The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by มรดกเชียงใหม่, 2021-07-27 18:02:37

วิหารล้านนา มรดกภูมิปัญญา พุทธสถาปัตยกรรม


ภูาพุที 39












แสดงโครงสรางชีดขอมาทีปัรบใชีกบโครงสรางตางไหม แล้ะตางโย





ท�มาของภูาพุ : ปัรับปัรุงจัาก ธวิชีชีัย ทาทอง, มอกวิิหาร : วิธีการกาหนดระเบียบสัดสวินในการออกแบบ


วิหารในภูาคเหนอของไทย, บทควิามวิชีาการ วิารสารหน้าจัวิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์





มหาวิิทยาล้ยศล้ปัากร, ฉบบที 32 มกราคม – ธนวิาคม 2560.







ระบบ “ขอมา” น สามารถรองรบชีดโครงสรางทเปันแบบ “ตางไหม”


















หร่อ “ตางโย” กได โครงสรางแบบตางไหม จัะมล้กษณะเปันไมแนวินอนวิางรองรบ






ไม้แนวิต�งเรียกซึ่้อนล้ดหล้�นกันไปัในสัณฐ์านสามเหล้�ยม ซึ่�งปัรากฏในโครงหน้าจัวิ




หล้ัก แล้ะสวินปัีกนกของวิิหาร แต่ในล้้านนากมีระบบโครงหล้ังคาอีกแบบหน�ง

ทีเรยกวิา “ตางโย” “ตังโย” “โย” หร่อ “ขาโย” ซึ่งหมายถง หมายถง องคปัระกอบ



















ทางสถาปัตยกรรมโครงสร้างหล้งคาทวิางตวิทแยงซึ่งพุาดจัากอกไก่มายังขอ








ตงขนเปันโครงเพุ่อวิางแปั กล้อน แล้ะไม้ระแนง หรอเปันแบบ“โครงท�ไมในแนวิทแยง

















มมจับอยบนขอ (Tied beam)” ล้กษณะเปันโครงไมสองชีนปัระกบกน เปันดานขาง





ของรปัสามเหล้ยมของโครงหล้งคา ปัล้ายบนปัระกอบเขายดตดกบดง สวินปัล้ายล้าง

















วิางตงบนขอเพุอถายนาหนกจัากหล้งคาล้งสขอเชีนเดยวิกบจัวิ ล้กษณะคล้ายกบ
















จันทนในภูาคกล้าง แต่แตกต่างกบจันทันในปัจัจับน เพุราะต่างโยเปั็นการยันกน


















ระหวิางดงกบขอ ล้กษณะแรงเปันแรงดงทแตกตางจัากปัจัจับนทเปันแรงกด















มกพุบใชีในเรอนพุกอาศย กฏสงฆ์ แตกพุบในอโบสถ แล้ะวิหารด้วิยเชีนกน ซึ่งระบบ






















ขอมาน กสามารถใชีรอบรบโครงสรางตางโยไดดวิยเชีนกน อกทงสามารถใชีการ







คานวิณโครงสรางไดแบบเดยวิกบโครงสรางขอมา-ตางไหม




96














โค์รู้งสรู้างแบีบีข่�อมา-ต่างไหม นสนนษฐ์านวิาเปันโครงสรางดงเดม










มาแตสมยพุญามงราย ปัรากฏหล้กฐ์านทมการกล้าวิถง “ขอมา-ตางไหม”




















นในตานานพุนเมองเชียงใหม ดงทพุญามงรายมดารสรางวิหารวิดกานโถม


ในเวิยงกมกาม ควิามวิา














“...ชางกานโถมเมอัอัยเชยงแสน แลวจ้งต่ด้เค์รอังวหาร เปนต่นวา แปอัาย













แปย ขัอัมาต่่างไหมแต่่เชยงแสน ห่�อัเอัามาใสว่หารกานโถมอันปกเสาใสขัอัไวบูทั้้นแลว





เมอันน ค์อัมพอัค์ุมชอันบูค์้บูบูหลมหนแล ลวด้ปรากฏิได้้ชอัวาว้ด้กานโถม...”











96



จัากขอควิามขางตน จัะเหนวิา ชีางกานโถมตดเครองวิหารจัาก























เมองเชียงแสน แล้วิจังนามาสรางไวิทเวิยงกมกามทหล้ง ล้กษณะนเรยกวิา
















“คม” ถ่อวิาเปันล้กษณะพุเศษของโครงสรางแบบขอมา-ตางไหม เนองจัาก


สามารถตดไมทจัะใชีปัระกอบกนใหไดขนาด ล้องปัรงวิหาร หรอการปัระกอบ


















โครงสรางทงหมดกอนแล้วิสามารถเคล้่อนย้ายไปัสร้างในอกทหนงได ้




ขอดอกปัระการของโครงสรางน คอ สามารถวิางไมกล้อนรบกระเบอง




















ไดแนวิเสนทีออนสล้วิยทีดดไดไมจัากดควิามโคง




จัะเหนไดวิาระบบ “ขอมา-ตางไหม” นนสบทอดมาจันถงปัจัจับน








่�











อกทงยงพุฒนารปัแบบโครงสรางแล้ะวิหารตอไปัในอกหล้ายล้กษณะ









กล้าวิคอ โครงสรางแบบนนอกจัากจัะเปันตวิโครงของจัวิแตล้ะชีด














แล้วิควิามสมพุนธของโครงจั�วิแตล้ะชีดยงเปันตวิสรางล้กษณะเฉพุาะ







97
ของวิหารล้านนาในแตล้ะทองถนดวิย ทีอาจัเรียกได้วิ่าเปั็นล้ักษณะ




“สกล้ชีาง” นันเอง










ตาราวิธการ “คม” (ออกเสียงวิา กม) นน ตองขนขอปัระธาน




(ข�อหล้วิง) พุาดล้งบนปัล้ายเสาท�งสองข้างก่อน ร่นระยะเข้าไปั 1 ใน 3








ตังตุกตา (เสาปัอก) แล้้วิพุาดขอมาย� ทาอยางเดยวิกนอกชีันหนึงเปันขอมา


















3 ชีวิง ยอดมดังเล้กๆ ตังกล้างขอมาสามนั�นอกครั�งหนึ�ง โดยข่อหล้วิงจัะ




98
ยาวิเกินจัากระยะเสาหล้วิงออกมาเปั็นระยะพุอสมควิรมากน้อยเท่าใด








แล้วิแต่ล้กษณะของแต่ล้ะทองถน สวินทยาวิเกินออกมาน�จัะรองรับดวิย









คอกบ ซึ่งตังอยบนแปัล้ินหาน แล้ะเสาสะโก๋นอีกทีหนึ�ง เสาสะโก๋นแล้ะข่อ

99


มาจัะพุาดอยบนผู้นงดานขางจัะเชีอมกบแปัหล้งมาทาหนาทรองรบขอมาย� ี

























ขอมาสาม แล้ะตวิตุกตาทังหมดอนเปันโครงสรางในสวินชีายคาปักนก



97






ควิามแตกตางของ “ฮิาง” หร่อรปัรางของวิิหารล้้านนาในแตล้ะทองถิ�นนัน



เชีน วิิหารในเชีียงใหม เปันแบบ “ฮิางแม” ค่อ มล้กษณะของเสนหล้งคาที�ออนชีอย





















รปัทรงสงโปัรง แล้ะมีฐ์านสง ล้กษณะออนชีอยเหมอนสตร สวินวิหารในล้ำาปัาง









มล้กษณะผู้ึงผู้าย สนหล้งคาตรง ดแขงแกรงเหม่อนบรษ จังเรยกกนวิา “ฮิางปัู” นัน



















สวินหนงเกดขนจัากการตควิามเกยวิกบระเบยบควิามสมพุนธระหวิางโครงสราง










ชีดเดยวิกน ค่อ ขอหล้วิง แปัหล้วิง คอกบ เสาสะโกน แล้ะขอมา ของชีางในแตล้ะ













ทองถน หรอเปันการใชีโครงสรางชีดเดยวิกนในวิธทแตกตางกนของชีางนนเอง













ตวิอยางเชีน สดสวินขอหล้วิงของล้าปัางจัะยาวิกวิาเชียงใหม สงเกตไดจัากชีวิงระยะ

















เสากล้างจัะกวิ้างกวิาทาใหมผู้ล้ตอการกาหนดสดสวินของโครงสร้างอนๆ ตามไปัด้วิย



















แล้ะทาใหรปัทรงของวิหารล้าปัางกวิางแล้ะผู้ายกวิาของเชียงใหม อกทงนยมตงเสา













สะโกนทีรบแปัตวิบนของหล้งคาตบที 2 หางออกจัากตวิเสาเล้กนอย มผู้ล้ทาใหผู้่น










หล้งคาล้าดเอยง แล้ะคล้มตามากกวิาของเชีียงใหม ่ 100




ในการกาหนดขนาดสัดสวินของวิิหารล้านนาแต่โบราณน�น ปัรากฏในรปั




ของเอกสารทีเรยกวิา “ล้กขณะวิิหาร” ซึ่งแตล้ะฉบบมควิามคล้้ายคล้งแล้ะแตกตาง



















กนไปัในรายล้ะเอยดอนมผู้ล้ทาใหรปัรางของวิหารล้านนาแตกตางกนไปัในแตล้ะทอง



















ถน ควิามนยมแล้ะอายสมยทมการกอสรางวิหารตามตารานนๆ จัะกล้าวิโดยล้ะเอยด
ในหวิขอตอไปั











ตามหล้กการสรางงานสถาปัตยกรรมเครองไมนบแตโบราณกาล้นน



มักกาหนดให้ไมทุกตวิทนามาปัระกอบกันโครงสร้าง จัะต้องเปั็นไมท่อนเดียวิกัน
















โดยตล้อด แล้ะหล้กเล้ยงการนาไมมาตอกนเพุอใหมควิามยาวิตามตองการ










โดยเดดขาด นอกเสยจัากเพุอการซึ่อมแซึ่มบารงรกษา เพุราะการตอไมทาให ้





โครงสรางไมแขงแรง ตวิอยางเชีนท วิหารล้ายคา วิดพุระสงหวิรมหาวิหาร


















จังหวิดเชียงใหม่ พุบวิาไมทใชีในการก่อสรางวิหาร มขนาดไม่เทากน มตาหน ิ


























แล้ะใชีไมเกาหรอนาไมไมสมบรณมาใชี อกทงมล้กษณะการตดไมไมสมาเสมอกน





















มการตดปัล้ายไมทปัล้ายแปัหล้วิง อกทงยงมการตอไมทแปับางตวิซึ่งยาวิไมพุอ




ซึ่งเปันมาจัากการซึ่อมแซึ่มวิหารอยหล้ายครง อยางไรกตามแมวิาจัะมการเปัล้ยน




























โครงหล้งคามาแล้วิหล้ายครง แตพุบวิาแปัหล้วิงยงคงเปันไมชีนเดมทยงมรองรอย





ของรทีเจัาะเพุอเสยบกล้อน


101
98


ภูาพุที 40





รปัทรงหล้งคาที�มการซึ่อนชีัน แล้ะล้ดระดบหล้งคา “ซึ่ด”







