นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 5.2) ผลกระทบของวิกฤตการณ์ขยะและของเสยี อันตราย ทส่ี �ำคญั มีดงั น้ี
1. มีสารพิษปนเปื้อนสู่ส่ิงแวดล้อม ของเสียอันตรำยบำงอย่ำง เช่น
ขัน้ ที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมูล ถำ่ นไฟฉำย หลอดไฟ แบตเตอร่ีโทรศัพท์เคล่ือนท่ี มสี ำรโลหะหนกั บรรจอุ ย ู่ เมอื่ ปนเปอ้ื นสดู่ นิ
และนำ้� สง่ ผลเสยี ตอ่ ระบบนเิ วศ และจะเป็นอันตรำยเม่ือเข้ำสู่ร่ำงกำยของมนุษย์และสะสมปริมำณ
15. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เก่ียวกับ มำกข้ึนเป็นเวลำนำน
การคัดแยกขยะมูลฝอย จากหนังสือเรียน 2. เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เช้ือโรค ขยะมูลฝอยที่มีเศษอำหำรปะปนและเหลือ
ภมู ศิ าสตร ม.4-6 และวิเคราะหข อมลู รวมกนั ตกคำ้ ง เปน็ แหล่งเพำะพันธุข์ องแมลงสำบ แมลงวัน และหนู ซึ่งเป็นสตั ว์พำหะนำ� โรค
3. ท�าให้แหลง่ นา�้ เน่าเสยี ขยะมลู ฝอยประเภทอนิ ทรีย ์ เมื่อถูกทิง้ ปนเปื้อน
16. ครูใหนักเรียนรวมกันนําเสนอแนวทางแกไข
วกิ ฤตการณเ กย่ี วกบั ขยะและของเสยี อนั ตราย
เพิ่มเติม และนําขอมูลท่ีไดมาอภิปรายสรุป
รว มกนั
ลงสูแ่ หลง่ นำ�้ จะถกู จุลินทรีย์ในน�้ำยอ่ ยสลำยท�ำให้ออกซิเจนในนำ้� ลดลง สง่ ผลให้น�้ำเน่ำเสยี
4. ท�าให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและสังคม ของเสียอันตรำยที่ติด
ไฟงำ่ ยหรอื มสี ว่ นประกอบของสำรทตี่ ดิ ไฟงำ่ ยหรอื สำรไวไฟ ทำ� ใหเ้ กดิ ไฟไหมไ้ ดห้ ำกเกบ็ ไวใ้ กลไ้ ฟ
หรอื ในทที่ ม่ี อี ณุ หภมู สิ งู มำก ๆ หรอื ของเสยี อนั ตรำยทมี่ ฤี ทธเิ์ ปน็ กรดหรอื ดำ่ ง ทำ� ใหเ้ กดิ กำรกดั กรอ่ น
เสียหำยต่อวัสดุ ต่อเนื้อเยื่อของร่ำงกำยมนุษย์ ตลอดจนเกิดควำมเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม
ซึง่ จะสง่ ผลกระทบทำงออ้ มทำ� ใหเ้ กิดปัญหำทำงสังคมดว้ ย
5.3) แนวทางแก้ไขวกิ ฤตการณข์ ยะและของเสยี อนั ตราย มดี งั น้ี
1. คัดแยกประเภทของขยะและของเสียอันตราย ท�ำให้ง่ำยต่อกำรเก็บ
และกำรทำ� ลำย ชว่ ยลดขยะในระบบ และลดปัญหำดำ้ นสงิ่ แวดลอ้ ม
2. น�าขยะมารีไซเคิล โดยกำรแปรสภำพและหมนุ เวยี นกลับมำใช้ใหม่ เชน่
ประเทศสงิ คโปรส์ ำมำรถนำ� ขยะไปผลิตกระแสไฟฟำ้ ได้มำกถงึ 56 เมกะวตั ตต์ อ่ วัน ประเทศสวีเดน
น�ำขยะมำใช้ประโยชน์ในกำรผลติ พลังงำน
3. ใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี หมาะสม เพอื่ ลดกำรเคลอ่ื นยำ้ ยขยะตดิ เชอื้ เนน้ หลกั กำร
ก�ำจดั ทแี่ หล่งก�ำเนิด เช่น เทคโนโลยกี ำรทำ� ลำยเชอ้ื ด้วยไอน�้ำ ณ แหล่งก�ำเนดิ
4. เลอื กซอื้ เลอื กใชส้ นิ คา้ ทเี่ ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ ใชส้ นิ คำ้ ฉลำกเขยี ว
เช่น ถำ่ นไฟฉำยสตู รไมผ่ สมสำรปรอท ตู้เย็นฉลำกเขยี ว สอี มิ ัลชนั สตู รลดสำรพษิ หรือใชส้ ำรสกัด
จำกธรรมชำติหรือสมนุ ไพรแทนกำรใช้สำรเคมีทสี่ งั เครำะห์ขึ้น
GTeipo การคดั แยกขยะมลู ฝอย1
กำรจดั กำรขยะมลู ฝอย จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ำรคดั แยกขยะประเภทตำ่ ง ๆ เพอ่ื นำ� กลบั ไปใชป้ ระโยชน์ใหม ่
และงำ่ ยต่อกำรกำ� จดั ดงั น้ี
ขยะอนั ตราย/ขยะพษิ ขยะท่ัวไป ขยะรีไซเคิล ขยะยอ่ ยสลายได้
• ถ่ำนไฟฉำย • ถุงพลำสติก • ขวดแก้ว • เศษอำหำร
• หลอดไฟ • ซองขนมขบเคี้ยว • กระดำษ • เศษผัก เปลือกผลไม้
• แบตเตอร่ ี ฯลฯ • กลอ่ งโฟม ฯลฯ • กระปอ๋ งเครอื่ งดม่ื ฯลฯ • ใบไม้ ฯลฯ
232
นักเรียนควรรู กิจกรรม เสรมิ สรางคุณลักษณะอันพึงประสงค
1 การคัดแยกขยะมูลฝอย ในการจัดการขยะมูลฝอยจําเปนตองมีระบบ นักเรียนแบงกลุมเสนอแนวทางการจัดการขยะมูลฝอย
การคัดแยกขยะประเภทตางๆ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อนํากลับไปใชประโยชน อยา งครบวงจร เพ่อื ลดปรมิ าณขยะมูลฝอยในชุมชน และสามารถ
ไดใหม สามารถทาํ ไดตัง้ แตแ หลงกาํ เนิด โดยจดั วางภาชนะรองรบั ขยะมูลฝอย นาํ ขยะมลู ฝอยมาใชประโยชน ทง้ั การใชซํ้า หรอื นาํ กลบั มาใชใหม
ใหเหมาะสม และแบงแยกประเภทของถังหรือภาชนะใหชัดเจนตามสีตางๆ โดยนาํ เสนอวิธกี ารดําเนนิ งาน ดังน้ี
โดยมีถุงบรรจใุ นถังเพอ่ื ความสะดวกและขยะไมต กหลนหรอื แพรกระจาย
• การลดปริมาณการผลติ ขยะมูลฝอย
• การจัดระบบการรีไซเคลิ
• การคัดแยก เก็บรวบรวม และการขนสงขยะมลู ฝอย
• การกําจัด
T242
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1.3 การเปล่ียนแปลงความหลากหลายทางชีวภาพ ขน้ั สอน
ปจั จบุ นั สง่ิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศทง้ั ผผู้ ลติ ผบู้ รโิ ภค และผยู้ อ่ ยสลำยทวั่ โลกกำ� ลงั ลดจำ� นวนลง ขั้นที่ 5 การสรปุ เพือ่ ตอบคําถาม
ในอตั รำท่สี งู กว่ำทเี่ คยเป็นมำในอดตี และมแี นวโนม้ เพม่ิ สูงข้ึนเรอื่ ย ๆ ในอนำคต เมื่อระบบนเิ วศ
ถกู ท�ำลำยจนเสยี สมดลุ สง่ ผลใหค้ วำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพลดลงอยำ่ งรวดเร็ว 1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
สําคญั เพื่อตอบคาํ ถามเชิงภูมศิ าสตร
1) สถานการณก์ ารเปลยี่ นแปลงความหลากหลายทางชวี ภาพ ปจั จบุ นั โลกกำ� ลงั
2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.1 เรื่อง
สูญเสียสตั วแ์ ละพืชในปำ่ เขตร้อนอยำ่ งนอ้ ย 27,000 ชนดิ ตอ่ ปี หรือส่งิ มชี ีวติ สูญพันธ์ุไปจำกโลกน้ี สถานการณการเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากร
ประมำณ 3 - 4 สปีชีส์ต่อชั่วโมง เพรำะเขตภูมิอำกำศเขตร้อนเป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์ มีควำม ธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม
หลำกหลำยทำงชีวภำพมำก แต่เม่ือใดท่ีควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพถูกท�ำลำยแล้วก็จะฟื้นฟ ู
ให้กลับสู่ควำมอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิมได้ยำกเช่นกัน สำเหตุหลักมำจำกกำรสูญเสียที่อยู่อำศัย 3. ค รู ใ ห นั ก เ รี ย น ทํ า แ บ บ ฝ ก ส ม ร ร ถ น ะ ฯ
ตำมธรรมชำติ เน่ืองจำกกำรขยำยตัวของประชำกรโลกและกิจกรรมทำงเศรษฐกิจของมนุษย์ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่องสถานการณ
นอกจำกในป่ำเขตร้อนแล้วควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพในระบบนิเวศอื่น ๆ ก็ก�ำลังลดลงเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและ
เชน่ ในแนวปะกำรงั พนื้ ที่ชุ่มนำ้� บนเกำะหรอื บนภเู ขำ สงิ่ แวดลอม โดยครูแนะนาํ เพ่มิ เตมิ
ประเทศไทยมีนักวิชำกำรประมำณชนิดของสิ่งมีชีวิตว่ำมีอยู่ถึงร้อยละ 7 ของชนิด
สงิ่ มชี วี ติ ทง้ั หมดในโลก ซงึ่ มปี ระมำณ 5 ลำ้ นชนดิ โดยเปน็ พชื ประมำณ 15,000 ชนดิ สตั วป์ ระมำณ
16,000 ชนิด แต่ปัจจุบันทรัพยำกรธรรมชำติและพ้ืนที่ป่ำไม้ในประเทศไทยลดลงอย่ำงรวดเร็ว
ในช่วง 30 - 40 ปีทีผ่ ่ำนมำ จำกเดมิ ร้อยละ 70 ของพน้ื ท ่ี เหลอื รอ้ ยละ 25 สำเหตุสว่ นใหญม่ ำจำก
กำรกระทำ� ของมนษุ ย ์ เพรำะกำรเพม่ิ ขนึ้ ของประชำกรมนษุ ย ์ ทำ� ใหม้ กี ำรบกุ รกุ ทำ� ลำยปำ่ ไม ้ สง่ ผลให ้
สัตว์ป่ำตอ้ งสญู เสยี แหล่งที่อยอู่ ำศยั หรอื อพยพ และหลำยชนดิ ไดส้ ูญพนั ธ์ุไปจำกประเทศไทย เช่น
สมัน กูปรีหรือโคไพร
กำรบุกรกุ ท�ำลำยพ้ืนทป่ี ำ่ ไม้ สำเหตหุ ลกั ของกำรสญู เสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ
233
กิจกรรม สรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู
นกั เรยี นรว มกนั เสนอแนวทางการจดั การความหลากหลายทาง ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับสถานการณความหลากหลายทางชีวภาพของ
ชีวภาพ เพื่อใหเกิดการอนุรักษและการใชประโยชนอยางยั่งยืน ประเทศไทยวาเปนพ้ืนท่ีที่มีจํานวนและชนิดพันธุพืชและพันธุสัตวท่ีหลากหลาย
ท้ังทางตรงและทางออม เชน การสรางความตระหนักและ เน่ืองจากมีพื้นที่ปาไมและทิวเขาอันเปนรอยตอกับพื้นท่ีขางเคียง และเชื่อมตอ
ปลูกจิตสํานึกใหแกประชาชน การใหความรูเกี่ยวกับการใช กับแมน ้ําโขง อา วไทย และทะเลอนั ดามัน จึงไดร ับการจัดลําดบั ใหเปนหนง่ึ ใน
ทรัพยากรธรรมชาติอยางเหมาะสม โดยครูเปดโอกาสใหนักเรียน ประเทศทม่ี คี วามหลากหลายทางชวี ภาพสงู แตป จ จบุ นั ทรพั ยากรธรรมชาตขิ อง
ไดเ สนอความคิดเห็นอยา งหลากหลาย และนํามาอภปิ รายรวมกนั ประเทศถูกคุกคามอยางตอเน่ืองจากการใชประโยชนมากเกินไป การคุกคาม
ในชน้ั เรยี น แหลง อาศยั การนําสตั วตา งถิ่นเขามา การถมพืน้ ทชี่ ุม น้าํ เหลา นี้ลว นเปนปจ จัย
ที่ทาํ ใหค วามหลากหลายทางชีวภาพของประเทศลดลงอยา งตอ เนือ่ ง
T243
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
ขน้ั สรปุ 2) ปจจัยทีท่ า� ให้เกิดการเปลย่ี นแปลงความหลากหลายทางชวี ภาพ มีดงั นี้
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู ตลอดจน 2.1) การเพม่ิ ของจา� นวนประชากรและการกระจายตวั ของประชากร ทำ� ใหเ้ กดิ กำร
การใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร และเครื่องมือ รกุ ลำ�้ เขำ้ ไปในพนื้ ทท่ี ม่ี คี วำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพสงู ซงึ่ สง่ ผลกระทบตอ่ ควำมสมดลุ ของระบบนเิ วศ
ดานเทคโนโลยีในการสืบคนเก่ียวกับสถานการณ 2.2) การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภมู อิ ากาศของโลก โดยเฉพำะภำวะโลกร้อนทม่ี ี
การเปล่ียนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและ ผลกระทบต่อกำรเจริญเติบโตของสง่ิ มีชีวติ ทำ� ให้ส่งิ มชี วี ติ หลำยชนิดสญู พันธุ์
ส่ิงแวดลอม หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของ 2.3) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง ส�ำหรับกำรด�ำรงชีวิตและเพ่ือ
เน้ือหา ผลประโยชน์ทำงกำรคำ้ เช่น กำรค้ำไม้และสตั วป์ ำ่ อย่ำงผิดกฎหมำย
2.4) การเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กำรทิ้งขยะมูลฝอยลงแม่น�้ำล�ำคลอง
ขนั้ ประเมนิ กำรปล่อยควนั พิษหรอื ของเสียจำกโรงงำนอุตสำหกรรม
2.5) ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยชี วี ภาพ (biotechnology) ดำ้ นกำรตดั ตอ่ หนว่ ย
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม พันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ (Genetically Modified Organisms: GMOs) หรือพันธุวิศวกรรม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน (genetic engineering) ส่งผลให้เกดิ กำรสูญเสยี ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ
หนาช้นั เรยี น
แผนทีแ่ สดงการสญู เสยี ความหลากหลายทางชวี ภาพ
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร ม.4-6 80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ 80 Nํ
60 Nํ 60 Nํ
40 Nํ 40 Nํ
20 Nํ 20 Nํ
0ํ 0ํ
20 Sํ 20 Sํ
40 Sํ 40 Sํ
N 60 Sํ อัตราการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ 60 Sํ
1 : 250,000,000 80 Sํ 1% 2% 3% 4% 5% 80 Sํ 0 2000 4000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ
ทมี่ า : Ecology: The effect of conservation spending (2016)
จำกแผนท ี่ พนื้ ทที่ มี่ กี ำรสญู เสยี ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ สว่ นใหญเ่ กดิ ในพนื้ ทท่ี มี่ กี ำร
ตัดไม้ท�ำลำยป่ำเป็นจ�ำนวนมำก โดยเฉพำะประเทศอินโดนีเซีย มีกำรตัดไม้ท�ำลำยป่ำในบริเวณ
เกำะสุมำตรำ รวมถึงปัญหำไฟป่ำ ส่งผลให้เกิดกำรสูญเสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ เช่น
กำรลดจ�ำนวนลงของชำ้ งสมุ ำตรำ แรดสมุ ำตรำ จนเสย่ี งตอ่ กำรสญู พนั ธ ์ุ ในขณะทป่ี ระเทศอนิ เดยี
สัตว์ที่หำยำกถูกคุกคำม เช่น เสือโคร่งเบงกอล สิงโตอินเดีย นอกจำกน้ี ยังมีกำรสูญเสีย
ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพยังเกิดขึ้นมำกในประเทศออสเตรเลีย จีน สหรัฐอเมริกำ บรำซิล
และทวปี ยโุ รป
234
แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม Geo-Literacy
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เรื่อง สถานการณการ ครนู าํ ภาพหรอื ขา วเกย่ี วกบั การจดั การสงิ่ กอ สรา ง เชน ทพ่ี กั ตาก
เปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ไดจากการตอบคําถาม อากาศ สวนสัตว และชุมชนท่บี ุกรุกพืน้ ท่ีปา เพ่อื การอนุรักษตา งๆ
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ การสรางท่ีพักตากอากาศในพ้ืนท่ีอุทยานแหงชาติของนายทุน
การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบมาทาย หรือของหนวยงานท่ีเกี่ยวของ มาใหนักเรียนพิจารณารวมกัน
แผนการจดั การเรยี นรูหนว ยท่ี 6 เร่ือง ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มกบั แลวตง้ั ประเด็นอภปิ รายท่ีชว ยพฒั นาทกั ษะการคดิ เชน
การพัฒนาท่ยี ่งั ยนื
• การอนรุ กั ษป า ไมโ ดยการบงั คบั ใชก ฎหมายหรอื สรา งจติ สาํ นกึ
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน • แนวทางการอยรู วมกันระหวา งคนกบั ปา
นกั เรยี นสรปุ ผลการอภปิ รายเพอื่ ใหเ ขา ใจสถานการณก ารบกุ รกุ
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี พนื้ ทปี่ า ในประเทศไทย ทง้ั นาํ ไปสกู ารสรา งจติ สาํ นกึ ในการมสี ว นรว ม
ตรงกับระดับคะแนน ในการอนุรักษปา
ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32
1 ความถูกต้องของเนื้อหา
2 การลาดับขน้ั ตอนของเร่ือง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม
รวม
ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
T244 ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
นาํ นาํ นาํ สอสนอน สรสปุ รปุ ปรปะรเมะเนิ มนิ
2 มาตรการป้องกนั และแก ้ ไขปัญหาทรพั ยากรธรรมชาติ ขน้ั นาํ (5Es Instructional Model)
