The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กถาพัฒนากร ปี 2562 Developer Matter ชื่อเสียง เกียรติคุณ การยอมรับ ความสำเร็จของกรมการพัฒนาชุมชน ล้วนเกิดจากตัวเรา พัฒนากร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kmdivision.2564, 2021-06-25 15:36:55

กถาพัฒนากร เล่ม 3

กถาพัฒนากร ปี 2562 Developer Matter ชื่อเสียง เกียรติคุณ การยอมรับ ความสำเร็จของกรมการพัฒนาชุมชน ล้วนเกิดจากตัวเรา พัฒนากร

พัฒกนถาากร

Developer Matter

ช่ือเสยี ง เกียรติคุณ การยอมรับ ความสำเรจ็
ของกรมการพฒั นาชมุ ชน
ลวนเกดิ จากตัวเรา พฒั นากร



พัฒกนถาากร

Developer Matter

ช่ือเสยี ง เกียรติคุณ การยอมรับ ความสำเรจ็
ของกรมการพฒั นาชมุ ชน
ลวนเกดิ จากตัวเรา พฒั นากร

กถา พัฒนากร

บรรณาธิการ นริ ันดร์ จงวุฒิเวศย,์ Ph.D.
ชนมณฐั รอดบุญธรรม
ปีท่พี ิมพ ์ พิมพค์ ร้งั แรก กรกฎาคม 2537 จำ� นวน 8,000 เล่ม
พมิ พ์ครั้งทีส่ อง มิถนุ ายน 2550 จ�ำนวน 33,500 เลม่

พมิ พ์คร้ังทีส่ าม กนั ยายน 2562 จ�ำนวน 8,000 เล่ม
จดั พิมพ์โดย กรมการพัฒนาชมุ ชน กระทรวงมหาดไทย
พมิ พ์ท่ ี บริษัท ดิเอสท์ จำ� กัด

ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมหอสมดุ แหง่ ชาติ
นิรนั ดร์ จงวฒุ เิ วศย์, Ph.D.
กถาพฒั นากร. 2562. กรมการพัฒนาชุมชน : กรุงเทพฯ 200 หนา้
คำ� สำ� คัญ 1. พฒั นากร 2. การพฒั นาชมุ ชน
ISBN : 978-974-423-162-8

พพมหรราะะบบภรามู ทมพิ สรลามอโเชดดว็จุลาพยทเรดะชบมรมหชารนากชาธบิเรบมศนราถบพติ ร

“ขอบใจมากท่ีต้องเหน็ดเหน่ือยท�ำงานในหมู่บ้านชนบท และต้องประสบ
ปญั หาตา่ งๆ มากมาย ขอใหช้ ว่ ยกนั พฒั นาคนใหม้ คี วามฉลาด สามารถชว่ ยตวั เอง
ได้ในการแนะน�ำส่งเสริมอาชีพ หรือให้ค�ำแนะน�ำเร่ืองต่างๆ ต้องท�ำให้บ่อยๆ
ไม่ใช่พูดหรือท�ำหนเดียวเพราะชาวบ้านมีประเพณีความเคยชินมานาน
และเมอื่ แนะนำ� ใหท้ ำ� อะไรไดแ้ ลว้ ตอ้ งชว่ ยใหเ้ ขาขายไดด้ ว้ ย มฉิ ะนน้ั เขาจะเสอื่ ม
ศรัทธาไม่เชื่อถอื ท�ำต่อไป

ขอใหช้ ว่ ยกนั แนะนำ� ชาวบา้ นราษฎรใหข้ ยนั ขนั แขง็ มคี วามฉลาดสรา้ งความมนั่ คง
ให้แก่ครอบครัว ท�ำงานหารายได้และเก็บออมไว้ เม่ือถึงคราวจ�ำเป็น ซึ่งเป็น
ส่วนหนึ่งของการประกันสังคม การสร้างความม่ันคงเป็นปึกแผ่นแก่ครอบครัว
ชนบท เป็นการป้องกันประเทศชาติด้านหน่ึง อย่าเข้าใจวา่ การปอ้ งกนั ประเทศ
ชาติเป็นหน้าท่ีของทหารเช่นสมัยก่อน ความมั่นคงของประชาชนชนบท
เปน็ สว่ นทจ่ี ะสรา้ งชาตแิ ละปอ้ งกนั ประเทศอยา่ งดี ขอบใจ ขอใหส้ บายดี โชคดที กุ คน
และมีความส�ำเรจ็ ในการงาน”

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระราชทานแกพ่ ฒั นากร ในวโรกาสเสดจ็ ไปทรงกระทำ� พธิ ี
เปิดเขอื่ นและการพลังงานไฟฟ้า แม่น�้ำพงุ จงั หวัดสกลนคร

เม่อื วนั ท่ี 14 พฤศจกิ ายน 2508

ค�ำนำ�

(ฉบับแกไ้ ขปรับปรงุ )
การทำ� งานพ้ืนฐานของพฒั นากรเปน็ การท�ำงานทยี่ ดึ หลกั การพัฒนาชมุ ชน สำ� หรับ
วิธีการท�ำงาน โครงการ/กิจกรรมพัฒนาชุมชน จะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
สภาพสงั คม เศรษฐกจิ ปญั หาความตอ้ งการของประชาชน และแนวนโยบายของรฐั บาล

“กถาพฒั นากร” เปน็ คมั ภรี ใ์ นการทำ� งานสำ� หรบั เจา้ หนา้ ทพี่ ฒั นาชมุ ชน ซง่ึ จดั พมิ พ์
มาแล้ว จำ� นวน 2 ครัง้ ดงั นน้ั เพ่ือใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ย่างสงู สุด กรมการพัฒนาชมุ ชน
จงึ ได้ปรับปรงุ “กถาพฒั นากร” ใหม้ ีเนื้อหาเปน็ ปจั จุบนั

กลา่ วคอื นำ� เสนอแนวคดิ และหลกั การในสว่ นตน้ เนอื้ หาเชงิ กระบวนการในสว่ นกลาง
และวิธีการเฉพาะเป้าหมายในส่วนท้าย โดยได้ปรับปรุงแก้ไขวิธีการเฉพาะเป้าหมาย
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพ่ือให้พัฒนากรสามารถท�ำงาน
อย่างมปี ระสิทธิภาพมากข้นึ และบรรลจุ ุดหมายท่ีพึงประสงค์ คือ การขบั เคลื่อนพลัง
ประชาชนไปสู่เป้าหมาย เศรษฐกิจฐานรากม่ันคง และชุมชนพง่ึ ตนเองได้

กรมการพัฒนาชุมชน

อารมั ภกถา

ตน้ ไม้เจรญิ งอกงาม โตล้ มแรง ต้านแดดกล้าได้
เพราะมรี าก (roots)...รากแก้วทแ่ี ข็งแรง
รากแกว้ ท�ำใหต้ ้นไม้งอกงามและแขง็ แรงทนแดด ทนฝน
รากเหง้าท�ำให้กรมการพัฒนาชุมชนมพี ฒั นาการท่เี ข้มแขง็
ยืนหยดั ตง้ั ตรง เผชิญมรสมุ ความทา้ ทายไดอ้ ยา่ งงดงาม
​รากเหงา้ ของกรมการพฒั นาชมุ ชน คอื ทม่ี าของกรมการพฒั นาชมุ ชน คอื หลกั การพฒั นา
fi ชุมชน...การยึดประชาชนเป็นหลัก สร้างกระบวนการเรียนรู้ เสริมกระบวนการกลุ่ม
รวมกลมุ่ ทำ� งาน ทำ� ใหป้ ระชาชนทกุ เพศทกุ วยั ทกุ ฐานะทกุ อาชพี มสี ว่ นรว่ มคดิ ตดั สนิ ใจ
ล งมือท�ำ แก้ปัญหา ก�ำหนดชะตาชีวิตของตนเองและชุมชน ด้วยจิตส�ำนึกว่า
ตนเปน็ สว่ นหนงึ่ ของชมุ ชน
ต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวกว่า 56 ปี ย่อมแตกกิ่งก้านสาขาไปตามสภาพท่ีถูกก�ำหนด
โ ดยสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ บางกิ่ง บางก้าน จึงเติบใหญ่ ไร้ระเบียบ ไร้ทิศทาง
กลายเปน็ ภาระทอ่ี าจท�ำให้ไมท้ ง้ั ต้นลม้ ลงได้ สดุ ทีร่ ากแก้ว จะทนแบกไหว
เราตอ้ งยดึ งานหลกั งานสำ� คญั งานเอกลกั ษณโ์ ดดเดน่ เพอ่ื ใหก้ รมการพฒั นาชมุ ชน
มน่ั คง ยืนหยดั ต้งั ตรง ดังตน้ ไมท้ ม่ี ีคา่
​เป็นต้นไม้ท่ีแข็งแรง ปราดเปรียว ด้วยรากท่ีแข็งแรง และล�ำต้นที่กิ่งก้านได้รับ
การตดั แต่งใหง้ อกงามอย่างมคี ุณค่าตอ่ ประชาชนในชนบท

ดร.นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์

สารจากอธบิ ดกี รมการพฒั นาชุมชน

5 6 ปี ของการก่อต้ังกรมการพัฒนาชุมชนท่ีผ่านมา นับเป็นประสบการณ์อันมีค่า
ที่ข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนไปท�ำงานเคียงข้างประชาชน ซึ่งเราได้น้อมน�ำหลัก
ป รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนในการด�ำเนินชีวิต
ด้วยความพอประมาณ ความมีเหตุผล ความมีภูมิคุ้มกัน และใช้ความรู้คู่คุณธรรมใน
การด�ำเนินชีวติ สง่ เสรมิ ให้ชมุ ชนเข้มแขง็ พึง่ ตนเอง

เ ราขับเคล่ือนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยการพัฒนาสินค้าหน่ึงต�ำบล
หนงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ สง่ ผลใหผ้ ปู้ ระกอบการ OTOP นบั ลา้ นคนมอี าชพี มรี ายได้ มงี านทำ� กระตนุ้
เศรษฐกจิ ฐานรากให้มคี วามเข้มแข็ง

เราช่วยเหลือครัวเรือนยากจนให้ลุกข้ึนมาประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง ตามแนวคิด
“ช่วยเพื่อใหเ้ ขาช่วยตัวเอง” อย่างมีเกียรตแิ ละมศี กั ดศิ์ รี

เราสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนบรหิ ารจดั การทนุ ชมุ ชน ทำ� ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ แหลง่ ทนุ นำ�
ไปประกอบอาชีพและบรหิ ารอย่างมีธรรมาภิบาล

