พฒั นากรมวี ิธีการส่งเสรมิ การสรา้ งสัมมาชีพชมุ ชนอยา่ งไร
1 พฒั นากรตอ้ งศกึ ษาและทำ� ความเขา้ ใจแนวทางการสรา้ งสมั มาชพี
ชมุ ชนของกรมการพัฒนาชมุ ชน ให้เขา้ ใจโดยละเอยี ด
2 ศกึ ษาขอ้ มลู พนื้ ท่แี ละบคุ คลกลุ่มเปา้ หมายในการรว่ มกิจกรรม
3 ลงพนื้ ทค่ี น้ หาปราชญช์ มุ ชนเปา้ หมาย โดยเนน้ ผทู้ ม่ี คี วามเชยี่ วชาญ
หรอื มีความชำ� นาญในการประกอบอาชีพ ประสบความส�ำเรจ็ ในการดำ� เนนิ
อาชพี จนเปน็ ทยี่ อมรบั มคี วามพรอ้ มในการถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ สสู่ าธารณะ
(จติ อาสา) หรอื สรา้ งเครอื ขา่ ย และตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ความพรอ้ มของกลมุ่ เปา้ หมาย
ในการเป็นแกนหลกั ส่งเสรมิ การสรา้ งสมั มาชีพใหเ้ กดิ ไดจ้ รงิ
4 แจ้งปราชญ์ชุมชนเป้าหมายเพ่ือรับการอบรมเพิ่มพูนทักษะ
ในการถา่ ยทอดความรแู้ ละการจดั กระบวนการสมั มาชพี
5 เปน็ ทปี่ รกึ ษาในการคดั เลอื กครวั เรอื นเปา้ หมายเพอ่ื รบั การอบรม
เปน็ ครวั เรอื นสมั มาชพี ชมุ ชน โดยพจิ ารณาจาก 1) ครวั เรอื นทมี่ รี ายไดต้ ำ�่ กวา่
เกณฑ์ความจ�ำเป็นพ้ืนฐาน (จปฐ.) ที่สามารถพัฒนาได้ 2) ครัวเรือนที่มี
รายไดน้ อ้ ย และ 3) ครวั เรอื นทม่ี คี วามตอ้ งการและสนใจฝกึ อาชพี ในหมบู่ า้ น
เปา้ หมาย
6 เป็นผู้ประสานงานให้กับปราชญ์ชุมชนและครัวเรือนเป้าหมาย
ในการอบรมสรา้ งสมั มาชพี ชุมชน
7 จัดท�ำทะเบียนข้อมูลปราชญ์ชุมชนและข้อมูลครัวเรือน
ท่มี ีความเช่ียวชาญด้านอาชพี สง่ จังหวัด
8 ตดิ ตามสนบั สนนุ การฝกึ ปฏบิ ตั อิ าชพี ของครวั เรอื นและใหก้ ำ� ลงั ใจ
อย่างตอ่ เนอื่ ง
9 สรปุ และถอดบทเรยี นเพอื่ เปน็ แนวทางการดำ� เนนิ งานระยะตอ่ ไป
กถา พัฒนากร | 99
3 การแกไ้ ขปญั หาครวั เรอื นยากจน
สาเหตุปัญหาความยากจนมีหลายมิติ ก่อให้เกิดความเหล่ือมล�้ำ
ทางเศรษฐกจิ และความไมม่ น่ั คงทางสงั คม กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาสงั คมอนื่ ๆ ตามมา
เชน่ ปญั หาอาชญากรรม
การแก้ไขปัญหาความยากจน หรือครัวเรือนยากจน ต้องแก้ไขราย
ครวั เรือน และการดำ� เนนิ งานแบบบูรณาการ
กรอบแนวคิดในการแก้ไขปัญหาครวั เรอื นยากจนแบบบรู ณาการ
1 ความยากจนเกิดจากการบริหารจัดการชีวิตที่ไม่เหมาะสม
สามารถแก้ไขด้วยการบริหารจัดการชีวิต
2 ปญั หาความยากจนเปน็ ปญั หาเชงิ ซอ้ นไมใ่ ชป่ ญั หาเชงิ เดยี่ วตอ้ งแกไ้ ข
เป็นรายครวั เรือน
3 ปัญหาความยากจน ต้องแก้ไขเป็นกระบวนการบูรณาการ และ
ใช้เวลาในการด�ำเนินการ
พฒั นากรมวี ธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาครวั เรอื นยากจนอยา่ งไร กระบวนการ
บริหารจดั การชีวติ ครัวเรือนยากจนแบบบูรณาการ 4 กระบวนการ
ชี้เปา้ ชีวติ เข็มทิศชวี ติ จัดบกราหิ ราชรวี ิต ดแู ลชวี ิต
Life Identification Life Compass Life Management Life Improvement
100 | กถา พัฒนากร
1 ช้ีเป้าชีวิตครัวเรือนยากจน (Life identification) โดยการ
สรา้ งทมี ปฏบิ ตั กิ ารจากการบรู ณาการภารกจิ บทบาทจากภาคสว่ นทเี่ กยี่ วขอ้ ง
ทำ� การศึกษาข้อมลู จปฐ. เพือ่ คน้ หา ระบคุ รวั เรือนเปา้ หมาย
2 จดั ทำ� เขม็ ทศิ ชวี ติ หรอื “แผนทช่ี วี ติ ” (Life Compass) ทมี งาน
ผเู้ กยี่ วขอ้ งในชมุ ชน รว่ มกนั จดั การเรยี นรู้ สรา้ งความเขา้ ใจทง้ั ในทมี งาน และ
การค้นหาช่องทาง วิธีการที่เหมาะสมเพ่ือให้ครัวเรือนเป้าหมายมีทิศทาง
ท่ชี ดั เจนในการพฒั นาให้พ้นจน
3 บริหารจัดการชีวิต (การบูรณาการการมีส่วนร่วมของ
ทกุ ภาคสว่ น) (Life Management) โดยการนำ� เอาแผนทชี่ วี ติ ในการพฒั นา
คุณภาพชีวิตให้พ้นจนของครัวเรือนเป้าหมายที่จัดท�ำไว้ ไปปฏิบัติให้เห็นผล
โดยครัวเรือนยากจนด�ำเนินการในส่วนท่ีด�ำเนินการเองได้ ทีมปฏิบัติการ
ช่วยกันน�ำแผนที่ชีวิตเสนอให้บรรจุในแผนชุมชน แผนพัฒนาท้องถิ่น
ของอบต./เทศบาลแผนพฒั นาอำ� เภอแผนพฒั นาจงั หวดั รวมทง้ั การบรู ณาการ
การปฏบิ ตั ิให้เปน็ ไปตามบทบาท ภารกิจ
4 ดูแลชีวิต (Life improvement) โดยทีมปฏิบัติการและ
ผนู้ ำ� ชมุ ชน ผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ ง รว่ มกนั ตดิ ตามความกา้ วหนา้ การบรหิ ารจดั การชวี ติ
ของครวั เรอื นยากจนใหก้ ารสนบั สนนุ ดแู ลประคบั ประคองปรบั ปรงุ แผนทชี่ วี ติ
ให้เหมาะสม สมบูรณ์ขึ้น รวมถึงการค้นหาครัวเรือนยากจนเป้าหมายใหม่
ทต่ี ้องใหม้ กี ารบรหิ ารจดั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ในปีต่อไป
กถา พัฒนากร | 101
4 การพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการสร้าง
ความเข้มแขง็ ใหก้ บั ชุมชน ด้วยกระบวนการจดั การพัฒนาประชาชน พฒั นา
หมู่บ้านหรือชุมชนให้มีวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงและเป็นสังคม “อยู่เย็น
เป็นสุข” ดว้ ยการน้อมน�ำปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของพระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอุดลยเดช รัชกาลที่ 9 มาใช้เป็นแนวทาง
ในการดำ� เนนิ งาน โดยเนน้ ประชาชนเปน็ ศนู ยก์ ลางการพฒั นาในการเสรมิ สรา้ ง
ชมุ ชนให้เข้มแข็ง
วัตถุประสงค์
ส่งเสริมและพัฒนาหมู่บ้านโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มาเป็นแนวทางในการพัฒนาหมู่บ้านให้เป็นรากฐานของชีวิตประชาชน
ในหมู่บ้าน มีระบบการบริหารจัดการชุมชนแบบบูรณาการท่ีเข้มแข็ง และ
พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้ม่นั คง
พฒั นากรมวี ิธกี ารสง่ เสรมิ การพฒั นาหมบู่ ้าน
เศรษฐกจิ พอเพยี งอย่างไร
1 พัฒนากรต้องศึกษาแนวทางการด�ำเนินงานการพัฒนาหมู่บ้าน
เศรษฐกิจพอเพียงใหเ้ ข้าใจ โดยละเอยี ด
102 | กถา พฒั นากร
2 จดั เวทปี ระชาคมหมบู่ า้ นเพอื่ ชแี้ จงแนวทางและสรา้ งความเขา้ ใจ
ในการพัฒนาหมู่บ้านและคัดเลือกครอบครวั พฒั นาเพ่ือมาเป็นตน้ แบบ และ
ร่วมเป็นแกนหลักในการขับเคล่ือนการพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
3 พัฒนากรท�ำหน้าท่ีเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งระดบั ตำ� บล/หมบู่ า้ นและมผี นู้ ำ� ชมุ ชนจติ อาสาอาสาสมคั ร
ดำ� เนนิ การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และกระตนุ้ ความคดิ รว่ มหาทางออกในการแกไ้ ข
ปญั หาของครวั เรอื นตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดว้ ยตวั ชว้ี ดั 6x2
และน�ำหมบู่ า้ นที่ผา่ นเกณฑฯ์ มาทำ� การประเมิน 4 ด้าน 23 ตวั ชีว้ ดั เพอื่ จัด
ระดบั หมบู่ ้านเปน็ 3 ระดบั คอื “พออยู่ พอกนิ ” “อย่ดู ี กนิ ดี” และ “มงั่ มี
ศรสี ุข”
4 สง่ เสรมิ การพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งดว้ ยการสรา้ งความรู้
ความสามารถของแกนน�ำชุมชนในการขับเคล่ือนการพัฒนาหมู่บ้าน
สร้างความรู้ให้กับครอบครัวพัฒนา พัฒนาทักษะการด�ำรงชีวิตและขับ
เคลอื่ นกจิ กรรมการพฒั นาชมุ ชนโดยชมุ ชนเอง เพอื่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรปู้ รชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งในชวี ติ ประจำ� วนั จนเปน็ วถิ ี (Way of Life) ทง้ั นี้ สามารถ
ใช้ระบบมาตรฐานชุมชน (มชช.) มาเป็นเคร่ืองมือช่วยให้เกิดการเรียนรู้
และพัฒนาดังกล่าวได้ และพัฒนากรจะต้องเป็นแกนน�ำในการน�ำจิตอาสา
ในชมุ ชนทำ� กจิ กรรมในลักษณะชมุ ชนแหง่ ความเกือ้ กลู
5 ติดตามประเมินผลและให้กำ� ลังใจแกนนำ� และครอบครวั พฒั นา
อย่างต่อเน่อื ง
6 สรปุ และถอดบทเรยี น สกดั องคค์ วามรู้ ปจั จยั สำ� เรจ็ ในการพฒั นา
หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ปัญหาอุปสรรคท่ีเข้ามาระหว่างการพัฒนา
เพอ่ื เป็นแนวทางการด�ำเนนิ งานระยะตอ่ ไป
กถา พัฒนากร | 103
๔.๓พฒั นาเศกรรษกฐบั กกิจาฐราพนัฒรนากา
เศรษฐกจิ ฐานรากมน่ั คง
1 2 3 4
Project Project Project Project
เพม่ิ ศกั ยภาพ พฒั นาคณุ ภาพ สง่ เสรมิ เชอื่ มการ
ผผู้ ลติ มาตรฐาน ชอ่ งทาง ทอ่ งเทยี่ วชมุ ชน
ผลติ ภณั ฑ์ การตลาด (ชมุ ชนทอ่ งเทยี ว
ผปู้ ระกอบการ OTOP นวตั วถิ )ี
OTOP
บรษิ ทั ประชารฐั รกั สามคั คี วสิ าหกจิ เพอ่ื สงั คม / ภาคเอกชน / สถาบนั การศกึ ษา
/ สภาอตุ สาหกรรม / กระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกฬี า/ ททท.
