242
เลม ๑๒๕ ตอนพิเศษ ๗๖ ง หนา ๓๓ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา
(๓) วทิ ยากรมีความรคู วามสามารถเชิงวิชาการในหวั ขอทบ่ี รรยาย
(๔) เวลาท่ใี ชมีความเหมาะสมกบั หัวขอและเนอ้ื หา
(๕) อนื่ ๆ ตามท่สี ภาวศิ วกรประกาศกาํ หนด
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑
วิระ มาวิจักขณ
นายกสภาวิศวกร
243
244
245
246
เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๕๔ ง หนา้ ๖ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา
ข้อบงั คบั สภาวิศวกร
ว่าดว้ ยจรรยาบรรณแห่งวชิ าชพี วิศวกรรม
และการประพฤตผิ ดิ จรรยาบรรณอันจะนาํ มาซง่ึ ความเสอื่ มเสียเกยี รตศิ กั ด์ิแหง่ วชิ าชีพ
พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรม
และการประพฤตผิ ิดจรรยาบรรณอนั จะนํามาซง่ึ ความเสือ่ มเสยี เกียรติศักดแ์ิ หง่ วชิ าชีพ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘ (๖) (ซ) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒
สภาวิศวกรโดยมติท่ีประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันท่ี ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ และโดย
ความเหน็ ชอบของสภานายกพเิ ศษแห่งสภาวิศวกร ออกขอ้ บังคบั ไว้ดังตอ่ ไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรม
และการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนาํ มาซึง่ ความเสอื่ มเสยี เกียรติศักดแิ์ ห่งวชิ าชีพ พ.ศ. ๒๕๕๙”
ขอ้ ๒ ข้อบงั คับน้ีใหใ้ ช้บงั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป
ขอ้ ๓ ให้ยกเลิกข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรมและการประพฤติ
ผดิ จรรยาบรรณอนั จะนาํ มาซ่งึ ความเสอื่ มเสยี เกียรติศักดแ์ิ หง่ วชิ าชพี พ.ศ. ๒๕๔๓
ข้อ ๔ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่ง
ในข้อบังคับน้ี ให้ถือว่าผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมน้ัน ประพฤติผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
วิศวกรรมหรือประพฤตผิ ิดจรรยาบรรณอันจะนํามาซ่งึ ความเสอ่ื มเสียเกียรติศักด์ิแห่งวชิ าชีพ แล้วแตก่ รณี
หมวด ๑
จรรยาบรรณแห่งวชิ าชพี วศิ วกรรม
ส่วนท่ี ๑
จรรยาบรรณตอ่ สาธารณะ
ข้อ ๕ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องประกอบวิชาชีพโดยให้ความสําคัญต่อความปลอดภัย
สุขอนามยั และสวสั ดิภาพของสาธารณชน ตลอดจนทรัพยส์ ินและส่ิงแวดลอ้ มอันเป็นสาธารณะดว้ ย
ขอ้ ๖ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องละเว้นจากการให้การสนับสนุน ส่งเสริม
หรือเป็นตวั การ เกี่ยวกบั การทจุ ริตในโครงการของภาครฐั หรอื เอกชน
เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๕๔ ง 247 ๓ มนี าคม ๒๕๕๙
หน้า ๗
ราชกิจจานุเบกษา
ส่วนท่ี ๒
จรรยาบรรณตอ่ วิชาชีพ
ข้อ ๗ ผู้ประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคมุ ตอ้ งประกอบวิชาชีพวิศวกรรมด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต
มคี วามรับผิดชอบ และระมัดระวงั
ขอ้ ๘ ผปู้ ระกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตอ้ งปฏบิ ตั ิงานตามหลักปฏิบตั แิ ละวชิ าการ
ขอ้ ๙ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมเกินความสามารถ
และความเชีย่ วชาญที่ตนเองจะกระทาํ ได้
ขอ้ ๑๐ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่ลงลายมือช่ือเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม
ในงานทีต่ นไมไ่ ด้ทํา
ขอ้ ๑๑ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่โฆษณาหรือยอมให้ผู้อื่นโฆษณา
ซง่ึ การประกอบวิชาชีพวิศวกรรมเกินความเปน็ จรงิ
ข้อ ๑๒ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่เรียก รับ ยอมจะรับ หรือให้ทรัพย์สิน
หรือผลประโยชนอ์ ยา่ งใดสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู้ ่นื โดยมชิ อบในการประกอบวชิ าชีพวิศวกรรม
ข้อ ๑๓ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่ใช้อํานาจหน้าที่โดยไม่ชอบธรรม หรือใช้อิทธิพล
หรือให้ผลประโยชน์แก่บคุ คลใดเพอื่ ให้ตนเองหรอื ผ้อู ่ืนไดร้ บั หรือไมไ่ ด้รบั งาน
ส่วนที่ ๓
จรรยาบรรณต่อผ้วู ่าจา้ ง
ข้อ ๑๔ ผูป้ ระกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคุมตอ้ งไมล่ ะทงิ้ งานโดยไมม่ ีเหตุอนั ควร
ขอ้ ๑๕ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่เปิดเผยความลับของงานที่ตนทํา เว้นแต่
ไดร้ บั ความยินยอมเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรจากผวู้ า่ จ้าง หรือเป็นการเปดิ เผยข้อมูลตามกฎหมาย
ขอ้ ๑๖ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่รับดําเนินงานช้ินเดียวกันให้แก่ผู้ว่าจ้าง
รายอ่ืนเพ่ือการแข่งขันด้านเทคนิคหรือราคา เว้นแต่ได้แจ้งให้แก่ผู้ว่าจ้างรายแรกทราบล่วงหน้า
เป็นลายลักษณ์อักษร หรือได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ว่าจ้างรายแรก และได้แจ้งให้
ผวู้ ่าจา้ งรายอ่นื นั้นทราบลว่ งหน้าแล้ว
ส่วนที่ ๔
จรรยาบรรณต่อผ้รู ว่ มวิชาชีพ
ขอ้ ๑๗ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่แย่งงานจากผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม
ควบคุมอื่นเพ่อื ประโยชน์ของตนเองหรือผอู้ น่ื โดยมชิ อบ
248
เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๕๔ ง หน้า ๘ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา
ขอ้ ๑๘ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่รับทํางาน หรือตรวจสอบงานช้ินเดียวกันกับ
ท่ีผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมอ่ืนทําอยู่ เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าท่ี หรือเป็นความประสงค์
ของเจ้าของงานและได้แจ้งเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรใหผ้ ปู้ ระกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคุมอ่ืนนนั้ ทราบล่วงหน้าแลว้
ข้อ ๑๙ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่ใช้หรือกระทําการในลักษณะคัดลอกแบบ
รูป แผนผัง หรือเอกสารที่เกี่ยวกับงานของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมอ่ืน เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
เปน็ ลายลักษณอ์ กั ษรจากผู้ประกอบวิชาชพี วิศวกรรมควบคุมน้ัน
ขอ้ ๒๐ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่อ้างผลงานของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม
ควบคุมอน่ื มาเปน็ ของตนในการประกอบวิชาชพี วศิ วกรรม
ข้อ ๒๑ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่กระทําการใด ๆ โดยจงใจให้เป็นที่เส่ือมเสีย
แก่ช่ือเสยี ง หรอื งานของผู้ประกอบวชิ าชพี วศิ วกรรมควบคมุ อืน่
สว่ นท่ี ๕
เร่ืองอ่นื ๆ
ข้อ ๒๒ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมต้องไม่กระทําความผิดในการประกอบวิชาชีพ
วิศวกรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๒๗ หรือมาตรา ๒๖๙ จนศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุด
ว่ามีความผิด
หมวด ๒
การประพฤติผิดจรรยาบรรณอนั จะนาํ มาซง่ึ ความเสอื่ มเสยี เกยี รตศิ ักด์แิ ห่งวชิ าชพี
ข้อ ๒๓ กรณีท่ีจะถือเป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนํามาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักด์ิ
แห่งวชิ าชพี มดี ังต่อไปน้ี
(๑) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรมตามข้อบังคับน้ี และเป็นการกระทํา
โดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ่ อย่างร้ายแรง จนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นต้องได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต
ร่างกาย หรือทรพั ยส์ นิ
(๒) เคยถูกลงโทษโดยคําสั่งถึงท่ีสุด เน่ืองจากประพฤติผิดจรรยาบรรณ ตามมาตรา ๖๑
แหง่ พระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่ยงั ประพฤติผิดซ้ํา หรือไม่หลาบจํา หรือไม่มีความเกรงกลัว
ตอ่ การประพฤติผิดจรรยาบรรณแหง่ วชิ าชีพวศิ วกรรม
(๓) กระทาํ ความผดิ ในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๒๗
หรอื มาตรา ๒๖๙ โดยคาํ พิพากษาถึงทีส่ ดุ ให้จาํ คกุ
(๔) กรณีอ่ืนท่ีคณะกรรมการจรรยาบรรณเห็นว่าเป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนํามา
ซึ่งความเสื่อมเสียเกยี รติศักดิแ์ หง่ วิชาชพี
เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๕๔ ง 249 ๓ มนี าคม ๒๕๕๙
หน้า ๙
ราชกิจจานุเบกษา
บทเฉพาะกาล
ขอ้ ๒๔ การกระทําใดที่เป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณ หรือประพฤติผิดจรรยาบรรณ
อันจะนํามาซง่ึ ความเสือ่ มเสยี เกยี รติศักด์ิแห่งวิชาชีพ ซ่ึงได้กระทําก่อนวันที่ข้อบังคับน้ีใช้บังคับ ให้เป็นไปตาม
ข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรมและการประพฤติผิดจรรยาบรรณ
อันจะนาํ มาซงึ่ ความเสอ่ื มเสยี เกียรติศกั ดแิ์ หง่ วชิ าชีพ พ.ศ. ๒๕๔๓
ข้อ ๒๕ เร่ืองกล่าวหาหรือกล่าวโทษผปู้ ระกอบวชิ าชพี วศิ วกรรมควบคุมประพฤติผิดจรรยาบรรณ
ท่ีได้ยื่นไว้ก่อนวันท่ีข้อบังคับนี้ใช้บังคับ ให้พิจารณาดําเนินการตามระเบียบท่ีใช้อยู่ในขณะนั้นต่อไปจนกว่า
จะแล้วเสร็จตามข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรมและการประพฤติผิดจรรยาบรรณ
อันจะนาํ มาซึ่งความเส่อื มเสียเกียรตศิ กั ด์แิ หง่ วชิ าชีพ พ.ศ. ๒๕๔๓
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๙ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
กมล ตรรกบุตร
นายกสภาวิศวกร
250
Àπâ“ 44
‡≈à¡ ÒÚ µÕπæ‡‘ »… ÒÚˆ ß √“™°®‘ ®“πÿ‡∫°…“ ı 惻®‘°“¬π ÚıÙˆ
√–‡∫¬’ ∫ ¿“«‘»«°√
«à“¥«â ¬«∏‘ æ’ ‘®“√≥“·≈–«‘π®‘ ©¬— ®√√¬“∫√√≥·Ààß«™‘ “™æ’ «»‘ «°√√¡
æ.». ÚıÙˆ
Õ“»—¬Õ”π“®µ“¡§«“¡„π¡“µ√“ ÛÛ (Û) ¡“µ√“ ı˜ ·≈–¡“µ√“ ı¯
·Ààßæ√–√“™∫≠— ≠µ— «‘ ‘»«°√ æ.». ÚıÙÚ ‚¥¬Õπÿ¡µ— ‘¢Õß§≥–°√√¡°“√ ¿“«»‘ «°√
„π°“√ª√–™¡ÿ §√Èß— ∑Ë’ ¯/ÚıÙˆ ‡¡ÕË◊ «—π∑’Ë ˘ ¡∂‘ πÿ “¬π æ.». ÚıÙˆ §≥–°√√¡°“√
¿“«‘»«°√®÷ßÕÕ°√–‡∫’¬∫‰«â ¥ß— µÕà ‰ªπ’È
¢Õâ Ò √–‡∫’¬∫πÈ’‡√’¬°«à“ ç√–‡∫’¬∫ ¿“«‘»«°√ «à“¥â«¬«‘∏’æ‘®“√≥“·≈–
«π‘ ®‘ ©¬— ®√√¬“∫√√≥·Àßà «™‘ “™’æ«‘»«°√√¡ æ.». ÚıÙˆé
¢Õâ Ú √–‡∫¬’ ∫π„È’ À„â ™∫â ß— §∫— µßÈ— ·µ«à π— ∂¥— ®“°«π— ª√–°“»„π√“™°®‘ ®“π‡ÿ ∫°…“
‡ªìπµâπ‰ª
¢Õâ Û „π√–‡∫’¬∫π’È
§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µà «π À¡“¬§«“¡«“à §≥–Õπÿ°√√¡°“√´Ë÷ß§≥–°√√¡°“√
®√√¬“∫√√≥·µàßµ—ÈߢÈ÷π‡æË◊Õ∑”°“√‰µà «π°√≥’∑Ë’¡’°“√°≈à“«À“«à“ºŸâ‰¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µ
ª√–惵º‘ ¥‘ ®√√¬“∫√√≥·Ààß«™‘ “™’æ«‘»«°√√¡
§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√°≈π—Ë °√Õß À¡“¬§«“¡«“à §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√´ßË÷ §≥–°√√¡°“√
®√√¬“∫√√≥·µàߵȗߢ÷Èπ‡æË◊Õæ‘®“√≥“°≈—Ëπ°√Õ߇√◊ËÕß °√≥’∑’Ë¡’°“√°≈à“«À“«à“ºâŸ‰¥â√—∫
„∫Õπ≠ÿ “µª√–惵º‘ ¥‘ ®√√¬“∫√√≥·Àßà «™‘ “™æ’ «»‘ «°√√¡ °Õà π‡ πÕµÕà §≥–°√√¡°“√
®√√¬“∫√√≥
251 ı 惻®°‘ “¬π ÚıÙˆ
Àπ“â 45
‡≈¡à ÒÚ µÕπæ‡‘ »… ÒÚˆ ß √“™°®‘ ®“πÿ‡∫°…“
¢Õâ °≈“à «À“ À¡“¬§«“¡«“à ‡√Õ◊Ë ß°“√°≈“à «À“À√Õ◊ °“√°≈“à «‚∑…µ“¡¡“µ√“ ıÒ
·Ààßæ√–√“™∫≠— ≠µ— «‘ »‘ «°√ æ.». ÚıÙÚ
ºâŸ∂Ÿ°°≈à“«À“ À¡“¬§«“¡«à“ ºâŸ‰¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µµ“¡æ√–√“™∫—≠≠—µ‘«‘»«°√
æ.». ÚıÙÚ ´ßË÷ ∂°Ÿ °≈“à «À“À√◊Õ°≈à“«‚∑…µ“¡¡“µ√“ ıÒ
ºŸâ°≈à“«À“ À¡“¬§«“¡«à“ ∫ÿ§§≈´÷Ë߉¥â√—∫§«“¡‡ ’¬À“¬ À√◊Õæ∫°“√ª√–惵‘
º‘¥®√√¬“∫√√≥·Ààß«™‘ “™æ’ «»‘ «°√√¡ À√Õ◊ °√√¡°“√ ¿“«‘»«°√ À√Õ◊ ∫ÿ§§≈Õ◊πË ·≈–
∑”Àπ—ß Õ◊ °≈à“«À“µÕà ¿“«‘»«°√
‡≈¢“∏°‘ “√ À¡“¬§«“¡«“à ‡≈¢“∏°‘ “√ ¿“«»‘ «°√
À¡«¥ Ò
°“√√—∫¢âÕ°≈“à «À“
¢âÕ Ù ‡¡Ë◊Õ ¿“«‘»«°√‰¥â√—∫¢âÕ°≈à“«À“®“°ºŸâ°≈à“«À“ „Àâ‡≈¢“∏‘°“√‡ πÕ
¢âÕ°≈à“«À“µàÕ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‚¥¬‰¡à™—°™â“
‡≈¢“∏°‘ “√Õ“®‰¡√à ∫— ¢Õâ °≈“à «À“‰«‡â æÕË◊ 殑 “√≥“„π°√≥¢’ Õâ °≈“à «À“‡ªπì ∫µ— √ π‡∑Àà å
À√Õ◊ ‰¡ªà √“°Ø™Õ◊Ë º°Ÿâ ≈“à «À“„πÀπß— Õ◊ °≈“à «À“ À√Õ◊ º°âŸ ≈“à «À“‰¡¬à Õ¡≈ß™Õ◊Ë „π∫π— ∑°÷
°≈“à «À“ ‡¡ËÕ◊ °≈à“«À“¥«â ¬µπ‡Õß
¢Õâ ı „Àâ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥·µàߵȗߧ≥–Õπÿ°√√¡°“√°≈Ë—π°√Õß
®”π«π‰¡πà Õâ ¬°«“à “¡§π‡æÕ◊Ë æ®‘ “√≥“¢Õâ °≈“à «À“∑‰Ë’ ¥√â ∫— ®“°§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥
‚¥¬ª√–∏“πÕπ°ÿ √√¡°“√°≈π—Ë °√ÕߢÕâ °≈“à «À“ µÕâ ß·µßà µß—È ®“°°√√¡°“√„π§≥–°√√¡°“√
®√√¬“∫√√≥
252 ı 惻®‘°“¬π ÚıÙˆ
Àπâ“ 46
‡≈¡à ÒÚ µÕπæ‘‡»… ÒÚˆ ß √“™°‘®®“π‡ÿ ∫°…“
°“√ª√–™ÿ¡¢Õß§≥–Õπÿ°√√¡°“√°≈Ë—π°√Õß µâÕß¡’Õπÿ°√√¡°“√°≈Ë—π°√Õß
ª√–™¡ÿ ®”π«π‰¡πà Õâ ¬°«“à °ßË÷ Àπß÷Ë ¢Õß®”π«πÕπ°ÿ √√¡°“√°≈πË— °√Õß∑ßÈ— À¡¥ ®ß÷ ®–‡ªπì
