The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้
สมรรถนะอาชีพบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by noopor.tfr, 2022-05-22 04:53:50

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง

แผนการจัดการเรียนรู้
สมรรถนะอาชีพบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง

98

เฉลยแบบทดสอบหน่วยการเรียนรู้ หน่วยท่ี 4
เร่อื ง วงจรอนกุ รม ขนาน ผสม

คาสัง่ ตอนที่ 1 จงเลือกคาตอบทถี่ กู ต้องทีส่ ุดเพยี งข้อเดยี ว

1. ข
2. ค
3. ข
4. ค
5. ก
6. ง
7. ข
8. ค
9. ค
10. ก
11. ข
12. ข
13. ค
14. ง
15. ง
16. ก
17. ง
18. ข
19. ก
20. ค
21. ข
22. ข
23. ค
24. ง
25. ง
26. ก
27. ง
28. ข
29. ก
30. ค

99

พส.9

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 5
เวลารวม 8 ชม.
รหสั วชิ า 20104-2002 วิชา วงจรไฟฟ้ากระแสตรง

ชอ่ื หน่วย วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟา้ และวงจรแบง่ กระแสไฟฟา้ สปั ดาห์ 6-7/18

เรื่อง วงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟ้า และวงจรแบ่งกระแสไฟฟา้ จานวน 4 ชม.

1. สาระสาคัญ

ในวงจรไฟฟ้าที่มีแหลง่ จา่ ยไฟฟา้ เพยี งแหล่งเดยี ว ถา้ หากตอ้ งการแรงดันไฟฟ้า และกระแสไฟฟา้ หลายระดับ

โดยใชว้ ธิ ีแบง่ แรงดนั ไฟฟ้า และแบ่งกระแสไฟฟา้ ให้ใช้ค่าความต้านทานทม่ี อี ยู่ในแต่ละสว่ นของวงจรเปน็ ตวั แบ่ง และ

นากฎของโอห์มเขา้ มาประยุกตใ์ ช้ในการคานวณค่าต่างๆในวงจร

2. สมรรถนะประจาหนว่ ย
แสดงความรเู้ กี่ยวกับวงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้า วงจรแบง่ กระแสคานวณหาค่าต่างๆ ในวงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟา้ วงจร

แบ่งกระแส ตอ่ วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้า วงจรแบ่งกระแสและวดั หาค่าต่างๆ

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายหลกั การของวงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟา้ แบบไม่มโี หลดและแบบมีโหลดได้
2. คานวณคา่ ตา่ งๆ ในวงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าได้

3. อธิบายหลักการของวงจรแบง่ กระแสไฟฟ้าได้
4. คานวณหาค่าต่างๆในวงจรแบง่ กระแสไฟฟา้ ได้

4. สาระการเรยี นรู้
1. วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟา้

2. วงจรแบง่ กระแสไฟฟา้

5. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้
Active learning : ให้นักเรียนจัดทาใบปฏบิ ัติงานตามการทดลองที่ 5 การใช้มัลติมิเตอร์วดั วงจรแบ่งแรงดัน

และวงจรแบ่งกระแสตามลาดับขน้ั การทดลอง

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

6.1 ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้
2. ครูแจ้งเกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล

6.2 ขน้ั สอนทฤษฎี
1. ครูบรรยายเน้อื หาประกอบแผ่นใส / power point

2. ครซู ักถามนักเรียนเกย่ี วกบั เนือ้ หาท่ีเรียน
3. ครูให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นหรือซกั ถามในประเด็นท่สี งสัยหรือไมเ่ ข้าใจ

100

6.3 ขั้นสอนปฏบิ ัติ
1. นกั เรยี นจดั เตรยี มเคร่ืองมอื และอปุ กรณ์
2. ครูแบ่งกลุ่มใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ิการทดลองตามใบงาน
3. ครสู งั เกตการณ์ปฏิบัติงานและคอยให้คาแนะนาอย่างใกลช้ ดิ

6.4 ข้นั สรุป
1. ครสู รปุ สาระสาคัญของหนว่ ยการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้นักเรยี นซกั ถามหรือแสดงความคดิ เหน็
2. ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรู้

7. บรรยากาศทสี่ ่งเสรมิ และพฒั นาผู้เรียน
ผู้เรยี นมคี วามสนใจในการเรียน เนือ่ งจากการสอนแบบ Active learning ทาให้ผเู้ รียนได้ลงมอื ปฏบิ ัติและ

เกิดการผดิ พลาดและสามารถแกไ้ ขปัญหาดว้ ยตนเอง ส่งผลใหเ้ กิดผลการเรยี นรู้ทีด่ ี

8. คณุ ธรรม จรยิ ธรรมประจาหน่วย
1. ความรับผิดชอบ
2. ตรงตอ่ เวลา
3. ความซือ่ สตั ย์

9. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
พาวเวอร์พอ้ ยท์ เรอื่ ง การคานวณวงจรแบง่ แรงดนั และวงจรแบง่ กระแส
ใบความรู้ เร่อื ง การใช้มัลตมิ ิเตอรว์ ดั วงจรแบ่งแรงดนั และวงจรแบง่ กระแสตามลาดับขนั้ การทดลอง
วดิ ีโอ เร่ือง วงจรแบง่ แรงดนั และวงจรแบง่ กระแส

10. การวัดผลและประเมินผล
แบบทดสอบท้ายบทเรียน เรอื่ ง วงจรแบง่ แรงดนั และวงจรแบ่งกระแส
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง การคานวณวงจรแบง่ แรงดนั และวงจรแบง่ กระแส
แบบทดสอบหลงั เรยี น เรือ่ ง การคานวณวงจรแบง่ แรงดนั และวงจรแบ่งกระแส

11. หลักฐานการเรยี นรู้
แบบฝึกหดั เรื่อง วงจรแบง่ แรงดัน และวงจรแบ่งกระแส
ใบงาน เรื่อง การคานวณวงจรแบ่งแรงดัน และวงจรแบ่งกระแส
ใบปฏิบัติงาน เร่อื ง การใชม้ ลั ติมเิ ตอรว์ ดั วงจรแบ่งแรงดัน และวงจรแบง่ กระแสตามลาดับขน้ั การทดลอง

12. เอกสารอา้ งองิ
-

101

พส.10

เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมิน

รหัสวิชา…………20104-2002……….วชิ า…………วงจรไฟฟ้ากระแสตรง………ท-ป-น...1-3-2...........

แบบประเมนิ แบบประมาณคา่ (Ratting scale) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
54 321
ประเด็นการประเมนิ

1. อธิบายหลักการของวงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟ้าแบบไม่มีโหลดและแบบมี
โหลดได้
2. คานวณคา่ ตา่ งๆ ในวงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟ้าได้
3. อธบิ ายหลักการของวงจรแบง่ กระแสไฟฟ้าได้
4. คานวณหาคา่ ตา่ งๆในวงจรแบ่งกระแสไฟฟา้ ได้

รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)

102

พส.11

บนั ทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้
รหัสวิชา...........................ช่อื วชิ า.........................................................................................ระดับชั้น  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............................................................................................สัปดาหท์ .่ี .........วันทส่ี อน..............................................
หนว่ ยท่.ี ...........ชอ่ื หน่วย......................................................................................................................จานวน................ชั่วโมง
จานวนผู้เรียน..........................คน มาเรยี น........................คน ขาดเรยี น.........คน ลาป่วย.........คน ลากจิ ..........คน

1. ผลการจัดการเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………

ลงชอ่ื .......................................................ครผู สู้ อน
(............................................................)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชื่อ...............................................หัวหน้าแผนกวิชา ลงช่ือ............................................รองผอู้ านวยการฝ่ายวิชาการ
(............................................................) (นางสาวนศิ ากร เจริญดี)
............/................../............
............/................../............

