The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

religion12

religion12

100
ใส่เข้าไปแทนท ่ี นค้ี อื สภาพทเ่ี ปน็ ธรรมดาของมนั  ถา้ เขา้ ใจกไ็ มม่ ี
ปญั หาอะไรแต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเรายึดติดมัน อยากให้มันใหม่
เสมอ  ท�ำงานได้ดีตลอดเวลา  หรือเป็นท่ีเชิดหน้าชูตาของเรา
ตรงน้ีแหละท่ีทำ� ใหร้ ถคนั นน้ั กลายมาเปน็ ตวั บบี คน้ั ใหเ้ ราเปน็ ทกุ ข์
ไมใ่ ชท่ กุ ขก์ าย แตท่ ุกข์ใจ

ฉะนนั้ ทวี่ า่ อปุ าทานขนั ธท์ งั้ หา้ เปน็ ตวั ทกุ ข์ กค็ อื มนั บบี คน้ั
กดดนั แกผ่ ทู้ ยี่ ดึ ถอื มนั  รา่ งกายนกี้ เ็ ชน่ เดยี วกนั  อยภู่ ายใตค้ วาม
กดดันบีบคั้นจากสิ่งต่างๆ  ภายในท่ีเกิดและดับตลอดเวลา
ปรากฏในรูปของความแก่  ความเจ็บ  ความป่วย  แต่ถ้าเราไม่
ยึดถือ  มันก็ไม่สามารถบีบคั้นให้เราเป็นทุกข์ได้  ป่วยก็ป่วยไป
แก่ก็แก่ไป  แต่ใจเป็นปกติผ่องแผ้ว  แต่เป็นเพราะยึดติดถือม่ัน
ว่ามันต้องแข็งแรง  ต้องสวยต้องงาม  ต้องมีสุขภาพดี  ซึ่งเป็น
การต้ังจิตที่สวนทางกับความจริง  ขัดแย้งกับความจริงของ
ร่างกายน้ีเอง  เพราะฉะน้ันร่างกายก็เลยบีบค้ันเราให้เป็นทุกข์
คือทุกข์ใจ  แต่ถ้าเราไม่ยึดติดถือมั่น  คือไม่มีอุปาทานในส่ิง
เหล่าน้ี  จะเป็นรถยนต์  จะเป็นร่างกายก็ดี  ถึงเวลาเส่ือมสลาย
ตามเหตปุ ัจจัยของมัน กไ็ มส่ ามารถบีบคัน้ จติ ใจเราได้

นเี่ ปน็ สง่ิ ทเ่ี ราควรทำ� ความเขา้ ใจ ทแี รกเปน็ ความเขา้ ใจใน
ระดับความคิด  ก็ต้องพิจารณาจนเห็นหรือรู้สึกได้ด้วยใจ  ไม่ได้
พจิ ารณาทไี่ หน กพ็ จิ ารณาทก่ี ายทใี่ จของเราจนเหน็ ความจรงิ วา่

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 101
มันไม่สามารถเป็นท่ีพ่ึงพาอาศัย  ที่เราจะวางใจหรือผูกใจไว้ได้
ถ้าเราเอาใจไปผูกอิงพิงมันเม่ือไหร่เราก็ทุกข์  ไม่วันนี้ก็วันหน้า
เหมือนกับเราพิงเสา  บังเอิญเสาน้ีเป็นเสาที่ผุพัง  ไม่สามารถจะ
เปน็ ทพ่ี ง่ึ พงิ ใหใ้ ครไดจ้ รงิ  เพราะตวั มนั เองกเ็ อาตวั ไมร่ อดเหมอื นกนั
พอเสาหกั  เรากล็ ม้ ควำ�่ กระแทกพน้ื อยา่ งแรง นเ่ี ปน็ เพราะเราพงิ
สงิ่ ทไ่ี มส่ ามารถเปน็ ทพ่ี งึ่ พงิ ใหก้ บั ใครไดเ้ ลย มนั อาจจะใหเ้ ราพงิ
ได้ช่ัวคราว  แต่พอมันพัง  เราก็เสียหลัก  กระแทกพ้ืน  ผลคือ
เจ็บตัว  คนส่วนใหญ่ไม่ได้เอาตัวพิง  แต่เอาใจไปพ่ึงพิงสิ่งต่างๆ
พอมนั พงั  ใจเรากเ็ จบ็ เทา่ นนั้  เจบ็ มาก เจบ็ นอ้ ย เจบ็ นาน เจบ็ สน้ั
กแ็ ล้วแต่

เมอ่ื ไรกต็ ามทเี่ รามปี ญั ญารชู้ ดั วา่ สงิ่ ทงั้ ปวงไมส่ ามารถเปน็
ที่พึ่งพิงให้แก่ใครได้  เราก็จะเลิกเอาใจไปพ่ึงพิง  ก็คือเลิกหวัง
เลกิ ยดึ  เลกิ เอาความสขุ ไปฝากไว ้ ใจกจ็ ะเปน็ อสิ ระ ความปลอด
โปรง่  ไมท่ กุ ข ์ สภาวะดงั กลา่ วจะเกดิ ขน้ึ ไดก้ ต็ อ้ งอาศยั การประสบ
สัมผัสกับความทุกข์บ่อยๆ  แต่เม่ือประสบแล้วก็ไม่ปล่อยใจให้
ความทุกข์ครอบง�ำ  เราเป็นเพียงผู้ดู  ผู้เห็นความทุกข์  ก็จะเกิด
ปัญญาขนึ้ ได้ในทส่ี ุด

ฉะนนั้ เมอื่ เจอความทกุ ข ์ เราอยา่ มวั รำ่� ไรรำ� พนั  ตอ้ งหนั มา
ตั้งหลกั ให้ดี และดอู าการของใจ อย่างเชน่ อากาศหนาวอย่างน้ี
ตอ้ งถอื เปน็ ขอ้ ดี คอื เปน็ การบา้ นใหเ้ ราไดฝ้ กึ สติ รสู้ กึ หนาวกใ็ ห้

102
มาดูใจ  ดูกายของเราว่าเป็นอย่างไร  กายมันมีปฏิกิริยาอย่างไร
ต่อความหนาว  ดูเวทนาเกิดข้ึน  เวทนาก็คือทุกข์  แต่ใหม่ๆ  ดู
เวทนายาก ควรดใู จกอ่ น ดใู จวา่ รสู้ กึ อยา่ งไรตอ่ ความหนาว มนั
รู้สึกเป็นลบต่อความหนาวใช่ไหม  มันบ่น  โวยวาย  หรือมีโทสะ
เกดิ ขน้ึ ไหม เมอื่ เราเหน็ มนั  โทสะกห็ ายใป ใจกส็ งบได ้ อากาศ
หนาวแมต้ วั จะเกร็ง แต่ใจเป็นปกตไิ ด ้ ทกุ ขเวทนายงั ปรากฏอยู่
แตใ่ จไมท่ กุ ข ์ เวลาอากาศรอ้ นกเ็ ชน่ เดยี วกนั  กายมปี ฏกิ ริ ยิ าอยา่ งไร
กบั ความรอ้ น มนั มเี หงอ่ื  รา่ งกายเฉอะแฉะเพราะคราบเหงอื่  แลว้
ใจล่ะเป็นอย่างไร  ใจรู้สึกต่อต้าน  ปฏิเสธ  ตีโพยตีพายใช่ไหม
แต่เม่ือเราเห็นใจมีอาการอย่างนั้น  ความรู้ตัวกลับมา  ใจก็สงบ
กลบั มาเปน็ ปกติ กายยงั รอ้ นอยแู่ ตใ่ จไมท่ กุ ข์ ทกุ ขเวทนากย็ งั มี
อย ู่ แตใ่ จไมห่ วนั่ ไหวกระเพอ่ื มเพราะทกุ ขเวทนานนั้  อนั นแี้ หละ
ท่ีท่านโดเก็นพูดว่า  ให้ท�ำตัวเป็นพระพุทธเจ้าร้อน  พระพุทธเจ้า
เยน็  คอื ยังรสู้ ึกถงึ ความร้อน รสู้ กึ ถึงความหนาว แต่ใจสงบเยน็
เปน็ ผรู้  ู้ ผูต้ นื่  ผูเ้ บกิ บาน

ทกุ ขเวทนาตา่ งๆ สามารถเปน็ การบา้ นใหเ้ ราฝกึ เปน็ ผดู้ ู
เดก็ ๆ กฝ็ กึ ได ้ สอนได ้ แนะนำ� ได ้ มเี ดก็ คนหนง่ึ อาย ุ ๓-๔ ขวบ
เขาเปน็ คนกลวั โปะ๊ ขา้ มแมน่ ำ้� มาก เวลาพอ่ อมุ้ ลกู ขน้ึ เรอื ขา้ มแมน่ ำ�้
หรอื เรอื ดว่ น เดก็ จะกลวั มาก ดนิ้ อยา่ งแรง ไมย่ อมลงโปะ๊  เปน็
อยา่ งนอ้ี ยบู่ อ่ ยๆ พอ่ ไมร่ จู้ ะทำ� อยา่ งไร พยายามจะอธบิ ายใหล้ กู
ฟังว่า  ลูกไม่ต้องกลัว  พ่ออยู่กับลูกแล้ว  โป๊ะไม่มีอะไรน่ากลัว

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 103
ไม่อันตรายอะไร  มันแน่นหนา  เด็กก็ไม่ฟัง  ดิ้นอย่างเดียว  พ่อ
ไมร่ จู้ ะทำ� อยา่ งไร วนั หนง่ึ ไดฟ้ งั เรอ่ื งราวของเพอื่ นคนหนงึ่ ทสี่ อน
ลูกให้เห็นความโกรธ  พอเด็กเห็นความโกรธแล้ว  ความโกรธก็
หายไป เขาอยากเอามาใชก้ บั ลกู ของตัวบ้าง

วนั หนงึ่ พอ่ ทดลองอมุ้ ลกู ไปทโี่ ปะ๊  พออยบู่ นโปะ๊ ลกู กก็ ลวั
ด้ินใหญ่  ร้องไห้ขอให้พ่อเดินออกจากโป๊ะไป  คราวน้ีแทนที่พ่อ
จะบอกลูกว่า  ลูกไม่ต้องกลัว  ก็ถามลูกว่า  ลูกรู้สึกอย่างไร  ลูก
กลัวใชไ่ หม เด็กตอบว่ากลัว พ่อถามต่อว่า กลัวแล้วเป็นยังไง
รา่ งกายเปน็ อยา่ งไร เดก็ ตอบวา่  หวั ใจเตน้ เรว็  ขนลกุ  พอ่ กบ็ อก
ใหล้ กู รบั รอู้ าการของกาย และความรสู้ กึ ทใี่ จ สกั พกั เดก็ กห็ ยดุ ดนิ้
แลว้ ปลอ่ ยมอื ลงมายนื อยบู่ นโปะ๊  คราวนไี้ มก่ ลวั แลว้  วงิ่ เลน่ บนโปะ๊
เหมือนเดก็ ทัว่ ไป นบั แตน่ น้ั มาเดก็ คนนั้นก็ไมก่ ลัวโปะ๊ อีกเลย

อนั นเ้ี ปน็ ตวั อยา่ งวา่  เพยี งแคม่ สี ตเิ หน็ ความกลวั  ความกลวั
ก็ทนอยู่ไม่ได้  ความกลัวเป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง  ความโกรธ
ความเศรา้  กเ็ ชน่ เดยี วกนั  เพยี งแตเ่ รามสี ตเิ หน็ มนั  หรอื เหน็ อาการ
ของใจท่ีมีปฏิกิริยาต่อสิ่งต่างๆ  ต่อความพลัดพรากจากส่ิงท่ีรัก
ประสบกบั ส่ิงทไ่ี มร่ ัก เม่อื เรามีสตเิ หน็ อาการของใจแบบน้ัน ใจ
กส็ งบได ้ จะทำ� อยา่ งนไี้ ดก้ ต็ อ้ งฝกึ จากของจรงิ  จากการเจอทกุ ข์
คนเรามกั พยายามหนที กุ ขท์ เี่ กดิ ขนึ้ ในชวี ติ ประจำ� วนั  กเ็ ลยไมไ่ ด้
เรียนรู้จากความทุกข์อย่างผู้มีปัญญา  แต่ถ้าเราสามารถเรียนรู้

104
หรอื รจู้ กั ความทกุ ขด์  ี เรากส็ ามารถอยกู่ บั ทกุ ขไ์ ดโ้ ดยทใ่ี จไมท่ กุ ข์
ด้วย

ฉะน้ันเราควรหาโอกาสเข้าไปรู้จักความทุกข์  อย่าหนีมัน
เขา้ หาทกุ ขเ์ พอื่ รจู้ กั ทกุ ข ์ เพอื่ ฝกึ ใจใหส้ ามารถเหน็ ความทกุ ขด์ ว้ ย
สตจิ นเกดิ ปญั ญาขนึ้ มา อยา่ หน ี อยา่ เลย่ี งโอกาส ถา้ หากวา่ สบาย
มากไป ไมค่ อ่ ยมที กุ ข ์ กต็ อ้ งหาเรอ่ื งเขา้ หาทกุ ขบ์ า้ ง ยงิ่ เราเชอ่ื วา่
ความทุกข์นั้นเป็นตัวเกื้อหนุนให้เกิดปัญญา  เหมือนโคลนตมท่ี
ชว่ ยให้ดอกบวั งอกงาม เราก็มคี วามมัน่ ใจทีจ่ ะเรยี นรจู้ ากทุกข์

อกี ไมก่ ว่ี นั ทนี่ จี่ ะมกี ารเดนิ ธรรมยาตราซงึ่ จดั ทกุ ป ี นอกจาก
เพอ่ื รณรงคเ์ รอ่ื งสง่ิ แวดลอ้ มบนเทอื กเขานแ้ี ลว้  ยงั เปน็ โอกาสฝกึ
สต ิ เปน็ การเรยี นรทู้ จี่ ะอยกู่ บั ความทกุ ข ์ ไมว่ า่ อากาศรอ้ น ลมหนาว
เดนิ กลางแดด ถา้ มองอยา่ งคนทวั่ ๆ ไป การทำ� อยา่ งนกี้ ค็ อื การ
หาเรอ่ื งใหต้ วั เองเปน็ ทกุ ข ์ แตท่ จ่ี รงิ ไมใ่ ช ่ มนั เปน็ แคก่ ารหาโอกาส
ไปเจอทุกข์ ไม่ใช่เพ่ือทรมานตัวเอง แต่เพื่อฝึกให้เราอยู่กับ
ความทกุ ขไ์ ด้โดยใจไม่ทุกข์ อยู่กับความร้อนได้โดยใจไม่ทุกข์
อยู่กับความหนาวได้โดยใจไม่ทุกข์  แม้เหน่ือยก็เหนื่อยแต่กาย
ส่วนใจเบิกบาน  ร้อนแต่กาย  ใจสงบเย็น  น้ีเป็นเวทีอย่างหน่ึง
ในการรจู้ กั ทกุ ขเ์ รยี นรทู้ จ่ี ะอยกู่ บั ความทกุ ข ์ โดยใจไมท่ กุ ข ์ นเี้ ปน็
ศิลปะอย่างหนึ่งในการด�ำเนินชีวิตเลยทีเดียว  คือเผชิญกับ
ความทกุ ข์โดยใจไม่ทุกข์

