The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กังวานธรรม หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-05-23 22:14:11

กังวานธรรม หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

กังวานธรรม หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

Keywords: กังวานธรรม หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน







สารบัญ

๑. กเิ ลสอยทู ่ใี จ................................ ๑
๒. เลิกละบาปประกอบบญุ ....................... ๑๓
๓. โลกเรานไี้ มเ ท่ียง............................ ๒๓
๔. ใหใจอยกู ับสติ.............................. ๓๕
๕. ความโกรธเหมอื นไฟ......................... ๔๗
๖. จิตไมเ อาถา น................................ ๖๑
๗. ทางพนทุกขคอื ทางจติ ทางใจ................... ๗๓
๘. ทกุ ขเปน ของจริง............................. ๘๓
๙. ปฏิปทาของหลวงปูม ่นั ........................ ๙๔
๑๐. ปฎบิ ตั ิตามพระพทุ ธเจา....................... ๑๑๑
๑๑. ปฏบิ ัติใหร ูจ รงิ ............................. ๑๒๑
๑๒. ภพ-ชาต.ิ ................................ ๑๓๕
๑๓. ภาวนาลา งใจใหส ะอาด....................... ๑๔๓
๑๔. รกุ ขมูลรม ไมเปนเสนาสนะ.................... ๑๕๗
๑๕. สดุ ยอดของศาสนา......................... ๑๗๓
๑๖. อยาเล้ยี งกเิ ลส............................. ๑๘๓

กเิ ลสอยทู ใ่ี จ

นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สมั พทุ ธสั สะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พุทธสั สะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สมั พทุ ธสั สะ

ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระองคนนั้

ณ บดั นีเ้ ปน ตนไป เปน โอกาสอันดที เ่ี ราจะไดน ง่ั สมาธิภาวนา
ปฏบิ ตั บิ ชู า พรอ มกบั การไดย ินไดฟ งธรรม คําสั่งสอนในทางพุทธศาสนา
การนงั่ สมาธนิ ใี้ หพ ากนั นง่ั ขัดสมาธิเพชร ใหเ อาขาซายขึ้นมาทับขาขวา
กอ น แลว กเ็ อาขาขวาขน้ึ มาทบั ขาซา ย เอามอื ขา งขวาวางทบั มอื ขา งซา ย
ต้ังกายใหเ ท่ยี งตรง แลวกห็ ลบั ตา ตาน้ีไมต อ งดูอะไรแลว ดูใจของเรา
ดีกวา เมื่อเราหลับตาเสร็จเรียบรอยแลว ก็ระลึกถึงพระรัตนตรัย
คุณพระพทุ ธเจา คุณพระธรรม คุณพระสงฆ ทว่ี า พทุ โธ ธมั โม สังโฆ
นน้ั นะ เมื่อเรานกึ เจรญิ ท้ังสามรอบแลว ก็ใหน ึกเอา พุทโธ คาํ เดียว

พทุ โธ คําเดยี วก็ใหถอื วา ใน พทุ โธ ทเี่ รานึกนนั่ แหละ มีพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ กร็ วมกันอยูนัน่ คือเปน อุบายไมใ หจติ ใจเราแสสา ย
ไปภายนอก ใหจ ติ ใจมารวม มาสงบตง้ั มน่ั อยใู นกาย วาจา จติ ของเราเอง
ธรรมดาใจของคนเราท่ยี ังมีกเิ ลส ราคะ โทสะ โมหะ อยูน้นั มนั ชอบ



คดิ นกึ ปรุงแตง อะไรตอมอิ ะไรไปภายนอก ไมค อยจะไดรวมจิตรวมใจ
เขามาภายใน เมอื่ ถงึ เวลาน่งั สมาธภิ าวนา ทานใหปลอ ยวางเร่อื งราว
อารมณภ ายนอกออกไปใหห มดสนิ้ แมม นั จะมคี วามเจบ็ ปวดทกุ ขเวทนา
อนั ใดบงั เกดิ มีข้ึนในรางกายสังขารน้กี ต็ าม ใหจ ติ ใจเราเฉย ๆ ไว อยา
ไปเปนทกุ ขเ ปนรอ นวา เราเจ็บ เราปวดแขง ขาหนา หลังอะไรไมต อง
เก่ยี ว อนั นนั้ มนั เปน ขันธมาร

คาํ วา ขันธมาร มารคอื ขันธ ไดแก ตัวของคนเราน่นั แหละ ธาตุดนิ
ธาตนุ ํ้า ธาตุไฟ ธาตุลม มันเปนตวั มารสาํ คญั ถา รางกายอยูดี สบาย ก็
เพลิดเพลนิ ไปอกี อยางหนึง่ วา เราคงไมแก ไมเจบ็ ไมไ ข และไมต าย ทีนี้
ถามนั เกดิ เจบ็ ปวดทุกขเวทนาข้นึ ก็เอาละ กลวั มนั เจบ็ มากเกนิ ไป หรือ
โรคภยั ไขเ จบ็ เกา ทม่ี อี ยแู ลว เรานง่ั สมาธภิ าวนา มนั จะกาํ เรบิ ขน้ึ มา อนั น้ี
ลว นแลว แต สังขารมาร กเิ ลสมาร ไมใ หจติ ใจไปปรุงแตง ทําใจใหเ ปน



