The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kasmiran.yng, 2020-05-28 07:36:33

ภูมิศาสตร์ ม.4-6

ภูมิศาสตร์ ม.4-6

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 5.2) ผลกระทบของวิกฤตการณ์ขยะและของเสยี อันตราย ทส่ี �ำคญั มีดงั น้ี
1. มีสารพิษปนเปื้อนสู่ส่ิงแวดล้อม ของเสียอันตรำยบำงอย่ำง เช่น
ขัน้ ที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมูล ถำ่ นไฟฉำย หลอดไฟ แบตเตอร่ีโทรศัพท์เคล่ือนท่ี มสี ำรโลหะหนกั บรรจอุ ย ู่ เมอื่ ปนเปอ้ื นสดู่ นิ
และนำ้� สง่ ผลเสยี ตอ่ ระบบนเิ วศ และจะเป็นอันตรำยเม่ือเข้ำสู่ร่ำงกำยของมนุษย์และสะสมปริมำณ
15. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เก่ียวกับ มำกข้ึนเป็นเวลำนำน
การคัดแยกขยะมูลฝอย จากหนังสือเรียน 2. เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เช้ือโรค ขยะมูลฝอยที่มีเศษอำหำรปะปนและเหลือ
ภมู ศิ าสตร ม.4-6 และวิเคราะหข อมลู รวมกนั ตกคำ้ ง เปน็ แหล่งเพำะพันธุข์ องแมลงสำบ แมลงวัน และหนู ซึ่งเป็นสตั ว์พำหะนำ� โรค
3. ท�าให้แหลง่ นา�้ เน่าเสยี ขยะมลู ฝอยประเภทอนิ ทรีย ์ เมื่อถูกทิง้ ปนเปื้อน
16. ครูใหนักเรียนรวมกันนําเสนอแนวทางแกไข
วกิ ฤตการณเ กย่ี วกบั ขยะและของเสยี อนั ตราย
เพิ่มเติม และนําขอมูลท่ีไดมาอภิปรายสรุป
รว มกนั

ลงสูแ่ หลง่ นำ�้ จะถกู จุลินทรีย์ในน�้ำยอ่ ยสลำยท�ำให้ออกซิเจนในนำ้� ลดลง สง่ ผลให้น�้ำเน่ำเสยี
4. ท�าให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและสังคม ของเสียอันตรำยที่ติด
ไฟงำ่ ยหรอื มสี ว่ นประกอบของสำรทตี่ ดิ ไฟงำ่ ยหรอื สำรไวไฟ ทำ� ใหเ้ กดิ ไฟไหมไ้ ดห้ ำกเกบ็ ไวใ้ กลไ้ ฟ
หรอื ในทที่ ม่ี อี ณุ หภมู สิ งู มำก ๆ หรอื ของเสยี อนั ตรำยทมี่ ฤี ทธเิ์ ปน็ กรดหรอื ดำ่ ง ทำ� ใหเ้ กดิ กำรกดั กรอ่ น
เสียหำยต่อวัสดุ ต่อเนื้อเยื่อของร่ำงกำยมนุษย์ ตลอดจนเกิดควำมเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม
ซึง่ จะสง่ ผลกระทบทำงออ้ มทำ� ใหเ้ กิดปัญหำทำงสังคมดว้ ย
5.3) แนวทางแก้ไขวกิ ฤตการณข์ ยะและของเสยี อนั ตราย มดี งั น้ี
1. คัดแยกประเภทของขยะและของเสียอันตราย ท�ำให้ง่ำยต่อกำรเก็บ
และกำรทำ� ลำย ชว่ ยลดขยะในระบบ และลดปัญหำดำ้ นสงิ่ แวดลอ้ ม
2. น�าขยะมารีไซเคิล โดยกำรแปรสภำพและหมนุ เวยี นกลับมำใช้ใหม่ เชน่
ประเทศสงิ คโปรส์ ำมำรถนำ� ขยะไปผลิตกระแสไฟฟำ้ ได้มำกถงึ 56 เมกะวตั ตต์ อ่ วัน ประเทศสวีเดน
น�ำขยะมำใช้ประโยชน์ในกำรผลติ พลังงำน
3. ใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี หมาะสม เพอื่ ลดกำรเคลอ่ื นยำ้ ยขยะตดิ เชอื้ เนน้ หลกั กำร
ก�ำจดั ทแี่ หล่งก�ำเนิด เช่น เทคโนโลยกี ำรทำ� ลำยเชอ้ื ด้วยไอน�้ำ ณ แหล่งก�ำเนดิ
4. เลอื กซอื้ เลอื กใชส้ นิ คา้ ทเี่ ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ ใชส้ นิ คำ้ ฉลำกเขยี ว
เช่น ถำ่ นไฟฉำยสตู รไมผ่ สมสำรปรอท ตู้เย็นฉลำกเขยี ว สอี มิ ัลชนั สตู รลดสำรพษิ หรือใชส้ ำรสกัด
จำกธรรมชำติหรือสมนุ ไพรแทนกำรใช้สำรเคมีทสี่ งั เครำะห์ขึ้น

GTeipo การคดั แยกขยะมลู ฝอย1
กำรจดั กำรขยะมลู ฝอย จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ำรคดั แยกขยะประเภทตำ่ ง ๆ เพอ่ื นำ� กลบั ไปใชป้ ระโยชน์ใหม ่
และงำ่ ยต่อกำรกำ� จดั ดงั น้ี
ขยะอนั ตราย/ขยะพษิ ขยะท่ัวไป ขยะรีไซเคิล ขยะยอ่ ยสลายได้
• ถ่ำนไฟฉำย • ถุงพลำสติก • ขวดแก้ว • เศษอำหำร
• หลอดไฟ • ซองขนมขบเคี้ยว • กระดำษ • เศษผัก เปลือกผลไม้
• แบตเตอร่ ี ฯลฯ • กลอ่ งโฟม ฯลฯ • กระปอ๋ งเครอื่ งดม่ื ฯลฯ • ใบไม้ ฯลฯ

232

นักเรียนควรรู กิจกรรม เสรมิ สรางคุณลักษณะอันพึงประสงค

1 การคัดแยกขยะมูลฝอย ในการจัดการขยะมูลฝอยจําเปนตองมีระบบ นักเรียนแบงกลุมเสนอแนวทางการจัดการขยะมูลฝอย
การคัดแยกขยะประเภทตางๆ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อนํากลับไปใชประโยชน อยา งครบวงจร เพ่อื ลดปรมิ าณขยะมูลฝอยในชุมชน และสามารถ
ไดใหม สามารถทาํ ไดตัง้ แตแ หลงกาํ เนิด โดยจดั วางภาชนะรองรบั ขยะมูลฝอย นาํ ขยะมลู ฝอยมาใชประโยชน ทง้ั การใชซํ้า หรอื นาํ กลบั มาใชใหม
ใหเหมาะสม และแบงแยกประเภทของถังหรือภาชนะใหชัดเจนตามสีตางๆ โดยนาํ เสนอวิธกี ารดําเนนิ งาน ดังน้ี
โดยมีถุงบรรจใุ นถังเพอ่ื ความสะดวกและขยะไมต กหลนหรอื แพรกระจาย
• การลดปริมาณการผลติ ขยะมูลฝอย
• การจัดระบบการรีไซเคลิ
• การคัดแยก เก็บรวบรวม และการขนสงขยะมลู ฝอย
• การกําจัด

T242

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

1.3 การเปล่ียนแปลงความหลากหลายทางชีวภาพ ขน้ั สอน

ปจั จบุ นั สง่ิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศทง้ั ผผู้ ลติ ผบู้ รโิ ภค และผยู้ อ่ ยสลำยทวั่ โลกกำ� ลงั ลดจำ� นวนลง ขั้นที่ 5 การสรปุ เพือ่ ตอบคําถาม
ในอตั รำท่สี งู กว่ำทเี่ คยเป็นมำในอดตี และมแี นวโนม้ เพม่ิ สูงข้ึนเรอื่ ย ๆ ในอนำคต เมื่อระบบนเิ วศ
ถกู ท�ำลำยจนเสยี สมดลุ สง่ ผลใหค้ วำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพลดลงอยำ่ งรวดเร็ว 1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
สําคญั เพื่อตอบคาํ ถามเชิงภูมศิ าสตร
1) สถานการณก์ ารเปลยี่ นแปลงความหลากหลายทางชวี ภาพ ปจั จบุ นั โลกกำ� ลงั
2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.1 เรื่อง
สูญเสียสตั วแ์ ละพืชในปำ่ เขตร้อนอยำ่ งนอ้ ย 27,000 ชนดิ ตอ่ ปี หรือส่งิ มชี ีวติ สูญพันธ์ุไปจำกโลกน้ี สถานการณการเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากร
ประมำณ 3 - 4 สปีชีส์ต่อชั่วโมง เพรำะเขตภูมิอำกำศเขตร้อนเป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์ มีควำม ธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม
หลำกหลำยทำงชีวภำพมำก แต่เม่ือใดท่ีควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพถูกท�ำลำยแล้วก็จะฟื้นฟ ู
ให้กลับสู่ควำมอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิมได้ยำกเช่นกัน สำเหตุหลักมำจำกกำรสูญเสียที่อยู่อำศัย 3. ค รู ใ ห  นั ก เ รี ย น ทํ า แ บ บ ฝ  ก ส ม ร ร ถ น ะ ฯ
ตำมธรรมชำติ เน่ืองจำกกำรขยำยตัวของประชำกรโลกและกิจกรรมทำงเศรษฐกิจของมนุษย์ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่องสถานการณ
นอกจำกในป่ำเขตร้อนแล้วควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพในระบบนิเวศอื่น ๆ ก็ก�ำลังลดลงเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและ
เชน่ ในแนวปะกำรงั พนื้ ที่ชุ่มนำ้� บนเกำะหรอื บนภเู ขำ สงิ่ แวดลอม โดยครูแนะนาํ เพ่มิ เตมิ
ประเทศไทยมีนักวิชำกำรประมำณชนิดของสิ่งมีชีวิตว่ำมีอยู่ถึงร้อยละ 7 ของชนิด
สงิ่ มชี วี ติ ทง้ั หมดในโลก ซงึ่ มปี ระมำณ 5 ลำ้ นชนดิ โดยเปน็ พชื ประมำณ 15,000 ชนดิ สตั วป์ ระมำณ
16,000 ชนิด แต่ปัจจุบันทรัพยำกรธรรมชำติและพ้ืนที่ป่ำไม้ในประเทศไทยลดลงอย่ำงรวดเร็ว
ในช่วง 30 - 40 ปีทีผ่ ่ำนมำ จำกเดมิ ร้อยละ 70 ของพน้ื ท ่ี เหลอื รอ้ ยละ 25 สำเหตุสว่ นใหญม่ ำจำก
กำรกระทำ� ของมนษุ ย ์ เพรำะกำรเพม่ิ ขนึ้ ของประชำกรมนษุ ย ์ ทำ� ใหม้ กี ำรบกุ รกุ ทำ� ลำยปำ่ ไม ้ สง่ ผลให ้
สัตว์ป่ำตอ้ งสญู เสยี แหล่งที่อยอู่ ำศยั หรอื อพยพ และหลำยชนดิ ไดส้ ูญพนั ธ์ุไปจำกประเทศไทย เช่น
สมัน กูปรีหรือโคไพร

 กำรบุกรกุ ท�ำลำยพ้ืนทป่ี ำ่ ไม้ สำเหตหุ ลกั ของกำรสญู เสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ

233

กิจกรรม สรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู

นกั เรยี นรว มกนั เสนอแนวทางการจดั การความหลากหลายทาง ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับสถานการณความหลากหลายทางชีวภาพของ
ชีวภาพ เพื่อใหเกิดการอนุรักษและการใชประโยชนอยางยั่งยืน ประเทศไทยวาเปนพ้ืนท่ีที่มีจํานวนและชนิดพันธุพืชและพันธุสัตวท่ีหลากหลาย
ท้ังทางตรงและทางออม เชน การสรางความตระหนักและ เน่ืองจากมีพื้นที่ปาไมและทิวเขาอันเปนรอยตอกับพื้นท่ีขางเคียง และเชื่อมตอ
ปลูกจิตสํานึกใหแกประชาชน การใหความรูเกี่ยวกับการใช กับแมน ้ําโขง อา วไทย และทะเลอนั ดามัน จึงไดร ับการจัดลําดบั ใหเปนหนง่ึ ใน
ทรัพยากรธรรมชาติอยางเหมาะสม โดยครูเปดโอกาสใหนักเรียน ประเทศทม่ี คี วามหลากหลายทางชวี ภาพสงู แตป จ จบุ นั ทรพั ยากรธรรมชาตขิ อง
ไดเ สนอความคิดเห็นอยา งหลากหลาย และนํามาอภปิ รายรวมกนั ประเทศถูกคุกคามอยางตอเน่ืองจากการใชประโยชนมากเกินไป การคุกคาม
ในชน้ั เรยี น แหลง อาศยั การนําสตั วตา งถิ่นเขามา การถมพืน้ ทชี่ ุม น้าํ เหลา นี้ลว นเปนปจ จัย
ที่ทาํ ใหค วามหลากหลายทางชีวภาพของประเทศลดลงอยา งตอ เนือ่ ง

T243

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

ขน้ั สรปุ 2) ปจจัยทีท่ า� ให้เกิดการเปลย่ี นแปลงความหลากหลายทางชวี ภาพ มีดงั นี้

ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู ตลอดจน 2.1) การเพม่ิ ของจา� นวนประชากรและการกระจายตวั ของประชากร ทำ� ใหเ้ กดิ กำร
การใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร และเครื่องมือ รกุ ลำ�้ เขำ้ ไปในพนื้ ทท่ี ม่ี คี วำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพสงู ซงึ่ สง่ ผลกระทบตอ่ ควำมสมดลุ ของระบบนเิ วศ
ดานเทคโนโลยีในการสืบคนเก่ียวกับสถานการณ 2.2) การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภมู อิ ากาศของโลก โดยเฉพำะภำวะโลกร้อนทม่ี ี
การเปล่ียนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและ ผลกระทบต่อกำรเจริญเติบโตของสง่ิ มีชีวติ ทำ� ให้ส่งิ มชี วี ติ หลำยชนิดสญู พันธุ์
ส่ิงแวดลอม หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของ 2.3) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง ส�ำหรับกำรด�ำรงชีวิตและเพ่ือ
เน้ือหา ผลประโยชน์ทำงกำรคำ้ เช่น กำรค้ำไม้และสตั วป์ ำ่ อย่ำงผิดกฎหมำย
2.4) การเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กำรทิ้งขยะมูลฝอยลงแม่น�้ำล�ำคลอง
ขนั้ ประเมนิ กำรปล่อยควนั พิษหรอื ของเสียจำกโรงงำนอุตสำหกรรม
2.5) ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยชี วี ภาพ (biotechnology) ดำ้ นกำรตดั ตอ่ หนว่ ย
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม พันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ (Genetically Modified Organisms: GMOs) หรือพันธุวิศวกรรม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน (genetic engineering) ส่งผลให้เกดิ กำรสูญเสยี ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ
หนาช้นั เรยี น
แผนทีแ่ สดงการสญู เสยี ความหลากหลายทางชวี ภาพ
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร ม.4-6 80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ 80 Nํ

60 Nํ 60 Nํ

40 Nํ 40 Nํ

20 Nํ 20 Nํ

0ํ 0ํ

20 Sํ 20 Sํ

40 Sํ 40 Sํ

N 60 Sํ อัตราการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ 60 Sํ

1 : 250,000,000 80 Sํ 1% 2% 3% 4% 5% 80 Sํ 0 2000 4000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ

ทมี่ า : Ecology: The effect of conservation spending (2016)

จำกแผนท ี่ พนื้ ทที่ มี่ กี ำรสญู เสยี ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ สว่ นใหญเ่ กดิ ในพนื้ ทท่ี มี่ กี ำร
ตัดไม้ท�ำลำยป่ำเป็นจ�ำนวนมำก โดยเฉพำะประเทศอินโดนีเซีย มีกำรตัดไม้ท�ำลำยป่ำในบริเวณ
เกำะสุมำตรำ รวมถึงปัญหำไฟป่ำ ส่งผลให้เกิดกำรสูญเสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ เช่น
กำรลดจ�ำนวนลงของชำ้ งสมุ ำตรำ แรดสมุ ำตรำ จนเสย่ี งตอ่ กำรสญู พนั ธ ์ุ ในขณะทป่ี ระเทศอนิ เดยี
สัตว์ที่หำยำกถูกคุกคำม เช่น เสือโคร่งเบงกอล สิงโตอินเดีย นอกจำกน้ี ยังมีกำรสูญเสีย
ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพยังเกิดขึ้นมำกในประเทศออสเตรเลีย จีน สหรัฐอเมริกำ บรำซิล
และทวปี ยโุ รป
234

แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม Geo-Literacy

ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เรื่อง สถานการณการ ครนู าํ ภาพหรอื ขา วเกย่ี วกบั การจดั การสงิ่ กอ สรา ง เชน ทพ่ี กั ตาก
เปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ไดจากการตอบคําถาม อากาศ สวนสัตว และชุมชนท่บี ุกรุกพืน้ ท่ีปา เพ่อื การอนุรักษตา งๆ
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ การสรางท่ีพักตากอากาศในพ้ืนท่ีอุทยานแหงชาติของนายทุน
การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบมาทาย หรือของหนวยงานท่ีเกี่ยวของ มาใหนักเรียนพิจารณารวมกัน
แผนการจดั การเรยี นรูหนว ยท่ี 6 เร่ือง ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มกบั แลวตง้ั ประเด็นอภปิ รายท่ีชว ยพฒั นาทกั ษะการคดิ เชน
การพัฒนาท่ยี ่งั ยนื
• การอนรุ กั ษป า ไมโ ดยการบงั คบั ใชก ฎหมายหรอื สรา งจติ สาํ นกึ
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน • แนวทางการอยรู วมกันระหวา งคนกบั ปา
นกั เรยี นสรปุ ผลการอภปิ รายเพอื่ ใหเ ขา ใจสถานการณก ารบกุ รกุ
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี พนื้ ทปี่ า ในประเทศไทย ทง้ั นาํ ไปสกู ารสรา งจติ สาํ นกึ ในการมสี ว นรว ม
ตรงกับระดับคะแนน ในการอนุรักษปา

ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32

1 ความถูกต้องของเนื้อหา
2 การลาดับขน้ั ตอนของเร่ือง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม

รวม

ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

T244 ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

นาํ นาํ นาํ สอสนอน สรสปุ รปุ ปรปะรเมะเนิ มนิ

2 มาตรการป้องกนั และแก ้ ไขปัญหาทรพั ยากรธรรมชาติ ขน้ั นาํ (5Es Instructional Model)
และสง่ิ แวดลอ้ ม
ขั้นที่ 1 กระตนุ ความสนใจ
ปญั หำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม สว่ นใหญเ่ กดิ จำกกำรกระทำ� ของมนษุ ยท์ งั้ ทำงตรง
และทำงออ้ ม มำกกวำ่ เกดิ จำกกำรกระท�ำของธรรมชำต ิ ดงั นน้ั กำรแก ้ไขปญั หำจงึ ตอ้ งดำ� เนนิ กำร 1. ครแู จง ชื่อเรอ่ื งที่จะเรียนรู และผลการเรียนรู
โดยมนษุ ยเ์ อง มำตรกำรปอ้ งกนั และแก ้ไขปญั หำ มดี งั น้ี 2. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนขาวที่

