สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหน่งครูผชู้ ่วย สรุปยอ่ อยา่ งละเอยี ด เรอ่ื ง วชิ าการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
วตั ถปุ ระสงค์ :
พ.ร.บ.ลกู เสือ พ.ศ.2551 มาตรา 8 กําหนดวตั ถุประสงคข์ องการฝึกอบรมลกู เสอื เพื่อพัฒนาลกู เสือทัง้ กาย
สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให้เปน็ พลเมอื งดี มคี วามรบั ผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์สังคมใหเ้ กิดความสามัคคี
และความเจริญก้าวหน้า เพื่อความสงบสขุ และความมั่นคงของประเทศชาติ ตามแนวทางต่อไปน้ี
1. มนี ิสัยสงั เกต จดจำ เช่ือฟัง และพึ่งตนเอง
2. ซื่อสัตยส์ ุจรติ มรี ะเบยี บวินยั และเห็นอกเหน็ ใจผ้อู ่ืน
3. รูจ้ ักบำเพ็ญตนเพือ่ สาธารณประโยชน์
4. รูจ้ ักทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกจิ กรรมตามความเหมาะสม
5. รูจ้ ักรักษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม และความมั่นคงของประเทศชาติ
ขอบขา่ ย : กําหนดหลักสูตรเป็น 4 ประเภท ดงั นี้
ประเภทลูกเสอื ชน้ั เรยี น กิจกรรม ระบบหมู่ คตพิ จน์
ลกู เสือสาํ รอง ป.1-3 ทำดีทสี่ ดุ
ลกู เสอื สามญั ป.4-6 เตรียมลกู เสอื สํารอง ดาวดวงท่ี 1 กองลกู เสอื ประกอบด้วย จงเตรยี มพร้อม
ลกู เสอื สามัญรุ่นใหญ่ ม.1-3 ดาวดวงท่ี 2 หมูล่ ูกเสือ 2-6 หมู่ มองไกล
ลกู เสือวสิ ามญั ม.4-6 ดาวดวงท่ี 3 1 หมู่ มี 4-6 นาย บริการ
ลกู เสอื ตรี กองลกู เสอื ประกอบดว้ ย
ลกู เสือโท หมูล่ ูกเสือ 2-6 หมู่
ลกู เสือเอก 1 หมู่ มี 6-8 นาย
ลกู เสอื โลก กองลกู เสอื ประกอบดว้ ย
ลกู เสอื ช้ันพเิ ศษ หมูล่ ูกเสือ 2-6 หมู่
ลกู เสือหลวง 1 หมู่ มี 4-8 นาย
เตรียมลกู เสอื วสิ ามัญ กองลกู เสอื ประกอบดว้ ย
สำรวจตนเอง/เข้าพธิ ีประจำกอง 10-40 คน
วิชาพิเศษ 1 หมู่ มี 4-6 นาย
“ ความสำเรจ็ ...เกดิ จาก...อจั ฉรยิ ะ 1 สว่ น
ทเี่ หลือ 9 สว่ น...เกดิ จาก....
หยาดเหง่ือ...แรงงาน...และนำ้ ตาลว้ น ๆ...”
สรปุ เนอ้ื หาสอบครผู ูช้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 93
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย สรุปยอ่ อยา่ งละเอียด เรอ่ื ง วชิ าการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
(2.2) กิจกรรมยุวกาชาด
มุง่ พฒั นาผ้เู รียนใหม้ ีคุณธรรมจรยิ ธรรม ระเบยี บ วนิ ยั มจี ติ สาํ นกึ ทำประโยชนแ์ กส่ งั คม และคณุ ลกั ษณะ
อันพงึ ประสงคข์ องสังคมไทย ผ้เู รียนปฏิบตั ิด้วยตนเองครบวงจร เน้นทกั ษะกระบวนการ ต้งั แตศ่ กึ ษา วเิ คราะห์ วางแผนปฏบิ ตั ิ
ตามแผน ประเมิน ปรบั ปรุง การทำงาน และทำงานเป็นกลุ่ม
หลักการ :
1. สรา้ งพนื้ ฐานการคดิ และปฏบิ ัติตามหลกั การกาชาดและยุวกาชาด กฎหมายมนษุ ยชน
และสิทธมิ นษุ ยชน ทกั ษะการจัดการ ทักษะการดําเนินชีวิต คิดเป็น ทําเป็น และแก้ปัญหาได้
2. เปน็ เอกภาพและหลากหลายในกิจกรรม มโี ครงสรา้ ง หลกั สูตรยดื หยุ่น เพอ่ื ความจําเปน็
และความสอดคล้องสาํ หรับพัฒนาคุณภาพชีวิต ความเป็นไทย และความเป็นพลเมืองดขี องชาติ
3. สนองตอบต่อสภาพความต้องการท่แี ทจ้ ริงของสถานศกึ ษาและท้องถิ่น
ขอบขา่ ย : กาํ หนดหลักสูตรเป็น 4 ระดับ ดงั น้ี
สมาชกิ ยุวกาชาด ระดับ 1 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3
สมาชกิ ยุวกาชาด ระดับ 2 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 - 6
สมาชิกยวุ กาชาด ระดบั 3 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 - 3
สมาชิกยวุ กาชาด ระดับ 4 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 - 6
(2.3) กิจกรรมผบู้ าํ เพ็ญประโยชน์
เปน็ กจิ กรรมอาสาสมัครนานาชาติสำหรบั เดก็ ผู้หญงิ และสตรีที่สนใจ ไมจ่ ำกดั เช้ือชาติ วรรณะ และศาสนา
เพอ่ื ฝกึ ให้เปน็ พลเมืองดี มปี ระโยชนต์ อ่ สงั คม โดยฝึกทักษะด้านร่างกาย สติปญั ญา อารมณ์ สังคม และคณุ ธรรม มคี ำปฏิญาณ
และกฎ 10 ขอ้ เป็นเครื่องยดึ เหน่ียว และจดั องค์กรการบรหิ ารตามข้อบังคับและนโยบายขององคก์ รผู้บำเพญ็ ประโยชน์แห่งโลก
หลักการ :
เปน็ กระบวนการทำงานเพ่อื ให้เดก็ ผูห้ ญงิ และเยาวสตรี มโี อกาสเทา่ เทยี มกนั ในการพฒั นาตนเองเตม็ ศกั ยภาพ
ทงั้ 6 ด้าน คือ รา่ งกาย อารมณ์ สงั คม สติปญั ญา จิตใจ และคุณธรรม
ขอบข่าย : สมาชกิ ผ้บู ำเพ็ญประโยชน์เรยี กวา่ เยาวสมาชกิ มที ั้งหมด 4 รุน่ คอื
รนุ่ ท่ี 1 นกนอ้ ย ได้แก่ เด็กหญิงอายปุ ระมาณ 4-6 ปี (อนบุ าล 1-3)
รนุ่ ที่ 2 นกสฟี า้ ไดแ้ ก่ เดก็ หญงิ อายปุ ระมาณ 7-11 ปี (ป.1 - ป.6)
รนุ่ ท่ี 3 ผบู้ ำเพญ็ ประโยชนร์ ุ่นกลาง ได้แก่ เยาวสตรีอายปุ ระมาณ 12-15 ปี (ม.1 - ม.3)
รนุ่ ที่ 4 ผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์รนุ่ ใหญ่ ได้แก่ เยาวสตรอี ายปุ ระมาณ 16-20 ปี (ม.4 - ม.6 หรือสูงกวา่ นน้ั )
สรปุ เน้อื หาสอบครูผชู้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 94
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหนง่ ครผู ูช้ ่วย สรปุ ยอ่ อยา่ งละเอียด เร่ือง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
(2.4) กิจกรรมนักศึกษาวิชาทหาร
มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมรี ะเบยี บวนิ ยั เชอื่ ฟงั และปฏบิ ตั ติ ามคาํ สงั่ ปฏิบตั ติ นอยู่ในกรอบของประเพณีและวัฒนธรรมท่ีดี
และมีสขุ ภาพ และพลานามัยทีแ่ ข็งแรง
หลกั การ :
1) เปน็ กิจกรรมทเ่ี กดิ ขึน้ ตามความสมัครใจของผเู้ รียนเอง
2) เป็นกิจกรรมทผ่ี ู้เรยี นตระหนักวา่ ตนเองเปน็ สว่ นหน่ึงของชาตจิ ึงตอ้ งมีความรกั ความหวงแหน
สามารถที่จะเสียสละ และอุทิศชีวิตใหก้ บั ชาติโดยไม่หวงั ส่งิ ตอบแทนแต่อยา่ งใด
3) ผเู้ รยี นมีความรูแ้ ละประสบการณ์ในวิชาทหารที่เหมาะสม มที ัศนคตทิ ีด่ ี เชอื่ มั่นศรทั ธาในกองทพั
และพรอ้ มที่จะรับใช้ชาตใิ นฐานกำลังพลสำรองทมี่ คี ุณภาพของกองทัพเมื่อสำเร็จการฝึกด้วยความเต็มใจ
4) เปน็ ส่อื กลางการสร้างความเข้าใจอนั ดีระหว่างทหารกบั ประชาชน รวมทัง้ เปน็ แบบอย่างที่ดแี ก่
เยาวชนในสังคม โดยเฉพาะรณรงคเ์ พ่ือปอ้ งกนั และต่อต้านยาเสพติด
ขอบขา่ ย :
นศท.ชนั้ ปที ่ี 1 และ 2
ศึกษาวิชาทหารเบอ้ื งตน้ ระดบั ลูกแถว มีระเบยี บวนิ ยั เสรมิ สร้างลกั ษณะนสิ ัย ใชอ้ าวุธประจำกาย และยงิ ไดผ้ ล
นศท.ชนั้ ปที ี่ 3
ศกึ ษาวิชาทหารในระดบั บงั คบั หมู่ รองผูบ้ งั คบั หมวดและผบู้ งั คบั หมวด พร้อมบงั คบั บญั ชาหนว่ ยในการรบทง้ั ในและนอกเครอ่ื งแบบ
(2.5) กจิ กรรมชุมนมุ ชมรม
กจิ กรรมท่สี ถานศึกษาสนับสนุนให้นักเรียนรวมกลมุ่ จัดข้ึนตามความสนใจ ความถนัด ความสามารถ เพ่ือเติมเต็ม
ศักยภาพของผเู้ รียนตามเจตนารมณข์ องหลกั สูตรแกนกลางฯ
หลกั การ :
1. เกิดจากการสรา้ งสรรค์และออกแบบกจิ กรรมของผ้เู รียนตามความสมคั รใจ
2. ผ้เู รยี นรว่ มกันทำงานเปน็ ทมี ช่วยกนั คิด ทำ และแกป้ ัญหา
3. สง่ เสริมและพัฒนาศักยภาพของผ้เู รยี น
4. เหมาะสมกบั วัยและวฒุ ภิ าวะของผเู้ รยี น บรบิ ทของสถานศกึ ษาและทอ้ งถ่ิน
ขอบข่าย :
1. เกื้อกูล ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ 8 กล่มุ สาระ ฯ ให้กวา้ งขวางลกึ ซง้ึ
2. จดั ตามความสนใจของผู้เรียน
3. จัดไดท้ ้ังในและนอกสถานศกึ ษา และในและนอกเวลาเรยี น
ควรรู้ :
ชุมนุม ➢ รวมกลุ่มตามความสนใจ ความถนดั ในเรือ่ งเดียวกนั
ชมรม ➢ มีความมงุ่ หมายอยา่ งใดอย่างหน่งึ ร่วมกนั
สรุปเน้ือหาสอบครผู ้ชู ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 95
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหน่งครผู ชู้ ว่ ย สรุปย่ออย่างละเอียด เร่อื ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
สง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นบําเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชนต์ ่อสงั คม ชมุ ชน และท้องถ่ิน ตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร
เพือ่ แสดงถึงความรับผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสียสละตอ่ สังคม มีจติ สาธารณะ
หลักการ : ส่งเสริมให้ผู้เรยี นพฒั นาตนเองตามธรรมชาติและเต็มศกั ยภาพ ลักษณะกจิ กรรม คอื
คำนงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล และพฒั นาการทางสมอง เน้นให้ความสําคญั
ท้ังความรแู้ ละคณุ ธรรมจรยิ ธรรม จัดกิจกรรมโดยผ้เู รยี นออกแบบกจิ กรรม 1) สมคั รใจ
2) ทำเพอื่ ผูอ้ นื่ และสังคม
3) คดิ และออกแบบเอง
ขอบข่าย : จัดกิจกรรมในลกั ษณะกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ อาสาพฒั นา หรือสรา้ งสรรค์สังคม โดยผ้เู รียน
ดาํ เนนิ การเองแบบอาสาสมคั ร เพ่อื แสดงถงึ ความรับผดิ ชอบ ดงี าม เสียสละตอ่ สงั คม และมีจติ สาธารณะ
การจดั กจิ กรรม : เรามักไดย้ ินคำว่า อตั มโนทศั น์ ในการพฒั นา
➢ในโรงเรยี น กจิ กรรมวิถีชวี ติ เพือ่ ปลูกฝงั จิตสำนกึ ผู้เรียน ซงึ่ หมายถงึ เจตคติ ความรู้ และยอมรบั
➢นอกโรงเรยี น กจิ กรรมอาสาสมัครเพือ่ สังคม ของบคุ คลทีม่ ตี อ่ ตนเอง การเหน็ คุณค่าตนเอง
และจะสะทอ้ นให้เห็นวา่ ตนเองมองคนอื่นอย่างไร
แนวการจดั กจิ กรรม :
สำรวจ ศึกษาปัญหา วเิ คราะห์สาเหตุ วางแผนออกแบบกจิ กรรม
ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามแผน แลกเปลยี่ นเรียนรู้
ระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน ขอ้ สอบ : ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วกบั กระบวนการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียน ?
ความหมาย : การสง่ เสริม ป้องกัน ชว่ ยเหลอื แกไ้ ขปัญหาโดยวิธกี ารและเครอ่ื งมือสำหรับครูทป่ี รกึ ษาและ
บคุ ลากรที่เก่ียวข้อง เพอื่ ใช้ดำเนนิ งานพัฒนานักเรยี นให้เป็นคนดี คนเก่ง ปลอดภัยจากสารเสพติด และมคี วามสุข
วัตถุประสงค์ :
1) เพอ่ื ให้การดำเนินงานดูแลชว่ ยเหลือนักเรียนของโรงเรยี นเปน็ ไปอย่างมรี ะบบและมีประสิทธภิ าพ
2) เพอ่ื ให้โรงเรียน ผู้ปกครอง หนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้อง หรอื ชมุ ชนทำงานร่วมกันผ่านกระบวนการ
ทำงานอยา่ งมีระบบ
กระบวนการดำเนินงานระบบการดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น มอี งค์ประกอบสำคัญ 5 ประการ คอื
1. การรู้จกั นกั เรยี นเป็นรายบุคคล 4. การปอ้ งกันและแก้ไขปญั หา
2. การคัดกรองนักเรยี น 5. การส่งตอ่ ☺ รู้ – คดั – ส่ง – แก้ - ต่อ
3. การส่งเสรมิ นักเรยี น
คณะทำงานระบบดแู ลช่วยเหลอื นักเรียน ขอ้ สอบ : ขอ้ ใดหมายถงึ ทีมทำ ?
ทีมนำ คอื ผูอ้ ำนวยการสถานศกึ ษา (ประชุมอย่างน้อยภาคเรยี นละ 1 ครง้ั )
ทีมประสาน คือ รองผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษา (ประชมุ อย่างน้อยเดอื นละ 1 ครั้ง)
ทีมทำ คือ หัวหนา้ ระดบั ชน้ั (ประชุมอยา่ งน้อยสปั ดาห์ละ 1 ครั้ง)
สรปุ เนื้อหาสอบครผู ู้ชว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 96
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหน่งครผู ู้ชว่ ย สรปุ ย่ออย่างละเอยี ด เรอ่ื ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การรู้จกั นักเรียนเป็นรายบคุ คล
➢ ชว่ ยใหค้ รทู ป่ี รึกษาเข้าใจนักเรยี นมากข้นึ ได้ข้อมูลเชิงประจกั ษเ์ พอ่ื ส่งเสรมิ ปอ้ งกนั แก้ปัญหา
✓การจดั ทำระเบียนสะสม ปพ.8
✓บันทึกขอ้ มลู สุขภาพ
✓การสงั เกตพฤตกิ รรมอน่ื ๆ
✓การสมั ภาษณ์นักเรยี น
✓การเยี่ยมบ้าน
✓การประเมินพฤตกิ รรมนักเรียน (SDQ) ขอ้ สอบ : ถามวา่ ใครควรได้รับการช่วยเหลอื เป็นอันดบั แรก
การคัดกรองนักเรยี น
➢ พจิ ารณาขอ้ มูลทเี่ กย่ี วกับตัวนักเรียนเพอ่ื จัดกลมุ่ นกั เรยี น ดงั น้ี
✓กลมุ่ ปกติ : สมควรได้รับการสรา้ งภูมคิ มุ้ กนั และพฒั นา
✓กลุ่มเสี่ยง : ให้การป้องกนั หรอื แก้ไขตามกรณี
✓กลุ่มมีปัญหา : ต้องแกป้ ญั หาและชว่ ยเหลือเรง่ ดว่ น
✓กลมุ่ พเิ ศษ : ใหก้ ารสง่ เสริม พฒั นาศกั ยภาพตามความสามารถพิเศษจนถึงขนั้ สูงสดุ
การส่งเสริมนกั เรียน
นกั เรยี นในกลุ่มปกติ หรือกลุ่มเสี่ยง มปี ญั หาที่แก้ไขแล้วโดย
✓จัดกจิ กรรมโฮมรูม
✓ประชมุ ผู้ปกครองชั้นเรยี น (Classroom Meeting)
✓การจดั กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งทกั ษะการดำรงชวี ิต
✓กจิ กรรมเพือ่ นท่ีปรึกษา (YC : Youth Counseior)
✓กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
การป้องกันและแกไ้ ขปญั หา
✓การให้คำปรึกษาเบ้ืองต้น
✓กิจกรรมเพอื่ ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหา เช่น ซอ่ มเสรมิ เพื่อนชว่ ยเพ่อื น ฯลฯ
✓การจดั กจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร เช่น กิจกรรมวนั ภาษาไทย
✓การประสานงานกบั ชุมชน เช่น โครงการนกั เรียนเยี่ยมเรือนจำ ตรวจปสั สาวะนกั เรยี น เปน็ ตน้
การสง่ ตอ่ ขอ้ สอบ : บุคคลใดเกยี่ วข้องกับการสง่ ต่อภายนอก ?
✓ปัญหาบางกรณีท่ีแก้ไขชว่ ยเหลือยาก หรอื ช่วยเหลือแลว้ ไม่ดีขนึ้ ก็จัดการสง่ ตอ่ โดยแบ่งเป็น
1) สง่ ต่อภายใน : ครปู กครอง (ปัญหาระเบียบวินยั ) ครแู นะแนว (ทุนการศกึ ษา,ช่วยเบื้องตน้ ) ครพู ยาบาล (สขุ ภาพ)
2) สง่ ตอ่ ภายนอก : นกั จติ วทิ ยา นกั สงั คมสงเคราะห์ จติ แพทย์
สรุปเน้ือหาสอบครูผชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 97
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหน่งครผู ชู้ ่วย สรุปย่ออย่างละเอยี ด เรื่อง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
เร่ือง การบริหารจัดการชนั้ เรยี น
5
การบรหิ ารจดั การช้ันเรียน ประกอบด้วย
(1) การบริหารจัดการช้ันเรียน
(2) การจัดการชัน้ เรยี นเพือ่ ส่งเสรมิ บรรยากาศการเรยี นรู้
(3) บรรยากาศที่พึงปรารถนาในชัน้ เรียน
(4) ประเภทของบรรยากาศในช้นั เรียน
(5) เทคนคิ การปกครองช้นั เรยี น
เขา้ สเู่ น้อื หาในเรอื่ งท่ี 5 อย่าเพงิ่ ทอ้ กันนะครบั
อยา่ งน้อยกม็ าถึงคร่ึงทางแลว้ ความพยายามไม่เคยทรยศใคร
สู้ ๆ ครบั
☺
สรุปเนื้อหาสอบครผู ู้ชว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 98
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหน่งครูผ้ชู ว่ ย สรปุ ย่ออย่างละเอยี ด เรอ่ื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การบรหิ ารจดั การช้ันเรยี น (ClassroomManagement) ขอ้ สอบ : การบรหิ ารจัดการชัน้ เรยี น หมายถงึ อะไร ?
ความหมาย : การจดั บรรยากาศการเรียนรู้ จัดทำขอ้ มูลสารสนเทศและเอกสารประจำชนั้ เรยี น ประจำวชิ า
การกำกบั ดูแลช้นั เรยี นรายช้นั รายวชิ า เพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้อยา่ งมีความสขุ และความปลอดภยั ของผู้เรยี น
ความสำคญั : ข้อสอบ : การบรหิ ารจดั การชัน้ เรยี น สำคญั อย่างไร ?