หนงึ่ แลววา พทุ โธ แปลวา จิตผรู ู ดวงจติ ผรู อู ยูที่ไหนในปจ จบุ นั นี้ ก็ให
รวมจติ ใจดวงน้เี ขามาภายใน การนกึ การนอ ม พทุ โธ น้ัน ทานก็ใหก าํ กับ
ทีล่ มหายใจเขา ออก เปน นิมิตรหมาย และวา พทุ โธ ทกุ ลมหายใจเขา
พุทโธทุกลมหายใจออกเอาลมหายใจเปน เครื่องยึดเหนย่ี วดว ยและเอา
คําวา พทุ โธ หรือธรรมตา ง ๆ ที่ทานอธิบายไวนนั้ กเ็ ปน อบุ ายอันหนึง่
เพือ่ จะไดแ กไขจติ ใจทีม่ ีความลงั เลสงสัยในขอ อรรถ ขอ ธรรมใด ๆ กจ็ ะได
รจู กั การปลอยวางเลิกละออกไปคอื ตอ งการจิตใจสงบตั้งม่ันเปนสมาธิ
ภาวนาเสยี กอ น ถา จิตมันยงั ซานไปพุงไป เรยี กวา จิตไมรวมไมเปนหนงึ่
เปน เหตุ เปน ปจจัย ใหใจลุมหลงมัวเมา ฟงุ ซาน ราํ คาญไปตามอารมณ
ตาง ๆ มันจะเปน อะไร ๆ ก็ตอ งยอมตายไว

ดูพระพุทธเจาของเรา วนั พระองคน งั่ ใตร ม ไมโ พธนิ์ ั้น พระองค
ตง้ั ใจวา จะไมร บไปมาในทใี่ ดๆ อกี แลว การนงั่ สมาธภิ าวนาครง้ั นี้แลว วา
เอาตายสู ถา ไมไดตรสั รู เปน พระพทุ ธเจา กจ็ ะเอาที่นงั่ นน้ั เปนทต่ี าย
จะไมร บไปแสวงหาอาหารบณิ ฑบาตมาเลย้ี งชีพอีกตอไป เวน เสยี แต
จติ ใจสามารถอาจหาญตอ สูก บั กเิ ลสมาร สังขารมาร ใหเ ด็ดขาดลงไป
จนไดต รสั รเู ปนพระพทุ ธเจา เม่อื น้นั หละ จึงจะไป จงึ จะรบไปมาได
แมเลือดเนื้อเชื้อไขจะเหือดแหงไป เหลือแตหนังหุมกระดูกก็ตามที
มนั จะตายพระองคก ย็ อมตายแตด ว ยกาํ ลงั จติ ใจของพระองคต ง้ั มนั่ เปน
สมาธภิ าวนา ในคนื วนั นน้ั เอง พระพทุ ธเจา ของเรากไ็ ดต รสั รพู ระอนตุ ตรสมั มา
สมั โพธิญาณเสร็จสิน้ ไปคือ ไมห ลงไปตามมารกเิ ลส ความเจบ็ ไขไดปว ย
ความเปนความตาย ฟงุ ซา นราํ คาญ ไมเ อาทัง้ นน้ั เลิกท้งิ ละท้งิ หมด
จิตใจของพระองคก็แนว แนมัน่ คง ไมหลงใหลไปตามกิเลสกาม



วตั ถกุ าม ทง้ั โลกไมม ที ใ่ี ดทพ่ี ระองคจ ะเลกิ ละไมไ ด พระองคต ดั ละหมดสน้ิ
ลงไป จติ ใจของพระองคก็เรยี กวา รแู จงพระนิพพาน ถงึ นพิ พาน อยู
ในนพิ พาน อันเปน สถานทป่ี ลอดภัยอันตราย หลังจากน้นั แลว พระองค
ก็เรียกวา เปน ผูหมดกิเลส ละกิเลส พรอมทงั้ วาสนาไดหมดส้ิน เร่ือง
ฟุง ซา นรําคาญอยา งแตกอ นมา กห็ มดไปสนิ้ ไป

เราทกุ คนถาหากวา เราตัง้ ใจภาวนา เอาจริงเอาจงั แลว ทกุ ๆ คืน
กอนจะหลับจะนอนนั้น เราตอ งไหวพ ระสวดมนต นัง่ สมาธิภาวนา รวม
จติ รวมใจ อยา งนอ ยใหจติ ใจสงบ ระงบั เยือกเย็นสบายเสยี กอ น จึง
คอยนอน หรือจะเอาใหมนั เสรจ็ สนิ้ ลงไปก็กิเลส ราคะ มอี ยูทีไ่ หน เลกิ
ละ ปลอ ยวางใหหมดสน้ิ กิเลส โทสะ ความขดั เคอื งในจติ ในใจยังมีอยู
ทไี่ หน ก็เลกิ ละ ใหม นั หมดส้นิ กิเลส อวชิ ชา ความไมร ู ความหลงใน



