20 W แรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ ม 10 V หลอดไฟนมี้ คี า่ ความต้านทานเท่าใด
ก. 40 ข. 5
ค. 2 ง. 0.5
9. พลังงานไฟฟ้าคือข้อใด
ก. พลงั งานที่แหล่งจา่ ยไฟฟา้
ข. พลังงานที่ใชไ้ ปในระยะเวลาหนงึ่
ค. ผลคูณของแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
ง. กาลงั ไฟฟา้ ที่ถกู ใชไ้ ปในระยะเวลาหนงึ่
10. สมการหาพลังงานไฟฟ้าคือขอ้ ใด
ก. WP ข. W PI
I
ค. WP ง. W Pt
t
11. หลอดไฟขนาด 50 W จานวน 2 หลอด ใช้งานนาน 5 ช่วั โมง จะใช้พลงั งานไฟฟา้ ไปเทา่ ใด
ก. 500 Wh ข. 250 Wh
ค. 100 Wh ง. 50 Wh
12. หลอดไฟมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน 100 mA มีแรงดันไฟฟ้าตกคร่อม 50 V ใชง้ านนาน 10 ช่ัวโมง จะ
ใช้พลงั งานไฟฟา้ ไปเทา่ ใด
ก. 100 Wh ข. 50 Wh
ค. 20 Wh ง. 5 Wh
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น
หน่วยท่ี 2 หนว่ ยวัดไฟฟา้ และปรมิ าณไฟฟา้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. ข
2. ง
3. ค
4. ก
5. ข
6. ข
7. ง
8. ค
9. ข
10. ค
11. ง
12. ค
54
พส.9
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 3
เวลารวม 4 ชม.
รหัสวชิ า 20104-2002 วิชา วงจรไฟฟ้ากระแสตรง
สัปดาห์ 3/18
ชอื่ หน่วย ตวั ต้านทาน จานวน 4 ชม.
เร่อื ง ตัวตา้ นทาน
1. สาระสาคญั
การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม เป็นการนาตัวต้านทานมาต่อเรียงกันให้ปลายชนปลาย ค่าความต้านทาน
รวมของการต่อตวั ต้านทานแบบอนกุ รมหาได้จาก
R T R1 R 2 R 3 ... R n
การต่อตัวต้านทานแบบขนาน เป็นการนาตัวต้านทานมาต่อเช่ือมกันให้อยู่ระหว่างจุด 2 จุด ค่าความ
ต้านทานรวมของการตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบขนานหาได้จาก
1/Rn 1/R1 1/R2 1/R3 ... 1/Rn
ส่วนการต่อตัวต้านทานแบบผสม เป็นการนาตัวต้านทานที่ต่อแบบอนุกรมและขนานมาต่อรวมกันหรือ
ผสมกนั ค่าความต้านทานรวมของวงจรผสมต้องพิจารณาทลี ะส่วน ต้องอาศัยหลักการของการต่อตัวตา้ นทานแบบ
อนกุ รมกับแบบขนาน
มวี ธิ ีการนาตัวตา้ นทานมาตอ่ 3 วธิ ี
1.การต่อแบบอนกุ รม
2.การตอ่ แบบขนาน
3.การตอ่ แบบผสม
2. สมรรถนะประจาหนว่ ย
1. บอกหลกั การต่อวงจรตัวต้านทานแบบตา่ งๆ อย่างถูกตอ้ งครบถว้ น
2. เขียนสมการผลรวมแรงดนั ไฟฟ้าและผลรวมความต้านทาน อย่างถกู ตอ้ ง
3. แกป้ ญั หาสมการทางไฟฟา้ อย่างมีเหตุผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
จุดประสงค์ทัว่ ไป
1.เพื่อศึกษาการต่อตวั ต้านทานอนกุ รม
2.เพ่ือศึกษาการต่อตัวต้านทานแบบขนาน
3.เพื่อศึกษาการตอ่ ตวั ต้านทานแบบผสม
4.เพอ่ื ให้มีกจิ นสิ ยั ในการค้นคว้า
5.เพอ่ื ปฏิบตั ิการตอ่ ตวั ต้านทาน
55
จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1.เขา้ ใจการต่อตัวต้านทานแบบอนกุ รม
2.เขา้ ใจการตอ่ ตัวตา้ นทานแบบขนาน
3.เขา้ ใจการตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบผสม
4.ต่อตวั ต้านทานแบบต่าง ๆ ได้ถกู ต้อง
4. สาระการเรียนรู้
1. การตัวตา้ นทานอนุกรม
2. การตวั ต้านทานแบบขนาน
3. การตวั ต้านทานแบบผสม
5. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้
Active learning : ใหน้ ักเรียนจดั ทาใบงานที่ 2 การวัดคา่ ตวั ต้านทาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
6.1 ขน้ั นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2. ครูแจง้ เกณฑ์การวัดและประเมินผล
6.2 ขน้ั สอนทฤษฎี
1. ครูบรรยายเนอื้ หาประกอบ power point
2. ครูซักถามนกั เรียนเก่ยี วกับเนื้อหาที่เรียน
3. ครูใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นหรือซกั ถามในประเดน็ ทีส่ งสยั หรอื ไม่เขา้ ใจ
6.3 ข้ันสอนปฏบิ ตั ิ
1. นักเรียนจัดเตรยี มเครอ่ื งมือและอปุ กรณ์
2. ครแู บง่ กลมุ่ ให้นกั เรียนปฏิบัติการทดลองตามใบงาน
3. ครสู งั เกตการณ์ปฏิบตั งิ านและคอยให้คาแนะนาอย่างใกลช้ ดิ
6.4 ขั้นสรปุ
1. ครูสรปุ สาระสาคญั ของหนว่ ยการเรียนร้แู ละเปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามหรือแสดงความคดิ เหน็
2. ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหน่วยการเรยี นรู้
6. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
ส่อื สิง่ พมิ พ์
1. หนงั สอื ประกอบการเรียนรายวชิ าวงจรไฟฟา้ กระแสตรง ของสานกั พิมพ์ศูนยส์ ่งเสรมิ อาชีวะ
เรียบเรียงโดย พนั ธศ์ ักดิ์ พุฒมิ านิตพงศ์
2. ใบงานการทดลอง
สื่อโสตทัศน์
1. เคร่ืองฉายขา้ มศีรษะ
2. เครือ่ งขยายเสียง ไมโครโฟน ลาโพง
56
3) สอ่ื คอมพิวเตอรน์ าเสนอโดยโปรแกรม power point
ส่ือของจรงิ
เครอื่ งมือและอปุ กรณท์ ใี่ ช้ทดลองจริง
7. บรรยากาศทสี่ ง่ เสริมและพฒั นาผู้เรยี น
ผูเ้ รียนมคี วามสนใจในการเรียน เนอื่ งจากการสอนแบบ Active learning ทาให้ผู้เรยี นได้ลงมือปฏิบตั แิ ละ
เกิดการผิดพลาดและสามารถแก้ไขปัญหาดว้ ยตนเอง ส่งผลใหเ้ กิดผลการเรยี นรทู้ ่ดี ี
8. คณุ ธรรม จริยธรรมประจาหน่วย
1. ความรับผดิ ชอบ
2. ตรงต่อเวลา
3. ความซื่อสตั ย์
9. ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้
พาวเวอร์พอ้ ยท์ เร่ือง ตวั ต้านทาน
ใบความรู้ เรอ่ื ง ตัวต้านทานและการตอ่ วงจร
วดิ ีโอ เรอ่ื ง การอ่านคา่ ตัวต้านทานและการตอ่ วงจร
10. การวัดผลและประเมินผล
แบบทดสอบท้ายบทเรยี น เร่อื ง ตวั ตา้ นทานและการต่อวงจร
แบบทดสอบก่อนเรียน เรอื่ ง การอา่ นคา่ ตวั ต้านทานและการตอ่ วงจร
แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง การอ่านคา่ ตัวต้านทานและการตอ่ วงจร
11. หลกั ฐานการเรียนรู้
แบบฝึกหดั เร่อื ง ตวั ตา้ นทานและการต่อวงจร
ใบงาน เร่ือง การอ่านค่าตวั ตา้ นทานและการตอ่ วงจร
ใบปฏบิ ัติงาน เรื่อง การใชม้ ลั ติมเิ ตอร์วัดค่าความตา้ นทานตามลาดบั ขน้ั การทดลอง
12. เอกสารอ้างอิง
-
57
พส.10
เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการประเมิน
รหสั วชิ า…………20104-2002……….วชิ า…………วงจรไฟฟา้ กระแสตรง………ท-ป-น...1-3-2...........
แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑก์ ารให้คะแนน
54 32 1
ประเดน็ การประเมนิ
1. อธบิ ายความหมาย เขยี นสูตร และคานวณหาค่าของเซลลไ์ ฟฟ้าแบบ
อนุกรมได้
2. อธิบายความหมาย ชือ่ หน่วยวดั , เขยี นสตู ร การคานวณหาเซลล์ไฟฟา้
แบบขนานได้
3. อธบิ ายความหมาย ชือ่ หน่วยวัด, เขยี นสูตรการคานวณหาเซลลไ์ ฟฟา้
แบบผสมได้
รวม
รวมทั้งหมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)
58
พส.11
บนั ทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้
รหัสวชิ า...........................ช่ือวชิ า.........................................................................................ระดบั ชั้น ปวช. ปวส.
สาขางาน..............................................................................................สัปดาหท์ .ี่ .........วันทีส่ อน..............................................
หน่วยท.่ี ...........ชื่อหนว่ ย......................................................................................................................จานวน................ชั่วโมง
จานวนผู้เรียน..........................คน มาเรยี น........................คน ขาดเรยี น.........คน ลาป่วย.........คน ลากิจ..........คน
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
ลงช่อื .......................................................ครูผู้สอน
(............................................................)
........../................/............
ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชือ่ ...............................................หัวหน้าแผนกวิชา ลงชือ่ ............................................รองผอู้ านวยการฝ่ายวชิ าการ
(............................................................) (นางสาวนศิ ากร เจรญิ ดี)
............/................../............
............/................../............
ความเหน็ ผอู้ านวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงชอ่ื ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)
ผู้อานวยการวิทยาลัยการอาชพี นครปฐม
............/................../............
59
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัสวชิ า………..20104-2002………….วชิ า………………..วงจรไฟฟา้ กระแสตรง……………………
ช่ือหน่วย................................................ตัวต้านทาน...........................................................
เรื่อง........................เซลลไ์ ฟฟา้ และการต่อวงจร..........................จานวนชวั่ โมงสอน.............4..........
จุดประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรยี นรู้
- จดุ ประสงค์ทั่วไป 1. การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนุกรม
1. มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับตัวตา้ นทานและการ 2. การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบขนาน
ต่อวงจร 3. การต่อตวั ตา้ นทานแบบผสม
2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในวงจรไฟฟ้า
3. มเี จตคติและกิจนสิ ยั ทด่ี ีในการปฏิบัติงาน มคี วาม
ละเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เปน็ ระเบยี บ สะอาด
ตรงต่อเวลา มีความซอ่ื สัตย์และมคี วามรับผดิ ชอบ
- จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
1. อธิบายความหมาย เขียนสูตร และคานวณหาค่า
ของเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ขนาน และผสมได้
2. อธบิ ายลักษณะและวธิ ีการต่อวงจรเซลล์ไฟฟ้า
แบบตา่ งๆได้
60
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3
เรือ่ ง ตวั ต้านทาน
เซลล์ไฟฟ้า
เซลล์ไฟฟา้ ( Electric Cell )เปน็ แหล่งจา่ ยไฟฟา้ ชนิดหน่งึ ไฟฟ้าทีไ่ ด้จากเซลล์ไฟฟ้า (Electric
Cell ) จะเป็นไฟฟา้ กระแสตรง เชน่ ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ มีสญั ลักษณ์ดงั รปู ที่ 1
รูปที่ 1 สญั ลกั ษณเ์ ซลล์ไฟฟา้ และแบตเตอร่ี
การตอ่ เซลล์ไฟฟ้า เซลล์ไฟฟ้า( Electric Cell ) หนงึ่ เซลลจ์ ะให้แรงดันไฟฟา้ ( Voltage ) และกระแสไฟฟา้ (
Current ) ค่าหนึ่งคงที่ ถา้ โหลดต้องการใชแ้ รงดนั ไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ มากกวา่ เซลลห์ น่งึ เซลลจ์ ะจา่ ย ใหไ้ ด้ จงึ
ตอ้ งนาเซลล์ไฟฟ้าหลายๆเซลล์มาตอ่ เขา้ ดว้ ยกัน
- ถา้ โหลดต้องการแรงดันไฟฟ้ามากกวา่ เซลลห์ นงึ่ เซลล์จะจ่ายให้ไดจ้ ะต้องนาเซลลไ์ ฟฟา้ นน้ั มาต่อกันแบบ
อนกุ รม ( Series Cell)
- ถ้าโหลดตอ้ งการกระแสมากขึ้น จะตอ้ งนาเซลล์ไฟฟา้ มาต่อแบบขนาน ( Parallel Cell )
- ถา้ โหลดต้องการทง้ั แรงดันไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ มากกว่าเซลล์หนึ่งเซลล์จะจ่ายให้ได้จะต้อง นา
เซลลไ์ ฟฟ้ามาต่อกันแบบผสม ( Series Cell - Parallel Cell )
การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ( Series Cell )
การตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนกุ รม เรยี กการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบ “ซรี สี่ ์” (Series ) คอื การ
นาเอาเซลล์ไฟฟ้ามาต่อเรยี งกัน โดยนาขวั้ ของเซลลไ์ ฟฟ้าท่มี ขี ว้ั ตา่ งกันมาตอ่ เขา้ ดว้ ยกันแลว้ นาเอาข้ัวที่
เหลอื ไปใช้งาน ในการท่ีจะนาเซลล์ไฟฟา้ มาต่อกันแบบอนกุ รม ( Series Cell) ควรเปน็ เซลลไ์ ฟฟ้า ท่มี ี
ขนาดกระแสไฟฟ้าเท่ากนั
ผลการตอ่ เซลลแ์ บบอนุกรม จะทาให้แรงดันไฟฟา้ รวมเพม่ิ ขน้ึ แต่กระแสไฟฟ้าจะไม่เพ่มิ
กระแสรวมของวงจรมีคา่ เท่ากบั กระแสของเซลลท์ ่ีตา่ สุด ดังนนั้ จงึ ไมค่ วรนาถ่านไฟฉายเกา่ มาใช้งานรว่ มกับ
ถ่านไฟฉายใหม่ เพราะถ่านไฟเกา่ จะเปน็ เหตุใหก้ ระแสในวงจรลดน้อยลงได้
61
a. รูปการตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ b. สัญลักษณ์
รูปท่ี 2 การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรม
1. แรงเคล่อื นไฟฟ้าจะเพิ่มขนึ้
จากสูตร ET = E1+ E2+E3………..+En
แทนค่า ET = 1.5 +1.5+1.5
แรงเคลอื่ นไฟฟ้ารวม ( ET ) = 4.5 V
2. กระแสไฟฟ้ารวม จะเท่าเซลล์ไฟฟา้ ที่มกี ระแสนอ้ ยทสี่ ุด
กระแสไฟฟ้ารวม = 0.5 Amp
การต่อเซลลไ์ ฟฟา้ แบบขนาน ( Parallel cell )
การต่อเซลลไ์ ฟฟา้ แบบขนานคอื การนาเอาข้วั ของเซลล์ไฟฟา้ แตล่ ะเซลล์ทเ่ี หมือนกนั มาตอ่ เขา้
ดว้ ยกันแล้วนาเอาขว้ั ของเซลลท์ ่ีต่อขนานไปใช้งาน การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าแบบขนาน ( Parallel cell )
เซลลไ์ ฟฟ้าแต่ละเซลล์ต้องมคี ่าแรงดันไฟฟ้า ( Voltage ) และความต้านทานภายในเซลลไ์ ฟฟา้ แต่ละเซลล์
เทา่ กนั การต่อแบบขนานผลกค็ อื แรงเคล่ือนไฟฟา้ รวมเท่ากับแรงเคลื่อนเคลือ่ นเซลล์ทต่ี ่าสุดแต่
กระแสไฟฟ้ารวมจะเพิ่มสูงขนึ้ คือเทา่ กบั กระแสทุกเซลลร์ วมกนั
รปู ที่ 3 แสดงการตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบขนาน
62
1. แรงเคลอื่ นไฟฟ้าจะเท่าเดมิ หรือเท่ากับแรงเคล่อื นไฟฟ้าเซลล์ที่น้อยทีส่ ดุ
แรงเคล่อื นไฟฟ้ารวม ET = 1.5 V
2. กระแสจะเพ่มิ สงู ขึน้
จากสูตร IT = I1+I2+I3……….In
กระแสไฟฟา้ รวม ( IT ) = 0.5 + 0.5 + 0.5 + 0.5
=2A
การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบผสม
ในการตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ แบบผสม เซลลไ์ ฟฟ้าแตล่ ะเซลล์ท่จี ะนามาตอ่ จะตอ้ งมี แรงดนั ไฟฟา้
กระแสไฟฟา้ และความต้านทานภายในเซลล์เท่ากนั ทุกตวั การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบผสมจะมีการตอ่ อยู่ 2 วิธี
คอื แบบอนุกรม-ขนาน และแบบขนาน-อนกุ รม
( a )การตอ่ เซลลแ์ บบอนกุ รม ( b ) การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าแบบผสม
รูปท่ี 4 การตอ่ เซลลอ์ นกุ รมและผสม
จากรูปที่ 4 (a) เป็นการตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมจะทาใหแ้ รงดันเพมิ่ ขึ้น สว่ นกระแสไฟฟ้า
จะเทา่ เดิม ส่วนรูปที่ 4 ( b) เปน็ การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบผสม ในการต่อเซลลล์ ักษณะนีจ้ ะทาใหท้ ้ังแรงดนั ไฟฟา้
และกระแสไฟฟ้าเพมิ่ ขน้ึ
เอกสารอ้างอิง
หนังสือเรียนวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
63
พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหัสวิชา………..…20104-2002……….วิชา……………………วงจรไฟฟ้ากระแสตรง…………………………
ชอ่ื หนว่ ย...............................................ตัวต้านทาน............................................................