Õß§åª√–™ÿ¡
‡¡Ë◊Õ§≥–Õπÿ°√√¡°“√°≈—Ëπ°√Õ߇ÀÁπ«à“¢âÕ°≈à“«À“„¥‡¢â“¢à“¬°“√ª√–惵‘º‘¥
®√√¬“∫√√≥·Ààß«‘™“™’æ«‘»«°√√¡ À√◊Õ¡’¢âÕ¡Ÿ≈Õ—π§«√‰¥â√—∫°“√æ‘®“√≥“ „À⇠πÕ
§«“¡‡ÀÁπµàÕ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‡æ◊ËÕæ‘®“√≥“·µàßµ—Èß§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π
µ“¡∑Ë’‡ÀÁπ ¡§«√ à«π¢âÕ°≈à“«À“„¥‡ÀÁπ«à“‰¡à‡¢â“¢à“¬°“√ª√–惵‘º‘¥®√√¬“∫√√≥
·Àßà «™‘ “™æ’ «‘»«°√√¡ À√Õ◊ ‰¡à¡¡’ ≈Ÿ Õ—π§«√‰¥√â ∫— °“√æ‘®“√≥“ °„Á À‡â πÕ§«“¡‡ÀπÁ µàÕ
§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‡æË◊Õæ‘®“√≥“µàÕ‰ª
¢âÕ ˆ ¢Õâ °≈“à «À“„¥‰¡¡à æ’ ¬“πÀ≈°— ∞“π‡æ¬’ ßæÕ∑®’Ë –‰µ à «π ·≈– ¿“«»‘ «°√
‰¡à “¡“√∂À“欓πÀ≈—°∞“π‰¥â¿“¬„πÀπË÷ߪïπ—∫·µà«—π∑’Ë ¿“«‘»«°√‰¥â√—∫‡√Ë◊Õß
„Àâª√–∏“π°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥¡’Àπ—ß ◊Õ·®âß®”Àπà“¬¢âÕ°≈à“«À“π—Èπ„Àâ‡≈¢“∏‘°“√
‡æË◊Õæ‘®“√≥“µàÕ‰ª
À¡«¥ Ú
¢—πÈ µÕπ·≈–«‘∏’æ‘®“√≥“°“√‰µ à «π
¢Õâ ˜ ‡¡ÕË◊ §≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‰¥√â ∫— ¢Õâ °≈“à «À“®“°§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√
°≈πË— °√Õß·≈«â „À¥â ”‡ππ‘ °“√殑 “√≥“ ∂“â ‡ÀπÁ «“à ‰¡‡à ¢“â ¢“à ¬°“√ª√–惵º‘ ¥‘ ®√√¬“∫√√≥
·Ààß«‘™“™’æ«‘»«°√√¡ À√◊Õ‰¡à¡’¡Ÿ≈Õ—π§«√‰¥â√—∫°“√æ‘®“√≥“ „Àâª√–∏“π°√√¡°“√
®√√¬“∫√√≥ ¡À’ πß— ◊Õ·®âߺ≈°“√æ‘®“√≥“·°à‡≈¢“∏°‘ “√‡æËÕ◊ ·®âߺŸâ‡°Ë’¬«¢âÕßµàÕ‰ª
253 ı 惻®°‘ “¬π ÚıÙˆ
Àπ“â 47
‡≈¡à ÒÚ µÕπæ‘‡»… ÒÚˆ ß √“™°®‘ ®“πÿ‡∫°…“
À“°§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‡ÀπÁ «“à ¢âÕ°≈à“«À“„¥ ‡¢“â ¢“à ¬°“√ª√–惵º‘ ‘¥
®√√¬“∫√√≥·Ààß«‘™“™’æ«‘»«°√√¡À√◊Õ¡’¡Ÿ≈Õ—π§«√‰¥â√—∫°“√æ‘®“√≥“ „Àâ·µàߵȗß
§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π ‚¥¬ª√–∏“πÕπÿ°√√¡°“√‰µà «πµâÕß·µàߵȗ߮“°°√√¡°“√
„π§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥´÷Ë߉¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µ„π “¢“«‘™“™’æ«‘»«°√√¡§«∫§ÿ¡
„π “¢“‡¥¬’ «°π— °∫— º∂⟠°Ÿ °≈“à «À“‡ªπì ª√–∏“π∑‰Ë’ µ à «π ·≈–º‰Ÿâ ¥√â ∫— „∫Õπ≠ÿ “µ„π√–¥∫—
‰¡àµË”°«à“ºâŸ∂Ÿ°°≈à“«À“„π “¢“«‘™“™’æ«‘»«°√√¡§«∫§ÿ¡∑’ˉµà «π‡ªìπÕπÿ°√√¡°“√
‰µà «πÕ°’ ®”π«π‰¡πà âÕ¬°«“à Õß§π√«à ¡‡ªìπ§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π
°“√ª√–™¡ÿ ¢Õß§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π µÕâ ߡՒ πÿ°√√¡°“√‰µ à «π¡“ª√–™¡ÿ
‰¡àπÕâ ¬°«“à °Ëß÷ Àπ÷ßË ¢Õß®”π«πÕπÿ°√√¡°“√∑È—àßÀ¡¥ ®÷ß®–‡ªπì Õß§ªå √–™ÿ¡
§” Ë—ß·µàߵȗßπÈ—π„Àâ∑”‡ªìπ§” —Ëß§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥·≈–√–∫ÿµ—«ºŸâ∂Ÿ°
°≈à“«À“π—πÈ ¥â«¬
°“√‰µ à «πº‰Ÿâ ¥√â ∫— „∫Õπ≠ÿ “µ∑‡’Ë ªπì 𵑠∫‘ §ÿ §≈ ´ßË÷ ‡ªπì Àπÿâ «à π¢ÕßÀ“â ßÀπâÿ «à π
À√Õ◊ º‰âŸ ¥√â ∫— „∫Õπ≠ÿ “µ´ßË÷ ‡ªπì °√√¡°“√¢Õß∫√…‘ ∑— À√Õ◊ º‰Ÿâ ¥√â ∫— „∫Õπ≠ÿ “µ´ß÷Ë ‡ªπì ¡“™°‘
„π§≥–º∫⟠√À‘ “√¢Õß𵑠∫‘ §ÿ §≈À√Õ◊ º‰Ÿâ ¥√â ∫— „∫Õπ≠ÿ “µ´ß÷Ë ‡ªπì Àπÿâ «à πº®âŸ ¥— °“√¢ÕßÀ“â ßÀπÿâ «à π
À√◊ÕºŸâ‰¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µ´÷Ë߇ªìπ°√√¡°“√ºâŸ®—¥°“√¢Õß∫√‘…—∑ À√◊պ⟉¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µ
´Ë÷߇ªπì ºŸ¡â Õ’ ”π“®∫√‘À“√·µàº‡Ÿâ ¥¬’ «¢Õß𵑠∫‘ §ÿ §≈
¢âÕ°≈à“«À“„¥ª√“°Ø™—¥·°à§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥«à“ºŸâ∂Ÿ°°≈à“«À“‰¡à‡ªìπ
ºªŸâ √–惵º‘ ¥‘ ®√√¬“∫√√≥À√Õ◊ ª√–惵º‘ ¥‘ ®√√¬“∫√√≥®√ß‘ §≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥
®–殑 “√≥“«π‘ ®‘ ©¬— ™’È¢“¥‚¥¬¬°¢âÕ°≈à“«À“°Á‰¥â
¢âÕ ¯ ‡¡Õ◊Ë §≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‰¥·â µßà µß—È §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π·≈«â
„Àâª√–∏“π°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥¡’Àπ—ß ◊Õ·®âߢâÕ°≈à“«À“ æ√âÕ¡∑È—ß àß ”‡π“Àπ—ß ◊Õ
254 ı 惻®‘°“¬π ÚıÙˆ
Àπ“â 48
‡≈¡à ÒÚ µÕπæ‘‡»… ÒÚˆ ß √“™°‘®®“πÿ‡∫°…“
§”°≈“à «À“·≈– ”‡π“§” ß—Ë ·µßà µßÈ— §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π„Àºâ ∂Ÿâ °Ÿ °≈“à «À“∑√“∫≈«à ßÀπ“â
‰¡àπâÕ¬°«à“ ‘∫Àâ“«—π°àÕπ‡√‘Ë¡°“√æ‘®“√≥“¢Õß§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π ·≈–„Àâ
§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µà «ππ¥— ‰µ à «π‚¥¬‡√«Á
º∂Ÿâ °Ÿ °≈“à «À“¡ ’ ∑‘ ∏∑‘ ”§”™·’È ®ß À√Õ◊ π”æ¬“πÀ≈°— ∞“π„¥Ê ßà „À§â ≥–°√√¡°“√
®√√¬“∫√√≥ À√◊Õ§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π¿“¬„π ‘∫Àâ“«—ππ—∫·µà«—π‰¥â√—∫·®âß®“°
ª√–∏“π°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥ À√◊Õ¿“¬„π‡«≈“∑Ë’§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥°”Àπ¥
¢Õâ ˘ º∂⟠°Ÿ °≈“à «À“ Õ“®§¥— §“â π°“√·µßà µß—È Õπ°ÿ √√¡°“√º„⟠¥„π§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√
‰µà «π ∂⓪√“°Ø«à“Õπÿ°√√¡°“√§ππÈ—π¡’ à«π‡°’ˬ«¢âÕßÕ¬à“ßÀπ÷ËßÕ¬à“ß„¥„π°√≥’
µÕà ‰ªπ’È
(Ò) ‡ªìπº¡âŸ ’ «à π‰¥â‡ ’¬„π¢âÕ°≈“à «À“π—πÈ
(Ú) ‡ªπì ºâ¡Ÿ ’ “‡Àµÿ‚°√∏‡§◊Õß°—∫ºâ∂Ÿ °Ÿ °≈“à «À“
„Àºâ ∂Ÿâ °Ÿ °≈“à «À“ ∑”‡ªπì Àπß— Õ◊ · ¥ß‡Àµºÿ ≈∑§Ë’ ¥— §“â πππÈ— ¬π◊Ë µÕà §≥–°√√¡°“√
®√√¬“∫√√≥ ¿“¬„π ‘∫Àâ“«—ππ—∫·µà«—π‰¥â√—∫·®âߢâÕ°≈à“«À“®“°ª√–∏“π°√√¡°“√
®√√¬“∫√√≥ µ“¡¢Õâ ¯
‡¡ÕË◊ ª√–∏“π°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‰¥√â ∫— ‡√Õ◊Ë ß°“√§¥— §“â π¢ÕßÕπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π
·≈â«„Àâ‡√’¬°ª√–™ÿ¡§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥ ‡¡◊ËÕæ‘®“√≥“·≈⫇ÀÁπ«à“°“√
§¥— §“â πππ—È ¡‡’ Àµºÿ ≈øßí ‰¥„â À â ßË— ‡ª≈¬’Ë π·ª≈ß§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «πµ“¡§«√·°°à √≥’
‚¥¬¥à«π ·µà∂â“æ‘®“√≥“·≈⫇ÀÁπ«à“°“√§—¥§â“ππ—Èπ‰¡à¡’‡Àµÿº≈Õ—π§«√øí߉¥â °Á„Àâ Ë—ß
¬°§”§—¥§â“ππ—Èπ‡ ’¬ „π°√≥π’ „È’ Àâ∫—π∑°÷ ‡Àµÿº≈ππ—È ‰«„â π ”π«π°“√‰µà «π¥«â ¬
¢âÕ Ò ‡¡Ë◊Õ‰¥â·µàßµ—Èß§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π·≈â« ∂â“¡’‡Àµÿ ¡§«√À√◊Õ
®”‡ªπì µâÕ߇ª≈’¬Ë πµ—«Õπ°ÿ √√¡°“√‰µà «π À√◊ÕµÕâ ß·µßà µ—ßÈ Õπ°ÿ √√¡°“√‰µà «π‡æË‘¡¢÷Èπ
255 ı 惻®°‘ “¬π ÚıÙˆ
Àπ“â 49
‡≈à¡ ÒÚ µÕπæ‘‡»… ÒÚˆ ß √“™°®‘ ®“πÿ‡∫°…“
„Àâ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥ÕÕ°§” ˗߇ª≈Ë’¬πµ—« Õπÿ°√√¡°“√‰µà «πÀ√◊Õ·µàßµ—Èß
Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π‡æË¡‘ ¢Èπ÷ ·≈â«·µ°à √≥’ ∑È—ßπÈ’ „À¥â ”‡π‘π°“√µ“¡¢Õâ ˜ ‚¥¬Õπÿ‚≈¡
·≈«â ·®ßâ „Àºâ ∂⟠°Ÿ °≈à“«À“∑√“∫¥«â ¬
°“√‡ª≈’Ë¬πµ—«Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π À√◊Õ·µàßµ—ÈßÕπÿ°√√¡°“√‰µà «π‡æË‘¡¢÷Èπ
¥—ß°≈à“«π’È ‰¡¡à ’º≈°√–∑∫µàÕ°“√‰µà «π∑ˉ’ ¥¥â ”‡ππ‘ °“√‰ª°Õà π·≈â«
¢Õâ ÒÒ ‡¡ÕË◊ ª√–∏“πÕπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π‰¥√â ∫— ∑√“∫§” ßË— ·µßà µß—È §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√
‰µà «π·≈â« „Àâ∫—π∑÷°«—𠇥◊Õπ ªï ∑Ë’‰¥â√—∫∑√“∫§” Ë—ßπÈ—π‰«â„π ”π«π°“√‰µà «π
·≈â«„Àâ√’∫‰µà «π„À⇠√Á®¿“¬„πÀ° ‘∫«—ππ—∫·µà«—π∑Ë’‰¥â√—∫∑√“∫§” Ë—ß ∂ⓇÀÁπ«à“
°“√‰µà «π‰¡à∑—π°”Àπ¥°Á„À⇠πÕ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥æ‘®“√≥“¢¬“¬‡«≈“
°“√‰µà «πÕÕ°‰ªÕ’°§√—Èß≈–‰¡à‡°‘πÀ° ‘∫«—π ·µàÀâ“¡¡‘„À⢬“¬‡«≈“°“√‰µà «π
‡°‘π°«“à “¡§√Èß—
‡¡Ë◊Õ§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µ à «π‰µ à «π‡ √Á®·≈â« „À â √ªÿ º≈°“√‰µà «π‡ πÕµàÕ
§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‡æ◊ÕË æ‘®“√≥“«‘π®‘ ©—¬™È’¢“¥ ¥ß— µÕà ‰ªπÈ’
(Ò) ¬°¢âÕ°≈“à «À“
(Ú) µ°— ‡µÕ◊ π
(Û) ¿“§∑—≥±∑å Ë’¡°’ ”À𥇫≈“µ“¡∑Ë’‡ÀÁπ ¡§«√·µ‰à ¡à‡°π‘ À⓪ï
(Ù) æ—°„™„â ∫Õπÿ≠“µ¡°’ ”À𥇫≈“µ“¡∑’‡Ë ÀπÁ ¡§«√·µ‰à ¡à‡°‘πÀ⓪ï
(ı) ‡æ°‘ ∂Õπ„∫Õπÿ≠“µ
¢Õâ ÒÚ ∂⓪√“°Ø«à“°“√‰µà «πºâŸ∂Ÿ°°≈à“«À“ ª√–惵‘º‘¥„π‡√◊ËÕßÕË◊π∑Ë’
‡°Ë¬’ «¢âÕß°—∫‡√◊ÕË ß‡¥‘¡ „À§â ≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µ à «π‰µ à «π„π‡√◊ËÕߥߗ °≈à“«¥â«¬ ·µ∂à “â
‡ªìπ‡√Ë◊Õß∑’ˉ¡à‡°Ë’¬«¢âÕß°—∫‡√Ë◊Õ߇¥‘¡ „Àâª√–∏“πÕπÿ°√√¡°“√‰µà «π√“¬ß“πµàÕ
256 ı 惻®‘°“¬π ÚıÙˆ
Àπâ“ 50
‡≈¡à ÒÚ µÕπæ‡‘ »… ÒÚˆ ß √“™°‘®®“π‡ÿ ∫°…“
§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‡æÕË◊ §≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥®–殑 “√≥“·µßà µß—È §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√
‰µà «π™ÿ¥„À¡à‰µà «π„π‡√Ë◊ÕßπÈ—πÊ ·≈â«·µà°√≥’ ∑—ÈßπÈ’ µâÕß·®âߢâÕ°≈à“«À“„Àâ
º∂Ÿâ °Ÿ °≈à“«À“∑√“∫ ‡æ◊ËÕ·°â¢âÕ°≈“à «À“πÈπ— Ê µ“¡«‘∏’°“√„π¢âÕ ¯
¢Õâ ÒÛ °√≥’∑Ë’°“√‰µà «π¡’¡Ÿ≈æ“¥æ‘ß∂÷ߺ⟉¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µÕË◊π ∑Ë’¡‘‰¥â√–∫ÿ
µ—«‡ªìπºŸâ∂Ÿ°°≈à“«À“ µ“¡§” Ë—ß·µàßµ—Èß§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «ππ—Èπ«à“‡ªìπºŸâ∑’Ë¡’
à«π√à«¡°√–∑”º‘¥ΩÉ“Ωóπ°ÆÀ¡“¬«à“¥â«¬«‘™“™’æ«‘»«°√√¡ „Àâª√–∏“πÕπÿ°√√¡°“√
‰µ à «π√’∫√“¬ß“π§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‡æÕË◊ æ‘®“√≥“µàÕ‰ª
‡¡◊ËÕ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥æ‘®“√≥“·≈⫇ÀÁπ«à“ ºâŸ‰¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µµ“¡
«√√§·√°‡¢â“¢à“¬¡’ à«π√à«¡°√–∑”º‘¥ „Àâ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥·µàßµ—Èß
§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π‰µà «πºŸâ‰¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µπ—Èπ‚¥¬®–·µßà µÈ—ß§≥–Õπÿ°√√¡°“√
‰µà «π™ÿ¥‡¥‘¡À√◊Õ™ÿ¥„À¡à°Á‰¥â ∑È—ßπÈ’ „À⥔‡π‘π°“√µ“¡¢âÕ ˜ ·≈–¢âÕ ¯ °√≥’
‡™àπ«à“π’È„Àâ„™âæ¬“πÀ≈—°∞“π∑’Ë¥”‡π‘π°“√‰µà «π¡“·≈â«πÈ—πª√–°Õ∫°“√æ‘®“√≥“
§«“¡º¥‘ ¢Õߺ¡Ÿâ ’ «à π√«à ¡ª√–惵º‘ ¥‘ ππ—È ‰¥µâ “¡·µ§à ≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π®–‡ÀπÁ ¡§«√
¢âÕ ÒÙ °“√‰µ à «πº∂⟠°Ÿ °≈“à «À“ „À§â ≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π·®ßâ ¢Õâ °≈“à «À“
‡∑“à ∑ªË’ √“°Ø„Àºâ ∂Ÿâ °Ÿ °≈“à «À“ ∑√“∫ ·≈–„À‚â Õ°“ ·°ºà ∂Ÿâ °Ÿ °≈“à «À“ ™·È’ ®ß·°¢â Õâ °≈“à «À“
µ≈Õ¥®ππ”æ¬“πÀ≈—°∞“π¡“ ◊∫·°â¢âÕ°≈à“«À“ µ“¡§«√·°à°√≥’„π‡«≈“Õ—π ¡§«√
ºŸâ∂Ÿ°°≈à“«À“ ®–π”æ¬“πÀ≈—°∞“π¡“‡ÕßÀ√◊Õ®–¢Õ„Àâ§≥–Õπÿ°√√¡°“√
‰µ à «π‡√’¬°æ¬“πÀ≈°— ∞“ππ—πÈ ¡“°Á‰¥â
¢âÕ Òı °“√™È·’ ®ß¢âÕ°≈“à «À“ º∂Ÿâ °Ÿ °≈“à «À“ Õ“®„À∂â âÕ¬§”À√Õ◊ ∑”§”™’È·®ß
‡ªπì ≈“¬≈°— …≥Õå °— …√≈ß≈“¬¡◊Õ™◊ËÕ¬Ëπ◊ µÕà §≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π‰¥â
257 ı 惻®°‘ “¬π ÚıÙˆ
Àπâ“ 51
‡≈¡à ÒÚ µÕπæ‡‘ »… ÒÚˆ ß √“™°‘®®“πÿ‡∫°…“
§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µ à «π¡Õ’ ”π“®„Àºâ ∂Ÿâ Ÿ°°≈“à «À“ ™’È·®ß¢Õâ °≈à“«À“‰¥µâ “¡∑Ë’
‡ÀÁπ ¡§«√ ¿“¬„π‡«≈“∑°Ë’ ”Àπ¥
¢âÕ Òˆ ∂⓺Ÿâ∂Ÿ°°≈à“«À“ ‰¡à¬Õ¡√—∫§” ˗ߢÕß§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥
·≈–‰¡™à ·È’ ®ß·°¢â Õâ °≈“à «À“¿“¬„π‡«≈“∑°’Ë ”Àπ¥ „À§â ≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π¥”‡ππ‘ °“√
‰µà «π‰ª‚¥¬‰¡àµâÕ߉µà «πºŸâ∂Ÿ°°≈à“«À“ ·µàµâÕß∫—π∑÷°‡Àµÿπ—Èπ‰«â„π ”π«π
°“√‰µ à «π¥â«¬
¢âÕ Ò˜ °“√‰µà «πª“°§”ºâŸ∂Ÿ°°≈à“«À“ À√◊Õæ¬“π „Àâ∫—π∑÷°∂âÕ¬§”
‡ªπì ≈“¬≈°— …≥Õå °— …√·≈«â Õ“à π„Àºâ „⟠À∂â Õâ ¬§”øßí ‡¡ÕË◊ √∫— «“à ∂°Ÿ µÕâ ß·≈«â „À≈â ß≈“¬¡Õ◊ ™Õ◊Ë ‰«â
„Àâ§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π∑’Ëπ˗߉µà «π„π¢≥–πÈ—π∑ÿ°§π≈ß≈“¬¡◊Õ™◊ËÕ°”°—∫¥â«¬
∂⓺⟄Àâ∂Õâ ¬§”‰¡à “¡“√∂À√◊Õ‰¡à¬Õ¡≈ß≈“¬¡◊Õ™ËÕ◊ °Á„À∫â π— ∑÷°‡Àµπÿ —Èπ‰«â
¢Õâ Ò¯ ∂“â º∂Ÿâ °Ÿ °≈“à «À“ ¬πË◊ §”™·È’ ®ß‡°¬Ë’ «°∫— ‡√Õ◊Ë ß∑‰’Ë µ à «πππÈ— µÕà §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√
‰µà «πÀ√◊ÕµàÕª√–∏“π°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥°àÕπ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥¡’°“√
«‘π‘®©—¬¢âÕ°≈à“«À“ „Àâ§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «πÀ√◊Õª√–∏“π°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥
√—∫§”™’·È ®ßπ—Èπ‡¢“â ”π«π‡√◊ÕË ß‰«â殑 “√≥“¥â«¬
¢âÕ Ò˘ °“√‰µ à «π∑°ÿ §√ßÈ— º∂Ÿâ °Ÿ °≈“à «À“ ¡ ’ ∑‘ ∏π‘ ”∑𓬧«“¡À√Õ◊ ∑ª’Ë √°÷ …“
¢Õßµπ‡¢â“¡“„π°“√‰µà «π‰¥â ·≈–°“√„¥∑Ë’∑𓬧«“¡À√◊Õ∑Ë’ª√÷°…“‰¥â°√–∑”≈ß
µàÕÀπâ“§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥À√◊Õ§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π „Àâ∂◊Õ«à“‡ªìπ°“√
°√–∑”¢ÕߺŸâ∂°Ÿ °≈“à «À“ ‡«âπ‡ ’¬·µ«à “à ºâ∂Ÿ Ÿ°°≈“à «À“®–‰¥§â ¥— §â“π‡ ’¬„π¢≥–ππ—È
¢Õâ Ú °“√‰µà à «πæ¬“π ∂“â æ¬“π‰¡¡à “À√Õ◊ ‰¡¬à Õ¡„À∂â Õâ ¬§”µÕà §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√