ช่วยส่งเสรมิ และสร้างเสริมผู้เรยี นในด้านสตปิ ัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคมไดเ้ ป็นอยา่ งดี ทำให้ผเู้ รยี น
เรียนดว้ ยความสขุ รักการเรียน และเป็นคนใฝเ่ รียนรูใ้ นทส่ี ดุ
เป้าหมาย :
ชว่ ยใหน้ ักเรียนพัฒนาในการควบคุมตนเอง เพ่ือใหม้ ีชวี ิต และทำงานร่วมกับผ้อู ่นื ในสังคมได้อย่างมีความสขุ
หลักการบรหิ ารจดั การชนั้ เรียน ข้อสอบ : เคยออกข้อสอบ
(1) ชนั้ เรยี นควรมสี นั ทนี่ า่ ดูสบายตา อากาศถา่ ยเท แสงสว่างเพยี งพอ
ไมม่ เี สยี งรบกวน อากาศไมเ่ ปน็ พษิ มีไมด้ อกไมป้ ระดบั และขนาดกวา้ งขวางเพยี งพอ
(2) สะอาดถูกสขุ ลกั ษณะ เปน็ ระเบียบ น่าอยู่ มบี รรยากาศและสง่ิ แวดลอ้ มคลา้ ยคลงึ กบั ชวี ติ ในบา้ นของผู้เรียน
(3) ส่งิ ทอ่ี ยู่ในชั้นเรียน เช่น โต๊ะ เก้ี มมุ หนังสอื ให้สามารถเคล่อื นไหว เคลอ่ื นทไี่ ด้ สามารถดัดแปลงช้ันเรยี นให้
เอ้ือตอ่ การสอนและกิจกรรมประเภทตา่ ง ๆ ได้
(4) นกั รียนเรียนรูใ้ นช้ันเรยี นอยา่ งมคี วามสขุ อิสระ เสรภี าพในการเรยี นรู้ และมวี ินัยในการดูแลตนเอง และอยู่
ร่วมกับผ้อู ื่น ปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งครูและนกั เรียนเป็นไปด้วยดี
(5) จัดมุมหนังสอื มุมประสบการณ์ สื่อการสอนบางประเภทให้เพยี งพอ
(6) ชน้ั เรียนทดี่ ไี มจ่ ำกัดเฉพาะในห้องเท่าน้ัน แต่ยังมีช้ันเรยี นเปดิ แบบธรรมชาติ
(7) ควรเตรยี มพรอ้ มตอ่ การสอนแตล่ ะครัง้
(8) ควบคมุ อารมณ์ ความรูส้ ึกของตนใหด้ ี
(9) เปลย่ี นแปลงส่ิงแวดล้อม เนอื้ หา กระบวนการเรียนตามเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ เสมอ
การจดั การช้นั เรียนเพื่อส่งเสรมิ บรรยากาศการเรยี นรู้ ข้อสอบ : เคยออกข้อสอบเกย่ี วกบั บรรยากาศทที่ ้าทาย อสิ ระ และควบคุม
บรรยากาศท่ีพึงปรารถนาในช้นั เรียน
1) บรรยากาศทีท่ า้ ทาย (Challenge)
ครกู ระตุน้ ใหก้ ำลังใจ เพอ่ื ให้ทำงานสำเร็จ นกั เรียนเชอื่ ม่นั ในตนเองและพยายามทำให้สำเร็จ
2) บรรยากาศท่ีมีอิสระ (Freedom)
นักเรียนมโี อกาสตัดสนิ ใจเลอื กสง่ิ ท่ีมคี วามหมายและคุณค่า โอกาสจะทำผดิ ไม่กลวั และกังวล
3) บรรยากาศที่มีการยอมรับนับถือ (Respect)
ครรู ้สู ึกว่านกั เรยี นสำคญั มคี ณุ คา่ และเรยี นได้ สง่ ผลให้นกั เรียนเช่ือม่นั และนบั ถือตนเอง
4) บรรยากาศท่ีมคี วามอบอ่นุ (Warmth) บ ศ ้ จต จ
ครเู ข้าใจนักเรยี น เปน็ มติ ร ช่วยเหลอื นกั เรียนอบอุน่ รักครู รักโรงเรียน และ รักการมาเรยี น
5) บรรยากาศแห่งการควบคุม (Control)
ฝึกให้มรี ะเบยี บวนิ ัย ครูมเี ทคนคิ ปกครองชนั้ เรยี น และฝึกใหน้ ักเรยี นรจู้ กั ใช้สิทธหิ นา้ ทอ่ี ย่างมขี อบเขต
6) บรรยากาศแห่งความสำเร็จ (Success)
ผูเ้ รยี นรสู้ ึกสำเร็จในงานท่ีทำ ผูเ้ รยี นเรยี นรู้ไดด้ ขี น้ึ ผูส้ อนพดู ถึงส่งิ ทผี่ ูเ้ รยี นสำเรจ็ มากกวา่ พูดถึงความล้มเหลว
สรุปเน้ือหาสอบครูผชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 99
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหน่งครูผชู้ ว่ ย สรุปย่ออย่างละเอียด เร่อื ง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ประเภทของบรรยากาศในช้ันเรียน มี 2 ประเภท คือ
1) บรรยากาศทางกายภาพ ข้อสอบ : บรรยากาศในชั้นเรียนมีก่ปี ระเภท อะไรบ้าง ?
2) บรรยากาศทางจติ วทิ ยา
1) บรรยากาศทางกายภาพ หรอื บรรยากาศด้านวัตถุ (PhysicalAtmosphere)
ความหมาย : จดั สภาพแวดล้อมในหอ้ งเรียนเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย มีสงิ่ อำนวยความสะดวก
โต๊ะและเกา้ อี้เรยี น ✓มีชอ่ งว่างระหว่างแถวลุกนั่งไดส้ ะดวก
✓ขนาดเหมาะสมกับรูปรา่ งและวยั
✓ทำความสะอาดและเปลยี่ นรูปแบบที่นง่ั งา่ ย ✓รูปแบบไมจ่ ำเจ Ex.รูปตวั T,U
✓ทีน่ ั่งทกุ จุดอ่านกระดานดำได้ชัดเจน
✓แถวหน้าห่างจากกระดานดำ ไมน่ ้อยกว่า 3 ม. ข้อสอบ : เร่อื งกระดานดำ การจัดทนี่ ่ัง มักออกขอ้ สอบ
โตะ๊ ครู ขอ้ สอบ : ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกีย่ วกับการจดั โต๊ะครู ?
✓ อยู่ในจดุ ทเี่ หมาะสม ข้นึ อยู่กับทน่ี ั่งนักเรยี น
✓ เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย
ป้ายนิเทศ
✓ ตกแต่งออกแบบให้สวยงาม นา่ สนใจ ทันสมยั อยู่เสมอ
✓ เนอ้ื หาสอดคล้องกับบทเรียน
✓ ตดิ ทีผ่ นงั ห้องเรียน หรอื สองขา้ งกระดานดำ
✓ แสดงความกา้ วหนา้ และผลงานของนกั เรียน
สภาพห้องเรียนทีถ่ กู สุขลักษณะ
✓ อากาศถ่ายเท หน้าต่างเพียงพอ และประตูเขา้ ออกสะดวก
✓ แสงสวา่ งพอเหมาะ และสะอาด
✓ ปราศจากส่ิงรบกวน เช่น เสียง กลิน่ ควนั ฝน ฯลฯ
2) บรรยากาศทางจติ วิทยา (PhychologicalAtmosphere)
ความหมาย : บรรยากาศดา้ นจติ ใจทน่ี กั เรียนสบายใจ อบอนุ่ เปน็ กนั เอง
มคี วามสมั พนั ธ์อนั ดี และรักศรัทธาต่อครูผูส้ อน ดังนี้ ขอ้ สอบ : บุคคลในขอ้ ใดมสี ว่ นสำคัญทำให้เกิดบรรยากาศทางจิตวิทยา ?
ครู มีความสำคัญทำใหเ้ กดิ ความรู้สึกทางจิตวิทยา ดงั นี้
✓บุคลกิ ภาพ
✓เทคนิคการปกครองชน้ั เรียน บรรยากาศทางจติ วทิ ยา
✓พฤติกรรมการสอน ขนึ้ อยู่กบั ‘คร’ู เป็นสำคัญ
✓ปฏสิ ัมพันธ์ในห้องเรียน
สรุปเน้อื หาสอบครูผชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 100
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย สรปุ ย่ออย่างละเอยี ด เรอ่ื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ครปู ระเภทที่ 1 ็ บ ศ ้ ู้ ขอ้ สอบ : เคยออกขอ้ สอบ
ครูประเภทนีจ้ ะสร้างบรรยากาศแบบประชาธปิ ไตย นกั เรยี นรู้สึกสบายใจในการเรียน
ถ้าครูแสดงความเปน็ มิตร นกั เรยี นจะอบอุ่นใจ
ถ้าครูย้ิมแยม้ นกั เรียนจะแจม่ ใส
ถ้าครูมีอารมณ์ขัน นกั เรยี นจะเรียนสนกุ
ถา้ ครูกระตอื รือร้น นกั เรียนจะกระปรีก้ ระเปร่า
ถา้ ครูมนี ้ำเสียงนุ่มนวล นักเรยี นจะสภุ าพอ่อนน้อม
ถา้ ครูแต่งตวั เรยี บร้อย นักเรียนจะเคารพ
ถา้ ครูให้ความเมตตาปรานี นักเรยี นจะมจี ิตใจออ่ นโยน
ถา้ ครูใหค้ วามยตุ ธิ รรม นกั เรียนจะศรทั ธา
ครปู ระเภทที่ 2 ็ บ ศ ้ ู้ ขอ้ สอบ : เคยออกขอ้ สอบ
ครูประเภทนสี้ รา้ งบรรยากาศแบบเผด็จการ นักเรียนขาดลกั ษณะการเป็นผ้นู ำ ขาดความคดิ สร้างสรรค์
ถ้าครูเขม้ งวด นกั เรียนจะหงุดหงดิ
ถา้ ครูหนา้ นว่ิ ควิ้ ขมวด นักเรยี นจะรูส้ กึ เครียด
ถา้ ครูฉุนเฉียว นกั เรยี นจะอึดอดั
ถ้าครูปนั้ ปึง่ นักเรยี นจะกลวั
ถา้ ครูแต่งกายไมเ่ รยี บร้อย นกั เรียนจะขาดความเคารพ
ถา้ ครูใชน้ ำ้ เสยี งดุดัน นกั เรียนจะหวาดกลัว
ครปู ระเภทที่ 3 ็ บ ศ ้ ู้ ขอ้ สอบ : เคยออกขอ้ สอบ
ครูประเภทนสี้ ร้างบรรยากาศแบบตามสบาย ครูไม่สามารถควบคุมชน้ั เรียนให้สงบเรยี บรอ้ ยได้
ถา้ ครูทอ้ ถอย นกั เรียนจะท้อแท้
ถ้าครูเฉยเมย นกั เรียนจะเฉอ่ื ยชา
ถ้าครูเช่ืองช้า นกั เรยี นจะหงอยเหงา
ถ้าครูใชน้ ้ำเสยี งราบเรียบ นักเรยี นจะไม่สนใจฟัง
ถ้าครูปล่อยปละละเลย นักเรียนจะขาดระเบยี บวนิ ยั
ถ้าครูแตง่ กายไมเ่ รียบรอ้ ย นักเรียนจะขาดความเคารพ
การจดั บรรยากาศทางดา้ นจิตวทิ ยา ขอ้ สอบ : การจัดบรรยากาศทางจิตวิทยา จัดเพอื่ อะไร ?
ม่งุ สง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นเกดิ ความรูส้ กึ ทด่ี ตี อ่ การเรยี นการสอน และเกดิ ความศรัทธาในครูผูส้ อน
ดงั น้ัน ครูผูส้ อนจึงควรตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างบรรยากาศทางจิตวิทยา
สรปุ เนอ้ื หาสอบครผู ู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 101
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย สรปุ ย่ออย่างละเอียด เร่ือง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
เทคนคิ การปกครองชน้ั เรยี น ขอ้ สอบ : เคยออกขอ้ สอบ
✓หลักประชาธปิ ไตย
ใหค้ วามสําคัญตอ่ นกั เรียนเท่าเทียมกัน เสมอภาค อสิ ระ นักเรียนปฏิบัตติ ามสทิ ธิหนา้ ที่
✓หลกั ความยตุ ิธรรม
ปกครองโดยใชห้ ลกั ความยตุ ิธรรมแกน่ ักเรียนทกุ คนโดยทั่วถึง
✓หลักพรหมวิหาร 4 ขอ้ สอบ : เคยออกขอ้ สอบ
เมตตา หมายถึง ปรารถนาท่ีจะให้ผ้อู ืน่ เป็นสขุ
กรณุ า หมายถึง คดิ จะชว่ ยให้ผู้อ่ืนพน้ ทุกข์
มทุ ติ า หมายถึง ยินดีเม่อื ผอู้ นื่ ได้ลาภยศ สขุ สรรเสริญ
อเุ บกขา หมายถงึ วางตวั เป็นกลาง
✓หลกั ความใกลช้ ิด ข้อสอบ : การจดจำชือ่ นกั เรยี นได้ เป็นหลักการปกครองช้นั เรียนแบบใด ? (ใกลช้ ดิ )
ครูแสดงความเอาใจใส่ ความสนใจ ให้ความใกลช้ ดิ กับนกั เรียน
ปฏิสมั พันธใ์ นห้องเรียน (Interaction)
หมายถึง ความสมั พนั ธท์ างสงั คมระหวา่ งบคุ คล 2 บุคคล 2 ฝ่าย ต่างฝ่ายมีอิทธิพลต่อกัน ดงั น้ี
✓ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างครูกบั นกั เรยี น
✓ปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างนักเรยี นกบั นกั เรยี น
✓ปฏิสัมพนั ธ์ทางวาจา
การบรหิ ารจัดการชน้ั เรยี นแบบคละชั้น
นำมาใช้จัดการเรยี นรูเ้ พอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธิภาพการบริหารจัดการการศึกษาของโรงเรยี นขนาดเลก็ เร่ิมในโรงเรียนต้นแบบ
จำนวน 800 แหง่ ปกี ารศกึ ษา 2551
ความหมาย
เปน็ การดำเนนิ การจัดชนั้ เรยี นท่ีนำนกั เรยี นตา่ งชนั้ ตา่ งกลมุ่ อายุ และต่างความสามารถมาเรยี นรู้พรอ้ มกนั
ในหอ้ งเดยี ว โดยมคี รูคนเดยี วจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ การเรยี นรูเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ
แนวคดิ
(1) เสรมิ สรา้ งปฏสิ มั พนั ธ์ในการเรยี นรู้รว่ มกนั
(2) จดั การเรียนรู้เตม็ ตามศกั ยภาพ
(3) จดั กลมุ่ เดก็ ทีม่ ีพฒั นาการและความสามารถในการเรยี นรูใ้ กลเ้ คยี งกันไว้ดว้ ยกัน
(4) จัดประสบการณ์ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ดว้ ยตนเองและเรยี นรูจ้ ากผู้อนื่
สรุปเน้อื หาสอบครผู ู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 102
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหนง่ ครูผู้ชว่ ย สรปุ ยอ่ อย่างละเอียด เรอ่ื ง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
เรือ่ ง การวจิ ัยทางการศึกษา
6
การวจิ ยั ทางการศึกษา ประกอบด้วย
(1) ความรู้เบอ้ื งตน้ เกย่ี วกับการวิจยั
(2) การหาคุณภาพของเครอื่ งมือวจิ ัย
(3) สถติ ิที่ใชใ้ นการวจิ ยั
(4) การเขียนรายงานวจิ ยั
(5) การวิจัยในช้ันเรยี น
ถ้าโลกน้มี ันง่ายไปเสียทุกอยา่ ง
ชีวิตเราคงขาดสสี นั น่าดู
เขา้ สเู่ ร่ืองที่ 6 การวิจัยทางการศกึ ษา สู้เขา้ ไวน้ ะครบั
☺
สรุปเนื้อหาสอบครผู ชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 103
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย สรปุ ย่ออยา่ งละเอยี ด เรือ่ ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การวิจยั ทางการศึกษา (Research)
ความหมาย : Re – ทำอีกครงั้ / Search – คน้ ควา้ ขอ้ สอบ : เคยออกข้อสอบ
มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วชิ าชพี พ.ศ.2556 ให้ความหมายไว้ว่า กระบวนการแสดงหาความรู้
อยา่ งเปน็ ระบบโดยใชห้ ลกั และวธิ ที างวิทยาศาสตร์
สรปุ วา่ การวจิ ัยหมายถงึ กระบวนการคน้ หาความรู้ ขอ้ เทจ็ จรงิ อยา่ งมรี ะเบยี บ มกี ฎเกณฑใ์ นการรวบรวม
ข้อมูล วเิ คราะหแ์ ละแปลความขอ้ มูล เพอ่ื แสวงหาคำตอบ
วัตถุประสงค์ของการวิจยั
1) เพ่อื หาคำตอบในสงิ่ ทยี่ ังไม่รู้
2) เพอ่ื ประดษิ ฐ์ หรอื สรา้ งสรรค์สง่ิ ใหม่
3) เพื่อศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหว่างปรากฏการณท์ ีเ่ กดิ ขน้ึ
4) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์ หลักการ แนวคิด ทฤษฎใี หม่
5) เพือ่ เปน็ พื้นฐานในการวางแผน
6) เพ่อื แกป้ ัญหาในสังคม
จุดม่งุ หมายของการวจิ ยั
1) เพื่อการบรรยาย (Description) 3) เพ่ือการทำนาย (Prediction)
2) เพือ่ การอธิบาย (Explanation) 4) เพอ่ื การควบคมุ (Control)
ประเภทของการวจิ ยั ข้นึ อยูก่ บั เกณฑ์ท่ีนำมาใช้แบง่ ดังนี้
แบง่ ตามวัตถุประสงค์
1) การวิจยั แบบสำรวจ (Exploratory studies)
เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ สภาวะทว่ั ไป และนำมาเปน็ พ้นื ฐานกําหนดปญั หา
หรอื ตง้ั สมมติฐาน จงึ เนน้ หลักการคน้ หาแนวคิด และความละเอยี ดลกึ ซ้ึงของที่มาปัญหา
2) การวจิ ัยเชงิ พรรณนา (Descriptive studies)
เพื่ออธิบายหรอื พรรณนาลกั ษณะของบคุ คล สภาวการณ์ กลุม่ คน ปรากฏการณ์
3) การวจิ ยั แบบทดสอบสมมติฐาน (Studies testing causal hypothesis)
เพ่ือทดสอบสมมติฐาน เพ่ือความสัมพันธ์ดา้ นสาเหตแุ ละผลระหวา่ งตัวแปรตา่ ง ๆ
แบง่ ตามวตั ถุประสงค์พ้ืนฐานและกรรมวิธใี นการวจิ ัย
1) การวจิ ยั พน้ื ฐานหรอื การวจิ ยั บริสทุ ธิ์ (Fundamental or pure research)
พัฒนาทฤษฎี จากการคน้ พบข้อสรุป หรือกฎเกณฑ์
2) การวิจัยประยุกต์ (Applied research)
เหมอื นงานวิจัยพน้ื ฐาน แต่วัตถุประสงค์ตา่ งกันท่ีมุง่ แก้ปัญหา และนำผลวจิ ัยไปใช้
3) การวิจยั กริ ยิ า (Action research)
เน้นการนำผลการวิจยั ไปใชไ้ ด้ทันที
สรุปเนอื้ หาสอบครูผชู้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 104
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหน่งครผู ูช้ ว่ ย สรุปยอ่ อยา่ งละเอียด เรื่อง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
แบง่ ตามกรรมวธิ ใี นการวิจยั โดยกรรมวธิ ีเฉพาะ
1) การวจิ ยั เชงิ ประวัตศิ าสตร์ (Historical research)
สอบสวน สืบประวัติ บนั ทกึ วิเคราะห์ และแปลความหมายของเหตกุ ารณใ์ นอดีต
มุ่งคน้ ควา้ หาข้อสรุป ชว่ ยใหเ้ ข้าใจเหตกุ ารณ์ปัจจบุ นั และกําหนดขอบเขตการคาดการณใ์ นอนาคต
2) การวิจยั เชิงพรรณนา (Descriptive research)
อธบิ าย บนั ทึก วิเคราะห์ และแปลความหมายสถานการณท์ ่เี กดิ ข้ึน เปรียบเทยี บ
และค้นหาความสัมพันธร์ ะหว่างตัวแปรท่เี กิดข้นึ
3) การวจิ ัยแบบการทดลอง (Experimental research)
อธบิ ายตวั แปร 2 ตวั วา่ จะตา่ งกันหรอื ไม่ เมอ่ื ตวั หน่ึงถูกควบคุม และอกี ตัวถูกทดลอง
ขน้ั ตอนการวจิ ัย
1) กําหนดหวั ข้อการวิจยั และความเปน็ มาของปัญหา
2) กําหนดวัตถุประสงคข์ องการวิจยั และขอบเขตของการวจิ ยั
3) กําหนดตวั แปรในการวจิ ัย
4) การคน้ คว้าหาความรูจ้ ากเอกสารและงานวิจัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง และการตง้ั สมมติฐานการวจิ ัย
5) กาํ หนดวิธกี ารดำเนนิ งานวิจัย
- ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง - เคร่อื งมือวิจยั
- การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
6) วเิ คราะหข์ อ้ มูล
- การใชส้ ถิตวิ เิ คราะห์ - การแปลผลการวเิ คราะห์
7) สรุปผลวิจยั และเขยี นรายงานวจิ ัย
การกําหนดหรอื ช่อื การวิจยั
1) ปัญหาท่ีเลอื กไม่คลุมเครอื หรือมขี อบเขตกว้างจนเกนิ ไป
2) อาจกาํ หนดเป็นคำถามท่ีต้องการคำตอบแน่นอน หรอื เชิงอธิบาย เปรียบเทียบ
3) กาํ หนดช่อื ใหต้ รงประเดน็ ปัญหา
ความสําคัญของปญั หา
อธิบายช้แี จงความจำเปน็ ท่ีวิจัย หากวิจัยแล้วจะเกดิ ประโยชน์อะไร แกป้ ญั หาอะไร สร้างหรอื พสิ ูจน์
แนวคิดของปรากฏการณ์ใด หรือเกิดผลดตี อ่ เศรษฐกิจและสังคมของประเทศแค่ไหน
วัตถุประสงค์
วตั ถปุ ระสงคก์ ารวิจยั ต้องสอดคล้องกบั หัวขอ้ เร่ืองหรอื ปัญหาการวิจัย และกะทดั รดั ชัดเจน
กรอบทางทฤษฎี
กรอบทางทฤษฎีเสนอแนวทางซึง่ เกีย่ วข้องหรือทีม่ าของปญั หาการวิจยั ควรจะพิจารณาหลายทฤษฎี
สมมติฐานการวิจยั
เป็นขอ้ สนั นษิ ฐาน ข้อสมมติ หรอื คำทำนายปรากฏการณท์ ่ีตงั้ เพื่อทดลอง หาเหตุผล หรือพิสูจน์กับ
ขอ้ เท็จจรงิ ว่าจะเป็นจริงตามท่สี นั นิษฐานหรอื คาดการณไ์ ว้หรือไม่ ข้อสอบ : เคยออกข้อสอบ
สรปุ เน้อื หาสอบครูผูช้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 105
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย สรปุ ยอ่ อย่างละเอยี ด เรอื่ ง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ประเภทสมมตฐิ าน ข้อสอบ : ขอ้ ใดเป็นสมมตฐิ านแบบมที ิศทาง ?