ความเห็นผู้อานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงช่อื ...........................................
(นางสาวสมุ ีนา แดงใจ)

ผู้อานวยการวิทยาลัยการอาชีพนครปฐม
............/................../............

103

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวิชา………..20104-2002………….วิชา………………..วงจรไฟฟา้ กระแสตรง……………………
ชือ่ หน่วย..............................วงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้ และวงจรแบง่ กระแสไฟฟา้ .........................................

เรอ่ื ง............วงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้ และวงจรแบง่ กระแสไฟฟา้ ...................จานวนชวั่ โมงสอน.............8..........

จุดประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรียนรู้

- จุดประสงค์ท่ัวไป 1. วงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้

1. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั วงจรแบ่ง 2. วงจรแบง่ กระแสไฟฟ้า

แรงดนั ไฟฟา้ และวงจรแบง่ กระแสไฟฟา้

2. มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีในการปฏบิ ัติงาน มคี วาม

ละเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เปน็ ระเบยี บ สะอาด

ตรงต่อเวลา มีความซอื่ สตั ย์และมคี วามรับผิดชอบ

- จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม

1. อธบิ ายหลกั การของวงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าแบบไม่

มโี หลดและแบบมีโหลดได้

2. คานวณค่าต่างๆ ในวงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าได้

3. อธบิ ายหลกั การของวงจรแบ่งกระแสไฟฟา้ ได้

4. คานวณหาค่าต่างๆในวงจรแบ่งกระแสไฟฟา้ ได้

104

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5
เรือ่ ง วงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้า และวงจรแบ่งกระแสไฟฟา้
5.1 วงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้
วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้า เป็นวงจรทีป่ ระกอบด้วยตวั ตา้ นทานต้งั แต่สองตัวขึน้ ไปตอ่ อนกุ รมอยู่ระหวา่ งแหลง่ จา่ ย
ไฟฟ้า โดยท่ัวๆไปแลว้ วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าพฒั นามาจากกฎของโอห์ม เพยี งแต่การคิดแรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ มตัว
ตา้ นทานแตล่ ะตวั ใช้วิธขี องวงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟ้า จะรวดเร็วและสะดวกกว่ากฎของโอห์ม วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้า
แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื
วงจรแบ่งแรงดันทีไ่ มม่ ีโหลด เปน็ วงจรท่ไี ม่มโี หลดในทนี่ ก้ี ค็ อื ไม่มี RL มาตอ่ ในวงจร แตม่ ตี วั ต้านทาน R ต้งั แต่
2 ตัว มาตอ่ อนุกรมกนั อยู่ ดังแสดงในรูป

105

วงจรแบง่ แรงดันทม่ี โี หลด เปน็ วงจรอนุกรมท่คี ดิ คา่ การแบง่ แรงดันไฟฟา้ ที่ตัวต้านทานค่าตา่ งๆ เมอ่ื นาโหลด
RL มาต่อคร่อมตัวต้านทานตวั ใดตัวหน่ึง จะได้วงจรใหม่ เรียกวา่ วงจรแบ่งแรงดันทม่ี โี หลด ดงั รปู

5.2 วงจรแบ่งกระแสไฟฟ้า
วงจรแบง่ กระแสไฟฟ้า เป็นวงจรทีป่ ระกอบด้วยตัวตา้ นทานตั้งแต่สองตัวขึ้นไปนามาต่อขนานกนั และต่อเข้า

กับแหลง่ จ่ายแรงดันไฟฟ้า มีจานวนกระแสไฟฟา้ ไหลไม่เท่ากัน จงึ แบง่ การไหลตามพกิ ดั ของค่าความตา้ นทานตัว
น้นั ๆ ถา้ ใช้กฎของโอหม์ แก้ปัญหาจะไมส่ ะดวกและลา่ ช้า ดังน้นั จงึ ตอ้ งใชส้ ตู รการหาด้วนวิธขี องวงจรแบ่ง
กระแสไฟฟา้ ดงั รปู

106

วงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้ หมายถึง วงจรท่ตี ่อแบบอนกุ รม ซ่ึงสามารถแบ่งแรงดันไฟฟา้ ได้หลายคา่ จากแหล่งจ่ายไฟ

อันเดียวกัน ทั้งนี้ค่าแรงดันไฟฟ้าท่ีได้รับจะมากหรือน้อย ข้ึนอยู่กบั ค่าความต้านทานท่ีนามาต่อในวงจร วงจรแบ่ง
แรงดันไฟฟ้าแบ่งออกเป็นสองลักษณะคือ วงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟา้ ขณะไมม่ ีโหลด และวงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าขณะมี

โหลด
วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าเรียกว่า โวลท์เตจ ดีไวเตอร์ ใช้หลักการของวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม เนื่องจากวงจร

อนกุ รมมีแรงดันตกคร่อมตวั ตา้ นทานหรือโหลดไมเ่ ทา่ กัน

1. คานวณค่ากระแส แรงดนั และกาลงั ไฟฟ้าของวงจรผสม ได้ (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อ 2)
1. วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าทไ่ี ม่มโี หลด (Unloa

วงจรการแบ่งแรงดนั ท่ีไม่มีโหลด unloaded voltage divider ก็คอื วงจรแบบอนกุ รมท่วั ๆ

ไปนน่ั เอง ซึ่งเราสามารถท่ีจะแบง่ แรงดันไดห้ ลาย ๆ ค่า เพ่ือนาไปจา่ ยให้กับโหลดทต่ี อ้ งการแรงดันในระดบั ตา่ ง
ๆ ท่ีแตกต่างกนั ออกไป ซงึ่ ทง้ั นี้แรดนั ทถี่ ูกแบ่งทั้งหมดจะไดม้ าจากแหลง่ กาเนดิ แรงดนั เพยี งตวั เดยี วเทา่ นน้ั

วงจรแรงดันแต่ยงั ไม่ต่อโหลด การคานวณจงึ ไมต่ ้องนาโหลดมาพจิ ารณาดงั รปู วงจรท่ี 1

วงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้ แบบไมม่ ีโหลด (Unloaded Voltage Divider)
จากวงจรจะไดส้ ตู ร V1, V2 ดงั น้ี

V1  VT ( R1 )
R1  R2

V2  VT ( R2 )
R1  R
2

จากรูป เปน็ วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม (Series Circuit) การแบ่งแรงดนั ไฟฟ้า (Voltage Dividers) ตวั

ต้านทาน R1 และ R2 จะทาหนา้ ที่เปน็ ตวั แบ่งแรงดันไฟฟา้ เพราะแรงดนั ไฟฟ้าตกครอ่ มตวั ต้านทาน R1 และ R2 ไม่

เท่ากนั

107

การหาคา่ แรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ ม ถา้ จะใชส้ ตู รตามหลกั การของวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม (Series Circuit) จะ
ทาให้เกิดความย่งุ ยากและเสียเวลา ดังน้นั เพือ่ การคานวณทีง่ า่ ยและรวดเรว็ ขน้ึ จงึ มีสูตรเฉพาะท่ีใชก้ ับวงจรแบง่

แรงดันไฟฟา้ แบบไมม่ โี หลด

V1  VT R1R1R 

2 

V2  VT R1R2R 2 



2.วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้าแบบมีโหลด (Loaded Voltage Divider)

ในวงจรอนกุ รมทีค่ านวณค่าแรงดนั ตกครอ่ มตวั ต้านทานต่างๆ เมือ่ นาเอาโหลด (RL) มาตอ่
คร่อมตัวตา้ นทานตวั ใดตัวหนงึ่ กจ็ ะไดว้ งจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าแบบมโี หลด

