The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอนคุณธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by padet.dou, 2024-06-10 03:56:25

เอกสารประกอบการสอนคุณธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพ

เอกสารประกอบการสอนคุณธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพ

Keywords: คุณธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณวิชาชีพ

การใช้ธรรมาภิบาลในต่างประเทศสามารถสรุปได้เป็น ๒ ส่วน คือในประเทศที่พัฒนา แล้ว และประเทศที่กำลังพัฒนา จะเห็นได้ว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา เน้นการ เพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ และปรับปรุงประสิทธิผลขององค์กรของรัฐ การที่ระบบ การเมืองและ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เติบโตมาจากระบอบประชาธิปไตยและทุนนิยม จึงได้ปูพื้นฐานกฎหมายที่ ยุติธรรม ให้ความสำคัญต่อความเสมอภาค ความโปร่งใส การตรวจสอบคุณภาพ ชีวิตและสิทธิ มนุษยชน ปัจจุบันสหรัฐฯ ยังมีความพยายามที่จะปรับการทำงานขององค์กรของรัฐ ให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น มีการส่งเสริมธรรมาภิบาลให้กลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กรมากกว่าการ ที่จะต้องมีองค์กรคอย ตรวจสอบ หรือจับผิดการทำงาน ในขณะที่ประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น ฟิลิปปินส์อินโดนีเซีย และบอสซาวานา ก็กำลัง อยู่ ในช่วงของการนำธรรมาภิบาลไปปรับใช้เพื่อเป็นกลไกที่ช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังค ของ ประเทศให้ดีขึ้น สร้างระบบการทำงานในองค์กรของรัฐให้มีความโปร่งใส และชัดเจน ทังนี้การมีธรร มาภิบาลก็จะทำให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนได้ ในประเทศฟิลิปปินส์มีความก้าวหน้าในการนำหลัก Total Quality Management ให้เข้า สู่ Total Quality Governance ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้หลักการดำเนินงานของธุรกิจที่เน้น ประสิทธิภาพของการจัดการ ส่วนประเทศอินโดนีเซียมีความพยายามในการใช้ธรรมาภิบาลเพื่อ แก้ไข ปัญหาการคอร์รัปชั่นและพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ส่วนประเทศบอสซาวานาได้มีการปรับใช้ธรรมาภิ บาลในองค์กรต่าง ๆ รวมถึงการจัดตั้งองค์กรใหม่ที่ใช้หลักธรรมาภิบาล นอกจากนั้น ตัวชี้วัดธรรมาภิบาลบางตัวชี้วัดของต่างประเทศอาจนำมาปฏิบัติได้ใน ประเทศไทย หากแต่สมควรจะต้องมีการประเมิน ตรวจสอบ หรือวิจัยเพื่อคัดเลือกตัวชี้วัดที่มีความ เหมาะสมต่อประเทศไทยต่อไป จากการศึกษาค้นคว้าเอกสาร บทความและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องพอจะสรุปได้ว่า การ บริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการทั้งจากภายในและภายนอก ผู้บริหารเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการที่จะนำโรงเรียนไปสู่ความมีประสิทธิภาพและ ความสำเร็จ ผู้บริหารต้องมีคุณลักษณะของผู้นำที่สำคัญ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ความยุติธรรม มีความ มุ่งมั่น ขยัน อดทน มีความรับผิดชอบสูง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มีภาวะผู้นำสูงเป็นคนกล้าคิด กล้า เปลี่ยนแปลง กล้าตัดสินใจ มีคุณธรรมจริยธรรม มีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง เป็นบุคคลแห่งการ เรียนรู้ และมีความจริงใจ ในการบริหารจัดการผู้บริหารสามารถใช้เทคนิควิธีและหลักการต่างๆที่ หลากหลาย มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพเหตุการณ์และปัจจัยแวดล้อม หลักธรรมาภิบาลเป็น แนวทางสำคัญใน การบริหารจัดการ จัดระเบียบให้สังคมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน อันมีหลักพื้นฐาน ๖ ประการคือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ซึ่งเป็นหลักการบริหารงานที่ดีให้ผู้บริหาร ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ในการ ปฏิบัติงานตามกฎ ระเบียบ ข้องบังคับต่างๆอย่างถูกต้องและ เสมอภาค ยึดมั่นในสิ่งที่ดีงามเป็น แบบอย่างแก่บุคลากรในโรงเรียน เน้นความโปร่งใสสามารถ ตรวจสอบได้ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา เปิด โอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหาร การ ตัดสินปัญหา และประเมินผลการบริหารโรงเรียน อย่างเที่ยงธรรม มีความรับผิดชอบ ใช้ทรัพยากรที่มี


อยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ส่วนรวมโดยรณรงค์ให้มีความประหยัด และใช้ทรัพยากร อย่างคุ้มค่า ๑.๗ บทบาทผู้บริหารในการบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาล เจือจันทร์จงสถิตอยู่ ได้กล่าวว่าผู้บริหารนั้นเป็นบุคคลที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากใน การขับเคลื่อนองค์การ การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารนั้น ได้กล่าวไว้ในการนำธรรม รัฐมา ปฏิบัติผู้บริหารควรบริหารจัดการด้วยเป็นธรรม ให้ความยุติธรรมกับทีมงาน การตัดสินใจก็ควรให้ ทีมงานมีส่วนร่วม ชี้ให้ทุกคนเข้าใจถึงบทบาทและปัญหาที่แท้จริงในการปฏิบัติงานเพื่อการ บริหาร จัดการที่ดี75 ปัญญา ฉายะจินดาวงศ์และคณะ ได้กล่าวว่าผู้บริหารมีหน้าที่ ประสานงานระหว่าง คณะกรรมการกับพนักงานต้องมีรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นประจำ มีการ บริหารงานอย่างโปร่งใส พร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ทุกเวลาและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมอย่าง ยุติธรรม76 ยุทธ วงฉัตรธาร ได้กล่าวไว้ว่า การสร้างกระบวนการธรรมรัฐหรือการ กำกับดูแลกิจการที่ ดีควรเริ่มต้นด้วยความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหารและคณะกรรมการที่เข้มแข็ง ซึ่ง ประกอบด้วย คณะกรรมการที่สามารถคานอำนาจซึ่งกันและกัน และต้องมีประสบการณ์ในการ บริหารองค์กรโดย กำหนดแนวทางการบริหารชี้ให้เห็นบทบาท และทิศทางที่ชัดเจนในการ ดำเนินงานร่วมกัน สร้าง กระบวนการจัดการที่รัดกุม มีการพิจารณาตัดสินที่ดีเพื่อป้องกันมิให้เกิด ความเสียหาย สร้างความ คล่องตัวให้เกิดขึ้นในการบริหารงาน77 กระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวเกี่ยวกับบทบาท ผู้บริหารสถานศึกษาของผู้บริหารในฐานะ นิติบุคคลซึ่งได้กำหนดแนวทางการบริหารตามธรรมาภิบาลคือ78 ๑. รวบรวมและจัดระบบข้อมูลสารสนเทศให้เป็นปัจจุบัน การบริหารแนวใหม่ จำเป็นอย่าง ยิ่งที่จะต้องบริหารและตัดสินใจ โดยอาศัยข้อมูลมากกว่าสามัญสำนึก ดังนั้นผู้บริหารจึง จำเป็นจะต้อง รวบรวม จัดระบบข้อมูลและใช้ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารและการตัดสินใจให้มากที่สุดเท่าที่จะ มากได้ ๒. วามแผนและดำเนินงานตามแผนที่วางไว้การวางแผนมีส่วนช่วยให้ผู้บริหารมีทิศทาง ในการบริหาร ดังนั้นผู้บริหารต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผน สามารถดำเนินการ บริหารตามแผนที่กำหนดไว้รวมทั้งการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน ตามแผนเพื่อให้ บรรลุจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ ๓. ศึกษากฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้องในการบริหารสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคล ผู้บริหารมีอำนาจอย่างอิสระ ขณะเดียวกันรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนอย่างเต็มที่ ดังนั้นเพื่อ 75เจือจันทร์จงสถิตอยู่, คนเด่น, วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓, หน้า ๕๕ – ๖๐. 76ปัญญา ฉายะจินดาวงศ์และคณะ, ธรรมรัฐ วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓, หน้า ๙ – ๑๑. 77ยุทธ วงฉัตรธาร, การสร้างกระบวนการธรรมรัฐ วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓, หน้า ๑๒ – ๑๓. 78กระทรวงศึกษาธิการ, การบริหารสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคล, กรุงเทพมหานคร : องค์การรับส่ง สินค้าและพัสดุภัณฑ์, ๒๕๔๖, หน้า ๑.


ป้องกันความผิดพลาดเชิงกฎหมายและการตัดสินใจของตน ผู้บริหารจึงจำเป็นต้องทำ ความเข้าใจ กฎหมายอย่างแท้จริง ๔. การบริหารและการตัดสินใจโดยองค์คณะบุคคล การศึกษาเป็นการบริการ สาธารณะ เพื่อให้การบริหารและการตัดสินใจที่มีความถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุด ผู้บริหาร ควรดำเนินงาน โดยใช้องค์คณะบุคคลเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจมากที่สุดเท่าที่จะ มากได้ ๕. จัดระบบบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้อง ผู้บริหารจำเป็นจะต้องจัดทำระบบบัญชีให้ครบถ้วน ความถูกต้องตามระบบและระเบียบของทางราชการ เพื่อการบริหารของตนให้เป็นไปด้วย ความ โปร่งใส นายอานันท์ปันยารชุน หลักธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยควรมีองค์ประกอบดังนี้79 ๑. ความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ และความเป็นอิสระในนโยบายการศึกษา ๒. ความรับผิดชอบในการตัดสินใจของตนเอง ๓. การสนองตอบความต้องการของสังคม ๔. คุณภาพการศึกษา หมายรวมถึง คุณภาพของอาจารย์นักศึกษา และหลักสูตร มีงบประมาณรายได้และรายจ่าย ดังนี้ ตารางที่ ๑.๓ ตัวชี้วัดการบริหารจัดการที่ดีในมหาวิทยาลัย หลักธรรมาภิบาล ตัวชี้วัด ความเป็นธรรม การใช้ระบบสัญญาจ้างงานกับบุคลากรอย่างเป็นธรรมและชัดเจน การกำหนดช่วงระยะเวลาที่แน่นอนในการประเมิน การสร้างแรงจูงใจและแรงผลักดันให้บุคลากรทำงานได้เต็มที่ การสามารถที่จะร้องทุกข์ต่อกรรมการอุทธรณ์ร้องทุกข์ได้เมื่อไม่ได้รับ ความ เป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา มีระบบบริหารการเงินและทรัพย์สินที่ชัดเจน เป็นขั้นตอน ตรวจสอบ ได้ หลักธรรมาภิบาล ตัวชี้วัด ความเป็นธรรม การมีอำนาจอิสระของกรรมการอุทธรณ์ร้องทุกข์ในการพิจารณาคำ อุทธรณ์ร้อง ทุกข์ของบุคลากร บุคลากรได้รับข้อดีและข้อแก้ไขในการประเมินผลการปฏิบัติงานในแต่ ละช่วง หลักธรรมาภิบาล ตัวชี้วัด ความโปร่งใส การประกาศหลักเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบให้ประชาคม รับทราบ การประกาศตารางเงินเดือนและขั้นเงินเดือนให้ประชาคมรับทราบ 79นายอานันท์ปันยารชุน, มุมมองนายอนันต์, หนังสือพิมพ์มติชน, เดือนกรกฎาคม, วันที่ ๒๖, ๒๕๔๒, หน้า ๗.


กระบวนการในการพิจารณาความดีความชอบเป็นไปอย่างเปิดเผย การประกาศให้ประชาคมรับทราบเกี่ยวกับรูปแบบต่างๆ ของการ พัฒนา บุคลากร มีหลักเกณฑ์ทีชัดเจนในการคัดเลือกบุคลากรและประกาศให้ ประชาคมรับทราบ การประกาศให้ประชาคมรับทราบเกี่ยวกับสิทธิในการได้รับสวัสดิการ ต่าง ๆ หลักธรรมาภิบาล ตัวชี้วัด ความโปร่งใส การประกาศให้ประชาคมรับทราบเกี่ยวกับแผนงาน กฎ ระเบียบของ มหาวิทยาลัย การประชาสัมพันธ์การรับสมัครบุคลากรเข้าทำงานอย่างทั่วถึงไปสู่ผู้ที่ มีความรู้ความสามารถในตำแหน่งต่าง ๆ บุคลากรมีส่วนร่วมในการรับรู้สถานการณ์และปัญหาขององค์กร บุคลากรมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาขององค์กร การกำหนดบทบาทหน้าที่ของบุคลากรอย่างชัดเจนเพื่อให้ตรวจสอบ ได้ง่าย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถสื่อสารกันได้สองทาง หลักธรรมาภิบาล ตัวชี้วัด การมีส่วนร่วม บุคลากรทุกคนมีส่วนร่วมในการได้มาซึ่งผู้บริการ อธิบดีรับฟังข้อเสนอแนะจากประชาคมในเรื่องนโยบายหรือการ บริหาร แผนงานของหน่วยงานได้มาจากความคิดของสมาชิกทุกคนใน หน่วยงาน ผู้บริหารเป็นที่ยอมรับของบุคลากรส่วนให้ อธิการบดีเป็นผู้ที่คนส่วนใหญ่ในประชาคมมหาวิทยาลัยให้การ สนับสนุน บุคลากรมีส่วนร่วมในการพิจารณาการได้รับการฝึกอบรม/การลา ศึกษาต่อของ บุคลากร การทำงานเป็นทีมในการบริหาร การตรวจสอบการดำเนินงานของผู้บริหารให้สอดคล้องกับนโยบาย หลักธรรมาภิบาล ตัวชี้วัด ความมีอิสระ การใช้จ่ายต่าง ๆเป็นระบบเหมาจ่าย ถัวเฉลี่ยได้ มีการประเมินผลการใช้งานแบบภายหลัง คือ ดูที่ผลผลิตของงาน การเปิดโอกาสให้ปรับเปลี่ยนแผนงานได้โดยง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับ ความ เปลี่ยนแปลงทางสังคม


ทุกหน่วยงานมีอิสระในการบริหารจัดการและหารายได้ของตนเอง โดยมีเกณฑ์กลางในการดำเนินการเหมือนกัน สภามหาวิทยาลัยเน้นบทบาทด้านการกำหนดนโยบาย หลักธรรมาภิบาล ตัวชี้วัด ประสิทธิผล การใช้อำนาจบริหารจากระดับสูงสู่ระดับปฏิบัติเพื่อให้เกิดเอกภาพใน การบังคับ บัญชา ผู้บริหารมีส่วนร่วมในการประเมินผลงานทางวิชาการ การบังคับบัญชาหลายขั้นตอนจะเป็นการประกันความถูกต้องและ ความ ยุติธรรม ข้อมูลเกี่ยวกับการสรรหาผู้บริหารควรเปิดเป็นความลับ เพื่อรักษา สิทธิส่วน บุคคล หลักธรรมาภิบาล ตัวชี้วัด ประสิทธิผล อธิการบดีควรมีอำนาจบริหารงานอย่างอิสระ เพื่อให้เกิดประสิทธิผล สูงสุด ความคล่องตัว การลดจำนวนละขนาดสร้างการบริหารงานของมหาวิทยาลัย คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยมีขนาดเล็กเพื่อความคล่องตัวในการ บริหาร ที่มา : ที่ประชุมสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย, ๒๕๔๓. จากที่กล่าวมาเกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารในการบริหารแบบธรรมาภิบาลพอที่จะสรุป ได้ว่า การบริหารองค์กรตามหลักธรรมาภิบาลต้องอาศัยปัจจัยหลายประการในการบริหารให้มี ประสิทธิภาพซึ่งอาจสรุปเป็นดังนี้คือผู้บริหารจะต้องเป็นบุคคลที่มีการเรียนรู้ตลอดเวลาทั้งข้อ กฎหมาย กฎข้อบังคับ องค์ความรู้ทางการบริหารในด้านต่างๆ เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ในการ บริหาร เนื่องจากการบริหารแบบธรรมาภิบาลนั้นผู้บริหารจะต้องมีความรู้ความสามารถและ ประสบการณ์ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจ การวางแผนในการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ ผู้บริหารจะต้องยึดหลักพุทธศาสนาในการบริหารโดยนำหลักธรรมาบูรณาการกับการบริหาร แบบธรร มาภิบาลซึ่งจะทำให้การบริหารมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับของคนในองค์กรซึ่งหลักธรรมที่สำคัญที่ ควรนำมาใช้ในการบริหารควบคู่กับหลักธรรมาภิบาลทศพิธราชธรรม เพราะจะ ทำให้ผู้บริหารเป็น บุคคลที่น่าเชื่อถือ มีความรอบคอบ มีคุณธรรมและมีความยุติธรรมในการบริหาร ๑.๘ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหลักธรรมาภิบาล สุวรรณ ทองคำ ศึกษาเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลใน โรงเรียน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดสิงห์บุรีพบว่า ๑) ผู้บริหารโรงเรียนส่วนใหญ่ บริหารงานตาม หลักธรรมาภิบาลในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายหลักส่วนใหญ่บริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลใน ระดับมากเกือบทุกหลัก ยกเว้นหลักคุณธรรมการ บริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลในระดับมากที่สุด ๒) ผู้บริหารโรงเรียนเกือบทุกคุณลักษณะและสถานภาพส่วนใหญ่ บริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลใน


ระดับมาก ยกเว้นผู้บริหารโรงเรียนที่มีคุณวุฒิทางการศึกษาสูง กว่าระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่ บริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลในระดับมากที่สุด ๓) ผู้บริหาร โรงเรียนที่มีวัยวุฒิไม่เกิน ๕๐ ปีส่วน ใหญ่บริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลมากกว่าผู้บริหารโรงเรียน ที่มีวัยวุฒิมากกว่า ๕๐ ปีขึ้นไป ผู้บริหารโรงเรียนที่มีคุณวุฒิทางการศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่บริหารงานตามหลักธรร มาภิบาล มากกว่าผู้บริหารโรงเรียนที่มีคุณวุฒิที่มีคุณวุฒิทาง การศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ลงมา ผู้บริหารโรงเรียนที่มีประสบการณ์การบริหารไม่เกิน ๑๐ ปีส่วนใหญ่บริหารงานตามหลักธรร มาภิบาลมากที่สุด รองลงมาเป็นผู้บริหารโรงเรียนที่มีประสบการณ์การบริหาร ๑๑-๒๐ ปีมากกว่า ๒๐ ปีตามลำดับ และผู้บริหารโรงเรียนที่ดำรงตำแหน่ง ในโรงเรียนขนาดกลางส่วนใหญ่บริหารงาน ตามหลักธรรมาภิบาลมากที่สด รองลงมาเป็นผู้บริหาร โรงเรียนที่ดำรงตำแหน่งในโรงเรียนขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ตามลำดับ80 เกียรติศักดิ์ศรีสมพงษ์ ทำการศึกษาเรื่อง การบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของ ผู้บริหาร สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรีพบว่าสภาพการ บริหารตาม หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามความคิดเห็นครูสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาสุพรรณบุรีโดยภาพรวมมีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก และเมื่อ เปรียบเทียบความ คิดเห็นของครูที่มีต่อสภาพการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหาร สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัด สำนักเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรีพบว่า ในภาพรวมผู้บริหาร สถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มี ประสบการณ์ในการบริหาร ตั้งแต่ ๑-๑๐ ปีและผู้บริหารสถานศึกษาขั้น พื้นฐานที่มีประสบการณ์ ตั้งแต่ ๑๑ ปีขึ้นไป มีสภาพการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ไม่ แตกต่างกัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับ สมมติฐานที่กำหนดไว้แต่มีด้านที่แตกต่างกัน๑ ด้าน คือ ด้านหลัก คุณธรรมแตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕81 สุนทร อ่อนวัง ได้ศึกษาเกี่ยวกับ การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมภิบาล ในโรงเรียน บ้านนาป่าคาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์ เขต ๑ พบว่าการบริหารสถานศึกษาตามหลัก ธรรมาภิบาล โรงเรียนบ้านนาป่าคาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์เขต ๑ ในภาพรวม อยู่ใน ระดับมาก เมื่อพิจารณาตามหลักธรรมาภิบาลพบว่า ทุกหลักธรรมาภิบาลอยู่ ในระดับมาก เรียงลำดับ จากมากไปหาน้อย ได้แก่ หลักความรับผิดชอบ หลักคุณธรรม หลักความ โปร่งใส หลักความคุ้มค่า หลักนิติธรรมและหลักการมีส่วนร่วมตามลำดับสถานศึกษาควรจัด แสดงผลงานการดำเนินการของ โรงเรียนให้ชุมชนทราบทุกปีควรให้ชุมชนมีส่วนรับทราบการ ดำเนินการภายในโรงเรียน มีส่วนร่วมใน การพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้มากกว่านี้ปัจจุบันมีการรับฟัง ข้อเสนอแนะจากชุนชนอย่างสม่ำเสมอ และ 80สุวรรณ ทองคำ, สภาพการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดสิงห์บุรี, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราภัฎเทพสตรี, ๒๕๔๕), หน้า บทคัดย่อ. 81เกียรติศักดิ์ศรีสมพงษ์, การบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, ๒๕๔๘), หน้า บทคัดย่อ.