1. สมมตฐิ านทางวจิ ยั (Research hypothesis) กลา่ วถึงความสมั พนั ธ์ระหว่างปรากฏการณ์
เขียนด้วยข้อความ แบง่ ตามลักษณะการเขยี น เป็น 2 แบบ คือ
1.1 สมมตฐิ านแบบมที ิศทาง (Directional hypothesis)
ระบุทิศทางความสมั พนั ธ์ของตัวแปร หรือระบุเชิงเปรยี บเทยี บ เช่น สูงกว่า – ตำ่ กวา่
Ex. นกั เรียนทใ่ี ช้แบบเรียนออนไลนม์ ผี ลการเรียนสูงกวา่ นักเรยี นที่ไม่ได้ใชแ้ บบเรียนออนไลน์
1.2 สมมตฐิ านแบบไมม่ ที ศิ ทาง (No directional hypothesis )
ไมร่ ะบุทิศทางความสมั พันธ์ของตัวแปร หรือการเปรยี บเทยี บ เพยี งระบุความสมั พนั ธต์ ัวแปร
Ex. แบบเรียนออนไลนม์ ีความสมั พันธก์ บั การเรยี นของนกั เรียน
2. สมมตฐิ านทางสถติ ิ (Statistical hypothesis) เปล่ียนรูปมาจากสมมตฐิ านทางวิจยั ในรูปโครงสร้าง
ทางคณิตศาสตร์ ใชส้ ัญลกั ษณ์แทนคุณลักษณะประชากร เรียกว่า ค่าพารามิเตอร์ อธิบายความสัมพันธ์ตัวแปร
หรอื ความแตกตา่ งระหว่างกลมุ่
2.1 สมมตฐิ านเปน็ กลาง (Nul hypothesis)
อาจเรียกสมมตฐิ านศูนย์ หรอื สมมตฐิ านไรค้ วามแตกตา่ ง แทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ H0
ระบุความแตกตา่ งหรอื ไมม่ ีความสัมพันธ์กนั ของพารามิเตอร์
2.2 สมมตฐิ านอนื่ (Alternative hypothesis)
อาจเลอื กสมมติฐานตัวเลอื กหรือสมมติฐานแสดงความแตกต่าง แทนดว้ ยสัญลักษณ์ H1
ระบคุ ่าของพารามิเตอร์ในลักษณะท่เี ป็นส่วนประกอบของ Nul hypothesis ในแง่ทว่ี า่ ถ้า Nul hypothesis
ไม่ถูกต้อง สง่ิ ทค่ี วรจะเปน็ คืออะไร กต็ ้องเขียนในรูปของสมมตฐิ านอ่ืน เขยี นได้ 2 แบบ คือ
2.2.1 สมมตฐิ านแบบไม่มที ิศทาง (No directional alternative hypothesis)
ใช้ในกรณีทผ่ี ู้วจิ ัยไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าว่าทิศทางควรจะไปทางใด
2.2.2 สมมตฐิ านแบบมที ิศทาง (directional alternative hypothesis)
ใช้ในกรณที ีผ่ ูว้ จิ ยั มีแนวความคิด และทศิ ทางท่ีแน่ชดั ว่าจะไปในแนวใด
การทดสอบสมมตฐิ าน (Hypothesistesting)
ทดสอบว่าสมมติฐานท่ีตงั้ ไวน้ ั้นจรงิ หรอื ไม่ สมุ่ ตัวอยา่ งขึ้นมาแลว้ ศึกษาข้อมูลโดยสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาว่าจะ
ยอมรบั (accept) หรอื ปฏเิ สธ (reject) สมมติฐานท่ีกําหนดขนึ้ สถิติทดสอบสมมติฐาน มี 2 แบบ คือ
1) การทดสอบพารามิเตอร์ (parametric test)
ทดสอบท่ีเกยี่ วกบั พารามิเตอร์ของประชากร เช่น ทดสอบ p มากกว่า 50 หรือไม่
2) การทดสอบท่ีไมเ่ ก่ียวกับพารามิเตอร์ (non - parametric test)
ทดสอบทไ่ี มเ่ กย่ี วกบั พารามเิ ตอรข์ องประชากร เชน่ คนละกลมุ่ ประชากรแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
สรุปเนอื้ หาสอบครผู ้ชู ่วย ภาค ข โดย The Teacher 106
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหนง่ ครูผูช้ ่วย สรุปยอ่ อยา่ งละเอยี ด เร่ือง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ตัวแปร (Variables) ข้อสอบ : เคยออกขอ้ สอบ
คณุ ลักษณะหรอื คณุ สมบตั ทิ ่ตี า่ งกันไปของปรากฏการณ์ สิ่งมชี วี ิต ไม่มชี ีวิต หรือเหตกุ ารณ์อาจแสดงให้
เหน็ ความแตกตา่ ง หรือผลกระทบตอ่ กันชัดเจนเม่อื ศกึ ษาวิจยั มี 3 ชนดิ ดงั นี้
1) ตวั แปรอสิ ระหรอื ตวั แปรต้น (Independent variable)
✓คอื ตวั แปรท่มี ีผลกระทบต่อตวั แปรตาม
✓กำหนดเพ่ือทดสอบสมมตฐิ าน
2) ตวั แปรตาม (Dependent variable) คือ
✓ตัวแปรทถี่ กู ผลกระทบจากตัวแปรตน้ หรอื ผลจากตวั แปรตน้
3) ตวั แปรสอดแทรก ตวั แปรเกนิ หรอื ตวั แปรควบคมุ (Intervening variables)
✓เป็นตวั แปรที่สังเกตยาก หรือวัดโดยตรงไมไ่ ด้
✓เป็นตัวแปรอนื่ ๆ ทีม่ ีผลต่อตวั แปรตาม
✓ผ้วู ิจัยไมต่ อ้ งการให้เกิดเหตุการณ์น้นั ขน้ึ
✓ไม่สามารถควบคมุ ได้
✓สอดแทรกเข้ามาระหว่างตัวแปรตน้ กบั ตวั แปรตาม
EX.การศกึ ษาเปรยี บเทยี บผลการสอนวชิ าภาษาไทยโดยใช้ CIPPA Model และการสอนแบบปกติ
ตวั แปรตน้ : วธิ ีการสอน 2 แบบ คอื CIPPA Model และการสอนแบบปกติ
ตวั แปรตาม : ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน
ตวั แปรเกนิ : ระดบั ชั้น, เพศ, อาย,ุ ระดบั สตปิ ญั ญา
ตวั แปรสอดแทรก : ความวติ กกงั วล สงิ่ แวดล้อม
ประชากร
สิ่งที่ต้องการศึกษาค้นคว้าท้งั หมด เช่น คน สตั ว์ สง่ิ ของ ฯลฯ อาจแบ่งเปน็ กลุ่มย่อย
ตามข้อกำหนด เชน่ เพศ อายุ ระดบั การศึกษา ฯลฯ
กลุ่มตวั อย่าง
ตัวแทนของประชากรบางสว่ นที่นำมาศกึ ษาผล การวิจยั กับประชากรข้นึ อยู่กับการเลือกตวั อยา่ ง
วิธีการเลือกกล่มุ ตัวอย่าง (samplingtechniques).
การนำส่วนหนึง่ สว่ นใดของประชากร ออกมาเสมือนว่าเป็นตัวแทน แต่มไิ ดห้ มายความว่ากล่มุ
ตัวอย่างที่นำออกมานั้นเป็นตวั แทน เพียงแต่พจิ ารณาว่าจะเปน็ ตวั แทน ดงั น้ี
1) การเลอื กแบบเปน็ ตวั แทน (probability sampling)
คัดเลือกตัวอยา่ งจำนวนหนึ่ง (n) จากประชากรทั้งหมด (N) โดยมโี อกาสอย่างเท่าเทยี มกัน
2) การเลอื กแบบไมเ่ ปน็ ตวั แทน (non - probability sampling)
ไมเ่ ปดิ โอกาสถกู เลือกแก่ประชากรท้งั หมด และไม่อาจกาํ หนดลักษณะและขอบเขตอนั พึงประสงคไ์ ด้
ประชากร กลุ่มตัวอย่าง
นักเรยี น ม.4/1-ม.4/15 นักเรยี น ม.4/6
รวม 750 คน รวม 50 คน
สรปุ เน้อื หาสอบครูผู้ชว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 107
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย สรปุ ยอ่ อย่างละเอยี ด เรอื่ ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ลักษณะของกลมุ่ ตวั อยา่ งทด่ี ี
1. มีคณุ สมบัติตรงตามจดุ ประสขอ้งคส์ขออบงก:าขรอ้ วใิจดัยเป็นลักษณะของกลุม่ ตวั อย่างท่ดี ี ?
2. เปน็ ตวั แทนทด่ี ขี องประชากร
3. มีจำนวนท่ีเหมาะสม
4. ไดม้ าอยา่ งมีหลกั เกณฑ์หรือปราศจากอคติ
การสุ่มกลุ่มตวั อย่าง ข้อสอบ : เคยออกขอ้ สอบ
หมายถึง กระบวนการที่ทำใหไ้ ด้ตัวอย่างท่ีเป็นตวั แทนทีด่ ขี องประชากร อธบิ ายให้ชัดเจนว่ากลุ่มนน้ั
ได้มาอยา่ งไร โดยอาศัยความน่าจะเป็น
✓สมาชกิ คือ บคุ คลหรอื สง่ิ ทใ่ี ชเ้ ป็นหน่วยในการสุม่ ✓ไมอ่ าศยั ความนา่ จะเปน็ คอื เลอื กคณุ สมบตั ิตรงตามปญั หาการวจิ ัย
✓หนว่ ยการสมุ่ คือ สมาชิกหรอื กลุ่มสมาชิกทีร่ วมในประชากร
✓กรอบการสมุ่ คอื บญั ชีรายชื่อของหนว่ ยการสมุ่ ทงั้ หมด
✓อาศยั ความนา่ จะเปน็ คือ วิธีการทส่ี มาชิกทกุ หน่วยมีโอกาสเป็นกลุ่มตัวอยา่ งเท่ากนั
การเลอื กสุม่ ตวั อย่างโดยใชท้ ฤษฎีความน่าจะเปน็
สมุ่ อย่างง่าย
เปน็ การส่มุ ที่หน่วยตัวอยา่ งในประชากรมโี อกาสสูงเทา่ ๆ กนั เหมาะกบั ประชากรท่ีจำนวนไม่มาก
ผ้วู ิจัยมีความรูเ้ กยี่ วกับประชากรน้อย แบ่งเปน็
1) วธิ จี บั สลาก 2) วิธีใช้ตารางตวั เลขสุม่
สุม่ อยา่ งมีระบบ
เปน็ การสมุ่ ตัวอยา่ งที่ใช้ได้ เหมาะกับประชากรที่ไดจ้ ัดเรยี งลำดบั หน่วยตวั อย่างไวแ้ ลว้ อยา่ งมีระบบ เช่น
เลขทบี่ า้ น เลขท่ีนักเรียน วธิ ที ำเชน่ เลือก 1 หนว่ ย เวน้ 10 หน่วย จนครบ เป็นตน้
สุ่มแบบแบง่ ชนั้
แบ่งประชากรเป็นกลมุ่ ๆ เรียกว่าระดบั ชน้ั (Strata) แลว้ สุ่มตวั อยา่ งจากทกุ ระดับชัน้ จะใชก้ ็ต่อเมอื่
ทราบความแตกตา่ งของประชากรวา่ แบง่ ออกเปน็ กล่มุ ๆ เช่น ระดับการศกึ ษา อาชีพ ฯลฯ
สุ่มแบบแบง่ กลุม่
ทำก็ตอ่ เมอ่ื ประชากรที่ศกึ ษาแบ่งเปน็ กลมุ่ ๆ ได้ โดยแบง่ ประชากรออกเปน็ กลุ่ม (Cluster)
โดยใหภ้ ายในกล่มุ ประกอบด้วยสมาชกิ ทมี่ ีคุณลักษณะต่างกัน ครบถ้วนตามประชากรทต่ี ้องการศกึ ษา
สุม่ แบบหลายข้ันตอน
เปน็ การสุ่มตัวอยา่ งทีม่ จี ำนวนประชากรมาก และผ้วู ิจัยไม่รู้ขอบข่ายแน่นอนของประชากร เชน่
ประชากรทั่วประเทศ ประชากรภาคอสี าน ฯลฯ ทำได้โดยแบง่ เปน็ กล่มุ ใหญ่ และยอ่ ยลงเรื่อย ๆ เช่น
ภาคประกอบดว้ ยจงั หวัด จงั หวัดประกอบด้วยอำเภอ ฯลฯ
ขอ้ สอบ : มกั ใหต้ ัวอยา่ งมาแลว้ ถามวา่ ควรสุ่มวิธีใด
สรุปเนื้อหาสอบครูผู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 108
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหนง่ ครผู ูช้ ่วย สรปุ ยอ่ อย่างละเอียด เร่ือง วชิ าการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
เครื่องมือวิจัย
หมายถึง สิ่งที่ใช้สำหรับวดั คา่ ของตวั แปรการวิจยั หรอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ของตวั แปรการวิจัยทกุ ตัวแปรของปัญหาที่ผู้วิจยั
กำลังทำการวิจยั เพือ่ หาคำตอบ
การเลอื กใชเ้ คร่ืองมือวิจัย ต้องคำนึงถึง ต่อไปนี้
1. ลักษณะประชากรท่ีวิจัย 2. ตัวแปรการวิจัย
3. ลกั ษณะของข้อมูล 4. ระยะเวลาในการวิจัย
บททดสอบ (Test)
คือชุดของคำถามหรือกลมุ่ ของงานใด ๆ ที่สรา้ งขน้ึ มาอยา่ งมีระบบเพ่ือให้แตล่ ะคนแสดงพฤตกิ รรม
หรือตอบสนองออกมาให้เราสังเกตเหน็ และวัดได้ เป็นเครอ่ื งมือท่ีใชว้ ดั ตัวแปรทางด้านความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองตา่ ง ๆ
มี 2 ประเภทคือ
✓แบบอัตนยั (เขยี นตอบ)
✓แบบปรนัย (เตมิ คำ/จับคู่/ถูก-ผิด) ้ ็ ค ื ื จ
การสรา้ งแบบทดสอบ ตอ้ งสอดคลอ้ งกับตวั ชี้วดั หรือผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวงั เรยี กวา่ แบบทดสอบอิงเกณฑ์
แบบสอบถาม
หมายถึง ชดุ ของคำถามท่สี ่งให้ผ้ตู อบหรือกลุม่ ตัวอย่าง ตอบโดยเขยี นหรือเลอื กตอบตามท่ีผวู้ ิจยั กำหนดใหต้ อบ
เป็นเคร่ืองมือทใี่ ชว้ ดั ตัวแปรทางด้านข้อเท็จจรงิ ความคิดเห็น ความเช่อื และเจตคตทิ ผี่ ู้วิจยั จะตอ้ งสรา้ งใหม้ คี ุณภาพเป็นที่
เชือ่ ถอื ได้มี 2 ชนดิ คือ
✓คำถามปลายเปิด เปน็ คำถามทผ่ี ูต้ อบมีอสิ ระในการตอบโดยการเขียนตอบ
✓คำถามปลายปิด เป็นคำถามท่ผี ูถ้ ามได้เตรยี มคำตอบไว้ ไมม่ ีอิสระในการตอบ
แบบสัมภาษณ์
หมายถึง การสนทนาทีม่ ีจดุ มงุ่ หมายใหไ้ ดข้ ้อมูลตามทก่ี ําหนดไว้ลว่ งหนา้ โดยจะมีผูส้ มั ภาษณ์เป็นผตู้ ง้ั คำถาม
และผ้จู ดบนั ทึก และผูถ้ ูกสมั ภาษณจ์ ะเป็นผ้ตู อบ มี 2 ลกั ษณะ ดังนี้
✓การสัมภาษณแ์ บบท่ีมีโครงร่าง เปน็ แบบท่มี คี ำถามกาํ หนดไว้แน่นอน
✓การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงร่าง เป็นการสัมภาษณ์ที่ไม่มคี ำถามกําหนดไว้ลว่ งหน้า
แบบสงั เกต
หมายถึง การเฝ้าดูสิ่งท่ีจะศกึ ษาอย่างเอาใจใส่ ซึง่ ไดก้ าํ หนดไว้อยา่ งมรี ะบบของสงิ่ ที่จะเกิดขนึ้
เพ่อื หาความสมั พันธข์ องสง่ิ ที่เกดิ ข้ึน หรอื หาว่าส่งิ ใดเป็นเหตสุ ่งิ ใดเป็นผล มี 2 ประเภท คอื
✓การสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Participant Observation) คอื การสังเกตทผี่ ูส้ ังเกตเข้าไปใชช้ วี ิตรว่ มกับ
กลมุ่ คนทถี่ ูกศกึ ษา มีการทำกิจกรรมร่วมกัน จนผู้ถกู ศึกษายอมรับว่าผู้สังเกตมีสถานภาพบทบาทเช่นเดยี วกบั ตน ทำให้
ผวู้ ิจยั สนิทสนมกับกลุ่มทจี่ ะศกึ ษา โดยผ้ถู กู สงั เกตไมร่ ูต้ วั ว่าถกู สงั เกต ทำให้ไดข้ ้อมูลทเี่ ปน็ จริง
✓การสงั เกตแบบไม่มีสว่ นรว่ ม (Non-Participant Observation) คือการสังเกตทผี่ ู้เฝ้าสังเกตอยูว่ งนอก
ไม่เข้าไปร่วมในกจิ กรรมที่ทำอยู่ ขอ้ สอบ : ผู้ถูกสงั เกตไม่รู้ตวั ว่าถกู สงั เกต คอื เครอ่ื งมือวจิ ัยชนดิ ใด ?
สรปุ เนื้อหาสอบครผู ู้ชว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 109
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหน่งครผู ู้ช่วย สรปุ ย่ออย่างละเอียด เรอ่ื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การหาคุณภาพของเครือ่ งมอื วจิ ัย
เครือ่ งมอื ในการวิจัยทีด่ ีควรมีคณุ สมบัตอิ ยา่ งนอ้ ย 6 ประการ ดังนี้คือ
1. ความเทย่ี งตรง (Validity) 4. อำนาจจําแนก (Discrimination)
2. ความเช่อื มน่ั (Reliability) 5. ความเป็นปรนัย (Objectivity)
3. ความยากง่าย (Difficulty) 6. ความสะดวกในการใช้ (Usability)
ความเท่ียงตรง (Validity หรือ IOC) ขอ้ สอบ : เคยออกขอ้ สอบ
หมายถึง การท่เี คร่อื งมือสามารถวัดไดต้ รงและครบถว้ นในสิง่ ท่ีต้องการศึกษาหรอื ตรงตามวัตถุประสงค์
การใชเ้ คร่ืองมือในการรวบรวมข้อมูลท่ีมีความเทีย่ งตรงสูงจะทำใหผ้ ้วู ิจยั สามารถวัดในสงิ่ ทตี่ อ้ งการไดอ้ ยา่ งถกู ต้องและครบถว้ น
ตามวัตถุประสงคข์ องการวิจยั แบง่ ได้ดังนี้ คือ
(1) ความเทย่ี งตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) คอื เครื่องมอื หรือขอ้ คำถามแต่ละข้อ สามารถวัดไดต้ รงและ
ครอบคลมุ เนอื้ หาหรอื สาระสำคญั ในสง่ิ ทตี่ อ้ งการ ทำได้ 2 วธิ ี ดงั น้ี
การหาคา่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ ง IOC (Index of Item-Objective Congruence : IOC) โดยผเู้ ชยี่ วชาญ
อย่างน้อย 3 คน หรือมากกว่า ข้อสอบ : การหาคา่ IOC ควรใชผ้ ู้เชีย่ วชาญกี่คน ?
