นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 3) ภยั ตา่ ง ๆ ที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองรนุ แรง สง่ ผลกระทบตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและ
ขนั้ ที่ 1 การต้งั คําถามเชงิ ภูมิศาสตร ส่ิงก่อสรา้ ง เชน่
1. ลมกระโชกแรง ท�าความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน ส่ิงก่อสร้าง ต้นไม ้
• เพราะเหตุใดขณะเกิดพายุฝนฟาคะนอง
จงึ ไมค วรใชโ ทรศพั ท ป้ายขนาดใหญ่จนพงั ทลายได้
(แนวตอบ เน่ืองจากโทรศัพทเคล่ือนที่มีวัสดุ 2. ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า เม่ือเกิดฟ้าแลบและฟ้าร้อง ถ้าขณะนั้นมีประจุไฟฟ้าออกมา
ทที่ าํ จากโลหะ และโลหะจะเปน ตวั รวมคลน่ื
ฟาผาใหพุงตรงมายังตัวโทรศัพท รวมถึง จากกอ้ นเมฆลงไ3ป.ส ู่พลูกน้ื เดหนิ ็บจ1หะทรือ�าใพหา้เกยุิดลฟูกเ้าหผ็บา่ ถจา้ะถเกกู ิดสข่งิ ม้ึนีชในวี ิตชก่วอ็ งาทจี่มนีพ�าไาปยสุฝคู่ นวฟาม้าตคาะยนไอดง้ ในฤดูร้อน
สัญญาณอินเทอรเน็ตจากโทรศัพทเคล่ือนที่ หากลูกเห็บที่ตกลงมามีจ�านวนมาก และมีขนาดใหญ่ก็สามารถท�าอันตรายให้แก่ผู้คน หรือท�าให้
ก็จัดเปนคลื่นสัญญาณท่ีเปนสายลอฟาท่ี อาคารบ้านเรือนเสยี หายได้
ทาํ ใหเ กดิ ฟา ผา ไดเ ปน อยา งดี ดงั นน้ั ในขณะ
เกิดพายุฝนฟาคะนองจึงไมควรใชโทรศัพท 4. ฝนตกหนัก พายุฝนฟ้าคะนองอาจท�าให้ฝนตกหนัก เกิดน้�าท่วมฉับพลันได้
เพ่ือเปนการปองกันการเกิดฟาผาจนเปน บรเิ วณพืน้ ท่สี งู ชนั อาจเกิดดินถลม่ ได้
อนั ตรายตอ รา งกายและทรพั ยส นิ ไดน นั่ เอง)
GTeipo
การระวังฟา้ ผา่ จากการคา� นวณระยะห่าง
เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง สิ่งหน่ึงที่ต้องระมัดระวัง คือ ภัยจากฟ้าผ่า ซ่ึงเกิดขึ้นได้ทุกท่ี
และอาจสร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อเกิดฟ้าร้อง ฟ้าแลบ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า
เราอยู่ห่าง หรืออยู่ใกล้บริเวณท่ีเกิดฟ้าร้อง ฟ้าแลบ วิธีง่าย ๆ คือ ใช้ “กฎ 30/30” ซ่ึงเป็นข้อปฏิบัติ
ทางทหารท่ีใช้กนั มานานแล้ว
เลข 30 ตัวแรก คือ หน่วยวินาที หมายถึง เมื่อเราเห็นแสงฟ้าแลบ แล้วได้ยินเสียงฟ้าร้อง
ตามมาภายในเวลาไม่เกิน 30 วินาที แสดงว่าเราอยู่ใกล้บริเวณฝนฟ้าคะนองมาก และมีความ
เสี่ยงสูงต่อการถูกฟ้าผ่า ให้พยายามหาท่ีหลบท่ี
ปลอดภยั (ตัวเลขน้ีได้มาจากการคา� นวณ โดยเสยี ง
จะเดินทางด้วยความเร็ว 346/วินาที ท่ีอุณหภูมิ
25 องศาเซลเซยี ส)
เลข 30 ตัวหลัง มีหน่วยเป็นนาที หมายถึง
เม่ือฝนหยุดตกและไม่มีเสียงฟ้าร้องแล้ว เราควร
หลบอยู่ในท่ีปลอดภัยอย่างน้อย 30 นาที เพื่อ
ความมั่นใจว่าฝนฟ้าคะนองได้เคลื่อนตัวผ่านไป ความรนุ แรงและความเสยี หายจากการเกดิ ฟา้ ผา่
จนปลอดภัยจากฟา้ ผ่าแล้ว
ทีม่ า : www.nstda.or.th ส�านักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ
184
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสรมิ
1 ลูกเห็บ ประกอบดวยน้ําแข็งกอนกลมเล็ก ปกติกอนนํ้าแข็งท่ีตกลงมา นักเรียนจับสลากภัยตางๆ ที่เกิดจากพายุฝนฟาคะนอง
เปนลูกเห็บน้ันจะไมใสแตจะเห็นเปนฝาสีขาว ลูกเห็บที่ตกลงมาสูพื้นดิน เชน พายุลูกเห็บ ฟาแลบ ฟารอง ฟาผา ภาวะน้ําทวมจาก
เกิดจากเมฆคิวมูโลนิมบัสเทาน้ัน เพราะภายในกอนเมฆจะมีอากาศลอยพุงข้ึน ฝนตกหนกั จากนน้ั สบื คน ขอ มลู ในประเดน็ ดังตอ ไปน้ี
อยางรุนแรง ทําใหหยดนํ้าภายในกอนเมฆถูกพัดขึ้นขางบนในระดับสูงจน
หยดนํ้าเย็นจัดกลายเปนนํ้าแข็งแลวตกลงมาสูขางลาง การวัดปริมาณการตก • อันตรายจากภัยดงั กลา ว
ของลูกเห็บทําไดยาก เพราะลูกเห็บตกมากับฝนและละลายเปนของเหลวไป • การปฏิบัตติ นเมอ่ื เกดิ ภยั
ในเวลาอนั รวดเร็ว • การปองกนั ภยั
แลว นําขอมูลที่ไดสรุปใสก ระดาษรายงาน สงครูผูสอน
T192
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
4) เหตกุ ารณพ์ ายฝุ นฟ้าคะนองทีร่ ุนแรง คร้งั ส�าคญั เช่น ขน้ั สอน
เหตกุ ารณ์ พายุฝนฟา้ คะนองในประเทศญี่ปนุ่ พ.ศ. 2561 ข้ันที่ 1 การตง้ั คาํ ถามเชิงภมู ิศาสตร
สาเหตุ : เกดิ พายฝุ นฟา้ คะนองขน้ึ ระหวา่ งวนั ท ่ี7 - 8 3. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตงั้ ประเดน็ คาํ ถาม
กรกฎาคม พ.ศ. 2561 มฝี นตกกระหนา่� ลงมาอยา่ ง เชิงภูมศิ าสตร เชน
หนกั 200 - 400 มลิ ลิเมตร ใน 8 จังหวดั ไดแ้ ก ่ • ลักษณะทางกายภาพสงผลใหเกิดปญหา
ฟุกุโอกะ ซากะ นะงะซะกิ โอกะยะมะ ฮิโระชิมะ หรือภัยพิบัติธรรมชาติทางบรรยากาศภาค
ทตโตร ิ เฮยี วโงะ และเกียวโต โดยเฉพาะพืน้ ท่ีภาค ในประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ ของโลก
ตะวนั ตกและตอนกลางของประเทศญ่ปี นุ่ อยา งไรบาง
• ภยั พบิ ตั ธิ รรมชาตทิ างบรรยากาศภาคทเี่ กดิ ขน้ึ
ผลกระทบ : ส่งผลให้เกิดน้�าท่วมและดินโคลน ในภูมิภาคตางๆ ของโลก มีความเหมือน
ถล่มในหลายพืน้ ท่ ี พบผู้เสียชวี ติ มากกว่า 50 คน หรือความแตกตา งกัน อยางไร
สภาพความเสยี หายจากอิทธพิ ลของพายุ และสูญหายอีกเป็นจ�านวนมาก อาคารบ้านเรือน • ผลกระทบสําคญั จากภัยพบิ ตั ิธรรมชาตทิ าง
บรรยากาศภาคคอื อะไร อธบิ ายเหตุผล
ถกู ทา� ลายกวา่ 2,000 หลัง เท่ียวบินถูกยกเลกิ นับเป็นการสูญเสยี ทางชวี ติ และเศรษฐกิจของประเทศญีป่ นุ่ • แนวทาง หรือวิธีการปองกันภัยพิบัติ
อยา่ งหนัก ธรรมชาตทิ างบรรยากาศภาคสามารถทาํ ได
อยางไร
เหตกุ ารณ์ พายุฤดูรอ้ นในประเทศไทย พ.ศ. 2560
4. ครอู าจกระตนุ ใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมตาม Geo
สาเหตุ : พายุฤดูร้อนเกิดจากมวลอากาศเย็น Activity จากหนังสือเรียน ภมู ิศาสตร ม.4-6
จากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ประกอบการต้ังประเด็นคําถามเชิงภูมิศาสตร
แปปะทรปะกรวับนอขาอกงาอศารกอ้ านศ1ชอนื้ ยขา่ งอรงนุ ไทแรยง แจลนะทรวา� ดใหเรเ้ ว็ก ดิกอก่ ใาหร้ เพม่ิ เตมิ
เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนักกว่า 1 ชั่วโมง
ในช่วงบ่ายของวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560
ในจังหวัดสกลนคร
พายุฤดรู ้อนพดั ถล่มในพื้นท่ตี �าบลโพธิไพศาล ผลกระทบ : สง่ ผลใหเ้ สาไฟฟา้ ลม้ 4 ตน้ บา้ นเรอื น
อา� เภอกุสมุ าลย์ จงั หวัดสกลนคร ทอี่ ยอู่ าศยั ของประชาชนไดร้ บั ความเสยี หาย จา� นวน
7 หมบู่ า้ น รวม 106 หลงั ในจา� นวนนมี้ บี า้ นเรอื น
เสียหายรุนแรงทง้ั หมด 33 หลัง ทเ่ี หลอื อกี จา� นวน
73 หลงั ได้รับความเสยี หายเล็กนอ้ ยถงึ ปานกลาง
GAecotivity
นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์การเกิดพายุฝนฟ้าคะนองท่ีรุนแรงของไทยและประเทศอื่น
อภปิ รายถึงการเกิด ผลกระทบ ความเสยี หาย และวธิ ีปอ้ งกนั ระวังภัยจากภัยดงั กลา่ ว
185
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
อันตรายท่เี กดิ จากพายุฝนฟา คะนองมีอะไรบา ง 1 การแปรปรวนของอากาศ สาเหตุท่ีทําใหเกิดความแปรปรวนของสภาพ
(แนวตอบ ขณะเกิดพายุฝนฟาคะนองจะมีลมกระโชกแรงและ อากาศมีหลายปจจัย เชน การปะทุของภูเขาไฟ การเกิดจุดดับบนดวงอาทติ ย
แตป จจัยทเี่ หน็ ไดช ดั ในปจจบุ ัน คือ ปรากฏการณเอลนโี ญ ซง่ึ เปนปรากฏการณ
อาจมีลูกเห็บตกลงมาดวย ซึ่งอาจทําใหตนไมหักโคน บานเรือน ท่ีเกิดขึ้นเปนครั้งคราว เม่ือกระแสน้ําเย็นเปรูบริเวณชายฝงตะวันตกของทวีป
ทไี่ มแ ข็งแรงพงั เสยี หาย เสาไฟฟาลม อาจทําใหไ ฟฟา ลดั วงจรและ อเมรกิ าใต ถกู กระแสนาํ้ อนุ จากศนู ยส ตู รไหลเขา มาแทนที่ ทาํ ใหอ ณุ หภมู ทิ ผี่ วิ นา้ํ
เกิดเพลิงไหม หรือเปนอันตรายตอผูสัญจรไปมา หากเกิดฟาผา สงู ขนึ้ อนั เปน ผลจากการออ นกาํ ลงั ลงของลมคา ตะวนั ออกเฉยี งใตใ นมหาสมทุ ร
อาจทําใหมีผูเสียชีวิตได รวมถึงการเกิดนํ้าทวมฉับพลันจากฝน แปซิฟก และปรากฏการณลานีญา ซึ่งเปนปรากฏการณท่ีผิวน้ําของมหาสมุทร
ทต่ี กหนัก) แปซิฟกแถบเสนศูนยสูตรเย็นลง สงผลใหเกิดปรากฏการณที่ตรงกันขามกับ
ปรากฏการณเอลนิโญ ทําใหประเทศออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และฟลิปปนส
มีฝนตกหนักมาก ขณะท่ีบริเวณแปซิฟกตะวันออกชวงฤดูฝนกลับมีฝนนอย
และเกดิ ความแหง แลงยาวนาน
T193
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 5) การจดั การภัยพบิ ัตพิ ายฝุ นฟ้าคะนอง มดี ังนี้
ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 5.1) มาตรการ เช่น มีระบบเตือนภัยตามฤดูกาลที่มีการเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
สา� รวจทอี่ ยอู่ าศยั ซอ่ มแซมใหม้ คี วามแขง็ แรง โดยเฉพาะหลงั คาบา้ น ตดั แตง่ กง่ิ ไม ้ หรอื โคน่ ตน้ ไม้
1. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ท่ีไมแ่ ขง็ แรงลง
เกี่ยวกับการปฏิบัติตนในกรณีประสบภัยพิบัติ
ทั้งในชวงกอนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลัง 5.2) วิธีป้องกัน เช่น ตรวจสอบเสาไฟฟ้าแรงสูง ควรติดต้ังสายล่อฟ้า รวมท้ัง
เกดิ ภัย บนอาคารสูง เพื่อป้องกันอันตรายจากฟ้าแลบ ฟ้าผ่า เตรียมความพร้อมระบบป้องกันน้�าท่วม
หากอยู่ในพนื้ ทเ่ี สย่ี งภัย ไมค่ วรอยู่ในที่โลง่ แจง้
2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม จํานวน 3 กลุม
สืบคนขอมูลเก่ียวกับภัยพิบัติธรรมชาติทาง 5.3) การปฏบิ ตั ิตน สามารถทา� ได ้ ดังนี้
บรรยากาศภาค จากหนงั สือเรียน ภูมิศาสตร
ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน 1. สา� รวจทอี่ ยอู่ าศยั และซอ่ มแซมวสั ดทุ ี่ไมม่ น่ั คง 1. เ ข้าไปหลบในที่ก�าบังท่ีปลอดภัย ปิดประตู
หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ให้มคี วามแข็งแรง ทนทานตอ่ พายุ ลูกเหบ็ ได ้ หน้าต่างให้มิดชิด ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า
ในประเดน็ ตอไปนี้ รวมถึงเตรียมปอ้ งกนั ภัยใหแ้ กส่ ัตวเ์ ลย้ี ง และ และงดใช้โทรศัพท์บ้านหรือเล่นอินเทอร์เน็ต
• พายุฝนฟา คะนอง พืชผลทางการเกษตร ขณะเกดิ พายุ รวมถึงตดิ ตามสภาพอากาศ
• พายหุ มุนเขตรอน
• พายทุ อรน าโด 2. ต ดิ ตามพยากรณอ์ ากาศ และปฏบิ ตั ติ ามประกาศ 2. ถ ้าอยู่ที่โล่งแจ้ง ให้อยู่ห่างต้นไม้ ใหญ่ เสาไฟ
เตือนภัยอย่างเครง่ ครดั รวมถึงงดใช้ โทรศัพท์เคลื่อนท่ี หรือถ้าอยู่
3. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ ในป่า หรือทุ่งราบ ควรคุกเข่าและโน้มตัวไป
ท่ีรับผิดชอบ โดยนําความรูเก่ียวกับเคร่ืองมือ 3. จ ัดเก็บสิ่งของที่อาจปลิวไปกับลมให้อยู่ในที่ ข้างหน้า แต่ไม่ควรนอนราบกับพ้ืนเพราะ
ทางภมู ศิ าสตรม าใชป ระกอบในการศกึ ษาดว ย มิดชิด พื้นเปยี กเป็นสือ่ น�าไฟฟา้
4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีเช่ือถือได 3. ให้ออกห่างจากชายหาดเมื่อเกิดพายุ เพ่ือ
ใหกบั นกั เรยี นแตล ะกลุมเพิ่มเตมิ หลีกเลยี่ งอันตรายจากนา�้ ท่วมและฟ้าผ่า
ขนั้ ที่ 3 การจดั การขอ มูล 4. ไม่ควรใส่เคร่ืองประดับโลหะ เช่น ทองแดง
ทองเหลือง หรือใช้ร่มท่ีมียอดเป็นโลหะใน
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก บรเิ วณที่โลง่ แจง้ ขณะเกดิ พายฝุ นฟา้ คะนอง
การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรูกนั
ก่อนเกดิ ภยั ขณะเกดิ ภัย หลังเกดิ ภัย
2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม 1. หลังพายุสงบ ไม่ควรออกไปในท่ีโล่งแจ้งทันที ให้คอยติดตามรับฟังข่าวสารอย่างใกล้ชิด
อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพมิ่ เติม เพื่อปฏิบัตติ าม หรอื รับแจง้ วา่ พายไุ ด้สงบลงแลว้
2. ห ากพบต้นไม้ในบริเวณบ้านโค่นล้ม ให้รีบตัดท้ิงทันที หรือหากพบเห็นเสาไฟฟ้าล้ม
มีสายไฟขาด ควรแจ้งเจ้าหน้าท่มี าดา� เนินการแกไ้ ขโดยเรว็
3. ห ากมีผู้บาดเจ็บจากการถูกฟ้าผ่า ให้สังเกตก่อนว่าในบริเวณที่เกิดเหตุยังมีความเส่ียงต่อ
การถูกฟ้าผ่าหรือไม่ ถ้ามีให้เคลื่อนย้ายผู้ถูกฟ้าผ่าไปยังต�าแหน่งท่ีปลอดภัย เพื่อป้องกัน
ตวั เราเองจากฟ้าผ่า และทา� การปฐมพยาบาลก่อนรบี นา� ส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สดุ
186
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
นักเรียนจะมีวิธีการหลีกเลี่ยงและปองกันอันตรายจากพายุ
ครูอธิบายเกี่ยวกับพายุฝนฟาคะนองเพิ่มเติมวา จะเกิดข้ึนในพ้ืนที่เล็กๆ ฝนฟา คะนองไดอ ยางไร
ในภมู ปิ ระเทศทมี่ อี ากาศรอ นอบอา วจดั อนั ตรายและความเสยี หายมพี อประมาณ
ไมรุนแรงมากนัก แตถ ารูลว งหนาอาจทําใหค วามเสียหายและอนั ตรายลดลงได (แนวตอบ วธิ ใี นการปฏบิ ตั ติ น เชน ถา อยใู นบา นใหง ดใชอ ปุ กรณ
โดยการติดตามสภาพอากาศหรือฟงพยากรณอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ไฟฟา เพราะฟา อาจผา ลงสายไฟได ไมอ ยใู กลส ง่ิ ทเ่ี ปน ตวั นาํ ไฟฟา
ซง่ึ มที งั้ การพยากรณอ ากาศประจาํ วนั และการคาดการณอ ากาศลว งหนา ซงึ่ จะ ตางๆ งดใชโทรศัพทเคลื่อนท่ี ยกเวนในกรณีฉุกเฉิน หากอยู
ทาํ ใหเราสามารถปฏิบัติตนเพ่ือเตรียมรับมือไดทนั ทวงที นอกบานควรหาท่ีหลบในอาคารที่มั่นคงแข็งแรง หากอยูบริเวณ
ทุงโลงหามนอนราบกับพ้ืน เพราะพื้นที่เปยกนั้นสามารถเปน
ส่อื นําไฟฟาได หามอยูใตต นไมซ ่งึ ข้นึ อยโู ดดเดีย่ ว หากอยใู นทะเล
ควรขึ้นจากน้าํ และออกใหไ กลจากชายหาด)
T194
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2.2 พายุหมุนเขตร้อน (tropical cyclone) ขนั้ สอน
พายหุ มนุ เขตรอ้ นเกดิ ขน้ึ ในมหาสมทุ รเขตรอ้ น ซง่ึ มอี ากาศรอ้ นและมคี วามชนื้ สงู สว่ นใหญ่ ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
มกั เกดิ บริเวณละติจูด 8 - 15 องศาเหนอื และใต ้ พายุนีก้ �าเนดิ ขึ้นเหนือพืน้ มหาสมุทรที่มีอุณหภมู ิ
พ้นื ผวิ นา้� ทะเล 27 องศาเซลเซยี สข้ึนไป 1. ครูใหนักเรียนดูแผนภาพการเกิดพายุหมุน
เขตรอน จากหนังสอื เรียน ภมู ิศาสตร ม.4-6
1) สาเหตุและกระบวนการเกิดพายุหมุนเขตร้อน โดยทั่วไปพายุหมุนเขตร้อน แลวสุมนกั เรยี นจาํ นวน 2-3 คน แสดงความ
คิดเห็นเกย่ี วกบั แผนภาพดงั กลา ว
มีแนวเกดิ อยู่ระหว่างละติจูด 8 - 15 องศาเหนอื และใต ้ เมอ่ื น�า้ ทะเลไดร้ ับความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์
จนมีอุณหภูมิท่ีพ้ืนผิวน้�าทะเลสูงกว่า 27 องศาเซลเซียส ท�าให้การระเหยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลจาก
โดยเฉพาะในฤดรู อ้ นทง้ั ซกี โลกเหนอื และซกี โลกใต ้ เมอ่ื อากาศเหนอื พนื้ นา้� บรเิ วณดงั กลา่ วไมเ่ สถยี ร การศึกษา พรอมทั้งอภิปรายแสดงความ
ทจะี่เเกกิดิดจกาากรกลาอรยหตมัวุนสรูงอขบึ้นตพัวัฒเอนงาขเปอ็นงโหลยก่อ มหครวือาแมรกงดคออารกิอาอศลติส่�า1ทเหี่เหนมือพาะ้ืนสทมะจเละท �าแใลหะ้เเกมิด่ือลรวมมเฉกือับนแใรนง คิดเห็นรวมกัน สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันให
แนวด่งิ ทง้ั ทศิ ทางและความเร็ว ก่อตัวเป็นพายุหมุนเขตร้อน ขอ คดิ เหน็ หรอื ขอ เสนอแนะ โดยครแู นะนาํ เพอ่ื
ใหเกดิ ความเขาใจทตี่ รงกนั เพ่ิมเติม
การเกดิ พายุหมุนเขตร้อน
กระแสอากาศไหลออก
กา� แพงตาพาย2ุ
การไหลของกระแส
อากาศรอ้ นชนื้ ในแนวด่ิง
3
ตาพาย ุ (ลบสงบ และเป็น
ศูนยก์ ลางความกดอากาศต่า� )
ลมผวิ พ้นื
แถบฝนหมุนเปน็ วงกวา้ ง (10 - 100 กม.)
187
ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถูกตองเก่ียวกับพายุหมุนเขตรอนท่ีเคล่ือนเขาสู 1 แรงคอลิออลิส (coriolis) เปนแรงบายเบนเนื่องจากการหมุนของโลก
ประเทศไทย แนวโนมของลมทุกลมในซีกโลกเหนือจะพัดเฉียงไปทางขวา และในซีกโลกใต
ลมจะพดั ไปทางซาย
1. ไมเคยกอ ตัวขึ้นในอา วไทย 2 กําแพงตาพายุ บริเวณรอบๆ ตาพายุมีรัศมีประมาณ 10-15 กิโลเมตร
2. ไมเคยกอ ตัวข้นึ ในอา วเบงกอล เปนบริเวณท่มี ีพายุพัดรนุ แรง และฝนตกหนกั
3. หากกอ ตวั ในอาวเบงกอลจะไมมาถึงประเทศไทย 3 ตาพายุ ตําแหนงศูนยกลางของพายุ มีเสนผานศูนยกลางประมาณ
4. มีแหลงกาํ เนิดในทะเลจีนใตม ากกวา ในทะเลอนั ดามนั 3.2-8 กิโลเมตร เมื่อพายุเจริญตัวเต็มที่ตาพายุอาจมีเสนผานศูนยกลางถึง
5. หากกอ ตวั ในอา วตงั เก๋ยี จะสงผลกระทบตอ ประเทศไทย 64-128 กโิ ลเมตร พายุพดั แรงจดั ที่สุดรอบศูนยก ลาง
มากท่สี ุด T195
( วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. พายหุ มนุ เขตรอ นท่สี ง ผลกระทบ
ตอสภาพอากาศของประเทศไทยมีแหลงกําเนิดสําคัญทาง
ตะวันออก ไดแก ในทะเลจนี ใต และทางตะวันตกของมหาสมุทร
แปซิฟก และทางตะวันตก ไดแ ก อา วเบงกอล มหาสมุทรอินเดยี )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน พายุหมุนเขตรอ นเมอ่ื เติบโตเต็มทจ่ี ะมเี สนผา นศูนยกลางตั้งแต 100 กิโลเมตรขึน้ ไป
บริเวณท่ีอยูใกลจุดศูนยกลางพายุมากจะเปนบริเวณที่มีความเร็วลมสูง ในขณะท่ีจุดศูนยกลาง
ข้นั ที่ 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มูล ของพายุ เรยี กวา ตาพายุ จะเปน บริเวณทีล่ มสงบทส่ี ุด ไมมีฝน แตเมอ่ื พายุเคล่ือนเขา สแู ผน ดิน
พายจุ ะออ นกําลังลง
3. ครใู หน กั เรยี นดแู ผนทแี่ สดงแหลง เกดิ พายหุ มนุ
เขตรอ นของโลก จากหนังสอื เรยี น ภมู ศิ าสตร 2) ประเภทของพายุหมุนเขตรอน แบงตามความเร็วลมใกลจุดศูนยกลางเปน
ม.4-6 แลวรว มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
เพ่ิมเติมเช่ือมโยงกับแผนภาพการเกิดพายุ 3 ประเภท ไดแ ก
หมุนเขตรอนถึงความเกี่ยวของสัมพันธกัน 2.1) พายุดีเปรสชัน (tropical depression) เปนพายุหมุนเขตรอนกําลังออน
ในประเดน็ ตางๆ
มีความเรว็ ลมสงู สดุ ใกลศ ูนยก ลางไมเกิน 61 กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง
4. ครูสนทนากับนักเรียนถึงความหมาย สาเหตุ 2.2) พายุโซนรอน (tropical storm) เปนพายุหมุนเขตรอนกําลังปานกลาง
การเกิด และประเภทของพายุหมุนเขตรอน
เพิม่ เติม แลว ใหนักเรยี นรว มกันวเิ คราะหและ มคี วามเร็วลมใกลจ ุดศูนยก ลาง 62 - 117 กิโลเมตร/ชัว่ โมง
อภิปรายความรูโดยการตอบคําถามเกี่ยวกับ 2.3) พายไุ ตฝนุ (typhoon) เปนพายุหมุนเขตรอนกาํ ลงั แรงมากท่ีสุด มคี วามเร็ว
พายุหมนุ เขตรอ น ตัวอยา งขอคาํ ถาม เชน
• แหลงกําเนิดพายุหมุนเขตรอนท่ีกอใหเกิด ลมใกลจ ุดศูนยก ลางมากกวา 118 กิโลเมตร/ช่วั โมงข้นึ ไป มชี ่ือเรยี กแตกตา งกันไปตามสถานท่เี กิด
วาตภยั ไดแกแหลง ใดบาง เทชวนีปอพอาสยเตุไซรเโลคียลนพาเยกุเิดฮใอนรบร ริเิเควนณ1มเกหิดาใสนมมุทหราอสินมเทุดรียแดอาตนแทละนเลตอิกันดทาามงันตะวอันาอวเอบกงขกอองลสหแรลฐั ะอชเมายรฝิกงา
(แนวตอบ พายุหมุนเขตรอนเกิดขึ้นเหนือ รวมถึงมหาสมุทรแปซิฟกบริเวณชายฝงประเทศเมก็ ซิโก
ทะเล หรือมหาสมุทรในเขตรอนตางๆ
จําแนกตามระดับความเร็วของลมไดเปน ความรนุ แรงของพายุหมุนเขตรอน
3 ระดบั ไดแ ก พายดุ ีเปรสชัน พายโุ ซนรอ น
และพายุไตฝุน ทั้งน้ี มีช่ือเรียกท่ีแตกตาง พายดุ เี ปรสชนั พายโุ ซนรอน พายุไตฝ ุน
กันตามแหลงกําเนิด เชน พายุท่ีเกิดใน ไมเ กนิ 61 กิโลเมตร/ชวั่ โมง 62 - 117 กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง 118 กโิ ลเมตร/
อาวเบงกอล หรือมหาสมุทรอินเดีย เรยี กวา ชั่วโมงขนึ้ ไป
ไซโคลน พายทุ เี่ กดิ ทางตะวนั ตก หรอื ทางใต
ของมหาสมุทรแปซิฟกและทะเลจีนใต เฮอรร เิ คน เฮอรร เิ คน ไตฝ ุน
เรยี กวา ไตฝนุ และพายุทเ่ี กิดในมหาสมทุ ร
แอตแลนตกิ ทะเลแครบิ เบียน อา วเมก็ ซโิ ก มหาสมุทรแปซฟิ ก มหาสมทุ ร มหาสมุทรแปซิฟก
เรยี กวา เฮอรรเิ คน) แอตแลนติก
188 ไซโคลน
ไซโคลน
มหาสมุทรอินเดีย
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสรมิ
1 พายุเฮอรริเคน พายุหมุนเขตรอนท่ีมักสรางความเสียหายใหแกประเทศ ครูอาจใหนักเรียนจัดทําตารางหรือผังกราฟกท่ีแสดงราย
ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง รวมถึงทะเลแคริบเบียน โดยเฉพาะ ละเอยี ดเกยี่ วกบั ประเภทและความรนุ แรงของพายหุ มนุ เขตรอ นใน
สหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ บางครง้ั พายเุ ฮอรร เิ คนพดั เคลอ่ื นตวั สงู ขน้ึ จากแนวเสน ศนู ยส ตู ร ดานปจ จยั สาเหตุ สถานการณก ารเกิด คนละ 1 ดา น แลว ตกแตง
มากและกอใหเกิดความเสียหายบริเวณเมืองใหญทางชายฝงตะวันออกของ ใหสวยงามสงครผู สู อน
ประเทศอยางรนุ แรง
กจิ กรรม ทาทาย
T196
ครูอาจใหนักเรียนจัดทําตารางหรือผังกราฟกท่ีแสดง
รายละเอียดเกี่ยวกับประเภทและความรุนแรงของพายุหมุน
เขตรอ นท่ีพบในประเทศไทยหรอื ในภมู ิภาคอ่นื ของโลก โดยศึกษา
คนควาขอมูลเพ่ิมเติมจากแหลงการเรียนรูที่ครูเสนอแนะ แลว
ตกแตงใหส วยงามสงครผู สู อน
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) การกระจายการเกดิ พายุหมุนเขตรอ้ นของโลก ขนั้ สอน
แผนทแี่ สดงแหลง่ เกดิ พายหุ มุนเขตรอ้ นของโลก ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มลู
60 ํN 60 ํN • การเกิดพายุหมุนเขตรอนบริเวณทะเล
อาวไทยและทะเลอนั ดามัน มีความเหมือน
30 ํN 30 ํN หรือแตกตา งกัน อยา งไร
(แนวตอบ แตกตางกันตามฤดูกาลของการ
0ํ 0ํ เกิดพายุหมุนเขตรอน โดยบริเวณอาวไทย
หรือทะเลจีนใต จะพบการเกิดพายุหมุน
30 ํS 30 ํS เขตรอนตั้งแตเดือนพฤษภาคมถึงเดือน
พฤศจิกายน สวนพายุหมุนเขตรอนใน
60 ํS 60 ํS ทะเลอันดามันจะเกิดใน 2 ชวงเวลาของป
คือ ชวงแรก ตั้งแตเดือนเมษายนถึงเดือน
ระดบั ความรนุ แรงตามมาตราแซฟเฟอร- ซมิ ปส นั พฤษภาคม และชวงหลังต้ังแตกลางเดือน
TD TS 1 2 3 4 5 ตุลาคมถึงเดือนธันวาคม)
ทม่ี า : https://earthobservatory.nasa.gov
จากแผนท่ีจะเห็นไดว้ ่า มีพายุหมนุ เขตรอ้ นกระจายระหวา่ งละตจิ ูด 5 - 30 องศา
เหนือและใต ้ ไดแ้ ก ่ บริเวณตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ บริเวณมหาสมทุ รแปซฟิ ิก
ตะวันออกและตะวันตก บริเวณตอนเหนือและตอนใต้มหาสมุทรอินเดีย และบริเวณตะวันตก-
เฉียงเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย โดยแหล่งเกิดพายุหมุนเขตร้อน
ที่มีความถี่มากท่ีสุด พบในบริเวณด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกรวมถึงภูมิภาคเอเชีย
ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ เปน็ บรเิ วณทมี่ พี ายหุ มนุ เขตรอ้ นเกดิ ถมี่ ากทสี่ ดุ ประมาณ 30 ลกู ตอ่ ป ี ในขณะท่ี
บรเิ วณมหาสมทุ รแอตแลนติกในซีกโลกใต้ ไมพ่ บการเกิดพายุหมุนเขตร้อน
ส�าหรับประเทศไทยมีพายุหมุนเขตร้อนพัดเข้าสู่ประเทศท้ังจากด้านตะวันออก
และตะวนั ตกของประเทศ โดยดา้ นตะวนั ออกมพี ายหุ มนุ เขตรอ้ นทเ่ี กดิ จากบรเิ วณมหาสมทุ รแปซฟิ กิ
ตะวนั ตก รวมทง้ั จากทะเลจนี ใตแ้ ละอา่ วไทยมพี ายหุ มนุ เขตรอ้ นทม่ี คี วามรนุ แรงถงึ ระดบั พายไุ ตฝ้ นุ่
ในบางปี ส่วนด้านตะวันตกในทะเลอันดามันมีพายุไซโคลน บางครั้งเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย
ดา้ นตะวนั ตกและตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ซงึ่ จา� นวนพายหุ มนุ เขตรอ้ นทเ่ี ขา้ สปู่ ระเทศไทยมคี วามสา� คญั
ต่อการกักเก็บน้า� ในแหล่งเก็บนา�้ ขนาดใหญ่ของประเทศเป็นอย่างย่ิง
189
กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู
นักเรียนสืบคนและศึกษาขอมูลเกี่ยวกับพายุหมุนเขตรอน ครอู ธบิ ายเกยี่ วกบั การกระจายการเกดิ พายหุ มนุ เขตรอ นของโลกเพม่ิ เตมิ วา
ของโลกประเภทตา งๆ จากนนั้ รว มกนั อภปิ รายถงึ พายหุ มนุ เขตรอ น ในแตล ะปจ ะมพี ายหุ มนุ เขตรอ นเกดิ ขน้ึ ทวั่ โลก ซงึ่ กอ ใหเ กดิ ความเสยี หายตอ ชวี ติ
ทเี่ กดิ ขน้ึ ในประเทศไทยวา เปน พายปุ ระเภทใด กอ ตวั ขนึ้ บรเิ วณใด และทรัพยสิน เนื่องจากเมื่อเกิดพายุจะมีลมแรง ทําใหคล่ืนใหญซัดเขาฝงและ
โดยระบุลงในแผนท่ีประเทศไทย แลวนําความรูท่ีไดมานําเสนอ เกดิ ฝนตกเปน บรเิ วณกวา ง โดยเฉพาะบรเิ วณทเี่ ปน ศนู ยก ลางของพายเุ คลอื่ นผา น
หนาชนั้ เรียน จะไดร บั ผลกระทบมากทสี่ ดุ ความเสยี หายจะขน้ึ อยกู บั ความรนุ แรงของพายุ เชน
หากพายมุ กี าํ ลงั อยใู นขนั้ ดเี ปรสชนั ความเสยี หายจะเกดิ ขนึ้ เนอื่ งจากฝนตกหนกั
และอทุ กภยั หากมกี าํ ลงั แรงขนึ้ เปน โซนรอ นหรอื ไตฝ นุ ความเสยี หายจากฝนตก
และอุทกภัยจะรุนแรงมากข้ึนอีก
T197
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 4) 1ภ.ัย พตาา่ ยงุเ ๆค ลท่ือนี่เกทิดี่ขจึ้นาฝกั่งพากย่อหุใหม้เกนุ ิดเขคตล่ืนร้อพนายรุซุนัดแฝรั่งง1 เทช�าน่ ให้ต้นไม้ถอนรากถอนโคน
ขัน้ ท่ี 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มูล อาคารบ้านเรือนที่ไม่แข็งแรงพังทลาย ชิ้นส่วนของบ้านเรือนถูกพัดปลิวเป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่ใน
ที่โล่งแจง้ เรอื กสวนไร่นาเสยี หาย สายไฟฟ้าขาด เสาไฟฟ้าล้ม ท�าให้เกิดไฟไหมห้ รอื ไฟดูด
• พายุหมุนเขตรอนมีท่ีมาของการตั้งช่ือ
อยางไร 2. พายเุ คลอื่ นอย ู่ในทะเล ทา� ใหเ้ กดิ ลมแรงจดั เกดิ คลน่ื ขนาดใหญ ่ ซง่ึ เปน็ อนั ตราย
(แนวตอบ พายหุ มนุ เขตรอ นเกดิ ขนึ้ ในบรเิ วณ ต่อการเดินเรอื โดยเฉพาะเรอื ขนาดเลก็
เสนศนู ยส ูตร บริเวณกอตวั ของพายุมกั จะมี
อุณหภูมิของน้ําสูงกวา 26 องศาเซลเซียส 3. เกิดฝนตกหนัก ท�าให้เกิดน�้าท่วม ทั้งน�้าป่าไหลหลาก น�้าเอ่อล้นจากแม่น้�า
และลมสงบเงียบเปนเวลานาน การต้ังชื่อ ล�าคลองเข้าท่วมพ้ืนที่ริมฝั่งน�้า และน�้าฝนที่ท่วมขังอยู่พื้นท่ีลุ่มต่�า เมื่อระบายออกไม่ทันจะสร้าง
พายุในสมัยเริ่มแรกจะใชหมายเลขกํากับ ความเสยี หายตอ่ พชื ผลทางการเกษตร เสน้ ทางคมนาคม รวมทง้ั การกดั เซาะตลง่ิ และชายฝง่ั ทา� ให้
แตตอมาเกิดความสับสนไดงาย องคการ พ้ืนที่ชายหาดบางส่วนหายไป นอกจากน ้ี ฝนท่ีตกหนกั บริเวณภูเขาก็อาจทา� ใหเ้ กิดดนิ ถล่มได้
อตุ นุ ยิ มวทิ ยาโลกและสมาชกิ จงึ ตงั้ ชอื่ โดยใช
อกั ษรโรมนั ตงั้ แต A-Z และตงั้ แต พ.ศ. 2543 GTeipo
ไดมีระบบการตั้งช่ือพายุใหมโดยใชภาษา
พ้ืนเมืองของแตละประเทศ ซ่ึงประเทศใน การตง้ั ชื่อพายุหมนุ เขตร้อน
มหาสมุทรแปซิฟกตอนบนกับทะเลจีนใต พายหุ มนุ เขตรอ้ น เปน็ พายทุ กี่ อ่ ตวั ขน้ึ ในทะเลเขตรอ้ นทางทะเลจนี ใต ้ และทางดา้ นตะวนั ตกตอนบน
รวม 14 ประเทศ ไดตกลงกับองคการ ของทะเลแปซฟิ กิ ดงั นนั้ ประเทศทอ่ี ยู่ในบรเิ วณที่ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากพายหุ มนุ เขตรอ้ น 14 ประเทศ ไดแ้ ก่
อุตุนิยมวิทยาโลกในการตั้งชื่อพายุของ กมั พชู า จนี เกาหลเี หนอื ฮอ่ งกง ญ่ีปนุ่ ลาว มาเกา๊ มาเลเซยี ไมโครนีเซีย ฟิลปิ ปนิ ส ์ เกาหลีใต้ ไทย
ตนเอง โดยแตละประเทศจะเสนอชื่อมา สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ได้มีการประชุมร่วมกันเพ่ือต้ังชื่อใช้เรียกพายุที่จะเกิดขึ้นแต่ละลูก โดย
ประเทศละ 10 ชื่อ รวม 140 ชอื่ แลว แบง แต่ละประเทศจะเสนอชื่อพายุในภาษาของตนประเทศละ 10 ช่ือ จัดท�าเป็นบัญชีรายชื่อ รวมท้ังหมด
เปน 5 กลมุ กลมุ ละ 28 ชือ่ เมื่อเกดิ พายุ 140 ชื่อ (ซึง่ พายลุ กู นนั้ ต้องมคี วามเรว็ ลมสงู สุดใกลศ้ นู ยก์ ลางพายุมากกวา่ 34 นอต หรือ 63 กม./ชม.