ท่สี ำ� คัญ 56 ปี ที่ผา่ นมา กรมการพัฒนาชมุ ชนของเราใหค้ วามส�ำคญั กบั การพฒั นา
พน่ี อ้ งพฒั นาชมุ ชนใหย้ ดึ มน่ั ในอดุ มการณพ์ ฒั นาชมุ ชน และดำ� เนนิ ชวี ติ ดว้ ยความสจุ รติ
เทย่ี งธรรม

56 ปที ผี่ า่ นไป 57 ปที กี่ ำ� ลงั จะกา้ วยา่ งมาถงึ ผมเชอื่ วา่ เราขา้ ราชการกรมการพฒั นา
ชุมชนจะยงั คงยึดมน่ั ในอดุ มการณ์ของการพฒั นาชุมชน และยนื เคยี งข้างประชาชนใน
การท่จี ะช่วยเพอ่ื ให้เขาช่วยตนเอง

เ รายังคงน้อมน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาด�ำเนินการให้เป็นวิถีชีวิต
(Way of life) ของประชาชน โดยมเี ปา้ หมายท่ีจะสร้างความสุขมวลรวมชุมชน (Gross
V illage Happiness : GVH) ใหเ้ กิดข้ึนในหมบู่ า้ น/ชมุ ชน เพื่อใหค้ นไทยทัง้ ประเทศ
มคี วามสขุ ตามยทุ ธศาสตร์ชาตริ ะยะ 20 ปี

นายนสิ ิต จันทร์สมวงศ์
อธบิ ดีกรมการพัฒนาชุมชน
เ รายังคงเร่งระดมสรรพก�ำลังเพื่อขับเคล่ือนสินค้า
“ หน่ึงต�ำบล หน่ึงผลิตภัณฑ์” โดยมุ่งเน้นคุณภาพสร้าง
สินค้าที่พิเศษ สินค้าแห่งอัตลักษณ์ และสินค้าแห่ง
ภูมิปัญญาชุมชนอย่างต่อเน่ือง ทั้งต้นน�้ำ กลางน�้ำ และ
ป ลายน้�ำ โดยใช้กลไกประชารัฐของภาคเอกชนเข้ามา
รว่ มมอื ในการขบั เคลอื่ น เพอ่ื เปน็ หนุ้ สว่ นการทำ� งานรว่ มกนั
เรายงั ต้องเสรมิ สร้างทุนชุมชนให้มีธรรมาภบิ าล เป็นพลังส�ำคญั ในการขบั เคลอื่ น
อาชพี รายได้ ของคนในชมุ ชนอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ทำ� ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ แหลง่ ทนุ และบรหิ าร
ทุนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนมีธรรมาภิบาล สร้างการออม
และสง่ เสรมิ สวสั ดิการชุมชน
แ ละท่ีส�ำคัญที่สุดปีท่ี 57 เราจะต้องก้าวเดินต่อไป เราจะเสริมสร้างบุคลากร
ก รมการพัฒนาชุมชนให้มีชีวิตครอบครัวและชีวิตการท�ำงานที่สมดุล สามารถ
ขบั เคลอื่ นภารกจิ ของกรมการพฒั นาชมุ ชนใหส้ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ 20 ปี
แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 12และสอดคลอ้ งกบั การปฏริ ปู ประเทศ
ผมมีความเชื่อมั่นอย่างจริงใจว่าพ่ีน้องพัฒนาชุมชนของผมมีคุณภาพ คุณธรรม
มคี วามมงุ่ มนั่ และเสยี สละที่จะปฏบิ ตั ิหน้าทอ่ี ันยิ่งใหญน่ ้ไี ด้
“นาฬกิ าพฒั นาชมุ ชนเรอื นนเ้ี ดนิ มา 56 ปแี ลว้ และจะเดนิ ตอ่ ไปขา้ งหนา้ อยา่ งมน่ั คง
เราจะสร้างชุมชนให้เข้มแข็งด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจฐานราก
ใหส้ มดุลและยืนเคยี งข้างประชาชนตลอดไป”

สารบัญ หน้า

ค�ำน�ำ 11
อารมั ภกถา 19
สารอธิบดกี รมการพฒั นาชมุ ชน 23
กถา 1 พัฒนากร 29
กถา 2 การพัฒนาชุมชน 32
49
2.1 การพฒั นาชุมชน จากแนวคิดสูแ่ นวทาง 52
2.2 กระบวนการพัฒนาชุมชน 55
2.3 พัฒนากรกบั งานกระบวนการพฒั นาชุมชน 57
กถา 3 วธิ ีการท�ำงานพัฒนาชมุ ชน 64
3.1 พัฒนากรกับการวางแผนการท�ำงาน 70
3.2 พัฒนากรกับงานงบประมาณ 74
3.3 พัฒนากรกับงานขอ้ มลู และสารสนเทศ 76
3.4 พัฒนากรกับการรายงานผลการปฏิบตั ิงาน 79
3.5 พฒั นากรกับการประสานงาน 85
3.6 พัฒนากรกบั งานชว่ ยการบรหิ ารของพฒั นาการอ�ำเภอ 85
3.7 พัฒนากรกบั งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 88
กถา 4 พฒั นากรกับงานพฒั นาชมุ ชน
4.1 พฒั นากรกับงานพื้นฐาน
1) พฒั นากรกบั การเปน็ ทป่ี รกึ ษากลมุ่ /องคก์ ร/เครอื ขา่ ยประชาชน
2) พฒั นากรกับงานสร้างผูน้ �ำและอาสาสมคั รชมุ ชน

4.2 พฒั นากรกบั การพัฒนาชุมชนให้พ่ึงตนเองได้ 95
1) กระบวนการจัดทำ� แผนพฒั นาหมบู่ า้ นและ 95
แผนพัฒนาต�ำบล 98
2) การสรา้ งสัมมาชีพชมุ ชน 100
3) การแกไ้ ขปญั หาครัวเรอื นยากจน 102
4) การพัฒนาหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง 104
4.3 พัฒนากรกบั การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก 104
1) โครงการหน่งึ ต�ำบล หน่ึงผลติ ภัณฑ์ (OTOP) 108
2) ชุมชนทอ่ งเทย่ี ว OTOP นวตั วิถี 114
4.4 พฒั นากรกบั การเสริมสรา้ งทนุ ชมุ ชน 115
1) โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) 117
2) กองทุนแมข่ องแผน่ ดิน 119
3) กลุ่มออมทรพั ยเ์ พื่อการผลิต 121
4) กองทนุ พฒั นาบทบาทสตรี 125
5) ศนู ย์จัดการกองทุนชุมชน 129
กถา 5 พฒั นากรกับการสือ่ สาร 141
ปจั ฉมิ กถา 143
1. การ “กระตุน้ ความคิด-สรา้ งจิตสำ� นึก” 150
2. เครอื่ งมือส่งเสรมิ การมีสว่ นร่วม 155
3. การท�ำงานเปน็ ทมี 157
4. เคร่อื งมือควบคุมเปา้ หมายและผลงานของพฒั นากร 161
5. การจดั การความรู้ 164
6. ตวั อย่างโครงการ การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ 172
ท้ายกถา



๑พัฒนกาถการ

๑พัฒนกาถการ

นิยาม (จากพจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525)
กถา น. ถอ้ ยคำ� เรอ่ื ง ค�ำอธบิ าย คำ� กลา่ ว (หน้า 5)

พฒั นากร น. ผูท้ �ำความเจรญิ ผู้ท�ำการพัฒนา (หนา้ 580)

พัฒนา ก. ทำ� ใหเ้ จรญิ (หน้า 5)

ชมุ ชน น. หมู่ชน กลุ่มคนท่ีอยู่รวมกันเป็นสังคมขนาดเล็ก
อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน และมีผลประโยชน์
รว่ มกนั (หนา้ 271)

12 | กถา พฒั นากร

พัฒนากร เปน็ ข้าราชการพลเรือนในสังกัดกรมการพัฒนาชุมชน

กระทรวงมหาดไทย ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ นกั วชิ าการพฒั นา
ชมุ ชน และเจา้ พนกั งานพัฒนาชมุ ชน
อยู่ ในฐานะผทู้ ำ� งานกบั ประชาชนในระดบั ตำ� บล หมบู่ า้ น/
ชมุ ชน แมจ้ ะมสี ำ� นกั งานอยทู่ อี่ ำ� เภอ แตพ่ นื้ ทปี่ ฏบิ ตั งิ าน
อยทู่ ี่ชมุ ชน
คอื ผู้เอ้ืออ�ำนวยให้เกิดกระบวนการพัฒนาชุมชน คือ
เปิดโอกาสให้/ส่งเสริมให้ ประชาชนร่วมกันสร้าง
กระบวนการพฒั นาชมุ ชนขน้ึ ดว้ ยการเรยี นรแู้ ละพฒั นา
กนั เองใหม้ ากทส่ี ดุ

พัฒนากร ทำ� งานพฒั นาชมุ ชนกบั ประชาชน โดยมสี มมตฐิ านทเี่ หน็
คณุ คา่ แหง่ ความเปน็ มนษุ ย์ มปี รชั ญา คอื ความเชอื่ มนั่
และศรทั ธาในมนษุ ยชาติ มหี ลกั การอยทู่ ป่ี ระชาชน คอื
เรม่ิ ทปี่ ระชาชน ทำ� งานรว่ มกบั ประชาชน ยดึ ประชาชน
เป็นพระเอก ให้ประชาชนบรรลุถึงขีดความสามารถ
สูงสุด ด้วยความรูค้ ่คู ณุ ธรรม

พัฒนากร จึงเป็นข้าราชการที่ท�ำงานอยู่ใกล้ชิดประชาชน
สามารถเขา้ ใจ เขา้ ถงึ และพฒั นาชมุ ชนรว่ มกบั ประชาชน

กถา พฒั นากร | 13

“พัฒนากร” ท�ำงานร่วมกับประชาชนในชนบทนับแต่น้ันมา วิธีการและ

เปา้ หมายมกี ารเปลย่ี นแปลงตามสภาพภมู ปิ ระเทศและเหตกุ ารณ์ ในชว่ งกวา่
50 ปที ี่ “พฒั นากร” แตล่ ะชว่ งวยั (Generation/Gen/G) แตล่ ะยคุ ไดท้ ำ� หนา้ ท่ี
เพอื่ คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนในชนบท

เรมิ่ จาก สภาพสงั คมชนบทในสมยั นนั้ ทย่ี งั อยใู่ นวงั วนของความทกุ ข์
ทม่ี คี วามยากจน ความไมร่ ู้ และความเจบ็ ปว่ ย เปน็ พนื้ ...