1 โครงการหนง่ึ ตำ� บล หนงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ (OTOP)
“การเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็งและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” เป็น
ยทุ ธศาสตรท์ สี่ ำ� คญั เพอ่ื สรา้ งอาชพี และรายไดใ้ หก้ บั ประชาชนในชมุ ชนทอ้ งถนิ่
ซึ่งเร่ิมจากการรวมกลุ่มของประชาชนระดับฐานรากในการจัดการ
ทรัพยากรท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินให้เป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ
ไดม้ าตรฐาน มเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะทอ้ งถน่ิ ซงึ่ เปน็ แนวทางหนง่ึ ในการสรา้ งพลงั
การพึ่งตนเองและช่วยเหลือกันของชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาการประกอบ
อาชีพท้งั ในระดับบุคคล ระดบั ครวั เรือน ระดบั กล่มุ ชุมชน หม่บู ้าน ตำ� บล
104 | กถา พฒั นากร
ตลอดจนเครือข่ายกลุ่มอาชีพต่างๆ ให้มีความสามารถในการบริหาร
จดั การตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถพัฒนาต่อยอดไปถึง
ระดับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยมุ่งเน้นการสร้าง
ความเข้มแข็งของชุมชนควบคู่ไปกับการยกระดับความสามารถ
ในการบรหิ ารจดั การของผผู้ ลติ ผปู้ ระกอบการ OTOP
กลยุทธส์ ำ� คญั ในการขบั เคลื่อน OTOP
Ø ต้นทาง
1. คน้ หา คดั เลอื ก บันทึกภมู ิปญั ญาท้องถิ่น
เปา้ หมาย ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ สามารถใชป้ ระโยชน์จากภูมปิ ญั ญา
ทอ้ งถิ่นในการพฒั นาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เกิดมูลค่าเพิ่ม
พัฒนากร ต้องเสริมสร้างให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และมีส่วนร่วม
ของคนในชุมชน เพื่อให้ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ สามารถใช้ประโยชน์จาก
ภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ในการพัฒนาผลิตภณั ฑช์ มุ ชนใหเ้ กิดมูลค่าเพ่มิ
2. ลงทะเบยี น OTOP
เป้าหมาย
1 กลุ่มอาชีพ คนในชุมชนให้ความส�ำคัญและเข้าร่วมลงทะเบียน
OTOP
2 มรี ะบบฐานขอ้ มูลผู้ผลติ ผปู้ ระกอบการ
พฒั นากร ตอ้ งกระตุ้น และประชาสัมพนั ธ์ใหก้ ลุ่มอาชพี คนในชุมชน
มาลงทะเบยี น OTOP เพอ่ื เขา้ สกู่ ระบวนการพฒั นา และตอ้ งจดั ทำ� ฐานขอ้ มลู
ผผู้ ลติ ผปู้ ระกอบการ OTOP ใหเ้ ปน็ ปจั จบุ นั และนำ� ขอ้ มลู มาใชป้ ระโยชนใ์ น
การกำ� หนดแผนการส่งเสริมและพัฒนาไดอ้ ย่างเหมาะสม
กถา พฒั นากร | 105
Ø กลางทาง
1. เพ่มิ ศักยภาพผู้ผลิต ผูป้ ระกอบการ OTOP
เป้าหมาย ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ได้รับการพัฒนา
ในด้านการผลติ และการบรหิ ารจดั การ
พัฒนากร ต้องพัฒนากลุ่มอาชีพใหม่ พัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่
รวมถงึ การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพใหแ้ กผ่ ผู้ ลติ ผปู้ ระกอบการ OTOP แบบมอื อาชพี
ไมว่ า่ จะเปน็ ในดา้ นการบรหิ ารจดั การ ดา้ นการออกแบบ/รปู แบบ/บรรจภุ ณั ฑ ์
ดา้ นการตลาด ดา้ นการจดั ทำ� แผนธรุ กจิ ดา้ นการเขา้ ถงึ แหลง่ ทนุ ดา้ นการสรา้ ง
นวัตกรรมด้านการตลาด โดยมุ่งเน้นกลไกการขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการ
อ�ำนวยการหน่ึงต�ำบล หน่ึงผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) การประสาน
ความรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานตา่ งๆ ในพนื้ ทไ่ี มว่ า่ จะเปน็ ภาครฐั ภาคเอกชน และ
ภาคประชาสังคม
2. พฒั นาคณุ ภาพ มาตรฐานผลิตภณั ฑ์
เปา้ หมาย ผลติ ภัณฑ์ OTOP มีคณุ ภาพ และมาตรฐาน
พัฒนากร ต้องเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ
ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่
ผลติ ภณั ฑใ์ นหลายๆ ดา้ น โดยใชภ้ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เทคโนโลยแี ละองคค์ วามรู้
ทางนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นกลไกการขับเคล่ือน
โดย กอ.นตผ. การประสานความรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานตา่ งๆ ในพนื้ ทไี่ มว่ า่ จะเปน็
ภาครฐั ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม
3. คัดสรรสดุ ยอดผลิตภัณฑ์ (OTOP)
เปา้ หมาย จดั ระดบั ผลิตภณั ฑ์ เพอ่ื น�ำไปสู่การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ และ
เปน็ การประชาสัมพันธ์ การเสรมิ สร้างคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้เป็นทยี่ อมรับ
แก่บุคคลทั่วไป จนสามารถใช้เป็นแหล่งสร้างรายได้และความเข้มแข็ง
ใหก้ ับชมุ ชน
106 | กถา พฒั นากร
พฒั นากรตอ้ งกระตนุ้ ใหผ้ ผู้ ลติ ผปู้ ระกอบการOTOPเหน็ ถงึ ความสำ� คญั
ในการคัดสรรสุดยอดผลิตภัณฑ์ (OTOP) และเข้าร่วมโครงการคัดสรร
สุดยอดผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อเป็นช่องทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
และช่องทางการตลาดสสู่ ากล
Ø ปลายทาง
1. สง่ เสรมิ ชอ่ งทางการตลาดระดบั หม่บู า้ น/ตำ� บล/อ�ำเภอ
/จงั หวดั ระดบั ภูมภิ าค ระดบั ประเทศ และระหว่างประเทศ
เปา้ หมาย ผูผ้ ลติ ผปู้ ระกอบการ OTOP มีรายได้เพ่ิมขน้ึ
พฒั นากรตอ้ งกระตนุ้ ใหผ้ ผู้ ลติ ผปู้ ระกอบการOTOPเหน็ ถงึ ความสำ� คญั
ในการคัดสรรสุดยอดผลิตภัณฑ์ (OTOP) และเข้าร่วมโครงการคัดสรร
สดุ ยอดผลติ ภณั ฑ์ (OTOP) เพอ่ื เขา้ สกู่ ระบวนการพฒั นา และสง่ เสรมิ ชอ่ งทาง
การตลาดสู่สากล
2. ส่งเสริมชอ่ งทางการตลาดใหม่ ๆ เช่น Online ,
E-commerce
เป้าหมาย
1 ผผู้ ลติ ผปู้ ระกอบการ OTOP มชี อ่ งทางการจำ� หนา่ ยสนิ คา้ OTOP
ผา่ นระบบ Online
2 ผผู้ ลิต ผปู้ ระกอบการ OTOP มีรายไดเ้ พมิ่ ขึ้น
พัฒนากร ต้องเรียนรู้ ฝึกฝน และเติมเต็มความรู้และทักษะ
ด้านการจำ� หน่ายสินค้า ผา่ นระบบ Online, การตลาดทนี่ ำ� เทคโนโลยีต่างๆ
เข้ามาช่วย เพื่อให้สามารถเสริมสร้างความรู้ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ
OTOP ได้อยา่ งเป็นระบบ
กถา พฒั นากร | 107
2 ชมุ ชนทอ่ งเทย่ี ว OTOP นวตั วถิ ี
ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เป็นการบูรณาการการพัฒนา
และการสง่ เสริมการท่องเท่ียวเขา้ กับการพฒั นาและส่งเสริมการตลาดสนิ คา้
OTOPในชมุ ชนดว้ ยการดงึ เสนห่ แ์ หง่ ภมู ปิ ญั ญาวถิ ชี วี ติ วฒั นธรรมและความคดิ
สร้างสรรค์ มาแปลงเป็นเม็ดเงิน เกิดการกระจายรายได้ภายในชุมชน
สรา้ งชมุ ชนทเี่ ขม้ แขง็ โดยลกู หลานไมต่ อ้ งลำ� บากไปหางานนอกหมบู่ า้ น
เป้าหมาย
1 เพื่อพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากใหเ้ กดิ รายได้กับชมุ ชน
2 เพื่อเช่ือมโยงเส้นทางในการท่องเท่ียวให้มีความโดดเด่น
มีความพรอ้ มบนอตั ลักษณข์ องชุมชนทอ่ งเที่ยว
3 เพื่อสร้างและพัฒนาบุคลากร ผู้ประกอบการ และผู้ท่ีเก่ียวข้อง
ในชมุ ชนทอ่ งเทยี่ ว ใหม้ ขี ดี ความสามารถในการคดิ เชงิ สรา้ งสรรค์ และสามารถ
น�ำมาตอ่ ยอดในการบรหิ ารจดั การชุมชน สรา้ งรายได้ให้กับชุมชน
108 | กถา พัฒนากร
กลยุทธก์ ารบริหารจัดการดา้ นการท่องเท่ยี ว
และสรา้ งรายได้อยา่ งย่ังยนื
1กลยทุ ธ์ 2กลยทุ ธ์ 3กลยทุ ธ์
เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การ พฒั นาและยกระดบั มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ สง่ เสรมิ การตลาดและเชอื่ มโยงธรุ กจิ
ชมุ ชนทอ่ งเทย่ี ว และบรกิ ารในชมุ ชนทอ่ งเทยี่ ว การทอ่ งเทย่ี ว
กระบวนการท่ี 1 กระบวนการที่ 1 กระบวนการท่ี 1
บรหิ ารจดั การขอ้ มลู เพอื่ พฒั นาชมุ ชน เพมิ่ มลู คา่ และยกระดบั มาตรฐาน ประสานภาคกี ารตลาดดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว
ทอ่ งเทย่ี ว ของผลติ ภณั ฑ์ กระบวนการท่ี 2
กระบวนการที่ 2 กระบวนการที่ 2 พฒั นาชอ่ งทางสอ่ื ประชาสมั พนั ธ์
พฒั นาบคุ ลากรดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว ยกระดบั คณุ ภาพและมาตรฐานการบรกิ าร
กระบวนการที่ 3 กระบวนการที่ 3 ชมุ ชนทอ่ งเทยี่ ว
ประสานความรว่ มมอื ภาคกี ารพฒั นา เชอ่ื มโยงกจิ กรรมบรกิ ารและ กระบวนการท่ี 3
กระบวนการท่ี 4 ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การตลาด
สรา้ งคณุ คา่ และพฒั นาชมุ ชนทอ่ งเทย่ี ว เปา้ หมายกลยทุ ธ์ คอื สนิ คา้ และบรกิ ารในชมุ ชน เปา้ หมายกลยทุ ธ์ คอื ชมุ ชนทอ่ งเทย่ี วรกั ษา
เปา้ หมายกลยทุ ธ์ คอื ชมุ ชนทอ่ งเทยี่ วรกั ษา ทอ่ งเทีย่ ว ได้รับการพัฒนาและเพ่มิ มลู คา่ อัตลักษณแ์ ละสรา้ งคณุ คา่ ไดอ้ ย่างยัง่ ยืน
อัตลกั ษณแ์ ละสร้างคณุ ค่าได้อยา่ งยัง่ ยนื
