นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2.2 ช้ันบรรยากาศ
ขั้นท่ี 1 การตง้ั คําถามเชงิ ภูมิศาสตร บรรยากาศเป็นช้ันอากาศที่หุ้มห่อโลกและอยู่ได้ด้วยแรงดึงดูดของโลก มีขอบเขตจาก
พนื้ ผิวโลกขึ้นไปประมาณ 400 กโิ ลเมตร เน่ืองจากอากาศเป็นสสาร ดังนั้น แรงดึงดดู โลกจงึ ทา� ให้
1. ครูใหนักเรียนดูภาพการแบงช้ันบรรยากาศ อากาศท่ีระดบั ทะเลปานกลางมคี วามหนาแน่นของอากาศมากที่สดุ
จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากน้ัน
ใหนักเรียนลองบอกสิ่งที่เหน็ จากสายตา การแบ่งช้ันบรรยากาศโดยใช้ลักษณะการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของอากาศเป็นเกณฑ์ มี
4 ชั้น ดังน้ี
2. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอที่เก่ียวของกับ
การแบง ชน้ั บรรยากาศของโลก จากนนั้ ครถู าม 180 ระดบั ความสูง (กิโลเมตร)
คาํ ถามกระตนุ ความคดิ โดยใหน กั เรยี นรว มกนั
ตอบคําถาม เชน 160
• บรรยากาศของโลกมีลกั ษณะอยางไร
(แนวตอบ บรรยากาศของโลกเปนอากาศ
ท่ีหอหุมโลกซ่ึงประกอบดวยแกสตางๆ
ไอนา้ํ และฝนุ ละออง)
140
120
100 4 เทอรโ์ มสเฟย ร์ (thermosphere)
80 เมโซพอส (mesopause)
60 3 เมโซสเฟยร ์ (mesosphere)
สแตรโทพอส (stratopause)
40 2 สแตรโทสเฟยร ์ (stratosphere)
20 ชนั้ โอโซน (O3) โทรโพพอส (tropopause)
1 โทรโพสเฟย ร ์ (troposphere)
0 -120 -60 0 60 120
อณุ หภมู ขิ องอากาศ ( c� )
40
ส่ือ Digital กจิ กรรม สรา งเสริม
ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอเร่ืองชั้นบรรยากาศของโลก เพ่ือใหนักเรียน นักเรียนฝกอาน วิเคราะห แปลความหมาย infographic
เกิดความรู ความเขาใจ เก่ียวกับการแบงชั้นบรรยากาศโดยใชเกณฑลักษณะ การแบงชั้นบรรยากาศจากหนังสือเรียน ในประเด็น ชื่อชั้น
การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ขิ องอากาศ เชน จาก https://www.youtube.com/ บรรยากาศ ระดับความสูง อุณหภูมิ และลักษณะเฉพาะของ
watch?v=fyfN9t_E0w8 แตละช้นั บรรยากาศ
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เร่ือง โครงสรางช้ันบรรยากาศของโลก ไดท่ี กิจกรรม ทา ทาย
https://www.youtube.com/watch?v=WaikvaAw2nk
นกั เรยี นศกึ ษาขอ มลู ชนั้ บรรยากาศแลว ออกแบบ infographic
T42 ซึ่งประกอบดวยชั้นบรรยากาศทั้ง 4 ชั้น คือ โทรโพสเฟยร
สแตรโทสเฟยร เมโซสเฟย ร เทอรโ มสเฟย ร ระบคุ วามสูงของและ
อุณหภมู ิของแตล ะชน้ั ใหถ กู ตอง โดยดูรูปแบบจากในหนังสือเรยี น
เปน ตัวอยา ง
นาํ นาํ สสออนน สรปุ ประเมนิ
2.1) โทรโพสเฟยร ์ (troposphere) ชนั้ บรรยากาศของโลกท่อี ยู่ตดิ กับพน้ื ผิวโลก ขน้ั สอน
ขึ้นไป มีระดับความสูงจากพื้นโลก ณ บริเวณเส้นศูนย์สูตรประมาณ 17 กิโลเมตร และบริเวณ
ขวั้ โลก ประมาณ 9 กโิ ลเมตร ขนั้ ที่ 1 การตง้ั คําถามเชงิ ภมู ิศาสตร
การพาความรอ นบรเิ วณขว้ั โลกมนี อ ย • เมฆ หมอก ฝน หิมะ พายุ หรืออากาศที่
9 กม. แปรปรวน มกั เกดิ ขึ้นในช้นั บรรยากาศใด
(แนวตอบ ช้ันบรรยากาศท่ีกอใหเกิดเมฆ
การพาความรอ น 17 กม. การพาความรอ น หมอก ฝน หมิ ะ พายุ หรอื อากาศทแ่ี ปรปรวน
บรเิ วณศนู ยส ตู รมมี าก บรเิ วณศนู ยส ตู รมมี าก คือ ช้ันโทรโพสเฟยร เปนช้ันบรรยากาศที่
จงึ เกดิ เมฆควิ มูโลนมิ บสั จงึ เกดิ เมฆควิ มโู ลนมิ บสั อยตู ิดกับพน้ื ผิวโลก ณ บริเวณเสนศูนยสตู ร
และอากาศแปรปรวน และอากาศแปรปรวน ประมาณ 17 กโิ ลเมตร และบริเวณข้ัวโลก
รโทรโโสทพแรสตโเพรฟโพยทอสสเฟย ร ประมาณ 9 กโิ ลเมตร)
ลม
กระแสอากาศ • การเพม่ิ ขนึ้ ของอณุ หภมู โิ ลกมผี ลตอ การเกดิ
พายหุ มนุ หรอื ไม อยางไร
ขอบเขตของบรรยากาศชนั้ โทรโพสเฟียรท์ ม่ี ีความช้ืนของอากาศในรูปเมฆ (แนวตอบ นักภูมิศาสตรไดสันนิษฐานวา
และการเคลอื่ นทข่ี องอากาศในแนวระดับและแนวตัง้ อณุ หภมู โิ ลกทเี่ พมิ่ สงู ขนึ้ จากการเปลยี่ นแปลง
ของปรากฏการณเรือนกระจก มีผลทําให
ระดบั ความสงู (กโิ ลเมตร) พายุหมุนในบริเวณตางๆ ของโลกเกิดข้ึน
15 บอยครง้ั และรนุ แรงมากขนึ้ เนื่องจากสง ผล
ลกั ษณะเฉพาะ 14 อณุ หภมู คิ งทแ่ี ละสงู ขน้ึ บรเิ วณทอ่ี ากาศ ใหความกดอากาศต่ําที่มีกระแสหมุนเวียน
13 เมอ่ื ความสงู เพม�ิ ขน้ึ ไมม เี มฆและพายุ เขา หาศนู ยก ลางอยา งรวดเรว็ และรนุ แรงขน้ึ
• อณุ หภมู ติ า่� ลงตามความสงู ในอตั ราเฉลย่ี 12 สง ผลใหเ กดิ พายหุ มนุ ในบรเิ วณตา งๆ ของโลก
สแตรโทสเฟย ร ทง้ั ไตฝ นุ ในทะเลจนี ใต ไซโคลนในอา วเบงกอล
6.4 องศาเซลเซียส ต่อ 1,000 เมตร 11 โทรโพพอส และเฮอรร ิเคนในทะเลแครบิ เบียน)
จนถึงแนวแบง่ เขตบรรยากาศ ทเี่ รียกว่า 10
โทรโพพอส (tropopause) 9 โทอรตั6โร.พ4าเสCํปเลฟตย่ี อนย อ1รณุ,0 0ห0ภมูมติ.ามสงู บรเิ วณทเ่ี กดิ
• อากาศมีการเคล่ือนท่ีทั้งในแนวราบและ 8 อากาศแปรปรวน
แนวด่ิง สภาพอากาศชั้นน้ีมีไอน้�า เมฆ 7 และพายใุ นเมฆ
หมอก ฝน หิมะ พายุ และอากาศ 6 ควิ มูโลนมิ บสั
5
แปรปรวน 4
3
2
1
ผวิ โลก -60 -50 -40 -30 -20 -10 0 10
อณุ หภมู ิ (องศาเซลเซยี ส)
อตั ราเปลยี่ นอุณหภมู ิตามความสงู ในบรรยากาศ
ช้นั โทรโพสเฟยี ร์
41
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
เพราะเหตใุ ดบรรยากาศชนั้ โทรโพสเฟย รจ งึ มกั เกดิ ปรากฏการณ ครใู หข อ มลู เพมิ่ เตมิ วา บรรยากาศชน้ั โทรโพสเฟย รม กั ปรากฏสภาพอากาศ
ทางธรรมชาตบิ อ ยครงั้ รุนแรง เนื่องจากมีมวลอากาศหนาแนน การเปล่ียนสถานะของน้ํา ทําใหเกิด
การดูดและคายความรอนแฝง ลักษณะทางภูมิประเทศของพ้ืนผิวโลก เชน
(แนวตอบ เพราะช้ันโทรโพสเฟย ร เปน ชั้นบรรยากาศชัน้ ลา งสดุ ภูเขา ทะเลทราย มหาสมุทร ยังสง ผลกระทบตอ ตัวแปรตา งๆ ของอากาศดว ย
สงู จากผวิ โลก 8-15 กโิ ลเมตร มีอทิ ธพิ ลตอ ส่ิงแวดลอมมากท่ีสุด เชน อณุ หภมู ิ ความช้ืน กระแสลม ความกดอากาศ
อากาศท่ีมนษุ ยห ายใจคอื อากาศชน้ั นี้ รวมถงึ เมฆ พายุ ลม และ
ลักษณะอากาศตางๆ ก็เกิดข้ึนในบรรยากาศช้ันน้ีเชนเดียวกัน
อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงบอยคร้ังและเรว็ กวา บรรยากาศชนั้ อนื่ ๆ
ทาํ ใหเ กดิ ปรากฏการณท างธรรมชาต)ิ
T43
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2.2) สแตรโทสเฟยร์ (stratosphere) ชั้นบรรยากาศท่ีอยู่เหนือแนวโทรโพพอส
ขน้ึ ไป มีระดบั ความสูงจากพน้ื โลกประมาณ 17 - 50 กโิ ลเมตร
ขน้ั ท่ี 1 การต้งั คาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตร
ลักษณะเฉพาะ
• แสงออโรรา หรอื แสงทม่ี ลี ักษณะเปน วงโคง
มองเห็นไดในเวลากลางคืนบนทองฟาแถบ • สอแณุ ตหรภโทมู พิมอีคส่า1ค(sงทtra่รี tะoยpะaตuน้ sแeล) ะสงู ขนึ้ ตามความสูง จนถงึ แนวแบ่งเขตบรรยากาศ ทเ่ี รียกวา่
ข้วั โลก จะพบไดในช้ันบรรยากาศใด • อากาศมีการเคล่อื นท่เี ฉพาะในแนวระดบั เพียงอย่างเดียว
(แนวตอบ แสงออโรราจะพบไดในชั้นเทอร- • บรรยากาศปราศจากเมฆและพายุจงึ เปน็ ประโยชนต์ อ่ กจิ การการบนิ
โมสเฟยร ท่ีมีระดับความสูงจากพื้นโลก • ดมูดแี กซส๊ับโคอลโซ่ืนนรัง(Oสีอ3)ัลอตยรหู่าไนวาโแอนเลน่ ตทรี่ (ะUดlบัtrคaวvาioมlสetงู :2U5V-)30ไวก้ โิ ลซเ่ึงมเปตร็นสจาากเหพตนื้ ุทผ�าวิ ใโหล้อกุณจงึหสภาูมมิขารอถง
ประมาณ 80 กโิ ลเมตรขึน้ ไป)
บรรยากาศสงู ขึ้น
3. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตง้ั ประเดน็ คาํ ถาม 2.3) เมโซสเฟยร์ (mesosphere) ชั้นบรรยากาศที่อยู่เหนือแนวสแตรโทพอส
เชิงภมู ศิ าสตร เชน
• การเปลยี่ นแปลงดา นบรรยากาศของโลกเกดิ ขึน้ ไป มีระดบั ความสงู จากพนื้ โลกประมาณ 50 - 80 กิโลเมตร
จากปจ จัยใดบา ง
• ชน้ั บรรยากาศท่หี อหมุ โลกมีอะไรบา ง ลักษณะเฉพาะ
และใชส ิ่งใดเปนเกณฑในการแบง
• การเปล่ียนแปลงบรรยากาศท่ีเกิดข้ึนใน • อณุ หภมู ติ า่� ลงตามความสงู จนถงึ แนวแบง่ เขตบรรยากาศ ทเ่ี รยี กวา่ เมโซพอส (mesopause)
ภูมภิ าคตางๆ ของโลก มลี กั ษณะทเ่ี หมอื น • เทหวัตถใุ 2น.ท4)อ้ งเฟทอา้ รเ์โชมน่ สเอฟกุ ยกรา์ บ(tาhตerดmาoวsตpกheจrะeถ)ูกชเสั้นียบดรสรีแยลาะกเาผศาทไหี่อมยู้่เหนือแนวเมโซพอส2
หรอื แตกตา งกนั หรือไม อยา งไร ข้ึนไป มรี ะดับความสูงจากพืน้ โลกประมาณ 480 กิโลเมตร
• แนวทางการปฏิบัติตนใหปลอดภัยจากการ
เปล่ยี นแปลงของบรรยากาศ สามารถทําได ลกั ษณะเฉพาะ
อยา งไร
• อณุ หภมู มิ คี า่ คงทร่ี ะยะตน้ และสงู ขน้ึ ตาม
ความสงู
• มีประจุไฟฟ้ามาก จึงสามารถสะท้อน
คล่ืนวิทยทุ ี่ใช้กับการสื่อสารระยะไกลได้
• เกดิ แสงออโรรา(aurora) เปน็ แสงสแี ดง
เขยี ว และขาว มีลกั ษณะเป็นวงโคง้ เป็น
เสน้ ๆ มองเหน็ ในเวลากลางคนื บนทอ้ งฟา้
แถบข้วั โลก
3
แสงออโรราเป็นปรากฏการณ์ทางแสงทีเ่ กดิ ขึน้ แถบข้วั โลก
42
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
อุกกาบาตจากนอกโลกจะเรม่ิ ลุกไหม ขณะเขาสูแรงดึงดดู ของ
1 สแตรโทพอส ขอบในชน้ั บรรยากาศของโลกทกี่ นั้ ระหวา งชนั้ สแตรโทสเฟย ร โลกในชั้นบรรยากาศใด
และเมโซสเฟย ร มคี วามสงู จากพนื้ โลกประมาณ 50 กโิ ลเมตร มคี วามกดอากาศ
ประมาณ 1/1,000 ของความกดอากาศท่ีระดับน้าํ ทะเล 1. เมโซสเฟยร
2 เมโซพอส ขอบในชั้นบรรยากาศของโลกท่ีกั้นระหวางชั้นเมโซสเฟยร 2. โทรโพสเฟย ร
และเทอรโมสเฟย ร มีความสงู จากพนื้ โลกประมาณ 80-85 กโิ ลเมตร 3. ไอโอโนสเฟย ร
3 แสงออโรรา ปรากฏการณแสงเหนือ แสงใต เปนปรากฏการณทาง 4. เทอรโมสเฟยร
ธรรมชาตทิ ีเ่ กิดบรเิ วณข้วั โลกท้งั เหนือและใต เกดิ จากการชนกนั ระหวา งแกสใน 5. สแตรโทสเฟย ร
ช้ันบรรยากาศโลกกับอนุภาคไฟฟาที่ถูกปลอยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. บรรยากาศช้นั เมโซสเฟยรสงู จาก
กอ ใหเกิดการระเบดิ เปน ลาํ แสงสีทแี่ ตกตางกนั ออกไป ชว งเวลาท่ีดีทสี่ ดุ ของการ พ้ืนดิน 50-80 กิโลเมตร เหนือช้ันโอโซน อุณหภูมิจะลดลงตาม
เกิดแสงเหนือจะอยูในชวงฤดูหนาวของทางขั้วโลก ซ่ึงเปนชวงเดือนกันยายน ความสงู ที่เพ่มิ ข้นึ โดยอาจสงู ไดถึง 83 องศาเซลเซยี ส อกุ กาบาต
ตุลาคม มนี าคม เมษายน หรือช้ินสวนหินจากอวกาศทต่ี กลงมามักถูกเผาไหมในช้นั น้)ี
T44
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2.3 การเปลี่ยนแปลงทางบรรยากาศภาค ขน้ั สอน
สงิ่ มชี วี ติ ทง้ั หลายอาศยั อยภู่ ายใตบ้ รรยากาศชนั้ โทรโพสเฟยี รข์ องโลกเทา่ นน้ั มปี รากฏการณ์ ขนั้ ที่ 2 การรวบรวมขอ มลู
ตา่ ง ๆ เกดิ ขน้ึ ไดแ้ ก่ ลมฟา้ อากาศ และภูมอิ ากาศ ซึง่ มีผลต่อสรรพสิง่ บรเิ วณพ้ืนโลก ทั้งสิ่งมีชีวิต
และไม่มชี วี ิตในทุก ๆ แห่ง ระบบธรรมชาติส�าคัญทม่ี เี ฉพาะในบรรยากาศช้นั โทรโพสเฟยี ร์ ได้แก่ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเก่ียวกับ
อณุ หภูมิ ความกดอากาศ ลมกบั ทิศทางลม และความชืน้ กบั หยาดน�า้ ฟ้า การเปลี่ยนแปลงทางบรรยากาศภาค จาก
1) อุณหภูมิ บรรยากาศในช้ัน หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจาก
การสะทอ นกลบั พกลารงั แงาผนร งัคสวดีามวงรออ านทจติ ายก การดดู ซบั แหลง การเรียนรอู ื่นๆ เชน หนังสอื ในหองสมุด
โทรโพสเฟียร์ได้รับพลังงานความร้อนและ โดยตวั กระทำตา งๆ ลงมาสตู อนบนของ โดยตวั กระทำตา งๆ เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ประกอบการใช
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ผ่านบรรยากาศชั้น ชน้ั บรรยากาศ รอ ยละ 100 เคร่ืองมอื ทางภูมิศาสตรในประเดน็ ตอไปนี้
แพรก ระจาย 5% เมฆ 21% แผน ดนิ 6% • อุณหภมู ิ
ต่าง ๆ ลงมาจนถึงพื้นโลก ซ่ึงมีความสมดุล ฝนุ ละโมออเลงกตลุา แงลๆะ15% • ความกดอากาศ
ระหว่างการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ที่ลงมา • ลมและทศิ ทางลม
และสูญเสียพลังงานไปกับการดูดซับพลังงาน • ความช้นื และหยาดน้าํ ฟา
ของโลก เมฆ 3%
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเช่ือถือ
ปรมิ าณพลงั งานความรอ้ นจากการ ใหก ับนกั เรียนเพ่มิ เติม
แผ่รังสีดวงอาทิตย์ตอนบนของช้ันบรรยากาศ
พน้ื โล5ก0ด%ดู ซบั
จ�านวนร้อยละ 100 มีอัตราส่วนรังสีสะท้อนไป ค่าความสมดุลของพลังงานความร้อนจากการแผ่รังสี
รอ้ ยละ 32 ชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์ดูดซับไว้ ดวงอาทิตย์ส่บู รรยากาศชน้ั โทรโพสเฟยี ร์
ร้อยละ 18 และพ้นื โลกดดู ซบั ไวร้ ้อยละ 50
อณุ หภูมิในบริเวณสว่ นต่าง ๆ ของ ค่าของมมุ ทรี่ ังสดี วงอาทติ ย์
โลกมีความแตกต่างกันไปตามการรับพลังงาน ตกสพู่ นื้ โลกในแนวด่ิง
ความร้อน และการแผ่รังสีดวงอาทิตย์ ณ
ต�าแหน่งของโลกตามลักษณะต่าง ๆ ข้ึนอยู่กับ แสงแนวเฉย� ง แสงแนวดง�ิ
คา่ ของมมุ ทร่ี งั สดี วงอาทติ ยต์ กสพู่ น้ื โลก ฤดกู าล
ระยะใกล้ไกลระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก ความ
แตกต่างระหว่างพน้ื ดินกับพื้นนา้�
ปริมาณรังสีดวงอาทิตย์ท่ีตกลงบนพื้นที่หน่ึง ในแนวด่ิง
และแนวเฉยี ง มคี วามเขม้ ตา่ งกนั โดยแนวเฉยี งมกี ารกระจาย
เปน็ บริเวณกว้าง แต่ความเขม้ ของรงั สีจะน้อยกว่าแนวดิง่
43
กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู
ใหนักเรียนเลือกประเทศที่สนใจจากตําแหนงบนลูกโลก แลว ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลการเปลี่ยนแปลงทางบรรยากาศจากการท่ี
วเิ คราะหว า ประเทศดงั กลา วจะมอี ณุ หภมู อิ ยา งไร จากตาํ แหนง ของ อุณหภมู ิสูงข้ึน เชน การละลายของธารน้าํ แข็งและภูเขานาํ้ แขง็ สง ผลใหระดับ
ดวงอาทิตยที่ครูกําหนดขึ้น นําเสนอพรอมแสดงเหตุผลประกอบ นาํ้ ทะเลและมหาสมุทรสูงขึน้ นักวิทยาศาสตรคาดการณว า อีก 100 ปข า งหนา
และอภิปรายสรปุ รว มกนั ระดับนํ้าในมหาสมุทรจะสูงข้ึนประมาณ 1 เมตร พื้นท่ีชายฝงจะจมหายไป
เพราะนํา้ ทว ม โดยเฉพาะประเทศลุม ตํ่ามาก เชน บงั กลาเทศ มลั ดฟี ส หมูเกาะ
โซโลมอน จากนั้นใหนักเรียนชวยกันบอกพฤติกรรมของมนุษยท่ีสงผลใหเกิด
ภาวะโลกรอน พรอมวิธีการลดภาวะโลกรอ นเพม่ิ เติม
สื่อ Digital
ครูใหน ักเรียนดคู ลปิ global warming จากเวบ็ ไซตตางๆ เชน https://
www.nationalgeographic.com/environment/global-warming/
Tglobal-warming-overview/ ภาวะโลกรอน https://www.youtube.com/
watch?v=RaAZDfZkf0g ชะตากรรมหมขี ้ัวโลกเสยี่ งสญู พนั ธุ 45
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ฤดูกาล ฤดใบไมผลิ แสงอาทิตยตั้งฉากกบั เสน
ฤดูใบไมรว ง ศนู ยส ตู ร 0 ํ ทำใหท ง้ั โลก
ขน้ั ที่ 3 การจัดการขอ มลู 21 มีนาคม มเี วลากลางวนั และกลางคนื ยาวเทากนั
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก บริเวณอารก ตกิ เหนอ� เสน บริเวณอารกติกเหนอ� เสน
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู อารก ตกิ เซอรเ คลิ 66 ํ 30' N จะมดื ไมเ หอ็นาแรกสตงอิกาเซทอิตรยเตคลลิ อ6ด62ํ430ช'มN.
ระหวา งกนั จะเห็นแสงอาทิตยตลอด 24 ชม.
เมษายน มนี าคม กมุ ภาพนั ธ มกราคม 22 ธนั วาคม
2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ฤดูรอน 21 มถิ นุ ายนมถิ นุ ายน พฤษภาคม
ท่ีนําเสนอเพ่ือใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม ฤดหู นาว
อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพ่มิ เตมิ แสงอาทติ ยต งั้ ฉากกบั เสน ทรอปก ออแฟสงแอคาปทริตคิ ยอตรง้ันฉ2า3กกํ บั30เส' นS ฤดหู นาว
ทรอปก ออฟแคนเซอร 23 ํ 30' N ฤดรู อน
3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมใชสมารตโฟนคนหา กรกฎาคม
วันและระยะเวลาทโ่ี ลกไดร บั รังสดี วงอาทิตยท่ี บริเวณแอนตารก ติกาใตเสน สงิ หาคม กนั ยายน ตลุ าคม พฤศจกิ ายน ธันวาคม บรเิ วณแอนตารก ตกิ าใตเ สน
แตกตา งกนั จนมชี อ่ื เรยี กทแี่ ตกตา งกนั ออกไป แจอะเนหต็นาแรสกงตอิกาเทซิตอยรเตคลลิ อ6ด62ํ430ช'มS.
เพิ่มเติม เชน วันวสันตวิษุวัต วันอุตตรายัน แอนตารกติกเซอรเคิล 66 ํ 30' S
แลวนําขอมูลมาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน จะมืดไมเ หน็ แสงอาทิตยตลอด 24 ชม.
ประกอบการใชค าํ ถาม เชน
• ระยะเวลากลางวนั และกลางคนื ทเี่ ทา กนั ของ 23 กนั ยายน แสงอาทติ ยต งั้ ฉากกับเสน ซีกโลกเหนอ�
พื้นท่ีซีกโลกเหนือและซีกโลกใตจะเกิดข้ึน ศูนยส ตู ร 0 ํ ทำใหท ัง้ โลก ซีกโลกใต
ในวันใด ฤดใบไมร ว ง มเี วลากลางวนั และกลางคนื ยาวเทา กนั
(แนวตอบ เกดิ ขนึ้ ในวนั วสนั ตวษิ วุ ตั วนั ศารท-
วิษวุ ตั ไดแก วนั ที่ 21 มีนาคม และวนั ที่ 22 ฤดูใบไมผ ลิ
กนั ยายนของทกุ ป ซงึ่ ระยะเวลากลางวนั และ
กลางคนื ของพนื้ ทใี่ นซกี โลกเหนอื และซกี โลก ต�าแหนง่ รงั สีดวงอาทติ ย์สอ่ งแสงและมุมตงั้ ฉากกบั เส้นขนานละติจูดตา่ ง ๆ ในรอบ 1 ปี
ใตจะเทา กนั คือ ชว งละ 12 ชั่วโมง)
ระยะใกล ้ไกลระหวา่ งดวงอาทติ ยก์ บั โลก วสันตวษิ วุ ัต121 มนี าคม
ข้ันท่ี 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอ มลู
โคจรของโลก
1. ครูใหสมาชิกแตละกลุมวิเคราะหเพิ่มเติมถึง วง
ลักษณะอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกและของไทย อุตตรายัน221 มถิ นุ ายน งโลกโ1ล5ก2อ,0ย0ูไ0ก,ล0ด0ว0งอกาโิ ลทเิตมยต รโ1ล4ก7อ,0ย0ูใ0ก,ล0ด0ว0งอกาิโลทเิตมยต รตำแหนง เพอรฮิ ีลอี อน
รวมถึงตําแหนงที่ใกลและไกลจากดวงอาทิตย 3 มกราคม
มากท่สี ดุ ตำแหนงอะเฟลอี อน
4 กรกฎาคม ทักษณิ ายัน422 ธันวาคม
ศารทวิษุวัต323 กนั ยายน วงโคจรขอ
44 ตา� แหนง่ ของโลกที่โคจรรอบดวงอาทติ ย์ สง่ ผลตอ่ การรบั รงั สีดวงอาทิตยต์ ามระยะใกล้ไกล
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 วสนั ตวิษวุ ัต ดวงอาทติ ยขนึ้ ทางทศิ ตะวันออกและตกทางทิศตะวนั ตกพอดี ในชว งเดือนกรกฎาคม ประเทศญ่ปี ุนมฤี ดตู รงกับขอใด
กลางวันเทากับกลางคืนพอดี ซีกโลกเหนือเขาสูฤดูใบไมผลิ ซีกโลกใตเขาสู 1. ฤดรู อน
ฤดใู บไมร วง 2. ฤดูหนาว
2 อตุ รายนั หรอื ครษี มายนั ดวงอาทติ ยข น้ึ ทางทศิ ตะวนั ออกเฉยี งไปทางเหนอื 3. ฤดูใบไมผลิ
มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากท่ีสุด ซีกโลกเหนือ 4. ฤดูใบไมรวง
เขาสฤู ดูรอ น กลางวนั ยาวทีส่ ุดในรอบป ซีกโลกใต เขา สฤู ดูหนาว กลางวันส้นั 5. ฤดูใบไมเ ปล่ยี นสี
ที่สุดในรอบป
3 ศารทวิษุวตั ดวงอาทิตยข้นึ ทางทศิ ตะวนั ออกและตกทางทศิ ตะวันตกพอดี (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ในชวงเดือนกรกฎาคม เปนชวงท่ี
กลางวนั เทา กับกลางคืนพอดี ซีกโลกเหนือเขายา งสฤู ดใู บไมร วง ซีกโลกใตเ ขาสู โลกโคจรรอบดวงอาทิตย โดยเอียงไปทางซีกโลกเหนือ จึงไดรับ
ฤดใู บไมผลิ พลังความรอนจากดวงอาทิตย ทําใหประเทศญ่ีปุนซ่ึงตั้งอยูแถบ
4 ทักษิณายัน ดวงอาทิตยข้ึนทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใตมากที่สุด ซกี โลกเหนือตรงกบั ฤดูรอ น)
และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใตมากท่ีสุด ซีกโลกเหนือเขาสูฤดูหนาว
กลางวันส้นั ทสี่ ุดในรอบป
T46
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ความแตกต่างระหวา่ งพื้นดินกบั พ้ืนน้า� ขน้ั สอน
รัง ีสดวงอาทิตย ขั้นท่ี 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอ มูล
รัง ีสดวงอาทิตย
พนื้ ดนิ พนื้ นำ้ 2. จากนนั้ ใหส มาชกิ แตล ะกลมุ วเิ คราะหเ ชอ่ื มโยง
ถึงการรับและคายความรอนระหวางพื้นดิน
1 พืน้ น้ำคายความรอนไดช า และพ้ืนน้ํา ประกอบการดูภาพแสดงความ
แตกตางระหวางพ้ืนดินกับพ้ืนน้ําจากหนังสือ
1 พนื้ ดนิ คายความรอนไดเ ร็ว 2 มีการถา ยเท 3 พื้นนำ้ มกี ารระเหยสงู เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6
2 ไมถายเทความรอ นไปในทางลึก ความรอ นตาม
3 พมีคน้ื วดานิ มมรีกอ านรจรำะเเพหายะน1ตอำ่ ย ความลึก 3. ครใู หน กั เรยี นใชสมารต โฟนสอ งดู QR Code
4 เกี่ยวกับคล่ืนความรอน (heat wave) จาก
หนงั สอื เรยี น ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการ
อภิปรายรว มกันเพ่ิมเตมิ
4 มคี วามรอนจำเพาะสงู
การรบั และคายความรอ้ นระหว่างพืน้ ดินและพน้ื น�้า
กลางวนั กลางคนื
พ้ืนผวิ ดิน เกดิ ลมทะเลพดั เขา หาฝง เกิดลมบกพดั ออกสูทะเล
มีอณุ หภูมสิ ูงกวา พนื้ ผิวนำ้ พนื้ นำ้ คายความรอ นชา
มอี ุณหภูมติ ำ่ กวา
พนื้ ดนิ คายความรอ นเร็ว
ตามปกตพิ น้ื ดนิ ดดู กลนื ความรอ้ นและ ในเวลากลางคนื พนื้ นา้� คายความรอ้ น
คายความร้อนได้ดีกว่าพื้นน้�า ในเวลากลางวัน ได้ชา้ กวา่ พนื้ ดิน มีความกดอากาศตา่� จงึ ลอยตัว
อากาศเหนอื พนื้ ดนิ รอ้ นเรว็ กวา่ พนื้ นา�้ อากาศรอ้ น สงู ขน้ึ ท�าให้อากาศท่ีเยน็ กวา่ จากพื้นดนิ พดั เข้า
เหนอื พน้ื ดนิ มคี วามกดอากาศตา�่ จงึ ลอยตวั สงู ขนึ้ มาแทนที่ เกดิ ลมพัดจากพนื้ ดินสู่ทะเล เรยี กวา่
ท�าให้อากาศเหนือพ้ืนน้�าที่เย็นกว่าจากทะเลพัด ลมบก (land breeze)
เข้ามาแทนท่ี จึงเกิดลมพัดจากทะเลสู่ชายฝั่ง
เรียกว่า ลมทะเล (sea breeze)
คล่นื ความรอน (heat wave)
45
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ขอใดกลาวถึงการรับและคายความรอนระหวางพ้ืนดินและ ครูตั้งประเด็นการสนทนา การรับและคายความรอนของพ้ืนดินและ
พนื้ น้ําไดถ ูกตอง พื้นน้ํา โดยใหนักเรียนศึกษาแผนภาพในหนังสือ แลววิเคราะหการคายความ
รอ นของพื้นนํ้าและพืน้ ดิน การเกดิ ลมบก ลมทะเล ครูตัง้ ประเด็นอภปิ ราย เชน
1. ในเวลากลางวนั พ้ืนดนิ คายความรอนไดด ีกวา พ้นื นาํ้ ชาวประมงใชป ระโยชนจ ากลมบก ลมทะเล อยา งไร
2. ในเวลากลางคืนพน้ื ดนิ คายความรอ นไดดีกวาพ้นื นํ้า
3. ในเวลากลางคืนพน้ื ดินดูดกลืนความรอนไดด ีกวาพน้ื นํา้ (แนวตอบ เรอื ประมงขนาดเลก็ จะออกสทู อ งทะเลเพอ่ื หาปลาในเวลากลางคนื
4. ในเวลากลางวันพน้ื ดินดูดกลืนความรอ นไดนอ ยกวา พน้ื นา้ํ โดยอาศัยลมบกที่พัดจากฝงออกสูทะเลในตอนกลางคืน พอรุงสางเรือเหลานี้
5. ในเวลากลางคนื อากาศเหนอื พนื้ ดนิ มคี วามหนาแนน สงู และ ก็จะอาศัยลมทะเล ที่พัดจากทะเลเขาฝง ในเวลากลางวนั แลนกลบั เขา สฝู ง)
ลอยตัวขน้ึ สงู นักเรียนควรรู
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การรับและคายความรอนระหวาง
พื้นนํ้า ปรากฏวาในเวลากลางคืนพ้ืนดินคายความรอนไดเร็วกวา 1 ความรอ นจําเพาะ ระดับความรอ นท่ีทาํ ใหสสาร 1 กรมั มอี ณุ หภูมิท่รี ะดบั
พื้นนา้ํ ทาํ ใหอากาศเหนอื พน้ื ดนิ เยน็ เร็วกวา พ้นื นํ้า) นาํ้ ทะเล ประมาณ 13 องศาเซลเซยี ส
T47
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2) ความกดอากาศ1และลม ความสูง (กโิ ลเมตร)
อากาศเปน็ สสารซง่ึ อยไู่ ดด้ ว้ ยแรงดงึ ดดู ของโลก 34
ขนั้ ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มลู ความกดอากาศโดยเฉลย่ี ทร่ี ะดบั ทะเลปานกลาง 32
เทา่ กบั 1,013.2 มลิ ลบิ าร์ โดยคา่ ความกดอากาศ 30
4. นักเรียนวิเคราะหและเชื่อมโยงความสัมพันธ ลดลงเม่อื อยู่สูงจากระดบั ทะเลปานกลางข้ึนไป 28
ของความกดอากาศกับอุณหภูมิบนพ้ืนผิวโลก 26
โดยระหวา งนน้ั ครอู าจใหน กั เรยี นใชส มารต โฟน การลดลงของคา่ ความกดอากาศใน 24
สืบคน เพ่ือขยายความรูเกี่ยวกับความกด ระดับความสงู ชนั้ โทรโพสเฟียร์ จากระดบั ทะเล 22 สแตรโทสเฟย ร
อากาศของโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ปานกลางขึ้นไป และความหนาแน่นของแก๊ส
ม.4-6 เพ่ิมเติม และรวมกันตรวจสอบความ และความกดอากาศทล่ี ดลงนนั้ สง่ ผลตอ่ สขุ ภาพ 20
ถกู ตอ งของขอมูล ของมนษุ ยแ์ ละสง่ิ มชี วี ติ อนื่ ๆ คอื ปรมิ าณแก๊ส 18
ออกซิเจนส�าหรับการหายใจเบาบางลง และ 16
จดุ เดอื ดของนา�้ ทร่ี ะดบั ทะเลปานกลาง คอื 100 14
องศาเซลเซียส แต่ท่ีบนดอยอินทนนท์ ระดับ 12 โทรโพพอส
ความสูง 2,565 เมตร น�้าจะเดอื ดได้ทีอ่ ุณหภูมิ 10 เอ8เ,8วอ48เรสมต. โทรโพสเฟย ร
8
6
4
2
0 0 100 200 300 400 500 600 700 800 900 1000
ความกดอากาศ (มลิ ลบิ าร)
93 องศาเซลเซยี สเท่านั้น
การลดลงของคา่ ความกดอากาศตามความสงู
ลมเกิดจากการเคล่ือนท่ีของอากาศตามแนวระนาบ เม่ือมีความต่างกันของค่าความกด
อากาศ คอื จากบรเิ วณความกดอากาศสงู สบู่ รเิ วณความกดอากาศตา่� ไปบนพน้ื ผวิ โลกไดท้ กุ ทศิ ทาง
โดยพลังงานความร้อนเป็นตัวการส�าคัญที่ท�าให้บรรยากาศในพ้ืนที่ส่วนต่าง ๆ เช่น พื้นดินและ