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 105
ถึงอย่างไรเราก็หนีความทุกข์ไม่พ้นอยู่แล้ว  ไม่ว่าจะเป็น
ความแก ่ ความเจบ็  ความปว่ ย ความพลดั พรากสญู เสยี  รวมทง้ั
ความตาย ถา้ เราอยกู่ บั มนั ได ้ เปน็ มติ รกบั มนั ได ้ เรากจ็ ะเปน็ สขุ
ใจเปน็ ปกต ิ กเ็ หมอื นความเหงา ความเบอ่ื  ทผี่ คู้ นมกั จะหนกี นั  เรา
กเ็ ลยไมร่ จู้ ักทจ่ี ะอยกู่ ับความเหงากบั ความเบื่อด้วยใจท่ีปกติได้

ทจ่ี รงิ การปฏบิ ตั ธิ รรมนน้ั ไมใ่ ชเ่ พอื่ ใหใ้ จพบกบั ความสงบ
หรอื ความสขุ เทา่ นน้ั  แตย่ งั เพอ่ื ใหเ้ ราสามารถอยกู่ บั ความไมส่ งบ
และไมส่ ขุ ได ้ โดยใจไมท่ กุ ข ์ จะหวงั ใหช้ วี ติ ของเราสงบราบเรยี บ
ตลอดเวลา  เป็นไปไม่ได้  เราท�ำได้แค่บางช่วงบางขณะ  แต่
สว่ นใหญแ่ ลว้ กต็ อ้ งเจอความไมส่ งบไมร่ าบรนื่  อยา่ งบทสวดมนต์
ทำ� วตั รตอนหนง่ึ ทวี่ า่  “พวกเราถกู ความทกุ ขห์ ยงั่ เอาแลว้  มคี วาม
ทกุ ขเ์ ปน็ เบอื้ งหนา้ แลว้ ” ถงึ อยา่ งไรกต็ อ้ งเจอความทกุ ข์ แตเ่ จอ
แล้วท�ำอย่างไรถึงจะไม่ทุกข์  อยู่กับมันได้ด้วยใจสงบ  อยู่กับ
ความเจ็บปวดได้  อยู่กับความพลัดพรากสูญเสียได้  ก็ต้องรู้จัก
ทุกข์  มีสติดูทุกข์  มีสติรู้ใจในยามเกิดทุกข์  และมีปัญญาเห็น
ความทุกข์  จนปล่อยวางหรือวางใจถูกต้องได้  อันน้ีเป็นโจทย์
ขอ้ ใหญข่ องชวี ติ  หากเราทำ� ไดก้ จ็ ะอยใู่ นโลกทผี่ นั ผวนปรวนแปร
ได้ด้วยใจท่ีปกติ  ผ่องแผ้วเหมือนดอกบัวที่น้�ำไม่อาจแปดเปื้อน
แมจ้ ะเกดิ จากตมแต่ก็พน้ โคลนตมได้



พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 107

๑๐

ไ ม่ ยึ ด ทั้ ง บ ว ก แ ล ะ ล บ

อย่าคิดว่าเฉพาะอารมณ์ท่ีเป็นลบเท่านั้นท่ีเป็นเสมือนงูพิษ
อารมณท์ เี่ ปน็ บวกกเ็ ปน็ งพู ษิ เชน่ กนั  ถา้ ยดึ ตดิ  กเ็ ปน็ ทกุ ขท์ งั้ นน้ั
เพราะว่าอารมณ์ไม่ว่าลบหรือบวกล้วนเป็นทุกข์  ทุกข์อันหลังน้ี
หมายถึงทุกข์ในไตรลักษณ์  คือมีความกดดันบีบค้ันในตัว  ไม่
สามารถคงอยใู่ นสภาวะเดมิ ได ้ ตอ้ งเสอ่ื มสลายไปในทส่ี ดุ  ฉะนน้ั
อารมณท์ เ่ี ปน็ บวก ถา้ เรายดึ ตดิ หรอื หมายมน่ั ครอบครองมนั  เรา
ก็จะเป็นทุกข์  ทุกข์ตรงนี้หมายถึงทุกข์ในอริยสัจ  คือ  ทุกข์ใจ
เพยี งแต่อาจจะทกุ ข์ชา้ กวา่ อารมณท์ เ่ี ป็นลบ

108
หลวงพอ่ ชา สภุ ทั โท กลา่ ววา่  ความทกุ ขก์ เ็ หมอื นกบั หวั งู

ไปจบั มนั  มนั กก็ ดั  ความสขุ  กเ็ ปรยี บเหมอื นกบั หางง ู จบั หางงู
กใ็ ชว่ า่ จะปลอดภยั  เพราะถา้ วางไมท่ นั มนั กแ็ วง้ กดั  เพราะฉะนนั้
ทา่ นจงึ พดู รวมๆ วา่ อารมณท์ ง้ั หลายเหมอื นกบั งพู ษิ  ไมเ่ กยี่ วขอ้ ง
กับมันเป็นด ี คอื ปล่อยให้มันเล้ือยตามธรรมชาติของมัน เดี๋ยว
มนั กผ็ า่ นไปเอง เพราะฉะนนั้ คนฉลาดเมอื่ เจอสงิ่ ชอบใจกป็ ลอ่ ย
ไม่ชอบใจกป็ ล่อย ไมจ่ บั ฉวยหรือยดึ เอาไว้

เมอื่ วานพดู ถงึ ทา่ นเวย่ หลางทเ่ี ปน็ เดก็ ตดั ฟนื แตบ่ รรลธุ รรม
เม่ือได้ฟังคนสาธยายบทสวดมนต์

โดยเฉพาะข้อความท่ีว่า  “พึงท�ำจิตมิให้ยึดม่ันในทุกส่ิง”
พอทา่ นไดย้ นิ ไดฟ้ งั แคป่ ระโยคนที้ า่ นกบ็ รรลธุ รรม เพราะเปน็ การ
สอนถงึ วธิ พี น้ ทกุ ขท์ ต่ี รงลดั สน้ั  นเ่ี ปน็ หลกั เดยี วกบั ทพี่ ระพทุ ธเจา้
สอนพระนนั ทยิ ะ มคี นถามพระนนั ทยิ ะวา่  พระพทุ ธเจา้ สอนอะไร
ทา่ น พระนนั ทยิ ะกต็ อบวา่  “พระพทุ ธเจา้ สอนวา่ ใหป้ ลอ่ ย ใหว้ าง
ทงั้ ขา้ งหนา้  ขา้ งหลงั  และทา่ มกลาง มใิ หต้ ดิ อยใู่ นอารมณอ์ นั เปน็
อดตี  อนาคตและปจั จบุ นั  อารมณท์ พี่ อใจหรอื ไมพ่ อใจอนั ใดเกดิ ขนึ้
จงปลอ่ ยจงวางใหเ้ ปน็ กองๆ ไว ้ ณ ทนี่ น้ั  อยา่ นำ� มาเกบ็ ไวแ้ บกไว”้
ทจ่ี รงิ พระพทุ ธเจา้ สอนมากกวา่ น ้ี พระองคส์ อนตอ่ ไปวา่  “เขาดา่
วา่ เราบนบก จงกองคำ� ดา่ วา่ นน้ั ไวบ้ นบก อยา่ นำ� ตดิ ไปในนำ้� ดว้ ย
เขาด่าว่าเราในน้�ำ  จงกองค�ำด่าว่านั้นไว้ในน�้ำ  อย่าน�ำติดตัวมา

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 109
บนบก หรือเขาดา่ วา่ ในเมือง ก็จงกองคำ� ดา่ น้ันไว้ในเมอื ง”

ไม่ใช่แค่ค�ำต�ำหนิอย่างเดียว  ค�ำชมก็เหมือนกัน  ใครชม
เราตรงไหนกว็ างตรงนนั้  เพราะถา้ เคลบิ เคลมิ้ หลงใหลกบั มนั กเ็ ปน็
ทกุ ข ์ คอื พอเขาไมช่ มกท็ กุ ข ์ ยง่ิ ชมมากเรากย็ งิ่ ตดิ  พอเขาชมนอ้ ย
เรากท็ กุ ข ์ ถา้ ไมช่ มเลยกเ็ ปน็ ทกุ ข ์ ทงั้ ๆ ทเี่ ขายงั ไมถ่ งึ กบั ตำ� หนเิ ลย
ดว้ ยเหตนุ พ้ี ระพทุ ธเจา้ จงึ สอนพระนนั ทยิ ะใหว้ างทงั้ อารมณท์ ช่ี อบใจ
และไม่ชอบใจ วางในทน่ี ไี้ มไ่ ดห้ มายความวา่ ไมร่ บั ร้ ู รบั รแู้ ตไ่ ม่
ยดึ ตดิ  เพราะคนเราจะทำ� อะไรไดก้ ต็ อ้ งรบั รอู้ ารมณป์ จั จบุ นั  แต่
ก็ควรมีสติตามรู้โดยไม่เข้าไปยึดติด  ซ่ึงไม่ได้หมายถึงอารมณ์
ภายนอกอยา่ งเดยี ว อารมณภ์ ายในคอื สง่ิ ทปี่ รงุ ขน้ึ มาในใจกเ็ ชน่ กนั
นเ่ี ปน็ ค�ำสอนท่ผี ู้รู้และครบู าอาจารย์ ท่านสอนกันมาตลอด

อยา่ งทพ่ี ดู เมอื่ วาน อาจารยก์ ำ� พลแนะนำ� วา่  ถา้ เราไมไ่ ป
ท�ำอะไรจิต  จิตก็ไม่ท�ำอะไรเรา  ก็เหมือนกับงูพิษ  ถ้าเราไม่ไป
ท�ำอะไรมัน  มันก็ไม่ท�ำอะไรเรา  หรือท่ีท่านอาจารย์ปราโมทย์
ปาโมชฺโช  บอกว่า  จิตปรุงแต่งก็ช่างมัน  อย่าไปปรุงแต่งจิต
กแ็ ลว้ กนั  นเ่ี ปน็ หลกั เปน็ สากล แตว่ า่ พดู กนั คนละสำ� นวน ใจความ
เหมือนกันหมด  เพราะฉะนั้นถ้าเราท�ำความเข้าใจกับค�ำสอน
ส่วนน้ี  และปฏิบัติให้ได้ก็จะช่วยเราได้มาก  ท�ำให้ใจสงบ  และ
สว่าง คอื เกิดปญั ญาได้ในที่สดุ



พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 111

๑๑

ทํ า ส บ า ย ๆ

บางคนอาจเร่ิมนับถอยหลังแล้ว  เพราะอยากกลับบ้าน  คิดถึง
ลกู  คดิ ถงึ หอ้ งครวั  คดิ ถงึ หมา คดิ ถงึ เฟซบคุ๊  หรอื อะไรกแ็ ลว้ แต่
ก็ให้ดูใจท่ีเร่ิมนับถอยหลัง  หรือดูใจที่อยากจะคุย  เพราะรู้สึก
เครยี ดอยากจะผอ่ นคลาย รวมทง้ั ความรสู้ กึ เคลม้ิ ๆ ทจ่ี ะไดก้ ลบั
บา้ น ซง่ึ ทำ� ใหเ้ ราอาจจะเผลอพดู คยุ กนั  กใ็ หเ้ ราตง้ั สตใิ หด้  ี คยุ กนั
ให้น้อย เทา่ ท่ีจ�ำเป็น

112
คำ� ถาม  ทำ� ไมหลวงพอ่ ปราโมทยถ์ งึ บอกวา่ ทที่ า่ นไปเหน็ หลวงพอ่
เทยี นสอนปฏบิ ตั แิ ลว้ ทา่ นบอกวา่ คนอนื่ เพง่ ใสม่ อื หมด มหี ลวงพอ่
เทยี นองคเ์ ดยี วทไี่ มไ่ ดเ้ พง่  มเี พอ่ื นหลายคนทไ่ี มก่ ลา้ ใชว้ ธิ ปี ฏบิ ตั ิ
อย่างนีเ้ พราะว่ากลัวจะเพง่  มีส่วนท่ีท�ำให้เพง่ ง่ายหรอื เปล่าคะ

พระไพศาล  ทเ่ี พง่ กเ็ พราะอยากใหจ้ ติ สงบ หลวงพอ่ เทยี นทา่ น
เน้นอยู่เสมอว่าให้ท�ำเล่นๆ  เพราะส่วนใหญ่จะท�ำจริงๆ  ท�ำจริง
คอื ทำ� ใจเกนิ รอ้ ย เกนิ รอ้ ยคอื เกนิ ปกต ิ คอื ถา้ มคี วามรสู้ กึ ตวั  จติ
จะเป็นธรรมชาติ  สบายๆ  ความมีสติ  ความรู้สึกตัว  เป็นภาวะ
ทส่ี บายๆ โปรง่ เบา ปกต ิ ในภาวะนนั้ จติ จะเตม็ ตน่ื  คอื เตม็ รอ้ ย
สว่ นใหญจ่ ะไมถ่ งึ รอ้ ย อาจจะหา้ สบิ  เพราะใจลอย หรอื อาจจะ
ไมถ่ งึ หา้ สบิ ดว้ ยซำ้�  คอื ทำ� แบบสะลมึ สะลอื  เวลายกมอื กย็ กแบบ
ใจลอย เพราะไมร่ ตู้ วั  อนั นเ้ี รยี กวา่ ใจไมต่ นื่  หรอื หลบั ๆ ตน่ื ๆ ถา้
ปฏบิ ตั สิ บายๆ บางชว่ งจะมสี ตขิ นึ้ มา อนั นน้ั คอื ใจทตี่ น่ื  อยกู่ บั
การเคลอื่ นไหว อยกู่ บั การปฏบิ ตั  ิ แตว่ า่ คนทป่ี ฏบิ ตั  ิ ตง้ั ใจมากๆ
ใจมันจะเกินร้อยก็คือ  จะเพ่ง  จะจ้องเกินปกติ  เพราะอยากให้
จติ สงบ และทนไมไ่ ดท้ จ่ี ติ มนั วา้ วนุ่  กเ็ ลยอยากควบคมุ จติ ใหส้ งบ
ไมส่ ามารถทจี่ ะดมู นั เฉยๆ ได ้ อยา่ งทท่ี า่ นอาจารยป์ ราโมทยใ์ ช้
คำ� วา่ ใจเปน็ กลาง ถา้ ใจไมย่ อมเปน็ กลางกบั อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้  ก็
จะเข้าไปแทรกแซง  อย่างหนึ่งก็คือกดข่มความคิด  อย่างท่ีสอง
ก็คือจ้องหรือบังคับจิต  นักปฏิบัติจ�ำนวนมากเป็นอย่างนั้น  แม้
กระทง่ั อาตมาตอนทป่ี ฏบิ ตั กิ บั หลวงพอ่ เทยี นใหมๆ่  กเ็ ปน็ แบบนนั้