เปน็ ค่าดัชนคี วามสอดคล้องระหว่างข้อคําถามกบั จดุ ประสงค์
∑ เป็นผลรวมของคะแนนจากการพจิ ารณาของผู้เชย่ี วชาญ
IOC = ∑ เปน็ จาํ นวนผ้เู ช่ยี วชาญ
หมายเหตุ
+ 1 หมายถึง มน่ั ใจวา่ ขอ้ สอบมีความสอดคลอ้ งกบั ตัวช้ีวัด
0 หมายถึง ไม่ม่ันใจว่าข้อสอบมีความสอดคลอ้ งกับตัวชวี้ ดั
- 1 หมายถึง มั่นใจวา่ ขอ้ สอบวัดไมม่ คี วามสอดคลอ้ งกบั ตัวชว้ี ัด
คา่ IOC ตง้ั แต่ 0.50-1.00 มีคา่ ความเทีย่ งตรง --ใชไ้ ด้ คา่ IOC ทด่ี ีท่ีสดุ คือ 1.00
ค่า IOC ตำ่ กวา่ 0.50 ต้องปรับปรุง ----ใชไ้ มไ่ ด้
การหาดชั นคี วามตรงตามเนอ้ื หา CVI (Content Validity Index : CVI)
CVI = ∑ , CVI เปน็ ค่าดชั นีความสอดคลอ้ งระหว่างขอ้ คำถามกบั จุดประสงค์
∑ , จำนวนคำถามทผ่ี ู้เชีย่ วชาญทุกคนให้ความคิดเหน็ ในระดบั 3 และ 4
จำนวนคำถามท้ังหมด
ค่า CVI คือ 0.80 ข้ึนไป
หมายเหตุ มาตราสว่ นประเมนิ ค่า 4 ระดับ คือ ไมส่ อดคล้อง ให้ 1 คะแนน
สอดคล้องนอ้ ย ให้ 2 คะแนน
สอดคล้องคอ่ นขา้ งมาก ให้ 3 คะแนน
สอดคลอ้ งมาก ให้ 4 คะแนน
สรุปเนอ้ื หาสอบครผู ชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 110
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหน่งครผู ชู้ ว่ ย สรุปยอ่ อยา่ งละเอยี ด เร่อื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
(2) ความเท่ียงตรงเชงิ โครงสร้าง (Construct Validity) คือ เครื่องมอื สามารถวัดไดค้ รบตามรูปแบบหรอื
โครงสรา้ งหรอื ลักษณะทีค่ วรจะเป็นในเร่ืองท่ีต้องการวดั โครงสร้างในทนี่ หี้ มายถงึ องค์ประกอบของเรื่องที่ตอ้ งการวดั
เชน่ ต้องการวดั สมรรถภาพสมองตามทฤษฎีเชาวน์ปญั ญาของเธอร์สโตน เคร่ืองมอื ที่ใช้จะต้องวัดครบทุกองค์ประกอบตาม
ทฤษฎี จึงจะเรยี กว่าเคร่ืองมือชดุ นี้มคี วามเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง
- การหาคา่ สมั ประสทิ ธส์ิ หสมั พนั ธ์ (Correlation Coefficient)
หาความสมั พันธ์ของแบบทดสอบ 2 ชุดท่ีวดั ในเรอ่ื งเดยี วกัน
- เปรยี บเทยี บกบั กลมุ่ ทมี่ ีลกั ษณะตอ้ งการวดั อยา่ งเดน่ ชดั (Know Group Technique)
เปรยี บเทยี บดว้ ย t-test
- การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบ
(3) ความเท่ยี งตรงเชิงสภาพ (Concurrent Validity) คอื เครอ่ื งมอื หรือข้อคำถามสามารถวัดไดต้ รงหรอื สอดคลอ้ ง
กบั สภาพทเ่ี ปน็ จรงิ
(4) ความเท่ียงตรงเชงิ พยากรณ์ (Predictive Validity) คอื เครื่องมอื หรือข้อคำถามสามารถวัดไดต้ รงกบั สภาพที่
จะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต
ความเชื่อมั่น (Reliability) ข้อสอบ : วดั กคี่ รัง้ ยงั ได้เทา่ เดิม คืออะไร ?
หมายถึง เครอื่ งมอื วดั ได้ผลคงทแี่ นน่ อนเม่อื วดั ซำ้ อกี คือ วัดกีค่ ร้ังก็ได้ค่าเหมอื นเดิม
วธิ กี ารหาความเชื่อม่ัน 4 วิธี คือ
1. วธิ กี ารสอบซำ้ (Test-Retest Method) นำเครือ่ งมือทสี่ รา้ งขนึ้ ไปวัดกับกลมุ่ ตวั อย่างกลุ่มเดียวกันในเวลาทตี่ า่ งกนั
2. วธิ กี ารใชเ้ ครอื่ งมอื คูข่ นาน (Paralel forms Method) นำเครอื่ งมอื 2 ชุด ซ่งึ มลี ักษณะเหมือนกนั คอื วดั เนอ้ื หา
แบบเดยี วกัน ความยากงา่ ย อำนาจจําแนกพอกนั
3. วธิ กี ารแบ่งครง่ึ (Split-Half Method) เก็บข้อมูลเพยี งครัง้ เดียว แล้วจึงแบง่ ผลการวัดออกเป็น 2 สว่ น
อาจแบง่ โดยข้อคู่ – ข้อค่ี หรอื ครง่ึ แรก-ครงึ่ หลัง ก็ได้ แลว้ นำผลท่ีได้ไปหาความเชอื่ มัน่ มหี ลายวิธี คือ แบบใชส้ ูตร
Spearman Brown ,Flanagan และ Rulon การหาค่าความเชอ่ื มนั่ ท่ีดี ยิง่ ใกล้ 1.00
แสดงว่ามีความเชื่อม่นั สูง แต่ไม่ควรต่ำกว่า 0.8
4. การหาคา่ สมั ประสทิ ธแิ์ อลฟา่ คอื การประมาณค่า S
4. วิธกี ารหาความเปน็ เอกพนั ธภ์ ายใน (Internal Consistency Method) เก็บข้อมูลคร้ังเดยี วแล้วหาความเชื่อม่นั ไวเ้ ลย
1) สูตร KUDER-RICHARDSON หรือ KR-20 และ KR-21 ขอ้ สอบ : KR20 คอื อะไร ?
สูตร KR-20, KR-21 จะใชก้ บั ขอ้ สอบทีต่ อบถกู ได้ 1 คะแนน และตอบผดิ ได้ 0 คะแนน การใช้สูตร KR-20
อาศัยความยากงา่ ยของขอ้ สอบ โดยจะตอ้ งหาผลรวมของผลคูณสัดสว่ นผ้ตู อบถกู และผิดแต่ละขอ้ สว่ นสูตร KIR-21
จะไม่แจกแจงการตอบของผู้เขา้ สอบ แตต่ อ้ งหาคา่ เฉลี่ยและความแปรปรวนของคะแนนทง้ั ชุด
2) สตู รสัมประสิทธิแ์ อลฟา (Coefficient Apha) คิดโดยครอนบาค
เหมาะกับการหาความเช่ือมน่ั ของข้อสอบหรอื แบบวัดท่มี ีคะแนนแตล่ ะขอ้ ไม่เท่ากัน เชน่ ขอ้ สอบแบบความเรยี ง
แบบสอบถามแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ ฯลฯ
สรุปเน้อื หาสอบครูผู้ชว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 111
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย สรุปยอ่ อยา่ งละเอียด เร่ือง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ความยากง่าย (Difficulty)
คอื ขอ้ คำถามมคี วามยากของเนื้อหาท่ีถามพอเหมาะกบั ความสามารถของผตู้ อบ ซึง่ อาจพิจารณาได้จากการที่
ข้อสอบไมย่ ากหรือง่ายเกินกับความสามารถของผ้สู อบ และพจิ ารณาจากการที่ขอ้ คำถามในแบบสอบถามหรือแบบสมั ภาษณ์
ใชภ้ าษาทเี่ ขา้ ใจงา่ ย เหมาะกับผตู้ อบ ข้อสอบ : ค่า P ทเ่ี หมาะสมคอื เท่าใด ?
ระดบั ความยากงา่ ยของคำถาม
✓หากผเู้ รยี นทำไดม้ าก แสดงว่าง่าย
✓หากผเู้ รยี นทำไดน้ อ้ ย แสดงว่ายาก
คา่ P ทใ่ี ชไ้ ดก้ ค็ อื 0.20 - 0.80 คา่ P ทเ่ี หมาะสม คอื 0.50 สูตรทใ่ี ช้ คือ
P = ความยากงา่ ย P=
R = จำนวนผ้เู รียนท่ีตอบคำถามขอ้ น้ันถกู ต้อง ๙
N = จำนวนผเู้ รยี นทัง้ หมด
อำนาจจาํ แนก (Discrimnation)
คือ ความสามารถของเคร่ืองมือแยกคนเก่ง-ไมเ่ กง่ คนทเี่ ห็นดว้ ย-ไมเ่ ห็นดว้ ย คนท่ีรู้-ไม่รู้ ออกจากกัน
ค่าอำนาจจำแนก D หรอื ค่า r มคี า่ ระหว่าง -1.00 ถึง +1.00 มคี วามหมายดังน้ี
D มีคา่ มากกว่า 0.40 ดีมาก D คา่ อำนาจจำแนก
D มีคา่ 0.30 – 0.39 ดี Ru จำนวนนักเรียนท่ีตอบถูกในกล่มุ คะแนนสูง
D มีคา่ 0.20 - 0.29 พอใชไ้ ด้ RL จำนวนนักเรียนที่ตอบถกู ในกลมุ่ คะแนนต่ำ
D มีค่า 0.00 - 0.19 ยังต้องปรับปรุง NH จำนวนนักเรียนทงั้ หมดในกลุ่มคะแนนสูง หรือตำ่
D มีค่าน้อยกวา่ 0.00 ใชไ้ ม่ได้ ต้องตดั ทิ้ง ค่า D มอี ีกชือ่ คอื คา่ (r)
ข้อสอบ : คา่ อำนาจจำแนกทใี่ ช้ไดค้ อื เทา่ ใด ? (ต้ังแต่ .20 ขึ้นไป)
ความเปน็ ปรนยั (Objectivity)
คอื ความชดั เจนของตวั คำถามทีอ่ ยูใ่ นเคร่ืองมอื ชัดเจนในการตรวจให้คะแนน และชัดเจนในการแปลผลการวดั
(1) ความชดั เจนในตวั คำถาม คอื ขอ้ คำถามใช้ภาษาทีช่ ัดเจน เขา้ ใจตรงกัน
(2) ความชดั เจนในการตรวจใหค้ ะแนน คอื สามารถให้คะแนนในแตล่ ะข้อคำถามได้ชัดเจนตรงกนั
(3) ความชดั เจนในการแปลผล คอื สามารถแปลผลการวดั จากแบบวดั นนั้ ๆ ได้อยา่ งชัดเจน
ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency)
คอื มีความสะดวกในการใช้ ความสะดวกและเวลาในการสรา้ ง ความสามารถในการนำเคร่ืองมือไปใช้ใน
สถานการณท์ ่ตี ้องการไดด้ ี คอื ใช้ได้งา่ ย ไมย่ งุ่ ยาก ประหยดั แรงงาน เวลา และค่าใช้จ่าย ตรวจให้คะแนนง่าย-รวดเร็ว
และยงั นำผลการวัดไปใชไ้ ดอ้ ย่างสะดวกด้วย
สรปุ เนื้อหาสอบครผู ูช้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 112
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหน่งครูผ้ชู ว่ ย สรปุ ยอ่ อย่างละเอยี ด เร่ือง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
สถติ ทิ ใี่ ช้ในการวจิ ยั
✓ สถติ พิ รรณนา (descriptive statistics)
ใชย้ อ่ ขอ้ มูล เพอื่ อธบิ ายปรากฏการณแ์ ละตวั แปร เชน่ ค่าเฉลย่ี (mean) มัธยฐาน (median)
พิสัย (range) รอ้ ยละ (percentage) ฯลฯ
✓ สถิติอนุมาน หรอื สถิติอ้างอิง (inferential statistics)
ใช้เพอื่ นำผลสรปุ ทค่ี ำนวณได้จากสมุ่ ตวั อยา่ ง ไปอธบิ ายหรอื สรปุ ลกั ษณะของประชากรทงั้ หมด
วิธที ่ใี ช้ คือ การประมาณคา่ (Estimation) และการทดสอบสมมติฐาน (Hypothesis testing) การวเิ คราะห์ความแปรปรวน
(analysis of variance) การวเิ คราะหค์ วามถดถอยและสหสมั พันธ์ (regression and correlation analysis)
การวัดแนวโนม้ เขา้ สู่สว่ นกลาง
การหาคา่ กลาง หรอื ค่าตัวแทนข้อมูลแต่ละชดุ เพื่อเปน็ ตวั ช้วี ่าข้อมลู มคี ่ามากน้อยเพียงใด ไดแ้ ก่
1) มชั ฌมิ เลขคณติ หรือตวั กลางเลขคณติ (Arithmetic mean)
มกั เรยี กกันวา่ คา่ เฉล่ีย (mean) คำนวณโดยนำนำ้ หนกั ขอ้ มูลรวมกันแลว้ หารจํานวนข้อมูลท้ังหมด
2) มัธยฐาน (Median)
คา่ ท่อี ยูก่ งึ่ กลางของขอ้ มูลแต่ละชุด โดยซกี หนงึ่ มขี ้อมูลทม่ี คี า่ ต่ำและอกี ซีกหนึ่งมีขอ้ มูลที่มคี ่าสูง
EX. การหาคา่ มธั ยฐาน สญั ลกั ษณ์ Med/Mdn
2 4 6 8 10 12 14
ค่ามัธยฐาน คือ 8 เพราะเป็นค่าทอ่ี ยูก่ ่งึ กลาง
3) ฐานนยิ ม (Mode)
ค่าท่ซี ้ำกันมากท่สี ดุ ในจำนวนขอ้ มูลชดุ หนึ่ง
EX. การหาคา่ ฐานนยิ ม สญั ลักษณ์ MO
1494847544
ค่าฐานนิยม คือ 4 เพราะซ้ำกันมากท่สี ดุ
การวัดการกระจาย (Measure of variability) มสี ถติ ทิ ใ่ี ช้อยู่หลายตวั ไดแ้ ก่
1) พสิ ยั (Range)
ความแตกตา่ งระหวา่ งข้อมูลท่ีค่าสูงสดุ กบั ข้อมูลทค่ี า่ ตำ่ สุดของข้อมลู ชดุ หนง่ึ เป็นการวดั อยา่ งหยาบ
Ex. พสิ ยั = คา่ สูงสดุ - คา่ ตำ่ สดุ
เช่น 5 6 8 9 10 15 18 20 25
พิสัย = 25 - 5
= 20
สรุปเนอื้ หาสอบครผู ูช้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 113
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหนง่ ครผู ้ชู ว่ ย สรุปย่ออย่างละเอียด เรอ่ื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
2) คา่ เบย่ี งเบนควอไทล์ (Quartile deviation = Q.D.)
คา่ ครง่ึ หนึง่ ของความแตกต่างระหวา่ งควอไทลท์ ่ี 3 กับ ควอไทล์ที่ 1
คา่ เบี่ยงเบนควอไทล์ (Q.D.) = Q3− Q1
2
Q1 คือคา่ ของการแบ่งขอ้ มูลออกเป็น 1⁄4 หรือ 25%
(หรอื คา่ ของขอ้ มูล ณ ตําแหน่งควอไทล์ที่ 1)
Q3 คอื ค่าของการแบง่ ขอ้ มูลออกเปน็ 3⁄4 หรอื 75%
(หรอื ค่าของขอ้ มูล ณ ตาํ แหน่งควอไทล์ที่ 3)
3) คา่ เบยี่ งเบนเฉลย่ี (Mean deviation= M.D.)
คา่ เฉลย่ี ของค่าเบี่ยงเบนของขอ้ มูลแตล่ ะตัวที่เบยี่ งเบนไปจากค่าเฉล่ยี ของข้อมูลกล่มุ นัน้
4) ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard deviation = S.D.)
รากทีส่ องของคา่ เฉลย่ี ของกำลงั สองของค่าเบ่ียงเบนของข้อมูลแตล่ ะตัว จากค่าเฉลย่ี ของข้อมลู ชุดนน้ั
5) วาเรยี นซ์ (Variance)
วาเรยี นซ์มีค่าความปรวนแปรของข้อมูล คอื เครือ่ งมือวัด การกระจายของข้อมลู
หรือความแปรปรวนของข้อมลู ท่ีมีลักษณะเป็นปรมิ าณ
สหสัมพนั ธ์ (correlation)
การหาความสัมพนั ธ์ระหว่างตัวแปรต้ังแต่ 2 ตวั ข้นึ ไป ว่าสมั พันธ์กนั หรือไม่ และเปน็ ไปใน
ลักษณะใด มากนอ้ ยเพียงใด ตวั ที่จะชีใ้ ห้เห็น เรียกวา่ ค่าสมั ประสิทธ์สิ หสมั พันธ์ (Correlation coefficient)
ลกั ษณะของข้อมลู และการวัด ข้อสอบ : มาตรการวดั ใด ไมม่ ีศูนย์แท้ ?
กาํ หนดสัญลักษณ์ให้กบั คน สัตว์ หรอื สงิ่ ของ ตามเกณฑ์ เรียกว่า มาตรการวดั (Scale) ดงั นี้
(1) มาตรานามบญั ญตั ิ (Nominal Scale) จาํ แนกออกเปน็ พวก สะดวกนบั หรือจำ เช่น ชอ่ื คน สัตว์ ฯลฯ
(2) มาตราเรยี งอนั ดบั (Ordinal Scale) ประเมินเปรยี บเทยี บแล้วจัดอันดบั เชน่ ดี เลว สอบไดท้ ี่ 1,2,3 ฯลฯ
(3) มาตราอนั ตรภาค (Interval Scale) คะแนนในมาตราน้จี ะมีชว่ งคะแนนเท่ากนั เช่น มาตราทใ่ี ช้ใน
เทอร์โมมเิ ตอร์จะมีช่วงของแตล่ ะองศาเท่ากนั เป็นต้น
จุดอ่อนของมาตรานี้ คือ คะแนนชนดิ นจ้ี ะไมม่ ี o (ศูนย)์ ทแี่ ทจ้ รงิ
(4) มาตราอตั ราสว่ น (Ratio Scale) เป็นระดับละเอียดที่สุด นำมาบวก ลบ คูณ หารได้ มชี ว่ งคะแนนเทา่ กนั
และมศี ูนยแ์ ท้ ซึง่ แปลว่า ไม่มีเลย เช่น การวัดสว่ นสูง ความยาว ความกว้าง การชัง่ น้ำหนัก เป็นตน้
☺ จำง่าย ๆ
ระดบั การวดั ตวั อยา่ ง ลกั ษณะทค่ี วรจำ
นามบัญญัติ ช่อื คน สตั ว์ บวก ลบ คูณ หาร ไม่ได้
เรยี งอนั ดับ
สอบไดท้ ่ี 1, 2, 3 บวก ลบ คูณ หาร ไมไ่ ด้/จัดลำดบั ได้
อนั ตรภาค
อุณหภูมิ บวก ลบ คูณ หาร ได/้ จัดลำดบั ได/้ ไม่มีศูนย์แท้
อัตราสว่ น
น้ำหนกั สว่ นสูง บวก ลบ คูณ หาร ได/้ จดั ลำดับได/้ มีศูนยแ์ ท้
สรุปเนอื้ หาสอบครูผูช้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 114
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย สรุปยอ่ อย่างละเอียด เร่ือง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ระดับนยั สำคญั (Levelof signification)
ค่าแสดงความคลาดเคลอ่ื นที่ยอมให้เกดิ ขนึ้ ได้ ท่วั ไปนยิ มใหพ้ ลาดไดแ้ ค่ 1% หรอื 5% เชน่
การทดสอบ 100 ครงั้ ยอมใหพ้ ลาดเพยี ง 1 หรอื 5 ครง้ั หรอื กล่าวไดว้ า่ การทำวิจยั มคี วามเช่อื ม่ันถึง 99% หรือ 95%
หากผลเปน็ ไปตามสมมติฐาน
ใสเ่ ครอ่ื งหมาย * แทนนัยสำคญั ทางสถติ ทิ ่ีระดับ .05
และ ** แทนนัยสำคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดบั .01
การวเิ คราะหข์ ้อมลู
1) การวเิ คราะหเ์ ชิงปรมิ าณ อาศยั วธิ กี ารทางสถิติ หรือตัวเลข เช่น หาความถี่ ร้อยละ คา่ เฉล่ยี ฯลฯ
2) การวเิ คราะหเ์ ชงิ คุณภาพ ไม่อาศยั วธิ ีการทางสถิติ แต่วเิ คราะห์ผลทีไ่ ด้จากสงั เกตหรอื สมั ภาษณ์
การเขียนรายงานวิจัย
บทที่ 1 บทนำ
- ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา
- วตั ถุประสงค์ของการวิจัย
- สมมตฐิ านของการวจิ ยั ข้อสอบมกั ถามรายละเอยี ดแตล่ ะบท
วา่ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง
- ขอบเขตของการวจิ ยั
- ขอ้ ตกลงเบ้ืองตน้ ☺ นำ สาร การ ผล สรุป
- นิยามศพั ท์
- ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะไดร้ บั
บทท่ี 2 เอกสารและรายงานวิจยั ทเี่ ก่ียวขอ้ ง ข้อสอบ : เคยออกข้อสอบ
บทท่ี 3 วิธดี ำเนินการวิจยั
- ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง
- เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล
- การเก็บรวบรวมข้อมูล
- การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู
บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
สรุปเนือ้ หาสอบครูผ้ชู ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 115
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย สรุปย่ออยา่ งละเอยี ด เร่อื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การวิจยั ในชั้นเรยี น (ClassroomResearch)
ความเปน็ มา
พ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพม่ิ เติม (ฉ.2) พ.ศ.2545 และ (ฉ.3) พ.ศ.2553 บญั ญตั ิวา่
มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศกึ ษาและหน่วยงานที่เกย่ี วข้องดาํ เนนิ การ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(5) สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหผ้ สู้ อนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สือ่ การเรยี น และอํานวย
ความสะดวกเพอ่ื ให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรูแ้ ละมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใชก้ ารวจิ ยั เปน็ ส่วนหนงึ่ ของกระบวนการ
เรียนรู้ ท้ังนี้ ผู้สอนและผูเ้ รยี นอาจเรยี นรูไ้ ปพร้อมกันจากสอ่ื การเรียนการสอนและแหล่งวทิ ยาการประเภทต่าง ๆ
มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพฒั นากระบวนการเรยี นการสอนท่มี ีประสทิ ธภิ าพ รวมท้ังการสง่ เสรมิ ใหผ้ สู้ อน
สามารถวิจยั เพอ่ื พฒั นาการเรยี นรู้ท่เี หมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศกึ ษา
ความหมาย
การวจิ ัยท่ีทำโดยครูผู้สอนในชัน้ เรยี น เพ่ือแกไ้ ขปญั หาในหอ้ งเรียน และนำผลมาปรบั ปรงุ การสอน
เพือ่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดกับผเู้ รยี น มีลักษณะเป็นวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ขอ้ สอบ : วิจัยในชนั้ เรยี น เป็นวจิ ัยประเภทใด ?
