แผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
จัดทำโดย
นางสาวอังคณา ปาสานะโม
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พ้นื ฐาน) ว23102 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 ชีวติ กับสง่ิ แวดล้อม เรอ่ื งการปฐมนิเทศ เวลา 1 ชัว่ โมง/คาบ
วันที่ ……………………………………………….. ครูผ้สู อน นางสาวอังคณา ปาสานะโม
สาระสาคัญ
การปฐมนเิ ทศ รายวิชาวิทยาศาสตร์ (พ้ืนฐาน) ว23102 เป็นการแนะนาขอบข่ายรายวิชา วิธีการ
เรียนการสอน จุดประสงค์การเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละเร่ือง การวัดและประเมินผล
ซ่ึงครูผู้สอนและนักเรียนจะต้องมีโอกาสร่วมคิด และทาข้อตกลงร่วมกัน ส่งผลให้มีความเข้าใจตรงกันในการ
จัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในแต่ละเนื้อหา นอกจากน้ัน
นักเรียนยังสามารถเตรียมตัวเพ่ือการวัดและประเมินผลของครูผู้สอน เพราะได้รับรู้แนวทางในการจัดกิจกรรม
ร่วมกนั ซึ่งจะส่งผลใหก้ ารเรยี นการสอนประสบผลสาเรจ็ ตามวัตถุประสงคท์ ี่ตัง้ ไว้
มาตรฐานการเรียนรู้
-
ตวั ช้วี ดั
-
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคต์ ามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ มวี ินัย ใฝเุ รยี นรู้
อยู่อยา่ งพอเพยี ง ม่งุ ม่ันในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ด้านสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
ความสามารถในการส่ือสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคิด :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :………………………………………………………..
ดา้ นการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน
การอา่ น :…………………………………………………………………………..
การคดิ วิเคราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นกั เรยี นสามารถบอกหนว่ ยการเรยี นรู้ เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล และข้อตกลงในชั้นเรียน
2. นักเรียนมคี วามตรงต่อเวลาในการเขา้ เรยี น
การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้
ผ้ปู ระเมนิ ครผู ู้สอน นักเรียน เพื่อน ผปู้ กครอง
ชน้ิ งาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลักฐานการเรียนรู้
สง่ิ ที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธกี ารวัด เครอ่ื งมือการวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ระดบั คณุ ภาพ
(Rubric Score)
1.นักเรียนสามารถบอกหน่วยการเรียนรู้ - นกั เรยี นตอบคาถาม - คาถาม - นักเรียนตอบ
เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล และข้อตกลงใน คาถามไดถ้ ูกต้อง
ช้ันเรยี น รอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป
1. นักเรยี นมีความตรงต่อเวลาในการเข้าเรียน -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต - นักเรียนผา่ นเกณฑ์
พฤตกิ รรม พฤตกิ รรม รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
สาระการเรยี นรู้
1. คาอธิบายรายวชิ า
2. ตวั ชี้วัด
3. หนว่ ยการเรยี นรู้
4. การเชค็ เวลาเรยี น
5. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน และการตดั เกรด
6. ขอ้ ตกลงในการเรียนรรู้ ว่ มกนั
กิจกรรมการเรียนร้(ู กิจกรรม Active Learning)
ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครูกล่าวสวัสดีนักเรียน และพูดคุยถึงประเด็นการเรียนในเทอมที่แล้วถึงจุดเด่น และจุดด้อย เพ่ือ
แลกเปลยี่ นการเรียนรู้ระหว่างกัน
2. สุ่มสอบถามนักเรียนว่าช่วงปิดภาคเรียนที่ผ่านมา นักเรียนไปทาอะไรบ้าง และมีการเตรียมความ
พร้อมอย่างไรสาหรบั การเรยี นในเทอมนี้ พรอ้ มกับเช่อื มโยงเขา้ สเู่ นือ้ หาของคาบน้ี
ข้นั สอน
1. ครใู ช้ power point นาเสนอคาอธบิ ายรายวชิ า ตัวชี้วัด หน่วยการเรียนรู้ และสาระการเรียนรู้ท่ี
จะเรียนในภาคเรียนท่ี 2 จานวน 4 หน่วย คือ ทุกส่ิงรอบตัวฉัน พอเพียง ย่ังยืน ฟ้ืนฟูทรัพยากร ความ
หลากหลายทางชวี ภาพดีหรือไม่ และจักรวาลทฉ่ี ันรกั โดยชี้แจ้งตัวชี้วัดและอภิปรายถึงเน้ือหาท่ีจะเรียนร่วมกัน
กับนกั เรียน
2.ครใู ช้ power point นาเสนอเกีย่ วกับการตดั สินผลการเรียนของนักเรียน ดงั นี้
คะแนนต่ากว่า 50 คะแนน ผลการเรียน 0
คะแนนระหวา่ ง 50 -54 คะแนน ผลการเรียน 1
คะแนนระหว่าง 55 -59 คะแนน ผลการเรยี น 1.5
คะแนนระหวา่ ง 60 -64 คะแนน ผลการเรยี น 2
คะแนนระหว่าง 65 -69 คะแนน ผลการเรยี น 2.5
คะแนนระหวา่ ง 70 -74 คะแนน ผลการเรียน 3
คะแนนระหว่าง 75 -79 คะแนน ผลการเรียน 3.5
คะแนนมากกวา่ 80 คะแนนข้นึ ไป ผลการเรียน 4
3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในส่วนต่างๆร่วมกัน โดยเขียนบน
กระดาน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน เปน็ ดงั น้ี
1. อัตราสว่ นคะแนนระหว่างภาคตอ่ ปลายภาค = 70 : 30
2. คะแนนระหว่างเรยี นแบง่ เก็บดงั นี้
2.1 ช้นิ งาน/โครงงาน 10 คะแนน
2.2 จิตพสิ ัย 5 คะแนน
2.3 เวลาเรยี น 5 คะแนน
2.4 ตวั ชวี้ ัด 30 คะแนน
2.5 สอบกลางภาค 20 คะแนน
2.5 สอบปลายภาค 30 คะแนน
4.ครูและนักเรียนร่วมกันสร้างข้อตกลงเก่ียวกับหลักการ ข้อปฏิบัติและกฎระเบียบในการเรียนการ
สอนในหอ้ งเรยี น ดังนี้
4.1 นักเรียนต้องเข้าเรียนไม่ต่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของเวลาเรียนทั้งหมด จึงจะมี
สิทธ์สอบกลางภาค/ปลายภาค
4.2 นักเรียนต้องส่งงานให้ครบตามเกณฑ์ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของงานท้ังหมด
จงึ จะไม่ติด ร
4.3 นักเรยี นตอ้ งมีคะแนนสะสมทั้งเทอม ไมต่ า่ กวา่ 50 คะแนน จึงจะไมต่ ดิ 0
4.4 ไม่หยอกลอ้ พูดคุยเสียงดงั หรือส่งเสยี งรบกวนเพือ่ นนักเรยี น ในเวลาเรยี น
4.5 นักเรยี นตอ้ งเข้าเรียนใหต้ รงเวลา
4.6 หากมคี วามจาเปน็ ตอ้ งออกจากห้องเรยี น ตอ้ งขออนญุ าตครผู ู้สอนกอ่ นทุกครั้ง
4.7 ไม่นาอาหารมารับประทานในหอ้ งเรยี นขณะครูสอน
4.8 หากมขี ้อสงสัยขณะเรยี น ใหส้ อบถามครูได้ทนั ที
4.9 นกั เรยี นทกุ คนต้องมีสมุดเพือ่ จดบนั ทึกและทาแบบฝึกหัด คนละ 1 เล่ม
5. ครูบอกห้องพักครู และโต๊ะที่ครูน่ัง เพ่ือให้นักเรียนท่ีมีข้อสงสัย หรือรับส่งแบบฝึกหัด สามารถ
ตดิ ต่อไดถ้ กู ต้อง
ขนั้ สรุป
1. ครสู ุม่ ถามนักเรยี นเกย่ี วกับเรื่องท่ีครูกล่าวมาข้างตน้ วา่ มีรายละเอยี ดทีส่ าคญั อย่างไร
2. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนท่ีมขี อ้ สงสัยถามเก่ยี วกับเร่อื งที่กลา่ วมาขา้ งต้น
3. ครบู อกให้นักเรียนศกึ ษาเร่ืองทจี่ ะเรยี นในชั่วโมงตอ่ ไปลว่ งหน้า
สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1. Power point
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พน้ื ฐาน) รหัสวิช า ว 23102 ก ลุ่มสา ระการ เรียน รู้
วทิ ยาศาสตร์
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 ชวี ิตกับสิ่งแวดลอ้ ม เร่อื งแบบทดสอบก่อนเรยี น เวลา1ชว่ั โมง/คาบ
วันที่ 1 ………………………………………… ครูผสู้ อน นางสาวอังคณา ปาสานะโม
สาระสาคญั
ระบบนิเวศ คือ กลุ่มส่ิงมีชีวิตไม่ว่าจะเป็น พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และมี
ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกนั เปน็ ระบบ
ผู้ผลิต คือ สิ่งมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารเพ่ือใช้ในการดารงชีวิตได้เอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพลังงาน
ในระบบนเิ วศ
ผูบ้ ริโภค คอื สิง่ มชี วี ติ ท่ไี ม่สามารถสรา้ งอาหารไดเ้ อง จงึ ต้องบรโิ ภคสิง่ มชี ีวิตชนดิ อ่นื
ผู้ยอ่ ยสลาย คือ ส่ิงมชี วี ติ ท่ไี ม่สามารถสร้างอาหารไดเ้ อง ดารงชีวิตด้วยการย่อยสลายซากของส่ิงมีชีวิต
ให้กลายเป็นสารอนิ ทรีย์
สิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ มีความสัมพันธ์เก่ียวข้องกันโดยการถ่ายทอดพลังงานในรูปของโซ่อาหารและ
สายใยอาหาร
การเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรเป็นผลมาจากอัตราการเกิด อัตราการตาย อัตราการอพยพเข้า
และอัตราการอพยพออกของสงิ่ มชี วี ิต
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและ
ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสิ่งมชี ีวติ กับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่
ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
แนวทางในการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขปญั หาส่งิ แวดล้อม รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ตวั ชวี้ ดั
ว. 11 ม.3/1 อธิบายปฏสิ ัมพันธ์ขององค์ประกอบของระบบนิเวศท่ีได้จากการสารวจ
ว. 1.1 ม.3/2 อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตรูปแบบต่าง ๆ ในแหล่งที่
อยู่เดียวกันที่ได้จากการสารวจ
ว. 1.1 ม.3/3 สร้างแบบจาลองในการอธิบายการถา่ ยทอดพลงั งานในสายใยอาหาร
ว. 1.1 ม.3/4 อธบิ ายความสัมพนั ธข์ องผู้ผลิต ผู้บริโภค และผยู้ ่อยสลายสารอินทรยี ์ในระบบนเิ วศ
ว. 1.1 ม.3/5 อธิบายการสะสมสารพษิ ในโซอ่ าหาร
ว. 1.1 ม.3/6 ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต และส่ิงแวดล้อมในระบบนิเวศโดยไม่ทาลาย
สมดุลของระบบนเิ วศ
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่อื สตั ยส์ ุจริต มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้
อยูอ่ ย่างพอเพียง มงุ่ ม่ันในการทางาน รกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ด้านสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
ความสามารถในการสื่อสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคิด :………………………………………………………..