‰µ à «πÀ√Õ◊ §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π‡√¬’ °æ¬“π¡“‰¡‰à ¥¿â “¬„π°”À𥇫≈“Õπ— ¡§«√
§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π®–‰¡‰à µ à «πæ¬“πππ—È °‰Á ¥â·µµà Õâ ß∫π— ∑°÷ ‡Àµπÿ πÈ— ‰«„â π ”π«π
258 ı 惻®°‘ “¬π ÚıÙˆ
Àπ“â 52
‡≈à¡ ÒÚ µÕπæ‘‡»… ÒÚˆ ß √“™°®‘ ®“π‡ÿ ∫°…“
°“√‰µà «π¥â«¬ ∑—Èßπ’ȇ«âπ·µà §≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π‡ÀÁπ«à“¡’‡ÀµÿÕ—π ¡§«√
∑’Ëæ¬“π‰¡à “¡“√∂¡“‰¥âµ“¡°”Àπ¥ À√◊Õ‰¥âµ—«æ¬“π¡“„Àâ∂âÕ¬§”°àÕπ°“√‰µà «π
®– ‘Èπ ¥ÿ ≈ß °ÕÁ “®‰µ à «πæ¬“πππÈ— ‰¥âµ“¡§«√·°à°√≥’
¢âÕ ÚÒ „π°“√‰µ à «πæ¬“π ∂“â §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π‡ÀπÁ «“à °“√‰µ à «π
欓πππÈ— ®–∑”„À°â “√‰µ à «π≈“à ™“â ‚¥¬‰¡®à ”‡ªπì À√Õ◊ ‰¡„à ™ªà √–‡¥πÁ ”§≠— §≥–Õπ°ÿ √√¡°“√
‰µ à «π®–ߥ°“√‰µ à «πæ¬“πππ—È °‰Á ¥â ·µµà Õâ ß∫π— ∑°÷ ‡Àµπÿ πÈ— ‰«„â π ”π«π°“√‰µ à «π¥«â ¬
¢âÕ ÚÚ „Àâ§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π√«∫√«¡æ¬“πÀ≈—°∞“π‡∑à“∑Ë’ “¡“√∂
®–∑”‰¥â ‡æ◊ËÕ∑√“∫¢âÕ‡∑Á®®√ß‘ ·≈–惵°‘ “√≥µå à“ßÊ Õπ— ‡°Ë’¬«°∫— ¢Õâ °≈à“«À“
¢Õâ ÚÛ °√≥’∑Ë’¡’§”æ‘æ“°…“∂÷ß∑Ë’ ÿ¥™È’¢“¥‡°Ë’¬«°—∫ºŸâ∂Ÿ°°≈à“«À“„¥ ∂â“
§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π‡ÀÁπ«à“ ¢âÕ‡∑Á®®√‘ßµ“¡∑’˪√“°Ø„π§”æ‘æ“°…“πÈ—π‰¥â§«“¡
ª√–®—°…å™—¥Õ¬àŸ·≈â« §≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π®–øíߢâÕ‡∑Á®®√‘ßµ“¡∑’˪√“°Ø„π§”
æ‘æ“°…“π—Èπ‚¥¬‰¡à‰µà «πºŸ∂â °Ÿ °≈“à «À“ À√Õ◊ 欓π°‰Á ¥â
¢âÕ ÚÙ ‡¡◊ËÕ°“√‰µà «π‡ √Á®·≈â« „Àâ§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π∑”√“¬ß“π
√ÿªº≈°“√‰µà «πæ√âÕ¡∑ȗߢâÕ‡∑Á®®√‘ß æ√âÕ¡· ¥ß§«“¡§‘¥‡ÀÁπ«à“ºâŸ∂Ÿ°°≈à“«À“
ª√–惵‘º‘¥°ÆÀ¡“¬À√◊Õ®√√¬“∫√√≥·Ààß«‘™“™’æ«‘»«°√√¡∞“π„¥¡“µ√“„¥À√◊Õ‰¡à
∂“â ª√–惵º‘ ¥‘ ¡§«√≈ß‚∑… ∂“π„¥ ‡ πÕµÕà ª√–∏“π°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥æ√Õâ ¡∑ß—È
”π«π°“√‰µ à «π ∂“â Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π§π„¥¡§’ «“¡‡ÀπÁ ·¬ßâ „À∑â ”∫π— ∑°÷ §«“¡‡ÀπÁ
·¬ßâ µ‘¥‰«„â π ”π«π°“√‰µ à «π¥«â ¬
∂â“§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‡ÀÁπ§«√„Àâ‰µà «π‡æ‘Ë¡ ª√–°“√„¥ „Àâ —Ëß
§≥–Õπ°ÿ √√¡°“√‰µ à «π‰µà «π‡æ¡‘Ë ‰¥âµ“¡§«“¡®”‡ªπì
259 ı 惻®‘°“¬π ÚıÙˆ
Àπâ“ 53
‡≈¡à ÒÚ µÕπæ‡‘ »… ÒÚˆ ß √“™°‘®®“π‡ÿ ∫°…“
¢âÕ Úı °“√‰µ à «πµÕπ„¥∑‰’Ë ¡∂à °Ÿ µÕâ ßµ“¡À≈°— ‡°≥±·å ≈–«∏‘ °’ “√µ“¡√–‡∫¬’ ∫πÈ’
„π à«π∑’ˉ¡à„™à “√– ”§—≠ ·≈–‰¡à∑”„Àâ ”π«π°“√‰µà «π∑È—ßÀ¡¥‡ ’¬‰ª „π°√≥’
§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥®– —Ëß„À⥔‡π‘π°“√‡ ’¬„À¡à‡©æ“–µÕπ∑’ˉ¡à∂Ÿ°µâÕß°Á‰¥â
·µ∂à “â °“√‰µ à «πµÕπππÈ— ‡ªπì “√– ”§≠— §≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥®– ß—Ë „À¥â ”‡ππ‘ °“√
‰µà «π‡©æ“–µÕππ—ÈπÀ√◊Õ∑ßÈ— À¡¥°Á‰¥â
À¡«¥ Û
§”«‘π‘®©—¬™È¢’ “¥ °“√·®ßâ º≈ ·≈–°“√π—∫√–¬–‡«≈“
¢âÕ Úˆ ‡¡Ë◊Õ§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥‰¥â√—∫√“¬ß“π‰µà «π √ÿª¢âÕ‡∑Á®®√‘ß
¢Õß§≥–Õπÿ°√√¡°“√‰µà «π·≈â« §≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥¡’Õ”π“®«‘π‘®©—¬™È’¢“¥
µÕà ‰ªπÈ’
(Ò) ¬°¢âÕ°≈à“«À“
(Ú) µ°— ‡µ◊Õπ
(Û) ¿“§∑≥— ±å∑Ë’¡’°”À𥇫≈“µ“¡∑‡’Ë ÀÁπ ¡§«√·µà‰¡à‡°‘πÀ“â ªï
(Ù) æ—°„™„â ∫Õπ≠ÿ “µ¡°’ ”À𥇫≈“µ“¡∑ˇ’ ÀπÁ ¡§«√·µà‰¡à‡°π‘ À⓪ï
(ı) ‡æ°‘ ∂Õπ„∫Õπ≠ÿ “µ
„π°“√π’ȧ≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥¡’Õ”π“®‡™‘≠ºâŸ∂Ÿ°°≈à“«À“·≈–ºâŸ‡°’ˬ«¢âÕß
ÕËπ◊ „¥¡“„Àâ∂Õâ ¬§”‡æ‘¡Ë ‡µ‘¡°‰Á ¥â
°√≥’∑Ë’§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥¡’§”«‘π‘®©—¬™’È¢“¥„À⬰¢âÕ°≈à“«À“ „Àâ
‡≈¢“∏‘°“√·®âߺ≈°“√æ‘®“√≥“æ√âÕ¡§”«‘π‘®©—¬„À⺟â∂Ÿ°°≈à“«À“·≈–ºŸâ‡°Ë’¬«¢âÕß∑√“∫
260 ı 惻®°‘ “¬π ÚıÙˆ
Àπ“â 54
‡≈¡à ÒÚ µÕπæ‡‘ »… ÒÚˆ ß √“™°®‘ ®“πÿ‡∫°…“
¢Õâ Ú˜ °√≥’∑Ë’§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥¡’§”«‘π‘®©—¬™È’¢“¥„Àâµ—°‡µ◊Õπ
¿“§∑≥— ±å æ°— „™„â ∫Õπ≠ÿ “µÀ√Õ◊ ‡æ°‘ ∂Õπ„∫Õπ≠ÿ “µ „À‡â ≈¢“∏°‘ “√·®ßâ º≈°“√殑 “√≥“
æ√Õâ ¡§”«‘π®‘ ©¬— „Àâºâ‡Ÿ °¬’Ë «¢Õâ ß∑√“∫ ·≈–·®âߺ∂⟠Ÿ°°≈“à «À“π—πÈ «à“¡ ’ ∑‘ ∏„‘ π°“√Õÿ∑∏√≥å
§”«‘π‘®©—¬™’È¢“¥πÈ—πµàÕ§≥–°√√¡°“√ ¿“«‘»«°√¿“¬„π “¡ ‘∫«—ππ—∫·µà«—π‰¥â√—∫
§”«π‘ ®‘ ©¬— ∂“â ‡ªπì §”«π‘ ®‘ ©¬— „Àæâ °— „™„â ∫Õπ≠ÿ “µ À√Õ◊ „À‡â æ°‘ ∂Õπ„∫Õπ≠ÿ “µ „À‡â ≈¢“∏°‘ “√
‡√’¬°„∫Õπÿ≠“µ·≈–«ÿ≤‘∫—µ√∂â“¡’ §◊π·°à ¿“«‘»«°√¿“¬„π “¡ ‘∫«—ππ—∫·µà«—π‰¥â√—∫
·®âß§”«‘π‘®©—¬™’È¢“¥
„Àâ§”«‘π‘®©—¬™È’¢“¥¢Õß§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥¡’º≈∫—ß§—∫„™âπ—∫·µà«—π∑Ë’
§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥«‘π‘®©—¬™’È¢“¥ ∂â“¡’°“√Õÿ∑∏√≥å§”«‘π‘®©—¬™’È¢“¥¢Õß
§≥–°√√¡°“√®√√¬“∫√√≥ ‡¡Ë◊Õ§≥–°√√¡°“√ ¿“«‘»«°√¡’¡µ‘Õ¬à“ß„¥·≈â«„Àâ¡’º≈
∫—ß§—∫µ“¡¡µ¢‘ Õß§≥–°√√¡°“√ ¿“«‘»«°√
‡¡◊ËÕ§≥–°√√¡°“√ ¿“«‘»«°√¡’§”«‘π‘®©—¬™È’¢“¥‡ªìπ∑’Ë ÿ¥·≈â« „Àâ‡≈¢“∏‘°“√
®—¥∑”§” Ë—ß ¿“«‘»«°√æ√âÕ¡∑ȗ߇Àµÿº≈¢Õß§”«‘π‘®©—¬™È’¢“¥ ·®âߺŸâ‡°’ˬ«¢âÕß∑√“∫
æ√âÕ¡∑” ”‡π“§” —Ëß ¿“«‘»«°√ µ‘¥ª√–°“»‰«â ≥ ”π—°ß“π ¿“«‘»«°√·≈–
ª√–°“»¥â«¬«‘∏’Õ◊Ëπ¥â«¬Õ¬à“ßπâÕ¬ ‘∫Àâ“«—π ·≈–„Àâ‡≈¢“∏‘°“√·®âß ‘∑∏‘ «‘∏’°“√ ·≈–
√–¬–‡«≈“„π°“√øÕÑ ß§¥’µÕà »“≈ª°§√Õß„Àºâ ∂⟠Ÿ°°≈à“«À“∑√“∫
„À∫â —π∑°÷ §”«‘π®‘ ©¬— ™’¢È “¥π—ÈπÊ ‰«â„π∑–‡∫¬’ πª√–«µ— ‘¢Õߺ∂⟠°Ÿ °≈à“«À“
¢Õâ Ú¯ °“√·®ßâ º≈§”«π‘ ®‘ ©¬— ™¢’È “¥„À®â ¥— ßà ∑“߉ª√…≥¬’ ≈å ß∑–‡∫¬’ πµÕ∫√∫—
‰ª¬—ß∑Ë’Õ¬µàŸ “¡∑˺’ âŸ∂°Ÿ °≈à“«À“ ·≈–ºŸâ‡°¬Ë’ «¢âÕ߉¥·â ®ßâ ‰«°â ∫— ¿“«»‘ «°√
°√≥’∑’ˉ¡àÕ“®¥”‡π‘π°“√µ“¡«√√§Àπ÷Ë߉¥â „À⥔‡π‘π°“√®—¥ àß∑“߉ª√…≥’¬å
≈ß∑–‡∫¬’ πµÕ∫√∫— ‰ª¬ß— ¿¡Ÿ ≈‘ ”‡π“¢Õߺ∂⟠°Ÿ °≈“à «À“·≈–º‡âŸ °¬Ë’ «¢Õâ ß ·≈–ª¥î ª√–°“»‰«â
261 ı 惻®‘°“¬π ÚıÙˆ
Àπ“â 55
‡≈à¡ ÒÚ µÕπæ‡‘ »… ÒÚˆ ß √“™°‘®®“πÿ‡∫°…“
„π∑’ˇªî¥‡º¬·≈–‡ÀÁπ‰¥âßà“¬ ≥ ”π—°ß“π ¿“«‘»«°√¡’°”Àπ¥ ‘∫Àâ“«—π ·≈–„Àâ∂◊Õ«à“
ºŸâ∂Ÿ°°≈à“«À“·≈–ºŸâ‡°Ë’¬«¢âÕß∑√“∫§”«‘π‘®©—¬™È’¢“¥·≈â« ‡¡Ë◊Õ§√∫°”Àπ¥ ‘∫Àâ“«—π
π—∫·µ«à π— ∑ªË’ √–°“»¥—ß°≈à“«
¢Õâ Ú˘ °√≥’∑’˧”«‘π‘®©—¬™È’¢“¥„Àâ‡æ‘°∂Õπ„∫Õπÿ≠“µ¢Õß𑵑∫ÿ§§≈ºŸâ‰¥â√—∫
„∫Õπÿ≠“µ „Àâ¡’º≈‡ªìπ°“√‡æ‘°∂Õπ„∫Õπÿ≠“µª√–°Õ∫«‘™“™’æ«‘»«°√√¡§«∫§ÿ¡
¢Õß∫ÿ§§≈ ¥ß— πÈ’
(Ò) „Àâ¡’º≈‡ªìπ°“√‡æ‘°∂Õπ„∫Õπÿ≠“µ¢ÕߺŸâ¡’Õ”π“®∑”°“√·∑π𑵑∫ÿ§§≈
·≈–/À√Õ◊
(Ú) „À¡â º’ ≈‡ªπì °“√‡æ°‘ ∂Õπ„∫Õπ≠ÿ “µ¢ÕßÀπÿâ «à π¢ÕßÀ“â ßÀπÿâ «à π °√√¡°“√
¢Õß∫√‘…—∑ ºâŸ∫√‘À“√¢Õß𑵑∫ÿ§§≈ ·≈–æπ—°ß“πÀ√◊àÕ≈Ÿ°®â“ߢÕß𑵑∫ÿ§§≈ ∑—ÈßπÈ’
‡©æ“–ºâ∑Ÿ ’Ë¡’ à«π√à«¡„π°“√°√–∑”Õ—π‡ªìπ‡Àµÿ„Àâ𑵑∫ÿ§§≈∂°Ÿ ‡æ°‘ ∂Õπ„∫Õπ≠ÿ “µ
(Û) Àâ“¡∫ÿ§§≈∑Ë∂’ Ÿ°‡æ‘°∂Õπ„∫Õπ≠ÿ “µµ“¡§«“¡„π (Ò) ·≈– (Ú) ‡ªπì
ºâŸ¡’Õ”π“®∑”°“√·∑π𑵑∫ÿ§§≈´÷Ë߉¥â√—∫„∫Õπÿ≠“µµ“¡æ√–√“™∫—≠≠—µ‘«‘»«°√
æ.». ÚıÙÚ ®π°«“à ®–æπâ À“â ªï π∫— ·µ«à π— ∑∂Ë’ °Ÿ ß—Ë ‡æ‘°∂Õπ„∫Õπ≠ÿ “µ
ª√–°“» ≥ «π— ∑Ë’ Ú˘ µ≈ÿ “§¡ æ.». ÚıÙˆ
©¥∫— ª∑í ¡ µŸ
𓬰 ¿“«»‘ «°√
262
เลม ๑๒๕ ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง หนา ๕๒ ๑๙ มถิ นุ ายน ๒๕๕๑
ราชกิจจานุเบกษา
ระเบียบคณะกรรมการสภาวศิ วกร
วา ดวยวธิ ีพจิ ารณาและวนิ จิ ฉัยจรรยาบรรณแหงวชิ าชพี วศิ วกรรม (ฉบบั ท่ี ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑
โดยทเ่ี ปนการสมควรปรับปรงุ ระเบยี บคณะกรรมการสภาวศิ วกร วาดวยวธิ ีพิจารณาและวินิจฉัย
จรรยาบรรณแหง วิชาชพี วิศวกรรม
อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๓๓ (๓) แหงพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ อันเปน
พระราชบญั ญัติท่ีมีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙
ประกอบกับมาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําได
โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัตแิ หงกฎหมาย คณะกรรมการสภาวศิ วกร จึงออกระเบียบไว ดงั ตอ ไปนี้
ขอ ๑ ระเบยี บนเี้ รยี กวา “ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร วาดวยวิธีพิจารณาและวินิจฉัย
จรรยาบรรณแหงวิชาชพี วศิ วกรรม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑”
ขอ ๒ ระเบียบนใี้ หใ ชบ ังคบั ต้ังแตวนั ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปนตน ไป
ขอ ๓ ใหยกเลิกความในวรรคสอง ของขอ ๒๗ ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร
วา ดว ยวิธพี ิจารณาและวนิ ิจฉัยจรรยาบรรณแหงวิชาชพี วศิ วกรรม พ.ศ. ๒๕๔๖ และใหใชความตอไปนี้แทน
“คําวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการจรรยาบรรณ ใหมีผลใชบังคับนับแตวันท่ีผูถูกกลาวหา
ไดร บั แจงคาํ วินจิ ฉยั ช้ีขาด และการอุทธรณคําวินิจฉัยชี้ขาดน้ันตอคณะกรรมการสภาวิศวกรไมเปนการ
ทุเลาการบังคับตามคําวินิจฉัยช้ีขาดน้ัน เวนแตคณะกรรมการสภาวิศวกรจะมีมติเปนอยางอื่น
สว นคําวนิ จิ ฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการสภาวิศวกรนั้น ใหมีผลใชบังคับนับแตวันท่ีผูถูกกลาวหาไดรับ
แจงคําวินิจฉัยช้ขี าด”
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑
วริ ะ มาวจิ กั ขณ
นายกสภาวิศวกร
263
เลม่ ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๑๒๕ ง หนา้ ๓๐ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔
ราชกจิ จานุเบกษา
ระเบยี บคณะกรรมการสภาวิศวกร
ว่าดว้ ยวิธพี จิ ารณาและวินิจฉัยจรรยาบรรณแหง่ วิชาชีพวศิ วกรรม (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๕๔
โดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงระเบยี บคณะกรรมการสภาวศิ วกร วา่ ดว้ ยวิธีพิจารณา และวินิจฉัย
จรรยาบรรณแห่งวิชาชพี วศิ วกรรม
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๓ (๓) แหง่ พระราชบญั ญัติวศิ วกร พ.ศ. ๒๕๔๒ อันเป็น
พระราชบัญญัติท่ีมบี ทบญั ญตั บิ างประการเกี่ยวกับการจํากดั สทิ ธแิ ละเสรีภาพของบุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๙
ประกอบกบั มาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทําได้
โดยอาศยั อํานาจตามบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมาย คณะกรรมการสภาวิศวกรจงึ ออกระเบยี บไว้ ดงั ต่อไปนี้
ขอ้ ๑ ระเบียบนเี้ รยี กวา่ “ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยวิธีพิจารณา และวินิจฉัย
จรรยาบรรณแหง่ วิชาชพี วิศวกรรม (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๔”
ข้อ ๒ ระเบียบน้ใี หใ้ ช้บงั คบั ตัง้ แต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นต้นไป
ขอ้ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๑ วรรคสอง (๓) ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร
ว่าด้วยวิธีพจิ ารณาและวินิจฉยั จรรยาบรรณแห่งวชิ าชพี วศิ วกรรม พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความตอ่ ไปน้แี ทน
“(๓) ภาคทัณฑ์”
ข้อ ๔ ใหย้ กเลกิ ความในข้อ ๒๖ (๓) ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วย วิธีพิจารณา
และวนิ จิ ฉัยจรรยาบรรณแห่งวิชาชพี วศิ วกรรม พ.ศ. ๒๕๔๖ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้แี ทน
“(๓) ภาคทณั ฑ”์
ประกาศ ณ วันท่ี ๓๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
เรืองศักดิ์ วชั รพงศ์
นายกสภาวิศวกร
264
หน้า ๓ ๓ กันยายน ๒๕๖๔
เล่ม ๑๓๘ ตอนพเิ ศษ ๒๐๖ ง ราชกจิ จานเุ บกษา
ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร
วา่ ดว้ ยวธิ พี ิจารณาและวนิ จิ ฉยั จรรยาบรรณแหง่ วิชาชพี วิศวกรรม (ฉบบั ที่ ๔)
พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยวิธีพิจารณา
และวินิจฉัยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรม เพ่ือรองรับวิธีพิจารณาไต่สวนและบันทึกถ้อยคา
ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓๓ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร
พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมติท่ีประชุมคณะกรรมการสภาวิศวกร คร้ังท่ี ๓๖-๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๙ สงิ หาคม ๒๕๖๔ คณะกรรมการสภาวิศวกรออกระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัย
จรรยาบรรณแหง่ วิชาชีพวศิ วกรรม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔”
ขอ้ ๒ ระเบยี บน้ีใหใ้ ชบ้ ังคบั ต้งั แต่วันถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป
ขอ้ ๓ ให้เพิม่ ความต่อไปนี้เปน็ ข้อ ๑๗/๑ ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าดว้ ยวิธพี จิ ารณา
และวนิ ิจฉยั จรรยาบรรณแหง่ วชิ าชีพวศิ วกรรม พ.ศ. ๒๕๔๖
“ข้อ ๑๗/๑ เพ่ือให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเท่ียงธรรม โดยต้อง
