The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by asreeth60, 2021-10-21 22:56:47

วิชาวิจัย

วิชาวิจัย

199

ประสาท เนอื งเฉลมิ (2556: 32-36) กลา่ วไว้วา่ กระบวนการวิจัยชัน้ เรียนมดี ว้ ยกัน 7 ขัน้ ตอน
ดังต่อไปนี้

1. การระบุปัญหาการวิจัย เป็นการสังเกตและศึกษาสภาพการเรียนการสอน วิเคราะห์ว่าใน
ช้ันเรยี นทีค่ รสู อนมีปัญหาอะไรเกิดข้ึนบ้าง แล้วนำมากำหนดเป็นประเดน็ ปัญหาการวจิ ัย หรือเป็นการ
ค้นหาวิธีการหรือนวัตกรรมที่ต้องการนำมาพัฒนาการเรียนการสอนโดยนำวิธกี ารหรือนวัตกรรมที่จะ
นำไปสูก่ ารแก้ไขปญั หาหรือพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรยี นให้เกิดสัมฤทธ์ิผลมากขน้ึ

ปญั หาที่พบไดส้ ว่ นใหญ่จากหอ้ งเรยี น ผู้สอนสามารถนำมาเป็นประเด็นทางการวจิ ยั ได้น้ันอาจ
มาจากการสังเกตชั้นเรียน การรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน การรายงานผลการสอบระดับ
ท้องถิน่ ระดบั เขตพ้นื ท่ี ระดบั ประเทศ หรอื การประเมนิ คุณภาพสถานศกึ ษา

การสงั เกตช้ันเรียน เชน่ การอ่านไม่ออก การคัดลายมอื ไมส่ วย ขาดความรบั ผดิ ชอบในการส่ง
งาน ไม่ใหค้ วามร่วมมอื กบั เพ่ือนในการทำกจิ กรรมกล่มุ ขาดทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ

การรายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น เชน่ ผเู้ รยี นมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนตำ่ ผู้เรียนขาด
ทักษะการคดิ วิเคราะห์ ขาดเจตคติที่ดตี ่อการเรียน ฯลฯ

การรายงานผลการสอนระดับท้องถิ่น ระดับเขตพื้นที่ ระดับประเทศ เช่น คะแนนการสอบ
LAS O-NET

การประเมินคุณภาพสถานศึกษา เช่น การประเมินตนเอง (SAR) การประเมินคุณภาพ
ภายนอกของ สมศ.

2. การคน้ ควา้ เอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง เป็นการศกึ ษาค้นคว้าหาความรู้ที่เก่ียวข้องกับ
ปัญหาในการวิจัย โดยแหล่งข้อมูลที่ใช้ค้นคว้าอาจจะเป็นข้อมูลทุติยภูมิ ฐานข้อมูลออนไลน์หรือ
หนังสือทั่วไปที่ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อนำมาวางแผนการดำเนินการวิจัยตามปัญหาการ
วิจัยท่ีระบุไว้

การค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ ผู้สอนทราบแนวทางการพัฒนา
นวัตกรรมการเรียนการสอน การสร้างเครื่องมือวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
นอกจากนี้ยังช่วยสร้างกรอบแนวคิดการวิจัยที่สอดคล้องกับสภาพบริบท ของห้องเรียนแนวคิดและ
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ผู้สอนได้เข้าใจที่มาที่ไปของการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนที่มี
คุณภาพ บางครั้งการตรวจสอบเอกสารและงานวิจัยยังช่วยให้ทราบประเด็นและแนวโน้มของการ
พัฒนาการเรยี นการสอน ซงึ่ ปจั จบุ นั สามารถสบื คน้ ผ่านเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ ไดอ้ ย่างสะดวก ประหยัด
และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่น Web OPAC ของสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ Thailis ของสำนักงาน
คณะกรรมการอุดมศกึ ษา ฯลฯ

3. การวางแผนการดำเนินการวิจัย เป็นการออกแบบที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์หาสาเหตุ
ของปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหานั้น โดยอาศัยความรู้หรือข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าเอกสาร

200

และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แล้วเลือกวิธีการหรือนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ปัญหา กำหนดวัตถุประสงค์
และขอบเขตการวิจัยให้เหมาะสมกับปัญหาการวิจัย โดยการวางแผนดำเนินการวิจัยดังกล่าวจะต้อง
สามารถวางแผนดำเนินการวิจยั ใหไ้ ด้คำตอบหรอื ขอ้ คน้ พบ

ผู้สอนคือผู้ที่ต้องออกแบบการเรียนการสอน (Designer) ผู้วัดและประเมินผลพัฒนาการของ
ผู้เรียน (Assessor) และผู้วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน (Researcher) การวางแผนดำเนิน การ
วิจัยถือได้ว่าเป็น ทักษะที่จำเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากกำหนดช่วงระยะเวลาในการทดลองใช้
นวตั กรรมหรือการกำหนดเนื้อหาสาระสกู่ ิจกรรมการเรยี นการสอนคลาดเคล่ือน ก็จะทำใหเ้ สียเวลาใน
การเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่ ดังนั้น ผู้สอนที่ทำหน้าที่เป็นนักวิจัยต้องทำความเข้าใจเรือ่ งแบบแผนการ
วิจัยให้ชัดเจนก่อนลงมือ (Wiggins and McTighe, 2011 : 3-6) หากไม่แน่ใจควรมีที่ปรึกษาทางการ
วิจัยไว้ก็จะเป็นประโยชน์ เช่น ครูนักวิจัยศึกษานิเทศก์ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย หรืออาจารย์ที่มี
ประสบการณ์ทางการวิจัยการเรยี นการสอน