2.1 การพฒั นาทีย่ ่งั ยืน เกี่ยวของกับปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอม เชน ขาวการลักลอบตัดไม ขาว
กำรพัฒนำส่ิงแวดล้อมที่ย่ังยืน หมำยถึง กำรพัฒนำทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม การลาสัตวในเขตปาหวงหาม ฯลฯ จากน้ัน
โดยค�ำนึงถึงควำมเสียหำย มีกำรป้องกันปัญหำท่ีเกิดแก่ส่ิงแวดล้อมหรือก่อให้เกิดควำม วเิ คราะหป ระเดน็ ปญหาจากขา วรวมกนั
เสียหำยนอ้ ยทส่ี ดุ โดยคำ� นงึ ถงึ ควำมตอ้ งกำรพน้ื ฐำนของประชำกรในประเทศดว้ ย ปจั จบุ นั องคก์ ำร 3. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น
สหประชำชำตไิ ด้เผยแพร่ “เป้ำหมำยกำรพัฒนำท่ียั่งยืน” (Sustainable Development Goals: เช่ือมโยงความเกี่ยวของของขาวที่ไดจากการ
SDGs) ท่ีประชำคมโลกตกลงร่วมกันที่จะใช้เป็นกรอบในกำรด�ำเนินงำนด้ำนกำรพัฒนำ ต้ังแต่ สบื คนกบั แนวทางการพัฒนาทีย่ ่ังยืน
เดือนกันยำยน พ.ศ. 2558 - สิงหำคม พ.ศ. 2573 ครอบคลุมระยะเวลำ 15 ปี โดยมีเปำ้ หมำย
17 ขอ้ ดงั นี้

ขจัดความ ขจัดความ การมีสุขภาพ การศึกษา ความเท่าเทยี ม
ยากจน หิวโหย และความ ทีม่ ีคณุ ภาพ ทางเพศ
เปน็ อย่ทู ี่ดี

น้า� สะอาดและ พลงั งานสะอาด งานที่มีคุณค่า อตุ สาหกรรม ลดความ
สุขาภบิ าล และจ่ายได้ เศรษฐกิจที่ นวตั กรรม เหลื่อมล�้า
เตบิ โต โครงสร้างพืน้ ฐาน

เมืองและ การผลิตและ
ชุมชนยัง่ ยืน บริโภคท่ี
รับผิดชอบ

การรับมอื กับ นิเวศทางทะเล ระบบนเิ วศ สนั ตภิ าพและ ห้นุ สว่ นเพื่อ
Climate และมหาสมุทร บนบก สถาบันเขม้ แข็ง การพัฒนา
Change

235

ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET บูรณาการอาเซียน

ประเทศใดตอไปน้ีนาจะมีปญหาสิ่งแวดลอมมากท่ีสุดตาม อาเซียนไดดําเนินงานดานสิ่งแวดลอมอยางตอเน่ืองมาโดยตลอด โดยมี
หลกั การจดั การสิง่ แวดลอม การดําเนินงานที่สอดคลองหรือเก่ียวของกับความตกลงระหวางประเทศทั้งใน
ระดบั ภมู ภิ าค และสนธสิ ญั ญาระหวา งประเทศในเรอื่ งทเี่ กย่ี วขอ งกบั สงิ่ แวดลอ ม
1. ประเทศ ก มีพน้ื ทีน่ อ ย แตม ีที่ตงั้ เหมาะเปน เมืองทา เชน ความตกลงอาเซยี นวา ดว ยมลพษิ และหมอกควัน อนสุ ญั ญาสตอกโฮลมวา
2. ประเทศ ข มีประชากรมาก แตสว นใหญไมไดร ับการศึกษา ดวยสารมลพิษที่ตกคางยาวนาน และยังมีการดําเนินงานดานส่ิงแวดลอมเพื่อ
“สง่ิ แวดลอมที่ย่งั ยืนของอาเซียน” ตามแผนงานประชาคมอาเซยี น
ที่มีคุณภาพ
3. ประเทศ ค มีทรัพยากรนอย แตหลากหลายประเภทและ T245

กระจายอยทู ั่วประเทศ
4. ประเทศ ง มีทรัพยากรนอย แตมีการสํารวจเพ่ิมและหา

สงิ่ ทดแทนการใชทรพั ยากร
5. ประเทศ จ มีทรพั ยากรมาก แตไมหลากหลาย ตอ งพึง่ พา

การนําเขาทรัพยากรจากตา งประเทศ
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เน่ืองจากหลักการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมรวมถึงการพัฒนาท่ียั่งยืน
เนนเรอ่ื งคุณภาพของประชากรในประเทศเปน สาํ คัญ)

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ เปา้ หมายการพฒั นาทยี่ งั่ ยนื ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ดังนี้

ขน้ั ที่ 1 กระตุนความสนใจ เป้าหมายข้อท่ี จดุ มุ่งหมาย แนวทางดา� เนินการ

4. ครูนําภาพขาวเกี่ยวกับบทบาทในการดูแล น้ำ� สะอำดและ • ใหท้ กุ คนมนี า้� ดมื่ ทป่ี ลอดภยั และเขา้ ถงึ • ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศและ
รกั ษาสงิ่ แวดลอ มของหนว ยงานทเ่ี กย่ี วขอ งและ สุขำภบิ ำล สุขอนามยั ท่พี อเพยี งและเปน็ ธรรม เสรมิ สรา้ งขดี ความสามารถใหแ้ กป่ ระเทศ
องคกรตางๆ ท้ังในประเทศและตางประเทศ • ยกระดบั คณุ ภาพนา้� ดา� เนนิ การบรหิ ารจดั การ ก�าลังพัฒนาในกิจกรรมและแผนงาน
มาใหนักเรียนดู เชน การร้ือถอนสิ่งกอสราง ทรพั ยากรน้�าแบบองคร์ วมในทุกระดบั เกย่ี วกบั นา�้ และสขุ อนามยั รวมถงึ การใช้
ที่รุกลํ้าพ้ืนท่ีปาเพื่อการอนุรักษของเจาหนาที่ • ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศท่ีเกี่ยวข้องกับ นา้� อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การจดั การนา�้ เสยี
กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ชแหนั้ ลหง่ ินนอา้� ุม้ รนวมา้� 1 ถแงึ ลภะเู ขทาะ เปลา่ สไมาบ ้ พนื้ ทชี่ มุ่ นา้� แมน่ า�้ เทคโนโลยีการนา� นา้� กลบั มาใชใ้ หม่
การพัฒนาแนวทางการอยูรวมกันระหวาง
ปาอนุรักษกับชาวบานในชุมชนบริเวณผืนปา พลังงำนสะอำด • ให้ทุกคนเข้าถึงการบริการพลังงานสมัยใหม่ • ยกระดบั ความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศใน
ภาคตะวันตกของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และ และจ่ำยได้ ในราคาทส่ี ามารถซอ้ื หาได้ การเขา้ ถงึ การวจิ ยั และเทคโนโลยพี ลงั งาน
การลงนามในพธิ สี ารเกยี วโต (Kyoto Protocol) • เพิม่ สัดส่วนของพลงั งานทดแทนในการผสม ทสี่ ะอาด
ของประเทศตางๆ เพื่อรวมกันลดการปลอย ผสานการใชพ้ ลงั งานของโลก • ขยายโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนา
แกสเรือนกระจกข้ึนสูบรรยากาศ จากนั้นให • เพ่ิมอัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ เทคโนโลยีส�าหรับจัดส่งบริการพลังงาน
นักเรียนบอกชื่อหนวยงานและองคกรทาง พลงั งานของโลกใหเ้ พม่ิ ขน้ึ 2 เทา่ สมยั ใหมแ่ ละยงั่ ยนื ในประเทศกา� ลงั พฒั นา
สงิ่ แวดลอ มและกจิ กรรมของหนว ยงานนนั้ ๆ ท่ี
นักเรียนทราบเพิม่ เตมิ กำรรับมือกบั • เสริมสร้างภูมิต้านทานในการปรับตัวต่อ • ดา� เนนิ การใหเ้ กดิ ผลตามพนั ธกรณี
Climate อนั ตรายและภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตทิ เี่ กยี่ วขอ้ ง ในอนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ย
5. ครูใหนักเรียนเชื่อมโยงความสัมพันธบทบาท Change กบั ภมู อิ ากาศ การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ
ในการดูแลรักษาสิ่งแวดลอมของหนวยงาน
ตางๆ กับเปาหมายการพัฒนาที่ย่ังยืนของ • พฒั นาการศกึ ษา สรา้ งความตระหนกั รใู้ นการ • เพิ่มขีดความสามารถในการวางแผน
องคการสหประชาชาติวามีความเก่ียวของกัน ลดปัญหาการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการที่เก่ียวข้องกับ
หรือไม อยา งไร การปรบั ตวั การลดผลกระทบ และการเตอื น การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศอยา่ งมี
ภยั ลว่ งหนา้ ประสทิ ธผิ ลในประเทศพฒั นานอ้ ยทสี่ ดุ

นเิ วศทำงทะเล • ปอ้ งกนั และลดมลพษิ ทางทะเลทกุ ประเภท • เพม่ิ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร ์ พฒั นางาน
และมหำสมุทร • บรหิ ารจดั การและปกปอ้ งระบบนเิ วศทางทะเล วจิ ยั และถา่ ยทอดเทคโนโลยที างทะเล
และชายฝง่ั เพอ่ื หลกี เลยี่ งผลกระทบทางลบ • เพมิ่ พนู การอนรุ กั ษแ์ ละการใชม้ หาสมทุ ร
• อนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งอย่างน้อย และทรพั ยากรอยา่ งยง่ั ยนื
ร้อยละ 10 ให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่าง • จดั ใหม้ กี ารเขา้ ถงึ ทรพั ยากรทางทะเลและ
ประเทศและภายในประเทศ ตลาดสา� หรบั ชาวประมงพน้ื บา้ นรายเลก็

ระบบนิเวศ • ปกปอ้ ง ฟน้ื ฟ ู และสนบั สนนุ การใชร้ ะบบนเิ วศ • ระดมและเพมิ่ เงนิ ทนุ เพอื่ การอนรุ กั ษแ์ ละ
บนบก บนบกอยา่ งยงั่ ยนื การใชค้ วามหลากหลายทางชวี ภาพและ
• ส่งเสริมการบริหารจัดการป่าไม้ทุกประเภท ระบบนเิ วศอยา่ งยง่ั ยนื
อย่างย่ังยืน ฟื้นฟูท่ีดินที่เส่ือมโทรมให้ฟื้น • เพิ่มพูนการสนับสนุนในระดับโลกท่ีจะ
สภาพกลบั มาใหม ่ และหยดุ การสญู เสยี ความ ต่อต้านการล่าและการเคล่ือนย้ายชนิด
หลากหลายทางชวี ภาพ พันธ์ุคุม้ ครอง รวมถงึ เพมิ่ ความรว่ มมือ
ของชมุ ชนทอ้ งถนิ่

236

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET
การปฏิบัติตนเพ่ือการอนุรักษและพัฒนาคุณภาพส่ิงแวดลอม
1 ชั้นหินอุมนํ้า ชั้นหินที่มีสมบัติยอมใหน้ําซึมเขาไดโดยงาย เน่ืองจากมี ทาํ ไดหลายวิธี ยกเวน ขอ ใด
ชอ งวางระหวางเม็ดแรท ี่กวาง มีโพรง หรอื รอยแตกตอ เนอ่ื งกนั จึงทาํ ใหเ ก็บนํ้า
ไวไดในปริมาณมาก จนกลายเปนแหลงนํ้าใตดิน ช้ันหินน้ีอยูในเขตอ่ิมนํ้า 1. หลกี เล่ียงไมใ ชสินคา ท่ีเปน อันตรายตอ สงิ่ แวดลอ ม
ตัวอยา งชน้ั หนิ อุม น้าํ เชน หนิ ทราย หนิ ปูน 2. เลอื กใชเ คร่อื งใชไฟฟาใหเ หมาะสมกับฐานะของครอบครัว
3. ลางรถยนตด ว ยการตกั นํ้าใสถังแทนการใชน ํา้ จากสายยาง
T246 4. ใชหนงั สอื พิมพห อเศษอาหารกอ นนําไปทง้ิ ลงถงั ขยะสเี ขียว
5. การประสานความรวมมือระหวางรัฐบาลและประชาชนใน

การดแู ลรักษาปา
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การเลือกใชเคร่ืองใชไฟฟาให
เหมาะสมกับฐานะของครอบครัว เปนการปฏิบัติตนเพ่ือประหยัด
คาใชจายในครัวเรือน ซึ่งควรพิจารณาจากความปลอดภัยในการ
ผลิตและการใชงาน รวมถึงการประหยัดพลังงานของเคร่ืองใช
ไฟฟา ประกอบดว ย สว นตวั เลอื กในขอ อน่ื เปน วธิ ปี ฏบิ ตั ติ นเพอื่ การ
อนุรกั ษและพัฒนาส่งิ แวดลอมท่ถี กู ตอ งเหมาะสม)

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2.2 การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยนื ขนั้ นาํ

กำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงยั่งยืน (sustainable consumption and production) คือ ขัน้ ท่ี 1 กระตุน ความสนใจ
กำรผลิตและกำรบริโภคที่เน้นกำรจัดกำรและกำรใช้ทรัพยำกรธรรมธรรมชำติอย่ำงมีประสิทธิภำพ
และย่ังยืน กำรลดของเสียท่ีเป็นอำหำร ลดกำรปล่อยสำรเคมีและของเสียเป็นพิษออกสู่ธรรมชำติ 6. ครูใหนักเรียนศึกษาแผนผังแสดงแนวทาง
และจดั กำรอย่ำงถูกตอ้ ง กำรลดของเสียโดยกระบวนกำรกำรใชซ้ ำ�้ (reuse) และกำรนำ� ไปผลติ กลับ การผลิตและการบริโภคอยางยั่งยืน จาก
มำใช้ ใหม่ (recycle) ภำยใต้สภำวะท่ีมีอยู่อย่ำงจ�ำกัดของทรัพยำกรธรรมชำติ ที่ต้องสงวนรักษำ หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากน้ัน
ไว้ ใช้ประโยชน์และลดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมท่ีเกิดขึ้น โดยกำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงยั่งยืน สอบถามถึงพฤติกรรมประจําวันของนักเรียน
มแี นวทำง ดังน้ี และบุคคลใกลชิดกับแนวทางตามแผนผัง
ดังกลาว
ลดขยะเศษอำหำรของโลกลง กำรรบั รองผลติ ภัณฑ์
ครึง่ หน่ึง และลดกำรสญู เสีย ขน้ั สอน
อำหำรจำกกระบวนกำรผลิต โทดี่เยปใ็นหม้ฉติ ลรำกกับสสิง่ ิ่งแแววดดลลอ้ ้อมม1
ขั้นท่ี 2 สาํ รวจคน หา
จัดใหม้ รี ะบบกำรบรหิ ำรงำน ใชท้ รัพยำกรอย่ำงมปี ระสิทธิภำพ
ด้ำนสิง่ แวดลอ้ มทเี่ หมำะสม มมี ำตรกำรประหยดั พลังงำนและ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 คน คละ
และตดิ ตำมประเมินผล มีกำรน�ำทรพั ยำกรกลับมำใช ้ใหม่ ความสามารถ คอื เกง ปานกลาง ออ น โดย
กำรดำ� เนนิ งำน ใหนักเรียนในแตละกลุมมีหมายเลขประจําตัว
อยำ่ งสม่�ำเสมอ คือ หมายเลข 1 2 3 เรียกวา กลุมแมบาน
โดยครูอธิบายเพ่ิมเติมถึงหลักการทํางานตาม
แนวทาง วิถีประชาธิปไตย มีการรับฟงความคิดเห็น
การผลิตและการบริโภค รวมถงึ ชว ยเหลือซ่งึ กันและกันอยา งมเี หตุผล

ใชเ้ ทคโนโลยแี ละขั้นตอน อย่างยง่ั ยืน สง่ เสรมิ นโยบำยกำรซอ้ื
กำรผลติ ทม่ี มี ำตรฐำนดำ้ น สนิ คำ้ และบริกำรทเ่ี ป็นมติ ร
ส่ิงแวดล้อม และลดปรมิ ำณ กบั ส่งิ แวดลอ้ ม
กำรปล่อยมลพษิ

เสริมสรำ้ งควำมตระหนักและ พัฒนำสนิ ค้ำหรอื บริกำร สง่ เสรมิ ให้เกิดกำรตลำดทย่ี ่ังยืน
กระตุน้ กำรปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม ท่ีไม่สง่ ผลกระทบตอ่ ส่งิ แวดล้อม และเป็นมิตรต่อสง่ิ แวดล้อม
ด้ำนกำรผลติ และกำรบรโิ ภคอยำ่ ง มคี วำมปลอดภัยในกำรใช้งำน
ยัง่ ยนื

 แผนผงั แสดงแนวทำงกำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงย่ังยนื

237

กจิ กรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู

ครูนําฉลากสิ่งแวดลอมประเภทตางๆ มาใหนักเรียนดู เชน 1 ฉลากส่ิงแวดลอม เปนกลไกการส่ือสารและบงบอกความเปนมิตรตอ
ฉลากเขียว ตะกราเขียว ใบไมเขียว ฉลากประหยัดไฟเบอร 5 ส่ิงแวดลอมของผลิตภัณฑใหแกผูบริโภคไดรับทราบ เปนฉลากที่มอบใหแก
ฉลากคารบอน cool mode แลวต้ังคําถามใหนักเรียนรวมกัน ผลิตภัณฑคุณภาพที่มีผลกระทบตอสิ่งแวดลอมนอยกวาผลิตภัณฑที่ทําหนาที่
อภิปรายในช้ันเรียน เชน ฉลากแตละประเภทส่ือถึงอะไร ฉลาก อยา งเดียวกนั
แตละประเภทมีความเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร โดยเปด
โอกาสใหน กั เรยี นไดแ สดงความคดิ เหน็ อยา งหลากหลาย สื่อ Digital

ศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับประเภทของฉลากสิ่งแวดลอม ไดท่ี https://
scpdatacenter.deqp.go.th/articledetail.php?id=12 ระบบฐานขอมูล
การผลิต การบริการและการบริโภคท่ีเปนมิตรกับส่ิงแวดลอม กรมสงเสริม
คุณภาพสิ่งแวดลอ ม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอม

T247

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 3 กฎหมายและนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติ
และสงิ่ แวดล้อมของไทย
ขัน้ ท่ี 2 สํารวจคน หา
ในประเทศไทยปัญหำสง่ิ แวดล้อมถือวำ่ เปน็ ปญั หำระดับชำต ิ และไดม้ กี ำรระบุแนวนโยบำย
2. นักเรียนกลุมแมบานแยกยายไปรวมกันตาม กำรแก้ปัญหำอย่ำงเป็นรูปธรรมไว้ ในแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติทุกฉบับ กฎหมำย
หมายเลขเดียวกนั เรียกวา กลุมผเู ช่ยี วชาญ หรอื นโยบำยเพอ่ื กำรคมุ้ ครองทรพั ยำกรธรรมชำตมิ ขี นึ้ เพอื่ สง่ เสรมิ บำ� รงุ รกั ษำ และคมุ้ ครองคณุ ภำพ
สง่ิ แวดล้อมตำมหลกั กำรพัฒนำทีย่ ัง่ ยืน ตลอดจนลงโทษผ้กู ระท�ำควำมผดิ
3. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญ รวมกันสืบคน
ความรู เรื่อง มาตรการปองกันและแกไข 3.1 กฎหมายเก่ยี วกบั การอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ปญหาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม และสิง่ แวดล้อมของไทย
จากหนงั สือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรอื จาก
แหลง การเรยี นรูอ่ืนๆ เชน หนังสือในหอ งสมุด กฎหมำยเกีย่ วกบั กำรอนุรกั ษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่งิ แวดล้อมของไทย ทส่ี �ำคัญ มีดงั นี้
เวบ็ ไซตในอินเทอรเ น็ต ตามประเด็นตอ ไปน้ี
• หมายเลข 1 เรื่อง มาตรการปองกัน 1) พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เป็นกฎหมำยท่ีออกมำเพ่ือ
และแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่งิ แวดลอ ม คุ้มครองรักษำทรัพยำกรธรรมชำติท่ีมีอยู่ เช่น พันธุ์ไม้และของป่ำ สัตว์ป่ำ ให้คงอยู่ในสภำพ
• หมายเลข 2 เรอื่ ง กฎหมายและนโยบายดา น ธรรมชำติเดิม มิให้ถูกท�ำลำยหรือเปลี่ยนแปลงไปเพ่ือประโยชน์ของรัฐและประชำชน โดยมี
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มของไทย ขอ้ ปฏบิ ัติในเขตอุทยำนแหง่ ชำต ิ ทสี่ �ำคัญ ดังน้ี
• หมายเลข 3 เร่อื ง บทบาทขององคก รและ 1. ห้ำมครอบครองทด่ี นิ รวมถึงกอ่ สรำ้ ง แผ้วถำง หรอื เผำป่ำ
การประสานความรวมมือในประเทศและ 2. หำ้ มนำ� สัตวอ์ อกจำกอุทยำนแหง่ ชำติ
ตางประเทศ 3. ห้ำมน�ำเคร่ืองมือส�ำหรับล่ำสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออำวุธเข้ำไป เว้นแต่ได้รับ
อนญุ ำตจำกเจ้ำหน้ำท่แี ละปฏิบตั ิตำมเง่ือนไขทกี่ ำ� หนด
4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ 4. ห้ำมเกบ็ นำ� ออกไป หรือท�ำใหเ้ ป็นอันตรำย หรอื ทำ� ให้เส่ือมสภำพแกก่ ล้วยไม้
ใหกับนกั เรยี นเพิม่ เตมิ น�้ำผ้ึง ครัง่ ถ่ำนไม้ เปลอื กไม ้ หรือมูลค้ำงคำว
5. หำ้ มเปลยี่ นแปลงทำงนำ้� หรอื ทำ� ใหน้ ำ�้ ในลำ� ธำร ลำ� หว้ ย บงึ ทว่ มทน้ เหอื ดแหง้

2) พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พระรำชบัญญัติฉบับน้ีเป็น

กฎหมำยท่ีกำ� หนดขน้ึ โดยมีแนวคิดในกำรอนุรักษ์ป่ำสงวนแห่งชำติ คือ กำรสงวนและรกั ษำไวซ้ ึ่ง
ทรัพยำกรป่ำไม้ เพ่ือประโยชน์ ในด้ำนกำรพัฒนำเศรษฐกิจอย่ำงยั่งยืน มีประสิทธิภำพ และให้ม ี
กำรใชป้ ระโยชน์ไดน้ ำนทีส่ ุด โดยมกี ำรกำ� หนดหลักเกณฑ์ และวธิ คี วบคุมดูแลรกั ษำพน้ื ท่ีปำ่ สงวน
แห่งชำตไิ ว ้ ดังนี้
1. หำ้ มบคุ คลเข้ำยดึ ถือ ครอบครอง ทำ� ประโยชน์ หรืออำศยั อย ู่ แผ้วถำง เผำปำ่
หรอื เขำ้ ไปกอ่ สรำ้ งในเขตปำ่ สงวน ทำ� ให้เกิดกำรเสอ่ื มสภำพของป่ำ
2. หำ้ มทำ� ไม ้ ซงึ่ รวมถงึ กำรตดั ขดุ หรอื ชกั ลำกไมท้ มี่ อี ย ู่ในปำ่ หรอื นำ� ไมท้ อี่ ยใู่ นปำ่
ออกมำจำกป ำ่ สง3ว.น แในหก่งรชณำตีท ิ ่ีพรวื้นมทถี่ปงึ ่ำหสำ้ งมวเนกท็บ่ีหมำีสขภอำงพปเำ่ส ่ือเวม้นโทแตรมจ่ 1ะ ไกดร้รมับปอ่ำนไุญมำ้สตำจมำำกรเถจำ้อพนนุญักำงตำในห้
รำษฎรท่ีไมม่ ีทีด่ ินท�ำกินเข้ำท�ำกนิ ได้ โดยไมส่ ำมำรถถอื เอำกรรมสิทธหิ์ รอื สทิ ธคิ รอบครองได้ หรอื
ใหเ้ อกชนเขำ้ มำปลกู ป่ำทดแทนเพอื่ ฟื้นฟูสภำพปำ่ ไม้ ให้ดขี ึ้น รวมถงึ เพ่อื ประโยชน์ ในกำรศกึ ษำ
238

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
หากบรษิ ทั ปา ไมไ ทยตอ งการปลกู ปา ทดแทนในบรเิ วณปา สงวน
ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ เกยี่ วกับพระราชบัญญตั ิปา สงวนแหง ชาติ พ.ศ. 2507 วา ทม่ี สี ภาพเสือ่ มโทรม สามารถทําไดหรอื ไม เพราะอะไร
ในกรณีที่ปาสงวนแหงชาติมีสภาพเปนปาเสื่อมโทรม ใหอธิบดีโดยไดรับอนุมัติ
จากรฐั มนตรีมีอํานาจอนญุ าตเปนหนังสอื ใหบ ุคคลหนึง่ บคุ คลใดทาํ การบาํ รงุ ปา (แนวตอบ สามารถทําได แตตองไดรับอนุญาตจากกรมปาไม
หรอื ปลกู สรา งสวนปา หรอื ไมย นื ตน ในเขตปา เสอ่ื มโทรมไดภ ายในระยะเวลาและ ทั้งนี้ ในกรณีที่ปาสงวนมีสภาพเส่ือมโทรม กรมปาไมสามารถ
เง่อื นไขทีก่ ําหนด อนุญาตใหเอกชนเขามาปลูกปาทดแทนเพื่อฟนฟูสภาพปาใหดี
ขนึ้ ได)
นักเรียนควรรู

1 ปาสงวนท่ีมีสภาพเส่ือมโทรม หรือปาเสื่อมโทรม หมายความวา ปาท่ีมี
สภาพเปนปาไมรางหรือทุงหญา หรือเปนปาที่ไมมีไมมีคาข้ึนอยูเลย หรือมีไม
มีคาลักษณะสมบูรณเหลืออยูเปนจํานวนนอย และปาน้ันยากที่จะฟนคืนความ
อดุ มสมบูรณต ามธรรมชาตไิ ด

T248

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3) พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 กฎหมายฉบับน้ี ขนั้ สอน
มีวัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองป้องกันสัตว์ป่า เพ่ือมิให้สัตว์ป่าลดจ�านวนลงหรือสูญพันธุ์ไป ตาม
พระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี สตั วป์ า่ หมายถงึ สตั วท์ กุ ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู
ชนดิ ไมว่ า่ สตั วบ์ ก สตั วน์ า�้ สตั วป์ กี แมลงหรอื
แมง ซึ่งโดยสภาพธรรมชาติย่อมเกิดและด�ารง 1. สมาชิกในกลุมผูเช่ียวชาญแตละหมายเลข
ชีวิตอยู่ในป่าหรือในน�้า และรวมถึงไข่ของสัตว์ ทําการรวบรวมและอภิปรายขอมูล และกลับ
ป่าเหล่านั้นทกุ ชนดิ ดว้ ย แต่ไม่ไดห้ มายรวมถงึ ไปยังกลมุ แมบ านของตนเอง
สตั วพ์ าหนะที่ไดจ้ ดทะเบยี นทา� ตวั๋ รปู พรรณตาม
กฎหมาย 2. สมาชิกในแตละกลุมแมบานนําขอมูลท่ีตนได
3.1) สตั วป์ า่ สงวน เปน็ สตั วป์ า่ จากการสบื คน มาหลอมรวมเปน ประเดน็ สาํ คญั
ที่หายากตามบัญชีพระราชบัญญัติและตาม จากนั้นอธิบายแลกเปลี่ยนความรูระหวางกัน
กา� หนดโดยตราเปน็ พระราชกฤษฎกี า มี15 ชนดิ  พะยูนหรือหมูน�้า พบได้บริเวณหาดเจ้าไหม และรอบ ๆ โดยเรยี งตามลําดับหมายเลข
ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร แรด กระซู่ กูปรี เกาะลิบง จังหวดั ตรัง
3. ตัวแทนในแตละกลุมนําเสนอผลงานหนา
ช้ันเรียน 2-3 กลมุ แลวใหก ลุมอ่ืนนาํ เสนอตอ
จากนั้นใหทุกกลุมสงผลงานตอครูผูสอน
เพิ่มเติมในสวนท่ีแตกตางกัน ครูตรวจสอบ
ความถกู ตอง และใหขอ เสนอแนะเพ่ิมเติม

ควายป่า ละองหรือละม่ัง สมันหรือเนื้อสมัน เลยี งผา กวางผา นกแตว้ แลว้ ทอ้ งดา� นกกระเรยี น
แมวลายหินออ่ น สมเสรจ็ เก้งหมอ้ พะยูน และมสี ัตว์ป่าท่เี สนอข้ึนบญั ชีเพ่ิมเติม 4 ชนดิ ไดแ้ ก่
วาฬบรดู า้ วาฬโอมรู ะ เตา่ มะเฟอื ง และฉลามวาฬ
3.2) สัตว์ป่าคุ้มครอง* หมายถึง สัตว์ป่าตามท่ีกระทรวงก�าหนดให้เป็นสัตว์ป่า
คุม้ ครอง แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ดังน้ี

ประเภท ตวั อย่างสตั วป์ า่

1. สตั ว์เลี้ยงลกู ดว้ ยนม มี 201 ชนิด เม่นใหญ่ แมวดาว ลงิ กัง วัวแดง เสือโคร่ง หมาใน หมีขอ

2. นก มี 952 ชนดิ ไกป่ า่ นกกระปูดเล็ก นกกระสาคอดา� นกขุนทอง นกยงู

3. แมลง มี 20 ชนดิ ด้วงดนิ ขอบทองแดง ดว้ งดินปีกแผ่น ผเี สอ้ื ถุงทองป่าสูง

4. สัตวเ์ ลื้อยคลาน มี 91 ชนดิ ปกงจูบลงาเอกตาาดิ งะหชงินา้ ูสงงิปกลงบาเู หตทละา่ พอืสมาัดรหจรกรือะะปทเขลง่ั ้นาคอ�า้ าเโครงวม็คากนจเลา่ร1ะก็ ปเขจลน้ งาโา�้เคสจรอืืดง่ต2เอต่านา
5. ปลา มี 14 ชนดิ
6. สตั ว์สะเทนิ น�้าสะเทนิ บก มี 12 ชนดิ

7. สตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั มี 12 ชนิด กัลปงั หา ปะการัง ปเู จา้ ฟ้า ปูราชนิ ี หอยสงั ข์แตร

*กฎกระทรวงกา� หนดให้สตั ว์ป่าบางชนิดเปน็ สัตว์ปา่ คุ้มครอง (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2561 เพิ่มบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง 12 ชนิด
ซง่ึ เปน็ สตั วจ์ า� พวกปลาทห่ี ายาก เชน่ กลมุ่ ปลากระเบนปศี าจ ปลากระเบนแมนตา้ ปลากระเบนราหนู า้� จดื ปลาโรนนิ ปลาฉนาก

239

กจิ กรรม ทาทาย นักเรียนควรรู

นักเรียนแบงกลุมอธิบายสัตวปาคุมครองตามกฎกระทรวง 1 ปลาตะพัดหรือปลาอโรวานา อาศัยอยูในแมนํ้าที่ใสสะอาด มีนิสัย
จากน้ันใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหสาเหตุและแนวโนมการลดลง คอนขางดุ มักอาศัยอยูตัวเดยี วหรือเปน คู ถา อยเู ปน ฝงู จะไมเกนิ 3-5 ตวั พบได
ของสัตวปา เพ่ือใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจถึงดานการ ในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต เชน ไทย มาเลเซีย
ลดลงของจํานวนสัตวปาแตละประเภท อันเกิดจากสาเหตุและ อนิ โดนีเซีย ปลาในแตล ะแหลงน้าํ จะมสี ีสันแตกตา งกันออกไป
ปจ จยั ท่ีแตกตา งกนั 2 จงโครง เปนคางคกขนาดใหญ พบในประเทศไทย มสี นั แข็งทีบ่ ริเวณเหนอื
ตาและหโู ดยคนั่ อยรู ะหวา งเปลอื กตา ความกวา งของหวั มากกวา ความยาวของหวั
ทไ่ี มม ีสันขมบั ปลายปากคอ นขางมน ผิวลําตวั ดา นบนมีตอมขนาดใหญ ลําตวั
ดา นบนมีสดี ําหรอื สนี าํ้ ตาลเขม ทองสีครีมอมเทา ตวั ผูมเี สียงรอ งคลา ยสุนขั เหา
จงึ มชี อ่ื เรียกอีกชอ่ื หนึ่งวา หมาน้ํา

T249

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 3.3) การล่าสัตว์และการมีสัตว์ป่าไว้ ในครอบครองท้ังท่ีมีชีวิตและซากสัตว์ป่า
กฎหมำยก�ำหนดไว้ ดงั นี้
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู
1. ห้ำมมิให้ผู้ ใดล่ำ หรือพยำยำมล่ำสัตว์ป่ำสงวน หรือสัตว์ป่ำคุ้มครอง
4. ครูตั้งคําถามเก่ียวกับการอนุรักษทรัพยากร เว้นแต่เป็นกำรกระทำ� โดยทำงรำชกำรท่ีไดร้ ับกำรยกเว้น เช่น เพ่ือกำรสำ� รวจ กำรศึกษำและวจิ ยั
ธรรมชาติและสิง่ แวดลอ ม เพ่อื เปนการอธบิ าย ทำงวชิ ำกำรเพ่อื กำ รคุ้ม2ค. รหอำ้ งมสเัตพวำป์ ะ่ำพ นั กธำส์ุรตัเพวปำ์ ะำ่ พสันงวธนุ ์ หหรรออืื สเพตั อื่วป์กิจำ่ คกมุ้ำรคสรวอนง สเัตวน้วส์แำตธเ่ ปำรน็ ณกำะรเพำะพนั ธ1์ุ
ความรูเพิ่มเติม โดยใหนักเรียนแตละกลุม สตั วป์ ำ่ คมุ้ ครองชนดิ ทค่ี ณะกรรมกำรสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ ำ่ แหง่ ชำต ิ กำ� หนดใหเ้ ปน็ สตั วป์ ำ่ ชนดิ
ชวยกนั ตอบกลมุ ละ 1 คําถาม โดยใชค ําถาม ท่ีเพำะพันธขุ์ องผ้รู ับใบอนญุ ำตจดั ตั้งและด�ำเนนิ กิจกำรสวนสตั ว์สำธำรณะ
ที่มีลักษณะขยายประสบการณจากชีวิต 3. ห้ำมเก็บ ท�ำอันตรำย หรือมีไว้ ในครอบครอง ซ่ึงรังของสัตว์ป่ำสงวน
ประจําวัน ทอ งถ่ิน หรอื ประเทศ เชน หรือสตั ว์ป่ำคุม้ ครอง ยกเว้นผูท้ ่ีไดร้ ับอนุญำตให้เก็บรังนกนำงแอน่ ตำมกฎหมำย
• หนว ยงานภาครฐั องคกรสวนทองถ่ิน และ 4. หำ้ มครอบครองสตั วป์ ำ่ สงวน สตั วป์ ำ่ คมุ้ ครอง รวมถงึ ซำก เวน้ แตจ่ ะเปน็
ชาวบานจะมีแนวทางในการรวมมือกัน สัตว์ป่ำค้มุ ครองชนิดทีก่ ำ� หนดไว้ตำมหลักเกณฑ์ของกฎหมำย ซึ่งไดม้ ำจำกกำรเพำะพันธแุ์ ละต้อง
เพือ่ การจัดการสัตวปาไดอ ยา งไร ได้รับอนุญำตจำกอธิบดี อีกท้ังต้องปฏิบัติตำมข้อก�ำหนดในกฎกระทรวงและเง่ือนไขที่ก�ำหนดไว้
(แนวตอบ การจัดการสัตวปาที่สําคัญตอง ในใบอนุญำต
อาศัยความรวมมือจากภาคสวนตางๆ ทั้ง 5. หำ้ มคำ้ สตั วป์ ำ่ สงวน สตั วป์ ำ่ คมุ้ ครอง รวมถงึ ซำกหรอื ผลติ ภณั ฑท์ ท่ี ำ� จำก
หนวยงานภาครฐั องคกรสว นทองถน่ิ และ ซำกของสตั วป์ ่ำดังกล่ำว เว้นแตเ่ ป็นกำรคำ้ สัตว์ป่ำคุ้มครองชนดิ ได้รับควำมเหน็ ชอบตำมกฎหมำย
ชาวบาน รวมถงึ องคก รอสิ ระตางๆ ในการ
รวมกันวางแผนและชวยกันดูแลรักษาปา 4) กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พระรำชบัญญัติ
ซึ่งเปนท่ีอยูอาศัยและแหลงอาหารของ
สัตวปา ปองกันการลักลอบลาสัตวใน สง่ เสรมิ และรักษำคณุ ภำพสง่ิ แวดล้อมแห่งชำต ิ พ.ศ. 2535 มมี ำตรกำรสง่ เสรมิ และรกั ษำคณุ ภำพ
ทองถ่ิน และการควบคุมไฟปาดวยวิธีการ ส่ิงแวดล้อม โดยเปิดโอกำสให้ทุกภำคส่วนเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรกับสิ่งแวดล้อม โดยม ี
ตางๆ เชน การทําแนวกันไฟ การจัดตั้ง หลักกำรและเหตผุ ลทสี่ �ำคัญ ดงั น้ี
หนวยเฝาระวัง และการแจงเจาหนา ที่ หรือ และส ่ิงแวด ล้อ มอ1นั . สกมำครวกรำ� อหนนรุ ดกั เษขต ์ เอชน่นรุ กั เษขแ์ตลอะุทคยมุ้ ำคนรแอหงส่งชง่ิ แำวต2ดแิ ลลอ้ะมเขสตำ� รหักรษบั ำพพน้ื ันทธที่ สุ์ ม่ี ตั สี วภป์ ำำ่ พ หธรรรือมพช้นื ำทต่ีิ
หนวยงานที่เกี่ยวของในการควบคุมไฟปา ตน้ น�้ำล�ำธำร กำรด�ำเนนิ กำรใด ๆ จะตอ้ งระมัดระวงั ไม ่ใหเ้ กดิ ปัญหำส่ิงแวดลอ้ ม
รวมถึงปองกันการนําสัตวตางถ่ินเขามา 2. ก�ำหนดใหม้ มี ำตรฐำนในกำรควบคมุ มลพษิ ไดแ้ ก่ มลพิษทำงอำกำศและเสยี ง
ในทองถ่ิน ซ่ึงอาจเกิดการปะปน หรือแพร มลพษิ ทำงน�้ำ รวมถงึ มลพษิ อ่นื ๆ และของเสียอันตรำย โดยกำรจัดใหม้ ีระบบบ�ำบดั และให้อ�ำนำจ
กระจายโรคตดิ ตอ สสู ัตวปา ในทอ งถ่ินได) พนกั งำนหรอื เจำ้ หนำ้ ที่ในกำรตรวจสอบยำนพำหนะหรืออุปกรณเ์ ครอื่ งมอื ตำ่ ง ๆ
3. สนับสนุนให้ประชำชนและองค์กรเอกชนมีส่วนร่วมในกำรส่งเสริมและรักษำ
คุณภำพส่ิงแวดล้อม ให้องค์กรเอกชนซึ่งมีฐำนะเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยไทยหรือกฎหมำย
ต่ำงประเทศ ที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำรคุ้มครองส่ิงแวดล้อม มีสิทธิขอจดทะเบียนเป็น
องคก์ รเอกชนดำ้ นกำรคมุ้ ครองสิ่งแวดล้อม และอนรุ ักษ์ทรพั ยำกรธรรมชำติได้
240

