The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kasmiran.yng, 2020-05-28 07:36:33

ภูมิศาสตร์ ม.4-6

ภูมิศาสตร์ ม.4-6

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 3) ภยั ตา่ ง ๆ ที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองรนุ แรง สง่ ผลกระทบตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและ

ขนั้ ที่ 1 การต้งั คําถามเชงิ ภูมิศาสตร ส่ิงก่อสรา้ ง เชน่
1. ลมกระโชกแรง ท�าความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน ส่ิงก่อสร้าง ต้นไม ้
• เพราะเหตุใดขณะเกิดพายุฝนฟาคะนอง
จงึ ไมค วรใชโ ทรศพั ท ป้ายขนาดใหญ่จนพงั ทลายได้
(แนวตอบ เน่ืองจากโทรศัพทเคล่ือนที่มีวัสดุ 2. ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า เม่ือเกิดฟ้าแลบและฟ้าร้อง ถ้าขณะนั้นมีประจุไฟฟ้าออกมา
ทที่ าํ จากโลหะ และโลหะจะเปน ตวั รวมคลน่ื
ฟาผาใหพุงตรงมายังตัวโทรศัพท รวมถึง จากกอ้ นเมฆลงไ3ป.ส ู่พลูกน้ื เดหนิ ็บจ1หะทรือ�าใพหา้เกยุิดลฟูกเ้าหผ็บา่   ถจา้ะถเกกู ิดสข่งิ ม้ึนีชในวี ิตชก่วอ็ งาทจี่มนีพ�าไาปยสุฝคู่ นวฟาม้าตคาะยนไอดง้ ในฤดูร้อน 
สัญญาณอินเทอรเน็ตจากโทรศัพทเคล่ือนที่ หากลูกเห็บที่ตกลงมามีจ�านวนมาก และมีขนาดใหญ่ก็สามารถท�าอันตรายให้แก่ผู้คน  หรือท�าให้
ก็จัดเปนคลื่นสัญญาณท่ีเปนสายลอฟาท่ี อาคารบ้านเรือนเสยี หายได้
ทาํ ใหเ กดิ ฟา ผา ไดเ ปน อยา งดี ดงั นน้ั ในขณะ
เกิดพายุฝนฟาคะนองจึงไมควรใชโทรศัพท 4. ฝนตกหนัก พายุฝนฟ้าคะนองอาจท�าให้ฝนตกหนัก เกิดน้�าท่วมฉับพลันได้ 
เพ่ือเปนการปองกันการเกิดฟาผาจนเปน บรเิ วณพืน้ ท่สี งู ชนั อาจเกิดดินถลม่ ได้
อนั ตรายตอ รา งกายและทรพั ยส นิ ไดน นั่ เอง)
GTeipo

การระวังฟา้ ผา่ จากการคา� นวณระยะห่าง
  เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง  สิ่งหน่ึงที่ต้องระมัดระวัง  คือ  ภัยจากฟ้าผ่า  ซ่ึงเกิดขึ้นได้ทุกท่ี
และอาจสร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อเกิดฟ้าร้อง ฟ้าแลบ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า
เราอยู่ห่าง  หรืออยู่ใกล้บริเวณท่ีเกิดฟ้าร้อง ฟ้าแลบ วิธีง่าย ๆ คือ ใช้ “กฎ 30/30” ซ่ึงเป็นข้อปฏิบัติ
ทางทหารท่ีใช้กนั มานานแล้ว

เลข 30 ตัวแรก  คือ  หน่วยวินาที  หมายถึง  เมื่อเราเห็นแสงฟ้าแลบ  แล้วได้ยินเสียงฟ้าร้อง
ตามมาภายในเวลาไม่เกิน 30 วินาที แสดงว่าเราอยู่ใกล้บริเวณฝนฟ้าคะนองมาก และมีความ
เสี่ยงสูงต่อการถูกฟ้าผ่า  ให้พยายามหาท่ีหลบท่ี
ปลอดภยั  (ตัวเลขน้ีได้มาจากการคา� นวณ โดยเสยี ง
จะเดินทางด้วยความเร็ว 346/วินาที  ท่ีอุณหภูมิ 
25 องศาเซลเซยี ส)

เลข 30 ตัวหลัง  มีหน่วยเป็นนาที  หมายถึง 
เม่ือฝนหยุดตกและไม่มีเสียงฟ้าร้องแล้ว  เราควร
หลบอยู่ในท่ีปลอดภัยอย่างน้อย 30  นาที  เพื่อ
ความมั่นใจว่าฝนฟ้าคะนองได้เคลื่อนตัวผ่านไป   ความรนุ แรงและความเสยี หายจากการเกดิ ฟา้ ผา่
จนปลอดภัยจากฟา้ ผ่าแล้ว

ทีม่ า : www.nstda.or.th ส�านักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ

184

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสรมิ

1 ลูกเห็บ ประกอบดวยน้ําแข็งกอนกลมเล็ก ปกติกอนนํ้าแข็งท่ีตกลงมา นักเรียนจับสลากภัยตางๆ ที่เกิดจากพายุฝนฟาคะนอง
เปนลูกเห็บน้ันจะไมใสแตจะเห็นเปนฝาสีขาว ลูกเห็บที่ตกลงมาสูพื้นดิน เชน พายุลูกเห็บ ฟาแลบ ฟารอง ฟาผา ภาวะน้ําทวมจาก
เกิดจากเมฆคิวมูโลนิมบัสเทาน้ัน เพราะภายในกอนเมฆจะมีอากาศลอยพุงข้ึน ฝนตกหนกั จากนน้ั สบื คน ขอ มลู ในประเดน็ ดังตอ ไปน้ี
อยางรุนแรง ทําใหหยดนํ้าภายในกอนเมฆถูกพัดขึ้นขางบนในระดับสูงจน
หยดนํ้าเย็นจัดกลายเปนนํ้าแข็งแลวตกลงมาสูขางลาง การวัดปริมาณการตก • อันตรายจากภัยดงั กลา ว
ของลูกเห็บทําไดยาก เพราะลูกเห็บตกมากับฝนและละลายเปนของเหลวไป • การปฏิบัตติ นเมอ่ื เกดิ ภยั
ในเวลาอนั รวดเร็ว • การปองกนั ภยั
แลว นําขอมูลที่ไดสรุปใสก ระดาษรายงาน สงครูผูสอน

T192

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

4) เหตกุ ารณพ์ ายฝุ นฟ้าคะนองทีร่ ุนแรง คร้งั ส�าคญั  เช่น ขน้ั สอน

เหตกุ ารณ์ พายุฝนฟา้ คะนองในประเทศญี่ปนุ่ พ.ศ. 2561 ข้ันที่ 1 การตง้ั คาํ ถามเชิงภมู ิศาสตร

สาเหตุ : เกดิ พายฝุ นฟา้ คะนองขน้ึ ระหวา่ งวนั ท ่ี7 - 8  3. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตงั้ ประเดน็ คาํ ถาม
กรกฎาคม พ.ศ. 2561 มฝี นตกกระหนา่� ลงมาอยา่ ง เชิงภูมศิ าสตร เชน
หนกั  200 - 400 มลิ ลิเมตร ใน 8 จังหวดั  ไดแ้ ก ่ • ลักษณะทางกายภาพสงผลใหเกิดปญหา
ฟุกุโอกะ  ซากะ  นะงะซะกิ  โอกะยะมะ  ฮิโระชิมะ  หรือภัยพิบัติธรรมชาติทางบรรยากาศภาค
ทตโตร ิ เฮยี วโงะ และเกียวโต โดยเฉพาะพืน้ ท่ีภาค ในประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ ของโลก
ตะวนั ตกและตอนกลางของประเทศญ่ปี นุ่ อยา งไรบาง
• ภยั พบิ ตั ธิ รรมชาตทิ างบรรยากาศภาคทเี่ กดิ ขน้ึ
ผลกระทบ : ส่งผลให้เกิดน้�าท่วมและดินโคลน ในภูมิภาคตางๆ ของโลก มีความเหมือน
ถล่มในหลายพืน้ ท่ ี พบผู้เสียชวี ติ มากกว่า 50 คน  หรือความแตกตา งกัน อยางไร
สภาพความเสยี หายจากอิทธพิ ลของพายุ และสูญหายอีกเป็นจ�านวนมาก  อาคารบ้านเรือน • ผลกระทบสําคญั จากภัยพบิ ตั ิธรรมชาตทิ าง
บรรยากาศภาคคอื อะไร อธบิ ายเหตุผล
ถกู ทา� ลายกวา่  2,000 หลัง เท่ียวบินถูกยกเลกิ  นับเป็นการสูญเสยี ทางชวี ติ และเศรษฐกิจของประเทศญีป่ นุ่ • แนวทาง หรือวิธีการปองกันภัยพิบัติ
อยา่ งหนัก ธรรมชาตทิ างบรรยากาศภาคสามารถทาํ ได
อยางไร
เหตกุ ารณ์ พายุฤดูรอ้ นในประเทศไทย พ.ศ. 2560
4. ครอู าจกระตนุ ใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมตาม Geo
สาเหตุ : พายุฤดูร้อนเกิดจากมวลอากาศเย็น Activity จากหนังสือเรียน ภมู ิศาสตร ม.4-6
จากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย  ประกอบการต้ังประเด็นคําถามเชิงภูมิศาสตร
แปปะทรปะกรวับนอขาอกงาอศารกอ้ านศ1ชอนื้ ยขา่ งอรงนุ ไทแรยง แจลนะทรวา� ดใหเรเ้ ว็ก ดิกอก่ ใาหร้ เพม่ิ เตมิ
เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนักกว่า 1 ชั่วโมง
ในช่วงบ่ายของวันที่ 12  เมษายน  พ.ศ. 2560 
ในจังหวัดสกลนคร

พายุฤดรู ้อนพดั ถล่มในพื้นท่ตี �าบลโพธิไพศาล ผลกระทบ : สง่ ผลใหเ้ สาไฟฟา้ ลม้  4 ตน้  บา้ นเรอื น
อา� เภอกุสมุ าลย์ จงั หวัดสกลนคร ทอี่ ยอู่ าศยั ของประชาชนไดร้ บั ความเสยี หาย จา� นวน
7 หมบู่ า้ น รวม 106 หลงั  ในจา� นวนนมี้ บี า้ นเรอื น
เสียหายรุนแรงทง้ั หมด 33 หลัง ทเ่ี หลอื อกี จา� นวน
73 หลงั  ได้รับความเสยี หายเล็กนอ้ ยถงึ ปานกลาง

GAecotivity

  นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์การเกิดพายุฝนฟ้าคะนองท่ีรุนแรงของไทยและประเทศอื่น
อภปิ รายถึงการเกิด ผลกระทบ ความเสยี หาย และวธิ ีปอ้ งกนั ระวังภัยจากภัยดงั กลา่ ว

185

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

อันตรายท่เี กดิ จากพายุฝนฟา คะนองมีอะไรบา ง 1 การแปรปรวนของอากาศ สาเหตุท่ีทําใหเกิดความแปรปรวนของสภาพ
(แนวตอบ ขณะเกิดพายุฝนฟาคะนองจะมีลมกระโชกแรงและ อากาศมีหลายปจจัย เชน การปะทุของภูเขาไฟ การเกิดจุดดับบนดวงอาทติ ย
แตป จจัยทเี่ หน็ ไดช ดั ในปจจบุ ัน คือ ปรากฏการณเอลนโี ญ ซง่ึ เปนปรากฏการณ
อาจมีลูกเห็บตกลงมาดวย ซึ่งอาจทําใหตนไมหักโคน บานเรือน ท่ีเกิดขึ้นเปนครั้งคราว เม่ือกระแสน้ําเย็นเปรูบริเวณชายฝงตะวันตกของทวีป
ทไี่ มแ ข็งแรงพงั เสยี หาย เสาไฟฟาลม อาจทําใหไ ฟฟา ลดั วงจรและ อเมรกิ าใต ถกู กระแสนาํ้ อนุ จากศนู ยส ตู รไหลเขา มาแทนที่ ทาํ ใหอ ณุ หภมู ทิ ผี่ วิ นา้ํ
เกิดเพลิงไหม หรือเปนอันตรายตอผูสัญจรไปมา หากเกิดฟาผา สงู ขนึ้ อนั เปน ผลจากการออ นกาํ ลงั ลงของลมคา ตะวนั ออกเฉยี งใตใ นมหาสมทุ ร
อาจทําใหมีผูเสียชีวิตได รวมถึงการเกิดนํ้าทวมฉับพลันจากฝน แปซิฟก และปรากฏการณลานีญา ซึ่งเปนปรากฏการณท่ีผิวน้ําของมหาสมุทร
ทต่ี กหนัก) แปซิฟกแถบเสนศูนยสูตรเย็นลง สงผลใหเกิดปรากฏการณที่ตรงกันขามกับ
ปรากฏการณเอลนิโญ ทําใหประเทศออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และฟลิปปนส
มีฝนตกหนักมาก ขณะท่ีบริเวณแปซิฟกตะวันออกชวงฤดูฝนกลับมีฝนนอย
และเกดิ ความแหง แลงยาวนาน

T193

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 5) การจดั การภัยพบิ ัตพิ ายฝุ นฟ้าคะนอง มดี ังนี้

ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 5.1) มาตรการ  เช่น  มีระบบเตือนภัยตามฤดูกาลที่มีการเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง 
สา� รวจทอี่ ยอู่ าศยั  ซอ่ มแซมใหม้ คี วามแขง็ แรง โดยเฉพาะหลงั คาบา้ น ตดั แตง่ กง่ิ ไม ้ หรอื โคน่ ตน้ ไม้
1. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ท่ีไมแ่ ขง็ แรงลง
เกี่ยวกับการปฏิบัติตนในกรณีประสบภัยพิบัติ
ทั้งในชวงกอนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลัง 5.2) วิธีป้องกัน  เช่น  ตรวจสอบเสาไฟฟ้าแรงสูง  ควรติดต้ังสายล่อฟ้า  รวมท้ัง
เกดิ ภัย บนอาคารสูง  เพื่อป้องกันอันตรายจากฟ้าแลบ  ฟ้าผ่า  เตรียมความพร้อมระบบป้องกันน้�าท่วม
หากอยู่ในพนื้ ทเ่ี สย่ี งภัย ไมค่ วรอยู่ในที่โลง่ แจง้
2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม จํานวน 3 กลุม
สืบคนขอมูลเก่ียวกับภัยพิบัติธรรมชาติทาง 5.3) การปฏบิ ตั ิตน สามารถทา� ได ้ ดังนี้
บรรยากาศภาค จากหนงั สือเรียน ภูมิศาสตร
ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน 1.  สา� รวจทอี่ ยอู่ าศยั และซอ่ มแซมวสั ดทุ ี่ไมม่ น่ั คง 1. เ ข้าไปหลบในที่ก�าบังท่ีปลอดภัย  ปิดประตู
หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ให้มคี วามแข็งแรง ทนทานตอ่ พายุ ลูกเหบ็ ได ้ หน้าต่างให้มิดชิด  ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า 
ในประเดน็ ตอไปนี้ รวมถึงเตรียมปอ้ งกนั ภัยใหแ้ กส่ ัตวเ์ ลย้ี ง  และ และงดใช้โทรศัพท์บ้านหรือเล่นอินเทอร์เน็ต
• พายุฝนฟา คะนอง พืชผลทางการเกษตร ขณะเกดิ พายุ รวมถึงตดิ ตามสภาพอากาศ
• พายหุ มุนเขตรอน
• พายทุ อรน าโด 2. ต ดิ ตามพยากรณอ์ ากาศ และปฏบิ  ตั ติ ามประกาศ 2. ถ  ้าอยู่ที่โล่งแจ้ง ให้อยู่ห่างต้นไม้ ใหญ่  เสาไฟ 
เตือนภัยอย่างเครง่ ครดั รวมถึงงดใช้ โทรศัพท์เคลื่อนท่ี หรือถ้าอยู่
3. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ ในป่า หรือทุ่งราบ ควรคุกเข่าและโน้มตัวไป
ท่ีรับผิดชอบ โดยนําความรูเก่ียวกับเคร่ืองมือ 3. จ  ัดเก็บสิ่งของที่อาจปลิวไปกับลมให้อยู่ในที่ ข้างหน้า แต่ไม่ควรนอนราบกับพ้ืนเพราะ
ทางภมู ศิ าสตรม าใชป ระกอบในการศกึ ษาดว ย มิดชิด พื้นเปยี กเป็นสือ่ น�าไฟฟา้

4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีเช่ือถือได 3.  ให้ออกห่างจากชายหาดเมื่อเกิดพายุ  เพ่ือ
ใหกบั นกั เรยี นแตล ะกลุมเพิ่มเตมิ หลีกเลยี่ งอันตรายจากนา�้ ท่วมและฟ้าผ่า

ขนั้ ที่ 3 การจดั การขอ มูล 4.  ไม่ควรใส่เคร่ืองประดับโลหะ เช่น ทองแดง 
ทองเหลือง  หรือใช้ร่มท่ีมียอดเป็นโลหะใน
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก บรเิ วณที่โลง่ แจง้ ขณะเกดิ พายฝุ นฟา้ คะนอง
การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรูกนั
ก่อนเกดิ ภยั ขณะเกดิ ภัย หลังเกดิ ภัย
2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม 1.  หลังพายุสงบ ไม่ควรออกไปในท่ีโล่งแจ้งทันที ให้คอยติดตามรับฟังข่าวสารอย่างใกล้ชิด 
อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพมิ่ เติม เพื่อปฏิบัตติ าม หรอื รับแจง้ วา่ พายไุ ด้สงบลงแลว้

2. ห  ากพบต้นไม้ในบริเวณบ้านโค่นล้ม  ให้รีบตัดท้ิงทันที  หรือหากพบเห็นเสาไฟฟ้าล้ม 
มีสายไฟขาด ควรแจ้งเจ้าหน้าท่มี าดา� เนินการแกไ้ ขโดยเรว็

3. ห  ากมีผู้บาดเจ็บจากการถูกฟ้าผ่า  ให้สังเกตก่อนว่าในบริเวณที่เกิดเหตุยังมีความเส่ียงต่อ
การถูกฟ้าผ่าหรือไม่  ถ้ามีให้เคลื่อนย้ายผู้ถูกฟ้าผ่าไปยังต�าแหน่งท่ีปลอดภัย  เพื่อป้องกัน
ตวั เราเองจากฟ้าผ่า และทา� การปฐมพยาบาลก่อนรบี นา� ส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สดุ

186

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
นักเรียนจะมีวิธีการหลีกเลี่ยงและปองกันอันตรายจากพายุ
ครูอธิบายเกี่ยวกับพายุฝนฟาคะนองเพิ่มเติมวา จะเกิดข้ึนในพ้ืนที่เล็กๆ ฝนฟา คะนองไดอ ยางไร
ในภมู ปิ ระเทศทมี่ อี ากาศรอ นอบอา วจดั อนั ตรายและความเสยี หายมพี อประมาณ
ไมรุนแรงมากนัก แตถ ารูลว งหนาอาจทําใหค วามเสียหายและอนั ตรายลดลงได (แนวตอบ วธิ ใี นการปฏบิ ตั ติ น เชน ถา อยใู นบา นใหง ดใชอ ปุ กรณ
โดยการติดตามสภาพอากาศหรือฟงพยากรณอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ไฟฟา เพราะฟา อาจผา ลงสายไฟได ไมอ ยใู กลส ง่ิ ทเ่ี ปน ตวั นาํ ไฟฟา
ซง่ึ มที งั้ การพยากรณอ ากาศประจาํ วนั และการคาดการณอ ากาศลว งหนา ซงึ่ จะ ตางๆ งดใชโทรศัพทเคลื่อนท่ี ยกเวนในกรณีฉุกเฉิน หากอยู
ทาํ ใหเราสามารถปฏิบัติตนเพ่ือเตรียมรับมือไดทนั ทวงที นอกบานควรหาท่ีหลบในอาคารที่มั่นคงแข็งแรง หากอยูบริเวณ
ทุงโลงหามนอนราบกับพ้ืน เพราะพื้นที่เปยกนั้นสามารถเปน
ส่อื นําไฟฟาได หามอยูใตต นไมซ ่งึ ข้นึ อยโู ดดเดีย่ ว หากอยใู นทะเล
ควรขึ้นจากน้าํ และออกใหไ กลจากชายหาด)

T194

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2.2 พายุหมุนเขตร้อน (tropical cyclone) ขนั้ สอน

  พายหุ มนุ เขตรอ้ นเกดิ ขน้ึ ในมหาสมทุ รเขตรอ้ น ซง่ึ มอี ากาศรอ้ นและมคี วามชนื้ สงู  สว่ นใหญ่ ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
มกั เกดิ บริเวณละติจูด 8 - 15 องศาเหนอื และใต ้ พายุนีก้ �าเนดิ ขึ้นเหนือพืน้ มหาสมุทรที่มีอุณหภมู ิ
พ้นื ผวิ นา้� ทะเล 27 องศาเซลเซยี สข้ึนไป 1. ครูใหนักเรียนดูแผนภาพการเกิดพายุหมุน
เขตรอน จากหนังสอื เรียน ภมู ิศาสตร ม.4-6
1) สาเหตุและกระบวนการเกิดพายุหมุนเขตร้อน  โดยทั่วไปพายุหมุนเขตร้อน แลวสุมนกั เรยี นจาํ นวน 2-3 คน แสดงความ
คิดเห็นเกย่ี วกบั แผนภาพดงั กลา ว
มีแนวเกดิ อยู่ระหว่างละติจูด 8 - 15 องศาเหนอื และใต ้ เมอ่ื น�า้ ทะเลไดร้ ับความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์ 
จนมีอุณหภูมิท่ีพ้ืนผิวน้�าทะเลสูงกว่า 27  องศาเซลเซียส  ท�าให้การระเหยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลจาก
โดยเฉพาะในฤดรู อ้ นทง้ั ซกี โลกเหนอื และซกี โลกใต ้ เมอ่ื อากาศเหนอื พนื้ นา้� บรเิ วณดงั กลา่ วไมเ่ สถยี ร  การศึกษา พรอมทั้งอภิปรายแสดงความ
ทจะี่เเกกิดิดจกาากรกลาอรยหตมัวุนสรูงอขบึ้นตพัวัฒเอนงาขเปอ็นงโหลยก่อ มหครวือาแมรกงดคออารกิอาอศลติส่�า1ทเหี่เหนมือพาะ้ืนสทมะจเละท  �าแใลหะ้เเกมิด่ือลรวมมเฉกือับนแใรนง คิดเห็นรวมกัน สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันให
แนวด่งิ ทง้ั ทศิ ทางและความเร็ว ก่อตัวเป็นพายุหมุนเขตร้อน ขอ คดิ เหน็ หรอื ขอ เสนอแนะ โดยครแู นะนาํ เพอ่ื
ใหเกดิ ความเขาใจทตี่ รงกนั เพ่ิมเติม
การเกดิ พายุหมุนเขตร้อน

กระแสอากาศไหลออก

กา� แพงตาพาย2ุ

การไหลของกระแส
อากาศรอ้ นชนื้ ในแนวด่ิง

3

ตาพาย ุ (ลบสงบ และเป็น
ศูนยก์ ลางความกดอากาศต่า� )

ลมผวิ พ้นื

แถบฝนหมุนเปน็ วงกวา้ ง (10 - 100 กม.)

187

ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET นักเรียนควรรู

ขอใดกลาวถูกตองเก่ียวกับพายุหมุนเขตรอนท่ีเคล่ือนเขาสู 1 แรงคอลิออลิส (coriolis) เปนแรงบายเบนเนื่องจากการหมุนของโลก
ประเทศไทย แนวโนมของลมทุกลมในซีกโลกเหนือจะพัดเฉียงไปทางขวา และในซีกโลกใต
ลมจะพดั ไปทางซาย
1. ไมเคยกอ ตัวขึ้นในอา วไทย 2 กําแพงตาพายุ บริเวณรอบๆ ตาพายุมีรัศมีประมาณ 10-15 กิโลเมตร
2. ไมเคยกอ ตัวข้นึ ในอา วเบงกอล เปนบริเวณท่มี ีพายุพัดรนุ แรง และฝนตกหนกั
3. หากกอ ตวั ในอาวเบงกอลจะไมมาถึงประเทศไทย 3 ตาพายุ ตําแหนงศูนยกลางของพายุ มีเสนผานศูนยกลางประมาณ
4. มีแหลงกาํ เนิดในทะเลจีนใตม ากกวา ในทะเลอนั ดามนั 3.2-8 กิโลเมตร เมื่อพายุเจริญตัวเต็มที่ตาพายุอาจมีเสนผานศูนยกลางถึง
5. หากกอ ตวั ในอา วตงั เก๋ยี จะสงผลกระทบตอ ประเทศไทย 64-128 กโิ ลเมตร พายุพดั แรงจดั ที่สุดรอบศูนยก ลาง

มากท่สี ุด T195
( วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. พายหุ มนุ เขตรอ นท่สี ง ผลกระทบ
ตอสภาพอากาศของประเทศไทยมีแหลงกําเนิดสําคัญทาง
ตะวันออก ไดแก ในทะเลจนี ใต และทางตะวันตกของมหาสมุทร
แปซิฟก และทางตะวันตก ไดแ ก อา วเบงกอล มหาสมุทรอินเดยี )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน พายุหมุนเขตรอ นเมอ่ื เติบโตเต็มทจ่ี ะมเี สนผา นศูนยกลางตั้งแต 100 กิโลเมตรขึน้ ไป
บริเวณท่ีอยูใกลจุดศูนยกลางพายุมากจะเปนบริเวณที่มีความเร็วลมสูง ในขณะท่ีจุดศูนยกลาง
ข้นั ที่ 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มูล ของพายุ เรยี กวา ตาพายุ จะเปน บริเวณทีล่ มสงบทส่ี ุด ไมมีฝน แตเมอ่ื พายุเคล่ือนเขา สแู ผน ดิน
พายจุ ะออ นกําลังลง
3. ครใู หน กั เรยี นดแู ผนทแี่ สดงแหลง เกดิ พายหุ มนุ
เขตรอ นของโลก จากหนังสอื เรยี น ภมู ศิ าสตร 2) ประเภทของพายุหมุนเขตรอน แบงตามความเร็วลมใกลจุดศูนยกลางเปน
ม.4-6 แลวรว มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
เพ่ิมเติมเช่ือมโยงกับแผนภาพการเกิดพายุ 3 ประเภท ไดแ ก
หมุนเขตรอนถึงความเกี่ยวของสัมพันธกัน 2.1) พายุดีเปรสชัน (tropical depression) เปนพายุหมุนเขตรอนกําลังออน
ในประเดน็ ตางๆ
มีความเรว็ ลมสงู สดุ ใกลศ ูนยก ลางไมเกิน 61 กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง
4. ครูสนทนากับนักเรียนถึงความหมาย สาเหตุ 2.2) พายุโซนรอน (tropical storm) เปนพายุหมุนเขตรอนกําลังปานกลาง
การเกิด และประเภทของพายุหมุนเขตรอน
เพิม่ เติม แลว ใหนักเรยี นรว มกันวเิ คราะหและ มคี วามเร็วลมใกลจ ุดศูนยก ลาง 62 - 117 กิโลเมตร/ชัว่ โมง
อภิปรายความรูโดยการตอบคําถามเกี่ยวกับ 2.3) พายไุ ตฝนุ (typhoon) เปนพายุหมุนเขตรอนกาํ ลงั แรงมากท่ีสุด มคี วามเร็ว
พายุหมนุ เขตรอ น ตัวอยา งขอคาํ ถาม เชน
• แหลงกําเนิดพายุหมุนเขตรอนท่ีกอใหเกิด ลมใกลจ ุดศูนยก ลางมากกวา 118 กิโลเมตร/ช่วั โมงข้นึ ไป มชี ่ือเรยี กแตกตา งกันไปตามสถานท่เี กิด
วาตภยั ไดแกแหลง ใดบาง เทชวนีปอพอาสยเตุไซรเโลคียลนพาเยกุเิดฮใอนรบร ริเิเควนณ1มเกหิดาใสนมมุทหราอสินมเทุดรียแดอาตนแทละนเลตอิกันดทาามงันตะวอันาอวเอบกงขกอองลสหแรลฐั ะอชเมายรฝิกงา
(แนวตอบ พายุหมุนเขตรอนเกิดขึ้นเหนือ รวมถึงมหาสมุทรแปซิฟกบริเวณชายฝงประเทศเมก็ ซิโก
ทะเล หรือมหาสมุทรในเขตรอนตางๆ
จําแนกตามระดับความเร็วของลมไดเปน ความรนุ แรงของพายุหมุนเขตรอน
3 ระดบั ไดแ ก พายดุ ีเปรสชัน พายโุ ซนรอ น
และพายุไตฝุน ทั้งน้ี มีช่ือเรียกท่ีแตกตาง พายดุ เี ปรสชนั พายโุ ซนรอน พายุไตฝ ุน
กันตามแหลงกําเนิด เชน พายุท่ีเกิดใน ไมเ กนิ 61 กิโลเมตร/ชวั่ โมง 62 - 117 กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง 118 กโิ ลเมตร/
อาวเบงกอล หรือมหาสมุทรอินเดีย เรยี กวา ชั่วโมงขนึ้ ไป
ไซโคลน พายทุ เี่ กดิ ทางตะวนั ตก หรอื ทางใต
ของมหาสมุทรแปซิฟกและทะเลจีนใต เฮอรร เิ คน เฮอรร เิ คน ไตฝ ุน
เรยี กวา ไตฝนุ และพายุทเ่ี กิดในมหาสมทุ ร
แอตแลนตกิ ทะเลแครบิ เบียน อา วเมก็ ซโิ ก มหาสมุทรแปซฟิ ก มหาสมทุ ร มหาสมุทรแปซิฟก
เรยี กวา เฮอรรเิ คน) แอตแลนติก
188 ไซโคลน
ไซโคลน

มหาสมุทรอินเดีย

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสรมิ

1 พายุเฮอรริเคน พายุหมุนเขตรอนท่ีมักสรางความเสียหายใหแกประเทศ ครูอาจใหนักเรียนจัดทําตารางหรือผังกราฟกท่ีแสดงราย
ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง รวมถึงทะเลแคริบเบียน โดยเฉพาะ ละเอยี ดเกยี่ วกบั ประเภทและความรนุ แรงของพายหุ มนุ เขตรอ นใน
สหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ บางครง้ั พายเุ ฮอรร เิ คนพดั เคลอ่ื นตวั สงู ขน้ึ จากแนวเสน ศนู ยส ตู ร ดานปจ จยั สาเหตุ สถานการณก ารเกิด คนละ 1 ดา น แลว ตกแตง
มากและกอใหเกิดความเสียหายบริเวณเมืองใหญทางชายฝงตะวันออกของ ใหสวยงามสงครผู สู อน
ประเทศอยางรนุ แรง
กจิ กรรม ทาทาย
T196
ครูอาจใหนักเรียนจัดทําตารางหรือผังกราฟกท่ีแสดง
รายละเอียดเกี่ยวกับประเภทและความรุนแรงของพายุหมุน
เขตรอ นท่ีพบในประเทศไทยหรอื ในภมู ิภาคอ่นื ของโลก โดยศึกษา
คนควาขอมูลเพ่ิมเติมจากแหลงการเรียนรูที่ครูเสนอแนะ แลว
ตกแตงใหส วยงามสงครผู สู อน

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3) การกระจายการเกดิ พายุหมุนเขตรอ้ นของโลก ขนั้ สอน

แผนทแี่ สดงแหลง่ เกดิ พายหุ มุนเขตรอ้ นของโลก ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มลู

60 ํN 60 ํN • การเกิดพายุหมุนเขตรอนบริเวณทะเล
อาวไทยและทะเลอนั ดามัน มีความเหมือน
30 ํN 30 ํN หรือแตกตา งกัน อยา งไร
(แนวตอบ แตกตางกันตามฤดูกาลของการ
0ํ 0ํ เกิดพายุหมุนเขตรอน โดยบริเวณอาวไทย
หรือทะเลจีนใต จะพบการเกิดพายุหมุน
30 ํS 30 ํS เขตรอนตั้งแตเดือนพฤษภาคมถึงเดือน
พฤศจิกายน สวนพายุหมุนเขตรอนใน
60 ํS 60 ํS ทะเลอันดามันจะเกิดใน 2 ชวงเวลาของป
คือ ชวงแรก ตั้งแตเดือนเมษายนถึงเดือน
ระดบั ความรนุ แรงตามมาตราแซฟเฟอร- ซมิ ปส นั พฤษภาคม และชวงหลังต้ังแตกลางเดือน
TD TS 1 2 3 4 5 ตุลาคมถึงเดือนธันวาคม)

ทม่ี า : https://earthobservatory.nasa.gov

  จากแผนท่ีจะเห็นไดว้ ่า มีพายุหมนุ เขตรอ้ นกระจายระหวา่ งละตจิ ูด 5 - 30 องศา
เหนือและใต ้ ไดแ้ ก ่ บริเวณตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ บริเวณมหาสมทุ รแปซฟิ ิก
ตะวันออกและตะวันตก  บริเวณตอนเหนือและตอนใต้มหาสมุทรอินเดีย  และบริเวณตะวันตก-
เฉียงเหนือ  และตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย  โดยแหล่งเกิดพายุหมุนเขตร้อน
ที่มีความถี่มากท่ีสุด  พบในบริเวณด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกรวมถึงภูมิภาคเอเชีย
ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ เปน็ บรเิ วณทมี่ พี ายหุ มนุ เขตรอ้ นเกดิ ถมี่ ากทสี่ ดุ  ประมาณ 30 ลกู ตอ่ ป ี ในขณะท่ี
บรเิ วณมหาสมทุ รแอตแลนติกในซีกโลกใต้ ไมพ่ บการเกิดพายุหมุนเขตร้อน
    ส�าหรับประเทศไทยมีพายุหมุนเขตร้อนพัดเข้าสู่ประเทศท้ังจากด้านตะวันออก
และตะวนั ตกของประเทศ โดยดา้ นตะวนั ออกมพี ายหุ มนุ เขตรอ้ นทเ่ี กดิ จากบรเิ วณมหาสมทุ รแปซฟิ กิ
ตะวนั ตก รวมทง้ั จากทะเลจนี ใตแ้ ละอา่ วไทยมพี ายหุ มนุ เขตรอ้ นทม่ี คี วามรนุ แรงถงึ ระดบั พายไุ ตฝ้ นุ่
ในบางปี  ส่วนด้านตะวันตกในทะเลอันดามันมีพายุไซโคลน  บางครั้งเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย
ดา้ นตะวนั ตกและตะวนั ตกเฉยี งเหนอื  ซงึ่ จา� นวนพายหุ มนุ เขตรอ้ นทเ่ี ขา้ สปู่ ระเทศไทยมคี วามสา� คญั
ต่อการกักเก็บน้า� ในแหล่งเก็บนา�้ ขนาดใหญ่ของประเทศเป็นอย่างย่ิง

189

กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู

นักเรียนสืบคนและศึกษาขอมูลเกี่ยวกับพายุหมุนเขตรอน ครอู ธบิ ายเกยี่ วกบั การกระจายการเกดิ พายหุ มนุ เขตรอ นของโลกเพม่ิ เตมิ วา
ของโลกประเภทตา งๆ จากนนั้ รว มกนั อภปิ รายถงึ พายหุ มนุ เขตรอ น ในแตล ะปจ ะมพี ายหุ มนุ เขตรอ นเกดิ ขน้ึ ทวั่ โลก ซงึ่ กอ ใหเ กดิ ความเสยี หายตอ ชวี ติ
ทเี่ กดิ ขน้ึ ในประเทศไทยวา เปน พายปุ ระเภทใด กอ ตวั ขนึ้ บรเิ วณใด และทรัพยสิน เนื่องจากเมื่อเกิดพายุจะมีลมแรง ทําใหคล่ืนใหญซัดเขาฝงและ
โดยระบุลงในแผนท่ีประเทศไทย แลวนําความรูท่ีไดมานําเสนอ เกดิ ฝนตกเปน บรเิ วณกวา ง โดยเฉพาะบรเิ วณทเี่ ปน ศนู ยก ลางของพายเุ คลอื่ นผา น
หนาชนั้ เรียน จะไดร บั ผลกระทบมากทสี่ ดุ ความเสยี หายจะขน้ึ อยกู บั ความรนุ แรงของพายุ เชน
หากพายมุ กี าํ ลงั อยใู นขนั้ ดเี ปรสชนั ความเสยี หายจะเกดิ ขนึ้ เนอื่ งจากฝนตกหนกั
และอทุ กภยั หากมกี าํ ลงั แรงขนึ้ เปน โซนรอ นหรอื ไตฝ นุ ความเสยี หายจากฝนตก
และอุทกภัยจะรุนแรงมากข้ึนอีก

T197

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 4) 1ภ.ัย พตาา่ ยงุเ ๆค ลท่ือนี่เกทิดี่ขจึ้นาฝกั่งพากย่อหุใหม้เกนุ ิดเขคตล่ืนร้อพนายรุซุนัดแฝรั่งง1  เทช�าน่ ให้ต้นไม้ถอนรากถอนโคน 

ขัน้ ท่ี 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มูล อาคารบ้านเรือนที่ไม่แข็งแรงพังทลาย ชิ้นส่วนของบ้านเรือนถูกพัดปลิวเป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่ใน
ที่โล่งแจง้  เรอื กสวนไร่นาเสยี หาย สายไฟฟ้าขาด เสาไฟฟ้าล้ม ท�าให้เกิดไฟไหมห้ รอื ไฟดูด
• พายุหมุนเขตรอนมีท่ีมาของการตั้งช่ือ
อยางไร 2. พายเุ คลอื่ นอย ู่ในทะเล ทา� ใหเ้ กดิ ลมแรงจดั  เกดิ คลน่ื ขนาดใหญ ่ ซง่ึ เปน็ อนั ตราย
(แนวตอบ พายหุ มนุ เขตรอ นเกดิ ขนึ้ ในบรเิ วณ ต่อการเดินเรอื  โดยเฉพาะเรอื ขนาดเลก็
เสนศนู ยส ูตร บริเวณกอตวั ของพายุมกั จะมี
อุณหภูมิของน้ําสูงกวา 26 องศาเซลเซียส 3. เกิดฝนตกหนัก ท�าให้เกิดน�้าท่วม ทั้งน�้าป่าไหลหลาก น�้าเอ่อล้นจากแม่น้�า
และลมสงบเงียบเปนเวลานาน การต้ังชื่อ ล�าคลองเข้าท่วมพ้ืนที่ริมฝั่งน�้า  และน�้าฝนที่ท่วมขังอยู่พื้นท่ีลุ่มต่�า  เมื่อระบายออกไม่ทันจะสร้าง
พายุในสมัยเริ่มแรกจะใชหมายเลขกํากับ ความเสยี หายตอ่ พชื ผลทางการเกษตร เสน้ ทางคมนาคม รวมทง้ั การกดั เซาะตลง่ิ และชายฝง่ั  ทา� ให้
แตตอมาเกิดความสับสนไดงาย องคการ พ้ืนที่ชายหาดบางส่วนหายไป นอกจากน ้ี ฝนท่ีตกหนกั บริเวณภูเขาก็อาจทา� ใหเ้ กิดดนิ ถล่มได้
อตุ นุ ยิ มวทิ ยาโลกและสมาชกิ จงึ ตงั้ ชอื่ โดยใช
อกั ษรโรมนั ตงั้ แต A-Z และตงั้ แต พ.ศ. 2543 GTeipo
ไดมีระบบการตั้งช่ือพายุใหมโดยใชภาษา
พ้ืนเมืองของแตละประเทศ ซ่ึงประเทศใน การตง้ั ชื่อพายุหมนุ เขตร้อน
มหาสมุทรแปซิฟกตอนบนกับทะเลจีนใต   พายหุ มนุ เขตรอ้ น เปน็ พายทุ กี่ อ่ ตวั ขน้ึ ในทะเลเขตรอ้ นทางทะเลจนี ใต ้ และทางดา้ นตะวนั ตกตอนบน
รวม 14 ประเทศ ไดตกลงกับองคการ ของทะเลแปซฟิ กิ  ดงั นนั้  ประเทศทอ่ี ยู่ในบรเิ วณที่ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากพายหุ มนุ เขตรอ้ น 14 ประเทศ ไดแ้ ก่ 
อุตุนิยมวิทยาโลกในการตั้งชื่อพายุของ กมั พชู า จนี  เกาหลเี หนอื  ฮอ่ งกง ญ่ีปนุ่  ลาว มาเกา๊  มาเลเซยี  ไมโครนีเซีย ฟิลปิ ปนิ ส ์ เกาหลีใต้ ไทย 
ตนเอง โดยแตละประเทศจะเสนอชื่อมา สหรัฐอเมริกา  และเวียดนาม  ได้มีการประชุมร่วมกันเพ่ือต้ังชื่อใช้เรียกพายุที่จะเกิดขึ้นแต่ละลูก  โดย
ประเทศละ 10 ชื่อ รวม 140 ชอื่ แลว แบง แต่ละประเทศจะเสนอชื่อพายุในภาษาของตนประเทศละ 10  ช่ือ  จัดท�าเป็นบัญชีรายชื่อ  รวมท้ังหมด 
เปน 5 กลมุ กลมุ ละ 28 ชือ่ เมื่อเกดิ พายุ 140 ชื่อ (ซึง่ พายลุ กู นนั้ ต้องมคี วามเรว็ ลมสงู สุดใกลศ้ นู ยก์ ลางพายุมากกวา่  34 นอต หรือ 63 กม./ชม.
ก็จะใชช่ือกลุมแรกเรียงลําดับไปจนหมด ถึงจะมีช่ือเป็นของตนเอง)  และจะใช้ช่ือเรียงล�าดับตามชื่อประเทศของล�าดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ 
จึงใชชอ่ื ในกลุม ที่ 2 ตอ ไป) โดยชอื่ พายุที่ไทยเสนอ 10 ช่ือ ได้แก่ พระพริ ณุ  ทุเรียน วิภา รามสรู  เมขลา นิดา มรกต ชบา กุหลาบ 
และขนุน
  นอกจากน้ ี หากพายลุ กู ใดทมี่ คี วามรุนแรงและ
สร้างความเสียหายอย่างมาก ก็จะมีการพิจารณา
ถอดถอนชือ่ พายุลูกนน้ั ไป แล้วท�าการเลอื กช่อื ใหม่
ใส่แทนลงในบัญชีรายช่ือ เช่น พายุไต้ฝุ่นทุเรียน 
ที่เกิดข้ึนเมื่อ  พ.ศ. 2549  ประเทศท่ีได้รับความ
เสียหายอยา่ งหนัก คือ ฟิลปิ ปนิ ส์ มผี ู้เสยี ชวี ติ กวา่
1,000 คน ในภายหลงั จงึ ไดม้ กี ารพจิ ารณาถอดถอน
ชอื่ พายทุ ุเรียนออกจากบัญชรี ายช่ือ และหาชือ่ ใหม่  ความเสยี หายจากพายุไตฝ้ นุ่ ทุเรียนใน พ.ศ. 2549
เขา้ มาแทน คอื  พายมุ ังคดุ