เรื่อง...............................................ตัวต้านทาน......................................จานวนช่วั โมงสอน..........4.......ช.ม......
จุดประสงค์การเรียนรู้ รายการเรียนรู้
จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เครื่องมอื /วัสดุ-อุปกรณ์
1. อธิบายความหมาย เขยี นสูตร และคานวณหาค่าของ 1. ใบงาน
เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนุกรม ขนาน และผสมได้ 2. เคร่อื งคานวณ
2. อธบิ ายลักษณะและวิธีการต่อวงจรเซลลไ์ ฟฟา้ แบบ
ตา่ งๆได้
ลาดับขนั้ การทางาน ขอ้ ควรระวัง
1. ครแู จกใบงานให้กบั นกั เรยี น พร้อมทง้ั ชแี้ จงและ 1. อ่านโจทย์อย่างละเอียด และเติมคาตอบใหต้ รงกับที่
อธบิ ายคาสงั่ ของใบงาน โจทยต์ อ้ งการ
2. นกั เรยี นอา่ นและทาความเขา้ ใจโจทยอ์ ย่างละเอยี ดว่า 2. ถ้าเปน็ การคานวณควรแสดงวธิ ีทาและใชส้ ูตรการ
โจทย์ตอ้ งการอะไร คานวณให้ถูกตอ้ ง
3. นกั เรยี นเตมิ คาตอบที่ถูกต้องลงในช่องว่างทีก่ าหนดให้ มอบงาน
4. นักเรียนอา่ นทบทวนคาตอบ หากพบวา่ คาตอบ 1. ตอบคาถามลงในใบงานให้ถูกต้องสมบรู ณ์
ผิดพลาดให้แก้ไขให้ถูกตอ้ ง
วัดผล/ประเมินผล
1. ความถกู ต้อง
2. ความเป็นระเบยี บเรียบร้อย
64
แบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรู้ หน่วยที่ 3
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง ตัวต้านทาน
คาสั่ง ตอนท่ี 1 จงเลอื กคาตอบท่ถี กู ตอ้ งท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดียว
1. ความตา้ นทานรวม (RT) ของการตอ่ ความต้านทานแบบอนุกรม คือขอ้ ใด
ก. เทา่ กับความตา้ นทานทกุ ตวั รวมกัน
ข. เท่ากับตัวที่นอ้ ยท่ีสุด
ค. เท่ากบั ตัวท่มี ากทสี่ ุด
ง. เท่ากบั ครง่ึ หนึง่ ของตวั ที่มากทสี่ ุด
2. ความต้านทานรวม (RT) ของการตอ่ ความตา้ นทานแบบขนานมลี ักษณะตามข้อใด
ก. เท่ากบั ตัวท่นี อ้ ยท่สี ุด
ข. มคี ่านอ้ ยกว่าตวั ทน่ี อ้ ยท่ีสุดท่ีนามาต่อขนานกนั
ค. เท่ากับตวั ท่มี ากทส่ี ุด
ง. เทา่ กบั ครึ่งหน่ึงของตวั ท่นี ้อยทีส่ ดุ
3. จากรูปความตา้ นทานรวม (RT) มคี า่ เท่าใด
ก. R1 + R2
ข. R1 + R2 + R3
ค. R1 + R2 + R3 +R4
ง. R1+ (R4// R3)
4. จากรปู ในขอ้ ท่ี 3 ถา้ ความต้านทานมคี ่าเท่ากันทุกตัว ๆ ละ 1 Ω ความตา้ นทานรวม (RT) มคี า่ เท่าใด
ก. 1 Ω
ข. 4 Ω
ค. 6 Ω
ง. 8 Ω
5. จากรปู ความต้านรวมรวม (RT) มคี า่ เท่าไร
ก. R1 + R2
ข. R1 R2 / (R1+ R3)
ค. (R1 + R2 ) / R1 R2
ง. R1R2
6. จากรูปในข้อที่ 5 ถ้าความต้านทานมีค่าเทา่ กนั ทกุ ตวั ๆ ละ 10 Ω ความต้านทานรวม (RT) มคี า่ เทา่ ใด
ก. 20 Ω
ข. 10 Ω
ค. 5 Ω
ง. 1 Ω
65
7. ความต้านทานจานวน 3 ตวั ๆ ละ 2 Ω ต่อขนานกนั ความต้านทานรวม (RT) มคี ่าเท่าใด
ก. 0.67 Ω
ข. 1.5 Ω
ค. 2 Ω
ง. 6 Ω
จากรปู ทีก่ าหนดให้ จงตอบคาถามขอ้ ที่ 8 - 10
8. คา่ แรงดันไฟฟ้ารวม ET มีค่าเท่าใด
ก. 2.4 V
ข. 5 V
ค. 10 V
ง. 12 V
9. ค่าความตา้ นทานภายในรวม Rit มคี า่ เทา่ ใด
ก. 0.1 Ω
ข. 0.2 Ω
ค. 0.4 Ω
ง. 0.6 Ω
10. ค่ากระแสไฟฟ้าท่ไี หลผา่ นวงจร I มคี ่าเท่าใด
ก. 0.48 A
ข. 2.08 A
ค. 5 A
ง. 4.16 A
66
เฉลยแบบทดสอบหน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 3
เรื่อง ตัวต้านทาน
คาสงั่ ตอนท่ี 1 จงเลอื กคาตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสดุ เพียงขอ้ เดียว
1. ก
2. ข
3. ค
4. ข
5. ข
6. ค
7. ก
8. ค
9. ค
10. ง
67
พส.9
แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 4
เวลารวม 8 ชม.
รหัสวิชา 20104-2002 วชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสตรง
สปั ดาห์ 4-5/18
ชื่อหนว่ ย วงจรไฟฟ้าอนกุ รม ขนาน ผสม จานวน 4 ชม.