ของวิิหารล้ายคา วิดพุระสงหวิรมหาวิิหาร จัังหวิดเชีียงใหม ่

ในการก่อสรางวิหารโดยเฉพุาะในส่วิน






ของหล้งคานนมการตดไมแบงออกเปันหล้ายสวิน







แล้ะหล้ายตวิ เนองจัากโครงสรางสวินหล้งคานนมนา











หนกมาก แล้ะมการล้ดชีั�นยกเกจั หร่อ “ซึ่ด” จังทาใหม ี









องคปัระกอบของเครองหล้งคาหล้ายสวิน อกทังยงชีวิย



ในเรองการล้ดขนาดไมแล้ะสามารถหาไมตามขนาดได ้






ง่ายข�น เพุราะโครงสร้างทล้ดทอนล้งมาชีวิยให้ขนาด



ของโครงสรางแล้ะวิสดล้ดล้ง


99












องค์ปัรู้ะกอบีเค์รู้องบีนข่องโค์รู้งสรู้างหลงค์าทเปันสวนหลก และมกพิบีในตารู้า


ลกษ์ณะวหารู้ ได�แก ่

(1) ข่ือหลวง : เปั็นข่อที�ใหญ่ทีสุดที�พุาด (7) แปัหลงม�า : ค่อแปัที�วิางพุาดอยบน








อยบนเสาหล้วิง 2 ตน โดยปักต ิ ขอมา








เอกสารโบราณมกกล้าวิถงขอหล้วิง

ของ “หล้งหล้วิง” กอนแล้วิจังกล้าวิ (8) แปัลิ�นหาน : ค่อแปัที�ตังอยบนเสา








ถง “หล้งซึ่ด” แล้ะการวิดระยะของ สะโกนใตคอกบ












ขอหล้วิงจัะวิดทรอยตดดานนอก

ของแปัทีพุาดอยบนขอ เชีน ....รมอ (9) เสาสะโก๋น : บางแห่งเรียกเสาปั๊อก







องทางนอก...” หร่อ “...รมอองแปั ๋ หรอเสาแนบ หมายถึงเสาท�แนบ






ทางนอก...” เปันตน ดานนอกเสาหล้วิง
(2) ข่ือยี ข่ือสาม : หมายถึง ข่อตัวิที 2 (10) เสาดังหลวง : หมายถึงเสาดังที�ตัง �
























ตงอยเหนอขอหล้วิง แล้ะสนกวิาขอ บนขอตวิบนสดของโครงจัวิ









หล้วิง ถดจัากขอยขนไปัเปันขอสาม อาจัเปันขอย หร่อขอสาม









(3) ข่ือม�า : เปั็นข่อที�ปัล้ายข้างหนึง (11) เสาตัง เสาตังบีน : ที�หน้าทีรับข่�อยี�






เสยบเขาไปัในเสาหล้วิง ปัล้ายอก ขอสามขึ�นไปัเปันสวินปัระกอบของ












ขางหนึงพุาดบนหล้งเสาระเบยง โครงจััวิ คล้้ายกบเสาตุกตาของทาง





ภูาคกล้าง บางแหงเรยกตางไหม
(4) ข่ือม�ายี ข่ือม�าสาม : ค่อข่�อทีอยู่ หร่อเสาสะโกน 102






เหน่อขอมาขึนไปัตามล้าดบ





(12) ค์อกีบี : หมายถึงส่วินคอสองในงาน
(5) ข่ือซด (ข่ื�อหลวงหลังซด) : เปั็นการ สถาปัตยกรรมภูาคกล้าง มระยะ







บอกขนาดของข่อชีดโครงหล้งคาชีด จัากใตแปัหล้วิง จันถงหล้งแปัล้น













เล้กทีซึ่อนเขากบชีดใหญ ่ หาน ซึ่งเปันชีวิงแบงตบหล้งคา







คอกบในชีวิงหนาหร่อหล้งสด จัะม ี



(6) แปัอ�าย (แปัหลวง) : มีหน้าทีรับ ไมแกะสล้กทเรยกวิา “ปัากแล้” อย ่ ู








กล้อนพุาด แล้ะเปันแปัทพุาดอยบน




ขอหล้วิง


100


ภูาพุที 41





แสดงโครงสรางของวิิหารล้้านนา แล้ะชีอเรยกองคปัระกอบสวินตางๆ



ภูาพุวิาดโดย สนตภูาพุ ฤทธิฤาชีย












101


ภูาพุที 42










แสดงโครงสรางหล้งคา แล้ะโครงสรางรบนาหนกระบบขอมา-ตางไหม



ของวิดตนเกวิน อาเภูอหางดง จัังหวิดเชีียงใหม ่



102

ภูาพุที 43



แสดงโครงสรางหล้งคา








แล้ะโครงสรางรบนาหนกระบบขอมา-ตางไหม


ของวิดตนเกวิน แล้ะวิดทุงออหล้วิง





103



ลกษณะพุเศษขีองโคำรงสร�าง
ขีอม�า-ตางไหมขีองวหารล�านำนำา









นอกจัากเปั็นโครงสร้างทสามารถตัดแล้ะเตรียมไม้ทใชีสาหรบ












ปัระกอบอาคารก่อนปัรงตวิวิหารแล้วินน ยงเปันโครงสร้างทสามารถ






ล้ดทอนขนาดล้งได เพุอใหพุนทหล้งคาแตล้ะผู้นล้ดล้ง ซึ่งจัะชีวิยให ้
















ตวิโครงสรางดเสมอนมควิามโปัรงเบากวิาเดม ไมเปันผู้นใหญเกนไปั










ตวิโครงสรางไมนยมกรชีองวิางแล้วิทาดาวิเพุดานปัระดบหากแตเปัดโล้ง











่�






เพุอใหอากาศถายเทไดสะดวิก แล้ะการล้ดชี�นหล้งคาชีวิยใหมชีองแสง

สวิางมากขน นอกจัากนี�ชี่างยังนิยมปัระดับล้ายทองภูายในโครงสร้าง


103










ทังหมดเพุอใหเกดควิามรูสกศกดิ�สทธิ แล้ะสรางบรรยากาศมล้งเมล้่อง





ทามกล้างควิามสล้ัวิรางภูายในวิหารท�ชีวิยขบเนนจัดรวิมสายตาไปัยัง





พุระปัระธานของพุระวิหาร การปัระดับตกแต่งศล้ปักรรมดังกล้าวิ




ชีวิยล้ดควิามแขงกระดางแล้ะควิามอดอดของโครงสราง ทงยังกอใหเกด










การล้วิงทางสายตาให้เกดควิามรสึกโปัร่งเบา เน่องจัากล้ายทองท�ปัระดบ











ทงโครงสราง ตล้อดจันองคปัระกอบทางศล้ปักรรมอนๆชีวิยล้ะล้าย





บรรยากาศใหเปันหนึงเดยวิ ไมรูสกถงการกดทบของโครงสรางดานบน








ภูาพุที 44

ภูายในวิิหารทีปัระดบดวิยงานศล้ปักรรมชีวิยสรางบรรยากาศ












แหงควิามศกดิ�สทธิ แล้ะโปัรงเบาของโครงสราง

ภูายในวิิหารวิดหางดง อาเภูอเม่อง จัังหวิดเชีียงใหม ่


104

105


ภูาพุที 45 - 46










ภูายในวิิหารทีปัระดบดวิยงานศล้ปักรรมชีวิยสรางบรรยากาศแหงควิามศกดิสทธิ �




แล้ะโปัรงเบาของโครงสราง ภูายในวิิหารวิดหางดง อาเภูอเม่อง จัังหวิดเชีียงใหม ่



(ภูาพุบน แล้ะล้างซึ่าย) ภูายในวิิหารล้ายคา วิดพุระสงหวิรมหาวิิหาร อาเภูอเม่อง






จัังหวิดเชีียงใหม (ภูาพุล้างขวิา)


106


ภูาพุที 47 - 48

เสาหล้วิง แล้ะเสาระเบยง (ภูาพุซึ่าย)

แล้ะหวิสะตวิง (ภูาพุขวิา)




( 2) เสาวหาร






วิหารล้านนามการใชีเสาในสวินโครงสรางโดยหล้ก ม 2 รปัแบบ








สาคญ ไดแก เสาหล้วิง แล้ะเสาระเบง (เสาระเบยง) ดงนี �












เสาหลวง หมายถงเสาทใหญทสด หรอเสาคกล้างวิหาร












ทาหนาทรบขอหล้วิง มการสร้างบวิหวิเสา หรอ หวิสะตวิง,
สะตวิง ปัระกอบอยดวิย เสาภูายในวิหารมกเปั็นเสากล้ม














แตเสาคหนาแรกทางด้านทศตะวินออกของวิหาร มกเปัน



เสาแปัดเหล้ียม ปัระดบล้วิดล้ายรดนาปัดทอง หร่อขดล้าย









เสารู้ะเบีง เปันเสาแถวินอกหรอเสารวิมนอกทสรางตดกบผู้นง



วิหาร มหนาทรบนาหนกโครงสรางปักนกทง 2 ขางวิหาร




















รวิมถงแบงหองวิหาร โดยมากเสาระเบียงมกเปันสเหล้ยมเสมอ







เพุอควิามสะดวิกในการกอสราง


107

( 3) ผู้นำงวหาร










การกอผู้นงวิหารในล้านนา สนนษฐ์านวิามกจัะกอ








ในสวินของหองทายวิหารทมการกอแทนแกวิ หรอฐ์านชีกชี ี















เพุอปัระดษฐ์านพุระปัระธาน แตหองอนๆ ทอยในสวินหนา















ไมมการกอผู้นง หรอทเรยกวิา วิหารโถง แต่อาจัจัะมฝายอย






หร่อฝาหยาบทีเสยบปัระกอบเขากบเสาระเบง การกอผู้นง




วิหารจัะปัรากฏในวิหารแบบทบ หรอวิหารทมปัาง










หมายถงผู้นง โดยผู้นงดานสกด จัะเรยกวิา “ปัางเอก”





สวินผู้นังด้านข้าง เรียกวิ่า “ปัางฝา” แต่โดยปักติ
104
ทวิไปัแล้วิ มกจัะเรยกผู้นงทกดานวิา “ปัางเอก”