การบริหารจัดการทรัพยากร สิ่งแวดล้อม ควรให้ชุมชน มีส่วนร่วมเพื่อการใช้งานให้เกิดประโยชน์ สูงสุดและคุ้มค่า82 ศิรินารถ นันทวัฒนภิรมย์ ได้ศึกษาการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหลักธรรมาภิ บาล อำเภอเมืองลำพูน พบว่า การบริหารงานด้านวิชาการด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการ บริหารทั่วไป ในภาพรวมมีการบริหารงานที่ผ่านระดับคุณภาพการมีความตระหนักถึงความสำคัญ จนถึงระดับคุณภาพการมีความพยายาม ส่วนการบริหารด้านงบประมาณ มีการบริหารงานที่ผ่าน ระดับคุณภาพการมีความตระหนักถึงความสำคัญ ระดับคุณภาพการมีความพยายามจนถึงระดับ คุณภาพการบรรลุผลตามเกณฑ์เมื่อพิจารณา การบริหารในแต่ละด้าน พบว่า ผู้บริหารโรงเรียนมีการ บริหารงานที่ผ่านระดับคุณภาพการ มีความตระหนัก83 สุจิตรา บุญยรัตนพันธุ์ ศึกษาเกี่ยวกับรายงานการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน ของผู้บริหารสถานศึกษา กรณีศึกษาโรงเรียนบ้านชายธูป อำเภอท่ามะกา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษากาญจนบุรีเขต ๒ พบว่าการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน บ้านชายธูป ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า อยู่ในระดับมากทั้ง๖ หลัก ตามลำดับค่าเฉลี่ยดังนี้หลักความรับผิดชอบ หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความคุ้มค่า หลักนิติธรรม ซึ่งแนวทางการพัฒนาการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานของ ผู้บริหารโรงเรียนบ้านชายธูป เสนอแนวทาง คือให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งผู้บริหาร สถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ครูและผู้ปกครองมีส่วนร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์วางแผน และร่วมกัน ปฏิบัติอย่างจริงจัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้โดยทุกคนปฏิบัติตาม หน้าที่ของตน เข้าใจในบทบาทหน้าที่ในการมีส่วนร่วมบริหารสถานศึกษา ลักษณะพิเศษของหลัก ธรรมาภิบาล จะ ส่งผลทำให้การทำงานภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ตามหลักธรรมาภิบาลประสบ ความสำเร็จอย่างชัดเจน คณะบริหารควรมีภาวะผู้นำปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อตกลงต่างๆ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่ สาธารณชนอย่างสม่ำเสมอใช้ทรัพยากรทางการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยึดความต้องการ ของนักเรียนเป็นสำคัญ จะทำให้ระดับความสำเร็จในการบริหารงานสูง มากขึ้นอีก การทำงานภายใน สถานศึกษาบรรลุวัตถุประสงค์และนำไปสู่ความสำเร็จของการ บริหารการศึกษาที่ดีขึ้นต่อไป84 นงลักษณ์ยุทธสุทธิพงศ์ ทำวิจัยเรื่อง ศึกษาสภาพการบริหารตามหลัก ธรรมาภิบาลของ สถานศึกษาในเขตตรวจราชการที่ ๑๓ พบว่า สภาพการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของสถานศึกษา ในเขตตรวจราชการที่ ๑๓ โดยภาพรวมอยู่ระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีสภาพการ บริหารอยู่ในระดับมากทุกด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านหลักการมีส่วนร่วม ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ย ต่ำสุดคือด้านหลักความคุ้มค่า และการเปรียบเทียบสภาพการบริหารตามหลัก ธรรมาภิบาลของ 82สุนทร อ่อนวัง, การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลโรงเรียนบ้านนาป่าค่าย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์เขต ๑, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, ๒๕๕๐), หน้า บทคัดย่อ. 83ศิรินารถ นันทวัฒนภิรมย์, การบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานตามหลักธรรมาภิบาลอำเภอเมืองลำพูน, การค้นคว้าแบบอิสระศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๔๗), หน้า ๘๐. 84สุจิตรา บุญยรัตนพันธุ์, ระเบียบวิธีวิจัยสำหรับรัฐประศาสนศาสตร์, (กรุงเทพมหานคร : เทพรัตน์ การพิมพ์ ๒๕๔๙), หน้า ๕๐.


สถานศึกษาในเขตตรวจราชการที่๑๓ จำแนกตามวุฒิการศึกษา ทั้งโดยรวมและ รายด้านทั้ง ๖ ด้าน พบว่า ไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ.๐๕ ส่วนใหญ่ ไม่พบปัญหา ใดๆเพราะทุกคนเข้าใจใน หลักการร่วมกัน แต่ยังมีบุคลากรและกรรมการสถานศึกษาบางส่วนที่ขาด ความรู้ความเข้าใจในหลัก ธรรมาภิบาล ไม่สนใจกฎ ระเบียบ กติกา และไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ ของตนเอง ควรให้สถานศึกษา และส่วนราชการทุกแห่งควรใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหาร จัดการอย่างจริงจัง จะทำให้ดำเนินงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์อบรม ให้ทุกฝ่ายเข้าใจหลักธรรมาภิบาล และ นำไปปฏิบัติจริง มีการกำกับติดตาม ประเมินผล และ รายงานต่อผู้เกี่ยวข้องและสาธารณชนอย่าง ต่อเนื่อง85 สถาบันพระปกเกล้า ได้มีการจัดทำโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาดัชนีวัดผล การ พัฒนาระบบ บริหารจัดการที่ดี(The Development of Indicator for Measuring Good Governance) ซึ่งมา จากแนวคิดว่าการบริหารจัดการที่ดีมีคุณลักษณะที่สำคัญหลายประการได้แก่ เป็นการทำงาน อย่างมี หลักการ มีความรับปิดชอบ สามารถอธิบายเหตุและผลต่อหน้าสาธารณะได้เป็นการทำงาน ที่มีความ โปร่งใส เปิดเผย ตรวจสอบได้รับรู้ได้ในกระบวนการตัดสินใจต่างๆ ประชาชนมีส่วนร่วม ในการ บริหารจัดการ ร่วมตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร ร่วมจัดการสังคมในลักษณะ ประชาคม และ สมาชกในสังคมเคารพสิทธิและเสรีภาพซึ่งกันและกัน รู้หน้าที่ของตนเอง เคารพ กฎระเบียบของสังคม โดยมีขอบเขตการศึกษาตามการบริหารจัดการที่ดีและแนวทางที่กำหนดไว้ใน ยุทธศาสตร์การจัดการ ที่ดีของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๘ และ ๙ สะท้อนหลักการบริหารที่ดี๖ ประการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การบริหารกิจการบ้านเมือง และสังคม พ.ศ.๒๕๔๒ ผลการศึกษาพบว่าผลการบริหารจัดที่ดีทั้ง ๖ หลักมีความเหมาะสมในการ อธิบายการบริหารจัดการที่ ดีโดยประกอบด้วยหลักย่อยที่สำคัญดังนี้86 ๑. หลักนิติธรรม ประกอบด้วยหลักย่อยที่สำคัญคือ หลักการแบ่งแยกอำนาจ หลักการ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ หลักความผูกพันต่อกฎหมายของเจ้าหน้าที่ หน่วยงานได้มา ปฏิบัติหน้าที่ ตามหลักความชอบด้วยกฎหมาย ผู้มีอำนาจตัดสินใจในหน่วยงานมีความอิสระในการ ปฏิบัติหน้าที่ หน่วยงานยึดหลัก “ไม่มีความผิดและไม่มีโทษโดยไม่มีกฎหมาย” และการทำงาน ภายใต้กฎ ระเบียบ สูงสุด ๒. หลักคุณธรรม ประกอบด้วยหลักย่อยที่สำคัญ คือ การปลอดคอรัปชั่น การปลอด จาก ผู้ทำผิดวินัย การปลอดจากการทำผิดมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณ ๓. หลักความโปร่งใส ประกอบด้วยหลักย่อยที่สำคัญคือ ความโปร่งใสด้าน โครงสร้างของ ระบบ ด้านระบบการให้คุณ ด้านระบบการให้โทษ และด้านการเปิดเผยของ ระบบงาน ๔. หลักการมีส่วนร่วม ประกอบด้วยหลักย่อยที่สำคัญคือ หลักการให้ข้อมูลข่าวสาร หลักการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน หลักการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกระบวนการ ตัดสินใจและหลักการพัฒนาขีดความสามารถในการมีส่วนร่วม 85นงลักษณ์ยุทธสุทธิพงศ์, สภาพการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของสถานศึกษาในเขตตรวจ ราชการที่ ๑๓. นครราชสีมา : สำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ ๘, หน้า ๔๐. 86สถาบันพระปกเกล้า, ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล, (กรุงเทพมหานคร : คุรุสภาลาดพร้าว), ๒๕๔๔


๕. หลักสำนึกความรับผิดชอบ ประกอบด้วยหลักย่อยที่สำคัญคือ หน่วยงานมีการ สร้าง ความเป็นเจ้าของร่วมกัน มีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการบริหารงานอย่างประสิทธิภาพ มีระบบ ติดตาม ประเมินผล มีการจัดการกับผู้ไม่มีผลงาน และหน่วยงานมีแผนสำรอง ๖. หลักความคุ้มค่า ประกอบด้วยหลักย่อยที่สำคัญคือ การประหยัด การใช้ทรัพยากรให้ เกิดประโยชน์สูงสุด และความสามารถในการแข่งขัน ชัชภูมิสีชมภู ได้ศึกษารูปแบบการบริหารจัดการเขตพื้นที่การศึกษาตามหลักธรรมาภิ บาล พบว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความต้องการการบริหารจัดการเขตพื้นที่การศึกษาตามหลักธรรมาภิ บาลในระดับมากทุกด้าน รูปแบบการบริหารจัดการเขตพื้นที่การศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลตาม ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญประกอบด้วยองค์ประกอบ ๒ ด้าน คือ ด้านปัจจัยนำเข้าและด้าน กระบวนการบริหารจัดการ ด้านปัจจัยนำเข้า จำแนกเป็นภาวะผู้นำของผู้อำนวยการสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษา และภาวะผู้นำของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ด้านกระบวนการบริหารจัดการ จำแนกเป็น การกำหนดวิสัยทัศน์การกำหนดแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการบริหารตามแผน บุคลากร การบริหารตามแผนงบประมาณ การบริหารตามแผนการส่งเสริมคุณภาพการจัดการศึกษา การวางระบบ วางแนวปฏิบัติงาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตรวจสอบถ่วงดุลและการรายงานผลการจัด การศึกษา การศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรูปแบบการบริหารจัดการ87 เฉลิมชัย สมท่า ได้ศึกษาการบริหารโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาตาม ความคิดเห็นของครูปฏิบัติการสอนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต ๑ พบว่า ผู้ตรวจ แบบสอบถามมีความคิดเห็นว่า ผู้บริหารสถานศึกษาใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารสถานศึกษาอยู่ ในระดับ “มาก” เรียงตามลำดับ คือ หลักคุณธรรมหลักความรับผิดชอบ หลักนิติธรรม หลักการมีส่วน ร่วม หลักความคุ้มค่า และหลักความโปร่งใส88 ชรินรัตน์ แผงดี ทำวิจัยเรื่อง การนำเสนอรูปแบบการบริหารด้วยหลัก ธรรมาธิบาลของ ผู้บริหารกลุ่มเครือข่ายโรงเรียนบึงพิมพาสามัคคี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นครสวรรค์ เขต ๒ ผลการวิจัยพบว่า ผู้บริหารกลุ่มเครือข่ายโรงเรียนบึงพิมพาสามัคคีมีปัญหา การ บริหารด้วยหลักธรร มาภิบาล โดยรวมอยู่ในระดับน้อย โดยมีปัญหามากที่สุดคือ หลักความคุ้มค่า รองลงมาคือ หลักความ มีส่วนร่วม และหลักความรับผิดชอบ89 ดังนั้นจึงกล่าวสรุปได้ว่า ธรรมาภิบาลหมายถึง การบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพเน้น การเชื่อมโยงส่วนต่างๆ ของสังคมให้มีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน มีความเป็นธรรมทั้งในความคิดและ การปฏิบัติ มีจุดหมายเดียวกันมีความเสมอภาค รับผิดชอบโปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์ส่วนร่วมเป็น 87ชัชภูมิสีชมภู, รูปแบบการบริหารจัดการเขตพื้นที่การศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล, วิทยานิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนเรศวร, ๒๕๔๘), หน้า ๘๕. 88เฉลิมชัย สมท่า, การบริหารโดยใช้หลักธรรมมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของ ครูปฏิบัติการสอนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต ๑, วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิต วิทยาลัย : มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๔๗), หน้า ๗๐. 89ชรินรัตน์ แผงดี, รูปแบบการบริหารด้วยหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารกลุ่มเครือข่าย โรงเรียนบึง พิมพาสามัคคี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรค์ เขต ๒, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์, ๒๕๕๑), หน้า บทคัดย่อ.


หลักอันจะเป็นพลังขับเคลื่อนองค์การไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงและมีการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปจาก แนวคิด ผลการศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สรุปได้ว่าในการบริหารจัด การศึกษาโดย ผู้บริหารศึกษาในฐานะที่สถานศึกษาเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ผู้บริหารควรนำ หลักการบริหาร จัดการบ้านเมืองและสังคมที่ดีหรือธรรมาภิบาลมาบูรณาการในการบริหารและจัด การศึกษาเพื่อ สร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ทั้ง ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม จริยธรรมและวัฒนธรรมในการ ดำรงชีวิต สามารถอยู่ ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข สรุปท้ายบทที่ ๑ การบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการทั้งจากภายใน และภายนอก ผู้บริหารเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการที่จะนำโรงเรียนไปสู่ความมี ประสิทธิภาพและ ความสำเร็จ ผู้บริหารต้องมีคุณลักษณะของผู้นำที่สำคัญ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ความ ยุติธรรม มีความ มุ่งมั่น ขยัน อดทน มีความรับผิดชอบสูง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มีภาวะผู้นำสูง เป็นคนกล้าคิด กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าตัดสินใจ มีคุณธรรมจริยธรรม มีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง เป็น บุคคลแห่งการ เรียนรู้และมีความจริงใจ ในการบริหารจัดการผู้บริหารสามารถใช้เทคนิควิธีและ หลักการต่างๆที่ หลากหลายมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพเหตุการณ์และปัจจัยแวดล้อม หลักธรร มาภิบาลเป็น แนวทางสำคัญในการบริหารจัดการ จัดระเบียบให้สังคมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาค ประชาชน อันมีหลักพื้นฐาน ๖ ประการคือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความ มีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ซึ่งเป็นหลักการบริหารงานที่ดีให้ผู้บริหาร ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามกฎ ระเบียบ ข้องบังคับต่างๆอย่างถูกต้องและ เสมอ ภาค ยึดมั่นในสิ่งที่ดีงามเป็นแบบอย่างแก่บุคลากรในโรงเรียน เน้นความโปร่งใสสามารถ ตรวจสอบได้ ความไว้วางใจซึ่งกันและกันมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา เปิด โอกาสให้ชุมชนมีส่วน ร่วมในการบริหาร การตัดสินปัญหา และประเมินผลการบริหารโรงเรียน อย่างเที่ยงธรรม มีความ รับผิดชอบ ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ส่วนรวมโดยรณรงค์ให้มีความ ประหยัด และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพเน้นการเชื่อมโยงส่วนต่างๆ ของสังคมให้มีการ สนับสนุนซึ่งกันและกัน มีความเป็นธรรมทั้งในความคิดและการปฏิบัติ มีจุดหมายเดียวกันมีความ เสมอภาค รับผิดชอบโปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์ส่วนร่วมเป็นหลักอันจะเป็นพลังขับเคลื่อนองค์การ ไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงและมีการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปจากแนวคิด ผลการศึกษาและงานวิจัยที่ เกี่ยวข้องทั้งหมด สรุปได้ว่าในการบริหารจัด การศึกษาโดยผู้บริหารศึกษาในฐานะที่สถานศึกษาเป็น นิติบุคคลตามกฎหมาย ผู้บริหารควรนำ หลักการบริหารจัดการบ้านเมืองและสังคมที่ดีหรือธรรมาภิ บาลมาบูรณาการในการบริหารและจัด การศึกษาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียน เพื่อให้บรรลุ วัตถุประสงค์ในการพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม จริยธรรมและวัฒนธรรมในการ ดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข


คำถามท้ายบทที่ ๑ ๑. จงวิเคราะห์แนวคิดและทฤษฏีเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาลให้เห็นความชัดเจน ๒. จงอธิบายความหมายของธรรมาภิบาลว่ามีความสำคัญอย่างไรในสถานศึกษา ๓. จงวิเคราะห์องค์ประกอบของธรรมาภิบาลสำคัญต่อการบริหารในสถานศึกษา อย่างไร ๓. บทบาทผู้บริหารในการบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาลมีความสำคัญ อย่างไรอธิบายให้เห็นภาพ ๕. หากท่านเป็นผู้บริหารสถานศึกษาท่านจะนำหลักธรรมาภิบาลมาบูรณาการใน สถานศึกษาอย่างไร อธิบายพร้อมยกตัวอย่างให้เห็นชัด


เอกสารอ้างอิง ๑. ภาษาไทย ข้อมูลทุติยภูมิ (๑) หนังสือ: กระทรวงศึกษาธิการ, การบริหารสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคล, กรุงเทพมหานคร : องค์การรับส่ง สินค้าและพัสดุภัณฑ์, ๒๕๔๖. กระทรวงศึกษาธิการ, การบริหารสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคล. กล้าณรงค์จันทิก (ม.ป.ป. อ้างถึงใน จตุมงคล โสณกุล, ๒๕๔๑), ธรรมรัฐภาคราชการ, วัฎจักร, เกรียงศักดิ์เจริญวงศ์ศักดิ์,ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล. (พิมพ์ครั้งที่ ๑). กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว.,๒๕๔๔. , “ธรรมรัฐภาคการเมือง : บทบาทภาคีเมือง” รัฐสภาสาร ๔๖, ๙ กันยายน ๒๕๔๑. เกษม วัฒนชัย, ธรรมาภิบาลกับคอรัปชั่นในสังคมไทย, กรุงเทพมหานคร : อัมรินทร์ปรินติ้งแอนด์ พับลิสซิ่ง, ๒๕๔๖. คณะผู้วิจัยโครงการแนวทางการสร้างเสริมประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย, การมีส่วนร่วมของประชาชน, ๒๕๔๐. เจือจันทร์จงสถิตอยู่, คนเด่น, วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓. เฉลิม เกิดโมลี,แนวทางการมีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบาย, เอกสารประกอบการเสวนาวิพากษ์ ตัวแบบการมีส่วนร่วมของประชาชน, กันยายน ๒๕๔๓. ชนะศักดิ์ยุวบูรณ์, กระทรวงมหาดไทยกับการบริหารจัดการที่ดี, ในการปกครองที่ดี (Good Governance), กรุงเทพมหานคร : บพิธการพิมพ์, ๒๕๔๓. ชัยวัฒน์สถาอานันต์ (ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, ๒๕๔๑), แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วย ธรรมรัฐแห่งชาติ, เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. ทิพาวดีเฆมสวรรค์ (ม.ป.ป. อ้างถึงใน จตุมงคล โสณกุล, ๒๕๔๑) ธรรมรัฐภาคราชการ, วัฎจักร ๒๕๔๑. ชัยอนันต์สมุทวณิช ,ธรรมรัฐและธรรมราษฎร์กับองค์กรประชาสังคม. เอกสารประกอบการประชุม วิชาการ เนื่องในวาระครบ ๕๐ ปีคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์หมาวิทยาลัย. ๒๕๔๑. ไชยวัฒน์คํ้าชู, วารสารวงการครู. กรุงเทพมหานคร: ฐานการพิมพ์: ๒๕๔๗. ทิพาวดีเฆมสวรรค์,ธรรมรัฐภาคราชการ. วัฎจักร (๖ พฤษภาคม ๒๕๔๑): ธีรยุทธ บุญมี, สังคมเข้มแข็ง ธรรมรัฐแห่งชาติ ยุทธศาสตร์กู้หายนะประเทศไทย, กรุงเทพมหานคร : สายธาร, ๒๕๔๑. (ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, ๒๕๔๑) แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วยธรรมรัฐ แห่งชาติ. เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี คณะ รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑.