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 113
เหมอื นกนั  หลวงพอ่ เทยี นบอกใหท้ ำ� เลน่ ๆ แตท่ ำ� จรงิ ๆ ทำ� เลน่ ๆ
กค็ อื ทำ� ใจสบาย ไมห่ วงั ผล แตว่ า่ ทำ� จรงิ ๆ คอื ทำ� ไมห่ ยดุ  คนทว่ั ไป
มกั จะทำ� แบบนไี้ มค่ อ่ ยได ้ คอื ทำ� เลน่ ๆ แตว่ า่ ทำ� ไมห่ ยดุ  สว่ นใหญ่
ถา้ ทำ� เลน่ ๆ กท็ ำ� แบบเหลาะแหละ ทำ� ไป หยดุ ไป ถา้ จะทำ� แบบ
ต่อเนื่องกต็ ้องเพ่ง ต้องจอ้ ง 
คำ� ถาม  ถ้ามสี ติกจ็ ะร้เู องใช่ไหมครับ อยา่ งการยกอย่างนี ้ ถา้
ถกู จังหวะ กจ็ ะรู้เองว่าตอนนสี้ ตพิ อดีรอ้ ย
พระไพศาล  สตคิ อื ความระลกึ ได ้ เมอื่ ใจเราเผลอไปคดิ โนน่ คดิ น่ี
แลว้ ระลกึ ขนึ้ ไดว้ า่ กำ� ลงั ยกมอื  สตกิ จ็ ะดงึ จติ กลบั มา เมอื่ กลบั มา
ความรู้ตัวก็จะเกิดขึ้น  ความรู้ตัวเกิดข้ึนตามหลังความระลึกได้
เมอ่ื ระลกึ ไดว้ า่ กำ� ลงั ทำ� อะไรอย ู่ พอจติ กลบั มาอยกู่ บั ตวั กเ็ กดิ ความ
รู้ตัว  ความรู้ตัวเป็นธรรมชาติ  ไม่ได้ต้ังใจ  แต่เกิดข้ึนเอง  ถ้า
บงั คบั จติ เมอื่ ไร นน่ั ไมใ่ ชค่ วามรตู้ วั  มนั จะเปน็ การเพง่  เปน็ การ
เกรง็ ไป เหมอื นเวลาเราฟงั คนพดู  เคยสงั เกตไหม ถา้ เราฟงั สบายๆ
เราจะฟังเข้าใจว่าเขาพูดอะไร  แต่ถ้าฟังอย่างจดจ่อทุกค�ำพูด
คณุ จะฟงั ไมร่ เู้ รอื่ ง คณุ จะฟงั ไมเ่ ขา้ ใจทง้ั ประโยคทเ่ี ขาพดู  แตถ่ า้
คณุ ไมต่ ง้ั ใจฟงั เลย คณุ กไ็ มร่ เู้ รอื่ งเหมอื นกนั  เพราะฉะนน้ั จรงิ ๆ แลว้
ในชวี ติ ประจำ� วนั เรามสี ตอิ ยกู่ บั การฟงั อยา่ งเปน็ ธรรมชาตอิ ยแู่ ลว้
แตพ่ อเราเตมิ ความตง้ั ใจเกนิ ไปเรากฟ็ งั ไมร่ เู้ รอื่ งแลว้  อาตมาเคย
ทำ� อยา่ งนตี้ อนเจรญิ สตใิ หมๆ่  มเี พอื่ นมาคยุ ดว้ ย อาตมากจ็ ดจอ่

114
ฟังเขาทุกค�ำพูด  ปรากฏว่าฟังแทบไม่รู้เร่ืองเลย  ก็เลยต้อง
ปลอ่ ยใจผอ่ นคลาย เมอื่ ผอ่ นคลายแลว้ กจ็ ะเขา้ ใจวา่ เขาพดู อะไร
แตถ่ ้าคลายเกนิ ไปกไ็ มเ่ ขา้ ใจ เพราะใจลอยไปไหนกไ็ ม่รู้ ดงั นั้น
จงึ ตอ้ งวางใจพอดีๆ ตรงกลางๆ
คำ� ถาม  วนั นก้ี พ็ อใจคดิ  ตอนแรกกพ็ ยายามไปกดวา่  ไมค่ ดิ ๆ
ตอนน้ีมนั จะคดิ กเ็ รอ่ื งของมนั ก็ดูมนั  กร็ ้สู กึ ว่ามนั ไม่เครยี ด
พระไพศาล  ควรใหใ้ จทำ� งานอยา่ งเปน็ ธรรมชาต ิ ถา้ จะเผลอบา้ ง
ก็ไม่เป็นไร  ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการลองผิดลองถูก  ใจก็จะ
กลับมาไวข้นึ
คำ� ถาม  พอร ู้ มนั ก็เลิกคดิ เอง
พระไพศาล  อาตมาเปรยี บเทยี บเหมอื นกบั วา่ เราอยใู่ นบา้ น ประตู
บา้ นเราเปดิ  แตเ่ รากท็ ำ� อะไรของเราไป ลา้ งจาน ถบู า้ น แตพ่ อ
มีคนเข้ามาในบา้ น เรากร็  ู้
คำ� ถาม  เราไม่ได้ไปทำ� อะไรกบั เขา
พระไพศาล   เพียงแค่เขารู้ว่าเรารู้  ถ้าเขาเป็นโขมย  เขาก็ไป
เราไมต่ อ้ งไปไลเ่ ขา ขณะเดยี วกนั ถา้ เขายงั ไมม่ า เรากไ็ มต่ อ้ งไป

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 115
มัวจ้องมองหน้าบ้านตลอดเวลา  เวลาล้างจานก็ไม่ต้องเอาหูไป
จดจอ่ ทปี่ ระตบู า้ นวา่ มใี ครเขา้ มาหรอื เปลา่  ถา้ เราทำ� อยา่ งน ้ี การ
ลา้ งจานของเรากไ็ มเ่ ปน็ เรอื่ งเปน็ ราว ตอนทเ่ี ราลา้ งจานเรากล็ า้ ง
อยา่ งมสี ต ิ ใจอยกู่ บั การลา้ งจาน แตพ่ อมคี นเขา้ มา เรากร็ ทู้ นั ที
แตใ่ หมๆ่  เรายงั ไมร่ หู้ รอก เขามาถงึ ตวั แลว้  หรอื ไปถงึ หอ้ งนอน
แล้ว  เราถึงเพ่ิงรู้ว่าเขาเข้ามา  ใหม่ๆ  เป็นอย่างนั้น  แต่ต่อไปๆ
ประสาทรบั รขู้ องเราจะไวขน้ึ  เราลา้ งจาน ถบู า้ น พอมคี นเดนิ ผา่ น
ประตบู า้ นเขา้ มา ยังไมท่ นั ถึงตวั เรา เรากร็ ู้แล้ว ต่อไปเรากจ็ ะรู้
ไวข้ึน  แค่เขาก้าวเข้ามาไม่กี่ก้าว  เราก็รู้เพราะประสาทรับรู้ของ
เราไว 

ฉันใดก็ฉันน้ัน  เราไม่จ�ำเป็นต้องจ้องดูความคิด  บางคน
จะดกั ดคู วามคดิ  เพราะไมอ่ ยากใหค้ วามคดิ ออกมา พอไปดกั ดู
จะรสู้ กึ เครยี ดเลย ระหวา่ งทยี่ กมอื  กย็ กฟรๆี  คอื ไมร่ ตู้ วั  แตว่ า่
ระหวา่ งทเ่ี รายกมอื  หรอื ตามลมหายใจ ใจกอ็ ยกู่ บั การยกมอื หรอื
หายใจ  พอมีความคิดเกิดขึ้นก็รู้ทัน  ไม่มีความคิดเกิดขึ้น  ใจก็
อยู่กับลมหายใจ  อยู่กับการเคล่ือนไหว  มีความคิดเกิดข้ึนก็รู้
คอื เอากายเปน็ ฐาน หรอื เปน็ เครอ่ื งอยขู่ องใจ อยา่ ทำ� ดว้ ยความ
ตง้ั ใจเกนิ รอ้ ย หรอื วา่ คอยดกั ดคู วามคดิ  จะทำ� ใหเ้ ราไมม่ สี ตอิ ยู่
กับกาย ขอใหท้ ำ� ดว้ ยความรู้ตัว



พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 117

๑๒

ม อ ง ชี วิ ต  ย ก จ ิ ต ใ จ

หน้าผาน้ีเป็นจุดที่อาตมาชอบมาสัมผัสและช่ืนชมธรรมชาติ
มาเจอครง้ั แรกประมาณเดอื นพฤศจกิ ายน ป ี ๒๕๓๓ ปนี นั้ เปน็
พรรษาแรกที่มาจ�ำพรรษาที่ภูหลง  ออกพรรษาแล้วพักใหญ่ก็มา
สำ� รวจปา่  ลงจากภหู ลงลงมาตามทางทง้ิ ไม ้ ไมใ่ ชท่ างชกั ลากไม้
แต่เป็นทางทิ้งไม้  คนตัดไม้ทยอยๆ  ขนไม้ลงไปท่ีหมู่บ้านโน้น
พรรษานั้นมีการลักตัดไม้กันมาก  ก็เลยมาส�ำรวจเส้นทางขนไม้
แลว้ จบั พลดั จบั ผลขู นึ้ มาถงึ เขาลกู น ้ี กวา่ จะไตข่ น้ึ มาไดก้ เ็ หนอ่ื ย
แลว้ มาเจอหนา้ ผานกี้ ร็ สู้ กึ ประทบั ใจ ตอนนนั้ ไมร่ วู้ า่ ชาวบา้ นแถวนี้
รจู้ กั หนา้ ผานพ้ี อสมควร แตก่ อ่ นเขาเรยี กวา่ ผาสนธยาวลิ ยั เพราะ
คนชอบมาดูวิวช่วงพระอาทิตย์ตก  ตอนหลังก็กร่อนมาเป็น

118
ผาศรีวิลัย  หลังจากน้ันอาตมาก็มาท่ีหน้าผาน้ีอีกหลายคร้ัง  พา
เพือ่ นมาบา้ งหรือไม่ก็มาเปลย่ี นบรรยากาศ

มองจากมุมนจ้ี ะเห็นทศั นียภาพที่งดงาม มองมายังพ้ืนท่ี
ขา้ งลา่ งไมค่ อ่ ยเหน็ ความเปลย่ี นแปลงมากนกั  เวลายส่ี บิ ปผี า่ นไป
เรว็ มาก ทกุ ปกี ม็ โี อกาสมาหนา้ ผานอ้ี ยา่ งนอ้ ย ๒-๓ ครง้ั  สว่ นใหญ่
เพราะมแี ขกมากพ็ ามาชมธรรมชาตบิ า้ ง มาทำ� สมาธภิ าวนากนั บา้ ง
มาทำ� วตั รสวดมนตก์ นั อยา่ งคำ่� คนื นบ้ี า้ ง กไ็ ดม้ มุ มองอกี แบบหนงึ่  

เวลาอยใู่ นปา่ ภหู ลงเราจะเหน็ ตน้ ไม ้ เหน็ รายละเอยี ดของ
ภหู ลง แตพ่ อมาจดุ นเี้ ราจะเหน็ ภาพกวา้ ง เหน็ ภหู ลงในมมุ กวา้ ง
ซงึ่ ตา่ งจากตอนอยใู่ นปา่ ทเี่ ราเหน็ แตต่ น้ ไม ้ แตไ่ มเ่ หน็ ปา่ หรอื เขา
ท้ังลูก  ก็ท�ำให้ได้รู้จักภูหลงดีข้ึน  และได้เห็นความเปล่ียนแปลง
อยา่ งชา้ ๆ ถา้ หากอยใู่ นปา่ กไ็ มค่ อ่ ยเหน็ ความเปลย่ี นแปลง เหน็
รายละเอยี ดแตไ่ มเ่ หน็ ภาพกวา้ ง แตม่ าทน่ี ไ่ี ดเ้ หน็ ภาพกวา้ ง เหน็
ความเปลี่ยนแปลงท้ังในทางที่ดีและในทางท่ีไม่ดี  ปะปนคละ
เคลา้ กัน

มาคิดดูคนเราควรมีเวลาท่ีจะปลีกออกมาอย่างนี้บ้าง
ไมใ่ ชเ่ พยี งแคป่ ลกี ออกมาดธู รรมชาตใิ นภาพกวา้ งเทา่ นนั้  แตย่ งั
รวมถงึ การทเี่ ราปลกี ออกจากชวี ติ ประจำ� วนั  เพอ่ื ทเี่ ราจะไดม้ อง
ชีวิตของเราในมุมกว้างด้วย  เพราะส่วนใหญ่  เราใช้เวลาไปกับ

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 119
ทำ� งานวนั ตอ่ วนั  เดยี๋ วนวี้ นั แตล่ ะวนั เราซอยยอ่ ยเปน็ ชวั่ โมง เปน็
นาที  บางครั้งก็ซอยย่อยเป็นวินาทีก็มี  แล้วเราก็หมกมุ่นอยู่กับ
ชีวิตแตล่ ะชั่วโมง แต่ละนาที นเี้ ปน็ ลักษณะของคนในเมอื ง ยิ่ง
ชวี ติ เรง่ รบี มากเทา่ ไร การซอยชวี ติ เปน็ นาทหี รอื เปน็ วนิ าทกี ย็ ง่ิ มี
ความส�ำคัญ  เราใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน  ใช้ชีวิตวันนี้ให้เสร็จเพื่อ
จะได้ไปใช้ชีวิตในวันพรุ่งน้ี  หรือคิดแต่ว่าชั่วโมงน้ีจะท�ำงานให้
เสรจ็ เพอื่ เราจะไดไ้ ปทำ� ชว่ั โมงตอ่ ไป เสรจ็ ชว่ งเชา้ กน็ กึ ถงึ ชว่ งบา่ ย
บางทชี ว่ งเชา้ ยงั ไมเ่ สรจ็ กน็ กึ ถงึ บา่ ยแลว้  ทำ� งานบา่ ยกน็ กึ ถงึ เยน็
ท�ำงานเย็นก็นึกถึงลูกที่บ้าน  แล้ววันรุ่งข้ึนเราก็ใช้ชีวิตแบบนี้
เหมอื นเดมิ  วนั ตอ่ วนั จนั ทรถ์ งึ ศกุ ร ์ เสารอ์ าทติ ยอ์ าจจะแตกตา่ ง
จากจันทร์ถึงศุกร์บ้าง  เผลอเด๋ียวเดียวหมดเดือนแล้ว  ใช้ชีวิต
ตอ่ ไปอกี หนอ่ ยกห็ มดปเี สยี แลว้  ประเดย๋ี วเดยี วกผ็ า่ นไปแลว้  ๕ ปี
๑๐ ปี โดยไมร่ ูต้ วั ดว้ ยซำ�้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชวี ติ ของเราบา้ ง