พนื้ นา้� มคี วามกดอากาศตา่ งกนั ทา� ใหเ้ กดิ ลม ดงั ภาพ การเกดิ ลมทะเล เมอ่ื พนื้ ดนิ มคี วามกดอากาศ
ตา�่ กว่าความกดอากาศบรเิ วณพื้นน�้า
ความสูง (เมตร) ความกดอากาศ (มลิ ลบิ าร) ความสูง (เมตร) ความกดอากาศ (มลิ ลิบาร)
2,000 800 2,000
1,500 850 1,500
1,000 900 1,000 800
500 950 500 900
0 ทะเล แผนดนิ 1,000 0 ทะเล แผนดิน 1,000
ผิวโลกท่ีมีทะเลและแผ่นดิน มีชั้นอากาศซ่ึงวัดค่าความ บริเวณแผ่นดินจะร้อนเร็วกว่าทะเล ค่าความกดอากาศ
กดอากาศตามระดับความสูงจากทะเลปานกลาง พบว่า เดิมลดตา่� ลง คือ ทีร่ ะดบั ความสงู 1,000 เมตร มคี วาม
ในแต่ละระดบั ความสงู มคี า่ ความกดอากาศเทา่ กนั สภาพ กดอากาศ 900 mbar เปลี่ยนไปเป็น 820 mbar จึงทา� ให้
เช่นนีอ้ ากาศจะไมเ่ คล่ือนทห่ี รือไมม่ ลี ม อากาศจากบริเวณความกดอากาศ 900 mbar เคลื่อนท่ี
ในแนวระนาบส่บู รเิ วณความกดอากาศ 820 mbar
46
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
เคร่ืองมือและเทคโนโลยีทางภูมิศาสตรขอใด มีความจําเปน
1 ความกดอากาศ (air pressure) น้ําหนักของอากาศที่กดทับกันลงมาดวย นอ ยที่สุดในการพยากรณอ ากาศ
อิทธิพลของแรงโนมถวง มีความแตกตางกับแรงที่เกิดจากน้ําหนักกดทับของ
ของแข็งและของเหลวตรงที่ ความกดอากาศมแี รงดันออกทุกทิศทาง 1. บอลลูน บารอมเิ ตอร
2. แผนที่รัฐกจิ ซิสโมมิเตอร
T48 3. บาโรกราฟ เทอรโ มมิเตอร
4. ภาพจากดาวเทียม เรดาร
5. เครือ่ งบินตรวจอากาศ แอนนโิ มมเิ ตอร
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากแผนท่ีรัฐกิจเปนแผนท่ี
แสดงอาณาเขตพื้นท่ีการปกครอง ซิสโมมิเตอร เปนเครื่องมือ
ตรวจวัดแผนดินไหว สวนบอลลูน เครื่องบิน ดาวเทียม เรดาร
ใชในการสํารวจการเคลื่อนท่ีของลมและกลุมเมฆ บารรอมิเตอร
บาโรกราฟ ใชวัดความกดอากาศ เทอรโมมิเตอร ใชวัดอุณหภูมิ
แอนนิโมมิเตอร ใชวดั ความเร็วลม)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2.1) ทิศทางลม ผลจากการหมุนรอบตัวเองของโลกท�าให้ทิศทางการเคลื่อนที่ ขนั้ สอน
ของลมเฉเบี่ยงเบนจากบริเวณความกดอากาศสูงไปสู่บริเวณความกดอากาศต�่า โดยลมท่ีพัดใน
บริเวณซีกโลกเหนือเฉเบ่ียงเบนจากจุดก�าเนิดไปทางขวามือ และในซีกโลกใต้เฉเบี่ยงเบนไปทาง ขั้นท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมลู
ซ้ายมือ ลักษณะดังกล่าวน้ีปรากฏในแผนที่อากาศเดือนมกราคมและกรกฎาคม ซ่ึงแสดงด้วย
เสน้ ความกดอากาศเทา่ ทรี่ ะดบั ผวิ พน้ื หากมเี สน้ ความกดอากาศชดิ ตดิ กนั แสดงวา่ พนื้ ที่ ณ จดุ นน้ั ๆ 5. ครูใหนักเรียนศึกษาแผนที่แสดงบริเวณความ
มีลมแรงกว่าบรเิ วณที่มเี สน้ ความกดอากาศห่างกัน กดอากาศและทิศทางการเคล่ือนท่ีของลม
เดอื นมกราคม (ฤดหู นาวในซกี โลกเหนอื ) จาก
แผนท่แี สดงบริเวณความกดอากาศและทิศทางการเคล่ือนทขี่ องลมเดือนมกราคม หนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 จากนนั้ รว มกนั
(ฤดูหนาวในซกี โลกเหนอื ) อภิปรายและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับลม
และทิศทางลม รวมถึงยกตัวอยางบริเวณที่มี
1014 H 1005 999 Lไอซแลนด 1002 1005 1008 1011 1014 1017 1023 N ความกดอากาศท่ีแตกตางกัน โดยครูแนะนํา
10100811 เพมิ่ เตมิ
1 : 260,000,000
6L1000ํN5อะลเู ชยี น 6. ครูใหนักเรียนรวมกันใชสมารตโฟนสืบคน
110101011147 1020 1026 เพ่ือขยายความรูเก่ียวกับทิศทางการเคล่ือนที่
30 ํN 1017102แ0ปHซฟิ ก 1029 1032 ของลมจากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6
1020 อะโซร1ส023H ไซบเี รยี เพิ่มเติม จากนั้นรวมกันตรวจสอบความ
ถกู ตอ งของขอมูล
1011 1014 H
1014
1023 1026
1020
1017
101110L08 1014
1011
0 ํ ITCZ แป1ซ0ิฟ1H7ก 1020 แอตแลนติก 1008 L
1011 1014 L 102H0 1017 1014 อินเดยี H 10117014
30 ํS
10100811 1011 1008
1011 1002 1005 1005
909699 9991002
60 ํS 906
150 ํW 120 ํW 90 ํW 60 ํW 30 ํW 0ํ 30 ํE 60 ํE 90 ํEทศิ ทา1ง2ล0มํE 150 ํW
เส้นความกดอากาศเท่า
จากแผนที่ อากาศที่พัดจากบริเวณความกดอากาศสูงของซีกโลกเหนือและซีก
โลกใต้ คอื ลมคา้ ตะวันออกเฉียงเหนอื (ของซกี โลกเหนือ) พดั เบียดเข้าหากนั กบั ลมคา้ ตะวนั ออก
เฉยี งใต้ (ของซกี โลกใต)้ เปน็ บริเวณแคบ ๆ แถบเส้นศนู ย์สูตร เรยี กว่า แนวร่องความกดอากาศต�า่
(Intertropical Convergence Zone: ITCZ) ซึง่ เคลื่อนข้นึ ลงตามการเปล่ียนแปลงของแสงตงั้ ฉาก
ดวงอาทิตย์ แนวรอ่ งความกดอากาศต่า� นี้พาดผ่านบรเิ วณใด มโี อกาสทจี่ ะท�าให้เกดิ ฝนตก
47
กจิ กรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู
ใหอ าสาสมคั รทส่ี ามารถอา นและแปลความแผนทแ่ี สดงบรเิ วณ ครูอธิบายสญั ลกั ษณท างอุตุนยิ มวิทยาในแผนทแี่ สดงความกดอากาศ เชน
ความกดอากาศและทิศทางการเคล่ือนที่ของลมเดือนมกราคม L ศูนยกลางของหยอมความกดอากาศตํ่า เปนบริเวณท่ีอากาศรอนยกตัว
ออกมาอาน แปลความหมาย และอธิบายใหเพื่อนฟง แลวยก ทําใหเกดิ เมฆ
ตัวอยางสภาพอากาศของบริเวณตางๆ ของโลกที่โดดเดนในชวง H ศนู ยก ลางของหยอ มความกดอากาศสงู เปน บรเิ วณทอี่ ากาศเยน็ แหง แลว
เดือนมกราคม ฟาใส ไมม ีเมฆปกคลุม
เสนไอโซบาร (Isobar) เสนอุณหภูมิท่ีเปนเสนโคงที่ลากเชื่อมตอบริเวณ
ครูแนะนําขอมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับเสนกดอากาศเทาหรือ ท่ีมีความกดอากาศเทากัน มีตัวเลขแสดงคาความกดอากาศ มีหนวยเปน
ไอโซบาร เชน ถาหากเสนไอโซบารอ ยใู กลช ิดกนั แสดงวา ความ เฮกโตปาสคาล (hPa) กํากบั ไว
กดอากาศเหนือบริเวณน้ันมีความแตกตางกันมาก แสดงวามี
ลมพดั แรง แตถ า เสนไอโซบารอ ยูหางกนั แสดงวา ความกดอากาศ
เหนือบริเวณนั้นมคี วามแตกตา งกันไมมาก หรือมีลมพดั ออน
T49
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2.2) ประเภทของลม การหมุนเวียนของลมในบรรยากาศมีช่ือและช่วงเวลา
การพดั แตกตา่ งกัน ดงั น้ี
ข้นั ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ลมประจ�าเวลา หรือลมเฉ่ือยจะพัดในช่วงเวลาสั้น ๆ สไดล้แับกก่ ันลใมนบเวกล1-า
ลกมลาทงะวเันล2แแลละะกลลมาภงคูเขืนา3-เนล่ือมงหจุบาเกขคา4วามแตกต่างของอุณหภูมิและความกดอากาศ
7. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหถึงประเภทของ 2. ลมประจา� ถนิ่ คอื ลมทพ่ี ดั ประจา� ณ ถน่ิ ใดหรอื ประเทศใดประเทศหนงึ่ เชน่
ลม จากนน้ั ครถู ามคาํ ถามนกั เรยี นเพมิ่ เตมิ เชน • ลมมิสตราล (mistral) ลมเหนือในประเทศฝร่ังเศสที่พัดจากบริเวณ
• ลมประจําเวลาและลมประจําถ่ิน มีความ ทรี่ าบสงู ตอนกลางผา่ นตามหบุ เขาทมี่ แี มน่ า้� โรน (Rhone) ไหลผา่ นลงมาทางใตส้ ทู่ ะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น
แตกตางกันอยางไร แถบอา่ วลียง (Lion) ลักษณะเปน็ ลมเยน็ และแห้ง
(แนวตอบ ลมประจําเวลา จะเกิดสลับกัน • ลมสลาตนั (selatan) ลมร้อนและแหง้ พดั แถบหมู่เกาะภาคตะวนั ออก
ระหวางกลางวันและกลางคืน เชน ลมบก ของประเทศอินโดนีเซีย ทิศทางการพัดจากทิศใต้สู่ทิศเหนือ ส�าหรับในประเทศไทยเคยเรียก
ลมทะเล แตหากเปนลมประจําถ่ิน จะพัด ลมพายุทมี่ คี วามรนุ แรงเกดิ ปลายฤดูฝน เชน่ พายไุ ต้ฝุ่นและพายุไซโคลนวา่ “ลมสลาตัน” ด้วย
ประจําถิ่นหรือในพ้ืนท่ีประเทศใดประเทศ • ลมชนี กุ (chinook) ลมตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ทพ่ี ดั จากชายฝง่ั มหาสมทุ ร
หน่ึง สลับชวงเวลายาวนานกวาลมประจํา แปซิฟิกเขา้ สูแ่ นวเทือกเขารอ็ กกชี ่วงเดือนมถิ นุ ายน - กรกฎาคมนัน้ ส่งผลทา� ให้พนื้ ทขี่ องรฐั ทอ่ี ยู่
เวลา) บริเวณที่ราบด้านทิศตะวันออกของเทือกเขาร็อกกีซึ่งเป็นภูเขาสูงและต้ังขวางทางลมอยู่มีอากาศ
• เพราะเหตุใดจึงเกิดพ้ืนท่ีอับฝน และพื้นท่ี รอ้ นและแหง้ แลง้ เนื่องจากเปน็ พ้ืนทอ่ี ับฝน
อับฝนท่ีสําคัญในประเทศไทยและภูมิภาค
อื่นของโลกไดแ กท่ใี ดบาง บรเิ วณดา นตนลม บรเิ วณดา นปลายลม
(แนวตอบ พน้ื ทอี่ บั ฝนเกดิ จากการวางตวั ของ อากาศช้ืน อากาศรอนและแหง
แนวภเู ขาทก่ี ้นั ขวางทศิ ทางของลมฝน พืน้ ท่ี
ดานตนลมที่อยูหนาเขาจึงมีปริมาณนํ้าฝน ทศิ ทางลม ลมชนี ุก
มากกวา พนื้ ทดี่ า นปลายลม หรอื พนื้ ทอี่ บั ฝน
พื้นท่ีอับฝนที่สําคัญในประเทศไทย เชน การเคลอ่ื นท่ีของอากาศ พ้ืนที่อบั ฝน
จังหวดั กําแพงเพชร พษิ ณโุ ลก นครสวรรค
อุทัยธานี ซึ่งมีทิวเขาถนนธงชัยและทิวเขา ระดบั ทะเลปานกลาง
ตะนาวศรี กนั้ ขวางลมฝนจากอา วเมาะตะมะ
สวนบางอําเภอของจังหวัดกาญจนบุรีที่เปน
ดา นตน ลมมปี รมิ าณนาํ้ ฝนสงู กวา สว นพนื้ ท่ี
อับฝนท่ีสําคัญของโลก เชน ที่ราบสูง
ปาตาโกเนีย ประเทศอารเจนตินา ซึ่งมี
เ ทื อ ก เ ข า แ อ น ดี ส กั้ น ข ว า ง ล ม ฝ น จ า ก
มหาสมทุ รแปซิฟก )
ลกั ษณะการเกิดลมชีนกุ
48
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
1 ลมบก (land breeze) หรือลมลอง เปนลมแถบบริเวณชายฝงที่พัดออก อาลเี ปน ชาวประมงเรอื เลก็ ในจงั หวดั ทางภาคใตข องไทย อาลี
จากฝงสูทะเลในเวลากลางคืน เพราะในเวลากลางคืนแผนดินเย็นกวาพ้ืนนํ้า ควรออกทะเลในชวงเวลาใด และลมบก ลมทะเลมีความสําคัญ
อากาศเหนือพ้ืนนํ้าซ่ึงรอนกวาจะเบา และลอยตัวสูงข้ึน ลมจึงพัดจากแผนดิน ตอ การเดนิ เรอื อยา งไร
จากฝงไปบริเวณพืน้ นา้ํ ทร่ี อ นกวา ทําใหเกดิ ลมบกขน้ึ
2 ลมทะเล (sea breeze) หรอื ลมขน้ึ เปน ลมทเ่ี กดิ บรเิ วณชายฝง พดั จากทะเล (แนวตอบ ลมบก พัดตามบริเวณชายฝงทะเลในตอนกลางคืน
เขาสูฝงในเวลากลางวัน เนือ่ งจากในเวลากลางวนั พ้ืนดนิ รอ นกวาพื้นนํ้า อากาศ และพัดจากชายฝงลงสูทะเล ตั้งแตเวลา 22.00-10.00 น.
เหนือพื้นดินซึ่งรอนกวาจะเบาและลอยตัวสูงขึ้น อากาศซึ่งเย็นกวาจากทะเล ของวันรุงขึ้น ลมทะเล พัดเดนชัดในตอนกลางวันโดยพัดจาก
จะเคลอ่ื นเขามาแทนท่ี ทะเลเขาสูชายฝง ต้ังแตเวลา 10.00 น. และมีกําลังแรงสุด
3 ลมภเู ขา (mountain breeze) เกดิ ในเวลากลางคืน อากาศบรเิ วณภูเขาจะ ในตอนบา ย จะสน้ิ สดุ ลงเมอื่ ดวงอาทติ ยต กประมาณเวลา 21.00 น.
ไหลลงมาสูห ุบเขา ถา อากาศเย็นและชนื้ มากจะกอใหเ กดิ หมอกหนาทึบปกคลมุ ดังน้นั อาลี จะออกหาปลาในเวลากลางคนื โดยอาศัยลมบกทพ่ี ดั
หบุ เขา หรอื อาจเกิดนํ้าคา งแขง็ ไดด ว ยเชน กัน จากฝงออกสูทะเลในตอนกลางคืน พอรุงสางจะกลับเขาฝง
4 ลมหบุ เขา (valley breeze) เกดิ ในเวลากลางวัน พดั จากหุบเขาไปสูล าด โดยอาศยั ลมทะเลทีพ่ ัดจากทะเลเขาฝง)
Tเขาและยอดเขา
50
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3. ลมประจ�าฤด1ู ลักษณะลมท่ีพัดเป็นประจ�าฤดูสลับช่วงเวลายาวนานกว่า ขนั้ สอน
ลมประจ�าถนิ่ ได้แก่ ลมมรสมุ ท่ีเกิดเดน่ ชัดบรเิ วณภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ เอเชยี ใต้ เอเชยี
ตะวนั ออก และเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ ลักษณะเฉพาะของลมมรสุม คอื พัดเปลี่ยนทิศทางกลับ ขน้ั ที่ 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอมูล
ตรงขา้ มกนั ในรอบปี
• ลมประจําฤดู สามารถเรยี กอกี ชือ่ หน่งึ ไดว า
60 ํN 60 ํN อยา งไร และมีลกั ษณะเฉพาะอยา งไร
(แนวตอบ ลมประจําฤดู สามารถเรียกอีก
1020 1023 1026 1029 1032 50 ํN อยา งหนง่ึ วา ลมมรสมุ มีลกั ษณะเฉพาะ คือ
50 ํN H พดั เปลย่ี นทศิ ทางกลบั ตรงขา มกนั ในรอบป)
40 ํN 1011 40 ํN • หากอาศัยอยูในแถบคาบสมุทรอินโดจีน
1014 ในชวงฤดูหนาวจะเผชิญกับลมประจําฤดู
30 ํN 1020 ประเภทใด
30 ํN (แนวตอบ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
20 ํN 1017 1017 20 ํN
10 ํN N 1014 10114011 10 ํN
0ํ 1 : 160,000,000 130 ํE 140 ํE 150 ํE 0 ํ ทิศทางลม
30 ํE 40 ํE 50 ํE 60 ํE 70 ํE 80 ํE 90 ํE 100 ํE 110 ํE 120 ํE เส้นความกดอากาศเทา่
แผนทแี่ สดงการเกิดมรสุมเดือนมกราคม
ช่วงฤดูหนาว บริเวณความกดอากาศสูงไซบีเรียมีก�าลังแรงแผ่ความกด
อากาศออกโดยรอบ ทิศทางลมท่ีผ่านคาบสมุทรเกาหลีและญ่ีปุ่น เรียกว่า “มรสุมตะวันตก
เฉียงเหนือ” ส่วนลมที่ผา่ นคาบสมทุ รอนิ โดจีน คาบสมุทรเดกกนั และคาบสมทุ รอาหรบั เรียกวา่
“มรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนอื ”
60 ํN 60 ํN
50 ํN 1011 1008 1005 50 ํN
40 ํN 1002 40 ํN
999 30 ํN
30 ํN L
20 ํN 1002 1011 20 ํN
10 ํN N 10100508 10 ํN
0ํ 1 : 160,000,000 1011 0 ํทศิ ทางลม
เส้นความกดอากาศเทา่
30 ํE 40 ํE 50 ํE 60 ํE 70 ํE 80 ํE 90 ํE 100 ํE 110 ํE 120 ํE 130 ํE 140 ํE 150 ํE
แผนที่แสดงการเกดิ มรสุมเดอื นกรกฎาคม
ชว่ งฤดรู อ้ น บรเิ วณความกดอากาศสงู จากมหาสมทุ รอนิ เดยี และมหาสมทุ ร
แปซิฟิกไหลเวียนเขา้ ส่บู ริเวณความกดอากาศตา่� แถบอฟั กานสิ ถาน ผา่ นทะเลเขา้ ส่แู ผน่ ดนิ ส่วน
ลมท่ีผ่านคาบสมุทรเกาหลีและญ่ีปุ่น เรียกว่า “มรสุมตะวันออกเฉียงใต้” ลมที่ผ่านคาบสมุทร
อนิ โดจีน คาบสมุทรเดกกัน และคาบสมทุ รอาหรับ เรียกว่า “มรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้”
49
กิจกรรม ทาทาย นักเรียนควรรู
ครใู หอ าสาสมคั รทสี่ ามารถอา นและแปลความแผนทแ่ี สดงการ 1 ลมประจําฤดู หรือลมมรสุม (monsoon) ประเทศไทยอยูภายใตอิทธิพล
เกิดลมมรสุมในเดือนมกราคมและเดือนกรกฎาคมในแถบเอเชีย ของลมมรสมุ 2 ชนดิ คือ ลมมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต พัดปกคลมุ ระหวา งกลาง
ตะวันออกเฉียงใต โดยอธิบายทิศทางลม สภาพอากาศที่ไดรับ เดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม มีแหลงกําเนิดจากมหาสมุทรอินเดีย
อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือและลมมรสุมตะวันออก นํามวลอากาศช้ืนจากมหาสมุทรอินเดียมาสูประเทศไทย ทําใหมีเมฆมาก
เฉยี งใต และฝนตกชุก ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดปกคลุมประมาณกลางเดือน
ตุลาคม มีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทยจนถึงกลางเดือน
กุมภาพันธ มีแหลงกําเนิดจากบริเวณความกดอากาศสูงบนซีกโลกเหนือ จาก
มองโกเลียและจีน พัดเอามวลอากาศเย็น และแหงเขามาปกคลุมประเทศไทย
ทําใหทองฟาโปรง อากาศหนาวเย็นและแหงแลงทั่วไป โดยเฉพาะภาคเหนือ
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สวนภาคใตจะมีฝนตกชุก เน่ืองจากมรสุมนี้
นาํ ความชมุ ชนื้ จากอาวไทยเขามา
T51
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 4. ลมประจา� ป คอื ระบบลมทมี่ ที ศิ ทางเบีย่ งเบนคงท่ีตลอดปี
ข้นั ที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มลู ลมฝา ยตะ6แว0นันวํตปNกะท ลมข้ัวโล9ก0ฝาํNยตะวนั ออก การเคลื่อนทท่ี างแนวร
ํN LL
• เพราะเหตุใด ลมประจําปในซีกโลกเหนือ ะอากาศขวั้ โลก กมาวรลไอหาลกขาอศง H กาแรบหบมแนุ ฮเวดียลนยี
จึงเคล่ือนท่ีจากจุดกําเนิดไปทางขวามือ 30 H ขว้ั โลก ะดบั
แตในขณะท่ีซีกโลกใตจะเคล่ือนท่ีไปทาง
ซายมือ “ฮกอึ�งรเสขลตะรตอ ิจนูด”
(แนวตอบ เปนผลมาจากการหมนุ รอบตวั เอง
ของโลกท่ีมีทิศทางจากทิศตะวันตกไปทาง ลมคา ตะวันออกเฉย� งเหนอ�
ทิศตะวันออก)
แนวรองความกดอากาศตำ่ (ITCZ) “ดอลดรมั ส” L
• เมฆคิวมูลัสและคิวมูโลนิมบัส เกิดจากการ แถบศูนยส ตู รทีม่ ีลมแปรปรวนและลมสงบ
เคลื่อนที่ของลมในลกั ษณะใด 0ํ L
(แนวตอบ เกดิ จากการพดั เขา หากนั ของลมคา
ตะวันออกเฉียงเหนือ จนเกิดเปนรองและ ลมคา ตะวันออกเฉ�ยงใต
ความกดอากาศตา่ํ แถบศนู ยสูตร ทําใหเกิด
กระแสอากาศลอยขนึ้ สดู า นบน จงึ ทาํ ใหเ กดิ 30 ํS H แถบก�ึงเขตรอน H
เปนเมฆควิ มูลสั และเมฆควิ มูโลนมิ บัส) ท่ีมแีลลมะแลปมรสปงบรวน
แนวปะทะอากาศข้ัวโลก
L
60 ํS L 90 ํS
ลมประจำป ลมและกระแสอากาศไมตอ เนอ� งในรอบป
การเคล่อื นท่ีของลมประจา� ปที กี่ า� กเานรหดิ มจุนาเกวยีบนรในิเวบณรรคยาวกาามศกดอากาศสงู กงึ่ เขตร้อน1หรือ “ฮอรส์
ละตจิ ดู ” ประมาณละติจูด 30 องศาเหนอื และใต้สูบ่ รเิ วณความกดอากาศตา�่ แถบศนู ย์สตู ร เรยี กว่า
“ลมคา้ ” กับสู่บรเิ วณความกดอากาศตา�่ ประมาณละติจูด 60 องศาเหนอื และใต้ เรียกว่า “ลมฝ่าย
ตะวนั ตก”
เขตลมคา้ พดั เขา้ หากัน เกิดเปน็ บริเวณแคบ ๆ แถบศนู ยส์ ูตรทมี่ ีอากาศแปรปรวน อากาศ
ลอยตวั ขนึ้ สเู่ บ้อื งบน เกดิ เมฆควิ มูลัส และเมฆควิ มูโลนิมบัส มีฝนตกท่ีเกิดจากการพาความรอ้ น
เขตแนวปะทะอากาศข้ัวโลก เกิดจากลมฝ่ายตะวันตกพัดเคล่ือนท่ีเข้าหากันกับลมข้ัวโลก
ฝา่ ยตะวนั ออกของข้วั โลกท้งั สอง สง่ ผลให้เกิดฝนพายหุ มนุ
GQeuoestion
ความกดอากาศกบั ลมมคี วามสมั พนั ธก์ นั อย่างไร
50
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ในชวงกลางเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม ลมมรสุม
แนวการตอบคําถาม Geo Question บริเวณความกดอากาศต่าํ มปี รมิ าณ ตะวันตกเฉียงใต มีแหลงกําเนิดจากมหาสมุทรอินเดีย นํา
อากาศอยูนอย ทําใหน้ําหนักของอากาศนอยลงตามไปดวย อากาศเบาและ มวลอากาศชน้ื พดั ปกคลุมประเทศไทย ทาํ ใหท ุกภาคของประเทศ
ลอยตัวสูงขึ้น เรียกวา กระแสอากาศเคล่ือนข้ึน จะเกิดการแทนท่ีของอากาศ มีลักษณะอากาศตามขอ ใด
ทําใหรูสึกเย็น คือ เกิดลมข้ึน และลักษณะการพัดหมุนเวียนของลมในบริเวณ
ศูนยกลางความกดอากาศต่ําบริเวณสวนตางๆ ของโลก เชน ในซีกโลกเหนือ 1. อากาศเย็นและแหง
จะมีทิศทางการพัดทวนเข็มนาฬกา ซีกโลกใตจะพัดตามเข็มนาฬกา ที่เปน 2. ทอ งฟา มเี มฆมาก ฝนตกชุก
เชนน้เี พราะโลกหมุนทวนเข็มนาฬก า 3. ทองฟา โปรงใส กลางคืนมลี มกระโชกแรง
4. อากาศเย็น แตยงั คงมีฝนตกเปนบรเิ วณกวาง
นักเรียนควรรู 5. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน
1 บริเวณความกดอากาศสงู กึง่ เขตรอน (subtropical high) ที่ละติจดู ที่ 30 ํ อากาศหนาว
หรอื ละตจิ ดู มา (horse latitudes) เปน เขตแหง แลง เนอื่ งจากเปน บรเิ วณทอ่ี ากาศ (วิเคราะหคําตอบ ตอบ ขอ 2. ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต
แหงแลง เปนบริเวณตดิ ตอ ระหวางลมตะวันตกจากโซนอุน กบั ลมตะวนั ออกจาก จะนํามวลอากาศช้ืนมาสูประเทศไทย ทําใหมีทองฟามีเมฆมาก
ทางศูนยส ูตร จะมีความกดอากาศสูง มกี ระแสลมสงบ ฝนตกชกุ เปน ฤดฝู นของประเทศ)
T52
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) ความชนื้ ในบรรยากาศ ความชนื้ ในบรรยากาศภาคมอี ยแู่ ตเ่ ฉพาะในบรรยากาศ ขนั้ สอน
ช้ันโทรโพสเฟียร์ เกิดจากการระเหยของทะเล มหาสมุทร และแหล่งน้�าอื่น ๆ บนพ้ืนผิวโลก
เป็นหลัก แตม่ ีบางสว่ นท่เี กดิ จากการคายน้�าของพชื ปา่ ไม้ และกจิ กรรมของมนษุ ย์ ข้นั ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
3.1) สถานะของน้�าในอากาศ ในบรรยากาศมีน�้าอยู่ 3 สถานะ ได้แก่ แก๊ส
ของเหลว และของแข็ง นา�้ ในแต่ละสถานะมีการหมุนเวยี นเปลย่ี นสถานะได้ โดยกระบวนการของ 8. ครูใหนักเรียนศึกษาเมฆชนิดตางๆ จาก
พลงั งานความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ คไดอื แ้ กก่ากรรระะบเหวยน1กกาารรเพควิม่ บอแณุ นห่น2ภูมกิาแรลหะลกอรมะเบหวลนวก3ากราลรดเยออืณุ กหแภขูมง็ 4ิ หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากน้ัน
แขลอะงกนา�า้ รรซะ่งึเหมดิวี 5ธิ ีการทางธรรมชาติ รวมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น
3.2) เมฆ เป็นกลุ่มก้อนของไอน�้าลอยอยู่ในอากาศ เมฆมีลักษณะแตกต่างกัน เชื่อมโยงกับความชื้นและหยาดน้ําฟา รวมถึง
ตามระดบั ความสงู รปู ลกั ษณะของเมฆมี 3 แบบ ไดแ้ ก่ สถานะของนา้ํ ในกาศ
123 9. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนภาพ
ตัวอยางของเมฆ เพื่อขยายความรูเก่ียวกับ
ชนิดของเมฆและการจัดหมวดหมูของเมฆ
ตามระดับความสูงและรูปราง จากหนังสือ
เรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากน้ันสุมนักเรียน
เพื่ออธิบายผลการสืบคน และอภิปรายแสดง
ความคดิ เหน็ รวมกนั
เมฆซีรร์ ัส ลักษณะเป็นเสน้ ปุย เมฆควิ มลู ัส ลักษณะเปน็ กอ้ น เมฆสเตรตัส ลกั ษณะเปน็ แผน่
ฝอยตอ่ เน่ืองกัน ขนาดต่าง ๆ กัน แผเ่ ช่อื มตอ่ เนอื่ งกนั
การจ�าแนกเมฆตามรูปลักษณะและระดับความสูงที่เมฆลอยปรากฏในท้องฟ้า
แบง่ เปน็ ดังน้ี
เมฆระดบั สงู พบทีร่ ะดับความสูง 6 กิโลเมตรขนึ้ ไป จนใกล้บรรยากาศชั้น
โทรโพพอสทีม่ ีอุณหภมู ติ า่� และไอนา้� มีน้อย พบเมฆซรี ์รสั เมฆซีร์โรคิวมูลสั และเมฆซีร์โรสเตรตสั
มองเห็นได้ชัดเจนในช่วงฤดูหนาวท่ีท้องฟ้าโปร่งใสเห็นเป็นเมฆสีขาวเป็นเส้นหรือปุย คล้ายเส้น
ใยไหม เน่อื งจากเป็นแผ่นน้�าแข็งบาง ๆ เม่อื บังแสงอาทติ ย์หรือดวงจันทร์จึงมีแสงสอ่ งตกกระทบ
เกดิ เป็นวงแสง (halo) เรอื งแสงเปน็ วงกลม
เมฆระดบั กลาง พบทร่ี ะดบั ความสูงตั้งแต่ 3 กโิ ลเมตร ถึง 6 กโิ ลเมตร พบ
เมฆแอลโตสเตรตสั และเมฆแอลโตคิวมลู สั มีลักษณะเป็นละอองนา�้ เลก็ ๆ มสี ขี าว บางครัง้ แตก
เปน็ ก้อนคล้ายดอกกะหลา�่
เมฆระดบั ต่�า พบอยูส่ ูงกวา่ ระดับผิวโลกขน้ึ ไปไม่เกนิ 3 กิโลเมตร ซึ่งเปน็
ชัน้ บรรยากาศทม่ี ีไอน�า้ อยใู่ นอากาศมากทีส่ ดุ เมฆทีพ่ บ ไดแ้ ก่ เมฆสเตรตสั เมฆสแตรโทคิวมูลสั
และเมฆนมิ โบสเตรตัส เมฆในระดับต่า� เปน็ เมฆที่เกิดฝนและหมิ ะได้
51
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
เมฆกอนสีขาวมีลักษณะเปนเสนปุยฝอยตอเนื่องกันคลาย 1 การระเหย คือ กระบวนการที่ของเหลว เปลี่ยนสภาพโดยธรรมชาติ
เสนใยไหม เปน เมฆชนดิ ใด เปนแกส โดยไมจําเปนตองมีอุณหภูมิถึงจุดเดือด โดยดูไดจากน้ําที่คอยๆ
หายไปทลี ะนอยเมื่อกลายเปน ไอน้าํ
1. เมฆซีรร สั 2 การควบแนน เปนการเปล่ียนแปลงสถานะของสสารเชิงกายภาพจาก
2. เมฆควิ มูลัส สถานะแกส เปน ของเหลว
3. เมฆสเตรตสั 3 การหลอมเหลว การที่สสารมีอุณหภูมิสูงจนถึงจุดหลอมเหลวพอดี โดย
4. เมฆควิ มูโลนิมบสั สสารนนั้ จะเปลีย่ นสถานะจากของแขง็ กลายเปน ของเหลว
5. เมฆนมิ โบสเตรตสั 4 การเยือกแข็ง กระบวนการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารจากของเหลว
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เมฆซีรรัส เปนเมฆระดับสูง กลายเปน ของแขง็ โดยมกั เกดิ เมอื่ ของเหลวสญู เสยี ความรอ นหรอื พลงั งาน ไดแ ก
พบทรี่ ะดบั ความสูง 6 กโิ ลเมตรขน้ึ ไป มีลกั ษณะเปน เสน ปยุ ฝอย เปลี่ยนสถานะเปน นาํ้ แขง็
ตอเนอ่ื งกันคลา ยเสนใยไหม เนื่องจากเปนแผน นํ้าแขง็ บางๆ เมื่อ 5 การระเหิด ปรากฏการณที่สสารเปล่ียนสถานะจากของแข็งกลายเปนไอ
บังแสงอาทิตยหรือดวงจันทรจึงมีแสงสวางตกกระทบเกิดเปน หรอื แกสท่ีอณุ หภมู ิตํ่ากวาจดุ หลอมเหลว โดยไมผานสถานะของเหลว
วงแสง เรอื งแสงเปน วงกลม)
T53
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 6 กิโลเมตร ได้แก่ เมฆเมคฆวิ มกูล่อสั ตัวทต่ีทา�ามใหแ้เนกดิวดฝิ่นง ตพกเบฉอพยาู่ใะกแลห้รง่ ะหดัรบือพื้น“ฝโนลซก”ู่แ1ลเมะฆสูงคขวิ ้ึนมูลไปสั เปมรื่อะมมีกาาณร
รวมตัวของไอนา้� มากข้นึ จะพัฒนาเป็นเมฆคิวมโู ลนิมบสั โดยมีฐานเมฆหนาทึบเป็นสีดา� ตัวเมฆ
ขั้นที่ 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มลู มีรูปลักษณะหอคอยขนาดใหญ่ ยอดเมฆแผ่ออกด้านข้างมีรูปคล้าย “รูปท่ัง” ซึ่งถือเป็นเมฆฝน
ที่อันตราย เน่ืองจากภายในก้อนเมฆมีกระแสอากาศแปรปรวน อาจท�าให้เกิดฝนตกหนักและมี
10. ครูอาจใหนกั เรยี นศกึ ษา Geo Activity จาก ฟ้าคะนอง เกดิ ฟ้าแลบ ฟ้ารอ้ ง และฟ้าผ่ารว่ มด้วย
หนังสอื เรียน ภมู ิศาสตร ม.4-6 เพื่อประกอบ
การวเิ คราะหและแปลผลขอมูลเพม่ิ เติม ระดับความสงู 2 เมฆซีรร์ สั เมฆซีร์โรคิวมูลสั
11. ครูใหสมาชิกแตละกลุมนําขอมูลมารวบรวม เมฆช้ันสงู
เชื่อมโยง และวิเคราะหรวมกันเพื่ออธิบาย
คาํ ตอบ
12. สมาชิกแตละกลุมรวมกันตรวจสอบความ
ถูกตองของขอมูล สงตัวแทนนําเสนอผล
งานหนาช้ันเรียน สมาชิกกลุมอ่ืนผลัดกันให
ขอ คิดเหน็ หรอื ขอ เสนอแนะเพิม่ เติม
6 กม. 3 เมฆซีร์โรสเตรตัส
เมฆชัน้ กลาง ยอดเมฆเป็นรปู ทง่ั ตีเหล็ก
เมฆแอลโตควิ มลู ัส เมฆแอลโตสเตรตสั
3 กม. 4 เมฆก่อตัวในแนวตงั้
เมฆชัน้ ตา�่
1.5 กม. เมฆสเตรตัส เมฆคิวมลู ัส เมฆควิ มูโลนิมบสั
เมฆนิมโบสเตรตสั เมฆสแตรโทคิวมลู ัส
ฝนฟ้าคะนอง
ฝน
0 กม.