190

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม

1 คล่ืนพายุซัดฝง คือ คลื่นซัดชายฝงขนาดใหญอันเนื่องมาจากความแรง นักเรียนสืบคนขอมูลพายุหมุนเขตรอนครั้งรายแรงท่ีเคย
ของลมที่เกิดจากพายุหมุนเขตรอนท่ีเคล่ือนตัวเขาหาฝง โดยปกติมีรัศมี เกิดข้ึนในประเทศไทย ระบุสาเหตุการเกิด ผลกระทบและความ
รุนแรงมากประมาณ 100 กิโลเมตร แตบางคร้ังอาจเกิดเม่ือศูนยกลางพายุ เสยี หายทไ่ี ดร บั สรปุ ความรทู ไี่ ดล งกระดาษรายงานนาํ สง ครผู สู อน
อยูหางมากกวา 100 กิโลเมตรได ข้ึนอยูกับความรุนแรงของพายุ และสภาพ
ภูมิศาสตรของพ้ืนที่ชายทะเล บางคร้ังอาจไดรับอิทธิพลเสริมความรุนแรง
จากลมมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนือ ทาํ ใหเกดิ อนั ตรายมากขึน้

T198

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

5) เหตกุ ารณ์พายหุ มุนเขตรอ้ นท่รี นุ แรง คร้งั สา� คัญ เชน่ ขนั้ สอน

เหตุการณ์ พายุเฮอร์ริเคนแคทรนี าในสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2548 ข้ันที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมูล

สาเหตุ : พายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาเป็นพายุหมุน 5. ครใู หนักเรียนจบั กลมุ ผลัดกันจับสลากชือ่ พายุ
เขตร้อน ก่อตัวในมหาสมุทรแอตแลนติกและ ท่ีทําใหเกิดวาตภัยคร้ังรายแรงทั้งในบริเวณ
กลายเป็นพายุโซนร้อน มีความเรว็ ถงึ  74 ไมล์ตอ่ ตา งๆ ของโลกและในประเทศไทย เชน นารก สี
ชัว่ โมง เกดิ เปน็ พายเุ ฮอรร์ เิ คนระดบั  1 ในวนั ที่ 23 เอลลี กสิ นา เกย ลนิ ดา เซนิ กา แลว ใหน กั เรยี น
สิงหาคม พ.ศ. 2548 เมื่อพัดเข้าสู่บาฮามาสและ ใชสมารตโฟนสืบคนภาพขาว หรือคลิปวิดีโอ
ฟลอริดา ได้เพมิ่ ความรนุ แรงเปน็ พายรุ ะดบั  5 ใน ที่ เ ก่ี ย ว ข  อ ง กั บ เ ห ตุ ก า ร ณ  ที่ จั บ ส ล า ก ไ ด 
อ่าวเม็กซิโก มีความเร็วลมสูงสุด  280 กิโลเมตร พรอมทั้งเขียนสรุปท่ีกระดานหนาชั้นเรียน
ตอ่ ชวั่ โมง กอ่ นทจ่ี ะออ่ นกา� ลงั แรงเปน็ ระดบั  3 เมอ่ื จากนั้นครูและนักเรียนอภิปรายรวมกัน
ความเสยี หายของเมอื งนวิ ออรล์ นี ส์ รฐั ลยุ เซยี นาจาก เคลื่อนเข้าสู่รัฐลุยเซียนาและสลายตัวในวันที่  31  เก่ยี วกบั เหตกุ ารณด งั กลาว
พายแุ คทรนี า สิงหาคม
6. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ วเิ คราะหแ ละอภปิ ราย
ผลกระทบ : ทา� ให้เมืองนิวออรล์ นี สถ์ ูกน้า� ท่วมอยา่ งหนักเปน็ เวลานานหลายสปั ดาห ์ คดิ เปน็ พ้ืนท่ีกวา่ กลุมยอยถึงผลกระทบท่ีเกิดจากเหตุการณ
ร้อยละ 80  ของเมือง  มีพื้นท่ีความเสียหายประมาณ 233,000  ตารางกิโลเมตร  มีผู้เสียชีวิตจ�านวน  พายหุ มนุ เขตรอน โดยแบงออกเปน ผลกระทบ
1,833 คน ผู้สูญหาย 705 คน และมผี ้อู พยพออกนอกพ้ืนทก่ี วา่  1 ลา้ นคน ความเสียหายคิดเปน็ มูลค่า  ทเ่ี กดิ ขน้ึ บนบก และผลกระทบทเี่ กดิ ขนึ้ ในทะเล
81 พันล้านเหรยี ญสหรัฐ แลวชวยกันออกแบบและจัดทําการนําเสนอ
ผลการอภิปรายในรูปแบบตางๆ ตามความ
เหตุการณ์ พายไุ ซโคลนนากสี ในประเทศเมยี นมา พ.ศ. 2551 สามารถและความสนใจ จากน้ันสงตัวแทน
ออกมานาํ เสนอผลการอภปิ รายกลมุ ยอ ยทห่ี นา
สาเหตุ : พายไุ ซโคลนนากสี กอ่ ตวั ขนึ้ ในอา่ วเบงกอล ชน้ั เรยี น ครูสนทนารว มกันกับนกั เรยี นเพ่ือให
ตอนกลาง มีความเร็วลม 215 กโิ ลเมตรต่อชั่วโมง  เกดิ ความรูค วามเขา ใจทถี่ กู ตองตรงกัน
ไดพ้ ดั ขน้ึ ฝง่ั ประเทศเมยี นมา แถบสามเหลยี่ มปากนา�้
อริ วดีและนครย่างกุง้   ซึง่ สรา้ งความเสียหายใหแ้ ก่
พื้นท่ีรอบมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะอย่างย่ิง
ประเทศเมยี นมา

ผลกระทบ : ทา� ใหม้ ผี เู้ สยี ชวี ติ ในประเทศเมยี นมา
กว่า 50,000  คน  ผู้สูญหายอีกกว่า 40,000  คน 
ความเสยี หายของพน้ื ทป่ี ระสบภยั ในประเทศเมยี นมา และเป็นผู้ไร้บ้านอีกจ�านวนมาก  อาคารถูกท�าลาย
จากพายไุ ซโคลนนากีส หลายแสนหลงั ในเขตอริ วด ี นอกจากน ี้ ยงั สง่ ผลตอ่

อ่าวเบงกอลตะวันตก โดยประเทศศรีลังกาเกิดภาวะฝนตกหนัก นา�้ ทว่ ม และแผ่นดินถลม่ ในหลายพื้นท่ี
โดยต�าบลรัตนปุระและต�าบลเคกัลเลได้รับผลกระทบมากท่ีสุด  ประชาชนกว่า 3,000  ครัวเรือน  ได้รับ
ความเดือดรอ้ นจากน�้าท่วมหรอื ถูกท�าลายจากแรงพายุ

191

กจิ กรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู

นักเรียนรวมกลุมคนควาแนวทางการระวังภัยจากพายุหมุน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพายุหมุนเขตรอนครั้งรายแรงท่ีเกิดขึ้นในโลก
เขตรอ นของประเทศตา งๆ เพมิ่ เตมิ จากแหลง การเรยี นรอู น่ื จากนนั้ เชน พายุไซโคลนโบลา พายุไซโคลนกอรกี ซึ่งเกิดในประเทศบังกลาเทศใน
รวบรวมภาพและขอมูลจัดทําปายแสดงแนวทางการระวังภัย พ.ศ. 2513 และ พ.ศ. 2534 สง ผลใหมผี เู สียชีวติ นับแสนราย พายุไซโคลนโอดชิ า
จากพายุหมุนเขตรอนลงในกระดาษโปสเตอร ตกแตงใหสวยงาม ซ่ึงเกิดในประเทศอินเดียในพ.ศ. 2542 มีผูเสียชีวิตประมาณ 15,000 ราย
เพอื่ สง เสรมิ ใหน กั เรยี นนาํ ความรคู วามเขา ใจเรอื่ งการระวงั ภยั จาก พายุเฮอรร ิเคนแคทรีนา ในสหรฐั อเมริกาเมื่อ พ.ศ. 2548 มผี เู สยี ชีวติ ประมาณ
พายุไปปรับใชในชวี ิตประจาํ วนั 2,000 ราย และพายุไตฝุนไหเยี่ยนพัดผานประเทศฟลิปปนสใน พ.ศ. 2556
ทาํ ใหมผี เู สยี ชีวิตประมาณ 6,000 ราย

T199

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 6) การจดั การภยั พิบตั พิ ายหุ มนุ เขตร้อน มีดงั น้ี

ขน้ั ที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมูล 6.1) มาตรการ เช่น มรี ะบบเตือนภยั ลมแรงและพายุ มกี ารวางแผนในระยะยาว
เพอ่ื ป้องกันภัยจากพายุ มกี ารกา� หนดพน้ื ทีเ่ สีย่ งภัยและมเี ครอื่ งหมายเตือนภยั  ควรมกี ารฝึกซอ้ ม
7. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหเก่ียวกับการ ปอ้ งกนั ภยั พบิ ตั  ิ เตรยี มพรอ้ มรบั มอื  และวางแผนการอพยพหากจา� เปน็  มมี าตรการกระจายขา่ วสาร
จดั การภยั พบิ ตั พิ ายหุ มนุ เขตรอ นทงั้ ในดา นของ และการแจ้งเตือนประชาชนอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
มาตรการ วธิ ปี องกัน และการปฏิบัติตนทั้งใน
ชว งกอ นเกิดภัย ขณะเกดิ ภัย และหลังเกดิ ภัย 6.2) วิธีป้องกัน  เช่น  ซ่อมแซมประตู  หน้าต่างให้ม่ันคงแข็งแรง  ตัดต้นไม้ที่มี
โอกาสหกั ลงมาทบั บ้านเรอื น หรือเสาไฟฟ้า เตรียมชดุ อุปกรณฉ์ กุ เฉนิ ให้พรอ้ ม และเตรยี มพรอ้ ม
8. ครูสุมนักเรียนเพื่อนําเสนอแนวทางการปฏิบัติ รับมือกับน้า� ทว่ มฉับพลัน
ตนตอการจัดการภัยพิบัติพายุหมุนเขตรอน
เพ่ิมเติม 6.3) การปฏิบัติตน ทา� ได ้ ดงั นี้

1.  ตดิ ตามขา่ วพยากรณอ์ ากาศอยเู่ สมอ และเตรยี ม 1.  ใหห้ ลบอยู่ในอาคารบา้ นเรอื นทม่ี นั่ คงแขง็ แรง 
ตวั อพยพเมื่อไดร้ ับแจง้ ให้อพยพ ปดิ ประต ู หนา้ ตา่ งให้มิดชิด

2. ห  มั่นตรวจตรา  ซ่อมแซมประตู  หน้าต่างให้ 2.  ไมอ่ ยู่ใกล้เสาไฟฟา้  ต้นไม ้ ส่ิงปลูกสร้าง หรอื
มน่ั คงแขง็ แรง ตดั ตน้ ไมท้ ม่ี โี อกาสหกั ลงมาทบั ป้ายท่ีไม่มั่นคงแข็งแรง  เพราะอาจถูกล้มทับ 
บา้ นเรอื น หรอื เสาไฟฟา้  รวมถงึ เตรยี มชดุ อปุ กรณ์ หรือถูกไฟฟ้าดูดได้  และไม่ควรใช้อุปกรณ์
ฉุกเฉินใหพ้ รอ้ ม ไฟฟ้า รวมถึงงดใช้ โทรศพั ท์เคลื่อนทช่ี ่ัวคราว

3. จ ดั เกบ็ สงิ่ ของทอ่ี าจปลวิ ไปกบั ลมใหม้ ดิ ชดิ  เพอื่ 3.  ไมอ่ ยู่ใกลบ้ รเิ วณชายฝง่ั ทะเล และเรอื ทกุ ชนดิ
ปอ้ งกนั พายพุ ดั เสยี หาย และไดร้ บั อนั ตรายจาก ควรงดออกจากฝ่ัง 
ส่งิ ของกระแทกใส่
4.  หากจ�าเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่  ให้ ไป
ตามเสน้ ทางทปี่ ลอดภยั  และปฏบิ ตั ติ ามประกาศ
เตือนภยั อยา่ งเคร่งครัด

ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภยั หลงั เกิดภัย

1.  หลังพายุสงบ  ไม่ควรออกไปในท่ีโล่งแจ้งทันที  ควรอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างน้อย 1 - 2 
ชว่ั โมง และคอยตดิ ตามรบั ฟงั ขา่ วสารอยา่ งใกลช้ ดิ เพอื่ ปฏบิ ตั ติ ามคา� สง่ั  หรอื รบั แจง้ วา่
พายุไดส้ งบลงแลว้

2.  ชว่ ยเหลอื ทา� การปฐมพยาบาลเบอื้ งตน้ แกผ่ บู้ าดเจบ็  แลว้ รบี นา� ตวั สง่ โรงพยาบาลโดยเรว็
3. ถา้ มีเสาไฟฟา้ ลม้  สายไฟขาด อย่าเขา้ ใกลห้ รอื แตะตอ้ ง เพ่อื ความปลอดภัย

192

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET
แนวทางในการปอ งกนั ผลกระทบจากวาตภยั ตอ อาคารบา นเรอื น
ครูนําวีดิทัศนหรือภาพขาวแสดงสถานการณวาตภัยในประเทศไทยหรือ คอื ขอ ใด
ประเทศเพื่อนบานมาใหนักเรียนพิจารณารวมกัน เพ่ือกระตุนความสนใจของ
นักเรียน และสงเสริมใหเกิดความรูความเขาใจเกี่ยวกับสถานการณการเกิด 1. ดูแลรกั ษาบา นเรือนใหม นั่ คงแข็งแรง
และผลกระทบของวาตภัย จากนั้นครูและนักเรียนวิเคราะหรวมกันถึงแนวทาง 2. สรา งบา นดว ยวัสดุคุณภาพดรี าคาแพง
การระวังภัยจากวาตภัยทเ่ี หมาะสมกับทอ งถิ่นของตน เพื่อใหน กั เรียนนาํ ความรู 3. สรา งบานอยหู ลงั เขาเพ่อื ปอ งกนั ลมปะทะ
ไปใชใ นการดาํ รงชวี ติ 4. เลือกทาํ เลพืน้ ที่สงู ชนั ในการสรางบานเรือน
5. ปอ งกันชองลมทกุ ทางท้ังประตูและหนา ตาง
T200 ( วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. การดูแลรักษาบานเรอื นใหม่นั คง
แข็งแรงเปนแนวทางปองกันผลกระทบจากวาตภัยท่ีเหมาะสม
เพราะขณะเกิดภัยเราอาจไมสามารถเตรียมการเพ่ือปองกันบาน
เรือนใหม่ันคงไดทันเวลา สวนตัวเลือกอ่ืนเปนการปองกันท่ีไม
เหมาะสม เชน การปองกันชองลมเปนการปฏิบัติเม่ือประสบภัย
ไมใชการปอ งกันผลกระทบท่จี ะไดร บั จากวาตภยั )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2.3 พายทุ อรน์ าโด1 (tornado) ขน้ั สอน

พายทุ อรน์ าโดหรอื พายงุ วงชา้ งเปน็ พายหุ มนุ ขนาดเลก็ ทม่ี พี ลงั ทาํ ลายรนุ แรง ศนู ยก์ ลางพายุ ขั้นท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มลู
นจ้ี ะมีความกดอากาศตาํ่ มาก
9. ครนู าํ วดี ทิ ศั น หรอื ภาพขา วแสดงสถานการณ
ความรนุ แรงและอาํ นาจการทาํ ลายของพายขุ นึ้ อยกู่ บั ความเรว็ ทจ่ี ดุ ศนู ยก์ ลาง ความเรว็ ของ การเกิดพายุทอรนาโดในบริเวณพ้ืนท่ีตางๆ
การเคล่ือนที่ ทิศทางของการเคล่ือนท่ี และความกว้างของวงพายุ พายุทอร์นาโดท่ีรุนแรงมาก ของโลกมาใหนักเรียนดูและรวมกันวิเคราะห
อาจมคี วามเร็วการหมนุ ทีจ่ ุดศูนย์กลางมากกวา่ 322 กโิ ลเมตรตอ่ ชั่วโมง และเคลอื่ นทด่ี ว้ ยความ เก่ียวกับสาเหตุและกระบวนการเกิดพายุ
เร็วกวา่ 100 กิโลเมตรตอ่ ชั่วโมง ซ่งึ ความเรว็ ของการหมนุ นห้ี ากผา่ นไปบนแผ่นดิน สามารถจะ ทอรนาโด ตลอดจนความแตกตางของพายุ
หอบรถยนตข์ น้ึ ไปได้ มอี าํ นาจทาํ ลายอาคารบา้ นเรอื นและสง่ิ มชี วี ติ หากเกดิ ในแมน่ าํ้ หรอื มหาสมทุ ร ทอรน าโดแตละรูปแบบ
จะเกิดคลื่นลมแรง หอบเอาน้าํ ขน้ึ เป็นลาํ ในอากาศ หรอื ยกเรอื ขนาดใหญไ่ ปได้ไกล พายุทอรน์ าโด
เปน็ พายปุ ระจําถ่ินตอนกลางของสหรัฐอเมรกิ า เกดิ ในช่วงฤดรู อ้ นไปจนถึงปลายฤดูใบไมร้ ่วง 10. ครูสุมนักเรียนจํานวน 2-3 คน นําเสนอ
ผลการวิเคราะหสาเหตุและกระบวนการเกิด
1) สาเหตุและกระบวนการเกิดพายุทอร์นาโด พายุทอร์นาโดมีกระบวนการเกิด พายุทอรนาโด ตลอดจนความแตกตางของ
พายุทอรนาโด จากน้ันครูสนทนารวมกัน
2 ลักษณะ ได้แก่ กับนักเรียนเพื่อใหเกิดความรูความเขาใจที่
1.1) พายุทอร์นาโดที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ (supercell ถกู ตอ งตรงกัน
tornado) เป็นพายุท่ีเกิดข้ึนจากพายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ท่ีมีระบบอากาศหมุนวน
ทเ่ี รยี กวา่ เมโซไซโคลน (มขี นาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางราว 2 - 10 กโิ ลเมตร) ไหลวนอยภู่ ายในเมฆพายุ
ความเร็วการหมุนของเมโซไซโคลนทําให้เกิดกรวยเมฆหมุนออกจากผนังเมฆและฐานเมฆ
ควิ มูโลนิมบสั ลงมาแตะพนื้ ดิน

การเกดิ พายุฝนฟ้าคะนองแบบซเู ปอร์เซลล์

ซูเปอร์เซลล์
(Supercell)

เมโซไซโคลน เมฆคิวมูโลนมิ บสั หยาดนา้ํ ฟา้ ที่ตกจาก
ใตฐ้ านเมฆระเหย
กระแสอากาศไหลลง กอ่ นตกลงถงึ พนื้ ดิน
กระแสอากาศไหล ึข้น
ลกู เห็บ ฝน
กระแสอากาศไหลลง
ผนังเมฆ
ทอร์นาโด
ทศิ ทางของพายุ

193

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

พายทุ อรน าโดเกดิ ขนึ้ ไดอ ยา งไร 1 พายุทอรนาโด เปนพายุหมุนท่ีมีอาณาบริเวณเกิดแคบที่สุด แตมีอัตรา
(แนวตอบ พายุทอรนาโดกอตัวจากอากาศรอนจัดปะทะกับ พัดของลมเร็วที่สุด พายุนี้เกิดไดทุกทวีปแตเกิดบอยท่ีสุดในสหรัฐอเมริกา
ลกั ษณะพเิ ศษของพายนุ ี้ คือ มเี มฆคลายงวงชา งยื่นปลายงวงลงมาจากฐานเมฆ
อากาศเย็นจัด บางคร้ังกระแสลมกรดก็มีบทบาทสําคัญตอการ ควิ มโู ลนมิ บสั ถาพายุน้ีเกิดเหนอื พื้นนาํ้ จะเรียก นาคเลน นาํ้ เมอื่ มีพายุทอรนาโด
เกิดหรือการกอตัวของพายุนี้ แมพายุทอรนาโดจะเกิดในบริเวณ เกดิ ขึน้ จะมีฝนฟา คะนองอยา งแรงและฝนตกหนกั เกิดขึ้นพรอ มกนั ดวย
แคบๆ และเสนทางพายุผานจะไมกวางมากแตสรางความ
เสียหายไดมากและรุนแรง อํานาจการทําลายของพายุทอรนาโด
มีอยู 2 ประการ คือ ความกดอากาศท่ีขอบพายุ และที่จุดดูด
ตรงจุดศนู ยกลางหรือตาพาย)ุ

T201

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 1.2) พายทุ อรน์ าโดทไี่ มไ่ ดเ้ กดิ จากพายฝุ นฟา้ คะนองแบบซเู ปอรเ์ ซลล ์(nonsupercell
tornado) พายกุ ลมุ่ นเี้ รมิ่ จากลมเฉอื นในแนวระดบั ทผ่ี วิ พนื้  ทา� ใหเ้ กดิ กระแสอากาศไหลวน ทเี่ รยี กวา่
ขั้นที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล ไมโครไซโคลนขนึ้ ในแนวดงิ่  ไมโครไซโคลนนหี้ ากหมนุ เรว็ ขนึ้ กจ็ ะแคบเขา้ และยดื ยาวออกไปดา้ นบน
เคล่ือนเข้าสู่ฐานเมฆ  ส่งผลให้เมฆเติบโตมีขนาดใหญ่ขึ้น  ส่วนไมโครไซโคลนท่ีมีรัศมีแคบลง
11. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะห Geo Tip และหมนุ อยา่ งรวดเรว็ กก็ ลายเปน็ พายทุ อรน์ าโดมคี วามรนุ แรงนอ้ ยกวา่ ทเี่ กดิ จากพายฝุ นฝา้ คะนอง
เก่ียวกับการกําหนดระดับความรุนแรงของ แบบซเู ปอรเ์ ซลล์
พายุทอรนาโด จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร
ม.4-6 เพมิ่ เตมิ 2) ประเภทของพายทุ อรน์ าโด จา� แนกตามความรนุ แรงและองคป์ ระกอบของกรวย

12. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนตัวอยาง ได ้ 2 ประเภท ได้แก่
สถานการณพายุทอรนาโดที่เคยเกิดขึ้นตาม 2.1) พายุทอร์นาโดท่ีเกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ (supercell 
ระดับความรนุ แรง จากนัน้ ครูสนทนารวมกัน
กับนักเรียนเพื่อใหเกิดความรูความเขาใจที่ tornado)  จะมีความรุนแรงสูงสุดถึงระดับ EF4 ถึง EF5  ตามสเกลฟุจิตะปรับปรุง (Enhanced 
ถกู ตอ งตรงกัน Fujita) เชน่  พายุทอรน์ าโดท่มี กั เกิดในสหรฐั อเมริกา

2.2) พายทุ อรน์ าโดทไี่ มไ่ ดเ้ กดิ จากพายฝุ นฟา้ คะนองแบบซเู ปอรเ์ ซลล ์(nonsupercell
tornado) สว่ นใหญจ่ ะมคี วามรนุ แรงในระดบั  EF0 ถงึ  EF2 ซง่ึ มคี วามรนุ แรงนอ้ ยกวา่ พายทุ อรน์ าโด
ท่เี กดิ จากพายฝุ นฟา้ คะนองแบบซเู ปอรเ์ ซลล ์ เช่น พายงุ วงชา้ งท่เี กิดขน้ึ ในประเทศไทย

 พายทุ อรน์ าโดทเ่ี กดิ จากซเู ปอรเ์ ซลล ์ ทรี่ ฐั ไวโอมงิ  ทางตอน 1
  กลางของสหรัฐอเมรกิ า เม่ือเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561
 พายทุ อรน์ าโดผืนน�า้ ท่รี ฐั ฟลอรดิ า เมื่อ พ.ศ. 2512 
GTeipo   เปน็ พายทุ อร์นาโดท่ีไม่ไดเ้ กดิ จากซูเปอร์เซลล์

  ในการก�าหนดระดับความรุนแรงของพายุทอร์นาโดมีมาตรวัดเป็นฟุจิตะ (Fujita)  ต่อมาได้มีการ
ปรบั ปรงุ เป็นหน่วย EF หรือ Enhanced Fujita แบ่งออกเป็น 6 ระดบั ตามความเร็วของกระแสลม ดังน้ี

EF0 105 - 137 กโิ ลเมตร/ช่วั โมง เสียหายน้อย EF3 218 - 266 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง เสยี หายรนุ แรง

EF1 138 - 177 กโิ ลเมตร/ช่ัวโมง เสียหายปานกลาง EF4 267 - 322 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง เสียหายรุนแรงมาก

EF2 178 - 217 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง เสยี หายหนัก EF5 มากกว่า 322 กิโลเมตร/ช่ัวโมง เสยี หายรุนแรงมากท่ีสุด

194

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 พายุทอรนาโดผืนนํ้า พายุหมุนซ่ึงเกิดจากการหมุนเวียนของอากาศจาก เพราะเหตุใดพายทุ อรน าโดสว นใหญจ งึ เกิดขึ้นในสหรฐั อเมริกา
พนื้ นาํ้ ขยายขึน้ ไปสูเ มฆ เชน พวยนํา้ หรอื นาคเลน นํ้า (water spout) มลี ักษณะ
คลา ยกบั ทอรน าโดแตม กี าํ ลงั แรงนอ ยกวา ซง่ึ เกดิ จากมวลอากาศเยน็ เคลอื่ นผา น (แนวตอบ เน่ืองจากสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ราบขนาดใหญจึงเอื้อ
ผิวน้าํ บรเิ วณทอี่ นุ กวา ทําใหอากาศบริเวณผิวน้ํายกตวั ขึ้นอยางรวดเรว็ โดยมกั ตอการปะทะของลมรอนและลมเย็นในบริเวณที่ราบ ทําใหพายุที่
เกิดในภมู ิภาคก่ึงเขตรอ น กอ ตวั สว นมากมขี นาดใหญแ ละเกดิ ไดบ อ ยครงั้ โดยพายทุ อรน าโด
ในสหรฐั อเมรกิ าเกดิ จากลมหนาวทพ่ี ดั มาจากทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต
ของประเทศแคนาดาพดั พาเอาความหนาวและความแหง แลง ลงมา
ประกอบกับลมรอนจากอาวเม็กซิโกที่พัดมาจากดานใตของทวีป
ซ่ึงลมทัง้ สองนี้มักปะทะกันท่ีบริเวณตอนกลางของสหรฐั อเมรกิ า)

T202

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3) การกระจายการเกิดพายทุ อรน์ าโดของโลก ขนั้ สอน

แผนทีแ่ สดงแหล่งเกดิ พายุทอรน์ าโดของโลก ขนั้ ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล

80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ 80 Nํ 13. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลท่ีไดจาก
การศึกษาทั้ง 3 ประเด็น อันไดแ ก พายฝุ นฟา
60 Nํ แคนาดา รสั เซีย 60 Nํ คะนอง พายหุ มนุ เขตรอ น และพายทุ อรน าโด
40 Nํ สหรัฐอเมริกา มาวิเคราะหเชื่อมโยงความสัมพันธระหวาง
20 Nํ เมก็ ซิโก ทวปี ยโุ รป เกาหลีใต 40 Nํ ลักษณะทางกายภาพกับภัยพิบัติธรรมชาติ
ญ่ปี นุ 20 Nํ ทางบรรยากาศภาค ตลอดจนผลกระทบและ
เนปาล จีน แนวทางการจัดการภัยพิบัติธรรมชาติทาง
อนิ เดยี ฟล ปิ ปน ส บรรยากาศภาคดงั กลา ว แลว อภปิ รายรว มกนั
ภายในชน้ั เรียน
0ํ 0ํ
14. ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการอภิปราย
20 Sํ อุรุกวัย ออสเตรเลยี 20 Sํ มาทาํ การวเิ คราะหร ว มกนั เพอ่ื อธบิ ายคาํ ตอบ
40 Sํ อารเ จนตนิ า 40 Sํ
แอฟรกิ าใต

N 60 Sํ พ้ืนทเี่ ส่ยี งภัยพายุทอรน าโด 60 Sํ

1 : 250,000,000 80 Sํ พ้ืนที่ท่มี ีโอกาสเกดิ พายุทอรน าโด 80 Sํ 0 2,000 4,000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ

ทมี่ า : www.vstornadoes.com

จากแผนที ่ บริเวณทเ่ี ส่ียงตอ่ การเกดิ พายุทอร์นาโดเปน็ พ้นื ทีร่ าบขนาดใหญ่ และ
เกดิ ในเขตละตจิ ดู สงู  เนอ่ื งจากการปะทะกนั ของมวลอากาศรอ้ นจากเขตรอ้ นกบั มวลอากาศเยน็ จาก
ขั้วโลก  ซึ่งเกิดได้มากในทวีปอเมริกาเหนือ  ทวีปยุโรป  และตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย
สว่ นพน้ื ทท่ี ่ีมโี อกาสเกิดขน้ึ ได้แตม่ ีความรนุ แรงน้อยกวา่  เช่น ทวีปอเมรกิ าใต้ ทวปี แอฟรกิ าตอนใต ้
เน่ืองจากในพ้ืนท่ีดังกล่าวมีพื้นท่ีราบขนาดเล็กและมีเทือกเขาสูงปิดก้ันทิศทางการพัดของลม 
ทา� ใหก้ ารเคลือ่ นตา่� ของลมพายเุ กดิ ขึน้ ในระยะส้ัน ๆ เทา่ นัน้
    สา� หรบั ประเทศไทยยงั ไมเ่ คยเกดิ พายทุ อรน์ าโดทร่ี นุ แรง นอกจากเปน็ พายขุ นาดเลก็
ที่มีลกั ษณะแบบเดยี วกับพายุทอรน์ าโดผนื น�้าและพายุทอรน์ าโดแผ่นดนิ
4) ภยั ต่าง ๆ ที่เกดิ จากพายุทอรน์ าโดรนุ แรง เช่น
1. ความเสียหายข้ึนกับความรุนแรงของพายุ ตั้งแต่เสียหายน้อย เช่น ก่ิงไม้หัก 
ป้ายตา่ ง ๆ เสียหาย ไปจนถึงเสยี หายมากทสี่ ดุ  เช่น อาคารบา้ นเรอื นถกู พายฉุ ีกจนหลุดเป็นช้นิ  ๆ 
ของช้ินใหญแ่ ละหนกั ถูกพายพุ ัดไปไกลกวา่  100 เมตร ตน้ ไม้ ใหญ่หักโคน่  ผ้คู นและสตั ว์บาดเจ็บ
ลม้ ตาย
2. เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ภาครัฐต้องเสียเงินจ�านวนมาก
ในการท�าความสะอาด ฟื้นฟู ซ่อมแซม ประชาชนสูญเสียรายได้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ 
ต้องหยุดชะงัก

195

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

ทวีปแอฟริกาตอนใตมีโอกาสเกิดพายุทอรนาโดไดหรือไม ครูควรนําแผนที่แสดงแหลงเกิดพายุทอรนาโดในโลกมาใหนักเรียนดู แลว
เพราะเหตใุ ด ตงั้ คาํ ถาม จากนน้ั ใหน กั เรยี นชว ยกนั วเิ คราะหจ ากแผนทนี่ นั้ ถงึ บรเิ วณทเี่ สย่ี งตอ
การเกิดพายทุ อรน าโดท่ีมีระดับความรนุ แรงมากถึงระดับนอ ยวา ตองมลี กั ษณะ
(แนวตอบ มีโอกาสเกิดขึ้นได แตความรุนแรงนอยกวาทวีป พ้ืนท่ีอยางไร และเพราะเหตุใดประเทศไทยจึงไมเปนบริเวณท่ีเส่ียงตอการเกิด
อเมริกาเหนือ เนื่องจากในพื้นที่ดังกลาวมีพื้นท่ีราบขนาดเล็ก พายทุ อรน าโด
และมเี ทอื กเขาสงู ปด กน้ั ทศิ ทางการพดั ของลม ทาํ ใหก ารเคลอ่ื นตา่ํ
ของลมพายเุ กิดขน้ึ ในระยะสั้นๆ)

T203

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 5) เหตกุ ารณพ์ ายุทอรน์ าโดทร่ี นุ แรง ครัง้ สา� คัญ เชน่

ขนั้ ที่ 5 การสรปุ เพ่ือตอบคําถาม เหตุการณ์ พายุทอรน์ าโดในสหรฐั อเมรกิ า พ.ศ. 2554

1. นักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับภัยพิบัติ สาเหตุ : ตง้ั แต่วันท่ ี 26 - 29 เมษายน พ.ศ. 2554
ธรรมชาติทางบรรยากาศภาคเพิ่มเตมิ สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับพายุทอร์นาโดพัดเข้า
ใน 6  รัฐ  ได้แก่  รัฐแอละแบมา  อาร์คันซอ
2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ เคนทกั กี มสิ ซสิ ซปิ ป ี มสิ ซูรี และเทนเนสซี ศนู ย์
สําคัญเพื่อตอบคาํ ถามเชงิ ภูมิศาสตร พยากรณ์อากาศระบุว่า  พายุทอร์นาโดคร้ังนี้มี
ความรุนแรงอยู่ในระดับ EF4 มคี วามเร็วลม 318 
3. นักเรียนรว มกนั ทําใบงานท่ี 5.2 เรอ่ื ง ภัยพบิ ตั ิ กิโลเมตรตอ่ ช่ัวโมง และมีรศั มกี ว้าง 1,200 เมตร 
ธรรมชาติทางบรรยากาศภาค และรวมกัน พายทุ เี่ กดิ ขน้ึ เปน็ ผลมาจากอากาศรอ้ นชนื้ เคลอื่ นตวั
เฉลยคาํ ตอบ จากรฐั เทกซสั  อารค์ นั ซอ และลยุ เซยี นา พดั ขนึ้ เหนอื

4. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
ม.4-6 เก่ียวกับเร่ือง ภัยพิบัติธรรมชาติทาง
บรรยากาศภาค โดยครแู นะนําเพิม่ เติม

ความเสยี หายภายหลงั พายทุ อรน์ าโดพดั ถลม่ รฐั มสิ ซรู ี ปะทะกบั อากาศเย็น
ในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554
ผลกระทบ : ท�าใหม้ ผี ู้เสยี ชีวติ มากถึง 305 คน 
โดยรัฐแอละแบมาได้รับความเสียหายมากที่สุด
มีผู้เสียชีวิตมากถึง 204 คน และบาดเจ็บกว่า 1,700 คน อาคารบ้านเรือนพังเสียหาย ส่งผลให้ผู้คน
ไร้ท่ีอยู่อาศัยจ�านวนมาก  และมีการส่ังปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในพ้ืนท่ี 3  แห่ง  เพ่ือความปลอดภัยของ
ประชาชน

เหตุการณ์ พายุทอร์นาโดในสหรฐั อเมริกา พ.ศ. 2556

สาเหตุ : พายุทอร์นาโดระดับความแรง EF5 
พดั เขา้ รฐั โอคลาโฮมาทางตอนใตข้ องสหรฐั อเมรกิ า 
ด้วยความเร็วลมกว่า 322  กิโลเมตรต่อช่ัวโมง 
เปน็ ระยะเวลานาน 50 นาที

ความเสียหายของรฐั โอคลาโฮมาภายหลงั พายุสงบ ผลกระทบ : สง่ ผลใหบ้ า้ นเรอื นพงั เสยี หายประมาณ
13,000  หลังคาเรือน  ประชาชนได้รับผลกระทบ
ประมาณ 33,000 คน มผี เู้ สยี ชวี ติ  24 คน ผบู้ าดเจบ็  
320  คน  นอกจากนี้  กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ
สหรัฐได้ประกาศให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ
กบั พายลุ กู ใหมท่ กี่ า� ลงั จะเกดิ ตามมา มกี ารประเมนิ
ความเสียหายจากพายุในครั้งนี้เป็นมูลค่ากว่า 
2,000 ล้านเหรียญดอลลารส์ หรฐั

196

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET
สภาพภูมิประเทศแบบใดเอ้ือตอ การกอใหเ กดิ พายทุ อรน าโด
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับพายุทอรนาโดในสหรัฐอเมริกาวา บริเวณท่ีเกิด ในสหรัฐอเมรกิ า
พายบุ อ ยทสี่ ดุ ไดแ ก รฐั ตา งๆ แถบลมุ แมน าํ้ มสิ ซสิ ซปิ ป มรี ฐั อารค นั ซอ เทนเนสซี
แอละแบมา เคนทักกี มิสซิสซปิ ป และมิสซูรี ในเดือนมถิ ุนายนอากาศรอ นช้ืน 1. เทือกเขาสงู
จากอาวเม็กซิโกพัดขึ้นไปทางเหนือ พบกับอากาศเย็นจากมหาสมุทรแปซิฟกท่ี 2. เนินเขาเตยี้
พัดผานเทือกเขาทาํ ใหพายุทอรนาโดกอตวั ข้ึน 3. ทร่ี าบกวา งใหญ
4. ทร่ี าบชายฝง ทะเล
5. ท่ีราบสูงระหวางหบุ เขา
( วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ท่ีราบขนาดใหญ เน่ืองจาก
บริเวณน้ีจะมีการปะทะกันของมวลอากาศรอนจากแนวศูนยสูตร
และมวลอากาศเย็นจากข้ัวโลก ทําใหเกิดการรวมตัวกลายเปน
เกลยี วของอากาศ)

T204

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

6) การจัดการภยั พิบัตพิ ายุทอรน์ าโด มีดังนี้ ขนั้ สรปุ

6.1) มาตรการ เช่น มีแผนเตือนภัยในช่วงที่เกิดพายุทอร์นาโดเสมอ ประกาศ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ
เตือนให้ประชาชนติดตามข่าวการเกิดพายุทอร์นาโดและแนวทางการเคล่ือนท่ีของพายุโดยตลอด  ภยั พบิ ตั ธิ รรมชาตทิ างบรรยากาศภาค ไดแ ก พายุ
พร้อมทั้งมีแผนการอพยพและซักซ้อมการหลบภยั เสมอ ฝนฟาคะนอง พายุหมุนเขตรอน พายุทอรนาโด
ทง้ั ในดา นของสาเหตแุ ละกระบวนการเกดิ ประเภท
6.2) วิธีป้องกนั  เชน่  ในพืน้ ทเี่ ส่ยี งภยั  ควรมีการสร้างท่ีหลบภัยไว ้ในบา้ น หรือ การกระจายการเกิดภยั ตา งๆ ตวั อยา งเหตุการณ
จัดสถานทป่ี ลอดภัยรวม หรือเสริมสรา้ งอาคารบา้ นเรอื นให้มนั่ คงแข็งแรง ที่เคยเกิดข้ึน การจัดการภัยพิบัติธรรมชาติทาง
บรรยากาศภาค ตลอดจนความสําคัญที่มอี ิทธพิ ล
6.3) การปฏบิ ัติตน ท�าได ้ ดงั นี้ ตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ ของผคู นในปจ จบุ นั หรอื อาจใช
PPT สรปุ สาระสําคญั ของเนอื้ หา
1. ติดตามข่าวสภาวะอากาศอยู่เสมอ 1. ช  ่วยเหลือท�าการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่
2. ต  รวจตรา  และซ่อมแซมประตู  หน้าต่างให้ ผูบ้ าดเจ็บ แล้วนา� ตวั สง่ โรงพยาบาลโดยเรว็ ขนั้ ประเมนิ

ม่ันคงแข็งแรง  ควรมีไม้แผ่นปิดทับกระจก  2. ส า� รวจความเสยี หายภายหลงั พายสุ งบลง โดย 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
ประต ู หน้าตา่ ง เกบ็ กวาดซากปรักหักพงั  รวมถงึ จดั การต้นไม้ การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
3. ท  �าหลุมหลบภัยไว้ ในบ้าน  หรือนอกบ้าน ท่ีล้มบริเวณใกล้เคียงเพื่อป้องกันการโค่นล้ม หนาช้ันเรยี น
เตรียมสง่ิ ของเคร่อื งใชท้ จี่ า� เปน็ ไว้ ใหพ้ รอ้ ม ภายหลงั  หรอื ถา้ อาคารบา้ นเรอื นพงั เสยี หายมาก
ก ็ใหอ้ พยพไปยงั สถานทพ่ี กั พงิ ทที่ างหนว่ ยงาน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
ราชการจดั ไวใ้ ห้ สมรรถนะฯ ภมู ิศาสตร ม.4-6

3.  ตรวจสอบสายไฟและเสาไฟ  ถ้าเสียหายมาก
ควรแจง้ เจา้ หนา้ ท ี่ และทา� เครอ่ื งหมายบรเิ วณนนั้
ใหเ้ ป็นพนื้ ท่ีอันตรายหา้ มเข้าใกล้

กอ่ นเกิดภัย ขณะเกดิ ภัย หลังเกดิ ภยั

1. ใ หอ้ พยพไปยงั ทก่ี า� บงั ทม่ี นั่ คงแขง็ แรง เชน่  หลมุ หลบภยั ใตด้ นิ  และใหห้ ลบจนกวา่ พายจุ ะยตุ  ิ รวมถงึ
ตดิ ตามรับฟังขา่ วสารทางวิทยุ

2. ป  ิดประตู  หน้าต่าง  อยู่ให้ห่างจากหน้าต่าง  โดยเฉพาะหน้าต่างกระจกบานใหญ่  และหลบอยู่
ใต้ โตะ๊ ทแี่ ขง็ แรง ต้เู ส้อื ผา้  หรืออ่างอาบน้�า

3. ไมเ่ ขา้ ไปหลบในโกดงั  โรงรถ หรอื สงิ่ ปลูกสรา้ งสา� เรจ็ รปู ที่ไมแ่ ขง็ แรง
4. ปดิ สวิตช์ ไฟฟ้า และงดใช้อุปกรณ์ ไฟฟ้า รวมถงึ โทรศัพทเ์ คล่อื นท่ี
5. หากขบั รถยนตบ์ นเสน้ ทางใกลก้ บั จดุ ทพ่ี ายทุ อรน์ าโดกา� ลงั เคลอ่ื นผา่ นใหร้ บี ขบั หนอี ยา่ งรวดเรว็ ทส่ี ดุ

GQeuoestion

  เพราะเหตุใดพายุทอร์นาโดจึงมักเกิดที่สหรัฐอเมริกาบ่อยคร้ัง  และมีบริเวณใดอีกบ้างท่ีเกิดพายุ
ทอร์นาโด หากนกั เรยี นอาศยั อยู่ในพ้นื ทเี่ สี่ยงภยั จากพายุทอรน์ าโด จะมีวิธีเอาตวั รอดอย่างไร
197

ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET แนวทางการวัดและประเมินผล

เพราะเหตุใดเมือ่ พายสุ งบแลว จงึ ไมค วรออกเดินทางทนั ที ครสู ามารถวัดและประเมินความเขาใจเนือ้ หา เรอ่ื ง ภยั พิบัตธิ รรมชาตทิ าง
1. เพราะจะเกิดฟา แลบ ฟารอง และฟา ผา ตามมาเสมอ บรรยากาศภาค ไดจ ากการใชเ ครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตรใ นการสบื คน และนาํ เสนอ
2. รอหนว ยงานทเ่ี ก่ยี วของเขา มาชว ยเหลือผปู ระสบภยั ผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมิน
3. ตองเผ่อื เวลาวางแผนการเดนิ ทางเพ่อื ความปลอดภัย การนาํ เสนอผลงานทีแ่ นบมาทา ยแผนการจดั การเรียนรหู นวยที่ 5 เรือ่ ง ภยั พบิ ัติ
4. มกั มีลมแรงและฝนตกหนกั อีกเม่อื ศนู ยกลางพายพุ ดั ผา น ทางธรรมชาติ
5. รอระดับนํ้าลดลงและความเร็วลมคงท่ีเพ่ือใหสามารถเดินทาง
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
ไดอ ยา งปลอดภยั
( วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการเกดิ ฝนตกหนักและแรง คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี
ลมในครั้งแรกเปนกระแสอากาศที่รุนแรงโดยรอบศูนยกลางของ ตรงกับระดบั คะแนน
พายุ เมอื่ อากาศสงบลงแสดงวา เปน บรเิ วณของศนู ยก ลางของพายุ
ซึ่งมีสภาพอากาศคอนขางปกติ จึงคลายกับพายุพัดผานไปแลว ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
อยางไรก็ตาม เมื่อพายุเคลื่อนตัวกระแสอากาศที่รุนแรงโดยรอบ 32
ศนู ยก ลางของพายอุ กี ดา นจะกอ ใหเ กดิ ลมแรงและฝนตกหนกั อกี ได)
1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา
2 การลาดบั ขั้นตอนของเรื่อง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ

รวม

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ

T205

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process) 3 ภัยพิบัตธิ รรมชาติทางอุทกภาค

1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ ชอ่ื เรอ่ื ง จดุ ประสงค อุทกภัย (flood)
และผลการเรียนรู 1) คา� จา� กดั ความ อุทกภัยเป็นภัยทเ่ี กดิ จากนา้� ในล�านา้�  แอง่ นา�้  ทะเลสาบ ไหลล้น

2. ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอที่ ตลิง่   หรือน�้าท่วมฉบั พลนั ในพื้นที่หนึ่งเปน็ ระยะเวลาสั้นหรือเป็นคร้ังคราว  เนื่องจากมฝี นตกหนกั
เก่ียวของกับภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาค หรือหมิ ะละลาย ส่งผลใหเ้ กิดความเสียหายตอ่ พืน้ ทเ่ี กษตร ชีวิตและทรัพยส์ นิ ของประชาชน
ในประเทศไทยและประเทศตา งๆ ทัว่ โลก
2) ประเภทของอุทกภยั  แบง่ ได้ ดังน้ี
3. ครูสอบถามนักเรียนเกี่ยวกับสาเหตุ ความ
รุนแรง และผลกระทบของภัยพิบัติธรรมชาติ 2.1) น�า้ ท่วมฉับพลันหรอื น้�าปา่ ไหลหลาก เกิดขน้ึ เนือ่ งจากฝนตกหนักในบรเิ วณ
ทางอุทกภาคจากการดูภาพ หรือคลิปวิดีโอ ตน้ น�า้ ท่ีมีความลาดชนั  หรือในทล่ี าดเชิงเขาทมี่ เี ทอื กเขาสงู ชัน เมอ่ื ฝนตกหนกั บนภเู ขา ดนิ  และ
เพ่มิ เตมิ ต้นไม้ไม่สามารถดูดซับน้�าได้หมด  ปริมาณน้�าจ�านวนมากจึงไหลอย่างรวดเร็วลงสู่พ้ืนที่ต่�ากว่า 
ความรนุ แรงและความเรว็ ของกระแสนา้� ทา� ให้เกิดความเสียหายต่อชีวติ และทรัพย์สิน

2.2) น้�าท่วมขัง  เกิดขึ้นจากปริมาณน้�าสะสมจ�านวนมากที่ไหลบ่าในแนวระนาบ 
จากท่ีสูงไปยังท่ีต�่าเข้าท่วมบ้านเรือน  พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย  หรือเกิดน�้าท่วมขัง
เน่ืองจากฝนตกหนักต่อเนื่อง  มวลน�้าไม่สามารถระบายออกได้ทัน  หรือมีส่ิงกีดขวางทางน้�าไหล 
เชน่  นา้� ทว่ มขงั ในเขตเมือง หรอื เกดิ น้�าทะเลหนุนสงู ในพื้นที่ใกลช้ ายฝ่งั

2.3) น�้าล้นตล่ิง  เกิดจากปริมาณน้�าจ�านวนมากที่เกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่อง
ท่ีไหลลงสู่ล�านา้�  หรือแม่น้า� มปี ริมาณมากจนระบายสู่ลุ่มนา�้ ดา้ นลา่ ง หรอื ออกสทู่ ะเลไม่ทนั  ท�าให้
เกิดสภาวะน�้าล้นตลง่ิ

 อทุ กภยั จากเขอ่ื นเซเปยี น - เซนา�้ นอ้ ย แตก ในประเทศลาว เมอื่ เดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2561 เนอ่ื งจากเขอ่ื นทรดุ และมฝี นตก
  หนักตอ่ เน่ือง

198

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนํ้าไหลบาวาเปนน้ําจากฝนท่ีตกลงมาหรือ ลักษณะภูมปิ ระเทศท่เี ส่ียงตอการเกดิ อุทกภยั เปน อยางไร
การชลประทาน และไมไดคงอยใู นพืน้ ทีน่ ้นั แตไหลออกไปที่อืน่ มที งั้ สวนที่ไหล (แนวตอบ ลักษณะภูมิประเทศท่ีเส่ียงตอการเกิดอุทกภัย เชน
ออกไปบนพน้ื ผิวดิน เรยี กวา น้าํ ไหลบา ผวิ ดิน และสวนทีไ่ หลซึมออกไปใตด ิน
เรยี กวา นา้ํ ไหลผา นใตด นิ ในกรณนี า้ํ ไหลบา ผวิ ดนิ หากไหลไปเปน แมน า้ํ ลาํ คลอง บริเวณทีร่ าบเนินเขา มกั เกิดอทุ กภยั แบบฉบั พลนั นา้ํ ไหลบา อยาง
เรียกอกี อยางหน่งึ วา นาํ้ ทา รวดเร็วและมีพลังทาํ ลายสูง ลกั ษณะเชน น้ี เรียกวา “นํ้าปา” เกิด
ขึ้นเพราะมีน้ําหลากจากภูเขา พ้ืนที่ราบลุมริมแมนํ้าและชายฝง
เปนภัยที่เกิดขึ้นชาๆ จากน้ําลนตล่ิง เมื่อเกิดข้ึนจะกินพ้ืนท่ีเปน
บรเิ วณกวา งและทวมเปน เวลานาน บรเิ วณปากแมน ้าํ เปน อุทกภัย
ทเี่ กิดจากนา้ํ ไหลมาจากท่สี ูงกวาและอาจมนี ้ําทะเลหนนุ )

T206

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3) สาเหตุการเกิดอุทกภยั  มีทัง้ สาเหตุจากธรรมชาตแิ ละจากมนุษย์ ดงั นี้ ขน้ั สอน

3.1) สาเหตุจากธรรมชาติ ทีส่ �าคญั  ได้แก่ ขน้ั ที่ 1 การตง้ั คาํ ถามเชงิ ภมู ิศาสตร
1. ฝนตกหนักจากพายุฝนฟ้าคะนอง  เป็นพายุท่ีเกิดติดต่อกันหลายชั่วโมง 
1. ครูใหนักเรียนดูแผนท่ีแสดงพื้นที่เสี่ยงการเกิด
มปี ริมาณฝนตกหนกั  ท�าใหเ้ กิดน้า� ทว่ มในพนื้ ทีต่ ่�า มกั เกดิ ในชว่ งตน้ ฤดฝู นหรือฤดูร้อน อทุ กภัยของโลก จากหนงั สอื เรียน ภูมศิ าสตร
2. ฝนตกหนักจากพายุหมุนเขตร้อน  เม่ือพายุเคล่ือนข้ึนฝั่งจะเกิดน้�าท่วม ม.4-6 แลว รวมกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั
แผนท่ดี งั กลา ว
เป็นบรเิ วณกว้าง รวมถ3ึง.ท อา� ทิใหธเ้พิ กลดิ จคาลก่นื ลพมามยรซุ สดั มุ ฝ1 เัง่ ป็นการหมนุ เวยี นของลมทพ่ี ดั มาตามฤด ู พัดเอา
ความช้ืนจากมหาสมุทรขนึ้ สู่ชายฝ่ัง 2. ครูสุมนักเรียนใหแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
สาเหตกุ ารเกดิ อทุ กภยั ในความคดิ ของนกั เรยี น
4. น้�าทะเลหนนุ  เม่ือนา้� ท่ีไหลลงมาตามแมน่ ้า� มปี รมิ าณมาก หรอื ช่วงเวลา พรอมท้ังจดประเด็นท่ีนําเสนอไวเพื่อการ
ทร่ี ะดบั นา�้ ทะเลหนนุ สงู เกนิ กวา่ ปกต ิ ทา� ใหน้ า้� ไมอ่ าจไหลลงสทู่ ะเล ทา� ใหเ้ กดิ นา�้ ลน้ ตลง่ิ หรอื นา้� ทว่ มได้ วิเคราะหเพม่ิ เติม

3.2) สาเหตจุ ากมนุษย ์ ทีส่ �าคัญ ได้แก่
1. การตัดไม้ท�าลายป่า  เมื่อฝนตกหนักจะท�าให้น�้าไหลเร็วและแรงจน

ก่อให้เกดิ นา�้ ทว่ มฉบั พลนั  หรอื นา�้ ทว่ มเฉพาะพนื้ ท ่ี และเปน็ สาเหตุของดนิ ถลม่ ดว้ ย
2. การขยายเขตเมอื งรกุ ล�า้ พน้ื ทลี่ ุ่มต�า่  ท�าให้ไม่มีพน้ื ท่ีรบั น้า�  
3. การสรา้ งสง่ิ กอ่ สรา้ งกดี ขวางทางนา้� และมรี ะบบการระบายนา�้ ไมเ่ พยี งพอ

ทา� ให้น�า้ ระบายไดช้ า้  เออ่ ล้น และเกิดปัญหานา�้ ทว่ ม
4. การจดั การนา้� ทขี่ าดประสทิ ธภิ าพ โดยเฉพาะพนื้ ทที่ า้ ยเขอ่ื นหรอื อา่ งเกบ็ นา�้

4) การกระจายการเกิดอุทกภยั ของโลก

แผนทแี่ สดงพ้ืนท่เี ส่ียงการเกดิ อทุ กภยั ของโลก
80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ
80 Nํ

60 Nํ 60 Nํ

40 Nํ 40 Nํ

20 Nํ 20 Nํ

0ํ 0ํ

20 Sํ 20 Sํ

40 Sํ 40 Sํ

N 60 Sํ พนื้ ทีป่ ระสบอทุ กภัย 60 Sํ

1 : 250,000,000 80 Sํ บอ ย บอยมาก บอ ยทส่ี ุด 80 Sํ 0 2,000 4,000 กม.

160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ ท่มี า : www.wri.org

199

กิจกรรม ทาทาย นักเรียนควรรู

นักเรียนสืบคนขาวหรือบทความเกี่ยวกับอุทกภัยท่ีเคยเกิดข้ึน 1 ลมมรสุม คือ ลมประจําฤดู เกิดขึ้นเนื่องจากความแตกตางระหวาง
ในประเทศไทย หรือตางประเทศที่นักเรียนสนใจ พรอมติดภาพ อุณหภมู ขิ องพื้นดินและพ้นื นํ้าในฤดหู นาวและฤดูรอ น ในฤดูหนาวอณุ หภูมิของ
ประกอบ แลวตอบตามประเด็นทีก่ าํ หนด ดงั น้ี อากาศเหนือพื้นทวีปเย็นกวาอากาศเหนือพ้ืนมหาสมุทรที่อยูใกลเคียง อากาศ
เหนือพื้นน้ําจึงมีอุณหภูมิสูงกวาและลอยตัวข้ึนสูเบื้องบน อากาศเหนือพ้ืนทวีป
• พืน้ ทที่ ป่ี ระสบอทุ กภัย ซ่ึงเย็นกวาจึงไหลเขาไปแทนท่ี ทําใหเกิดลมพัดออกจากทวีป พอถึงฤดูรอน
• สภาพโดยทัว่ ไปของพนื้ ทด่ี ังกลาว อุณหภูมิของดินภาคพ้ืนทวีปสูงกวาน้ําในมหาสมุทร เปนเหตุใหเกิดลมพัดไป
• สาเหตแุ ละผลกระทบจากอุทกภัย ในทิศทางตรงกันขาม ประเทศไทยอยูในเขตอิทธิพลของลมมรสุม 2 ฤดู
• แนวทางการปอ งกนั ภยั ของชมุ ชน คือ มรสุมตะวันตกเฉียงใต และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซ่ึงพัดประมาณ
ฤดูกาลละ 6 เดือน

T207

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน       จากแผนที่ อุทกภัยมักเกิดขึ้นในพื้นท่ีบริเวณที่ราบลุ่มแม่น�้าและที่ราบใกล้ชายฝั่ง
ซ่ึงเป็นพ้ืนที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยมากที่สุด แต่ในพ้ืนท่ีอ่ืน ๆ ก็มีโอกาสเกิดอุทกภัยได้เช่นกัน 
ข้ันท่ี 1 การตัง้ คําถามเชงิ ภมู ิศาสตร โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ถา้ พน้ื ทดี่ งั กลา่ วฝนตกหนกั ตอ่ เนอ่ื งเปน็ เวลานาน ประเทศบงั กลาเทศมแี นวโนม้
ทมี่ คี วามเสยี่ งตอ่ การถกู นา้� ทว่ มมากทส่ี ดุ ในโลก เนอ่ื งจากพนื้ ทสี่ ว่ นใหญข่ องประเทศเปน็ ทร่ี าบลมุ่
3. ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงพื้นท่ีประสบ แมน่ า้�  ทั้งยงั ตั้งอยู่ระหวา่ งเชงิ เขาหิมาลยั และมหาสมุทรอินเดยี  และเผชิญกับฤดูมรสมุ ท่ียาวนาน 
อทุ กภยั ในประเทศไทย พ.ศ. 2554 จากหนงั สอื เปน็ สาเหตสุ �าคญั ของการเกิดฝนตกหนัก
เรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลว รว มกันอภิปราย       นอกจากน ี้ บรเิ วณพนื้ ทช่ี ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกทงั้ หมดของภาคพนื้ ทวปี จะเสย่ี งตอ่ การ
แสดงความคิดเห็นเชื่อมโยงกับแผนท่ีแสดง เกิดอุทกภัยมากกว่าพ้ืนที่ชายฝั่งด้านตะวันตก เพราะพายุหมุนเขตร้อนทั้งหมดจะเคล่ือนตัว
พ้ืนท่ีเส่ียงการเกิดอุทกภัยของโลก ถึงความ ในมหาสมุทรจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก ท�าให้พ้ืนที่ฝั่งตะวันออกได้รับแรงปะทะมากกว่า 
เก่ยี วของสัมพนั ธกันในประเด็นตา งๆ บริเวณเชงิ เขาของเทอื กเขาใหญ่ทกุ แห่งเป็นพ้ืนท่ีเส่ยี งต่อการเกดิ อทุ กภยั เช่นกนั

4. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตง้ั ประเดน็ คาํ ถาม แแผผนทน่ีแทสดแ่ี งพส้นื ดทง่อี พุทกื้นภัยทพี่ป.ศร.ะ2ส55บ4อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554
เชงิ ภมู ิศาสตร เชน 98 Eํ 100 Eํ 102 ํE 104 ํE  106 Eํ   ประเทศไทยมพี น้ื ทเ่ี สย่ี งอทุ กภยั เกอื บ
• ลักษณะทางกายภาพสงผลใหเกิดปญหา 6 ํN 8 ํN 10 ํN 12 ํN 14 ํN 16 ํN 18 ํN 20 ํN 20 ํN 18 Nํ 16 ํN 14 ํN 12 Nํ 10 ํN 8 Nํ 6 Nํ ทวั่ ประเทศ ระดบั ความรนุ แรงและความเสยี หาย
หรือภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาคใน แตกต่างกันไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ เช่น 
ประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ ของโลก ภาคเหนือตอนบนมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา
อยางไรบา ง สูงสลับที่ราบ ท�าให้ประสบภัยน้�าท่วมฉับพลัน 
• ภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาคท่ีเกิดขึ้น ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนกลางเปน็ ทรี่ าบลมุ่
ในภูมิภาคตางๆ ของโลก มีความเหมือน อุทกภัยจะเกิดจากน�้าท่วมขังและน�้าล้นตล่ิง
หรือความแตกตางกัน อยางไร ภาคกลางพ้ืนท่ีส่วนใหญ่เป็นท่ีราบลุ่มแม่น้�า
• ผลกระทบสําคัญจากภัยพิบัติธรรมชาติ อุทกภัยท่ีเกิดขึ้นเกิดจากน้�าท่วมขัง น�้าเหนือ
ทางอทุ กภาคคืออะไร
• แนวทางหรอื วิธีการปองกนั ภยั พิบตั ิ
ธรรมชาตทิ างอทุ กภาคสามารถทาํ ได
อยา งไร

ไหลบ่า น�้าทะเลหนุน ส่วนภาคใต้มีทะเลขนาบ
ทั้งสองฝั่ง ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมและพายุ
พ้ืนท่ปี ระสบอทุ กภัย หมนุ เขตรอ้ น ทง้ั ยงั มภี เู ขาสงู วางตวั แนวเหนอื  - 
พนื้ ทอ่ี ทุ กภยั ใต้ ท�าให้ภาคใต้ประสบอุทกภัยจากฝนตกหนัก 
แหลงน้ำ

ขอ มูล : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศ น้�าทะเลหนุนสูง และน้�าท่วมฉับพลันจากฝน
และภูมสิ ารสนเทศ - GISTDA ทตี่ กบริเวณที่ลาดเชิงเขาและท่ีลมุ่ ชายฝั่ง

N

มาตราสวน 1 : 14,000,000
0 50 100 150 กม.
98 ํE 100 Eํ 102 ํE 104 Eํ

200

เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสรมิ สรา งคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค

ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับสถานการณการเกิดอุทกภัยในประเทศไทยวา นักเรียนรวมกันทํากิจกรรมในหัวขอ “การคาดการณ” โดย
ปจจุบันการเกิดอทุ กภยั ของประเทศไทยมีแนวโนม รุนแรงมากขนึ้ อยางไรก็ตาม ใหนักเรียนแบงกลุมวิเคราะหและคาดการณปริมาณพ้ืนที่ประสบ
มีการเก็บขอมูลพ้ืนท่ีซึ่งมักประสบอุทกภัย โดยเรียกวา พื้นที่น้ําทวมซ้ําซาก อทุ กภยั ในประเทศไทยในอกี 20 ปข า งหนา บนั ทกึ ขอ มลู ลงบนแผนที่
ซ่ึงหมายถึง พ้ืนที่ท่ีมีการทวมขังของนํ้าบนผิวดินสูงและยาวนานกวาปกติอยู โครงรางประเทศไทย พรอมท้ังอธิบายถึงเหตุผล ผลกระทบ และ
เปน ประจาํ จนสรา งความเสยี หายตอ ทรพั ยส นิ และชวี ติ ของประชาชน โดยพนื้ ที่ การจัดการกบั อทุ กภยั ของประชากรในพื้นที่ นาํ เสนอและอภปิ ราย
ประสบภัยนาํ้ ทวมซํา้ ซากรุนแรง คอื มีนํา้ ทวม 8-10 คร้งั ในรอบ 10 ป ไดแก รวมกนั ในชัน้ เรียน
ทร่ี าบลมุ นา้ํ ในจงั หวดั สโุ ขทยั พษิ ณโุ ลก พจิ ติ ร และนครสวรรค รวมถงึ บางจงั หวดั
ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ คิดเปนเน้ือที่ประมาณ 870,000 ไร

T208

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

5) ภยั ต่าง ๆ ที่เกดิ จากอุทกภัยรนุ แรง มดี งั น้ี ขนั้ สอน

1. น้�าป่าไหลหลาก ท�าให้บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างถูกน้�าท�าลาย รวมท้ังเกิดการ ข้นั ท่ี 2 การรวบรวมขอมลู
สูญเสียชวี ิตและผู้คนไดร้ ับบาดเจ็บ
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ
2. เกิดแผ่นดินถล่ม ในพ้ืนท่ีที่มีความลาดชันมาก เมื่อฝนตกหนักดินท่ีมี ตัวอยางเหตุการณภัยพิบัติธรรมชาติทาง
ความชน้ื สงู จะเลอื่ นไหลไปตามความลาดชนั  ตน้ ไม ้ เศษหนิ จะเลอ่ื นตามไปดว้ ย หมบู่ า้ น สง่ิ กอ่ สรา้ ง อุทกภาค จากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน
ตา่ ง ๆ และพ้นื ทท่ี างการเกษตรไดร้ ับความเสียหาย หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต
ในประเด็นตอ ไปน้ี
3. ภัยจากไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้ารั่ว ภัยจากไฟฟ้าดูดในช่วงน้�าท่วมเป็นอันตราย • ประเภทของอทุ กภยั
ใกล้ตัว มักเกิดขึ้นในท่ีพักอาศัยของประชาชน โดยเฉพาะอาคารชั้นเดียวมีความเส่ียงน�้าท่วม • สาเหตกุ ารเกิดอทุ กภัย
ปลั๊กไฟไดง้ า่ ย ทา� ใหไ้ ฟฟ้าร่ัวไหลเป็นอนั ตรายตอ่ ชวี ิต • ภัยท่ีเกดิ จากอทุ กภยั
• การจัดการภัยพบิ ตั อิ ุทกภัย
4. ภัยจากสัตว์ร้าย เม่ือเกิดภาวะน้�าท่วม สัตว์จะหนีน้�าเข้ามาอยู่อาศัยตาม
บ้านเรือน รวมถงึ สัตวม์ ีพิษท่เี ปน็ อนั ตรายต่อชวี ิตมนุษย์ เชน่  จระเข้ งู ตะขาบ แมงป่อง 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ
ท่ีรับผิดชอบ โดยนําความรูเก่ียวกับเครื่องมือ
5. มลพิษทางน้�า จากน้�าเน่าเสียที่เกิดจากการขังของน�้าในบ้านเรือนหรือชุมชน ทางภูมิศาสตรม าใชประกอบในการศกึ ษา
เปน็ เวลานาน อาจทา� ให้เกดิ การระบาดของโรคทม่ี ากบั นา�้  เช่น น้�ากัดเท้า อหิวาตกโรค
3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่เชื่อถือได
6. ความเสียหายทางเศรษฐกิจ เนื่องจากระหว่างเกิดอุทกภัย ระบบการส่ือสาร ใหก บั นกั เรยี นแตล ะกลมุ เพม่ิ เติม
และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด อาคารบ้านเรือนและ
สิง่ กอ่ สรา้ งต่าง ๆ ถกู นา้� พดั ท�าลาย ขัน้ ที่ 3 การจัดการขอมลู

 อ  ทุ กภยั นอกจากจะสร้างความเสยี หายใหแ้ กอ่ าคารบา้ นเรือนและเรอื กสวนไรน่ าแล้ว ยงั ส่งผลใหเ้ กดิ มลพษิ ทางนา้�   1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
  และอาจก่อใหเ้ กิดการกัดเซาะพงั ทลายของดนิ ตามมา การรวบรวมมาอธบิ ายแลกเปลี่ยนความรกู นั

2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ท่ีนําเสนอเพ่ือใหไดขอมูลท่ีถูกตอง และรวม
อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นเพมิ่ เติม

201

กจิ กรรม สรางเสรมิ เกร็ดแนะครู

ครูอาจใหนักเรียนจัดทําตารางหรือผังกราฟกท่ีแสดงราย ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการปองกันตนเองจากสัตวรายที่มากับภาวะ
ละเอียดเก่ียวกับผลกระทบของอุทกภัย รวมถึงการระวังภัยจาก น้ําทวม เชน จระเข ใหระมัดระวังเมื่ออยูในบริเวณท่ีมีกอหญาหรือพงไมเปน
อุทกภัย แลวตกแตงใหสวยงามสง ครผู สู อน จํานวนมาก เพราะจระเขจะใชเปนที่กําบังตัว หากจําเปนตองลงน้ําใหใชไมตี
นํ้าหรือทําใหเกิดเสียงดังกอน แตถาเล่ียงไดก็ควรเลี่ยงและไมประมาท งู จะ
กจิ กรรม ทาทาย หนีนํ้าเขามาอาศัยตามซอกตางๆ ของบานเรือน ซ่ึงอาจมีท้ังงูพิษและไมมีพิษ
เมื่อนํ้าลดควรหลีกเลี่ยงการเขาไปในที่รก หรือไมโยกยายสิ่งของในที่มืดทึบ
ครูอาจใหนักเรียนจัดทําตารางหรือผังกราฟกที่แสดง เพราะงูอาจเขาไปหลบอาศยั อยู
รายละเอยี ดเกยี่ วกบั ภัยจากอทุ กภยั และตวั อยางสถานการณก าร
เกิดอุทกภัยในประเทศไทยหรือในภูมิภาคอื่นของโลก โดยศึกษา T209
คนควาขอมูลเพ่ิมเติมจากแหลงการเรียนรูท่ีครูเสนอแนะ แลว
ตกแตงใหส วยงามสง ครผู ูส อน

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 6) เหตุการณอ์ ทุ กภัยทีร่ นุ แรง ครั้งส�าคัญ เชน่

ข้ันท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มลู เหตุการณ์ อทุ กภัยในประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2561
สาเหตุ : เนอ่ื งจากเกดิ ฝนตกหนกั ตอ่ เนอื่ งในพน้ื ท่ี
1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู จากการ ทางภาคตะวันตกของประเทศญ่ีปุ่น  ท�าให้แม่น้�า
ศึกษา พรอมท้ังอภิปรายแสดงความคิดเห็น หลายสายเออ่ ลน้ ตลงิ่  สง่ ผลใหเ้ กดิ นา้� ทว่ มฉบั พลนั
รว มกนั และดินโคลนถลม่ ในหลายพน้ื ท่ี
ผลกระทบ : ทา� ใหม้ ผี ้เู สยี ชวี ติ จา� นวน 217 คน 
2. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางเหตุการณ (ขอ้ มลู วนั ท ่ี16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561) ในจา� นวนนี้
การเกิดอุทกภัยครั้งรุนแรงในประเทศไทย เป็นผู้มีอายุมากกว่า 60  ปีข้ึนไปถึง 118  คน 
จากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน เว็บไซตใน
อินเทอรเน็ตเพม่ิ เตมิ นา้� ทว่ มจงั หวดั โอะกะยะมะ ทางตะวนั ตกของประเทศ เน่ืองจากพื้นท่ีที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็น
ญ่ปี นุ่ ท่ีอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ  ท�าให้ไม่สามารถอพยพ
3. ครูนําโครงการในพระราชดําริในรัชกาลที่ 9 หนีนา�้ ข้นึ ทสี่ งู ได้ทัน ประชาชนกว่า 2 ลา้ นคนตอ้ งอพยพออกจากพ้นื ท ี่ อาคารบา้ นเรอื นถกู ทา� ลายและ
เชน โครงการแกมลิง ที่เกี่ยวของกับการแก ได้รับความเสียหายกว่า 100 หลังคาเรอื น นับเปน็ อทุ กภยั ที่รนุ แรงทสี่ ดุ ในรอบ 36 ปี
ปญหาอุทกภัยมาใหนักเรียนรวมกันวิเคราะห
และอภปิ รายแสดงความคดิ เห็นเพิ่มเตมิ เหตกุ ารณ์ มหาอุทกภยั ในประเทศไทย พ.ศ. 2554

4. ครตู งั้ คาํ ถามเพื่อวิเคราะหค วามรู เชน สาเหตุ :
• ลักษณะของการเกดิ อุทกภัยในพื้นที่ตา งๆ 1. อ  ิทธพิ ลจากพายุ 5 ลูก ไดแ้ ก ่ พายเุ นสาด พายุ
ของโลกเปนอยางไร ไหหมา่  พายนุ กเตน พายนุ าลแก และพายไุ หถ่ าง
(แนวตอบ การเกิดอุทกภัยในพื้นที่ตางๆ 2.  ปรากฏการณ์ลานีญา ที่เกิดข้ึนในช่วงครึ่งแรก
ของโลก รวมถึงประเทศไทยมีลักษณะแบบ ของ พ.ศ. 2554 ส่งผลให้ฝนมาเร็วกว่าปกติ
ฉับพลันและมีความรุนแรงมากกวาในอดีต ตง้ั แต่เดอื นมีนาคม
เนื่องจากฝนท่ีตกตอเนื่องเปนเวลานาน 3. ป  ริมาณฝนในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 
จากพายหุ มุนเขตรอนตางๆ) มากกวา่ ร้อยละ 70 ของปรมิ าณฝนสะสมรายปี
• แนวทางปอ งกนั และบรรเทาอทุ กภยั สามารถ เหตุการณ์มหาอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 4.  รอ่ งความกดอากาศต�า่ เคลื่อนข้ึนลงท่ีไมป่ กติ
ทาํ ไดอ ยางไร จงยกตวั อยาง
(แนวตอบ เชน การปลูกหญาแฝกริมตลิ่ง ผลกระทบ : ท�าให้มีผู้เสียชีวิต 813 คน สูญหาย 3 คน ในพื้นที่ 65 จังหวัด ประชาชนได้รับความ
เพือ่ ปอ งกันการกัดเซาะของน้ํา การกาํ หนด เดือดร้อน 4,086,138 ครัวเรือน จ�านวน  13,595,192 คน บ้านเรือนเสียหายท้ังหลัง 2,329 หลัง
พน้ื ทที่ ไ่ี มไ ดใ ชป ระโยชนใ หเ ปน แหลง กกั เกบ็ เสียหายบางส่วน 96,833 หลัง พ้ืนท่ีการเกษตรได้รับความเสียหาย 11.2 ล้านไร่ นิคมอุตสาหกรรม
นํ้าหรือแกมลิง การขุดลอกคูคลองเพ่ือให 7 แห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี ได้รับความเสียหาย ประเมินความเสียหายทั้งหมด
ระบายน้ําไดอยา งเตม็ ประสิทธิภาพ รวมถงึ คิดเป็นมูลคา่ ประมาณ 1.44 ล้านล้านบาท
การไมตัดไมทําลายปา ซึ่งเปนพ้ืนที่ดูดซับ
และชะลอการไหลของน้ํา)

202

บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคิด

กลุมประเทศสมาชิกอาเซียนไดเล็งเห็นถึงปญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ สาเหตุและลักษณะการเกิดอทุ กภยั ในประเทศไทยเปน อยา งไร
ท่ีเกิดขึ้น จึงรวมมือกันต้ังคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติกับอาเซียนข้ึน โดยมี (แนวตอบ อุทกภัยในประเทศไทยมีสาเหตุหลักมาจากการ
เปาหมายหลกั คือ รว มกนั จดั ทาํ โครงการจัดการภัยพิบตั ใิ นภมู ิภาค เชน จาก
เหตุการณมหาอุทกภัย พ.ศ. 2554 ทําใหประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต ตดั ไมท าํ ลายปา โดยเฉพาะบรเิ วณปา ตน นา้ํ บนทวิ เขาตา งๆ สง ผลให
ไดรับผลกระทบมากถึง 6 ประเทศ และมีความรุนแรงมากท่ีสุดในรอบ ขาดแหลงดูดซับและชะลอความแรงของน้ําฝน อุทกภัยที่เกิดขึ้น
50 ปของประเทศไทย เหตุการณครั้งน้ีไดแสดงใหเห็นถึงความรวมมือและ มีลักษณะฉับพลัน หรือเรียกวา น้ําปาไหลหลาก ประกอบกับ
การชว ยเหลอื ซงึ่ กนั และกนั ของประเทศสมาชกิ อาเซยี น นอกจากนี้ อาเซยี นยงั มี บรเิ วณทร่ี าบลมุ แมน า้ํ มกี ารกอ สรา งสง่ิ กดี ขวางลาํ นา้ํ การระบายนา้ํ
บทบาทในการบรรเทาสถานการณ โดยสงทีมประเมินสถานการณเคลื่อนท่ีเร็ว จึงทําไดยาก สถานการณอุทกภัยในประเทศไทยโดยภาพรวม
ฉุกเฉินอาเซียนลงพ้ืนที่สถานการณภัยพิบัตินํ้าทวมในประเทศไทย ประกอบ จึงรุนแรงย่ิงข้ึนท้ังในลุมแมนํ้าเจาพระยา แมน้ําชี แมน้ํามูล
ดวยสมาชิกจากประเทศบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร ทํางาน และแมนาํ้ สายอื่นๆ)
รว มกบั เจาหนา ที่ฝา ยไทย

T210

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

7) การจดั การภยั พิบตั อิ ทุ กภยั  มีดังน้ี ขน้ั สอน

7.1) มาตรการ การจดั การภยั น้า� ท่วมแบง่ เป็น 2 มาตรการ ไดแ้ ก่ ขนั้ ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล
1. มาตรการใช้สิ่งก่อสร้าง เช่น การสร้างเข่ือนและพนังก้ันน้�า เพ่ือจ�ากัด
5. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหแนวทางการ
การไหลของน้�าขณะเกิดน�้าทว่ ม และป้องกันพื้นทบ่ี างสว่ นในล่มุ นา้� ไม ่ให้เกิดความเสียหาย เขือ่ น ปองกันและแกไขปญหาทรัพยากรน้ําใน
และพนังก้ันน้�าจะป้องกันพื้นที่เฉพาะบริเวณหลังคันกั้นน้�าและในระดับความสูงท่ีได้ออกแบบไว้ ประเทศไทย โดยอาจยกกรณีศึกษาการเกิด
เท่านั้น ข้อดีของการสร้างเข่ือนและพนังกั้นน้�า คือ สามารถเลือกพื้นท่ีในการป้องกันได้โดยอาจ อุทกภัยในแตละคร้ังของประเทศไทย แลว
ปอ้ งกันเฉพาะท่ี เช่น การสร้างพนงั กัน้ บริเวณท่ีแมน่ �า้ ไหลผ่านตัวเมือง หรอื การสร้างเขือ่ นในการ อธบิ ายใหน กั เรยี นเขา ใจถงึ ปญ หาทรพั ยากรนา้ํ
ควบคุมการไหลของน้�าในพ้ืนท่ีขนาดใหญ่ การก่อสร้างดังกล่าวต้องค�านึงถึงความปลอดภัยเป็น ทส่ี ง ผลกระทบตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ การประกอบ
สา� คัญ การปรับปรงุ สภาพลา� นา�้  เชน่  การปรบั สภาพลา� น�า้ ใหม้ ลี ักษณะตรงและกว้าง การขุดลอก อาชีพ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมของ
คูคลองและก�าจดั วชั พชื  เพือ่ ช่วยลดระดับของนา้� หากเกิดน้�าท่วม สร้างเสน้ ทางน้า� อ้อมเมือง เชน่   ประเทศ แลวใหชวยกันสรุปผลการวิเคราะห
การสรา้ งอ่างเก็บน�้าที่มีลักษณะกว้างและต้ืน ส�าหรับผันน้�ามาเก็บไว้เมื่อเกิดน้�าท่วมในเขตชุมชน  แนวทางการปอ งกนั และแกไ ขปญ หาทรพั ยากร
เป็นการลดปริมาณการไหลของน้า� สายหลักและเพิ่มประสทิ ธิภาพการระบายน�้า น้ําในประเทศไทยเปนตาราง หรอื ผังความคิด
บนกระดานหนา ชนั้ เรยี น
2. มาตรการไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง เช่น การปรับปรุงการใช้ที่ดิน เป็นการปรับ
รูปแบบการใช้ที่ดินให้รองรับเหตุการณ์น�้าท่วมที่จะเกิดข้ึน การจัดการการใช้ที่ดินประกอบไปด้วย 
การควบคุมผังเมืองและการควบคุมส่ิงปลูกสร้าง การเวนคืนที่ดิน จะส่งผลดีในระยะยาวกับ
สภาพเศรษฐกิจ สังคม และส่งิ แวดล้อม การปรับปรงุ พน้ื ทเี่ พ่อื ใช้เปน็ แหล่งกกั เกบ็ น�้า
7.2) วิธีปอ้ งกนั ที่สา� คญั  เช่น

1. การพยากรณ์และเตือนภัยน้�าท่วม เป็นการประมาณล�าดับขั้นตอนการ
เกิดนา้� ทว่ ม ปริมาณน�้า ชว่ งเวลาการเกดิ และไหลสงู สุด ส่วนการเตอื นภัยน้�าท่วมเปน็ การประกาศ
เตือนภัยล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาในการเตรียมตัวรับมือน�้าท่วมได้ แผนปฏิบัติหลังการเตือนภัย
จะเกี่ยวข้องกับการวางแผนอพยพ การเตือนภัยท่ีดีต้องมีระยะเวลาเพียงพอให้ประชาชนสามารถ
รบั มอื ได้ทัน และระบบเตือนภยั ต้องมีความนา่ เชือ่ ถอื

2. ใหค้ วามรแู้ ละขอ้ มลู แกป่ ระชาชน การใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชนเปน็ สง่ิ จา� เปน็
ขอ้ มลู ต้องเขา้ ใจง่าย เข้าถงึ งา่ ย รวดเรว็  และมีคุณภาพ ข้อมูลสา� คญั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั นา�้ ท่วม เชน่
ข้อมูลน้�าท่วมทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่เคยเกิดในพื้นที่ ข้อมูลน�้าท่วมประจ�าปีและข้อมูล
ทรัพยากรต่าง ๆ ในพื้นท่ีลุ่มน้�าและภูมิภาคใกล้เคียงที่ส่งผลกระทบถึงกันได้ จากข้อมูลดังกล่าว
สามารถน�ามาจัดท�าเอกสารเผยแพร่ให้กับประชาชนได้ เช่น การจัดท�าหนังสือคู่มือเตรียมรับ
สถานการณ์น�้าท่วมแก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นอีกวิธีการหน่ึงในการช่วยบรรเทาความเสียหายจาก
น้�าทว่ มไดด้ ี

3. ไม่บุกรุกท�าลายป่าไม้ เพราะเม่ือไม่มีป่าไม้ท�าให้ขาดพื้นท่ีดูดซับและ
ชะลอการไหลของน้�า น�้าจึงไหลลงสู่แม่น�้าล�าห้วยได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งอนุรักษ์พ้ืนที่ต้นน้�า 
โดยการใช้ ดแู ลรกั ษา และฟ้ืนฟูทรพั ยากรธรรมชาติในบรเิ วณพน้ื ท่ตี ้นน้า� อยา่ งเหมาะสม

203

ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู

ขอใดคอื แนวทางการปองกันนา้ํ ปาไหลหลากอยา งย่งั ยืน ครคู วรอธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั โครงการแกม ลงิ ซง่ึ เปน โครงการอนั เนอื่ งมา
1. การอนุรกั ษปา ตน น้ํา จากพระราชดาํ ริของรัชกาลที่ 9 เพ่ือแกปญหานํา้ ทวมในพื้นทกี่ รุงเทพมหานคร
2. การสรา งเข่ือนขาดใหญ และปริมณฑลมีหลักการขุดคลองเพอ่ื ชกั นํา้ มารวมกัน แลวเกบ็ ไวเปนบอ พกั นํ้า
3. การจดั การสิ่งกีดขวางลําน้าํ เปรยี บไดกบั แกม ลงิ แลว จงึ ระบายน้าํ ลงทะเลเมื่อปริมาณนาํ้ ทะเลลดลง
4. การพยากรณเ ตอื นภยั ลวงหนา
5. การสรา งฝายขนาดเล็กจํานวนมาก สื่อ Digital

( วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การอนุรักษปาตนนํ้า เนื่องจาก ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับการพยากรณและเตือนภัยนํ้าทวม ไดท่ี
น้ําปาไหลหลากเกิดขึ้นจากการขาดพ้ืนที่ปาคอยดูดซับและ http://ews.dwr.go.th/ews/index.php หองปฏิบัติการเฝาระวังและเตือนภัย
ชะลอแรงน้ํา เมื่อมีฝนตกหนักนํ้าจึงไหลบาอยางรวดเร็วลงสู น้าํ หลาก-ดนิ ถลม สํานกั วิจัย พัฒนา และอุทกวิทยา กรมทรพั ยากรนํ้า
พื้นที่ต่ําดานลาง ท้ังน้ี การอนุรักษพื้นที่ปาตนนํ้ายังชวยใหเกิด
ความสมบรู ณของระบบนิเวศโดยรวมอยางย่ังยืนดว ย)

T211

นาํ สอน สรุป ประเมิน

ขน้ั สอน 7.3) การปฏบิ ัตติ น ท�าได้ ดงั น้ี

ขน้ั ที่ 5 การสรปุ เพื่อตอบคาํ ถาม 1. ต  ดิ ตามรายงานสภาวะอากาศจากทางราชการ  1.  ติดตามข่าวสารจากทางราชการ  และเตรียม
เตรยี มอปุ กรณท์ จี่ า� เปน็  กระสอบทราย รวมทง้ั พรอ้ มทจี่ ะอพยพไปในทป่ี ลอดภยั
1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ เคลือ่ นย้ายสัตว์เล้ียง  สิง่ ของไปอยทู่ ีส่ งู   หรอื
สาํ คญั เพ่อื ตอบคําถามเชิงภมู ศิ าสตร สถานทปี่ ลอดภัย 2. อ  ยู่ในอาคารบ้านเรือนท่ีแข็งแรงและอยู่ท่ีสูง
พ้นจากน้�า  ตัดสะพานไฟ และปิดแก๊สหุงต้ม
2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 5.3 เรื่อง 2.  เตรียมวางแผนอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัย  ใหเ้ รียบร้อย
ภยั พิบัตธิ รรมชาติทางอุทกภาค รวมถงึ พจิ ารณาท�าประกันภยั นา�้ ท่วม
3. ไมเ่ ข้าใกลอ้ ุปกรณ์ไฟฟา้  เสาไฟฟ้า สายไฟ
3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร 3. ส  �ารวจช่องเปิดในบริเวณบ้านท่ีคาดว่าอาจมี 4. ไ ม่ควรขบั ข่ียานพาหนะฝ่าลงไปในกระแสน�า้
ม.4-6 เกยี่ วกบั ภยั พบิ ตั ธิ รรมชาตทิ างอทุ กภาค สัตว์ท่ีมีอันตรายต่าง ๆ  เล็ดลอดเข้ามา  แล้ว 5. ไ ม่ควรเล่นน�้า หรือว่ายน�้าบริเวณที่มีน�้าท่วม
โดยครูแนะนําเพิม่ เติม ท�าการปิดช่องเปดิ นั้นเพือ่ ปอ้ งกนั อันตราย
และระวงั สตั ว์มีพษิ ที่หนีน้�าทว่ มขึน้ มากดั ต่อย
ขน้ั สรปุ 4. ข  ุดลอกแหล่งน�้าทตี่ ้นื เขนิ เพื่อให้น้า� ไหลไดด้ ี

ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ก่อนเกดิ ภยั ขณะเกิดภยั หลังเกิดภยั
ภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาค ท้ังในดานของ
สาเหตแุ ละกระบวนการเกดิ ประเภทการกระจาย 1. ท  า� ความสะอาดบา้ นเรอื น เกบ็ กวาดซากปรกั หกั พงั  ถา้ เสยี หายมากจนไมอ่ าจซอ่ มแซมได้
การเกิดภัยตางๆ ตวั อยางเหตุการณทเ่ี คยเกดิ ขึ้น ควรรอ้ื ถอน
การจัดการภัยพิบัติธรรมชาติทาง อุทกภาค
ตลอดจนความสาํ คญั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ 2. ซ  อ่ มแซมอาคารบา้ นเรอื น สาธารณปู โภคตา่ ง ๆ เชน่  ไฟฟา้  ประปา โทรศพั ท ์ ถนน ทช่ี า� รดุ
ของประชากร หรือใช PPT สรุปสาระสําคญั ของ เสยี หายให้กลบั ส่สู ภาพเดมิ
เนอ้ื หา
3. ห  ากมีซากสตั วต์ ายตามท่ตี า่ ง ๆ ใหร้ ีบจดั การเกบ็ ฝังโดยเรว็
ขน้ั ประเมนิ 4. สงเคราะห์ผู้ประสบภยั อ่ืนท่เี ดอื ดรอ้ น เชน่  บรจิ าคเสอื้ ผ้า เคร่ืองนุ่งห่ม อาหาร

1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม GAecotivity
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนาชั้นเรียน   สืบค้นข่าวเกี่ยวกับอุทกภัยในทวีปต่าง ๆ  ของโลกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ  ในประเด็นบริเวณท่ีเกิด
อุทกภัย สาเหตกุ ารเกิดอุทกภยั  ผลกระทบจากอุทกภัย แนวทางการจดั การภยั พบิ ัติ แล้วน�าขอ้ มลู ท่ีไดม้ า
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก จดั ทา� โปสเตอร ์ ตกแตง่ ให้สวยงาม จากนั้นน�าเสนอหน้าชน้ั เรียน
สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร ม.4-6

204

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET
บคุ คลในขอ ใดปฏบิ ัตติ นเมื่อประสบอุทกภยั ไดอยา งเหมาะสม
ครสู ามารถวัดและประเมนิ ความเขาใจเนอื้ หา เรือ่ ง ภัยพบิ ตั ิธรรมชาตทิ าง ท่สี ุด
อทุ กภาค ไดจ ากการใชเ ครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตรใ นการสบื คน และนาํ เสนอผลงาน
หนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการ 1. ไกชวนนองไปวายนาํ้ เลน ขณะเกิดน้าํ ทวม
นําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยท่ี 5 เรื่อง ภัยพิบัติ 2. กุก ซอื้ แบตเตอร่เี พอื่ ใชไ ฟฟาในบา นขณะนาํ้ ทวม
ทางธรรมชาติ 3. กัง้ อาศัยอยูชัน้ สองของบา นเพราะหวงทรัพยสนิ มคี า
4. กรณประดิษฐเ ครื่องตรวจจบั กระแสไฟฟาดว ยตนเอง
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน 5. กงุ ไปอยศู นู ยอพยพเพราะครอบครวั มเี ดก็ และคนชรา
( วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 5. การไปอยูศนู ยอพยพเปนวิธีปฏิบตั ิ
คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ ตนท่ีเหมาะสมเม่ือประสบอุทกภัยมากท่ีสุด เน่ืองจากบุคคลใน
ตรงกับระดับคะแนน ครอบครัวทั้งเด็กและคนชราที่ไมสามารถชวยเหลือตัวเองได
เทาที่ควร อาจเกิดอันตรายตางๆ จากอุทกภัยได สวนคําตอบ
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ในขอ อ่ืนเปนการปฏิบตั ติ นท่ไี มเหมาะสม)
32

1 ความถกู ต้องของเนือ้ หา
2 การลาดับข้นั ตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีสว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ

รวม

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน
............/................./................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

T212 ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

4 ภัยพิบัติธรรมชาตทิ างชวี ภาค ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process)

4.1 ไฟปา่ (wildfire) 1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ ชอื่ เรอื่ ง จดุ ประสงค
และผลการเรยี นรู
1) คา� จา� กดั ความ ไฟปา่ เปน็ ไฟทเี่ ผาไหมเ้ ชอื้ เพลงิ ในปา่ และลกุ ลามโดยไมม่ ขี อบเขต 
2. ครูใหนักเรียนดูสัญลักษณสามเหลี่ยมไฟจาก
เช้ือเพลงิ ธรรมชาตทิ ถ่ี ูกเผาไหม ้ ไดแ้ ก ่ เศษไม ้ ปลายไม ้ ลูกไม้ หญา้  เศษวชั พืช ไมพ้ ุม่  และต้นไม้ หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน
อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมเก่ียวกับ
2) กระบวนการเกิดไฟป่า  การเกิดไฟป่าเป็นผลมา สัญลักษณด ังกลาว
จากกระบวนการทางเคม ี โดยเกดิ จากการรวมกนั ของปจั จยั ทมี่ อี ยตู่ าม
ธรรมชาติ 3  ปัจจัย  ได้แก่  เชื้อเพลิง  ออกซิเจน  และความร้อน ออก ิซเจน ความรอ้ น 3. ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอที่
ทีเ่ รียกว่า “สามเหลยี่ มไฟ” (fire triangle) เกี่ยวของกับภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาคใน
ประเทศไทย และประเทศตา งๆ ของโลก เชน
สามเหลย่ี มไฟ  เชอื้ เพลิง • ภัยแลงคุกคามแอฟริกาตะวันออก เปน
ภยั แลงที่รุนแรงในรอบ 60 ป
2.1) เชื้อเพลิง สมบัติของเชื้อเพลิงมีอิทธิพลต่อการติดไฟแตกต่างกัน ได้แก่  • ภัยแลงใน 44 จังหวัดของประเทศไทยใน
ความชืน้ ของเชื้อเพลิง เช้อื เพลงิ ทม่ี ีความชืน้ ต่า�  ยอ่ มติดไฟได้งา่ ยและลุกลามเรว็ กว่าเช้อื เพลิงทีม่ ี พ.ศ. 2556-2557
ความช้ืนสูง ขนาดของเชื้อเพลิง เช้ือเพลิงขนาดเล็กจะลุกไหม้ได้เร็วและง่ายกว่าเช้ือเพลิง
ขนาดใหญ่  ปริมาณของเช้ือเพลิง  หากมีเช้ือเพลิงจ�านวนมากจะติดไฟและลุกลามได้เร็ว  และ 4. ครูต้ังคําถามกระตุนความคิดโดยใหนักเรียน
ความตอ่ เนอ่ื งของเชอ้ื เพลิง หากเช้ือเพลิงอยู่ตดิ ชิดกนั  ไฟย่อมลกุ ลามต่อเนอื่ งได้เร็ว รว มกนั ตอบคาํ ถามเพ่มิ เติม เชน
2.2) ออกซเิ จน เปน็ แก๊สท่เี ป็นองคป์ ระกอบหลักของอากาศโดยทัว่ ไป ในปา่ จะมี • ไฟปาสามารถเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติได
ออกซิเจนกระจายอยู่อย่างสม�่าเสมอ  อย่างไรก็ตาม  ปริมาณและสัดส่วนของออกซิเจนในอากาศ หรือไม อยางไร
ในปา่  ณ บรเิ วณอน่ื  ๆ อาจเปลีย่ นแปลงไดบ้ า้ งตามการผนั แปรของความเร็วและทศิ ทางลม (แนวตอบ ไฟปาสามารถเกิดข้ึนเองตาม
2.3) ความร้อน แหล่งความร้อนที่ท�าให้เกิดไฟป่าแบ่งเป็น 2  ประเภท  คือ  ธรรมชาติ โดยมสี าเหตุ เชน การเกดิ ฟา ผา
แหล่งความร้อนจากธรรมชาติ  เช่น  ฟ้าผ่า  การเสียดสีของกิ่งไม้  การรวมแสงอาทิตย์ผ่าน ทาํ ใหต น ไมเ กดิ ไฟไหม มกั เกดิ ขน้ึ มากในปา
หยดน้�าค้าง  ภูเขาไฟปะทุ  และแหล่งความร้อนจากมนุษย์ซึ่งเกิดจากการจุดไฟในป่าด้วยสาเหตุ เขตอบอุนของสหรัฐอเมริกาและประเทศ
ต่าง ๆ แคนาดา การเสียดสีกันของกิ่งไมแหงใน
ชวงเวลาที่อากาศรอนและแหง แลง มกั เกิด
3) ประเภทของไฟปา่  แบง่ ตามประเภทเชอื้ เพลงิ ทถี่ กู เผาไหมเ้ ป1น็  3 ประเภท ดงั นี้ ขึ้นในพื้นท่ีปาที่มีไมขึ้นอยูหนาแนน เชน
1. ไฟเรอื นยอด 2. ไฟผวิ ดิน 3. ไฟใต้ดิน ปา ไผแ ละปา สน)

เป็นไฟท่ีไหม้ลุกลามไปตาม เป็นไฟท่ีเผาไหม้เชื้อเพลิงบน เปน็ ไฟทเี่ ผาไหมเ้ ชอื้ เพลงิ ทย่ี งั
เรอื นยอดของตน้ ไม ้ มกั เกดิ ใน ผิวดิน เช่น ไม้พุ่ม วัชพืช  ทับถมอยู่ในดิน  อาจเกิดภาย
ปา่ สนเขตอบอุ่น ไฟเรอื นยอด เครอื เถา อาจลกุ ลามไดเ้ รว็ และ หลังไฟผิวดิน และเผาไหม้
มีความรนุ แรง สรา้ งความเสีย รุนแรง  ขึ้นอยู่กับลักษณะและ อยา่ งชา้  ๆ ไมม่ เี ปลวไฟใหเ้ หน็
หายแกป่ า่ มากและยากแกก่ าร ความหนาแน่นของเช้ือเพลิง หรือมีควนั เลก็ นอ้ ย มักเกิดใน
ดบั ไฟ บนพน้ื ทปี่ า่ ประเทศเขตอบอุ่นหรือท่ีสูง
จากระดบั น้�าทะเลมาก

205

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

ไฟปา จะเกิดขึน้ ได ตอ งอาศัยองคป ระกอบใดบาง 1 ไฟใตด ิน สามารถแบง ออกเปน 2 ชนดิ ยอ ย ไดแ ก
1. ไฟใตดินสมบูรณแบบ (True Ground Fire) คือ ไฟที่ไหมอินทรียวัตถุ
(แนวตอบ ไฟปาจะเกิดข้ึนไดก็ตอเม่ือมีองคประกอบท่ีจําเปน
3 ประการ เรียกวา สามเหลยี่ มไฟ ไดแก เช้อื เพลงิ ความรอ น และ อยูใตผิวพ้ืนปาจริงๆ เม่ือยืนอยูบนพื้นปาจึงไมสามารถตรวจพบไฟได ตองใช
ออกซิเจน มารวมกันในสัดสวนที่เหมาะสมที่จะเกิดการสันดาป เคร่อื งมือพิเศษ เชน เคร่อื งตรวจจบั ความรอน เพือ่ ตรวจหาไฟชนดิ นี้
(Combustion Technology) และทาํ ใหก ารสนั ดาปสามารถดาํ เนนิ
ไปไดอยางตอเนอ่ื ง) 2. ไฟกึง่ ผิวดินก่ึงใตดิน (Semi-Ground Fire) ไดแ ก ไฟที่ไหมใน 2 มติ ิ คือ
สวนหนึ่งไหมไปในแนวระนาบไปตามผิวพ้ืนปาเชนเดียวกับไฟผิวดิน และอีก
สวนหน่ึงจะไหมในแนวด่ิงลึกลงไปในชั้นอินทรียวัตถุใตผิวพื้นปา ซ่ึงอาจไหม
ลึกลงไปไดหลายฟุต ไฟดังกลาวสามารถตรวจพบไดโดยงายเชนเดียวกับ
ไฟผิวดินท่ัวๆ ไป แตการดับไฟจะตองใชเทคนิคการดับไฟผิวดินผสมผสาน
กับเทคนิคการดับไฟใตดิน จงึ จะสามารถควบคมุ ไฟได

T213

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 4) สาเหตุการเกิดไฟปา่  แบง่ ได้ ดงั น้ี

ขน้ั ท่ี 1 การตัง้ คาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตร 4.1) 1ส.าเฟห้าตผจุ า่ า1 กเธปรน็ รสมาชเหาตติ สุ ม�าีดคังัญนข้ี องการเกดิ ไฟปา่ ในเขตอบอุน่ ของต่างประเทศ 
เชน่  ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มที ัง้ ฟา้ ผา่ แหง้  คอื  ฟา้ ท่ผี ่าในขณะท่ีไม่มฝี น และฟา้ ผา่ เปยี ก 
1. ครูสุมถามนักเรียนถึงตัวอยางเหตุการณ เกดิ ข้นึ ในฤดรู อ้ นท่เี กิด2พ.า กยงิ่ฝุ ไนมฟเ้ ส้าียคดะสนกีอนัง2 เกิดขน้ึ ในพืน้ ท่ปี า่ ทมี่ ีไม้ขึ้นอยา่ งหนาแนน่  และมีสภาพ
ไฟปาที่เกิดข้ึนในโลกตามความรูจักของ อากาศรอ้ นและแหง้ จดั  มีกระแสลมแรง เช่น ในป่าไผ่ ป่าสน
นักเรียน รวมถึงผลกระทบที่เกิดข้ึนจาก
เหตกุ ารณด งั กลาวเพ่ิมเตมิ 3. การปะทุของภูเขาไฟ
4. ภาวะภยั แลง้ จากการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศของโลก เปน็ อกี สาเหตุ
2. ครูใหนักเรียนดูแผนท่ีแสดงพ้ืนท่ีเส่ียงการเกิด ทท่ี �าให้เกดิ ไฟปา่ บ่อยขน้ึ  เนื่องจากมีระยะเวลาเกดิ ความแหง้ แลง้ ถีม่ ากขึน้
ไฟปาของโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร 4.2) สาเหตุจากมนษุ ย์ มดี งั นี้
ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับ 1. การเผาป่าเพื่อเก็บหาของป่า  การล่าสัตว์เป็นสาเหตุหลักที่ท�าให้เกิด
แผนท่ดี ังกลา ว ไฟป่ารนุ แรงมากท่สี ดุ  เพือ่ ใหป้ ่าโล่งจะไดเ้ ขา้ พื้นทปี่ ่าไดส้ ะดวก สัตว์ป่าหนีไฟออกมาใหล้ ่าได้ง่าย 
2. การเผาไรห่ รอื เศษพชื เกษตร เพอ่ื กา� จดั วชั พชื หรอื เศษซากพชื ทเ่ี หลอื จาก
การเก็บเก่ียว เพือ่ เตรยี มพื้นท่ีเพาะปลูกในรอบตอ่ ไป
3. ความประมาทในการเข้าใช้พ้ืนท่ีหรือพักแรมในป่า  มีการก่อกองไฟแล้ว 
ลืมดบั  หรือดับไม่สนิท

5) การกระจายการเกดิ ไฟปา่ ของโลก

แผนท่ีแสดงพ้นื ที่เสยี่ งการเกิดไฟป่าของโลก
80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ 80 Nํ

60 Nํ 60 Nํ

40 Nํ 40 Nํ

20 Nํ 20 Nํ

0ํ 0ํ

20 Sํ 20 Sํ

40 Sํ 40 Sํ

N 60 Sํ พืน้ ท่ีเสย่ี งเกดิ ไฟปา 60 Sํ

1 : 250,000,000 80 Sํ จุดความรอนเส่ยี งเกิดไฟปา ระหวางวันท่ี 17 - 24 ตลุ าคม พ.ศ. 2561 80 Sํ 0 2000 4000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ

206 ทม่ี า : https://firms.modaps.eosdis.nasa.gov/map/

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครอู าจสนทนาเพอ่ื สรา งบรรยากาศและกระตนุ ความสนใจนกั เรยี นเกย่ี วกบั สาเหตุของการเกิดไฟปา ในประเทศไทย เกดิ จากขอ ใดมากทีส่ ุด
การเกดิ ไฟปา จากภาพขา ว หรอื วดี ทิ ศั น จากนนั้ ใหน กั เรยี นรว มกนั จดั ทาํ แผนผงั 1. ฟา ผา
ความคิดผลกระทบไฟปา ดา นตา งๆ นาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น 2. เก็บหาของปา
3. กิง่ ไมเสียดสกี ัน
นักเรียนควรรู 4. เผาดวยความคึกคะนอง
5. ความประมาทโดยกอกองไฟแลวลมื ดบั
1 ฟาผา เกิดจากการกอตัวของประจุไฟฟาระหวางกอนเมฆ หรือระหวาง
กอ นเมฆกับพน้ื โลก เม่ือประจุไฟฟากอตวั ถึงจดุ ทมี่ ีพลังงานเพียงพอจะเกิดการ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ไฟปา ในประเทศไทยมสี าเหตมุ าจาก
ปลอยประจไุ ฟฟา และทําใหเกดิ ฟา ผาข้ึน การเผาปา เพอ่ื เกบ็ หาของปา ลา สตั ว มากกวา ขอ อน่ื เนอื่ งจากการ
2 เสียดสีกัน การเสียดสีเปนการสัมผัสกันระหวางพ้ืนผิวสองพ้ืนผิว โดยท่ี จดุ ไฟจะทําใหพ ้นื ปาโลง เดนิ สะดวก หรือจดุ เพื่อกระตนุ การงอก
พ้ืนผิวอยางนอยหนึ่งพ้ืนผิวตองมีการเคล่ือนที่ การเสียดสีจะทําใหมีความรอน ของเห็ดหรือกระตุนการแตกใบใหมของผักหวาน หรือจุดเพื่อไล
เกดิ ขึน้ ซึง่ ความรอนดังกลา วสามารถทาํ ใหว ตั ถทุ ่ีตดิ ไฟไดเ กดิ การลุกตดิ ไฟข้ึน มดแดงออกจากรัง รมควนั ไลผึ้ง หรอื ไลแ มลงตา งๆ ในขณะท่ีอยู
ในปา เปนตน )
T214

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

จากแผนท่ี พบวาบริเวณที่มีโอกาสในการเกิดไฟปาไดมากกวาสวนอื่น ๆ ของโลก ขนั้ สอน
ไดแก ทวีปอเมริกาเหนือ ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ทวีปอเมริกาใต เชน บราซิล อารเจนตินา
อุรุกวัย ทวีปแอฟรกิ า เชน แองโกลา คองโก แทนซาเนยี แซมเบีย เน่อื งจากพืน้ ทดี่ ังกลา วอยูใน ขนั้ ท่ี 1 การต้งั คาํ ถามเชิงภมู ศิ าสตร
เขตอบอุน และมีกระแสนํ้าเย็นไหลผาน ทําใหปริมาณไอนํ้าในบรรยากาศนอย มีความ
แหงแลง มากยิ่งขนึ้ เชน กระแสนา้ํ เย็นเบงเกวลาไหลเลยี บชายฝงดานตะวนั ตกของทวปี แอฟรกิ า 3. ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงพื้นท่ีเส่ียงการ
กระแสนา้ํ เยน็ เปรูไหลเลยี บชายฝง ดา นตะวนั ตก แผนทีแ่ สดงพ้นื ทเี่ สีย่ งการเกดิ ไฟปา เกิดไฟปาในประเทศไทย จากหนังสือเรียน
ของทวปี อเมรกิ าใต ความแหง แลง จงึ ทาํ ใหพ นื้ ที่ ใแนผนปทรีแ่ ะสดเทงพศ้นื ไททีเ่ ส่ยียงภัยไฟปา ในประเทศไทย ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันอภิปรายแสดง
ดังกลาวมีโอกาสเส่ียงเกิดไฟปาจากสาเหตุทาง 98 ํE 100 ํE 102 ํE 104 Eํ 106 ํE ความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนทเี่ พิม่ เติม

ธรรมชาตไิ ดมากกวา ปกติ 6 ํN 8 ํN 10 ํN 12 ํN 14 ํN 16 ํN 18 ํN 20 ํN 20 ํN 18 Nํ 16 ํN 14 ํN 12 Nํ 10 ํN 8 Nํ 6 Nํ 4. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตงั้ ประเดน็ คาํ ถาม
ไฟปาในประเทศไทยเกิดจากการ เชงิ ภูมศิ าสตร เชน
กระทาํ ของมนษุ ยเ ปน หลกั และบางสว นเกดิ จาก • ลักษณะทางกายภาพสงผลใหเกิดปญหา
ธรรมชาติ ในชวงเดือนพฤศจิกายน - เมษายน ห รื อ ภั ย พิ บั ติ ธ ร ร ม ช า ติ ท า ง ชี ว ภ า ค ใ น
เปนชวงท่ีมีสถิติการเกิดไฟปาสูง เพราะสภาพ ประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ ของโลก
อากาศแหง ตนไมผลัดใบและหญาแหงตาย อยา งไร
จาํ นวนมาก เมอื่ เกดิ ไฟปา จงึ ลกุ ลามอยา งรวดเรว็ • ภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาคที่เกิดข้ึนใน
โเมดษยเาฉยพนาะเปอนยชาวงงยทิ่งใี่มนีจชุดวคงวเาดมือรนอกน1ุมจําภนาวพนันมธาก- ภูมิภาคตางๆ ของโลก มีความเหมือน
จึงเส่ียงตอการเกิดไฟปาสูง โดยเฉพาะพ้ืนที่ หรือความแตกตางกัน อยา งไร
บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันตกเส่ียงตอ ความถ่ีของการเกดิ ไฟปา • ผลกระทบสําคัญจากภัยพิบัติธรรมชาติ
ในเขตพ้ืนที่อนุรักษ ทางชวี ภาคคืออะไร
• แนวทางหรือวิธีการปองกันภัยพิบัติ
ธรรมชาตทิ างชีวภาคสามารถทาํ ไดอ ยา งไร

การเกิดไฟปาสูง ขณะท่ีพื้นที่ภาคตะวันออก- บอยคร้ัง
เฉียงเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคใต เสยี่ งตอ ปานกลาง
การเกดิ ไฟปารองลงมาตามลําดบั นอย

N

มาตราสวน 1 : 14,000,000
0 50 100 150 กม.

98 Eํ 100 ํE 102 ํE 104 Eํ

ท่ีมา : สวนควบคุมไฟปา สาํ นักปอ งกนั ปราบปราม และ
ควบคมุ ไฟปา กรมอทุ ยานแหง ชาติ สัตวปา และพนั ธุพืช
GAecotivity
รวบรวมขอ มูลชนดิ ของไฟปา ระบุลกั ษณะการเกิด และความเสียหายจากไฟปาแตล ะชนิด แลวนาํ มา
อภิปรายรวมกนั ในช้นั เรียน จากนน้ั รวมกันหาคําตอบวาไฟปา ท่ีพบในประเทศไทยสวนใหญเ ปน ชนิดใด

207

กจิ กรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู

นักเรียนสืบคนและรวบรวมขอมูลสถิติการเกิดไฟปาใน 1 จดุ ความรอ น จากการประมวลผลและวเิ คราะหจ ากขอ มลู ดาวเทยี ม TERRA
ประเทศไทย จากแหลง การเรยี นรตู า งๆ แลว วเิ คราะหส ถานการณ และ AQUA พบวา จดุ ความรอนสะสมตลอดชวง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ป 2561
การเกดิ ไฟปา แนวโนม การเกดิ ไฟปา ในอนาคต รวมถงึ วางแผนการ มีจํานวน 14,565 จดุ ซ่งึ มีคาสูงสดุ ในเดอื น ม.ี ค. จํานวน 5,098 จดุ รองลงมา
จัดการพื้นที่เสี่ยงภัยไฟปา จัดทําเปนรายงานการศึกษาวิเคราะห เปน เดอื น ก.พ. จํานวน 3,878 จุด เดือน เม.ย. จาํ นวน 3,143 จดุ เดอื น ม.ค.
ซ่งึ มภี าพหรือตารางประกอบ จาํ นวน 2,167 จดุ และเดือน พ.ค. จาํ นวน 279 จุด ตามลําดบั สว นใหญเกิด
จดุ ความรอ นสะสมสงู สดุ ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จาํ นวน 5,085 จดุ ภาคเหนอื
ตอนบน จาํ นวน 3,519 จดุ ภาคเหนือตอนลาง จํานวน 3,416 จดุ ตามลําดบั

ส่ือ Digital

ศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับสถานการณไฟปาจากภาพถายดาวเทียมใน
ประเทศไทย ไดที่ http://fifirfi e.gistda.or.th/ สํานกั งานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ
และภมู ิสารสนเทศ (องคก ารมหาชน) หรอื GISTDA
T215

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 6) 1ภ.ัย ปตัญา่ งห าๆห มทอเ่ี กกดิคจวันา1กกไฟ่อใปห่าเ้ กรดินุ สแภรางว ะมอีดาังกนา้ี ศเปน็ พษิ  ทา� ลายสขุ ภาพของมนษุ ย์ 

ข้นั ท่ี 2 การรวบรวมขอมลู โดยเฉพาะโรคระบบทางเดนิ หายใจ นอกจากน้ี ควนั ไฟยงั บดบงั แสงอาทติ ย์ สง่ ผลตอ่ ทศั นวสิ ยั ใน
การขับขี่  บางคร้ังท�าให้เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้  ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ 
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเก่ียวกับ และลดความสวยงามของภูมิประเทศทางธรรมชาติ
ภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาค จากหนังสือ
เรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลง 2. พืน้ ที่ปา่ และพรรณไมถ้ ูกเผาไหม้ ไม้พ่มุ และทุง่ หญา้ ถูกทา� ลาย ต้นไมเ้ กิดแผล
การเรียนรูอ่ืนๆ เชน หนังสือในหองสมุด ไฟไหม้และท�าใหต้ น้ ไมต้ าย อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวไฟป่าอาจมีประโยชน์ทา� ใหเ้ กิดทุ่งหญ้าแทน
เวบ็ ไซตในอินเทอรเ นต็ ในประเด็นตอ ไปนี้ พน้ื ทปี่ า่ ได ้ หรอื พรรณไมห้ ลายชนดิ อาจปรบั ตวั จากการถกู ไฟปา่ เผา จนกลายเปน็ ระบบนเิ วศใหม่
• ภยั แลง
• ไฟปา 3. ทา� ใหห้ น้าดนิ เปดิ โลง่ จากการที่ไฟปา่ เผาทา� ลายสง่ิ ปกคลมุ ดิน ท�าใหด้ ินเสือ่ ม
สภาพ เม่ือมีฝนตก หนา้ ดนิ ไม่มีสิ่งปกคลุมทา� ใหน้ า�้ ไหลบ่าไปบนหน้าดนิ  เกิดการพงั ทลายของดิน 
2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ ตะกอนดินไหลลงสู่แหล่งน้�าทา� ให้ล�าน้า� ตื้นเขนิ และคุณภาพน้�าเส่ือมโทรมลง
ท่ีรับผิดชอบ โดยนําความรูเก่ียวกับเคร่ืองมือ
ทางภูมิศาสตรมาใชประกอบในการศึกษา 4. สัตว์ป่าลดลงและเกิดการอพยพของสัตว์ป่า เน่ืองจากแหล่งอาหาร  แหล่งน�้า 
โดยครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีเชื่อถือ และทอ่ี ยู่อาศัยถกู ท�าลาย
ไดเ พิ่มเตมิ
7) เหตกุ ารณ ์ไฟปา่ ทร่ี ุนแรง ครัง้ ส�าคญั  เช่น
ข้ันท่ี 3 การจดั การขอมูล
เหตกุ ารณ์ ไฟปา่ ในสหรัฐอเมรกิ า พ.ศ. 2560
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู สาเหตุ : เกิดจากอิทธิพลของกระแสลมแซนตา
ระหวา งกนั แอนา (Santa  Ana) ท่ีพัดอากาศรอ้ นและแหง้ แลง้
จากทะเลทรายเขา้ มาภายในพ้นื ท ี่ กอ่ ให้เกดิ ไฟปา่
2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ลุกลามเผาผลาญพื้นที่เป็นบริเวณกว้างในหลาย
ที่นําเสนอเพ่ือใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม เมืองของรัฐแคลิฟอร์เนีย  เช่น  เมืองเวนทูรา
อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เตมิ (Ventura) เมอื งแซนตาบารบ์ ารา (Santa Barbara)
เมอื่ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2560
ไฟปา่ ทอมสั เป็นไฟปา่ ครัง้ รุนแรงที่เกิดข้นึ ใน ผลกระทบ : ไฟปา่ ครงั้ รนุ แรงนมี้ ชี อื่ เรยี กวา่  “ไฟปา่
รัฐแคลฟิ อรเ์ นีย สหรัฐอเมริกา เมือ่ พ.ศ. 2560 ทอมัส” (Thomas Fire)  ได้เผาผลาญพื้นที่ป่า
ไปถึง 281,893  เอเคอร์  หรือประมาณ 1,140 
ตารางกโิ ลเมตร สง่ิ ปลกู สรา้ งถกู ทา� ลาย 1,063 แหง่  
เสียหาย 280  แห่ง  มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน
ประชาชนประมาณ 2 แสนคน ตอ้ งอพยพออกจาก
บา้ นเรอื น สร้างความเสยี หายมากกว่า 100 ลา้ น
ดอลลาร์สหรัฐ หรอื ประมาณ 3,500 ล้านบาท

208

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 ปญหาหมอกควัน ในชวงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกป พื้นท่ี ไฟปากอใหเกิดผลกระทบตอระบบนิเวศอยางไรบาง อธิบาย
ในภาคเหนือตอนบนมักจะประสบกับปญหาหมอกควันปกคลุม ดวยลักษณะ พรอ มยกตวั อยางประกอบพอสงั เขป
ภูมิประเทศสวนใหญของภาคเหนือตอนบนเปนภูเขาสลับซับซอน ลักษณะเปน
แองกระทะ มีภูเขาลอมรอบ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม เชียงราย ลําปาง (แนวตอบ ไฟปามีผลกระทบตอระบบนิเวศหลายประการ
ลําพูน นาน แพร แมฮ องสอน และพะเยา ทําใหเ ปนโรคเกี่ยวกบั ทางเดินหายใจ เน่ืองดวยปาไมเปนแหลงของความสัมพันธระหวางส่ิงมีชีวิตท้ัง
เพิม่ มากขึน้ พชื และสตั วตางๆ ตัวอยา งของผลกระทบ เชน การสญู พนั ธุของ
พืชจากการถูกเผาไหม การสูญพันธุของสัตวจากการถูกทําลาย
ที่อยูอาศัยและแหลงอาหาร การเกิดมลพิษทางอากาศจากแกส
และเถาถานของการเผาไหม การขาดแหลงปาไมที่เปนตนนํ้า
ลาํ ธาร และการสญู เสยี ความอดุ มสมบรู ณข องดนิ จากการทห่ี นา ดนิ
ถกู เผาทาํ ลาย)

T216

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เหตุการณ์ ไฟปา่ ในประเทศออสเตรเลยี พ.ศ. 2561 ขนั้ สอน

สาเหตุ : เกิดจากฟ้าผ่าแห้ง  เนื่องจากสภาพ ข้ันท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
อากาศท่รี ้อนจดั  โดยมอี ุณหภมู ิสูงถงึ  46 องศา
เซลเซียส สภาพอากาศแหง้ และมีเช้อื เพลิง คือ  1. ครูใหนักเรียนตอบคําถาม Geo Question
ต้นไมแ้ ละใบไม้แหง้   มกี ระแสลมแรง  ท�าใหไ้ ฟ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวสุม
ลกุ ลามอย่างรวดเร็ว นักเรียนจํานวน 2-3 คน แสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับคําถามดังกลา ว
ผลกระทบ : ท�าให้ไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็ว
ในพนื้ ท่ี 3,000 ตารางกโิ ลเมตร จนไม่สามารถ 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลจาก
ควบคมุ เพลงิ ได ้ ปา่ ไมแ้ ละทงุ่ หญา้ ถกู เผาทา� ลาย การศึกษา พรอมทั้งอภิปรายแสดงความ
เป็นบริเวณกวา้ ง มีผูเ้ สียชีวติ ประมาณ 230 คน คิดเห็นรวมกัน สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันให
พ้ืนที่ชุมชนและบ้านเรือนถูกเผาไหม้กว่า 700  ขอคิดเห็น หรือขอเสนอแนะ โดยครูแนะนํา
ไฟป่าในรัฐวกิ ตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย หลงั คาเรอื น มผี  ู้ไรท้ ่อี ยอู่ าศัยอีกกว่า 5,000 คน เพือ่ ใหเ กดิ ความเขาใจท่ตี รงกนั เพม่ิ เตมิ

8) การจัดการภัยพบิ ตั ไิ ฟป่า มีดงั น้ี 3. ครูใหนักเรียนรวมกันใชสมารตโฟนสืบคน
8.1) มาตรการ มีดังน้ี เหตกุ ารณไ ฟปา ในแตล ะพนื้ ทขี่ องโลกเพมิ่ เตมิ
1. รวบรวมขอ้ มลู ไฟปา่  เชน่  สภาพพ้นื ที่ สถิตไิ ฟป่า เพื่อน�ามาใช้ศกึ ษาและ แลวใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหผลกระทบ
วางแผนงานการควบคุมไฟป่า โดยแผนงานต้องครอบคลมุ ทง้ั ด้านการป้องกันและการดบั ไฟ ท่ีเกิดจากไฟปาตอส่ิงแวดลอมในดานตางๆ
2. เตรียมความพร้อมทั้งบุคลากรและเครื่องมือ  โดยเน้นการเข้าถึงพื้นท่ี ไดแก บรรยากาศภาค ธรณีภาค อุทกภาค
อย่างรวดเร็วและการบ3รู ณ. จาดั กกาารรกเาชรอื้ ทเ�าพงลางิน รด่วว้ มยกกนัารขทอ�างแหนนวว่ กยนั งไาฟน1 ทก่เีากรยี่ลวดขป้อรงมิ าณเชอ้ื เพลงิ  การเผา และชวี ภาค พรอ มทง้ั อภปิ รายรว มกนั ตวั อยา ง
ตามก�าหนดในพืน้ ที่เสี่ยง เปน็ การใชป้ ระโยชนจ์ ากไฟเพอ่ื จัดการปา่ ไม้ ประเดน็ การวิเคราะห เชน
4. ก�าหนดเขตควบคุมไฟปา่  ในพื้นท่ที ี่มคี วามเสย่ี งต่อการเกดิ ไฟป่า • บรรยากาศภาค : สาเหตุและผลกระทบ
8.2) วิธีปอ้ งกัน ทา� ได้ ดงั น้ี จากไฟปา
1. ให้ความร้แู ก่ประชาชน เพ่ือชแ้ี จงใหท้ ราบถงึ ผลเสยี ของไฟปา่  ประโยชน์ • ความอุดมสมบรู ณของดนิ กับการเกิดไฟปา
ของปา่ ไม้ และขอความร่วมมือใหป้ ระชาชนเลกิ จุดไฟเผาป่า และหนั กลับมาช่วยกนั ดูแลปา่ • ไฟปา : วิกฤตการณจากความแหงแลง
2. การฝกึ อบรม เพอ่ื ใหป้ ระชาชนท�าหนา้ ทปี่ อ้ งกนั ไฟและดบั ไฟปา่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ของน้ํา
• การสูญพันธุของสัตวปาและพันธุพืช
ผลกระทบของไฟปาตอสิ่งมีชีวิตในระบบ
นิเวศ

ในท้องถ่นิ ของตนเอง โดยมหี น่วยงานดแู ลเรื่องวชิ าการและอปุ กรณ์ ในการดับไฟ
GQeuoestion
  หากนกั เรยี นพบเหน็ ไฟปา่ เกดิ ขนึ้ ในชมุ ชนทอี่ าศยั อย ู่ ควรปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไรใหป้ ลอดภยั  และมแี นวทาง
ป้องกันไฟปา่ ด้วยวิธีการใด

209

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

นักเรียนสามารถมีสวนรวมในการปองกันการเกิดไฟปาได 1 แนวกนั ไฟ เปน แนวกดี ขวางตามธรรมชาตหิ รอื ทม่ี นษุ ยส รา งขนึ้ เพอ่ื หยดุ ยงั้
อยา งไร ไฟปา หรือเพื่อปองกันไมใหไฟลุกลามเขาไปในพ้ืนท่ีท่ีจะคุมครอง หรือ
ปองกันไมใหไฟลุกลามออกมาจากพ้ืนท่ีที่กําหนด การสรางแนวกันไฟโดย
(แนวตอบ เชน หมนั่ กาํ จัดวัสดทุ ีเ่ ปนเชอื้ เพลงิ ไฟปาบรเิ วณบา น ทั่วไปจะประกอบดวยแนว 2 ช้ัน คือ ชั้นนอก เปนแนวกวางท่ีกําจัดไมพุม
ชมุ ชน หรอื ในปา โดยเกบ็ กวาดพน้ื ทใ่ี หโ ลง เตยี น ไมใ หม ใี บไมแ หง และไมพ้ืนลางออกจนหมด และชั้นใน ซ่ึงเปนแนวที่แคบลงอยูภายในแนวแรก
ก่งิ ไมแ หง หรือหญา แหงกองสุม ไมเ ผาขยะหรือเศษวชั พชื บริเวณ อีกทหี นึง่ ซง่ึ จะกําจัดเชือ้ เพลิงออกทั้งหมดจนถึงชนั้ ผิวหนาดนิ
แนวชายปา ไมท ง้ิ กน บุหรล่ี งบนพงหญาแหง งดเวนการกอกองไฟ
ในปา หรอื ดบั ไฟใหสนทิ ทกุ ครัง้ เพื่อปองกนั ไฟปา ) ส่ือ Digital

ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับไฟปา ไดที่ https://wildfire.forest.go.th/
สวนควบคุมไฟปา กรมปา ไม

T217

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 8.3) การปฏบิ ตั ิตน ท�าได ้ ดงั นี้ 1. ใ ห้อพยพไปยังสถานท่ีปลอดภัย  โดยสวมใส่
หน้ากากอนามัยและแว่นตา  เพ่ือป้องกันฝุ่น
ขน้ั ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มูล 1. จ  ัดเตรียมและซ่อมแซมอุปกรณ์ดับไฟป่าให้ ละอองเข้าสู่ร่างกาย
เพยี งพอและพร้อมใช้งาน
4. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมสงตัวแทนออกมาเขียน 2.  สร้างแนวกันไฟ  เพ่ือป้องกันไม่ให้ ไฟลุกลาม
แนวทางการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการระวังภัย 2. เ ตรยี มหมายเลขโทรศพั ทฉ์ กุ เฉนิ เพอ่ื ขอความ ไปยงั พน้ื ท่ีใกล้เคยี ง
จากไฟปา ลงในตารางบนกระดานหนา ชน้ั เรยี น ช่วยเหลือในการดับไฟป่า  เข้าร่วมการเป็น
ซง่ึ ครกู าํ หนดหวั ขอท่สี ําคัญไว เชน อาสาสมคั รในการดับไฟปา่ 3. เ ม่ือพบเ1ห็นไฟไหม้ปา่ หรอื สวนป่า ให้ช่วยกัน
• การปอ งกันไฟปา
• การปฏิบัตงิ านดบั ไฟปา 3. ด  ูแลพื้นที่ริมแนวชายป่า  โดยเก็บกวาดใบไม้ ดบั ไฟปา่ อย่างระมดั ระวงั  หรอื แจง้ หน่วยงาน
• หนาที่ของหนวยงานท่ีเกี่ยวของของภาครัฐ แห้ง  ก่ิงไม้แห้ง  หรือหญ้าแห้งให้โล่งเตียน ราชการทอี่ ยบู่ ริเวณใกลเ้ คียง
และเอกชน ไม่ให้กองสมุ  เป็นเชอื้ เพลงิ ในการเกดิ ไฟไหม้ 4. ร ะหวา่ งดบั ไฟในขณะลมแรง ใหห้ ลกี เลย่ี งการ
• การมสี วนรว มของประชาชน สดู ดมควนั ไฟ และระวงั อยา่ ให้ขเ้ี ถา้ เขา้ ตา
จากน้ันรวมกันสนทนา เพ่ือใหนักเรียนเกิด 4.  ท�าระบบป้องกันไฟป่า  โดยใช้พืชชนิดต่าง ๆ 
ปลูกตามแนวคลองส่งนา�้
ความรูความเขาใจท่ีถูกตองเกี่ยวกับแนวทาง
การปฏิบัติตนเพ่ือการระวังภัยจากไฟปา ทั้งใน
ชว งกอ นเกิดภัย ขณะเกดิ ภัย และหลังเกิดภยั

ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภยั หลังเกดิ ภัย

1. ส  ร้างระบบควบคุมไฟป่าด้วยแนวทางป้องกันไฟป่าเปียก  โดยอาศัยน�้า
ชลประทานและน�า้ ฝน

2. เ พิ่มความระมดั ระวงั การจุดไฟในปา่  เช่น ไม่ทิ้งกน้ บุหรล่ี งบนหญ้าแหง้  หาก
กอ่ กองไฟ หรอื ประกอบอาหารในปา่  ควรดบั ไฟใหส้ นทิ ทกุ ครงั้ หลงั ใชง้ านเสรจ็