ลักษณะของการวจิ ัยในช้นั เรียน วจิ ัยในชั้นเรียน เป็นวจิ ยั เชงิ คุณภาพ
✓การแก้ปัญหาทีเ่ กดิ ขน้ึ ในชัน้ เรียน
✓วิจยั ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้
✓ถือวา่ การวจิ ยั ควบคูไ่ ปกบั การเรยี นการสอนปกติ
✓มงุ่ ศกึ ษาเกีย่ วกบั การเรียนการสอนระหว่างครูและนักเรียน
✓เน้นเฉพาะการปฏิบตั ิการของครูในช้ันเรยี นหรอื ในโรงเรยี นเท่าน้ัน
✓ไม่เน้นระเบียบวธิ วี จิ ัย ไม่จำเป็นต้องสมุ่ ตัวอยา่ ง ไม่เน้นสถติ ิวเิ คราะหส์ ูง
ประเภทของการวจิ ยั ในชั้นเรียน
1) การวิจัยเพอ่ื ความเขา้ ใจปญั หาในชนั้ เรียน
2) การวจิ ยั เพอ่ื การแก้ไขปัญหา/พฒั นาในชน้ั เรียน
ลักษณะของการทำวิจยั ในชั้นเรยี น ข้อสอบ : วงจร PAOR คอื อะไร ?
ใคร ครูผูส้ อนในชน้ั เรยี น
ทำอะไร แสวงหาวิธกี ารแกไ้ ขปัญหา
ที่ไหน เกดิ ขน้ึ ในหอ้ งเรยี น
เม่อื ไร ในขณะท่กี ารเรียนการสอนกำลังเกดิ ขึ้น
อยา่ งไร วิธวี ิจยั ทม่ี ีวงจรการทำงานตอ่ เน่อื งและสะทอ้ นกลบั (Self-Refection) คอื
ทำตามวงจร PAOR (Plan, Act, Observe, Reflect)
เพื่อจุดมุง่ หมายใด พฒั นาการเรยี นการสอนใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดตอ่ ผูเ้ รยี น
ลักษณะเด่น กระบวนการวิจยั ทท่ี ำอย่างรวดเร็ว นำไปใชท้ ันที มกี ารสะทอ้ นผล แลกเปลีย่ นประสบการณ์
สรุปเน้ือหาสอบครผู ูช้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 116
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย สรปุ ย่ออย่างละเอียด เร่อื ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
7เร่อื ง สอื่ นวัตกรรม
และเทคโนโลยที างการศกึ ษา
สือ่ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศกึ ษา ประกอบดว้ ย
(1) ความรเู้ กี่ยวกบั ส่อื ทางการศึกษา
(2) ตวั อยา่ งสอื่ ทางการศึกษา
(3) นวตั กรรม และเทคโนโลยกี ารศกึ ษา
(4) การบรหิ ารระบบสารสนเทศในสถานศกึ ษา
ตอนน้ีใกลจ้ บเล่มแล้ว เร่อื งท่ี 7 ส่ือ นวัตกรรมและเทคโนโลยี
ทางการศกึ ษา เคยมคี นกล่าวไวว้ า่
“นกั รบไม่ไดต้ ่อส้เู พราะเขาเกลยี ดชงั ศตั รเู บ้ืองหน้า
แตเ่ ขาสเู้ พื่อสงิ่ ทเี่ ขารกั อยู่ขา้ งหลงั ”
☺
สรปุ เนื้อหาสอบครูผชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 117
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหน่งครผู ชู้ ว่ ย สรุปยอ่ อยา่ งละเอยี ด เร่ือง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
สอ่ื นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศกึ ษา
ความรู้เกี่ยวกับส่ือการศึกษา
ความหมาย : วสั ดุ อปุ กรณ์ และวธิ กี ารที่นำมาใชใ้ นการเรียนการสอน เพือ่ เปน็ ตวั กลางในการนำส่งหรอื ถ่ายทอด
ความรู้ ทกั ษะ และเจตคติ จากผสู้ อนหรอื แหล่งความร้ไู ปยังผู้เรียน ช่วยให้ผ้เู รยี นเกิดการเรยี นรูต้ ามวัตถุประสงคข์ องการเรยี น
การสอนทต่ี ัง้ ไว้
ประเภทของส่ือการสอน : ข้อสอบ : เคยออกข้อสอบ
1) สอ่ื การสอนตามแนวคิดของสมาคมเทคโนโลยีและสือ่ สารการศกึ ษาอเมรกิ า
1. วัสดุ (Software or Materials) เช่น หนงั สือเรยี น ลูกโลก ฟิลม์ ภาพยนตร์ ม้วนเทปบนั ทกึ เสยี ง
2. อปุ กรณ์ (Hardware or Equipment) เช่น เคร่ืองฉายภาพยนตร์ เคร่ืองฉายสไลด์ คอมพิวเตอร์
3. วิธกี าร (Technique or Method) เช่น วธิ กี ารสอนรูปแบบต่าง ๆ
2) สื่อการสอนตามหลกั สูตรการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พ.ศ.2551 เลือกสือ่ ให้เหมาะกบั พัฒนาการ
1. ส่อื ธรรมชาติ 3. เทคโนโลยี
และลีลาการเรยี นรู้ท่ีหลากหลายของ
2. สอ่ื สิ่งพิมพ์ 4. เครอื ข่ายการเรยี นรู้ บคุ คล
3) สือ่ การสอนตามระดับประสบการณก์ ารเรียนรู้ ของเอด็ การ์ เดล (EdgarDale)
เรียกแนวคิดน้ีว่า “กรวยประสบการณ์" (Cone of Experience) แบ่งประเภทของสอ่ื การสอนออกเปน็
11 กลุ่ม ตามระดบั การมีสว่ นรว่ มของผูเ้ รียน หรือระดับประสบการณ์ทผ่ี ู้เรียนจะได้รับ ดงั นี้
วจนสัญลักษณ์ (Verbal Symbols) นามธรรม (Abstract)
ทัศนสญั ลักษณ์ (Visual Symbols) ขข้อ้อสสออบบ::เคสอ่ืยใดเปข็นนอ้ าสมอธรบรม:ท่สีเคดุ ย?
การบันทึกเสียง วทิ ยุ ภาพน่งิ
ภาพยนตร (Motion ภาพ (Iconic)
Pictures)
โทรทศั น (Television)
นิทรรศการ (Exhibits)
การศกึ ษานอกสถานที่ (Field Trips)
การสาธิต (Demonstrations) การกระทำ (Enactive)
ประสบการณนาฎกรรมหรือการแสดง ยิ่งลา่ ง ยง่ิ ดี
(Dramatized Experiences)
ประสบการณรอง (Contrived Experiences)
ข้อสอบ : สือ่ ใดส่งเสรมิ การเรียนรูไ้ ด้ดีทสี่ ดุ ? ประสบการณตรงและมีความหมาย (Direct Purposeful Experiences)
*วจนสญั ลกั ษณ์ เชน่ ตัวหนงั สอื เสียงพูด *ทศั นสญั ลกั ษณ์ เช่น แผนภมู ิ สถติ ิ แผนที่ *ประสบการณต์ รง ดที สี่ ดุ
สรปุ เน้ือหาสอบครผู ู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 118
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ชว่ ย สรปุ ย่ออย่างละเอยี ด เร่ือง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
หลกั การเลอื กส่อื การสอน : ข้อสอบ : เคยออกข้อสอบ
(1) เลือกสอ่ื การสอนทส่ี อดคล้องกับวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้
(2) เลือกสอ่ื ทมี่ ีประสทิ ธภิ าพตรงตามวัตถุประสงค์
(3) เลอื กส่อื ทสี่ ามารถใชไ้ ดจ้ รงิ
ตัวอย่างสื่อการศึกษา
กระดานชอล์ก (Chalkboard)
✓ปัจจุบนั เป็นสีเขียว ทาดว้ ยสีนำ้ มันชนิดด้าน เพอ่ื ลดการตัดกันของสขี าวและดำ
✓ขอบล่างควรอยูใ่ นระดับสายตาของผูน้ ่ังเรยี น
✓ผ้เู รยี นควรนั่งอยู่ในอาณาเขตมุม 60 องศา จากจดุ ก่ึงกลางกระดาน
✓ผ้เู รียนแถวหน้าควรอยู่ห่างกระดานอยา่ งน้อย 3 เมตร ข้อสอบ : เคยออกข้อสอบ
✓ควรใช้ไมช้ ้ี แทนการใชม้ ือ
✓วิธลี บควรลบจากบนลงล่าง
ปา้ ยนิเทศ
✓แสดงเรื่องราวโดยใช้รูปภาพ แผนภูมิ แผนสถติ ิ และข้อความ
✓มักมขี นาด 2x3 ฟุต หรือ 2x4 ฟุต
✓1 ป้าย ควรแสดงเรือ่ งเพยี งเร่ืองเดยี ว
✓ใชเ้ สน้ หรือทศิ ทางการจัดวาง เพือ่ ช่วยนําสายตาของผู้ดู
แผนภูมิ (Chart)
✓แสดงความสัมพันธ์ของข้อเท็จจริง ข้อมูลความรู้
✓เพอ่ื แสดงการเปรยี บเทยี บ พฒั นาการ กระบวนการ การจําแนก การวิเคราะห์
✓แผนภูมแิ บบตน้ ไม้ : แสดงให้เห็นวา่ ส่งิ หนง่ึ แยกออกไดเ้ ป็นหลายสงิ่
✓แผนภูมแิ บบสายธาร : แสดงให้เหน็ ว่าส่งิ หนงึ่ เกิดจากหลายสิ่งมารวมกัน
✓แผนภูมิแบบต่อเนอื่ ง : แสดงลําดบั ขนั้ การทํางาน
✓แผนภูมแิ บบองค์การ : แสดงความสัมพนั ธ์ของหนว่ ยงานภายในองคก์ ร หรอื ระหว่างองค์กร
✓แผนภูมแิ บบเปรยี บเทียบ : เปรียบเทยี บใหเ้ ห็นความแตกต่างระหวา่ งแนวคิด รูปรา่ ง ลกั ษณะ
✓แผนภูมแิ บบตาราง : แสดงความสมั พันธร์ ะหว่างเวลากบั เหตุการณ์
รปู ภาพ
✓ชอบภาพสีมากกว่าภาพขาว - ดำ
✓ชอบภาพทมี่ ีลักษณะเปน็ ภาพจริง และมสี ีสนั เหมือนจริง
✓ชอบภาพง่าย ๆ ไม่ซับซอ้ น (สาํ หรับเด็กเล็ก)
✓ชอบภาพที่มีความซับซอ้ นมากกวา่ ภาพธรรมดา (สาํ หรบั เดก็ โต)
สรปุ เนื้อหาสอบครผู ู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 119
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหน่งครผู ้ชู ว่ ย สรุปย่ออย่างละเอียด เร่ือง วชิ าการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
รูปแบบตวั อกั ษร ข้อสอบ : เคยออกขอ้ สอบ
✓ตวั อักษรหัวกลม : เหมาะกับงานทเ่ี ป็นทางการ
✓ตวั อกั ษรหวั ตัด : มลี ักษณะเป็นก่ึงทางการ อ่านง่าย ใชก้ ับป้ายนิเทศ
✓ตวั อกั ษรแบบไมม่ หี ัว : เหมาะกบั งานออกแบบ หรอื ปกหนังสอื
✓ตวั อกั ษรแบบคดั ลายมือ : ใชก้ ับงานพิธี หรือประกาศนยี บัตร
ทฤษฎีของสี ขอ้ สอบ : ขอ้ ใดไมอ่ ยใู่ นสี…?
✓สชี า่ งเขยี น : เปน็ สีวัตถุหรอื สีเบ้อื งตน้
แม่สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สนี ำ้ เงิน
✓สวี ิทยาศาสตร์ : เป็นสที ีเ่ กดิ จากแสงไฟฟา้ หรอื แสงพเิ ศษ
แม่สี ได้แก่ สแี ดง สีเขยี ว สีม่วง
✓สจี ติ วทิ ยา : เป็นสีจติ วิทยาทเ่ี กยี่ วกับความรู้สกึ
แมส่ ี ไดแ้ ก่ สแี ดง สเี หลือง สนี ้ำเงิน สีเขียว
ความหมายของสี ขอ้ สอบ : ถามความหมายของสี
✓สีแดง = ความรัก ความเกลียด อนั ตราย ความกลา้ หาญ
✓สีเหลอื ง = ความอบอ่นุ ความสงบ ความเจริญเตม็ ที่ ความร่าเริง
✓สนี ำ้ เงิน = เยอื กเย็น ความสงบ ความจริง
✓สีดำ = ประณตี รวย เป็นงานเปน็ การ เงยี บเหงา ความตาย
✓สเี ขียว = หน่มุ อ่อนวยั สดชืน่ ความเจรญิ เติบโต ความซือ่ สัตย์
✓สีขาว = สะอาด ประณตี ความบรสิ ุทธิ์
✓สสี ม้ = พลังงาน ร่าเริง สดใส สนุกสนาน ความมั่งค่ัง
✓สีมว่ ง = สูงศักดิ์ รำ่ รวย หรูหรา ความเครง่ ขรมึ
นาฏการ (Dramatize)
✓เสนอเน้อื หาให้บรรลจุ ุดประสงค์ด้านความรู้สึกได้
✓มีอทิ ธิพลในการจงู ใจสูง
✓การแสดงบางอยา่ ง ชว่ ยให้ผเู้ รียนไดร้ ะบายความรู้สกึ
✓สง่ เสรมิ พฒั นาการทางสังคม
✓พัฒนาบคุ คลกิ ภาพ หรือการแสดงออก
การจดั นทิ รรศการ (Exhibition)
✓นําวัสดอุ ปุ กรณม์ าจัดแสดงเพ่อื ส่อื ความหมาย หรือถ่ายทอดความรู้ความคดิ
✓แสดงความคดิ อันเป็นนามธรรมแสดงออกมาเป็นรูปธรรมได้
✓รวบรวมความคดิ ท่กี ระจดั กระจายใหเ้ ขา้ เป็นอันหนึ่งอันเดยี วกนั
สรุปเนื้อหาสอบครผู ชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 120
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหนง่ ครูผชู้ ่วย สรุปยอ่ อย่างละเอียด เร่ือง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
นวตั กรรม และเทคโนโลยกี ารศกึ ษา
นวตั กรรม ขอ้ สอบ : นวตั กรรม หมายถงึ อะไร ?
ความหมาย
กรมหมนื่ นราธิปพงศ์ประพนั ธ์ ทรงบญั ญัตขิ ึน้ ให้ตรงกับศัพทภ์ าษาองั กฤษว่า innovation
นวตั กรรม เกดิ จากการนำคำว่า นวตา (นะ-วะ-ตา) แปลว่า ความใหม่
กับคำวา่ กรฺม (กรั -มะ) แปลวา่ การกระทำ มาเข้าสมาสกนั
นวตั กรรม หมายถึง สิ่งที่ทำขนึ้ ใหมห่ รือแปลกจากเดมิ ซ่ึงอาจจะเป็นความคดิ วธิ ีการ หรอื อุปกรณ์
นวตั กรรมทางการศกึ ษา หมายถึง ความคิดและวิธีการปฏบิ ตั ใิ หม่ ท่สี ง่ เสรมิ ใหก้ ระบวนการ
ทางการศกึ ษามีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน ทำใหผ้ ู้เรียนเรยี นรูไ้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เกิดแรงจูงใจ และชว่ ยให้ประหยดั เวลาเรียน
การเกิดนวัตกรรมการศึกษา เกดิ จากส่ิงต่าง ๆ ดังนี้ ข้อสอบ : เคยออกขอ้ สอบ
ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล
✓คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน CAI ✓การสอนเป็นคณะ (Team Teaching)
✓แบบเรยี นสำเรจ็ รูป (Programmed Texe Book) ✓การสอนแบบไม่แบ่งช้นั (Non-Graded school)
✓เครื่องสอน (Teaching Machine)
ความพร้อม
✓ศูนยก์ ารเรียน (Learning Center)
✓การจัดการเรียนในโรงเรยี น
การใชเ้ วลาเพอ่ื การศกึ ษา
✓การจัดตารางสอนแบบยืดหย่นุ ✓การเรยี นทางไปรษณีย์
✓มหาวิทยาลัยเปิด ✓การเรยี นทางไกล
✓บทเรยี นสำเร็จรูป
การเปลี่ยนแปลงทางสังคม
✓มหาวิทยาลัยเปดิ ✓การเรียนสำเร็จรูป
✓การเรยี นทางวิทยุ/โทรทัศน์ ✓ชดุ การเรียน
✓การเรยี นทางไปรษณยี ์
สรปุ เนอื้ หาสอบครผู ู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 121
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย สรุปย่ออยา่ งละเอยี ด เรอื่ ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ตวั อยา่ งนวัตกรรมการศึกษา
เทคกาโนรโศลึกยษี าทางไกล (Distance Learning) ข้อสอบ : การศึกษาทางไกลประเภทใดใช้กบั โรงเรียนขนาดเล็ก?
ระบคบวกาามรหศึกมษายาท่ผี ู้เรียนและผสู้ อนอยู่ไกล แตส่ ามารถทําใหเ้ กดิ การเรียนรู้ เชน่ DLIT (โรงเรยี นขนาด
กลเทาคหงโปน)รอ้ โะลโยงDยที ชเLานรง์ขTยี องนVเส(มโรืองมนเราจียจรานกิงขภนา(ภาVษาดษiเาลsลาก็uากต)aรินlีก เTป็นeตre้นre แปลว่า การสาน (to weare) หรือการสร้าง (to construct)
CTlaescshrnooolomgi)a แปลว่า การกระทําอยา่ งมีระบบ (Systematic Treatment)
ผกลารผEศลกึ-ติ ษLปารe=ะกสaปาิทrรรธะnภิเหรายiพียnดั นgกาเเรททสคคอโโนนโโทลลก่ียยรทีี ะหาทงมาํกาผาย่ารถนศงึ กรึ ะษวบิทาบยเหคากรมอืาารขยเา่ ถกยึงี่ยควกอกมาบัรพนศวิ ิลำเตคปวอะารม์นรทําู้วีเ่ ชแิท่อืนยมว์มโคยาิดปงครกอะยมระกุพบติววเ์ในตชกอ้ทราา์ขรงอปแงฏลผะบิู้เผรตั ลยี ิแผนลลเะติขอ้าตุ ไสวก้าหับกเครรอ่ืมง
ทางวิทยาศกาสรตเรรยี ์มนารใูชผ้ ้ร่าว่นมเคกรันืออขย่า่ายงอมินรี เะตบอบรเ์ นเพ็ต่ือแโกดย้ปผัญเู้ หรยีาแนลจะพเรัฒยี นราู้ดกว้ายรศตกึนษเอางใหแ้กบา้่งวเปหน็ า้ แไปบอบยา่Rงeมaีปlร-ะtสimิทeธภิ ไาดพ้แก่ สอื่
สงั คมออนไลน์ เชน่ เทFคacโนebโลoยoทีkาเงปกน็ารตสน้ อนแลหะแมบายบถึงNoกnารRนeำaสl-่ือtimเทeคนคิคือ สวธิง่ ขีกอ้ าครวาวมิธผรี ะ่าบนบรเกิ พาือ่รกาเชร่นออกEแ-บmบaกilาเรปสน็ อตนน้
และดM้านOจOิตCวิทsยา สงั ขค้อมสศอาสบต:รกแ์ารลเระยี วนิทออยนาไศลนาท์ส่เีตปิดรเ์กสราีสยำหภรบัาทพุกคนแใลนะโสลื่อกสคือาอระขไอรง?มนษุ ยม์ าใช้เพอ่ื เพิม่ ประสิทธิภาพ
ย่อมาจาก Massive Open Online Course หมายถึง หลกั สูตรการเรียนการสอนแบบออนไลน์
แบบเปดิ เสรีสาํ หรับทุกคนในโลก สามารถสมคั รเข้าเรียนได้โดยไม่จํากดั จํานวน เน้นในระดับการศกึ ษาขน้ั สูงทใี่ นระบบ
การศกึ ษาแบบเดมิ ทม่ี ีข้อจํากัดอยู่แตเ่ ฉพาะในห้องเรียน และรองรบั ผเู้ รียนในจำนวนน้อย
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (CAI)
การใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการนําเสนอส่ือประสมในการถ่ายทอดเน้อื หาบทเรยี น เพอ่ื กระตุน้ และ
ดงึ ความสนใจของผูเ้ รียน
ห้องเรยี นอัจฉรยิ ะ (Smart Classroom) ขอ้ สอบ : Smart Classroom มลี กั ษณะอย่างไร ?