กรอบการด�ำเนินงานทางเลอื กส�ำหรบั การพฒั นา
การพัฒนาต้องด�ำเนินการบนพ้ืนฐานอัตลักษณ์ที่แท้จริง
ของแตล่ ะหมบู่ า้ น/ชมุ ชน เพอ่ื ใหม้ กี จิ กรรมทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ประเพณี
และอัตลกั ษณข์ องหมู่บ้าน/ชุมชน สามารถคน้ หา พฒั นา และหรือ
สร้างเสนห่ ์ทด่ี ึงดดู ความสนใจของนกั ทอ่ งเทย่ี วได้
ค้นหาจดุ เด่นใน 3 มิติ
1 สถานทท่ี อ่ งเทยี่ ว/กจิ กรรมเดน่ เพอ่ื ดงึ นกั ทอ่ งเทยี่ วเขา้ มาเยยี่ มชม
สถานท่ีในหมู่บา้ น/ชุมชน
2 เมนูเด็ด เพ่ือให้นักท่องเท่ียวได้ชิมอาหารอันเป็นลักษณะ
ของพ้ืนถ่ิน
3 สุดยอดผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักท่องเท่ียวได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์
อนั เปน็ เอกลกั ษณข์ องหมูบ่ ้าน/ชุมชน
กถา พัฒนากร | 109
ค้นหาทนุ ของชุมชน 5 ทุน
1 ทุนทางประวตั ิศาสตร์ เมือ่ นำ� มาใช้ต้องมีความร้ใู นเร่อื งดงั กล่าว
อย่างลึกซ้งึ
2 ทุนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เม่ือน�ำมาใช้ต้อง
มมี าตรการดแู ลรกั ษา
3 ทุนศิลปวัฒนธรรมและประเพณี โดยค�ำนึงถึงการรักษาสมดุล
ระหวา่ งการอนุรักษ์กบั การพฒั นา
4 ทุนความคิดสร้างสรรค์ ท่ีสามารถต่อยอดทุนเดิมให้กลายเป็น
ทนุ ใหม่ รวมถงึ ตระหนักในคณุ ค่าและส่งตอ่ คุณค่า
5 ทนุ นวตั กรรม บรู ณาการความรเู้ กา่ - ใหม่ เพอื่ เพมิ่ มลู คา่ (Value
-added innovation)
จัดท�ำแผนงานพัฒนาดว้ ยหลัก 5P
1 Place พฒั นาศกั ยภาพ ปรบั ปรงุ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว/สถานทท่ี อ่ งเทย่ี ว
เพ่อื ดงึ ดดู ความสนใจของนักท่องเทีย่ ว
2 Preserve ดูแลรักษาทรัพยากรที่เป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นและ
สงิ่ แวดลอ้ ม เพอ่ื ใหน้ กั ทอ่ งเทยี่ วประทบั ใจและเปน็ ตน้ ทนุ ทย่ี งั่ ยนื ของหมบู่ า้ น/
ชมุ ชน
3 People พัฒนาการมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้ประกอบการชุมชน
ให้มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพในการขับเคล่ือนการบริหารจัดการชุมชน
ทอ่ งเทย่ี วอยา่ งยั่งยนื
4 Product พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้า OTOP และบริการ
ดา้ นการทอ่ งเทยี่ วใหโ้ ดดเดน่ บนพนื้ ฐานอตั ลกั ษณข์ องหมบู่ า้ น/ชมุ ชน โดยใชห้ ลกั
การตลาดนำ� การผลติ (มงุ่ เนน้ การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ ทตี่ อบสนองความตอ้ งการ
ของผู้บริโภคเปน็ ส�ำคัญ)
5 Promotion ประชาสมั พนั ธ์ สอ่ื สารสรา้ งการรบั รู้ และสนบั สนนุ
กจิ กรรมของชมุ ชนทอ่ งเทย่ี วอยา่ งตอ่ เนอื่ งผา่ นชอ่ งทางการสอ่ื สารรปู แบบตา่ งๆ
110 | กถา พัฒนากร
สร้างเสนห่ ์ชมุ ชนดว้ ยหลกั 5S
1 Smile หมู่บ้าน/ชุมชน (เจ้าของบ้าน) มีลักษณะย้ิมแย้มแจ่มใส
สรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธท์ ด่ี ตี งั้ แตพ่ บกนั เบอื้ งแรก สง่ ผลใหน้ กั ทอ่ งเทยี่ ว/ผมู้ าเยอื น
เกดิ ความประทบั ใจ
2 Story หมู่บา้ น/ชุมชนมีเรอ่ื งราว/เรอ่ื งเลา่ ที่นา่ สนใจ ซ่ึงสามารถ
ถ่ายทอดหรือประยุกต์ให้กลายเป็นสินค้า ของท่ีระลึก หรือเป็นกิจกรรม
และบริการสนับสนุนการท่องเท่ียวได้ รวมถึงการพัฒนานักเล่าเร่ืองประจ�ำ
หมูบ่ า้ น/ชุมชน นน้ั ๆ
3 Secret เสนห่ ์ประจ�ำหมู่บ้าน/ชุมชน เช่น สูตรลับอาหารพ้ืนบ้าน
เปน็ ต้น
4 Surprise มีแหล่งท่องเท่ียวท่ีน่าตื่นเต้นและสามารถสร้าง
ความประทบั ใจแกน่ กั ทอ่ งเทยี่ ว รวมถงึ หมบู่ า้ น/ชมุ ชนมกี ารรกั ษาความสะอาด
และมมี าตรการรกั ษาความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ใหแ้ กน่ กั ทอ่ งเทยี่ ว
5 Spirit หมบู่ า้ น/ชุมชน (เจา้ ของบา้ น) มีอธั ยาศัยท่ีดี โอบอ้อมอารี
และตอ้ นรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรจี ติ
กถา พฒั นากร | 111
แนวทางการสง่ เสริมและพัฒนาชมุ ชนท่องเที่ยว
OTOP นวัตวิถี
กรมการพัฒนาชุมชน ได้ก�ำหนดแนวทางและวิธีการด�ำเนินงาน
ทมี่ คี วามชดั เจนในการพฒั นา ใหเ้ กดิ หมบู่ า้ นหรอื ชมุ ชนทอ่ งเทยี่ วทม่ี คี วามยง่ั ยนื
โดยการจดั ประเภทชมุ ชนทอ่ งเทยี่ ว ออกเปน็ 4 ระดับ ได้แก่
1 ชมุ ชนท่องเท่ยี วดาวเดน่ (Attractive)
2 ชุมชนท่องเที่ยวดาวร่งุ (Brighten Star)
3 ชมุ ชนโดดเด่นเฉพาะดา้ น (Case Study)
4 ชุมชนสนิ คา้ OTOP (Delivery Product)
112 | กถา พฒั นากร
แนวทางส่งเสริมและพัฒนา
ชมุ ชนทอ่ งเทยี่ ว P สง่ เสรมิ การประชาสมั พนั ธ์ กระตนุ้ นกั ทอ่ งเทย่ี วทง้ั ภายในประเทศและตา่ งประเทศ
ดาวเดน่ P สง่ เสรมิ ใหช้ มุ ชนเขา้ สชู่ อ่ งทางการตลาดออนไลน์ แพลตฟอรม์ และแอปพลเิ คชนั
P สง่ เสรมิ การตลาดเชอื่ มโยงธรุ กจิ ทอ่ งเทย่ี ว ไดแ้ ก่ แพก็ เกจทวั ร์ โปรแกรมการทอ่ งเทยี่ ว
(Attractice) P บรู ณาการการทำ� งานรว่ มกบั หนว่ ยงานภาคดี า้ นการตลาด
P สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความยง่ั ยนื ของการทอ่ งเทยี่ วโดยชมุ ชน โดยใชห้ ลกั การและแนวคดิ ตามหลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ชมุ ชนทอ่ งเทยี่ ว P วเิ คราะหศ์ กั ยภาพชมุ ชนทอ่ งเทยี่ วทงั้ 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นศกั ยภาพในการดงึ ดดู นกั ทอ่ งเทยี่ ว
ดาวรงุ่ ดา้ นความพรอ้ มและสง่ิ อำ� นวยความสะดวก และดา้ นสนิ คา้ และบรกิ าร และนำ� ผลการวเิ คราะห์
มากำ� หนดแผนและแนวทางในการพฒั นายกระดบั ชมุ ชนทอ่ งเทย่ี ว
(Brighten Star) P เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว โดยมกี รรมการบรหิ ารชมุ ชนทอ่ งเทย่ี ว
กลุ่ม/องค์กรท่ีร่วมกันขับเคล่ือนแผนพัฒนาชุมชนท่องเท่ียวให้เป็นไปตามแนวทางและทิศทาง
ทกี่ ำ� หนด รวมทงั้ สรา้ งความยงั่ ยนื ของชมุ ชนทอ่ งเทย่ี ว
P ยกระดบั สนิ คา้ /ผลติ ภณั ฑ์ ใหม้ คี ณุ ภาพมาตรฐาน ความปลอดภยั สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ
ของนกั ทอ่ งเทยี่ ว
P พัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ให้มีความหลากหลายและดึงดูดความสนใจ
ของนกั ทอ่ งเทยี่ ว
P สง่ เสรมิ การตลาด มงุ่ เนน้ กลมุ่ เปา้ หมายนกั ทอ่ งเทย่ี วทสี่ อดคลอ้ งกบั อตั ลกั ษณ์ และความดงึ ดดู
ดา้ นการทอ่ งเทย่ี วของหมบู่ า้ น/ชมุ ชน
ชมุ ชนโดดเดน่ P จ�ำแนกความโดดเด่นแต่ละด้าน เพ่ือให้สามารถพัฒนาไปสู่แหล่งเรียนรู้ที่มีกระบวนการ
เฉพาะดา้ น จัดกิจกรรมเรียนรู้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับเน้ือหาองค์ความรู้และตัวอย่างความส�ำเร็จ
(Case Study) ของหมบู่ า้ น/ชมุ ชน
P พฒั นาเปน็ แหลง่ เรยี นรใู้ นการรองรบั การศกึ ษาดงู าน โดยสามารถบรหิ ารจดั การสรา้ งรายได้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของชุมชน และอาจมีรายได้เสริมจากสินค้าและบริการท่ีมีอยู่ใน
หมบู่ า้ น/ชมุ ชน
P ประสานความรว่ มมอื หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เชน่ บรษิ ทั ประชารฐั รกั สามคั คจี งั หวดั (วสิ าหกจิ
เพอ่ื สงั คม) จำ� กดั รวมถงึ หนว่ ยงานภาครฐั และเอกชนทม่ี ภี ารกจิ เฉพาะดา้ นในการสง่ เสรมิ แหลง่ เรยี นรู้
ชมุ ชนสนิ คา้ P พัฒนาตามแนวทางกระบวนการ OTOP ได้แก่ พัฒนาด้านการบริหารจัดการกลุ่มพัฒนา
OTOP กระบวนการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมการตลาดเชื่อมโยงกับ OTOP Mobile,
OTOP Online, ตลาดประชารฐั
(Delivery Product) P ใช้หลักการพื้นฐานตามแนวคิด OTOP คือ ภูมิปัญญาท้องถ่ินสู่สากล การพ่ึงพาตนเอง
และความคดิ สรา้ งสรรค์ และการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ผลติ ภณั ฑท์ เี่ ปน็ อตั ลกั ษณ์
ใชภ้ มู ปิ ญั ญาและวตั ถดุ บิ ในทอ้ งถนิ่ สรา้ งสรรคผ์ ลติ ภณั ฑ์ สรา้ งอาชพี และรายได้
P ใชก้ ระบวนการชมุ ชนในการพฒั นาระบบบรหิ ารจดั การชมุ ชนภายใตห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ
พอเพยี ง มงุ่ เนน้ ใหห้ มบู่ า้ น/ชมุ ชนพงึ่ ตนเองไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื
กถา พัฒนากร | 113
๔.๔การเสรมิ สรพา้ ฒังทนนุ าชกมุรกชบัน
ทนุ ชมุ ชนมธี รรมาภบิ าล
1 2 3 4
Project Project Project Project
กข.คจ. กองทนุ แม่ กลมุ่ ออมทรพั ย์ กองทนุ พฒั นา
ของแผน่ ดนิ เพอ่ื การผลติ บทบาทสตรี
มอี าชพี มรี ายได้ ชมุ ชนสขี าว สง่ เสรมิ แปรรปู มอี าชพี มรี ายได้
ปลอดยาเสพตดิ จากการเกษตร
สผู่ ลติ ภณั ฑช์ มุ ชน
5
ศนู ยจ์ ดั การกองทนุ ชมุ ชน
1 ครวั เรอื น 1 สญั ญา
114 | กถา พัฒนากร
1 โครงการแกไ้ ขปญั หาความยากจน (กข.คจ.)
