www.visalo.org www.kanlayanatam.com
ชมรมกัลยาณธรรม
หนังสือดีลำ� ดบั ท่ ี ๒ ๓ ๗
พิมพ์คร้งั ท่ี ๑ มถิ ุนายน ๒๕๕๖ จำ� นวนพมิ พ์ ๖,๐๐๐ เลม่
จัดพิมพโ์ ดย
ชมรมกลั ยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชยั ต�ำบลปากนำ�้ อำ� เภอเมอื ง
จงั หวดั สมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๗๐๒-๙๖๒๔
เรยี บเรยี งเนอ้ื หาธรรม Paa Keng ภาพประกอบ นำ้� นอ้ ย พรหมจนิ ดา
ออกแบบปก/รปู เลม่ คนขา้ งหลงั ตดั คำ� อะตอ้ ม พสิ จู นอ์ กั ษร ทมี งานกลั ยาณธรรม
อนเุ คราะหจ์ ดั พมิ พโ์ ดย
บรษิ ทั อมั รนิ ทรพ์ รนิ้ ตงิ้ แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ จำ� กดั (มหาชน) ๖๕/๑๖ ถนนชยั พฤกษ์
(บรมราชชนน)ี เขตตลง่ิ ชนั กรงุ เทพฯ ๑๐๑๗๐ โทร. ๐-๒๔๒๒-๙๐๐๐
สัพพทานงั ธัมมทานงั ชินาติ
การใหธ้ รรมะเปน็ ทาน ย่อมชนะการให้ท้ังปวง
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 3
คํ า ป ร า ร ภ
การเดินทวนกระแสน้�ำไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะเป็นการเดิน
เลียบล�ำน�้ำก็ตาม ท้ังน้ีเพราะธรรมชาติของน�้ำย่อมไหลจากท่ีสูง
ไปหาทต่ี ำ�่ การเดนิ ทวนกระแสนำ�้ จงึ หมายถงึ การเดนิ จากทตี่ ำ่� ไปยงั
ทสี่ งู ซงึ่ เทา่ กบั ตอ่ สกู้ บั แรงดงึ ดดู ของโลก จงึ ยอ่ มตอ้ งใชค้ วามเพยี ร
มากกวา่ การเดนิ ตามกระแสนำ้� แตย่ ง่ิ เดนิ ทวนกระแสนำ�้ ขน้ึ ไปไกล
เทา่ ไร ทศั นยี ภาพโดยรอบกย็ ง่ิ งดงามมากขน้ึ เทา่ นน้ั ยงิ่ เมอ่ื ใกลถ้ งึ
ต้นน�้ำ ก็จะสัมผัสกับป่าเขาท่ีร่มร่ืน ต้นไม้ท่ีเขียวขจี ธรรมชาติที่
บรสิ ทุ ธ ์ิ อากาศทสี่ ะอาด นำ�้ ทข่ี นุ่ มวั กก็ ลบั ใสมากขน้ึ จนสามารถ
ดื่มกินได้ ใช่แต่เท่าน้ันความสงัดของล�ำเนาธารยังน้อมใจให้สงบ
เยน็ ไดง้ า่ ย นใี้ ชไ่ หมคอื รางวลั แหง่ ความเพยี รของผเู้ ดนิ ทวนกระแส
การเดนิ ทวนกระแสกเิ ลสกเ็ ชน่ กนั แมต้ อ้ งใชค้ วามเพยี รมาก
ต้องสู้กับแรงดึงดูดของโลกธรรม อาทิ ลาภสักการะ แต่รางวัลที่
ได้รับคือความบริสุทธิ์สะอาดและความสงบเย็นในจิตใจ รวมท้ัง
เขา้ ถงึ ตน้ ธารแหง่ ความสขุ ทหี่ ลอ่ เลยี้ งจติ ใจใหส้ ดชน่ื แจม่ ใสอยเู่ สมอ
แมค้ วามสะดวกสบายทางกายมไี มม่ าก แตใ่ จนน้ั โปรง่ โลง่ เบาสบาย
และไร้ทกุ ข์
4
คนเราจึงไม่ควรปล่อยตัวไหลไปตามกระแสกิเลส ซ่ึงมีแต่
นำ� พาชวี ติ ใหต้ กไปสทู่ างตำ�่ แตค่ วรเพยี รพยายามทวนกระแสกเิ ลส
ด้วยการฝึกตนให้รู้จักลดละ ท้ังความเห็นแก่ตัวและความยึดติด
ถือมั่น โดยอาศัยธรรมท่ีพระพุทธเจ้าได้ทรงประทานให้แก่เรา
โดยเฉพาะหลกั ไตรสกิ ขา คอื ศลี สมาธ ิ และปญั ญา ซงึ่ นอกจาก
เปน็ แผนทน่ี �ำทางใหเ้ ราทวนกระแสกเิ ลสไดจ้ นถงึ ทสี่ ดุ แลว้ ยงั ชว่ ย
ใหเ้ รามคี วามสขุ ในการทวนกระแสกเิ ลส อกี ทงั้ ยงั ไดพ้ บกบั คณุ ธรรม
อนื่ ๆ มากมาย ทหี่ นนุ เสรมิ ใหเ้ ราไปถงึ จดุ หมายไดอ้ ยา่ งปลอดภยั
การทวนกระแสกิเลสเป็นสิ่งท่ีต้องท�ำอย่างต่อเนื่องในชีวิต
ประจำ� วนั ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งเฉพาะกจิ เฉพาะคราว แตบ่ างครง้ั การปลกี ตวั
มาฝึกตนอย่างเข้มข้นในสถานที่สงบสงัดก็เป็นสิ่งจ�ำเป็น เพ่ือ
เพม่ิ พนู ประสบการณส์ ำ� หรบั การกลบั ไปอยใู่ นโลกกวา้ งอยา่ งรเู้ ทา่ ทนั
ไมเ่ ผลอไผลพลัดหลงไปตามกระแสกิเลสอันเชยี่ วกรากง่ายๆ
หนงั สอื เลม่ นม้ี ที ม่ี าจากคำ� บรรยายของขา้ พเจา้ ในชว่ งทช่ี าว
ชมรมกัลยาณธรรม ซึ่งน�ำโดยคุณหมออัจฉรา กล่ินสุวรรณ์ มา
ปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้นท่ีวัดป่ามหาวันปลายปี ๒๕๕๕ โดยได้
หลกี เรน้ ไปคา้ งแรมในปา่ อนั สงบสงดั และไรส้ ง่ิ อำ� นวยความสะดวก
ใดๆ เปน็ ชว่ งทที่ กุ คนไดส้ มั ผสั กบั ธรรมชาตทิ ง้ั ภายนอกและภายใน
อยา่ งใกลช้ ิด ซึง่ แสดงธรรมใหจ้ ิตใจได้รบั ร้อู ยูต่ ลอดเวลา
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 5
หนังสือเล่มนี้จัดว่าเป็นผลพลอยได้จากการปฏิบัติธรรม
ครงั้ นนั้ สว่ นอานสิ งสท์ เ่ี ปน็ หลกั นนั้ ไดเ้ กดิ ขนึ้ แลว้ แกผ่ ปู้ ฏบิ ตั ธิ รรม
ทุกท่าน ซึ่งเป็นส่ิงที่รู้เห็นเฉพาะตน ไม่สามารถแบ่งปันให้ใครได้
อยา่ งไรกต็ ามคณุ หมออจั ฉรา และชาวชมรมกลั ยาณธรรมมคี วาม
ปรารถนาดี อยากเผื่อแผ่แบ่งปันประโยชน์จากการปฏิบัติธรรม
ครงั้ นน้ั ใหแ้ กผ่ อู้ นื่ บา้ ง จงึ ไดจ้ ดั ทำ� หนงั สอื เลม่ นขี้ น้ึ มาอยา่ งงดงาม
นับไดว้ า่ เปน็ ธรรมทานที่น่าอนุโมทนาอยา่ งยิง่
ขออนุโมทนาคณะผู้ปฏิบัติธรรมจากชมรมกัลยาณธรรม
ทกุ ทา่ น ทไ่ี มเ่ พยี งบำ� เพญ็ ประโยชนท์ า่ นอยา่ งแขง็ ขนั ตลอดหลายปี
ท่ีผ่านมา หากยังเห็นความสำ� คัญของการเสรมิ สรา้ งประโยชนต์ น
ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือ การบ�ำเพ็ญประโยชน์ท่านอีกแง่หน่ึงนั่นเอง
คอื ทำ� ใหต้ นมคี วามพรอ้ มในการท�ำงานเผยแผธ่ รรมใหก้ วา้ งขวาง
ยงิ่ ๆ ขนึ้ ไป ขออานสิ งสแ์ หง่ การประพฤตธิ รรมดงั กลา่ วจงอำ� นวย
ให้ทุกท่าน รวมทั้งผู้ท่ีร่วมจัดท�ำหนังสือเล่มนี้ ตลอดจนผู้อ่าน
ประสบความเจริญก้าวหน้าในธรรม มีสัมมาทัศนะและม่ันคงใน
สัมมาปฏิบัติ สามารถทวนกระแสกิเลสจนลุถึงความสิ้นทุกข์ พบ
สขุ เกษมศานต์ มีพระนิพพานเปน็ ท่ีหมายด้วยกนั ทุกคนเทอญ
๓๐ กันยายน ๒๕๕๖
6
คํ า นํ า
ข อ ง ช ม ร ม กั ล ย า ณ ธ ร ร ม
เมอ่ื สองปกี อ่ น ชว่ งปลายป ี ปลายฝนตน้ หนาว พวกเรากลมุ่
เลก็ ๆ ๗-๘ คน ไดไ้ ปเยอื นผนื ปา่ ธรรมชาตทิ ภ่ี หู ลงอกี ครง้ั เรามนี ดั
กันท่ีกุฏิ ๑๑ เป็นครั้งที่ ๒ เพื่อเก็บตัวภาวนาท่ามกลางธรรมชาติ
แมกไม้ สายน�้ำ และขุนเขา วันที่แสนสงบ สุขอย่างแท้จริงเช่นนี้จะ
มีไม่ได้ หากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ไม่เมตตาสละเวลาอันมีค่า
ของทา่ น มาใหก้ รรมฐานและเกบ็ ตวั ภาวนากบั พวกเราตลอด ๕ วนั
แหง่ ความประทับใจและเปี่ยมคุณคา่ แกช่ ีวิต
เราแยกย้ายกันหาท่ีสัปปายะกางเต็นท์ปลีกวิเวก มารวมตัว
เฉพาะตอนฟังธรรม ท�ำวัตรสวดมนต์ และรับประทานอาหารกันท่ี
ศาลาหลังน้อย ซึ่งคณะแม่ชีของภูหลง เมตตาจัดเตรียมอาหารให้
วันละคร้ังเพื่อทาน ๒ มื้อ ท่านอุตส่าห์ยกอุปกรณ์มากางเต็นท์อยู่
ในบริเวณนี้ เพ่ือจะได้ดูแลคณะพวกเราได้สะดวก ไม่ต้องล�ำเลียง
อาหารมาจากที่วัด ส่วนพระอาจารย์ก็มีกุฏิหลังน้อย (กุฏิ ๑๑) อยู่
ข้างศาลานั่นเอง ท่านจึงเป็นความอุ่นใจและความปีติของพวกเรา
ทกุ คนในการภาวนาโอกาสพิเศษนี้
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 7
จากท่ีเคยฟุ้งปรุงแต่งไปกับ รูป รส กล่ิน เสียง สัมผัส ใน
เมืองใหญ่ จิตใจก็ค่อยๆ สงบและปล่อยวางขึ้น ได้มีเวลาอยู่กับ
กายกับใจมากข้ึน แม้หากไม่ได้เจริญสมถะ-วิปัสสนา แค่ได้มาอยู่
ท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์เช่นน้ัน ก็เป็นการ detox มลพิษทาง
จิตใจได้โดยอัตโนมัติ จิตที่คอยคิดจะหนีไปหมกมุ่นกับโทรศัพท์
อินเตอร์เน็ต ร้านกาแฟ ก็เป็นอันหมดสิทธ์ิ เพราะที่น่ีสัญญาณโทร-
ศพั ทไ์ มส่ ามารถเขา้ ถงึ ได ้ ในคนื สดุ ทา้ ยเราทกุ คนไดไ้ ปชมพระอาทติ ย์
ตกท่ีผาศรีวิไล ได้เจริญมรณสติบนลานหินกว้าง ทิวทัศน์ภูเขาสลับ
ซับซ้อนสุดสายตา มีท้องฟ้าเป็นหลังคาโบสถ์ตอนท�ำวัตรเย็น และ