อยา่ งไรกต็ ามจะต้องมีการคานวณค่ากระแสของแหล่งจ่ายใหเ้ พยี งพอต่อการจ่ายกระแสให้โหลดด้วย
เพราะเน่อื งจากถา้ โหลดใชก้ ระแสมาก แรงดันทีจ่ ่ายให้โหลดจะลดลงจากกรณที ี่ไมม่ โี หลด วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟา้
แบบมีโหลด (Loaded Voltage Divider) แสดงดังรปู ท่ี 2

วงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้ แบบมโี หลด (RL)
จากรูปวงจร มีโหลด (RL) มาตอ่ คร่อมอยูก่ บั ตัวตา้ นทาน R2 ดงั นัน้ ในการหาค่าแรงดนั ไฟฟา้ ที่แบง่ มาใหโ้ หลด

(RL) เพ่ือการคานวณที่ง่ายและรวดเร็วข้นึ จึงมีสูตรคานวณเฉพาะทใี่ ชก้ บั วงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าแบบมโี หลด (RL)
ดังน้ี

VL  VT  R R2 //R L 
 2 //R L 
  R1 

108

ตัวอย่างท่ี 1 จากวงจรรูปท่ี 3 จงคานวณหาค่าแรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ มตัวต้านทาน R1, R2 และ R3

รปู ท่ี 3

วิธีทา

V1  VT   R1  R3 
R1 R2 


V1  17 V2.5 2.5 kΩ 10 
kΩ 5 kΩ kΩ

V1  17 V127.5.5kkΩΩ

V1  2.428 V

V2  VT   R2  R3 
 R2 
R1 

V2  17 V2.5 5 kΩ 10 
kΩ 5 kΩ kΩ

V2  17 V175.5kΩkΩ

V2  4.857 V

V3  VT   R 3  R 
 R 2 
R1 3 

V3  17 V2.5 10 kΩ 10 kΩ 
kΩ 5 kΩ 


V3  17 V1170.5kkΩΩ

V3  9.714 V

109

คาถาม
1. กระแสไฟฟา้ รวมของวงจรจะมคี า่ มากกวา่ กระแสไฟฟ้าในสาขาย่อยหรอื ไม่
2. ถา้ ตัดกระแสไฟฟ้าสาขาย่อยออกไปหนึง่ ตวั กระแสไฟฟ้ารวมจะเปน็ อยา่ งไร

เอกสารอ้างอิง
หนังสอื เรยี นวิชาวงจรไฟฟา้ กระแสตรง

110

พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหสั วิชา………..…20104-2002……….วิชา……………………วงจรไฟฟา้ กระแสตรง…………………………

ช่อื หน่วย...........................วงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟ้า และวงจรแบ่งกระแสไฟฟ้า............................................

เรื่อง...........................วงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้า และวงจรแบ่งกระแสไฟฟ้า....................จานวนชัว่ โมงสอน.....8.............

จุดประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรยี นรู้

จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม เครื่องมือ/วสั ดุ-อุปกรณ์

1. อธิบายหลักการของวงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟา้ แบบไมม่ ี 1. ใบงาน

โหลดและแบบมโี หลดได้ 2. เครอ่ื งคานวณ

2. คานวณค่าต่างๆ ในวงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟ้าได้

3. อธบิ ายหลกั การของวงจรแบ่งกระแสไฟฟ้าได้

4. คานวณหาคา่ ตา่ งๆในวงจรแบง่ กระแสไฟฟา้ ได้

ลาดับข้ันการทางาน ขอ้ ควรระวัง

1. ครแู จกใบงานให้กบั นักเรียน พรอ้ มทง้ั ชแ้ี จงและ 1. อ่านโจทย์อย่างละเอยี ด และเตมิ คาตอบให้ตรงกับที่

อธิบายคาสงั่ ของใบงาน โจทย์ต้องการ

2. นักเรียนอา่ นและทาความเข้าใจโจทยอ์ ย่างละเอียดว่า 2. ถา้ เปน็ การคานวณควรแสดงวิธีทาและใชส้ ูตรการ

โจทยต์ อ้ งการอะไร คานวณใหถ้ กู ตอ้ ง

3. นกั เรียนเติมคาตอบท่ีถูกตอ้ งลงในช่องว่างทก่ี าหนดให้ มอบงาน
4. นักเรยี นอ่านทบทวนคาตอบ หากพบวา่ คาตอบ 1. ตอบคาถามลงในใบงานใหถ้ กู ต้องสมบูรณ์
ผดิ พลาดใหแ้ ก้ไขให้ถกู ตอ้ ง
วัดผล/ประเมินผล

1. ความถูกต้อง

2. ความเป็นระเบียบเรียบร้อย

111

ใบงานท่ี 5
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 เรอื่ ง วงจรแบ่งแรงดนั และวงจรแบ่งกระแส

จงแสดงวิธีทาใหถ้ กู ต้อง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

112

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

113

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

114

แบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 5 เรอ่ื ง วงจรแบง่ แรงดัน และวงจรแบ่งกระแส

คาส่งั ให้นกั เรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่ีสดุ เพยี งข้อเดยี ว ทาเครอ่ื งหมาย Х ลงในกระดาษคาตอบ
1. วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟา้ คืออะไร
ก. วงจรทม่ี ีการแบง่ แรงดันไฟฟ้า ใช้หลกั การของวงจรไฟฟ้าแบบผสม
ข. วงจรทม่ี กี ารแบง่ แรงดันไฟฟ้า ใช้หลักการของวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม
ค. วงจรท่ีมีการแบ่งแรงดนั ไฟฟ้า ใช้หลกั การของวงจรไฟฟ้าแบบขนาน
ง. ขอ้ ก และ ข ถูก
2. วงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้ แบบไม่มีโหลดคือข้อใด
ก. วงจรไฟฟ้าแบบขนาน
ข. วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม
ค. วงจรไฟฟา้ ทม่ี ีโหลด ตอ่ รว่ มกันในระหวา่ งจดุ สองจดุ
ง. วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รมทีม่ ีการนาโหลดมาตอ่ ขนานกบั ตัวตา้ นทานในวงจร
3. จากวงจรไฟฟา้ ในรูปที่ ก-8.1 แรงดันไฟฟ้า VR1 คอื ขอ้ ใด

IT

R1
E

R2

รูปที่ ก-8.1 สาหรบั ตอบคาถามขอ้ ท่ี 3

ก. VR1  E R2 ข. VR1  E R1
R1  R2 R1  R2

ค. VR1  E R1  R2 ง. VR1  E R1  R2
R2 R1

115

จากวงจรไฟฟา้ ในรูปท่ี ก-8.2 ใช้ตอบคาถามขอ้ 4-5 R1 = 4 W
R2 = 2 W
IT R3 = 6 W

E = 24 V

รูปท่ี ก-8.2 สาหรบั ตอบคาถามข้อที่ 4-5

4. แรงดนั ไฟฟ้า VR1 มีค่าเท่าใด ข. 10 V
ก. 12 V

ค. 8 V ง. 4 V

5. แรงดันไฟฟา้ VR3 มีค่าเท่าใด ข. 10 V
ก. 12 V

ค. 8 V ง. 4 V

6. วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้าแบบมีโหลดคือขอ้ ใด

ก. วงจรไฟฟา้ ท่มี ีโหลด ตอ่ ร่วมกนั ในระหวา่ งจดุ สองจุด

ข. วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมท่ีมีการนาโหลดมาต่อขนานกับตัวต้านทานในวงจร

ค. วงจรไฟฟา้ แบบขนาน

ง. วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม

116

จากวงจรไฟฟา้ ในรปู ที่ ก-8.3 ใช้ตอบคาถามข้อ 7-11

IT

V1 R1 = 4 W

E = 10 V V2 R2 = 8 W R4 = 8 W

V3 R3 = 6 W R5 = 6 W R6 = 6 W

รูปที่ ก-8.3 สาหรบั ตอบคาถามขอ้ ท่ี 7-11

7. แรงดนั ไฟฟ้า V1 มคี ่าเทา่ ใด ข. 6 V
ก. 8 V ง. 2 V
ค. 4 V
ข. 6 V
8. แรงดันไฟฟา้ V3 มคี า่ เท่าใด ง. 2 V