4. การเก็บรวบรวมข้อมูลเปน็ การดำเนินการใชว้ ิธีการหรือนวัตกรรมทวี่ างแผนไว้ เช่นเทคนิค
การสอนใหม่ หรือรูปแบบการเรียนการสอนใหม่ ๆ หรือสื่อการสอนแบบใหม่ แลว้ บันทกึ ผลข้อมูลที่ได้
จากการสังเกตหลังจากทดลองใช้วธิ กี ารหรอื นวตั กรรมนนั้ ๆ

การเก็บรวบรวมจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือทางการวิจัย โดยส่วนใหญ่จะประกอบด้วย
แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ดังนั้น ผู้วิจัยต้องทำความกระจ่างในเรือ่ ง
การสร้างและหาคณุ ภาพเคร่ืองมือเสียก่อน ถ้าหากเครอ่ื งมือทางการวจิ ยั ไม่มีคุณภาพกน็ ำไปสู่การเก็บ
รวบรวมข้อมูลที่ไม่ได้คุณภาพเช่นกัน ซึ่งรายละเอียดการสรา้ งและหาคุณภาพเคร่ืองมือจะได้กล่าวใน
บทถัดไป

5. การวิเคราะห์และแปลผลข้อมูล เป็นการนำข้อมูลที่เก็บบันทึกรวมรวมไวม้ าวิเคราะห์ดว้ ย
สถิติที่เหมาะสม แล้วอภิปรายผลพร้อมทั้งเขียนรายงานผลการวิจัยเสนอต่อผู้บริหารการศึกษาการ
วิเคราะห์ผลจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลสถิติขั้นสูงมากก็ได้ หากงานวิจัยนั้นสามารถ
แกป้ ญั หาการเรยี นการสอนได้ จะเป็นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชิงพรรณนาก็คงไมใ่ ช่ประเดน็ ว่างานวิจัยนั้น
จะมีคุณภาพมากหรือน้อย เช่น การศึกษาแนวทางการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนหรือน้อย เช่น
การศกึ ษาแนวทางการพัฒนาส่ือการเรียนการสอนตามแนวคิดสมองเปน็ ฐาน แต่งานวจิ ยั บางเร่ืองอาจ
จำเป็นต้องใช้สถิติเป็นพระเอก เช่น ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีผลต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของ
นักเรียน ปัจจุบันมีโปรแกรมสถิติสำเร็จรูปที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างหลากหลาย เช่น SPSS
LISREL B-INDEX ฯลฯ เมื่อวิเคราะห์ผลมาแล้วผู้วิจัยสามารถแปลผลจากการวิเคราะห์ได้ด้วย ไม่ว่า
จะวเิ คราะห์ดว้ ยโปรแกรมสถติ ิสำเร็จรูปหรือใช้วิธกี ารคำนวณดว้ ยสูตร

6. การนำขอ้ ค้นพบท่ีได้ไปปฏบิ ัติ เปน็ การนำคำตอบหรอื ข้อคน้ พบท่ีได้หลงั จากวิเคราะห์และ
แปลผลข้อมูล จนสรุปผลการวิจัย นำผลการวิจัยไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนการสอน

201

การนำข้อค้นพบที่ได้ไปขยายผลสู่ชั้นเรียนอื่นถือได้ว่าเป็นการทาบุญทางวิชาการและยังเป็นการ
ปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่องของนวัตกรรมการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้น และนอกจากนี้ยังเป็นการ
พัฒนาทกั ษะการวจิ ยั ไปพร้อมกนั ด้วย

7. การแลกเปลี่ยนข้อค้นพบกับผู้อื่น โดยครูจะต้องนำผลการวิจัยที่ตนเองค้นพบไปเผยแพร่
ให้กับเพื่อนครูคนอื่น ๆ ผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยพยายามรับฟังความคิดเห็นและ
ข้อเสนอแนะของผู้อื่นเพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงพัฒนากระบวนการเรียนการสอน ซึ่งจะเป็น
แนวทางในการทำวิจัยการเรียนการสอนครั้งต่อไป การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อค้นพบทางการวิจัยการ
เรียนการสอนมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น การเขียนบันทึกผ่าน Blog การเผยแพร่ผลงานผา่ นเวบ็ ไซต์ การ
ตีพิมพ์บทความวิจัยเพื่อเผยแพร่วารสารวิชาการ ถอดองค์ความรู้จากงานวิจัยสู่การเขียนหนังสือเล่ม
เลก็ การเข้าร่วมประชุมและนำเสนอผลงานวจิ ยั ผา่ นเวทรี ะดับเขต ระดับชาติ หรอื ระดับนานาชาติ

ดังนั้นครูจึงต้องทำหน้าที่เป็นผู้วิจัยการเรียนการสอนไปพร้อมกับการเป็นผู้ออกแบบการ
จัดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นกระบวนการในการแสวงหาความรู้ใหม่หรือการค้นหาวิธีการแก้ปัญหาและ
พัฒนาการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานอันจะส่งผลต่อผู้เรียนให้มีศักยภาพสูงขึ้น การ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาเนื่องจากผลการวิจัยเป็นผลของการแสวงหาความรู้ความจริง โดยอาศัย
กระบวนการที่เป็นระบบมเี หตุผลเช่ือถือได้ ชว่ ยให้ครมู โี อกาสในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน
ผู้บริหารสถานศึกษามีทางเลือกในการตัดสินใจและแก้ปัญหาสามารถกำหนดนโยบายพื้นฐานของ
ขอ้ มูลทเ่ี ช่อื ถอื ได้และสามารถนำผลการวิจยั ไปพฒั นาคุณภาพการศึกษาให้สงู ข้นึ