นอนคา้ งกนั ทตี่ าดภทู อง เพอ่ื รอชมพระอาทติ ยข์ นึ้ พรอ้ มเทศนก์ ณั ฑ์
สดุ ท้าย นับเปน็ ของขวัญรางวัลใหญจ่ ากพระปยิ าจารย์
บนั ทกึ ธรรมตลอดระยะเวลา ๕ วันในดินแดนแห่งความสขุ น้ี
ไดน้ ำ� กลบั มาเรยี บเรยี งเปน็ หนงั สอื “ธรรมะทวนกระแส” เนอื้ หาธรรม
เปน็ ประโยชนย์ ง่ิ ตอ่ การเจรญิ ภาวนา เพอ่ื นๆ หลายคนรว่ มมอื รว่ มใจ
กนั ตง้ั แตถ่ อดเทป เรยี บเรยี ง วาดภาพประกอบ และจดั รปู เลม่ ทง้ั
ไดร้ บั ความอนเุ คราะหจ์ ากคณุ เมตตา อทุ กะพนั ธ ์ุ แหง่ บรษิ ทั อมรนิ ทร์
พร้ินติ้ง แอนด์พับลิชช่ิง จ�ำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพและจัดการ
พิมพ์เพื่อแจกเป็นธรรมทาน ในงานแสดงธรรมครั้งท่ี ๒๗ จ�ำนวน
๖,๐๐๐ เลม่ ทงั้ นเี้ พอ่ื นอ้ มบชู ารว่ มแสดงมุทติ าสกั การะ ในปที ่ี ๓๐
แหง่ สมณเพศ ของพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ดว้ ยความเคารพย่งิ
8
ด้วยปณิธานของชมรมกัลยาณธรรมที่มีศรัทธาเต็มเปี่ยมกับ
งานเผยแผ่ธรรมด้วยการให้ธรรมะเป็นทานมาโดยต่อเนื่อง แม้ใน
โอกาสท่ีพวกเราได้ไปพักภาวนาส่วนตัวอย่างเข้มข้น ในสถานท่ีท่ี
หลีกเร้นห่างไกลความเจริญทางเทคโนโลยี ๕ วันที่ฝากชีวิตไว้ใน
โอบกอดของธรรมชาติที่บริสุทธ์ิ มีความยากลำ�บากและไม่คุ้นเคย
ในการเป็นอยู่หลับนอน แต่หัวใจของเราทุกคนกลับอิ่มเอมด้วย
ธรรมและเป่ียมด้วยความปลอดโปร่งโล่งเบาจากกิเลสเคร่ืองร้อยรัด
และอดใจไมไ่ ดท้ จ่ี ะแบง่ ปนั พระธรรมอนั ประเสรฐิ ทพ่ี ระอาจารยเ์ มตตา
แสดงธรรมทุกคำ่ �เช้า หวังอย่างยิ่งว่าสิ่งน้ีจะเป็นประโยชน์เกื้อกูล
ทุกท่านในการเจริญตามอริยมรรคมีองค ์ ๘ แต่ในส่วนความทรงจำ�
และความประทบั ใจอ่นื ๆ อีกมากมายอันเปน็ นามธรรมน้นั ยากทจ่ี ะ
แบ่งปันใหแ้ กท่ ุกทา่ นได้ ขอทุกท่านโปรดร่วมอนโุ มทนาในการภาวนา
ครั้งน้ี ขอน้อมถวายอานิสงส์แห่งบุญบารมีที่ได้บำ�เพ็ญร่วมกันเพ่ือ
เปน็ พทุ ธบชู า และขอนอบนอ้ มบชู าอาจรยิ คณุ แดพ่ ระอาจารย์ไพศาล
วิสาโล ขออธิษฐานจิตให้แสงสว่างแห่งพระสัทธรรมจงส่องนำ�ทาง
พ้นทุกข์ในใจของปวงสรรพสัตว์ ตราบนานเทา่ นาน เทอญ
ด้วยความเคารพและปรารถนาดีต่อทกุ ท่าน
ทพญ.อจั ฉรา กลิน่ สุวรรณ์
ประธานชมรมกัลยาณธรรม
ส า ร บั ญ
๑ ก้าวขา้ ม...ก้าวหน้า ๑๑
๒ เปดิ ใจสัมผัสธรรมชาติ ๑๙
๓ เพยี งแต่ดู ๓๑
๔ ยอมรบั เพอ่ื เรยี นรู้ ๓๗
๕ ทวนกระแส ๔๑
๖ ทางแยกสคู่ วามสุข ๕๗
๗ ดเู ฉยๆ ๖๙
๘ ปฏบิ ตั ใิ หเ้ ห็นความจรงิ ๗๕
๙ อยกู่ ับทุกข์โดยใจไมท่ กุ ข์ ๙๓
๑๐ ไมย่ ดึ ทั้งบวกและลบ ๑๐๗
๑๑ ทำ� สบายๆ ๑๑๑
๑๒ มองชวี ิต ยกจติ ใจ ๑๑๗
๑๓ วันสุดท้ายของชีวติ ๑๓๑
๑๔ เทยี นส่องธรรม ๑๔๗
๑๕ บทส่งทา้ ย ๑๖๓
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 11
๑
ก ้ า ว ข ้ า ม . . . ก ้ า ว ห น้ า
พวกเราส่วนใหญ่เคยมาที่น่ีแล้ว มีแค่คนสองคนท่ียังไม่เคยมา
ผู้ที่เคยมาแล้วก็คงจะทราบดีว่าที่นี่ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรส�ำหรับ
พวกเรา เปน็ ทท่ี ปี่ ลอดภยั ไมใ่ ชเ่ ฉพาะพวกเราเทา่ นนั้ แตป่ ลอดภยั
สำ� หรบั ทกุ ชวี ติ รวมทง้ั ตน้ ไม ้ ถงึ แมจ้ ะมภี ยั คกุ คามบา้ ง เชน่ ไฟปา่
หรอื พรานทมี่ าลา่ สตั ว ์ แตโ่ ดยทว่ั ไปกถ็ อื วา่ เปน็ ทท่ี สี่ งบพอสมควร
อย่างน้อยเม่ือเทียบกับพ้ืนที่หุบเขารอบๆ เพราะที่น่ีเป็นเขตวัด
12
ชาวบ้านก็ทราบดีว่าเป็นเขตอภัยทาน ผู้ท่ีเก่ียวข้องก็พยายาม
ชว่ ยกนั ปอ้ งกนั ไมใ่ หม้ คี นมาทำ� ลายธรรมชาต ิ ตอนทพี่ วกเราขน้ึ มา
ท่ีน่ีก็คงจะเห็นด่านของชาวบ้านที่ร่วมกับอบต. ทางจังหวัดก็
สนบั สนนุ ดว้ ย เพราะชว่ งนม้ี ขี า่ วคนขา้ งนอกมาตดั ไมพ้ ยงู ไมพ้ ยงู
เป็นไม้ที่มีราคาสูงมาก ส่งออกประเทศจีน ไม้พยูงที่นี่มีไม่มาก
แต่ขนาดไมล้ ม้ ขอนตน้ หนง่ึ ราคาเปน็ แสน เปน็ แสนหมายถงึ ออก
จากที่นี่ไป ถ้าไปถึงเมืองจีนก็คงหลายแสน แต่ตอนน้ีสงบเงียบ
ไปแลว้ อย่างน้อยก็ช่วงนี้ ท่ีจะต้องใส่ใจตอนน้ีมีเฉพาะเร่ืองไฟ
ซ่ึงก็มีชาวบา้ นมาชว่ ยกนั ดบั ไฟและทำ� แนวกนั ไฟ เมอื่ กเ้ี ราคงเหน็
ชาวบา้ นขน้ึ ไปทำ� แนวกนั ไฟ เดยี๋ วกก็ ลบั มา ถา้ ไดย้ นิ เสยี งเทา้ คน
ก็ไม่ต้องตกใจ บางทีเขาอยู่ไกล แต่เสียงเหมือนใกล้ กว่าเขา
จะกลับมากค็ งประมาณเทยี่ งคนื -ตหี นง่ึ ถา้ ไดย้ นิ เสยี งฝเี ทา้ คนก็
ไมต่ อ้ งตกใจ ทน่ี ่ีปลอดภยั
ส่ิงทน่ี า่ กลวั ทสี่ ดุ ไมใ่ ชค่ น ไมใ่ ชส่ ตั ว์
แตค่ อื ใจของเรา
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 13
หลงั จากทพ่ี วกเรามาปฏบิ ตั ธิ รรมเมอื่ ปที แี่ ลว้ กย็ งั ไมม่ คี ณะ
ไหนมาเลย พวกเรามาเยอื นอกี ครงั้ หนง่ึ กอ่ นหนา้ นกี้ ม็ คี นมาปลกี
วิเวกกันอยู่บ้าง มีพระมาบ้าง มีญาติโยมมาบ้าง แต่มาปฏิบัติ
แค่คนสองคน ที่มาเป็นกลุ่มก็มีเฉพาะพวกเรา แต่ปีหน้าก็จะมี
บางกลมุ่ มาปฏบิ ัตทิ ี่นี ่ เจริญรอยตามพวกเรา
ทนี่ เ่ี ปน็ เขตทพี่ ยายามฟน้ื ฟปู า่ ขน้ึ มา ประมาณป ี ๒๕๓๓
ทนี่ เ่ี รมิ่ มกี ารทำ� ลายปา่ มกี ารตดั ไม ้ มกี ารจดุ ไฟลา่ สตั ว ์ รวมทงั้
ไฟจากไร่ข้างเคียง จนพ้ืนที่รอบๆ ต้ังแต่ตรงน้ีไปจนพ้ืนที่ท่ีเรา
ผา่ นมากลายเปน็ ทโ่ี ลง่ สบิ ปที แ่ี ลว้ เวลาอาตมาเดนิ จากกฏุ ทิ ะลปุ า่
เข้ามาจนถึงท่ีนี่ ทางซ้ายมือกลายเป็นท่ีโล่งหมด เวลากลางวัน
แดดส่องไม่มีร่มเลย แต่เด๋ียวน้ีคร่ึงทางท่ีเราเดินผ่านมามีต้นไม้
คอ่ นขา้ งแนน่ เดนิ กลางวนั ไมค่ อ่ ยเจอแดด นกี่ เ็ ปน็ ผลแหง่ ความ
พยายามฟน้ื ฟสู ภาพปา่ ทม่ี ศี าลาหลงั นกี้ เ็ พอ่ื อำ� นวยความสะดวก
ให้กับผู้ที่มาดูแลป่า มาปลูกป่า มาท�ำแนวกันไฟ แต่ตอนนี้เรา
ใชส้ อยสว่ นนนี้ อ้ ยลง เพราะตน้ ไมข้ นึ้ มามากจนพอจะวางใจไดว้ า่
อกี ไมน่ านกจ็ ะรกครม้ึ เหมอื นเดมิ และเปน็ ทที่ เี่ หมาะกบั การปฏบิ ตั ิ
ส่วนการปลูกป่าตรงน้ีไม่ค่อยมีแล้ว แต่ขยายไปทางทิศเหนือซึ่ง
มีงานท่ีตอ้ งท�ำอกี มาก
พวกเราอยทู่ นี่ ค่ี นื นเ้ี ปน็ คนื แรก สงิ่ ทนี่ า่ จะท�ำกค็ อื การท�ำ
ความคนุ้ เคยกบั สถานท ่ี โดยเฉพาะบรเิ วณรอบๆ ทเ่ี รากางเตน็ ท์
14
กางเต็นท์ตรงไหนก็ตาม ขอให้รู้สึกคุ้นเคย หรือท�ำใจเป็นมิตร
กับสถานที่ให้ได้ พยายามมองให้เห็นว่าจุดท่ีเรากางเต็นท์อยู่มี
ขอ้ ดอี ยา่ งไรบา้ ง ถา้ เราเรมิ่ ตน้ จากความรสู้ กึ เปน็ มติ รกบั สถานท่ี
เปน็ มติ รกบั จดุ ทเี่ รากางเตน็ ทเ์ ปน็ ทพ่ี กั ทนี่ อนของเรา การปฏบิ ตั ิ
ก็จะราบรื่นข้ึน มีคนจ�ำนวนไม่น้อยเวลาปฏิบัติจะมีอุปสรรค
อยา่ งหนงึ่ คอื ใจรสู้ กึ ตดิ ขดั กบั สถานท่ี เชน่ รสู้ กึ วา่ ทต่ี รงนไี้ มด่ ี
เลย บางทกี เ็ ปรยี บเทยี บกบั ทขี่ องเพอื่ น เพอ่ื นเรากางเตน็ ทต์ รงจดุ
ท่ีดีเหลือเกิน จุดของเราไม่ค่อยดีเท่าไร แดดส่องบ้าง หรือว่า
ไม่เห็นวิวทิวทัศน์บ้าง พอคิดในแง่นี้แล้วใจก็เป็นลบ จนกลาย
เปน็ อปุ สรรคตอ่ การปฏบิ ตั ิ เพราะวา่ ใจจะบน่ ไมพ่ อใจ บางทกี ็
เกดิ ความกลัว
ถงึ แมท้ ท่ี เ่ี ราคา้ งแรมคนื นเี้ ปน็ สถานทท่ี แี่ ปลกในความรสู้ กึ
ของเราเพราะเป็นท่ีที่เราเพ่ิงมาอยู่ แต่ลองท�ำความคุ้นเคยกับ
สถานทน่ี น้ั โดยเฉพาะเมอ่ื เราตน่ื ขนึ้ มาเชา้ วนั พรงุ่ น ้ี ลองมองดวู า่
ทที่ เี่ ราอยนู่ ดี้ อี ยา่ งไรบา้ ง เชน่ เปน็ ทท่ี สี่ งบมรี ม่ เงา หรอื เปน็ จดุ ที่
มองเหน็ ทศั นยี ภาพ หรอื มองเหน็ ตน้ ไมท้ ด่ี เู ดน่ มเี สนห่ ์ ไมว่ า่ ตรง