3. จดั เวรยามเฝา้ ระวงั ไฟป่า

210

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ

1 ดับไฟปา สามารถแบงออกเปน 2 วิธี ดังนี้ บคุ คลในขอใดปฏบิ ตั ติ นไดอ ยา งเหมาะสมในการระวังไฟปา
1. การดับไฟทางตรง คือ วิธีการท่ีพนักงานดับไฟปาเขาไปดับไฟที่ขอบ 1. ขาวท้งิ กน บหุ ร่ีลงบนพงหญา แหง
2. ดาํ จุดไฟเผาปาเพ่ือหาของปาและลาสัตว
ของไฟโดยตรง วธิ นี ใ้ี ชใ นกรณที ไี่ ฟมขี นาดเลก็ เชน ไฟทไี่ หมใ นปา เบญจพรรณ หรอื 3. แดงกอกองไฟขณะพักแรมในปาแลว ลมื ดบั
ปา เต็งรัง ซงึ่ มคี วามรอ นแรงและควนั ไมม ากนัก เครือ่ งมอื หลักที่ใชในการดบั ไฟ 4. เขยี วพบเหน็ ไฟไหมข างทาง แตละเลยไมแ จงเจาหนา ที่
ทางตรง ไดแก ถังฉีดน้ํา พล่ัวไฟปา และที่ตบไฟ โดยใชพล่ัวตักดินหรือ 5. เทาไถกลบเศษวชั พืชแทนการเผาเพ่ือเตรียมพน้ื ทเ่ี พาะปลกู
ทรายสาดกลบไฟ หรือใชนํ้าฉีดนําเพ่ือลดความรอนและความสูงของเปลวไฟ
จากนน้ั จึงใชท่ีตบไฟเขาไปตบคลุมไฟจนดับ (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 5. การไถกลบเศษวัชพืชแทนการเผา
เพอ่ื เตรยี มพน้ื ทเี่ พาะปลกู เปน วธิ กี ารหนง่ึ ในการปอ งกนั การลกุ ลาม
2. การดับไฟทางออม ใชสําหรับดับไฟปาขนาดใหญที่มีความรอนแรง เปนไฟปา )
และความสูงของเปลวไฟมากเกินกวาที่พนักงานดับไฟปาจะสามารถเขาไป
ปฏบิ ตั งิ านทขี่ อบของไฟไดโ ดยตรง หรอื ใชใ นกรณที ไี่ ฟปา กาํ ลงั ไหมอ ยใู นบรเิ วณ
ทเ่ี ปนอนั ตรายอยา งยิ่งตอการปฏิบตั งิ าน เชน ใกลหนาผา หรอื ในรองเขาและ
หุบเหว การดบั ไฟทางออมแบง ออกเปน วิธยี อย 3 วิธี ไดแ ก ดบั ดวยแนวกนั ไฟ
ดบั ดวยไฟ และดับดว ยการเบี่ยงทิศทางของหวั ไฟ

T218

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

4.2 ภยั แล้ง (drought) ขนั้ สอน

1) ค�าจา� กดั ความ ภยั แลง้ เป็นภัยท่เี กดิ ขน้ึ จากการท่ีมีฝนตกน้อยกวา่ ปกตติ ่อเนื่อง ขน้ั ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มลู

เปน็ เวลานาน ทา� ใหเ้ กดิ การขาดแคลนนา้� ใชเ้ พอื่ การอปุ โภคบรโิ ภคและการเกษตร ความรนุ แรงของ 5. ครูสนทนากบั นักเรียนเก่ยี วกับภัยแลง แลว สมุ
ช่วงฝนแล้งน้ันข้ึนอยู่กับความช้ืนในอากาศ  ระยะเวลาที่เกิดความแห้งแล้ง  และขนาดของพ้ืนที่ นักเรียน 2-3 คนใหอ ธิบายถึงความหมายของ
ที่ไดร้ บั ผลกระทบ ภยั แลง ทไ่ี ดศ กึ ษามา จากนน้ั ใหน กั เรยี นรว มกนั
2) กระบวนการเกิดภัยแล้ง มีดงั น้ี วเิ คราะหถ งึ ความสมั พนั ธก นั ของภาวะโลกรอ น
• ในชว่ งฤดฝู นเกดิ ฝนแลง้  หรอื เกดิ ฝนทงิ้ ชว่ งเปน็ ระยะเวลานาน ทา� ใหป้ รมิ าณฝน และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกับภัยแลง
เฉลยี่ ต�่ากว่าคา่ ปกต ิ เชน่  มีฝนตกนอ้ ยกวา่  1 มลิ ลเิ มตรตดิ ต่อกันเกนิ  15 วัน เพ่ือใหเกิดความเขาใจเกี่ยวกับปจจัยท่ีทําให
• พน้ื ทน่ี อกเขตชลประทานขาดแคลนน้�าเพาะปลูก เลย้ี งสัตว ์ และใช ้ในครัวเรอื น เกิดภัยแลง แลวสอบถามถึงปจจัยอื่นๆ ที่
• พนื้ ดนิ แหง้  พชื ขาดนา�้ นานจะเหยี่ วและลม้ ตาย สตั วเ์ ลยี้ งตอ้ งยา้ ยไปหาแหลง่ นา้� ทาํ ใหเ กดิ ภยั แลง ในบรเิ วณพนื้ ทต่ี า งๆ ของโลก
ระแหง เชน่  ภาคต• ะรวะนั ดอบั อนกา�้ เใฉตยี ด้ งนิ เหลดนลอื งข อตงน้ ปไมระ ้ใเหทญศจ่ไทะเยหทย่ี มี่วเเี ฉกาล อื พหน้ื นิ ท1 (ี่โrลoง่cทk พี่saชื lลt)ม้ อตยาู่ใยตได้ปนิ แนลน้ัว้   ดบนิรแเิ วตณก และในประเทศไทยเพื่อการวิเคราะหขอมูล
ผิวหน้าดินจะมีข้ีเกลอื ตกกระฉาบอยูต่ ามพื้นดิน เกย่ี วกับภยั แลงรวมกนั
3) ประเภทของภยั แลง้  ภยั แลง้ ม ี 3 ประเภท ดงั นี้
3.1) ภัยแลง้ ทางอตุ นุ ิยมวทิ ยา (meteorological drought) เป็นภยั แล้งท่เี กิดข้ึน 6. ครใู หน ักเรยี นศึกษา Geo Tip เก่ียวกับปจจัย
ทส่ี ง ผลตอ ความรนุ แรงของภยั แลง จากหนงั สอื
เรยี น ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการวิเคราะห
ขอ มลู เพม่ิ เติม

เนอื่ งจากปรมิ าณฝนโดยเฉลยี่ มปี รมิ าณนอ้ ยกวา่ คา่ เฉลยี่  เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั คา่ เฉลยี่ ของชว่ งระยะ
เวลายาวนานในอดตี
3.2) ภัยแลง้ ทางการเกษตร (agricultural drought) เปน็ ภยั แล้งทค่ี วามชื้นในดิน
ไมเ่ พียงพอที่พชื จะนา� ไปใชป้ ระโยชน์ได ้ โดยเปรียบเทยี บจากผลผลติ ของพชื ทปี่ ลกู ในสภาวะท่ีพชื
ใช้น�้าปกติ  หากผลผลิตท่ีได้ ในช่วงเวลาน้ันมีปริมาณน้อยกว่าโดยเฉล่ียแล้ว  อาจมีสาเหตุจากน้�า
ในดนิ ขาดแคลน ทา� ให้ปรมิ าณและผลผลิตทางการเกษตรลดน้อยลง
3.3) ภัยแล้งทางอุทกวิทยา (hydrological drought)  เป็นภัยแล้งท่ีปริมาณน�้า
ในแม่น�้า หนอง บงึ  ทะเลสาบ รวมถงึ อา่ งเก็บน�้าลดลง มีระดบั ต่า� กว่าปกต ิ และระดบั น�้าใต้ดินก็มี
ระดบั ลดลงต�า่ กว่าปกติ
GTeipo
ปจจยั ท่ีส่งผลต่อความรนุ แรงของภยั แลง้
1. ปรมิ าณฝนและความชนื้ ในอากาศ พนื้ ทท่ี ม่ี ปี รมิ าณฝนและความชน้ื ในอากาศนอ้ ย ภยั แลง้ จะรนุ แรง
มากกวา่ พื้นทท่ี ม่ี ีปรมิ าณฝนและความช้นื ในอากาศสงู
2. เขตชลประทานและแหลง่ น้า�  พนื้ ทท่ี ่ีอยู่ในเขตชลประทานและมีแหลง่ นา้� ธรรมชาติมาก ภยั แล้งจะ
รุนแรงนอ้ ยกวา่ พ้ืนท่ที ่ีอยนู่ อกเขตชลประทาน
3. ความช้ืนและลักษณะการอุ้มน้�าของดิน  พ้ืนที่ที่เป็นดินเหนียวจะมีความชื้นในดินสูงและอุ้มน�้า
ได้มาก ภัยแล้งจึงรนุ แรงน้อยกวา่ พืน้ ที่ท่ีเป็นดนิ รว่ น หรือดนิ ทราย
211

กจิ กรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู

นักเรียนจับคูกันตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตรเกี่ยวกับภัยแลง เชน 1 เกลือหิน แรเฮไลตหรือเกลือโซเดียมคลอไรดท่ีเกิดเปนมวลผลึก
การเกิดภัยแลงในแตละภูมิภาคของโลก มีลักษณะเหมือนหรือ หยาบๆ ในหินตะกอน โดยอยูในรูปของโดมเกลือ ลําเกลือ หรือชั้นหินเกลือ
แตกตางกันหรือไม อยางไร หรือพ้ืนที่ที่เกิดภัยแลงสงผลกระทบ ระเหย แหลงเกลือที่เกิดสะสมตัวในยุคตางๆ ของธรณีกาลพบเกิดต้ังแตยุค
ตอพ้ืนท่ีอ่ืนๆ โดยรอบอยางไร แลวระดมสมองในการรวมกันคิด ไซลเู รยี นจนถงึ ปจ จบุ นั และมกั เกิดเปน มวลชั้นตอ เนือ่ ง ในประเทศไทยพบมาก
หาคําตอบ จากน้นั ออกมานําเสนอหนา ช้ันเรยี น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในบริเวณแองสกลนครและแองโคราช ในที่บาง
แหงเกลือหินถูกนํ้าละลายพาซึมขึ้นมาบนผิวดินถูกแดดแผดเผา เกิดผลึกใหม
เปน ขยุ ขาวๆ เรยี กกันวา เกลือสินเธาว เกลือหินทต่ี กผลึกรวมตวั อยูแบบหินชน้ั
เรยี กวา ช้นั เกลอื หนิ

T219

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 4) สาเหตุการเกิดภยั แลง้  มดี งั น้ี

ขนั้ ที่ 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอมลู 4.1) เกิดการผันแปรของสภาพอากาศ ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ตกน้อย ท้ิงช่วง 
ท�าให้มีน�้ากักเก็บในแหล่งน�้าน้อย ในฤดูแล้งที่อากาศร้อนการระเหยของน�้าจะมีมากข้ึน ท�าให้น้�า
7. ครสู นทนากบั นกั เรยี นถงึ สาเหตกุ ารเกดิ ภยั แลง ในแหล่งน�้าลดระด4.ับ2จ) นคถวงึ าภมาผวะิดวปกิ กฤตติของต�าแหน่งร่องมรสุม1 ท�าให้มีฝนตกในพ้ืนที่น้อยกว่าปกต ิ
แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั นาํ เสนอสาเหตใุ นประเดน็ หรือความผิดปกตเิ นอ่ื งจากพายหุ มนุ เขตรอ้ นกอ่ ตวั เคล่ือนทผ่ี า่ นมานอ้ ยกว่าปกติ
อื่นๆ ตามการวิเคราะหของนกั เรียน ประกอบ
การแสดงตัวอยาง หรือหลักฐานประกอบเพื่อ 4.3) ขาดแหล่งกักเก็บน�้าท่ีเพียงพอในช่วงภัยแล้ง ซึ่งอาจเกิดจากข้อจ�ากัดทาง
สนบั สนนุ ขอเสนอดงั กลาวเพ่ิมเติม ภูมิประเทศ  หรือแหล่งน�้าได้รับการพัฒนาที่ไม่เหมาะสม มีขนาดเล็กเกินไป น�ามาใช้ประโยชน์
ไม่เพียงพอ หรอื บางแหง่ อยูไ่ กลจากชุมชนเกินไป
8. ครูใหนักเรียนนําสาเหตุการเกิดภัยแลงใน
ประเดน็ ตา งๆ มาวเิ คราะห เชอื่ มโยงกบั แผนที่ 4.4) การตดั ไมท้ า� ลายปา่  ทา� ใหข้ าดความชมุ่ ชนื้ และซมึ ซบั เกบ็ นา�้  ซง่ึ มผี ลกระทบ
แสดงพื้นท่ีเสี่ยงการเกิดภัยแลงของโลก จาก ต่อการเปลยี่ นแปลงองค์ประกอบของภูมอิ ากาศ เช่น ความช้นื  อุณหภูมิ
หนงั สือเรยี น ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการ
วิเคราะหขอมลู เพิ่มเตมิ 4.5) ความตอ้ งการใชน้ า�้ เพมิ่ ขนึ้ จากจา� นวนประชากรทมี่ ากขนึ้  ทา� ใหน้ า�้ มปี รมิ าณ
ลดนอ้ ยลงอยา่ งมาก

5) การกระจายการเกดิ ภยั แล้งของโลก

แผนที่แสดงพน้ื ท่ีเสย่ี งการเกดิ ภยั แล้งของโลก

80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ 80 Nํ
60 Nํ 60 Nํ

40 Nํ 40 Nํ

20 Nํ 20 Nํ

0ํ 0ํ

20 Sํ 20 Sํ

40 Sํ 40 Sํ

N 60 Sํ ระดบั ความรนุ แรงของภยั แลง 60 Sํ

1 : 250,000,000 80 Sํ แลงนอย แลง มาก 80 Sํ 0 2,000 4,000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ

ที่มา : www.researchgate.net/publication/303312551

212

นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทาทาย

1 รองมรสุม หรือรองความกดอากาศตํ่า มีลักษณะเปนแนวพาดขวางใน นกั เรยี นสบื คน ขอ มลู สถติ กิ ารเกดิ ภยั แลง ในทวปี ตา งๆ ของโลก
ทิศตะวันออก-ตะวันตก จะอยูในเขตรอนใกลๆ เสนศูนยสูตร และจะมีการ แลวนํามากําหนดตําแหนงลงบนแผนที่โครงรางที่นักเรียน
เลื่อนขึ้น-ลงตามแนวโคจรของดวงอาทิตย โดยจะลาหลังประมาณ 1-2 เดือน วาดเอง แลวระบุปท่ีเกิด สาเหตุที่เกิด จํานวนผูไดรับผลกระทบ
ความกวา งของรอ งความกดอากาศตาํ่ หรอื รอ งมรสมุ ประมาณ 6-8 องศาละตจิ ดู สงครูผูสอน
เปน บรเิ วณทมี่ เี มฆมากและฝนตกอยา งหนาแนน ฉะนนั้ เมอื่ รอ งนป้ี ระจาํ อยทู ใ่ี ด
หรอื ผานทใี่ ด ก็จะทาํ ใหท ีน่ ั้นฝนตกอยา งหนาแนน ได

T220

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

      จากแผนท ่ี จะเหน็ วา่ ในภมู อิ ากาศเขตรอ้ นและเขตอบอนุ่ ของทวปี ตา่ ง ๆ มรี ะดบั ความ ขน้ั สอน
รุนแรงของภัยแล้งแตกต่างกันตามช่วงระยะเวลาเกิดฝนแล้งและฝนท้ิงช่วง  ซึ่งเป็นผลจาก
ปรากฏการณ์เอลนีโญ  พื้นท่ีประสบภัยแล้ง  เช่น  ทวีปเอเชียในประเทศอินเดีย  เกิดภัยแล้งจาก ขั้นท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมูล
ฝนตกนอ้ ย และไมต่ กเลยในชว่ งตน้ เดอื นเมษายน - 
แผนทีแ่ สดงพ้นื ทเ่ี ส่ยี งภยั แลง้ ในประเทศไทย พฤษภาคม  พ.ศ. 2559  ทวีปออสเตรเลียและ 9. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางสถานการณ
โอเชียเนียในรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐแถบชายฝั่ง การเกิดภัยแลงในประเทศไทยและประเทศ
98 Eํ 100 ํE 102 Eํ 104 ํE 106 Eํ อื่นๆ ของโลกที่ไดศึกษาและรับขาวสาร
มาวิเคราะหถึงความสําคัญของทรัพยากรนํ้า
6 ํN 8 ํN 10 ํN 12 ํN 14 ํN 16 ํN 18 ํN 20 ํN 20 ํN 18 Nํ 16 ํN 14 ํN 12 Nํ 10 ํN 8 Nํ 6 Nํ ตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย  ไม่มีฝนตก ตอการดํารงชีวิตของประชากร ประกอบการ
ในช่วงเดือนสิงหาคม - ต้นกันยายน  พ.ศ. 2561  ศกึ ษา Geo Tip เกย่ี วกบั เสน เวลาแสดงภยั แลง
ทวีปแอฟริกาในประเทศแถบชายฝั่งมหาสมุทร ของประเทศไทยในชวง พ.ศ. 2520-2560
อนิ เดียและตอนเหนือของอา่ วกนิ ี จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากน้ัน
ฝ  นตกนภ้อัยยแกลว้ง่าใปนกปตริ ะหเทรืศอเไกทิดยฝสน่วทน้ิงใชห่วญง1ใ่เนกฤิดดจูฝานก  ครูต้ังคาํ ถาม เชน
โดยจะเกิดใน 2 ชว่ ง ได้แก่ ช่วงฤดหู นาวต่อเนอื่ ง • การเกิดความแหงแลงในประเทศไทย
ฤดรู อ้ น เรมิ่ จากครงึ่ หลงั ของเดอื นตลุ าคมเปน็ ตน้ ไป เก่ียวของกับปฏิสัมพันธทางภูมิศาสตรใน
บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนลดลงจน ดานใด และมีลักษณะอยา งไร
เข้าสู่ฤดูฝนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของปี (แนวตอบ การเกิดความแหงแลงใน
พ้นื ทเ่ี ส่ยี งภัยแลง ประเทศไทยเกี่ยวของกับปฏิสัมพันธทาง
เส่ียงมาก ภูมิศาสตรในสวนของบรรยากาศภาค
เสี่ยงปานกลาง ถดั ไป ภยั ลกั ษณะนเ้ี กดิ ประจา� ทกุ ป ี และชว่ งกลาง กลาวคือ ชวงเวลาการปกคลุมพื้นที่ของ
ฤดฝู น ประมาณปลายเดือนมถิ นุ ายน - กรกฎาคม  ลมมรสมุ มอี ทิ ธพิ ลอยา งยง่ิ ตอ การเกดิ ความ
N เส่ยี งนอย มีฝนทิ้งช่วงเกิดขึ้น ภัยแล้งลักษณะน้ีเกิดข้ึนใน แหงแลงในประเทศไทย เมื่อลมมรสุม
เสย่ี งนอ ยมาก ตะวันตกเฉียงใตออนกําลังลงปกคลุมพื้นท่ี
แหลง น้ำ ในระยะเวลาสนั้ ลง หรอื ลมมรสมุ ตะวนั ออก-
เฉียงเหนือที่นําความหนาวเย็นแหง แลง จาก
0 50 100 150 กม. ภบาางคบเรหเิ นวณือ เภชาน่ ค ภตาะควตันะตวนกั อ2เอนกื่อเฉงจยี างเกหเนปอื็นตบอรนิเกวณลาทง่ี  ตอนเหนือของทวีปท่ีมีกําลังแรงหรือพัด
98 ํE 100 Eํ 102 Eํ 104 ํE มาเร็วกวาปกติ ก็ทําใหเกิดความแหงแลง
ขึน้ ได นอกจากนี้ การเกดิ พายุหมนุ เขตรอ น
GTeipo อทิ ธพิ ลของลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งใตเ้ ขา้ ไปไมถ่ งึ ทีม่ อี ิทธพิ ลตอ ปรมิ าณน้ําฝนในประเทศไทย
นอยกวา 2 ลูก ก็อาจสงผลใหในปน้ันเกิด
เส้นเวลาแสดงภยั แลง้ ของประเทศไทยในชว่ ง พ.ศ. 2520 - 2560 ความแหง แลง ข้ึนได)
พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2548
เกดิ ฝนแลง้ รนุ แรง บรเิ วณท่แี ล้ง มปี ริมาณฝนนอ้ ยและต่า� กว่า
จดั เปน็ บรเิ วณกวา้ งมากทสี่ ดุ  คอื ค่าปกติ  พ้ืนที่ประสบภัยมี
ภาคเหนือต่อภาคกลางท้ังหมด  ทกุ ภาค โดยเฉพาะภาคเหนอื  
2520 และภาคตะวนั อ2อ5ก3เ0ฉยี งเหนือ ภา2ค5ต50ะวนั ออกเฉียงเหนือ 2560
2540

พ.ศ. 2520 พ.ศ. 2536 พ.ศ. 2559
ช่วงเดือนมิถุนายน - เกดิ ภาวะฝนทงิ้ ชว่ งและฝนหมด มีปริมาณฝนสะสมเฉล่ียน้อย
สิงหาคม มพี ้ืนทป่ี ระสบ เร็วกว่าปกติ  พื้นท่ีประสบภัย กว่าปกติ  ท�าให้น้�าในเขื่อนมี
ภยั แลง้ เกอื บทั่วประเทศ อย ู่ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื น้อย  พื้นท่ีประสบภัยแล้งมี
ภาคกลาง และภาคตะวันออก เกอื บทุกภาค

213

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

ภยั แลง ทเี่ กดิ ขน้ึ ในประเทศไทยมสี าเหตมุ าจากอะไร และพน้ื ท่ี 1 ฝนท้ิงชวง ชวงที่มีปริมาณฝนตกไมถึงวันละ 1 มิลลิเมตรติดตอกันเกิน
บรเิ วณใดทีไ่ ดร ับผลกระทบจากภยั แลง 15 วันในชวงฤดูฝน เดือนที่มีโอกาสเกิดฝนท้ิงชวงสูง คือ เดือนมิถุนายนและ
กรกฎาคม
(แนวตอบ ภัยแลงในประเทศไทย สวนใหญมีสาเหตุเกิดจาก 2 ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนกลาง ภาคเหนอื ภาคตะวันตก ในบริเวณท่ี
ฝนแลง และทงิ้ ชว ง ซง่ึ ฝนแลง เปน ภาวะปรมิ าณฝนตกนอ ยกวา ปกติ ลมตะวันออกเฉียงใต เขาไปไมถึงหรืออาจเขาไปถึง แตไดรับอิทธิพลนอย
หรอื ฝนไมตกตอ งตามฤดกู าล พนื้ ทที่ ่ไี ดร บั ผลกระทบจากภยั แลง เนื่องจากเปน เขตเงาฝน ทําใหมฝี นตกนอย พืน้ ดินมีความชมุ ชื้นนอ ย
มาก ไดแ ก บริเวณภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนกลาง เพราะเปน
บรเิ วณทอี่ ทิ ธพิ ลของมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตเ ขา ไปไมถ งึ และถา ปใ ด
ไมม พี ายหุ มนุ เขตรอ นเคลอื่ นผา นในแนวดงั กลา วแลว จะกอ ใหเ กดิ
ภัยแลงรุนแรงมากขึ้น นอกจากพื้นที่ดังกลาวแลว ยังมีพ้ืนที่ใน
ภมู ภิ าคอืน่ ๆ อีก ท่มี กั จะประสบปญ หาภัยแลงเปนประจํา)

T221

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 6) ภยั ต่าง ๆ ท่เี กิดจากภยั แล้งรุนแรง มดี ังน้ี

ข้นั ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล 1. ขาดแคลนน้�า สา� หรับใช ้ในการอปุ โภคบริโภค การเกษตร การประมง ปศุสัตว ์
ระบบนิเวศ และการผลติ พลงั งานจากน�า้
• พนื้ ทบ่ี รเิ วณใดของประเทศไทยทม่ี กั ประสบ
ปญหาความแหงแลง และมีสาเหตุมาจาก 2. ส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศแหล่งน้�าตายและสูญพันธุ์  ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ
สงิ่ ใด ถิน่ ทอี่ ยู่อาศยั ของสัตวป์ ่าตามมา
(แนวตอบ ไดแก บริเวณภาคตะวันออก-
เฉียงเหนือตอนกลาง เพราะเปนบริเวณ 3. เกิดไฟป่า เน่อื งจากสภาพอากาศทรี่ อ้ นและแล้งจัด
ท่ีอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต 4. สรา้ งความเสียหายทางเศรษฐกิจ เพราะกระบวนการผลติ ทัง้ ภาคเกษตรกรรม
เขาไปไมถึง และถาปใดท่ีไมมีพายุหมุน และอุตสาหกรรมไดร้ บั ความเสยี หาย ท�าให้ผลผลิตไม่เพยี งพอต่อการบริโภค
เขตรอนเคลื่อนผานในแนวดังกลาวแลว
จะกอใหเ กดิ ภัยแลงรุนแรงมากย่งิ ขึน้ ) 7) เหตุการณ์ภัยแลง้ ที่รนุ แรง ครง้ั สา� คญั  เชน่

10. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหค วามรเู กย่ี วกบั เหตกุ ารณ์ ภยั แล้งครง้ั ใหญ่ในทวีปแอฟรกิ า พ.ศ. 2554
ผลกระทบจากภัยแลงท่ีหนาช้ันเรียน โดย จบิ ูตี1 สาเหตุ : เกิดจากปรากฏการณ์ลานีญา ซ่ึงรุนแรง
เขยี นรายละเอยี ดลงในผงั แสดงความสมั พนั ธ 117,000 คน ผิดปกติ ท�าให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล นับเป็น
ของสาเหตุและผลท่ีครูเตรียมไวบนกระดาน ภยั แลง้ ท่รี ุนแรงทีส่ ุดในรอบ 60 ปี
พรอมท้ังชวยกันเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อให โซมาเลีย
เกิดความรคู วามเขา ใจทถี่ ูกตอ งชดั เจนยิ่งขึ้น
2.6 ลา นคน

เอธิโอเปย ผลกระทบ : ทา� ใหป้ ระชาชนในแถบจะงอยแอฟรกิ า
เช่น เคนยา เอธิโอเปีย โซมาเลีย  ขาดแคลนอาหาร
3.2 ลา นคน

เคนยา สถานการณค วามขาดแคลน และน้�าจ�านวนกว่า 13.3  ล้านคน  มีผู้เสียชีวิตกว่า
1  แสนคน  และประชาชนกว่า 12  ล้านคน  ซึ่งใน
3.2 ลานคน จ�านวนนี้เป็นเด็กถึง 2  ล้านคน  ต้องอพยพออกจาก

0 300กม. ภาวะเสี่ยง ภูมิล�าเนา นอกจากนี้ ประชาชนยังประสบกับปัญหา
ภาวะวิกฤต โรคระบาดเน่ืองจากไม่มีระบบสุขอนามัยที่ดี และภัย
ภาวะฉุกเฉนิ ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ต่าง ๆ  ท�าให้ล้มตาย

แผนทแี่ สดงพนื้ ทปี่ ระสบภยั แลง้ และจา� นวนประชากร เป็นจา� นวนมากเพราะขาดน้า� และอาหาร
ที่ไดร้ บั ผลกระทบในบรเิ วณจะงอยแอฟรกิ า
 ซากสตั ว์ท่ีตายเนือ่ งจากภาวะภัยแล้งรุนแรงในประเทศโซมาเลยี

214

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 จิบูตี เมื่อพ.ศ. 2554 จิบูตีเปนหน่ึงในประเทศในภูมิภาคจะงอยแอฟริกา ปญหาภัยแลงสงผลกระทบตอการดํารงชีวิตของประชาชน
(Horn of Africa) ท่ีประสบกับภัยแลง โดยมีผูไดรับความเดือดรอนประมาณ อยา งไร
1 แสนคน รัฐบาลไทยไดบริจาคเงินชวยเหลือจํานวน 50,000 ดอลลารสหรัฐ
ผานโครงการอาหารโลก (World Food Programme: WFP) เพื่อชวยเหลือ (แนวตอบ สงผลกระทบหลายดาน เชน ดา นสงั คม ทําใหเกดิ
ผูประสบภัยแลง ในบริเวณดังกลา ว รวมถงึ จิบตู ดี ว ย การขาดแคลนน้ําไวใชบริโภคอุปโภค สงผลตอสุขอนามัยของ
ประชาชน ดา นการเมอื ง อาจทําใหเ กิดการแยงพ้นื ที่แหลงน้าํ กัน
ดานเศรษฐกิจ ทําใหเกิดความเสียหายตอพ้ืนที่ทางการเกษตร
เชน พน้ื ดนิ ขาดความชมุ ชืน้ พชื ขาดนํ้าและชะงักการเจรญิ เตบิ โต
ผลผลติ ทีไ่ ดมคี ณุ ภาพตา่ํ รวมถงึ ปริมาณลดลง อาจสงผลตอการ
เลิกจางงาน ดานส่ิงแวดลอม สงผลกระทบตอสัตวตางๆ ทําให
ขาดแคลนนํ้า เกิดโรคกับสัตว รวมถึงสูญเสียความหลากหลาย
ทางชวี ภาพ)

T222

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เหตุการณ์ ภัยแล้งที่รุนแรงในสหรฐั อเมริกา พ.ศ. 2557 ขนั้ สอน

สาเหตุ : เนอ่ื งจากมปี รมิ าณฝนในเดอื นธนั วาคม ขนั้ ท่ี 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม
น้อยกว่าค่าปกติกว่าคร่ึง ปริมาณหิมะบน
เทือกเขาเชียร์รา เนวาดา ทางตอนเหนือของ 1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
รัฐแคลิฟอร์เนียตกน้อย ซึ่งเป็นแหล่งผลิต สําคัญเพือ่ ตอบคําถามเชิงภูมศิ าสตร
น้�าจืดส�าคัญ โดยปกติมีค่าความหนาเฉลี่ยไม่
น้อยกว่า 165 เซนติเมตร แต่ความหนาของ 2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานท่ี 5.4 เรื่อง
หิมะลดเหลือประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นท่ีมี ภยั พิบัติธรรมชาตทิ างชีวภาค
อุณหภมู ิพนื้ ผวิ สงู มาก เป็นการเพิ่มระดบั ความ
ร้อนและแล้งมากข้ึนร้อยละ 36 ท�าให้พ้ืนท่ีกว่า 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
คร่ึงหนึ่งของรัฐแคลิฟอร์เนียเกิดความแห้งแล้ง ม.4-6 เก่ียวกับภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาค
อย่างรนุ แรง โดยครูแนะนําเพิม่ เตมิ

ภาพเปรียบเทียบทะเลสาบโอโรวิลล์ รฐั แคลิฟอร์เนีย ผลกระทบ : แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีพ้ืนที่ทาง 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน
ในภาวะปกติและภาวะภัยแล้ง การเกษตรกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่ง จึงได้รับผล (รวบยอด) ดว ยการทาํ กจิ กรรม Mini Project
กระทบจากภัยแล้งรุนแรงมากที่สุด อ่างเก็บน�้า การศึกษาคนควาดวยตนเองเกี่ยวกับภัยพิบัติ
ซาคราเมนโตและลุ่มแม่น้�าซานเฮาควินมีปริมาณน�้าน้อยมาก ทั้งน้ี ชาวแคลิฟอร์เนียใช้น้�าเฉลี่ย ทางธรรมชาติ โดยใชความรูเร่ืองภูมิศาสตร
ประมาณ 6868 )ล ิตกราตร่อจวัดนั ก ทารา� ภใหยั ผ้ พบู้ ิบริหัตาภิ รยั ขแอลงรง้ 1ัฐ ตม้อีดงังจนัดี้ ระบบการปันส่วนการใช้นา้� อยา่ งเร่งดว่ น สรุปดวยประเดน็ ตอไปนี้
8.1) มาตรการ มดี งั นี้ • สรุปผลการสืบคนลักษณะทางกายภาพ
    1. จดั ระบบการชลประทานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ  มกี ารจดั สรรการใชน้ า้� ซึ่ ง ทํ า ใ ห  เ กิ ด ป  ญ ห า ห รื อ ภั ย พิ บั ติ ท า ง
อย่างเหมาะสม เพื่อให้มปี ริมาณน้�าสา� รองไว ้ใชห้ ากเกิดภยั แลง้ ธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ
    2. จัดหาและก่อสร้างแหล่งน้�าหรือแหล่งกักเก็บน้�าขนาดใหญ่  การพัฒนา ของโลก
พนื้ ทชี่ มุ่ นา�้  การขดุ ลอกลา� นา้� เพอื่ เปน็ แหลง่ กกั เกบ็ นา�้  รวมถงึ พฒั นาแหลง่ นา้� ใตด้ นิ ทมี่ ปี รมิ าณมาก • การดาํ เนนิ การตามกระบวนการทางภมู ศิ าสตร
• การใชเทคนิคและเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร
สืบคนและรวบรวมขอมูลลักษณะทาง
กายภาพ ซึ่งทําใหเกิดปญหาหรือภัยพิบัติ
ทางธรรมชาติ และเสนอแนวทางการปอ งกนั
ระวงั ภัย

และมีคณุ ภาพเพื่อนา� มาใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบรโิ ภค และการเกษตร
    3. จัดท�าระบบเตือนภัยแล้ง  เช่น  การจัดท�าปฏิทินระบุถึงระยะเวลาท่ีอาจ
เกดิ ภยั  และให้ความรูแ้ กป่ ระชาชนถึงการเตรยี มรับมอื และผลกระทบท่ีไดร้ ับจากภยั แลง้
8.2) วธิ ปี อ้ งกนั  ทา� ได้ ดังน้ี
      1. ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคา� แจง้ เตอื นจากหน่วยงานที่เกย่ี วข้อง
      2. เตรยี มอปุ กรณห์ รอื ภาชนะสา� หรบั กกั เกบ็ นา้� เพอ่ื ใหม้ นี า�้ ใชเ้ พยี งพอในกรณี
เกดิ ภยั แล้งหรอื เม่ือถงึ ยามจ�าเป็น
      3. ปลูกปา่ ไมม้ ากขน้ึ เพือ่ ใหม้ ีความชนื้ เพียงพอทจ่ี ะทา� ใหเ้ กดิ ฝน
215

กิจกรรม เสริมสรางคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู

นักเรียนรวมกลุมกันทํากิจกรรม “ปองกันภัยแลง” โดยเลือก 1 การจัดการภัยพิบัติภัยแลง แนวทางการจัดการวิธีหน่ึง คือ ธนาคารน้ํา
กจิ กรรมใดกิจกรรมหนง่ึ บนพ้นื ฐานความพอเพยี ง ดงั นี้ เพ่ือเปนแหลงกักเก็บน้ํา จากการดูดซึมของหินใตพ้ืนผิวดินท่ีมีน้ําหรือ
1. จัดทําปา ยนเิ ทศ “รเู ร่อื งภยั แลง” หรอื “ระวงั ภยั แลง ” การสงตอน้ําบาดาลผานบอซึม โดยในกระบวนการกักเก็บนํ้า มีอยู 2 วิธีการ
2. ทําปายและเดินรณรงคเชิญชวนชาวไทยรวมใจปองกันและระวัง คอื การเติมน้าํ ลงในแองน้าํ (basin) โดยตรง กับการใชการแทนท่ีเพ่ือเตมิ นํา้
ลงในแองน้ํา จากท้ัง 2 วิธี จะทําใหไดนํ้าบาดาลที่สามารถนํากลับมาใชใหม
ภยั แลง ในภายหลงั
3. จัดทํารายการเสียงตามสาย “สนทนาแลกเปล่ียนเรียนรูเรื่อง

ภัยแลง”
4. จัดทาํ แผน พบั /แผนปลิว ความรูเ รอ่ื งการปอ งกนั ภยั แลง

T223

นาํ สอน สรุป ประเมิน

ขนั้ สอน 8.3) การปฏบิ ตั ติ น ทา� ได ้ ดงั น้ี 1.  ควรใชน้ �้าอย่างประหยดั  เชน่  ใช้น�้าจากฝักบวั
เพอื่ ชา� ระลา้ งรา่ งกายแทนการตกั อาบ หรอื นา�
ข้ันท่ี 5 การสรปุ เพอื่ ตอบคาํ ถาม 1. ส  �ารองภาชนะเก็บกักน้�าไว้ให้เพียงพอในช่วง นา�้ จากการซกั ผา้ ไปใชร้ ดนา�้ ตน้ ไม ้ หรอื เลอื กใช้
ฤดูฝน  เพ่ือจะได้มีน้�าไว้ใช้ในยามขาดแคลน ชกั โครกแบบประหยดั น้า�
5. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 ช่วงเกดิ ภาวะภัยแล้ง
เก่ียวกับเร่ือง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อ 2. เ พาะปลกู พชื อายสุ ั้นที่ใช้นา�้ น้อย เช่น แตงโม 
ทดสอบความรทู ี่ไดศ ึกษามา 2. เ ตรยี มสรา้ งระบบกกั เกบ็ นา�้ ในพนื้ ทกี่ ารเกษตร  พชื ตระกูลถว่ั  และควรใชน้ �้าเพือ่ การเกษตรใน
เช่น  ขุดบ่อน้�า  ร่องน�้า  เพ่ือจะได้มีแหล่งน�้า ชว่ งเชา้ และชว่ งเยน็  เพอ่ื ลดอตั ราการระเหยนา้�
แบบวัดฯ ส 5.1 ม.4-6/2 ส�ารองไวใ้ ชป้ ระโยชน์
3. แ  ก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการแจกจ่ายน�้าแก่
กิจกรรมท่ี 5.9 เรยี งลําดับการเกิดภยั พิบัตทิ ่กี ําหนด พรอมใหเหตผุ ลประกอบ คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได้ 3. ต  ิดตามสภาวะอากาศ  ฟังค�าเตือนจากทาง ประชาชน
และบอกวิธีการจัดการทเ่ี หมาะสม ราชการ  รวมท้ังเตรียมหมายเลขโทรศัพท์
5 ฉกุ เฉนิ เพอ่ื ขอนา�้ ไวบ้ รโิ ภคอปุ โภค หรอื ดบั ไฟปา่ 4. ห  ม่ันตรวจสอบท่อน้�าหรือก๊อกน้�าไม่ให้มีน�้า
Geo Skill •การคดิ แบบองครวม • การใชสถติ ิพื้นฐาน ร่ัวซึม
(แนวตอบ) 4.  กา� จัดวัสดเุ ชื้อเพลิงรอบที่พัก เพอื่ ป้องกนั การ
เกิดไฟปา่
แผน ดนิ ไหว ภูเขาไฟปะทุ สนึ ามิ แผน ดนิ ถลม
1 2 34

เหตุผล การจัดการภัย
............¡....Ò...Ã...¨....Ñ .´....¡....Ò....Ã...À....Ñ.Â....¾....Ô.º....ѵ.....Ô·....Õ.è à..Ë.....Á....Ò...Ð....Ê....Á........¤....×Í....
เฉฉบลับย ............¤....íÒ...µ.....Í....º....¢....Öé¹....Í....Â.....Ù‹¡....Ѻ....¡....Ò....Ã...à..Ã....ÕÂ....§....Å...í.Ò...´....Ѻ.....¢...Í....§... ¡....Ò...Ã....È....Ö¡....É.....Ò...¢...ŒÍ....Á....ÙÅ....à..¡....ÕèÂ....Ç....¡....Ѻ....À....ÑÂ....¾.....Ôº....ѵ.....ÔÍ...Â....Ù‹à...Ê....Á....Í....
.¹....Ñ¡....à..Ã....Õ Â.....¹........¹....Ñ¡....à..Ã....Õ Â.....¹....Í....Ò....¨....à..Ã...Õ .Â....§...Å....í.Ò...´....Ñ.º.....à..¾....Õ .Â....§... à...¾....×èÍ....ã..Ë.....ŒÊ....Ò...Á....Ò...Ã....¶....».....¯....Ôº.....ѵ....Ôµ.....¹....ä...´....Œ¶....Ù.¡....µ....ŒÍ....§......à...Á....è×Í....
.º....Ò...§...Ê....‹.Ç...¹.......à..ª...‹¹........à..¡....Ô´....á....¼.....‹¹.....´....Ô¹....ä..Ë.....Ç...á....Å....ŒÇ....Ê....‹§...¼....Å.... à...¡....Ô´....À.....ÑÂ....¾....Ô.º....ѵ.....Ô¢...éÖ.¹.......Ë.....Å....Õ¡....à...Å....ÕèÂ....§....¡....Ò...Ã....¡....Ã....Ð...·.....íÒ...·.....Õè
.ã..Ë.....Œ´....Ô¹.....¶.....Å....‹Á........á....µ.....‹.ä..Á.....‹à..¡....Ô.´....À....Ù.à..¢...Ò....ä..¿.....».....Ð...·.....Øá.....Å....Ð... Ê....§.‹ ...¼....Å....ã..Ë....àŒ..¡....´Ô....À....ÂÑ....¾.....ºÔ ....µÑ....¢Ô....¹éÖ ......à..ª..¹‹.......Å....´....¡....Ò...Ã...Ê....ºÙ....¹.....Òéí ...
.Ê...Ö.¹....Ò...Á.....Ôµ....Ò....Á....Á....Ò.......¤....Ã....Ù¾....Ô¨....Ò....Ã...³......Ò...¤....Ç....Ò...Á....¶.....Ù¡....µ.....ŒÍ....§... ã...µ.....Œ´....Ô¹....¨....¹....¢....Ò...´....Ê.....Á....´....ØÅ.......à..¾.....è×Í....»....‡.Í...§....¡....ѹ....¡....Ò....Ã...à...¡....Ô´....
.á....Å....Ð....¤....Ç....Ò...Á....à...¢...ŒÒ....ã..¨....¢....Í....§...¹.....Ñ¡....à..Ã...Õ.Â....¹.....¨....Ò...¡....¡....Ò....Ã...ã...Ë....Œ á.....¼.....‹¹.....´....Ô.¹....¶.....Å....‹.Á.......È....Ö.¡....É.....Ò...Ê....Ñ.Þ......Þ.....Ò....³.....à...µ....×.Í....¹....À.....ÑÂ....
.à..Ë....µ.....ؼ....Å.....»....Ã....Ð...¡.....Í....º.......Ë.....Ã...×.Í....¹....Ñ¡....à..Ã....ÕÂ....¹.....Í....Ò...¨....à..Ã...Õ.Â....§... Ë.....Ã....× .Í....Ê....Ñ.Þ......Þ......Ò....³......¸....Ã....Ã....Á.....ª...Ò....µ.....Ô ·.....Õè .º.....‹ .§....º.....Í....¡.....¶....Ö .§...
.Å...í.Ò...´....Ѻ.....¤....Ã....º....·.....Ñé§.......4......À.....ÑÂ....¾....Ôº.....ѵ....Ô....à..ª...‹¹.......¹.....Ñ¡....à..Ã...Õ.Â....¹.... ¡.....Ò...Ã....à..¡....Ô´.....À....ÑÂ....¾.....Ôº....ѵ.....Ô ...à..ª....‹¹........¡....Ò...Ã....Å....´....Å.....§...¢....Í....§...¹....íé.Ò...
.à..Ã...Õ.Â.....§....Å....í .Ò...´.....Ñ º.....µ.....Ò....Á.....À.....Ò...¾.........à...¾.....Ã....Ò....Ð...à...Á....×è.Í.....à...¡....Ô ´.... Í....Â....Ò‹...§...Ã....Ç...´....à..Ã...Çç....¡...Í.‹ ...¹....¨....Ð...à..¡....´Ô....¤....Å....×è¹.....Ê....¹Ö....Ò...Á....Ô..¢...³.....Ð...·.....Õè
.á....¼......‹ ¹.....´....Ô .¹.....ä..Ë.....Ç....¨....Ð....Ê....‹.§....¼....Å.....ã...Ë....Œ.à...¡....Ô ´.....¡....Ò....Ã....».....Ð....·....Ø à...¡....Ô´.....À....ÑÂ....¾.....Ôº.....ѵ....Ô.¤....Ç....Ã....µ....Ñé§....Ê.....µ....Ôá.....Å....Ð....».....¯....Ôº....Ñ.µ....Ô.µ....Ò....Á....
.¢...Í....§...À....Ù.à..¢...Ò...ä..¿......á....Å....Ð....Í...Ò....¨....¡....Ã...Ð....·.....º....¡....Ѻ.....Ã...Í....Â.....á....Â....¡.... ¤.....Òí ...á....¹....Ð...¹....Òí...·.....Õè.ä..´....ÈŒ....¡Ö....É.....Ò...Á....Ò.....à.¾.....Í×è...Å....´.....¤....Ç...Ò...Á....à..Ê....ÂèÕ....§...
.¢...Í....§...á....¼.....‹¹.....´....Ô¹....ã...µ....Œ¼.....×¹....¹.....íéÒ......Í....ѹ....à..».....š¹....Ê....Ò....à..Ë....µ.....Ø¡....Ò...Ã... µ.....Í‹ ....ª..Õ.Ç...Ô .µ....á.....Å....Ð...·....Ã....Ѿ.....Â....Ê....Ô¹.......................................................
.à..¡....Ô´....¤.....Å....è×¹.....Ê....Ö¹....Ò....Á....Ô ...á....Å.....Ð...¡....Ò...Ã....ä..Ë.....Ç...Ê....Ð....à..·....×Í....¹.....¡....çÁ....Õ
.Ë....Å....Ò....Â....Ã....Ð...´....Ñ.º.......·.....íÒ....ã..Ë.....Œá.....¼.....‹¹.....´....Ô¹.....¶.....Å....‹Á.....ã..¹.....º.....Ò...§... ............................................................................................................
.¾....¹×é....·.....Õè·....Õ.èÍ....Â....Ù‹ ã...¡....Å....¨Œ ...Ø.´....à..¡....Ô´....à..Ë....µ.....Ø......................................... ............................................................................................................