จนถงึ สภาพสงั คมชนบทกงึ่ เมอื งในปจั จบุ นั ทอี่ ดุ มดว้ ยการเปลย่ี นแปลง
เรว็ และแรง ดว้ ยอานภุ าพของวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ยคุ 5G กำ� ลงั มาถงึ พัฒนากรจึงตอ้ งท�ำงานโดยใชป้ ระโยชนจ์ าก

5G เปรยี บเทยี บไดด้ งั น้ี

1st Gen พัฒนากร 1G ให้ความรู้ ดูแลการสุขาภิบาล และพัฒนา
2nd Gen หมู่บา้ น (พช. 3)
3rd Gen พฒั นากร 2G พฒั นาสตรี เดก็ และเยาวชนในหมบู่ า้ น (สดย.)
4th Gen พฒั นากร 3G พฒั นาผนู้ ำ� จดั ตงั้ คณะกรรมการ และกลมุ่ ตา่ งๆ
5th Gen ในหมู่บ้าน (กพม./กพต.)
พฒั นากร 4G กระตนุ้ ความคิดสร้างจิตส�ำนกึ ในการพฒั นา
(OTOP)
พัฒนากร 5G ท�ำงานพัฒนากับชาวบ้านผ่านส่ือสังคม
ผสมหลากหลายรปู แบบ (Media Mix)

14 | กถา พฒั นากร

โลกวันน้ี เปน็ โลกอนิ เทอร์เนต็ (Internet) ดิจทิ ัล (Digital) ออนไลน์
(Online)ทซ่ี ง่ึ ความคาดหวงั (ความสขุ ความหมายความรู้และความมชี วี ติ ชวี า)
มหี ลากหลาย และคน (ตา่ งเพศ ตา่ งวยั ตา่ งสถานะ และตา่ งอาชพี ) มแี นวคดิ
และวถิ ชี ีวิตแตกตา่ งกนั ตามช่วงวยั เช่น

Baby Boomers (born 1946 - 1964)
คนรนุ่ อายปุ ระมาณ 55 - 73 ปี มองโลกแงด่ ี เปน็ พเ่ี ลยี้ งทด่ี ี มจี รยิ ธรรม
การทำ� งานเขม้ แขง็
Gen X - ers (born 1965 - 1979)
คนรุ่นอายุประมาณ 40 - 54 ปี รักอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์
เปน็ นักส่ือสารท่ีแข็งแกรง่
Gen Y - ers / Millennials (born 1980 - 1995)
คนรุ่นอายุประมาณ 24 - 39 ปี รอบรู้เทคโนโลยี ให้ความร่วมมือ
มจี ติ ส�ำนึกสว่ นรวม
Gen Z - ers (born after 1996)
คนรุ่นอายุ 23 ปีลงมา คล่องดิจิทัล/คอมพิวเตอร์ ประยุกต์เก่ง
เปน็ คนเกง่ ในก�ำลังแรงงานหลากหลาย
เรา พฒั นากร ปัจจบุ นั ก�ำลังกา้ วสูย่ ุค 5G ทวี่ ิถีชีวติ และความเป็นอยู่
ของผคู้ นเริ่มเปล่ียนแปลง ไมเ่ หมอื นเดมิ เปล่ยี น...
ดว้ ยอานภุ าพของ 4 พลงั แหง่ โลกาภวิ ตั น์ (4 Forces of Globalization)
คือ พลังหนึ่ง-การค้า พลังสอง-การขนส่ง พลังสาม-เทคโนโลยีการส่ือสาร
คมนาคม และพลงั สี-่ ส่อื
ท�ำให้ 4 มิติแห่งโลกาภิวัตน์ (4 Dimensions of Globalization)
เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ และรุนแรง ไม่วา่ จะเปน็ มติ ิทางเศรษฐกจิ
มติ ทิ างสงั คม มิติทางการเมอื ง และมติ ทิ างส่ิงแวดล้อม

กถา พัฒนากร | 15

ชวี ติ ผคู้ นปจั จบุ นั ไมว่ า่ จะเปน็ ในเมอื งหรอื ชนบท ตา่ งเรง่ รบี ไมม่ เี วลา
เครยี ดจากการทำ� งาน แขง่ ขนั กนั ดเุ ดอื ด เครอื่ งมอื สอ่ื สาร โดยเฉพาะโทรศพั ท์
Smart Phone จึงเปน็ เพอ่ื นสนทิ ชิดใกล้ ท่ีเชอ่ื ถอื มากที่สดุ ท�ำใหก้ ลายเปน็
คนกม้ หนา้ ดโู ทรศพั ท์ ตรวจขา่ วตลอดเวลา เปน็ “สงั คมกม้ หนา้ ” (Phubbing
Society) ขาดโทรศัพทไ์ ม่ได้ โทรศัพทจ์ งึ เปน็ องคาพยพที่ 33...

นอกจากน้ี สังคมไมเ่ พียงกม้ หน้า ยงั จะกลายเป็น “สังคมไรเ้ งนิ สด”
(Cashless Society) และอีกมากจะตามมา

โลกในอนาคตอนั ใกล.้ .. แคเ่ อ้ือม... จะเปล่ยี นโฉมหน้าใหม่ เป็นสงั คม
ที่...

มีการคา้ แลกเปล่ยี นสินคา้ ขนาดย่อม ขา้ มพรมแดน
การคา้ จะมีมากขึน้ ในระดับภมู ิภาคมากกวา่ การค้าระยะไกล
การวิจัยและพฒั นา และการสร้างนวตั กรรมจะทวคี วามส�ำคญั
แรงงานราคาถูกจะหมดความหมาย
เทคโนโลยกี �ำลงั จะเปลยี่ นโฉมหน้า สายโซแ่ หง่ คุณคา่ ของโลก
ฯลฯ

แลว้ เรา พัฒนากร จะมแี นวทางและวิธีการท�ำงาน
กับประชาชน อย่างไร?

16 | กถา พฒั นากร

สมัยก่อน เพ่ือใหง้ านไดผ้ ลในการเข้าถงึ ประชาชนในชนบท พฒั นากร
ต้องนอน (ใน) หมู่บ้าน (ยุค 1G 2G และ 3G) เพราะต้องสื่อสารซึ่งหน้า
ขณะทีก่ ารตดิ ต่อสอ่ื สารทางส่อื คอ่ นขา้ งยากและจำ� กัด

ต่างจากยคุ ปจั จุบัน (4G และ 5G) ท่ีการสือ่ สารสะดวก และรวดเร็ว
มโี ทรศพั ทม์ อื ถอื เครอื่ งเดยี ว เขา้ ถงึ อนิ เทอรเ์ นต็ (Internet) ได้ เทา่ กบั ยอ่ โลก
ไวใ้ นมอื สามารถใช้ SNS - Social Network Service (พนื้ ทท่ี ผ่ี คู้ นเขา้ มาแบง่ ปนั
(Share)ความสนใจทำ� กจิ กรรมผา่ นเวบ็ ไซต์(Website)หรอื เครอื ขา่ ย(Network)
ต่างๆ เช่น Line, Facebook, Instagram, YouTube, Twitter, etc)
การโทรศพั ท์ (Call) แชต (Chat) อปั เดต (Update) โพสต์ (Post) แชร์ (Share)
ฟอรเ์ วิรด์ (Forward) ค้นข่าวสาร (search) ดหู นงั ฟังเพลง ถา่ ยรปู ผลิตส่อื
กระจายส่ือ เสพส่ือ และสง่ ตอ่ สือ่ ฯลฯ กลายเป็นเร่ืองธรรมดา

คำ� ถามคอื ...

ท�ำไม เราจึงจะไม่ใช้เคร่ืองมือส่ือสารและระบบการสื่อสาร
ใหเ้ ปน็ ประโยชนใ์ นการทำ� งาน

เราจะสรา้ งสมั พนั ธแ์ ละทำ� งานกบั ชาวบา้ น โดย ไมน่ อนหมบู่ า้ น ไมเ่ หน็
หนา้ ซง่ึ หนา้ แตพ่ ดู คยุ สง่ ขา่ ว สง่ ภาพ Good Morning...

ใหไ้ ดง้ าน...
เราสามารถ “ท�ำงานทางไกล” (Remote Working) ผ่านส่ือสังคม
ทง้ั พดู คยุ และทนั กาล (Chat & Update) กบั ประชาชนและกลมุ่ เปา้ หมายของงาน
เรา พฒั นากร สามารถ...
เปน็ “ผทู้ รงอทิ ธพิ ลแหง่ โลกโซเชยี ล” เปน็ Influencer ทมี่ ปี ระชาชน
เปา้ หมายตดิ ตาม (Followers) เรอ่ื งราว ขา่ วสาร การพฒั นา ตา่ งๆ
เปน็ “นกั สนทนา” เปน็ คนเลน่ ไลน์ (Line User) ทค่ี ยุ (Chat) กบั สมาชกิ
กลมุ่ ชาวบา้ น ใหส้ นกุ และไดส้ าระการงาน
เปน็ “ผนู้ ำ� ” “ผแู้ ทน” “แบบอยา่ ง” ฯลฯ

กถา พัฒนากร | 17



๒การพฒั นากชมุถชาน

หากเปรยี บ “พลังประชาชน”
ท้ังท่ปี รากฏใหเ้ หน็ และยังซ่อนเรน้ อยู่
เป็นดังน้ำ� ทสี่ งบนง่ิ หรอื ไหลบ่าอย่างไร้ทิศทางแล้ว

งานกระบวนการพฒั นาชมุ ชน
จักเป็นดงั สองฟากฝงั่ ท่ปี ระคบั ประคองกระแสน�้ำ

ให้เอ่อทน้ ไหลไปในทิศทางตามทีม่ ุ่งหมาย
นริ ันดร์ จงวฒุ ิเวศย์, Ph.D. 2537

20 | กถา พฒั นากร

๒การพัฒนาชมุ กชถนา

การทำ� งานพฒั นาชมุ ชนนน้ั พฒั นากรจำ� เปน็ ตอ้ งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ
แนวคิดพื้นฐานการพัฒนาชุมชน ตลอดจนเป้าหมายของการพัฒนาชุมชน
วา่ ท�ำไปทำ� ไม ท�ำเพ่ืออะไร ท�ำเพ่อื ใคร แล้วจงึ คอ่ ยพจิ ารณาวา่ จะท�ำอยา่ งไร
ดว้ ยกระบวนการ/วธิ กี ารอยา่ งไร มเี ครอ่ื งมอื อะไรบา้ ง ทเ่ี หมาะสมกบั สถานการณ์
และกลุ่มเป้าหมาย เพื่อผลักดันพลังการมีส่วนร่วมของประชาชนไปสู่
จุดหมายท่ีพึงประสงค์ ดังค�ำกล่าวของ ดร.นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ อธิบดีกรม
การพัฒนาชมุ ชน คนท่ี 17 (2548 - 50) ท่วี ่า “ลุ่มลึกในหลักการ ยืดหยนุ่
ในวิธีการ อ่อนตัวตามเหตุการณ์ สนองตอบสถานการณ์ มุ่งมั่นสู่จุดหมาย
จดุ ประกายพัฒนาชุมชน”