ไหนที่เราอยู่ พยายามมองให้เห็นข้อดีของท่ีน้ัน หรือมองเห็น
กระทงั่ วา่ ทน่ี น่ั มเี สนห่ อ์ ยา่ งไร การปฏบิ ตั ขิ องเรากจ็ ะกา้ วไปขา้ งหนา้
ได้ง่าย อย่าให้ตดิ ขอ้ งอย่กู ับสถานท่ีซง่ึ เป็นรูปธรรมทเี่ ราควรจะ
ผา่ นใหไ้ ด ้ เพราะสง่ิ ทจี่ ะทำ� ใหเ้ ราตดิ ขอ้ ง กา้ วขา้ มไดย้ ากยงั มอี กี
มาก ซงึ่ ลว้ นเปน็ เรอ่ื งนามธรรม เหน็ ไมง่ า่ ยเหน็ ไมช่ ดั เพราะมนั
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 15
อยู่ใกลเ้ หลอื เกิน คือมันอยูใ่ นใจเรา
พยายามให้อุปสรรคของสถานที่หมดไปจากใจของเรา
ให้เราท�ำความคุ้นเคยกับสถานท่ีต้ังแต่คืนนี้ อาตมาอยากจะให้
ความมน่ั ใจวา่ สถานทนี่ ไี้ มม่ อี ะไรนา่ กลวั โดยเฉพาะหนา้ นง้ี เู งย้ี ว
เขย้ี วขอกน็ อ้ ย แมลงกน็ อ้ ย จะมมี ารบกวนเราบา้ งกม็ แี มลงชนดิ
หนง่ึ เปน็ เหบ็ ตวั เลก็ ๆ เขาเรยี กเหบ็ ลม มนั เลก็ มากเวลาเกาะผวิ
เราอาจจะนึกว่าเป็นสะเก็ดแผลเล็กๆ ถ้าคันตรงไหนคล�ำดูแล้ว
ปรากฏวา่ สมั ผสั สง่ิ เลก็ ๆ กอ็ ยา่ เพงิ่ ดงึ มนั อาจเปน็ เหบ็ ดงึ แลว้
จะเจบ็ จะคนั มากขนึ้ กอ่ นจะดงึ กท็ ายาหมอ่ งเสยี กอ่ น เพอื่ ใหม้ นั
คลายเขยี้ ว เพราะถา้ เราดงึ ทนั ทเี ขย้ี วจะฝงั อยกู่ บั หนงั จะคนั ไปอกี
หลายวนั แตถ่ า้ เราดงึ ตอนทมี่ นั เรมิ่ คลายเขย้ี วแลว้ กไ็ มค่ อ่ ยมอี ะไร
นา่ กลวั นอกจากเหบ็ ลมแลว้ กไ็ มม่ อี ะไรอยา่ งอน่ื สตั วเ์ อย คนเอย
ก็ไม่มีอะไรจะมารบกวนเราได ้ ขอให้วางใจกบั สถานท่ี
เคยบอกพวกเราเมอื่ ปที แี่ ลว้ จำ� ไดไ้ หม วา่ ทน่ี สี่ ง่ิ ทนี่ า่ กลวั
ทสี่ ดุ ไมใ่ ชค่ น ไมใ่ ชส่ ตั ว ์ แตค่ อื ใจของเรา ใจของเราเปน็ สง่ิ ทนี่ า่ กลวั
ทส่ี ดุ เพราะมนั สามารถปรงุ แตง่ อะไรใหด้ นู า่ กลวั ได ้ ขอใหร้ ทู้ นั จติ
ทปี่ รงุ แตง่ ถา้ หากเรามคี วามไวเ้ นอื้ เชอื่ ใจในสถานที่ กจ็ ะพบวา่
ตวั การจรงิ ๆ ไมไ่ ดอ้ ยขู่ า้ งนอก ไมไ่ ดอ้ ยนู่ อกเตน็ ทเ์ รา แตอ่ ยใู่ น
ใจเรา ถา้ รตู้ รงนแี้ ลว้ กจ็ ดั การไดง้ า่ ยขนึ้ คอื อยา่ ไปเชอื่ ความคดิ ท่ี
มันปรุงแต่งขึ้น อย่าไปเชื่อมัน ทักท้วงมันบ้าง โดยเฉพาะเวลา
16
เรามคี วามกลวั มคี วามตน่ื ตกใจ กใ็ หถ้ อื วา่ เปน็ โจทยท์ ด่ี มี ากใน
การช่วยให้เราย้อนกลับมาดูใจ เพราะเวลาคนเรากลัว เวลาเรา
ตกใจ จติ จะพงุ่ ไปขา้ งนอก จนกระทง่ั มองขา้ มตวั การทแ่ี ทจ้ รงิ
นั่นคอื ความกลัวในใจเราน่นั เอง
เพยี งแคเ่ รารทู้ นั ความกลวั พษิ สงมนั กจ็ ะลดลง ยงิ่ เรารทู้ นั
ความกลวั มากขน้ึ จติ ใจเรากจ็ ะแนว่ แนแ่ ละแนบแนน่ กบั สถานที่
ได้มากขึ้น แล้วเราก็จะรู้สึกว่าตรงท่ีเรานอน จุดท่ีเรายืน จุดท่ี
เราน่ัง จุดท่ีเราเดินจงกรม เป็นจุดที่ให้ความอบอุ่นใจแก่เราได้
จะเลอื กเดนิ จงกรมตรงไหน จะเลอื กนงั่ ทำ� สมาธติ รงไหนกแ็ ลว้ แต่
เมอ่ื เลอื กแลว้ กพ็ ยายามรสู้ กึ เปน็ มติ รกบั ตรงนนั้ เปน็ มติ รกบั จดุ นน้ั
ใหไ้ ด ้ อยา่ งทเี่ ราพยายามเปน็ มติ รกบั สถานทท่ี เ่ี รากางเตน็ ท ์ เมอ่ื
เราทำ� ใจคนุ้ เคยทำ� ใจเปน็ มติ รแลว้ การปฏบิ ตั กิ จ็ ะกลายเปน็ เรอ่ื ง
ง่ายข้นึ
การบา้ นทพี่ วกเราตอ้ งทำ� คนื นมี้ อี ยา่ งเดยี วคอื ทำ� ใจใหเ้ ปน็
มติ รกบั สถานท ี่ ไมว่ า่ เราอยใู่ นเตน็ ท ์ หรอื วา่ อยขู่ า้ งนอก หรอื เดนิ
จงกรม กใ็ หร้ สู้ กึ วา่ นเี่ ปน็ ทท่ี เี่ ราจะฝากผฝี ากไข ้ หรอื ฝากใจไวไ้ ด้
หลงั จากนั้นการปฏิบัติก็จะกลายเปน็ เรอื่ งงา่ ยข้นึ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 17
ถ้าเราไม่หันกลับมาดใู จเราอยเู่ สมอ
เราก็จะไม่รู้วา่ จริงๆ
แล้วปัญหาทส่ี รา้ งความทกุ ขใ์ หแ้ ก่เราน้ัน
อยทู่ ีใ่ จเราตลอดเวลา
ไม่ใชอ่ ยทู่ ่สี ง่ิ ภายนอก
คนเราเวลามีความทกุ ขอ์ ะไร
มกั จะมองไปภายนอก มองทส่ี งิ่ นอกตวั เสมอ
โดยหารู้ไม่วา่ ทจ่ี รงิ แลว้
มนั อยูท่ ีต่ ัวเองต่างหาก
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 19
๒
เ ปิ ด ใ จ สั ม ผ ั ส ธ ร ร ม ช า ติ
นเ่ี ปน็ เชา้ วนั แรกทพี่ วกเราไดม้ าคา้ งแรมและปฏบิ ตั ทิ ก่ี ฏุ ิ ๑๑ ถ้า
นบั แบบคนไทยสมยั กอ่ นกถ็ อื วา่ เรายงั ไมไ่ ดข้ นึ้ วนั ใหม่ จะขน้ึ วนั
ใหมก่ ต็ อ่ เมือ่ รงุ่ อรุณ มแี สงเงนิ แสงทองจงึ จะถือวา่ ข้ึนวนั ใหม่
คนื นเ้ี ปน็ คนื แรกทเ่ี ราไดม้ านอนกลางดนิ คา้ งแรมอยใู่ นปา่
ซงึ่ คงจะแตกตา่ งจากวนั กอ่ นๆ ทพี่ วกเราไดน้ อนสบายในหอ้ งหบั
มดิ ชดิ และมสี ง่ิ อำ� นวยความสะดวกกลางเมอื ง แตต่ อนนเ้ี รามา
อยกู่ ลางหบุ เขา ลอ้ มรอบดว้ ยภเู ขา และปา่ อากาศกห็ นาวเยน็
บรรยากาศแบบนค้ี นสว่ นใหญจ่ ะเลอื กมากต็ อ่ เมอื่ เปน็ การทอ่ งเทยี่ ว
เขายอมมาลำ� บากแบบนเ้ี พอ่ื สมั ผสั กบั ธรรมชาตทิ สี่ วยงาม เชน่ ท่ี
20
เขาใหญ ่ ภหู ลวง หรอื เกาะตะรเุ ตา หมเู่ กาะอา่ งทอง แลว้ กม็ กั จะ
เลือกมาในช่วงเทศกาลส�ำคัญ เช่น ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
แตพ่ วกเราเลอื กมาอยใู่ นบรรยากาศแบบน ี้ เพอื่ ปฏบิ ตั ธิ รรม เพอ่ื
มาเรยี นรดู้ ใู จของตน ซง่ึ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งทค่ี นสว่ นใหญเ่ หน็ ความสำ� คญั
หรอื ถอื เปน็ เรอื่ งนา่ สนใจพอทจ่ี ะยอมล�ำบาก หรอื นอนกลางดนิ
กินกลางทรายอย่างนไี้ ด้
ทจ่ี รงิ กอ่ นหนา้ นพ้ี วกเรากท็ ำ� งานกนั มาเยอะ เตรยี มงานกนั
มาเป็นแรมเดือน กว่าการแสดงธรรมที่พวกเราจัดเป็นงานใหญ่
จะเสร็จสิ้นก็เหน่ือยกันไม่น้อย คนส่วนใหญ่เวลาท�ำงานใหญ่
แบบนเ้ี สรจ็ สนิ้ กจ็ ะถอื โอกาสใหร้ างวลั แกต่ วั เองดว้ ยการเทยี่ วหรอื
เล้ียงฉลอง แต่พวกเราเลือกท่ีจะมาปฏิบัติธรรม มาปลีกวิเวก
อยทู่ า่ มกลางธรรมชาต ิ ซง่ึ ไมส่ ะดวกสบายเทา่ ไร สภาพแวดลอ้ ม
แบบนคี้ นทว่ั ไปยอ่ มถอื เปน็ ความล�ำบาก ทำ� งานเหนอ่ื ยแลว้ กย็ งั
มาล�ำบากอีก คงไม่มีใครเลือกแบบน้ี แต่พวกเราเลือกมา ซ่ึง
จะว่าไปน่ีก็เป็นการให้รางวัลแก่ตัวเองอย่างแท้จริง หลังจากท่ี
เราเหนอ่ื ยยากเพอ่ื บำ� เพญ็ ประโยชนแ์ กพ่ ระศาสนา เพอื่ บำ� เพญ็
ประโยชนท์ า่ น ใหผ้ คู้ นไดม้ โี อกาสสมั ผสั กบั พระธรรมอนั ประเสรฐิ
ตอนนก้ี เ็ ปน็ เวลาทพี่ วกเราจะใหโ้ อกาสอยา่ งนแี้ กต่ วั เองบา้ ง เปน็
โอกาสที่เราจะได้รับธรรมะ เปิดใจของเราเพ่ือค้นพบความสุข
ความจรงิ และความดงี ามอนั ประเสรฐิ อนั เปน็ สง่ิ มคี ณุ คา่ อยา่ งมาก
ส�ำหรบั ชีวติ ของเรา
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 21
หลังจากเราได้ท�ำสิ่งท่ีมีคุณค่าต่อพระศาสนา ต่อเพ่ือน
พี่น้องชาวพุทธด้วยกันแล้ว เราก็ให้โอกาสตัวเองท่ีจะได้ค้นพบ
ธรรมะซง่ึ จะนำ� พาเราสคู่ วามสขุ อนั ประเสรฐิ และเปน็ หลกั ประกนั
แห่งความดีงามของชีวิตอย่างแท้จริง การที่พวกเรามาอยู่ใน
บรรยากาศแบบน ้ี ถอื เปน็ การเปดิ โอกาสใหแ้ กช่ วี ติ จติ ใจของเรา
ทจ่ี ะไดพ้ บกบั คณุ คา่ หลายอยา่ งทอี่ าจจะไมค่ อ่ ยไดป้ ระสบในชวี ติ
ปกตขิ องเราหรอื เวลาอยใู่ นเมอื ง อยา่ งแรกทเ่ี รานา่ จะไดป้ ระสบ
สัมผัสก็คอื ความสงบสงดั ของธรรมชาติ
ความสงบท่ีนี้ ไม่ได้หมายถึงความสงบท่ีปลอดจากเสียง
รบกวนเทา่ นนั้ แตย่ งั รวมถงึ ความสงบทป่ี ลอดจากสง่ิ ยว่ั ยกุ ระตนุ้