การปัดล้อมอาคารวิหารดวิยผู้นงปันในล้านนาพุบโดยมาก












จัานวิน 3 รปัแบบ ไดแก ผู้นงปัน, ผู้นงปันผู้สมไม ้






แล้ะผู้นงรวิมเสา มล้กษณะเปันผู้นงกออฐ์ถอปัน กอเปัน










แนวิเดยวิกบเสาไม ้
รู้้ปัแบีบีการู้กอผู้นงด�านสกด มี 4 รู้้ปัแบีบี ได�แก่



105




(1) ผู้นงกอปันจันถงระดบขอหล้วิงของโครงสราง











จััวิแล้ะขอยของโครงสรางปักนก
(2) ผู้นงกออฐ์ถอปัน เปันระดบเดยวิกบขอย � ี















ของโครงสรางปักนก หร่อตากวิาเล้กนอย








(3) ผู้นงกออฐ์ถ่อปันตังพุ่นจันถงอกไก หร่อที�เรยก






วิา “ผู้นงหุมกล้อง”


(4) ผู้นงรปัแบบกออฐ์ถอปันตงแตพุนทบขนไปั

















จันถงขอหล้วิงของโครงสรางจััวิ

108


ภูาพุที 49 - 50





ผู้นงวิิหารของวิดหางดง วิดทาวิคาวิง



แล้ะวิดตนเกวิน อาเภูอหางดง จัังหวิดเชีียงใหม ่



( 4) ฐานำวหาร





วิหารล้านนา โดยเฉพุาะอยางย�งในเขตล้ม






นาปัง-วิง ไมนยมสรางตดพุ่นดน จัะตองมการสราง
















ฐ์านวิหารใหสงขนจัากพุนราวิ 1 เมตร โดยทาเปัน







ฐ์านเขยง 3 ชีน รองรบดวิยชีดฐ์านปัทม แตกพุบ











ฐ์านรองรบรปัแบบอนๆ ดวิย เชีน ฐ์านบวิควิา




ฐ์านบวิล้กแกวิอกไก แล้ะฐ์านเขยง ตามสมัยนิยม




106
ทีแตกตางกนไปั



109


ภูาพุที 51




องคปัระกอบเครองไมสวินบนของหล้งคา




ไดแก ชีอฟื้า ปัานล้ม แล้ะหางหงส ์



110

(3.2)



องคำปัระกอบ


ที่างศลปักรรมขีองวหาร



สามารถแบงไดตามล้กษณะของวิัสด ุ








ปัระกอบดวิยเครองไม เครองปัน เครองปัันดนเผู้า



แล้ะเครองโล้หะ
107





(1) องค์์ปัรู้ะกอบีเค์รู้ืองไม� ไดแก ชีอฟื้า ปัานล้ม



หางหงส เชีงชีาย แผู้งแล้ ปัากแล้ โก่งควิ บาง








นาคทนต แล้ะหนาบน







(1.1) ชุอฟ้้า เปันสวินทีสงสดตังอยเหน่อ









จัวิของวิหาร มกนยมแกะสล้ักเปันรปัพุญานาค



หร่อบางครั�งทาเปันปันปัั�น พุบล้กษณะของชีอฟื้า







มอย 3 รปัแบบดวิยกน ไดแก ่




- ชีอฟื้าแบบพุ่นเม่อง: มล้กษณะเปันแทง












ตรงอกเปันสนนน มการตกแตงล้วิดล้ายบรเวิณอก





ชีอฟื้า เรยกวิา “กปัปัะยองปัี”


108





- ชีอฟื้าแบบปัากครฑ: เปันชีอฟื้าทีไดรบ





อทธพุล้จัากภูาคกล้าง






- ชีอฟื้าแบบปัากปัล้า: ไดรบอทธพุล้จัาก




ภูาคกล้างเชีนเดยวิกบ แบบปัากครฑ






(1.2) ปัานลม หรอพุานล้ม มล้กษณะเปัน


ไมแผู้นเรยบวิางตามแนวิล้าดเอยงของหล้งคา



ล้านนานยมใชีเพุอปัดหวิแปั ม 2 รปัแบบ ได้แก ่












ปัล้ายหางวิัน มล้ักษณะเปั็นรปัตวิเหงามวินกล้ม




แล้ะปัล้ายกระหนก ซึ่�งไดรับอิทธพุล้จัากภูาคกล้าง
111


ภูาพุที 52 - 53

องคปัระกอบเครองไมสวินบนของหล้งคา









ไดแก ชีอฟื้า ปัานล้ม แล้ะหางหงส ์









(1.3) หางหงส เปันเครองไมทอย ่ ู (1.4) เชุงชุาย หรอแปันนายอย







ปัล้ายปัานล้ม มกทาเปันรปัพุญานาค สวินล้้าน เปันแผู้นไมยาวิตดอย่ดานล้างของโครงหล้ังคา

























นานยมทาเปันรปัตวิเหงา หร่อ “หางวิน” ใชีปัดแนวิไมจันทนหรอกล้อน แล้ะชีวิยกนนา


ทไหล้จัากผู้นหล้งคาล้งมาท�ขอบชีายไม่ใหไหล้















ยอนเขาใตผู้นหล้งคา ซึ่งจัะทาใหนากระเดนเขา






สูพุ่นทีภูายใน ในอดตไมมการฉล้ล้าย แตตังแต ่
















สมยรชีกาล้ท 5 ล้งมา ล้านนามการตดตอกบ








ชีาตตะวินตกจังไดรบอทธพุล้ของศล้ปัะ
สถาปััตยกรรมแบบวิิคตอเรีย ทนิยมฉล้ล้าย



โครงสร้างอาคารแล้ะส่วินปัระกอบต่างๆ

จันกล้ายเปันควิามนยมนามาปัระยกตใชี ้




ในอาคารต่างๆ เรมจัากคมเจัาผู้ครองนคร







กฏสงฆ์ หอไตร หอเด็ง (หอระฆ์ัง) หอพุระ วิหาร









เปันตน แล้วิจังแพุร่หล้ายล้งสปัระชีาชีนท�วิไปั


109
112


ภูาพุที 54


แผู้งแล้ แล้ะปัากแล้ ของวิิหารวิดตนเกวิน

อาเภูอหางดง จัังหวิดเชีียงใหม ่




(1.5) แผู้งแล เปั็นชีอระหวิ่างแปัรับกล้อนหล้ังคา









กบคอสอง รบปักนกดานขางที�ยนออกมาจัากตวิอาคารมารบผู้่น



ไขราหล้งคา โดยจัะตดเปันคขนานกนซึ่งพุบในสถาปัตยกรรม





















ล้านนาเทานน ทาดวิยแผู้นไมฉล้เพุอรบแสงแล้ะแบงระดบเอยง

ของระนาบหล้ังคาให้แยกกัน พุบ 2 รปัแบบ คอ แบบแผู้่นไม้เรียบ



ธรรมดา กบแบบแกะสล้กล้วิดล้าย


(1.6) ปัากแล เปันองคปัระกอบท�พุบเฉพุาะในล้านนา



เทานน อยในตาแหนงสวินหนาของชีองแผู้งแล้ ทยนพุนตวิอาคาร




















ออกมารบผู้นไขราหล้งคา แกะสล้กเปันรปัทรงของปัากนกแกวิ





นยมปัระดับแผู้งแล้ชีัดเจันในวิหารท�มอายุชีวิง พุทธศตวิรรษท� 24




113


ภูาพุที 55



โกงคิวิ วิิหารวิดปัราสาท แล้ะโกงคิ�วิปักนก ของวิิหารล้ายคา ำ




วิดพุระสงหวิรมหาวิิหาร อาเภูอเม่อง เชีียงใหม ่









114






(1.7) โกงค์ว เปันแผู้งไมปัระดบตด













ขอมขดานสกดของวิหาร ทาหนาทปัระดบ


เชีนเดยวิกบสาหรายรวิงผู้งของภูาคกล้าง













มกอยในตำาแหนงใตหนาบน มแผู้งไมปัระดับ



ล้วิดล้ายคันอย เรยกวิา “คอกด”





1.8) บีางข่าง เปันองคปัระกอบ




ทมล้กษณะเปันสามเหล้ยมชีายธงอยทางดาน











ซึ่ายแล้ะขวิาของหนาขอ หรอชีวิงคอสอง












ของวิหาร ทาหนาทคล้ายนาคทนตขนาดเล้ก





รบนาหนกจัากหล้ังคา แต่เนองจัากตำาแหนง






ของบางขางอยสง วิหารบางหล้งทชีายคายน









ล้งมามากอาจับดบัง ทาใหมองเหนยาก



จังไมเปันทสงเกต แล้ะนยมแกะสล้กล้วิดล้าย









เชีน ล้วิดล้ายดอกไมใบไม ล้ายกระหนก

เปันตน

115


ภูาพุที 56 - 57

จัากซึ่ายไปัขวิา นาคทนต ์


ของวิิหารวิดตนเกวิน



วิิหารวิดหางดง











(1.9) นาค์ทนต หรู้อหชุาง หรู้อค์นทวย





เปันแผู้นไมสามเหล้ยมมมฉากชีวิยรบนาหนกเครองบน
















ของหล้งคารองรบปัล้ายเตาเพุอกนปัล้ายไมเครองบนม ิ





ใหทรดตก แล้ะรับนาหนักโครงสร้างสวินชีายคาล้งมา





ทเสาดานขางของวิหาร แบ่งองคปัระกอบของนาคทัณฑ ์





เปัน 3 สวิน คอ สวินบน มกทาเปันล้ายแถวิหนากระดาน













แนวินอน สวินกล้าง เปันบรเวิณทมการตกแตงดวิย

ล้วิดล้ายมากทสด แล้ะสวินล้างเปันสวินรปัสามเหล้ยม









ขนาดเล้ก

116


ภูาพุที 58











หนาบนวิหาร วิดปัราสาท อาเภูอเมองเชียงใหม จังหวิดเชียงใหม ่



(1.10) หนาบีน เปันชีดของแผู้งไมปัดสวินโครงสรางหล้งคา











ดานหนาของวิหาร มการทาโครงสรางเล้ยนแบบโครงสรางวิหาร















หนาบนจัะตดตงบรเวิณสามเหล้ยมเหนอปัระตทางเขาของเสาคกล้าง






แล้ะสามเหล้ยมเหนอขอเสาคนอก ในกรณของโครงสรางมาตางไหม












จัะมการกรแผู้นไมระหวิางชีองวิางของขอ แล้ะเสาสะโกน (เสาตุกตา)














ไวิเรยกวิา “ดอกคอหนาแหนบ” ในสวินของปักนกดานขางของวิิหาร
กมีการทาหน้าบันเชี่นเดียวิกัน เรียกวิ่า หน้าบันปัีกนก หรอ แหนบ



ปักนก

117


ภูาพุที 59















ชีอเรยกแล้ะองคปัระกอบสวินตางๆ ของหนาบนวิหารนาแตม วิดพุระธาตล้าปัางหล้วิง


อาเภูอเกาะคา ล้าปัาง
ทีมาของภูาพุ : ล้ายเสนโดย เจัษฎา สภูาศร. อางแล้้วิ, หนา 119.