นงลักษณ์ยุทธสุทธิพงศ์, สภาพการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของสถานศึกษาในเขตตรวจ ราชการที่ ๑๓. นครราชสีมา : สำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ ๘. นางสาวสันถวันท์ พยาเลี้ยง, การบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๑, ปริญญาครุศาสตรมหา บัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี, ๒๕๕๒. นายอานันท์ปันยารชุน, มุมมองนายอนันต์, หนังสือพิมพ์มติชน, เดือนกรกฎาคม, วันที่ ๒๖, ๒๕๔๒. นิศานาถ, วารสารวงการครู, กรุงเทพมหานคร: ฐานการพิมพ์, ๒๕๔๗. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, การสร้างธรรมาภิบาล(Good Governance) ในสังคมไทย, กรุงเทพมหานนคร : วิญญูชน, ๒๕๔๒. บุญศักดิ์ กำแหงฤทธิรงค์(ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, ๒๕๔๑) แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วย ธรรมรัฐแห่งชาติ. เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. ประเวศ วะสี(ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, ๒๕๔๑) แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วยธรรมรัฐ แห่งชาติ, เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี คณะ รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. อมรา พงศาพิชญ์,องค์กรให้ทุนเพื่อประชาสังคมในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: สถาบันวิจัย สังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. บุญศักดิ์กำแหงฤทธิรงค์ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, นฤมล ทับจุมพล, แนวคิดและวาทกรรม ว่าด้วยธรรมรัฐแห่งชาติ, เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปีคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ๒๕๔๑. ประมวล รุจนเสรี, การบริหาร – การจัดการที่ดี (Good – Governance), กรุงเทพมหานคร : อัมรินทร์ปรินติ้งแอนด์พับลิสซิ่ง, ๒๕๔๒. ประเวศ วะสี, การปฏิรูปการศึกษายกเครื่องทางปัญญาทางสมองจากความหายนะ, กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิสดศรี – สฤษดิ์วงศ์, ๒๕๔๒. ปัญญา ฉายะจินดาวงศ์และคณะ, ธรรมรัฐ วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓. พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล), หลักธรรมาภิบาล, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์กองพุทธ ศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๔๙. ยุทธ วงฉัตรธาร, การสร้างกระบวนการธรรมรัฐ วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการ บ้านเมืองและสังคมที่ดี, ๒๕๔๒, หลักนิติธรรม. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี. ๒๕๔๒. หลักนิติธรรม. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี, ๒๕๔๒, หลักคุณธรรม


R.A.W. Rhodes, n.d., Unpaged อ้างถึงใน ฑิตยา สุว รรณะช ฏ , ปร ะชา สังค มต ำ บล, กรุงเทพมหานคร: มิตรภาพการพิมพ์และสตูดิโอ. วรภัทร โตธนะเกษม, “การสร้าง Good Governance ในองค์กร” วารสาร กสท. (๒๕๔๒ ตุลาคม ๑๑-๑๗) ,๒๕๔๒. วันชัย วัฒนศัพท์, คู่มือการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจของชุมชน, กรุงเทพมหานคร: ศูนย์สันติวิธีเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย. สถาบันพระปกเกล้า, ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล, กรุงเทพมหานคร : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๔๔. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ๒๕๔๑, ธรรมาภิบาลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน: กลุ่มที่ ๔, เอกสารการสัมมนาวิชาการประจำปี ๒๕๔๑ เรื่อง “จากวิกฤติสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” วันที่ ๑๑-๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๑ ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้ชลบุรี. กรุงเทพมหานคร: สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย , ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล, (พิมพ์ครั้งที่ ๑), กรุงเทพมหานคร:โรง พิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, อ้างถึงใน บุษบง ชัยเจริญวัฒนะ และบุญมีลี้, ๒๕๔๔. , “ธรรมาภิบาลกับการกู้วิกฤตเศรษฐกิจชาติ”, ประชาชาติธุรกิจ, ๓-๖ ธันวาคม ๒๕๔๑. สมหมาย ปฐมวิชัยวัฒน์, วาสารนักบริหาร. สยุมพร ปุญญาคม, การบริหารจัดการที่ดี (Good Governance), กับหลักพระพุทธศาสนา ปริญญารัฐประศาสนศาตรมหาบัณฑิต ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล, (พิมพ์ครั้งที่ ๑), กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.๒๕๔๔. สำนักนายกรัฐมนตรี, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างระบบการบริหารกิจการ บ้านเมืองและสังคมมีที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒, เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๒. สุจิตรา บุญยรัตนพันธุ์, ระเบียบวิธีวิจัยสำหรับรัฐประศาสนศาสตร์, กรุงเทพมหานคร : เทพรัตน์การ พิมพ์ ๒๕๔๙. สุดจิต นิมิตกุล หลักการมีส่วนร่วม, , (๒๕๔๒), หลักนิติธรรม, , กระทรวงมหาดไทยกับการบริหารจัดการที่ดี, ในการปกครองที่ดี (Good Governance), กรุงเทพมหานคร: บพิธการพิมพ์, ๒๕๔๓. , หลักความรับผิดชอบ, โสมนัส ณ บางช้าง, “Good Governance”, (การกำกับดูแลที่ดี), วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓. อมรา พงศาพิชญ์, ธรรมรัฐและธรรมราษฎร์กับองค์กรประชาสังคม, เอกสารประกอบการประชุม วิชาการ เนื่องในวาระครบ ๕๐ ปีคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์หมาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. อัจฉรา โยมสินธุ์, บรรษัทภิบาลกลยุทธ์ธุรกิจแบบยั่งยืน, วารสารนักบริหาร.


เอเจอร์แซม, ธรรมาภิบาลการปกครองที่โปร่งใสด้วยจริยธรรม, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์น้ำฝน , ๒๕๔๕. (๒) วิทยานิพนธ์/งานวิจัย : เกียรติศักดิ์ศรีสมพงษ์, การบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย. ๒๕๕๑. เฉลิมชัย สมท่า, การบริหารโดยใช้หลักธรรมมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของ ครูปฏิบัติการสอนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต ๑, วิทยานิพนธ์ศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๔๗. ชรินรัตน์ แผงดี, รูปแบบการบริหารด้วยหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารกลุ่มเครือข่าย โรงเรียนบึง พิมพาสามัคคี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรค์ เขต ๒, วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์, ๒๕๕๑. ชัชภูมิสีชมภู, รูปแบบการบริหารจัดการเขตพื้นที่การศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล, วิทยานิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนเรศวร, ๒๕๔๘ ศิรินารถ นันทวัฒนภิรมย์, การบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานตามหลักธรรมาภิบาลอำเภอเมืองลำพูน, การค้นคว้าแบบอิสระศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๔๗. สันถวันท์ พยาเลี้ยง, การบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๑, ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, บัณฑิควิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี, ๒๕๕๒. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์ เขต ๑, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิต วิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, ๒๕๕๐. สุนทร อ่อนวัง, การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลโรงเรียนบ้านนาป่าค่าย สำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์ เขต ๑, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิต วิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, ๒๕๕๐, บทคัดย่อ. สุวรรณ ทองคำ, สภาพการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดสิงห์บุรี, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราภัฎเทพสตรี, ๒๕๔๕.


แผนบริหารการสอนประจำบทที่ ๒ หลักพุทธธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ขอบเขตเนื้อหาการเรียน ๑. แนวคิดเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาล ๒. องค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาล ๓. ธรรมาภิบาลในพระไตรปิฎก ๔. การบูรณาการหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารสถานศึกษา วัตถุประสงค์การเรียนประจำบท เมื่อได้ศึกษาเนื้อหาในบทนี้แล้ว ผู้ศึกษาสามารถ ๑. อธิบายแนวคิดเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาลได้ ๒. วิเคราะห์องค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาลได้ ๓. วิเคราะห์หลักธรรมาภิบาลในพระไตรปิฎกได้ ๔. สามารถบูรณาการหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารสถานศึกษา กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. การบรรยายและร่วมสนทนาซักถามเกี่ยวกับเนื้อหาในบทเรียน ๒. ดู สื่อออนไลน์เกี่ยวกับองค์ประกอบหลักพุทธธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหาร สถานศึกษา ๓. เขียนโครงงานเกี่ยวกับหลักพุทธธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ๔. สรุปประเด็นสำคัญประจำบท สื่อการเรียนการสอน ๑. เอกสารคำสอน เรื่อง “หลักพุทธธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา” ๒. หัวข้อของเนื้อหาที่สร้างจากโปรแกรม Power Point ๓. สื่อคอมพิวเตอร์ ภาพประกอบ ๔. วิจัย/วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับองค์ประกอบและตัวบ่งชี้การประเมิน การวัดผลและการประเมินผล ๑. สังเกตความสนใจ การเข้าชั้นเรียนและความรับผิดชอบของนิสิตต่องานที่มอบหมาย ๒. การให้ความร่วมมือในกิจกรรมการเรียนการสอน ๓. การให้ความสนใจดูกิจกรรมประกอบการเรียนการสอน ๔. การบันทึกสรุปเนื้อหาประจำบท และนำเสนองานตามที่มอบหมาย


บทที่ ๒ หลักพุทธธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ปัจจุบันสภาพบ้านเมืองเรียกร้องหาคุณธรรมในองค์กร ชี้ให้เห็นว่า มีเรื่องที่น่าห่วงใย และ น่าระมัดระวังไปเสีย เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏและประจักษ์ล้วนเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า “การเกิดภาวะบกพร่องทางคุณธรรม” ซึ่งอาจมาจากสาเหตุไม่เข้าใจถึงรากเหง้าของศีลธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมอันเป็นพื้นฐานของคุณภาพของคนในสังคม90 เพื่อให้กระบวนการสร้าง ระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี เกิดผลอย่างจริงจัง รัฐบาลได้ออกระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ ใช้เป็น แนวทางในการจัดระเบียบให้สังคม ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน อยู่ร่วมกันอย่าง สงบสุข มีความรักสามัคคี และร่วมกันเป็นพลังก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของหลัก สำคัญอย่างน้อย ๖ ประการ คือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า91 จากสภาพการดังกล่าว รัฐบาลได้ออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ บริหารบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดทุกส่วนราชการและข้าราชการ ปฏิบัติราชการตามหลักการ บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หรือธรรมาภิบาล (Good Governance) ซึ่งมีเจตนารมณ์ในการบริหาร ราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจภาครัฐ มีประสิทธิภาพและ เกิดความคุ้มค่า ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน ปรับปรุงภารกิจส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์ ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวก ได้รับการตอบสนองความต้องการและมีการประเมินผลการ ปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงานสม่ำเสมอ เมื่อย้อนไปศึกษาหลักพระพุทธศาสนาพบว่า ได้ตระหนักถึงการทำงานที่ดีที่สอดคล้องกับ หลักธรรมาภิบาลเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้หลักธรรมาภิบาลกับหลักพระพุทธศาสนาเชื่อมโยงกันอย่าง เห็นได้ชัดเช่น หลักสุจริตกับหลักโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นต้น ซึ่งละเอียดดังต่อไปนี้ ๒.๑ แนวคิดเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาล ๑) ความหมายของหลักธรรมาภิบาล ธรรมาภิบาล (Good Governance) คือ การปกครอง การบริหาร การจัดการ การ ควบคุมดูแล กิจการต่างๆ ให้เป็นไปในครรลองคลองธรรม นอกจากนี้ยังหมายถึงการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งนำไปใช้ได้ทั้งภาครัฐและเอกชน ธรรมาภิบาลเป็นหลักการที่นำมาใช้บริหารงานในปัจจุบันอย่าง 90สมศักดิ์ สุภิรักษ์, “มิติการพัฒนาและการบริหารทรัพยากรบุคคล”, เอกสารประกอบการอบรม ผู้บริหารสถานศึกษา ฝ่ายพัฒนาบุคคล สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครสวรรค์, (๒๕๕๐), หน้า ๑๙. 91สำนักนายกรัฐมนตรี, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมือง และสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒, (กรุงเทพมหานคร : สำนักงานฯ, ๒๕๔๒), หน้า ๓.


แพร่หลายด้วยเหตุเพราะ ช่วยสร้างสรรค์และส่งเสริมองค์กรให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพ อาทิ พนักงานทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตและขยันหมั่นเพียร ทำให้ผลประกอบการขององค์กรธุรกิจนั้น ขยายตัว นอกจากนี้แล้วยังทำให้บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง ศรัทธาและเชื่อมั่นในองค์กรนั้นๆ อันจะ ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น องค์กรที่โปร่งใส ย่อมได้รับความไว้วางใจในการร่วมทำธุรกิจ รัฐบาลโปร่งใสตรวจสอบได้ ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน ตลอดจนส่งผลดีต่อเสถียรภาพของ รัฐบาลและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ เป็นต้น การบริหารจัดการบ้านเมืองและสังคมที่ดีหรือธรรมาภิบาล มีหน่วยงาน องค์การ และ บุคคลต่างๆ ได้ให้ความหมาย ดังนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคม ที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ระบุหลักการของคำนิยามการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีไว้ว่า “การ บริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี เป็นแนวทางสำคัญในการจัดระเบียบให้สังคมทั้งภาครัฐ ภาค ธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งครอบคลุมถึงฝ่ายวิชาการและธุรกิจ สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบ สุข มีความรู้รักสามัคคี และร่วมกันเป็นพลังก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นส่วนเสริมความ เข้มแข็งหรือสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประเทศเพื่อบรรเทา ป้องกัน หรือเยียวยาภาวะวิกฤติภยันตรายที่หาก จะมีมาในอนาคต เพราะสังคมจะรู้สึกถึงความยุติธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนร่วม อันเป็น คุณลักษณะสำคัญของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการปกครองแบบประชาธิปไตยอัน มี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สอดคล้องกับความเป็นไทย รัฐธรรมนูญ และกระแสโลกยุค ปัจจุบัน92 ประเวศ วะสี ให้ความหมายของคำว่า ธรรมรัฐประกอบด้วยภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาค สังคมที่มีความถูกต้อง เป็นธรรม โดยรัฐและธุรกิจต้องมีความโปร่งใส มีความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ และภาคสังคมเข้มแข็ง ธรรมรัฐแห่งชาติ หมายถึง การที่ประเทศมีพลังขับเคลื่อนที่ถูกต้องเป็นธรรม โดยถักทอทางสังคม เพื่อสร้างพลังงานทางสังคม (Social Energy) เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของ ชาติก่อให้เกิดธรรมรัฐแห่งชาติขึ้น93 บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้สรุปลักษณะสำคัญของธรรมาภิบาลแบบสากล ด้านเป้าหมาย โครงสร้าง และกระบวนการ และสาระของธรรมาภิบาล ดังนี้94 ๑. เป้าหมายของธรรมาภิบาล (Objective) คือ การพัฒนาและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ สุขของทุกภาคส่วนในสังคม ๒. โครงการ และกระบวนการ ของธรรมาภิบาล (Structure and Process) ที่จะ นำไปสู่เป้าหมายได้ ต้องมีการวางกฎเกณฑ์ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมที่ดี ของประเทศทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ เอกชนหรือ ภาคประชาสังคม ภาคปัจเจกชนและครอบครัว มีส่วน 92สำนักนายกรัฐมนตรี, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมือง และสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒, หน้า ๙. 93ประเวศ วะสี, หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี, (กรุงเทพมหานคร : เนติกุลการพิมพ์, ๒๕๔๑), หน้า ๔. 94บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, การสร้างธรรมาภิบาล (Good Governance) ในสังคมไทย, (กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน, ๒๕๔๒), หน้า ๒๙.


ร่วมกัน ผนึกพลัง ขับเคลื่อน กระบวนการของธรรมาภิบาล มี ๓ ส่วนที่เชื่อมโยงกัน คือ การมีส่วนร่วม ของทุกภาคในการบริหารจัดการ (Partrcipation) ความโปร่งใส (Accountability) ถูกวิจารณ์ได้ รวมทั้งความรับผิดชอบในผลการตัดสินใจ สาระของธรรมาภิบาล คือ การบริหารจัดการทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ต้องสร้างความสมดุลระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ของสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุขมีเสถียรภาพ สรุปได้ว่า หลักธรรมาภิบาลเป็นทั้งหลักการขั้นพื้นฐานและหลักยุทธศาสตร์ที่สังคมโลก ต้องการให้เกิดขึ้น และนำมาใช้ เพื่อลด และแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น การ ฉ้อราษฎร์บังหลวง การเอารัดเอาเปรียบ ช่วยให้เกิดการสร้างคุณค่า จิตสำนึก ทางปัญญา วัฒนธรรม และจริยธรรม ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เข้มแข็ง มีความมั่นคง เกิดความเป็นธรรมในสังคม ๒.๒ องค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาล ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคม ที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ และต่อมาได้ตราพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้สอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูปราชการ โดยกำหนดให้ส่วนราชการและ ข้าราชการปฏิบัติราชการตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หรือธรรมาภิบาล ซึ่งมี องค์ประกอบของธรรมาภิบาล ด้วยหลักการ ๖ ด้าน ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความ โปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า โดยมีสาระสำคัญดังนี้95 ๑. หลักนิติธรรม (Rule of law) ได้แก่ การตรากฎหมาย กฎ ข้อบังคับต่าง ๆ ให้ทันสมัย และเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม และสังคมยินยอมพร้อมใจปฏิบัติตามกฎหมายกฎข้อบังคับ เหล่านั้น โดยถือว่าเป็นการปกครองภายใต้กฎหมาย มิใช่ตามอำเภอใจหรืออำนาจของตัวบุคคล ๒. หลักคุณธรรม (Morality) ได้แก่ การยึดมั่นในความถูกต้องดีงามโดยรณรงค์ให้ เจ้าหน้าที่ของรัฐยึดถือหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม และส่งเสริมสนับสนุนให้ ประชาชนพัฒนาตนเองไปพร้อมกัน เพื่อให้คนไทยมีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพสุจริตจนเป็นนิสัยประจำชาติ ๓. หลักความโปร่งใส (Transparency) ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของ คนในชาติ โดยปรับปรุงกลไกการทำงานขององค์กรทุกวงการให้มีความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ สะดวก และมีกระบวนการให้ประชาชนตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนได้ ๔. หลักความมีส่วนร่วม (Participation) ได้แก่การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และเสนอความเห็นในการตัดสินใจปัญหาสำคัญของประเทศ ไม่ว่าด้วยการแสดงความคิดเห็นการไต่ สวนสาธารณะ การประชาพิจารณ์ การแสดงประชามติหรืออื่นๆ ๕. หลักความรับผิดชอบ (Accountability) ได้แก่ การตระหนักในสิทธิหน้าที่ความสำนึก ในความรับผิดชอบต่อสังคม การใส่ใจปัญหาสาธารณะของบ้านเมือง และกระตือรือร้นในการ 95สัญญา ชาวไร่, “การศึกษาการรับรู้การบริหารจัดการโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหาร สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด”, วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, ๒๕๔๘), หน้า ๒๙ – ๓๕.