ถา้ หากเราดำ� เนนิ ชวี ติ แบบน ี้ คอื ดำ� เนนิ ชวี ติ แบบวนั ตอ่ วนั
อาทติ ยต์ อ่ อาทติ ย ์ เดอื นตอ่ เดอื น ปตี อ่ ป ี เผลอปบุ๊ เดยี วอายกุ ม็ าก
กว่าจะรู้ตัวว่า  เราเสียเวลากับเร่ืองไม่เป็นเรื่องตอนนั้นก็แก่แล้ว
ไมม่ เี วลาปรบั เปลย่ี นชวี ติ แลว้  แตถ่ า้ เรามโี อกาสปลกี ออกมาจาก
ชวี ติ ประจำ� วนั ทค่ี นุ้ เคย ทอ่ี ยกู่ นั แบบวนั ตอ่ วนั  อาทติ ยต์ อ่ อาทติ ย์
เดือนต่อเดือน  ปีต่อปี  แล้วหันมาไตร่ตรองมองชีวิตของเราใน
ภาพรวม เชน่  ๕ ป ี ๑๐ ปที ผ่ี า่ นมาชวี ติ เราเปน็ อยา่ งไร กอ็ าจจะ
เฉลยี วใจไดบ้ า้ งวา่ เราไดด้ ำ� เนนิ ชวี ติ ไปในทางทค่ี วรจะเปน็ หรอื ไม่

120
คนจำ� นวนไมน่ อ้ ยไมม่ โี อกาส หรอื ไมไ่ ดห้ าโอกาสทำ� อยา่ งน ี้ กวา่
จะรู้ว่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเปล่าๆ  หลายสิบปี  ตอนนั้นก็
อายมุ ากแล้ว สงิ่ ทีน่ ่าจะทำ� กไ็ มไ่ ด้ทำ� เพราะไม่มเี วลาแล้ว

อนั ทจี่ รงิ การมองภาพรวมของชวี ติ ในชว่ ง ๕ ป ี ๑๐ ป ี ยงั
เรยี กวา่ นอ้ ย ควรมองใหย้ าวกวา่ นน้ั  ขณะเดยี วกนั กไ็ มค่ วรมอง
ชวี ติ ทผ่ี า่ นมาอยา่ งเดยี ว แตค่ วรจะมองไปถงึ ชวี ติ ในอนาคตดว้ ยวา่
เราอยากจะให้ชีวิตของเราเป็นอย่างไร  คนจ�ำนวนไม่น้อยไม่ได้
คิดเลยว่าอยากจะให้ชีวิตข้างหน้าเป็นอย่างไร  เพราะเอาแต่
ทำ� มาหากนิ วนั ตอ่ วนั  อาทติ ยต์ อ่ อาทติ ย ์ เดอื นตอ่ เดอื น ปตี อ่ ปี
ไม่มีเวลาหยุดคิดหรือหยุดมองชีวิตท่ีผ่านมา  หรือมองว่าอยาก
ใหช้ วี ิตของเราเป็นอยา่ งไร 

อาตมามโี อกาสจดั อบรมใหค้ นหลายกลมุ่  กจิ กรรมหนงึ่ ที่
ทำ� บอ่ ยกค็ อื ทำ� กราฟชวี ติ  คอื ใหเ้ ขาทบทวนชวี ติ ทผ่ี า่ นมาในรอบ
๑๐ ป ี และดวู า่ ชวี ติ ทผ่ี า่ นมาเปน็ อยา่ งไร วธิ งี า่ ยๆ กค็ อื ใหค้ ะแนน
ว่า  ที่ผ่านมาสุขหรือทุกข์แค่ไหน  ถ้าสุขมากก็  ๕  คะแนน  สุข
ธรรมดาก็  ๔  คะแนน  ไม่สุขไม่ทุกข์  ก็  ๓  คะแนน  ถ้าทุกข์ก็
๒ คะแนน ถา้ ทกุ ขม์ ากก ็ ๑ คะแนน หลายคนบอกวา่ ไมเ่ คยหนั ไป
ทบทวนชีวิตท่ีผ่านมาในลักษณะน้ีเลย  คือไม่ได้นึกถึงด้วยซ�้ำว่า
ชีวิตท่ีผ่านมาสุขหรือทุกข ์ และสุขเพราะอะไร ทุกข์เพราะอะไร
ไมเ่ คยคดิ เลย เรยี กวา่ มชี วี ติ อยอู่ ยา่ งวนั ตอ่ วนั อยา่ งทพี่ ดู  พอหนั

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 121
มาทบทวนชีวิตก็เห็นว่าชีวิตของตัวขึ้นลงผันผวน  บางทีก็ดิ่งลง
บางคนชีวิตเหมือนฟันปลา  น้อยคนที่จะมีชีวิตแบบเสมอต้น
เสมอปลาย 

พอเขาได้ทบทวนชีวิตอย่างน้ีแล้วก็เห็นชีวิตท่ีผ่านมาของ
ตวั เองไดช้ ดั เจนขน้ึ วา่ เปน็ อยา่ งไร สขุ เพราะอะไร ทกุ ขเ์ พราะอะไร
ก็ท�ำให้คิดต่อไปได้ว่าถ้าชีวิตเราจะมีความสุขอย่างย่ังยืน  หรือ
มที กุ ขน์ อ้ ยเราควรจะทำ� อยา่ งไร อนั นเ้ี ปน็ ตวั อยา่ งทช่ี ว้ี า่ คนสว่ นใหญ่
ไม่มีโอกาสทบทวนชีวิตท่ีผ่านมาอย่างเป็นเร่ืองเป็นราว  น่ีเป็น
การมองอยา่ งงา่ ยๆ เอาแคส่ ขุ และทกุ ข ์ ยงั ไมถ่ ามวา่ ชวี ติ ทผี่ า่ นมา
พงึ ปรารถนาหรอื ไม ่ ถา้ เราไมม่ โี อกาสหนั มามองชวี ติ แบบนบี้ า้ ง
กวา่ จะรตู้ วั กอ็ อกนอกลนู่ อกทางไปไกลแลว้  อาจไมม่ เี วลากลบั มา
สู่หนทางทถี่ กู ต้องก็ได้

อนั ทจ่ี รงิ มหี ลายวธิ ใี นการทบทวนชวี ติ ทผ่ี า่ นมา มคี นคำ� นวณ
ว่าคนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับเร่ืองอะไรบ้าง  สมมติว่าคนเราอายุ
๗๐ ปโี ดยเฉลย่ี  เขาพบวา่ ชวี ติ คนสว่ นใหญใ่ ชเ้ วลาอยบู่ นเตยี งคอื
นอน ๒๐ ป ี นอี่ าจจะนอ้ ยไปดว้ ย เพราะสว่ นใหญเ่ รานอนวนั ละ
๑ ใน ๓ หรอื  ๘ ชวั่ โมง ถา้ อาย ุ ๗๐ ป ี กน็ อนมากกวา่  ๒๓ ปี
สว่ นเวลาทใ่ี ชใ้ นการทำ� งานทง้ั ชวี ติ กป็ ระมาณ ๑๐ ป ี ทน่ี า่ ตกใจ
ก็คือคนส่วนใหญ่ใช้เวลาดูโทรทัศน์ท้ังชีวิต  ๑๒  ปี  เฉพาะเวลา
ทอ่ี ยบู่ นโถสว้ มรวมแลว้ ก ็ ๓ ป ี ใชเ้ วลาอยบู่ นถนนประมาณ ๗

122
เดอื น อนั นเี้ ปน็ ตวั เลขของฝรงั่  ถา้ เปน็ คนกรงุ เทพฯ จะมากกวา่ นนั้
เพราะมีการประมาณว่าคนกรุงเทพฯ  ใช้เวลาอยู่บนถนน  ปีละ
ประมาณ  ๖๐  วัน  หรือ  ๑  ใน  ๖  ของปี  ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ
๒๐ ป ี กอ็ ยบู่ นถนนประมาณ ๓ ปเี ศษ ซงึ่ สว่ นใหญเ่ ปน็ การนงั่
แชอ่ ยบู่ นถนนเพราะรถตดิ  สว่ นเวลาทใ่ี ชใ้ นการกนิ อาหาร ๓ มอื้
สมมติว่าประมาณช่ัวโมงคร่ึงต่อวัน  ทั้งชีวิตก็หมดไป  ๕-๖  ปี
เวลาทใี่ ชอ้ าบนำ�้ หรอื อยใู่ นหอ้ งนำ�้  รวมแลว้ กอ็ กี หลายป ี สดุ ทา้ ย
เหลอื เวลาวา่ งแค ่ ๑๔-๑๕ ปสี �ำหรบั คนอายุเฉลย่ี  ๗๐ ปี

ถามวา่ เวลาวา่ งทเ่ี หลอื นเี้ ราจะใชท้ �ำอะไร จะใชไ้ ปกบั การ
เท่ียวห้างฯ  ใช้เวลากับการเล่นเกมส์  หรือใช้เวลาไปกับส่ิงท่ีไม่
เปน็ สาระ ถา้ ทำ� อยา่ งนนั้ กจ็ ะเหลอื เวลาทเี่ ปน็ เรอ่ื งเปน็ ราวอยแู่ ค่
ไม่ก่ปี ี 

เพราะฉะนน้ั เวลามองภาพรวมของชวี ติ แบบนแี้ ลว้  กน็ า่ ตกใจ
วา่ เราใชเ้ วลาหมดไปกบั เรอื่ งทไ่ี มค่ อ่ ยสำ� คญั หรอื ไมก่ อ่ ประโยชน์
อะไรมากมายทเี ดยี ว เชน่ ใชเ้ วลาบนถนน หรอื อยบู่ นรถ หลาย
คนมักจะบอกว่าไม่มีเวลาท�ำสมาธิ  ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม  ไม่มี
เวลาใหล้ กู  ไมม่ เี วลาใหค้ รอบครวั  ไมม่ เี วลาใหพ้ อ่ แม ่ แตม่ เี วลา
หรือเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เป็นสาระ  เช่นอยู่หน้าจอโทรทัศน์
๑๒ ป ี อนั นเ้ี ปน็ การประเมนิ เฉลย่ี ของฝรงั่  พวกเราอาจจะไมไ่ ด้
ถงึ ขนาดนนั้  แตถ่ า้ เราไมม่ องชวี ติ แบบนบี้ า้ ง เราจะไมเ่ ฉลยี วใจ

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 123
เลยวา่ เราใช้เวลาหมดไปกับเรอ่ื งทีไ่ มเ่ ปน็ สาระมากมายแคไ่ หน

เป็นเพราะเราใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน  เลยไม่รู้ว่าเสียเวลา
ไปกับเรื่องอะไรบ้าง  เหมือนคนที่กินเหล้าหรือติดบุหรี่  เขามัก
เขา้ ใจวา่ ไมไ่ ดใ้ ชเ้ งนิ มากเทา่ ไร สบู บหุ รก่ี แ็ คว่ นั ละหนง่ึ ซอง กนิ เหลา้
ไมก่ เ่ี ปก๊  แตพ่ อคำ� นวณเงนิ ทใ่ี ชไ้ ปกบั การกนิ เหลา้ สบู บหุ รที่ ง้ั ชวี ติ
แลว้  ตวั เลขสงู นา่ ตกใจ เพราะหมดเงนิ ไปหลายแสนบาท เพราะ
ฉะนน้ั การมองชวี ติ ในภาพรวม ในภาพกวา้ งจงึ สำ� คญั มาก แตเ่ รา
ไมส่ ามารถจะมองอยา่ งนนั้ ไดถ้ า้ ชวี ติ เรายงั ตดิ อยใู่ นวฏั จกั รเดมิ ๆ
เปน็ ชวี ติ ทอี่ ยแู่ บบชวั่ โมงตอ่ ชว่ั โมง วนั ตอ่ วนั  ไมม่ เี วลาหยดุ คดิ
ไม่มเี วลาหยุดพจิ ารณา 

ดังน้ันการออกมาจากชีวิตประจ�ำวันจึงเป็นเรื่องจ�ำเป็น
ไมใ่ ชแ่ คป่ ลกี ตวั เพอื่ ทอ่ งเทยี่ วเทา่ นนั้  ซงึ่ กจ็ ำ� เปน็ และมปี ระโยชน์
แตค่ วรออกมาหยดุ คดิ พจิ ารณาชวี ติ ทผี่ า่ นมาดว้ ย จะชว่ ยใหเ้ รา
เฉลียวใจไดว้ า่ เรากำ� ลังทำ� อะไรอยู่ นี่คือชวี ิตที่เราปรารถนาจริง
หรอื ไม ่ คนสว่ นใหญไ่ มม่ โี อกาสทจ่ี ะถาม หรอื ไมค่ ดิ จะถามดว้ ย
เพราะชีวิตถูกกระตุ้นให้เร่งรีบตลอดเวลา  เช่นต้องท�ำมาหากิน
อกี ทงั้ ยงั มสี ง่ิ เรา้ มากมาย เชน่  ความบนั เทงิ  รวมทง้ั ความขดั แยง้
ทางการเมืองท่ีทำ� ให้คนเราหมดเวลาไปกับการโต้เถียง ทะเลาะ
เบาะแวง้ กนั  จนไมไ่ ดท้ ำ� สิ่งทค่ี วรทำ� หรือท�ำสง่ิ ส�ำคัญในชีวิต

124
ฉะนน้ั การทพี่ วกเราไดอ้ อกมาจากชวี ติ ปกตทิ เี่ คยชนิ  อาตมา

วา่ เปน็ เรอ่ื งทดี่  ี แมเ้ ราออกมาปฏบิ ตั ธิ รรม ฝกึ จติ ใหอ้ ยกู่ บั ปจั จบุ นั
แตก่ ค็ งจะมีบางชว่ งทเี่ ราไดเ้ ห็นชีวติ ของเราท่ผี ่านมา และท�ำให้
เราตั้งค�ำถามว่านี่คือชีวิตท่ีพึงปรารถนาหรือไม่  และถ้าอยากให้
ชีวิตของเราเป็นไปในทางท่ีพึงปรารถนา  เราควรจะท�ำอย่างไร
อนั นีต้ อ้ งอาศยั เวลา ตอ้ งมเี วลาหยดุ คดิ พิจารณา 