118







หนาบีันวิหารู้ลานนา มการศกษาอยางล้ะเอยด



โดย วิรล้ญจัก บณยสรตน (2535) หนาบนจัะมล้กษณะเปันรปัทรง













สามเหล้ยมตามล้กษณะทรงหล้งคา แล้ะเปันสวินปัระกอบของอาคาร












ทเหนไดอย่างเดนชีด จังมกไดรบการตกแต่งปัระดับปัระดาอย่างวิจัตร







งดงาม การวิางรูปัหนาบนทงหมดของชีาวิล้านนา มล้กษณะพุเศษ









มควิามใกล้เคยงกบการเขาไมแบบล้กฟื้กหนาจัวิของเรอนแบบภูาคกล้าง















โดยมากแล้วิจัะวิางรปัหนาบนทงหมดเปันล้กษณะหนาบนไมเขาล้น













ล้กปัะกน แล้ะกรอบไม้ ควิสวินใหญใชีไมสกเปันแบบล้กฟื้กเขาล้นอด







วิางสล้บแล้ะเรยงซึ่อนกนสามชีัน





110

เทคนิคการทาหน้าบัน สามารถแบ่งออกได้เปั็น 2 ล้ักษณะ










ค่อ หนาบีนทแสดงโค์รู้งสรู้างข่อมาตางไหม และหนาบีนทไมแสดง










โค์รู้งสรู้างสาหรู้บีหนาบีันท�แสดงโค์รู้งสรู้าง จัะมีการทำาแผู้่นไม้ให้อยใน
111






ล้ักษณะทปัระกอบเข้าไปัในโครงสร้าง แล้วิจัึงตรึงดวิยตะปัูหรอใชี้ยางรัก












ปัระสาน จัะมการทาเทคนคตน – ล้ก ในการสรางมตใหกบหนาบน



โดยการใชีปันปันมาปัระกอบเปันล้วิดล้ายโดยทโครงสรางสวินม้าต่างไหม














จัะอยูระดบบนสด สวินของกรอบต่างๆ ทบรรจัล้งไปัจัะอยตำาล้งไปัปัระมาณ

















1-2 นวิ สวินหนาบนทไมแสดงโครงสรางนน จัะเปันการนาแผู้นไมเรยบ













หล้ายแผู้นมาเพุล้าะเขาดวิยกนเปันรปัสามเหล้ยมของหนาบน



จัากน�นยึดแผู้่นไมกับโครงสร้าง มีการแกะสล้ักไม้ตามล้วิดล้ายทต้องการ





แล้วินามาตรงกบไมสวินทเปันพุนอกครง แล้วินาขนไปัปัระกอบกบหนาบน



















แล้วิจังปัระดบตกแตง หนาบนของวิหารในล้านนามพุฒนาการแล้ะการ













เปัล้ียนแปัล้งไปัตามยคสมยเชีนเดยวิกบตวิวิิหาร


119










วิรล้ญจัก บณยสรตน (2535) ไดสรปัพุฒนาการวิา รปัแบบหนาบนวิิหาร















ล้านนานน สามารถศึกษาสบคนไปัไดในชีวิงแรกสด ค์อในชุวงกอนการู้



เปัลยนแปัลงการู้ปักค์รู้องมณฑลพิายพิ (พิ.ศิ. 2350-2426) ชุวงการู้






เปัลยนแปัลงเปันมณฑลพิายพิ (พิ.ศิ. 2427-2486) และชุวงหลงการู้





เปัลยนแปัลงมณฑลพิายพิ (พิ.ศิ. 2487 – ปัจัจับีน) โดยในชี่วิงแรก







ล้กษณะหนาบนมรปัแบบทแสดงโครงสรางมาตางไหม มเทคนคการ




















ทาล้วิดล้ายปันนามนทเรยกวิา “สะตายจัน” ปันตดตวิไมปัดทองปัระดบ








กระจัก ล้วิดล้ายตางๆทปัรากฏมกจัะเกยวิของกบพุทธศาสนา แล้ะการ









คุมครองพุุทธสถาน เชีน เทพุเทวิดา รปัสตวิหมพุานต แล้ะการเคยเสวิยพุ








ระชีาตของพุระพุุทธเจัาทีเปันสตวิปัระเภูทตางๆ ตล้อดจันล้วิดล้ายทีไดรบ







อทธพุล้จัากศล้ปัะจัน ตวิอยางหนาบนวิหารในชีวิงแรกน เชีน หนาบนวิหาร















วิดหางดง หนาบนวิหารวิดตนเกวิน หนาบนวิหารวิดปัราสาท หนาบนวิหาร
























วิดปัาแดงหล้วิง หนาบนวิหารวิดบพุพุาราม แล้ะหนาบนวิหารวิดทงออหล้วิง



เปันตน


ตอมาเปันชีวิงเวิล้าทมควิามผู้นผู้วินทางการเมอง ปัระกอบกบมคน











ต่างถ�นเข้ามาอยอาศัยในล้านนามากข�น เชี่น ชีาวิพุม่า ไทใหญท�มาพุร้อม







กบการทำาธรกจัปัาไมสก ปัระกอบกับเกดควิามเคล้่อนไหวิทางการเมอง





















ทีพุระสงฆ์์มบทบาทสาคญ เชีน ครบาศรวิิชีย อนเปันชีวิงเปัล้ียนผู้านสาคญ



ของงานศิล้ปัะสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาในล้านนา ปัรากฏรูปัแบบ
















หนาบนแบบครูบาศรีวิชีย ทมล้กษณะเรยบงายเปันโครงสร้างหน้าจัวิเทานน






ทการปัรบรปัแบบหนาบนกมควิามสอดคล้องกับตวิวิหาร แล้ะโครงสร้าง












ของวิหารทไดรบอทธพุล้จัากภูาคกล้างในชีวิงเวิล้าน หนาบนของวิหาร










ในระยะนีจัะไมแสดงโครงสรางของมาตางไหมอกตอไปั





120


ภูาพุที 60 - 61








หนาบนทีแสดงโครงสรางขอมาตางไหม
แล้ะหนาบนทีไมแสดงโครงสราง






























121














ขณะเดยวิกนกไดรบอทธพุล้จัากพุมาทเปันแบบกรอบหนาจัวิพุเศษ











หรอคล้ายหนาบนชีนล้ดแบบภูาคกล้าง สวินการตกแตงปัระดบล้วิดล้ายมควิาม





เปัล้�ยนแปัล้งจัากเดิม เชีน ควิามนิยมใชีล้ายกานขดมากข�น การนำาเอารปั “ปัเปัง”