แนวคดิ พน้ื ฐานการพฒั นาชมุ ชน ทพ่ี ฒั นากรจะตอ้ งมคี วามรแู้ ละเขา้ ใจ
อยา่ งลกึ ซง้ึ มีดงั ต่อไปนี้

2.1 การพัฒนาชมุ ชน จากแนวคดิ สู่แนวทาง
2.2 กระบวนการพฒั นาชุมชน
2.3 พฒั นากรกบั งานกระบวนการพฒั นาชุมชน

กถา พฒั นากร | 21

การพฒั นาชมุ ชน จากแนวคิดสแู่ นวทาง

นิรนั ดร์ จงวฒุ เิ วศย์

แนวคดิ (นามธรรม)
มนษุ ยท์ กุ คนเกดิ มามคี า่ เปน็ มนษุ ยเ์ ทา่ เทยี มกนั มคี วามคดิ มเี หตผุ ล ตดั สนิ ใจ

สมมตฐิ าน เองได้ สามารถเรียนรู้และเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของตนเองได้ สามารถ
สรา้ งสรรคแ์ ละเปลยี่ นแปลงสภาพแวดลอ้ มของตนเองได้

ปรัชญา ความเช่ือมั่นและศรัทธาในมนุษยชาติว่าทุกชีวิต มีคุณค่าและความหมาย
มศี กั ดศ์ิ รแี ละศกั ยภาพ

หลักการ ยดึ ประชาชนเปน็ สรณะ เรม่ิ ตน้ ทป่ี ระชาชน ทำ� งานกบั ประชาชน ใหบ้ รรลุ
1 จดุ หมายเชงิ กระบวนการ (พัฒนาความคิด–จติ ใจ)
2 จดุ หมายเชิงสัมพันธภาพ (พัฒนากล่มุ –องค์กร) และ
3 จดุ หมายเชิงการงาน (พฒั นาชีวติ -ความเป็นอย)ู่

จดุ มุ่งหมาย พฒั นาชมุ ชนใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ี มคี วามสขุ สมบรู ณ์

วัตถุประสงค์ เพ่ือท�ำให้มนุษย์เข้าถึงศักยภาพสูงสุดที่ธรรมชาติให้มาเพื่อพัฒนาความเป็น
มนษุ ยใ์ หส้ มบรู ณด์ ว้ ยความรคู้ คู่ ณุ ธรรม

เป้าหมาย ประชาชนชว่ ยตนเองและพง่ึ ตนเองไดใ้ นการจดั การแกป้ ญั หาสว่ นตวั /สว่ นรวม
และในการสรา้ งชมุ ชนทป่ี ระชาชนมงี านทำ� และครอบครวั มคี วามสขุ

นโยบาย สรา้ งพลงั ชมุ ชนและใชพ้ ลงั ชมุ ชนในการพฒั นาชมุ ชน ดว้ ย
1 พลงั ความคดิ (กระบวนการเรยี นร)ู้
2 พลงั การกระทำ� (กระบวนการรวมกลมุ่ ) และ
3 พลงั จติ สำ� นกึ ตอ่ สว่ นรวม (กระบวนการอาสาสมคั ร)

ยทุ ธศาสตร์ เออ้ื อำ� นวยใหป้ ระชาชนมบี ทบาทและสว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หาและการดำ� เนนิ
กจิ กรรมพฒั นาของชมุ ชน

1 เปน็ กระจกเงาสะท้อนภาพปญั หาชุมชนให้ประชาชนมองเหน็ และเข้าใจ
ปญั หาของตนไดช้ ัดเจนย่ิงขึน้ ในขณะเดียวกนั
กลวธิ ี 2 ใหก้ ำ� ลงั ใจ กระตนุ้ ความคดิ สง่ เสรมิ ความรู้ ชว่ ยใหป้ ระชาชนชว่ ยตนเองได้

ในการคิด ตดั สนิ ใจ และลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเอง

วธิ กี าร 1 จดั ตง้ั และพฒั นากลมุ่ /องคก์ รประชาชนเพอ่ื สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ใหส้ มาชกิ
แนวทาง (รปู ธรรม) มบี ทบาทและสว่ นร่วมในกิจกรรมกลุ่มและกจิ กรรมส่วนรวม
2 สง่ เสรมิ และสรา้ งสรรคผ์ ้นู ำ� ชมุ ชน/อาสาพฒั นาชมุ ชน เพื่อให้ประชาชน
มโี อกาสเสียสละอุทิศตนเพอ่ื สว่ นรวม

22 | กถา พัฒนากร

การพฒั นาชุมชน

๒.๑จากแนวคดิ สู่แนวทาง

สมมตฐิ าน

มนษุ ย์ คือ มนษุ ย์ มนุษย์เป็น... มนุษย์ เพราะ
มนุษย์ มีความคดิ มจี ิตใจ
มนุษย์ มีเหตุผล มีวิจารณญาณ
มนษุ ย์ สามารถตัดสินใจเองได้
มนษุ ย์ เรยี นรู้สงิ่ ตา่ งๆ ได้ทัง้ ทางนามธรรมและรปู ธรรม
มนุษย์ สามารถปรับปรุง/เปล่ียนแปลงพฤติกรรมของตนเอง
ได้ตามความคดิ ของตน

เพราะ มนุษย์ สามารถสร้างสรรค์และเปล่ียนแปลงสภาพแวดล้อม
ของตนใหเ้ หมาะสม และสอดคลอ้ งกับชวี ติ ความเป็น
อยทู่ ่ีเปลีย่ นแปลงไปในทางทีด่ ขี ึน้ ได้

ฉะนน้ั มนษุ ยท์ จ่ี ะทำ� งานพฒั นา (ชมุ ชน) มนษุ ย์ ดว้ ยกนั เองนนั้ จงึ ตอ้ งมี
“มนษุ ยธรรม” อยา่ งน้อยทสี่ ดุ …
ตอ้ งเห็น คณุ ค่าแห่งความเปน็ มนษุ ย์ของมนษุ ย์
ต้องเห็น มนษุ ย์ เป็น มนษุ ย์
เชน่ เดยี วกบั ทตี่ นเองเปน็ “มนษุ ย์”

กถา พัฒนากร | 23

ปรัชญาการพัฒนาชมุ ชน

หลักความเปน็ จรงิ แหง่ ชวี ิต ที่นกั พัฒนาชมุ ชนยดึ ถอื เปน็ สรณะ
คอื “ความเชอ่ื มนั่ และศรทั ธาในมนษุ ยชาต”ิ วา่ มนษุ ยท์ กุ ชวี ติ มคี ณุ คา่
และมคี วามหมาย มีศักดิศ์ รีและมศี ักยภาพ
กล่าวคือ มีฐานะแห่งความเป็นมนุษย์ท่ีไม่ควรจะได้รับการเหยียบย่�ำ
ดูหม่ิน เหยียดหยามจากเพ่ือนมนุษย์ด้วยกันเอง มีความสามารถจาก
การเปน็ มนษุ ยท์ คี่ วรไดร้ บั การยอมรบั และทำ� ใหป้ รากฏเปน็ จรงิ ในทางปฏบิ ตั ิ
จากเพอื่ นมนษุ ยด์ ว้ ยกันเอง

หลกั การพัฒนาชมุ ชน

หลกั การพัฒนาชมุ ชนทแี่ ท้จริง คือ หลักประชาชน
1 เริ่มต้นที่ประชาชน ยืนจุดเดียวกับประชาชน มองโลก มองชีวิต
มองปัญหา จากทัศนะของประชาชน เพื่อให้เข้าใจปัญหา ความต้องการ
ของประชาชน เพอ่ื ให้เข้าถึงชวี ติ จติ ใจ ของประชาชน
2 ท�ำงานรว่ มกับประชาชน (ไม่ใชท่ ำ� งานให้แก่ประชาชน เพราะจะ
ทำ� ใหเ้ กดิ ความคดิ มาทวงบญุ ทวงคณุ จากประชาชนในภายหลงั ) การทจี่ ะทำ� ให้
ประชาชนเข้าใจปัญหาของตนเอง และมีก�ำลังใจลุกข้ึนต่อสู้กับปัญหา
ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ไขปัญหานั้น ย่อมมีหนทางท่ีจะกระท�ำได้โดยไม่ยาก
หากเข้าใจปญั หาและเขา้ ถึงจติ ใจประชาชน
3 ยึดประชาชนเป็นพระเอก ประชาชนตอ้ งเป็นผกู้ ระทำ� การพัฒนา
ด้วยตนเอง ไม่ใช่เป็นผู้ถูกกระท�ำ หรือฝ่ายรองรับข้างเดียว เพราะผลของ
การกระท�ำการพัฒนานนั้ ตกอยู่ท่ีประชาชนโดยตรง ประชาชนเป็นผรู้ บั โชค
หรอื เคราะห์ จากการพัฒนานั้น

24 | กถา พฒั นากร

หลกั การดงั กลา่ วจึงมีจดุ หมาย 3 เชงิ ในการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์
และชุมชนมนษุ ย์ ดังน้ี

1) จดุ หมายเชงิ กระบวนการ(ProcessGoal) เปน็ กระบวนการตอ่ เนอื่ ง
ในการพฒั นาความคดิ /จติ ใจมนษุ ย์ ใหค้ ดิ พงึ่ ตนเอง/มจี ติ ใจเออ้ื เฟอ้ื ชว่ ยเหลอื
เพือ่ นมนษุ ย์ คือ เพ่ือตนเอง

2) จดุ หมายเชิงสมั พันธภาพ (Relationship Goal) เปน็ การทำ� ให้
มนุษย์มีความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ร่วมมือร่วมใจกันท�ำงานเพื่อกันและกัน
คือ เพ่อื กลุม่

3) จดุ หมายเชงิ การงาน(TaskGoal)เปน็ การทำ� งานพฒั นาความเปน็ อยู่
ของมนษุ ย์ เพอื่ ความอยเู่ ยน็ เป็นสขุ

ดังน้ัน จึงเป็นหลักการท่ีเป็นเอกลักษณ์ของการท�ำงานพัฒนาชุมชน
คอื “ท�ำหน่ึง ไดส้ าม” (3 in 1)