ก. 8 V ข. 1 A
ค. 4 V ง. 0.5 A
9. กระแสไฟฟา้ ที่ไหลผ่าน R1 มีค่าเท่าใด
ก. 1.5 A ข. 1 A
ค. 0.75 A ง. 0.5 A
10. กระแสไฟฟา้ ทไี่ หลผา่ น R 4 มีค่าเท่าใด
ก. 1.5 A ข. 1 A
ค. 0.75 A ง. 0.33 A
11. กระแสไฟฟา้ ท่ีไหลผ่าน R 6 มคี า่ เท่าใด

ก. 1.5 A
ค. 0.5 A

117

จากวงจรไฟฟา้ ในรปู ท่ี ก-8.4 ใช้ตอบคาถามข้อ 7-11

IT IL3

E = 30 V = 5R3 W

IL2

R2 = 5 W R L3 V=L33 0 W

IL1 R L2 V=L125 W

R1 = 20RWL1 =V2L10 W

รูปที่ ก-8.4 สาหรบั ตอบคาถามข้อท่ี 12-16

12. แรงดันไฟฟ้า VL1 มีคา่ เท่าใด ข. 12 V
ก. 18 V ง. 4 V
ค. 8 V
ข. 12 V
13. แรงดันไฟฟา้ VL2 มคี า่ เท่าใด ง. 4 V
ก. 18 V
ค. 8 V

14. กระแสไฟฟ้าที่ไหลผา่ น RL1 มีค่าเทา่ ใด ข. 0.9 A
ก. 1.2 A ง. 0.3 A
ค. 0.6 A
ข. 0.9 A
15. กระแสไฟฟา้ ทไี่ หลผา่ น RL2 มีค่าเทา่ ใด ง. 0.3 A
ก. 1.2 A
ค. 0.6 A ข. 1 A
ง. 0.25 A
16. กระแสไฟฟ้าทไ่ี หลผา่ น RL3 มีค่าเท่าใด
ก. 1.5 A
ค. 0.75 A

118

จากวงจรไฟฟา้ ในรูปที่ ก-8.5 ใช้ตอบคาถามข้อ 17-18

IT

E = 15 V R2 IL = 0.2 A

Ib RL VL = 8 V
R1

กาหนดให้ Ib = 10% ของ IL
รูปท่ี ก-8.5 สาหรบั ตอบคาถามข้อท่ี 17-18

17. ตวั ต้านทาน R1 มคี า่ เท่าใด ข. 400 W
ก. 500 W ง. 200 W
ค. 300 W
ข. 28.62 W
18. ตัวต้านทาน R 2 มีคา่ เท่าใด ง. 22.62 W
ก. 31.82 W
ค. 25.82 W

จากวงจรไฟฟา้ ในรปู ที่ ก-8.6 ใช้ตอบคาถามขอ้ 19-20

IT

R3 IL2 = 0.8 A

E = 40 V R2 = 0.6 A
IL1
Ib VL1 R L2 VL2 = 20 V
R L1
R1 = 10 V

กาหนดให้ Ib = 10% ของ ILT
รปู ที่ ก-8.6 สาหรบั ตอบคาถามข้อท่ี 19-20

19. ตัวต้านทาน R1 มคี า่ เท่าใด ข. 82.64 W
ก. 96.73 W

119

ค. 71.43 W ง. 31.12 W
20. ตัวต้านทาน R 2 มคี า่ เท่าใด
ข. 21.36 W
ก. 24.84 W ง. 13.51 W
ค. 16.67 W

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 เรอ่ื ง วงจรแบง่ แรงดนั และวงจรแบง่ กระแส
--------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. ข
2. ข
3. ข
4. ค
5. ก
6. ข
7. ค

8. ง
9. ข
10. ง
11. ง
12. ข

13. ก
14. ค

15. ก
16. ข
17. ข
18. ก
19. ค
20. ง

120

แบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 เรอ่ื ง วงจรแบง่ แรงดนั และวงจรแบง่ กระแส

คาส่งั ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบทีถ่ ูกต้องที่สุดเพยี งขอ้ เดียว ทาเคร่ืองหมาย Х ลงในกระดาษคาตอบ
1. วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าคืออะไร
ก. วงจรท่ีมกี ารแบง่ แรงดนั ไฟฟา้ ใชห้ ลักการของวงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม
ข. วงจรท่มี ีการแบ่งแรงดนั ไฟฟ้า ใช้หลกั การของวงจรไฟฟ้าแบบขนาน
ค. วงจรท่ีมีการแบง่ แรงดันไฟฟา้ ใชห้ ลักการของวงจรไฟฟา้ แบบผสม
ง. ขอ้ ก และ ข ถูก
2. วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าแบบไม่มโี หลดคือขอ้ ใด
ก. วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม
ข. วงจรไฟฟ้าแบบขนาน
ค. วงจรไฟฟา้ ท่ีมโี หลด ตอ่ รว่ มกนั ในระหวา่ งจุดสองจดุ
ง. วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมทม่ี ีการนาโหลดมาต่อขนานกับตวั ตา้ นทานในวงจร
3. จากวงจรไฟฟ้าในรูปที่ ล-8.1 แรงดนั ไฟฟา้ VR1 คอื ขอ้ ใด

IT R1
E R2

รปู ท่ี ล-8.1 สาหรบั ตอบคาถามขอ้ ท่ี 3

ก. VR1  E R1 ข. VR1  E R2
R1  R2 R1  R2

ค. VR1  E R1  R2 ง. VR1  E R1  R2
R1 R2

121

จากวงจรไฟฟ้าในรปู ท่ี ล-8.2 ใช้ตอบคาถามขอ้ 4-5 R1 = 4 W
R2 = 2 W
IT R3 = 6 W

E = 24 V

รปู ท่ี ล-8.2 สาหรบั ตอบคาถามขอ้ ท่ี 4-5

4. แรงดันไฟฟา้ VR1 มีคา่ เท่าใด ข. 8 V
ก. 4 V

ค. 10 V ง. 12 V

5. แรงดันไฟฟ้า VR3 มคี า่ เท่าใด ข. 8 V
ก. 4 V

ค. 10 V ง. 12 V

6. วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟา้ แบบมีโหลดคอื ข้อใด

ก. วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม

ข. วงจรไฟฟ้าแบบขนาน

ค. วงจรไฟฟ้าท่มี โี หลด ต่อรว่ มกันในระหว่างจุดสองจุด

ง. วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมทีม่ กี ารนาโหลดมาตอ่ ขนานกบั ตวั ต้านทานในวงจร

122

จากวงจรไฟฟา้ ในรปู ที่ ล-8.3 ใชต้ อบคาถามขอ้ 7-11

IT V1 R1 = 4 W
V2 R2 = 8 W R4 = 8 W
E = 10 V V3 R3 = 6 W R5 = 6 W R6 = 6 W

รปู ท่ี ล-8.3 สาหรบั ตอบคาถามข้อท่ี 7-11

7. แรงดันไฟฟา้ V1 มีค่าเทา่ ใด ข. 4 V
ก. 2 V ง. 8 V
ค. 6 V
ข. 4 V
8. แรงดันไฟฟ้า V3 มีค่าเทา่ ใด ง. 8 V

ก. 2 V ข. 0.75 A
ค. 6 V ง. 1.5 A
9. กระแสไฟฟ้าทไ่ี หลผา่ น R1 มคี า่ เท่าใด
ก. 0.5 A ข. 0.75 A
ค. 1 A ง. 1.5 A
10. กระแสไฟฟ้าทไี่ หลผา่ น R 4 มคี า่ เทา่ ใด
ก. 0.5 A ข. 0.5 A
ค. 1 A ง. 1.5 A
11. กระแสไฟฟา้ ทไ่ี หลผา่ น R 6 มีค่าเท่าใด