อนเปันสญล้กษณของเจัาศรทธา ผู้นาในการก่อสราง หรอสล้ามาใชี ซึ่งไมเคย

























ปัรากฏอย่างเดนชีดมากอนในหนาบนชีวิงแรกทมงเนนทจัะสอถงเรองราวิ


















ทเกยวิกบพุระพุทธเจัา มาเปันการทาล้วิดล้ายทมล้กษณะเพุอตวิผู้กอสรางเอง




ใหไดรบอานสงสไปัภูายหน้า ตวิอย่างหนาบนวิหาร ได้แก หนาบนวิหาร





















วิดเชีียงมั�น หนาบนวิิหารวิดดวิงด หนาบนวิิหารวิดบพุพุาราม เปันตน










ชีวิงทสามเปันชีวิงหล้งการเปัล้ยนแปัล้งการปักครองเปั็นมณฑล้พุายัพุ



(พุ.ศ.2487- ปััจัจับน) ปัรากฏหนาบนแบบพุเศษ ค่อ มการทาคอสองขนาดใหญ ่







มากแล้ะโดยมากจัะเปันวิดทเจัาศรทธาเปันชีาวิพุมา หรอนบถอนกายมาน















โครงสรางโดยรวิมล้กษณะคล้ายกบกรอบหนาบนแตมล้วิดล้ายล้ะเอยดกวิา












ล้วิดล้ายทปัรากฏในชี่วิงน� เชีน ล้ายพุนธพุฤกษาปัระเภูทเครอเถากานขด แล้ะรูปั







สตวิโดยเฉพุาะวิานร แตไมปัรากฏรปัของเทพุเทวิา ขณะเดยวิกนกไดรบอทธพุล้











ของภูาคกล้างเขามาผู้สมผู้สานมากขน เชีน หนาบนวิหารวิดอโมงค หนาบนวิหาร









วิดปัานปัง เปันตน





ภูาพุที 62


วิิหารวิดหางดง อาเภูอหางดง จัังหวิดเชีียงใหม ่


122

123

124


ภูาพุที 63 - 64



หนาบนแล้ะล้วิดล้ายปันปัั�นวิิหารวิดหางดง

อาเภูอหางดง จัังหวิดเชีียงใหม ่






125






(2) องค์ปัรู้ะกอบีเค์รู้�องปัน ไดแก ปัราสาทเฟื้อง








ปัระตโขง ฐ์านชีกชีี หร่อแทนแกวิ กูพุระเจัา หร่อโขงพุระเจัา


แล้ะแทนวิางดอกไม ้
(2.1) ปัรู้าสาทเฟ้�อง หรอฟื้าชีอยองปัล้ ี










(อานวิา จัอฟื้าญองปัี�) เปันชีิ�นสวินสาคญทีตังปัระดบอยกล้าง









สนหล้งคาวิหารเฉพุาะสวินหล้งหล้วิง (หล้งบนสด) โดยสราง
















เปันรปัปัราสาทปัระดบฉตรทสวินยอด หรออาจัเปันล้กษณะ












แทงสงล้ดหล้นกนทมปัราสาทขนาดเล้กตงไวิทสวินยอด รปัทรง

















ดงกล้าวิสอสญล้กษณเกยวิกบเขาพุระสเมรตามคตจักรวิาล้


ในพุทธศาสนา ทมปัราสาทของเทพุหรอเทวิดาในชีนสวิรรค ์








มาไวิเหนอวิหารเพุอสถตอยแล้ะดแล้ปักปักรกษาศาสนสถาน










นันเอง 112
126


ภูาพุที 65 - 66






ปัราสาทเฟื้้อง ของวิิหารวิดนาคตหล้วิง อาเภูอแมทะ จัังหวิดล้าปัาง


ทีมาของภูาพุ : เชีียงใหมเพุรส. [ออนไล้น], http://chiangmaipress.com

ส่บคนเมอวินที 7 พุฤษภูาคม 2564
























127





2.2) ปัรู้ะตโข่ง หรู้อซมปัรู้ะตโข่ง เปันซึ่มปัระตทสราง









ติดกับผู้นังด้านหน้าของวิิหาร นิยมปัระดับดวิยล้วิดล้ายปัูนปั�นแบบ










ล้านนา มล้กษณะคล้ายปัราสาทซึ่อนชีน สวินบนสดเปันยอดแหล้ม









หรอยอดดอกบวิตม โดยเหนอชีนหล้งคาบวิถล้าจัะมแทนบวิยอ















สวินซึ่อนขนไปัเปันชีนๆ แตล้ะชีนจัะมซึ่มปัองปัวิปัระดบ หรอ


















กฑ (Kudu) อนเปันสญล้กษณของทีอยเทวิดาในชีันตางๆ

113



ซึ่มปัระตโขงมควิามหมายในเชีงสญล้กษณทสอถงการ











เปันปัระตเขาสูเขตพุ่�นที�ของเขาพุระสเมรแล้ะปัาหมพุานต โดยมบนได

















นาคอนเปันสะพุาน เชีอมระหวิางสวิรรคกบโล้กมนษยทาหนาทเปันทาง













ขนสเขาพุระสเมร ผู้านซึ่มปัระตโขงอนหมายถงปัาหมพุานต ์





















เพุอเดนทางตอไปัยงเขาพุระสเมร ซึ่งค่อพุ่นทีภูายในบรเวิณวิด



องคปัระกอบของซึ่มปัระตโขงปัระกอบดวิย



ฐ์านสเหล้ยมรบฐ์านปััทมยกเกจั ตวิเรอนธาตรปัสเหล้ยมยกเกจัตามสวิน

















ของฐ์าน มีการเจัาะชี่องทะลุ้เปั็นทางเข้าส่ภูายในเขตพุทธาวิาส




ในชีวิงฐ์านแล้ะตวิเรอนธาตุ ซึ่มทางเข้าเปั็นซึ่มวิงโค้ง สวินยอด













เปันหล้งคาบวิถล้า แล้ะตอดวิยชีนบวิล้ดหล้นกนขนไปัยอดบนสด








มกเปันรปัดอกบวิตม รปัแบบของซึ่มปัระตโขงทยงคงสมบรณทสด


















คอ ซึ่มปัระตโขง วิดพุระธาตล้าปัางหล้วิง ซึ่งมล้กษณะเชีนเดยวิกน

















กบโขงพุระเจัาทีสรางไวิปัระดษฐ์านพุระพุุทธรปัภูายในวิิหาร

114

128


ภูาพุที 67



ปัระตโขง วิิหารวิดขนคง อาเภูอหางดง จัังหวิดเชีียงใหม ่






129










คาวิา “โข่ง” พุจันานกรมศพุทศล้ปักรรม ฉบบราชีบณฑตยสถาน





อธบายคาวิาโขงใชีเรยกโคงครงวิงกล้มแล้ะสวินปัระกอบเมอเปันปัระตวิด






















เรยกทงซึ่มปัระตวิา ซึ่มปัระตโขง ในพุจันานกรมภูาษาถนไทยล้านนา





โดยมณ พุยอมยงค ไดใหคานยามไวิ 2 ควิามหมาย ควิามหมายแรก หมายถง















ซึ่มปัระตวิด สวินควิามหมายท 2 หมายถง อาณาเขต เชีน ทวิโขงเขตของ



ค่อ ทัวิอาณาบรเวิณ อีกข้อสันนิษฐ์านของคำาวิ่า “โขง” น่าจัะมาจัากรากศัพุท์
115
เดยวิกบคาวิา คาน-ล้ะวิา ในภูาษามอญแล้ะคานวิา ในภูาษาพุม่าทแปัล้วิา











ทอยอาศย แล้ะคำาวิา “คาน” ในภูาษาพุม่าทแปัล้วิาหอง สอดคล้องกับสงกอสราง













ของพุม่าปัระเภูทหน�ง ท�เรียกวิ่า “พิญาค์าน” ทาหน้าท�คล้้ายกับ โขงพุระเจั้า




ในล้านนา ซึ่ึงควิามหมายร่วิม ค่อ การบ่งบอกขอบเขตพุ่นทีทีมีล้ักษณะปัิดล้้อม

116















เพุอการใชีสอยปัระโยชีน หร่อเพุออยอาศย เมอมการใชีในพุุทธศาสนา จังกล้าย






เปันการกาหนดเขตพุ่�นทีศกดิสทธิสงวินไวิแดพุระพุุทธองค หร่อพุระสงฆ์์เทานัน







130


ภูาพุที 68 - 69
(ภูาพุขวิา) ปัระตโขงวิิหารวิดบานแงก







(ภูาพุซึ่าย) แล้ะปัระตโขงวิิหารไตหล้อย เวิยงโบราณสามตาวิ

เขตปักครองพุเศษที 4 เม่องล้า รฐ์ฉาน ปัระเทศพุมา ่


131





ภูาพุที 70 - 71 (2.3) กพิรู้ะเจัา หร่อ



กูพุระเจัา หร่อโขงพุระเจัาในวิิหารหล้วิง โขงพุระเจั้า มล้ักษณะเปั็นมณฑปัปัราสาท


วิดเชีียงมัน อาเภูอเม่อง จัังหวิดเชีียงใหม ่ ใชีสาหรบปัระดษฐ์านพุระปัระธานสาคญ















ภูายในวิหารมตาแหนงทตงชีดเจัน











คออยภูายในวิหาร มกอยตรงห้องเกอบ







ทายสดของวิหาร เวินพุนท 1 หองเสา


ใหสามารถเดินไดโดยรอบเพุ่อให ้






พุทธศาสนกชีนเขามาสกการบชีา











จัะมขนาดเล้ก หรอใหญขนอยกบขนาด

ของพุระปัระธาน ทจัะปัระดิษฐ์านภูายใน


โขงพุระเจัานัน

132

ภูาพุที 72







การแยกพุ่นทีศกดิสทธิออกจัากตวิเร่อนของชีาวิไทใหญ ่








โข่งพิรู้ะเจัา สะทอนถงการ หมูบานสวินหล้วิง เม่องสปัอ รฐ์ฉานเหน่อ ปัระเทศพุมา ่









แบงแยกปัริมณฑล้พุ�นทศกดสทธภูายในวิหาร







ทมการใชีงานปันกนระหวิางพุระภูกษสงฆ์ ์ นอกออกจัากแนวิผู้นงเรอน หรอบางเรอน














กบฆ์ราวิาสซึ่งเปันปัถชีนทวิไปั หรอระหวิาง อาจัปักเสาหงพุระแยกเดดขาดออกจัากเรอน









117

พุนทโล้กตระกบพุนทโล้กยะ ดงนน ในกรณของชีาวิไทใหญ ทังในรฐ์ฉาน ปัระเทศ



















“โขงพุระเจัา” จังเปันการแยกพุนทล้กษณะ พุมา แล้ะรฐ์อสสม ปัระเทศอนเดยจัะเหน
















หนงดงเชีนมณฑปัทายวิหาร หรอหองคหา ไดอยางชีดเจันของการแยกพุนทศกดสทธ � ิ



























ทายวิหาร แทนแกวิหรอฐ์านชีกชีทมไวิ ้ ของการพุนทอยอาศย โดยมการสราง













เพุอปัระดษฐ์านพุระพุุทธรปัเทานัน “เขงพุรา” ทมล้กษณะย่นแยกออกจัากผู้นัง









ควิามคดในการแยกพุนท � ี เรอนอยางชีดเจัน บางแหงสรางเปันอาคาร

















ระหวิ่างพุ�นทศักดสิทธ� กับพุ�นท�ทางโล้กปัรากฏ ขนาดเล้กอยใกล้กบตวิเรอนทมทางเดน











ชีัดเจัน ผู้่านการจััดวิางพุ�นท�ใชี้สอย แล้ะองค ์ เชีอมถงกน สรางเปันเรอนขนาดยอมมหล้งคา













ปัระกอบทางสถาปััตยกรรมทังในวิด แล้ะเร่อน ซึ่อนชีนยกคอสองสงแล้ะมสนหล้งคาสงกวิา











ของกลุ้มคนไท ทังยวิน ล้่อ เขน ไต (ไทใหญ) ตวิเร่อน เชีน ในเร่อนพุ่นถินไทใหญ เม่องสปัอ













ในเรอนชีาวิไทยวิน มกจัะมหงพุระท�ปัระดษฐ์าน รฐ์ฉาน แล้ะเร่อนของชีาวิไทอายตอน ในแควิน















พุระพุทธรปัหรอเครองรางของขล้งตางๆ โกล้ากต รฐ์อสสม อนเดย แตจัะการแยกพุ่นที �








บรเวิณชีานหนาเร่อนทางทศตะวินออก หร่อที � ล้กษณะดงกล้าวิจัะพุราเล้อนไปัในหมเรอน














เรียกวิ่า “เต�น” แล้ะห�งพุระจัะย�นผู้ายไปัด้าน ของกลุ้มคนไทล้่อ ในจัน




133





โขงพุระเจัาในล้านนาอาจัไดรบแรงบนดาล้ใจัจัาก








“มณฑปั” ซึ่งเปันหองคหาปัระดษฐ์านพุระพุทธรปัทแยกจัากวิหาร















ทีสรางไวิ เพุอใหปัระดษฐ์านพุระพุุทธรปัแล้ะพุระสถปัรวิมกน ค่อตอนล้าง


เปันทปัระดษฐ์านพุระพุทธรูปัทสามารถเดินเขาไปัได สวินตอนบน














เปันพุระสถปั ตวิอยางเชีน อาศรมมหาฤษ (Ashram Maha Rosei)
ในปัระเทศกัมพุชีา หากแต่ในล้้านนาปัรับขนาดสัดส่วินแล้ะส่วินยอดนิยม

118









ทาเปันหล้งคาซึ่อนชีนบนฐ์านปัทม์เปันทรงปัราสาท แล้ะมีพุนทวิางแคบๆ







ไวิปัระดษฐ์านพุระพุุทธรปัทีตังไวิเปันปัระธานภูายในวิิหาร










อาจักล้าวิไดวิา โขงพุระเจัา เปันการสรางสรรคงาน







สถาปัตยกรรมทปัรากฏในเขตวิฒนธรรมล้านนาทมเอกล้กษณเฉพุาะตน




ท�สอดคล้้องกับควิามนิยมสร้างพุระพุุทธรปัล้้านนาทมักสร้างดวิยวิัตถมค่า







หายาก แล้ะมขนาดเล้ก จังตองมการออกแบบทปัระดษฐ์านพุระพุทธรปั

















ขนาดเล้็กใหเหมาะสม อกทงเปันการเน้นยำาควิามสำาคญของพุระพุทธรูปั









แล้ะสรางปัรมณฑล้ควิามศกดิสทธิ�ขึนภูายในพุ่นทีวิิหาร




(2.4) ฐานชุุกชุ หร่อแทนแกวิ เปันฐ์านที�ปัระดษฐ์านพุระปัระธาน










มกตงอยในหองวิหารห้องสดทาย หรอหองกอนสดทาย คาวิา “ชีกชี”