พดู งา่ ยๆ กค็ อื  เมอื่ เราไดข้ นึ้ มาอยบู่ นหนา้ ผา ไดม้ โี อกาส
มองทศั นยี ภาพทก่ี วา้ งไกล นอกจากทศั นยี ภาพของสถานทแี่ ลว้
เราควรมองเลยไปใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ทิ ศั น ์ (Landscape) ของชวี ติ เรา
ด้วย  ให้เราสมมติว่าเบ้ืองหน้าเรานี้ไม่ใช่เป็นแค่ภูเขาหรือพื้นที่
อันกวา้ งใหญ ่ แตเ่ ปน็ ชวี ิตของเราด้วย

การขน้ึ มาอยบู่ นเขาอยา่ งนย้ี งั ชว่ ยใหเ้ ราไดส้ มั ผสั กบั ธรรม-
ชาตแิ ละรสู้ กึ เปน็ หนงึ่ เดยี วหรอื ใกลช้ ดิ ธรรมชาตมิ ากขนึ้  คนสมยั
ก่อนมีประเพณีจาริกขึ้นมาบนยอดเขาเพื่ออะไร  ก็เพ่ือสักการะ
สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธซ์ิ ง่ึ คนโบราณมกั จะอญั เชิญมาไวบ้ นเขา จะเปน็ พระ
บรมสารรี กิ ธาตกุ ด็  ี จะเปน็ พระพทุ ธบาทกด็  ี เปน็ ธรรมเนยี มของ
ทกุ วฒั นธรรมเลยกว็ า่ ได ้ ทเี่ ชอื่ วา่ บนเขาเปน็ สถานทสี่ งู สดุ ทเี่ ชอื่ ม
ระหวา่ งพนื้ โลกกบั สวรรค ์ แตส่ งิ่ ทอ่ี าจเปน็ ผลพลอยไดห้ รอื อาจเปน็
ความตั้งใจที่แฝงไว้  ก็คือเป็นการชักชวนให้ผู้คนได้ขึ้นมาอยู่บน
ทสี่ งู  และเมอื่ มาถงึ จดุ ทอี่ ยสู่ งู  เชน่  ยอดเขา เราจะรสู้ กึ เปน็ หนง่ึ

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 125
เดียวกบั ธรรมชาติ โดยเฉพาะทอ้ งฟ้า 

อาตมาเคยข้ึนไปถึงยอดเขาศรีปาทะ  หรือศิริปาทะ  ที่
ประเทศศรีลังกา  อันเป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธบาทที่ชาวลังกา
เคารพสกั การะมาก เขาลกู นส้ี งู มาก สงู กวา่ ดอยอนิ ทนนทเ์ สยี อกี
คนลงั กานยิ มขน้ึ ไปตอนกลางคนื  แลว้ ไปถงึ ยอดตอนสวา่ ง เมอื่
ขนึ้ ไปถงึ ยอด จะรสู้ กึ ถงึ ความเปลย่ี นแปลงในจติ ใจ คอื ใจจะโปรง่
โล่งเบาสบาย  ไม่เหมือนกับตอนอยู่เบ้ืองล่างหรืออยู่บนพ้ืนดิน
ความรสู้ กึ ตา่ งกนั มาก อาตมาเชอ่ื วา่ เวลาผคู้ นขนึ้ ไปถงึ ยอดดอย
สเุ ทพ หรอื ยอดเขาอนั เปน็ ทตี่ งั้ ของศาสนสถาน ไมว่ า่ ทไี่ หนกต็ าม
จะรสู้ กึ ถงึ ความเปลย่ี นแปลงของจติ ใจ จติ ใจจะรสู้ กึ เปน็ หนง่ึ เดยี ว
กับท้องฟ้า  เพราะน่ันคือจุดท่ีจะได้เห็นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่  นี่
ขนาดเราอยใู่ นทส่ี งู ไมม่ าก กร็ สู้ กึ ไดว้ า่ ใกลช้ ดิ ทอ้ งฟา้ จนเหมอื น
เป็นหนง่ึ เดียวกนั  

ตอนนข้ี า้ งลา่ งของเราคอื แผน่ ดนิ  ขา้ งบนคอื ทอ้ งฟา้  เรา
ได้เห็นดินกับฟ้ามาบรรจบกัน  ฟ้าอาจจะเป็นตัวแทนของจิตใจ
มนุษย์ก็ได้  ส่วนดินก็มีความเชื่อมโยงกับร่างกายของเรามาก
รา่ งกายของเราผกู พนั กบั พนื้ ดนิ มาก อาหารทเ่ี รากนิ กม็ าจากดนิ
จะเปน็ พชื หรอื สตั วก์ ต็ าม และเมอ่ื เราตาย รา่ งกายเรากค็ นื สดู่ นิ
แตใ่ จเรานนั้ จะมลี กั ษณะเชอ่ื มโยงกบั ทอ้ งฟา้ มาก ใจของคนเรา
สามารถแผก่ วา้ งไรข้ อบเขตเหมอื นกบั ทอ้ งฟา้  เวลาเราอยบู่ นพนื้ ดนิ

126
เบื้องล่างเราจะไมค่ ่อยสังเกต แต่พอข้ึนมาข้างบนจะรู้สึกเลยว่า
ใจของเรากับท้องฟ้าเช่ือมโยงกัน  ผู้ท่ีจาริกแสวงบุญ  พอข้ึนมา
ถึงยอดเขาจะรู้สึกเลยว่าใจของตัวเองเป็นหน่ึงเดียวกับท้องฟ้า
ยงิ่ ขนึ้ มาถงึ ยอดเขาขณะทพ่ี ระอาทติ ยก์ ำ� ลงั ขนึ้  จติ ใจจะสวา่ งโพลง
ไมใ่ ชแ่ คท่ อ้ งฟา้ ทส่ี วา่ งเทา่ นนั้  จติ ใจกส็ วา่ งดว้ ย กเ็ ลยเปน็ ประเพณี
ที่ผู้คนมักจะจาริกไปยังสถานท่ีศักดิ์สิทธ์ิท่ีอยู่บนยอดเขา  ที่
ภูฐานก็มีสิ่งศักด์ิสิทธิ์แบบเดียวกันนี้  เป็นภูเขาชื่อว่า  “ตักซาง”
แปลวา่ รงั เสอื  เมอื่ ขนึ้ ไปถงึ นนั่  ความรสู้ กึ กค็ ลา้ ยกนั  คอื รสู้ กึ วา่
ใจเราเปดิ โลง่  แผก่ วา้ ง เหมอื นเปน็ หนงึ่ เดยี วกบั ทอ้ งฟา้ ทก่ี วา้ งขวาง
ไร้ขอบเขต 

แต่ใจคนเราบางคร้ังก็เหมือนกับฟ้าที่หม่น  ใจบางคน
เหมอื นกบั เมฆในฤดฝู นคอื ครม้ึ ทะมนึ  เวลาเราขน้ึ มาบนยอดแลว้
เห็นท้องฟ้าท่ีกว้าง  ยิ่งเป็นฟ้าที่ไร้เมฆหมอกด้วยแล้วจะรู้สึกเลย
ว่าน่ีแหละคือจุดหมายของชีวิตเรา  นั่นคือการยกระดับจิตใจ
ของเราให้เหมือนกับท้องฟ้าท่ีไร้ขอบเขต  ไร้เมฆหมอก  จิตใจ
ของคนเราสว่ นใหญ ่ โดยเฉพาะผทู้ ไ่ี มไ่ ดป้ ฏบิ ตั ธิ รรมจะเหมอื นฟา้
ท่ีเต็มไปด้วยเมฆด�ำทะมึน  เวลาเราเห็นเมฆด�ำทะมึนเรารู้สึก
อย่างไร  รู้สึกว่ามันเศร้า มันหนักใช่ไหม ต่างจากเวลาเราเห็น
ทอ้ งฟา้ ทปี่ ลอดเมฆ ท้องฟ้าท่ีปลอดเมฆน้ันช่างกว้างไกลไร้เขต
แดนจรงิ ๆ 

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 127
พระพทุ ธเจา้ ตรสั ถงึ จติ ของพระอรหนั ตว์ า่ เปน็ จติ ทไ่ี รเ้ ขต
แดน ซง่ึ กค็ ลา้ ยกบั ทอ้ งฟา้  เพราะวา่ ทอ้ งฟา้ ไมม่ ที ส่ี ดุ  ไมม่ ปี ระมาณ
เวลาเราขน้ึ มาทส่ี งู  ถา้ นอ้ มใจใหส้ งบ เราจะมคี วามรสู้ กึ อยากจะ
ยกจิตของเราให้สูงและเบาเหมือนท้องฟ้าโปร่งเบา  เป็นอิสระ
แตจ่ ติ ของเราไมส่ ามารถจะเปน็ อยา่ งนนั้ ได ้ เพราะความเหน็ แกต่ วั
หรอื การสรา้ งภาพตวั ตนขนึ้ มาครอบจติ ของเราไว ้ ทำ� ใหจ้ ติ ใจคบั แคบ
เป็นจิตที่เล็ก  เหมือนคนที่อยู่พ้ืนล่างจะเห็นท้องฟ้าในมุมมอง
ท่ีจ�ำกัดมาก  ต่อเมื่อเราข้ึนมาบนท่ีสูงเห็นท้องฟ้ากว้างไกล  น่ัน
เหมอื นกบั จะบอกวา่  จดุ หมายชวี ติ เราคอื การพฒั นาจติ ของเรา
ให้กว้างขวางไร้ขอบเขต  ไม่มีที่สุด  ไม่มีประมาณ  เพราะไม่มี
ความยดึ ติดถอื ม่ันในตวั ตนอันเปน็ กรอบกรงจำ� กัดไว้ 

การที่เราได้มีโอกาสขึ้นมาอยู่บนภูเขาอย่างนี้ช่วยพัฒนา
จิตของเราได้โดยไม่รู้ตัว  คือพอเราข้ึนมาถึงแล้ว  เราจะรู้สึกโล่ง
โปรง่  เบา แตถ่ า้ เราไมต่ ระหนกั ถงึ ความรสู้ กึ น ี้ พอกลบั ไปขา้ งลา่ ง
ชีวิตก็เข้าสู่วัฏจักรเดิม  คือ  กังวล  หม่นหมอง  จิตใจคับแคบ
หนักอึ้ง 

ถ้าน้อมใจใหส้ งบ  เราจะมคี วามรสู้ ึกอยากจะ
ยกจิตของเราใหส้ งู และเบาเหมอื นท้องฟา้

โปร่งเบา  เปน็ อสิ ระ

128
ตอนนท้ี อ้ งฟา้ เรม่ิ มดื แลว้  ตา่ งจากเมอื่ สกั ครทู่ เ่ี ราเพงิ่ ขนึ้ มา

ใหม่ๆ  ท้องฟ้าสว่างเพราะว่ามีแสงอาทิตย์  พระธรรมก็เหมือน
พระอาทิตย์  คือเม่ือมีพระธรรมเป็นเครื่องน�ำทาง  จิตใจเราก็
สวา่ งไสว ขอใหเ้ ราเพยี รพยายามแสวงหาพระธรรมมาเปน็ เครอ่ื ง
สาดสอ่ งจติ ใจให้เราสวา่ งไสวอยเู่ สมอ

พอฟา้ สวา่ งไสว เราเหน็ แลว้ กเ็ กดิ กำ� ลงั ใจ ใครทร่ี สู้ กึ หดหู่
หมน่ หมอง สนิ้ หวงั  เวลามาเจอทศั นยี ภาพอยา่ งทเ่ี ราไดเ้ หน็ เมอ่ื
ก่อนค่�ำ  ก็จะเกิดก�ำลังใจ  จึงควรหาโอกาสให้แก่จิตใจของเรา
แบบนบ้ี อ่ ยๆ เวลาทอ้ แทท้ อ้ ถอยกอ็ ยา่ หมดกำ� ลงั ใจ เปดิ โอกาส
ให้ใจของเราได้พบกับบรรยากาศแบบนี้บ้าง  หรือไม่ก็ให้ใจของ
เราได้พบธรรมะ  ก็จะมีก�ำลัง  กลับมามีความแช่มช่ืนเบิกบาน
อกี ครงั้ หนง่ึ  

อยากใหเ้ ราจดจำ� ความรสู้ กึ ดๆี  ทเี่ กดิ ขน้ึ บนหนา้ ผานเ้ี อาไว้
เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในเวลาท่ีเราเกิดความรู้สึกท้อแท้  หดหู่
ภาพอย่างน้ีในวันน้ ี จะชว่ ยให้เราได้สต ิ และมพี ลังขนึ้ มา

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 129

สติเปน็ ปจั จยั ใหเ้ กดิ โยนโิ สมนสกิ าร
พอโยนโิ สมนสิการเกดิ ขนึ้

กช็ กั กระแสความคดิ ออกจากรอ่ งเดมิ หรอื นสิ ยั เดมิ
เหมอื นกบั น้ำ� แทนทจ่ี ะไหลไปทางเดิม
กไ็ หลไปสรู่ ่องใหม่
ท�ำให้รอ่ งใหมล่ ึกขึ้นกว้างขึ้น

อนั นเ้ี รยี กวา่ เปน็ การทวนกระแสอยา่ งหนึ่ง



พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 131

๑๓

วั น สุ ด ท้ า ย ข อ ง ชี วิ ต

กจิ กรรมครงั้ นค้ี งใชเ้ วลาไมเ่ กนิ  ๒๐ นาท ี สงิ่ ทจี่ ะตอ้ งระวงั กค็ อื
อยา่ เผลอหลบั  เพราะตอนนอี้ ากาศก�ำลังสบายๆ ถา้ เผลอหลับ
จะไมไ่ ดป้ ระโยชนเ์ ทา่ ไร ประการทส่ี องกค็ อื กจิ กรรมนตี้ อ้ งอาศยั
การจนิ ตนาการ เพราะฉะนน้ั อยากใหเ้ ราวางการปฏบิ ตั ทิ คี่ นุ้ เคย
เชน่  บางคนอาจจะถนดั การตามลมหายใจ กใ็ หว้ างกอ่ น ใหน้ อ้ มใจ
พิจารณาตามที่อาตมาจะพูด  ซึ่งต้องอาศัยการจินตนาการตาม
ไปด้วย

132
สง่ิ แรกทอี่ ยากใหพ้ วกเราทำ� ตอนนค้ี อื  ผอ่ นคลาย ใหร้ า่ งกาย

ผ่อนคลายทุกส่วน  เอามือวางไว้ข้างล�ำตัว  หายใจสบายๆ  ให้
ความรสู้ กึ ไลล่ งมาเปน็ ลำ� ดบั ตงั้ แตศ่ รี ษะ ใหใ้ บหนา้ เราผอ่ นคลาย
ถ้ารู้สึกหน้าน่ิวค้ิวขมวดก็ให้ผ่อนคลาย  กล้ามเนื้อทุกส่วนบน
ใบหนา้ ผอ่ นคลาย ตน้ คอของเรารสู้ กึ อยา่ งไรบา้ ง หวั ไหล ่ ตน้ แขน
ขอ้ ศอก และมอื  ขอใหผ้ อ่ นคลาย ถา้ หากรสู้ กึ วา่ กำ� หรอื เกรง็ มอื
กใ็ หผ้ ่อนคลายด้วย