ไม่ทาให้สิทธิของคู่กรณีลดน้อยลง ประธานอนุกรรมการไต่สวนอาจกาหนดให้มีการไต่สวนและบันทึก
ถ้อยคาผู้กล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหา หรือพยาน โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยการประชุม
ผ่านสอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์ท้งั หมดหรอื แตบ่ างส่วนก็ได้
การบันทึกถ้อยคาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหน่ึง ที่ได้กระทาต่อหน้าผู้ให้ถ้อยคา
เม่ือได้อ่านบันทึกถ้อยคาให้ผู้ให้ถ้อยคาได้รับฟังและเห็นว่าถูกต้อง ให้ถือว่าผู้ให้ถ้อยคาได้ทราบและ
ลงลายมือชื่อในบนั ทึกถ้อยคานั้นแล้ว โดยใหเ้ ก็บบันทึกภาพและเสียงของผู้ให้ถอ้ ยคาไวใ้ นสานวนไต่สวน
เปน็ หลกั ฐานด้วย”
ประกาศ ณ วนั ท่ี 18 สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕64
สุชัชวีร์ สวุ รรณสวสั ด์ิ
นายกสภาวศิ วกร
265
เลม ๑๒๕ ตอนพิเศษ ๓๖ ง หนา ๔๐ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๑
ราชกิจจานเุ บกษา
ขอ บงั คบั สภาวิศวกร
วา ดวยหลักเกณฑและวิธกี ารอุทธรณค าํ วนิ ิจฉัยชี้ขาด
ของคณะกรรมการจรรยาบรรณ
พ.ศ. ๒๕๕๑
โ ด ย ที่ เ ป น ก า ร ส ม ค ว ร ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก เ ก ณ ฑ แ ล ะ วิ ธี ก า ร อุ ท ธ ร ณ คํ า วิ นิ จ ฉั ย ช้ี ข า ด ข อ ง
คณะกรรมการจรรยาบรรณ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘ (๖) (ฎ) และมาตรา ๖๒ วรรคสอง แหง
พระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ อันเปนพระราชบัญญัติท่ีมีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับ
การจํากดั สิทธแิ ละเสรภี าพของบุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๕ ของ
รฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
สภาวิศวกรโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญสามัญสภาวิศวกร และโดยความเห็นชอบของ
สภานายกพเิ ศษแหงสภาวิศวกร จึงออกขอ บังคับไว ดังตอไปนี้
ขอ ๑ ขอบังคับน้ีเรียกวา “ขอบังคับสภาวิศวกร วาดวยหลักเกณฑและวิธีการอุทธรณคํา
วนิ ิจฉัยช้ีขาดของคณะกรรมการจรรยาบรรณ พ.ศ. ๒๕๕๑”
ขอ ๒ ขอ บงั คบั น้ใี หใ ชบงั คับต้ังแตวันถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน ตนไป
ขอ ๓ ใหยกเลิกขอบังคับสภาวิศวกร วาดวยหลักเกณฑและวิธีการอุทธรณคําวินิจฉัยช้ีขาด
ของคณะกรรมการจรรยาบรรณแหง วชิ าชีพวศิ วกรรม พ.ศ. ๒๕๔๓
หมวด ๑
คาํ อุทธรณแ ละการยื่นอุทธรณ
ขอ ๔ ผูไดรับใบอนุญาตซ่ึงคณะกรรมการจรรยาบรรณวินิจฉัยช้ีขาดตาม มาตรา ๖๑ (๒)
(๓) (๔) หรือ (๕) แหงพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ มีสิทธิอุทธรณคําวินิจฉัยชี้ขาดของ
คณะกรรมการจรรยาบรรณตอคณะกรรมการสภาวศิ วกร
ขอ ๕ คําอุทธรณใ หทําเปน หนงั สือโดยระบุขอ เท็จจรงิ ขอโตแยง หรอื ขอกฎหมายท่ีอา งองิ
266
เลม ๑๒๕ ตอนพเิ ศษ ๓๖ ง หนา ๔๑ ๑๙ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๑
ราชกิจจานเุ บกษา
ขอ ๖ การยื่นคําอุทธรณ ใหยื่นตอคณะกรรมการสภาวิศวกรภายในสามสิบวันนับแตวันท่ี
ไดรบั แจงคําวินิจฉัยช้ีขาดของคณะกรรมการจรรยาบรรณ โดยใหเจาหนาท่ีของสํานักงานสภาวิศวกร
ออกใบรับใหแกผอู ุทธรณ
ผอู ุทธรณจ ะย่นื คาํ อุทธรณต อ คณะกรรมการสภาวิศวกรทางไปรษณยี ลงทะเบยี นตอบรับกไ็ ด
ขอ ๗ คําอทุ ธรณที่ไดยื่นไวแลว ผูอุทธรณอาจถอนเสียในเวลาใดก็ไดกอนท่ีคณะกรรมการ
สภาวศิ วกรมีคาํ วินิจฉยั ชี้ขาด
เมื่อมกี ารถอนคําอทุ ธรณ ใหเลขาธกิ ารสภาวศิ วกรแจงใหคณะกรรมการสภาวศิ วกรทราบ
หมวด ๒
วิธพี ิจารณาอทุ ธรณ
ขอ ๘ ถา คําอทุ ธรณม ีขอ ความที่ไมชดั เจน อานไมอ อก หรอื อานไมเขาใจ ใหคณะกรรมการ
สภาวศิ วกรแนะนําใหผูย่ืนอุทธรณแ กไขใหถ ูกตองภายในระยะเวลาทีก่ ําหนด
ขอ ๙ ใหคณะกรรมการสภาวิศวกรมีคําวินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณภายในสามสิบวันนับแตวันที่
ไดรบั คาํ อทุ ธรณ ถา มเี หตุจําเปนไมอาจพิจารณาใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาดังกลาว ใหคณะกรรมการ
สภาวิศวกรมีหนังสือแจงใหผูอุทธรณทราบ และใหขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณออกไปไดไมเกิน
สามสบิ วันนับแตว นั ที่ครบกาํ หนดเวลาดังกลา ว
หมวด ๓
คาํ วินิจฉยั ชี้ขาดอทุ ธรณ
ขอ ๑๐ คาํ วินิจฉัยช้ขี าดอทุ ธรณใ หทําเปนคําสง่ั สภาวศิ วกร โดยใหระบุเหตุผลของการวินิจฉัย
ชีข้ าด และเหตุผลนนั้ อยา งนอยตองประกอบดวย
(๑) ขอเทจ็ จริงอนั เปน สาระสาํ คญั
(๒) ขอ กฎหมายท่ีอา งองิ
(๓) ขอ พิจารณาและขอสนบั สนุนในการใชดุลพินจิ
(๔) ผลการวินจิ ฉัย
267
เลม ๑๒๕ ตอนพเิ ศษ ๓๖ ง หนา ๔๒ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา
ขอ ๑๑ ใหเลขาธิการสภาวิศวกรมีหนังสือแจงคําสั่งสภาวิศวกรใหผูอุทธรณทราบโดยทาง
ไปรษณียล งทะเบยี นตอบรับตามที่อยูที่ผูอทุ ธรณร ะบุไวใ นคําอุทธรณ และใหถือวาผูอุทธรณไดรับแจง
เม่ือครบกําหนดเจ็ดวัน นับแตวันสงสําหรับกรณีภายในประเทศ หรือเมื่อครบกําหนดสิบหาวัน
นบั แตว ันสงสําหรบั กรณสี ง ไปยงั ตา งประเทศ เวนแตจะพิสูจนไดวาไมมีการไดรับหรือไดรับกอนหรือ
หลังจากวันน้นั
หนังสือแจงคําสั่งสภาวิศวกรตามวรรคหน่ึง ใหแจงสิทธิและระยะเวลาฟองคดีปกครองตอ
ศาลปกครองใหผอู ุทธรณทราบดว ย
ขอ ๑๒ ใหสํานักงานสภาวิศวกรบันทึกผลการวินิจฉัยช้ีขาดของคณะกรรมการจรรยาบรรณ
ผลการวินิจฉัยช้ีขาดของคณะกรรมการสภาวิศวกร และสําเนาคําส่ังสภาวิศวกรไวในทะเบียนประวัติ
ของผอู ุทธรณด วย
บทเฉพาะกาล
ขอ ๑๓ บรรดาคาํ อทุ ธรณคาํ วนิ จิ ฉัยช้ีขาดของคณะกรรมการจรรยาบรรณที่ไดย่ืนไวกอนวันท่ี
ขอ บงั คับน้ีมผี ลใชบ ังคบั ใหถอื วา เปนคาํ อุทธรณต ามขอ บังคับน้ี
การพิจารณาอุทธรณท่ีไดดําเนินการไปแลว ใหถือวาเปนการดําเนินการตามขอบังคับนี้ และ
การดาํ เนินการตอ ไปใหปฏบิ ตั ิตามขอ บงั คบั น้ี
ประกาศ ณ วนั ที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑
วริ ะ มาวจิ กั ขณ
นายกสภาวศิ วกร
268
เลม ๑๒๕ ตอนพเิ ศษ ๓๖ ง หนา ๔๓ ๑๙ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๑
ราชกิจจานุเบกษา
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชขอบังคับฉบับน้ี คือ โดยที่เปนการสมควรแกไขปรับปรุงขอบังคับ
สภาวศิ วกร วา ดว ยหลักเกณฑและวธิ ีการอุทธรณค ําวนิ จิ ฉัยช้ีขาดของคณะกรรมการจรรยาบรรณแหงวิชาชีพ
วิศวกรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ ใหม ีหลกั เกณฑและวธิ กี ารอุทธรณค าํ วนิ จิ ฉัยช้ีขาดของคณะกรรมการจรรยาบรรณ
โดยครอบคลุมถึงระยะเวลา และวิธีการย่ืนอุทธรณ วิธีพิจารณาอุทธรณ และคําวินิจฉัยช้ีขาดของ
คณะกรรมการสภาวศิ วกร เปน ตน
269
เลม ๑๒๕ ตอนพิเศษ ๑๗๘ ง หนา ๕๗ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา
ขอ บงั คับสภาวิศวกร
วาดวยการพกั ใชแ ละเพกิ ถอนใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคมุ
พ.ศ. ๒๕๕๑
โดยที่เปนการสมควรปรับปรุงขอบังคับสภาวิศวกรวาดวยการพักใชและเพิกถอนใบอนุญาต
ประกอบวิชาชีพวศิ วกรรมควบคมุ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘ (๖) (ง) และมาตรา ๔๘ แหงพระราชบัญญัติวิศวกร
พ.ศ. ๒๕๔๒ และกฎกระทรวงกําหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเปนกฎหมายท่มี ีบทบญั ญัติบางประการเก่ยี วกบั การจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย
บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย สภาวิศวกรโดยมติที่ประชุมใหญ
สามัญสภาวิศวกร และโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแหงสภาวิศวกร จึงออกขอบังคับไว
ดังตอไปน้ี
ขอ ๑ ขอ บังคบั นเี้ รียกวา “ขอ บังคับสภาวิศวกร วาดวยการพักใชและเพิกถอนใบอนุญาต
ประกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๑”
ขอ ๒ ขอบงั คบั นใี้ หใชบ ังคบั ตง้ั แตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปนตน ไป
ขอ ๓ ใหยกเลิกขอ บังคับสภาวิศวกร วาดว ยการพักใชใบอนุญาต การเพิกถอนใบอนุญาต
เปนผูประกอบวชิ าชพี วศิ วกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๔๓
ขอ ๔ ในกรณีท่ีคณะกรรมการจรรยาบรรณมีคําวินิจฉัยชี้ขาดใหพักใชหรือเพิกถอน
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของผูไดรับใบอนุญาตรายใด เม่ือพนกําหนดเวลา
ตามมาตรา ๖๒ แหงพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และผูไดรับใบอนุญาตนั้นมิไดอุทธรณ
คาํ วนิ ิจฉยั ชขี้ าดของคณะกรรมการจรรยาบรรณตอคณะกรรมการสภาวิศวกร ใหสํานักงานสภาวิศวกร
ดาํ เนินการดังตอไปนี้
(๑) บนั ทึกคําวินิจฉัยชข้ี าดของคณะกรรมการจรรยาบรรณไวในทะเบียนประวัติของผูไดรับ
ใบอนุญาตน้นั
270
เลม ๑๒๕ ตอนพเิ ศษ ๑๗๘ ง หนา ๕๘ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ราชกิจจานเุ บกษา
(๒) ประกาศแจงการพักใชหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
ของผูไดรับใบอนุญาตน้ันในระบบเครือขายสารสนเทศของสภาวิศวกรตลอดชวงระยะเวลาพักใช
หรือเพกิ ถอนใบอนุญาตนั้น
(๓) ใหมีหนังสือแจงผูไดรับใบอนุญาตน้ันคืนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
แกสภาวศิ วกรภายในสามสบิ วนั นับแตวันท่ีไดรับหนงั สือแจง ดังกลา ว
หนังสือตาม (๓) ใหแจงการดําเนินการตาม (๑) และ (๒) และขอความตามมาตรา ๖๓
และมาตรา ๖๔ แหง พระราชบัญญัตวิ ิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ ไปพรอมกันดว ย
ขอ ๕ ในกรณผี ไู ดรับใบอนุญาตซ่ึงคณะกรรมการจรรยาบรรณมีคําวินิจฉัยช้ีขาดใหพักใช
หรอื เพิกถอนใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี วศิ วกรรมควบคุมไดอุทธรณค าํ วินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการ
จรรยาบรรณตอคณะกรรมการสภาวิศวกรภายในกําหนดเวลาตามมาตรา ๖๒ แหงพระราชบัญญัติ
วิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และตอมาคณะกรรมการสภาวิศวกรมีคําวินิจฉัยชี้ขาดใหพักใชหรือเพิกถอน
ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคุมของผไู ดรับใบอนุญาต ใหส าํ นกั งานสภาวศิ วกรดําเนินการ
ตามขอ ๔ โดยอนโุ ลม
ขอ ๖ เมือ่ ครบกําหนดเวลาพกั ใชใ บอนญุ าตประกอบวิชาชพี วิศวกรรมควบคมุ หากผูไดรับ
ใบอนญุ าตซึง่ ถูกพักใชใบอนญุ าตประสงคจะประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตอไป ใหยื่นคําขอรับคืน
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตอสภาวิศวกร และในกรณีใบอนุญาตหมดอายุระหวาง
เวลาพักใชใบอนุญาต ผนู ั้นตอ งชาํ ระคา ธรรมเนยี มตอ อายุใบอนุญาตดว ย
ขอ ๗ ผูถูกเพิกถอนใบอนุญาตอาจขอรบั ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคุมใหมได
เมื่อพนหา ปน ับแตว นั ทีถ่ ูกเพกิ ถอนใบอนุญาต โดยใหยืน่ คาํ ขอรบั ใบอนญุ าตตอสภาวิศวกร
ผูขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งตองเปนสมาชิกสภาวิศวกร และตองมีคุณสมบัติและไมมี
ลกั ษณะตองหา มตามทก่ี าํ หนดในขอบังคบั สภาวศิ วกรวา ดว ยการนน้ั
ขอ ๘ ใหคณะกรรมการสภาวิศวกรมีอํานาจออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม
ควบคุมใหแ กผขู อรบั ใบอนุญาตตามขอ ๗ โดยคาํ นึงถึงความรูค วามชํานาญและพฤติกรรมของผูขอรับ
ใบอนุญาต เพื่อประโยชนแหงการนี้ คณะกรรมการสภาวิศวกรจะเชิญผูน้ันมาช้ีแจงขอเท็จจริง
ประกอบการพจิ ารณาดวยกไ็ ด
ใหส าํ นักงานสภาวศิ วกรมหี นังสอื แจง มตขิ องคณะกรรมการสภาวศิ วกรใหผขู อรบั ใบอนญุ าตทราบ
271
เลม ๑๒๕ ตอนพเิ ศษ ๑๗๘ ง หนา ๕๙ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ราชกจิ จานุเบกษา
ในกรณีคณะกรรมการสภาวิศวกรมีมติใหออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
ใหแ กผ ขู อรบั ใบอนุญาต เม่ือผขู อรบั ใบอนุญาตชาํ ระคาธรรมเนียมแลว ใหออกใบอนญุ าตแกผูน้ัน
ขอ ๙ ในการออกใบอนุญาตตามขอ ๘ ใหคณะกรรมการสภาวิศวกรออกใบอนุญาต
แกผูข อรับใบอนุญาตในระดับไมส งู กวาระดับเดมิ กอนถกู เพิกถอนใบอนญุ าต
ขอ ๑๐ ในกรณีที่คณะกรรมการสภาวิศวกรไมออกใบอนุญาตใหแกผูขอรับใบอนุญาต
ตามขอ ๗ ผูน น้ั อาจขอรับใบอนุญาตไดอ กี คร้ังหนง่ึ โดยใหสงสําเนาหนังสือแจงมติของคณะกรรมการ
สภาวศิ วกรทีไ่ มออกใบอนุญาตใหแกผูน้ันในการยื่นคําขอครั้งกอนและเอกสารประกอบมาพรอมกันดวย
หากคณะกรรมการสภาวิศวกรไมออกใบอนุญาตใหแกผูขอรับใบอนุญาตอีก ผูน้ันไมมีสิทธิ
ย่นื ขอรบั ใบอนุญาตอกี
ประกาศ ณ วันท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๑
วิระ มาวิจกั ขณ
นายกสภาวิศวกร
272
เลม ๑๒๔ ตอนพเิ ศษ ๔๔ ง หนา ๒๕ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๐
ราชกิจจานุเบกษา
ระเบียบคณะกรรมการสภาวศิ วกร
วา ดว ยการสรรหาสมาชิกสภาวิศวกรผูสมควรไดร บั การเสนอชื่อ
ตอท่ปี ระชมุ ใหญสภาวิศวกร เพ่อื แตง ตัง้ เปนกรรมการจรรยาบรรณ
พ.ศ. ๒๕๕๐
โดยทีเ่ ปน การสมควรใหม ีหลักเกณฑการสรรหาสมาชกิ สภาวิศวกรผูสมควรไดรับการเสนอช่ือ