202

อนุวตั ิ คุณแกว้ (2555: 33) ได้กล่าวไวว้ า่ การวจิ ัยในชั้นเรยี น มีข้ันตอนการวิจัยเหมือนกบั การ
วิจัยทั่ว ๆ ไป กล่าวคือ ต้องมีขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงจุดสุดท้าย ดัง
แสดงในแผนภาพท่ี 12.1 ต่อไปนี้

วเิ คราะห์ปญั หาในช้ันเรยี น และกำหนดปญั หาวิจยั

ศกึ ษาเอกสารที่เกีย่ วข้อง

กำหนดนวัตกรรม/วธิ ีการแกป้ ัญหา

การดำเนนิ การวิจัย
- กำหนดกลมุ่ ตวั อยา่ ง
- สรา้ งเคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัย
- ทดลองและเกบ็ รวบรวมข้อมูล
- วเิ คราะห์ขอ้ มลู

รายงานผลการวจิ ัยในชน้ั เรียน

ภาพท่ี 12.1 ข้ันตอนการวิจยั ในชน้ั เรยี นของ อนวุ ตั ิ คณุ แก้ว

203

ประวติ เอราวรรณ์ (2545: 5) ขนั้ ตอนการวิจัยปฏบิ ัตกิ ารในช้ันเรยี น ไดก้ ล่าวถึงกระบวนการ
และขน้ั ตอนไว้ดังนี้

1. การสำรวจสภาพการปฏิบัติงาน (Reconnaissance) เป็นขั้นตอนของการสำรวจสภาพ
การปฏิบัติงานของครวู า่ มีปญั หาอะไรบ้าง แลว้ วเิ คราะห์ว่าปญั หาเหลา่ นั้นมสี าเหตุมาจากอะไรและจะ
สามารถปรบั ปรงุ เปลยี่ นแปลงหรอื แก้ไขสภาพการปฏิบัตงิ านในส่วนใดบ้าง

2. การวางแผน (Planning) เป็นขั้นตอนสำหรับการกำหนดวัตถุประสงค์ กำหนดวิธีการและ
วางแผนเพื่อลงมือปฏิบัติ (Action) ให้ค้นคว้าคำตอบหรือพัฒนานวัตกรรมและการแก้ไขหรือ
เปลย่ี นแปลงสภาพการปฏิบัตงิ านทเ่ี ป็นปญั หา

3. การลงมือปฏิบตั ิ (Action) เป็นขนั้ ตอนการปฏิบตั ิตามแผนที่กำหนดไว้
4. การสะท้อนผลการปฏิบัติ (Reflection) หลังจากที่มีการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปรับปรุงและ
พัฒนาตนตามแผนจนปรากฏผล แล้วนักวิจัยต้องมีการสะท้อนผลการปฏิบัติว่ามีสิ่งใดที่เกิดขึ้นหรือ
เปลี่ยนแปลงหรอื พัฒนาไปบา้ ง เพอ่ื สรุปผลและวางแผนปรับปรุงใหม่หรือแกป้ ัญหาใหมต่ อ่ ไป

พชิ ิต ฤทธจ์ิ รญู (2557: 49) ไดก้ ล่าวถงึ ข้นั ตอนการวิจยั ในชั้นเรียนว่ามีขั้นตอนการดำเนนิ งาน
สำคญั ๆ 5 ขัน้ ตอนดังภาพท่ี 12.2

1 การวิเคราะห์ปัญหาการเรียนรู้

2 การเลือกนวัตกรรมหรอื วธิ กี ารแกป้ ญั หา

3 การออกแบบและสร้างนวตั กรรมหรือวิธกี ารแกป้ ัญหา

4 การใชน้ วัตกรรมหรือวิธกี ารแกป้ ญั หาหรือพฒั นา

5 การสรปุ และรายงานผลการวจิ ยั

ภาพท่ี 12.2 ข้ันตอนการวิจัยในชั้นเรยี นของ พชิ ิต ฤทธ์จิ รูญ

204

พิสณุ ฟองศรี (2551: 10) ได้กล่าวถึงขั้นตอนของการวิจัยในชั้นเรียนว่า มีขั้นตอนคล้ายกับ
การวจิ ัยทวั่ ไปแตบ่ างขัน้ ตอนอาจแตกต่างในรายละเอยี ดหรืออาจตัดออก หรือมคี วามยดื หยุ่นมากกว่า
เช่น ขั้นตอนการสุ่มและเลือกกลุ่ม ตัวอย่าง ส่วนใหญ่จะไม่จำเป็นหรือไม่อยู่ในวิสัยที่ทำได้เนื่องจาก
ศึกษาในห้องเรียนหรืออาจศึกษาจากผู้เรียนเพียงคนเดียว หรือกลุ่มเดียวที่ต้องการแก้ปัญหาหรือ
พัฒนา หรือการทบทวนศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องอาจจะไม่จำเป็นมากนัก เป็นต้น และเนื่องจากส่วน
ใหญ่เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียนโดยใช้นวัตกรรมต่าง ๆ จึงควรเพิ่มขั้นตอนดังกล่าวเข้ามาดว้ ยในท่ี
นจงึ สรปุ ข้ันตอนการวจิ ัยในชนั้ เรยี นดงั ภาพที่ 12.3