เรา้ ใหจ้ ติ เกดิ ความฟงุ้ ซา่ น หรอื ทำ� ใหช้ วี ติ วนุ่ วาย จรงิ ๆ แลว้ ความ
สงบของทน่ี อ่ี าจไมเ่ ทา่ เวลาเราอยใู่ นหอ้ งแอรใ์ นเมอื ง ในหอ้ งแอร์
นน้ั อาจจะเงยี บสงบกวา่ ทน่ี ด่ี ว้ ยซำ้� ทนี่ ยี่ งั มเี สยี งลม เสยี งลำ� ธาร
เสียงนก แทรกเป็นระยะๆ แต่ถ้าอยู่ในห้องแอร์มันเงียบมาก
แมก้ ระนน้ั ชวี ติ ของเราใชว่ า่ จะปลอดจากความวนุ่ วาย เพราะอาจจะ
มีงานการที่ต้องท�ำ มีโทรศัพท์ท่ีต้องรับ มีข่าวท่ีต้องอ่านหรือ
อยากอา่ น และมสี ง่ิ ทช่ี วนใหเ้ ราอยากจะเขา้ ไปพวั พนั เชน่ เพลง
หนงั หรอื คอมพิวเตอร ์ อินเตอร์เนต็
เหลา่ นเ้ี ปน็ สง่ิ ทดี่ งึ เวลา ดงึ ความสนใจของเราไป นอกจาก
น้ันก็ยังกระตุ้นให้จิตใจเราปรุงแต่งไปต่างๆ นานา อยู่ในห้อง
22
คนเดียวแม้ไม่ได้พูดคุยกับใคร แต่ก็อาจจะติดต่อกับคนท่ัวโลก
และรับรู้ข่าวสารต่างๆ ซ่ึงท�ำให้จิตใจเกิดความกังวลบ้าง เกิด
อารมณข์ นุ่ มวั บา้ ง จากขา่ วสารบา้ นเมอื งกด็ ี หรอื จากความเหน็
ของผู้คนที่แสดงผ่านส่ือต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ค อีเมล์ และ SMS
เหลา่ นที้ ำ� ใหช้ วี ติ ในเมอื งกลายเปน็ วนุ่ วายไปได้ แมจ้ ะอยใู่ นหอ้ ง
แอร์ท่ีมิดชิดไม่มีเสียงรบกวนก็ตาม แต่ที่นี่ในธรรมชาติแบบนี้
ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณท่ีจะใช้ติดต่ออินเตอร์เน็ต
ภารกจิ การงานทจี่ ะมาดงึ ความสนใจจากเรากไ็ มม่ ี หรอื ไมส่ ามารถ
จะเขา้ ถงึ ตวั เราได ้ อกี ทงั้ ยงั ไมม่ ใี ครมารบกวนเรา ผดิ กบั เวลาอยู่
ท่ีกรุงเทพฯ อาจมแี ขกมาหา เชา้ กลางวนั เยน็
แตท่ นี่ ม่ี น่ั ใจไดว้ า่ จะไมม่ ผี คู้ นหรอื แขกมารบกวนเรา เปน็
เวลาท่ีเราจะได้อยู่กับตัวเองอย่างเต็มท่ี อันนี้เรียกว่าเป็นความ
สงบสงัดที่หาได้ยากจากในเมือง แม้กระทั่งอยู่วัดก็ใช่ว่าจะสงบ
สงัดอย่างท่ีเราประสบอยู่ตอนน ้ี เพราะบางทีอยู่วัด แสดงธรรม
อยดู่ ๆี กม็ เี สยี งโทรศพั ทด์ งั เขา้ มา เพราะสญั ญาณโทรศพั ทไ์ ปถงึ
ทุกท่ีจนกระท่ังผู้คนรู้สึกว่าที่ไหนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก็เหมือน
ขาดอะไรบางอย่างไปจากชีวิต เหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้
รู้สึกว่าไม่สามารถจะสื่อสารกับใครได้ และไม่มีโอกาสท่ีจะไป
แสดงตวั ตนให้ใครไดร้ ับรู้
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 23
ความสงบสงัดอย่างนี้แหละที่จะช่วยให้จิตใจเราได้คืนสู่
ความสงบภายใน สำ� หรบั คนสว่ นใหญค่ วามสงบภายในจะเกดิ ขน้ึ
ไดก้ ต็ อ้ งอาศยั ความสงบจากสง่ิ แวดลอ้ มเปน็ สำ� คญั ทางพระพทุ ธ
ศาสนาเรียกว่ากายวิเวก กายวิเวกเป็นลักษณะทางกายภาพซึ่ง
ไมใ่ ชป่ ลอดจากเสยี งรบกวนเทา่ นน้ั แตย่ งั หมายถงึ ไมม่ สี งิ่ กระตนุ้
เร้าให้ร่างกายหรือชีวิตว้าวุ่นเหมือนหนูถีบจักร เช่น งานการ
หนงั สอื หนงั หา เมอื่ กายวเิ วกแลว้ กจ็ ะเกดิ จติ วเิ วกตามมา คอื จติ
ท่ีสงบ จิตที่สงบก็จะน�ำมาซึ่งความสุข เป็นความสุขที่ประณีต
เปน็ ความสขุ ทป่ี ระเสรฐิ ความสขุ แบบนค้ี นสว่ นใหญไ่ มร่ จู้ กั เพราะ
เขารจู้ กั แตค่ วามสขุ ทเ่ี กดิ จากสงิ่ กระตนุ้ เรา้ กระตนุ้ เรา้ ดว้ ยเสยี ง
เพลง กระตุ้นเร้าด้วยรสชาติของอาหาร หรือกระตุ้นเร้าด้วย
ความคิดต่างๆ เช่น อ่านนิยายแล้วจิตก็ปรุงแต่งไปเกิดความ
เพลิดเพลิน เกดิ ความสนกุ อนั นี้คอื ความสขุ ทค่ี นสว่ นใหญ่รูจ้ ัก
เวลาเขาบอกว่าเขาต้องการให้ความสุขเพ่ือเป็นรางวัลแก่
ตัวเอง ความสุขท่ีเขาแสวงหาก็คือความสุขอย่างน้ี เช่นมีการ
เลี้ยงฉลอง ดูหนังฟังเพลง ร้องคาราโอเกะ ไปเฮฮากันตามที่
ต่างๆ ซึ่งมีแต่จะท�ำให้ร่างกายและจิตใจเหน่ือยอ่อน มันเป็น
ความสนุกแต่ไม่ใช่ความสุขอย่างแท้จริง แต่ในธรรมชาติแบบนี้
ถา้ หากวา่ เรานอ้ มใจใหค้ นุ้ เคยกบั สถานท ่ี จติ ใจกจ็ ะคอ่ ยๆ สงบ
แลว้ กส็ งบจนกระทง่ั สมั ผสั ไดถ้ งึ ความสขุ ทป่ี ระเสรฐิ เปน็ ความสขุ
คนละแบบกับท่ีผู้คนรู้จักหรือเสาะแสวง อันเป็นความสุขที่เกิด
24
จากการเร้าจิตกระตุ้นใจ แต่ความสุขอีกแบบหนึ่งคือความสุข
ที่เกิดจากใจที่สงบ และความเงียบสงัดของสถานที่นี้สามารถ
นอ้ มใจใหไ้ ดพ้ บกบั ความสงบได้ แตก่ ต็ อ่ เมอ่ื เราสามารถปรบั ตวั
ปรบั ใจใหเ้ ข้ากบั ธรรมชาตใิ ห้ได้ก่อน
ตอนมาใหมๆ่ เราคงจะรสู้ กึ แปลกถน่ิ แปลกท ี่ หรอื ตอ้ ง
ปรบั ตวั กบั ความไมส่ ะดวกสบาย ทส่ี ำ� คญั กค็ อื ตอ้ งกา้ วขา้ มอาการ
ที่ยังเสพติดยังติดยึดกับแสงสี หรือวิถีชีวิตที่คุ้นเคย บางคนมา
จากเมืองท่ีวุ่นวาย พอมาอยู่ในท่ีแบบนี้ใหม่ๆ ก็อาจอยู่ล�ำบาก
เพราะนอนก็หูอ้ือ มันสงบจนได้ยินเสียงอื้ออึง หรือยังโหยหา
รสชาติหรือผัสสะของเมือง พอไม่มีอะไรท�ำก็จะรู้สึกล่องลอย
วา้ วนุ่ หรอื เหงา บางทกี ร็ สู้ กึ งว่ ง อนั นเี้ ปน็ ชว่ งทเี่ ราตอ้ งผา่ น ตอ้ ง
เจอ แต่ว่าเม่ือท�ำใจคุ้นกับธรรมชาติ ปรับตัวและกลมกลืนกับ
ธรรมชาตไิ ด ้ ใจกจ็ ะสงบ พระเถระในสมยั พทุ ธกาลเวลาปลกี วเิ วก
มาอยใู่ นปา่ ทา่ นกจ็ ะอทุ านออกมาดว้ ยความสขุ เพราะไดส้ มั ผสั
กับความสงบของธรรมชาติ ท�ำให้เกิดความเพียรในการปฏิบัติ
มากข้นึ
ในสมัยพุทธกาลมีพระบวชใหม่บางรูปท่ียังหวนหาอาลัย
ชวี ติ ของฆราวาส หลายคนคดิ ถงึ ครู่ กั พระพทุ ธองคจ์ งึ ชว่ ยพระ
บวชใหมเ่ หลา่ นนั้ ใหห้ ลดุ จากอารมณถ์ วลิ หาความสขุ ในเพศคฤหสั ถ์
โดยพาไปสมั ผสั กบั ธรรมชาต ิ พาไปปา่ หมิ พานต ์ ใหเ้ หน็ ธรรมชาติ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 25
ที่งดงาม จิตใจของพระใหม่เหล่านั้นก็เลยสงบ แรกๆ ก็คงจะ
เพลิดเพลิน หรือตื่นตาต่ืนใจในความตระการตาของธรรมชาติ
แตต่ อ่ มากก็ ลายเปน็ ความสงบ ความสขุ ทเี่ กดิ ขนึ้ กท็ ำ� ใหห้ ลดุ จาก
อารมณถ์ วิลหาคนรกั ได้ เรียกว่าความสุขท่ีประณตี เขา้ มาแทนที่
แต่จะพบความสงบแบบนี้เราก็ต้องเลือกมาอยู่แบบเรียบ
ง่าย มาสัมผัสธรรมชาติ คนในเมืองซึ่งมีท้ังโทรศัพท ์ มีทั้งวิทยุ
มอี ะไรตอ่ อะไรมากมาย ยากจะพบกบั ความสงบในจติ ใจได ้ การ
มาอยแู่ บบนยี้ งั ชว่ ยใหเ้ ราไดใ้ ชช้ วี ติ แบบซอื่ ๆ ตรงๆ ดว้ ย ความ
เรียบง่ายน้ันมีประโยชน์ท�ำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น จิตใจเราก็ตรง
เดย๋ี วนชี้ วี ติ ในเมอื งใหญๆ่ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยเทคโนโลยมี ากมาย มนั
ท�ำให้เราไม่สามารถจะใช้ชีวิตอย่างซื่อๆ ตรงๆ ได้ จิตใจเรา
จึงพลอยยุ่งยาก ซับซ้อนไปด้วย เด๋ียวน้ีเพียงแค่จะพูดคุยกัน
ยงั ไมม่ เี วลาจะพดู คยุ กนั ตรงๆ ตอ่ หนา้ ได้ ตอ้ งอาศยั เทคโนโลยี
ตอ้ งอาศยั โทรศพั ทม์ อื ถอื ตอ้ งอาศยั อนิ เตอรเ์ นต็ ทงั้ ๆ ทบี่ างที
อยบู่ า้ นเดยี วกนั แตไ่ มส่ ามารถพดู กนั ตวั ตอ่ ตวั ได ้ ตอ้ งมเี ครอื่ งเครา
มาเป็นตัวแทรกหรือเปน็ สื่อ
การที่เราจะมีความสุขแบบง่ายๆ จึงท�ำไม่ได้ ความสุข
กลายเปน็ เรอ่ื งยาก ตอ้ งมเี ทคโนโลยมี าปรงุ มาแตง่ ชวี ติ ของเรา
สมัยนี้สูญเสียความเรียบง่ายไป สูญเสียความซ่ือๆ ตรงๆ ไป
การท่ีเราได้มาอยู่กับธรรมชาติแบบน้ีท�ำให้เรากลับคืนสู่ความ
26
เรยี บงา่ ยมากขนึ้ และไดเ้ หน็ จงั หวะของธรรมชาตอิ ยา่ งทม่ี นั เปน็
เห็นพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก เห็นความแปรเปล่ียนของ