และสง่ิ แวดลอ้ ม
ขั้นที่ 1 กระตนุ ความสนใจ
ปญั หำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม สว่ นใหญเ่ กดิ จำกกำรกระทำ� ของมนษุ ยท์ งั้ ทำงตรง
และทำงออ้ ม มำกกวำ่ เกดิ จำกกำรกระท�ำของธรรมชำต ิ ดงั นน้ั กำรแก ้ไขปญั หำจงึ ตอ้ งดำ� เนนิ กำร 1. ครแู จง ชื่อเรอ่ื งที่จะเรียนรู และผลการเรียนรู
โดยมนษุ ยเ์ อง มำตรกำรปอ้ งกนั และแก ้ไขปญั หำ มดี งั น้ี 2. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนขาวที่
2.1 การพฒั นาทีย่ ่งั ยืน เกี่ยวของกับปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอม เชน ขาวการลักลอบตัดไม ขาว
กำรพัฒนำส่ิงแวดล้อมที่ย่ังยืน หมำยถึง กำรพัฒนำทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม การลาสัตวในเขตปาหวงหาม ฯลฯ จากน้ัน
โดยค�ำนึงถึงควำมเสียหำย มีกำรป้องกันปัญหำท่ีเกิดแก่ส่ิงแวดล้อมหรือก่อให้เกิดควำม วเิ คราะหป ระเดน็ ปญหาจากขา วรวมกนั
เสียหำยนอ้ ยทส่ี ดุ โดยคำ� นงึ ถงึ ควำมตอ้ งกำรพน้ื ฐำนของประชำกรในประเทศดว้ ย ปจั จบุ นั องคก์ ำร 3. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น
สหประชำชำตไิ ด้เผยแพร่ “เป้ำหมำยกำรพัฒนำท่ียั่งยืน” (Sustainable Development Goals: เช่ือมโยงความเกี่ยวของของขาวที่ไดจากการ
SDGs) ท่ีประชำคมโลกตกลงร่วมกันที่จะใช้เป็นกรอบในกำรด�ำเนินงำนด้ำนกำรพัฒนำ ต้ังแต่ สบื คนกบั แนวทางการพัฒนาทีย่ ่ังยืน
เดือนกันยำยน พ.ศ. 2558 - สิงหำคม พ.ศ. 2573 ครอบคลุมระยะเวลำ 15 ปี โดยมีเปำ้ หมำย
17 ขอ้ ดงั นี้
ขจัดความ ขจัดความ การมีสุขภาพ การศึกษา ความเท่าเทยี ม
ยากจน หิวโหย และความ ทีม่ ีคณุ ภาพ ทางเพศ
เปน็ อย่ทู ี่ดี
น้า� สะอาดและ พลงั งานสะอาด งานที่มีคุณค่า อตุ สาหกรรม ลดความ
สุขาภบิ าล และจ่ายได้ เศรษฐกิจที่ นวตั กรรม เหลื่อมล�้า
เตบิ โต โครงสร้างพืน้ ฐาน
เมืองและ การผลิตและ
ชุมชนยัง่ ยืน บริโภคท่ี
รับผิดชอบ
การรับมอื กับ นิเวศทางทะเล ระบบนเิ วศ สนั ตภิ าพและ ห้นุ สว่ นเพื่อ
Climate และมหาสมุทร บนบก สถาบันเขม้ แข็ง การพัฒนา
Change
235
ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET บูรณาการอาเซียน
ประเทศใดตอไปน้ีนาจะมีปญหาสิ่งแวดลอมมากท่ีสุดตาม อาเซียนไดดําเนินงานดานสิ่งแวดลอมอยางตอเน่ืองมาโดยตลอด โดยมี
หลกั การจดั การสิง่ แวดลอม การดําเนินงานที่สอดคลองหรือเก่ียวของกับความตกลงระหวางประเทศทั้งใน
ระดบั ภมู ภิ าค และสนธสิ ญั ญาระหวา งประเทศในเรอื่ งทเี่ กย่ี วขอ งกบั สงิ่ แวดลอ ม
1. ประเทศ ก มีพน้ื ทีน่ อ ย แตม ีที่ตงั้ เหมาะเปน เมืองทา เชน ความตกลงอาเซยี นวา ดว ยมลพษิ และหมอกควัน อนสุ ญั ญาสตอกโฮลมวา
2. ประเทศ ข มีประชากรมาก แตสว นใหญไมไดร ับการศึกษา ดวยสารมลพิษที่ตกคางยาวนาน และยังมีการดําเนินงานดานส่ิงแวดลอมเพื่อ
“สง่ิ แวดลอมที่ย่งั ยืนของอาเซียน” ตามแผนงานประชาคมอาเซยี น
ที่มีคุณภาพ
3. ประเทศ ค มีทรัพยากรนอย แตหลากหลายประเภทและ T245
กระจายอยทู ั่วประเทศ
4. ประเทศ ง มีทรัพยากรนอย แตมีการสํารวจเพ่ิมและหา
สงิ่ ทดแทนการใชทรพั ยากร
5. ประเทศ จ มีทรพั ยากรมาก แตไมหลากหลาย ตอ งพึง่ พา
การนําเขาทรัพยากรจากตา งประเทศ
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เน่ืองจากหลักการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมรวมถึงการพัฒนาท่ียั่งยืน
เนนเรอ่ื งคุณภาพของประชากรในประเทศเปน สาํ คัญ)
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ เปา้ หมายการพฒั นาทยี่ งั่ ยนื ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ดังนี้
ขน้ั ที่ 1 กระตุนความสนใจ เป้าหมายข้อท่ี จดุ มุ่งหมาย แนวทางดา� เนินการ
4. ครูนําภาพขาวเกี่ยวกับบทบาทในการดูแล น้ำ� สะอำดและ • ใหท้ กุ คนมนี า้� ดมื่ ทป่ี ลอดภยั และเขา้ ถงึ • ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศและ
รกั ษาสงิ่ แวดลอ มของหนว ยงานทเ่ี กย่ี วขอ งและ สุขำภบิ ำล สุขอนามยั ท่พี อเพยี งและเปน็ ธรรม เสรมิ สรา้ งขดี ความสามารถใหแ้ กป่ ระเทศ
องคกรตางๆ ท้ังในประเทศและตางประเทศ • ยกระดบั คณุ ภาพนา้� ดา� เนนิ การบรหิ ารจดั การ ก�าลังพัฒนาในกิจกรรมและแผนงาน
มาใหนักเรียนดู เชน การร้ือถอนสิ่งกอสราง ทรพั ยากรน้�าแบบองคร์ วมในทุกระดบั เกย่ี วกบั นา�้ และสขุ อนามยั รวมถงึ การใช้
ที่รุกลํ้าพ้ืนท่ีปาเพื่อการอนุรักษของเจาหนาที่ • ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศท่ีเกี่ยวข้องกับ นา้� อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การจดั การนา�้ เสยี
กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ชแหนั้ ลหง่ ินนอา้� ุม้ รนวมา้� 1 ถแงึ ลภะเู ขทาะ เปลา่ สไมาบ ้ พนื้ ทชี่ มุ่ นา้� แมน่ า�้ เทคโนโลยีการนา� นา้� กลบั มาใชใ้ หม่
การพัฒนาแนวทางการอยูรวมกันระหวาง
ปาอนุรักษกับชาวบานในชุมชนบริเวณผืนปา พลังงำนสะอำด • ให้ทุกคนเข้าถึงการบริการพลังงานสมัยใหม่ • ยกระดบั ความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศใน
ภาคตะวันตกของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และ และจ่ำยได้ ในราคาทส่ี ามารถซอ้ื หาได้ การเขา้ ถงึ การวจิ ยั และเทคโนโลยพี ลงั งาน
การลงนามในพธิ สี ารเกยี วโต (Kyoto Protocol) • เพิม่ สัดส่วนของพลงั งานทดแทนในการผสม ทสี่ ะอาด
ของประเทศตางๆ เพื่อรวมกันลดการปลอย ผสานการใชพ้ ลงั งานของโลก • ขยายโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนา
แกสเรือนกระจกข้ึนสูบรรยากาศ จากนั้นให • เพ่ิมอัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ เทคโนโลยีส�าหรับจัดส่งบริการพลังงาน
นักเรียนบอกชื่อหนวยงานและองคกรทาง พลงั งานของโลกใหเ้ พม่ิ ขน้ึ 2 เทา่ สมยั ใหมแ่ ละยงั่ ยนื ในประเทศกา� ลงั พฒั นา
สงิ่ แวดลอ มและกจิ กรรมของหนว ยงานนนั้ ๆ ท่ี
นักเรียนทราบเพิม่ เตมิ กำรรับมือกบั • เสริมสร้างภูมิต้านทานในการปรับตัวต่อ • ดา� เนนิ การใหเ้ กดิ ผลตามพนั ธกรณี
Climate อนั ตรายและภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตทิ เี่ กยี่ วขอ้ ง ในอนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ย
5. ครูใหนักเรียนเชื่อมโยงความสัมพันธบทบาท Change กบั ภมู อิ ากาศ การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ
ในการดูแลรักษาสิ่งแวดลอมของหนวยงาน
ตางๆ กับเปาหมายการพัฒนาที่ย่ังยืนของ • พฒั นาการศกึ ษา สรา้ งความตระหนกั รใู้ นการ • เพิ่มขีดความสามารถในการวางแผน
องคการสหประชาชาติวามีความเก่ียวของกัน ลดปัญหาการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการที่เก่ียวข้องกับ
หรือไม อยา งไร การปรบั ตวั การลดผลกระทบ และการเตอื น การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศอยา่ งมี
ภยั ลว่ งหนา้ ประสทิ ธผิ ลในประเทศพฒั นานอ้ ยทสี่ ดุ
นเิ วศทำงทะเล • ปอ้ งกนั และลดมลพษิ ทางทะเลทกุ ประเภท • เพม่ิ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร ์ พฒั นางาน
และมหำสมุทร • บรหิ ารจดั การและปกปอ้ งระบบนเิ วศทางทะเล วจิ ยั และถา่ ยทอดเทคโนโลยที างทะเล
และชายฝง่ั เพอ่ื หลกี เลยี่ งผลกระทบทางลบ • เพมิ่ พนู การอนรุ กั ษแ์ ละการใชม้ หาสมทุ ร
• อนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งอย่างน้อย และทรพั ยากรอยา่ งยง่ั ยนื
ร้อยละ 10 ให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่าง • จดั ใหม้ กี ารเขา้ ถงึ ทรพั ยากรทางทะเลและ
ประเทศและภายในประเทศ ตลาดสา� หรบั ชาวประมงพน้ื บา้ นรายเลก็
ระบบนิเวศ • ปกปอ้ ง ฟน้ื ฟ ู และสนบั สนนุ การใชร้ ะบบนเิ วศ • ระดมและเพมิ่ เงนิ ทนุ เพอื่ การอนรุ กั ษแ์ ละ
บนบก บนบกอยา่ งยงั่ ยนื การใชค้ วามหลากหลายทางชวี ภาพและ
• ส่งเสริมการบริหารจัดการป่าไม้ทุกประเภท ระบบนเิ วศอยา่ งยง่ั ยนื
อย่างย่ังยืน ฟื้นฟูท่ีดินที่เส่ือมโทรมให้ฟื้น • เพิ่มพูนการสนับสนุนในระดับโลกท่ีจะ
สภาพกลบั มาใหม ่ และหยดุ การสญู เสยี ความ ต่อต้านการล่าและการเคล่ือนย้ายชนิด
หลากหลายทางชวี ภาพ พันธ์ุคุม้ ครอง รวมถงึ เพมิ่ ความรว่ มมือ
ของชมุ ชนทอ้ งถนิ่
236
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET
การปฏิบัติตนเพ่ือการอนุรักษและพัฒนาคุณภาพส่ิงแวดลอม
1 ชั้นหินอุมนํ้า ชั้นหินที่มีสมบัติยอมใหน้ําซึมเขาไดโดยงาย เน่ืองจากมี ทาํ ไดหลายวิธี ยกเวน ขอ ใด
ชอ งวางระหวางเม็ดแรท ี่กวาง มีโพรง หรอื รอยแตกตอ เนอ่ื งกนั จึงทาํ ใหเ ก็บนํ้า
ไวไดในปริมาณมาก จนกลายเปนแหลงนํ้าใตดิน ช้ันหินน้ีอยูในเขตอ่ิมนํ้า 1. หลกี เล่ียงไมใ ชสินคา ท่ีเปน อันตรายตอ สงิ่ แวดลอ ม
ตัวอยา งชน้ั หนิ อุม น้าํ เชน หนิ ทราย หนิ ปูน 2. เลอื กใชเ คร่อื งใชไฟฟาใหเ หมาะสมกับฐานะของครอบครัว
3. ลางรถยนตด ว ยการตกั นํ้าใสถังแทนการใชน ํา้ จากสายยาง
T246 4. ใชหนงั สอื พิมพห อเศษอาหารกอ นนําไปทง้ิ ลงถงั ขยะสเี ขียว
5. การประสานความรวมมือระหวางรัฐบาลและประชาชนใน
การดแู ลรักษาปา
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การเลือกใชเคร่ืองใชไฟฟาให
เหมาะสมกับฐานะของครอบครัว เปนการปฏิบัติตนเพ่ือประหยัด
คาใชจายในครัวเรือน ซึ่งควรพิจารณาจากความปลอดภัยในการ
ผลิตและการใชงาน รวมถึงการประหยัดพลังงานของเคร่ืองใช
ไฟฟา ประกอบดว ย สว นตวั เลอื กในขอ อน่ื เปน วธิ ปี ฏบิ ตั ติ นเพอื่ การ
อนุรกั ษและพัฒนาส่งิ แวดลอมท่ถี กู ตอ งเหมาะสม)
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2.2 การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยนื ขนั้ นาํ
กำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงยั่งยืน (sustainable consumption and production) คือ ขัน้ ท่ี 1 กระตุน ความสนใจ
กำรผลิตและกำรบริโภคที่เน้นกำรจัดกำรและกำรใช้ทรัพยำกรธรรมธรรมชำติอย่ำงมีประสิทธิภำพ
และย่ังยืน กำรลดของเสียท่ีเป็นอำหำร ลดกำรปล่อยสำรเคมีและของเสียเป็นพิษออกสู่ธรรมชำติ 6. ครูใหนักเรียนศึกษาแผนผังแสดงแนวทาง
และจดั กำรอย่ำงถูกตอ้ ง กำรลดของเสียโดยกระบวนกำรกำรใชซ้ ำ�้ (reuse) และกำรนำ� ไปผลติ กลับ การผลิตและการบริโภคอยางยั่งยืน จาก
มำใช้ ใหม่ (recycle) ภำยใต้สภำวะท่ีมีอยู่อย่ำงจ�ำกัดของทรัพยำกรธรรมชำติ ที่ต้องสงวนรักษำ หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากน้ัน
ไว้ ใช้ประโยชน์และลดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมท่ีเกิดขึ้น โดยกำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงยั่งยืน สอบถามถึงพฤติกรรมประจําวันของนักเรียน
มแี นวทำง ดังน้ี และบุคคลใกลชิดกับแนวทางตามแผนผัง
ดังกลาว
ลดขยะเศษอำหำรของโลกลง กำรรบั รองผลติ ภัณฑ์
ครึง่ หน่ึง และลดกำรสญู เสีย ขน้ั สอน
อำหำรจำกกระบวนกำรผลิต โทดี่เยปใ็นหม้ฉติ ลรำกกับสสิง่ ิ่งแแววดดลลอ้ ้อมม1
ขั้นท่ี 2 สาํ รวจคน หา
จัดใหม้ รี ะบบกำรบรหิ ำรงำน ใชท้ รัพยำกรอย่ำงมปี ระสิทธิภำพ
ด้ำนสิง่ แวดลอ้ มทเี่ หมำะสม มมี ำตรกำรประหยดั พลังงำนและ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 คน คละ
และตดิ ตำมประเมินผล มีกำรน�ำทรพั ยำกรกลับมำใช ้ใหม่ ความสามารถ คอื เกง ปานกลาง ออ น โดย
กำรดำ� เนนิ งำน ใหนักเรียนในแตละกลุมมีหมายเลขประจําตัว
อยำ่ งสม่�ำเสมอ คือ หมายเลข 1 2 3 เรียกวา กลุมแมบาน
โดยครูอธิบายเพ่ิมเติมถึงหลักการทํางานตาม
แนวทาง วิถีประชาธิปไตย มีการรับฟงความคิดเห็น
การผลิตและการบริโภค รวมถงึ ชว ยเหลือซ่งึ กันและกันอยา งมเี หตุผล
ใชเ้ ทคโนโลยแี ละขั้นตอน อย่างยง่ั ยืน สง่ เสรมิ นโยบำยกำรซอ้ื
กำรผลติ ทม่ี มี ำตรฐำนดำ้ น สนิ คำ้ และบริกำรทเ่ี ป็นมติ ร
ส่ิงแวดล้อม และลดปรมิ ำณ กบั ส่งิ แวดลอ้ ม
กำรปล่อยมลพษิ
เสริมสรำ้ งควำมตระหนักและ พัฒนำสนิ ค้ำหรอื บริกำร สง่ เสรมิ ให้เกิดกำรตลำดทย่ี ่ังยืน
กระตุน้ กำรปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม ท่ีไม่สง่ ผลกระทบตอ่ ส่งิ แวดล้อม และเป็นมิตรต่อสง่ิ แวดล้อม
ด้ำนกำรผลติ และกำรบรโิ ภคอยำ่ ง มคี วำมปลอดภัยในกำรใช้งำน
ยัง่ ยนื
แผนผงั แสดงแนวทำงกำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงย่ังยนื
237
กจิ กรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู
ครูนําฉลากสิ่งแวดลอมประเภทตางๆ มาใหนักเรียนดู เชน 1 ฉลากส่ิงแวดลอม เปนกลไกการส่ือสารและบงบอกความเปนมิตรตอ
ฉลากเขียว ตะกราเขียว ใบไมเขียว ฉลากประหยัดไฟเบอร 5 ส่ิงแวดลอมของผลิตภัณฑใหแกผูบริโภคไดรับทราบ เปนฉลากที่มอบใหแก
ฉลากคารบอน cool mode แลวต้ังคําถามใหนักเรียนรวมกัน ผลิตภัณฑคุณภาพที่มีผลกระทบตอสิ่งแวดลอมนอยกวาผลิตภัณฑที่ทําหนาที่
อภิปรายในช้ันเรียน เชน ฉลากแตละประเภทส่ือถึงอะไร ฉลาก อยา งเดียวกนั
แตละประเภทมีความเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร โดยเปด
โอกาสใหน กั เรยี นไดแ สดงความคดิ เหน็ อยา งหลากหลาย สื่อ Digital
ศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับประเภทของฉลากสิ่งแวดลอม ไดท่ี https://
scpdatacenter.deqp.go.th/articledetail.php?id=12 ระบบฐานขอมูล
การผลิต การบริการและการบริโภคท่ีเปนมิตรกับส่ิงแวดลอม กรมสงเสริม
คุณภาพสิ่งแวดลอ ม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอม
T247
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 3 กฎหมายและนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติ
และสงิ่ แวดล้อมของไทย
ขัน้ ท่ี 2 สํารวจคน หา
ในประเทศไทยปัญหำสง่ิ แวดล้อมถือวำ่ เปน็ ปญั หำระดับชำต ิ และไดม้ กี ำรระบุแนวนโยบำย