การสำรวจและกำหนดปัญหาเพ่อื เตรียมเรือ่ งวจิ ัย

การค้นคว้าและทบทวนเอกสาร

การสรา้ งและพัฒนานวตั กรรมต่าง ๆ เค้าโครงการวิจัย
การกำหนดตัวแปรและสมมุติฐาน
การเลอื กแบบวิจัยและกำหนดกลมุ่ ตัวอยา่ ง (ถ้าม)ี
การสร้างและพัฒนาเคร่ืองมือเกบ็ ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูล

การเขียนเค้าโครงและรายงานการวจิ ยั
ภาพที่ 12.3 ข้นั ตอนการวิจยั ในชั้นเรยี นของ พิสณุ ฟองศรี

จากภาพที่ 12.3 อาจมขี นั้ ตอนที่เพ่ิมมา คือ การเขยี นเค้าโครงการวิจยั ถ้าจาเป็นตอ้ งใช้ เช่น

205

เสนอแก่ผู้เก่ียวข้อง หรอื ขอสนับสนนุ ทุนวิจยั เป็นตน้ โดยเขียนในรปู ของประโยคพฒั นานวัตกรรมการ
กำหนดและวดั ตัวแปรการเลือกแบบการวิจัยการเก็บรวบรวมข้อมลู และการวิเคราะห์ข้อมลู แต่ในที่นี้
เห็นว่าเค้าโครงดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของรายงานการวิจัย จึงจะนำไปกล่าวในหัวข้อการเขียน
รายงานการวิจยั

จากขั้นตอนการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนที่กล่าวมาสามารถสรุปได้ว่า วิจัยในชันเรียนมี
ข้ันตอนการดำเนิน 5 ขน้ั ตอนประกอบด้วย ขน้ั ตอนที่ 1 การสำรวจสภาพปญั หาในช้นั เรียน ขั้นตอนท่ี
2 การทบทวนเอกสารและงานวจิ ัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนท่ี 3 สร้างนวัตกรรมทางการศึกษา ข้นั ตอนที่ 4
ดำเนินการวิจัยโดยการจัดการเรียนการสอนด้วยนวัตกรรมที่สร้างขึ้น ขั้นตอนที่ 5 วิเคราะห์ข้อมูล
สรปุ ผลและเขียนรายงานการวจิ ัยในชัน้ เรยี น

12.4 นวตั กรรมทางการศึกษา
พิสณุ ฟองศรี (2551: 65-71) ได้กล่าวถึงความหมายและความสำคัญของนวัตกรรมทาง

การศึกษาไว้ดงั นี้
นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง แนวคิด วิธีการ กระบวนการหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่

นำมาใช้แก้ปัญหาหรือพฒั นาการเรยี นร้ใู หม้ ีประสิทธิภาพตรงตามเป้าหมายของหลกั สตู ร
นวัตกรรมที่ใช้ในการวิจัยชั้นเรียน หมายถึง รูปแบบใหม่ ๆ ของสื่อการเรียนการสอนเทคนิค

วธิ ี กิจกรรม หรือส่ิงอื่นใดที่ผสู้ อนนำมาใช้ในการจัดการเรยี นการสอนหรือจัดประสบการณ์การเรียนรู้
เพือ่ ให้การเรยี นการสอนมีคุณภาพ นวัตกรรมทีน่ ำมาใช้อาจเป็นนวัตกรรมท่ีผู้สอนคิดขึ้นใหม่หรืออาจ
เป็นสิ่งที่มีผู้อื่นคิดค้นขึ้น หรือมีการใช้ทั่วไปในที่แห่งหนึ่งแล้วหากนำมาปรับปรุงแก้ไข และสามารถ
ใช้ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพหรือประสิทธผิ ลในที่อีกแห่งหนึง่ ก็ถือวา่ เป็นนวัตกรรม

ประโยชนข์ องนวตั กรรม
การนำนวัตกรรมทางการศึกษาไปใช้จดั การเรยี นการสอน นอกจากจะช่วยใหผ้ ้เู รยี นได้รับการ
พัฒนาการเรียนรตู้ ามทก่ี ำหนดแล้ว ยังมีประโยชนด์ งั ต่อไปนี้
1. นกั เรยี นเรยี นรู้ได้เรว็ ขนึ้
2. นักเรียนเขา้ ใจบทเรียนเปน็ รปู ธรรม
3. บรรยากาศการเรียนสนุกสนาน
4. บทเรียนน่าสนใจ
5. ลดเวลาในการสอน
6. ประหยัดค่าใชจ้ า่ ย