โครงการแกไ้ ขปญั หาความยากจน (กข.คจ.) เปน็ การสนบั สนนุ เงนิ ทนุ
ให้ระดับหมู่บ้านแล้วมอบอ�ำนาจและหน้าที่ความรับผิดชอบให้องค์กร
ประชาชนในหมู่บ้านเป็นผู้บริหารจัดการเงินทุนให้หมุนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน
ตลอดไป โดยสนับสนุนเงินทุนเพ่ือประกอบอาชีพแก่ครัวเรือนเป้าหมาย
หมู่บ้านละ 280,000 บาท โดยไม่มีดอกเบ้ีย และมีเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน
เป็นผู้ส่งเสริม สนับสนุน ตรวจสอบ และติดตามการด�ำเนินงานโครงการ
กข.คจ. ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ
วัตถปุ ระสงค์
1 เพ่ือให้ครัวเรือนเป้าหมายยืมเงินไปลงทุนประกอบอาชีพ
หรอื ขยายกจิ การ
2 เพ่ือแก้ไขปัญหาความยากจนของครัวเรือนเป้าหมายให้มีอาชีพ
และมรี ายได้
3 เพอ่ื ยกระดับคณุ ภาพชีวติ ของประชาชน
กถา พัฒนากร | 115
บทบาทหน้าทขี่ องพัฒนากรในการด�ำเนินงาน
โครงการแก้ไขปญั หาความยากจน (กข.คจ.)
1 ศึกษาระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการบริหารและ
การใช้จ่ายเงนิ โครงการแก้ไขปญั หาความยากจน พ.ศ. 2553
2 ตรวจสอบข้อมูล ทะเบียนการด�ำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหา
ความยากจน (กข.คจ.) ในสมุดทะเบียนคุมหมู่บ้านโครงการ กข.คจ. และ
ในพื้นท่ตี ำ� บลทร่ี ับผิดชอบ
3 ส่งเสริม สนับสนุน การด�ำเนินงานและการบริหารจัดการ
โครงการแกไ้ ขปญั หาความยากจน (กข.คจ.) แกค่ ณะกรรมการ กข.คจ. หมบู่ า้ น
และครัวเรอื นเป้าหมาย
4 พัฒนากระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมในการบริหาร
จัดการเงนิ ทุนโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) ใหด้ ำ� เนินงานได้
อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ บรรลเุ ปา้ หมายและเป็นไปตามหลักธรรมาภบิ าล
5 ตดิ ตามตรวจสอบใหค้ ำ� ปรกึ ษาแนะนำ� และรายงานผลการดำ� เนนิ งาน
โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) ตามแบบและห้วงระยะเวลาท่ี
ก�ำหนดไวใ้ นระเบยี บ
6 เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการเงินทุนโครงการ กข.คจ.
แก่คณะกรรมการ กข.คจ. หมูบ่ ้าน และเผยแพรป่ ระชาสมั พันธ์ความสำ� เรจ็
ในการบริหารจัดการเงินทุน กข.คจ.และการส่งเสริมอาชีพของครัวเรือน
เป้าหมาย
116 | กถา พฒั นากร
2 กองทนุ แมข่ องแผน่ ดนิ
ดว้ ยพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ
ในรัชกาลท่ี 9 ทรงห่วงใยต่อปัญหายาเสพติดท่ีแพร่ระบาดในสังคมไทย
จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อน�ำไปใช้ประโยชน์
ในการป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน
องค์ประกอบของกองทุนแม่ของแผน่ ดนิ
ส่วนที่ 1 เงนิ ขวัญถงุ พระราชทาน
แห่งละ 8,000 บาท (เป็นเงินขวัญถุงในหม่บู า้ น/ชมุ ชน โดยไมใ่ ช้จา่ ย
ใหห้ มดไป)
สว่ นที่ 2 ทนุ ศรัทธา
เป็นเงินท่ีราษฎรร่วมกันบริจาคอย่างต่อเน่ืองด้วยพลังความศรัทธา
สมทบเข้ากองทนุ แม่ฯ
ส่วนที่ 3 ทุนปัญญา
เป็นเงินท่ีราษฎรในหมู่บ้านและชุมชนคิดค้นขึ้นด้วยภูมิปัญญา
ของตนเองในการระดมทุนเพ่ือขยายกองทุน ให้กองทุนมีการงอกเงยข้ึน
จนสามารถนำ� ไปใชจ้ า่ ยเพอ่ื การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ ของหมบู่ า้ น
ไดอ้ ย่างเพียงพอตอ่ ไป
กถา พัฒนากร | 117
บทบาทของพฒั นากรในการด�ำเนินงาน
กองทนุ แมข่ องแผน่ ดิน
1 คดั เลือกหมบู่ า้ น/ชมุ ชนตน้ กลา้ กองทนุ แม่ของแผ่นดิน
2 สง่ เสรมิ เตรียมความพรอ้ ม 10 ขนั้ ตอน ประกอบดว้ ย
2.1 ขยายความคิด
ท�ำความเขา้ ใจโครงการทุกครัวเรือน
จดั ตั้งคณะกรรมการกองทนุ แมข่ องแผ่นดิน
รับสมคั รสมาชิกเข้ารว่ มโครงการโดยสมคั รใจ
2.2 พชิ ิตปัญหายาเสพตดิ
จดั ต้งั กฎชุมชนเข้มแขง็
ใหค้ วามรูค้ วามเข้าใจเร่อื งยาเสพตดิ
จัดตัง้ กองทุนยาเสพตดิ
ประชาคมคดั แยกดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี (กรณมี ผี คู้ า้ ผเู้ สพ ผตู้ อ้ งสงสยั )
2.3 รกั ษาชวี ิตชุมชนเข้มแขง็
จดั กิจกรรมปอ้ งกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน
รับรองครวั เรือนปลอดภยั
รักษาสถานะชุมชนเขม้ แขง็
3 ประเมนิ ตามเกณฑร์ บั รองเปน็ หมบู่ า้ น/ชมุ ชนกองทนุ แมข่ องแผน่ ดนิ
4 การตรวจสุขภาพกองทุนแม่ของแผ่นดิน เพ่ือทราบสถานะ
ของกองทนุ แมข่ องแผน่ ดนิ วา่ เขม้ แขง็ ระดบั ใดจดั ลำ� ดบั ความเขม้ แขง็ และนำ� ขอ้ มลู
มาประกอบการวางแผนพฒั นากองทุนแมข่ องแผน่ ดนิ
5 พัฒนาศูนยเ์ รยี นรู้
6 สร้างเครอื ขา่ ยระดบั ภาค/อ�ำเภอ/จงั หวัด
118 | กถา พฒั นากร
3 กลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พอื่ การผลติ
กรมการพัฒนาชุมชน ส่งเสริม/สนับสนุนการจัดต้ังกลุ่มออมทรัพย์
เพอ่ื การผลติ ตงั้ แต่ ปี พ.ศ. 2517 กลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พอื่ การผลติ เปน็ การผสมผสาน
ระหวา่ งแนวคดิ ของสหกรณก์ ารเกษตรเครดติ ยเู นย่ี น และสนิ เชอื่ เพอื่ การเกษตร
โดยใช้ “เงนิ เปน็ เครอื่ งมอื ในการพฒั นาคน” เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ กระบวนการ
เรยี นรขู้ องประชาชนในการพฒั นาตนเอง และพฒั นาสงั คม โดยสอนใหค้ นรจู้ กั
ชว่ ยเหลอื ตนเองและผอู้ นื่ ดว้ ยการประหยดั และเกบ็ ออมแลว้ นำ� เงนิ มาสะสม
รวมกนั เปน็ ประจำ� สมำ�่ เสมอ เพอ่ื เปน็ ทนุ สำ� หรบั สมาชกิ ทม่ี คี วามจำ� เปน็ เดอื ดรอ้ น
กู้ยืมไปใช้ในการลงทุนประกอบอาชีพ หรือเพื่อสวัสดิการของครอบครัว
โดยยึดหลักคุณธรรม 5 ประการ คือ ซื่อสัตย์ เสียสละ ความรับผิดชอบ
ความเหน็ อกเหน็ ใจ และความไวว้ างใจซงึ่ กนั และกนั
วัตถุประสงค์
1 เพื่อพัฒนาคน โดยใช้หลักการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต
เปน็ เครือ่ งมอื ในการพัฒนาตนเอง
2 เพ่ือพัฒนาเศรษฐกิจ โดยการระดมเงินออมเพ่ือจัดต้ังกองทุน
กลางของชุมชนท�ำให้สมาชิกมีแหล่งเงินทุนในการกู้ยืมไปประกอบอาชีพ
และใช้ตามความจำ� เป็นของครอบครัว
3 เพอ่ื พฒั นาสงั คม โดยการปลกู ฝงั คณุ ธรรม 5 ประการ เพอ่ื กอ่ ใหเ้ กดิ
ความสามัคคี ความยุติธรรม ความเท่าเทียมกัน การเคารพความคิดเห็น
ของผอู้ ื่น ความร่วมมอื รว่ มใจ และความเปน็ อนั หน่งึ อันเดยี วกันในชมุ ชน
กถา พัฒนากร | 119
บทบาทพัฒนากรในการสง่ เสริมการด�ำเนนิ งาน
กลุ่มออมทรัพย์เพือ่ การผลติ
1 ศึกษาระเบียบกรมการพัฒนาชุมชนว่าด้วยการส่งเสริม
การด�ำเนนิ งานกลุ่มออมทรพั ย์เพ่อื การผลิต พ.ศ. 2555
2 ตรวจสอบข้อมูลทะเบียนการด�ำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์
เพ่ือการผลติ ในพื้นท/่ี ตำ� บลทรี่ ับผดิ ชอบ
3 ส่งเสริมสนับสนุนการด�ำเนินงานและการบริหารจัดการ
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตแก่คณะกรรมการและสมาชิก
4 พัฒนากระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของกรรมการ
และสมาชกิ ในการบรหิ ารจดั การและดำ� เนนิ กจิ กรรมของกลมุ่ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ
ตามหลกั ธรรมาภิบาล
5 ติดตาม ตรวจสอบให้ค�ำปรึกษาแนะน�ำและรายงานผล
การดำ� เนนิ งานของกลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พอื่ การผลติ กจิ กรรมเครอื ขา่ ยในพน้ื ทตี่ ำ� บล
ท่ีรับผิดชอบ
6 เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และเพ่ิมศักยภาพการด�ำเนินงาน
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รวมท้ังรณรงค์ให้สมาชิกมีการออมและ
มกี ารจัดสวัสดกิ ารแก่ชุมชน
120 | กถา พัฒนากร
4 กองทนุ พฒั นาบทบาทสตรี
“กองทนุ พฒั นาบทบาทสตรี เปน็ กองทนุ ทเี่ กดิ ขนึ้ เพอื่ ใหส้ ตรไี ดเ้ ขา้ ถงึ
แหลง่ ทนุ หรอื เงนิ กยู้ มื ดอกเบยี้ ตำ่� นำ� ไปประกอบอาชพี สรา้ งงาน สรา้ งรายได้
หรอื พฒั นาอาชพี ผา่ นการรวมกลมุ่ ของสตรี โดยมกี ารสนบั สนนุ จากหนว่ ยงาน
ภาครฐั เอกชน ภาคประชาสงั คม เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขม้ แขง็ ทม่ี าจากภายในกลมุ่
ของสตรีเอง โดยเริ่มต้นจากความต้องการของสตรี บริหารจัดการด้วยสตรี
สตรมี คี วามสขุ และสตรมี คี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี นึ้ ” โดยมสี ำ� นกั งานกองทนุ พฒั นา
บทบาทสตรี (สกส.) กรมการพฒั นาชมุ ชน เปน็ หนว่ ยงานหลกั ขบั เคลอื่ นภารกจิ
วัตถุประสงค์
1 เปน็ แหลง่ เงนิ ทนุ หมนุ เวยี นดอกเบย้ี ตำ่� ในการสรา้ งโอกาสใหส้ ตรี
เขา้ ถงึ แหลง่ เงนิ ทนุ สำ� หรบั การลงทนุ เพอ่ื พฒั นาอาชพี สรา้ งงาน สรา้ งรายได้
หรอื เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ทางดา้ นเศรษฐกจิ ใหแ้ กส่ ตรแี ละองคก์ รของสตรี
2 เปน็ แหลง่ เงนิ ทนุ เพอ่ื การสง่ เสรมิ บทบาทและพฒั นาศกั ยภาพสตรี
และเครอื ขา่ ยสตรี ในการเฝา้ ระวงั ดแู ลและแกไ้ ขปญั หาของสตรี การสง่ เสรมิ