หรอ “จักชี” สนนษฐ์านวิาเปันคามาจัากภูาษาเปัอรเซึ่ย แปัล้วิา สถานท � ี


























119
หรอ ทตงของรปัปันของพุระผู้เปันเจัา หรอพุระพุทธรปั ในล้้านนา
เรยกวิา แทนแกวิ












(2.5) แทนวางดอกไม เปันแทนทมกสรางไวิทางดานขาง













หร่อหล้งของวิิหาร มจัานวินไมจัากด บางครังมจัานวินถง 5 แทนหนาวิิหาร




แตในยคหล้งไมปัรากฏการสรางแทนวิางดอกไมแล้วิ เนองจัากปัระเพุณ ี










ทีตองมการนาดอกไมมาวิางบชีายงแทนดอกไมนีไดล้บเล้่อนไปัแล้้วิ









134






(3) องค์ปัรู้ะกอบีเค์รู้องปันดนเผู้า









ไดแก รปัสตวิปัระดบอาคาร มกมการสราง




รปัสตวิเปันรปัหงส หรอนกฮิกปัระดบวิหาร









ล้านนา มควิามคล้ายคล้งกบการปัระดบวิหาร







ของชีาวิไทล้่อในเขตสบสองปัันนา


(4) องค์ปัรู้ะกอบีเค์รู้องโลหะ








ไดแก ฉตร เปันเครองสงชีนดหนงทมล้กษณะ












คล้้ายรมซึ่อนชีันล้ดหล้ันการขึนไปั ชีาวิล้้านนา

นยมนาฉตรมาปัระดบเจัดยแล้ะวิหาร เพุอแสดง










ถงควิามสาคญของพุนท ในสวินวิหารจัะปัระดบ









ฉตรไวิตรงกล้างสันหล้งคา โดยอาจัทำาเปัน






รปัทรงปัราสาท หรอรปัหงสเทนฉตรไวิ ้








ฉตรแบบล้านนาจัะมการล้ดหล้นแล้ะฉล้ ุ

ล้วิดล้ายอยางล้านนา สวินฉตรทไดรบอทธพุล้















พุมาจัะมควิามออนชีอยขนโดยยกสะบด

ปัล้ายทีขอบฉตรดานล้างสด





ภูาพุที 73 - 74




ฉตรปัระดบสนหล้งคาวิิหารวิดปัาแดง




มหาวิิหาร (บน) แล้ะฉตรแบบพุมา ่


วิดบพุพุาราม จัังหวิดเชีียงใหม ่

135

(3.3)







ลวดลาย สญลกษณและคำตคำวามเชื่่�อ



ที่ปัรากฏในำวหารล�านำนำา













วิหารล้านนามการใชีศล้ปักรรมปัระดบตกเตงวิหาร ซึ่งล้วินทาหนาท ี �



ในเชีงสญล้กษณเพุอรวิมแสดงควิามหมายวิหาร เนองจัากวิหารเปันสถานท � ี


















ปัระกอบพุธกรรมรวิมกนระหวิางพุระสงฆ์แล้ะฆ์ราวิาสทอานวิยปัระโยชีน ์
ตอการกระทาบญกรยา โดยพุระพุทธองคมไดปัระสงคใหเพุยงแคภูกษสงฆ์ ์

























เทานนทจัะพุบนพุพุาน หากแตฆ์ราวิาสกมโอกาสไดพุบกบสภูาวิะทพุย ์




ไดเชีนกน

120





วิหารล้านนามองคปัระกอบทางศล้ปักรรมทผู้สานกล้มกล้นกนแทบ








จัะแยกออกจัากกนไดยากทรวิบรวิมรปัทรงสวินยอยตางๆ เชีน ผู้นหล้งคา













ซึ่อนชีน ชีอฟื้า ปัานล้ม หนาบน คนทวิย ตางๆ เขามาเปันรปัทรงอาคารเดยวิกน










ทกล้าวิไดวิา “งานสถาปัตยกรู้รู้มเปันอาค์ารู้รู้ปัลกษ์ณปัรู้ะตมากรู้รู้มรู้วม












องค์ปัรู้ะกอบี” ทีเปั็นการแสดงบูรณาการทางโครงสร้างสัญล้ักษณ์อันมี
121




ควิามหมายหล้ากหล้าย เชีน องคปัระกอบโครงสราง เสา คาน ผู้นง เปันตน







ล้วิดล้ายทปัรากฏต่างๆ ไม่วิาการแสดงเน�อหาของการบำาเพุ็ญบญ หรอล้วิดล้าย


พุนธุ พุฤกษา เคร่อเถาล้้านนาทีมควิามเชีอมโยงกบปัาหมพุานต หร่อล้วิดล้าย






















ดอกบวิทแสดงถึงพุทธปัญญา ตล้อดจันเรองราวิเก�ยวิกบ “ภูมจักรวิาล้”






ในพุทธศาสนา เปั็นไปัเพุ่อสอแล้ะสรรค์สรางสภูาวิะแห่งการเขาถงพุทธะ





ทีชีาง หร่อสล้าสรางสรรคขึนมาอยางแยบยล้










การสร้างสรรคศล้ปักรรมเนองในพุทธศาสนาน�น มกจัะนารปัแบบ





















ซึ่งไดรบแรงบนดาล้ใจัจัากเรองราวิทีมอยในคมภูรทังหล้าย ทีมเน่อหาอนเกี�ยวิ



เนองกบหล้กการของพุทธศาสนามาปัรับเปัล้ยนใหเปันรปัธรรม โดยสอดแทรก











เรองราวิทางศาสนา ควิามคิด คตควิามเชีอตางๆ ไปับนองค์ปัระกอบทาง











ศล้ปักรรมแล้ะล้วิดล้ายทใชีปัระดบตกแตง ล้วิดล้ายทปัรากฏในศล้ปักรรมวิหาร







ล้านนา วิรล้ญจัก บณยสรตน (2543) ไดแยกปัระเภูทของล้วิดล้ายตางๆ




ออกเปัน 5 กลุ้ม ไดแก ่



136

ภูาพุที 75

ปัระตมากรรมรปัเทพุพุนม





หนาบนวิิหารหล้งเล้กวิดบพุพุาราม จัังหวิดเชีียงใหม ่




(1) ลวดลายปัรู้ะเภทเทพิเทวา มกเปัน ชีาวิล้านนามีควิามเชีอเกยวิกบทาวิ












รปัแบบของล้วิดล้ายปัูนปั�น “ปัระติมากรรม จัตโล้กบาล้มาก ดงจัะเหนไดจัากเมอจัะมการทา























รปัเทวิดา” ทนามาใชีตกแตงสวินทเรยกวิา “เสา พุธีกรรมใดๆ จัะต้องมพุธีการ “ข�นท้าวิท�ง 4”










สะโกน” รปัแบบสวินใหญมล้กษณะเปันเทพุพุนม เพุอเชีญทาวิจัตโล้กบาล้มารบเครองสงเวิย
















ยนบนดอกบวิทรองรบการแตงกายแบบเครองทรง แล้ะขอการอารักขาจัากท่านใหคมครองปั้องกัน









กษตรยหรอเทพุชีนสง ควิามหมายในเชีงสญล้กษณ ์ บานเร่อนแล้ะครอบครวิใหอยเยนเปันสข















ของรปัปัระตมากรรมเทวิดา นันใชีเปันสญล้กษณ ์




คมครองศาสนสถาน แล้ะเปันเครองเฉล้ม พุบควิามนิยมในการนามาตกแต่งหน้าบัน







พุุทธบารมของพุระมหากษตรย แล้ะอาจัสอควิาม ทีอยในชีวิงราวิพุุทธศตวิรรษที 22-23 ในชีวิงกอน











หมายถง การจัาล้องสรวิงสวิรรค์ชีนตางๆ หรอ แพุรหล้ายของรปัแบบจัากภูาคกล้าง แล้ะชีวิงการ




















ภูมิเทวิดาท�ง 6 ชี�น ท�โดยมากมักปัรากฏในชี�น เปัล้ยนแปัล้งสมยครบาศรวิชีย เชีน หนาบน















“จัาตมหาราชีกา” อนมทาวิจัตโล้กบาล้ปักครอง วิดหางดง ตาบล้หวิดง อาเภูอหางดง จังหวิัด








อย ซึ่งสถานทีๆ ทาวิจัตโล้กบาล้ปักครองนันตังอย ่ ู เชียงใหม หนาบนวิดตนเกวิน ตาบล้หนองควิาย












ตอนกล้างของภูเขาสเนรเสมอกนกบเขายคนธร อาเภูอหางดง จัังหวิดเชีียงใหม แล้ะหนาบนวิิหาร

























ล้งมาจันถงแผู้นดนทมนษย์อาศยอย แล้ะบรเวิณ หล้งเล้กวิดบพุพุาราม อาเภูอเมอง จังหวิดเชียงใหม ่





ทเสมอกันกบยอดเขายคนธรนน มอาณาเขตแผู้่น









ไปัในอากาศของจักรวิาล้แล้ะภูเขาสตตบรรพุตล้อด


ทัวิมหาสมทรทังหมด

137


ภูาพุที 76 - 77

ล้วิดล้ายจัตรกรรมฝาผู้นงพุระอดตพุุทธเจัา








(2) ลวดลายพิรู้ะอดตพิทธเจั�า พุระอดต ทีผู้นงวิิหารวิดเชีียงมั�น อาเภูอเม่อง จัังหวิดเชีียงใหม ่












พุทธเจัา หมายถง พุระพุทธเจัาทตรสรในโล้กมนษย์















กอนพุระศากยโคดมหรอพุระพุทธเจัาองคปัจัจับน การใชีภูาพุอดตพุทธเจัาเปันการปัระดับ









ตามแนวิคดในพุทธศาสนาทวิา ในอดตกาล้ ตกแต่งวิหารท�พุบในชี่วิงตนพุทธศตวิรรษท� 21





















ไดมพุระพุทธเจัาเสดจัมาตรสรเปันจัานวินมากมาย ทอาจัมเกยวิของกบพุทธศาสนาล้ังกาวิงศ์สายสหล้















ดงเมดทรายในมหาสมทร คตเกยวิกบพุระพุทธเจัา ทเขามาสล้านนา ปัรากฏทวิหารพุระพุทธ











ในอดตมทงในพุทธศาสนานิกายมหายาน วิดพุระธาตุล้าปัางหล้วิง จังหวิัดล้าปัาง เปั็นภูาพุ




แล้ะหนยาน แตจัานวินมากนอยแตกตางกน พุระอดีตพุุทธเจั้าท่าปัระทับน�งปัางมารวิชีัย












แต่ในคติเถรวิาทมีเพุียงพุระอดีตพุุทธเจั้า อยบรเวิณกรอบล้กฟื้กของแหนาแหนบแล้ะแผู้ง








บางพุระองคเทานนทมควิามสาคญเปันพุเศษ คอสอง มจัานวิน 27 พุระองค์ รวิมกับพุระพุุทธรปั




