ก็จะใชช่ือกลุมแรกเรียงลําดับไปจนหมด ถึงจะมีช่ือเป็นของตนเอง) และจะใช้ช่ือเรียงล�าดับตามชื่อประเทศของล�าดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ
จึงใชชอ่ื ในกลุม ที่ 2 ตอ ไป) โดยชอื่ พายุที่ไทยเสนอ 10 ช่ือ ได้แก่ พระพริ ณุ ทุเรียน วิภา รามสรู เมขลา นิดา มรกต ชบา กุหลาบ
และขนุน
นอกจากน้ ี หากพายลุ กู ใดทมี่ คี วามรุนแรงและ
สร้างความเสียหายอย่างมาก ก็จะมีการพิจารณา
ถอดถอนชือ่ พายุลูกนน้ั ไป แล้วท�าการเลอื กช่อื ใหม่
ใส่แทนลงในบัญชีรายช่ือ เช่น พายุไต้ฝุ่นทุเรียน
ที่เกิดข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2549 ประเทศท่ีได้รับความ
เสียหายอยา่ งหนัก คือ ฟิลปิ ปนิ ส์ มผี ู้เสยี ชวี ติ กวา่
1,000 คน ในภายหลงั จงึ ไดม้ กี ารพจิ ารณาถอดถอน
ชอื่ พายทุ ุเรียนออกจากบัญชรี ายช่ือ และหาชือ่ ใหม่ ความเสยี หายจากพายุไตฝ้ นุ่ ทุเรียนใน พ.ศ. 2549
เขา้ มาแทน คอื พายมุ ังคดุ
190
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม
1 คล่ืนพายุซัดฝง คือ คลื่นซัดชายฝงขนาดใหญอันเนื่องมาจากความแรง นักเรียนสืบคนขอมูลพายุหมุนเขตรอนครั้งรายแรงท่ีเคย
ของลมที่เกิดจากพายุหมุนเขตรอนท่ีเคล่ือนตัวเขาหาฝง โดยปกติมีรัศมี เกิดข้ึนในประเทศไทย ระบุสาเหตุการเกิด ผลกระทบและความ
รุนแรงมากประมาณ 100 กิโลเมตร แตบางคร้ังอาจเกิดเม่ือศูนยกลางพายุ เสยี หายทไ่ี ดร บั สรปุ ความรทู ไี่ ดล งกระดาษรายงานนาํ สง ครผู สู อน
อยูหางมากกวา 100 กิโลเมตรได ข้ึนอยูกับความรุนแรงของพายุ และสภาพ
ภูมิศาสตรของพ้ืนที่ชายทะเล บางคร้ังอาจไดรับอิทธิพลเสริมความรุนแรง
จากลมมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนือ ทาํ ใหเกดิ อนั ตรายมากขึน้
T198
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
5) เหตกุ ารณ์พายหุ มุนเขตรอ้ นท่รี นุ แรง คร้งั สา� คัญ เชน่ ขนั้ สอน
เหตุการณ์ พายุเฮอร์ริเคนแคทรนี าในสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2548 ข้ันที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมูล
สาเหตุ : พายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาเป็นพายุหมุน 5. ครใู หนักเรียนจบั กลมุ ผลัดกันจับสลากชือ่ พายุ
เขตร้อน ก่อตัวในมหาสมุทรแอตแลนติกและ ท่ีทําใหเกิดวาตภัยคร้ังรายแรงทั้งในบริเวณ
กลายเป็นพายุโซนร้อน มีความเรว็ ถงึ 74 ไมล์ตอ่ ตา งๆ ของโลกและในประเทศไทย เชน นารก สี
ชัว่ โมง เกดิ เปน็ พายเุ ฮอรร์ เิ คนระดบั 1 ในวนั ที่ 23 เอลลี กสิ นา เกย ลนิ ดา เซนิ กา แลว ใหน กั เรยี น
สิงหาคม พ.ศ. 2548 เมื่อพัดเข้าสู่บาฮามาสและ ใชสมารตโฟนสืบคนภาพขาว หรือคลิปวิดีโอ
ฟลอริดา ได้เพมิ่ ความรนุ แรงเปน็ พายรุ ะดบั 5 ใน ที่ เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ เ ห ตุ ก า ร ณ ที่ จั บ ส ล า ก ไ ด
อ่าวเม็กซิโก มีความเร็วลมสูงสุด 280 กิโลเมตร พรอมทั้งเขียนสรุปท่ีกระดานหนาชั้นเรียน
ตอ่ ชวั่ โมง กอ่ นทจ่ี ะออ่ นกา� ลงั แรงเปน็ ระดบั 3 เมอ่ื จากนั้นครูและนักเรียนอภิปรายรวมกัน
ความเสยี หายของเมอื งนวิ ออรล์ นี ส์ รฐั ลยุ เซยี นาจาก เคลื่อนเข้าสู่รัฐลุยเซียนาและสลายตัวในวันที่ 31 เก่ยี วกบั เหตกุ ารณด งั กลาว
พายแุ คทรนี า สิงหาคม
6. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ วเิ คราะหแ ละอภปิ ราย
ผลกระทบ : ทา� ให้เมืองนิวออรล์ นี สถ์ ูกน้า� ท่วมอยา่ งหนักเปน็ เวลานานหลายสปั ดาห ์ คดิ เปน็ พ้ืนท่ีกวา่ กลุมยอยถึงผลกระทบท่ีเกิดจากเหตุการณ
ร้อยละ 80 ของเมือง มีพื้นท่ีความเสียหายประมาณ 233,000 ตารางกิโลเมตร มีผู้เสียชีวิตจ�านวน พายหุ มนุ เขตรอน โดยแบงออกเปน ผลกระทบ
1,833 คน ผู้สูญหาย 705 คน และมผี ้อู พยพออกนอกพ้ืนทก่ี วา่ 1 ลา้ นคน ความเสียหายคิดเปน็ มูลค่า ทเ่ี กดิ ขน้ึ บนบก และผลกระทบทเี่ กดิ ขนึ้ ในทะเล
81 พันล้านเหรยี ญสหรัฐ แลวชวยกันออกแบบและจัดทําการนําเสนอ
ผลการอภิปรายในรูปแบบตางๆ ตามความ
เหตุการณ์ พายไุ ซโคลนนากสี ในประเทศเมยี นมา พ.ศ. 2551 สามารถและความสนใจ จากน้ันสงตัวแทน
ออกมานาํ เสนอผลการอภปิ รายกลมุ ยอ ยทห่ี นา
สาเหตุ : พายไุ ซโคลนนากสี กอ่ ตวั ขนึ้ ในอา่ วเบงกอล ชน้ั เรยี น ครูสนทนารว มกันกับนกั เรยี นเพ่ือให
ตอนกลาง มีความเร็วลม 215 กโิ ลเมตรต่อชั่วโมง เกดิ ความรูค วามเขา ใจทถี่ กู ตองตรงกัน
ไดพ้ ดั ขน้ึ ฝง่ั ประเทศเมยี นมา แถบสามเหลยี่ มปากนา�้
อริ วดีและนครย่างกุง้ ซึง่ สรา้ งความเสียหายใหแ้ ก่
พื้นท่ีรอบมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะอย่างย่ิง
ประเทศเมยี นมา
ผลกระทบ : ทา� ใหม้ ผี เู้ สยี ชวี ติ ในประเทศเมยี นมา
กว่า 50,000 คน ผู้สูญหายอีกกว่า 40,000 คน
ความเสยี หายของพน้ื ทป่ี ระสบภยั ในประเทศเมยี นมา และเป็นผู้ไร้บ้านอีกจ�านวนมาก อาคารถูกท�าลาย
จากพายไุ ซโคลนนากีส หลายแสนหลงั ในเขตอริ วด ี นอกจากน ี้ ยงั สง่ ผลตอ่
อ่าวเบงกอลตะวันตก โดยประเทศศรีลังกาเกิดภาวะฝนตกหนัก นา�้ ทว่ ม และแผ่นดินถลม่ ในหลายพื้นท่ี
โดยต�าบลรัตนปุระและต�าบลเคกัลเลได้รับผลกระทบมากท่ีสุด ประชาชนกว่า 3,000 ครัวเรือน ได้รับ
ความเดือดรอ้ นจากน�้าท่วมหรอื ถูกท�าลายจากแรงพายุ
191
กจิ กรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู
นักเรียนรวมกลุมคนควาแนวทางการระวังภัยจากพายุหมุน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพายุหมุนเขตรอนครั้งรายแรงท่ีเกิดขึ้นในโลก
เขตรอ นของประเทศตา งๆ เพมิ่ เตมิ จากแหลง การเรยี นรอู น่ื จากนนั้ เชน พายุไซโคลนโบลา พายุไซโคลนกอรกี ซึ่งเกิดในประเทศบังกลาเทศใน
รวบรวมภาพและขอมูลจัดทําปายแสดงแนวทางการระวังภัย พ.ศ. 2513 และ พ.ศ. 2534 สง ผลใหมผี เู สียชีวติ นับแสนราย พายุไซโคลนโอดชิ า
จากพายุหมุนเขตรอนลงในกระดาษโปสเตอร ตกแตงใหสวยงาม ซ่ึงเกิดในประเทศอินเดียในพ.ศ. 2542 มีผูเสียชีวิตประมาณ 15,000 ราย
เพอื่ สง เสรมิ ใหน กั เรยี นนาํ ความรคู วามเขา ใจเรอื่ งการระวงั ภยั จาก พายุเฮอรร ิเคนแคทรีนา ในสหรฐั อเมริกาเมื่อ พ.ศ. 2548 มผี เู สยี ชีวติ ประมาณ
พายุไปปรับใชในชวี ิตประจาํ วนั 2,000 ราย และพายุไตฝุนไหเยี่ยนพัดผานประเทศฟลิปปนสใน พ.ศ. 2556
ทาํ ใหมผี เู สยี ชีวิตประมาณ 6,000 ราย
T199
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 6) การจดั การภยั พิบตั พิ ายหุ มนุ เขตร้อน มีดงั น้ี
ขน้ั ที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมูล 6.1) มาตรการ เช่น มรี ะบบเตือนภยั ลมแรงและพายุ มกี ารวางแผนในระยะยาว
เพอ่ื ป้องกันภัยจากพายุ มกี ารกา� หนดพน้ื ทีเ่ สีย่ งภัยและมเี ครอื่ งหมายเตือนภยั ควรมกี ารฝึกซอ้ ม
7. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหเก่ียวกับการ ปอ้ งกนั ภยั พบิ ตั ิ เตรยี มพรอ้ มรบั มอื และวางแผนการอพยพหากจา� เปน็ มมี าตรการกระจายขา่ วสาร
จดั การภยั พบิ ตั พิ ายหุ มนุ เขตรอ นทงั้ ในดา นของ และการแจ้งเตือนประชาชนอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
มาตรการ วธิ ปี องกัน และการปฏิบัติตนทั้งใน
ชว งกอ นเกิดภัย ขณะเกดิ ภัย และหลังเกดิ ภัย 6.2) วิธีป้องกัน เช่น ซ่อมแซมประตู หน้าต่างให้ม่ันคงแข็งแรง ตัดต้นไม้ที่มี
โอกาสหกั ลงมาทบั บ้านเรอื น หรือเสาไฟฟ้า เตรียมชดุ อุปกรณฉ์ กุ เฉนิ ให้พรอ้ ม และเตรยี มพรอ้ ม
8. ครูสุมนักเรียนเพื่อนําเสนอแนวทางการปฏิบัติ รับมือกับน้า� ทว่ มฉับพลัน
ตนตอการจัดการภัยพิบัติพายุหมุนเขตรอน
เพ่ิมเติม 6.3) การปฏิบัติตน ทา� ได ้ ดงั นี้
1. ตดิ ตามขา่ วพยากรณอ์ ากาศอยเู่ สมอ และเตรยี ม 1. ใหห้ ลบอยู่ในอาคารบา้ นเรอื นทม่ี นั่ คงแขง็ แรง
ตวั อพยพเมื่อไดร้ ับแจง้ ให้อพยพ ปดิ ประต ู หนา้ ตา่ งให้มิดชิด
2. ห มั่นตรวจตรา ซ่อมแซมประตู หน้าต่างให้ 2. ไมอ่ ยู่ใกล้เสาไฟฟา้ ต้นไม ้ ส่ิงปลูกสร้าง หรอื
มน่ั คงแขง็ แรง ตดั ตน้ ไมท้ ม่ี โี อกาสหกั ลงมาทบั ป้ายท่ีไม่มั่นคงแข็งแรง เพราะอาจถูกล้มทับ
บา้ นเรอื น หรอื เสาไฟฟา้ รวมถงึ เตรยี มชดุ อปุ กรณ์ หรือถูกไฟฟ้าดูดได้ และไม่ควรใช้อุปกรณ์
ฉุกเฉินใหพ้ รอ้ ม ไฟฟ้า รวมถึงงดใช้ โทรศพั ท์เคลื่อนทช่ี ่ัวคราว
3. จ ดั เกบ็ สงิ่ ของทอ่ี าจปลวิ ไปกบั ลมใหม้ ดิ ชดิ เพอื่ 3. ไมอ่ ยู่ใกลบ้ รเิ วณชายฝง่ั ทะเล และเรอื ทกุ ชนดิ
ปอ้ งกนั พายพุ ดั เสยี หาย และไดร้ บั อนั ตรายจาก ควรงดออกจากฝ่ัง
ส่งิ ของกระแทกใส่
4. หากจ�าเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่ ให้ ไป
ตามเสน้ ทางทปี่ ลอดภยั และปฏบิ ตั ติ ามประกาศ
เตือนภยั อยา่ งเคร่งครัด
ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภยั หลงั เกิดภัย
1. หลังพายุสงบ ไม่ควรออกไปในท่ีโล่งแจ้งทันที ควรอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างน้อย 1 - 2
ชว่ั โมง และคอยตดิ ตามรบั ฟงั ขา่ วสารอยา่ งใกลช้ ดิ เพอื่ ปฏบิ ตั ติ ามคา� สง่ั หรอื รบั แจง้ วา่
พายุไดส้ งบลงแลว้
2. ชว่ ยเหลอื ทา� การปฐมพยาบาลเบอื้ งตน้ แกผ่ บู้ าดเจบ็ แลว้ รบี นา� ตวั สง่ โรงพยาบาลโดยเรว็
3. ถา้ มีเสาไฟฟา้ ลม้ สายไฟขาด อย่าเขา้ ใกลห้ รอื แตะตอ้ ง เพ่อื ความปลอดภัย
192
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET
แนวทางในการปอ งกนั ผลกระทบจากวาตภยั ตอ อาคารบา นเรอื น
ครูนําวีดิทัศนหรือภาพขาวแสดงสถานการณวาตภัยในประเทศไทยหรือ คอื ขอ ใด
ประเทศเพื่อนบานมาใหนักเรียนพิจารณารวมกัน เพ่ือกระตุนความสนใจของ
นักเรียน และสงเสริมใหเกิดความรูความเขาใจเกี่ยวกับสถานการณการเกิด 1. ดูแลรกั ษาบา นเรือนใหม นั่ คงแข็งแรง
และผลกระทบของวาตภัย จากนั้นครูและนักเรียนวิเคราะหรวมกันถึงแนวทาง 2. สรา งบา นดว ยวัสดุคุณภาพดรี าคาแพง
การระวังภัยจากวาตภัยทเ่ี หมาะสมกับทอ งถิ่นของตน เพื่อใหน กั เรียนนาํ ความรู 3. สรา งบานอยหู ลงั เขาเพ่อื ปอ งกนั ลมปะทะ
ไปใชใ นการดาํ รงชวี ติ 4. เลือกทาํ เลพืน้ ที่สงู ชนั ในการสรางบานเรือน
5. ปอ งกันชองลมทกุ ทางท้ังประตูและหนา ตาง
T200 ( วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. การดูแลรักษาบานเรอื นใหม่นั คง
แข็งแรงเปนแนวทางปองกันผลกระทบจากวาตภัยท่ีเหมาะสม
เพราะขณะเกิดภัยเราอาจไมสามารถเตรียมการเพ่ือปองกันบาน
เรือนใหม่ันคงไดทันเวลา สวนตัวเลือกอ่ืนเปนการปองกันท่ีไม
เหมาะสม เชน การปองกันชองลมเปนการปฏิบัติเม่ือประสบภัย
ไมใชการปอ งกันผลกระทบท่จี ะไดร บั จากวาตภยั )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2.3 พายทุ อรน์ าโด1 (tornado) ขน้ั สอน
พายทุ อรน์ าโดหรอื พายงุ วงชา้ งเปน็ พายหุ มนุ ขนาดเลก็ ทม่ี พี ลงั ทาํ ลายรนุ แรง ศนู ยก์ ลางพายุ ขั้นท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มลู
นจ้ี ะมีความกดอากาศตาํ่ มาก
9. ครนู าํ วดี ทิ ศั น หรอื ภาพขา วแสดงสถานการณ
ความรนุ แรงและอาํ นาจการทาํ ลายของพายขุ นึ้ อยกู่ บั ความเรว็ ทจ่ี ดุ ศนู ยก์ ลาง ความเรว็ ของ การเกิดพายุทอรนาโดในบริเวณพ้ืนท่ีตางๆ
การเคล่ือนที่ ทิศทางของการเคล่ือนท่ี และความกว้างของวงพายุ พายุทอร์นาโดท่ีรุนแรงมาก ของโลกมาใหนักเรียนดูและรวมกันวิเคราะห
อาจมคี วามเร็วการหมนุ ทีจ่ ุดศูนย์กลางมากกวา่ 322 กโิ ลเมตรตอ่ ชั่วโมง และเคลอื่ นทด่ี ว้ ยความ เก่ียวกับสาเหตุและกระบวนการเกิดพายุ
เร็วกวา่ 100 กิโลเมตรตอ่ ชั่วโมง ซ่งึ ความเรว็ ของการหมนุ นห้ี ากผา่ นไปบนแผ่นดิน สามารถจะ ทอรนาโด ตลอดจนความแตกตางของพายุ
หอบรถยนตข์ น้ึ ไปได้ มอี าํ นาจทาํ ลายอาคารบา้ นเรอื นและสง่ิ มชี วี ติ หากเกดิ ในแมน่ าํ้ หรอื มหาสมทุ ร ทอรน าโดแตละรูปแบบ
จะเกิดคลื่นลมแรง หอบเอาน้าํ ขน้ึ เป็นลาํ ในอากาศ หรอื ยกเรอื ขนาดใหญไ่ ปได้ไกล พายุทอรน์ าโด
เปน็ พายปุ ระจําถ่ินตอนกลางของสหรัฐอเมรกิ า เกดิ ในช่วงฤดรู อ้ นไปจนถึงปลายฤดูใบไมร้ ่วง 10. ครูสุมนักเรียนจํานวน 2-3 คน นําเสนอ
ผลการวิเคราะหสาเหตุและกระบวนการเกิด
1) สาเหตุและกระบวนการเกิดพายุทอร์นาโด พายุทอร์นาโดมีกระบวนการเกิด พายุทอรนาโด ตลอดจนความแตกตางของ
พายุทอรนาโด จากน้ันครูสนทนารวมกัน
2 ลักษณะ ได้แก่ กับนักเรียนเพื่อใหเกิดความรูความเขาใจที่
1.1) พายุทอร์นาโดที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ (supercell ถกู ตอ งตรงกัน
tornado) เป็นพายุท่ีเกิดข้ึนจากพายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ท่ีมีระบบอากาศหมุนวน
ทเ่ี รยี กวา่ เมโซไซโคลน (มขี นาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางราว 2 - 10 กโิ ลเมตร) ไหลวนอยภู่ ายในเมฆพายุ
ความเร็วการหมุนของเมโซไซโคลนทําให้เกิดกรวยเมฆหมุนออกจากผนังเมฆและฐานเมฆ
ควิ มูโลนิมบสั ลงมาแตะพนื้ ดิน
การเกดิ พายุฝนฟ้าคะนองแบบซเู ปอร์เซลล์
ซูเปอร์เซลล์
(Supercell)
เมโซไซโคลน เมฆคิวมูโลนมิ บสั หยาดนา้ํ ฟา้ ที่ตกจาก
ใตฐ้ านเมฆระเหย
กระแสอากาศไหลลง กอ่ นตกลงถงึ พนื้ ดิน
กระแสอากาศไหล ึข้น
ลกู เห็บ ฝน
กระแสอากาศไหลลง
ผนังเมฆ
ทอร์นาโด
ทศิ ทางของพายุ
193
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
พายทุ อรน าโดเกดิ ขนึ้ ไดอ ยา งไร 1 พายุทอรนาโด เปนพายุหมุนท่ีมีอาณาบริเวณเกิดแคบที่สุด แตมีอัตรา
(แนวตอบ พายุทอรนาโดกอตัวจากอากาศรอนจัดปะทะกับ พัดของลมเร็วที่สุด พายุนี้เกิดไดทุกทวีปแตเกิดบอยท่ีสุดในสหรัฐอเมริกา
ลกั ษณะพเิ ศษของพายนุ ี้ คือ มเี มฆคลายงวงชา งยื่นปลายงวงลงมาจากฐานเมฆ
อากาศเย็นจัด บางคร้ังกระแสลมกรดก็มีบทบาทสําคัญตอการ ควิ มโู ลนมิ บสั ถาพายุน้ีเกิดเหนอื พื้นนาํ้ จะเรียก นาคเลน นาํ้ เมอื่ มีพายุทอรนาโด
เกิดหรือการกอตัวของพายุนี้ แมพายุทอรนาโดจะเกิดในบริเวณ เกดิ ขึน้ จะมีฝนฟา คะนองอยา งแรงและฝนตกหนกั เกิดขึ้นพรอ มกนั ดวย
แคบๆ และเสนทางพายุผานจะไมกวางมากแตสรางความ
เสียหายไดมากและรุนแรง อํานาจการทําลายของพายุทอรนาโด
มีอยู 2 ประการ คือ ความกดอากาศท่ีขอบพายุ และที่จุดดูด
ตรงจุดศนู ยกลางหรือตาพาย)ุ
T201
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 1.2) พายทุ อรน์ าโดทไี่ มไ่ ดเ้ กดิ จากพายฝุ นฟา้ คะนองแบบซเู ปอรเ์ ซลล ์(nonsupercell
tornado) พายกุ ลมุ่ นเี้ รมิ่ จากลมเฉอื นในแนวระดบั ทผ่ี วิ พนื้ ทา� ใหเ้ กดิ กระแสอากาศไหลวน ทเี่ รยี กวา่
ขั้นที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล ไมโครไซโคลนขนึ้ ในแนวดงิ่ ไมโครไซโคลนนหี้ ากหมนุ เรว็ ขนึ้ กจ็ ะแคบเขา้ และยดื ยาวออกไปดา้ นบน
เคล่ือนเข้าสู่ฐานเมฆ ส่งผลให้เมฆเติบโตมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนไมโครไซโคลนท่ีมีรัศมีแคบลง
11. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะห Geo Tip และหมนุ อยา่ งรวดเรว็ กก็ ลายเปน็ พายทุ อรน์ าโดมคี วามรนุ แรงนอ้ ยกวา่ ทเี่ กดิ จากพายฝุ นฝา้ คะนอง
เก่ียวกับการกําหนดระดับความรุนแรงของ แบบซเู ปอรเ์ ซลล์
พายุทอรนาโด จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร
ม.4-6 เพมิ่ เตมิ 2) ประเภทของพายทุ อรน์ าโด จา� แนกตามความรนุ แรงและองคป์ ระกอบของกรวย
12. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนตัวอยาง ได ้ 2 ประเภท ได้แก่
สถานการณพายุทอรนาโดที่เคยเกิดขึ้นตาม 2.1) พายุทอร์นาโดท่ีเกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ (supercell
ระดับความรนุ แรง จากนัน้ ครูสนทนารวมกัน
กับนักเรียนเพื่อใหเกิดความรูความเขาใจที่ tornado) จะมีความรุนแรงสูงสุดถึงระดับ EF4 ถึง EF5 ตามสเกลฟุจิตะปรับปรุง (Enhanced
ถกู ตอ งตรงกัน Fujita) เชน่ พายุทอรน์ าโดท่มี กั เกิดในสหรฐั อเมริกา
2.2) พายทุ อรน์ าโดทไี่ มไ่ ดเ้ กดิ จากพายฝุ นฟา้ คะนองแบบซเู ปอรเ์ ซลล ์(nonsupercell
tornado) สว่ นใหญจ่ ะมคี วามรนุ แรงในระดบั EF0 ถงึ EF2 ซง่ึ มคี วามรนุ แรงนอ้ ยกวา่ พายทุ อรน์ าโด
ท่เี กดิ จากพายฝุ นฟา้ คะนองแบบซเู ปอรเ์ ซลล ์ เช่น พายงุ วงชา้ งท่เี กิดขน้ึ ในประเทศไทย
พายทุ อรน์ าโดทเ่ี กดิ จากซเู ปอรเ์ ซลล ์ ทรี่ ฐั ไวโอมงิ ทางตอน 1
กลางของสหรัฐอเมรกิ า เม่ือเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561
พายทุ อรน์ าโดผืนน�า้ ท่รี ฐั ฟลอรดิ า เมื่อ พ.ศ. 2512
GTeipo เปน็ พายทุ อร์นาโดท่ีไม่ไดเ้ กดิ จากซูเปอร์เซลล์
ในการก�าหนดระดับความรุนแรงของพายุทอร์นาโดมีมาตรวัดเป็นฟุจิตะ (Fujita) ต่อมาได้มีการ
ปรบั ปรงุ เป็นหน่วย EF หรือ Enhanced Fujita แบ่งออกเป็น 6 ระดบั ตามความเร็วของกระแสลม ดังน้ี
EF0 105 - 137 กโิ ลเมตร/ช่วั โมง เสียหายน้อย EF3 218 - 266 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง เสยี หายรนุ แรง
EF1 138 - 177 กโิ ลเมตร/ช่ัวโมง เสียหายปานกลาง EF4 267 - 322 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง เสียหายรุนแรงมาก
EF2 178 - 217 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง เสยี หายหนัก EF5 มากกว่า 322 กิโลเมตร/ช่ัวโมง เสยี หายรุนแรงมากท่ีสุด
194
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 พายุทอรนาโดผืนนํ้า พายุหมุนซ่ึงเกิดจากการหมุนเวียนของอากาศจาก เพราะเหตุใดพายทุ อรน าโดสว นใหญจ งึ เกิดขึ้นในสหรฐั อเมริกา
พนื้ นาํ้ ขยายขึน้ ไปสูเ มฆ เชน พวยนํา้ หรอื นาคเลน นํ้า (water spout) มลี ักษณะ
คลา ยกบั ทอรน าโดแตม กี าํ ลงั แรงนอ ยกวา ซง่ึ เกดิ จากมวลอากาศเยน็ เคลอื่ นผา น (แนวตอบ เน่ืองจากสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ราบขนาดใหญจึงเอื้อ
ผิวน้าํ บรเิ วณทอี่ นุ กวา ทําใหอากาศบริเวณผิวน้ํายกตวั ขึ้นอยางรวดเรว็ โดยมกั ตอการปะทะของลมรอนและลมเย็นในบริเวณที่ราบ ทําใหพายุที่
เกิดในภมู ิภาคก่ึงเขตรอ น กอ ตวั สว นมากมขี นาดใหญแ ละเกดิ ไดบ อ ยครงั้ โดยพายทุ อรน าโด
ในสหรฐั อเมรกิ าเกดิ จากลมหนาวทพ่ี ดั มาจากทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต
ของประเทศแคนาดาพดั พาเอาความหนาวและความแหง แลง ลงมา
ประกอบกับลมรอนจากอาวเม็กซิโกที่พัดมาจากดานใตของทวีป
ซ่ึงลมทัง้ สองนี้มักปะทะกันท่ีบริเวณตอนกลางของสหรฐั อเมรกิ า)
T202
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) การกระจายการเกิดพายทุ อรน์ าโดของโลก ขนั้ สอน
แผนทีแ่ สดงแหล่งเกดิ พายุทอรน์ าโดของโลก ขนั้ ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ 80 Nํ 13. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลท่ีไดจาก
การศึกษาทั้ง 3 ประเด็น อันไดแ ก พายฝุ นฟา
60 Nํ แคนาดา รสั เซีย 60 Nํ คะนอง พายหุ มนุ เขตรอ น และพายทุ อรน าโด
40 Nํ สหรัฐอเมริกา มาวิเคราะหเชื่อมโยงความสัมพันธระหวาง
20 Nํ เมก็ ซิโก ทวปี ยโุ รป เกาหลีใต 40 Nํ ลักษณะทางกายภาพกับภัยพิบัติธรรมชาติ
ญ่ปี นุ 20 Nํ ทางบรรยากาศภาค ตลอดจนผลกระทบและ
เนปาล จีน แนวทางการจัดการภัยพิบัติธรรมชาติทาง
อนิ เดยี ฟล ปิ ปน ส บรรยากาศภาคดงั กลา ว แลว อภปิ รายรว มกนั
ภายในชน้ั เรียน
0ํ 0ํ
14. ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการอภิปราย
20 Sํ อุรุกวัย ออสเตรเลยี 20 Sํ มาทาํ การวเิ คราะหร ว มกนั เพอ่ื อธบิ ายคาํ ตอบ
40 Sํ อารเ จนตนิ า 40 Sํ
แอฟรกิ าใต
N 60 Sํ พ้ืนทเี่ ส่ยี งภัยพายุทอรน าโด 60 Sํ
1 : 250,000,000 80 Sํ พ้ืนที่ท่มี ีโอกาสเกดิ พายุทอรน าโด 80 Sํ 0 2,000 4,000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ
ทมี่ า : www.vstornadoes.com
จากแผนที ่ บริเวณทเ่ี ส่ียงตอ่ การเกดิ พายุทอร์นาโดเปน็ พ้นื ทีร่ าบขนาดใหญ่ และ
เกดิ ในเขตละตจิ ดู สงู เนอ่ื งจากการปะทะกนั ของมวลอากาศรอ้ นจากเขตรอ้ นกบั มวลอากาศเยน็ จาก
ขั้วโลก ซึ่งเกิดได้มากในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปยุโรป และตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย
สว่ นพน้ื ทท่ี ่ีมโี อกาสเกิดขน้ึ ได้แตม่ ีความรนุ แรงน้อยกวา่ เช่น ทวีปอเมรกิ าใต้ ทวปี แอฟรกิ าตอนใต ้
เน่ืองจากในพ้ืนท่ีดังกล่าวมีพื้นท่ีราบขนาดเล็กและมีเทือกเขาสูงปิดก้ันทิศทางการพัดของลม
ทา� ใหก้ ารเคลือ่ นตา่� ของลมพายเุ กดิ ขึน้ ในระยะส้ัน ๆ เทา่ นัน้
สา� หรบั ประเทศไทยยงั ไมเ่ คยเกดิ พายทุ อรน์ าโดทร่ี นุ แรง นอกจากเปน็ พายขุ นาดเลก็
ที่มีลกั ษณะแบบเดยี วกับพายุทอรน์ าโดผนื น�้าและพายุทอรน์ าโดแผ่นดนิ
4) ภยั ต่าง ๆ ที่เกดิ จากพายุทอรน์ าโดรนุ แรง เช่น
1. ความเสียหายข้ึนกับความรุนแรงของพายุ ตั้งแต่เสียหายน้อย เช่น ก่ิงไม้หัก
ป้ายตา่ ง ๆ เสียหาย ไปจนถึงเสยี หายมากทสี่ ดุ เช่น อาคารบา้ นเรอื นถกู พายฉุ ีกจนหลุดเป็นช้นิ ๆ
ของช้ินใหญแ่ ละหนกั ถูกพายพุ ัดไปไกลกวา่ 100 เมตร ตน้ ไม้ ใหญ่หักโคน่ ผ้คู นและสตั ว์บาดเจ็บ
ลม้ ตาย
2. เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ภาครัฐต้องเสียเงินจ�านวนมาก
ในการท�าความสะอาด ฟื้นฟู ซ่อมแซม ประชาชนสูญเสียรายได้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ
ต้องหยุดชะงัก
195
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ทวีปแอฟริกาตอนใตมีโอกาสเกิดพายุทอรนาโดไดหรือไม ครูควรนําแผนที่แสดงแหลงเกิดพายุทอรนาโดในโลกมาใหนักเรียนดู แลว
เพราะเหตใุ ด ตงั้ คาํ ถาม จากนน้ั ใหน กั เรยี นชว ยกนั วเิ คราะหจ ากแผนทนี่ นั้ ถงึ บรเิ วณทเี่ สย่ี งตอ
การเกิดพายทุ อรน าโดท่ีมีระดับความรนุ แรงมากถึงระดับนอ ยวา ตองมลี กั ษณะ
(แนวตอบ มีโอกาสเกิดขึ้นได แตความรุนแรงนอยกวาทวีป พ้ืนท่ีอยางไร และเพราะเหตุใดประเทศไทยจึงไมเปนบริเวณท่ีเส่ียงตอการเกิด
อเมริกาเหนือ เนื่องจากในพื้นที่ดังกลาวมีพื้นท่ีราบขนาดเล็ก พายทุ อรน าโด
และมเี ทอื กเขาสงู ปด กน้ั ทศิ ทางการพดั ของลม ทาํ ใหก ารเคลอ่ื นตา่ํ
ของลมพายเุ กิดขน้ึ ในระยะสั้นๆ)
T203
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 5) เหตกุ ารณพ์ ายุทอรน์ าโดทร่ี นุ แรง ครัง้ สา� คัญ เชน่
ขนั้ ที่ 5 การสรปุ เพ่ือตอบคําถาม เหตุการณ์ พายุทอรน์ าโดในสหรฐั อเมรกิ า พ.ศ. 2554
1. นักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับภัยพิบัติ สาเหตุ : ตง้ั แต่วันท่ ี 26 - 29 เมษายน พ.ศ. 2554
ธรรมชาติทางบรรยากาศภาคเพิ่มเตมิ สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับพายุทอร์นาโดพัดเข้า
ใน 6 รัฐ ได้แก่ รัฐแอละแบมา อาร์คันซอ
2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ เคนทกั กี มสิ ซสิ ซปิ ป ี มสิ ซูรี และเทนเนสซี ศนู ย์
สําคัญเพื่อตอบคาํ ถามเชงิ ภูมิศาสตร พยากรณ์อากาศระบุว่า พายุทอร์นาโดคร้ังนี้มี
ความรุนแรงอยู่ในระดับ EF4 มคี วามเร็วลม 318
3. นักเรียนรว มกนั ทําใบงานท่ี 5.2 เรอ่ื ง ภัยพบิ ตั ิ กิโลเมตรตอ่ ช่ัวโมง และมีรศั มกี ว้าง 1,200 เมตร
ธรรมชาติทางบรรยากาศภาค และรวมกัน พายทุ เี่ กดิ ขน้ึ เปน็ ผลมาจากอากาศรอ้ นชนื้ เคลอื่ นตวั
เฉลยคาํ ตอบ จากรฐั เทกซสั อารค์ นั ซอ และลยุ เซยี นา พดั ขนึ้ เหนอื
4. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
ม.4-6 เก่ียวกับเร่ือง ภัยพิบัติธรรมชาติทาง
บรรยากาศภาค โดยครแู นะนําเพิม่ เติม
ความเสยี หายภายหลงั พายทุ อรน์ าโดพดั ถลม่ รฐั มสิ ซรู ี ปะทะกบั อากาศเย็น
ในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554
ผลกระทบ : ท�าใหม้ ผี ู้เสยี ชีวติ มากถึง 305 คน
โดยรัฐแอละแบมาได้รับความเสียหายมากที่สุด
มีผู้เสียชีวิตมากถึง 204 คน และบาดเจ็บกว่า 1,700 คน อาคารบ้านเรือนพังเสียหาย ส่งผลให้ผู้คน
ไร้ท่ีอยู่อาศัยจ�านวนมาก และมีการส่ังปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในพ้ืนท่ี 3 แห่ง เพ่ือความปลอดภัยของ
ประชาชน
เหตุการณ์ พายุทอร์นาโดในสหรฐั อเมริกา พ.ศ. 2556
สาเหตุ : พายุทอร์นาโดระดับความแรง EF5
พดั เขา้ รฐั โอคลาโฮมาทางตอนใตข้ องสหรฐั อเมรกิ า
ด้วยความเร็วลมกว่า 322 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง
เปน็ ระยะเวลานาน 50 นาที
ความเสียหายของรฐั โอคลาโฮมาภายหลงั พายุสงบ ผลกระทบ : สง่ ผลใหบ้ า้ นเรอื นพงั เสยี หายประมาณ
13,000 หลังคาเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบ
ประมาณ 33,000 คน มผี เู้ สยี ชวี ติ 24 คน ผบู้ าดเจบ็
320 คน นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ
สหรัฐได้ประกาศให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ
กบั พายลุ กู ใหมท่ กี่ า� ลงั จะเกดิ ตามมา มกี ารประเมนิ
ความเสียหายจากพายุในครั้งนี้เป็นมูลค่ากว่า
2,000 ล้านเหรียญดอลลารส์ หรฐั
196
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET
สภาพภูมิประเทศแบบใดเอ้ือตอ การกอใหเ กดิ พายทุ อรน าโด
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับพายุทอรนาโดในสหรัฐอเมริกาวา บริเวณท่ีเกิด ในสหรัฐอเมรกิ า
พายบุ อ ยทสี่ ดุ ไดแ ก รฐั ตา งๆ แถบลมุ แมน าํ้ มสิ ซสิ ซปิ ป มรี ฐั อารค นั ซอ เทนเนสซี
แอละแบมา เคนทักกี มิสซิสซปิ ป และมิสซูรี ในเดือนมถิ ุนายนอากาศรอ นช้ืน 1. เทือกเขาสงู
จากอาวเม็กซิโกพัดขึ้นไปทางเหนือ พบกับอากาศเย็นจากมหาสมุทรแปซิฟกท่ี 2. เนินเขาเตยี้
พัดผานเทือกเขาทาํ ใหพายุทอรนาโดกอตวั ข้ึน 3. ทร่ี าบกวา งใหญ
4. ทร่ี าบชายฝง ทะเล
5. ท่ีราบสูงระหวางหบุ เขา
( วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ท่ีราบขนาดใหญ เน่ืองจาก
บริเวณน้ีจะมีการปะทะกันของมวลอากาศรอนจากแนวศูนยสูตร
และมวลอากาศเย็นจากข้ัวโลก ทําใหเกิดการรวมตัวกลายเปน
เกลยี วของอากาศ)
T204
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
6) การจัดการภยั พิบัตพิ ายุทอรน์ าโด มีดังนี้ ขนั้ สรปุ
6.1) มาตรการ เช่น มีแผนเตือนภัยในช่วงที่เกิดพายุทอร์นาโดเสมอ ประกาศ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ
เตือนให้ประชาชนติดตามข่าวการเกิดพายุทอร์นาโดและแนวทางการเคล่ือนท่ีของพายุโดยตลอด ภยั พบิ ตั ธิ รรมชาตทิ างบรรยากาศภาค ไดแ ก พายุ
พร้อมทั้งมีแผนการอพยพและซักซ้อมการหลบภยั เสมอ ฝนฟาคะนอง พายุหมุนเขตรอน พายุทอรนาโด
ทง้ั ในดา นของสาเหตแุ ละกระบวนการเกดิ ประเภท
6.2) วิธีป้องกนั เชน่ ในพืน้ ทเี่ ส่ยี งภยั ควรมีการสร้างท่ีหลบภัยไว ้ในบา้ น หรือ การกระจายการเกิดภยั ตา งๆ ตวั อยา งเหตุการณ
จัดสถานทป่ี ลอดภัยรวม หรือเสริมสรา้ งอาคารบา้ นเรอื นให้มนั่ คงแข็งแรง ที่เคยเกิดข้ึน การจัดการภัยพิบัติธรรมชาติทาง
บรรยากาศภาค ตลอดจนความสําคัญที่มอี ิทธพิ ล
6.3) การปฏบิ ัติตน ท�าได ้ ดงั นี้ ตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ ของผคู นในปจ จบุ นั หรอื อาจใช
PPT สรปุ สาระสําคญั ของเนอื้ หา
1. ติดตามข่าวสภาวะอากาศอยู่เสมอ 1. ช ่วยเหลือท�าการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่
2. ต รวจตรา และซ่อมแซมประตู หน้าต่างให้ ผูบ้ าดเจ็บ แล้วนา� ตวั สง่ โรงพยาบาลโดยเรว็ ขนั้ ประเมนิ
ม่ันคงแข็งแรง ควรมีไม้แผ่นปิดทับกระจก 2. ส า� รวจความเสยี หายภายหลงั พายสุ งบลง โดย 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
ประต ู หน้าตา่ ง เกบ็ กวาดซากปรักหักพงั รวมถงึ จดั การต้นไม้ การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
3. ท �าหลุมหลบภัยไว้ ในบ้าน หรือนอกบ้าน ท่ีล้มบริเวณใกล้เคียงเพื่อป้องกันการโค่นล้ม หนาช้ันเรยี น
เตรียมสง่ิ ของเคร่อื งใชท้ จี่ า� เปน็ ไว้ ใหพ้ รอ้ ม ภายหลงั หรอื ถา้ อาคารบา้ นเรอื นพงั เสยี หายมาก
ก ็ใหอ้ พยพไปยงั สถานทพ่ี กั พงิ ทที่ างหนว่ ยงาน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
ราชการจดั ไวใ้ ห้ สมรรถนะฯ ภมู ิศาสตร ม.4-6
3. ตรวจสอบสายไฟและเสาไฟ ถ้าเสียหายมาก
ควรแจง้ เจา้ หนา้ ท ี่ และทา� เครอ่ื งหมายบรเิ วณนนั้
ใหเ้ ป็นพนื้ ท่ีอันตรายหา้ มเข้าใกล้
กอ่ นเกิดภัย ขณะเกดิ ภัย หลังเกดิ ภยั
1. ใ หอ้ พยพไปยงั ทก่ี า� บงั ทม่ี นั่ คงแขง็ แรง เชน่ หลมุ หลบภยั ใตด้ นิ และใหห้ ลบจนกวา่ พายจุ ะยตุ ิ รวมถงึ
ตดิ ตามรับฟังขา่ วสารทางวิทยุ
2. ป ิดประตู หน้าต่าง อยู่ให้ห่างจากหน้าต่าง โดยเฉพาะหน้าต่างกระจกบานใหญ่ และหลบอยู่
ใต้ โตะ๊ ทแี่ ขง็ แรง ต้เู ส้อื ผา้ หรืออ่างอาบน้�า
3. ไมเ่ ขา้ ไปหลบในโกดงั โรงรถ หรอื สงิ่ ปลูกสรา้ งสา� เรจ็ รปู ที่ไมแ่ ขง็ แรง
4. ปดิ สวิตช์ ไฟฟ้า และงดใช้อุปกรณ์ ไฟฟ้า รวมถงึ โทรศัพทเ์ คล่อื นท่ี
5. หากขบั รถยนตบ์ นเสน้ ทางใกลก้ บั จดุ ทพ่ี ายทุ อรน์ าโดกา� ลงั เคลอ่ื นผา่ นใหร้ บี ขบั หนอี ยา่ งรวดเรว็ ทส่ี ดุ
GQeuoestion
เพราะเหตุใดพายุทอร์นาโดจึงมักเกิดที่สหรัฐอเมริกาบ่อยคร้ัง และมีบริเวณใดอีกบ้างท่ีเกิดพายุ
ทอร์นาโด หากนกั เรยี นอาศยั อยู่ในพ้นื ทเี่ สี่ยงภยั จากพายุทอรน์ าโด จะมีวิธีเอาตวั รอดอย่างไร
197
ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET แนวทางการวัดและประเมินผล
เพราะเหตุใดเมือ่ พายสุ งบแลว จงึ ไมค วรออกเดินทางทนั ที ครสู ามารถวัดและประเมินความเขาใจเนือ้ หา เรอ่ื ง ภยั พิบัตธิ รรมชาตทิ าง
1. เพราะจะเกิดฟา แลบ ฟารอง และฟา ผา ตามมาเสมอ บรรยากาศภาค ไดจ ากการใชเ ครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตรใ นการสบื คน และนาํ เสนอ
2. รอหนว ยงานทเ่ี ก่ยี วของเขา มาชว ยเหลือผปู ระสบภยั ผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมิน
3. ตองเผ่อื เวลาวางแผนการเดนิ ทางเพ่อื ความปลอดภัย การนาํ เสนอผลงานทีแ่ นบมาทา ยแผนการจดั การเรียนรหู นวยที่ 5 เรือ่ ง ภยั พบิ ัติ
4. มกั มีลมแรงและฝนตกหนกั อีกเม่อื ศนู ยกลางพายพุ ดั ผา น ทางธรรมชาติ
5. รอระดับนํ้าลดลงและความเร็วลมคงท่ีเพ่ือใหสามารถเดินทาง
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
ไดอ ยา งปลอดภยั
( วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการเกดิ ฝนตกหนักและแรง คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี
ลมในครั้งแรกเปนกระแสอากาศที่รุนแรงโดยรอบศูนยกลางของ ตรงกับระดบั คะแนน
พายุ เมอื่ อากาศสงบลงแสดงวา เปน บรเิ วณของศนู ยก ลางของพายุ
ซึ่งมีสภาพอากาศคอนขางปกติ จึงคลายกับพายุพัดผานไปแลว ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
อยางไรก็ตาม เมื่อพายุเคลื่อนตัวกระแสอากาศที่รุนแรงโดยรอบ 32
ศนู ยก ลางของพายอุ กี ดา นจะกอ ใหเ กดิ ลมแรงและฝนตกหนกั อกี ได)
1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา
2 การลาดบั ขั้นตอนของเรื่อง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ
รวม
ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
T205
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process) 3 ภัยพิบัตธิ รรมชาติทางอุทกภาค
1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ ชอ่ื เรอ่ื ง จดุ ประสงค อุทกภัย (flood)
และผลการเรียนรู 1) คา� จา� กดั ความ อุทกภัยเป็นภัยทเ่ี กดิ จากนา้� ในล�านา้� แอง่ นา�้ ทะเลสาบ ไหลล้น
2. ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอที่ ตลิง่ หรือน�้าท่วมฉบั พลนั ในพื้นที่หนึ่งเปน็ ระยะเวลาสั้นหรือเป็นคร้ังคราว เนื่องจากมฝี นตกหนกั
เก่ียวของกับภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาค หรือหมิ ะละลาย ส่งผลใหเ้ กิดความเสียหายตอ่ พืน้ ทเ่ี กษตร ชีวิตและทรัพยส์ นิ ของประชาชน
ในประเทศไทยและประเทศตา งๆ ทัว่ โลก
2) ประเภทของอุทกภยั แบง่ ได้ ดังน้ี
3. ครูสอบถามนักเรียนเกี่ยวกับสาเหตุ ความ
รุนแรง และผลกระทบของภัยพิบัติธรรมชาติ 2.1) น�า้ ท่วมฉับพลันหรอื น้�าปา่ ไหลหลาก เกิดขน้ึ เนือ่ งจากฝนตกหนักในบรเิ วณ
ทางอุทกภาคจากการดูภาพ หรือคลิปวิดีโอ ตน้ น�า้ ท่ีมีความลาดชนั หรือในทล่ี าดเชิงเขาทมี่ เี ทอื กเขาสงู ชัน เมอ่ื ฝนตกหนกั บนภเู ขา ดนิ และ
เพ่มิ เตมิ ต้นไม้ไม่สามารถดูดซับน้�าได้หมด ปริมาณน้�าจ�านวนมากจึงไหลอย่างรวดเร็วลงสู่พ้ืนที่ต่�ากว่า
ความรนุ แรงและความเรว็ ของกระแสนา้� ทา� ให้เกิดความเสียหายต่อชีวติ และทรัพย์สิน