จิตมีอยทู ่ไี หน ก็เลิกละใหมนั หมดส้นิ ลงไป เร่อื งตา ง ๆ มนั ก็สงบจิตสงบ
ใจลงไปไดหมดทุกอยา งทกุ ประการแตวา ภาวนาทําความเพียรละกิเลส
กเิ ลสกเิ ลสน้ันมันไมไดอ ยทู ่อี น่ื กิเลสมนั อยูท ่ใี จใจคนเราใจดวงผูร ูผคู ิด
ผนู ึกนนั่ แหละมันเปน ตัวกเิ ลสอันสําคัญ กเิ ลสท้ังหลายมนั กแ็ ทรกซมึ
อยใู นใจน้ัน ใจอนั นนั้ มันก็มายึดหนาถือตา ยดึ ตัวถือตน ยึดรางยึดกาย
ยึดชาติ ยึดตระกลู ยึดถือไปหมดทกุ อยา งทุกประการ ไมใ หม ันไปยึดถือ
อะไร พุทโธอยทู ีใ่ จ ธัมโมอยูท ีใ่ จ สังโฆอยทู ่ีจติ ทีใ่ จนี้ รวมกาํ ลังต้งั มนั่
ลงไปในจติ ใจดวงเดยี ว ทาํ ความเพยี รเพง อยใู นใจอนั นต้ี ลอดกาล รา งกาย
ยนื ก็ภาวนาพทุ โธได รา งกายเดนิ ก็ภาวนาพทุ โธได รา งกายนอนยังไม
หลบั กภ็ าวนาพุทโธน่นั แหละ

คาํ วา พทุ โธ หรอื วา อบุ ายอืน่ ใด กเ็ หมือนกัน คอื เปนอบุ ายเพอื่
ความยดึ เหนย่ี วในจติ ใจของผปู ฏบิ ตั ิ ไมใ หห ลงใหลไปตามเรอ่ื งตา งๆ สงบ
กายลงไป สงบวาจาลงไป สงบจิต ดับสังขาร วิญญาณ กเิ ลส ตัณหา
มานะ ทิฐิทง้ั หลายแหลออกไปใหหมดสิน้ จติ ใจเอามนั แจง ใสสะอาดอยู
ภายใน อยางนัน้ ทกุ คนื ทกุ คนื ทุกวนั ทุกอริ ยิ าบถ ยืน เดิน น่ัง นอน
ไมว า ตาดหู ฟู ง อะไรกต็ าม จติ ตอ งมสี ตอิ ยเู สมอ จติ ตอ งมสี มาธติ ง้ั มน่ั อยเู สมอ
จิตตองมีปญ ญา ความรอบรูใ นกองสังขารในใจของตนอยตู ลอดเวลา
กเิ ลสมารทง้ั หลายมนั จะเอาอะไรมาหลอกลวงกไ็ มใ หล มุ หลงไป เรยี กวา
วางเฉยทกุ อยาง แมม นั จะตายเวลาน้ี ก็ใหใจมนั เฉยได ธาตุดินมนั ตาย
ชางมันปะไร ธาตนุ ํา้ มนั ตายชา งมันปะไร ธาตไุ ฟ ธาตลุ ม มนั ตาย
ชา งมนั แมมนั จะไมตายเด๋ยี วนี้มนั ก็จะตอ งไปตายขางหนา อายุไม
ถงึ พนั ป รอยปกไ็ มค อยจะถึง อยามาหวงอะไรอะไรอกี พุทโธอยูในใจ



ธัมโมอยูใ นใจ สังโฆอยใู นตัวในใจน้ี ทกุ ลมหายใจเขา ทกุ ลมหายใจออก
จิตใจดวงผรู อู ยภู ายในใจนตี้ ลอดเวลา อะไรอะไรทีม่ ันเกดิ มีข้ึน ก็อยาได
หว่ันไหว ลมุ หลง มวั เมา ไปกบั คน สัตว วตั ถุธาตทุ ้ังหลายในโลกนีก้ ค็ ือ
วา ธาตดุ ิน ธาตนุ ํา้ ธาตไุ ฟ ธาตลุ ม อากาศธาตุ วญิ ญาณธาตุ มันเร่ือง
ธาตดุ ิน นํา้ ไฟ ลม จิตอยาไดมาหลงสมมติอนั นี้

โลกนเ้ี ปน โลกสมมติ เมอ่ื มนษุ ยเ กดิ ขน้ึ มากส็ มมตวิ า ตวั เราของเรา
กายเราจติ เรา เราเปน นน่ั เราเปนน่ไี ปตามเร่ือง คอื วา มันเปนการหลง
สมมติ โลกเขาสมมตใิ หอ ยา งไรกห็ ลงไปอยา งนน้ั อยา ไดห ลงมวั เมาไป
พทุ โธอยทู ีใ่ จ ธมั โมกอ็ ยทู ใ่ี จผรู ูน่ี สังโฆกอ็ ยทู ใ่ี จผรู ูน่ี ลมหายใจเขา
ลมหายใจออก กอ็ ยทู จ่ี ติ ใจดวงผรู อู ยภู ายใน มนั เจบ็ ปวดทกุ ขเวทนาอนั ใด