ใหค้ วามรสู้ กึ ผอ่ นคลายแผไ่ ปทว่ั สรรพางคก์ าย ใหห้ นา้ อก
ช่องท้องผ่อนคลาย  ให้ความรู้สึกไล่ไปท่ีต้นขา  ทั้งซ้ายและขวา
ผ่อนคลายเช่นกัน  ถ้ารู้สึกเกร็งที่เท้าท้ังสองข้าง  ก็ให้ผ่อนคลาย
เชน่ กนั  ทง้ิ นำ�้ หนกั ลงบนแผน่ หลงั จนแนบกบั พน้ื  อยา่ ใหร้ สู้ กึ ตงึ
หรือเกร็งที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย  น่ีเป็นเวลาที่เราจะได้
ผ่อนคลาย  หายใจสบายๆ  ให้กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของ
เราผอ่ นคลาย

ชีวิตของเราในยามนี้  ไม่ต่างจากกลางวันและกลางคืน
ครง้ั หนง่ึ ชวี ติ ของเรากเ็ หมอื นกบั อรณุ รงุ่  ดวงอาทติ ยค์ อ่ ยๆ ขนึ้
และเคลือ่ นสูงขนึ้ ไปเร่อื ยๆ จนถงึ กลางฟา้  และในทส่ี ุดก็คอ่ ยๆ
คลอ้ ยตำ�่ ลงๆ จนลบั ขอบฟา้  เหลอื แตค่ วามมดื มดิ  ชวี ติ ของเรา
ในขณะน ้ี อาจจะเหมอื นกบั ดวงอาทติ ยย์ ามเทย่ี ง ทอ่ี ยกู่ ลางฟา้
จากน้ีไปก็มีแต่จะคล้อยต่�ำลงไปเรื่อยๆ  สักวันหน่ึง  ชีวิตเราก็

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 133
ไมต่ า่ งจากอาทติ ยท์ ลี่ บั ขอบฟา้  และคงเหลอื แตค่ วามมดื อยา่ งเชน่
ขณะนวี้ นั ทช่ี วี ติ มดื มดิ และหมดสนิ้ ลมหายใจ จะตอ้ งบงั เกดิ แกเ่ รา
อยา่ งแนน่ อน

คนสว่ นใหญย่ อ่ มปรารถนาชวี ติ ทยี่ นื ยาว ขอใหเ้ ราจนิ ตนา-
การวา่ นบั จากนไ้ี ปอกี  ๓๐ ป ี เรากำ� ลงั นอนอยบู่ นเตยี ง มสี าย
ระโยงระยางทง้ั ตวั  วาระสดุ ทา้ ยกำ� ลงั ใกลเ้ ขา้ มา หากการดำ� เนนิ
ชีวิตของเราในขณะนี้ยืนยาวต่อไปจนถึง  ๓๐  ปีข้างหน้า  วันที่
เราแก่เฒ่าและก�ำลังจะละจากโลกนี้ไป  มีเวลาเหลืออยู่ในโลกน้ี
ไมน่ าน อาจจะแคช่ วั่ โมงหรอื หนงึ่ วนั เทา่ นน้ั  ขอใหเ้ ราถามตวั เอง
ว่า  เรามีความภาคภูมิใจในชีวิตของเราหรือไม่  อะไรคือส่ิงท่ีท�ำ
ใหเ้ รารสู้ กึ พงึ พอใจกบั ชวี ติ ทผ่ี า่ นมา และสามารถตายอยา่ งสงบ
ได ้ และหากครู่ กั ของเรายงั อย ู่ เราอยากจะใหเ้ ขาพดู อะไรกบั เรา
เป็นคร้งั สุดทา้ ย คำ� พูดอะไรทีเ่ ราอยากได้ยนิ จากเขา

ถ้าหากว่าลูกของเรายังมีชีวิตอยู่ถึงตอนน้ัน  เราอยากให้
เขาพดู กบั เราอยา่ งไร ในทำ� นองเดยี วกนั เราอยากใหเ้ พอื่ นรว่ มงาน
เพอื่ นบา้ น ตลอดจนผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา พดู ถงึ เราอยา่ งไร ในขณะที่
เรากำ� ลงั จะเสยี ชวี ติ  หรอื พดู ในงานศพของเรา เปน็ คำ� พดู ทที่ ำ� ให้
เรารู้สึกภาคภูมิใจในชีวิตท่ีผ่านมา  และรู้สึกว่าชีวิตท่ีด�ำเนินมา
จนแก่เฒ่านนั้  เปน็ ชวี ิตทคี่ วรค่าแกก่ ารดำ� รงอยู่

134
อย่างไรก็ตาม  เป็นไปได้ว่าเราอาจจะไม่มีชีวิตยืนยาวถึง

๓๐  ปีข้างหน้าก็ได้  เราอาจจะมีชีวิตยืนยาวเพียงแค่  ๑๐  ปี
ดงั นนั้ ขอใหน้ กึ ถงึ  ๑๐ ปขี า้ งหนา้  ในขณะทเ่ี รากำ� ลงั จะสนิ้ ลม
ในยามนั้นเรารู้สึกเสียใจกับชีวิตท่ีผ่านมาหรือไม่  ตอบตัวเอง
ได้หรือไม่ว่าอะไรที่ท�ำให้เรารู้สึกพึงพอใจกับชีวิต แม้ว่าไม่อาจ
อยู่จนแก่เฒ่าอย่างผู้คนส่วนใหญ่  ขอให้นึกถึงงานศพของเรา
ใน ๑๐ ปีขา้ งหนา้  เราอยากใหผ้ คู้ นพดู ถงึ เราอยา่ งไร โดยเฉพาะ
คนทใ่ี กลช้ ดิ เรา ลูก คู่ครอง มิตรสหาย รวมถึงพ่อแม่ หากว่า
ท่านยงั มีชีวิตอยูถ่ ึงตอนนน้ั

เวลา  ๑๐  ปีข้างหน้าอาจจะน้อยส�ำหรับความคาดหวัง
ของเรา  แต่ในความเป็นจริงอาจจะยาวก็ได้  เพราะเราอาจจะ
ไม่สามารถมีชีวิตจนถึงอีก  ๑๐  ปีข้างหน้า  เวลาของเราอาจจะ
เหลือเพียงแค่หนึ่งปีถัดจากน้ีไปเท่าน้ัน  ชีวิตเราตอนนี้จึงเป็น
เสมือนดวงอาทิตย์ท่ีคล้อยมาจนถึงยามเย็น  หากว่าเรามีชีวิต
อีกเพียงแค่หน่ึงปีถัดจากน้ีไป  เรารู้สึกอย่างไร  ท�ำใจได้หรือไม่
เราคดิ วา่ เราไดใ้ ชช้ วี ติ มาอยา่ งมคี ณุ คา่ จนสามารถยอมรบั ความตาย
ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าได้หรือไม่  นึกถึงวันท่ีเราก�ำลังจะสิ้นลม
เราอยากใหใ้ ครอยกู่ บั เราขา้ งเตยี ง ใครคอื คนทเ่ี ราปรารถนาใหม้ า
อยู่ใกล้เราในวาระสุดท้าย  และใครคือคนที่เราอยากจะพบมาก
ทส่ี ดุ เพอื่ บอกความในใจ เราอยากจะพดู กบั เขาวา่ อยา่ งไรในขณะที่
เรากำ� ลงั จะสน้ิ ลม คนนน้ั อาจจะเปน็ ลกู  สาม ี ภรรยา เพอื่ นรว่ ม

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 135

งาน ลกู น้อง หรือพ่อแม่

แต่ใครจะไปรู้  หน่ึงปีข้างหน้าอาจจะยาวไกลเกินไปก็ได้
จินตนาการว่าเรามีชีวิตเหลือเพียงแค่หน่ึงเดือนถัดจากนี้ไป
จนิ ตนาการวา่ เรากำ� ลงั นอนแบบ ลมหายใจรวยรนิ  แตย่ งั มคี วาม
รสู้ กึ ตวั อย ู่ ถามตวั เองวา่ เราเสยี ใจไหมทก่ี ำ� ลงั ละจากโลกนไี้ ปใน
วยั เพยี งเทา่ น ี้ ถามตวั เองวา่  มอี ะไรบา้ งไหมทเี่ ราเสยี ใจทไ่ี มไ่ ดท้ ำ�
มีอะไรบ้างไหมท่ีเรารู้สึกเสียใจท่ีได้ท�ำลงไป  มีส่ิงใดท่ียังค้างคา
ใจเราอย ู่ หรอื เสยี ดายทไ่ี มม่ โี อกาสไดพ้ ดู  ไมไ่ ดบ้ อกความในใจ
และมีอะไรบ้างที่เราภูมิใจในชีวติ ทีแ่ สนส้ันของเรา

ทนี ข้ี อใหจ้ นิ ตนาการตอ่ ไปวา่  เราอาจจะไมไ่ ดส้ น้ิ ลมในอกี
หนงึ่ เดอื นขา้ งหนา้ น ้ี แตก่ ำ� ลงั จะสน้ิ ลมในอกี ไมถ่ งึ  ๒๔ ชวั่ โมง
ตอ่ จากน ี้ เราเคยคดิ บา้ งไหมวา่ ชวี ติ นแี้ สนสน้ั นกั  หากวา่ วนั พรงุ่ น้ี
เราจะต้องสิ้นลม  ขณะที่ยังรู้ตัวอยู่  เราอยากจะให้ใครอยู่ใกล้
อยากให้ใครมาดูใจเราก่อนที่เราจะจากโลกน้ีไป  ใครบ้างท่ีเรา
อยากจะฝากฝงั  และมอี ะไรทเี่ ราอยากจะฝากฝงั กบั คนทเี่ ราไวใ้ จ
ทสี่ ดุ  กอ่ นทเ่ี ราจะไมม่ โี อกาสพดู  เราอยากจะฝากฝงั เขาเรอื่ งอะไร
ทรัพย์สมบัติ  คนรัก  หรืองานการ  มีความในใจอะไรบ้างท่ีเรา
อยากบอก อยากพดู กบั คนใกลช้ ดิ  มอี ะไรทเี่ ราเสยี ใจทไ่ี มไ่ ดท้ �ำ

136
ทีนี้ขอให้จินตนาการต่อไปว่า  แท้จริงแล้วเราอาจจะไม่มี

ชวี ติ ถงึ วนั พรงุ่ นกี้ ไ็ ด ้ พรงุ่ นไี้ มใ่ ชว่ นั สดุ ทา้ ยของเรา คนื นต้ี า่ งหาก
ในขณะทเี่ รานอนทอดรา่ งอยนู่  ้ี ในอกี ไมก่ ชี่ ว่ั โมงขา้ งหนา้  ลมหายใจ
ท่ีเคยเข้าและออกเคลื่อนไหวในร่างกายนี้ก็จะส้ินไป  ร่างกายท่ี
เคยเคลื่อนไหวได ้ ก็จะแน่น่ิง ที่เคยอ่อนหยุ่น ก็จะค่อยๆ แข็ง
ไมต่ า่ งจากทอ่ นไม ้ ความนกึ คดิ ตา่ งๆ กำ� ลงั จะเลอื นหายไป ใน
ค�่ำคืนน้ี  ไม่เพียงเราจะต้องส้ินลมและทิ้งร่างน้ีไปเท่านั้น  แต่เรา
จะตอ้ งทง้ิ ทรพั ยส์ มบตั ทิ งั้ หลายทม่ี  ี บา้ นเรอื น รถยนต ์ เงนิ ทอง
ทงั้ หมด จะตอ้ งพลดั พรากจากเราไป ยงิ่ ไปกวา่ นนั้  คนทเี่ รารกั
ลูกที่เราคาดหวังว่าจะได้เจอในวันพรุ่งนี้  คนรักท่ีคาดหวังจะได้
พบปะสนทนากนั  เราจะไมม่ โี อกาสพบเขาอกี ตอ่ ไป เชน่ เดยี วกบั
พอ่ แม ่ เราจะไมม่ โี อกาสไดร้ ำ่� ลา งานการทงั้ หลายจะไมม่ โี อกาส
สานต่ออกี แล้ว สง่ิ ท่ีเราตัง้ ใจว่าจะทำ�  แผนการต่างๆ ทเี่ ราวาด
หวงั เอาไว ้ จะตอ้ งทง้ิ หมด โลกทง้ั โลกทเี่ รารจู้ กั  จะดบั สญู ไปอกี
ไมก่ ช่ี ว่ั โมงขา้ งหนา้  ถามใจเราดวู า่  เราพรอ้ มทจี่ ะละทง้ิ สงิ่ เหลา่ นน้ั
และลาจากคนรกั  ลกู หลาน พอ่ แม ่ และมติ รสหายหรอื ไม่ เรา
มนั่ ใจในความดที เี่ ราไดท้ ำ� ในชวี ติ ทผี่ า่ นมาหรอื ไม ่ พรอ้ มจะปลอ่ ย
วางสง่ิ ตา่ งๆ ทเ่ี ราไมม่ โี อกาสไดท้ ำ� อกี ตอ่ ไปไดไ้ หม มสี งิ่ คา้ งคาใจ
ใดๆ ทเี่ ราพรอ้ มจะปลอ่ ยวาง หรอื มสี ง่ิ ใดทเี่ ราเสยี ใจทไี่ มไ่ ดท้ ำ�
หรอื ไม่

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 137
หากวา่ เราจะตอ้ งสน้ิ ลมภายในหนง่ึ นาทขี า้ งหนา้  อะไรที่
ท�ำให้เราม่ันใจว่าเราพร้อมจะตายอย่างสงบ  เราจะนึกถึงอะไร
เปน็ สง่ิ สดุ ทา้ ยกอ่ นทเี่ ราจะสน้ิ ลม อะไรทจ่ี ะชว่ ยใหเ้ ราจากไปอยา่ ง
สงบและได้ไปสสู่ คุ ต ิ หากมเี วลาเหลอื เพียงไม่กี่นาทขี า้ งหน้า
(เสียงระฆัง)
ขอใหเ้ ราคอ่ ยๆ เปดิ ตา ขยบั เนอื้ ขยบั ตวั  และกค็ อ่ ยๆ ลกุ
ข้ึนมา  ขอให้นั่งอยู่ในอาการที่สงบ  และนึกย้อนทบทวนดูความ
รสู้ ึกของเรา ในชว่ งทที่ �ำกจิ กรรมทผ่ี ่านมา
(เสยี งระฆงั )
กอ่ นทจี่ ะยตุ กิ จิ กรรมน ้ี อยากใชช้ ว่ งเวลาสนั้ ๆ เพอ่ื แบง่ ปนั
ความรสู้ กึ สำ� หรบั คนทพี่ รอ้ มจะพดู  จะพดู ถงึ ความรสู้ กึ หรอื แงค่ ดิ
ท่เี กิดข้นึ ระหวา่ งการท�ำกิจกรรมนก้ี ็ได้
พระไพศาล  มใี ครหลบั บา้ งหรอื เปลา่  มใี ครอยากจะแบง่ ปนั ไหม
ผู้ปฏิบัติ ๑   อยากแบ่งปันว่าเม่ือหกเดือนท่ีแล้ว  ตอนที่รถคว�่ำ
ครั้งน้ันก็รู้สึกว่าไม่รู้จะรอดไหม  ถ้ามันเป็นวันสุดท้าย  เราก็ไม่รู้
จะท�ำอย่างไร  ก็ต้องปล่อยทุกอย่างไม่ว่าจะห่วงอะไรแค่ไหน  ก็