เรอื่ ง วงจรไฟฟ้าอนกุ รม ขนาน ผสม
1. สาระสาคญั
วงจรอนุกรม เป็นวงจรท่มี ีองคป์ ระกอบตั้งแต่สองตัวขึน้ ไปเรยี งตอ่ กนั โดยมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านทางเดียว
วงจรขนาน เป็นวงจรท่ีมีองค์ประกอบตั้งแต่สองตัวข้ึนไป ต่อโดยปลายท้ังสองขององค์ประกอบนั้นๆ ต่อ
คร่อมกบั ขวั้ ของแหล่งจ่ายไฟฟา้
วงจรผสม เปน็ วงจรทต่ี ่อวงจรอนกุ รมรวมกบั วงจรขนาน
2. สมรรถนะประจาหนว่ ย
แสดงการคานวณหาคา่ ต่างๆ ในวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม ขนาน ผสมได้ ตอ่ วงจรและวดั หาค่าต่างๆ ในวงจรไฟฟา้
แบบอนุกรม ขนาน ผสมได้
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมาย คุณสมบัติ และการคานวณคา่ กระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า ความตา้ นทาน และกาลงั ไฟฟา้
ของวงจรอนกุ รมได้
2. บอกความหมาย คณุ สมบตั ิ และการคานวณค่ากระแสไฟฟา้ แรงดันไฟฟา้ ความตา้ นทาน และกาลังไฟฟา้
ของวงจรขนานได้
3. บอกความหมาย คุณสมบัติ และการคานวณคา่ กระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า ความต้านทาน และกาลังไฟฟ้า
ของวงจรผสมได้
4. สาระการเรียนรู้
1. วงจรอนกุ รม
2. วงจรขนาน
3. วงจรผสม
5. การออกแบบการจดั การเรียนรู้
Active learning : ใหน้ กั เรยี นจัดทาใบปฏบิ ตั งิ านตามการทดลองท่ี 4 การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม ขนาน
ผสมได้ ตามลาดับขนั้ การทดลอง
68
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
6.1 ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน
1. ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
2. ครแู จ้งเกณฑก์ ารวัดและประเมินผล
6.2 ขั้นสอนทฤษฎี
1. ครูบรรยายเน้อื หาประกอบ power point
2. ครซู กั ถามนักเรียนเก่ียวกับเนอื้ หาท่เี รียน
3. ครใู หน้ ักเรียนแสดงความคิดเหน็ หรอื ซักถามในประเดน็ ท่ีสงสัยหรอื ไมเ่ ขา้ ใจ
6.3 ขั้นสอนปฏบิ ตั ิ
1. นกั เรยี นจดั เตรยี มเคร่อื งมือและอุปกรณ์
2. ครูแบ่งกลุม่ ให้นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ ารทดลองตามใบงาน
3. ครูสังเกตการณ์ปฏิบัติงานและคอยให้คาแนะนาอยา่ งใกลช้ ิด
6.4 ข้ันสรุป
1. ครูสรุปสาระสาคญั ของหน่วยการเรียนรแู้ ละเปดิ โอกาสให้นักเรียนซกั ถามหรอื แสดงความคิดเห็น
2. ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหน่วยการเรยี นรู้
7. บรรยากาศท่ีสง่ เสริมและพัฒนาผ้เู รยี น
ผู้เรียนมคี วามสนใจในการเรยี น เนือ่ งจากการสอนแบบ Active learning ทาให้ผเู้ รยี นได้ลงมือปฏิบัติและ
เกดิ การผิดพลาดและสามารถแกไ้ ขปญั หาดว้ ยตนเอง สง่ ผลใหเ้ กิดผลการเรยี นรูท้ ีด่ ี
8. คุณธรรม จริยธรรมประจาหนว่ ย
1. ความรบั ผิดชอบ
2. ตรงตอ่ เวลา
3. ความซือ่ สัตย์
9. สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้
พาวเวอร์พ้อยท์ เรื่อง วงจรอนุกรม ขนาน และผสม
ใบความรู้ เรื่อง การตอ่ วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม ขนาน ผสมได้ ตามลาดบั ขัน้ การทดลอง
วิดโี อ เร่อื ง วงจรอนุกรม ขนาน และผสม
10. การวัดผลและประเมินผล
แบบทดสอบท้ายบทเรียน เรื่อง วงจรอนกุ รม ขนาน และผสม
แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรือ่ ง การคานวณคา่ กระแสไฟฟา้ แรงดันไฟฟ้า ความต้านทาน และกาลงั ไฟฟา้
วงจรอนุกรม ขนาน และผสม
แบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง การคานวณค่ากระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟา้ ความต้านทาน และกาลังไฟฟา้
วงจรอนุกรม ขนาน และผสม
69
11. หลักฐานการเรียนรู้
แบบฝกึ หัด เรอ่ื ง วงจรอนุกรม ขนาน และผสม
ใบงาน เรื่อง การคานวณค่าในวงจรอนกุ รม ขนาน และผสม
ใบปฏิบตั ิงาน เรื่อง การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม ขนาน ผสมได้ ตามลาดบั ขัน้ การทดลอง
12. เอกสารอ้างอิง
-
70
พส.10
เครือ่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมิน
รหัสวิชา…………2104-2002……….วิชา…………วงจรไฟฟ้ากระแสตรง………ท-ป-น...1-3-2...........
แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
54 321
ประเด็นการประเมนิ
1. บอกความหมาย คณุ สมบัติ และการคานวณคา่ กระแสไฟฟ้า
แรงดันไฟฟา้ ความตา้ นทาน และกาลังไฟฟา้ ของวงจรอนกุ รมได้
2. บอกความหมาย คุณสมบัติ และการคานวณคา่ กระแสไฟฟา้
แรงดันไฟฟา้ ความตา้ นทาน และกาลังไฟฟา้ ของวงจรขนานได้
3. บอกความหมาย คุณสมบตั ิ และการคานวณค่ากระแสไฟฟา้
แรงดันไฟฟ้า ความต้านทาน และกาลังไฟฟา้ ของวงจรผสมได้
รวม
รวมทงั้ หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)
71
พส.11
บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้
รหัสวชิ า...........................ช่ือวชิ า.........................................................................................ระดบั ชั้น ปวช. ปวส.
สาขางาน..............................................................................................สัปดาห์ท.ี่ .........วันท่สี อน..............................................
หน่วยท.่ี ...........ชื่อหนว่ ย......................................................................................................................จานวน................ชั่วโมง
จานวนผู้เรียน..........................คน มาเรยี น........................คน ขาดเรยี น.........คน ลาป่วย.........คน ลากิจ..........คน
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
ลงชอื่ .......................................................ครูผู้สอน
(............................................................)
........../................/............
ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชือ่ ...............................................หัวหน้าแผนกวิชา ลงชือ่ ............................................รองผอู้ านวยการฝ่ายวชิ าการ
(............................................................) (นางสาวนิศากร เจริญดี)