2. นักเรียนกลุมแมบานแยกยายไปรวมกันตาม กำรแก้ปัญหำอย่ำงเป็นรูปธรรมไว้ ในแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติทุกฉบับ กฎหมำย
หมายเลขเดียวกนั เรียกวา กลุมผเู ช่ยี วชาญ หรอื นโยบำยเพอ่ื กำรคมุ้ ครองทรพั ยำกรธรรมชำตมิ ขี นึ้ เพอื่ สง่ เสรมิ บำ� รงุ รกั ษำ และคมุ้ ครองคณุ ภำพ
สง่ิ แวดล้อมตำมหลกั กำรพัฒนำทีย่ ัง่ ยืน ตลอดจนลงโทษผ้กู ระท�ำควำมผดิ
3. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญ รวมกันสืบคน
ความรู เรื่อง มาตรการปองกันและแกไข 3.1 กฎหมายเก่ยี วกบั การอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ปญหาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม และสิง่ แวดล้อมของไทย
จากหนงั สือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรอื จาก
แหลง การเรยี นรูอ่ืนๆ เชน หนังสือในหอ งสมุด กฎหมำยเกีย่ วกบั กำรอนุรกั ษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่งิ แวดล้อมของไทย ทส่ี �ำคัญ มีดงั นี้
เวบ็ ไซตในอินเทอรเ น็ต ตามประเด็นตอ ไปน้ี
• หมายเลข 1 เรื่อง มาตรการปองกัน 1) พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เป็นกฎหมำยท่ีออกมำเพ่ือ
และแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่งิ แวดลอ ม คุ้มครองรักษำทรัพยำกรธรรมชำติท่ีมีอยู่ เช่น พันธุ์ไม้และของป่ำ สัตว์ป่ำ ให้คงอยู่ในสภำพ
• หมายเลข 2 เรอื่ ง กฎหมายและนโยบายดา น ธรรมชำติเดิม มิให้ถูกท�ำลำยหรือเปลี่ยนแปลงไปเพ่ือประโยชน์ของรัฐและประชำชน โดยมี
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มของไทย ขอ้ ปฏบิ ัติในเขตอุทยำนแหง่ ชำต ิ ทสี่ �ำคัญ ดังน้ี
• หมายเลข 3 เร่อื ง บทบาทขององคก รและ 1. ห้ำมครอบครองทด่ี นิ รวมถึงกอ่ สรำ้ ง แผ้วถำง หรอื เผำป่ำ
การประสานความรวมมือในประเทศและ 2. หำ้ มนำ� สัตวอ์ อกจำกอุทยำนแหง่ ชำติ
ตางประเทศ 3. ห้ำมน�ำเคร่ืองมือส�ำหรับล่ำสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออำวุธเข้ำไป เว้นแต่ได้รับ
อนญุ ำตจำกเจ้ำหน้ำท่แี ละปฏิบตั ิตำมเง่ือนไขทกี่ ำ� หนด
4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ 4. ห้ำมเกบ็ นำ� ออกไป หรือท�ำใหเ้ ป็นอันตรำย หรอื ทำ� ให้เส่ือมสภำพแกก่ ล้วยไม้
ใหกับนกั เรยี นเพิม่ เตมิ น�้ำผ้ึง ครัง่ ถ่ำนไม้ เปลอื กไม ้ หรือมูลค้ำงคำว
5. หำ้ มเปลยี่ นแปลงทำงนำ้� หรอื ทำ� ใหน้ ำ�้ ในลำ� ธำร ลำ� หว้ ย บงึ ทว่ มทน้ เหอื ดแหง้
2) พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พระรำชบัญญัติฉบับน้ีเป็น
กฎหมำยท่ีกำ� หนดขน้ึ โดยมีแนวคิดในกำรอนุรักษ์ป่ำสงวนแห่งชำติ คือ กำรสงวนและรกั ษำไวซ้ ึ่ง
ทรัพยำกรป่ำไม้ เพ่ือประโยชน์ ในด้ำนกำรพัฒนำเศรษฐกิจอย่ำงยั่งยืน มีประสิทธิภำพ และให้ม ี
กำรใชป้ ระโยชน์ไดน้ ำนทีส่ ุด โดยมกี ำรกำ� หนดหลักเกณฑ์ และวธิ คี วบคุมดูแลรกั ษำพน้ื ท่ีปำ่ สงวน
แห่งชำตไิ ว ้ ดังนี้
1. หำ้ มบคุ คลเข้ำยดึ ถือ ครอบครอง ทำ� ประโยชน์ หรืออำศยั อย ู่ แผ้วถำง เผำปำ่
หรอื เขำ้ ไปกอ่ สรำ้ งในเขตปำ่ สงวน ทำ� ให้เกิดกำรเสอ่ื มสภำพของป่ำ
2. หำ้ มทำ� ไม ้ ซงึ่ รวมถงึ กำรตดั ขดุ หรอื ชกั ลำกไมท้ มี่ อี ย ู่ในปำ่ หรอื นำ� ไมท้ อี่ ยใู่ นปำ่
ออกมำจำกป ำ่ สง3ว.น แในหก่งรชณำตีท ิ ่ีพรวื้นมทถี่ปงึ ่ำหสำ้ งมวเนกท็บ่ีหมำีสขภอำงพปเำ่ส ่ือเวม้นโทแตรมจ่ 1ะ ไกดร้รมับปอ่ำนไุญมำ้สตำจมำำกรเถจำ้อพนนุญักำงตำในห้
รำษฎรท่ีไมม่ ีทีด่ ินท�ำกินเข้ำท�ำกนิ ได้ โดยไมส่ ำมำรถถอื เอำกรรมสิทธหิ์ รอื สทิ ธคิ รอบครองได้ หรอื
ใหเ้ อกชนเขำ้ มำปลกู ป่ำทดแทนเพอื่ ฟื้นฟูสภำพปำ่ ไม้ ให้ดขี ึ้น รวมถงึ เพ่อื ประโยชน์ ในกำรศกึ ษำ
238
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
หากบรษิ ทั ปา ไมไ ทยตอ งการปลกู ปา ทดแทนในบรเิ วณปา สงวน
ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ เกยี่ วกับพระราชบัญญตั ิปา สงวนแหง ชาติ พ.ศ. 2507 วา ทม่ี สี ภาพเสือ่ มโทรม สามารถทําไดหรอื ไม เพราะอะไร
ในกรณีที่ปาสงวนแหงชาติมีสภาพเปนปาเสื่อมโทรม ใหอธิบดีโดยไดรับอนุมัติ
จากรฐั มนตรีมีอํานาจอนญุ าตเปนหนังสอื ใหบ ุคคลหนึง่ บคุ คลใดทาํ การบาํ รงุ ปา (แนวตอบ สามารถทําได แตตองไดรับอนุญาตจากกรมปาไม
หรอื ปลกู สรา งสวนปา หรอื ไมย นื ตน ในเขตปา เสอ่ื มโทรมไดภ ายในระยะเวลาและ ทั้งนี้ ในกรณีที่ปาสงวนมีสภาพเส่ือมโทรม กรมปาไมสามารถ
เง่อื นไขทีก่ ําหนด อนุญาตใหเอกชนเขามาปลูกปาทดแทนเพื่อฟนฟูสภาพปาใหดี
ขนึ้ ได)
นักเรียนควรรู
1 ปาสงวนท่ีมีสภาพเส่ือมโทรม หรือปาเสื่อมโทรม หมายความวา ปาท่ีมี
สภาพเปนปาไมรางหรือทุงหญา หรือเปนปาที่ไมมีไมมีคาข้ึนอยูเลย หรือมีไม
มีคาลักษณะสมบูรณเหลืออยูเปนจํานวนนอย และปาน้ันยากที่จะฟนคืนความ
อดุ มสมบูรณต ามธรรมชาตไิ ด
T248
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 กฎหมายฉบับน้ี ขนั้ สอน
มีวัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองป้องกันสัตว์ป่า เพ่ือมิให้สัตว์ป่าลดจ�านวนลงหรือสูญพันธุ์ไป ตาม
พระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี สตั วป์ า่ หมายถงึ สตั วท์ กุ ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู
ชนดิ ไมว่ า่ สตั วบ์ ก สตั วน์ า�้ สตั วป์ กี แมลงหรอื
แมง ซึ่งโดยสภาพธรรมชาติย่อมเกิดและด�ารง 1. สมาชิกในกลุมผูเช่ียวชาญแตละหมายเลข
ชีวิตอยู่ในป่าหรือในน�้า และรวมถึงไข่ของสัตว์ ทําการรวบรวมและอภิปรายขอมูล และกลับ
ป่าเหล่านั้นทกุ ชนดิ ดว้ ย แต่ไม่ไดห้ มายรวมถงึ ไปยังกลมุ แมบ านของตนเอง
สตั วพ์ าหนะที่ไดจ้ ดทะเบยี นทา� ตวั๋ รปู พรรณตาม
กฎหมาย 2. สมาชิกในแตละกลุมแมบานนําขอมูลท่ีตนได
3.1) สตั วป์ า่ สงวน เปน็ สตั วป์ า่ จากการสบื คน มาหลอมรวมเปน ประเดน็ สาํ คญั
ที่หายากตามบัญชีพระราชบัญญัติและตาม จากนั้นอธิบายแลกเปลี่ยนความรูระหวางกัน
กา� หนดโดยตราเปน็ พระราชกฤษฎกี า มี15 ชนดิ พะยูนหรือหมูน�้า พบได้บริเวณหาดเจ้าไหม และรอบ ๆ โดยเรยี งตามลําดับหมายเลข
ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร แรด กระซู่ กูปรี เกาะลิบง จังหวดั ตรัง
3. ตัวแทนในแตละกลุมนําเสนอผลงานหนา
ช้ันเรียน 2-3 กลมุ แลวใหก ลุมอ่ืนนาํ เสนอตอ
จากนั้นใหทุกกลุมสงผลงานตอครูผูสอน
เพิ่มเติมในสวนท่ีแตกตางกัน ครูตรวจสอบ
ความถกู ตอง และใหขอ เสนอแนะเพ่ิมเติม
ควายป่า ละองหรือละม่ัง สมันหรือเนื้อสมัน เลยี งผา กวางผา นกแตว้ แลว้ ทอ้ งดา� นกกระเรยี น
แมวลายหินออ่ น สมเสรจ็ เก้งหมอ้ พะยูน และมสี ัตว์ป่าท่เี สนอข้ึนบญั ชีเพ่ิมเติม 4 ชนดิ ไดแ้ ก่
วาฬบรดู า้ วาฬโอมรู ะ เตา่ มะเฟอื ง และฉลามวาฬ
3.2) สัตว์ป่าคุ้มครอง* หมายถึง สัตว์ป่าตามท่ีกระทรวงก�าหนดให้เป็นสัตว์ป่า
คุม้ ครอง แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ดังน้ี
ประเภท ตวั อย่างสตั วป์ า่
1. สตั ว์เลี้ยงลกู ดว้ ยนม มี 201 ชนิด เม่นใหญ่ แมวดาว ลงิ กัง วัวแดง เสือโคร่ง หมาใน หมีขอ
2. นก มี 952 ชนดิ ไกป่ า่ นกกระปูดเล็ก นกกระสาคอดา� นกขุนทอง นกยงู
3. แมลง มี 20 ชนดิ ด้วงดนิ ขอบทองแดง ดว้ งดินปีกแผ่น ผเี สอ้ื ถุงทองป่าสูง
4. สัตวเ์ ลื้อยคลาน มี 91 ชนดิ ปกงจูบลงาเอกตาาดิ งะหชงินา้ ูสงงิปกลงบาเู หตทละา่ พอืสมาัดรหจรกรือะะปทเขลง่ั ้นาคอ�า้ าเโครงวม็คากนจเลา่ร1ะก็ ปเขจลน้ งาโา�้เคสจรอืืดง่ต2เอต่านา
5. ปลา มี 14 ชนดิ
6. สตั ว์สะเทนิ น�้าสะเทนิ บก มี 12 ชนดิ
7. สตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั มี 12 ชนิด กัลปงั หา ปะการัง ปเู จา้ ฟ้า ปูราชนิ ี หอยสงั ข์แตร
*กฎกระทรวงกา� หนดให้สตั ว์ป่าบางชนิดเปน็ สัตว์ปา่ คุ้มครอง (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2561 เพิ่มบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง 12 ชนิด
ซง่ึ เปน็ สตั วจ์ า� พวกปลาทห่ี ายาก เชน่ กลมุ่ ปลากระเบนปศี าจ ปลากระเบนแมนตา้ ปลากระเบนราหนู า้� จดื ปลาโรนนิ ปลาฉนาก
239
กจิ กรรม ทาทาย นักเรียนควรรู
นักเรียนแบงกลุมอธิบายสัตวปาคุมครองตามกฎกระทรวง 1 ปลาตะพัดหรือปลาอโรวานา อาศัยอยูในแมนํ้าที่ใสสะอาด มีนิสัย
จากน้ันใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหสาเหตุและแนวโนมการลดลง คอนขางดุ มักอาศัยอยูตัวเดยี วหรือเปน คู ถา อยเู ปน ฝงู จะไมเกนิ 3-5 ตวั พบได
ของสัตวปา เพ่ือใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจถึงดานการ ในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต เชน ไทย มาเลเซีย
ลดลงของจํานวนสัตวปาแตละประเภท อันเกิดจากสาเหตุและ อนิ โดนีเซีย ปลาในแตล ะแหลงน้าํ จะมสี ีสันแตกตา งกันออกไป
ปจ จยั ท่ีแตกตา งกนั 2 จงโครง เปนคางคกขนาดใหญ พบในประเทศไทย มสี นั แข็งทีบ่ ริเวณเหนอื
ตาและหโู ดยคนั่ อยรู ะหวา งเปลอื กตา ความกวา งของหวั มากกวา ความยาวของหวั
ทไ่ี มม ีสันขมบั ปลายปากคอ นขางมน ผิวลําตวั ดา นบนมีตอมขนาดใหญ ลําตวั
ดา นบนมีสดี ําหรอื สนี าํ้ ตาลเขม ทองสีครีมอมเทา ตวั ผูมเี สียงรอ งคลา ยสุนขั เหา
จงึ มชี อ่ื เรียกอีกชอ่ื หนึ่งวา หมาน้ํา
T249
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 3.3) การล่าสัตว์และการมีสัตว์ป่าไว้ ในครอบครองท้ังท่ีมีชีวิตและซากสัตว์ป่า
กฎหมำยก�ำหนดไว้ ดงั นี้
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู
1. ห้ำมมิให้ผู้ ใดล่ำ หรือพยำยำมล่ำสัตว์ป่ำสงวน หรือสัตว์ป่ำคุ้มครอง
4. ครูตั้งคําถามเก่ียวกับการอนุรักษทรัพยากร เว้นแต่เป็นกำรกระทำ� โดยทำงรำชกำรท่ีไดร้ ับกำรยกเว้น เช่น เพ่ือกำรสำ� รวจ กำรศึกษำและวจิ ยั
ธรรมชาติและสิง่ แวดลอ ม เพ่อื เปนการอธบิ าย ทำงวชิ ำกำรเพ่อื กำ รคุ้ม2ค. รหอำ้ งมสเัตพวำป์ ะ่ำพ นั กธำส์ุรตัเพวปำ์ ะำ่ พสันงวธนุ ์ หหรรออืื สเพตั อื่วป์กิจำ่ คกมุ้ำรคสรวอนง สเัตวน้วส์แำตธเ่ ปำรน็ ณกำะรเพำะพนั ธ1์ุ
ความรูเพิ่มเติม โดยใหนักเรียนแตละกลุม สตั วป์ ำ่ คมุ้ ครองชนดิ ทค่ี ณะกรรมกำรสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ ำ่ แหง่ ชำต ิ กำ� หนดใหเ้ ปน็ สตั วป์ ำ่ ชนดิ
ชวยกนั ตอบกลมุ ละ 1 คําถาม โดยใชค ําถาม ท่ีเพำะพันธขุ์ องผ้รู ับใบอนญุ ำตจดั ตั้งและด�ำเนนิ กิจกำรสวนสตั ว์สำธำรณะ
ที่มีลักษณะขยายประสบการณจากชีวิต 3. ห้ำมเก็บ ท�ำอันตรำย หรือมีไว้ ในครอบครอง ซ่ึงรังของสัตว์ป่ำสงวน
ประจําวัน ทอ งถ่ิน หรอื ประเทศ เชน หรือสตั ว์ป่ำคุม้ ครอง ยกเว้นผูท้ ่ีไดร้ ับอนุญำตให้เก็บรังนกนำงแอน่ ตำมกฎหมำย
• หนว ยงานภาครฐั องคกรสวนทองถ่ิน และ 4. หำ้ มครอบครองสตั วป์ ำ่ สงวน สตั วป์ ำ่ คมุ้ ครอง รวมถงึ ซำก เวน้ แตจ่ ะเปน็
ชาวบานจะมีแนวทางในการรวมมือกัน สัตว์ป่ำค้มุ ครองชนิดทีก่ ำ� หนดไว้ตำมหลักเกณฑ์ของกฎหมำย ซึ่งไดม้ ำจำกกำรเพำะพันธแุ์ ละต้อง
เพือ่ การจัดการสัตวปาไดอ ยา งไร ได้รับอนุญำตจำกอธิบดี อีกท้ังต้องปฏิบัติตำมข้อก�ำหนดในกฎกระทรวงและเง่ือนไขที่ก�ำหนดไว้
(แนวตอบ การจัดการสัตวปาที่สําคัญตอง ในใบอนุญำต
อาศัยความรวมมือจากภาคสวนตางๆ ทั้ง 5. หำ้ มคำ้ สตั วป์ ำ่ สงวน สตั วป์ ำ่ คมุ้ ครอง รวมถงึ ซำกหรอื ผลติ ภณั ฑท์ ท่ี ำ� จำก
หนวยงานภาครฐั องคกรสว นทองถน่ิ และ ซำกของสตั วป์ ่ำดังกล่ำว เว้นแตเ่ ป็นกำรคำ้ สัตว์ป่ำคุ้มครองชนดิ ได้รับควำมเหน็ ชอบตำมกฎหมำย
ชาวบาน รวมถงึ องคก รอสิ ระตางๆ ในการ
รวมกันวางแผนและชวยกันดูแลรักษาปา 4) กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พระรำชบัญญัติ
ซึ่งเปนท่ีอยูอาศัยและแหลงอาหารของ
สัตวปา ปองกันการลักลอบลาสัตวใน สง่ เสรมิ และรักษำคณุ ภำพสง่ิ แวดล้อมแห่งชำต ิ พ.ศ. 2535 มมี ำตรกำรสง่ เสรมิ และรกั ษำคณุ ภำพ
ทองถ่ิน และการควบคุมไฟปาดวยวิธีการ ส่ิงแวดล้อม โดยเปิดโอกำสให้ทุกภำคส่วนเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรกับสิ่งแวดล้อม โดยม ี
ตางๆ เชน การทําแนวกันไฟ การจัดตั้ง หลักกำรและเหตผุ ลทสี่ �ำคัญ ดงั น้ี
หนวยเฝาระวัง และการแจงเจาหนา ที่ หรือ และส ่ิงแวด ล้อ มอ1นั . สกมำครวกรำ� อหนนรุ ดกั เษขต ์ เอชน่นรุ กั เษขแ์ตลอะุทคยมุ้ ำคนรแอหงส่งชง่ิ แำวต2ดแิ ลลอ้ะมเขสตำ� รหักรษบั ำพพน้ื ันทธที่ สุ์ ม่ี ตั สี วภป์ ำำ่ พ หธรรรือมพช้นื ำทต่ีิ
หนวยงานที่เกี่ยวของในการควบคุมไฟปา ตน้ น�้ำล�ำธำร กำรด�ำเนนิ กำรใด ๆ จะตอ้ งระมัดระวงั ไม ่ใหเ้ กดิ ปัญหำส่ิงแวดลอ้ ม
รวมถึงปองกันการนําสัตวตางถ่ินเขามา 2. ก�ำหนดใหม้ มี ำตรฐำนในกำรควบคมุ มลพษิ ไดแ้ ก่ มลพิษทำงอำกำศและเสยี ง
ในทองถ่ิน ซ่ึงอาจเกิดการปะปน หรือแพร มลพษิ ทำงน�้ำ รวมถงึ มลพษิ อ่นื ๆ และของเสียอันตรำย โดยกำรจัดใหม้ ีระบบบ�ำบดั และให้อ�ำนำจ
กระจายโรคตดิ ตอ สสู ัตวปา ในทอ งถ่ินได) พนกั งำนหรอื เจำ้ หนำ้ ที่ในกำรตรวจสอบยำนพำหนะหรืออุปกรณเ์ ครอื่ งมอื ตำ่ ง ๆ
3. สนับสนุนให้ประชำชนและองค์กรเอกชนมีส่วนร่วมในกำรส่งเสริมและรักษำ
คุณภำพส่ิงแวดล้อม ให้องค์กรเอกชนซึ่งมีฐำนะเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยไทยหรือกฎหมำย
ต่ำงประเทศ ที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำรคุ้มครองส่ิงแวดล้อม มีสิทธิขอจดทะเบียนเป็น
องคก์ รเอกชนดำ้ นกำรคมุ้ ครองสิ่งแวดล้อม และอนรุ ักษ์ทรพั ยำกรธรรมชำติได้
240
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสรมิ
1 การเพาะพันธุ เปน บทบาทสาํ คญั ของหนวยงานภาครัฐ คอื สาํ นกั อนรุ ักษ นักเรียนสืบคนขาวเกี่ยวกับการลาสัตวและการมีสัตวปาไว
สตั วป า กรมอทุ ยานแหง ชาติ สตั วป า และพนั ธพุ ชื กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติ ในครอบครองท้ังท่ีมีชีวิตและซากสัตวปาตามท่ีกฎหมายกําหนด