แก้ปัญหา ตลอดจนการเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และความกล้าที่จะยอมรับผลจากการกระทำ ของตนเอง ๖. หลักความคุ้มค่า (Utility) ได้แก่ การบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเพื่อให้ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม โดยรณรงค์ให้คนไทยมีความประหยัดใช้ของอย่างคุ้มค่าสร้างสรรค์ สินค้า และบริการที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และรักษาพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติให้ สมบูรณ์ยั่งยืน” สรุปองค์ประกอบของธรรมาภิบาลเพื่อให้เกิดระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคม ที่ดี คือการมีส่วนร่วมในการทำงานของบุคลากรในองค์กร มีการประสานระหว่างบุคลากรและ ผู้บังคับบัญชา ต้องมีการเปิดเผยการดำเนินงานด้านนโยบายการบริหารแบบหลักธรรมาภิบาลแบบ เบ็ดเสร็จซึ่งในทางพระพุทธศาสนาเมื่อนำแนวคิดดังกล่าวมาศึกษาจะว่าสาระที่แท้จริงคือหลักการของ พระพุทธศาสนา ๒.๓ ธรรมาภิบาลในพระไตรปิฎก ในยุคโลกาภิวัตน์สังคมมีปัญหามากมาย นับตั้งแต่ปัญหาพื้นฐานไปจนถึงปัญหาระดับ โครงสร้าง ตัวอย่างของปัญหาต่างๆ ได้แก่ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การเกิดช่องว่างระหว่างความมีกับ ความไม่มีขยายตัวไปในวงกว้าง ปัญหาด้านสังคมปัญหาด้านการเมืองปัญหาสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย ปัญหาข้อพิพาทระหว่างพรมแดน หลายประเทศประสบปัญหาเพราะไม่สามารถสร้างสันติภาพ ภายในประเทศของตนได้ปัญหาดังกล่าวกำลังรอแนวทางการแก้ไข ในแวดวงวิชาการปัจจุบันได้มี ความพยายามที่จะนำพระพุทธศาสนาเข้าไปผูกพัน (Engage) เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสังคม มีความ พยายามที่จะตีความพุทธธรรมให้ครอบคลุมปัญหาใหม่ๆ เนื่องจากพุทธศาสนาแบบจารีตที่เน้นการ แก้ปัญหาแบบปัจเจกบุคคลไม่เพียงพอต่อการตอบปัญหาของสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความ สลับซับซ้อนได้การแก้ปัญหาความทุกข์ของปัจเจกบุคคลและสังคมสามารถดำเนินควบคู่กันไปได้ ใน ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมากล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุด พระพุทธองค์ สามารถสร้างสังคมสงฆ์ขึ้นมาให้เป็นแบบอย่างของรูปแบบการปกครอง หรือรูปแบบการบริหาร จัดการในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดีอย่างไรก็ตามบัดนี้พระพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองได้ล่วงเลยมาแล้ว กว่า ๒๕๕๕ ปีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกฎไตรลักษณ์ แต่พระธรรมของพระพุทธ องค์ก็ยังคงอยู่ และมีความสำคัญเสมอมาสามารถนำมาปรับประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยได้ดังความตอน หนึ่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย เราไม่ขัดแย้งกับโลก แต่โลกขัดแย้งกับเราผู้กล่าวเป็นธรรมไม่ขัดแย้งกับ ใครๆ ในโลก สิ่งใดที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี แม้เราก็กล่าวสิ่งนั้นว่า ‘ไม่มี’ สิ่งใดที่บัณฑิตในโลก สมมติว่ามี แม้เราก็กล่าวสิ่งนั้นว่า ‘มี’ ก็อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี เราก็กล่าวว่า ‘ไม่มี’ คือ รูปที่เที่ยงแท้ ยั่งยืน คงทน ไม่ผันแปร ที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มีแม้เราก็กล่าวรูปนั้นว่า ‘ไม่มี’ เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณที่เที่ยงแท้ ยั่งยืน คงทน ไม่ผันแปร ที่บัณฑิตในโลก สมมติว่าไม่มีแม้เราก็กล่าววิญญาณนั้นว่า ‘ไม่มี’ นี้แลชื่อว่าสิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี แม้เราก็ กล่าวว่า ‘ไม่มี’ อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่ามี เราก็กล่าวว่า ‘มี’ คือ รูปที่ไม่เที่ยง เป็น ทุกข์ ผันแปร ที่บัณฑิตในโลกสมมติว่ามี แม้เราก็กล่าวรูปนั้นว่า ‘มี’ เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ผันแปร ที่บัณฑิตในโลกสมมติว่ามี แม้เราก็กล่าววิญญาณนั้นว่า ‘มี’ นี้แล


ชื่อว่าสิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่ามี แม้เราก็กล่าวว่า ‘มี’ โลกธรรม มีอยู่ในโลก ตถาคตตรัสรู้ รู้แจ้งโลก ธรรมนั้นแล้ว จึงบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย ก็อะไรเล่าชื่อว่าโลกธรรมใน โลก ที่ตถาคตตรัสรู้ รู้แจ้งแล้ว จึงบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย คือ รูป จัดเป็นโลกธรรมในโลก ที่ตถาคตตรัสรู้ ฯลฯ ทำให้ง่าย บุคคลใด เมื่อตถาคตบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่ายอยู่อย่างนี้ ยังไม่รู้ ไม่เห็น เราจะทำอะไรกับบุคคลผู้โง่เขลา เป็น ปุถุชน คนบอด ไม่มีดวงตา ไม่รู้ ไม่เห็นนั้นได้เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณจัดเป็นโลกธรรม ในโลกที่ตถาคตตรัสรู้ รู้แจ้งแล้ว จึงบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย บุคคลใด เมื่อตถาคตบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่ายอยู่อย่างนี้ ยังไม่รู้ ไม่เห็น เราจะทำ อะไรกับบุคคลผู้โง่เขลา เป็นปุถุชน คนบอด ไม่มีดวงตา ไม่รู้ ไม่เห็นนั้นได้ ภิกษุทั้งหลาย ดอกอุบลก็ดี ดอกปทุมก็ดี ดอกบุณฑริกก็ดี เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ โผล่พ้นน้ำแล้วตั้งอยู่ แต่ไม่ติดน้ำ แม้ฉันใด ตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดในโลก เจริญในโลก ครอบงำโลกอยู่ แต่ไม่ติดโลก96 พุทธดำรัสข้างต้นตีความได้ว่า คำว่า“ตถาคต” หมาย ถึง “ธรรม” หรือ “ธรรม” หมายถึง “ตถาคต” ดังพุทธพจน์ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นตถาคต” ดังนั้นพระธรรมของพระองค์หาก รู้จักประยุกต์ใช้ย่อมสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ในโลกได้อย่างแท้จริง มีเพียงกิเลสของมนุษย์เท่านั้นที่เห็นว่าธรรมของพระพุทธองค์ล้าสมัย พุทธธรรมาภิบาล หรือธรรมาภิบาลตามแนวพุทธเป็นกระบวนยุทธวิธีหนึ่งที่ใช้แก้ปัญหาต่างๆ ที่มีความสลับซับซ้อน อย่างยิ่งดังเช่นในปัจจุบัน ทั้งนี้แนวคิดธรรมาภิบาล หรือ Good Governance ตามแนวตะวันตกที่มี การกล่าวถึงอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนั้นยังมีจุดอ่อน และความไม่ชัดเจนในหลายประเด็น ทั้งในแง่ ความหมาย เป้าประสงค์รวมถึงกระบวนวิธีการปฏิบัติหากจะทำให้สมบูรณ์พระพุทธศาสนาจะมี ทางออกของเรื่องนี้ ซึ่งธรรมาภิบาลเชิงพุทธ (Buddhist Good Governance) ที่ปรากฏขึ้นใน พระไตรปิฎก ในจักกวัตติสูตรว่า ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าทัฬหเนมิ ผู้ทรงธรรม ครองราชย์โดยธรรม ทรงเป็นใหญ่ในแผ่นดินมีมหาสมุทรทั้งสี่เป็นขอบเขต ทรงได้รับชัยชนะ มี ราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ ได้แก่ (๑) จักรแก้ว (๒) ช้างแก้ว (๓) ม้าแก้ว (๔) มณีแก้ว (๕) นางแก้ว (๖) คหบดีแก้ว (๗) ปริณายกแก้ว มีพระราชโอรสมากกว่า ๑,๐๐๐ องค์ ซึ่งล้วน แต่กล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีราชศัตรูได้ พระองค์ทรงชนะโดยธรรม ไม่ต้องใช้ อาชญา ไม่ต้องใช้ศัสตรา ครอบครองแผ่นดินนี้มีสาครเป็นขอบเขต97 ธรรมราชาในจักกวัตติสูตรได้กล่าวถึงแนวคิดการบริหารจัดการโดยยึดธรรมเป็นใหญ่ โดย การนำธรรมมาใช้คุ้มครอง ป้องกัน ประชาราษฎรในแว่นแคว้นตามฐานะ ในพระสูตรชี้ให้เห็นว่า พระราชาจะทรงธรรมได้นั้นจะต้องมีที่ปรึกษาที่ทรงธรรมนั่นก็คือ สมณพราหมณ์ ซึ่งท่านไม่เจาะจง นักบวชในศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ผู้เขียนจึงได้นำเสนอโครงสร้างการปกครองของพุทธจักรที่สามารถอยู่ ร่วมกันกับอาณาจักรได้เป็นอย่างดีมาเชื่อมต่อ เพื่อให้เห็นความสอดคล้อง ซึ่งในประวัติศาสตร์พุทธ ศาสนา พระพุทธเจ้าได้ทรงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางฝ่ายการเมืองโดยการแสดงธรรม คือหลักปฏิบัติ 96สํ.ข. (ไทย) ๑๗/๙๔/๑๗๘-๑๘๐ 97 ที. ปา. (ไทย) ๑๑/๘๑/๖๐


ต่างๆ ในหลายเหตุการณ์เช่น การสนทนากับพระเจ้าพิมพิสารที่เวฬุวันสวนไผ่ การห้ามพระญาติมิให้ ทำสงครามแย่งน้ำเป็นต้น พระพุทธเจ้าทรงเปลี่ยนแนวความคิดเกี่ยวกับมนุษย์และจุดมุ่งหมายของมนุษย์จากแนว เดิม ซึ่งเป็นความคิดตามหลักศาสนาพราหมณ์และลัทธิอื่นๆ พระพุทธองค์ทรงสอนว่า การยึดมั่นใน ตัวตน (อัตตา) ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นในสังคม ทำให้คนเราคิดถึงตัวเองมากกว่าสังคม ส่วนการละ ตัวตน จะทำให้คนเรามีความสำนึกต่อสังคมได้มากขึ้น การละตัวตนจะต้องอาศัยการจัดระบบสังคม เสียใหม่แต่การเสนอให้เปลี่ยนแปลงสังคมย่อมติดขัดที่ผู้ปกครองซึ่งรักษาอำนาจของตนเนื่องจากตน มีฐานะที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นหลักธรรมมาภิบาลก็จะสอดคล้องกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า หลักทศพิธราชธรรม หรือธรรม ๑๐ ประการ คือ ๑) ทาน ๒) ศีล ๓) การบริจาค ๔) ความซื่อตรง ๕) ความอ่อนโยน ๖) ความเพียร ๗) ความไม่โกรธ ๘) ความไม่เบียดเบียน ๙) ความอดทน ๑๐) ความไม่ คลาดธรรม98 ดังรายละเอียดต่อไปนี้ หลักทศพิธราชธรรม หมายถึง หลักธรรมที่ใช้ในการปกครองประกอบด้วยหลักธรรม ๑๐ ประการ ได้แก่ ๑) ทาน (การให้) คือ สละทรัพย์สิ่งของ บำรุงเลี้ยง ช่วยเหลือประชาราษฎร์และบำเพ็ญ สาธารณประโยชน์ ๒) ศีล (ความประพฤติดีงาม) คือ สำรวมกายและวจีทวาร ประกอบแต่การสุจริตรักษา กิตติคุณ ให้ควรเป็นตัวอย่าง และเป็นที่เคารพนับถือของประชาราษฎร์ ๓) ปริจจาคะ (การบริจาค) คือ เสียสละความสุขสำราญ ตลอดจนชีวิตของตนเพื่อ ประโยชน์สุขของประชาชน และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ๔) อาชชวะ (ความซื่อตรง) คือ ซื่อตรงทรงสัตย์ไร้มารยา ปฏิบัติภารกิจโดยสุจริต มีความจริงใจ ไม่หลอกลวงประชาชน ๕) มัททวะ (ความอ่อนโยน) คือ มีอัธยาศัย ไม่เย่อหยิ่งหยาบคายกระด้างถือองค์มีความ งามสง่าเกิดแต่ท่วงทีกิริยาสุภาพนุ่มนวล ละมุนละไม ให้ได้ความรักภักดี ๖) ตปะ (ความทรงเดช) คือ แผดเผากิเลสตัณหา มิให้เข้ามาครอบงำย่ำยีจิตระงับยับยั้ง ข่มใจได้มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ หรืออย่างสามัญ มุ่งมั่นแต่จะบำเพ็ญเพียร ๗) อักโกธะ (ความไม่โกรธ) คือ ไม่กริ้วกราด ลุอำนาจความโกรธ จนเป็นเหตุให้วินิจฉัย ความและกระทำกรรมต่างๆ ผิดพลาดเสียธรรม มีเมตตาประจำใจ ๘) อวิหิงสา (ความไม่เบียดเบียน) คือ ไม่บีบคั้นกดขี่ เช่น เก็บภาษีขูดรีดหรือเกณฑ์ แรงงานเกินขนาด ไม่หลงระเริงอำนาจ ขาดความกรุณา หาเหตุเบียดเบียนลงโทษอาชญาแก่ ประชาราษฎร์ผู้ใด เพราะอาศัยความอาฆาตเกลียดชัง ๙) ขันติ(ความอดทน) คือ อดทนต่องานที่ตรากตรำ ถึงจะลำบากกายน่าเหนื่อยหน่าย เพียงไร ก็ไม่ท้อถอย ถึงจะถูกยั่วถูกหยันด้วยคำเสียดสีถากถางอย่างใด ก็ไม่หมดกำลังใจไม่ยอมละทิ้ง กรณีย์ที่บำเพ็ญโดยชอบธรรม 98 ขุ.ชา. (ไทย) ๒๘/๑๗๖/๑๑๒.


๑๐) อวิโรธนะ (ความไม่คลาดธรรม) คือ วางองค์เป็นหลักหนักแน่นในธรรมคงที่ไม่มี ความเอนเอียงหวั่นไหวเพราะถ้อยคำที่ดีร้าย ลาภสักการะ หรืออิฎฐารมณ์อนิฎฐารมณ์ใดๆ สติมั่นใน ธรรม ทั้งส่วนยุติธรรม คือ ความเที่ยงธรรม นิติธรรม คือ ระเบียบแบบแผน หลักการปกครอง ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม จากแนวคิดดังกล่าวพบว่า หลักธรรมาภิบาลในความหมายของพระพุทธศาสนา คือการ ใช้หลักธรรมในการบูรณาการไปใช้ในการบริหารสถานศึกษา องค์กร และหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ และเอกชนได้เป็นอย่างดี ๒.๔ การบูรณาการหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารสถานศึกษา การบูรณาการหลักธรรมาภิบาลเพื่อบริหารสถานศึกษาได้มีนักการศึกษาอย่าง เกษม วัฒน ชัย ได้กล่าวถึงการบริหารแบบธรรมาภิบาลในสถานศึกษา นั้นมีดังนี้99 ๑. การบริหารการศึกษาต้องสอดคล้องและตอบสนองนโยบายและความต้องการ ของระบบการศึกษาไทย ซึ่งในหลักธรรมาภิบาล งบประมาณที่ได้รับจะต้องนำไปใช้ประโยชน์อย่าง คุ้มค่าและเพื่อส่วนร่วม ถ้าเอาไปใช้ในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์หรือเป็นประโยชน์เฉพาะตนเองหรือพวกพ้อง ตรงนี้ต้องรับผิดชอบในเชิงธรรมาภิบาล หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ งบประมาณทุกบาทที่โรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือกระทรวงศึกษาธิการ ได้มาต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะ คอรัปชั่นไม่ได้ ตรงนี้เป็นหลักธรรมาภิบาลที่สำคัญ ๒. กระบวนการบริหารต้องมีประสิทธิภาพ (Efficiency) และได้ประสิทธิผล (Effectiveness) ๓. ทุกขั้นตอนต้องโปร่งใส (Transparency) และมีเหตุผล (Reasonableness) เรื่อง “ความมีเหตุผล” มาจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งมี ๓ เรื่องใหญ่ๆ คือ (๑) ทางสายกลาง (Moderation) หรือมัชฌิมาปฏิปทา (๒) ทำอะไรต้องมีเหตุผล (Reasonableness) (๓) มีภูมิคุ้มภัย (Self immunity) ๔. ต้องมีระบบรับผิดชอบต่อผลการบริหารการศึกษา (Accountability) ต้องสร้าง ระบบให้มีคนรับผิดชอบ ครูใหญ่ หัวหน้าหมวด ผู้อำนวยการเขต เลขาธิการ ต้องรับผิดชอบถ้าสร้าง ตรงนี้ได้ เชื่อว่าระบบจะมีธรรมาภิบาลและสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้อง กับแนวคิดของ กระทรวงศึกษาธิการ ได้สรุปภาพรวมการบริหารการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่ เป็นนิติบุคคลตามแนวคิดหลักธรรมาภิบาล100 รายละเอียดดังแผนภูมิที่๑ 99เกษม วัฒนชัย, “ธรรมาภิบาล…...บทบาทสำคัญกรรมการสถานศึกษา”, รายงานการปฏิรูป การศึกษาไทย, ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๖๔ (๒๕๔๖) : ๒๑. 100กระทรวงศึกษาธิการ, พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕, (กรุงเทพมหานคร : กระทรวงฯ, ๒๕๔๖), หน้า ๓๑.


แผนภูมิที่ ๑ การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล สรุปได้ว่า ผู้บริหารโรงเรียน จะต้องตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็น ในการนำ หลักการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานของโรงเรียน เพื่อให้เป็นไปตาม เจตนารมณ์ของพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ สรุปท้ายบทที่ ๒ หลักธรรมาภิบาลเป็นทั้งหลักการขั้นพื้นฐานและหลักยุทธศาสตร์ที่สังคมโลกต้องการให้ เกิดขึ้น และนำมาใช้ เพื่อลด และแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น การฉ้อราษฎร์ บังหลวง การเอารัดเอาเปรียบ ช่วยให้เกิดการสร้างคุณค่า จิตสำนึก ทางปัญญา วัฒนธรรมและ จริยธรรม ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เข้มแข็ง มีความมั่นคง เกิดความเป็นธรรมในสังคม องค์ประกอบของธรรมาภิบาลเพื่อให้เกิดระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี คือการมีส่วนร่วมในการทำงานของบุคลากรในองค์กร มีการประสานระหว่างบุคลากรและ ผู้บังคับบัญชา ต้องมีการเปิดเผยการดำเนินงานด้านนโยบายการบริหารแบบหลักธรรมาภิบาลแบบ เบ็ดเสร็จซึ่งในทางพระพุทธศาสนาเมื่อนำแนวคิดดังกล่าวมาศึกษาจะว่าสาระที่แท้จริงคือหลักการของ พระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงเปลี่ยนแนวความคิดเกี่ยวกับมนุษย์และจุดมุ่งหมายของมนุษย์จากแนว เดิม ซึ่งเป็นความคิดตามหลักศาสนาพราหมณ์และลัทธิอื่นๆ พระพุทธองค์ทรงสอนว่า การยึดมั่นใน นักเรียนดี เก่ง มี สุข ด้านวิชาการ ด้านทั่วไป ด้านบุคลากร ด้านงบประมาณ หลักนิติธรรม หลักความคุ้มค่า หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความ รับผิดชอบ


ตัวตน (อัตตา) ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นในสังคม ทำให้คนเราคิดถึงตัวเองมากกว่าสังคม ส่วนการละ ตัวตน จะทำให้คนเรามีความสำนึกต่อสังคมได้มากขึ้น การละตัวตนจะต้องอาศัยการจัดระบบสังคม เสียใหม่ แต่การเสนอให้เปลี่ยนแปลงสังคมย่อมติดขัดที่ผู้ปกครองซึ่งรักษาอำนาจของตนเนื่องจากตน มีฐานะที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นหลักธรรมมาภิบาลก็จะสอดคล้องกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า หลักทศพิธราชธรรม หรือธรรม ๑๐ ประการ คือ ๑) ทาน ๒) ศีล ๓) การบริจาค ๔) ความซื่อตรง ๕) ความอ่อนโยน ๖) ความเพียร ๗) ความไม่โกรธ ๘) ความไม่เบียดเบียน ๙) ความอดทน ๑๐) ความไม่ คลาดธรรม หลักธรรมาภิบาลในความหมายของพระพุทธศาสนา คือการใช้หลักธรรมในการบูรณา การไปใช้ในการบริหารสถานศึกษา องค์กร และหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนได้เป็นอย่างดี ผู้บริหารโรงเรียน จะต้องตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็น ในการนำหลักการบริหารงานตาม หลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานของโรงเรียน เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราช กฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี คำถามท้ายบทที่ ๒ ๑. จงอธิบายแนวคิดเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาลมีความสอดคล้องกับการบริหาร สถานศึกษาอย่างไร ๒. จงวิเคราะห์หลักธรรมาภิบาลในพระไตรปิฎกให้ชัดเจนพร้อมยกตัวอย่าง ๓. จงบูรณาการหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารสถานศึกษาให้เห็นภาพชัดเจน ๔. หากท่านเป็นผู้บริหารสถานศึกษาจะสามารถนำหลักธรรมาภิบาลไปบูรณาการใช้ใน สถานศึกษาอย่างไร อธิบายขั้นตอนการบูรณาการอย่างชัดเจน ๕. การบริหารการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคลตามแนวคิดหลักธรร มาภิบาลมีแนวปฏิบัติอย่างไรให้เห็นผลชัดเจน


เอกสารอ้างอิง ๑. ภาษาไทย ก. ข้อมูลปฐมภูมิ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.พระไตรปิฏกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ๒๕๓๙. ข. ข้อมูลทุติยภูมิ (๑) หนังสือ : กระทรวงศึกษาธิการ, พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕, กรุงเทพมหานคร : กระทรวงฯ, ๒๕๔๖. เกษม วัฒนชัย, “ธรรมาภิบาล…...บทบาทสำคัญกรรมการสถานศึกษา”, รายงานการปฏิรูป การศึกษา ไทย, ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๖๔, ๒๕๔๖. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, การสร้างธรรมาภิบาล (Good Governance) ในสังคมไทย, กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน, ๒๕๔๒. ประเวศ วะสี, หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี, กรุงเทพมหานคร : เนติกุลการพิมพ์, ๒๕๔๑. สมศักดิ์ สุภิรักษ์, “มิติการพัฒนาและการบริหารทรัพยากรบุคคล”, เอกสารประกอบการอบรม ผู้บริหารสถานศึกษา ฝ่ายพัฒนาบุคคล สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครสวรรค์, (\ ๒๕๕๐. สัญญา ชาวไร่, “การศึกษาการรับรู้การบริหารจัดการโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด”, วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิต วิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, ๒๕๔๘. สำนักนายกรัฐมนตรี, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและ สังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒, กรุงเทพมหานคร : สำนักงานฯ, ๒๕๔๒. , ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองและ สังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖, กรุงเทพมหานคร : สำนักงานฯ, ๒๕๔๖.