กอ็ ยา ไปคดิ วา เราเจบ็ ปวดแขง ก็แขง มันเจ็บ ชา งมัน ปวดขาก็ชา งมัน
ขามันปวด มันมึนชาอะไรกต็ าม เฉยไวท เี ดียว พทุ โธอยูในใจ พุทธะรู
รลู ะ รูถอน รปู ลอ ย รูวาง รไู มย ึดหนาถือตา ไมร ู ไมย ึดตัวถือตน ไมยดึ
เรายึดของ ๆ เรา วัตถขุ าวของใด ๆ ทีเ่ ปนของเรา ไมใหม นั ไปหลงไปยึด
เรียกวา เลกิ ละ ออกไปใหห มดส้นิ เหลือแตจติ ใจดวงผรู ูผูแจง
อยภู ายใน มคี วามสงบตง้ั มน่ั อยใู นจติ ใจของตวั เอง คนอน่ื ผอู น่ื เขาจะเกดิ
เปนเร่อื งของเขา เขาจะแก เจ็บไข ตาย เปนเรอื่ งของเขา จติ ใจของเราก็
ใหอยทู ่ีตวั เรานแ่ี หละ ใจเรานี้ สงบอยูท่ีน้ี ต้งั ม่ันอยูที่นี่ มปี ญ ญารอบรูอยู
ในกองสังขารนี้ ไมใ หจติ ใจดวงน้ีลุม หลงมัวเมาด้ินรนไปตามกามตัณหา
ภวตณั หา วิภวตณั หา ไมเอาทง้ั นัน้ เอกัง จิตตัง เอาจติ เปน ดวงเดียว เปน
หนึ่งอยูภายใน เอโก ธมั โม เอาธรรมอันเดยี ว เอกงั จิตตงั เอาจิตอัน
เดยี วใหส งบระงับอยทู น่ี ี้ แปลวา ปจ จัตตงั เวทติ พั โพ วิญหู ิ วิญชู น
ทง้ั หลาย ผปู ฏบิ ตั ธิ รรมทง้ั หลาย พงึ มารแู จง ปจ จตั ตงั จาํ เพาะจติ ใจดวงผรู ู
อยภู ายใน รางกายสงั ขารมนั จะเจ็บปวดทกุ ขเวทนาอันใด ชางมนั อยา
ไปยึดไปถือ มนั เจ็บมนั กไ็ มเ ลยตายไปหรอก มนั แกม นั ก็ไมเลยตายไปได
จติ อยา ไปหลงยึดถืออะไรทัง้ นัน้ แลววา จติ ใจดวงผรู ูกจ็ ะแจงใสสะอาด
อยภู ายในจิตใจของตวั เอง ความทุกขความเดือดรอ นตามคน สัตว
วัตถธุ าตุทัง้ หลาย ไมตอ งไปเกี่ยวของพวั พัน ตามรอู ยทู กุ ลมหายใจเขา
ทกุ ลมหายใจออก ลมเขา ไปใครเปน กร็ ู จติ ใจดวงผรู เู ปน รวู า ลม ลมออกมา
ใครเปนกร็ ู จิตใจดวงเดียวนน่ั แหละมนั เปน ผรู อู ยูภายใน

จงต้งั ใจรวบรวมกาํ ลังจิตกาํ ลังใจดวงน้ี ใหมีสติ ความระลึกได
ใหม ีสมาธิ ตง้ั ม่นั ลงไปในหัวใจ ใหม ปี ญญา ความเฉลยี วฉลาดในจิตใจ



อันน้ัน แกไขสถานการณต า ง ๆ ท้งั หมดไมใหม ันมายงุ เหยงิ จติ ใจไมไ ป
ยงุ กบั รปู เสยี งกลน่ิ รสโผฎฐพั พะธรรมารมณคนสตั ววตั ถธุ าตทุ ง้ั หลาย
จิตใจภาวนาอยใู นใจนนั้ เอง เปน จติ ใจท่แี นวแน มนั่ คง ไมห ลงใหล
ไปตามเรอ่ื งตา ง ๆ เมื่อจิตไมห ลงใหลไปกับสง่ิ ใด ๆ จติ ใจก็เยน็ สบาย
นงั่ ก็สบายอยูใ นใจ ยืนก็สบายอยูในใจ เดนิ ไปมาทีไ่ หนกส็ บายอยูใ นใจ
มเี รือ่ งทีจ่ ะพูดจะทําอะไร จิตใจกไ็ มไปทกุ ขไ ปรอ นกับสิง่ ท้ังหลาย มสี ติ
อยูในตัว มสี ตอิ ยใู นใจ มสี มาธอิ ยูใ นตัวในใจ มปี ญญา มีญาณอนั วิเศษ
ละกิเลส ราคะ ใหห มดไป ละกเิ ลส โทสะ ใหห มดไปสิน้ ไป ละกเิ ลส
โมหะ อวิชชา ตัณหา ใหหมดไปสิ้นไป ไมใหมีกิเลสกองไหนมายงุ เหยิง
อยูภ ายในใจนี้ เรียกวา ภาวนาทาํ ความเพียร ละกเิ ลส กิเลสอยางหยาบ
ก็ละทง้ิ เดี๋ยวนี้ กิเลสอยา งกลางกล็ ะท้ิงเด๋ยี วน้ี กิเลสอยางละเอียดลออ
อยางไรก็เลกิ ละท้งิ ทง้ั หมด

พระพุทธเจา พระองคทรงตรสั ไวแ ลว รูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร
วญิ ญาณ สิง่ เหลานี้ จติ ใจอยาไดมาหลงยึดเอาถือเอา เขาเปนเพยี งธาตุ
ส่ี ขันธหา ตามธรรมดาอยอู ยา งน้นั เอง เมอ่ื จติ ใจดวงน้ี ไมม าเก่ียวเกาะ
กงั วลวนุ วาย รางกายสังขารเขาก็สบายอยูต ามหนา ท่ีของเขา กิเลสมาร
สงั ขารมาร ในจิตในใจนน้ั กไ็ มวุนวายนะ เพราะจติ ตงั้ ม่ันเปน ดวงหน่งึ
ดวงเดยี วอยภู ายในจติ นน้ั เมอ่ื จติ สงบ แนว แนม น่ั คง อะไร ๆ กส็ งบหมด
ถา จติ นีไ้ มส งบ วา วนุ ไปตามอารมณตา ง ๆ แลว กจ็ ะวนุ วายตลอดกาล
เพราะจิตกิเลสมันพาไป จิตกิเลสมันพาอยู จิตกิเลสไมเลิกไมละ
ไมว าง เวลาภาวนา สรา งคณุ งามความดใี หเ กดิ มใี นจติ ใจของเราน้ี ทา นวา
ใหไมไ ปท่ีไหน ขา งหนากไ็ มไ ป ขางหลังก็ไมไ ป เบอื้ งบนเบ้ืองตํ่าไมไ ป