ซึ่งมควิามสมพุนธเชีอมโยงกบพุระศากยโคดม ปัระธานจัะมจัานวิน 28 พุระองค จันกระทงใน




ไดแก พุระพุุทธเจัาในชีดปััญจัพุทธ คอ พุระกก- ปัล้ายพุทธศตวิรรษท 22-23 ปัรากฏในวิหาร














สนโธ พุระโกนาคม พุระกสสปัะ พุระศากยมน ี วิดเวิยง วิิหารนาแตม แล้ะวิิหารจัามเทวิ จัังหวิด









แล้ะพุระศรีอารยเมตไตรย ซึ่ึ�งเสดจัอบตรวิม ล้าปัาง ตอมาในชีวิงพุุทธศตวิรรษที 24 ควิามนยม
















ภูทรกปัเดยวิกน หรอจัานวินพุระพุทธเจัาใน ยงคงสบเนองปัรากฏทวิดคะตกเชียงมน

















สารมณฑกปัจัานวิน 28 พุระองค หร่อเริมนบจัาก แล้ะวิดปัราสาท ซึ่งวิหารวิดปัราสาท เมองเชียงใหม ่













พุระพุุทธเจัาทปัังกรแหงสารมณฑกปั จัานวิน 24 พุบทงภูาพุอดีตพุทธเจัา แล้ะแผู้งพุระพุิมพุ ปัระดับ








พุระองค ์ เหนอซึ่มโขง แสดงให้เหนถงควิามนิยมในเรอง




อนนตพุทธ หรอพุระพุทธเจัาทเสดจัมาตรสร ู ้






จัานวินมากมายเหมอนเมดทรายในมหาสมุทร



นันเอง
138



(3) ลวดลายปัรู้ะเภทสัตวตางๆ







เปันล้วิดล้ายทนยมนามาปัระกอบกบล้วิดล้ายพุนธ ์ ุ





พุฤกษา หรออยในกรอบล้กฟื้กแบบเครองถวิย




ของจันสมยราชีวิงศหยวิน (พุ.ศ.1803-1911)


แล้ะราชีวิงศเหมง (พุ.ศ. 1911-2187) มล้วิดล้าย












ทสาคญเชีน ล้ายดอกโบตน หงสจัน นกยูง นกแกวิ

แล้ะล้ายเมฆ์ เปันตน ซึ่ึงส่งอิทธิพุล้มายังดินแดน



122




แถบน พุบตามสถาปัตยกรรมท�กอสรางตงแต ่ ภูาพุที 78 - 79













รชีกาล้พุระเจัาแสนภู ปัล้ายพุทธศตวิรรษท 20 ล้วิดล้ายกนรปัระดบบรเวิณหนาบนวิิหารวิดหางดง













จันถงพุระเม่องแกวิ ปัล้ายพุุทธศตวิรรษที 22 แล้ะล้วิดล้ายสงหทีหนาบนวิิหารวิดปัราสาท เชีียงใหม ่










ล้วิดล้ายสตวิมกจัะใชีในล้กษณะของ สงห มอม พุญานาค พุญาล้วิง เปันตน แตรปักนนร



สญล้กษณแทนคาสงใดสงหนง หรอเปันผู้พุทกษ ์ กนนรของวิหารล้านนาจัะพุบได้นอยมาก พุบเพุียง


































ม 2 ล้กษณะ ไดแก สตวทีมอย้จัรู้งในธรู้รู้มชุาต ิ 2 แหงคอ ทภูาพุปัระดับฐ์านชีกชีของวิหาร







เชีน นกแกวิ เส่อ นกฮิก วิานร ตล้อดจันปัรากฏ วิดไหล้หน แล้ะภูาพุล้ายทองของวิหารวิดเวิยงเถน














รปัสตวิ ในปันกษตรดวิย เชีน เสอ กระตาย จังหวิดล้าปัาง แล้ะวิิหารวิัดหางดง อำาเภูอหางดง






123







ชี้างแล้ะม้า เปั็นต้น แล้ะสตวในปัาหมพิานต์ที � จังหวิดเชียงใหม นอกจัากนยงม หงส นกหสด ี







124

ปัระดษฐ์ขนมาจัากจันตนาการ เชีน กนนร กนร ี ล้งค แล้ะนาค อกดวิย











139








(4) ลวดลายปัรู้ะเภทพินธพิฤกษ์า ดอกทานตะวิน ดอกตาสบปัะรด ดอกพุกล้














เปันล้วิดล้ายทมการใชีอยางแพุรหล้ายมากทสด ตนศรมหาโพุธ เปันตน สวินล้ายเครอเถา











โดยเฉพุาะในงานหนาบนแล้ะนาคทนต เปันการ เชีน ล้วิดล้ายเครอเถากานขด เปันล้กษณะคล้าย








ปัระดิษฐ์ล้วิดล้ายทมพุนฐ์านจัากธรรมชีาติ เถาวิล้ยของพุชีมวินกล้ม เครอเถาเงาะหัวิขอด














แล้ะปัระยุกตดดแปัล้งเพุ�มเตม ซึ่งอาจัได้รบอทธพุล้ แล้ะเคร่อเถาผู้สม



จัากปัระเทศจันผู้านการคาในสมยราชีวิงศหยวิน














(พุ.ศ.1823-1911) ปัรากฏการพุบหล้กฐ์าน นอกจัากนยงมล้วิดล้ายปัระเภูททเกยวิกบ


รวิมสมยคอ เครองปันดนเผู้าทมล้วิดล้ายปัระดบ ธรรมชีาต เชีน ล้ายเมฆ์ ทมกพุบบรเวิณขอมา































ทโบราณสถานเวิยงทากาน อาเภูอสนปัาตอง ตางไหม คอกดโกงควิ มควิามหมายเชีอมโยง











จัังหวิดเชีียงใหม ล้วิดล้ายพุนธุพุฤกษาแบงออกได ้ ไปัยงทองฟื้า สวิรรค แล้ะฝน พุบที วิิหารล้ายคา












เปันล้วิดล้ายตนไม-ใบไม แล้ะล้วิดล้ายเครอเถา วิดพุระสงหวิรมหาวิหาร อาเภูอเมองเชียงใหม่









เชีน ล้ายดอกพุดตาน-ใบพุดตาน หรอดอกฝหยง จังหวิดเชียงใหม วิหารวิดทาวิคาวิง วิหาร















ของจันซึ่งล้านนานยมแทรกอยกบล้ายทองหรอ วิดทงออหล้วิง อาเภูอหางดง จังหวิดเชียงใหม ่













แกะสล้กทนาคทนต ดอกก๋าดอก ดอกบัวิ เปันตน





140

ภูาพุที 80 - 81







ล้วิดล้ายดอกทานตะวิน แล้ะเมฆ์บนหนาบนวิิหารวิดทุงออหล้วิง

แล้ะล้วิดล้ายพุนธุพุฤกษาบนหนาบนวิิหารวิดทาวิคาวิง อาเภูอหางดง จัังหวิดเชีียงใหม ่










(5) ลวดลายปัรู้ะเภทสิรู้มงค์ล ล้วิดล้ายตางๆ ขางตนทปัรากฏในวิหาร
















นยมมาปัระกอบในสวินของแผู้งแล้ หนาบน ล้านนานน เกดจัากการสรรคสรางโดยสล้าชีาง






นาคทนตของวิหาร มกเปันล้วิดล้ายสรมงคล้ ทไดรบแรงบนดาล้ใจัผู้สมผู้สานกบจันตนาการ
















ของจัน ไดแก ล้ายชีองกระจักแล้ะเงอน แล้ะล้าย ทมรากฐ์านขององค์ควิามรทางพุทธศาสนา














หมอดอก หรอปัรณฆ์ฏะ หรอนอกจัากนยงม ี ตล้อดจันการหยิบยมงานศล้ปักรรมจัากภูายนอก







ล้วิดล้ายปัล้อบตนชีาง ล้ายปัระจัายามหล้งเตา เขามาผู้สมผู้สานจันเกดควิามงดงามล้งตวิ

















รวิมทงล้วิดล้ายทไดรบอทธพุล้จัากภูาคกล้าง อกทงยังแฝงฝงไวิซึ่งควิามหมายในเชีงสญล้กษณ ์








เปันตน แล้ะควิามเปั็นสรมงคล้ทล้วินส่งผู้ล้ใหวิหารล้านนา














เปันสถาปัตยกรรมททรงคณคา แล้ะมฐ์านนดรศกด � ิ
เปันพุ่นทีศกดิสทธิ�ทางพุุทธศาสนา






141




เชื่งอรรถที่�ายสวนำที่ 3














1 สชีล้ มล้ล้กะมาล้ย, ระบบโครงสราง 10 ชียยศ อษฎวิรพุนธุ แล้ะภูาณพุงษ เล้า







หล้งคา “ตงโย” ในงานสถาปัตยกรรมในภูมภูาค หสม, วิหารล้ายคา วิัดพุระสิงห สถาปัตยกรรมแล้ะ




ล้้านนา, บทควิามวิชีาการ ในวิารสารหน้าจัวิ จัตรกรรมฝาผู้นัง, (กรุงเทพุฯ: โอ.เอส.พุร�นตง








คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาล้ัยศล้ปัากร, เฮิาส, 2543), หนา 23-24.







ฉบบที 29 (มกราคม-ธนวิาคม 2558), หนา 37. 11 วิรล้ัญจัก์ บุณยสรัตน์, วิิหารล้้านนา,



2 วิรล้ญกจั บณยสรตน, วิหารล้านนา, (กรงเทพุฯ : เม่องโบราณ, 2544), หนา 34.









(กรงเทพุฯ: เม่องโบราณ, 2544) , หนา 30. 12 วิรล้ญจัก บณยสรตน, เรองเดม,











3 วิรล้ญจัก บณยสรตน, การศกษาหนาบน หนา 276-277.













วิิหารล้้านนาในจัังหวิัดเชีียงใหม่, วิิทยานพุนธศล้ปั 12 วิรล้ญจัก บณยสรตน, การศกษาหนา















ศาสตรมหาบัณฑต ภูาควิชีาศล้ปัสถาปัตยกรรม บนวิหารล้านนาในจังหวิัดเชียงใหม, วิทยานพุนธ ์






มหาวิทยาล้ยศล้ปัากร, ปัการศกษา 2535, ศล้ปัศาสตรมหาบณฑต ภูาควิชีาศล้ปั
















หนา 65. สถาปัตยกรรม มหาวิทยาล้ยศล้ปัากร, ปัการศกษา



4 วิรล้ญจัก บณยสรตน, เรองเดม, 2535, หนา 57.








หนา 55. 13 พุระนนท นนทขวิาง, เรองเดม,








5 อรณรตน วิิเชีียรเขยวิ แล้ะเดวิิด เค.วิย หนา 430-431.






