แผนบริหารการสอนประจำบทที่ ๓ ความซื่อสัตย์สุจริตของผู้บริหารสถานศึกษา ขอบเขตเนื้อหาการเรียน ๑. แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม ๒. ความซื่อสัตย์ วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อได้ศึกษาเนื้อหาในบทนี้แล้ว ผู้ศึกษาสามารถ ๑. อธิบายแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมได้ ๒. วิเคราะห์ สังเคราะห์ และบูรณาการความซื่อสัตย์ได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. การบรรยายและร่วมสนทนาซักถามเกี่ยวกับเนื้อหาในบทเรียน ๒. เขียนโครงงานเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตของผู้บริหารสถานศึกษา ๓. สรุปประเด็นสำคัญประจำบท สื่อการเรียนการสอน ๑. เอกสารคำสอน เรื่อง “ความซื่อสัตย์สุจริตของผู้บริหารสถานศึกษา” ๒. หัวข้อของเนื้อหาที่สร้างจากโปรแกรม Power Point ๓. สื่อคอมพิวเตอร์ ภาพประกอบ การวัดผลและการประเมินผล ๑. สังเกตความสนใจ การเข้าชั้นเรียนและความรับผิดชอบของนิสิตต่องานที่มอบหมาย ๒. การให้ความร่วมมือในกิจกรรมการเรียนการสอน ๓. การให้ความสนใจดูกิจกรรมประกอบการเรียนการสอน ๔. การบันทึกสรุปเนื้อหาประจำบท และนำเสนองานตามที่มอบหมาย


บทที่ ๓ ความซื่อสัตย์สุจริตของผู้บริหารสถานศึกษา ๓.๑ แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม ๓.๑.๑ ความหมายของคุณธรรมและจริยธรรม คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า “คุณธรรมจริยธรรม” คำทั้งสองมีความหมายเป็นอันเดียว หรือมี ความหมายเหมือนกัน ในความเป็นจริงคำว่า คุณธรรม กับคำว่า จริยธรรม เป็นคำที่แยกออกจากกัน เป็น ๒ คำ และมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นผู้วิจัยเห็นว่าควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ความหมายของคำว่า คุณธรรม และจริยธรรม ให้ถ่องแท้ก่อน ความหมายของคำว่า คุณธรรม(Virtue) Longman Dictionaryof contemporary Englishได้ให้ความหมาย ข อ ง ค ำ ว่ า “คุณธรรม” ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Virtue” ไว้ ๒ ประการด้วยกัน คือ ๑) หมายถึง ความดีงาม ของลักษณะนิสัย หรือพฤติกรรมที่เกิดจากการกระทำจนเคยชิน ๒) หมายถึง คุณภาพที่บุคคลได้ กระทำตามความคิด และมาตรฐานของสังคมเกี่ยวกับความประพฤติและศีลธรรม101 พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายของคำว่า “คุณธรรม” หมายถึง สภาพคุณงามความดี102 พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ (ชำระ-เพิ่มเติม ช่วงที่ ๑/ยุติ)ให้ความหมาย ของคำว่า “คุณธรรม” หมายถึง ธรรมที่เป็นคุณ ความดีงาม สภาพที่เกื้อหนุน103 พุทธทาสภิกขุได้ให้อรรถาธิบายคำว่า คุณธรรม ไว้ว่า คุณ หมายถึง ค่าที่มีอยู่ในแต่ละสิ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ เป็นไปได้ทั้งทางดีและทางร้าย คือ ไม่ว่าจะทำให้จิตใจยินดีหรือยินร้ายก็ เรียกว่า “คุณ” ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของมัน ส่วนคำว่า ธรรม มีความหมาย ๔ อย่าง คือ ๑. ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ๒. ธรรมะ คือ กฎของธรรมชาติที่เรามีหน้าที่ต้องเรียนรู้ ๓. ธรรมะ คือ หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ เรามีหน้าที่ต้องปฏิบัติ 101Longman.Dictionary of Contemporary English, (London : Longman Group 1995), p. 180. 102ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒, (กรุงเทพมหานคร : นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์, ๒๕๔๖), หน้า ๒๕๓. 103พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ (ชำระ-เพิ่มเติม ช่วงที่ ๑/ยุติ), พิมพ์ครั้งที่ ๑๗, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์พระพุทธศาสนาของธรรมสภา, ๒๕๕๔), หน้า ๕๑.


๔. ธรรมะ คือ ผลจากการปฏิบัติหน้าที่นั้น เรามีหน้าที่จะต้องมี หรือใช้มันอย่าง ถูกต้อง104 วัฒนากร เรืองจินดา ได้กล่าวถึงความหมายของคุณธรรม และจริยธรรม โดยอ้างถึงคำ จำกัดความที่อริสโตเติล ได้ให้ความหมายของคุณธรรมไว้ว่า เป็นคุณสมบัติที่ทำให้มนุษย์บรรลุถึง จุดมุ่งหมายเฉพาะของความเป็นมนุษย์ได้ โดยแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ คุณธรรมทางปัญญา (Intellectual Virtue) และคุณธรรมทางจริยธรรม (Ethical Virtue) โดยได้กล่าวว่า คุณธรรมทาง ปัญญา เกิดจากการสอนและการไตร่ตรองทางปรัชญาที่ต้องอาศัยเวลา และประสบการณ์ ส่วน คุณธรรมทางจริยธรรม เป็นผลมาจากลักษณะนิสัย เป็นสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่ก่อน แต่เป็นผลมาจากการ ฝึกฝนจนเป็นนิสัย105 วศิน อินทสระ ได้กล่าวถึง คุณธรรม ไว้ว่าหมายถึง อุปนิสัยอันดีงามซึ่งสั่งสมอยู่ในดวงจิต อุปนิสัยนี้ได้มาจากความพยายาม และความประพฤติที่ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน106 ประภาศรี สีหอำไพ ได้ให้ความหมายของคำว่า “คุณธรรม”หมายถึงหลักธรรมจริยาที่ สร้างความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทางศีลธรรมมีคุณงามความดีภายในจิตใจจนเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความยินดีการกระทำที่ดีย่อมได้รับผลของความดีคือความชื่นชมยกย่องในขณะที่การกระทำชั่วย่อม ได้รับผลของความชั่วคือความเจ็บปวดหรือความทุกข์ต่างๆ107 ลิขิต ธีรเวคิน ได้ให้ความหมายของ “คุณธรรม”ไว้ว่าหมายถึงจิตวิญญาณของปัจเจก บุคคลศาสนาและอุดมการณ์เป็นดวงวิญญาณของปัจเจกบุคคลและสังคมด้วยปัจเจกบุคคลต้องมี วิญญาณสังคมต้องมีจิตวิญญาณคุณธรรมของปัจเจกบุคคลอยู่ที่การกล่อมเกลาเรียนรู้โดยพ่อ-แม่ สถาบันการศึกษาศาสนาพรรคการเมืองและองค์กรของรัฐ108 สรุปได้ว่าคุณธรรม หมายถึง สิ่งที่มีคุณค่ามีประโยชน์ เป็นลักษณะของความรู้สึกนึกคิด ทางจิตใจ เป็นสภาพคุณงามความดีที่สั่งสมอยู่ในจิตใจของมนุษย์เป็นเวลายาวนาน เป็นตัวกระตุ้นให้มี การประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบที่ดีงาม คุณธรรมเป็นสิ่งที่ดีงามทางจิตใจ เป็นคุณค่าของชีวิตในการ บำเพ็ญประโยชน์ ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่เพื่อนมนุษย์ ให้เกิดความรักสามัคคี ความอบอุ่นมั่นคงในชีวิต ดังนั้นคุณธรรมเป็นบ่อเกิดของจริยธรรม คุณธรรมที่สำคัญยิ่งของคนในชาติที่ได้รับการถ่ายทอดผ่านทางพระพุทธศาสนาโดย ปรัชญาแนวคิดนั้นเน้นหลักธรรมที่เป็นสัจธรรมเป็นวิธีการสอนการเผยแผ่สืบทอดหลักธรรมสู่การ 104พุทธทาสภิกขุ, แนะแนวจริยธรรม, (กรุงเทพมหานคร : บริษัทศิริพัธต์, ๒๕๐๕), หน้า ๓. 105วัฒนากร เรืองจินดา, “คุณธรรมที่จะช่วยให้สังคมเข้มแข็งและก้าวหน้า : ศึกษากรณีทัศนะของนัก คิดในสังคมไทย”, วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหิดล, ๒๕๔๘),หน้า ๓๗ – ๓๘. 106วศิน อินทสระ, พุทธจริยศาสตร์, พิมพ์ครั้งที่ ๒, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์เม็ดทราย, ๒๕๔๙), หน้า ๑๙๙. 107ประภาศรี สีหอำไพ, พื้นฐานการศึกษาทางศาสนาและจริยธรรม, พิมพ์ครั้งที่ ๔, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๐) หน้า ๗. 108ลิขิต ธีรเวคิน, คนไทยในอุดมคติ, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แม็ค, ๒๕๔๘), หน้า ๑๗.


ปฏิบัติเน้นคุณธรรมในการใช้ปัญญาพิจารณาเหตุผลหลักธรรมที่เป็นหัวใจพุทธศาสนานำมาสั่งสอนมี๓ ประการคือ๑. ให้เว้นจากความชั่วทั้งปวง๒. ให้ทำความดี๓. ให้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาด หลักธรรมที่พระพุทธศาสนานำมาประกาศเป็น“คุณธรรม”อันมีความสอดคล้องเชื่อมโยง กันทั้งหมดคือเมื่อฏิบัติตามข้อธรรมข้อใดข้อหนึ่งแล้วย่อมเกี่ยวข้องกับข้อธรรมข้ออื่น ๆ ตามมาเป็น แนวคิดทางจริยศาสตร์ที่กำหนดข้อประพฤติปฏิบัติทางกายและใจเริ่มตั้งแต่ข้อปฏิบัติพื้นฐานทางกาย ไปสู่ขั้นสูงที่เป็นข้อปฏิบัติทางความคิด เพื่อความหลุดพ้นทางจิตใจ ความหมายของคำว่า จริยธรรม (Ethics) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายของคำว่า “จริยธรรม” หมายถึง ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ109 พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ (ชำระ-เพิ่มเติม ช่วงที่ ๑/ยุติ)ให้ความหมาย ของคำว่า “จริยธรรม” หมายถึง ธรรม คือ ความประพฤติ, การดำเนินชีวิต, ธรรมที่เป็นข้อประพฤติ ปฏิบัติ ศีลธรรม หรือกฎศีลธรรม ความหมายตามบัญญัติสมัยปัจจุบัน กำหนดให้ จริยธรรม เป็นคำ แปลสำหรับคำภาษาอังกฤษว่า Ethicsนอกจากนี้ยังให้ความหมายว่า จริยะ หรือ จริยธรรม อัน ประเสริฐ เรียกว่า พรหมจริยะ แปลว่า ความประพฤติอันประเสริฐ หมายถึง มรรคมีองค์ ๘ หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา110 พุทธทาสภิกขุ ได้อรรถาธิบายความหมายของคำว่า “จริยธรรม”แปลว่าเป็นสิ่งที่พึง ประพฤติจะต้องประพฤติในส่วนศีลธรรมนั้นหมายถึงสิ่งที่กำลังประพฤติอยู่หรือประพฤติแล้ว จริยธรรมหรือ Ethics อยู่ในรูปของปรัชญาคือสิ่งที่ต้องคิดต้องนึกส่วนเรื่องศีลธรรม Morality นี้ต้อง ทำอยู่จริงๆเพราะเป็นปัญหาเฉพาะหน้า111 พระพรหมคุณาภรณ์ ได้กล่าวถึง จริยธรรม ไว้ว่า เป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑) พฤติกรรมทางกาย วาจา และการใช้อินทรีย์ ในการสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ๒) จิตใจของเรา ซึ่งมีเจตจำนง ความตั้งใจ แรงจูงใจที่จะทำให้เรามีพฤติกรรม สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอย่างไร ตามภาวะและคุณสมบัติต่าง ๆ ของจิตใจนั้นๆ ๓) ปัญญา ความรู้ ซึ่งเป็นตัวชี้ทางให้ว่าเราจะสัมพันธ์อย่างไรจึงจะได้ผล และเป็น ตัวจำกัดขอบเขตว่าเราจะสัมพันธ์กับอะไร จะใช้พฤติกรรมได้แค่ไหน เรามีปัญญา มีความรู้แค่ไหน เรา ก็ใช้พฤติกรรมได้ในขอบเขตนั้น ถ้าเราขยายปัญญาความรู้ออกไป เราก็มีพฤติกรรมที่ซับซ้อน และ ได้ผลดียิ่งขึ้น112 109ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒, หน้า ๒๙๑. 110พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ (ชำระ-เพิ่มเติม ช่วงที่ ๑/ยุติ), หน้า ๕๗. 111พุทธทาสภิกขุ, พุทธทาส แนะแนวจริยธรรมร่วมสมัย ชุดที่ ๓ จุดหมายปลายทาง และตัวแท้ ของจริยธรรม, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ดวงตะวัน, ๒๕๕๓), หน้า ๙๕. 112พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พัฒนาการแบบองค์รวมของเด็กไทย, (โครงการตำรา สำนัก ที่ ปรึกษากรมอนามัย : กระทรวงสาธารณสุข, ๒๕๔๖), หน้า ๑๕.


ทิศนา แขมมณี ได้ให้ความหมายของ “จริยธรรม” หมายถึง ความประพฤติหรือการ กระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจ ที่ดีงามเป็นที่ยอมรับของสังคม รวมทั้งหลักเกณฑ์ มาตรฐาน ของความประพฤติที่เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อผู้อื่น ต่อสังคม เพื่อให้เกิดความสันติสุขในสังคม113 เพ็ญแข ประจนปัจจนึก และคณะ ให้ความหมายของคำว่า “จริยธรรม” ไว้ว่า หมายถึง หลักการ ศีลธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี พฤติกรรมอันดีงามที่ปลูกฝังอยู่ในตัวบุคคล สามารถใช้เป็น แนวทางให้แก่บุคคลในการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้อง เป็นที่ยอมรับในสังคม เป็นเกณฑ์ในการตัดสิน พฤติกรรมของบุคคลว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี ควรจะทำหรือไม่ควรทำ114 สรุปได้ว่า “จริยธรรม” หมายถึงพฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นถึงการปฏิบัติดี ปฏิบัติ ถูกต้อง อันเป็นผลมาจากความคิดที่สังคม หรือบุคคลมีความเห็นว่าเป็นการปฏิบัติที่ดี เป็นกรอบ กำหนดไว้เพื่อให้สังคมเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความร่มเย็นเป็นสุข มีความรักความสามัคคี และมีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต ดังนั้นจากการศึกษาเอกสารขั้นต้นที่ได้นำเสนอแล้วนั้น สามารถประมวลคำว่า “คุณธรรม” และ “จริยธรรม” เข้าด้วยกันได้เป็น “คุณธรรมจริยธรรม” (Moral Virlucs) มีความหมายว่า เป็นการ ประพฤติ ปฏิบัติที่เป็นสิ่งที่ดีงาม ถูกต้องตามมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของสังคม หรืออาจจะให้ ความหมายได้ว่า “คุณธรรมตามกรอบจริยธรรม” ๓.๑.๒ ความสำคัญของคุณธรรม และจริยธรรม ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ อาทิ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ปัญหาทางสังคม รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับคุณธรรม และจริยธรรมของประชาชน เพื่อให้ประเทศพัฒนาก้าวทันนานาประเทศ เพ็ญแข ประจนปัจจนึก และคณะ ได้นำเสนอพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานไว้ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า เกี่ยวกับ การปลูกฝังคุณธรรม และจริยธรรมเพื่อให้เป็นสมบัติของคนไทยทั้งประเทศ มีอยู่ ๔ ประการ ดังนี้ ๑) การรักษาความสัตย์ ความจริงใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็น ประโยชน์และเป็นธรรม ๒) การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจความดีนั้น ๓) การอดทน อดกลั้นและอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วย เหตุผลประการใด ๔) การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้สละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อ ประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง115 113ทิศนา แขมมณี, ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ, พิมพ์ครั้งที่ ๓, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๗), หน้า ๔๗. 114เพ็ญแข ประจนปัจจนึก และคณะ, รายงานการวิจัย การยกระดับคุณธรรม จริยธรรมของ สังคมไทยเพื่อการปฏิรูปสังคม : แนวทางและการปฏิบัติ, (กรุงเทพมหานคร : สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ, ๒๕๕๑), หน้า ๑๔. 115เพ็ญแข ประจนปัจจนึก และคณะ, รายงานการวิจัย การยกระดับคุณธรรม จริยธรรม ของสังคมไทยเพื่อการปฏิรูปสังคม : แนวทางและการปฏิบัติ, หน้า ๑๔.


คุณธรรมและจริยธรรมทั้ง ๔ ประการ ประชาชนทุกคนควรนำมาประพฤติปฏิบัติ จะช่วย ให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข ร่มเย็น และส่งผลให้ประเทศสามารถพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไป ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม ได้กล่าวถึงความสำคัญของคุณธรรม และจริยธรรมไว้พอสรุปได้ว่า เด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งต่อการพัฒนา ประเทศ จำเป็นต้องมีการปลูกฝังคุณลักษณะที่พึงประสงค์ทั้งด้านความรู้ และคุณธรรม ซึ่งจำเป็นต้อง กระทำตั้งแต่วัยเด็ก จนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมในปัจจุบันและ อนาคต116 ป๋วย อึ้งภากรณ์ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับความสำคัญของคุณธรรม และจริยธรรมที่ เกี่ยวข้องกับการศึกษาไว้พอสรุปได้ว่า การศึกษาควรมีจุดมุ่งหมาย ต่อไปนี้ ๑) เพื่อที่จะอบรมนักเรียนให้เป็นมนุษย์ที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต มีศีลธรรม เป็น พลเมืองดี มีความคิดชอบ ทำชอบ ประพฤติชอบ ๒) ควรจะอบรมนักเรียน รวมทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยให้รู้จักใช้ความคิด รู้จักบำรุง สติปัญญาให้เฉียบแหลมเพื่อนำมาใช้ประโยชน์แก่ตนและแก่ประชาชน ๓) ฝึกนักเรียนให้มีความรู้สำหรับใช้ประกอบอาชีพ โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น พร้อมได้แสดงทัศนะเพิ่มเติมอีกว่า การศึกษาอบรมดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่แต่ใน สถานศึกษาเท่านั้น โดยเฉพาะในหัวข้อที่ ๑ ควรจะได้รับการอบรมจากทางบ้าน ข้อนี้สำคัญมาก แม้ จะเป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่ แต่ด้วยสมัยปัจจุบันพ่อ-แม่ ผู้ปกครอง มักโยนความรับผิดชอบไปให้ครู- อาจารย์ และสถานศึกษา ดังนั้นสถานศึกษามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับวิชาการ และวิชาชีพตามข้อ ๒ และข้อ ๓ ผู้ใดได้รับการศึกษาในระดับต่ำก็จะได้รับประโยชน์น้อย แต่ถ้า การศึกษาสูงขึ้นไปก็จะได้รับประโยชน์เพิ่มพูนขึ้น แต่หากผู้ใดมีสันดานเลวและบกพร่องในข้อ ๑ คือ ปราศจากความซื่อสัตย์สุจริตและศีลธรรม คุณประโยชน์ที่จะได้รับจากข้อ ๒ และข้อ ๓ ย่อมกลายเป็น โทษ และในบางกรณีย่อมกลายเป็นโทษมหันต์117 สรุปได้ว่า คุณธรรมและจริยธรรมมีความสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์ เพื่อให้มีคุณภาพ ลักษณะอันนำมาซึ่งความเป็นพลเมืองที่ดี ความประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามตามคำสั่งสอนในศาสนา หรือการประพฤติตามเกณฑ์ที่ถูกต้องทั้งกาย วาจา และใจ อันก่อให้เกิดประโยชน์และความสุขทั้งต่อ ตนเองและสังคมส่วนรวม นำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าของสังคม เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องสร้างคุณธรรมและจริยธรรมให้เกิดมีในตัวบุคคลมากที่สุด ๓.๑.๓ ทฤษฎีเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม การปลูกฝังคุณธรรม และจริยธรรมอันพึงประสงค์ให้แก่นักศึกษาในระดับอุดมศึกษา สถาบันในระดับอุดมศึกษาได้ให้ความสำคัญและใส่ใจมาโดยตลอด พร้อมกันนี้ได้มีนักวิชาการ และ ผู้ทรงคุณวุฒิได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการปลูกฝังคุณธรรม และจริยธรรมไว้หลายท่าน นักวิชาการส่วน 116ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม), สังคมมีคุณค่าจากต้นกล้า คุณธรรม, (กรุงเทพมหานคร : ศูนย์คุณธรรม, ๒๕๕๑), หน้า ๗. 117ป๋วย อึ้งภากรณ์, ทัศนะว่าด้วยการศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง, ๒๕๔๕), หน้า ๓-๔.


