The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอนคุณธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by padet.dou, 2024-06-10 03:56:25

เอกสารประกอบการสอนคุณธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพ

เอกสารประกอบการสอนคุณธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพ

Keywords: คุณธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณวิชาชีพ

“พรหม” คือเป็นผู้มีศักยภาพในการที่จะสร้างสรรค์และธำรงรักษาสังคมไว้ โดยเฉพาะสำหรับผู้บริหาร นั้น แน่นอนว่าจะต้องเป็นแบบอย่างที่จะต้องมีพรหมวิหาร ๔ ประการ เพราะพรหมวิหารนั้นเป็นธรรม ประจำใจของคนที่มีจิตใจยิ่งใหญ่ เป็นผู้ประเสริฐ อันแสดงถึงความเป็นบุคคลที่มีการศึกษา ได้พัฒนา ตนแล้ว พรหมวิหาร ๔ ประการเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่จะต้องให้มีอยู่ประจำในจิตใจและเป็น ท่าที ของจิตใจที่จะทำให้แสดงออกหรือปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างถูกต้อง ลักษณะสําคัญของผู้บริหารในฐานะเทวราชา คือ การยกอำนาจสิทธิ์ขาดให้เป็น ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ดูแลรักษาความสงบ ปราบปรามเหตุการณ์ให้อยู่ในความสงบ ดำเนินการบริหารกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือสมาชิกภายใต้การดูแลบนพื้นฐานของหลักพุทธธรรม พระองค์ผู้เป็น เทวราชา มีคุณธรรมที่เป็นเอกลักษณ์สําคัญ คือมีความกล้าหาญเฉพาะในสิ่งที่เป็นธรรมตาม ทศพิธราชธรรม สิ่งที่เหมือนกันในเทวราชา และธรรมราชา มิใช่เพียงสถานสูงสุดในสังคม แต่ขึ้นกับ เงื่อนไขที่เท่าเทียมกันกับทุกๆ คนในฐานะสมาชิกอยู่รวมในสังคม คือ การประพฤติธรรม ในฐานะ ผู้บริหาร คือ พันธกรณีในการดูแลทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎรดังนั้นกล่าวโดยสรุปประชาชนคน ธรรมดา ถ้ากระทำความดีก็อาจได้รับการยกย่องยอมรับนับถือสมมติเป็นเทพ ได้แก่กษัตริย์ในยุคนั้น เป็นการ ปฏิรูปความคิดของลัทธิพราหมณ์ที่ว่าคนธรรมดาก็อาจเป็นเทพเจ้าได้ ถ้าเขาปฏิบัติตนเป็น คนดี จนเป็นที่ยอมรับนับถือของคนโดยทั่วไปในกระบวนการบริหาร เป็นที่ยอมรับกันว่าผู้บริหารหรือ ผู้บริหารมี บทบาทอันสําคัญยิ่งในการที่จะทำให้งานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ผู้บริหารมีความสำคัญอย่างมากทั้งในแง่การบริหารงานคือ มีการวางแผนการทำงานการนำ แผนไปปฏิบัติ และการประเมินผล ขั้นตอน หรือวิธีการดังกล่าวนี้ มีความแตกต่างกันไปตามภาวะ ผู้บริหารแต่ละบุคคล แต่สิ่งที่จะแสดงถึงภาวะผู้บริหารที่พึงประสงค์ตาม หลักธรรมอันนำไปประยุกต์ ให้เกิดผล มิใช่เพียงสร้างความมั่นคงกับฐานอำนาจหรือตำแหน่ง สถานะ ของผู้บริหารในกลุ่มเท่านั้น แก่นแท้ของหลักธรรมได้แสดงให้เห็นภาวะของผู้บริหาร ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่ฉลาด รอบรู้ มีความมุ่ง หมายในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมและมวลสมาชิก คำถามท้ายบทที่ ๕ ๑. จงวิเคราะห์แนวคิดทฤษฎีการพัฒนาคุณธรรมจะมีวิธีและแนวทางในการพัฒนา อย่างไร อธิบายเป็นขั้นตอนให้เห็นภาพชัดเจน ๒. คุณสมบัติของผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักพุทธศาสนามีคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างไร อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ ๓. จงวิเคราะห์แนวคิดผู้บริหารในพระพุทธศาสนามีลักษณะอย่างไร อธิบายพร้อม ยกตัวอย่างประกอบ ๔. หากท่านเป็นผู้บริหารสถานศึกษาจะมีวิธีการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมสำหรับ บุคลากรในสถานศึกษาอย่างไร อธิบายเป็นขั้นตอน ๕. การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมสำหรับผู้บริหารมีหลักการพัฒนาอย่างไร อธิบายเป็น ขั้นตอน


เอกสารอ้างอิง ๑. ภาษาไทย ก. ข้อมูลปฐมภูมิ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.พระไตรปิฏกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ๒๕๓๙. ข. ข้อมูลทุติยภูมิ (๑) หนังสือ : นันทวรรณ อิสรานุวัฒน์ชัย. “ภาวะผู้นำที่พึงประสงค์ในยุคโลกาภิวัฒน์: ศึกษาจากหลักพุทธธรรม”. อ้างแล้ว . ประภาศรี สีหอำไพ, พื้นฐานการศึกษาทางศาสนาและจริยธรรม. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์. ผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อม. กรุงเทพมหานคร : อนิเมทกรุ๊ป, ๒๕๕๐. พระครูสิริจันทนิวิฐ. (บุญจันทร์เขมกาโม). ภาวะผู้นำเชิงพุทธ. กรุงเทพมหานคร : นิติธรรมการพิมพ์, ๒๕๔๙. พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). ผู้นำ. พิมพ์ครั้งที่ ๖. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มติชน, ๒๕๔๔. . พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๑๒. กรุงเทพมหานคร : มหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๖. พระราชวรมุนี (ประยุทธปยุตฺโต). เทคนิคการสอนของพระพุทธเจ้า. กรุงเทพมหานคร : อมรินทรพริ้น ติ้ง กรุ๊พ, ๒๕๓๐. พระศรีปริยัติโมลี (สมชัย กุสลจิตฺโต). สงฆ์ผู้นำสังคม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย, ๒๕๔๗. สุรศักดิ์ ม่วงทอง. “พุทธธรรมกับภาวะผู้นำที่พึงประสงค์ศึกษากรณีกำนันและผู้ใหญ่บ้าน จังหวัด นครศรีธรรมราช”. วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, ๒๕๔๓. สุรศักดิ์ ม่วงทอง. “พุทธธรรมกับภาวะผู้นำที่พึ่งประสงค์ศึกษาเฉพาะกรณีกำนันและผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครศรีธรรมราช”. วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, ๒๕๔๓.


แผนบริหารการสอนประจำบทที่ ๖ กฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ขอบเขตเนื้อหาการเรียน ๑. พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ๒. สรุปสาระสำคัญ:พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อได้ศึกษาเนื้อหาในบทนี้แล้ว ผู้ศึกษาสามารถ ๑. อธิบายพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ได้ ๒. อธิบายสาระสำคัญ:พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ ได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. การบรรยายและร่วมสนทนาซักถามเกี่ยวกับเนื้อหาในบทเรียน ๒. นำเสนอวิจัย/วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับกฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพสำหรับ ผู้บริหารสถานศึกษา ๓. วิเคราะห์ผลการวิจัยเกี่ยวกับกฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพสำหรับผู้บริหาร สถานศึกษา ๔. สรุปประเด็นสำคัญประจำบท สื่อการเรียนการสอน ๑. เอกสารคำสอน เรื่อง “กฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพสำหรับผู้บริหาร สถานศึกษา” ๒. หัวข้อของเนื้อหาที่สร้างจากโปรแกรม Power Point ๓. สื่อคอมพิวเตอร์ ภาพประกอบ การวัดผลและการประเมินผล ๑. สังเกตความสนใจ การเข้าชั้นเรียนและความรับผิดชอบของนิสิตต่องานที่มอบหมาย ๒. การให้ความร่วมมือในกิจกรรมการเรียนการสอน ๓. การให้ความสนใจดูกิจกรรมประกอบการเรียนการสอน ๔. การบันทึกสรุปเนื้อหาประจำบท และนำเสนองานที่มอบหมาย


บทที่ ๖ กฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ๖.๑ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๒ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๒ • มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๒ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการ • เกิดจากหมวด ๕ มาตรา ๘๑ ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ (จัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับ การศึกษาแห่งชาติ) มาตรา ๔ การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้ เพื่อความเจริญงอกงามของ บุคคล และสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสรรค์ สร้าง จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้ และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต • การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา • การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาอันเกิดจากการผสมผสานระหว่าง การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต • การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผล และการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรในสถานศึกษา / หน่วยงานต้นสังกัด • การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า การประเมินผลและการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรอง มาตรฐาน และประเมินคุณภาพทางการศึกษา (สมศ) • ผู้สอน หมายความว่า ครู และคณาจารย์ในสถานศึกษาต่าง ๆ • ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ซึ่งที่มีหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และ การส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ในสถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน • คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากร ซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอน และการวิจัย ในสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ/เอกชน (ข้อสังเกต ไม่มีคำว่า วิชาชีพ/การเรียน/ การส่งเสริม) • ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหาร สถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน • ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหาร การศึกษา นอกสถานศึกษา ตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป


• บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และ ผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งทำหน้าที่ในการให้บริการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มี ๙ หมวด ๗๘ มาตรา ๑ บท เฉพาะกาล หมวดที่ ๑ บททั่วไป ความมุ่งหมาย และหลักการ ( มาตรา ๑ – ๙ ) มาตรา ๖ การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้ง ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มาตรา ๘ หลักการจัดการศึกษา มีองค์ประกอบ ดังนี้ ๑) เป็นการศึกษาตลอดชีวิต สำหรับประชาชน ๑) ให้สังคมมีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษา ๓) การพัฒนาสาระ และกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง หมวดที่ ๒ สิทธิ และหน้าที่ทางการศึกษา ( มาตรา ๑๐ – ๑๔ ) มาตรา ๑๐ การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ และโอกาสเสมอกัน ในการรับ การศึกษา ขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี ที่รัฐต้องจัดให้ อย่างทั่วถึง มีคุณภาพ และไม่เก็บ ค่าใช้จ่าย การศึกษาสำหรับคนพิการ รัฐต้องจัดให้ตั้งแต่แรกเกิด หรือพบความพิการ โดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลือ บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ รัฐต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคล ( ความแตกต่างระหว่างบุคคล ) มาตรา ๑๓ บิดามารดา หรือผู้ปกครอง มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ (การศึกษาตามอัธยาศัย) ๑) การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร ๒) เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๓) การลดหย่อน หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา มาตรา ๑๔ บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน ศาสนา สถานประกอบการ และอื่น ๆ มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ( การศึกษาตามอัธยาศัย ) ๑) การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร ๒) เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๓) การลดหย่อน หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา หมวดที่ ๓ ระบบการศึกษา ( มาตรา ๑๕ – ๒๑ ) มาตรา ๑๕ ระบบการศึกษา มี ๓ ระบบ ๑) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา ของการศึกษา การวัดผล และประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่ แน่นอน ๒) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการ ศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา ๓) การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ


มาตราที่ ๑๖ การศึกษาในระบบ มี ๒ ระดับ คือ ๑) การศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดให้ไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี ก่อนอุดมศึกษา ๒) การศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา มาตรา ๑๗ การศึกษาขั้นบังคับ จำนวน ๙ ปี โดยเด็กอายุย่างเข้าปีที่ ๗ เข้าเรียนในสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน จนอายุย่างเข้าปีที่ ๑๖ เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ ๙ ของการศึกษาภาคบังคับ มาตรา ๑๘ การจัดการศึกษาปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้ ๑) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เช่น ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๒) โรงเรียน เช่น โรงเรียนรัฐ / เอกชน ๓) ศูนย์การเรียน หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษา (มาตรา ๒๒ – ๓๐) เป็นหัวใจของ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษายึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนา ตนเองได้ และถือว่า ผู้เรียนสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถ พัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ มาตราที่ ๒๓ จุดเน้นในการจัดการศึกษา ( ทั้ง ๓ ระบบ ) ๑) ความรู้ ๒) คุณธรรม ๓) กระบวนการเรียนรู้ ๔) บูรณาการ ตามความเหมาะสม ดังนี้ ความรู้เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม รวมถึงประวัติความเป็นมาของ ๑. สังคมไทย และระบอบการปกครอง ๒. ความรู้ และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ๓. ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ ภูมิปัญญา ๔. ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง ๕. ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข มาตรา ๒๕ รัฐส่งเสริมการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต มาตรา ๒๖ ให้สถานศึกษาจัดประเมินผู้เรียน ควบคู่กับกระบวนการเรียนการสอน ( โดยถือ ว่า การประเมินผล เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษา และเป็นหน้าที่ของสถานศึกษา ) มาตรา ๒๗ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน มาตรา ๓๐ สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมผู้สอนให้ สามารถวิจัย เพื่อพัฒนาผู้เรียน หมวด ๕ การบริหาร และการจัดการศึกษา ( มาตรา ๓๑ – ๔๖ ) ส่วนที่ ๑ การบริหาร และการจัดการศึกษาของรัฐ