ตอท่ีประชุมใหญสภาวิศวกรเพื่อแตง ตั้งเปนกรรมการจรรยาบรรณ
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๓๓ (๓) แหง พระราชบญั ญัตวิ ศิ วกร พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการ
สภาวิศวกร จึงออกระเบยี บไว ดงั ตอ ไปน้ี
ขอ ๑ ระเบียบน้ีเรียกวา “ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร วาดวยการสรรหาสมาชิกสภา
วิศวกรผูสมควรไดรับการเสนอช่ือตอท่ีประชุมใหญสภาวิศวกรเพ่ือแตงต้ังเปนกรรมการจรรยาบรรณ
พ.ศ. ๒๕๕๐”
ขอ ๒ ระเบียบนใ้ี หใชบ งั คบั ตั้งแตว ันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน ตนไป
ขอ ๓ ในระเบียบน้ี
“คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการสภาวิศวกร
“คณะอนุกรรมการสรรหา” หมายความวา คณะอนุกรรมการสรรหาสมาชิกสภาวิศวกร
ผสู มควรไดรับการเสนอชอ่ื ตอ ที่ประชมุ ใหญส ภาวิศวกรเพ่ือแตง ตงั้ เปนกรรมการจรรยาบรรณ
ขอ ๔ กอนครบวาระการดํารงตําแหนงของกรรมการจรรยาบรรณไมนอยกวาเกาสิบวัน
ใหคณะกรรมการแตงต้ังคณะอนุกรรมการสรรหาสมาชิกสภาวิศวกรผูสมควรไดรับการเสนอชื่อ
ตอท่ีประชุมใหญสภาวิศวกรเพื่อแตงตั้งเปนกรรมการจรรยาบรรณ ประกอบดวย นายกสภาวิศวกร
เปน ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการสรรหาอื่นอีกไมเ กนิ สิบคน ซึ่งในจํานวนนี้ ใหแตงตั้งจาก
ผูไดรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ระดับวุฒิวิศวกร สาขาวิศวกรรมโยธา สาขา
วิศวกรรมไฟฟา สาขาวิศวกรรมเครื่องกล สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ และสาขาวิศวกรรมเหมืองแร
สาขาละหนึ่งคน และผูทรงคณุ วฒุ ิอนื่ ท่ีคณะกรรมการเห็นสมควร จํานวนไมเ กินหาคน
ขอ ๕ ใหคณะอนุกรรมการสรรหาดําเนินการสรรหาสมาชิกสภาวิศวกรซึ่งมีคุณสมบัติ
ตามมาตรา ๕๓ วรรคสอง แหงพระราชบญั ญตั ิวศิ วกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และสมควรไดรับการเสนอชื่อ
ตอ ที่ประชุมใหญส ภาวิศวกรเพ่อื แตงตัง้ เปน กรรมการจรรยาบรรณ ตามจํานวนที่คณะกรรมการกําหนด
273
เลม ๑๒๔ ตอนพเิ ศษ ๔๔ ง หนา ๒๖ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๐
ราชกจิ จานุเบกษา
โดยในจํานวนน้ีตองเปนสมาชิกสภาวิศวกรซึ่งไดรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
จาํ นวนไมน อ ยกวา หน่ึงคนในแตล ะสาขา
ใหคณะอนกุ รรมการสรรหาดําเนนิ การสรรหาใหแ ลวเสร็จและเสนอรายช่ือผูไดรับการสรรหา
ซงึ่ สมควรไดร ับการเสนอชือ่ ตอท่ปี ระชุมใหญส ภาวิศวกรเพื่อแตงต้งั เปนประธานกรรมการจรรยาบรรณ
และกรรมการจรรยาบรรณ ตอ คณะกรรมการภายในเกาสิบวนั นบั แตว นั ท่ีไดรบั แตงตง้ั
ขอ ๖ ในการประชุมคณะอนุกรรมการสรรหา ถาประธานอนุกรรมการไมมาประชุม
หรอื ไมอ ยใู นทป่ี ระชุม ใหทป่ี ระชมุ เลือกอนกุ รรมการคนหนง่ึ ทําหนา ที่ประธานในท่ีประชุม
การประชุมของคณะอนุกรรมการตอ งมีอนกุ รรมการมาประชุมไมนอยกวากึ่งหนึ่งของจํานวน
อนุกรรมการทงั้ หมด จึงจะเปน องคป ระชุม
การวนิ ิจฉัยช้ีขาดของท่ปี ระชุมใหถ ือเสียงขางมาก อนุกรรมการคนหน่ึงใหมีเสียงหนึ่งในการ
ลงคะแนน ถา คะแนนเสยี งเทา กนั ใหป ระธานในทป่ี ระชุมออกเสียงเพมิ่ ขน้ึ อกี เสยี งหน่งึ เปน เสียงชข้ี าด
ในกรณีท่ีอนุกรรมการสรรหาใดมีความเห็นแยงกับมติของคณะอนุกรรมการ ใหบันทึก
ความเหน็ แยง นน้ั ไวใ นรายงานการประชมุ ดวย
ขอ ๗ ในการดาํ เนนิ การสรรหา ใหคณะอนุกรรมการสรรหาประกาศใหสมาชิกสภาวิศวกร
ซง่ึ มคี ณุ สมบตั ิตามมาตรา ๕๓ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และประสงคจะไดรับ
การเสนอชื่อตอ ที่ประชุมใหญส ภาวศิ วกรเพอ่ื แตง ต้ังเปน กรรมการจรรยาบรรณสมคั รเขา รับการสรรหา
ประกาศตามวรรคหน่ึง ใหปดไว ณ สถานที่ปดประกาศของสํานักงานสภาวิศวกร และให
ประกาศในระบบเครือขายสารสนเทศของสํานักงานสภาวิศวกรดวย ทั้งน้ี ไมนอยกวาสิบหาวันกอน
วนั เปด รบั สมัคร
ในกรณีท่ีเห็นสมควร คณะอนุกรรมการสรรหาจะมีหนังสือถึงสมาชิกสภาวิศวกรซึ่งมีคุณสมบัติ
ตามมาตรา ๕๓ วรรคสอง แหง พระราชบัญญัตวิ ิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และสมควรไดรับการเสนอช่ือ
ตอทีป่ ระชุมใหญส ภาวศิ วกรเพ่อื แตงต้ังเปนกรรมการจรรยาบรรณ เพ่ือเชญิ ใหส มัครเขา รบั การสรรหาดว ยก็ได
ระยะเวลารับสมคั รเพ่ือเขารบั การสรรหาตามขอน้ี คณะอนกุ รรมการสรรหาจะกาํ หนดเปน วันเดยี ว
หรอื หลายวันก็ได
ขอ ๘ เมอื่ สนิ้ สุดระยะเวลารับสมคั ร ใหคณะอนุกรรมการสรรหาคัดเลือกผูสมัครเขารับการสรรหา
ซึ่งสมควรไดร บั การเสนอชื่อตอทป่ี ระชุมใหญส ภาวิศวกรเพ่ือแตงต้ังเปนกรรมการจรรยาบรรณ โดยคํานึงถึง
คุณสมบตั ิ ความรคู วามสามารถ และประสบการณข องผสู มคั ร และใหเสนอรายชื่อผูไดรับการสรรหา
274
เลม ๑๒๔ ตอนพเิ ศษ ๔๔ ง หนา ๒๗ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๐
ราชกิจจานุเบกษา
ซึง่ สมควรไดรับการเสนอชอ่ื ตอ ทปี่ ระชมุ ใหญส ภาวศิ วกรเพอ่ื แตง ตง้ั เปน ประธานกรรมการจรรยาบรรณ
และกรรมการจรรยาบรรณตอคณะกรรมการภายในสามสบิ วนั นบั แตว นั ปด รบั สมัคร
ขอ ๙ อนกุ รรมการสรรหาจะสมัครเขา รับการสรรหาหรือไดรับการเสนอช่ือตอท่ีประชุมใหญ
สภาวศิ วกรเพือ่ แตง ต้งั เปน กรรมการจรรยาบรรณมไิ ด
ขอ ๑๐ ในกรณีที่คณะอนุกรรมการสรรหาไมสามารถดําเนินการสรรหาและเสนอรายชื่อ
ผูไดร ับการสรรหาตอคณะกรรมการไดภายในกําหนดเวลาตามขอ ๕ วรรคสอง ใหประธานอนุกรรมการ
มีหนังสือขอขยายระยะเวลาดําเนินการตอคณะกรรมการ โดยใหชี้แจงเหตผุ ลความจาํ เปนไปพรอ มกนั ดว ย
คณะกรรมการอาจขยายระยะเวลาดําเนนิ การตามวรรคหนงึ่ ไดไมเกนิ สามสบิ วัน
เม่ือพน กาํ หนดเวลาตามวรรคสอง และคณะอนุกรรมการสรรหามิไดเสนอรายชื่อผูไดรับการสรรหา
ตอคณะกรรมการ ใหคณะกรรมการเสนอชื่อสมาชิกสภาวิศวกรซ่ึงมีคุณสมบัติตามมาตรา ๕๓ วรรคสอง
แหง พระราชบัญญตั ิวศิ วกร พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามจํานวนท่ีคณะกรรมการกําหนดตอท่ีประชุมใหญสภาวิศวกร
เพ่ือแตงตั้งเปนประธานกรรมการจรรยาบรรณ และกรรมการจรรยาบรรณ โดยในจํานวนน้ีตองเปนสมาชิก
สภาวิศวกรซง่ึ ไดรบั ใบอนุญาตประกอบวิชาชพี วศิ วกรรมควบคุม จํานวนไมนอยกวาหน่งึ คนในแตละสาขา
ประกาศ ณ วันท่ี ๒๐ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๐
วริ ะ มาวิจักขณ
นายกสภาวิศวกร
275
เลม่ ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๒๖ ง หน้า ๕๙ ๔ มนี าคม ๒๕๕๔
ราชกจิ จานเุ บกษา
ขอ้ บงั คับสภาวิศวกร
วา่ ด้วยการรบั รองปริญญา ประกาศนยี บตั ร หรือวฒุ ิบัตร
ในการประกอบวชิ าชีพวศิ วกรรมควบคุม
พ.ศ. ๒๕๕๔
โดยท่เี ปน็ การสมควรปรับปรงุ ข้อบังคับสภาวิศวกร วา่ ดว้ ยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร
หรอื วุฒิบตั รเทียบเทา่ ปรญิ ญาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๔๓
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๘ (๓) และ (๖) (ฎ) แห่งพระราชบญั ญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒
อันเป็นกฎหมายท่ีมีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙
ประกอบกับมาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้
โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย สภาวิศวกรโดยมติท่ีประชุมใหญ่สามัญสภาวิศวกร
ประจาํ ปี ๒๕๕๓ เมอ่ื วันที่ ๒๙ มนี าคม ๒๕๕๓ และโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแหง่ สภาวศิ วกร
จงึ ออกข้อบงั คบั ไว้ ดังตอ่ ไปนี้
ขอ้ ๑ ขอ้ บงั คบั น้ีเรียกว่า “ข้อบงั คับสภาวศิ วกร วา่ ด้วยการรบั รองปรญิ ญา ประกาศนียบัตร
หรือวุฒบิ ตั รในการประกอบวชิ าชีพวศิ วกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔”
ข้อ ๒ ข้อบงั คับน้ใี ห้ใช้บงั คบั ต้ังแต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือ
วุฒบิ ัตรเทียบเทา่ ปรญิ ญาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๔๓
ขอ้ ๔ ในข้อบังคบั น้ี
“สถานศึกษา” หมายความว่า โรงเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงาน
การศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน ที่มีอํานาจหน้าท่ีหรือมีวัตถุประสงค์ในการ
จดั การศึกษา
“หลกั สูตร” หมายความว่า หลักสูตรการศึกษาระดับปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตร
ในสาขาวชิ าชพี วิศวกรรมควบคุม
“การศึกษาในระบบทวิภาค” หมายความว่า การจัดการศึกษาที่แบ่งปีการศึกษาออกเป็น
สองภาคการศึกษาปกติ หรอื ตามท่คี ณะกรรมการสภาวิศวกรเหน็ สมควร
“อาจารย์ประจําหลักสูตร” หมายความว่า อาจารย์ซ่ึงทําหน้าที่บริหารด้านการเรียนการสอน
ประจาํ หลักสตู ร แต่ไมร่ วมถึงประธานหลกั สตู ร
“ประธานหลักสูตร” หมายความรวมถึง หัวหน้าภาควิชา หรืออาจารย์ผู้บริหารหลักสูตร
ซึง่ ไดร้ ับมอบหมายใหป้ ฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีบริหารหลักสตู ร
ขอ้ ๕ ใหค้ ณะกรรมการสภาวศิ วกรดาํ เนินการรับรองปรญิ ญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตร
ในการประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคมุ ในนามสภาวศิ วกร
276
เล่ม ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๒๖ ง หนา้ ๖๐ ๔ มนี าคม ๒๕๕๔
ราชกิจจานเุ บกษา
การรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
ตามวรรคหนง่ึ ใหท้ าํ ไดโ้ ดยมกี าํ หนดครงั้ ละไม่เกินหา้ ปี
ข้อ ๖ สถานศึกษาใดประสงค์ที่จะขอให้รับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตร
ในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ให้ยื่นคําขอต่อคณะกรรมการสภาวิศวกรตามแบบพร้อมด้วย
เอกสารหลักฐานทีค่ ณะกรรมการสภาวศิ วกรกาํ หนด
เอกสารหลกั ฐานตามวรรคหนึ่ง อยา่ งน้อยตอ้ งประกอบดว้ ย
(๑) หลกั สตู รของปริญญา ประกาศนยี บัตร หรือวฒุ ิบัตรท่ีขอให้รับรอง
(๒) คณุ สมบัติของผู้เขา้ รับการศึกษาในหลักสตู รตาม (๑)
(๓) รายละเอยี ดเก่ยี วกับอาจารย์ประจําหลักสตู รและประธานหลกั สตู รตาม (๑)
ข้อ ๖/๑ การขอให้รับรองปริญญา ประกาศนยี บตั ร หรอื วุฒิบัตรของสถานศึกษาต่างประเทศ
ผู้ย่ืนคําขอต้องย่ืนหลักฐานท่ีแสดงว่าปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรนั้น ได้รับการรับรองจาก
สาํ นักงาน ก.พ. มาพรอ้ มกบั คาํ ขอดว้ ย
ในกรณีทีเ่ ป็นสถานศกึ ษาตา่ งประเทศที่ไม่ได้รับการรับรองจากสํานักงาน ก.พ. ให้เป็นดุลพินิจ
ของคณะกรรมการสภาวศิ วกรท่ีจะพิจารณาเป็นการเฉพาะราย
ข้อ ๗ ให้คณะกรรมการสภาวิศวกรรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการ
ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมให้แก่ผู้ยื่นคําขอ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักสูตรของปริญญา
ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรท่ีขอให้รับรองเป็นไปตามข้อ ๘ คุณสมบัติของผู้เข้ารับการศึกษา
ในหลักสูตรดังกล่าวเป็นไปตามข้อ ๙ ประธานหลักสูตรและอาจารย์ประจําหลักสูตรมีลักษณะตาม
ขอ้ ๑๐ และสถานศกึ ษามลี กั ษณะตามข้อ ๑๑
ขอ้ ๘ หลักสูตรของปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรที่ขอให้รับรอง ต้องมีลักษณะ
ดังต่อไปน้ี
(๑) จัดการศึกษาในระบบทวิภาคทีม่ กี ารเรียนการสอนทัง้ ในภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ัติ
(๒) มกี ารเรยี นการสอนวชิ าพนื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ (Basic Sciences) วิชาพื้นฐานทางด้าน
วิศวกรรม (Basic Engineering) และวิชาเฉพาะทางวิศวกรรม (Specific Engineering) โดยวิชา
เฉพาะทางวิศวกรรมต้องประกอบด้วยแขนงวิชาย่อยไม่น้อยกว่าสี่แขนงวิชา และวิชาพ้ืนฐานทางด้าน
วศิ วกรรมและวิชาเฉพาะทางวศิ วกรรม ตอ้ งมหี นว่ ยกิตรวมกันไม่น้อยกวา่ แปดสิบสีห่ น่วยกิต
การคํานวณหน่วยกิต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการการอุดมศึกษา
กําหนด
ในกรณหี ลักสูตรของปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรท่ีขอให้รับรองไม่มีลักษณะตาม (๑)
การเทียบรายละเอียดและสาระของวิชาพื้นฐานและวิชาเฉพาะตามวรรคหน่ึงให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ
สภาวศิ วกรกาํ หนด
277
เลม่ ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๒๖ ง หนา้ ๖๑ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔
ราชกิจจานเุ บกษา
รายละเอียดและสาระของวิชาและแผนการจัดการศึกษาตาม (๒) ให้เป็นไปตามที่
คณะกรรมการสภาวศิ วกรกาํ หนด
ขอ้ ๙ ผู้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรของปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรที่ขอให้
รับรองต้องสําเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ หรือเทียบเท่า หรือสําเร็จการศึกษาหลักสูตร
ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชนั้ สูง