ชนิดของเมฆและการจดั หมวดหม่ขู องเมฆตามระดับความสูงและรปู รา่ ง
GAecotivity
นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ3 - 4 คน ชว่ ยกนั สงั เกตและบนั ทกึ รปู รา่ งของเมฆแตล่ ะวนั เปน็ เวลา1 สปั ดาห์
และหาขอ้ มลู เพม่ิ เติมเก่ียวกบั เมฆทพ่ี บ วิเคราะหล์ กั ษณะอากาศในแต่ละวัน แล้วรายงานหนา้ ช้ันเรยี น
52
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 ฝนซู หมายถึง ฝนเม็ดใหญท่ีตกลงมาซูใหญเพียงครูเดียวแลวหยุด หรือ เมฆชนิดใดทําใหเ กิดฝนฟา ตกหนกั และมีฟาคะนอง เกิดฟาแลบ
เรียกวา ฝนไลช า ง 1. เมฆควิ มูลสั
2 เมฆช้ันสูง ฐานเมฆอยูในระดับความสูงเฉล่ียต้ังแต 6,000 เมตรข้ึนไป 2. เมฆซรี โรคิวมูลสั
ซึ่งความสูงในระดับนี้สภาพอากาศจะหนาวและแหงแลง องคประกอบภายใน 3. เมฆซีรโ รสเตรตสั
เมฆสว นใหญเปน ผลกึ นาํ้ แขง็ 4. เมฆนิมโบสเตรตสั
3 เมฆชัน้ กลาง ฐานเมฆอยูในระดบั ความสูง 2,000-6,000 เมตร ภายในเมฆ 5. เมฆคิวมูโลนิมบสั
จะประกอบไปดวยผลกั น้าํ แข็งและละอองนา้ํ
4 เมฆชนั้ ตา่ํ ฐานเมฆอยใู กลพ น้ื ดนิ และอยใู นระดบั ความสงู ไมเ กนิ 2,000 เมตร (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 5. เมฆคิวมูโลนมิ บสั กอ ตวั ในแนวตง้ั
ภายในเมฆสว นใหญเปน ละอองนาํ้ มฐี านเมฆหนาทบึ เปนสีดาํ เปน เมฆฝนท่มี อี นั ตราย เพราะภายใน
กอนเมฆมีกระแสอากาศแปรปรวน อาจทําใหเกิดฝนตกหนัก
และมฟี า คะนอง)
T54
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
3.3) หยาดน้�าฟ้า (precipitation) เป็นค�ารวมของสถานะต่าง ๆ ของน้�าใน ขนั้ สอน
บรรยากาศทตี่ กลงมาส่ผู วิ โลกในลักษณะตา่ งๆ ไดแ้ ก่
ข้นั ท่ี 5 การสรุปเพ่ือตอบคําถาม
1. ฝน (rain) หยาดน�า้ ฟ้าทีเ่ ป็นของเหลว
2. ฝนละออง (drizzle) ฝนที่มีขนาดเล็กมาก แตกต่างจากหมอกตรงที่ 1. นักเรยี นในชน้ั เรียนรวมกนั สรุปเก่ยี วกบั การใช
ฝนละอองนจ้ี ะตกจากท้องฟา้ ลงส่แู ผ่นดิน เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร และเคร่ืองมือดาน
3. ฝนน�้าแข็ง (sleet) หยดน�้าฝนที่เกิดการเยือกแข็งเป็นก้อนน้�าแข็ง เทคโนโลยใี นการสบื คนบรรยากาศภาค
กลมใส ขณะฝนตกอุณหภูมิในบรรยากาศใกลโ้ ลกต่า� กว่าจดุ เยอื กแข็ง
4. หมิ ะ (snow) เกดิ จากไอนา้� ในเมฆรวมตวั กนั เปน็ ผลกึ นา้� แขง็ อยา่ งรวดเรว็ 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
โดยไมผ่ ่านการเป็นหยดนา้� ผลึกนา้� แขง็ ตกลงมาในบรรยากาศท่มี อี ณุ หภูมติ า�่ มาก จึงไมท่ �าใหเ้ กดิ สําคัญเพอ่ื ตอบคําถามเชงิ ภูมศิ าสตร
การหลอมละลายตัวกอ่ นตกสูพ่ ้นื โลก
5. ลกู เห็บ (hail) ก้อนน�า้ แข็งกลมตกลงมาจากเมฆคิวมูโลนมิ บสั มกั เกดิ 3. นกั เรยี นกลมุ เดมิ รว มกันทําใบงานท่ี 2.2 เรื่อง
ในขณะมพี ายุฝนฟา้ คะนอง บรรยากาศภาคและการเปลี่ยนแปลงทาง
นอกจากหยาดนา้� ฟา้ แลว้ ในบรรยากาศชนั้ โทรโพสเฟยี รย์ งั พบปรากฏการณท์ เ่ี กดิ บรรยากาศภาค
ข้ึนจากไอน�้าในอากาศ อณุ หภมู ิ และฝนุ่ ละออง ดังนี้
1. หมอก (fog) เกดิ จากไอน้�าท่กี ล่ันตวั เปน็ ละอองลอยอยใู่ นอากาศ มฐี าน 4. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
ติดกับพ้ืนดินหรือพ้ืนน้า� ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่อง บรรยากาศภาค เพื่อ
2. น�้าค้าง (dew) เกิดขึ้นจากอุณหภูมิของอากาศลดต�่าลงจนท�าให้ไอน�้า เปน การบานสง ครใู นช่ัวโมงถดั ไป
ในอากาศเกิดการควบแน่นหรือกล่ันตัวเป็นหยดน�้า มักเกิดในช่วงเวลากลางคืนตอนใกล้รุ่ง ซึ่ง
อณุ หภูมิยอดหญา้ ลดลงต�่าสุด จงึ พบหยดน�้าเกาะใบไม้ ใบหญา้ หรือตามวัตถุต่าง ๆ ใกลพ้ ื้นดนิ ขนั้ สรปุ
3. น�า้ ค้างแขง็ (frost) เกิดขนึ้ เชน่ เดยี วกนั กบั การเกิดน้า� ค้าง ต่างกนั ตรงท่ี
อุณหภูมิยอดหญ้ามีค่าต�่ากว่า 0 องศาเซลเซียส ซึ่งจะพบในพื้นท่ีสูงช่วงฤดูหนาวมากท่ีสุด ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ
ปรากฏการณ์นี้ชาวภาคเหนือของไทย เรียกว่า “เหมยขาบ” ชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือแถบ บรรยากาศภาค ตลอดจนความสําคญั ท่มี อี ทิ ธิพล
จงั หวดั เลย เรียกวา่ “แม่คะนิ้ง” ตอการดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT
4. ฟา้ หลวั (haze) หรอื หมอกแดด เปน็ ลกั ษณะอากาศทเี่ กดิ ขน้ึ จากอนภุ าค สรปุ สาระสําคัญของเนอื้ หา
ของฝนุ่ ผงเกลอื ลอยกระจดั กระจายอยใู่ นบรรยากาศ มกั เกดิ ขนึ้ ในชว่ งฤดหู นาว ทา� ใหท้ ศั นวสิ ยั ลดลง
5. หมอกปนควัน (smog) เป็นลักษณะอากาศที่เกิดขึ้นจากหมอกและ ขน้ั ประเมนิ
ควันพษิ จากแหล่งต่าง ๆ เชน่ โรงงานอตุ สาหกรรม ทอ่ ไอเสยี จากยานพาหนะ ซึ่งเป็นอากาศทีม่ ี
มลพษิ ตอ่ ระบบทางเดนิ หายใจ 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนา ช้ันเรยี น
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานและแบบฝก
สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร ม.4-6
53
ขอ สอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล
ปรากฏการณในขอ ใดท่สี งผลเสียตอการดาํ เนินชีวิต ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เร่ือง บรรยากาศภาค
1. หมอก ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
2. ฟา หลวั หนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมิน
3. นา้ํ คา ง การนําเสนอผลงานท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 2 เร่ือง
4. นาํ้ คา งแขง็ การเปลี่ยนแปลงทางกายของโลก
5. หมอกปนควนั
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบ 5. การเกิดหมอกปนควัน เปน ลักษณะ
อากาศท่ีเกิดขึ้นจากหมอกและควันพิษจากแหลงตางๆ เชน คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องที่
โรงงานอุตสาหกรรม ทอไอเสีย เปนอากาศที่มีมลพิษตอระบบ ตรงกบั ระดับคะแนน
ทางเดนิ หายใจ)
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32
1 ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา
2 การลาดับขัน้ ตอนของเร่ือง
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม
รวม
ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ T55
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process) 3 อทุ กภาค (hydrosphere) แมน้ำลำธาร 2% นำ้ ผวิ ดินและ นำ้ จืด 2.5%
หนอง บงึ 11% อน่ื ๆ 1.2% มหาสมุทร
1. ครูแจงช่ือเร่ือง จุดประสงค และผลการเรียนรู อุทกภาคเป็นส่วนของน�้าท้ังหมดบนผิว น3้ำ0ใ.ต1ด%นิ 97.5%
2. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ โลก นา้� เปน็ ทรพั ยากรหมนุ เวยี น แตร่ อ้ ยละ97.5 ทะเลสาบ ธแารลนะหำ้ แิมขะง็
ของปรมิ าณนา้� ทง้ั หมดบนโลกเปน็ นา�้ เคม็ มสี ว่ น อาเงขเกือ่ ็บนน้ำ
การเปล่ียนแปลงทางกายภาพของโลกดาน ทเ่ี ปน็ น้า� จืดเพียงร้อยละ 2.5 เท่านัน้ ซ่งึ น�า้ จดื 68.7%
อทุ กภาค และแสดงความคิดเห็นรวมกัน เชน ประมาณร้อยละ 68.7 เป็นธารน�้าแข็ง หิมะ 87%
• โกรกธาร เขตอุทยานแหงชาติออบหลวง ร้อยละ 30.1 เป็นนา�้ ใต้ดิน และร้อยละ 1.2 เปน็
นา้� ผวิ ดนิ และอ่ืน ๆ ซ่ึงมีเพยี งรอ้ ยละ 0.3 เปน็ น้ำผวิ ดนิ นำ้ จดื ปรมิ าณนำ้ ทัง้ โลก
จังหวดั เชียงใหม น้�าผวิ ดนิ ทม่ี นุษย์น�ามาใชป้ ระโยชน์ได้
• ดินดอนสามเหลี่ยมบริเวณปากแมน้ําไนล สัดสว่ นปรมิ าณนา�้ ในแหล่งตา่ ง ๆ
ประเทศอียปิ ต 3.1 วัฏจักรของนา้�
3. ครูใหนักเรียนดูแผนผังแสดงวัฏจักรทาง
วัฏจักรของน�้า คือ การหมุนเวียนเปล่ียนแปลงสภาวะของน้�าในธรรมชาติ ที่ผ่านขั้นตอน
อทุ กวทิ ยา จากนน้ั ใหน กั เรยี นลองบอกสงิ่ ทเ่ี หน็ และกระบวนการทางธรรมชาติต่าง ๆ เช่น การระเหย การกลั่น โดยพลงั งานแสงอาทิตยเ์ ปน็ ปัจจัย
4. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความคิด เชน สา� คญั ทที่ า� ใหเ้ กดิ การระเหยของนา�้ จากแหลง่ นา�้ ตา่ ง ๆ เชน่ ทะเล มหาสมทุ ร อา่ งเกบ็ นา้� บงึ แมน่ า�้
ฯลฯ กลายเปน็ ไอนา้� ขน้ึ สบู่ รรยากาศ ถา้ หากมไี อนา�้ มากขน้ึ จนถงึ จดุ อมิ่ ตวั จะกลนั่ ตวั เปน็ ละอองนา้�
• ปจจัยที่ทําใหเกิดการไหลเวียนของกระแส รวมตวั เปน็ ก้อนเมฆ และตกลงมาสู่พืน้ ผวิ โลกในรูปหยาดน�า้ ฟ้าตา่ ง ๆ เช่น ฝน หิมะ ลกู เห็บ และ
นํ้าในมหาสมุทรคืออะไร ไหลลงสู่แหลง่ น�้าตา่ ง ๆ หมุนเวยี นไปเรอ่ื ยๆ ไม่มที สี่ ้นิ สดุ
(แนวตอบ เชน ความแตกตางของระดับนํ้า
อณุ หภมู แิ ละความหนาแนนของน้าํ รวมถงึ นา้� ทอี่ ยตู่ ามแหลง่ นา้� เชน่ อา่ งเกบ็ นา้� บงึ แมน่ า้� ฯลฯ เรยี กวา่ “นา�้ ผวิ ดนิ ” สว่ นนา�้ ท่ีไหลซมึ
ลมประจําฤดูและลมประจําถ่ิน นอกจากนี้ ลงในดินถูกเก็บสะสมไวต้ ามโพรง ชน้ั ดิน และช้ันหนิ ต่าง ๆ เรยี กวา่ “นา้� ใตด้ นิ ”
ยังเกิดจากการลดและเพิ่มของระดับนํ้า
จากปรากฏการณนา้ํ ขึน้ -นํา้ ลง แผนดินไหว น้�าในอากาศ และเกดิ การกลั่นตัว
หรอื ภูเขาไฟปะทุไดอ ีกดวย)
หยาดน�า้ ฟ้า การคายนา้� ของพืช การระเหย
• การไหลเวียนของกระแสน้ําในมหาสมุทรมี การระเหย
อทิ ธพิ ลตอ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ มี่ ปี ระโยชน
ทางเศรษฐกิจอยางไร การไหลซึมลงในดนิ นา้� ผวิ ดนิ มหาสมทุ ร
(แนวตอบ เชน กอใหเกิดแหลงทําการ น�า้ ใตด้ ิน
ประมงที่สําคัญของโลก เน่ืองจากบริเวณ
ท่ีกระแสน้ําอุนและกระแสน้ําเย็นไหลมา วฏั จกั รของนา้�
ปะทะกนั จะมีอุณหภูมเิ หมาะสมสาํ หรบั การ
เจริญเติบโตของแพลงกตอนซึ่งเปนอาหาร 54
ของปลา ทําใหบริเวณน้ีมีปลาชุกชุมมาก
เรียกวา แบงส เชน ครู ลิ แบงส ของประเทศ
ญปี่ ุน )
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูใหนักเรียนศึกษาแผนภาพวัฏจักรของนํ้า อภิปรายการเกิด และ หากในแตละปปริมาณฝนตกนอย สงผลกระทบตอวัฏจักรน้ํา
เพิ่มเติมขอมูลไอน้ําที่ระเหยออกจากน้ําในมหาสมุทร ท้ิงประจุแรธาตุตางๆ ของพืน้ ท่ีนั้นอยางไร
ทาํ ใหม หาสมทุ รมคี วามเค็ม ไอนํา้ ทร่ี ะเหยข้ึนไปเปน นาํ้ จดื บรสิ ุทธ์ิ แตเมอ่ื ไอน้าํ
ควบแนน เปน หยดนาํ้ และตกลงมาเปน ฝน นาํ้ ฝนละลายแกส คารบ อนไดออกไซด (แนวตอบ ฝนที่ตกลงสูพ้ืนดิน น้ําบางสวนจะคางอยูตามใบ
ในบรรยากาศ จงึ มีสภาพเปนกรดคารบอนิกออ นๆ เม่อื ตกลงสูพ ้นื ผวิ โลกจะทาํ และลาํ ตน ของพชื บางสว นจะขงั อยตู ามแอง นา้ํ หรอื ทลี่ มุ นา้ํ เหลา น้ี
ปฏิกิริยากับหินปูนซึ่งมีองคประกอบเปนแคลเซียมคารบอเนต ทําใหเกิด จะระเหยจากแหลงนํ้าหรือการคายน้ําของพืชกลับสูบรรยากาศ
หนาผาแหลม โพรงถาํ้ และนา้ํ กระดา ง และนาํ้ บางสว นอาจซมึ ลกึ ลงไปในดนิ ไปรวมกนั เปน แหลง นา้ํ ใตด นิ
สว นทเ่ี หลอื จะไหลอยบู นผวิ ดนิ ในรปู ของนา้ํ ทา กลายเปน แหลง นา้ํ
ผิวดิน เชน แมน้ําลําคลอง และไหลลงสูทะเลและมหาสมุทร
แลวระเหยกลับข้ึนไปสูบรรยากาศอีก หากพื้นที่นั้นมีฝนตกนอย
สงผลกระทบตอวัฏจักรนํา้ ทาํ ใหม ีน้าํ นอ ย เกดิ ภาวะแหง แลง)
T56
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3.2 ระบบนา�้ จืด ขน้ั สอน
นา้� จดื เปน็ นา�้ ทเ่ี กดิ จากการหมนุ เวยี นตามวฏั จกั รของนา�้ มเี กลอื โซเดยี มและคลอไรดเ์ พยี งเลก็ ขนั้ ที่ 1 การต้งั คําถามเชิงภมู ิศาสตร
นอ้ ยละลายอยู่ในน�้าไมเ่ กนิ 0.5 ส่วน ในนา�้ 1,000 สว่ น ปรมิ าณน�้าจดื ในสว่ นตา่ ง ๆ ของโลกมีอยู่
เกอื บรอ้ ยละ 3 เทา่ นน้ั อยู่ตามแหลง่ ตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. ครูใหน ักเรียนรวมกันศึกษา Geo Tip เกีย่ วกับ
เกรตอารทีเชียนเบซิน จากหนังสือเรียน
1) นา�้ ผวิ ดนิ แหล่งน�้าผวิ ดนิ เฉพาะทเี่ ป็นน�้าจดื ไดแ้ ก่ แม่น้า� ลา� ธาร ห้วย คลอง ภูมิศาสตร ม.4-6 และแสดงความคิดเห็น
รว มกัน
หนอง บงึ ทะเลสาบ และอ่างเก็บน�า้ รวมทงั้ พื้นทชี่ ุม่ น�า้ น�้าผิวดนิ มเี พยี งร้อยละ 0.01 จากปรมิ าณ
นา้� จดื ทง้ั หมด แตม่ คี วามสา� คญั มาก เนอ่ื งจากสามารถนา� มาใชป้ ระโยชน์ในกจิ กรรมตา่ ง ๆ เพอื่ การ 2. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตงั้ ประเดน็ คาํ ถาม
เชงิ ภูมศิ าสตร เชน
ด �ารง ชวี ติ ข อง2ม) นนษุ า้�ยใ์ ตสด้ตั วนิ ์1แเลปะ็นพนชื ้�าที่อยู่ตามแหล่งน�้าใต้ดิน ท้ังบนบกและใต้พื้นดินในทะเล เป็น • ปจ จยั ทางภมู ศิ าสตรม อี ทิ ธพิ ลตอ วฏั จกั รทาง
อุทกวทิ ยาอยา งไร
น้า� ในธรณีภาคที่เกดิ จากน�า้ จืดของวฏั จกั รนา�้ ไหลตามชอ่ งว่างทต่ี อ่ เนือ่ งกนั ใต้พน้ื ดิน เชน่ ช่องวา่ ง • การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพดา นอทุ กภาค
ของเม็ดกรวด ทราย โพรงดิน โพรงถ้�า ตลอดจนถึงชั้นใต้ดินท่ีมีน้�าบรรจุเต็มช่องว่างต่าง ๆ ใน ทาํ ใหน าํ้ จืดและน้ําเคม็ เกดิ ปญหาอยา งไร
เขตอม่ิ น�า้ หรือระดับน้�าใต้ดนิ นา�้ ใต้ดนิ มปี ระมาณร้อยละ 0.62 จากปรมิ าณน�้าจืดทง้ั หมด น้�าใต้ดนิ • ผลกระทบจากปญหาของนํ้าจืดและนํ้าเค็ม
บางส่วนจะไหลซึมอยู่ในช้ันใต้ดินตามความลาดและเป็นส่วนส�าคัญในการช่วยรักษาระดับน�้าใน คอื อะไรบา ง
แมน่ า�้ ไม่ให้ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว • การไหลเวยี นของกระแสนา้ํ ในมหาสมทุ รใน
ภมู ิภาคตางๆ ของโลก มีลักษณะใดบาง
3) ธารนา้� แขง็ พบในทวปี แอนตารก์ ตกิ า เกาะกรนี แลนด์ เกาะไอซแ์ ลนด์ ยอดเขาสงู
และที่ราบสูงที่มีหิมะปกคลุมพ้ืนที่ในเวลายาวนาน เช่น ทิวเขาเชอเลน ในประเทศนอร์เวย์และ
สวีเดน ยอดเขามงบล็องของเทือกเขาแอลป์ ยอดเขาคีโบของเทือกเขาคิลิมันจาโร ในประเทศ
แทนซาเนยี ทีร่ าบสูงทเิ บตและเทือกเขาเซาเทิรน์ แอลป์ ในประเทศนวิ ซแี ลนด์ จากปรมิ าณน�้าจืด
ท้ังหมดเปน็ น�า้ จดื จากธารน�้าแขง็ ประมาณรอ้ ยละ 2.20
4) ไอนา้� และเมฆ เปน็ ส่วนของไอน้�าทเี่ กดิ จากการระเหยของนา�้ ในวัฏจักรน้า� แลว้
ลอยข้ึนไปอยู่ในบรรยากาศชัน้ โทรโพสเฟยี ร์ เปน็ ความช้ืนในอากาศ ละอองนา้� บางสว่ นรวมตัวกัน
เปน็ กลมุ่ ก้อน ซ่งึ จะกล่ันตวั เปน็ น้า� จืดได้อีก ซึง่ โดยรวมมปี ริมาณรอ้ ยละ 0.01 ของนา�้ จืดทีส่ ะสมไว้
ในอากาศ
GTeipo เกรตอาร์ทีเชียนเบซิน
เกรตอาร์ทีเชียนเบซิน (Great Artesian Basin) เป็นแหล่งน้�าบาดาลขนาดใหญ่ของประเทศ
ออสเตรเลีย มพี น้ื ทีป่ ระมาณ 1,544,000 ตารางกโิ ลเมตร สว่ นใหญอ่ ยู่ในรัฐควนี ส์แลนด์ มปี รมิ าณน้า�
อยปู่ ระมาณ 64,900 ลกู บาศก์กโิ ลเมตร แหลง่ น้�ามาจากเทือกเขาเกรตดิไวดงิ ซ่ึงอยู่ทางตะวันออกของ
ประเทศ น้า� ฝนจะไหลลงมาตามชนั้ หนิ ซมึ เปน็ ระยะทางไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร มาส่บู ริเวณแหล่งน้า�
บาดาลนี้ แต่บ่อบาดาลบางแห่งอาจมีเกลือปนอยู่ รัฐบาลออสเตรเลียมีโครงการพัฒนาแหล่งน�้าน้ี
เพ่ือใชป้ ระโยชน์ทางดา้ นต่าง ๆ
55
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ประเทศไทยตองเผชิญกับสถานการณดานน้ําจืดอยางไรบาง ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหความแตกตางของแหลงน้ําจืดท่ีปรากฏบน
มีแนวทางปองกันแกไขปญ หาอยางไร ผิวโลก เชน น้ําผวิ ดนิ นํา้ ใตด นิ ธารนาํ้ แขง็ ในดา นแหลง กาํ เนดิ ความสมั พนั ธ
กับการดําเนินชีวิตของประชากร แลววิเคราะหสถานการณการใชนํ้าจืดใน
(แนวตอบ ประเทศไทยตอ งเผชญิ กบั ปญ หานาํ้ จดื เชน เกดิ ภยั แลง ประเทศไทย
สงผลใหปริมาณน้ําสํารองในเขื่อนหรืออางเก็บนํ้าขนาดใหญ
ไมเพียงพอ ปญหาแหลงนํ้าเสื่อมโทรม และปนเปอนสารพิษจาก นักเรียนควรรู
การปลอยของเสียลงแหลงนํ้าของชุมชนเมือง ภาคอุตสาหกรรม
และภาคเกษตรกรรม เกิดอุทกภัยรุนแรงทําใหน้ําทวม แนวทาง 1 น้ําใตดิน หากมีการสูบนํ้าใตดินมาใชมากเกินไปจนขาดความสมดุลของ
ปองกันแกไข เชน ปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภคนํ้าใหรูจัก นํ้าใตดิน จะทําใหเกิดผลเสียตามมา เชน เกิดการทรุดตัวของดิน เนื่องจาก
ประหยัด รกั ษาแหลง ตน น้าํ เชน ปาไม ภาครฐั ตองมกี ารบริหาร ชั้นลางของหินปูนที่มีนํ้าแทรกอยูชวยใหหนุนช้ันดินดานบนไวหากสูบมาใน
จดั การน้าํ อยา งยง่ั ยืน เพอ่ื ปองกนั ปญหานํ้าแลง และนาํ้ ทวม) ปริมาณมากจะทาํ ใหน ้ําในช้นั หนิ ลดลงอยางรวดเรว็ ทาํ ใหแผนดินยุบตัวลง
T57
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 40 ํN 60 ํS
20 ํN
ขนั้ ท่ี 2 การรวบรวมขอมลู 0ํ 2,000 4,00ก0ม.
20 ํS
1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ สบื คน เกย่ี วกบั อทุ กภาค
จากหนงั สอื เรียน ภมู ิศาสตร ม.4-6 หรอื จาก 40 ํS
แหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ ประกอบการใชเ ครอื่ งมอื ทะเลเบริงม แห ปา60ซิส ํNมุฟ กท ร
ทางภูมิศาสตร เชน แผนที่แสดงนํ้าผิวดิน โซโทละเมลอน เกรตออสเตรเ ีลยนไบต น.เมน.อ รด ีรา ยทระลิเงลแทส ัมน 0
ท่ีสาํ คญั ของโลก ในประเด็นตอไปนี้ ทะเลคอ ัรล
• วฏั จักรของนาํ้ 80 ํS
• ระบบน้าํ จืด ํN ทะเล
• ระบบนาํ้ เคม็ ทะเล ฟ ิลป ปน
แทะคททเะสะลเเเลปลคยอาานร ัรานล. ็อส.อ ับบล ัค �ชเซ ยงทนะค.เาพลรแลหปมสทิน.บุ.ฟไตนหบร.ลีนเนา.หฉอาทงนะเ.เ ีจอลาไย ูมซง ร ีบเรีโยตอทะตค็ะะทัวเะัวอนเลตนอลจีสออ8นคอก0ก ีจนใต ทะเลติมอ ร
2. ครูอาจถามคําถามประกอบการสืบคนของ
นกั เรียนเพิม่ เติม เชน 20ุมนํWทติรก 20 ํE 60 ํE 100มํE ิอห าน140เส ดมํEี ุ ยท ร180 ํ น.โขงวาง คาล น.สาละ ิวน 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE
• แหลง นา้ํ จดื มปี ระโยชนต อ มนษุ ยชาตอิ ยา งไร น.เยน น.ค ทะเลอาหรับ เบ องากวอล
(แนวตอบ น้ํามีประโยชนตอการดํารงชีวิต น. ิสน ุธ ส. ิวกตอเรีย ทะเลสาบ
ของสง่ิ มชี วี ติ ทงั้ ปวง รวมถงึ มนษุ ย ตงั้ แตย คุ ทกนร.สิยูเ ทะเลแดง ทะเลสาบสำ ัคญ
โบราณมนุษยมักต้ังถิ่นฐานในบริเวณที่มีนํ้า ม ห า ส ุม ท ร อ า ร ก ติ ก ทะเลแบเร็นต ส น.ไนเจ น.ค ส.แทนกัน ียกาแ ซมบีซี
อดุ มสมบรู ณ เชน ทร่ี าบลมุ แมน ้าํ ทะเลสาบ ส.ลาโดกาส.นโ.อวเอนลกกาา น.ไน ล ส.มาลา ีว
เนอื่ งจากมคี วามสะดวกในการอปุ โภคบรโิ ภค น.ดานูบ
รวมถงึ การคมนาคมตดิ ตอ กบั ชมุ ชนอนื่ และ อร น. น.ออเรน จ
ประโยชนทางการคา กระท่ังพัฒนาชุมชน ทะเลดำ น.ไ อาวกิน� องโก
ของตนขึ้นเปนแหลงอารยธรรมโบราณที่ เมดิเตอ รเรเ �นยน ฟรทีส
สาํ คญั ของโลกในหลายบรเิ วณ ในปจ จบุ นั นาํ้
ยงั คงมคี วามสาํ คญั ทง้ั ในดา นเศรษฐกจิ และ นอรท ีวะเเจีลยน 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 0 ํ
สิ่งแวดลอม การบริหารจัดการเพ่ือปองกัน ิบ อสเาคว ย ทเะเหลน�น.อไร น
ภยั แลง และนาํ้ ทว ม ตลอดจนการใชพ ลงั งาน แ ม ้นำ
นํา้ ในการผลติ กระแสไฟฟา) ทะเล แ มน้ำสำ ัคญ
ม ห า 1ส4มุ0 ํทWร อ าแร10ก0 ํติWกมอหตาแสแล60มมุอนํWหทตติารแกสล
3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ กรีนทะแเลลนด ทะเลเวดเดล ล
ใหก บั นักเรียนเพมิ่ เติม
อแาบวฟ ฟน น.เนส.ลเสัสก.นริวตสน.สนิุสเเ ีลพสเพ.ฟีรกอิสย.รีฮัฮูสร.ดอออัสานอนวนนเ.เทซรีโนอ ตลอวเรทแะนเลซลบราดอ ร ีซส ูก ทะเลสโกเทีย
น.โ
แผน ่ีทแสดง ้�นาผิว ิดน ่ีท �สาคัญของโลก ทะเลแคริบอเ ีรบีโยนโนก น.ปารานา ทะเลเบลลิงสเฮาเซน
น.แอมะซอน
แผนท่ีแสดงแห ลงน้ำ ิผวดิน น.ซาฟ ัรง
ทะเลโบฟอรตส.เกรตแบร น.โค เม็อกา ิซวโก
บีย
น.แมกเคนซี น.รีโอกรนั เด
น. ิมสซิส.ส ิมซิ ิชปแกปน
80แห ปา ิซส มฟํNุ กท ร เ โลราโด
น. ูยคอน อาวอะแลสกา N 60 ํS
น.โคลัม 1 : 160,000,000 80 ํS
60 ํN ม
56 40 ํN
20 ํN
0ํ
20 ํS
40 ํS
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย
ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงแหลงนํ้าผิวดินที่สําคัญของโลก ต้ังประเด็น ครูใหนักเรียนดูแผนท่ีแสดงแหลงนํ้าผิวดินท่ีสําคัญของโลก
คาํ ถามเพอื่ ใหน กั เรยี นไดใ ชท กั ษะทางภมู ศิ าสตรใ นการอา นและแปลความแผนท่ี ใหวิเคราะหแหลงนํ้าสําคัญของโลก เปรียบเทียบความไดเปรียบ
เชน เสยี เปรยี บของปรมิ าณแหลง นาํ้ ในแตล ะพน้ื ทข่ี องโลก และวเิ คราะห
แนวโนม สถานการณก ารใชนํ้า ปญ หาแหลง นา้ํ ของโลก และเสนอ
• ทวปี ใดมีแหลงน้าํ อุปโภคบริโภคมากท่ีสดุ เพราะเหตุใด แนะแนวทางการบริหารจดั การน้ําอยา งยง่ั ยนื บันทกึ สาระสาํ คัญ
• ทวีปใดมีโอกาสเส่ียงตอการเกิดภาวะขาดแคลนน้ําจืดมากที่สุด เพราะ
เหตุใด
• พ้ืนท่ใี ดของโลกทีม่ ีแหลง นา้ํ อดุ มสมบูรณเ หมาะแกก ารเพาะปลูก
• หากไมม แี มน า้ํ แอมะซอนจะสง ผลกระทบตอ หลายประเทศในอเมรกิ าใต
อยางไร
• หากไมม ีแมน้าํ เจาพระยาจะสง ผลกระทบตอภาคกลางของไทยอยา งไร
• หากนักเรียนจะเลือกทําการเกษตรขนาดใหญจะเลือกบริเวณใดของโลก
เพราะเหตใุ ด
นอกจากน้ัน ครกู ระตุนใหน ักเรยี นฝกตงั้ คาํ ถาม โดยใชแผนท่ีประกอบ
T58
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3.3 ระบบน�า้ เค็ม ขนั้ สอน
นา�้ เคม็ เปน็ นา้� ทมี่ ปี รมิ าณมากทสี่ ดุ ถงึ รอ้ ยละ97 ของปรมิ าณนา้� ทงั้ โลกและกระจายตามแหลง่ ขั้นท่ี 3 การจด การขอ มลู
น้�าตา่ ง ๆ ได้แก่ อ่าว ทะเล และมหาสมุทร จงึ เปน็ แหลง่ น�้าในวัฏจักรน้า� ทม่ี กี ารระเหยเปน็ ไอนา้� ใน
อากาศมากทีส่ ดุ ด้วย 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู
1) ความเคม็ และความหนาแนน่ ความเคม็ ของนา�้ ทะเลเกดิ จากการมเี กลอื โซเดยี ม ระหวา งกนั
และคลอไรดล์ ะลายอยู่ ในปรมิ าณเฉลี่ย 35 กรมั ต่อน�า้ 1,000 กรมั หรือรอ้ ยละ 3.5 น้า� ทะเลแต่ละ 2. จากนนั้ สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ท่ี
บรเิ วณมคี วามเคม็ แตกตา่ งกนั ตามอตั ราการระเหยของนา�้ ปรมิ าณนา�้ ฝน นา�้ จากแมน่ า้� หรอื นา�้ แขง็ นําเสนอเพือ่ ใหไดขอ มูลที่ถกู ตอง และรว มกนั
ที่ละลายลงไป และอณุ หภมู ขิ องนา�้ อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพิม่ เติม
2) กระแสนา�้ พนื้ ผวิ และการลอยตวั ของมวลนา้� ในมหาสมทุ ร การไหลเวยี นของ
กระแสนา�้ พน้ื ผวิ ในมหาสมทุ รมคี วามตอ่ เนอื่ งและสมา่� เสมอ เกดิ จากความหนาแนน่ และอณุ หภมู ทิ ี่
แตกตา่ งกันของน�้าทะเลในแต่ละแห่ง และลมประจ�าของโลก
2.1) กระแสนา้� พน้ื ผวิ ในมหาสมทุ ร เปน็ ระบบหมนุ เวยี นของนา้� พน้ื ผวิ ในแนวนอน
ประจ�าอยู่ในมหาสมุทรต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ การไหลของกระแสน�้าพ้ืนผิวเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ
ดังน้ี
1. การหมนุ รอบตวั เองของโลก ทา� ใหก้ ระแสน�า้ พน้ื ผวิ บรเิ วณเส้นศูนยส์ ตู ร
ไหลจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก เมื่อถึงทวีปและแผ่นดิน กระแสน้�าพ้ืนผิวจะไหลเบนขวาใน
ซกี โลกเหนอื และเบนซา้ ยในซีกโลกใตต้ ามลักษณะรปู ร่างของแผน่ ดิน
2. ลมทพี่ ดั ประจ�า ไดแ้ ก่
• ลมค้าตะวันออกเฉียงเหนือและลมค้าตะวันออกเฉียงใต้ ลมที่พัด
ประมาณละติจูด 30 - 5 องศาเหนือและใต้ ทา� ใหก้ ระแสน้า� แถบเสน้ ศูนยส์ ูตรไหลจากทิศตะวันออก
ไปทศิ ตะวนั ตก
• ลมตะวันตก เปน็ ลมท่พี ัดประมาณละตจิ ดู 30 - 60 องศาเหนอื และใต้
พัดจากแนวความกดอากาศสูงกึ่งเขตร้อนไปยังบริเวณแนวความกดอากาศต่�ากึ่งขั้วโลกในซีกโลก
เหนือ ลมจะพัดรุนแรงมากในฤดูหนาว ส�าหรับซีกโลกใต้ลมจะพัดรุนแรงในฤดูร้อนและฤดูหนาว
ซง่ึ ในสมยั โบราณใชป้ ระโยชน์ในการเดนิ เรอื จากตอนใตข้ องมหาสมทุ รแอตแลนตกิ ไปทางตะวนั ออก
ผา่ นมหาสมุทรอนิ เดีย
57
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
การไหลเวยี นของกระแสนา้ํ ในมหาสมทุ รเกดิ จากสาเหตุ ครูเพิ่มเติมขอมูลเก่ียวกับอิทธิพลของกระแสน้ําในมหาสมุทรสงผลตอการ
ดงั ตอ ไปนี้ ยกเวน ขอ ใด ดาํ เนนิ ชีวติ ของมนุษย เชน
1. เกดิ จากลมประจาํ ทพี่ ดั ผา น 1. มีอิทธิพลตออุณหภูมิบนพ้ืนโลก กระแสน้ําอุน ชวยเพ่ิมระดับอุณหภูมิ
2. เกดิ จากการหมนุ รอบตวั ของโลก บริเวณชายฝงในเขตละติจูดสูงใหสูงข้ึน เชน ทําใหชายฝงสหราชอาณาจักรมี
3. เกดิ จากความแตกตา งของภมู ปิ ระเทศ อุณหภูมิไมล ดลงตาํ่ มาก กระแสนํ้าเย็น ชว ยลดระดับอณุ หภมู บิ ริเวณชายฝง ใน
4. เกดิ จากการลดระดบั นาํ้ ทะเลจากปรากฏการณน า้ํ ขนึ้ -นา้ํ ลง เขตละติจูดต่ําใหเย็นลง เชน ทําใหบริเวณชายฝงแคลิฟอรเนีย สหรัฐอเมริกา
5. เกิดจากความหนาแนนและอุณหภูมิที่แตกตางกันของ มีอุณหภมู ไิ มสงู มากนกั ท้ังๆ ท่เี ปนฤดูรอน
นา้ํ ทะเลในแตล ะแหง 2. บริเวณที่มีกระแสนํ้าเย็นและกระแสน้ําอุนไหลมาปะทะกัน จะมี
แพลงกตอนซึ่งเปนอาหารของปลาอยูเปนจํานวนมาก จึงเปนแหลงปลาชุกชุม
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการไหลเวียนของน้ําใน มีประโยชนทางดานการประมง เชน บริเวณคูริลแบงก ประเทศญี่ปุนเปน
มหาสมุทรเกิดจากความแตกตางของระดับนํ้าทะเลท่ีสูง-ต่ําไม บริเวณท่กี ระแสนา้ํ อนุ คโุ ระชโิ อะและกระแสน้ําเย็นโอะยะชิโอะไหลมาปะทะกนั
เทากัน โดยน้ําที่ลอยตัวสูงข้ึนจะไหลไปแทนท่ีน้ําท่ีจมตัวลง
สวนน้ําที่จมตัวลงก็จะไหลในระดับลึกไปแทนที่นํ้าท่ีลอยตัวสูงขึ้น T59
ซึ่งไมไดเกิดจากความแตกตางของภูมปิ ระเทศ)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
งเกวลา
ขน้ั สอน ํN 2,000 4,00ก0ม.