มาตรา ๓๒ การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวง ที่เป็นองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา จำนวน ๔ องค์กร คือ ๑) สภาการศึกษา มีหน้าที่ - พิจารณา เสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ กับการศึกษาทุกระดับ - พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา - พิจารณาเสนอนโยบาย และแผน ในการสนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษา - ดำเนินการประเมินผลการจัดการศึกษา - ให้ความเห็น และคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และกฎกระทรวง - คณะกรรมการสภาการศึกษา ( จำนวน ๕๙ คน ) ประกอบด้วย ๑.ประธานกรรมการ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ๒. กรรมการโดยตำแหน่ง ๓. ผู้แทนองค์กรเอกชน ๔. ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๕. ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ๖. ผู้แทนคณะสงฆ์ ๗. ผู้แทนศาสนาอิสลาม ๘. ผู้แทนศาสนาอื่น ๙. ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( ๓๐ คน ) ๑๐. เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล ) ๒) คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่ พิจารณา เสนอแผนพัฒนามาตรฐาน และ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และ แผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัด การศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย ๑. กรรมการโดยตำแหน่ง ( ปลัดกระทรวง / เลขาฯ สภา / เลขาฯ อุดมศึกษา / เลขาฯ อาชีวศึกษา / เลขาฯ คุรุสภา / ผอ.สำนักงบประมาณ / ผอ.สำนักสอนวิทย์ และเทคโนฯ / ผอ. สำนักรับรองมาตรฐาน และประกันคุณภาพ) ๒. ผู้แทนองค์กรเอกชน ๓. ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๔. ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ( ไม่มีผู้แทนศาสนา ) ๕. ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( ๑๒ คน และผู้แทนพระ ๑ รูป ) ๖. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล ) ๗. คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน )


๘. คณะกรรมการการอุดมศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน ) มาตรา ๓๗ การบริหาร และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดย คำนึงถึง ๑) ปริมาณสถานศึกษา ๒) จำนวนประชากร ๓) วัฒนธรรม ๔) ความเหมาะสมด้านอื่น ๆ ๕) รัฐมนตรีกระทรวง โดยคำแนะนะของ สภาการศึกษา มีอำนาจประกาศในราชกิจจา นุเบกษา กำหนดเขตพื้นที่การศึกษา มาตรา ๓๘ คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจในการ กำกับ ดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษา คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ( จำนวน ๑๕ คน ) ประกอบด้วย ๑. ผู้แทนองค์กรชุมชน ๒. ผู้แทนองค์กรเอกชน ๓. ผู้แทนองค์กรส่วนท้องถิ่น ๔. ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู ๕. ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหารการศึกษา ๖. ผู้แทนสมาคมผู้ปกครอง และครู ๗. ผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ ๙. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย ๑๐. ผู้แทนผู้ปกครอง ๑๑. ผู้แทนครู ๑๒. ผู้แทนองค์กรชุมชน ๑๓. ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑๔. ผู้แทนศิษย์เก่า ๑๕. ผู้แทนพระภิกษุ/องค์กรศาสนาอื่น ๑๖. ผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๗. ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ ส่วนที่ ๒ การบริหาร และการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาตรา ๔๑ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ ส่วนที่ ๓ การบริหาร และการจัดการศึกษาของเอกชน มาตรา ๔๔ สถานศึกษาเอกชน เป็น นิติบุคคล ๑. คณะกรรมการสถานศึกษาเอกชน ประกอบด้วย ๒. ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน


๓. ผู้รับใบอนุญาต ๔. ผู้แทนผู้ปกครอง ๕. ผู้แทนองค์กรชุมชน ๖. ผู้แทนครู ๗. ผู้แทนศิษย์เก่า ( ไม่มีผู้แทน องค์กรส่วนท้องถิ่น และ ศาสนา ) ๘. ผู้ทรงคุณวุฒิ มาตรา ๔๕ สถานศึกษาเอกชน มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ หมวดที่ ๖ มาตรฐาน และการประกันคุณภาพทางการศึกษา ( มาตรา ๔๗ – ๕๑ ) มาตรา ๔๗ ให้มีระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษา ทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก มาตรา ๔๘ ให้หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพ ภายใน โดยให้ถือว่า การประกันคุณภาพภายใน ๑) เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา ๒) ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ๓) จัดทำรายงานประจำปีเสนอหน่วยงานต้นสังกัด / หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๔) เปิดเผยต่อสาธารณชน มาตรา ๔๙ ให้มี สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพทางการศึกษา มีฐานะ เป็น องค์กรมหาชน มีหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการ และทำการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อ ตรวจสอบ คุณภาพ ของสถานศึกษา อย่างน้อย ๑ ครั้ง ในทุก ๕ ปี นับแต่ประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชน มาตรา ๕๑ กรณีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา ไม่ได้มาตรฐานให้ สมศ. จัดทำ ข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่ กำหนด หากไม่ดำเนินการให้รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หมวดที่ ๗ ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ( มาตรา ๕๒ – ๕๗ ) มาตรา ๕๓ ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็น องค์กรอิสระ ภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ มีอำนาจ ( ทำให้เกิด พ.ร.บ.สภาครู ฯ ) กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ / ออก และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการ ปฏิบัติตามมาตรฐาน และจรรยาบรรณของวิชาชีพ / พัฒนาวิชาชีพ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐ และ เอกชนต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ยกเว้น ๑. บุคลากรที่จัดการศึกษา ตามอัธยาศัย ๒. ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตการศึกษา ๓. วิทยากรพิเศษทางการศึกษา ๔. คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ในระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา หมวดที่ ๘ ทรัพยากร และการลงทุน เพื่อการศึกษา ( มาตรา ๕๘ – ๖๒ )


มาตรา ๕๙ บรรดาอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาของรัฐ ที่เป็นนิติบุคคลได้มา โดยมีผู้อุทิศให้หรือ ซื้อ แลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษาไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสถานศึกษา ๑) บรรดารายได้ และผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง ให้ จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาได้ หมวดที่ ๙ เทคโนโลยี เพื่อการศึกษา ( มาตรา ๖๓ – ๖๙ ) มาตรา ๖๓ รัฐต้องจัดคลื่นความถี่ สื่อตัวนำ โครงสร้างพื้นฐานอื่น ที่จำเป็นต่อการส่ง วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษา มาตรา ๖๔ รัฐส่งเสริม และสนับสนุนการผลิต และพัฒนาแบบเรียน โดนเปิดให้มีการแข่งขัน โดยเสรีอย่างเป็นธรรม บทเฉพาะกาล ( มาตรา ๗๐ – ๗๘ ) มาตรา ๗๐ บรรดา กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่ใช้บังคับอยู่ ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน ๕ ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้ ( ข้อสอบ ) มาตรา ๗๑ กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานทางการศึกษา และสถานศึกษา ที่มีอยู่ใน วันที่ พ.ร.บ.บังคับใช้ ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน ๓ ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้ มาตรา ๗๒ ห้ามมิให้ใช้ มาตรา ๑๐ ( การศึกษาพื้นฐานไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี ) มาบังคับใช้ จนกว่าจะมีการดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. แต่ต้องไม่เกิน ๕ ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้ ภายใน ๖ ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ ให้มีการประเมินภายนอกทุกแห่ง ( ๒๕๔๘ ) มาตรา ๗๕ ให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปทางการศึกษา เป็น องค์กรมหาชนเฉพาะกิจ มาตรา ๗๖ คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา จำนวน ๙ คน มีวาระดำรงตำแหน่งวาระเดียว ๓ ปี เมื่อครบแล้วยุบตำแหน่ง และสำนักงาน221 ๖.๒ สรุปสาระสำคัญ:พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับกฤษฎีกาเล่ม ๑๒๑ ตอนพิเศษ ๗๙ ก วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๗โดยมีผลบังคับใช้วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗222 มาตรา ๑ การเรียกชื่อ พรบ.นี้ มาตรา ๒ ให้ใช้บังคับวันถัดจากประกาศ มาตรา ๓ การ ยกเลิก พรบ. ๒๕๒๓ พ.ศ . ๒๕๔๗ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ 221 สรุปย่อ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒, http://www.kruchiangrai.net [ออนไลน์ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗] 222 ชาญชัย แสวงศักดิ์, กฎหมายการปกครองเกี่ยวกับการศึกษา, (สำนักพิมพ์วิญญูชน : กรุงเทพมหานคร, ๒๕๖๐), หน้า ๓๐๘-๓๕๐.


ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา" หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการบรรจุและ แต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ให้รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณหมวดเงินเดือนใน กระทรวงศึกษาธิการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม หรือกระทรวงอื่น "ข้าราชการครู" หมายความว่า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียน การสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาของรัฐ "คณาจารย์" หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยใน สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ "บุคลากรทางการศึกษา" หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดระบวน การเรียนการสอน การนิเทศการบริหารการศึกษา และปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงานการศึกษา "วิชาชีพ" หมายความว่า วิชาชีพครู วิชาชีพบริหารการศึกษา และวิชาชีพบุคลากรทาง การศึกษาอื่น "เขตพื้นที่การศึกษา" หมายความว่า เขตพื้นที่การศึกษาตามประกาศกระทรวง "หน่วยงานการศึกษา" หมายความว่า (๑) สถานศึกษา (๒) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (๓) สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน (๔) สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน (๕) แหล่งการเรียนรู้ตามประกาศของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (๖) หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ หรือตาม ประกาศกระทรวง หรือหน่วยงานที่ ก.ค.ศ. กำหนด "สถานศึกษา" หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การศึกษาพิเศษ ศูนย์การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ศูนย์การเรียน วิทยาลัย วิทยาลัยชุมชน สถาบันหรือ สถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษาตาม กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและตามประกาศกระทรวง "หัวหน้าส่วนราชการ" หมายความว่า ปลัดกระทรวง เลขาธิการ อธิบดี หรือตำแหน่งที่ เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า มาตรา ๕ บรรดาคำว่า "ข้าราชการพลเรือน" ที่มีอยู่ในกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ และ ข้อบังคับอื่นใดให้หมายความรวมถึงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย เว้นแต่จะได้มี กฎหมาย ประกาศ ระเบียบหรือข้อบังคับอื่นใดที่บัญญัติไว้สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษาโดยเฉพาะ หมวด ๑ คณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตรา ๗ "คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา" เรียกโดยย่อว่า "ก.ค.ศ." มีจำนวน ๒๑ คน เป็นคณะกรรมการระดับนโยบาย ประกอบด้วย


(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ (๒) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธานกรรมการ (๓) กรรมการโดยตำแหน่งจำนวนห้าคน ได้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการ คุรุสภา และเลขาธิการ ก.พ. (หมายเหตุ................ไม่มีเลขาธิการสภาการศึกษา) (๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนเจ็ดคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงทางด้านการศึกษา ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านกฎหมาย ด้าน การบริหารการจัดการภาครัฐด้านการบริหารองค์กร ด้านการศึกษาพิเศษ และด้านการบริหารธุรกิจ หรือด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านละหนึ่งคน (๕) กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมาจากการเลือกตั้ง จำนวนเจ็ดคน ประกอบด้วย ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวนหนึ่งคน ผู้แทน ผู้บริหารสถานศึกษา หรือผู้บริหารสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นในหน่วยงานการศึกษา ตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด จำนวนหนึ่งคน ผู้แทนข้าราชการครู จำนวนสี่คน และผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น จำนวนหนึ่งคน เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการ และให้เลขาธิการ ก.ค.ศ. แต่งตั้งข้าราชการใน สำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นผู้ช่วยเลขานุการไม่เกินสองคน (เลขา ก.ค.ศ. เป็นเพียงเลขานุการที่ประชุมเท่านั้น ไม่ มีสิทธิออกเสียง มาตรา ๘ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์ และไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ (๓) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (๔) ไม่เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (๕) ไม่เป็นเจ้าหน้าที่ ที่ปรึกษา หรือผู้มีตำแหน่งบริหารในพรรคการเมือง (๖) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติ เสื่อมเสีย มาตรา ๙ กรรมการผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและไม่เคยถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพมาก่อน (๒) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติ เสื่อมเสีย มาตรา ๑๐ กรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้บริหารสถานศึกษาที่เรียกชื่อ อย่างอื่นในหน่วยงานทางการศึกษา ตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้


(๑) มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและไม่เคยถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพมาก่อน (๒) มีประสบการณ์ด้านการบริหารในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้บริหาร สถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นในหน่วยงานการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี (๓) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติ เสื่อมเสีย มาตรา ๑๑ กรรมการผู้แทนข้าราชการครูต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และไม่เคยถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพมาก่อน (๒) มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนในวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการหรือ เทียบเท่า หรือมีประสบการณ์การสอนเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าปี (๓) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติ เสื่อมเสีย มาตรา ๑๒ กรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่นต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี (๒) มีประสบการณ์ด้านสนับสนุนการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงาน เกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ การบริหารการศึกษา และปฏิบัติงานอื่นใน หน่วยงานการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าปี (๓) เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติ เสื่อมเสีย มาตรา ๑๓ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี และเลือกใหม่ได้อีก แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน กว่าสองวาระมิได้ ถ้ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหรือกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่างลงให้ดำเนินการแต่งตั้งหรือสรรหากรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างภายในหกสิบวัน เว้นแต่วาระการ ดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้นั้นเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน จะไม่ดำเนินการแต่งตั้งหรือสรรหากรรมการ แทนก็ได้และให้กรรมการซึ่งแทนกรรมการในตำแหน่งที่ว่างลง มีวาระอยู่ในตำแหน่งเท่ากับ ระยะเวลาที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน เมื่อครบกำหนดตามวาระ หากยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และเลือก กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาขึ้นใหม่ ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตาม วาระนั้น อยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการผู้แทน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ มาตรา ๑๔ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจาก ตำแหน่งเมื่อ (๑) ตาย