และส่ิงแวดลอม โดยมีอํานาจหนาท่ีในการกําหนดนโยบาย กลยุทธ และแผน จากนนั้ ใหนกั เรียนชวยกนั สรุปสาระสาํ คัญของบทบัญญัตเิ กีย่ วกบั
ดาํ เนนิ งานการสงวนคุมครองและอนุรกั ษส ัตวปา กําหนดหลกั เกณฑ มาตรฐาน โทษของการลาสตั วแ ละการมสี ตั วปา ไวใ นครอบครอง
รปู แบบ เทคนคิ วธิ ีการ และตวั ช้วี ัดการจัดการพน้ื ทกี่ ารอนุรกั ษสัตวปา
2 อุทยานแหงชาติ อุทยานแหงชาติเขาใหญ เปนอุทยานแหงชาติแหงแรก
ของประเทศไทย ไดรบั การประกาศใน พ.ศ. 2505 ครอบคลุมพืน้ ท่ี 4 จังหวดั
ไดแก นครราชสีมา สระบรุ ี นครนายก และปราจนี บุรี
T250
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
3.2 นโยบายดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ขน้ั สรปุ
ประเทศไทยมนี โยบำยในกำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม ดังนี้ ขั้นที่ 4 ขยายความเขา ใจ
1) รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มบี ญั ญตั ิในเรอื่ งที่ 1. ครูต้ังประเด็นใหนักเรียนแตละกลุมอภิปราย
กลุมยอยเกี่ยวกับนโยบายของหนวยงาน
เกย่ี วขอ้ งกบั ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มไวว้ ำ่ กำรดำ� เนนิ กำรใดของรฐั หรอื ทร่ี ฐั จะอนญุ ำต ภาครัฐท่ีเกี่ยวของกับการอนุรักษสิ่งแวดลอม
ใหผ้ ้ใู ดดำ� เนนิ กำร ถำ้ กำรนั้นอำจมผี ลกระทบต่อทรพั ยำกรธรรมชำติ คณุ ภำพส่งิ แวดล้อม สุขภำพ ของไทย เชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
อนำมัย คุณภำพชีวิต หรือส่วนได้เสียส�ำคัญอ่ืนใดของประชำชน ชุมชน หรือสิ่งแวดล้อมอย่ำง และส่ิงแวดลอ ม กระทรวงเกษตรและสหกรณ
รนุ แรง รัฐต้องด�ำเนนิ กำรให้มกี ำรศกึ ษำและประเมนิ ผลกระทบต่อคุณภำพสงิ่ แวดลอ้ มและสุขภำพ กระทรวงมหาดไทย ในนโยบายและบทบาท
ของประชำชนหรือชุมชน และจัดให้มีกำรรับฟังควำมคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชำชน หนาที่ของหนวยงานภาครัฐกับการอนุรักษ
และชมุ ชนทเี่ กยี่ วขอ้ งกอ่ น เพอื่ นำ� มำประกอบกำรพจิ ำรณำ ดำ� เนนิ กำรหรอื อนญุ ำตตำมทก่ี ฎหมำย สิ่งแวดลอมของไทย กลไกการอนุรักษ
บญั ญตั ิ สงิ่ แวดลอ มของภาครฐั และทรพั ยากรธรรมชาติ
และส่ิงแวดลอมแลวใหนักเรียนแตละกลุม
2) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาต ิ ฉบับท ่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) สงตัวแทนออกมานําเสนอผลการอภิปราย
กลมุ ยอ ยของตนทหี่ นา ชน้ั เรยี น โดยครแู นะนาํ
กำรพัฒนำประเทศตำมแนวทำงของแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติท่ีผ่ำนมำ ส่งผลให้ เพ่มิ เตมิ
ประเทศไทยมีระดับกำรพัฒนำท่ีสูงขึ้นตำมล�ำดับ ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้ทรัพยำกรธรรมชำติ
และสิ่งแวดลอ้ มเสอ่ื มโทรมลงอย่ำงรวดเร็ว ดังนนั้ ประเด็นทต่ี อ้ งเร่งดำ� เนนิ กำร ได้แก ่ กำรสร้ำง
ควำมมน่ั คงของฐำนทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละยกระดบั คณุ ภำพสง่ิ แวดลอ้ ม เพอ่ื สนบั สนนุ กำรเตบิ โต
ทีเ่ ปน็ มติ รกับส่งิ แวดลอ้ มและคณุ ภำพชีวติ ของประชำชน ดังนี้
1. กำรรกั ษำฟ้นื ฟูทรัพยำกรธรรมชำติ โดยอนรุ ักษฟ์ ้นื ฟทู รัพยำกรปำ่ ไม ้ อนุรกั ษ์
และใชป้ ระโยชนค์ วำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอยำ่ งยั่งยนื พัฒนำระบบบริหำรจัดกำรทีด่ ิน ปกปอ้ ง
ทรัพยำกรทำงทะเล และป้องกันกำรกัดเซำะตล่งิ และชำยฝงั่ วำงแผนบรหิ ำรจดั กำรทรพั ยำกรแร่
2. เพ่ิมประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรน�้ำ และเพ่ิมประสิทธิภำพกำร
เกบ็ กักน�ำ้ ของแหล่งนำ�้ ต้นทุนและระบบกระจำยนำ้� เพิม่ ประสทิ ธภิ ำพกำรใช้น้ำ� และกำรจัดสรรน้ำ�
3. แก้ ไขปัญหำวิกฤตสิ่งแวดล้อม ปัญหำขยะตกค้ำง สนับสนุนกำรแปรรูปเป็น
พลงั งำน
4. สง่ เสรมิ กำรผลติ และกำรบรโิ ภคทเี่ ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม โดยสง่ เสรมิ กำรผลติ
และกำรลงทนุ ในภำคอุตสำหกรรมท่ีเปน็ มติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ ม ส่งเสรมิ กำรทอ่ งเท่ยี วที่ย่ังยนื
5. สนับสนุนกำรลดกำรปล่อยแก๊สเรือนกระจกและเพ่ิมขีดควำมสำมำรถในกำร
ปรับตัวต่อกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ พัฒนำกลไกเพ่ือสนับสนุนกำรลดแก๊สเรือนกระจก
ในทุกภำคส่วน
6. บริหำรจัดกำรเพ่ือลดควำมเส่ียงด้ำนภัยพิบัติ เสริมสร้ำงขีดควำมสำมำรถใน
กำรเตรียมควำมพร้อมและกำรรับมอื ภัยพบิ ัต ิ พัฒนำระบบกำรจัดกำรภัยพิบตั ิในภำวะฉกุ เฉนิ
7. กำรพัฒนำควำมรว่ มมือดำ้ นสง่ิ แวดล้อมระหว่ำงประเทศ
241
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
หากนักเรียนเปนรัฐบาลจะมีนโยบายในการจัดการทรัพยากร ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับยุทธศาสตรการเติบโตท่ีเปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมอยา งไร เพื่อการพัฒนาที่ย่ังยืนวา ปจจุบันสภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม
กําลังเปนจุดออนสําคัญตอการรักษาฐานการผลิตและการใหบริการ รวมท้ัง
(แนวตอบ ใหการอนุรกั ษ คมุ ครอง บํารุงรกั ษา ฟนฟู บริหาร การดํารงชีวิตของคนไทย ซึ่งปญหาดังกลาวเกิดขึ้นจากการลดลงของพื้นที่
จัดการ หรือจัดใหมีการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติและ ปาไม ทรัพยากรดินเสื่อมโทรม ความหลากหลายทางชีวภาพถูกคุกคาม
ส่ิงแวดลอม และความหลากหลายทางชีวภาพอยางสมดุลและ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติมีความรุนแรง
ยั่งยืน โดยใหประชาชนและชุมชนในทองถ่ินเขามามีสวนรวม มากข้ึน ดังน้ัน การพัฒนาในระยะยาวจึงมุงเนนรักษาและฟนฟูฐานทรัพยากร
ดําเนินการ และไดรับผลประโยชนจากการดําเนินการดังกลาว ธรรมชาติ และเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การเพอื่ ลดความเสย่ี งจากภยั พบิ ตั ิ
ตามกฎหมาย)
T251
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สรปุ 4 บทบาทขององคก์ รและการประสานความร่วมมอื
ในประเทศไทยและตา่ งประเทศ
ข้ันที่ 4 ขยายความเขา ใจ
จำกปญั หำควำมเสอ่ื มโทรมของทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม สง่ ผลใหท้ ง้ั ภำครฐั และ
2. ครูต้ังคําถามเก่ียวกับบทบาทหนาท่ีของ เอกชนของประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลกได้มีกำรจัดต้ังองค์กรและหน่วยงำนทำงด้ำนส่ิงแวดล้อมข้ึน
หนวยงานภาครัฐ และการประสานความ รวมถงึ ออกกฎหมำยระหวำ่ งประเทศทีเ่ กย่ี วกับส่ิงแวดลอ้ ม
รว มมอื ตา งๆ ทง้ั ในและตา งประเทศทเี่ กย่ี วขอ ง
กับส่ิงแวดลอม แลวสุมใหนักเรียนชวยกัน 4.1 หนว่ ยงานและองคก์ รดา้ นสงิ่ แวดล้อม
ตอบ เชน กำรดูแลรกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและสิง่ แวดล้อมเปน็ หน้ำท่ขี องประชำชนทุกคน รวมทั้ง
• หนวยงานหลักในการอนุรักษทรัพยากร หนว่ ยงำนตำ่ ง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้องท้ังภำครัฐและเอกชน
ธรรมชาติและส่ิงแวดลอม รวมถึงสงเสริม 1) ห1.น1ว)่ ยกงรามนสดง่ า้ เนสรสมิ งิ่ คแณุวดภลาอ้พมสขง่ิ อแวงดปลรอ้ะเมท1 ศมไภี ทำยรก มจิ ทีหง้ัลภกั ำใคนรกฐั ำแรลสะรเำ้องกคชวนำ มทยส่ี ง่ัำ� ยคนืญั ใ หดแ้งั นกี้่
และดาํ เนนิ การตามโครงการอนั เนอ่ื งมาจาก
พระราชดําริตางๆ คือหนวยงานใด และมี
ขอบขายหนาท่อี ยา งไร ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ผำ่ นกำรพฒั นำพลเมอื งใหม้ จี ติ สำ� นกึ และรว่ มกนั รกั ษำ ฟน้ื ฟู
(แนวตอบ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ และใช้ประโยชนจ์ ำกส่งิ แวดลอ้ มอย่ำงรูค้ ณุ คำ่ และยั่งยนื โดยมผี ลงำนทส่ี ำ� คญั ดงั นี้
สิ่งแวดลอมเปนหนวยงานหลักท่ีมีหนาท่ี 1. จดั พธิ ลี งนามบนั ทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื กำรวจิ ยั ดำ้ นกำรเปลยี่ นแปลง
ในการอนุรักษ ฟนฟูทรัพยากรธรรมชาติ สภำพภูมิอำกำศ โดยเฉพำะดำ้ นกำรศึกษำ กำรสร้ำงจติ สำ� นึก กำรมีส่วนรว่ มของประชำชน
และส่ิงแวดลอมในประเทศ เพื่อตอบสนอง 2. จดั สมั มนาวชิ าการเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม “วจิ ยั สง่ิ แวดลอ้ ม
ความตอ งการตามศกั ยภาพใหเ กดิ ประโยชน สู่ยุค Thailand 4.0” ข้ึน เพื่อเผยแพร่ผลงำนวิจัยและแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นจำกทุกภำคส่วน
อยางยั่งยืน รวมถึงสงเสริมและดําเนินการ ถงึ แนวทำงกำรน�ำผลงำนวิจัยไปใชใ้ นกำรแก้ไขปัญหำสิ่งแวดล้อมในด้ำนต่ำง ๆ ของประเทศ
ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ 3. จดั การอบรมเพมิ่ ศกั ยภาพพฒั นาองคค์ วามร ู้ ชมุ ชนปลอดขยะ โรงเรยี น
ท่ีเก่ียวของกับส่ิงแวดลอมตางๆ ผาน ปลอดขยะ และนวัตกรรมกำรจัดกำรขยะมูลฝอยชุมชน เรง่ ลดปริมำณขยะโดยใช้หลกั 3Rs ได้แก ่
ทางการจัดทําระเบียบ กฎ และระบบการ กำรลดกำรใช้ (Reduce) กำรใชซ้ �้ำ (Reuse) และกำรนำ� กลับมำใชใ้ หม่ (Recycle)
เขาถึงทรัพยากรธรรมชาติของประชาชนใน
ทุกภาคสวนบนพ้ืนฐานของการวิจัยและ
พฒั นาเพื่อนําไปสกู ารปฏิบัติอยางจริงจัง)
กำรเผยแพร่ประชำสัมพันธ์ควำมรู้ด้ำนสิ่งแวดล้อมแก่ประชำชน เป็นภำรกิจหน่ึงของกรมส่งเสริมคุณภำพส่ิงแวดล้อม
ในกำรสร้ำงควำมย่งั ยืนทำงทรพั ยำกรธรรมชำติและสง่ิ แวดล้อม
242
นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรา งเสรมิ
1 กรมสงเสริมคุณภาพส่ิงแวดลอม เปนหนวยงานในสังกัดกระทรวง นักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับหนวยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวของกับ
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม มอี าํ นาจหนา ทใ่ี นการเผยแพรป ระชาสมั พนั ธ การอนรุ กั ษส ง่ิ แวดลอ มของไทยในประเดน็ ตา งๆ เชน
ดา นสิ่งแวดลอ ม รวบรวม จัดทาํ และใหบริการขอมูลดานสงิ่ แวดลอม สง เสรมิ
การมสี ว นรวมของประชาชนในการสงวน รักษา และใชประโยชนจากทรพั ยากร • บทบาทหนา ทข่ี องหนว ยงานกบั การอนรุ กั ษท รพั ยากร
ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอมอยางสมดุล ยงั่ ยนื ศึกษาวจิ ยั พัฒนา ถา ยทอดและ ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม
สงเสริมเทคโนโลยีและการจัดการดานส่ิงแวดลอม รวมทั้งเปนศูนยเทคโนโลยี
สะอาด และศูนยปฏบิ ัตกิ ารอางองิ ดานส่ิงแวดลอ ม • การดาํ เนนิ งานเกย่ี วกบั งานในหนา ที่
นกั เรยี นออกมานาํ เสนอผลการศกึ ษาหนา ชนั้ เรยี น
T252
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1.2) กรมควบคมุ มลพษิ มีหนำ้ ทคี่ วบคุม ป้องกัน และแกไ้ ขปญั หำสง่ิ แวดล้อม ขนั้ สรปุ
อนั เนือ่ งมำจำกภำวะมลพิษ เช่น คณุ ภำพนำ้� คณุ ภำพอำกำศ กำรกำ� จัดขยะและของเสยี อนั ตรำย
รวมไปถึงกำรประกำศเขตควบคุมมลพิษ โดยสนับสนุนให้ประชำชนทุกภำคส่วนมีส่วนร่วมในกำร ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเขาใจ
จดั กำรมลพษิ โดยมผี ลงำนทีส่ �ำคญั ดงั น้ี
1. การจดั การมลพษิ ทางนา้� เชน่ กำ� หนดมำตรฐำนควบคมุ กำรระบำยนำ้� ทง้ิ • ฐานะทางกฎหมายขององคก รพฒั นาเอกชน
จำกแหล่งก�ำเนิด สง่ เสริมกำรใช้มำตรกำรทำงสังคมในกำรบรหิ ำรจดั กำรมลพิษทำงน้ำ� ดานสงิ่ แวดลอ มเปนเชน ไร
2. การจัดการมลพิษทางอากาศและเสียง เช่น ก�ำหนดมำตรฐำนคุณภำพ (แนวตอบ องคกรพัฒนาเอกชนดาน
อำกำศและเสียงในบรรยำกำศ ศึกษำและน�ำเทคโนโลยีมำใช้ควบคุมและลดมลพิษทำงอำกำศ สง่ิ แวดลอ มในประเทศไทยมที ง้ั สถานะทเ่ี ปน
จำกแหลง่ ก�ำเนิดมลพษิ นติ บิ คุ คลตามกฎหมาย และไมม สี ถานะเปน
3. การจดั การขยะมลู ฝอยและของเสยี อนั ตราย เชน่ สนบั สนนุ นโยบำยแปรรปู นิติบุคคล เนื่องจากไมไดจดทะเบียนตาม
ขยะมูลฝอยเป็นพลังงำน ด�ำเนินกำรตำมอนุสัญญำระหว่ำงประเทศด้ำนมลพิษ เช่น อนุสัญญำ กฎหมาย)
บำเซิล (Basel Convention)
1.3) สา� นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ หนว่ ยงำน • องคกรพัฒนาเอกชนดานส่ิงแวดลอมมี
ในสงั กดั กระทรวงทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม มบี ทบำทหนำ้ ทเี่ กยี่ วกบั กำรกำ� หนดนโยบำย ลักษณะการดําเนนิ งานที่สําคญั อยา งไร
และแผนกำรสง่ เสรมิ และรกั ษำคณุ ภำพสง่ิ แวดลอ้ ม โดยเสนอแนะนโยบำยและแผนกำรอนรุ กั ษแ์ ละ (แนวตอบ องคกรพัฒนาเอกชนดาน
บรหิ ำรจดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม รวมทง้ั สนบั สนนุ กำรจดั กำรเพอื่ นำ� ไปสกู่ ำรปฏบิ ตั ิ สิ่งแวดลอมดําเนินการและจัดกิจกรรมท่ี
อย่ำงเป็นรูปธรรม ตลอดจนติดตำมตรวจสอบตำมรำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม เกย่ี วขอ งกบั การอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติ
เพอื่ ใหเ้ ศรษฐกจิ ของประเทศมคี วำมเขม้ แขง็ เพอื่ กำรพฒั นำทยี่ ง่ั ยนื และมคี ณุ ภำพชวี ติ ทด่ี ี โดยกำร และส่ิงแวดลอม โดยไมดําเนินกิจกรรม
ด�ำเนนิ งำนทสี่ ำ� คัญ เชน่ กำรจดั ทำ� แผนจดั กำรคณุ ภำพสงิ่ แวดล้อม พ.ศ. 2560 - 2564 ซ่งึ เปดิ ทางการเมือง ไมแสวงหาผลกําไรหรือ
โอกำสใหห้ นว่ ยงำน องคก์ รทงั้ ภำครฐั และเอกชนไดเ้ ขำ้ มำมสี ว่ นรว่ มในกำรใหข้ อ้ คดิ เหน็ ขอ้ เสนอแนะ ผลประโยชนท างธรุ กจิ )
ทงั้ น ้ี กเ็ พ่ือสง่ เสริมใหก้ ำรบรหิ ำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสังคม
มีทศิ ทำงและเป้ำหมำยทชี่ ัดเจน และน�ำประเทศไปสกู่ ำรพฒั นำท่ีย่งั ยนื
1.4) องค์กรพัฒนาเอกชนด้านส่ิงแวดล้อมในประเทศไทย หรือเอ็นจีโอ
(Non - Governmental Organization: NGO) มบี ทบำทในกำรดแู ลรักษำส่ิงแวดล้อม เม่ือรัฐบำล
ประกำศใชแ้ ผนพฒั นำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ฉบบั ท ่ี 7 (พ.ศ. 2535 - 2539) ระบใุ หม้ ีกำร
ปรบั ปรงุ ระบบบรหิ ำรและจดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำต ิ โดยสนบั สนนุ ใหป้ ระชำชนและรฐั บำลรว่ มกนั