ทะเล ายอาตากามาํ
ข้ันที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมลู ํS
รเ น�ย
1. ครูใหนักเรียนดูแผนท่ีแสดงกระแสน้ําใน 20
มหาสมทุ ร จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 0 เตรวเนั ลตียก
จากน้ันรวมกันวิเคราะหและเช่ือมโยงการ 20
ไหลเวียนของกระแสน้ําในมหาสมุทรเพิ่มเติม เปรู
ประกอบการใชค ําถาม เชน 1แคู2บิรง0ล ํกE ีลโยอตะะ ัวยแ1ะน6ป ิชอ0โซิํศูออEมฟศูะกนหกนยเายูสหส ูสต1น�ุมรต6แอม0รทสคเํรหบวเอาหWแะนบสน�ิรแปอกงมุูศาลอซิลัวสทนมบฟกร1 ยาห2อก ูสา0า ํรสตแรกWมุใคติทิลตกรฟอแ8ทโปะ0มเ ํอิซฮลาเทWีวฟรามกยริกา4เเ0ม็ํ อหกาWแซิ�นวโลกอบรแาคดริอรบ0เํทบีรยักอนลเแแฟกบมรสงนริสตดกีรแามมอใหต ตา8แส0ลํ ุมศนูNแทตินมอรดกยหอตแกาสเูแบกสงตลอก ุมรรนทติรทยุก6ะโเ0ลรํทNรปแาเยอบสะฮฟาริร44าก00 ํําSNก ีรนแลนดคะแนรี บราซิล ข้ัวโลกแอนตา รก ิตกา N 60 ํS 60 ํS 0
• แหลงท่ีมาของกระแสน้ําอุนและกระแส แอ เตหแ �นลอน ิตก
น้ําเย็นที่ไหลเวียนในมหาสมุทรของโลกคือ ทะเลทรายนา ิมบ 80 ํS
ทใ่ี ด
(แนวตอบ เขตศูนยสูตรและเขตข้ัวโลกเปน 20 ํE 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํW 20 ํE กระแส ้นำเ ็ยน
แหลงท่ีมาของกระแสน้ําอุนและกระแส
น้ําเย็นท่ีไหลเวียนอยูในมหาสมุทรท่ัวโลก ออสเตรเ ้ัขวโลกแอนตารก ิตกา แ อ น ต า ร ก ิต ก า กระแสน้ำ ุอน
โดยกระแสนา้ํ อนุ เชน กระแสนาํ้ อนุ คโุ ระชโิ อะ
ไดรับความรอนจากดวงอาทิตยในเขต ชอง
ศูนยสูตร และไหลเวียนข้ึนทางเหนือ สวน
กระแสน้ําเย็นโอะยะชิโอะ เปนกระแสน้ํา แผน ่ีทแสดงกระแสน�้าในมหาสมุทร1 แผนที่แสดงกระแสน้ำในมหาสมุทร 40 ํE 80 ํE
เยน็ ทไี่ หลลงมาจากทางขวั้ โลกเหนอื นน่ั เอง)
ุคโระ ิชโอะ
2. ครูใหสมาชิกแตละกลุมนําขอมูลท่ีรวบรวมมา
ไดท ําการวิเคราะหร ว มกนั เพ่อื อธิบายคําตอบ ตอะอส ทะเอกิลบอทสัรนสาเยตรเ ีลย
3. สมาชิกแตละกลุมรวมกันตรวจสอบความ 80 ํN ั้ขวโลกแอนตา รก ิตกา 1 : 160,000,000 80 ํS
ถูกตอ งของขอมูล
เอเ ีชย
4. ตัวแทนกลุมนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันใหขอคิดเห็น หรือ ตกเ �ฉยงใ ต
ขอ เสนอแนะ
ูศน ย ูสตรเห �นอ
5. สมาชิกแตละกลุมรวมกันทําใบงานที่ 2.3 ิอนูศเนดี ยย ูสสตวรนใกต ัลบ
เรือ่ ง ปรากฏการณทางอุทกภาค และรว มกัน
เฉลยคําตอบ โดยครแู นะนําเพ่ิมเติม มหาส ุมทร
อินเดีย
มร ุสมตะ ัวน
60 ํN อะกะ ัลส
40 ํN
58 20 ํN
แอฟริกา
0 ํ เ สน ูศน ยสูตร
20 ํS
40 ํS
นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทาทาย
1 กระแสนาํ้ ในมหาสมทุ ร คอื การเคลอ่ื นทข่ี องนาํ้ ในมหาสมทุ รอยา งสมาํ่ เสมอ ใหนักเรียนดูแผนที่แสดงกระแสนํ้าในมหาสมุทร วิเคราะห
ซ่ึงจะไหลอยูตลอดเวลา และไหลเวียนไปท่ัวโลกอยางชาๆ ในทิศทางเดียวกัน ทิศทางการไหลของกระแสนํ้าอุน และกระแสนํ้าเย็นของโลก
และการที่โลกเปนทรงกลมจึงทําใหอุณหภูมิของน้ําในมหาสมุทรมีความ ผลกระทบจากการมีกระแสนํ้าดังกลาว ยกตัวอยางกระแสนํ้าอุน
แตกตางกัน พลังงานจากดวงอาทิตยจะตกกระทบบริเวณเสนศูนยสูตร และนํ้าเยน็ ของโลก วิเคราะหอ ิทธิพลของกระแสนาํ้ ดังกลาว
มากกวาบริเวณอื่นๆ ทําใหน้ําบริเวณน้ันมีอุณหภูมิสูงขึ้นจึงเบาและลอยตัวข้ึน
เกิดเปนกระแสน้ําอุน ในขณะที่นํ้าบริเวณขั้วโลกจะไดรับความรอนนอยมาก
ทาํ ใหน ํา้ มีอุณหภูมิตาํ่ จะเย็นและจมตัวลงเกดิ เปน กระแสน้ําเยน็
T60
นาํ สอน สรุป ประเมิน
2.2) การลอยตัวของมวลน�้า เป็นปรากฏการณ์เฉพาะพื้นที่ เน่ืองจากน้�าใน ขน้ั สอน
ระดับลึกจากทะเลหรือมหาสมุทรมีอุณหภูมิต�่าและมีความหนาแน่นสูงลอยตัวข้ึนสู่ระดับผิวน�้า
เกดิ จากลมประจา� กา� ลงั แรงทา� ใหก้ ระแสนา�้ เยน็ พนื้ ผวิ ทข่ี นานกบั ชายฝง่ั เคลอ่ื นทเ่ี ฉออกจากชายฝง่ั ข้นั ท่ี 5 การสรปุ เพ่อื ตอบคําถาม
ตามแรงคอริออลิส ท�าให้น�้าเย็นในระดับลึกเคล่ือนข้ึนมาแทนท่ีเกิดเป็นการลอยตัวของมวลน�้า
เช่น การลอยตัวของมวลน้�าบรเิ วณชายฝง่ั รฐั แคลฟิ อร์เนีย สหรัฐอเมรกิ า 1. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษา Geo Tip เรอ่ื ง หมอก
ทะเล จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 เพอ่ื
GTeipo วิเคราะหเพิ่มเติมปรากฏการณทางอุทกภาค
จากนั้นรวมกันตรวจสอบความถูกตองของ
หมอกทะเล (sea fog) ขอ มลู
หมอกทะเลเป็นหมอกที่เกิดจากการพาความร้อนในแนวนอน (advection fog) หมอกทีเ่ กิดขน้ึ 2. นกั เรยี นในชนั้ เรยี นรว มกนั สรุปเกี่ยวกบั การใช
ในชั้นต�่า ๆ ของมวลอากาศช้ืน ซึ่งเคล่ือนที่ไปบนผิวพ้ืนท่ีเย็นกว่า จนท�าให้อุณหภูมิของอากาศ เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร และเครื่องมือดาน
ข้างล่างลดลงต�่ากว่าอุณหภูมิจุดน้�าค้าง หมอกชนิดน้ีมักเกิดจากอากาศชื้นเคลื่อนท่ีไปบนผิวพื้นน�้า เทคโนโลยีในการสืบคนอทุ กภาค
ทะเลทเี่ ย็นกว่า
3. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
ที่มา : https://www2.aeromet.tmd.go.th สําคัญเพือ่ ตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร
4. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
ม.4-6 เกย่ี วกับเรื่อง อุทกภาค โดยครูแนะนํา
เพิ่มเติม
ขนั้ สรปุ
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ
อุทกภาค ตลอดจนความสําคัญท่ีมีอิทธิพล
ตอการดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT
สรปุ สาระสาํ คญั ของเน้ือหา
ขน้ั ประเมนิ
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนา ช้ันเรียน
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร ม.4-6
59
กิจกรรม Geo - Literacy แนวทางการวัดและประเมินผล
นกั เรยี นศกึ ษาแผนทแี่ สดงกระแสนาํ้ ในมหาสมทุ รจากหนงั สอื เรยี น ครูสามารถวัดและประเมนิ ความเขา ใจเนอื้ หา เร่ือง อทุ กภาค ไดจ ากการ
หนา 57 วเิ คราะหทิศทางการไหลของกระแสนํ้าอุน กระแสนํา้ เยน็ ตอบคาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชน้ั เรยี น โดยศกึ ษา
ตางๆ และผลจากกระแสน้ําดังกลาว ใหนักเรียนรวมกลุมศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมา
วเิ คราะหค วามรจู ากเรอื่ งกระแสนา้ํ ในมหาสมทุ ร โดยใชก ระบวนการ ทา ยแผนการจัดการเรียนรูหนว ยที่ 2 เรอ่ื ง การเปลี่ยนแปลงทางกายของโลก
ทางภูมิศาสตร 5 ขั้นตอน ไดแก การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร
การรวบรวมขอมูล การจัดการขอมูล การวิเคราะหขอมูล และ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
การสรปุ เพ่อื ตอบคาํ ถาม
คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา
2 การลาดับข้นั ตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม
รวม
ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ T61
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process) 4 ชวี ภาค (biosphere)
1. ครูแจง ชอ่ื เรอ่ื ง จดุ ประสงค และผลการเรยี นรู 4.1 ระบบชวี นิเวศ1
2. ครูใหนักเรียนดูภาพชีวนิเวศแตละพื้นท่ี เชน
ระบบนเิ วศบนโลกมหี ลายรปู แบบขนึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศของแตล่ ะทอ้ งถนิ่
ทนุ ดรา ปา ฝนเขตรอ น ทะเลทราย เทอื กเขาสงู ซึ่งมีผลต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ๆ ระบบนิเวศของส่ิงมีชีวิตในแต่ละพื้นที่ เรียกว่า
ปาสน ทุงหญาเขตรอน ฯลฯ จากนั้นสุม ชวี นเิ วศ หรือไบโอม (biomes)
นักเรียนเพื่อตอบคําถามวาแตละภาพเปน แผนท่ีแสดงเขตชวี นิเวศของโลก
ชวี นเิ วศในพ้นื ท่แี บบใด
150 ํW 120 Wํ 90 ํW 60 ํW 30 ํW 0 ํ 30 ํE 60 ํE 90 Eํ 120 Eํ 150 Eํ 180 ํ
ขน้ั สอน
เสนอารก ติกเซอรเคิล 60 Nํ
ขนั้ ที่ 1 การต้งั คําถามเชิงภมู ิศาสตร
60 Nํ
1. ครูใหนักเรียนศึกษาแผนท่ีแสดงเขตชีวนิเวศ
ของโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 30 ํN เสนทรอปกออฟแคนเซอร 30 ํN
แลว อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั แผนท่ี เสน ศนู ยสูตร 0 ํ
ดังกลาวรวมกัน พรอมท้ังเช่ือมโยงกับภาพ 0ํ
ชีวนิเวศตัวอยาง และแสดงความคิดเห็น 30 ํS
เพม่ิ เตมิ เสน ทรอปก ออฟแคปรคิ อรน
เขตชวี นิเวศของโลก เทอื กเขาสงู 60 ํS
2. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตง้ั ประเดน็ คาํ ถาม 30 Sํ ปา ฝนเขตรอ น
เชิงภูมศิ าสตร เชน
• ปจจยั ทางภมู ิศาสตรท ําใหเกิดความ 60 Sํ ปา ไมผลดั ใบ ทะเลทราย
หลากหลายของระบบชีวนเิ วศอยางไร
• ระบบชีวนิเวศในภูมิภาคตางๆ ของโลกมี เสนแอนตารก ติกเซอรเคลิ 0 ํ ททุงุงหหญญ30าา Eํ เเขขตตรออบนอุน60 ํE 9ทป0าุนEํ สดนรา(ไทก1า20) Eํ 150 ํE 180 ํ
ลักษณะอยางไร
• การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาคในภูมิภาค 150 ํW 120 ํW 90 ํW 60 ํW 30 Wํ
ตางๆ ของโลก มีผลกระทบตอวิถีการ
ดาํ เนินชวี ิตอยา งไร เมดิเตอรเรเน�ยน
จากแผนที่แสดงเขตชีวนิเวศแบ่งเป็น 9 กลุ่มใหญ่ ๆ ซ่ึงความแตกต่างของสภาพอากาศ
และลักษณะพ้ืนท่ีในแต่ละภูมิภาคของโลก ท�าให้เกิดระบบนิเวศหรือถิ่นที่อยู่อาศัยของส่ิงมีชีวิต
ทแ่ี ตกตา่ งกนั ส่ิงมชี วี ิตแตล่ ะพ้นื ท่ีไดผ้ ่านการคัดสรรตามธรรมชาติในกระบวนการววิ ัฒนาการของ
สิ่งมีชีวิต เช่น เขตร้อนชื้นแถบศูนย์สูตรหรือเขตร้อนซึ่งเป็นเขตท่ีมีความส�าคัญอย่างยิ่งในเร่ือง
ความหลากหลายทางชีวภาค เช่น ป่าแอมะซอน ประเทศบราซลิ เปน็ พ้นื ท่ีท่ีมีความหลากหลาย
ของพนั ธุพ์ ืชและสตั วส์ ูงมาก
60
นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสริม
1 ระบบชวี นเิ วศ (biome) ชมุ ชนของพืชและสัตวท ่ีอาศยั อยรู ว มกนั ในบริเวณ ใหนักเรียนจับคู อานแผนที่แสดงเขตชีวนิเวศของโลก เลือก
ที่มีภูมิอากาศมีลักษณะเฉพาะ ชีวนิเวศแบบตางๆ ถูกควบคุมโดยลักษณะ ศกึ ษาเขตชวี นเิ วศ 1 เขต วเิ คราะหล กั ษะเฉพาะของลกั ษะพชื พรรณ
ภูมิอากาศ พ้ืนที่ทางภูมิศาสตร เปนสิ่งท่ีกําหนดชนิดของพืชและสัตวที่จะ ปา ไม สตั ว สรปุ สาระสาํ คญั ในรปู แบบแผนผงั ความคดิ นาํ เสนอ
เจริญเติบโตและดํารงชวี ติ อยใู นพ้ืนท่นี ้ันๆ เชน ชวี นเิ วศปาเขตรอ น ปา ผลัดใบ ในชน้ั เรยี น
เขตอบอนุ ทงุ หญาเขตอบอุน ทะเลทราย
กิจกรรม ทาทาย
T62
ใหนกั เรียนจบั คู อา นแผนทีแ่ สดงเขตชีวนเิ วศของโลก ศกึ ษา
เขตชีวนิเวศท้ัง 9 เขต วิเคราะหลักษะเฉพาะของแตละเขต
เก่ียวกับลักษะพืชพรรณ ปาไม สัตว สรุปสาระสําคัญ นําเสนอ
ในชน้ั เรยี น
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ระบบนเิ วศของแตล่ ะพนื้ ทมี่ ลี ักษณะสา� คญั ดังนี้ ขนั้ สอน
1) ปา่ ฝนเขตรอ้ น หรอื ป่าดิบชน้ื
เปน็ ปา่ ไมผ่ ลดั ใบ เขยี วชอมุ่ ตลอดปี ปรมิ าณฝน ขน้ั ท่ี 2 การรวบรวมขอ มูล
และความช้ืนสงู อุณหภมู เิ ฉลยี่ 20 - 25 องศา
เซลเซยี ส มีฝนตกชุกเฉล่ยี 2,400 มม./ปี พบ 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน สบื คน
มากในเขตรอ้ นใกลเ้ สน้ ศนู ยส์ ตู ร เชน่ ปา่ ในเกาะ ขอมูลเก่ียวกับระบบนิเวศของแตละพ้ืนที่
ภบอาครเ์ในตยี้ขวองปปรระะเเททศศอไินทโยดนปเี ซ่าเยี ซลมวาาเสล1เซ(sยี elvแaลsะ) จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือ
บริเวณลุ่มแม่น้�าแอมะซอนในทวีปอเมริกาใต้ จากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือใน
และบริเวณลุ่มแม่น�้าคองโกในทวีปแอฟริกา หองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ประกอบ
ปา่ มคี วามหลากหลายของสงิ่ มชี วี ติ สงู ทง้ั พนั ธพ์ุ ชื ปา่ ฝนเขตรอ้ นเปน็ พน้ื ทท่ี มี่ คี วามอดุ มสมบรู ณแ์ ละมคี วาม การใชเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร ในประเด็น
สตั วป์ ่า นก และแมลง หลากหลายทางชวี ภาพสงู ตอ ไปน้ี
• ปาฝนเขตรอ น
2) ปา่ ไมผ้ ลดั ใบ บริเวณป่าไม้ผลัดใบเขตร้อนจะผลัดใบในฤดูแล้งและผลิใบใหม่ใน • เทือกเขาสงู
ฤดูฝน ส่วนบริเวณเขตอบอุ่นจะผลัดใบในฤดูใบไม้ร่วงและผลิใบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ มีปริมาณฝน • ปาไมผลดั ใบ
เฉล่ีย 760 - 1,500 มม./ปี อณุ หภมู เิ ฉลีย่ 15 - 30 องศาเซลเซยี ส ในเขตรอ้ นพบปา่ เบญจพรรณ • ทะเลทราย
หรอื ปา่ เตง็ รงั ซง่ึ เปน็ ปา่ โปรง่ ทม่ี ตี น้ ไมข้ น้ึ กระจดั กระจายหลายชนดิ ในเขตอบอนุ่ พบมากในทวปี ยโุ รป • ทงุ หญา เขตอบอุน
ออสเตรเลีย และประเทศญี่ปนุ่ พันธุ์ไม้ท่ีพบ เช่น โอ๊ก เชสต์นตั สตั วท์ ่ีพบ เช่น สนุ ขั จิง้ จอก กวาง • ปาสน
3) ทงุ่ หญา้ เขตอบอนุ่ เป็นบริเวณท่ีมีทุ่งหญ้าปกคลุมทั่วไปในเขตละติจูด 10 - 30 • ทุงหญาเขตรอ น
องศาเหนือและใต้ ฝนตกเฉล่ีย 250 - 760 มม./ปี ฤดูร้อนอากาศร้อนมาก พบต้นไม้น้อยชนิด • ทุนดรา
สทว่วนปี ใอหเมญรเ่ กิปาน็ ใพต้ชื เรตยี รกะวกา่ลู หทญงุ่ หา้ ญสา้ งูปตมั ง้ั ปแสัต2่แ5ล0ะ-ท2ว0ปี 0เอซเชมยี .บใรนเิ ทวณวปี แอมเนมจรเูกิ รายี เหตนออืนใเตรข้ ยี อกงวไา่ ซบทเีงุ่ รหยี ญปา้ รแะพเทรศรี • เมดเิ ตอรเรเนยี น
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเชื่อถือ
ใหก ับนักเรยี นเพ่มิ เตมิ
แรสัลเะซมียีทงุ่เรหยี ญก้าวทา่ ่สี ทมงุ่ บหูรญณ้า์ สเตปป์3มธี ญั พืชต่าง ๆ
4) ทงุ่ หญา้ เขตรอ้ น มฝี นตกเฉลยี่
700 - 1,500 มม./ปี อุณหภูมิเฉล่ีย 20 - 30
องศาเซลเซียส มีฤดูแล้งยาวนาน พบเป็น
บริเวณกว้างในทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้ และ
ทางเหนอื ของประเทศออสเตรเลยี มตี น้ หญา้ ยาว
และมไี มต้ น้ ไมพ้ มุ่ กระจดั กระจายหรอื เปน็ กลมุ่ ๆ
บางแหง่ มลี กั ษณะเปน็ ทงุ่ หญา้ ปนปา่ โปรง่ ในทวปี
แอฟรกิ า เรยี กวา่ ทงุ่ หญา้ สะวนั นา สตั วท์ พี่ บ เชน่
สงิ โต มา้ ลาย ควายปา่ ทุ่งหญา้ เขตรอ้ นหรอื ท่งุ หญา้ สะวันนาในทวีปแอฟรกิ า
61
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศสง ผลกระทบตอ ระบบชวี นเิ วศ 1 ปาเซลวาส ปาในเขตรอนชื้น ไมลําตนสูงใหญ ปกคลุมพ้ืนท่ีหนาแนน
ของโลกอยา งไร ในบริเวณลุมนํ้าแอมะซอน เปนแหลงปาไมเน้ือแข็งที่มีความอุดมสมบูรณและ
กวา งขวาง ปจจุบันถกู ทาํ ลายลงไปมาก เพื่อใชพนื้ ท่ที ําการเกษตร
(แนวตอบ การทอ่ี ณุ หภมู โิ ลกเปลยี่ นแปลงทาํ ใหเ กดิ ภาวะโลกรอ น 2 ทุงหญาปมปส ทุงหญาเขตอบอุน อยูบริเวณท่ีราบต่ําอุดมสมบูรณใน
สงผลกระทบตอ ระบบชีวนิเวศ เชน ภยั ธรรมชาตติ างๆ มแี นวโนม ทวีปอเมริกาใต ในเขตประเทศอารเจนตินา อุรุกวัย บราซิล มีหยาดน้ําฟา
วาจะเกิดบอยคร้ังและรุนแรงมากยิ่งขึ้น เชน ภัยแลง ไฟปา 600-1,200 มิลลิเมตร กระจายเกือบเทากันตลอดทั้งป ทําใหดินเหมาะสมแก
พายุไตฝุน โซนรอน น้ําทวม การพังทลายของชั้นดิน เกิดภาวะ เกษตรกรรมและเล้ยี งสตั ว
คล่ืนความรอน ทําลายพชื ผลการเกษตร การลดลงของพืชอาหาร 3 ทุงหญาสเตปป ทุงหญาท่ีมีหญาสูง 1-5.8 ฟุต ขึ้นในเขตภูมิอากาศแบบ
สตั วปา สูญพันธ)ุ ภาคพน้ื ทวปี ภมู อิ ากาศกงึ่ แหง แลง อณุ ภมู สิ งู สดุ ในฤดู รู อ นอาจสงู ถงึ 40 C°ํ และ
ต่ําสุดในฤดูหนาวอาจลดลงถึง -40 ํC อุณหภูมิระหวางกลางวันและกลางคืน
แตกตา งกนั มาก เชน ทางบริเวณทสี่ งู ของมองโกเลยี
T63
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 5) เมดิเตอร์เรเนียน มีไม้พุ่มเต้ียที่ทนอากาศแห้งแล้งในฤดูร้อนได้ ในฤดูหนาว
ขัน้ ท่ี 3 การจดั การขอ มลู มีอากาศอบอุ่น และได้รับความชื้นจากทะเล ปริมาณฝนฉล่ีย 650 มม./ปี พบโดยรอบทะเล
เมดิเตอร์เรเนยี น และทางตะวันตกเฉยี งใตข้ อง
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก สหรัฐอเมริกา บริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือ
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ของเม็กซิโก เรียกว่า ป่าชาปาร์รัล พบไม้พุ่ม
ระหวางกัน เปลือกหนา ใบเล็ก ผิวมัน เขียวชอุ่มตลอดปี
เชน่ โอ๊ก มะกอก ซีดาร์ สตั วท์ ่พี บ เช่น แพะปา่
2. สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ทน่ี าํ เสนอ แกะปา่ อาศยั อยใู่ นปา่ ใกลเ้ ชงิ เขา นอกจากนี้ ยงั พบ
เพ่ือใหไดขอมูลท่ีถูกตอง และรวมอภิปราย สัตวเ์ ล้อื ยคลานหลายชนดิ เชน่ งู เต่า เพราะมี
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับระบบนิเวศของ แหลง่ อาหารจ�าพวกแมลงมากในบริเวณน้ี
แตล ะพื้นที่เพ่ิมเตมิ
6) เทือกเขาสูง มีพื้นท่ีสูงกว่า
ปา่ แบบเมดิเตอรเ์ รเนยี น พบไม้พุ่ม เปลอื กหนา ใบเลก็ 3,000 เมตร อุณหภูมิลดลงตามความสูงของ
พน้ื ที่ มอี ากาศเบาบางแตม่ ลี มแรง บางครงั้ มหี มิ ะปกคลมุ เทอื กเขาทส่ี า� คญั ของโลก เชน่ เทอื กเขา
แหอิมนาลดยัีสใในนททววีปีปเออเเมชรียิกาเทใตอื ้กสเขัตาวแ์ทอี่พลบป์ในไดท้แวกีป่ยสุโรัตปว์เเทท้าอื กกีบเสขาายรอ็พกันกธีใุ์ตน่าทงวๆีปอเเชม่นรกิ าแเพหะนภอื ูเขเาทอื จกาเมขารี1
พบพืชระดับลา่ งเป็นส่วนใหญ่ เพราะทนกบั สภาพอากาศหนาวเยน็ ได้ และพบไมพ้ มุ่ ขนาดเลก็
7) ทะเลทราย มปี รมิ าณฝนนอ้ ยมาก เฉลยี่ นอ้ ยกวา่ 250 มม./ปี กลางวนั มอี ณุ หภมู ิ
เฉลยี่ สูงกวา่ 35 องศาเซลเซียส ส่วนกลางคืนมีอากาศหนาวเยน็ ทะเลทรายทีส่ �าคญั เช่น ทะเล
ทรายสะฮาราในทวปี แอฟริกา ทะเลทรายอาหรบั ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ทะเลทรายโกบีบริเวณ
ประเทศจนี และมองโกเลีย พชื พรรณทพ่ี บ เชน่ พชื ใบเลก็ รากแตกกระจาย ข้ึนหา่ ง ๆ กัน สัตว์ท่ี
พบตอ้ งทนความแหง้ แล้งได้ เชน่ อูฐ จง้ิ จอกทะเลทราย บางบรเิ วณเปน็ พ้ืนท่ีโอเอซสิ ท่ีมีน้�าใตด้ นิ
อย่ตู ื้น จึงมนี ้า� เพียงพอตอ่ การปลูกพืชบางชนิด เช่น ปาลม์ อินทผลมั
8) ปา่ สน หรอื ไทกา เปน็ ปา่ ในแถบซกี โลกเหนอื ทม่ี สี ภาพอากาศหนาวเยน็ อณุ หภมู ิ
เยน็ จดั ถงึ -40 องศาเซลเซยี ส ปรมิ าณฝนเฉลยี่ 1,000 มม./ปี มฤี ดหู นาวยาวนานและอากาศอบอนุ่
ในชว่ งเวลาสัน้ ๆ พบมากในทวปี เอเชียบริเวณทีร่ าบไซบเี รีย ประเทศรัสเซีย ทวปี ยโุ รปตอนเหนอื
ทวปี อเมริกาเหนือในประเทศแคนาดา พบพืชตระกลู สน สัตวท์ ี่พบมขี นหรอื ชน้ั ไขมนั หนา เพ่ืออยู่
ในสภาพอากาศเย็น เช่น กวางมสู กวางเรนเดียร์
9) ทนุ ดรา เปน็ ทงุ่ หมิ ะอยูเ่ หนือเส้นละตจิ ดู ที่ 60 องศาเหนือ ไปจนถึงบริเวณข้วั โลก
มอี ากาศหนาวเยน็ ตลอดปี อณุ หภมู เิ ฉลยี่ -5 ถงึ -40 องศาเซลเซยี ส ปรมิ าณฝนเฉลยี่ 250 มม./ปี
พนื้ ทส่ี ว่ นใหญป่ กคลมุ ดว้ ยนา�้ แขง็ ชว่ งฤดรู อ้ นฝนตกนอ้ ย ในฤดหู นาวมชี ว่ งเวลากลางคนื ทยี่ าวนาน
พบสิ่งมีชีวติ ไม่กี่ชนดิ เชน่ แมวน�้าลายพณิ หมีขว้ั โลก หมาป่าหิมะ นกฮูกหมิ ะ กวางเรนเดียร์
กวางคาริบู พืชทพ่ี บ เชน่ ไลเคน มอสส์ หญา้ เซดจ์
62
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูควรนําคลิปสารคดีสิ่งมีชีวิตและสัตวของระบบนิเวศในแตละพื้นท่ี ระบบนเิ วศของแตล ะพน้ื ทข่ี อ ใดมคี วามสมั พนั ธแ ตกตา งจากขอ อนื่
เชน สารคดีหมีขั้วโลก มาใหนักเรียนชมแลววิเคราะหการดําเนินชีวิตในสภาพ 1. ทะเลทราย-อูฐ
ภมู ปิ ระเทศ และภูมอิ ากาศดงั กลา ว 2. ปา สน-กวางมสู
3. ทุนดรา-หมีขว้ั โลก
นักเรียนควรรู 4. เทอื กเขาสงู -แพะภเู ขา จามรี
5. เมดิเตอรเรเนยี น-แกะปา กวางเรนเดียร
1 จามรี ลกั ษณะรปู รา งคลา ยวัวกระทงิ แตม ีขนยาวดกหนาเปนเสน ละเอียด
ปกคลมุ ทวั่ ลําตัว มีหางเปน พยู าวคลายกับหางมา เขายาวโคง อาศัยอยูในเขต (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 5. บรเิ วณทม่ี อี ากาศแบบเมดเิ ตอรเ รเนยี น
หนาวเย็นตั้งแตเทือกเขาหิมาลัยถึงท่ีราบสูงทิเบต เนื้อและนมนํามาเปนอาหาร พบแกะปา แพะปา อาศัยอยูในปา ใกลเ ชงิ เขา สว นกวางเรนเดียร
ขนทําเปนเครอื่ งนงุ หม มูลใชท ําปยุ เปน สัตวที่พบในเขตปาสนและทุนดรา)
T64
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
4.2 ความหลากหลายทางชวี ภาพ (biological diversity) ขน้ั สอน
ความหลากหลายทางชวี ภาค คอื การมชี นดิ พนั ธข์ุ องสง่ิ มชี วี ติ หลากหลายชนดิ มาอยรู่ ว่ มกนั ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มูล
ณ สถานทห่ี นง่ึ หรอื ระบบนเิ วศใดนเิ วศหนง่ึ ซงึ่ มมี ากมายและแตกตา่ งกนั ทวั่ โลก ความหลากหลาย
ทางชวี ภาพเกดิ ขน้ึ จากการเปล่ียนแปลงและวิวัฒนาการของทัง้ สิง่ มีชวี ิตและสง่ิ แวดลอ้ ม โดยการ 1. สมาชิกแตล ะกลุมนาํ ขอมูลท่ไี ดจ ากการศึกษา
เปลยี่ นแปลงและววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ติ นเี้ ปน็ กระบวนการทเ่ี กดิ ขนึ้ อยา่ งชา้ ๆ อาศยั ระยะเวลาท่ี มาทําการวิเคราะห และรวมกันตรวจสอบ
ยาวนานจงึ เห็นผลของการเปลีย่ นแปลงทชี่ ดั เจนได้ ความถกู ตอ งของขอมูล ครูชว ยชแี้ นะเพิ่มเติม
1) ความหลากหลายในชนดิ ของสง่ิ มชี วี ติ ชนดิ ของสิ่งมีชวี ติ (species) คอื กลุม่ 2. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมนําขอมูลของตนเอง
ของสงิ่ มีชีวิตทม่ี ีลกั ษณะของโครโมโซมใกลเ้ คยี งกัน สามารถผสมพนั ธก์ุ นั แลว้ ให้ก�าเนดิ ลกู ได้ แต่ ที่เก่ียวกับชีวนิเวศของแตละพ้ืนท่ีท่ีกลุมตน
สงิ่ มชี วี ติ ตา่ งสปชี สี ก์ นั ไมส่ ามารถผสมพนั ธแ์ุ ละใหก้ �าเนดิ ลกู ได้ หรอื ถา้ ใหก้ �าเนดิ ลกู ไดก้ จ็ ะเปน็ หมนั รับผิดชอบมาเชื่อมโยงกับความหลากหลาย
ระบบนเิ วศในธรรมชาตแิ ตล่ ะแหง่ ประกอบดว้ ยสง่ิ มชี วี ติ ตา่ งๆ มากมายอาศยั อยรู่ ว่ มกนั ทางชวี ภาพ จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6
และมคี วามสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั โดยสามารถพจิ ารณาความหลากหลายของสง่ิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ หรือจากเว็บไซตในอินเทอรเน็ต ประกอบ
ได้ 2 ลกั ษณะ คอื การนําเสนอเพิม่ เติมตามประเดน็ ดังนี้
• ความหลากหลายในชนดิ ของสง่ิ มชี วี ิต
• ความหลากหลายทางชวี นเิ วศวิทยา
1.1) จา� นวนชนดิ ของสงิ่ มชี วี ติ พื้นท่ี B แมว หนู หมา
ในพ้ืนที่ หมายถึง จ�านวนชนิดของส่ิงมีชีวิตท่ี ไก่ หนู กระตา่ ย
อาศยั อยตู่ อ่ หนว่ ยพน้ื ท่ี สง่ิ มชี วี ติ แตล่ ะชนดิ อาจ พื้นท่ี A นก หนู หมา
มีจา� นวนทแ่ี ตกตา่ งกันได้ กระตา่ ย หนู นก
กระตา่ ย หนู กระตา่ ย
1.2) สัดส่วนของสิ่งมีชีวิตใน นก นก กระต่าย
พืน้ ท ี่ หมายถงึ สดั ส่วนของส่งิ มชี วี ติ แตล่ ะชนิด
ท่ีพบและเป็นตัวแทนในระบบนิเวศ เป็นดัชนี
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
บง่ บอกถงึ คณุ ภาพของสภาพแวดลอ้ มทม่ี คี วาม พื้นท่ี B มจี า� นวนชนดิ หลากหลายมากกวา่ พ้นื ท่ี A
แตกตา่ งกนั ไปตามกลไกของการเกดิ ระบบนเิ วศ ในบางระบบนเิ วศมสี ดั สว่ นของสง่ิ มชี วี ติ ทไ่ี มส่ มดลุ
และมีความแตกต่างกันมาก เช่น ในป่ามีสัตว์นักล่าจ�านวนมากส่งผลกระทบต่อส่ิงมีชีวิตที่ถูกล่า
และเมอ่ื สง่ิ มชี วี ติ ทถี่ กู ลา่ มจี า� นวนนอ้ ยลง ซงึ่ สง่ ผลกระทบตอ่ จา� นวนสง่ิ มชี วี ติ ทเี่ ปน็ ผลู้ า่ ผลทเี่ กดิ ขน้ึ
ในช่วงเวลาทีม่ คี วามไมส่ มดลุ ของส่งิ มีชีวติ น้ี เรยี กว่า สดั ส่วนไมส่ มดลุ ของสิ่งมชี วี ติ ระบบนเิ วศที่
มีสัดส่วนไม่สมดุลมีความพร้อมหรือความไวท่ีจะเกิดการเปล่ียนแปลงเพ่ือเข้าสู่ระบบนิเวศสมดุล
หรอื ระบบนิเวศทมี่ คี วามยัง่ ยืนต่อไปได้
การเพิ่มข้ึนหรือลดลงของจ�านวนและชนิดของสิ่งมีชีวิตข้ึนอยู่กับการแก่งแย่ง
แข่งขันกันในการใช้ทรัพยากรชนิดเดียวกัน เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย หรือคู่สืบพันธุ์ ซึ่งผลของ
การแก่งแย่งกันอาจท�าให้สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่าต้องตายหรือต้องอพยพย้ายถิ่นออกไปจากระบบ
นิเวศน้ัน
63
กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู
ใหนักเรียนจับคูเลือกศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของ ครูเปดคลิปสารคดีพ้ืนที่ตางๆ ของโลก เชน สัตวปาแอมะซอนใน
ปา ไมใ นประเทศไทย 1 แหง และของโลก 1 แหง วเิ คราะหใ นประเดน็ ทวีปอเมริกาใต ปาบอรเนียวในประเทศอินโดนีเซีย ใหนักเรียนวิเคราะหความ
ดงั นี้ หลากหลายของพชื พรรณธรรมชาติ และสตั วปา
• ลกั ษณะของปา
• ความอดุ มสมบูรณข องพืชพรรณธรรมชาติ
• ความอดุ มสมบรู ณข องสตั วปา
• สถานการณปจจุบันและแนวโนมการลดลงของความ
หลากหลายทางชีวนิเวศ
สรุปสาระสําคัญเปนแผนผังความคิด ตกแตงใหสวยงาม
นาํ เสนอในชั้นเรียน
T65
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2) ความหลากหลายทางชวี นเิ วศวทิ ยา โลกประกอบด้วยระบบนิเวศแบบต่าง ๆ
ข้นั ที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มูล มากมาย กลมุ่ สงิ่ มชี วี ติ และสภาพแวดลอ้ มมคี วามสมั พนั ธแ์ ละมอี ทิ ธพิ ลตอ่ กนั ทา� ใหส้ ง่ิ มชี วี ติ ตอ้ ง
มกี ารปรบั ตวั ทง้ั ทางกายภาพและทางชวี ภาพ เพอ่ื ใหส้ ามารถดา� รงชวี ติ อยใู่ นระบบนเิ วศนน้ั ไดอ้ ยา่ ง
3. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู จากนน้ั เหมาะสม ลักษณะความหลากหลายทางชวี นิเวศวิทยาสามารถจ�าแนกได้ ดังน้ี
วิเคราะหในเร่ืองราวท่ีนําเสนอ และอภิปราย
เสนอแนะขอคิดเห็นรวมกัน ประกอบการใช 2.1) ความหลากหลายของถน่ิ ทอี่ ยู่ คอื ความแตกตา่ งของถน่ิ กา� เนดิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ เอง
คาํ ถาม เชน ตามธรรมชาติ เช่น ในพ้ืนทภ่ี าคใตข้ องไทย มที ง้ั ทิวเขา ที่ราบชายฝ่งั ทะเล เกาะแก่งตา่ ง ๆ ทา� ให้
• สัตวปาในแตละบริเวณของโลก มีความ เกิดถ่ินก�าเนิดตามธรรมชาติหลายรปู แบบ เช่น ล�าธาร ป่าชายเลน แนวปะการัง ถ้�า ซึ่งในถ่ิน
สาํ คญั อยา งไร ก�าเนดิ ลักษณะต่าง ๆ มสี ิ่งมชี ีวิตที่แตกต่างกนั ไป เช่น ปลา สัตว์สะเทนิ น้�าสะเทินบกในล�าธาร ปู
(แนวตอบ สัตวปาในแตละบริเวณของโลก ปลา ลงิ ในป่าชายเลน กงุ้ หอย ปู ปลา ตามแนวปะการัง หรอื ค้างคาวในถา�้ ลึก
ลว นมคี วามสาํ คญั ตอ ความสมดลุ ของระบบ
นิเวศ ทั้งในดานการควบคุมจํานวนซ่ึงกัน พื้นท่ีใดมีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้�าและอาหารมาก ย่อมเป็นพ้ืนที่ท่ีมีความ
และกนั จากหว งโซอ าหาร ดา นการแพรพ นั ธุ หลากหลายของสิ่งมีชีวิตมากกว่าพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน�้าและอาหาร เช่น ในป่าดิบชื้น เป็นป่าใน
ของพืช ดานการอาศัยซึ่งกันและกันใน เขตรอ้ นมพี ชื ขึ้นหลายชนดิ และมคี วามช่มุ ชื้นสงู พบความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ มากกวา่ ปา่ สน
ลักษณะคลายกาฝาก และลักษณะอ่ืนๆ ซึง่ เป็นปา่ ในเขตหนาวทม่ี ีความชน้ื ต่า� และมีพืชหลกั คือ ต้นสน เทา่ น้นั
รวมถงึ การเปน อาหาร แรงงาน และสตั วเ ลยี้ ง