206

ลักษณะนวัตกรรมท่ีเหมาะสม
เนอื่ งจากนวตั กรรมทีใ่ ช้ในการวจิ ยั ช้ันเรียนหรือพัฒนาการเรยี นการสอน มอี ยเู่ ป็นจำนวนมาก
ครูอาจพบว่าในการแก้ปัญหาที่พบในการเรียนการสอนหนึ่งมีปัญหา มีวิธีการกิจกรรม หรือสื่อหรือ
เทคนิคที่จะใชแ้ ก้ปัญหา หรือพัฒนาการเรียนการสอนดังกลา่ วได้หลายวธิ ี ครูควรพิจารณาว่าแต่ละวิธี
มีข้อดี ข้อจำกัด และความเป็นไปได้ในสภาพการณ์ของนักเรียนครูผู้สอน ชั้นเรียน หรือระบบของ
สถานศึกษาเพียงใด แล้วจึงตัดสินใจเลอื กวิธีการ กิจกรรมหรือสื่อและเทคนิค วิธีการที่เหมาะสมท่สี ดุ
ไดส้ รุปถงึ ลกั ษณะนวตั กรรมที่เหมาะสมไว้ ดังนี้
1. สามารถนำมาแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนการสอนได้ตรงตามประเด็นหรือจุดพัฒนาที่
ครูผู้สอนกำหนดไว้
2. ใช้ง่าย ผู้ใชไ้ มจ่ ำเป็นต้องพัฒนาทกั ษะหรือความรใู้ หม่เพ่ือท่ีจะใชน้ วัตกรรม
3. ประหยัด ราคาไม่แพง ดูแลรกั ษางา่ ย
4. ไมข่ ัดกบั สภาพสังคม คา่ นิยม ประเพณี วัฒนธรรมทเี่ ปน็ อยใู่ นขณะนัน้
5. ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียนในทางบวก ในขณะเดียวกันสามารถ
แบ่งเบาภาระของผูส้ อนได้ และทำใหเ้ กดิ พฒั นาการในตัวผู้เรียน
6. สามารถทดลองหรอื ทดสอบได้โดยไมย่ ุ่งยาก ไมซ่ ับซ้อน และไม่ใชเ้ วลามากนัก
7. คาดว่าน่าจะส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน มากกว่าวิธีการหรือสื่อที่ครูใช้อยู่
เดิม
ดังนั้น ก่อนการตดั สินใจนำนวัตกรรมใด ๆ มาใช้ควรคำนงึ ถึงสง่ิ ตอ่ ไปน้ีด้วย
1. พจิ ารณาลกั ษณะผลท่จี ะได้รับและวธิ ีใช้นวตั กรรมนนั้
2. สามารถจัดการในนวัตกรรมนั้น ๆ ไดท้ งั้ กระบวนการ เวลา และบคุ คล
3. ผลของการใช้นวตั กรรมนน้ั ต้องมปี ระโยชน์ค้มุ ค่า
4. ผ้เู ก่ียวข้องใหค้ วามรว่ มมือในการใช้นวตั กรรม
5. หนว่ ยงานในการสนบั สนุนและไม่ขดั แย้งกับโครงสร้างการปฏิบตั ิงาน
6. สำรวจความเปน็ ไปได้ หรอื มีการเปรียบเทยี บกบั นวตั กรรมอ่ืนกอ่ นนำไปใช้
แหลง่ ทมี่ าของนวัตกรรม
การที่ครูจะสามารถเลือกนวัตกรรมที่เหมาะสมมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนได้
จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียด รวมทั้งวิธีการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมแต่ละ
ชนดิ ด้วย ซ่งึ ความรคู้ วามเข้าใจเร่อื งดังกล่าวของครอู าจมีที่มาจากแหล่งต่อไปน้ี
1. จากประสบการณเ์ ดมิ ครแู ต่ละคนมพี ้นื ฐานความรเู้ กยี่ วกับนวัตกรรมอยกู่ ่อนแล้วมากน้อย
ต่างกันไปในแต่ละคน ความรู้เหล่านั้นอาจได้จากการศึกษาเล่าเรียนในสถาบันการศึกษาจาก
ประสบการณ์ที่ได้เคยใช้ หรือเห็นครูคนอื่นใช้ หรือจากประสบการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับมาระหว่างการ

207

ปฏิบตั หิ น้าที่ครผู ้สู อน ซง่ึ เปน็ ความรู้เดมิ ทีม่ อี ยู่ในตวั แลว้
2. จากการแสวงหาความรู้ใหม่เพิ่มเติม ถ้าครูเห็นว่าความรู้เดิมเกี่ยวกับนวัตกรรมที่ตนเองมี

อยู่ ยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาการเรียนการสอนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็สามารถแสวงหาความรู้ใหม่
เพมิ่ เตมิ ได้หลายวิธกี าร เชน่

2.1 สนทนากับเพื่อนครู ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการ
สอนอื่น ๆ แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน จะช่วยให้ครูได้มองเห็น
แนวทางใหม่ ๆ ข้ึนมาได้

2.2 เข้ารบั การอบรมหรือเข้าร่วมการประชุมสัมมนาทีจ่ ดั ขน้ึ โดยหน่วยงานต่าง ๆ ท่ี
เก่ียวข้องกบั การจดั การเรยี นการสอน โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในรายวิชาทรี่ ับผิดชอบ

2.3 ศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมจากเอกสาร ตำรา และงานวิจัยต่าง ๆ รวมทั้งสื่อ
อิเลก็ ทรอนิกส์ หรือ อนิ เตอรเ์ นต็ ดว้ ย ท้ังน้ี อาจศกึ ษาทฤษฎีทเ่ี กยี่ วข้องกับการเรยี นรู้ เทคนคิ การสอน
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอนประเภทต่าง ๆ ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้มีผู้เขียนเป็น
เอกสารเผยแพร่ไว้มากมาย นอกจากนี้ยังสามารถศึกษาจากรายงานการวิจัยประเภทวิทยานิพนธ์ใน
สาขาวิชาศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์ด้านหลักสูตรและการสอน รวมทั้งผลงานทางวิชาการของ
ครูผู้สอนระดับต่าง ๆ ที่นำเสนอและผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งงานวิจัยเหล่านี้จะมี
แนวคิดทฤษฎี และตวั อยา่ งของนวตั กรรมประเภทตา่ ง ๆ อยู่