ก. 0.33 A
ค. 1 A

123

จากวงจรไฟฟ้าในรปู ที่ ล-8.4 ใช้ตอบคาถามขอ้ 7-11 IL3

IT

= 5R3 W

IL2

E = 30 V R2 = 5 W R L3 V=L330 W

IL1 R L2 V=L125 W

R1 = 20RWL1 =V2L10 W

รปู ท่ี ล-8.4 สาหรบั ตอบคาถามขอ้ ที่ 12-16

12. แรงดนั ไฟฟ้า VL1 มีคา่ เท่าใด ข. 8 V
ก. 4 V ง. 18 V
ค. 12 V
ข. 8 V
13. แรงดนั ไฟฟา้ VL2 มีค่าเท่าใด ง. 18 V
ก. 4 V
ค. 12 V ข. 0.6 A
ง. 1.2 A
14. กระแสไฟฟ้าท่ไี หลผ่าน RL1 มคี า่ เทา่ ใด
ก. 0.3 A ข. 0.6 A
ค. 0.9 A ง. 1.2 A

15. กระแสไฟฟา้ ทไี่ หลผ่าน RL2 มคี ่าเทา่ ใด ข. 0.75 A
ก. 0.3 A ง. 1.5 A
ค. 0.9 A

16. กระแสไฟฟ้าทไี่ หลผ่าน RL3 มคี า่ เทา่ ใด
ก. 0.25 A
ค. 1 A

124

จากวงจรไฟฟ้าในรูปท่ี ล-8.5 ใช้ตอบคาถามขอ้ 17-18

IT

E = 15 V R2 IL = 0.2 A

Ib RL VL = 8 V
R1

กาหนดให้ Ib = 10% ของ IL
รูปท่ี ล-8.5 สาหรบั ตอบคาถามข้อที่ 17-18

17. ตวั ต้านทาน R1 มีคา่ เท่าใด ข. 300 W
ก. 200 W ง. 500 W
ค. 400 W
ข. 25.82 W
18. ตวั ต้านทาน R 2 มคี า่ เท่าใด ง. 31.82 W
ก. 22.62 W
ค. 28.62 W

จากวงจรไฟฟ้าในรูปท่ี ล-8.6 ใช้ตอบคาถามขอ้ 19-20

IT

R3 IL2 = 0.8 A

E = 40 V R2 = 0.6 A
IL1
Ib R VL1 L1 R L2 VL2 = 20 V

R1 = 10 V

กาหนดให้ Ib = 10% ของ ILT
รูปท่ี ล-8.6 สาหรับตอบคาถามข้อท่ี 19-20

125

19. ตวั ตา้ นทาน R1 มคี า่ เท่าใด ข. 71.43 W
ก. 31.12 W ง. 96.73 W
ค. 82.64 W
ข. 16.67 W
20. ตวั ต้านทาน R 2 มคี า่ เท่าใด ง. 24.84 W
ก. 13.51 W
ค. 21.36 W

เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 เรือ่ ง วงจรแบง่ แรงดนั และวงจรแบ่งกระแส
--------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. ก
2. ก

3. ก
4. ข
5. ง
6. ง
7. ข

8. ก
9. ค
10. ก
11. ก
12. ค

13. ง
14. ข
15. ง
16. ค
17. ค
18. ง
19. ข
20. ก

126

พส.8

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 6
เวลารวม 4 ชม.
รหัสวิชา 20104-2002 วชิ า วงจรไฟฟา้ กระแสตรง
สปั ดาห์ 8/18
ชือ่ หน่วย การแปลงค่าความตา้ นทานจากสตารเ์ ป็นเดลตา จานวน 4 ชม.
เร่อื ง การแปลงคา่ ความตา้ นทานจากสตารเ์ ปน็ เดลตา

1. สาระสาคัญ

การหาค่าความต้านทานรวมในบางคร้งั ต้องแปลงการตอ่ วงจรจากสตารเ์ ป็นเดลตา หรือแลงจากวงจรเดลตา
เป็นสตาร์ จงึ จะหาค่าความต้านทานรวมได้

2. สมรรถนะประจาหน่วย
แสดงความรเู้ กย่ี วกับลกั ษณะวงจรเดลตา-สตาร์ได้ เขียนสมการการแปลงและคานวณวงจรเดลตาเป็นวงจรสตาร์

และเขยี นสมการการแปลงและคานวณวงจรสตาร์เปน็ วงจรเดลตาได้

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกวตั ถุประสงคข์ องการแปลงค่า ค.ต.ท. จากสตาร์เป็นเดลตา และการแปลงค่า ค.ต.ท. จากเดลตาเป็น

สตารไ์ ด้

2. คานวณหาคา่ ค.ต.ท. รวมของวงจรทต่ี อ้ งแปลงค่าความต้านทานท่ีต่อกนั แบบสตาร์เปน็ เดลตา และจาก
เดลตาเป็นสตารไ์ ด้

4. สาระการเรียนรู้
1. การแปลงคา่ ความต้านทานจากสตาร์เป็นเดลตา

2. การแปลงคา่ ความตา้ นทานจากเดลตาเป็นสตาร์

5. การออกแบบการจัดการเรียนรู้
Active learning : ให้นกั เรยี นจดั ทาใบปฏิบตั ิงานตามการทดลองที่ 6 การแปลงค่าความตา้ นทานจากสตาร์

เป็นเดลตา

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

6.1 ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรียน
1. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรู้
2. ครแู จง้ เกณฑ์การวัดและประเมินผล

6.2 ขนั้ สอนทฤษฎี
1. ครูบรรยายเนื้อหาประกอบแผ่นใส / power point

2. ครซู กั ถามนักเรยี นเก่ียวกับเน้อื หาท่เี รียน
3. ครูให้นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ หรอื ซกั ถามในประเดน็ ท่สี งสยั หรอื ไม่เขา้ ใจ

127

6.3 ข้ันสอนปฏบิ ตั ิ
1. นักเรียนจัดเตรียมเครื่องมอื และอุปกรณ์
2. ครแู บ่งกลุ่มใหน้ กั เรยี นปฏิบัติการทดลองตามใบงาน
3. ครสู ังเกตการณป์ ฏิบตั ิงานและคอยให้คาแนะนาอย่างใกลช้ ดิ

6.4 ขน้ั สรปุ
1. ครสู รุปสาระสาคญั ของหน่วยการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามหรอื แสดงความคดิ เห็น
2. ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรู้

7. บรรยากาศทีส่ ง่ เสรมิ และพฒั นาผู้เรียน
ผู้เรยี นมคี วามสนใจในการเรียน เนอื่ งจากการสอนแบบ Active learning ทาให้ผูเ้ รียนได้ลงมอื ปฏบิ ัตแิ ละ

เกิดการผิดพลาดและสามารถแก้ไขปญั หาด้วยตนเอง ส่งผลใหเ้ กิดผลการเรียนรทู้ ด่ี ี

8. คณุ ธรรม จรยิ ธรรมประจาหนว่ ย
1. ความรบั ผดิ ชอบ
2. ตรงต่อเวลา
3. ความซือ่ สตั ย์

9. สอื่ และแหล่งการเรียนรู้
พาวเวอรพ์ ้อยท์ เรอ่ื ง การแปลงคา่ ความตา้ นทานจากสตาร์เปน็ เดลตา
ใบความรู้ เร่อื ง การใช้มลั ตมิ ิเตอร์วดั คา่ ความต้านทานจากสตาร์เปน็ เดลตาตามลาดับขนั้ การทดลอง
วิดีโอ เรอ่ื ง การคานวณหาค่าความต้านทานจากสตารเ์ ปน็ เดลตา

10. การวัดผลและประเมนิ ผล
แบบทดสอบท้ายบทเรยี น เรื่อง การแปลงค่าความต้านทานจากสตารเ์ ป็นเดลตา
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอื่ ง -
แบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง -

11. หลักฐานการเรยี นรู้
แบบฝกึ หัด เร่ือง การแปลงค่าความต้านทานจากสตารเ์ ป็นเดลตา
ใบงาน เรอื่ ง การคานวณหาคา่ ความตา้ นทานจากสตารเ์ ป็นเดลตา
ใบปฏิบัตงิ าน เรอื่ ง การใชม้ ลั ติมิเตอร์วัดค่าความตา้ นทานจากสตาร์เป็นเดลตาตามลาดบั ขนั้ การทดลอง

12. เอกสารอา้ งองิ
-

128

พส.10

เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการประเมนิ

รหสั วิชา…………20104-2002……….วชิ า…………วงจรไฟฟ้ากระแสตรง………ท-ป-น...1-3-2...........