(๒) ลาออกโดยยื่นหนังสือลาออกต่อประธานกรรมการ (๓) เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๕) ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๘ (๖) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้ กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๗) คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออก มาตรา ๑๕ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษาพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออกโดยยื่นหนังสือลาออกต่อประธานกรรมการ (๓) พ้นจากการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (๔) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๒ (๕) ถูกถอดถอนโดยรัฐมนตรีตามมติของ ก.ค.ศ. ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม ของจำนวนกรรมการทั้งหมด223 สรุปท้ายบทที่ ๖ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๔๒ มีมาตราที่มีความน่าสนใจ หลากหลายมาตรา เช่น มาตรา ๔ การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญ งอกงามของบุคคล และสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสรรค์สร้าง จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัด สภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต และ ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา ทั้งรัฐ และ เอกชน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มี ๙ หมวด ๗๘ มาตรา ๑ บท เฉพาะกาล หมวดที่ ๑ บททั่วไป ความมุ่งหมาย และหลักการ ( มาตรา ๑ – ๙ ) มาตรา ๖ การ จัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข สรุปสาระสำคัญ:พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้ให้ควาหมายของ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา" หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับ การบรรจุและแต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ให้รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณหมวด เงินเดือนในกระทรวงศึกษาธิการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม หรือกระทรวง 223 สรุปสาระสำคัญ:พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗, https://www.gotoknow.org [ออนไลน์วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗]


อื่น กฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารสถานศึกษามีอยู่มากมาย ผู้บริหารที่ดีควรศึกษากฎหมาย ทางการศึกษาไว้เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพต่อไป คำถามท้ายบทที่ ๖ ๑. จงอธิบายพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาโดยสรุปให้เข้าใจ ๒. จงสรุปสาระสำคัญ:พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ มาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารสถานศึกษาโดยตรง ๓. จงค้นคว้ากฎหมายการศึกษาเพิ่มเติมที่ความเกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษามา อย่างน้อย ๑ ฉบับ ๔. จงวิเคราะห์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติแต่ละฉบับมีความสำคัญต่อการบริหาร สถานศึกษาอย่างไร จงอธิบายให้เห็นภาพชัดเจน ๕. หากท่านเป็นผู้บริหารสถานศึกษาจะมีวิธีบูรณาการกฎหมายทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง กับการบริหารสถานศึกษาอย่างไรในการบริหารสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเจริญก้าวหน้า เอกสารอ้างอิง ๑. ภาษาไทย ข้อมูลทุติยภูมิ (๑) หนังสือ: ชาญชัย แสวงศักดิ์, กฎหมายการปกครองเกี่ยวกับการศึกษา, สำนักพิมพ์วิญญูชน : กรุงเทพมหานคร, ๒๕๖๐. สรุปสาระสำคัญ:พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗, https://www.gotoknow.org [ออนไลน์วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗] สรุปย่อ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒, http://www.kruchiangrai.net [ออนไลน์วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗]


แผนบริหารการสอนประจำบทที่ ๗ เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ขอบเขตเนื้อหาการเรียน ๑. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ๒. มาตรฐานการปฏิบัติงาน ๓. มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณวิชาชีพ) วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อได้ศึกษาเนื้อหาในบทนี้แล้ว ผู้ศึกษาสามารถ ๑. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพได้ ๒. อธิบายมาตรฐานการปฏิบัติงานได้ ๓. วิเคราะห์มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณวิชาชีพ)ได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. การบรรยายและร่วมสนทนาซักถามเกี่ยวกับเนื้อหาในบทเรียน ๒. ดูคลิปเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ๓. การวิเคราะห์องค์ความรู้จากผลการวิจัยเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหาร สถานศึกษา ๔. สรุปประเด็นสำคัญประจำบท สื่อการเรียนการสอน ๑. เอกสารคำสอน เรื่อง “เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา” ๒. หัวข้อของเนื้อหาที่สร้างจากโปรแกรม Power Point ๓. สื่อคอมพิวเตอร์ ภาพประกอบ การวัดผลและการประเมินผล ๑. สังเกตความสนใจ การเข้าชั้นเรียนและความรับผิดชอบของนิสิตต่องานที่มอบหมาย ๒. การให้ความร่วมมือในกิจกรรมการเรียนการสอน ๓. การให้ความสนใจดูกิจกรรมประกอบการเรียนการสอน ๔. การบันทึกสรุปเนื้อหาประจำบท และนำเสนองานที่มอบหมาย


บทที่ ๗ เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาประกอบด้วยมาตรฐาน ๓ ด้าน คือ มาตรฐาน ความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ มาตรฐานการปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณ ของวิชาชีพ) โดยจรรยาบรรณของวิชาชีพได้มีการกำหนดแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของ วิชาชีพ เพื่อประมวลพฤติกรรมที่เป็นตัวอย่างของการประพฤติปฏิบัติ ประกอบด้วย พฤติกรรมที่พึง ประสงค์ และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์224 ภาพที่ ๗.๑ มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา 224 มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา, คุรุสภา สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา, http://www.ksp.or.th [ออนไลน์วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗]


๗.๑ มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ มาตรฐานความรู้ มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ ๑. มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบริหาร การศึกษา หรือเทียบเท่าหรือคุณวุฒิอื่นที่คุรุ สภารับรองโดยมีความรู้ดังต่อไปนี้ ๑.๑ หลักและกระบวนการบริหารการศึกษา ๑.๒ นโยบายและการวางแผนการศึกษา ๑.๓ การบริหารด้านวิชาการ ๑.๔ การบริหารด้านธุรการการเงินพัสดุและ อาคารสถานที่ ๑.๕ การบริหารงานบุคคล ๑.๖ การบริหารกิจการนักเรียน ๑.๗ การประกันคุณภาพการศึกษา ๑.๘ การบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑.๙ การบริหารการประชาสัมพันธ์และ ความสัมพันธ์ชุมชน ๑.๑๐ คุณธรรมและจริยธรรมสำหรับผู้บริหาร สถานศึกษา ๒. ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหาร สถานศึกษาที่คณะกรรมการคุรุสภารับรอง ๑. มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนมาแล้วไม่ น้อยกว่า ๕ ปี หรือ ๒. มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนและต้อง มีประสบการณ์ในตำแหน่งหัวหน้าหมวด หรือ หัวหน้าสาย หรือหัวหน้างาน หรือตำแหน่ง บริหารอื่น ๆ ในสถานศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี มาตรฐานความรู้ สาระความรู้ สมรรถนะ ๑. หลักและกระบวนการ บริหารการศึกษา ๑. หลักและทฤษฎีทางการ บ ร ิ ห า ร แ ล ะ ก า ร บ ร ิ ห า ร การศึกษา ๒. ระบบและกระบวนการ บ ร ิ ห า ร แ ล ะก า ร จ ั ด ก า ร การศึกษายุคใหม่ ๓. การสร้างวิสัยทัศน์ในการ บริหารและจัดการการศึกษา ๔. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การศึกษา ๕. บริบทและแนวโน้มการ จัดการการศึกษา ๑. สามารถนำความรู้ ความ เข้าใจ ในหลักการและทฤษฎี ทางการบริหารการศึกษาไป ป ร ะ ย ุ ก ต ์ ใ ช ้ ใ น ก า ร บริหารการศึกษา ๒ . ส า ม า ร ถ ว ิ เ ค ร า ะ ห์ สังเคราะห์ และสร้างองค์ ความรู้ในการบริหารจัดการ การศึกษา ๓. สามารถกำหนดวิสัยทัศน์ และเป้าหมายของการศึกษา ๔ . ส า ม า ร ถ จ ั ด อ ง ค ์ ก ร โครงสร้างการบริหารและ


ก ำ ห น ด ภ า ร ก ิ จ ข อ ง ค รู และบุคลากรทางการศึกษาได้ เหมาะสม ๒. นโยบายและการวางแผน การศึกษา ๑. พื้นฐานทางเศรษฐกิจ ส ั ง ค ม ก า ร เ ม ื อ ง แ ล ะ เทคโนโลยีที่มีผลต่อการจัด การศึกษา ๒. ระบบและทฤษฎ ีการ วางแผน ๓. การวิเคราะห์และการ กำหนด นโยบายการศึกษา ๔. การวางแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษา ๕ . ก า ร พ ั ฒ น า น โ ย บ า ย การศึกษา ๖. การประเมินนโยบาย การศึกษา ๑. สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อ จัดทำนโยบายการศึกษา ๒ . ส า ม า ร ถ ก ำ ห น ด น โ ย บ า ย ว า ง แ ผ น ก า ร ด ำ เ น ิ น ง า น แ ล ะ ป ร ะ เ มิน คุณภาพการจัดการศึกษา ๓. สามารถจัดทำแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษา ที่มุ่งให้ เกิดผลดี คุ้มค่าต่อการศึกษา สังคม และสิ่งแวดล้อม ๔. สามารถนำแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาไปปฏิบัติ ๕. สามารถติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินงาน ๓. การบริหารด้านวิชาการ ๑. การบริหารจัดการเรียนรู้ที่ ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ๒. หลักการและรูปแบบการ พัฒนาหลักสูตร ๓. การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น ๔. หลักและแนวคิดเกี่ยวกับ การนิเทศ ๕. กลยุทธ์การนิเทศการศึกษา ๖. การว างแผนและก า ร ป ร ะ เ ม ิ น ผ ล ก า ร น ิ เ ท ศ การศึกษา ๗. ระเบียบวิธีวิจัยทางการ ศึกษา ๘. หลักการและเทคนิคการวัด และประเมินผลทางการศึกษา ๙. สถิติและคอมพิวเตอร์เพื่อ การวิจัย ๑. สามารถบริหารจัดการการ เรียนรู้ ๒. สามารถพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษา ๓. สามารถนิเทศการจัดการ เรียนรู้ในสถานศึกษา ๔. สามารถส่งเสริมให้มีการ วิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการ จัดการเรียนรู้


๔ . ก า ร บ ร ิ ห า ร ด ้ า น ธุรการ การเงิน พัสดุ และ อาคารสถานที่ ๑. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงาน ธุรการการเงิน พัสดุ และ อาคารสถานที่ ๒. การจัดวางระบบควบคุม ภายใน ๓. เทคนิคการบริหารจัดการ ส ภ า พ แ ว ด ล ้ อ ม ภ า ย ใ น สถานศึกษา ๑. สามารถจัดระบบงานสาร บรรณ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. สามารถบริหารจัดการ งบประมาณอย่างถูกต้องและ เป็นระบบ ๓. สามารถวางระบบการ บริหารและจัดการทรัพยากร ภายในสถานศึกษาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ๔. สามารถพัฒนาสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพเพื่อส่งเสริมการ จัดการเรียนรู้ ๕. การบริหารงานบุคคล - หลักการบริหารงานบุคคล ๑. สามารถสรรหาบุคลากรที่มี ประสิทธิภาพเข้ามาปฏิบัติงาน ๒. สามารถจัดบุคลากรให้ เ ห ม า ะ ส ม ก ั บ ห น ้ า ท ี ่ ที่ รับผิดชอบ ๓. สามารถพัฒนาครูและ บุคลากร ในสถานศึกษาให้ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ๔. สามารถเสริมสร้างขวัญและ ก ำ ล ั ง ใ จ ส ำ ห ร ั บ ค ร ู แ ล ะ บุคลากรในสถานศึกษา ๕. สามารถให้คำปรึกษาและ แก้ไขปัญหาการทำงานให้แก่ ครูและบุคลากรในสถานศึกษา ๖. การบริหารกิจการนักเรียน ๑. คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ๒. ระบบการดูแลช่วยเหลือ ผู้เรียน ๓. การจัดกิจกรรมส่งเสริมและ พัฒนาผู้เรียน ๑. สามารถบริหารจัดการให้ เกิดกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียน ๒. สามารถบริหารจัดการให้ เกิดงานบริการผู้เรียน ๓. สามารถส่งเสริมการจัด กิจกรรมพิเศษเพื่อพัฒนา ศักยภาพผู้เรียนในด้านต่าง ๆ


๔. สามารถส่งเสริมวินัย คุณธรรมจริยธรรมและความ สามัคคีในหมู่คณะ ๗ . ก า ร ป ร ะ ก ั น ค ุ ณ ภ า พ การศึกษา ๑. หลักการและกระบวนการ ใ น ก า ร ป ร ะ ก ั น ค ุ ณ ภ า พ การศึกษา ๒. องค์ประกอบของการ ประกัน คุณภาพการศึกษา ๓. มาตรฐานการศึกษา ๔. การประกันคุณภาพภายใน และภายนอก ๕. บทบาทของผู้บริหารในการ ประกันคุณภาพการศึกษา ๑. สามารถจัดทำแผนพัฒนา คุณภาพ ของสถานศึกษา ๒. สามารถประเมินผลและ ติดตามตรวจสอบคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาข อ ง สถานศึกษา ๓. สามารถจัดทำรายงานผล ก า ร ป ร ะ เ ม ิ น ต น เ อ ง ข อ ง สถานศึกษาเพื่อรองรับการ ประเมินภายนอก ๘. การบริหารจัดการเทคโนโลยี สารสนเทศ ๑. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ การศึกษา ๒. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ การบริหารจัดการ ๓. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ การจัดการเรียนรู้ ๑. สามารถใช้และบริหาร เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ การศึกษาและ การปฏิบัติงาน ได้อย่างเหมาะสม ๒. สามารถประเมินการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ นำมาปรับปรุงการบริหาร จัดการ ๓. สามารถส่งเสริมสนับสนุน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการศึกษา ๙ . ก า ร บ ร ิ ห า ร ก า ร ป ร ะ ช า ส ั ม พ ั น ธ ์ แ ล ะ ความสัมพันธ์ชุมชน ๑. หลักการประชาสัมพันธ์ ๒ . ก ล ย ุ ท ธ ์ ก า ร ส ร ้ า ง ความสัมพันธ์กับชุมชน ๑. สามารถบริหารจัดการ ข้อมูลข่าวสารไปสู่ผู้เรียน ค รู แ ล ะ บ ุ ค ล า ก ร ใ น สถานศึกษา ๒. สามารถเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารและกิจกรรมของ สถานศึกษาไปสู่ชุมชน ๓. สามารถใช้ยุทธศาสตร์ที่ เ ห ม า ะ ส ม ใ น ก า ร ประชาสัมพันธ์ ๔. สามารถสร้างกิจกรรมเพื่อ พัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับ


ชุมชน โดยมีเป้าหมายในการ เข้าไปช่วยเหลือชุมชน และ เปิดโอกาส ให้ชุมชนเข้ามามี ส่วนร่วม ๕. สามารถระดมทรัพยากร และภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อ ส่งเสริมการจัดการศึกษา ๑๐. คุณธรรมและจริยธรรม สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ๑. คุณธรรมและจริยธรรม สำหรับผู้บริหาร ๒. จรรยาบรรณของวิชาชีพ ผู้บริหารสถานศึกษา ๓. การพัฒนาจริยธ รร ม ผู้บริหารให้ปฏิบัติตนในกรอบ คุณธรรม ๔ . ก า ร บ ร ิ ห า ร ก ิ จ ก า ร บ้านเมืองที่ดี ๑. เป็นผู้นำเชิงคุณธรรม จริยธรรมและปฏิบัติตนเป็น แบบอย่างที่ดี ๒. ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณ ข อ ง ว ิ ช า ช ี พ ผ ู ้ บ ร ิ ห า ร สถานศึกษา ๓. ส่งเสริมและพัฒนาให้ ผู้ร่วมงานมีคุณธรรมและ จริยธรรมที่เหมาะสม ๗.๒ มาตรฐานการปฏิบัติงาน มาตรฐานที่ ๑ ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพการบริหาร การศึกษา คุณสมบัติเบื้องต้นที่สำคัญประการหนึ่งของผู้บริหารมืออาชีพ คือ การเข้าร่วมเป็น สมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพด้วยการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิชาชีพ ได้แก่ การเป็นผู้ริเริ่ม ผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมจัดงานหรือกิจกรรม รวมทั้งการเป็นผู้เสนอผลงานและเผยแพร่ ผลงานขององค์กรเพื่อให้สมาชิกยอมรับและเห็นคุณประโยชน์ของผู้บริหารที่มีต่อการพัฒนาองค์กร ตลอดจนการนำองค์กรให้เป็นที่ยอมรับของสังคมโดยส่วนรวม มาตรฐานที่ ๒ ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับการ พัฒนาของบุคลากร ผู้เรียน และชุมชน ผู้บริหารมืออาชีพแสดงความรัก ความเมตตา และความปรารถนาดีต่อองค์กร ผู้ร่วมงาน ผู้เรียน และชุมชน ด้วยการตัดสินใจในการทำงานต่าง ๆ เพื่อผลการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย การ ตัดสินใจของผู้บริหารต้องผ่านกระบวนการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำกับผลของการ กระทำ เนื่องจากการตัดสินใจของผู้บริหารมีผลต่อองค์กรโดยส่วนรวม ผู้บริหารจึงต้องเลือกแต่ กิจกรรมที่จะนำไปสู่ผลดี ผลทางบวก ผลต่อการพัฒนาของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และระมัดระวังไม่ให้ เกิดผลทางลบโดยมิได้ตั้งใจ ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่ความไว้วางใจ ความศรัทธา และความรู้สึกเป็นที่พึ่งได้ของ บุคคลทั้งปวง มาตรฐานที่ ๓ มุ่งมั่นพัฒนาผู้ร่วมงานให้สามารถปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ


ความสำเร็จของการบริหาร อยู่ที่การดำเนินการเพื่อให้บุคลากรในองค์กรหรือผู้ร่วมงาน ได้มีการพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ ผู้บริหารมืออาชีพต้องหาวิธีพัฒนาผู้ร่วมงาน โดยการศึกษา จุดเด่น จุดด้อยของผู้ร่วมงาน กำหนดจุดพัฒนาของแต่ละคน และเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมกับการ พัฒนาด้านนั้น ๆ แล้วใช้เทคนิคการบริหารและการนิเทศภายในให้ผู้ร่วมงานได้ลงมือปฏิบัติจริง ประเมิน ปรับปรุง ให้ผู้ร่วมงานรู้ศักยภาพ เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตน และลงมือปฏิบัติจนเป็นผล ให้ศักยภาพของผู้ร่วมงานเพิ่มพูนพัฒนาก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง นำไปสู่การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มาตรฐานที่ ๔ พัฒนาแผนงานขององค์การให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง ผู้บริหารมืออาชีพวางแผนงานขององค์กรได้อย่างมียุทธศาสตร์ เหมาะสมกับเงื่อนไข ข้อจำกัดของผู้เรียน ครู ผู้ร่วมงาน ชุมชน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบาย แนวทาง เป้าหมายของการพัฒนา เพื่อนำไปปฏิบัติจนเกิดผลต่อการพัฒนาอย่างแท้จริง แผนงานต้องมีกิจกรรม สำคัญที่นำไปสู่ผลของการพัฒนา ความสอดคล้องของเป้าหมาย กิจกรรม และผลงาน ถือเป็นคุณภาพ สำคัญที่นำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพสูง มีความคุ้มค่าและเกิดผลอย่างแท้จริง มาตรฐานที่ ๕ พัฒนาและใช้นวัตกรรมการบริหารจนเกิดผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้น เป็นลำดับ นวัตกรรมการบริหารเป็นเครื่องมือสำคัญของผู้บริหารในการนำไปสู่ผลงานที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูงขึ้นเป็นลำดับ ผู้บริหารมืออาชีพต้องมีความรู้ในการบริหารแนวใหม่ ๆ เลือกและ ปรับปรุง ใช้นวัตกรรมได้หลากหลาย ตรงกับสภาพการณ์ เงื่อนไขข้อจำกัดของงานและองค์กร จน นำไปสู่ผลได้จริง เพื่อให้องค์กรก้าวหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้ร่วมงานทุกคนได้ใช้ศักยภาพของตน อย่างเต็มที่ มีความภาคภูมิใจในผลงานร่วมกัน มาตรฐานที่ ๖ ปฏิบัติงานขององค์การโดยเน้นผลถาวร ผู้บริหารมืออาชีพเลือกและใช้กิจกรรมการบริหารที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของ บุคลากรและองค์กร จนบุคลากรมีนิสัยในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอผู้บริหารต้องมีความเพียรพยายาม กระตุ้น ยั่วยุ ท้าทายให้บุคลากรมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ และชื่นชมผลสำเร็จเป็นระยะ ๆ จึงควรเริ่ม จากการริเริ่ม การร่วมพัฒนา การสนับสนุนข้อมูล และให้กำลังใจ ให้บุคลากรศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติ และปรับปรุงงานต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง จนเกิดเป็นค่านิยม ในการพัฒนางานตามภาวะปกติ อันเป็น บุคลิกภาพ ที่พึงปรารถนาของบุคลากรและองค์กร รวมทั้งบุคลากรทุกคนชื่นชมและศรัทธาใน ความสามารถของตน มาตรฐานที่ ๗ รายงานผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างเป็นระบบ ผู้บริหารมืออาชีพสามารถนำเสนอผลงานที่ได้ทำสำเร็จแล้วด้วยการรายงานผลที่แสดงถึง การวิเคราะห์งานอย่างรอบคอบ ครอบคลุมการกำหนดงานที่จะนำไปสู่ผลแห่งการพัฒนา การลงมือ ปฏิบัติจริง และผลที่ปรากฏมีหลักฐานยืนยันชัดเจน การนำเสนอรายงานเป็นโอกาสที่ผู้บริหารจะได้ คิดทบทวนถึงงานที่ได้ทำไปแล้วว่ามีข้อจำกัด ผลดี ผลเสีย และผลกระทบที่มิได้ระวังไว้อย่างไร ถ้า ผลงานเป็นผลดี จะชื่นชม ภาคภูมิใจได้ในส่วนใด นำเสนอให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้อย่างไร ถ้า ผลงานยังไม่สมบูรณ์จะปรับปรุงเพิ่มเติมได้อย่างไร และจะนำประสบการณ์ที่ได้พบไปใช้ประโยชน์ใน การทำงานต่อไปอย่างไร คุณประโยชน์อีกประการหนึ่งของรายงานที่ดี คือ การนำผลการประเมินไป ใช้ในการประเมินตนเอง รวมทั้งการทำให้เกิดความรู้สึกชื่นชมของผู้ร่วมปฏิบัติงานทุกคน การที่


ผู้ปฏิบัติงานได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสามารถและศักยภาพของตน เป็นขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่งที่จะ นำไปสู่การรู้คุณค่าแห่งตน มาตรฐานที่ ๘ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ผู้บริหารมีหน้าที่แนะนำ ตักเตือน ควบคุม กำกับดูแลบุคลากรในองค์กร การที่จะปฏิบัติ หน้าที่ดังกล่าวให้ได้ผลดี ผู้บริหารต้องประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดี มิฉะนั้นคำแนะนำตักเตือน หรือ การกำกับดูแลของผู้บริหารจะขาดความสำคัญ ไม่เป็นที่ยอมรับของบุคลากรในองค์กร ผู้บริหาร ที่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในทุก ๆ ด้าน เช่น ด้านคุณธรรม จริยธรรม ความยุติธรรม และ บุคลิกภาพจะมีผลสูงต่อการยอมรับของบุคลากร ทำให้เกิดความเชื่อถือศรัทธาต่อการบริหารงาน จน สามารถปฏิบัติตามได้ด้วยความพึงพอใจ มาตรฐานที่ ๙ ร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานอื่นอย่างสร้างสรรค์ หน่วยงานการศึกษาเป็นองค์กรหนึ่งที่อยู่ในชุมชน และเป็นส่วนหนึ่งของระบบสังคม ซึ่ง มีองค์กรอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบ ทุกหน่วยงานมีหน้าที่ร่วมมือกันพัฒนาสังคมตามบทบาทหน้าที่ ผู้บริหารสถานศึกษา / ผู้บริหารการศึกษาเป็นบุคลากรสำคัญของสังคมหรือชุมชนที่จะชี้นำแนว ทางการพัฒนาสังคม ให้เจริญก้าวหน้าตามทิศทางที่ต้องการ ผู้บริหารมืออาชีพต้องร่วมมือกับชุมชน และหน่วยงานอื่นในการเสนอแนวทางปฏิบัติ แนะนำ ปรับปรุงการปฏิบัติ และแก้ปัญหาของชุมชน หรือหน่วยงานอื่น เพื่อให้เกิดผลดีต่อสังคมส่วนรวม ในลักษณะร่วมคิด ร่วมวางแผนและร่วมปฏิบัติ ด้วยความเต็มใจ เต็มความสามารถ พร้อมทั้งยอมรับความสามารถ รับฟังความคิดเห็นและเปิดโอกาส ให้ผู้อื่นได้ใช้ความสามารถของตนอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยและการ ร่วมมือกันในสังคม นำไปสู่การยอมรับและศรัทธาอย่างภาคภูมิใจ มาตรฐานที่ ๑๐ แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา ความประทับใจของผู้ร่วมงานที่มีต่อผู้บริหารองค์กรอย่างหนึ่ง คือ ความเป็นผู้รอบรู้ ทันสมัย ทันโลก รู้อย่างกว้างขวางและมองไกล ผู้บริหารมืออาชีพจึงต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นในโลกทุก ๆ ด้าน จนสามารถสนทนากับผู้อื่นด้วยข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย และนำข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ ที่ได้รับ มาใช้ในการพัฒนางานและผู้ร่วมงาน การตื่นตัว การรับรู้ และการมีข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศเหล่านี้ นอกจากเป็นประโยชน์ต่องานพัฒนาแล้ว ยังนำมาซึ่งการยอมรับและ ความรู้สึกเชื่อถือของผู้ร่วมงาน อันเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ลึกซึ่งต่อเนื่องต่อไป มาตรฐานที่ ๑๑ เป็นผู้นำและสร้างผู้นำ ผู้บริหารมืออาชีพสร้างวัฒนธรรมขององค์กรด้วยการพูดนำ ปฏิบัตินำ และจัดระบบงาน ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม โดยการให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำงานได้สำเร็จแล้ว จนนำไปสู่การพัฒนาตนเอง คิดได้เอง ตัดสินใจได้เอง พัฒนาได้เอง ของผู้ร่วมงานทุกคน ผู้บริหารมืออาชีพจึงต้องแสดงออกอย่าง ชัดเจน และสม่ำเสมอเกี่ยวกับวัฒนธรรมขององค์กร เพื่อให้ผู้ร่วมงานมีความมั่นใจในการปฏิบัติ จน สามารถเลือกการกระทำที่สอดคล้องกับวัฒนธรรม แสดงออกและชื่นชมได้ด้วยคนเอง ผู้บริหารจึงต้อง สร้างความรู้สึกประสบความสำเร็จให้แก่บุคลากรแต่ละคนและทุกคน จนเกิดภาพความเป็นผู้นำในทุก ระดับ นำไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง


มาตรฐานที่ ๑๒ สร้างโอกาสในการพัฒนาได้ทุกสถานการณ์ การพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับความก้าวหน้าของโลกที่ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้บริหารจำเป็นต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถปรับงานให้ทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงและสามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้สอดคล้อง สมดุลและเสริมสร้าง ซึ่งกันและกัน ผู้บริหารมืออาชีพจึงต้องตื่นตัวอยู่เสมอ มองเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้าน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และกล้าที่จะตัดสินใจดำเนินการเพื่อผลในอนาคต อย่างไรก็ตาม การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงนี้ ย่อมเป็นสิ่งประกันได้ว่า การเสี่ยงในอนาคตจะมีโอกาสผิดพลาด น้อยลง การที่องค์กรปรับได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ ย่อมเป็นผลให้องค์กรพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับความก้าวหน้าของโลกตลอดไป ๗.๓ มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณวิชาชีพ) ๑) จรรยาบรรณต่อตนเอง ๑. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ ๒) จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ๒. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ ๓) จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ๓. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้ กำลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ๔. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๕. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ๖. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทาง กาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ ๗. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือ ยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ๔) จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ๘. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ ๕) จรรยาบรรณต่อสังคม ๙. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของ ส่วนรวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ “ผู้บริหารสถานศึกษา” ๑) จรรยาบรรณต่อตนเอง