จุดม่งุ หมายของการพฒั นาชุมชน

จุดม่งุ หมาย คือ... ชุมชนทสี่ ขุ สมบูรณ์
ชมุ ชนสุขสมบรู ณ์ เพราะประชาชนอยู่เย็นเปน็ สขุ
ประชาชนอยู่เยน็ เป็นสุข เพราะความเป็นอยูด่ ีขน้ึ
ความเปน็ อยทู่ ี่ดีขึน้ เพราะการงานการอาชีพดขี ้นึ
การงานดขี นึ้ เพราะท�ำงานเป็นระบบกลมุ่
ระบบกลมุ่ มีประสทิ ธผิ ล เพราะสมาชกิ มีความสัมพนั ธด์ ีต่อกัน
ความสมั พันธด์ ีตอ่ กนั เพราะประชาชนมคี วามคิด จติ ใจ
พึ่งตนเอง และชว่ ยกนั เอง
ความคิด จิตใจ พึ่งตนเอง เพราะชมุ ชนสุขสมบรู ณ์

กถา พัฒนากร | 25

วตั ถุประสงคข์ องการพัฒนาชุมชน

วตั ถปุ ระสงค์ของการพัฒนาชมุ ชน มี 2 ประการ คือ
1 เพอื่ ทำ� ใหม้ นษุ ยเ์ ขา้ ถงึ ศกั ยภาพสงู สดุ ทธ่ี รรมชาตใิ หม้ า มนษุ ยบ์ รรลุ
ถึงขีดความสามารถสงู สดุ ท่พี ึงมี
2 เพ่ือพัฒนาความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ผาสุก ให้สุขสมบูรณ์ด้วย
ความร้คู ูค่ ุณธรรม

ความรู้ ท่ีจะน�ำมาใช้ทำ� มาหาเลี้ยงชพี ใหม้ คี ุณภาพชวี ิตทด่ี ี
คณุ ธรรม ทีจ่ ะนำ� ไปสูก่ ารเอ้ือเฟื้อกนั ใหอ้ ย่เู ย็นเปน็ สุข

เปา้ หมายของการพัฒนาชมุ ชน

เป้าหมายของการพัฒนาชุมชน คือ การท�ำให้ประชาชนพึ่งตนเอง
ช่วยตนเองได้ ในการแก้ปัญหาส่วนตัว และแก้ปัญหาส่วนรวมได้ รวมทั้ง
ในการยงั ชพี ตนเอง (มงี านท�ำ) และยังประโยชนใ์ ห้แกผ่ ้อู น่ื (มีความสุข)

นโยบายการพฒั นาชุมชน

นโยบายการพัฒนาชุมชน คือ การสร้างพลังชุมชน (ให้ประชาชน)
ใช้พลงั ชมุ ชน ในการพัฒนาชุมชน

พลังการพฒั นาชุมชน เกิดจาก พลังชุมชน ซึง่ หล่อหลอมข้นึ มาจาก
1 พลังความคดิ ที่เกิดจากกระบวนการเรียนรขู้ องประชาชน
2 พลังการกระท�ำ ท่ีเกิดจากกระบวนการรวมกลุม่ ของประชาชน
3 พลังจติ ส�ำนึกต่อสว่ นรวม ที่เกดิ จากกระบวนการอาสาสมคั รของ
ประชาชน

26 | กถา พฒั นากร

ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาชมุ ชน

ยทุ ธศาสตรก์ ารตอ่ สเู้ พอ่ื เอาชนะความทกุ ขย์ ากของมนษุ ย์ ตามหลกั การ
พัฒนาชุมชน คือ การท�ำให้ประชาชนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในทุกปัญหา
และกจิ กรรมของชมุ ชน ซงึ่ ถอื วา่ เปน็ การชว่ ยใหป้ ระชาชนพงึ่ ตนเอง ชว่ ยกนั เอง
นั่นเอง

กลวธิ ีการพัฒนาชมุ ชน

การท�ำให้ประชาชนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเอง
และชุมชนนนั้ นกั พัฒนาชมุ ชนต้องมีกลวิธีในการทำ� งาน คือ

1 กระท�ำตนดังเป็นกระจกเงาของชุมชน เป็นกระจกเงาสะท้อน
ภาพปญั หาของชมุ ชน ใหป้ ระชาชนมองเหน็ เดน่ ชดั ยงิ่ ขนึ้ ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจ
ปัญหา - สาเหตไุ ดถ้ ูกต้อง

2 กระท�ำการใหก้ ำ� ลงั ใจแก่ประชาชน กระตนุ้ ความคิด ใหค้ ดิ กว้าง
คดิ ไกล คดิ ลึก ใหฉ้ กุ คิด คดิ ด้วยปัญญา ส่งเสรมิ ความรตู้ ่างๆ แก่ประชาชน
ใหช้ ว่ ยตนเอง คิดเอง ตัดสนิ ใจเอง แก้ปัญหาเอง

วธิ กี ารพัฒนาชมุ ชน

วธิ กี ารพื้นฐานของการพฒั นาชุมชน คอื
1 การรวมกลุ่ม หรือ จัดตั้งองค์กรประชาชน เพ่ือส่งเสริมและ
สนบั สนุนให้ประชาชน ซึ่งเปน็ สมาชิก มบี ทบาท และ มสี ่วนร่วม ในกจิ กรรม
ของกลุม่ /องค์กร ซ่งึ จะส่งผลกระทบไปถงึ ส่วนรวมดว้ ย
2 การสง่ เสริม/สรา้ งสรรค์ผูน้ ำ� และอาสาสมัคร เพือ่ เปิดโอกาสและ
สนบั สนนุ ใหป้ ระชาชน มคี วามพรอ้ มจะ เปน็ ผนู้ ำ� และ เปน็ ผเู้ สยี สละ ไดอ้ ทุ ศิ ตน
ไดแ้ สดงบทบาท มีสว่ นรว่ มในกระบวนการพฒั นาชุมชน

กถา พัฒนากร | 27

สีม่ มุ มองของการพฒั นาชุมชน
WAYS OF VIEWING

“COMMUNITY DEVELOPMENT”

People

Leader IdeaProgression of changeEnd Government
Activity

Agency

28 | กถา พัฒนากร

๒.๒กระบวนการพฒั นาชมุ ชน

กระบวนการ

เป็นมุมหน่ึงใน “สมี่ ุมมอง” ของการพฒั นาชุมชน เปน็ มมุ ท่ีพัฒนากร
ควรจะมอง เพราะกระบวนการมองไปท่ี “การเปลยี่ นแปลงทเี่ บง่ บาน” ออกมา
ของประชาชนท่ีเป็นเป้าหมายของการพัฒนาชุมชน การเปลี่ยนแปลง
ในทางที่ดีขึ้น ที่งอกงามข้ึนในตัวประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้และ
ด้อยโอกาสนั้น เป็นมุมมองที่พัฒนากรพลาดไม่ได้ เพราะน่ันคือหัวใจ
ของการพัฒนาชมุ ชน

พัฒนากรกระท�ำการพัฒนาชุมชนแล้ว เกิดอะไรข้ึนกับประชาชน
ความทกุ ขย์ ากและความยากจนของประชาชนไดร้ บั การขจดั ปดั เปา่ ไปหรอื ไม่
ประชาชน “อยู่เยน็ เปน็ สขุ ” หรือเปลา่

พฒั น์ บุณยรัตพนั ธ์ุ อธิบดีกรมการพฒั นาชมุ ชน คนที่ 3 (2514 - 18)
เคยกลา่ วไว้ว่า

อยา่ ท�ำงานพัฒนาชมุ ชนเปน็ จุด จงทำ� งานพฒั นาชมุ ชนเป็นเสน้
อรรถาธบิ ายเปน็ ภาษางา่ ยๆ แตล่ กึ ซง้ึ ไดว้ า่ กจิ กรรมหรอื โครงการตา่ งๆ

นน้ั เปรยี บเสมอื น“จดุ ”หากกจิ กรรมหรอื โครงการตา่ งๆนน้ั ไมส่ มั พนั ธเ์ กอื้ กลู กนั
เปน็ “เสน้ ” แลว้ การพฒั นาจะไมต่ อ่ เนอ่ื ง ไมม่ ที ศิ ทาง ไมม่ จี ดุ หมายปลายทาง
เกิดข้ึนแลว้ หายไป ไม่หนุนเนือ่ ง ไมม่ แี รงขบั ไมม่ พี ลงั ชุมชน ไมย่ ั่งยืน เพราะ
กระบวนการพฒั นาชมุ ชนไมบ่ งั เกดิ

กถา พฒั นากร | 29

สม่ี ุมมองของการพฒั นาชุมชน

มมุ มองท่ี 1 เรียกวา่ กระบวนการ (Process) มองไปที่การเปลย่ี นแปลง
ทเี่ บง่ บานงอกงามของประชาชน กลา่ วคอื มองงานเปน็ “เสน้ ” ไมใ่ ชเ่ ปน็ “จดุ ”
มมุ มองที่ 2 เรยี กวา่ วธิ กี าร (Method) มองไปท่กี ารปฏบิ ตั ติ ามหลักการ
เป็นข้ันตอนอย่างมีระบบ สู่จุดหมายของการพัฒนา กล่าวคือ มองงาน
ที่ “อาการขีดเส้น” มากกว่า “เสน้ ”
มุมมองท่ี 3 เรียกว่า โครงการ (Program) มองไปท่ีกิจกรรมต่างๆ
ทีป่ ระกอบข้นึ เปน็ เคา้ โครงการทำ� งานพฒั นาท่กี �ำหนดไว้ กล่าวคอื มองงาน
เป็น “จดุ ” ไมไ่ ด้มองเป็น “เส้น”
มุมมองท่ี 4 เรียกว่า ขบวนการ (Movement) มองไปที่การผลักดัน
ประชาชนเข้าสสู่ งครามพัฒนา (ต่อสู้กับความยากจน) ด้วยอารมณ์ (คบั แคน้
หรอื ขมขืน่ ) กล่าวคอื มองงานในลกั ษณะ “การตวดั เส้น”

พัฒนากร ควรมองการพัฒนาชุมชนทั้งสี่มุมมอง ให้กระจ่างแจ้ง

โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ มองจากมมุ “กระบวนการ” เพราะเปน็ มมุ ทมี่ องเหน็ ชดั วา่
เกิดอะไรข้นึ กบั ประชาชน ผรู้ ับผลจากสงิ่ ท่ีเรียกว่า “การพัฒนา”

อยา่ งไรกต็ าม การพฒั นาชมุ ชนเปรยี บเสมอื นดงั รปู สเ่ี หลย่ี ม คอื มี 4 มมุ
จะมองการพัฒนาชุมชนจากมุมใดก็ได้ ขอแต่เพียงให้ “เห็นแจ้ง” ดังน้ัน
จงึ เป็นธรรมดาที่

ผู้กำ� หนดนโยบายมักจะมองจากมุม “วธิ กี าร”
ผบู้ ริหารมกั จะมองจากมุม “โครงการ”
ผนู้ �ำมกั จะมองจากมุม “ขบวนการ” และ
นกั พัฒนาจะมองจากมุม “กระบวนการ”