และพัฒนาคุณภาพชวี ิตของสตรี น�ำไปสู่การสรา้ ง สวัสดิภาพ หรอื สวสั ดกิ าร
เพ่ือคุ้มครองและพิทกั ษ์สทิ ธิของสตรแี ละผู้ด้อยโอกาสอ่นื ๆ ในสงั คม
3 เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรม
ในการพัฒนาบทบาทสตรี การสร้างภาวะผู้น�ำ การพัฒนาองค์ความรู้
เพือ่ เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ทางด้านสังคมใหแ้ กส่ ตรแี ละองคก์ รของสตรี
4 เป็นแหล่งเงินทุนเพ่ือสนับสนุนโครงการอื่นๆ ท่ีเป็นการแก้ไข
ปญั หาและพฒั นาสตรตี ามทีค่ ณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควร
กถา พฒั นากร | 121
เงินกองทนุ พฒั นาบทบาทสตรที ใี่ หส้ มาชิก
ขอรบั การสนบั สนนุ
1 เงินทุนหมุนเวียน (เงนิ ก้)ู
เงินทุนหมุนเวียน คือ เงินทุนให้กู้แก่สมาชิกตามโครงการที่ได้รับ
การสนบั สนนุ จากกองทนุ เพอ่ื การประกอบอาชพี การสรา้ งงาน การสรา้ งรายได้
หรือการเสรมิ สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกจิ
การใช้เงนิ ทนุ หมนุ เวียน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
1 สนบั สนนุ สมั มาชพี ชมุ ชน 4 ชมุ ชนทอ่ งเทยี่ ว OTOP นวตั วถิ ี
วัตถดุ ิบการผลิตสินค้า/ผลิตภัณฑ์ โฮมสเตย์
บรรจุภัณฑ์ กิจกรรมท่องเท่ยี ว
อปุ กรณ์เครอ่ื งมอื การผลติ การตลาด พฒั นาการผลิตสินคา้ /ของที่ระลกึ
เช่ือมโยงตลาดประชารฐั การบริการนักทอ่ งเทีย่ ว/อาหาร/เครื่องด่ืม
2 OTOP เงินทนุ 5 อนื่ ๆ
หมุนเวียน
พฒั นาเพิม่ มลู คา่ ผลติ ภณั ฑ์ ครัวเรอื นยากจน
เพิม่ กำ� ลงั การผลิตสนิ ค้า ครัวเรือนหมู่บา้ นเศรษฐกิจ
ปรับปรุงเคร่ืองมอื อุปกรณ์ พอเพียง
ในการผลิต วสิ าหกจิ ชมุ ชน/ธรุ กจิ ชุมชน
ปรบั ปรงุ สถานที่การผลิต ผูส้ งู อายุ
ผปู้ ระกอบการ/กลมุ่ OTOP Start Up
Quadrant D SME
3 ประชารัฐรกั สามคั คี (SE)
เกษตรกรรม ปศุสตั ว์ ประมง แปรรูปผลิตภณั ฑ์
ท่องเท่ียวโดยชุมชน
122 | กถา พัฒนากร
2 เงินอดุ หนนุ (ทนุ ให้เปล่า)
เงนิ อดุ หนนุ คอื เงนิ ทนุ ตามโครงการทไี่ ดร้ บั การสนบั สนนุ จากกองทนุ
เพ่ือการสง่ เสริมบทบาทและพัฒนาศักยภาพสตรีและเครือข่าย การสง่ เสรมิ
สนับสนุนการจัดกิจกรรมในการพัฒนาบทบาทสตรี และการสนับสนุน
โครงการทแี่ ก้ไขปัญหาและพฒั นาสตรี
การใชเ้ งินอดุ หนนุ กองทุนพฒั นาบทบาทสตรี
1 สตรกี บั การแกไ้ ขปญั หา 2
สตรไี ทยใสใ่ จสขุ ภาพ ความยากจน
สรา้ งความตระหนกั ตอ่ การดแู ลสขุ ภาพ สรา้ งงาน สรา้ งอาชพี
ของตนเองและคนในครอบครวั น้อมน�ำหลกั เศรษฐกิจพอเพียงไปใชใ้ น
สง่ เสริมการออกกำ� ลงั กาย ครวั เรอื น
สง่ เสรมิ การมีสุขภาพจิตทดี่ ี ส่งเสรมิ การออมในรปู แบบตา่ งๆ
การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ
และส่งิ แวดลอ้ ม
เงิน
3 สตรกี บั การแกไ้ ขปญั หา อุดหนุน สตรยี คุ ใหมท่ นั สมยั 4
ความเลอ่ื มลำ�้ ในสงั คม บคุ ลกิ ดี มคี วามสามารถ
สร้างการมีบทบาทของสตรใี นสงั คม สรา้ งการเขา้ ถงึ รเู้ ทา่ ทนั เทคโนโลยี
พัฒนาสตรใี หม้ ภี าวะผู้นำ� กระแสโลก
ส่งเสริมการมีส่วมร่วม
พฒั นาบคุ ลิกภาพสตรี
เพม่ิ ทักษะความรู้ ความสามารถสตรี
ทกั ษะการสอ่ื สาร
กถา พฒั นากร | 123
พัฒนากรมบี ทบาทหนา้ ทใ่ี นการขบั เคลอื่ น
งานกองทนุ พฒั นาบทบาทสตรอี ยา่ งไร
1 ในฐานะผปู้ ระสานงานตำ� บล/คณะท�ำงานตดิ ตามหนี้
สรา้ งความเขา้ ใจการดำ� เนนิ งานกองทนุ แกห่ นว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง
ในระดับตำ� บล และสตร/ี องค์กรสตรี
สนับสนุนให้สตรี/องค์กรสตรี เข้าถึงแหล่งเงินทุนและสมัคร
เป็นสมาชิกกองทนุ
ตดิ ตามใหค้ ำ� แนะนำ� แกส่ ตร/ี องคก์ รสตรี ทีไ่ ดร้ ับการสนบั สนุน
เงนิ กองทนุ
ติดตามช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของสมาชิกที่ไม่มีศักยภาพ
ในการช�ำระหน้ตี ามสัญญา
2 ในฐานะผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร คณะอนกุ รรมการกลนั่ กรองและตดิ ตาม
การดำ� เนินงานกองทนุ พัฒนาบทบาทสตรอี ำ� เภอ (อกส.อ)
เตรยี มการประชมุ คณะอนกุ รรมการกลน่ั กรองและตดิ ตามการ
ดำ� เนนิ งานกองทนุ พัฒนาบทบาทสตรีอำ� เภอ (อกส.อ)
จดั ทำ� คำ� สงั่ แตง่ ตง้ั อาสาสมคั ร คณะทำ� งานขบั เคลอ่ื นฯ ตำ� บล/
เทศบาล และคณะอนกุ รรมการกลนั่ กรองและตดิ ตามการดำ� เนนิ งานกองทนุ
พฒั นาบทบาทสตรอี �ำเภอ (อกส.อ.) ใหถ้ กู ตอ้ งเปน็ ปัจจุบัน
ประกาศรายชอื่ สมาชิกกองทนุ
งานหนงั สอื ทะเบียน เอกสาร สญั ญาเงนิ กู้ โครงการ
การก�ำกบั ตดิ ตามการบริหารจัดการหนี้
124 | กถา พัฒนากร
5 ศนู ยจ์ ดั การกองทนุ ชมุ ชน
ประชาชน กองทนุ มีโครงการทดี่ ี
เขา้ ถงึ แหล่งทนุ ธรรมาภบิ าล มีคณะกรรมการทด่ี ี
มกี ารบรหิ ารเงินทด่ี ี
ใช้ทุนอย่าง ศูนยจ์ ัดการ มีการตดิ ตามใกล้ชดิ ครัวเรือนสัมมาชีพ/OTOP
มีคณุ ภาพ กองทนุ /วิสาหกิจชมุ ชน/SE
สร้างอาชพี สร้างรายได้ สรา้ งภมู ิคุ้มกนั
กองทุนพฒั นา จดั สวัสดกิ ารชุมชน 1 ครัวเรือน 1 สญั ญา
บทบาทสตรี บริหารจัดการหนี้
บัญชคี รวั เรือน วางแผนชีวิต
กลมุ่ ออม กข.คจ.
แสวงหาการออม
ส�ำนกึ ดี แผนดี บริหารหนีไ้ ด้
ศนู ยจ์ ดั การกองทนุ ชมุ ชนเปน็ กลไกสำ� คญั ในการขบั เคลอ่ื นและบรู ณาการ
กลุ่ม/องค์กร/กองทุนการเงิน ในชุมชน ให้มีการเชื่อมโยงการบริหาร
จัดการเงินทุนชุมชนอย่างเป็นระบบ มีความเป็นเอกภาพ ชุมชนสามารถ
บริหารจดั การเงนิ ทนุ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ เกิดประโยชน์ เพ่อื แก้ปัญหา
หนสี้ ินและบริหารจดั การชุมชน โดยมเี ปา้ หมายหลัก คือ ครัวเรอื นเปา้ หมาย
มีการบริหารจัดการหน้ีไปสู่ 1 ครัวเรือน 1 สัญญา สร้างวินัยทางการเงิน
ใหก้ ับครัวเรือนบริหารจัดการหน้ีของตนเองได้ นำ� ไปส่ผู ลสัมฤทธ์ิ คอื ลดหนี้
และปลดหน้ไี ดใ้ นทสี่ ดุ
กถา พัฒนากร | 125
วตั ถุประสงค์
ส่งเสริมการบูรณาการกลุ่ม/องค์กร/กองทุนการเงินให้มีการเช่ือมโยง
การบริหารจัดการเงินทุนชุมชน ให้เป็นระบบ มีความเป็นเอกภาพ
สามารถแก้ไขปญั หาหนสี้ นิ และบริหารจัดการชุมชนได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ
บทบาทหนา้ ทศ่ี นู ย์จัดการกองทนุ ชุมชน
แกไ้ ขปญั หาหนสี้ นิ โดยใชก้ ระบวนการการบรหิ ารจดั การหนค้ี รวั เรอื น
ไปสู่ 1 ครวั เรอื น 1 สญั ญา
เชอื่ มโยงการบรหิ ารจดั การเงนิ ทนุ ในชมุ ชนใหเ้ ปน็ ระบบ โดยการจดั ทำ�
ฐานข้อมูลทุนชุมชน ฐานข้อมูลหนี้สินครัวเรือน บริหารจัดการหนี้
ปรบั โครงสรา้ งหน้ี และสง่ เสรมิ วนิ ัยทางการเงินให้คนในชุมชน
สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหค้ รวั เรอื นนอ้ มนำ� หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ไปปรับใช้ในการด�ำเนินชีวิต และวางแผนชีวิต ครัวเรือนมีการจัดท�ำ
บัญชีครัวเรือนเพื่อให้รู้รายรับ รายจ่าย รู้ต้นทุน รู้วิธีป้องกันจุดรั่วไหล
จนสามารถบริหารลดหน้ี ปลดหนี้ บรหิ ารเงนิ บรหิ ารชวี ติ อย่างมคี ณุ ภาพ
บทบาทหน้าทศี่ ูนยจ์ ดั การกองทนุ ชมุ ชน
1 สำ� รวจและจัดทำ� ฐานข้อมูลลูกหน้ี
2 วิเคราะห์ข้อมูลลูกหน้ี แต่ละกลุ่ม/กองทุนมาวิเคราะห์หน้ี
และศักยภาพของลกู หนท้ี ั้งหมดแต่ละราย
3 ประชมุ หารอื เจรจาหากองทุนรับผิดชอบ
4 บริหารจัดการหน้ี โดยคณะกรรมการศูนย์จัดการกองทุนชุมชน
ปรบั โครงสรา้ งหนี/้ โอน/ปรับเปลยี่ นสัญญา
5 สนับสนุนครัวเรือนตามกิจกรรมศูนย์จัดการกองทุนชุมชน
บรหิ ารจดั การหน้ี “สำ� นกึ ดี แผนดี บริหารหนี้ได”้
126 | กถา พัฒนากร
บทบาทของพฒั นากรผูร้ บั ผดิ ชอบงานศนู ยจ์ ดั การกองทนุ ชมุ ชน
1 ศกึ ษาทำ� ความเขา้ ใจหลกั การดำ� เนนิ งานศนู ยจ์ ดั การกองทนุ ชมุ ชน
ตวั ชว้ี ัดคา่ เป้าหมาย และรายละเอียดทีเ่ ก่ยี วขอ้ งใหม้ คี วามชดั เจน
2 สง่ เสริมสนับสนนุ การบริหารจดั การหนต้ี ามกระบวนการบรหิ าร
จดั การหนไ้ี ปสู่ 1 ครวั เรอื น 1 สญั ญา โดยเนน้ ใหค้ รวั เรอื นเปา้ หมายเสรมิ สรา้ ง
ความรู้ด้านการเงิน กิจกรรมการสร้างวินัยทางการเงิน ตามกิจกรรม
ศูนย์จัดการกองทนุ ชุมชนบริหารจดั การหนี้ “ส�ำนึกดี แผนดี บริหารหนไ้ี ด้”
3 สนบั สนนุ กจิ กรรมการบรหิ ารจดั การหนี้ (40,000บาท)แกค่ รวั เรอื น
เป้าหมายท่ีเข้าร่วมกิจกรรม โดยต้องเป็นกิจกรรมส่งเสริมอาชีพให้มีรายได้
เพม่ิ ขนึ้ เปน็ อาชพี ทสี่ อดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของครวั เรอื นตรงกบั ความตอ้ งการ
ของตลาด โดยใหด้ ำ� เนินการในรปู แบบ “เงนิ ทุนคนื กลุ่ม”
4 ตดิ ตามผลการดำ� เนนิ งานของศนู ยจ์ ดั การกองทนุ ชมุ ชนอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
สม่�ำเสมอ รับทราบปัญหา/อุปสรรค และให้ค�ำแนะน�ำรวมถึงเทคนิค
แนวทางการแก้ไขปัญหาแก่คณะกรรมการศูนย์จัดการกองทุนชุมชน
เพื่อให้การบรหิ ารจดั การหนบ้ี รรลวุ ัตถุประสงค์
5 รายงานผลการด�ำเนินงานตามแบบรายงานตามห้วงระยะเวลา
ทก่ี �ำหนด
กถา พัฒนากร | 127
๕กถากับกาพรัฒสนื่อาสการร
เรา พฒั นากร สามารถ...