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสรมิ

1 การเพาะพันธุ เปน บทบาทสาํ คญั ของหนวยงานภาครัฐ คอื สาํ นกั อนรุ ักษ นักเรียนสืบคนขาวเกี่ยวกับการลาสัตวและการมีสัตวปาไว
สตั วป า กรมอทุ ยานแหง ชาติ สตั วป า และพนั ธพุ ชื กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติ ในครอบครองท้ังท่ีมีชีวิตและซากสัตวปาตามท่ีกฎหมายกําหนด
และส่ิงแวดลอม โดยมีอํานาจหนาท่ีในการกําหนดนโยบาย กลยุทธ และแผน จากนนั้ ใหนกั เรียนชวยกนั สรุปสาระสาํ คัญของบทบัญญัตเิ กีย่ วกบั
ดาํ เนนิ งานการสงวนคุมครองและอนุรกั ษส ัตวปา กําหนดหลกั เกณฑ มาตรฐาน โทษของการลาสตั วแ ละการมสี ตั วปา ไวใ นครอบครอง
รปู แบบ เทคนคิ วธิ ีการ และตวั ช้วี ัดการจัดการพน้ื ทกี่ ารอนุรกั ษสัตวปา
2 อุทยานแหงชาติ อุทยานแหงชาติเขาใหญ เปนอุทยานแหงชาติแหงแรก
ของประเทศไทย ไดรบั การประกาศใน พ.ศ. 2505 ครอบคลุมพืน้ ท่ี 4 จังหวดั
ไดแก นครราชสีมา สระบรุ ี นครนายก และปราจนี บุรี

T250

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

3.2 นโยบายดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ขน้ั สรปุ

ประเทศไทยมนี โยบำยในกำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม ดังนี้ ขั้นที่ 4 ขยายความเขา ใจ

1) รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มบี ญั ญตั ิในเรอื่ งที่ 1. ครูต้ังประเด็นใหนักเรียนแตละกลุมอภิปราย
กลุมยอยเกี่ยวกับนโยบายของหนวยงาน
เกย่ี วขอ้ งกบั ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มไวว้ ำ่ กำรดำ� เนนิ กำรใดของรฐั หรอื ทร่ี ฐั จะอนญุ ำต ภาครัฐท่ีเกี่ยวของกับการอนุรักษสิ่งแวดลอม
ใหผ้ ้ใู ดดำ� เนนิ กำร ถำ้ กำรนั้นอำจมผี ลกระทบต่อทรพั ยำกรธรรมชำติ คณุ ภำพส่งิ แวดล้อม สุขภำพ ของไทย เชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
อนำมัย คุณภำพชีวิต หรือส่วนได้เสียส�ำคัญอ่ืนใดของประชำชน ชุมชน หรือสิ่งแวดล้อมอย่ำง และส่ิงแวดลอ ม กระทรวงเกษตรและสหกรณ
รนุ แรง รัฐต้องด�ำเนนิ กำรให้มกี ำรศกึ ษำและประเมนิ ผลกระทบต่อคุณภำพสงิ่ แวดลอ้ มและสุขภำพ กระทรวงมหาดไทย ในนโยบายและบทบาท
ของประชำชนหรือชุมชน และจัดให้มีกำรรับฟังควำมคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชำชน หนาที่ของหนวยงานภาครัฐกับการอนุรักษ
และชมุ ชนทเี่ กยี่ วขอ้ งกอ่ น เพอื่ นำ� มำประกอบกำรพจิ ำรณำ ดำ� เนนิ กำรหรอื อนญุ ำตตำมทก่ี ฎหมำย สิ่งแวดลอมของไทย กลไกการอนุรักษ
บญั ญตั ิ สงิ่ แวดลอ มของภาครฐั และทรพั ยากรธรรมชาติ
และส่ิงแวดลอมแลวใหนักเรียนแตละกลุม
2) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาต ิ ฉบับท ่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) สงตัวแทนออกมานําเสนอผลการอภิปราย
กลมุ ยอ ยของตนทหี่ นา ชน้ั เรยี น โดยครแู นะนาํ
กำรพัฒนำประเทศตำมแนวทำงของแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติท่ีผ่ำนมำ ส่งผลให้ เพ่มิ เตมิ
ประเทศไทยมีระดับกำรพัฒนำท่ีสูงขึ้นตำมล�ำดับ ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้ทรัพยำกรธรรมชำติ
และสิ่งแวดลอ้ มเสอ่ื มโทรมลงอย่ำงรวดเร็ว ดังนนั้ ประเด็นทต่ี อ้ งเร่งดำ� เนนิ กำร ได้แก ่ กำรสร้ำง
ควำมมน่ั คงของฐำนทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละยกระดบั คณุ ภำพสง่ิ แวดลอ้ ม เพอ่ื สนบั สนนุ กำรเตบิ โต
ทีเ่ ปน็ มติ รกับส่งิ แวดลอ้ มและคณุ ภำพชีวติ ของประชำชน ดังนี้
1. กำรรกั ษำฟ้นื ฟูทรัพยำกรธรรมชำติ โดยอนรุ ักษฟ์ ้นื ฟทู รัพยำกรปำ่ ไม ้ อนุรกั ษ์
และใชป้ ระโยชนค์ วำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอยำ่ งยั่งยนื พัฒนำระบบบริหำรจัดกำรทีด่ ิน ปกปอ้ ง
ทรัพยำกรทำงทะเล และป้องกันกำรกัดเซำะตล่งิ และชำยฝงั่ วำงแผนบรหิ ำรจดั กำรทรพั ยำกรแร่
2. เพ่ิมประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรน�้ำ และเพ่ิมประสิทธิภำพกำร
เกบ็ กักน�ำ้ ของแหล่งนำ�้ ต้นทุนและระบบกระจำยนำ้� เพิม่ ประสทิ ธภิ ำพกำรใช้น้ำ� และกำรจัดสรรน้ำ�
3. แก้ ไขปัญหำวิกฤตสิ่งแวดล้อม ปัญหำขยะตกค้ำง สนับสนุนกำรแปรรูปเป็น
พลงั งำน
4. สง่ เสรมิ กำรผลติ และกำรบรโิ ภคทเี่ ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม โดยสง่ เสรมิ กำรผลติ
และกำรลงทนุ ในภำคอุตสำหกรรมท่ีเปน็ มติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ ม ส่งเสรมิ กำรทอ่ งเท่ยี วที่ย่ังยนื
5. สนับสนุนกำรลดกำรปล่อยแก๊สเรือนกระจกและเพ่ิมขีดควำมสำมำรถในกำร
ปรับตัวต่อกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ พัฒนำกลไกเพ่ือสนับสนุนกำรลดแก๊สเรือนกระจก
ในทุกภำคส่วน
6. บริหำรจัดกำรเพ่ือลดควำมเส่ียงด้ำนภัยพิบัติ เสริมสร้ำงขีดควำมสำมำรถใน
กำรเตรียมควำมพร้อมและกำรรับมอื ภัยพบิ ัต ิ พัฒนำระบบกำรจัดกำรภัยพิบตั ิในภำวะฉกุ เฉนิ
7. กำรพัฒนำควำมรว่ มมือดำ้ นสง่ิ แวดล้อมระหว่ำงประเทศ

241

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

หากนักเรียนเปนรัฐบาลจะมีนโยบายในการจัดการทรัพยากร ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับยุทธศาสตรการเติบโตท่ีเปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมอยา งไร เพื่อการพัฒนาที่ย่ังยืนวา ปจจุบันสภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม
กําลังเปนจุดออนสําคัญตอการรักษาฐานการผลิตและการใหบริการ รวมท้ัง
(แนวตอบ ใหการอนุรกั ษ คมุ ครอง บํารุงรกั ษา ฟนฟู บริหาร การดํารงชีวิตของคนไทย ซึ่งปญหาดังกลาวเกิดขึ้นจากการลดลงของพื้นที่
จัดการ หรือจัดใหมีการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติและ ปาไม ทรัพยากรดินเสื่อมโทรม ความหลากหลายทางชีวภาพถูกคุกคาม
ส่ิงแวดลอม และความหลากหลายทางชีวภาพอยางสมดุลและ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติมีความรุนแรง
ยั่งยืน โดยใหประชาชนและชุมชนในทองถ่ินเขามามีสวนรวม มากข้ึน ดังน้ัน การพัฒนาในระยะยาวจึงมุงเนนรักษาและฟนฟูฐานทรัพยากร
ดําเนินการ และไดรับผลประโยชนจากการดําเนินการดังกลาว ธรรมชาติ และเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การเพอื่ ลดความเสย่ี งจากภยั พบิ ตั ิ
ตามกฎหมาย)

T251

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สรปุ 4 บทบาทขององคก์ รและการประสานความร่วมมอื
ในประเทศไทยและตา่ งประเทศ
ข้ันที่ 4 ขยายความเขา ใจ
จำกปญั หำควำมเสอ่ื มโทรมของทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม สง่ ผลใหท้ ง้ั ภำครฐั และ
2. ครูต้ังคําถามเก่ียวกับบทบาทหนาท่ีของ เอกชนของประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลกได้มีกำรจัดต้ังองค์กรและหน่วยงำนทำงด้ำนส่ิงแวดล้อมข้ึน
หนวยงานภาครัฐ และการประสานความ รวมถงึ ออกกฎหมำยระหวำ่ งประเทศทีเ่ กย่ี วกับส่ิงแวดลอ้ ม
รว มมอื ตา งๆ ทง้ั ในและตา งประเทศทเี่ กย่ี วขอ ง
กับส่ิงแวดลอม แลวสุมใหนักเรียนชวยกัน 4.1 หนว่ ยงานและองคก์ รดา้ นสงิ่ แวดล้อม
ตอบ เชน กำรดูแลรกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและสิง่ แวดล้อมเปน็ หน้ำท่ขี องประชำชนทุกคน รวมทั้ง
• หนวยงานหลักในการอนุรักษทรัพยากร หนว่ ยงำนตำ่ ง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้องท้ังภำครัฐและเอกชน
ธรรมชาติและส่ิงแวดลอม รวมถึงสงเสริม 1) ห1.น1ว)่ ยกงรามนสดง่ า้ เนสรสมิ งิ่ คแณุวดภลาอ้พมสขง่ิ อแวงดปลรอ้ะเมท1 ศมไภี ทำยรก มจิ ทีหง้ัลภกั ำใคนรกฐั ำแรลสะรเำ้องกคชวนำ มทยส่ี ง่ัำ� ยคนืญั ใ หดแ้งั นกี้่
และดาํ เนนิ การตามโครงการอนั เนอ่ื งมาจาก
พระราชดําริตางๆ คือหนวยงานใด และมี
ขอบขายหนาท่อี ยา งไร ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ผำ่ นกำรพฒั นำพลเมอื งใหม้ จี ติ สำ� นกึ และรว่ มกนั รกั ษำ ฟน้ื ฟู
(แนวตอบ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ และใช้ประโยชนจ์ ำกส่งิ แวดลอ้ มอย่ำงรูค้ ณุ คำ่ และยั่งยนื โดยมผี ลงำนทส่ี ำ� คญั ดงั นี้
สิ่งแวดลอมเปนหนวยงานหลักท่ีมีหนาท่ี 1. จดั พธิ ลี งนามบนั ทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื กำรวจิ ยั ดำ้ นกำรเปลยี่ นแปลง
ในการอนุรักษ ฟนฟูทรัพยากรธรรมชาติ สภำพภูมิอำกำศ โดยเฉพำะดำ้ นกำรศึกษำ กำรสร้ำงจติ สำ� นึก กำรมีส่วนรว่ มของประชำชน
และส่ิงแวดลอมในประเทศ เพื่อตอบสนอง 2. จดั สมั มนาวชิ าการเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม “วจิ ยั สง่ิ แวดลอ้ ม
ความตอ งการตามศกั ยภาพใหเ กดิ ประโยชน สู่ยุค Thailand 4.0” ข้ึน เพื่อเผยแพร่ผลงำนวิจัยและแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นจำกทุกภำคส่วน
อยางยั่งยืน รวมถึงสงเสริมและดําเนินการ ถงึ แนวทำงกำรน�ำผลงำนวิจัยไปใชใ้ นกำรแก้ไขปัญหำสิ่งแวดล้อมในด้ำนต่ำง ๆ ของประเทศ
ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ 3. จดั การอบรมเพมิ่ ศกั ยภาพพฒั นาองคค์ วามร ู้ ชมุ ชนปลอดขยะ โรงเรยี น
ท่ีเก่ียวของกับส่ิงแวดลอมตางๆ ผาน ปลอดขยะ และนวัตกรรมกำรจัดกำรขยะมูลฝอยชุมชน เรง่ ลดปริมำณขยะโดยใช้หลกั 3Rs ได้แก ่
ทางการจัดทําระเบียบ กฎ และระบบการ กำรลดกำรใช้ (Reduce) กำรใชซ้ �้ำ (Reuse) และกำรนำ� กลับมำใชใ้ หม่ (Recycle)
เขาถึงทรัพยากรธรรมชาติของประชาชนใน
ทุกภาคสวนบนพ้ืนฐานของการวิจัยและ
พฒั นาเพื่อนําไปสกู ารปฏิบัติอยางจริงจัง)

 กำรเผยแพร่ประชำสัมพันธ์ควำมรู้ด้ำนสิ่งแวดล้อมแก่ประชำชน เป็นภำรกิจหน่ึงของกรมส่งเสริมคุณภำพส่ิงแวดล้อม
ในกำรสร้ำงควำมย่งั ยืนทำงทรพั ยำกรธรรมชำติและสง่ิ แวดล้อม

242

นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรา งเสรมิ

1 กรมสงเสริมคุณภาพส่ิงแวดลอม เปนหนวยงานในสังกัดกระทรวง นักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับหนวยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวของกับ
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม มอี าํ นาจหนา ทใ่ี นการเผยแพรป ระชาสมั พนั ธ การอนรุ กั ษส ง่ิ แวดลอ มของไทยในประเดน็ ตา งๆ เชน
ดา นสิ่งแวดลอ ม รวบรวม จัดทาํ และใหบริการขอมูลดานสงิ่ แวดลอม สง เสรมิ
การมสี ว นรวมของประชาชนในการสงวน รักษา และใชประโยชนจากทรพั ยากร • บทบาทหนา ทข่ี องหนว ยงานกบั การอนรุ กั ษท รพั ยากร
ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอมอยางสมดุล ยงั่ ยนื ศึกษาวจิ ยั พัฒนา ถา ยทอดและ ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม
สงเสริมเทคโนโลยีและการจัดการดานส่ิงแวดลอม รวมทั้งเปนศูนยเทคโนโลยี
สะอาด และศูนยปฏบิ ัตกิ ารอางองิ ดานส่ิงแวดลอ ม • การดาํ เนนิ งานเกย่ี วกบั งานในหนา ที่
นกั เรยี นออกมานาํ เสนอผลการศกึ ษาหนา ชนั้ เรยี น