138
ต้องยอมรับ  และก็ต้องพยายามมารักษาใจให้มีสติ  จะได้ไปดี
ตอนน้ีถา้ คดิ ถึงกค็ ดิ ถงึ ลกู
พระไพศาล  กจิ กรรมทผ่ี า่ นมามชี ว่ งไหนกระทบใจมากบา้ งหรอื
เปลา่
ผูป้ ฏบิ ตั  ิ ๑  ตอนทีบ่ อกว่าถ้าเราจะบอกอะไรกับใครตอนทเ่ี รา
จะจากไป กค็ งมแี ตอ่ าจจะตอ้ งรบี ท�ำเสยี ตงั้ แตต่ อนน ี้ วา่ เราคดิ
จะบอกใครวา่ เรารกั เขา หรอื ควรจะใหเ้ วลาเขา หรอื ควรจะขอโทษ
ใคร เพราะวา่ วนั หนง่ึ ทเ่ี ราไมร่ วู้ า่ จะมาถงึ เมอ่ื ไหร ่ เราจะไดไ้ มต่ อ้ ง
เสียใจ  และคิดไว้อย่างนี้ว่าจะตายวันไหนก็พร้อม  ท�ำทุกวันให้
ดที ่ีสุดตลอดไป
ผู้ปฏิบัติ  ๒   ผมคิดว่าค�ำถามท่ีหลวงพ่อถามมาเป็นค�ำถามที่ดี
มาก  เพราะอาจจะไม่เคยได้น�ำตัวเองไปสู่สถานการณ์น้ัน  เป็น
เพียงสถานการณ์สมมติ  หลายค�ำถามผมก็ยังอึ้ง  และต้องกลับ
เอาไปคิดอยู่นาน  คือพอมีค�ำตอบอยู่ในใจแล้วนะครับ  แต่อาจ
จะยังไม่ตกผลึก  มันเป็นค�ำถามที่ดีมากที่บางครั้งผมก็ยังสงสัย
ตวั เองวา่ มนั ควรจะเปน็ ยงั ไง แตอ่ ยา่ งทพ่ี .่ี .. (ผปู้ ฏบิ ตั  ิ ๑) บอก
คือการท�ำทุกวันเหมือนกับวันท่ีเราพร้อมท่ีจะจากโลกนี้ไป  เป็น
วิธีท่ีดีท่ีสุด  แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมองออกไปอย่างที่หลวงพ่อ
บอกว่าเราอยากจะให้ชีวิตของเราจบอย่างไร  เพื่อท่ีเราจะได้

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 139
ไปจากโลกนโ้ี ดยทเ่ี รามคี วามสขุ ทางใจทส่ี ดุ
พระไพศาล  มใี ครอยากแบง่ ปันอกี ไหม
ผู้ปฏิบัติ  ๓   อยากจะแชร์ว่าสองปีที่แล้ว  ผมเคยได้รับประสบ
การณ์กิจกรรมน้ีจากหลวงพ่อครั้งน้ันรู้สึกจินตนาการตามไป
เร่ือยๆ  ทุกข้ันตอน  แล้วรู้สึกใจหายเวลาที่เวลาเราเหลือแค่ไม่ก่ี
นาท ี รสู้ กึ ใจหายมอี ะไรทเ่ี รายงั ไมไ่ ดท้ ำ� อกี เยอะ ยงั ตอ้ งกลบั ไปทำ�
ตอนหลงั ทไ่ี ดม้ โี อกาสแบง่ ปนั กนั ในวงกร็ สู้ กึ วา่ จะตอ้ งทำ� นนู่ ทำ� น่ี
บางคนกบ็ อกวา่ พรอ้ มแลว้  แตต่ อนนนั้ ผมรสู้ กึ วา่ ผมมอี ะไรตอ้ งทำ�
อีกเยอะ  สองปีที่ผ่านมา  ผมก็ท�ำอะไรไปเยอะเหมือนกัน  และ
ไดเ้ จออะไรเยอะ และรสู้ กึ วา่  ณ เวลานถี้ า้ จะบอกวา่ พรอ้ มกค็ ง
พร้อม  พูดไปก็เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก  คนใกล้ตัวก็จะ
นกึ วา่ หมดอาลยั ตายอยาก แตผ่ มรสู้ กึ วา่ ชวี ติ ผมมนั พอแลว้ ตอนน้ี
คือเจออะไรมาพอสมควร และท�ำอะไรมาพอสมควร คดิ ว่าไม่รู้
จะหาอะไรตอ่ ไปแลว้  กเ็ ลยรสู้ กึ พอ และคดิ วา่ ถา้ มโี อกาสกค็ งจะ
ทำ� ความดมี ากขึน้ เรอื่ ยๆ ครบั
ผปู้ ฏบิ ตั  ิ ๔  นกึ ไมอ่ อกวา่ จะตอ้ งบอกอะไรกบั ใคร นกึ ไมอ่ อกวา่
ตอ้ งทำ� อยา่ งไรตอ่  รแู้ ตว่ า่ ทำ� ไดแ้ คต่ อ้ งยอมรบั อยา่ งเดยี ว ณ นาที
เม่ือสักครู่น ้ี คือต้องวางทุกอย่างแล้ว จะไปห่วงอะไร คือถ้าจะ
ใหน้ กึ ตอ่  กน็ า่ จะสงสารแมก่ บั ตา สงสารลกู วา่ ถา้ เราตายไปตอนนี้

140
เขาจะเปน็ ยงั ไง และกห็ ว่ งตวั เองนดิ หนอ่ ย ไมใ่ ชน่ ดิ หนอ่ ย เยอะ
ดว้ ยม้ัง ว่าจะไปยงั ไงต่อ เพราะการปฏบิ ตั ิเรากไ็ ม่ได้ท�ำมามาก
ยงั ไปไมถ่ งึ ไหนเลย จะไปทไ่ี หนตอ่  ชาตหิ นา้ จะไดม้ าเปน็ อยา่ งน้ี
มย้ั  จะมโี อกาสอย่างนห้ี รือเปล่า

ผปู้ ฏบิ ตั  ิ ๕  อนั ทจี่ รงิ  กอ่ นทพี่ ระอาจารยจ์ ะจดั กจิ กรรมเผชญิ
ความตายทห่ี นา้ ผานส้ี องวนั ทผี่ า่ นมาชว่ งทพี่ ระอาจารยใ์ หน้ งั่ สมาธิ
ก็คิดเหมือนว่าถ้าอีกคร่ึงชั่วโมงเราจะตาย  จะต้องท�ำอย่างไร  ก็
นงั่ ดลู มหายใจ และเหน็ ความคดิ เกดิ ขนึ้  คดิ ไปนนู่  คดิ ไปน ี่ จน
จับความคิดได้ว่ามันไม่มีอะไรท่ีต้องไปคิดกังวลและห่วงหา  แม้
กระทั่งคนที่อยู่ข้างหลัง  หรือกระท่ังเพ่ือนเรา  แต่ละคนก็มีชีวิต
และมชี ะตากรรมของแตล่ ะคนไป กเ็ ลยหว่ งตวั เองดกี วา่ วา่ จะทำ�
อย่างไร  ที่เราจะต้องตายในอนาคต  ในขณะที่เราน่ังสมาธิไป
และมนั เวทนาขนึ้ กลา้ ขนาดน ้ี และถา้ เกดิ เราตายจรงิ ๆ มนั จะกลา้
จะแรงขนาดไหน  กล้าขนาดไหน  ก็เลยต้องยอมน่ิงๆ  ดูความ
เจบ็ ปวด ดลู มหายใจ ดคู วามคดิ ไปเรอื่ ยๆ จนทา้ ยสดุ  กบ็ อกวา่
ถ้ามันตายก็ตายเถอะ  ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา  เราเอาให้
รอดแลว้ กนั  เพราะวา่ อยตู่ รงนก้ี ไ็ มร่ วู้ า่ จะตอ้ งไปหว่ งใคร เพราะวา่
ถ้าห่วงก็ไม่รู้ว่าจะต้องส่งจิตออกไปข้างนอก  ไปหาเขา  แล้วเรา
ต้องไปอยู่กับเขาหรือเปล่า  คือคิดแบบดวงจิตท่ีจะต้องส่งจิต
ออกไปหาคนอื่นอย่างนี้  ก็เลยเหมือนทุกลมหายใจเข้าออกนี้
มันตายอย่แู ลว้

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 141
ผปู้ ฏบิ ตั  ิ ๖  ถา้ ถามวา่ อกี หกเดอื นจะตาย จะทำ� อยา่ งไร พรงุ่ นี้
จะตายจะทำ� อยา่ งไร ถา้ เดย๋ี วจะตาย กลวั จะลมื ทจ่ี ะไมไ่ ดท้ ำ� อะไร
ไหม ผมพบวา่ ผมทำ� หมดแลว้  ผมไมไ่ ดอ้ ยากจะทำ� อะไรอกี  และ
รู้สึกได้ยินเป็นค�ำถามว่านึกถึงอะไร  อันท่ีจริงถ้าจะตายจริงๆ
เมอื่ ก้กี ็นกึ ขน้ึ มาได้ว่าผมนกึ ถึงพระพุทธเจา้  แค่นี้ครบั

ผปู้ ฏบิ ตั  ิ ๗  รสู้ กึ ตวั  และรสู้ กึ ตน่ื สดุ ๆ กเ็ พราะพระอาจารยถ์ าม
วา่ ถา้ เรามชี วี ติ ไปไมถ่ งึ ปหี นา้  ไมร่ วู้ า่ ตอนไหนเมอื่ ไร กอ็ กี ประมาณ
หน่ึงเดือน  เราก็มานึกตกใจว่า  ท�ำไมมีเวลาแค่นี้  เหมือนกับท�ำ
อะไรไม่ได้  ก็คิดว่าคงท�ำอะไรไม่ได้มาก  แล้วคิดไม่ออกด้วยว่า
จะทำ� อะไรอกี  ฟงั คำ� ถามตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ จนกระทงั่ มาถงึ เวลาทสี่ นั้
มากๆ  อีกเพียงไม่กี่นาที  ก็รู้สึกได้เลยว่า  จริงๆ  แล้ว  ชีวิตเรา
ไมต่ อ้ งทำ� อะไรอกี แลว้  กท็ ำ� ขณะนใ้ี หด้ ที สี่ ดุ  กน็ กึ ถงึ ทลี่ มหายใจ
อยา่ งเดยี ว ไมไ่ ดน้ กึ ถงึ อะไรมาก มอี ยบู่ างชว่ งเหมอื นกนั ทรี่ สู้ กึ วา่
หว่ งแม ่ ห่วงลูก แต่กไ็ มไ่ ด้รสู้ กึ วา่ เราจะสามารถทำ� อะไรให้ท่าน
ได ้ หรอื จะทำ� อะไรใหล้ กู ๆ ได ้ กร็ สู้ กึ วา่ ตวั เองไมม่ คี วามสามารถ
ทจี่ ะทำ� อะไรได้ นอกจากจะแค่ตามลมหายใจไป แล้วกม็ คี วาม
รสู้ กึ อยา่ งหนงึ่ ทร่ี สู้ กึ มากๆ กค็ อื  ตอนทน่ี อน ทอี่ าจารยบ์ อกวา่
ใหผ้ อ่ นคลาย รสู้ กึ วา่ ตวั เราแนบกบั พนื้  แลว้ กระดกุ กระดกิ ไมไ่ ด้
เลย  ก็รู้สึกว่า  ถ้าเราถึงวาระท่ีขยับตัวไม่ได้เลย  มันเป็นอย่างนี้
น่ีเอง

142
ผู้ปฏิบัติ  ๘   ตอนที่พระอาจารย์ให้นึกถึงตัวเองนอนแล้วมีสาย
ระโยงระยาง นกึ วา่ กำ� ลงั ปว่ ย กด็ ๆู  แลว้ กค็ ดิ วา่ คงหายใจไปเรอ่ื ยๆ
แล้วรู้ตัวไปเรื่อยๆ  ไม่ห่วงอะไรเลยสักอย่างเดียว  ไม่เข้าใจ
เหมอื นกนั  พยายามนกึ กไ็ มม่  ี ชว่ งทถี่ ามวา่ จะนกึ ถงึ ใคร ทกุ ตอน
จะนกึ ถงึ คณุ ... อยากใหเ้ ขามาอยใู่ กลๆ้  อาจจะยดึ ตดิ กบั เขามาก
ไปหรอื เปลา่ วา่ เขาเปน็ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง อยากจะขอบคณุ ทเ่ี ขาพา
มาใหร้ จู้ กั ศาสนาพทุ ธจรงิ ๆ จงั ๆ แลว้ มาเสน้ ทางน ้ี กน็ กึ วา่ อยาก
ใหเ้ ขามาอยใู่ กลๆ้  ตอนจะตาย แตไ่ มห่ ว่ งเขาเลยวา่ จะเสยี ใจวา่
เราจากไป และคดิ วา่ เวลานกึ ถงึ เขาตอนจะตาย กลบั ชว่ ยใหเ้ รา
ไปด ี หมายถงึ เรารสู้ กึ วา่ ทกุ อยา่ งโอเค ทเี่ ราจะตายไปไดส้ บายๆ
กค็ ดิ ว่านา่ จะไปดี ไม่รจู้ ะเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า
ผปู้ ฏบิ ตั  ิ ๙  ตายอยา่ งสงบ ไมม่ หี ว่ งอะไร กน็ กึ ตามพระอาจารย์
ไปเรอ่ื ยๆ วา่ ถา้ จะตายกส็ งบด ี ตามลมหายใจไปเรอื่ ยๆ ณ วนิ าที
สุดท้ายที่พระอาจารย์ถามว่านึกถึงอะไร  ก็นึกถึงพระพุทธเจ้า
แลว้ กน็ อนสวดมนต ์ แลว้ พระอาจารยเ์ คาะระฆงั กด็ ลู มหายใจอยู่
หลับอย่างสงบ ไมม่ หี ว่ งอะไรเลย ณ วินาทนี ี้ไดเ้ ลย
ผู้ปฏิบัติ  ๒   พระอาจารย์ครับผมอยากพูดเสริมอีกนิดนะครับ
คอื เวลาทพี่ ระอาจารยเ์ อาเรอื่ งความตายมาเปน็ โจทย์ กท็ ำ� ใหผ้ ม
อดคิดไม่ได้ว่า  ในฐานะท่ีผมใช้ชีวิตฆราวาสมาตลอดชีวิตผม
คดิ วา่ ชวี ติ ชาวโลกตงั้ อยบู่ นความประมาทจรงิ ๆ เพราะวา่ ทกุ วนั