๑. ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ โดยต้อง ประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (๑) ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพและ เป็นแบบอย่างที่ดี (๒) ศึกษา ค้นคว้า ริเริ่มสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ ในการพัฒนาวิชาชีพอยู่เสมอ (๓) ส่งเสริมและพัฒนาครูในการใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ (๔) สร้างผลงานที่แสดงถึงการพัฒนาความรู้ และความคิดในวิชาชีพจนเป็นที่ยอมรับ (๕) ส่งเสริมการปฏิบัติงานโดยมีแผนปฏิบัติการ แบบมีส่วนร่วม และใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันและก้าวทันการ เปลี่ยนแปลงในอนาคต (๑) เกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือเสพสิ่งเสพติดจน ขาดสติหรือแสดงกิริยาไม่สุภาพเป็นที่น่ารังเกียจ ในสังคม (๒) ประพฤติผิดทางชู้สาวหรือมีพฤติกรรมล่วง ละเมิดทางเพศ (๓) ไม่พัฒนาความรู้ในวิชาชีพเพื่อพัฒนา ตนเองและองค์การ (๔) ไม่ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ ไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการศึกษาอย่าง ต่อเนื่อง (๕) ไม่มีแผนหรือไม่ปฏิบัติงานตามแผนไม่มี การประเมินผลหรือไม่นำผลการประเมินมา จัดทำแผนปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ๒) จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ๒. ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็น สมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดัง ตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (๑) แสดงความชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของ วิชาชีพ (๒) รักษาชื่อเสียงและปกป้องศักดิ์ศรีแห่ง วิชาชีพ (๓) ยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในวิชาชีพ ให้สาธารณชนรับรู้ (๔) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ สุจริต ตามกฎ ระเบียบ และแบบแผนของ ทางราชการ (๕) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และ ใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนาครูและ บุคลากร (๑) วิพากษ์หรือวิจารณ์องค์การหรือวิชาชีพจน ทำให้เกิดความเสียหาย (๒) ดูหมิ่น เหยียดหยาม ให้ร้ายผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพ ศาสตร์ในวิชาชีพหรือองค์กร วิชาชีพ (๓) ประกอบการงานอื่นที่ไม่เหมาะสมกับการ เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา (๔) ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่รับผิดชอบหรือไม่ ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ หรือแบบแผนของทาง ราชการจนก่อนให้เกิดความเสียหาย (๕) ละเลยเพิกเฉยหรือไม่ดำเนินการต่อผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณ


(๖) สนับสนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการ พัฒนาครู การเรียนการสอน และการบริหาร สถานศึกษา (๗) ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรได้ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย และนำเสนอผลงานที่เกี่ยวข้อง กับวิชาชีพ (๘) เข้าร่วม ส่งเสริม และประชาสัมพันธ์ กิจกรรมของวิชาชีพ หรือองค์กรวิชาชีพอย่าง สร้างสรรค์ (๖) คัดลอกหรือนำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของ ตน (๗) บิดเบือนหลักวิชาการในการปฏิบัติงานจน ก่อให้เกิดความเสียหาย (๘) ใช้ความรู้ทางวิชาการวิขาชีพหรืออาศัย องค์กรวิชาชีพแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือ ผู้อื่นโดยมิชอบ ๓) จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ๓. ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ๔. ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงาม แก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๕. ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และ จิตใจ ๖. ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ ๗. ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับ หรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (๑) ปฏิบัติงานหรือให้บริการอย่างมีคุณภาพ โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้รับบริการ (๒) ส่งเสริมให้มีการดำเนินงานเพื่อปกป้องสิทธิ เด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาส (๓) บริหารงานโดยยึดหลักบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดี (๔) รับฟังความคิดเห็นที่มีเหตุผลของศิษย์และ ผู้รับบริการ (๕) ให้ครูและบุคลากร มีส่วนร่วมวางแผนการ ปฏิบัติงานและเลือกวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมกับ ตนเอง (๖) เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิษย์และ ผู้รับบริการด้วยการรับฟังความฟังความคิดเห็น (๑) ปฏิบัติงานมุ่งประโยชน์ส่วนตนหรือพวก พ้องไม่เป็นธรรมหรือมีลักษณะเลือกปฏิบัติ (๒) เรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนจาก ผู้รับบริการในงานตามบทบาทหน้าที่


ยกย่อง ชมเชย และให้กำลังใจอย่าง กัลยาณมิตร (๗) ให้ศิษย์และผู้รับบริการได้มีส่วนร่วมในการ เสนอแนวคิด หรือวิธีการที่เป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาวิชาชีพ ๔) จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ๘. ผู้บริหารสถานศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นใน ระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ โดยพึงประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผน พฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (๑) ริเริ่มสร้างสรรค์ในการบริหารเพื่อให้เกิด การพัฒนาทุกด้านต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (๒) ส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิของผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ (๓) เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา (๔) ใช้ระบบคุณธรรมในการพิจารณาผลงาน ของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (๕) มีความรัก ความสามัคคี และร่วมใจกันผนึก กำลังในการพัฒนาการศึกษา (๖) ยอมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (๑) นำเสนอแง่มุมทางลบต่อวิชาชีพข้อเสนอ ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา (๒) ปกปิดความรู้ ไม่ช่วยเหลือผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ (๓) แนะนำในทางไม่ถูกต้องต่อผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพจนทำให้เกิดผลเสียต่อผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ (๔) ไม่ให้ความช่วยเหลือหรือร่วมมือกับผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพในเรื่องที่ตนมีความถนัดแม้ ได้รับการร้องขอ (๕) ปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึงถึงความพึงพอใจ ของตนเองเป็นหลัก ไม่ตระหนักถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคลของผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ (๖) ใช้อำนาจหน้าที่ปกป้องพวกพ้องของตนที่ กระทำผิด โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิด ขึ้นกับ ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพหรือองค์การ (๗) ยอมรับและชมเชยการกระทำของผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพที่บกพร่องต่อหน้าที่หรือ ศีลธรรมอันดี (๘) วิพากษ์ วิจารณ์ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพใน เรื่องที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือแตกความ สามัคคี


๕) จรรยาบรรณต่อสังคม ๙. ผู้บริหารสถานศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนา เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพึงประพฤติ และละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม225 ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (๑) ยึดมั่น สนับสนุน และส่งเสริม การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรง เป็นประมุข (๒) ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือในทาง วิชาการ หรือวิชาชีพแก่ชุมชน (๓) ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อให้ ศิษย์และผู้รับบริการเกิดการเรียนรู้และสามารถ ดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง (๔) เป็นผู้นำในการวางแผนและดำเนินการเพื่อ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พัฒนาเศรษฐกิจ ภูมิปัญญา ท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม (๑) ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนกิจกรรม ของชุมชนที่จัดเพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาทั้ง ทางตรงหรือทางอ้อม (๒) ไม่แสดงความเป็นผู้นำในการอนุรักษ์หรือ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหรือสิ่งแวดล้อม (๓) ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการ อนุรักษ์หรือพัฒนาสิ่งแวดล้อม (๔) ปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อวัฒนธรรมอันดี งามของชุมชนหรือสังคม สรุปท้ายบทที่ ๗ มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาประกอบด้วยมาตรฐาน ๓ ด้าน คือ มาตรฐาน ความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ มาตรฐานการปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณ ของวิชาชีพ) โดยจรรยาบรรณของวิชาชีพได้มีการกำหนดแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของ วิชาชีพ เพื่อประมวลพฤติกรรมที่เป็นตัวอย่างของการประพฤติปฏิบัติ ประกอบด้วย พฤติกรรมที่พึง ประสงค์ และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ มาตรฐานที่ ๑ ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพการบริหาร การศึกษา มาตรฐานที่ ๒ ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับการพัฒนา ของบุคลากร ผู้เรียน และชุมชน มาตรฐานที่ ๓ มุ่งมั่นพัฒนาผู้ร่วมงานให้สามารถปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ มาตรฐานที่ ๔ พัฒนาแผนงานขององค์การให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง มาตรฐานที่ ๕ พัฒนาและใช้นวัตกรรมการบริหารจนเกิดผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้นเป็น ลำดับ 225 ฝ่ายวิชาการ สำนักพิมพ์เดอะบุคส์, กฎหมายครู, (บริษัทสำนักพิมพ์เดอะบุคส์ จำกัด : กรุงเทพมหานคร, ๒๕๕๖), หน้า ๑๙๔-๒๐๒.


มาตรฐานที่ ๖ ปฏิบัติงานขององค์การโดยเน้นผลถาวร มาตรฐานที่ ๗ รายงานผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างเป็นระบบ มาตรฐานที่ ๘ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มาตรฐานที่ ๙ ร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานอื่นอย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานที่ ๑๐ แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา มาตรฐานที่ ๑๑ เป็นผู้นำและสร้างผู้นำ มาตรฐานที่ ๑๒ สร้างโอกาสในการพัฒนาได้ทุกสถานการณ์ มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณวิชาชีพ) ประกอบด้วย ๑) จรรยาบรรณต่อตนเอง ๒) จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ๓) จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ๔) จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ คำถามท้ายบทที่ ๗ ๑. จงวิเคราะห์มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาว่ามีความสำคัญต่อผู้บริหารอย่างไร ๒. จรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหารมีความสำคัญต่อผู้บริหารสถานศึกษาอย่างไร จง อธิบายให้เห็นภาพชัดเจน ๓. หากท่านเป็นผู้บริหารสถานศึกษาจะปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างไรและจะ ส่งเสริมครูและบุคลากรทางการศึกษาปฏิบัติตามจรรยาบรรณอย่างไรจงอธิบาย ๔. มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณวิชาชีพ) แบ่งออกเป็นกี่ด้านและแต่ละด้านมี ความสำคัญต่อผู้บริหารอย่างไร จงอธิบาย ๕. จงบูรณาการหลักพุทธธรรมกับมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารว่ามีความสอดคล้องกัน อย่างไร จงอธิบายให้ชัดเจน เอกสารอ้างอิง ๑. ภาษาไทย ข้อมูลทุติยภูมิ (๑) หนังสือ: ฝ่ายวิชาการ สำนักพิมพ์เดอะบุคส์, กฎหมายครู, บริษัทสำนักพิมพ์เดอะบุคส์ จำกัด : กรุงเทพมหานคร, ๒๕๕๖. มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา, คุรุสภา สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา, http://www.ksp.or.th [ออนไลน์วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗]


แผนบริหารการสอนประจำบทที่ ๘ จรรยาบรรณวิชาชีพคุรุสภาสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ขอบเขตเนื้อหาการเรียน ๑. ความหมายของจรรยาบรรณ ๒. ข้อกำหนดเกี่ยวกับจรรยาบรรณ ๓. การควบคุมจรรยาบรรณ ๔. การลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณ ๕. จรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อได้ศึกษาเนื้อหาในบทนี้แล้ว ผู้ศึกษาสามารถ ๑. อธิบายความหมายของจรรยาบรรณได้ ๒. อธิบายข้อกำหนดเกี่ยวกับจรรยาบรรณได้ ๓. วิเคราะห์การควบคุมจรรยาบรรณได้ ๔. วิเคราะห์การลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณได้ ๕. วิเคราะห์จรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. การบรรยายและร่วมสนทนาซักถามเกี่ยวกับเนื้อหาในบทเรียน ๒. กลุ่มนำเสนอวิจัยและวิทยานิพนธ์จรรยาบรรณวิชาชีพคุรุสภา ๓. วิเคราะห์วิจัย หรือ วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพคุรุสภา ๔. สรุปประเด็นสำคัญประจำบท สื่อการเรียนการสอน ๑. เอกสารคำสอน เรื่อง “จรรยาบรรณวิชาชีพคุรุสภาสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา” ๒. หัวข้อของเนื้อหาที่สร้างจากโปรแกรม Power Point ๓. สื่อคอมพิวเตอร์ ภาพประกอบ ๔. งานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพคุรุสภา การวัดผลและการประเมินผล ๑. สังเกตความสนใจ การเข้าชั้นเรียนและความรับผิดชอบของนิสิตต่องานที่มอบหมาย ๒. การให้ความร่วมมือในกิจกรรมการเรียนการสอน ๓. การให้ความสนใจดูกิจกรรมประกอบการเรียนการสอน ๔. การบันทึกสรุปเนื้อหาประจำบท และทำเป็นโครงงานส่ง


บทที่ ๘ จรรยาบรรณวิชาชีพคุรุสภาสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ๘.๑ ความหมายของจรรยาบรรณ ตามพจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ. ๒๕๓๐ ให้ความหมาย “จรรยาบรรณ” หมายถึง ความประพฤติที่ผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ กำหนดขึ้น เพื่อรักษาชื่อเสียงเกียรติคุณ” ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ความหมาย “จรรยาบรรณวิชาชีพ” หมายถึง มาตรฐานการปฏิบัติตนที่กำหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการประพฤติ ตน ซึ่งผู้ประประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง และฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคมอันจะ นำมา ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ” นอกจากนั้น ข้อบังคับคุรุสภายังกำหนดตามความหมายของ “ผู้ประกอบวิชาชีพทางการ ศึกษา” หมายถึง “ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาอื่น ซึ่ง ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตาม พ.ร.บ. สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖” ๘.๒ ข้อกำหนดเกี่ยวกับจรรยาบรรณ ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา ต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ และแบบแผนพฤติกรรมตาม จรรยาบรรณของวิชาชีพ โดยแยกจรรยาบรรณแต่ละด้าน รวม ๕ ด้าน คือ ๑. จรรยาบรรณต่อตนเอง กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาการวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ ๒. จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์ สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรวิชาชีพ ๓. จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องถือปฏิบัติต่อ ผู้รับบริการ ดังนี้ ๓.๑ รัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กำลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตาม บทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ๓.๒ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะและนิสัย ที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๓.๓ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ๓.๔ ไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และ สังคมของศิษย์และผู้รับบริการ