ในกรณีที่ผู้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรของปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรท่ีขอให้
รับรอง สําเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สถานศึกษายกเว้นรายวิชาให้ผู้นั้น
ได้ไมเ่ กนิ สามสบิ ห้าหนว่ ยกิต
ผู้ซึ่งผ่านการเรียนการสอนวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ตามหลักสูตรที่คณะกรรมการ
สภาวิศวกรได้รับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
สามารถขอเทยี บโอนวิชาพ้นื ฐานทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้
ข้อ ๑๐ ประธานหลักสูตร อาจารย์ประจําหลักสูตร และอาจารย์ผู้สอนต้องมีคุณสมบัติ
ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) ประธานหลกั สูตรในสาขาวิศวกรรมใดอย่างน้อยต้องสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาอย่างน้อย
สองระดับในสาขาวิศวกรรมน้ัน หรือสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาหน่ึงระดับในสาขาวิศวกรรมน้ัน
และมีตําแหน่งทางวิชาการไม่ตํ่ากว่ารองศาสตราจารย์หรือมีประสบการณ์ด้านการสอนในสาขาวิศวกรรมน้ัน
อย่างน้อยสิบปี
(๒) อาจารย์ผสู้ อนวชิ าพน้ื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ อย่างนอ้ ยตอ้ งสาํ เรจ็ การศึกษาระดับปริญญาโท
ทางดา้ นนน้ั หรอื ทางวิศวกรรมศาสตร์
(๓) อาจารยผ์ ู้สอนวิชาพ้ืนฐานทางด้านวิศวกรรมต้องมคี ุณสมบัตอิ ยา่ งใดอย่างหนึ่ง ดงั ตอ่ ไปน้ี
ก. สาํ เรจ็ การศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรีและไมต่ าํ่ กว่าปรญิ ญาโททางวิศวกรรมศาสตร์
ข. สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านอน่ื นอกจากวศิ วกรรมศาสตร์ แตส่ าํ เรจ็ การศึกษา
ไม่ตา่ํ กวา่ ปรญิ ญาโททางวิศวกรรมศาสตร์ และมปี ระสบการณด์ า้ นการสอนทางวิศวกรรมศาสตร์อย่างน้อย
สามปี
ค. เปน็ ผสู้ อนในหลักสตู รทส่ี ภาวิศวกรรบั รองก่อนปีการศึกษา ๒๕๔๖
(๔) อาจารย์ผู้สอนวิชาพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมท่ีคาบเกี่ยวกับวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
ตอ้ งสําเรจ็ การศึกษาระดบั ปริญญาตรีและปริญญาโททางวศิ วกรรมศาสตร์หรอื วทิ ยาศาสตร์
(๕) อาจารย์ผู้สอนวิชาเฉพาะทางวิศวกรรม ต้องมคี ุณสมบัติอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ดังตอ่ ไปนี้
ก. สาํ เร็จการศกึ ษาระดบั ปริญญาตรีและไมต่ ํา่ กว่าปริญญาโททางวิศวกรรมศาสตร์
ข. สําเร็จการศึกษาระดบั ปริญญาตรดี า้ นอ่นื นอกจากวิศวกรรมศาสตร์ แต่สําเร็จการศึกษา
ไม่ตํ่ากว่าปริญญาโททางวิศวกรรมศาสตร์ และมีประสบการณ์ด้านการสอนทางวิศวกรรมศาสตร์
อยา่ งนอ้ ยห้าปี
ค. สาํ เร็จการศึกษาระดบั ปรญิ ญาทางวศิ วกรรมศาสตร์อย่างนอ้ ยสองระดบั
ง. เป็นผ้สู อนในหลักสูตรทส่ี ภาวิศวกรรบั รองก่อนปกี ารศึกษา ๒๕๔๖
278
เลม่ ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๒๖ ง หนา้ ๖๒ ๔ มนี าคม ๒๕๕๔
ราชกจิ จานุเบกษา
อาจารย์ประจําหลักสตู รซงึ่ ทาํ หนา้ ทีด่ า้ นการสอนในแตล่ ะสาขาวศิ วกรรมต้องมอี ยา่ งนอ้ ยสองคน
ในกรณีทสี่ ถานศึกษาร้องขอและคณะกรรมการสภาวิศวกรพิจารณาแล้วเหน็ ว่าเป็นกรณีท่ีมีความ
จาํ เป็น คณะกรรมการสภาวศิ วกรอาจผอ่ นผันคณุ สมบัติของประธานหลักสตู รหรอื อาจารย์ประจาํ หลักสูตร
ตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง ทั้งหมดหรือแตบ่ างสว่ นกไ็ ด้
ข้อ ๑๑ สถานศึกษาต้องมีห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ วัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน แหล่ง
บริการข้อมูลทางวิชาการ และจํานวนผู้ช่วยสอนตามท่ีคณะกรรมการสภาวิศวกรเห็นสมควร รวมทั้ง
ต้องผา่ นการประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาจากหนว่ ยงานท่คี ณะกรรมการสภาวศิ วกรเหน็ สมควร
ข้อ ๑๒ ให้ปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรเทียบเท่าปริญญาและผู้ท่ีได้ศึกษา
ตามหลกั สูตร ทไี่ ด้รับการรบั รองแลว้ ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. ๒๕๐๕ และข้อบังคับ
สภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรเทียบเท่าปริญญาในสาขา
วิศวกรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรและผู้ที่ได้ศึกษา
ตามหลกั สูตรในการประกอบวชิ าชีพวศิ วกรรมควบคมุ ทีค่ ณะกรรมการสภาวศิ วกรได้รับรองตามข้อบงั คบั นี้
ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔
ทวี บตุ รสนุ ทร
นายกสภาวิศวกร
279
เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๓๑ ง หน้า ๕๐ ๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๒
ราชกิจจานเุ บกษา
ข้อบังคับสภาวิศวกร
ว่าดว้ ยการรับรองปรญิ ญา ประกาศนียบตั ร หรอื วฒุ บิ ตั ร
ในการประกอบวชิ าชีพวศิ วกรรมควบคมุ (ฉบบั ที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยท่ีเป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา
ประกาศนยี บตั ร หรอื วุฒิบตั รในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๘ (๓) และ (๖) (ฎ) แห่งพระราชบัญญตั วิ ิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒
สภาวิศวกรโดยมติท่ีประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และ
โดยความเหน็ ชอบของสภานายกพเิ ศษแหง่ สภาวศิ วกรออกข้อบังคับไว้ ดังตอ่ ไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา
ประกาศนียบตั ร หรือวุฒิบตั รในการประกอบวิชาชีพวศิ วกรรมควบคมุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑”
ข้อ ๒ ขอ้ บังคบั น้ใี ห้ใชบ้ ังคบั ตงั้ แต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป
ขอ้ ๓ ให้ยกเลิกบทนิยามคาว่า “หลักสูตร” และ “อาจารย์ประจาหลักสูตร” ในข้อ ๔
ของข้อบงั คบั สภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนยี บัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวชิ าชพี
วิศวกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปน้แี ทน
““หลกั สตู ร” หมายความว่า หลกั สูตรการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญา ประกาศนยี บตั ร หรอื วฒุ บิ ตั ร
ในสาขาวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ทั้งนี้ ใหร้ วมถึงหลกั สูตรปฏิบตั ิการตามประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ
“อาจารย์ประจาหลักสูตร” หมายความว่า อาจารย์ประจาที่มีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับ
สาขาวิชาของหลักสูตรที่เปิดสอน ซ่ึงมีหน้าที่สอนและค้นคว้าวิจัยในสาขาวิชาดังกล่าว ทั้งน้ี สามารถ
เป็นอาจารย์ประจาหลักสูตรหลายหลักสูตรได้ในเวลาเดียวกัน แต่ต้องเป็นหลักสูตรท่ีอาจารย์ผู้น้ัน
มคี ุณวุฒติ รง หรือสมั พนั ธก์ ับสาขาวชิ าของหลักสูตร แต่ไมร่ วมถึงประธานหลักสตู ร”
ขอ้ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นคานิยามในข้อ ๔ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วย
การรบั รองปริญญา ประกาศนียบตั ร หรอื วุฒิบตั รในการประกอบวชิ าชพี วศิ วกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔
““อาจารย์ประจาที่นามาคิดสัดสว่ น” หมายความวา่ อาจารยป์ ระจาท่มี ภี ารกจิ หลกั ดา้ นการสอน
แ ล ะ ใ ห้ ค า ป รึ ก ษ า แ ล ะ ส า เ ร็ จ ก า ร ศึ ก ษ า ร ะ ดั บ ป ริ ญ ญ า โ ท ข้ึ น ไ ป ใ น ส า ข า ที่ ต ร ง ห รื อ สั ม พั น ธ์ กั บ
สาขาที่ขอรับรองปรญิ ญา”
ขอ้ ๕ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นวรรคสาม วรรคส่ี และวรรคห้า ในข้อ ๖ ของข้อบังคับ
สภาวิศวกร ว่าด้วยการรบั รองปรญิ ญา ประกาศนียบตั ร หรือวุฒบิ ัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคมุ
พ.ศ. ๒๕๕๔
“กรณีหลักสูตรใหม่จะต้องยื่นคาขอและได้รับการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร
หรอื วฒุ บิ ัตรในการประกอบวิชาชพี วศิ วกรรมควบคมุ กอ่ นเปิดรับนักศึกษา
280
เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๓๑ ง หน้า ๕๑ ๔ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒
ราชกจิ จานเุ บกษา
กรณีหลักสูตรปรับปรุงจะต้องย่ืนคาขอรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตร ในการ
ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมภายในหน่ึงปี นับแต่วันท่ีสถานศึกษาให้ความเห็นชอบหลักสูตรปรับปรุง
ตามกฎหมายจดั ต้งั สถานศกึ ษาน้นั
กรณีตามวรรคสามและวรรคสี่ หากสถานศึกษาร้องขอและคณะกรรมการสภาวศิ วกรพิจารณาแล้ว
เห็นว่าเป็นกรณีท่ีมีเหตุสุดวิสัย หรือเหตุจาเป็นที่มีเหตุผลอันสมควรที่สถานศึกษาไม่สามารถย่ืนคาขอ
รับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมได้ภายในเวลา
ทก่ี าหนด คณะกรรมการสภาวศิ วกรอาจพจิ ารณาผ่อนผันเปน็ รายกรณี”
ขอ้ ๖ ใหย้ กเลิกความในข้อ ๘ ของข้อบังคบั สภาวิศวกรวา่ ดว้ ยการรับรองปริญญา ประกาศนียบตั ร
หรือวฒุ ิบตั รในการประกอบวิชาชพี วศิ วกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ใช้ความตอ่ ไปนแี้ ทน
“ข้อ ๘ หลักสูตรของปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรที่ขอให้รับรอง ต้องมีลักษณะ
ดังต่อไปนี้
(๑) จัดการศกึ ษาในระบบทวภิ าคท่มี กี ารเรยี นการสอนทั้งในภาคทฤษฎแี ละภาคปฏิบตั ิ
(๒) มีการเรียนการสอนวชิ าพ้นื ฐานทางวิทยาศาสตร์ (Basic Sciences) วชิ าพ้ืนฐานทางดา้ น
วิศวกรรม (Basic Engineering) และวิชาเฉพาะทางวิศวกรรม (Specific Engineering) โดยวิชา
เฉพาะทางวิศวกรรมต้องประกอบด้วยแขนงวิชาย่อยไม่น้อยกว่าส่ีแขนงวิชา และวิชาพ้ืนฐานทางด้าน
วศิ วกรรมและวิชาเฉพาะทางวิศวกรรม ต้องมีหน่วยกิตรวมกนั ไม่น้อยกว่าเจด็ สบิ สองหน่วยกติ
การคานวณหน่วยกิต ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการทค่ี ณะกรรมการการอุดมศึกษากาหนด
ในกรณีหลักสูตรของปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรที่ขอให้รับรองไม่มีลักษณะตาม (๑)
การเทียบรายละเอียดและสาระของวชิ าพ้ืนฐานและวชิ าเฉพาะตามวรรคหน่ึงให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ
สภาวิศวกรกาหนด
รายละเอียดและสาระของวิชาและแผนการจัดการศึกษาตาม (๒) ให้เป็นไปตามที่
คณะกรรมการสภาวิศวกรกาหนด ทั้งนี้ สถานศึกษาจะต้องจัดแผนการศึกษาโดยคานึงถึงลาดับ
การเรียนรู้ ตลอดจนสามารถวดั และประเมินผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รียนในหลักสูตรได้
ขอ้ ๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ ของข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยการรับรองปริญญา
ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ใช้
ความต่อไปนีแ้ ทน
“ข้อ ๑๐ ประธานหลักสูตร อาจารย์ประจาหลักสูตร และอาจารย์ผู้สอน ต้องมีคุณสมบัติ
ดงั ต่อไปนี้
281
เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๓๑ ง หน้า ๕๒ ๔ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒
ราชกจิ จานเุ บกษา
(๑) ประธานหลักสูตรในสาขาวิศวกรรมใดอย่างน้อยต้องสาเร็จการศึกษาระดับปริญญา
ไม่น้อยกว่าสองระดับในสาขาวิศวกรรมนั้น หรือสาเร็จการศึกษาระดับปริญญาหนึ่งระดับในสาขา
วิศวกรรมน้ันและมีตาแหน่งทางวิชาการไม่ต่ากว่ารองศาสตราจารย์หรือมีประสบการณ์ด้านการสอน
ในสาขาวศิ วกรรมน้ันอย่างนอ้ ยสบิ ปี
(๒) อาจารย์ประจาหลักสูตรซึ่งทาหน้าท่ีด้านการสอนในแต่ละสาขาวิศวกรรมต้องมีอย่างน้อย
สองคนและสาเร็จการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาทางวศิ วกรรมศาสตรอ์ ย่างน้อยสองระดับในสาขานั้น
(๓) อาจารย์ผู้สอนวิชาพื้นฐานทางวทิ ยาศาสตร์ อย่างน้อยต้องสาเร็จการศึกษาระดับปริญญา
โททางดา้ นนน้ั หรอื ทางวิศวกรรมศาสตร์
(๔) อาจารยผ์ ู้สอนวิชาพน้ื ฐานทางด้านวิศวกรรมต้องมคี ุณสมบัตอิ ย่างใดอยา่ งหน่ึง ดงั ตอ่ ไปนี้
ก. สาเรจ็ การศึกษาระดับปรญิ ญาตรีและไมต่ า่ กว่าปริญญาโททางวิศวกรรมศาสตร์
ข. สาเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านอ่ืนนอกจากวิศวกรรมศาสตร์ แต่สาเร็จการศึกษา
ไม่ตา่ กวา่ ปรญิ ญาโททางวศิ วกรรมศาสตร์ และมปี ระสบการณ์ดา้ นการสอนทางวศิ วกรรมอย่างนอ้ ยสามปี
ค. เป็นผูส้ อนในหลักสูตรที่สภาวศิ วกรรบั รองก่อนปกี ารศึกษา ๒๕๔๖
(๕) อาจารย์ผู้สอนวิชาพ้ืนฐานทางด้านวิศวกรรมท่ีคาบเก่ียวกับวิชาพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์
ตอ้ งสาเร็จการศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรีและปรญิ ญาโททางวิศวกรรมศาสตรห์ รอื วทิ ยาศาสตร์
(๖) อาจารยผ์ ู้สอนวชิ าเฉพาะทางวิศวกรรม ตอ้ งมคี ุณสมบตั ิอย่างใดอย่างหนง่ึ ดงั ตอ่ ไปนี้
ก. สาเรจ็ การศึกษาระดับปรญิ ญาตรแี ละไม่ตา่ กว่าปรญิ ญาโททางวศิ วกรรมศาสตร์ในสาขาท่ีตรง
หรือสมั พนั ธ์กันกบั วิชาที่สอน