ความสามารถในการแก้ปัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :………………………………………………………..
ด้านการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคดิ วิเคราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถทาขอ้ สอบกอ่ นเรียนแบบปรนัยได้
2. นกั เรยี นสามารถแสดงทักษะการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
3. นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งมนั่ ในการทางาน
การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ผปู้ ระเมิน ครผู สู้ อน นกั เรยี น เพ่ือน ผ้ปู กครอง
ชนิ้ งาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลกั ฐานการเรยี นรู้
ส่งิ ที่ต้องการวดั /ประเมนิ วิธีการวัด เคร่อื งมือการวดั เกณฑ์การให้คะแนน
ระดบั คณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถทาข้อสอบก่อน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์
เรยี นแบบปรนัยได้ กอ่ นเรยี น เรียน ร้อยละ 70 ข้ึนไป
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต - แ บ บ สั ง เ ก ต
เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล พฤตกิ รรม พฤติกรรม
3. นกั เรยี นสามารถแสดงความมุ่งมั่น -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต
ในการทางาน พฤติกรรม พฤตกิ รรม
สาระการเรยี นรู้
1. องค์ประกอบในระบบนิเวศ
2. ความสัมพันธ์ระหวา่ งสง่ิ มีชีวิต
3. ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสง่ิ มชี วี ิตกบั สงิ่ ไม่มชี ีวิต
4. การหมุนเวยี นในระบบนิเวศ
5. การถา่ ยทอดพลังงานในระบบนเิ วศ
กจิ กรรมการเรียนรู้ (กจิ กรรม Active Learning)
1. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน
สื่อ และแหล่งการเรยี นรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3
รายวิชาวิทยาศาสตร์ (พืน้ ฐาน) ว23102 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 ชีวติ กบั สิง่ แวดลอ้ ม เรอ่ื ง องคป์ ระกอบในระบบนิเวศ เวลา 1 ชั่วโมง/คาบ
วนั ท่ี ………………………………………………………. ครูผ้สู อน นางสาวอังคณา ปาสานะโม
สาระสาคญั
ระบบนิเวศ เปน็ กลุ่มส่ิงมชี วี ติ ทีป่ ระกอบด้วย พืช สตั ว์ และจุลนิ ทรีย์ท่ีอาศยั อยูใ่ นบริเวณเดียวกัน และ
มคี วามสัมพนั ธ์เกยี่ วขอ้ งกนั เป็นระบบ
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและ
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง สิ่ ง มี ชี วิ ต กั บ สิ่ ง มี ชี วิ ต ต่ า ง ๆ ใ น ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ก า ร ถ่ า ย ท อ ด พ ลั ง ง า น
การเปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา
สง่ิ แวดล้อม รวมทง้ั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชว้ี ัด
ว. 1.1 ม.3/1 อธิบายปฏิสัมพันธข์ ององคป์ ระกอบของระบบนเิ วศท่ีได้จากการสารวจ
คุณลักษณะอันพึงประสงคต์ ามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซื่อสตั ยส์ ุจรติ มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้
อยู่อย่างพอเพยี ง มุ่งม่นั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ด้านสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น
ความสามารถในการส่อื สาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคดิ :………………………………………………………..
ความสามารถในการแก้ปัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :………………………………………………………..
ด้านการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน
การอา่ น :…………………………………………………………………………..
การคดิ วเิ คราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขยี น :…………………………………………………………………………..
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถบอกองค์ประกอบทางกายภาพและองค์ประกอบทางชีวภาพของระบบนิเวศใน
ท้องถิ่น
2. นกั เรียนสามารถอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ภายในระบบนิเวศท้องถิน่
3. นกั เรียนสามารถแสดงทกั ษะการสารวจระบบนเิ วศโรงเรยี น
4. นกั เรียนสามารถแสดงความม่งุ มัน่ ในการทางาน
การวดั และการประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ผูป้ ระเมิน ครูผสู้ อน นกั เรยี น เพ่ือน ผู้ปกครอง
ชิน้ งาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลกั ฐานการเรียนรู้
ส่งิ ทต่ี ้องการวดั /ประเมิน วิธีการวดั เครื่องมอื การวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ระดบั คณุ ภาพ
(Rubric Score)
1 . นั ก เ รี ย น ส า ม า ร ถ บ อ ก - ตรว จใบงานเร่ือง - ใบงานเร่ืองระบบ - นักเรียนผ่านเกณฑ์
องค์ประกอบทางกายภาพและองค์ประกอบ องค์ประกอบในระบบ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ใ น ร้อยละ 70 ขึ้นไป
ทางชวี ภาพของระบบนิเวศในท้องถนิ่ ได้ นเิ วศ ระบบนเิ วศ
2. นักเรียนสามารถอธิบาย - ตรวจใบงานเร่ือง - ใบงานเรื่องระบบ
ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ระบบองค์ประกอบใน อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ใ น
ภายในระบบนิเวศทอ้ งถ่ินได้ ระบบนเิ วศ ระบบนเิ วศ
3. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ - ตรวจแบบสารวจ - แบบสารวจเร่ือง
สารวจระบบนิเวศในโรงเรียน เรื่องระบบนิเวศใน ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ใ น
โรงเรียนของฉนั โรงเรียนของฉนั
4. นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งม่ัน -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต
ในการทางาน พฤตกิ รรม พฤตกิ รรม
สาระการเรยี นรู้
1. ความหมายของระบบนิเวศ
2. ประเภทของระบบนเิ วศ
กิจกรรมการเรยี นรู้(กิจกรรม Active Learning)
ข้นั นาเขา้ ส่บู ทเรียน
1. นักเรียนสนทนาเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจาวันหรือส่ิงแวดล้อมที่นักเรียนรู้จัก นักเรียนหรือ
มนุษย์เราเกี่ยวข้องกับส่ิงแวดล้อมใดบ้าง พร้อมกับเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ือง องค์ประกอบในระบบนิเวศ
ขั้นสอน
1.นักเรียนศึกษาองค์ประกอบในระบบนิเวศ จากหนังสือเรียน โดยมีครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมจาก
power point เก่ียวกับความหมายของระบบนเิ วศ และประเภทของระบบนิเวศใหน้ กั เรยี นฟัง
2.นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 7-9 คน ออกสารวจระบบนิเวศต่างๆในโรงเรียน แล้วบันทึกข้อมูลลงใน
แบบสารวจเรอ่ื งระบบนิเวศในโรงเรยี นของฉัน
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาข้อมูลท่ีได้จากการสารวจ มาอภิปรายและสรุปเป็นองค์ความรู้ของกลุ่ม
ตนเอง
4.นกั เรยี นแตร่ ะกลุ่มระดมสมองทาใบงานเร่อื งองค์ประกอบในระบบนิเวศลงในสมดุ
ขั้นสรุป
1. นกั เรียนสง่ ตวั แทนแต่ละกลุ่มออกมาสรปุ องคค์ วามรู้ที่ไดจ้ ากการสารวจระบบนเิ วศในโรงเรียน
2. นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อย่างไรบ้าง
3. นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนาความร้ทู ่ไี ด้ไปใชป้ ระโยชน์
สื่อ และแหล่งการเรยี นรู้
1. Power point เรอ่ื งองค์ประกอบในระบบนเิ วศ
2. ใบงานเรอ่ื งองค์ประกอบในระบบนเิ วศ
3. แบบสารวจเรือ่ งระบบนิเวศในโรงเรียนของฉัน
4. หนงั สือเรยี น
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 4
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พนื้ ฐาน) ว23102 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 ชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม เร่ือง บทบาทของส่งิ มีชวี ติ ในระบบนิเวศ เวลา 1 ชวั่ โมง/คาบ
วนั ที่ ……………………………………………………….. ครผู สู้ อน นางสาวองั คณา ปาสานะโม
สาระสาคัญ
ผูผ้ ลติ คอื สิง่ มชี ีวติ ทสี่ ามารถสรา้ งอาหารเพื่อใชใ้ นการดารงชวี ติ ไดเ้ อง ซงึ่ เปน็ จดุ เริ่มตน้ ของพลังงาน
ในระบบนเิ วศ
ผู้บรโิ ภค คือ สิง่ มชี ีวิตที่ไม่สามารถสรา้ งอาหารไดเ้ อง จงึ ต้องบรโิ ภคสิ่งมีชีวิตชนิดอ่นื
ผยู้ ่อยสลาย คอื สง่ิ มชี ีวติ ท่ไี ม่สามารถสร้างอาหารได้เอง ดารงชวี ติ ด้วยการยอ่ ยสลายซากของส่งิ มชี วี ติ
ให้กลายเป็นสารอนิ ทรยี ์
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลง
แทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบ ท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และส่งิ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนาความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ตวั ช้วี ัด
ว. 1.1 ม.3/1 อธบิ ายปฏสิ มั พนั ธข์ ององคป์ ระกอบของระบบนเิ วศท่ีได้จากการสารวจ
คุณลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551
รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซือ่ สตั ย์สุจรติ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้
อย่อู ยา่ งพอเพียง มุ่งม่นั ในการทางาน รักความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
ความสามารถในการส่อื สาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคิด :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :………………………………………………………..