๓.๕ ให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาคโดยไม่เรียกรับ หรือยอมรับผลประโยชน์ จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ๔. จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่ คณะ ๕. จรรยาบรรณต่อสังคม กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึงประพฤติปฏิบัติตน เป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ๘.๓ การควบคุมจรรยาบรรณ พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้กำหนดการควบคุมดูแล จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นอำนาจของคุรุสภาในการควบคุมความ ประพฤติและการดำเนินงานของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นไปตามจรรยาบรรณของ วิชาชีพและนอกจากนั้นยังกำหนดให้ คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับ ดูแลการปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาอีกด้วย226 ๘.๔ การลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณ พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้บุคคลซึ่ง ได้รับความเสียหายจาการประพฤติผิด จรรยาบรรณของวิชาชีพมีสิทธิกล่าวหาผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา โดยทำเรื่องยื่นต่อคุรุสภาและให้กรรมการคุรุสภา กรรมการมาตรฐานวิชาชีพ หรือ บุคคลอื่น มีสิทธิกล่าวโทษ ผู้ประกอบวิชาชีพว่าผิดจรรยาบรรณ โดยแจ้งเรื่องต่อคุรุสภาทั้งนี้ สิทธิการ กล่าวหา หรือสิทธิการกล่าวโทษดังกล่าว ต้องกระทำภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันที่รู้เรื่องการ ประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพและรู้ตัวผู้ประพฤติผิด สำหรับผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดเกี่ยวกับการกล่าวหาหรือกล่าวโทษให้เป็นอำนาจของ คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ โดยผลของการชี้ขาดได้แก่ การยกข้อกล่าวหา ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาตไม่เกิน ๕ ปี และเพิกถอนใบอนุญาต แต่การชี้ขาดดังกล่าว ผู้ถูกล่าวหาหรือกล่าวโทษ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการคุรุสภาภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย227 ๘.๕ จรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ 226 ผกา สัตยธรรม.คุณธรรมของครู.กรุงเทพมหานคร.สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔. 227 การลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณ, it.dru.ac.th , [ออนไลน์ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗]


คุรุสภาเห็นสมควรยกเลิกข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของ วิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๔๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) (๑๑) (จ) และมาตรา ๕๐ แห่ง พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบกับมติคณะกรรมการคุรุ สภา ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยความเห็นชอบของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคณะกรรมการคุรุสภาจึงออกข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วย จรรยาบรรณของวิชาชีพ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อบังคับคุรุสภาฉบับใดอ้างอิงข้อบังคับคุรุสภาฉบับที่ยกเลิกแล้วตามวรรคหนึ่ง รวมทั้ง ระเบียบหรือประกาศใดที่ออกภายใต้ข้อบังคับดังกล่าว ให้ถือว่าอ้างอิงข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วย มาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ หรือข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ แล้วแต่กรณี ข้อ ๔ ในข้อบังคับนี้ “วิชาชีพ” หมายความว่า วิชาชีพทางการศึกษาที่ทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมทั้งการรับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา ในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน และการ บริหารการศึกษานอกสถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ตลอดจนการสนับสนุนการศึกษา ให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหาร การศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ “ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา” หมายความว่า ครูผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหาร การศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามพระราชบัญญัติสภาครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ “ครู” หมายความว่า บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการ ส่งเสริม การเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ำกว่า ปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน “ผู้บริหารสถานศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ภายในเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาอื่นที่จัดการศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ำ กว่าปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน


“ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารนอก สถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา “บุคลากรทางการศึกษาอื่น” หมายความว่า บุคคลซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนการศึกษา ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาใน หน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ ซึ่งหน่วยงานการศึกษากำหนดตำแหน่งให้ต้องมีคุณวุฒิทางการศึกษา “จรรยาบรรณของวิชาชีพ” หมายความว่า มาตรฐานการปฏิบัติตนที่กำหนดขึ้นเป็นแบบแผน ในการประพฤติตน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติ คุณชื่อเสียงและฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและ สังคม อันจะนำมาซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการคุรุสภารักษาการตามข้อบังคับนี้และให้มีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับนี้รวมทั้งให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา เกี่ยวกับการปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ข้อ ๖ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพและ แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ หมวด ๑ จรรยาบรรณต่อตนเอง ข้อ ๗ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพและเป็นแบบอย่างที่ดี ๒) ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตตามประเพณีและวัฒนธรรม ๓) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จอย่างมีคุณภาพตามเป้าหมายที่กำหนด ๔) ศึกษาหาความรู้ วางแผนพัฒนาตนเอง พัฒนางานและสะสมผลงานอย่างสม่ำเสมอ และ ๕) ค้นคว้าแสวงหาและนำเทคนิคด้านวิชาชีพที่พัฒนาและก้าวหน้าเป็นที่ยอมรับ มาใช้แก่ศิษย์และ ผู้รับบริการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) เกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือเสพสิ่งเสพติดจนขาดสติหรือแสดงกิริยาไม่สุภาพเป็นที่น่า รังเกียจในสังคม ๒) ประพฤติผิดทางชู้สาวหรือพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ ๓) ขาดความรับผิดชอบ ความกระตือรือร้น ความเอาใจใส่จนเกิดความเสียหายในการ ปฏิบัติงานตามหน้าที่ ๔) ไม่รับรู้หรือแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ในการจัดการเรียนรู้และการปฏิบัติหน้าที่ และ ๕) ขัดขวางการพัฒนาองค์การจนเกิดความเสียหาย


หมวด ๒ จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ข้อ ๘ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) แสดงความชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของวิชาชีพ ๒) รักษาชื่อเสียงและปกป้องศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ๓) ยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ที่มีผลงานในวิชาชีพให้สาธารณชนรับรู้ ๔) อุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าของวิชาชีพ ๕) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริตตามกฎระเบียบและแบบแผนของทาง ราชการ ๖) เลือกใช้หลักวิชาที่ถูกต้อง สร้างสรรค์เทคนิควิธีการใหม่ๆ เพื่อพัฒนาวิชาชีพ ๗) ใช้องค์ความรู้หลากหลายในการปฏิบัติหน้าที่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกในองค์การ และ ๘) เข้าร่วมกิจกรรมวิชาชีพหรือองค์กรวิชาชีพอย่างสร้างสรรค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) ไม่แสดงความภาคภูมิใจในการประกอบวิชาชีพ ๒) ดูหมิ่นเหยียดหยามให้ร้ายผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ศาสตร์วิชาชีพหรือองค์กรวิชาชีพ ๓) ประกอบการงานอื่นที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้ประกอบการวิชาชีพทางการศึกษา ๔) ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่รับผิดชอบหรือไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือแบบแผนของทางราชการ จนก่อให้เกิดความเสียหาย ๕) คัดลอกหรือนำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน ๖) ใช้หลักวิชาการที่ไม่ถูกต้องในการปฏิบัติวิชาชีพ ส่งผลให้ศิษย์หรือผู้รับบริการเกิดความ เสียหาย และ ๗) ใช้ความรู้ทางวิชาการหรืออาศัยองค์กรวิชาชีพแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ หมวด ๓ จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ข้อ ๙ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กำลังใจ แก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า


ข้อ ๑๐ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะ และนิสัยที่ ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งทาง กายวาจา และจิตใจ ข้อ ๑๒ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทาง กายสติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ ข้อ ๑๓ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่ เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) ให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือศิษย์หรือผู้รับบริการด้วยความเมตตากรุณาอย่างเต็ม ความสามารถและเสมอภาค ๒) สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อปกป้องสิทธิของเด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาส ๓) ตั้งใจเสียสละอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ศิษย์และผู้รับบริการได้รับการพัฒนาตาม ความสามารถ ความถนัดและความสนใจของแต่ละบุคคล ๔) ส่งเสริมให้ศิษย์และผู้รับบริการสามารถแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากสื่อ อุปกรณ์ แหล่ง เรียนรู้อย่างหลากหลาย ๕) ให้ศิษย์และผู้รับบริการมีส่วนร่วมวางแผนการจัดการเรียนรู้และเลือกวิธีปฏิบัติที่เหมาะสม กับตนเอง และ ๖) เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิษย์และผู้รับบริการด้วยการรับฟังความคิดเห็น ยกย่อง ชมเชยและให้กำลังใจอย่างกัลยาณมิตร พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) ลงโทษศิษย์อย่างไม่เหมาะสม ๒) ไม่ใส่ใจหรือรับรู้ปัญหาของศิษย์หรือผู้รับบริการจนเกิดผลเสียหายต่อศิษย์หรือผู้รับบริการ ๓) ดูหมิ่นเหยียดหยามศิษย์หรือผู้รับบริการ ๔) เปิดเผยความลับของศิษย์และผู้รับบริการให้ได้รับความอับอายหรือเสื่อมเสียชื่อเสียง ๕) จงใจ โน้มน้าวหรือส่งเสริมให้ศิษย์หรือผู้รับบริการปฏิบัติขัดต่อศีลธรรมหรือกฎระเบียบ ๖) ชักชวน ใช้ จ้างวานศิษย์หรือผู้รับบริการให้จัดซื้อ จัดหาสิ่งเสพติดหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับ อบายมุข และ ๗) เรียกร้องผลตอบแทนจากศิษย์หรือผู้รับบริการในงานตามหน้าที่ที่ต้องให้บริการ หมวด ๔ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ


ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) เสียสละ เอื้ออาทร และช่วยเหลือผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ และ ๒) มีความรัก ความสามัคคี และร่วมใจกันผนึกกำลังใจในการพัฒนาการศึกษา พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) ปิดบังข้อมูลข่าวสารในปฏิบัติงาน จนทำให้เกิดความเสียหายต่องานหรือผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ ๒) ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยตำหนิให้ร้ายผู้อื่นในความบกพร่องที่เกิดขึ้น ๓) สร้างกลุ่มอิทธิพลภายในองค์การหรือกลั่นแกล้งผู้ร่วมประกอบวิชาชีพให้เกิดความ เสียหาย ๔) เจตนาให้ข้อมูลเท็จทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกิดความเสียหายต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ และ ๕) วิพากษ์วิจารณ์ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพในเรื่องที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือแตกแยกความ สามัคคี หมวด ๕ จรรยาบรรณต่อสังคม ข้อ ๑๕ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของ ส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) ยึดมั่นสนับสนุนและส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข ๒) นำภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมมาเป็นปัจจัยในการจัดการศึกษาให้เป็น ประโยชน์ต่อส่วนรวม ๓) จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ศิษย์เกิดการเรียนรู้ และสามารถดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียง ๔) เป็นผู้นำการวางแผนและดำเนินการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พัฒนาเศรษฐกิจ ภูมิปัญญา ท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรม พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ได้แก่ ๑) ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนที่จัดเพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาทั้ง ทางตรงหรือทางอ้อม


๒) ไม่แสดงความเป็นผู้นำในการอนุรักษ์หรือพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา หรือสิ่งแวดล้อม และ ๓) ปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชนหรือสังคม สรุปท้ายบทที่ ๘ จรรยาบรรณเป็นความประพฤติที่ผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ กำหนดขึ้น เพื่อรักษาชื่อเสียง เกียรติคุณ ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ความหมาย “จรรยาบรรณวิชาชีพ” หมายถึง มาตรฐานการปฏิบัติตนที่กำหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการประพฤติ ตน ซึ่งผู้ประประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง และฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคมอันจะ นำมา ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ” นอกจากนั้น ข้อบังคับคุรุสภายังกำหนดตามความหมายของ “ผู้ประกอบวิชาชีพทางการ ศึกษา” หมายถึง “ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาอื่น ซึ่ง ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตาม พ.ร.บ. สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการ ศึกษา ต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ และแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของ วิชาชีพ โดยแยกจรรยาบรรณแต่ละด้าน รวม ๕ ด้าน คือ ๑. จรรยาบรรณต่อตนเอง กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีวินัยใน ตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาการวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ ๒. จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์ สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรวิชาชีพ ๓. จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องถือปฏิบัติ ต่อผู้รับบริการ ๔. จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่ คณะ ๕. จรรยาบรรณต่อสังคม กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึงประพฤติปฏิบัติ ตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข คำถามท้ายบทที่ ๘ ๑. จงอธิบายความหมายของจรรยาบรรณมีความสำคัญต่อผู้บริหารสถานศึกษาอย่างไร


๒. จงวิเคราะห์ข้อกำหนดเกี่ยวกับจรรยาบรรณมีความสำคัญอย่างไร ๓. การควบคุมจรรยาบรรณมีการควบคุมอย่างไร และหน่วยงานที่ควบคุมจรรยาบรรณมี วิธีการควบคุมอย่างไร ๔. การลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณแต่ละขั้นตอนมี รายละเอียดอย่างไร และสำคัญอย่างไรต่อผู้บริหารสถานศึกษา ๕. จงวิเคราะห์จรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีความสำคัญต่อผู้บริหาร สถานศึกษาอย่างไร เอกสารอ้างอิง ๑. ภาษาไทย ข้อมูลทุติยภูมิ (๑) หนังสือ: ผกา สัตยธรรม.คุณธรรมของครู.กรุงเทพมหานคร.สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔. การลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณ, it.dru.ac.th , [ออนไลน์วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗]


บรรณานุกรม ๑. ภาษาไทย ก. ข้อมูลปฐมภูมิ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.พระไตรปิฏกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ๒๕๓๙. ข. ข้อมูลทุติยภูมิ (๑) หนังสือ: , ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองและ สังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖, กรุงเทพมหานคร: สำนักงานฯ, ๒๕๔๖. . ชุดอบรมด้วยตนเอง การพัฒนาการเรียนรู้สู่ครูมืออาชีพตามพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ ๒๕๔๒ : การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม. . พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๑๒. กรุงเทพมหานคร : มหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๖. . พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ชำระ-เพิ่มเติม ช่วงที่ ๑/ยุติ. พิมพ์ครั้งที่ ๑๗. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์พระพุทธศาสนาของธรรมสภา. ๒๕๕๔. . พัฒนาการแบบองค์รวมของเด็กไทย. โครงการตำรา สำนัก ที่ปรึกษากรมอนามัย : กระทรวงสาธารณสุข. ๒๕๔๖. . พุทธทาส แนะแนวจริยธรรมร่วมสมัย ชุดที่ ๓ จุดหมายปลายทาง และตัวแท้ของ จริยธรรม. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ดวงตะวัน. ๒๕๕๓. . พุทธธรรม ฉบับเดิม . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ธรรมสภา. ๒๕๔๕. กชกร จินตนสถิต. “การพัฒนาคุณธรรมด้านการเสียสละที่ได้จากการอ่านวรรณกรรมสำหรับเด็กของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนอนุบาลบุรีรัมย์”. วิทยานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ๒๕๔๙. กมลชนก ภิรมย์ศิริพรรณ. “คู่มือพัฒนาความเสียสละของนักเรียนช่วงชั้นที่ ๑”. สารนิพนธ์. บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ๒๕๔๙. กรมการศาสนา. หลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอน ปลายพุทธศักราช ๒๕๓๔. กระเทพมหานคร :โรงพิมพ์การศาสนา. ๒๕๓๗. กรมวิชาการ. หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช ๒๕๒๑ ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภา. ๒๕๓๕. กรมสามัญศึกษา. แนวทางการพัฒนาวัฒนธรรมไทย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา. ๒๕๒๓. กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงมหาดไทยกับการบริหารจัดการที่ดี, ในการปกครองที่ดี (Good Governance), กรุงเทพมหานคร: บพิธการพิมพ์, ๒๕๔๓.