ด�ำเนนิ กำร โดยท่รี ัฐบำลจะตอ้ งสง่ เสรมิ องค์กรประชำชนและองคก์ รพัฒนำเอกชนทัง้ ในส่วนกลำง
และส่วนท้องถนิ่ ให้มีบทบำทในกำรก�ำหนดโครงกำรจดั หำทรัพยำกรธรรมชำติ
GAecotivity
นักเรยี นวำงแผนกำรลดปริมำณขยะในบำ้ นหรอื ในชมุ ชน โดยใชห้ ลักกำร 3Rs (Reduce - Reuse -
Recycle) แลว้ นำ� ไปปฏิบตั ิในกำรคัดแยกขยะเปน็ เวลำ 1 สัปดำห ์ รำยงำนผลกำรปฏิบัติและบอกประโยชน์
ที่ได้รับ
243
ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET เกร็ดแนะครู
การดําเนินงานดานส่ิงแวดลอมขององคกรเอกชนใดถูกตอง ครอู ธบิ ายเก่ียวกบั ลกั ษณะสาํ คัญขององคกรพัฒนาเอกชนดา นสง่ิ แวดลอม
เหมาะสมทส่ี ดุ เพมิ่ เติมวา องคกรพัฒนาเอกชนดานส่ิงแวดลอมจะดําเนินกจิ การและกิจกรรม
ที่เก่ียวของโดยตรงกับการดูแลสิ่งแวดลอมและการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ
1. กลมุ รักษไ มจัดตงั้ กองกําลังตดิ อาวุธเฝาระวังการบกุ รุกปา โดยไมดาํ เนินกิจกรรมใดๆ ทางการเมือง ไมดาํ เนินการใดๆ ทเี่ ปน การแสวงหา
2. กลุมรักษพิทักษสัตวนําชิ้นสวนสัตวปาออกขายเพ่ือนําเงิน ผลกําไรหรือผลประโยชนทางธุรกิจ และหากเปนองคกรพัฒนาเอกชนระหวาง
ประเทศ จะตอ งมีสํานกั งานสาขาอยใู นประเทศไทย
มาพัฒนาองคกร
3. องคก รพทิ กั ษป า แหง ชาตติ อ ตา นการดาํ เนนิ งานของรฐั ดา น T253
ปา ไมและสัตวปา
4. สมาคมคนรักสัตวปานําสัตวปาท่ีใกลสูญพันธุมาเพาะพันธุ
ดว ยนวัตกรรมของตนเอง
5. มูลนิธิสิ่งแวดลอมรับบริจาคเงินและอุปกรณเพ่ือนําไปใชใน
การดาํ เนินงานดานสง่ิ แวดลอม
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 5. เพราะเปน การสง เสรมิ การมสี ว นรว ม
ในการอนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาตขิ องประชาชน)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สรปุ ตัวอย่าง องค์กรพัฒนาเอกชนดา้ นส่งิ แวดลอ้ มของไทย
มูลนิธิโลกสีเขยี ว ก่อตง้ั ข้ึนเมื่อเดอื นสิงหำคม พ.ศ. 2533 เพื่อจัดทำ�
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ สอื่ สง่ิ พมิ พ์ใหค้ วำมรดู้ ำ้ นสง่ิ แวดลอ้ มและใหข้ ำ่ วสำรควำมเคลอื่ นไหว
ดำ้ นสิ่งแวดล้อมแก่สำธำรณชน
• องคกรพัฒนาเอกชนดานส่ิงแวดลอมใน
ประเทศไทยที่มีบทบาทสําคัญในการเผย ผลงานเด่น ริเริ่มโครงกำรสมำชิกอุปถัมภ์เพ่ือเผยแพร่ข่ำวสำรด้ำนสิ่งแวดล้อมสู่วงกว้ำงให้มำกท่ีสุด
แพรขอมูลขาวสารไดแกองคกรใด และมี ก่อตั้งศูนย์ข้อมูลและห้องสมุดของมูลนิธิโลกสีเขียวใน พ.ศ. 2537 เพื่อรวบรวมข่ำวสำรข้อมูลกำร
การดาํ เนนิ งานอยา งไร เคลื่อนไหวดำ้ นสิง่ แวดล้อม ทัง้ ในประเทศและของโลกอย่ำงมีระบบ
(แนวตอบ เชน มูลนิธิโลกสีเขียว มีบทบาท
หนาทหี่ ลกั ในการเผยแพรความรแู ละขอมูล มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ก่อต้ังขึ้นเม่ือวันที่ 18 กันยำยน พ.ศ. 2533
ขาวสารใหแกประชาชนเพ่ือความเขาใจใน หลงั กำรเสยี ชีวิตของสบื นำคะเสถียร หัวหนำ้ เขตรักษำพันธ์ุสัตวป์ ำ่
ส่ิงแวดลอมไทย ผานการจัดทําหนังสือชุด หว้ ยขำแข้ง เพ่อื สง่ เสริมสนับสนนุ ประชำชนทีอ่ ยู่บรเิ วณใกลเ้ คยี งให้
โลกสเี ขยี ว และนติ ยสารโลกสีเขยี ว รวมถึง ตระหนกั ถึงควำมส�ำคญั ของกำรอนรุ ักษ์ป่ำไมแ้ ละสตั วป์ ่ำ
กิจกรรมอ่ืน ๆ เชน นักสืบสิ่งแวดลอม ผลงานเด่น ให้กำรสนับสนุนงำนอนุรักษ์ผืนป่ำและสัตว์ป่ำของเขตรักษำพันธุ์สัตว์ป่ำห้วยขำแข้ง เขต
จักรยานกลางเมอื ง รา นโลกสีเขยี ว ฯลฯ) รกั ษำพนั ธส์ุ ตั วป์ ำ่ ทงุ่ ใหญน่ เรศวร และสถำนวี จิ ยั สตั วป์ ำ่ เขำนำงรำ� นอกจำกน ้ี ยงั มกี ำรจดั สรรงบประมำณ
สนบั สนนุ กำรอนรุ กั ษผ์ ืนป่ำตะวันตกรว่ มกบั กรมป่ำไม้ และกำรคดั ค้ำนกำรสรำ้ งเข่ือนแมว่ งก์
• กิจกรรมหลักของกรีนพีซท่ีสอดคลองกับ
วิกฤตการณดานสิ่งแวดลอมของโลกคือ 2) องคก์ รสงิ่ แวดลอ้ มโลก มวี ตั ถปุ ระสงค ์ในกำรอนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ มทั่วโลก ทส่ี �ำคัญ
อะไร
(แนวตอบ การหยุดภาวะโลกรอนดวยการ เชน่ กรนี พซี มูลนธิ ิค้มุ ครองสัตว์ป่ำโลก
ผลักดันใหมีการใชพลังงานสะอาดตางๆ ตวั อยา่ ง องค์กรพฒั นาเอกชนด้านสงิ่ แวดลอ้ มของโลก
เพื่อลดการปลอยแกสเรือนกระจกซ่ึงเปน
สาเหตสุ าํ คญั ของภาวะโลกรอ น ทงั้ ในระดบั กรีนพีซ (Greenpeace) ก่อตั้งข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2514 มีส�ำนักงำน
หนว ยงานทเี่ กยี่ วขอ งของภาครฐั และเอกชน ท่ัวโลกกว่ำ 41 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย
และในระดับประชาชนท่ัวไปที่ใชพลังงาน ผลงานเด่น คัดค้ำนกำรใช้ถ่ำนหินท่ีเพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์
และเคร่ืองอุปโภคบริโภคตางๆ ในชีวิต กำรยุติสร้ำงโรงไฟฟ้ำถ่ำนหินท่ีอ�ำเภอบ่อนอก และอ�ำเภอบ้ำนกรูด
ประจําวนั อันจะนําไปสูการพัฒนาท่ยี ่ังยืน) มจงัลู หนวธิ ดัคิ ปมุ้ รคะรจอวงบสคตั ีรวขีป์ ันา่ โธล์ กก1 ำ(รWเจoรrจldำ ปWกidปe้อ งFวuำnฬd ฉNลaำtuมreข:ำ วW WเปFน็ )ต เ้นปน็
องค์กรนำนำชำติที่ด�ำเนินกำรด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ
และสิง่ แวดลอ้ ม โดยให้ควำมสำ� คัญกับกระบวนกำรสิ่งแวดล้อม
ผลงานเด่น มีบทบำทส�ำคัญในกำรจัดต้ังอนุสัญญำว่ำด้วยควำม
หลำกหลำยทำงชีวภำพ รวมถึงอนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกำร
244 เปลี่ยนแปลงสภำพภมู ิอำกำศ
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET
องคการเอกชนใหญที่สุดที่เฝาระวังและดูแลทรัพยากรทั่วโลก
1 มูลนิธิคุมครองสัตวปาโลก ไดสนับสนุนการกอต้ังมูลนิธิคุมครองสัตวปา คือองคการใด
และพรรณพืชแหงประเทศไทยใน พ.ศ. 2525 และตอมาไดรวมตัวกับกัมพูชา
ลาว และเวียดนาม ใชชือ่ WWF Greater Mekong Programme เพ่อื ขยายงาน 1. Think Earth
ดานการอนรุ กั ษใ หก วางขวางออกไป โดยมภี ารกจิ หลกั เชน ใหความชว ยเหลอื 2. Greenpeace International
สตั วท่ีใกลสูญพนั ธุ ฟน ฟูระบบนิเวศปา 3. World Wild Fund for Nature
4. Global Environmental Facility
T254 5. United Nation Environment Programme
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. World Wild Fund for Nature
หรอื WWF เปนองคการเอกชนดา นส่ิงแวดลอ มขนาดใหญท่ีสดุ ใน
โลกปจจบุ นั จากทุนบริจาคของประชาชนทว่ั ไป หนวยงาน และ
รัฐบาลของประเทศตา งๆ ปจ จุบนั องคการไดช ว ยอนรุ กั ษพนั ธพุ ชื
และสัตวไ ปแลว ประมาณ 12,000 ชนิด)
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
4.2 การประสานความรว่ มมอื ทางดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มระหวา่ งประเทศ ขนั้ สรปุ
ในช่วงศตวรรษที่ผ่ำนมำได้มีกำรออกกฎหมำยระหว่ำงประเทศท่ีเกี่ยวข้องกับส่ิงแวดล้อม ขัน้ ที่ 4 ขยายความเขา ใจ
เปน็ จ�ำนวนมำก ทสี่ ำ� คญั มีดงั นี้
• โครงการพัฒนาปาชุมชนในประเทศไทย
1) อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการคา้ ระหวา่ งประเทศซง่ึ ชนดิ สตั วป์ า่ และพชื ปา่ ท ่ีใกลส้ ญู พนั ธ์ ุ เปน การดาํ เนนิ งานทสี่ อดคลอ งกบั อนสุ ญั ญา
ฉบบั ใด
เรยี กอกี อยำ่ งว่ำ อนุสญั ญำไซเตส (Convention on International Trade in Endangered Species (แนวตอบ อนุสัญญาวาดวยการคาระหวาง
of Wild Fauna and Flora: CITES) ใน พ.ศ. 2516 สหภำพนำนำชำติเพ่อื กำรอนุรกั ษ์ธรรมชำติ ประเทศซ่ึงชนิดสัตวปาและพืชปาท่ีใกล
และทรพั ยำกรธรรมชำต ิ ไดจ้ ดั ประชมุ ทกี่ รงุ วอชงิ ตนั ด.ี ซ.ี สหรฐั อเมรกิ ำ เพอื่ รำ่ งอนสุ ญั ญำวำ่ ดว้ ย สูญพันธุ หรืออนุสัญญาไซเตส เนื่องจาก
กำรค้ำสัตว์ป่ำและพชื ปำ่ ที่ใกลส้ ูญพันธ์ ุ ประเทศไทยเขำ้ เปน็ สมำชิกเมื่อ พ.ศ. 2526 มวี ตั ถปุ ระสงค ์ โครงการพัฒนาปาชุมชนของประเทศไทย
เพื่อควบคุมกำรค้ำสัตว์ป่ำและพืชป่ำที่ใกล้สูญพันธุ์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์จำกสัตว์ป่ำและพืชป่ำ มีวัตถุประสงคหลักของการดําเนินงานท่ี
โดยสรำ้ งกลไกทมี่ โี ครงขำ่ ยทว่ั โลกเพอื่ ควบคมุ กำรสรำ้ งระบบกำรออกใบอนญุ ำตในกำรนำ� เขำ้ สง่ ออก สอดคลองกับอนุสัญญาไซเตส กลาวคือ
หรอื น�ำผ่ำนของสัตวป์ ่ำและพืชป่ำที่ ใกลส้ ญู พันธ์ุ การควบคุมมิใหมีการบุกรุกพ้ืนท่ีปาสงวน
เพอ่ื ลกั ลอบคา พืชและสตั วปา โดยการสรา ง
2) อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ (United จิตสํานึกใหแกชาวบานในชุมชนท่ีอาศัยปา
ในการดํารงชีวิต และสงเสริมใหชาวบาน
Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) จำกปญั หำแก๊สเรอื นกระจก ชวยกันเฝาระวังมิใหมีการบุกรุกพ้ืนที่ปา
ทสี่ ่งผลใหอ้ ุณหภมู ิสูงขน้ึ จึงได้มกี ำรประชมุ เพือ่ หำทำงแก้ ไขและปอ้ งกันขึน้ ใน พ.ศ. 2535 ท่เี มอื ง สงวน)
รอี ูดีจำเนรู ประเทศบรำซลิ ซ่งึ ประเทศไทยเขำ้ เปน็ สมำชกิ ในอนุสัญญำนี้ด้วย มีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อ
ปอ้ งกันกำรคกุ คำมที่อนั ตรำยของมนษุ ย์ตอ่ ระบบภมู อิ ำกำศ โดยกำรควบคมุ ควำมเข้มขน้ ของแกส๊ 3. ครูใหนักเรียนทบทวนความรู หรือใช PPT
เรอื นกระจกทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยมนษุ ย ์ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ทจ่ี ะไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรำยตอ่ สภำพภมู อิ ำกำศ นอกจำกน้ ี สรปุ สาระสาํ คญั ของเนอ้ื หาทไ่ี ดศกึ ษามา
ยงั ต้องสร้ำงค3ว)ำ มอมนน่ั สุ คญั งดญ้ำานวกา่ำดรผว้ ลยติกอาำรหอำนรรุ กัแลษะพ์ ก้ืนำรทพี่ชัฒุ่มนนำ�้าอ1 ยำ่(Cงยo่ังnยvืนenขtอioงnมนoุษnยชWำตeิtlands of 4. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.2 เร่ือง
มาตรการปองกันและแกไขปญหาทรัพยากร
International Importance especially as ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอม
Waterfowl Habitat) มีกำรประชุมรับรอง
อนุสัญญำฉบับนี้ข้ึนเมื่อวันที่ 2 กุมภำพันธ์ 5. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
พ.ศ. 2514 ทเี่ มอื งแรมซำร ์ ประเทศอหิ รำ่ น และ ม.4-6 เกย่ี วกบั เรอ่ื ง มาตรการปอ งกนั และแกไ ข
มีผลบงั คบั ใชเ้ มอ่ื วนั ท ี่ 21 ธนั วำคม พ.ศ. 2518 ปญ หาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอม
สำ� หรบั ประเทศไทยไดเ้ ขำ้ รว่ มเปน็ ภำคอี นสุ ญั ญำ
ในวนั ท ี่13 พฤษภำคม พ.ศ. 2541 มวี ตั ถปุ ระสงค์
เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน�้ำทั่วโลกอย่ำง
ยง่ั ยืน เนอ่ื งจำกเป็นแหล่งที่มีควำมหลำกหลำย
ทำงนเิ วศวิทยำและเป็นทอ่ี ยอู่ ำศยั ของนกน้�ำ พนื้ ทชี่ ่มุ น�ำ้ โมรอนดำวำ ประเทศมำดำกสั กำร์
245
ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET นักเรียนควรรู
ดอนหอยหลอด จงั หวัดสมทุ รสงคราม เกย่ี วขอ งกบั อนุสญั ญา 1 อนสุ ญั ญาวา ดว ยการอนรุ กั ษพ นื้ ทชี่ มุ นาํ้ พน้ื ทชี่ มุ นาํ้ แหง แรกของประเทศไทย
ฉบบั ใด ท่ีไดรับการประกาศใหเขาเปนทําเนียบของอนุสัญญา คือ พรุควนขี้เสียน
เขตหามลาสัตวปาทะเลนอย จังหวัดพัทลุง ลําดับถัดมา ไดแก เขตหามลา
1. IPCC สัตวปาบงึ โขงหลง จงั หวัดหนองคาย ปากแมนาํ้ กระบ่ี จงั หวัดกระบ่ี เขตรกั ษา
2. CITES พนั ธุสตั วป าเฉลมิ พระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี
3. Ramsar (ปา พรุโตะ แดง) จังหวดั นราธวิ าส ดอนหอยหลอด จังหวดั สมทุ รสงคราม และ
4. UNFCCC เขตหามลาสัตวปา หนองบงคาย จังหวดั เชยี งราย
5. Kyoto Protocal
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. Ramsar จากมติการประชุมของ T255
คณะกรรมการส่ิงแวดลอมนานาชาติใน ค.ศ. 2001 ดวยเหตุท่ี
มีความสําคัญทางระบบนิเวศชายฝง โดยเปนหาดเลนนํ้าทวมถึง
บริเวณปากแมน้ําแมกลอง มีสัตวสําคัญ คือ หอยหลอด ซ่ึงมี
ประโยชนสําคัญตอเศรษฐกจิ ของทองถ่ินดวย)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สรปุ 4) อนุสัญญาบาเซิลว่าด้วยการควบคุมการเคล่ือนย้ายข้ามแดนของของเสีย
อันตรายและการก�าจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล
of Hazardous Wastes and their Disposal) หรือเรียกย่อ ๆ ว่ำ อนุสัญญำบำเซิล (Basel
ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบและสรุปผล Convention) มีวัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองสุขภำพอนำมัยของมนุษย์และส่ิงแวดล้อมจำกของเสีย
จากการตอบคําถาม การทําใบงาน และการทํา อันตรำยและกำรป้องกันอันตรำยต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศก�ำลังพัฒนำ โดยมีวัตถุประสงค์
แบบฝกสมรรถนะฯ ภมู ิศาสตร ม.4-6 ตลอดจน 3 ประกำร ได้แก่
การใชเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร และเคร่ืองมือ 1. เพอื่ ลดกำรเคลือ่ นยำ้ ยของเสยี อันตรำยข้ำมแดนให้น้อยทสี่ ดุ
ดานเทคโนโลยีในการสืบคนเกี่ยวกับมาตรการ 2. เพื่อกำ� จัดของเสยี อนั ตรำยทีแ่ หล่งก�ำเนดิ ให้ ได้มำกทส่ี ุด
ปองกันและแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ 3. เพอ่ื ลดกำรกอ่ กำ� เนดิ ของเสยี อนั ตรำยทงั้ ในเชงิ ปรมิ ำณและควำมเปน็ อนั ตรำย
สิ่งแวดลอม หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของ หลกั กำรสำ� คญั ของอนุสัญญำน ้ี คือ กำรใช้มำตรกำรทำงกฎหมำยในกำรควบคมุ กำร
เนอื้ หา เคลื่อนยำ้ ยของเสยี และเครอ่ื งมอื หรือกลไกกำรจัดกำรของเสียอนั ตรำยให้อยู ่ในระดับสำกล ทั้งนี้
ประเทศไทยได ้ใหส้ ตั ยำบันเมือ่ พ.ศ. 2540
ขน้ั ประเมนิ
5) อนุสญั ญาว่าดว้ ยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน Diversity: CBD) เป็นข้อตกลงด้ำนส่ิงแวดล้อมระหว่ำงประเทศ ท่ีมีวัตถุประสงค์ ให้รัฐบำล
หนาชัน้ เรยี น ทกุ ประเทศพฒั นำประเทศโดยไม่ละเลยกำรอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยำกรธรรมชำติ โดยมกี ำร