ดา้ นการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคดิ วเิ คราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นกั เรยี นสามารถอธิบายความสัมพันธข์ องโซอ่ าหารและสายใยอาหารในระบบนเิ วศ
2. นกั เรียนสามารถแสดงทักษะการเก็บรวบรวมขอ้ มลู
3. นกั เรยี นสามารถแสดงความมุ่งมนั่ ในการทางาน
การวดั และการประเมินผลการเรยี นรู้
ผปู้ ระเมนิ ครูผสู้ อน นกั เรยี น เพ่ือน ผู้ปกครอง
ช้ินงาน/ภาระงาน /ร่องรอย/หลักฐานการเรียนรู้
ส่ิงทีต่ ้องการวดั /ประเมิน วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมือการวัด เกณฑก์ ารให้คะแนน
ระดับคณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบาย - ต ร ว จ กิ จ ก ร ร ม - กิ จ ก ร ร ม - นักเรียนผา่ นเกณฑ์
ความสัมพันธ์ของโซ่อาหารและสายใยอาหาร องค์ประกอบในระบบ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ใ น รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
ในระบบนิเวศ นิเวศ ระบบนิเวศ
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ - ตรวจแบบ - แบบประเมินผล
เก็บรวบรวมขอ้ มลู ประเมนิ ผลงาน งาน
3.นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งมั่น -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต
ในการทางาน พฤติกรรม พฤตกิ รรม
สาระการเรียนรู้
1. องค์ประกอบในระบบนเิ วศ
กิจกรรมการเรียนรู(้ กิจกรรม Active Learning)
ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน
1. ครนู ารูปถ่ายทเ่ี กี่ยวกบั ระบบนเิ วศปา่ ไม้ หรอื ระบบนเิ วศทงุ่ หญ้าทม่ี ีสิ่งมชี ีวติ หลายชนดิ อาศยั อย่รู ว่ มกันมา
ให้นกั เรยี นดู และร่วมกนั อภิปรายโดยครใู ชค้ าถามกระตุ้นดงั นี้
– นักเรียนสงั เกตเห็นสิง่ มชี วี ติ ชนิดใดบ้างในระบบนิเวศ
– ส่ิงมชี วี ติ ใดทาหนา้ ที่เปน็ ผผู้ ลติ ผบู้ รโิ ภค และผยู้ ่อยสลายอินทรียสารในระบบนิเวศ
2. นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายหาคาตอบเก่ยี วกับคาถามตามความคิดเห็นของแตล่ ะคน พร้อมกบั เชอ่ื มโยงไปสู่
การเรียนร้เู ร่ือง บทบาทของสิง่ มชี วี ิตในระบบนเิ วศ
ขั้นสอน
1. นักเรยี นศกึ ษาบทบาทของสงิ่ มชี ีวิตในระบบนเิ วศจากหนังสอื เรยี น โดยมีครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติม
จาก power point เก่ียวกับส่ิงมีชีวิตที่อยู่ในระบบนิเวศจะดารงชีวิตอยู่ได้จาเป็นต้องกินอาหารเพื่อสร้าง
พลังงานในการทากิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งใช้ในการเจริญเติบโต
2.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 7-9 คน ระดมสมองทากิจกรรมบทบาทของส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศลง
บนกระดาษชาร์ทแขง็
ขน้ั สรุป
1. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหน้าชนั้ เรยี น
2. นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อย่างไรบ้าง
3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยให้ได้ข้อสรุปว่า อาหารของสัตว์แต่ละ
ชนดิ จะแตกต่างกัน สัตว์สามารถกินพืช กินสัตว์ และกินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหารได้ โดยเรียกความสัมพันธ์ที่
เกดิ ขนึ้ ในลกั ษณะการกนิ กันเปน็ ทอด ๆ น้ีวา่ โซ่อาหาร และสายใยอาหาร ท่ีมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ทาให้
ระบบนิเวศเกดิ ความสมดุล
สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1. Power point เร่ืองบทบาทของสิง่ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ
2. กิจกรรมบทบาทของส่งิ มชี วี ิตในระบบนเิ วศ
3. หนงั สือเรียน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พ้นื ฐาน) รหัสวิชา ว23102 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 ชวี ติ กบั สงิ่ แวดล้อม เรือ่ งความสมั พนั ธร์ ะหว่างสิ่งมีชีวติ ในระบบนิเวศ เวลา 1 ชว่ั โมง/คาบ
วนั ที่ ……………………………………………….. ครูผูส้ อน นางสาวองั คณา ปาสานะโม
สาระสาคญั
ระบบนิเวศ (Ecosystem) คือ พื้นท่ีบริเวณหนึ่งซ่ึงประกอบไปด้วย กลุ่มสิ่งมีชีวิต (Community)
มากกวา่ หน่งึ ชนดิ และส่ิงแวดล้อม (Environment) ที่มคี วามสัมพนั ธก์ ันอย่างเป็นระบบในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง
โดยกลุ่มสิ่งมีชวี ติ เหลา่ นมี้ ีความสมั พนั ธ์กันท้งั ทางตรงและทางอ้อม ทั้งน้ีสามารถแบ่งความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิต
ในระบบนิเวศได้เป็น 7 รูปแบบ ได้แก่ ภาวะพ่ึงพา ภาวการณ์ได้ประโยชน์ร่วมกัน ภาวะอิงอาศัยหรือภาวะ
เกือ้ กลู ภาวะปรสิต ภาวะลา่ เหยอื่ และภาวะแก่งแย่งแขง่ ขัน
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตและ
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ส่ิ ง มี ชี วิ ต กั บ ส่ิ ง มี ชี วิ ต ต่ า ง ๆ ใ น ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ก า ร ถ่ า ย ท อ ด พ ลั ง ง า น
การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา
สิง่ แวดลอ้ ม รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชีว้ ดั
ว1.1 ม.3/1 อธิบายปฏิสมั พนั ธข์ ององค์ประกอบของระบบนิเวศทไ่ี ดจ้ ากการสารวจ
ว1.1 ม.3/2 อธบิ ายรปู แบบความสัมพันธ์ระหว่างสง่ิ มชี วี ิตกับส่ิงมีชวี ิตรูปแบบตา่ ง ๆ ในแหล่งทอี่ ยู่
เดยี วกันที่ได้จากการสารวจ
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตยส์ ุจรติ มีวินยั ใฝ่เรียนรู้
อยูอ่ ยา่ งพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น
ความสามารถในการสื่อสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคดิ :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :………………………………………………………..
ดา้ นการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคิดวเิ คราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขยี น :…………………………………………………………………………..
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. นักเรยี นสามารถอธบิ ายความสัมพนั ธ์ของสิ่งมชี วี ิตท่อี าศัยอยู่รว่ มกัน
2. นกั เรียนสามารถยกตัวอยา่ งความสัมพันธข์ องสงิ่ มีชีวิตตา่ งชนดิ ท่ีอาศยั อยูร่ ว่ มกนั ในรูปแบบตา่ ง ๆ
3. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
4. นกั เรยี นสามารถแสดงความมุ่งมัน่ ในการทางาน
การวดั และการประเมินผลการเรยี นรู้
ผู้ประเมนิ ครูผูส้ อน นักเรยี น เพ่ือน ผปู้ กครอง
ชิ้นงาน/ภาระงาน /ร่องรอย/หลักฐานการเรียนรู้
สงิ่ ที่ต้องการวดั /ประเมนิ วิธีการวดั เครอ่ื งมอื การวดั เกณฑ์การให้คะแนน
ระดบั คณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบาย - ตรว จใบงานเร่ือง - ใ บ ง า น เ รื่ อ ง - นักเรียนผ่านเกณฑ์
ความสมั พันธ์ของสง่ิ มชี วี ติ ทอ่ี าศยั อยูร่ ว่ มกนั ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสมั พันธ์ระหว่าง รอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป
สงิ่ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ ส่ิ ง มี ชี วิ ต ใ น ร ะ บ บ
นเิ วศ
2. นักเรียนสามารถยกตัวอย่าง - ตรว จใบงานเรื่อง - ใ บ ง า น เ ร่ื อ ง
ความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตต่างชนิดท่ีอาศัยอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสัมพนั ธ์ระหว่าง
ร่วมกนั ในรปู แบบต่าง ๆ ส่ิงมชี ีวิตในระบบนิเวศ สิ่ ง มี ชี วิ ต ใ น ร ะ บ บ
นเิ วศ
3. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ - ตรวจแบบสังเกต - แ บ บ สั ง เ ก ต
เก็บรวบรวมข้อมูล พฤตกิ รรม พฤตกิ รรม
4.นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งมั่น -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต
ในการทางาน พฤตกิ รรม พฤติกรรม
สาระการเรียนรู้
1. ความสมั พันธ์ระหว่างส่ิงมชี วี ติ ในระบบนิเวศ
กิจกรรมการเรยี นรู้(กิจกรรม Active Learning)
ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรยี น
1. ครูเปิดวิดีโอเกี่ยวกับส่ิงมีชีวิตท่ีต้องหาอาหารในการดารงชีวิต ให้นักเรียนดู และต้ังคาถามเพื่อ
กระตุ้นความสนใจของผเู้ รียนดังน้ี
– สงิ่ มชี วี ิตในแตล่ ะชนิดมีความสมั พันธ์กนั ในลกั ษณะใด
– นักเรียนคิดว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละรูปมีประโยชน์หรือมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต
แตล่ ะชนิดในลักษณะใดบ้าง และเชอ่ื มโยงเขา้ สูก่ ารเรียนเรือ่ งความสมั พันธร์ ะหว่างส่ิงมีชวี ิตในระบบนิเวศ
ขั้นสอน
1. นกั เรยี นศึกษาบทบาทของสงิ่ มีชวี ิตในระบบนิเวศจากหนงั สอื เรียน โดยมีครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติม
จาก power point เก่ียวกับส่ิงมีชีวิตที่อยู่ในระบบนิเวศจะดารงชีวิตอยู่ได้จาเป็นต้องกินอาหารเพ่ือสร้าง
พลังงานในการทากิจกรรมตา่ ง ๆ รวมท้งั ใช้ในการเจริญเตบิ โต
2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 7-9 คน ระดมสมองทาใบงานเร่ืองความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตใน
ระบบนิเวศ
ข้นั สรุป
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลจากการทาใบงานเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง
ส่ิงมีชวี ิตในระบบนิเวศหนา้ ช้นั เรยี น
2. นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อย่างไรบา้ ง
3. นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนาความร้ทู ไี่ ด้ไปใชป้ ระโยชน์
ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
1. Power point เร่อื งความสัมพนั ธร์ ะหว่างสิง่ มีชีวิตในระบบนเิ วศ
2. ใบงานเร่อื งความสมั พันธ์ระหวา่ งสิ่งมีชีวติ ในระบบนิเวศ
3. หนังสอื เรียน
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 6
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พื้นฐาน) รหัสวิช า ว 23102 ก ลุ่มสา ระการ เรียน รู้
วิทยาศาสตร์
ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 6 ชีวิตกับสงิ่ แวดลอ้ ม เรอื่ งความสมั พนั ธ์ระหวา่ งส่งิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ เวลา 1 ชว่ั โมง/คาบ
วันที่ ……………………………………………… ครูผู้สอน นางสาวอังคณา ปาสานะโม
สาระสาคญั
ระบบนิเวศ (Ecosystem) คือ พื้นท่ีบริเวณหน่ึงซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มสิ่งมีชีวิต (Community)
มากกวา่ หนึ่งชนิดและส่งิ แวดล้อม (Environment) ทมี่ คี วามสัมพันธก์ นั อยา่ งเป็นระบบในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง
โดยกลุ่มสง่ิ มีชีวติ เหลา่ นม้ี คี วามสัมพันธก์ นั ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม ท้ังน้ีสามารถแบ่งความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
ในระบบนิเวศได้เป็น 7 รูปแบบ ได้แก่ ภาวะพึ่งพา ภาวการณ์ได้ประโยชน์ร่วมกัน ภาวะอิงอาศัยหรือภาวะ
เกือ้ กูล ภาวะปรสิต ภาวะลา่ เหย่อื และภาวะแกง่ แย่งแข่งขัน
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตและ
ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลงแทนที่
ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ขปัญหาสิง่ แวดล้อม รวมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชวี้ ดั
ว1.1 ม.3/1 อธบิ ายปฏิสมั พนั ธข์ ององคป์ ระกอบของระบบนิเวศท่ีได้จากการสารวจ
ว1.1 ม.3/2 อธิบายรูปแบบความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งมชี ีวิตกับส่ิงมีชวี ิตรปู แบบต่าง ๆ ในแหลง่ ท่อี ยู่
เดียวกันทีไ่ ดจ้ ากการสารวจ
คุณลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซือ่ สตั ย์สุจริต มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้
อยูอ่ ย่างพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รักความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ความสามารถในการส่ือสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคดิ :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี :………………………………………………………..