74 กอ่ นเกิดภยั ขณะเกดิ ภยั หลังเกดิ ภัย

ขน้ั สรปุ 1. ว างแผนการแก้ปญั หาระยาวโดยพัฒนาลมุ่ น�้า เช่น สร้างฝาย เข่ือน ขุดลอกแหล่งน้า�  
รกั ษาปา่ และปลกู ปา่ เพมิ่ ขน้ึ  เพอื่ ชว่ ยใหม้ คี วามชนื้ มากพอทจ่ี ะทา� ใหเ้ กดิ ฝนและเกบ็ กกั
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ น�า้ ไว ้ในพน้ื ดิน
ภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาค ไดแ ก ไฟปา และ
ภยั แลง ทงั้ ในดา นของสาเหตแุ ละกระบวนการเกดิ 2. ล ดการกระทา� ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ภาวะเรอื นกระจก เชน่  ไมเ่ ผาขยะ ลดการใช ้โฟมและผลติ ภณั ฑ์
ประเภท การกระจายการเกิด ภัยตางๆ ตวั อยาง ทีม่ สี าร CFCs ซ่งึ เป็นตวั การทา� ลายช้นั โอโซนในบรรยากาศ ทา� ใหเ้ กดิ ภาวะโลกรอ้ น
เหตุการณที่เคยเกิดข้ึน การจัดการภัยพิบัติ
ธรรมชาติทางชีวภาค ตลอดจนความสําคัญท่ีมี 3. รณรงคอ์ นรุ ักษ์การใช้น�า้ อย่างประหยดั
อิทธิพลตอการดําเนินชีวิตของผูคนในปจจุบัน
หรืออาจใช PPT สรุปสาระสาํ คญั ของเนอ้ื หา   กลา่ วโดยสรปุ  โลกตอ้ งเผชญิ กบั ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตมิ ากมาย เชน่  วาตภยั  อทุ กภยั  ไฟปา่  
แผน่ ดนิ ไหว ภเู ขาไฟปะท ุ สนึ าม ิ ซง่ึ ลว้ นสง่ ผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ มและชวี ติ ความเปน็ อยขู่ อง
ขนั้ ประเมนิ มนุษย์ ท่ีนับวันย่ิงทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังน้ัน จึงจ�าเป็นท่ีทุกฝ่ายจะต้องหาทางป้องกันและ
แกป้ ญั หาเพือ่ ใหธ้ รรมชาติและมนษุ ยส์ ามารถด�ารงอยูต่ ่อไปได้อยา่ งยง่ั ยืน
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน 216 ภัยธรรมชาตคิ รัง้ รุนแรงทส่ี ุดของโลก
หนา ชั้นเรียน

2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ
และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6

3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
การเรียนรทู ่ี 5 เรอื่ ง ภยั พิบัติทางธรรมชาติ

แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills

ครสู ามารถวดั และประเมินความเขาใจเนอื้ หา เร่ือง ภยั พิบัติธรรมชาตทิ าง นักเรียนแบงกลุมจับสลากเลือกภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชีวภาค ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และนําเสนอผลงาน ประเภทตา งๆ จากน้ันใหแ ตละกลมุ จดั ทาํ แบบจาํ ลองแสดงสาเหตุ
หนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการ สถานการณ ผลกระทบ และการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นําเสนอผลงานท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 5 เร่ือง ภัยพิบัติ ประกอบการใชเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร โดยยกเหตุผลประกอบ
ทางธรรมชาติ อยา งสมเหตุสมผล นาํ เสนอและอภปิ รายรวมกนั ภายในช้ันเรียน

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่
ตรงกับระดบั คะแนน

ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32

1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา
2 การลาดบั ขัน้ ตอนของเรื่อง
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

T224 ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

คําถามเน้นการคิด เฉลย คําถามเนนการคิด

1.  ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างพนื้ ที่เสี่ยงต่อการเกดิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟปะท ุ สึนาม ิ 1. ตัวอยางพ้ืนที่เสี่ยงตอการเกิดแผนดินถลม
  และแผน่ ดินถลม่  1 ตวั อย่าง พร้อมทงั้ ระบุเหตผุ ล เชน พื้นท่ีบานหวยขาบ อ.บอเกลือ จ.นาน
2.   บรเิ วณท่มี ักเกิดพายหุ มุนเขตร้อน พายทุ อร์นาโด มลี ักษณะทางกายภาพอย่างไร ซึ่งเคยเกิดภัยพิบัติแผนดินถลมเม่ือวันท่ี 28
3.   การเกิดน้�าทว่ มใหญ่ในภาคกลางของประเทศไทยใน พ.ศ. 2554 เกิดจากสาเหตใุ ด  กรกฎาคม พ.ศ. 2561 มีผูเ สยี ชีวิตจํานวน 8
  สง่ ผลกระทบอยา่ งไร และมแี นวทางปอ้ งกนั และรบั มือกับปัญหาในระยะยาวอย่างไร ราย สูญหาย 2 ราย บานเรือนเสียหายกวา
4.  สาเหตุของการเกดิ ไฟปา่ ในประเทศไทยและในภมู ิภาคอื่นของโลกมีความเหมือน 261 ครัวเรือน โดยมีสาเหตุมาจากการเกิด
  หรือแตกต่างกนั  อยา่ งไร ฝนตกหนกั ตอเนื่อง 20 วนั ประกอบกับการมี
5.  ปัจจัยทที่ �าให้เกิดภยั แล้งมีอะไรบา้ ง และภยั แล้งเกิดขนึ้ ได้อยา่ งไร ภูมิประเทศทีเ่ ปน ภเู ขาที่ลาดชนั ถึง 25 องศา
6.   ภยั ธรรมชาตแิ ตล่ ะประเภทส่งผลใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ จงึ ทําใหเกดิ การถลมของดินไดงาย
  และสิง่ แวดล้อมอยา่ งไร จงยกตัวอยา่ ง
2. พายหุ มนุ เขตรอ น เกดิ ขน้ึ ในมหาสมทุ รเขตรอ น
กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะ ซึ่งมีอากาศรอนและมีความช้ืนสูง สวนพายุ
ทอรน าโด เกดิ ขนึ้ บรเิ วณทเี่ ปน ทร่ี าบขนาดใหญ
1.  ส บื คน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ภยั พบิ ตั ทิ ม่ี กั เกดิ ขนึ้ ในพนื้ ทเี่ ดมิ ทกุ ป ี เพอื่ วเิ คราะหห์ าสาเหตทุ ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ และในเขตอบอุน
ภยั พบิ ตั ินนั้
3. มสี าเหตุทัง้ จากอทิ ธพิ ลของลานญี า สงผลให
2.   ศกึ ษาภยั พบิ ตั ทิ เ่ี พงิ่ เกดิ ขน้ึ ในประเทศไทยหรอื ในภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก เขยี นสรปุ สาระสา� คญั เกิดปรมิ าณฝนมากจากพายหุ ลายลกู รวมถึง
ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี การลดลงของพนื้ ทป่ี า การกดี ขวางของสง่ิ ปลกู
สราง และระบบบริหารจัดการนํ้า กอใหเกิด
  •  สาเหตุ การสูญหาย เสียชีวิตของผูคน ส่ิงปลูกสราง
  •  ผลกระทบ และพนื้ ทกี่ ารเกษตรเสยี หาย จงึ ควรใหค วามรู
  •  ความชว่ ยเหลือจากหน่วยงานหรอื ประเทศตา่ ง ๆ แกประชาชนในการจัดการเพื่อรับมือกับ
  •  แนวทางปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาในอนาคต ภยั พิบัติ
  •  การรบั มือ
3.  จ ัดทา� คูม่ อื ปอ้ งกนั ภยั พิบัติใดก็ได้ทน่ี กั เรยี นสนใจ เพอ่ื ให้ความรแู้ กผ่ ู้ที่สนใจ 4. แตกตางกนั โดยไฟปา ในประเทศไทยมักเกดิ
4.  แ  บง่ กลมุ่ จา� ลองสถานการณก์ ารรบั มอื ภยั พบิ ตั  ิ1 ภยั  ฝกึ ซอ้ มการอพยพหนภี ยั  การเคลอื่ นยา้ ย จากการเผาปา เพอื่ หาของปา หรอื พนื้ ทท่ี าํ การ
เกษตร รวมถงึ สภาพอากาศทแ่ี หง แลง สว นใน
และดูแลผ้บู าดเจบ็ ภูมิภาคอน่ื ของโลกมักเกิดจากธรรมชาติ เชน
217 ฟา ผา ภูเขาไฟปะทุ หรือการเสยี ดสีของกิง่ ไม

5. ปจจัยที่ทําใหเกิดภัยแลง เชน สภาพอากาศ
ปริมาณฝน แหลงนาํ้ การอมุ นา้ํ ของดนิ โดย
ภัยแลงเกิดข้ึนไดจากการผันแปรของสภาพ
อากาศ การทําลายปาไม การขาดแหลง
กักเกบ็ น้ํา ความตอ งการใชนํา้ ที่เพิ่มมากขึ้น

6. เชน ไฟปา สง ผลใหเ กดิ ภาวะโลกรอ น นอกจากน้ี
ยังทําลายความอุดมสมบูรณของหนาดิน
ปญหาหมอกควันท่ีเปนอันตรายตอสุขภาพ
มนุษยและส่ิงมีชีวิตอื่นๆ สัตวปาลดจํานวน
ลงจากแหลงท่ีอยูอาศัย และแหลงอาหาร
ถูกทาํ ลาย

เฉลย แนวทางประเมินกจิ กรรมพฒั นาทักษะ

ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยท่ัวไป
งานหรอื ชน้ิ งานใชเ วลาไมนาน งานสําหรบั ประเมินรปู แบบนี้อาจเปน คําถามปลายเปด หรือผงั มโนทศั น นยิ มสําหรบั ประเมนิ ผเู รียนรายบุคคล

ประเมนิ ความสามารถ
• เชน ความคลอ งแคลว ในการใชเ ครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร การแปลความหมายขอ มลู ทกั ษะการตดั สนิ ใจ ทกั ษะการแกป ญ หา งานหรอื ชน้ิ งานจะสะทอ นถงึ
ทักษะและระดบั ความสามารถในการนําความรูไปใช อาจเปนการประเมินการเขยี น ประเมินกระบวนการทาํ งานทางภูมิศาสตรต า งๆ หรือการวเิ คราะห
และการแกป ญ หา

ประเมินทักษะ
• มเี ปา หมายหลายประการ ผเู รยี นไดแสดงทกั ษะ ความสามารถทางภูมิศาสตรตา งๆ ท่ีซบั ซอนข้นึ งานหรอื ช้ินงานมกั เปนโครงงานระยะยาว ซง่ึ ผเู รยี น
ตองมีการนําเสนอผลการปฏบิ ัตงิ านตอ ผเู ก่ียวขอ งหรอื ตอสาธารณะ

ส่งิ ทต่ี องคํานงึ ถงึ ในการประเมิน คอื จํานวนงานหรอื กจิ กรรมท่ีผูเรียนปฏิบตั ิ และผปู ระเมนิ ควรกําหนดรายการประเมิน และทักษะที่ตองการประเมนิ ให
ชัดเจน

T225

Chapter Overview

แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ
การเรยี นรู้ - การสงั เกต อันพงึ ประสงค์
- ก ารแปลความ 1. ใฝเ่ รยี นรู้
แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรยี น 1. วิเคราะหส์ ถานการณ์ กระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น 2. มุง่ มนั่ ในการ
สถานการณ์ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 การเปลี่ยนแปลงดา้ น ทางภมู ศิ าสตร์ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ ข้อมูลทาง ทำ� งาน
การเปลย่ี นแปลง - แบบฝกึ สมรรถนะ ทรัพยากรธรรมชาติ (Geographic สมรรถนะและการคดิ ภมู ศิ าสตร์ 3. มจี ติ สาธารณะ
ดา้ นทรัพยากร และการคิด ภมู ศิ าสตร์ และสง่ิ แวดล้อม ทงั้ ใน Inquiry ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - ก ารใชเ้ ทคนิค
ธรรมชาติและ ม.4-6 ดา้ นสาเหตุ ผลกระทบ Process) - ตรวจใบงานท่ี 6.1 และเคร่อื งมอื
ส่ิงแวดลอ้ ม - แบบทดสอบกอ่ นเรียน และแนวทางแก ้ไขได้ (K) - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน ทางภูมศิ าสตร์
- PowerPoint 2. เ ลอื กใช้เครื่องมือทาง - สงั เกตพฤติกรรม - ก ารคดิ เชิงพืน้ ที่
- ใบงานท่ี 6.1 ภูมศิ าสตร์ ในการศกึ ษา การท�ำงานรายบคุ คล - การคิดแบบ
2 - เ ครอื่ งมือทาง สถานการณก์ าร - สงั เกตพฤตกิ รรม องค์รวม
ชวั่ โมง ภูมิศาสตร์ เช่น เปลย่ี นแปลงดา้ น การท�ำงานกล่มุ
แผนท่ี เข็มทศิ ทรัพยากรธรรมชาติ - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
รปู ถ่ายทางอากาศ และสงิ่ แวดลอ้ ม ทง้ั ใน อนั พงึ ประสงค์
ภาพจากดาวเทียม ด้านสาเหตุ ผลกระทบ
และแนวทางแก ้ไขได้ (P)
3. เ หน็ คณุ ค่าในการศึกษา
สถานการณ์การ
เปล่ยี นแปลงด้าน
ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม ทงั้ ใน
ดา้ นสาเหตุ ผลกระทบ
และแนวทางแก ้ไข
เพิ่มมากขึน้ (A)

แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรยี น 1. อธบิ ายมาตรการปอ้ งกนั แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำแบบฝกึ - การคดิ เชงิ พืน้ ท่ี 1. ใฝ่เรียนรู้
มาตรการ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 และแกไ้ ขปญั หา หาความรู้ สมรรถนะและการคดิ - การคดิ แบบ 2. มุ่งม่ันในการ
ป้องกนั - แบบฝกึ สมรรถนะ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ (5Es ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 องค์รวม ทำ� งาน
และแก้ไขปญั หา และการคิด ภูมิศาสตร์ สง่ิ แวดลอ้ มได้ (K) Instructional - ต รวจใบงานที่ 6.2 3. มจี ติ สาธารณะ
ทรพั ยากร ม.4-6 2. อธบิ ายกฎหมายและ Model) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
ธรรมชาติ - PowerPoint นโยบายทรัพยากร - สังเกตพฤตกิ รรม
และสิง่ แวดล้อม - ใ บงานท่ี 6.2 ธรรมชาตแิ ละ การท�ำงานรายบุคคล
- เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ สิ่งแวดลอ้ มได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม
2 เช่น แผนท่ี เขม็ ทิศ 3. อ ธิบายบทบาทของ การท�ำงานกลุ่ม
รูปถ่ายทางอากาศ องคก์ รและการประสาน - ประเมินคุณลักษณะ
ชั่วโมง ภาพจากดาวเทียม ความร่วมมอื ทงั้ ใน อันพึงประสงค์
ประเทศและระหวา่ ง
ประเทศได้ (K)
4. เลือกใช้เคร่อื งมอื ทาง
ภมู ศิ าสตร์ ในการศกึ ษา
มาตรการปอ้ งกนั และ
แก้ไขปัญหาทรพั ยากร
ธรรมชาตแิ ละ
สงิ่ แวดล้อมได้ (P)
5. สนใจศึกษามาตรการ
ปอ้ งกนั และแก ้ไขปญั หา
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
สงิ่ แวดลอ้ มเพมิ่ มากขนึ้
(A)

T226

แผนการจดั ส่อื ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 3 - หนงั สือเรียน 1. วเิ คราะหแ์ นวทาง กระบวนการ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ สมรรถนะ - ก ารแปลความ 1. ใฝเ่ รียนรู้
การจดั การ ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 การจดั การทรพั ยากร ทางภมู ศิ าสตร์ และการคดิ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ขอ้ มลู ทาง 2. มุ่งม่นั ในการ
ทรพั ยากร - แบบฝกึ สมรรถนะ ธรรมชาติและ (Geographic - ตรวจการท�ำแบบวดั และ ภูมศิ าสตร์ ทำ� งาน
ธรรมชาติ แ ละการคิด ภมู ศิ าสตร์ สิง่ แวดลอ้ มเพื่อการ Inquiry บันทึกผลการเรียนรู้ - การใชเ้ ทคนิค 3. มจี ติ สาธารณะ
และสิง่ แวดล้อม ม.4-6 พฒั นาท่ยี ่งั ยืนได้ (K) Process) ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 และเคร่อื งมือ
ทยี่ ่ังยืน - แบบวดั และบันทกึ ผล 2. เ สนอแนวทางการมี - ตรวจใบงานท่ี 6.3 ทางภมู ศิ าสตร์
การเรียนรู้ ภมู ิศาสตร์ ส่วนรว่ มในการจดั การ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - ก ารคิดเชิงพื้นท่ี
2 ม.4-6 ทรพั ยากรธรรมชาติ - สงั เกตพฤตกิ รรม - ก ารคดิ แบบ
- แบบทดสอบหลงั เรยี น และสง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื การ การทำ� งานรายบุคคล องคร์ วม
ชว่ั โมง - PowerPoint พฒั นาทีย่ งั่ ยนื ได้ (K) - สังเกตพฤตกิ รรม

- ใบงานที่ 6.3 3. เลือกใชเ้ ครอ่ื งมือทาง การท�ำงานกลุ่ม
- เครอื่ งมอื ทาง ภมู ิศาสตร ์ในการศึกษา - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
ภูมิศาสตร์ เชน่ แนวทางการจดั การ อันพึงประสงค์
แผนท่ี เขม็ ทศิ ทรพั ยากรธรรมชาติ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น
รปู ถ่ายทางอากาศ และสงิ่ แวดลอ้ มเพอ่ื การ
ภาพจากดาวเทียม พฒั นาที่ยั่งยนื ได้ (P)
4. เห็นคณุ ค่าของการมี
ส่วนรว่ มในการจดั การ
ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมเพ่อื
การพัฒนาที่ยง่ั ยนื
เพ่ิมมากขึ้น (A)

T227

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process) นักเรยี นจะมี

1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง ·Ãแ¾ÑนวÂทÒาง¡ในÃก¸าÃรจÃัดÁกªารÒµÔ
จดุ ประสงค และผลการเรียนรู áÅÐʧèÔ áÇ´ÅŒÍÁ

2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย ให้เกิดความยั�งยนื
การเรียนรทู ี่ 6 เรอ่ื ง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ได้อย่างไร
สงิ่ แวดลอมกบั การพฒั นาทย่ี ่ังยืน
ตวั ชีว้ ัด ส 5.2 ม.4 - 6/2 - 4
3. ครใู หน กั เรยี นดภู าพ หรอื คลปิ วดิ โี อทเ่ี กย่ี วขอ ง
กับการเปล่ียนแปลงทางกายภาพของโลกใน สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ดนิ แดนตางๆ
• ส ถำนกำรณ์กำรเปลี่ยนแปลงด้ำน
4. ค รู ต้ั ง คํ า ถ า ม ก ร ะ ตุ  น ค ว า ม คิ ด โ ด ย ใ ห  ทรัพยำกรธรรมชำติและส�ิงแวดล้อม
นักเรียนรวมกันตอบคําถามโดยเช่ือมโยงกับ ไดแ้ ก ่ กำรเปลย่ี นแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ
ประเทศไทย เชน ควำมเสอื่ มโทรมของสงิ� แวดลอ้ ม ควำม
• สถานการณด า นสงิ่ แวดลอ มของประเทศไทย หลำกหลำยทำงชวี ภำพ และภัยพิบั ติ
ในปจจุบันมีความสัมพันธกับวิกฤตการณ • สำเหตุและผลกระทบของกำรเปล่ียน
ดานส่ิงแวดลอมในสวนตางๆ ของโลก แปลงด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและ
อยา งไร ยกตัวอยา งประกอบพอสังเขป สง�ิ แวดลอ้ มของประเทศไทยและภมู ภิ ำค
ต่ำง ๆ ของโลก
6หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี • กำรจัดกำรภัยพบิ ตั ิ
• ม ำตรกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำ
ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ�งแวดล้อม
และส่ิงแวดล้อมกับ ในประเทศและระหว่ำงประเทศ ตำม
การพัฒนาที่ยงั่ ยืน แนวทำงกำรพฒั นำทยี่ ง�ั ยนื ควำมมนั� คง
ของมนษุ ยแ์ ละกำรบรโิ ภคอยำ่ งรบั ผดิ ชอบ
ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มมคี วำมสำ� คญั ตอ่ วถิ ชี วี ติ • ก ฎหมำยและนโยบำยด้ำนทรัพยำกร
ของมนุษย์ แต่เนื่องจำกกำรเพิ่มข้ึนของจ�ำนวนประชำกรโลก ธรรมชำตแิ ละสง�ิ แวดลอ้ มทง้ั ในประเทศ
จึงท�ำให้เกิดกำรเปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศของโลก ส่งผลให้ และระหวำ่ งประเทศ
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงอย่ำงรวดเร็ว • บทบำทขององค์กำร และกำรประสำน
จงึ เกดิ แนวคดิ รว่ มกนั จดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ควำมรว่ มมอื ทง้ั ในประเทศและระหวำ่ ง
เพอ่ื กำรพฒั นำและมที รพั ยำกรใชอ้ ยำ่ งย่งั ยนื ประเทศ
218 • แนวทำงกำรจดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำติ
และสงิ� แวดล้อม
• ก ำรมีส่วนร่วมในกำรแก้ปัญหำ และ
กำรดำ� เนนิ ชวี ติ ตำมแนวทำงกำรจดั กำร
ทรพั ยำกรและสง�ิ แวดลอ้ มเพอ่ื กำรพฒั นำ
ทีย่ ั�งยืน

เกร็ดแนะครู

ครูจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถวิเคราะหสถานการณและวิกฤตการณดานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในประเทศไทยและ
โลกได รวมถงึ สามารถระบมุ าตรการปอ งกนั และแนวทางการแกไขปญ หา บทบาทขององคการและการประสานความรว มมอื ท้งั ในประเทศและนอกประเทศ
เก่ียวกับกฎหมายสิ่งแวดลอม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ระบุแนวทางการอนุรักษและมีสวนรวมในการแกปญหาโดยเนนการพัฒนา
ทักษะกระบวนการตางๆ เชน

• ครูใหน ักเรยี นศึกษาเกย่ี วกับสถานการณและวกิ ฤตการณดา นทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอมในประเทศตา งๆ ที่นกั เรยี นสนใจคนละ 1 ประเทศ
จากนน้ั ออกแบบและจดั ทาํ การนําเสนอผลงานเผยแพรค วามรู และแนวทางการปองกนั วกิ ฤตการณด ังกลา ว

• ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาคน ควา เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตเิ พอื่ จดั ทาํ บทความและหลกั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม
ในภมู ิภาคตา งๆ ของโลก

T228

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

1 สถานการณ์การเปล่ียนแปลงด้านทรพั ยากรธรรมชาติ ขนั้ สอน
และส่งิ แวดลอ้ ม
ขน้ั ท่ี 1 การตัง้ คาํ ถามเชงิ ภูมศิ าสตร
ปจั จบุ นั ไดเ้ กดิ กำรเปลยี่ นแปลงทำงกำยภำพของโลก ทง้ั ในสว่ นทเ่ี กดิ จำกภำยในเปลอื กโลก
กำรเปลย่ี นแปลงบรเิ วณพน้ื ผวิ โลก และกำรเปลย่ี นแปลงภำยในบรรยำกำศของโลก ซง่ึ มผี ลกระทบ 1. ครูใหนักเรียนวิเคราะหรวมกันถึงพฤติกรรม
โดยตรงและโดยอ้อมต่อมนุษย์ ลักษณะกำรเปล่ียนแปลงมีต้ังแต่กำรเกิดขึ้นอย่ำงช้ำ ๆ ไปจนถึง ในชีวิตประจําวันของนักเรียนและบุคคลใน
กำรเกดิ ข้ึนอย่ำงฉบั พลนั และรุนแรง ส่งผลให้เกดิ ควำมเสยี หำยต่อชวี ิตและทรัพย์สนิ จ�ำนวนมำก ครอบครัวท่ีกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงดาน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในดาน
1.1 การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ ตา งๆ เชน อากาศ ดนิ นํ้า ปา ไม สตั วป า แร
และพลังงาน อาหาร รวมไปถงึ ขยะตางๆ
กำรท่ีอุณหภูมิของโลกค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นทีละน้อย ท�ำให้เกิดควำมเสี่ยงท่ีจะเกิด
ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มมำกยิ่งขน้ึ เช่น อณุ หภูมิของโลกสงู ขน้ึ ทำ� ให้เกดิ กำรละลำยของน�ำ้ แข็ง 2. ครูสุมนักเรียนเพื่อนําเสนอพฤติกรรมท่ีกอให
ขั้วโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระดับน�้ำทะเลโลกสูงข้ึน หรือท�ำให้เกิดวิกฤตสภำพอำกำศผันผวนอย่ำง เกิดการเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติ
สดุ ข้วั (extreme weather) และส่ิงแวดลอมในดานตา งๆ จาํ นวน 5-6 คน
จากน้ันใหอภิปรายถึงพฤติกรรมดังกลาว
1) สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำรเปล่ียนแปลงสภำพ รว มกนั

ภมู อิ ำกำศเปน็ ปรำกฏกำรณ์ที่เกดิ ขน้ึ อยำ่ งชำ้ ๆ และใชเ้ วลำนำนกว่ำจะสังเกตพบได้ โดยนับต้ังแต่
สมัยปฏิวัติอุตสำหกรรมเป็นต้นมำ มีกำรสะสมของแก๊สเรือนกระจกและกำรเก็บกักควำมร้อน
ในช้ันบรรยำกำศเพิ่มสูงขึ้นอย่ำงรวดเร็ว ก่อให้เกิดภำวะโลกร้อน มีผลท�ำให้ภูมิอำกำศมีกำร
เสปภลำีย่ พนภแูมปิอลำงกอำยศ่ำ ง(ฉIPบั CพCลนั)1 ไใดน้ป รพะ.เศม. ิน2ว5่ำ4 4 นคับณตั้ะงกแรตร่คมรกิสำตร์ศระตหววรร่ำษงรทัฐ่ี บ1ำ9ล วอำ่ ุดณว้ หยภกูมำริเฉเปลลี่ย่ียขนอแงปโลลกง
ได้เพิม่ สงู ขึ้น 0.6 องศำเซลเซียส และภำยใน พ.ศ. 2643 อุณหภมู ขิ องโลกจะสงู ขนึ้ อกี ประมำณ
1.4 - 5.8 องศำเซลเซียส รวมทั้งระดับน�้ำทะเลท่ัวโลกจะสูงข้ึน 0.09 - 0.88 เมตร หำกมนุษย์
ยงั คงปล่อยแก๊สเรอื นกระจกเหมือนทผ่ี ่ำนมำ จะสง่ ผลกระทบต่อกำรด�ำรงอย่ขู องประชำกรโลก
กำรที่โลกมอี ณุ หภมู สิ งู ขนึ้ ทำ� ใหเ้ ขตภมู อิ ำกำศของโลกในปจั จบุ นั เปลยี่ นไป โดยเฉพำะ
พ้นื ทีป่ ำ่ ในเขตอบอุน่ พืชพรรณธรรมชำตบิ ำงชนิดอำจสญู หำยไปและเกิดพันธุ์ไม้ชนิดใหม่ขึ้นมำ
ท�ำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศได้ นอกจำกนี้ กำรที่อุณหภูมิอบอุ่นขน้ึ สง่ ผลใหแ้ มลง
ศตั รพู ชื มกี ำรแพรพ่ นั ธแ์ุ ละแพรร่ ะบำดมำกขน้ึ รวมถงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ไฟปำ่ บอ่ ยครงั้ อัตรำกำรตำยของ
ปศสุ ตั วแ์ ละสตั วป์ ำ่ เพมิ่ สงู ขน้ึ และยงั ทำ� ใหป้ รมิ ำณนำ้� ในแหลง่ นำ�้ เพม่ิ ขน้ึ สำ� หรบั ประเทศทต่ี อ้ งพง่ึ พำ
แหลง่ น�ำ้ จำกกำรละลำยของหิมะ ขณะท่ปี ระเทศเขตร้อนจะเกดิ ภำวะขำดแคลนน้�ำในวงกวำ้ ง

219

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

ในอนาคตมกี ารคาดการณว า “เกาะจะถกู นา้ํ ทว ม” เหตกุ ารณน ี้ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผันผวนของภูมิอากาศวาเปนระบบ
เปนผลมาจากสาเหตุใด ภมู อิ ากาศทแ่ี ปรปรวนไปจากแบบแผนของภมู อิ ากาศทเี่ คยเปน อยใู นอดตี ทแ่ี ตกตา ง
ไปจากคาเฉลี่ยสถิติท้ังในเชิงพื้นที่และเวลา เชน โดยปกติประเทศไทยฝนจะ
1. ภาวะโลกรอ นทร่ี นุ แรง เรม่ิ ตกประมาณเดอื นพฤษภาคม แตถ า มฝี นตกตอ เนอ่ื งตง้ั แตเ ดอื นเมษายนถอื วา
2. ปาไมอุดมสมบูรณมากขนึ้ มีความผนั ผวนของฝนเกดิ ขึ้น
3. ฝนตกหนักตอ เนือ่ งเปน เวลานาน
4. ประชากรอพยพเขา ไปอยูอาศัยมาก นักเรียนควรรู
5. ลดการปลอยแกสคารบอนไดออกไซด
1 คณะกรรมการระหวางรัฐบาลวาดวยการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ประเทศที่เปนหมูเกาะมีพ้ืนท่ีตํ่า (IPCC) เปน องคการระหวางประเทศท่ีทาํ หนา ทปี่ ระเมนิ การเปลย่ี นแปลงสภาพ
อยูแลว เม่ือเกิดภาวะโลกรอนท่ีรุนแรงจะสงผลใหระดับน้ําทะเล
เพม่ิ สูงขึน้ จนอาจเขา ทว มพื้นทข่ี องเกาะได)

ภมู อิ ากาศ กอต้ังขึ้นโดยโครงการส่ิงแวดลอมแหง สหประชาชาติ (UNEP) และ
องคก ารอุตุนยิ มวทิ ยาโลก (WMO) ใน พ.ศ. 2531 มีจดุ ประสงคเ พอื่ ใหท่ัวโลก
Tรับรูเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแนวโนมผลกระทบตอ
สิง่ แวดลอ ม เศรษฐกิจ และสังคม 229

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ส�ำหรับสถำนกำรณ์กำรเปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศของประเทศไทย จำกข้อมูล
กำรตรวจวัดท่ีผิวพ้ืนและในบรรยำกำศของสถำนีอุตุนิยมวิทยำท่ัวประเทศ บ่งช้ีว่ำอุณหภูมิใน
ขน้ั ที่ 1 การตั้งคําถามเชงิ ภูมิศาสตร ประเทศไทยในรอบ 55 ปที ่ผี ำ่ นมำ (พ.ศ. 2498 - 2552) เพิม่ สูงข้ึนเฉล่ยี ปลี ะ 1.45 องศำเซลเซยี ส
โดยค่ำเฉล่ยี รำยปีอุณหภูมิสงู สุดเพ่ิมข้นึ 0.86 องศำเซลเซียส และคำ่ เฉล่ียอณุ หภูมติ �่ำสุดเพมิ่ ขน้ึ
3. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ิมเติมจาก 0.95 องศำเซสเซียส ในขณะท่ีสถำบันสำรสนเทศทรัพยำกรน�้ำและกำรเกษตรระบุว่ำที่อุณหภูมิ
พฤติกรรมในชีวิตประจําวันของนักเรียน ผิวน้�ำทะเลเฉลี่ยในอ่ำวไทยและทะเลอันดำมันมีแนวโน้มสูงข้ึนประมำณ 0.1 องศำเซลเซียสต่อ
และบุคคลในครอบครัวที่กอใหเกิดการ ทศวรรษในรอบ 50 ปี (พ.ศ. 2510 - 2549) ระดับน้�ำทะเลเฉลี่ยในอ่ำวไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย
เปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและ อตั รำ 3.0 - 5.0 มลิ ลเิ มตรตอ่ ป ี สง่ ผลกระทบ เชน่ บรเิ วณอำ่ วไทยตอนบนเกดิ กำรรกุ ลำ้� ของนำ�้ เคม็
ส่ิงแวดลอมในดานตางๆ เชน อากาศ ดิน ท�ำให้ผลิตข้ำวได้น้อยลง ส่งผลต่อระบบนิเวศชำยฝั่ง ท�ำให้เกิดกำรปนเปื้อนของน้�ำเค็มในแหล่ง
น้ํา ปาไม สัตวปา แรและพลังงาน อาหาร นำ�้ จดื และท�ำใหพ้ ้ืนท่ีปำ่ ชำยเลนลดลง
รวมไปถึงขยะตางๆ เกี่ยวกับผลกระทบท่ี
เกิดข้นึ จากพฤตกิ รรมดังกลา ว พรอ มทัง้ เสนอ 2) สาเหตขุ องการเปล่ยี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ทส่ี ำ� คญั มีดงั นี้
แนวทางแกไ ขในเบอื้ งตน รว มกนั ประกอบการ
ใชค ําถาม เชน 2.1) สาเหตจุ ากธรรมชาต ิ เชน่ กำรเพมิ่ ขนึ้ ของพลงั งำนควำมรอ้ นจำกดวงอำทติ ย์
• ในเมืองใหญท่ีมีการจราจรหนาแนนจะมี ท�ำใหพ้ ลงั งำนท่ีโลกได้รับในแต่ละฤดูและแต่ละละตจิ ูดเปลี่ยนแปลงไปอย่ำงมำก
สภาพอากาศเปน อยา งไร และสง ผลกระทบ 2.2) สาเหตจุ ากมนษุ ย ์ ต้งั แต่โลกเขำ้ สู่สมัยปฏิวตั อิ ุตสำหกรรมเป็นตน้ มำ มนษุ ย์
ตอ มนษุ ยอ ยา งไร ไดพ้ ฒั นำเทคโนโลย ี เครอื่ งจกั รกลขนึ้ มำใชท้ นุ่ แรง เพอ่ื เพม่ิ กำ� ลงั ในกำรผลติ และอำ� นวยควำมสะดวก
(แนวตอบ การจราจรท่ีหนาแนนกอใหเกิด ตำ่ ง ๆ ซง่ึ ทำ� ใหเ้ กดิ กำรเพมิ่ ขนึ้ ของแกส๊ เรอื นกระจก เชน่ แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซดจ์ ำกกำรเผำไหม้
มลภาวะทางอากาศท่ีรุนแรง จากสารพิษ เแชลอ้ื ะเกพำลรงิปถศำ่ สุ นัตหวนิ ์ แนลำ้� ะมกนั ำดรเบิ พ แม่ิ ลขะนึ้ แขกอส๊ งธสรำรรมคชลำอตโ ิ แรฟกส๊ลมูอเีอทโรนคแำลระบ์ ไนอนต1ร (สั Cอhอloกrไoซfดluจ์oำrกocกaำrรbทoำ� nกsำ: รCเกFษCตsร)
ที่เกิดจากการเผาไหมเชื้อเพลิงฟอสซิลของ ท่ีท�ำลำยชั้นโอโซน มีผลท�ำให้อุณหภูมิของอำกำศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดกำรเปล่ียนแปลง
เครื่องยนต ไดแก ไนโตรเจนไดออกไซด สภำพภมู อิ ำกำศของโลก
ค า ร  บ อ น ม อ น อ ก ไ ซ ด  ต ะ ก่ั ว แ ล ะ
ไฮโดรคารบอน ซึ่งเปนอันตรายตอระบบ
ทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบ
ประสาทของรา งกาย)

 ก ำรปลอ่ ยแกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซดจ์ ำกกำรเผำไหมเ้ ชอื้ เพลงิ ของเครอ่ื งยนตอ์ อกสบู่ รรยำกำศจำ� นวนมำก เปน็ สำเหตสุ ำ� คญั
ประกำรหนง่ึ ทท่ี ำ� ใหเ้ กิดกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ

220

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 สารคลอโรฟลูออโรคารบอน หรือสาร CFCs เปนสารที่มีความคงตัวสูงมาก เหตุการณใดทอี่ าจกลา วไดวาเปนจุดเร่มิ ตน ของการเพม่ิ ข้ึน
จึงสลายตัวไดชาท่ีสุด เม่ือถูกปลอยออกสูบรรยากาศจะลอยไปถึงชั้นสแตรโทสเฟยร ของแกส เรอื นกระจกในบรรยากาศ
เม่ือถึงช้ันบรรยากาศดังกลาวรังสีอัลตราไวโอเลตจะทําให CFCs แตกตัวและปลอย
อะตอมของคลอรีนออกมา อะตอมของคลอรีนจะไปดึงอะตอมของออกซิเจนจาก 1. การปฏิวัตกิ ารคา
โมเลกุลของโอโซนออกมาเพื่อสรางสารชนิดใหม ดังน้ัน ย่ิงสาร CFCs มีมากเทาใด 2. การปฏิวตั ิเกษตรกรรม
โอโซนก็จะถกู ทาํ ลายมากขึ้นเทานนั้ 3. การปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรม
4. การปฏิวตั ิวิทยาศาสตร
T230 5. การขยายอิทธิพลของจกั รวรรดินยิ ม

(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การปฏิวัติอุตสาหกรรมนับเปน
จุดเร่ิมตนของการเพ่ิมแกสเรือนกระจกในบรรยากาศ จากการ
ท่ีชาวยุโรปรูจักนําพลังงานเช้ือเพลิงจากธรรมชาติมาใชในการ
ผลิตสนิ คาตา งๆ ทีส่ าํ คญั คอื การเผาไหมเ ช้ือเพลิง เชน ถานหิน
แกสธรรมชาติ ซ่ึงกอใหเกิดแกสเรือนกระจก อันนํามาซ่ึงการ
เปล่ยี นแปลงและวกิ ฤตการณท างธรรมชาตขิ องโลกในปจจุบัน)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อณุ หภมู ทิ ่สี งู ขึน้ ทำ� ให้เกิด
ขนั้ สอน
กำรเปลยี่ นแปลงของสภำพภมู อิ ำกำศในรปู แบบตำ่ ง ๆ เชน่ รปู แบบของลม จำ� นวนและชนดิ ของไอนำ้�
ในอำกำศ (ฝน ลม หมิ ะ และนำ�้ แขง็ ) ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หำดำ้ นสง่ิ แวดลอ้ ม สงั คม และเศรษฐกจิ เชน่ ข้ันที่ 1 การตั้งคําถามเชงิ ภูมศิ าสตร
3.1) ผลผลิตทางการเกษตรลดน้อยลง กำรเปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศ เช่น
ฝนท่ีตกหนักข้ึนและยำวนำน ท�ำให้เกษตรกรไม่สำมำรถเพำะปลูกได้ตำมฤดูกำล หรือบำงพื้นท่ี 4. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนคลิปวิดีโอ
ประสบภยั แลง้ รนุ แรง ทำ� ใหผ้ ลผลติ ทำงกำรเกษตรลดลง ซง่ึ มผี ลตอ่ เนอ่ื งไปถงึ ปรมิ ำณอำหำรสำ� รอง ท่ีเก่ียวของกับปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ
ในโลกน้อยลง สิ่งแวดลอม เชน
3.2) ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลงและหน้าดินได้รับความเสียหาย มีสำเหตุ • พื้นทีป่ ระสบภัยแลงรุนแรง
มำจำกกำรชะล้ำงพังทลำยของดนิ เน่ืองจำกสภำพภูมิอำกำศทีร่ ุนแรง • การละลายของนํา้ แข็งบรเิ วณขว้ั โลก
3.3) ระดับน้�าทะเลเพิ่มสูงข้ึน จำกภำวะโลกร้อนที่ส่งผลให้เกิดกำรขยำยตัวของ • ระดบั นา้ํ ทะเลท่ีเพิ่มสงู ขน้ึ
น�้ำทะเล และกำรละลำยของน้�ำแข็งบริเวณขั้วโลกท�ำให้ระดับน้�ำทะเลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ชุมชน • การสูญพันธขุ องสัตวป า
รมิ ฝั่งทะเล พน้ื ท่กี ำรเกษตรแหล่งน�ำ้ จดื ริมฝ่งั รวมถงึ ประเทศทเี่ ป็นเกำะกลำงมหำสมทุ รหรือทะเล • การใชน า้ํ บาดาล
อยู่ในภำวะเส่ยี งภัยจำกน้�ำท่วม
3.4) เกิดภยั ธรรมชาตริ นุ แรงมากขนึ้ เช่น ภยั แล้ง ไฟป่ำ อุทกภยั ส่งผลกระทบ 5. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความ
ตอ่ กำรท่องเท่ยี ว เศรษฐกจิ สงั คม รวมถึงทรัพยำกรธรรมชำติและสง่ิ แวดลอ้ ม คิดเห็นเพิ่มเติมเชื่อมโยงคลิปวิดีโอตัวอยาง
3.5) ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น วามีความเกี่ยวของกับผลกระทบจากการ
สัดส่วนชนิดของสิ่งมีชีวิตจ�ำนวนมำกเกิดควำมเสี่ยงที่จะสูญพันธ์ุ ระบบนิเวศชำยฝั่งและบริเวณ เปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศอยางไร
พนื้ ที่ตำ�่ เสี่ยงต่อกำรถูกท�ำลำยจำกระดับน�้ำทะเลท่เี พ่มิ สูงขนึ้
3.6) ปริมาณน�้าจืดลดลง เน่ืองจำกอุณหภูมิโลกสูงขึ้น ท�ำให้มีฝนตกน้อยลง 6. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตง้ั ประเดน็ คาํ ถาม
ประกอบกับอัตรำกำรระเหยของนำ�้ ผวิ ดนิ เพม่ิ สงู ส่งผลใหน้ �ำ้ ใต้ดินลดลงดว้ ย และกำรสบู น�้ำใตด้ ิน เชงิ ภูมศิ าสตร เชน
ข้ึนมำใช้เพื่อกำรอุปโภคบริโภคมำกข้ึน มีส่วนส�ำคัญต่อกำรลดลงของน�้ำจืดท่ัวโลก ในอีก 50 ป ี • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความ
ข้ำงหน้ำ จำ� นวนประชำกรที่ขำดแคลนน�้ำดม่ื จะเพม่ิ สงู ขน้ึ ประมำณ 5,000 ลำ้ นคน จำกประชำกร เส่ือมโทรมของส่ิงแวดลอม ปญหาความ
ทงั้ หมดประมำณ 8,000 ลำ้ นคน หลากหลายทางชีวภาพ และภัยพิบัติ
มีสาเหตุมาจากอะไร และมีผลกระทบ
อยา งไรบาง
• กจิ กรรมการดาํ เนนิ ชวี ติ ของมนษุ ยก อ ใหเ กดิ
การเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอ มอยา งไร