ไหน จติ ใจดวงผูรูฟ งธรรมอยทู ไี่ หนกร็ วมจติ ใจลงไปทน่ี ่นั เรยี กวา สงบ
นงิ่ อยู แนวอยู ม่ันอยู คงอยู เหมือนแผนดนิ เรียกวา จติ ใจไมห วัน่ ไหว
เหมอื นแผน ดนิ แผน ดนิ ทเ่ี ราอยอู าศยั นง่ั อยนู ้ีเขาไมไ ดม คี วามทกุ ขค วาม
รอ นประการใด เขาเปนธาตดุ นิ อยูอยา งนนั้ เอง ใครจะเอาส่งิ โสโครก
ปฏิกูลมาท้งิ ทิง้ ใส กองเทา ภูเขา ใหญกวาภเู ขา กเ็ ปน เรอ่ื งของเขา จิต
เราไมตองไปยดึ ไปถือ เรยี กวา เฉยอยใู นใจ เมื่อวางเฉยเหมือนแผนดิน
เหมือนภเู ขา เหมือนแผนดนิ แลว จิตมนั กจ็ ะสบาย เปน สุขอยภู ายใน
เอกัง จติ ตงั เปน จติ ดวงเดยี ว เอโก ธัมโม เปนธรรมดวงเดยี ว ระลกึ อยู
ภายในตวั ภายในใจน้ี แนวแนม ่ันคงไมหลงใหล มสี ตสิ ัมปชัญญะ มีสมาธิ
จติ ตัง้ ม่นั มปี ญ ญา รอบรใู นโลก รอบรใู นกองสงั ขาร ไมไดเกบ็ เอาอะไร
มาเปนเยอื่ ใยในจติ ใจอกี เรยี กวา จิตมนั กลา หาญชาญชยั ระลกึ และอยู
ไดใ นตัวในใจของตนเอง คนอ่ืนไมเ กย่ี ว เปนเรื่องของแตล ะบคุ คล

การปฏบิ ตั ิภาวนานน้ั คนอน่ื จะมาชวยภาวนาใหไ มได พระพทุ ธเจา
ของเราพระองคก ท็ รงตรสั วา เราตถาคต ไมไ ดไ ปภาวนาละกเิ ลสใหส าวก
สาวกทง้ั หลายไดย นิ ไดฟงแลว กไ็ ปภาวนาละกเิ ลสของตนใหเ บาบาง
หมดส้ินไปก็แลวกนั ไมใชว า พระพุทธเจา ไปละกเิ ลสความโกรธให
ละกเิ ลสความโลภ ละกิเลสความหลงไมได อุปมาเหมือนคนเราหิว
อาหาร เราจะใหคนอื่นรบั ประทาน ตัวเราไมร ับประทานมนั กห็ วิ อยูนัน่
การภาวนาละกเิ ลสนก้ี ค็ ลา ยกนั เราตอ งเลกิ ตอ งละ ตอ งปลอย ตอ งวาง
ออกไป อยา ไดด้ินรนไปตามอาํ นาจกิเลส ตัณหา ธรรมดากิเลสในใจของ
คนเรานั้น ทานวา ตัณหา ความดิน้ รน ไมม ีเพียงพอ นตั ถิ ตณั หา สมานที
แมนา้ํ จะเสมอดวยตณั หาไมม ี แมน ํา้ ลําคลองยังเต็มในฤดูฝน แตต ัณหา



ในจติ ใจมนุษยคนเรามนั ไมพอ ไมอ ่ิม ไมพ อ ลุมหลงแลว กล็ มุ หลงอีก
วนเวยี นอยอู ยา งน้ี ไมม ที จ่ี บทส่ี น้ิ ทา นจงึ วา ตณั หาอยา ไดต ามมนั ไป สงบ
กาย สงบใจ สงบวาจา อยูภายในจิตใจดวงผูรนู ี้ อยใู นตวั จติ ใจก็จะ
เยอื กเยน็ สบาย คนเราถา ใจสบายแลว กายมนั ไมว า อะไร รปู ขนั ธร า งกายเขา
ไมวา อะไร เขาไมมีจติ มีใจประการใด ทีม่ ันวาวนุ วนุ วายอยู มันเรื่องของ
จติ ใจไมสงบทงั้ นน้ั

ถามาภาวนา ทาํ ใจของตนใหสงบระงับ เยือกเย็น สบาย แนว แน
มน่ั คง ไมหลงใหลแลว น่งั ที่ไหนท่ีนัน่ ก็เปนที่ภาวนาชมุ เย็น เปนสุข
ทง้ั กาย ท้ังวาจา ทั้งจติ ท้ังใจทั้งน้ัน ไมวาจะทํากจิ กรรมการงานใด ๆ
เปน หนาทขี่ องมนุษย มมี อื กท็ าํ งานเขียนหนังสือ มเี ทากเ็ ดนิ ทาง มตี า