T252

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

1.2) กรมควบคมุ มลพษิ มีหนำ้ ทคี่ วบคุม ป้องกัน และแกไ้ ขปญั หำสง่ิ แวดล้อม ขนั้ สรปุ
อนั เนือ่ งมำจำกภำวะมลพิษ เช่น คณุ ภำพนำ้� คณุ ภำพอำกำศ กำรกำ� จัดขยะและของเสยี อนั ตรำย
รวมไปถึงกำรประกำศเขตควบคุมมลพิษ โดยสนับสนุนให้ประชำชนทุกภำคส่วนมีส่วนร่วมในกำร ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเขาใจ
จดั กำรมลพษิ โดยมผี ลงำนทีส่ �ำคญั ดงั น้ี
1. การจดั การมลพษิ ทางนา้� เชน่ กำ� หนดมำตรฐำนควบคมุ กำรระบำยนำ้� ทง้ิ • ฐานะทางกฎหมายขององคก รพฒั นาเอกชน
จำกแหล่งก�ำเนิด สง่ เสริมกำรใช้มำตรกำรทำงสังคมในกำรบรหิ ำรจดั กำรมลพิษทำงน้ำ� ดานสงิ่ แวดลอ มเปนเชน ไร
2. การจัดการมลพิษทางอากาศและเสียง เช่น ก�ำหนดมำตรฐำนคุณภำพ (แนวตอบ องคกรพัฒนาเอกชนดาน
อำกำศและเสียงในบรรยำกำศ ศึกษำและน�ำเทคโนโลยีมำใช้ควบคุมและลดมลพิษทำงอำกำศ สง่ิ แวดลอ มในประเทศไทยมที ง้ั สถานะทเ่ี ปน
จำกแหลง่ ก�ำเนิดมลพษิ นติ บิ คุ คลตามกฎหมาย และไมม สี ถานะเปน
3. การจดั การขยะมลู ฝอยและของเสยี อนั ตราย เชน่ สนบั สนนุ นโยบำยแปรรปู นิติบุคคล เนื่องจากไมไดจดทะเบียนตาม
ขยะมูลฝอยเป็นพลังงำน ด�ำเนินกำรตำมอนุสัญญำระหว่ำงประเทศด้ำนมลพิษ เช่น อนุสัญญำ กฎหมาย)
บำเซิล (Basel Convention)
1.3) สา� นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ หนว่ ยงำน • องคกรพัฒนาเอกชนดานส่ิงแวดลอมมี
ในสงั กดั กระทรวงทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม มบี ทบำทหนำ้ ทเี่ กยี่ วกบั กำรกำ� หนดนโยบำย ลักษณะการดําเนนิ งานที่สําคญั อยา งไร
และแผนกำรสง่ เสรมิ และรกั ษำคณุ ภำพสง่ิ แวดลอ้ ม โดยเสนอแนะนโยบำยและแผนกำรอนรุ กั ษแ์ ละ (แนวตอบ องคกรพัฒนาเอกชนดาน
บรหิ ำรจดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม รวมทง้ั สนบั สนนุ กำรจดั กำรเพอื่ นำ� ไปสกู่ ำรปฏบิ ตั ิ สิ่งแวดลอมดําเนินการและจัดกิจกรรมท่ี
อย่ำงเป็นรูปธรรม ตลอดจนติดตำมตรวจสอบตำมรำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม เกย่ี วขอ งกบั การอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติ
เพอื่ ใหเ้ ศรษฐกจิ ของประเทศมคี วำมเขม้ แขง็ เพอื่ กำรพฒั นำทยี่ ง่ั ยนื และมคี ณุ ภำพชวี ติ ทด่ี ี โดยกำร และส่ิงแวดลอม โดยไมดําเนินกิจกรรม
ด�ำเนนิ งำนทสี่ ำ� คัญ เชน่ กำรจดั ทำ� แผนจดั กำรคณุ ภำพสงิ่ แวดล้อม พ.ศ. 2560 - 2564 ซ่งึ เปดิ ทางการเมือง ไมแสวงหาผลกําไรหรือ
โอกำสใหห้ นว่ ยงำน องคก์ รทงั้ ภำครฐั และเอกชนไดเ้ ขำ้ มำมสี ว่ นรว่ มในกำรใหข้ อ้ คดิ เหน็ ขอ้ เสนอแนะ ผลประโยชนท างธรุ กจิ )
ทงั้ น ้ี กเ็ พ่ือสง่ เสริมใหก้ ำรบรหิ ำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสังคม
มีทศิ ทำงและเป้ำหมำยทชี่ ัดเจน และน�ำประเทศไปสกู่ ำรพฒั นำท่ีย่งั ยนื
1.4) องค์กรพัฒนาเอกชนด้านส่ิงแวดล้อมในประเทศไทย หรือเอ็นจีโอ
(Non - Governmental Organization: NGO) มบี ทบำทในกำรดแู ลรักษำส่ิงแวดล้อม เม่ือรัฐบำล
ประกำศใชแ้ ผนพฒั นำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ฉบบั ท ่ี 7 (พ.ศ. 2535 - 2539) ระบใุ หม้ ีกำร
ปรบั ปรงุ ระบบบรหิ ำรและจดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำต ิ โดยสนบั สนนุ ใหป้ ระชำชนและรฐั บำลรว่ มกนั
ด�ำเนนิ กำร โดยท่รี ัฐบำลจะตอ้ งสง่ เสรมิ องค์กรประชำชนและองคก์ รพัฒนำเอกชนทัง้ ในส่วนกลำง
และส่วนท้องถนิ่ ให้มีบทบำทในกำรก�ำหนดโครงกำรจดั หำทรัพยำกรธรรมชำติ

GAecotivity

นักเรยี นวำงแผนกำรลดปริมำณขยะในบำ้ นหรอื ในชมุ ชน โดยใชห้ ลักกำร 3Rs (Reduce - Reuse -
Recycle) แลว้ นำ� ไปปฏิบตั ิในกำรคัดแยกขยะเปน็ เวลำ 1 สัปดำห ์ รำยงำนผลกำรปฏิบัติและบอกประโยชน์
ที่ได้รับ

243

ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET เกร็ดแนะครู

การดําเนินงานดานส่ิงแวดลอมขององคกรเอกชนใดถูกตอง ครอู ธบิ ายเก่ียวกบั ลกั ษณะสาํ คัญขององคกรพัฒนาเอกชนดา นสง่ิ แวดลอม
เหมาะสมทส่ี ดุ เพมิ่ เติมวา องคกรพัฒนาเอกชนดานส่ิงแวดลอมจะดําเนินกจิ การและกิจกรรม
ที่เก่ียวของโดยตรงกับการดูแลสิ่งแวดลอมและการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ
1. กลมุ รักษไ มจัดตงั้ กองกําลังตดิ อาวุธเฝาระวังการบกุ รุกปา โดยไมดาํ เนินกิจกรรมใดๆ ทางการเมือง ไมดาํ เนินการใดๆ ทเี่ ปน การแสวงหา
2. กลุมรักษพิทักษสัตวนําชิ้นสวนสัตวปาออกขายเพ่ือนําเงิน ผลกําไรหรือผลประโยชนทางธุรกิจ และหากเปนองคกรพัฒนาเอกชนระหวาง
ประเทศ จะตอ งมีสํานกั งานสาขาอยใู นประเทศไทย
มาพัฒนาองคกร
3. องคก รพทิ กั ษป า แหง ชาตติ อ ตา นการดาํ เนนิ งานของรฐั ดา น T253

ปา ไมและสัตวปา
4. สมาคมคนรักสัตวปานําสัตวปาท่ีใกลสูญพันธุมาเพาะพันธุ

ดว ยนวัตกรรมของตนเอง
5. มูลนิธิสิ่งแวดลอมรับบริจาคเงินและอุปกรณเพ่ือนําไปใชใน

การดาํ เนินงานดานสง่ิ แวดลอม
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 5. เพราะเปน การสง เสรมิ การมสี ว นรว ม
ในการอนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาตขิ องประชาชน)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สรปุ ตัวอย่าง องค์กรพัฒนาเอกชนดา้ นส่งิ แวดลอ้ มของไทย
มูลนิธิโลกสีเขยี ว ก่อตง้ั ข้ึนเมื่อเดอื นสิงหำคม พ.ศ. 2533 เพื่อจัดทำ�
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ สอื่ สง่ิ พมิ พ์ใหค้ วำมรดู้ ำ้ นสง่ิ แวดลอ้ มและใหข้ ำ่ วสำรควำมเคลอื่ นไหว
ดำ้ นสิ่งแวดล้อมแก่สำธำรณชน
• องคกรพัฒนาเอกชนดานส่ิงแวดลอมใน
ประเทศไทยที่มีบทบาทสําคัญในการเผย ผลงานเด่น ริเริ่มโครงกำรสมำชิกอุปถัมภ์เพ่ือเผยแพร่ข่ำวสำรด้ำนสิ่งแวดล้อมสู่วงกว้ำงให้มำกท่ีสุด
แพรขอมูลขาวสารไดแกองคกรใด และมี ก่อตั้งศูนย์ข้อมูลและห้องสมุดของมูลนิธิโลกสีเขียวใน พ.ศ. 2537 เพื่อรวบรวมข่ำวสำรข้อมูลกำร
การดาํ เนนิ งานอยา งไร เคลื่อนไหวดำ้ นสิง่ แวดล้อม ทัง้ ในประเทศและของโลกอย่ำงมีระบบ
(แนวตอบ เชน มูลนิธิโลกสีเขียว มีบทบาท
หนาทหี่ ลกั ในการเผยแพรความรแู ละขอมูล มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ก่อต้ังขึ้นเม่ือวันที่ 18 กันยำยน พ.ศ. 2533
ขาวสารใหแกประชาชนเพ่ือความเขาใจใน หลงั กำรเสยี ชีวิตของสบื นำคะเสถียร หัวหนำ้ เขตรักษำพันธ์ุสัตวป์ ำ่
ส่ิงแวดลอมไทย ผานการจัดทําหนังสือชุด หว้ ยขำแข้ง เพ่อื สง่ เสริมสนับสนนุ ประชำชนทีอ่ ยู่บรเิ วณใกลเ้ คยี งให้
โลกสเี ขยี ว และนติ ยสารโลกสีเขยี ว รวมถึง ตระหนกั ถึงควำมส�ำคญั ของกำรอนรุ ักษ์ป่ำไมแ้ ละสตั วป์ ่ำ
กิจกรรมอ่ืน ๆ เชน นักสืบสิ่งแวดลอม ผลงานเด่น ให้กำรสนับสนุนงำนอนุรักษ์ผืนป่ำและสัตว์ป่ำของเขตรักษำพันธุ์สัตว์ป่ำห้วยขำแข้ง เขต
จักรยานกลางเมอื ง รา นโลกสีเขยี ว ฯลฯ) รกั ษำพนั ธส์ุ ตั วป์ ำ่ ทงุ่ ใหญน่ เรศวร และสถำนวี จิ ยั สตั วป์ ำ่ เขำนำงรำ� นอกจำกน ้ี ยงั มกี ำรจดั สรรงบประมำณ
สนบั สนนุ กำรอนรุ กั ษผ์ ืนป่ำตะวันตกรว่ มกบั กรมป่ำไม้ และกำรคดั ค้ำนกำรสรำ้ งเข่ือนแมว่ งก์
• กิจกรรมหลักของกรีนพีซท่ีสอดคลองกับ
วิกฤตการณดานสิ่งแวดลอมของโลกคือ 2) องคก์ รสงิ่ แวดลอ้ มโลก มวี ตั ถปุ ระสงค ์ในกำรอนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ มทั่วโลก ทส่ี �ำคัญ
อะไร
(แนวตอบ การหยุดภาวะโลกรอนดวยการ เชน่ กรนี พซี มูลนธิ ิค้มุ ครองสัตว์ป่ำโลก
ผลักดันใหมีการใชพลังงานสะอาดตางๆ ตวั อยา่ ง องค์กรพฒั นาเอกชนด้านสงิ่ แวดลอ้ มของโลก
เพื่อลดการปลอยแกสเรือนกระจกซ่ึงเปน
สาเหตสุ าํ คญั ของภาวะโลกรอ น ทงั้ ในระดบั กรีนพีซ (Greenpeace) ก่อตั้งข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2514 มีส�ำนักงำน
หนว ยงานทเี่ กยี่ วขอ งของภาครฐั และเอกชน ท่ัวโลกกว่ำ 41 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย
และในระดับประชาชนท่ัวไปที่ใชพลังงาน ผลงานเด่น คัดค้ำนกำรใช้ถ่ำนหินท่ีเพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์
และเคร่ืองอุปโภคบริโภคตางๆ ในชีวิต กำรยุติสร้ำงโรงไฟฟ้ำถ่ำนหินท่ีอ�ำเภอบ่อนอก และอ�ำเภอบ้ำนกรูด
ประจําวนั อันจะนําไปสูการพัฒนาท่ยี ่ังยืน) มจงัลู หนวธิ ดัคิ ปมุ้ รคะรจอวงบสคตั ีรวขีป์ ันา่ โธล์ กก1 ำ(รWเจoรrจldำ ปWกidปe้อ งFวuำnฬd ฉNลaำtuมreข:ำ วW WเปFน็ )ต เ้นปน็
องค์กรนำนำชำติที่ด�ำเนินกำรด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ
และสิง่ แวดลอ้ ม โดยให้ควำมสำ� คัญกับกระบวนกำรสิ่งแวดล้อม
ผลงานเด่น มีบทบำทส�ำคัญในกำรจัดต้ังอนุสัญญำว่ำด้วยควำม
หลำกหลำยทำงชีวภำพ รวมถึงอนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกำร
244 เปลี่ยนแปลงสภำพภมู ิอำกำศ

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET
องคการเอกชนใหญที่สุดที่เฝาระวังและดูแลทรัพยากรทั่วโลก
1 มูลนิธิคุมครองสัตวปาโลก ไดสนับสนุนการกอต้ังมูลนิธิคุมครองสัตวปา คือองคการใด
และพรรณพืชแหงประเทศไทยใน พ.ศ. 2525 และตอมาไดรวมตัวกับกัมพูชา
ลาว และเวียดนาม ใชชือ่ WWF Greater Mekong Programme เพ่อื ขยายงาน 1. Think Earth
ดานการอนรุ กั ษใ หก วางขวางออกไป โดยมภี ารกจิ หลกั เชน ใหความชว ยเหลอื 2. Greenpeace International
สตั วท่ีใกลสูญพนั ธุ ฟน ฟูระบบนิเวศปา 3. World Wild Fund for Nature
4. Global Environmental Facility
T254 5. United Nation Environment Programme
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. World Wild Fund for Nature
หรอื WWF เปนองคการเอกชนดา นส่ิงแวดลอ มขนาดใหญท่ีสดุ ใน
โลกปจจบุ นั จากทุนบริจาคของประชาชนทว่ั ไป หนวยงาน และ
รัฐบาลของประเทศตา งๆ ปจ จุบนั องคการไดช ว ยอนรุ กั ษพนั ธพุ ชื
และสัตวไ ปแลว ประมาณ 12,000 ชนิด)

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

4.2 การประสานความรว่ มมอื ทางดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มระหวา่ งประเทศ ขนั้ สรปุ

ในช่วงศตวรรษที่ผ่ำนมำได้มีกำรออกกฎหมำยระหว่ำงประเทศท่ีเกี่ยวข้องกับส่ิงแวดล้อม ขัน้ ที่ 4 ขยายความเขา ใจ
เปน็ จ�ำนวนมำก ทสี่ ำ� คญั มีดงั นี้
• โครงการพัฒนาปาชุมชนในประเทศไทย
1) อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการคา้ ระหวา่ งประเทศซง่ึ ชนดิ สตั วป์ า่ และพชื ปา่ ท ่ีใกลส้ ญู พนั ธ์ ุ เปน การดาํ เนนิ งานทสี่ อดคลอ งกบั อนสุ ญั ญา
ฉบบั ใด
เรยี กอกี อยำ่ งว่ำ อนุสญั ญำไซเตส (Convention on International Trade in Endangered Species (แนวตอบ อนุสัญญาวาดวยการคาระหวาง
of Wild Fauna and Flora: CITES) ใน พ.ศ. 2516 สหภำพนำนำชำติเพ่อื กำรอนุรกั ษ์ธรรมชำติ ประเทศซ่ึงชนิดสัตวปาและพืชปาท่ีใกล
และทรพั ยำกรธรรมชำต ิ ไดจ้ ดั ประชมุ ทกี่ รงุ วอชงิ ตนั ด.ี ซ.ี สหรฐั อเมรกิ ำ เพอื่ รำ่ งอนสุ ญั ญำวำ่ ดว้ ย สูญพันธุ หรืออนุสัญญาไซเตส เนื่องจาก
กำรค้ำสัตว์ป่ำและพชื ปำ่ ที่ใกลส้ ูญพันธ์ ุ ประเทศไทยเขำ้ เปน็ สมำชิกเมื่อ พ.ศ. 2526 มวี ตั ถปุ ระสงค ์ โครงการพัฒนาปาชุมชนของประเทศไทย
เพื่อควบคุมกำรค้ำสัตว์ป่ำและพืชป่ำที่ใกล้สูญพันธุ์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์จำกสัตว์ป่ำและพืชป่ำ มีวัตถุประสงคหลักของการดําเนินงานท่ี
โดยสรำ้ งกลไกทมี่ โี ครงขำ่ ยทว่ั โลกเพอื่ ควบคมุ กำรสรำ้ งระบบกำรออกใบอนญุ ำตในกำรนำ� เขำ้ สง่ ออก สอดคลองกับอนุสัญญาไซเตส กลาวคือ
หรอื น�ำผ่ำนของสัตวป์ ่ำและพืชป่ำที่ ใกลส้ ญู พันธ์ุ การควบคุมมิใหมีการบุกรุกพ้ืนท่ีปาสงวน
เพอ่ื ลกั ลอบคา พืชและสตั วปา โดยการสรา ง
2) อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ (United จิตสํานึกใหแกชาวบานในชุมชนท่ีอาศัยปา
ในการดํารงชีวิต และสงเสริมใหชาวบาน
Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) จำกปญั หำแก๊สเรอื นกระจก ชวยกันเฝาระวังมิใหมีการบุกรุกพ้ืนที่ปา
ทสี่ ่งผลใหอ้ ุณหภมู ิสูงขน้ึ จึงได้มกี ำรประชมุ เพือ่ หำทำงแก้ ไขและปอ้ งกันขึน้ ใน พ.ศ. 2535 ท่เี มอื ง สงวน)
รอี ูดีจำเนรู ประเทศบรำซลิ ซ่งึ ประเทศไทยเขำ้ เปน็ สมำชกิ ในอนุสัญญำนี้ด้วย มีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อ
ปอ้ งกันกำรคกุ คำมที่อนั ตรำยของมนษุ ย์ตอ่ ระบบภมู อิ ำกำศ โดยกำรควบคมุ ควำมเข้มขน้ ของแกส๊ 3. ครูใหนักเรียนทบทวนความรู หรือใช PPT
เรอื นกระจกทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยมนษุ ย ์ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ทจ่ี ะไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรำยตอ่ สภำพภมู อิ ำกำศ นอกจำกน้ ี สรปุ สาระสาํ คญั ของเนอ้ื หาทไ่ี ดศกึ ษามา

ยงั ต้องสร้ำงค3ว)ำ มอมนน่ั สุ คญั งดญ้ำานวกา่ำดรผว้ ลยติกอาำรหอำนรรุ กัแลษะพ์ ก้ืนำรทพี่ชัฒุ่มนนำ�้าอ1 ยำ่(Cงยo่ังnยvืนenขtอioงnมนoุษnยชWำตeิtlands of 4. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.2 เร่ือง
มาตรการปองกันและแกไขปญหาทรัพยากร
International Importance especially as ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอม
Waterfowl Habitat) มีกำรประชุมรับรอง
อนุสัญญำฉบับนี้ข้ึนเมื่อวันที่ 2 กุมภำพันธ์ 5. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
พ.ศ. 2514 ทเี่ มอื งแรมซำร ์ ประเทศอหิ รำ่ น และ ม.4-6 เกย่ี วกบั เรอ่ื ง มาตรการปอ งกนั และแกไ ข
มีผลบงั คบั ใชเ้ มอ่ื วนั ท ี่ 21 ธนั วำคม พ.ศ. 2518 ปญ หาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอม
สำ� หรบั ประเทศไทยไดเ้ ขำ้ รว่ มเปน็ ภำคอี นสุ ญั ญำ
ในวนั ท ี่13 พฤษภำคม พ.ศ. 2541 มวี ตั ถปุ ระสงค์
เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน�้ำทั่วโลกอย่ำง
ยง่ั ยืน เนอ่ื งจำกเป็นแหล่งที่มีควำมหลำกหลำย
ทำงนเิ วศวิทยำและเป็นทอ่ี ยอู่ ำศยั ของนกน้�ำ  พนื้ ทชี่ ่มุ น�ำ้ โมรอนดำวำ ประเทศมำดำกสั กำร์