ใหญ่เชื่อว่าคุณธรรม และจริยธรรมมีการพัฒนาเป็นลำดับตั้งแต่วัยเด็กจนถึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่ง สามารถประมวลทฤษฎีในการปลูกฝังคุณธรรม และจริยธรรม ได้ดังนี้ ๑. ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของฌองเพียเจท์ เพียเจท์(Jean Piaget) ได้กล่าวว่าในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของมนุษย์ เกิดจาก แรงจูงใจในการปฏิบัติตนสัมพันธ์กับสังคม การพัฒนาจริยธรรมจึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาเหตุผลเชิง จริยธรรมตามระดับสติปัญญาของแต่ละบุคคลที่มีวุฒิภาวะสูงขึ้น การรับรู้จริยธรรมได้พัฒนาขึ้น ตามลำดับ พัฒนาการคุณธรรมและจริยธรรมของมนุษย์สามารถแบ่งออกเป็น ๓ ขั้น และสามารถ นำมาเป็นหลักเกณฑ์ในการแบ่งขั้นพัฒนาการทางจริยธรรม ได้ดังนี้ ๑) ขั้นก่อนจริยธรรม (ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง ๒ ขวบ) เป็นขั้นที่ยังไม่มีความสามารถ ในการรับรู้สิ่งแวดล้อม และระบบกฎเกณฑ์ได้ แต่ยังมีความต้องการทางกายซึ่งต้องการการตอบสนอง ดังนั้นการกระทำจะพึงกระทำเพื่อสนองความต้องการของตนเองโดยที่ไม่คำนึงถึงผู้อื่น ๒) ขั้นเชื่อฟังคำสั่ง (ระหว่างอายุ ๒ - ๘ ขวบ) เด็กจะสามารถรับสภาพแวดล้อม และบทบาทของตนเองต่อผู้อื่น รู้จักเกรงกลัวผู้ใหญ่ โดยเห็นว่าคำสั่งหรือกฎเกณฑ์เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติ ตามโดยไม่สนใจถึงผลที่จะตามมา ๓) ขั้นยึดหลักแห่งตน (ระหว่างอายุ ๘ – ๑๐) เด็กในวัยนี้จะมีพัฒนาการทางด้าน สติปัญญาสูงขึ้น คลายความเกรงกลัวอำนาจจากภายนอก สามารถใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลและ ประสบการณ์ประกอบการตัดสินใจ สามารถประเมินความถูกผิดโดยดูจากเจตนาของผู้กระทำและตั้ง เกณฑ์ของตนเองได้118 ๒. ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของ ลอว์เรนซ์ โคลเบอร์ก โคลเบอร์ก(Lawrence Kohlberg) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้ทำการศึกษาทฤษฎี พัฒนาการทางจริยธรรมของเพียเจท์ ทำให้พบว่า พัฒนาการทางจริยธรรมสามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ ระดับ ๖ ขั้น มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ดังนี้ ระดับที่ ๑ ระดับก่อนกฎเกณฑ์(Pre-Conventional Level) เด็กในระดับนี้จะ ตัดสินใจเลือกกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง โดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น ในระดับนี้บุคคลจะขึ้นอยู่กับ ผู้มีอำนาจเหนือตน ระดับนี้เด็กจะมีอายุประมาณ ๒ – ๑๐ ขวบ แบ่งได้เป็น ๒ ขั้น คือ ขั้นที่ ๑ ขั้นหลักการหลบหลีกการถูกลงโทษ (The Punishment and Obedience Orientation)เด็กจะปฏิบัติตามผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าตน เพราะกลัวการถูกลงโทษ เช่น ไม่กล้าหนี เรียนเพราะกลัวครูตัดคะแนน เป็นต้น (พบในเด็กอายุ ๒ – ๗ ขวบ) ขั้นที่ ๒ ขั้นหลักการแสวงหารางวัล (The Instrumental Relativist Orientation) เด็กจะทำตามกฎเกณฑ์เพราะเห็นว่าเป็นเครื่องมือที่ทำให้ได้สิ่งที่ต้องการ โดยมุ่งการตอบแทนทางกาย และวัตถุมากกว่าในเรื่องของนามธรรม (พบในเด็กอายุ ๗ – ๑๐ ขวบ) ระดับที่ ๒ ระดับตามกฎเกณฑ์(Conventional Level) เด็กในระดับนี้จะทำตาม กฎเกณฑ์ของกลุ่ม เพราะต้องการเป็นที่ยอมรับ จะเลียนแบบหรือคล้อยตามบุคคลในกลุ่มเพื่อปรับตัว 118Jean Piaget, The Moral Judgment of the Child, (London :Routledge&Kegan Paul Ltd., 1997), pp. 133-134.


ให้เข้ากับความต้องการของสังคม โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นในขณะนั้น ระดับนี้เด็กจะมีอายุ ประมาณ ๑๐ – ๑๖ ปี แบ่งได้เป็น ๒ ขั้น คือ ขั้นที่ ๓ ขั้นใช้หลักการทำตามที่ผู้อื่นเห็นชอบ (The Enter Personal) เด็กจะ กระทำในสิ่งที่ตนคิดว่าคนอื่น จะเห็นด้วยและพอใจ เพื่อการเป็นที่ยอมรับของเพื่อน โดยจะกระทำ ตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสังคมอย่างเคร่งครัด (พบในเด็กอายุ ๑๐ – ๑๓ ปี) ขั้นที่ ๔ หลักการทำตามหน้าที่ของสังคม (The Law and Order Orientation) ใน ระดับนี้บุคคลจะเข้าใจในกฎเกณฑ์ บรรทัดฐานของสังคม ถือว่าตนมีหน้าที่ทำตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสังคมอย่างเคร่งครัด (พบในเด็กอายุ ๑๓ – ๑๖ ปี) ระดับที่ ๓ ระดับเหนือกฎเกณฑ์(Post Conventional Level)ในระดับนี้บุคคลจะ ตัดสินข้อขัดแย้งต่าง ๆ ด้วยการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบด้วยตนเอง พิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์ของสังคม แบ่งได้เป็น ๒ ขั้น คือ ขั้นที่ ๕ ขั้นทำตามคำมั่นสัญญาหรือมีเหตุผลเคารพตนเอง (Social Contract Legalistic Orientation) บุคคลจะเห็นความสำคัญของชนหมู่มาก เคารพตนเอง เคารพมติที่มาจาก การลงความเห็น มีเหตุผล ถือว่ากฎเกณฑ์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงได้โดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม เป็นใหญ่ (พบในผู้ที่มีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ได้แก่ วัยรุ่นตอนปลายและผู้ใหญ่) ขั้นที่ ๖ ขั้นทำตามหลักอุดมคติสากล (The Universal Ethical Principle) บุคคล จะสำนึกถึงคุณค่าของความถูกต้อง โดยคำนึงถึงเหตุผลอย่างกว้างขวาง คำนึงถึงประโยชน์ของ ส่วนรวม และปฏิบัติตามความถูกต้องนั้นอย่างไม่หวั่นไหว มีความละอายต่อการทำความชั่ว ในการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมข้างต้น สามารถสรุปสาระโดยสังเขปเป็นตาราง ได้ดังนี้ ตารางที่ ๓.๑ ระดับการใช้เหตุผลตามทฤษฎีพัฒนาทางจริยธรรมของโคลเบอร์ก ขั้นการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม ระดับของจริยธรรม ขั้นที่ ๑ ขั้นหลักการหลบหลีกการถูกลงโทษ ๑. ระดับก่อนกฎเกณฑ์ (อายุ ๒ – ๑๐ ปี) ขั้นที่ ๒ ขั้นหลักการแสวงหารางวัล ขั้นที่ ๓ ขั้นใช้หลักการทำตามที่ผู้อื่นเห็นชอบ ๒. ระดับตามกฎเกณฑ์ (อายุ ๑๐ – ๑๖ ปี) ขั้นที่ ๔ หลักการทำตามหน้าที่ของสังคม ขั้นที่ ๕ ขั้นทำตามคำมั่นสัญญาหรือมีเหตุผลเคารพ ตนเอง ๓. ระดับเหนือกฎเกณฑ์ (อายุ ๑๖ ปีขึ้นไป) ขั้นที่ ๖ ขั้นทำตามหลักอุดมคติสากล โคลเบอร์ก เชื่อว่า พัฒนาการจริยธรรมนั้นไม่ใช่การรับรู้จากการสั่งสอนจากผู้อื่น แต่เป็น การผสมผสานระหว่างความรู้เกี่ยวกับบทบาทของตนเองต่อผู้อื่น และบทบาทของผู้อื่น รวมถึง กฎเกณฑ์ของกลุ่มต่าง ๆ การพัฒนาทางด้านการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมเป็นไปตามขั้น ส่วนการใช้


เหตุผลเชิงจริยธรรมจะพัฒนาจากขั้นต่ำแล้วพัฒนาขึ้นไปด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ ทางสังคม ทำให้ การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมอยู่ในขั้นสูงขึ้นไป119 ๓. ทฤษฎีความต้องการของ อับราฮัมมาสโลว์ มาสโลว์ (Abraham Maslow) ได้กล่าวไว้ว่า แนวคิดด้านจิตวิทยามนุษยนิยม (Humanistic Theory) เป็นแนวคิดที่นิยมใช้กันมากในการพัฒนามนุษย์ โดยมีความเชื่อพื้นฐานว่า มนุษย์มีความดีและมีคุณค่าต่อการยอมรับ มาสโลว์มองว่าความต้องการของมนุษย์มีลักษณะเป็น ลำดับขั้น จากระดับต่ำสุดไปยังระดับสูงสุดเมื่อความต้องการในระดับหนึ่งได้รับการตอบสนองแล้ว มนุษย์ก็จะมีความต้องการอื่น ๆ ในระดับที่สูงขึ้นต่อไปมาสโลว์แบ่งลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ ออกเป็น ๕ ขั้น ดังนี้ ๑) ความต้องการทางร่างกาย (Physiological needs) เป็นความต้องการขั้น พื้นฐานของมนุษย์เพื่อความอยู่รอด เช่น อาหารเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค อากาศ น้ำดื่ม การพักผ่อน เป็นต้น ๒) ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง (Security or Safety needs) เมื่อ มนุษย์สามารถตอบสนองความต้องการทางร่างกายได้แล้วมนุษย์ก็จะเพิ่มความต้องการในระดับที่ สูงขึ้นต่อไป เช่นความต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินความต้องการความมั่นคงในชีวิต และหน้าที่การงาน ๓) ความต้องการความผูกพันหรือการยอมรับ (Affiliation or Acceptance needs) เป็นความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมซึ่งเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ เช่นความ ต้องการให้และได้รับซึ่งความรัก ความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะความต้องการได้รับการ ยอมรับ การต้องการได้รับความชื่นชมจากผู้อื่น เป็นต้น ๔) ความต้องการการยกย่อง (Esteem needs) หรือ ความภาคภูมิใจในตนเอง เป็น ความต้องการได้รับการยกย่อง นับถือและสถานะจากสังคม เช่น ความต้องการได้รับความเคารพนับ ถือความต้องการมีความรู้ความสามารถ เป็นต้น ๕) ความต้องการความสำเร็จในชีวิต (Self-Actualization) เป็นความต้องการสูงสุด ของแต่ละบุคคล ที่มีความรักและศักดิ์ศรีในตน มีวินัย มีจริยธรรม และประสิทธิผลในการดำเนินชีวิต เช่นความต้องการที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้สำเร็จความต้องการทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความ ต้องการของตนเองแต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม เป็นต้น120 สรุปได้ว่า แนวคิดตามทฤษฎีขั้นความต้องการของมาสโลว์ เป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนา มนุษย์ให้เป็นผู้มีคุณธรรม และจริยธรรม มีวินัยในตนเอง และมีบุคลิกภาพประชาธิปไตย ๔. ทฤษฎีเซลล์กระจกเงา (Mirror Neuron Theory) 119Lawrence Kohlberg, Development of Moral Character and Moral Ideology Review of Child Development Research, (New York : Russell Sage Foundation, 2000), pp. 159-161. 120MaslowAbraham, Motivation and Personnality, (New York : Harper and Row Publishers, 1987), pp. 15-23.


สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ได้อธิบายถึงทฤษฎีเซลล์กระจก ไว้ว่า ทฤษฎ ีเซลล์กระจกเงา เป็นการค้นพบของ Vittorio Gallese, Leonardo Fogassi and GiacomoRizzolatti ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ในประเทศอิตาลี ได้อธิบายว่า เซลล์กระจกเงาเป็นเซลล์ ชนิดหนึ่งของมนุษย์ ที่คอยทำหน้าที่ในการเลียนแบบพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของผู้อื่นมาเป็นพฤติกรรม ของตนเอง หมายความว่า พฤติกรรมของเด็ก เยาวชน มีผลมาจากเซลล์กระจกเงาที่เด็กได้เลียนแบบ มาจากพฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิด หรือแม้กระทั่งบุคคลต่าง ๆ ที่เด็กได้พบเห็น ถึงแม้ว่าเด็กจะไม่ได้ เลียนแบบในทันทีที่เห็น แต่สมองของเด็กจะเก็บภาพการกระทำเหล่านั้นไว้ และพร้อมที่จะเลียนแบบ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน ข้อค้นพบจากทฤษฎีเซลล์กระจกเงาชี้ชัดว่า การสอนที่ดีที่สุด คือ การประพฤติเป็นแบบอย่างให้เห็นของผู้สอน หรือผู้ที่เลี้ยงดู ดังนั้นการเลียนแบบจากพฤติกรรมที่ ถูกต้องของต้นแบบ รวมกับการพัฒนาทางด้านจิตใจในการเข้าใจผู้อื่น ทำให้เด็กค่อย ๆ มีความเข้าใจ และพัฒนาเหตุผลในเชิงจริยธรรม ท้ายที่สุดเด็กก็จะมีบุคลิกภาพที่ถูกต้องตามความหมายของคำว่า “คนดี” ในสังคม121 สรุปได้ว่า ทฤษฎีเซลล์กระจกเงาชี้ให้เห็นว่าการที่จะปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมนั้นจะต้องเริ่ม ตั้งแต่เด็กโดยการปฏิบัติตนเป็นต้นแบบให้เห็น และเพื่อให้เกิดความประทับใจมีความรู้สึกร่วม จนมีผล ต่อพฤติกรรมในอนาคต ๕. ทฤษฎีต้นไม้ของ ดวงเดือน พันธุมนาวิน ดวงเดือน พันธุมนาวิน ได้นำเสนอทฤษฎีที่เกี่ยวกับคุณธรรม และจริยธรรมไว้คือ ทฤษฎี ต้นไม้ ได้อธิบายไว้ว่า ลักษณะพื้นฐานและองค์ประกอบทางจิตใจซึ่งจะนำไปสู่พฤติกรรมที่พึง ปรารถนา เพื่อส่งเสริมให้บุคคลเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง ได้ทำการศึกษาถึงสาเหตุพฤติกรรมของคนดี และคนเก่งรวมถึงสาเหตุของพฤติกรรมต่าง ๆ ของคนไทยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่๖-๖๐ปีว่า พฤติกรรมเหล่านั้น มีสาเหตุทางจิตใจอะไรและนำมาประยุกต์เป็นทฤษฎีต้นไม้จริยธรรมสำหรับคน ไทยโดยแบ่งต้นไม้จริยธรรม ออกเป็น ๓ ส่วน ดังนี้ ๑) ส่วนดอกผลแสดงถึงพฤติกรรมการทำความดีละเว้นความชั่วและพฤติกรรมการ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ซึ่งล้วนแต่เป็นพฤติกรรมของพลเมืองดีพฤติกรรมที่เอื้อเฟื้อต่อการพัฒนา ประเทศ ๒) ส่วนลำต้นแสดงถึงพฤติกรรมการทำงานอาชีพอย่างขยันขันแข็ง ซึ่ง ประกอบด้วยจิตลักษณะ๕ด้าน คือ (๑) เหตุผลเชิงจริยธรรม คือ ความซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ (๒) มุ่งอนาคตและการควบคุมตนเองคือ การรู้จักควบคุมตนเองให้อดทน มี ความภูมิใจในการทำความดี (๓) ความเชื่ออำนาจในตนคือ เชื่อว่าผลที่เกิดมาจากการกระทำของตนเอง 121สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล, โครงการวิจัยคุณลักษณะ และกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในประเทศไทย, รายงานวิจัย, (ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิง คุณธรรม : สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้, ๒๕๕๒), หน้า ๓๕.


(๔) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์คือ การมุ่งมั่นในการทำงานให้สำเร็จตามจุดหมาย กล้า ฝ่าอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อ (๕) ทัศนคติ คุณธรรมและค่านิยมคือ การมองเห็นและเข้าใจในคุณค่า ประโยชน์ และความดีของการปฏิบัติหน้าที่ ๓) ส่วนของราก แสดงถึงพฤติกรรมการทำงาน ประกอบอาชีพอย่างขยันขันแข็ง ประกอบด้วยจิตลักษณะ๓ด้าน คือ (๑) สติปัญญา คือ ความเฉลียวฉลาด มีความรู้ ความคิดที่เหมาะสมกับอายุ (๒) ประสบการณ์ทางสังคมคือ การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ได้รับ ประสบการณ์ทางสังคมอย่างเหมาะสมกับอายุ (๓) สุขภาพจิต คือ การมีความสุขในการทำงาน มีอารมณ์ที่มั่นคง122 แผนภาพที่ ๓.๒ ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรม แสดงจิตลักษณะพื้นฐาน และองค์ประกอบ ทางจิตใจของพฤติกรรมทางจริยธรรม(มาจากดวงเดือน พันธุมนาวิน, ๒๕๕๔, หน้า ๑๙๐) 122ดวงเดือน พันธุมนาวิน, ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรม การวิจัยและการพัฒนาบุคคล, พิมพ์ครั้งที่ ๔, (กรุงเทพมหานคร : บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, สถาบัน, ๒๕๔๔), หน้า ๑๘๗-๑๙๙.


สรุปได้ว่า เมื่อบุคคลมีความพร้อมทางจิตใจทั้ง ๓ ด้าน คือ ส่วนที่เป็นราก และอยู่ใน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชุมชน รวมถึงกลุ่มเพื่อน ๆ ผู้นั้นก็พร้อมที่จะพัฒนา ลักษณะทางจิตใจที่เป็นส่วนของลำต้น เกิดเป็นพฤติกรรมที่ดี เป็นคนเก่ง ในส่วนที่เป็นดอกและผลบน ต้นไม้ ก็จะมีความงอกงามสมบูรณ์ ก็จะส่งให้เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติแต่ในทางที่ถูกที่ควร สามารถอยู่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข ๖. ทฤษฎีทางพุทธศาสตร์ พระพุทธศาสนา เกิดขึ้นและดำรงอยู่มากว่า ๒,๕๐๐ ปี โดยมีพระสมณโคดมเป็นศาสดาผู้ ประกาศปรัชญาในแนวคิดนี้ โดยเน้นที่หลักสัจธรรมวิธีการสอน การเผยแผ่ การสืบทอดหลักธรรมสู่ การปฏิบัติ เน้นคุณธรรมในการใช้ปัญญาพิจารณาหาเหตุผล ดังนั้นหลักธรรมที่เป็นหัวใจของ พระพุทธศาสนา มี ๓ ประการ คือ ๑) ให้ละเว้นจากความชั่วทั้งปวง ๒) ให้ทำความดี ๓) ให้ชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ หลักธรรมที่พระพุทธศาสนานำมาประกาศเป็นคุณธรรมที่สอดคล้องเชื่อมโยงกันทั้งหมด คือ การปฏิบัติตามหลักธรรมข้อใดข้อหนึ่ง ย่อมเกี่ยวโยงกับหลักธรรมข้ออื่น ๆ อันเป็นหลักแนวคิด ทางจริยศาสตร์ ที่กำหนดข้อประพฤติปฏิบัติทางกาย และทางจิตใจ เริ่มตั้งแต่สิ่งที่เป็นข้อประพฤติ ปฏิบัติขั้นพื้นฐานทางการกระทำทางกาย เป็นลำดับไปสู่ข้อประพฤติปฏิบัติข้อสูงที่เป็นแนวคิดที่มุ่งสู่ ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้นทางจิตใจ สุชีพ ปุญญานุภาพ ได้นำเสนอหลักจริยศาสตร์ของศาสนาพุทธ ไว้ว่าหลักจริยศาสตร์ของ ศาสนาพุทธมี ๓ ขั้น คือ123 ๑) จริยศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วยศีล ๕ ธรรม ๕ ดังนี้ (๑) เว้นจากการเบียดเบียน ทำร้ายชีวิตสัตว์หรือมนุษย์ การมีความเมตตา กรุณาต่อสัตว์ จัดเป็นศีล ในส่วนของการมีความเมตตาต่อมนุษย์ด้วยกัน จัดเป็นธรรม (๒) เว้นจากการลักทรัพย์ จัดเป็นศีล ในส่วนของการมีความเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ ประกอบอาชีพที่สุจริต จัดเป็นธรรม (๓) เว้นจากการประพฤติผิดในกาม จัดเป็นศีล ส่วนการสำรวมในกาม จัดเป็น ธรรม (๔) เว้นจากการพูดเท็จ จัดเป็นศีล การพูดแต่สิ่งที่เป็นจริง สร้างสรรค์ จัดเป็น ธรรม (๕) เว้นจากการดื่มสุรา จัดเป็นศีล การมีสติ สำรวมระวังกาย ใจ และวาจา จัดเป็นธรรม ๒) จริยศาสตร์ขั้นกลาง ประกอบด้วยกุศลกรรมบท ๑๐ ดังนี้ 123สุชีพ ปุญญานุภาพ, ประวัติศาสตร์ศาสนา, พิมพ์ครั้งที่ ๘, (กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิมงกุฏราช วิทยาลัย, ๒๕๔๐), หน้า๑๘๐ – ๑๘๕.