30 | กถา พฒั นากร

กระบวนการพัฒนาชมุ ชน

กระบวนการพัฒนาชุมชน หมายถึง การปรับปรุง การเปลี่ยนแปลง
ทค่ี อ่ ยๆ กอ่ ตวั กอ่ เกดิ ขน้ึ ภายในชมุ ชน โดยประชาชนรวมตวั เปน็ กลมุ่ ทท่ี กุ คน
มสี ว่ นรว่ มในการคน้ หา เรยี นรู้ คดิ ตดั สนิ ใจ วางแผน ลงมอื ดำ� เนนิ การแกป้ ญั หา
สนองความตอ้ งการ ดว้ ยกำ� ลงั ความรู้ ความคดิ ความสามารถ และทรพั ยากร
ท่ีมีอยู่ภายในชุมชน เป็นหลักใหญ่ และอาจพึ่งวิทยาการและทรัพยากร
จากภายนอกชุมชนบ้างเท่าท่ีจ�ำเป็น กระบวนการพัฒนาชุมชนเป็นดัง
“กระบวนการเรยี นรูเ้ พ่อื กระทำ� การ”

ดงั นน้ั ประชาชนผอู้ ยใู่ นกระบวนการจงึ มพี ฒั นาการเกดิ การเปลยี่ นแปลง
ท่ีงอกงามเบ่งบานข้ึนจากภายในความคิดและจิตใจ ส่งผลปรากฏให้เห็น
ทางรา่ งกายภายนอก พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก การดำ� เนนิ ชวี ิตท่ีก้าวหนา้ ขนึ้

สีเ่ สาแหง่ กระบวนการ

กระบวนการ เกดิ จากการทม่ี นษุ ยก์ ระทำ� ตอ่ กนั และกนั เชน่ พดู คยุ กนั
ช่วยเหลือกัน ท�ำงานร่วมกัน เล่นด้วยกัน ฯลฯ การที่มนุษย์กระท�ำต่อกัน
และกนั น้ัน เพราะ

1 มนุษย์มี “ความสัมพันธ์” เกี่ยวข้องกัน ไม่ทางใดทางหน่ึง เช่น
ฐานะ ต�ำแหน่ง มติ รภาพ ผลประโยชน์ ฯลฯ

2 มนุษย์มี “ความต้องการ” ความอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล
กล่มุ หรอื องคก์ าร ล้วนมคี วามต้องการอย่างใดอยา่ งหนึง่ ท้งั น้ัน

3 มนุษย์มี “การส่ือสาร” ท�ำความเข้าใจกัน ทางภาษาพูด ภาษา
ทา่ ทาง หรอื ทางสือ่ สงั คม เครอื ขา่ ยตา่ งๆ

4 มนุษย์มี “บรรยากาศ” บรรยากาศเป็นความรู้สึกที่เกิดข้ึน
จากสรรพส่ิงที่อยู่รอบๆ ตัวในขณะนั้น ไม่ว่าเป็นเวลาท�ำงาน เล่น ขัดแย้ง
หรอื ร่วมมอื กนั

กถา พัฒนากร | 31

ในการสร้างกระบวนการพัฒนาชุมชนน้ี พัฒนากรจึงต้องสร้างเสา
ทงั้ 4 ตน้ นขี้ นึ้ เพอื่ คำ�้ จนุ กระบวนการ ตง้ั แตก่ ารสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ประชาชน
กลุ่มผู้น�ำหรืออาสาสมัคร การร่วมกันก�ำหนดปัญหาความต้องการ
ของประชาชน การตดิ ตอ่ สอื่ สารทำ� ความเขา้ ใจกนั เรยี นรจู้ ากกนั และกนั ภายใต้
บรรยากาศที่ดีแห่งการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินชะตาชีวิต
ของตนเอง

๒.๓กระบวนกพาัฒรพนาฒั กนรากชับุมงชานน

งานกระบวนการพฒั นาชมุ ชน เป็นงาน “รากฐาน” ของทกุ กจิ กรรม
และโครงการพัฒนา หากเปรียบ “พลังประชาชน” ทั้งท่ีปรากฏให้เห็น
และยังซ่อนเร้นอยู่เป็นดังน้�ำที่สงบน่ิง หรือไหลบ่าอย่างไร้ทิศทางแล้ว
งานกระบวนการพัฒนาชุมชนจักเป็นดังสองฟากฝั่งท่ีประคับประคอง
กระแสนำ�้ ใหเ้ ออ่ ทน้ ไหลไปในทศิ ทางตามทม่ี งุ่ หมาย งานกระบวนการพฒั นา
ชุมชนจงึ ประกอบด้วย วิธีการ 5 และ กลวิธี 5 ค่ขู นาน 2 ฟากฝง่ั รว่ มกนั
ประคองและสง่ เสรมิ กระแสพลงั ประชาชนใหไ้ หลไปสจู่ ดุ หมายทพี่ งึ ประสงค์

32 | กถา พฒั นากร

งานกระบวนการพัฒนาชุมชนแบบคู่ขนาน

สนบั สนุนให้ประชาชน 5 ตดิ ตามรายงานผล
ตดิ ตามประเมินผล ตอ่ ผบู้ ังคบั บญั ชา

สนับสนนุ ให้ประชาชน 4 ใหค้ วามช่วยเหลือ
ดำ� เนนิ การ ในการด�ำเนินงาน

ช่วยประชาชนตดั สนิ ใจ 3 ใหข้ า่ วสาร
และก�ำหนดแผน/โครงการ และความรทู้ ี่เก่ียวขอ้ ง

2สนทนา วเิ คราะหป์ ญั หาและ กระตนุ้ ใหป้ ระชาชนตระหนกั
ในปญั หาและความสามารถ
ความสามารถกบั ประชาชน

ศกึ ษาชุมชน 1 สร้างความสมั พันธ์
กบั ประชาชน

วิธีการ กลวธิ ี

กถา พฒั นากร | 33

งานกระบวนการพฒั นาชุมชนแบบค่ขู นาน

วธิ กี าร กลวธิ ี

ศกึ ษาชุมชน 1 สรา้ งความสัมพนั ธ์
กับประชาชน

การศกึ ษาชมุ ชน การสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ประชาชน
คอื การสบื เสาะหาความรเู้ กยี่ วกบั คือ การเอาตัวของเราเข้าไป
หมู่บ้าน หรือชุมชนท่ีเราจะเข้าไป
ทำ� งาน เพอ่ื ใหร้ แู้ ละเขา้ ใจปญั หาและ เก่ียวข้อง สัมพันธ์กับคนในชุมชน
ความตอ้ งการของชมุ ชนอยา่ งแทจ้ รงิ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยสนิทสนม
ซงึ่ จะนำ� ไปสกู่ ารแกไ้ ขปญั หาทถ่ี กู ตอ้ ง เป็นพวกเดียวกัน จนสามารถเข้าถึง
ตรงกับความต้องการของชุมชนได้ ชีวติ จิตใจของประชาชน
ในทสี่ ดุ
กลวธิ ี
วิธกี าร การสรา้ งความสัมพนั ธ์กบั ประชาชน
วธิ กี ารศกึ ษาชมุ ชนทำ� ไดห้ ลายวธิ ี เชน่ สามารถกระทำ� ได้โดย

ศกึ ษาขอ้ มลู จากเพอื่ นขา้ ราชการ 1 มีทศั นคตทิ ดี่ ีตอ่ ชาวบา้ น
ออกไปพบปะผนู้ ำ� (กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น เคารพในศักดิ์ศรีและศรัทธา
เจ้าอาวาส ผู้น�ำทางศาสนา สมาชิก
สภา อบต. ฯลฯ) ในศักยภาพของชาวบา้ น
ออกไปหาชาวบา้ น อยกู่ บั ชาวบา้ น เอื้ออาทรและจริงใจ
รว่ มงานกบั ชาวบา้ น

34 | กถา พัฒนากร

วิธีการ (ต่อ) กลวธิ ี (ตอ่ )
สงั เกต สมั ภาษณ์ และจดบนั ทกึ 2 ออกไปหาชาวบา้ นเปน็ ประจำ�
ศกึ ษาขอ้ มลู จาก กชช. 2 ค. จปฐ.
สารสนเทศชมุ ชน ขอ้ มลู รง. ขอ้ มลู ยิม้ ให้และผกู มิตรไมตรี
วสิ าหกจิ ชมุ ชน ฯลฯ แนะน�ำตวั ทักทายก่อน โดย
ศกึ ษาขอ้ มลู จากเอกสารอนื่ ๆ ไมต่ ้องรอให้ใครแนะน�ำ
เจรจาด้วยถ้อยค�ำไพเราะ
เครอื่ งมือที่ใช้ เหมาะสม
แบบสัมภาษณ์ 3 อยู่กับชาวบ้านบ้าง
แบบบนั ทกึ การสงั เกต ทำ� ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ เออ้ื เฟอ้ื
แบบสอบถาม ไม่ดูดาย
แบบสอบถาม กชช 2ค จปฐ. พร้อมท่ีจะให้ท้ังวัตถุ ส่ิงของ
สารสนเทศชุมชน ข้อมูลวิสาหกิจ และน้ำ� ใจ
ชมุ ชน ฯลฯ มีใจกว้างพอท่ีจะรับฟังความ
เครื่องมือส่งเสริมการมีส่วนร่วม คดิ เหน็ ของทกุ คนในทกุ ๆเรอื่ งรว่ มงาน
เพอื่ พฒั นาชมุ ชน เชน่ แผนทหี่ มบู่ า้ น กับชาวบ้าน
ปฏทิ นิ ตามฤดกู าล แผนผงั ใยแมงมมุ
ฯลฯ

กถา พฒั นากร | 35

วธิ กี าร กลวธิ ี

2สนทนา วิเคราะหป์ ัญหาและ กระต้นุ ให้ประชาชนตระหนัก
ในปญั หาและความสามารถ
ความสามารถกบั ประชาชน