กระทรวงศึกษาธิการ, การบริหารสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคล, กรุงเทพมหานคร : องค์การรับส่ง สินค้าและพัสดุภัณฑ์, ๒๕๔๖. กระทรวงศึกษาธิการ, การบริหารสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคล. กระทรวงศึกษาธิการ, พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕, กรุงเทพมหานคร : กระทรวงฯ, ๒๕๔๖. เกรียงศักดิ์เจริญวงศ์ศักดิ์,ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล. (พิมพ์ครั้งที่ ๑). กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว.,๒๕๔๔. เกษม วัฒนชัย, ธรรมาภิบาลกับคอรัปชั่นในสังคมไทย, กรุงเทพมหานคร: อัมรินทร์ปรินติ้งแอนด์พับ ลิสซิ่ง, ๒๕๔๖. เกษม วัฒนชัย, “ธรรมาภิบาล…...บทบาทสำคัญกรรมการสถานศึกษา”, รายงานการปฏิรูป การศึกษา ไทย, ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๖๔, ๒๕๔๖. โกสุม ผือโย. “ศึกษาบทบาทในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของผู้บริหารและครูโรงเรียนเอกชน ระดับการศึกษาขึ้นพื้นฐาน เขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒”. ปริญญา นิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ๒๕๔๘. คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ.สำนักงาน. เอกสารการวิจัยเรื่องค่านิยมเพื่อชีวิตและสังคม. กรุงเทพมหานคร : กองวิจัยและแผนงานสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. ๒๕๒๓. คณะญาติธรรมวัดป่าโสมพนัส. ทำวัตรเช้า - เย็น และมหาสติปัฏฐานสูตร แปล. สกลนคร : สำนักพิมพ์ใยไหม. ๒๕๕๐. คณาจารย์สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง. หนังสือเรียนธรรมศึกษาชั้นตรี ฉบับมาตรฐาน บูรณาการชีวิต. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง.๒๕๕๒. จรรยา สุวรรณทัต. เอกสารการสอนชุดวิชาการแนะแนวกับคุณภาพชีวิตหน่วยที่ ๑-๘. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ๒๕๓๓. จันทนะ วิไลพัฒน์. “การพัฒนาพฤติกรรมด้านความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการเสียสละของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๕ โดยการใช้กระบวนการสร้างค่านิยม”. วิทยานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ๒๕๔๒. เจือจันทร์จงสถิตอยู่, คนเด่น, วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓. ชนะศักดิ์ยุวบูรณ์, กระทรวงมหาดไทยกับการบริหารจัดการที่ดี, ในการปกครองที่ดี (Good Governance), กรุงเทพมหานคร : บพิธการพิมพ์, ๒๕๔๓. ชาญชัย แสวงศักดิ์, กฎหมายการปกครองเกี่ยวกับการศึกษา, สำนักพิมพ์วิญญูชน : กรุงเทพมหานคร, ๒๕๖๐. ชาติชาย พิทักษ์ธนาคม. จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพมหานคร : ๒๕๔๔. ชำนาญ นิสารัตน์. หนังสือสังคมศึกษา หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย. กรุงเทพมหานคร: ไทย วัฒนาพานิช. ๒๕๒๔. ไชยวัฒน์คํ้าชู, วารสารวงการครู. กรุงเทพมหานคร: ฐานการพิมพ์: ๒๕๔๗.


ณรงค์ ศิลารัตน์. “ศึกษาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญ ศึกษา จังหวัดนครศรีธรรมราช”. วิทยานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยทักษิณ. ๒๕๔๔.. ดวงเดือน พันธุมนาวิน. ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรม การวิจัยและการพัฒนาบุคคล. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพมหานคร : บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สถาบัน. ๒๕๔๔. ดวงเดือน พันธุมนาวิน และเพ็ญแข ประจนปัจจนึก. จริยธรรมของเยาวชนไทย: แผนงานวิจัยฉบับที่ ๒๑.สถาบันพฤติกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร. ๒๕๒๐. ดวงเดือน พันธุมนาวิน. พฤติกรรมศาสตร์ เล่ม ๒ จิตวิทยาและจิตวิทยาภาษา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช. ๒๕๒๔. ทวี บุญเกตุ. พ่อสอนลูก. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์เฟื่องนคร. ๒๕๑๕. ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ๒๕๔๗. ธวัชชัย ชัยจิรฉายากุล. “ผลของการใช้กลุ่มสัมพันธ์และผลของการให้คำปรึกษากลุ่มที่มีต่อความมีวินัย ในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา”. วิทยานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย นเรศวร. ๒๕๓๕. ธีรยุทธ บุญมี, สังคมเข้มแข็ง ธรรมรัฐแห่งชาติ ยุทธศาสตร์กู้หายนะประเทศไทย, กรุงเทพมหานคร : สายธาร, ๒๕๔๑. นงนภัส เอี่ยมลออ. “การใช้กิจกรรม “รักบ้านมงฟอร์ต” เพื่อพัฒนาวินัยนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่”. การศึกษาค้นคว้าแบบอิสระ. บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ๒๕๔๔. นงลักษณ์ยุทธสุทธิพงศ์, สภาพการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของสถานศึกษาในเขตตรวจ ราชการที่ ๑๓. นครราชสีมา : สำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ ๘. นริศลักษณ์ ภักดีพงษ์. “ผลของการใช้ชุดฝึกจิตลักษณะเพื่อนพัฒนาพฤติกรรมรับผิดชอบของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาในช่วงชั้นที่ ๒”. วิทยานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ๒๕๔๖. นันทวรรณ อิสรานุวัฒน์ชัย. “ภาวะผู้นำที่พึงประสงค์ในยุคโลกาภิวัฒน์ : ศึกษาจากหลักพุทธธรรม”. นางสาวสันถวันท์ พยาเลี้ยง, การบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๑, ปริญญาครุศาสตรมหา บัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี, ๒๕๕๒. นายอานันท์ปันยารชุน, มุมมองนายอนันต์, หนังสือพิมพ์มติชน, เดือนกรกฎาคม, วันที่ ๒๖, ๒๕๔๒. นิศานาถ, วารสารวงการครู, กรุงเทพมหานคร: ฐานการพิมพ์, ๒๕๔๗. บรรทม มณีโชค. “การศึกษารูปแบบของข้อคำถามวัดลักษณะนิสัยด้านความเสียสละชนิดข้อความ และชนิดสถานการณ์ที่มีผลต่อคุณภาพของแบบทดสอบ”. วิทยานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ๒๕๓๐.


บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, การสร้างธรรมาภิบาล(Good Governance) ในสังคมไทย, กรุงเทพมหานนคร : วิญญูชน, ๒๕๔๒. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, การสร้างธรรมาภิบาล (Good Governance) ในสังคมไทย, กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน, ๒๕๔๒. บุญมี แท่นแก้ว. จริยศาสตร์. กรุงเทพมหานคร :สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์. ๒๕๓๐. ประภาศรี สีหอำไพ. พื้นฐานการศึกษาทางศาสนาและจริยธรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ๒๕๕๐. ประภาศรี สีหอำไพ, พื้นฐานการศึกษาทางศาสนาและจริยธรรม. ประมวล รุจนเสรี, การบริหาร – การจัดการที่ดี (Good – Governance), กรุงเทพมหานคร : อัมรินทร์ ปรินติ้งแอนด์พับลิสซิ่ง, ๒๕๔๒. ประเวศ วะสี, การปฏิรูปการศึกษายกเครื่องทางปัญญาทางสมองจากความหายนะ, กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิสดศรี – สฤษดิ์วงศ์, ๒๕๔๒. ประเวศ วะสี, หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี, กรุงเทพมหานคร : เนติกุลการพิมพ์, ๒๕๔๑. ประเสริฐ เอื้อนครินทร์. “การทดลองใช้เทคนิค “แม่บท” เพื่อพัฒนาจริยธรรมและความซื่อสัตย์” ปริญญานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร. ๒๕๒๔. ป๋วย อึ้งภากรณ์. ทัศนะว่าด้วยการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง. ๒๕๔๕. หน้า ๓-๔.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล. โครงการวิจัยคุณลักษณะและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในประเทศไทย. รายงานวิจัย. ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม : สำนักงานบริหารและ พัฒนาองค์ความรู้. ๒๕๕๒. ปัญญา ฉายะจินดาวงศ์และคณะ, ธรรมรัฐ วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์. ผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อม. กรุงเทพมหานคร : อนิเมทกรุ๊ป, ๒๕๕๐. พระครูสิริจันทนิวิฐ. (บุญจันทร์เขมกาโม). ภาวะผู้นำเชิงพุทธ. กรุงเทพมหานคร : นิติธรรมการพิมพ์, ๒๕๔๙. พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) . พุทธธรรม ฉบับเดิม. พิมพ์ครั้ง ๑๙. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ ธรรมสภา. ๒๕๔๕. พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). ผู้นำ. พิมพ์ครั้งที่ ๖. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มติชน, ๒๕๔๔. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช. พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช เกี่ยวกับศาสนาและศีลธรรม. กรมการ ศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. ๒๕๕๒. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). ธรรมนูญชีวิต พุทธจริยธรรมเพื่อชีวิตที่ดีงาม. พิมพ์ครั้งที่ ๕๖. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิบรรจงสนิท และสหปฏิบัติฯ. ๒๕๔๖. พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ. มงคลชีวิต ฉบับทางก้าวหน้า. คณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปและวัฒนธรรม วุฒิสภา. ๒๕๔๗.


พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล), หลักธรรมาภิบาล, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์กองพุทธ ศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๔๙. พระราชวรมุนี (ประยุทธปยุตฺโต). เทคนิคการสอนของพระพุทธเจ้า. กรุงเทพมหานคร : อมรินทรพริ้น ติ้ง กรุ๊พ, ๒๕๓๐. พระศรีปริยัติโมลี (สมชัย กุสลจิตฺโต). สงฆ์ผู้นำสังคม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย, ๒๕๔๗. พระสมชาย ฐานวุฑฺโฒ. มงคลชีวิต ฉบับก้าวหน้า. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ.. ๒๕๔๕. พุทธทาสภิกขุ. คุณธรรมสำหรับครู. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา.๒๕๒๗. พุทธทาสภิกขุ. แนะแนวจริยธรรม. กรุงเทพมหานคร : บริษัทศิริพัธต์. ๒๕๐๕. เพ็ญแข ประจนปัจจนึก และคณะ. รายงานการวิจัย การยกระดับคุณธรรม จริยธรรมของสังคมไทย เพื่อการปฏิรูปสังคม : แนวทางและการปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานสภาที่ ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ๒๕๕๑. โพธิ์ทอง จิตอ่อนน้อม. “พฤติกรรมทางจริยธรรมของครูพลศึกษาในทัศนะของผู้บริหารโรงเรียน มัธยมศึกษา และนักเรียนในเขตการศึกษา ๗”. ปริญญานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก. ๒๕๒๙. ไพฑูรย์ สินลารัตน์. ความรู้คู่คุณธรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๓ . กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ๒๕๔๔. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. เอกสารการสอนชุดวิชา จริยศึกษา หน่วยที่ ๕. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ๒๕๓๙. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒. กรุงเทพมหานคร : นาน มีบุ๊คพับลิเคชั่นส์. ๒๕๔๖. ลิขิต ธีรเวคิน. คนไทยในอุดมคติ. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แม็ค. ๒๕๔๘. วรวรรณินี ราชสงฆ์. การเปรียบเทียบผลของการใช้เทคนิคแม่แบบและการใช้บทบาทสมมุติที่มีต่อ การให้เหตุผลเชิงจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖โรงเรียน ศึกษาสงเคราะห์ จังหวัดพัทลุง. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศรีนค รินทรวิโรฒ ประสานมิตร. ๒๕๔๑. วศิน อินทสระ. พุทธจริยศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์เม็ดทราย. ๒๕๔๙. วัฒนากร เรืองจินดา. “คุณธรรมที่จะช่วยให้สังคมเข้มแข็งและก้าวหน้า : ศึกษากรณีทัศนะของนักคิด ในสังคมไทย”. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต . บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหิดล. ๒๕๔๘. วิชาการ. กรม.กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางพัฒนาจริยธรรมไทย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การ ศาสนา. ๒๕๒๓. วิเชียร ชาบุตรบุณฑริก. จริยธรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต. เลย : สถาบันราชภัฏเลย. ๒๕๔๕. วิทย์ วิศทเวทย์ และ เสถียรพงษ์ วรรณปก. หนังสือเรียนสังคมศึกษารายวิชา ส.๔๐๒. กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์อักษรเจริญทัศน์. ๒๕๓๐.