(๑) เว้นจากการฆ่า หรือทำร้ายเบียดเบียนชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์ (๒) เว้นจากการลักทรัพย์ (๓) เว้นจากการประพฤติผิดในกาม (๔) เว้นจากการพูดเท็จ (๕) เว้นจากการพูดยุยงให้แตกร้าว (๖) เว้นจากการพูดคำหยาบ (๗) เว้นจากการพูดเหลวไหล พูดเพ้อเจ้อ (๘) ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่นเอามาเป็นของตนเอง (๙) ไม่คิดปองร้ายผู้อื่น หรือคิดให้ผู้อื่นถึงความพินาศ (๑๐) ไม่มีความเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรม มีความคิดเห็นที่ถูกต้อง ๓) จริยศาสตร์ขั้นสูง ประกอบด้วยอริยมรรคคือ ทางอันประเสริฐมี ๘ ประการ ดังนี้ (๑) ความเห็นชอบ หมายถึง มีปัญญาเห็นอริยสัจ ๔ ประการ (๒) ความดำริชอบ หมายถึง ดำริในการออกจากกาม ไม่เบียดเบียนผู้อื่น (๓) การเจรจาชอบ หมายถึง ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ (๔) การกระทำชอบ หมายถึง ไม่ฆ่าสัตว์หรือมนุษย์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติ ผิดในกาม (๕) การเลี้ยงชีพชอบ หมายถึง การประกอบอาชีพโดยชอบธรรม ถูกกฎหมาย (๖) ความเพียรชอบ หมายถึง การเพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น เพียรสร้างความ ดี เพียรรักษาความดีที่เกิดขึ้นแล้วให้คงอยู่ (๗) การตั้งสติชอบ หมายถึง ตั้งสติพิจารณาร่างกาย เวทนา ความรู้สึกสุข-ทุกข์ ให้รู้เท่าทันเห็นความเกิดดับ (๘) การตั้งใจมั่นชอบ หมายถึง การทำจิตใจให้สงบเป็นสมาธิอย่างแน่วแน่ สรุปได้ว่า คำสอนของพระพุทธศาสนา เน้นการสอนแบบอริยสัจที่ถือว่าเป็นต้นแบบของ การพัฒนาการทางจริยธรรม พระพุทธเจ้าทรงนำเอาหลักอริยสัจธรรม มาแสดงให้แก่มนุษย์ในข้อ ธรรมที่ชื่อว่า อริยสัจ ๔ ในขณะที่เนื้อหาสาระสำคัญที่พระองค์ต้องการสื่อ คือ เรื่องของอิทัปปัจจย ตาปฏิจจสมุปบาท และในเรื่องของนิพพาน เหตุที่พระองค์ทรงแสดงด้วยอริยสัจ ๔ เพื่อให้เป็นสิ่งที่ สามารถปฏิบัติได้สำหรับบุคคลทั่วไป ๓.๒ ความซื่อสัตย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระบรมราโชวาท และพระ ราชดำรัสอันชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและคุณประโยชน์ของความซื่อสัตย์สุจริต ไว้ดังนี้ ความสุจริต ความมุ่งมั่นในประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จะเกิดขึ้นและยั่งยืนอยู่ได้ด้วยสติปัญญา สติ คือ ความ ระลึกรู้ ปัญญา คือ ความรู้ชัด ที่เกิดขึ้นจากความฉลาด สามารถคิดพิจารณาได้อย่างถูกต้องแยบคาย ดังนั้น ความสุจริตและมุ่งมั่นจะยั่งยืนอยู่ได้ด้วย สติปัญญา หมายความว่า เมื่อบุคคลผู้มีสติรู้ตัว มี ปัญญารู้ชัดในคุณค่าของความสุจริต และสร้างสรรค์ความเจริญบนพื้นฐานของความสุจริตแล้ว ก็จะ


เกิดเป็นความนิยม เชื่อมั่น พึงพอใจในความดี การกระทำดี ความมั่นใจพึงพอใจนั้นจะเป็นเครื่องหนุน ประคองความสุจริต พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะทำให้คงอยู่ตลอดไปไม่เสื่อมคลาย124 พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ได้กล่าวถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์ ไว้ว่า บุคคลที่จะประสบความสำเร็จในการครองเรือน เป็นที่น่าเคารพนับถือเป็นตัวอย่างจะต้องกำกับชีวิต ด้วยธรรมสี่ คือ ปฏิบัติตามหลักธรรมสำหรับการครองชีวิตของคฤหัสถ์ ที่เรียกว่า ฆราวาสธรรม ๔ ประการ คือ ๑. สัจจะ หมายถึง ความซื่อตรง ความจริง ๒. ทมะ หมายถึง การฝึกตน ๓. ขันติ หมายถึง ความอดทน และ ๔. จาคะ หมายถึง การเสียสละ125 พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ ได้อธิบายความสำคัญของความซื่อสัตย์ ไว้ว่า ความ ซื่อสัตย์เป็นข้อหนึ่งในศีล ๕ อันเป็นเครื่องมือที่จะทำให้บุคคลที่อยู่ในสังคมอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข เพราะศีล คือ ความปกติ ดังนั้นคนทุกคนจะต้องพูดกันด้วยความตรงไปตรงมา มีความจริงใจต่อกัน ถ้าใครโกหกหลอกลวงก็ผิดปกติไป ฉะนั้นเพื่อรักษาความปกติไว้ ศีลข้อที่ ๔ จึงขึ้นชื่อว่า คนจะต้องไม่ พูดเท็จ คือ มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน หากบุคคลไม่รักษาความซื่อสัตย์สังคม ประเทศชาติ ก็จะไม่ สงบสุข มีแต่ความหวาดระแวงกัน นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อตนเอง คือ ทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม ผู้ ที่โกหกมาก ๆ เข้าลงท้ายแม้กระทั่งตัวเองก็หลงลืมว่า เรื่องที่ตนพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือโกหก126 สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้สรุปความซื่อสัตย์สุจริต เป็นรากฐานของความมั่นคง ในทุก ๆ ด้าน ผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตจะบ่งบอกถึงความมีคุณธรรมจริยธรรมอันดีงามทำให้เป็นที่ ยอมรับและศรัทธาของคนทั่วไป127 วรวรรณินี ราชสงฆ์ กล่าวว่า ความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง การประพฤติอย่าง เหมาะสมและตรงความเป็นจริง เช่น ตรงต่อหน้าที่ ตรงต่อคำพูด ตรงต่อกฎเกณฑ์ทั้งต่อตนเองและ ผู้อื่น128 สุมณธา แก่นกูล กล่าวว่า ความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง คุณลักษณะด้านความรู้สึกนึก คิดหรือระดับจิตใจของบุคคลหนึ่งที่มีต่อบุคคลอื่น ต่อวัตถุสิ่งของ เมื่อบุคคลนั้นพบปะหรือสัมผัสระดับ จิตใจ มีความมั่นคงมิได้ผันแปรไปตามความต้องการของตนเองหรือของผู้อื่น และบุคคลนั้นจะไม่ยึด 124พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช, พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช เกี่ยวกับศาสนาและศีลธรรม, (กรมการศาสนา กระทรวง วัฒนธรรม : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, ๒๕๕๒), หน้า ๓๔. 125พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), ธรรมนูญชีวิต พุทธจริยธรรมเพื่อชีวิตที่ดีงาม, พิมพ์ครั้งที่ ๕๖, (กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิบรรจงสนิท และสหปฏิบัติฯ, ๒๕๔๖), หน้า ๖๓. 126พระมหาสมชาย านวุฑฺโฒ, มงคลชีวิต ฉบับทางก้าวหน้า, (คณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปและวัฒนธรรม วุฒิสภา, ๒๕๔๗), หน้า ๗๖ – ๘๐. 127คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ,(สำนักงาน), เอกสารการวิจัยเรื่องค่านิยมเพื่อชีวิตและสังคม, (กรุงเทพมหานคร : กองวิจัยและแผนงานสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. ๒๕๒๓, หน้า ๔๗. 128วรวรรณินี ราชสงฆ์, การเปรียบเทียบผลของการใช้เทคนิคแม่แบบและการใช้บทบาทสมมุติที่มี ต่อการให้เหตุผลเชิงจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ จังหวัด พัทลุง, ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, ๒๕๔๑.) หน้า ๓๖.


เอาวัตถุสิ่งของที่ไม่ใช่ของตนเองมาเป็นของตน ทำตามสัญญาและระเบียบถือกฎเกณฑ์ของกลุ่มจะพูด ตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจะต่อต้านหรือขัดขวางผู้อื่นที่ปฏิบัตินอกเหนือกฎเกณฑ์129 วิเชียร ชาบุตรบุณฑริก กล่าวว่า ความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง การตรงต่อความเป็น จริง ไม่เบี่ยงเบนหรือแกล้งพูดให้ผิดไปจากความเป็นจริง นอกจากนี้หมายถึงความจริงจัง และ จริงใจ130 จากความหมายของความซื่อสัตย์สุจริต สรุปได้ว่า ความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง หมายถึง คุณลักษณะด้านความรู้สึกนึกคิดหรือระดับจิตใจของบุคคลหนึ่งที่มีต่อบุคคลอื่น ต่อวัตถุสิ่งของ เมื่อ บุคคลนั้นพบปะหรือสัมผัสระดับจิตใจ มีความมั่นคงมิได้ผันแปรไปตามความต้องการของตนเองหรือ ของผู้อื่น และรวมถึงความประพฤติที่แสดงออกอย่างเหมาะสม ตรงไปตรงมา ด้วยความเต็มใจและ จริงใจ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ๑) ประเภทของความซื่อสัตย์ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ได้สรุปผลการประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับจริยธรรม ไทย ว่า ความซึ่อสัตย์สุจริตเป็นจริยธรรมที่เน้นความซื่อสัตย์ต่อตนเอง หน้าที่การงาน คำมั่นสัญญา แบบแผน กฎหมาย ความถูกต้องอันดีงามและมีพฤติกรรม ดังนี้131 ๑ ซื่อตรงต่อเวลา ๒ ซื่อตรงต่องานของตัวเองที่กำหนดไว้ ๓ ซื่อตรงต่อหน้าที่การงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนเอง ๔ ซื่อตรงต่อคุณธรรม ที่ยึดถือปฏิบัติ ๕ ซื่อตรงต่อการนัดหมาย ๖ ซื่อตรงต่อการให้สัญญา ๗ ซื่อตรงต่อคำสั่งของครู ๘ ซื่อตรงต่อระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน ๙ ซื่อตรงต่อทรัพย์สินของผู้อื่น ๑๐ ซื่อตรงต่อหน้าที่การงานของผู้อื่น รู้จักแบ่งงานให้สมาชิกในกลุ่ม ไม่ก้าวก่ายงาน ของผู้อื่น ๑๑ ซื่อตรงต่อระเบียบแบบแผนประเพณี ๑๒ ซื่อตรงต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสังคม ๑๓ ซื่อตรงต่องานที่หมู่คณะมอบหมาย 129สุมณธา แก่นกูล, “ศึกษาพฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรม นักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ ๖ สำนักงานการประถมศึกษา อำเภอพะโต๊ะ สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดชุมพร”,วิทยานิพนธ์ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาการบริหารการศึกษา, (บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยทักษิณ, ๒๕๔๔), หน้า ๕๖. 130วิเชียร ชาบุตรบุณฑริก, จริยธรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต, (เลย : สถาบันราชภัฏเลย, ๒๕๔๕), หน้า ๒๕๕. 131วิชาการ, (กรม,กระทรวงศึกษาธิการ), แนวทางพัฒนาจริยธรรมไทย, (กรุงเทพมหานคร : โรง พิมพ์การศาสนา, ๒๕๒๓), หน้า ๑๔๗ – ๑๔๘.


๑๔ ซื่อตรงต่อข้อมูลปัจจุบันโดยรู้จักจำแนกระหว่างข้อมูลและค่าประเมินของผู้อื่น ได้เป็นอย่างดี ๑๕ มีความยุติธรรม กรมสามัญศึกษา ได้วิเคราะห์โครงสร้างของความซื่อสัตย์ว่า แบ่งออกเป็น ๔ ลักษณะ คือ132 ๑. ความซื่อตรงต่อตนเอง คือ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มีความละอายเกรงกลัวต่อ การกระทำผิด พฤติกรรมที่บุคคลแสดงออก คือ ๑.๑ ไม่สับปลับกลับกลอก ๑.๒ ไม่คล้อยตามพวกที่ลากหรือจูงไปในทางที่เสื่อมเสีย ๑.๓ มั่นคงต่อการกระทำดีของตน ๑.๔ ไม่คดโกงมีความตั้งใจจริง ๑.๕ ประพฤติตรงตามที่พูดและคิด ๒. ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน พฤติกรรมที่บุคคลแสดงออก คือ ๒.๑ ไม่เอาเวลาทำงานในหน้าที่ไปใช้ทำประโยชน์ส่วนตัว ๒.๒ ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ทำประโยชน์ส่วนตัว ๓. ความซื่อสัตย์ต่อบุคคล คือ มีความซื่อตรงต่อผู้อื่น ต่อมิตร ต่อหัวหน้างาน ต่อผู้มี พระคุณ พฤติกรรที่แสดงออก คือ ๓.๑ ประพฤติตรงไปตรงมาไม่คิดคดต่อผู้อื่น ๓.๒ ไม่ชักชวนไปในทางที่เสื่อมเสีย ๓.๓ ไม่สอพลอเพื่อหาประโยชน์ส่วนตน ๓.๔ ยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น ๔. ความซื่อสัตย์ต่อคณะ สังคม และประเทศชาติ พฤติกรรที่แสดงออก คือ ๔.๑ ร่วมมือร่วมใจทานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๔.๒ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตนหรือเอาดีเข้าตน ทวี บุญเกตุ ได้จำแนกความซื่อสัตย์ออกเป็น ๓ ประเภท คือ133 ๑) ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง หมายถึง การมีหิริโอตัปปะ รู้จักละอายตนเอง ไม่กล้า กระทำในสิ่งที่เชื่อว่าไม่สุจริต แม้ว่าจะไม่มีใครรู้เห็น เป็นการทำตามคำพูด โดยไม่เหลวไหล ๒) ความซื่อสัตย์ต่อการงาน ได้แก่ การมีความซื่อตรง เที่ยงธรรม ไม่เอารัดเอา เปรียบผู้อื่น หรือแสวงหาผลประโยชน์ในทางไม่ชอบ ๓) ความซื่อตรงต่อเพื่อนฝูง เป็นคุณสมบัติของเพื่อนที่ดี ผู้ที่มีความซื่อตรงต่อเพื่อน จะมีความปรารถนาดีต่อเพื่อน ไม่คดโกง หรือคิดทรยศหักหลังเพื่อน 132สามัญศึกษา,(กรม, กระทรวงศึกษาธิการ), ชุดการสอนปลูกฝังและการสร้างค่านิยมพืน้ฐานเรื่อง ความรับผิดชอบ, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ศรีเมืองการพิมพ์, ๒๕๓๖), หน้า๑๒๙ – ๑๓๑. 133ทวี บุญเกตุ, พ่อสอนลูก, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์เฟื่องนคร, ๒๕๑๕), หน้า ๔๙ - ๕๐.


สรุปประเภทของความซื่อสัตย์นั้น โดยส่วนใหญ่สามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ ประเภท คือ ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน ความซื่อสัตย์ต่อบุคคล สรุปท้ายบทที่ ๓ คุณธรรมเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามีประโยชน์ เป็นลักษณะของความรู้สึกนึกคิดทางจิตใจ เป็น สภาพคุณงามความดีที่สั่งสมอยู่ในจิตใจของมนุษย์เป็นเวลายาวนาน เป็นตัวกระตุ้นให้มีการประพฤติ ปฏิบัติอยู่ในกรอบที่ดีงาม คุณธรรมเป็นสิ่งที่ดีงามทางจิตใจ เป็นคุณค่าของชีวิตในการบำเพ็ญ ประโยชน์ ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่เพื่อนมนุษย์ ให้เกิดความรักสามัคคี ความอบอุ่นมั่นคงในชีวิต ดังนั้น คุณธรรมเป็นบ่อเกิดของจริยธรรม หลักธรรมที่พระพุทธศาสนานำมาประกาศเป็น“คุณธรรม”อันมีความสอดคล้องเชื่อมโยง กันทั้งหมดคือเมื่อฏิบัติตามข้อธรรมข้อใดข้อหนึ่งแล้วย่อมเกี่ยวข้องกับข้อธรรมข้ออื่น ๆ ตามมาเป็น แนวคิดทางจริยศาสตร์ที่กำหนดข้อประพฤติปฏิบัติทางกายและใจเริ่มตั้งแต่ข้อปฏิบัติพื้นฐานทางกาย ไปสู่ขั้นสูงที่เป็นข้อปฏิบัติทางความคิด เพื่อความหลุดพ้นทางจิตใจ “จริยธรรม” หมายถึงพฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นถึงการปฏิบัติดี ปฏิบัติถูกต้อง อันเป็น ผลมาจากความคิดที่สังคม หรือบุคคลมีความเห็นว่าเป็นการปฏิบัติที่ดี เป็นกรอบกำหนดไว้เพื่อให้ สังคมเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความร่มเย็นเป็นสุข มีความรักความสามัคคี และมีความ ปลอดภัยในการดำเนินชีวิต คุณธรรมและจริยธรรมมีความสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์ เพื่อให้มีคุณภาพ ลักษณะอัน นำมาซึ่งความเป็นพลเมืองที่ดี ความประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามตามคำสั่งสอนในศาสนา หรือการ ประพฤติตามเกณฑ์ที่ถูกต้องทั้งกาย วาจา และใจ อันก่อให้เกิดประโยชน์และความสุขทั้งต่อตนเอง และสังคมส่วนรวม นำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าของสังคม เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง สร้างคุณธรรมและจริยธรรมให้เกิดมีในตัวบุคคลมากที่สุด เมื่อบุคคลมีความพร้อมทางจิตใจทั้ง ๓ ด้าน คือ ส่วนที่เป็นราก และอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชุมชน รวมถึงกลุ่มเพื่อน ๆ ผู้นั้นก็พร้อมที่จะพัฒนาลักษณะทาง จิตใจที่เป็นส่วนของลำต้น เกิดเป็นพฤติกรรมที่ดี เป็นคนเก่ง ในส่วนที่เป็นดอกและผลบนต้นไม้ ก็จะมี ความงอกงามสมบูรณ์ ก็จะส่งให้เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติแต่ในทางที่ถูกที่ควร สามารถอยู่ในสังคมได้ อย่างมีความสุข คำสอนของพระพุทธศาสนา เน้นการสอนแบบอริยสัจที่ถือว่าเป็นต้นแบบของการ พัฒนาการทางจริยธรรม พระพุทธเจ้าทรงนำเอาหลักอริยสัจธรรม มาแสดงให้แก่มนุษย์ในข้อธรรมที่ ชื่อว่า อริยสัจ ๔ ในขณะที่เนื้อหาสาระสำคัญที่พระองค์ต้องการสื่อ คือ เรื่องของอิทัปปัจจย ตาปฏิจจสมุปบาท และในเรื่องของนิพพาน เหตุที่พระองค์ทรงแสดงด้วยอริยสัจ ๔ เพื่อให้เป็นสิ่งที่ สามารถปฏิบัติได้สำหรับบุคคลทั่วไป ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นคุณลักษณะด้านความรู้สึกนึกคิดหรือระดับจิตใจของบุคคลหนึ่ง ที่มีต่อบุคคลอื่น ต่อวัตถุสิ่งของ เมื่อบุคคลนั้นพบปะหรือสัมผัสระดับจิตใจ มีความมั่นคงมิได้ผันแปรไป ตามความต้องการของตนเองหรือของผู้อื่น และรวมถึงความประพฤติที่แสดงออกอย่างเหมาะสม ตรงไปตรงมา ด้วยความเต็มใจและจริงใจ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง


คำถามท้ายบทที่ ๓ ๑. จงวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมมีความสำคัญต่อสังคมและ สถานศึกษาอย่างไร ๒. หลักคุณธรรมและจริยธรรมในพระพุทธศาสนาสามารถนำไปประยุกต์ในการบริหาร สถานศึกษาอย่างไร ยกตัวอย่างหลักคุณธรรมจริยธรรมให้เห็นภาพชัดเจน ๓. ความซื่อสัตย์มีความสำคัญต่อหน้าที่ผู้บริหารสถานศึกษาอย่างไรและท่านจะนำหลัก ความซื่อสัตย์มาปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างไร ๔. หากท่านเป็นผู้บริหารสถานศึกษาจะส่งเสริมหลักคุณธรรม จริยธรรมในสถานศึกษา อย่างไร อธิบายให้เห็นภาพ ๕. หากท่านเป็นผู้บริหารท่านจะนำหลักความซื่อสัตย์มาส่งเสริมครู และนักเรียนใน สถานศึกษาอย่างไร อธิบายให้เห็นภาพชัดเจน


เอกสารอ้างอิง ๑. ภาษาไทย ข้อมูลทุติยภูมิ (๑) หนังสือ: คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ.สำนักงาน. เอกสารการวิจัยเรื่องค่านิยมเพื่อชีวิตและสังคม. กรุงเทพมหานคร : กองวิจัยและแผนงานสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. ๒๕๒๓. ดวงเดือน พันธุมนาวิน. ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรม การวิจัยและการพัฒนาบุคคล. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพมหานคร : บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สถาบัน. ๒๕๔๔. ทวี บุญเกตุ. พ่อสอนลูก. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์เฟื่องนคร. ๒๕๑๕. ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ๒๕๔๗. ประภาศรี สีหอำไพ. พื้นฐานการศึกษาทางศาสนาและจริยธรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ๒๕๕๐ ป๋วย อึ้งภากรณ์. ทัศนะว่าด้วยการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง. ๒๕๔๕. หน้า ๓-๔.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล. โครงการวิจัยคุณลักษณะและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในประเทศไทย. รายงานวิจัย. ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม : สำนักงานบริหารและ พัฒนาองค์ความรู้. ๒๕๕๒. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช. พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช เกี่ยวกับศาสนาและศีลธรรม. กรมการ ศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. ๒๕๕๒. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). ธรรมนูญชีวิต พุทธจริยธรรมเพื่อชีวิตที่ดีงาม. พิมพ์ครั้งที่ ๕๖. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิบรรจงสนิท และสหปฏิบัติฯ. ๒๕๔๖. . พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ชำระ-เพิ่มเติม ช่วงที่ ๑/ยุติ. พิมพ์ครั้งที่ ๑๗. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์พระพุทธศาสนาของธรรมสภา. ๒๕๕๔. หน้า ๕๑. . พัฒนาการแบบองค์รวมของเด็กไทย. โครงการตำรา สำนัก ที่ปรึกษากรมอนามัย : กระทรวงสาธารณสุข. ๒๕๔๖. หน้า ๑๕. พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ. มงคลชีวิต ฉบับทางก้าวหน้า. คณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปและวัฒนธรรม วุฒิสภา. ๒๕๔๗. พุทธทาสภิกขุ. แนะแนวจริยธรรม. กรุงเทพมหานคร : บริษัทศิริพัธต์. ๒๕๐๕. . พุทธทาส แนะแนวจริยธรรมร่วมสมัย ชุดที่ ๓ จุดหมายปลายทาง และตัวแท้ของ จริยธรรม. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ดวงตะวัน. ๒๕๕๓.