ข. สาเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านอ่ืนนอกจากวิศวกรรมศาสตร์ แต่สาเร็จการศึกษา
ไม่ต่ากวา่ ปรญิ ญาโททางวิศวกรรมศาสตร์ และมีประสบการณด์ ้านการสอนทางวิศวกรรมอย่างน้อยห้าปี
ในสาขาที่ตรงหรือสัมพันธก์ ันกับวิชาที่สอน
ค. สาเร็จการศึกษาระดับปริญญาทางวิศวกรรมศาสตร์อย่างน้อยสองระดับ ในสาขาท่ีตรง
หรอื สัมพนั ธก์ ันกับวิชาทสี่ อน
ง. เปน็ ผสู้ อนในหลักสูตรทส่ี ภาวศิ วกรรับรองกอ่ นปีการศกึ ษา ๒๕๔๖
จ. อาจารย์ผู้สอนวิชาปฏิบัติการในหลักสูตรปฏิบัติการ ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหน่ึง
ตาม (๖) ก. ถงึ ง. หรือมีคณุ สมบัติ ดงั ต่อไปนี้
๑) สาเรจ็ การศึกษาระดับปริญญาตรที างวิศวกรรมศาสตร์ในสาขาทีต่ รงหรอื สัมพนั ธ์กันกบั วิชาที่สอน
และมปี ระสบการณ์การทางานทเี่ กีย่ วข้องกบั วชิ าท่สี อนมาแล้วอยา่ งน้อยหกปี หรือ
๒) สาเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางวิศวกรรมศาสตร์ ในสาขาท่ีตรงหรือสัมพันธ์กัน
กับวิชาท่สี อน และมใี บอนุญาตประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคมุ ในสาขาท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั วชิ าทส่ี อน ตงั้ แต่
ระดับสามัญวิศวกรข้นึ ไป
282
เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๓๑ ง หน้า ๕๓ ๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๒
ราชกจิ จานเุ บกษา
อัตราส่วนระหว่างอาจารย์ประจาท่ีนามาคิดสัดส่วนต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งคน ต่อนักศึกษา
เต็มเวลาตง้ั แต่ระดับช้ันปีทสี่ องขึ้นไป จานวนย่สี บิ คน
ในกรณีท่ีสถานศึกษาร้องขอและคณะกรรมการสภาวิศวกรพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกรณีที่มี
ความจาเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ คณะกรรมการสภาวิศวกรอาจผ่อนผันคุณสมบัติของประธานหลกั สตู ร
อาจารยป์ ระจาหลกั สตู ร หรอื อาจารย์ผู้สอน ทั้งหมดหรอื แตบ่ างส่วนก็ได้”
ข้อ ๘ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นข้อ ๑๓ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา
ประกาศนยี บัตร หรอื วฒุ บิ ตั รในการประกอบวิชาชีพวศิ วกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔
“ข้อ ๑๓ ในกรณีท่ีไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยการรับรองปริญญา
ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔ หรือระเบียบ
คณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยวชิ าพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ วิชาพน้ื ฐานทางดา้ นวศิ วกรรม และวิชา
เฉพาะทางวิศวกรรม ท่ีสภาวิศวกรจะให้การรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการ
ประกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคมุ ใหค้ ณะกรรมการสภาวิศวกรให้ความเหน็ ชอบในแตล่ ะกรณี”
ขอ้ ๙ ใหเ้ พิ่มความตอ่ ไปนีเ้ ป็นขอ้ ๑๔ ของขอ้ บงั คับสภาวศิ วกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา
ประกาศนียบตั ร หรอื วุฒิบัตรในการประกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔
“ข้อ ๑๔ หลักสูตรท่ีได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์
ตามระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์
คณะกรรมการสภาวิศวกรจะรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพ
วิศวกรรมควบคมุ ให้ โดยมกี าหนดครงั้ ละไมเ่ กนิ หกปี”
ขอ้ ๑๐ ข้อบังคับนี้ไม่ใช้กับหลักสูตรท่ีสถาบันการศึกษาได้รับความเห็นชอบหลักสูตร
ตามกฎหมายจัดต้ังสถานศึกษาก่อนวันท่ีข้อบังคับนี้ใช้บังคับ โดยให้นาข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วย
การรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔
มาใช้บงั คับ เวน้ แต่หลกั สูตรท่ีไดร้ ับการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศกึ ษาวศิ วกรรมศาสตร์
ประกาศ ณ วนั ที่ 19 ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
กมล ตรรกบุตร
นายกสภาวศิ วกร
283
หน้า ๗๑ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔
เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๒๔ ง ราชกิจจานเุ บกษา
ขอ้ บังคบั สภาวศิ วกร
ว่าดว้ ยการรับรองปริญญา ประกาศนียบตั ร หรอื วฒุ ิบตั ร
ในการประกอบวิชาชพี วศิ วกรรมควบคุม (ฉบบั ท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยท่เี ปน็ การสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมขอ้ บังคบั สภาวศิ วกร ว่าด้วยการรบั รองปริญญา ประกาศนียบตั ร
หรอื วฒุ ิบัตรในการประกอบวิชาชพี วิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔ และขอ้ บังคบั สภาวิศวกร ว่าดว้ ย
การรับรองปรญิ ญา ประกาศนยี บัตร หรอื วุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๖๑
อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๘ (๓) และ (๖) (ฎ) แหง่ พระราชบญั ญตั ิวศิ วกร พ.ศ. ๒๕๔๒
สภาวศิ วกรโดยมติทีป่ ระชุมใหญ่สามัญสภาวิศวกร เม่อื วนั ท่ี ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และโดยความเห็นชอบ
ของสภานายกพเิ ศษแหง่ สภาวิศวกรออกขอ้ บงั คบั ไว้ ดงั ต่อไปน้ี
ขอ้ ๑ ขอ้ บงั คับน้เี รียกว่า “ข้อบงั คบั สภาวิศวกร วา่ ด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนยี บัตร
หรอื วุฒบิ ัตรในการประกอบวิชาชีพวศิ วกรรมควบคุม (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔”
ข้อ ๒ ขอ้ บังคับน้ีให้ใชบ้ งั คบั ตั้งแต่วนั ถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นตน้ ไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ บทนิยามคาวา่ “อาจารย์ประจาหลกั สตู ร” “ประธานหลกั สูตร” และ
“อาจารย์ประจาทน่ี ามาคดิ สัดส่วน” ในขอ้ ๔ ของขอ้ บงั คับสภาวศิ วกร วา่ ดว้ ยการรับรองปริญญา
ประกาศนียบัตร หรอื วฒุ บิ ัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแกไ้ ขเพิม่ เตมิ
โดยขอ้ บงั คบั สภาวศิ วกร วา่ ด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบตั ร หรือวฒุ ิบัตรในการประกอบ
วชิ าชีพวิศวกรรมควบคมุ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑
ขอ้ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นคานิยามในข้อ ๔ ของข้อบังคับสภาวิศวกรว่าดว้ ย
การรบั รองปริญญา ประกาศนยี บตั ร หรือวฒุ บิ ตั รในการประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔
““การรบั รองปรญิ ญา ประกาศนยี บตั ร หรือวฒุ บิ ตั รในการประกอบวชิ าชพี วศิ วกรรมควบคมุ ”
หมายความวา่ การรับรองปริญญา ประกาศนยี บตั ร หรอื วุฒบิ ตั ร ของหลักสูตรที่สถาบนั การศึกษา
ทย่ี น่ื คาขอไดจ้ ดั ให้มีวตั ถปุ ระสงค์ องค์ความรู้ และกรอบความสามารถในการประกอบวชิ าชพี วิศวกรรม
ควบคมุ ตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงือ่ นไขท่ีกาหนดไวใ้ นข้อบงั คบั นี้”
ข้อ ๕ ใหย้ กเลิกความในวรรคสองในขอ้ ๖ ของข้อบังคบั สภาวศิ วกร ว่าดว้ ยการรบั รอง
ปรญิ ญา ประกาศนยี บตั ร หรอื วุฒิบตั รในการประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซ่ึงแกไ้ ข
เพิ่มเติมโดยขอ้ บงั คับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการ
ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน
“เอกสารหลักฐานตามวรรคหนึ่ง อยา่ งนอ้ ยตอ้ งประกอบดว้ ย
(๑) หลักสตู รของปริญญา ประกาศนียบัตร หรอื วฒุ ิบตั รที่ขอให้รับรอง
284
หน้า ๗๒ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔
เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา
(๒) คารับรองตนเอง (Self-Declaration) ของสถาบันการศึกษา ตามแบบทค่ี ณะกรรมการ
สภาวศิ วกรกาหนด”
ขอ้ ๖ ให้ยกเลิกความในขอ้ ๘ ของข้อบงั คับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา
ประกาศนยี บตั ร หรอื วฒุ ิบัตรในการประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึง่ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ
โดยข้อบงั คับสภาวศิ วกร ว่าด้วยการรบั รองปริญญา ประกาศนยี บตั ร หรอื วุฒบิ ตั รในการประกอบ
วิชาชพี วศิ วกรรมควบคมุ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน
“ขอ้ ๘ หลักสูตรของปรญิ ญา ประกาศนยี บัตร หรือวฒุ ิบตั รทข่ี อให้รบั รอง ตอ้ งมลี กั ษณะ
ดังตอ่ ไปนี้
(๑) หลักสูตรต้องมีวัตถปุ ระสงค์และองค์ความรู้ตามที่คณะกรรมการสภาวิศวกรกาหนด
เพื่อให้ผู้ที่สาเร็จการศึกษาจากหลกั สูตรสามารถประกอบวชิ าชพี ตามกรอบความสามารถในการประกอบ
วิชาชพี วศิ วกรรมควบคุม ในสาขาทขี่ อรับรองได้อยา่ งเหมาะสม ท้งั นี้ กรณีหลกั สูตรท่ีมีการขอรบั รอง
มากกว่าหน่งึ สาขาวิชาชพี วศิ วกรรมควบคุม หลักสตู รดงั กลา่ วจะต้องมีองค์ความรู้ในสาขาวิชาชพี
วศิ วกรรมควบคมุ นน้ั ๆ ทข่ี อรบั รองครบถว้ นดว้ ย
(๒) รายละเอียดและสาระของวิชา รวมท้ังกรณที ม่ี ีการเทยี บโอนโดยมีการวดั และประเมินผล
การเรียนร้ตู ้องมอี งคค์ วามรใู้ นการประกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคุม ตามที่คณะกรรมการสภาวิศวกร
กาหนด
(๓) โครงสรา้ งหลักสตู รตอ้ งมีจานวนหน่วยกิตในหมวดวชิ าเฉพาะ เป็นไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ย
การอดุ มศกึ ษาและกฎหมายอื่นทเ่ี กยี่ วข้องกาหนด และตอ้ งมีวิชาเฉพาะทางวศิ วกรรมทเ่ี ปน็ องคค์ วามรู้
ในสาขาวิชาชพี วิศวกรรมควบคุมทีข่ อรับรองน้นั ไมน่ อ้ ยกวา่ ๓๐ หนว่ ยกติ ”
ข้อ ๗ ให้ยกเลิกวรรคสองและวรรคสาม ในข้อ ๙ ของขอ้ บังคบั สภาวิศวกร ว่าด้วย
การรับรองปรญิ ญา ประกาศนยี บตั ร หรอื วฒุ บิ ตั รในการประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔
ข้อ ๘ ให้ยกเลกิ ความในขอ้ ๑๐ ของขอ้ บงั คับสภาวศิ วกร ว่าด้วยการรบั รองปรญิ ญา
ประกาศนียบตั ร หรือวุฒบิ ัตรในการประกอบวชิ าชีพวศิ วกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซง่ึ แก้ไขเพิม่ เตมิ
โดยขอ้ บังคับสภาวศิ วกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนยี บัตร หรอื วุฒบิ ตั รในการประกอบ
วชิ าชีพวศิ วกรรมควบคุม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนแี้ ทน
“ข้อ ๑๐ คุณสมบตั แิ ละจานวนของประธานหลกั สูตร อาจารยป์ ระจาหลักสตู ร และอาจารยผ์ สู้ อน
ให้เปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการอดุ มศกึ ษาและกฎหมายอน่ื ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกาหนด”
ข้อ ๙ ให้ยกเลกิ ความในข้อ ๑๑ ของขอ้ บังคับสภาวศิ วกร ว่าด้วยการรับรองปรญิ ญา
ประกาศนียบัตร หรือวุฒบิ ัตรในการประกอบวิชาชพี วิศวกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ใช้ความ
ตอ่ ไปนแี้ ทน
“ขอ้ ๑๑ สถาบันการศกึ ษาตอ้ งมีการเรยี น การปฏบิ ัติการ วัสดอุ ุปกรณ์การเรยี นการสอน
และแหลง่ บรกิ ารข้อมลู ทางวิชาการ ให้สอดคลอ้ งกับองคค์ วามรใู้ นสาขาวิชาชพี วิศวกรรมควบคมุ ทขี่ อรับรอง”
285
หน้า ๗๓ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔
เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๒๔ ง ราชกจิ จานุเบกษา
ขอ้ ๑๐ ข้อบังคับนี้ไม่ใช้กับหลักสูตรท่ีสถาบันการศึกษาได้รับความเห็นชอบหลกั สูตร
ตามกฎหมายจัดตงั้ สถานศกึ ษาก่อนวนั ที่ข้อบงั คับนี้ใชบ้ ังคับ โดยให้นาข้อบังคับสภาวิศวกร วา่ ด้วย
การรบั รองปรญิ ญา ประกาศนียบตั ร หรอื วุฒิบัตรในการประกอบวชิ าชีพวศิ วกรรมควบคมุ พ.ศ. ๒๕๕๔
และขอ้ บงั คับสภาวศิ วกร วา่ ด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนยี บตั ร หรอื วฒุ บิ ัตรในการประกอบ
วชิ าชพี วิศวกรรมควบคุม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาใชบ้ งั คับ
ประกาศ ณ วนั ท่ี 9 กนั ยายน พ.ศ. ๒๕64
ศาสตราจารยส์ ชุ ชั วรี ์ สุวรรณสวสั ดิ์
นายกสภาวศิ วกร
286
หน้า ๑ ๑๘ ตลุ าคม ๒๕๖๒
เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๒๕๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา
ระเบยี บคณะกรรมการสภาวศิ วกร
วา่ ดว้ ยองคค์ วามรพู้ น้ื ฐานทางวิทยาศาสตร์ องค์ความรพู้ น้ื ฐานทางวิศวกรรม
และองค์ความรู้เฉพาะทางวศิ วกรรม ที่สภาวศิ วกรจะใหก้ ารรับรองปรญิ ญา ประกาศนยี บตั ร
หรอื วฒุ บิ ัตรในการประกอบวิชาชีพวศิ วกรรมควบคุม
พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยวิชาพื้นฐาน
ทางวิทยาศาสตร์ วิชาพื้นฐานทางวิศวกรรม และวิชาเฉพาะทางวิศวกรรม ท่ีสภาวิศวกรจะให้
การรบั รองปริญญา ประกาศนียบัตร และวฒุ บิ ตั รในการประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคมุ
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และข้อ ๘
ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพ
วิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๔ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับรองปริญญา
ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑
ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการสภาวิศวกร คร้ังท่ี ๑๐-๑๐/๒๕๖๒ เม่ือวันท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒
คณะกรรมการสภาวศิ วกรออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้
ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยองค์ความรู้พ้ืนฐาน
ทางวิทยาศาสตร์ องค์ความรู้พ้ืนฐานทางวศิ วกรรม และองค์ความรู้เฉพาะทางวศิ วกรรม ที่สภาวิศวกร
จะให้การรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
พ.ศ. ๒๕๖๒”
ขอ้ ๒ ระเบียบน้ีใหใ้ ช้บงั คบั ตัง้ แตว่ นั ถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยวิชาพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์
วิชาพื้นฐานทางวิศวกรรม และวิชาเฉพาะทางวิศวกรรม ท่ีสภาวิศวกรจะให้การรับรองปริญญา
ประกาศนียบัตร และวุฒิบตั รในการประกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๘
ขอ้ ๔ หลักสูตรที่สภาวิศวกรจะให้การรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตร
ในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ต้องมีวัตถุประสงค์และองค์ความรู้พ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์
องค์ความรู้พื้นฐานทางวิศวกรรม และองค์ความรู้เฉพาะทางวิศวกรรม เพ่ือให้ผู้ที่สาเร็จการศึกษา
จากหลักสตู รสามารถประกอบวชิ าชีพวศิ วกรรมควบคมุ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
287
หน้า ๒ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๒
เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๒๕๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา
องค์ความรู้พ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ องค์ความรู้พ้ืนฐานทางวิศวกรรม และองค์ความรู้
เฉพาะทางวศิ วกรรม ให้เปน็ ไปตามรายละเอียดและสาระของวชิ าทีก่ าหนดไว้ในบัญชีท้ายระเบยี บน้ี
สถาบันการศึกษาต้องแจกแจงรายละเอียดและสาระของแต่ละวิชาเทียบกับองค์ความรู้
ทสี่ ภาวิศวกรกาหนดไว้ในระเบยี บน้ี
ขอ้ ๕ สถาบันการศึกษาสามารถกาหนดเพิ่มเติมหรือควบรวมรายละเอียดและสาระ
ของวิชาใดวิชาหนึ่งหรือหลายวิชาในแต่ละองค์ความรู้ที่สภาวิศวกรกาหนดไว้ในระเบียบนี้ได้ ทั้งน้ี
เพือ่ ประโยชน์ในการรองรบั การประกอบวิชาชพี วิศวกรรมควบคุมในสาขาทขี่ อรบั รอง ไดอ้ ย่างเหมาะสม
ขอ้ ๖ หลักสูตรท่ีสถาบันการศึกษาได้รับความเห็นชอบหลักสูตรตามกฎหมายจัดตั้ง
สถานศึกษาก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ มีสิทธิเลือกว่าจะดาเนินการตามระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร
ว่าด้วยวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ วิชาพื้นฐานทางวิศวกรรม และวิชาเฉพาะทางวิศวกรรม ท่ีสภาวิศวกร
จะให้การรับรองปรญิ ญา ประกาศนยี บัตร และวุฒิบตั รในการประกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๘
หรอื ตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วนั ท่ี 10 ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕62
สชุ ัชวีร์ สวุ รรณสวัสด์ิ
นายกสภาวศิ วกร
288
บัญชีทา้ ย
ระเบียบคณะกรรมการสภาวศิ วกร ว่าดว้ ยองคค์ วามรู้พนื้ ฐานทางวิทยาศาสตร์ องค์ความรู้พน้ื ฐาน
ทางวิศวกรรม และองคค์ วามรู้เฉพาะทางวศิ วกรรม ทสี่ ภาวศิ วกรจะใหก้ ารรับรองปรญิ ญา ประกาศนยี บัตร
หรือวุฒบิ ตั รในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๖๒
สาขาวศิ วกรรมโยธา
1. องคค์ วามรู้พน้ื ฐานทางวิทยาศาสตร์
ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ สถติ ิและความน่าจะเปน็
2. องค์ความร้พู ื้นฐานทางวศิ วกรรม
การเขียนแบบวิศวกรรม วัสดุวิศวกรรม คอมพิวเตอร์โปรแกรม กลศาสตร์วิศวกรรม วิศวกรรมสารวจ
ธรณีวทิ ยา
3. องค์ความรูเ้ ฉพาะทางวศิ วกรรม
กลมุ่ ท่ี 1 วิศวกรรมโครงสร้าง (Structural Engineering) : สามารถวิเคราะหโ์ ครงสรา้ ง ออกแบบโครงสร้าง
ภายใต้แรงกระทาในรูปแบบต่างๆ อาทิ แรงโน้มถ่วงของโลก แรงลม แรงแผ่นดินไหว และอ่ืนๆ เลือกใช้วัสดุ
สาหรบั โครงสรา้ ง (Structural Analysis, Reinforced Concrete Design, Steel and Timber Design)
กลุ่มที่ 2 วิศวกรรมการก่อสร้างและการจัดการ (Construction Engineering and Management) :
อธิบายแนวคิดและหลักการของเศรษฐศาสตร์วิศวกรรม การอธิบายแนวคิดและหลักการของการบริหาร
โครงการ เทคนิคการก่อสรา้ ง กฎหมายทเ่ี ก่ียวข้อง (Construction Management)
กลุ่มที่ 3 วิศวกรรมขนส่ง (Transportation Engineering) : วิเคราะห์ตัวแปรด้านการจราจร ออกแบบ
ระบบสัญญาน วิศวกรรมการทาง วางแผนงานขนส่ง โลจิสติกส์ (Transportation Engineering, Highway
Engineering)
กลุ่มที่ 4 วิศวกรรมแหล่งนา (Water Resource Engineering) : มีความสามารถในการวิเคราะห์กลศาสตร์
ของของไหล มีความรู้ด้านอุทกวทิ ยา ออกแบบดา้ นวิศวกรรมชลศาสตร์ (Hydrology, Hydraulic Engineering)
กลุม่ ที่ 5 วศิ วกรรมเทคนิคธรณี (Geotechnical Engineering) : มีความรู้พนื ฐานในการวิเคราะห์คุณสมบัติ
ดนิ ในทางวศิ วกรรม วเิ คราะห์การวบิ ัตขิ องดินและแนวทางการแก้ไข สามารถเลือกใชช้ นิดฐานรากและออกแบบ
ระบบป้องกันดิน (Soil Mechanics, Foundation)
สาขาวศิ วกรรมเคร่อื งกล
1. องคค์ วามรู้พ้นื ฐานทางวิทยาศาสตร์
คณติ ศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ และเคมี
2. องคค์ วามรู้พน้ื ฐานทางวิศวกรรม
กลุ่มที่ 1 พืนฐานการออกแบบ (Design Fundamentals) ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกับ Mechanical Drawing,
Statics and Dynamics, Mechanical Engineering Process
กลุ่มที่ 2 ความรู้ทางดิจิทัล (Digital Literacy) ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ Digital Technology in
Mechanical Engineering
กลุ่มท่ี 3 พืนฐานทางความร้อนและของไหล (Thermo-fluids Fundamentals) ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกับ
Thermodynamics, Fluid Mechanics
กลุ่มที่ 4 วัสดุวิศวกรรมและกลศาสตร์วัสดุ (Engineering Materials and Mechanics of Materials)
ความรู้ท่เี กยี่ วขอ้ งกบั Engineering Materials, Solid Mechanics
2๒89
กลุ่มท่ี 5 อาชวี อนามยั ความปลอดภยั และส่งิ แวดล้อม (Health Safety and Environment)
3. องคค์ วามรูเ้ ฉพาะทางวิศวกรรม
กลุ่มที่ 1 เครื่องจักรกล (Machinery) ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกับ Machinery Systems, Machine Design,
Prime Movers
กลุ่มที่ 2 ความร้อน ความเย็น และของไหลประยุกต์ (Heat, Cooling and Applied Fluids) ความรู้ท่ี
เก่ียวข้องกับ Heat Transfer, Air Conditioning and Refrigeration, Power Plant, Thermal Systems
Design
กลมุ่ ท่ี 3 ระบบพลวัตและการควบคุมอัตโนมัติ (Dynamic Systems and Automatics Control) ความรู้
ที่เกี่ยวข้องกับ Dynamic Systems, Automatics Control, Internet of Things (IoT) and AI (use of),
Robotics, Vibration
กลุ่มท่ี 4 ระบบทางกลอ่ืนๆ (Mechanical Systems) ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกับ Energy, Engineering
Management and Economics, Fire Protection System, Computer-Aided Engineering (CAE)
สาขาวศิ วกรรมไฟฟา้
1. องคค์ วามรูพ้ ื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
ฟสิ กิ ส์บนพืนฐานของแคลคลู สั เคมี คณติ ศาสตรเ์ ชิงวศิ วกรรม
2. องคค์ วามรพู้ นื้ ฐานทางวศิ วกรรม
ความเข้าใจและความสามารถในการถอดความหมายจากแบบทางวิศวกรรม วัสดุวิศวกรรม พืนฐาน
กลศาสตร์ ทฤษฎีวงจรไฟฟ้า สัญญาณและระบบ สนามแม่เหล็กไฟฟ้า อุปกรณ์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบ
แอนะล็อกและดิจิทัล การแปลงรูปพลังงานไฟฟ้าเชิงกล การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า ระบบควบคุม
การโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีการสอื่ สาร
3. องคค์ วามรู้เฉพาะทางวิศวกรรม
งานไฟฟา้ กาลงั
การผลิต ส่งจ่าย จาหน่ายและการใช้งานของกาลังไฟฟ้า การแปลงรูปกาลังไฟฟ้า การกักเก็บพลังงาน
ข้อพึงปฏิบตั มิ าตรฐาน และความปลอดภยั ในการออกแบบและติดตงั ทางไฟฟ้า
งานไฟฟา้ ส่ือสาร
ระบบส่ือสารมีสายและไร้สาย ระบบรับ-ส่งสัญญาณความถ่ีวิทยุหรือคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า การออกแบบและ
การทางานของเครอื ข่ายโทรคมนาคมและสารสนเทศเพื่อการบริการ
สาขาวศิ วกรรมอุตสาหการ
1. องคค์ วามรู้พนื้ ฐานทางวิทยาศาสตร์
คณติ ศาสตรเ์ ชงิ วิศวกรรม ฟิสกิ ส์ เคมี
2. องคค์ วามรพู้ ื้นฐานทางวิศวกรรม
เขียนแบบวิศวกรรม กลศาสตร์ วัสดุวิศวกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาหรับวิศวกร สถิติวิศวกรรม
กระบวนการผลิต อุณหพลศาสตร์ ความรพู้ ืนฐานไฟฟ้า
3. องคค์ วามรูเ้ ฉพาะทางวิศวกรรม
วัสดุอุตสาหกรรมและกระบวนการผลิต ระบบงานและความปลอดภัย ระบบคุณภาพ เศรษฐศาสตร และ
การเงิน การจัดการการผลติ และการบรู ณาการวธิ กี ารทางวศิ วกรรมอตุ สาหการ
2๓90
สาขาวิศวกรรมเหมืองแร่
งานเหมอื งแร่
1. องค์ความรูพ้ ื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
ฟสิ ิกส์ เคมี ธรณีวิทยา แร่และหนิ แคลคูลสั คณติ ศาสตร์ชันสงู สถิตแิ ละความเป็นไปได้
2. องค์ความรูพ้ นื้ ฐานทางวิศวกรรม และองค์ความรูเ้ ฉพาะทางวิศวกรรม
การเขียนแบบวศิ วกรรม กลศาสตรว์ ิศวกรรม วสั ดุวิศวกรรม ความร้ทู างดา้ นการประยุกต์ใชค้ อมพวิ เตอร์ ใน
งานวิศวกรรมเทอรโ์ มไดนามิกส์ เคมีกายภาพของวัสดุและแร่ ความแขง็ แรงของวสั ดุ กลศาสตร์ของไหล พืนฐาน
วิศวกรรมไฟฟ้า การจาแนกชนิดแร่และวัสดุ การทาเหมืองเปิด การทาเหมืองใต้ดิน การใช้วัตถุระเบิดในงาน
วศิ วกรรม เศรษฐศาสตร์เหมืองแร่ การแตง่ แร่ การวางแผนและออกแบบ การทาเหมอื งและการแต่งแร่ กลศาตร์
ของหิน ความรทู้ างดา้ นธรณเี ทคนิค การป้องกนั และลดผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มในงานเหมืองแร่
งานโลหะการ
1. องค์ความรู้พน้ื ฐานทางวิทยาศาสตร์
ฟิสกิ ส์ เคมี แคลคลู สั คณิตศาสตรช์ นั สงู สถิตแิ ละความเป็นไปได้
2. องคค์ วามรู้พ้นื ฐานทางวิศวกรรม และองคค์ วามรเู้ ฉพาะทางวิศวกรรม
การเขียนแบบวิศวกรรม กลศาสตร์วิศวกรรม วัสดุวิศวกรรม ความรู้ทางด้านการประยุกต์ใชค้ อมพิวเตอรใ์ น
งานวิศวกรรมเทอร์โมไดนามิกส์ของวัสดุ ความแข็งแรงของวัสดุ สมดุลกระบวนการ พืนฐานวิศวกรรมไฟฟ้า
กระบวนการแยกสกัดทางกายภาพ เคมี และความร้อน โลหการกายภาพ พฤตกิ รรมเชิงกลของวสั ดุ การจาแนก
วัสดุ การขึนรูปโลหะและวัสดุ การป้องกันการกัดกร่อนของโลหะ การวิเคราะห์การแตกหักของชินงาน การ
เลอื กใช้วสั ดุ การเช่ือมโลหะ
สาขาวศิ วกรรมเคมี
1. องค์ความร้พู ืน้ ฐานทางวิทยาศาสตร์
คณติ ศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และ/หรือ ชวี วทิ ยา
2. องค์ความรพู้ น้ื ฐานทางวิศวกรรม
พืนฐานทางไฟฟา้ การโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ การเขยี นแบบ และกลศาสตร์
3. องค์ความรเู้ ฉพาะทางวิศวกรรม
ดุลมวลและพลังงาน อุณหพลศาสตร์ทางวิศวกรรมเคมี วัสดุศาสตร์ การปฏิบัติการเฉพาะหน่วยและ
ปรากฏการณ์การถ่ายโอน วิศวกรรมปฏิกิริยาเคมีและการออกแบบปฏิกรณ์ การออกแบบอุปกรณ์และการ
ออกแบบโรงงานทางวิศวกรรมเคมี การบริหารโครงการ พลศาสตร์ของกระบวนการและการควบคุม
เศรษฐศาสตร์และการประเมินราคาทางวิศวกรรมเคมี วิศวกรรมความปลอดภัยและการประเมินความเส่ียง
วิศวกรรมกระบวนการด้านสิ่งแวดลอ้ ม
2๔91
สาขาวิศวกรรมส่ิงแวดล้อม
1. องค์ความรู้พ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์
ฟิสกิ ส์ เคมี แคลคูลัส
2. องคค์ วามรูพ้ ้ืนฐานทางวศิ วกรรม
การเขียนแบบวิศวกรรม สถิตยศาสตร์ การเขียนโปรแกรมพืนฐาน สมดุลมวลสารและการถ่ายโอนมวลสาร
จลนพลศาสตร์ สมดุลเคมี ชีววิทยาพืนฐาน ความดันชลศาสตร์ การสารวจเบืองต้น การแปลงหน่วยทาง
วศิ วกรรม
3. องคค์ วามรเู้ ฉพาะทางวิศวกรรม
พารามิเตอร์ทางด้านส่ิงแวดล้อม หน่วยปฏิบัติการสาหรับวิศวกรรมส่ิงแวดล้อม การควบคุมและออกแบบ
ระบบบาบัดนาเสีย การควบคุมและออกแบบระบบผลติ และแจกจา่ ยนาประปา การควบคุมและออกแบบระบบ
ควบคุมมลภาวะทางอากาศ การจัดการของเสียและของเสียอันตราย หน่วยกระบวนการทางชีวภาพสาหรับ
วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม การควบคุมมลภาวะทางเสียง การออกแบบระบบสุขาภิบาลในอาคาร การประเมินผล
กระทบส่ิงแวดล้อม เคร่ืองมือสาหรับการจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการความปลอดภัย สาธารณสุขพืนฐาน
มาตรฐานคณุ ภาพสิ่งแวดล้อม กฎหมายสงิ่ แวดล้อม การฟ้ืนฟพู ืนที่ปนเป้อื น