ด้านการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคดิ วิเคราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรยี นสามารถอธบิ ายความสัมพันธ์ของสง่ิ มีชวี ติ ทอี่ าศัยอยรู่ ว่ มกนั
2. นักเรียนสามารถยกตัวอย่างความสมั พนั ธ์ของสิง่ มีชีวติ ตา่ งชนิดทอี่ าศยั อยรู่ ่วมกนั ในรปู แบบต่าง ๆ
3. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการเก็บรวบรวมข้อมลู
4. นักเรยี นสามารถแสดงความมุ่งมนั่ ในการทางาน
การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ผูป้ ระเมิน ครูผสู้ อน นกั เรียน เพ่ือน ผปู้ กครอง
ชิ้นงาน/ภาระงาน /ร่องรอย/หลักฐานการเรียนรู้
สง่ิ ท่ตี ้องการวัด/ประเมนิ วธิ กี ารวดั เครื่องมือการวัด เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ระดับคณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบาย - ตรวจผลคะแนนจาก -เ ก ม ส์ จั บ คู่ - นักเรียนผา่ นเกณฑ์
ความสมั พันธข์ องสง่ิ มีชวี ติ ท่ีอาศยั อยู่ร่วมกัน ก า ร เ ล่ น เ ก ม ส์ จั บ คู่ ความสมั พันธ์ระหว่าง รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
ความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่ ง มี ชี วิ ต ใ น ร ะ บ บ
สง่ิ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ นเิ วศ
2. นักเรียนสามารถยกตัวอย่าง - ตรวจผลคะแนนจาก -เ ก ม ส์ จั บ คู่
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตต่างชนิดท่ีอาศัยอยู่ ก า ร เ ล่ น เ ก ม ส์ จั บ คู่ ความสัมพันธ์ระหว่าง
ร่วมกนั ในรูปแบบตา่ ง ๆ ความสัมพันธ์ระหว่าง ส่ิ ง มี ชี วิ ต ใ น ร ะ บ บ
ส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ นิเวศ
3. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ - ตรวจแบบสังเกต -แ บ บ สั ง เ ก ต
เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู พฤตกิ รรม พฤติกรรม
4. นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งมั่น -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต
ในการทางาน พฤติกรรม พฤตกิ รรม
สาระการเรยี นรู้
1. ความสมั พันธร์ ะหวา่ งส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ
2.
กจิ กรรมการเรียนรู้(กิจกรรม Active Learning)
ขน้ั นาเข้าสูบ่ ทเรยี น
1. นักเรยี นรว่ มกนั สนทนาทบทวนเก่ียวกับความสัมพันธร์ ะหวา่ งส่ิงมีชีวติ ในระบบนเิ วศจากคาบทแ่ี ลว้
ขน้ั สอน
1. ครูอธิบายและสาธิตวิธีการเล่นเกมส์จับคู่ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศ 7 รูปแบบ
ได้แก่ ภาวะพึ่งพา ภาวการณ์ได้ประโยชน์ร่วมกัน ภาวะอิงอาศัยหรือภาวะเก้ือกูล ภาวะปรสิต ภาวะล่า
เหย่อื และภาวะแกง่ แยง่ แขง่ ขันใหน้ กั เรียนดู
2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 7-9 คน ระดมสมองเล่นเกมส์จับคู่ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตใน
ระบบนิเวศ
ขน้ั สรปุ
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาสรุปความรู้ที่ได้จากการเล่นเกมส์จับคู่ความสัมพันธ์ระหว่าง
สิง่ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ หนา้ ช้นั เรยี น
2. นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบา้ ง
3. นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนาความรทู้ ไี่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์
สื่อ และแหล่งการเรียนรู้
1. เกมสจ์ บั ค่คู วามสมั พันธร์ ะหวา่ งสง่ิ มีชีวิตในระบบนิเวศ
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7
รายวชิ าวิทยาศาสตร์ (พื้นฐาน) รหัสวชิ า ว23102 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 256๔
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 ชวี ิตกบั สงิ่ แวดล้อม เร่อื ง การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ เวลา ๒ ช่วั โมง/คาบ
วนั ที่ …………………….……………………………….. ครูผูส้ อน นางสาวองั คณา ปาสานะโม
สาระสาคัญ
กลุ่มสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ท่ีอยู่ร่วมกันและมีความสัมพันธ์ซ่ึงกันและกัน ถ้าจาแนกตามลักษณะ
การดารงชีวิตหรือตามลักษณะการกนิ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดงั นี้
1.1 ผผู้ ลิต (producer)
1.2 ผู้บรโิ ภค (consumer)
1.3 ผูย้ อ่ ยสลายสาร (decomposer)
กลุ่มสิ่งมีชีวิตต่างๆที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศ จะมีความสัมพันธ์กันในแง่ท่ีเป็นอาหาร ถ่ายเทพลังงาน
ต่อกนั เปน็ ทอด ๆ ในลักษณะของห่วงโซ่อาหาร(food chain) ดังนี้
ผผู้ ลิต ผบู้ รโิ ภคอันดับ1 ผู้บริโภคอันดับ2 ผบู้ ริโภคอันดับ3 ผูย้ ่อยสลาย
มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง
แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมช าติ
และสงิ่ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมท้ังนาความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชีว้ ดั
ว1.1 ม.3/3 สร้างแบบจาลองในการอธบิ ายการถา่ ยทอดพลงั งานในสายใยอาหาร
ว.1.1 ม.3/4 อธบิ ายความสมั พนั ธ์ของผผู้ ลติ ผบู้ รโิ ภค และผู้ย่อยสลายสารอินทรยี ์ในระบบนเิ วศ
คุณลักษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอื่ สัตย์สุจริต มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้
อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคดิ :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :………………………………………………………..
ด้านการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น
การอา่ น :…………………………………………………………………………..
การคิดวิเคราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถบอกปจั จยั ทางกายภาพที่มผี ลตอ่ การดารงชวี ติ ของสง่ิ มชี ีวติ ได้ (K)
2. นักเรียนสามารถจาแนกกลุ่มส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศต่างๆ และอธิบายการถ่ายทอดพลังงานใน
ห่วงโซ่อาหาร และสายใยอาหารได้ (K)
๓. นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพแสดงความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตในรูปของการถ่ายทอดพลังงาน
ในระบบนเิ วศได้ (K)
๔. นักเรียนสามารถแสดงทกั ษะการเก็บรวบรวมขอ้ มูลได้ (P)
๕. นักเรยี นสามารถแสดงความม่งุ มน่ั ในการทางานได้ (A)
การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ผปู้ ระเมิน ครูผสู้ อน นกั เรียน เพ่ือน ผปู้ กครอง
ชิ้นงาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลกั ฐานการเรียนรู้
สง่ิ ที่ต้องการวดั /ประเมิน วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื การวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ระดบั คณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถบอกปัจจัยทางกายภาพที่ - ตรวจแบบทดสอบ -แบบทดสอบหลัง - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์
มีผลตอ่ การดารงชวี ิตของสิ่งมีชวี ิตได้ (K) หลังเรยี น เรยี น ร้อยละ 70 ข้นึ ไป
2. นักเรียนสามารถจาแนกกลุ่มสิ่งมีชีวิตใน -ต ร ว จ แ บ บ บั น ทึ ก -แบบบนั ทึกใบงาน
ระบบนิเวศต่างๆ และอธิบายการถ่ายทอด ใบงาน
พลงั งานในหว่ งโซ่อาหาร และสายใยอาหารได้
(K)
๓. นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพแสดง
ความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตในรูปของการ
ถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศได้ (K)
3. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการเก็บ - ป ร ะ เ มิ น จ า ก ก า ร -แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ ดี
รวบรวมข้อมลู ได้ (P) สังเกตพฤติกรรมงาน สังเกตพฤติกรรมการ ขึ้นไป
กลมุ่ ทางานกล่มุ
4. นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งม่ันในการ - ป ร ะ เ มิ น จ า ก ก า ร -แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ ดี
ทางานได้ (A) สังเกตพฤติกรรมงาน สังเกตพฤติกรรมการ ข้ึนไป
กลมุ่ ทางานกลุ่ม
สาระการเรยี นรู้
1. โซอ่ าหาร และสายใยอาหาร
กิจกรรมการเรียนรู้ (กิจกรรม Active Learning)
1. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนตามบัตรคาสั่งที่ 1 แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่องการถ่ายทอด
พลังงานในระบบนิเวศ
2. จดั กจิ กรรมการเรียนโดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งมีขนั้ ตอนดังนี้
๑. ขน้ั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูนาภาพเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ เช่น ต้นข้าว แมลง กบ งู เหย่ียว ไก่ มาให้นักเรียนดู
พร้อมอธิบายเกี่ยวกับลักษณะการกินของสิ่งมีชีวิตท่ีมีความสัมพันธ์ในการกินต่อกันเป็นทอดๆ เรียกว่า ห่วงโซ่
อาหาร
1.2 นักเรยี นและครูรว่ มกนั สนทนาเกีย่ วกบั ส่งิ มีชีวติ ที่อาศยั อยู่ร่วมกันในระบบนิเวศซ่ึงมีความสัมพันธ์
กนั หลายดา้ น ดา้ นที่สาคญั ท่ีสดุ ในการดารงชวี ิต คือ ดา้ นการถ่ายทอดพลังงาน บทบาทของส่ิงมีชีวิตในรูปแบบ
ของการกินตอ่ กนั เปน็ ทอด ๆ
2. ขนั้ สารวจและค้นหา
2.1 ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน โดยใน
แต่ละกลุ่มประกอบด้วย นักเรียนที่เรียนเก่ง 1 คน เรียนปานกลาง 3 คน และเรียนอ่อน 1 คน เพ่ือการ
ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเรยี นรู้ ให้แตล่ ะกลุม่ เลือกประธานกลุม่
2.2 ให้ประธานแต่ละกลุ่มรับเอกสารสาหรับนักเรียนท่ีแต่ละกลุ่มได้รับประกอบด้วย ใบคาสั่งปฏิบัติ
กิจกรรม แบบบนั ทกึ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม แบบบันทกึ ใบงาน
2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาตามบัตรคาสั่งที่ 2 ใบคาสั่งปฏิบัติกิจกรรม และปฏิบัติกิจกรรม
ตามใบคาสงั่ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมที่ 1 และ ใบคาสง่ั ปฏิบัติกจิ กรรมที่ 2 เรือ่ งการถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ
2.4 นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกับอาหารของสตั ว์ที่กาหนดและระบุว่าอาหารนั้นมาจาก
พืชหรือสัตว์ เขียนความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตที่กาหนดให้ว่าส่ิงมีชีวิตชนิดใดกินอะไรเป็นอาหาร และระบุชนิด
ของส่ิงมชี ีวิตในภาพรวมทง้ั บอกความสมั พนั ธ์ของสิง่ มีชวี ิตแตล่ ะภาพ โดยให้เขียนลูกศรและหันหัวลูกศรไปทาง
ผู้ล่า แล้วตอบคาถามท้ายกิจกรรมโดยทาลงในแบบบันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรมท่ี 1 และแบบบันทึกผลการ
ปฏบิ ัติกิจกรรมที่ 2 เร่ืองการถา่ ยทอดพลังงานในระบบนิเวศ
3. ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาเสนอผลงาน จากแบบบันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรมท่ี 1
แบบบันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรมที่ 2 และสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ต่อเพื่อนหน้าชั้นเรียนเพ่ือให้เพ่ือนๆ
กลุ่มอนื่ ได้แสดงความคิดเหน็ ร่วมกัน
3.2 ครูพิจารณาผลการปฏิบัติกิจกรรมว่าเป็นอย่างไร โดยให้ข้อเสนอแนะ และอธิบายเพ่ิมเติม
เกี่ยวกับความสมั พนั ธ์ของส่ิงมีชีวิตแต่ละภาพในการกินเป็นอาหารให้นักเรียนเข้าใจยิ่งข้ึน และให้การเสริมแรง
กลมุ่ ท่ที าได้ถูกต้องและสมบรู ณ์
3.3 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปกิจกรรมเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะแวดล้อมทางกายภาพ
กบั ส่ิงมีชวี ติ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสิง่ มีชีวติ ทีอ่ าศัยอยู่ร่วมกนั ในแงข่ องอาหาร
4. ขน้ั ขยายความรู้
4.1 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศกึ ษาใบความรู้ เร่ืองการถา่ ยทอดพลังงานในระบบนิเวศตามบัตรคาส่ัง
ที่ 3 ใบความรู้
1.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่ม เก่ียวกับ การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ
โดยอภิปรายเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะแวดล้อมทางกายภาพกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่าง
ส่งิ มชี ีวิตทอี่ าศัยอยูร่ ว่ มกันในแง่ของอาหาร
4.3 นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ การถา่ ยทอดพลังงานของสิ่งมีชวี ติ ในระบบนิเวศ อกี ครั้งหนงึ่
5. ขั้นประเมินผล
5.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันตอบคาถามตามบัตรคาสั่งท่ี 4 แบบบันทึกใบงาน เร่ืองการถ่ายทอด
พลงั งานในระบบนิเวศ เปน็ การนาความรู้จากใบความรมู้ าใชใ้ นการตอบคาถาม
5.2 ครูทาการประเมินแบบบนั ทึกใบงาน เรอ่ื ง การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ
5.3 ครสู รปุ ผลคะแนนรวมท้งั รายกลุม่ และรายบคุ คล แจ้งให้นักเรียนทราบ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของ
ตนเองและพัฒนาให้ดขี ้นึ
5.4 นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนตามบัตรคาส่ังท่ี 5 แบบทดสอบหลังเรียน เร่ืองการถ่ายทอด
พลังงานในระบบนิเวศ เปน็ การประเมินความรขู้ องผเู้ รียนดว้ ยการทดสอบหลงั เรยี น
สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้
1. บัตรคาส่ังที่ 1 แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรอ่ื ง การถา่ ยทอดพลังงานในระบบนเิ วศ
2. บตั รคาสง่ั ที่ 2 แบบบันทกึ ปฏิบตั กิ จิ กรรม เร่อื ง การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ
3. บัตรคาส่งั ที่ 3 ใบความรู้ เร่อื ง การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ
4. บัตรคาสง่ั ที่ 4 แบบบนั ทกึ ใบงาน เรื่อง การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ
5. บัตรคาสั่งที่ 5 แบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ
6. หนังสอื เรียน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม ๒ ของสสวท. และอินเทอร์เน็ต
๗. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint เรอื่ ง การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ ๒
๘. บตั รคา
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8
รายวชิ าวิทยาศาสตร์ (พนื้ ฐาน) ว23102 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ชวี ติ กบั สิ่งแวดล้อม เร่อื งพรี ะมิดการถา่ ยทอดพลังงาน เวลา 1 ชั่วโมง/คาบ
วันท่ี ………………………………….……………. ครูผู้สอน นางสาวอังคณา ปาสานะโม
สาระสาคญั
พรี ะมดิ จานวน แสดงให้เห็นจานวนของสิ่งมีชีวิตในแต่ละลาดับข้ันของโซ่อาหารต่อหน่วยพื้นที่หรือ
ปริมาตร
พรี ะมิดมวลชวี ภาพ แสดงใหเ้ ห็นปรมิ าณหรือมวลของส่งิ มชี วี ติ ในแตล่ ะลาดบั ขน้ั ของโซ่อาหาร
พรี ะมดิ พลงั งาน แสดงอัตราการถา่ ยทอดพลงั งานในหน่วยของพลังงานต่อหน่วยพ้ืนที่ ซึ่งพีระมิดจะมี
ลกั ษณะฐานกว้างแลว้ เรียวไปหายอด
มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปล ง
แทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม รวมทั้งนาความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วัด
ว. 1.1 ม.3/5 อธิบายการสะสมสารพิษในโซ่อาหาร
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคต์ ามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสตั ยส์ ุจรติ มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้
อยู่อยา่ งพอเพียง มุง่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน :………………………………………………………..
ความสามารถในการส่อื สาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคิด :………………………………………………………..
ความสามารถในการแก้ปัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ด้านการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคิดวิเคราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถอธบิ ายความแตกต่างของของพรี ะมิดการถา่ ยทอดพลังงานแบบต่างๆ
2. นกั เรยี นสามารถแสดงทกั ษะการเกบ็ รวบรวมข้อมลู
3. นกั เรยี นสามารถแสดงความมุ่งม่ันในการทางาน
การวดั และการประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ผู้ประเมิน ครูผู้สอน นกั เรยี น เพื่อน ผ้ปู กครอง
ชิน้ งาน/ภาระงาน /ร่องรอย/หลกั ฐานการเรียนรู้
ส่ิงทีต่ ้องการวดั /ประเมนิ วธิ ีการวดั เครอื่ งมือการวดั เกณฑก์ ารให้คะแนน
ระดบั คุณภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบายความ - ตรว จใบงานเรื่อง - ใบงานเร่ืองพีระมิด - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์
แตกตา่ งของของพีระมิดการถ่ายทอดพลังงาน พีระมิดการถ่ายทอด การถา่ ยทอดพลังงาน ร้อยละ 70 ขึ้นไป
แบบตา่ งๆ พลงั งาน
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต
เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล พฤติกรรม พฤติกรรม
3. นักเรยี นสามารถแสดงความมุ่งม่ัน -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แบบสังเกต
ในการทางาน พฤติกรรม พฤติกรรม
สาระการเรยี นรู้
1. พรี ะมดิ จานวน
2. พีระมดิ มวลชีวภาพ
3. พีระมิดพลงั งาน
กิจกรรมการเรยี นร(ู้ กิจกรรม Active Learning)
ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน
1. นักเรียนสุ่มเลือกแผนภาพพีระมิดต่างๆ และช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ เพ่ือเช่ือมโยงเข้าสู่การ
เรยี นรู้เรอื่ งพีระมดิ การถ่ายทอดพลังงาน
ขนั้ สอน
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 7-9 คน ศึกษาเก่ียวกับพีระมิดการถ่ายทอดพลังงานรูปแบบต่างๆ จากหนังสือ
เรยี น
1. ครูให้ความรู้นักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับพีระมิดการถ่ายทอดพลังงานจาก power point เรื่อง
พีระมดิ การถ่ายทอดพลังงาน
2. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ทาใบงานเรอ่ื งพรี ะมดิ การถ่ายทอดพลังงานลงในสมุด
ขัน้ สรุป
3. นักเรียนทุกคนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ท่ีได้จากการทากิจกรรม โดยมีครูคอยกากับดูแลตลอด
กิจกรรม
สื่อ และแหล่งการเรียนรู้
1. Power point เรื่องพรี ะมิดการถา่ ยทอดพลงั งาน
2. ใบงานเรือ่ งพีระมิดการถา่ ยทอดพลงั งาน
3. แผนภาพ
4. หนงั สอื
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 9
รายวิชาวิทยาศาสตร์ (พนื้ ฐาน) ว23102 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 ชวี ิตกับสิง่ แวดล้อม เรือ่ งประชากรในระบบนิเวศ เวลา 1 ชวั่ โมง/คาบ
วนั ท่ี ……………………………………………………. ครูผู้สอน นางสาวองั คณา ปาสานะโม
สาระสาคัญ
ประชากรที่มีขนาดคงที่ แสดงว่า อัตราการเกิดรวมกับอัตราการอพยพเข้าเท่ากับอัตราการตายรวม
กับอัตราการอพยพออก
ประชากรมีขนาดเพิ่มขึ้น แสดงว่า อัตราการเกิดรวมกับอัตราการอพยพเข้ามีค่ามากกว่าอัตราการ
ตายรวมกบั อัตราการอพยพออก
ประชากรมีขนาดลดลง แสดงว่า อัตราการเกิดรวมกับอัตราการอพยพเข้ามีค่าน้อยกว่าอัตราการตาย
รวมกบั อตั ราการอพยพออก
มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตและ
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง สิ่ ง มี ชี วิ ต กั บ ส่ิ ง มี ชี วิ ต ต่ า ง ๆ ใ น ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ก า ร ถ่ า ย ท อ ด พ ลั ง ง า น
การเปล่ียนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา
สงิ่ แวดล้อม รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชว้ี ดั
ว. 1.1 ม.3/6 ตระหนกั ถึงความสมั พันธข์ องสิ่งมชี วี ติ และสงิ่ แวดล้อมในระบบนิเวศโดยไมท่ าลาย
สมดลุ ของระบบนิเวศ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงคต์ ามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้
อยอู่ ย่างพอเพยี ง มงุ่ มัน่ ในการทางาน รักความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
ความสามารถในการส่ือสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคดิ :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :………………………………………………………..
ด้านการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคิดวิเคราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถอธบิ ายความหมายของประชากร
2. นกั เรยี นสามารถแสดงทักษะการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
3. นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งมน่ั ในการทางาน
การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ผปู้ ระเมิน ครูผ้สู อน นักเรียน เพื่อน ผู้ปกครอง
ช้นิ งาน/ภาระงาน /ร่องรอย/หลกั ฐานการเรียนรู้
สง่ิ ท่ีต้องการวัด/ประเมิน วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมือการวดั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ระดบั คุณภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบาย - ตรวจแผนผังความคดิ - แผนผงั ความคิด - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์
ความหมายของประชากร รอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ -ตรวจแบบประเมินผล -แบบประเมินผลงาน
เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู งาน
3. นกั เรียนสามารถแสดงความมุ่งม่ัน -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แบบสังเกต
ในการทางาน พฤตกิ รรม พฤติกรรม
สาระการเรียนรู้
1. ประชากรในระบบนเิ วศ
กิจกรรมการเรียนรู้(กจิ กรรม Active Learning)
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1. นักเรียนดูวิดีโอเกี่ยวกับอัตราการเกิดและตายของประชนชาวไทย แล้วร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้
พรอ้ มกบั เชื่อมโยงเขา้ สู่การเรยี นรเู้ รอ่ื งประชากรในระบบนเิ วศ
ขัน้ สอน
1. นักเรียนศึกษาประชากรจากหนังสือเรียน โดยมีครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมจาก power point ถึง
ความหมายของประชากรให้นกั เรยี นฟงั
2. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 7-9 คน จานวน 3กลมุ่ ดงั นี้
- กลุม่ ท่ี 1 ประชากรที่มขี นาดคงท่ี
- กลมุ่ ที่ 2 ประชากรมีขนาดเพิ่มขน้ึ
- กลุม่ ที่ 3 ประชากรมีขนาดลดลง
- ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มระดมสมองสรุปความรู้ท่ีได้ในรูปของแผนผังความคิด เกี่ยวกับเนื้อหา
ทแี่ ต่ละกลมุ่ ได้รบั
ขัน้ สรุป
1. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมานาเสนอความรทู้ ่ีได้จากการทากจิ กรรม กลมุ่ ละ 3-5นาที
สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1. Power point เรอื่ งประชากรในระบบนเิ วศ
2. หนงั สอื เรยี น
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 10
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พืน้ ฐาน) ว23102 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 ชีวิตกับส่ิงแวดล้อม เร่ืองปัจจัยที่มีผลต่อการเปลย่ี นแปลงของประชากรเวลา 2 ช่ัวโมง/คาบ
วันท่ี ……………………………………………………. ครูผ้สู อน นางสาวอังคณา ปาสานะโม
สาระสาคัญ
การเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรเปน็ ผลมาจากอัตราการเกดิ อตั ราการตาย อัตราการอพยพเข้า
และอัตราการอพยพออกของสิ่งมชี วี ิต
มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง
แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสง่ิ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนาความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ตวั ช้วี ดั
ว. 1.1 ม.3/6 ตระหนักถึงความสมั พันธข์ องสิ่งมชี วี ิต และสง่ิ แวดลอ้ มในระบบนเิ วศโดยไม่ทาลาย
สมดุลของระบบนิเวศ
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอื่ สัตยส์ ุจริต มีวินยั ใฝ่เรียนรู้
อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ม่งุ ม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ด้านสมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน :………………………………………………………..