เมื่อได้พบนวัตกรรมที่น่าสนใจ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ในงานของ
ตนเอง ควรศึกษารายละเอียดให้เข้าใจชัดเจนเสียก่อน จะต้องพิจารณาให้ดีว่านวัตกรรมนั้น ๆ
เหมาะสมกับการแกป้ ัญหาและพฒั นาการเรียนการสอนตามประเดน็ ทีก่ ำหนดไวห้ รอื ไม่เพยี งใด

ขนั้ ตอนการสรา้ งและพัฒนานวตั กรรม
ขั้นตอนการสรา้ งและพฒั นานวตั กรรมได้ดังนี้

ขน้ั ท่ี 1 กำหนดสิ่งท่ีจะพัฒนา
เมื่อครูได้ศึกษาสภาพปัญหา วิเคราะห์รายละเอยี ด และสาเหตุของปัญหาท่ีต้องการ
แก้ไขหรือพัฒนาแล้ว ก็ตั้งเป้าหมายในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน
นั่นคือ กำหนดจุดประสงค์ของการเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดในตัวผู้เรียนอาจจะทั้งห้อง กลุ่มย่อย หรือ
รายบุคคล เชน่ พัฒนาความรวู้ ิชาต่าง ๆ ความสามารถด้านกระบวนการแก้ปญั หา ความสามารถด้าน
ทักษะกระบวนการ การพัฒนาค่านิยมเกี่ยวกับอาชีพอิสระ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และการพัฒนาด้าน
ความคิดสร้างสรรค์ เป็นตน้
ขนั้ ที่ 2 กำหนดนวัตกรรม
เมื่อกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ไว้ชัดเจนแล้ว ครูต้องศึกษาค้นคว้าตามหลัก
วชิ าการแนวคิดทฤษฎีและผลงานท่วี ิจัยท่ีเกย่ี วข้องกบั จุดประสงค์ในการพฒั นาคุณลักษณะของผู้เรียน

208

โดยนำมาผสมผสานกับ ความรู้ ความคิด และประสบการณ์ ของตนกำหนดเป็นกรอบแนวคิดของ
กระบวนการเรียนรู้ซ่ึงประกอบดว้ ย สื่อการสอน หรือ วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เทคนิควิธีการกระบวนการ
ฯลฯ ท่ีคดิ ว่าเหมาะสมท่สี ุดท่ีใชแ้ กป้ ญั หาหรอื พฒั นาผูเ้ รยี นใหไ้ ด้ตามความต้องการ

ขั้นที่ 3 สรา้ งและพฒั นา
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะเลือกจัดทำนวัตกรรมชนิดใด ครูผู้สอนควรศึกษาวิธีการจัดทำ
นวัตกรรมนั้น ๆ อย่างละเอียด เช่น จะจัดทำบทเรียนสำเร็จรปู เรื่องเลขยกกำลัง วิชาคณิตศาสตร์ชว่ ง
ชั้นที่ 3 ก็ต้องศึกษาค้นคว้าวิธีการจัดทำบทเรียนสำเร็จจากเอกสารที่เกี่ยวข้องว่าบทเรียนสำเร็จรูปมี
ลักษณะองค์ประกอบอะไรบา้ ง มีวิธีดำเนินการจดั ทำอย่างไร มีการตรวจสอบคุณภาพเบ้ืองต้นหรือไม่
อย่างไรแล้วจึงจัดทำต้น แบบบทเรียนสำเร็จรูปให้สมบูรณ์ตามข้อกำหนดของวิธีการทำบทเรียน
สำเร็จรปู เปน็ ตน้
ขน้ั ท่ี 4 ทดลองใช้
เพื่อให้แน่ใจว่านวัตกรรมที่สร้างหรือพัฒนาขึ้นเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ
สามารถใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนได้ตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้จริง ถ้าทำได้ครูอาจทำการ
ทดลองใช้นวัตกรรมเหล่านั้นกับนักเรียนกลุ่มเล็ก ๆ ก่อน เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ก่อนนำไปใช้
จริงนอกจากนั้น นวัตกรรมบางประเภท เช่น บทเรียนสำเร็จรูปและชุดการสอน จะมีรูปแบบของการ
ทดลองใช้ก่อน 1 คน เมื่อพบข้อบกพร่องก็ปรับปรุงแก้ไข หลังจากนั้นให้ทดลองกับผู้เรียนกลุ่มหนึ่ ง
ประมาณ 9 -10 คน ซึง่ ประกอบด้วยผู้เรียนอ่อน ปานกลาง และเก่ง แลว้ ตรวจสอบคุณภาพ ด้วยการ
หาประสิทธิผลของนวัตกรรม เป็นต้น หลังจากนั้นอาจปรับปรุงแก้ไขอีกครัง้ หนึ่งก่อนที่จะนำไปใช้กบั
ผเู้ รยี นกล่มุ ใหญใ่ นสภาพการณ์จริง
ขนั้ ท่ี 5 ใชใ้ นสถานการณ์จริง
เมื่อครูดำเนินการสร้างทดลองใช้นวัตกรรม และปรับปรุงแก้ไขจนมั่นใจในคุณภาพ
ของนวัตกรรมแล้วก็นำไปใช้จริง ซงึ่ อาจเป็นการนำไปใชต้ ามแผนการสอนปกติท่ีกำหนดไว้ หรือจัดทำ
เป็นรูปแบบของการทดลองใช้นวัตกรรมตามกระบวนการวิจัย แบบทดลองก็ได้ขึ้นอยู่ กับ ความ
ประสงค์ของครู และสถานการณ์จรงิ ของการจัดการเรยี นการสอนที่เกิดข้นึ
ข้นั ที่ 6 ประเมินผลการใช้
เมื่อสิ้นสดุ กระบวนการใช้นวัตกรรมแล้ว ครูต้องเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีแสดงถึงผลการ
ใช้นวัตกรรมด้วยเทคนิควิธีต่าง ๆ ซึ่งจะแสดงถึงคุณภาพของนวัตกรรม และถ้าผลการใช้นวัตกรรม
สามารถลดสภาพปัญหา หรือแก้ปัญหา หรือพัฒนาผู้เรียน ได้ตามที่กำหนดจุดพัฒนาไว้ ก็สามารถ
รายงานผล ขยายผล และเผยแพร่นวัตกรรมตอ่ ไป