ธรรมชาต ิ เหน็ จงั หวะชวี ติ ทห่ี มนุ เวยี นเปน็ วฏั จกั ร ทงั้ หมดนลี้ ว้ น
แตส่ อนธรรมใหเ้ ราไดท้ งั้ สนิ้ คอื สอนเรอื่ งอนจิ จงั สอนเรอ่ื งวฏั จกั ร
ของชวี ติ แตล่ ะวนั เราจะเหน็ ความแปรเปลยี่ นของธรรมชาต ิ ของ
ดินฟ้าอากาศ เห็นความแปรเปล่ียนของส่ิงรอบตัว ซึ่งถ้าอยู่
ในเมอื งอาจมองไมเ่ หน็ หรอื ไมส่ งั เกต บางคนอยแู่ ตใ่ นหอ้ ง เปดิ
ไฟตลอดจนไม่รู้กลางวัน กลางคืน อยู่กับแสงไฟจนกระท่ัง
ไม่รูจ้ กั และไม่เคยสมั ผสั กับแสงเทียน
แสงเทียนสอนให้เราเห็นเร่ืองอนิจจังได้เยอะ เห็นความ
เกดิ ดบั เหน็ ความแปรเปลย่ี น ถา้ เรานอ้ มใจของเราใหซ้ อ่ื ๆ ตรงๆ
ไม่ปรุงแต่ง ไม่ซับซ้อน เราก็จะสัมผัสกับความเป็นอนิจจังของ
ส่ิงต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ชัดขึ้น ส่ิงเหล่าน้ีล้วนเปิดใจให้รับรู้ธรรมะ
ที่ปรากฏตัวอยู่ตลอดเวลา อนิจจังเป็นความจริงอย่างหนึ่งท่ี
คนเรามักจะมองข้าม พอเราอยู่กับส่ิงปรุงแต่งแล้ว ความเป็น
อนจิ จงั ของชวี ติ ของธรรมชาตกิ ค็ อ่ ยๆ เลอื นหายไป หรอื ไมอ่ ยู่
ในความรับรูเ้ ท่าใด
เมอื่ เรากลบั มาอยกู่ บั ธรรมชาติ กจ็ ะไดเ้ หน็ ความจรงิ ของ
ชวี ติ ซง่ึ ทจ่ี รงิ กแ็ สดงใหเ้ ราเหน็ อยตู่ ลอดเวลา แตช่ วี ติ จติ ใจของ
เราซบั ซอ้ นจนกระทงั่ ไมส่ ามารถจะมองเหน็ สงิ่ เหลา่ นไ้ี ด ้ หรอื ไม่
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 27
กเ็ พราะมเี ทคโนโลยมี าขวางกน้ั เมอ่ื เรามาอยทู่ น่ี แ่ี ลว้ กข็ อใหเ้ ปดิ
ใจสมั ผสั รบั รธู้ รรมชาต ิ วางกจิ การงานตา่ งๆ ลง พวกเราแตล่ ะคน
มงี านการเยอะ หลายคนยงั นกึ หว่ งงานทบี่ า้ น นกึ หว่ งคนทบ่ี า้ น
โดยเฉพาะชว่ งนบ้ี า้ นเมอื งเราเรยี กวา่ เกดิ วกิ ฤตถิ ว้ นหนา้ เชน่ เกดิ
นำ้� ทว่ ม พวกเราบางคนโชคดที รี่ อดพน้ จากอทุ กภยั แตบ่ างคนก็
เจอเหตกุ ารณน์ เี้ ขา้ ไปเตม็ ๆ ถงึ แมไ้ มเ่ จอเหตกุ ารณน์ ี้ กม็ เี รอ่ื งท่ี
ตอ้ งกงั วลเปน็ ธรรมดาอยแู่ ลว้ ไมว่ า่ จะเปน็ งานการ ไมว่ า่ จะเปน็
ผคู้ นทตี่ อ้ งดแู ล แตเ่ มอื่ เราอตุ สา่ หพ์ าตวั มาถงึ ทน่ี แี่ ลว้ กอ็ ยา่ ลมื
พาใจมาด้วย ขอใหว้ างงานการต่างๆ ลง
ส่วนผู้คนที่เราห่วงหาอาลัยแม้ว่าเราจะมีความผูกพัน มี
ความเมตตาปรารถนาด ี แตเ่ มอื่ เรามาอยตู่ รงนแี้ ลว้ เรากงั วลไป
ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถจะช่วยอะไรเขาได ้ สิ่งที่เราจะช่วย
เขาได้ก็คือการมีจิตใจท่ีเข้มแข็งม่ันคง เป็นท่ีพ่ึงทางจิตใจให้แก่
เขาได ้ จะทำ� เชน่ นนั้ ไดเ้ รากต็ อ้ งใหเ้ วลากบั การฝกึ ฝนตวั เอง นคี่ อื
เหตุผลสำ� คัญท่ีเรามาท่นี ่ี
ความหว่ งกงั วลนอกจากไมท่ ำ� ใหส้ ถานการณด์ ขี น้ึ ไมช่ ว่ ย
ใหค้ นทีเ่ ราหว่ งกงั วลดีข้ึนแล้ว ก็ยังทำ� ใหเ้ ราเป็นทกุ ข ์ แตท่ นั ทที ี่
เราวางงานการตา่ งๆ ลง วางผคู้ นลง จติ ใจเรากจ็ ะพรอ้ มซมึ ซบั
รบั เอาธรรมะทง้ั จากธรรมชาตริ อบตวั และจากใจของเรา ซง่ึ จะ
ทำ� ใหเ้ รามปี ญั ญา และทำ� ใหเ้ ราไดพ้ บกบั ความสงบทจี่ ะเปน็ การ
28
เติมพลังให้แก่จิตใจของเราในการท�ำภารกิจการงานต่างๆ ให้
เปน็ ไปด้วยดี
ขอใหเ้ ราพาใจมาอยกู่ บั กาย และใหเ้ วลากบั ตวั เองมากๆ
เพราะนเ่ี ปน็ โอกาสทห่ี าไดย้ าก บอ่ ยครง้ั เราอยากจะมเี วลาอยกู่ บั
ตัวเอง แต่ก็ท�ำไม่ได้ เพราะมีส่ิงต่างๆ ดึงดูดเวลา และความ
สนใจของเราไป หรอื ไมก่ ม็ สี งิ่ ทก่ี ระตนุ้ เรา้ ใหเ้ ราลมื ตวั เพลดิ เพลนิ
กับส่ิงภายนอก จนไม่มีเวลาให้แก่จิตใจของเรา เวลาสามส่ีวัน
ขา้ งหนา้ ไมใ่ ชเ่ ปน็ เวลาทมี่ ากมาย แตก่ ไ็ มน่ อ้ ยสำ� หรบั การใหเ้ วลา
แกจ่ ติ ใจของเรา จติ ใจเปน็ สงิ่ ทถ่ี กู ละเลยมานาน เพราะมสี งิ่ รอบ
ตวั ทลี่ ว้ นแตด่ งึ เวลาของเราไป เสรจ็ แลว้ จติ ใจทถ่ี กู ละเลยกก็ ลาย
เปน็ ตวั สรา้ งความทกุ ขใ์ ห้แกเ่ รา
จติ ใจทถี่ กู ละเลยกค็ งเหมอื นกบั เดก็ ทขี่ าดความอบอนุ่ กจ็ ะ
งอแง โตข้ึนก็ชอบก่อความวุ่นวายเพ่ือเรียกร้องความสนใจจาก
พ่อแม่ จากคนรอบข้าง ซึ่งท�ำให้เกิดความทุกข์กันทุกฝ่าย แต่
ทนั ทที เ่ี ขาไดร้ บั ความรกั และความสนใจอยา่ งถกู ตอ้ ง เขากจ็ ะเรม่ิ มี
ความมน่ั ใจ มคี วามสขุ มคี วามมนั่ คง และสามารถทำ� ความดงี าม
ใหเ้ กดิ ขน้ึ ได้ อยา่ งวยั รนุ่ ทชี่ อบกอ่ ปญั หาใหแ้ กพ่ อ่ แม่ ใหแ้ กผ่ คู้ น
รอบข้าง ให้แก่ชุมชน พอเขาได้รับความสนใจ ได้รับค�ำช่ืนชม
ไดร้ บั การยอมรบั จากคนรอบขา้ ง เขากก็ ลายเปน็ คนดี ศกั ยภาพ
ตา่ งๆ ทถ่ี กู บดบงั เอาไว ้ กถ็ กู ปลดปลอ่ ยออกมาในทางสรา้ งสรรค์
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 29
จติ ใจของเรากเ็ ชน่ เดยี วกนั เมอ่ื เราใหค้ วามสนใจ ใหเ้ วลา
แกจ่ ติ ใจของเรา จติ ใจทเี่ คยกอ่ ความวนุ่ วาย ชอบพยศ กจ็ ะคอ่ ยๆ
สงบ และมีพลังขึ้นมา สร้างสรรค์ส่ิงดีงามต่างๆ น�ำความสุข
ความปกติสุขมาให้กับเรา และกลายเป็นท่ีพึ่งที่มั่นใจได้อย่าง
แท้จริง
พวกเราค้นุ กบั พทุ ธภาษติ ท่ีวา่ ตนเปน็ ทพี่ ึ่งแห่งตน แต่ที่
จรงิ พทุ ธภาษติ นมี้ ปี ระโยคตอ่ ทา้ ยดว้ ยวา่ ตนทฝี่ กึ ดแี ลว้ ยอ่ มเปน็
ท่ีพ่ึงที่หาได้ยาก ตนในที่น้ีหมายถึงจิตใจเป็นส�ำคัญ ธรรมชาติ
ทสี่ งบสงดั เปน็ เครอื่ งเกอื้ กลู ไมเ่ พยี งกลอ่ มจติ ใจของเราใหเ้ จรญิ
งอกงาม หรือเปิดใจของเราให้ได้สัมผัสกับธรรมะที่แสดงตัวอยู่
รอบตวั เราเทา่ นน้ั ยงั เปน็ การฝกึ ฝนจติ ใจของเราใหเ้ จรญิ งอกงาม
มากข้ึน เป็นการมอบสิ่งดีงามให้แก่จิตใจของเราในหลายด้าน
ทงั้ ความสขุ ทง้ั ความสงบ ทง้ั ความเอาใจใส ่ เพราะฉะนนั้ กข็ อให้
เราใช้โอกาสน้ีให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มท่ี รวมทั้งถือว่าความ
ไมส่ ะดวกทเี่ กดิ ขน้ึ ทนี่ เ่ี ปน็ เครอื่ งฝกึ ฝนจติ ใจของเรา และเปน็ การ
เปดิ โอกาสใหเ้ ราไดส้ มั ผสั กบั ธรรมชาตอิ ยา่ งซอื่ ๆ ตรงๆ โดยไมม่ ี
สงิ่ ใดมาขวางกน้ั ปดิ บงั เอาไว ้ ใจทสี่ มั ผสั กบั ธรรมชาตอิ ยา่ งตรงๆ
น่ีแหละท่ีจะช่วยให้เราไดพ้ บกับปญั ญาและความสขุ ทปี่ ระเสรฐิ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 31
๓
เ พ ี ย ง แ ต ่ ดู
ไมว่ า่ พระพทุ ธเจา้ ในอดตี ในปจั จบุ นั และในอนาคต ลว้ นอบุ ตั ิ
ขึ้นได้เพราะการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างย่ิงวิปัสสนากรรมฐาน
จะเรยี กวา่ เปน็ งานทศี่ กั ดส์ิ ทิ ธกิ์ ไ็ ด ้ แตพ่ อพดู วา่ เปน็ เรอื่ งศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ
หรอื เปน็ เรือ่ งจริงจงั บางคนก็จะรูส้ ึกเกรง็ ขึ้นมา หรือวา่ มคี วาม
มงุ่ มน่ั ปรารถนาจนจติ อาจจะไมเ่ ปน็ ปกต ิ เรยี กวา่ วางใจไมถ่ กู ตอ้ ง
ก็ได้
32
อยากให้มองว่าเราก�ำลังท�ำสิ่งธรรมดาสามัญ คือท�ำใจ
สบายๆ อาจจะยิ้มในใจ ไม่รู้สึกว่ามันเป็นภาระ เพราะสิ่งที่จะ
ทำ� นเ้ี ราไมต่ อ้ งรบั ผดิ ชอบกบั ใคร เวลาเราทำ� งานทำ� การ บางครง้ั
เราตอ้ งรบั ผดิ ชอบกบั ผอู้ น่ื ตอ้ งหว่ งวา่ สง่ิ ทเ่ี ราทำ� จะมผี ลตอ่ คนอน่ื
หรอื สว่ นรวมหรอื ไม่ และยงั ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ความคาดหวงั ของผอู้ น่ื
ด้วย แต่การปฏิบัติธรรมน้ันเราไม่ต้องค�ำนึงถึงความคาดหวัง
ของใคร และไมต่ อ้ งรบั ผดิ ชอบใครทง้ั สน้ิ สง่ิ ทเี่ ราจะทำ� กม็ เี พยี ง