............/................../............
............/................../............
ความเหน็ ผอู้ านวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงชอ่ื ...........................................
(นางสาวสมุ ีนา แดงใจ)
ผู้อานวยการวิทยาลยั การอาชีพนครปฐม
............/................../............
72
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั วชิ า………..2104-2002………….วิชา………………..วงจรไฟฟ้ากระแสตรง……………………
ชือ่ หนว่ ย..............................วงจรอนุกรม วงจรขนาน และวงจรผสม...................................................
เร่ือง........................วงจรอนุกรม วงจรขนาน และวงจรผสม..........................จานวนชั่วโมงสอน.............12..........
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรียนรู้
- จุดประสงค์ทั่วไป 1. วงจรอนุกรม
1. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั วงจรอนกุ รม วงจร 2. วงจรขนาน
ขนาน และวงจรผสม 3. วงจรผสม
2. มีเจตคติและกจิ นสิ ัยทดี่ ีในการปฏบิ ัตงิ าน มีความ
ละเอยี ดรอบคอบ ปลอดภยั เปน็ ระเบยี บ สะอาด
ตรงตอ่ เวลา มคี วามซอื่ สัตย์และมีความรบั ผิดชอบ
- จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. บอกความหมาย คณุ สมบตั ิ และการคานวณคา่
กระแสไฟฟ้า แรงดนั ไฟฟา้ ความต้านทาน และ
กาลงั ไฟฟา้ ของวงจรอนุกรมได้
2. บอกความหมาย คุณสมบัติ และการคานวณค่า
กระแสไฟฟา้ แรงดันไฟฟา้ ความตา้ นทาน และ
กาลงั ไฟฟ้าของวงจรขนานได้
3. บอกความหมาย คณุ สมบัติ และการคานวณคา่
กระแสไฟฟ้า แรงดนั ไฟฟา้ ความต้านทาน และ
กาลงั ไฟฟ้าของวงจรผสมได้
73
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4
เรอ่ื ง วงจรอนกุ รม วงจรขนาน และวงจรผสม
4.1 วงจรอนุกรม
วงจรอนุกรม หมายถงึ การนาเอาความต้านทานมาตอ่ เรยี งกัน โดยที่ปลายขา้ งหนึง่ ของความตา้ นทานตัวแรก
ต่อเขา้ กับต้นของความตา้ นทานตัวที่สอง และปลายอกี ข้างหนึง่ ของตวั ที่สองต่อเข้ากบั ต้นของความต้านทานตัวท่ี
สาม และถ้ามีความต้านทานหลายๆตวั กน็ ามาตอ่ เรยี งกันไปเรื่อยๆ เปน็ แบบลกู โซ่ และนาความต้านทานทต่ี อ่ กัน
แบบอนุกรมนน้ั มาตอ่ เขา้ กับแหล่งจา่ ย ดงั รูป
จากรปู พจิ ารณาจะเหน็ ได้ว่า กระแสไฟฟา้ จะไหลเพียงคา่ เดยี วเทา่ นน้ั และค่าแรงดนั ไฟฟ้าตกคร่อมความ
ตา้ นทานแตล่ ะตัวรวมกันจะเท่ากบั แรงดันไฟฟา้ ที่แหล่งจ่ายจ่ายใหก้ ับวงจร จะได้
แตเ่ มอ่ื กระแสไฟฟ้าในวงจรเท่ากันตลอด ดงั น้นั กระแสไฟฟา้ ที่ไหลในวงจร และไหลผา่ นความต้านทานแตล่ ะ
ตัวจะมีค่าเท่ากนั
ดงั นัน้ สามารถสรปุ คุณสมบัติของวงจรอนุกรมไดด้ งั นี้
74
วงจรอนกุ รม
วงจรอนุกรมหมายถึงวงจรทมี่ ีอิลเิ มนตต์ ่าง ๆ ตอ่ เรียงกนั และถดั กนั ไปเรือ่ ย ๆ โดยการนาเอาปลายดา้ น
หนง่ึ ของอลิ ิเมนตต์ ัวแรกต่อกบั ปลายดา้ นหนง่ึ ของอลิ เิ มนตต์ ัวท่ีสองและปลายด้านหนึง่ ของอลิ เิ มนตต์ ัวทีส่ อง ต่อ
กับปลายด้านหนง่ึ ของอิลเิ มนต์ตัวทสี่ ามและตอ่ กันไปเรอ่ื ย ๆ จนมลี ักษณะเป็นลกู โซ่ ดังแสดงในรูปท่ี 1 จะ
พจิ ารณาเห็นไดว้ ่า ปลายดา้ นหน่งึ ของความต้านทาน R1 และ R2 จะต่อกบั ปลายด้านหนึ่งของความต้านทาน
R2 และ ปลายอีกดา้ นหนง่ึ ของทงั้ ความตา้ นทาน R และ R2 จะต่อเขา้ กับแบตเตอร่ี E โดยที่ความ
ตา้ นทาน R1 ความตา้ นทาน R2 และแบตเตอรี่ E จะตอ่ อนุกรมกนั ทัง้ หมด และในวงจรจะมกี ระแส I ไหล
เพียงคา่ เดียวเทา่ น้ัน ฉะน้ันกระแสทไี่ หลผ่านความตา้ นทาน R1 ความตา้ นทาน R2 และแบตเตอรี่ จะมคี า่
เทา่ กันม
การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม
ในวงจรไฟฟา้ ถา้ มีตวั ตา้ นทานมากกวา่ 1 ตวั ต่อเรียงอนั ดบั หรืออนุกรมกับแหล่งจา่ ยไฟฟา้ เรยี กว่า
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม ( Series Circuit ) ดังแสดงในรูปที่ 2
วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม
จากรปู ท่ี 2 จะพิจารณาได้วา่ ต้นของตวั ตา้ นทาน ( Resistor) ตวั ทห่ี นง่ึ หรือ R 1 ต่อเขา้ กับ
แหล่งจา่ ยไฟตรงด้านขว้ั บวก ( + ) และปลายด้านของตวั ตา้ นทาน ตัวท่หี นง่ึ ตอ่ เขา้ กับต้นของตัวความตา้ นทานตัวท่ี
สองหรือ R 2 และปลายของตัวต้านทานตัวทีส่ องตอ่ เขา้ กบั ต้นของความต้านทานตวั ท่สี ามหรอื R 3 ต่อเขา้ กับ
แหล่งจ่ายไฟตรงด้านขวั้ ลบ ( - ) ครบวงจรที่ข้วั ลบ ของแหล่งจ่ายไฟตรง ทาให้มีกระแสไฟฟ้า ( Current ) ไหล
วงจร ในลกั ษณะของวงจรอนกุ รม จะมีกระแสไฟฟ้าไหลเพียงคา่ เดียวเท่าน้นั เพราะกระแสไฟฟา้ ท่ไี หลผ่านตัว
ตา้ นทาน R1 , R2 และ R3
คือกระแสไฟฟา้ เดยี วกันและมคี ่าเท่ากับกระแสไฟฟ้าในวงจรรวมทง้ั หมด ( Current Total ใช้อกั ษรยอ่ IT ) แต่
คา่ แรงดนั ไฟฟ้ารวมทง้ั หมดของวงจร ( Voltage Total ใช้อักษรยอ่ ET) จะเทา่ กับแรงดันไฟฟา้ ทต่ี กคร่อม ตัว
75
ต้านทาน R1 , R2 และ R3 รวมกนั จากหลักการดังกลา่ วจะได้
การต่อเซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรม
เม่ือนาเซลล์ไฟฟา้ มาต่อกนั แบบอนกุ ม จะทาใหไ้ ด้แรงดันมากขน้ึ ถา้ หากวา่ แรงดันของเซลลไ์ ฟฟ้าแต่ละ
เซลลม์ ที ิศทางเดยี วกนั สว่ นความต้านทานภายในของเซลลไ์ ฟฟ้าแต้ละเซลล์ เมอ่ื นามารวมกนั จะมคี า่ เท่ากบั ความ
ต้านทานภายในของวงจร
การขยายย่านการวดั ของโวลตม์ ิเตอร์
ปกตโิ วลตป์ ระกอบด้วยเคร่อื งมือวัดแบบขดลวดหมนุ ทีม่ ีตัวต้านทานตอ่ อนกุ รมกับขดลวดหมนุ ซงึ่ การ
เคลื่อนที่ของเข็มบนสเกลน้นั ขน้ึ อยู่กบั คา่ ของกระแสท่ีไหลผา่ นตวั ขดลวดหมนุ โดยท่ัวไปแล้วคา่ ของกระแสทีไ่ ปทา
ใหเ้ ขม็ ของมลั ติมิเตอร์ชเ้ี ต็มสเกลน้ันมคี ่าเท่ากบั 50 ไมโครแอมแปร์ หรอื อาจจะมีค่ามากกวา่ นีก้ ไ็ ด้ ขน้ึ อยู่กบั
บริษทั ผ้ผู ลติ ออกแบบสรา้ งมา
4.2 วงจรขนาน
วงจรขนาน หมายถงึ วงจรทน่ี าความต้านทานค่าตา่ งๆ มาต่อรวมกนั ระหวา่ งจดุ สองจุด โดยปลายด้านหนึง่ ของ
ความตา้ นทานทุกตวั ตอ่ รวมกนั ทีจ่ ุดหนึ่งจุด และปลายอีกดา้ นหนึง่ ของความตา้ นทานท่ีต่อรวมกนั ต่อกนั อกี จดุ จดุ
หนงึ่ และนามาตอ่ เข้ากับแหล่งจ่าย ดงั แสดงในรูป