กำ� หนดวัตถปุ ระสงคห์ ลกั ไว้ 3 ประกำร ได้แก่
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก 1. เพอื่ อนรุ กั ษค์ วำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ
สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 2. เพอื่ ใชป้ ระโยชนจ์ ำกควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอยำ่ งย่งั ยนื
3. เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ท่ีได้จำกกำรใช้ทรัพยำกรพันธุกรรมอย่ำงเท่ำเทียม
และยุตธิ รรม
ประเทศไทยให้สัตยำบันในอนุสัญญำว่ำด้วยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ เม่ือวันท่ ี
31 ตลุ ำคม พ.ศ. 2546
อ นสุ ัญญำวำ่ ดว้ ยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีจุดมงุ่ หมำยเพ่อื อนุรักษ์พนั ธุกรรม ชนดิ พันธ ์ุ และระบบนเิ วศ เพ่ือควำม
หลำกหลำยทำงชวี ภำพ
246
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET
โครงการพฒั นาปาชมุ ชนในประเทศไทยเปนการดาํ เนนิ งาน
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เรื่อง มาตรการปองกัน ทสี่ อดคลองกับอนุสญั ญาฉบับใด
และแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ไดจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ 1. อนุสัญญาไซเตส
การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบมาทาย 2. อนสุ ญั ญาบาเซิล
แผนการจัดการเรียนรหู นวยท่ี 6 เร่อื ง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมกับ 3. อนุสัญญาเวียนนา
การพฒั นาทย่ี งั่ ยืน 4. อนสุ ญั ญาวา ดว ยการอนุรกั ษพนื้ ทช่ี มุ นํ้า
5. อนุสญั ญาวา ดว ยความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. เนอ่ื งจากโครงการพฒั นาปา ชุมชน
ของไทยมีวัตถุประสงคหลักของการดําเนินงานท่ีสอดคลองกับ
คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ อนุสัญญาไซเตส กลาวคือ การควบคุมไมใหมีการบุกรุกพื้นท่ีปา
ตรงกับระดบั คะแนน สงวนเพ่ือลักลอบคาพืชและสัตวปา โดยการสรางจิตสํานึกใหแก
ชาวบานในชุมชนที่อาศัยปาในการดํารงชีวิต และสงเสริมให
ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ชาวบา นชวยกนั เฝาระวงั ไมใหมีการบุกรุกพนื้ ทีป่ าสงวน)
32
1 ความถูกต้องของเนื้อหา
2 การลาดับข้ันตอนของเรื่อง
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ่วนร่วมของสมาชิกในกลมุ่
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน
............/................./................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
T256 ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
นาํ นาํ นาํ สอสนอน สรสปุ รปุ ปรปะรเมะเนิ มนิ
5 การจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process)
กำรจดั กำรสงิ่ แวดลอ้ ม (environmental management) เปน็ กระบวนกำรใชส้ ง่ิ แวดลอ้ มอยำ่ ง 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม “ทา นถาม-เราตอบ”
มปี ระสิทธิภำพและเป็นระบบ โดยกำรวำงแผน ด�ำเนนิ งำนตดิ ตำมประเมินผล และปรบั ปรงุ แก้ไข โดยผลัดกันตั้งคําถามเก่ียวกับการจัดการ
พัฒนำให้ดีขึน้ ท้ังน ี้ ตอ้ งคำ� นงึ ถึงกำรใช้อย่ำงประหยดั ให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุดและยัง่ ยนื ยำวนำน ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม (มอบหมาย
ใหนักเรียนเตรียมคําถามเปนการบานกลุมละ
5.1 หลกั การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม 2 ขอ )
ในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม จะต้องมีแนวทำงและมำตรกำรต่ำง ๆ 2. ครูสุมนักเรียนใหเลาความประทับใจ หรือยก
ตัวอยางการจัดการทรัพยากรและส่ิงแวดลอม
เพ่ือใหส้ อดคล1อ้) งกกบัารสคถวำนบกคำุมรจณ�า ์ นสวภนำพปประญั ชหาำกทรเี่1 ปเ็นนอื่อยง่ ูจโำดกยจม�ำหี นลวกันกปำรระสชำ� ำคกัญรท ดี่มงัำนกี้ขึ้น ส่งผลให้มี ของประเทศไทยท่ีมีแนวโนม หรือไดรับผล
สําเรจ็ ตามเปา หมาย
กำรใช้ทรัพยำกรเพ่ิมข้ึนตำมไปด้วย รัฐบำลควรมีนโยบำยในกำรลดอัตรำกำรเพ่ิมของประชำกร
โดยจดั ตัง้ โครงกำรวำงแผนครอบครวั 3. ครูใหน กั เรยี นใชสมารต โฟนสอ งดู QR Code
เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
2) การสง่ เสรมิ คณุ ภาพประชากร ใหม้ คี วำมร ู้ ควำมเขำ้ ใจ มจี ติ สำ� นกึ ตระหนกั ถงึ กับการพัฒนาท่ียั่งยืน จากหนังสือเรียน
ภูมิศาสตร ม.4-6 และอภิปรายแสดงความ
ควำมส�ำคัญและควำมจ�ำเป็นของกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม โดยบรรจุเป็น คิดเห็นรว มกนั
หลักสตู รในโรงเรียน และกำรใหก้ ำรศึกษำอยำ่ งไม่เปน็ ทำงกำรผ่ำนสอ่ื มวลชน
3) การสา� รวจแหลง่ ทรพั ยากรเพม่ิ และสง่ิ ทดแทนกำรใชท้ รพั ยำกร เชน่ กำรสำ� รวจ
แหล่งแร่และพลังงำน กำรคดิ ค้นกรรมวธิ ขี ยำยพันธ์ุพืชและสตั ว์เพ่ือเพิ่มปริมำณ
4) การปองกันรกั ษา เพอ่ื มิให้ทรพั ยำกรเสอื่ มโทรม ร่อยหรอลง เชน่ กำรป้องกัน
กำรท�ำลำยป่ำ กำรปอ้ งกันทรพั ยำกรนำ�้ อำกำศ แร ่ ไม่ ให้เกดิ กำรปนเป้อื นจำกสำรพษิ
5) การใชท้ รพั ยากรใหถ้ กู ประเภท เพรำะทรพั ยำกรหลำยประเภทเปน็ สงิ่ ท ี่ใชแ้ ลว้
หมดไปเสื่อมโทรมลง จึงต้องใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น กำรใช้ที่ดินท่ีอุดมสมบูรณ์ ในกำร
เพำะปลูก
6) การปรบั ปรงุ คณุ ภาพทรพั ยากร ทรพั ยำกรทเี่ สอ่ื มโทรมควรมกี ำรพฒั นำปรบั ปรงุ
คุณภำพ เช่น กำรฟื้นฟูสภำพป่ำที่ถูกท�ำลำย กำรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ กำรปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดิน
กำรแก้ปญั หำน�้ำเนำ่ เสยี เช่น กำรใชก้ งั หันชัยพัฒนำเพือ่ เพม่ิ ออกซิเจนในน้ำ�
7) การใช้ทรัพยากรทดแทนกัน เป็นกำรน�ำทรัพยำกรท่ีมีมำกหรือเกิดข้ึนใหม่
มำใช้ทดแทนทรัพยำกรที่หำยำกหรือมีรำคำแพง เช่น กำรใช้พลำสติกแทนโลหะหรือไม้ กำรใช้
พลังงำนจำกนำ�้ ลม แสงอำทิตย์ แทนน�้ำมนั ถำ่ นหิน
8) การน�ามาใช้ใหม่ เป็นกำรน�ำทรัพยำกรกลับมำใช้ใหม่ เช่น หลอมพลำสติก
เศษโลหะมำใช ้ใหม ่ นำ� กระดำษมำผลติ ใหม่
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมกับการพัฒนาท่ยี ่งั ยนื 247
กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู
ครูจัดกิจกรรมการเรียนรูเกี่ยวกับแนวทางการอนุรักษ 1 การควบคุมจํานวนประชากร การเพิ่มขึ้นของจํานวนประชากรทําใหเกิด
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ มตามหลกั 7R โดยเนน ฝก ทกั ษะ การใชทรัพยากรอยางกวางขวาง จึงตองมีการผลิตอาหารและจัดสรรท่ีอยู
การปฏบิ ตั ิของนกั เรยี น เพอื่ ใหน กั เรยี นสามารถใชค วามรเู ก่ยี วกับ อาศัยเพ่ิมขึ้น ความตองการที่เพ่ิมข้ึนเหลานี้กอใหเกิดการขาดแคลนทรัพยากร
แนวทางการอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาตใิ นการดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั เกิดสารพิษในสิ่งแวดลอม และทําใหธรรมชาติขาดสมดุลในที่สุด การควบคุม
ไดอ ยางถกู ตอ ง การเพิ่มจํานวนประชากรเปนแนวทางหนึ่งที่จะชวยลดความเสื่อมโทรมของ
สิ่งแวดลอม และลดปรมิ าณการใชท รพั ยากรธรรมชาตลิ งได
T257
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 5.2 แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม
ในภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก
ขั้นท่ี 1 การต้ังคาํ ถามเชงิ ภูมิศาสตร
ปัญหำส่ิงแวดล้อมและกำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติ มีผลกระทบต่อประชำชนใน
1. ครูนําภาพหรือคลิปวิดีโอท่ีเก่ียวของกับ ทวีปต่ำง ๆ ของโลก ดังนั้น ทกุ คนจำ� เป็นต้องมีควำมรับผดิ ชอบร่วมกันในกำรอนรุ ักษท์ รัพยำกร
การกระทํา หรือกิจกรรมท่ีแสดงถึงความ ธรรมชำติใหค้ งอยู่ต่อไปอยำ่ งยง่ั ยนื
รวมมือในการอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอมในทวีปตางๆ ทว่ั โลก เชน 1) ทวีปเอเชีย ในภูมิภำคต่ำง ๆ ของทวีปเอเชียได้มีกำรวำงแผนจัดกำร เพ่ือกำร
• โครงการขยายพันธพุ ืชและพันธุสัตว
• การเพาะเลีย้ งสัตวน้ํา อนรุ กั ษท์ รพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ ภมู ภิ ำคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ ไดร้ ว่ มกนั จดั ตง้ั
• การใชพลังงานลม มรดกอุทยำนแห่งอำเซียน โดยมีวัตถุประสงค์ให้อุทยำนแห่งอำเซียนมีลักษณะเป็นหนึ่งเดียว
• การนาํ กระดาษมาใชใ หม มกี ำรทำ� นบุ ำ� รงุ กระบวนกำรทำงนเิ วศวทิ ยำ และกำรอนรุ กั ษ ์ไวซ้ ง่ึ ควำมหลำกหลำยทำงพนั ธศุ ำสตร์
• การทาํ เกษตรอินทรยี และระบบนิเวศอย่ำงย่ังยืน หรือกำรจัดต้ังสมำคมสวนสัตว์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นกำรรวม
กลุ่มกันของสวนสัตว์ ในภูมิภำคเพ่ือกำรให้ควำมรู้แก่สำธำรณชน กระตุ้นเตือนให้ประชำชน
2. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเพม่ิ เตมิ จากภาพ ตระหนักถึงกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม รวมถึงกำรให้ควำมส�ำคัญต่อคุณค่ำ
หรอื คลิปวดิ โี อดังกลาว ของสัตว์ป่ำ นอกจำกน้ี ยังมีกำรส่งเสริมกำรพัฒนำพลังงำนสะอำด กำรก่อต้ังกองทุนสีเขียว
และกำรจดั ท�ำระบบบำ� บดั นำ้� เสีย
ภมู ิภำคเอเชียตะวนั ออก ในประเทศญ่ีปุ่น มนี โยบำยพฒั นำภำคอตุ สำหกรรมควบค ู่
ไปกับกำรรักษำสภำพแวดล้อม เพื่อท�ำให้ประชำชนมีคุณภำพชีวิตที่ดีตำมคุณสมบัติของประเทศ
ที่พัฒนำแล้วโดยเน้นนโยบำยด้ำนกำรน�ำของเสียกลับมำใช้ ใหม่ ในขณะท่ีประเทศเกำหลีใต้ม ี
นโยบำยในกำรลดกำรปล่อยแก๊สเรือนกระจก กำรลดกำรพึ่งพำน�้ำมันและเพ่ิมกำรพึ่งพำตัวเองใน
ดำ้ นพลงั งำน และกระจำยอำ� นำจกำรปกครองสทู่ อ้ งถนิ่ ใหส้ ำมำรถบรหิ ำรจดั กำรสงิ่ แวดลอ้ มไดเ้ อง
2) ทวีปออสเตรเลีย มีกำรจัดต้ังพ้ืนที่อนุรักษ์ทำงทะเลจ�ำนวน 200 แห่ง โดย
ครอบคลุมพนื้ ทีเ่ กอื บ 65 ล้ำนเฮกตำร์ รวมถึงอุทยำนทำงทะเลแนวปะกำรังขนำดใหญ ่ ทีเ่ รยี กว่ำ
เกรตแบรร์ เิ ออร์รีฟ (Great Barrier Reef) พ้ืนที่อนรุ กั ษ์ถิน่ ท่อี ยขู่ องปลำ เขตสงวนพนั ธปุ์ ลำ และ
พ้ืนที่อนุรักษ์อีกหลำยแห่ง นอกจำกน้ี รัฐบำลออสเตรเลียยังได้จัดท�ำข้อตกลงด้ำนป่ำไม้ระดับ
ภูมิภำค (Regional Forest Agreements: RFAs) เพ่ืออนุรักษ์และบริหำรจัดกำรป่ำไม้พ้ืนเมือง
ของออสเตรเลียอย่ำงยัง่ ยนื และเพื่อปกปอ้ งควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ
3) ทวปี แอฟรกิ า บำงประเทศในทวปี แอฟรกิ ำไดจ้ ดั ทำ� โครงกำรเพอ่ื รกั ษำและฟน้ื ฟู
สภำพแวดลอ้ ม มกี ำรจดั พน้ื ทคี่ มุ้ ครองเพอ่ื ฟน้ื ฟพู นั ธพ์ุ ชื และสตั ว ์ ในอทุ ยำนและเขตสงวนทำงดำ้ น
ตะวนั ออกของทวปี หลำยเขต เชน่ มำไซมำรำ ประเทศเคนยำ เซเรนเกต ิ ประเทศแทนซำเนยี มกี ำร
ชว่ ยในกำรแพรพ่ นั ธข์ุ องนกฟลำมงิ โก รวมถึงกำรขับไล่ช้ำงออกจำกพื้นท่ีกำรเกษตรด้วยวิธีกำร
ธรรมชำติ และกำรใช้ระบบวนอุทยำนในกำรปลกู ธญั พชื
248
บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคดิ
ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งนักเรียนจะปฏิบัติตนเพ่ืออนุรักษและ
ครูอธิบายใหนักเรียนมีความรูความเขาใจเก่ียวกับแผนงานการจัดตั้ง พฒั นาส่งิ แวดลอมอยา งไรจงึ จะเหมาะสม
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซยี น วาประกอบไปดวยความรวมมอื ในดาน
ตางๆ โดยเฉพาะความยัง่ ยนื ดานสง่ิ แวดลอ ม เชน การจัดการและการปองกนั (แนวตอบ การใชทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดไมวาจะเปน
มลพิษทางส่ิงแวดลอมขามแดน สงเสริมการพัฒนาที่ย่ังยืนโดยการศึกษาดาน อาหาร น้ํา ไฟฟา จะตอ งลดปริมาณการใชลงใหเ หลือเทา ที่จําเปน
ส่ิงแวดลอมและการมีสวนรวมของประชาชน สงเสริมมาตรฐานการดํารงชีวิต ตองใช การใชทรัพยากรใหคุมคา คือ การนําทรัพยากรมาใชให
ในเขตเมอื ง สง เสรมิ การใชทรัพยากรชายฝงและทรพั ยากรทางทะเลอยางย่ังยนื เกิดประโยชนสูงสุด ลดละเลิกการใชสารพิษ โดยหันมาใชสาร
สงเสริมความย่ังยืนของทรัพยากรนํ้าจืด การตอบสนองตอการเปล่ียนแปลง ธรรมชาติที่ไมเปนอันตรายตอสิ่งแวดลอมและสุขภาพ ชวยกัน
สภาพภูมิอากาศและการจัดการตอผลกระทบ และสงเสริมการบริหารจัดการ ปลูกตนไมและดแู ลตนไมสาธารณะ เพ่อื ปอ งกันการแพรกระจาย
ปาไมอ ยางย่งั ยืน ของสารพษิ และชว ยดดู ซบั มลภาวะตา งๆ)
T258
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
4) ทวีปยุโรป ได้มีกำรออกนโยบำยด้ำนส่ิงแวดล้อม โดยมุ่งเน้นกำรคุ้มครอง ขนั้ สอน
สิง่ แวดลอ้ มอย่ำงรอบด้ำน ท้งั ในด้ำนกำยภำพ เชน่ น�้ำ ดนิ อำกำศ และพฒั นำพลงั งำนทดแทน ขน้ั ที่ 1 การตงั้ คาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตร
ดังนี้
1. ดำ้ นปญั หำกำรเปลยี่ นแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ มโี ครงกำรซอื้ ขำยสทิ ธกิ ำรปลอ่ ย 3. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตงั้ ประเดน็ คาํ ถาม
แก๊สคำร์บอนไดออกไซด ์ โดยมเี ปำ้ หมำยเพือ่ กำรลดแกส๊ เรือนกระจก เชิงภมู ศิ าสตร เชน
2. ดำ้ นควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีแผนยุทธศำสตร์ ระบใุ หม้ กี ฎระเบยี บและ • หลักการสําคัญในการจัดการทรัพยากร
นโยบำยท่ีค�ำนึงถึงผลกระทบด้ำนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งนโยบำยด้ำน ธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ มมีอะไรบาง
ส่งิ แวดลอ้ ม ปำ่ ไม้ และกำรท่องเทย่ี ว • แนวทางในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
3. ด้ำนสิ่งแวดล้อม สุขภำพและคุณภำพชีวิต เป็นกำรปกป้องสิ่งแวดล้อมและ และสิ่งแวดลอมเพ่ือการพัฒนาอยางยั่งยืน
สขุ ภำพของประชำชน ดว้ ยกำรหำทำงจำ� กดั สำรพษิ และปอ้ งกนั กำรกอ่ มลภำวะตำ่ ง ๆ เพอื่ ควบคมุ มอี ะไรบาง