แตก่ ารดกู ายและใจของเราเทา่ น้นั เอง
ฉะนนั้ อาตมาจงึ อยากใหเ้ ราท�ำดว้ ยความรสู้ กึ สบายๆ ให้
วางส่งิ ตา่ งๆ ท่เี ปน็ ภาระของใจลงช่วั คราว ท่เี ป็นงานการตา่ งๆ
กใ็ หว้ าง ความกงั วลกว็ างเชน่ เดยี วกนั รวมทง้ั วางความอยากดว้ ย
แนน่ อน เรามาไกลถงึ ขนาดนก้ี เ็ พราะความอยาก เชน่ อยากจะ
ได้รับความสงบ อยากจะฝึกตน อยากจะพัฒนาจิตใจของเรา
แต่ทันทีที่เรามานั่งตรงนี้ ก็ให้วางความอยากเหล่าน้ีลงเสีย ไม่
อย่างน้ันความอยากก็จะเป็นอุปสรรคท�ำให้เราไม่สามารถท่ีจะ
ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เพราะเม่ือมีความอยากแล้ว ส่ิงที่คู่กับ
ความอยากก็คือความกลัว เช่น กลัวว่าจะไม่สมอยาก กลัวว่า
จะไม่ได้อย่างท่ีอยาก ถ้าอยากได้ความสงบก็กลัวว่าจะไม่ได้รับ
ความสงบ เพราะฉะนน้ั จงึ มคี วามเกรง็ หรอื พยายามปฏเิ สธอะไร
กต็ ามทที่ ำ� ใหใ้ จไมส่ งบ รวมทงั้ การไมย่ อมรบั อาการตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้
กบั ใจ เวลาใจฟงุ้ ซา่ นปรงุ แตง่ ขน้ึ มากจ็ ะพยายามบงั คบั จติ ใหห้ ยดุ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 33
ฟงุ้ ซา่ น หยดุ ปรงุ แตง่ การทำ� เชน่ นน้ั กลบั จะทำ� ใหก้ ารปฏบิ ตั เิ นนิ่
ช้า หรือเป็นอุปสรรคตอ่ ความสงบดว้ ยซ้�ำ
ในทางตรงข้ามถ้าเราวางความอยาก อะไรเกิดข้ึนก็รับรู้
เฉยๆ ไม่ผลักไส ไม่ปฏิเสธ วางใจเป็นกลาง ความฟุ้งซ่านน้ัน
กจ็ ะคอ่ ยๆ เลอื นหายไป ความคดิ ทเ่ี ขา้ มารบกวนจติ ใจกจ็ ะเลอื น
หายไปตามธรรมชาตขิ องมนั แมแ้ ตอ่ ารมณ ์ ความเครยี ด ความ
หงดุ หงดิ ความกงั วลกจ็ ะคลคี่ ลายหายไป เมอ่ื เราเพยี งแตด่ มู นั
เฉยๆ แตถ่ า้ เราพยายามผลกั ไส กดขม่ หรอื ปฏเิ สธมนั เพราะ
อยากใหใ้ จสงบ หรอื เพราะไมช่ อบ เพราะเหน็ วา่ มนั เปน็ อปุ สรรค
ขดั ขวางความสงบ ใจกจ็ ะยง่ิ ขดั ขนื ตอ่ ตา้ น ยง่ิ อยากผลกั ไสมนั
กย็ ง่ิ คงอยู่
ขอให้เราเปน็ เพยี งแต่ผดู้ ูเฉยๆ
อะไรเกิดขน้ึ กบั ใจก็ดูเฉยๆ
ซงึ่ จะท�ำได้ก็เพราะวา่ เราวางใจไว้อย่างสบายๆ
ไมไ่ ด้ถกู ครอบงำ� ด้วยความอยาก
ไม่วา่ อยากผลกั ไส
หรืออยากครอบครอง
34
ใหเ้ ราสงั เกตด ู อะไรกต็ ามทเ่ี ราพยายามผลกั ออกไปมนั ก็
จะยงิ่ ตอ่ ตา้ น คงเหมอื นกบั แมว เวลาดงึ หางแมวใหถ้ อยหลงั มนั
จะพยายามเดินไปข้างหน้า เวลาเราพยายามดึงมันมาข้างหน้า
มันก็จะถอยหลัง จิตเราก็คล้ายๆ อย่างนั้น เคยมีการทดลอง
ง่ายๆ ให้แต่ละคนนั่งในห้องคนเดียว อนุญาตให้คิดอะไรก็ได้
ยกเวน้ หา้ มคดิ อยา่ งเดยี วคอื หา้ มนกึ ถงึ หมขี าว ถา้ นกึ ถงึ หมขี าว
ให้กดกริ่ง เขาให้โจทย์เสร็จไม่ทันไรเสียงกริ่งก็ดังระงม เพราะ
พอสั่งไม่ให้คิด หรือพอตั้งใจไม่คิดถึงหมีขาว ใจก็จะคิดถึงหมี
ขาวขึ้นมาทันท ี ราวกับว่ายิง่ หา้ มกเ็ หมอื นยิง่ ยุ
ความคดิ และอารมณ์ กเ็ หมอื นกนั ถา้ เราพยายามกดขม่
ปฏิเสธต้ังแต่แรก มันก็จะยิ่งโผล่ยิ่งผุด หรือว่าคงอยู่นานขึ้น
เม่ือรู้อย่างน้ีแล้วเวลามันเกิดขึ้น เราก็ไม่ต้องท�ำอะไรมัน เพียง
แต่ดูมันเฉยๆ เจออารมณ์ท่ีปรารถนาก็ไม่ไปคลอเคลีย อยาก
ครอบครอง เจออารมณท์ ไี่ มป่ รารถนาหรอื ทกุ ขเวทนา กไ็ มผ่ ลกั ไส
มนั เพยี งแต่ดูมัน หรอื ว่าตงั้ จิตอย่บู นตัวรู้
ถา้ เราตง้ั จติ อยบู่ นตวั ร ู้ หรอื อยบู่ นฐานร ู้ กส็ ามารถกอบกู้
ใจจากอารมณไ์ ด ้ ตวั รนู้ ก้ี ค็ อื รกู้ าย รลู้ มหายใจ รอู้ ริ ยิ าบถเคลอื่ น
ไหว อนั นเ้ี ปน็ เครอ่ื งอย ู่ เปน็ เครอื่ งอาศยั ของจติ ลมหายใจ อริ ยิ าบถ
ทเ่ี คลอ่ื นไหว เปน็ เครอ่ื งมอื หรอื เปน็ หลงั พงิ กไ็ ด้ ชว่ ยใหจ้ ติ เราไม่
แสส่ า่ ย ไมซ่ ดั เซพเนจร หรอื ไมถ่ กู อารมณค์ วามคดิ ตา่ งๆ ดงึ ดดู
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 35
พาไป ถ้าเราไมม่ ฐี านร้ ู หรอื ไมม่ กี ายเปน็ เครอื่ งอยู่ เป็นหลงั พงิ
จิตก็จะไม่มีท่ีตั้ง จะไปโน่นไปน่ี แล้วแต่อารมณ์หรือความคิด
ตา่ งๆ พาไป ดว้ ยสองสาเหตคุ อื อยากครอบครองเพราะหลงใหล
เคลิบเคล้ิมกับมัน หรืออยากผลักไสไล่ส่งมัน เหมือนกับเรา
ไม่ชอบหมาข้ีขโมย เราไม่อยากให้มันมา พอมันมาเราก็ไล่มัน
ปรากฎวา่ ทนั ทที เี่ ราท�ำเชน่ นน้ั เรากอ็ ยใู่ นอ�ำนาจของมนั เราอยู่
บ้านไม่อยากให้มันมา แต่พอเราต้องการไล่ก็เลยต้องถูกมันล่อ
ใหว้ งิ่ ออกไปไกลจากบา้ นมากขน้ึ อนั นเ้ี ปน็ เพราะอยากผลกั ไสก็
เลยออกไกลจากบ้าน ไกลจากเคร่อื งอยู่
ฉะน้นั ขอใหเ้ ราเป็นเพียงแตผ่ ดู้ ูเฉยๆ อะไรเกดิ ขึน้ กับใจ
กด็ เู ฉยๆ ซงึ่ จะทำ� ไดก้ เ็ พราะวา่ เราวางใจไวอ้ ยา่ งสบายๆ ไมไ่ ด้
ถกู ครอบงำ� ดว้ ยความอยาก ไมว่ า่ อยากผลกั ไส หรอื อยากครอบ
ครอง
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 37
๔
ย อ ม รั บ เ พ ่ื อ เ รี ย น รู้
คนท่ีติดยา ติดเหล้า ติดบุหรี่ ติดกาแฟ ถ้าจู่ๆ เลิกทันที
ร่างกายก็ต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่นานกว่าจะเข้าที่หรือเป็นปกติ
ในระหว่างนั้นก็อาจจะเกิดอาการหลายอย่างท่ีเราเรียกกันว่า
ลงแดง มันเป็นธรรมชาติของกายท่ีพอติดอะไรบางอย่าง ถ้า
เลิกทันทีก็จะเกิดอาการท่ีก่อให้เกิดทุกขเวทนา กระสับกระส่าย
ทุรนทุราย เราต้องให้เวลากับกายของเราในการปรับตัว
กระบวนการที่ว่านี้ต้องใช้ความอดทนด้วย ถ้าไม่อดทนก็จะเลิก
ยา เลกิ เหลา้ เลกิ บหุ ร่ีไดย้ าก หรอื เปน็ ไปไมไ่ ดเ้ ลย
38
กระบวนการตรงน้ีเป็นสิ่งส�ำคัญ เป็นช่วงหัวเล้ียวหัวต่อ
ใจเรากเ็ ชน่ เดยี วกนั หลายคนอาจจะรสู้ กึ เหมอื นหกั ดบิ จากชวี ติ
ในเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นเร้า ชีวิตท่ีว้าวุ่น เร่งรีบ เหมือน
เข็มวินาทีที่ว่ิงอยู่ตลอดเวลา พอมาอยู่ในสถานท่ีแบบน้ี ต้อง
อยู่กับตัวเองโดยไม่มีอะไรท�ำนอกจากดูกายและใจเท่านั้น เป็น
สภาวะท่ีตรงข้ามกับของเดิมที่ผ่านมา หรือที่คุ้นเคย เพราะ
ฉะน้ันจิตจะมีอาการหลายอย่าง จะเรียกว่าลงแดงก็ได้ แต่เป็น
ลงแดงทางผสั สะ คอื ไมไ่ ดเ้ สพ ไมไ่ ดร้ บั การกระตนุ้ เรา้ ทางผสั สะ
ทางตา ห ู จมกู ลน้ิ กาย และใจ นอกจากไมม่ อี ะไรคดิ ไมม่ ี
เรอ่ื งทจี่ ะตอ้ งคดิ มากแลว้ ยงั ตอ้ งอยนู่ ง่ิ ๆ อยกู่ บั ตวั เอง ใจกจ็ ะ
มีอาการต่อต้าน หรือว้าวุ่น กระสับกระส่าย อันนี้เป็นธรรมดา
ของใจ กต็ อ้ งใหเ้ วลาเขาบา้ ง อยา่ ไปตน่ื กลวั ตนื่ ตระหนก หรอื
ขดั เคืองกบั อาการเหลา่ นี้ ใหย้ อมรบั ว่านี่เป็นธรรมดาของใจ
อย่าพยายามควบคุมบังคับให้มันหาย หรือหาทางท�ำให้
มันหายไปนอกเหนือจากการดูกายดูใจ เพราะมันก็จะท�ำให้เรา
กลบั ไปสรู่ อ่ งเดมิ เหมอื นคนทที่ นอาการลงแดงเวลาเลกิ ยา เลกิ
เหล้า เลิกบุหร่ีไม่ได้ ก็ต้องกลับไปหามันไปเสพมันอีก ก็ยิ่ง
ท�ำให้กายน้ีกลับมาเป็นปกติได้ยากขึ้น ใจเราก็เหมือนกัน มัน
มีการต่อต้าน กระสับกระส่ายหรืออาจจะถึงขั้นทุรนทุราย
ฟงุ้ ซา่ นบา้ ง หาวบา้ ง เบอ่ื บา้ ง อนั นธ้ี รรมดา เรากอ็ ยกู่ บั เขาไป
ยอมรบั เขา ลองทำ� ใจเปน็ มติ รกบั อาการเหลา่ น ี้ อยา่ ปฏเิ สธผลกั ไส
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 39
หรอื จอ้ งมองวา่ เปน็ ศตั รู เรยี นรทู้ จ่ี ะอยกู่ บั เขา เรยี นรทู้ จ่ี ะอยกู่ บั
ความเบ่ือ หรือความฟุ้งซ่าน โดยไม่เคลิ้มคล้อยไปตามอ�ำนาจ
ของมัน และกไ็ ม่ตอ่ ต้านผลกั ไส หรือมองเขาเปน็ ศัตรู