ของมนษุ ยม าตง้ั แตโบราณ) ถิ่นก�าเนิดลักษณะต่าง ๆ มีส่ิงมีชีวิตอาศัยอยู่แตกต่างกันไปและจะปรับตัวให้เข้ากับ
ลกั ษณะทางกายภาพของพนื้ ที่ เพอ่ื ใหส้ ามารถดา� รงชีวิตอยู่ได้ เช่น
4. นักเรียนกลมุ เดิมรว มกันทําใบงานท่ี 2.4 เรอื่ ง
ระบบชวี นเิ วศ โดยครแู นะนาํ เพม่ิ เติม • ปลาตีน อาศยั อยบู่ รเิ วณป่าชายเลน ซ่ึงเป็นบรเิ วณท่มี ีนา้� ข้นึ น้�าลง ปลาตีนจึงมี
การปรบั ตวั ใหอ้ าศยั อยไู่ ดท้ เ่ี วลานา้� ขนึ้ และนา้� ลง โดยมผี วิ หนงั และเหงอื กเพอ่ื เกบ็ ความชมุ่ ชนื้ และ
มีกล้ามเนื้อบริเวณครีบที่แข็งแรงเพ่ือใช้ในการเคลื่อนท่ีบนพื้นโคลนคล้ายลักษณะการเดิน เพ่ือ
หากินในช่วงเวลานา้� ลด
• อูฐ อาศัยอยู่ตามภูมิประเทศแบบทะเลทราย จึงมีขนตายาวและเปลือกตา
ปิดสนิทเม่ือหลับตาเพื่อป้องกันทราย โหนกของอูฐเป็นท่ีเก็บไขมันเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานและ
ระบายความรอ้ น อฐู สามารถทนทานตอ่ การสญู เสยี นา้� ในรา่ งกายไดด้ ี เนอื่ งจากมไี ตทยี่ าวกวา่ สตั ว์
ชนดิ อนื่ นอกจากนี้ ปากอูฐยังมคี วามหนา จงึ สามารถกนิ ต้นกระบองเพชรได้
ปลาตีนเป็นปลาขนาดเล็ก อาศัยอยู่ตามดินโคลนแถบ อูฐเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นท่ีแห้งแล้งแบบทะเลทราย
ป่าชายเลน สามารถอดอาหารและน�า้ ไดน้ านถงึ 10 - 20 วนั
64
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครยู กตวั อยา งความหลากหลายของระบบชวี นเิ วศของผนื ปา ในประเทศไทย เพราะเหตุใดปาดิบชื้นจงึ เปน ปาทีม่ ีพชื ขน้ึ หลายชนิด
เชน ปาทุงใหญนเรศวร เปนผืนปาท่ียังคงความอุดมสมบูรณมากที่สุดของไทย 1. มีความชุมชืน้ สูง
มีความหลากหลายของพันธุพืชและพันธุสัตว ตลอดจนแมลงปาอีกหลายชนิด 2. มีความชุม ชนื้ ตาํ่
เปนบานของสัตวเล้ียงลูกดวยนมขนาดใหญ มีนกและสัตวทองถ่ินจํานวนมาก 3. เปน ปาในเขตหนาว
ผืนปามีท้ังทุงหญา ปาเบญจพรรณ ปาเต็งรัง ปาดิบช้ืน และปาดิบเขา 4. มแี หลง นา้ํ และอาหารมาก
5. เปน ปาในเขตอบอนุ มคี วามช้ืนสงู
ครตู ง้ั ประเดน็ อภิปราย เชน
• ทงุ ใหญนเรศวรมีความสาํ คญั ตอ ประเทศไทยอยา งไร (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1.ปาดิบช้ืนเปนปาในเขตรอน
• สถานการณป จ จบุ ันเปนอยางไร มีความชื้นสูง ทําใหพืชพรรณอุดมสมบูรณและหลากหลาย เปน
• ทําอยางไรจะคงความอุดมสมบูรณและความหลากหลายทางชีวนิเวศ แหลงอาหารทสี่ มบูรณของสตั วปา)
ไดตลอดไป
T66
นาํ สอน สรุป ประเมิน
• แพะภูเขา อาศัยอยู่ตามเทือกเขาสูง มีกีบเท้าท่ีใหญ่และกล้ามเน้ือท่ีแข็งแรง ขน้ั สอน
ทา� ใหส้ ามารถยดึ เกาะกบั หน้าผาทส่ี ูงและชันมากไดเ้ ป็นอยา่ งดี
นอกจากน้ี ภมู ปิ ระเทศทม่ี ลี กั ษณะ ขั้นท่ี 5 การสรุปเพอื่ ตอบคาํ ถาม
เฉพาะตวั สงู เชน่ หมเู่ กาะ มขี นาดเลก็ กวา่ ทา� ให้
มคี วามหลากหลายทางชวี ภาพนอ้ ยกวา่ แผน่ ดนิ 1. นักเรยี นในชัน้ เรียนรว มกนั สรปุ เก่ยี วกบั การใช
ใหญ่ แต่มีแนวโน้มที่จะพบสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่น เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร และเคร่ืองมือดาน
มากกวา่ เชน่ มงั กรโคโมโด ในประเทศอนิ โดนเี ซยี เทคโนโลยใี นการสบื คน ชีวนเิ วศ
อกิ วั นาทะเล บนหมเู่ กาะกาลาปาโกส ประเทศ
เอกวาดอร์ นกกวี ี ในประเทศนวิ ซแี ลนด์ ตนุ่ ปาก 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
เปด็ ในทวปี ออสเตรเลีย สาํ คัญเพื่อตอบคําถามเชิงภมู ศิ าสตร
2.2) ความหลากหลายของการ
แทนท่ี คือ การเปลี่ยนแปลงทางความหลาก แพะภเู ขาอาศยั อยตู่ ามเทอื กเขาสงู แถบทวปี อเมรกิ าเหนอื 3. ใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร
หลายทเ่ี กดิ จากระบบนเิ วศเดมิ ถกู ทา� ลายลงดว้ ย และทวีปยุโรป ม.4-6 เรื่อง ชีวภาค เพื่อทดสอบความรูที่ได
ศึกษามา เฉลย และอภิปรายสรปุ รวมกนั
วธิ กี ารต่าง ๆ เชน่ การเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ไฟปา่ นา้� ทว่ ม แผ่นดินไหว หรือการบกุ รกุ
โดยมนษุ ยเ์ พอื่ แผว้ ถางปา่ ทา� เกษตรกรรม เมอ่ื ระบบนเิ วศหนงึ่ ถกู ทา� ลายจะทา� ใหเ้ กดิ เปน็ พนื้ ทวี่ า่ ง ขนั้ สรปุ
และหากปลอ่ ยพนื้ ทวี่ า่ งนท้ี งิ้ ไวจ้ ะเกดิ การเปลย่ี นแปลงแทนทโี่ ดยสงิ่ มชี วี ติ ชนดิ ตา่ ง ๆ ทา� ใหเ้ กดิ เปน็
ระบบนเิ วศใหม่ ซง่ึ สงิ่ มชี วี ติ ตา่ ง ๆ ทเ่ี ขา้ มาอาศยั อยกู่ ม็ กี ารเปลย่ี นแปลงไปจนกลายเปน็ ระบบนเิ วศ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ
ที่สมดุลเช่นเดิมได้ หรือเม่ือมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพบริเวณชายฝั่ง เช่น เกิดสึนามิซัด ชีวนิเวศ ตลอดจนความสําคัญที่มีอิทธิพลตอ
ชายฝั่งทะเล พ้ืนที่ป่าชายเลนเสียหายบางส่วน ท�าให้ความหลากหลายของถ่ินก�าเนิดเดิมถูก การดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT
ทา� ลายลง สรุปสาระสําคญั ของเนอ้ื หา
ขนั้ ประเมนิ
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนาชัน้ เรยี น
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ ภมู ิศาสตร ม.4-6
เหตุการณส์ ึนามิพัดถลม่ เกาะซีเมอลูเอ (Simeulue) ประเทศอนิ โดนีเซยี เมือ่ พ.ศ. 2547 ท�าใหป้ า่ ชายเลนและแนวปะการงั
ถกู ท�าลาย เกิดปะการังและความหลากหลายของถ่นิ กา� เนดิ ใหมข่ นึ้ แทน
65
กิจกรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล
ใหนักเรียนจับสลากเลือกปรากฏการณทางธรรมชาติ เชน ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เร่ือง ชีวภาค ไดจาก
ไฟปา น้ําทวม แผนดินไหว จากพื้นที่บริเวณชุมชนของนักเรียน การตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน
แลวใหวเิ คราะหร ะบบนเิ วศในพน้ื ที่ดังกลา ว วามีการเปล่ยี นแปลง โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ี
ทางความหลากหลายของการแทนท่อี ยางไร แนบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรหู นว ยที่ 2 เรอื่ ง การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ
ของโลก
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องที่
ตรงกับระดบั คะแนน
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
2 การลาดับขน้ั ตอนของเร่ือง
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
รวม
ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น
เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้ T67
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process) 5 กภาูมริปเรปะลเ่ียทนศแ ภปมูลอิงาทกาางศก าแยลภะาทพรทพั ส่ี ย่งาผกลรตธ่อรรมชาติ
1. ครูแจงชอ่ื เรอื่ ง จดุ ประสงค และผลการเรียนรู เปลอื กโลกประกอบดว้ ย ธรณีภาค บรรยากาศภาค อทุ กภาค และชวี ภาค ต่างมปี ฏสิ ัมพนั ธ์
2. ครูใหนักเรียนดูภาพตัวอยางการเปล่ียนแปลง ซง่ึ กนั และกนั การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพสง่ ผลใหภ้ มู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ
ในแตล่ ะพนื้ ทบ่ี นโลกแตกต่างกัน
ทางกายภาพทสี่ ง ผลตอ ภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ
และทรัพยากรธรรมชาติ เชน ถํ้า หาดทราย 5.1 การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพทสี่ ง่ ผลต่อภูมปิ ระเทศ
พื้นท่ีแหงแลง นํ้าเนาเสีย ธารน้ําแข็ง คราบ
นํ้ามันในแหลงนํ้า จากนั้นสุมนักเรียนเพ่ือ ภูมปิ ระเทศท่เี กิดจากการปรบั ระดับพ้ืนผิวโลกจากตัวกระท�า ไดแ้ ก่ ธารน้า� ไหล ธารน้�าแข็ง
ตอบคาํ ถามวา แตล ะภาพเปน การเปลยี่ นแปลง ลม น�้าใต้ดิน คลื่น และกระแสน้�าชายฝั่ง ท�าให้หินท่ีแตกหักหรือผุพังอยู่กับท่ีเกิดการกร่อน
ในลักษณะใด และมสี าเหตมุ าจากส่งิ ใด การพดั พา และการทบั ถม ดังนี้
3. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เก่ียวกับ
กมุ ภลกั ษณ จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 1) ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการกระทา� ของนา�้ และแมน่ า้� ตะกอนทเ่ี กดิ จากการผพุ งั
เชอ่ื มโยงกบั ภาพตวั อยา งการเปลย่ี นแปลงทาง
กายภาพทส่ี ง ผลตอ ภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และ อยู่กับที่และการกร่อนจะถูกธารน้�าไหลพัดพาไปทับถมบนพ้ืนที่ต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดภูมิประเทศได้
ทรัพยากรธรรมชาติ และแสดงความคิดเห็น หลายลักษณะ ดงั นี้
รวมกนั
1.1) ภมู ปิ ระเทศจากการกรอ่ นโดยนา้� และแมน่ า�้ เปน็ การกระทา� ของแมน่ า�้ บรเิ วณ
ท้องน้า� และตล่งิ ทง้ั สองฝง่ั ของแม่น�้า ดว้ ยการครูด การกระแทกเสยี ดสี แรงกระทา� ทางชลศาสตร์
และการละลาย ลักษณะภูมปิ ระเทศท่ีเกดิ จากการกรอ่ นของแมน่ า�้ เชน่
• รอ่ งธาร (gully) เปน็ รอ่ งลกึ บนทล่ี าดพนื้ ดนิ ทเ่ี กดิ จากการกดั เซาะของนา�้ ฝน
ทไ่ี หลรวมตวั กนั อยเู่ ปน็ ธารนา�้ มคี วามลกึ และความกวา้ งเปน็ เมตร หากมขี นาดเลก็ จะเรยี กวา่ รว้ิ ธาร(rill)
• แก่ง (rapids) เปน็ สว่ นหนง่ึ ของทางไหลของแม่น�้าทีม่ ีหนิ โผล่ หรอื มีหิน
มนใหญข่ วางทางนา้� ทา� ใหท้ างนา�้ แคบและระดบั ของทอ้ งนา�้ เปลยี่ นแปลง ดา้ นเหนอื แกง่ มนี า�้ สะสม
มาก แต่เมอ่ื ไหลลงสูท่ ี่ต่�ากวา่ กระแสนา้� ไหลเช่ยี วและมีความเรว็ สูงขึ้น
• น้า� ตก (waterfall) เปน็ สายนา�้ ของล�าธารท่ีไหลตกลงต้ังฉากหรอื ชนั มาก
ณ ที่ซ่ึงน้�าไหลผ่านชั้นหินโผล่ท่ีมีความทนทานมาก และอยู่บนชั้นหินท่ีมีความทนทานน้อยที่ถูก
กร่อนออกไป หรอื น�า้ ท่ีไหลตกจากขอบทีร่ าบสงู หรือหนา้ ผาชายฝ่ังทะเล
• โกรกธาร (gorge) เป็นหบุ เขาลกึ และแคบมากมีหนา้ ผาชัน 2 ข้าง มักมี
ธารน�้าอยเู่ บอ้ื งล่าง
GTeipo
กุมภลักษณ์ เกิดขึ้นเพราะน้�าในธารพัดเอากรวดทรายมาหมุนวนอยู่ในแอ่งเล็ก ๆ บนหน้าหิน
กรวดทรายจะเปน็ ตวั การครดู ถู ขดั สี ทา� ใหแ้ อง่ ลกึ ลงและกวา้ งมากขนึ้ นานปเี ขา้ กรวดเกา่ หมดไปกรวด
ใหมเ่ ขา้ มาแทนทแ่ี ละหมนุ กลง้ิ อยตู่ อนลา่ งของแอง่ ทา� ใหแ้ อง่ เดมิ โตขน้ึ และลกึ เวา้ จนเปน็ รปู คลา้ ยหมอ้
66
เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสรมิ
ครูยกตัวอยางลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากการกระทําของน้ํา พรอมให นักเรียนสืบคนขอมูลลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากการกระทํา
นักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนหาภาพประกอบ เชน แกงตะนะ ในอุทยานแหง ของน้ําท่ีเปนท่ีรูจักและเปนสถานที่ทองเที่ยวสําคัญของไทย
ชาตแิ กง ตะนะ จงั หวดั อุบลราชธานี เปน โขดหินทรายขนาดนอยใหญ สีนิลดํา 1 แหง สรปุ สาระสาํ คญั ในประเดน็ เชน ลกั ษณะการเกดิ ความสาํ คญั
ทโี่ ผลข นึ้ มาเปน เกาะกลางลาํ นาํ้ มลู และมโี บก หลมุ ซอก หลบื ทเ่ี กดิ จากกระแสนาํ้ ในปจ จบุ นั พรอ มภาพประกอบ
อันเชี่ยวกรากของลําน้ํามูลไหลกัดเซาะลงไปตามรองหิน กระจายใหเห็นอยู
เตม็ พน้ื ที่ กจิ กรรม ทา ทาย
T68 นกั เรยี นสบื คน ขอ มลู ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทเ่ี กดิ จากการกระทาํ
ของนา้ํ ทเี่ ปน ทรี่ จู กั และเปน สถานทที่ อ งเทยี่ วสาํ คญั ของโลก 1 แหง
สรุปสาระสําคัญในประเด็น เชน ลักษณะการเกิด ความสําคัญ
ในปจจุบัน พรอมภาพประกอบ
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ภาพจ�าลองแสดงการไหลของน้�าทีส่ ่งผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงภูมปิ ระเทศ ขน้ั นาํ
นา�้ ตกและแกง่ 1 4. ครูใหนักเรียนแบงกลุม ใชสมารตโฟนสืบคน
ภาพลักษณะภูมิประเทศแตละประเภทท่ีเกิด
หบุ เขารูปตวั วี จากการกระทาํ ของธารนา้ํ ไหล จากภาพจาํ ลอง
แสดงการไหลของนาํ้ ทส่ี ง ผลตอ การเปลยี่ นแปลง
ที่ราบนา้� ท่วมถึง ทางน้�าโค้งตวัด ล�าน�้าสาขา ภมู ปิ ระเทศ ในหนงั สอื เรียน ภูมศิ าสตร ม.4-6
ทะเลสาบรูปแอก ดงั นี้
• นา้ํ ตกและแกง
หาด ดนิ ดอนสามเหล่ียม • ทางนาํ้ โคง ตวดั
• หุบเขารูปตัววี
ที่มา : http://clarkscience8.weebly.com/weathering-erosion-deposition.html • ลํานํ้าสาขา
• ทรี่ าบนาํ้ ทวมถึง
1.2) ภูมิประเทศจากการทับถมโดยน้�าและแม่น�้า การทับถมของตะกอนเกิด • ทะเลสาบรปู แอก
ขน้ึ เม่ือกระแสน�้าลดความเร็ว วตั ถุหรือตะกอนต่าง ๆ ท่ีมีขนาดหนักเกนิ กวา่ ความเร็วของกระแส • หาด
น�้าจะพัดพาไปได้จึงตกทับถมกัน บริเวณต้นน้�าตะกอนขนาดใหญ่เร่ิมตกทับถมก่อนและเม่ือ • ดนิ ดอนสามเหล่ยี ม
ความเร็วของกระแสน�้าลดลงเรื่อย ๆ ตะกอนขนาดเล็กจะเร่ิมตกทับภายหลัง ตะกอนท่ีกระแสน้�า
พัดมาทบั ถมกนั ณ บริเวณใดบริเวณหนงึ่ เรยี กว่า “ตะกอนน้�าพา” (alluvium) ลักษณะภูมิประเทศ
ทเ่ี กดิ จากการทบั ถม เช่น
• ทรี่ าบนา้� ทว่ มถงึ (floodplain) เปน็ ทรี่ าบสองฝง่ั แมน่ า้� มกั ถกู นา้� ทว่ มในชว่ ง
ฤดฝู น เม่อื นา�้ ลดจะท้งิ ตะกอนเลก็ ละเอยี ดทบั ถมท�าใหพ้ ้ืนทีน่ ั้นอุดมสมบรู ณ์ ลกั ษณะภมู ิประเทศท่ี
พบบนที่ราบน้า� ทว่ มถงึ คือ แม่นา้� สายใหญ่และสาขา ถ้าเป็นที่ราบกวา้ งแม่นา้� จะไหลคดเคยี้ วและ
เปลย่ี นทางเดินทงิ้ ส่วนที่โค้งตวัดไว้เป็นทะเลสาบรูปแอกววั (oxbow)
• คนั ดินธรรมชาต ิ (levee) เกิดขึ้นเพราะแม่น�า้ ล�าธารพาตะกอนคอ่ นขา้ ง
หยาบมาทับถมริมฝั่งในระหว่างหน้าน�้าหลาก เมื่อน�้าลดตะกอนที่ทับถมกันน้ันจะมีลักษณะเป็น
คนั ดินยาวขนานไปริมฝ่ังน�า้
67
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ลักษณะภูมิประเทศท่ีราบนํ้าทวมถึงเหมาะในการใชประโยชน 1 หุบเขารูปตัววี หรือโกรกธาร (gorge) เกิดจากการกัดเซาะอยางรวดเร็ว
อยา งไร ของรองน้ําบริเวณหบุ ผาชนั ท่ีลึกและแคบ ลกั ษณะคลา ยรปู ตวั วี มกั เกดิ ในกรณี
ท่ีธารน้ําเดิมท่ีมีอยูกอน ตอมาเกิดการยกตัวของแผนดิน ธารนํ้าจะยังคงรักษา
(แนวตอบ ท่ีราบนํ้าทวมถึง เกิดจากการทับถมของตะกอน แนวรองน้ําเดิมไวได เน่ืองจากมีพลังแรงในการกัดเซาะแผนดินท่ียกตัวสูงขึ้น
ลํานํ้าใหญในฤดูนํ้าหลากทําใหเกิดมีสภาพเปนที่ราบชันเล็กนอย ไดอ ยางรวดเรว็ และรุนแรง เชน โกรกธารทอ่ี ุทยานแหง ชาตอิ อบหลวง จงั หวัด
ใกลก บั แมน ้ํามคี วามลาดเท เหมาะในการเพาะปลกู ) เชียงใหม
T69
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน • เนินตะกอนรปู พัด (alluvial fan) เป็นเนนิ ตะกอนทเ่ี กิดจากการสะสมตวั
ของตะกอน ในบรเิ วณทม่ี กี ารเปลย่ี นระดบั ทางนา้� จากหบุ เขาชนั ลงสทู่ รี่ าบ ซงึ่ จะทา� ใหค้ วามเรว็ ของ
ขั้นท่ี 1 การตัง้ คาํ ถามเชงิ ภมู ิศาสตร กระแสนา้� ลดลงจนไมส่ ามารถนา� พาตะกอนบางสว่ นตอ่ ไปได้ ตะกอนดงั กลา่ วจงึ ตกสะสมในลกั ษณะ
ทแี่ ยกกระจายออกไปเป็นรูปพดั
1. ครนู าํ รปู ถา ยทางอากาศหรอื ภาพจากดาวเทยี ม หบุ เขา
ที่เก่ียวของกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
ที่สงผลตอภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และ แแหล่งตะกอนนา�้ พารูปพัด
ทรัพยากรธรรมชาติ มาใหนักเรียนดู จากน้นั
ใหนักเรียนลองบอกส่ิงท่ีเห็นจากสายตาและ ลานตะพกั น�า้
เปรียบเทยี บกับภาพที่นกั เรยี นสบื คนมา กุด
ทรี่ าบตะกอนนา�้ พา
2. ครตู ง้ั คําถาม เชน
• ปจจัยใดบา งทีก่ อ ใหเ กิดภูมปิ ระเทศ • ดินดอนสามเหล่ยี ม (delta) คือ ดนิ ดอนบริเวณปากแม่นา�้ เกิดข้ึนเพราะ
แบบเนนิ ตะกอนรูปพดั การที่แม่น้�าและสาขาใหญ่น้อยท่ีกระจายออกใกล้ปากแม่น�้าพาตะกอนเล็กละเอียดมาทับถมอยู่
(แนวตอบ เชน กระแสน้าํ กระแสลม ตลอดเวลา ท�าใหพ้ น้ื ท้องน้า� มรี ะดบั เพมิ่ สงู ขน้ึ นา้� ไหลช้าลง เม่ือการตกตะกอนสงู มากขน้ึ จนพ้น
ตะกอนดนิ ลักษณะภมู ิประเทศ ฯลฯ) ระดบั น�า้ กลายเปน็ พนื้ แผน่ ดนิ แผ่กระจายออกตรงปากน้า�
• ดินดอนสามเหล่ียมที่สําคัญของไทยและ
ของโลก ไดแกพืน้ ท่บี ริเวณใด
(แนวตอบ ในประเทศไทย เชน บรเิ วณแมน ้าํ
ตาป จงั หวัดสุราษฎรธานี บรเิ วณอื่นๆ ของ
โลก เชน บรเิ วณแมน า้ํ โขง ประเทศเวยี ดนาม
บริเวณปากแมนํ้าอิรวดี ประเทศเมียนมา
บริเวณปากแมนาํ้ ไนล ประเทศอียิปต ฯลฯ)
ดินดอนสามเหลย่ี มรูปเขี้ยว ดินดอนสามเหลยี่ มรปู ตนี นก
ปากแมน่ า�้ เอโบร สเปน ปากแม่นสา�้หมรสิฐั อซเสิ มซริปิกปา
ลักษณะดนิ ดอนสามเหลยี่ มปากแมน่ �า้
68
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา ทาย
ครูยกตัวอยางลักษณะภูมิประเทศท่ีเกิดจากการพัดพาและทับถมโดยนํ้า นักเรียนใช Google Earth สบื คนลกั ษณะภมู ิประเทศทเี่ กิด
และแมน ํา้ เชน ดินดอนสามเหลีย่ มปากแมน ้าํ เจาพระยา ในภาคกลางของไทย จากการกระทําของน้ํา แมน้ําที่สําคัญของโลก วิเคราะหลักษณะ
ที่เปนแหลงปลูกขาวท่ีสําคัญของประเทศ ดินดอนสามเหล่ียมปากแมนํ้าโขง การเกิด ความสําคัญทางเศรษฐกิจ เชน ดินดอนสามเหลี่ยม
โดยใหน กั เรยี นใชส มารต โฟนสบื คน ภาพประกอบ และใช Google Earth สบื คน ปากแมนํา้ คงคา ดินดอนสามเหลย่ี มปากแมนํ้าไนล
ตําแหนงและภาพประกอบ รวมกันอภิปรายถึงความสําคัญในทางเศรษฐกิจ
และขอ ระมดั ระวงั เชน เกดิ ปญหานํา้ ทว ม
T70
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2) ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการกระทา� ของธารนา้� แขง็ 1ธารนา้� แขง็ เกดิ จากการสะสม ขน้ั สอน
ของหมิ ะจนเป็นชนั้ หนาและอดั แข็ง ซ่งึ จะไหลไปตามความลาดชนั ของหุบเขา ทา� ให้เกดิ การกร่อน ข้นั ท่ี 1 การตง้ั คําถามเชงิ ภมู ิศาสตร
บนพน้ื ทภ่ี เู ขากลายเปน็ เศษตะกอนถกู พดั พาโดยธารนา้� แขง็ และตกตะกอนทบั ถมเมอื่ นา้� แขง็ ละลาย
ตะกอนท่ที บั ถมจากธารน้า� แขง็ มีหลายขนาดปะปนกัน ท�าให้เกิดภูมิประเทศต่าง ๆ ดงั น้ี • ปจจัยใดบางท่ีกอใหเกิดความแตกตางของ
ภูมิประเทศที่เกิดจากการกรอนโดยธาร
2.1) ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการกรอ่ นโดยธารนา�้ แขง็ การทห่ี นิ กรอ่ นเนอื่ งจากการ นา้ํ แข็ง
เคล่ือนตัวของธารนา้� แขง็ ทา� ใหเ้ กดิ การบด การขดู การกระแทก การเซาะ การขุดลึก การขีดขว่ น (แนวตอบ เชน กระแสนา้ํ กระแสลม อณุ หภมู ิ
การขัดสีกับหินระหว่างที่ธารน้�าแข็งเคล่ือนผ่านไป และรวมถึงการกร่อนโดยธารน�้าที่เกิดจากการ ความรอน ภูมิอากาศ ลักษณะภูมปิ ระเทศ
ละลายของธารนา�้ แขง็ อกี ด้วย ลักษณะภมู ปิ ระเทศท่ีเกิดจากการกรอ่ นของธารน้า� แข็ง เชน่ ฯลฯ)
• เซริ ก์ (cirque) เปน็ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศบนไหลเ่ ขาชนั ทเี่ ปน็ รปู อฒั จนั ทร์โคง้ • ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการกรอ นโดยธารนาํ้ แขง็
• อาแร็ต (are^te) เปน็ สนั เขาแคบ ๆ มลี ักษณะหยกั แหลมคลา้ ยฟันเลอื่ ย แตละประเภท มีสิง่ ใดบา งทแ่ี ตกตางกนั
• หบุ เขาลอย (hanging valley) เปน็ หบุ เขาสาขาทอี่ ยสู่ งู ตา่ งระดบั กบั หบุ เขา (แนวตอบ เชน สาเหตุการเกิด ลักษณะ
ใหญ่ ซงึ่ ตอนทเี่ ชอ่ื มตอ่ กบั หบุ เขาใหญเ่ ปน็ ทต่ี ง้ั ชนั มาก ถา้ มธี ารนา�้ ไหลผา่ นหบุ เขาสาขามาสหู่ บุ เขา ภูมปิ ระเทศ ฯลฯ)
ใหญ่ จะเกดิ โกรกธารหรอื นา้� ตกขน้ึ หบุ เขาลอยมกั พบอยบู่ รเิ วณที่เคยมีธารนา้� แข็งปกคลุมมาก่อน
• ยอดเขารปู พรี ะมดิ (horn) เปน็ ยอดเขาทมี่ สี นั สงู ชนั หลายดา้ นคลา้ ยพรี ะมดิ
ส่วนมากเกิดจากน�้าหนักของน�้าแข็งจ�านวนมากท่ีไหลจากภูเขาขูดครูดกัดลาดเขาให้เกิดเป็น
แอง่ ลึก เหลือบริเวณตรงกลางสันเขาโดยรอบสงู ชนั
ยอดเขารูปพีระมดิ มวลธารนา�้ แข็งขนาดใหญ่ สนั เขา หุบเขาลอย
เซิรก์ อาแร็ต จมกู เขาปลายตัด
ตะกอนธาร หนิ ฐาน หบุ เขารปู ตัวยู หินฐาน
น�า้ แขง็ กลางล�าธาร
เหวนา�้ แขง็
ตะกอนธารนา้� แข็ง ธารน�้า หบุ เขาถกู ครูดถู
ภูมิประเทศที่เกิดจากการกร่อนโดยธารน�้าแข็ง
69
กจิ กรรม สรางเสรมิ นักเรียนควรรู
นักเรียนยกตัวอยางลักษณะภูมิประเทศท่ีเกิดจากการกรอน 1 ธารนา้ํ แขง็ (glacier) มี 2 ประเภท ไดแ ก ธารนาํ้ แขง็ หบุ เขา เปน ธารนา้ํ แขง็
โดยธารนา้ํ แขง็ พรอ มภาพประกอบ 1 ตวั อยา ง บนภเู ขาซงึ่ อาจแผก วา งลงมาถงึ ตนี เขากลายเปน ธารแขง็ เชงิ เขา และธารนา้ํ แขง็
ทวีปหรือพืดน้ําแข็ง เปนธารนํ้าแข็งชนิดเปนพืดปกคลุมพ้ืนท่ีบริเวณกวางขวาง
กิจกรรม ทาทาย แถบข้วั โลก โดยเฉพาะทกี่ รีนแลนดและทวีปแอนตารก ติก
นักเรียนสืบคนภาพลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากการกรอน T71
โดยธารน้ําแข็งบริเวณตางๆ ของโลกตอไปนี้
• เซริ ก
• อาแรต็
• หบุ เขาลอย
• ยอดเขารูปพรี ะมิด
จากนั้นอธิบายวิธกี ารเกิด นําเสนอในชั้นเรียน
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ฟอี อรด์ หรอื ฟยอรด์ (fiord, fjord) เกดิ จากการกรอ่ นของธารนา�้ แขง็ ใหเ้ ปน็ รอ่ งลกึ ขนาดใหญ่
ชายฝั่งทะเล มีลักษณะเป็นอ่าวขนาดเล็ก เป็นร่องลึกลงสู่ทะเล เช่น ทรอนด์ไฮม์สฟยอร์ด
ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชงิ ภมู ิศาสตร
(Trondheims Fjord) ประเทศนอรเ์ วย์ อมู มนั นกั
3. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตง้ั ประเดน็ คาํ ถาม ฟยอร์ด (Uummannag Fjord) เกาะกรีนแลนด์
เชงิ ภมู ศิ าสตร เชน 2.2) ภมู ปิ ระเทศทเ่ี กดิ จากการ
• การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพท่ีสงผลตอ ทับถมโดยธารน้า� แข็ง การทบั ถมของกรวด หนิ
ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากร ดนิ ทรายในบรเิ วณทร่ี าบถดั จากธารนา้� แขง็ โดย
ธรรมชาติ ท่ีเปนผลมาจากการกระทํา การกระทา� ของน้า� ที่ละลายและพัดพาเอา กรวด
ของมนุษยที่มีอิทธิพลมากที่สุดคือการ หิน ดิน ทรายไปด้วย ลักษณะภมู ิประเทศทีเ่ กดิ
เปล่ียนแปลงในดานใด และสงผลกระทบ จากการทับถมโดยธารน้า� แข็ง เช่น
อยา งไร • กองตะกอนธารนา�้ แขง็
• หากในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงทาง ทรอนด์ไฮม์ฟยอร์ด ประเทศนอร์เวย์ (moraine) เป็นเนินหรือสันของตะกอนธาร
กายภาพท่ีสงผลตอภูมิอากาศเพ่ิมมากข้ึน
มนุษยควรมีแนวทางปองกัน หรือรับมือ นา�้ แขง็ ไมแ่ สดงชัน้ ตะกอน ซ่ึงเป็นตะกอนที่ตกสะสมตัวจากธารน้�าแขง็ โดยตรง
อยางไร • เนินเคม (kame) เป็นเนินหรือสันรูปร่างไม่สม่�าเสมอ ประกอบด้วย
• การเปล่ียนแปลงทางกายภาพท่ีสงผลตอ ช้ันกรวด ชั้นทรายท่ีตกสะสมตัวโดยล�าธารท่ีละลายจากธารน้�าแข็ง เกิดบริเวณขอบธารน�้าแข็ง
ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากร ละลายหรอื ขอบธารน้า� แขง็ คงตวั
ธรรมชาติ มีอิทธิพลตอวิถีชีวิตของมนุษย • หลุมธารนา้� แขง็ (kettle) เป็นแอง่ ในตะกอนธารน�า้ แข็ง โดยเฉพาะสว่ น
อยา งไรบาง ทีต่ ะกอนถกู ชะลา้ งออก และบรเิ วณเนินเคมตอนปลายน�า้ แข็ง เกดิ จากการละลายของก้อนน้า� แขง็
ท่ีถูกฝังตัวอยู่ในตะกอนธารน้า� แข็ง
4. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาทรอนดไ ฮมฟ ยอรด ประเทศ • ท่ีราบเศษหนิ ธารน�้าแข็ง (outwash plain) เปน็ ท่รี าบซงึ่ ประกอบไปด้วย
นอรเวย และภาพจําลองแสดงภูมิประเทศท่ี เศษหินธารน�้าแขง็ พบเปน็ ดาดเศษหนิ อยู่ตอนปลายธารนา�้ แขง็
เกดิ จากการทบั ถมโดยธารนา้ํ แขง็ จากหนงั สอื
เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 ประกอบการตง้ั คาํ ถาม เนนิ เคม
เชงิ ภมู ิศาสตรเ พ่มิ เตมิ กองตะกอนธารน�า้ แข็ง
ธารนา้� แขง็
หนิ ฐาน ทร่ี าบเศษหนิ ธารนา�้ แข็ง
หลุมธารน้�าแข็ง
70
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูยกตัวอยางลักษณะภูมิประเทศท่ีเกิดจากการกระทําของธารน้ําแข็ง การท่ีนํ้าแข็งข้ัวโลกละลายอยางตอเน่ือง เกิดจากสาเหตุอะไร
เชน ฟออรด ในประเทศนอรเ วย มลี ักษณะเปน อาวเลก็ ๆ แคบและยาว ลักษณะ และในอนาคตจะสงผลกระทบอยา งไร
เปนชายฝงเวาแหวง เกิดจากการกัดเซาะของธารนํ้าแข็งเขาไปในหุบเขาสูงชัน
ในระดับลกึ บรเิ วณตอนในของแผน ดนิ (แนวตอบ น้ําแข็งขั้วโลกละลายมีสาเหตุสําคัญมาจากภาวะ
โลกรอน ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น เปนตัวเรงใหเกิดน้ําแข็ง
โดยใหน กั เรียนใชสมารตโฟนสบื คน ภาพประกอบ และยกตวั อยา งลกั ษณะ ละลาย ผลกระทบ เชน ระดบั นา้ํ ทะเลสงู ขึ้น บางประเทศทเี่ ปน
ภูมปิ ระเทศทีเ่ กดิ จากการกระทาํ ของธารนา้ํ แขง็ ในบริเวณอ่ืนของโลก เกาะถูกน้ําทวมหรืออาจจมหาย สัตวบางชนิดลดจํานวนลงและ
อาจสูญพันธุในที่สุด เชน หมีข้ัวโลก และคาดวาประชากรโลก
หลายรอ ยลานคนไมม ีทอี่ ยูอาศัย)
T72
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) ภูมิประเทศท่ีเกิดจากการกระท�าของลม สภาพอากาศท่ีแห้ง ขน้ั สอน
และรอ้ นจดั จะมกี ระแสลมแรงและอาจเกดิ พายทุ ะเลทรายขน้ึ การกระทา� ของ
ลมเปน็ การกรอ่ น การพัดพา และการทับถม ภมู ปิ ระเทศทีเ่ กดิ จากลม ขัน้ ที่ 2 การรวบรวมขอ มลู
มดี ังน้ี
3.1) ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการกรอ่ นโดยลม 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 6-8 คน
การที่ลมพัดกร่อนหินให้ผุพังลงแล้วพัดพาเอาเศษหิน สืบคนขอมูลเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงทาง
ดิน ทราย ให้กระจัดกระจายไปจากที่เดิมและไปตก กายภาพท่ีสงผลตอภูมิประเทศ ภูมิอากาศ
สโดะยสลมมใ1นเทชีอ่ ่นื่น ลักษณะภมู ิประเทศทีเ่ กดิ จากการกร่อน และทรัพยากรธรรมชาติ จากหนังสือเรียน
อุทยานธรณีวิทยาเขารูปหงอนไก่ เมืองตุนหวง ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรู
มณฑลกานซู ประเทศจนี อื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตใน
อินเทอรเน็ต ประกอบการใชเครื่องมือทาง
• เขารูปหงอนไก่ (yardang) คือ ภูเขาหินท่ีประกอบด้วยสันสลับร่อง ภมู ศิ าสตร ในประเด็นตอไปน้ี
หลาย ๆ ช่วง จนดูคล้ายรปู หงอนไก่ ตง้ั เด่นเหนือภมู ิประเทศท่ีขนานราบ เปน็ ผลจากการสึกกรอ่ น • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพท่ีสงผลตอ
ผพุ ังท่ีไมเ่ ท่ากนั ในทะเลทรายโดยการกระท�าของลม สนั อาจสงู ถึง 6 เมตร กว้าง 36 เมตร ภูมปิ ระเทศ
• ลาดเชิงเขา (pediment) คือ บริเวณที่ราบหินแข็งติดเชิงเขาท่ีมีความ • การเปล่ียนแปลงทางกายภาพที่สงผลตอ
ลาดชนั นอ้ ย หรอื เปน็ ทร่ี าบลกู คลนื่ นอ้ ย มพี น้ื ผวิ กวา้ งเกดิ จากการกรอ่ นโดยลมหรอื นา�้ ไหล ชะลา้ ง ภมู ิอากาศ
เศษหนิ ทรายออกไป • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่สงผลตอ
• ดาดหนิ 2ทะเลทราย (desert pavement) เป็นดาดท่เี กดิ จากการท่ลี มพดั ทรพั ยากรธรรมชาติ
พาเอาทรายออกไปจากพ้ืนที่ทรายปนกรวดในทะเลทราย จนเหลือแต่กรวดเรียงรายกันอยู่ และ