245

ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET นักเรียนควรรู

ดอนหอยหลอด จงั หวัดสมทุ รสงคราม เกย่ี วขอ งกบั อนุสญั ญา 1 อนสุ ญั ญาวา ดว ยการอนรุ กั ษพ นื้ ทชี่ มุ นาํ้ พน้ื ทชี่ มุ นาํ้ แหง แรกของประเทศไทย
ฉบบั ใด ท่ีไดรับการประกาศใหเขาเปนทําเนียบของอนุสัญญา คือ พรุควนขี้เสียน
เขตหามลาสัตวปาทะเลนอย จังหวัดพัทลุง ลําดับถัดมา ไดแก เขตหามลา
1. IPCC สัตวปาบงึ โขงหลง จงั หวัดหนองคาย ปากแมนาํ้ กระบ่ี จงั หวัดกระบ่ี เขตรกั ษา
2. CITES พนั ธุสตั วป าเฉลมิ พระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี
3. Ramsar (ปา พรุโตะ แดง) จังหวดั นราธวิ าส ดอนหอยหลอด จังหวดั สมทุ รสงคราม และ
4. UNFCCC เขตหามลาสัตวปา หนองบงคาย จังหวดั เชยี งราย
5. Kyoto Protocal
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. Ramsar จากมติการประชุมของ T255
คณะกรรมการส่ิงแวดลอมนานาชาติใน ค.ศ. 2001 ดวยเหตุท่ี
มีความสําคัญทางระบบนิเวศชายฝง โดยเปนหาดเลนนํ้าทวมถึง
บริเวณปากแมน้ําแมกลอง มีสัตวสําคัญ คือ หอยหลอด ซ่ึงมี
ประโยชนสําคัญตอเศรษฐกจิ ของทองถ่ินดวย)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สรปุ 4) อนุสัญญาบาเซิลว่าด้วยการควบคุมการเคล่ือนย้ายข้ามแดนของของเสีย
อันตรายและการก�าจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล
of Hazardous Wastes and their Disposal) หรือเรียกย่อ ๆ ว่ำ อนุสัญญำบำเซิล (Basel
ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบและสรุปผล Convention) มีวัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองสุขภำพอนำมัยของมนุษย์และส่ิงแวดล้อมจำกของเสีย
จากการตอบคําถาม การทําใบงาน และการทํา อันตรำยและกำรป้องกันอันตรำยต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศก�ำลังพัฒนำ โดยมีวัตถุประสงค์
แบบฝกสมรรถนะฯ ภมู ิศาสตร ม.4-6 ตลอดจน 3 ประกำร ได้แก่
การใชเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร และเคร่ืองมือ 1. เพอื่ ลดกำรเคลือ่ นยำ้ ยของเสยี อันตรำยข้ำมแดนให้น้อยทสี่ ดุ
ดานเทคโนโลยีในการสืบคนเกี่ยวกับมาตรการ 2. เพื่อกำ� จัดของเสยี อนั ตรำยทีแ่ หล่งก�ำเนดิ ให้ ได้มำกทส่ี ุด
ปองกันและแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ 3. เพอ่ื ลดกำรกอ่ กำ� เนดิ ของเสยี อนั ตรำยทงั้ ในเชงิ ปรมิ ำณและควำมเปน็ อนั ตรำย
สิ่งแวดลอม หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของ หลกั กำรสำ� คญั ของอนุสัญญำน ้ี คือ กำรใช้มำตรกำรทำงกฎหมำยในกำรควบคมุ กำร
เนอื้ หา เคลื่อนยำ้ ยของเสยี และเครอ่ื งมอื หรือกลไกกำรจัดกำรของเสียอนั ตรำยให้อยู ่ในระดับสำกล ทั้งนี้
ประเทศไทยได ้ใหส้ ตั ยำบันเมือ่ พ.ศ. 2540
ขน้ั ประเมนิ
5) อนุสญั ญาว่าดว้ ยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน Diversity: CBD) เป็นข้อตกลงด้ำนส่ิงแวดล้อมระหว่ำงประเทศ ท่ีมีวัตถุประสงค์ ให้รัฐบำล
หนาชัน้ เรยี น ทกุ ประเทศพฒั นำประเทศโดยไม่ละเลยกำรอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยำกรธรรมชำติ โดยมกี ำร
กำ� หนดวัตถปุ ระสงคห์ ลกั ไว้ 3 ประกำร ได้แก่
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก 1. เพอื่ อนรุ กั ษค์ วำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ
สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 2. เพอื่ ใชป้ ระโยชนจ์ ำกควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอยำ่ งย่งั ยนื
3. เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ท่ีได้จำกกำรใช้ทรัพยำกรพันธุกรรมอย่ำงเท่ำเทียม
และยุตธิ รรม
ประเทศไทยให้สัตยำบันในอนุสัญญำว่ำด้วยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ เม่ือวันท่ ี
31 ตลุ ำคม พ.ศ. 2546

 อ นสุ ัญญำวำ่ ดว้ ยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีจุดมงุ่ หมำยเพ่อื อนุรักษ์พนั ธุกรรม ชนดิ พันธ ์ุ และระบบนเิ วศ เพ่ือควำม
หลำกหลำยทำงชวี ภำพ

246

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET
โครงการพฒั นาปาชมุ ชนในประเทศไทยเปนการดาํ เนนิ งาน
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เรื่อง มาตรการปองกัน ทสี่ อดคลองกับอนุสญั ญาฉบับใด
และแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ไดจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ 1. อนุสัญญาไซเตส
การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบมาทาย 2. อนสุ ญั ญาบาเซิล
แผนการจัดการเรียนรหู นวยท่ี 6 เร่อื ง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมกับ 3. อนุสัญญาเวียนนา
การพฒั นาทย่ี งั่ ยืน 4. อนสุ ญั ญาวา ดว ยการอนุรกั ษพนื้ ทช่ี มุ นํ้า
5. อนุสญั ญาวา ดว ยความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. เนอ่ื งจากโครงการพฒั นาปา ชุมชน
ของไทยมีวัตถุประสงคหลักของการดําเนินงานท่ีสอดคลองกับ
คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ อนุสัญญาไซเตส กลาวคือ การควบคุมไมใหมีการบุกรุกพื้นท่ีปา
ตรงกับระดบั คะแนน สงวนเพ่ือลักลอบคาพืชและสัตวปา โดยการสรางจิตสํานึกใหแก
ชาวบานในชุมชนที่อาศัยปาในการดํารงชีวิต และสงเสริมให
ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ชาวบา นชวยกนั เฝาระวงั ไมใหมีการบุกรุกพนื้ ทีป่ าสงวน)
32

1 ความถูกต้องของเนื้อหา
2 การลาดับข้ันตอนของเรื่อง
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ่วนร่วมของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน
............/................./................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่

ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

T256 ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ

นาํ นาํ นาํ สอสนอน สรสปุ รปุ ปรปะรเมะเนิ มนิ

5 การจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process)

กำรจดั กำรสงิ่ แวดลอ้ ม (environmental management) เปน็ กระบวนกำรใชส้ ง่ิ แวดลอ้ มอยำ่ ง 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม “ทา นถาม-เราตอบ”
มปี ระสิทธิภำพและเป็นระบบ โดยกำรวำงแผน ด�ำเนนิ งำนตดิ ตำมประเมินผล และปรบั ปรงุ แก้ไข โดยผลัดกันตั้งคําถามเก่ียวกับการจัดการ
พัฒนำให้ดีขึน้ ท้ังน ี้ ตอ้ งคำ� นงึ ถึงกำรใช้อย่ำงประหยดั ให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุดและยัง่ ยนื ยำวนำน ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม (มอบหมาย
ใหนักเรียนเตรียมคําถามเปนการบานกลุมละ
5.1 หลกั การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม 2 ขอ )

ในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม จะต้องมีแนวทำงและมำตรกำรต่ำง ๆ 2. ครูสุมนักเรียนใหเลาความประทับใจ หรือยก
ตัวอยางการจัดการทรัพยากรและส่ิงแวดลอม
เพ่ือใหส้ อดคล1อ้) งกกบัารสคถวำนบกคำุมรจณ�า ์ นสวภนำพปประญั ชหาำกทรเี่1 ปเ็นนอื่อยง่ ูจโำดกยจม�ำหี นลวกันกปำรระสชำ� ำคกัญรท ดี่มงัำนกี้ขึ้น ส่งผลให้มี ของประเทศไทยท่ีมีแนวโนม หรือไดรับผล
สําเรจ็ ตามเปา หมาย
กำรใช้ทรัพยำกรเพ่ิมข้ึนตำมไปด้วย รัฐบำลควรมีนโยบำยในกำรลดอัตรำกำรเพ่ิมของประชำกร
โดยจดั ตัง้ โครงกำรวำงแผนครอบครวั 3. ครูใหน กั เรยี นใชสมารต โฟนสอ งดู QR Code
เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
2) การสง่ เสรมิ คณุ ภาพประชากร ใหม้ คี วำมร ู้ ควำมเขำ้ ใจ มจี ติ สำ� นกึ ตระหนกั ถงึ กับการพัฒนาท่ียั่งยืน จากหนังสือเรียน
ภูมิศาสตร ม.4-6 และอภิปรายแสดงความ
ควำมส�ำคัญและควำมจ�ำเป็นของกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม โดยบรรจุเป็น คิดเห็นรว มกนั
หลักสตู รในโรงเรียน และกำรใหก้ ำรศึกษำอยำ่ งไม่เปน็ ทำงกำรผ่ำนสอ่ื มวลชน

3) การสา� รวจแหลง่ ทรพั ยากรเพม่ิ และสง่ิ ทดแทนกำรใชท้ รพั ยำกร เชน่ กำรสำ� รวจ

แหล่งแร่และพลังงำน กำรคดิ ค้นกรรมวธิ ขี ยำยพันธ์ุพืชและสตั ว์เพ่ือเพิ่มปริมำณ

4) การปองกันรกั ษา เพอ่ื มิให้ทรพั ยำกรเสอื่ มโทรม ร่อยหรอลง เชน่ กำรป้องกัน

กำรท�ำลำยป่ำ กำรปอ้ งกันทรพั ยำกรนำ�้ อำกำศ แร ่ ไม่ ให้เกดิ กำรปนเป้อื นจำกสำรพษิ

5) การใชท้ รพั ยากรใหถ้ กู ประเภท เพรำะทรพั ยำกรหลำยประเภทเปน็ สงิ่ ท ี่ใชแ้ ลว้

หมดไปเสื่อมโทรมลง จึงต้องใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น กำรใช้ที่ดินท่ีอุดมสมบูรณ์ ในกำร
เพำะปลูก

6) การปรบั ปรงุ คณุ ภาพทรพั ยากร ทรพั ยำกรทเี่ สอ่ื มโทรมควรมกี ำรพฒั นำปรบั ปรงุ

คุณภำพ เช่น กำรฟื้นฟูสภำพป่ำที่ถูกท�ำลำย กำรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ กำรปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดิน
กำรแก้ปญั หำน�้ำเนำ่ เสยี เช่น กำรใชก้ งั หันชัยพัฒนำเพือ่ เพม่ิ ออกซิเจนในน้ำ�

7) การใช้ทรัพยากรทดแทนกัน เป็นกำรน�ำทรัพยำกรท่ีมีมำกหรือเกิดข้ึนใหม่

มำใช้ทดแทนทรัพยำกรที่หำยำกหรือมีรำคำแพง เช่น กำรใช้พลำสติกแทนโลหะหรือไม้ กำรใช้
พลังงำนจำกนำ�้ ลม แสงอำทิตย์ แทนน�้ำมนั ถำ่ นหิน

8) การน�ามาใช้ใหม่ เป็นกำรน�ำทรัพยำกรกลับมำใช้ใหม่ เช่น หลอมพลำสติก

เศษโลหะมำใช ้ใหม ่ นำ� กระดำษมำผลติ ใหม่

ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมกับการพัฒนาท่ยี ่งั ยนื 247

กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู

ครูจัดกิจกรรมการเรียนรูเกี่ยวกับแนวทางการอนุรักษ 1 การควบคุมจํานวนประชากร การเพิ่มขึ้นของจํานวนประชากรทําใหเกิด
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ มตามหลกั 7R โดยเนน ฝก ทกั ษะ การใชทรัพยากรอยางกวางขวาง จึงตองมีการผลิตอาหารและจัดสรรท่ีอยู
การปฏบิ ตั ิของนกั เรยี น เพอื่ ใหน กั เรยี นสามารถใชค วามรเู ก่ยี วกับ อาศัยเพ่ิมขึ้น ความตองการที่เพ่ิมข้ึนเหลานี้กอใหเกิดการขาดแคลนทรัพยากร
แนวทางการอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาตใิ นการดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั เกิดสารพิษในสิ่งแวดลอม และทําใหธรรมชาติขาดสมดุลในที่สุด การควบคุม
ไดอ ยางถกู ตอ ง การเพิ่มจํานวนประชากรเปนแนวทางหนึ่งที่จะชวยลดความเสื่อมโทรมของ
สิ่งแวดลอม และลดปรมิ าณการใชท รพั ยากรธรรมชาตลิ งได

T257

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 5.2 แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม
ในภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก
ขั้นท่ี 1 การต้ังคาํ ถามเชงิ ภูมิศาสตร
ปัญหำส่ิงแวดล้อมและกำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติ มีผลกระทบต่อประชำชนใน
1. ครูนําภาพหรือคลิปวิดีโอท่ีเก่ียวของกับ ทวีปต่ำง ๆ ของโลก ดังนั้น ทกุ คนจำ� เป็นต้องมีควำมรับผดิ ชอบร่วมกันในกำรอนรุ ักษท์ รัพยำกร
การกระทํา หรือกิจกรรมท่ีแสดงถึงความ ธรรมชำติใหค้ งอยู่ต่อไปอยำ่ งยง่ั ยนื
รวมมือในการอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอมในทวีปตางๆ ทว่ั โลก เชน 1) ทวีปเอเชีย ในภูมิภำคต่ำง ๆ ของทวีปเอเชียได้มีกำรวำงแผนจัดกำร เพ่ือกำร
• โครงการขยายพันธพุ ืชและพันธุสัตว
• การเพาะเลีย้ งสัตวน้ํา อนรุ กั ษท์ รพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ ภมู ภิ ำคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ ไดร้ ว่ มกนั จดั ตง้ั
• การใชพลังงานลม มรดกอุทยำนแห่งอำเซียน โดยมีวัตถุประสงค์ให้อุทยำนแห่งอำเซียนมีลักษณะเป็นหนึ่งเดียว
• การนาํ กระดาษมาใชใ หม มกี ำรทำ� นบุ ำ� รงุ กระบวนกำรทำงนเิ วศวทิ ยำ และกำรอนรุ กั ษ ์ไวซ้ ง่ึ ควำมหลำกหลำยทำงพนั ธศุ ำสตร์
• การทาํ เกษตรอินทรยี  และระบบนิเวศอย่ำงย่ังยืน หรือกำรจัดต้ังสมำคมสวนสัตว์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นกำรรวม
กลุ่มกันของสวนสัตว์ ในภูมิภำคเพ่ือกำรให้ควำมรู้แก่สำธำรณชน กระตุ้นเตือนให้ประชำชน
2. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเพม่ิ เตมิ จากภาพ ตระหนักถึงกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม รวมถึงกำรให้ควำมส�ำคัญต่อคุณค่ำ
หรอื คลิปวดิ โี อดังกลาว ของสัตว์ป่ำ นอกจำกน้ี ยังมีกำรส่งเสริมกำรพัฒนำพลังงำนสะอำด กำรก่อต้ังกองทุนสีเขียว
และกำรจดั ท�ำระบบบำ� บดั นำ้� เสีย
ภมู ิภำคเอเชียตะวนั ออก ในประเทศญ่ีปุ่น มนี โยบำยพฒั นำภำคอตุ สำหกรรมควบค ู่
ไปกับกำรรักษำสภำพแวดล้อม เพื่อท�ำให้ประชำชนมีคุณภำพชีวิตที่ดีตำมคุณสมบัติของประเทศ
ที่พัฒนำแล้วโดยเน้นนโยบำยด้ำนกำรน�ำของเสียกลับมำใช้ ใหม่ ในขณะท่ีประเทศเกำหลีใต้ม ี
นโยบำยในกำรลดกำรปล่อยแก๊สเรือนกระจก กำรลดกำรพึ่งพำน�้ำมันและเพ่ิมกำรพึ่งพำตัวเองใน
ดำ้ นพลงั งำน และกระจำยอำ� นำจกำรปกครองสทู่ อ้ งถนิ่ ใหส้ ำมำรถบรหิ ำรจดั กำรสงิ่ แวดลอ้ มไดเ้ อง

2) ทวีปออสเตรเลีย มีกำรจัดต้ังพ้ืนที่อนุรักษ์ทำงทะเลจ�ำนวน 200 แห่ง โดย

ครอบคลุมพนื้ ทีเ่ กอื บ 65 ล้ำนเฮกตำร์ รวมถึงอุทยำนทำงทะเลแนวปะกำรังขนำดใหญ ่ ทีเ่ รยี กว่ำ
เกรตแบรร์ เิ ออร์รีฟ (Great Barrier Reef) พ้ืนที่อนรุ กั ษ์ถิน่ ท่อี ยขู่ องปลำ เขตสงวนพนั ธปุ์ ลำ และ
พ้ืนที่อนุรักษ์อีกหลำยแห่ง นอกจำกน้ี รัฐบำลออสเตรเลียยังได้จัดท�ำข้อตกลงด้ำนป่ำไม้ระดับ
ภูมิภำค (Regional Forest Agreements: RFAs) เพ่ืออนุรักษ์และบริหำรจัดกำรป่ำไม้พ้ืนเมือง
ของออสเตรเลียอย่ำงยัง่ ยนื และเพื่อปกปอ้ งควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ

3) ทวปี แอฟรกิ า บำงประเทศในทวปี แอฟรกิ ำไดจ้ ดั ทำ� โครงกำรเพอ่ื รกั ษำและฟน้ื ฟู

สภำพแวดลอ้ ม มกี ำรจดั พน้ื ทคี่ มุ้ ครองเพอ่ื ฟน้ื ฟพู นั ธพ์ุ ชื และสตั ว ์ ในอทุ ยำนและเขตสงวนทำงดำ้ น
ตะวนั ออกของทวปี หลำยเขต เชน่ มำไซมำรำ ประเทศเคนยำ เซเรนเกต ิ ประเทศแทนซำเนยี มกี ำร
ชว่ ยในกำรแพรพ่ นั ธข์ุ องนกฟลำมงิ โก รวมถึงกำรขับไล่ช้ำงออกจำกพื้นท่ีกำรเกษตรด้วยวิธีกำร
ธรรมชำติ และกำรใช้ระบบวนอุทยำนในกำรปลกู ธญั พชื
248

บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคดิ
ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งนักเรียนจะปฏิบัติตนเพ่ืออนุรักษและ
ครูอธิบายใหนักเรียนมีความรูความเขาใจเก่ียวกับแผนงานการจัดตั้ง พฒั นาส่งิ แวดลอมอยา งไรจงึ จะเหมาะสม
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซยี น วาประกอบไปดวยความรวมมอื ในดาน
ตางๆ โดยเฉพาะความยัง่ ยนื ดานสง่ิ แวดลอ ม เชน การจัดการและการปองกนั (แนวตอบ การใชทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดไมวาจะเปน
มลพิษทางส่ิงแวดลอมขามแดน สงเสริมการพัฒนาที่ย่ังยืนโดยการศึกษาดาน อาหาร น้ํา ไฟฟา จะตอ งลดปริมาณการใชลงใหเ หลือเทา ที่จําเปน
ส่ิงแวดลอมและการมีสวนรวมของประชาชน สงเสริมมาตรฐานการดํารงชีวิต ตองใช การใชทรัพยากรใหคุมคา คือ การนําทรัพยากรมาใชให
ในเขตเมอื ง สง เสรมิ การใชทรัพยากรชายฝงและทรพั ยากรทางทะเลอยางย่ังยนื เกิดประโยชนสูงสุด ลดละเลิกการใชสารพิษ โดยหันมาใชสาร
สงเสริมความย่ังยืนของทรัพยากรนํ้าจืด การตอบสนองตอการเปล่ียนแปลง ธรรมชาติที่ไมเปนอันตรายตอสิ่งแวดลอมและสุขภาพ ชวยกัน
สภาพภูมิอากาศและการจัดการตอผลกระทบ และสงเสริมการบริหารจัดการ ปลูกตนไมและดแู ลตนไมสาธารณะ เพ่อื ปอ งกันการแพรกระจาย
ปาไมอ ยางย่งั ยืน ของสารพษิ และชว ยดดู ซบั มลภาวะตา งๆ)

T258

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

4) ทวีปยุโรป ได้มีกำรออกนโยบำยด้ำนส่ิงแวดล้อม โดยมุ่งเน้นกำรคุ้มครอง ขนั้ สอน

สิง่ แวดลอ้ มอย่ำงรอบด้ำน ท้งั ในด้ำนกำยภำพ เชน่ น�้ำ ดนิ อำกำศ และพฒั นำพลงั งำนทดแทน ขน้ั ที่ 1 การตงั้ คาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตร
ดังนี้
1. ดำ้ นปญั หำกำรเปลยี่ นแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ มโี ครงกำรซอื้ ขำยสทิ ธกิ ำรปลอ่ ย 3. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตงั้ ประเดน็ คาํ ถาม
แก๊สคำร์บอนไดออกไซด ์ โดยมเี ปำ้ หมำยเพือ่ กำรลดแกส๊ เรือนกระจก เชิงภมู ศิ าสตร เชน
2. ดำ้ นควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีแผนยุทธศำสตร์ ระบใุ หม้ กี ฎระเบยี บและ • หลักการสําคัญในการจัดการทรัพยากร
นโยบำยท่ีค�ำนึงถึงผลกระทบด้ำนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งนโยบำยด้ำน ธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ มมีอะไรบาง
ส่งิ แวดลอ้ ม ปำ่ ไม้ และกำรท่องเทย่ี ว • แนวทางในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
3. ด้ำนสิ่งแวดล้อม สุขภำพและคุณภำพชีวิต เป็นกำรปกป้องสิ่งแวดล้อมและ และสิ่งแวดลอมเพ่ือการพัฒนาอยางยั่งยืน
สขุ ภำพของประชำชน ดว้ ยกำรหำทำงจำ� กดั สำรพษิ และปอ้ งกนั กำรกอ่ มลภำวะตำ่ ง ๆ เพอื่ ควบคมุ มอี ะไรบาง
กำรผลติ กำรใช ้ และกำรจำ� หน่ำยสำรเคมอี นั ตรำย • ประเทศใดบา งทม่ี วี ธิ กี ารจดั การการอนรุ กั ษ
4. ด้ำนทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละของเสีย เปน็ กำรจดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมท่ีเปน
ของเสีย ได้แก่ กำรก�ำหนดระเบียบว่ำด้วยกำรจ�ำกัดกำรใช้สำรอันตรำยในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้ำและ แบบอยางที่ดี
อิเลก็ ทรอนกิ ส ์ ลดกำรใชพ้ ลังงำนในกำรทำ� ลำยขยะและน�ำกลบั มำใช ้ใหม่
5. ด้ำนกำรใชพ้ ลงั งำนทดแทน ไดแ้ ก ่ กำรใชพ้ ลังงำนจำกธรรมชำต ิ รวมถึงกำร ขน้ั ที่ 2 การรวบรวมขอมูล
ใชพ้ ลงั งำนนวิ เคลยี ร ์ในกำรผลติ กระแสไฟฟำ้ เชน่ ในประเทศเยอรมน ี เดนมำรก์ และมกี ำรสง่ ออก
เทคโนโลยีกงั หนั ลมและสนบั สนนุ กำรใช้พลงั งำนลมมำกทีส่ ุดในโลก 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-7 คน
สืบคนขอมูลเก่ียวกับแนวทางการจัดการ
5) ทวีปอเมริกาเหนอื และอเมริกาใต้ มีแนวทำงในกำรแก้ ไขปัญหำทรัพยำกร ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม รวมถึง
การมสี ว นรว มในการแกป ญ หาและการดาํ เนนิ
ธรรมชำติและสิง่ แวดล้อมในด้ำนต่ำง ๆ ดงั น้ี ชี วิ ต ต า ม แ น ว ท า ง ก า ร จั ด ก า ร ท รั พ ย า ก ร
1. ด้ำนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีกำรจัดต้ังเขตอุทยำนแห่งชำติข้ึน ธรรมชาตทิ ย่ี ง่ั ยนื จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร
เพื่อให้กำรคุ้มครองพันธุ์สัตว์และพืชที่อยู่ ในภำวะเสี่ยงต่อกำรสูญพันธุ์ มีกำรเชื่อมอุทยำนต่ำง ๆ ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน
เข้ำด้วยกนั หนังสอื ในหอ งสมดุ เว็บไซตใ นอนิ เทอรเ น็ต
2. กำรใชพ้ ลงั งำนทดแทนในทวปี อเมรกิ ำเหนอื สหรฐั อเมรกิ ำและแคนำดำมอี ตั รำ
อกำอรกผแลบิตบพรลถังยงนำตนท์ ไฟสี่ ำฟม้ำำจรำถกใพชไ้ลดังก้งำับนททงั้ นดแ�ำ้ มทันนแ ลแะทเอนทกำำนรใอชล้น1 ้�ำซมง่ึ ันไดเช้รบั้ือคเพวำลมิงมนำิยกมทมี่สำุดกในทวีป มีกำร 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ
3. กำรแก้ปัญหำภำวะโลกร้อน สหรัฐอเมริกำมีกำรออกฎหมำยเพ่ือป้องกันกำร ท่ีรับผิดชอบ โดยนําความรูเกี่ยวกับเครื่องมือ
เปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศโลกและกำรใช้พลังงำนสะอำด โดยก�ำหนดให้มีกำรลดกำรปล่อย ทางภมู ศิ าสตรม าใชป ระกอบในการศกึ ษาดว ย
แ กส๊ เรอื นกระ จกใ4ห. ้ไลดด้ร้ออตยั ลรำะก 1ำ7ร ทภำ� ำลยำใยนพ นื้พท.ศปี่ .ำ่ 2ฝ5น62ข3องประเทศตำ่ ง ๆ ในทวปี อเมรกิ ำใตโ้ ดยเฉพำะ
พน้ื ทปี่ ำ่ แอมะซอน มคี วำมพยำยำมในกำรลดอตั รำกำรตดั ไมท้ ำ� ลำยปำ่ ดว้ ยกำรไมป่ รบั สภำพพน้ื ที่
ปำ่ เป็นท่งุ หญำ้ เลี้ยงสตั ว์ และกำรสนบั สนนุ ระบบเกษตรอินทรยี ์

249

ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET นักเรียนควรรู

บคุ คลในขอ ใดมสี ว นรว มในการจดั การทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ ม 1 เอทานอล คือ แอลกอฮอลท่ีไดจากการหมักพืชผลทางการเกษตร เชน
ทใ่ี หผ ลยัง่ ยนื ยาวนาน ออย มันสําปะหลัง กากน้ําตาล โดยผานกระบวนการยอยสลายและหมักจาก
แปง เปน นาํ้ ตาล และสดุ ทา ยเปลยี่ นเปน แอลกอฮอล และแยกจนไดค วามบรสิ ทุ ธิ์
1. นายเอตรวจวดั คณุ ภาพอากาศเปนประจํา สามารถนํามาใชเปน เชอื้ เพลงิ สาํ หรบั เคร่อื งยนตไ ด
2. นายบีใชส ารดีดที ีกาํ จัดแมลงแทนสารซีเอฟซี 2 ปาฝน ปาไมที่มีปริมาณฝนตกชุกตลอดป โดยมากอยูในบริเวณอากาศ
3. นายซีปลกู หญาแฝกเพอื่ ปองกนั นํา้ เซาะตล่ิงพัง ประเภทรอนชน้ื แถบศูนยส ูตร เชน ปา ในเขตลมุ นา้ํ แอมะซอน ทวีปอเมริกาใต
4. นายดีพัฒนาเทคโนโลยที ีใ่ ชท รพั ยากรฟมุ เฟอ ย ลุมน้าํ คองโกในทวปี แอฟรกิ า เกาะบอรเนียวในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต
5. นายเอฟใชห นงั สอื พมิ พห อ ขยะเปย กกอ นทง้ิ ลงถงั ขยะสเี หลอื ง
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การปลูกหญาแฝกเพ่ือปองกัน T259
นํ้าเซาะตล่ิง เปนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
ท่ีย่ังยืน สวนการกระทําของบุคคลอ่ืนไมถูกตองตามแนวทาง
จัดการทรัพยากรและส่ิงแวดลอม และการกระทําของเอได
เพียงขอมูลคุณภาพอากาศแตยังไมไดลงมือปฏิบัติเพื่อจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอมแตอยา งใด)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน GKneoowledge

ข้ันท่ี 2 การรวบรวมขอมูล ประเทศที่มีการจดั การทรพั ยากรและสิ่งแวดล้อมดที ่สี ุดในโลก
ดัชนีผลงำนดำ้ นสิง่ แวดลอ้ ม Environmental Performance Index (EPI) เปน็ กำรจัดอนั ดบั ผลงำน
3. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา Geo Knowledge เกย่ี วกบั กำรจัดกำรด้ำนสิ่งแวดล้อมของประเทศตำ่ ง ๆ รวม 163 ประเทศ โดยผเู้ ชย่ี วชำญจำกมหำวทิ ยำลยั เยล
ป ร ะ เ ท ศ ท่ี มี ก า ร จั ด ก า ร ท รั พ ย า ก ร แ ล ะ (Yale University) และมหำวิทยำลยั โคลมั เบยี (Columbia University)
สิ่งแวดลอมดีที่สุดในโลก จากหนังสือเรียน ในกำรจัดอันดบั จะพจิ ำรณำจำกสภำพปัจจัยในดำ้ นต่ำง ๆ เช่น คณุ ภำพของอำกำศ กำรบรหิ ำร
ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการรวบรวมขอมูล จดั กำรแหลง่ นำ้� ธรรมชำต ิ ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ สภำพปำ่ ไม ้ กำรทำ� เกษตรกรรม กำรเปลยี่ นแปลง
ของชั้นบรรยำกำศ พ.ศ. 2561 ประเทศท่ีมีกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมดีที่สุด คือ
4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีเช่ือถือได ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด ์ รองลงมำ คอื ฝรงั่ เศส เดนมำรก์ มอลตำ และสวีเดน ตำมลำ� ดบั
ใหก บั นักเรียนเพ่ิมเติม ส�ำหรับปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้ประเทศเหล่ำนี้ประสบควำมส�ำเร็จในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติ
และสง่ิ แวดลอ้ ม คอื กำรมนี โยบำยรฐั ดำ้ นกำรรกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มทตี่ อ่ เนอื่ ง มกี ำร
ขนั้ ท่ี 3 การจดั การขอ มูล ลงทุนในโครงสร้ำงพ้ืนฐำนด้ำนส่ิงแวดล้อม กำรควบคุมมลภำวะท่ีเข้มงวด รวมถึงกำรสร้ำงจิตส�ำนึก
แก่ประชำชนใหเ้ ห็นควำมส�ำคัญในกำรรักษำทรพั ยำกรธรรมชำติและสิง่ แวดลอ้ ม
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ยี นความรูก ัน EPI 2018 Rankings คะแนนที่ได้  โ ครงกำร Bergwaldprojekt เป็นโครงกำร
87.42 อนุรักษ์ป่ำไม้ของสวิตเซอร์แลนด์ ท่ีเปิดรับ
2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล อนั ดับ ประเทศ 83.95 สมคั รอำสำสมคั รเพอ่ื เขำ้ ไปทำ� กจิ กรรมฟน้ื ฟู
ที่นําเสนอเพ่ือใหไดขอมูลท่ีถูกตอง และรวม 81.60 อนรุ กั ษป์ ่ำไม้ โดยไม่จ�ำกดั เพศ วยั เชอื้ ชำต ิ
อภิปรายแสดงความคดิ เห็นเพิม่ เตมิ 1 สวิตเซอรแ์ ลนด์ 80.90 และไมเ่ กบ็ คำ่ ใชจ้ ำ่ ย เปน็ ตวั อยำ่ งหนงึ่ ในกำร
2 ฝร่งั เศส 80.51 จัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม
ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมูล 3 เดนมำร์ก 79.89 ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ ำพของสวติ เซอรแ์ ลนด์
4 มอลตำ 79.12
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลที่ไดทําการ 5 สวเี ดน 78.97 ท่ีมา : http://epi.envirocenter.yele.edu/2018
สืบคนมาเรียบเรียงเปนบทความในหัวขอ 6 สหรำชอำณำจักร 78.77
“การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม” 7 ลักเซมเบริ ก์
เพื่อเปนการทบทวนและวิเคราะหความรู 8 ออสเตรเลยี 78.64
เพ่ิมเติม 9 ไอร์แลนด์

2. ครูสุมนักเรียนจํานวน 2-3 คน เพ่ือยก 10 ฟินแลนด์
ตัวอยางการมีสวนรวมในการแกปญหาและ
การดําเนินชีวิตตามแนวทางการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติท่ีย่ังยืนในชีวิตประจําวัน
บรเิ วณหนา ช้นั เรียน

250

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ในการพัฒนาท่ียั่งยืน นักเรียนสามารถใชประโยชนจาก
ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ดชั นชี วี้ ดั ผลการดาํ เนนิ งานดา นสงิ่ แวดลอ ม หรอื ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมไดหรือไม อยา งไร
EPI เพมิ่ เตมิ วา เปน การนาํ กจิ กรรมทเี่ กยี่ วขอ งกบั สงิ่ แวดลอ มของประเทศหนงึ่ ๆ
มาแปลงใหเปนระบบเมตริกอยางงายที่เร่ิมตนจากศูนย หมายถึง เปนมิตรตอ (แนวตอบ ได โดยการพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื ไมไ ดป ฏเิ สธการใชป ระโยชน
สง่ิ แวดลอมนอยทีส่ ุด จนถึงหนง่ึ รอ ย หมายถงึ เปนมติ รกับสิ่งแวดลอ มมากที่สุด จากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม แตควรมีการศึกษา
เม่ือมีการจดั อันดับกลุมประเทศสแกนดิเนเวยี จะอยูใ นอันดบั ตนๆ และประเทศ และวางแผนการใชอยางถูกตองเหมาะสม เชน ศึกษาความ
ในทวีปแอฟริกาจะอยูในอันดับทา ยๆ อุดมสมบูรณของดินเพ่ือกําหนดพื้นท่ีเพาะปลูกพืชแตละชนิด
เลย้ี งสตั ว หรอื กอ สรา งทอ่ี ยอู าศยั และการใชป ระโยชนต อ งไมก อ ให
เกดิ ผลเสียตอสิง่ แวดลอ ม เชน บา นเรอื นหรอื โรงงานอตุ สาหกรรม
ตอ งมีการบําบดั นาํ้ เสียกอ นปลอ ยลงสูแหลง นํา้ ธรรมชาติ)

T260

นาํ สอน สรุป ประเมิน

5.3 การมสี ว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หาและการดา� เนนิ ชวี ติ ตามแนวทาง ขนั้ สอน
การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ
ขั้นท่ี 5 การสรุปเพอ่ื ตอบคาํ ถาม
ปญั หำสงิ่ แวดลอ้ มและกำรขำดแคลนทรพั ยำกรธรรมชำตยิ อ่ มสง่ ผลกระทบตอ่ มนษุ ย ์ ดงั นนั้
ประชำชนทุกคนจ�ำเป็นต้องมีส่วนร่วมในกำรแก้ปัญหำและกำรด�ำเนินชีวิตตำมแนวทำงจัดกำร 1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู จากการ
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิง่ แวดลอ้ ม โดยใช้หลกั 7R ดงั น้ี ศึกษา และอภปิ รายความคดิ เห็นรวมกัน