หมายถึงหอ้ งเรยี น หรอื แหล่งการเรยี นรูท้ จี่ ัดทาํ ขึน้ ในลักษณะพเิ ศษเฉพาะท่แี ตกตา่ งจากห้องเรยี นโดยทัว่ ไป
เพื่อใช้สําหรบั การเสริมสร้างประสบการณ์ทางการเรียน การสอน การฝกึ อบรม รวมทั้งการฝกึ ทักษะความรู้ด้านต่าง ๆ
โดยมีจุดเน้นการสร้างปฏสิ ัมพนั ธ์ทางการ เรยี นร่วมกนั จากเทคโนโลยีทห่ี ลากหลายทงั้ สื่อในระบบภาพและเสยี ง
กอ่ ให้เกิดการเรียนท้งั ในระบบชน้ั เรียนปกติและนอกชัน้ เรียนในการเรียนแบบทางไกลทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ
บทเรยี นสําเร็จรปู
ใหผ้ ู้เรียนเรยี นรู้ด้วยตนเอง โดยเริ่มจากเนื้อหาสาระทีง่ ่าย ๆ ไปสูท่ ีย่ ากขน้ึ ตามลําดบั
ประเภทของนวัตกรรมทางการศกึ ษา
บแบง่ ตามเนอื้ งาน ดงั น้ี
1) นวัตกรรมดา้ นระบบการศึกษา เชน่ การศกึ ษารายบุคคล ระบบการสอนทางไกล ฯลฯ
2) นวัตกรรมด้านหลกั สูตร เชน่ หลกั สูตรแบบบรู ณาการ หลักสูตรการศกึ ษาตอ่ เนอ่ื ง ฯลฯ
3) นวตั กรรมดา้ นการเรียนการสอน เชน่ การสอนเป็นคณะ ชดุ การสอน ฯลฯ
4) นวัตกรรมด้านการสอ่ื สารและเทคโนโลยที างการศกึ ษา เชน่ สไลด์ วีดิทศั น์ ฯลฯ
5) นวัตกรรมด้านการประเมนิ ผล เชน่ การวดั ผลแบบอิงกลมุ่ อิงเกณฑ์ ฯลฯ
6) นวตั กรรมด้านการบรหิ ารการศึกษา เช่น การใช้ทฤษฎีบริหารจดั การ การใช้คอมพวิ เตอร์
แบง่ ตามรูปธรรม นามธรรม ดงั น้ี
1) นวัตกรรมทเ่ี ป็นสอ่ื วัสดุ (รปู ธรรม) เชน่ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ แบบฝกึ ทักษะ ฯลฯ
2) นวตั กรรมทีเ่ ปน็ เทคนคิ วธิ กี าร (นามธรรม) เชน่ รูปแบบการสอน วธิ ีการสอน ฯลฯ
สรปุ เนอื้ หาสอบครูผชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 122
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย สรุปยอ่ อยา่ งละเอียด เรอื่ ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การบริหารระบบสารสนเทศในสถานศึกษา
สารสนเทศ (Information)
หมายถึง ผลลัพธ์เกดิ จากนำขอ้ มูลมาผา่ นกระบวนการอย่างเป็นระบบ จนไดส้ ิ่งทมี่ ีคณุ ค่า ใช้ประโยชน์ได้
องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ
1) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คือ ตัวเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ และอปุ กรณ์ต่อพ่วง เชน่ จอเครื่อง เมาส์ ฯลฯ
2) ซอฟตแ์ วร์ (Software) คอื โปรแกรมหรอื ชุดคำสงั่ ท่ีใช้ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
ประเภทของระบบสารสนเทศท่วั ไปท่ีใช้ในองคก์ ร
✓ระบบสนับสนนุ การทำงานในการปฏิบตั งิ านประจำวัน (Official information System : OIS)
✓ระบบสารสนเทศเพือ่ การบริหาร (Management Information System : MIS)
✓ระบบสนับสนุนการตดั สินใจ (Decision Support System : DSS)
✓ระบบสารสนเทศเพอ่ื ผู้บริหารระดบั สูง (Executive Information System : EIS)
✓ระบบผ้เู ช่ียวชาญ (Expert Systems : ES)
ระบบสนับสนุนการทำงานในการปฏิบตั ิงานประจำวนั (Official information System : OIS)
ผ้ใู ช้ คือ ครู และเจา้ หน้าที่ ซึง่ เป็น Software สำเร็จรปู มากกว่าพฒั นาขึน้ ในองค์กร เช่น
✓Microsoft Word ทำหน้าที่ชว่ ยพิมพ์เอกสาร
✓Microsoft Excel ทำหนา้ ที่สรา้ งเอกสารในเชิงบญั ชี ท่ีมีการคำนวณ
✓Microsoft PowerPoint ทำหนา้ ท่สี ร้าง Presentation นำเสนองาน
✓SPSS ทำหนา้ ท่ชี ว่ ยวเิ คราะห์ขอ้ มูลทางสถติ แิ ละการวิจัย
ระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหาร (Management Information System : MIS)
ผ้ใู ช้ คอื หวั หน้ากลุ่มสาระฯ และหวั หนา้ ฝา่ ย ซึ่งช่วยจัดการด้านขอ้ มูลขา่ วสารภายในองคก์ ร
เนน้ การจดั เกบ็ และเรียกใชข้ ้อมลู เป็นหลัก หน้าท่สี ำคัญที่สุดของระบบนี้ คือ สามารถสรุปขอ้ มูลเป็นรายงาน
ระบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจ (Decision Support System : DSS)
ผ้ใู ช้ คือ หัวหนา้ กลุ่มสาระ ฯ และหวั หนา้ ฝา่ ย ชว่ ยผ้บู รหิ ารตดั สนิ ใจในเหตุการณท์ ่ีไม่มีโครงสรา้ ง
แนน่ อน และก่งึ โครงสรา้ ง คอื ส่วนหน่ึงใชเ้ กณฑ์ สว่ นหน่งึ อาศยั ประสบการณ์
ระบบสารสนเทศเพ่อื ผบู้ ริหารระดบั สงู (Executive Information System : EIS)
ผ้ใู ช้ คอื ผอู้ ำนวยการ และรองผอู้ ำนวยการ สรา้ งข้ึนเพอ่ื สนบั สนนุ สารสนเทศและการตัดสินใจ
สำหรับผบู้ รหิ ารระดับสูง โดยเฉพาะระบบ EIS คือส่วนหน่งึ ของระบบ Dss ทแี่ ยกออกมา
ระบบผู้เชยี่ วชาญ (Expert Systems : ES)
ผ้ใู ช้ คอื ผอู้ ำนวยการ และรองผอู้ ำนวยการ คลา้ ยคลงึ กับระบบอน่ื คือเปน็ ระบบคอมพิวเตอร์
ทช่ี ่วยผ้บู ริหาร แก้ไขปญั หาหรือทำการตัดสนิ ได้ดขี ้ึน และเก่ียวขอ้ งกบั การจดั การความรูม้ ากกวา่ สารสนเทศ
สรุปเน้อื หาสอบครผู ูช้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 123
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหน่งครผู ชู้ ่วย สรปุ ย่ออย่างละเอียด เรือ่ ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ศูนย์ปฏิบตั ิการคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน (Obec Doc)
มีที่มาจากนโยบายเทคโนโลยสี ารสนเทศ ระยะ พ.ศ.2544-2553 มีรูปแบบการเรยี กดูข้อมลู ดงั น้ี
PMOC : Prime Minister’s Operation Center
ศูนย์ปฏิบัติการสำนักนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หรอื ผู้บรหิ าร
ต้องสามารถเรียกดูขอ้ มูล ได้ทุกระดับ
MOC : Ministry’s Operation Center จนถึงโรงเรยี น
ศูนยป์ ฏบิ ัติการระดบั กระทรวง
DOC : Department’s Operation Center
ศูนย์ปฏบิ ัตกิ ารระดบั กรม DOC ท่คี วรรู้ คอื ศูนย์ปฏิบัตกิ าร
AOC : Area’s Operation Center สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั
พนื้ ฐาน
ศูนย์ปฏบิ ตั ิการระดับเขตพ้ืนที่การศกึ ษา
SOC : School’s Operation Center
ศูนยป์ ฏบิ ตั ิการระดบั โรงเรยี น
เวบ็ ไซต์ท่เี กีย่ วข้องกบั การศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
สำนกั ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
1. www.moe.go.th สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา
2. www.ops.moe.go.th สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน
3. www.onec.go.th สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
4. www.obec.go.th สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
คุรสุ ภา
5. www.vec.go.th สกสค.
6. www.mue.go.th คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา
7. www.ksp.or.th สถาบนั ทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติ
8. www.otepbangkok.com
สำนักงานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา
9. www.otepc.go.th
10. www.niets.or.th สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
11. www.onesqa.or.th
12. www.ipst.ac.th สำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั
13. www.nfe.go.t สำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษาเอกชน
14. www.opec.go.th
การเปรยี บเทียบท่มี กั เจอในข้อสอบ ขอ้ สอบ : โฮมเพจ เปรยี บได้กบั ส่วนใดของหนงั สอื ?
เวบ็ ไซต์ ➢ หน้าของเนื้อหาหนงั สอื
โฮมเพจ ➢ ปกหนา้ ของหนังสอื
เว็บเพจ ➢ หน้าของเนอื้ หาหนงั สือ
สรุปเนื้อหาสอบครูผ้ชู ่วย ภาค ข โดย The Teacher 124
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหน่งครผู ชู้ ่วย สรปุ ย่ออย่างละเอยี ด เร่อื ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกบั ICT
1. E - Training หมายถึง การฝกึ อบรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
2. E - Learning หมายถึง การเรยี นโดยใชเ้ ทคโนโลยี
3. E - Filing หมายถึง ระบบงานสารบรรณอเิ ล็กทรอนกิ ส์
4. E – Library หมายถึง ห้องสมุดอิเลก็ ทรอนิกส์
5. E - Document หมายถึง ระบบเอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์
6. LAN หมายถึง เครอื ขา่ ยขอ้ มูลความเร็วสูงภายในองค์กร
7. MAN หมายถึง เครอื ข่ายข้อมูลท่คี รอบคลุมพ้นื ทใ่ี หญ่กว่า LAN
8. WAN หมายถึง เครือขา่ ยที่เกิดจากการเช่อื ม LAN ท่ีอยู่ห่างไกลกนั มาก ๆ
9. Internet หมายถึง ระบบเครอื ข่ายภายในองค์กรที่ใหญ่ทส่ี ดุ ในโลก
10. Extranets หมายถึง ระบบเครือขา่ ยภายนอกองค์กร
11. Intranet หมายถึง ระบบเครอื ข่ายภายในองคก์ ร
12. CAI หมายถึง บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน
13. WBI หมายถึง บทเรียนผ่านเครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ต หรือเว็บชว่ ยสอน
14. ICT หมายถึง เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร
เกิดในที่...ท่ีด.ี ..น้นั ดีแน่...
เกิดในที่...ทแี่ ย.่ ..กด็ ไี ด้...
เกิดท่ีดี...แลว้ แย.่ ..มีถมไป....
เกิดท่ไี หน...ก็ดีได.้ ..ถา้ ใฝ่ดี...
สรปุ เน้อื หาสอบครูผชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 125
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหนง่ ครูผู้ชว่ ย สรุปย่ออยา่ งละเอียด เรอ่ื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
เรื่อง
8 การวัดและประเมินผลการศึกษา
การวัดและประเมนิ ผลการศึกษา ประกอบด้วย
(1) ความรพู้ ้ืนฐานเกย่ี วกับการวดั และประเมินผลการศึกษา
(2) พฤตกิ รรมทางการศกึ ษา
(3) การสร้างแบบทดสอบ
(4) การประเมนิ ผลตามสภาพจริง
(5) การหาคุณภาพของเครอ่ื งมอื
(6) สถติ พิ ืน้ ฐานในการวัดและประเมนิ ผลการศกึ ษา
เรอ่ื งท่ี 8 การวดั และประเมนิ ผลการศกึ ษา พยายามทำความเขา้ ใจ
ประเมนิ ผลตนเองอยู่เสมอ TheTeacher ใหก้ ำลังใจนะครับ
“เหนื่อยก็สู้ เพราะรูว้ า่ มีคนรอ”
☺
สรุปเน้อื หาสอบครูผชู้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 126
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ชว่ ย สรปุ ยอ่ อยา่ งละเอียด เร่ือง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การวดั และประเมนิ ผลการศกึ ษา
ปรัชญาการวดั และประเมินผล
ทดสอบเพอื่ ค้น และพฒั นาสมรรถภาพของมนุษย์
ความหมายของการวัดผล (Measurement) ขอ้ สอบ : ข้อใดถกู ต้องเกี่ยวกับการวัดผล ?
กระบวนการท่ีจะไดม้ าซึง่ ข้อเทจ็ จรงิ เกี่ยวกบั ปริมาณ คุณภาพ หรอื คณุ ลักษณะของบุคคลหรอื
สิ่งของ โดยอาศัยเครอ่ื งมือชว่ ยวดั ผลของการวดั มักจะออกมาเปน็ ตัวเลข พร้อมทัง้ มีหน่วยกำกับ
ประเภทของการวดั ผล
(1) การวดั ผลทางด้านกายภาพ (Physical Measurement)
✓วัดส่งิ ทีเ่ ป็นรูปธรรม มีตัวตน สัมผัสและรู้สกึ ได้ เชน่ วัดความยาว อุณหภูมิ ฯลฯ
✓วัดไดไ้ ม่ยากและได้ผลการวัดท่ีถกู ต้องแม่นยำ เพราะเครื่องมือมีมาตรฐานเช่ือถือได้
(2) การวดั ผลทางดา้ นจติ วทิ ยา (Psychological Measurement)
✓วัดสิ่งทเ่ี ปน็ นามธรรม ไม่มตี วั ตน สัมผัสไมไ่ ด้ เช่น การวดั ความรู้ เจตคติ ฯลฯ
✓วัดไดย้ าก และไดผ้ ลไม่แม่นยำ เพราะเคร่อื งมือไม่สามารถวัดได้ทง้ั หมด
หรอื อกี ลกั ษณะหน่ึงคอื
(1) Formative Assessment ประเมินผลยอ่ ยระหวา่ งการสอน เพ่ือปรับปรุงแกไ้ ขผ้เู รยี น
(2) Summative Assessment ประเมนิ สรปุ ผลการเรยี น เพื่อตดั สนิ ผ้เู รยี น
หลักการวดั ผลทางการศกึ ษา
✓วดั ให้ตรงจดุ มุ่งหมาย (สำคัญทีส่ ุด)
✓เลอื กวิธีวัด เครอ่ื งมอื ใหส้ อดคล้องกบั จดุ ม่งุ หมาย
✓วัดให้ครอบคลมุ กับพฤตกิ รรมที่ตอ้ งการวัด
✓ใชเ้ คร่ืองมอื วิธีวัด หลายประเภท
ความมุง่ หมายของการวัดผลการศกึ ษา ข้อสอบ : ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ วามมุง่ หมายของการวัดผลการศึกษา?
1. เพื่อค้นและพัฒนาสมรรถภาพของนักเรยี น เป็นปรชั ญาการวดั ผลการศกึ ษา
2. วัดผลเพอ่ื จดั อนั ดับ ดูระดบั ความสามารถ เหมาะกับตดั สินการเรียนแบบองิ กลุ่ม และคดั คนเข้าทำงาน
3. เพ่ือวินิจฉยั เพื่อหาความบกพรอ่ ง ไปปรบั ปรุงแกไ้ ข เรียกการวัดผลยอ่ ย
4. เพ่ือเปรียบเทียบ เพื่อเปรยี บเทียบตนเอง หรือดูความงอกงามแต่ละคนตา่ งชว่ งเวลา
5. เพือ่ พยากรณ์ เพื่อทำนายอนาคตตอ่ ไปวา่ จะเป็นอย่างไร เชน่ แบบทดสอบวดั ความถนัด
6. เพ่อื ประเมินผล เพ่ือนำผลท่ีได้จากการวัดไปเทยี บกับเกณฑ์ เพอ่ื ตดั สนิ ลงสรปุ ใหค้ ุณคา่
สรุปเนอ้ื หาสอบครผู ชู้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 127
สอบบรรจขุ ้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย สรุปยอ่ อยา่ งละเอยี ด เร่อื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ความหมายของการประเมินผล (Evaluation) ขอ้ สอบ : การวนิ จิ ฉัย เปน็ ความหมายของขอ้ ใด ?
กระบวนการที่ตอ่ เนื่องจากการวัดผล โดยนำผลท่ีได้จากการวดั มาวนิ จิ ฉัย ลงสรปุ ตดั สนิ
บ่งช้คี ุณคา่ ที่ได้จากการวัด โดยอาศัยเกณฑ์เป็นตัวเทยี บ เช่น สูง - เตยี้ อว้ น - ผอม
กระบวนการประเมินผล
1. การวดั ผล (measurement) ทราบสภาพจริงของสิ่งที่จะประเมนิ ผล เพ่ือเปรยี บเทียบกับเกณฑ์
2. เกณฑ์ (criteria) หรอื มาตรฐาน บรรทัดฐานเพอื่ นำผลท่ีได้จากการวัดไปเปรยี บเทยี บ
3. การตดั สนิ (decision) การชี้ขาดระหวา่ งผลการปฏบิ ัตทิ ไี่ ด้จากการวัดกับเกณฑ์ วา่ ควรสรุปอย่างไร
หลักการประเมินผลการศกึ ษา
1. ดําเนินการใหส้ อดคล้องกบั ปรชั ญาการประเมินผล
2. กาํ หนดจุดมงุ่ หมายให้ชัดเจน จำเปน็ มาก
3. เลอื กเครื่องมือวดั ใหเ้ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั สิ่งทต่ี ้องการวดั
4. ประเมนิ ผลจากการวัดหลายด้านและใช้วิธีวดั หลายวิธี
5. ระมดั ระวงั ข้อผิดพลาดทอ่ี าจเกิดขนึ้ จากการวดั ผล
6. แปลผลอย่างรอบคอบและใชเ้ กณฑป์ ระเมนิ อย่างเหมาะสม
7. นำผลการประเมินไปใชอ้ ย่างคุ้มค่า
ประเภทของการประเมินผล
1. จําแนกตามระบบการวดั
1) การประเมินแบบองิ ตน (self referenced evaluation)
ดูวา่ ตนเองมคี วามก้าวหน้าหรือไม่ เช่น การสอบก่อนเรยี น-สอบหลังเรยี น
2) การประเมนิ ผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion referenced evaluation)
นำคะแนนการสอบไปเปรียบเทยี บกบั เกณฑ์ แล้วพิจารณาตัดสิน
3) การประเมนิ ผลแบบอิงกลุ่ม (norm referenced evaluation)
นำคะแนนการสอบไปเปรียบเทียบกับความสามารถของกลุ่ม
2. จาํ แนกตามจุดประสงค์ของการประเมนิ ข้อสอบ : ประเมินความกา้ วหนา้ ของผูเ้ รียน คือขอ้ ใด ?
1) การประเมนิ ผลก่อนเรียน (pre-assessment or pre-evaluation)
เพือ่ คน้ หาข้อบกพร่องของความรู้พน้ื ฐานของผู้เรียน
2) การประเมินผลระหว่างเรียน (formative evaluation)
เพื่อปรับปรุง หรอื แก้ไขการเรียน ประเมนิ ความกา้ วหนา้ ระหว่างเรยี น
3) การประเมนิ ผลหลังส้นิ สุดการเรยี นหรอื การประเมินผลรวม (summative evaluation)
ทำหลงั จากจบการสอนทั้งวชิ า เรียกว่า การประเมนิ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน
เพ่ือตดั สนิ ผลการเรียน
สรุปเน้อื หาสอบครูผู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 128
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย สรุปยอ่ อย่างละเอยี ด เรื่อง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ขัน้ ตอนการวดั และประเมินผล ☺ มุ่ง-มือ-สอบ-วดั -รวม-ผล
1. ข้นั กําหนดจดุ มุ่งหมายในการวดั
2. ขั้นเลือกและสรา้ งเครอ่ื งมอื
3. ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวดั
4. ดาํ เนนิ การวดั
5. ตรวจและรวบรวมผลการวัด
6. ประเมนิ ผล
ระดับของการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ แบง่ ออกเป็น 4 ระดบั ดงั นี้
1. ระดบั ชั้นเรียน ข้อสอบ : การตรวจสอบพฒั นาการความก้าวหนา้ ในการเรียนรู้ อยูใ่ นระดบั ใด ?
ตรวจสอบพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน ประเมินในกระบวนการจัดการเรียนรู้
ใช้การประเมินอย่างหลากหลาย และให้ผู้สอน ผู้เรียน เพื่อนประเมิน หรือผู้ปกครองประเมินได้ สอดคล้องกับ
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัด โดยผูส้ อนดำเนินการเปน็ ปกติและสม่ำเสมอ
2. ระดบั สถานศกึ ษา
ตรวจสอบผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี / รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ประเมินเกย่ี วกับการจัดการของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียน
ตามเป้าหมายหรือไม่ เพื่อปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ วิธีจัดการเรียนการสอน ทำแผนพัฒนาคุณภาพ
การศกึ ษา และรายงานผลต่อหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง
3. ระดับเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา
ประเมินผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ตามมาตรฐานการเรียนรู้หลักสูตรแกนกลางฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูล
พ้ืนฐานในการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาของเขตพืน้ ที่การศึกษา
4. ระดบั ชาติ (NT, O-NET, PISA)
ประเมนิ ผูเ้ รียนชนั้ ป.3 ป.6 ม.3 และ ม.6 เพื่อใชเ้ ปน็ ข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศกึ ษาในระดับตา่ ง ๆ
เพือ่ นาํ ไปใชใ้ นการวางแผนยกระดบั คุณภาพการจัดการศกึ ษา ตลอดจนเปน็ ข้อมูลสนับสนุนการตัดสนิ ใจในระดับนโยบาย
ของประเทศ
สรปุ วา่
➢การวัดผลและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ อยูบ่ นพนื้ ฐาน 2 ประการ คอื
เพ่ือพฒั นาผู้เรียน เพอื่ ตัดสินผลการเรียน
➢การวดั ผลและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพฒั นาผู้เรยี น
สรุปเนอ้ื หาสอบครผู ชู้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 129
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย สรปุ ย่ออยา่ งละเอยี ด เรอ่ื ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
พฤติกรรมทางการศึกษา (Educational behavior)
พฤตกิ รรมทางการศกึ ษา (Educational behavior)
เปน็ คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์จะให้เกดิ ขน้ึ กบั ผู้เรียนตามขนั้ ตอนของกระบวนการเรยี นการสอน มีดงั นี้
พฤติกรรมด้านพุทธพิ ิสัย (Cognitive Domain) ด้านความรู้
หมายถึง การเรยี นรูด้ า้ นความคิด ความรู้ แกป้ ัญหา มดี งั นี้
1. ความร-ู้ ความจำ (Knowledge)
ความสามารถจดจำ และระลึกได้เกย่ี วกับความรูท้ ีไ่ ดร้ บั ไปแล้ว
(1) ความรูเ้ ฉพาะเร่ือง หรอื ความรู้ในเนอ้ื หา
(2) ความรู้เกยี่ วกบั วิธดี ำเนนิ การ และกระบวนการ
(3) ความรู้รวบยอดในเนือ้ เร่ือง
2. ความเขา้ ใจ (Comprehension)
บ่งบอกใจความสำคญั ของเร่อื งราว โดยแปลความแล้วเปรียบเทียบย่อเอาแต่ใจความสำคัญ
(1) การแปลความ (Translation)
(2) การตคี วาม (Interpretation)
(3) การขยายความ (Extrapolation)
3. การนำไปใช้ (Application)
นำหลกั การ กฎเกณฑ์และวธิ ดี ำเนินการใชแ้ กป้ ญั หาในสถานการณใ์ หม่ได้
4. การวเิ คราะห์ (Analysis)
แยก จําแนกองคป์ ระกอบทซี่ บั ซอ้ น ออกเป็นส่วน ๆ ให้เห็นความสมั พนั ธร์ ะหว่างส่วนยอ่ ย
(1) การวิเคราะห์ความสาํ คัญ หรือ การวเิ คราะหส์ ่วนประกอบ
(2) การวเิ คราะหค์ วามสมั พันธ์
(3) การวเิ คราะหห์ ลักการ
5. การสงั เคราะห์ (Synthesis)
นำองคป์ ระกอบมารวมกันเพื่อให้เป็นภาพพจน์ พิจารณาส่วนยอ่ ย แลว้ รวมกนั ใหเ้ กิดเรือ่ งใหม่
(1) การสังเคราะหข์ อ้ ความหรือการสังเคราะห์การสื่อความหมาย
(2) การสังเคราะห์แผนงาน
(3) การสงั เคราะหค์ วามสัมพันธ์
6. การประเมนิ ค่า (Evaluation)
ประเมิน ตีราคาโดยสรปุ อย่างมีหลักเกณฑว์ ่าสงิ่ นนั้ มคี ณุ คา่ ดี เลว หรอื เหมาะสมอย่างไร
(1) การประเมนิ ค่าโดยอาศัยข้อเทจ็ จริงภายในเนื้อเรอ่ื ง
(2) การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายนอก
สรุปเน้ือหาสอบครผู ูช้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 130
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหน่งครผู ู้ช่วย สรุปยอ่ อยา่ งละเอยี ด เรอ่ื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
พฤตกิ รรมดา้ นจิตพสิ ยั (Affective Domain) ด้านอารมณ์
1. การรบั รู้ (สะสม ยอมรับ รบั ฟัง ควบคมุ แยกความแตกต่าง)
2. การตอบสนอง (ทำตามทเ่ี ห็นดว้ ย แนะนำ อาสา ชกั ชวน ฝกึ หดั กล่าวส่งเสรมิ )
3. การสรา้ งค่านิยม (โตแ้ ยง้ บรรยาย สาธติ สนบั สนุน ชว่ ยเหลอื )
4. การจดั ระบบคา่ นิยม (จัดแจง เปรยี บเทยี บ ทำใหส้ มบรู ณ์ วางหลักการ หยง่ั คิด)
5. การสรา้ งลกั ษณะนิสัย (เรียบเรียงใหม่ เปล่ียน ตอ่ เติม แกไ้ ข ตอ่ ต้าน)
พฤตกิ รรมด้านทักษะพิสัย (PsychomotorDomain) ด้านทักษะ กระบวนการ
1. ขัน้ เลยี นแบบ
2. การทำโดยยดึ แบบ
3. การทำด้วยความชำนาญ
4. การทำในสถานการณ์ต่าง ๆ
5. การแก้ปญั หาโดยฉับพลัน
การสรา้ งแบบทดสอบ
(1) ข้อสอบอัตนยั หรอื ความเรียง (SubjectiveorEssayTest)
เป็นข้อสอบที่มีเฉพาะคำถาม แลว้ ให้เขียนตอบอย่างเสรี
หลักการสรา้ ง
1) เขยี นคำช้ีแจงวิธีการตอบใหช้ ดั เจน
2) เขยี นคำถามใหช้ ดั เจน และใชค้ ำถามให้ใชค้ วามคิด
3) กำหนดเวลาตอบพอสมควร
4) เลอื กถามเฉพาะจุดทส่ี ำคัญ
5) คำถามแตล่ ะขอ้ ยากง่ายไมเ่ ท่ากนั
(2) ข้อสอบแบบกาถกู -ผิด (True-falseTest)
ข้อสอบเลือกตอบมี 2 ตวั เลือก เชน่ ถกู - ผิด ใช่ - ไมใ่ ช่
หลกั การสร้าง
1. เขยี นคำถามใหร้ ัดกุม
2. ออกข้อสอบใหม้ ขี อ้ ถกู กบั ข้อผิดจำนวนใกลเ้ คียงกัน
3. ไมค่ วรใช้วิธีหกั คะแนนข้อที่ตอบผิด
สรปุ เนื้อหาสอบครูผู้ชว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 131
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครูผู้ชว่ ย สรุปยอ่ อยา่ งละเอยี ด เรื่อง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
(3) ข้อสอบแบบเตมิ คำ (CompletionTest)
ขอ้ สอบที่ประกอบดว้ ยประโยคหรอื ข้อความท่ยี ังไมส่ มบูรณ์แล้วใหผ้ ู้ตอบเติมคำ หรือประโยค
หลักการสรา้ ง
1. ไมค่ วรตดั บางข้อความจากหนังสอื ใช้เป็นคำถาม
2. คำตอบทถี่ กู ตอ้ งเป็นคำตอบทีเ่ ฉพาะเจาะจง
3. แต่ละขอ้ ความใหเ้ ติมแห่งเดียวตอนทา้ ยของประโยคหรอื ขอ้ ความ
(4) ข้อทดสอบแบบตอบสน้ั ๆ (ShortAnswerTest)
หลกั การสรา้ ง
1. คำตอบทต่ี อ้ งการมกั จะสนั้ เป็นคำเดยี ว วลีเดียว หรอื ประโยคส้ัน
2. คำตอบทีไ่ ด้ต้องเป็นประเภทตายตัวแนน่ อน
3. มักจะเปน็ คำถามทถ่ี ามเกี่ยวกับ ศพั ท์ กฎ นยิ าม ทฤษฎี หลักการ
(5) ข้อสอบแบบจับคู่ (MatchingTest)
ขอ้ สอบมคี ำหรอื ข้อความแยกออกจากกันเป็น 2 ชดุ เลือกจับคูว่ า่ สมั พนั ธก์ ันอย่างไร
หลักการสรา้ ง
1. ตัวเลือกต้องมีจำนวนมากกว่าตัวยืน 2 - 4 ข้อ
2. ตัวยนื ควรจะมจี ำนวน 5 - 15 ขอ้
3. ขอ้ ความแต่ละชุดต้องเป็นเอกพันธ์
4. ตัวยนื แต่ละข้อมโี อกาสจับคู่กับตวั เลือกทุกข้อ
5. ข้อสอบชุดตัวยืนและตัวเลือกทุกขอ้ ตอ้ งอยูใ่ นหน้าเดยี วกนั
6. ตอ้ งระบุความสัมพนั ธ์ของข้อความทง้ั สองชุดใหช้ ดั เจน
(6) ข้อสอบเลอื กตอบ (Multiple ChoiceTest)
ประกอบด้วยตัวเลอื กท่ีเปน็ คำตอบถกู และตัวเลือกท่ีเปน็ ตวั ลวง ค ค ื ู ุ
หลักการสร้าง
1. เขียนตอนนำให้เป็นประโยคคำถามสมบูรณ์ อาจใสเ่ ครอ่ื งหมายปรศั นี (?)
2. เนน้ เรอื่ งจะถามใหช้ ดั เจนและตรงจุดไม่คลุมเครอื
3. ควรถามในเร่ืองทม่ี คี ุณค่าตอ่ การวดั
4. หลีกเลี่ยงคำถามปฏิเสธ
5. อยา่ ใช้คำฟมุ่ เฟือย
สรปุ เน้อื หาสอบครูผู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 132
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย สรุปยอ่ อย่างละเอยี ด เร่ือง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การประเมินผลตามสภาพจริง (AuthenticAssessment)
ความหมาย : การประเมนิ สภาพจริง เปน็ การประเมนิ จากการวัดโดยใหผ้ ู้เรยี นลงมือปฏิบตั ิจรงิ
แนวคดิ และหลักการ
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2542 : 183) กลา่ วไวว้ ่า
1. ไม่เน้นประเมินทกั ษะพ้นื ฐาน แตเ่ นน้ ประเมินทกั ษะคดิ ที่ซบั ซ้อน และการประเมินตนเอง
2. วัดและประเมนิ ความก้าวหน้าของนกั เรียน
3. สะทอ้ นให้เห็นการสังเกตสภาพงานปัจจบุ ันของนักเรียน
4. ผกู ติดนกั เรียนกับงานที่เปน็ จริง
5. ผู้ประเมินควรมีหลายคน
6. ดาํ เนนิ การไปพร้อมกบั การเรียนการสอนอยา่ งต่อเนือ่ ง
7. นำการประเมินตนเองมาใชเ้ ป็นสว่ นหน่ึงของการประเมนิ ตามสภาพทแี่ ทจ้ รงิ
8. ควรประเมินทั้งเน้นการปฏิบตั ิจรงิ และประเมินจากแฟม้ สะสมงาน
วธิ ีการประเมนิ ผลตามสภาพจริง
1. การสังเกต
2. การสัมภาษณ์
3. การสอบถาม
4. การตรวจผลงาน
5. การประเมนิ ตนเอง
6. การเยย่ี มบ้าน
7. การศึกษารายกรณี
8. การบนั ทึกของผู้เกี่ยวข้อง
9. การใชข้ ้อสอบแบบเนน้ การปฏิบตั จิ รงิ
10. การประเมนิ จากเอกสาร เชน่ ระเบียนสะสม
11. การประเมนิ ผลจากแฟ้มสะสมงาน เปน็ การวัดผลในชน้ั เรยี นท่ีดที ส่ี ุด
การหาคุณภาพเคร่อื งมือ
1. ความเทย่ี งตรงหรอื ความตรง (Validity)
เป็นคณุ สมบัติของเคร่อื งมือที่วดั ได้ตามวัตถปุ ระสงคท์ ี่ตอ้ งการวดั
IOC : Item Objective Congruence Index
การหาความตรงเชงิ เนอ้ื หา ใช้ผเู้ ชี่ยวชาญตรวจสอบความสอดคลอ้ งแล้วนำผลการตรวจสอบมา
คำนวณหาคา่ ความสอดคล้องระหว่างคำถามกับวตั ถุประสงค์ ขอ้ สอบ : คา่ IOC ท่ีเหมาะสมคอื ? (0.5 ขึ้นไป)
สรปุ เนื้อหาสอบครูผู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 133
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย สรุปย่ออย่างละเอยี ด เรอ่ื ง วชิ าการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
การหาค่าความสอดคล้องแบบ IOC ถา้ เห็นด้วย ใหค้ ่า = 1
ใหผ้ ู้เช่ยี วชาญตรวจสอบข้อคำถาม ประกอบ ด้วยผเู้ ชยี่ วชาญ ด้านเนอ้ื หา
ไมเ่ หน็ ดว้ ย ให้ค่า = -1
ด้านวดั ผลประเมนิ ผลหรือด้านวิจัย อาจใช้ดา้ นภาษาด้วย เพื่อพจิ ารณาด้าน ไม่แนใ่ จ ให้ค่า = 0
ภาษาที่ใช้ในข้อคำถาม จำนวนผูเ้ ชย่ี วชาญอยา่ งนอ้ ย 3 คน พิจารณา 3 ประเด็น
คอื เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม และไมแ่ นใ่ จ
2. ความเชื่อมั่น (Reliability)
เปน็ คณุ สมบัตขิ องเครือ่ งมอื วัดที่แสดงใหท้ ราบวา่ เครื่องมอื ให้ผลการวดั ที่คงทไ่ี มว่ ่าจะใชว้ ัดก่คี รั้งก็ตาม
3. ความยาก (Difficulty)
เปน็ คุณสมบตั ขิ องข้อสอบทบี่ อกใหท้ ราบว่าข้อสอบข้อนัน้ มคี นตอบถูกมากหรือน้อย
✓ค่าความยากมีค่าตั้งแต่ 0.00 ถึง 1.00 ขอ้ สอบ : เคยออกข้อสอบ
✓ความยากพอเหมาะควรมคี า่ ความยากตั้งแต่ 0.20 - 0.80
✓0.40 < P < 0.60 แสดงว่า เปน็ ข้อสอบยากง่ายปานกลาง (ดีมาก)
4. อำนาจจําแนก (Discrimination)
เปน็ คณุ สมบตั ิของข้อสอบท่ีสามารถจาํ แนกผูเ้ รยี นว่าใครเกง่ ปานกลาง อ่อน
✓ยึดหลกั การวา่ คนเกง่ จะต้องตอบถูก คนไม่เกง่ จะต้องตอบผดิ
✓ค่าอำนาจจําแนกมีค่าตัง้ แต่ -1.00 ถงึ +1.00 ขอ้ สอบ : เคยออกข้อสอบ
✓ข้อสอบที่ดคี วรมคี ่าอำนาจจาํ แนก ตง้ั แต่ 0.20 ขน้ึ ไป
5. ความเปน็ ปรนยั (Objectivity)
ความชัดเจน ความถกู ต้องตามหลักวชิ า และความเขา้ ใจตรงกนั
✓ขอ้ ความมคี วามหมายแจ่มชดั มถี อ้ ยคำภาษาที่ดี ไม่วา่ ใครอ่านกเ็ ข้าใจตรงกัน
✓มเี กณฑ์การแปลความหมายท่ชี ัดเจน
✓มรี ะบบการใหค้ ะแนนทีแ่ นน่ อน
เรา...ไมส่ ามารถรไู้ ด้ว่า...เราจะบินไดส้ ูงแคไ่ หน...
จนกวา่ เราจะ...กางปกี ...แลว้ บิน...
สรปุ เน้อื หาสอบครูผชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 134
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครูผูช้ ่วย สรุปย่ออยา่ งละเอียด เรื่อง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
9เรอื่ ง ลกั ษณะงานที่ปฏบิ ัติ
ตามมาตรฐานตำแหนง่
ลกั ษณะงานท่ปี ฏบิ ัตติ ามมาตรฐานตำแหนง่ ประกอบดว้ ย
(1) ลักษณะงานท่ีปฏบิ ตั ิตามมาตรฐานตำแหนง่
(2) มาตรฐานตำแหน่ง และมาตรฐานวทิ ยฐานะของข้าราชการครู
และบคุ ลากรทางการศกึ ษา
(3) หนา้ ทแ่ี ละความรับผิดชอบ
(4) ลกั ษณะงานท่ีปฏบิ ตั ิ
(5) คณุ สมบตั เิ ฉพาะสำหรับผดู้ ำรงตำแหน่ง
(6) การใหไ้ ด้รบั เงนิ เดอื น
มาถงึ เร่ืองสดุ ท้ายแลว้ เรื่องที่ 9 ลกั ษณะงานทีป่ ฏบิ ตั ติ าม
มาตรฐานตำแหนง่ จบจากเร่อื งน้ี อย่าลืมทวนข้อสอบนะครับ
“อนาคตอันงดงาม เกดิ จากความพยายามในวนั นี้”
☺
สรปุ เนอื้ หาสอบครผู ้ชู ่วย ภาค ข โดย The Teacher 135
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย สรุปย่ออยา่ งละเอียด เรื่อง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
ลักษณะงานทปี่ ฏิบตั ิตามมาตรฐานตำแหน่ง
พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.2547 และแกไ้ ขเพิ่มเตมิ มาตรา 42 ให้ ก.ค.ศ. จดั ทำ
มาตรฐานตำแหน่ง มาตรฐานวิทยฐานะและมาตรฐานตำแหน่งทางวิชาการของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาไวเ้ ปน็ บรรทัดฐาน
ทกุ ตำแหน่ง ทุกวทิ ยฐานะ การจัดทำมาตรฐานตำแหน่งให้จาํ แนกตำแหน่งเปน็ ประเภทและสายงานตามลักษณะงานทีป่ ฏบิ ตั ิ
มาตรฐานตำแหน่ง และมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา
ประเภท : ผสู้ อนในหนว่ ยงานการศกึ ษา
สายงาน : การสอน
ช่ือตำแหน่ง : ครูผชู้ ่วย/ครู
ชอ่ื วิทยฐานะ : ครูชำนาญการ ครูชำนาญการพเิ ศษ ครูเชี่ยวชาญ ครูเชย่ี วชาญพิเศษ
หนา้ ท่แี ละความรับผดิ ชอบ
ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีเก่ยี วกับการจดั การเรยี นการสอน การส่งเสรมิ การเรียนรู้ พฒั นาผ้เู รียน ปฏิบัตงิ าน
ทางวิชาการของสถานศกึ ษา และมหี น้าที่ในการเตรยี มความพร้อมและพฒั นาอยา่ งเขม้ ก่อนแตง่ ตัง้ ให้ดำรงตำแหน่งครู
และปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีอ่นื ตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
ลักษณะงานที่ปฏิบตั ิ
1. ปฏิบัตหิ น้าท่ีเกยี่ วกับการจัดการเรียนการสอนและการสง่ เสริมการเรียนรูด้ ้วยวิธีท่หี ลากหลาย
โดยเน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ สำคัญทสี่ ดุ
2. จดั อบรมสั่งสอนและจัดกจิ กรรมเพือ่ พัฒนาผูเ้ รียนใหม้ คี ณุ ลักษณะที่พึงประสงค์
3. ปฏบิ ตั งิ านวิชาการของสถานศึกษา
4. ปฏบิ ตั งิ านเกี่ยวกบั การจดั ระบบดูแลชว่ ยเหลอื ผู้เรยี น
5. ปฏบิ ตั งิ านอน่ื ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย
คุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหนง่ ข้อสอบ : เคยออกข้อสอบ
1. มีวุฒไิ ม่ตำ่ กว่าปรญิ ญาตรีทางการศกึ ษา หรือทางอืน่ ท่ี ก.ค.ศ.กําหนดเป็นคณุ สมบัตเิ ฉพาะ
สำหรบั ตำแหน่งนี้
2. มใี บอนุญาตประกอบวชิ าชพี ครู หรือหลกั ฐานทีใ่ ชแ้ สดงในการประกอบวิชาชีพครู
ตามที่ครุ สุ ภาออกให้เพือ่ ปฏบิ ัติหน้าทส่ี อน
การให้ไดร้ ับเงินเดอื น ขอ้ สอบ : เคยออกขอ้ สอบ
ใหไ้ ด้รบั เงนิ เดอื นอันดับครูผูช้ ่วย
เงนิ เดอื นครูผชู้ ว่ ย
1) ผูส้ ำเรจ็ การศึกษาปรญิ ญาตรหี ลักสูตร 4 ปี ได้รับเงินเดือน 15,050 บาท
2) ผู้สำเรจ็ การศึกษาปริญญาตรีหลกั สูตร 5 ปี ได้รบั เงินเดอื น 15,800 บาท
3) ผูส้ ำเร็จการศกึ ษาปริญญาตรีและประกาศนยี บัตรวชิ าชีพไมน่ อ้ ยกว่า 1 ปี
ได้รับเงนิ เดอื น 15,800 บาท
สรปุ เน้อื หาสอบครูผูช้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 136
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหน่งครูผชู้ ว่ ย สรุปย่ออยา่ งละเอยี ด เรือ่ ง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
1ขอ้ สอบ วชิ าการศกึ ษา
คำชี้แจง : ข้อสอบชุดนี้รวบรวม ปรับปรุง ดัดแปลงมาจากเนื้อหาข้อสอบจริงจากข้อสอบครูผู้ช่วยสพฐ. ครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ
ครูผู้ช่วยสังกัด อปท. และครูผู้ช่วยสังกัด กทม. โดยปรับเป็นแนวข้อสอบในเนื้อหาวิชาการศึกษา ภาค ข เพื่อส่งเสริมความรู้
ความเขา้ ใจในเน้ือหา จำนวน 75 ขอ้ ตามจำนวนขอ้ สอบจริง
1. ปรชั ญาการศึกษาใดต่อไปนี้ เชือ่ วา่ การศึกษาเป็นเคร่อื งมือในการเปลี่ยนแปลงสงั คม
ก. พพิ ัฒนาการ ข. อตั ถภิ าวนยิ ม
ค. ปฏริ ูปนยิ ม ง. นริ นั ตรนิยม
2.ขอ้ ใดไม่เกี่ยวขอ้ งกบั กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก. กจิ กรรมแนะแนว ข. กิจกรรมนักเรียน
ค. กจิ กรรมชุมนุม ชมรม ง. กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
3. หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ตรงกบั ข้อใด