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
54 321
ประเด็นการประเมิน

1. บอกวัตถปุ ระสงคข์ องการแปลงคา่ ค.ต.ท. จากสตาร์เปน็ เดลตา และ
การแปลงคา่ ค.ต.ท. จากเดลตาเปน็ สตาร์ได้
2. คานวณหาคา่ ค.ต.ท. รวมของวงจรท่ีตอ้ งแปลงค่าความต้านทานทต่ี ่อ
กนั แบบสตารเ์ ปน็ เดลตา และจากเดลตาเป็นสตาร์ได้

รวม
รวมทัง้ หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)

129

พส.11

บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้
รหัสวิชา...........................ช่อื วชิ า.........................................................................................ระดบั ชั้น  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............................................................................................สัปดาหท์ .ี่ .........วันทีส่ อน..............................................
หนว่ ยท่.ี ...........ชอ่ื หน่วย......................................................................................................................จานวน................ชั่วโมง
จานวนผู้เรียน..........................คน มาเรยี น........................คน ขาดเรยี น.........คน ลาป่วย.........คน ลากิจ..........คน

1. ผลการจัดการเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………

ลงช่อื .......................................................ครูผู้สอน
(............................................................)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเหน็ .................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชื่อ...............................................หัวหน้าแผนกวิชา ลงช่ือ............................................รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ
(............................................................) (นางสาวนิศากร เจรญิ ดี)
............/................../............
............/................../............

ความเห็นผู้อานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงชอื่ ...........................................
(นางสาวสมุ ีนา แดงใจ)

ผู้อานวยการวทิ ยาลัยการอาชีพนครปฐม
............/................../............

130

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวชิ า………..20104-2002………….วชิ า………………..วงจรไฟฟา้ กระแสตรง……………………
ชือ่ หน่วย..............................การแปลงคา่ ความต้านทานจากสตาร์เปน็ เดลตา...........................................

เร่ือง............การแปลงค่าความตา้ นทานจากสตารเ์ ป็นเดลตา...................จานวนชั่วโมงสอน.............8..........

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ รายการเรยี นรู้

- จดุ ประสงค์ทั่วไป 1. การแปลงค่าความต้านทานจากสตารเ์ ป็นเดลตา

1. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั การแปลงคา่ ความ 2. การแปลงค่าความตา้ นทานจากเดลตาเป็นสตาร์

ตา้ นทานจากสตาร์เป็นเดลตา และจากเดลตาเป็นสตาร์

2. มีเจตคตแิ ละกิจนิสยั ท่ีดีในการปฏบิ ตั ิงาน มีความ

ละเอยี ดรอบคอบ ปลอดภัย เปน็ ระเบยี บ สะอาด

ตรงต่อเวลา มคี วามซ่ือสัตย์และมีความรับผดิ ชอบ

- จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม

1. บอกวัตถุประสงค์ของการแปลงคา่ ค.ต.ท. จาก

สตาร์เป็นเดลตา และการแปลงคา่ ค.ต.ท. จากเดลตา

เป็นสตารไ์ ด้

2. คานวณหาคา่ ค.ต.ท. รวมของวงจรทตี่ ้องแปลงคา่

ความต้านทานท่ีตอ่ กนั แบบสตาร์เป็นเดลตา และจาก

เดลตาเป็นสตาร์ได้

131

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6
เรอ่ื ง การแปลงคา่ ความตา้ นทานจากสตารเ์ ปน็ เดลตา และการแปลงคา่ ความต้านทานจากเดลตาเปน็ สตาร์

การแปลงคา่ ความตา้ นทานจากสตารใ์ หเ้ ป็นเดลตา หรอื การแปลงคา่ ความต้านทานท่ตี ่อแบบเดลตาใหเ้ ป็น
แบบสตาร์นน้ั เพ่ือลดความย่งุ ยากในการคานวณเพือ่ หาค่าความตา้ นทานรวม เมื่อหาคา่ ความต้านทานรวมของ
วงจรทซ่ี ับซอ้ น ซง่ึ ไมส่ ามารถคานวณโดยใช้การหาคา่ ความตา้ นทานรวมแบบอนุกรม ขนาน และผสมได้
6.1 การแปลงค่าความต้านทานจากสตาร์เป็นเดลตา

132

133

6.2 การแปลงค่าความต้านทานจากเดลตาเปน็ สตาร์

134

135

คาถาม
1. วงจรไฟฟา้ ท่ีตอ่ กนั แบบสตาร์หรอื แบบเดลตาสามารถรวมกับแบบอนุกรมหรือแบบขนานไดห้ รอื ไม่
2. วงจรไฟฟ้า ถา้ เราแปลงความต้านทานท่ีตอ่ แบบสตารเ์ ป็นแบบเดลตาหรือแปลงความตา้ นทานท่ีต่อแบบ
เดลตาเป็นแบบสตาร์ เราสามารถรวมความต้านทานท้งั หมดแบบอนุกรมหรอื แบบขนานได้หรอื ไม่

เอกสารอา้ งอิง
หนังสอื เรยี นวชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง

136

พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหสั วชิ า………..…20104-2002……….วิชา……………………วงจรไฟฟ้ากระแสตรง…………………………

ชื่อหนว่ ย...........................การแปลงคา่ ความตา้ นทานจากสตารเ์ ปน็ เดลตา.............................................

เรอื่ ง...........................การแปลงคา่ ความต้านทานจากสตารเ์ ป็นเดลตา....................จานวนช่วั โมงสอน.....8.............

จุดประสงค์การเรียนรู้ รายการเรียนรู้

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม เครื่องมอื /วสั ดุ-อุปกรณ์

1. บอกวัตถปุ ระสงค์ของการแปลงค่า ค.ต.ท. จากสตาร์ 1. ใบงาน

เปน็ เดลตา และการแปลงค่า ค.ต.ท. จากเดลตาเป็น 2. เครือ่ งคานวณ

สตาร์ได้

2. คานวณหาคา่ ค.ต.ท. รวมของวงจรที่ตอ้ งแปลงค่า

ความตา้ นทานที่ต่อกนั แบบสตาร์เป็นเดลตา และจาก

เดลตาเป็นสตารไ์ ด้

ลาดบั ขั้นการทางาน ข้อควรระวัง

1. ครแู จกใบงานให้กบั นักเรยี น พรอ้ มทงั้ ชี้แจงและ 1. อา่ นโจทยอ์ ยา่ งละเอียด และเตมิ คาตอบให้ตรงกบั ท่ี

อธิบายคาส่งั ของใบงาน โจทย์ต้องการ

2. นกั เรียนอา่ นและทาความเขา้ ใจโจทย์อย่างละเอยี ดวา่ 2. ถา้ เปน็ การคานวณควรแสดงวธิ ีทาและใช้สูตรการ

โจทย์ตอ้ งการอะไร คานวณให้ถูกตอ้ ง

3. นกั เรยี นเตมิ คาตอบที่ถูกต้องลงในชอ่ งวา่ งทกี่ าหนดให้ มอบงาน
4. นกั เรียนอ่านทบทวนคาตอบ หากพบวา่ คาตอบ 1. ตอบคาถามลงในใบงานให้ถูกต้องสมบรู ณ์
ผิดพลาดให้แกไ้ ขให้ถกู ตอ้ ง
วัดผล/ประเมินผล

1. ความถกู ต้อง

2. ความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย

137

ใบงานท่ี 6
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6 เรื่อง การแปลงค่าความต้านทานจากสตารเ์ ปน็ เดลตา

จงแสดงวิธีทาใหถ้ ูกตอ้ ง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

138

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

139

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจดั การเรยี นรู้ 140

รหัสวิชา 20104-2002 วชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พส.9

ช่ือหน่วย กฎของเคอรช์ อฟฟ์ หนว่ ยท่ี 7
เร่อื ง กฎของเคอรช์ อฟฟ์ เวลารวม 8 ชม.