Reject : การปฏเิ สธการใช้ บรรจุภณั ฑ์ท่สี รำ้ งมลพิษ เชน่ กลอ่ งโฟมหรือพลำสตกิ 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
สาํ คญั เพ่ือตอบคาํ ถามเชิงภูมิศาสตร
R1 ประเภทใช้ครงั้ เดียวท้ิง
3. นักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.3 เรื่อง การ
Reuse : การนา� ของใชแ้ ลว้ กลับมาใช้ใหม่ เชน่ กำรนำ� บรรจภุ ัณฑ์ท่ี จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม
R2 ใช้แล้วมำใช้ ใหม่ หรือใช้ถุงพลำสตกิ ใส่ของหลำย ๆ ครั้ง ที่ยัง่ ยืน
Reduce : การลดการใช้ เชน่ ถำ้ บำ้ นอยทู่ ำงเดยี วกนั กน็ งั่
7Rหลัก รถไปคนั เดยี วกนั ชว่ ยประหยดั นำ�้ มนั หรอื นำ� สนิ คำ้ ทซี่ อ้ื มำ 4. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
R3 ใส่รวมในถุงเดยี วกนั เพื่อลดกำรใช้ถงุ ม.4-6 เกยี่ วกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ
และส่ิงแวดลอมที่ยั่งยนื
Repair : การซอ่ มแซมฟ้นื ฟู เชน่ กำรซ่อมแซมกระเป๋ำ เสือ้ ผ้ำท่ี
5. นักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง
R4 ฉกี ขำดให ้ใช้งำนไดอ้ ีก ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมกับการ
พัฒนาทยี่ ่งั ยนื เพื่อทดสอบความรู
Recycle : การนา� ไปผลติ ขึ้นใหม ่ เชน่ กำรน�ำของที ่ใช้งำนไม่ไดแ้ ลว้ ไปเขำ้
ขน้ั สรปุ
R5 กระบวนกำรผลิต เปน็ วัตถดุ ิบต้ังตน้ ใหม ่ เช่น ถงุ พลำสติก ขวดแก้ว
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ
Recovery : การถนอมรักษา เช่น ส่ิงของเคร่ืองใช้ในวันส�ำคัญหรือ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มกบั การพฒั นา
เทศกำลต่ำง ๆ ควรเก็บไว้ ใช้ ในครั้งต่อไป หรือกำรเก็บรักษำกระเป๋ำ ที่ยั่งยืน ตลอดจนความสําคัญที่มีอิทธิพลตอการ
R6 เดนิ ทำงใหอ้ ย่ใู นสภำพดี ดําเนินชีวิตของประชากรและทรัพยากรตางๆ
หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหา
Renewal : การเสริมแต่งของเก่า เช่น กำรตกแต่งกระเป๋ำ เส้ือผ้ำเก่ำให้สวยงำมข้ึน
ขนั้ ประเมนิ
R7 และน�ำไปใชต้ อ่ ได้
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
กลำ่ วโดยสรปุ รอบตวั เรำมที รพั ยำกรธรรมชำตอิ ยมู่ ำกมำย ทรพั ยำกรบำงชนดิ ใชแ้ ลว้ หมดไป การรวมกนั ทํางาน และการนําเสนอผลงาน
บำงชนดิ ตอ้ งใชร้ ะยะเวลำในกำรฟน้ื ตวั และบำงชนดิ เปน็ ทรพั ยำกรทไ่ี มม่ วี นั หมด แตจ่ ำกกำรพฒั นำ
ในดำ้ นตำ่ ง ๆ ทง้ั ดำ้ นเกษตรกรรม อตุ สำหกรรม ตลอดจนกำรขยำยตวั ของเมอื ง ทำ� ใหท้ รพั ยำกร 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ
ธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มถกู ทำ� ลำยอยเู่ รอื่ ย ๆ ดงั นน้ั กำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกทรพั ยำกรธรรมชำตจิ งึ ตอ้ ง และแบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ิศาสตร ม.4-6
มีกำรจัดกำรทรัพยำกรที่เหมำะสมและกำรพัฒนำควำมรู้และเทคโนโลยี ใหม่ ๆ ตลอดจนอำศัย
ควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ำย จะช่วยให้ใช้ทรัพยำกรอย่ำงเกิดประโยชน์คุ้มค่ำมำกที่สุดและก่อให้เกิด 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
ผลเสยี ตอ่ สิง่ แวดลอ้ มนอ้ ยท่ีสดุ การเรยี นรทู ี่ 6 เรือ่ ง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
สงิ่ แวดลอมกบั การพฒั นาท่ยี ่ังยืน
251

กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล

ครมู อบหมายใหน กั เรยี นชว ยกนั ทาํ โครงการทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การ ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เร่ือง การจัดการ
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมในทองถ่ินหรือชุมชน ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มท่ีย่ังยนื ไดจ ากการตอบคําถาม การรวมกนั
ของตนเอง ท้ังในสวนของการแกไขปญหา การปองกัน และการ ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ
พัฒนาอยางถูกตองเหมาะสม โดยจัดทําแผนการดําเนินโครงการ ผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู
ใหครูตรวจพจิ ารณากอนนาํ ไปดําเนินการจรงิ แลวนาํ เสนอผลการ หนวยที่ 6 เร่ือง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมกับการพฒั นาที่ย่งั ยืน
ดําเนินโครงการหนาชั้นเรียน จากนั้นรวบรวมไวเปนแหลงการ
เรียนรูใ นโรงเรยี น หรือนาํ ออกเผยแพรแกช มุ ชน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดับคะแนน

ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนื้อหา
2 การลาดบั ขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชกิ ในกล่มุ

รวม

ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่

ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ T261

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เฉลย คาํ ถามเนนการคดิ ค�าถามเนน้ การคดิ

1. เกิดจากการสะสมของแกสเรือนกระจก และ 1. ภำวะโลกร้อนเกดิ จำกสำเหตใุ ด ส่งผลกระทบตอ่ มนษุ ย์และสิง่ แวดล้อมอย่ำงไร
การเก็บกักความรอนในช้ันบรรยากาศท่ีเพ่ิม 2. กำรลดลงของปำ่ ดบิ ชนื้ แหลง่ ใหญข่ องโลก เชน่ บรเิ วณเกำะสมุ ำตรำ บรเิ วณลมุ่ นำ�้ แอมะซอน
สงู ขน้ึ สวนทางกบั ปรมิ าณปา ไมท ล่ี ดลง ทาํ ให สง่ ผลกระทบอยำ่ งไร
ภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอยางฉับพลัน 3. เ พรำะเหตใุ ดสตั วป์ ำ่ หลำยชนดิ ของไทยไดส้ ญู พนั ธ ์ุ หรอื อยู่ในภำวะเสย่ี งใกลส้ ญู พนั ธ ์ุ และควร
อุณหภูมิโดยเฉล่ียของโลกเพ่ิมสงู ขนึ้ เกิดการ
เปลยี่ นแปลงของระบบนเิ วศ เชน ไฟปา สตั วป า มีมำตรกำรหรอื แนวทำงกำรปฏิบตั เิ พ่ือแก้ปัญหำน้อี ย่ำงไร
ลมตาย การละลายของหิมะและน้ําแข็ง 4. ในปัจจุบันปริมำณกำรใช้น้�ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มข้ึน ในขณะท่ีปริมำณแร่เช้ือเพลิงมีจ�ำกัด
ข้ัวโลก ซ่ึงสงผลใหหมีขั้วโลกลดลงอยาง
รวดเร็ว ในขณะที่ประเทศเขตรอนเกิดภาวะ มแี นวทำงในกำรแกป้ ญั หำน้อี ยำ่ งไรบ้ำง
ขาดแคลนนํา้ เปน บริเวณกวาง 5. นักเรียนสำมำรถมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมอย่ำงย่ังยืนได้

2. ทาํ ใหพ ชื และสตั วห ลายชนดิ สญู พนั ธุ เนอื่ งจาก อย่ำงไรบ้ำง
ขาดแคลนอาหารและท่อี ยอู าศัย รวมถึงทาํ ให
เกิดภาวะโลกรอน เน่อื งจาก ขาดแหลงดดู ซบั กิจกรรมพฒั นาทกั ษะ
แกสคารบอนไดออกไซดจากชั้นบรรยากาศ
สงผลใหอณุ หภมู ิสูงข้ึน นา้ํ แขง็ ขัว้ โลกละลาย 1. เลือกสืบค้นข้อมูลสถำนกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมของไทยหรือของโลก
ระดบั นา้ํ ทะเลสงู ขึน้ และเกิดอทุ กภัยตามมา ตอ่ ไปน้ ี 1 ขอ้ โดยใชก้ ระบวนกำรทำงภูมิศำสตร์
• ภำวะโลกร้อน • ปำ่ ไมแ้ ละสัตวป์ ่ำ
3. เน่ืองจากเกิดการสูญเสียพ้ืนท่ีปาไมซ่ึงเปน • กำรใชท้ ีด่ ินและนำ�้ • แรแ่ ละแรพ่ ลงั งำน
แหลง ทอี่ ยแู ละอาหารของสตั วป า รวมถงึ มกี าร • อำหำร • กำรละลำยของน้ำ� แขง็ ขัว้ โลก
ลักลอบคาสัตวปาที่ผิดกฎหมายจํานวนมาก โดยวเิ ครำะหส์ ถำนกำรณ ์ สำเหตุกำรเปลยี่ นแปลง ผลกระทบ กำรป้องกันและแกป้ ัญหำ
จึงควรมีการกําหนดมาตรการปองกันการ อยำ่ งยงั่ ยนื จำกน้ันสรุปสำระสำ� คญั น�ำเสนอในชน้ั เรียน
บกุ รกุ พน้ื ทป่ี า กาํ หนดพนื้ ทป่ี า เพอ่ื การอนรุ กั ษ 2. อภิปรำยร่วมกันในช้ันเรียนเก่ียวกับกิจกรรมของมนุษย์ท่ีมีส่วนท�ำให้เกิดปัญหำส่ิงแวดล้อม
สัตวปา หรือฟนฟูและเพาะพันธุสัตวปาที่ วเิ ครำะหห์ ำสำเหต ุ ผลกระทบ และแนวทำงกำรจัดกำรเพอื่ ปอ้ งกนั และแก้ ไขปญั หำ จำกนั้น
หายากและใกลสูญพนั ธุ ช่วยกนั จัดทำ� โปสเตอรเ์ พื่อเผยแพร่ในโรงเรยี น

4. พัฒนาและสงเสริมใหมีการเลือกใชพลังงาน 252
ทดแทน หรือพลงั งานหมนุ เวยี นประเภทอืน่ ๆ
เชน พลังงานนํ้า พลังงานความรอนใตพิภพ
พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย พลังงาน
จากคล่ืนทะเล ท่ีนอกจากจะเปนพลังงานที่
สามารถหมุนเวียนได ยังเปนพลังงานที่เปน
มิตรกับสิ่งแวดลอมอกี ดว ย

5. ใหความรวมมือและปฏิบัติตามกฎหมาย
ห รื อ น โ ย บ า ย ที่ เ ก่ี ย ว ข  อ ง กั บ ก า ร จั ด ก า ร
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ศึกษา
และนําแนวทางการผลิตและการบริโภคอยาง
ย่งั ยนื มาปรบั ใชใ นชีวิตประจาํ วัน เชน ซอ้ื และ
ใชสินคาและบริการท่ีเปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
ใชท รพั ยากรและพลงั งานอยา งประหยดั คมุ คา
หรอื หมุนเวยี นนาํ กลับมาใชใ หม

เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพัฒนาทกั ษะ

ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเร่ืองตางๆ โดยท่ัวไป
งานหรือชนิ้ งานใชเ วลาไมน าน งานสําหรับประเมินรปู แบบนอ้ี าจเปนคาํ ถามปลายเปด หรือผงั มโนทศั น นยิ มสาํ หรับประเมนิ ผเู รียนรายบุคคล

ประเมินความสามารถ
• เชน ความคลอ งแคลว ในการใชเ ครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร การแปลความหมายขอ มลู ทกั ษะการตดั สนิ ใจ ทกั ษะการแกป ญ หา งานหรอื ชนิ้ งานจะสะทอ นถงึ
ทกั ษะและระดับความสามารถในการนําความรไู ปใช อาจเปน การประเมนิ การเขยี น ประเมินกระบวนการทํางานทางภูมศิ าสตรตา งๆ หรอื การวิเคราะห
และการแกป ญ หา

ประเมินทักษะ
• มเี ปาหมายหลายประการ ผเู รยี นไดแสดงทักษะ ความสามารถทางภูมศิ าสตรตา งๆ ทซี่ ับซอ นข้นึ งานหรอื ช้ินงานมกั เปน โครงงานระยะยาว ซง่ึ ผเู รยี น
ตอ งมกี ารนําเสนอผลการปฏบิ ัตงิ านตอผูเก่ียวขอ งหรอื ตอสาธารณะ

ส่ิงท่ตี อ งคํานึงถงึ ในการประเมิน คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมท่ีผูเรยี นปฏิบตั ิ และผปู ระเมินควรกําหนดรายการประเมนิ และทกั ษะท่ตี องการประเมนิ ให
ชัดเจน

T262

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

บรรณานกุ รม

คณะกรรมการวิชาสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและชีวิต ศูนย์วิชาบูรณาการ หมวดวิชาศึกษาท่ัวไปมหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร.์ 2549. สง่ิ แวดล้อม เทคโนโลยแี ละชีวิต. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาเกษตรศาสตร์.

ภาควิชาปฐพวี ทิ ยา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 2548. ปฐพวี ิทยาเบอื้ งต้น. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร.์

ภาควชิ าภมู ศิ าสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคา� แหง.2535. ภมู ศิ าสตรเ์ ศรษฐกจิ . กรงุ เทพมหานคร :
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.

ชัชพล ทรงสุนทรวงศ.์ 2546. มนุษยก์ บั สิ่งแวดลอ้ ม. กรุงเทพมหานคร : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
ดาณุภา ไชยพรธรรม. 2537. สนึ าม-ิ แผน่ ดนิ ไหว ภัยใกลต้ วั . กรงุ เทพมหานคร : ยูโรปา เพรส.
ทิศนา แขมมณี 2557. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.

กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
เทพพรรณี เสตสบุ รรณ. (ม.ป.ป). ภัยพิบัตจิ ากธรรมชาติในเขตร้อน. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์.
นิวตั ิ เรอื งพานิช. 2528. การอนรุ ักษท์ รพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพมหานคร : เฉลิมชาญการพิมพ์.
นศิ ศา ศิลปเสรฐ. 2560. อตุ สาหกรรมการทอ่ งเท่ียว. กรงุ เทพมหานคร : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
ประสทิ ธ์ิ ทฆี พฒุ ิ และศภุ ฤกษ์ ตนั ศรรี ัตนวงศ.์ 2549. คมู่ ือเตือนภยั พิบัตทิ างธรรมชาต.ิ กรุงเทพมหานคร :

ดอกหญ้า กรุป๊ .
ปัญญา จารศุ ิริ และคณะ. 2557. ภูมศิ าสตร์กายภาพ. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพมิ พ.์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์. 2548. เอกสารการสอนชุดวิชา

นเิ วศวิทยาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช.
มาตรินี รกั ษ์ตานนทช์ ยั และคณะ. 2557. ภูมิศาสตรม์ นุษย.์ กรงุ เทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์.
ราชบณั ฑติ ยสถาน. 2549. พจนานกุ รมศพั ทภ์ มู ศิ าสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 4 (แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ).

กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑติ ยสถาน.
_______. 2549. พจนานกุ รมชอื่ ภมู ศิ าสตรส์ ากล เลม่ 1(อกั ษรA-L) ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพมหานคร:

ราชบณั ฑติ ยสถาน.
_______. 2550. พจนานกุ รมชอื่ ภมู ศิ าสตรส์ ากล เลม่ 2(อกั ษรM-Z) ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพมหานคร:

ราชบณั ฑติ ยสถาน.
_______. 2557. อกั ขรานกุ รมภมู ศิ าสตรไ์ ทย เลม่ 1 ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รงั้ ที่5. กรงุ เทพมหานคร :

ราชบณั ฑติ ยสถาน.
_______. 2558. พจนานกุ รมศพั ท์ธรณวี ิทยา. พมิ พค์ ร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : ราชบัณฑติ ยสถาน.
วิโรจน์ เอยี่ มเจริญ และคณะ. (ม.ป.ป). Aksorn Thailand Atlas. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์.
ศึกษาธกิ าร, กระทรวง. 2543. ภูมศิ าสตร์ประชากร. กรุงเทพมหานคร : ศนู ยพ์ ฒั นาหนังสอื กรมวิชาการ.
สากล สถติ วทิ ยานนั ท.์ 2555. ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการจดั การ. กรงุ เทพมหานคร: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์
สริ พิ ร เกรยี งไกรเพชร และคณะ. 2559. ภูมศิ าสตรเ์ ทคนคิ . กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์.
สิรวิ รรณ ศรีพหล. 2552. การจัดการเรยี นการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม.

นนทบรุ ี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.
สมยศ วัฒนากมลชยั . 2554. ภมู ศิ าสตรก์ ารทอ่ งเทยี่ ว. ปทมุ ธานี : มหาวิทยาลัยกรงุ เทพ.

253

T263

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

สคุ นธ์ สนิ ทพานนท.์ 2552. สดุ ยอดวธิ สี อนสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม น�าไปสกู่ ารจดั การเรยี นการสอน
ของครูยคุ ใหม่. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจรญิ ทัศน์.
สุรภี อิงคากุล. 2548. การวเิ คราะห์ข้อมลู จากระยะไกล. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
ส�านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). 2552. ต�าราเทคโนโลยีอวกาศและ
ภมู สิ ารสนเทศ. กรงุ เทพมหานคร : อัมรินทร์พรินตง้ิ แอนดพ์ ับลชิ ชิ่ง.
ส�านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). 2553. สมดุ ภาพแผนทปี่ ระเทศไทย
จากดาวเทยี ม. กรงุ เทพมหานคร : อมั รนิ ทรพ์ รนิ้ ตงิ้ แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ .
Dorling Kindersley, Inc. 2016. Concise World Atlas. 7th. London: DK Publishing (Dorling
Kindersley).
Fabritius, Heidi. et al. Maa Elaฺ ฺmaฺ ฺn Planeetta. Helsinki: Otava.
Harrison, James and Mcrae, Anne. 2008. Children’s World Atlas. Florence: Anne McRae,
Marco Nardi.
Janssen, Sarah. 2016. The World Almanac and Book of Fact 2017. Indiana: LSC communications.
Kaplan, David H. and Monmonier, Mark. 2006. Perthes World Atlas. Gotha: Klett - Perthes Verlag.
Pask, Raymond, Peters, Andrew and Yu Sandra. 2017. All About Geography Elective. Singapore:
Hachettle Singapore Pte Ltd.
Strahler, Arthur N. 1975. Physical Geography. Fourth Edition. New York: John Wiley and Sons.

สือ่ ขอ้ มลู อเิ ล็กทรอนิกส์

การทอ่ งเทย่ี วและกฬี า, กระทรวง. สถติ นิ กั ทอ่ งเทย่ี วชาวตา่ งชาตทิ เี่ ดนิ ทางเขา้ ประเทศไทย ปี2560 (ออนไลน)์ .
สืบค้นเมือ่ 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2561. จาก http://www.mots.go.th/more_news.php?cid=465&filename
=index

ทรพั ยากรธรณ,ี กรม. แนวทางการลดความเสยี่ งภยั สนึ ามขิ องประเทศไทย. (ออนไลน)์ . สบื คน้ เมอ่ื 3 กรกฎาคม
2561. จาก http://www.dmr.go.th/download/TSUNAMI_RISK_TH.pdf

ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม, กระทรวง. รายงานสถานการณม์ ลพษิ ของประเทศไทย พ.ศ.2559. (ออนไลน)์ .
สบื คน้ เมอื่ 3 กรกฎาคม2561. จากhttp://infofile.pcd.go.th/mgt/Thailand_state_pollution2017%20
Thai.pdf?CFID=1448694&CFTOKEN=37204735

บญั ชา ธนบุญสมบตั .ิ พายงุ วงช้างในประเทศไทย. (ออนไลน์). สบื คน้ เมือ่ 25 ตุลาคม 2561. จาก https://
www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/295_66.pdf

พัฒนาท่ีดนิ , กรม. การใชท้ ดี่ ินของประเทศไทย. (ออนไลน)์ . สบื ค้นเม่อื 25 ตลุ าคม 2561. จาก http://www.
ldd.go.th/www/lek_web/web.jsp?id=18671

ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์. แหล่งน�้า. (ออนไลน์). สืบค้นเม่ือ 30 มกราคม 2561.
จาก http://www.lesa.biz/earth/hydrosphere/water-resources

Mark Fonstad. IMAGES OF WISCONSIN. (online). Retrieved October 25, 2018. From https://blogs.
uoregon.edu/fonstad/images-of-wisconsin/

Population Reference Bureau. 2017 World Population Data Sheet. (online). Retrieved January 20,
2018. Available http://www.prb.org/pdf17/2017_World_Population.pdf

254

T264


Click to View FlipBook Version