ก. เปน็ หลกั สูตรแบบเนื้อหาวชิ า ข. เป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน
ค. เป็นหลักสูตรเกณฑ์ความสามารถ ง. เป็นหลกั สูตรอิงสาระการเรียนรู้
4.ปรชั ญาการศกึ ษาใดตอ่ ไปน้ี เชื่อวา่ การศกึ ษาเปน็ เครื่องมือของสังคม การจัดการศึกษาต้องม่งุ เนน้ สง่ เสรมิ พฒั นาการเดก็
ทุกด้านโดยเน้นการปฏบิ ัตจิ ริงยดึ ผเู้ รียนเป็นศูนยก์ ลาง และเชื่อว่าการศึกษาเป็นชวี ติ
ก. พิพัฒนาการนิยม ข. อตั ถภิ าวนิยม
ค. ปฏริ ูปนยิ ม ง. นิรนั ตรนยิ ม
5. การหาความเท่ยี งตรงเชิงเน้ือหาของข้อสอบองิ เกณฑ์ ควรใช้วิธใี นขอ้ ใด
ก. B-Index ข. p,r
ค. IOC ง. KR-20
6. ข้อใด คอื “หวั ใจ” ของหลักสูตรองิ มาตรฐาน
ก. กระบวนการและข้ันตอนการจัดทำ ข. องค์ประกอบของหลกั สูตร
ค. หน่วยการเรยี นรู้ ง. การประเมินผลหลักสูตร
7. หนว่ ยงานใดต่อไปน้ี มีหน้าท่ีกาํ หนดสาระการเรียนรู้ระดบั ท้องถ่นิ
ก. สถานศึกษา ข. สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษา
ค. คณะกรรมการเขตพื้นทีก่ ารศึกษา ง. ถกู ทกุ ข้อ
8. ตัวชี้วัดช้ันปี เป็นเป้าหมายในการพฒั นาผูเ้ รียนในระดับชั้นใด
ก. ระดับการศกึ ษาภาคบังคบั ชัน้ ป.1 - ม.3 ข. ระดับการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ชั้น ป.1 - ป.6
ค. ระดบั การศึกษาภาคบงั คบั ชนั้ ป.1 - ม.6 ง. ระดบั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ช้ัน ป.1 - ม.6
สรุปเนือ้ หาสอบครผู ู้ช่วย ภาค ข โดย The Teacher 137
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย สรปุ ยอ่ อยา่ งละเอยี ด เรอ่ื ง วชิ าการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
9. ข้อใดไมใ่ ช่หลกั การสาํ คัญของหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551
ก. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน
ข. เป็นหลักสูตรการศึกษาทเ่ี นน้ ผ้เู รียนเปน็ สำคญั
ค. เปน็ หลกั สูตรการศกึ ษาเพื่อความเปน็ เอกภาพของชาติ
ง. เปน็ หลกั สูตรทเ่ี น้นความรักชาติ มจี ติ สำนึกในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก
10. บคุ คลใดตอ่ ไปนี้ เป็นผ้มู อี ำนาจใหค้ วามเหน็ ชอบในการประกาศใชห้ ลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ.2551
ก. นายกรฐั มนตรี ข. คณะรฐั มนตรี
ค. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร ง. คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน
11. บุคคลในข้อ 10 คอื ใคร
ก. สมชาย วงษ์สวสั ด์ิ ข. พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร
ค. อดิศยั โพธารามิก ง. ชวน หลกี ภัย
12. สง่ิ ใดใชเ้ ปน็ เป้าหมายสำคญั ในการพฒั นาคุณภาพผ้เู รียน
ก. วิธกี ารเรียนรู้ ข. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน
ค. ตวั ชวี้ ดั ง. มาตรฐานการเรยี นรู้
13. หลักสูตรประเภทใดตอ่ ไปน้ี เปน็ หลักสูตรท่เี ก่าแกท่ ่สี ุด
ก. หลกั สูตรหมวดวชิ า ข. หลักสูตรสหสมั พันธ์
ค. หลักสูตรเนือ้ หาวิชา ง. หลักสูตรแบบแกนกลาง
14. ข้อใดไมใ่ ช่องค์ประกอบของสาระการเรียนรู้
ก. องคค์ วามรู้ ข. กระบวนการเรยี นรู้
ค. ผลการเรยี นรู้ ง. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
15. หลักสูตรประเภทใดตอ่ ไปน้ี เปน็ หลักสูตรทีย่ ึดปรัชญาปฏิรูปนิยม
ก. หลกั สูตรเนอื้ หาวิชา ข. หลกั สูตรหมวดวิชา
ค. หลกั สูตรสหสมั พนั ธ์ ง. หลักสูตรแบบแกนกลาง
16. ขอ้ ใดเปน็ สาระและมาตรฐานของกลุม่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ทม่ี ีการปรบั ปรุงลา่ สดุ
ก. 1 สาระ 3 มาตรฐาน ข. 3 สาระ 5 มาตรฐาน
ค. 1 สาระ 5 มาตรฐาน ง. 3 สาระ 7 มาตรฐาน
17. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี นขอ้ ใดสำคัญทีส่ ดุ
ก. ความสามารถในการแก้ปัญหา ข. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ค. ความสามารถในการสื่อสาร ง. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
18. การพัฒนาผ้เู รียนใหเ้ กิดความสมดุล ตอ้ งคำนึงถงึ หลักพฒั นาการตามขอ้ ใด
ก. หลักพัฒนาการทางอารมณ์ ข. หลกั พฒั นาการทางสตปิ ัญญา
ค. หลักพัฒนาการทางสมอง ง. หลกั พัฒนาการทางสมองและพหปุ ัญญา
สรุปเนอื้ หาสอบครผู ชู้ ่วย ภาค ข โดย The Teacher 138
สอบบรรจุข้าราชการครู ตำแหน่งครูผชู้ ่วย สรปุ ยอ่ อย่างละเอียด เร่อื ง วิชาการศกึ ษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
19. ใครเป็นผ้มู ีอำนาจ ยกเลกิ เพม่ิ เตมิ หรือ เปลย่ี นแปลงหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พ.ศ. 2551
ก. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ
ข. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน
ค. ประธานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน
20. ข้อใดตอ่ ไปน้ี เรยี งลำดบั ของสาระสำคัญในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 ได้ถกู ต้อง
ก. วิสยั ทศั น์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น หลักการ จุดหมาย
ข. วสิ ัยทัศน์ หลักการ จดุ หมาย สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
ค. หลกั การ จุดหมาย วสิ ัยทัศน์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
ง. หลักการ วิสัยทศั น์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
21. การนำเอาหลักการและแนวคิดต่าง ๆ มาเป็นแม่บทประยุกต์ใชใ้ นการจดั การศกึ ษา สอดคลอ้ งกับขอ้ ใดมากทีส่ ดุ
ก อุดมการณ์การจัดการศกึ ษา ข ปรชั ญาการศึกษา
ค. ปัญญาสิกขา ง. แนวการจัดการศกึ ษา
22. ผทู้ เี่ ป็นต้นแบบแนวคิด ปรชั ญาการศกึ ษาสารัตถนิยม คอื ขอ้ ใด
ก. วิลเลยี ม ซี แบกเลย่ ์ ข. โรเบิรด์ เอ็ม ฮัทชนิ ส์
ค. ฌอง ฌาค รุสโซ ง. ธโี อดอร์ บราเมลด์
23. จุดหมายการศึกษาทมี่ งุ่ ถา่ ยทอดมรดกทางวัฒนธรรม ม่งุ ความรู้ ความจำเป็นในปัจจุบัน มุ่งพัฒนาสติปญั ญา
เน้นใหผ้ ้เู รยี นมีระเบียบวนิ ยั มีความขยัน หมั่นเพียร เปน็ การจัดการศกึ ษาที่สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ และปรัชญา
ตามข้อใด
ก. ปรัชญาการศกึ ษานริ นั ตรนยิ ม ข. ปรชั ญาการศกึ ษาสารตั ถนิยม
ค. ปรัชญาการศึกษาพพิ ฒั นาการนิยม ง. ปรชั ญาการศึกษาอตั ถภิ าวนิยม
24. หลักสูตรการจัดการศึกษาท่ีม่งุ ความเป็นเลิศทางวิชาการ การสอนเน้นให้ผู้เรยี นใชค้ วามรู้ ความคิด และสตปิ ัญญา
มากทีส่ ดุ เปน็ แนวคิดการจดั การศกึ ษาตามปรัชญาการศึกษาใด
ก. ปรัชญาการศึกษาพิพฒั นาการนยิ ม ข. ปรัชญาการศึกษาพุทธปรัชญา
ค. ปรัชญาการศกึ ษาบูรณาการนิยม ง. ปรชั ญาการศึกษานริ ันตรนิยม
25. กรมวชิ าการได้ให้ความหมายของคำวา่ หลกั สูตร ตรงตามขอ้ ใด
ก. วิธีการเตรียมเยาวชนใหม้ ีสว่ นรว่ มในฐานะเป็นสมาชิกที่สามารถสรา้ งผลผลิตให้แกส่ ังคมของเรา
ข. เนอ้ื หาวิชาทีจ่ ดั ให้ผเู้ รียนไดศ้ กึ ษาหรอื กลุ่มวิชา และประสบการณ์ท่ีกาํ หนดไว้
ค. มวลประสบการณ์ทั้งหมดท่ีจดั ให้กับเดก็ ได้เรียนเนื้อหาวชิ า ทศั นคติ พฤติกรรม กิจวัตร และสิ่งแวดลอ้ ม
ง. มวลประสบการณ์ต่าง ๆ ท่สี ถานศกึ ษาจดั ขน้ึ ทั้งในและนอกหอ้ งเรยี น เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นได้เกิดการเรียนรู้
และพัฒนาตนเองไปในทศิ ทางท่ีเหมาะสม
26. หลักสูตรทจ่ี ดั การเรยี นรูจ้ ากประสบการณ์ ยดึ เอาสงั คมและชีวิตของเด็กเปน็ หลกั จดั เป็นหลกั สูตรประเภทใด
ก. หลักสูตรแบบเนื้อหาวชิ า/แบบรายวชิ า ข. หลักสูตรแบบกจิ กรรมและประสบการณ์
ค. หลกั สูตรบูรณาการ ง. หลกั สูตรเพ่ือชีวิตและสงั คม
สรุปเนอ้ื หาสอบครผู ชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 139
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหน่งครูผชู้ ว่ ย สรุปย่ออยา่ งละเอยี ด เรอ่ื ง วชิ าการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
27. หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน เปน็ หลกั สูตรประเภทใด
ก. หลักสูตรแบบหมวดวชิ า/สหสัมพันธ์ ข. หลกั สูตรบูรณาการ
ค. หลกั สูตรแบบเอกัตภาพ ง. หลักสูตรแบบสัมพันธว์ ิชา
28. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ งกล่าวกบั หลักสูตร Smart
ก. มีความเจาะจงและวดั ได้ ข. มีผ้รู บั ผิดชอบ และมที ีม่ าชดั เจน
ค. มีส่วนรว่ มในการจดั ทำ ง. มกี ําหนดระยะเวลาท่ชี ัดเจน
29. ขนั้ ตอนแรกของกระบวนการพัฒนาหลักสูตร คือขอ้ ใด
ก. กาํ หนดจุดมงุ่ หมายของหลักสูตร ข. กําหนดเนอื้ หา และจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้
ค. วิเคราะหข์ ้อมูลพื้นฐาน ง. ปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงหลกั สูตร
30. การจัดการเรยี นรู้ทเ่ี น้นผู้เรยี นเป็นสำคญั ข้อใดไม่ถกู ต้อง
ก. ผเู้ รียนเป็นผลู้ งมือทำกจิ กรรมตามท่คี รูส่งั
ข. ผ้เู รียนได้นำความรูไ้ ปปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวนั
ค. ผ้เู รียนมีปฏิสมั พนั ธ์ซ่งึ กันและกัน และได้เรยี นรู้กระบวนการควบคู่กนั ไป
ง. ผ้เู รียนเป็นผสู้ ร้างความร้ดู ว้ ยตนเอง และมสี ่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอน
31. กระบวนการเรียนรู้ทสี่ ถานศึกษาหรอื หน่วยงานท่เี กีย่ วข้องต้องจัดให้ผู้เรยี น เกี่ยวข้องกับเรื่องใด
ก. สอดคล้องกับหลักการ แนวความคดิ และปรชั ญาการศึกษา
ข. สอดคล้องกบั ความมงุ่ หมาย และหลกั การจดั การศกึ ษาของชาติ
ค. สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการจัดการศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธิการ
ง. สอดคล้องกับความถนดั ความสนใจ ฝึกทักษะกระบวนการคดิ และเรยี นรู้จากประสบการณต์ รง
32. การพฒั นากระบวนการเรียนการสอนให้มปี ระสิทธิภาพและการสง่ เสริมผูเ้ รยี นใหม้ ีความรู้ความสามารถในการวจิ ัย
มวี ตั ถุประสงคท์ ส่ี ำคัญตามข้อใด
ก. เพ่อื พฒั นาการเรียนรูข้ องผู้เรียน
ข. เพือ่ พฒั นาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษา
ค. เพือ่ พฒั นาผู้บริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาอ่ืน ๆ
ง. เพื่อพัฒนาคณุ ภาพและประสิทธิภาพการจัดการเรยี นการสอน
33. การจัดการเรียนรู้โดยการนำเอาเนื้อหาสาระการเรยี นรู้ที่มีความสัมพันธเ์ ชือ่ มโยง นำมาจัดกิจกรรมการเรยี นรูใ้ หเ้ กิด
กบั ผ้เู รยี นเขา้ ใจในลักษณะองค์รวม และสามารถนำความรู้ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจำวนั จดั เป็นการเรยี นรูร้ ูปแบบใด
ก. กระบวนการสรา้ งความรู้ ข. กระบวนการเรียนรูจ้ ากประสบการณ์ตรง
ค. กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ ง. กระบวนการจดั การ
34. แนวการจัดการเรยี นรูใ้ นการสร้างกระบวนการคดิ ผสู้ อนมขี ้ันตอนและแนวทางตามข้อใด
ก. คดั กรองพัฒนารูปแบบการเรียนรูข้ องผู้เรยี น
ข. ส่งเสริมผู้เรยี นให้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
ค. ทบทวนความรูเ้ ดิม และปรับเปลย่ี นความคดิ ใหมเ่ พ่ือให้เกดิ การเรียนรู้
ง. จดั สภาพแวดล้อม และสรา้ งบรรยากาศทีเ่ อ้ือต่อการคดิ และกระตุน้ ให้ผ้เู รยี นเชือ่ มโยงความร้เู ดมิ
สรปุ เน้ือหาสอบครูผชู้ ว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 140
สอบบรรจุขา้ ราชการครู ตำแหน่งครผู ชู้ ่วย สรปุ ยอ่ อย่างละเอยี ด เรอื่ ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
35. แนวการจดั การเรียนรู้ทม่ี ่งุ ทำให้ผ้เู รยี นมองเห็นคุณค่าของการทำงานรว่ มกนั ชว่ ยเหลือซึ่งกันและกนั เปน็ รูปแบบการจัดการ
เรยี นรูต้ ามขอ้ ใด
ก. กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสยั ข. กระบวนการวจิ ยั
ค. กระบวนการทางสังคม ง. กระบวนการคดิ
36. ขนั้ ตอนแรกของวิธีการสอนแบบแก้ปัญหา (Problem - Solving Method) คอื ขอ้ ใด
ก. วิเคราะห์ข้อมลู ข. กําหนดขอบเขตของปัญหา
ค. ทดลองและรวบรวมขอ้ มูล ง. ตัง้ สมมติฐาน
37. วธิ กี ารสอนตามขน้ั ตอนของอรยิ สัจ 4 (Buddhists Method) ขน้ั วิเคราะห์ และสรปุ ผลตรงกับข้อใด
ก. ทุกข์ ข. สมทุ ัย
ค. นิโรธ ง. มรรค
38. การเรียนรูแ้ บบ 4 Mat คำถามท่วี ่า “อย่างไร” ตรงกับผ้เู รียนทม่ี ลี ักษณะเช่นไร
ก. Imaginative Learners ข. Analytic Learners
ค. Commonsense Learners ง. Dynamic Learners
39. การจัดการเรียนรูแ้ บบ CIPPA MODEL ตัว A ตรงกับข้อใด
ก. สร้างความรูด้ ้วยตนเอง ข. มปี ฏสิ ัมพนั ธต์ ่อกัน
ค. การเรียนรูก้ ระบวนการตา่ ง ๆ ง. ผเู้ รยี นนำองคค์ วามรู้ไปประยกุ ต์ใช้
40. บุคลากรหลักในระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียนคอื ใคร
ก. ผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ข. ครูทุกคน
ค. ครูฝา่ ยปกครอง ง. ครูท่ีปรกึ ษา
41. ข้อใดเปน็ จริงเกีย่ วกบั หลกั การสอนการวิเคราะห์
ก. ต้องคำนึงถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล
ข. เลือกวิธกี ารสอนท่สี อดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ค. ผ้สู อนตอ้ งมีจรรยาบรรณตอ่ วิชาชีพและไมย่ ดึ ม่ันในวธิ ีการสอนวิธใี ดวธิ ีหนึ่งอย่างเดยี ว
ง. ถกู ทุกขอ้
42. ข้อใดไมใ่ ช่ขัน้ ตอนการออกแบบการเรยี นรู้แบบยอ้ นกลับ (Backward Design)
ก. ขนั้ ออกแบบการเรยี นรู้
ข. ข้ันตอนออกแบบหน่วยการเรียนรูส้ ูเ่ ปา้ หมายการเรยี นรู้
ค. ข้นั สร้างกจิ กรรมการเรยี นรู้ และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ง. ขนั้ จดั ทำผังการประเมิน วเิ คราะหร์ อ่ งรอยผลงานที่เกดิ ขน้ึ กับผู้เรียน
43. ข้อใด ไมใ่ ช่ หลกั การของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พ.ศ. 2551
ก. เป็นหลกั สูตรเพือ่ ปวงชน ข. เป็นหลกั สูตรเพ่ือความสามคั คีของคนในชาติ
ค. เป็นหลกั สูตรที่มีโครงสรา้ งความยดื หย่นุ ง. เปน็ หลักสูตรทีส่ นองการกระจายอำนาจใหส้ งั คมมีส่วนร่วม
สรปุ เน้อื หาสอบครูผ้ชู ่วย ภาค ข โดย The Teacher 141
สอบบรรจขุ า้ ราชการครู ตำแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย สรุปย่ออย่างละเอยี ด เรอื่ ง วิชาการศึกษา
____________________________________________________________________________________________________________________________
44. กิจกรรมทีม่ ุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มรี ะเบยี บวนิ ยั มคี วามเปน็ ผนู้ ำผ้ตู ามทีด่ ี มีความรับผดิ ชอบ และการทำงานร่วมกัน
เปน็ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี นตามขอ้ ใด
ก. กจิ กรรมแนะแนว ข. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
ค. กจิ กรรมจิตอาสา ง. กจิ กรรมนกั เรยี น
45. ข้อใดเป็นเท็จเกย่ี วกับการบรหิ ารจัดการช้นั เรียนที่ดี
ก. ครูจัดบรรยากาศการเรยี นรู้ ข. ครูจัดขอ้ มูลสารสนเทศ
ค. ครูกำกบั ดูแลชน้ั เรียนท่ีดี ง. ครูต้องควบคมุ มิให้นกั เรียนออกจากห้องเรียน
46. ผลทค่ี าดว่าจะได้รบั จากการบริหารจดั การช้ันเรยี น คอื ข้อใด
ก. นักเรียนมคี วามประพฤติเรยี บรอ้ ยดขี นึ้
ข. ช่วยให้ครูกำกับดูแลผู้เรยี นได้อยา่ งมรี ะบบ
ค. โรงเรยี นไดร้ ับรางวลั และเปน็ ที่ชน่ื ชมของผู้ปกครอง
ง. ส่งเสรมิ การเรยี นรูอ้ ยา่ งมีความสุข และปลอดภัยของผูเ้ รยี น
47. รูปแบบการจดั การช้นั เรียนท่ีดี ควรเปน็ ไปตามขอ้ ใด
ก. จัดสภาพแวดลอ้ มในหอ้ งเรยี น
ข. ส่งเสริมการมีปฏิสมั พนั ธ์ท่ดี ีระหวา่ งครูกับผูเ้ รยี น
ค. ตรวจสอบส่งิ อำนวยความสะดวกในหอ้ งเรยี นให้พรอ้ มใช้และปลอดภยั อยู่เสมอ
ง. ถกู ทกุ ข้อ
48. ผลทคี่ าดวา่ จะได้รับจากการที่ครูจัดทำข้อมูลสารสนเทศและเอกสารประจำช้ันเรียน/ประจำวชิ า คือข้อใด
ก. ได้จัดทำนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล
ข. เอกสารประกอบชนั้ เรียน ถูกต้องครบถ้วนและเปน็ ปัจจุบัน
ค. นำขอ้ มูลสารสนเทศไปใชใ้ นการพัฒนาผู้เรยี นไดอ้ ย่างเตม็ ศักยภาพ
ง. ครูมกี ารทำงานเป็นระบบและมีข้อมูลถกู ต้องตลอดเวลา
49. การจัดการช้ันเรยี น มวี ตั ถปุ ระสงค์ทสี่ ำคญั ทีส่ ดุ ตามข้อใด
ก. เพือ่ พฒั นาผูเ้ รียน ข. เพ่ือส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้
ค. เพ่อื การเรยี นการสอนของครูท่ีดี ง. เพื่อเป็นแบบอย่างของผูเ้ รียน และผ้เู ก่ียวขอ้ ง
50. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับจากการจดั สภาพแวดล้อมในชั้นเรียน
ก. ช่วยสร้างความสนใจใฝ่รใู้ ฝ่เรียน
ข. ช่วยสร้างเสรมิ ความมรี ะเบยี บวินัยให้แกน่ ักเรียน
ค. ช่วยให้นกั เรียนได้เรยี นเกง่ เป็นคนดี และมีความสุข
ง. สง่ เสริมให้กระบวนการจัดการเรยี นการสอนเป็นไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
สรปุ เนอ้ื หาสอบครูผู้ชว่ ย ภาค ข โดย The Teacher 142