อาจั, ตานานพุนเมองเชียงใหม, (เชียงใหม: 14 พุระนนท นนทขวิาง, เรองเดม,


ซึ่ล้คเวิอรม, 2543), หนา 39. หนา 446-447.










6 ชียยศ อษฎวิรพุนธ แล้ะภูาณพุงษ ์ 15 วิรวิญจัก บณยสรตน, วิหารล้านนา,












เล้าหสม, เรองเดม, หนา 7-8. (กรงเทพุฯ : เม่องโบราณ, 2544), หนา 36-41.












7 วิรล้ญจัก บณยสรตน, เรองเดม, 16 วิรศกด ของเดม, วิหารนอย:











หนา 55. ควิามศรทธาผู้านพุทธศล้ปั, [ออนไล้น]. ไมทราบปั ี




8 หมายถง แปัทตงอยบนเสาสะโกนใต ้ ทีจััดทา. แหล้งที�มา: http://www.culture.lpru.











คอกบ ac.th/Web_culture/, สบคนเมอวินท 29










9 อมพุร มาล้ย, การศกษาวิหารล้้านนา เมษายน 2564.










ในสมยการปักครองของเชี่อสายตระกล้เจัาเจัดตน 17 เชีาวิล้ต สยเจัรญ, สถาปัตยกรรม




(พุ.ศ. 2317-2442) ในจังหวิดเชียงใหม ล้าปัาง ล้านนา: แปันนายอย (เอกสารอเล้คทรอนกส),












ล้าพุูน, วิิทยานพุนธศล้ปัศาสตรมหาบัณฑิต สบคนจัาก http://lannaarch.blogspot.com/





ภูาควิชีาศล้ปัสถาปัตยกรรม, มหาวิทยาล้ัย เมอวินที 28 เมษายน 2564.






ศล้ปัากร,ปัการศกษา 2540, หนา 289.




142











18 วิรล้ญจัก บณยสรตน, การศกษาหนา 27 วิรล้ญจัก บณยสรตน, รายงานการวิิจััย
















บนวิหารล้านนาในจังหวิัดเชียงใหม, วิทยานพุนธ ์ เร�อง แบบแผู้นทางศล้ปักรรมของวิิหารพุ�นเมอง

ศล้ปัศาสตรมหาบณฑต ภูาควิชีาศล้ปั ล้านนา ในระหวิ่างพุทธศตวิรรษท 20-24,













สถาปััตยกรรม มหาวิิทยาล้ยศล้ปัากร ปัการศกษา (เชีียงใหม่ : สานักงานคณะกรรมการวิิจััยแห่งชีาติ,


2535, หนา 65. 2543), หนา 247.









19 วิรล้ญกจั บณยสรตน, เรองเดม, 28 อนวิทย์ เจัรญศภูกล้, แนวิทางการศึกษา










หนา 71. แล้ะวิจัยสาขาปัระวิตศาสตรสถาปัตยกรรมใน








20 สบศกด แสนยาเกยรตคณ, ปัระเทศไทย, บทควิามวิิชีาการใน วิารสารหนาจััวิ



สถาปััตยกรรมวิิหารในเขตอาเภูอแม่ทา จัังหวิัด ฉบบที 6, 2529, หนา 12.

















ล้าปัาง, บทควิามวิชีาการใน มรดกวิัฒนธรรม 29 สมโชีต อองสกล้, “พุนทศกดสทธ”


ศล้ปักรรมวิัดปังสนก เนองในงานพุระราชีทาน ในวิดอโมงคสวินพุทธธรรม บทควิามใน พุนท ี �















เพุล้งศพุ พุระครโสภูตขนตยาภูรณ (กาชีย ขนต ิ ศักดสิทธ�บริเวิณวิัดอุโมงค์สวินพุุทธธรรม







ธมโม), (เชียงใหม่ : วินดาการพุิมพุ์, 2564), ปัระวิตศาสตร ศล้ปักรรม แล้ะวิทยาศาสตร์,










หนา 266. (เชีียงใหม: วินดาการพุมพุ, 2561), หนา 21.







21 ฐ์าปักร เคร่อระยา, โขง ระหวิางพุุทธ 30 วิรล้ญจัก บณยสรตน, รายงานการวิิจััย




ศตวิรรษท� 21-25 รปัแบบ เทคนิค แล้ะแนวิคิดของ เรองแบบแผู้นทางศล้ปักรรมของวิหารพุนเมอง










ุ่
กล้มสกล้ชีางล้าปัาง, บทควิามวิชีาการในวิารสาร ล้้านนาในระหวิ่างพุุทธศตวิรรษท� 20-24,








หนาจััวิ คณะสถาปััตยกรรมศาสตร มหาวิิทยาล้ย สานกงานคณะกรรมการวิจัยแหงชีาต, 2543, หนา





ศล้ปัากร ฉบบที 11, 2557, หนา 67. 256.












22 ฐ์าปักร เครอระยา,เรองเดม, หนา 31 __________, การศกษาหนาบนวิิหาร


69-70. ล้านนาในจังหวิัดเชียงใหม่, วิทยานพุนธศล้ปั







22 ฐ์าปักร เคร่อระยา,เรองเดม, หนา 67. ศาสตรมหาบณฑต ภูาควิชีาศล้ปัสถาปัตยกรรม,















23 โชีตมา จัตรวิงศ, วิหารพุระพุทธรปั มหาวิทยาล้ยศล้ปัากร ปัการศกษา 2535, หนา





สถาปัตยกรรมเปัรียบเทยบไทย เมียนมา แล้ะศรี 225.



ล้งกา, (กรงเทพุฯ : อ.ท พุบล้ชีชีิง, 2563), หนา






144.





24 โชีตมา จัตรวิงศ, เรองเดม, หนา 139.





25 โชีตมา จัตรวิงศ, เรองเดม, หนา




146-147.


26 สานกงานราชีบณฑตยสภูา, [ออนไล้น์],



จัาก http://legacy.orst.go.th/ ส่บคนเมอวินที �



30 เมษายน 2564.
143



(ตอนำที่ 4)


ศาสตรวาด�วยการออกแบบกอสร�างวหาร













ในการออกแบบกอสรางสถาปัตยกรรมทกแหงนนล้วินมศาสตร ์







หรอหล้กการสาคญในการออกแบบกอสราง เพุอใหสถาปัตยกรรมนน






ครบถวินซึ่งควิามมนคงแขงแรง ควิามงาม แล้ะอรรถปัระโยชีนใชีสอย
















สถาปัตยกรรมเน่องในพุทธศาสนา เชีน วิหารล้านนาน�น ชีาง หรอสล้า






ตองมหล้กในการออกแบบกอสราง หล้กการดงกล้าวิไดรบการถายทอด












แล้ะสงตอกนมาหล้ายชีวิอายคนจันกล้ายเปันตาราของการกอสราง





ทมกเกยวิของกบการกำาหนดระเบียบสดสวินของโครงสร้าง การก่อรปั




















ขนทรงของวิหาร เทคนควิทยาการกอสราง หรอแมแตกระทงจัารตพุธกรรม






กอนการสราง ซึ่อมแซึ่ม หร่อร่�อถอน






ศาสตรทางสถาปัตยกรรมในตะวินออกนน มกจัะมตาราสาคญ












ทีเปันตวิกากบหล้ก เชีน คมภูรวิาสตศาสตร หร่อศาสตรแหงสถาปััตยกรรม








ของอนเดย ซึ่งเปันระบบการวิางแผู้นทางสถาปััตยกรรมแบบฮิินด ทีวิาดวิย











อธบายถงหล้กในการออกแบบ โครงสราง การจัดวิางองคปัระกอบ

















การเตรยมพุ�นท การจัดแบ่งพุ�นทโล้ง แล้ะ เรขาคณตเชีงพุนท หรอคัมภูร ์









ในการก่อสรางสถาปัตยกรรมของจัีนทเรยกวิา ยงเจัาฝาซึ่อ (Yingzao Fashi)






(營造法式) ที�เขียนขึ�นในสมัยราชีวิงศ์ซึ่่ง โดย หล้ี�เจัีย (李誡) (พุ.ศ.1608-1653)



ในดนแดนล้านนากมศาสตรในการกอสรางงานสถาปัตยกรรมดวิยเชีนกน
















เชีน ตาราล้กษณะวิหาร หรอล้กขณะวิหาร ซึ่ึงเปันเอกสารโบราณ





ทมการจัดจัารสบเนองกนมา แตกระนนตาราของล้านนานนไมไดมฉบบเดยวิ

















ทเปันหล้กแนนอนตายตวิ หากแตมควิามหล้ากหล้ายทขนอยกบรสนยม
















ควิามงาม ตล้อดจันพุัฒนาการของรปัแบบทางสถาปัตยกรรมในแต่ล้ะ




ทองถิน แตล้ะยคสมย

144

(4.1)



ลกษณะวหารสถาปััตยกรรมนำพุนำธ ์





วาด�วยการกำหนำดสดสวนำวหารในำล�านำนำา




เอกสารล้กษณะวิิหารนีเปั็นบนทึกขอควิามทีถูกบนทึก










รวิมอยในเอกสารของล้านนาสมัยโบราณท�มกเขยนบนทก












เรองราวิตางๆ ทีผู้บนทกสนใจัในล้กษณะของปักณกะ หร่อรวิม







หล้ายๆ เรองไวิในเล้มเดยวิ หรอมกเปันพุบสา หรอ “ล้านกอม”









ทไมปัรากฏชี่วิงเวิล้าในการบันทก มการบันทกไมเปันระบบ




แล้ะบันทึกในล้ักษณะชีวิยจัาเพุอสอสารกันเฉพุาะในกล้มของ







สกล้ชี่าง เอกสารล้ักษณะวิิหารดังกล้่าวิมักเปั็นข้อควิาม








ทเกยวิของกบสดสวินองคปัระกอบไม้เปันหล้ก บางคร�งพุบ







เกียวิกบพุธกรรมการตังวิิหาร หร่อถอนวิิหารด้วิยเชี่นกัน



126










ล้กษณะวิหาร เปันขอควิามทบอกถงวิธการกาหนด






สดสวินรปัทรงวิหาร หรอสตรการหกไมวิหาร เพุอหาขนาด












ของ “ไมมอก” ซึ่งเปันหวิใจัหล้กของการแบงสดสวิน


ของอาคาร โดยสูตรการหักไม้วิิหารที�ปัรากฏในตำาราล้ักษณะ
127











วิหารนน มหล้ากหล้ายสตร ซึ่งยงผู้ล้ใหรปัทรงของวิหาร
แตกต่างกันไปัจันกล้ายเปั็นล้ักษณะของสกล้ชี่าง ในการศึกษา



ของธวิชีชีย ทาทอง (2560) นัน ไดยกตวิอยาง สตรการหกไม ้













วิิหาร หร่อสตรแมมอก ทีแตกตางกน 3 รปัแบบ ไดแก ่

145


Click to View FlipBook Version