๑๐

กด็ ู มหี กู ฟ็ ง ฟง แลว พจิ ารณาลงสหู ลกั อนจิ จงั คอื ความไมเ ทย่ี ง หลกั ทกุ ขงั
รา งกายสังขารของคนเราน้ี เต็มไปดวยความทกุ ข ความเดอื ดรอน
อยา งนีแ้ หละ เกดิ มาก่ภี พก่ีชาตแิ ลว มันก็ยังทุกขอยูอ ยางนแี้ หละ ถา เรา
ไมภ าวนาตดั ละกเิ ลสราคะโทสะโมหะในใจนใ้ี หห มดสน้ิ กจ็ ะมาเดอื ดรอ น
วนุ วาย ไมจบไมสนิ้ จงเลกิ ละ ปลดปลอ ย ตดั กระแสตาง ๆ ออกไป
ตัวกไู มม ี ตวั ขา ไมมี ตวั เราของเราไมมี อะไรท้งั หมดมันเปน ของโลกเขา
โลกเขาลมุ หลงมวั เมาอยา งนตี้ า งหาก จติ ใจของเรา อยาไดมาลมุ หลง
มวั เมาตามเขาอกี ตอไป มีความสงบตง้ั ม่นั อยูใ นจิต มีจิตใจอันไมไ หว
หว่นั พรน่ั พรงึ เปรยี บเหมอื นอยางวา พน้ื พสุธาหนา แผน ดนิ อะไรกต็ าม
จิตใจไมหวนั่ ไหวเหมือนแผนดนิ แลว ก็สูก ิเลสมาร สังขารมารไดห มด ละ
กิเลสออกไปไดห มด แตถาไมส งบระงบั วาวนุ ไปกับอารมณกิเลสแลว
ก็ไดแตว าหลงใหลอยอู ยางน้นั เอง

บดั นเ้ี วลาน้ี แมจ ติ ใจดวงไหนมาลมุ หลงมวั เมา ในรปู ในนาม ในกาย
ในจิตของเรา จงปลอยวางเรือ่ งราวท้งั หลายออกไปใหหมดสิ้น ยงั จิตใจ
ดวงผูรภู ายใน ใหรูแ จงแทงตลอดในธรรม ไมใหจติ ใจดวงน้ี เรร อ น
วนุ วาย ด้นิ รนไปตามกิเลสกาม วัตถุกาม จงรวบรวมกําลังจิตกําลังใจ
ของตนใหมกี ําลัง มคี วามสามารถ อาจหาญ ไมใ หมคี วามทอแทออ นแอ
ในหวั ใจแตป ระการใด

พระพทุ ธเจา ทานไมก ลัวตาย เราจะมากลวั ตายอยูห รือ พระพทุ ธเจา
ทานวางเฉยไดทุกอยา ง เราจะมาไมวางเฉย ยึดหนายึดตา ยึดตัวถอื ตน
ยดึ เรา ยึดของ ๆ เรา ยึดถือแลวเอาไปไดแคไหน คนเขาที่ตายไปกอน

๑๑

พวกเราเขาเอาอะไรไปเน้อื หนังมังสา กระดูกเสน เอน็ ของเขาตายแลว ก็
ทิง้ ไวในโลกนี้ เมอ่ื ถงึ เวลา เราทา นท้งั หลายแตกดบั ตายก็เหมอื นกัน เอา
อะไรไปไมไดท ั้งน้ัน

เหตุนนั้ บัดน้ี เวลาน้ี จงปลอยวาง รเู ทา ทัน อยาไดมายึดหนา
ถือตา ยึดตวั ถือตนเลย ยังจิตยงั ใจใหผ อ งใสสะอาด ต้ังมัน่ เท่ียงตรงคงท่ี
อยูในธรรมะปฏบิ ตั ิ เมอ่ื จติ ใจของพระโยคาวจรเจา ท้ังหลายอยูในธรรม
ปฏิบตั แิ ลว ก็จะเยน็ ทงั้ กาย ทง้ั วาจา เย็นท้ังจติ ท้งั ใจ เรือ่ งราวเรา รอน
ยอ มไมม ี มีแตค วามสขุ จติ สขุ ใจเทานั้นเอง นแ่ี หละ เราทานทง้ั หลาย
การปฏบิ ัติบูชาภาวนา ละกเิ ลสนัน้ เปน หนาทขี่ องเราทุกคน จะตอง
ประกอบกระทาํ ใหเ กดิ ใหม ขี น้ึ เมอ่ื วา เราทา นทง้ั หลายพากนั ไดย นิ ไดฟ ง แลว
ขอใหกาํ หนดจดจาํ นําไปประพฤติปฏบิ ตั ิ กค็ งไดรบั ความสขุ ความเจริญ
เอวัง กม็ ดี วยประการฉะน้ี

สัพพีตโิ ย วิวัชชันตุ สพั พะโรโค วินสั สะตุ
มา เต ภะวัตวนั ตะราโย สขุ ี ทฆี ายุโก ภะวะ
อะภวิ าทะนะสีลสิ สะ นจิ จงั วฑุ ฒาปะจายโิ น
จัตตาโร ธมั มา วัฑฒนั ติ
อายุ วณั โณ สุขัง พะลัง ฯ

๑๒

เลิกละบาปประกอบบุญ

นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พทุ ธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พทุ ธสั สะ

ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระองคนั้น

ตอแตน ้ไี ปเปน โอกาสอนั ดีท่ชี ีวติ ของเรายนื ยาวคราวไกลมาถึงวัน
เวลานง่ั สมาธิ ภาวนา การน่ังสมาธนิ ้ี ใหพากันนงั่ ขัดสมาธเิ พชร เอาขา
ซายข้ึนมาทับขาขวากอน แลวก็เอาขาขวาข้นึ มาทับขาซา ย เอามือขวา
ทับมอื ซา ย ต้งั กายใหเ ทย่ี งตรง ต้งั ใจฟงธรรม ต้ังใจภาวนาจรงิ ๆ ใน
ชว งเวลาท่ีเราฟงธรรมอยู การฟง ธรรมน้ี ถาจิตใจเราจดจออยูในการ
ไดย ินไดฟง กเ็ ปน เหมอื นหนง่ึ เปน บรกิ รรมภาวนาอนั หน่ึง ไมใหจติ ใจ
เราไปท่ีอืน่ ได ดว ยการฟงธรรม การฟง ธรรมนี้ ทา นวา เปนบุญเปน กศุ ล
อันสําคญั ย่งิ เพราะวาสิง่ ใดที่เราลังเลสงสัย ในทาน ในศลี ในภาวนา
อันใดอยู ชว งขณะท่ีเราฟง ธรรมนนั้ จะแกค วามลงั เลสงสยั ในใจของเรา
ได ดว ยการฟงธรรม การฟง ดว ยดยี อมเกดิ สติปญญา คําวาฟงดวยดี
ในเวลาทีเ่ ราฟง ใหม ีสติ ความระลึกไดอยเู สมอ ไมใ หจ ิตพล้งั เผลอ

ถาเรานึกบรกิ รรม ภาวนาพุทโธ๑ก๓ใ็ หน กึ ไดท กุ ลมหายใจเขา ออก ให

จติ ใจสงบระงบั แนว อยูในบริกรรมนัน้ อบุ ายธรรมใดๆ กต็ าม ถา หากวา
กําหนดจรงิ ๆ นํามาตกั เตือนจติ ใจของตนแลวกด็ มี ีประโยชนท กุ อุบาย
ธรรม ทา นเปรียบอปุ มาเหมือนอาหารทีม่ นุษยค นเราบรโิ ภค อาหาร
นัน้ ไมเ ปน พษิ เปน ภัย เราบรโิ ภคอาหารชนดิ ใดกต็ าม ยอมยังชีวติ ให
เปน มาโดยลาํ ดบั คนเราทกุ คนนน้ั ตง้ั อยไู ดด ว ยอาหารเกดิ มาหลายสบิ ป
แลว ก็มี ชวี ติ ทเี่ ปน มาไดต อ วัน ตอคืน ตอ เดือน ตอป ตอ หลายสบิ ปมา
นนั้ อาหารเปน เครือ่ งจนุ เจอื ชีวิตใหเ ปนมา การปฏบิ ัตธิ รรมก็เหมอื น
กัน เราจะตอ งอาศยั การนึก การเจริญ ทานใหช อ่ื วา บริกรรม นกึ นอ ม
ส่งิ ที่เรานึกนอมใหตอ เน่ืองกนั ไป เพอ่ื ตัดอารมณ สญั ญา กิเลส ตัณหา
ในใจของเรานน่ั แหละ ใหม ันขาดสะบั้นลงไป

ธรรมดากิเลสนั้นทา นวา กิเลสมาร สงั ขารมาร จติ ที่ปรุงแตงกเ็ ปน
มาร เปน กิเลส สงั ขารมาร กเิ ลสมารนแี่ หละ มันเปนเหตุ เปน ปจ จยั อยู

๑๔

คอื มันคอยหลอกลวงใหคนเราพล้ังเผลอ ลมุ หลงขาดสติ ขาดสมาธิ
ขาดปญ ญา ขาดวิชชาความรูในทางพุทธศาสนา ก็เพราะกเิ ลสมาร
สงั ขารมาร จติ สังขาร ขนั ธมาร รปู รางกายธาตุ ๔ ขันธ ๕ น้ีก็เปน
ตวั มารอนั สาํ คญั ถา ใครรไู มเทา เอาไมท นั ตวั ขันธมารน้ี เวลาอยดู ีสบาย
มันกพ็ าใหเพลิดเพลนิ อยางหน่งึ ก็เปน ทางหลงไปได ทนี ้ีถา เกดิ เจบ็ ไข
ไมสบาย ออดๆ แอดๆ มนั ก็เปน อปุ สรรค คือมันเอาความไมส บายมา
เปน อารมณ แทนทีจ่ ะเอาพทุ โธพระพทุ ธเจา เปน อารมณ ไมเ อา เอา
ความไมส บาย ความเจบ็ ไขไ ดปวยมันเกิดข้ึนนดิ หนอ ย มนั ก็ปรุงแตง
เรอ่ื ยเปอ ยไปจนถึงขั้นวาจะถึงความแตก ความตายแนละคราวนี้ มนั
ปรงุ ไปแตงไป พระพทุ ธเจาพระองคจ งึ ไมใ หเ ชื่อ ไมใ หหลง อันธรรมดา
รปู นาม กาย ใจของมนษุ ยน น้ั ทา นวา มนั มกี ฎเกณฑมาจากกรรมเปน
ของของตน คนเราถาหากวาทํากรรมชัว่ มกี ารฆาสตั วตดั ชีวติ ไมเ วน วาง
ไมเวน วาง แตภพกอ นหนหลงั บุคคลผมู อี ายสุ ้ันพลันตาย กม็ าจาก
เหตนุ ี้ คือทําลายชีวติ ผูอืน่ กพ็ ลอยใหช ีวติ ของตนสนั้ พลนั ตาย การท่เี รา
มีชวี ิต ลมหายใจอยูในขณะน้ี เวลาน้ี เชือ่ วา เปน ผมู ีบุญมีกศุ ล เราจะได
นง่ั สมาธภิ าวนาบริกรรมพทุ โธในใจ หรอื จะนึกอาการ ๓๒ อยางทสี่ วด
ไปเมื่อตะกน้ี ก้ี เ็ ปนอุบายอนั หนงึ่ คือจติ มนั หลงกาย หลงรปู ขันธ แตละ
ชน้ิ แตละอนั เมื่อจติ มันหลงแลว แมส่ิงนั้นจะไมม่นั คงถาวรกต็ าม จติ
มนั ก็หลอกลวงใหห ลงใหลไปวา รูปขันธอ าการ ๓๒ น้ีเปนของเท่ียง
มน่ั ถาวรย่ังยนื ตลอดไป ไมมแี ก ไมมเี จ็บ ไมม ตี าย มนั โกหกพกลม
ทั้งนนั้ เราจะหยบิ ยกอันใดมาพิจารณาในกายคตาสติกรรมฐานไดทุก
อยา ง ถา จะเอาคาํ วาปฏกิ ูลไมส วยงาม ในรางกายของเราน้เี ต็มไปดว ย
ของไมส ะอาดมีประการตา งๆ ก็เตม็ ตัว