การสนทนา วิเคราะหป์ ัญหา การกระตนุ้ ใหป้ ระชาชนตระหนกั ใน
ความสามารถกับประชาชน ปญั หา และความสามารถ
คอื การนำ� เสนอขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการ ของตนเอง รวมทั้งของชุมชน
ศึกษาชุมชนมาสนทนาแลกเปลี่ยน
ความคดิ เหน็ กนั และรว่ มกนั พจิ ารณา เปน็ วธิ กี ารเรา้ ใจ ใหก้ ำ� ลงั ใจ เสรมิ แรง
เหตผุ ลเปรยี บเทยี บขอ้ มลู ตา่ งๆทไ่ี ดม้ า ประชาชนให้รู้จักคิดหาเหตุผล
กับเกณฑ์การวิเคราะห์ท่ีก�ำหนดไว้ ใหฉ้ กุ คดิ สนใจ เขา้ ใจ และรบั รปู้ ญั หา
รวมทั้งก�ำหนดเป้าหมายการพัฒนา และความสามารถท่ีจะแก้ไขปัญหา
ที่ชุมชนพึงประสงค์ โดยเร่ิมท�ำกับ รว่ มกนั
แกนนำ� ชมุ ชนกม.อบต./เทศบาลกอ่ น
แลว้ ดงึ ประชาชนเขา้ รว่ มดำ� เนนิ การ กลวธิ ี
การกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักใน
วธิ กี าร ปญั หาและความสามารถนน้ั พฒั นากร
พฒั นากรรว่ มกบั แกนนำ� ชมุ ชนกม. สามารถกระทำ� ไดโ้ ดย
อบต./เทศบาล นำ� ขอ้ มลู จากการศกึ ษา
ชุมชนและจากเคร่ืองมืออ่ืนที่ได้จาก 1 สนทนาวสิ าสะ เปน็ รายบคุ คล
การศึกษาชุมชนมาสนทนาวิสาสะ รายครวั เรอื น หรอื รายกลมุ่ โดยการใช้
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเปรียบ คำ� ถามกระตนุ้ เกย่ี วกบั ปญั หาในชมุ ชน
เทยี บเกณฑก์ ารพฒั นาหมบู่ า้ น ตลอดทงั้ ใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารทเ่ี กยี่ วกบั ความ
เปน็ อยู่เพอ่ื ใหป้ ระชาชนฉกุ คดิ ถงึ ปญั หา

36 | กถา พัฒนากร

วธิ ีการ (ตอ่ ) กลวิธี (ต่อ)
หาขอ้ สรปุ รว่ มกนั ออกมาวา่ หมบู่ า้ น 2 จดั ประชมุ ชาวบ้าน เพื่อชแี้ จง
ชุมชนนี้ มีศักยภาพในการพัฒนา ผลการวิเคราะห์ข้อมูลให้ทราบและ
ดา้ นใดบา้ งเขา้ เกณฑ์ตำ�่ กวา่ เกณฑ์หรอื ใหท้ กุ คนมสี ว่ นรว่ มแสดงความคดิ เหน็
สงู กวา่ เกณฑข์ องการพฒั นาหมบู่ า้ น ยอมรบั หรอื ปฏเิ สธ
กำ� หนดเปา้ หมายในการพฒั นา 3 จัดเวทีชาวบ้าน/ประชาคม
หมบู่ า้ น เพอื่ คน้ หาศกั ยภาพของชมุ ชน
และก�ำหนดเป้าหมายในการพัฒนา
โดยใชเ้ ทคนคิ AIC, SWOT Analysis,
FSC, Time line เป็นต้น
4 แจ้งผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ให้หัวหน้าครัวเรือนทราบ และถาม
ความคิดเห็น
5 จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยว
กับปัญหาศักยภาพ และเป้าหมาย
ในการพัฒนาของชมุ ชน

จากวธิ ีการดังกล่าว ชาวบา้ นจะ
รู้และยอมรับว่า ส่ิงทเี่ ปน็ ปญั หา
ความเดือนรอ้ นของตนคืออะไร

กถา พฒั นากร | 37

วธิ กี าร กลวธิ ี

ช่วยประชาชนตัดสินใจ 3 ใหข้ ่าวสาร
และกำ� หนดแผน/โครงการ และความรู้ทีเ่ ก่ยี วข้อง

ช่วยประชาชนตดั สนิ ใจ และ ใหข้ ่าวสารและข้อมูล
กำ� หนดโครงการ ทเ่ี กยี่ วข้อง

ในการแกป้ ญั หาและพฒั นาชมุ ชน กับกระบวนการแก้ไขปัญหาและ
ตามเป้าหมายท่ีก�ำหนด เป็นการน�ำ พัฒนาชุมชน เพ่ือช่วยชาวบ้านให้
ปัญหาและเป้าหมายการพัฒนาท่ี ตัดสินใจ และก�ำหนดโครงการ โดย
ชาวบ้านต่างตระหนัก และยอมรับ ใชเ้ ครอ่ื งมอื สง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มเพอื่
แลว้ วา่ เปน็ ปญั หาของเขา มารว่ มกนั พฒั นาชมุ ชน โดยดำ� เนนิ การตอ่ ไปน้ี
วเิ คราะห์ หาสาเหตุ และแนวทางแกไ้ ข
และพฒั นา โดยชาวบา้ นกบั พฒั นากร
รว่ มกนั ดำ� เนนิ การตอ่ ไปน้ี

การกำ� หนดโครงการแกป้ ญั หา ดำ� เนนิ การ 5 ข้ันตอน ดงั น้ี
ขนั้ ที่ 1 การวเิ คราะหป์ ญั หาและจัดลำ� ดบั ความสำ� คัญของปญั หา
นำ� ปญั หาทไี่ ดม้ าจดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั วา่ ควรแกไ้ ขปญั หาใดกอ่ น/หลงั
การจัดลำ� ดับความสำ� คญั ของปญั หา อาศัยหลักเกณฑต์ ่อไปนี้

เป็นปญั หาทช่ี าวบา้ นส่วนใหญเ่ ดอื ดร้อนมากทสี่ ดุ
ถา้ ไม่รบี แก้ไข ปญั หาอนื่ ๆ จะตามมา และถา้ แกไ้ ขได้ ปัญหาอนื่ ๆ
กจ็ ะหมดไปหรอื บรรเทาเบาลง
อย่ใู นขีดความสามารถทีช่ าวบ้านจะแก้ไขเองได้

38 | กถา พฒั นากร

การจดั ลำ� ดบั ความส�ำคัญของปัญหา

ตัวอย่างปัญหา เกณฑ์การพิจารณาความส�ำคัญ

เทรดอ้ีส่ือนุดด ตหปอามัญน่ืมดจมหไะาปา/ ไแดกเ้ อ้ไขง คะรแวมนน

1. น้�ำในแม่น�ำ้ ล�ำคลองใช้การไมไ่ ด้ / / / 3
2. ผลผลิตดา้ นการเกษตรตกต่�ำ / - - 1
3. ขาดแคลนแรงงานด้านเกษตร / - - 1
4. ทางเขา้ สูห่ มูบ่ ้านชำ� รุดเสียหาย / - / 2

ข้นั ที่ 2 วเิ คราะห์สาเหตุของปัญหา
ช่วยกันหาสาเหตุของปัญหา เมื่อพัฒนากรและชาวบ้านช่วยกัน
จดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั ของปญั หาไดแ้ ลว้ ใหน้ ำ� ปญั หานน้ั ไปหาสาเหตโุ ดยละเอยี ด
วา่ ปญั หานนั้ เกดิ จากสาเหตอุ ะไรบา้ ง โดยพยายามหาสาเหตหุ ลกั ๆ กอ่ น เมอื่ ได้
สาเหตหุ ลกั ๆ แลว้ ชว่ ยกนั มองหาสาเหตยุ อ่ ยลงไปจนกวา่ จะพบวา่ ไมม่ สี าเหตอุ น่ื
อกี แลว้ จากนั้นจึงจะหาผลกระทบท่เี กดิ ปญั หาวา่ มอี ะไรบ้าง

กถา พฒั นากร | 39

ตัวอยา่ ง การหาสาเหตขุ องปญั หาโดยใช้แผนภมู ิ “ต้นไมป้ ญั หา” ดงั นี้

ผลกระทบ ผลผลติ สภาพแวดลอ้ ม
(ดอกผล) ดา้ นการเกษตร เสอื่ มโทรม

ลดลง

ปัญหา นำ้� ในแมน่ ำ�้
(ล�ำต้น) ลำ� คลอง
ใชก้ ารไมไ่ ด้

สาเหตุหลัก ประชาชนทง้ิ โรงงานปลอ่ ย แมน่ ำ�้ ลำ� คลอง
(รากแก้ว) ขยะลงใน นำ้� เสยี ลงใน ตน้ื เขนิ
แมน่ ำ้� ลำ� คลอง แมน่ ำ�้ ลำ� คลอง

สาเหตุย่อย ขาดการควบคมุ ขาดการ
(รากฝอย) อยา่ งจรงิ จงั ขดุ ลอก
จากเจา้ หนา้ ที่ คคู ลอง

ไม่มี ประชาชนขาด กฎหมาย ขาด
ท่ีทิ้งขยะ ความรบั ผดิ ชอบ มชี อ่ งโหว่ งบประมาณ

รว่ มกนั

ประชาชนไมม่ คี วามรเู้ รอื่ ง
การรกั ษาสภาพแวดลอ้ ม

40 | กถา พฒั นากร

ข้ันท่ี 3 หาแนวทางแกไ้ ขปญั หา

น�ำสาเหตุไปหาแนวทางแก้ไข เมื่อพัฒนากรและชาวบ้านรู้สาเหตุ
ของปัญหา กร็ ่วมกันนำ� สาเหตุเหล่านน้ั มาพิจารณาแนวทางแก้ไข

ตวั อยา่ ง สาเหตุ แนวทางแก้ไข
ปัญหา

น�้ำในแมน่ �้ำ สาเหตุหลกั รณรงคใ์ หป้ ระชาชนลดการ
ล�ำคลอง ประชาชนทิ้งขยะลงใน ทง้ิ ขยะลงในแมน่ ำ้� ลำ� คลอง
ใช้การไม่ได้ แมน่ ำ้� ลำ� คลอง จดั หาทท่ี ง้ิ ขยะใหเ้ พยี งพอ
ฯลฯ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้
สาเหตุยอ่ ย เรอ่ื งการรกั ษาสภาพแวดลอ้ ม
ไมม่ ที ที่ งิ้ ขยะ โดย
ประชาชนไม่มีความ ปา้ ยขอ้ ความ/คำ� ขวญั
รู้เรื่องการรักษาสภาพ บทความทางหนงั สอื พมิ พ์
แวดลอ้ ม ทอ้ งถน่ิ
ประชาชนขาดความรับ วทิ ยทุ อ้ งถนิ่
ผดิ ชอบร่วมกนั ฯลฯ ทวี ที อ้ งถน่ิ ฯลฯ

ในกรณีที่หน่ึงสาเหตุมีหลายแนวทางในการแก้ไข พัฒนากรต้อง
แนะน�ำให้ชาวบ้านช่วยกันเลือกแนวทางที่เหมาะสมแก้ไขก่อน โดยมีเกณฑ์
การพจิ ารณาเลือกแนวทางแกไ้ ข ดังน้ี

สมประโยชนท์ กุ ฝ่าย / ยอดประหยดั ทรพั ยากร / รบั ประกันวา่ ทำ� ได้

เมื่อได้แนวทางท่ีเหมาะสมแล้ว ก็น�ำแนวทางไปวางแผนแก้ไขปัญหา
ในรายละเอยี ดต่อไป

กถา พัฒนากร | 41

ข้ันท่ี 4 วางแผนแก้ไขปัญหา
วางแผนแก้ไขปัญหา การวางแผน คือ การก�ำหนดไว้ล่วงหน้าว่า
จะทำ� อะไร เมอ่ื ไร อยา่ งไร ใครเปน็ ผทู้ ำ� เพอื่ ใหง้ านดำ� เนนิ ไปตามแผนทว่ี างไว้
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

ตัวอย่าง แผนปฏบิ ตั กิ ารแก้ไขปัญหา

(โทค�ำรองกะไารร/ ทำ� ที่ไหน ทำ� ท�ำอย่างไร ใครท�ำ
กจิ กรรม) เม่อื ไร

รณรงคล์ ด คลองเจดยี ์ ม.ค 1. ศึกษารายละเอียด พฒั นากร
การทิ้งขยะ บชู า - ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาน�้ำ ผนู้ ำ� กับ
ลงในแมน่ ้ำ� ม. 3 เม.ย. ในแม่น้�ำล�ำคลองใช้การ อบต./
ล�ำคลอง ต.ศรษี ะทอง 2562 ไมไ่ ด้ เทศบาล
อ.นครชยั ศรี ลกั ษณะปญั หา
จ.นครปฐม สาเหตุ
ผสู้ รา้ งปญั หา
ผไู้ ด้รับผลกระทบ
ผรู้ บั ผดิ ชอบในการแก้
2. วิเคราะห์และสรุป
ผลการศึกษา
3. แพร่ความคิดไปยัง
บุคคลผเู้ ก่ยี วข้อง
4. ประสานงานกับ
ผู้เก่ียวข้อง

42 | กถา พฒั นากร

ท�ำอะไร ท�ำที่ไหน เมทื่อ�ำไร ท�ำอยา่ งไร ใครทำ�
(โครงการ/
กจิ กรรม)

5. นัดประชุมวางแผน
ร ่ ว ม กั น ใ น ก า ร จั ด ท� ำ
โครงการ/กิจกรรมแก้ไข
ปัญหาในรายละเอียดว่า
จะใหใ้ คร ทำ� อะไร ทไ่ี หน
เมอ่ื ไร อยา่ งไร เพอื่ อะไร ใช้
งบประมาณจากไหน
6. ด�ำเนินการตาม ชาวบา้ น
แผนท่ีกำ� หนดไว้ ร่วมกบั
7. ติดตามผลในการ พัฒนากร
ด�ำเนนิ งานตามขัน้ ตอน ผู้นำ� อบต.
8. รายงานผล /เทศบาล

ขนั้ ที่ 5 วางโครงการหรือกจิ กรรมแก้ไขปัญหา
วางโครงการแก้ไขปัญหา เม่ือชาวบ้านได้ตัดสินใจว่าจะท�ำโครงการ
หรือกิจกรรมใดเพอ่ื แกไ้ ขปัญหาของชุมชนแล้ว บทบาทหน้าท่ขี องพฒั นากร
ในข้ันนี้ คือ ช่วยให้ชาวบ้านได้รู้จักวางโครงการ หรือจัดกิจกรรมเพ่ือแก้ไข
ปญั หาของชุมชน ซึ่งสามารถด�ำเนนิ การไดด้ ังน้ี

วธิ กี าร
1 แนะน�ำผู้ใหญ่บ้าน นัดประชุม กม. สมาชิก อบต./ทต.หรือ
ชาวบา้ นผูเ้ กยี่ วขอ้ ง
2 พัฒนากรให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการว่าคืออะไร ท�ำไมจึงต้อง
วางโครงการ เปน็ การใหข้ อ้ มลู และอธบิ ายใหเ้ หน็ ความสำ� คญั และ ความจำ� เปน็
ในการวางโครงการ

กถา พฒั นากร | 43

3 ความจำ� เป็นในการวางโครงการ
4 แจกแบบฟอรม์ โครงการแกผ่ ูเ้ ขา้ ร่วมประชุม
5 อธบิ ายแบบฟอรม์ ใหเ้ ขา้ ใจ เปดิ โอกาสใหท้ กุ คนซกั ถาม เพอ่ื ตรวจ
สอบความเขา้ ใจ
6 ใหท้ ดลองปฏิบตั ิเขยี นโครงการ
เครือ่ งมือทีใ่ ช้
1 แบบฟอร์มโครงการ (รายละเอียดศกึ ษาได้จากกถาวตั ถุ)
2 ตวั อย่างโครงการ
หมายเหตุ เนอื่ งจากคณะกรรมการหมู่บา้ น (กม.) โดยเฉพาะชาวบา้ น

สว่ นใหญไ่ มค่ อ่ ยถนดั ในการเขยี นโครงการ พฒั นากรจะตอ้ ง
ใชค้ วามอดทนและความพยายามสงู ในการชว่ ยใหช้ าวบา้ น
เกดิ การเรยี นรู้ จนสามารถดำ� เนนิ การเองได้
แบบฟอรม์ การเขยี นโครงการ โดยทั่วไป ประกอบดว้ ย
1. ชอื่ โครงการ
2. หลกั การและเหตุผล
3. วัตถุประสงค์
4. วธิ ีด�ำเนนิ การ
5. วนั เวลา สถานที่
6. ผ้รู บั ผิดชอบโครงการ
7. งบประมาณ
8. ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะได้รับ
9. ตวั ช้วี ดั ความสำ� เรจ็
โครงการ หมายถึง กจิ กรรมทีร่ ะบรุ ายละเอยี ดถึงการปฏบิ ัตงิ าน และ
ขน้ั ตอนของการดำ� เนนิ งานตา่ งๆ อยา่ งชดั เจน เพอ่ื ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
และเปา้ หมายที่ตอ้ งการภายในระยะเวลาทกี่ �ำหนด

44 | กถา พฒั นากร

วธิ กี าร กลวธิ ี

สนบั สนุนให้ประชาชน 4 ใหค้ วามช่วยเหลอื
ดำ� เนนิ การ ในการด�ำเนนิ งาน

ประชาชนด�ำเนนิ การ บทบาทของพัฒนากรในช่วงของ
หมายถึง การท่ีชาวบ้านร่วมกัน การด�ำเนินงานตามโครงการของ
ปฏิบัติงานตามแผนและโครงการ ชาวบ้านน้ัน พัฒนากรจะเป็น
ที่ได้วางไว้ ท่ีผ่านมาได้วางแผนวาง ผสู้ นบั สนนุ ชว่ ยเหลอื การดำ� เนนิ การ
โครงการไวอ้ ยา่ งไร ใครเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ ของชาวบา้ นใน 2 ลกั ษณะ คอื
ก็สนับสนุนให้ก�ำลังใจ เสริมแรง
ใหด้ ำ� เนนิ การตามนน้ั 1 เปน็ ผสู้ ง่ เสรมิ ทางวชิ าการ เชน่
เป็นผู้ประสานงานวิชาการ แนะน�ำ
การปฏิบัติงาน ให้ค�ำปรึกษาหารือ
การแกไ้ ขปญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ เปน็ ตน้

2 เปน็ ผสู้ ง่ เสรมิ ใหช้ าวบา้ นเขา้ มา
มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน เช่น
ใหก้ ำ� ลงั ใจผปู้ ฏบิ ตั ิ ออกไปรว่ มกจิ กรรม
ท่ีชาวบ้านท�ำอยู่ ลงมือปฏิบัติงาน
บางอยา่ งกบั ชาวบา้ นเสมอื นหนง่ึ เปน็
ชาวบา้ นโดยไมร่ งั เกยี จ

กถา พัฒนากร | 45

วธิ กี าร กลวธิ ี

สนับสนุนใหป้ ระชาชน 5 ติดตามรายงานผล
ตดิ ตามประเมนิ ผล ต่อผ้บู ังคบั บญั ชา

ประชาชนตดิ ตามประเมนิ ผล เป็นการติดตามดูแลการท�ำงาน
หมายถึง การท่ีชาวบ้านช่วยกัน ที่ชาวบ้านท�ำอยู่เพื่อทราบผลความ
ติดตามดูว่างานที่ด�ำเนินการตาม กา้ วหนา้ หรอื ปญั หาอปุ สรรค แลว้ นำ�
โครงการไดก้ า้ วหนา้ ไปมากนอ้ ยเพยี งไร ผลการปฏิบัติงานตามโครงการหรือ
มีปัญหาอุปสรรคในการด�ำเนินการ กิจกรรมไปเผยแพร่ให้ผู้เก่ียวข้อง
หรอื ไม่ เพอื่ จะไดป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขปญั หา ไดท้ ราบ
อุปสรรคตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขึน้ ให้ทันทว่ งที
ตอ่ ไป รวมถงึ การประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์
ของโครงการ

วธิ กี าร กลวธิ ี
การตดิ ตามผลจะกระทำ� ไดโ้ ดย บทบาทหนา้ ทขี่ องพฒั นากรในสว่ นนี้
มอี ยู่ 2 ลักษณะ
เฝ้าติดตามเอาใจใส่ในกิจกรรม
ทกุ ระยะ 1 พัฒนากรแนะน�ำให้ผู้น�ำ
ท้องถิ่นหรือชาวบ้านรู้จักรายงานผล
สอบถามความกา้ วหนา้ ของโครงการ การปฏิบัติงาน เชน่
หรอื กจิ กรรมกบั ผรู้ บั ผดิ ชอบ
รายงานดว้ ยวาจาตอ่ ผเู้ กยี่ วขอ้ ง

46 | กถา พัฒนากร

วธิ ีการ (ตอ่ ) กลวธิ ี(ต่อ)
ตรวจสอบความถูกต้องของ รายงานโดยการประชุมชี้แจง
โครงการ ผลงาน
ติดตามสังเกตการปฏิบัติงาน รายงานเป็นลายลักษณ์อักษร
ช่วยเหลือให้ก�ำลังใจซึ่งกันและกัน จดั นทิ รรศการผลงาน
ในการด�ำเนินงาน 2 พัฒนากรเป็นผู้รายงานผล
การปฏบิ ัตงิ านดว้ ยตนเอง เช่น
รายงานด้วยวาจาต่อผู้บังคับ
บญั ชาและผเู้ กีย่ วขอ้ ง
เสนอผลการปฏิบัติงานใน
ทปี่ ระชมุ
รายงานเป็นลายลักษณ์อักษร
เชน่ จดั ทำ� บนั ทกึ รายงาน รายงานตา่ งๆ
จดั ทำ� แผน่ ปลวิ เอกสารเผยแพร่ และ
การจดั นทิ รรศการ เป็นตน้

กถา พฒั นากร | 47


Click to View FlipBook Version