เป็น “ผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกโซเชียล” เป็น
Influencer ที่มีประชาชนเป้าหมายติดตาม Followers
เรอื่ งราว ขา่ วสาร การพฒั นา ต่างๆ
เป็น “นกั สนทนา” เปน็ คนเลน่ ไลน์ Line User
ทค่ี ุย Chat กบั สมาชกิ กล่มุ ชาวบ้าน ใหส้ นุกและไดส้ าระ
การงาน
เปน็ “ผู้น�ำ” “ผแู้ ทน” “แบบอยา่ ง” ฯลฯ
๕กับกพารัฒพนัฒานกรา
การส่ือสาร 5G
การส่ือสาร (Communication)
การสื่อสาร นอกจากท�ำให้มนุษย์สามารถแสดงออก ซ่ึงตัวตน
ทำ� ใหเ้ กดิ การรว่ มมอื หรอื แขง่ ขนั กไ็ ด้ ทำ� ใหเ้ กดิ การประสานหรอื สรา้ งสรรคก์ ไ็ ด้
และทำ� ให้เกิดการเปล่ียนแปลงตัวมนุษย์เองหรือสภาพแวดล้อมของโลกก็ได้
ยังท�ำใหเ้ กิด การสรา้ งงาน ผลงาน ผลผลติ ผลติ ภณั ฑ์ การแลกเปลย่ี น การ
ซอื้ ขายเพอ่ื การด�ำรงชวี ิต การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต
โดยเฉพาะในโลกปจั จบุ นั ทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงสงั คมและวถิ ชี วี ติ ระดบั 5G
เปน็ อยา่ งนอ้ ย การสอื่ สารซง่ึ หนา้ (Face to Face Communication) แมย้ งั คง
ความขลัง แต่ก�ำลังถูกลดบทบาทโดย การส่ือสารผ่านสื่อหรือส่ือสังคม
(Social Media Communication or Social Networking Communication)
ซ่ึงทวีความส�ำคัญและแพร่หลายมากข้ึน เพราะมีความสะดวก ฉับพลัน
ครอบคลุม กว้างไกล ท่ัวโลก (Real time, Worldwide, Online)
การส่ือสารซ่ึงหน้าและการส่ือสารผ่านสื่อน้ัน ต่างก็มีข้อจ�ำกัดและขอบเขต
ของตนแตกต่างกันในด้านการแสดงอารมณ์ (expressed emotion)
การกระท�ำตอ่ กนั (interaction) และการสื่อสารทางไกล (long distance
communication)
การสือ่ สารซ่ึงหนา้ ตคี วาม (interpret) ได้ดีกว่าในดา้ นการแสดง
อารมณแ์ ละนำ้� เสยี ง เพราะขอ้ ความและพมิ พค์ ยุ (text and chat) ตอ้ งแสดง
อารมณ์ผ่านสญั รปู อารมณ์ (emoticon) ท�ำให้เกดิ การตคี วามผดิ ซงึ่ นำ� ไปสู่
การวิวาทและการระรานทางไซเบอร์ (cyber bullying)
กถา พฒั นากร | 131
การสอ่ื สารผา่ นสอื่ ทำ� ใหผ้ สู้ อ่ื สารมเี วลาเพยี งพอทจี่ ะประดษิ ฐถ์ อ้ ยคำ�
ท่จี ะสอื่ ออกมาโดยไม่ลงั เล เพราะไมไ่ ดเ้ ผชญิ หน้ากันให้อดึ อัดใจหรอื ลังเลใจ
แตใ่ นดา้ นการกระทำ� ตอ่ กนั ถา้ รจู้ กั กนั ทางออนไลน์ความสมั พนั ธก์ นั อาจออ่ นแอกวา่
เมอื่ เทยี บกบั การสอื่ สารซงึ่ หนา้ แตก่ ารสอื่ สารผา่ นสอื่ หาเพอ่ื นใหมไ่ ดง้ า่ ยกวา่
การสอื่ สารซงึ่ หนา้ และชว่ ยอำ� นวยความสะดวกใหก้ ารสอื่ สารซง่ึ หนา้ งา่ ยขนึ้
ในด้านการสื่อสารทางไกลน้ัน การส่ือสารผ่านส่ือท�ำให้การสื่อสารทางไกล
ง่ายข้ึนมาก ไม่ต้องเดินทางไกลให้เหน่ือยยาก ประหยัดเวลาและเงินทอง
โดยไมย่ ุ่งยากดังเช่นอดีต
โดยสรุป การสื่อสารซ่ึงหน้าและการส่ือสารผ่านส่ือ
มจี ดุ แขง็ จดุ ออ่ นตา่ งกนั ในดา้ นการแสดงอารมณ์ การกระทำ� ตอ่ กนั
และการส่ือสารทางไกล พบว่า การสื่อสารผ่านสื่อใช้ได้ดีกว่า
ในดา้ นการสอ่ื สารทางไกล โครงการของกลมุ่ การหาเพอ่ื นใหม่
ประหยัดเวลาและเงินทอง สนทนาราบร่ืน และในบาง
กรณี ท�ำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ในขณะที่การสื่อสารซึ่งหน้า
สร้างความสัมพันธ์ ผูกพันกันได้ดีกว่า ง่ายท่ีจะแสดงอารมณ์
หรอื ถากถาง และตอบสนองได้ ณ จดุ น้นั
132 | กถา พัฒนากร
การสอ่ื สารผา่ นสอ่ื ในยคุ 5G จงึ เปน็ การใช้ เวบ็ ไซต์ หรอื แอปพลเิ คชนั
เพอ่ื กระทำ� การตดิ ตอ่ กบั ผอู้ นื่ ทสี่ อ่ื สารผา่ นสอื่ หรอื เพอื่ คน้ หาผคู้ นทม่ี คี วามสนใจ
หรือประโยชน์ร่วมกัน เช่น Line, Facebook, YouTube, WhatsApp,
WeChat, Instagram, Messenger, etc.
Social Media หรอื แอปพลเิ คชนั ทมี่ คี นนยิ มใชม้ ากทส่ี ดุ 3 อนั ดบั แรก
คอื YouTube(98.8%),Line(98.6%),Facebook(96.0%)โดยทง้ั 3แอปพลเิ คชนั
จะสลบั อันดบั กนั และในแตล่ ะช่วงวัย (Gen) จะนยิ มใช้ Social Media หรอื
แอปพลิเคชนั แตกตา่ งกัน ดังน้นั พฒั นากรจะต้องเลอื กใช้ Social Media
หรอื แอปพลเิ คช่ัน ท่ีเหมาะสมกับกลมุ่ คนแตล่ ะช่วงวัย
แตล่ ะ Gen ใชโ้ ซเชยี ลแบบไหน ?