สัปดาห์ 9-10/18
จานวน 4 ชม.

1. สาระสาคัญ
กฎของเคอร์ชอฟฟใ์ ชแ้ กป้ ญั หาวงจรไฟฟา้ ทยี่ งุ่ ยากซบั ซ้อน กฎของเคอรช์ อฟฟจ์ ะชว่ ยแกป้ ญั หาได้ โดยสรปุ

เปน็ กฎกระแสของเคอร์ชอฟฟก์ ล่าววา่ “กระแสไฟฟ้าทไ่ี หลเข้าจุดใดจุดหนงึ่ ในวงจรไฟฟ้า จะเทา่ กับกระแสไฟฟา้ ท่ี
ไหลออกจากจุดน้นั ” และกฎแรงดนั ไฟฟา้ ของเคอรช์ อฟฟ์ กลา่ ววา่ “แรงดนั ไฟฟา้ ทีจ่ า่ ยใหก้ ับวงจรไฟฟ้าปดิ ใดๆ จะมี

คา่ เท่ากับผลบวกของแรงดนั ไฟฟา้ ทต่ี กคร่อมความต้านทานในวงจรไฟฟา้ ปดิ นั้น”

2. สมรรถนะประจาหน่วย

แสดงความรเู้ ก่ยี วกับกฎแรงดันและกฎกระแสของเคอรช์ อฟฟ์ คานวณหาคา่ ต่างๆ ในวงจรโดยใชก้ ฎของเคอร์
ชอฟฟ์ ต่อวงจรทดลองตามกฎของเคอร์ชอฟฟ์และวดั หาคา่ ต่างๆ

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของกฎกระแสไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟ์ได้

2. บอกความหมายของกฎแรงดันไฟฟา้ ของเคอร์ชอฟฟ์ได้
3. บอกลาดับขน้ั ตอนการใชก้ ฎของเคอร์ชอฟฟไ์ ด้

4. บอกความหมายและขั้นตอนการแก้สมการของดเี ทอรม์ ิแนนตไ์ ด้
5. คานวณคา่ ต่างๆ ในวงจรโดยใช้กฎของเคอร์ชอฟฟไ์ ด้

4. สาระการเรยี นรู้
1. กฎของเคอร์ชอฟฟ์

2. กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์
3. กฎแรงดนั ไฟฟา้ ของเคอร์ชอฟฟ์
4. ดีเทอร์มแิ นนต์

5. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้

Active learning : ให้นกั เรยี นจัดทาใบปฏบิ ตั ิงานตามการทดลองที่ 7 คานวณคา่ ต่างๆ ในวงจรโดยใชก้ ฎของ
เคอรช์ อฟฟ์

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
6.1 ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน

1. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2. ครูแจ้งเกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล

141

6.2 ขัน้ สอนทฤษฎี
1. ครูบรรยายเนื้อหาประกอบแผ่นใส / power point
2. ครซู กั ถามนกั เรยี นเก่ยี วกบั เนอื้ หาที่เรียน
3. ครูใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเห็นหรอื ซกั ถามในประเดน็ ทส่ี งสัยหรอื ไมเ่ ข้าใจ

6.3 ข้ันสอนปฏบิ ัติ
1. นกั เรียนจดั เตรียมเครอ่ื งมอื และอุปกรณ์
2. ครแู บง่ กลมุ่ ให้นกั เรยี นปฏบิ ตั ิการทดลองตามใบงาน
3. ครสู ังเกตการณป์ ฏิบัตงิ านและคอยให้คาแนะนาอย่างใกล้ชดิ

6.4 ข้ันสรปุ
1. ครูสรุปสาระสาคัญของหนว่ ยการเรยี นรแู้ ละเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซกั ถามหรอื แสดงความคิดเหน็
2. ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหน่วยการเรยี นรู้

7. บรรยากาศท่ีส่งเสรมิ และพัฒนาผเู้ รียน
ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียน เนือ่ งจากการสอนแบบ Active learning ทาให้ผู้เรยี นได้ลงมอื ปฏบิ ตั แิ ละ

เกิดการผิดพลาดและสามารถแก้ไขปญั หาด้วยตนเอง ส่งผลให้เกิดผลการเรียนรู้ทีด่ ี

8. คณุ ธรรม จริยธรรมประจาหน่วย
1. ความรบั ผิดชอบ
2. ตรงตอ่ เวลา
3. ความซอื่ สัตย์

9. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
พาวเวอร์พอ้ ยท์ เร่อื ง กฎของเคอรช์ อฟฟ์
ใบความรู้ เรอื่ ง คานวณคา่ ต่างๆ ในวงจรโดยใช้กฎของเคอร์ชอฟฟ์
วิดีโอ เรื่อง การคานวณกฎของเคอร์ชอฟฟ์

10. การวัดผลและประเมินผล
แบบทดสอบท้ายบทเรยี น เร่ือง การคานวณกฎของเคอร์ชอฟฟ์
แบบทดสอบก่อนเรียน เรอื่ ง กฎของเคอรช์ อฟฟ์
แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง กฎของเคอร์ชอฟฟ์

11. หลักฐานการเรยี นรู้
แบบฝึกหดั เรื่อง กฎของเคอร์ชอฟฟ์
ใบงาน เรือ่ ง การคานวณกฎของเคอรช์ อฟฟ์
ใบปฏบิ ตั ิงาน เร่ือง คานวณคา่ ต่างๆ ในวงจรโดยใช้กฎของเคอร์ชอฟฟ์

12. เอกสารอ้างอิง
-

142

พส.10

เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในการประเมนิ

รหัสวชิ า…………20104-2002……….วชิ า…………วงจรไฟฟ้ากระแสตรง………ท-ป-น...1-3-2...........

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การใหค้ ะแนน
54 321
ประเดน็ การประเมนิ

1. บอกความหมายของกฎกระแสไฟฟา้ ของเคอรช์ อฟฟไ์ ด้
2. บอกความหมายของกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ได้
3. บอกลาดับข้ันตอนการใช้กฎของเคอรช์ อฟฟ์ได้
4. บอกความหมายและขั้นตอนการแก้สมการของดเี ทอร์มิแนนต์ได้
5. คานวณค่าต่างๆ ในวงจรโดยใช้กฎของเคอร์ชอฟฟ์ได้

รวม
รวมทัง้ หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)

143

พส.11

บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้
รหัสวิชา...........................ช่อื วชิ า.........................................................................................ระดบั ชั้น  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............................................................................................สัปดาหท์ .ี่ .........วันทีส่ อน..............................................
หนว่ ยท่.ี ...........ชอ่ื หน่วย......................................................................................................................จานวน................ชั่วโมง
จานวนผู้เรียน..........................คน มาเรยี น........................คน ขาดเรยี น.........คน ลาป่วย.........คน ลากิจ..........คน

1. ผลการจัดการเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………

ลงช่อื .......................................................ครูผู้สอน
(............................................................)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเหน็ .................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชื่อ...............................................หัวหน้าแผนกวิชา ลงช่ือ............................................รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ
(............................................................) (นางสาวนิศากร เจรญิ ดี)
............/................../............
............/................../............