2.2) น้�าท่วมขัง เกิดขึ้นจากปริมาณน้�าสะสมจ�านวนมากที่ไหลบ่าในแนวระนาบ
จากท่ีสูงไปยังท่ีต�่าเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย หรือเกิดน�้าท่วมขัง
เน่ืองจากฝนตกหนักต่อเนื่อง มวลน�้าไม่สามารถระบายออกได้ทัน หรือมีส่ิงกีดขวางทางน้�าไหล
เชน่ นา้� ทว่ มขงั ในเขตเมือง หรอื เกดิ น้�าทะเลหนุนสงู ในพื้นที่ใกลช้ ายฝ่งั
2.3) น�้าล้นตล่ิง เกิดจากปริมาณน้�าจ�านวนมากที่เกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่อง
ท่ีไหลลงสู่ล�านา้� หรือแม่น้า� มปี ริมาณมากจนระบายสู่ลุ่มนา�้ ดา้ นลา่ ง หรอื ออกสทู่ ะเลไม่ทนั ท�าให้
เกิดสภาวะน�้าล้นตลง่ิ
อทุ กภยั จากเขอ่ื นเซเปยี น - เซนา�้ นอ้ ย แตก ในประเทศลาว เมอื่ เดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2561 เนอ่ื งจากเขอ่ื นทรดุ และมฝี นตก
หนักตอ่ เน่ือง
198
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนํ้าไหลบาวาเปนน้ําจากฝนท่ีตกลงมาหรือ ลักษณะภูมปิ ระเทศท่เี ส่ียงตอการเกดิ อุทกภยั เปน อยางไร
การชลประทาน และไมไดคงอยใู นพืน้ ทีน่ ้นั แตไหลออกไปที่อืน่ มที งั้ สวนที่ไหล (แนวตอบ ลักษณะภูมิประเทศท่ีเส่ียงตอการเกิดอุทกภัย เชน
ออกไปบนพน้ื ผิวดิน เรยี กวา น้าํ ไหลบา ผวิ ดิน และสวนทีไ่ หลซึมออกไปใตด ิน
เรยี กวา นา้ํ ไหลผา นใตด นิ ในกรณนี า้ํ ไหลบา ผวิ ดนิ หากไหลไปเปน แมน า้ํ ลาํ คลอง บริเวณทีร่ าบเนินเขา มกั เกิดอทุ กภยั แบบฉบั พลนั นา้ํ ไหลบา อยาง
เรียกอกี อยางหน่งึ วา นาํ้ ทา รวดเร็วและมีพลังทาํ ลายสูง ลกั ษณะเชน น้ี เรียกวา “นํ้าปา” เกิด
ขึ้นเพราะมีน้ําหลากจากภูเขา พ้ืนที่ราบลุมริมแมนํ้าและชายฝง
เปนภัยที่เกิดขึ้นชาๆ จากน้ําลนตล่ิง เมื่อเกิดข้ึนจะกินพ้ืนท่ีเปน
บรเิ วณกวา งและทวมเปน เวลานาน บรเิ วณปากแมน ้าํ เปน อุทกภัย
ทเี่ กิดจากนา้ํ ไหลมาจากท่สี ูงกวาและอาจมนี ้ําทะเลหนนุ )
T206
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) สาเหตุการเกิดอุทกภยั มีทัง้ สาเหตุจากธรรมชาตแิ ละจากมนุษย์ ดงั นี้ ขน้ั สอน
3.1) สาเหตุจากธรรมชาติ ทีส่ �าคญั ได้แก่ ขน้ั ที่ 1 การตง้ั คาํ ถามเชงิ ภมู ิศาสตร
1. ฝนตกหนักจากพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นพายุท่ีเกิดติดต่อกันหลายชั่วโมง
1. ครูใหนักเรียนดูแผนท่ีแสดงพื้นที่เสี่ยงการเกิด
มปี ริมาณฝนตกหนกั ท�าใหเ้ กิดน้า� ทว่ มในพนื้ ทีต่ ่�า มกั เกดิ ในชว่ งตน้ ฤดฝู นหรือฤดูร้อน อทุ กภัยของโลก จากหนงั สอื เรียน ภูมศิ าสตร
2. ฝนตกหนักจากพายุหมุนเขตร้อน เม่ือพายุเคล่ือนข้ึนฝั่งจะเกิดน้�าท่วม ม.4-6 แลว รวมกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั
แผนท่ดี งั กลา ว
เป็นบรเิ วณกว้าง รวมถ3ึง.ท อา� ทิใหธเ้พิ กลดิ จคาลก่นื ลพมามยรซุ สดั มุ ฝ1 เัง่ ป็นการหมนุ เวยี นของลมทพ่ี ดั มาตามฤด ู พัดเอา
ความช้ืนจากมหาสมุทรขนึ้ สู่ชายฝ่ัง 2. ครูสุมนักเรียนใหแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
สาเหตกุ ารเกดิ อทุ กภยั ในความคดิ ของนกั เรยี น
4. น้�าทะเลหนนุ เม่ือนา้� ท่ีไหลลงมาตามแมน่ ้า� มปี รมิ าณมาก หรอื ช่วงเวลา พรอมท้ังจดประเด็นท่ีนําเสนอไวเพื่อการ
ทร่ี ะดบั นา�้ ทะเลหนนุ สงู เกนิ กวา่ ปกต ิ ทา� ใหน้ า้� ไมอ่ าจไหลลงสทู่ ะเล ทา� ใหเ้ กดิ นา�้ ลน้ ตลง่ิ หรอื นา้� ทว่ มได้ วิเคราะหเพม่ิ เติม
3.2) สาเหตจุ ากมนุษย ์ ทีส่ �าคัญ ได้แก่
1. การตัดไม้ท�าลายป่า เมื่อฝนตกหนักจะท�าให้น�้าไหลเร็วและแรงจน
ก่อให้เกดิ นา�้ ทว่ มฉบั พลนั หรอื นา�้ ทว่ มเฉพาะพนื้ ท ่ี และเปน็ สาเหตุของดนิ ถลม่ ดว้ ย
2. การขยายเขตเมอื งรกุ ล�า้ พน้ื ทลี่ ุ่มต�า่ ท�าให้ไม่มีพน้ื ท่ีรบั น้า�
3. การสรา้ งสง่ิ กอ่ สรา้ งกดี ขวางทางนา้� และมรี ะบบการระบายนา�้ ไมเ่ พยี งพอ
ทา� ให้น�า้ ระบายไดช้ า้ เออ่ ล้น และเกิดปัญหานา�้ ทว่ ม
4. การจดั การนา้� ทขี่ าดประสทิ ธภิ าพ โดยเฉพาะพนื้ ทที่ า้ ยเขอ่ื นหรอื อา่ งเกบ็ นา�้
4) การกระจายการเกิดอุทกภยั ของโลก
แผนทแี่ สดงพ้ืนท่เี ส่ียงการเกดิ อทุ กภยั ของโลก
80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ
80 Nํ
60 Nํ 60 Nํ
40 Nํ 40 Nํ
20 Nํ 20 Nํ
0ํ 0ํ
20 Sํ 20 Sํ
40 Sํ 40 Sํ
N 60 Sํ พนื้ ทีป่ ระสบอทุ กภัย 60 Sํ
1 : 250,000,000 80 Sํ บอ ย บอยมาก บอ ยทส่ี ุด 80 Sํ 0 2,000 4,000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ ท่มี า : www.wri.org
199
กิจกรรม ทาทาย นักเรียนควรรู
นักเรียนสืบคนขาวหรือบทความเกี่ยวกับอุทกภัยท่ีเคยเกิดข้ึน 1 ลมมรสุม คือ ลมประจําฤดู เกิดขึ้นเนื่องจากความแตกตางระหวาง
ในประเทศไทย หรือตางประเทศที่นักเรียนสนใจ พรอมติดภาพ อุณหภมู ขิ องพื้นดินและพ้นื นํ้าในฤดหู นาวและฤดูรอ น ในฤดูหนาวอณุ หภูมิของ
ประกอบ แลวตอบตามประเด็นทีก่ าํ หนด ดงั น้ี อากาศเหนือพื้นทวีปเย็นกวาอากาศเหนือพ้ืนมหาสมุทรที่อยูใกลเคียง อากาศ
เหนือพื้นน้ําจึงมีอุณหภูมิสูงกวาและลอยตัวข้ึนสูเบื้องบน อากาศเหนือพ้ืนทวีป
• พืน้ ทที่ ป่ี ระสบอทุ กภัย ซ่ึงเย็นกวาจึงไหลเขาไปแทนท่ี ทําใหเกิดลมพัดออกจากทวีป พอถึงฤดูรอน
• สภาพโดยทัว่ ไปของพนื้ ทด่ี ังกลาว อุณหภูมิของดินภาคพ้ืนทวีปสูงกวาน้ําในมหาสมุทร เปนเหตุใหเกิดลมพัดไป
• สาเหตแุ ละผลกระทบจากอุทกภัย ในทิศทางตรงกันขาม ประเทศไทยอยูในเขตอิทธิพลของลมมรสุม 2 ฤดู
• แนวทางการปอ งกนั ภยั ของชมุ ชน คือ มรสุมตะวันตกเฉียงใต และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซ่ึงพัดประมาณ
ฤดูกาลละ 6 เดือน
T207
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน จากแผนที่ อุทกภัยมักเกิดขึ้นในพื้นท่ีบริเวณที่ราบลุ่มแม่น�้าและที่ราบใกล้ชายฝั่ง
ซ่ึงเป็นพ้ืนที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยมากที่สุด แต่ในพ้ืนท่ีอ่ืน ๆ ก็มีโอกาสเกิดอุทกภัยได้เช่นกัน
ข้ันท่ี 1 การตัง้ คําถามเชงิ ภมู ิศาสตร โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ถา้ พน้ื ทดี่ งั กลา่ วฝนตกหนกั ตอ่ เนอ่ื งเปน็ เวลานาน ประเทศบงั กลาเทศมแี นวโนม้
ทมี่ คี วามเสยี่ งตอ่ การถกู นา้� ทว่ มมากทส่ี ดุ ในโลก เนอ่ื งจากพนื้ ทสี่ ว่ นใหญข่ องประเทศเปน็ ทร่ี าบลมุ่
3. ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงพื้นท่ีประสบ แมน่ า้� ทั้งยงั ตั้งอยู่ระหวา่ งเชงิ เขาหิมาลยั และมหาสมุทรอินเดยี และเผชิญกับฤดูมรสมุ ท่ียาวนาน
อทุ กภยั ในประเทศไทย พ.ศ. 2554 จากหนงั สอื เปน็ สาเหตสุ �าคญั ของการเกิดฝนตกหนัก
เรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลว รว มกันอภิปราย นอกจากน ี้ บรเิ วณพนื้ ทช่ี ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกทงั้ หมดของภาคพนื้ ทวปี จะเสย่ี งตอ่ การ
แสดงความคิดเห็นเชื่อมโยงกับแผนท่ีแสดง เกิดอุทกภัยมากกว่าพ้ืนที่ชายฝั่งด้านตะวันตก เพราะพายุหมุนเขตร้อนทั้งหมดจะเคล่ือนตัว
พ้ืนท่ีเส่ียงการเกิดอุทกภัยของโลก ถึงความ ในมหาสมุทรจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก ท�าให้พ้ืนที่ฝั่งตะวันออกได้รับแรงปะทะมากกว่า
เก่ยี วของสัมพนั ธกันในประเด็นตา งๆ บริเวณเชงิ เขาของเทอื กเขาใหญ่ทกุ แห่งเป็นพ้ืนท่ีเส่ยี งต่อการเกดิ อทุ กภยั เช่นกนั
4. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตง้ั ประเดน็ คาํ ถาม แแผผนทน่ีแทสดแ่ี งพส้นื ดทง่อี พุทกื้นภัยทพี่ป.ศร.ะ2ส55บ4อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554
เชงิ ภมู ิศาสตร เชน 98 Eํ 100 Eํ 102 ํE 104 ํE 106 Eํ ประเทศไทยมพี น้ื ทเ่ี สย่ี งอทุ กภยั เกอื บ
• ลักษณะทางกายภาพสงผลใหเกิดปญหา 6 ํN 8 ํN 10 ํN 12 ํN 14 ํN 16 ํN 18 ํN 20 ํN 20 ํN 18 Nํ 16 ํN 14 ํN 12 Nํ 10 ํN 8 Nํ 6 Nํ ทวั่ ประเทศ ระดบั ความรนุ แรงและความเสยี หาย
หรือภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาคใน แตกต่างกันไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ เช่น
ประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ ของโลก ภาคเหนือตอนบนมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา
อยางไรบา ง สูงสลับที่ราบ ท�าให้ประสบภัยน้�าท่วมฉับพลัน
• ภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาคท่ีเกิดขึ้น ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนกลางเปน็ ทรี่ าบลมุ่
ในภูมิภาคตางๆ ของโลก มีความเหมือน อุทกภัยจะเกิดจากน�้าท่วมขังและน�้าล้นตล่ิง
หรือความแตกตางกัน อยางไร ภาคกลางพ้ืนท่ีส่วนใหญ่เป็นท่ีราบลุ่มแม่น้�า
• ผลกระทบสําคัญจากภัยพิบัติธรรมชาติ อุทกภัยท่ีเกิดขึ้นเกิดจากน้�าท่วมขัง น�้าเหนือ
ทางอทุ กภาคคืออะไร
• แนวทางหรอื วิธีการปองกนั ภยั พิบตั ิ
ธรรมชาตทิ างอทุ กภาคสามารถทาํ ได
อยา งไร
ไหลบ่า น�้าทะเลหนุน ส่วนภาคใต้มีทะเลขนาบ
ทั้งสองฝั่ง ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมและพายุ
พ้ืนท่ปี ระสบอทุ กภัย หมนุ เขตรอ้ น ทง้ั ยงั มภี เู ขาสงู วางตวั แนวเหนอื -
พนื้ ทอ่ี ทุ กภยั ใต้ ท�าให้ภาคใต้ประสบอุทกภัยจากฝนตกหนัก
แหลงน้ำ
ขอ มูล : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศ น้�าทะเลหนุนสูง และน้�าท่วมฉับพลันจากฝน
และภูมสิ ารสนเทศ - GISTDA ทตี่ กบริเวณที่ลาดเชิงเขาและท่ีลมุ่ ชายฝั่ง
N
มาตราสวน 1 : 14,000,000
0 50 100 150 กม.
98 ํE 100 Eํ 102 ํE 104 Eํ
200
เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสรมิ สรา งคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับสถานการณการเกิดอุทกภัยในประเทศไทยวา นักเรียนรวมกันทํากิจกรรมในหัวขอ “การคาดการณ” โดย
ปจจุบันการเกิดอทุ กภยั ของประเทศไทยมีแนวโนม รุนแรงมากขนึ้ อยางไรก็ตาม ใหนักเรียนแบงกลุมวิเคราะหและคาดการณปริมาณพ้ืนที่ประสบ
มีการเก็บขอมูลพ้ืนท่ีซึ่งมักประสบอุทกภัย โดยเรียกวา พื้นที่น้ําทวมซ้ําซาก อทุ กภยั ในประเทศไทยในอกี 20 ปข า งหนา บนั ทกึ ขอ มลู ลงบนแผนที่
ซ่ึงหมายถึง พ้ืนที่ท่ีมีการทวมขังของนํ้าบนผิวดินสูงและยาวนานกวาปกติอยู โครงรางประเทศไทย พรอมท้ังอธิบายถึงเหตุผล ผลกระทบ และ
เปน ประจาํ จนสรา งความเสยี หายตอ ทรพั ยส นิ และชวี ติ ของประชาชน โดยพนื้ ที่ การจัดการกบั อทุ กภยั ของประชากรในพื้นที่ นาํ เสนอและอภปิ ราย
ประสบภัยนาํ้ ทวมซํา้ ซากรุนแรง คอื มีนํา้ ทวม 8-10 คร้งั ในรอบ 10 ป ไดแก รวมกนั ในชัน้ เรียน
ทร่ี าบลมุ นา้ํ ในจงั หวดั สโุ ขทยั พษิ ณโุ ลก พจิ ติ ร และนครสวรรค รวมถงึ บางจงั หวดั
ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ คิดเปนเน้ือที่ประมาณ 870,000 ไร
T208
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
5) ภยั ต่าง ๆ ที่เกดิ จากอุทกภัยรนุ แรง มดี งั น้ี ขนั้ สอน
1. น้�าป่าไหลหลาก ท�าให้บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างถูกน้�าท�าลาย รวมท้ังเกิดการ ข้นั ท่ี 2 การรวบรวมขอมลู
สูญเสียชวี ิตและผู้คนไดร้ ับบาดเจ็บ
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ
2. เกิดแผ่นดินถล่ม ในพ้ืนท่ีที่มีความลาดชันมาก เมื่อฝนตกหนักดินท่ีมี ตัวอยางเหตุการณภัยพิบัติธรรมชาติทาง
ความชน้ื สงู จะเลอื่ นไหลไปตามความลาดชนั ตน้ ไม ้ เศษหนิ จะเลอ่ื นตามไปดว้ ย หมบู่ า้ น สง่ิ กอ่ สรา้ ง อุทกภาค จากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน
ตา่ ง ๆ และพ้นื ทท่ี างการเกษตรไดร้ ับความเสียหาย หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต
ในประเด็นตอ ไปน้ี
3. ภัยจากไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้ารั่ว ภัยจากไฟฟ้าดูดในช่วงน้�าท่วมเป็นอันตราย • ประเภทของอทุ กภยั
ใกล้ตัว มักเกิดขึ้นในท่ีพักอาศัยของประชาชน โดยเฉพาะอาคารชั้นเดียวมีความเส่ียงน�้าท่วม • สาเหตกุ ารเกิดอทุ กภัย
ปลั๊กไฟไดง้ า่ ย ทา� ใหไ้ ฟฟ้าร่ัวไหลเป็นอนั ตรายตอ่ ชวี ิต • ภัยท่ีเกดิ จากอทุ กภยั
• การจัดการภัยพบิ ตั อิ ุทกภัย
4. ภัยจากสัตว์ร้าย เม่ือเกิดภาวะน้�าท่วม สัตว์จะหนีน้�าเข้ามาอยู่อาศัยตาม
บ้านเรือน รวมถงึ สัตวม์ ีพิษท่เี ปน็ อนั ตรายต่อชวี ิตมนุษย์ เชน่ จระเข้ งู ตะขาบ แมงป่อง 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ
ท่ีรับผิดชอบ โดยนําความรูเก่ียวกับเครื่องมือ
5. มลพิษทางน้�า จากน้�าเน่าเสียที่เกิดจากการขังของน�้าในบ้านเรือนหรือชุมชน ทางภูมิศาสตรม าใชประกอบในการศกึ ษา
เปน็ เวลานาน อาจทา� ให้เกดิ การระบาดของโรคทม่ี ากบั นา�้ เช่น น้�ากัดเท้า อหิวาตกโรค
3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่เชื่อถือได
6. ความเสียหายทางเศรษฐกิจ เนื่องจากระหว่างเกิดอุทกภัย ระบบการส่ือสาร ใหก บั นกั เรยี นแตล ะกลมุ เพม่ิ เติม
และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด อาคารบ้านเรือนและ
สิง่ กอ่ สรา้ งต่าง ๆ ถกู นา้� พดั ท�าลาย ขัน้ ที่ 3 การจัดการขอมลู
อ ทุ กภยั นอกจากจะสร้างความเสยี หายใหแ้ กอ่ าคารบา้ นเรือนและเรอื กสวนไรน่ าแล้ว ยงั ส่งผลใหเ้ กดิ มลพษิ ทางนา้� 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
และอาจก่อใหเ้ กิดการกัดเซาะพงั ทลายของดนิ ตามมา การรวบรวมมาอธบิ ายแลกเปลี่ยนความรกู นั
2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ท่ีนําเสนอเพ่ือใหไดขอมูลท่ีถูกตอง และรวม
อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นเพมิ่ เติม
201
กจิ กรรม สรางเสรมิ เกร็ดแนะครู
ครูอาจใหนักเรียนจัดทําตารางหรือผังกราฟกท่ีแสดงราย ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการปองกันตนเองจากสัตวรายที่มากับภาวะ
ละเอียดเก่ียวกับผลกระทบของอุทกภัย รวมถึงการระวังภัยจาก น้ําทวม เชน จระเข ใหระมัดระวังเมื่ออยูในบริเวณท่ีมีกอหญาหรือพงไมเปน
อุทกภัย แลวตกแตงใหสวยงามสง ครผู สู อน จํานวนมาก เพราะจระเขจะใชเปนที่กําบังตัว หากจําเปนตองลงน้ําใหใชไมตี
นํ้าหรือทําใหเกิดเสียงดังกอน แตถาเล่ียงไดก็ควรเลี่ยงและไมประมาท งู จะ
กจิ กรรม ทาทาย หนีนํ้าเขามาอาศัยตามซอกตางๆ ของบานเรือน ซ่ึงอาจมีท้ังงูพิษและไมมีพิษ
เมื่อนํ้าลดควรหลีกเลี่ยงการเขาไปในที่รก หรือไมโยกยายสิ่งของในที่มืดทึบ
ครูอาจใหนักเรียนจัดทําตารางหรือผังกราฟกที่แสดง เพราะงูอาจเขาไปหลบอาศยั อยู
รายละเอยี ดเกยี่ วกบั ภัยจากอทุ กภยั และตวั อยางสถานการณก าร
เกิดอุทกภัยในประเทศไทยหรือในภูมิภาคอื่นของโลก โดยศึกษา T209
คนควาขอมูลเพ่ิมเติมจากแหลงการเรียนรูท่ีครูเสนอแนะ แลว
ตกแตงใหส วยงามสง ครผู ูส อน
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 6) เหตุการณอ์ ทุ กภัยทีร่ นุ แรง ครั้งส�าคัญ เชน่
ข้ันท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มลู เหตุการณ์ อทุ กภัยในประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2561
สาเหตุ : เนอ่ื งจากเกดิ ฝนตกหนกั ตอ่ เนอื่ งในพน้ื ท่ี
1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู จากการ ทางภาคตะวันตกของประเทศญ่ีปุ่น ท�าให้แม่น้�า
ศึกษา พรอมท้ังอภิปรายแสดงความคิดเห็น หลายสายเออ่ ลน้ ตลงิ่ สง่ ผลใหเ้ กดิ นา้� ทว่ มฉบั พลนั
รว มกนั และดินโคลนถลม่ ในหลายพน้ื ท่ี
ผลกระทบ : ทา� ใหม้ ผี ้เู สยี ชวี ติ จา� นวน 217 คน
2. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางเหตุการณ (ขอ้ มลู วนั ท ่ี16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561) ในจา� นวนนี้
การเกิดอุทกภัยครั้งรุนแรงในประเทศไทย เป็นผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีข้ึนไปถึง 118 คน
จากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน เว็บไซตใน
อินเทอรเน็ตเพม่ิ เตมิ นา้� ทว่ มจงั หวดั โอะกะยะมะ ทางตะวนั ตกของประเทศ เน่ืองจากพื้นท่ีที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็น
ญ่ปี นุ่ ท่ีอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ท�าให้ไม่สามารถอพยพ
3. ครูนําโครงการในพระราชดําริในรัชกาลที่ 9 หนีนา�้ ข้นึ ทสี่ งู ได้ทัน ประชาชนกว่า 2 ลา้ นคนตอ้ งอพยพออกจากพ้นื ท ี่ อาคารบา้ นเรอื นถกู ทา� ลายและ
เชน โครงการแกมลิง ที่เกี่ยวของกับการแก ได้รับความเสียหายกว่า 100 หลังคาเรอื น นับเปน็ อทุ กภยั ที่รนุ แรงทสี่ ดุ ในรอบ 36 ปี
ปญหาอุทกภัยมาใหนักเรียนรวมกันวิเคราะห
และอภปิ รายแสดงความคดิ เห็นเพิ่มเตมิ เหตกุ ารณ์ มหาอุทกภยั ในประเทศไทย พ.ศ. 2554
4. ครตู งั้ คาํ ถามเพื่อวิเคราะหค วามรู เชน สาเหตุ :
• ลักษณะของการเกดิ อุทกภัยในพื้นที่ตา งๆ 1. อ ิทธพิ ลจากพายุ 5 ลูก ไดแ้ ก ่ พายเุ นสาด พายุ
ของโลกเปนอยางไร ไหหมา่ พายนุ กเตน พายนุ าลแก และพายไุ หถ่ าง
(แนวตอบ การเกิดอุทกภัยในพื้นที่ตางๆ 2. ปรากฏการณ์ลานีญา ที่เกิดข้ึนในช่วงครึ่งแรก
ของโลก รวมถึงประเทศไทยมีลักษณะแบบ ของ พ.ศ. 2554 ส่งผลให้ฝนมาเร็วกว่าปกติ
ฉับพลันและมีความรุนแรงมากกวาในอดีต ตง้ั แต่เดอื นมีนาคม
เนื่องจากฝนท่ีตกตอเนื่องเปนเวลานาน 3. ป ริมาณฝนในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน
จากพายหุ มุนเขตรอนตางๆ) มากกวา่ ร้อยละ 70 ของปรมิ าณฝนสะสมรายปี
• แนวทางปอ งกนั และบรรเทาอทุ กภยั สามารถ เหตุการณ์มหาอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 4. รอ่ งความกดอากาศต�า่ เคลื่อนข้ึนลงท่ีไมป่ กติ
ทาํ ไดอ ยางไร จงยกตวั อยาง
(แนวตอบ เชน การปลูกหญาแฝกริมตลิ่ง ผลกระทบ : ท�าให้มีผู้เสียชีวิต 813 คน สูญหาย 3 คน ในพื้นที่ 65 จังหวัด ประชาชนได้รับความ
เพือ่ ปอ งกันการกัดเซาะของน้ํา การกาํ หนด เดือดร้อน 4,086,138 ครัวเรือน จ�านวน 13,595,192 คน บ้านเรือนเสียหายท้ังหลัง 2,329 หลัง
พน้ื ทที่ ไ่ี มไ ดใ ชป ระโยชนใ หเ ปน แหลง กกั เกบ็ เสียหายบางส่วน 96,833 หลัง พ้ืนท่ีการเกษตรได้รับความเสียหาย 11.2 ล้านไร่ นิคมอุตสาหกรรม
นํ้าหรือแกมลิง การขุดลอกคูคลองเพ่ือให 7 แห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี ได้รับความเสียหาย ประเมินความเสียหายทั้งหมด
ระบายน้ําไดอยา งเตม็ ประสิทธิภาพ รวมถงึ คิดเป็นมูลคา่ ประมาณ 1.44 ล้านล้านบาท
การไมตัดไมทําลายปา ซึ่งเปนพ้ืนที่ดูดซับ
และชะลอการไหลของน้ํา)
202
บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคิด
กลุมประเทศสมาชิกอาเซียนไดเล็งเห็นถึงปญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ สาเหตุและลักษณะการเกิดอทุ กภยั ในประเทศไทยเปน อยา งไร
ท่ีเกิดขึ้น จึงรวมมือกันต้ังคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติกับอาเซียนข้ึน โดยมี (แนวตอบ อุทกภัยในประเทศไทยมีสาเหตุหลักมาจากการ
เปาหมายหลกั คือ รว มกนั จดั ทาํ โครงการจัดการภัยพิบตั ใิ นภมู ิภาค เชน จาก
เหตุการณมหาอุทกภัย พ.ศ. 2554 ทําใหประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต ตดั ไมท าํ ลายปา โดยเฉพาะบรเิ วณปา ตน นา้ํ บนทวิ เขาตา งๆ สง ผลให
ไดรับผลกระทบมากถึง 6 ประเทศ และมีความรุนแรงมากท่ีสุดในรอบ ขาดแหลงดูดซับและชะลอความแรงของน้ําฝน อุทกภัยที่เกิดขึ้น
50 ปของประเทศไทย เหตุการณครั้งน้ีไดแสดงใหเห็นถึงความรวมมือและ มีลักษณะฉับพลัน หรือเรียกวา น้ําปาไหลหลาก ประกอบกับ
การชว ยเหลอื ซงึ่ กนั และกนั ของประเทศสมาชกิ อาเซยี น นอกจากนี้ อาเซยี นยงั มี บรเิ วณทร่ี าบลมุ แมน า้ํ มกี ารกอ สรา งสง่ิ กดี ขวางลาํ นา้ํ การระบายนา้ํ
บทบาทในการบรรเทาสถานการณ โดยสงทีมประเมินสถานการณเคลื่อนท่ีเร็ว จึงทําไดยาก สถานการณอุทกภัยในประเทศไทยโดยภาพรวม
ฉุกเฉินอาเซียนลงพ้ืนที่สถานการณภัยพิบัตินํ้าทวมในประเทศไทย ประกอบ จึงรุนแรงย่ิงข้ึนท้ังในลุมแมนํ้าเจาพระยา แมน้ําชี แมน้ํามูล
ดวยสมาชิกจากประเทศบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร ทํางาน และแมนาํ้ สายอื่นๆ)
รว มกบั เจาหนา ที่ฝา ยไทย
T210
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
7) การจดั การภยั พิบตั อิ ทุ กภยั มีดังน้ี ขน้ั สอน
7.1) มาตรการ การจดั การภยั น้า� ท่วมแบง่ เป็น 2 มาตรการ ไดแ้ ก่ ขนั้ ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล
1. มาตรการใช้สิ่งก่อสร้าง เช่น การสร้างเข่ือนและพนังก้ันน้�า เพ่ือจ�ากัด
5. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหแนวทางการ
การไหลของน้�าขณะเกิดน�้าทว่ ม และป้องกันพื้นทบ่ี างสว่ นในล่มุ นา้� ไม ่ให้เกิดความเสียหาย เขือ่ น ปองกันและแกไขปญหาทรัพยากรน้ําใน
และพนังก้ันน้�าจะป้องกันพื้นที่เฉพาะบริเวณหลังคันกั้นน้�าและในระดับความสูงท่ีได้ออกแบบไว้ ประเทศไทย โดยอาจยกกรณีศึกษาการเกิด
เท่านั้น ข้อดีของการสร้างเข่ือนและพนังกั้นน้�า คือ สามารถเลือกพื้นท่ีในการป้องกันได้โดยอาจ อุทกภัยในแตละคร้ังของประเทศไทย แลว
ปอ้ งกันเฉพาะท่ี เช่น การสร้างพนงั กัน้ บริเวณท่ีแมน่ �า้ ไหลผ่านตัวเมือง หรอื การสร้างเขือ่ นในการ อธบิ ายใหน กั เรยี นเขา ใจถงึ ปญ หาทรพั ยากรนา้ํ
ควบคุมการไหลของน้�าในพ้ืนท่ีขนาดใหญ่ การก่อสร้างดังกล่าวต้องค�านึงถึงความปลอดภัยเป็น ทส่ี ง ผลกระทบตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ การประกอบ
สา� คัญ การปรับปรงุ สภาพลา� นา�้ เชน่ การปรบั สภาพลา� น�า้ ใหม้ ลี ักษณะตรงและกว้าง การขุดลอก อาชีพ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมของ
คูคลองและก�าจดั วชั พชื เพือ่ ช่วยลดระดับของนา้� หากเกิดน้�าท่วม สร้างเสน้ ทางน้า� อ้อมเมือง เชน่ ประเทศ แลวใหชวยกันสรุปผลการวิเคราะห
การสรา้ งอ่างเก็บน�้าที่มีลักษณะกว้างและต้ืน ส�าหรับผันน้�ามาเก็บไว้เมื่อเกิดน้�าท่วมในเขตชุมชน แนวทางการปอ งกนั และแกไ ขปญ หาทรพั ยากร
เป็นการลดปริมาณการไหลของน้า� สายหลักและเพิ่มประสทิ ธิภาพการระบายน�้า น้ําในประเทศไทยเปนตาราง หรอื ผังความคิด
บนกระดานหนา ชนั้ เรยี น
2. มาตรการไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง เช่น การปรับปรุงการใช้ที่ดิน เป็นการปรับ
รูปแบบการใช้ที่ดินให้รองรับเหตุการณ์น�้าท่วมที่จะเกิดข้ึน การจัดการการใช้ที่ดินประกอบไปด้วย
การควบคุมผังเมืองและการควบคุมส่ิงปลูกสร้าง การเวนคืนที่ดิน จะส่งผลดีในระยะยาวกับ
สภาพเศรษฐกิจ สังคม และส่งิ แวดล้อม การปรับปรงุ พน้ื ทเี่ พ่อื ใช้เปน็ แหล่งกกั เกบ็ น�้า
7.2) วิธีปอ้ งกนั ที่สา� คญั เช่น
1. การพยากรณ์และเตือนภัยน้�าท่วม เป็นการประมาณล�าดับขั้นตอนการ
เกิดนา้� ทว่ ม ปริมาณน�้า ชว่ งเวลาการเกดิ และไหลสงู สุด ส่วนการเตอื นภัยน้�าท่วมเปน็ การประกาศ
เตือนภัยล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาในการเตรียมตัวรับมือน�้าท่วมได้ แผนปฏิบัติหลังการเตือนภัย
จะเกี่ยวข้องกับการวางแผนอพยพ การเตือนภัยท่ีดีต้องมีระยะเวลาเพียงพอให้ประชาชนสามารถ
รบั มอื ได้ทัน และระบบเตือนภยั ต้องมีความนา่ เชือ่ ถอื
2. ใหค้ วามรแู้ ละขอ้ มลู แกป่ ระชาชน การใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชนเปน็ สง่ิ จา� เปน็
ขอ้ มลู ต้องเขา้ ใจง่าย เข้าถงึ งา่ ย รวดเรว็ และมีคุณภาพ ข้อมูลสา� คญั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั นา�้ ท่วม เชน่
ข้อมูลน้�าท่วมทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่เคยเกิดในพื้นที่ ข้อมูลน�้าท่วมประจ�าปีและข้อมูล
ทรัพยากรต่าง ๆ ในพื้นท่ีลุ่มน้�าและภูมิภาคใกล้เคียงที่ส่งผลกระทบถึงกันได้ จากข้อมูลดังกล่าว
สามารถน�ามาจัดท�าเอกสารเผยแพร่ให้กับประชาชนได้ เช่น การจัดท�าหนังสือคู่มือเตรียมรับ
สถานการณ์น�้าท่วมแก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นอีกวิธีการหน่ึงในการช่วยบรรเทาความเสียหายจาก
น้�าทว่ มไดด้ ี
3. ไม่บุกรุกท�าลายป่าไม้ เพราะเม่ือไม่มีป่าไม้ท�าให้ขาดพื้นท่ีดูดซับและ
ชะลอการไหลของน้�า น�้าจึงไหลลงสู่แม่น�้าล�าห้วยได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งอนุรักษ์พ้ืนที่ต้นน้�า
โดยการใช้ ดแู ลรกั ษา และฟ้ืนฟูทรพั ยากรธรรมชาติในบรเิ วณพน้ื ท่ตี ้นน้า� อยา่ งเหมาะสม
203
ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดคอื แนวทางการปองกันนา้ํ ปาไหลหลากอยา งย่งั ยืน ครคู วรอธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั โครงการแกม ลงิ ซง่ึ เปน โครงการอนั เนอื่ งมา
1. การอนุรกั ษปา ตน น้ํา จากพระราชดาํ ริของรัชกาลที่ 9 เพ่ือแกปญหานํา้ ทวมในพื้นทกี่ รุงเทพมหานคร
2. การสรา งเข่ือนขาดใหญ และปริมณฑลมีหลักการขุดคลองเพอ่ื ชกั นํา้ มารวมกัน แลวเกบ็ ไวเปนบอ พกั นํ้า
3. การจดั การสิ่งกีดขวางลําน้าํ เปรยี บไดกบั แกม ลงิ แลว จงึ ระบายน้าํ ลงทะเลเมื่อปริมาณนาํ้ ทะเลลดลง
4. การพยากรณเ ตอื นภยั ลวงหนา
5. การสรา งฝายขนาดเล็กจํานวนมาก สื่อ Digital
( วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การอนุรักษปาตนนํ้า เนื่องจาก ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับการพยากรณและเตือนภัยนํ้าทวม ไดท่ี
น้ําปาไหลหลากเกิดขึ้นจากการขาดพ้ืนที่ปาคอยดูดซับและ http://ews.dwr.go.th/ews/index.php หองปฏิบัติการเฝาระวังและเตือนภัย
ชะลอแรงน้ํา เมื่อมีฝนตกหนักนํ้าจึงไหลบาอยางรวดเร็วลงสู น้าํ หลาก-ดนิ ถลม สํานกั วิจัย พัฒนา และอุทกวิทยา กรมทรพั ยากรนํ้า
พื้นที่ต่ําดานลาง ท้ังน้ี การอนุรักษพื้นที่ปาตนนํ้ายังชวยใหเกิด
ความสมบรู ณของระบบนิเวศโดยรวมอยางย่ังยืนดว ย)
T211
นาํ สอน สรุป ประเมิน
ขน้ั สอน 7.3) การปฏบิ ัตติ น ท�าได้ ดงั น้ี
ขน้ั ที่ 5 การสรปุ เพื่อตอบคาํ ถาม 1. ต ดิ ตามรายงานสภาวะอากาศจากทางราชการ 1. ติดตามข่าวสารจากทางราชการ และเตรียม
เตรยี มอปุ กรณท์ จี่ า� เปน็ กระสอบทราย รวมทง้ั พรอ้ มทจี่ ะอพยพไปในทป่ี ลอดภยั
1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ เคลือ่ นย้ายสัตว์เล้ียง สิง่ ของไปอยทู่ ีส่ งู หรอื
สาํ คญั เพ่อื ตอบคําถามเชิงภมู ศิ าสตร สถานทปี่ ลอดภัย 2. อ ยู่ในอาคารบ้านเรือนท่ีแข็งแรงและอยู่ท่ีสูง
พ้นจากน้�า ตัดสะพานไฟ และปิดแก๊สหุงต้ม
2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 5.3 เรื่อง 2. เตรียมวางแผนอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัย ใหเ้ รียบร้อย
ภยั พิบัตธิ รรมชาติทางอุทกภาค รวมถงึ พจิ ารณาท�าประกันภยั นา�้ ท่วม
3. ไมเ่ ข้าใกลอ้ ุปกรณ์ไฟฟา้ เสาไฟฟ้า สายไฟ
3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร 3. ส �ารวจช่องเปิดในบริเวณบ้านท่ีคาดว่าอาจมี 4. ไ ม่ควรขบั ข่ียานพาหนะฝ่าลงไปในกระแสน�า้
ม.4-6 เกยี่ วกบั ภยั พบิ ตั ธิ รรมชาตทิ างอทุ กภาค สัตว์ท่ีมีอันตรายต่าง ๆ เล็ดลอดเข้ามา แล้ว 5. ไ ม่ควรเล่นน�้า หรือว่ายน�้าบริเวณที่มีน�้าท่วม
โดยครูแนะนําเพิม่ เติม ท�าการปิดช่องเปดิ นั้นเพือ่ ปอ้ งกนั อันตราย
และระวงั สตั ว์มีพษิ ที่หนีน้�าทว่ มขึน้ มากดั ต่อย
ขน้ั สรปุ 4. ข ุดลอกแหล่งน�้าทตี่ ้นื เขนิ เพื่อให้น้า� ไหลไดด้ ี
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ก่อนเกดิ ภยั ขณะเกิดภยั หลังเกิดภยั
ภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาค ท้ังในดานของ
สาเหตแุ ละกระบวนการเกดิ ประเภทการกระจาย 1. ท า� ความสะอาดบา้ นเรอื น เกบ็ กวาดซากปรกั หกั พงั ถา้ เสยี หายมากจนไมอ่ าจซอ่ มแซมได้
การเกิดภัยตางๆ ตวั อยางเหตุการณทเ่ี คยเกดิ ขึ้น ควรรอ้ื ถอน
การจัดการภัยพิบัติธรรมชาติทาง อุทกภาค
ตลอดจนความสาํ คญั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ 2. ซ อ่ มแซมอาคารบา้ นเรอื น สาธารณปู โภคตา่ ง ๆ เชน่ ไฟฟา้ ประปา โทรศพั ท ์ ถนน ทช่ี า� รดุ
ของประชากร หรือใช PPT สรุปสาระสําคญั ของ เสยี หายให้กลบั ส่สู ภาพเดมิ
เนอ้ื หา
3. ห ากมีซากสตั วต์ ายตามท่ตี า่ ง ๆ ใหร้ ีบจดั การเกบ็ ฝังโดยเรว็
ขน้ั ประเมนิ 4. สงเคราะห์ผู้ประสบภยั อ่ืนท่เี ดอื ดรอ้ น เชน่ บรจิ าคเสอื้ ผ้า เคร่ืองนุ่งห่ม อาหาร
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม GAecotivity
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนาชั้นเรียน สืบค้นข่าวเกี่ยวกับอุทกภัยในทวีปต่าง ๆ ของโลกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ในประเด็นบริเวณท่ีเกิด
อุทกภัย สาเหตกุ ารเกิดอุทกภยั ผลกระทบจากอุทกภัย แนวทางการจดั การภยั พบิ ัติ แล้วน�าขอ้ มลู ท่ีไดม้ า
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก จดั ทา� โปสเตอร ์ ตกแตง่ ให้สวยงาม จากนั้นน�าเสนอหน้าชน้ั เรียน
สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร ม.4-6
204
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET
บคุ คลในขอ ใดปฏบิ ัตติ นเมื่อประสบอุทกภยั ไดอยา งเหมาะสม
ครสู ามารถวัดและประเมนิ ความเขาใจเนอื้ หา เรือ่ ง ภัยพบิ ตั ิธรรมชาตทิ าง ท่สี ุด
อทุ กภาค ไดจ ากการใชเ ครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตรใ นการสบื คน และนาํ เสนอผลงาน
หนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการ 1. ไกชวนนองไปวายนาํ้ เลน ขณะเกิดน้าํ ทวม
นําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยท่ี 5 เรื่อง ภัยพิบัติ 2. กุก ซอื้ แบตเตอร่เี พอื่ ใชไ ฟฟาในบา นขณะนาํ้ ทวม
ทางธรรมชาติ 3. กัง้ อาศัยอยูชัน้ สองของบา นเพราะหวงทรัพยสนิ มคี า
4. กรณประดิษฐเ ครื่องตรวจจบั กระแสไฟฟาดว ยตนเอง
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน 5. กงุ ไปอยศู นู ยอพยพเพราะครอบครวั มเี ดก็ และคนชรา
( วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 5. การไปอยูศนู ยอพยพเปนวิธีปฏิบตั ิ
คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ ตนท่ีเหมาะสมเม่ือประสบอุทกภัยมากท่ีสุด เน่ืองจากบุคคลใน
ตรงกับระดับคะแนน ครอบครัวทั้งเด็กและคนชราที่ไมสามารถชวยเหลือตัวเองได
เทาที่ควร อาจเกิดอันตรายตางๆ จากอุทกภัยได สวนคําตอบ
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ในขอ อ่ืนเปนการปฏิบตั ติ นท่ไี มเหมาะสม)
32
1 ความถกู ต้องของเนือ้ หา
2 การลาดับข้นั ตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีสว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ
รวม
ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน
............/................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
T212 ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
4 ภัยพิบัติธรรมชาตทิ างชวี ภาค ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process)
4.1 ไฟปา่ (wildfire) 1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ ชอื่ เรอื่ ง จดุ ประสงค
และผลการเรยี นรู
1) คา� จา� กดั ความ ไฟปา่ เปน็ ไฟทเี่ ผาไหมเ้ ชอื้ เพลงิ ในปา่ และลกุ ลามโดยไมม่ ขี อบเขต
2. ครูใหนักเรียนดูสัญลักษณสามเหลี่ยมไฟจาก
เช้ือเพลงิ ธรรมชาตทิ ถ่ี ูกเผาไหม ้ ไดแ้ ก ่ เศษไม ้ ปลายไม ้ ลูกไม้ หญา้ เศษวชั พืช ไมพ้ ุม่ และต้นไม้ หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน
อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมเก่ียวกับ
2) กระบวนการเกิดไฟป่า การเกิดไฟป่าเป็นผลมา สัญลักษณด ังกลาว
จากกระบวนการทางเคม ี โดยเกดิ จากการรวมกนั ของปจั จยั ทมี่ อี ยตู่ าม
ธรรมชาติ 3 ปัจจัย ได้แก่ เชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อน ออก ิซเจน ความรอ้ น 3. ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอที่
ทีเ่ รียกว่า “สามเหลยี่ มไฟ” (fire triangle) เกี่ยวของกับภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาคใน
ประเทศไทย และประเทศตา งๆ ของโลก เชน
สามเหลย่ี มไฟ เชอื้ เพลิง • ภัยแลงคุกคามแอฟริกาตะวันออก เปน
ภยั แลงที่รุนแรงในรอบ 60 ป
2.1) เชื้อเพลิง สมบัติของเชื้อเพลิงมีอิทธิพลต่อการติดไฟแตกต่างกัน ได้แก่ • ภัยแลงใน 44 จังหวัดของประเทศไทยใน