 จ ำกอณุ หภูมโิ ลกทีส่ งู ขน้ึ ทำ� ใหน้ �ำ้ แข็งในขว้ั โลกเหนือละลำย ซง่ึ ส่งผลท�ำใหป้ ระชำกรหมีขว้ั โลกลดลงอยำ่ งรวดเรว็ จำกกำร
ไม่มีทีอ่ ยู่อำศัย จมน�้ำตำย หรอื ขำดอำหำรตำย
221

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

มนษุ ยเปนสาเหตุของการแปรปรวนของสภาพอากาศไดอ ยางไร ครูอาจตั้งประเด็นใหนักเรียนอภิปรายรวมกันถึงสาเหตุท่ีแทจริงของ
การเปล่ียนแปลงทางธรรมชาติดังท่ีปรากฏในปจจุบัน เชน วิกฤตการณดาน
(แนวตอบ มนษุ ยเปนตน เหตุของสภาพอากาศแปรปรวนไดจาก ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอม ภาวะโลกรอน : ภยั ทีย่ อ นกลับสมู นษุ ยชาติ
การใชทรพั ยากรธรรมชาตใิ นกิจกรรมตางๆ นบั ตัง้ แตอดตี มนุษย เพอ่ื ใหน กั เรยี นตระหนกั ถงึ บทบาทหนา ทใี่ นการมสี ว นรว มรบั ผดิ ชอบแกไ ขปญ หา
รูจักใชทรัพยากรเช้ือเพลิงท่ีเผาไหมซ่ึงกอใหเกิดแกสเรือนกระจก การเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาตติ างๆ ซ่งึ เกิดจากกจิ กรรมของมนษุ ยเ ปนสาํ คัญ
เปนจาํ นวนมาก นอกจากนี้ การตัดไมท ําลายปา เพื่อวตั ถุประสงค
ทางการเกษตร อตุ สาหกรรม และการตง้ั ถน่ิ ฐาน ทาํ ใหข าดแหลง ที่ สื่อ Digital
จะชว ยดดู ซบั แกส คารบ อนไดออกไซด และยงั กอ ใหเ กดิ ภยั ตามมา
อีกหลายประการ) ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศในประเทศไทย
ไดท่ี https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=86 กรมอุตุนิยมวิทยา

T231

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 4) แนวทางแก้ ไขการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์กำรสหประชำชำติ

ข้ันที่ 2 การรวบรวมขอ มูล ได้เตรียมพร้อมในกำรรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดข้ึนจำกกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ โดย
ก�ำหนดกลไกเพือ่ แกไ้ ขปัญหำ 2 กลไก คือ
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม จํานวน 6 กลุม • กรอบอนสุ ญั ญำสหประชำชำตวิ ำ่ ดว้ ยกำรเปลยี่ นแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ (United
สืบคนขอมูลเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงและ Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ก�ำหนดใหป้ ระเทศท่ีพฒั นำ
ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและ แล้วลดกำรปลอ่ ยแก๊สเรือนกระจกของตน และช่วยเหลือประเทศอน่ื ๆ ในกำรลดแกส๊ เรอื นกระจก
ส่งิ แวดลอม ตลอดจนสาเหตุ ผลกระทบ และ • พธิ สี ำรเกยี วโต (Kyoto Protocol) กำ� หนดใหป้ ระเทศสมำชกิ ทเี่ ขำ้ รว่ มตอ้ งลดปรมิ ำณ
แนวทางแกไข จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร กำรปล่อยแก๊สเรอื นกระจกไม่น้อยกว่ำร้อยละ 5 ภำยใน พ.ศ. 2551 - 2555 ต่อมำไดม้ กี ำรบังคบั ใช้
ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน ตอ่ ใหเ้ ปน็ พนั ธกรณกี ำรลดกำรปลอ่ ยแกส๊ เรอื นกระจกระยะท ่ี2 มผี ลบงั คบั ใชต้ งั้ แต ่ พ.ศ. 2556 - 2563
หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ซ่ึงมกี ำรกำ� หนดกลไกเพอ่ื ชว่ ยสนบั สนนุ กำรดำ� เนนิ กำร เชน่ (1) กำรดำ� เนนิ กำรรว่ ม (2) กำรซอื้ ขำย
ในประเดน็ ตอ ไปน้ี แกส๊ เรอื นกระจก และ (3) กลไกกำรพัฒนำที่สะอำด
• สภาพภมู ิอากาศ ส�ำหรับประชำชนท่ัวไปสำมำรถมีส่วนร่วมในกำรลดกำรปล่อยแก๊สเรือนกระจก
• ทรัพยากรดนิ เ ใชน่นบ ร พรยลำังกง ำำนศ ไลดม ้ 4ดพ.งั1ลน) ัง้ี พงำัฒนนแาสพงอลำังทงติานย์ สพะอลงัางด1ำ นโนด�ำ้ย กเำพร่ือเพลม่ิดปกำรระใสชทิ ้เธชภิ้อื ำเพพลกงิำฟรใอชสพ้ ซลลิ งั2ทงำีส่ น่งธผรลรใมหชเ้ กำิดติ
• ทรัพยากรนาํ้ แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์
• ทรัพยากรปาไมและสัตวปา 4.2) ใชร้ ถยนตส์ ว่ นตวั ใหน้ อ้ ยลง และหนั ไปใชจ้ กั รยำนหรอื รถโดยสำรประจำ� ทำง
• ทรัพยากรแรและพลังงาน เพื่อลดกำรปลอ่ ยมลพษิ ทำงอำกำศ
• ขยะและของเสยี อันตราย 4.3) ใชพ้ ลงั งานไฟฟา อยา่ งรคู้ ณุ คา่ เชน่ ปดิ เครอ่ื งใช ้ไฟฟำ้ ตำ่ ง ๆ เมอ่ื ไมไ่ ดใ้ ชง้ ำน
เพ่ือประหยัดกำรใชพ้ ลงั งำนไฟฟำ้ ท่ีไดจ้ ำกกำรเผำไหมเ้ ช้ือเพลงิ จำกถำ่ นหนิ และแก๊สธรรมชำติ
2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ
ท่ีรับผิดชอบ ประกอบการใชเครื่องมือทาง 4.4) ลดปริมาณการใช้โฟม
ภมู ิศาสตร และถุงพลาสติก เพื่อลดแก๊สเรือนกระจกที่เกิด
จำกกำรเผำเพอื่ กำ� จดั โฟมและถงุ พลำสตกิ ใชแ้ ลว้
3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเช่ือถือ ซง่ึ เปน็ สำเหตสุ ำ� คญั ทที่ ำ� ใหช้ นั้ โอโซนถกู ทำ� ลำย
ใหก บั นักเรียนเพมิ่ เติม และทำ� ใหอ้ ณุ หภมู ิของอำกำศเพ่ิมข้ึน
4.5) ร่วมกันปลูกต้นไม้ เพ่ือ
เพ่ิมพนื้ ที่สเี ขยี วให้กับโลก โดยไมย้ ืนต้น 1 ตน้
จะช่วยดูดซับแกส๊ คำร์บอนไดออกไซดป์ ระมำณ
9 กิโลกรัมต่อป ี ขึ้นอยู่กบั ขนำดและชนดิ พันธ์ุ

 กำรใช้พลังงำนทดแทนช่วยลดกำรใช้เช้ือเพลิงฟอสซิล
ท่ีสง่ ผลใหเ้ กดิ ภำวะโลกรอ้ น

222

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม

1 พลังงานสะอาด เปนพลังงานที่ไมทําลายสิ่งแวดลอม ไดแก พลังงาน นกั เรยี นสบื คน และรวบรวมขอ มลู ขา วสารเกย่ี วกบั การเปลยี่ นแปลง
ธรรมชาติในรูปแบบตางๆ ที่สามารถนํามาใชไดไมมีวันหมด และไมกอใหเกิด ธรรมชาติในพื้นท่ีตา งๆ อนั เนอื่ งมาจากภาวะโลกรอน ในประเด็น
มลภาวะอืน่ ๆ สามารถนําไปใชไดท งั้ งานอุปโภค อตุ สาหกรรม การพาณิชย ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ พื้นท่ีที่เกิดการ
2 เช้ือเพลิงฟอสซิล เกิดจากการทับถมกันของซากพืชซากสัตวขนาดเล็ก เปลย่ี นแปลง ผลกระทบ แลว ผลดั กนั นาํ ขอ มลู มาเสนอหนา ชนั้ เรยี น
ในทะเลเปนช้ันหนาจนกลายเปนช้ันหินใตผิวโลก ทําใหไดรับความรอนจาก
ใตพิภพและเกิดการสลายตัวของอินทรียสาร ทําใหซากพืชซากสัตวเหลานั้น
สลายตัวกลายเปนพลงั งานทใี่ หเชือ้ เพลิงได ไดแก ถา นหนิ น้าํ มันดบิ และแกส
ธรรมชาติ

T232

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

1.2 ความเสือ่ มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ขนั้ สอน

ปัจจุบันประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตกำรณ์ทำงด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและ ข้นั ท่ี 3 การจัดการขอ มูล
สงิ่ แวดลอ้ ม และนับวนั วิกฤตกำรณ์ตำ่ ง ๆ กย็ ่ิงทวีควำมรนุ แรงมำกขึ้น
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
1) วกิ ฤตการณเ์ กยี่ วกบั ทรพั ยากรดนิ จำกควำมจำ� กดั ของทด่ี นิ กำรเปลย่ี นแปลง การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู
ระหวา งกัน
สภำพกำรใชท้ ่ดี ิน กำรใช้ทีด่ ินไม่เหมำะสม ล้วนเปน็ สำเหตุท่ีทำ� ใหเ้ กดิ วิกฤตกำรณเ์ กย่ี วกบั ที่ดนิ
โครงกำรสงิ่ แวดลอ้ มของสหประชำชำตริ ะบวุ ำ่ ทว่ั โลกมรี ะดบั ปญั หำควำมเสอื่ มโทรม 2. สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ทนี่ าํ เสนอ
ของดนิ ประมำณ 12 ลำ้ นตำรำงกโิ ลเมตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 11 ของพนื้ ทเ่ี กษตรกรรมทวั่ โลก พน้ื ทด่ี นิ เพื่อใหไดขอมูลท่ีถูกตอง และรวมอภิปราย
ทเ่ี คยมคี วำมอดุ มสมบรู ณป์ ระมำณ 8.1 ลำ้ นตำรำงกโิ ลเมตร ไดก้ ลำยเปน็ ทะเลทรำย นอกจำกน้ี แสดงความคิดเห็นเพ่มิ เติม
กำรเกิดดินเค็มท�ำให้ผลผลิตในเขตชลประทำนลดลง 1 ใน 3 ของผลผลิตท่ัวโลก และปัญหำ
น�้ำทว่ มขังผิวดิน ท�ำให้ผลผลิตลดลง 1 ใน 10 ของผลผลิตทั่วโลก กำรเกดิ มลพษิ ทำงดนิ จำกกำร ขนั้ ท่ี 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มูล
ปนเปอ้ื นสำรเคม ี รวมถงึ มกี ำรสญู เสยี หนำ้ ดนิ รวมกนั ทว่ั โลกสงู ถงึ 24,000 ลำ้ นตนั เชน่ ในประเทศ
เอธิโอเปยี มีปญั หำกำรกรอ่ นของดิน ท�ำใหส้ ญู เสียหน้ำดนิ ประมำณปีละ 2,000 ลำ้ นตนั 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมท่ีทําการสืบคนขอมูล
ประเทศไทยประสบปญั หำตะกอนดนิ ถกู ชะลำ้ งลงสแู่ หลง่ นำ�้ ปลี ะประมำณ 27 ลำ้ นตนั เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลงและความเสอื่ มโทรม
และที่ดินกว่ำ 108 ลำ้ นไร่ พ้นื ทีท่ �ำกำรเกษตรทั้งหมดภำยในประเทศจ�ำนวน 152 ไร่ เป็นพื้นที่ ของทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
กปรรมะสทบ่ีดปินญั ไดห้รำะกบำุวร่ำช ะลพำ้ ื้นงทพี่กงั ทว่ำล ำ9ย5ข อลง้ำหนนไำ้ รด่เนิป ็นซดง่ึ ินสำกเรหดต สุ1ว่4น ใลห้ำญนม่ไรำ่เจปำ็นกดฝินนเตคก็มแ1 ลแะนละำ้� ยปังำ่ มไหีพลื้นหทล่ีดำินก ตลอดจนสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางแกไ ข
ท่ีไม่เหมำะสมส�ำหรับท�ำกำรเกษตรเป็นจ�ำนวนมำก ปัญหำดังกล่ำวอำจส่งผลกระทบท�ำให้พื้นท่ี นาํ เสนอขอ มูลจากการศึกษา
เพำะปลกู ลดลง และกระทบตอ่ กำรส่งออกสินคำ้ ทำงกำรเกษตรของไทย
1.1) สาเหตุของวิกฤตการณเ์ กย่ี วกับทรพั ยากรดนิ ทสี่ ำ� คญั เช่น
1. สาเหตจุ ากมนุษย์ เนือ่ งจำกจำ� นวนประชำกรทีเ่ พิ่มขึน้ ท�ำให้มกี ำรขยำย
ทด่ี นิ ทำ� กนิ มำกขน้ึ มกี ำรบกุ รกุ แผว้ ถำงพนื้ ทปี่ ำ่ ไมต้ น้ นำ�้ ลำ� ธำรมำกขน้ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หำกำรชะลำ้ ง
พงั ทลำยของหนำ้ ดนิ อยำ่ งรนุ แรงจนถงึ ขน้ั ดนิ ถลม่ กำรใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ ไมเ่ หมำะสม เชน่ พนื้ ทดี่ นิ
อุดมสมบูรณ์ที่เหมำะแก่กำรท�ำกำรเกษตร กลับน�ำมำสร้ำงท่ีอยู่อำศัย ส่วนพื้นที่ดินแห้งแล้ง
กลับใชท้ �ำกำรเกษตร หรือกำรเพำะปลกู พืชชนิดเดียวกนั ซ้ำ� ๆ ในพื้นท่ีเพำะปลูกเดิม ท�ำให้แรธ่ ำตุ
ในดนิ บำงชนดิ รอ่ ยหรอ บำงชนดิ สงู เกนิ กวำ่ เกณฑท์ กี่ ำ� หนด กำรใชป้ ยุ๋ เคมมี ำกจนทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หำ
ดินเปรย้ี ว รวมถงึ กำรขำดกำรอนุรกั ษ์ดิน ปรบั ปรุงดนิ จนส่งผลให้สมบตั ขิ องดินเปลี่ยนแปลง
2. สาเหตุจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เนื่องมำจำกสภำพธรรมชำติและ
กำรกระทำ� ของมนษุ ย ์ มผี ลตอ่ กำรเปลยี่ นเแปลงสภำพภมู อิ ำกำศของโลก ทำ� ใหอ้ ณุ หภมู โิ ลกสงู ขน้ึ
เกิดปญั หำโลกร้อน ภยั แล้ง แผ่นดนิ ถล่ม น้�ำท่วมฉับพลัน ไฟป่ำ เป็นต้น

223

ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู

สาเหตุสําคัญของปญหาการใชป ระโยชนท ี่ดินในประเทศไทย ครอู ธบิ ายใหน กั เรยี นเขา ใจถงึ ความสาํ คญั ของการจดั การทด่ี นิ และการฟน ฟู
คืออะไร ท่ีดินเสื่อมโทรมเพ่ือการใชประโยชนในการแกไขและบรรเทาวิกฤตการณ
ทรพั ยากรทดี่ นิ ในประเทศไทย เชน มกี ารใชพ น้ื ทที่ เ่ี หมาะสมตอ การเพาะปลกู ไป
1. การทาํ ไรเล่อื นลอยในพ้ืนท่ีหา งไกล สรา งหมูบานจดั สรร นคิ มอตุ สาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตวั ของเมอื ง ดังน้ัน
2. การขยายพืน้ ท่ีเพาะปลกู พชื เศรษฐกจิ ทัง้ ภาครฐั และประชาชนควรรว มมอื กันใชป ระโยชนทดี่ นิ อยา งถกู ตอ งเหมาะสม
3. การบังคบั ใชกฎหมายทีไ่ มมีประสิทธภิ าพ
4. การมีจาํ นวนประชากรหนาแนนทกุ ภูมิภาค นักเรียนควรรู
5. การมีนคิ มอุตสาหกรรมขนาดใหญเ กิดขึน้ ในภมู ิภาคตา งๆ
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การบังคับใชกฎหมายท่ีไมมี 1 ดินเค็ม เปนดินท่ีมีปริมาณเกลือชนิดตางๆ ที่ละลายน้ําไดปะปนในดิน
ประสิทธิภาพนับเปนสาเหตุสําคัญของปญหาการใชที่ดินใน สูงจนเปนอันตรายตอพืช เนื่องจากไมสามารถดูดน้ําเขาสูระบบรากไดสะดวก
ประเทศไทย กลาวคือ การมเี จาหนาทีป่ ฏบิ ัตงิ านไมเพยี งพอ การ หรือเกิดสภาพท่ีเปนพิษกับพืช ดังน้ัน พื้นท่ีดินเค็มจึงเปนสถานที่วางเปลา
ขาดการดูแลเอาใจใสของเจาหนาท่ีภาครัฐ สงผลใหการบังคับใช ไมม ีพชื ขึ้น กรณที ด่ี ินเคม็ จัดจะเหน็ คราบเกลือบนผิวดินเปนบรเิ วณกวาง
กฎหมายเกย่ี วกบั การใชป ระโยชนท ดี่ นิ เพอื่ ความถกู ตอ งเหมาะสม
ไมม ปี ระสทิ ธิภาพเทาท่คี วร) T233

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 1.2) ผลกระทบจากวิกฤตการณ์เกี่ยวกบั ทรัพยากรดนิ ทส่ี �ำคัญ มีดงั น้ี
1. ด้านส่ิงแวดล้อม ควำมเสื่อมโทรมของดินเกิดจำกกำรจัดกำรที่ดิน
ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมูล ไมเ่ หมำะสม ทำ� ใหม้ กี ำรชะลำ้ งพงั ทลำยของหนำ้ ดนิ และเกดิ เปน็ ตะกอนตำมแหลง่ นำ�้ ตำ่ ง ๆ สง่ ผล
ให้แหลง่ น้�ำตนื้ เขิน ท�ำใหร้ ฐั ตอ้ งเสียคำ่ ใชจ้ ำ่ ยเป็นจำ� นวนมำกในกำรขุดลอกตะกอนตำมแหลง่ นำ�้
2. ครูสุมตัวแทนนักเรียนท่ีไมใชกลุมท่ีทําการ 2. ด้านเศรษฐกิจ ควำมเส่ือมโทรมของดินส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิต
ศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรดินมาอธิบายความรู ทำงกำรเกษตรทลี่ ดลง ทำ� ให้เกษตรกรมีรำยได้ต่�ำและยำกจน
ความเขาใจเกี่ยวกับวิกฤตการณดินขาดความ 3. ด้านสังคม กำรที่เกษตรกรมีรำยได้ต�่ำ ท�ำให้เกิดกำรบุกรุกพื้นท่ีป่ำไม้
อุดมสมบูรณในประเทศไทย ซึ่งประกอบดวย ขยำยพ้ืนทีท่ ำ� กนิ เพื่อให้มรี ำยได้เพยี งพอหรืออพยพมำหำงำนทำ� ในเมอื ง
ดินเปรี้ยว ดินเค็ม และดินเส่ือมโทรม ใน 1.3) แนวทางในการแก ้ไขวิกฤตการณเ์ กย่ี วกับทรัพยากรดนิ ทีส่ �ำคัญ มีดงั นี้
ดานปจจัยสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทาง 1. การลดการไถหนา้ ดนิ กำรไถหนำ้ ดนิ เปน็ สำเหตหุ นงึ่ ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ กำรกรอ่ น
การปองกันแกไขวิกฤตการณดังกลาว โดย ของหนำ้ ดนิ ไดง้ ำ่ ย เพรำะดนิ ท่ีไถขนึ้ มำนนั้ มโี อกำสถกู นำ�้ ฝนชะและพดั พำออกไปไดง้ ำ่ ย แนวทำง
ครูแนะนําเพิ่มเติมเพ่ือใหเกิดความรูที่ถูกตอง อนรุ กั ษด์ นิ โดยลดกำรไถไดเ้ พมิ่ ขนึ้ อยำ่ งแพรห่ ลำยโดยเฉพำะในสหรฐั อเมรกิ ำ มกี ำรลดกำรไถเพมิ่ สงู
จากนั้นใหนักเรียนรวมกันสรุปสาระสําคัญ ถึงรอ้ ยละ 37 ของกำรเพำะปลกู ท้ังหมดในประเทศ โดยอำศัยกำรเจำะและปลูกในจดุ ทกี่ ำ� หนด
เกย่ี วกับวิกฤตการณเกยี่ วกับทรัพยากรดนิ 2. การเพาะปลูกแบบขั้นบันได โดยปรับพื้นที่ให้รำบสลับกับผนังที่ลำดชัน
แล้วท�ำกำรเพำะปลูกในช่องที่ปรับให้รำบน้ัน ส่วนผนังท่ีลำดชันน้ันปล่อยให้หญ้ำหรือวัชพืชขึ้น
3. ครตู ั้งคาํ ถามนักเรียนเพม่ิ เติม เชน เพอื่ ปอ้ งกนั กำรพงั ทลำยของผนงั เชน่ นำขน้ั บนั ไดทบ่ี ำนำเว บนเกำะลซู อน ประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส ์
• ปจจัยสําคัญที่มีผลตอการใชดินในประเทศ เปน็ ตัวอย่ำงท่ดี ีของกำรท�ำกำรเกษตรแบบยั่งยนื ด้วยวิธีกำรดง้ั เดมิ และลดกำรพงั ทลำยของดนิ
ไทยไดแ กสงิ่ ใด 3. การคงความอุดมสมบูรณ์ของดินและการปรับสภาพดิน ประเทศก�ำลัง
(แนวตอบ เชน การอยูอาศัย การประกอบ พฒั นำมกี ำรใชป้ ยุ๋ อนิ ทรยี ์ เชน่ ปยุ๋ คอก ปยุ๋ พชื สด ในกำรเพมิ่ ธำตอุ ำหำรแกด่ นิ หรอื กำรปรบั สภำพดนิ
อาชพี ความตองการทางเศรษฐกจิ การวาง ใหเ้ หมำะตอ่ กำรเพำะปลกู เชน่ กำรแก้ปญั หำดินเค็มในภำคตะวนั ออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย
ผังเมือง ฯลฯ) ด้วยกำรจัดทำ� ระบบอนุรกั ษด์ ิน โดยกำรหว่ำนปยุ๋ พืชสด ซง่ึ ปุ๋ยพชื สด คือ พชื ที่ปลกู สำ� หรับสับกลบ

ในดินเพอ่ื ปรับปรุงดนิ และเพ่มิ อนิ ทรยี วตั ถใุ หแ้ ก่
ดนิ เชน่ ถว่ั พรำ้ ปอเทอื ง
4. การท�าการเกษตรแบบอินทรีย์
เป็นกำรท�ำเกษตรที่เน้นวิธีกำรตำมธรรมชำต ิ
ลดกำรใช้สำรเคมีในกำรปลูกพืช เพ่ือปรับปรุง
สภำพดนิ ทเี่ สอ่ื มโทรม และไดผ้ ลผลติ ทปี่ ลอดภยั
ต่อผู้บริโภค ในปัจจุบันกำรเกษตรแบบอินทรีย์
ได้เป็นแนวทำงกำรพัฒนำดินท่ีย่ังยืน เป็นท่ี
นิยมและเติบโตมำกขึ้น เพรำะเป็นมิตรกับ
 กำรปลกู ปอเทอื ง เพอ่ื เปน็ ปยุ๋ พชื สด ชว่ ยแกป้ ญั หำดนิ เคม็ สง่ิ แวดลอ้ ม
224

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET

ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับปญหาการถือครองที่ดินวาเปนการบุกรุกที่ดิน ขอ ใดไมใ ชวิธีการจดั การคุณภาพดนิ
ของรัฐ โดยประชาชนเขาไปอยูอาศัยและประกอบอาชีพโดยขาดสิทธิในการ 1. ลดการไถหนา ดิน
ครอบครองที่ดินตามกฎหมาย หรือประชาชนเขาไปครอบครองอยางถูกตอง 2. ปรับปรุงบาํ รงุ ดิน
แตรัฐประกาศใหเปนที่ดินของรัฐในภายหลัง ทําใหเกิดความขัดแยงระหวาง 3. ปลูกพชื หลายชนดิ
เจาหนาที่กับประชาชน นอกจากนี้ ในการทํารังวัดตรวจสอบที่ดินตามเอกสาร 4. ปอ งกนั การพังทลายของดิน
สทิ ธิดัง้ เดมิ มกั ปรากฏพนื้ ท่ที ด่ี นิ ทับซอ นซ่ึงทําใหเ กดิ ความขัดแยง ไดเชนกัน 5. วเิ คราะหผ ลกระทบจากการใชดิน

T234 (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 5. การจดั การคณุ ภาพดนิ สามารถทาํ ได
หลายวธิ ตี ามสภาพปญหา เชน ปญหาดนิ ขาดความอุดมสมบรู ณ
ควรบํารุงดินดวยธาตุอาหารตางๆ และปลูกพืชใหหลากหลาย
เพ่ือปองกันการขาดธาตุอาหารจากการปลูกพืชเชิงเด่ียว และ
ปองกันการพังทลายของดินดวยวิธีการตางๆ เชน ปลูกพืชคลุม
ดนิ ปอ งกนั การกรอ นของหนา ดนิ ดว ยการลดการไถหนา ดนิ ดงั นน้ั
คําตอบขอ 5. จึงไมใชวิธีจัดการคณุ ภาพดิน)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2) วิกฤตการณ์เก่ียวกับทรัพยากรน�้า กำรขำดแคลนน�้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและ ขนั้ สอน
กำรเพำะปลูก เป็นปัญหำส�ำคัญของโลก เนื่องจำกเกิดปัญหำควำมแห้งแล้งข้ึนในหลำยประเทศ
โดยเฉพำะในทวีปแอฟรกิ ำและเอเชีย รวมถึงกำรมสี ำรปนเปื้อนในน้ำ� หลำกหลำยพ้ืนทข่ี องโลก ขน้ั ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
ในสหรัฐอเมริกำพบกำรปนเปื้อนของสำรเคมีในน้ำ� บำดำล ใน 38 รฐั ส่วนประเทศ
ก�ำลังพัฒนำประชำกรในชนบทร้อยละ 61 และประชำกรในเมืองร้อยละ 26 ขำดแคลนน�้ำด่ืม 4. ครแู บง นกั เรยี นออกเปน 2 กลมุ โดยใหน กั เรยี น
ท่สี ะอำด และกำรปนเป้ือนของสำรพิษบริเวณชำยฝ่งั ทะเลของประเทศแถบมหำสมุทรแปซฟิ ิก นับหมายเลข 1 และ 2 ตามตําแหนง ท่ีนงั่ ใน
ประเทศอินโดนีเซียประสบภัยแล้ง ท�ำให้ประสบภำวะขำดแคลนอำหำร เนื่องจำก ชน้ั เรียน
ผลผลติ ทำงกำรเกษตรเสยี หำย สว่ นประเทศแอฟรกิ ำใตเ้ ผชญิ กบั ภยั แลง้ อยำ่ งหนกั เนอื่ งจำกปรมิ ำณ
ฝนสะสมต�ำ่ กวำ่ ปกต ิ จนรฐั บำลใหค้ วำมสำ� คัญกบั วิกฤตกำรณภ์ ยั แลง้ เป็นภยั พบิ ตั แิ หง่ ชำติ 5. ครใู หต วั แทนนกั เรยี นหมายเลข 1 รว มกนั อธบิ าย
แม้ว่ำประเทศไทยมีทรัพยำกรน�้ำอุดมสมบูรณ์ แต่ในบำงพื้นท่ีหรือในบำงช่วงเวลำ ความรูเก่ียวกับวิกฤตการณทรัพยากรน้ําท่ี
กย็ งั คงประสบกบั ปญั หำดำ้ นปรมิ ำณของน้�ำและคณุ ภำพของน้ำ� เช่น ปญั หำกำรขำดแคลนน�้ำใน เกิดขึ้นท่ัวโลกและในประเทศไทย ตลอดจน
สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางในการแกไข
บริเวณหนาช้ันเรียน จากนั้นครูใหนักเรียน
คนอ่ืนสอบถามขอสงสัยเพื่อใหเกิดความรู
ความเขา ใจทีถ่ กู ตอ งชัดเจน

ฤดูแลง้ ทำ� ใหไ้ มม่ นี ้�ำเพยี งพอต่อกำรอปุ โภคบริโภค ปัญหำน้�ำทว่ มในฤดูฝน ปญั หำมลพิษทำงน้�ำ
เช่น ภำวะน�้ำเน่ำเสีย มีกำรปนเปื้อนของสำรเคมี มีกำรรุกล้�ำของนำ้� เคม็ ลว้ นสง่ ผลกระทบตอ่
กำรดำ� รงชวี ติ ของประชำชน รวมถงึ ระบบนเิ วศแหลง่ นำ้�
2.1) สาเหตุของวกิ ฤตการณ์เก่ียวกบั ทรัพยากรน้า� ที่สำ� คญั มีดังน้ี
1. การเกิดอุทกภัย มีสำเหตุท้ังจำกปัจจัยทำงธรรมชำติ เช่น ฝนตกหนัก
จำกพำย ุ น้�ำทะเลหนนุ สูงกวำ่ ปกต ิ ท�ำให้น้ำ� จำกแผ่นดนิ ระบำยลงสูท่ ะเลไมไ่ ด ้ และจำกกำรกระทำ�
ข องมนุษย์ เชน่ ก ำรตัด2.ไ มกท้ารำ� ขลาำดยปแคำ่ ลกนำนรา้�ก1 ่อมสสี รำ้ำเงหสต่ิงทุ ตง้ั่ำจงำ ๆก ปขจั วจำยังททำำงงกธรำรรมไหชลำขตอ ิ เงชนน่ ้ำ� ธมรฝี รนมตชกำนตอ้ิ ย
กวำ่ ปกต ิ หรอื ฝนทง้ิ ชว่ งเปน็ เวลำนำน และในชว่ งฤดแู ลง้ อำกำศรอ้ น จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ กำรระเหยของนำ้�
และจำกกำรกระทำ� ของมนษุ ย ์ เชน่ กำรใชน้ ำ�้ เพม่ิ
มำกขึ้น กำรท�ำลำยป่ำต้นน้�ำรวมถึงขำดกำร
วำงแผนกำรใช้และอนุรักษ์นำ�้ ทีเ่ หมำะสม
3. การเกิดมลพษิ ทางน�า้
มสี ำเหตมุ ำจำกกำรทง้ิ ขยะและกำรระบำยนำ�้ ทง้ิ
ลงสแู่ หลง่ นำ�้ ทำ� ใหแ้ หลง่ นำ�้ สกปรกและเนำ่ เหมน็
กำรใช้สำรก�ำจัดศัตรูพืชในกำรท�ำกำรเกษตร
ท�ำให้น�้ำเกิดกำรปนเปื้อนของสำรเคมีจนไม่
สำมำรถนำ� มำใชป้ ระโยชน์ได ้ มกั เกดิ ตำมชมุ ชน
ใหญ ่ ๆ หรอื บรเิ วณทม่ี ีโรงงำนอุตสำหกรรม  ขยะพลำสตกิ ในมหำสมทุ ร กลำยเปน็ ภยั คกุ คำมตอ่ ระบบ
นเิ วศและส่งิ มชี ีวติ ในทะเล

225

ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู

วกิ ฤตการณดานทรพั ยากรธรรมชาติในขอ ใดท่ีสงผลกระทบ ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับมลพิษทางนํ้าวาหลายประเทศยังประสบกับ
ตอการดํารงชีวติ ของมนุษยม ากทีส่ ดุ ปญหานํ้าเสีย เชน แมน้ํายมุนาในประเทศอินเดีย แมน้ําวิสตูลาในประเทศ
โปแลนด จนไมสามารถนาํ มาอุปโภคบริโภคได
1. อากาศเสยี
2. การสูญเสยี พ้นื ทปี่ า นักเรียนควรรู
3. การขาดแคลนนา้ํ จืด
4. พลังงานแสงอาทติ ย 1 การขาดแคลนน้าํ การขาดแคลนนํ้ารนุ แรงมากขึ้นในชว งฤดูรอน โดยทวปี
5. การชะลา งพังทลายของดนิ แอฟรกิ าขาดแคลนน้ํามากทีส่ ุด รองลงมาเปนภมู ิภาคตะวันออกกลาง ประเทศ
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องดวยน้ําจืดเปนปจจัยสําคัญ อินเดีย และบริเวณท่ีราบตอนเหนือของประเทศจีน เน่ืองจากน้ําในแหลงนํ้า
ทสี่ ดุ ในการดาํ รงชวี ติ ของสง่ิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ รวมทง้ั มนษุ ย ในปจ จบุ นั มนี อย ทงั้ นํ้าผิวดินและน้ําใตด นิ
วิกฤตการณทรัพยากรนํ้า ทั้งการขาดแคลนน้ําเพราะภัยแลง
และน้าํ เสยี มคี วามรนุ แรงมากในภมู ภิ าคตางๆ ของโลก ซึง่ สง ผล T235
กระทบตอ การดํารงชวี ติ ของมนษุ ยท้ังทางตรงและทางออ ม)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 2.2) ผลกระทบจากวิกฤตการณเ์ กยี่ วกับทรัพยากรน้�า ท่ีส�ำคัญ มดี ังนี้
1. ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม แหลง่ นำ้� ตำมธรรมชำตติ นื้ เขนิ ระดบั นำ�้ ใตด้ นิ เปลย่ี นแปลง
ขัน้ ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมลู พ้ืนท่ีที่เคยอดุ มสมบรู ณ์เกิดควำมแห้งแล้ง เกิดกำรกัดเซำะของหนำ้ ดนิ
2. ด้านเศรษฐกิจ กำรขำดแคลนน้�ำท�ำให้ผลผลิตด้ำนเกษตรกรรมและ
6. ครตู ง้ั คาํ ถามเกยี่ วกบั วกิ ฤตการณท รพั ยากรนา้ํ อตุ สำหกรรมลดลง รวมท้งั กระทบต่อเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ เชน่ ผลผลิตทำงกำรเกษตร
แลวสุมใหนักเรียนหมายเลข 2 ตอบคําถาม มีคุณภำพต�่ำ ท�ำให้รำคำผลผลิตลดลง เกิดควำมยำกจน และเกิดกำรอพยพของประชำกรไปยัง
เชน ดินแดนทีอ่ ดุ มสมบูรณ์
• การเกิดน้ําทวมในประเทศไทยมีสาเหตุมา 3. ดา้ นสงั คม เกดิ กำรละทงิ้ ถน่ิ ฐำนเขำ้ มำทำ� งำนในเมอื งใหญ ่ เกดิ ผลกระทบ
จากปจจัยใดบาง และมีผลกระทบตอการ ในดำ้ นสขุ ภำพอนำมัย กำรจดั กำรคณุ ภำพชีวติ ลดลง และเกิดควำมขัดแย้งในกำรใช้น้�ำ
ดําเนนิ ชวี ิตและสังคมไทยอยา งไร 4. ดา้ นสขุ ภาพ ปัญหำน้�ำเน่ำเสียส่งกลิ่นเหม็น เป็นแหล่งแพร่ระบำดของ
(แนวตอบ นาํ้ ทว มในประเทศไทยมสี าเหตจุ าก เชอื้ โรค เชน่ อหวิ ำตกโรค โรคทำงเดนิ อำหำร
ปจจัยหลัก 2 ประการ คือ การเกิดฝน 2.3) แนวทางในการแก้ ไขวกิ ฤตการณเ์ กย่ี วกับทรัพยากรน�า้ ทส่ี ำ� คญั มดี งั นี้
ตกหนักจากอิทธิพลของพายุหมุนเขตรอน 1. การจดั หาแหลง่ นา้� และการเกบ็ กกั นา้� กำรสรำ้ งอำ่ งเกบ็ นำ้� ทเี่ หมำะสมเพอ่ื
ที่กอตัวในทะเลจีนใต หรือทางตะวันตก กกั เกบ็ น�ำ้ ผวิ ดิน กำรสรำ้ งฝำยหรือระบบจดั เกบ็ นำ้� อ่นื ๆ เพอื่ ปอ้ งกนั กำรขำดแคลนนำ้� และควบคมุ
ของมหาสมุทรแปซิฟกดานชายฝงประเทศ อทุ กภยั เช่น เข่ือนฮูเวอร์ เป็นเข่ือนคอนกรีตขนำดใหญ่ที่สร้ำงขวำงแม่น�้ำโคโลรำโด ในสหรัฐ
ฟลิปปนส และการขาดการวางแผนจดั การ อเมรกิ ำ โดยมจี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื ปอ้ งกนั อทุ กภยั ทำ� กำรชลประทำน สงวนพนั ธป์ุ ลำ ผลติ กระแสไฟฟำ้
น้ําท่ีดีของหนวยงานที่เก่ียวของตางๆ ซ่ึง จำกพลังงำนนำ้� และทำ� ใหเ้ กดิ ทะเลสำบมดี (Lake Mead) ซง่ึ เปน็ อ่ำงเกบ็ น�ำ้ ท่มี ปี รมิ ำตรใหญท่ ส่ี ดุ
สง ผลกระทบตอการดาํ เนนิ ชีวติ ของคนไทย ในสหรฐั อเมรกิ ำ 2. การจัดระบบจ่ายนา�้ เป็นกำรผนั น้ำ� 1จำกร่องนำ�้ ตำ่ ง ๆ หรอื แหล่งนำ�้ ตำ่ ง ๆ
ทั้งในระดับบุคคล เชน การอยูอาศัย การ
ประกอบอาชีพ การเกิดโรคติดตอ และ มำรวมกัน แล้วจ่ำยลงสู่พื้นท่ีท่ีต้องกำร โดยวิธีกำรนี้มีมำต้ังแต่สมัยโบรำณในภูมิภำคเอเชีย
ในระดับสังคม เชน การชะลอตัวทาง ตะวันตกเฉียงใต้และอเมริกำใต้ เป็นวิธีท่ีช่วยเพ่ิมผลผลิตทำงกำรเกษตร ช่วยลดกำรกร่อนของ
เศรษฐกิจจากการท่ีแหลงเกษตรกรรมและ ผิวดินบรรเทำน�ำ้ ทว่ มและลดปรมิ ำณตะกอนในพนื้ ที่ลมุ่
อตุ สาหกรรมถกู นาํ้ ทว ม การเสยี งบประมาณ 3. การพัฒนาเทคโนโลยีมาช่วย
ในการแกไขฟนฟูสภาพพื้นที่ภายหลังท่ีเกิด ในการจัดการน�้า เพ่ือให้เพียงพอต่อกำรใช้งำน
นํ้าทวม รวมถึงการเสียโอกาสในการไดรับ และเกิดควำมย่ังยืน เช่น ประเทศอิสรำเอล
เงินลงทุนจากตางชาติ เนื่องจากนักลงทุน มกี ำรนำ� นำ้� เสยี และนำ้� ทง้ิ ทผ่ี ำ่ นกำรบำ� บดั มำเตมิ
ขาดความม่ันใจในมาตรการบริหารจัดการ ลงสู่ ใต้ดินบริเวณพื้นท่ีทะเลทรำยช่วงฤดูหนำว
นา้ํ ของหนวยงานท่เี ก่ียวของตา งๆ) เพ่ือช่วยป้องกันกำรระเหยและคืนน�้ำสู่ชั้นดิน