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเช่ือถือ
ใหก บั นกั เรยี นเพิม่ เติม
ช่วยกนั ทรายข้างใต้ไม่ใหล้ มพัดไปอีก
• แอ่งลมหอบ (blowout) เป็นแอ่งต�่าท่ีเกิดจากการกร่อนโดยลมพัดพา
เมด็ ทรายออกไป มักเกดิ กบั เนนิ ทรายและแหลง่ ทรายอืน่ ๆ
ภูเขา เชงิ เขา
้ดานหน้า ูภเขา ลาดเชงิ เขาสกึ กร่อน ลาดเชิงเขาสะสมตัว
เขาโดดทะเลทราย ลม
ช้นั หนิ ตะกอนนา้� พา
ภมู ิประเทศท่เี กดิ จากการกรอ่ นโดยลม 71
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศเขารปู หงอนไกเ กดิ การกรอ นจากสาเหตใุ ด 1 การกรอ นโดยลม การทล่ี มกดั กรอ นหนิ ใหผ พุ งั ลงแลว พดั พาเศษหนิ ดนิ ทราย
มากท่ีสดุ นั้นใหกระจัดกระจายไปจากที่เดิม และไปตกสะสมในที่อ่ืน การกรอนโดยลม
และการสะสมใหมอีกน้ันอาจเกิดเปนบริเวณกวางตอเน่ืองกันหรือเกิดเฉพาะ
1. อณุ หภมู ิ แหงกไ็ ด เชน เปน แองลม หรือเนินทราย
2. กระแสลม 2 ดาดหิน หินซึ่งมีผิวหนาราบ เกิดจากการผุพังหรือการสึกกรอน โดยการ
3. แรงโนม ถว ง กระทาํ ของน้ํา ลม หรือธารน้าํ แข็ง
4. ปฏิกิริยาเคมี
5. แสงอาทิตย
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เขารูปหงอนไก เปนลักษณะ
ภมู ปิ ระเทศทเี่ ปน ผลจาการสกึ กรอ นผพุ งั ทไี่ มเ ทา กนั ในทะเลทราย
โดยการกระทําของลม)
T73
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 3.2) ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการทบั ถมโดยลม การทลี่ มพดั พาตะกอนตา่ ง ๆ ไปตก
ทบั ถมกนั ในบรเิ วณใดบรเิ วณหนง่ึ ซงึ่ อยหู่ า่ งไกลแหลง่ กา� เนดิ ออกไป ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จาก
ขนั้ ที่ 3 การจดั การทําขอมูล การทับถมโดยลม เชน่
• พลายา (playa) คอื พนื้ ทป่ี ลายลาดเชงิ เขา เกดิ จากการทบั ถมของตะกอน
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก ทน่ี า�้ และลมทบั ถมกนั ไมม่ ที างใหน้ า�้ ไหลออก จงึ มนี า้� ขงั ซมึ ลงใตด้ นิ และระเหยจงึ มคี ราบเกลอื สะสม
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู หากมนี า�้ ใตด้ นิ ไหลซมึ มาสะสม เรยี กวา่ โอเอซสิ
ระหวา งกัน หรอื ทะเลสาบทม่ี ีนา�้ ขัง
• เนนิ ทราย (sand dune)
2. จากนนั้ สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ที่ คือ เนินที่เกิดขึ้นโดยลมพัดพาตะกอนทราย
นําเสนอเพ่อื ใหไดขอมูลทถ่ี ูกตอง และรว มกัน มากองรวมกนั พบมากในทรี่ าบทะเลทราย แต่
อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพ่มิ เตมิ อาจพบตามแนวชายฝั่งทะเลลาดต�่าเหนือระดับ
น้�าทะเลสูงสุด ตามชายฝั่งทะเลสาบขนาดใหญ่
ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมลู ริมฝั่งแม่น�้าหรือบริเวณที่เป็นทะเลทราย เนิน
1 ทรายบางแห่งอาจสงู จนมลี กั ษณะเป็นภูเขา
1. สมาชิกแตละกลมุ นาํ ขอมูลทไี่ ดจากการศึกษา
มาทําการวิเคราะห และรวมกันตรวจสอบ เนินทรายรปู พระจันทรเ์ ส้ียว
ความถูกตองของขอมูล โดยครูชวยช้ีแนะ
เพิ่มเติมผา นการใชคาํ ถาม เชน 4) ภูมิประเทศท่ีเกิดจากการกระท�าของน้�าใต้ดิน น้�าใต้ดินเป็นตัวท�าละลาย
• เนินทราย เปนภูมิประเทศท่ีเกิดจากการ ของหินและแร่ท่ีละลายน�้าได้ดี เช่น หินปูน หินโดโลไมต์ หรือหินอ่ืนท่ีมีสารเชื่อมท่ีละลายน�้า
ทับถมโดยลม โดยเฉพาะเนินทรายรูป ไดง้ า่ ย สว่ นการกรอ่ น การพดั พา และการทบั ถมจะเกดิ ขนึ้ ในบางพนื้ ทที่ เ่ี ปน็ โพรงใตด้ นิ แตม่ คี วาม
พระจันทรเสี้ยว จะทําใหเราสามารถ รนุ แรงนอ้ ยภมู ิประเทศทเี่ กิดจากน�้าใต้ดิน มีดังนี้
วิเคราะหไดถึงสงิ่ ใดไดบา ง 4.1) ภมู ปิ ระเทศทเ่ี กดิ จากการกรอ่ นโดยนา�้ ใตด้ นิ เปน็ การละลายของหนิ ปนู หรอื
(แนวตอบ เชน ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ความเรว็ เกลือหินโดยนา�้ ใตด้ ิน ซึ่งส่งผลให้เกดิ ลักษณะภูมปิ ระเทศ เชน่
ลม ทศิ ทางการพดั พาของลม ตะกอนทราย
ความสงู ของพ้นื ท่ี ฯลฯ)
• หลุมยุบ (sinkhole) คอื หลุมหรือแอง่ บนแผน่ ดนิ ท่ปี ากหลมุ เกือบกลม
เกดิ จากนา้� ละลายเอาหนิ เกลอื หนิ ยปิ ซมั หรอื หนิ ปนู ทอี่ ยขู่ า้ งใตอ้ อกไป ทา� ใหด้ นิ ตอนบนยบุ ลงเปน็
หลุมใหญ่
• ถ้�า (cave) คือ ช่องท่ีเป็นโพรงลึกเข้าไปในพ้ืนดินหรือภูเขา เกิดข้ึน
ตามธรรมชาติ โดยทว่ั ไปถา�้ เกดิ ในหนิ ปนู ทม่ี นี า้� ใตด้ นิ ไหลผา่ นกดั เซาะ พบตามภเู ขาหนิ ปนู หรอื ตาม
ชายฝง่ั ทะเล
• ปา่ ชา้ หินปนู หรือสุสานหนิ (lapies) คอื ท่รี าบดินสแี ดงทม่ี หี ินปนู โผล่พ้น
ผวิ ดนิ ขนึ้ มาเปน็ หยอ่ ม ๆ แตส่ งู ไมม่ าก มรี ปู รา่ งตา่ งกนั สนั นษิ ฐานวา่ เปน็ สว่ นทเ่ี หลอื อยขู่ องหนิ ปนู
ที่เกดิ โดยการผกุ รอ่ นของน�า้ ใต้ดนิ
• เขาลอมฟาง (karst tower, haystack) คือ ยอดเขาหินปนู ท่ีถูกน้า� กรอ่ น
ละลายจนเหลอื เปน็ เขาโดดทม่ี ยี อดเขาหา่ งกันคลา้ ยกองฟางข้าว ใต้ดินอาจมธี ารนา้� ไหลหรือถ้า�
72
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
ลักษณะภูมิประเทศในขอใดเปนแองบนแผนดินท่ีเกิดจากน้ํา
1 เนินทรายรูปพระจันทรเส้ียว เนินทรายมีลักษณะคลายรูปพระจันทรเสี้ยว ละลายเอาหนิ เกลอื หนิ ยิปซัม หรือหินปนู ท่อี ยูข างใตอ อกไป
โดยดานตนลมจะคอยๆ ลาดเอียงไปยังยอดของเนินทราย จึงทําใหเม็ดทราย
เคล่ือนท่ีผานเนินทรายแบบน้ีไดสะดวก สวนปลายลมจะมีลักษณะเวาโคง 1. หลมุ ยบุ
คลายพระจันทรเส้ยี วตามแนวดา นหนา ของรอยโคงเวา มีความชันมาก เรียกวา 2. ลานตะพัก
ดานหนาลาด การเกิดเนินทรายเปนผลมาจากลมพัดเอาทรายมารวมกันและ 3. กุมภลักษณ
คอยๆ ขยายความยาวออกไปตามทิศทางลม จนกระท่ังไปติดกับส่ิงกีดขวาง 4. สามพันโบก
จึงทําใหเ นินทรายหยุดการเคลอ่ื นที่ 5. ทะเลสาบรูปแอก
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. หลุมยุบ คือ หลุมแองแผนดินท่ี
ปากหลุมเกือบกลม เกิดจากน้ําละลายเอาหินเกลือหรือยิปซัม
หรอื หนิ ปูนที่อยขู างใตออกไป ทําใหดินตอนบนยุบลงเปน หลมุ )
T74
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
หลบุ ยุบ แมน่ ้�า ลา� น�้าโผลจ่ ากใต้ดนิ ขน้ั สอน
ล�าน้า� หายใต้ดิน
เศษวัสดธุ รณี ข้ันที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมูล
(ดนิ หนิ และ
อนื่ ๆ) • หินงอกและหินยอย มีความแตกตางกัน
อยา งไร
ระดบั นา�้ ใตด้ นิ หนิ ปูน ล�าน้า� หาย (แนวตอบ หนิ งอก เปน คราบหนิ ปนู ทงี่ อกจาก
หินยอ้ ย ปากถ�้า พ้ืนถ้าํ ข้ึนสูเพดานถํ้า แตห ินยอยจะเกดิ จาก
สุสานหิน นา้ํ ทห่ี ยดจากเพดานถา้ํ ลงสพู น้ื ถา้ํ เมอ่ื ตกถงึ
พ้ืนถํ้า นํ้าจะระเหยและท้ิงสารประกอบไว
ถ�้า เสาหิน หนิ งอก ทาํ ใหส ารประกอบสะสมตวั สงู ขน้ึ จากพน้ื ถาํ้ )
ภมู ปิ ระเทศคาสต์ • ภูมิภาคใดของประเทศไทยท่ีสามารถพบ
ภูมิประเทศท่ีเกิดจากการกรอนโดยคลื่น
4.2) ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการทบั ถมของนา้� ใตด้ นิ เกดิ ขน้ึ ในถา�้ เมอ่ื นา�้ ปนู ทล่ี ะลาย และกระแสนา้ํ ชายฝง ประเภทตางๆ ไดเปน
หยอดผ่านเพดานถา้� เมื่อตกตะกอนเป็นเกลด็ แร่แคลไซต์ ซึง่ ส่งผลใหเ้ กิดลกั ษณะภูมปิ ระเทศ เชน่ จํานวนมาก
• ทรี่ าบคาสต ์ (karst plain) เป็นหนิ ปูนท่ีถกู น�า้ ละลายจนเกอื บเป็นที่ราบ (แนวตอบ ภาคตะวนั ออก ภาคใต เน่อื งจาก
น้�า ท่ี หยดจ•า กหเินพงดอากน ห(sรtือaปlaลgาmยitลe่า)งเขปอ็นงคหรินายบ้อหยนิ 1มปีสนู าทร่งี ปอรกะจกาอกบพทน้ื ่ีไถด�้า้จหานิ กปกูนาขรน้ึลไะปลหายา ภู มิ ป ร ะ เ ท ศ ส ว น ใ ห ญ อ ยู ติ ด กั บ ท ะ เ ล
เพดานถ�้า จึงมักพบคล่ืนและกระแสน้ําชายฝงเปน
อยู่ในตัว เม่ือตกถึงพื้นแล้วน้�าระเหยออกจะทิ้งสารประกอบไว้ สารประกอบน้ันจะสะสมตัวสูงข้ึน จาํ นวนมาก ทาํ ใหเ กดิ ภมู ปิ ระเทศทเ่ี กดิ จาก
จากพืน้ ถ้�า การกรอนโดยคล่ืนและกระแสนํ้าชายฝง
ท้ังประเภทหนาผาชันชายฝง เกาะหินโดง
5) ภูมิประเทศท่ีเกิดจากการกระท�าของคลื่นและกระแสน้�าชายฝง เป็นพ้ืนท่ี ซมุ หินชายฝง แหลม เชน แหลมพรหมเทพ
ระหวา่ งแผน่ ดนิ กบั ระดบั นา้� ทะเลทขี่ นึ้ สงู สดุ และลดลงตา�่ สดุ ทา� ใหเ้ กดิ ภมู ปิ ระเทศจากการกรอ่ นและ จงั หวัดภูเก็ต เขาตาปู จังหวดั พงั งา ฯลฯ)
การทับถมหลายรูปแบบ เชน่
5.1) ภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการกรอ่ นโดยคลนื่ และกระแสนา้� ชายฝง การกรอ่ นโดย 2. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ ขอ มลู ทไ่ี ดจ ากการ
คล่ืนทะเลท�าใหเ้ กดิ ภมู ิประเทศ เชน่ ศกึ ษาและตอบคําถามมาวเิ คราะหรวมกัน
• หนา้ ผาชนั ชายฝง (sea cliff) เกดิ จากการกรอ่ นโดยคลน่ื คลน่ื จะกดั กรอ่ น
บริเวณฐานของหนิ ใหพ้ ังทลาย เกดิ เป็นลักษณะหน้าผาสูงชนั หันหนา้ ออกไปทางทะเล
• เกาะหนิ โดง่ (stack) คอื เกาะขนาดเลก็ ใกลฝ้ ง่ั ทะเลทห่ี นิ ยอดเกาะมลี กั ษณะ
โดง่ หรอื ชะลดู เกดิ จากแหลมหินท่ยี นื่ ไปในทะเลแตเ่ ดมิ ถกู คลื่นเซาะทง้ั 2 ข้าง จนส่วนปลายถกู
ตัดออก
• ซุม้ หินชายฝง (sea arch) คือ ช่องกรอ่ นทะลสุ ่วนทีเ่ ปน็ แหลมยื่นออกไป
ในทะเล เกิดจากการกัดเซาะของคลื่น ท�าให้โพรงท่ีเกิดขึ้นด้านใดด้านหน่ึงขยายกว้างจนทะลุฝั่ง
ตรงข้าม หรอื เกิดจากการกัดเซาะของคลนื่ ทั้ง 2 ฝ่ัง จนโพรงท้ัง 2 ด้านทะลถุ งึ กนั
• แหลม (cape) คอื สว่ นของแผน่ ดนิ ทยี่ นื่ ออกจากทวปี หรอื เกาะขนาดใหญ่
เขา้ ไปในทะเลหรือมหาสมทุ ร
73
กจิ กรรม สรา งเสรมิ นักเรียนควรรู
นักเรียนสืบคนขอมูลและภาพถ้ําในประเทศไทยที่ปจจุบัน 1 หินยอย คราบหินปูนที่ยอยลงมาจากเพดานถํ้าหินปูน มีลักษณะเปนทอน
เปนสถานที่ทองเท่ียวทางธรรมชาติ สรุปประเด็นสําคัญ เชน เปนกรวย หรือเปนแผงมานลงมา ปกติแวววาวเม่ือตองแสง การเกิดหินยอย
กระบวนการเกิด ความสําคัญตอการทองเที่ยว การอนุรักษ เนื่องจากนํ้าท่ีมีคารบอนไดออกไซดละลายอยู ไดละลายเอาสารประกอบใน
ดแู ลรกั ษา นําเสนอขอ มูลในชั้นเรยี น หนิ ปนู ออกมา แลว หยาดหยดจากรอยรา วในเพดานถา้ํ เมอื่ นา้ํ ระเหยไปจงึ ปลอ ย
ใหส ารประกอบที่ละลายมาน้นั สลายตวั แลว พอกพูนจบั ตวั กันเปน หนิ ยอ ย
กจิ กรรม ทา ทาย
T75
นักเรียนสืบคนลักษณะภูมิประเทศท่ีเกิดจากการกรอน
โดยน้าํ ใตดนิ ทสี่ ําคญั ของโลก ทีป่ จ จบุ นั เปน สถานท่ีทองเทย่ี วทาง
ธรรมชาติ สรปุ ประเด็นสําคัญ เชน กระบวนการเกดิ ความสาํ คญั
ตอการทองเที่ยว พรอมภาพประกอบสวยงาม นําเสนอขอมูล
ในช้ันเรียน
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ชอ งลม พนื้ ที่ของซุม หินชายฝง ทพี่ ังทลาย
ลานคลืน่ เซาะ
ขนั้ ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมลู ในชวงเวลานํา้ ลง
3. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา Geo Tip เกย่ี วกบั สนั ดอน หัวแหลมผาชนั เกาะหนิ โดง
จะงอย ซ่ึงเปนลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจาก ซุมหนิ ชายฝง
การทับถมโดยคลืน่ และกระแสนํ้าชายฝง จาก แนวรอยแตก โพรงหินชายฝง
หนงั สือเรยี น ภมู ิศาสตร ม.4-6 เพ่ือวิเคราะห
ขอมลู เพิม่ เตมิ การกัดเซาะ กอนหินชายฝง
ข้นั ที่ 5 การสรุปเพือ่ ตอบคําถาม ภูมิประเทศจากการกรอ นของคล่นื ชายฝง
1. ครูใหนักเรียนกลุมท่ี 1 ท่ีทําการศึกษาและ 5.2) ภูมิประเทศที่เกิดจากการทับถมโดยคลื่นและกระแสนํ้าชายฝง การทับถม
สืบคนขอมูลเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงทาง โดยคลื่นและกระแสนาํ้ ชายฝง ทาํ ใหเกดิ ภูมิประเทศ เชน
กายภาพทส่ี ง ผลตอ ภมู อิ ากาศ ออกมานาํ เสนอ • สันดอน (bar) คือ เนินท่ีเกิดจากกระแสนํ้าพัดพาตะกอนมาตกทับถม
ผลการศึกษาคนควาท่ีหนาช้ันเรียน โดยมี จนเกิดเปนสนั หรือพืดสนั ในบรเิ วณลําแมน ้ํา ปากแมน้าํ หรือนอกชายฝงทะเล
แผนท่ี หรือเคร่ืองมือทางภูมิศาสตรอ่ืนๆ • หาด (beach) เปนพ้ืนทร่ี ะหวางแนวนา้ํ ข้นึ กับน้าํ ลง มีลักษณะเปนแถบ
ประกอบการนําเสนอ ยาวไปตามรมิ ฝง เกิดขึน้ เน่ืองจากการกระทาํ ของคล่ืนและกระแสนํา้ ในทะเล ทะเลสาบ หรอื แมน าํ้
• ลากนู (lagoon) หรอื ทะเลสาบน้าํ เค็มชายฝง เปน แอง นํา้ เคม็ ท่ีมีลักษณะ
2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ิมเติม แคบ ต้ืน เกิดอยูระหวางแผนดินใหญกับสันดอนชายฝง หรือเทือกปะการัง หรือเกิดอยูในเกาะ
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพท่ีสงผล เปปะนกาฝรงงั ทวะงเแลหทวี่เนวาทเปะเนลชส•อาชงบเะนขวํา้าาเกไคปท็มยะชเังลาป1ย(าeฝกsงแtอuมาaจนryมํ้า)สี ันดอนปGTดeiกpo้นั ทง้ั หมดหรอื บางสว นก็ได
ตอภูมิอากาศ แลวครูตั้งคําถามใหนักเรียน และน้าํ จดื ไหลลงมาปะทะแลวผสมกลมกลืนกบั สันดอนจะงอย เปนสันดอนท่ีปลายดาน
ชวยกนั ตอบ เชน น้ําเค็ม มักหมายถึงตอนลางของปากแมน้ําที่ หน่ึงตดิ อยูกับชายฝง ปลายอีกดา นหน่งึ ย่นื ไป
• มนษุ ยม คี วามเกย่ี วขอ งกบั ภมู ปิ ระเทศทเี่ ปน นํ้าจืดและนํ้าเค็มเขามาผสมกัน หรือบริเวณ ในทะเล และมตี อนปลายงอโคง เปน จะงอยตาม
ทะเลและมหาสมุทรอยา งไร กนอาวตาง ๆ ท่ีแมนํ้าหลายสายไหลลง และ อิทธิพลของคล่ืนและกระแสนํ้า ถาสันดอน
(แนวตอบ มนษุ ยใ ชป ระโยชนจ ากภมู ปิ ระเทศ อิทธิพลของนํ้าทะเลทําใหน้ําเค็มเขาไปผสมกับ จะงอยประกอบดว ยทรายลว น เรยี กวา สนั ดอน
ท่ีเปนทะเลและมหาสมุทรในการดํารงชีวิต นาํ้ จดื ในอา วนน้ั ได จะงอยทราย ถาสนั ดอนงอกออกไปเช่อื มเกาะ
มาต้ังแตสมัยโบราณ เห็นไดจากชุมชน เรียกวา สนั ดอนเชือ่ มเกาะ
โบราณท่ีมีทําเลที่ตั้งและมีพื้นที่ชายฝง
เหมาะสมไดพัฒนาข้ึนเปนเมืองทาสําคัญ
ของโลก เชน มะละกา สงิ คโปร ชา งไห ฯลฯ)
74
นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรา งเสริม
1 ชะวากทะเล เปนพ้ืนที่บริเวณชายฝงทะเลท่ีมีแมนํ้าหรือลําธารไหลผาน นักเรียนสืบคนขอมูลลักษณะภูมิประเทศท่ีเกิดจากการ
เชื่อมตอลงสทู ะเล ไดร ับทง้ั อิทธพิ ลจากทะเล คอื นํ้าขนึ้ -นํา้ ลง คล่ืน และการ กระทาํ ของคลน่ื และกระแสนาํ้ ชายฝง ในประเทศไทย เชน ซมุ หนิ
ไหลเวยี นของนาํ้ เกลอื ตะกอนจากแมน า้ํ และการไหลเวยี นของนา้ํ จดื ทาํ ใหพ น้ื ท่ี ชายฝง เกาะไข จงั หวดั สตลู สรปุ ประเดน็ สาํ คญั เชน กระบวนการเกดิ
มธี าตอุ าหารสาํ คญั จาํ นวนมาก จงึ เหมาะสมตอ การเปน แหลง อาศยั ของสง่ิ มชี วี ติ ความสําคัญตอการทองเที่ยว การอนุรักษดูแลรักษา พรอมภาพ
ตัวอยา งของชะวากทะเลในประเทศไทย เชน บริเวณปากแมน ้ํากระบุรี จังหวัด ประกอบ นาํ เสนอขอ มลู ในชนั้ เรยี น
ระนอง ปากแมนํ้าชุมพร จังหวัดชุมพร
กิจกรรม ทาทาย
T76
นักเรียนสืบคนลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากการกระทํา
ของคลื่นและกระแสนํ้าท่ีสําคัญของโลก ที่ปจจุบันเปนสถานท่ี
ทองเท่ยี วทางธรรมชาติ สรปุ ประเดน็ สาํ คัญ เชน กระบวนการเกิด
ความสาํ คญั ตอ การทอ งเทย่ี ว พรอ มภาพประกอบสวยงาม นาํ เสนอ
ขอ มลู ในชั้นเรยี น
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
5.2 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผลตอ่ ภูมอิ ากาศ ขน้ั สอน
1) ส1.า1เ)ห ตกกุาราผรันเปแลปย่ี รนวงแโปคลจรงขทอางงโกลากยภตาาพมทวัฏสี่ จง่ ักผรลมติลอ่ าภนมูโคอิ วาิทกชา1์จศะทเกส่ี ิดา� กคาญั รเผกันดิ แจปากร ขน้ั ที่ 5 การสรุปเพอ่ื ตอบคาํ ถาม
วงโคจรของโลกใน 3 ลกั ษณะ ดังน้ี 1. ครูใหนักเรียนกลุมท่ี 2 ท่ีทําการศึกษาและ
สืบคนขอมูลเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงทาง
0 ํ 22.5 ํ 23.5 ํ กายภาพทส่ี ง ผลตอ ภมู อิ ากาศ ออกมานาํ เสนอ
24.5 ผลการศึกษาคนควาท่ีหนาชั้นเรียน โดยมี
N ํ N แผนท่ี หรือเครื่องมือทางภูมิศาสตรอื่นๆ
ประกอบการนําเสนอ
โลก
2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ิมเติม
แสงอาทิตย เก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่สงผล
ตอภูมิอากาศ แลวครูต้ังคําถามใหนักเรียน
ดวงอาทติ ย ชวยกันตอบ เชน
• ปรากฏการณอุณหภูมิผกผันในเมืองใหญ
โลก S S หรอื พน้ื ทอี่ ตุ สาหกรรมมลี กั ษณะเปน อยา งไร
(แนวตอบ ปรากฏการณอุณหภูมิผกผันใน
1 วงโคจรของโลกรอบ 2 แกนเอยี งของโลกจะมี 3 แกนหมนุ ของโลกจะส่าย เมืองใหญ หรือพื้นท่ีอุตสาหกรรมจะสงผล
ดวงอาทติ ยจ์ ะมคี วามรลี ดลง การแปรปรวนอยรู่ ะหว่าง เปน็ วงคลา้ ยลกู ขา่ งจากการ กระทบตอการดําเนินชีวิตของมนุษยและ
เกดิ ในวัฏจักรประมาณ 22.5 - 24.5 องศา ทโ่ี ลกหมนุ ช้าลง มวี ัฏจักร ส่ิงมีชีวิตโดยท่ัวไป เน่ืองจากหมอกควัน
1 แสนปี เกดิ ในวฏั จกั รประมาณ ประมาณ 21,000 ปี พิษจากการเผาไหมเชื้อเพลิงตางๆ เชน
41,000 ปี ไอเสียของรถยนต ควันพิษจากโรงงาน
อตุ สาหกรรม และอนื่ ๆ ไมส ามารถลอยขนึ้ ไป
การผันแปรวงโคจรทัง้ 3 ลักษณะดังกลา่ ว จะส่งผลตอ่ พลังงานความรอ้ น ในช้ันบรรยากาศได เพราะอุณหภูมิของ
ทีโ่ ลกไดร้ ับจากดวงอาทิตย์ท�าใหส้ ง่ ผลตอ่ ภูมิอากาศของโลก อากาศโดยรอบสูงกวา เปนแนวผกผันก้ัน
หมอกควันที่มอี ุณหภมู ิตํ่ากวา ไว)
1.2) การผันแปรของรังสีจากดวงอาทิตย์ จากการเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์
ทา� ใหม้ อี ณุ หภมู ติ า่� กวา่ บรเิ วณโดยรอบ สง่ ผลตอ่ การแผร่ งั สขี องดวงอาทติ ยม์ ายงั โลก ทา� ใหอ้ ณุ หภมู ิ
บนโลกลดลง เกดิ ขนึ้ ในวฏั จักรประมาณ 11 ปี สง่ ผลตอ่ ภูมิอากาศบนโลก
1.3) การเปล่ียนแปลงของแก๊สเรือนกระจก จากการปะทุของภูเขาไฟท่ีรุนแรง
ท�าให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไนตรัสออกไซด์ ส่งผลท�าให้เกิดยุคน้�าแข็งและยุค
น้า� แขง็ ละลาย หรอื การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศ
75
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
การทแ่ี กนโลกเอียง ตําแหนง บนโลกท่ไี ดร บั แสงอาทติ ยทาํ มมุ 1 วัฏจกั รมิลานโควิทช นักวิทยาศาสตร ชื่อ มลิ ูติน มิลานโควิทช (Milutin
ตัง้ ฉากจะมลี ักษณะอยางไร Milankovitch) เสนอทฤษฎคี วามเชอ่ื มโยงระหวางการเกดิ ยุคน้ําแข็งกับวัฏจกั ร
ทางดาราศาสตรเก่ียวกับวงโคจรและแกนหมุนของโลก 3 อยาง ไดแก วง
1. มอี ณุ หภมู สิ งู โคจรรอบดวงอาทิตยของโลกมีการเปล่ียนแปลงรูปราง การเอียงของแกนโลก
2. มีอณุ หภมู ิตา่ํ การสายของแกนหมุนของโลก แสดงใหเห็นอิทธิพลของปจจัยทั้งสาม ทําให
3. แกนโลกหมุนสา ยชาๆ ภูมิอากาศโลกมีอุณหภูมิสูงและตํ่าสลับกันไปเปนวัฏจักร โดยแตละคาบนั้น
4. แกนโลกหมุนควงสายอยา งเร็ว มรี ะยะเวลาและความรนุ แรงไมเ ทากัน
5. ไดรบั พลังงานแผรงั สีจากดวงอาทิตยไ กลมาก
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. มีอณุ หภูมิสงู เพราะไดรบั พลงั งาน
แผรังสีจากดวงอาทิตยสูงกวาตําแหนงบนโลกท่ีไดรับแสงอาทิตย
เปนมุมเฉียง)
T77
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2) ประเภทของภมู อิ ากาศ การจา� แนกประเภทของลกั ษณะภมู อิ ากาศนยิ มใชข้ อ้ มลู
ขั้นท่ี 5 การสรุปเพอื่ ตอบคําถาม ลมฟา้ อากาศประจา� วนั นา� ไปเฉลย่ี เปน็ รายเดอื นและรายปี มรี ะยะเวลาตอ่ เนอ่ื งกนั ตงั้ แต่10 ปขี นึ้ ไป
ข้อมูลหลกั คอื ลักษณะอณุ หภูมขิ องอากาศและปริมาณหยาดน้�าฟ้า ซง่ึ เปน็ ฐานขอ้ มูลส�าคญั ใน
• ประเทศไทยจัดอยูในเขตภูมิอากาศตาม การจ�าแนกลักษณะประเภทของภมู อิ ากาศ ดงั น้ี
คาเฉลยี่ อุณหภูมิของอากาศในเขตใด
(แนวตอบ จากตาํ แหนง ทต่ี ง้ั ของประเทศไทย 2.1) เขตภมู อิ ากาศตามคา่ เฉลยี่ อณุ หภมู ขิ องอากาศ การแบง่ ตามขนั้ พนื้ ฐานจาก
จดั อยใู นเขตภมู อิ ากาศทมี่ ฤี ดหู นาวสน้ั หรอื ลักษณะอุณหภมู ิของอากาศ แบ่งได้ 5 พ้นื ท่ี 3 เขตภูมิอากาศ ดังนี้
เขตรอน โดยอยูระหวางเสนทรอปกออฟ-
แคนเซอรก บั เสน ทรอปก ออฟแคปรคิ อรน ซง่ึ 1. เขตภูมิอากาศท่มี ีฤดูหนาวสน้ั หรือเขตร้อน (torrid zone) อยู่ระหวา่ ง
อณุ หภมู เิ ฉลยี่ ของประเทศไทยในแตล ะเดอื น เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์กับเส้นทรอปิกออฟแคปริคอร์น อุณหภูมิเฉล่ียไม่มีเดือนใดต่�ากว่า 18
จะไมม ีเดือนใดต่ํากวา 18 องศาเซลเซียส) องศาเซลเซยี ส
2. ลักษณะภูมอิ ากาศแบบละตจิ ูดกลาง หรอื เขตอบอุ่น (temperate zone)
อยรู่ ะหวา่ งเสน้ ทรอปกิ ออฟแคนเซอรก์ บั เสน้ อารก์ ตกิ เซอรเ์ คลิ และอยรู่ ะหวา่ งเสน้ เสน้ ทรอปกิ ออฟ
แคปริคอรน์ กับเส้นอาร์กติกเซอรเ์ คลิ
3. เขตภูมอิ ากาศทีม่ ฤี ดูรอ้ นสนั้ หรอื เขตขั้วโลก (polar zone) อยรู่ ะหว่าง
เส้นอาร์กติกเซอร์เคิลกับข้ัวโลกเหนือ และอยู่ระหว่างเส้นแอนตาร์กติกเซอร์เคิลกับขั้วโลกใต้
อุณหภมู เิ ฉลย่ี ไม่มเี ดือนใดสงู กว่า 10 องศาเซลเซยี ส
แผนที่แสดงเขตภมู ิอากาศตามลักษณะอุณหภมู จิ ากเส้นอณุ หภูมเิ ท่า (isotherm)
75 Nํ เขตภมู อิ ากาศที่มีฤดรู อ นส้ัน 10 Cํ เสน อณุ หภูมิเทาของเดอื นทอ่ี นุ ทสี่ ดุ 75 Nํ
60 Nํ
60 Nํ เสนอารกติกเซอรเคลิ
45 Nํ เขตภูมอิ ากาศแบบละตจิ ดู กลาง:อบอนุ 45 Nํ
30 Nํ
30 Nํ เสน ทรอปกออฟแคนเซอร 18 Cํ เสนอุณหภูมิเทาของเดือนที่เย็นท่ีสุด 15 Nํ
15 Nํ 0ํ
เขตภูมิอากาศทีม่ ีฤดูหนาวส้นั
0 ํ เสนศูนยสตู ร
15 Sํ 10 Cํ 18 Cํ เสน อณุ หภมู ิเทาของเดือนท่ีเย็นที่สดุ 15 Sํ
เสน ทรอปกออฟแคปริคอรน 30 Sํ
เสน อณุ หภูมิเทาของเดอื นท่ีอุนทสี่ ุด 45 Sํ
30 Sํ เขตภูมอิ ากาศแบบละตจิ ูดกลาง:อบอนุ
45 Sํ
N 60 Sํ เสน แอนตารก ตกิ เซอรเ คลิ เขตภมู ิอากาศท่ีมฤี ดูรอ นสน้ั 60 Sํ
75 Sํ 75 Sํ
1 : 250,000,000 0 2,000 4,000 กม.
2.2) เขตภมู อิ ากาศตามคา่ เฉลย่ี ปรมิ าณฝน การแบง่ ตามขนั้ พน้ื ฐานจากปรมิ าณ
ฝน แบ่งได้ 7 ภูมิภาค จากค่าปริมาณฝนรายปี โดยมีเส้นน�้าฝนเท่า (isohyet) แสดงในแผนท่ี
ซงึ่ มีค่าชว่ งปริมาณฝน ดงั นี้
76
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
จากการท่ีภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตต้ังอยูในเขตรอน
ครูใหนักเรียนอานและตีความแผนท่ีเขตภูมิอากาศตามลักษณะอุณหภูมิ สงผลตอวิถีชีวิตและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของคนในภูมิภาคน้ี
จากเสน อุณหภมู ิเทา แลว สรุปสาระสําคญั อยางไร
• เขตรอน แสงอาทิตยตกกระทบพ้ืนโลกเปนมุมชัน และมีโอกาสท่ีดวง (แนวตอบ จากทําเลที่ตั้งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต
อาทติ ยจ ะอยเู หนอื ศรี ษะได พนื้ ทเ่ี ขตนจี้ งึ รบั พลงั งานจากดวงอาทติ ยไ ดม ากกวา อยใู นเขตภูมอิ ากาศแบบรอนชนื้ มีฝนตกชุกเกือบทง้ั ป สงผลใหม ี
สว นอ่นื ๆ ของโลก พืชพรรณธรรมชาติอุดมสมบูรณ ทําใหคนในภูมิภาคน้ีสวนใหญ
ประกอบอาชีพเกษตรกรรม)
• เขตอบอุน แสงอาทิตยตกกระทบพื้นโลกเปนมุมเฉียง แมวาไมมีโอกาส
ทด่ี วงอาทิตยจะอยเู หนอื ศรี ษะ แตก ็ยงั ไดร บั แสงอาทิตยตลอดป
• เขตหนาว แสงอาทิตยตกกระทบพ้ืนโลกเปนมุมลาด จนในฤดูหนาว
บางวนั ไมมีดวงอาทิตยข ้ึนเลย
T78
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เขตภมู อิ ากาศแถบเสน้ ศนู ยส์ ตู ร ปรมิ าณฝนมากกวา่ 2,000 มม./ปี เขตภมู อิ ากาศ ขนั้ สอน
ชายฝั่งที่ได้รับลมค้า ปริมาณฝนมากกว่า 1,500 มม./ปี เขตภูมิอากาศทะเลทราย ปริมาณฝน
ต่�ากว่า 250 มม./ปี เขตภูมิอากาศก่ึงทะเลทราย ปริมาณฝนระหว่าง 250 - 500 มม./ ปี ข้นั ที่ 5 การสรุปเพือ่ ตอบคําถาม
เขตภูมิอากาศแถบช้ืนก่ึงร้อน ปริมาณฝนระหว่าง 1,000 - 1,500 มม./ปี เขตภูมิอากาศชายฝั่ง
ตะวันตกเขตละติจูดกลาง ปริมาณฝนมากกว่า 1,000 มม./ปี และเขตภูมิอากาศแถบอาร์กติก 3. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั
และแอนตารก์ ติกา ปรมิ าณฝนต�่ากวา่ 300 มม./ปี เขตภูมิอากาศตามลักษณะปริมาณฝน จาก
แผนท่ีแสดงเขตภูมอิ ากาศตามลักษณะปริมาณฝนจากเสน้ น้�าฝนเทา่ แ ผ น ที่ แ ส ด ง เ ข ต ภู มิ อ า ก า ศ ต า ม ลั ก ษ ณ ะ
ปริมาณฝนจากเสนนํ้าฝนเทา รวมถึงการ
75 Nํ เสน อารกตกิ เซอรเ คิล 75 Nํ จําแนกภูมิอากาศแบบเคิปเปน จากหนังสือ
60 Nํ 60 Nํ เรยี น ภมู ิศาสตร ม.4-6 เพม่ิ เตมิ
45 Nํ 45 Nํ
30 Nํ เสน ทรอปกออฟแคนเซอร 30 Nํ 4. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนเกณฑ
15 Nํ 15 Nํ การจําแนกประเภทภูมิอากาศประเภทอื่นๆ
0 ํ เสนศนู ยส ตู ร 0ํ เพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต จากนั้นนําขอมูล
15 Sํ 15 Sํ มาสรุปรวมกนั
เสน ทรอปกออฟแคปรคิ อรน 30 Sํ
30 Sํ 45 Sํ
45 Sํ
60 Sํ เสน แอนตารกตกิ เซอรเ คลิ 60 Sํ
N 75 Sํ 75 Sํ
1 : 250,000,000 ปรมิ าณฝนเฉลยี่ รายป (มลิ ลเิ มตร)
0 2,000 4,000 กม.
0 250 500 1,000 2,000 3,000
2.3) การจา� แนกประเภทภมู อิ ากาศแบบเคปิ เปน ดร.วลาดมิ รี ์ เคปิ เปน นกั อตุ นุ ยิ ม
วิทยาชาวเยอรมัน ไดจ้ �าแนกภมู อิ ากาศจากการรวมกันของลักษณะและค่าเฉลีย่ ของอุณหภูมิของ
อากาศกบั หยาดนา้� ฟา้ ทปี่ รากฏตามพนื้ ท่ี โดยใชอ้ กั ษรโรมนั ตวั ใหญอ่ ธบิ ายอณุ หภมู เิ ปน็ 5 เขตหลกั
A หมายถงึ ภมู ิอากาศเขตร้อน
B หมายถงึ ภมู อิ ากาศเขตแหง้ แล้ง
C หมายถึง ภูมอิ ากาศเขตอบอ่นุ
D หมายถงึ ภูมิอากาศเขตหนาว
E หมายถึง ภูมิอากาศเขตข้วั โลก
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงรายละเอียดของลักษณะอุณหภูมิของอากาศและปริมาณ
ฝน โดยใชอ้ กั ษรโรมนั ตวั เลก็ และตวั ใหญต่ อ่ ทา้ ย และเพมิ่ ตวั อกั ษรH แทนเขตภมู อิ ากาศแถบภเู ขา
เนอ่ื งจากมีลักษณะภูมอิ ากาศเปลีย่ นแปลงตามความสงู
77
กจิ กรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู
นักเรียนสบื คนประวตั ิ ดร.วลาดิมีร เคิปเปน นักอตุ นุ ยิ มวทิ ยา นักเรียนดูแผนที่แสดงเขตภูมิอากาศตามลักษณะปริมาณฝนจากเสน
โดยใชขอมูลอุณหภูมิของอากาศและปริมาณนํ้าฝนเฉลี่ยในรอบป น้าํ ฝนเทา ฝกวเิ คราะหแ ละแปลความ ครูต้งั ประเดน็ เชน
หรอื รายเดอื นเปน เกณฑใ นการจาํ แนก โดยแบง เขตภมู อิ ากาศของ
โลกออกเปน 5 กลุม โดยใชตวั อกั ษรภาษาอังกฤษตัวใหญ ไดแก • บริเวณใดของโลกมีฝนตกเฉล่ยี มากท่ีสดุ และนอยทส่ี ดุ
A B C D และ E แทนกลมุ ภมู ิอากาศ • การมฝี นตกนอยหรือตกมากทส่ี ดุ มีผลด-ี ผลเสียอยา งไร
• บรเิ วณใดมที รพั ยากรปา ไม และสตั วป า อดุ มสมบรู ณม ากทสี่ ดุ เพราะเหตใุ ด
โดยใหนักเรียนสืบคนลักษณะภูมิอากาศในแตละเขต และ
เขตอากาศยอย แลวนําเสนอในชั้นเรียน เชน E กลุมภูมิอากาศ T79
เขตข้ัวโลก ไมมีฤดูรอน อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนที่อบอุนท่ีสุด
ตา่ํ กวา 10 องศาเซลเซยี ส
ET อณุ หภมู เิ ฉลย่ี ของเดอื นทอ่ี บอนุ ทส่ี ดุ สงู กวา 0 องศาเซลเซยี ส
แตตํา่ กวา 10 องศาเซลเซียส
EF อุณหภูมิของเดือนท่ีอบอุนเทากับ 0 องศาเซลเซียสหรือ
ต่ํากวา
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ํN 2,000 4,00ก0ม.