จากรูป ทั้งรปู (ก) และรปู (ข) มีการต่อวงจรท่ีเหมือนกัน พจิ ารณาจะเหน็ ไดว้ ่า ปลายด้านหน่ึงของความ
ต้านทานจะตอ่ รวมกนั ท่จี ุด A และปลายอีกดา้ นหนงึ่ ของความต้านทานจะต่อรวมกันทจ่ี ุด B อกี จุดหน่ึง ระหวา่ ง
สองจดุ น้กี จ็ ะต่อคร่อมเขา้ กับขวั้ ของแหลง่ จ่ายแรงดันไฟฟา้ จะเห็นวา่ แรงดันไฟฟา้ ทีต่ กครอ่ มความต้านทานแต่ละ
ตัวจะมีคา่ เท่ากันหมด และกระแสไฟฟ้าท่ไี หลผา่ นวงจรจะมคี า่ เท่ากับกระแสไฟฟา้ ทไ่ี หลผ่านความต้านทานแตล่ ะ
ตวั รวมกนั จะได้
76
ดังน้ัน จึงสรุปเปน็ คณุ สมบัตขิ องวงจรขนานได้ดังนี้
วงจรขนาน หมายถงึ การนาโหลดหรอื ตวั ตา้ นทาน (R) มาตอ่ คร่อมกันทกุ ตัว หมายถึง ตน้ ตอ่ กบั ต้น สว่ นปลายก็
ตอ่ กับปลาย จากนัน้ นาต้นและปลายไปตอ่ คร่อมขนานกบั แหล่งจา่ ยไฟ (E) ดงั นั้นจึงมีผลทาใหแ้ รงดันไฟฟ้าตก
ครอ่ ม (Voltage Drop) ทคี่ วามตา้ นทานแต่ละตวั มีคา่ เท่ากัน
คณุ ลักษณะของวงจรขนาน
การต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนาน
วงจรไฟฟ้าที่มตี ัวตา้ นทานต้งั แต่ 2 ตัวหรือมากกวา่ ต่อขนานหรอื ตกครอ่ มกับแหลง่ จา่ ยไฟฟา้ เรยี กว่า
วงจรไฟฟา้ แบบขนาน(Parallel Circuit ) ดังแสดงในรปู ท่ี 1
รปู ท1ี่ วงจรไฟฟา้ กระแสตรงแบบขนาน
77
จากวงจรรปู ที่ 1 จะพิจารณาได้ว่าปลายขา้ งหนึง่ ของตวั ต้านทาน ตวั ทห่ี นึ่ง R1 ตัวต้านทานตัวท่สี อง
R2 และตวั ตา้ นทานตัวที่ R3 ตอ่ เขา้ ทางดา้ นขว้ั บวก ( + ) ของแหล่งจา่ ยไฟตรง ( E ) และปลายอีกข้างหนึง่ ของ
ต้านทาน ตวั ท่หี นงึ่ R1 ตัวตา้ นทาน ตวั ทส่ี อง R2 และตัวต้านทานตัวท่ี R3 ต่อเข้าทจี่ ุดเดยี วกัน คือ ต่อเข้าทางด้าน
ขั้วลบ (-) ของแหล่งจา่ ยไฟตรง ( E ) ในการตอ่ วงจรไฟฟ้าลักษณะนี้จะทาให้ค่าของความต้านทานรวมมคี า่ เทา่ กับ
ผลรมของส่วนกลับของความต้านทานทกุ ตัวท่ีตอ่ อยใู่ นวงจรรวมกนั แรงดันไฟฟา้ ท่ีตกคร่อม ตวั ตา้ นทานตวั ที่ R1
ตวั ต้านทานท่ีสอง R2 และตัวต้านทาน ตวั ท่ี R3 จะเท่ากันและเท่ากบั แหลง่ จา่ ยไฟตรงเพราะลักษณะน้กี ็
คอื การนาตัวต้านทานไปต่อคร่อมแหลง่ จา่ ยไฟตรงจงึ ทาใหแ้ รงดนั ไฟฟ้าเท่ากัน และกระแสไฟฟ้ารวมในวงจร
เท่ากับกระแสไฟฟ้า ท่ไี หลผา่ นตัวต้านทานทกุ ตวั รวมกนั กระแสท่ไี หลผ่านตัวตา้ นทาน แต่ละตัวข้นึ อยูก่ ับ
คา่ ความต้านทาน แต่ละตวั ข้นึ อยกู่ ับค่าความตา้ นทาน โดยคา่ ความตา้ นทานมาก กระแสจะไหลผ่านนอ้ ยถา้ ค่า
ความต้านทานน้อยกระแสไฟฟา้ จะไหลผา่ นมาก ค่าความต้านทานเทา่ กนั กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นเท่ากัน ซ่ึง
เป็นไปตามกฎของโอหม์
ในลกั ษณะของวงจรไฟฟา้ แบบขนาน (Parallel Circuit ) จะเห็นไดว้ า่ เมอ่ื ค่าความต้านทานของตัว
ตา้ นทานตัวใดๆในวงจรขนาน (Parallel Circuit ) เกิดขัดขอ้ งหรอื ขาดกระแสกย็ ังสามารถไหลผา่ นความต้านทาน
ตวั อน่ื ๆไดเ้ หมอื นเดมิ
1. คานวณคา่ กระแส แรงดนั และกาลงั ไฟฟา้ ของวงจรขนาน ได้ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ 2)
การคานวณหาค่ากระแสไฟฟ้าในแต่ละสาขาและการคานวณหาค่าความต้านทายรวมจะเป็นไปตามคุณลกั ษณะของ
วงจรขนาน ซ่ึงแตกตา่ งจากวงจรอนกุ รม
1. คา่ ความตา้ นทานรวมของวงจรไฟฟ้าแบบขนาน (Parallel Circuit ) มีค่าเท่ากับ ส่วนกลบั ของความ
ตา้ นทานรวมของวงจร เท่ากบั ผลรวมของส่วนกลับของความตา้ นทานทุกตวั ทต่ี ่ออยวู่ งจรไฟฟ้าแบบขนาน
2.กระแสไฟฟ้ารวมในวงจร จะเท่ากบั กระแสทไ่ี หลผ่านตวั ต้านทานแต่ละตวั รวมกนั
IT = I1 + I2 + I3 +…………In
3.แรงดันไฟฟา้ ทตี่ กคร่อม ตวั ต้านทานแต่ละตัวในวงจรเท่ากนั และเท่ากับแหลง่ จ่ายไฟในวงจร
E = V1 = V2 =V3 =…………..Vn
4.ในกรณที ่ีมตี ัวต้านทาน ต่อขนานกันสองตัว ค่าความต้านทานรวมหาไดจ้ าก
78
หรือ
ตัวอย่างท่ี 1 จงแสดงวิธกี ารหาค่ากระแสไฟฟา้ ที่ไหลผา่ นตวั ต้านทานแตล่ ะตวั กระแสไฟฟ้ารวม ( IT )
และค่าความต้านทานรวม ( RT ) ในวงจร เมือ่ ตัวต้านทาน R1 = 6 ตวั ตา้ นทาน R2 = 3 และแหล่งจา่ ย
ไฟตรงมคี ่าเทา่ กับ 15 V
วธิ ีทา สามารถหาค่าความตา้ นทานรวม RT จากสูตร
ค่าความต้านทานรวม RT = 2 Ω
คานวณหาค่ากระแสไหลผ่าน R1 คอื I1 กระแสไหลผ่าน R2 คอื I2 และกระแสไฟฟ้ารวม IT
IT = I1 + I2 = 2.5 A + 5 A = 7.5 A
กระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน RT คอื IT เทา่ กบั 2.5 A
กระแสไฟฟ้าไหลผา่ น R2 คือ I2 เทา่ กับ 5 A
กระแสไฟฟา้ รวม คอื IT เทา่ กับ 7.5 A
คานวณหาค่าแรงดันตกคร่อม R1 คือ V1 แรงดนั ตกครอ่ ม R2 คือ V2 และแรงดันไฟฟา้ รวม VT
79
จะเห็นไดว้ ่าแรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ มตวั ตา้ นทานแตล่ ะตัวรวมกัน จะมคี า่ เทา่ กับแหลง่ จ่ายแรงดันทจี่ า่ ยใหก้ ับวงจร
ตัวอยา่ งท่ี 2 จากวงจร จงหาค่าความต้านทานรวม ( RT ) กระแสไฟฟา้ ท่ไี หลผ่านตัวต้านทานแตล่ ะตัว (
IR1 , IR2 , IR3 )และกระแสไฟฟ้ารวม (IT )
วิธที า คานวณหาค่าความตา้ นทานรวมทัง้ หมดของวงจร (RT ) จากสตู ร
คา่ ความตา้ นทานรวม ( RT ) เทา่ กับ 1.455 kΩ
คานวณหาค่ากระแสไฟฟ้าทไี่ หลผ่านตัวตา้ นทานแต่ละตวั ( IR1 , IR2 ,IR3 ) และกระแสไฟฟ้ารวม ( IT )
IT I1 I2 I3
80
IT 9.26 mA 4.464mA 3.472mA
IT 17.196mA
IT E 25 V 17.182mA
RT 1.455k
หรือ
กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นตัวต้านทาน R 1 เท่ากับ 9.26 mA หรือ ( IR1 = 9.26 mA )
กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านตัวตา้ นทาน R 2 เท่ากับ 4.464 mA หรือ ( IR2 = 4.464 mA )
กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านตัวต้านทาน R 3 เทา่ กบั 3.472 mA หรือ ( IR1 = 3.472 mA )
กระแสไฟฟ้ารวมในวงจรมีคา่ เท่ากับ 17.196 mA หรอื ( IT =17.196 mA )
ตัวอย่างที่ 3 จากวงจร ให้คานวณหาค่าความต้านทานรวม ( RT ) กระแสไฟฟ้า I1 , I2 ,I3 และ IT
วิธที า
คานวณหาค่าความต้านทานรวม RT จากสูตร
1 1 1 1
RT R1 R2 R3
1 1 1 1
R T 2 k 540 k 1k
1 0.5 k 1.85k 1k
RT
1 3.35 k
RT
คา่ ความต้านทานรวม ( RT ) ในวงจรมคี า่ เทา่ กับ 298 Ω
81
คานวณหาค่ากระแสไฟฟ้าท่ีไหลผา่ นตัวตา้ นทานแตล่ ะตัว ( I1 , I2 , I3 ) และกระแสไฟฟ้ารวมทงั้ หมด (IT )