เพ็ญแข ประจนปัจจนึก และคณะ. รายงานการวิจัย การยกระดับคุณธรรม จริยธรรมของสังคมไทย เพื่อการปฏิรูปสังคม : แนวทางและการปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานสภาที่ ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ๒๕๕๑. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒. กรุงเทพมหานคร : นาน มีบุ๊คพับลิเคชั่นส์. ๒๕๔๖. ลิขิต ธีรเวคิน. คนไทยในอุดมคติ. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แม็ค. ๒๕๔๘. วรวรรณินี ราชสงฆ์. การเปรียบเทียบผลของการใช้เทคนิคแม่แบบและการใช้บทบาทสมมุติที่มีต่อ การให้เหตุผลเชิงจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖โรงเรียน ศึกษาสงเคราะห์ จังหวัดพัทลุง. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศรีนค รินทรวิโรฒ ประสานมิตร. ๒๕๔๑. วศิน อินทสระ. พุทธจริยศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์เม็ดทราย. ๒๕๔๙. วัฒนากร เรืองจินดา. “คุณธรรมที่จะช่วยให้สังคมเข้มแข็งและก้าวหน้า : ศึกษากรณีทัศนะของนักคิด ในสังคมไทย”. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต . บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหิดล. ๒๕๔๘. วิชาการ. กรม.กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางพัฒนาจริยธรรมไทย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การ ศาสนา. ๒๕๒๓. วิเชียร ชาบุตรบุณฑริก. จริยธรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต. เลย : สถาบันราชภัฏเลย. ๒๕๔๕. หน้า ๒๕๕. ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม ศูนย์คุณธรรม. สังคมมีคุณค่าจากต้นกล้าคุณธรรม. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์คุณธรรม. ๒๕๕๑. สามัญศึกษา.กรม. กระทรวงศึกษาธิการ. ชุดการสอนปลูกฝังและการสร้างค่านิยมพื้นฐานเรื่อง ความรับผิดชอบ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ศรีเมืองการพิมพ์. ๒๕๓๖. สุชีพ ปุญญานุภาพ. ประวัติศาสตร์ศาสนา. พิมพ์ครั้งที่ ๘. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิมงกุฏราช วิทยาลัย. ๒๕๔๐. สุมณธา แก่นกูล. “ศึกษาพฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรม นักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ ๖สำนักงาน การประถมศึกษา อำเภอพะโต๊ะ สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดชุมพร”. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต. สาขาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยทักษิณ. ๒๕๔๔. ๒ ภาษาอังกฤษ : Jean Piaget. The Moral Judgment of the Child. London :Routledge&Kegan Paul Ltd.. 1997. pp. 133-134. Lawrence Kohlberg. Development of Moral Character and Moral Ideology Review of Child Development Research. New York : Russell Sage Foundation. 2000. Longman.Dictionary of Contemporary English. London : Longman Group 1995. MaslowAbraham. Motivation and Personnality. New York : Harper and Row Publishers. 1987.


แผนบริหารการสอนประจำบทที่ ๔ หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ขอบเขตเนื้อหาการเรียน ๑. แนวคิดเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม ๒. ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรม ๓. กฎหมายและแผนพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและคุณธรรม ๔. หลักธรรมในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อได้ศึกษาเนื้อหาในบทนี้แล้ว ผู้ศึกษาสามารถ ๑. อธิบายแนวคิดเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมได้ ๒. อธิบายทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมได้ ๓. อธิบายกฎหมายและแผนพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและคุณธรรมได้ ๖. วิเคราะห์หลักธรรมในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. การบรรยายและร่วมสนทนาซักถามเกี่ยวกับเนื้อหาในบทเรียน ๒. ดูคลิปเกี่ยวกับหลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ๓. เขียนโครงงานเกี่ยวกับหลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ๔. สรุปประเด็นสำคัญประจำบท สื่อการเรียนการสอน ๑. เอกสารคำสอน เรื่อง “หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา” ๒. หัวข้อของเนื้อหาที่สร้างจากโปรแกรม Power Point ๓. สื่อคอมพิวเตอร์ ภาพประกอบ ๔. งานวิจัย/วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา การวัดผลและการประเมินผล ๑. สังเกตความสนใจ การเข้าชั้นเรียนและความรับผิดชอบของนิสิตต่องานที่มอบหมาย ๒. การให้ความร่วมมือในกิจกรรมการเรียนการสอน ๓. การให้ความสนใจดูกิจกรรมประกอบการเรียนการสอน ๔. การบันทึกสรุปเนื้อหาประจำบท และทำเป็นโครงงานส่ง


บทที่ ๔ หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ๔.๑ แนวคิดเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม ๔.๑.๑ ความหมายของคุณธรรม คุณธรรมเป็นสิ่งที่บุคคลควรประพฤติ เพื่อให้เกิดประโยชน์ หรือหลักธรรมชาติที่ควร ประพฤติ เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น เป็นการประพฤติที่ดีงามของมนุษย์เราเพื่อให้อยู่ ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคม บุญมี แท่นแก้ว134 ได้สรุปความหมายของ คุณธรรม คือสิ่งที่พึงประสงค์สุดท้ายของ บุคคลและสังคม จะเข้าถึงได้ต้องมีความรู้ดี ความรู้ถูกต้อง เพราะความรู้ดี ความรู้ถูกต้องจะสามารถ ปลูกฝังนิสัยที่ดีได้ ไพฑูรย์ สินลารัตน์135 คุณธรรมครู (Teacher’s function) สมบัติหรือความสามารถที่ มีอยู่ภายในตัวครูได้กล่าวถึงความหมายของคุณธรรม ตามพจนานุกรม Collin cobuild อธิบายว่า คุณธรรมมีความหมาย ๒ นัยคือ ๑. โดยนัยที่เป็นภาวะทางจิตนั้น คุณธรรมแปลว่าความคิดที่ว่าบางพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ ถูกต้องที่ควรทำและเป็นที่ยอมรับ และบางพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ผิดหรือเลว ทั้งนี้เป็นไปทั้งโดยความ คิดเห็นของแต่ละบุคคลและแต่ละสังคม นอกจากนี้คุณธรรมยังเป็นคุณภาพหรือสถานะในการดำเนิน ชีวิตอย่างถูกต้อง ควรทำและยอมรับได้ ๒. คุณธรรมเป็นระบบลักษณะการประพฤติและคุณค่าที่เกี่ยวพันกับพฤติกรรม ของคน ส่วนใหญ่ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นที่ยอมรับกันในสังคมหรือเฉพาะกลุ่มคนคุณธรรม ตามรูปศัพท์แปลว่า สภาพของคุณงามความดีซึ่งพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) อธิบายความหมายไว้ว่า คุณธรรมคือ ธรรม ที่เป็นคุณ ความดีงามสภาพที่เกื้อกูล พุทธทาสภิกขุ136 ให้ความหมายของคุณธรรม หมายถึง คุณสมบัติฝ่ายดีโดยส่วนเดียว เป็นที่ตั้งหรือเป็นประโยชน์แก่สันติภาพและสันติสุขจึงเป็นที่ต้องการของมนุษย์ คุณธรรมเป็นสิ่งที่ต้อง อบรมโดยเฉพาะเพื่อให้เกิดขึ้นเหมาะสมกับที่เราต้องการ วิทวัฒน์ ขัตติยะมาน137 ให้ความหมายคุณธรรมไว้ว่า คุณธรรม เป็นสิ่งที่ดีงามที่อยู่ใน จิตใจของมนุษย์ ซึ่งจะแสดงออกมาโดยการกระทำทางกาย และวาจา ที่เป็นหลักในการประพฤติ ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ได้สรุปหลักธรรมทาง 134 บุญมี แท่นแก้ว. จริยศาสตร์, (กรุงเทพมหานคร :สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, ๒๕๓๐), หน้า ๕๐. 135 ไพฑูรย์ สินลารัตน์, ความรู้คู่คุณธรรม, พิมพ์ครั้งที่ ๓ , (กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔), หน้า ๒๗๘. 136 พุทธทาสภิกขุ, คุณธรรมสำหรับครู, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา,๒๕๒๗), หน้า ๙๐. 137 วิทวัฒน์ ขัตติยะมาน, เอกสารประกอบการสอนวิชาคุณลักษณะและจรรยาบรรณครู, (ภาควิชา หลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ, ๒๕๔๙), หน้า ๑๑๑-๑๑๒.


ศาสนาและคุณธรรม ประกอบด้วยคุณสมบัติที่เป็นความดีงาม ความถูกต้อง ซึ่งมีอยู่ภายในจิตใจ บุคคล ทำให้บุคคลนั้นพร้อมที่จะกระทำสิ่งต่าง ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือทำประโยชน์ให้ผู้อื่น โดยไม่เบียดเบียนตนเอง หรือกระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและ ผู้อื่น ดังนั้น ครูที่ประกอบด้วยคุณธรรมย่อมเป็นครูที่มีความเหมาะสมสำหรับความเป็นครู เป็นผู้ที่ สมควรได้รับการยกย่องจากสังคมโดยทั่วไป นิสิตครูจึงควรนำหลักธรรมทางศาสนาและคุณธรรมที่ได้ ศึกษาไปแล้ว ไปปฏิบัติเพื่อส่งเสริม ป้องกัน แก้ไขและพัฒนาบุคลิกภาพและจรรยาบรรณครูของ ตนเองต่อไป ๔.๑.๒ ความหมายของจริยธรรม จริยธรรม (Morality) เป็นคุณธรรมที่แสดงออกทางร่างกายในลักษณะที่ดีงามถูกต้อง อัน เป็นสิ่งที่ประสงค์ของสังคมและจริยธรรมจะมีได้ต้องปลูกฝัง ฝึกหัด โดยเริ่มจากการปลูกฝังคุณธรรม (Virtue) ลงในใจก่อน การปลูกฝังคุณธรรมจำต้องอาศัยหลักคำสอนทางศาสนาอันได้แก่ ศีล (Precept) อันหมายถึง หลักหรือกฎเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติเพื่อดัด หรือฝึกหัดกายวาจาให้ เรียบร้อย ให้เป็นปกติ กล่าวคือ จะพูดหรือทำสิ่งใด ให้เป็นไปตามปกติ อย่าให้ผิดปกติ (ผิดศีล) เช่น พูดไม่ถูกต้อง ให้เป็นธรรม กระทำให้ถูกต้อง ให้เป็นธรรม เมื่อพูดหรือกระทำถูกต้องเป็นธรรม ย่อมมี ความสุข ความสบาย เยือกเย็น ไม่เดือดร้อนอันเป็นผล การมีความสุขความสบาย เยือกเย็นไม่ เดือดร้อน ดังกล่าวจึงเป็นผลของการมีศีลหรือเป็นผลแห่งการมีคุณธรรมในจิตใจ เมื่อมีคุณธรรมใน จิตใจแล้ว ก็เป็นเหตุให้ประพฤติจริยธรรมได้ถูกต้อง ดังนั้น คุณธรรมและศีล จึงเป็นโครงสร้างของ จริยธรรม ไพฑูรย์ สินลารัตน์138 กล่าวคำว่า จริยธรรม แยกออกเป็น จริย+ธรรม คำว่า จริยะ หมายถึงความประพฤติหรือกิริยาที่ควรประพฤติ ส่วนคำว่า ธรรม มีความหมายหลายอย่าง เช่น คุณ ความดี, หลักคำสอนของศาสนา, หลักปฏิบัติ เมื่อนำคำทั้งสองมารวมกันเป็น “จริยธรรม” จึงได้ ความหมายตามตัวอักษรว่า “หลักความประพฤติ” หรือ “แนวทางของการประพฤติ” ตาม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสยถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้คำนิยามว่า จริยธรรม คือ ธรรมที่เป็นข้อประพฤติ ปฏิบัติ, ศีลธรรม, กฎศีลธรรม วิทย์ วิศทเวทย์ และ เสถียรพงษ์ วรรณปก139 ให้คำนิยามว่า จริยธรรม หมายถึง หลัก คำสอนว่าด้วยความประพฤติเป็นหลักสำหรับให้บุคคลยึดถือในการปฏิบัติตน พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)140 ได้ให้ความหมายว่า ความสำคัญในการปลูกฝัง คุณธรรมจริยธรรม ในการจัดการเรียนการสอน คุณธรรมจริยธรรมจึงมีความสำคัญและมีคุณค่าอย่าง ยิ่งในการกระทำต่าง ๆ กล่าวโดยสรุป คุณค่าที่ต้องการในทางจริยธรรมของหลักกรรม มีดังนี้ 138 ไพฑูรย์ สินลารัตน์, ความรู้คู่คุณธรรม, พิมพ์ครั้งที่ ๓, (กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ,๒๕๔๔), หน้า ๘๘. 139 วิทย์ วิศทเวทย์ และ เสถียรพงษ์ วรรณปก, หนังสือเรียนสังคมศึกษารายวิชา ส.๔๐๒, (กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์อักษรเจริญทัศน์, ๒๕๓๐), หน้า ๒. 140 พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) , พุทธธรรม ฉบับเดิม, พิมพ์ครั้ง ๑๙, ( กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ธรรมสภา, ๒๕๔๕), หน้า ๑๖๙.


๑. ให้เป็นผู้หนักแน่นในเหตุผล และมองเห็นการกระทำและผลการกระทำตามแนวทาง ของเหตุปัจจัย ไม่เชื่อสิ่งงมงาย ตื่นข่าว เช่น เรื่องแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น ๒. ให้เห็นว่า ผลสำเร็จที่ตนต้องการ จุดหมายที่ปรารถนา จะเข้าถึง หรือสำเร็จได้ด้วย การลงมือทำ คือ จึงต้องพึ่งตนเอง และทำความเพียรพยายาม และไม่มัวคอยโชคซะตา ไม่หวังผลดล บันดาลหรือรอผลการเซ่นสรวงอ้อนวอน ๓. ให้มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ที่จะงดเว้นจากกรรมชั่ว และรับผิดชอบต่อผู้อื่น ด้วย การช่วยเหลือเกื้อกูลทำความดีต่อเขา ๔. ให้ถือว่าบุคคลมีสิทธิและหน้าที่โดยธรรมชาติ ที่จะทำการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปรับปรุง สร้างเสริมตนเองให้ดีขึ้นไป โดยเท่าเทียมกันสามารถทำตนให้เลวลงหรือให้ดีขึ้นไป ให้ประเสริฐจนถึง ยิ่งกว่าเทวดา และพรหม ได้ทุก ๆ คน ๕. ให้ถือว่าคุณธรรม ความสามารถ ความดีความชั่วที่ทำ ความประพฤติปฏิบัติ เป็น เครื่องวัดความทราม หรือประเสริฐของมนุษย์ไม่ให้มีการแบ่งแยกโดยชาติชั้นวรรณะ ๖. ในแง่กรรมเก่า ให้ถือเป็นบทเรียน และให้รู้จักพิจารณาเข้าใจตนเองตามเหตุผล ไม่ ควรเพ่งโทษแต่ผู้อื่น มองเห็นพื้นฐานทุนเดิมของตนที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อรู้จักที่จะแก้ไขปรับปรุง และ วางแผนสร้างเสริมความเจริญก้าวหน้าต่อไปถูกต้อง ๗. ให้ความหวังในอนาคตสำหรับสามัญชนทั่วไป ไพฑูรย์ สินลารัตน์141 ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนจริยธรรมก็คือ การที่ผู้เรียนนำเอาความรู้ เรื่องจริยธรรมและวัฒนธรรมไปประพฤติปฏิบัติ จริยศึกษาที่สอนให้แค่ทฤษฎีแต่ไร้ผลทางปฏิบัติ จัดเป็นครึ่งทางจริยศึกษาเท่านั้น จริยศึกษาต้องมุ่งให้ผู้เรียนเกิดความงอกงามดังนี้ ๑. เกิดความรู้ (Knowledge) คือรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด อันเป็นความรู้ ความเข้าใจหลักจริยธรรมตามทฤษฎี แต่ความรู้เรื่องจริยธรรมเช่นนี้ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าผู้เรียนจะ มีจริยธรรมคนบางคนทำผิดทั้ง ๆที่รู้ว่าผิด ทั้งนี้เพราะว่าเขาขาดน้ำใจที่จะปฏิบัติตามหลักจริยธรรมนั้น ๒. เกิดเจตคติ (Attitude) หรือ “น้ำใจที่จะปฏิบัติ” คือมีศรัทธาในความดีนิยมยกย่อง คนดี มีอุดมคติ ต้องการปฏิบัติตนเป็นคนดีตามแบบอย่างของกัลยาณชน มีค่านิยมสอดคล้องกับหลัก จริยธรรมไม่เห็นว่าการเป็นคนดีมีจริยธรรมเป็นเรื่องครึหรือล้าสมัย กล่าวโดยสรุป ก็คือ มีคุณธรรม ประจำใจนั้นเอง ๓. เกิดทักษะ (Skill) คือ คล่องแคล่วชำนาญในการปฏิบัติ โดยการนำหลักจริยธรรมมา ปฏิบัติในชีวิตจริงจนเป็นนิสัย ข้อนี้เป็นผลจากสองข้อข้างต้น นั้นคือรู้ว่าอะไรเป็นความดี และมี คุณธรรมประจำใจ เมื่อสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่งจะเลือกแต่สิ่งที่ดีงามเท่านั้น และได้กล่าวถึงการปลูกฝังจริยธรรมด้วยเหตุผล โดยได้อ้างถึงทฤษฎีของ โคลเบิร์ก ได้ ศึกษาการใช้เหตุผลทางจริยธรรม ทฤษฎีของเขาได้ครอบงำ ความคิดของนักจิตวิทยาและนักการ ศึกษาของประเทศตะวันตกเป็นจำนวนมากตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา และได้มามีอิทธิพลต่อการคิด ของนักจิตวิทยาและนักการศึกษาไทย ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาด้วย การวิจัยเกี่ยวกับจริยธรรมที่ 141 ไพฑูรย์ สินลารัตน์, ความรู้คู่คุณธรรม, พิมพ์ครั้งที่ ๓, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔), หน้า ๙๘, ๑๒๕.


Click to View FlipBook Version