ถ้าเราท�ำใจยอมรับอาการเหล่านี้ จนกระทั่งมองว่าเขาก็
เป็นเสมือนอาคันตุกะท่ีจรเข้ามา พยายามเป็นมิตรกับเขา เขา
กจ็ ะกลายเปน็ มติ รกบั เรา กลายเปน็ อาคนั ตกุ ะทม่ี มี ารยาท รจู้ กั
เกรงใจเจ้าของบ้าน รู้ว่าเม่ือไรควรจะไป ถึงเวลาเขาก็ไป โดย
เราไม่ตอ้ งขบั ไลไ่ สสง่ ในทางตรงขา้ มยิง่ เราพยายามขบั ไล่ไสส่ง
เขากย็ ง่ิ รบกวนรงั ควานหรอื รงั แกเรา ทำ� ใหเ้ ราขนุ่ เคอื งใจมากขนึ้
อยู่กับความเบื่อจะว่าไปแล้วมันง่ายกว่าอยู่กับความโกรธ
อยู่กับความเกลียด อยู่กับความเศร้า อันนั้นอยู่ยากเพราะมัน
เผาลนจติ ใจ ความเบอ่ื อยไู่ ดง้ า่ ยกวา่ ฉะนนั้ จงึ อยากใหเ้ ราเรยี นรู้
ที่จะอยู่กับความเบ่ือ ใหม่ๆ ก็ท�ำใจยาก ไม่เป็นไร ให้โอกาส
แกใ่ จของเราในการพลงั้ เผลอพลงั้ พลาดบา้ ง อยา่ ไปบบี คนั้ จติ ใจ
ของเรามากเกนิ ไป แตข่ ณะเดยี วกนั เรากไ็ มโ่ อนออ่ นผอ่ นตามแรง
กระตนุ้ ยวั่ เยา้ ทจ่ี ะพยายามชกั ชวนใหเ้ ราหนอี อกจากการปฏบิ ตั ิ
ธรรมและอาการเหล่าน้ี ท่ีผ่านมาเราหนีมันมาตลอดจนกระทั่ง
มนั มอี ำ� นาจเหนอื เรา มนั มาทไี รเราหนที กุ ท ี แตต่ อนนเี้ ราจะไมห่ นี
อกี แล้ว เราจะอย ู่ อยจู่ นกระทงั่ ใจเปน็ ปกตไิ ด้ เมือ่ มนั มาจิตใจ
ก็ไมห่ วั่นไหว อันน้แี หละคือวิธีการที่จะท�ำใจให้อย่เู หนืออารมณ์
ตา่ งๆ ท่ีมารบกวนจติ ใจ ท่เี รยี กว่านวิ รณ์
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 41
๕
ท ว น ก ร ะ แ ส
ที่เราพยายามปฏิบัติมาท้ังวัน รวมถึงเม่ือวานนี้ และที่จะท�ำ
ตอ่ ๆ ไป เปน็ การทวนกระแสความเคยชนิ หรอื นสิ ยั ทสี่ ง่ั สมมา
ตง้ั แตเ่ ลก็ หรอื ตงั้ แตเ่ กดิ กว็ า่ ได ้ คอื นสิ ยั สง่ จติ ออกนอก มวั จดจอ่
อยู่กับส่ิงรอบตัวอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงก็มีข้อดีอยู่มาก เช่น เป็น
ประโยชน์ต่อความอยู่รอดของเรา จะเดินไปไหนมาไหนใจเราก็
ต้องออกไปรับรู้ส่ิงรอบตัว เราอยู่รอดได้ก็เพราะเรามีตาเห็นรูป
หูได้ยินเสียง จมูกได้กล่ิน ลิ้นได้รส แล้วก็แยกแยะได้ว่าอะไร
เปน็ ประโยชน ์ อะไรไมเ่ ปน็ ประโยชน์ อะไรเปน็ อนั ตราย อะไรท่ี
42
ไม่เป็นอนั ตราย เราอยู่รอดและดำ� เนินชีวิตมาไดอ้ ยา่ งปลอดภยั
กเ็ พราะจติ ทรี่ ะแวดระวงั สง่ิ ทอี่ ยรู่ อบตวั แตค่ วามเคยชนิ นกี้ ท็ ำ� ให้
เราละเลยสง่ิ หนง่ึ ทสี่ ำ� คญั กค็ อื การหนั กลบั มาดกู ายและใจ โดย
เฉพาะใจของตวั เองนสี้ ำ� คญั มาก เพราะความสุขความทกุ ข์ของ
คนเราไมไ่ ดอ้ ยทู่ ภ่ี ายนอกอยา่ งเดยี ว มนั อยทู่ ใี่ จของเราดว้ ย หรอื
อยทู่ ่ปี ฏิกิรยิ าของใจเราต่อสิ่งรอบตัว
ความทกุ ขข์ องคนสมยั นเี้ กดิ จากการวางใจไมถ่ กู ตอ้ ง ปลอ่ ย
ใหจ้ ติ นนั้ กลบั มาทำ� รา้ ยตวั เองดว้ ยการหมกมนุ่ ครนุ่ คดิ วติ กกงั วล
และปรงุ แตง่ คนสมยั นท้ี ง้ั ๆ ทมี่ ชี วี ติ ทสี่ ะดวกสบายทางกาย แต่
ทำ� ไมเปน็ ทกุ ข ์ กเ็ พราะใจกงั วล ใจเครยี ด ความกงั วลและความ
เครียดน้ันไม่ใช่ธรรมชาติของใจ แต่เกิดจากการปรุงแต่ง จิตท่ี
ปรงุ แตง่ สารพดั สารเพ กลายเปน็ ตวั การทกี่ ลบั มาสรา้ งความทกุ ข์
ให้กับตวั เรา
คนเราทกุ ขก์ ายอยา่ งไรกไ็ มค่ อ่ ยคดิ อยากจะฆา่ ตวั ตาย แต่
ท่ีฆ่าตัวตายมากมายก็เพราะความทุกข์ใจ เพราะความเครียด
เพราะความผดิ หวงั ความไมส่ มหวงั ทงั้ ๆ ทสี่ งิ่ ทเี่ กดิ ขน้ึ นนั้ อาจ
จะไมไ่ ดท้ ำ� ใหเ้ กดิ ความทกุ ขท์ างกายเทา่ ไร เชน่ ธรุ กจิ ลม้ ละลาย
สอบเข้าไม่ได้ แม่ไม่ซ้ือของให้ คนรักหนีจากไป เหตุการณ์
เหลา่ นไี้ มไ่ ดท้ ำ� ใหเ้ กดิ ความทกุ ขท์ างกายเลยแมแ้ ตน่ อ้ ย แตท่ ำ� ให้
ทุกข์ใจ และท่ีทุกข์ใจก็เพราะใจมีท่าที หรือมีปฏิกิริยาต่อสิ่ง
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 43
ต่างๆ ตอ่ เร่ืองราวเหลา่ น้ีเกินเลยไป นีเ่ ป็นปัญหาของมนษุ ยใ์ น
ยคุ ปจั จบุ นั คอื ทกุ ขเ์ พราะใจของตวั เอง หรอื จะพดู ใหถ้ กู กค็ อื ทกุ ข์
เพราะการปรุงแต่งของจิต ปัญหาจะไม่เกิดถ้าหากว่าเรารู้ทัน
อาการปรงุ แต่ง หรือรูท้ นั อารมณ์ทีเ่ กิดข้ึน
จะรทู้ นั ไดอ้ ยา่ งไร กต็ อ้ งหนั กลบั มาดใู จของเรา เปน็ การ
มองแบบทวนกระแส แทนที่จะส่งจิตออกนอกก็หันกลับมา
ดูข้างในจะเห็นการปรุงแต่ง ปรุงแต่งเป็นอารมณ์ก็ดี ปรุงแต่ง
เปน็ ความคดิ กด็ ี ไมว่ า่ อารมณ ์ หรอื ความคดิ ในทางลบ ไมม่ ที าง
จะหนพี น้ หรอื คลาดจากสตไิ ด ้ เพยี งแตเ่ ราหมน่ั มองตนหรอื หนั
มาดใู จบอ่ ยๆ สตกิ จ็ ะเกดิ ขนึ้ และรทู้ นั ความรสู้ กึ นกึ คดิ ไดไ้ วขน้ึ
พูดอีกอย่างก็ได้ว่าเป็นเพราะมีสติที่ไว เราจึงสามารถย้อนกลับ
มาดใู จและเห็นอารมณท์ เ่ี กิดขนึ้ เม่ือร ู้ ใจกห็ ยุดปรุงแตง่
แตเ่ นอ่ื งจากเรามวั สง่ จติ ออกนอก ไมย่ อ้ นกลบั มาดใู จ ก็
เลยไมเ่ หน็ การปรงุ แตง่ ไมเ่ หน็ ภยั ทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ ขา้ งใน โดยเฉพาะ
เวลามอี ะไรมากระทบกบั ชวี ติ ของเรา ใจเรากจ็ ะพงุ่ ออกไปขา้ งนอก
เพราะคดิ วา่ อนั ตรายหรอื ปญั หาอยตู่ รงนน้ั ซงึ่ กม็ สี ว่ นถกู แตห่ า
ได้เฉลียวใจไม่ว่าปัญหาท่ีน่ากลัวกว่านั้นก็คืออารมณ์ที่ปรุงแต่ง
อันนี้น่ากลัวกว่า ส่ิงท่ีเกิดขึ้นกับเราไม่น่ากลัวเท่ากับว่าเรารู้สึก
กบั มนั อยา่ งไร อยา่ งน้�ำทว่ มทเี่ กดิ ขน้ึ ปนี ้ี คนจำ� นวนมากมองวา่
นำ้� ทว่ มคอื ปญั หา คอื อนั ตรายทส่ี รา้ งความเสยี หายมากมาย แต่
44
ความเสยี หายนน้ั อนั ทจ่ี รงิ เกดิ เฉพาะกบั ทรพั ยส์ มบตั ิ กบั ขา้ วของ
มนั ไมจ่ ำ� เปน็ ทเี่ ราจะตอ้ งทกุ ขใ์ จจนเครยี ด กนิ ไมไ่ ด ้ นอนไมห่ ลบั
จนความดันขึ้น แต่ที่ทุกข์อย่างน้ันก็เพราะใจไปมีปฏิกิริยาหรือ
รสู้ กึ กบั นำ้� ทว่ มมากเกนิ ไป จนไมย่ อมปลอ่ ยวาง ผลกค็ อื ไมเ่ พยี ง
น้�ำจะท่วมบ้านเท่านั้น แต่เรายังเผลอปล่อยให้น้�ำท่วมใจด้วย
บางคนนำ้� ยงั ไม่ทนั ทว่ มบ้านเลย แตก่ ็ท่วมใจไปแลว้
ท่ีจริงไม่จ�ำเป็นต้องเป็นอย่างน้ัน ถ้าหากเรามีสติรู้ทัน
ย้อนกลับมาดูใจก็จะเห็นว่าน�้ำยังไม่ท่วมบ้านเลย ใจก็เป็นทุกข์
เสยี แลว้ อนั นค้ี อื สง่ิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั คนเปน็ อนั มาก และไมไ่ ดเ้ กดิ ขนึ้
เฉพาะเวลาน�้ำทว่ ม มนั เกดิ ขนึ้ ในชวี ติ ประจ�ำวนั ทวั่ ๆ ไป ตง้ั แต่
เร่ืองเล็กๆ น้อยๆ เช่น เสียงดังรบกวน ไม่จ�ำเป็นต้องเป็น
เสียงรถยนต์ เสียงรถสิบล้อ อาจจะเป็นเสียงโทรศัพท์ที่ไพเราะ
เสียด้วยซ�้ำ พอไม่มีสติเท่าทันก็เลยเกิดความหงุดหงิดเกิด
ความเครยี ดขน้ึ มา เพราะมนั ดงั ในชว่ งเวลาทเ่ี รามองวา่ ไมเ่ หมาะ
เชน่ เรากำ� ลงั ดโู ทรทศั น ์ กำ� ลงั ใชค้ วามคดิ กำ� ลงั ฟงั ธรรมะ หรอื
ก�ำลังนั่งสมาธิ เม่ือใจเพ่งที่เสียงน้ัน ก็จะขุ่นเคือง โดยไม่รู้ว่าท่ี
ทุกข์ไม่ใช่เพราะเสียงน้ัน แต่เป็นเพราะใจปรุงแต่ง วางไว้ไม่
ถูกต้อง หรือยดึ มัน่ ถอื มัน่ เสยี งน้ัน
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 45
หลวงพอ่ ชา สภุ ทั โท พดู ไวด้ มี ากวา่ ทกุ อยา่ งทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั
เราน้ันถูกเสมอ แต่ท่ีเราทุกข์เพราะเราวางใจไว้ผิด ทุกอย่างท่ี
เกิดขึ้นกับเรานั้นถูกเสมอ หมายความว่า มันเป็นไปตามเหตุ
ตามปัจจัยที่มีอยู่ ไม่ได้ผิดไปจากเหตุปัจจัยเลย แต่เมื่อใจเรา