I1 E 17 V 8.5 mA
R1 2 k
I2 E 17 V 31.48 mA
R2 0.54 k
I3 E 17 V 17 mA
R3 1 k
IT I1 I2 I3
IT 8.5 mA 31.48mA 17 mA
IT 56.98mA
หรอื
IT E 17 V 57.04 mA
RT 0.298 k
กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นตัวต้านทาน R 1 เทา่ กบั 8.5 mA หรือ ( IR1 = 8.5 mA )
กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นตัวตา้ นทาน R 2 เท่ากับ 31.48 mA หรอื ( IR2 = 31.48 mA )
4.3 วงจรผสม
วงจรผสม หมายถึง วงจรท่ีประกอบด้วยการตอ่ ความตา้ นทานแบบอนุกรมและขนาน รวมอยู่ในวงจรเดยี วกัน
ตัวอยา่ ง วงจรผสมท่ีตอ่ กันแบบอนกุ รม-ขนาน ดงั รูป จงหาค่า IT, I1 และ I2
82
วงจรผสม หมายถึง การนาโหลดหรือตวั ตา้ นทานมาต่อเข้าด้วยกนั ในแบบวงจรอนกุ รมและวงจรขนานรวมอยู่
ในวงจรเดยี วกนั การวิเคราะหห์ รือแก้ปัญหาในวงจรผสมจึงต้องใช้ท้งั คุณลกั ษณะของวงจรอนึกรมและคณุ ลกั ษณะ
ของวงจรขนาน ควบคู่กนั ไปตามลกั ษณะวงจร ทงั้ นถ้ี ้ามีความเข้าใจวงจรอนกุ รม และเข้าใจวงจรขนานครบถว้ น
สมบูรณแ์ ล้ว ก็วิเคราะห์วงจรผสมได้เช่นกนั
คณุ ลกั ษณะของวงจรผสม
วงจรผสมจะมสี องลักษณะคอื วงจรผสมแบบอนุกรม –ขนาน และวงจรผสมแบบขนาน – อนุกรม
วงจรผสมแบบอนกุ รม – ขนาน คือ วงจรของความต้านทานชดุ ที่ตอ่ อนุกรมท่ีอยกู่ ่อนแล้วจงึ นาความตา้ นทานตาละ
ชุดมาตอ่ ขนานกนั อีกครง้ั การคานวณจะต้องใช้วิธีการยบุ รวมความต้านทานเขา้ ด้วยกันจนเหลือเปน็ ความตา้ นทาน
รวม (RT)เพียงอนั เดยี ว
วงจรผสมแบบขนาน – อนกุ รม คอื วงจรของความจา้ นทานชุดท่ตี ่อขนานอยู่กอ่ นแลว้ นาความตา้ นทานแตล่ ะ
ชุดมาตอ่ อนกุ รมกันอกี ครงั้
2. คานวณค่ากระแส แรงดัน และกาลังไฟฟา้ ของวงจรผสม ได้
การคานวณในวงจรผสม
การคานวณหาค่ากระแสไฟฟา้ ในแตล่ ะสาขา และการคานวณหาคา่ ความตา้ นทานรวมจะใช้ทง้ั
คณุ ลักษณะของวงจรอนุกรมและคุณลักษณะของวงจรขนานควบคู่กนั จงึ จะวิเคราะหว์ งจรได้
1.ค่าความตา้ นทานรวม ( RT )
2. คากระแสไฟฟา้ รวม ( IT )
IT = ( I1 + I2 ) = I3
IT = IT1 + IT2
3.คา่ แรงดนั ไฟฟ้ารวม (VT )
E = VR1 = ( VR2 + VR3 )
E = VT1 = VT2
83
คาถาม
1. ในวงจรไฟฟา้ ถ้าโหลดต่อแบบอนกุ รมกับโหลดต่อแบบขนานกาลงั ไฟฟา้ ทีไ่ ด้จะเป็นอย่างไร
2. ในวงจรขนาน ถ้าความตา้ นทานเทา่ กนั หมดทกุ ตัว กระแสไฟฟ้าทไี่ หลผ่านตัวความต้านทานแต่ละตัวจะ
เปน็ อย่างไร
3. การตอ่ โหลดของเครอื่ งใช้ไฟฟา้ ภายในบ้านเป็นการตอ่ โหลดแบบใด
เอกสารอา้ งองิ
หนังสือเรียนวชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
84
พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหสั วิชา………..…20104-2002……….วิชา……………………วงจรไฟฟา้ กระแสสลับ…………………………
ชอ่ื หน่วย...............................วงจรอนุกรม ขนาน และผสม.............................................
เรือ่ ง...................................วงจรอนกุ รม ขนาน และผสมตรง.....................จานวนชวั่ โมงสอน..........12.............
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรียนรู้
จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม เคร่อื งมอื /วัสดุ-อุปกรณ์
1. บอกความหมาย คณุ สมบัติ และการคานวณค่า 1. ใบงาน
กระแสไฟฟา้ แรงดนั ไฟฟ้า ความตา้ นทาน และ 2. เครื่องคานวณ
กาลงั ไฟฟ้าของวงจรอนกุ รมได้
2. บอกความหมาย คณุ สมบัติ และการคานวณคา่
กระแสไฟฟา้ แรงดันไฟฟา้ ความต้านทาน และ
กาลังไฟฟ้าของวงจรขนานได้
3. บอกความหมาย คุณสมบัติ และการคานวณคา่
กระแสไฟฟา้ แรงดันไฟฟ้า ความตา้ นทาน และ
กาลังไฟฟ้าของวงจรผสมได้
ลาดับข้ันการทางาน ข้อควรระวัง
1. ครแู จกใบงานใหก้ ับนักเรยี น พรอ้ มท้ังชแี้ จงและ 1. อา่ นโจทย์อยา่ งละเอยี ด และเติมคาตอบให้ตรงกับที่
อธบิ ายคาส่ังของใบงาน โจทยต์ อ้ งการ
2. นกั เรยี นอา่ นและทาความเข้าใจโจทยอ์ ย่างละเอียดวา่ 2. ถา้ เป็นการคานวณควรแสดงวธิ ีทาและใชส้ ูตรการ
โจทย์ต้องการอะไร คานวณใหถ้ ูกตอ้ ง
3. นักเรียนเติมคาตอบท่ีถกู ตอ้ งลงในช่องว่างที่กาหนดให้ มอบงาน
4. นักเรยี นอ่านทบทวนคาตอบ หากพบวา่ คาตอบ 1. ตอบคาถามลงในใบงานให้ถกู ต้องสมบูรณ์
ผดิ พลาดให้แก้ไขให้ถกู ตอ้ ง วดั ผล/ประเมนิ ผล
1. ความถกู ต้อง
2. ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
85
ใบงานท่ี 4
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 เรอ่ื ง วงจรอนุกรม ขนาน และผสม
จงแสดงวิธีทาใหถ้ กู ตอ้ ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
86
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
87
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
88
จงแสดงวธิ ที าให้ถกู ต้อง
4. จากรูปจงหาคาตอบเติมลงในช่องวา่ งที่กาหนดให้
ก. ความต้านทานรวม ( RT ) = ……………………………………………………………………………………………………
ข. กระแสไฟฟ้ารวม ( IT ) = ……………………………………………………………………………………………………….
ค. แรงดนั ไฟฟ้าตกครอ่ มตวั ต้านทานแต่ละตัว
E1 = ……………………………………………………………………………………………………
E2 = ……………………………………………………………………………………………………
E3 = ……………………………………………………………………………………………………
E4 = ……………………………………………………………………………………………………
ง. กาลังไฟฟ้าตกคร่อมตวั ต้านทานแตล่ ะตัว
P1 = ……………………………………………………………………………………………………
P2 = ……………………………………………………………………………………………………
P3 = ……………………………………………………………………………………………………
P4 = ……………………………………………………………………………………………………
PT = ……………………………………………………………………………………………………
89
5. วงจรไฟฟ้าตามรปู จงหา
ก. IT, I1, I2, I3 และ I4
ข. P1, P2, P3, P4 และ PT
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
90
พส.14
ใบปฏบิ ตั ิงาน (Operation Sheets)
รหสั วิชา………..20104-2002……….วิชา……………………วงจรไฟฟา้ กระแสตรง……………………………
ชอ่ื หนว่ ย............................วงจรอนกุ รม ขนาน และผสม.........................................................
เรือ่ ง............................วงจรอนุกรม ขนาน และผสม........................จานวนชั่วโมงสอน.............12....ช.ม.............