ความสามารถในการส่อื สาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคิด :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ด้านการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคดิ วเิ คราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขยี น :…………………………………………………………………………..
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรยี นสามารถบอกปจั จัยทางกายภาพที่มีผลต่อการดารงชวี ิตของสง่ิ มีชีวิตได้ (K)
2. นักเรียนสามารถจาแนกกลุ่มส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศต่างๆ และอธิบายการถ่ายทอดพลังงานใน
หว่ งโซอ่ าหาร และสายใยอาหารได้ (K)
๓. นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพแสดงความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในรูปของการถ่ายทอดพลังงาน
ในระบบนเิ วศได้ (K)
๔. นกั เรยี นสามารถแสดงทกั ษะการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ได้ (P)
๕. นกั เรียนสามารถแสดงความมุง่ มั่นในการทางานได้ (A)
การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ผู้ประเมนิ ครูผู้สอน นักเรยี น เพื่อน ผู้ปกครอง
ชิ้นงาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลักฐานการเรียนรู้
สง่ิ ที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการวดั เคร่ืองมอื การวัด เกณฑก์ ารให้คะแนน
ระดบั คณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นกั เรียนสามารถบอกปัจจัยท่ีมีผล - ต ร ว จ ผ ล ง า น ก า ร - ผลงานการสืบค้น - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์
ต่อการเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรใน สืบค้นปัจจัยที่มีผลต่อ ปัจจัยท่ีมีผลต่อการ ร้อยละ 70 ขนึ้ ไป
ระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงของ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง
ประชากร ประชากร
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ -ตรวจแบบประเมินผล -ป ร ะ เ มิ น ผ ล ง า น
เก็บรวบรวมข้อมูล งานผเู้ รยี น ผู้เรยี น
3. นกั เรียนสามารถแสดงความมุ่งมั่น -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แบบสังเกต
ในการทางาน พฤตกิ รรม พฤติกรรม
สาระการเรยี นรู้
1. ปจั จยั ที่มผี ลต่อการเปล่ียนแปลงของประชากร
กจิ กรรมการเรยี นรู้(กจิ กรรม Active Learning)
ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. นักเรยี นรว่ มกันสนทนาทบทวนเกี่ยวกบั ประชากรในระบบนเิ วศจากคาบท่ีแลว้
ขนั้ สอน
1. แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน สืบค้นหาความรู้จากอินเตอร์เน็ต เร่ืองปัจจัยปัจจัยท่ีมีผล
ต่อการเปล่ียนแปลงของประชากร ลงในกระดาษแข็ง เพ่ือให้นักเรียนเกิดทักษะการสารวจและบอกถึงปัจจัย
ปัจจัยที่มีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงของประชากร
2. ครูอธิบายความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับปัจจัยปัจจัยที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลงของประชากรให้นักเรียน
ฟัง โดยใช้ Power point โดยเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนท่ีมีความสงสัยสามารถตงั้ คาถามเพ่ิมเติมได้
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนทุกคนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ที่ได้พร้อมกับส่งตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานท่ี
ได้จากการสืบค้นข้อมูล
สื่อ และแหล่งการเรยี นรู้
1. Power point เร่อื งประชากรในระบบนิเวศ
2. คอมพวิ เตอร์ หรือโทรศพั ทม์ ือถอื
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11
รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พน้ื ฐาน) ว23102 กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6 ชีวติ กบั สง่ิ แวดล้อม เรอื่ งการสารวจองค์ประกอบภายในระบบนิเวศ เวลา 1 ชว่ั โมง/คาบ
วนั ที่ ………………………………………….. ครูผสู้ อน นางสาวองั คณา ปาสานะโม
สาระสาคญั
การสารวจลักษณะทางกายภาพ เป็นการสารวจเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งไม่มีชีวิตทางด้าน
สภาพแวดลอ้ ม เชน่ แสงสวา่ ง อณุ หภูมิ คา่ ความเป็นกรด-เบส ความชนื้ ปริมาณแรธ่ าตุ เป็นตน้
การสารวจลกั ษณะทางชวี ภาพ เปน็ การสารวจเพื่อเกบ็ รวบรวมข้อมูลของสิ่งมีชีวิต โดยพิจารณาจาก
ชนิด จานวน และความหนาแน่นของส่ิงมชี ีวิตต่อพื้นท่ีที่สารวจ ซึ่งอาศัยการสังเกตและเก็บตัวอย่าง หรือการ
นับจานวนประชากรโดยใชก้ ารสุ่มจากบางบรเิ วณ และนามาวิเคราะห์เพือ่ ประเมินผล
มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับสิ่ งมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลง
แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสงิ่ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม รวมท้ังนาความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ตัวช้วี ดั
ว. 1.1 ม.3/6 ตระหนักถึงความสมั พันธข์ องสิง่ มีชวี ติ และสงิ่ แวดลอ้ มในระบบนิเวศโดยไมท่ าลาย
สมดลุ ของระบบนิเวศ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้
อยู่อยา่ งพอเพียง มงุ่ มัน่ ในการทางาน รักความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน :………………………………………………………..
ความสามารถในการสื่อสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคดิ :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ :………………………………………………………..
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ดา้ นการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน
การอา่ น :…………………………………………………………………………..
การคดิ วิเคราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขยี น :…………………………………………………………………………..
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรยี นสามารถอธิบายผลการสารวจองคป์ ระกอบภายในระบบนเิ วศ
2. นกั เรยี นสามารถแสดงทักษะการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
3. นกั เรยี นสามารถแสดงความมุ่งมนั่ ในการทางาน
การวดั และการประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ผปู้ ระเมนิ ครผู สู้ อน นักเรียน เพื่อน ผปู้ กครอง
ชิน้ งาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลกั ฐานการเรยี นรู้
สงิ่ ที่ต้องการวดั /ประเมิน วิธีการวัด เครอื่ งมอื การวดั เกณฑ์การให้คะแนน
ระดับคณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบายผลการ - ตรวจชุดกล่อง - ชดุ กลอ่ งข้อความ - นักเรียนผา่ นเกณฑ์
สารวจองคป์ ระกอบภายในระบบนิเวศ ข้อความ รอ้ ยละ 70 ข้ึนไป
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต
เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู พฤตกิ รรม พฤตกิ รรม
3. นักเรยี นสามารถแสดงความมุ่งม่ัน -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แบบสงั เกต
ในการทางาน พฤตกิ รรม พฤติกรรม
สาระการเรยี นรู้
1. การสารวจองค์ประกอบภายในระบบนเิ วศ
กจิ กรรมการเรียนรู้(กจิ กรรม Active Learning)
ข้ันนาเข้าสู่บทเรยี น
1. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาทบทวนเกยี่ วกับปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของประชากร จากคาบท่ี
แล้ว
ขนั้ สอน
1. นกั เรียนเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 7-9 คน สบื ค้นหาความรจู้ ากอนิ เตอรเ์ นต็ เรื่องการสารวจองค์ประกอบ
ภายในระบบนเิ วศ
2. นักเรียนนาความรู้ที่ได้จากการสืบค้นมาจัดแยกหมวดหมู่ จัดใส่กล่องข้อความของแต่ละกลุ่ม
เรยี งลาดับตามความสาคัญ เพอื่ ใชส้ าหรับการทากจิ กรรมตอ่ เน่อื งในช่ัวโมงตอ่ ไป
ขน้ั สรปุ
1. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นที่ยงั ไม่เข้าใจ หรอื มขี อ้ สงสยั ในการทากิจกรรมสามารถถามได้ทนั ที
สื่อ และแหล่งการเรยี นรู้
1. Power point เร่อื งการสารวจองคป์ ระกอบภายในระบบนิเวศ
2. คอมพวิ เตอร์ หรือโทรศพั ท์มอื ถือ
3 .กลอ่ งข้อความฟิวเจอร์บอร์ด
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 12
รายวชิ าวิทยาศาสตร์ (พืน้ ฐาน) ว23102 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 ชีวิตกบั ส่งิ แวดล้อม เรอ่ื งการสารวจองค์ประกอบภายในระบบนิเวศ เวลา 2 ชว่ั โมง/คาบ
วนั ที่ ……………………………………………….. ครูผูส้ อน นางสาวอังคณา ปาสานะโม
สาระสาคญั
การสารวจลักษณะทางกายภาพ เป็นการสารวจเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลของส่ิงไม่มีชีวิตทางด้าน
สภาพแวดล้อม เชน่ แสงสวา่ ง อณุ หภูมิ คา่ ความเปน็ กรด-เบส ความชื้น ปรมิ าณแรธ่ าตุ เป็นต้น
การสารวจลกั ษณะทางชวี ภาพ เป็นการสารวจเพอื่ เก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งมีชีวิต โดยพิจารณาจาก
ชนิด จานวน และความหนาแน่นของสงิ่ มีชีวิตต่อพื้นท่ีที่สารวจ ซ่ึงอาศัยการสังเกตและเก็บตัวอย่าง หรือการ
นบั จานวนประชากรโดยใชก้ ารสมุ่ จากบางบริเวณ และนามาวิเคราะห์เพอื่ ประเมินผล
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลง
แทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนาความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วดั
ว. 1.1 ม.3/6 ตระหนักถึงความสัมพนั ธ์ของส่ิงมชี วี ติ และสง่ิ แวดล้อมในระบบนิเวศโดยไม่ทาลาย
สมดลุ ของระบบนเิ วศ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคต์ ามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสตั ย์สจุ รติ มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้
อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ม่งุ มั่นในการทางาน รกั ความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ
.................................................................................................................. ........................................................
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน :………………………………………………………..
ความสามารถในการสื่อสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคิด :………………………………………………………..