วางไว้ผิด คือเราไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น พยายามปฏิเสธ
พยายามผลกั ไส เรากเ็ ปน็ ทกุ ขท์ นั ท ี ถา้ เพยี งแตต่ ระหนกั วา่ มนั
มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป เท่าน้ีก็จบ อันนี้เรียกว่าวางใจไว้ถูก
เหมอื นกบั เรานงั่ มองไปทแ่ี มน่ ำ�้ เหน็ สง่ิ ของตา่ งๆ เลอ่ื นไหลผา่ น
เลยไป สิ่งต่างๆ มาแล้วก็ผ่านไป แต่เพราะใจเรามัวจดจ่ออยู่
กับสิ่งน้ัน หรือติดยึดกับบางแง่บางมุมของสิ่งนั้น เช่นเสียงที่
ดงั ในบางชว่ ง ในบางเวลา ในบางจงั หวะ จงึ อยเู่ ฉยไมไ่ ด้ ตอ้ ง
หาทางจดั การกบั เสียงน้นั
หลวงพ่อชายังพูดอีกว่า สิ่งท่ีเกิด เช่น เสียงท่ีดัง มัน
ไมไ่ ดร้ บกวนเรา แตเ่ ราตา่ งหากทไี่ ปรบกวนเสยี ง เวลาเกดิ เสยี ง
ดังแล้วทุกข์ อย่าเข้าใจว่าเสียงรบกวนเรา แต่เป็นเพราะเราไป
รบกวนเสยี งนนั้ ตา่ งหาก หมายความวา่ อยา่ งไร กห็ มายความวา่
ใจกจ็ ะมคี วามรสู้ กึ ลบตอ่ เสยี งนน้ั เกลยี ดชงั มโี ทสะกบั เสยี งนนั้
หรือพยายามผลักไส กดข่ม จัดการกบั มนั ไม่ใชด่ ้วยคำ� พดู แต่
ด้วยการคิดในใจ เพราะนึกว่าเสียงนั้นเป็นตัวปัญหา แต่หารู้ไม่
วา่ เสยี งไมใ่ ชป่ ญั หา ปญั หาอยทู่ ใ่ี จของเราทว่ี างไวไ้ มถ่ กู ตา่ งหาก
46
ถา้ เราไมห่ นั กลบั มาดใู จเราอยเู่ สมอ เรากจ็ ะไมร่ วู้ า่ จริงๆ
แล้วปัญหาที่สร้างความทุกข์ให้แก่เราน้ันอยู่ที่ใจเราตลอดเวลา
ไมใ่ ชอ่ ยทู่ สี่ ง่ิ ภายนอก คนเราเวลามคี วามทกุ ขอ์ ะไรมกั จะมองไป
ภายนอก มองทส่ี งิ่ นอกตวั เสมอ โดยหารไู้ มว่ า่ ทจ่ี รงิ แลว้ มนั อยทู่ ่ี
ตัวเองตา่ งหาก
มพี นกั งานโรงแรมคนหนงึ่ เปน็ ฝา่ ยตอ้ นรบั ประจำ� อยเู่ คาน-์
เตอร์ เช้าวันหน่ึงมีลูกค้ามาเช็คเอาท์ แกก็ถามลูกค้าว่าเป็น
อย่างไรครับ เม่ือคืนหลับสบายดีไหมครับ ลูกค้าคนน้ีก็บอกว่า
หลับสบายอะไร ผมนอนไม่หลับเลยท้ังคืน เพราะห้องข้างๆ
ทบุ ผนงั ตลอดทง้ั คนื แยม่ าก ไมม่ มี ารยาท พดู ไปกบ็ น่ ไป เสรจ็
แลว้ กอ็ อกจากโรงแรมไป สกั พกั กม็ ลี กู คา้ อกี คนหนงึ่ มาเชค็ เอาท์
พนักงานคนนี้ก็ถามว่าเป็นอย่างไรครับ เม่ือคืนหลับสบายไหม
ครบั เขาวา่ แยจ่ งั เลย หอ้ งขา้ งๆ มนั กรนทงั้ คนื ผมทบุ ผนงั เทา่
ไหร่ก็ไมห่ ยุดกรนสกั ที จนผมตอ้ งทุบทกุ ๑๕ นาที
ขนึ้ ช่ือว่าการทวนกระแสแลว้ ไมใ่ ช่เรือ่ งง่าย
บางทีกถ็ กู กระแสเดิมพดั ไปตามรอ่ งเดิม
แตเ่ ราก็อยา่ ท้อถอย ทำ� ไปเรอื่ ยๆ
ไม่ทอ้ ไมถ่ อย
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 47
คนแรกนน้ั เขามองวา่ ขา้ งหอ้ งเปน็ ปญั หา เพราะมวั แตท่ บุ
ผนังท้ังคืน แต่ท่ีจริงเขาเองต่างหากที่เป็นตัวปัญหา เพราะกรน
ท้ังคืนจนห้องข้างๆ นอนไม่หลับ บ่อยครั้งคนเราก็เป็นอย่างนี้
คอื เรามกั โทษวา่ คนอนื่ เปน็ ปญั หา ทำ� ไมด่ กี บั เรา สง่ เสยี งดงั หรอื
อะไรก็แล้วแต่ แต่เราหารู้ไม่ว่าเราเองแหละที่เป็นตัวก่อปัญหา
ตั้งแต่แรก ท�ำไมถึงไม่รู้ ไม่ใช่เพราะเราหลับ แต่เป็นเพราะเรา
ไม่รตู้ ัว เป็นเพราะเราหลง
เวลาหลงมันก็เหมือนกับหลับ ต่อเม่ือรู้ตัวจึงเรียกว่าตื่น
ไม่ใช่ว่าต้องหลับเท่านั้น ถึงจะเรียกว่าหลง บางทีตาเปิดอยู่แต่
ก็เหมอื นหลบั เพราะท�ำอะไรตอ่ อะไรดว้ ยความหลง บางทหี ลง
เพราะใจลอย พอใจลอยกเ็ รยี กวา่ ไมต่ น่ื เตม็ ท ี่ การรบั รสู้ งิ่ ตา่ งๆ
ก็จะไม่ชัด จะเบลอๆ เวลาเราท�ำวัตรสวดมนต์ ถ้าใจเราลอย
เราจะรู้สึกได้เลยว่าใจเราไม่ตื่นเต็มที่ การสวดมนต์จึงเป็นแบบ
ครึ่งหลับคร่ึงต่ืน ท�ำกิจการงานต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน แปรงฟัน
อาบน้�ำ กินข้าว โดยเฉพาะเวลากินข้าว ใจเราลอยง่ายมาก
กจ็ ะไมร่ สู้ กึ เลยวา่ เราตนื่ เตม็ อยกู่ บั การกนิ เรยี กวา่ ใจไมเ่ ตม็ รอ้ ย
กับการกิน ในชีวิตประจ�ำวันใจเราไม่ค่อยเต็มร้อยกับส่ิงต่างๆ
เพราะวา่ เราเผลอสง่ จติ ออกนอก หรอื ไมก่ ล็ อยไปตามความนกึ คดิ
ตา่ งๆ ปลอ่ ยใหค้ วามคดิ มนั ลากพาใจของเราไป ในภาวะเชน่ นนั้
เรียกว่าไมม่ ีสติ เรยี กวา่ ไมร่ ู้ตวั เรยี กวา่ จติ ไม่ตืน่
48
การมีสติก็คือการมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นอย่างเต็มร้อย
จิตตื่นเต็มอยู่กับส่ิงท่ีท�ำ หรือความเป็นไปที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
อันน้ีเรียกว่ามีสติ เรียกว่าอยู่กับปัจจุบัน เรียกว่าความรู้ตัว ซ่ึง
จะเกิดข้นึ ได้กเ็ พราะเรารเู้ ทา่ ทนั ความคิดปรงุ แต่ง และวางลงได้
แตส่ ว่ นใหญท่ เ่ี ราใจหลงใจลอยกเ็ พราะจบั ฉวยหรอื ยดึ ตดิ ความคดิ
อารมณ์ต่างๆ แล้วไม่รู้จักปล่อย ไม่รู้จักวาง นี่ก็เป็นธรรมชาติ
หรือนิสัยอย่างหน่ึงของใจเรา การปรุงแต่งน้ันเป็นเร่ืองธรรมดา
ปัญหาคือเมื่อปรุงแล้วก็จับฉวยหรือยึดติดความคิดปรุงแต่งน้ัน
ไม่ร้จู กั ปล่อย อันนี้เป็นทมี่ าของความทกุ ข์ของมนษุ ยเ์ รา
การปฏิบัติธรรมเป็นการทวนกระแสอีกลักษณะหน่ึง คือ
ทวนกระแสทชี่ อบยดึ ตดิ ถอื มน่ั ไมใ่ ชแ่ คย่ ดึ ตดิ ถอื มน่ั สง่ิ ภายนอก
ทเี่ ปน็ วตั ถรุ ปู ธรรมเทา่ นนั้ แตย่ งั ไปยดึ ตดิ สงิ่ ทป่ี รงุ แตง่ ในใจดว้ ย
อันนี้หนักมาก แต่เมื่อใดก็ตามที่เราหันมารับรู้ดูใจเห็นใจของ
ตัวเอง เห็นความคิดปรุงแต่ง ตรงนี้จะเป็นข้อต่อส�ำคัญที่ท�ำให้
เกิดการปล่อยวางได้ ถ้าไม่เห็นก็ไม่ปล่อย ถ้าไม่เห็นก็ยึด ยึด
ก็มีสองอย่าง คือยึดด้วยความอยากได้ใฝ่หา หรือเพราะอยาก
ผลกั ไส ยดึ เพราะอยากไดไ้ ขวค่ วา้ กเ็ ปน็ ธรรมดาอยแู่ ลว้ แตบ่ างคน
สงสัยว่าอยากผลักไสเป็นการยึดอย่างไร ย่ิงอยากผลักไสเท่าไร
ก็ย่ิงยึดติดถือมั่น ก็เหมือนกับเราเห็นรถขวางหน้าบ้าน เราก็
อยากจะเข็นรถนน้ั ออกไปให้พ้นบ้านและพ้นตัว แต่เวลาเราเขน็
รถตัวเราก็กลับแนบชิดกับรถคันน้ัน ย่ิงอยากจะเข็นให้มันห่าง
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 49
ไกลบา้ น หา่ งไกลตวั เทา่ ไร ตวั เรากย็ ง่ิ แนบชดิ กบั มนั อนั นเ้ี รยี ก
วา่ ย่ิงผลักไสก็ยิ่งยึดติด
ในท�ำนองเดียวกันเวลามือเราโดนของเหม็นท่ีส่งกลิ่นแรง
เช่น น้�ำปลา ปลาร้า เราไม่ชอบใช่ไหม เราอยากก�ำจัดกลิ่น
เหม็น จึงพยายามขัดถูมือให้หายเหม็น แต่พอเราล้างเสร็จเรา
ทำ� อยา่ งไร เราเอามอื มาดมใชไ่ หม ยงิ่ เหมน็ ยง่ิ ไมช่ อบกย็ ง่ิ ดม
ในท�ำนองเดียวกันยิ่งอยากผลักไสเพราะเกลียดหรือเพราะโกรธ
ก็ตาม ก็ยิ่งนึกยิ่งคิดถึงส่ิงน้ัน เราเกลียดใคร ใจเราก็จะนึกถึง
คนน้ันซ�้ำแล้วซ�้ำเล่า น่ีเรียกว่ายึดติด เพราะฉะน้ันความยึดติด
จงึ มสี องแบบ คอื ตดิ ใจ กบั ขดั ใจ ตดิ ใจเพราะชอบ ขดั ใจกเ็ พราะ
ไมช่ อบ ทง้ั คำ� วา่ “ตดิ ” และ “ขดั ” ลว้ นบง่ บอกถงึ การทส่ี องสงิ่
มาติดพันกัน ไปไหนไม่ได้ ท้ังติดใจและขัดใจ แม้เป็นอาการ
ของจิตท่ีตรงข้ามกัน คือบวกกับลบ แต่ให้ผลเหมือนกันคือไป
ไหนไมไ่ ด ้ จติ กถ็ กู ตรงึ ตรงนน้ั จะดว้ ยความชอบหรอื ดว้ ยความชงั
กแ็ ลว้ แต่
เวลาเราปฏบิ ตั ธิ รรม เราท�ำเพอ่ื ปลอ่ ย ไมใ่ ชต่ งั้ ใจปลอ่ ย
แตม่ นั เกดิ ขน้ึ เองเมอ่ื จติ รวู้ า่ กำ� ลงั ปรงุ แตง่ พอจติ รวู้ า่ เผลอปรงุ แตง่
ก็หยุด ไม่ปรุงแต่งต่อไป ก็เลยวาง ปัญหาของคนเราคือเรายึด
เอาไว้โดยไม่รู้ตัว จะด้วยความชอบหรือความชัง จะด้วยความ
ตดิ ใจหรือขดั ใจก็ตาม แตพ่ อมีสติรทู้ นั กป็ ลอ่ ยวางได้