Baby Boomer Gen X Gen Y Gen Z
Line 97.34% Line 99.46% YouTute 99.60% YouTute 99.77%
YouTute 94.19% YouTute 97.46% Line 99.36% Line 96.69%
Facebook 92.20% Facebook 96.75% Facebook 98.45% Facebook 91.04%
Messenger 66.99% Messenger 83.47% Messenger 94.32% Messenger 88.06%
pantip 51.45% pantip 60.64% Instagram 75.97% Instagram 84.33%
กถา พฒั นากร | 133
การใช้สื่อสังคมอย่างชาญฉลาดในการท�ำงานนั้น มีข้อพึงสังวร เช่น
รอบคอบในการเป็นเพอ่ื น (friend) รอบคอบในการโพสต์ (post) หลีกเล่ยี ง
เรอ่ื งอดุ มการณ์ (ideology) จดั การขอ้ มลู สว่ นตวั ของตน (profile) พจิ ารณา
การต้ังค่าความปลอดภัยของตน (security settings) คิดก่อนโพสต์ภาพ
(posting images) คดิ กอ่ นตดิ ปา้ ยใหข้ า่ วผอู้ น่ื (tagging other) และอยา่ เชอ่ื ใจ
ทกุ ตัวเชอ่ื มทเี่ หน็ (link) เปน็ ตน้
การใชส้ ื่อสงั คมในทางบวก เช่น แพร่กระจายความรกั การสนับสนนุ
การใหก้ ำ� ลังใจ ตดิ ต่อเชื่อมโยงกับเพ่อื น สมาชกิ ครอบครวั แบง่ ปนั เปา้ หมาย
จุดแข็ง ผลสัมฤทธ์ิ เร่ืองราว ฯลฯ ให้และแบ่งปันค�ำแนะน�ำ ให้ความรู้
และข่าวสารแก่ตนเองและผู้อ่ืน แบ่งปันรูปภาพ วีดิทัศน์ท่ีสนุก เรื่องตลก
เพื่อความสุขในการหัวเราะ ติดตามและแบ่งปันเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจ
สรา้ งความตระหนกั ในองคก์ ารทต่ี นรกั “หากไมม่ อี ะไรดที จ่ี ะพดู อยา่ พดู เลย
ดกี วา่ ” และ คดิ ทบทวนให้ดกี ่อนโพสตแ์ ละสง่ ตอ่ ข้อความ
134 | กถา พัฒนากร
พฒั นากรทำ� งานกบั ประชาชนผา่ นสอื่ สังคมหรอื เครอื ขา่ ยสงั คม
ท่ี บทบาทของพัฒนากร สอ่ื /แอปพลเิ คชัน ขอ้ บ่งใช้ (วิธกี าร)
1 การสื่อสาร E-Learning เรยี นรแู้ ละทำ� การทดสอบผา่ น VDO
สร้างการรบั รู้ E-Book รบั ขอ้ มูลจากการอา่ น
Podcast รบั ขอ้ มูลจากการฟงั
2 จัดประชมุ ทางไกล VDO Call การสนทนาแบบเห็นหนา้
Skype Two-way Communication
Facetime
3 ตดิ ตามงาน Google Drive การรายงานผลระบบ Realtime
4 ประชาสัมพนั ธ์ Line ส่อื สาร/ประชาสมั พันธ์
Youtube ผา่ นระบบสอื่ ออนไลน์
Facebook
Twitter
Instagram
5 ประชาสมั พนั ธ์ Kahoot.it โปรแกรมส�ำหรับประเมินออนไลน์
Google Drive
Facebook
6 การสอบถาม/ Google Map ข้อมูลการเดนิ ทางแบบสำ� รวจ
ส�ำรวจขอ้ มูล Google Drive ออนไลน์
Line
กถา พัฒนากร | 135
ตวั อยา่ ง Social Media
หรือ แอปพลเิ คชัน ทม่ี คี นนิยมใชม้ ากท่ีสุด
1 แอปพลิเคชนั ไลน์ (LINE)
LINE เป็น Social Networking Application
ทใ่ี ชฟ้ รี แพรห่ ลาย เปน็ ทนี่ ยิ มในประเทศ ใชง้ า่ ย สะดวก
ทำ� ใหป้ ระหยัดเวลาและเงนิ ทองในการเช่ือมโยง ตดิ ตอ่
สอื่ สาร ประชาสมั พนั ธ์ ทำ� ธรุ กจิ และเสนอกจิ กรรมทางการตลาดกบั ประชาชน
เปา้ หมาย เช่น กำ� นัน ผู้ใหญ่บ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้น�ำกลุ่ม กลุ่มอาชพี ฯลฯ
ทีม่ ีโทรศพั ทแ์ ละใชแ้ อปฯ นี้
ประโยชนข์ อง LINE
1 เป็นการสื่อสาร 2 ทาง ผู้ส่งสารสามารถสื่อสารกับผู้รับสารได้
โดยตรงและทนั ที และทราบวา่ ผรู้ บั สารไดร้ บั รสู้ งิ่ ทสี่ ง่ ไปหรอื ยงั ไมว่ า่ จะเปน็
ขอ้ ความ รปู ภาพ ไฟลเ์ สยี ง เอกสาร และผรู้ บั สารสามารถโตต้ อบกบั ผสู้ ง่ สาร
โดยตรงและทนั ที
2 สามารถสร้างกลุ่มส่ือสารได้เฉพาะกลุ่ม โดยการเชิญสมาชิก
ทล่ี งทะเบยี นยนื ยนั ตวั ตนเรยี บรอ้ ยแลว้ เขา้ มาในกลมุ่ ทม่ี จี ดุ ประสงคเ์ ดยี วกนั
สามารถแบ่งปนั ข้อมูล ช้แี จงข้อมูลขา่ วสารให้ทราบทว่ั กนั ภายในกลมุ่
3 สามารถเลอื กกล่มุ เปา้ หมายได้อยา่ งเฉพาะเจาะจง โดยการสรา้ ง
ภาพลักษณ์องค์กรผ่าน Line Official Account และสามารถดาวน์โหลด
สติกเกอร์ฟรี เพ่ือเป็นสิ่งจูงใจให้สมาชิกติดตามหรือให้จัดกิจกรรมส่งเสริม
การขายได้
136 | กถา พฒั นากร
4 สอ่ื สารไดต้ ลอดเวลา ผรู้ บั และผสู้ ง่ สารสามารถตดิ ตอ่ สอ่ื สารกนั ได้
ไมจ่ ำ� กดั ชว่ งเวลาและระยะเวลาการสือ่ สาร
5 รูปแบบการส่ือสารหลากหลายและรองรับไฟล์ข้อมูล
ไดห้ ลายรปู แบบ เชน่ รปู ภาพ คลปิ เสยี ง คลปิ วดิ โี อ ขอ้ ความ ตราสนิ คา้ รวมทง้ั
รองรบั ไฟล์ขอ้ มูล .pdf .ppt .doc .jpg เปน็ ตน้
6 สนทนาดว้ ยเสยี ง (voice call) และดว้ ยภาพและเสยี ง (video
call) ผา่ นไลน์
7 มีสติกเกอร์แบบการ์ตูน สติกเกอร์รูปแบบการ์ตูนของไลน์
ชว่ ยสนบั สนนุ ขอ้ ความระหวา่ งการสนทนาใหช้ ดั เจนมากขนึ้ มกี ารแสดงอารมณ์
ความรู้สึก ตวั ตนผา่ นทางตัวการต์ นู
8 สร้างไทม์ไลน์ (Timeline) ผู้ใช้สามารถโพสต์หรือแสดง
ความคิดเห็นได้ตามความต้องการบนพ้ืนท่ีสาธารณะของตนเองให้แก่เพ่ือน
หรอื ผู้ตดิ ตามได้ทราบ
การใชง้ านแอพพลเิ คชนั ไลน์ส�ำหรับพัฒนากรในยุค 5G
1 สร้างกลุ่มผู้น�ำชุมชน/องค์กร/เครือข่าย/กลุ่มอาชีพ - ส่ือสาร
นดั หมาย ท�ำโพลสำ� รวจความคิดเห็น/ขอฉันทามติ
2 สร้าง official account ด้วย LINE@ คล้ายๆ Facebook
fan page สามารถตอบค�ำถาม หรือชี้แจงข่าวสาร ผลการด�ำเนินงาน
ประชาสมั พันธ์ได้
3 ประชาสัมพนั ธ/์ แจง้ ขา่ วผา่ น Timeline
กถา พฒั นากร | 137
2 เฟซบุ๊ก (Facebook)
Facebookเปน็ SocialNetworkingApplication
ที่ใช้ฟรี แพร่หลาย เป็นที่นิยมในประเทศ ใช้ง่าย
สะดวก ทำ� ใหป้ ระหยดั เวลาและเงนิ ทองในการเชอื่ มโยง
ติดต่อ ส่ือสาร ประชาสัมพันธ์ ท�ำธุรกิจและเสนอกิจกรรมทางการตลาด
กับประชาชนเป้าหมาย เช่นเดียวกันกับ LINE มีประโยชน์และการใช้งาน
คลา้ ยกนั
พัฒนากรสามารถเรียนรู้วิธีการและเทคนิคการใช้งานได้ไม่ยาก
ในอนิ เทอร์เน็ต
3 ยูทปู (Youtube)
Youtube คือเว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลียน
ภาพวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี โดยน�ำเทคโนโลยีของ
Adobe Flash Player มาใชใ้ นการแสดงภาพวดิ โี อ โดย
ผู้ใช้สามารถเข้าดูวิดีโอต่างๆ พร้อมทั้งเป็นผู้อัปโหลด
วดิ โี อ ผา่ น Youtube ไดฟ้ รี เมอื่ สมคั รสมาชกิ แลว้ ผใู้ ชจ้ ะสามารถใสภ่ าพวดิ โี อ
เข้าไป แบ่งปนั ภาพวิดีโอให้คนอน่ื ดูดว้ ย
ประโยชนข์ องยูทปู
1 แหล่งรวมความรู้ด้านต่างๆ เช่น ความรู้ทางด้านไอที ความรู้
ในการทำ� อาหาร แนะน�ำสนิ คา้ และบริการ ฯลฯ
2 แหล่งความบันเทิง เพลง ละคร รายงานบันเทิงจากช่องทีวี
ชอ่ งปกติ ซงึ่ มกี ารอปั ลงบนยทู ปู และสรา้ งเปน็ สถานี หรอื ทเี่ รยี กวา่ Channel
ให้ใครทส่ี นใจ สามารถดยู อ้ นหลังได้
3 แหลง่ สร้างรายได้ โดยการท�ำคลิปขายสนิ คา้ ในรปู แบบวดิ ีโอ
4 โปรโมทบคุ คล/ชมุ ชน โดยการใช้ ยทู ปู ในการแนะนำ� ตวั เอง ชมุ ชน
ทอ่ งเทยี่ ว OTOP นวัตวิถี เพ่อื เปน็ ชอ่ งทางหนึง่ ในการประชาสัมพันธ์
138 | กถา พฒั นากร
การบนิ เปน็ รปู ตัว “V” ท�ำใหฝ้ ูงหา่ นปา่ ประหยดั พลงั งาน
และบนิ ไกลกว่าทหี่ ่านบินแต่ละตวั จะบินได้
การบินในต�ำแหน่งท่ีถูกต้องท�ำให้ห่านป่าแต่ละตัวได้รับ
แรงยกโดยขี่คลนื่ อากาศปกี ของตัวทบ่ี ินอยู่ขา้ งหนา้
น่คี ือการทำ� งานเปน็ ทีม
กถา พัฒนากร | 139
ปัจฉิมกถา
ปจั ฉิมกถา
การทำ� งานพฒั นาชมุ ชนไมม่ สี ตู รสำ� เรจ็ ตายตวั ตำ� ราวา่ ดว้ ยการพฒั นา
มีมากมาย แต่ยังไม่มีคัมภีร์เอกในงานพัฒนา ดังน้ัน พัฒนากรจักต้อง
หมน่ั ศกึ ษาเพม่ิ หลกั ธรรมแหง่ การพฒั นา หมน่ั ฝกึ ฝนตนเองใหเ้ จนจดั ในกระบวน
เพลงพัฒนา รวมทั้งต้องสามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือ เทคนิค วิธีการ
ส่อื การพัฒนา ไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม ในสว่ นของปจั ฉมิ กถาน้ีไดน้ ำ� เสนอ
เทคนคิ การทำ� งานกบั ประชาชน เครอื่ งมอื ในการพฒั นา และตวั อยา่ งโครงการ
และการส่ือสาร 5G เพือ่ ให้พฒั นากรสามารถเลอื กนำ� ไปใช้ได้ ดงั นี้
1. การ “กระตนุ้ ความคดิ -สร้างจติ ส�ำนึก”
2. เคร่ืองมอื ส่งเสรมิ การมีสว่ นรว่ ม
3. การทำ� งานเปน็ ทมี
4. เคร่ืองมือควบคมุ เปา้ หมายและผลงานของพัฒนากร
5. การจดั การความรู้
6. ตัวอย่างโครงการ การพฒั นาคุณภาพชวี ติ
142 | กถา พฒั นากร
การ “กระตุ้นความคดิ -สรา้ งจิตสำ� นึก”
การ “กระตุ้นความคิด-สร้างจิตส�ำนึก” เป็นเทคนิคการท�ำงาน
กบั ประชาชน เพอื่ ใหป้ ระชาชนตระหนกั ในคณุ คา่ ของตนเอง สามารถปรบั ปรงุ
เปล่ียนแปลงพฤติกรรมของตนเองได้ สามารถสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลง
สภาพแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสม และสอดคลอ้ งกบั ชวี ติ ความเปน็ อยทู่ เ่ี ปลยี่ นแปลง
ไปในทางท่ีดขี ้นึ ได้
การ “กระตุ้นความคิด-สร้างจิตส�ำนึก” จะแบ่งสาระส�ำคัญออกเป็น
2 สว่ น คือ สว่ นทเ่ี ก่ยี วกับการกระตนุ้ ความคดิ และส่วนท่ีเกยี่ วกับการสรา้ ง
จิตส�ำนึก
การสนทนาเพ่ือ “กระตุ้นความคิด”
การสนทนาเพื่อ “กระตนุ้ ความคิด” คอื การซกั ถามทเ่ี ปน็ ธรรมชาติ
เพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นออกมา และพัฒนากรท�ำหน้าท่ีสรุป
ประเด็นและปอ้ นค�ำถามให้สอดคล้องกบั เนื้อหาสาระทจ่ี ะสนทนากนั
ลักษณะการสนทนาเพ่อื กระตุ้นความคิด
พฒั นากรจะเปน็ ผตู้ ง้ั คำ� ถามทเี่ ปน็ ระบบ อนั จะนำ� ไปสคู่ ำ� ตอบทถี่ กู ตอ้ ง
ชัดเจนลักษณะของค�ำถามควรเปิดกว้างให้โอกาสผู้ตอบได้ใช้ความคิดก่อน
จะตอบ มใิ ช่ ถามดว้ ยคำ� ถาม “นำ� ” หรอื คำ� ถามทบี่ บี บงั คบั ใหผ้ ตู้ อบเหน็ คลอ้ ย
ตาม คำ� ถามทเ่ี ปน็ ระบบและเกย่ี วพนั กนั เปน็ ลกู โซเ่ ทา่ นนั้ ทจ่ี ะทำ� ใหค้ วามคดิ
ของผู้ตอบพรง่ั พรไู ปสู่จุดหมาย ดงั นน้ั การตง้ั คำ� ถามจึงต้องชดั เจน เวน้ ระยะ
ใหผ้ ตู้ อบมโี อกาสเคน้ ความคิดออกมา
กถา พฒั นากร | 143
ตวั อย่างค�ำถามให้คิด
“หมู่บ้านเรามปี ญั หาอะไรบ้าง”
“ปัญหาเหล่านนั้ ใครควรท่ีจะคดิ แกไ้ ขก่อนคนอื่น”
“เพราะอะไร?”