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 143
เวลาทุกปี  ทุกขณะ  เรา  โดยเฉพาะตัวผมมักจะไม่ได้คิดว่า
จะตายวนั ตายพรงุ่  คดิ อะไรกค็ ดิ ไปยาวๆ อะไรกท็ ำ� เอาไว ้ ขนาด
ผมเป็นคนท่ีไม่มีลูกนะครับ  ผมก็ยังคิดไว้เผื่อหลาน  โดยที่
ไมเ่ คยไดเ้ อาคำ� ถามงา่ ยๆ ทหี่ ลวงพอ่ ตง้ั มาเปน็ โจทย์ กท็ ำ� ใหอ้ ด
สะทอ้ นใจตวั เองไมไ่ ดว้ า่ จรงิ ๆ แลว้  เราใกลเ้ กลอื กนิ ดา่ ง วา่ สงิ่
ที่เราสามารถจะแสวงหาได้ไม่ไกล  เราก็ไม่ได้เคยเอามาคิด
ไตร่ตรอง  และก็ยังถือว่าตัวเองยังเป็นผู้ท่ีต้ังตนอยู่ในความ
ประมาท

ค�ำถามที่โดนใจ แรกๆ หลวงพ่อกม็ าแบบสบายๆ ก่อน
๓๐ ป ี เรากโ็ อเค ยงั อกี ไกล อกี แปบ๊ เดยี วกม็ าเปน็  ๑๐ ป ี ๑๐ ปี
ชักจะใจไม่ค่อยดี  จริงๆ  ถ้าหลวงพ่อให้  ๑๐  ปีผมใจไม่ค่อยดี
เพราะผมยงั มคี วามพอใจในความเปน็ คนโลภอยนู่ ะครบั  และกย็ งั
มรี กั  มหี ลง มหี วง มนี นู่ มนี  ี่ คอื พอใจในชวี ติ ทเ่ี กดิ มา ยงั ไมอ่ ยาก
ที่จะละท้ิงมันเร็วๆ  น้ี  แต่พอหลวงพ่อถอดมาเหลือปีเดียว  เอ!
ปเี ดยี วนไ่ี มไ่ หว ยง่ิ ถา้ เหลอื อกี สนิ้ ปนี  ้ี ผมกล็ นลาน ผมมคี วามรสู้ กึ
จติ มนั ลนลาน คอื มนั รสู้ กึ  วา่ เปน็ โจทยท์ ผ่ี มตไี มแ่ ตก กอ็ ยา่ งทผี่ ม
บอกวา่ มนั เปน็ คำ� ถามทผี่ มอง้ึ  และคดิ แลว้ ไมต่ กผลกึ  คดิ ไมข่ าด
นล่ี ะ่ ครบั เปน็ ปฏกิ ริ ยิ าดบิ ๆ ทผ่ี มไดม้ า แตป่ ญั ญาผมกย็ งั มแี คน่ ี้
หลวงพอ่ พูดมากย็ งั ท�ำใหผ้ มตอ้ งกลบั ไปคดิ อกี ว่าทำ� อย่างไร

144
ผปู้ ฏบิ ตั  ิ ๑๐  คอื ตอนแรกจะเครยี ดเวลาหลวงพอ่ บอกเวลานอ้ ยๆ
นะ แตพ่ อบอกไมต่ ายแลว้  โอ! โลง่ อก ตอนแรกเครยี ดมากจะ
ตายวันนีเ้ ลยเหรอ
ผปู้ ฏบิ ตั  ิ ๑๑  สำ� หรบั ผม ตอนหลวงพอ่ พดู วา่ ตอน ๑๐ ปอี ะไร
อยา่ งน ี้ กย็ อ้ นไปเรอื่ ยๆ กร็ สู้ กึ วา่ ชวี ติ นยี้ งั มสี ง่ิ ทไี่ มไ่ ดท้ ำ� อกี เยอะ
มากไปหมด แตถ่ ามจรงิ ๆ วา่ หว่ งไหม กไ็ มค่ อ่ ยรสู้ กึ กบั มนั มาก
เพราะโดยรวม ชวี ติ กค็ อ่ นขา้ งสบาย ถา้ เกดิ เปน็ อะไรไป ภรรยา
กส็ ามารถดแู ลลกู ๆ ไดส้ บายอยแู่ ลว้  สว่ นตวั ผม ถา้ เกดิ เปน็ อะไร
ไป  ธุรกิจก็ไปได้  ผมคิดว่าถ้ามันตายมันก็จบแล้ว  ไม่มีอะไรท่ี
จะต้องไปห่วง  ก็คือคิดว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร  แล้วรู้สึกว่าเฉยๆ
ถ้าถงึ เวลานั้นจริงๆ กย็ อมรับ จรงิ ๆ ก็เคยพจิ ารณาดบู า้ งแล้ว
เหมอื นกนั  กย็ ังยอมรับว่ามสี งิ่ หลายส่ิงที่ยังไม่ได้ทำ�
พระไพศาล  กจิ กรรมทใี่ หท้ ำ� นเ้ี ปน็ โจทยเ์ พอ่ื ใหเ้ ราคดิ เผอื่ เอาไว้
ว่าชีวิตเราอาจจะพลกิ ผนั ได ้ แมไ้ มถ่ งึ กบั พลกิ ผนั ในเรว็ ๆ น ี้ แม้
จะมชี วี ติ ตอ่ ไปอกี  ๓๐ ปหี รอื นานกวา่ นน้ั  กค็ วรคดิ เอาไวบ้ า้ งวา่
ถึงตอนนั้นหากจะต้องตาย  มีอะไรท่ีท�ำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจ
ในชวี ติ ของตวั เอง การคดิ เชน่ นจ้ี ะชว่ ยกำ� หนดทศิ ทางชวี ติ ของเรา
ได ้ เชน่ ถา้ เราอยากมีความภาคภูมิใจในการเป็นพ่อแม่ท่ีดี หรือ
เป็นคนท่ีท�ำประโยชน์ให้กับประเทศชาติพระศาสนา  เราก็ต้อง
ตั้งจิตว่า น่ันคือเป้าหมายที่เราจะต้องท�ำให้มันเป็นจริง  แต่

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 145
ถ้าเผื่อเรามีชีวิตที่สั้นกว่าน้ัน  ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครรู้  แต่ถ้าเรา
เผื่อใจไว้  และตั้งค�ำถามดังกล่าวอยู่เสมอ  มันจะช่วยให้เรา
ตงั้ อย่ใู นความไมป่ ระมาท 

กจิ กรรมนย้ี งั เปน็ โอกาสใหเ้ รามาตรวจสอบตวั เราเองดว้ ย
วา่  ถา้ เราจะตอ้ งจากไปในเวลาอนั ใกล ้ เรามอี ะไรทเี่ รายงั หว่ งบา้ ง
สง่ิ ทเ่ี รายงั เปน็ หว่ งนน่ั แหละ คอื การบา้ นทเ่ี ราตอ้ งไปจดั การเพอ่ื
เราจะไดไ้ มห่ ว่ ง ถา้ เกดิ วา่ มอี ะไรปบุ ปบั เกดิ ขน้ึ มาจรงิ ๆ หาไมแ่ ลว้
พอใกลต้ าย เราอาจตายไมส่ งบเพราะปลอ่ ยวางสงิ่ เหลา่ นน้ั ไมไ่ ด้



พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 147

๑๔

เ ที ย น ส่ อ ง ธ ร ร ม

เช้าน้ีเราได้สวดบทพิเศษบทหน่ึง  ว่าด้วยกายคตาสติ  คือการ
พจิ ารณาอาการ ๓๒ ของรา่ งกาย ซงึ่ เปน็ บททค่ี อ่ นขา้ งแตกตา่ ง
จากบทพิเศษบทอ่ืนๆ  ท่ีเราได้สวดกันก่อนหน้านี้  เป็นบทที่ใช้
พิจารณาเพ่ือให้เห็นความจริงของร่างกายเราก็ได้  หรือใช้เพ่ือ
ระงบั ราคะทสี่ บื เนอื่ งกบั รา่ งกายหรอื กามราคะกไ็ ด ้ คอื พจิ ารณา
เพอ่ื เหน็ ความไมง่ ามของรา่ งกาย จะไดป้ ลอ่ ยวาง ถา้ มองในแงน่ น้ั
ก็เป็นการเจริญสมถกรรมฐาน  แต่ถ้าใช้เพื่อพิจารณาให้เห็น
วา่ รา่ งกายนไ้ี มม่ ตี วั ตนของมนั เอง แตป่ ระกอบไปดว้ ยสว่ นยอ่ ยๆ
ซ่ึงแต่ละส่วนก็ไม่เที่ยง  อันน้ีก็ท�ำให้เห็นถึงความเป็นอนัตตา
ถอื ว่าเปน็ การเจรญิ วิปสั สนากรรมฐานแบบหน่ึง

148
ในเรอื่ งการพจิ ารณากาย ๓๒ หรอื กายคตาสตนิ น้ั  มเี รอ่ื ง

เลา่ วา่  ในสมยั พทุ ธกาล มพี ระกลมุ่ หนง่ึ ไดจ้ ารกิ มายงั เมอื งๆ หนง่ึ
เมอื งนม้ี พี ราหมณผี หู้ นง่ึ ทม่ี จี ติ ใจใฝใ่ นการบญุ การกศุ ลมาก เหน็
พระสงฆ์มาเธอก็ดีใจ  ที่จริงเธอไม่รู้จักพระพุทธศาสนาเลย  แต่
เห็นพระสงฆ์มาก็มีความศรัทธาเพราะท่านมีกิริยาอาการสำ� รวม
เมอ่ื สอบถามกไ็ ดท้ ราบวา่ ทา่ นก�ำลงั จะจารกิ ไปทอ่ี นื่  จงึ นมิ นตใ์ ห้
ท่านอยู่  จัดหาที่พักให้ในที่ดินของเธอ  และปวารณาว่าจะดูแล
จดั หาอาหารมาถวาย

พระสงฆ์เหล่านั้นเม่ือได้ท่ีพักก็ตกลงกันว่าให้แยกย้ายกัน
ไปปฏบิ ตั ใิ นทที่ างของตวั  ตอ่ เมอ่ื ไดเ้ วลาฉนั ถงึ คอ่ ยมา ฉนั เสรจ็
ก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติธรรมเฉพาะตัว  ต่อเมื่อได้ยินเสียงระฆัง
แสดงวา่ มเี หตเุ กดิ ขนึ้  ถงึ คอ่ ยมารวมตวั กนั  อนั นแี้ สดงวา่ ทา่ นตง้ั ใจ
ปฏิบัติมาก  ส่วนนางพราหมณีก็ให้คนใช้น�ำอาหารไปถวายเป็น
ประจำ�  เปน็ อยา่ งนอี้ ยหู่ ลายวนั  บา่ ยวนั หนงึ่ นางพราหมณไี ปทนี่ น้ั
ไม่เห็นพระสักรูป  รู้สึกแปลกใจ  สงสัยว่าท่านไปไหนกัน  ก็เลย
ตีระฆงั  สักพักพระสงฆ์ก็พากันมาเพราะนึกว่ามีเรื่องอะไร นาง
พราหมณเี หน็ พระมาจากคนละทศิ คนละทางกส็ งสยั วา่  พระเหลา่ น้ี
ไมถ่ กู กนั หรอื เปลา่  จงึ แยกยา้ ยกนั อยกู่ นั คนละทศิ คนละทาง คอื
เธอไม่รู้เรื่องธรรมเนียมการปฏิบัติของพระสงฆ์  เม่ือสอบถาม
ก็ได้ความว่า  พระสงฆ์ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน  ท่ีแยกกันไปอยู่
คนละทศิ คนละทางกเ็ พราะต้องการปฏบิ ัตสิ ว่ นตวั

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 149
นางพราหมณสี นใจจงึ ถามวา่ ทา่ นปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร พระกลมุ่ น้ี
กต็ อบวา่ ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยการพจิ ารณาอาการ ๓๒ แลว้ กแ็ นะนำ� วธิ ปี ฏบิ ตั ิ
นางพราหมณสี นใจกน็ ำ� ไปปฏบิ ตั บิ า้ ง ปรากฏวา่ ปฏบิ ตั อิ ยไู่ มน่ าน
อาจจะไมถ่ ึงอาทิตยด์ ว้ ยซำ้�  ก็ได้ดวงตาเหน็ ธรรม แล้วกป็ ฏิบตั ิ
ต่อจนกระทั่งได้บรรลุถึงข้ันอนาคาม ี แถมมีอภิญญาด้วย โดย
เฉพาะเจโตปริยญาณ คือการหย่ังร้ใู จได ้
พอทา่ นมเี จโตปรยิ ญาณ กน็ อ้ มจติ สอ่ งไปยงั พระทงั้ หลาย
ดว้ ยความหว่ งใยวา่ ทา่ นเปน็ อยา่ งไร พจิ ารณาไปกเ็ หน็ วา่ แตล่ ะทา่ น
ยังเป็นปุถุชนอยู่  ทีนี้ก็พิจารณาต่อไปว่า  ท่านเหล่าน้ีมีปัญหา
หรืออุปสรรคบ้างไหมในการปฏิบัติ  ก็พบว่าพระภิกษุแต่ละท่าน
ไมไ่ ดม้ อี ะไรทเ่ี ปน็ เครอื่ งขอ้ งขดั  ยกเวน้ เรอื่ งเดยี วคอื เรอื่ งอาหาร
คืออาหารคงจะน้อยไป  นางพราหมณีจึงหาอาหารมาเพิ่มเติม
ปรากฏว่าไม่นานนักพระกลุ่มนี้ก็ได้บรรลุธรรมข้ันสูง  เป็น
พระอริยบุคคล เป็นพระอรหันต์ก็ม ี เป็นพระอนาคามีก็มี เป็น
พระสกทาคามีก็ม ี เปน็ พระโสดาบันกม็ ี
พระเหลา่ นรี้ สู้ กึ ขอบคณุ นางพราหมณมี าก และรดู้ ว้ ยญาณ
ว่านางพราหมณีท่านนี้เป็นอนาคามี  และมีเจโตปริยญาณด้วย
เม่ือเดินทางไปถึงวัดเชตวันที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่  ก็ได้เล่า
เรอื่ งนใี้ ห้พระองคท์ ราบวา่ ไดไ้ ปพบอะไรมาบ้าง


Click to View FlipBook Version