และนำ� กลับมำใช้เปน็ น้�ำชลประทำน นอกจำกน้ ี
ยังพัฒนำเทคโนโลยีวิศวกรรมผลิตน�้ำจืดจำก
น�้ำทะเล ในปัจจุบันปริมำณน้�ำกว่ำร้อยละ 50
ท่ี ใช้ ในประเทศมำจำกโรงงำนผลิตน�้ำจืดจำก
 ซอเร็ก โรงงำนผลิตน้�ำจืดจำกน�้ำทะเลขนำดใหญ่ ตั้งอยู่ นำ้� ทะเล โดยผันนำ้� จำกทะเลมำแปลงเป็นน้�ำจดื
ชำนกรุงเทลอำวีฟ ประเทศอสิ รำเอล
226 เพ่อื ใช้ประโยชน์ในดำ้ นตำ่ ง ๆ

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม

1 การผันนํ้า โดยท่ัวไปนิยมผันนํ้าเฉพาะสวนที่จะไหลลนตลิ่งซึ่งทําใหเกิด นักเรียนรวบรวมขาวเกี่ยวกับวิกฤตการณทรัพยากรน้ํา
นํ้าทวมออกไปจากลําน้ํา ซึ่งการผันนํ้าในรูปแบบน้ีท่ีบริเวณปากทางแยกเขาลําน้ํา ในประเทศไทย หรอื วกิ ฤตการณท รพั ยากรนาํ้ ของโลก คนละ 1 ขา ว
สายใหมจะตองสรางอาคารหรือประตูระบายน้ําเพื่อควบคุมบังคับนํ้าใหไหลเขาสู เชน แมน าํ้ สายหลกั ของประเทศเหอื ดแหง แลว วเิ คราะหใ นประเดน็
ลํานํ้าสายใหมในปริมาณท่ีพอเหมาะ ในกรณีที่ตองการผันนํ้าทั้งหมด ควรขุดลําน้ํา ดงั ตวั อยา งตอไปนี้
สายใหมแ ยกออกจากลํานํา้ สายเดมิ
• สาเหตขุ องวกิ ฤตการณ
• ผลกระทบ
• แนวทางปอ งกนั และแกไ ข

T236

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3) วิกฤตการณ์เก่ียวกับทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในอดตี โลกมพี น้ื ทป่ี ำ่ ไมอ้ ยู่ ขนั้ สอน

ประมำณรอ้ ยละ 40 ของพน้ื ทที่ ง้ั หมด หรอื ประมำณ 37,800 ลำ้ นไร ่ แต่ในปจั จบุ นั พนื้ ทป่ี ำ่ ไมล้ ดลง ขั้นท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
เหลือเพียงร้อยละ 20 ของพื้นท่ีทั้งหมด และ
ได้มีกำรคำดกำรณว์ ำ่ ในอกี 30 - 50 ปีข้ำงหน้ำ 7. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับวิกฤตการณ
ป่ำไม้ในเขตรอ้ นจะหมดไป พ้ืนท่ีกำรทำ� ปศสุ ัตว์ ทรัพยากรปาไมและสัตวปาท่ีไดศึกษามา
ในทวปี แอฟรกิ ำและภมู ภิ ำคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ แลวตั้งคําถามใหนักเรียนไดวิเคราะหขอมูล
จะกลำยเปน็ ทะเลทรำย ประชำกรโลก 1 ใน 3 เพมิ่ เติม เชน
จะขำดแคลนไม ้ในกำรทำ� ฟืน • “ปาคือชีวิต” จากขอความนี้สะทอนความ
สำ� หรบั ประเทศไทย จำกขอ้ มลู สถติ ิ สาํ คญั ของปา ไมต อ การดาํ รงชวี ติ ของมนษุ ย
เกี่ยวกับป่ำไม้ของส�ำนักจัดกำรท่ีดินป่ำไม้ อยา งไร
กรมปำ่ ไม้ ประเทศไทยมเี น้ือท ่ี 513,115 ตำรำง (แนวตอบ ปาคือชีวิต สะทอนถึงความสําคญั
กโิ ลเมตร หรอื 320,696,875 ไร ่ มพี นื้ ทปี่ ำ่ ไม้  พนื้ ทป่ี ำ่ แอมะซอนถกู บกุ รกุ ทำ� ลำย ทำ� ใหพ้ น้ื ทปี่ ำ่ ลดลงทกุ ปี ของปาไมตอการดําเนินชีวิตของมนุษยได
เดมิ รอ้ ยละ 53 เมอ่ื ประชำกรเพมิ่ และมกี ำรขยำยกำรเพำะปลกู พน้ื ทป่ี ำ่ ไม ้ พ.ศ. 2531 เหลอื รอ้ ยละ เปนอยางดี เน่ืองจากปาไมเปนระบบนิเวศ
28.03 พ.ศ. 2532 รฐั บำลประกำศยกเลกิ กำรสมั ปทำนปำ่ ไม ้ และใน พ.ศ. 2551 พบวำ่ มพี นื้ ทปี่ ำ่ ไม้ ท่ีเอ้ือตอการดํารงชีวิตของมนุษยในดาน
เพม่ิ เปน็ รอ้ ยละ 33.44 ทัง้ น้ี ปญั หำกำรบกุ รกุ พน้ื ทป่ี ำ่ รวมถงึ กำรลกั ลอบตดั ไม ้ นบั เปน็ ปญั หำสำ� คญั ตางๆ เชน ชวยดูดซับแกสที่เปนอันตราย
ทท่ี ำ� ใหพ้ น้ื ทปี่ ำ่ ลดจำ� นวนลง ตอรางกาย และผลิตออกซิเจนที่จําเปนตอ
นอกจำกน้ี กำรสูญเสียพื้นที่ป่ำไม้ยังเป็นกำรท�ำลำยแหล่งที่อยู่อำศัยและอำหำรของ การดํารงชีวิตของมนุษยและส่ิงมีชีวิตทั้ง
สตั ว์ป่ำ รวมทั้งกำรลกั ลอบคำ้ สตั ว์ป่ำก็ทำ� ให้สตั วป์ ำ่ ลดลงเช่นกนั โดยประเทศไทยมกี ำรลกั ลอบคำ้ มวล ชวยใหว ฏั จกั รของนํา้ บนโลกดาํ เนนิ ไป
สตั วป์ ำ่ ทผ่ี ดิ กฎหมำย พบมำกตำมแนวชำยแดนไทย - ลำว และไทย - เมียนมำ แม้ว่ำไทยจะปฏิบัติ อยางสมดุล รวมถึงการเปนแหลงวัตถุดิบที่
ตำมพันธกรณขี องอนุสญั ญำไซเตส (CITES) อยำ่ งเคร่งครัดกต็ ำม แตก่ ำรหยุดยงั้ และแก้ไขปัญหำ ใหประโยชนดานเศรษฐกิจแกมนุษย เชน
กำรค้ำสตั วป์ ำ่ ทีผ่ ดิ กฎหมำยกย็ ังไม่ประสบผลส�ำเร็จเทำ่ ท่ีควร ไมมีคา สัตวปาเพื่อใชแรงงานและเปน
3.1) สาเหตุของวกิ ฤตการณ์เกยี่ วกบั ทรพั ยากรปา่ ไมแ้ ละสัตวป์ ่า ทสี่ �ำคัญ มดี ังนี้ อาหาร นอกจากน้ี ปาไมยังชวยในการ
1. การบกุ รกุ พนื้ ทปี่ า่ ไมเ้ พอื่ เขา้ ครอบครองทด่ี นิ หรอื กำรลกั ลอบตดั ไมท้ ำ� ลำย บรรเทาความรุนแรงของภัยจากธรรมชาติ
ปำ่ ปริมำณป่ำไม้ทถี่ กู ทำ� ลำยนีน้ บั วนั จะเพิม่ ขึ้นเรอื่ ย ๆ ตำมอตั รำกำรเพ่มิ ของจำ� นวนประชำกร อยา งวาตภยั และอทุ กภัยไดอ ีกดว ย)
2. การจดั สรา้ งสาธารณปู โภคของรฐั เชน่ เขอ่ื น อำ่ งเกบ็ นำ�้ เสน้ ทำงคมนำคม
โดยกำรสรำ้ งเขอื่ นขวำงลำ� นำ�้ ทำ� ใหพ้ นื้ ทปี่ ำ่ ไมห้ นำ้ เขอื่ นทอี่ ดุ มสมบรู ณถ์ กู ตดั โคน่ มำใชป้ ระโยชน์
3. ไฟไหมป้ า่ มกั เกดิ ขนึ้ ในชว่ งฤดแู ลง้ ทมี่ อี ำกำศแหง้ และรอ้ นจดั ทงั้ จำก
ธรรมชำตแิ ละจำกกำรกระทำ� ของมนษุ ยท์ฺ อ่ี ำจลกั ลอบเผำปำ่ หรอื ลกั ลอบเกบ็ ของปำ่
4. การทา� ลายถน่ิ ทอี่ ยอู่ าศยั ของสตั วป์ า่ สว่ นใหญเ่ กดิ จำกกจิ กรรมของมนษุ ย ์
เชน่ กำรตดั ไมท้ ำ� ลำยปำ่ กำรเผำปำ่ กำรสรำ้ งสำธำรณปู โภคตำ่ ง ๆ รวมถงึ กำรลำ่ สตั ว์โดยตรงไมว่ ำ่
จะลำ่ เพอื่ อำหำร เพอื่ กำรกฬี ำ หรอื กำรจบั สตั วป์ ำ่ ไปขำยเปน็ สตั วเ์ ลยี้ ง

227

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

อะไรคอื สาเหตทุ ที่ าํ ใหร ะบบนเิ วศของโลกขาดสมดลุ ครูอธิบายเพ่ิมเติมวาปาไมและสัตวปาเปนองคประกอบท่ีสําคัญของระบบ
นิเวศ ปาไมมีความสัมพันธกับทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ เชน ชวยควบคุม
(แนวตอบ การขาดความสมดุลของระบบนิเวศ คือ การทําให แกสคารบ อนไดออกไซดในอากาศ ชวยลดการพังทลายของดนิ เปน แหลงท่อี ยู
องคประกอบทางธรรมชาตเิ ส่ือมโทรมหรอื พังทลายจนไมสามารถ อาศัยและอาหารของสัตวปา การสูญเสียปาไมจึงเปนจุดเร่ิมตนของปญหา
เกื้อกูลซ่ึงกันและกันไดดังเดิม เชน การเกิดแกสเรือนกระจก สงิ่ แวดลอมอนื่ ๆ ตามมาดวย
มากกวา การดดู ซบั ของปา ไมห รอื เกนิ ทป่ี า ไมจ ะดดู ซบั ไดท นั กอ นขน้ึ
ไปสบู รรยากาศ ทาํ ใหป รากฏการณเ รือนกระจกของโลกรุนแรงขึ้น
กวา ในอดตี จนเกดิ ภาวะโลกรอ น อนั นาํ มาซง่ึ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ
ท่ีเกดิ ข้นึ อยา งบอ ยครง้ั และมีความรุนแรงดังเชน ปจ จุบนั )

T237

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 3.2) ผลกระทบจากวกิ ฤตการณเ์ กย่ี วกบั ทรพั ยากรปา่ ไมแ้ ละสตั วป์ า่ ทส่ี ำ� คญั มดี งั น้ี
1. การสูญพันธุ์ของพืชและสัตว์ ปจั จบุ นั พชื และสตั วส์ ญู พนั ธป์ุ ลี ะประมำณ
ข้นั ท่ี 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอมลู 36,500 ชนดิ และถำ้ สภำพควำมแหง้ แลง้ กำรทำ� ลำยพน้ื ทลี่ มุ่ นำ�้ และแนวปะกำรงั ยงั มมี ำกขน้ึ กจ็ ะ
ทำ� ใหส้ ง่ิ มชี วี ติ อยำ่ งนอ้ ย 500,000 - 1,000,000 ชนดิ สญู พนั ธภ์ุ ำยใน 20 ป ี
8. ครูสุมนักเรียนออกมาจัดทําผังกางปลาท่ี 2. เกิดภาวะโลกร้อน เน่ืองจำกพ้ืนที่ป่ำไม้ท่ัวโลกซ่ึงเป็นแหล่งดูดซับแก๊ส
แสดงถึงแนวทางแกไขวิกฤตการณเก่ียวกับ คำร์บอนไดออกไซด์จำกบรรยำกำศถูกทำ� ลำยลงอย่ำงมำก ส่งผลให้อณุ หภูมิสงู ข้ึน ท�ำให้น้�ำแข็ง
ทรัพยากรปาไมและสัตวปาท่ีกระดานหนา ข้วั โลกละลำย ระดบั นำ้� ทะเลสงู ขน้ึ และเกดิ อุทกภยั ตำมมำ
ช้ันเรยี น เชน 3.3) แนวทางแก้ ไขวิกฤตการณ์เกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ที่ส�ำคัญ
• การออกกฎหมายเพือ่ อนรุ ักษปาไมแ ละ มีดังนี้
สัตวปา 1. การปอ้ งกนั การตดั ไม ้ การบุกรุกพ้ืนท่ปี ่า และการปอ้ งกันการลกั ลอบลา่
• การปลูกปาทดแทน สัตว์ป่า เพ่ือเป็นกำรคุ้มครองป่ำไม้และสัตว์ป่ำให้มีชีวิตอยู่ ในป่ำธรรมชำติ โดยใช้มำตรกำรทำง
• การเพาะเลี้ยงพนั ธพุ ืชและสตั วป า กฎหมำยอย่ำงเครง่ ครดั เพื่อลงโทษผู้ท่ลี ะเมิดกฎหมำย
• การปลูกจิตสํานึกเพ่ือการเห็นคุณคาและ 2. การปลูกป่าและฟื้นฟูป่าไม้ เพ่ือเป็นกำรทดแทนพื้นท่ีป่ำไม้ท่ีลดลง ซ่ึง
ความสาํ คัญของปา ไมแ ละสตั วป า ควรได้รับกำรสนับสนุนจำกทกุ ฝ่ำย เช่น ในประเทศออสเตรเลยี มวี นั ต้นไมแ้ หง่ ชำต ิ เพ่ือส่งเสรมิ
ให้ประชำชนเหน็ ควำมส�ำคญั ของปำ่ ไม้
9. ครูสุมถามนักเรียนในช้ันเรียนถึงความ 3. การเพาะพันธุ์สัตว์ป่า โดยกำรน�ำสัตว์ป่ำที่หำยำกและใกล้สูญพันธุ์มำ
ถกู ตอ งครบถว นของรายละเอยี ดในผงั กา งปลา เพำะเลยี้ งเพื่อขยำยพันธุ์ เป็นกำรทดแทนสัตว์ป่ำที่ไม่อำจขยำยพันธุ์ ได้ตำมธรรมชำติจำกสำเหตุ
จากนั้นครูและนักเรียนอภิปรายสรุปผลการ ต่ำง ๆ เช่น กำรขำดคู่ผสมพันธุ์ กำรถูกรบกวนในฤดูผสมพันธุ์ รวมทั้งกำรน�ำสัตว์ป่ำไปเลี้ยงใน
วิเคราะหแนวทางแกไขวิกฤตการณเก่ียวกับ
ทรัพยากรปาไมและสัตวปารวมกัน พรอมทั้ง
บันทึกสาระสําคญั ลงในสมดุ

สวนสัตว์
4. การก�าหนดพ้ืนที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ เพ่ือไม่ให้มีกำรบุกรุกและถือครอง
ทด่ี นิ เพอื่ ดำ� รงรกั ษำพน้ื ทป่ี ำ่ เอำไว ้ มกี ำรตรวจเฝำ้ ระวงั พน้ื ทอ่ี ยำ่ งสมำ่� เสมอ เชน่ กำรประกำศเปน็
อุทยำนแห่งชำติ เขตอนุรักษ์ป่ำ เขตห้ำมล่ำ
สตั วป์ ำ่ โดยหนึง่ ในอทุ ยำนแห่งชำตทิ ่ีมชี ่อื เสียง
และถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของ
โลกทำงธรรมชำตยิ คุ ใหม ่ ไดแ้ ก ่ อทุ ยำนแหง่ ชำติ
โคโมโดในประเทศอนิ โดนเี ซยี กอ่ ตง้ั เปน็ อทุ ยำน
แหง่ ชำตเิ มื่อ พ.ศ. 2523 เพื่อกำรอนรุ ักษ์มงั กร
โคโมโด ภำยหลงั ไดจ้ ัดเป็นพนื้ ทสี่ �ำหรับอนรุ ักษ์
สัตว์ป่ำและสัตว์ทะเลชนิดอื่น ๆ เนื่องจำกเป็น
สถำนท่ีที่มีควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพทำง
1 ทะเลสงู มีสัตวท์ ะเลอำศัยอย่หู ลำยชนิด จดั เป็น
พื้นทท่ี ม่ี คี วำมส�ำคญั ในกำรอนุรกั ษข์ องโลก
 อ ุทยำนแห่งชำติโคโมโด ประเทศอินโดนีเซีย เพ่ือกำร
อนุรกั ษ์มังกรโคโมโดและสตั วท์ ะเลชนิดอ่ืน ๆ

228

เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย

ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันตนไมแหงชาติวา วันตนไมประจําปของ นกั เรียนแบงกลุมสืบคนสัตวปาที่ใกลจะสูญพันธุในแตละทวีป
ประเทศไทยตรงกับวันวิสาขบชู า โดยกรมปาไมก บั หนว ยงานราชการทุกจงั หวัด ไดแก ทวปี เอเชยี ทวปี ยโุ รป ทวีปแอฟรกิ า ทวปี อเมรกิ าเหนือ และ
รว มกนั จัดกจิ กรรมปลกู ตนไมแ บบประชาอาสา โดยเชญิ ชวนประชาชน ภาครัฐ ทวปี อเมริกาใต ในประเด็น ดงั น้ี
และเอกชนใหร ว มกนั ปลกู ตน ไมท ่ัวประเทศ
• ชนิดของสัตวป า
นักเรียนควรรู • สาเหตทุ ่ที าํ ใหใกลสูญพนั ธุ
• แนวทางการอนุรกั ษ
1 อทุ ยานแหง ชาตโิ คโมโด ขนึ้ ทะเบยี นเปน มรดกโลกเมอ่ื พ.ศ. 2534 ตง้ั อยใู กล แลวนํามาอภปิ รายรว มกนั ในช้นั เรียน
หมเู กาะซนุ ดานอ ย พนื้ ทอ่ี ทุ ยานประกอบดว ยเกาะใหญ 3 เกาะ ไดแ ก เกาะโคโมโด
เกาะปาดาร และเกาะรงิ กา และเกาะเลก็ ๆ อกี มากมาย เกาะเหลา นเี้ กดิ ขนึ้ จาก
การปะทุของภเู ขาไฟ มีเน้ือที่รวมประมาณ 1,817 ตารางกิโลเมตร มปี ระชากร
อาศยั อยปู ระมาณ 4,000 คน

T238

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

4) วิกฤตการณ์เกี่ยวกับทรัพยากรแร่และพลังงาน แร่และพลังงำนเป็นปัจจัย ขน้ั สอน
ส�ำคัญในกำรด�ำเนินชีวิตในปัจจุบัน โดยมีกำรใช้พลังงำนกับยำนพำหนะ เคร่ืองจักร ภำค
อุตสำหกรรม เกษตรกรรม ในขณะท่คี วำมตอ้ งกำรพลงั งำนเพิม่ ขน้ึ แตป่ ริมำณพลังงำนมอี ยอู่ ย่ำง ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มูล
จ�ำกดั และยงั ก่อใหเ้ กิดมลพษิ ตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม
กำรขำดแคลนทรพั ยำกรพลงั งำน โดยเฉพำะนำ�้ มนั ทถี่ อื เปน็ พลงั งำนหลกั ทใี่ ชก้ นั ทวั่ โลก 10. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับวิกฤตการณ
มปี ริมำณสำ� รองทถี่ กู พสิ จู นแ์ ล้วของน�้ำมันโลก มีทัง้ หมด 1,687.9 พนั ลำ้ นบำรเ์ รล ใน พ.ศ. 2556 ทรัพยากรแรและพลังงานที่ไดศึกษามา
ซ่ึงคำดว่ำจะมีเหลือให้ ใช้ ในอัตรำกำรผลิตปัจจุบันได้อีกประมำณ 46 ปี ในขณะที่แก๊สธรรมชำติ จากนั้นใหนักเรียนวิเคราะหรวมกันถึง
มปี รมิ ำณสำ� รองเหลอื 185.7 ลำ้ นลำ้ นลกู บำศกเ์ มตร คำดวำ่ จะมเี หลอื ให ้ใช ้ในอตั รำกำรผลติ ปจั จบุ นั ผลกระทบตอการดําเนินชวี ติ ของประชากร
ได้อีกประมำณ 58 ปี
11. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหเพิ่มเติม
เก่ียวกับทรัพยากรพลังงานที่สําคัญของโลก
และการพัฒนาพลังงานทางเลือก หรือ
พลงั งานสะอาดของโลก

พ.ศ. 2560 ประเทศไทยมกี ำรใช้พลังงำนปริมำณ 80,752 พนั ตัน เทียบเท่ำนำ�้ มันดิบ
เพมิ่ ขน้ึ จำกปกี ่อนรอ้ ยละ 1.0 คิดเป็นมลู ค่ำกว่ำ 1,072,237 ล้ำนบำท โดยท่นี �้ำมนั สำ� เรจ็ รูปยงั คง
เปน็ พลงั งำนที่ใชม้ ำกทีส่ ดุ คดิ เปน็ ร้อยละ 50.1 ของกำรใช้พลังงำนขน้ั สดุ ทำ้ ยทั้งหมด รองลงมำ
ไดแ้ ก ่ ไฟฟำ้ พลงั งำนหมุนเวยี น แก๊สธรรมชำติ และถำ่ นหนิ / ลิกไนต์ ใน พ.ศ. 2560 ประเทศไทย
มีกำรน�ำเข้ำพลังงำน คิดเป็นมูลค่ำกว่ำ 862,797 ล้ำนบำท โดยน�ำเข้ำน้�ำมันดิบมำกที่สุด และ
เน่ืองจำกควำมผันผวนของรำคำน�้ำมันในตลำดโลก ท�ำให้รัฐบำลมีนโยบำยส่งเสริมให้มีกำรใช้
พลังงำนทดแทนในประเทศเพิ่มมำกข้ึน โดยใน พ.ศ. 2560 ไทยมีกำรใช้พลังงำนทดแทน
11,698 พันตนั เทยี บเท่ำน้ำ� มนั ดบิ เพิ่มขน้ึ ร้อยละ 5.9
4.1) สาเหตขุ องวกิ ฤตการณเ์ กย่ี วกบั ทรัพยากรแร่และพลงั งาน ทสี่ ำ� คัญ มีดังน้ี
1. ปญั หาการใชพ้ ลงั งานอยา่ งฟมุ่ เฟอื ย กำรใชพ้ ลงั งำนเชอ้ื เพลงิ เชน่ นำ้� มนั
ถำ่ นหนิ แกส๊ ธรรมชำตมิ ำกเกนิ ไป ซง่ึ ทรพั ยำกรเหลำ่ นเี้ ปน็ พลงั งำนธรรมชำตปิ ระเภทที่ไมส่ ำมำรถ
สร้ำงทดแทนได้
2. ปญั หาการผลติ พลงั งาน
ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำรน�ำแร่และ
พลังงำนมำใช้มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมหำก
ไม่มีระบบป้องกันท่ีดี เช่น กำรท�ำเหมืองแร่
ถ่ำนหิน ท�ำให้เกิดฝุ่นละอองในอำกำศหรือปน
เปื้อนน้�ำใต้ดิน ส่งผลกระทบต่อสุขภำพของ
มนษุ ย์ เชน่ โรคระบบทำงเดนิ หำยใจ หรือกำร
ระคำยเคืองตำ มลพิษจำกกำรใช้พลังงำนยัง
ทำ� ใหเ้ กดิ ปรำกฏกำรณเ์ รอื นกระจก ทเ่ี ปน็ สำเหตุ
ส�ำคัญของภำวะโลกร้อน และส่งผลต่อควำม
หลำกหลำยทำงชีวภำพ  กำรน�ำพลังงำนเช้ือเพลิงฟอสซิลมำใช้ในกำรด�ำเนินชีวิต
มำกเกินไป อำจสง่ ผลใหเ้ กดิ ภำวะขำดแคลนไดใ้ นอนำคต

229

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

การใชท รพั ยากรแรแ ละพลงั งานอยางขาดจติ สาํ นึก กอใหเ กดิ ครูอธิบายเพ่ิมเติมถึงการผลิตพลังงานทดแทนประเภทตางๆ เชน
วิกฤตการณอยา งไร โรงไฟฟาพลังความรอนใตพิภพที่อาจใชบอน้ําความลึกถึง 1.5 กิโลเมตร
เพื่อใหสามารถเขาถึงแหลงสํารองนํ้าจากความรอนใตพิภพท่ีกําลังเดือด
(แนวตอบ การใชทรัพยากรแรและพลังงาน เชน น้ํามัน โรงไฟฟาบางแหงใชไอนํ้าจากแหลงสํารองเหลานี้โดยตรงเพื่อใหใบพัดหมุน
แกส ธรรมชาตอิ ยา งขาดจติ สาํ นกึ การจดั การและการวางแผน ทาํ ให บางแหงอาจปมนํ้ารอนแรงดันสูงเขาไปในแท็งกน้ําความดันตํ่า ทําใหเกิด
มปี รมิ าณลดลงอยา งตอ เนอ่ื งและมแี นวโนม หมดไปในอนาคต หาก “ไอนํ้าชั่วขณะ” ซ่ึงใชหมุนกังหันของเครื่องกําเนิดไฟฟา การผลิตพลังความ
ไมม กี ารคนพบแหลง แรแ ละพลงั งานอนื่ เพิม่ เติม ทั้งนี้ การเพ่ิมขน้ึ รอนใตพิภพแทบไมกอมลพิษหรือปลอยแกสเรือนกระจกเลย แมหลายประเทศ
อยางรวดเร็วของประชากรโลกประกอบกับเศรษฐกิจแบบทุนนิยม มีแหลงสํารองความรอนใตพิภพอุดมสมบูรณ แตพลังงานหมุนเวียนประเภทนี้
ก็เปนปจจัยเรงที่สําคัญเชนกัน ดังน้ัน ทุกคนควรมีจิตสํานึกและ ยงั ถกู นํามาใชประโยชนนอยมาก
มสี ว นรว มในการอนรุ ักษทรัพยากรแรและพลงั งานอยางจริงจงั )

T239

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 4.2) ผลกระทบจากวกิ ฤตการณ์เกยี่ วกบั ทรัพยากรแร่และพลังงาน ทส่ี ำ� คัญ คือ
เกิดมลพิษทำงอำกำศ ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจำกอำกำศเป็นพิษนับแสนคน โดยเฉพำะใน
ขั้นท่ี 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมลู สหรัฐอเมริกำ สว่ นภมู ภิ ำคยโุ รปตะวนั ออกและ
ประเทศจนี อำกำศเปน็ พษิ เกดิ จำกกำรทำ� เหมอื ง
12. ครตู ง้ั คาํ ถามเพอ่ื ใหน กั เรยี นวเิ คราะหเ พม่ิ เตมิ ถำ่ นหนิ และกำรใชถ้ ำ่ นหนิ ในโรงงำนอตุ สำหกรรม
ถึงวิกฤตการณเก่ียวกับทรัพยากรแรและ สำรพิษจำกกำรใช้น้�ำมันในรถยนต์ เช่น ตะก่ัว
พลงั งาน เชน คำรบ์ อนมอนอกไซด ์ ซงึ่ ทำ� ใหเ้ กดิ โรคระบบทำง
เดนิ หำยใจ นอกจำกน ้ี กำรเผำไหมข้ องเชอ้ื เพลงิ
• จากสถานการณดานทรัพยากรน้ํามันและ ฟอสซิล ชีวมวล ยังท�ำให้เกิดแก๊สคำร์บอน-
แกสธรรมชาติของโลก ควรมีแนวทางแกไข ไดออกไซด์ในบรรยำกำศเพ่ิมข้ึน เป็นสำเหตุ
ทรัพยากรพลงั งานของโลกอยางไร หน่ึงท�ำให้เกิดภำวะโลกร้อน หำกมนุษย์ยังใช้
(แนวตอบ แนวทางแกไขทรัพยากรพลังงาน พลงั งำนในกจิ กรรมกำรดำ� เนนิ ชวี ติ อยำ่ งฟมุ่ เฟอื ย
ข อ ง โ ล ก ค ว ร เ น  น ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ พั ฒ น า  มลพิษทำงอำกำศ จำกโรงงำนอตุ สำหกรรม ท�ำใหเ้ กดิ กำรขำดแคลนได้ ในอนำคต
พลังงานทดแทนตางๆ เชน พลังงานแสง
อาทิตย พลังงานลม พลังงานชีวภาพ เพื่อ 4.3) แนวทางแก ้ไขวกิ ฤตการณเ์ กย่ี วกบั ทรพั ยากรแรแ่ ละพลงั งาน โดยกำรพฒั นำ
ความสมดลุ ของระบบนเิ วศ และลดการปลอ ย พลงั งำนทดแทนทส่ี ำมำรถหมุนเวยี นได้ เนื่องจำกไมก่ ่อให้เกดิ ปญั หำมลพิษ ได้แก่
แกสเรอื นกระจกขึน้ สบู รรยากาศ ทง้ั น้ี แตละ 1. พลังงานน�้า สำมำรถน�ำมำใช้ในกำรผลิตกระแสไฟฟ้ำ ในปัจจุบัน
ประเทศควรพจิ ารณาพฒั นาพลงั งานทดแทน ประเทศไทยไดผ้ ลติ กระแสไฟฟำ้ จำกโรงไฟฟำ้ พลงั งำนนำ�้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 6.4 ของกำ� ลงั ผลติ กระแส
ท่ีเหมาะสมกับปจจัยภายในประเทศของตน ไฟฟ้ำท้ังหมด ในขณะที่ประเทศบรำซิลใช้พลังงำนน้�ำในกำรผลิตกระแสไฟฟ้ำมำกถึงร้อยละ 84
เชน ประเทศบราซิล มีการปลูกออยมาก โดยมเี ขอื่ นอิไทพุ (Itaipu Dam) ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ำที่สำ� คญั ของโลก
จึงควรพัฒนาเปนนํ้ามันไบโอดีเซล โดยใช 2. พลังงานความร้อนใต้พิภพ สำมำรถน�ำมำผลิตกระแสไฟฟ้ำได้ โดยมี
ซากออ ยเปน วัตถดุ บิ หลกั อยา งไรก็ตาม ควร หลำยประเทศท่วั โลกที่ใช้พลังงำนควำมรอ้ นใตพ้ ภิ พผลติ ไฟฟ้ำ เช่น รัสเซยี นิวซีแลนด ์ ไอซ์แลนด ์
หลีกเลี่ยงการพัฒนาพลังงานที่อาจสงผล ห รือในแถบเอเชีย เชน่ 3 .ญ พ่ปี ลุ่นงั งฟาิลนปิ ลปมนิ 1มส ์นอุษินยโ์ดรู้จนักเี ซใชยี ้พลังงำนลมในกำรเดินเรือ กำรสูบน�้ำ และ
กระทบตอสภาพแวดลอมอยางพลังงานน้ํา กจิ กรรมอน่ื ๆ มำนำนแลว้ ในรฐั แคลฟิ อรเ์ นยี ของสหรฐั อเมรกิ ำใชพ้ ลงั งำนลมผลติ กระแสไฟฟำ้ ได้
จากการสรางเขื่อน ซ่ึงตองตัดไมทําลายปา
และอาจทําใหส ัตวปา บางประเภทสญู พันธุ)

ประมำณ 300 เมกะวตั ต ์ หรือประมำณร้อยละ 40 ของพลงั งำนลมที่ใชก้ นั อย่ ูในโลก สว่ นประเทศ
อน่ื ๆ ท่ีใชพ้ ลังงำนลมกันมำก เช่น เยอรมน ี เดนมำร์ก เนเธอรแ์ ลนด์
4. พลงั งานแสงอาทติ ย ์ จัดเป็นพลังงำนหมุนเวียนท่ีส�ำคัญ เป็นพลังงำน
สะอำดที่ไม่ท�ำปฏิกิริยำใด ๆ อันจะท�ำให้สง่ิ แวดลอ้ มเปน็ พิษ ประเทศทเ่ี ป็นผนู้ �ำในกำรใชพ้ ลังงำน
แสงอำทิตย์เพือ่ ผลิตกระแสไฟฟำ้ ไดแ้ ก่ จีน เยอรมน ี และญี่ปุ่น
5. พลงั งานคลน่ื กำรเคล่ือนท่ีข้ึนลงอย่ำงมีจังหวะของคล่ืนทะเลท�ำให้เกิด
พลังงำนศักย์ท่ีมีพลังงำนมหำศำล น�ำมำใช้ ในกำรผลิตกระแสไฟฟ้ำได้ ประเทศที่น�ำพลังงำน
คลน่ื มำใช ้ เชน่ สหรฐั อเมริกำ สกอตแลนด์

230

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 พลังงานลม ปจจุบันมนุษยเห็นความสําคัญและนําพลังงานลมมาใช แรเช้ือเพลิงและพลังงานที่สําคัญของประเทศไทยมีความ
ประโยชนมากขึ้น เนื่องจากมีอยูท่วั ไป ไมตอ งซอื้ หา และเปนพลงั งานสะอาดที่ เหมาะสมตอการใชประโยชนทามกลางวกิ ฤตการณภาวะโลกรอ น
ไมส งผลกระทบตอ สิง่ แวดลอ ม โดยใชกงั หันลมเปน ตวั รับพลงั งานจลนจากการ หรอื ไม อยา งไร
เคลื่อนที่ของลมใหเปนพลังงานกลได จากน้ันนําพลังงานกลมาใชประโยชน
โดยตรง เชน การสูบนา้ํ หรอื ใชผ ลติ ไฟฟา (แนวตอบ แรเช้ือเพลิงและพลังงานท่ีสําคัญของประเทศไม
เหมาะสมตอการใชประโยชนทามกลางภาวะโลกรอนในปจจุบัน
T240 เทาที่ควร เนื่องจากกอใหเกิดแกสเรือนกระจกข้ึนสูบรรยากาศ
ทง้ั การเผาไหมถา นหินชนดิ ลกิ ไนตทกี่ อ ใหเกดิ ควันและแกสตา งๆ
รวมถึงการใชเชื้อเพลิงจากน้ํามันและแกสธรรมชาติดวย อยางไร
ก็ตาม ประเทศไทยไดลดการใชแรเช้ือเพลิงและพลังงานขางตน
จากสาเหตตุ า งๆ ทง้ั การใกลจ ะหมดไปของถา นหนิ ความพยายาม
พัฒนาพลังงานสะอาดของรัฐบาลและหนวยงานที่เก่ียวของ
เพื่อการอนุรักษส่งิ แวดลอม)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

5) วิกฤตการณเ์ กีย่ วกบั ขยะและของเสยี อนั ตราย1 ปญั หำขยะนบั วนั ยิง่ ทวคี วำม ขนั้ สอน

รนุ แรงมำกยงิ่ ขนึ้ เนอ่ื งจำกสภำพเศรษฐกจิ และสงั คมทเี่ ปลยี่ นแปลงไป กำรขยำยตวั ของประชำกร ขน้ั ที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมลู
และกำรขยำยตวั ทำงเศรษฐกจิ ส่งผลใหป้ รมิ ำณขยะและของเสยี อนั ตรำยเพ่ิมมำกข้ึน
13. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนขาว
ธนำคำรโลกรำยงำนว่ำเม่ือ พ.ศ. 2533 มีประชำกรท่ีอำศัยอยู่ในเขตเมืองทั่วโลก วกิ ฤตการณเ กยี่ วกบั ขยะและของเสยี อนั ตราย
ประมำณ 220 ล้ำนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 13 ของประชำกรโลก และก่อให้เกิดขยะประมำณ ที่พบในบรเิ วณพื้นทต่ี างๆ ทว่ั โลก จากนนั้ ให
300,000 ตนั ตอ่ วนั แตเ่ พยี งสบิ ปผี ำ่ นไป ประชำกรทอี่ ำศยั อยู่ในเขตเมอื งมจี ำ� นวนเพม่ิ มำกขนึ้ เปน็ นักเรียนวเิ คราะหรว มกันถึงสาเหตุ ตลอดจน
2.9 พนั ลำ้ นคน หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 49 ของประชำกรโลก ทำ� ใหเ้ กดิ ปรมิ ำณขยะเพมิ่ ขนึ้ เปน็ 3 ลำ้ นตนั ผลกระทบตอการดําเนินชีวติ ของประชากร
ต่อวนั และมีกำรคำดกำรณว์ ำ่ ภำยใน พ.ศ. 2568 ปรมิ ำณขยะนี้จะเพมิ่ ขึน้ เป็น 2 เท่ำ
14. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหและตอบ
ประเทศไทยมีปริมำณขยะมูลฝอยท่ีเกิดขึ้นทั่วประเทศประมำณ 27.40 ล้ำนตัน Geo Question จากหนงั สือเรียน ภูมศิ าสตร
ใน พ.ศ. 2560 และสำมำรถนำ� ไปกำ� จดั ไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ งเพยี ง 11.70 ลำ้ นตนั เทำ่ นน้ั ขณะท ่ี พ.ศ. 2559 ม.4-6 และอภปิ รายสรปุ รวมกนั
มขี องเสยี อันตรำย ประมำณ 3.462 ลำ้ นตนั เพม่ิ ขนึ้ จำก พ.ศ. 2558 0.017 ลำ้ นตนั (ร้อยละ 0.49) (แนวตอบ ประเทศสวีเดนเปนประเทศท่ีตอง
สว่ นใหญเ่ ปน็ ของเสยี อนั ตรำยจำกอตุ สำหกรรม ประมำณ 2.8 ลำ้ นตนั (รอ้ ยละ 80) สำมำรถจดั กำร นําเขาขยะจากประเทศเพื่อนบาน เชน
ได้ 1.12 ล้ำนตัน (รอ้ ยละ 40 ของปริมำณท่เี กดิ ขึน้ ) เปน็ ของเสียอนั ตรำยจำกชุมชน (รวมซำก นอรเวย และอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป
ไผดล้ ติ 1ภ,2ณั 9ฑ7 เ์ ตคันรอ่ื งสใง่ ชไไ้ปฟกฟ�ำำ้จแัดลแะลอ้วเิ ล6ก็ 4ท รตอนั น (กิ รส้อ)์ ย ปลระะ ม5 ำขณอ 0ง.ป6ร0มิ6 ำลณำ้ นทตี่รวนั บ (รรอ้วมยลไดะ )้1 8แ)ล สะำมมลู ำฝรอถยรวตบิดรเชวมอื้ 2 ปละกวา 800,000 ตัน เพื่อนํามาใชใน
ประมำณ 0.056 ล้ำนตัน (รอ้ ยละ 2) มำจำกสถำนบริกำรสำธำรณสขุ สว่ นใหญถ่ กู สง่ ไปกำ� จดั ท ี่ โครงการผลิตกระแสไฟฟา โดยพลังงาน
เตำเผำมลู ฝอยตดิ เชอื้ ของเอกชนและองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ รวมทง้ั สนิ้ 49,056 ตนั (รอ้ ยละ 88) ที่ไดจากขยะสามารถนํามาใชในครัวเรือน
แม้ว่ำประเทศไทยจะมีกำรจัดกำรขยะและของเสียอันตรำย แต่ถ้ำจัดกำรโดยไม่ระมัดระวังหรือ ไดถึงรอยละ 20 ปจจุบันสวีเดนสามารถ
ไม่ถูกตอ้ งเหมำะสม ก็อำจส่งผลกระทบตอ่ สขุ ภำพของประชำชนและสิ่งแวดลอ้ มได้ พัฒนาเทคโนโลยีท่ีนําขยะกลับมาใชเปน
5.1) สาเหตขุ องวกิ ฤตการณข์ ยะและของเสียอันตราย ที่ส�ำคญั มีดังน้ี พลังงานไดโ ดยแทบไมก อใหเกิดมลพษิ ใดๆ)
1. การเพม่ิ ขนึ้ ของจา� นวนประชากรโลก ทำ� ใหค้ วำมตอ้ งกำรในกำรใชส้ นิ คำ้
เพ่ิมมำกขนึ้ จงึ มีกำรผลิตสินคำ้ เพื่อรองรบั ผบู้ รโิ ภคมำกขนึ้ ซึ่งกอ่ ให้เกดิ ขยะปลี ะ 1,300 ลำ้ นตัน
ต่อปี และคำดกำรณว์ ำ่ ใน พ.ศ. 2568 จะมีขยะเพมิ่ ข้นึ เปน็ ปลี ะ 2,200 ล้ำนตนั
2. การเกบ็ และท�าลาย หรอื นา� ขยะไปใช้ประโยชน์ไม่มปี ระสิทธภิ าพ ท�ำให้
มีขยะตกคำ้ ง กองหมกั หมม และสง่ กลิ่นเหมน็ จนกอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหำมลพษิ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม

GQeuoestion

หลำยประเทศต้องเผชญิ กบั ปัญหำขยะลน้ เมอื ง นักเรยี นคดิ ว่ำประเทศใดบำ้ งทข่ี ยะหมดจนตอ้ งนำ� เขำ้
เพรำะเหตุใดจงึ ตอ้ งน�ำเข้ำ และมวี ิธีจดั กำรขยะอยำ่ งไร

231

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

อะไรคอื ปญ หาและสาเหตสุ าํ คญั ในการจดั การปญ หาขยะมลู ฝอย 1 ของเสียอันตราย ของเสียท่ีควบคุมภายใตอนุสัญญาบาเซิล เชน กาก
ในประเทศไทย จากการกําจัดของเสียอุตสาหกรรม ของเสียจากการผลิตสารรักษาเนื้อไม
กากน้ํามันดิบจากโรงกลั่น ของเสียที่มีองคประกอบของสารโลหะหนักหรือ
(แนวตอบ ปญหาและสาเหตุสําคัญในการจัดการปญหาขยะใน สารพิษ สารละลายกรดหรือดางในรูปของแขง็ สารติดเชอื้
ประเทศไทย เชน การขาดแคลนที่ดนิ สําหรับใชเปน สถานท่ีกาํ จดั 2 มูลฝอยติดเช้ือ มูลฝอยที่มีเช้ือโรคปะปนอยูในปริมาณเขมขน ซ่ึงถา
การดําเนินการและการดูแลรักษาระบบกําจัดไมมีประสิทธิภาพ มีการสัมผัสหรือใกลชิดมูลฝอยน้ันอาจทําใหเกิดโรคได มูลฝอยดังกลาว
ขาดแคลนบคุ ลากร มีการนาํ ขยะมูลฝอยกลับมาใชประโยชนนอ ย สวนใหญเกิดข้ึนในกระบวนการตรวจวินิจฉัยทางการแพทยและการรักษา
ประชาชนขาดจติ สาํ นกึ และความเขา ใจในการกาํ จดั ขยะทถ่ี กู ตอ ง) พยาบาล การใหภูมิคุมกันโรคและทดลองเกี่ยวกับโรค การตรวจชันสูตรศพ
หรอื ซากสตั ว เปน ตน

T241


Click to View FlipBook Version