ความชืน้ ของเชื้อเพลิง เช้อื เพลงิ ทม่ี ีความชืน้ ต่า� ยอ่ มติดไฟได้งา่ ยและลุกลามเรว็ กว่าเช้อื เพลิงทีม่ ี พ.ศ. 2556-2557
ความช้ืนสูง ขนาดของเชื้อเพลิง เช้ือเพลิงขนาดเล็กจะลุกไหม้ได้เร็วและง่ายกว่าเช้ือเพลิง
ขนาดใหญ่ ปริมาณของเช้ือเพลิง หากมีเช้ือเพลิงจ�านวนมากจะติดไฟและลุกลามได้เร็ว และ 4. ครูต้ังคําถามกระตุนความคิดโดยใหนักเรียน
ความตอ่ เนอ่ื งของเชอ้ื เพลิง หากเช้ือเพลิงอยู่ตดิ ชิดกนั ไฟย่อมลกุ ลามต่อเนอื่ งได้เร็ว รว มกนั ตอบคาํ ถามเพ่มิ เติม เชน
2.2) ออกซเิ จน เปน็ แก๊สท่เี ป็นองคป์ ระกอบหลักของอากาศโดยทัว่ ไป ในปา่ จะมี • ไฟปาสามารถเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติได
ออกซิเจนกระจายอยู่อย่างสม�่าเสมอ อย่างไรก็ตาม ปริมาณและสัดส่วนของออกซิเจนในอากาศ หรือไม อยางไร
ในปา่ ณ บรเิ วณอน่ื ๆ อาจเปลีย่ นแปลงไดบ้ า้ งตามการผนั แปรของความเร็วและทศิ ทางลม (แนวตอบ ไฟปาสามารถเกิดข้ึนเองตาม
2.3) ความร้อน แหล่งความร้อนที่ท�าให้เกิดไฟป่าแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ธรรมชาติ โดยมสี าเหตุ เชน การเกดิ ฟา ผา
แหล่งความร้อนจากธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า การเสียดสีของกิ่งไม้ การรวมแสงอาทิตย์ผ่าน ทาํ ใหต น ไมเ กดิ ไฟไหม มกั เกดิ ขน้ึ มากในปา
หยดน้�าค้าง ภูเขาไฟปะทุ และแหล่งความร้อนจากมนุษย์ซึ่งเกิดจากการจุดไฟในป่าด้วยสาเหตุ เขตอบอุนของสหรัฐอเมริกาและประเทศ
ต่าง ๆ แคนาดา การเสียดสีกันของกิ่งไมแหงใน
ชวงเวลาที่อากาศรอนและแหง แลง มกั เกิด
3) ประเภทของไฟปา่ แบง่ ตามประเภทเชอื้ เพลงิ ทถี่ กู เผาไหมเ้ ป1น็ 3 ประเภท ดงั นี้ ขึ้นในพื้นท่ีปาที่มีไมขึ้นอยูหนาแนน เชน
1. ไฟเรอื นยอด 2. ไฟผวิ ดิน 3. ไฟใต้ดิน ปา ไผแ ละปา สน)
เป็นไฟท่ีไหม้ลุกลามไปตาม เป็นไฟท่ีเผาไหม้เชื้อเพลิงบน เปน็ ไฟทเี่ ผาไหมเ้ ชอื้ เพลงิ ทย่ี งั
เรอื นยอดของตน้ ไม ้ มกั เกดิ ใน ผิวดิน เช่น ไม้พุ่ม วัชพืช ทับถมอยู่ในดิน อาจเกิดภาย
ปา่ สนเขตอบอุ่น ไฟเรอื นยอด เครอื เถา อาจลกุ ลามไดเ้ รว็ และ หลังไฟผิวดิน และเผาไหม้
มีความรนุ แรง สรา้ งความเสีย รุนแรง ขึ้นอยู่กับลักษณะและ อยา่ งชา้ ๆ ไมม่ เี ปลวไฟใหเ้ หน็
หายแกป่ า่ มากและยากแกก่ าร ความหนาแน่นของเช้ือเพลิง หรือมีควนั เลก็ นอ้ ย มักเกิดใน
ดบั ไฟ บนพน้ื ทปี่ า่ ประเทศเขตอบอุ่นหรือท่ีสูง
จากระดบั น้�าทะเลมาก
205
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
ไฟปา จะเกิดขึน้ ได ตอ งอาศัยองคป ระกอบใดบาง 1 ไฟใตด ิน สามารถแบง ออกเปน 2 ชนดิ ยอ ย ไดแ ก
1. ไฟใตดินสมบูรณแบบ (True Ground Fire) คือ ไฟที่ไหมอินทรียวัตถุ
(แนวตอบ ไฟปาจะเกิดข้ึนไดก็ตอเม่ือมีองคประกอบท่ีจําเปน
3 ประการ เรียกวา สามเหลยี่ มไฟ ไดแก เช้อื เพลงิ ความรอ น และ อยูใตผิวพ้ืนปาจริงๆ เม่ือยืนอยูบนพื้นปาจึงไมสามารถตรวจพบไฟได ตองใช
ออกซิเจน มารวมกันในสัดสวนที่เหมาะสมที่จะเกิดการสันดาป เคร่อื งมือพิเศษ เชน เคร่อื งตรวจจบั ความรอน เพือ่ ตรวจหาไฟชนดิ นี้
(Combustion Technology) และทาํ ใหก ารสนั ดาปสามารถดาํ เนนิ
ไปไดอยางตอเนอ่ื ง) 2. ไฟกึง่ ผิวดินก่ึงใตดิน (Semi-Ground Fire) ไดแ ก ไฟที่ไหมใน 2 มติ ิ คือ
สวนหนึ่งไหมไปในแนวระนาบไปตามผิวพ้ืนปาเชนเดียวกับไฟผิวดิน และอีก
สวนหน่ึงจะไหมในแนวด่ิงลึกลงไปในชั้นอินทรียวัตถุใตผิวพื้นปา ซ่ึงอาจไหม
ลึกลงไปไดหลายฟุต ไฟดังกลาวสามารถตรวจพบไดโดยงายเชนเดียวกับ
ไฟผิวดินท่ัวๆ ไป แตการดับไฟจะตองใชเทคนิคการดับไฟผิวดินผสมผสาน
กับเทคนิคการดับไฟใตดิน จงึ จะสามารถควบคมุ ไฟได
T213
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 4) สาเหตุการเกิดไฟปา่ แบง่ ได้ ดงั น้ี
ขน้ั ท่ี 1 การตัง้ คาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตร 4.1) 1ส.าเฟห้าตผจุ า่ า1 กเธปรน็ รสมาชเหาตติ สุ ม�าีดคังัญนข้ี องการเกดิ ไฟปา่ ในเขตอบอุน่ ของต่างประเทศ
เชน่ ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มที ัง้ ฟา้ ผา่ แหง้ คอื ฟา้ ท่ผี ่าในขณะท่ีไม่มฝี น และฟา้ ผา่ เปยี ก
1. ครูสุมถามนักเรียนถึงตัวอยางเหตุการณ เกดิ ข้นึ ในฤดรู อ้ นท่เี กิด2พ.า กยงิ่ฝุ ไนมฟเ้ ส้าียคดะสนกีอนัง2 เกิดขน้ึ ในพืน้ ท่ปี า่ ทมี่ ีไม้ขึ้นอยา่ งหนาแนน่ และมีสภาพ
ไฟปาที่เกิดข้ึนในโลกตามความรูจักของ อากาศรอ้ นและแหง้ จดั มีกระแสลมแรง เช่น ในป่าไผ่ ป่าสน
นักเรียน รวมถึงผลกระทบที่เกิดข้ึนจาก
เหตกุ ารณด งั กลาวเพ่ิมเตมิ 3. การปะทุของภูเขาไฟ
4. ภาวะภยั แลง้ จากการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศของโลก เปน็ อกี สาเหตุ
2. ครูใหนักเรียนดูแผนท่ีแสดงพ้ืนท่ีเส่ียงการเกิด ทท่ี �าให้เกดิ ไฟปา่ บ่อยขน้ึ เนื่องจากมีระยะเวลาเกดิ ความแหง้ แลง้ ถีม่ ากขึน้
ไฟปาของโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร 4.2) สาเหตุจากมนษุ ย์ มดี งั นี้
ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับ 1. การเผาป่าเพื่อเก็บหาของป่า การล่าสัตว์เป็นสาเหตุหลักที่ท�าให้เกิด
แผนท่ดี ังกลา ว ไฟป่ารนุ แรงมากท่สี ดุ เพือ่ ใหป้ ่าโล่งจะไดเ้ ขา้ พื้นทปี่ ่าไดส้ ะดวก สัตว์ป่าหนีไฟออกมาใหล้ ่าได้ง่าย
2. การเผาไรห่ รอื เศษพชื เกษตร เพอ่ื กา� จดั วชั พชื หรอื เศษซากพชื ทเ่ี หลอื จาก
การเก็บเก่ียว เพือ่ เตรยี มพื้นท่ีเพาะปลูกในรอบตอ่ ไป
3. ความประมาทในการเข้าใช้พ้ืนท่ีหรือพักแรมในป่า มีการก่อกองไฟแล้ว
ลืมดบั หรือดับไม่สนิท
5) การกระจายการเกดิ ไฟปา่ ของโลก
แผนท่ีแสดงพ้นื ที่เสยี่ งการเกิดไฟป่าของโลก
80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ 80 Nํ
60 Nํ 60 Nํ
40 Nํ 40 Nํ
20 Nํ 20 Nํ
0ํ 0ํ
20 Sํ 20 Sํ
40 Sํ 40 Sํ
N 60 Sํ พืน้ ท่ีเสย่ี งเกดิ ไฟปา 60 Sํ
1 : 250,000,000 80 Sํ จุดความรอนเส่ยี งเกิดไฟปา ระหวางวันท่ี 17 - 24 ตลุ าคม พ.ศ. 2561 80 Sํ 0 2000 4000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ
206 ทม่ี า : https://firms.modaps.eosdis.nasa.gov/map/
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครอู าจสนทนาเพอ่ื สรา งบรรยากาศและกระตนุ ความสนใจนกั เรยี นเกย่ี วกบั สาเหตุของการเกิดไฟปา ในประเทศไทย เกดิ จากขอ ใดมากทีส่ ุด
การเกดิ ไฟปา จากภาพขา ว หรอื วดี ทิ ศั น จากนนั้ ใหน กั เรยี นรว มกนั จดั ทาํ แผนผงั 1. ฟา ผา
ความคิดผลกระทบไฟปา ดา นตา งๆ นาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น 2. เก็บหาของปา
3. กิง่ ไมเสียดสกี ัน
นักเรียนควรรู 4. เผาดวยความคึกคะนอง
5. ความประมาทโดยกอกองไฟแลวลมื ดบั
1 ฟาผา เกิดจากการกอตัวของประจุไฟฟาระหวางกอนเมฆ หรือระหวาง
กอ นเมฆกับพน้ื โลก เม่ือประจุไฟฟากอตวั ถึงจดุ ทมี่ ีพลังงานเพียงพอจะเกิดการ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ไฟปา ในประเทศไทยมสี าเหตมุ าจาก
ปลอยประจไุ ฟฟา และทําใหเกดิ ฟา ผาข้ึน การเผาปา เพอ่ื เกบ็ หาของปา ลา สตั ว มากกวา ขอ อน่ื เนอื่ งจากการ
2 เสียดสีกัน การเสียดสีเปนการสัมผัสกันระหวางพ้ืนผิวสองพ้ืนผิว โดยท่ี จดุ ไฟจะทําใหพ ้นื ปาโลง เดนิ สะดวก หรือจดุ เพื่อกระตนุ การงอก
พ้ืนผิวอยางนอยหนึ่งพ้ืนผิวตองมีการเคล่ือนที่ การเสียดสีจะทําใหมีความรอน ของเห็ดหรือกระตุนการแตกใบใหมของผักหวาน หรือจุดเพื่อไล
เกดิ ขึน้ ซึง่ ความรอนดังกลา วสามารถทาํ ใหว ตั ถทุ ่ีตดิ ไฟไดเ กดิ การลุกตดิ ไฟข้ึน มดแดงออกจากรัง รมควนั ไลผึ้ง หรอื ไลแ มลงตา งๆ ในขณะท่ีอยู
ในปา เปนตน )
T214
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
จากแผนท่ี พบวาบริเวณที่มีโอกาสในการเกิดไฟปาไดมากกวาสวนอื่น ๆ ของโลก ขนั้ สอน
ไดแก ทวีปอเมริกาเหนือ ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ทวีปอเมริกาใต เชน บราซิล อารเจนตินา
อุรุกวัย ทวีปแอฟรกิ า เชน แองโกลา คองโก แทนซาเนยี แซมเบีย เน่อื งจากพืน้ ทดี่ ังกลา วอยูใน ขนั้ ท่ี 1 การต้งั คาํ ถามเชิงภมู ศิ าสตร
เขตอบอุน และมีกระแสนํ้าเย็นไหลผาน ทําใหปริมาณไอนํ้าในบรรยากาศนอย มีความ
แหงแลง มากยิ่งขนึ้ เชน กระแสนา้ํ เย็นเบงเกวลาไหลเลยี บชายฝงดานตะวนั ตกของทวปี แอฟรกิ า 3. ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงพื้นท่ีเส่ียงการ
กระแสนา้ํ เยน็ เปรูไหลเลยี บชายฝง ดา นตะวนั ตก แผนทีแ่ สดงพ้นื ทเี่ สีย่ งการเกดิ ไฟปา เกิดไฟปาในประเทศไทย จากหนังสือเรียน
ของทวปี อเมรกิ าใต ความแหง แลง จงึ ทาํ ใหพ นื้ ที่ ใแนผนปทรีแ่ ะสดเทงพศ้นื ไททีเ่ ส่ยียงภัยไฟปา ในประเทศไทย ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันอภิปรายแสดง
ดังกลาวมีโอกาสเส่ียงเกิดไฟปาจากสาเหตุทาง 98 ํE 100 ํE 102 ํE 104 Eํ 106 ํE ความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนทเี่ พิม่ เติม
ธรรมชาตไิ ดมากกวา ปกติ 6 ํN 8 ํN 10 ํN 12 ํN 14 ํN 16 ํN 18 ํN 20 ํN 20 ํN 18 Nํ 16 ํN 14 ํN 12 Nํ 10 ํN 8 Nํ 6 Nํ 4. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตงั้ ประเดน็ คาํ ถาม
ไฟปาในประเทศไทยเกิดจากการ เชงิ ภูมศิ าสตร เชน
กระทาํ ของมนษุ ยเ ปน หลกั และบางสว นเกดิ จาก • ลักษณะทางกายภาพสงผลใหเกิดปญหา
ธรรมชาติ ในชวงเดือนพฤศจิกายน - เมษายน ห รื อ ภั ย พิ บั ติ ธ ร ร ม ช า ติ ท า ง ชี ว ภ า ค ใ น
เปนชวงท่ีมีสถิติการเกิดไฟปาสูง เพราะสภาพ ประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ ของโลก
อากาศแหง ตนไมผลัดใบและหญาแหงตาย อยา งไร
จาํ นวนมาก เมอื่ เกดิ ไฟปา จงึ ลกุ ลามอยา งรวดเรว็ • ภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาคที่เกิดข้ึนใน
โเมดษยเาฉยพนาะเปอนยชาวงงยทิ่งใี่มนีจชุดวคงวเาดมือรนอกน1ุมจําภนาวพนันมธาก- ภูมิภาคตางๆ ของโลก มีความเหมือน
จึงเส่ียงตอการเกิดไฟปาสูง โดยเฉพาะพ้ืนที่ หรือความแตกตางกัน อยา งไร
บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันตกเส่ียงตอ ความถ่ีของการเกดิ ไฟปา • ผลกระทบสําคัญจากภัยพิบัติธรรมชาติ
ในเขตพ้ืนที่อนุรักษ ทางชวี ภาคคืออะไร
• แนวทางหรือวิธีการปองกันภัยพิบัติ
ธรรมชาตทิ างชีวภาคสามารถทาํ ไดอ ยา งไร
การเกิดไฟปาสูง ขณะท่ีพื้นที่ภาคตะวันออก- บอยคร้ัง
เฉียงเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคใต เสยี่ งตอ ปานกลาง
การเกดิ ไฟปารองลงมาตามลําดบั นอย
N
มาตราสวน 1 : 14,000,000
0 50 100 150 กม.
98 Eํ 100 ํE 102 ํE 104 Eํ
ท่ีมา : สวนควบคุมไฟปา สาํ นักปอ งกนั ปราบปราม และ
ควบคมุ ไฟปา กรมอทุ ยานแหง ชาติ สัตวปา และพนั ธุพืช
GAecotivity
รวบรวมขอ มูลชนดิ ของไฟปา ระบุลกั ษณะการเกิด และความเสียหายจากไฟปาแตล ะชนิด แลวนาํ มา
อภิปรายรวมกนั ในช้นั เรียน จากนน้ั รวมกันหาคําตอบวาไฟปา ท่ีพบในประเทศไทยสวนใหญเ ปน ชนิดใด
207
กจิ กรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู
นักเรียนสืบคนและรวบรวมขอมูลสถิติการเกิดไฟปาใน 1 จดุ ความรอ น จากการประมวลผลและวเิ คราะหจ ากขอ มลู ดาวเทยี ม TERRA
ประเทศไทย จากแหลง การเรยี นรตู า งๆ แลว วเิ คราะหส ถานการณ และ AQUA พบวา จดุ ความรอนสะสมตลอดชวง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ป 2561
การเกดิ ไฟปา แนวโนม การเกดิ ไฟปา ในอนาคต รวมถงึ วางแผนการ มีจํานวน 14,565 จดุ ซ่งึ มีคาสูงสดุ ในเดอื น ม.ี ค. จํานวน 5,098 จดุ รองลงมา
จัดการพื้นที่เสี่ยงภัยไฟปา จัดทําเปนรายงานการศึกษาวิเคราะห เปน เดอื น ก.พ. จํานวน 3,878 จุด เดือน เม.ย. จาํ นวน 3,143 จดุ เดอื น ม.ค.
ซ่งึ มภี าพหรือตารางประกอบ จาํ นวน 2,167 จดุ และเดือน พ.ค. จาํ นวน 279 จุด ตามลําดบั สว นใหญเกิด
จดุ ความรอ นสะสมสงู สดุ ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จาํ นวน 5,085 จดุ ภาคเหนอื
ตอนบน จาํ นวน 3,519 จดุ ภาคเหนือตอนลาง จํานวน 3,416 จดุ ตามลําดบั
ส่ือ Digital
ศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับสถานการณไฟปาจากภาพถายดาวเทียมใน
ประเทศไทย ไดที่ http://fifirfi e.gistda.or.th/ สํานกั งานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ
และภมู ิสารสนเทศ (องคก ารมหาชน) หรอื GISTDA
T215
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 6) 1ภ.ัย ปตัญา่ งห าๆห มทอเ่ี กกดิคจวันา1กกไฟ่อใปห่าเ้ กรดินุ สแภรางว ะมอีดาังกนา้ี ศเปน็ พษิ ทา� ลายสขุ ภาพของมนษุ ย์
ข้นั ท่ี 2 การรวบรวมขอมลู โดยเฉพาะโรคระบบทางเดนิ หายใจ นอกจากน้ี ควนั ไฟยงั บดบงั แสงอาทติ ย์ สง่ ผลตอ่ ทศั นวสิ ยั ใน
การขับขี่ บางคร้ังท�าให้เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเก่ียวกับ และลดความสวยงามของภูมิประเทศทางธรรมชาติ
ภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาค จากหนังสือ
เรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลง 2. พืน้ ที่ปา่ และพรรณไมถ้ ูกเผาไหม้ ไม้พ่มุ และทุง่ หญา้ ถูกทา� ลาย ต้นไมเ้ กิดแผล
การเรียนรูอ่ืนๆ เชน หนังสือในหองสมุด ไฟไหม้และท�าใหต้ น้ ไมต้ าย อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวไฟป่าอาจมีประโยชน์ทา� ใหเ้ กิดทุ่งหญ้าแทน
เวบ็ ไซตในอินเทอรเ นต็ ในประเด็นตอ ไปนี้ พน้ื ทปี่ า่ ได ้ หรอื พรรณไมห้ ลายชนดิ อาจปรบั ตวั จากการถกู ไฟปา่ เผา จนกลายเปน็ ระบบนเิ วศใหม่
• ภยั แลง
• ไฟปา 3. ทา� ใหห้ น้าดนิ เปดิ โลง่ จากการที่ไฟปา่ เผาทา� ลายสง่ิ ปกคลมุ ดิน ท�าใหด้ ินเสือ่ ม
สภาพ เม่ือมีฝนตก หนา้ ดนิ ไม่มีสิ่งปกคลุมทา� ใหน้ า�้ ไหลบ่าไปบนหน้าดนิ เกิดการพงั ทลายของดิน
2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ ตะกอนดินไหลลงสู่แหล่งน้�าทา� ให้ล�าน้า� ตื้นเขนิ และคุณภาพน้�าเส่ือมโทรมลง
ท่ีรับผิดชอบ โดยนําความรูเก่ียวกับเคร่ืองมือ
ทางภูมิศาสตรมาใชประกอบในการศึกษา 4. สัตว์ป่าลดลงและเกิดการอพยพของสัตว์ป่า เน่ืองจากแหล่งอาหาร แหล่งน�้า
โดยครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีเชื่อถือ และทอ่ี ยู่อาศัยถกู ท�าลาย
ไดเ พิ่มเตมิ
7) เหตกุ ารณ ์ไฟปา่ ทร่ี ุนแรง ครัง้ ส�าคญั เช่น
ข้ันท่ี 3 การจดั การขอมูล
เหตกุ ารณ์ ไฟปา่ ในสหรัฐอเมรกิ า พ.ศ. 2560
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู สาเหตุ : เกิดจากอิทธิพลของกระแสลมแซนตา
ระหวา งกนั แอนา (Santa Ana) ท่ีพัดอากาศรอ้ นและแหง้ แลง้
จากทะเลทรายเขา้ มาภายในพ้นื ท ี่ กอ่ ให้เกดิ ไฟปา่
2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ลุกลามเผาผลาญพื้นที่เป็นบริเวณกว้างในหลาย
ที่นําเสนอเพ่ือใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม เมืองของรัฐแคลิฟอร์เนีย เช่น เมืองเวนทูรา
อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เตมิ (Ventura) เมอื งแซนตาบารบ์ ารา (Santa Barbara)
เมอื่ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2560
ไฟปา่ ทอมสั เป็นไฟปา่ ครัง้ รุนแรงที่เกิดข้นึ ใน ผลกระทบ : ไฟปา่ ครงั้ รนุ แรงนมี้ ชี อื่ เรยี กวา่ “ไฟปา่
รัฐแคลฟิ อรเ์ นีย สหรัฐอเมริกา เมือ่ พ.ศ. 2560 ทอมัส” (Thomas Fire) ได้เผาผลาญพื้นที่ป่า
ไปถึง 281,893 เอเคอร์ หรือประมาณ 1,140
ตารางกโิ ลเมตร สง่ิ ปลกู สรา้ งถกู ทา� ลาย 1,063 แหง่
เสียหาย 280 แห่ง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน
ประชาชนประมาณ 2 แสนคน ตอ้ งอพยพออกจาก
บา้ นเรอื น สร้างความเสยี หายมากกว่า 100 ลา้ น
ดอลลาร์สหรัฐ หรอื ประมาณ 3,500 ล้านบาท
208
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
1 ปญหาหมอกควัน ในชวงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกป พื้นท่ี ไฟปากอใหเกิดผลกระทบตอระบบนิเวศอยางไรบาง อธิบาย
ในภาคเหนือตอนบนมักจะประสบกับปญหาหมอกควันปกคลุม ดวยลักษณะ พรอ มยกตวั อยางประกอบพอสงั เขป
ภูมิประเทศสวนใหญของภาคเหนือตอนบนเปนภูเขาสลับซับซอน ลักษณะเปน
แองกระทะ มีภูเขาลอมรอบ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม เชียงราย ลําปาง (แนวตอบ ไฟปามีผลกระทบตอระบบนิเวศหลายประการ
ลําพูน นาน แพร แมฮ องสอน และพะเยา ทําใหเ ปนโรคเกี่ยวกบั ทางเดินหายใจ เน่ืองดวยปาไมเปนแหลงของความสัมพันธระหวางส่ิงมีชีวิตท้ัง
เพิม่ มากขึน้ พชื และสตั วตางๆ ตัวอยา งของผลกระทบ เชน การสญู พนั ธุของ
พืชจากการถูกเผาไหม การสูญพันธุของสัตวจากการถูกทําลาย
ที่อยูอาศัยและแหลงอาหาร การเกิดมลพิษทางอากาศจากแกส
และเถาถานของการเผาไหม การขาดแหลงปาไมที่เปนตนนํ้า
ลาํ ธาร และการสญู เสยี ความอดุ มสมบรู ณข องดนิ จากการทห่ี นา ดนิ
ถกู เผาทาํ ลาย)
T216
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เหตุการณ์ ไฟปา่ ในประเทศออสเตรเลยี พ.ศ. 2561 ขนั้ สอน
สาเหตุ : เกิดจากฟ้าผ่าแห้ง เนื่องจากสภาพ ข้ันท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
อากาศท่รี ้อนจดั โดยมอี ุณหภมู ิสูงถงึ 46 องศา
เซลเซียส สภาพอากาศแหง้ และมีเช้อื เพลิง คือ 1. ครูใหนักเรียนตอบคําถาม Geo Question
ต้นไมแ้ ละใบไม้แหง้ มกี ระแสลมแรง ท�าใหไ้ ฟ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวสุม
ลกุ ลามอย่างรวดเร็ว นักเรียนจํานวน 2-3 คน แสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับคําถามดังกลา ว
ผลกระทบ : ท�าให้ไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็ว
ในพนื้ ท่ี 3,000 ตารางกโิ ลเมตร จนไม่สามารถ 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลจาก
ควบคมุ เพลงิ ได ้ ปา่ ไมแ้ ละทงุ่ หญา้ ถกู เผาทา� ลาย การศึกษา พรอมทั้งอภิปรายแสดงความ
เป็นบริเวณกวา้ ง มีผูเ้ สียชีวติ ประมาณ 230 คน คิดเห็นรวมกัน สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันให
พ้ืนที่ชุมชนและบ้านเรือนถูกเผาไหม้กว่า 700 ขอคิดเห็น หรือขอเสนอแนะ โดยครูแนะนํา
ไฟป่าในรัฐวกิ ตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย หลงั คาเรอื น มผี ู้ไรท้ ่อี ยอู่ าศัยอีกกว่า 5,000 คน เพือ่ ใหเ กดิ ความเขาใจท่ตี รงกนั เพม่ิ เตมิ
8) การจัดการภัยพบิ ตั ไิ ฟป่า มีดงั น้ี 3. ครูใหนักเรียนรวมกันใชสมารตโฟนสืบคน
8.1) มาตรการ มีดังน้ี เหตกุ ารณไ ฟปา ในแตล ะพนื้ ทขี่ องโลกเพมิ่ เตมิ
1. รวบรวมขอ้ มลู ไฟปา่ เชน่ สภาพพ้นื ที่ สถิตไิ ฟป่า เพื่อน�ามาใช้ศกึ ษาและ แลวใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหผลกระทบ
วางแผนงานการควบคุมไฟป่า โดยแผนงานต้องครอบคลมุ ทง้ั ด้านการป้องกันและการดบั ไฟ ท่ีเกิดจากไฟปาตอส่ิงแวดลอมในดานตางๆ
2. เตรียมความพร้อมทั้งบุคลากรและเครื่องมือ โดยเน้นการเข้าถึงพื้นท่ี ไดแก บรรยากาศภาค ธรณีภาค อุทกภาค
อย่างรวดเร็วและการบ3รู ณ. จาดั กกาารรกเาชรอื้ ทเ�าพงลางิน รด่วว้ มยกกนัารขทอ�างแหนนวว่ กยนั งไาฟน1 ทก่เีากรยี่ลวดขป้อรงมิ าณเชอ้ื เพลงิ การเผา และชวี ภาค พรอ มทง้ั อภปิ รายรว มกนั ตวั อยา ง
ตามก�าหนดในพืน้ ที่เสี่ยง เปน็ การใชป้ ระโยชนจ์ ากไฟเพอ่ื จัดการปา่ ไม้ ประเดน็ การวิเคราะห เชน
4. ก�าหนดเขตควบคุมไฟปา่ ในพื้นท่ที ี่มคี วามเสย่ี งต่อการเกดิ ไฟป่า • บรรยากาศภาค : สาเหตุและผลกระทบ
8.2) วิธีปอ้ งกัน ทา� ได้ ดงั น้ี จากไฟปา
1. ให้ความร้แู ก่ประชาชน เพ่ือชแ้ี จงใหท้ ราบถงึ ผลเสยี ของไฟปา่ ประโยชน์ • ความอุดมสมบรู ณของดนิ กับการเกิดไฟปา
ของปา่ ไม้ และขอความร่วมมือใหป้ ระชาชนเลกิ จุดไฟเผาป่า และหนั กลับมาช่วยกนั ดูแลปา่ • ไฟปา : วิกฤตการณจากความแหงแลง
2. การฝกึ อบรม เพอ่ื ใหป้ ระชาชนท�าหนา้ ทปี่ อ้ งกนั ไฟและดบั ไฟปา่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ของน้ํา
• การสูญพันธุของสัตวปาและพันธุพืช
ผลกระทบของไฟปาตอสิ่งมีชีวิตในระบบ
นิเวศ
ในท้องถ่นิ ของตนเอง โดยมหี น่วยงานดแู ลเรื่องวชิ าการและอปุ กรณ์ ในการดับไฟ
GQeuoestion
หากนกั เรยี นพบเหน็ ไฟปา่ เกดิ ขนึ้ ในชมุ ชนทอี่ าศยั อย ู่ ควรปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไรใหป้ ลอดภยั และมแี นวทาง
ป้องกันไฟปา่ ด้วยวิธีการใด
209
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
นักเรียนสามารถมีสวนรวมในการปองกันการเกิดไฟปาได 1 แนวกนั ไฟ เปน แนวกดี ขวางตามธรรมชาตหิ รอื ทม่ี นษุ ยส รา งขนึ้ เพอ่ื หยดุ ยงั้
อยา งไร ไฟปา หรือเพื่อปองกันไมใหไฟลุกลามเขาไปในพ้ืนท่ีท่ีจะคุมครอง หรือ
ปองกันไมใหไฟลุกลามออกมาจากพ้ืนท่ีที่กําหนด การสรางแนวกันไฟโดย
(แนวตอบ เชน หมนั่ กาํ จัดวัสดทุ ีเ่ ปนเชอื้ เพลงิ ไฟปาบรเิ วณบา น ทั่วไปจะประกอบดวยแนว 2 ช้ัน คือ ชั้นนอก เปนแนวกวางท่ีกําจัดไมพุม
ชมุ ชน หรอื ในปา โดยเกบ็ กวาดพน้ื ทใ่ี หโ ลง เตยี น ไมใ หม ใี บไมแ หง และไมพ้ืนลางออกจนหมด และชั้นใน ซ่ึงเปนแนวที่แคบลงอยูภายในแนวแรก
ก่งิ ไมแ หง หรือหญา แหงกองสุม ไมเ ผาขยะหรือเศษวชั พชื บริเวณ อีกทหี นึง่ ซง่ึ จะกําจัดเชือ้ เพลิงออกทั้งหมดจนถึงชนั้ ผิวหนาดนิ
แนวชายปา ไมท ง้ิ กน บุหรล่ี งบนพงหญาแหง งดเวนการกอกองไฟ
ในปา หรอื ดบั ไฟใหสนทิ ทกุ ครัง้ เพื่อปองกนั ไฟปา ) ส่ือ Digital
ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับไฟปา ไดที่ https://wildfire.forest.go.th/
สวนควบคุมไฟปา กรมปา ไม
T217
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 8.3) การปฏบิ ตั ิตน ท�าได ้ ดงั นี้ 1. ใ ห้อพยพไปยังสถานท่ีปลอดภัย โดยสวมใส่
หน้ากากอนามัยและแว่นตา เพ่ือป้องกันฝุ่น
ขน้ั ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มูล 1. จ ัดเตรียมและซ่อมแซมอุปกรณ์ดับไฟป่าให้ ละอองเข้าสู่ร่างกาย
เพยี งพอและพร้อมใช้งาน
4. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมสงตัวแทนออกมาเขียน 2. สร้างแนวกันไฟ เพ่ือป้องกันไม่ให้ ไฟลุกลาม
แนวทางการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการระวังภัย 2. เ ตรยี มหมายเลขโทรศพั ทฉ์ กุ เฉนิ เพอ่ื ขอความ ไปยงั พน้ื ท่ีใกล้เคยี ง
จากไฟปา ลงในตารางบนกระดานหนา ชน้ั เรยี น ช่วยเหลือในการดับไฟป่า เข้าร่วมการเป็น
ซง่ึ ครกู าํ หนดหวั ขอท่สี ําคัญไว เชน อาสาสมคั รในการดับไฟปา่ 3. เ ม่ือพบเ1ห็นไฟไหม้ปา่ หรอื สวนป่า ให้ช่วยกัน
• การปอ งกันไฟปา
• การปฏิบัตงิ านดบั ไฟปา 3. ด ูแลพื้นที่ริมแนวชายป่า โดยเก็บกวาดใบไม้ ดบั ไฟปา่ อย่างระมดั ระวงั หรอื แจง้ หน่วยงาน
• หนาที่ของหนวยงานท่ีเกี่ยวของของภาครัฐ แห้ง ก่ิงไม้แห้ง หรือหญ้าแห้งให้โล่งเตียน ราชการทอี่ ยบู่ ริเวณใกลเ้ คียง
และเอกชน ไม่ให้กองสมุ เป็นเชอื้ เพลงิ ในการเกดิ ไฟไหม้ 4. ร ะหวา่ งดบั ไฟในขณะลมแรง ใหห้ ลกี เลย่ี งการ
• การมสี วนรว มของประชาชน สดู ดมควนั ไฟ และระวงั อยา่ ให้ขเ้ี ถา้ เขา้ ตา
จากน้ันรวมกันสนทนา เพ่ือใหนักเรียนเกิด 4. ท�าระบบป้องกันไฟป่า โดยใช้พืชชนิดต่าง ๆ
ปลูกตามแนวคลองส่งนา�้
ความรูความเขาใจท่ีถูกตองเกี่ยวกับแนวทาง
การปฏิบัติตนเพ่ือการระวังภัยจากไฟปา ทั้งใน
ชว งกอ นเกิดภัย ขณะเกดิ ภัย และหลังเกิดภยั
ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภยั หลังเกดิ ภัย
1. ส ร้างระบบควบคุมไฟป่าด้วยแนวทางป้องกันไฟป่าเปียก โดยอาศัยน�้า
ชลประทานและน�า้ ฝน
2. เ พิ่มความระมดั ระวงั การจุดไฟในปา่ เช่น ไม่ทิ้งกน้ บุหรล่ี งบนหญ้าแหง้ หาก
กอ่ กองไฟ หรอื ประกอบอาหารในปา่ ควรดบั ไฟใหส้ นทิ ทกุ ครงั้ หลงั ใชง้ านเสรจ็
3. จดั เวรยามเฝา้ ระวงั ไฟป่า
210
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
1 ดับไฟปา สามารถแบงออกเปน 2 วิธี ดังนี้ บคุ คลในขอใดปฏบิ ตั ติ นไดอ ยา งเหมาะสมในการระวังไฟปา
1. การดับไฟทางตรง คือ วิธีการท่ีพนักงานดับไฟปาเขาไปดับไฟที่ขอบ 1. ขาวท้งิ กน บหุ ร่ีลงบนพงหญา แหง
2. ดาํ จุดไฟเผาปาเพ่ือหาของปาและลาสัตว
ของไฟโดยตรง วธิ นี ใ้ี ชใ นกรณที ไี่ ฟมขี นาดเลก็ เชน ไฟทไี่ หมใ นปา เบญจพรรณ หรอื 3. แดงกอกองไฟขณะพักแรมในปาแลว ลมื ดบั
ปา เต็งรัง ซงึ่ มคี วามรอ นแรงและควนั ไมม ากนัก เครือ่ งมอื หลักที่ใชในการดบั ไฟ 4. เขยี วพบเหน็ ไฟไหมข างทาง แตละเลยไมแ จงเจาหนา ที่
ทางตรง ไดแก ถังฉีดน้ํา พล่ัวไฟปา และที่ตบไฟ โดยใชพล่ัวตักดินหรือ 5. เทาไถกลบเศษวชั พืชแทนการเผาเพ่ือเตรียมพน้ื ทเ่ี พาะปลกู
ทรายสาดกลบไฟ หรือใชนํ้าฉีดนําเพ่ือลดความรอนและความสูงของเปลวไฟ
จากนน้ั จึงใชท่ีตบไฟเขาไปตบคลุมไฟจนดับ (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 5. การไถกลบเศษวัชพืชแทนการเผา
เพอ่ื เตรยี มพน้ื ทเี่ พาะปลกู เปน วธิ กี ารหนง่ึ ในการปอ งกนั การลกุ ลาม
2. การดับไฟทางออม ใชสําหรับดับไฟปาขนาดใหญที่มีความรอนแรง เปนไฟปา )
และความสูงของเปลวไฟมากเกินกวาที่พนักงานดับไฟปาจะสามารถเขาไป
ปฏบิ ตั งิ านทขี่ อบของไฟไดโ ดยตรง หรอื ใชใ นกรณที ไี่ ฟปา กาํ ลงั ไหมอ ยใู นบรเิ วณ
ทเ่ี ปนอนั ตรายอยา งยิ่งตอการปฏิบตั งิ าน เชน ใกลหนาผา หรอื ในรองเขาและ
หุบเหว การดบั ไฟทางออมแบง ออกเปน วิธยี อย 3 วิธี ไดแ ก ดบั ดวยแนวกนั ไฟ
ดบั ดวยไฟ และดับดว ยการเบี่ยงทิศทางของหวั ไฟ
T218
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
4.2 ภยั แล้ง (drought) ขนั้ สอน
1) ค�าจา� กดั ความ ภยั แลง้ เป็นภัยท่เี กดิ ขน้ึ จากการท่ีมีฝนตกน้อยกวา่ ปกตติ ่อเนื่อง ขน้ั ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มลู
เปน็ เวลานาน ทา� ใหเ้ กดิ การขาดแคลนนา้� ใชเ้ พอื่ การอปุ โภคบรโิ ภคและการเกษตร ความรนุ แรงของ 5. ครูสนทนากบั นักเรียนเก่ยี วกับภัยแลง แลว สมุ
ช่วงฝนแล้งน้ันข้ึนอยู่กับความช้ืนในอากาศ ระยะเวลาที่เกิดความแห้งแล้ง และขนาดของพ้ืนที่ นักเรียน 2-3 คนใหอ ธิบายถึงความหมายของ
ที่ไดร้ บั ผลกระทบ ภยั แลง ทไ่ี ดศ กึ ษามา จากนน้ั ใหน กั เรยี นรว มกนั
2) กระบวนการเกิดภัยแล้ง มีดงั น้ี วเิ คราะหถ งึ ความสมั พนั ธก นั ของภาวะโลกรอ น
• ในชว่ งฤดฝู นเกดิ ฝนแลง้ หรอื เกดิ ฝนทงิ้ ชว่ งเปน็ ระยะเวลานาน ทา� ใหป้ รมิ าณฝน และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกับภัยแลง
เฉลยี่ ต�่ากว่าคา่ ปกต ิ เชน่ มีฝนตกนอ้ ยกวา่ 1 มลิ ลเิ มตรตดิ ต่อกันเกนิ 15 วัน เพ่ือใหเกิดความเขาใจเกี่ยวกับปจจัยท่ีทําให
• พน้ื ทน่ี อกเขตชลประทานขาดแคลนน้�าเพาะปลูก เลย้ี งสัตว ์ และใช ้ในครัวเรอื น เกิดภัยแลง แลวสอบถามถึงปจจัยอื่นๆ ที่
• พนื้ ดนิ แหง้ พชื ขาดนา�้ นานจะเหยี่ วและลม้ ตาย สตั วเ์ ลยี้ งตอ้ งยา้ ยไปหาแหลง่ นา้� ทาํ ใหเ กดิ ภยั แลง ในบรเิ วณพนื้ ทต่ี า งๆ ของโลก
ระแหง เชน่ ภาคต• ะรวะนั ดอบั อนกา�้ เใฉตยี ด้ งนิ เหลดนลอื งข อตงน้ ปไมระ ้ใเหทญศจ่ไทะเยหทย่ี มี่วเเี ฉกาล อื พหน้ื นิ ท1 (ี่โrลoง่cทk พี่saชื lลt)ม้ อตยาู่ใยตได้ปนิ แนลน้ัว้ ดบนิรแเิ วตณก และในประเทศไทยเพื่อการวิเคราะหขอมูล
ผิวหน้าดินจะมีข้ีเกลอื ตกกระฉาบอยูต่ ามพื้นดิน เกย่ี วกับภยั แลงรวมกนั
3) ประเภทของภยั แลง้ ภยั แลง้ ม ี 3 ประเภท ดงั นี้
3.1) ภัยแลง้ ทางอตุ นุ ิยมวทิ ยา (meteorological drought) เป็นภยั แล้งท่เี กิดข้ึน 6. ครใู หน ักเรยี นศึกษา Geo Tip เก่ียวกับปจจัย
ทส่ี ง ผลตอ ความรนุ แรงของภยั แลง จากหนงั สอื
เรยี น ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการวิเคราะห
ขอ มลู เพม่ิ เติม
เนอื่ งจากปรมิ าณฝนโดยเฉลยี่ มปี รมิ าณนอ้ ยกวา่ คา่ เฉลยี่ เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั คา่ เฉลยี่ ของชว่ งระยะ
เวลายาวนานในอดตี
3.2) ภัยแลง้ ทางการเกษตร (agricultural drought) เปน็ ภยั แล้งทค่ี วามชื้นในดิน
ไมเ่ พียงพอที่พชื จะนา� ไปใชป้ ระโยชน์ได ้ โดยเปรียบเทยี บจากผลผลติ ของพชื ทปี่ ลกู ในสภาวะท่ีพชื
ใช้น�้าปกติ หากผลผลิตท่ีได้ ในช่วงเวลาน้ันมีปริมาณน้อยกว่าโดยเฉล่ียแล้ว อาจมีสาเหตุจากน้�า
ในดนิ ขาดแคลน ทา� ให้ปรมิ าณและผลผลิตทางการเกษตรลดน้อยลง
3.3) ภัยแล้งทางอุทกวิทยา (hydrological drought) เป็นภัยแล้งท่ีปริมาณน�้า
ในแม่น�้า หนอง บงึ ทะเลสาบ รวมถงึ อา่ งเก็บน�้าลดลง มีระดบั ต่า� กว่าปกต ิ และระดบั น�้าใต้ดินก็มี
ระดบั ลดลงต�า่ กว่าปกติ
GTeipo
ปจจยั ท่ีส่งผลต่อความรนุ แรงของภยั แลง้
1. ปรมิ าณฝนและความชนื้ ในอากาศ พนื้ ทท่ี ม่ี ปี รมิ าณฝนและความชน้ื ในอากาศนอ้ ย ภยั แลง้ จะรนุ แรง
มากกวา่ พื้นทท่ี ม่ี ีปรมิ าณฝนและความช้นื ในอากาศสงู
2. เขตชลประทานและแหลง่ น้า� พนื้ ทท่ี ่ีอยู่ในเขตชลประทานและมีแหลง่ นา้� ธรรมชาติมาก ภยั แล้งจะ
รุนแรงนอ้ ยกวา่ พ้ืนท่ที ่ีอยนู่ อกเขตชลประทาน
3. ความช้ืนและลักษณะการอุ้มน้�าของดิน พ้ืนที่ที่เป็นดินเหนียวจะมีความชื้นในดินสูงและอุ้มน�้า
ได้มาก ภัยแล้งจึงรนุ แรงน้อยกวา่ พืน้ ที่ท่ีเป็นดนิ รว่ น หรือดนิ ทราย
211
กจิ กรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู
นักเรียนจับคูกันตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตรเกี่ยวกับภัยแลง เชน 1 เกลือหิน แรเฮไลตหรือเกลือโซเดียมคลอไรดท่ีเกิดเปนมวลผลึก
การเกิดภัยแลงในแตละภูมิภาคของโลก มีลักษณะเหมือนหรือ หยาบๆ ในหินตะกอน โดยอยูในรูปของโดมเกลือ ลําเกลือ หรือชั้นหินเกลือ
แตกตางกันหรือไม อยางไร หรือพ้ืนที่ที่เกิดภัยแลงสงผลกระทบ ระเหย แหลงเกลือที่เกิดสะสมตัวในยุคตางๆ ของธรณีกาลพบเกิดต้ังแตยุค
ตอพ้ืนท่ีอ่ืนๆ โดยรอบอยางไร แลวระดมสมองในการรวมกันคิด ไซลเู รยี นจนถงึ ปจ จบุ นั และมกั เกิดเปน มวลชั้นตอ เนือ่ ง ในประเทศไทยพบมาก
หาคําตอบ จากน้นั ออกมานําเสนอหนา ช้ันเรยี น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในบริเวณแองสกลนครและแองโคราช ในที่บาง
แหงเกลือหินถูกนํ้าละลายพาซึมขึ้นมาบนผิวดินถูกแดดแผดเผา เกิดผลึกใหม
เปน ขยุ ขาวๆ เรยี กกันวา เกลือสินเธาว เกลือหินทต่ี กผลึกรวมตวั อยูแบบหินชน้ั
เรยี กวา ช้นั เกลอื หนิ
T219
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 4) สาเหตุการเกิดภยั แลง้ มดี งั น้ี
ขนั้ ที่ 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอมลู 4.1) เกิดการผันแปรของสภาพอากาศ ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ตกน้อย ท้ิงช่วง
ท�าให้มีน�้ากักเก็บในแหล่งน�้าน้อย ในฤดูแล้งที่อากาศร้อนการระเหยของน�้าจะมีมากข้ึน ท�าให้น้�า
7. ครสู นทนากบั นกั เรยี นถงึ สาเหตกุ ารเกดิ ภยั แลง ในแหล่งน�้าลดระด4.ับ2จ) นคถวงึ าภมาผวะิดวปกิ กฤตติของต�าแหน่งร่องมรสุม1 ท�าให้มีฝนตกในพ้ืนที่น้อยกว่าปกต ิ
แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั นาํ เสนอสาเหตใุ นประเดน็ หรือความผิดปกตเิ นอ่ื งจากพายหุ มนุ เขตรอ้ นกอ่ ตวั เคล่ือนทผ่ี า่ นมานอ้ ยกว่าปกติ
อื่นๆ ตามการวิเคราะหของนกั เรียน ประกอบ
การแสดงตัวอยาง หรือหลักฐานประกอบเพื่อ 4.3) ขาดแหล่งกักเก็บน�้าท่ีเพียงพอในช่วงภัยแล้ง ซึ่งอาจเกิดจากข้อจ�ากัดทาง
สนบั สนนุ ขอเสนอดงั กลาวเพ่ิมเติม ภูมิประเทศ หรือแหล่งน�้าได้รับการพัฒนาที่ไม่เหมาะสม มีขนาดเล็กเกินไป น�ามาใช้ประโยชน์
ไม่เพียงพอ หรอื บางแหง่ อยูไ่ กลจากชุมชนเกินไป
8. ครูใหนักเรียนนําสาเหตุการเกิดภัยแลงใน
ประเดน็ ตา งๆ มาวเิ คราะห เชอื่ มโยงกบั แผนที่ 4.4) การตดั ไมท้ า� ลายปา่ ทา� ใหข้ าดความชมุ่ ชนื้ และซมึ ซบั เกบ็ นา�้ ซง่ึ มผี ลกระทบ
แสดงพื้นท่ีเสี่ยงการเกิดภัยแลงของโลก จาก ต่อการเปลยี่ นแปลงองค์ประกอบของภูมอิ ากาศ เช่น ความช้นื อุณหภูมิ
หนงั สือเรยี น ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการ
วิเคราะหขอมลู เพิ่มเตมิ 4.5) ความตอ้ งการใชน้ า�้ เพมิ่ ขนึ้ จากจา� นวนประชากรทมี่ ากขนึ้ ทา� ใหน้ า�้ มปี รมิ าณ
ลดนอ้ ยลงอยา่ งมาก
5) การกระจายการเกดิ ภยั แล้งของโลก
แผนที่แสดงพน้ื ท่ีเสย่ี งการเกดิ ภยั แล้งของโลก
80 Nํ 160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ 80 Nํ
60 Nํ 60 Nํ
40 Nํ 40 Nํ
20 Nํ 20 Nํ
0ํ 0ํ
20 Sํ 20 Sํ
40 Sํ 40 Sํ
N 60 Sํ ระดบั ความรนุ แรงของภยั แลง 60 Sํ
1 : 250,000,000 80 Sํ แลงนอย แลง มาก 80 Sํ 0 2,000 4,000 กม.
160 Wํ 120 Wํ 80 Wํ 40 Wํ 0 ํ 40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 Eํ
ที่มา : www.researchgate.net/publication/303312551
212
นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทาทาย
1 รองมรสุม หรือรองความกดอากาศตํ่า มีลักษณะเปนแนวพาดขวางใน นกั เรยี นสบื คน ขอ มลู สถติ กิ ารเกดิ ภยั แลง ในทวปี ตา งๆ ของโลก
ทิศตะวันออก-ตะวันตก จะอยูในเขตรอนใกลๆ เสนศูนยสูตร และจะมีการ แลวนํามากําหนดตําแหนงลงบนแผนที่โครงรางที่นักเรียน
เลื่อนขึ้น-ลงตามแนวโคจรของดวงอาทิตย โดยจะลาหลังประมาณ 1-2 เดือน วาดเอง แลวระบุปท่ีเกิด สาเหตุที่เกิด จํานวนผูไดรับผลกระทบ
ความกวา งของรอ งความกดอากาศตาํ่ หรอื รอ งมรสมุ ประมาณ 6-8 องศาละตจิ ดู สงครูผูสอน
เปน บรเิ วณทมี่ เี มฆมากและฝนตกอยา งหนาแนน ฉะนนั้ เมอื่ รอ งนป้ี ระจาํ อยทู ใ่ี ด
หรอื ผานทใี่ ด ก็จะทาํ ใหท ีน่ ั้นฝนตกอยา งหนาแนน ได
T220
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
จากแผนท ่ี จะเหน็ วา่ ในภมู อิ ากาศเขตรอ้ นและเขตอบอนุ่ ของทวปี ตา่ ง ๆ มรี ะดบั ความ ขน้ั สอน
รุนแรงของภัยแล้งแตกต่างกันตามช่วงระยะเวลาเกิดฝนแล้งและฝนท้ิงช่วง ซึ่งเป็นผลจาก
ปรากฏการณ์เอลนีโญ พื้นท่ีประสบภัยแล้ง เช่น ทวีปเอเชียในประเทศอินเดีย เกิดภัยแล้งจาก ขั้นท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมูล
ฝนตกนอ้ ย และไมต่ กเลยในชว่ งตน้ เดอื นเมษายน -
แผนทีแ่ สดงพ้นื ทเ่ี ส่ยี งภยั แลง้ ในประเทศไทย พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ทวีปออสเตรเลียและ 9. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางสถานการณ
โอเชียเนียในรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐแถบชายฝั่ง การเกิดภัยแลงในประเทศไทยและประเทศ
98 Eํ 100 ํE 102 Eํ 104 ํE 106 Eํ อื่นๆ ของโลกที่ไดศึกษาและรับขาวสาร
มาวิเคราะหถึงความสําคัญของทรัพยากรนํ้า
6 ํN 8 ํN 10 ํN 12 ํN 14 ํN 16 ํN 18 ํN 20 ํN 20 ํN 18 Nํ 16 ํN 14 ํN 12 Nํ 10 ํN 8 Nํ 6 Nํ ตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย ไม่มีฝนตก ตอการดํารงชีวิตของประชากร ประกอบการ
ในช่วงเดือนสิงหาคม - ต้นกันยายน พ.ศ. 2561 ศกึ ษา Geo Tip เกย่ี วกบั เสน เวลาแสดงภยั แลง
ทวีปแอฟริกาในประเทศแถบชายฝั่งมหาสมุทร ของประเทศไทยในชวง พ.ศ. 2520-2560
อนิ เดียและตอนเหนือของอา่ วกนิ ี จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากน้ัน
ฝ นตกนภ้อัยยแกลว้ง่าใปนกปตริ ะหเทรืศอเไกทิดยฝสน่วทน้ิงใชห่วญง1ใ่เนกฤิดดจูฝานก ครูต้ังคาํ ถาม เชน
โดยจะเกิดใน 2 ชว่ ง ได้แก่ ช่วงฤดหู นาวต่อเนอื่ ง • การเกิดความแหงแลงในประเทศไทย
ฤดรู อ้ น เรมิ่ จากครงึ่ หลงั ของเดอื นตลุ าคมเปน็ ตน้ ไป เก่ียวของกับปฏิสัมพันธทางภูมิศาสตรใน
บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนลดลงจน ดานใด และมีลักษณะอยา งไร
เข้าสู่ฤดูฝนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของปี (แนวตอบ การเกิดความแหงแลงใน
พ้นื ทเ่ี ส่ยี งภัยแลง ประเทศไทยเกี่ยวของกับปฏิสัมพันธทาง
เส่ียงมาก ภูมิศาสตรในสวนของบรรยากาศภาค
เสี่ยงปานกลาง ถดั ไป ภยั ลกั ษณะนเ้ี กดิ ประจา� ทกุ ป ี และชว่ งกลาง กลาวคือ ชวงเวลาการปกคลุมพื้นที่ของ
ฤดฝู น ประมาณปลายเดือนมถิ นุ ายน - กรกฎาคม ลมมรสมุ มอี ทิ ธพิ ลอยา งยง่ิ ตอ การเกดิ ความ
N เส่ยี งนอย มีฝนทิ้งช่วงเกิดขึ้น ภัยแล้งลักษณะน้ีเกิดข้ึนใน แหงแลงในประเทศไทย เมื่อลมมรสุม
เสย่ี งนอ ยมาก ตะวันตกเฉียงใตออนกําลังลงปกคลุมพื้นท่ี
แหลง น้ำ ในระยะเวลาสนั้ ลง หรอื ลมมรสมุ ตะวนั ออก-
เฉียงเหนือที่นําความหนาวเย็นแหง แลง จาก
0 50 100 150 กม. ภบาางคบเรหเิ นวณือ เภชาน่ ค ภตาะควตันะตวนกั อ2เอนกื่อเฉงจยี างเกหเนปอื็นตบอรนิเกวณลาทง่ี ตอนเหนือของทวีปท่ีมีกําลังแรงหรือพัด
98 ํE 100 Eํ 102 Eํ 104 ํE มาเร็วกวาปกติ ก็ทําใหเกิดความแหงแลง
ขึน้ ได นอกจากนี้ การเกดิ พายุหมนุ เขตรอ น
GTeipo อทิ ธพิ ลของลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งใตเ้ ขา้ ไปไมถ่ งึ ทีม่ อี ิทธพิ ลตอ ปรมิ าณน้ําฝนในประเทศไทย
นอยกวา 2 ลูก ก็อาจสงผลใหในปน้ันเกิด
เส้นเวลาแสดงภยั แลง้ ของประเทศไทยในชว่ ง พ.ศ. 2520 - 2560 ความแหง แลง ข้ึนได)
พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2548
เกดิ ฝนแลง้ รนุ แรง บรเิ วณท่แี ล้ง มปี ริมาณฝนนอ้ ยและต่า� กว่า
จดั เปน็ บรเิ วณกวา้ งมากทสี่ ดุ คอื ค่าปกติ พ้ืนที่ประสบภัยมี
ภาคเหนือต่อภาคกลางท้ังหมด ทกุ ภาค โดยเฉพาะภาคเหนอื
2520 และภาคตะวนั อ2อ5ก3เ0ฉยี งเหนือ ภา2ค5ต50ะวนั ออกเฉียงเหนือ 2560
2540
พ.ศ. 2520 พ.ศ. 2536 พ.ศ. 2559
ช่วงเดือนมิถุนายน - เกดิ ภาวะฝนทงิ้ ชว่ งและฝนหมด มีปริมาณฝนสะสมเฉล่ียน้อย
สิงหาคม มพี ้ืนทป่ี ระสบ เร็วกว่าปกติ พื้นท่ีประสบภัย กว่าปกติ ท�าให้น้�าในเขื่อนมี
ภยั แลง้ เกอื บทั่วประเทศ อย ู่ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื น้อย พื้นท่ีประสบภัยแล้งมี
ภาคกลาง และภาคตะวันออก เกอื บทุกภาค
213
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
ภยั แลง ทเี่ กดิ ขน้ึ ในประเทศไทยมสี าเหตมุ าจากอะไร และพน้ื ท่ี 1 ฝนท้ิงชวง ชวงที่มีปริมาณฝนตกไมถึงวันละ 1 มิลลิเมตรติดตอกันเกิน
บรเิ วณใดทีไ่ ดร ับผลกระทบจากภยั แลง 15 วันในชวงฤดูฝน เดือนที่มีโอกาสเกิดฝนท้ิงชวงสูง คือ เดือนมิถุนายนและ
กรกฎาคม
(แนวตอบ ภัยแลงในประเทศไทย สวนใหญมีสาเหตุเกิดจาก 2 ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนกลาง ภาคเหนอื ภาคตะวันตก ในบริเวณท่ี
ฝนแลง และทงิ้ ชว ง ซง่ึ ฝนแลง เปน ภาวะปรมิ าณฝนตกนอ ยกวา ปกติ ลมตะวันออกเฉียงใต เขาไปไมถึงหรืออาจเขาไปถึง แตไดรับอิทธิพลนอย
หรอื ฝนไมตกตอ งตามฤดกู าล พนื้ ทที่ ่ไี ดร บั ผลกระทบจากภยั แลง เนื่องจากเปน เขตเงาฝน ทําใหมฝี นตกนอย พืน้ ดินมีความชมุ ชื้นนอ ย
มาก ไดแ ก บริเวณภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนกลาง เพราะเปน
บรเิ วณทอี่ ทิ ธพิ ลของมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตเ ขา ไปไมถ งึ และถา ปใ ด
ไมม พี ายหุ มนุ เขตรอ นเคลอื่ นผา นในแนวดงั กลา วแลว จะกอ ใหเ กดิ
ภัยแลงรุนแรงมากขึ้น นอกจากพื้นที่ดังกลาวแลว ยังมีพ้ืนที่ใน
ภมู ภิ าคอืน่ ๆ อีก ท่มี กั จะประสบปญ หาภัยแลงเปนประจํา)
T221
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 6) ภยั ต่าง ๆ ท่เี กิดจากภยั แล้งรุนแรง มดี ังน้ี
ข้นั ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล 1. ขาดแคลนน้�า สา� หรับใช ้ในการอปุ โภคบริโภค การเกษตร การประมง ปศุสัตว ์
ระบบนิเวศ และการผลติ พลงั งานจากน�า้
• พนื้ ทบ่ี รเิ วณใดของประเทศไทยทม่ี กั ประสบ
ปญหาความแหงแลง และมีสาเหตุมาจาก 2. ส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศแหล่งน้�าตายและสูญพันธุ์ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ
สงิ่ ใด ถิน่ ทอี่ ยู่อาศยั ของสัตวป์ ่าตามมา
(แนวตอบ ไดแก บริเวณภาคตะวันออก-
เฉียงเหนือตอนกลาง เพราะเปนบริเวณ 3. เกิดไฟป่า เน่อื งจากสภาพอากาศทรี่ อ้ นและแล้งจัด
ท่ีอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต 4. สรา้ งความเสียหายทางเศรษฐกิจ เพราะกระบวนการผลติ ทัง้ ภาคเกษตรกรรม
เขาไปไมถึง และถาปใดท่ีไมมีพายุหมุน และอุตสาหกรรมไดร้ บั ความเสยี หาย ท�าให้ผลผลิตไม่เพยี งพอต่อการบริโภค
เขตรอนเคลื่อนผานในแนวดังกลาวแลว
จะกอใหเ กดิ ภัยแลงรุนแรงมากย่งิ ขึน้ ) 7) เหตุการณ์ภัยแลง้ ที่รนุ แรง ครง้ั สา� คญั เชน่
10. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหค วามรเู กย่ี วกบั เหตกุ ารณ์ ภยั แล้งครง้ั ใหญ่ในทวีปแอฟรกิ า พ.ศ. 2554
ผลกระทบจากภัยแลงท่ีหนาช้ันเรียน โดย จบิ ูตี1 สาเหตุ : เกิดจากปรากฏการณ์ลานีญา ซ่ึงรุนแรง
เขยี นรายละเอยี ดลงในผงั แสดงความสมั พนั ธ 117,000 คน ผิดปกติ ท�าให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล นับเป็น
ของสาเหตุและผลท่ีครูเตรียมไวบนกระดาน ภยั แลง้ ท่รี ุนแรงทีส่ ุดในรอบ 60 ปี
พรอมท้ังชวยกันเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อให โซมาเลีย
เกิดความรคู วามเขา ใจทถี่ ูกตอ งชดั เจนยิ่งขึ้น
2.6 ลา นคน
เอธิโอเปย ผลกระทบ : ทา� ใหป้ ระชาชนในแถบจะงอยแอฟรกิ า
เช่น เคนยา เอธิโอเปีย โซมาเลีย ขาดแคลนอาหาร
3.2 ลา นคน
เคนยา สถานการณค วามขาดแคลน และน้�าจ�านวนกว่า 13.3 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตกว่า
1 แสนคน และประชาชนกว่า 12 ล้านคน ซึ่งใน
3.2 ลานคน จ�านวนนี้เป็นเด็กถึง 2 ล้านคน ต้องอพยพออกจาก
0 300กม. ภาวะเสี่ยง ภูมิล�าเนา นอกจากนี้ ประชาชนยังประสบกับปัญหา
ภาวะวิกฤต โรคระบาดเน่ืองจากไม่มีระบบสุขอนามัยที่ดี และภัย
ภาวะฉุกเฉนิ ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ต่าง ๆ ท�าให้ล้มตาย
แผนทแี่ สดงพนื้ ทปี่ ระสบภยั แลง้ และจา� นวนประชากร เป็นจา� นวนมากเพราะขาดน้า� และอาหาร
ที่ไดร้ บั ผลกระทบในบรเิ วณจะงอยแอฟรกิ า
ซากสตั ว์ท่ีตายเนือ่ งจากภาวะภัยแล้งรุนแรงในประเทศโซมาเลยี
214
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 จิบูตี เมื่อพ.ศ. 2554 จิบูตีเปนหน่ึงในประเทศในภูมิภาคจะงอยแอฟริกา ปญหาภัยแลงสงผลกระทบตอการดํารงชีวิตของประชาชน
(Horn of Africa) ท่ีประสบกับภัยแลง โดยมีผูไดรับความเดือดรอนประมาณ อยา งไร
1 แสนคน รัฐบาลไทยไดบริจาคเงินชวยเหลือจํานวน 50,000 ดอลลารสหรัฐ
ผานโครงการอาหารโลก (World Food Programme: WFP) เพื่อชวยเหลือ (แนวตอบ สงผลกระทบหลายดาน เชน ดา นสงั คม ทําใหเกดิ
ผูประสบภัยแลง ในบริเวณดังกลา ว รวมถงึ จิบตู ดี ว ย การขาดแคลนน้ําไวใชบริโภคอุปโภค สงผลตอสุขอนามัยของ
ประชาชน ดา นการเมอื ง อาจทําใหเ กิดการแยงพ้นื ที่แหลงน้าํ กัน
ดานเศรษฐกิจ ทําใหเกิดความเสียหายตอพ้ืนที่ทางการเกษตร
เชน พน้ื ดนิ ขาดความชมุ ชืน้ พชื ขาดนํ้าและชะงักการเจรญิ เตบิ โต
ผลผลติ ทีไ่ ดมคี ณุ ภาพตา่ํ รวมถงึ ปริมาณลดลง อาจสงผลตอการ
เลิกจางงาน ดานส่ิงแวดลอม สงผลกระทบตอสัตวตางๆ ทําให
ขาดแคลนนํ้า เกิดโรคกับสัตว รวมถึงสูญเสียความหลากหลาย
ทางชวี ภาพ)
T222
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เหตุการณ์ ภัยแล้งที่รุนแรงในสหรฐั อเมริกา พ.ศ. 2557 ขนั้ สอน
สาเหตุ : เนอ่ื งจากมปี รมิ าณฝนในเดอื นธนั วาคม ขนั้ ท่ี 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม
น้อยกว่าค่าปกติกว่าคร่ึง ปริมาณหิมะบน
เทือกเขาเชียร์รา เนวาดา ทางตอนเหนือของ 1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
รัฐแคลิฟอร์เนียตกน้อย ซึ่งเป็นแหล่งผลิต สําคัญเพือ่ ตอบคําถามเชิงภูมศิ าสตร
น้�าจืดส�าคัญ โดยปกติมีค่าความหนาเฉลี่ยไม่
น้อยกว่า 165 เซนติเมตร แต่ความหนาของ 2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานท่ี 5.4 เรื่อง
หิมะลดเหลือประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นท่ีมี ภยั พิบัติธรรมชาตทิ างชีวภาค
อุณหภมู ิพนื้ ผวิ สงู มาก เป็นการเพิ่มระดบั ความ
ร้อนและแล้งมากข้ึนร้อยละ 36 ท�าให้พ้ืนท่ีกว่า 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร
คร่ึงหนึ่งของรัฐแคลิฟอร์เนียเกิดความแห้งแล้ง ม.4-6 เก่ียวกับภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาค
อย่างรนุ แรง โดยครูแนะนําเพิม่ เตมิ
ภาพเปรียบเทียบทะเลสาบโอโรวิลล์ รฐั แคลิฟอร์เนีย ผลกระทบ : แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีพ้ืนที่ทาง 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน
ในภาวะปกติและภาวะภัยแล้ง การเกษตรกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่ง จึงได้รับผล (รวบยอด) ดว ยการทาํ กจิ กรรม Mini Project
กระทบจากภัยแล้งรุนแรงมากที่สุด อ่างเก็บน�้า การศึกษาคนควาดวยตนเองเกี่ยวกับภัยพิบัติ
ซาคราเมนโตและลุ่มแม่น้�าซานเฮาควินมีปริมาณน�้าน้อยมาก ทั้งน้ี ชาวแคลิฟอร์เนียใช้น้�าเฉลี่ย ทางธรรมชาติ โดยใชความรูเร่ืองภูมิศาสตร
ประมาณ 6868 )ล ิตกราตร่อจวัดนั ก ทารา� ภใหยั ผ้ พบู้ ิบริหัตาภิ รยั ขแอลงรง้ 1ัฐ ตม้อีดงังจนัดี้ ระบบการปันส่วนการใช้นา้� อยา่ งเร่งดว่ น สรุปดวยประเดน็ ตอไปนี้
8.1) มาตรการ มดี งั นี้ • สรุปผลการสืบคนลักษณะทางกายภาพ
1. จดั ระบบการชลประทานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ มกี ารจดั สรรการใชน้ า้� ซึ่ ง ทํ า ใ ห เ กิ ด ป ญ ห า ห รื อ ภั ย พิ บั ติ ท า ง
อย่างเหมาะสม เพื่อให้มปี ริมาณน้�าสา� รองไว ้ใชห้ ากเกิดภยั แลง้ ธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ
2. จัดหาและก่อสร้างแหล่งน้�าหรือแหล่งกักเก็บน้�าขนาดใหญ่ การพัฒนา ของโลก
พนื้ ทชี่ มุ่ นา�้ การขดุ ลอกลา� นา้� เพอื่ เปน็ แหลง่ กกั เกบ็ นา�้ รวมถงึ พฒั นาแหลง่ นา้� ใตด้ นิ ทมี่ ปี รมิ าณมาก • การดาํ เนนิ การตามกระบวนการทางภมู ศิ าสตร
• การใชเทคนิคและเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร
สืบคนและรวบรวมขอมูลลักษณะทาง
กายภาพ ซึ่งทําใหเกิดปญหาหรือภัยพิบัติ
ทางธรรมชาติ และเสนอแนวทางการปอ งกนั
ระวงั ภัย
และมีคณุ ภาพเพื่อนา� มาใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบรโิ ภค และการเกษตร
3. จัดท�าระบบเตือนภัยแล้ง เช่น การจัดท�าปฏิทินระบุถึงระยะเวลาท่ีอาจ
เกดิ ภยั และให้ความรูแ้ กป่ ระชาชนถึงการเตรยี มรับมอื และผลกระทบท่ีไดร้ ับจากภยั แลง้
8.2) วธิ ปี อ้ งกนั ทา� ได้ ดังน้ี
1. ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคา� แจง้ เตอื นจากหน่วยงานที่เกย่ี วข้อง
2. เตรยี มอปุ กรณห์ รอื ภาชนะสา� หรบั กกั เกบ็ นา้� เพอ่ื ใหม้ นี า�้ ใชเ้ พยี งพอในกรณี
เกดิ ภยั แล้งหรอื เม่ือถงึ ยามจ�าเป็น
3. ปลูกปา่ ไมม้ ากขน้ึ เพือ่ ใหม้ ีความชนื้ เพียงพอทจ่ี ะทา� ใหเ้ กดิ ฝน
215
กิจกรรม เสริมสรางคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู
นักเรียนรวมกลุมกันทํากิจกรรม “ปองกันภัยแลง” โดยเลือก 1 การจัดการภัยพิบัติภัยแลง แนวทางการจัดการวิธีหน่ึง คือ ธนาคารน้ํา
กจิ กรรมใดกิจกรรมหนง่ึ บนพ้นื ฐานความพอเพยี ง ดงั นี้ เพ่ือเปนแหลงกักเก็บน้ํา จากการดูดซึมของหินใตพ้ืนผิวดินท่ีมีน้ําหรือ
1. จัดทําปา ยนเิ ทศ “รเู ร่อื งภยั แลง” หรอื “ระวงั ภยั แลง ” การสงตอน้ําบาดาลผานบอซึม โดยในกระบวนการกักเก็บนํ้า มีอยู 2 วิธีการ
2. ทําปายและเดินรณรงคเชิญชวนชาวไทยรวมใจปองกันและระวัง คอื การเติมน้าํ ลงในแองน้าํ (basin) โดยตรง กับการใชการแทนท่ีเพ่ือเตมิ นํา้
ลงในแองน้ํา จากท้ัง 2 วิธี จะทําใหไดนํ้าบาดาลที่สามารถนํากลับมาใชใหม
ภยั แลง ในภายหลงั
3. จัดทํารายการเสียงตามสาย “สนทนาแลกเปล่ียนเรียนรูเรื่อง
ภัยแลง”
4. จัดทาํ แผน พบั /แผนปลิว ความรูเ รอ่ื งการปอ งกนั ภยั แลง
T223
นาํ สอน สรุป ประเมิน
ขนั้ สอน 8.3) การปฏบิ ตั ติ น ทา� ได ้ ดงั น้ี 1. ควรใชน้ �้าอย่างประหยดั เชน่ ใช้น�้าจากฝักบวั
เพอื่ ชา� ระลา้ งรา่ งกายแทนการตกั อาบ หรอื นา�
ข้ันท่ี 5 การสรปุ เพอื่ ตอบคาํ ถาม 1. ส �ารองภาชนะเก็บกักน้�าไว้ให้เพียงพอในช่วง นา�้ จากการซกั ผา้ ไปใชร้ ดนา�้ ตน้ ไม ้ หรอื เลอื กใช้
ฤดูฝน เพ่ือจะได้มีน้�าไว้ใช้ในยามขาดแคลน ชกั โครกแบบประหยดั น้า�
5. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 ช่วงเกดิ ภาวะภัยแล้ง
เก่ียวกับเร่ือง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อ 2. เ พาะปลกู พชื อายสุ ั้นที่ใช้นา�้ น้อย เช่น แตงโม
ทดสอบความรทู ี่ไดศ ึกษามา 2. เ ตรยี มสรา้ งระบบกกั เกบ็ นา�้ ในพนื้ ทกี่ ารเกษตร พชื ตระกูลถว่ั และควรใชน้ �้าเพือ่ การเกษตรใน
เช่น ขุดบ่อน้�า ร่องน�้า เพ่ือจะได้มีแหล่งน�้า ชว่ งเชา้ และชว่ งเยน็ เพอ่ื ลดอตั ราการระเหยนา้�
แบบวัดฯ ส 5.1 ม.4-6/2 ส�ารองไวใ้ ชป้ ระโยชน์
3. แ ก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการแจกจ่ายน�้าแก่
กิจกรรมท่ี 5.9 เรยี งลําดับการเกิดภยั พิบัตทิ ่กี ําหนด พรอมใหเหตผุ ลประกอบ คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได้ 3. ต ิดตามสภาวะอากาศ ฟังค�าเตือนจากทาง ประชาชน
และบอกวิธีการจัดการทเ่ี หมาะสม ราชการ รวมท้ังเตรียมหมายเลขโทรศัพท์
5 ฉกุ เฉนิ เพอ่ื ขอนา�้ ไวบ้ รโิ ภคอปุ โภค หรอื ดบั ไฟปา่ 4. ห ม่ันตรวจสอบท่อน้�าหรือก๊อกน้�าไม่ให้มีน�้า
Geo Skill •การคดิ แบบองครวม • การใชสถติ ิพื้นฐาน ร่ัวซึม
(แนวตอบ) 4. กา� จัดวัสดเุ ชื้อเพลิงรอบที่พัก เพอื่ ป้องกนั การ
เกิดไฟปา่
แผน ดนิ ไหว ภูเขาไฟปะทุ สนึ ามิ แผน ดนิ ถลม
1 2 34
เหตุผล การจัดการภัย
............¡....Ò...Ã...¨....Ñ .´....¡....Ò....Ã...À....Ñ.Â....¾....Ô.º....ѵ.....Ô·....Õ.è à..Ë.....Á....Ò...Ð....Ê....Á........¤....×Í....
เฉฉบลับย ............¤....íÒ...µ.....Í....º....¢....Öé¹....Í....Â.....Ù‹¡....Ѻ....¡....Ò....Ã...à..Ã....ÕÂ....§....Å...í.Ò...´....Ѻ.....¢...Í....§... ¡....Ò...Ã....È....Ö¡....É.....Ò...¢...ŒÍ....Á....ÙÅ....à..¡....ÕèÂ....Ç....¡....Ѻ....À....ÑÂ....¾.....Ôº....ѵ.....ÔÍ...Â....Ù‹à...Ê....Á....Í....
.¹....Ñ¡....à..Ã....Õ Â.....¹........¹....Ñ¡....à..Ã....Õ Â.....¹....Í....Ò....¨....à..Ã...Õ .Â....§...Å....í.Ò...´....Ñ.º.....à..¾....Õ .Â....§... à...¾....×èÍ....ã..Ë.....ŒÊ....Ò...Á....Ò...Ã....¶....».....¯....Ôº.....ѵ....Ôµ.....¹....ä...´....Œ¶....Ù.¡....µ....ŒÍ....§......à...Á....è×Í....
.º....Ò...§...Ê....‹.Ç...¹.......à..ª...‹¹........à..¡....Ô´....á....¼.....‹¹.....´....Ô¹....ä..Ë.....Ç...á....Å....ŒÇ....Ê....‹§...¼....Å.... à...¡....Ô´....À.....ÑÂ....¾....Ô.º....ѵ.....Ô¢...éÖ.¹.......Ë.....Å....Õ¡....à...Å....ÕèÂ....§....¡....Ò...Ã....¡....Ã....Ð...·.....íÒ...·.....Õè
.ã..Ë.....Œ´....Ô¹.....¶.....Å....‹Á........á....µ.....‹.ä..Á.....‹à..¡....Ô.´....À....Ù.à..¢...Ò....ä..¿.....».....Ð...·.....Øá.....Å....Ð... Ê....§.‹ ...¼....Å....ã..Ë....àŒ..¡....´Ô....À....ÂÑ....¾.....ºÔ ....µÑ....¢Ô....¹éÖ ......à..ª..¹‹.......Å....´....¡....Ò...Ã...Ê....ºÙ....¹.....Òéí ...
.Ê...Ö.¹....Ò...Á.....Ôµ....Ò....Á....Á....Ò.......¤....Ã....Ù¾....Ô¨....Ò....Ã...³......Ò...¤....Ç....Ò...Á....¶.....Ù¡....µ.....ŒÍ....§... ã...µ.....Œ´....Ô¹....¨....¹....¢....Ò...´....Ê.....Á....´....ØÅ.......à..¾.....è×Í....»....‡.Í...§....¡....ѹ....¡....Ò....Ã...à...¡....Ô´....
.á....Å....Ð....¤....Ç....Ò...Á....à...¢...ŒÒ....ã..¨....¢....Í....§...¹.....Ñ¡....à..Ã...Õ.Â....¹.....¨....Ò...¡....¡....Ò....Ã...ã...Ë....Œ á.....¼.....‹¹.....´....Ô.¹....¶.....Å....‹.Á.......È....Ö.¡....É.....Ò...Ê....Ñ.Þ......Þ.....Ò....³.....à...µ....×.Í....¹....À.....ÑÂ....
.à..Ë....µ.....ؼ....Å.....»....Ã....Ð...¡.....Í....º.......Ë.....Ã...×.Í....¹....Ñ¡....à..Ã....ÕÂ....¹.....Í....Ò...¨....à..Ã...Õ.Â....§... Ë.....Ã....× .Í....Ê....Ñ.Þ......Þ......Ò....³......¸....Ã....Ã....Á.....ª...Ò....µ.....Ô ·.....Õè .º.....‹ .§....º.....Í....¡.....¶....Ö .§...
.Å...í.Ò...´....Ѻ.....¤....Ã....º....·.....Ñé§.......4......À.....ÑÂ....¾....Ôº.....ѵ....Ô....à..ª...‹¹.......¹.....Ñ¡....à..Ã...Õ.Â....¹.... ¡.....Ò...Ã....à..¡....Ô´.....À....ÑÂ....¾.....Ôº....ѵ.....Ô ...à..ª....‹¹........¡....Ò...Ã....Å....´....Å.....§...¢....Í....§...¹....íé.Ò...
.à..Ã...Õ.Â.....§....Å....í .Ò...´.....Ñ º.....µ.....Ò....Á.....À.....Ò...¾.........à...¾.....Ã....Ò....Ð...à...Á....×è.Í.....à...¡....Ô ´.... Í....Â....Ò‹...§...Ã....Ç...´....à..Ã...Çç....¡...Í.‹ ...¹....¨....Ð...à..¡....´Ô....¤....Å....×è¹.....Ê....¹Ö....Ò...Á....Ô..¢...³.....Ð...·.....Õè
.á....¼......‹ ¹.....´....Ô .¹.....ä..Ë.....Ç....¨....Ð....Ê....‹.§....¼....Å.....ã...Ë....Œ.à...¡....Ô ´.....¡....Ò....Ã....».....Ð....·....Ø à...¡....Ô´.....À....ÑÂ....¾.....Ôº.....ѵ....Ô.¤....Ç....Ã....µ....Ñé§....Ê.....µ....Ôá.....Å....Ð....».....¯....Ôº....Ñ.µ....Ô.µ....Ò....Á....
.¢...Í....§...À....Ù.à..¢...Ò...ä..¿......á....Å....Ð....Í...Ò....¨....¡....Ã...Ð....·.....º....¡....Ѻ.....Ã...Í....Â.....á....Â....¡.... ¤.....Òí ...á....¹....Ð...¹....Òí...·.....Õè.ä..´....ÈŒ....¡Ö....É.....Ò...Á....Ò.....à.¾.....Í×è...Å....´.....¤....Ç...Ò...Á....à..Ê....ÂèÕ....§...
.¢...Í....§...á....¼.....‹¹.....´....Ô¹....ã...µ....Œ¼.....×¹....¹.....íéÒ......Í....ѹ....à..».....š¹....Ê....Ò....à..Ë....µ.....Ø¡....Ò...Ã... µ.....Í‹ ....ª..Õ.Ç...Ô .µ....á.....Å....Ð...·....Ã....Ѿ.....Â....Ê....Ô¹.......................................................
.à..¡....Ô´....¤.....Å....è×¹.....Ê....Ö¹....Ò....Á....Ô ...á....Å.....Ð...¡....Ò...Ã....ä..Ë.....Ç...Ê....Ð....à..·....×Í....¹.....¡....çÁ....Õ
.Ë....Å....Ò....Â....Ã....Ð...´....Ñ.º.......·.....íÒ....ã..Ë.....Œá.....¼.....‹¹.....´....Ô¹.....¶.....Å....‹Á.....ã..¹.....º.....Ò...§... ............................................................................................................
.¾....¹×é....·.....Õè·....Õ.èÍ....Â....Ù‹ ã...¡....Å....¨Œ ...Ø.´....à..¡....Ô´....à..Ë....µ.....Ø......................................... ............................................................................................................
74 กอ่ นเกิดภยั ขณะเกดิ ภยั หลังเกดิ ภัย
ขน้ั สรปุ 1. ว างแผนการแก้ปญั หาระยาวโดยพัฒนาลมุ่ น�้า เช่น สร้างฝาย เข่ือน ขุดลอกแหล่งน้า�
รกั ษาปา่ และปลกู ปา่ เพมิ่ ขน้ึ เพอื่ ชว่ ยใหม้ คี วามชนื้ มากพอทจ่ี ะทา� ใหเ้ กดิ ฝนและเกบ็ กกั
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ น�า้ ไว ้ในพน้ื ดิน
ภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาค ไดแ ก ไฟปา และ
ภยั แลง ทงั้ ในดา นของสาเหตแุ ละกระบวนการเกดิ 2. ล ดการกระทา� ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ภาวะเรอื นกระจก เชน่ ไมเ่ ผาขยะ ลดการใช ้โฟมและผลติ ภณั ฑ์
ประเภท การกระจายการเกิด ภัยตางๆ ตวั อยาง ทีม่ สี าร CFCs ซ่งึ เป็นตวั การทา� ลายช้นั โอโซนในบรรยากาศ ทา� ใหเ้ กดิ ภาวะโลกรอ้ น
เหตุการณที่เคยเกิดข้ึน การจัดการภัยพิบัติ
ธรรมชาติทางชีวภาค ตลอดจนความสําคัญท่ีมี 3. รณรงคอ์ นรุ ักษ์การใช้น�า้ อย่างประหยดั
อิทธิพลตอการดําเนินชีวิตของผูคนในปจจุบัน
หรืออาจใช PPT สรุปสาระสาํ คญั ของเนอ้ื หา กลา่ วโดยสรปุ โลกตอ้ งเผชญิ กบั ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตมิ ากมาย เชน่ วาตภยั อทุ กภยั ไฟปา่
แผน่ ดนิ ไหว ภเู ขาไฟปะท ุ สนึ าม ิ ซง่ึ ลว้ นสง่ ผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ มและชวี ติ ความเปน็ อยขู่ อง
ขนั้ ประเมนิ มนุษย์ ท่ีนับวันย่ิงทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังน้ัน จึงจ�าเป็นท่ีทุกฝ่ายจะต้องหาทางป้องกันและ
แกป้ ญั หาเพือ่ ใหธ้ รรมชาติและมนษุ ยส์ ามารถด�ารงอยูต่ ่อไปได้อยา่ งยง่ั ยืน
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน 216 ภัยธรรมชาตคิ รัง้ รุนแรงทส่ี ุดของโลก
หนา ชั้นเรียน
2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ
และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6
3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
การเรียนรทู ่ี 5 เรอื่ ง ภยั พิบัติทางธรรมชาติ
แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills
ครสู ามารถวดั และประเมินความเขาใจเนอื้ หา เร่ือง ภยั พิบัติธรรมชาตทิ าง นักเรียนแบงกลุมจับสลากเลือกภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชีวภาค ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และนําเสนอผลงาน ประเภทตา งๆ จากน้ันใหแ ตละกลมุ จดั ทาํ แบบจาํ ลองแสดงสาเหตุ
หนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการ สถานการณ ผลกระทบ และการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นําเสนอผลงานท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 5 เร่ือง ภัยพิบัติ ประกอบการใชเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร โดยยกเหตุผลประกอบ
ทางธรรมชาติ อยา งสมเหตุสมผล นาํ เสนอและอภปิ รายรวมกนั ภายในช้ันเรียน
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่
ตรงกับระดบั คะแนน
ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32
1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา
2 การลาดบั ขัน้ ตอนของเรื่อง
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่
รวม
ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
T224 ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
คําถามเน้นการคิด เฉลย คําถามเนนการคิด
1. ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างพนื้ ที่เสี่ยงต่อการเกดิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟปะท ุ สึนาม ิ 1. ตัวอยางพ้ืนที่เสี่ยงตอการเกิดแผนดินถลม
และแผน่ ดินถลม่ 1 ตวั อย่าง พร้อมทงั้ ระบุเหตผุ ล เชน พื้นท่ีบานหวยขาบ อ.บอเกลือ จ.นาน
2. บรเิ วณท่มี ักเกิดพายหุ มุนเขตร้อน พายทุ อร์นาโด มลี ักษณะทางกายภาพอย่างไร ซึ่งเคยเกิดภัยพิบัติแผนดินถลมเม่ือวันท่ี 28
3. การเกิดน้�าทว่ มใหญ่ในภาคกลางของประเทศไทยใน พ.ศ. 2554 เกิดจากสาเหตใุ ด กรกฎาคม พ.ศ. 2561 มีผูเ สยี ชีวิตจํานวน 8
สง่ ผลกระทบอยา่ งไร และมแี นวทางปอ้ งกนั และรบั มือกับปัญหาในระยะยาวอย่างไร ราย สูญหาย 2 ราย บานเรือนเสียหายกวา
4. สาเหตุของการเกดิ ไฟปา่ ในประเทศไทยและในภมู ิภาคอื่นของโลกมีความเหมือน 261 ครัวเรือน โดยมีสาเหตุมาจากการเกิด
หรือแตกต่างกนั อยา่ งไร ฝนตกหนกั ตอเนื่อง 20 วนั ประกอบกับการมี
5. ปัจจัยทที่ �าให้เกิดภยั แล้งมีอะไรบา้ ง และภยั แล้งเกิดขนึ้ ได้อยา่ งไร ภูมิประเทศทีเ่ ปน ภเู ขาที่ลาดชนั ถึง 25 องศา
6. ภยั ธรรมชาตแิ ตล่ ะประเภทส่งผลใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ จงึ ทําใหเกดิ การถลมของดินไดงาย
และสิง่ แวดล้อมอยา่ งไร จงยกตัวอยา่ ง
2. พายหุ มนุ เขตรอ น เกดิ ขน้ึ ในมหาสมทุ รเขตรอ น
กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะ ซึ่งมีอากาศรอนและมีความช้ืนสูง สวนพายุ
ทอรน าโด เกดิ ขนึ้ บรเิ วณทเี่ ปน ทร่ี าบขนาดใหญ
1. ส บื คน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ภยั พบิ ตั ทิ ม่ี กั เกดิ ขนึ้ ในพนื้ ทเี่ ดมิ ทกุ ป ี เพอื่ วเิ คราะหห์ าสาเหตทุ ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ และในเขตอบอุน
ภยั พบิ ตั ินนั้
3. มสี าเหตุทัง้ จากอทิ ธพิ ลของลานญี า สงผลให
2. ศกึ ษาภยั พบิ ตั ทิ เ่ี พงิ่ เกดิ ขน้ึ ในประเทศไทยหรอื ในภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก เขยี นสรปุ สาระสา� คญั เกิดปรมิ าณฝนมากจากพายหุ ลายลกู รวมถึง
ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี การลดลงของพนื้ ทป่ี า การกดี ขวางของสง่ิ ปลกู
สราง และระบบบริหารจัดการนํ้า กอใหเกิด
• สาเหตุ การสูญหาย เสียชีวิตของผูคน ส่ิงปลูกสราง
• ผลกระทบ และพนื้ ทกี่ ารเกษตรเสยี หาย จงึ ควรใหค วามรู
• ความชว่ ยเหลือจากหน่วยงานหรอื ประเทศตา่ ง ๆ แกประชาชนในการจัดการเพื่อรับมือกับ
• แนวทางปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาในอนาคต ภยั พิบัติ
• การรบั มือ
3. จ ัดทา� คูม่ อื ปอ้ งกนั ภยั พิบัติใดก็ได้ทน่ี กั เรยี นสนใจ เพอ่ื ให้ความรแู้ กผ่ ู้ที่สนใจ 4. แตกตางกนั โดยไฟปา ในประเทศไทยมักเกดิ
4. แ บง่ กลมุ่ จา� ลองสถานการณก์ ารรบั มอื ภยั พบิ ตั ิ1 ภยั ฝกึ ซอ้ มการอพยพหนภี ยั การเคลอื่ นยา้ ย จากการเผาปา เพอื่ หาของปา หรอื พนื้ ทท่ี าํ การ
เกษตร รวมถงึ สภาพอากาศทแ่ี หง แลง สว นใน
และดูแลผ้บู าดเจบ็ ภูมิภาคอน่ื ของโลกมักเกิดจากธรรมชาติ เชน
217 ฟา ผา ภูเขาไฟปะทุ หรือการเสยี ดสีของกิง่ ไม
5. ปจจัยที่ทําใหเกิดภัยแลง เชน สภาพอากาศ
ปริมาณฝน แหลงนาํ้ การอมุ นา้ํ ของดนิ โดย
ภัยแลงเกิดข้ึนไดจากการผันแปรของสภาพ
อากาศ การทําลายปาไม การขาดแหลง
กักเกบ็ น้ํา ความตอ งการใชนํา้ ที่เพิ่มมากขึ้น
6. เชน ไฟปา สง ผลใหเ กดิ ภาวะโลกรอ น นอกจากน้ี
ยังทําลายความอุดมสมบูรณของหนาดิน
ปญหาหมอกควันท่ีเปนอันตรายตอสุขภาพ
มนุษยและส่ิงมีชีวิตอื่นๆ สัตวปาลดจํานวน
ลงจากแหลงท่ีอยูอาศัย และแหลงอาหาร
ถูกทาํ ลาย
เฉลย แนวทางประเมินกจิ กรรมพฒั นาทักษะ
ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยท่ัวไป
งานหรอื ชน้ิ งานใชเ วลาไมนาน งานสําหรบั ประเมินรปู แบบนี้อาจเปน คําถามปลายเปด หรือผงั มโนทศั น นยิ มสําหรบั ประเมนิ ผเู รียนรายบุคคล
ประเมนิ ความสามารถ
• เชน ความคลอ งแคลว ในการใชเ ครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร การแปลความหมายขอ มลู ทกั ษะการตดั สนิ ใจ ทกั ษะการแกป ญ หา งานหรอื ชน้ิ งานจะสะทอ นถงึ
ทักษะและระดบั ความสามารถในการนําความรูไปใช อาจเปนการประเมินการเขยี น ประเมินกระบวนการทาํ งานทางภูมิศาสตรต า งๆ หรือการวเิ คราะห
และการแกป ญ หา
ประเมินทักษะ
• มเี ปา หมายหลายประการ ผเู รยี นไดแสดงทกั ษะ ความสามารถทางภูมิศาสตรตา งๆ ท่ีซบั ซอนข้นึ งานหรอื ช้ินงานมกั เปนโครงงานระยะยาว ซง่ึ ผเู รยี น
ตองมีการนําเสนอผลการปฏบิ ัตงิ านตอ ผเู ก่ียวขอ งหรอื ตอสาธารณะ
ส่งิ ทต่ี องคํานงึ ถงึ ในการประเมิน คอื จํานวนงานหรอื กจิ กรรมท่ีผูเรียนปฏิบตั ิ และผปู ระเมนิ ควรกําหนดรายการประเมิน และทักษะที่ตองการประเมนิ ให
ชัดเจน
T225
Chapter Overview
แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ
การเรยี นรู้ - การสงั เกต อันพงึ ประสงค์
- ก ารแปลความ 1. ใฝเ่ รยี นรู้
แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรยี น 1. วิเคราะหส์ ถานการณ์ กระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น 2. มุง่ มนั่ ในการ
สถานการณ์ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 การเปลี่ยนแปลงดา้ น ทางภมู ศิ าสตร์ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ ข้อมูลทาง ทำ� งาน
การเปลย่ี นแปลง - แบบฝกึ สมรรถนะ ทรัพยากรธรรมชาติ (Geographic สมรรถนะและการคดิ ภมู ศิ าสตร์ 3. มจี ติ สาธารณะ
ดา้ นทรัพยากร และการคิด ภมู ศิ าสตร์ และสง่ิ แวดล้อม ทงั้ ใน Inquiry ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - ก ารใชเ้ ทคนิค
ธรรมชาติและ ม.4-6 ดา้ นสาเหตุ ผลกระทบ Process) - ตรวจใบงานท่ี 6.1 และเคร่อื งมอื
ส่ิงแวดลอ้ ม - แบบทดสอบกอ่ นเรียน และแนวทางแก ้ไขได้ (K) - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน ทางภูมศิ าสตร์
- PowerPoint 2. เ ลอื กใช้เครื่องมือทาง - สงั เกตพฤติกรรม - ก ารคดิ เชิงพืน้ ที่
- ใบงานท่ี 6.1 ภูมศิ าสตร์ ในการศกึ ษา การท�ำงานรายบคุ คล - การคิดแบบ
2 - เ ครอื่ งมือทาง สถานการณก์ าร - สงั เกตพฤตกิ รรม องค์รวม
ชวั่ โมง ภูมิศาสตร์ เช่น เปลย่ี นแปลงดา้ น การท�ำงานกล่มุ
แผนท่ี เข็มทศิ ทรัพยากรธรรมชาติ - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
รปู ถ่ายทางอากาศ และสงิ่ แวดลอ้ ม ทง้ั ใน อนั พงึ ประสงค์
ภาพจากดาวเทียม ด้านสาเหตุ ผลกระทบ
และแนวทางแก ้ไขได้ (P)
3. เ หน็ คณุ ค่าในการศึกษา
สถานการณ์การ
เปล่ยี นแปลงด้าน
ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม ทงั้ ใน
ดา้ นสาเหตุ ผลกระทบ
และแนวทางแก ้ไข
เพิ่มมากขึน้ (A)
แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรยี น 1. อธบิ ายมาตรการปอ้ งกนั แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำแบบฝกึ - การคดิ เชงิ พืน้ ท่ี 1. ใฝ่เรียนรู้
มาตรการ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 และแกไ้ ขปญั หา หาความรู้ สมรรถนะและการคดิ - การคดิ แบบ 2. มุ่งม่ันในการ
ป้องกนั - แบบฝกึ สมรรถนะ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ (5Es ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 องค์รวม ทำ� งาน
และแก้ไขปญั หา และการคิด ภูมิศาสตร์ สง่ิ แวดลอ้ มได้ (K) Instructional - ต รวจใบงานที่ 6.2 3. มจี ติ สาธารณะ
ทรพั ยากร ม.4-6 2. อธบิ ายกฎหมายและ Model) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
ธรรมชาติ - PowerPoint นโยบายทรัพยากร - สังเกตพฤตกิ รรม
และสิง่ แวดล้อม - ใ บงานท่ี 6.2 ธรรมชาตแิ ละ การท�ำงานรายบุคคล
- เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ สิ่งแวดลอ้ มได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม
2 เช่น แผนท่ี เขม็ ทิศ 3. อ ธิบายบทบาทของ การท�ำงานกลุ่ม
รูปถ่ายทางอากาศ องคก์ รและการประสาน - ประเมินคุณลักษณะ
ชั่วโมง ภาพจากดาวเทียม ความร่วมมอื ทงั้ ใน อันพึงประสงค์
ประเทศและระหวา่ ง
ประเทศได้ (K)
4. เลือกใช้เคร่อื งมอื ทาง
ภมู ศิ าสตร์ ในการศกึ ษา
มาตรการปอ้ งกนั และ
แก้ไขปัญหาทรพั ยากร
ธรรมชาตแิ ละ
สงิ่ แวดล้อมได้ (P)
5. สนใจศึกษามาตรการ
ปอ้ งกนั และแก ้ไขปญั หา
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
สงิ่ แวดลอ้ มเพมิ่ มากขนึ้
(A)
T226
แผนการจดั ส่อื ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 3 - หนงั สือเรียน 1. วเิ คราะหแ์ นวทาง กระบวนการ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ สมรรถนะ - ก ารแปลความ 1. ใฝเ่ รียนรู้
การจดั การ ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 การจดั การทรพั ยากร ทางภมู ศิ าสตร์ และการคดิ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ขอ้ มลู ทาง 2. มุ่งม่นั ในการ
ทรพั ยากร - แบบฝกึ สมรรถนะ ธรรมชาติและ (Geographic - ตรวจการท�ำแบบวดั และ ภูมศิ าสตร์ ทำ� งาน
ธรรมชาติ แ ละการคิด ภมู ศิ าสตร์ สิง่ แวดลอ้ มเพื่อการ Inquiry บันทึกผลการเรียนรู้ - การใชเ้ ทคนิค 3. มจี ติ สาธารณะ
และสิง่ แวดล้อม ม.4-6 พฒั นาท่ยี ่งั ยืนได้ (K) Process) ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 และเคร่อื งมือ
ทยี่ ่ังยืน - แบบวดั และบันทกึ ผล 2. เ สนอแนวทางการมี - ตรวจใบงานท่ี 6.3 ทางภมู ศิ าสตร์
การเรียนรู้ ภมู ิศาสตร์ ส่วนรว่ มในการจดั การ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - ก ารคิดเชิงพื้นท่ี
2 ม.4-6 ทรพั ยากรธรรมชาติ - สงั เกตพฤตกิ รรม - ก ารคดิ แบบ
- แบบทดสอบหลงั เรยี น และสง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื การ การทำ� งานรายบุคคล องคร์ วม
ชว่ั โมง - PowerPoint พฒั นาทีย่ งั่ ยนื ได้ (K) - สังเกตพฤตกิ รรม
- ใบงานที่ 6.3 3. เลือกใชเ้ ครอ่ื งมือทาง การท�ำงานกลุ่ม
- เครอื่ งมอื ทาง ภมู ิศาสตร ์ในการศึกษา - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
ภูมิศาสตร์ เชน่ แนวทางการจดั การ อันพึงประสงค์
แผนท่ี เขม็ ทศิ ทรพั ยากรธรรมชาติ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น
รปู ถ่ายทางอากาศ และสงิ่ แวดลอ้ มเพอ่ื การ
ภาพจากดาวเทียม พฒั นาที่ยั่งยนื ได้ (P)
4. เห็นคณุ ค่าของการมี
ส่วนรว่ มในการจดั การ
ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมเพ่อื
การพัฒนาที่ยง่ั ยนื
เพ่ิมมากขึ้น (A)
T227
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process) นักเรยี นจะมี
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง ·Ãแ¾ÑนวÂทÒาง¡ในÃก¸าÃรจÃัดÁกªารÒµÔ
จดุ ประสงค และผลการเรียนรู áÅÐʧèÔ áÇ´ÅŒÍÁ
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย ให้เกิดความยั�งยนื
การเรียนรทู ี่ 6 เรอ่ื ง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ได้อย่างไร
สงิ่ แวดลอมกบั การพฒั นาทย่ี ่ังยืน
ตวั ชีว้ ัด ส 5.2 ม.4 - 6/2 - 4
3. ครใู หน กั เรยี นดภู าพ หรอื คลปิ วดิ โี อทเ่ี กย่ี วขอ ง
กับการเปล่ียนแปลงทางกายภาพของโลกใน สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ดนิ แดนตางๆ
• ส ถำนกำรณ์กำรเปลี่ยนแปลงด้ำน
4. ค รู ต้ั ง คํ า ถ า ม ก ร ะ ตุ น ค ว า ม คิ ด โ ด ย ใ ห ทรัพยำกรธรรมชำติและส�ิงแวดล้อม
นักเรียนรวมกันตอบคําถามโดยเช่ือมโยงกับ ไดแ้ ก ่ กำรเปลย่ี นแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ
ประเทศไทย เชน ควำมเสอื่ มโทรมของสงิ� แวดลอ้ ม ควำม
• สถานการณด า นสงิ่ แวดลอ มของประเทศไทย หลำกหลำยทำงชวี ภำพ และภัยพิบั ติ
ในปจจุบันมีความสัมพันธกับวิกฤตการณ • สำเหตุและผลกระทบของกำรเปล่ียน
ดานส่ิงแวดลอมในสวนตางๆ ของโลก แปลงด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและ
อยา งไร ยกตัวอยา งประกอบพอสังเขป สง�ิ แวดลอ้ มของประเทศไทยและภมู ภิ ำค
ต่ำง ๆ ของโลก
6หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี • กำรจัดกำรภัยพบิ ตั ิ
• ม ำตรกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำ
ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ�งแวดล้อม
และส่ิงแวดล้อมกับ ในประเทศและระหว่ำงประเทศ ตำม
การพัฒนาที่ยงั่ ยืน แนวทำงกำรพฒั นำทยี่ ง�ั ยนื ควำมมนั� คง
ของมนษุ ยแ์ ละกำรบรโิ ภคอยำ่ งรบั ผดิ ชอบ
ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มมคี วำมสำ� คญั ตอ่ วถิ ชี วี ติ • ก ฎหมำยและนโยบำยด้ำนทรัพยำกร
ของมนุษย์ แต่เนื่องจำกกำรเพิ่มข้ึนของจ�ำนวนประชำกรโลก ธรรมชำตแิ ละสง�ิ แวดลอ้ มทง้ั ในประเทศ
จึงท�ำให้เกิดกำรเปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศของโลก ส่งผลให้ และระหวำ่ งประเทศ
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงอย่ำงรวดเร็ว • บทบำทขององค์กำร และกำรประสำน
จงึ เกดิ แนวคดิ รว่ มกนั จดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ควำมรว่ มมอื ทง้ั ในประเทศและระหวำ่ ง
เพอ่ื กำรพฒั นำและมที รพั ยำกรใชอ้ ยำ่ งย่งั ยนื ประเทศ
218 • แนวทำงกำรจดั กำรทรพั ยำกรธรรมชำติ
และสงิ� แวดล้อม
• ก ำรมีส่วนร่วมในกำรแก้ปัญหำ และ
กำรดำ� เนนิ ชวี ติ ตำมแนวทำงกำรจดั กำร
ทรพั ยำกรและสง�ิ แวดลอ้ มเพอ่ื กำรพฒั นำ
ทีย่ ั�งยืน
เกร็ดแนะครู
ครูจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถวิเคราะหสถานการณและวิกฤตการณดานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในประเทศไทยและ
โลกได รวมถงึ สามารถระบมุ าตรการปอ งกนั และแนวทางการแกไขปญ หา บทบาทขององคการและการประสานความรว มมอื ท้งั ในประเทศและนอกประเทศ
เก่ียวกับกฎหมายสิ่งแวดลอม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ระบุแนวทางการอนุรักษและมีสวนรวมในการแกปญหาโดยเนนการพัฒนา
ทักษะกระบวนการตางๆ เชน
• ครูใหน ักเรยี นศึกษาเกย่ี วกับสถานการณและวกิ ฤตการณดา นทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอมในประเทศตา งๆ ที่นกั เรยี นสนใจคนละ 1 ประเทศ
จากนน้ั ออกแบบและจดั ทาํ การนําเสนอผลงานเผยแพรค วามรู และแนวทางการปองกนั วกิ ฤตการณด ังกลา ว
• ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาคน ควา เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตเิ พอื่ จดั ทาํ บทความและหลกั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม
ในภมู ิภาคตา งๆ ของโลก
T228
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1 สถานการณ์การเปล่ียนแปลงด้านทรพั ยากรธรรมชาติ ขนั้ สอน
และส่งิ แวดลอ้ ม
ขน้ั ท่ี 1 การตัง้ คาํ ถามเชงิ ภูมศิ าสตร
ปจั จบุ นั ไดเ้ กดิ กำรเปลยี่ นแปลงทำงกำยภำพของโลก ทง้ั ในสว่ นทเ่ี กดิ จำกภำยในเปลอื กโลก
กำรเปลย่ี นแปลงบรเิ วณพน้ื ผวิ โลก และกำรเปลย่ี นแปลงภำยในบรรยำกำศของโลก ซง่ึ มผี ลกระทบ 1. ครูใหนักเรียนวิเคราะหรวมกันถึงพฤติกรรม
โดยตรงและโดยอ้อมต่อมนุษย์ ลักษณะกำรเปล่ียนแปลงมีต้ังแต่กำรเกิดขึ้นอย่ำงช้ำ ๆ ไปจนถึง ในชีวิตประจําวันของนักเรียนและบุคคลใน
กำรเกดิ ข้ึนอย่ำงฉบั พลนั และรุนแรง ส่งผลให้เกดิ ควำมเสยี หำยต่อชวี ิตและทรัพย์สนิ จ�ำนวนมำก ครอบครัวท่ีกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงดาน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในดาน
1.1 การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ ตา งๆ เชน อากาศ ดนิ นํ้า ปา ไม สตั วป า แร
และพลังงาน อาหาร รวมไปถงึ ขยะตางๆ
กำรท่ีอุณหภูมิของโลกค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นทีละน้อย ท�ำให้เกิดควำมเสี่ยงท่ีจะเกิด
ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มมำกยิ่งขน้ึ เช่น อณุ หภูมิของโลกสงู ขน้ึ ทำ� ให้เกดิ กำรละลำยของน�ำ้ แข็ง 2. ครูสุมนักเรียนเพื่อนําเสนอพฤติกรรมท่ีกอให
ขั้วโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระดับน�้ำทะเลโลกสูงข้ึน หรือท�ำให้เกิดวิกฤตสภำพอำกำศผันผวนอย่ำง เกิดการเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติ
สดุ ข้วั (extreme weather) และส่ิงแวดลอมในดานตา งๆ จาํ นวน 5-6 คน
จากน้ันใหอภิปรายถึงพฤติกรรมดังกลาว
1) สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำรเปล่ียนแปลงสภำพ รว มกนั
ภมู อิ ำกำศเปน็ ปรำกฏกำรณ์ที่เกดิ ขน้ึ อยำ่ งชำ้ ๆ และใชเ้ วลำนำนกว่ำจะสังเกตพบได้ โดยนับต้ังแต่
สมัยปฏิวัติอุตสำหกรรมเป็นต้นมำ มีกำรสะสมของแก๊สเรือนกระจกและกำรเก็บกักควำมร้อน
ในช้ันบรรยำกำศเพิ่มสูงขึ้นอย่ำงรวดเร็ว ก่อให้เกิดภำวะโลกร้อน มีผลท�ำให้ภูมิอำกำศมีกำร
เสปภลำีย่ พนภแูมปิอลำงกอำยศ่ำ ง(ฉIPบั CพCลนั)1 ไใดน้ป รพะ.เศม. ิน2ว5่ำ4 4 นคับณตั้ะงกแรตร่คมรกิสำตร์ศระตหววรร่ำษงรทัฐ่ี บ1ำ9ล วอำ่ ุดณว้ หยภกูมำริเฉเปลลี่ย่ียขนอแงปโลลกง
ได้เพิม่ สงู ขึ้น 0.6 องศำเซลเซียส และภำยใน พ.ศ. 2643 อุณหภมู ขิ องโลกจะสงู ขนึ้ อกี ประมำณ
1.4 - 5.8 องศำเซลเซียส รวมทั้งระดับน�้ำทะเลท่ัวโลกจะสูงข้ึน 0.09 - 0.88 เมตร หำกมนุษย์
ยงั คงปล่อยแก๊สเรอื นกระจกเหมือนทผ่ี ่ำนมำ จะสง่ ผลกระทบต่อกำรด�ำรงอย่ขู องประชำกรโลก
กำรที่โลกมอี ณุ หภมู สิ งู ขนึ้ ทำ� ใหเ้ ขตภมู อิ ำกำศของโลกในปจั จบุ นั เปลยี่ นไป โดยเฉพำะ
พ้นื ทีป่ ำ่ ในเขตอบอุน่ พืชพรรณธรรมชำตบิ ำงชนิดอำจสญู หำยไปและเกิดพันธุ์ไม้ชนิดใหม่ขึ้นมำ
ท�ำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศได้ นอกจำกนี้ กำรที่อุณหภูมิอบอุ่นขน้ึ สง่ ผลใหแ้ มลง
ศตั รพู ชื มกี ำรแพรพ่ นั ธแ์ุ ละแพรร่ ะบำดมำกขน้ึ รวมถงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ไฟปำ่ บอ่ ยครงั้ อัตรำกำรตำยของ
ปศสุ ตั วแ์ ละสตั วป์ ำ่ เพมิ่ สงู ขน้ึ และยงั ทำ� ใหป้ รมิ ำณนำ้� ในแหลง่ นำ�้ เพม่ิ ขน้ึ สำ� หรบั ประเทศทต่ี อ้ งพง่ึ พำ
แหลง่ น�ำ้ จำกกำรละลำยของหิมะ ขณะท่ปี ระเทศเขตร้อนจะเกดิ ภำวะขำดแคลนน้�ำในวงกวำ้ ง
219
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ในอนาคตมกี ารคาดการณว า “เกาะจะถกู นา้ํ ทว ม” เหตกุ ารณน ี้ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผันผวนของภูมิอากาศวาเปนระบบ
เปนผลมาจากสาเหตุใด ภมู อิ ากาศทแ่ี ปรปรวนไปจากแบบแผนของภมู อิ ากาศทเี่ คยเปน อยใู นอดตี ทแ่ี ตกตา ง
ไปจากคาเฉลี่ยสถิติท้ังในเชิงพื้นที่และเวลา เชน โดยปกติประเทศไทยฝนจะ
1. ภาวะโลกรอ นทร่ี นุ แรง เรม่ิ ตกประมาณเดอื นพฤษภาคม แตถ า มฝี นตกตอ เนอ่ื งตง้ั แตเ ดอื นเมษายนถอื วา
2. ปาไมอุดมสมบูรณมากขนึ้ มีความผนั ผวนของฝนเกดิ ขึ้น
3. ฝนตกหนักตอ เนือ่ งเปน เวลานาน
4. ประชากรอพยพเขา ไปอยูอาศัยมาก นักเรียนควรรู
5. ลดการปลอยแกสคารบอนไดออกไซด
1 คณะกรรมการระหวางรัฐบาลวาดวยการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ประเทศที่เปนหมูเกาะมีพ้ืนท่ีตํ่า (IPCC) เปน องคการระหวางประเทศท่ีทาํ หนา ทปี่ ระเมนิ การเปลย่ี นแปลงสภาพ
อยูแลว เม่ือเกิดภาวะโลกรอนท่ีรุนแรงจะสงผลใหระดับน้ําทะเล
เพม่ิ สูงขึน้ จนอาจเขา ทว มพื้นทข่ี องเกาะได)
ภมู อิ ากาศ กอต้ังขึ้นโดยโครงการส่ิงแวดลอมแหง สหประชาชาติ (UNEP) และ
องคก ารอุตุนยิ มวทิ ยาโลก (WMO) ใน พ.ศ. 2531 มีจดุ ประสงคเ พอื่ ใหท่ัวโลก
Tรับรูเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแนวโนมผลกระทบตอ
สิง่ แวดลอ ม เศรษฐกิจ และสังคม 229
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ส�ำหรับสถำนกำรณ์กำรเปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศของประเทศไทย จำกข้อมูล
กำรตรวจวัดท่ีผิวพ้ืนและในบรรยำกำศของสถำนีอุตุนิยมวิทยำท่ัวประเทศ บ่งช้ีว่ำอุณหภูมิใน
ขน้ั ที่ 1 การตั้งคําถามเชงิ ภูมิศาสตร ประเทศไทยในรอบ 55 ปที ่ผี ำ่ นมำ (พ.ศ. 2498 - 2552) เพิม่ สูงข้ึนเฉล่ยี ปลี ะ 1.45 องศำเซลเซยี ส
โดยค่ำเฉล่ยี รำยปีอุณหภูมิสงู สุดเพ่ิมข้นึ 0.86 องศำเซลเซียส และคำ่ เฉล่ียอณุ หภูมติ �่ำสุดเพมิ่ ขน้ึ
3. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ิมเติมจาก 0.95 องศำเซสเซียส ในขณะท่ีสถำบันสำรสนเทศทรัพยำกรน�้ำและกำรเกษตรระบุว่ำที่อุณหภูมิ
พฤติกรรมในชีวิตประจําวันของนักเรียน ผิวน้�ำทะเลเฉลี่ยในอ่ำวไทยและทะเลอันดำมันมีแนวโน้มสูงข้ึนประมำณ 0.1 องศำเซลเซียสต่อ
และบุคคลในครอบครัวที่กอใหเกิดการ ทศวรรษในรอบ 50 ปี (พ.ศ. 2510 - 2549) ระดับน้�ำทะเลเฉลี่ยในอ่ำวไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย
เปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและ อตั รำ 3.0 - 5.0 มลิ ลเิ มตรตอ่ ป ี สง่ ผลกระทบ เชน่ บรเิ วณอำ่ วไทยตอนบนเกดิ กำรรกุ ลำ้� ของนำ�้ เคม็
ส่ิงแวดลอมในดานตางๆ เชน อากาศ ดิน ท�ำให้ผลิตข้ำวได้น้อยลง ส่งผลต่อระบบนิเวศชำยฝั่ง ท�ำให้เกิดกำรปนเปื้อนของน้�ำเค็มในแหล่ง
น้ํา ปาไม สัตวปา แรและพลังงาน อาหาร นำ�้ จดื และท�ำใหพ้ ้ืนท่ีปำ่ ชำยเลนลดลง
รวมไปถึงขยะตางๆ เกี่ยวกับผลกระทบท่ี
เกิดข้นึ จากพฤตกิ รรมดังกลา ว พรอ มทัง้ เสนอ 2) สาเหตขุ องการเปล่ยี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ทส่ี ำ� คญั มีดงั นี้
แนวทางแกไ ขในเบอื้ งตน รว มกนั ประกอบการ
ใชค ําถาม เชน 2.1) สาเหตจุ ากธรรมชาต ิ เชน่ กำรเพมิ่ ขนึ้ ของพลงั งำนควำมรอ้ นจำกดวงอำทติ ย์
• ในเมืองใหญท่ีมีการจราจรหนาแนนจะมี ท�ำใหพ้ ลงั งำนท่ีโลกได้รับในแต่ละฤดูและแต่ละละตจิ ูดเปลี่ยนแปลงไปอย่ำงมำก
สภาพอากาศเปน อยา งไร และสง ผลกระทบ 2.2) สาเหตจุ ากมนษุ ย ์ ต้งั แต่โลกเขำ้ สู่สมัยปฏิวตั อิ ุตสำหกรรมเป็นตน้ มำ มนษุ ย์
ตอ มนษุ ยอ ยา งไร ไดพ้ ฒั นำเทคโนโลย ี เครอื่ งจกั รกลขนึ้ มำใชท้ นุ่ แรง เพอ่ื เพม่ิ กำ� ลงั ในกำรผลติ และอำ� นวยควำมสะดวก
(แนวตอบ การจราจรท่ีหนาแนนกอใหเกิด ตำ่ ง ๆ ซง่ึ ทำ� ใหเ้ กดิ กำรเพมิ่ ขนึ้ ของแกส๊ เรอื นกระจก เชน่ แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซดจ์ ำกกำรเผำไหม้
มลภาวะทางอากาศท่ีรุนแรง จากสารพิษ เแชลอ้ื ะเกพำลรงิปถศำ่ สุ นัตหวนิ ์ แนลำ้� ะมกนั ำดรเบิ พ แม่ิ ลขะนึ้ แขกอส๊ งธสรำรรมคชลำอตโ ิ แรฟกส๊ลมูอเีอทโรนคแำลระบ์ ไนอนต1ร (สั Cอhอloกrไoซfดluจ์oำrกocกaำrรbทoำ� nกsำ: รCเกFษCตsร)
ที่เกิดจากการเผาไหมเชื้อเพลิงฟอสซิลของ ท่ีท�ำลำยชั้นโอโซน มีผลท�ำให้อุณหภูมิของอำกำศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดกำรเปล่ียนแปลง
เครื่องยนต ไดแก ไนโตรเจนไดออกไซด สภำพภมู อิ ำกำศของโลก
ค า ร บ อ น ม อ น อ ก ไ ซ ด ต ะ ก่ั ว แ ล ะ
ไฮโดรคารบอน ซึ่งเปนอันตรายตอระบบ
ทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบ
ประสาทของรา งกาย)
ก ำรปลอ่ ยแกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซดจ์ ำกกำรเผำไหมเ้ ชอื้ เพลงิ ของเครอ่ื งยนตอ์ อกสบู่ รรยำกำศจำ� นวนมำก เปน็ สำเหตสุ ำ� คญั
ประกำรหนง่ึ ทท่ี ำ� ใหเ้ กิดกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ
220
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
1 สารคลอโรฟลูออโรคารบอน หรือสาร CFCs เปนสารที่มีความคงตัวสูงมาก เหตุการณใดทอี่ าจกลา วไดวาเปนจุดเร่มิ ตน ของการเพม่ิ ข้ึน
จึงสลายตัวไดชาท่ีสุด เม่ือถูกปลอยออกสูบรรยากาศจะลอยไปถึงชั้นสแตรโทสเฟยร ของแกส เรอื นกระจกในบรรยากาศ
เม่ือถึงช้ันบรรยากาศดังกลาวรังสีอัลตราไวโอเลตจะทําให CFCs แตกตัวและปลอย
อะตอมของคลอรีนออกมา อะตอมของคลอรีนจะไปดึงอะตอมของออกซิเจนจาก 1. การปฏิวัตกิ ารคา
โมเลกุลของโอโซนออกมาเพื่อสรางสารชนิดใหม ดังน้ัน ย่ิงสาร CFCs มีมากเทาใด 2. การปฏิวตั ิเกษตรกรรม
โอโซนก็จะถกู ทาํ ลายมากขึ้นเทานนั้ 3. การปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรม
4. การปฏิวตั ิวิทยาศาสตร
T230 5. การขยายอิทธิพลของจกั รวรรดินยิ ม
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การปฏิวัติอุตสาหกรรมนับเปน
จุดเร่ิมตนของการเพ่ิมแกสเรือนกระจกในบรรยากาศ จากการ
ท่ีชาวยุโรปรูจักนําพลังงานเช้ือเพลิงจากธรรมชาติมาใชในการ
ผลิตสนิ คาตา งๆ ทีส่ าํ คญั คอื การเผาไหมเ ช้ือเพลิง เชน ถานหิน
แกสธรรมชาติ ซ่ึงกอใหเกิดแกสเรือนกระจก อันนํามาซ่ึงการ
เปล่ยี นแปลงและวกิ ฤตการณท างธรรมชาตขิ องโลกในปจจุบัน)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อณุ หภมู ทิ ่สี งู ขึน้ ทำ� ให้เกิด
ขนั้ สอน
กำรเปลยี่ นแปลงของสภำพภมู อิ ำกำศในรปู แบบตำ่ ง ๆ เชน่ รปู แบบของลม จำ� นวนและชนดิ ของไอนำ้�
ในอำกำศ (ฝน ลม หมิ ะ และนำ�้ แขง็ ) ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หำดำ้ นสง่ิ แวดลอ้ ม สงั คม และเศรษฐกจิ เชน่ ข้ันที่ 1 การตั้งคําถามเชงิ ภูมศิ าสตร
3.1) ผลผลิตทางการเกษตรลดน้อยลง กำรเปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศ เช่น
ฝนท่ีตกหนักข้ึนและยำวนำน ท�ำให้เกษตรกรไม่สำมำรถเพำะปลูกได้ตำมฤดูกำล หรือบำงพื้นท่ี 4. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนคลิปวิดีโอ
ประสบภยั แลง้ รนุ แรง ทำ� ใหผ้ ลผลติ ทำงกำรเกษตรลดลง ซง่ึ มผี ลตอ่ เนอ่ื งไปถงึ ปรมิ ำณอำหำรสำ� รอง ท่ีเก่ียวของกับปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ
ในโลกน้อยลง สิ่งแวดลอม เชน
3.2) ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลงและหน้าดินได้รับความเสียหาย มีสำเหตุ • พื้นทีป่ ระสบภัยแลงรุนแรง
มำจำกกำรชะล้ำงพังทลำยของดนิ เน่ืองจำกสภำพภูมิอำกำศทีร่ ุนแรง • การละลายของนํา้ แข็งบรเิ วณขว้ั โลก
3.3) ระดับน้�าทะเลเพิ่มสูงข้ึน จำกภำวะโลกร้อนที่ส่งผลให้เกิดกำรขยำยตัวของ • ระดบั นา้ํ ทะเลท่ีเพิ่มสงู ขน้ึ
น�้ำทะเล และกำรละลำยของน้�ำแข็งบริเวณขั้วโลกท�ำให้ระดับน้�ำทะเลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ชุมชน • การสูญพันธขุ องสัตวป า
รมิ ฝั่งทะเล พน้ื ท่กี ำรเกษตรแหล่งน�ำ้ จดื ริมฝ่งั รวมถงึ ประเทศทเี่ ป็นเกำะกลำงมหำสมทุ รหรือทะเล • การใชน า้ํ บาดาล
อยู่ในภำวะเส่ยี งภัยจำกน้�ำท่วม
3.4) เกิดภยั ธรรมชาตริ นุ แรงมากขนึ้ เช่น ภยั แล้ง ไฟป่ำ อุทกภยั ส่งผลกระทบ 5. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความ
ตอ่ กำรท่องเท่ยี ว เศรษฐกจิ สงั คม รวมถึงทรัพยำกรธรรมชำติและสง่ิ แวดลอ้ ม คิดเห็นเพิ่มเติมเชื่อมโยงคลิปวิดีโอตัวอยาง
3.5) ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น วามีความเกี่ยวของกับผลกระทบจากการ
สัดส่วนชนิดของสิ่งมีชีวิตจ�ำนวนมำกเกิดควำมเสี่ยงที่จะสูญพันธ์ุ ระบบนิเวศชำยฝั่งและบริเวณ เปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศอยางไร
พนื้ ที่ตำ�่ เสี่ยงต่อกำรถูกท�ำลำยจำกระดับน�้ำทะเลท่เี พ่มิ สูงขนึ้
3.6) ปริมาณน�้าจืดลดลง เน่ืองจำกอุณหภูมิโลกสูงขึ้น ท�ำให้มีฝนตกน้อยลง 6. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตง้ั ประเดน็ คาํ ถาม
ประกอบกับอัตรำกำรระเหยของนำ�้ ผวิ ดนิ เพม่ิ สงู ส่งผลใหน้ �ำ้ ใต้ดินลดลงดว้ ย และกำรสบู น�้ำใตด้ ิน เชงิ ภูมศิ าสตร เชน
ข้ึนมำใช้เพื่อกำรอุปโภคบริโภคมำกข้ึน มีส่วนส�ำคัญต่อกำรลดลงของน�้ำจืดท่ัวโลก ในอีก 50 ป ี • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความ
ข้ำงหน้ำ จำ� นวนประชำกรที่ขำดแคลนน�้ำดม่ื จะเพม่ิ สงู ขน้ึ ประมำณ 5,000 ลำ้ นคน จำกประชำกร เส่ือมโทรมของส่ิงแวดลอม ปญหาความ
ทงั้ หมดประมำณ 8,000 ลำ้ นคน หลากหลายทางชีวภาพ และภัยพิบัติ
มีสาเหตุมาจากอะไร และมีผลกระทบ
อยา งไรบาง
• กจิ กรรมการดาํ เนนิ ชวี ติ ของมนษุ ยก อ ใหเ กดิ
การเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอ มอยา งไร
จ ำกอณุ หภูมโิ ลกทีส่ งู ขน้ึ ทำ� ใหน้ �ำ้ แข็งในขว้ั โลกเหนือละลำย ซง่ึ ส่งผลท�ำใหป้ ระชำกรหมีขว้ั โลกลดลงอยำ่ งรวดเรว็ จำกกำร
ไม่มีทีอ่ ยู่อำศัย จมน�้ำตำย หรอื ขำดอำหำรตำย
221
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
มนษุ ยเปนสาเหตุของการแปรปรวนของสภาพอากาศไดอ ยางไร ครูอาจตั้งประเด็นใหนักเรียนอภิปรายรวมกันถึงสาเหตุท่ีแทจริงของ
การเปล่ียนแปลงทางธรรมชาติดังท่ีปรากฏในปจจุบัน เชน วิกฤตการณดาน
(แนวตอบ มนษุ ยเปนตน เหตุของสภาพอากาศแปรปรวนไดจาก ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอม ภาวะโลกรอน : ภยั ทีย่ อ นกลับสมู นษุ ยชาติ
การใชทรพั ยากรธรรมชาตใิ นกิจกรรมตางๆ นบั ตัง้ แตอดตี มนุษย เพอ่ื ใหน กั เรยี นตระหนกั ถงึ บทบาทหนา ทใี่ นการมสี ว นรว มรบั ผดิ ชอบแกไ ขปญ หา
รูจักใชทรัพยากรเช้ือเพลิงท่ีเผาไหมซ่ึงกอใหเกิดแกสเรือนกระจก การเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาตติ างๆ ซ่งึ เกิดจากกจิ กรรมของมนษุ ยเ ปนสาํ คัญ
เปนจาํ นวนมาก นอกจากนี้ การตัดไมท ําลายปา เพื่อวตั ถุประสงค
ทางการเกษตร อตุ สาหกรรม และการตง้ั ถน่ิ ฐาน ทาํ ใหข าดแหลง ที่ สื่อ Digital
จะชว ยดดู ซบั แกส คารบ อนไดออกไซด และยงั กอ ใหเ กดิ ภยั ตามมา
อีกหลายประการ) ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศในประเทศไทย
ไดท่ี https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=86 กรมอุตุนิยมวิทยา
T231
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 4) แนวทางแก้ ไขการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์กำรสหประชำชำติ
ข้ันที่ 2 การรวบรวมขอ มูล ได้เตรียมพร้อมในกำรรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดข้ึนจำกกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ โดย
ก�ำหนดกลไกเพือ่ แกไ้ ขปัญหำ 2 กลไก คือ
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม จํานวน 6 กลุม • กรอบอนสุ ญั ญำสหประชำชำตวิ ำ่ ดว้ ยกำรเปลยี่ นแปลงสภำพภมู อิ ำกำศ (United
สืบคนขอมูลเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงและ Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ก�ำหนดใหป้ ระเทศท่ีพฒั นำ
ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและ แล้วลดกำรปลอ่ ยแก๊สเรือนกระจกของตน และช่วยเหลือประเทศอน่ื ๆ ในกำรลดแกส๊ เรอื นกระจก
ส่งิ แวดลอม ตลอดจนสาเหตุ ผลกระทบ และ • พธิ สี ำรเกยี วโต (Kyoto Protocol) กำ� หนดใหป้ ระเทศสมำชกิ ทเี่ ขำ้ รว่ มตอ้ งลดปรมิ ำณ
แนวทางแกไข จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร กำรปล่อยแก๊สเรอื นกระจกไม่น้อยกว่ำร้อยละ 5 ภำยใน พ.ศ. 2551 - 2555 ต่อมำไดม้ กี ำรบังคบั ใช้
ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน ตอ่ ใหเ้ ปน็ พนั ธกรณกี ำรลดกำรปลอ่ ยแกส๊ เรอื นกระจกระยะท ่ี2 มผี ลบงั คบั ใชต้ งั้ แต ่ พ.ศ. 2556 - 2563
หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ซ่ึงมกี ำรกำ� หนดกลไกเพอ่ื ชว่ ยสนบั สนนุ กำรดำ� เนนิ กำร เชน่ (1) กำรดำ� เนนิ กำรรว่ ม (2) กำรซอื้ ขำย
ในประเดน็ ตอ ไปน้ี แกส๊ เรอื นกระจก และ (3) กลไกกำรพัฒนำที่สะอำด
• สภาพภมู ิอากาศ ส�ำหรับประชำชนท่ัวไปสำมำรถมีส่วนร่วมในกำรลดกำรปล่อยแก๊สเรือนกระจก
• ทรัพยากรดนิ เ ใชน่นบ ร พรยลำังกง ำำนศ ไลดม ้ 4ดพ.งั1ลน) ัง้ี พงำัฒนนแาสพงอลำังทงติานย์ สพะอลงัางด1ำ นโนด�ำ้ย กเำพร่ือเพลม่ิดปกำรระใสชทิ ้เธชภิ้อื ำเพพลกงิำฟรใอชสพ้ ซลลิ งั2ทงำีส่ น่งธผรลรใมหชเ้ กำิดติ
• ทรัพยากรนาํ้ แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์
• ทรัพยากรปาไมและสัตวปา 4.2) ใชร้ ถยนตส์ ว่ นตวั ใหน้ อ้ ยลง และหนั ไปใชจ้ กั รยำนหรอื รถโดยสำรประจำ� ทำง
• ทรัพยากรแรและพลังงาน เพื่อลดกำรปลอ่ ยมลพษิ ทำงอำกำศ
• ขยะและของเสยี อันตราย 4.3) ใชพ้ ลงั งานไฟฟา อยา่ งรคู้ ณุ คา่ เชน่ ปดิ เครอ่ื งใช ้ไฟฟำ้ ตำ่ ง ๆ เมอ่ื ไมไ่ ดใ้ ชง้ ำน
เพ่ือประหยัดกำรใชพ้ ลงั งำนไฟฟำ้ ท่ีไดจ้ ำกกำรเผำไหมเ้ ช้ือเพลงิ จำกถำ่ นหนิ และแก๊สธรรมชำติ
2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาขอ มลู ในหวั ขอ
ท่ีรับผิดชอบ ประกอบการใชเครื่องมือทาง 4.4) ลดปริมาณการใช้โฟม
ภมู ิศาสตร และถุงพลาสติก เพื่อลดแก๊สเรือนกระจกที่เกิด
จำกกำรเผำเพอื่ กำ� จดั โฟมและถงุ พลำสตกิ ใชแ้ ลว้
3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเช่ือถือ ซง่ึ เปน็ สำเหตสุ ำ� คญั ทที่ ำ� ใหช้ นั้ โอโซนถกู ทำ� ลำย
ใหก บั นักเรียนเพมิ่ เติม และทำ� ใหอ้ ณุ หภมู ิของอำกำศเพ่ิมข้ึน
4.5) ร่วมกันปลูกต้นไม้ เพ่ือ
เพ่ิมพนื้ ที่สเี ขยี วให้กับโลก โดยไมย้ ืนต้น 1 ตน้
จะช่วยดูดซับแกส๊ คำร์บอนไดออกไซดป์ ระมำณ
9 กิโลกรัมต่อป ี ขึ้นอยู่กบั ขนำดและชนดิ พันธ์ุ
กำรใช้พลังงำนทดแทนช่วยลดกำรใช้เช้ือเพลิงฟอสซิล
ท่ีสง่ ผลใหเ้ กดิ ภำวะโลกรอ้ น
222
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม
1 พลังงานสะอาด เปนพลังงานที่ไมทําลายสิ่งแวดลอม ไดแก พลังงาน นกั เรยี นสบื คน และรวบรวมขอ มลู ขา วสารเกย่ี วกบั การเปลยี่ นแปลง
ธรรมชาติในรูปแบบตางๆ ที่สามารถนํามาใชไดไมมีวันหมด และไมกอใหเกิด ธรรมชาติในพื้นท่ีตา งๆ อนั เนอื่ งมาจากภาวะโลกรอน ในประเด็น
มลภาวะอืน่ ๆ สามารถนําไปใชไดท งั้ งานอุปโภค อตุ สาหกรรม การพาณิชย ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ พื้นท่ีที่เกิดการ
2 เช้ือเพลิงฟอสซิล เกิดจากการทับถมกันของซากพืชซากสัตวขนาดเล็ก เปลย่ี นแปลง ผลกระทบ แลว ผลดั กนั นาํ ขอ มลู มาเสนอหนา ชนั้ เรยี น
ในทะเลเปนช้ันหนาจนกลายเปนช้ันหินใตผิวโลก ทําใหไดรับความรอนจาก
ใตพิภพและเกิดการสลายตัวของอินทรียสาร ทําใหซากพืชซากสัตวเหลานั้น
สลายตัวกลายเปนพลงั งานทใี่ หเชือ้ เพลิงได ไดแก ถา นหนิ น้าํ มันดบิ และแกส
ธรรมชาติ
T232
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1.2 ความเสือ่ มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ขนั้ สอน
ปัจจุบันประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตกำรณ์ทำงด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและ ข้นั ท่ี 3 การจัดการขอ มูล
สงิ่ แวดลอ้ ม และนับวนั วิกฤตกำรณ์ตำ่ ง ๆ กย็ ่ิงทวีควำมรนุ แรงมำกขึ้น
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
1) วกิ ฤตการณเ์ กยี่ วกบั ทรพั ยากรดนิ จำกควำมจำ� กดั ของทด่ี นิ กำรเปลย่ี นแปลง การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู
ระหวา งกัน
สภำพกำรใชท้ ่ดี ิน กำรใช้ทีด่ ินไม่เหมำะสม ล้วนเปน็ สำเหตุท่ีทำ� ใหเ้ กดิ วิกฤตกำรณเ์ กย่ี วกบั ที่ดนิ
โครงกำรสงิ่ แวดลอ้ มของสหประชำชำตริ ะบวุ ำ่ ทว่ั โลกมรี ะดบั ปญั หำควำมเสอื่ มโทรม 2. สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ทนี่ าํ เสนอ
ของดนิ ประมำณ 12 ลำ้ นตำรำงกโิ ลเมตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 11 ของพนื้ ทเ่ี กษตรกรรมทวั่ โลก พน้ื ทด่ี นิ เพื่อใหไดขอมูลท่ีถูกตอง และรวมอภิปราย
ทเ่ี คยมคี วำมอดุ มสมบรู ณป์ ระมำณ 8.1 ลำ้ นตำรำงกโิ ลเมตร ไดก้ ลำยเปน็ ทะเลทรำย นอกจำกน้ี แสดงความคิดเห็นเพ่มิ เติม
กำรเกิดดินเค็มท�ำให้ผลผลิตในเขตชลประทำนลดลง 1 ใน 3 ของผลผลิตท่ัวโลก และปัญหำ
น�้ำทว่ มขังผิวดิน ท�ำให้ผลผลิตลดลง 1 ใน 10 ของผลผลิตทั่วโลก กำรเกดิ มลพษิ ทำงดนิ จำกกำร ขนั้ ท่ี 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มูล
ปนเปอ้ื นสำรเคม ี รวมถงึ มกี ำรสญู เสยี หนำ้ ดนิ รวมกนั ทว่ั โลกสงู ถงึ 24,000 ลำ้ นตนั เชน่ ในประเทศ
เอธิโอเปยี มีปญั หำกำรกรอ่ นของดิน ท�ำใหส้ ญู เสียหน้ำดนิ ประมำณปีละ 2,000 ลำ้ นตนั 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมท่ีทําการสืบคนขอมูล
ประเทศไทยประสบปญั หำตะกอนดนิ ถกู ชะลำ้ งลงสแู่ หลง่ นำ�้ ปลี ะประมำณ 27 ลำ้ นตนั เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลงและความเสอื่ มโทรม
และที่ดินกว่ำ 108 ลำ้ นไร่ พ้นื ทีท่ �ำกำรเกษตรทั้งหมดภำยในประเทศจ�ำนวน 152 ไร่ เป็นพื้นที่ ของทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
กปรรมะสทบ่ีดปินญั ไดห้รำะกบำุวร่ำช ะลพำ้ ื้นงทพี่กงั ทว่ำล ำ9ย5ข อลง้ำหนนไำ้ รด่เนิป ็นซดง่ึ ินสำกเรหดต สุ1ว่4น ใลห้ำญนม่ไรำ่เจปำ็นกดฝินนเตคก็มแ1 ลแะนละำ้� ยปังำ่ มไหีพลื้นหทล่ีดำินก ตลอดจนสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางแกไ ข
ท่ีไม่เหมำะสมส�ำหรับท�ำกำรเกษตรเป็นจ�ำนวนมำก ปัญหำดังกล่ำวอำจส่งผลกระทบท�ำให้พื้นท่ี นาํ เสนอขอ มูลจากการศึกษา
เพำะปลกู ลดลง และกระทบตอ่ กำรส่งออกสินคำ้ ทำงกำรเกษตรของไทย
1.1) สาเหตุของวิกฤตการณเ์ กย่ี วกับทรพั ยากรดนิ ทสี่ ำ� คญั เช่น
1. สาเหตจุ ากมนุษย์ เนือ่ งจำกจำ� นวนประชำกรทีเ่ พิ่มขึน้ ท�ำให้มกี ำรขยำย
ทด่ี นิ ทำ� กนิ มำกขน้ึ มกี ำรบกุ รกุ แผว้ ถำงพนื้ ทปี่ ำ่ ไมต้ น้ นำ�้ ลำ� ธำรมำกขน้ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หำกำรชะลำ้ ง
พงั ทลำยของหนำ้ ดนิ อยำ่ งรนุ แรงจนถงึ ขน้ั ดนิ ถลม่ กำรใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ ไมเ่ หมำะสม เชน่ พนื้ ทดี่ นิ
อุดมสมบูรณ์ที่เหมำะแก่กำรท�ำกำรเกษตร กลับน�ำมำสร้ำงท่ีอยู่อำศัย ส่วนพื้นที่ดินแห้งแล้ง
กลับใชท้ �ำกำรเกษตร หรือกำรเพำะปลกู พืชชนิดเดียวกนั ซ้ำ� ๆ ในพื้นท่ีเพำะปลูกเดิม ท�ำให้แรธ่ ำตุ
ในดนิ บำงชนดิ รอ่ ยหรอ บำงชนดิ สงู เกนิ กวำ่ เกณฑท์ กี่ ำ� หนด กำรใชป้ ยุ๋ เคมมี ำกจนทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หำ
ดินเปรย้ี ว รวมถงึ กำรขำดกำรอนุรกั ษ์ดิน ปรบั ปรุงดนิ จนส่งผลให้สมบตั ขิ องดินเปลี่ยนแปลง
2. สาเหตุจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เนื่องมำจำกสภำพธรรมชำติและ
กำรกระทำ� ของมนษุ ย ์ มผี ลตอ่ กำรเปลยี่ นเแปลงสภำพภมู อิ ำกำศของโลก ทำ� ใหอ้ ณุ หภมู โิ ลกสงู ขน้ึ
เกิดปญั หำโลกร้อน ภยั แล้ง แผ่นดนิ ถล่ม น้�ำท่วมฉับพลัน ไฟป่ำ เป็นต้น
223
ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู
สาเหตุสําคัญของปญหาการใชป ระโยชนท ี่ดินในประเทศไทย ครอู ธบิ ายใหน กั เรยี นเขา ใจถงึ ความสาํ คญั ของการจดั การทด่ี นิ และการฟน ฟู
คืออะไร ท่ีดินเสื่อมโทรมเพ่ือการใชประโยชนในการแกไขและบรรเทาวิกฤตการณ
ทรพั ยากรทดี่ นิ ในประเทศไทย เชน มกี ารใชพ น้ื ทที่ เ่ี หมาะสมตอ การเพาะปลกู ไป
1. การทาํ ไรเล่อื นลอยในพ้ืนท่ีหา งไกล สรา งหมูบานจดั สรร นคิ มอตุ สาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตวั ของเมอื ง ดังน้ัน
2. การขยายพืน้ ท่ีเพาะปลกู พชื เศรษฐกจิ ทัง้ ภาครฐั และประชาชนควรรว มมอื กันใชป ระโยชนทดี่ นิ อยา งถกู ตอ งเหมาะสม
3. การบังคบั ใชกฎหมายทีไ่ มมีประสิทธภิ าพ
4. การมีจาํ นวนประชากรหนาแนนทกุ ภูมิภาค นักเรียนควรรู
5. การมีนคิ มอุตสาหกรรมขนาดใหญเ กิดขึน้ ในภมู ิภาคตา งๆ
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การบังคับใชกฎหมายท่ีไมมี 1 ดินเค็ม เปนดินท่ีมีปริมาณเกลือชนิดตางๆ ที่ละลายน้ําไดปะปนในดิน
ประสิทธิภาพนับเปนสาเหตุสําคัญของปญหาการใชที่ดินใน สูงจนเปนอันตรายตอพืช เนื่องจากไมสามารถดูดน้ําเขาสูระบบรากไดสะดวก
ประเทศไทย กลาวคือ การมเี จาหนาทีป่ ฏบิ ัตงิ านไมเพยี งพอ การ หรือเกิดสภาพท่ีเปนพิษกับพืช ดังน้ัน พื้นท่ีดินเค็มจึงเปนสถานที่วางเปลา
ขาดการดูแลเอาใจใสของเจาหนาท่ีภาครัฐ สงผลใหการบังคับใช ไมม ีพชื ขึ้น กรณที ด่ี ินเคม็ จัดจะเหน็ คราบเกลือบนผิวดินเปนบรเิ วณกวาง
กฎหมายเกย่ี วกบั การใชป ระโยชนท ดี่ นิ เพอื่ ความถกู ตอ งเหมาะสม
ไมม ปี ระสทิ ธิภาพเทาท่คี วร) T233
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 1.2) ผลกระทบจากวิกฤตการณ์เกี่ยวกบั ทรัพยากรดนิ ทส่ี �ำคัญ มีดงั น้ี
1. ด้านส่ิงแวดล้อม ควำมเสื่อมโทรมของดินเกิดจำกกำรจัดกำรที่ดิน
ขัน้ ท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมูล ไมเ่ หมำะสม ทำ� ใหม้ กี ำรชะลำ้ งพงั ทลำยของหนำ้ ดนิ และเกดิ เปน็ ตะกอนตำมแหลง่ นำ�้ ตำ่ ง ๆ สง่ ผล
ให้แหลง่ น้�ำตนื้ เขิน ท�ำใหร้ ฐั ตอ้ งเสียคำ่ ใชจ้ ำ่ ยเป็นจำ� นวนมำกในกำรขุดลอกตะกอนตำมแหลง่ นำ�้
2. ครูสุมตัวแทนนักเรียนท่ีไมใชกลุมท่ีทําการ 2. ด้านเศรษฐกิจ ควำมเส่ือมโทรมของดินส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิต
ศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรดินมาอธิบายความรู ทำงกำรเกษตรทลี่ ดลง ทำ� ให้เกษตรกรมีรำยได้ต่�ำและยำกจน
ความเขาใจเกี่ยวกับวิกฤตการณดินขาดความ 3. ด้านสังคม กำรที่เกษตรกรมีรำยได้ต�่ำ ท�ำให้เกิดกำรบุกรุกพื้นท่ีป่ำไม้
อุดมสมบูรณในประเทศไทย ซึ่งประกอบดวย ขยำยพ้ืนทีท่ ำ� กนิ เพื่อให้มรี ำยได้เพยี งพอหรืออพยพมำหำงำนทำ� ในเมอื ง
ดินเปรี้ยว ดินเค็ม และดินเส่ือมโทรม ใน 1.3) แนวทางในการแก ้ไขวิกฤตการณเ์ กย่ี วกับทรัพยากรดนิ ทีส่ �ำคัญ มีดงั นี้
ดานปจจัยสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทาง 1. การลดการไถหนา้ ดนิ กำรไถหนำ้ ดนิ เปน็ สำเหตหุ นงึ่ ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ กำรกรอ่ น
การปองกันแกไขวิกฤตการณดังกลาว โดย ของหนำ้ ดนิ ไดง้ ำ่ ย เพรำะดนิ ท่ีไถขนึ้ มำนนั้ มโี อกำสถกู นำ�้ ฝนชะและพดั พำออกไปไดง้ ำ่ ย แนวทำง
ครูแนะนําเพิ่มเติมเพ่ือใหเกิดความรูที่ถูกตอง อนรุ กั ษด์ นิ โดยลดกำรไถไดเ้ พมิ่ ขนึ้ อยำ่ งแพรห่ ลำยโดยเฉพำะในสหรฐั อเมรกิ ำ มกี ำรลดกำรไถเพมิ่ สงู
จากนั้นใหนักเรียนรวมกันสรุปสาระสําคัญ ถึงรอ้ ยละ 37 ของกำรเพำะปลกู ท้ังหมดในประเทศ โดยอำศัยกำรเจำะและปลูกในจดุ ทกี่ ำ� หนด
เกย่ี วกับวิกฤตการณเกยี่ วกับทรัพยากรดนิ 2. การเพาะปลูกแบบขั้นบันได โดยปรับพื้นที่ให้รำบสลับกับผนังที่ลำดชัน
แล้วท�ำกำรเพำะปลูกในช่องที่ปรับให้รำบน้ัน ส่วนผนังท่ีลำดชันน้ันปล่อยให้หญ้ำหรือวัชพืชขึ้น
3. ครตู ั้งคาํ ถามนักเรียนเพม่ิ เติม เชน เพอื่ ปอ้ งกนั กำรพงั ทลำยของผนงั เชน่ นำขน้ั บนั ไดทบ่ี ำนำเว บนเกำะลซู อน ประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส ์
• ปจจัยสําคัญที่มีผลตอการใชดินในประเทศ เปน็ ตัวอย่ำงท่ดี ีของกำรท�ำกำรเกษตรแบบยั่งยนื ด้วยวิธีกำรดง้ั เดมิ และลดกำรพงั ทลำยของดนิ
ไทยไดแ กสงิ่ ใด 3. การคงความอุดมสมบูรณ์ของดินและการปรับสภาพดิน ประเทศก�ำลัง
(แนวตอบ เชน การอยูอาศัย การประกอบ พฒั นำมกี ำรใชป้ ยุ๋ อนิ ทรยี ์ เชน่ ปยุ๋ คอก ปยุ๋ พชื สด ในกำรเพมิ่ ธำตอุ ำหำรแกด่ นิ หรอื กำรปรบั สภำพดนิ
อาชพี ความตองการทางเศรษฐกจิ การวาง ใหเ้ หมำะตอ่ กำรเพำะปลกู เชน่ กำรแก้ปญั หำดินเค็มในภำคตะวนั ออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย
ผังเมือง ฯลฯ) ด้วยกำรจัดทำ� ระบบอนุรกั ษด์ ิน โดยกำรหว่ำนปยุ๋ พืชสด ซง่ึ ปุ๋ยพชื สด คือ พชื ที่ปลกู สำ� หรับสับกลบ
ในดินเพอ่ื ปรับปรุงดนิ และเพ่มิ อนิ ทรยี วตั ถใุ หแ้ ก่
ดนิ เชน่ ถว่ั พรำ้ ปอเทอื ง
4. การท�าการเกษตรแบบอินทรีย์
เป็นกำรท�ำเกษตรที่เน้นวิธีกำรตำมธรรมชำต ิ
ลดกำรใช้สำรเคมีในกำรปลูกพืช เพ่ือปรับปรุง
สภำพดนิ ทเี่ สอ่ื มโทรม และไดผ้ ลผลติ ทปี่ ลอดภยั
ต่อผู้บริโภค ในปัจจุบันกำรเกษตรแบบอินทรีย์
ได้เป็นแนวทำงกำรพัฒนำดินท่ีย่ังยืน เป็นท่ี
นิยมและเติบโตมำกขึ้น เพรำะเป็นมิตรกับ
กำรปลกู ปอเทอื ง เพอ่ื เปน็ ปยุ๋ พชื สด ชว่ ยแกป้ ญั หำดนิ เคม็ สง่ิ แวดลอ้ ม
224
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับปญหาการถือครองที่ดินวาเปนการบุกรุกที่ดิน ขอ ใดไมใ ชวิธีการจดั การคุณภาพดนิ
ของรัฐ โดยประชาชนเขาไปอยูอาศัยและประกอบอาชีพโดยขาดสิทธิในการ 1. ลดการไถหนา ดิน
ครอบครองที่ดินตามกฎหมาย หรือประชาชนเขาไปครอบครองอยางถูกตอง 2. ปรับปรุงบาํ รงุ ดิน
แตรัฐประกาศใหเปนที่ดินของรัฐในภายหลัง ทําใหเกิดความขัดแยงระหวาง 3. ปลูกพชื หลายชนดิ
เจาหนาที่กับประชาชน นอกจากนี้ ในการทํารังวัดตรวจสอบที่ดินตามเอกสาร 4. ปอ งกนั การพังทลายของดิน
สทิ ธิดัง้ เดมิ มกั ปรากฏพนื้ ท่ที ด่ี นิ ทับซอ นซ่ึงทําใหเ กดิ ความขัดแยง ไดเชนกัน 5. วเิ คราะหผ ลกระทบจากการใชดิน
T234 (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 5. การจดั การคณุ ภาพดนิ สามารถทาํ ได
หลายวธิ ตี ามสภาพปญหา เชน ปญหาดนิ ขาดความอุดมสมบรู ณ
ควรบํารุงดินดวยธาตุอาหารตางๆ และปลูกพืชใหหลากหลาย
เพ่ือปองกันการขาดธาตุอาหารจากการปลูกพืชเชิงเด่ียว และ
ปองกันการพังทลายของดินดวยวิธีการตางๆ เชน ปลูกพืชคลุม
ดนิ ปอ งกนั การกรอ นของหนา ดนิ ดว ยการลดการไถหนา ดนิ ดงั นน้ั
คําตอบขอ 5. จึงไมใชวิธีจัดการคณุ ภาพดิน)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2) วิกฤตการณ์เก่ียวกับทรัพยากรน�้า กำรขำดแคลนน�้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและ ขนั้ สอน
กำรเพำะปลูก เป็นปัญหำส�ำคัญของโลก เนื่องจำกเกิดปัญหำควำมแห้งแล้งข้ึนในหลำยประเทศ
โดยเฉพำะในทวีปแอฟรกิ ำและเอเชีย รวมถึงกำรมสี ำรปนเปื้อนในน้ำ� หลำกหลำยพ้ืนทข่ี องโลก ขน้ั ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
ในสหรัฐอเมริกำพบกำรปนเปื้อนของสำรเคมีในน้ำ� บำดำล ใน 38 รฐั ส่วนประเทศ
ก�ำลังพัฒนำประชำกรในชนบทร้อยละ 61 และประชำกรในเมืองร้อยละ 26 ขำดแคลนน�้ำด่ืม 4. ครแู บง นกั เรยี นออกเปน 2 กลมุ โดยใหน กั เรยี น
ท่สี ะอำด และกำรปนเป้ือนของสำรพิษบริเวณชำยฝ่งั ทะเลของประเทศแถบมหำสมุทรแปซฟิ ิก นับหมายเลข 1 และ 2 ตามตําแหนง ท่ีนงั่ ใน
ประเทศอินโดนีเซียประสบภัยแล้ง ท�ำให้ประสบภำวะขำดแคลนอำหำร เนื่องจำก ชน้ั เรียน
ผลผลติ ทำงกำรเกษตรเสยี หำย สว่ นประเทศแอฟรกิ ำใตเ้ ผชญิ กบั ภยั แลง้ อยำ่ งหนกั เนอื่ งจำกปรมิ ำณ
ฝนสะสมต�ำ่ กวำ่ ปกต ิ จนรฐั บำลใหค้ วำมสำ� คัญกบั วิกฤตกำรณภ์ ยั แลง้ เป็นภยั พบิ ตั แิ หง่ ชำติ 5. ครใู หต วั แทนนกั เรยี นหมายเลข 1 รว มกนั อธบิ าย
แม้ว่ำประเทศไทยมีทรัพยำกรน�้ำอุดมสมบูรณ์ แต่ในบำงพื้นท่ีหรือในบำงช่วงเวลำ ความรูเก่ียวกับวิกฤตการณทรัพยากรน้ําท่ี
กย็ งั คงประสบกบั ปญั หำดำ้ นปรมิ ำณของน้�ำและคณุ ภำพของน้ำ� เช่น ปญั หำกำรขำดแคลนน�้ำใน เกิดขึ้นท่ัวโลกและในประเทศไทย ตลอดจน
สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางในการแกไข
บริเวณหนาช้ันเรียน จากนั้นครูใหนักเรียน
คนอ่ืนสอบถามขอสงสัยเพื่อใหเกิดความรู
ความเขา ใจทีถ่ กู ตอ งชัดเจน
ฤดูแลง้ ทำ� ใหไ้ มม่ นี ้�ำเพยี งพอต่อกำรอปุ โภคบริโภค ปัญหำน้�ำทว่ มในฤดูฝน ปญั หำมลพิษทำงน้�ำ
เช่น ภำวะน�้ำเน่ำเสีย มีกำรปนเปื้อนของสำรเคมี มีกำรรุกล้�ำของนำ้� เคม็ ลว้ นสง่ ผลกระทบตอ่
กำรดำ� รงชวี ติ ของประชำชน รวมถงึ ระบบนเิ วศแหลง่ นำ้�
2.1) สาเหตุของวกิ ฤตการณ์เก่ียวกบั ทรัพยากรน้า� ที่สำ� คญั มีดังน้ี
1. การเกิดอุทกภัย มีสำเหตุท้ังจำกปัจจัยทำงธรรมชำติ เช่น ฝนตกหนัก
จำกพำย ุ น้�ำทะเลหนนุ สูงกวำ่ ปกต ิ ท�ำให้น้ำ� จำกแผ่นดนิ ระบำยลงสูท่ ะเลไมไ่ ด ้ และจำกกำรกระทำ�
ข องมนุษย์ เชน่ ก ำรตัด2.ไ มกท้ารำ� ขลาำดยปแคำ่ ลกนำนรา้�ก1 ่อมสสี รำ้ำเงหสต่ิงทุ ตง้ั่ำจงำ ๆก ปขจั วจำยังททำำงงกธรำรรมไหชลำขตอ ิ เงชนน่ ้ำ� ธมรฝี รนมตชกำนตอ้ิ ย
กวำ่ ปกต ิ หรอื ฝนทง้ิ ชว่ งเปน็ เวลำนำน และในชว่ งฤดแู ลง้ อำกำศรอ้ น จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ กำรระเหยของนำ้�
และจำกกำรกระทำ� ของมนษุ ย ์ เชน่ กำรใชน้ ำ�้ เพม่ิ
มำกขึ้น กำรท�ำลำยป่ำต้นน้�ำรวมถึงขำดกำร
วำงแผนกำรใช้และอนุรักษ์นำ�้ ทีเ่ หมำะสม
3. การเกิดมลพษิ ทางน�า้
มสี ำเหตมุ ำจำกกำรทง้ิ ขยะและกำรระบำยนำ�้ ทง้ิ
ลงสแู่ หลง่ นำ�้ ทำ� ใหแ้ หลง่ นำ�้ สกปรกและเนำ่ เหมน็
กำรใช้สำรก�ำจัดศัตรูพืชในกำรท�ำกำรเกษตร
ท�ำให้น�้ำเกิดกำรปนเปื้อนของสำรเคมีจนไม่
สำมำรถนำ� มำใชป้ ระโยชน์ได ้ มกั เกดิ ตำมชมุ ชน
ใหญ ่ ๆ หรอื บรเิ วณทม่ี ีโรงงำนอุตสำหกรรม ขยะพลำสตกิ ในมหำสมทุ ร กลำยเปน็ ภยั คกุ คำมตอ่ ระบบ
นเิ วศและส่งิ มชี ีวติ ในทะเล
225
ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู
วกิ ฤตการณดานทรพั ยากรธรรมชาติในขอ ใดท่ีสงผลกระทบ ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับมลพิษทางนํ้าวาหลายประเทศยังประสบกับ
ตอการดํารงชีวติ ของมนุษยม ากทีส่ ดุ ปญหานํ้าเสีย เชน แมน้ํายมุนาในประเทศอินเดีย แมน้ําวิสตูลาในประเทศ
โปแลนด จนไมสามารถนาํ มาอุปโภคบริโภคได
1. อากาศเสยี
2. การสูญเสยี พ้นื ทปี่ า นักเรียนควรรู
3. การขาดแคลนนา้ํ จืด
4. พลังงานแสงอาทติ ย 1 การขาดแคลนน้าํ การขาดแคลนนํ้ารนุ แรงมากขึ้นในชว งฤดูรอน โดยทวปี
5. การชะลา งพังทลายของดนิ แอฟรกิ าขาดแคลนน้ํามากทีส่ ุด รองลงมาเปนภมู ิภาคตะวันออกกลาง ประเทศ
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องดวยน้ําจืดเปนปจจัยสําคัญ อินเดีย และบริเวณท่ีราบตอนเหนือของประเทศจีน เน่ืองจากน้ําในแหลงนํ้า
ทสี่ ดุ ในการดาํ รงชวี ติ ของสง่ิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ รวมทง้ั มนษุ ย ในปจ จบุ นั มนี อย ทงั้ นํ้าผิวดินและน้ําใตด นิ
วิกฤตการณทรัพยากรนํ้า ทั้งการขาดแคลนน้ําเพราะภัยแลง
และน้าํ เสยี มคี วามรนุ แรงมากในภมู ภิ าคตางๆ ของโลก ซึง่ สง ผล T235
กระทบตอ การดํารงชวี ติ ของมนษุ ยท้ังทางตรงและทางออ ม)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2.2) ผลกระทบจากวิกฤตการณเ์ กยี่ วกับทรัพยากรน้�า ท่ีส�ำคัญ มดี ังนี้
1. ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม แหลง่ นำ้� ตำมธรรมชำตติ นื้ เขนิ ระดบั นำ�้ ใตด้ นิ เปลย่ี นแปลง
ขัน้ ที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมลู พ้ืนท่ีที่เคยอดุ มสมบรู ณ์เกิดควำมแห้งแล้ง เกิดกำรกัดเซำะของหนำ้ ดนิ
2. ด้านเศรษฐกิจ กำรขำดแคลนน้�ำท�ำให้ผลผลิตด้ำนเกษตรกรรมและ
6. ครตู ง้ั คาํ ถามเกยี่ วกบั วกิ ฤตการณท รพั ยากรนา้ํ อตุ สำหกรรมลดลง รวมท้งั กระทบต่อเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ เชน่ ผลผลิตทำงกำรเกษตร
แลวสุมใหนักเรียนหมายเลข 2 ตอบคําถาม มีคุณภำพต�่ำ ท�ำให้รำคำผลผลิตลดลง เกิดควำมยำกจน และเกิดกำรอพยพของประชำกรไปยัง
เชน ดินแดนทีอ่ ดุ มสมบูรณ์
• การเกิดน้ําทวมในประเทศไทยมีสาเหตุมา 3. ดา้ นสงั คม เกดิ กำรละทงิ้ ถน่ิ ฐำนเขำ้ มำทำ� งำนในเมอื งใหญ ่ เกดิ ผลกระทบ
จากปจจัยใดบาง และมีผลกระทบตอการ ในดำ้ นสขุ ภำพอนำมัย กำรจดั กำรคณุ ภำพชีวติ ลดลง และเกิดควำมขัดแย้งในกำรใช้น้�ำ
ดําเนนิ ชวี ิตและสังคมไทยอยา งไร 4. ดา้ นสขุ ภาพ ปัญหำน้�ำเน่ำเสียส่งกลิ่นเหม็น เป็นแหล่งแพร่ระบำดของ
(แนวตอบ นาํ้ ทว มในประเทศไทยมสี าเหตจุ าก เชอื้ โรค เชน่ อหวิ ำตกโรค โรคทำงเดนิ อำหำร
ปจจัยหลัก 2 ประการ คือ การเกิดฝน 2.3) แนวทางในการแก้ ไขวกิ ฤตการณเ์ กย่ี วกับทรัพยากรน�า้ ทส่ี ำ� คญั มดี งั นี้
ตกหนักจากอิทธิพลของพายุหมุนเขตรอน 1. การจดั หาแหลง่ นา้� และการเกบ็ กกั นา้� กำรสรำ้ งอำ่ งเกบ็ นำ้� ทเี่ หมำะสมเพอ่ื
ที่กอตัวในทะเลจีนใต หรือทางตะวันตก กกั เกบ็ น�ำ้ ผวิ ดิน กำรสรำ้ งฝำยหรือระบบจดั เกบ็ นำ้� อ่นื ๆ เพอื่ ปอ้ งกนั กำรขำดแคลนนำ้� และควบคมุ
ของมหาสมุทรแปซิฟกดานชายฝงประเทศ อทุ กภยั เช่น เข่ือนฮูเวอร์ เป็นเข่ือนคอนกรีตขนำดใหญ่ที่สร้ำงขวำงแม่น�้ำโคโลรำโด ในสหรัฐ
ฟลิปปนส และการขาดการวางแผนจดั การ อเมรกิ ำ โดยมจี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื ปอ้ งกนั อทุ กภยั ทำ� กำรชลประทำน สงวนพนั ธป์ุ ลำ ผลติ กระแสไฟฟำ้
น้ําท่ีดีของหนวยงานที่เก่ียวของตางๆ ซ่ึง จำกพลังงำนนำ้� และทำ� ใหเ้ กดิ ทะเลสำบมดี (Lake Mead) ซง่ึ เปน็ อ่ำงเกบ็ น�ำ้ ท่มี ปี รมิ ำตรใหญท่ ส่ี ดุ
สง ผลกระทบตอการดาํ เนนิ ชีวติ ของคนไทย ในสหรฐั อเมรกิ ำ 2. การจัดระบบจ่ายนา�้ เป็นกำรผนั น้ำ� 1จำกร่องนำ�้ ตำ่ ง ๆ หรอื แหล่งนำ�้ ตำ่ ง ๆ
ทั้งในระดับบุคคล เชน การอยูอาศัย การ
ประกอบอาชีพ การเกิดโรคติดตอ และ มำรวมกัน แล้วจ่ำยลงสู่พื้นท่ีท่ีต้องกำร โดยวิธีกำรนี้มีมำต้ังแต่สมัยโบรำณในภูมิภำคเอเชีย
ในระดับสังคม เชน การชะลอตัวทาง ตะวันตกเฉียงใต้และอเมริกำใต้ เป็นวิธีท่ีช่วยเพ่ิมผลผลิตทำงกำรเกษตร ช่วยลดกำรกร่อนของ
เศรษฐกิจจากการท่ีแหลงเกษตรกรรมและ ผิวดินบรรเทำน�ำ้ ทว่ มและลดปรมิ ำณตะกอนในพนื้ ที่ลมุ่
อตุ สาหกรรมถกู นาํ้ ทว ม การเสยี งบประมาณ 3. การพัฒนาเทคโนโลยีมาช่วย
ในการแกไขฟนฟูสภาพพื้นที่ภายหลังท่ีเกิด ในการจัดการน�้า เพ่ือให้เพียงพอต่อกำรใช้งำน
นํ้าทวม รวมถึงการเสียโอกาสในการไดรับ และเกิดควำมย่ังยืน เช่น ประเทศอิสรำเอล
เงินลงทุนจากตางชาติ เนื่องจากนักลงทุน มกี ำรนำ� นำ้� เสยี และนำ้� ทง้ิ ทผ่ี ำ่ นกำรบำ� บดั มำเตมิ
ขาดความม่ันใจในมาตรการบริหารจัดการ ลงสู่ ใต้ดินบริเวณพื้นท่ีทะเลทรำยช่วงฤดูหนำว
นา้ํ ของหนวยงานท่เี ก่ียวของตา งๆ) เพ่ือช่วยป้องกันกำรระเหยและคืนน�้ำสู่ชั้นดิน
และนำ� กลับมำใช้เปน็ น้�ำชลประทำน นอกจำกน้ ี
ยังพัฒนำเทคโนโลยีวิศวกรรมผลิตน�้ำจืดจำก
น�้ำทะเล ในปัจจุบันปริมำณน้�ำกว่ำร้อยละ 50
ท่ี ใช้ ในประเทศมำจำกโรงงำนผลิตน�้ำจืดจำก
ซอเร็ก โรงงำนผลิตน้�ำจืดจำกน�้ำทะเลขนำดใหญ่ ตั้งอยู่ นำ้� ทะเล โดยผันนำ้� จำกทะเลมำแปลงเป็นน้�ำจดื
ชำนกรุงเทลอำวีฟ ประเทศอสิ รำเอล
226 เพ่อื ใช้ประโยชน์ในดำ้ นตำ่ ง ๆ
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม
1 การผันนํ้า โดยท่ัวไปนิยมผันนํ้าเฉพาะสวนที่จะไหลลนตลิ่งซึ่งทําใหเกิด นักเรียนรวบรวมขาวเกี่ยวกับวิกฤตการณทรัพยากรน้ํา
นํ้าทวมออกไปจากลําน้ํา ซึ่งการผันนํ้าในรูปแบบน้ีท่ีบริเวณปากทางแยกเขาลําน้ํา ในประเทศไทย หรอื วกิ ฤตการณท รพั ยากรนาํ้ ของโลก คนละ 1 ขา ว
สายใหมจะตองสรางอาคารหรือประตูระบายน้ําเพื่อควบคุมบังคับนํ้าใหไหลเขาสู เชน แมน าํ้ สายหลกั ของประเทศเหอื ดแหง แลว วเิ คราะหใ นประเดน็
ลํานํ้าสายใหมในปริมาณท่ีพอเหมาะ ในกรณีที่ตองการผันนํ้าทั้งหมด ควรขุดลําน้ํา ดงั ตวั อยา งตอไปนี้
สายใหมแ ยกออกจากลํานํา้ สายเดมิ
• สาเหตขุ องวกิ ฤตการณ
• ผลกระทบ
• แนวทางปอ งกนั และแกไ ข
T236
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) วิกฤตการณ์เก่ียวกับทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในอดตี โลกมพี น้ื ทป่ี ำ่ ไมอ้ ยู่ ขนั้ สอน
ประมำณรอ้ ยละ 40 ของพน้ื ทที่ ง้ั หมด หรอื ประมำณ 37,800 ลำ้ นไร ่ แต่ในปจั จบุ นั พนื้ ทป่ี ำ่ ไมล้ ดลง ขั้นท่ี 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล
เหลือเพียงร้อยละ 20 ของพื้นท่ีทั้งหมด และ
ได้มีกำรคำดกำรณว์ ำ่ ในอกี 30 - 50 ปีข้ำงหน้ำ 7. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับวิกฤตการณ
ป่ำไม้ในเขตรอ้ นจะหมดไป พ้ืนท่ีกำรทำ� ปศสุ ัตว์ ทรัพยากรปาไมและสัตวปาท่ีไดศึกษามา
ในทวปี แอฟรกิ ำและภมู ภิ ำคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ แลวตั้งคําถามใหนักเรียนไดวิเคราะหขอมูล
จะกลำยเปน็ ทะเลทรำย ประชำกรโลก 1 ใน 3 เพมิ่ เติม เชน
จะขำดแคลนไม ้ในกำรทำ� ฟืน • “ปาคือชีวิต” จากขอความนี้สะทอนความ
สำ� หรบั ประเทศไทย จำกขอ้ มลู สถติ ิ สาํ คญั ของปา ไมต อ การดาํ รงชวี ติ ของมนษุ ย
เกี่ยวกับป่ำไม้ของส�ำนักจัดกำรท่ีดินป่ำไม้ อยา งไร
กรมปำ่ ไม้ ประเทศไทยมเี น้ือท ่ี 513,115 ตำรำง (แนวตอบ ปาคือชีวิต สะทอนถึงความสําคญั
กโิ ลเมตร หรอื 320,696,875 ไร ่ มพี นื้ ทปี่ ำ่ ไม้ พนื้ ทป่ี ำ่ แอมะซอนถกู บกุ รกุ ทำ� ลำย ทำ� ใหพ้ น้ื ทปี่ ำ่ ลดลงทกุ ปี ของปาไมตอการดําเนินชีวิตของมนุษยได
เดมิ รอ้ ยละ 53 เมอ่ื ประชำกรเพมิ่ และมกี ำรขยำยกำรเพำะปลกู พน้ื ทป่ี ำ่ ไม ้ พ.ศ. 2531 เหลอื รอ้ ยละ เปนอยางดี เน่ืองจากปาไมเปนระบบนิเวศ
28.03 พ.ศ. 2532 รฐั บำลประกำศยกเลกิ กำรสมั ปทำนปำ่ ไม ้ และใน พ.ศ. 2551 พบวำ่ มพี นื้ ทปี่ ำ่ ไม้ ท่ีเอ้ือตอการดํารงชีวิตของมนุษยในดาน
เพม่ิ เปน็ รอ้ ยละ 33.44 ทัง้ น้ี ปญั หำกำรบกุ รกุ พน้ื ทป่ี ำ่ รวมถงึ กำรลกั ลอบตดั ไม ้ นบั เปน็ ปญั หำสำ� คญั ตางๆ เชน ชวยดูดซับแกสที่เปนอันตราย
ทท่ี ำ� ใหพ้ น้ื ทปี่ ำ่ ลดจำ� นวนลง ตอรางกาย และผลิตออกซิเจนที่จําเปนตอ
นอกจำกน้ี กำรสูญเสียพื้นที่ป่ำไม้ยังเป็นกำรท�ำลำยแหล่งที่อยู่อำศัยและอำหำรของ การดํารงชีวิตของมนุษยและส่ิงมีชีวิตทั้ง
สตั ว์ป่ำ รวมทั้งกำรลกั ลอบคำ้ สตั ว์ป่ำก็ทำ� ให้สตั วป์ ำ่ ลดลงเช่นกนั โดยประเทศไทยมกี ำรลกั ลอบคำ้ มวล ชวยใหว ฏั จกั รของนํา้ บนโลกดาํ เนนิ ไป
สตั วป์ ำ่ ทผ่ี ดิ กฎหมำย พบมำกตำมแนวชำยแดนไทย - ลำว และไทย - เมียนมำ แม้ว่ำไทยจะปฏิบัติ อยางสมดุล รวมถึงการเปนแหลงวัตถุดิบที่
ตำมพันธกรณขี องอนุสญั ญำไซเตส (CITES) อยำ่ งเคร่งครัดกต็ ำม แตก่ ำรหยุดยงั้ และแก้ไขปัญหำ ใหประโยชนดานเศรษฐกิจแกมนุษย เชน
กำรค้ำสตั วป์ ำ่ ทีผ่ ดิ กฎหมำยกย็ ังไม่ประสบผลส�ำเร็จเทำ่ ท่ีควร ไมมีคา สัตวปาเพื่อใชแรงงานและเปน
3.1) สาเหตุของวกิ ฤตการณ์เกยี่ วกบั ทรพั ยากรปา่ ไมแ้ ละสัตวป์ ่า ทสี่ �ำคัญ มดี ังนี้ อาหาร นอกจากน้ี ปาไมยังชวยในการ
1. การบกุ รกุ พนื้ ทปี่ า่ ไมเ้ พอื่ เขา้ ครอบครองทด่ี นิ หรอื กำรลกั ลอบตดั ไมท้ ำ� ลำย บรรเทาความรุนแรงของภัยจากธรรมชาติ
ปำ่ ปริมำณป่ำไม้ทถี่ กู ทำ� ลำยนีน้ บั วนั จะเพิม่ ขึ้นเรอื่ ย ๆ ตำมอตั รำกำรเพ่มิ ของจำ� นวนประชำกร อยา งวาตภยั และอทุ กภัยไดอ ีกดว ย)
2. การจดั สรา้ งสาธารณปู โภคของรฐั เชน่ เขอ่ื น อำ่ งเกบ็ นำ�้ เสน้ ทำงคมนำคม
โดยกำรสรำ้ งเขอื่ นขวำงลำ� นำ�้ ทำ� ใหพ้ นื้ ทปี่ ำ่ ไมห้ นำ้ เขอื่ นทอี่ ดุ มสมบรู ณถ์ กู ตดั โคน่ มำใชป้ ระโยชน์
3. ไฟไหมป้ า่ มกั เกดิ ขนึ้ ในชว่ งฤดแู ลง้ ทมี่ อี ำกำศแหง้ และรอ้ นจดั ทงั้ จำก
ธรรมชำตแิ ละจำกกำรกระทำ� ของมนษุ ยท์ฺ อ่ี ำจลกั ลอบเผำปำ่ หรอื ลกั ลอบเกบ็ ของปำ่
4. การทา� ลายถน่ิ ทอี่ ยอู่ าศยั ของสตั วป์ า่ สว่ นใหญเ่ กดิ จำกกจิ กรรมของมนษุ ย ์
เชน่ กำรตดั ไมท้ ำ� ลำยปำ่ กำรเผำปำ่ กำรสรำ้ งสำธำรณปู โภคตำ่ ง ๆ รวมถงึ กำรลำ่ สตั ว์โดยตรงไมว่ ำ่
จะลำ่ เพอื่ อำหำร เพอื่ กำรกฬี ำ หรอื กำรจบั สตั วป์ ำ่ ไปขำยเปน็ สตั วเ์ ลยี้ ง
227
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
อะไรคอื สาเหตทุ ที่ าํ ใหร ะบบนเิ วศของโลกขาดสมดลุ ครูอธิบายเพ่ิมเติมวาปาไมและสัตวปาเปนองคประกอบท่ีสําคัญของระบบ
นิเวศ ปาไมมีความสัมพันธกับทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ เชน ชวยควบคุม
(แนวตอบ การขาดความสมดุลของระบบนิเวศ คือ การทําให แกสคารบ อนไดออกไซดในอากาศ ชวยลดการพังทลายของดนิ เปน แหลงท่อี ยู
องคประกอบทางธรรมชาตเิ ส่ือมโทรมหรอื พังทลายจนไมสามารถ อาศัยและอาหารของสัตวปา การสูญเสียปาไมจึงเปนจุดเร่ิมตนของปญหา
เกื้อกูลซ่ึงกันและกันไดดังเดิม เชน การเกิดแกสเรือนกระจก สงิ่ แวดลอมอนื่ ๆ ตามมาดวย
มากกวา การดดู ซบั ของปา ไมห รอื เกนิ ทป่ี า ไมจ ะดดู ซบั ไดท นั กอ นขน้ึ
ไปสบู รรยากาศ ทาํ ใหป รากฏการณเ รือนกระจกของโลกรุนแรงขึ้น
กวา ในอดตี จนเกดิ ภาวะโลกรอ น อนั นาํ มาซง่ึ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ
ท่ีเกดิ ข้นึ อยา งบอ ยครง้ั และมีความรุนแรงดังเชน ปจ จุบนั )
T237
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 3.2) ผลกระทบจากวกิ ฤตการณเ์ กย่ี วกบั ทรพั ยากรปา่ ไมแ้ ละสตั วป์ า่ ทส่ี ำ� คญั มดี งั น้ี
1. การสูญพันธุ์ของพืชและสัตว์ ปจั จบุ นั พชื และสตั วส์ ญู พนั ธป์ุ ลี ะประมำณ
ข้นั ท่ี 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอมลู 36,500 ชนดิ และถำ้ สภำพควำมแหง้ แลง้ กำรทำ� ลำยพน้ื ทลี่ มุ่ นำ�้ และแนวปะกำรงั ยงั มมี ำกขน้ึ กจ็ ะ
ทำ� ใหส้ ง่ิ มชี วี ติ อยำ่ งนอ้ ย 500,000 - 1,000,000 ชนดิ สญู พนั ธภ์ุ ำยใน 20 ป ี
8. ครูสุมนักเรียนออกมาจัดทําผังกางปลาท่ี 2. เกิดภาวะโลกร้อน เน่ืองจำกพ้ืนที่ป่ำไม้ท่ัวโลกซ่ึงเป็นแหล่งดูดซับแก๊ส
แสดงถึงแนวทางแกไขวิกฤตการณเก่ียวกับ คำร์บอนไดออกไซด์จำกบรรยำกำศถูกทำ� ลำยลงอย่ำงมำก ส่งผลให้อณุ หภูมิสงู ข้ึน ท�ำให้น้�ำแข็ง
ทรัพยากรปาไมและสัตวปาท่ีกระดานหนา ข้วั โลกละลำย ระดบั นำ้� ทะเลสงู ขน้ึ และเกดิ อุทกภยั ตำมมำ
ช้ันเรยี น เชน 3.3) แนวทางแก้ ไขวิกฤตการณ์เกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ที่ส�ำคัญ
• การออกกฎหมายเพือ่ อนรุ ักษปาไมแ ละ มีดังนี้
สัตวปา 1. การปอ้ งกนั การตดั ไม ้ การบุกรุกพ้ืนท่ปี ่า และการปอ้ งกันการลกั ลอบลา่
• การปลูกปาทดแทน สัตว์ป่า เพ่ือเป็นกำรคุ้มครองป่ำไม้และสัตว์ป่ำให้มีชีวิตอยู่ ในป่ำธรรมชำติ โดยใช้มำตรกำรทำง
• การเพาะเลี้ยงพนั ธพุ ืชและสตั วป า กฎหมำยอย่ำงเครง่ ครดั เพื่อลงโทษผู้ท่ลี ะเมิดกฎหมำย
• การปลูกจิตสํานึกเพ่ือการเห็นคุณคาและ 2. การปลูกป่าและฟื้นฟูป่าไม้ เพ่ือเป็นกำรทดแทนพื้นท่ีป่ำไม้ท่ีลดลง ซ่ึง
ความสาํ คัญของปา ไมแ ละสตั วป า ควรได้รับกำรสนับสนุนจำกทกุ ฝ่ำย เช่น ในประเทศออสเตรเลยี มวี นั ต้นไมแ้ หง่ ชำต ิ เพ่ือส่งเสรมิ
ให้ประชำชนเหน็ ควำมส�ำคญั ของปำ่ ไม้
9. ครูสุมถามนักเรียนในช้ันเรียนถึงความ 3. การเพาะพันธุ์สัตว์ป่า โดยกำรน�ำสัตว์ป่ำที่หำยำกและใกล้สูญพันธุ์มำ
ถกู ตอ งครบถว นของรายละเอยี ดในผงั กา งปลา เพำะเลยี้ งเพื่อขยำยพันธุ์ เป็นกำรทดแทนสัตว์ป่ำที่ไม่อำจขยำยพันธุ์ ได้ตำมธรรมชำติจำกสำเหตุ
จากนั้นครูและนักเรียนอภิปรายสรุปผลการ ต่ำง ๆ เช่น กำรขำดคู่ผสมพันธุ์ กำรถูกรบกวนในฤดูผสมพันธุ์ รวมทั้งกำรน�ำสัตว์ป่ำไปเลี้ยงใน
วิเคราะหแนวทางแกไขวิกฤตการณเก่ียวกับ
ทรัพยากรปาไมและสัตวปารวมกัน พรอมทั้ง
บันทึกสาระสําคญั ลงในสมดุ
สวนสัตว์
4. การก�าหนดพ้ืนที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ เพ่ือไม่ให้มีกำรบุกรุกและถือครอง
ทด่ี นิ เพอื่ ดำ� รงรกั ษำพน้ื ทป่ี ำ่ เอำไว ้ มกี ำรตรวจเฝำ้ ระวงั พน้ื ทอ่ี ยำ่ งสมำ่� เสมอ เชน่ กำรประกำศเปน็
อุทยำนแห่งชำติ เขตอนุรักษ์ป่ำ เขตห้ำมล่ำ
สตั วป์ ำ่ โดยหนึง่ ในอทุ ยำนแห่งชำตทิ ่ีมชี ่อื เสียง
และถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของ
โลกทำงธรรมชำตยิ คุ ใหม ่ ไดแ้ ก ่ อทุ ยำนแหง่ ชำติ
โคโมโดในประเทศอนิ โดนเี ซยี กอ่ ตง้ั เปน็ อทุ ยำน
แหง่ ชำตเิ มื่อ พ.ศ. 2523 เพื่อกำรอนรุ ักษ์มงั กร
โคโมโด ภำยหลงั ไดจ้ ัดเป็นพนื้ ทสี่ �ำหรับอนรุ ักษ์
สัตว์ป่ำและสัตว์ทะเลชนิดอื่น ๆ เนื่องจำกเป็น
สถำนท่ีที่มีควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพทำง
1 ทะเลสงู มีสัตวท์ ะเลอำศัยอย่หู ลำยชนิด จดั เป็น
พื้นทท่ี ม่ี คี วำมส�ำคญั ในกำรอนุรกั ษข์ องโลก
อ ุทยำนแห่งชำติโคโมโด ประเทศอินโดนีเซีย เพ่ือกำร
อนุรกั ษ์มังกรโคโมโดและสตั วท์ ะเลชนิดอ่ืน ๆ
228
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันตนไมแหงชาติวา วันตนไมประจําปของ นกั เรียนแบงกลุมสืบคนสัตวปาที่ใกลจะสูญพันธุในแตละทวีป
ประเทศไทยตรงกับวันวิสาขบชู า โดยกรมปาไมก บั หนว ยงานราชการทุกจงั หวัด ไดแก ทวปี เอเชยี ทวปี ยโุ รป ทวีปแอฟรกิ า ทวปี อเมรกิ าเหนือ และ
รว มกนั จัดกจิ กรรมปลกู ตนไมแ บบประชาอาสา โดยเชญิ ชวนประชาชน ภาครัฐ ทวปี อเมริกาใต ในประเด็น ดงั น้ี
และเอกชนใหร ว มกนั ปลกู ตน ไมท ่ัวประเทศ
• ชนิดของสัตวป า
นักเรียนควรรู • สาเหตทุ ่ที าํ ใหใกลสูญพนั ธุ
• แนวทางการอนุรกั ษ
1 อทุ ยานแหง ชาตโิ คโมโด ขนึ้ ทะเบยี นเปน มรดกโลกเมอ่ื พ.ศ. 2534 ตง้ั อยใู กล แลวนํามาอภปิ รายรว มกนั ในช้นั เรียน
หมเู กาะซนุ ดานอ ย พนื้ ทอ่ี ทุ ยานประกอบดว ยเกาะใหญ 3 เกาะ ไดแ ก เกาะโคโมโด
เกาะปาดาร และเกาะรงิ กา และเกาะเลก็ ๆ อกี มากมาย เกาะเหลา นเี้ กดิ ขนึ้ จาก
การปะทุของภเู ขาไฟ มีเน้ือที่รวมประมาณ 1,817 ตารางกิโลเมตร มปี ระชากร
อาศยั อยปู ระมาณ 4,000 คน
T238
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
4) วิกฤตการณ์เกี่ยวกับทรัพยากรแร่และพลังงาน แร่และพลังงำนเป็นปัจจัย ขน้ั สอน
ส�ำคัญในกำรด�ำเนินชีวิตในปัจจุบัน โดยมีกำรใช้พลังงำนกับยำนพำหนะ เคร่ืองจักร ภำค
อุตสำหกรรม เกษตรกรรม ในขณะท่คี วำมตอ้ งกำรพลงั งำนเพิม่ ขน้ึ แตป่ ริมำณพลังงำนมอี ยอู่ ย่ำง ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มูล
จ�ำกดั และยงั ก่อใหเ้ กิดมลพษิ ตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม
กำรขำดแคลนทรพั ยำกรพลงั งำน โดยเฉพำะนำ�้ มนั ทถี่ อื เปน็ พลงั งำนหลกั ทใี่ ชก้ นั ทวั่ โลก 10. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับวิกฤตการณ
มปี ริมำณสำ� รองทถี่ กู พสิ จู นแ์ ล้วของน�้ำมันโลก มีทัง้ หมด 1,687.9 พนั ลำ้ นบำรเ์ รล ใน พ.ศ. 2556 ทรัพยากรแรและพลังงานที่ไดศึกษามา
ซ่ึงคำดว่ำจะมีเหลือให้ ใช้ ในอัตรำกำรผลิตปัจจุบันได้อีกประมำณ 46 ปี ในขณะที่แก๊สธรรมชำติ จากนั้นใหนักเรียนวิเคราะหรวมกันถึง
มปี รมิ ำณสำ� รองเหลอื 185.7 ลำ้ นลำ้ นลกู บำศกเ์ มตร คำดวำ่ จะมเี หลอื ให ้ใช ้ในอตั รำกำรผลติ ปจั จบุ นั ผลกระทบตอการดําเนินชวี ติ ของประชากร
ได้อีกประมำณ 58 ปี
11. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหเพิ่มเติม
เก่ียวกับทรัพยากรพลังงานที่สําคัญของโลก
และการพัฒนาพลังงานทางเลือก หรือ
พลงั งานสะอาดของโลก
พ.ศ. 2560 ประเทศไทยมกี ำรใช้พลังงำนปริมำณ 80,752 พนั ตัน เทียบเท่ำนำ�้ มันดิบ
เพมิ่ ขน้ึ จำกปกี ่อนรอ้ ยละ 1.0 คิดเป็นมลู ค่ำกว่ำ 1,072,237 ล้ำนบำท โดยท่นี �้ำมนั สำ� เรจ็ รูปยงั คง
เปน็ พลงั งำนที่ใชม้ ำกทีส่ ดุ คดิ เปน็ ร้อยละ 50.1 ของกำรใช้พลังงำนขน้ั สดุ ทำ้ ยทั้งหมด รองลงมำ
ไดแ้ ก ่ ไฟฟำ้ พลงั งำนหมุนเวยี น แก๊สธรรมชำติ และถำ่ นหนิ / ลิกไนต์ ใน พ.ศ. 2560 ประเทศไทย
มีกำรน�ำเข้ำพลังงำน คิดเป็นมูลค่ำกว่ำ 862,797 ล้ำนบำท โดยน�ำเข้ำน้�ำมันดิบมำกที่สุด และ
เน่ืองจำกควำมผันผวนของรำคำน�้ำมันในตลำดโลก ท�ำให้รัฐบำลมีนโยบำยส่งเสริมให้มีกำรใช้
พลังงำนทดแทนในประเทศเพิ่มมำกข้ึน โดยใน พ.ศ. 2560 ไทยมีกำรใช้พลังงำนทดแทน
11,698 พันตนั เทยี บเท่ำน้ำ� มนั ดบิ เพิ่มขน้ึ ร้อยละ 5.9
4.1) สาเหตขุ องวกิ ฤตการณเ์ กย่ี วกบั ทรัพยากรแร่และพลงั งาน ทสี่ ำ� คัญ มีดังน้ี
1. ปญั หาการใชพ้ ลงั งานอยา่ งฟมุ่ เฟอื ย กำรใชพ้ ลงั งำนเชอ้ื เพลงิ เชน่ นำ้� มนั
ถำ่ นหนิ แกส๊ ธรรมชำตมิ ำกเกนิ ไป ซง่ึ ทรพั ยำกรเหลำ่ นเี้ ปน็ พลงั งำนธรรมชำตปิ ระเภทที่ไมส่ ำมำรถ
สร้ำงทดแทนได้
2. ปญั หาการผลติ พลงั งาน
ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำรน�ำแร่และ
พลังงำนมำใช้มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมหำก
ไม่มีระบบป้องกันท่ีดี เช่น กำรท�ำเหมืองแร่
ถ่ำนหิน ท�ำให้เกิดฝุ่นละอองในอำกำศหรือปน
เปื้อนน้�ำใต้ดิน ส่งผลกระทบต่อสุขภำพของ
มนษุ ย์ เชน่ โรคระบบทำงเดนิ หำยใจ หรือกำร
ระคำยเคืองตำ มลพิษจำกกำรใช้พลังงำนยัง
ทำ� ใหเ้ กดิ ปรำกฏกำรณเ์ รอื นกระจก ทเ่ี ปน็ สำเหตุ
ส�ำคัญของภำวะโลกร้อน และส่งผลต่อควำม
หลำกหลำยทำงชีวภำพ กำรน�ำพลังงำนเช้ือเพลิงฟอสซิลมำใช้ในกำรด�ำเนินชีวิต
มำกเกินไป อำจสง่ ผลใหเ้ กดิ ภำวะขำดแคลนไดใ้ นอนำคต
229
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
การใชท รพั ยากรแรแ ละพลงั งานอยางขาดจติ สาํ นึก กอใหเ กดิ ครูอธิบายเพ่ิมเติมถึงการผลิตพลังงานทดแทนประเภทตางๆ เชน
วิกฤตการณอยา งไร โรงไฟฟาพลังความรอนใตพิภพที่อาจใชบอน้ําความลึกถึง 1.5 กิโลเมตร
เพื่อใหสามารถเขาถึงแหลงสํารองนํ้าจากความรอนใตพิภพท่ีกําลังเดือด
(แนวตอบ การใชทรัพยากรแรและพลังงาน เชน น้ํามัน โรงไฟฟาบางแหงใชไอนํ้าจากแหลงสํารองเหลานี้โดยตรงเพื่อใหใบพัดหมุน
แกส ธรรมชาตอิ ยา งขาดจติ สาํ นกึ การจดั การและการวางแผน ทาํ ให บางแหงอาจปมนํ้ารอนแรงดันสูงเขาไปในแท็งกน้ําความดันตํ่า ทําใหเกิด
มปี รมิ าณลดลงอยา งตอ เนอ่ื งและมแี นวโนม หมดไปในอนาคต หาก “ไอนํ้าชั่วขณะ” ซ่ึงใชหมุนกังหันของเครื่องกําเนิดไฟฟา การผลิตพลังความ
ไมม กี ารคนพบแหลง แรแ ละพลงั งานอนื่ เพิม่ เติม ทั้งนี้ การเพ่ิมขน้ึ รอนใตพิภพแทบไมกอมลพิษหรือปลอยแกสเรือนกระจกเลย แมหลายประเทศ
อยางรวดเร็วของประชากรโลกประกอบกับเศรษฐกิจแบบทุนนิยม มีแหลงสํารองความรอนใตพิภพอุดมสมบูรณ แตพลังงานหมุนเวียนประเภทนี้
ก็เปนปจจัยเรงที่สําคัญเชนกัน ดังน้ัน ทุกคนควรมีจิตสํานึกและ ยงั ถกู นํามาใชประโยชนนอยมาก
มสี ว นรว มในการอนรุ ักษทรัพยากรแรและพลงั งานอยางจริงจงั )
T239
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 4.2) ผลกระทบจากวกิ ฤตการณ์เกยี่ วกบั ทรัพยากรแร่และพลังงาน ทส่ี ำ� คัญ คือ
เกิดมลพิษทำงอำกำศ ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจำกอำกำศเป็นพิษนับแสนคน โดยเฉพำะใน
ขั้นท่ี 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมลู สหรัฐอเมริกำ สว่ นภมู ภิ ำคยโุ รปตะวนั ออกและ
ประเทศจนี อำกำศเปน็ พษิ เกดิ จำกกำรทำ� เหมอื ง
12. ครตู ง้ั คาํ ถามเพอ่ื ใหน กั เรยี นวเิ คราะหเ พม่ิ เตมิ ถำ่ นหนิ และกำรใชถ้ ำ่ นหนิ ในโรงงำนอตุ สำหกรรม
ถึงวิกฤตการณเก่ียวกับทรัพยากรแรและ สำรพิษจำกกำรใช้น้�ำมันในรถยนต์ เช่น ตะก่ัว
พลงั งาน เชน คำรบ์ อนมอนอกไซด ์ ซงึ่ ทำ� ใหเ้ กดิ โรคระบบทำง
เดนิ หำยใจ นอกจำกน ้ี กำรเผำไหมข้ องเชอ้ื เพลงิ
• จากสถานการณดานทรัพยากรน้ํามันและ ฟอสซิล ชีวมวล ยังท�ำให้เกิดแก๊สคำร์บอน-
แกสธรรมชาติของโลก ควรมีแนวทางแกไข ไดออกไซด์ในบรรยำกำศเพ่ิมข้ึน เป็นสำเหตุ
ทรัพยากรพลงั งานของโลกอยางไร หน่ึงท�ำให้เกิดภำวะโลกร้อน หำกมนุษย์ยังใช้
(แนวตอบ แนวทางแกไขทรัพยากรพลังงาน พลงั งำนในกจิ กรรมกำรดำ� เนนิ ชวี ติ อยำ่ งฟมุ่ เฟอื ย
ข อ ง โ ล ก ค ว ร เ น น ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ พั ฒ น า มลพิษทำงอำกำศ จำกโรงงำนอตุ สำหกรรม ท�ำใหเ้ กดิ กำรขำดแคลนได้ ในอนำคต
พลังงานทดแทนตางๆ เชน พลังงานแสง
อาทิตย พลังงานลม พลังงานชีวภาพ เพื่อ 4.3) แนวทางแก ้ไขวกิ ฤตการณเ์ กย่ี วกบั ทรพั ยากรแรแ่ ละพลงั งาน โดยกำรพฒั นำ
ความสมดลุ ของระบบนเิ วศ และลดการปลอ ย พลงั งำนทดแทนทส่ี ำมำรถหมุนเวยี นได้ เนื่องจำกไมก่ ่อให้เกดิ ปญั หำมลพิษ ได้แก่
แกสเรอื นกระจกขึน้ สบู รรยากาศ ทง้ั น้ี แตละ 1. พลังงานน�้า สำมำรถน�ำมำใช้ในกำรผลิตกระแสไฟฟ้ำ ในปัจจุบัน
ประเทศควรพจิ ารณาพฒั นาพลงั งานทดแทน ประเทศไทยไดผ้ ลติ กระแสไฟฟำ้ จำกโรงไฟฟำ้ พลงั งำนนำ�้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 6.4 ของกำ� ลงั ผลติ กระแส
ท่ีเหมาะสมกับปจจัยภายในประเทศของตน ไฟฟ้ำท้ังหมด ในขณะที่ประเทศบรำซิลใช้พลังงำนน้�ำในกำรผลิตกระแสไฟฟ้ำมำกถึงร้อยละ 84
เชน ประเทศบราซิล มีการปลูกออยมาก โดยมเี ขอื่ นอิไทพุ (Itaipu Dam) ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ำที่สำ� คญั ของโลก
จึงควรพัฒนาเปนนํ้ามันไบโอดีเซล โดยใช 2. พลังงานความร้อนใต้พิภพ สำมำรถน�ำมำผลิตกระแสไฟฟ้ำได้ โดยมี
ซากออ ยเปน วัตถดุ บิ หลกั อยา งไรก็ตาม ควร หลำยประเทศท่วั โลกที่ใช้พลังงำนควำมรอ้ นใตพ้ ภิ พผลติ ไฟฟ้ำ เช่น รัสเซยี นิวซีแลนด ์ ไอซ์แลนด ์
หลีกเลี่ยงการพัฒนาพลังงานที่อาจสงผล ห รือในแถบเอเชีย เชน่ 3 .ญ พ่ปี ลุ่นงั งฟาิลนปิ ลปมนิ 1มส ์นอุษินยโ์ดรู้จนักเี ซใชยี ้พลังงำนลมในกำรเดินเรือ กำรสูบน�้ำ และ
กระทบตอสภาพแวดลอมอยางพลังงานน้ํา กจิ กรรมอน่ื ๆ มำนำนแลว้ ในรฐั แคลฟิ อรเ์ นยี ของสหรฐั อเมรกิ ำใชพ้ ลงั งำนลมผลติ กระแสไฟฟำ้ ได้
จากการสรางเขื่อน ซ่ึงตองตัดไมทําลายปา
และอาจทําใหส ัตวปา บางประเภทสญู พันธุ)
ประมำณ 300 เมกะวตั ต ์ หรือประมำณร้อยละ 40 ของพลงั งำนลมที่ใชก้ นั อย่ ูในโลก สว่ นประเทศ
อน่ื ๆ ท่ีใชพ้ ลังงำนลมกันมำก เช่น เยอรมน ี เดนมำร์ก เนเธอรแ์ ลนด์
4. พลงั งานแสงอาทติ ย ์ จัดเป็นพลังงำนหมุนเวียนท่ีส�ำคัญ เป็นพลังงำน
สะอำดที่ไม่ท�ำปฏิกิริยำใด ๆ อันจะท�ำให้สง่ิ แวดลอ้ มเปน็ พิษ ประเทศทเ่ี ป็นผนู้ �ำในกำรใชพ้ ลังงำน
แสงอำทิตย์เพือ่ ผลิตกระแสไฟฟำ้ ไดแ้ ก่ จีน เยอรมน ี และญี่ปุ่น
5. พลงั งานคลน่ื กำรเคล่ือนท่ีข้ึนลงอย่ำงมีจังหวะของคล่ืนทะเลท�ำให้เกิด
พลังงำนศักย์ท่ีมีพลังงำนมหำศำล น�ำมำใช้ ในกำรผลิตกระแสไฟฟ้ำได้ ประเทศที่น�ำพลังงำน
คลน่ื มำใช ้ เชน่ สหรฐั อเมริกำ สกอตแลนด์
230
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
1 พลังงานลม ปจจุบันมนุษยเห็นความสําคัญและนําพลังงานลมมาใช แรเช้ือเพลิงและพลังงานที่สําคัญของประเทศไทยมีความ
ประโยชนมากขึ้น เนื่องจากมีอยูท่วั ไป ไมตอ งซอื้ หา และเปนพลงั งานสะอาดที่ เหมาะสมตอการใชประโยชนทามกลางวกิ ฤตการณภาวะโลกรอ น
ไมส งผลกระทบตอ สิง่ แวดลอ ม โดยใชกงั หันลมเปน ตวั รับพลงั งานจลนจากการ หรอื ไม อยา งไร
เคลื่อนที่ของลมใหเปนพลังงานกลได จากน้ันนําพลังงานกลมาใชประโยชน
โดยตรง เชน การสูบนา้ํ หรอื ใชผ ลติ ไฟฟา (แนวตอบ แรเช้ือเพลิงและพลังงานท่ีสําคัญของประเทศไม
เหมาะสมตอการใชประโยชนทามกลางภาวะโลกรอนในปจจุบัน
T240 เทาที่ควร เนื่องจากกอใหเกิดแกสเรือนกระจกข้ึนสูบรรยากาศ
ทง้ั การเผาไหมถา นหินชนดิ ลกิ ไนตทกี่ อ ใหเกดิ ควันและแกสตา งๆ
รวมถึงการใชเชื้อเพลิงจากน้ํามันและแกสธรรมชาติดวย อยางไร
ก็ตาม ประเทศไทยไดลดการใชแรเช้ือเพลิงและพลังงานขางตน
จากสาเหตตุ า งๆ ทง้ั การใกลจ ะหมดไปของถา นหนิ ความพยายาม
พัฒนาพลังงานสะอาดของรัฐบาลและหนวยงานที่เก่ียวของ
เพื่อการอนุรักษส่งิ แวดลอม)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
5) วิกฤตการณเ์ กีย่ วกบั ขยะและของเสยี อนั ตราย1 ปญั หำขยะนบั วนั ยิง่ ทวคี วำม ขนั้ สอน
รนุ แรงมำกยงิ่ ขนึ้ เนอ่ื งจำกสภำพเศรษฐกจิ และสงั คมทเี่ ปลยี่ นแปลงไป กำรขยำยตวั ของประชำกร ขน้ั ที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมลู
และกำรขยำยตวั ทำงเศรษฐกจิ ส่งผลใหป้ รมิ ำณขยะและของเสยี อนั ตรำยเพ่ิมมำกข้ึน
13. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนขาว
ธนำคำรโลกรำยงำนว่ำเม่ือ พ.ศ. 2533 มีประชำกรท่ีอำศัยอยู่ในเขตเมืองทั่วโลก วกิ ฤตการณเ กยี่ วกบั ขยะและของเสยี อนั ตราย
ประมำณ 220 ล้ำนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 13 ของประชำกรโลก และก่อให้เกิดขยะประมำณ ที่พบในบรเิ วณพื้นทต่ี างๆ ทว่ั โลก จากนนั้ ให
300,000 ตนั ตอ่ วนั แตเ่ พยี งสบิ ปผี ำ่ นไป ประชำกรทอี่ ำศยั อยู่ในเขตเมอื งมจี ำ� นวนเพม่ิ มำกขนึ้ เปน็ นักเรียนวเิ คราะหรว มกันถึงสาเหตุ ตลอดจน
2.9 พนั ลำ้ นคน หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 49 ของประชำกรโลก ทำ� ใหเ้ กดิ ปรมิ ำณขยะเพมิ่ ขนึ้ เปน็ 3 ลำ้ นตนั ผลกระทบตอการดําเนินชีวติ ของประชากร
ต่อวนั และมีกำรคำดกำรณว์ ำ่ ภำยใน พ.ศ. 2568 ปรมิ ำณขยะนี้จะเพมิ่ ขึน้ เป็น 2 เท่ำ
14. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหและตอบ
ประเทศไทยมีปริมำณขยะมูลฝอยท่ีเกิดขึ้นทั่วประเทศประมำณ 27.40 ล้ำนตัน Geo Question จากหนงั สือเรียน ภูมศิ าสตร
ใน พ.ศ. 2560 และสำมำรถนำ� ไปกำ� จดั ไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ งเพยี ง 11.70 ลำ้ นตนั เทำ่ นน้ั ขณะท ่ี พ.ศ. 2559 ม.4-6 และอภปิ รายสรปุ รวมกนั
มขี องเสยี อันตรำย ประมำณ 3.462 ลำ้ นตนั เพม่ิ ขนึ้ จำก พ.ศ. 2558 0.017 ลำ้ นตนั (ร้อยละ 0.49) (แนวตอบ ประเทศสวีเดนเปนประเทศท่ีตอง
สว่ นใหญเ่ ปน็ ของเสยี อนั ตรำยจำกอตุ สำหกรรม ประมำณ 2.8 ลำ้ นตนั (รอ้ ยละ 80) สำมำรถจดั กำร นําเขาขยะจากประเทศเพื่อนบาน เชน
ได้ 1.12 ล้ำนตัน (รอ้ ยละ 40 ของปริมำณท่เี กดิ ขึน้ ) เปน็ ของเสียอนั ตรำยจำกชุมชน (รวมซำก นอรเวย และอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป
ไผดล้ ติ 1ภ,2ณั 9ฑ7 เ์ ตคันรอ่ื งสใง่ ชไไ้ปฟกฟ�ำำ้จแัดลแะลอ้วเิ ล6ก็ 4ท รตอนั น (กิ รส้อ)์ ย ปลระะ ม5 ำขณอ 0ง.ป6ร0มิ6 ำลณำ้ นทตี่รวนั บ (รรอ้วมยลไดะ )้1 8แ)ล สะำมมลู ำฝรอถยรวตบิดรเชวมอื้ 2 ปละกวา 800,000 ตัน เพื่อนํามาใชใน
ประมำณ 0.056 ล้ำนตัน (รอ้ ยละ 2) มำจำกสถำนบริกำรสำธำรณสขุ สว่ นใหญถ่ กู สง่ ไปกำ� จดั ท ี่ โครงการผลิตกระแสไฟฟา โดยพลังงาน
เตำเผำมลู ฝอยตดิ เชอื้ ของเอกชนและองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ รวมทง้ั สนิ้ 49,056 ตนั (รอ้ ยละ 88) ที่ไดจากขยะสามารถนํามาใชในครัวเรือน
แม้ว่ำประเทศไทยจะมีกำรจัดกำรขยะและของเสียอันตรำย แต่ถ้ำจัดกำรโดยไม่ระมัดระวังหรือ ไดถึงรอยละ 20 ปจจุบันสวีเดนสามารถ
ไม่ถูกตอ้ งเหมำะสม ก็อำจส่งผลกระทบตอ่ สขุ ภำพของประชำชนและสิ่งแวดลอ้ มได้ พัฒนาเทคโนโลยีท่ีนําขยะกลับมาใชเปน
5.1) สาเหตขุ องวกิ ฤตการณข์ ยะและของเสียอันตราย ที่ส�ำคญั มีดังน้ี พลังงานไดโ ดยแทบไมก อใหเกิดมลพษิ ใดๆ)
1. การเพม่ิ ขนึ้ ของจา� นวนประชากรโลก ทำ� ใหค้ วำมตอ้ งกำรในกำรใชส้ นิ คำ้
เพ่ิมมำกขนึ้ จงึ มีกำรผลิตสินคำ้ เพื่อรองรบั ผบู้ รโิ ภคมำกขนึ้ ซึ่งกอ่ ให้เกดิ ขยะปลี ะ 1,300 ลำ้ นตัน
ต่อปี และคำดกำรณว์ ำ่ ใน พ.ศ. 2568 จะมีขยะเพมิ่ ข้นึ เปน็ ปลี ะ 2,200 ล้ำนตนั
2. การเกบ็ และท�าลาย หรอื นา� ขยะไปใช้ประโยชน์ไม่มปี ระสิทธภิ าพ ท�ำให้
มีขยะตกคำ้ ง กองหมกั หมม และสง่ กลิ่นเหมน็ จนกอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหำมลพษิ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม
GQeuoestion
หลำยประเทศต้องเผชญิ กบั ปัญหำขยะลน้ เมอื ง นักเรยี นคดิ ว่ำประเทศใดบำ้ งทข่ี ยะหมดจนตอ้ งนำ� เขำ้
เพรำะเหตุใดจงึ ตอ้ งน�ำเข้ำ และมวี ิธีจดั กำรขยะอยำ่ งไร
231
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
อะไรคอื ปญ หาและสาเหตสุ าํ คญั ในการจดั การปญ หาขยะมลู ฝอย 1 ของเสียอันตราย ของเสียท่ีควบคุมภายใตอนุสัญญาบาเซิล เชน กาก
ในประเทศไทย จากการกําจัดของเสียอุตสาหกรรม ของเสียจากการผลิตสารรักษาเนื้อไม
กากน้ํามันดิบจากโรงกลั่น ของเสียที่มีองคประกอบของสารโลหะหนักหรือ
(แนวตอบ ปญหาและสาเหตุสําคัญในการจัดการปญหาขยะใน สารพิษ สารละลายกรดหรือดางในรูปของแขง็ สารติดเชอื้
ประเทศไทย เชน การขาดแคลนที่ดนิ สําหรับใชเปน สถานท่ีกาํ จดั 2 มูลฝอยติดเช้ือ มูลฝอยที่มีเช้ือโรคปะปนอยูในปริมาณเขมขน ซ่ึงถา
การดําเนินการและการดูแลรักษาระบบกําจัดไมมีประสิทธิภาพ มีการสัมผัสหรือใกลชิดมูลฝอยน้ันอาจทําใหเกิดโรคได มูลฝอยดังกลาว
ขาดแคลนบคุ ลากร มีการนาํ ขยะมูลฝอยกลับมาใชประโยชนนอ ย สวนใหญเกิดข้ึนในกระบวนการตรวจวินิจฉัยทางการแพทยและการรักษา
ประชาชนขาดจติ สาํ นกึ และความเขา ใจในการกาํ จดั ขยะทถ่ี กู ตอ ง) พยาบาล การใหภูมิคุมกันโรคและทดลองเกี่ยวกับโรค การตรวจชันสูตรศพ
หรอื ซากสตั ว เปน ตน
T241