209

ประเภทของนวัตกรรม
โดยทั่วไปแล้วหัวข้อประเภทของสาระที่นำเสนอมักจะอยูใ่ นช่วงตน้ ๆ หลังหัวข้อความหมาย
หรือ ประโยชน์แต่ในที่นี้ เพื่อให้เป็นการต่อเนื่องเชื่อมโยงกับการแบ่งประเภทของนวัตกรรมที่ผู้เขียน
กำหนดไว้จึงนำหัวข้อประเภทของนวัตกรรมมาไว้หลังสุด เพื่อให้เชื่อมโยงกับเนื้อหาในบทที่ 5 ต่อไป
สำหรบั การแบ่งประเภทของนวัตกรรมอาจแบ่งไดห้ ลายวธิ ี ข้ึนอยกู่ ับผแู้ บ่งวา่ ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการ
แบง่ เชน่
1. แบง่ ตามผู้ใช้ประโยชนโ์ ดยตรง ไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื

1.1 นวัตกรรมสำหรับครู เช่น แผนการสอน คู่มือครู เอกสารประกอบการสอน ชุด
การสอน หนงั สอื อ้างองิ เครอื่ งมอื วัดผลและอุปกรณโ์ สตทศั นปู กรณต์ ่าง ๆ เปน็ ต้น

1.2 นวัตกรรมสำหรับนักเรียน เช่น บทเรียนสำเร็จรูป เอกสารประกอบการเรียน
ชุดฝกึ ปฏบิ ัติ ใบงาน หนังสือเสรมิ ประสบการณ์ ชดุ เพลง ชดุ เกม และการต์ นู เปน็ ต้น

2. แบง่ ตามลกั ษณะของนวัตกรรม ได้เป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่
2.1 สื่อการเรียนการสอน เช่น บทเรยี นสำเรจ็ รูปชดุ การสอน ชดุ สื่อการสอนบทเรยี น

โมดูล วีดิทัศน์ สไลด์ประกอบเสียง ภาพยนตร์ เพลง เกม การ์ตูน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ใบงาน แผ่น
โปร่งใส บตั รคา แผน่ พับ ภาพพลิก และแผน่ ป้ายแมเ่ หล็ก เปน็ ตน้

2.2 เทคนิคและวธิ ีการ เช่น บทบาทสมมติ การสอนเปน็ คณะ การสอนแบบศนู ย์การ
เรียน การเรียนเพื่อรอบรู้ การสอนแบบโครงการ การสอนเพื่อเสริมสร้างลักษณะนิสัย การสอนซ่อม
เสริม การเรียนตามความสามารถ การศึกษาเป็นรายบุคคล การฝึกทักษะการทำงานกลุ่ม และการ
สอนแบบแก้ปญั หา เปน็ ต้น

3. แบ่งตามขอบข่ายการพัฒนา ได้เป็น 4 ประเภท คือ (สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัด
การศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน, 2549 : 2 – 3)

3.1 ด้านการบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีคุณภาพ เช่น รูปแบบ วิธีการบริหาร
จัดการสถานศึกษาขนาดต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานศึกษาขนาดเล็ก สถานศึกษาที่ขาดแคลนครูในถิ่น
กนั ดารห่างไกลและชุมชนแออัด เปน็ ต้น

3.2 ด้านการจัดการเรียนการสอนท่ีมีประสิทธิภาพ เช่น เทคนิค วิธี การสอนใหม่ ๆ
และการจัดทำส่อื เปน็ ตน้

3.3 ด้านการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม เช่น รูปแบบวิธีการ
กิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ด้วยการใช้รูปแบบ
เทคนิค วธิ กี าร กระบวนการต่าง ๆ เปน็ ตน้

3.4 ด้านสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น สื่อที่เป็น
สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ การผลิตหุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้ หรือเทคนิค วิธีการที่ทำให้ผู้เรียนค้นพบวิธีการ

210

เรยี นรขู้ องตนเอง เช่น การอนุรักษส์ ่ิงแวดล้อม และการสง่ เสรมิ สุขภาพ เปน็ ตน้
การแบง่ ประเภทของนวตั กรรมต่าง ๆ ขา้ งต้นทพ่ี บกนั มากทีส่ ุด คือ การแบ่งตามลักษณะของ