วิทวัฒน์ ขัตติยะมาน. เอกสารประกอบการสอนวิชาคุณลักษณะและจรรยาบรรณครู. ภาควิชา หลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ. ๒๕๔๙. ศิริพร กล่อมจันทร์. “ความรับผิดชอบ การพึ่งตนเอง และวินัยในตนเองของนักศึกษาวิทยาลัยครู”. ปริญญานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ๒๕๒๖. ศึกษาธิการ. กระทรวง. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ฉบับที่ ๒ แก้ไขเพิ่มเติม ๒๕๔๕. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ครุสภา ลาดพร้าว.๒๕๔๕. ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม ศูนย์คุณธรรม. สังคมมีคุณค่าจากต้นกล้าคุณธรรม. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์คุณธรรม. ๒๕๕๑. สมบูรณ์ สิงห์คำป้อง. “ศึกษาปัญหาการส่งเสริมวินัยนักเรียนตามทัศนะของผู้บริหารและครู ใน โรงเรียนเอกชน สังกัดกองศึกษามูลนิธิแห่งภาคริสตจักรในประเทศไทย”. การศึกษา ค้นคว้าอิสระ. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ๒๕๔๒. สมศักดิ์ สุภิรักษ์, “มิติการพัฒนาและการบริหารทรัพยากรบุคคล”, เอกสารประกอบการอบรม ผู้บริหารสถานศึกษา ฝ่ายพัฒนาบุคคล สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครสวรรค์, (\ ๒๕๕๐. สมหมาย ปฐมวิชัยวัฒน์, วาสารนักบริหาร. สยุมพร ปุญญาคม, การบริหารจัดการที่ดี (Good Governance), กับหลักพระพุทธศาสนา ปริญญารัฐประศาสนศาตรมหาบัณฑิต ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. สัญญา ชาวไร่, “การศึกษาการรับรู้การบริหารจัดการโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด”, วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิต วิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, ๒๕๔๘. สามัญศึกษา.กรม. กระทรวงศึกษาธิการ. ชุดการสอนปลูกฝังและการสร้างค่านิยมพื้นฐานเรื่องความ รับผิดชอบ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ศรีเมืองการพิมพ์. ๒๕๓๖. สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. แนวปฏิบัติกิจกรรมเสริมสร้างวินัยนักเรียน สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา. สุพรรณบุรี : ศูนย์วิชาการสุพรรณบุรี. ๒๕๓๒. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล, (พิมพ์ครั้งที่ ๑), กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.๒๕๔๔. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, “ธรรมาภิบาลกับการกู้วิกฤตเศรษฐกิจชาติ”, ประชาชาติธุรกิจ, ๓-๖ ธันวาคม ๒๕๔๑. สำนักงานคุณธรรมจริยธรรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนาธรรม. ธรรมศึกษาชั้นตรี ฉบับปรับปรุง ใหม่ที่ประกาศใช้ปัจจุบัน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย จำกัด. ๒๕๔๙. สำนักงานคุณธรรมจริยธรรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนาธรรม. ธรรมศึกษาชั้นตรี ฉบับปรับปรุง ใหม่ที่ประกาศใช้ปัจจุบัน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย จำกัด. ๒๕๔๙.


สำนักนายกรัฐมนตรี, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและ สังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒, กรุงเทพมหานคร : สำนักงานฯ, ๒๕๔๒. สำนักพิมพ์เดอะบุคส์, กฎหมายครู, บริษัทสำนักพิมพ์เดอะบุคส์ จำกัด : กรุงเทพมหานคร, ๒๕๕๖. สุชีพ ปุญญานุภาพ. ประวัติศาสตร์ศาสนา. พิมพ์ครั้งที่ ๘. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิมงกุฏราช วิทยาลัย. ๒๕๔๐. สุพัตรา สุภาพ. สังคมและวัฒนธรรมไทย: ค่านิยม สังคม ครอบครัว ประเพณี. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช. ๒๕๒๕. สุมณธา แก่นกูล. “ศึกษาพฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรม นักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ ๖สำนักงาน การประถมศึกษา อำเภอพะโต๊ะ สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดชุมพร”. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต. สาขาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยทักษิณ. ๒๕๔๔. โสมนัส ณ บางช้าง, “Good Governance”, (การกำกับดูแลที่ดี), วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๓. อดิศักดิ์ ภูมิรัตน์. “ผลของการใช้กิจกรรมกลุ่มที่มีต่อเจตคติเชิงจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ ๖”. ปริญญานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก. ๒๕๓๕. อัจฉรา โยมสินธุ์, บรรษัทภิบาลกลยุทธ์ธุรกิจแบบยั่งยืน, วารสารนักบริหาร, ๒๕๔๑. อัญจนา ประสานชาติ. “ผลการฝึกจิตลักษณะเพื่อพัฒนาพฤติกรรมวินัยในตนเองของนักเรียนระดับ ประถมศึกษา”. วิทยานิพนธ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ๒๕๔๕. เอเจอร์แซม, ธรรมาภิบาลการปกครองที่โปร่งใสด้วยจริยธรรม, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ น้ำฝน, ๒๕๔๕. (๒) วิทยานิพนธ์/งานวิจัย : เกียรติศักดิ์ศรีสมพงษ์, การบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย. เฉลิมชัย สมท่า, การบริหารโดยใช้หลักธรรมมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของ ครูปฏิบัติการสอนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต ๑, วิทยานิพนธ์ศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๔๗. ชรินรัตน์ แผงดี, รูปแบบการบริหารด้วยหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารกลุ่มเครือข่าย โรงเรียนบึง พิมพาสามัคคี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรค์ เขต ๒, วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, ๒๕๕๑. ชัชภูมิสีชมภู, รูปแบบการบริหารจัดการเขตพื้นที่การศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล, วิทยานิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนเรศวร, ๒๕๔๘), หน้า ๘๕. ศิรินารถ นันทวัฒนภิรมย์, การบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานตามหลักธรรมาภิบาลอำเภอเมืองลำพูน, การค้นคว้าแบบอิสระศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๔๗.


สันถวันท์ พยาเลี้ยง, การบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๑, ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, บัณฑิควิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี, ๒๕๕๒. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์ เขต ๑, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิต วิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, ๒๕๕๐. สุรศักดิ์ ม่วงทอง. “พุทธธรรมกับภาวะผู้นำที่พึงประสงค์ศึกษากรณีกำนันและผู้ใหญ่บ้าน จังหวัด นครศรีธรรมราช”. วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, ๒๕๔๓. สุวรรณ ทองคำ, สภาพการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดสิงห์บุรี, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราภัฎเทพสตรี, ๒๕๔๕. (๓) สื่อออนไลน์ : (ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, ๒๕๔๑แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วยธรรมรัฐ แห่งชาติ. เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี คณะ ร ั ฐ ศ า ส ต ร ์ จ ุ ฬ า ล ง ก ร ณ ์ ม ห า ว ิ ท ย า ล ั ย , แ ห ล ่ ง ท ี ่ ม า ข อ ง ข ้ อ มูล http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp. เข้าข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. (ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, นฤมล ทับจุมพล, แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วย ธรรมรัฐแห่งชาติ, เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี ค ณ ะ ร ั ฐ ศ า ส ต ร์ จ ุ ฬ า ล ง ก ร ณ ์ ม ห า ว ิ ท ย า ล ั ย , [Online]. Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp.,๒๕๔๑, เข้าข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. , (๒๕๔๒ ), ห ล ั ก น ิ ต ิ ธ ร ร ม , [Online]. Available: http://www.kpi.ac.th/ kpiuser/Governance Rule.htm. ,เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. , “ธรรมรัฐภาคการเมือง : บทบาทภาคีเมือง” รัฐสภาสาร ๔๖, ๙ กันยายน ๒๕๔๑, แ ห ล ่ ง ท ี ่ ม า ข อ ง ข ้ อ ม ู ล [Online]. Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser /GovernanceRule.html, เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. , “ธรรมรัฐภาคการเมือง : บทบาทภาคีเมือง” รัฐสภาสาร ๔๖, ๙ กันยายน ๒๕๔๑. [Online]. Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser/GovernanceRule.html, เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. , “ธรรมรัฐภาคการเมือง: บทบาทภาคีเมือง” รัฐสภาสาร ๔๖, ๙ กันยายน ๒๕๔๑. [Online].Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser/GovernanceEquity.htm., เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. , หลักความรับผิดชอบ, [Online]. Available:


http://www.kpi.ac.th/kpiuwer/Governance Accountability.htm., เข้าถึงข้อมูล เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. , หลักค วา มร ับ ผิด ช อ บ , แ ห ล ่ ง ท ี ่ ม า ข อ ง ข ้ อ ม ู ล , [Online]. Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governanceAccountability.htm, เข้าถึงข้อมูลเมื่อ วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. , หลักคุณธรรม, [Online]. Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser/GovernanceMoral.htm, เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. , หลักคุณธรรม, [Online]. Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser/GovernanceMoral.htm เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. กล้าณรงค์จันทิก (ม.ป.ป. อ้างถึงใน จตุมงคล โสณกุล, ๒๕๔๑), ธรรมรัฐภาคราชการ, วัฎจักร, http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp, เข้าถึงข้อมูลเมื่อ วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๖. การลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณ, it.dru.ac.th , [ออนไลน์วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗] คณะผู้วิจัยโครงการแนวทางการสร้างเสริมประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย, (๒๕๔๐), การมีส่วนร่วมของประชาชน, แหล่งที่มาของข้อมูล [Online]. Available:http://www.kpi.ac.th/kpiuser/publicparticipation.asp. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. เฉลิม เกิดโมลี,แนวทางการมีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบาย, เอกสารประกอบการเสวนาวิพากษ์ ตัวแบบการมีส่วนร่วมของประชาชน, กันยายน ๒๕๔๓.แหล่งที่มาของข้อมูล [Online].Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser/publicparticipation.asp, เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. ชัยวัฒน์สถาอานันต์ (ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, ๒๕๔๑), แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วย ธรรมรัฐแห่งชาติ, เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, แหล่งที่มาของข้อมูล http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ทิพาวดีเฆมสวรรค์ (ม.ป.ป. อ้างถึงใน จตุมงคล โสณกุล, ๒๕๔๑) ธรรมรัฐภาคราชการ, วัฎจักร, แหล่งที่มาของข้อมูล http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp. เข้าถึง ข้อมูลเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖. ชัยอนันต์สมุทวณิช (ม.ป.ป. อ้างถึงใน อมรา พงศาพิชญ์และ นิตยา ภัทรลีรดะพันธุ์, ๒๕๔๑)ธรรม รัฐและธรรมราษฎร์กับองค์กรประชาสังคม, เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ เนื่อง ในวาระครบ ๕๐ ปี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์หมาวิทยาลัย,


http//www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖. ชัยอนันต์สมุทวณิช ,ธรรมรัฐและธรรมราษฎร์กับองค์กรประชาสังคม. เอกสารประกอบการประชุม วิชาการ เนื่องในวาระครบ ๕๐ ปีคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์หมาวิทยาลัย.[Online]. Available: http//www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp.,ม.ป.ป. อ้างถึงใน อมรา พงศาพิชญ์และ นิตยา ภัทรลีรดะพันธุ์,๒๕๔๑. ,เข้าข้อมูลเมื่อวันที่๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. ทิพาวดีเฆมสวรรค์,ธรรมรัฐภาคราชการ. วัฎจักร (๖ พฤษภาคม ๒๕๔๑): ๓. [Online].Available: http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp,ม.ป.ป. อ้างถึงใน จตุมงคล โสณกุล, ๒๕๔๑,เข้าข้อมูลเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖. บุญศักดิ์ กำแหงฤทธิรงค์(ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, ๒๕๔๑) แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วย ธรรมรัฐแห่งชาติ. เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, แหล่งที่มาของข้อมูล http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖. บุญศักดิ์กำแหงฤทธิรงค์ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, นฤมล ทับจุมพล, แนวคิดและวาทกรรม ว่าด้วยธรรมรัฐแห่งชาติ, เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕ ๐ ปี ค ณ ะ ร ั ฐ ศ า ส ต ร์ จ ุ ฬ า ล ง ก ร ณ ์ ม ห า ว ิ ท ย า ล ั ย . [Online]. Available:http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp.,๒๕๔๑,เข้าข้อมูล เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖. ประเวศ วะสี(ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, ๒๕๔๑) แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วยธรรมรัฐ แห่งชาติ, เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี คณะ รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, แหล่งที่มาของข้อมูล http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖. ปีดิเทพ อยู่ยืนยง, ธรรมาภิบาล (Good Governance) เว็บไชต์ [Online].Available WWW :http://C:\WINDOWS\TEMP\triJOFCH.htm.,เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖. ผกา สัตยธรรม.คุณธรรมของครู.กรุงเทพมหานคร.สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔. ม.ป.ป. อ้างถึงใน นฤมล ทับจุมพล, นฤมล ทับจุมพล, แนวคิดและวาทกรรมว่าด้วยธรรม รัฐแห่งชาติ, เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปีคณะ ร ั ฐ ศ า ส ต ร์ จ ุ ฬ า ล ง ก ร ณ ์ ม ห า ว ิ ท ย า ล ั ย , [Online]. Available:http://www.kpi.ac.th/kpiuser/governance_type.asp., ๒ ๕ ๔ ๑ , เ ข้ า ข้อมูลเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖. มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา, คุรุสภา สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา, http://www.ksp.or.th [ออนไลน์วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖.]


Click to View FlipBook Version