ํ
ขนั้ ท่ี 5 การสรุปเพ่อื ตอบคาํ ถาม ํS
5. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษาและอภิปราย ํN
เพ่ิมเติมเก่ียวกับเขตภูมิอากาศของโลกจาก 20
แผนท่ีแสดงเขตภูมิอากาศในแตละภูมิภาค 0
ตา งๆ ของโลก จากหนังสือเรียน ภมู ศิ าสตร 20
ม.4-6 เพ่มิ เติม ํS
6. ครูกําหนดตําแหนงในแตละภูมิภาคตางๆ 40
ของโลกทม่ี เี ขตภมู อิ ากาศแตกตา งกนั จากนนั้
สุมนักเรียนออกมาชี้ตําแหนงในแตละภูมิภาค ร
ตางๆ ของโลกตามเขตภูมิอากาศใหถูกตอง
เพอ่ื เปน การสรปุ ความรูเพม่ิ เตมิ เชน 40
• ทวีปแอฟริกา
(แนวตอบ มที ง้ั เขตภมู อิ ากาศแบบทะเลทราย ํN 60 ํS H แบบ ่ีท ูสง
แบบกง่ึ ทะเลทราย แบบสะวนั นา แบบมรสมุ
แบบฝนตกชุกถาวรตลอดป แบบชื้นกึ่ง มุ ท
เขตรอน แบบเมดิเตอรเรเนยี น) ฟ ก
• ทวีปออสเตรเลยี และโอเชยี เนีย
(แนวตอบ มที ง้ั เขตภมู อิ ากาศแบบทะเลทราย Af
แบบกงึ่ ทะเลทราย แบบสะวนั นา แบบชนื้ กงึ่
เขตรอน แบบเมดิเตอรเรเนียน) 60
าส
ป ซิ
Cf
สBCHCมุfsWDEfทACTBsรwBAWBAอASfSwmCาBACsSfรEwTกCติAfHwกABHwBSBWDWfBBESWBTBSSมBWอิหHAาBนmSBเSสAAwmดีBุมHDfWยทAmรAEDATmBAwwABSfwSDAwmCCfsDDBHfASwfAmBAf8CWCBs0fESํDTfNA HwBCมSfAfแห 0
80 ํS
140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํW 20 ํE 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ EF 80 ํE 120 ํE 160 ํE แบบชื้นภาค ้ืพนท ีวป ET แบบ ุทนดรา
แบบแ หงภาค ้ืพนท ีวป EF แบบ ืพดน้ำแข็ง
Df
Dw
มหา CsBS BS ม ห า ส ุม ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก EF EF 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 0 ํ 40 ํE แบบทะเลทราย Cf แบบช้ืนกึ�งรอน
ET Am แบบ �ึกงทะเลทราย Cs แบบเม ิดเตอ รเรเน�ยน
Df
ม ห า ส มุ ท ร
ET เ สนอา รกติกเซอ รเคิEลF แ อ ต แ ล น ติ ก BS
Am BW BS Am H CwCf BW
Aw BS
Cs BS
Df AmAw Cf CsBW
Af
H
H
แผนแที่ผแนส่ีทดแงสเดขงเตข ูภตมิูภอมิาอกาากาศศ Df เสนแอนตา รกติกเซอรเคิล
Cf
AAwmAAfw
Af
Cf H BS BS BW ส มุ ท ร
ซิ ฟ ก
80 ํN ET Dw Cf H Cs BS 1 : 160,000,000 80 ํS แบบรอน ืช้น
BW แบบมร ุสม
แบบสะ ัวนนา
า
ป
60 ํN Df 40 ํN มห N 60 ํS Af
ํN เสนทรอ ปกออฟแคนเซอร เสนทรอ ปกออฟแคปริคอรนแ Am
Aw
ํ เสน ูศนย ูสตร 40 ํS
78 ํS
20
0
20
เกร็ดแนะครู กิจกรรม Geo-Literacy
ครูใหนักเรียนฝกอาน วิเคราะหและแปลความแผนที่แสดงเขตภูมิอากาศ นักเรียนแบงกลุมศึกษาเขตภูมิอากาศของโลก โดยใชแผนท่ี
ของโลก ครูต้ังประเดน็ คาํ ถาม เชน แสดงเขตภมู อิ ากาศประกอบ จากนน้ั แตล ะกลมุ เลอื กประกอบอาชพี
1 อาชพี ในประเทศตา งๆ ของโลก
• ประเทศไทยมลี กั ษณะภมู อิ ากาศแบบใด ลักษณะภมู อิ ากาศเปน อยา งไร
• หากนกั เรยี นตอ งการสัมผสั อากาศหนาว และหิมะตก ควรไปทใ่ี ด และ • ทําฟารมโคเปนปศุสัตวขนาดใหญ เพ่ือสงเน้ือและนมขาย
ชวงเวลาใด ทว่ั โลก
• ทําไรช าขนาดใหญ
• ทําเกษตรอนิ ทรีย มีทั้งปลูกพชื เล้ยี งสัตว มีอาหารกินตลอดป
• เลี้ยงแกะเพ่ือสงออกขนและเนอื้
โดยเลือกประเทศท่ีจะไปประกอบอาชีพ เลือกทําเล วิเคราะห
ปจ จยั ในการเลือกประเทศ โดยใชกระบวนการทางภมู ศิ าสตร
T80
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1. ภมู ิอากาศเขตรอ้ น (A) มอี ณุ หภมู ขิ องอากาศสงู ตลอดปี เฉลย่ี เกนิ กวา่ ขน้ั สอน
18 องศาเซลเซยี ส และมฝี นตกชุก จา� แนกลักษณะเฉพาะพ้นื ท่ีได้ 3 แบบ ดงั นี้
ขนั้ ที่ 5 การสรุปเพ่อื ตอบคาํ ถาม
ภูมอิ ากาศแบบร้อนช้ืน Af ภมู ิอากาศแบบมรสมุ Am
บริเวณละติจูด 10 องศาเหนือถึง 10 องศาใต้ บริเวณละติจูด 5 - 20 องศาเหนือและใต้ มี 7. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั
มีอุณหภูมิเฉลี่ยเกิน 27 องศาเซลเซียส ทุกเดือน มวลอากาศฝ่ายทะเลพัดเข้าสู่ชายฝั่ง ได้รับอิทธิพล ภมู อิ ากาศเขตรอ น จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร
ม.4-6 เพิ่มเตมิ
8. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนภาพ หรือ
คลปิ วดิ โี อเกย่ี วกบั พนื้ ทใี่ นบรเิ วณตา งๆ ของโลก
เพ่ิมเติมจากอินเทอรเน็ตที่แสดงถึงภูมิอากาศ
เขตรอ น ท่จี าํ แนกเฉพาะได 3 แบบ ไดแก
• ภูมิอากาศแบบรอนชืน้
• ภูมิอากาศแบบมรสมุ
• ภมู ิอากาศแบบสะวันนา
จากนัน้ นาํ ขอ มลู มาสรุปรว มกัน
ฝไดนร้ ตบั กอชทิ กุ ธทพิ กุ ลเจดาอื กนลเมนค่อื า้งจทาพ่ี กดั ฝเนขพา้ หาาคแวถามบรเสอ้ น้น1ศปนู รยมิ ส์ าตู ณร จากลมคา้ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มฝี นตกเกอื บตลอดปี
มี 1 - 2 เดือนท่ีปริมาณฝนต่�ากว่า 62 มิลลิเมตร
ฝนเฉล่ียเกิน 62 มิลลิเมตร เฉล่ียรายปีเกิน 2,000 ปริมาณฝนเฉล่ยี รายปีเกนิ 2,500 มลิ ลิเมตร อุณหภมู ิ
มิลลิเมตร มีเมฆคิวมูลัสและคิวมูโลนิมบัสเป็นหลัก เฉล่ยี ทุกเดอื นระหวา่ ง 25 - 27 องศาเซลเซียส และ
และพสิ ยั อุณหภมู ไิ ม่แตกต่างกนั มาก ฝนทต่ี กเกิดจากการยกตวั ของเมฆเม่ือเคล่ือนตวั ผา่ น
บริเวณท่ีมีภูมิอากาศแบบนี้ ได้แก่ ลุ่มน้�า บริเวณชายฝั่งทะเลด้านรับลม ซ่ึงมีภูเขากีดขวาง
แอมะซอน ทวีปอเมริกาใต้ ลุ่มน้�าคองโก ทวีป เรยี กว่า ฝนภูเขา
แอฟรกิ า และหมเู่ กาะประเทศอนิ โดนเี ซยี ทวปี เอเชยี บริเวณท่ีมีภูมิอากาศแบบนี้อยู่ใกล้เคียงกันกับ
เขตภูมิอากาศ Af
ภมู ิอากาศแบบสะวันนา Aw
บริเวณละติจูด 10 - 25 องศาเหนือและใต้ มีอุณหภูมิเฉลี่ย
ทุกเดอื นระหวา่ ง 20 - 30 องศาเซลเซยี ส มชี ่วงฤดฝู นและฤดูแลง้
แตกตา่ งกนั อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั คอื ในชว่ งฤดฝู นอทิ ธพิ ลจากลมมรสมุ
ทา� ใหม้ ีฝนตกชกุ สว่ นชว่ งฤดูรอ้ นและฤดแู ลง้ (หนาว) ปรมิ าณฝน
มเี พยี งเลก็ นอ้ ย บรเิ วณทมี่ ภี มู อิ ากาศแบบน้ีใกลก้ บั เขตAf และAm
และท่นี า่ สงั เกต คอื ใกลก้ บั เขตก่ึงทะเลทราย (BS) ปรากฏในทวีป
อเมรกิ าเหนอื ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปแอฟริกา ทวปี เอเชีย และทวีป
ออสเตรเลีย
79
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
หากมีนักสํารวจตองการสํารวจปาดิบหรือปาดิบชื้นที่มีความ 1 ฝนพาความรอน เปนฝนท่ีเกิดจากกลุมอากาศรอนลอยตัวสูงข้ึนจนถึง
สมบูรณ นกั เรียนจะแนะนําทใี่ ด เพราะเหตุใด จุดไอน้ํากลัน่ ตวั ลงมาเปน ฝนในตอนเยน็ และกลางคืน ลักษณะฝนทีต่ กเปน แบบ
ฝนโปรย หรือเกิดฝนตกหนักมากเปนระยะเวลาสั้นๆ อาจจะมีพายุพัดรุนแรง
(แนวตอบ ปาแอมะซอนอยูในทวีปอเมริกาใต ครอบคลุมพื้นท่ี มลี กู เหบ็ ตก และฟา คะนองรนุ แรง ในประเทศไทยมกั เกดิ เดอื นมนี าคมและเดอื น
9 ประเทศ เชน บราซิล มีพนื้ ทกี่ วา 5 ลา นตารางกิโลเมตร เปนปา เมษายน
ท่ีมีความอุดมสมบูรณอยางมาก มีแมนํ้าสายสําคัญไหลผาน คือ
แมนํา้ แอมะซอน ซึ่งเปน แมน ํา้ ที่ยาวเปน อนั ดับ 2 ของโลก มีปา ไม
คอนขางหนาทึบมาก มีหลากหลายสายพันธุ มีสัตวนานาชนิด
กวา 70 % บนโลกอาศยั อยู มคี วามหลากหลายของสตั วบ ก สตั วน าํ้
สตั วเ ลอ้ื ยคลาน สตั วท ขี่ นึ้ ชอ่ื วา ดรุ า ย เชน ปลาปร นั ยา งอู นาคอนดา
ปลาไหลไฟฟา นอกจากนี้ ยงั มีชนเผาอาศัยหลายเผา)
T81
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2. ภูมิอากาศเขตแห้งแล้ง (B) มีค่าการระเหยเกินกว่าค่าเฉล่ียของ
คหนืยาแดตนกา้�ตฟา่ งา้ กทนัีต่ มกาลกงใแนนพว้ืนคทวาี่ จมงึ กไดมอ่มาแี กหาลศง่สนงู �้ากถงึ่ าโซวรนรพอ้ สิ นยั1(อsุณubหtrภoูมpiิขcอalงhอigากhาpศreเฉssลu่ยี rกeลbาeงltว)นั มกอี บั ทิ กธลพิ าลง
ข้ันที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม ท�าให้บรรยากาศไร้เมฆ พบบริเวณด้านทิศตะวันตกของทวีปต่าง ๆ บริเวณภูมิภาคก่ึงโซนร้อน
ละตจิ ูด 15 - 35 องศาเหนอื และใต้ แบ่งเขตภูมิอากาศแหง้ แลง้ ได้ 2 แบบ คือ
9. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ิมเติม
เกี่ยวกับภูมิอากาศเขตแหงแลง จากหนังสือ
เรยี น ภูมิศาสตร ม.4-6 เพิ่มเตมิ
10. ครใู หน ักเรียนใชส มารตโฟนสืบคน ภาพ หรอื
คลิปวิดีโอเก่ียวกับพ้ืนที่ในบริเวณตางๆ
ของโลกเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ตที่แสดงถึง
ภูมิอากาศเขตแหงแลง ท่ีสามารถแบงเขต
ภูมิอากาศแหงแลง ได 2 แบบ คอื
• ภูมอิ ากาศแบบกงึ่ ทะเลทราย
• ภมู ิอากาศแบบทะเลทราย
จากนั้นนาํ ขอ มลู มาสรุปรวมกัน
ภูมิอากาศแบบก่งึ ทะเลทราย BS ภูมอิ ากาศแบบทะเลทราย BW
มีปริมาณฝนเฉล่ียรายปีต้ังแต่ 250 มิลลิเมตร มีปรมิ าณฝนเฉล่ียรายปตี �า่ กวา่ 250 มิลลิเมตร
ข้นึ ไป ฝนท่ีได้รับจากอทิ ธิพลของลมค้าพดั เข้าหากัน อุณหภูมิสูงสุดเวลากลางวันเท่ากับ 48 องศา
ในช่วงท่ีเป็นฤดรู ้อนของพน้ื ที่ อทิ ธิพลของแนวความ เซลเซียส กลางคืนอุณหภูมิต่�ากว่า 0.6 องศา
กดอากาศสูงก่ึงโซนร้อนในช่วงฤดูหนาวส่งผลต่อ เซลเซียส พิสัยอุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนต่างกัน
การเกดิ ความแหง้ แลง้ ในพนื้ ที่ และพสิ ยั อณุ หภมู เิ ฉลยี่ 15 - 20 องศาเซลเซยี ส และบรเิ วณชายฝง่ั ทะเลดา้ น
รายเดอื นตา่ งกัน 8 - 12 องศาเซลเซียส ทิศตะวันตกมีกระแสน�้าเย็นไหลผ่าน
ภูมิอากาศแบบก่ึงทะเลทรายแบ่งออกเป็น 2 ภูมิอากาศแบบทะเลทรายแบ่งออกเป็น 2
ลักษณะ คือ ภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทรายเขตร้อน ลักษณะ คือ ภูมิอากาศแบบทะเลทรายเขตร้อน
(BSh) มอี ณุ หภมู เิ ฉลย่ี รายปสี งู กวา่ 18 องศาเซลเซยี ส (BWh) มีอุณหภูมิเฉล่ียรายปีสูงกว่า 18 องศา
และภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทรายเขตอบอุ่น (BSk) เซลเซียส และภมู อิ ากาศแบบทะเลทรายเขตอบอนุ่
มีอณุ หภมู เิ ฉลี่ยรายปีต�่ากว่า 18 องศาเซลเซียส (BWk) มีอุณหภูมิเฉลี่ยรายปีต่�ากว่า 18 องศา
บริเวณที่มีภูมิอากาศแบบนี้ คือ พ้ืนที่โดยรอบ เซลเซยี ส บรเิ วณทม่ี ภี มู อิ ากาศแบบน้ี คอื ทะเลทราย
หรืออยู่ใกลเ้ คียงกบั เขตภูมอิ ากาศแบบทะเลทราย สะฮารา ทวีปแอฟริกา ทะเลทรายอันนาฟูดและ
รบุ ัลคอลี ประเทศซาอุดีอาระเบีย ทะเลทรายอาตา
กามา ประเทศชิลี ทะเลทรายยูมา สหรัฐอเมริกา
และทะเลทรายเกรตวกิ ตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย
80
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด
เขตภูมิอากาศแบบทะเลทรายและกึ่งทะเลทรายในทวีปเอเชีย
1 แนวความกดอากาศสูงก่ึงโซนรอน ท่ีบริเวณละติจูดท่ี 30° ํ หรือบริเวณ มีลักษณะอากาศและพืชพรรณธรรมชาติอยางไร และปรากฏใน
เสน รงุ มา เปน เขตแหง แลง เปน ทะเลทราย พน้ื นา้ํ มกี ระแสลมออ นมาก เนอ่ื งจาก บรเิ วณใดบาง
เปนบริเวณที่กระแสลมสงบ อากาศเหนือผิวพื้นบริเวณเสนรุงมาเคล่ือนตัวไปยัง
แถบความกดอากาศตํ่าบริเวณเสนศูนยสูตร ทําใหเกิดลมคา เมื่อลมคาทาง (แนวตอบ ภมู อิ ากาศแบบทะเลทรายเขตอบอุน (BWk) และกง่ึ
ซีกโลกเหนือเคลื่อนท่ีมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และลมคาทางซีกโลกใต ทะเลทรายเขตอบอนุ (BSk) อากาศอบอนุ และแหง พบในพนื้ ทีอ่ ยู
เคล่ือนที่มาจากทิศตะวันออกเฉียงใต เกิดการปะทะกันและยกตัวขึ้นบริเวณ หางไกลจากทะเล มีเทอื กเขาขวางทศิ ทางลม พชื พรรณธรรมชาติ
เสนศูนยสตู ร N มลี กั ษณะเปน ทงุ หญา สนั้ เชน มองโกเลยี และทางทศิ ตะวนั ตกของ
จีน ภูมิอากาศแบบทะเลทรายเขตรอน (BWh) และกงึ่ ทะเลทราย
T82 แนวความกดอากาศสูงกึ่งโซนรอ น รงุ มา 30° ํ เขตรอน (BSh) มคี วามแหงแลง ฝนตกนอยมาก เนอื่ งจากอิทธพิ ล
ลมคา ของมวลความกดอากาศสงู แผล งมาปกคลมุ ไมม ลี มทพ่ี ดั จากทะเล
ลมคา ศูนยส ูตร 0° ํ เขา สูแผน ดนิ พชื พรรณธรรมชาตมิ ีนอย เชน กระบองเพชร ไมพมุ
ตางๆ บรเิ วณโอเอซิสมีพชื จาํ พวกปาลม อินทผลัม สว นใหญอ ยใู น
รุงมา 30° ํ เอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต เชน สหรฐั อาหรบั เอมเิ รตส ซาอดุ อี าระเบยี
จอรแ ดน)
S
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3. ภมู ิอากาศเขตอบอุ่น (C) มีอุณหภูมขิ องอากาศเดือนทีห่ นาวท่ีสุดเฉลี่ย ขนั้ สอน
ต่�ากวา่ 18 องศาเซลเซยี ส แต่ไมต่ า่� กว่า -3 องศาเซลเซียส พบบรเิ วณด้านทศิ ตะวันออกของทวีป
ตา่ ง ๆ ที่มีกระแสน�า้ อุน่ ไหลผ่าน ดา้ นทิศตะวันตกของทวปี ยโุ รปและทวปี อเมริกาเหนือพบเชน่ กนั ขัน้ ท่ี 5 การสรปุ เพ่ือตอบคําถาม
เนอื่ งจากมอี ทิ ธิพลของกระแสนา�้ อ่นุ ไหลไปถงึ ชายฝั่ง แบง่ ภมู อิ ากาศเขตอบอุ่นได้ 2 เขต คือ
11. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพิ่มเติม
ภมู อิ ากาศช้ืนกึ่งรอ้ น Cf ไม่มีฤดูแห้งแล้งและฝนตกชกุ ทกุ เดอื น ปรมิ าณฝนมากชว่ งฤดรู ้อนเนอ่ื งจากไดร้ บั เก่ียวกับภูมิอากาศเขตอบอุน จากหนังสือ
อิทธพิ ลจากพายหุ มุนเขตร้อน กระแสน�า้ อุ่นมีอทิ ธพิ ลท�าให้ชายฝ่ังมคี วามชืน้ ในอากาศสูง และมีพิสัยอุณหภูมิ เรียน ภมู ศิ าสตร ม.4-6 เพ่มิ เติม
เฉลยี่ รายเดือนตา่ งกนั 15 - 20 องศาเซลเซยี ส ภมู อิ ากาศชนื้ กึ่งร้อน แบ่งได้เปน็ 2 ลกั ษณะ คอื
12. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนภาพ
ภูมอิ ากาศชืน้ กง่ึ เขตร้อนชายฝง ตะวนั ออก (Cfa) ภมู ิอากาศชืน้ กึง่ เขตร้อนชายฝง ตะวนั ตก (Cfb) หรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับพ้ืนท่ีในบริเวณตางๆ
มีฝนตกทุกเดือน ปริมาณฝนประจ�าปีระหว่าง มปี รมิ าณความชนื้ สงู จากมวลอากาศทลี่ มตะวนั ตก ของโลกเพ่ิมเติมจากอินเทอรเน็ตที่แสดงถึง
ภมู อิ ากาศเขตอบอนุ ทส่ี ามารถแบง ภมู อิ ากาศ
1,200 - 3,600 มลิ ลเิ มตร อณุ หภมู เิ ฉลย่ี เดอื นทร่ี อ้ น พดั เขา้ หาฝงั่ แผ่นดิน แนวปะทะอากาศและพายุหมนุ เขตอบอนุ ได 2 เขต คือ
ทส่ี ุดเกิน 22 องศาเซลเซียส ปรมิ าณฝนประจา� ปีระหวา่ ง 1,000 - 2,000 มิลลเิ มตร • ภมู ิอากาศชน้ื ก่ึงเขตรอ น
อุณหภูมิเฉล่ียเดือนท่ีร้อนที่สุดต�่ากว่า 22 องศา • ภมู ิอากาศแบบเมดิเตอรเรเนยี น
บรเิ วณทม่ี ีภูมิอากาศแบบนี้ คอื บรเิ วณชายฝั่ง เซลเซียส จากนน้ั นําขอ มูลมาสรปุ รว มกนั
ตะวันออกของทวีป บริเวณละติจูด 23 - 40 เหนือ
และใต้ มกี ระแสนา้� อนุ่ ไหลเลยี บชายฝง่ั มคี วามชนื้ ใน บริเวณที่มีภูมิอากาศแบบน้ี คือ บริเวณชายฝั่ง
อากาศสงู ไดแ้ ก่ ชายฝง่ั ตะวนั ออกของสหรฐั อเมรกิ า ตะวันตกของทวปี บรเิ วณละตจิ ูด 40 - 60 เหนอื ได้แก่
ชายฝง่ั ตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องประเทศบราซลิ ชายฝง่ั ชายฝั่งตะวันตกประเทศแคนาดา ท่ีมีกระแสน้�าอุ่น
ตะวนั ออกของประเทศแอฟรกิ าใต้ ชายฝง่ั ตะวนั ออก แปซฟิ กิ เหนอื ไหลผา่ น ชายฝง่ั ตะวนั ตกของทวปี ยโุ รป
ของประเทศจีนและญี่ปุ่น ชายฝั่งตะวันออกของ มีกระแสน้�าอุ่นแอตแลนติกเหนือไหลผ่าน ชายฝั่ง
ประเทศออสเตรเลยี ตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย และ
ประเทศนิวซีแลนด์
ภมู อิ ากาศแบบเมดเิ ตอร์เรเนยี น Cs มชี ว่ งฤดูร้อนอากาศแห้ง มฝี นตกเพยี งเลก็ นอ้ ยเนอื่ งจากอทิ ธพิ ลของ
แนวความกดอากาศสงู กง่ึ โซนรอ้ นพดั จากภายในแผน่ ดนิ ชว่ งฤดหู นาวมมี วลอากาศพดั จากทะเลสฝู่ ง่ั มฝี นจาก
อิทธพิ ลของพายุหมนุ และพิสยั อุณหภูมิเฉลย่ี รายเดือนต่างกนั 12 - 18 องศาเซลเซยี ส
บริเวณที่มีภูมิอากาศแบบนี้ คือ โดยรอบของชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และบางพื้นที่ด้านตะวันตก
ของทวีปอเมรกิ าเหนือ ทวปี อเมริกาใต้ และตอนใตข้ องทวีปแอฟรกิ ากับทวีปออสเตรเลีย
81
กจิ กรรม สรา งเสริม เกร็ดแนะครู
นักเรียนสืบคนขอมูลบริเวณท่ีมีเขตภูมิอากาศอบอุนของโลก ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการแบงเขตภูมิอากาศทําไดหลายวิธีโดยอาศัย
1 ชอื่ ในประเดน็ ลกั ษณะภมู อิ ากาศ บรเิ วณทพี่ บ ลกั ษณะพชื พรรณ องคป ระกอบของอากาศทางดานตา งๆ เชน
ธรรมชาติ
• การแบงเขตภูมิอากาศโดยอาศัยอุณหภูมิ แบงออกเปน 3 เขต ไดแก
กจิ กรรม ทา ทาย เขตรอ น เขตอบอนุ และเขตหนาว
นกั เรยี นสบื คน ขอ มลู เขตภมู อิ ากาศอบอนุ ของโลก ในประเดน็ • การแบงเขตภูมิอากาศโดยอาศัยหยาดน้ําฟา แบงตามปริมาณฝน
ลกั ษณะภูมอิ ากาศ บริเวณท่ีพบ ลกั ษณะพืชพรรณธรรมชาติ ให ตอป ออกเปน 5 เขต ไดแก เขตภมู อิ ากาศแหง แลง เขตภูมอิ ากาศกึ่งแหงแลง
เลอื กสถานทท่ี นี่ ักเรียนอยากไปทองเที่ยว 1 ประเทศ พรอมบอก เขตภูมิอากาศกง่ึ ช้ืน เขตภมู อิ ากาศชน้ื และเขตภูมอิ ากาศชมุ ชืน้ มาก
เหตุผล วางแผนการเดินทาง โปรแกรมการทองเที่ยว สถานที่
ทองเที่ยวพรอมภาพประกอบ บรรยากาศท่ีคาดวาจะไปสัมผัส • การแบง เขตภมู อิ ากาศโดยใชพ ชื พรรณธรรมชาติ แบง ออกเปน 11 เขต
ประโยชนทจ่ี ะไดรบั นําเสนอในชนั้ เรยี น เชน เขตภมู อิ ากาศแบบปา ศนู ยส ตู ร เขตภมู อิ ากาศแบบปา มรสมุ เขตภมู อิ ากาศ
แบบปาละเมาะ เขตภมู อิ ากาศแบบปาเมดเิ ตอรเรเนียน
• การแบงเขตภูมิอากาศโดยใชมวลอากาศและแนวปะทะมวลอากาศ
แบงออกเปน 3 เขตใหญ ไดแก ภูมอิ ากาศในเขตละติจูดต่าํ ภมู ิอากาศในเขต
ละตจิ ดู กลาง และภูมอิ ากาศในเขตละติจดู สงู
T83
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 4. ภมู อิ ากาศเขตหนาว (D) มอี ณุ หภูมขิ องอากาศเดือนท่ีหนาวท่ีสุดเฉล่ยี
ตา่� กว่า -3 องศาเซลเซยี ส และเดอื นท่อี ุ่นท่ีสดุ อณุ หภมู ิสงู กว่า 10 องศาเซลเซยี ส พบเฉพาะใน
ข้นั ที่ 5 การสรปุ เพ่อื ตอบคําถาม ทวปี อเมรกิ าเหนือและดนิ แดนยเู รเชยี แถบละติจูด 50 - 70 องศาเหนือ แบง่ ภูมิอากาศเขตหนาว
ได้ 2 แบบ คือ
13. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั
ภูมิอากาศเขตหนาว จากหนังสือเรียน ภมู ิอากาศช้นื ภาคพ้ืนทวีป Df ภมู อิ ากาศแห้งภาคพน้ื ทวีป Dw
ภูมิศาสตร ม.4-6 เพิม่ เตมิ มหี ยาดน�า้ ฟ้าตลอดทกุ เดือน เน่อื งจากอทิ ธพิ ล ในช่วงฤดูหนาวปริมาณฝนจะลดลง เนื่องจาก
14. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนภาพ ของแนวปะทะอากาศขวั้ โลก และพสิ ยั อณุ หภมู เิ ฉลย่ี มวลอากาศเย็นและแห้งพัดออกจากแผ่นดิน ในช่วง
หรือคลิปวิดีโอเก่ียวกับพ้ืนที่ในบริเวณตางๆ รายเดอื นตา่ งกนั 25 - 30 องศาเซลเซียส ฤดรู อ้ นมฝี นตกเนอื่ งจากอทิ ธพิ ลของลมมรสมุ ตะวนั ออก
ของโลกเพ่ิมเติมจากอินเทอรเน็ตท่ีแสดงถึง เฉียงใตแ้ ละพายุหมุนเขตร้อน
ภมู อิ ากาศเขตหนาวทสี่ ามารถแบง ภมู อิ ากาศ ของสบหรริเวัฐณอเทม่ีมริกีภาูมิอกาลกมุ่ าปศรแะบเบทนศส้ี แไดก้แนกด่ิเนตเอวนยี 1เหแนลือะ
เขตหนาวได 2 แบบ คือ บรเิ วณทมี่ ภี มู อิ ากาศแบบน้ี ไดแ้ ก่ ตอนเหนอื ของ
• ภูมิอากาศชน้ื ภาคพ้นื ทวปี ประเทศรสั เซยี ประเทศจนี ตอนเหนอื ของคาบสมทุ รเกาหลี และตอนใต้
• ภูมอิ ากาศแหงภาคพ้ืนทวปี ของประเทศรัสเซียในทวปี เอเชยี
จากนั้นนําขอ มลู มาสรุปรวมกนั
5. ภูมิอากาศเขตขั้วโลก (E) มีอุณหภูมิเฉล่ียเดือนท่ีร้อนท่ีสุดต่�ากว่า 10
15. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพิ่มเติม องศาเซลเซยี ส ไมม่ ฤี ดรู อ้ น การแบง่ ภมู อิ ากาศเขตขว้ั โลกพจิ ารณาจากอณุ หภมู เิ ดอื นทห่ี นาวทสี่ ดุ
เกี่ยวกับภูมิอากาศเขตขั้วโลก จากหนังสือ หรือเดือนท่รี อ้ นท่ีสดุ ดังน้ี
เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 เพ่มิ เติม
ภูมิอากาศแบบพืดนา้� แข็ง EF ภมู ิอากาศแบบทุนดรา ET
16. ครใู หน ักเรียนใชสมารตโฟนสบื คน ภาพ หรอื ไดแ้ ก่ เกาะกรนี แลนด์ และทวีปแอนตารก์ ตกิ า ชว่ งเดอื นมถิ นุ ายนและกรกฎาคม ซง่ึ ขว้ั โลกเหนอื
คลิปวิดีโอเกี่ยวกับพื้นที่ในบริเวณตางๆ มีเวลารับแสงอาทิตย์ยาวนานที่สุด มีอุณหภูมิสูงกว่า
ของโลกเพ่ิมเติมจากอินเทอรเน็ตที่แสดงถึง อณุ หภูมิเฉล่ียทีเ่ กาะกรีนแลนด์ -30 ถึง -35 องศา 0 องศาเซลเซียส พิสัยอุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือน
ภูมิอากาศเขตเขตขั้วโลกที่สามารถแบงได เซลเซียส อณุ หภูมเิ ฉล่ียต�า่ ท่สี ุดในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ ตา่ งกนั 25 - 30 องศาเซลเซยี ส หยาดน้า� ฟ้าท่เี ป็นฝน
2 แบบ คือ และสูงสุดในเดือนกรกฎาคม หยาดน้�าฟ้าอยู่ในรูป มีเพียงระยะส้ัน ๆ ช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม
• ภมู อิ ากาศแบบพดื น้าํ แข็ง ของพายุหิมะมากที่สุด หิมะท่ีตกทับถมบนแผ่นดิน นอกนั้นเป็นหิมะ ความหนาวเย็นของอากาศแถบ
• ภมู ิอากาศแบบทุนดรา และอดั ตวั เปน็ มวลนา�้ จดื แขง็ ขนาดใหญ่ เรยี กวา่ ธาร
จากน้ันนําขอมูลมาสรปุ รว มกัน นา้� แขง็ (glacier) มกี ารเคลอ่ื นทอี่ ยา่ งชา้ ๆ ลงมาตาม
ไหล่เขาธารน�้าแข็งที่แตกแยกเป็นก้อนน�้าแข็งใหญ่
ลงสทู่ ะเล เรียกว่า ภูเขานา�้ แขง็ (iceberg) หรอื เกาะ ภูมิอากาศแบบทุนดรา (ผpeวิ rดmินaแfลroะsใตt)2้ผวิจดึงมนิ ีพจะืชเอกาิดยเปุส้ัน็น
นา�้ แขง็ (ice island) พบลอยอยใู่ นมหาสมทุ รอารก์ ตกิ ช้ันดินเยือกแข็งคงตัว
นา้� ในทะเล มหาสมทุ รทีน่ า�้ แขง็ ตวั เป็นก้อน เรียกวา่ เจริญเติบโตภายหลังน�้าแข็งละลาย ได้แก่ ต้นหญ้า
นา้� แข็งทะเล (sea ice: field ice) ต้นกก และไลเคน
บรเิ วณทม่ี ภี มู อิ ากาศแบบนี้ ไดแ้ ก่ ทางตอนเหนอื
ของทวปี อเมริกาเหนอื ทวปี ยโุ รป และทวปี เอเชีย
82
นักเรียนควรรู กิจกรรม ทา ทาย
1 กลุมประเทศสแกนดิเนเวีย อยูยุโรปตอนเหนือ ประกอบดวย เดนมารก นักเรยี นเลอื กสบื คน ขอมลู เขตภูมอิ ากาศคนละ 1 เขต
สวีเดน นอรเวย ฟนแลนด และไอซแลนด เปนประเทศท่ีมีสภาพภูมิอากาศ ในประเดน็
ทห่ี นาวจดั
2 permafrost พน้ื ดินท่ีมีอุณหภมู ติ ํ่ากวา จุดเยอื กแข็งตดิ ตอ กันเปนเวลานาน • ช่อื เขตอากาศ บรเิ วณท่ีปรากกฏลักษณะภมู ิอากาศแบบนี้
พบมากบริเวณใกลกับขั้วโลกเหนือและใต ความหนาวเย็นจัดของพื้นดินทําให • ลักษณะภูมิอากาศเดน
พนื้ ดนิ แขง็ มาก เม่ือถงึ ฤดรู อ นดนิ ชนั้ บนของพ้ืนท่ีแบบนพ้ี ืชจะเติบโตได • ลกั ษณะพืชพรรณธรรมชาติ
• สัตวปา
• วถิ ีการดาํ เนินชวี ติ ของประชากร
สรุปสาระสําคัญ นําเสนอในชั้นเรียนโดยการใชแผนท่ี เชน
จาก AKSORN WORLD GEOGRAPHY และภาพประกอบสวยงาม
ประกอบการนําเสนอ
T84
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
6. ภูมิอากาศแบบท่ีสูง (H) เป็นลักษณะอากาศบนพ้ืนที่สูงหรือบนภูเขา ขน้ั สอน
เน่ืองจากบนที่สูงมีความกดอากาศที่เบาบางลง และมีการลดอุณหภูมิของอากาศตามความสูง
สา� หรับบรรยากาศช้นั โทรโพสเฟยี ร์ สิ่งเปลย่ี นแปลงสา� คัญ คอื การลดอณุ หภมู ขิ องอากาศ และ ข้ันท่ี 5 การสรุปเพ่ือตอบคาํ ถาม
การลดความกดอากาศ ในอัตราการลดของ
อณุ หภูมิ 6.4 องศาเซลเซยี สตอ่ ความสงู 1,000 15. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพิ่มเติม
เมตร เมอ่ื สงู ขนึ้ จากระดบั ทะเลปานกลางอณุ หภมู ิ เกยี่ วกบั ภมู อิ ากาศแบบทส่ี งู จากหนงั สอื เรยี น
ของอากาศจะลดตา่� ลง บนเขาสงู จงึ มอี ากาศเยน็ ภมู ิศาสตร ม.4-6 เพ่ิมเตมิ
ภเู ขาทส่ี งู มากบนยอดเขามหี มิ ะปกคลมุ การลด
ความกดอากาศ ความกดอากาศ ณ ระดับทะเล 16. ครใู หน ักเรียนใชสมารตโฟนสืบคน ภาพ หรอื
ปานกลาง 760 มลิ ลิเมตรปรอท หรือ 1,013.25 คลิปวิดโี อเก่ียวกับพืน้ ท่ใี นบริเวณตา งๆ ของ
มลิ ลบิ าร์ เมอ่ื สงู ขน้ึ ไปจะมรี ะดบั ความกดอากาศ โลกทแี่ สดงถงึ ภมู อิ ากาศแบบทส่ี งู เพม่ิ เตมิ จาก
ดังน้ี อนิ เทอรเ นต็ จากนั้นนาํ ขอมลู มาสรปุ รว มกัน
พ้ืนที่สูงหรือบนภูเขามีความกดอากาศท่ีเบาบาง และ 17. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ิมเติม
มีอุณหภูมลิ ดลงตามระดบั ความสูง เก่ียวกับ Geo Tip ท่ีแสดงความสัมพันธ
ระหวางภูมิอากาศกับมนุษย จากหนังสือ
เรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการสรุป
ขอมูลเพ่มิ เติม
ตารางแสดงความกดอากาศตามความสงู
ความสงู (เมตร) ความกดอากาศ (มิลลเิ มตรปรอท)
ทร่ี ะดบั ทะเลปานกลาง 760
300 730
900 680
1,500 630
3,000 530
GTeipo
ความสัมพันธ์ระหว่างภูมิอากาศกับมนุษย์ ภูมิอากาศมีผลโดยตรงกับการด�ารงชีวิตของมนุษย์
หลายประการ เชน่ มผี ลตอ่ ทอ่ี ยอู่ าศัย เคร่อื งนุ่งหม่ ประชากรทอ่ี าศยั ในเขตรอ้ นชน้ื แถบศูนยส์ ตู รจะใช้
ผ้าเน้ือโปร่งกว่าประชากรทอี่ ยู่ในเขตอากาศหนาวเยน็ การสรา้ งบา้ นในเขตรอ้ นตอ้ งสร้างในลักษณะที่
ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ขณะเดยี วกันตอ้ งใช้กันแสงแดดไดด้ ว้ ย สว่ นการสร้างบา้ นในเขตหนาวตอ้ ง
สรา้ งในลกั ษณะท่ีใหแ้ สงอาทิตยล์ อดผ่านเขา้ ได้ และสามารถเก็บความอบอ่นุ จากแสงอาทิตย์ไดด้ ว้ ย
ในเขตท่ีสูงความกดอากาศจะต�่า ออกซิเจนน้อย ท�าให้หายใจไม่สะดวก เช่น นักไต่เขาต้อง
มีถังออกซิเจนติดตัวข้ึนไปด้วยเสมอเพ่ือช่วยในการหายใจ หรือมีใบพืชที่มีคุณสมบัติเป็นยาติดตัว
เพ่ือใชเ้ ค้ียวใหม้ ีกา� ลัง หรือตอ้ งไตเ่ ขาอย่างชา้ ๆ เพราะถา้ ไตเ่ ร็วจะหายใจไม่ทัน
83
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
เพราะเหตใุ ดอณุ หภูมขิ องเขตภูมิอากาศแบบทส่ี ูงจงึ แตกตาง ครูนําทบทวนเพื่อสรุปความรู การเปล่ียนแปลงทางกายภาพที่สงผลตอ
กันมาก ภูมิอากาศทุกเขต เชน เขตภูมิอากาศเขตรอน มีปาดิบที่อุดมสมบูรณ เชน
ปาแอมะซอน ปาดิบลุมแมนํ้าคองโก ปาดิบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต
1. มีรอ งความกดอากาศต่ําพาดผา น ปจจุบันปาไมลดปริมาณลง ถูกแผวถางเพื่อทําการเกษตร ตัดถนน สงผลให
2. บนท่ีสูงมีศูนยกลางความกดอากาศสงู ระบบนเิ วศเปล่ียนแปลง ความอดุ มสมบรู ณลดลง
3. พ้ืนทเ่ี ปนภเู ขาสงู มีอณุ หภูมสิ ูงกวา ทรี่ าบ
4. อุณหภูมเิ ปล่ียนแปลงไปตามระดับความสูง
5. อทิ ธิพลจากความสูงของพื้นที่ตามระยะละตจิ ูด
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. อณุ หภมู เิ ปลย่ี นไปตามระดบั ความสงู
โดยระดบั อณุ หภมู จิ ะลดลงตามระดบั ความสงู โดยท่ัวไปประมาณ
1 องศาเซลเซียส ตอความสูง 180 เมตร หรอื อณุ หภมู จิ ะลดลง
ประมาณ 6.4 องศาเซลเซยี ส ตอความสงู 1 กโิ ลเมตร)
T85
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 5.3 การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลต่อทรพั ยากรธรรมชาติ
ขั้นที่ 5 การสรปุ เพอื่ ตอบคาํ ถาม การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศเนอื่ งจากการเพม่ิ ขนึ้ ของอณุ หภมู ผิ วิ โลกเปน็ ปญั หาสา� คญั
และมแี นวโนม้ ทวีความรุนแรงขึน้ ในแตล่ ะพื้นท่ี รวมถึงส่งผลกระทบไปทัว่ โลก เชน่ เกดิ คลน่ื ความ