กำรผลติ กำรใช ้ และกำรจำ� หน่ำยสำรเคมอี นั ตรำย • ประเทศใดบา งทม่ี วี ธิ กี ารจดั การการอนรุ กั ษ
4. ด้ำนทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละของเสีย เปน็ กำรจดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมท่ีเปน
ของเสีย ได้แก่ กำรก�ำหนดระเบียบว่ำด้วยกำรจ�ำกัดกำรใช้สำรอันตรำยในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้ำและ แบบอยางที่ดี
อิเลก็ ทรอนกิ ส ์ ลดกำรใชพ้ ลังงำนในกำรทำ� ลำยขยะและน�ำกลบั มำใช ้ใหม่
5. ด้ำนกำรใชพ้ ลงั งำนทดแทน ไดแ้ ก ่ กำรใชพ้ ลังงำนจำกธรรมชำต ิ รวมถึงกำร ขน้ั ที่ 2 การรวบรวมขอมูล
ใชพ้ ลงั งำนนวิ เคลยี ร ์ในกำรผลติ กระแสไฟฟำ้ เชน่ ในประเทศเยอรมน ี เดนมำรก์ และมกี ำรสง่ ออก
เทคโนโลยีกงั หนั ลมและสนบั สนนุ กำรใช้พลงั งำนลมมำกทีส่ ุดในโลก 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-7 คน
สืบคนขอมูลเก่ียวกับแนวทางการจัดการ
5) ทวีปอเมริกาเหนอื และอเมริกาใต้ มีแนวทำงในกำรแก้ ไขปัญหำทรัพยำกร ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม รวมถึง
การมสี ว นรว มในการแกป ญ หาและการดาํ เนนิ
ธรรมชำติและสิง่ แวดล้อมในด้ำนต่ำง ๆ ดงั น้ี ชี วิ ต ต า ม แ น ว ท า ง ก า ร จั ด ก า ร ท รั พ ย า ก ร
1. ด้ำนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีกำรจัดต้ังเขตอุทยำนแห่งชำติข้ึน ธรรมชาตทิ ย่ี ง่ั ยนื จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร
เพื่อให้กำรคุ้มครองพันธุ์สัตว์และพืชที่อยู่ ในภำวะเสี่ยงต่อกำรสูญพันธุ์ มีกำรเชื่อมอุทยำนต่ำง ๆ ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน
เข้ำด้วยกนั หนังสอื ในหอ งสมดุ เว็บไซตใ นอนิ เทอรเ น็ต
2. กำรใชพ้ ลงั งำนทดแทนในทวปี อเมรกิ ำเหนอื สหรฐั อเมรกิ ำและแคนำดำมอี ตั รำ
อกำอรกผแลบิตบพรลถังยงนำตนท์ ไฟสี่ ำฟม้ำำจรำถกใพชไ้ลดังก้งำับนททงั้ นดแ�ำ้ มทันนแ ลแะทเอนทกำำนรใอชล้น1 ้�ำซมง่ึ ันไดเช้รบั้ือคเพวำลมิงมนำิยกมทมี่สำุดกในทวีป มีกำร 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ
3. กำรแก้ปัญหำภำวะโลกร้อน สหรัฐอเมริกำมีกำรออกฎหมำยเพ่ือป้องกันกำร ท่ีรับผิดชอบ โดยนําความรูเกี่ยวกับเครื่องมือ
เปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศโลกและกำรใช้พลังงำนสะอำด โดยก�ำหนดให้มีกำรลดกำรปล่อย ทางภมู ศิ าสตรม าใชป ระกอบในการศกึ ษาดว ย
แ กส๊ เรอื นกระ จกใ4ห. ้ไลดด้ร้ออตยั ลรำะก 1ำ7ร ทภำ� ำลยำใยนพ นื้พท.ศปี่ .ำ่ 2ฝ5น62ข3องประเทศตำ่ ง ๆ ในทวปี อเมรกิ ำใตโ้ ดยเฉพำะ
พน้ื ทปี่ ำ่ แอมะซอน มคี วำมพยำยำมในกำรลดอตั รำกำรตดั ไมท้ ำ� ลำยปำ่ ดว้ ยกำรไมป่ รบั สภำพพน้ื ที่
ปำ่ เป็นท่งุ หญำ้ เลี้ยงสตั ว์ และกำรสนบั สนนุ ระบบเกษตรอินทรยี ์
249
ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET นักเรียนควรรู
บคุ คลในขอ ใดมสี ว นรว มในการจดั การทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ ม 1 เอทานอล คือ แอลกอฮอลท่ีไดจากการหมักพืชผลทางการเกษตร เชน
ทใ่ี หผ ลยัง่ ยนื ยาวนาน ออย มันสําปะหลัง กากน้ําตาล โดยผานกระบวนการยอยสลายและหมักจาก
แปง เปน นาํ้ ตาล และสดุ ทา ยเปลยี่ นเปน แอลกอฮอล และแยกจนไดค วามบรสิ ทุ ธิ์
1. นายเอตรวจวดั คณุ ภาพอากาศเปนประจํา สามารถนํามาใชเปน เชอื้ เพลงิ สาํ หรบั เคร่อื งยนตไ ด
2. นายบีใชส ารดีดที ีกาํ จัดแมลงแทนสารซีเอฟซี 2 ปาฝน ปาไมที่มีปริมาณฝนตกชุกตลอดป โดยมากอยูในบริเวณอากาศ
3. นายซีปลกู หญาแฝกเพอื่ ปองกนั นํา้ เซาะตล่ิงพัง ประเภทรอนชน้ื แถบศูนยส ูตร เชน ปา ในเขตลมุ นา้ํ แอมะซอน ทวีปอเมริกาใต
4. นายดีพัฒนาเทคโนโลยที ีใ่ ชท รพั ยากรฟมุ เฟอ ย ลุมน้าํ คองโกในทวปี แอฟรกิ า เกาะบอรเนียวในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต
5. นายเอฟใชห นงั สอื พมิ พห อ ขยะเปย กกอ นทง้ิ ลงถงั ขยะสเี หลอื ง
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การปลูกหญาแฝกเพ่ือปองกัน T259
นํ้าเซาะตล่ิง เปนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
ท่ีย่ังยืน สวนการกระทําของบุคคลอ่ืนไมถูกตองตามแนวทาง
จัดการทรัพยากรและส่ิงแวดลอม และการกระทําของเอได
เพียงขอมูลคุณภาพอากาศแตยังไมไดลงมือปฏิบัติเพื่อจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอมแตอยา งใด)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน GKneoowledge
ข้ันท่ี 2 การรวบรวมขอมูล ประเทศที่มีการจดั การทรพั ยากรและสิ่งแวดล้อมดที ่สี ุดในโลก
ดัชนีผลงำนดำ้ นสิง่ แวดลอ้ ม Environmental Performance Index (EPI) เปน็ กำรจัดอนั ดบั ผลงำน
3. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา Geo Knowledge เกย่ี วกบั กำรจัดกำรด้ำนสิ่งแวดล้อมของประเทศตำ่ ง ๆ รวม 163 ประเทศ โดยผเู้ ชย่ี วชำญจำกมหำวทิ ยำลยั เยล
ป ร ะ เ ท ศ ท่ี มี ก า ร จั ด ก า ร ท รั พ ย า ก ร แ ล ะ (Yale University) และมหำวิทยำลยั โคลมั เบยี (Columbia University)
สิ่งแวดลอมดีที่สุดในโลก จากหนังสือเรียน ในกำรจัดอันดบั จะพจิ ำรณำจำกสภำพปัจจัยในดำ้ นต่ำง ๆ เช่น คณุ ภำพของอำกำศ กำรบรหิ ำร
ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการรวบรวมขอมูล จดั กำรแหลง่ นำ้� ธรรมชำต ิ ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ สภำพปำ่ ไม ้ กำรทำ� เกษตรกรรม กำรเปลยี่ นแปลง
ของชั้นบรรยำกำศ พ.ศ. 2561 ประเทศท่ีมีกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมดีที่สุด คือ
4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีเช่ือถือได ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด ์ รองลงมำ คอื ฝรงั่ เศส เดนมำรก์ มอลตำ และสวีเดน ตำมลำ� ดบั
ใหก บั นักเรียนเพ่ิมเติม ส�ำหรับปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้ประเทศเหล่ำนี้ประสบควำมส�ำเร็จในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติ
และสง่ิ แวดลอ้ ม คอื กำรมนี โยบำยรฐั ดำ้ นกำรรกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มทตี่ อ่ เนอื่ ง มกี ำร
ขนั้ ท่ี 3 การจดั การขอ มูล ลงทุนในโครงสร้ำงพ้ืนฐำนด้ำนส่ิงแวดล้อม กำรควบคุมมลภำวะท่ีเข้มงวด รวมถึงกำรสร้ำงจิตส�ำนึก
แก่ประชำชนใหเ้ ห็นควำมส�ำคัญในกำรรักษำทรพั ยำกรธรรมชำติและสิง่ แวดลอ้ ม
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ยี นความรูก ัน EPI 2018 Rankings คะแนนที่ได้ โ ครงกำร Bergwaldprojekt เป็นโครงกำร
87.42 อนุรักษ์ป่ำไม้ของสวิตเซอร์แลนด์ ท่ีเปิดรับ
2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล อนั ดับ ประเทศ 83.95 สมคั รอำสำสมคั รเพอ่ื เขำ้ ไปทำ� กจิ กรรมฟน้ื ฟู
ที่นําเสนอเพ่ือใหไดขอมูลท่ีถูกตอง และรวม 81.60 อนรุ กั ษป์ ่ำไม้ โดยไม่จ�ำกดั เพศ วยั เชอื้ ชำต ิ
อภิปรายแสดงความคดิ เห็นเพิม่ เตมิ 1 สวิตเซอรแ์ ลนด์ 80.90 และไมเ่ กบ็ คำ่ ใชจ้ ำ่ ย เปน็ ตวั อยำ่ งหนงึ่ ในกำร
2 ฝร่งั เศส 80.51 จัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม
ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมูล 3 เดนมำร์ก 79.89 ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ ำพของสวติ เซอรแ์ ลนด์
4 มอลตำ 79.12
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลที่ไดทําการ 5 สวเี ดน 78.97 ท่ีมา : http://epi.envirocenter.yele.edu/2018
สืบคนมาเรียบเรียงเปนบทความในหัวขอ 6 สหรำชอำณำจักร 78.77
“การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม” 7 ลักเซมเบริ ก์
เพื่อเปนการทบทวนและวิเคราะหความรู 8 ออสเตรเลยี 78.64
เพ่ิมเติม 9 ไอร์แลนด์
2. ครูสุมนักเรียนจํานวน 2-3 คน เพ่ือยก 10 ฟินแลนด์
ตัวอยางการมีสวนรวมในการแกปญหาและ
การดําเนินชีวิตตามแนวทางการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติท่ีย่ังยืนในชีวิตประจําวัน
บรเิ วณหนา ช้นั เรียน
250
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ในการพัฒนาท่ียั่งยืน นักเรียนสามารถใชประโยชนจาก
ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ดชั นชี วี้ ดั ผลการดาํ เนนิ งานดา นสงิ่ แวดลอ ม หรอื ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมไดหรือไม อยา งไร
EPI เพมิ่ เตมิ วา เปน การนาํ กจิ กรรมทเี่ กยี่ วขอ งกบั สงิ่ แวดลอ มของประเทศหนงึ่ ๆ
มาแปลงใหเปนระบบเมตริกอยางงายที่เร่ิมตนจากศูนย หมายถึง เปนมิตรตอ (แนวตอบ ได โดยการพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื ไมไ ดป ฏเิ สธการใชป ระโยชน
สง่ิ แวดลอมนอยทีส่ ุด จนถึงหนง่ึ รอ ย หมายถงึ เปนมติ รกับสิ่งแวดลอ มมากที่สุด จากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม แตควรมีการศึกษา
เม่ือมีการจดั อันดับกลุมประเทศสแกนดิเนเวยี จะอยูใ นอันดบั ตนๆ และประเทศ และวางแผนการใชอยางถูกตองเหมาะสม เชน ศึกษาความ
ในทวีปแอฟริกาจะอยูในอันดับทา ยๆ อุดมสมบูรณของดินเพ่ือกําหนดพื้นท่ีเพาะปลูกพืชแตละชนิด
เลย้ี งสตั ว หรอื กอ สรา งทอ่ี ยอู าศยั และการใชป ระโยชนต อ งไมก อ ให
เกดิ ผลเสียตอสิง่ แวดลอ ม เชน บา นเรอื นหรอื โรงงานอตุ สาหกรรม
ตอ งมีการบําบดั นาํ้ เสียกอ นปลอ ยลงสูแหลง นํา้ ธรรมชาติ)
T260
นาํ สอน สรุป ประเมิน
5.3 การมสี ว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หาและการดา� เนนิ ชวี ติ ตามแนวทาง ขนั้ สอน
การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ
ขั้นท่ี 5 การสรุปเพอ่ื ตอบคาํ ถาม
ปญั หำสงิ่ แวดลอ้ มและกำรขำดแคลนทรพั ยำกรธรรมชำตยิ อ่ มสง่ ผลกระทบตอ่ มนษุ ย ์ ดงั นนั้
ประชำชนทุกคนจ�ำเป็นต้องมีส่วนร่วมในกำรแก้ปัญหำและกำรด�ำเนินชีวิตตำมแนวทำงจัดกำร 1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู จากการ
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิง่ แวดลอ้ ม โดยใช้หลกั 7R ดงั น้ี ศึกษา และอภปิ รายความคดิ เห็นรวมกัน
Reject : การปฏเิ สธการใช้ บรรจุภณั ฑ์ท่สี รำ้ งมลพิษ เชน่ กลอ่ งโฟมหรือพลำสตกิ 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
สาํ คญั เพ่ือตอบคาํ ถามเชิงภูมิศาสตร
R1 ประเภทใช้ครงั้ เดียวท้ิง
3. นักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.3 เรื่อง การ
Reuse : การนา� ของใชแ้ ลว้ กลับมาใช้ใหม่ เชน่ กำรนำ� บรรจภุ ัณฑ์ท่ี จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม
R2 ใช้แล้วมำใช้ ใหม่ หรือใช้ถุงพลำสตกิ ใส่ของหลำย ๆ ครั้ง ที่ยัง่ ยืน
Reduce : การลดการใช้ เชน่ ถำ้ บำ้ นอยทู่ ำงเดยี วกนั กน็ งั่
7Rหลัก รถไปคนั เดยี วกนั ชว่ ยประหยดั นำ�้ มนั หรอื นำ� สนิ คำ้ ทซี่ อ้ื มำ 4. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
R3 ใส่รวมในถุงเดยี วกนั เพื่อลดกำรใช้ถงุ ม.4-6 เกยี่ วกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ
และส่ิงแวดลอมที่ยั่งยนื
Repair : การซอ่ มแซมฟ้นื ฟู เชน่ กำรซ่อมแซมกระเป๋ำ เสือ้ ผ้ำท่ี
5. นักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง
R4 ฉกี ขำดให ้ใช้งำนไดอ้ ีก ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมกับการ
พัฒนาทยี่ ่งั ยนื เพื่อทดสอบความรู
Recycle : การนา� ไปผลติ ขึ้นใหม ่ เชน่ กำรน�ำของที ่ใช้งำนไม่ไดแ้ ลว้ ไปเขำ้
ขน้ั สรปุ
R5 กระบวนกำรผลิต เปน็ วัตถดุ ิบต้ังตน้ ใหม ่ เช่น ถงุ พลำสติก ขวดแก้ว
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ
Recovery : การถนอมรักษา เช่น ส่ิงของเคร่ืองใช้ในวันส�ำคัญหรือ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มกบั การพฒั นา
เทศกำลต่ำง ๆ ควรเก็บไว้ ใช้ ในครั้งต่อไป หรือกำรเก็บรักษำกระเป๋ำ ที่ยั่งยืน ตลอดจนความสําคัญที่มีอิทธิพลตอการ
R6 เดนิ ทำงใหอ้ ย่ใู นสภำพดี ดําเนินชีวิตของประชากรและทรัพยากรตางๆ
หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหา
Renewal : การเสริมแต่งของเก่า เช่น กำรตกแต่งกระเป๋ำ เส้ือผ้ำเก่ำให้สวยงำมข้ึน
ขนั้ ประเมนิ
R7 และน�ำไปใชต้ อ่ ได้
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
กลำ่ วโดยสรปุ รอบตวั เรำมที รพั ยำกรธรรมชำตอิ ยมู่ ำกมำย ทรพั ยำกรบำงชนดิ ใชแ้ ลว้ หมดไป การรวมกนั ทํางาน และการนําเสนอผลงาน
บำงชนดิ ตอ้ งใชร้ ะยะเวลำในกำรฟน้ื ตวั และบำงชนดิ เปน็ ทรพั ยำกรทไ่ี มม่ วี นั หมด แตจ่ ำกกำรพฒั นำ
ในดำ้ นตำ่ ง ๆ ทง้ั ดำ้ นเกษตรกรรม อตุ สำหกรรม ตลอดจนกำรขยำยตวั ของเมอื ง ทำ� ใหท้ รพั ยำกร 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ
ธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มถกู ทำ� ลำยอยเู่ รอื่ ย ๆ ดงั นน้ั กำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกทรพั ยำกรธรรมชำตจิ งึ ตอ้ ง และแบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ิศาสตร ม.4-6
มีกำรจัดกำรทรัพยำกรที่เหมำะสมและกำรพัฒนำควำมรู้และเทคโนโลยี ใหม่ ๆ ตลอดจนอำศัย
ควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ำย จะช่วยให้ใช้ทรัพยำกรอย่ำงเกิดประโยชน์คุ้มค่ำมำกที่สุดและก่อให้เกิด 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
ผลเสยี ตอ่ สิง่ แวดลอ้ มนอ้ ยท่ีสดุ การเรยี นรทู ี่ 6 เรือ่ ง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
สงิ่ แวดลอมกบั การพฒั นาท่ยี ่ังยืน
251
กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล
ครมู อบหมายใหน กั เรยี นชว ยกนั ทาํ โครงการทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การ ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เร่ือง การจัดการ