จุดประสงค์การเรียนรู้
- จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1. วัดค่าความตา้ นทานที่ต่อแบบอนกุ รม ขนาน และผสมได้
เครือ่ งมอื -อุปกรณ์-วสั ดุ
1. ใบปฏบิ ัติงาน
2. ชุดทดลองวชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง 1 ชุด
3. มัลติมเิ ตอร์ 1 เครอื่ ง
ลาดบั ขน้ั การปฏบิ ตั งิ าน
1. ครูแจกใบปฏิบัตงิ านให้กบั นักเรียน พร้อมทั้งชแี้ จงและอธบิ ายคาส่งั ของใบปฏิบตั ิงาน
2. นักเรยี นอ่านและทาความเข้าใจโจทย์อย่างละเอยี ดว่าโจทยต์ ้องการอะไร
3. นกั เรยี นเติมคาตอบที่ถกู ตอ้ งลงในช่องว่างทีก่ าหนดให้
4. นกั เรียนอ่านทบทวนคาตอบ หากพบวา่ คาตอบผิดพลาดให้แก้ไขให้ถกู ตอ้ ง
ขอ้ ควรระวัง
1. อ่านโจทยอ์ ยา่ งละเอียด ระมัดระวังในทุกๆขัน้ ตอน และเตมิ ผลการทดลองทไี่ ดล้ งในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง
ถ้าเป็นการคานวณควรแสดงวธิ ที าและใชส้ ูตรการคานวณใหถ้ ูกตอ้ ง
ขอ้ เสนอแนะ
-
การประเมนิ ผล
1. ความถกู ต้อง
2. ความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย
เอกสารอ้างองิ
1. หนงั สือเรยี นวชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
91
ใบปฏบิ ัตงิ าน
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เรื่อง วงจรอนกุ รม ขนาน และผสม
สรปุ ผลการทดลอง
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
92
สรปุ ผลการทดลอง
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................………
.........................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................……
93
แบบทดสอบหน่วยการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 4
เรือ่ ง วงจรอนกุ รม ขนาน ผสม
คาสง่ั ตอนที่ 1 จงเลอื กคาตอบทีถ่ ูกตอ้ งที่สดุ เพยี งขอ้ เดยี ว
1. คณุ ลักษณะทเ่ี ดน่ ชัดที่สดุ ของวงจรอนุกรม คือข้อใด
ก. แรงดนั ไฟฟ้าเทา่ กนั ทงั้ วงจร
ข. กระแสไฟฟา้ มเี พยี งคา่ เดียวเท่ากนั ทั้งวงจร
ค. กาลงั ไฟฟา้ มเี พยี งค่าเดียวเท่ากนั ทง้ั วงจร
ง. กระแสไฟฟา้ ไหลได้หลายทิศทาง
2. วงจรอนุกรมเรยี กอกี อย่างหนง่ึ ว่าอะไร
ก. วงจรบรดิ จ์
ข. วงจรครอ่ ม
ค. วงจรอันดับ
ง. วงจรเฉยี ง
จากรูปที่กาหนดให้ จงตอบคาถามขอ้ ท่ี 3 - 6
3. กระแสไฟฟ้าที่ไหลผา่ นความตา้ นทาน 1Ω มีค่าเทา่ ใด
ก. 0.5 A
ข. 1A
ค. 2 A
ง. 3 A
4. กระแสไฟฟ้าทผ่ี า่ นความตา้ นทาน 3Ω มคี ่าเทา่ ใด
ก. 2 A
ข. 1.5 A
ค. 1 A
ง. 0.5 A
5. กระแสไฟฟา้ รวมท้งั หมดของวงจร (I) มีคา่ เท่าใด
ก. 1 A
ข. 2 A
ค. 3 A
ง. 6 A
6. ความตา้ นทานรวม (RT) ของวงจรมีคา่ เท่าใด
ก. 3 Ω
ข. 4 Ω
ค. 5 Ω
ง. 6 Ω
94
จากรปู ทก่ี าหนดให้ จงตอบคาถามขอ้ ที่ 7 - 10
7. กระแสไฟฟา้ รวมทง้ั หมดของวงจร (I) มีคา่ เท่าใด
ก. 0.1 A
ข. 1 A
ค. 2 A
ง. 3 A
8. แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม ความตา้ นทาน 2 Ω มีค่าเท่าใด
ก. 1 V
ข. 1.5 V
ค. 2 V
ง. 3 V
9. แรงดนั ไฟฟา้ ตกคร่อม ความต้านทาน 3 Ω มีค่าเท่าใด
ก. 2 V
ข. 2.5 V
ค. 3 V
ง. 5 V
10. กาลังไฟฟ้าทค่ี วามต้านทาน 5 Ω มีค่าเท่าใด
ก. 5 W
ข. 10 W
ค. 13 W
ง. 15 W
11.คณุ ลกั ษณะท่เี ดน่ ชดั ท่สี ุดของวงจรขนาน คอื ขอ้ ใด
ก. กระแสไฟฟ้าเท่ากันทง้ั วงจร
ข. แรงดันไฟฟ้ามเี พยี งคา่ เดยี วกนั ทัง้ วงจร
ค. กาลังไฟฟ้ามคี ่าต่ากว่าวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม
ง. กาลงั ไฟฟ้ารวมของวงจรมีค่าเทา่ กบั แรงดันของแหลง่ จ่ายไฟ
จากรูปท่กี าหนดให้ จงตอบคาถามขอ้ ท่ี 12 - 15
12. ความตา้ นทานรวมของวงจร มีคา่ เท่าใด
ก. 1 Ω
ข. 1.2 Ω
ค. 2 Ω
ง. 5 Ω
95
13.กระแสไฟฟ้า I2 มีค่าเท่าใด
ก. 0.1 A
ข. 0.2 A
ค. 0.4 A
ง. 0.5 A
14.กระแสไฟฟา้ I1 มคี า่ เทา่ ใด
ก. 0.1 A
ข. 0.3 A
ค. 0.4 A
ง. 0.6 A
15. กระแสไฟฟา้ รวมทั้งหมดของวงจร มคี า่ เทา่ ใด
ก. 3 A
ข. 2 A
ค. 1.2 A
ง. 1 A
จากรูปทีก่ าหนดให้ จงตอบคาถามขอ้ 16 - 20
16. กระแสไฟฟา้ I1 มคี า่ เท่าใด
ก. 1 mA
ข. 2 A
ค. 3 A
ง. 3.5 A
17. กระแสไฟฟา้ I2 มีค่าเท่าใด
ก. 1 A
ข. 2 A
ค. 3.5 A
ง. 5 m A
18. กระแสไฟฟ้า I3 มคี า่ เทา่ ใด
ก. 0.2 A
ข. 0.5 mA
ค. 1.5 A
ง. 2.5 A
96
19. ความตา้ นทานรวม มคี ่าเท่าใด
ก. 3.07 kΩ
ข. 17.33 kΩ
ค. 13.33 kΩ
ง. 4 kΩ
20. กระแสไฟฟ้ารวมทัง้ หมดของวงจรมีคา่ เทา่ ใด
ก. 4 A
ข. 4.5 A
ค. 6.5 mA
ง. 8.2 mA
21.คุณลักษณะทเ่ี ด่นชัดที่สุดของวงจรขนาน คือข้อใด
ก. กระแสไฟฟ้าเท่ากนั ท้งั วงจร
ข. แรงดนั ไฟฟา้ มีเพียงคา่ เดยี วกันทั้งวงจร
ค. กาลังไฟฟา้ มคี า่ ต่ากวา่ วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม
ง. กาลังไฟฟา้ รวมของวงจรมีค่าเท่ากับแรงดันของแหลง่ จ่ายไฟ
จากรูปทกี่ าหนดให้ จงตอคาถามขอ้ ท่ี 22 - 25
22. ความตา้ นทานรวมของวงจร มคี า่ เท่าใด
ก. 1 Ω
ข. 1.2 Ω
ค. 2 Ω
ง. 5 Ω
23.กระแสไฟฟา้ I2 มีคา่ เท่าใด
ก. 0.1 A
ข. 0.2 A
ค. 0.4 A
ง. 0.5 A
24.กระแสไฟฟา้ I1 มีคา่ เทา่ ใด
ก. 0.1 A
ข. 0.3 A
ค. 0.4 A
ง. 0.6 A
97
25. กระแสไฟฟา้ รวมทั้งหมดของวงจร มคี า่ เท่าใด
ก. 3 A
ข. 2 A
ค. 1.2 A
ง. 1 A
จากรปู ทกี่ าหนดให้ จงตอบคาถามขอ้ 26 - 30
26. กระแสไฟฟา้ I1 มคี ่าเท่าใด
ก. 1 mA
ข. 2 A
ค. 3 A
ง. 3.5 A
27.กระแสไฟฟา้ I2 มคี ่าเทา่ ใด
ก. 1 A
ข. 2 A
ค. 3.5 A
ง. 5 m A
28. กระแสไฟฟา้ I3 มีคา่ เท่าใด
ก. 0.2 A
ข. 0.5 mA
ค. 1.5 A
ง. 2.5 A
29. ความต้านทานรวม มคี า่ เท่าใด
ก. 3.07 kΩ
ข. 17.33 kΩ
ค. 13.33 kΩ
ง. 4 kΩ
30. กระแสไฟฟ้ารวมทัง้ หมดของวงจรมีคา่ เท่าใด
ก. 4 A
ข. 4.5 A
ค. 6.5 mA
ง. 8.2 mA