18. ครูใหนักเรียนกลุมทื่ี 3 ท่ีทําการศึกษาและ ร้อนเพมิ่ ขน้ึ ในพ้นื ทส่ี ว่ นใหญข่ องทวปี ยโุ รป เอเชยี และออสเตรเลีย เกิดฝนหรือหมิ ะตกหนักถ่ีและ
สืบคนขอมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทาง รุนแรงย่ิงข้ึนในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป การแปรปรวนของฤดูกาลยังก่อให้เกิดภัยพิบัติทาง
กายภาพท่ีสงผลตอทรัพยากรธรรมชาติ ธรรมชาตทิ ร่ี นุ แรงมากขนึ้ เรอื่ ย ๆ นอกจากนี้ ยงั สง่ ผลกระทบตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาติ ผลผลติ ทางการ
ออกมานําเสนอผลการศึกษาคนควาท่ีหนา เกษตร กระทบต่อความมน่ั คงทางอาหารและเศรษฐกจิ โดยรวม
ช้ันเรียน โดยมีแผนท่ี หรือเครื่องมือทาง
ภมู ิศาสตรอ ืน่ ๆ ประกอบการนาํ เสนอ 1) การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพท่สี ง่ ผลต่อทรัพยากรน้า� อณุ หภมู ิผวิ โลกทสี่ งู
19. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพิ่มเติม ขน้ึ ทา� ใหแ้ ผน่ นา้� แขง็ และธารนา�้ แขง็ ทวั่ โลกละลายลงอยา่ งรวดเรว็ มกี ารคาดการณว์ า่ ระดบั นา�้ ทะเล
เกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพทส่ี ง ผล จะเพิม่ สูงขนึ้ ถงึ 90 เซนติเมตรในอกี ไม่ถงึ ร้อยปี และหากอณุ หภูมยิ ังคงเพ่ิมสงู ขน้ึ แผ่นนา้� แข็ง
ตอทรัพยากรธรรมชาติ แลวครูตั้งคําถามให ท่กี รีนแลนด์และแอนตาร์กตกิ าจะละลายจนหมด และจะท�าให้ระดับน�า้ ทะเลเพ่ิมสงู ข้นึ หลายเมตร
นักเรยี นชว ยกนั ตอบ เชน
• ผลกระทบของปรากฏการณลานญี า การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ มีผลกระทบท่ีรุนแรงมากต่อทรัพยากรน้�าทั่วโลก
แตกตางจากเอลนีโญอยางไร เนื่องจากความสัมพันธท์ ีเ่ ปน็ อยรู่ ะหว่างภมู ิอากาศและวัฏจกั รของน�้า การเพมิ่ อุณหภูมขิ องโลกจะ
(แนวตอบ ทําใหสภาพภูมิอากาศในบริเวณ เพม่ิ อัตราการระเหยและนา� ไปสกู่ ารเพม่ิ ปริมาณฝนและหมิ ะ มีผลทา� ให้ปรมิ าณนา้� จืดเพิ่มมากขึ้น
โดยรอบมหาสมุทรแปซิฟกรุนแรง หรือ ในขณะเดียวกันความแห้งแล้งเกิดข้ึนบ่อยคร้ัง หรือการตกของหิมะมากขึ้นในพื้นท่ีเขตหนาว
ยาวนานขึ้น กลาวคือ มีฝนตกหนัก หรือ นทรวา�้�ามอใหทนุ่ ท้ ั้งไหวกีปาลรเใอกเปเลชลช้ ยี่ียามนยีฝฝแนปง่ั ทตลวกงปีขมออาเกงมกขรรึ้นกิะาแเใรสตยีนม้ ก้�าาวใกน่าขม“น้ึ ลหทาานา�สใีญมหุทาท้1”รวแแปี ปตเอซ่ถเิฟา้ชลิกยี มเกคหดิ้าาคตกวะลาวมมันคแอ้าหอตกง้ ะแพวลดัันง้ ออเ่ออรนยีกลกพงวัดทา่ แา� “รใเงอหขลก้ ึ้นนระกโี ญแ็จ2สะ”
ตกอยางยาวนาน สวนฤดูรอนมีอากาศ
รอ นและแหงแลงมากข้นึ เชน ในประเทศ ลมค้าตะวันออก กระแสน้�าอ่นุ ไหลไป ความกดอากาศตา�่ ลมค้าตะวันออกเฉียงใต้
ฟลิปปนส อินโดนีเซีย มีฝนตกหนักและ เฉียงใตอ้ ่อนกา� ลังลง ทางทศิ ตะวันออก เคลอื่ นออกห่างฝงั่ มกี า� ลงั แรงกวา่ ปกติ
ยาวนาน อาจกอใหเกิดน้ําทวมฉับพลัน ไปสะสมท่ีอเมริกาใต้ ตะวันตกมากกว่าปกติ
สว นทางตะวนั ตกของสหรฐั อเมรกิ ามคี วาม
แหงแลงยาวนานกวาปกติ อยางไรก็ตาม
ผลของปรากฏการณลานีญาสงผลตอ
บ ริ เ ว ณ ท่ี ห า ง ไ ก ล อ ย า ง ท วี ป แ อ ฟ ริ ก า
เชน เดียวกับปรากฏการณเ อลนโี ญ)
อากาศเคล่อื นลงมา ความกดอากาศต่า� และ กระแสนา้� อุ่นเคลื่อนตวั พนื้ ผวิ และทาง
และความกดอากาศ อากาศชื้น ท�าให้เกิด ออกจากฝง่ั ตะวันตก ชายฝ่ังของแปซิฟกิ
ท�าใหอ้ ากาศแหง้ ฝนตกหนกั มากกวา่ ปกติ เย็นกวา่ ปกติ
การลอยตวั ของมวลน�้าเย็น การลอยตวั ของมวลน้า� เย็น
ทา� ใหล้ มค้าอ่อนกา� ลังลง ท�าให้ลมค้าอ่อนก�าลงั ลง
84
นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทา ทาย
1 ลานีญา เปนปรากฏการณตรงขามกับเอลนีโญ คือ กระแสลมคา ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียน รวมกันอภิปรายวา
ตะวันออกเฉียงใตที่พัดไปทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟกมีกําลังแรง การเปล่ียนแปลงทางกายภาพสงผลตอทรัพยากรธรามชาติใน
ทําใหระดับนํ้าทะเลทางซีกตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟกสูงกวาสภาวะปกติ ดา นใดบา ง และสง ผลตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั ของเราอยา งไร
ลมคายกตัวเหนือประเทศอินโดนีเซีย ทําใหเกิดฝนตกหนัก แตบริเวณชายฝง รวมถึงมีแนวทางปองกันหรือรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทาง
ประเทศเปรู นํ้าเย็นใตมหาสมุทรยกตัวขึ้นแทนท่ีกระแสนํ้าอุนบริเวณชายฝง กายภาพทส่ี ง ผลตอ ทรพั ยากรธรรมชาติอยางไร
มหาสมุทรแปซิฟก ทางซีกตะวนั ออก ทาํ ใหเ กดิ ธาตอุ าหารและฝงู ปลาชกุ ชมุ
2 เอลนีโญ เม่ือเกิดปรากฏการณเอลนีโญ ทําใหฝนตกหนักในตอนเหนือ
ของทวีปอเมริกาใตแตก็ทําใหเกิดความแหงแลงในเอเชียตะวันออกเฉียงใตและ
ออสเตรเลียตอนเหนือ ทําใหเกิดไฟไหมปาอยางรุนแรงในประเทศอินโดนีเซีย
ในบางป
T86
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2) การเปล่ียนแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลต่อทรัพยากรดิน ดินเกิดข้ึนตาม
ขน้ั สอน
ธรรมชาตจิ ากการสลายตวั ของหนิ และแร่ และการสลายตวั ของสารอนิ ทรยี ์ วตั ถตุ น้ กา� เนดิ ดนิ สลาย
ตัวจากหินและแร่ ส่วนสารอินทรีย์สลายตัวได้ฮิวมัส จากน้ันวัตถุต้นก�าเนิดดินผสมกับฮิวมัส ขัน้ ที่ 5 การสรุปเพอื่ ตอบคําถาม
โดยมพี ชื และสตั วช์ ว่ ยใหก้ ลายเปน็ ดนิ ขนั้ ตอนของกระบวนการสรา้ งดนิ มี2 ขน้ั ตอน คอื กระบวนการ
สลายตวั คือ กระบวนการสลายตัวผุพงั ของหนิ แร่ ซากพืช ซากสตั ว์ ได้วตั ถุตน้ กา� เนดิ ดนิ และ • ลักษณะและคุณสมบัติของดินในบริเวณ
ฮวิ มสั ตามลา� ดบั และกระบวนการสรา้ งดนิ คอื กระบวนการผสมคลกุ เคลา้ ระหวา่ งวตั ถตุ น้ กา� เนดิ ดนิ ตา งๆ ของโลกแตกตา งกนั จากปจ จยั ใดบา ง
กบั ฮวิ มัส โดยมีพชื และสตั ว์ต่าง ๆ ชว่ ย และบางครงั้ เหตกุ ารณท์ างธรรมชาติ เช่น ลม ฝน ก็ช่วย (แนวตอบ ปจจัยท่ีมีผลตอลักษณะและ
ท�าใหเ้ กดิ ดนิ ได้ คุณสมบัติของดินในบริเวณตางๆ ของโลก
ไดแก ชนิดของวตั ถุตน กําเนดิ ภูมิประเทศ
ดินมีองค์ประกอบหลายประการที่ท�าให้วัตถุต้นก�าเนิดดินพัฒนากลายเป็นดิน ภมู อิ ากาศ สงิ่ มชี วี ติ ในดนิ รวมถงึ ระยะเวลา
ขึ้นมา ดินบางชนิดจะมีกระบวนการเกิดอยู่กับท่ีแต่บางชนิดจะเกิดจากกระบวนการเคล่ือนท่ีจาก การเกดิ ของดนิ )
ทหี่ นง่ึ ไปตกตะกอนทบั ถมอยอู่ กี ทหี่ นง่ึ ดนิ เกดิ ขนึ้ ไดข้ นึ้ อยกู่ บั ปจั จยั สา� คญั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การกา� เนดิ
ดงั น้ี • โดยปกติทรัพยากรดินท่ีมีสวนประกอบที่
เหมาะสม จะประกอบดวยส่ิงใดบาง
2.1) วัตถตุ ้นก�าเนดิ ดิน (parent material) ดินมีตน้ กา� เนดิ หลัก คอื หิน เม่ือหนิ (แนวตอบ ประกอบดว ยอนนิ ทรยี วตั ถุ รอ ยละ
ชนิดต่าง ๆ แตกออกมาแร่ธาตุท่ีอยู่ในเนื้อหินก็จะมีการเปลี่ยนแปลง ท�าให้คอลลอยด์ของแร่ธาตุ 45 อินทรยี วตั ถุ รอยละ 5 นํ้า รอยละ 25
ตา่ ง ๆ มขี นาดเลก็ ดินทเ่ี กิดขนึ้ ใหมเ่ นอื้ ของดนิ จะมีลกั ษณะคล้ายคลึงกบั หินดานหรือวัตถุกา� เนดิ และอากาศ รอ ยละ 25)
ดนิ มากทสี่ ุด แต่เมือ่ ระยะเวลาในการพฒั นาดนิ ยาวนานขึ้น ดินอาจจะเปลย่ี นแปลงไปตามสภาพ
ของภมู ิอากาศหรือปัจจยั ด้านอ่นื ๆ ได้
2.2) ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ (landform) ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทม่ี คี วามลาดชนั ชน้ั ของ
ดินท่ีปรากฏอยู่จะบางมาก เพราะการชะพาของน้�าไหลกระท�าได้สะดวก ในบริเวณท่ีราบการไหล
ของน้�าจะช้าเป็นผลให้การชะพาของดินท�าได้ยาก ช้ันของดินจึงหนา บริเวณท่ีเป็นแอ่งหรือท่ีลุ่ม
ต�่าชั้นดินจะหนา เน่อื งจากน�้าไดพ้ ดั พาเอาตะกอนจากบรเิ วณมาทบั ถมไว้
2.3) เวลา (time) เป็นปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อการก�าเนิดและพัฒนาดินอย่างหน่ึง
นับตั้งแต่การสลายตัวผุพังมาจากวัตถุต้นก�าเนิดดิน กว่าจะพัฒนาถึงขั้นสมบูรณ์ ต้องใช้เวลา
ยาวนาน การเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนจะด�าเนินไปอย่างต่อเนื่อง ดินท่ีเกิดข้ึนในระยะเวลาสั้น ๆ จะ
เปน็ ดนิ ใหม่ อยา่ งไรกต็ าม การกา� หนดระยะเวลาทแ่ี นน่ อนในการพฒั นาของดนิ ถงึ ขน้ั สมบรู ณแ์ บบ
(maturity) เป็นเรื่องยากเพราะยังมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายอย่างที่มาเก่ียวข้อง ดินในเขต
ภูมิอากาศชุ่มช้ืนและพ้ืนท่ีเป็นทรายกว่าจะพัฒนาถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ต้องใช้เวลาประมาณ
100 - 200 ปี
85
กิจกรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู
นักเรียนเลือกศึกษาลักษณะของดินจากสถานที่ 1 แหง ครนู ําสนทนาเกย่ี วกับการใชดนิ ในประเทศไทย แหลงเพาะปลกู สาํ คญั ของ
แลวอธิบายวาดินที่ศึกษามาจากพื้นดินท่ีใด มีลักษณะเดนหรือ ประเทศ พชื เศรษฐกจิ สาํ คญั เชน ขา ว ยางพารา ปาลม นาํ้ มนั ผลไม มนั สาํ ปะหลงั
คุณสมบัติอยางไร และมีปจจัยใดบางท่ีสงผลตอลักษณะของดิน แหลงเพาะปลูกกระจายทกุ ภาคของประเทศ ครตู งั้ ประเดน็ อภปิ ราย เชน
ทท่ี ําการศึกษา
• สถานการณการใชด ินในประเทศไทยเหมาะสมหรอื ไม อยา งไร
• เพื่อใหดินคงความอุดมสมบูรณ เกษตรกรควรมีหลักในการใชพื้นท่ี
อยางไร
• การเกิดภยั ธรรมชาติ เชน แผน ดินถลม นา้ํ ทวม สง ผลกระทบตอ ความ
อดุ มสมบรู ณข องดนิ อยา งไร และควรฟน ฟอู ยา งไรเพอ่ื ใหด นิ มคี วามอดุ มสมบรู ณ
T87
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2.4) ลักษณะภูมิอากาศ (climate) มีความส�าคัญต่อการก�าเนิดและพัฒนาของ
ดนิ มากทส่ี ดุ องคป์ ระกอบทางภมู อิ ากาศท่ีเขา้ ไปเกี่ยวข้องกบั ดนิ ได้แก่
ข้ันท่ี 5 การสรปุ เพอ่ื ตอบคําถาม
1. ปรมิ าณฝน ความชน้ื ที่ไดร้ บั จากนา�้ ฝนทา� ใหเ้ กดิ กระบวนการทางเคมี ซงึ่
• อุณหภูมิท่ีเพ่ิมสูงข้ึนสงผลใหเกิดการ กระบวนการดังกล่าวท�าให้หินและแร่ธาตุสลายตัวกลายเป็นดินได้โดยง่าย ส่วนดินที่เกิดแล้วจะ
เปลย่ี นแปลงของดินอยางไร เปลยี่ นแปลงต่อไป
(แนวตอบ เมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงข้ึน จะทําให
แบคทีเรียท่ีอาศัยอยูในดินเจริญเติบโตไดดี 2. อณุ หภมู ิ เปน็ องคป์ ระกอบทางภมู อิ ากาศทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การเกดิ และพฒั นา
เน่ืองจากสามารถบริโภคซากพืช ซากสัตว ดิน 2 ประการ คือ การเกดิ ปฏกิ ิริยาทางเคมีของดนิ กลา่ วคอื ในเขตภูมิอากาศรอ้ นการกระท�าทาง
ท่ีเนาเปอยผุพังอยูในดินเกือบหมด ทําให เคมีของดินจะมากกว่าในเขตภูมิอากาศอบอุ่นหรือเขตเย็น แต่จะไม่เกิดข้ึนเลยในเขตภูมิอากาศ
ดินมปี รมิ าณขยุ อนิ ทรยี อยใู นเกณฑตา่ํ เชน หนาวจดั ทพ่ี นื้ ดนิ ปกคลมุ ดว้ ยนา้� แขง็ การกระทา� ของแบคทเี รยี จะอยู่ในอตั ราทสี่ งู ในดนิ ทมี่ อี ณุ หภมู ิ
ดินในเขตภูมิอากาศรอนชื้น สงผลใหดิน สูงในเขตภูมิอากาศร้อนชื้น แบคทีเรียจะบริโภคซากพืช ซากสัตว์ ท่ีเน่าเป่อยผุพังอยู่ในดิน
มีความอุดมสมบูรณนอยกวาในบริเวณ เกอื บหมด จงึ ทา� ใหเ้ หลอื ปรมิ าณขยุ อนิ ทรยี ์ในดนิ อย่ใู นเกณฑต์ า่� สว่ นเขตภมู อิ ากาศอบอนุ่ แบคทเี รยี
เขตภูมิอากาศอบอุนซึ่งมีจํานวนแบคทีเรีย จะลดน้อยลงจึงทา� ใหซ้ ากพชื ซากสตั ว์มีโอกาสสะสมอยู่ในดนิ มากขน้ึ ดินจงึ คอ่ นข้างอดุ มสมบรู ณ์
ในดินนอยกวา ) มากกวา่ ในเขตร้อน
และขณะเดียวกนั กจ็ ะพ3ดั . พลามเอเปาหน็ ตนวัา้ กดานิ รไชปว่ ยนทอา� กใหจอ้าตกั รนาี้ กลามรยรงัะชเหว่ ยยขทอ�างในหา�้้วแัตลถะตุ ค้นวกามา� เชนน้ื ิดใดนินด1แนิ ตเพกม่ิอขอนึ้ก
และพฒั นาเปน็ ดนิ ในลา� ดับตอ่ ไป
2.5) ปจ จัยดา้ นชีววิทยา ทง้ั พชื และสตั วจ์ ะมีอิทธพิ ลต่อการพฒั นาดนิ อย่างมาก
พืชที่ขึ้นปกคลุมพ้ืนดินเม่ือตายไปช่วยเพิ่มขุยอินทรีย์ในดิน อินทรีย์ในดินช่วยดักจับประจุไฟฟ้า
เชน่ เดยี วกบั แรธ่ าตชุ นดิ อนื่ ๆ การพฒั นาขยุ อนิ ทรยี เ์ กดิ จากกระบวนการออกซเิ ดชนั ขน้ึ กบั ซากพชื
และซากสตั วอ์ ยา่ งชา้ ๆ เมอื่ ความชน้ื เขา้ เกย่ี วขอ้ งกลายเปน็ กรดอยา่ งออ่ น ๆ เรยี กวา่ “กรดอนิ ทรยี ”์
กรดดังกล่าวช่วยในการสลายวัตถุต้นก�าเนิดดินให้กลายเป็นดินต่อไป ส�าหรับอิทธิพลของสัตว์
และพชื ทีม่ ตี ่อการพฒั นาดนิ มผี ลท�าให้โครงสรา้ งของดินเปล่ยี นแปลงไป เชน่ ไส้เดอื นช่วยทา� ให้
ดินรว่ นซยุ
ดินรว่ นซุยท่มี คี วามอดุ มสมบูรณ์เหมาะแก่การเจริญเตบิ โตของพชื
86
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย
ครูควรนําตัวอยางดินลักษณะตางๆ เชน ดินรวน ดินเหนียว ดินทราย นักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับการอนุรักษและฟนฟูสภาพดิน
มาแสดงใหน ักเรียนเหน็ พรอมอธิบายเชือ่ มโยงกบั ปจ จยั ดานตางๆ ทท่ี าํ ใหด นิ จากแหลงเรียนรูตางๆ จากน้ันใหนักเรียนเขียนสรุปความรู
มีความแตกตางกัน และอธิบายเพ่ิมเติมถึงคุณสมบัติและการนําดินแตละชนิด แลวนํามาอภปิ รายหนา ชนั้ เรียน
ไปใชใหเ กิดประโยชน
นักเรียนควรรู
1 วตั ถุตนกําเนดิ ดนิ ไดแก หนิ พนื้ (parent rock) อนิ ทรียวัตถุ ผิวดินดงั้ เดิม
หรือชนั้ หินตะกอนที่เกดิ จากการพัดของนํ้า ลม ธารนา้ํ แข็ง ภเู ขาไฟ หรือวตั ถุที่
เคลือ่ นที่ลงมาจากพ้นื ทีล่ าดชนั
T88
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อทรัพยากรพืชพรรณ มีสาเหตุ ขน้ั สอน
ส�าคญั พอสรปุ ได้ 4 ประการ ไดแ้ ก่
1. ปัจจัยการเปลย่ี นแปลงทางธรณีวทิ ยา อาจทา� ให้เกดิ ธารน�า้ แขง็ ภูเขาไฟปะทุ ขน้ั ที่ 5 การสรปุ เพ่อื ตอบคาํ ถาม
แผ่นดนิ ไหว และสึนามิ ลว้ นเปน็ สาเหตใุ หด้ ุลธรรมชาติในกลุ่มส่งิ มีชวี ิตเสยี ไป
2. ปจั จยั จากการเปลยี่ นแปลงของภมู อิ ากาศอยา่ งรนุ แรง ทา� ใหเ้ กดิ ภยั พบิ ตั ติ า่ ง ๆ 20. สมาชิกแตละกลุมรวมกันทําใบงานที่ 2.5
ทา� ใหส้ ภาพแวดล้อมแปรเปลีย่ นไป สง่ิ มีชวี ิตถกู ทา� ลายไปแลว้ เกดิ การเปลย่ี นแปลงแทนทข่ี ้ึนใหม่ เร่ือง การเปล่ียนแปลงทางกายภาพที่สงผล
3. ปจั จยั จากการกระทา� ของมนษุ ย์ ไดแ้ ก่ การตดั ไมท้ า� ลายปา่ การทา� ไรเ่ ลอื่ นลอย ตอภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากร
ภาวะมลพิษท่ีเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม การสร้างเขื่อนหรือฝายก้ันน้�า และอ่ืน ๆ มีผลท�าให้ ธรรมชาติ เฉลยและอภิปรายสรุปรวมกนั
สภาพแวดลอ้ มแปรเปล่ียนไป ดุลธรรมชาตถิ ูกท�าลาย เกดิ โรคระบาด แมลงศตั รูพชื ระบาด ทา� ให้
สง่ิ มีชวี ิตล้มตาย จึงเกิดการเปล่ยี นแปลงแทนทขี่ องกลมุ่ ส่งิ มชี ีวิตข้ึนใหมอ่ ีก 21. นักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร
4. ปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตที่มีต่อแหล่งท่ีอยู่อาศัย เพราะกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ ม.4-6 เร่ือง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
ทา� ให้สิ่งแวดลอ้ มบริเวณน้นั เช่น อณุ หภมู ิ ความเข้มขน้ ของแสง ความชน้ื ความเป็นกรด ด่าง ท่ีสงผลตอภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และ
ของพ้นื ดนิ หรอื แหลง่ น�า้ และอนื่ ๆ เปลี่ยนไปทลี ะเล็กละน้อย จนในทส่ี ุดไมเ่ หมาะสมต่อสง่ิ มีชวี ติ ทรัพยากรธรรมชาติ เพ่ือทดสอบความรู
กลมุ่ เดมิ เกิดการเปลีย่ นแปลงแทนที่โดยกลุ่มสิ่งมีชีวติ ใหม่ที่เหมาะสมกวา่ เพม่ิ เตมิ
การแทนที่ของสิ่งมีชีวติ เปน็ การเปล่ยี นแปลงของชนดิ หรอื ชมุ ชนในระบบนเิ วศ
ตามกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงแทนทีแ่ บง่ ได้ 2 ประเภท ดังนี้ 22. นกั เรยี นในชน้ั เรยี นรว มกนั สรปุ เกยี่ วกบั การใช
เครื่องมือทางภูมิศาสตร และเครื่องมือดาน
เทคโนโลยีในการสืบคนการเปลี่ยนแปลงทาง
กายภาพที่สงผลตอภูมิประเทศ ภูมิอากาศ
และทรัพยากรธรรมชาติ และรวมกันสรุป
สาระสําคัญเพอื่ ตอบคําถามเชงิ ภูมศิ าสตร
1. การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีขั้นปฐมภูมิ (primary succession) คือ การ
เปลยี่ นแปลงแทนทใ่ี นพนื้ ท่ที ่ีไมเ่ คยมีสิง่ มีชวี ติ อาศัยอยมู่ าก่อนเลย ซงึ่ แบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท
คอื การแทนทบี่ นพนื้ ทว่ี า่ งเปลา่ บนบก มี 2 ลกั ษณะ คอื การเกดิ แทนทบ่ี นกอ้ นหนิ ทว่ี า่ งเปลา่ เรมิ่ จาก
ขั้นแรก เกิดสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น สาหร่ายสีเขียวหรือไลเคนบนก้อนหินน้ัน ต่อมาหินเริ่ม
สกึ กรอ่ น เนอ่ื งจากความชนื้ และสง่ิ มชี วี ติ บนกอ้ นหนิ นนั้ จากการสกึ กรอ่ นทา� ใหเ้ กดิ อนภุ าคเลก็ ๆ
ของดิน ทราย และเจือปนด้วยสารอินทรีย์ของซากสิ่งมีชีวิตท่ีสะสมเพ่ิมข้ึน จากนั้นจึงเกิดพืช
จ�าพวกมอสส์ตามมา ข้ันท่ีสอง พืชท่ีเกิดต่อมาเป็นพวกหญ้าและพืชล้มลุก มอสส์จะหายไป
ขั้นที่สาม เกิดไม้พุ่มและต้นไม้เข้ามาแทนท่ี ไม้ยืนต้นในระยะแรกเป็นไม้โตเร็ว ชอบแสงแดด
พชื เลก็ ๆ คอ่ ย ๆ หายไปเนอ่ื งจากถกู บดบงั แสงแดดจากตน้ ไมท้ ี่โตกวา่
และขนั้ สดุ ทา้ ย เปน็ ขน้ั ชมุ ชนสมบูรณ์ เปน็ ชมุ ชนของกลุ่มมีชีวิต ตนไมใหญ ปา สมบูรณ
ท่ีเตบิ โตสมบรู ณ์แบบ มลี ักษณะคงที่ มคี วามสมดุลในระบบวชั พชื ไมย ืนตน
คอื ต้นไม้ไดว้ ิวฒั นาการไปเป็นไม้ใหญ่ ลม ลกุ ไมโ ตเร็ว
และมีสภาพเป็นปา่ ทอ่ี ดุ มสมบูรณ์ ลานหนิ และมอสส และหญา ไมพ มุ
และไลเคน
ภาพแสดงการเปล่ยี นแปลงแทนทข่ี ั้นปฐมภูมิ ระยะเวลา
ขนั้ แรก ขัน้ สอง ข้นั สาม ขน้ั สดุ ทา ย
87
กจิ กรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู
นักเรียนสืบคนพ้ืนที่ท่ีมีการเปล่ียนแปลงจากสาเหตุตางๆ ครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนแบงกลุม จับสลาก เลือกสาเหตุท่ีกอใหเกิด
เชน ภัยพิบัติ การบุกรุกพ้ืนที่เพื่อทําการเกษตร การตัดถนน การเปลี่ยนแปลงท่ีสงผลตอทรัพยากรพืชพรรณ แลวรวมกันสรางแบบจําลอง
การสรา งเข่อื น 1 แหง แลว วเิ คราะหในประเด็น ท่ีแสดงใหเห็นถึงสาเหตุและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยคนควาขอมูลจาก
แหลง การเรียนรอู ื่นประกอบกับขอมลู ในหนังสือเรียน
• สภาพพืน้ ทปี่ จ จุบัน
• สาเหตุการเปล่ยี นแปลงพ้ืนที่
• ผลกระทบตอมนษุ ยแ ละสง่ิ แวดลอ ม
• การฟนฟูและแกไ ขปญ หา
T89
นาํ สอน สรุป ประเมิน
ขนั้ สอน การเปล่ียนแปลงแทนท่ีในแหล่งน้�า ขั้นแรก บริเวณพ้ืนก้นสระ ส่ิงมีชีวิต
ทเี่ กดิ ขนึ้ ระยะแรก เช่น แพลงกต์ อน สาหร่ายเซลลเ์ ดยี ว ขั้นทสี่ อง เกิดการสะสมสารอนิ ทรีย์ขนึ้
ข้นั ที่ 5 การสรุปเพ่อื ตอบคาํ ถาม จากน้นั เริ่มเกดิ พืชใตน้ �้าประเภทสาหรา่ ย และสตั วเ์ ลก็ ๆ เชน่ ปลากินพืช หอย ตัวอ่อนของแมลง
ข้นั ท่ีสาม มีอินทรียสารทบั ถมเพม่ิ มากขึ้น เกดิ พืชมีใบโผลพ่ น้ น�้า เชน่ กก พง ออ้ จากน้นั เกิดสัตว์
23. ใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) จา� พวกหอยโขง่ กบ เขียด กงุ้ และวิวฒั นาการมาจนถึงที่มีสัตวม์ ากชนิดขน้ึ ปรมิ าณออกซเิ จน
การจัดปายนิเทศแสดงผลการสืบคนขอมูล ถกู ใชม้ ากขึน้ ข้นั ท่สี ่ี อนิ ทรียสารทีส่ ะสมอยทู่ ่บี ริเวณก้นสระจะเพิ่มมากขึน้ ในขณะทส่ี ระตน้ื เขินใน
เรอ่ื ง การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพของโลก หน้าแล้ง เกิดต้นหญ้า ขนั้ สุดทา้ ย เป็นช้นั ชุมชนสมบรู ณ์ สระนา�้ น้ันจะตืน้ เขนิ จนกลายสภาพเปน็
พ้นื ดิน ทา� ให้เกดิ การแทนที่พืชบกและสัตวบ์ ก และวิวฒั นาการจนกลายเป็นป่าไปได้ในท่ีสุด
24. นักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6
เรื่อง การเปล่ียนแปลงทางกายภาพที่สงผล
ตอภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากร
ธรรมชาติ เพื่อทดสอบความรูท ีไ่ ดศึกษามา
แบบวัดฯ
GAecotiv-iLtiyteracy กจิ กรรมที่ 2 ส 5.1 ม.4-6/1
คาํ ชแ้ี จง อา นขอความ แลว เขียนแสดงการเปลีย่ นแปลงทางกายภาพลงในแผนท่ี
โดยใชก ระบวนการภมู ศิ าสตรใหถกู ตอง Geo Skill •การแปลความขอ มลู ทางภมู ศิ าสตร •การคดิ เชงิ พน้ื ที่
ในอนาคตอนั ใกลเ กิดภาวะโลกรอนรนุ แรงมาก สงผลใหร ะดบั นาํ้ ทะเลเพ่มิ สูงขนึ้ 100 เมตร ลักษณะ
ทางภายภาพของผวิ โลกเปลยี่ นแปลงไปมาก นกั ภมู ศิ าสตรต อ งทาํ การศกึ ษาภมู ศิ าสตรข องโลกใหมอ กี ครง้ั สว น
ในประเทศไทยเกดิ การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพโดยหลายพน้ื ทถ่ี กู นาํ้ ทะเลทว ม นกั เรยี นคดิ วา ภมู ปิ ระเทศของ
ประเทศไทยจะเปนเชนไร พนื้ ที่ใดจะเหมาะสมตอ การต้ังถน่ิ ฐาน
(แนวตอบ)
แนทวเิวหเขนา�อใต Pskn. ระยะเวลา
ไดร ับความชุม ชืน้ มากขน้ึ ข้นั แรก ขัน้ สอง ขนั้ สาม ขน้ั สี่ ขัน้ สุดทา ย
เน�องจากอยูตดิ ทะเล
ทรี่ าบอีสานใหญ แพลงกต อน สาหรา ย อนิ ทรยี สารทบั ถม อนิ ทรยี สารทบั ถมมาก สระตน้ื จนกลายสภาพ
เฉฉบลับย ถูกนำ้ ทะเลผารมิ ทะกเรลุงโคราช สาหรา ยเซลลเ ดยี ว ปลากนิ พชื หอย ตน กก ออ กบ กงุ สระตน้ื เขนิ ในหนา แลง เปน พน้ื ดนิ และปา
ท่รี าบชายฝง ทะเล
ภาพแสดงการเปล่ียนแปลงแทนท่ีในแหลง่ น้�า
ทว มทงั้ หมด
เกาะคาดามอน
อา วไทย
พนื้ ทเี่ หมาะสมตอ่ การตงั้ ถน่ิ ฐาน เกาะสรุ าษฎรธ าน� 2. การเปล่ยี นแปลงแทนท่ีขน้ั ทตุ ยิ ภูมิ (secondary succession) เปน็ การ
เกาะนครศรธี รรมราช เปลย่ี นแปลงในพ้ืนทที่ ี่เคยมสี ิ่งมชี ีวิตอยกู่ อ่ นแล้ว แต่ถกู ทา� ลายหรือรบกวนถน่ิ ท่ีอยู่ เช่น ในพ้นื ท่ี
ไดแ ก º.....Ã...Ô.à..Ç...³.....À....Ò...¤....µ.....Ð...Ç...Ñ.¹....Í....Í....¡....-.
.à..©....ÂÕ....§...à..Ë.....¹....×Í......À....Ò...¤....à..Ë....¹.....×Í....................... เกาะมลายู
.À....Ò...¤....µ.....Ð...Ç...¹Ñ....µ.....¡......·....ÕèÃ....Ò...º....Ã....Ð...Ë....Ç....Ò‹ ...§.....
.Ë....ºØ.....à..¢...Ò.....·....Õ.èÃ...Ò...º.....ã..¹....á.....¼....¹‹.....´....¹Ô....à...´....ÁÔ .....
เพราะ ¡....Å....Ò...Â....à..».....¹š ....¾....é¹×.....·....Õè..................
.»....Å....Í...´....À....ÂÑ.....Á.....Õ·....ÕèÃ....Ò...º....Á....ÅÕ....ØÁ‹....¹.....íéÒ..............
.ä..´....ÃŒ...Ñ.º....¤....Ç...Ò...Á....ª...×é¹....¨....Ò...¡....·....Ð...à..Å....Á....Ò...¡....¢...¹éÖ..
การเปลย่ี นแปลงทางภูมิประเทศ ท่ีพืชถูกก�าจัดและการถูกท�าลายโดยภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า การเปลี่ยนแปลงข้ันทุติยภูมิมัก
ฟน ตวั ไดร้ วดเรว็ กวา่ การเปลยี่ นแปลงขนั้ ปฐมภมู ิ เนอื่ งจากเมลด็ พนั ธย์ุ งั คงหลงเหลอื สะสมอย่ใู นดนิ
............¾....×é¹.....·....Õè.º....Ã...Ô.à..Ç....³.....À....Ò...¤.....¡....Å....Ò...§....µ....Í....¹.....º....¹.....¨....¹....¶.....Ö§...À....Ò...¤.....ã..µ.....Œ ...Ã....Ç...Á.....¶....Ö§....º....Ã....Ô à..Ç....³.....À....Ò...¤.....µ....Ð....Ç...ѹ.....Í....Í....¡....¨....Ð...Ë.....Ò...Â....ä...»....à..¾.....Ã...Ò....Ð...¶....Ù.¡....
¹éÒí ·Ç‹ Á.......................................................................................................................................................................................................................................................................
28
ขน้ั สรปุ รากในดินไม่ถูกท�าลาย ตอไม้และส่วนอ่ืน ๆ ท่ีถูกท�าลายสามารถฟนตัวได้รวดเร็ว โครงสร้างดิน
สามารถเปล่ียนแปลงและฟนตัวจากการโดนทา� ลายได้ ท�าให้พชื พนั ธุ์เจรญิ เตบิ โตไดด้ ีขนึ้
ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู หรอื ใช PPT
สรปุ สาระสําคัญ ไมยืนตนขนาดใหญ
พืชดั้งเดมิ พชื ทองถ�ิน
ขน้ั ประเมนิ ไมพุม และ
ไมยืนตน โตเรว็
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน พื้นที่รกราง วชั พืช หญา
หนา ช้ันเรยี น จากไฟปา เมลด็ พันธุ พชื ลมลุก
2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ ระยะเวลา ขนั้ สอง ขนั้ สดุ ทา ย
และแบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร ม.4-6 ขั้นแรก 1-4 ป 5 -150 ป 150 ปข ึ้นไป
3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน 88 ภาพแสดงการเปล่ยี นแปลงแทนที่ข้นั ทุตยิ ภูมิ
หนวยการเรียนรูท่ี 2 เรื่อง การเปลี่ยนแปลง
ทางกายภาพของโลก
แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้อื หา เร่อื ง การเปล่ยี นแปลงทาง นักเรียนสืบคนขาวที่เก่ียวของกับการเปล่ียนแปลงทางกายภาพ
กายภาพที่สงผลตอภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ ไดจาก ของโลก จากนนั้ วเิ คราะหถ งึ การเปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ขนึ้ จากขา ว ผา น
การตอบคาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชน้ั เรยี น โดยศกึ ษา การตง้ั คาํ ถาม หรอื สถานการณ แลว อภปิ รายคาํ ตอบ พรอ มทงั้ เสนอ
เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงานทแี่ นบมาทา ย แนะขอ คิดเห็นรวมกนั เชน
แผนการจัดการเรียนรหู นวยที่ 2 เรื่อง การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพของโลก
“เรามักไดยินขาวการเกิดไฟปาทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แถบรัฐแคลิฟอรเนียอยูบอยๆ ท่ีพ้ืนที่ไดรับความเสียหายจาก
ไฟไหม” นักเรียนคาดวาจะมีการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของพืช
คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ ชนิดใดเกิดขนึ้ บา ง
ตรงกับระดับคะแนน
(แนวตอบ เม่ือเกิดไฟไหม ปาท่ีถูกทําลายไมมากหรือเพ่ิงถูก
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 ทําลายจะเหลือกลาไมและเมล็ดอยูในดินจํานวนหน่ึงไวเปนตนทุน
32 ในการฟนฟู เมื่อเวลาผานไป จะเกิดการฟนฟูตัวเองโดยผาน
กระบวนการเปล่ียนแปลงแทนที่ จากข้ันแรก จะมีพืชจําพวก
1 ความถูกต้องของเน้ือหา มอสส หญา วชั พชื ขน้ั ทสี่ อง มพี ชื ตระกลู ไมพ มุ ไมล ม ลกุ ขนั้ ทส่ี าม
2 การลาดับขั้นตอนของเรื่อง มีพชื ยนื ตน ขนาดเลก็ และขัน้ สุดทา ย พชื ดงั้ เดมิ ไมยนื ตน )
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีสว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน
............/................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
T90 ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง