The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือชาดก พระมหาณัฐพันธ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หนังสือชาดก พระมหาณัฐพันธ์

หนังสือชาดก พระมหาณัฐพันธ์

๑๐๐

ชาดกที่ “อารยศูรย์” แต่งขึ้น แต่ไม่ปรากฏประวัติของอารยศูรย์ ประมาณว่ามีอายุอยู่ในราว
กอ่ นพ.ศ. ๙๗๗ เปน็ นกั ปราชญท์ างพระพุทธศาสนาและมีชื่อเสียงไปไกลถึงทิเบต ชาดกมาลา
ที่อารยศูรย์แต่งเป็นภาษาสันสกฤต มีผู้แปลเป็นภาษาจีน ระหว่าง พ.ศ. ๑๕๐๓-๑๖๗๐
ชาดกมาลา เป็นวรรณคดีพระพุทธศาสนามหายาน หรือฝ่ายอุตตรนิกาย โดยแต่งเป็นภาษา
สันสกฤตประเภทร้อยกรอง(กาพย์) เป็นคัมภีร์พระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายานท่ีมตี ้นฉบบั เป็น
ภาษาสันสกฤตทั้งหมด แต่งข้ึนเม่ือใด ท่ีไหนยังไม่ปรากฏ ทราบเพียงนามผู้ประพันธ์ คือ
อารยศรู ย์

ชาดกมาลาเป็นช่ือท่ีมีความหมายถึงเรื่องราวผู้เกิดที่งดงามคือพระพุทธเจ้าน่ันเอง
แมว้ า่ ชาดกมาลาจะไดม้ ีการพมิ พ์เผยแพรม่ านานตง้ั แต่พ.ศ. ๒๔๗๘ แต่มพี ทุ ธศาสนิกขนน้อยคน
นักที่รู้จัก เพราะมีการนาออกไปเผยแพร่น้อยและจากัดวงรู้กันเฉพาะผู้รู้ทางพระพุทธศาสนา
และผูศ้ ึกษาเล่าเรยี นวรรณคดชี าดกระดับอุดมศกึ ษาบางแหง่ เทา่ น้ัน

๑๐๑

บทท่ี ๕
นทิ านชาดก นิทานอสี ป นทิ านพ้นื บ้าน

วัตถุประสงคก์ ารเรยี นประจาบท
เมือ่ ได้ศกึ ษาเนอื้ หาในบทนแี้ ลว้ ผูศ้ ึกษาสามารถ
๑. อธบิ ายลกั ษณะและโครงเรื่องของนิทานชาดกได้
๒. อธิบายลกั ษณะและสาระสาคญั ของนิทานอีสปได้
๓. อธิบายลกั ษณะและสาระสาคญั ของนิทานพื้นบ้านได้
๔. เปรยี บเทียบลักษณะของนทิ านชาดกกบั นทิ านอสี ปได้
๕. เปรยี บเทยี บลกั ษณะของนิทานชาดกกบั นิทานพนื้ บ้านได้

ขอบขา่ ยเน้อื หา

 ความนา
 โครงเร่อื งนทิ านชาดก
 นทิ านชาดกกับนิทานอีสป
 นทิ านชาดกกับนิทานพื้นบ้าน

๑๐๒

บทที่ ๕

นิทานชาดก นิทานอีสป นทิ านพน้ื บ้าน

นิทานชาดกมีปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท คัมภีร์ขุททกนิกาย
พระสุตตันตปิฎก แบ่งออกเป็น ๕ คัมภีร์ คือ ๑. ทีฆนิกาย ๒. มัชฌิมนิกาย ๓. สังยุตตนิกาย
๔. อังคตุ ตรนกิ าย ๕. ขุททกนิกาย

คัมภีร์ขุททกนิกาย แบ่งออกเป็น ๑๕ เรื่อง คือ ๑. ขุททกปาฐะ ๒. ธรรมบท
๓. อุทาน ๔. อิติวุตตกะ ๕. สุตตนิบาต ๖. วิมานวัตถุ ๗. เปตวัตถุ ๘. เถรคาถา ๙. เถรีคาถา
๑๐. ชาดก ๑๑. นิทเทส ๑๒. ปฏิสัมภิทามรรค ๑๓. อปทาน ๑๔. พุทธวังสะ ๑๕. จรยิ าปิฎก

ชาดกในพระพุทธศาสนา มีโครงเรื่องนิทานชาดก ๒ ประเภท คือ ๑. ลักษณะการ
แตง่ นทิ านชาดก และลกั ษณะโครงเรอ่ื งนิทานชาดก ดงั นี้

๕.๑ โครงเร่อื งนทิ านชาดก
๕.๑.๑ ลักษณะการแตง่ นิทานชาดก
ชาดกในคัมภรี ์ขุททกนกิ าย พระสตุ ตันตปิฎก มลี ักษณะการแต่งเปน็ คาถา คอื คาฉนั ท์

ชาดกแต่ละเร่ืองมีคาถาน้อยมากต่างกัน เร่ิมคาถาจากน้อยไปหามากตามจานวนนิบาตชาดก
ชาดกที่มี ๑ คาถาเรียกว่า เอกนิบาตชาดก ชาดกที่มี ๒ คาถาเรียกว่า ทุกนิบาต เป็นต้น
จนถึงชาดกที่มีมากคาถาเรียกว่า มหานิบาตชาดก รวม ๒๒ นิบาต ชาดกบางเรื่องมีคาถาเป็น
สุภาษิต ไม่ได้กล่าวถึงบุคคลและสัตว์ ชาดกบางเรื่องมีคาถาเป็นสุภาษิตกล่าวถึงคนและสัตว์
บางชาดกมีคาถากล่าวเฉพาะเนื้อเรื่องกล่าวถึงบุคคลและสัตว์ ไม่มีพุทธภาษิต บางชาดกมี
คาถากล่าวถึงการกลับชาติมาเกิดในตอนจบ บางคาถาไม่กล่าวถึงการกลับชาติมาเกิด แต่
กลา่ วถงึ การบรรลุมรรคผลของผ้ฟู ังชาดก

ต่อมาพระอรรถกถาจารย์ได้นาเรื่องชาดกในคัมภีร์ขุททกนิกายที่แต่งเป็นคาถา คือ
คาฉันทน์มาแต่งขยายเนื้อความให้กวา้ งขวางพสิ ดารออกไป โดยแต่งเป็นร้อยแก้วห่อหุ้มคาถา
เอาไว้ แล้วนาเอานิทานพ้ืนบ้านต่าง ๆ แทรกเข้าไปในเน้ือเร่ีอง ดาเนินเร่ืองทานองนิทาน

๑๐๓

ชาวบ้าน มีตัวละครเอกคือพระโพธิสัตว์ มีตัวละครฝ่ายชั่วฝ่ายดี ตัวละครทั้งหมดถือกาเนิด
เป็นเทวดา ฤาษี พระราชา ปุโรหิต เสนาบดี มนุษย์ ครุฑ นาค สัตว์จตุบาท ทวิบาท เป็นตน้
ชาดกทพ่ี ระอรรถกถาจารย์แตง่ ขน้ึ เรยี กวา่ อรรถกถาชาดก เป็นเรื่องที่นิยมและแพร่หลายมาก
จนถึงปัจจุบันและมีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ เป็นจานวนมาก

พระฎีกาจารย์ อาจารย์ผู้แต่งคัมภีร์ฎีกา ได้แต่งคัมภีร์ฎีกาชาดกขึ้น ฎีกาชาดกเป็น
หนังสือแก้หรืออธบิ ายคา หรือความในคัมภรี ์อรรถกถาชาดก แต่คัมภีร์ฎีกาชาดกไม่เป็นท่นี ิยม
เหมือนกับคมั ภีร์อรรถกถาชาดก เพราะไมไ่ ดม้ เี นอ้ื เรือ่ งแตอ่ ยา่ งไร

นิทานชาดก ๕๔๗ เร่ืองในนิบาตชาดก มีโครงสร้างในลักษณะจากง่ายไปหายาก
กล่าวคอื เริ่มต้นด้วย ๑ คาถา ๒ คาถา ๓ คาถา ๔ คาถา เปน็ ต้น จนกระทั่งมีคาถาเป็นจานวน
มาก เรียกว่า มหานิบาต สาหรับตัวละครก็เริ่มต้นมีตัวละครน้อยไปหาตัวละครจานวนมาก
เหตุการณ์ในนิทานก็เช่นเดียวกัน คือเร่ิมต้นด้วยเหตุการณ์ท่ีไม่ซับซ้อน ไปหาเหตุการณ์ที่มี
เนื้อหาสลับซับซ้อน เนื้อเรื่องก็เช่นเดียวกันเร่ิมต้นด้วยเนื้อเรื่องส้ันง่ายไปหาเรื่องยาวมีหลาย
เหตกุ ารณ์รวมอยู่ในเร่ืองเดียวกัน

๕.๑.๒ ลกั ษณะโครงเร่อื งนทิ านชาดก
ในพระไตรปิฎก จึงเรียงลาดับเร่ืองนิทานชาดกไปตามนิบาต เริ่มจากชาดกที่มี ๑
คาถาเรียก เอกกนิบาต ชาดกที่มี ๒ คาถาเรียกทุกนิบาต ชาดกที่มี ๑๓ คาถา เรียก เตรสก
นิบาต ชาดกที่มีมากกว่า ๑๓ คาถาขึ้นไปเรียก ปกิณณกนิบาต ชาดกท่ีมี ๒๐ คาถาเรียก วีสติ
นิบาต ชาดกที่มี ๓๐ คาถาเรยี ก ตงิ สนิบาต ชาดกทมี่ ี ๔๐ คาถาเรยี ก จตั ตาลสี นิบาต๑๕๖ จนถึง
มหานิบาต (ชาดกที่มีคาถามาก) นับว่าชาดกมีโครงสร้างที่ดีมาก คือ ดาเนินเร่ืองจาก
โครงสร้างง่าย ๆ ไปหาสร้างโครงสร้างที่ยากข้ึนในภายหลัง เช่นเดียวกับวิธีการสอนของ
ครูผู้สอนแก่นักเรียนที่เริ่มต้นจากเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวก่อนแล้วค่อยสอนเร่ืองที่ยากและไกลตัว
ออกไป กล่าวโดยสรปุ วา่
โครงเรือ่ งชาดกมีลกั ษณะดังน้ี
๑. คาถา เร่มิ ต้นจากคาถานอ้ ยไปหาคาถามาก
๒. ตัวละคร เริ่มตน้ จากตวั ละครน้อยไปหาตวั ละครมาก

๑๕๖ขุ.ชา. (ไทย) ๒๗/บทนา/๙.

๑๐๔

๓. เน้อื เร่ือง เร่มิ ตน้ ดว้ ยเน้ือเรือ่ งง่าย ๆ ไปหาเนือ้ เรือ่ งยาก สลบั ซบั ซ้อน
๔. เหตุการณ์ เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ที่ง่ายไปหาเหตุการณ์ที่ยากมีความ
สลบั ซับซ้อน
๕. ธรรมะ เริ่มต้นด้วยธรรมะง่าย (มีคาถาน้อย) ไปหาธรรมะที่ยาก (มีคาถา
มากขื้น)๑๕๗

๕.๒ นทิ านชาดกกับนิทานอสี ป
๕.๒.๑ ความเปน็ มาของนิทานอีสป
นิทานอีสป (Aesop"s Fables) ราวศตวรรษท่ี ๖ ก่อนคริสตกาล มีต้นกาเนิดอยู่ท่ี

อาณาจักรกรีกโบราณ ซ่ึงเจ้าของเรื่องนิทานอีสป ไม่ใชน่ ักปราชญแ์ ต่เป็นทาสที่ไรก้ ารศึกษาแต่
เป่ียมไปด้วยเชาวน์ปัญญา แรกเร่ิมทีเดียวนิทานอีสปเล่ากันแบบมุขปาฐะ คือเล่ากันด้วยปาก
เปล่า ต่อมาเมื่อมีผู้รวบรวมแล้วบันทึกเป็นตัวอักษร และพิมพ์เป็นหนังสือและได้มีการแปล
นิทานอีสปเป็นภาษาของชาติต่าง ๆ ท่ัวโลก นิทานท่ีอีสปเล่านิยมเรียกกันวา่ นทิ านอสี ป เปน็
นทิ านสอนคนทว่ั ไปในด้านศีลธรรมโดยใช้สตั ว์ต่าง ๆ เปน็ ตวั ละคร เชน่ เรื่องเด็กเล้ยี งแกะ ลาโง่
หมาจ้ิงจอกกบั องุ่น เปน็ ตน้

อีสป (Aesop) ผู้แต่งนิทานอีสป เป็นนักเล่านิทานชาวกรีกในตานานกรีกโบราณ
และชอื่ “อีสป” เป็นทม่ี าของชือ่ นิทานอสี ปนั่นเอง เขาเกิดทต่ี าบลฟรีเจียในเกาะซามอส ซึ่งเปน็
เกาะเล็ก ๆ ในหมู่เกาะกรีก มีชีวิตอยู่ในราว ๖๒๐-๕๖๔ ปีก่อนคริสตกาล อีสปมีชีวิตอาภัพมา
ตั้งแต่เกิด คือเกิดเป็นทาส มีหน้าตาอัปลักษณ์ แต่มีสติปัญญาดี ต่อมาอีสปเข้าไปอยู่ในราช
สานักของพระเจ้าแอดมันเเละท้าวครีซัส มีหน้าที่เล่านิทานถวาย จนได้รับการปลดปล่อยเป็น
อิสระแก่ตนเอง อีสปมีความฉลาดมากจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ
ประจาราชสานักของท้าวครีซัสและได้ชื่อว่าเบ็นหนึ่งในเจ็ดนักปราชญ์ของกรีก ตาแหน่ง
สุดท้ายของอีสปคือเป็นราชทูตประจาเทวสถานแห่งเมืองเดลฟีและถึงแกก่ รรม ณ ทีน่ีเอง เล่า

๑๕๗ร.ศ. พฒั น์ เพ็งผลา, ชาดกกบั วรรณกรรมไทย, พมิ พค์ รง้ั ที่ ๓, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์
สานักพิมพม์ หาวิทยาลยั รามคาแหง, ๒๕๓๕), หน้า ๕๐.

๑๐๕

กันว่าอีสปเดินทางไปเข้าเฝ้าเทพอพอลโล แต่อีสปดูถูกเทพอพอลโล ชาวบ้านแถวนั้นโกรธที่
อีสปดหู มนิ่ เทพอพอลโลจึงจับอสี ปโยนลงหนา้ ผาตายอย่างอนาถ๑๕๘

นิทานที่เล่าโดย “อีสป” เชื่อกันว่าเป็นนิทานที่รวบรวมมาจากหลายแหล่ง
นิทานอีสปได้รับความนิยมแพร่หลายเน่ืองจากกวีชาวโรมันชื่อเพดรัสนามาเล่าจนแพร่หลายใน
คริสต์ศตวรรษที่ ๑ (ระหวา่ ง พ.ศ. ๔๔๓-๕๔๓) และต่อมา “ฌอง เดอ ลา ฟงแทน” กวีชาว
ฝร่งั เศสไดน้ ามาเรียบเรยี งใหม่เป็นรอ้ ยกรองที่ค่อนข้างเกนิ จรงิ แตม่ ชี ีวติ ชวี า

นิทานอีสปได้แพร่เข้ามาในประเทศไทยสมัยอยุธยา สมัยพระบาทสมเด็จ พระ
นารายณ์มหาราช สมัยน้ันชาวกรีกคนหนึ่งชื่อ คอนสแตนติน ฟอลคอน (Constantine
Phaukon) นักผจญภัยทางเรือ ต่อมาภายหลังได้รับแต่งต้ังเป็นเจ้าพระยาวชิ าเยนทร์ ได้เข้ามา
มีบทบาทสาคัญในสมัยนั้น ต่อมามีผู้แปลนิทานอีสปเป็นภาษาไทย เช่น นิทานอีสป เรียบเรียง
โดย มหาอามาตย์โทพระยาเมธาธิบดี แปลโดย ยศ วัชรเสถียร เปน็ ตน้

๕.๒.๒ ความสัมพันธ์นิทานชาดกกบั นิทานอีสป
นทิ านชาดกกบั นทิ านอีสปมีความสัมพันธ์กันใน ๒ ประการคือ ๑. ดา้ นโครงเร่ือง ๒.
ด้านแนวความคดิ ดงั นี้
๑) ความสมั พันธด์ ้านโครงเร่อื ง
นิทานชาดกและนิทานอีสปมโี ครงเร่ืองท้ังสัน้ ยาวเเละสลับซับซ้อน ลาหรับนิทานท่ี
มีโครงเร่ืองที่ซับซ้อนนัน้ มีในนิทานชาดก ไม่มีในนิทานอีสป และนิทานทั้งสองมีความแตกต่าง
กนั ในรายละเอยี ด
นิทานทั้งสองที่มีโครงเรื่องเหมือนกัน แต่รายละเอียดแตกต่างกัน เช่น ชวสกุณ
ชาดก ว่าด้วยราชสีห์ไม่รู้คุณนกหัวขวาน (ชาดกเร่ืองที่ ๓๐๘) เหมือนกับโครงเรื่องนิทานอีสป
เรื่อง หมาจิ้งจอกกับนกกระสา ในนิทานอีสป เรื่องโดยย่อว่า หมาจิ้งจอกตัวหนึ่งก้างติดคอไป
วา่ จา้ งใหนั กกระสาเอาก้างปลาออกจากคอ เมอ่ื เอากา้ งปลาออกจากคอแลว้ จึงทวงค่าจ้าง หมา
จ้ิงจอกไม่ยอมจ่ายให้ แต่ในเร่ืองชาดกตัวละครเป็นราชสีห์กับนกหัวขวาน นกไม่ไว้ใจเอาไม้คา้
ปากราชสีห์ไว้ สอดจะงอยปากเขา้ ไปเขย่ี ปลายกระดูกท่ขี วางคอให้ตก แล้วเจาะไมท้ ่ีคา้ ปากออก
วนั หนึ่งเหน็ ราชสีห์กาลังกินเน้ือ นกหัวขวานอยากจะลองใจวา่ ราชสหี จ์ ะคิดถึงบุญคุณหรอื ไม่ จึง

๑๕๘นิตยสาร สารคด,ี ฉบับท่ี ๒๗๑, (เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐) : ๑๓๒-๑๓๓.

๑๐๖

กล่าวอ้างอปุ การคุณของตนแล้วขอกนิ เนือ้ ราชสหี ์ตอบวา่ เม่ือเจ้าเคาะกระดูกท่ีติดคอข้า เจ้าก็
ได้กินเน้อื ตามชอกฟันของขา้ พเจา้ อยแู่ ลว้ ๑๕๙ แม้นทิ านเรอื่ งอน่ื ๆ เชน่

สีหจมั มชาดก วา่ ดว้ ยลาปลอมตวั เป็นราชสีห์ (ชาดกเรอ่ื งท่ี ๑๘๙) เหมือนกับนิทาน
อีสปเร่อื ง ลาในหนงั ราชสหี ์

สุวัณณหังสชาดก ว่าด้วยพญาหงส์ทองถูกถอนขน (ชาดกเรื่องที่ ๑๓๖)
เหมือนกับนทิ านอีสปเรอื่ ง หา่ นไขเ่ ป็นทอง

วโิ รจนชาดก วา่ ดว้ ยคนถูกเยาะเย้ยว่ารงุ่ เรือง (ชาดกเรอ่ื งท่ี ๑๔๓) เหมือนกับนิทาน
อสี ปเรอ่ื ง หมาจ้งิ จอกกบั ราชสีห์

ทปี ชิ าดก ว่าด้วยเสือเหลือง (ชาดกเร่อื งที่ ๔๒๖) เหมือนกบั นิทานอีสปเร่ือง หมาป่า
กบั ลูกแกะ

เวฬุกชาดก ว่าด้วยงูเวฬุกะ (ชาดกเรื่องที่ ๔๓) เหมือนกับนิทานอีสปเร่ืองชาวนา
กับงูเห่า เป็นตน้

๒) ความสัมพันธ์ด้านแนวความคิด แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ แนวความคิดตรงกัน
และแนวความคดิ ต่างกัน ดังน้ี

(๑) แนวความคิดตรงกัน
นิทานชาดกและนิทานอีสป แนวความคิดตรงกันหลายเรื่อง แต่ตัวละคร
และการดาเนนิ เร่ีองแตกตา่ งกนั เช่น

(๑.๑) การชว่ ยเหลอื สตั วร์ า้ ยเป็นเหตนุ ามาซึง่ ความหายนะหรอื ความตาย
สัตว์ร้ายในนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า ชาวนาเมตตาสงสารงูเห่าซึ่ง
นอนตัวแข็งอยู่ในความหนาว เม่ืองูมีความอบอุ่นและมีกาลังก็กัดชาวนาตาย๑๖๐ นอกจากนี้
ยังมเี ร่อื งคนตัดตน้ ไมก้ ับงูพษิ ชาวนากับงูพษิ นทิ านชาดกท่มี แี นวคดิ เชน่ น้ี เช่น
เวฬุกชาดก ว่าด้วยงเู วฬุกะ (ชาดกเรอ่ื งท่ี ๔๓) ฤษเี ล้ียงงู สดุ ท้ายถกู งกู ัดตาย

๑๕๙เฉลิม มากนวล, การวเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทียบนทิ านชาดกกบั นทิ านอสี ป, หนา้ ๑๖๓.
๑๖๐เรอ่ื งเดียวกนั , หนา้ ๑๖๖.

๑๐๗

อินทสมานโคตตชาดก ว่าดว้ ยอินทสมานโคตรดาบส (ชาดกเรอ่ื งท่ี ๑๖๑)
ฤาษีเลี้ยงชา้ งกาพรา้ แมไ่ วจ้ นชา้ งเติบใหญเ่ กิดตกมนั ดรุ ้ายในท่ีสุดดาบสก็ถูกช้างนนั้ เหยียบถึงแก่
ความตาย

(๑.๒) ความรักทาใหเ้ กดิ ความเส่ือมหรอื ความหลง
ในนิทานอีสป เช่น เรื่องราชสีห์กับความรัก ราชสีห์เกิดหลงรักหญิงสาว
จงึ ไปหาพ่อแม่ขอแตง่ งานกับนางมนษุ ย์ แต่พ่อแม่นางไมป่ รารถนาจะยกลกู สาวให้ จงึ ออกอบุ าย
ว่าให้ราชสีห์ถอนฟันและเขี้ยวเล็บออกให้หมด ลูกสาวของตนจะได้ปลอดภัย ราชสีห์กาลังหลง
รักจึงยอมทาตาม พอราชสีหถ์ อนเขีย้ วเลบ็ จนหมดแล้วพ่อแมน่ างก็ไลร่ าชสีห์ไป ในนทิ านชาดก
ก็มีเรื่องในลักษณะเช่นน้ี เช่น วิสสาสโภชนชาดก ว่าด้วยภัยเกิดจากคนผู้คุ้นเคยกัน (ชาดก
เรื่องที่ ๙๓) พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเศรษฐี คิดฆ่าราชสีห์ที่มาทาให้โคหวาดกลัวจน
น้านมใส จงึ ทายาพิษทว่ั กายของนางเนื้อตัวทร่ี าชสีห์หลงรกั ราชสหี ไ์ มพ่ ิจารณาเลยี ขนนางเน้ือ
ทตี่ นรกั จึงถึงชึ่งความตาย แมใ้ นนทิ านชาดกเร่ือง กณั ฑิชาดก ว่าด้วยเรื่องท่นี า่ ตาหนคิ นมีลูกศร
เปน็ อาวุธ (ชาดกเรอื่ งท่ี ๑๓) มจั ฉชาดก ว่าด้วยพญาปลา (ชาดกเร่ืองที่ ๓๔) โมรชาดก วา่ ดว้ ย
นกยงู (ชาดกเรื่องท่ี ๑๕๙) ก็มีเนือ้ หาคล้ายกับเรอ่ื งดังกลา่ วแล้ว
(๒) แนวความคดิ ต่างกนั
หมายถึง นิทานชาดกกับนิทานอีสปมีจุดมุ่งหมายท่ีจะสอนต่างกัน แต่มีโครง
เรื่องเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน เช่น เรื่องสุนัขจิ้งจอกกับกา ในนิทานอีสป สุนัขจ้ิงจอกอยาก
กนิ เนยแขง็ ทกี่ าคาบมา จึงกล่าวชมกาว่ามันสวยงาม มีเสียงไพเราะ กาหลงเชอ่ื รอ้ งออกมา เนย
แข็งจึงหลุดจากปาก ทาให้สุนัขจิ้งจอกได้กินเนยแข็งน้ัน ชัมพุขาทกชาดก ว่าด้วยสุนัขจ้ิงจอก
อยากกินลกู หวา้ (ชาดกเรือ่ ง ๒๙๔) พระโพธสิ ัตวเ์ สวยพระชาตเิ ปน็ รกุ ขเทวดากลา่ วติเตยี นสุนัข
จ้ิงจอกกับกา ซ่ึงต่างกล่าวยกย่องคุณของกันและกันอันไม่มีในตน โดยนิทานอีสปสอนว่า อย่า
เชื่อคายอท่ีไมม่ ีมูลความจรงิ สว่ นนิทานชาดกมงุ่ สอนวา่ ไม่ควรกลา่ วยกยอคณุ ซง่ึ ไม่มใี นตนและ
คนอื่น นอกจากนี้ยังมีเร่ือง สุนัขป่าในหนังแกะกับกปิชาดก เต่ากับนกอินทรีย์กับกัจฉปชาดก
และเจ้าสาวกาเนิดแมวกบั กุลาวกชาดก

๑๐๘

๕.๓ นิทานชาดกกับนิทานพืน้ บ้าน
๕.๓.๑ ความเป็นมาของนทิ านพืน้ บ้าน
นิทานพื้นบ้าน หมายถึง เร่ืองที่ชาวบ้านเล่าสืบ ๆ กันมาเป็นเวลาช้านานด้วยปาก

เปล่า หรือเรื่องเล่าท่ีเล่าสืบกันมา แล้วมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งอาจจะเป็นร้อยแกว้
หรือร้อยกรองก็ได้ เพื่อความบันเทิงใจและส่ังสอนให้บุคคลกระทาคุณงามความดี เช่น ความ
กตัญญกู ตเวที ความซื่อสตั ย์สุจริต เปน็ ต้น นทิ านพนื้ บ้าน นอกจากจะให้ความสนกุ สนานแล้ว ยงั
เปรียบเสมอื นกระจกสะทอ้ นให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ ความนกึ คิด ความเชอื่ ขนบธรรมเนียม
ประเพณีและวัฒนธรรมของบุคคลในท้องถนิ่ ตา่ ง ๆ ดว้ ย

นิทานพ้ืนบ้านมีโครงสร้างในลักษณะเรื่องเล่าสืบ ๆ ต่อกันมาด้วยเนื้อเร่ืองง่าย ๆ
ไม่ยุ่งยากซับซ้อน มีตัวละครน้อย เหตุการณ์ในนิทานพื้นบ้านที่มักเป็นไปตาม ความเช่ือ
ค่านยิ ม ขนบธรรมเนยี ม และประเพณี ในสงั คมทอ้ งถ่นิ นนั้ ๆ และไม่ได้เนน้ หลกั ธรรม แต่อาจ
กลา่ วสอนเร่ืองการทาความดี การทาความชั่วไวใ้ นเน้อื เรื่องด้วย

๕.๓.๒ ความสัมพันธ์ระหวา่ งนิทานชาดกกบั นทิ านพ้ืนบา้ น
โครงสร้างของนิทานชาดกยังเหมือนหรือคล้ายคลึงกับโครงสร้างนิทานชาวบ้านท้ังน้ี
เป็นเพราะนิทานชาดกก็เป็นการนาเอานิทานพ้ืนบา้ นมาสอดแทรกไว้นัน่ เอง
นิทานชาดกส่วนใหญ่มาจากนิทานชาวบ้าน พระพุทธเจ้าทรงนานิทานพ้ืนบ้านท่ีคน
ทั่วไปรู้ ๆ กันอยู่แล้ว นามาแสดงโดยแทรกเร่ืองพระโพธิสัตว์บาเพ็ญบารมีธรรมต่าง ๆ ลงไป ใน
พระไตรปิฎก นิบาตชาดกเขียนเป็นคาถา (ร้อยกรอง) ต่อมาพระอรรถกถาจารย์ได้แต่งขยาย
ความเป็นร้อยเเก้ว ทาให้รูปแบบ โครงเรื่อง และเน้ือเรื่องเหมือนกับนิทานพื้นบ้านมากขึ้น
นิทานชาดกจึงเป็นเร่ืองท่ีชาวบ้านท่ัว ๆ ไปอ่านได้อย่างสนุกสนานและจดจาได้ไม่ลืม นิทาน
ชาวบ้านเป็นเร่ืองเก่าแก่ล่วงกาลนานมาแล้ว เล่าสืบ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน นิทานชาวบ้าน มี
ลกั ษณะดังน้ี
๑. เปน็ เรื่องเลา่ ด้วยถอ้ ยคาธรรมดา เปน็ ภาษารอ้ ยแกว้ ไมใ่ ชร่ ้อยกรอง
๒. เล่ากันด้วยปาก สืบกันมาเป็นเวลาช้านาน แต่ต่อมาในระยะหลังเมื่อมีการเขยี น
เป็นหนังสือขึน้ ก็อาจเขียนขน้ึ ตามเคา้ เรอ่ื งเดิมทเี่ คยเลา่ สืบตอ่ กันมาด้วยปากเปล่า

๑๐๙

๓. ไม่ปรากฏว่าผเู้ ลา่ ดั้งเดมิ ว่าเปน็ ใคร อ้างแต่วา่ เป็นของเก่า๑๖๑
นทิ านชาดกกับนิทานพนื้ บา้ นมีสว่ นเหมอื นกนั หรือความสัมพันธก์ นั ๒ ชนดิ คอื

๑) ความสัมพนั ธท์ างดา้ นลักษณะนิทาน
๒) ความสมั พนั ธท์ างด้านเนอื้ เรอื่ ง
๑) ความสัมพนั ธ์ทางดา้ นลักษณะนทิ าน
ความสัมพนั ธ์ของนิทานชาดกกบั นิทานพืน้ บา้ น พอจะกลา่ วได้ ดงั น้ี
(๑) นิทานพ้ืนบ้านเป็นเรื่องท่ีชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาตามธรรมดาโดยใช้
ภาษาร้อยแก้ว ไม่ใช่ภาษาร้อยกรอง นิทานชาดกเป็นเร่ืองเล่าธรรมดา แต่มีการแทรกหลัก
ธรรมะทีเ่ ป็นจรยิ ธรรมลงไปดว้ ย นบิ าตชาดกในพระไตรปฎิ กใช้ภาษาร้อยกรอง (คาถา) ซ่งึ ถอื วา่
เปน็ พระพทุ ธพจน์ แตใ่ นอรรถกถาชาดกเป็นร้อยแก้วสว่ นมากและมคี าถาอยู่บ้างประปราย
(๒) นิทานชาดกเป็นนิทานท่ีมอี ยกู่ ่อนพุทธกาลเล่าต่อ ๆ กันมาด้วยปากเปลา่
เหมอื นนทิ านชาวบา้ น แตม่ าในปัจจบุ ันไดพ้ ิมพห์ นังสือเปน็ เล่มขนึ้ แล้ว
(๓) นิทานชาดกไม่ปรากฏชื่อผู้แต่งเช่นเดียวกับนิทานพ้ืนบ้าน นิทานชาดก
มักจะข้ึนต้นด้วยคาว่า ภูตปุพฺพ แปลว่า เร่ืองเคยมีมาแล้ว หรือ อตีเต พาราณสีย แปลว่า ใน
อดีตกาลเมอ่ื พระเจ้าพรหมทัตครองเมอื งพาราณสี
๒) ความสัมพันธ์ทางดา้ นเนอ้ื เร่ือง
ในหนังสือคติชาวบ้านมีลักษณะเนื้อเรื่องนิทานชาวบ้านเหมือนกันกับ นิทาน
ชาดก ทม่ี คี วามสัมพันธก์ นั หลายเรือ่ ง ดังน้ี
(๑) นิทานพ้ืนบ้านมักจะไม่ข้ึนต้นด้วยเนื้อเร่ืองตอนสาคัญและจะไม่จบลง
ทันทีที่เรื่องจบ แต่จะข้ึนต้นเป็นทานองนาเร่ืองเสียก่อน และเร่ืองจะดาเนินไปจนถึงที่จุดจบ
แล้วยังมีเรื่องต่อเลยไปอีกเล็กน้อย เพื่อกล่าวถึงความสงบ ความสุข ความม่ันคงและความมี
หลกั ฐานในชวี ิตของตัวละครเอกในนิทานเรอ่ื งนัน้
ในนิทานชาดกมีเนื้อเรื่องลักษณะนี้เหมือนกัน เช่น ชาดกเรื่องที่ ๓๗๔ จูฬ
ธนุคคหชาดก วา่ ดว้ ยจฬู ธนุคคหบัณฑิต มเี ร่อื งโดยยอ่ วา่

๑๖๑กุหลาบ มัลลิกะมาส, คติชาวบ้าน, (กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์สว่ นท้องถ่ิน, ๒๕๑๖), หน้า
๑๐๐.

๑๑๐

พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นท้าวสักกะ (พระอินทร์) พราหมณ์คนหนื่งช่ือ
ธนุคคหบณั ฑิต เป็นชาวเมืองพาราณสี เรียนจบศิลปศาสตรจากเมืองตักกศลิ า ชานาญการยิงธนู
จนอาจารย์พอใจยกธิดาให้เป็นภรรยาขณะเดินทางกลับเมืองพบช้างดุร้ายเชือกหน่ึง ธนุคคห
บัณฑิต ยิงช้างเชือกนั้นตายแล้วจึงเดินทางต่อไปถึงดงโจร มีโจร ๕๐ คน ลูกน้องโจรจะทาร้าย
แต่หวั หน้าโจรห้ามไว้ ในท่ีสดุ ก็ผิดใจกับพวกโจร จลุ ลธนุคคหบัณฑิตยงิ โจร ๔๙ คนตายด้วยธนู
๔๙ ดอกแลว้ ไมม่ ลี กู ธนทู จี่ ะยิงนายโจรอีก เพราะแล่งธนูมีลกู ธนูเพียง ๕๐ ดอก ในจานวนนัน้ ได้
ยิงช้างเสีย ๑ ดอก ธนุคคหบัณฑิตต่อสู้กบั นายโจร เขาชกนายโจรล้มลงแล้วนง่ั คร่อมหนา้ อกไว้
เรียกภรรยาส่งดาบมาให้ แต่ขณะน้ันภรรยาเกิดมีใจรักนายโจร จึงส่งดาบให้โจร ส่งฝักดาบให้
สามี นายโจรจึงฆ่าสามีตาย นางสารภาพวา่ นางรักนายโจร แต่นายโจรไมย่ อมรับคิดวา่ เม่อื นาง
ฆ่าสามีของนางได้ ต่อไปนางก็อาจฆา่ ตนได้เช่นเดียวกนั นายโจรจึงท้ิงนางไป เพ่ือที่จะแสดงโทษ
ของการประพฤติในกามของนาง พระโพธสิ ตั ว์ทา้ วสักกะจึงแปลงเปน็ สนุ ขั จงิ้ จอก ใหม้ าตุลี สารถี
แปลงเป็นปลา ปัญจสงั ขร เทพบตุ รแปลงเป็นนก สนุ ขั จิง้ จอกคาบก้อนเนื้อเดินไปใกล้นางซ่ึงอยู่
รมิ ฝ่งั แมน่ า้ ขณะนั้นปลาตัวหนึ่งกระโดดข้ึนมาจากน้าตรงหนา้ สนุ ัขจ้ิงจอก มันจึงทิ้งก้อนเน้อื วิ่ง
ไปจะคาบปลา แต่ปลากระโดดหนีลงน้าไปก่อน นกบินลงโฉบเอาเนื้อไปกิน สุนัขจิ้งจอกจึงอด
กินทงั้ เนอ้ื และปลาเพราะความโลภ นางเห็นเหตุการณเ์ ชน่ นน้ั จึงกล่าวว่า สนุ ัขจง้ิ จอกโงเ่ ขลาอด
กินทั้งเน้ือและปลา สุนัขจิ้งจอกจึงย้อนว่า โทษผู้อื่นเห็นได้ง่าย ส่วนโทษของตนเห็นได้ยาก เจ้า
นั่นแหละเสื่อมสิ้นท้ังผัวทั้งชายชู้ย่อมซบเซายิ่งกว่าเราเสียอีก๑๖๒ อันความชั่วที่นางกระทา
นั้น นางก็จะทาชั่วอยา่ งนนั้ อกี เพราะนางไม่อ่มิ ในกาม

(๒) นิทานพ้ืนบ้านมีเนื้อเรื่องทานองเดียวกันซ้า ๆ แต่เหตุการณ์แปลก
แตกตา่ งกันออกไป บางทีกซ็ ้าสามครั้งหรือบางทีกซ็ า้ ส่ีครัง้ เชน่ เสยี รสู้ ามครงั้ แก้ปัญหาตกด้วย
ปญั ญาครง้ั ทสี่ ่ี (จานวนซา้ โดยมากเป็นไปทางลกั ษณะทางศาสนา) การมเี ร่อื งซา้ ๆ ทานองนี้เปน็
การกระต้นุ ก่อความกระหายทาให้ผู้ฟังใครจ่ ะทราบว่า เรอ่ื งตอนไหนจะมีทางออกอย่างไร และ
ในขณะเดยี วกันกท็ าให้มีเน้ือเรอื่ งยาวมีความสมบรู ณ์ขึ้น

นทิ านชาดกก็มีลกั ษณะเนื้อเรื่องซ้า ๆ หลายเร่ืองเชน่ เดยี วกัน เชน่ ชาดกเรือ่ ง
ที่ ๑๕๒ สิงคาลชาดก ว่าดว้ ยเหตทุ ท่ี าใหส้ นุ ัขจ้ิงจอกตาย มีเรื่องโดยย่อวา่

๑๖๒ข.ุ ชา.ปญจฺ ก (ไทย) ๒๗/๑๓๒/๒๒๔.

๑๑๑

พระโพธสิ ัตวเ์ สวยพระชาตเิ ป็นราชสีห์ มีน้องชาย ๕ ตวั ตวั สดุ ท้องเปน็ ตัวเมีย
อาศัยในถ้าแก้วผลึก มีสุนัขจ้ิงจอกมารักนางราชสีห์ มาหานางเสมอหลังจากที่พ่ีชายท้ังหก
ออกไปหาอาหาร แตน่ างราชสหี ร์ ังเกียจวา่ ต่าต้อยคนละวรรณะ สุนัขจ้ิงจอกจงึ มีความเสยี ใจไป
นอนอยู่ในถ้าผลึก เม่ือราชสีห์ผู้พ่ีกลับมาทราบเรื่องเข้าก็โกรธผลุนผลันไปทาร้ายสุนัขจ้ิงจอก
โดยไม่พิจารณา จึงถูกผนงั ถา้ ผลึกกระแทกหนา้ อกตาย แมต้ วั อ่นื ๆ ก็ตายด้วยอาการเช่นเดยี วกัน
ทีละตัว ๆ จนเหลอื พ่ีชายใหญเ่ พยี งตวั เดียว ราชสหี พ์ ระโพธสิ ตั ว์มีความรอบคอบจึงข้ึนไปบันลือ
สีหนาททาให้สุนัขจิ้งจอกหวาดกลัวจนหัวใจแตกตาย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่มีเนื้อ
เรื่องกล่าวซ้าทานองเดียวกันนี้ก็มีเช่น ชาดกเรื่องที่ ๑๓๗ พัพพุชาดก ว่าด้วยวิธีทาให้แมว
ตาย๑๖๓ และ ชาดกเรื่องที่ ๒๓ โภชาชานยี ชาดก ว่าดว้ ยมา้ สินธพชาตอิ าชาไนย๑๖๔

(๓) นิทานชาวบ้านโดยทั่วไปมีตัวเอกในนิทานเรื่องหนึ่ง ๆ ไม่เกินสองตัว
ถ้าในเร่ืองที่มีมากกว่าสองตัวขึน้ ไปก็จะมแี ค่สองตวั ละครที่มีบทบาทสาคัญในการดาเนินเร่ือง
ตอนนั้น นิทานชาดกบางเรื่องที่มีเน้ือเรื่องง่าย ๆ มีตัวละครน้อย เช่น เร่ือง สีลวนาคชาดก๑๖๕
มีเรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาช้างสีลวะ ช่วยเหลือนายพรานผู้หลงทางให้
อาหารแล้วให้ข่ีหลังของตนพาไปส่งแดนมนุษย์ ต่อมาพรานผู้นั้นกลับมาประทุษร้ายโดยใช้
เลื่อยมาขอตัดงาพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์มอบงาให้เพราะพระองค์รักพระโพธิญาณย่ิง
กว่าชีวิต เมื่อพรานผู้นั้นนางาไปขายแล้วต่อมานายพราน กลับมาขอตัดโคนงาอีก พระ
โพธสิ ตั วก์ ย็ อมให้ตัดเอางาไปจนพระโพธิสัตว์ได้รับทุกขเวทนาถึงกับสนิ้ ชีวิต ในท่สี ุดแผน่ ดินก็สูบ
พรานผอู้ กตญั ญูน้นั

(๔) นิทานพ้ืนบ้าน ตัวละครมักจะต้องมีลักษณะตรงกันข้ามกัน คือ คนชั่ว
กับ คนดี คนฉลาดกบั คนโง่ เป็นตน้

๑๖๓พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นช่างแก้วทาไมตรีกับหนูจึงได้ทรัพย์เป็นอันมาก,ขุ.ชา. (ไทย)
๒๗/๑๓๗/๕๖.

๑๖๔พระโพธสิ ัตว์เสวยพระชาติเป็นม้าอาชาไนย ออกรบต้องอาวุธยอมสละชีวิตจนจบั ข้าศึกได้จน
หมด, ขุ.ชา. (ไทย) ๒๗/๒๓/๑๐.

๑๖๕ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๗๒/๓๐.

๑๑๒

นิทานชาดกก็มีเน้ือเรื่องลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน เช่น เรื่อง จุลลนันทิย
ชาดก๑๖๖ เรอื่ งโดยย่อว่า พระโพธสิ ัตว์เสวยพระชาติเปน็ พระยาวานร สละชีวิตแทนมารดาซึ่งตา
บอด ถกู บรุ ษุ ช่ัว ฆา่ ตาย พรานผู้นัน้ เมอ่ื กลบั มาถงึ บ้าน บตุ รและภรรยาถูกฟ้าผา่ ตาย บ้านถูกไฟ
ไหมเ้ หลอื แตเ่ สากบั ขือ่ ข่อื ก็หกั ลงมาถกู ศรี ษะบรุ ุษนั้นแตก สดุ ทา้ ยแผ่นดินไหวแยกสูบเอาชาย
ผู้นั้นสู่นรกอเวจี ส่วนเรื่องคนโง่กับคนฉลาด เช่น เร่ืองจัมมสาฏกชาดก๑๖๗ กล่าวว่า พระ
โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพ่อค้า ติเตียนปริพาชกโง่ที่ยืนประนมมือไหว้แพะ จึงกล่าวห้าม
ปริพาชกนั้นว่า อย่าได้วางใจสัตว์ ๔ เท้าตัวน้ีด้วยการเห็นมันเพยี งครู่เดียวเลย เขาไม่เช่ือฟังจงึ
ถกู แพะขวดิ ตาย

(๕) ตัวละครที่ดูเหมือนว่าอ่อนแอที่สุดในหมู่พวก ในตอนท้ายเรื่องที่สุด
กลบั กลายเป็นคนดที ่ีสุด น้องชายหรอื นอ้ งสาวคนสุดท้อง มกั จะกลบั เป็นผู้ชนะในตอนท้ายเสมอ
นิทานชาดกที่มีลกั ษณะเช่นนี้ก็มีเร่อื ง สงั วรชาดก๑๖๘ เรอ่ื งโดยยอ่ วา่ พระโพธิสัตวเ์ สวยพระชาติ
เป็นอามาตยเ์ มืองพาราณสี พระเจ้าพาราณสีมโี อรส ๑๐๐ องค์ พระโอรสองค์สุดท้องผูกนา้ ใจ
พวกพี่ ๆ ด้วยสังคหวัตถุ พวกอามาตย์ทูลถามพระราชาว่า เมื่อพระองค์สวรรคตไป ราช
สมบัติจะยกให้ใคร พระราชาตรัสว่าลูกของฉันทั้งหมดเป็นเจ้าของเศวตฉัตร ถ้าเห็นว่าผู้ใด
เหมาะสมก็จงมอบให้แก่ผู้นั้น เมื่อพระราชาสวรรคต พวกอามาตย์จึงถวายเศวตฉัตรแก่พระ
สังวรกมุ าร พระราชกมุ ารท้ัง ๙๙ องค์ เมื่อทราบวา่ พระราชบิดาสวรรคต ราชสมบัติตกเป็นของ
พระสังวรกุมาร จึงคิดกันว่า ราชสมบัติสมควรตกแก่พระราชโอรสผู้พ่ีองค์ใหญ่ แล้วส่งหนังสือ
ให้พระเจ้าสังวรว่า จะยกราชสมบัติให้แก่พวกเราหรือจะรบกันแล้วพากันไปล้อมพระนครไว้
พระเจ้าสังวรปรึกษากับพระโพธิสัตว์แล้วส่งสาส์นไปบอกว่า เชิญเจ้าพี่ทั้งหลายมารับส่วน
พระราชทรัพย์ของพระราชบิดาเถิด หม่อมฉันจะไม่ขอรบกับเจา้ พ่ดี อก พระราชโอรสผพู้ ่ีองค์
ใหญ่นามว่า อุโบสถกุมาร ตรัสเรียกพระเจ้าน้องที่เหลือท้ังหลายมากล่าวตักเตือนว่า น้องชาย
องค์สุดท้องมิได้เป็นศัตรกู ับพวกพ่ีท้ังหลายและยังบอกให้พ่ที ั้งหลายไปรบั ราชสมบัติ เศวตฉัตร

๑๖๖ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๑๔๓-๑๔๔/๑๐๓.
๑๖๗ข.ุ ชา.จตกุ ก (ไทย) ๒๗/๙๓-๙๖/๑๗๕-๑๗๖.
๑๖๘ข.ุ ชา.เอกาทสก. (ไทย) ๒๗/๙๗-๑๐๗/๓๗๐-๓๗๑.

๑๑๓

จะมีแก่พระโอรสทกุ พระองค์ไม่ได้ในท่ีสดุ พระโอรสทัง้ หลายกเ็ ชือ่ ตามพระโอรสองคใ์ หญย่ กราช
สมบัตใิ ห้แก่นอ้ งชายองค์สดุ ท้อง

(๖) หากในนิทานชาดกมีตัวละครสองคน เป็นคนมีอานาจน้อยหรือ
อ่อนแอ ก็มักจะเป็นพ่ีน้องฝาแฝดกัน แต่ถ้าเม่ือใดมีอานาจข้ึน ก็อาจจะกลับกลายเป็นศัตรูคู่
แข่งขนั กนั

นิทานชาดกไม่มีเน้ือเรื่องเช่นน้ีโดยตรง แต่มีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ คนที่มี
อานาจน้อยเสื่อมอานาจ ก็จะหาช่องทางใช้อานาจน้ันเพ่ือประโยชน์ของตนเองและบริวาร
ดังเช่นเร่ือง ทสรถชาดก๑๖๙ เรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรามบัณฑิตราช
กุมารถูกพระราชบิดาเนรเทศออกจากพระนครพร้อมกับน้องชาย คือพระลักษณ์กุมารและ
น้องสาว คอื นางสดี า สาเหตมุ าจากพระราชบิดามพี ระมเหสใี หม่และได้ให้พรว่าจะยกเศวตฉัตร
ใหแ้ ก่พระโอรสท่ีเกิดจากพระมเหสีใหม่ เม่อื พระมเหสใี หม่ประสูติโอรสพระนามว่า ภรตกุมาร
ครั้นมีพระชนมพรรษาได้ ๗-๘ พรรษา พระมารดาจึงทวงขอพรอกี พระราชบิดาจึงรับสั่งให้
พระโอรสท้ังสองเข้าเฝ้าแล้วตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบพร้อมกับมีพระดารัสให้โอรสทั้ง
สองออกไปอยปู่ ่า ๑๒ ปี เมอื่ พระราชบดิ าสวรรคตแล้วจึงกลับมาครองราชย์ พระโอรสท้งั สองก็
ทรงยินยอมและเสด็จออกป่าพร้อมกับนางสีดา ในปีที่ ๙ พระราชบิดาเสด็จสวรรคต พระ
เทวีมีพระดารัสให้พวกอามาตย์ถวายเศวตฉัตรแก่พระภรตกุมาร พวกอามาตย์ไม่ยอมโดย
กล่าวว่า เจ้าของเศวตฉัตรยังอยู่ในปา่ พระภรตทรงเห็นตามพวกอามาตย์ ในที่สุดพระรามและ
พระลกั ษณ์และพระนางสดี ากเ็ สด็จกลบั มาครองเมอื งพาราณสจี นส้ินพระชนม์

(๗) การจัดวางลักษณะหรือนิสัยใจคอของตัวละครในเร่ืองนิทานพื้นบ้าน
เป็นไปอย่างง่าย ๆ ส่วนมากมีลักษณะนิสัยท่ีเห็นได้ชัดเจน มีปรากฏในการดาเนินเร่ืองเท่านน้ั
และกล่าวเอาไว้ตรง ๆ นอกจากน้ัน นิสัยหรือชีวิตด้านอื่น ๆ ของตัวละครในนิทาน ถ้าไม่มีส่วน
เกีย่ วข้องกับเนอื้ เร่ืองแล้วกจ็ ะไมก่ ลา่ วถงึ เชน่ บอกไว้เลยว่าเปน็ คนโกง หรอื เปน็ คนดี

นิทานชาดกได้วางลักษณะหรอื นสิ ัยใจคอของตัวละครงา่ ย ๆ ก็มี เช่นเดียว กับ
นิทานพ้ืนบา้ น เช่นเรือ่ ง สาลเิ กทารชาดก๑๗๐ เรือ่ งโดยย่อว่า พระโพธสิ ัตว์เสวยพระชาติเป็นพระ

๑๖๙ ขุ.ชา.เอกาทสก. (ไทย) ๒๗/๘๔-๘๗/๓๖๘.
๑๗๐ข.ุ ชา.ปกิณก. (ไทย) ๒๗/๑-๑๗/๔๒๓-๔๒๕.

๑๑๔

ยานกแขกเต้าปกครองฝูงนกแขกเต้า พญานกหา้ มบิดามารดาไม่ให้ออกไปหาอาหารตัวท่านจะ
หาอาหารมาเล้ียงเอง วันหน่ึงออกไปหาข้าวสาลีและไปติดบ่วงของคนเฝ้าไร่ คนเฝ้าไร่จึงนาไป
ใหแ้ ก่โกสยิ พราหมณ์ ผู้เป็นเจา้ ของไร่ พราหมณถ์ ามวา่ ทา่ นกนิ ขา้ วสาลีแล้ว ทาไมจงึ คาบไปอีก
ท่านจองเวรกับข้าพเจ้าหรือ พญานกตอบว่าไม่ได้จองเวรกับท่าน บิดามารดาของข้าพเจ้าแก่
เฒ่าไม่สามารถจะบินมาหากินได้จึงคาบไปเพื่อเล้ียงท่านท้ังสองเป็นการชดใช้หน้ีแก่ท่าน ส่วน
ลูกตัวเล็กเมื่อข้าได้เล้ียงดูแล้วจักเล้ียงข้าพเจ้าจึงให้พวกเขากู้ยืมหนี้ เมื่อพราหมณ์ได้ฟังมีจิต
เลื่อมใสกล่าวว่า ปักษีนี้เป็นนกแต่มีคุณธรรมอย่างยอดเย่ียม ในพวกมนุษย์บางเหล่าไม่มี
คุณธรรมน้ี ดงั นน้ั จงึ ปลอ่ ยพญานกแขกเตา้ ไป

(๘) นทิ านพ้นื บา้ นมีโครงเร่อื งง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เลา่ จบไปเป็นเรอ่ื ง ๆ ตอน
ๆ แตถ่ ้าเมื่อใดมโี ครงเร่ืองเล็กแทรกเข้ามาในเร่ืองใหญ่ กแ็ สดงว่าเพ่ิมเตมิ ขน้ึ ภายหลังและเป็นรูป
วรรณคดีช้ันสูงข้นึ ไป

นิทานชาดกกม็ โี ครงเร่อื งง่าย ๆ ไมซ่ ับซอ้ น ถ้ามีเร่อื งแทรกเข้าในเร่ืองใหญ่ถือ
ว่าเพิ่มเข้ามาในภายหลัง ดังเช่นเรื่อง กุลาวกชาดก๑๗๑ เรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์
เสวยพระชาติเป็นท้าวสักกะ ท้าวสักกะโพธิสัตว์ยอมสละชีวิตให้พวกอสูร ตรัสสั่งให้มาตลีเทพ
สารถีหันรถกลับ เพราะกลัวจะไปทับลูกนกครุฑตาย แล้วทรงนาอดีตชาติของท้าวสักกะมา
ตรัสเล่าว่า ในนครราชคฤห์ แคว้นมคธ พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นมฆมาณพ มีภรรยา ๔ คน คือ
นางสธุ รรมา นางสุจิตรา นางสนุ นั ทาและนางสชุ าดา นางสุธรรมา สรา้ งกศุ ลใหช้ า่ งไม้สลักช่ือไว้
ท่ีช่อฟ้าของศาลาน้ัน นางสุจิตราให้สร้างอุทยาน นางสุนันทาให้สร้างสระโบกขรณีมีเพียงนาง
สุชาดาไมไ่ ด้สร้างผลบญุ อะไร มฆมาณพรักษาศีลบาเพญ็ วัตรบารุงบิดามารดาอ่อนน้อมถ่อมตน
กลา่ วคาสัตย์ ไมก่ ลา่ วคาหยาบ ไม่กล่าวคาสอ่ เสียด ไม่ตระหน่ี จนสิน้ ชวี ติ แล้วไปบังเกิดเป็นท้าว
สักกะในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์พร้อมกับสหายทั้งหมด นางสุธรรมาบังเกิดเป็นบาทบริจาริกาของ
ท้าวสักกะมีเทวสภาชื่อว่าสุธรรมาเพราะผลบุญท่ีให้ช่อฟ้า นางสุจิตรามีอุทยานชื่อว่าจิตรลดา
เพราะผลบุญที่สร้างอุทยาน นางสุนันทาก็จุติมาบังเกิดในดาวดึงส์มีสระโบกขรณีช่ือ นันทา
เพราะผลบุญที่ขุดสระ ส่วนนางสุชาดาเพราะไม่ได้กระทากุศลกรรมไว้จึงไปบังเกิดเป็นนางนก
ยางอยทู่ ช่ี อกเขาในป่า ท้าวสกั กะเสด็จไปสอนให้นางนกยางรักษาศีล ตายแล้วมาบังเกิดเป็น

๑๗๑ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๓๑/๑๓.

๑๑๕

ธิดาของช่างปั้นหม้อเมืองพาราณสี ท้าวสักกะเสด็จไปสอนให้นางตั้งม่ันในการรักษาศีล สิ้น
อายไุ ปบังเกดิ เป็นธดิ าของจอมอสรู นามว่าเวปจติ ติ ท้าวสักกะเสด็จไปภพอสรู ถงึ เวลาทน่ี างเลือก
คู่ ท้าวสักกะทรงแปลงเป็นอสูร ด้วยอานาจความรกั อันมีในกาลก่อนจึงไดเ้ ลือกท้าวสักกะ แล้ว
จงึ ทรงนานางมายงั สวรรคช์ ั้นดาวดึงส์

ส่วนตอนที่สวรรค์ช้ันดาวดึงส์ ท้าวสักกะ หรือพระอินทร์รบกับพวกอสูรน้ัน
คงไม่ใช่ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาภายหลัง หากเป็นโครงเรื่องที่ดาเนินติดต่อกันไปเท่านั้น ซึ่ง
อาจจะแตกต่างจากนิทานชาวบ้านก็เป็นได้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่มีโครงเรื่องทานองนี้ก็มี
มากมายหลายเร่ือง

(๙) นิทานชาวบ้านวิธีการเล่าเรื่องเรียงลาดับง่าย ๆ ถ้าเป็นเรื่องอย่าง
เดียวกัน ก็เล่าแบบเดียวกันอย่างใกล้ชิดมาก ใช้ถ้อยคาเหมือน ๆ กัน แสดงว่าตั้งใจให้
เหมือนกัน ไม่ตอ้ งใหแ้ ปลกแตกต่างกนั ไปทงั้ วิธีการเลา่ และถ้อยคา

นิทานชาดกมีเนื้อเรื่องเช่นเดียวกัน คือ เร่ืองอย่างเดียวกัน มักจะเล่าแบบ
เดียวกันและใช้ถ้อยคาเหมือนกัน ดาเนินเร่ืองง่าย ๆ เช่น เร่ือง สกุณชาดก๑๗๒ ว่าด้วยนก
โพธิสัตว์ ฆตาสนชาดก๑๗๓ ว่าด้วยภัยเกิดจากท่ีพึ่ง วีรกชาดก๑๗๔ ว่าด้วยกาวีรกโพธิสัตว์ กันท
คลกชาดก๑๗๕ ว่าด้วยนกหวั ขวานตายเพราะไม้แกน่ ชัมพุกชาดก๑๗๖ ว่าด้วยสุนัขจ้ิงจอก ชัมพุกะ

๑๗๒พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเปน็ พญานก เห็นก่ิงไม้ท่ีนกอาศัยเสียดสีเป็นควัน จึงแนะให้นก
บินหนี พวกท่ีเชื่อฟังพ้นอันตรายรอดตาย ส่วนพวกท่ีไม่เชื่อ ขืนอยู่ต่อไปจึงถูกไฟครอกตาย, ขุ.ชา.เอกก.
(ไทย) ๒๗/๓๖/๑๕.

๑๗๓พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญานก พาบริวารหนีพญานาคได้ด้วยสังเกตเห็นน้าท่ีอยู่
เบือ้ งล่างเป็นไฟ, ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๑๓๓/๕๔-๕๕.

๑๗๔พระโพธสิ ตั วเ์ สวยพระชาตเิ ป็นพญากานา้ ช่ือ กาวีรกะ กลา่ วห้ามไมใ่ หก้ าบกเอาอยา่ งกาน้า
กาบกไม่เช่อื จึงถูกสาหรา่ ยพนั คอตาย, ขุ.ชา.ทกุ . (ไทย) ๒๗/๑๐๗-๑๐๘/๙๓.

๑๗๕พระโพธิสัตวเ์ สวยพระชาติเป็นนกหวั ขวาน ห้ามนกกระไนไมใ่ หเ้ อาอย่าง นกกระไนไม่เชือ่ ยงั
ขืนเจาะไม้แขง็ จนสมองแตกตาย, ขุ.ชา.ทกุ . (ไทย) ๒๗/๑๑๙-๑๒๐/๔๖.

๑๗๖พระโพธสิ ัตวเ์ สวยพระชาตเิ ปน็ ราชสีห์ ตเิ ตียนสุนัขจิ้งจอกวา่ ไมร่ ้จู กั กาลงั ของตัว ทาวางทา่ มี
อานาจดงั ราชสหี ์จนตอ้ งถึงแกค่ วามตาย, ข.ุ ชา.จตุกก. (ไทย) ๒๗/๑๓๗-๑๔๐/๑๘๕.

๑๑๖

อวดเกง่ คิชฌชาดก๑๗๗ วา่ ด้วยนกแรง้ และ สุกชาดก๑๗๘ วา่ ด้วยลูกนกแขกเต้า เรื่องเหล่านี้พระ
โพธสิ ัตวแ์ สดงคุณของการเชอ่ื ฟงั และโทษของการไมเ่ ชอื่ ฟัง

อนึง่ นิทานพนื้ บา้ นมีรูปแบบอยา่ งหนงึ่ เป็นนวนิยาย คาวา่ นวนิยาย หมายถึง
เร่ืองเล่าซ่ึงสมมติว่าเกดิ ขึ้นจริง แสดงประวัติความเปน็ มาของสิ่งใดส่ิงหนึ่งจะเป็นพืช หรือสัตว์
หรือปรากฏการณธ์ รรมชาติ๑๗๙

นิทานชาดกมีรูปแบบเป็นนิยายเหมือนกันกับนิทานพื้นบ้าน ดังชาดกเร่ืองตอ่ ไปน้ี
๑) อุลูกชาดก๑๘๐ ว่าด้วยนกเค้า กลา่ วถึงเรอ่ื งกากับนกเค้าเป็นศัตรูกัน เร่อื งโดยย่อ
ว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นหงส์ทองหังสโปดก สมัยอดีตปฐมกัป มนุษย์ประชุมกัน
คัดเลือกบุรุษรูปงามมีมารยาทสมบูรณ์แต่งตั้งให้เป็นพระราชา สัตว์ ๔ เท้าตั้งราชสีห์ให้เป็น
พระราชา บรรดาปลาในมหาสมุทรต้ังให้ปลาอานนท์เป็นพระราชา หมู่นกก็คิดว่าจะตั้ง
พระราชา พิจารณาเห็นนกเค้าตัวหน่ึงก็ชอบใจ จึงประกาศขึ้น ๓ คร้ัง เพื่อตอ้ งการหย่ังเสียง
กาตัวหนึ่งกล่าวค้าน ด้วยความไม่พอใจบินร้องไปในอากาศว่า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจ ข้าพเจ้าไม่
ชอบใจ ฝ่ายนกเค้าก็บินข้ึนไล่ติดตามกาน้ันไป ต้ังแต่น้ันมากากับนกเค้าจึงได้เป็นศัตรูกัน นก
ทัง้ หลายจึงต้ังหงสท์ องให้เปน็ พระราชาแล้วพากันหลกี ไป
๒) นฬปานชาดก๑๘๑ ว่าด้วยอุบายดื่มน้าด้วยไม้อ้อ กล่าวถึงเหตุที่ไม้อ้อเป็นช่อง
ทะลุตลอดตั้งแต่ต้นจนปลาย เรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาวานร มี
บริวารแปดหมน่ื ตวั พญาวานรกล่าววา่ ในป่าน้มี ีต้นไมพ้ ิษ ที่สระโบกขรณมี ีอมนุษย์หวงแหน ถ้าจะ
กินผลไม้ที่ยังไม่เคยกิน จะด่ืมน้าที่ยังไม่เคยด่ืมต้องสอบถามเราก่อน ต่อมาบริวารไปเห็นสระ
โบกขรณีแห่งหนึ่งไม่กล้าลงไปกินน้ากลับมาถามพระโพธิสัตว์ พญาวานรสังเกตเห็นมีแต่รอยเท้า

๑๗๗พระโพธิสัตวเ์ สวยพระชาตเิ ป็นพญาแร้ง สอนบุตรไม่ใหบ้ ินสูงเกินกาลงั นก บตุ รไม่เช่อื ในคา
สอน จึงตอ้ งพินาศถงึ แกค่ วามตายดว้ ยลมกรด, ขุ.ชา.ทกุ (ไทย) ๒๗/๑-๙/๓๐๑-๓๐๒.

๑๗๘พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญานกแขกเต้า ห้ามบุตรกินผลมะม่วงท่ีเกาะกลางทะเล
บตุ รไมเ่ ช่ือฟงั คาสอนจึงตกนา้ ตาย, ขุ.ชา.ทุก. (ไทย) ๒๗/๑๓-๑๔/๑๒๒.

๑๗๙ก่งิ แกว้ อัตถากร, วรรณกรรมบ้านใน, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภา, ๒๕๑๔), หน้า
๑๐.

๑๘๐ขุ.ชา.ตกิ . (ไทย) ๒๗/๕๘-๖๐/๑๓๓.
๑๘๑ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๒๐/๘-๙.

๑๑๗

ลงไปในสระ ไม่เห็นรอยเท้าขึ้นจากสระ จึงรู้ว่าสระโบกขรณีนี้รากษส หรือผเี สือ้ นา้ หวงแหน
คอยจะจบั ผ้ลู งไปกินน้าในสระ พระโพธสิ ัตว์กล่าวเจรจากับผีเสื้อน้าวา่ พวกเราจะด่ืมน้าและจะ
ไมถ่ กู ท่านจับกนิ ผเี ส้อื น้าถามว่า พวกทา่ นจะดื่มน้าอยา่ งไร พระโพธิสตั วก์ ลา่ ววา่ พวกเราจะดมื่
น้าในสระโบกขรณีด้วยไม้อ้อ แล้วราพึงถึงบารมี กระทาสัจกิริยาเอาปากเป่าไม้อ้อเป็นโพรง
ตลอดทง้ั ปล้อง ดว้ ยเหตุนี้ ไมอ้ ้อทุกตน้ ก็เกิดเป็นรูเดียวทะลุถึงกันโดยตลอดต้ังแตน่ น้ั เปน็ ต้นมา
พระโพธสิ ตั วแ์ ละบริวารจึงใชไ้ ม้ออ้ นัน้ ดื่มน้าจากสระโดยสวสั ดภิ าพ

นอกจากนน้ั นิทานพื้นบ้านของไทยมีโครงเร่อื งตรงกับนิทานชาดก เช่น เรอ่ื ง ตาอิน
กับตานา ตรงกับนิทานชาดกเรื่อง ทัพภปุปผชาดก๑๘๒ ว่าด้วยสุนัขจิ้งจอกชื่อทัพภปุปผะ
กล่าวถึงเหตุท่ีการทะเลาะวิวาทกัน เร่ืองโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดา
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมีภรรยาชื่อ มายาวี เมื่อนางตั้งครรภ์เกิดแพ้ท้องอยากจะกินปลา
ตะเพียน จึงบอกให้สามีหาปลาตะเพียนมาให้ สามีจึงเท่ียวหาตามชายแม่น้า ขณะนั้นมีนาก ๒
ตัว ตัวแรกเท่ียวหากินในน้าลึก ตัวท่ีสองเที่ยวหากินตามชายฝ่ังต้ืน นากตัวแรกขณะท่ีเที่ยวหา
กนิ ปลาในน้าลึกจับปลาตะเพียนใหญ่ตวั หนึ่งได้ แต่ไมส่ ามารถจะนาขึน้ ฝ่ังจงึ ขอร้องใหน้ ากตัวที่
สองทีห่ ากนิ ตามชายฝง่ั ใหช้ ่วยนาปลาตะเพียนขึน้ สฝู่ งั่ นากตัวท่สี องช่วยเหลืออยา่ งเต็มที่ พอถึง
ฝ่ังนากท้ังสองแบ่งปลากันแต่ตกลงกันไม่ได้ว่าตัวเองจะได้ส่วนไหนจึงเกิดทะเลาะโต้เถียงกัน
ขณะน้ันเองสุนัขจ้ิงจอกเดินผ่านมา นากจึงขอร้องให้สุนัขจิ้งจอกช่วยแบ่งปลาให้ด้วย สุนัข
จิ้งจอกจึงตัดสินพิพากษาให้แบ่งปลาตะเพียนออกเป็น ๓ ส่วนคือ ส่วนหัว ส่วนหาง และ
ส่วนกลาง ส่วนหัวใหแ้ กน่ ากตวั แรกที่เท่ียวหากนิ ในน้าลึก ส่วนหางให้แก่นากตัวท่ีสองที่เท่ียวหา
กินตามชายฝงั่ สาหรับสว่ นกลางนั้นให้แก่ผู้ตัดสนิ สนุ ัขจิ้งจอกกล่าวว่า

นากตัวทเ่ี ที่ยวไปตามรมิ ฝ่งั จงเอาหางไป ตวั ท่ีเทย่ี วไปในน้าลกึ จงเอาหวั ไป ส่วนท่อน
กลางนี้ จักตกเป็นของเราผตู้ ้งั อยใู่ นธรรม๑๘๓
๕.๔ สรุป

๕.๔.๑ ความสัมพันธ์ของนิทานชาดกกับนิทานอีสปและนิทานพื้นบ้าน

๑๘๒ข.ุ ชา.สตฺตก. (ไทย) ๒๗/๒๙-๓๘/๒๖๐-๒๖๑.
๑๘๓ข.ุ ชา. สตตฺ ก. (ไทย) ๒๗/๓๓/๒๖๐.

๑๑๘

สาหรับโครงเร่ืองของนิทานทานชาดกมีความเกี่ยวพันธ์กับนิทานอีสปและนิทาน
พนื้ บา้ นหลายลกั ษณะ เช่น

๑. ลกั ษณะการแต่งนทิ านชาดก แต่งเปน็ คาถา คือคาฉันท์ ชาดกแตล่ ะเรื่องมี
คาถาน้อยมากต่างกัน เร่ิมคาถาจากน้อยไปหามากตามจานวนนิบาตชาดก ชาดกท่ีมี ๑ คาถา
เรียกว่าเอกนิบาตชาดก ชาดกที่มี ๒ คาถาเรียกว่าทุกนิบาต เป็นต้น จนถึงชาดกท่ีมีมากคาถา
เรยี กว่า มหานบิ าตชาดก รวม ๒๒ นิบาต ตอนจบ บางคาถาไมก่ ล่าวถึงการกลับชาติมาเกิด แต่
กล่าวถึงการบรรลุมรรคผลของผูฟ้ ังชาดก

๒. ลักษณะโครงเรอื่ งนิทานชาดก เรียงลาดบั ไปตามนิบาตเรม่ิ จากชาดกท่มี ี ๑
คาถาเรยี ก เอกกนบิ าต ชาดกท่มี ี ๒ คาถาเรียกทุกนิบาต ชาดกที่มี ๑๓ คาถา เรียก เตรสกนิบาต
ชาดกที่มีมากกว่า ๑๓ คาถาขึ้นไปเรียก ปกิณณกนิบาต ชาดกท่ีมี ๒๐ คาถาเรียก วีสตินิบาต
ชาดกทมี่ ี ๓๐ คาถาเรยี ก ตงิ สนิบาต ชาดกท่มี ี ๔๐ คาถาเรียก จัตตาลีสนบิ าต จนถึงมหานิบาต
(ชาดกท่ีมีคาถามาก) ชาดกมีโครงสร้างท่ีดี คือ ดาเนินเรื่องจากโครงสร้างง่าย ๆ ไปหาสร้าง
โครงสร้างที่ยากขึ้นในภายหลัง เช่นเดียวกับวิธีการสอนของครูผู้สอนแก่นักเรียนที่เริ่มต้นจาก
เรอื่ งง่าย ๆ ใกล้ตวั ก่อนแลว้ ค่อยสอนเร่ืองท่ยี ากและไกลตวั ออกไป

๕.๔.๒ โครงเร่อื งชาดก
มีลักษณะ ดังนี้

๑. คาถา เร่ิมตน้ จากคาถาน้อยไปหาคาถามาก
๒. ตวั ละคร เรม่ิ ต้นจากตวั ละครน้อยไปหาตัวละครมาก
๓. เนอื้ เรื่อง เร่ิมตน้ ด้วยเน้ือเรอื่ งง่าย ๆ ไปหาเนอ้ื เรื่องยาก สลับซับซ้อน
๔. เหตุการณ์ เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ที่ง่ายไปหาเหตุการณ์ที่ยากมีความ
สลบั ซบั ซ้อน
๕. ธรรมะ เร่มิ ตน้ ด้วยธรรมะง่ายมคี าถานอ้ ย ไปหาธรรมะท่ียาก มีคาถามากขน้ึ
๕.๔.๓ ความสัมพนั ธ์ของนทิ านชาดกและนิทานอสี ป
ความเป็นมา นิทานอีสปเกิดขึ้นราวศตวรรษที่ ๖ ก่อนคริสตกาล มีต้นกาเนิดอยู่ที่
อาณาจักรกรีกโบราณ ผู้แต่งนิทานอีสปคือ อีสป เป็นทาสท่ีไร้การศึกษาแต่เปี่ยมไปด้วยเชาวน์
ปัญญา แรกเร่ิมทีเดียวนิทานอีสปเล่ากันแบบมุขปาฐะ คือเล่ากันด้วยปากเปล่า ต่อมาเมื่อมีผู้

๑๑๙

รวบรวมแล้วบันทึกเป็นตัวอักษร และพิมพ์เป็นหนังสือและได้มีการแปล นิทานอีสปเป็น
ภาษาของชาติต่าง ๆ ท่ัวโลก นิทานที่อีสปเล่านิยมเรียกกันว่า นิทานอีสป เป็นนิทานสอนคน
ทั่วไปในดา้ นศีลธรรมโดยใช้สัตว์ตา่ ง ๆ เป็นตวั ละคร เช่น เรอื่ งเดก็ เลี้ยงแกะ ลาโง่ เป็นต้น

นิทานอีสปได้แพร่เข้ามาในประเทศไทยสมัยอยุธยา สมัยพระบาทสมเด็จ พระ
นารายณม์ หาราช โดยชาวกรีกช่อื คอนสแตนตนิ ฟอลคอน ภายหลงั ไดร้ ับแต่งตง้ั เปน็ เจ้าพระยา
วิชาเยนทร์

นิทานชาดกกับนิทานอีสปมีความสัมพันธ์กันใน ๒ ประการ คือ ๑. ด้านโครงเรื่อง
๒. ดา้ นแนวความคิด

๑) ความสมั พนั ธด์ า้ นโครงเรือ่ งเหมือนกนั แต่รายละเอียดแตกตา่ งกนั
๒) ความสัมพันธด์ ้านแนวความคิด แบ่งเปน็ ๒ ประเภท คอื แนวความคิดตรงกัน
และแนวความคดิ ต่างกัน ดังน้ี

(๑) แนวความคดิ ตรงกนั
นิทานชาดกและนิทานอสี ป แนวความคิดตรงกนั หลายเรื่อง แต่ตัวละครและ
การดาเนนิ เรอ่ื งแตกต่างกัน เชน่ การชว่ ยเหลือสัตว์ร้ายเป็นเหตุนามาซ่ึงความหายนะหรอื ความ
ตาย ความรกั ทาให้เกิดความเสือ่ มหรือความหลง
(๒) แนวความคิดต่างกัน นิทานชาดกกับนิทานอีสปมีจุดมุ่งหมายท่ีจะสอน
ต่างกัน แต่มีโครงเร่ืองเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน เช่น เรื่องสุนัขจิ้งจอกกับกา ในนิทานอีสป
สุนัขจิ้งจอกอยากกินเนยแข็งที่กาคาบมา จึงกล่าวชมกาว่ามันสวยงาม มีเสียงไพเราะ กาหลง
เชื่อร้องออกมา เนยแข็งจึงหลดุ จากปาก ทาให้สนุ ขั จงิ้ จอกไดก้ ินเนยแข็งนั้น

๕.๔.๔ ความสัมพันธ์ของนทิ านชาดกและนทิ านพนื้ บา้ น
ความเป็นมา นิทานพ้ืนบ้าน หมายถึง เร่ืองท่ีชาวบ้านเล่าสืบ ๆ กันมาเป็นเวลาช้า
นานด้วยปากเปลา่ หรือเรื่องเล่าทีเ่ ล่าสบื กนั มา แล้วมีการบนั ทกึ เปน็ ลายลกั ษณ์อักษร ซึ่งอาจจะ
เปน็ รอ้ ยแกว้ หรอื รอ้ ยกรองก็ได้ เพอ่ื ความบันเทงิ ใจและสัง่ สอนให้บุคคลกระทาคุณงามความดี
เช่น ความกตัญญูกตเวที ความซ่ือสัตย์สุจริต เป็นต้น นิทานพ้ืนบ้าน นอกจากจะให้ความ

๑๒๐

สนุกสนานแล้ว ยังเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ ความนึกคิด
ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของบุคคลในท้องถ่ินต่าง ๆ ดว้ ย

โครงสร้างของนิทานชาดกยังเหมือนหรือคล้ายคลึงกับโครงสร้างนิทานชาวบ้านทั้งน้ี
เป็นเพราะนทิ านชาดกกเ็ ป็นการนาเอานิทานพืน้ บ้านมาสอดแทรกไวน้ ั่นเอง

นิทานชาดกส่วนใหญ่มาจากนิทานชาวบ้าน พระพุทธเจ้าทรงนานิทานพื้นบ้านท่ีคน
ท่ัวไปรู้ ๆ กันอยู่แล้ว นามาแสดงโดยแทรกเรื่องพระโพธิสัตว์บาเพ็ญบารมีธรรมต่าง ๆ ลงไป ใน
พระไตรปิฎก นิบาตชาดกเขียนเป็นคาถา (ร้อยกรอง) ต่อมาพระอรรถกถาจารย์ได้แต่งขยาย
ความเปน็ รอ้ ยเเกว้ ทาใหร้ ปู แบบ โครงเรอ่ื ง และเน้ือเร่ืองเหมือนกับนิทานพน้ื บ้านมากข้ึน

นทิ านชาวบ้าน มีลกั ษณะดงั นี้
๑. เปน็ เรอ่ื งเลา่ ด้วยถอ้ ยคาธรรมดา เปน็ ภาษารอ้ ยแกว้ ไมใ่ ช่ร้อยกรอง
๒. เล่ากันด้วยปาก สืบกันมาเป็นเวลาช้านาน แต่ต่อมาในระยะหลังเม่ือการเขียน
เปน็ หนังสอื ขึ้นก็อาจเขยี นขึ้นตามเคา้ เร่ืองเดมิ ท่ีเคยเล่าสบื ต่อกันมาดว้ ยปากเปล่า
๓. ไม่ปรากฏวา่ ผู้เลา่ ด้งั เดิมวา่ เป็นใคร อ้างแตว่ า่ เป็นของเก่า๑๘๔
นทิ านชาดกกับนทิ านพ้นื บ้านมีสว่ นเหมือนกันหรอื ความสมั พันธ์กัน ๒ ชนิด คือ
๑) ความสัมพนั ธท์ างด้านลักษณะนทิ าน

(๑) นทิ านพนื้ บา้ นเป็นเร่อื งทีช่ าวบ้านเลา่ สบื ต่อกันมาตามธรรมดา
(๒) นิทานชาดกมอี ยูก่ อ่ นพทุ ธกาลเลา่ ต่อ ๆ กนั มาดว้ ยปากเปลา่ เหมือนนิทาน
ชาวบา้ น
(๓) นิทานชาดกไม่ปรากฏชอื่ ผ้แู ตง่ เช่นเดียวกบั นิทานพ้ืนบ้าน
๒) ความสมั พนั ธ์ทางดา้ นเนอ้ื เรอ่ื ง
(๑) นิทานพ้นื บ้านมักจะไม่ขึ้นตน้ ดว้ ยเนือ้ เร่อื งตอนสาคญั และจะไม่จบลงทนั ที
ทเี่ ร่อื งจบ

๑๘๔กุหลาบ มัลลิกะมาส, คติชาวบ้าน, (กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์ส่วนท้องถ่ิน, ๒๕๑๖), หน้า
๑๐๐.

๑๒๑

(๒) นิทานพื้นบ้านมีเนื้อเรื่องทานองเดียวกันซ้า ๆ แต่เหตุการณ์แปลก
แตกตา่ งกันออกไป บางทกี ็ซ้าสามครง้ั หรือบางทีก็ซ้าสี่ครัง้ เชน่ เสยี รู้สามครั้ง แกป้ ญั หาตกด้วย
ปญั ญาครั้งที่ส่ี

(๓) นิทานชาวบ้านโดยทั่วไปมีตัวเอกในนิทานเรื่องหน่ึง ๆ ไม่เกินสองตัว ถ้า
ในเร่อื งทีม่ มี ากกวา่ สองตัวขนึ้ ไป กจ็ ะมีแค่สองตัวละครท่ีมบี ทบาทสาคัญในการดาเนนิ เรอ่ื งตอน
น้ัน

(๔) นิทานพื้นบ้าน ตัวละครมักจะต้องมลี ักษณะตรงกันข้ามกนั คือ คนช่ัวกบั
คนดี คนฉลาดกับคนโง่ เป็นตน้

(๕) ตัวละครที่ดูเหมือนว่าอ่อนแอที่สุดในหมู่พวก ในตอนท้ายเรื่องกลับ
กลายเป็นคนดีที่สดุ

(๖) หากในนทิ านชาดกมีตัวละครสองคน เป็นคนมอี านาจน้อยหรืออ่อนแอ ก็
มักจะเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน แต่ถ้าเมื่อใดมีอานาจขึ้น ก็อาจจะกลับกลายเป็นศัตรูคู่แขง่ ขนั
กัน

(๗) การจัดวางลักษณะหรือนิสัยใจคอของตัวละครในเร่ืองนิทานพ้ืนบ้าน
เป็นไปอย่างงา่ ย ๆ ส่วนมากมลี กั ษณะนิสัยที่เห็นไดช้ ดั

(๘) นิทานพื้นบ้านมีโครงเร่ืองง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เล่าจบไปเป็นเรื่อง ๆ ตอน ๆ
แตถ่ ้าเม่อื ใดมโี ครงเรอื่ งเลก็ แทรกเขา้ มาในเรอ่ื งใหญ่ แสดงวา่ เพ่มิ เติมขนึ้ ภายหลงั

(๙) นิทานชาวบ้านมีวิธกี ารเล่าเรอื่ งเรยี งลาดบั ง่าย ๆ

๑๒๒

บทที่ ๖
คติธรรมในนทิ านชาดก

วัตถุประสงคก์ ารเรยี นประจาบท
เมื่อได้ศกึ ษาเนอ้ื หาในบทน้ีแล้ว ผู้ศกึ ษาสามารถ
๑. อธิบายคติธรรมในนทิ านชาดกได้
๒. อธิบายแนวคิดพระโพธสิ ัตว์ตามแนวคิดพระพทุ ธศาสนาเถรวาทได้
๓. อธบิ ายแนวคดิ พระโพธสิ ตั ว์ตามแนวคิดพทุ ธศาสนามหายานได้
๔. อธิบายแนวคดิ เรอื่ งบารมที ีป่ รากฏในนทิ านชาดกได้
๕. อธบิ ายแนวคดิ เชงิ จริยธรรมทป่ี รากฏในนทิ านชาดกได้
๖. อธิบายแนวคดิ การรักษาศลี ทป่ี รากฏในนทิ านชาดกได้

ขอบข่ายเนือ้ หา

 ความนา
 เรอ่ื งพระโพธิสตั ว์
 เรือ่ งบารมี
 เรอื่ งจรยิ ธรรม
 เรือ่ งการรักษาศีล

๑๒๓

บทท่ี ๖

คติธรรมในนทิ านชาดก

น ิท า น ช า ด ก เ ป็น อ ดีต น ิท า น ที ่พ ร ะ พ ุท ธ เ จ้า ท ร ง ย ก ขึ้น ม า แ ส ด ง เ พื ่อ เ ป ็น ข ้อ
เปรียบเทียบเรื่องท่ีเป็นปัจจุบันซ่ึงเกิดขึ้นในขณะน้ัน การศึกษาชาดกจึงมักมุ่งประเด็นที่
การศึกษาคติธรรมในเรื่องพระโพธิสัตว์ เรื่องการบาเพ็ญบารมี เร่ืองจริยธรรม และเรื่องการ
รกั ษาศีล ดังนี้

๖.๑ เรอ่ื งพระโพธิสัตว์
๖.๑.๑ ความหมายของพระโพธสิ ัตว์ ในคมั ภีรเ์ ถรวาท
กฎธรรมดาของพระโพธิสัตว์ ๑๖ ประการ พระโพธิสัตว์ หมายถึงผู้บาเพ็ญมรรค

๔ เพื่อบรรลุสัมโพธิญาณ๑๘๕ คาว่า “พุทธะ” มาจากคาว่า โพธิ มาจากธาตุว่า พุธฺ + อิ =
โพธิ แปลว่า ผ้รู ู้ ความรู้ ผตู้ น่ื การต่นื ผู้บรรลุ การบรรลุ เปน็ ตน้ ๑๘๖

พระโพธิสัตว์ บางทีเขียนเป็น โพธิสัตต์ หมายถึง ท่านผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็น
พระพทุ ธเจ้าซง่ึ กาลังบาเพญ็ บารมี ๑๐ คอื เนกขมั มะ วริ ิยะ เมตตา อธษิ ฐาน ปญั ญา ศีล ขันติ
อุเบกขา สัจจะ ทาน๑๘๗

คาว่า โพธิสัตตะ ในพระสูตรทีฆนิกายและมัชฌมิ นิกาย หมายถึง ผู้ที่กาลังจะบรรลุ
โพธิ ส่วนในชาดกนนั้ หมายถึง สัตว์หรือบุคคลท่ีฉลาดมีคุณธรรม มีสติปัญญา สามารถช่วยเหลือ
ผอู้ ืน่ หรือสตั ว์อน่ื ใหพ้ น้ จากความทุกขไ์ ด้

๑๘๕ที.ม. (ไทย) ๑๐/๑๗/๑๑.
๑๘๖หลวงเทพดรุณานุศิษฏ์, พระคัมภีร์ธาตุปปทีปิกา, (พระนคร : มหามกุฎราชวิทยาลัย,
๒๕๐๙), หนา้ ๒๕๗.
๑๘๗พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์, พิมพ์คร้ังท่ี ๙,
(กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๔๓), หน้า ๗๗๒.

๑๒๔

พระโพธิสัตว์ฝ่ายเถรวาท คือ บุคคลท่ีปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
ในชมพทู วปี หรอื อินเดียในปจั จบุ ัน ในสมัยตอนตน้ ก่อนยุคพทุ ธกาลน้นั มคี วามคิดเร่อื งบุคคลใน
อุดมคติเป็น ๒ แนวทาง คือ ทางด้านบุคคลในทางโลกหรือราชอาณาจักร ได้แก่พระเจ้า
จักรพรรรดิ ในทางธรรมหรือศาสนจักร ได้แก่ พระพุทธเจ้า บุคคลผู้จะได้เป็นพระเจ้า
จักรพรรรดิ หรือพระพุทธเจ้าน้ี เรียกว่า มหาบุรุษ๑๘๘ พระมหาบุรุษที่เป็นท้ังบุคคลธรรมดา
และบคุ คลผู้เหนอื มนุษย์อนั ได้แก่ ลกั ษณะของพระโพธสิ ัตว์

พระโพธิสัตว์ที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนารุ่นแรกในประวัติพระโคดมพุทธเจา้
(พระสิทธัตถะ) ตั้งแต่คร้ังยังไม่ได้ตรัสรู้ ต่อมาเม่ือพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความคิดเรื่อง
พระพุทธเจ้าหลายพระองค์ จึงได้ใช้ความหมายรวมถึงพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ เม่ือยังไม่ตรัสรู้
และบุคคลผู้บาเพ็ญตนมุ่งหมายที่จะบรรลุโพธิญาณด้วย พระโพธิสัตว์ ที่ปรากฏในคัมภีร์
พระพุทธศาสนาดั้งเดิม ไดก้ ล่าวบรรยายพระพทุ ธประวัติ แบง่ ได้เป็น ๒ ประเภท ได้แก่

ประเภทแรก แสดงพระพุทธประวัติของพระโคตมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ตั้งแต่เริ่ม
เสด็จออกบรรพชาจนถึงตรสั รู้ เป็นเร่ืองการแสวงหาความรู้ของพระพทุ ธองค์ โดยมิได้กล่าวถึง
ตอนประสตู ิ และก่อนหน้าจะเสด็จออกบรรพชา ซึง่ แบ่งเปน็ ตอน ๆ ได้ดังน้ี

๑) พระโพธสิ ตั วเ์ สดจ็ ออกบรรพชา
๒) ทรงศึกษาในสานกั อาฬารดาบสและอทุ กดาบส ทรงบาเพ็ญทุกรกริ ิยา
๓) ทรงเลิกบาเพ็ญทกุ รกิรยิ าทรงค้นพบมชั ฌมิ ปฏิปทา จนได้ตรัสรู้
พระพุทธประวตั ิของพระพุทธเจ้า ที่ทรงบรรลุธรรม ตรัสรู้ ความรู้แจ้ง ความรู้วิเศษ
อันทาลายอาสวกิเลสได้ และทรงเป็นบุคคลที่มีจรงิ ในประวตั ิศาสตร์
ประเภทท่ี ๒ ในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ แสดงพุทธประวัติ
ตั้งแต่พระโพธิสัตว์ทรงทาอธิการในสานักของพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์มีพระทีปังกรพุทธ
เจา้ เป็นตน้ มาถึงสีอ่ สงไขยแสนกัป ไดร้ ับพุทธพยากรณ์จากพระพทุ ธเจ้าทงั้ ๒๔ พระองค์ ทรง

๑๘๘อินเดียสมัยพุทธกาลมีความคิดเร่ืองพระเจ้าจักรพรรดิท่ีเป็นใหญ่เหนือพระราชาอ่ืน ๆ
ทั้งหมด ทางด้านศาสนา นักคิดต่าง ๆ สนใจด้านปรัชญา เรื่องแก่นแท้ของชีวิตมากกว่าที่สนใจบูชาเทพเจ้า
ดว้ ยการบชู ายญั ทาให้เกิดความคิดเรอ่ื งกรรม การเวียนวา่ ยตายเกิด ได้มีผ้พู ยายามแสวงหาทางหลุดพ้นและ
หวังวา่ จะมีพระพุทธเจ้ามาอบุ ตั ิ, เรอ่ื งเดยี วกนั , หน้า ๗๘.

๑๒๕

บาเพ็ญการกธรรมในบารมี ๓๐ ทัศ จนถึงอัตภาพเป็นพระเวสสันดร ประสบกับอานิสงส์แห่ง
พระโพธิสัตว์ผู้ทาอภินหิ ารไว้แล้ว เรียกว่า พระนิตยโพธิสัตว์ ผู้ถึงพร้อมด้วยองค์ธรรมครบถว้ น
จะไม่เกิดในนรกภมู ิ ไม่เกิดในเปรตภมู ิ แม้เกิดในดิรัจฉานภูมิกไ็ ม่เป็นสัตวข์ นาดเล็ก เมื่อเกิดใน
หมู่มนุษย์ก็ไม่เป็นคนตาบอด หหู นวก ใบ้แตก่ าเนดิ ไม่เปน็ สตรี คนสองเพศ บัณเฑาะก์ แม้อบุ ัติ
ในสวรรค์ก็ไม่เข้าถึงอสัญญีภพ ไม่ไปอุบัติในชั้นสุทธาวาส แต่จะไปอุบัติเป็นพระโพธิสัตว์ชั้น
ดุสิตเท่าน้ัน๑๘๙ พระพุทธประวัติของพระโคตมพุทธเจ้าองค์ปัจจบุ นั แบ่งได้เป็นตอน ๆ ไดด้ งั น้ี

๑) จตุ ิจากสวรรค์ชั้นดุสติ
๒) ประสตู ิ การพยากรณ์พระพทุ ธลกั ษณะ
๓) ทรงพบเทวทูตท้ัง ๔
๔) เสดจ็ ออกบรรพชา
๕) จนถึงตรสั รูเ้ ป็นพระพุทธเจ้า
และ นิตยโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ท่ีได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
มาแล้ว กล่าวคอื ทรงเปน็ พระโพธิสัตว์ท่ีจะได้เปน็ พระพุทธเจา้ อย่างแนน่ อน
๖.๑.๒ ความหมายของพระโพธสิ ตั ว์ ในคัมภีรม์ หายาน
คัมภีร์มหายานในความหมายของ สตฺตว หมายถึง ต้ังใจมุ่งหมาย คือพระโพธิสัตว์
เป็นผมู้ ่งุ หมายท่ีจะบรรลุโพธิ บุคคลผเู้ ปน็ พระโพธิสัตวน์ ัน้ แสวงหาโพธิ กาลงั บาเพญ็ ความดีให้
ถึงโพธิ ซ่ึงแตกต่างกับพระโพธิสัตว์ของฝ่ายมหายานในรุ่นหลังซึ่งถือว่าพระโพธิสัตว์เป็นผู้มี
ความรู้ หรือมีอานาจมากมายเหมือนกับได้บรรลุโพธิแล้ว๑๙๐ คาว่า โพธิ ในคัมภีร์มหายานรุ่น
แรก คือ สัพพัญญูตญาณ๑๙๑ ต่อมามหายานเน้นเรื่องศูนยตามากข้ึนและถือว่า ศูนยตา คือ
ความจริงสูงสุดเรียกว่า ตถตา ความรู้ท่ีเรียกโพธิ น้ันมีลักษณะเป็นศูนยตา กล่าวคือความรู้ที่
เรียกว่าโพธิเป็นศูนยตา ทางท่ีบรรลุโพธิก็โดยศูนยตา ผลเม่ือบรรลุแล้วก็คือ ศูนยตา มหายาน

๑๘๙ขุ.พทุ ธ.อ. (ไทย) ๙/๒/๖๙๑ (มมร.).
๑๙๐ประพจน์ อัศววิรุฬหการ, “การศึกษาเชิงวิเคราะห์เร่ืองพระโพธิสัตว์ในคัมภีร์เถรวาทและ
คัมภรี ์มหายาน”, ปริญญาอักษรศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๒๓, หน้า ๗๒.
๑๙๑สัพพัญญุตญาณ ญาณคือความเป็นพระสัพพัญญู พระปรีชาญาณหย่ังรู้สิ่งท้ังปวง ท้ังอดีต
ปจั จุบนั และอนาคต, พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยตุ โต), พจนานกุ รมพทุ ธศาสน์ ฉบบั ประมวลศัพท์, หน้า ๓๒๗.

๑๒๖

กล่าวว่า พระอรหันต์รู้แจ้งแต่เพียงอาสวะ๑๙๒ สามารถจะพ้นการกีดกั้นทางอาสวะได้ แต่ไม่
สามารถพน้ การกดี กนั้ ทางปัญญาได้ พระอรหนั ต์รแู้ จ้งเหน็ จริงแตเ่ พยี งวา่ ตัวตนทแี่ ท้จรงิ คือขันธ์
๕ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นสิ่งท่ีเป็นอนัตตาเป็นเพียงการเห็นศูนยตาในแง่บุคคล มิได้เห็นจริงว่าทุก
สิง่ ทุกอยา่ งเปน็ ศูนยตา เช่นพระพทุ ธเจา้ ทงั้ หลาย ดังนน้ั โพธิ จึงมี ๓ ระดบั เรียงตามลาดบั คอื

๑) ศราวกโพธิ (สาวกโพธ)ิ
๒) ปรัตเยกโพธิ (ปจั เจกโพธ)ิ
๓) อนุตตรสัมยักสัมโพธิ๑๙๓
ผทู้ ี่ต้องการจะไปใหถ้ ึงโพธิเหล่านน้ั ย่อมต้องใช้ยานตา่ งกันไป ผูท้ ี่ต้องการไปถึงโพธิ
ของพระสาวกใช้ศราวกยาน ผู้ที่ต้องการไปถึงปรัตเยกพุทธะ ใช้ปรัตเยกโพธิยาน ผู้ที่ต้องการ
ไปถึงอนุตตรสัมยักสัมโพธิ ใช้โพธิสัตว์ยาน หรือ โพธิยาน๑๙๔ เรื่อง โพธิ นั้น มหายานได้ขยาย
ออกไปมากมายจากเดมิ ซงึ่ เปน็ เพยี งความรู้ทีใ่ ชท้ าลายอาสวกิเลส มาเป็นความรู้ท่ีสูงสุดเฉพาะ
ของพระพุทธเจ้า ในที่สุดโพธิ กลายเป็นสภาวะครอบงาทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นจุดมุ่งหมาย
สาคัญของบรรดาผู้บาเพ็ญเพียรของมหายาน ซง่ึ มุ่งจะบรรลพุ ุทธภมู ิ ฉะน้ัน เม่อื กล่าวถึง โพธิ
ในคาว่า พระโพธสิ ัตว์ของมหายานจึงหมายถึง โพธิ อันสูงสุดของพระพุทธเจ้า คาว่า สตฺตว ใน
คมั ภีร์มหายาน แบ่งเปน็ ๒ ประการ ทางรปู ธรรม แปลว่า สงิ่ มีชวี ิต และ ทางนามธรรม แปลว่า
ความตั้งใจ ความมงุ่ หมาย
พระโพธิสัตว์มหายานแตกต่างจากพระโพธิสัตวฝ์ ่ายเถรวาทท่ีหมายถึงผู้บาเพ็ญบารมี
เพื่อเป็นพระพทุ ธเจ้าหรอื ผู้ท่ีจะเปน็ พระพุทธเจา้ ในอนาคต พระโพธิสัตวม์ หายาน หมายถึง ผู้ที่
ข้องอยใู่ นความรู้ โพธญิ าณหรือผมู้ งุ่ บรรลพุ ุทธภูมิไปสูค่ วามเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจา้ ในอนาคต
มีอานาจมีความรู้ สามารถที่จะช่วยสัตว์อ่ืนจะต้องบาเพ็ญเพ่ือผู้อื่นโดยต้ังปณิธานว่าจะช่วย

๑๙๒อาสวะ คือ กิเลสท่หี มกั หมมหรือดองอยู่ในสันดานมี ๓ อยา่ ง คอื ๑) กามาสวะ อาสวะคือ กาม
๒) ภวาสวะ อาสวะคือภพ ๓) อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา, พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต), พจนานุกรมพุทธ
ศาสน์ ฉบบั ประมวลศัพท,์ หน้า ๔๑๖.

๑๙๓Har. Dayal, The Bodhisattva Doctrine in Buddhist Sanskrit Literature, (Delhi
: Motilal Banaridass, 1931), p. 10-12.

๑๙๔ประพจน์ อัศววิรุฬหการ, “การศึกษาเชิงวิเคราะห์เร่ืองพระโพธิสัตว์ในคัมภีร์เถรวาทและ
คมั ภรี ์มหายาน”, หน้า ๔๙, ๕๗.

๑๒๗

สรรพสัตวใ์ ห้ขา้ มพ้นจากโอฆสงสารจนหมดเสียกอ่ นแล้ว ตนเองจงึ จะบรรลธุ รรมเปน็ คนสุดท้าย
ทุกคนสามารถจะเป็นพระโพธิสัตวไ์ ด้ พระโพธสิ ตั วม์ หายานน้นั มีจานวนมากมาย

๖.๒ เร่อื งบารมี

๖.๒.๑ บารมใี นหลกั ธรรมพระพุทธศาสนาเถรวาท

การบาเพญ็ บารมีของพระพุทธเจ้า มีปรากฏในคัมภีร์ขุททกนิกาย อปทาน กล่าวถึง

พระพุทธเจา้ ทรงอบุ ตั ิคร้ังละพระองค์ โดยแบ่งกัป ออกเปน็ ๔ กปั ๑๙๕ คือ

๑) กปั ทม่ี ีพระพุทธเจา้ อุบตั ิข้ึนพระองค์เดียว ชอื่ ว่า สารกัป

๒) กปั ท่ีมพี ระพุทธเจา้ อุบตั ขิ ้นึ ๒ หรือ ๓ พระองค์ ชอ่ื ว่า วรกัป

๓) กัปทีม่ พี ระพุทธเจา้ อบุ ัตขิ นึ้ ๔ พระองค์ ช่ือว่า มณั ฑกัป

๔) กปั ท่ีมพี ระพุทธเจ้าอบุ ัติขึ้น ๕ พระองค์ ช่อื ว่า ภัทรกปั

ในภัทรกัป (ซึง่ เป็นกัปปจั จุบนั ) มพี ระพุทธเจา้ อุบัติ ๕ พระองค์ คอื พระกกสุ ันธพุทธ

เจ้า พระโกนาคมนพุทธเจา้ พระกัสสปพทุ ธเจ้า พระโคดมพุทธเจ้า พระเมตเตยยพุทธเจา้ ๑๙๖

ในปัจเจกพุทธาปทานกล่าวถึง หลักการและวิธีการสั่งสมหรือการบาเพ็ญบารมี

เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้า คือ ผู้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยพระองค์

เอง และทรงสามารถเทศน์สอนผู้อืน่ ใหต้ รัสรู้ตามได้ ผู้จะเป็นพระพทุ ธเจ้าจะต้องบาเพญ็ บารมี

๓๐ ประการใหค้ รบบริบรู ณ์ บารมี ๓๐ ประการ คอื บารมี ๑๐ ประการ ได้แก่

(๑) ทาน (๒) ศลี

(๓) เนกขัมมะ (๔) ปญั ญา

(๕) วิรยิ ะ (๖) ขนั ติ

(๗) ปัญญา (๘) อธษิ ฐาน

(๙) เมตตา (๑๐) อเุ บกขา

บารมี ๑๐ ประการนั้น แตล่ ะประการต้องบาเพญ็ บารมี ๓ ขน้ั คอื

๑๙๕กัป กัลป์ ระยะเวลายาวนานเหลือเกิน, พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต), พจนานุกรมพุทธ
ศาสน์ ฉบับประมวลศพั ท,์ หนา้ ๙.

๑๙๖ข.ุ อป. (ไทย) ๓๓/๒๒๕/๓๒๑.

๑๒๘

๑) ขั้นบารมี เชน่ ทานบารมี (การให้วตั ถสุ ่งิ ของภายนอกกาย)
๒) ขั้นอุปบารมี เช่น ทานอปุ บารมี (การให้ของภายใน เช่น อวัยวะ)
๓) ขัน้ ปรมตั ถบารมี เช่น ทานปรมตั ถบารมี (การให้ชวี ติ )
พระพุทธเจา้ แบ่งตามประเภทแหง่ การส่งั สมบารมีเปน็ ๓ ประเภท คือ
๑) พระพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะ ได้แก่ พระพุทธเจ้าผู้เลิศทางปัญญา
เพราะทรงส่ังสมบารมีหนักไปทางปัญญา ซ่ึงมีวิธีการปฏิบัติ คือ หลังจากได้รับคาพยากรณ์จาก
พระพุทธเจา้ พระองคใ์ ดพระองค์หนงึ่ ว่าจะเปน็ พระพุทธเจา้ ในกาลข้างหน้าจะต้องบาเพ็ญบารมี
นาน ๔ อสงไขย กบั ๑๐๐,๐๐๐ กัป (ส่ีอสงไขยแสนกปั )
๒) พระพุทธเจ้าประเภทสัทธาธิกะ ได้แก่ พระพุทธเจ้าผู้เลิศทางศรัทธา ทรง
สง่ั สมบารมหี นกั ไปทางศรัทธา จะต้องบาเพญ็ บารมีนาน ๘ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กปั
๓) พระพุทธเจ้าประเภทวริ ยิ าธิกะ ได้แก่พระพทุ ธเจ้าผู้เลิศทางความเพียร ทรง
สัง่ สมบารมีหนักไปทางวริ ยิ ะ จะต้องบาเพญ็ นาน ๑๖ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป๑๙๗
๖.๒.๒ บารมีในหลักธรรมพระพทุ ธศาสนามหายาน
หลักธรรมสาคญั ของพระพุทธศาสนามหายาน คอื หลักแห่งพระโพธสิ ัตวภูมิ ซ่ึงพทุ ธ
ศาสนามหายานทกุ นิกายยอมรับนบั ถอื และทุกนกิ ายย่อมมงุ่ หมายโพธิสัตวภูมิ อันเปน็ เหตุให้ไป
เกดิ แดนพุทธภูมิ การท่บี คุ คลจะบรรลุถึงพุทธภูมไิ ด้ จะตอ้ งผ่านการบาเพ็ญจริยธรรมแหง่ พระ
โพธสิ ัตว์มาก่อน กล่าวไดว้ ่า โพธิสัตวภมู เิ ปน็ เหตุ พุทธภมู เิ ป็นผล
หลกั แหง่ โพธสิ ตั วจริยาถอื ว่า จะตอ้ งโปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากความทกุ ขเ์ สียกอ่ น แลว้
ตนเองค่อยหลุดพ้นภายหลัง พระพุทธศาสนาเถรวาทอธิบายอริยสัจ ๔ ว่า ทุกข์ อันบุคคลควร
กาหนด (ทาความเข้าใจ) สมุทัย ควรละ นิโรธ ควรทาให้รู้แจ้ง มรรค ควรเจริญหรือบาเพ็ญ ฝ่าย
โพธิสัตวยานก็มคี วามเห็นเช่นเดียวกัน แต่เพ่ิมเติมว่า พระโพธิสัตว์นอกจากจะกาหนดรู้ทุกข์ดว้ ย
ตนเองแล้วจะต้องพยายามให้สัตว์ท้ังหลายกาหนดรู้ด้วย เรื่องสมุทัย นิโรธ มรรค เหมือนกันกับ

๑๙๗ขุ.อป. (ไทย) ๓๒/บทนา/๘-๙.

๑๒๙

ฝ่ายเถรวาท พระโพธิสัตว์ควรบาเพ็ญ ‘โพธิสัตวจริยา’ ได้แก่ บารมี ๖ อัปปมัญญา (พรหมวิหาร)
๔๑๙๘ ปณิธาน ๔๑๙๙ และ หลักการ ๓๒๐๐ ดังนี้

บารมี ๖ หมายถึง คุณธรรมเป็นเหตุให้ถึงฝ่ัง คือความสาเร็จต่าง ๆ ที่บุคคลได้ต้ัง
จุดมุ่งหมายเอาไว้มที านบารมี ศลี บารมี ขนั ตบิ ารมี วิริยบารมี ฌานบารมี ปัญญาบารมี ดงั นี้

๑) ทานบารมี คอื การให้ทาน พระโพธิสัตว์ต้องมจี ติ ใจเมตตาตอ่ ผู้ตกทุกข์ด้วย
การเสียสละทรัพย์ อวัยวะและชวี ิตของตน รวมถงึ การสอนธรรมด้วย

๒) ศลี บารมี คอื การรักษาศลี พระโพธิสตั ว์ตอ้ งมจี ิตใจตง้ั ม่นั ในการรกั ษาศีล มี
ความประพฤตปิ ฏบิ ตั ดิ ี ม่งุ ทาลายความช่ัวรา้ ยใหห้ มดสนิ้ ไป

๓) ขันติบารมี (กษานติบารมี) คือความอดทนอดกล้ันพระโพธิสัตว์ต้องมีจติ
ต่อสู้อุปสรรคและความยากลาบากที่มาย่ัวยุต้องมเี มตตา ไม่พยาบาท ไม่โกรธตอบ ถ่อมตน ให้
อภัยเสมอ

๔) วริ ิยบารมี คือความเพยี รพยายาม ไม่เกยี จคร้าน พระโพธิสัตวต์ ้องมจี ติ ไม่
ย่อท้อในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ อุทิศตนท้ังร่างกายและจิตใจ ไม่หลงเพลิดเพลินกับความสุข
ทางโลก

๕) ฌานบารมี คือการมีจิตใจม่ันคง สงบ ไม่หว่ันไหว พระโพธิสัตว์ต้องเปน็ ผู้
ฝกึ จติ จนได้สาเร็จฌานสมาบัตจิ นละกเิ ลสนิวรณธรรม อารมณ์ทม่ี าขัดขวางในการทาความดีได้

๖) ปัญญาบารมี (ปรัชญาบารมี) คือความรู้สรรพสิ่งตามความเป็นจริง เป็น
ความรู้อันมาจากฌานบารมีเป็นลาดับ พระโพธิสัตว์มีปัญญาพิจารณาเห็นสรรพส่ิงตามความ

๑๙๘อัปปมัญญา ๔ คือการอบรมจิตใหเ้ มตตา กรุณา มุทติ า และอุเบกขา แผไ่ ปในสรรพสัตว์ทั้ง
ปวง, วศิน อินทสระ, พุทธปรัชญามหายาน, (กรุงเทพมหานคร : สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคาแหง,
๒๕๔๑), หน้า ๔๕.

๑๙๙ปณิธาน ๔ คือ (๑) เราจะต้องโปรดสัตว์ท้ังหลายให้หมดสิ้น (๒) เราต้องทาลายกิเลสใหส้ น้ิ
(๓) เราจะศึกษาพระธรรมท้ังหมดให้เจนจบ (๔) เราจะต้องบรรลุพระพุทธภูมิให้จงได้, เร่ืองเดียวกัน, หน้า
๔๗.

๒๐๐หลกั การ ๓ คือ (๑) หลกั มหาปัญญา (๒) หลกั มหากรุณา (๓) หลักมหาอุบาย, เรื่องเดียวกนั ,
หนา้ ๔๗.

๑๓๐

เป็นจริง และได้ทาให้แจ้งในบุคคลศนู ยตาและธรรมศนู ยตา คือ เหน็ บุคคลและธรรมท้ังปวงเป็น
ของวา่ ง ไมค่ วรยึดมนั่ ถือม่ันเพราะอาศยั การบาเพ็ญบารมที ้ัง ๕ มาตั้งแต่ตน้

ต่อมาพระพทุ ธศาสนามหายานมีการจาแนกบารมีเพ่ิมอีกเป็น ๑๐ ประการให้
เทา่ กับฝา่ ยเถรวาท ซง่ึ มีบารมีอีก ๔ ประการดงั นี้

๗) อุปายบารมี คือความฉลาด การมีกุศโลบายโดยใช้วิธีการท่ีเหมาะสมใน
การเผยแผศ่ าสนาหรอื ชว่ ยเหลอื สัตว์โลกให้พน้ จากทกุ ข์

๘) ปณิธานบารมี คือความตั้งใจแน่วแน่ต่อหลักการหรืออุดมการณ์ของตน
หมายถงึ พระโพธิสัตวม์ คี วามมุ่งมัน่ พรอ้ มทจี่ ะชว่ ยเหลือสรรพสตั ว์อยู่ตลอดเวลา

๙) พลบารมี คือความสามารถการเข้าใจในธรรมตามเหตุผลและเข้าใจใน
ธรรมท่ีตนได้อบรมและบาเพ็ญมา หมายถึงการท่ีได้ฟังพระสัทธรรมแล้วมีโยนิโสมนสิการตาม
แล้วก็ได้บรรลุอนุตตรโพธิญาณ แล้วนาเอาหลักธรรมมาเพื่อสั่งสอนสรรพสัตว์ให้เข้าถึง
ความจรงิ

๑๐) ชญาณบารมี คือฌานอันเกิดแต่บารมี ๖ เป็นปัญญาระดับสูง เป็น
โลกุตตรปญั ญา อนงึ่ บารมีท่เี พมิ่ มาอกี ๔ ประการนสี้ งเคราะห์ลงในปญั ญาบารมที ง้ั หมด ดังนน้ั
อาจกล่าวไดว้ ่า บารมีสาคญั ของมหายาน ได้แก่ บารมี ๖ ข้อขา้ งต้นเทา่ นนั้ ๒๐๑

๖.๒.๓ บารมใี นนทิ านชาดก
นิทานชาดก หมายถึง คุณความดีที่พระโพธิสัตว์ได้บาเพ็ญมาอย่างยิ่งยวด เป็น
ความดใี นอดตี ของพระพุทธเจ้าคร้ังเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสตั ว์ ซึ่งไดบ้ าเพ็ญบารมีอยา่ งอุทิศ
ตนยง่ิ ทัง้ รา่ งกายและจิตใจติดต่อกนั มายาวนานหลายรอ้ ยชาตมิ ี ๑๐ อย่าง เรยี ก ทศบารมี ได้แก่

๑) ทานบารมี คือ บารมใี นการให้
๒) ศลี บารมี คอื บารมใี นการรกั ษาศีล
๓) เนกขมั มบารมี คือ บารมีในการออกบวช
๔) ปญั ญาบารมี คอื บารมใี นทางความรู้
๕) วริ ยิ บารมี คือ บารมใี นทางความเพียร

๒๐๑เสถียร โพธินันทะ, ปรัชญามหายาน, (กรุงเทพมหานคร : สานักพิมพ์มหาวิทยาลัย
รามคาแหง, ๒๕๔๑),หน้า ๙-๑๐.

๑๓๑

๖) ขนั ตบิ ารมี คอื บารมีในการอดทน
๗) สจั จบารมี คอื บารมใี นการรักษาความสัตย์
๘) อธษิ ฐานบารมี คอื บารมีในความต้ังใจมัน่
๙) เมตตาบารมี คอื บารมใี นความรกั ปรารถนาดี
๑๐) อุเบกขาบารมี คือ บารมใี นการวางเฉยไมย่ ินดียนิ ร้าย เมื่อมีอารมณ์พอใจ
หรอื ไมพ่ อใจมากระทบเข้ากับจติ ใจ
๑) ทานบารมี คือบารมีในการให้ทานในนิทานชาดกเรื่องเวสสันดรชาดก นโิ ครธ
ชาดก สสบณั ฑิตชาดก มหากปิชาดก โรหนมิคชาดก หงั สชาดก สวี ิราชชาดก วสิ ยั ชาดก ดังนี้
(๑) เวสสันดรชาดก๒๐๒ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร ราช
กมุ ารของพระเจ้าสญชัย ตงั้ มั่นในการให้ทาน ถกู พระราชบิดาทรงขับไลอ่ อกจากพระนครพร้อม
กับ พระนางมัทรี พระชาลี พระโอรส และพระกัณหา พระธิดา เพราะไปบริจาคช้างปัจจัย
นาเคนทรซ์ งึ่ เปน็ ช้างคู่บ้านคู่เมืองให้แกพ่ ราหมณเ์ มืองกลงิ คราษฎร์ เมื่อเสด็จออกจากพระนคร
พระองค์ก็ทรงบริจาคบุตรธิดาแก่พราหมณ์ชูชก และบริจาคภรรยาแก่พระอินทร์ซ่ึงแปลงเป็น
พราหมณม์ าขอ ภายหลงั พระองค์ได้เสด็จกลบั ไปครองราชสมบตั ิ
(๒) นิโครธชาดก๒๐๓ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาเนื้อ ยอมสละชีวิต
แทนนางเนื้อที่มีครรภ์แก่ ทาให้พระราชาทรงเล่ือมใสเปล่ียนพระทัย เป็นให้อภัยแก่สัตว์เดียร
ฉานท้งั หมด
(๓) สสปัณฑิตชาดก๒๐๔ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นกระต่าย ยึดม่ันในศีล
ทาน กระโดดเข้าไปในกองไฟ สละเนื้อของตนให้เป็นทานแก่พราหมณ์หรือพระอินทร์ท่ีแปลง
กายมา

๒๐๒ขุ.ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๑๖๕๕-๒๔๔๐/๔๔๗-๕๖๐.
๒๐๓ขุ.ชา.ทสก. (ไทย) ๒๗/๗๒-๘๑/๓๓๔-๓๓๖.
๒๐๔ขุ.ชา.สัตตก. (ไทย) ๒๗/๖๑-๖๔/๑๖๙.

๑๓๒

(๔) มหากปิชาดก๒๐๕ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาวานรพาบริวารไป
หากินถกู พระเจ้าพาราณสีล้อมจบั จึงยอมสละชวี ิตดว้ ยการทอดตัวเป็นสะพานใหบ้ รวิ ารเดินข้าม
ไปได้

(๕) โรหณมิคชาดก๒๐๖ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาเนื้อไปติดบ่วง
นายพราน นอ้ งชายและน้องสาวของพระโพธิสัตว์ยอมสละชวี ิตดว้ ย นายพรานเลอ่ื มใส จึงยอม
ปลอ่ ยไป พระโพธสิ ตั ว์ใหน้ ายพรานเรยี นธรรมเพอ่ื มาแสดงถวายพระเจ้าพรหมทตั นายพรานจงึ
ไดร้ บั ยศ

(๖) จูฬหังสชาดก๒๐๗ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเปน็ พญาหงส์ธตรัฏฐะไปตดิ
บ่วงนายพราน หงส์สุมุขะเสนาบดียอมสละชีวิตร่วมกับพระโพธิสัตว์ด้วย นายพรานเล่ือมใส
จะปลอ่ ย แต่พระโพธิสตั วใ์ ห้พาไปถวายพระเจา้ พาราณสีกับมเหสีและได้แสดงธรรมถวาย ความ
แพ้ครรภ์ของพระมเหสกี ็ระงบั นายพรานไดร้ ับยศเปน็ อันมาก

(๗) สีวิราชชาดก๒๐๘ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสีวิราช ทรงควัก
พระเนตรให้เปน็ ทาน และไดพ้ ระเนตรเปน็ ทพิ ย์กลับคนื มาด้วยอานาจความสัตย์

(๘) ปีฐชาดก๒๐๙ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นดาบส ได้แสดงธรรมแก่
เศรษฐีเมืองพาราณสีที่พลั้งเผลอไม่ให้การต้อนรับปฏิคาหกในเวลาให้ทาน เพื่อได้คลายความ
ร้อนใจ

นอกจากน้ี ยังมีเรื่องพระโพธิสัตว์บาเพ็ญทานบารมี ในเรื่องสังขชาดก อกิตติชาดก
จันทกมุ ารชาดก กุรธุ มั มชาดก และมหาสุทสั สนชาดก

๒) ศีลบารมี คือ บารมีในการรักษาศีล มีปรากฏในนิทานชาดกเรื่องภูริทัตชาดก
อปณั ณกชาดก กุลาวกชาดก สีลานิสงั สชาดก ปญั จโุ บสถชาดก จมั เปยยชาดก

๒๐๕ข.ุ ชา.วสี ติ. (ไทย) ๒๗/๘๓-๘๙/๒๗๐-๒๗๑.
๒๐๖ข.ุ ชา.วสี ติ. (ไทย) ๒๗/๑๐๔-๑๓๒/๔๘๙-๔๙๓.
๒๐๗ข.ุ ชา.วีสติ. (ไทย) ๒๗/๑๓๓-๑๕๘/๔๙๓-๔๙๗.
๒๐๘ขุ.ชา.วีสติ. (ไทย) ๒๗/๕๒-๘๒/๔๗๘-๔๘๓.
๒๐๙ขุ.ชา.จตุกก. (ไทย) ๒๗/๑๔๕-๑๔๖/๑๘๖-๑๘๗.

๑๓๓

(๑) ภูริทัตชาดก๒๑๐ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญานาค ถูกหมองูจับได้
แล้วหมองนู าไปแสดงตามที่ต่าง ๆ ทรงสมาทานต้งั มั่นในอโุ บสถศีล ไม่ไดท้ ารา้ ยหมองูท่ีทรมาน
พระองค์ ในทสี่ ุดหมองไู ดป้ ล่อยพญานาคเพราะอานภุ าพการรักษาศีล

(๒) สีลานิสังสกชาดก๒๑๑ พระโพธิสัตวค์ ร้ังเสวยพระชาติเป็นปุโรหิตของพระ
เจ้าพรหมทตั ทดสอบพระราชาวา่ ทรงนับถอื ตนดว้ ยชาติตระกูล หรอื ดว้ ยเป็นผู้มีศีล

(๓) สีลานิสังสชาดก๒๑๒ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเทวดาประจาสมุทร
ชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยเรอื แตกในทะเลด้วยเหตทุ ่ตี งั้ มน่ั ในศลี จงึ ทาให้พ้นภัย

(๔) ปัญจโุ ปสถกิ ชาดก๒๑๓ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพราหมณ์ แลว้ ออก
บวชเป็นฤาษี ท่ใี กลอ้ าศรมมีนกพิราบ งู สุนขั จิ้งจอก และหมี สัตวท์ ้ังสีไ่ ดร้ ับความทุกข์ตา่ ง ๆ จงึ
รกั ษาอโุ บสถ แล้วถามพระโพธสิ ตั ว์ถึงความท่ีได้รับทุกข์ต่าง ๆ ท่านตอบว่า เม่อื พระปัจเจกพุทธ
เจ้ามาเย่ียมอาศรม มีความถือตัวจึงมิได้ไหว้ มิได้ถามทุกข์สุข พวกท่านมีความถือตวั จึงให้สัตว์
ทง้ั สีร่ ักษาอุโบสถเพ่อื ไม่ให้เกดิ มานะอีกต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องพระโพธิสัตว์บาเพ็ญศีลบารมี ในเรื่องอปัณณกชาดก ลักขณ
ชาดก อายาจิตภัตตชาดก เปน็ ต้น

๓) เนกขัมมบารมี คือ บารมีในการออกบวช มีปรากฏในนทิ านชาดกเรอ่ื งหัตถิปาล
ชาดก อโยฆรชาดก จูฬสตุ โสมชาดก และเตมิยชาดก ดังน้ี

(๑) หัตถิปาลชาดก๒๑๔ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นหัตถิปาลกุมาร เห็น
โทษแหง่ ราชสมบตั ิ แสดงธรรมถวายพระราชาแลว้ พาปวงชนทงั้ ปวงออกบวชเปน็ ฤๅษี

(๒) อโยฆรชาดก๒๑๕ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอโยฆรราชกุมาร ติ
เตียนโทษแห่งราชสมบตั ิ แลว้ แสดงธรรมถวายพระราชบิดา แล้วพาปวงชนทัง้ เมืองออกบรรพชา

๒๑๐ขุ.ชา.วสี ติ. (ไทย) ๒๗/๒๔๐-๒๘๓/๕๑๒-๕๒๐.
๒๑๑ข.ุ ชา.ทุก. (ไทย) ๒๗/๗๙-๘๐/๘๕.
๒๑๒ข.ุ ชา.ปกณิ ฺณก. (ไทย) ๒๗/๗๙-๘๐/๘๕.
๒๑๓ขุ.ชา.วสี ติ. (ไทย) ๒๗/๑๒๗-๑๔๒/๔๔๓-๔๔๕.
๒๑๔ข.ุ ชา.วสี ติ. (ไทย) ๒๘/๓๓๗-๓๖๒/๕๒๘-๕๓๓.
๒๑๕ข.ุ ชา.วสี ติ. (ไทย) ๒๗/๓๖๓-๓๘๖/๕๓๓-๕๓๗.

๑๓๔

(๓) จูฬสุตโสมชาดก๒๑๖ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นจูฬสุตโสมราชกุมาร
ทรงพิจารณาเห็นโทษของเพศฆราวาสในการครองราชสมบัติ แม้พระราชบิดาพระราชมารดา
มเหสตี ลอดจนราษฎรจะอ้อนวอนอย่างไร พระองค์สามารถตดั อาลัยในการอ้อนวอนนัน้ แลว้ จงึ
เสดจ็ ออกผนวช

(๔) เตมยิ ชาดก๒๑๗ พระโพธิสตั วเ์ สวยพระชาติเป็นพระเตมยี ์ ทรงสังเวชใจเม่ือ
ได้เหน็ พระราชบิดาสั่งลงโทษนักโทษ จะเป็นผลให้ตอ้ งตกนรก จงึ แสรง้ ทาเปน็ ใบ้ หหู นวก เพอ่ื
ไม่ต้องกระทากรรมน้ัน จนพระราชบิดาเชื่อคายุยงของอามาตย์ให้นาพระองค์ไปประหารด้วย
การฝังทั้งเป็น แต่ทรงแสดงอานุภาพ แล้วแสดงธรรมโปรดพระชนก พระชนนีกับเหล่า
อามาตยท์ ้ังหลายแลว้ ทรงลาพระชนกพระชนนีออกบรรพชา

๔) ปัญญาบารมี คือ บารมีในทางความรู้ ในนิทานชาดกเรื่องมโหสธชาดก เสนก
ชาดก กุกกุรชาดก มหิฬามุขชาดก มิตจินติชาดก วัฏฏกชาดก สกุณัคฆิชาดก กูฏวาณชิ ชาดก
ขรปตุ ตชาดก และกทุ ทาลชาดก ดังน้ี

(๑) มโหสธชาดก๒๑๘ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นมโหสธบัณฑิต เป็น
อามาตย์ผู้ทรงปัญญาของพระเจ้าวิเทหราช เป็นผู้มีปัญญาสามารถแก้ปัญหาของเทวดาและ
มนุษย์ทั้งหลาย ทาให้พระเจ้าวิเทหราชรอดพ้นจากภยั อันตรายต่าง ๆ ได้ เป็นผู้แก้ไขคดีความ
ดว้ ยความถกู ตอ้ งยุติธรรมจนเปน็ ทเี่ คารพของคนทั่วไป

(๒) เสนกชาดก๒๑๙ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเสนกบัณฑิต ใช้ปัญญา
ช่วยเหลือให้พราหมณ์รอดพ้นจากการถูกงูกัดตาย และใช้ปัญญาทาให้นางพราหมณีภรรยา
กบั ชายช้กู ลบั ตัวมาประพฤตติ นเป็นคนดไี ด้

(๓) กุกกุรชาดก๒๒๐ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระยาสุนัข มีสุนัขใน
พระราชฐานไปกัดกินหนังหุ้มราชรถ ทาให้พระราชาทรงพิโรธรับส่ังให้ฆ่าสุนัขทุกตัว พระ

๒๑๖ข.ุ ชา.จัตตาลีส. (ไทย) ๒๗/๗๙-๘๐/๘๕.
๒๑๗ขุ.ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๑-๑๒๒/๑๘๓-๒๐๒.
๒๑๘ขุ.ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๕๙๐- ๗๘๓/๒๗๔-๓๐๔.
๒๑๙ขุ.ชา.สตตฺ ก. (ไทย) ๒๗/๔๖-๕๓/๒๖๓-๒๖๔.
๒๒๐ขุ.ชา.สตฺตก (ไทย) ๒๗/๒๒/๑๐.

๑๓๕

โพธสิ ัตว์สามารถพสิ จู น์สนุ ัขตวั ทีท่ าผดิ ได้แสดงธรรมถวายพระราชา ทาให้สนุ ัขทง้ั หลายรอดพ้น
จากการถกู ฆา่

(๔) มหิฬามุขชาดก๒๒๑ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอามาตย์ คิดแก้ไขช้าง
ทรงช่อื มหิฬามุขของพระราชา ที่ดรุ ้ายเที่ยวทารา้ ยคนเพราะได้ยนิ เสยี งโจรพูดคุยกันเป็นประจา
ด้วยการกราบทูลพระราชาว่า พญาช้างมงคลหัตถีตั้งอยู่ในคุณธรรม เพราะได้ฟังคาสอนของ
นกั บวชผสู้ ารวม ทาใหช้ า้ งทรงเปล่ียนนิสัยจากดุร้ายมาประพฤติเรยี บรอ้ ยได้

(๕) มิตจินตชิ าดก๒๒๒ พระโพธิสตั วเ์ สวยพระชาติเป็นปลา ทาอบุ ายช่วยปลาชื่อ
พหุจินตีและปลาชื่ออปั ปจินตี ที่ติดข่าย ด้วยการทาน้าให้ป่ันป่วนข้างหลัง ชาวประมงเข้าใจวา่
ปลาหนไี ปจากขา่ ยได้ จึงยกข่ายข้นึ ทาให้ปลาทั้งสองหลดุ รอดชวี ิตไปได้

(๖) วัฏฏกชาดก๒๒๓ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนกกระจาบ ถูก
นายพรานจบั เอาไปขังไว้ แสร้งทาอบุ ายอดอาหารทาใหร้ ่างกายซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
จึงไมม่ คี นซอื้ พอพรานเผลอจึงบินหนี ทาใหร้ อดชวี ิตมาได้

(๗) สกุณัคฆิชาดก๒๒๔ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนกมูลไถ หากินอยู่ท่ี
กอ้ นดนิ อันเกดิ จากการไถนา จงึ ร้องท้าเหยย่ี วนกเขาใหจ้ ับตน เหยี่ยวหลงกลนกมลู ไถ โฉบลงมา
อย่างแรงเพอื่ จะจับนกมลู ไถ หน้าอกกระแทกกอ้ นดินจนถึงแกค่ วามตาย

(๘) กูฏวาณิชชาดก๒๒๕ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอามาตย์ เป็นผู้
พิพากษาคดที ่กี ล่าวหากนั ดว้ ยเรอ่ื งทห่ี นกู นิ ผาลไถและเหยยี่ วโฉบเอาทารกไป ด้วยการใชป้ ญั ญา
พพิ ากษาคดีอยา่ งยตุ ธิ รรม

(๙) ขรปุตตชาดก๒๒๖ พระโพธิสตั วเ์ สวยพระชาตเิ ป็นทา้ วสักกะ แปลงกายเป็น
แพะบอกอุบาย ช่วยให้พระเจ้าเสนกะรอดพ้นจากอันตรายถึงชีวิต จากโทษที่พระองค์หลงเชื่อ
ใน พระราชเทวี

๒๒๑ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๒๖/๑๑.
๒๒๒ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๘/๑๑๔/๔๗.
๒๒๓ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๑๑๘/๔๘.
๒๒๔ขุ.ชา.ทกุ . (ไทย) ๒๗/๓๕-๓๖/๗๒-๗๓.
๒๒๕ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๑๓๕-๑๓๖/๑๐๐.
๒๒๖ขุ.ชา.ฉกฺก. (ไทย) ๒๘/๗๖-๘๑/๒๔๒-๒๔๓.

๑๓๖

(๑๐) กุททาลชาดก๒๒๗ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นกุททาลบัณฑิต
สามารถทาให้ พระเจ้าพาราณสีทรงเล่ือมใสจนทรงออกผนวช ด้วยการแสดงธรรมโปรด
พระราชาว่า ความชนะใด ทบ่ี คุ คลชนะแลว้ ไม่กลบั แพอ้ ีกน้ัน เป็นการชนะท่ีดี

๕) วิริยบารมี คือ บารมีในทางความเพียร มีปรากฏในนิทานชาดกเร่ืองมหาชนก
ชาดก ชวนหังสชาดก กัณหชาดก ดงั นี้

(๑) มหาชนกชาดก๒๒๘ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระมหาชนก พระ
มารดาทรงพาหลบหนีออกจากเมืองตั้งแต่อยู่ในครรภ์ มาอาศัยอยู่กับฤๅษีจนเจริญวัย ออก
เดินทางไปค้าขายทางทะเล เรือเกิดอับปาง ทรงบาเพ็ญวิริยบารมี เพียรพยายามว่ายน้าอยู่ใน
ท่ามกลางสมุทรนานถึง ๗ วัน นางมณีเมขลามาพบได้ช่วยเหลือ ภายหลังได้ครองเมืองมิถิลา
เกิดความเบ่อื หนา่ ยในราชสมบตั ิ สละกิเลสแล้วออกผนวช

(๒) ชวนหังสชาดก๒๒๙ พระโพธสิ ัตวเ์ สวยพระชาติเป็นพญาชวนหงส์ เป็นพระ
สหายกับพระเจ้าพาราณสี พญาหงส์มีกาลังแข็งแรงสามารถบินแข่งกับพระอาทิตย์ แสดง
ความเร็วว่าไร้ประโยชน์ให้พระราชาทอดพระเนตร ภายหลังได้แสดงธรรมให้พระราชา
ทรงสลดพระทยั วา่ ชวี ิตมนุษย์เรว็ กว่าความแก่ แตค่ วามตายยังเร็วกวา่

(๓) กัณหชาดก๒๓๐ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นโคกัณหะ สามารถลาก
เกวียน ๕๐๐ เล่มไปได้สาเร็จ แล้วนาเงินพันกษาปณ์ที่ได้ไปเลี้ยงตอบแทนคุณยายที่เลี้ยงดูตน
มา

๖) ขันติบารมี คือ บารมีในการอดทน มีปรากฏในนิทานชาดกเร่ืองจันทกุมารชาดก
โภชาชานียชาดก อาชญั ญชาดก มหิสชาดก ททั ทรชาดก และขันติวาทิชาดก ดงั น้ี

(๑) จันทกุมารชาดก๒๓๑ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น จันทกุมาร
พระโอรสของ พระเจ้าเอกราช เมืองสาวัตถี ทรงตัดสินคดีด้วยความถูกต้องยุติธรรมแทน

๒๒๗ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๗๐/๒๙.
๒๒๘ขุ.ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๑๒๓-๒๙๕/๒๐๒-๒๒๘.
๒๒๙ขุ.ชา.เตรสก. (ไทย) ๒๗/๒๗-๓๙/๔๐๐-๔๐๒.
๒๓๐ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๒๙/๑๒.
๒๓๑ข.ุ ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๙๘๒-๑๑๕๒/๓๓๕-๓๖๒.

๑๓๗

พราหมณ์ปุโรหิตผู้ไม่เที่ยงธรรม ต่อมาพระราชบิดาเชื่อฟังคายุยงของพราหมณ์ท่ีให้ฆ่าจันท
กุมารพร้อมกับพระมารดาและชาวเมืองเพือ่ นาไปบูชายัญ ทรงบาเพ็ญขันติบารมีจนทาให้ท้าว
สกั กะหรือพระอนิ ทร์ลงมาช่วยจึงรอดพ้นจากความตาย

(๒) โภชาชานยี ชาดก๒๓๒ พระโพธสิ ตั วเ์ สวยพระชาติเป็นม้าสินธพ ออกรบศึก
กับพระราชา ๗ นครทม่ี าทาสงครามกับเมืองพาราณสี ถกู อาวุธสาหัส ยอมสละชีวติ แขง็ ใจออก
รบ จนสดุ ทา้ ยสามารถจบั ข้าศึกได้ท้งั หมด

(๓) อาชญั ญชาดก๒๓๓ พระโพธิสัตวเ์ สวยพระชาติเป็นม้าอาชัญญะ ออกรบศึก
กับ ถกู อาวุธสาหสั ยอมสละชีวติ แข็งใจออกรบ จนภายหลงั สามารถจับข้าศึกได้ทง้ั หมด

(๔) มหิสชาดก๒๓๔ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญากระบือ ถูกลิงตัว
หนึ่งถ่ายรดลงบนหลังทุกวันด้วยขันติไม่ได้ถือโทษที่ลิงนั้นกระทาอนาจารต่าง ๆ ต่อมา
ภายหลังลงิ ตัวนน้ั ไปทาอนาจารแก่กระบือตัวอนื่ ๆ จงึ ถูกขวดิ จนถึงแกค่ วามตาย

(๕) ทัททรชาดก๒๓๕ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญานาคทัททระ
เพราะน้องชายนาคจูฬทัททระ มีนิสัยดุร้าย ไม่มีความอดทน ทาให้ถูกเนรเทศจากนาคพิภพ
พระโพธิสัตว์มีความอดทนสอนให้น้องชายตั้งม่ันอยู่ในขันติ ภายหลังสามารถกลับคนื สู่นาค
พิภพ

(๖) ขันติวาทิชาดก๒๓๖ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นขันติวาทีดาบส ยึดมั่น
ในขันติ ไมโ่ กรธพระราชา ทสี่ ่ังใหล้ งโทษตัดมอื เทา้ ใบหู และจมกู ในท่สี ดุ พระราชาตอ้ งไปเกิด
ในนรก เสวยวบิ ากกรรมอนั หยาบชา้ นั้น

๗) สจั จบารมี คอื บารมีในการรักษาความสัตย์ มปี รากฏในนทิ านชาดกเรอ่ื ง วิธุร
ชาดก วฏั ฏกชาดก มจั ฉชาดก มหาสุตโสมชาดก ดังนี้

๒๓๒ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๒๓/๑๐.
๒๓๓ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๒๔/๑๐.
๒๓๔ขุ.ชา.ตกิ . (ไทย) ๒๗/๘๒-๘๔/๑๓๘-๑๓๙.
๒๓๕ข.ุ ชา.ทกุ . (ไทย) ๒๘/๑๓-๑๖/๑๕๙.
๒๓๖ขุ.ชา.จตุกก. (ไทย) ๒๗/๔๙-๕๒/๑๖๖-๑๖๗.

๑๓๘

(๑) วิธุรชาดก๒๓๗ พระโพธิสัตวเ์ สวยพระชาตเิ ป็นวิธุรบัณฑติ เปน็ ผูถ้ วายอรรถ
ธรรมแก่พระเจ้าธนญชัยโกรพ รักษาสัตย์ยอมสละชีวิตให้ปุณณยักษ์ ที่จะฆ่าวิธุรบัณฑิตเพื่อนา
หัวใจไปให้นางวิมลา และรอดชีวิตได้ด้วยปัญญา ต่อมาได้สั่งสอนยกั ษใ์ ห้ละความดุรา้ ย ละเวน้
จากความชวั่

(๒) วัฏฏกชาดก๒๓๘ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนกคุ่ม เกิดไฟไหม้จนใกล้
จะถึงรงั เพอ่ื ที่จะหา้ มไฟป่า จึงเอาความจริงใจต้งั สัตยาธษิ ฐาน ระลกึ ถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
ในอดตี จงึ พ้นอันตรายได้

(๓) มัจฉชาดก๒๓๙ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาปลาตั้งสัตยาธิษฐาน
อ้อนวอนขอใหฝ้ นตก เพอ่ื ชว่ ยให้ปลาทงั้ หลายพน้ จากอันตราย

(๔) มหาสุตโสมชาดก๒๔๐ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเจ้ามหาสุตโสม
ทรงเป็นพระสหายกบั พระเจ้าพรหมทัตและพระกมุ าร ๑๐๑ พระองคต์ ่อมาเม่อื แยกยา้ ยกลับไป
บ้านเมอื งของตนแลว้ พรหมทตั กมุ ารได้ครองเมืองพาราณสแี ต่หลงผดิ ไปตดิ ใจบรโิ ภคเน้อื มนุษย์
จนกลายเปน็ โจรโปรสิ าททาใหถ้ ูกเนรเทศ พระเจา้ มหาสตุ โสมต้องไปทรมานจนกลับใจ

๘) อธิษฐานบารมี คือ บารมีในความต้ังใจม่ัน มีปรากฏในนิทานชาดกเรื่อง เนมิ
ราชชาดก นฬปานชาดก ทุมเมธชาดก ดงั นี้

(๑) เนมริ าชชาดก๒๔๑ พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเปน็ พระเจ้าเนมริ าช ทรงม่นั
ในการรักษาอุโบสถศีลทุกวัน จนท้าวสักกะให้มาตุลีเทพบุตรมารับไปเท่ียวดาวดึงส์เพื่อเทศนา
ให้เหล่าเทพยดา ก่อนเสด็จไปสวรรค์ มาตุลีเทพบุตรพาพระองค์เท่ียวชมนรกชั้นต่าง ๆ จน
พระองค์เกิดสลดพระทัย เมื่อเสด็จไปแสดงเทศนาให้เทวดาฟังแล้วกลับมาเล่าให้ชาวเมืองฟัง
พร้อมกับสอนให้ทาความดเี วน้ ความชั่วแล้วทรงออกผนวชเปน็ ฤๅษี

๒๓๗ขุ.ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๑๓๔๖-๑๖๕๔/๓๙๑-๔๔๖.
๒๓๘ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๓๕/๑๕.
๒๓๙ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๗๕/๓๑.
๒๔๐ข.ุ ชา.อสีต.ิ (ไทย) ๒๗/๓๗๑-๔๙๔/๑๕๘-๑๙๒.
๒๔๑ข.ุ ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๑๖๕๕-๒๔๔๐/๔๔๗-๕๖๐.

๑๓๙

(๒) นฬปานชาดก๒๔๒ พระโพธิสตั วเ์ สวยพระชาติเปน็ พญาวานร พาบรวิ ารไป
ดืม่ น้าทมี่ ผี เี สื้อน้าอาศัยอยู่คอยจับผู้ทล่ี งกนิ น้าในสระโบกขรณี จึงหาวิธีดื่มนา้ โดยไม่ต้องลงสระ
ดว้ ยการอธษิ ฐานขอใหไ้ มอ้ ้อทะลตุ ลอดท้งั ปลอ้ งเพ่ือใช้ดดู นา้ ในสระ จึงพน้ จากอนั ตรายได้

(๓) ทุมเมธชาดก๒๔๓ พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็นพญาช้าง ถูกพระเจ้ามคธ
ราชต้องการฆ่า จึงให้ควาญช้างพาไปฝึกบนเขา แกล้งจะให้ตกเหวตาย พระโพธิสัตว์จึงต้ังจิต
อธิษฐานจนรอดพ้นอันตราย ให้นายควาญช้างพาหนีไป ในที่สุดได้เป็นช้างทรงของพระเจ้า
พาราณสี

๙) เมตตาบารมี คือ บารมีในความรักปรารถนาดี มีปรากฏในนิทานชาดกเร่ือง
สุวรรณสามชาดก เอกราชชาดก วลาหกัสสชาดก มจั ฉชาดก สาลเิ กทารชาดก ดงั นี้

(๑) สุวรรณสามชาดก๒๔๔ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพราหมณ์ เลี้ยงดู
มารดาบิดา ที่ตาบอด ถูกพระเจ้าพาราณสีพระนามว่า พระเจ้าปิลยักษ์ทรงยิงด้วยธนูไปถูก
สุวรรณสามถึงแก่สลบไป ก่อนที่จะสลบสุวรรณสามได้รบั ความทุกขเวทนาแสนสาหัส แต่ไม่ได้
แสดงความโกรธขุ่นเคืองตรัสเล่าเร่ืองมารดาบิดาตาบอดให้พระราชาฟังแล้วสลบไป ภายหลัง
ฟ้ืนขน้ึ มาดว้ ยแรงอธิษฐานของมารดาบิดาและแรงกตญั ญู แล้วถวายโอวาทธรรมจนพระเจ้าปิล
ยกั ษ์ละเวน้ จากความช่วั มาตงั้ อยู่ในทศพิธราชธรรม

(๒) เอกราชชาดก๒๔๕ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าพาราณสีพระ
นามว่า พระเจ้าเอกราช ถูกพระเจ้าทุพภิเสนจับมัด แต่พระองค์ไม่ได้โศกเศร้า เจริญเมตตา
พรหมวิหารวางตนเป็นกลางในความสุขและความทุกข์ ได้สาเร็จฌานสมาบัติ หลุดพ้น
พนั ธนาการได้ ทรงแสดงอานาจแหง่ ขันตแิ ลว้ ทรงออกผนวช

๒๔๒ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๒๐/๘-๙.
๒๔๓ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๕๐/๒๑..
๒๔๔ขุ.ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๒๙๖-๔๒๐/๒๒๙-๒๔๕.
๒๔๕ขุ.ชา.จตุกก. (ไทย) ๒๗/๙-๑๒/๑๕๘.

๑๔๐

(๓) วลาหกัสสชาดก๒๔๖ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นม้าวลาหก มีความ
เมตตา พาพวกพอ่ ค้าทีเ่ รือแตกแลว้ ขน้ึ ไปอยู่บนเกาะท่ีมยี กั ษอ์ าศัยอยู่ ภายหลังได้พาพวกพ่อค้า
ท่ีเช่อื ฟงั กลบั มาส่งโดยปลอดภัย

(๔) มัจฉชาดก๒๔๗ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นปุโรหิต ไปเดินเที่ยว
ชายหาดรมิ ทะเลเห็นชาวประมงกาลงั จะปงิ้ ปลา ปุโรหติ ไดช้ ่วยปลาให้รอดชีวิตไปได้

(๕) สาลเิ กทารชาดก๒๔๘ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาตเิ ป็นพญานกแขกเตา้ คาบ
รวงข้าวนาไปเลี้ยงดูพ่อแม่ ไปติดบ่วงนายพราน ของโกสิยพราหมณ์ ได้ฟังวาจาสภุ าษติ ด้วย
ความเมตตา กตญั ญูตอ่ บดิ ามารดาของพญานกแขกเต้าแลว้ ปลอ่ ยไปพรอ้ มกบั ยกไร่ข้าวสาลีให้
ด้วย

๑๐) อุเบกขาบารมี คือ บารมีในการวางเฉย พระโพธิสัตว์ทรงบาเพ็ญอุเบกขาบารมี
ปรากฏในนิทานชาดกเรือ่ งมหานารทกัสสปชาดก กัจฉปชาดก สกู รชาดก ดงั น้ี ฃ

(๑) มหานารทกัสสปชาดก๒๔๙ ว่าด้วยพระมหานารทกัสสปะทรงบาเพ็ญ
อุเบกขาบารมี มีเร่ืองโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพราหมณ์ชื่อนารทพราหมณ์
ทรงแสดงธรรมสั่งสอนพระเจ้ากรุงมิถิลาให้ละมิจฉาทิฏฐิเสียได้ ทรงแสดงทุกข์ในนรกและสุข
บนสวรรค์ใหพ้ ระราชาได้สดับจนทรงต้ังมัน่ ในธรรมตลอดมา๒๕๐

(๒) กัจฉปชาดก๒๕๑ ว่าด้วยฤๅษีขอร้องเต่า เรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์
พราหมณ์เสวยพระชาติเป็นพราหมณ์ แล้วออกบวชเป็นฤๅษี มีลิงทุศีล มาทาอนาจารต่าง ๆ ก็
อดทนได้ ลิงไปทาลามกกับเต่า ถูกเต่างับองคชาติ ลิงจึงขอให้ฤๅษีช่วยเจรจา จนสุดท้ายเต่า
ปลอ่ ยลงิ ไป

๒๔๖ขุ.ชา.ทกุ . (ไทย) ๒๗/๙๑-๙๒/๘๘.
๒๔๗ข.ุ ชา.ทุก. (ไทย) ๒๗/๑๓๑-๑๓๒/๙๙.
๒๔๘ข.ุ ชา.ปกิณณก. (ไทย) ๒๗/๑-๑๗/๔๒๓-๔๒๕.
๒๔๙พระศาสดาประทับอยู่ ณ อุทยานลัฏฐิวันทรงปรารภการท่ีทรงทรมานอุรเุ วลกสั สปะตรสั มหานา
รทกัสสปชาดกมีคาเรมิ่ ตน้ วา่ ‘ได้มีพระราชาแห่งกรงุ วเิ ทหะ..’, ข.ุ ชา.ม. (ไทย) ๒๘/๑๑๕๓/๓๖๓.
๒๕๐ขุ.ชา.อ. (ไทย) เลม่ ที่ ๔ ภาคที่ ๓ หน้า ๒๓๐-๒๙๕ (มมร.).
๒๕๑ขุ.ชา.ติก. (ไทย) ๒๗/๖๗-๖๙/๑๓๕.

๑๔๑

(๓) สูกรชาดก๒๕๒ ว่าด้วยสุกรท้าราชสีห์ มีเร่ืองโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์
เสวยพระชาติเปน็ ราชสหี ์ ถกู สกุ รทา้ รบ สุกรไปเกลือกตวั กับสงิ่ โสโครกแล้วท้ารบ ราชสีห์กล่าว
ว่า เจ้ามีเน้ือตัวไมส่ ะอาด ขนก็เหม็นเน่า มีกลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไป ถ้าเจ้าต้องการจะสู้รบกบั
เรา เราขอยกชยั ชนะใหเ้ จ้า

(๔) หลิททราคชาดก๒๕๓ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นดาบส ถูกนางกุมารี
ลอบมาทาลายศีลของดาบสผู้เป็นบุตร ภายหลังได้สอนฌานให้แก่บุตร แล้วให้บริกรรมใน
กสณิ จนได้ไปเกิดในพรหมโลกพรอ้ มกับบิดา

๖.๓ เรื่องจรยิ ธรรม
จริยธรรม แปลว่า ธรรมอันควรนาไปประพฤติปฏิบัติ ผู้ใดนาไปประพฤติปฏิบัติ ผู้

นั้นก็ได้รับผลแห่งธรรมนั้น จุดมุ่งหมายของการส่ังสอนด้วยนิทานชาดก คือ ต้องการให้ผู้ฟัง
สามารถนาเอาหลกั ธรรมะทม่ี ีอยูใ่ นชาดกนั้น ไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ จริยธรรมในพระพุทธศาสนามี
ปรากฎในหลักคาสอนสาคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้า คือ ๑) เรื่องหลักธรรมที่เป็นหัวใจ
พระพุทธศาสนา ๒) เรอื่ งกรรม ๓) เรอื่ งอรยิ สจั ๔ ได้แก่

๑) หลักธรรมทเ่ี ปน็ หัวใจพระพุทธศาสนา
ในเร่ืองปัญหาของพระอานนทเถระ พระพทุ ธเจ้าทรงแสดงหลักคาสอน เช่น การไม่
ทาบาป การทาบญุ กศุ ล และการทาจติ ให้ผ่องแผว้ ว่า
สพฺพปาปสสฺ อกรณ กุสลสสฺ ปู สมฺปทา
สจิตตฺ ปริโยทปน เอต พทุ ฺธานสาสน
แปลว่า การไม่ทาบาปท้ังปวง การยังกุศลให้ถึงพร้อม การทาจิตของตนให้ผ่องแผ้ว
นัน่ คือคาสอนของพระพุทธเจ้าท้ังหลาย๒๕๔

๒๕๒ขุ.ชา.ทุก. (ไทย) ๒๗/๕-๖/๖๓.
๒๕๓ขุ.ชา.นวก. (ไทย) ๒๗/๗๘-๘๖/๓๑๓-๓๑๕.
๒๕๔การทาจิตของตนใหผ้ อ่ งแผว้ หมายถงึ การทาจิตใหผ้ อ่ งแผ้วปราศจากนวิ รณ์ ๕ ประการ, ข.ุ ธ.
(ไทย) ๒๕/๑๘๓/๙๐.

๑๔๒

หลักคาสอนที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนาน้ันมีปรากฏอยู่ในชาดกทุกเร่ือง เพราะ
ชาดกทกุ เรื่องสอนใหค้ นละความช่ัว ทาแต่ความดแี ละชาระจิตใจให้สะอาดบรสิ ุทธ์ิ

หลักคาสอนที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนา ๒ ข้อแรก คือ ไม่ทาบาปทั้งปวงและทาแต่
ความดีนั้นมีปรากฏในชาดกเร่ืองที่ ๔๖๙ มหากัณหชาดก๒๕๕ มีเร่ืองโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์
เสวยพระชาตเิ ป็นพระอนิ ทร์ เนรมิตเป็นสุนขั ดาตวั ใหญ่ ลงมาทรมานชาวเมืองพาราณสีที่พากัน
ประพฤติชั่วใหก้ ลบั มาประพฤตดิ ี ดังมีคาถาวา่

เมอ่ื ใดคนมีมายา ผิดกฎกติกา มคี วามคิดอยา่ งคนช่ัวจักมอี ยใู่ นโลก
เมอ่ื นั้นสุนขั ดาก็จะหลุดออกไป (กินเน้อื คนมีมายานั้น)๒๕๖
หลักคาสอนท่ีเป็นหัวใจของพุทธศาสนาข้อสุดท้าย คือชาระจิตใจให้บริสุทธิ์ มี
ปรากฏในตติรชาดก๒๕๗ ว่าด้วยนกกระทา มีเร่ืองโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น
ดาบสวสิ ัชนาปญั หาเรอ่ื งบาปของนกกระทาซงึ่ ถกู นายพรานบงั คบั ให้เป็นนกต่อว่า บาปจะไม่ตก
ไปอยู่กบั นกกระทาเพราะนกกระทามใี จบริสทุ ธิ์ ไมไ่ ดน้ ้อมไปกบั บาปกรรมอนั นั้น ดงั มีคาถาว่า
ถ้าใจของเธอไม่ถูกกรรมช่ัวประทษุ ร้าย
กรรมช่วั ทน่ี ายพรานทาเพราะอาศัยเธอ ก็ไม่ถูกต้องเธอ
บาปกไ็ ม่แปดเป้ือนเธอผู้เปน็ คนดี ผ้ขู วนขวายน้อย๒๕๘
๒) เรอ่ื งกรรม
กรรม แปลว่าการกระทา การกระทาทางกาย เรียกว่า กายกรรม การกระทาทาง
วาจา เรียกวา่ วจีกรรม การกระทาทางใจ เรยี กวา่ มโนกรรม กรรม ๓ อย่างถ้าทาดีเรยี กว่ากุศล
กรรม ถา้ ทาชัว่ เรียกว่า อกศุ ลกรรม การทาดีทางกาย วาจา และใจ เรยี กวา่ กศุ ลธรรมทางกาย
วาจาและใจ พระพทุ ธเจ้าตรัสสอนเรือ่ งกรรมวา่
ผูท้ ากรรมดยี อ่ มได้รับผลดี ผทู้ ากรรมชั่วย่อมได้รบั ผลชัว่ ๒๕๙

๒๕๕ข.ุ ชา.ทวาทสก. (ไทย) ๒๗/๖๑-๗๒/๓๘๓-๓๘๕.
๒๕๖ขุ.ชา.ทวาทสก. (ไทย) ๒๗/๗๒/๓๗๕.
๒๕๗ขุ.ชา.จตุกก. (ไทย) ๒๗/๗๓-๗๖/๑๗๑-๑๗๒.
๒๕๘ข.ุ ชา.จตุกก. (ไทย) ๒๗/๗๖/๑๗๒.
๒๕๙ม.ม. (ไทย) ๑๓/๑๘๖/๒๑๘.

๑๔๓

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นกาเนิด มี
กรรมเปน็ เผา่ พนั ธ์ุ มีกรรมเป็นทพ่ี ่งึ อาศัย กรรมยอ่ มจาแนกสัตว์ท้งั หลายให้เลวและดตี ่างกัน๒๖๐

กรรม การกระทา หมายถงึ การกระทาท่ีประกอบดว้ ยเจตนา คือทาดว้ ยความจงใจหรือ
จงใจทาดี หรือจงใจทาชว่ั เร่อื งกรรม ในพระพุทธศาสนา เปน็ เร่ืองที่ละเอยี ดลกึ ซ้งึ มาก ในชาดกมี
กลา่ วถงึ เร่ืองกรรมในเรอื่ งจุลลนนั ทิยชาดก และเรอื่ งมตกภตั ตชาดก ดงั น้ี

๑) จูฬนันทิยชาดก๒๖๑ ว่าด้วยพญาวานรจูฬนันทิยะ มีเรื่องโดยย่อว่า พระ
โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาวานร สละชีวิตแทนมารดาซ่ึงตาบอด แต่ก็ถูกพรานฆ่าตายทงั้
มารดาและนอ้ ง เม่ือพรานผูน้ น้ั กลบั ถงึ บา้ น ก็ถูกผลกรรมตามทนั ภรรยาและบตุ รถูกฟ้าผ่าตาย
บ้านถูกไฟไหม้ เหลือแต่เสากับขื่อ ขื่อหักลงมาถูกศีรษะนายพรานแตก แผ่นดินแยกสูบเอา
นายพรานนนั้ ไปสู่นรกอเวจี ก่อนตายนายพรานได้ระลึกถึงคาสอนของปาราสิยพราหมณ์ผู้เปน็
อาจารยว์ า่

คนทากรรมใดไวย้ อ่ มเหน็ กรรมน้นั ในตน คนทากรรมดยี อ่ มไดร้ บั ผลดี
คนทากรรมช่วั ย่อมได้รบั ผลชัว่ คนหวา่ นพืชเชน่ ใดยอ่ มได้รบั ผลเชน่ นน้ั ๒๖๒
๒) เรื่องมตกภัตตชาดก๒๖๓ ว่าด้วยการฆ่าสัตวท์ าบุญอุทิศให้ผู้ตาย มีเร่ืองโดยย่อว่า
พระโพธิสัตวเ์ สวยพระชาติเป็นรุกขเทวดา กล่าวติเตียนผู้ที่ฆ่าสัตว์เซ่นสรวงผู้ตาย มีแพะตัว
หน่ึงถูกนาไปฆ่าบูชายัญ มองเห็นกรรมเก่าของตนแล้วจึงหัวเราะและร้องไห้ พราหมณผ์ ู้ทาพิธี
บูชายัญสงสัยจึงถาม แพะบอกว่า ชาติก่อนเขาเกิดเป็นพราหมณ์ฆ่าสัตว์บูชายัญเพียงตัวเดียว
จะต้องกลับมาเกิดเป็นแพะถูกตดั ศีรษะชดใช้กรรมถึง ๕๐๐ ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายท่ีจะได้
พ้นทุกข์ จึงยินดีและหัวเราะ แต่ร้องไห้เพราะผู้ท่ีฆา่ จะต้องถูกตัดศีรษะ ๕๐๐ ชาติเช่นเดียวกนั
พราหมณจ์ ึงปล่อยแพะไป แพะวา่ ทา่ นจะฆ่าหรอื ไมฆ่ า่ เราก็ต้องตายในวนั นี้ เกิดฟ้าผา่ ถูกสะเก็ด
หินแตกไปตัดคอแพะขาดกระเด็น เพราะผลกรรมที่ได้ทาไว้ รุกขเทวดาโพธิสัตว์แสดงธรรมแก่
มหาชนวา่

๒๖๐ม.อ.ุ (ไทย) ๑๔/๒๙๗/๓๕๖.
๒๖๑ขุ.ชา.ทกุ . (ไทย) ๒๗/๑๔๓-๑๔๔/๑๐๓.
๒๖๒ขุ.ชา.ทุก. (ไทย) ๒๗/๑๔๔/๑๐๓.
๒๖๓ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๑๘/๘.

๑๔๔

ถ้าเหลา่ สัตว์พงึ รอู้ ย่างน้ีวา่ การเกิดและสมภพ๒๖๔ นเ้ี ปน็ ทกุ ข์
สัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์ เพราะผู้ฆา่ สัตว์ยอ่ มเศรา้ โศก
๓) เร่ืองอรยิ สัจ
อริยสัจ ๔ แปลว่า ความจริงอันประเสริฐที่ทาให้คนป็นพระอริยะมี ๔ อย่าง คือ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เรียกเต็มว่า ทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธ และทุกขนิโรธคามินี
ปฏปิ ทา๒๖๕
ทุกข์ คือ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ เพราะเป็นของทนได้ยากมี ๑๑ อย่าง คือ
ความเกิดความแก่ ความเศร้าโศก ความคร่าครวญ ราพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความ
คับแค้นใจ ความประสบกับสิ่งอันไม่เป็นท่ีรัก ความพลัดพรากจากส่ิงอันเป็นท่ีรัก ความ
ปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นตามปรารถนา กล่าวโดยย่อคือ ยึดม่ันในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา
สญั ญา สังขาร และวญิ ญาณ เปน็ ทุกข์
สมุทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์ คือตัณหา ๓ ชนิด คือ กามตัณหา ได้แก่ความอยากใน
อารมณ์ท่ีน่ารักใคร่ในวัตถุกาม (ส่ิงย่ัวยวนในภายนอก) และกิเลสกาม (สิ่งย่ัวยวนภายใน)
ภวตัณหา คอื ความอยากเป็นโนน่ เปน็ นี่ และวภิ วตัณหา คอื ความไมอ่ ยากเป็นโนน่ เปน็ น่ี
นิโรธ คอื ความดบั ตัณหาท้ัง ๓ น้นั ไดอ้ ย่างสน้ิ เชิง
มรรค คอื หนทางหรือขอ้ ปฏิบัติให้ถงึ ความดับทกุ ข์ ๘ ประการ คอื สมั มาทฏิ ฐิ สัมมา
สังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ
ย่อลงในไตรสกิ ขา คอื ศลี สมาธิ ปญั ญา
ในชาดกมีกล่าวถึงเร่ืองอริยสัจ ๔ คือ การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นทุกข์
การประสบสิง่ อันไมเ่ ปน็ ท่ีรกั เปน็ ทกุ ข์ ดงั นี้
๑) การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นท่ีรักเป็นทุกข์ มีในนิทานชาดกเร่ืองภัลลา
ติยชาดก และเรื่องอภณิ หชาดก ดังน้ี

๒๖๔สมภพ หมายถงึ ความเจริญโดยลาดับแหง่ สัตว์ผู้บังเกิดแล้ว (ขุ.ชา. (ไทย) ๒๗/๑๘/๘).
๒๖๕พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยตุ โต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศพั ท์, พมิ พ์ครั้งท่ี ๙,
(กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๔๓), หน้า ๓๗๘.

๑๔๕

(๑) เร่ืองภัลลาติยชาดก๒๖๖ กล่าวถึงการพลัดพรากจากส่ิงอันเป็นที่รัก
เปน็ ทกุ ข์ มีเรอ่ื งโดยยอ่ วา่ พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาตเิ ปน็ พระเจา้ ภลั ลาติยราชเสด็จประพาสป่า
เพ่ือล่าเนื้อ ได้ฟัง กินรีผัวเมียร้องไห้ราพนั ถึงความทุกข์ทรมานที่พลัดพรากจากกันแม้เพียงคนื
เดียวกนิ รีสองผัวเมียยังร้องไห้ ทาใหพ้ ระราชาไมเ่ สดจ็ ไปล่าเนื้ออีก ได้ทรงบาเพ็ญทานเสวยพระ
ราชสมบตั ิสบื มา

(๒) เรื่องอภิณหชาดก๒๖๗ กล่าวถึงการพลัดพรากจากส่ิงอันเป็นท่ีรักเปน็
ทุกข์ มีเรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นราชเสวก คิดแก้ไขช้างทรงของพระเจ้า
พาราณสี ซ่ึงคุ้นเคยกับลูกสุนัขให้หายเหงาได้ อามาตย์โพธิสัตว์กราบทูลว่า ที่พญาช้างต้นไม่
สามารถจะดมื่ น้ากนิ ข้าวกินหญา้ ไดเ้ พราะมีความเยอื่ ใยในลกู สนุ ัข เพราะได้เห็นกนั เนือง ๆ

ในนทิ านชาดกยงั สอนไม่ให้เศร้าโศกเพราะพลดั พรากจากกัน ดังปรากฏในทส
รถชาดก อสั สกชาดก โสมทตั ตชาดก มณกิ ัณฐชาดก ดงั น้ี

(๓) ทสรถชาดก๒๖๘ กลา่ วถงึ การระงบั ความเศร้าโศกถึงผู้ที่ตายไป มีเร่ือง
โดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระรามบัณฑิตถูกพระราชบิดาให้ออกไปอยู่ในปา่
พรอ้ มกับพระลกั ษณ์และพระนางสีดา เม่ือพระราชบิดาสวรรคต พระลักษณแ์ ละนางสดี าก็เศร้า
โศกเสียใจมาก แตพ่ ระรามไม่เศร้าโศกเสียใจ กล่าวตกั เตอื นแนะนาว่า ผู้เป็นพหูสตู พิจารณาโลก
นแ้ี ละโลกหน้า เพราะร้ทู ่วั ถงึ ธรรม ความเศร้าโศกใหญ่หลวงไมส่ ามารถแผดเผาจิตใจได้

(๔) อัสสกชาดก๒๖๙ กล่าวถึงการระงับความเศร้าโศก มีเร่ืองโดยย่อว่า
พระโพธสิ ตั ว์เสวยพระชาติเปน็ ดาบส ทรงสอนใหพ้ ระเจ้าอัสสกะหายเศรา้ โศกถงึ พระนางอุพพรี
เทวี มเหสีท่ีส้ินพระชนม์แลว้ ไปเกดิ เปน็ หนอนตัวเมียและมีหนอนตวั ผู้เป็นทร่ี ักยิ่งกว่าพระราชา
ทาใหท้ รงระงบั ความเศรา้ โศกได้ และทรงต้ังอยใู่ นทศพิธราชธรรม

๒๖๖ข.ุ ชา.วีสติ. (ไทย) ๒๗/๒๐๙/๕๐๖.
๒๖๗ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๒๗/๑๑.
๒๖๘ข.ุ ชา. เอกาทสก. (ไทย) ๒๗/๙๓-๙๔/๓๖๙.
๒๖๙ข.ุ ชา.ทุก. (ไทย) ๒๗/๑๑๓-๑๑๔/๙๔.

๑๔๖

(๕) โสมทัตตชาดก๒๗๐ กล่าวถึงการโศกเศร้าถึงผู้อันเป็นที่รัก มีเร่ืองโดย
ย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นท้าวสักกะให้โอวาทแก่ดาบสผู้โศกเศร้าถึงลูกช้าง
โสมทตั ท่ีเลย้ี งลม้ ตายไปวา่ ถา้ สตั วท์ ีต่ ายละโลกน้ไี ปแลว้ จะพึงลุกข้ึนได้เพราะการร้องไห้ เราทุก
คนก็คงมาประชุมกันร้องไห้ถึงหมู่ญาติของกันและกัน ทาให้ดาบสได้สานึกไม่โศกเศร้าไม่
รอ้ งไห้เพราะได้ฟังคาสอนน้ัน

๒) การประสบสง่ิ อันไม่เป็นท่รี ักเป็นทกุ ข์
มณิกัณฐชาดก๒๗๑ กล่าวถึงการขอแก้วมณีทาให้ไม่เป็นที่พอใจ มีเรื่องโดยยอ่
ว่า พระโพธสิ ัตวเ์ สวยพระชาติเปน็ ดาบสผูพ้ ี่ พญานาครกั ใครด่ าบสผู้นอ้ ง จงึ ขึ้นมาหาทีอ่ าศรม
บ่อยคร้ังทาให้ดาบสผู้น้องหวาดกลัวจนเป็นทุกข์ ผู้พี่แนะอุบายให้ขอแก้วมณีที่พญานาคหวง
แหน พญานาคกล่าววา่ ท่านเป็นคนขอมากเกินไป ข้าพเจา้ จะไมม่ าอาศรมของทา่ นอีกแลว้
๓) ระงบั กิเลส ความอยากได้
มุนิกชาดก๒๗๒ กล่าวถึงความอยากในอาหารรสดี มีเร่ืองโดยย่อว่า พระ
โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นโค สั่งสอนน้องชายไม่ให้น้อยใจว่า “ที่เขาเลี้ยงวัวด้วยหญ้าและ
ฟาง เล้ียงสุกรดว้ ยขา้ วต้มและขา้ วสวยเพื่อจะฆ่านาไปเป็นอาหาร”
๔) ระงบั ความอยากในกามตัณหา
มัจฉชาดก กล่าวถึงความกลัวภรรยาเข้าใจผิด มีเร่ืองโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์
เสวยพระชาติเป็นปุโรหิต ไปพบเห็นปลาที่ถกู ชาวประมงจับได้ที่ท่าน้า ปลาน้ันขณะที่ถกู จับติด
ข่ายอยู่ ยังไม่รู้ตัวว่าจะต้องตาย กลัวภรรยาจะเข้าใจผิดและเบียดเบียนเอา ด้วยเข้าใจว่าเรา
ยนิ ดีนางปลาตัวอนื่ จงึ คร่าครวญอยู่๒๗๓

๒๗๐ข.ุ ชา.สตั ตก. (ไทย) ๒๗/๑๐๕-๑๑๓/๒๗๔-๒๗๕.
๒๗๑ข.ุ ชา.ติก. (ไทย) ๒๗/๗-๙/๑๒๑.
๒๗๒ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๓๐/๑๒-๑๓.
๒๗๓ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๓๔/๑๔.

๑๔๗

๕) ความรักเป็นเหตุไปสูค่ วามตาย
(๑) วิสสาสโภชนชาดก๒๗๔ กล่าวถึงไม่ควรไว้วางใจในบุคคลที่ไม่คุ้นเคย

กนั มเี รอื่ งโดยยอ่ วา่ พระโพธสิ ัตว์เสวยพระชาตเิ ปน็ เศรษฐี ใชย้ าพษิ ทาตัวนางเน้อื ท่ีราชสีห์หลง
รกั ราชสีห์ไม่ไดพ้ ิจารณาเลยี ขนนางเน้อื ทาใหถ้ งึ แก่ความตาย

(๒) กัณฑชิ าดก๒๗๕ กล่าวถงึ ชายผตู้ กอยู่ในอานาจของหญงิ มเี รอื่ งโดยย่อ
ว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาตเิ ป็นรุกขเทวดา ตาหนเิ นอ้ื ปา่ ท่ีไปหลงรักนางเนือ้ ทุ่ง ตามเขา้ มาใน
เมืองจึงถูกยิงตาย จึงตาหนิส่ิงท่ีควรตาหนิ ๓ อย่างคือ คนที่มีลูกศรเป็นอาวุธยิงไปเต็มกาลัง
ชนบทท่ีมสี ตรเี ปน็ ผนู้ า และชายผูต้ กอยู่ในอานาจของหญงิ

๖.๔ เรื่องการรักษาศีล
๑) ปาณาติปาตาเวรมณี คือ เว้นจากการฆ่า การเบียดเบียนสัตว์ มีปรากฎใน

ตโยธัมมชาดก อายาจิตภัตตชาดก ดังนี้
(๑) ตโยธัมมชาดก๒๗๖ ว่าด้วยการฆ่าเบียดเบียนสัตว์ มีเรื่องโดยย่อว่า พระ

โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาวานร เป็นบุตรท่ีบิดาวานรคิดจะฆ่าลูกวานรตัวผู้ที่จะมาเกิด
ท้ังหมดแต่ไม่สาเร็จ บิดาจึงออกอุบายให้ไปเก็บดอกบัวเพื่อให้ยักษ์ (รากษศ) จับกิน พระ
โพธสิ ัตวท์ าให้รากษสยอมจานน ยักษ์นาดอกไมไ้ ปใหบ้ ดิ า บดิ าเห็นยกั ษ์กลัวจนหวั ใจแตกตาย

(๒) อายาจิตภัตตชาดก๒๗๗ ว่าด้วยการฆ่าสัตว์ทาพลีกรรม มีเร่ืองโดยย่อว่า
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดาอยู่ท่ีค่าคบต้นไมก้ ล่าวติเตียนเศรษฐีผู้ฆ่าสัตว์เพ่ือแก้
บนว่า

ถ้าต้องการจะเปลื้องตนให้หลุดพ้น จงเปล้ืองตนให้หลุดพ้นโดยวิธีไม่ติดแน่น
นักปราชญ์ไมเ่ ปล้อื งตนให้หลุดพ้นด้วยวธิ ีนี้ การเปล้อื งตนอยา่ งน้ี เป็นการผูกมดั คนพาล

๒๗๔ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๙๓/๓๙.
๒๗๕ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๑๓/๖.
๒๗๖ขุ.ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๕๘/๒๔.
๒๗๗ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๑๙/๘.

๑๔๘

๒) อทินนาทานาเวรมณี คอื การเว้นจากลกั ทรัพย์ มปี รากฎในโลลชาดก รจุ ริ ชาดก

และกโปตกชาดก ดงั นี้

(๑) โลลชาดก ว่าด้วยโทษของความโลภมีเรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์

เสวยพระชาติ เป็นนกพิราบกล่าวสั่งสอนสอนกาผู้เป็นสหายไม่ให้ขโมยกินปลาและเน้ือ กาไม่

เชื่อขโมยกินปลาจนพ่อครัวจับได้ถูกถอนขนจนหมดถึงแก่ความตาย นกพิราบกล่าวสอนกาว่า

เจ้าจกั ประสบความช่วั รา้ ยเช่นนอ้ี ีก เพราะปกตขิ องเจา้ เป็นเชน่ น้นั อาหารของมนุษย์เปน็ ของท่ี

นกไมค่ วรกิน๒๗๘

(๒) รุจิรชาดก ว่าด้วยเรื่องนกกาท่ีน่ารัก มีเร่ืองโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์

เสวยพระชาติเป็นนกพิราบอาศัยอยู่ในครัวสอนกาไม่ให้ลักกินอาหารว่า เพ่ือนเอ๋ย เจ้าจัก

ประสบความชั่วรา้ ยเช่นนอี้ ีก เพราะปกติของเจ้าเป็นเช่นนน้ั อาหารของมนุษย์เป็นของทนี่ กไม่

ควรกนิ ๒๗๙

(๓) กโปตกชาดก ว่าด้วยนกพิราบเตือนกา มีเรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์

เสวยพระชาติเป็นนกพิราบ สอนกา กาไม่เช่ือไปลักกินอาหารในโรงครัวจนถูกพ่อครัวจับได้

นกพิราบกล่าวว่า ผู้ใดอันบุคคลผู้หวังความเจริญ อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เก้ือกูล กล่าวสอน

อยู่ ก็ไม่ทาตามคาส่ังสอน ผูน้ ั้นยอ่ มเศรา้ โศกอยู่รา่ ไป เหมอื นกาไมท่ าตามคาของนกพริ าบตกอยู่

ในเงื้อมมือของศัตรู๒๘๐

๓) กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี คือ การเว้นจากการประพฤติผิดในกาม มีปรากฏ

ในจฬู ธนคุ คหชาดก อุมมาทันตชี าดก ดงั นี้

(๑) จูฬธนคุ คหชาดก วา่ ด้วยจูฬธนคุ คหบัณฑิต มีเรอ่ื งโดยย่อวา่ พระโพธสิ ัตว์

เสวยพระชาติเป็นพระอินทร์แปลงเป็นสุนัขจ้ิงจอกกล่าวเย้ยภรรยาจูฬธนุคคหบัณฑิตท่ีรักโจร

ส่งดาบให้โจรฆ่าสามีตนเองเพราะมักมากในกาม เม่ือโจรได้เคร่ืองประดับนางแล้วจึงทิ้งนางไป

สนุ ขั จิง้ จอกกล่าวว่า

โทษของผูอ้ น่ื เหน็ ไดง้ ่าย สว่ นโทษของตนเห็นไดย้ าก

๒๗๘ ขุ.ชา.ติก. (ไทย) ๒๗/๗๐-๗๒/๑๓๖.
๒๗๙ข.ุ ชา.ติก. (ไทย) ๒๗/ ๗๕/๑๓๗.
๒๘๐ขุ.ชา.ปญฺจก. (ไทย) ๒๗/๔๒/๑๘.

๑๔๙

เจา้ น่ันแหละเสือ่ มส้นิ ท้ังผวั ทั้งชายชู้ ย่อมซบเซายงิ่ กว่าเราเสยี อกี ๒๘๑
(๒) อุมมาทนั ตชี าดก วา่ ดว้ ยเสนาบดีถวายนางอมุ มาทนั ตแี ด่พระราชา มเี ร่ือง
โดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสีพีทรงมีจิตปฏิพัทธ์ผูกพนั ในนางอุมมาทันตี
ภรรยาเสนาบดีคิดอุบายทูลถวายนาง แต่พระองค์ทรงได้สติไม่ทรงรับ เสนาบดีกราบทูล
พระราชาว่า

ขอพระองค์ทรงประพฤตธิ รรมในพระโอรสและพระชายาเถิด
พระองค์ครัน้ ทรงประพฤตธิ รรมในโลกน้ีแลว้ จักเสด็จไปสู่สวรรค์ ๒๘๒
๔) มุสาวาทาเวรมณี คือ เว้นจากการพูดเท็จ เป็นวจีกรรม (การทาทางวาจา) มี
ปรากฏในสันธิเภทชาดก นันทวิ สิ าลชาดก กัจฉปชาดก ดังนี้
(๑) สนั ธิเภทชาดก วา่ ดว้ ยการทาลายมิตรไมตรี มีเรอ่ื งโดยยอ่ วา่ พระโพธสิ ัตว์
เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าพาราณสี สุนัขจิ้งจอกยุยงราชสีห์กับโคซึง่ เป็นสหายกนั ใหส้ ู้รบกันจน
ตาย ทรงแสดงธรรมพรรณนาโทษการเป็นคนหเู บาเช่ือในคายยุ งสอ่ เสยี ดพระราชากล่าวว่า ผ้ใู ด
เช่ือถอื ถอ้ ยคาของผูส้ อ่ เสยี ด มุ่งทาลายมิตรไมตรี ผูน้ ้ันจะตอ้ งนอนตายอยา่ งนี้๒๘๓
(๒) นันทิวิสาลชาดก ว่าด้วยโคนันทิวิสาล กล่าวถึงพูดคาหยาบคาย มีเรื่อง
โดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นโคนันทิวิสาล เจ้าของพูดคาหยาบกับโคจึงนอ้ ยใจ
ไม่ยอมลากเกวียนทาให้แพ้พนัน ภายหลังใช้พูดคาไพเราะอ่อนหวานจึงลากเกวียนไปได้ทาให้
ชนะการพนนั พระพุทธองค์ทรงตเิ ตียนภกิ ษุฉัพพคั คยี ์ผู้พูดคาหยาบคาย ตรสั ว่า
บคุ คลควรพูดแตค่ าท่นี ่าพอใจเท่าน้นั ไม่ควรพดู คาทไ่ี มน่ ่าพอใจ ในเวลา
ไหน ๆ เม่ือพราหมณ์พูดคาท่ีน่าพอใจ โคนันทิวิสาลจึงลากสัมภาระอันหนักไปได้ ทั้งยังทาให้
พราหมณไ์ ดท้ รพั ย์อีกดว้ ย สว่ นตนเองก็ปล้มื ใจ เพราะการชว่ ยเหลอื น้ัน๒๘๔
(๓) กัจฉปชาดก ว่าด้วยเต่า มีเรื่องโดยย่อว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเปน็
อามาตย์ในราชสานักพระราชาช่างพูด เต่าตัวหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าลงมาตาย เพราะอดพูด

๒๘๑ขุ.ชา.ปญจฺ ก. (ไทย) ๒๗/๑๓๒/๒๒๔.
๒๘๒ข.ุ ชา.ปญญฺ าส. (ไทย) ๒๘/๑๑๕/๒๒.
๒๘๓ข.ุ ชา.จตกุ ก. (ไทย) ๒๗/๑๙๕/๑๙๗.
๒๘๔ข.ุ ชา.เอกก. (ไทย) ๒๗/๒๘/๑๒.


Click to View FlipBook Version