ความสามารถในการแก้ปัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ด้านการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคดิ วเิ คราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถอธบิ ายผลการสารวจองค์ประกอบภายในระบบนิเวศ
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
3. นกั เรียนสามารถแสดงความมุ่งม่นั ในการทางาน
การวัดและการประเมินผลการเรยี นรู้
ผปู้ ระเมิน ครูผสู้ อน นักเรยี น เพื่อน ผปู้ กครอง
ช้ินงาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลกั ฐานการเรียนรู้
สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมนิ วิธกี ารวัด เครื่องมอื การวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ระดับคณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบายผลการ - ตรวจคาตอบบน - ค า ต อ บ บ น - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์
สารวจองคป์ ระกอบภายในระบบนิเวศ กระดาน กระดาน ร้อยละ 70 ข้นึ ไป
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ -ตรวจแบบประเมินผล -แบบประเมนิ ผลงาน
เก็บรวบรวมขอ้ มูล งาน
-แบบสังเกต
3. นักเรยี นสามารถแสดงความมุ่งมั่น -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต พฤติกรรม
ในการทางาน พฤตกิ รรม
สาระการเรียนรู้
1. การสารวจองคป์ ระกอบภายในระบบนเิ วศ
กิจกรรมการเรยี นร(ู้ กิจกรรม Active Learning)
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน
1. นกั เรียนรว่ มกันสนทนาทบทวนเกี่ยวกับผลการสารวจองคป์ ระกอบภายในระบบ จากคาบท่ีแล้ว
ขัน้ สอน
1. ครนู าคาถาม ไปติดบนกระดาน 2 ขอ้ ดงั น้ี
- การสารวจลกั ษณะทางกายภาพ
- การสารวจลกั ษณะทางชวี ภาพ
2. นักเรียนนาข้อความท่ีอยู่ในกล่องของกลุ่มตนเอง มาวิเคราะห์ แล้วนาคาตอบไปติดให้ตรงกับ
คาถามของครูบนกระดาน
3. กลุ่มใดทีส่ ามารถตดิ คาตอบไดถ้ กู ตอ้ งและเร็วทีส่ ุดครจู ะมีรางวลั มอบให้
ขัน้ สรปุ
1. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ส่งตัวแทนออกมาสรุปประโยชน์ท่ีไดจ้ ากการรว่ มกจิ กรรมในครงั้ นี้
สื่อ และแหล่งการเรยี นรู้
1. กล่องข้อความฟิวเจอร์บอรด์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 13
รายวิชาวิทยาศาสตร์ (พื้นฐาน) รหัสวิช า ว 23102 ก ลุ่มสา ระการ เรียน รู้
วิทยาศาสตร์
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 ชีวิตกบั สิง่ แวดล้อม เร่ืองแบบทดสอบหลงั เรยี น เวลา1ชวั่ โมง/คาบ
วนั ที่ ……………………………………………………… ครูผ้สู อน นางสาวองั คณา ปาสานะโม
สาระสาคัญ
ระบบนเิ วศ คือ กลมุ่ สิง่ มชี วี ิตไมว่ า่ จะเป็น พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และมี
ความสมั พนั ธ์เกี่ยวข้องกันเป็นระบบ
ผู้ผลิต คือ สิ่งมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารเพื่อใช้ในการดารงชีวิตได้เอง ซ่ึงเป็นจุดเริ่มต้นของพลังงาน
ในระบบนิเวศ
ผู้บริโภค คอื สงิ่ มีชีวิตทไี่ มส่ ามารถสร้างอาหารไดเ้ อง จึงตอ้ งบรโิ ภคสงิ่ มชี ีวติ ชนิดอื่น
ผ้ยู อ่ ยสลาย คือ สง่ิ มชี ีวติ ทไี่ มส่ ามารถสร้างอาหารได้เอง ดารงชีวิตด้วยการย่อยสลายซากของสิ่งมีชีวิต
ใหก้ ลายเปน็ สารอินทรยี ์
สิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ มีความสัมพันธ์เก่ียวข้องกันโดยการถ่ายทอดพลังงานในรูปของโซ่อาหารและ
สายใยอาหาร
การเปล่ียนแปลงขนาดของประชากรเป็นผลมาจากอัตราการเกิด อัตราการตาย อัตราการอพยพเข้า
และอตั ราการอพยพออกของส่ิงมีชีวติ
มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลง
แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม รวมท้ังนาความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ตวั ชว้ี ัด
ว. 11 ม.3/1 อธบิ ายปฏิสัมพนั ธข์ ององคป์ ระกอบของระบบนเิ วศท่ีไดจ้ ากการสารวจ
ว. 1.1 ม.3/2 อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตรูปแบบต่าง ๆ ในแหล่งท่ี
อยูเ่ ดียวกันทไี่ ด้จากการสารวจ
ว. 1.1 ม.3/3 สร้างแบบจาลองในการอธิบายการถา่ ยทอดพลงั งานในสายใยอาหาร
ว. 1.1 ม.3/4 อธิบายความสัมพันธ์ของผู้ผลิต ผู้บรโิ ภค และผยู้ ่อยสลายสารอนิ ทรยี ์ในระบบนเิ วศ
ว. 1.1 ม.3/5 อธิบายการสะสมสารพษิ ในโซ่อาหาร
ว. 1.1 ม.3/6 ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศโดยไม่ทาลาย
สมดุลของระบบนิเวศ
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สตั ย์สุจรติ มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้
อย่อู ย่างพอเพียง มุ่งม่นั ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการส่ือสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคดิ :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี :………………………………………………………..
ดา้ นการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน
การอา่ น :…………………………………………………………………………..
การคิดวเิ คราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขยี น :…………………………………………………………………………..
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรียนสามารถทาขอ้ สอบหลงั เรียนเรยี นแบบปรนยั ได้
2. นกั เรยี นสามารถแสดงทักษะการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
3. นักเรยี นสามารถแสดงความมุ่งมน่ั ในการทางาน
การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ผูป้ ระเมนิ ครผู ู้สอน นกั เรียน เพื่อน ผ้ปู กครอง
ชิ้นงาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลกั ฐานการเรียนรู้
สิง่ ที่ต้องการวดั /ประเมิน วธิ ีการวดั เคร่อื งมอื การวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ระดับคณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถทาข้อสอบหลัง - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลัง - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์
เรยี นแบบปรนัยได้ หลังเรยี น เรยี น รอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป
2. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการ -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต - แ บ บ สั ง เ ก ต
เกบ็ รวบรวมข้อมลู พฤติกรรม พฤติกรรม
3. นกั เรยี นสามารถแสดงความมุ่งม่ัน -ต ร ว จ แ บ บ สั ง เ ก ต -แ บ บ สั ง เ ก ต
ในการทางาน พฤติกรรม พฤตกิ รรม
สาระการเรียนรู้
1. องคป์ ระกอบในระบบนเิ วศ
2. ความสัมพันธร์ ะหว่างส่งิ มีชีวิต
3. ความสัมพันธ์ระหว่างสง่ิ มชี วี ิตกับสงิ่ ไม่มีชวี ติ
4. การหมนุ เวียนในระบบนิเวศ
5. การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ
กิจกรรมการเรียนร(ู้ กจิ กรรม Active Learning)
1. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
ส่ือ และแหล่งการเรยี นรู้
1. แบบทดสอบหลงั เรียน
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 14
รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พื้นฐาน) รหัสวชิ า ว23102 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 ไฟฟ้าเเละอิเล็กทรอนกิ ส์ เร่อื งวงจรไฟฟา้ เวลา 2 ชั่วโมง/คาบ
วันท่ี …………………….……………………………….. ครผู ้สู อน นางสาวอังคณา ปาสานะโม
สาระสาคัญ
วงจรไฟฟ้าเป็นเส้นทางการเคล่ือนท่ีของประจุไฟฟ้า ประกอบด้วยแหล่งกาเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า
และอุปกรณ์ไฟฟ้า วงจรไฟฟ้านิยมเขียนแสดงด้วยแผนภาพ โดยใช้สัญลักษณ์แทนอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพ่ือให้
ผ้อู อกแบบวงจรไฟฟา้ และผู้ทน่ี าวงจรไฟฟา้ ไปใช้สามารถสื่อสารหรืออธบิ ายการต่อวงจรไฟฟา้ ได้เข้าใจตรงกนั
มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับเสียง แสง
และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทัง้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด
ว 2.3 ม. 3/1 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน และ
คานวณปริมาณท่ีเกี่ยวข้องโดยใช้สมการ V = IR จากหลักฐานเชิงประจักษ์
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ มวี ินัย ใฝ่เรียนรู้
อยอู่ ย่างพอเพยี ง มุ่งมั่นในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
ความสามารถในการส่อื สาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคดิ :………………………………………………………..
ความสามารถในการแก้ปัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี :………………………………………………………..
ด้านการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน
การอา่ น :…………………………………………………………………………..
การคิดวิเคราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั เรยี นสามารถอธิบายสว่ นประกอบและประเภทของวงจรไฟฟา้ ได้ (K)
2. นักเรียนสามารถอธบิ ายการเขียนแผนภาพแสดงวงจรไฟฟา้ ได้ (K)
3. นักเรยี นสามารถแสดงทักษะการเกบ็ รวบรวมข้อมูลได้ (P)
4. นักเรยี นสามารถแสดงความมุง่ ม่ันในการทางานได้ (A)
การวดั และการประเมินผลการเรยี นรู้
ผ้ปู ระเมิน ครูผสู้ อน นกั เรียน เพ่ือน ผปู้ กครอง
ชน้ิ งาน/ภาระงาน /รอ่ งรอย/หลักฐานการเรยี นรู้
ส่งิ ที่ต้องการวดั /ประเมนิ วิธีการวัด เครอื่ งมือการวัด เกณฑก์ ารให้คะแนน
ระดับคณุ ภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบายส่วนประกอบและ - ตรวจใบงาน ชิ้นงาน -ใบงาน ชิ้นงานหรือ - นกั เรยี นผ่านเกณฑ์
ประเภทของวงจรไฟฟา้ ได้ (K) หรือภาระงาน ภาระงาน รอ้ ยละ 70 ขึ้นไป
2. นกั เรยี นสามารถอธิบายการเขียนแผนภาพ
แสดงวงจรไฟฟา้ ได้ (K)
3. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการเก็บ - ป ร ะ เ มิ น จ า ก ก า ร -แบบประเมนิ ทกั ษะ - ระดบั คุณภาพ ดี
รวบรวมข้อมลู ได้ (P) สงั เกตพฤติกรรม -แบบประเมินการ ข้นึ ไป
สังเกตพฤติกรรมการ
ทางานกล่มุ
4. นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งม่ันในการ -ป ร ะ เ มิ น จ า ก ก า ร -แ บ บ สั ง เ ก ต - ระดบั คณุ ภาพ ดี
ทางานได้ (A) สงั เกตพฤตกิ รรม พฤตกิ รรม ขึน้ ไป
สาระการเรยี นรู้
1. วงจรไฟฟา้
กิจกรรมการเรยี นรู้ (กิจกรรม Active Learning)
ครดู าเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความพร้อม
และพ้นื ฐานของนักเรียน
ขัน้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1) ครถู ามคาถามนักเรียนเพอ่ื กระตุ้นความสนใจ เช่น
– นกั เรียนเคยไดย้ ินคาวา่ “วงจรไฟฟ้า” หรอื ไม่ (แนวคาตอบ เคย,ไมเ่ คย)
– วงจรไฟฟ้าคอื อะไร (แนวคาตอบ เสน้ ทางการเคล่อื นทข่ี องประจไุ ฟฟา้ )
2) นักเรียนร่วมกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคาตอบ เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้
เรือ่ ง วงจรไฟฟา้
ขั้นจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
จดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมขี ้ันตอนดงั นี้
1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าที่ครู
มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานาเสนอข้อมูลหน้า
ห้องเรยี น
(2) ครตู รวจสอบวา่ นักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก
ของนักเรยี น และถามคาถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดังนี้
– วงจรไฟฟ้ามีส่วนประกอบสาคัญอะไรบ้าง (แนวคาตอบ แหล่งกาเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และอุปกรณ์
ไฟฟ้าต่างๆ)
– ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าที่นากระแสไฟฟ้าไปสอู่ ุปกรณ์ไฟฟ้าคืออะไร (แนวคาตอบ สายไฟฟ้า)
(3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่างน้อยคนละ
1 คาถาม ซ่ึงครูใหน้ กั เรียนเตรียมมาล่วงหนา้ และให้นกั เรยี นชว่ ยกันตอบและแสดงความคิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วงจรไฟฟ้า
เป็นเส้นทางการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้า โดยประกอบด้วยแหล่งกาเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า
ต่างๆ
2) ข้ันสารวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องวงจรไฟฟ้า จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้
นักเรียนเข้าใจว่า วงจรไฟฟ้าเป็นเส้นทางการเคล่ือนท่ีของประจุไฟฟ้า โดยประกอบด้วยแหล่งกาเนิดไฟฟ้า
สายไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ซ่ึงกระแสไฟฟ้าจะไหลออกจากแหล่งกาเนิดไฟฟ้าไปโดยรอบวงจรที่
เชอ่ื มตอ่ กนั
(2) ครอู ธิบายเพ่มิ เติมเกี่ยวกบั การเขยี นแผนภาพแสดงวงจรไฟฟา้ ให้นักเรยี นเข้าใจว่า นักวิทยาศาสตร์
ใชก้ ารเขียนแผนภาพและใช้สัญลกั ษณ์แทนอปุ กรณไ์ ฟฟ้าต่างๆ ในวงจรไฟฟ้า เพ่ือให้ผู้ออกแบบวงจรไฟฟ้าและ
ผู้ทน่ี าวงจรไฟฟา้ ไปใชส้ ามารถสอื่ สารหรืออธิบายการต่อวงจรไฟฟ้าไดเ้ ขา้ ใจตรงกัน
(3) ครแู บ่งนักเรียนกลมุ่ ละ 5 – 6 คน สืบคน้ ข้อมลู เกยี่ วกบั วงจรไฟฟา้ ตามข้นั ตอนดงั นี้
– แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อย่อยให้เพ่ือนสมาชิกช่วยกันสืบค้นตามที่สมาชิก
กลมุ่ ช่วยกันกาหนดหวั ขอ้ ย่อย เช่น สว่ นประกอบของวงจรไฟฟา้ และการเขียนแผนภาพแสดงวงจรไฟฟา้
– สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยท่ีตนเองรับผิดชอบ โดยการ
สืบคน้ จากหนังสือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน หรืออินเทอรเ์ นต็
– สมาชิกกลุ่มนาข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย
ซกั ถามจนคาดว่าสมาชิกทุกคนมคี วามรู้ความเขา้ ใจท่ตี รงกนั
– สมาชิกกลุม่ ชว่ ยกนั สรปุ ความรูท้ ีไ่ ดท้ ้ังหมดเป็นผลงานของกลุ่ม และช่วยกันจัดทารายงานการศึกษา
คน้ คว้าเก่ยี วกับวงจรไฟฟา้
(4) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมูลที่ไดจ้ ากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
(5) ครคู อยแนะนาชว่ ยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดรู อบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส
ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซกั ถามเมอื่ มีปญั หา
3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นกั เรยี นแต่ละกล่มุ นาเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรยี น
(2) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เช่น
– ถา้ วงจรไฟฟ้าไมม่ ีแหล่งกาเนดิ ไฟฟ้าจะเกดิ อะไรข้นึ (แนวคาตอบ อุปกรณ์ไฟฟ้าไม่สามารถทางานได้
เนื่องจากไม่มกี ระแสไฟฟ้าไหลในวงจร)
– ส่วนประกอบใดของวงจรไฟฟ้าที่ทาหน้าที่เปล่ียนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปอื่น (แนวคาตอบ
อปุ กรณไ์ ฟฟา้ )
– การเขียนแผนภาพแสดงวงจรไฟฟ้ามีความสาคัญอย่างไร (แนวคาตอบ ทาให้ผู้ออกแบบวงจรไฟฟ้า
และผู้ทน่ี าวงจรไฟฟา้ ไปใช้สามารถสือ่ สารหรอื อธิบายการตอ่ วงจรไฟฟ้าได้เข้าใจตรงกนั )
(3) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วงจรไฟฟ้า
ประกอบด้วยแหล่งกาเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ โดยวงจรไฟฟ้าจะทางานเมื่อกระแสไฟฟ้า
ไหลออกจากแหล่งกาเนดิ ไฟฟ้าไปโดยรอบวงจรท่เี ชอ่ื มต่อกัน และวงจรไฟฟ้านิยมเขยี นแสดงด้วยแผนภาพ โดย
ใช้สัญลักษณ์แทนอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพ่ือให้ผู้ออกแบบวงจรไฟฟ้าและผู้ที่นาวงจรไฟฟ้าไปใช้สามารถส่ือสาร
หรืออธิบายการตอ่ วงจรไฟฟ้าได้เขา้ ใจตรงกนั
4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับประเภทของวงจรไฟฟ้าให้นักเรียนเข้าใจว่า วงจรไฟฟ้าแบ่งเป็น 2
ประเภท ได้แก่ วงจรปดิ และวงจรเปิด โดยวงจรปิด คือ วงจรไฟฟ้าท่ีกระแสไฟฟ้าไหลครบวงจร ส่วนวงจรเปิด
คอื วงจรไฟฟา้ ท่กี ระแสไฟฟ้าไหลไมค่ รบวงจร
5) ขั้นประเมนิ (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหัวข้อท่เี รียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เขา้ ใจหรอื ยังมขี ้อสงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพิม่ เติมใหน้ กั เรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อย่างไรบ้าง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนาความรู้ท่ไี ด้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่
– วงจรไฟฟ้ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง แต่ละส่วนทาหน้าที่อะไร (แนวคาตอบ แหล่งกาเนิดไฟฟ้าทา
หน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับวงจรไฟฟ้า สายไฟฟ้าทาหน้าที่นากระแสไฟฟ้าไปสู่อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์
ไฟฟ้าทาหนา้ ทเ่ี ปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลงั งานอน่ื ๆ)
– วงจรเปิดทาให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทางานไม่ได้เพราะอะไร (แนวคาตอบ เพราะวงจรเปิด คือ การท่ี
เสน้ ทางของกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าไม่เชื่อมต่อกัน ทาใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลไมค่ รบวงจร)
ขนั้ สรปุ
ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปเกยี่ วกบั วงจรไฟฟา้ โดยรว่ มกนั เขียนเปน็ แผนทคี่ วามคดิ หรือผังมโนทัศน์
สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
2. หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน หรอื อนิ เทอรเ์ นต็
4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 เลม่ 1
5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3
เล่อ 2
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 15
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พนื้ ฐาน) รหัสวชิ า ว23102 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 7 ไฟฟ้าเเละอิเล็กทรอนกิ ส์ เรือ่ งความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้า (1) เวลา 2 ชวั่ โมง/คาบ
วันที่ …………………….……………………………….. ครูผ้สู อน นางสาวองั คณา ปาสานะโม
สาระสาคญั
ความต่างศักย์เป็นค่าความแตกต่างของศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุด 2 จุดในวงจรไฟฟ้า หรือความแตกต่าง
ของพลังงานไฟฟา้ ต่อหน่วยประจุไฟฟา้ ท่ีเคลื่อนท่ผี า่ นจดุ 2 จุดน้ัน มหี น่วยเป็นจลู /คูลอมบ์หรอื โวลต์
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับเสียง แสง และ
คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตวั ช้วี ดั
ว 2.3 ม. 3/1 วิเคราะห์ความสมั พนั ธ์ระหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน และ
คานวณปรมิ าณท่ีเก่ยี วข้องโดยใชส้ มการ V = IR จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
ว 2.3 ม. 3/3 ใชโ้ วลต์มเิ ตอร์ แอมมิเตอร์ในการวดั ปริมาณทางไฟฟ้า
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอื่ สตั ย์สจุ ริต มีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้
อย่อู ยา่ งพอเพยี ง มุง่ มน่ั ในการทางาน รักความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ
............................................................................................................................. .............................................
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ความสามารถในการสื่อสาร :………………………………………………………..
ความสามารถในการคิด :………………………………………………………..
ความสามารถในการแกป้ ัญหา :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ :………………………………………………………..
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี :………………………………………………………..
ดา้ นการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน
การอ่าน :…………………………………………………………………………..
การคดิ วเิ คราะห์ :…………………………………………………………………………..
การเขียน :…………………………………………………………………………..
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถอธบิ ายความหมายของความต่างศกั ย์ได้ (K)
2. นักเรยี นสามารถบอกวิธใี ชโ้ วลต์มเิ ตอรใ์ นการวัดความตา่ งศักย์ได้ (K)
3. นักเรยี นสามารถแสดงทักษะการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ได้ (P)
4. นักเรียนสามารถแสดงความมุง่ ม่ันในการทางานได้ (A)
การวัดและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ผ้ปู ระเมิน ครูผู้สอน นักเรยี น เพื่อน ผปู้ กครอง
ชน้ิ งาน/ภาระงาน /ร่องรอย/หลักฐานการเรียนรู้
สิง่ ท่ีต้องการวัด/ประเมิน วิธีการวัด เครอ่ื งมอื การวัด เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ระดบั คุณภาพ
(Rubric Score)
1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของ -ตรวจใบงาน ชิ้นงาน -ใบงาน ช้ินงานหรือ - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์
ความต่างศักยไ์ ด้ (K) หรือภาระงาน ภาระงาน รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
2. นักเรียนสามารถบอกวิธีใช้โวลต์มิเตอร์ใน
การวัดความตา่ งศกั ยไ์ ด้ (K)
3. นักเรียนสามารถแสดงทักษะการเก็บ - ป ร ะ เ มิ น จ า ก ก า ร - แบบประเมนิ ทักษะ - ระดบั คณุ ภาพ ดี
รวบรวมข้อมลู ได้ (P) สังเกตพฤตกิ รรม -แบบประเมินการ ขึน้ ไป
สังเกตพฤติกรรมการ
ทางานกลมุ่
4. นักเรียนสามารถแสดงความมุ่งมั่นในการ - ป ร ะ เ มิ น จ า ก ก า ร -แ บ บ สั ง เ ก ต - ระดบั คณุ ภาพ ดี
ทางานได้ (A) สังเกตพฤตกิ รรม พฤติกรรม ขึน้ ไป
สาระการเรยี นรู้
1. ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า
กิจกรรมการเรียนรู้ (กจิ กรรม Active Learning)
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนักเรยี นเพื่อกระตุ้นความสนใจ เชน่
– ปริมาณทางไฟฟ้าที่นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง (แนวคาตอบ ความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า ความ
ต้านทาน และความจุไฟฟา้ )
– ปริมาณใดท่ีแสดงถึงความแตกต่างของพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วยประจุไฟฟ้าที่เคลื่อนท่ีผ่านจุด 2 จุด
ในวงจรไฟฟา้ (แนวคาตอบ ความต่างศักย)์