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมในทองถ่ินหรือชุมชน ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มท่ีย่ังยนื ไดจ ากการตอบคําถาม การรวมกนั
ของตนเอง ท้ังในสวนของการแกไขปญหา การปองกัน และการ ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ
พัฒนาอยางถูกตองเหมาะสม โดยจัดทําแผนการดําเนินโครงการ ผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู
ใหครูตรวจพจิ ารณากอนนาํ ไปดําเนินการจรงิ แลวนาํ เสนอผลการ หนวยที่ 6 เร่ือง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมกับการพฒั นาที่ย่งั ยืน
ดําเนินโครงการหนาชั้นเรียน จากนั้นรวบรวมไวเปนแหลงการ
เรียนรูใ นโรงเรยี น หรือนาํ ออกเผยแพรแกช มุ ชน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดับคะแนน
ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเนื้อหา
2 การลาดบั ขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชกิ ในกล่มุ
รวม
ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ T261
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เฉลย คาํ ถามเนนการคดิ ค�าถามเนน้ การคดิ
1. เกิดจากการสะสมของแกสเรือนกระจก และ 1. ภำวะโลกร้อนเกดิ จำกสำเหตใุ ด ส่งผลกระทบตอ่ มนษุ ย์และสิง่ แวดล้อมอย่ำงไร
การเก็บกักความรอนในช้ันบรรยากาศท่ีเพ่ิม 2. กำรลดลงของปำ่ ดบิ ชนื้ แหลง่ ใหญข่ องโลก เชน่ บรเิ วณเกำะสมุ ำตรำ บรเิ วณลมุ่ นำ�้ แอมะซอน
สงู ขน้ึ สวนทางกบั ปรมิ าณปา ไมท ล่ี ดลง ทาํ ให สง่ ผลกระทบอยำ่ งไร
ภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอยางฉับพลัน 3. เ พรำะเหตใุ ดสตั วป์ ำ่ หลำยชนดิ ของไทยไดส้ ญู พนั ธ ์ุ หรอื อยู่ในภำวะเสย่ี งใกลส้ ญู พนั ธ ์ุ และควร
อุณหภูมิโดยเฉล่ียของโลกเพ่ิมสงู ขนึ้ เกิดการ
เปลยี่ นแปลงของระบบนเิ วศ เชน ไฟปา สตั วป า มีมำตรกำรหรอื แนวทำงกำรปฏิบตั เิ พ่ือแก้ปัญหำน้อี ย่ำงไร
ลมตาย การละลายของหิมะและน้ําแข็ง 4. ในปัจจุบันปริมำณกำรใช้น้�ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มข้ึน ในขณะท่ีปริมำณแร่เช้ือเพลิงมีจ�ำกัด
ข้ัวโลก ซ่ึงสงผลใหหมีขั้วโลกลดลงอยาง
รวดเร็ว ในขณะที่ประเทศเขตรอนเกิดภาวะ มแี นวทำงในกำรแกป้ ญั หำน้อี ยำ่ งไรบ้ำง
ขาดแคลนนํา้ เปน บริเวณกวาง 5. นักเรียนสำมำรถมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมอย่ำงย่ังยืนได้
2. ทาํ ใหพ ชื และสตั วห ลายชนดิ สญู พนั ธุ เนอื่ งจาก อย่ำงไรบ้ำง
ขาดแคลนอาหารและท่อี ยอู าศัย รวมถึงทาํ ให
เกิดภาวะโลกรอน เน่อื งจาก ขาดแหลงดดู ซบั กิจกรรมพฒั นาทกั ษะ
แกสคารบอนไดออกไซดจากชั้นบรรยากาศ
สงผลใหอณุ หภมู ิสูงข้ึน นา้ํ แขง็ ขัว้ โลกละลาย 1. เลือกสืบค้นข้อมูลสถำนกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมของไทยหรือของโลก
ระดบั นา้ํ ทะเลสงู ขึน้ และเกิดอทุ กภัยตามมา ตอ่ ไปน้ ี 1 ขอ้ โดยใชก้ ระบวนกำรทำงภูมิศำสตร์
• ภำวะโลกร้อน • ปำ่ ไมแ้ ละสัตวป์ ่ำ
3. เน่ืองจากเกิดการสูญเสียพ้ืนท่ีปาไมซ่ึงเปน • กำรใชท้ ีด่ ินและนำ�้ • แรแ่ ละแรพ่ ลงั งำน
แหลง ทอี่ ยแู ละอาหารของสตั วป า รวมถงึ มกี าร • อำหำร • กำรละลำยของน้ำ� แขง็ ขัว้ โลก
ลักลอบคาสัตวปาที่ผิดกฎหมายจํานวนมาก โดยวเิ ครำะหส์ ถำนกำรณ ์ สำเหตุกำรเปลยี่ นแปลง ผลกระทบ กำรป้องกันและแกป้ ัญหำ
จึงควรมีการกําหนดมาตรการปองกันการ อยำ่ งยงั่ ยนื จำกน้ันสรุปสำระสำ� คญั น�ำเสนอในชน้ั เรียน
บกุ รกุ พน้ื ทป่ี า กาํ หนดพนื้ ทป่ี า เพอ่ื การอนรุ กั ษ 2. อภิปรำยร่วมกันในช้ันเรียนเก่ียวกับกิจกรรมของมนุษย์ท่ีมีส่วนท�ำให้เกิดปัญหำส่ิงแวดล้อม
สัตวปา หรือฟนฟูและเพาะพันธุสัตวปาที่ วเิ ครำะหห์ ำสำเหต ุ ผลกระทบ และแนวทำงกำรจัดกำรเพอื่ ปอ้ งกนั และแก้ ไขปญั หำ จำกนั้น
หายากและใกลสูญพนั ธุ ช่วยกนั จัดทำ� โปสเตอรเ์ พื่อเผยแพร่ในโรงเรยี น
4. พัฒนาและสงเสริมใหมีการเลือกใชพลังงาน 252
ทดแทน หรือพลงั งานหมนุ เวยี นประเภทอืน่ ๆ
เชน พลังงานนํ้า พลังงานความรอนใตพิภพ
พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย พลังงาน
จากคล่ืนทะเล ท่ีนอกจากจะเปนพลังงานที่
สามารถหมุนเวียนได ยังเปนพลังงานที่เปน
มิตรกับสิ่งแวดลอมอกี ดว ย
5. ใหความรวมมือและปฏิบัติตามกฎหมาย
ห รื อ น โ ย บ า ย ที่ เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ ก า ร จั ด ก า ร
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ศึกษา
และนําแนวทางการผลิตและการบริโภคอยาง
ย่งั ยนื มาปรบั ใชใ นชีวิตประจาํ วัน เชน ซอ้ื และ
ใชสินคาและบริการท่ีเปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
ใชท รพั ยากรและพลงั งานอยา งประหยดั คมุ คา
หรอื หมุนเวยี นนาํ กลับมาใชใ หม
เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพัฒนาทกั ษะ
ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเร่ืองตางๆ โดยท่ัวไป
งานหรือชนิ้ งานใชเ วลาไมน าน งานสําหรับประเมินรปู แบบนอ้ี าจเปนคาํ ถามปลายเปด หรือผงั มโนทศั น นยิ มสาํ หรับประเมนิ ผเู รียนรายบุคคล
ประเมินความสามารถ
• เชน ความคลอ งแคลว ในการใชเ ครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร การแปลความหมายขอ มลู ทกั ษะการตดั สนิ ใจ ทกั ษะการแกป ญ หา งานหรอื ชนิ้ งานจะสะทอ นถงึ
ทกั ษะและระดับความสามารถในการนําความรไู ปใช อาจเปน การประเมนิ การเขยี น ประเมินกระบวนการทํางานทางภูมศิ าสตรตา งๆ หรอื การวิเคราะห
และการแกป ญ หา
ประเมินทักษะ
• มเี ปาหมายหลายประการ ผเู รยี นไดแสดงทักษะ ความสามารถทางภูมศิ าสตรตา งๆ ทซี่ ับซอ นข้นึ งานหรอื ช้ินงานมกั เปน โครงงานระยะยาว ซง่ึ ผเู รยี น
ตอ งมกี ารนําเสนอผลการปฏบิ ัตงิ านตอผูเก่ียวขอ งหรอื ตอสาธารณะ
ส่ิงท่ตี อ งคํานึงถงึ ในการประเมิน คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมท่ีผูเรยี นปฏิบตั ิ และผปู ระเมินควรกําหนดรายการประเมนิ และทกั ษะท่ตี องการประเมนิ ให
ชัดเจน
T262
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
บรรณานกุ รม
คณะกรรมการวิชาสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและชีวิต ศูนย์วิชาบูรณาการ หมวดวิชาศึกษาท่ัวไปมหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร.์ 2549. สง่ิ แวดล้อม เทคโนโลยแี ละชีวิต. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาเกษตรศาสตร์.
ภาควิชาปฐพวี ทิ ยา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 2548. ปฐพวี ิทยาเบอื้ งต้น. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร.์
ภาควชิ าภมู ศิ าสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคา� แหง.2535. ภมู ศิ าสตรเ์ ศรษฐกจิ . กรงุ เทพมหานคร :
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.
ชัชพล ทรงสุนทรวงศ.์ 2546. มนุษยก์ บั สิ่งแวดลอ้ ม. กรุงเทพมหานคร : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
ดาณุภา ไชยพรธรรม. 2537. สนึ าม-ิ แผน่ ดนิ ไหว ภัยใกลต้ วั . กรงุ เทพมหานคร : ยูโรปา เพรส.
ทิศนา แขมมณี 2557. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
เทพพรรณี เสตสบุ รรณ. (ม.ป.ป). ภัยพิบัตจิ ากธรรมชาติในเขตร้อน. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์.
นิวตั ิ เรอื งพานิช. 2528. การอนรุ ักษท์ รพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพมหานคร : เฉลิมชาญการพิมพ์.
นศิ ศา ศิลปเสรฐ. 2560. อตุ สาหกรรมการทอ่ งเท่ียว. กรงุ เทพมหานคร : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
ประสทิ ธ์ิ ทฆี พฒุ ิ และศภุ ฤกษ์ ตนั ศรรี ัตนวงศ.์ 2549. คมู่ ือเตือนภยั พิบัตทิ างธรรมชาต.ิ กรุงเทพมหานคร :
ดอกหญ้า กรุป๊ .
ปัญญา จารศุ ิริ และคณะ. 2557. ภูมศิ าสตร์กายภาพ. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพมิ พ.์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์. 2548. เอกสารการสอนชุดวิชา
นเิ วศวิทยาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช.
มาตรินี รกั ษ์ตานนทช์ ยั และคณะ. 2557. ภูมิศาสตรม์ นุษย.์ กรงุ เทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์.
ราชบณั ฑติ ยสถาน. 2549. พจนานกุ รมศพั ทภ์ มู ศิ าสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 4 (แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ).
กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑติ ยสถาน.
_______. 2549. พจนานกุ รมชอื่ ภมู ศิ าสตรส์ ากล เลม่ 1(อกั ษรA-L) ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพมหานคร:
ราชบณั ฑติ ยสถาน.
_______. 2550. พจนานกุ รมชอื่ ภมู ศิ าสตรส์ ากล เลม่ 2(อกั ษรM-Z) ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพมหานคร:
ราชบณั ฑติ ยสถาน.
_______. 2557. อกั ขรานกุ รมภมู ศิ าสตรไ์ ทย เลม่ 1 ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รงั้ ที่5. กรงุ เทพมหานคร :
ราชบณั ฑติ ยสถาน.
_______. 2558. พจนานกุ รมศพั ท์ธรณวี ิทยา. พมิ พค์ ร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : ราชบัณฑติ ยสถาน.
วิโรจน์ เอยี่ มเจริญ และคณะ. (ม.ป.ป). Aksorn Thailand Atlas. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์.
ศึกษาธกิ าร, กระทรวง. 2543. ภูมศิ าสตร์ประชากร. กรุงเทพมหานคร : ศนู ยพ์ ฒั นาหนังสอื กรมวิชาการ.
สากล สถติ วทิ ยานนั ท.์ 2555. ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการจดั การ. กรงุ เทพมหานคร: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์
สริ พิ ร เกรยี งไกรเพชร และคณะ. 2559. ภูมศิ าสตรเ์ ทคนคิ . กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์.
สิรวิ รรณ ศรีพหล. 2552. การจัดการเรยี นการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม.
นนทบรุ ี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.
สมยศ วัฒนากมลชยั . 2554. ภมู ศิ าสตรก์ ารทอ่ งเทยี่ ว. ปทมุ ธานี : มหาวิทยาลัยกรงุ เทพ.
253
T263
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
สคุ นธ์ สนิ ทพานนท.์ 2552. สดุ ยอดวธิ สี อนสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม น�าไปสกู่ ารจดั การเรยี นการสอน
ของครูยคุ ใหม่. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจรญิ ทัศน์.
สุรภี อิงคากุล. 2548. การวเิ คราะห์ข้อมลู จากระยะไกล. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
ส�านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). 2552. ต�าราเทคโนโลยีอวกาศและ
ภมู สิ ารสนเทศ. กรงุ เทพมหานคร : อัมรินทร์พรินตง้ิ แอนดพ์ ับลชิ ชิ่ง.
ส�านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). 2553. สมดุ ภาพแผนทปี่ ระเทศไทย
จากดาวเทยี ม. กรงุ เทพมหานคร : อมั รนิ ทรพ์ รนิ้ ตงิ้ แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ .
Dorling Kindersley, Inc. 2016. Concise World Atlas. 7th. London: DK Publishing (Dorling
Kindersley).
Fabritius, Heidi. et al. Maa Elaฺ ฺmaฺ ฺn Planeetta. Helsinki: Otava.
Harrison, James and Mcrae, Anne. 2008. Children’s World Atlas. Florence: Anne McRae,
Marco Nardi.
Janssen, Sarah. 2016. The World Almanac and Book of Fact 2017. Indiana: LSC communications.
Kaplan, David H. and Monmonier, Mark. 2006. Perthes World Atlas. Gotha: Klett - Perthes Verlag.
Pask, Raymond, Peters, Andrew and Yu Sandra. 2017. All About Geography Elective. Singapore:
Hachettle Singapore Pte Ltd.
Strahler, Arthur N. 1975. Physical Geography. Fourth Edition. New York: John Wiley and Sons.
สือ่ ขอ้ มลู อเิ ล็กทรอนิกส์
การทอ่ งเทย่ี วและกฬี า, กระทรวง. สถติ นิ กั ทอ่ งเทย่ี วชาวตา่ งชาตทิ เี่ ดนิ ทางเขา้ ประเทศไทย ปี2560 (ออนไลน)์ .
สืบค้นเมือ่ 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2561. จาก http://www.mots.go.th/more_news.php?cid=465&filename
=index
ทรพั ยากรธรณ,ี กรม. แนวทางการลดความเสยี่ งภยั สนึ ามขิ องประเทศไทย. (ออนไลน)์ . สบื คน้ เมอ่ื 3 กรกฎาคม
2561. จาก http://www.dmr.go.th/download/TSUNAMI_RISK_TH.pdf
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม, กระทรวง. รายงานสถานการณม์ ลพษิ ของประเทศไทย พ.ศ.2559. (ออนไลน)์ .
สบื คน้ เมอื่ 3 กรกฎาคม2561. จากhttp://infofile.pcd.go.th/mgt/Thailand_state_pollution2017%20
Thai.pdf?CFID=1448694&CFTOKEN=37204735
บญั ชา ธนบุญสมบตั .ิ พายงุ วงช้างในประเทศไทย. (ออนไลน์). สบื คน้ เมือ่ 25 ตุลาคม 2561. จาก https://
www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/295_66.pdf
พัฒนาท่ีดนิ , กรม. การใชท้ ดี่ ินของประเทศไทย. (ออนไลน)์ . สบื ค้นเม่อื 25 ตลุ าคม 2561. จาก http://www.
ldd.go.th/www/lek_web/web.jsp?id=18671
ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์. แหล่งน�้า. (ออนไลน์). สืบค้นเม่ือ 30 มกราคม 2561.
จาก http://www.lesa.biz/earth/hydrosphere/water-resources
Mark Fonstad. IMAGES OF WISCONSIN. (online). Retrieved October 25, 2018. From https://blogs.
uoregon.edu/fonstad/images-of-wisconsin/
Population Reference Bureau. 2017 World Population Data Sheet. (online). Retrieved January 20,
2018. Available http://www.prb.org/pdf17/2017_World_Population.pdf
254
T264