ตัวอย่างคำ� ถามน�ำ
“หม่บู ้านเรามปี ัญหาเร่อื งความยากจนใช่ไหม”
“อช. จะต้องเชอ่ื ว่าชาวบา้ นสามารถพฒั นาไดใ้ ช่ไหม”
ตวั อยา่ งคำ� ถามทีเ่ ปน็ ระบบ
“ในการท�ำงานกบั ชาวบ้าน ทา่ นอยากให้ชาวบา้ นศรทั ธายอมรับ
ในตัวท่านบ้างไหม”
“เพื่ออะไร”
“เมอื่ เราอยากใหช้ าวบา้ นยอมรบั เรา แลว้ คดิ วา่ ชาวบา้ นเขาอยากให้
ทา่ นยอมรับเขาไหม”
“เพราะอะไร”
“เมอ่ื เปน็ อยา่ งนี้ ทา่ นควรจะมคี วามเชอื่ มนั่ มศี รทั ธาในตวั ชาวบา้ น
อย่างไรบา้ ง”
“คำ� ถามน�ำ” บางครงั้ เท่าน้นั ที่จ�ำเปน็ ตอ้ งใช้ เพ่อื
1 ย�ำ้ ความเข้าใจในเรอ่ื งท่ผี า่ นมาแล้ว
2 เป็นคำ� ถามท่ที กุ คนตอบได้โดยไมม่ ีขอ้ โตแ้ ยง้
3 ประหยัดเวลา/เพอื่ รวบรดั ประเดน็
144 | กถา พัฒนากร
กฎ 7 ขอ้ แห่งการสนทนาเพือ่ กระต้นุ ความคดิ
จงประดบั รอยยมิ้ บนใบหนา้ เพอ่ื สรา้ งบรรยากาศใหอ้ บอวลไปดว้ ย
มติ รภาพและอบอนุ่ เปน็ กันเอง แล้ว
1 ด�ำรงตนเป็นคนช่างถาม ด้วยค�ำถามที่เป็นระบบเกาะกัน
เปน็ ลกู โซ่ มีเสนห่ ช์ วนตอบ
2 ค�ำถามต้องชัดเจนประเด็นต้องแม่นย�ำและเปิดกว้างให้ผู้ตอบ
ไดใ้ ชค้ วามคดิ
3 ควรเลย่ี งค�ำถามนำ� หรือคำ� ถามทม่ี ีค�ำตอบเพียง ใช/่ ไมใ่ ช่
4 เวน้ ระยะให้มีเวลาคิด อย่ารีบตั้งค�ำถามใหม่
5 ขณะถามใหก้ วาดสายตาไปใหท้ วั่ เพอื่ สำ� รวจวา่ ชาวบา้ นสนใจฟงั
หรือไม่ ถ้าไม่สนใจหรือใกลจ้ ะหลับใหท้ บทวนค�ำถามใหม่
6 ถ้าต้องการให้ใครคนใดคนหน่ึงตอบเป็นกรณีพิเศษ ใช้เพียง
สายตาและรอยยิ้มหรือเดินเข้าไปใกล้เป็นการเชิญชวนให้ตอบแทน
การเรียกชอื่
7 ชมเชยอย่างจริงใจทุกครั้งที่ชาวบ้านตอบ น�้ำหนักการชมเชย
ควรลดหลัน่ ตามความถูกต้องของคำ� ตอบ เช่น
“เยย่ี ม”
“ยอด”
“แจ๋ว”
“ครับ...ขอบคุณ”
กถา พฒั นากร | 145
การวสิ าสะเพือ่ “สรา้ งจติ สำ� นกึ ”
เมื่อชาวบ้านได้รับการกระตุ้นและแสดงความคิดเห็นออกมาแล้ว
ขน้ั ตอ่ ไปทต่ี อ้ งกระทำ� ควบคกู่ นั ไป กค็ อื การสรา้ งจติ สำ� นกึ ใหช้ าวบา้ นยอมรบั
กระบวนการพัฒนาและมีความรู้สึกว่าตนเป็นเจ้าของหรือมีส่วนร่วม
อย่างแทจ้ รงิ ในการแก้ไขปัญหาสว่ นตัวหรอื ปญั หาส่วนรวม
การสรา้ งจติ สำ� นกึ หรอื สรา้ งความรสู้ กึ รว่ มกนั ในกระบวนการฝกึ อบรม
น้ันนับเป็นศาสตร์อันลึกล้ำ� และเปน็ ศิลป์อนั แนบเนยี น เช่น
1. ปรบมือดัง ๆ ประมาณ 10 ครัง้ เพ่ือ
1 เปน็ รางวัลส�ำหรับผตู้ อบถกู /ผู้กลา้ หาญ
2 เพ่ิมความมน่ั ใจใหผ้ ูต้ อบ
3 สร้างแรงจูงใจแกผ่ อู้ ่ืนใหอ้ ยากตอบบา้ ง
4 สร้างธรรมเนยี มให้น�ำไป “ให้กำ� ลงั ใจ” (เชียร)์ ชาวบา้ นตอ่ ไป
5 แท้ท่ีจรงิ ก็เปน็ การปลุกให้ “ตื่น” จากการ “หลับใหล” ด้วย
2. ทวนคำ� ตอบทถี่ กู ตอ้ งแลว้ ถามคนอนื่ ๆ วา่ เหน็ ดว้ ยหรอื ไม่
ถา้ เหน็ ดว้ ย ใหน้ ำ� เขยี นบนกระดานและนำ� ปรบมอื เปน็ รางวลั เพอ่ื
1 ใหเ้ กยี รตแิ ละยอมรบั ความคดิ เห็นทีถ่ กู ต้องของ อช. ผ้ตู อบ
2 ตอกยำ�้ ความเข้าใจของ อช. คนอ่ืนๆ
3 กระตนุ้ ให้ อช. คนอื่นๆ อยากแสดงความคิดเห็นบ้าง
4 เพม่ิ ความมน่ั ใจแกผ่ ู้ตอบมากข้ึน
5 สร้างธรรมเนียม “การยอมรบั ความคิดเห็น” ซ่งึ กันและกัน
146 | กถา พฒั นากร
3. แจกกระดาษช้ินเลก็ ให้เขยี น เพ่อื
1 ให้ทุกคนระดมความคิดอย่างเต็มที่ โดยการเขียนค�ำตอบส้ันๆ
ในแผน่ กระดาษแผน่ ละ 1 คำ� ตอบ
2 แตล่ ะคนอา่ นดงั ๆ ใหท้ ปี่ ระชมุ ฟงั หรอื พฒั นากรเขยี นสรปุ บนกระดาน
3 แบ่งกลุ่ม น�ำผลการเขียนมาอภิปรายภายในกลุ่มย่อยแล้วสรุป
เป็นมติกลุ่ม
4 แต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนอภปิ รายตามมติ
5 พัฒนากรผู้ด�ำเนินการช่วยสรุปผลทุกกลุ่มให้ท่ีประชุมฟัง
แล้วถามขอความเหน็ ชอบเพอ่ื ถอื เป็นมติ หรอื ความเหน็ รว่ มกนั ของผู้เขา้ รับ
การอบรมทั้งหมด
4. การใหก้ ำ� ลังใจ (เชยี ร)์
เม่อื อช. ตอบถกู ประเด็น ตรงเปา้ พัฒนากรผู้ด�ำเนินการตอ้ งรบี เชยี ร์
ด้วยค�ำพดู ที่แสดงความชน่ื ชมอย่างจริงใจ เช่น
“แหม...เย่ียมเลย”
“ยอด...ยอดมาก”
“แจ๋ว คะ่ ”
“ขอบคุณคะ่ ”
ฯลฯ
พร้อมทัง้ ย�้ำ ด้วยการปรบมือ โดยการเชิญชวนวา่
“ปรบมือดงั ๆ ให้พ่.ี ..สัก 10 ที ดไี หมครับ”
และด้วยการเขียนบนกระดาน โดยอาจกลา่ ววา่
“ทพี่ ว่ี า่ เมอ่ื กนี้ ี้ แจว๋ มาก ถา้ ผมจะขอเขยี นไวบ้ นกระดานพจ่ี ะอนญุ าตไหมครบั ”
“ขอชอื่ พใ่ี ส่ไปด้วยนะครับ”
กถา พฒั นากร | 147
ทั้งน้ี เพอ่ื
1 ผู้ตอบเกิดความภูมใิ จและม่นั ใจท่จี ะตอบครัง้ ตอ่ ไป
2 กระตนุ้ ใหค้ นอื่นๆ อยากไดค้ ำ� ชมบ้าง
3 ปลกุ สติให้ทกุ คนตืน่ ตัวอยู่เสมอ
อนึ่ง “การให้ก�ำลังใจ” (เชียร์) น้ี พัฒนากรผู้ด�ำเนินการแต่ละคน
ต่างมี “ลูกเล่น” หรือ สไตล์เฉพาะตัว สามารถใช้ตามถนัดและเหมาะสม
แต่ทุกสไตล์ย่อมตอ้ งจรงิ ใจไม่เสแสร้งและใหเ้ กยี รติ
5. การรกั ษาหนา้
บ่อยครั้งที่ผู้เข้าอบรมอาจจะตอบผิดหรือตอบออกนอกประเด็น
พัฒนากรผู้ด�ำเนินการไม่ควรท�ำลายความต้ังใจที่จะแสดงออกของเขา
หากแตต่ อ้ งถนอมน�ำ้ ใจเพอ่ื ไม่ใหเ้ ขาเสยี หนา้ ทต่ี อบผดิ โดยใช้ค�ำพูดว่า
“แหม... พมี่ าลกึ ซงึ้ เลยนะ ขอไวก้ ่อนไดไ้ หม”
“ทีพ่ ่ีว่ามาน่าสนใจ คนอืน่ มคี วามเหน็ อย่างไรบา้ ง”
“พ่ีไปไกลกว่าพวกเราเยอะเลย ขอเก็บไว้ก่อนได้ไหม คิดว่า
พรรคพวกอาจจะตามไมท่ ัน”
“ลกึ ๆ กวา่ นี้มีอะไรอกี ไหม”
ในกรณีที่ค�ำตอบของผู้เข้าอบรมค่อนข้างจะอันตราย หากปล่อยให้
คนอน่ื ๆ ตอบโต้แลว้ จะลุกลามยืดเย้ือหรือเกดิ สับสน พัฒนากรผดู้ �ำเนินการ
อาจจะทำ� เปน็ ไมไ่ ดย้ นิ เสยี กไ็ ด้ (ถา้ จำ� เปน็ ) เพอ่ื หลกี เลย่ี งการทำ� ลายบรรยากาศ
การฝกึ อบรม แตถ่ า้ มกี ารตอบตรี วน หรอื แสดงความเหน็ ออกนอกลนู่ อกทาง
“โดยเจตนา” อาจใช้มาตรการสดุ ท้าย คอื
ก) โยนลูกใหผ้ ้เู ข้าอบรมคนอืน่ ๆ ตอบโต้ โดยถามวา่ “พ่ีๆ เห็น
วา่ อย่างไร”
ข) ใช้ค�ำพูดที่สุภาพว่า “แหม...พ่ีมาลึกเลยนะ ขอเก็บไว้ก่อน
ไดไ้ หม”
ค) พกั การฝึกอบรมชัว่ คราว แล้วเปลยี่ นประเด็นสนทนา
ง) พฒั นากรผดู้ ำ� เนนิ การเขา้ คยุ กบั ผตู้ รี วนดว้ ยทา่ ทเี ปน็ มติ รเพอ่ื
ท�ำความเข้าใจเปน็ การส่วนตัว
148 | กถา พัฒนากร