ความเห็นผู้อานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงชอื่ ...........................................
(นางสาวสมุ ีนา แดงใจ)

ผู้อานวยการวทิ ยาลัยการอาชีพนครปฐม
............/................../............

144

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วิชา………..20104-2002………….วชิ า………………..วงจรไฟฟ้ากระแสตรง……………………
ชือ่ หนว่ ย.........................................กฎของเคอรช์ อฟฟ์.........................................................

เร่อื ง.......................................กฎของเคอรช์ อฟฟ.์ .....................................จานวนชวั่ โมงสอน.............4.............

จุดประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรียนรู้

- จุดประสงค์ท่ัวไป 1. กฎของเคอร์ชอฟฟ์

1. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั กฎของเคอร์ชอฟฟ์ 2. กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์

2. มีเจตคติและกจิ นสิ ยั ท่ดี ีในการปฏิบัติงาน มีความ 3. กฎแรงดนั ไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟ์

ละเอียดรอบคอบ ปลอดภยั เป็นระเบียบ สะอาด 4. ดีเทอร์มิแนนต์

ตรงตอ่ เวลา มีความซือ่ สตั ย์และมีความรบั ผิดชอบ

- จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม

1. บอกความหมายของกฎกระแสไฟฟา้ ของเคอร์

ชอฟฟไ์ ด้

2. บอกความหมายของกฎแรงดันไฟฟา้ ของเคอร์

ชอฟฟไ์ ด้

3. บอกลาดับข้ันตอนการใชก้ ฎของเคอร์ชอฟฟไ์ ด้

4. บอกความหมายและขนั้ ตอนการแกส้ มการของดี

เทอร์มิแนนตไ์ ด้

5. คานวณค่าต่างๆ ในวงจรโดยใชก้ ฎของเคอร์ชอฟฟ์

ได้

145

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7
เรอ่ื ง กฎของเคอรช์ อฟฟ์

7.1 กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์

กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ กล่าวว่า “ผลรวมของกระแสไฟฟา้ ทไ่ี หลเข้าจดุ ใดๆในวงจรจะมีค่าเท่ากบั
ผลรวมของกระแสไฟฟา้ ท่ไี หลออกจากจุดน้นั หรือผลรวมทางพีชคณิตของกระแสไฟฟา้ ท่ไี หลผา่ นจุดจดุ หนึ่ง จะมี
คา่ เท่ากับศนู ย์” ดังรูป

ตวั อย่าง

คา่ กระแสไฟฟา้ ท่ีติดลบ หมายความว่า ทิศทางของกระแสไฟฟ้ามีทศิ ทางตรงกันขา้ มกับที่กาหนด

กฎกระแสไฟฟา้ ของเคอร์ชอฟฟ์
การใช้กฎของโอหม์ แกป้ ญั หาในวงจรไฟฟ้าทีซ่ ับซอ้ นจะทาใหม้ ีความยุง่ ยากมากย่ิงขน้ึ กฎของเคอร์ชอฟฟ์

เป็นกฎหนง่ึ ท่ใี ช้แกป้ ญั หาวงจรไฟฟ้าที่ซบั ซอ้ นได้ดี
กฎกระแสไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟ์ “เคอร์ชอฟฟ์ เคอรเ์ รนท์ ลอว์” (Kirchhoff Current Law) จะกลา่ วถงึ

146

ความสมั พันธข์ องกระแสไฟฟ้าที่ไหลเขา้ และไหลออกจากจดุ ใดจุดหนึ่งในวงจรไฟฟา้ การแกส้ มการของเคอร์ชอฟฟ์
จะใชห้ ลกั การการลดทอนทางพชี คณิตหรอื ใชเ้ มตริกซแ์ ละดเี ทอร์มีแนนท์
1. กฎกระแสไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟ์ (Kirchhoff Current Law)

กลา่ วไวว้ ่า ณ จดุ ใดๆ ในวงจรไฟฟา้ ผลรวมทางพชี คณิตของกระแสไฟฟา้ ที่ไหลเขา้ และกระแสไฟฟ้าทไ่ี หล
ออกมคี า่ เท่ากับศนู ยห์ รอื กล่าวในอีกทางหน่งึ ก็คือ

ณ จุดใดๆ ในวงจรไฟฟา้ ผลรวมของกระแสทไ่ี หลเขา้ จะมีค่าเทา่ กับผลรวมของกระแสทไ่ี หลออก ซงึ่
สามารถเขียนเป็นสมการไดด้ ังนี้
ผลรวมของกระแสไฟฟ้าทไี่ หลเข้า = ผลรวมของกระแสไฟฟา้ ที่ไหลออก

รปู ท่ี 1 กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์

จากรปู ท่ี 1 ให้จุด A เป็นจุดใดๆ ในวงจรไฟฟา้ พจิ ารณาได้วา่ กระแสไฟฟา้ ทไี่ หลเข้าคือ I1,I3 และ I4 ส่วน
กระแสไฟฟา้ ท่ีไหลออกคือ I2 และ I5 ปกติแลว้ จะกาหนดให้กระแสไฟฟา้ ท่ีไหลเขา้ ทงั้ หมดเป็นบวก (+) และ
กระแสไฟฟา้ ท่ไี หลออกทงั้ หมดมคี า่ เปน็ ลบ (-) ดงั น้นั เม่ือเขยี นเปน็ สมการจะไดด้ งั นี้คอื

I1  I3  I4  I2  I5

หรอื I1  I2  I3  I 4  I5  0

หรือ I  I1  I2  I3  I 4  I5  0

 I  0 ................................................. (1)

2. ตวั อยา่ งการคานวณเกยี่ วกบั กฎกระแสไฟฟา้ ของเคอร์ชอฟฟ์

ตัวอย่างท่ี 1 จากวงจรรปู ท่ี 2 จงคานวณหาค่า I1,I2,I3 โดยใช้กฎของเคอรช์ อฟฟ์

รูปที่ 2

147

จากกฎกระแสของเคอร์ชอฟฟ์

I  I1  I2  I3  0

หรอื

I1  I2  I3

จากวงจรรูปท่ี 2 เมอ่ื กาหนดทิศทางการไหลของกระแสไฟฟา้ จะเห็นว่ากระแสไฟฟา้ I1 ไหลผ่านตัว
ต้านทาน R1 และแหล่งกาเนดิ แรงดัน E1 กระแสไฟฟ้า I2 ไหลผา่ นตัวต้านทาน R2 และแหล่งกาเนิดแรงดัน E2 ส่วน
กระแสไฟฟา้ I3 ไหลผา่ นตวั ต้านทาน R3

สามารถเขียนสมการได้ดงั นี้
E1  R1I1  R3I3 ................................................ (1)
E2  R2I2  R3I3 ……………………………... (2)

แต่ I1  I2  I3

แทนคา่ I3 ลงในสมการท่ี (1) และ (2) จะได้

 E1  R1I1  R3 I1  I2

 R1I1  R3I1  R3I2

 R1  R3 I1  R3I2 …………………………… (3)

 E2  R2I2  R3 I1  I2

 R2I2  R3I1  R3I2

 R2  R3 I2  R3I1 …………………………… (4)

แทนคา่ E และ R (ในวงจรรปู ที่ 2) ลงในสมการที่ (3) และ (4)

 E1  R1  R3 I1  R3I2
16  1  4I1  4 I2

16  5 I1  4 I2 ……………………………………… (5)
และ  E2  R2  R3 I2  R3I1

10  2  4I2  4 I1

10  6 I2  4 I1 ……………………………………… (6)


Click to View FlipBook Version