นวัตกรรม ได้เป็นสื่อการเรียนการสอนกับเทคนิคและวิธีการ ซึ่งอาจเรียกว่าแบ่งเป็นสิ่งที่เน้นวัตถุซ่ึง
เห็นหรือจับต้องได้ชัดเจนกับตามสิ่งที่เน้นวิธีการซึ่งจัดต้องได้ยากนั่นเอง ส่วนการแบ่งล่าสุดตาม
ขอบข่ายของการพัฒนา จะเห็นว่าบางหัวข้ออาจเปน็ เรื่องการบริหารจัดการ ซึ่งน่าจะเป็นภารกิจของ
ผู้บริหารมากกว่าของครู คือ นวัตกรรมประเภทการบริหารจัดการสถานศึกษา ส่วนในหัวข้ออื่น ๆ ก็
เป็นประเภทเทคนิค วธิ กี าร และประเภทสื่อเชน่ เดียวกนั โดยเพ่มิ ประเภทการพฒั นาตามคุณลักษณะ
ด้านจิตพิสัย หรือจิตใจเข้ามาด้วย นั่นคือเป็นลักษณะผสมโดยเอาทั้งคุณสมบัติของนวัตกรรมและ
คุณลักษณะของผู้เรยี นมารวมกนั

12.5 สรุป
การวิจัยในชั้นเรียน หมายถึง การวิจัยที่ดำเนินการโดยครู ผู้สอนในห้องเรียนที่ตนเอง

รับผิดชอบเพือ่ แกป้ ัญหาหรือพฒั นาการจดั การเรียนการสอนทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ของผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งการวิจัยในชั้นเรียนมี
ความสำคัญเริ่มจากผู้เรียนที่ครูหาวิธีการแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนโดยการสร้างนวัตกรรมทาง
การศกึ ษามาช่วยในการจดั การเรียนการสอน นอกจากจะมีความสำคัญต่อผ้เู รียนแลว้ ยังมีความสำคัญ
ต่อครูผู้สอนที่จะพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของตนเองและพัฒนาทักษะการทำวิจัย เพื่อนำไปสู่
การขอผลงานทางวิชาการ โดยการวิจัยในชันเรียนมีขั้นตอนการดำเนิน 5 ขั้นตอนประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 การสำรวจสภาพปัญหาในชั้นเรียน ขั้นตอนที่ 2 การทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่
เกี่ยวข้อง ขน้ั ตอนท่ี 3 สร้างนวัตกรรมทางการศึกษา ขั้นตอนท่ี 4 ดำเนนิ การวิจัยโดยการจัดการเรียน
การสอนดว้ ยนวตั กรรมที่สรา้ งขนึ้ ขัน้ ตอนที่ 5 วเิ คราะห์ขอ้ มลู สรปุ ผลและเขียนรายงานการวิจัยในช้นั
เรยี น

12.6 คำถามทบทวน
1. จงบอกความหมายของการวจิ ัยในช้ันเรยี น
2. จงอธิบายความสำคัญของการทำวจิ ยั ในชนั้ เรียนทีม่ ีต่อวิชาชพี ครู
3. จงอธบิ ายขัน้ ตอนของการทำวจิ ัยในชัน้ เรียน
4. เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งทาการวเิ คราะหส์ ภาพปัญหาในชนั้ เรยี นเปน็ อันดบั แรกก่อนทำวจิ ยั ใน

ช้ันเรยี น
5. นวัตกรรมทางการศึกษามีความสำคัญอย่างไรตอ่ การทำวิจัยในชนั้ เรยี น

211

12.7 เอกสารอา้ งอิง
ครุรักษ์ ภริ มย์ภกั ษ์. (2543). การเรียนรูแ้ ละฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารวิจัยในชั้นเรยี น. กรงุ เทพมหานคร:

โอเดียนสโตร์.
ประวติ เอราวรรณ.์ (2545). การวจิ ยั ปฏิบตั กิ าร. กรุงเทพมหานคร: ดอกหญา้ วชิ าการ.
ประสาท เนืองเฉลมิ . (2556). วิจัยการเรียนการสอน. พมิ พ์คร้ังท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ทั ทวี

พริน้ ท์ (1991).
พิชิต ฤทธ์จิ รญู . (2557). ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ัยในชนั้ เรยี น: ครทู ุกคนทำไดไ้ ม่ยาก. พมิ พ์ คร้ังท่ี 11.

กรุงเทพฯ: บรษิ ัท เฮ้าส์ ออฟ เคอรม์ ิสท์ จำกัด.
พสิ ณุ ฟองศรี. (2551). วิจัยช้ันเรยี น: หลักการและเทคนิคปฏิบัต.ิ พมิ พค์ ร้งั ท่ี 6. กรงุ เทพมหานคร:

บรษิ ัท ด่านสทุ ธาการพิมพ์ จำกัด.
รัตนะ บัวสนธ.์ (2552). การวิจัยและพฒั นานวัตกรรมการศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร: คาสมัย.
สวุ มิ ล ว่องวาณชิ . (2559). วิจัยปฏบิ ตั ิการในช้ันเรยี น. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์แห่งจฬุ าลงกรณ์

มหาวทิ ยาลยั .
อนวุ ตั ิ คณู แก้ว. (2555). การวจิ ัยเพื่อพฒั นาการเรยี นรสู้ ู่ผลงานทางวิชาการเพอ่ื การเล่ือนวทิ ย

ฐานะ. กรุงเพทมหานคร. โรงพมิ พแ์ หง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .


Click to View FlipBook Version