๑๕

เราทุกคน กาํ หนดไปเถดิ เราจะรูไดเขา ใจ แตว า เมอ่ื ไมกาํ หนดไม
เพงดู มองแตผวิ เผิน อาการภายนอกก็มกั จะใหสําคญั ผดิ คิดวาตัวเรา
น้มี น่ั คงถาวรยัง่ ยนื ไมม ีแก ไมมีเจ็บ ไมมไี ข และไมม ตี าย เม่อื เวลา
มันเจบ็ ไขไ ดปว ยขน้ึ มาแลว เอาละทนี ีล้ ะยงุ ยากทส่ี ุด เพราะจติ ที่มนั
สงั ขารมาร กเิ ลสมารน้ัน มนั เอาขนั ธมารเปน เหตุเปน ปจ จยั เอาสิง่ นี้
แหละมากระตุนเตอื น เม่ือคนเราเจบ็ ไขไดป ว ย ไมอ ยูดีสบาย จติ มนั
ก็วิตก วิจารณไ ปทกุ แงท กุ มุม เพราะวาจิตไมส งบ ถาจติ สงบแนวแน
ม่ันคง ปลงกรรมฐานตก อนั ความเจบ็ ไขไดปวยไมใชเฉพาะแตม นษุ ย
แมสัตวส ง่ิ เดรัจฉาน เขาก็เจ็บไขไ ดป วย หรอื เขาก็ตองตายดวยมือมนษุ ย
ไปเกบ็ มาเปนอาหารการกินมนษุ ย เรียกวา บังคับบญั ชาธาตุชวี ติ ของ
สัตวทง้ั หลายมา

แตมนษุ ยคนเรานั้น ไมไ ดสาํ นกึ ระลกึ ขนึ้ มาในใจของตวั เอง สิ่งใด
ทต่ี นชอบคอพอใจ ก็ทําไปตามอํานาจนั้นๆ ฉะนัน้ บาปกรรมตางๆ มนั
จึงใหผล แมจ ิตใจของคนมงุ หวงั เพ่อื จะใหไ ดค วามดมี ีบญุ กุศลกต็ าม แต
สงิ่ ท่มี นุษยป ระกอบกระทําอยู มนั เปนไปเพื่อบาปอกุศลอยภู ายในตวั
ภายในกาย วาจาจติ นน้ั กไ็ ดร ับผลของบาป ทีน้เี มื่อไดร บั ผลของบาป
มากจนกระท่ังปรากฎการณอ อกมา แลวกม็ าเสยี อกเสียใจ บางคนเกดิ
มาตาบอดต้ังแตกําเนิดเกดิ มา ไมเห็นฟา เห็นดนิ อะไรเลย เพราะวา จะ
กุบอกกม็ าเปนทกุ ขเ ปน รอ น วาตนเปนคนตาไมเห็น บางคนก็มอื เทา
อวยั วะรา งกายทกุ สวนเสียไป หูเสียไป ตาเสียไป จมูกเสียไป ปากลนิ้
ตวั เสยี ไป บางคนจนพดู ไมได ยิ่งกวา น้ันไป ทา นวา จติ เปน ใบ จติ เปน บา
เสยี จรติ ผดิ มนุษย กย็ ง่ิ รา ยไปอกี แมรางกายจะเปนรปู มนษุ ยกต็ าม

๑๖

แตจติ ใจนั้นเหมอื นกับวาตกอยใู นหมอ นรก เดอื ดรอ นวุน วายทง้ั พอ แม
ญาตกิ าวงศา รองไหตลอดวัน ตลอดคนื นแ่ี หละคือวา บาปท่มี นษุ ยทาํ
มันไมฟ งละ เวลามันจะทําละ ขาจะทําแลว ใครจะมาขัดขวางไมได ทํา
ไปตามอํานาจ กิเลสความโกรธ กเิ ลสความโลภ กิเลสความหลง แลว
ผลมันใหม าแลว ก็ไมพ อใจ เปนทุกข

นี่แหละพระพุทธเจาของเรา พระองคจึงไดตักเตือนสั่งสอนวา
อยา ทาํ บาป ต้งั ใจทาํ บญุ ต้งั ใจรักษาศีล ภาวนา ดี ชั่ว บาป บญุ คณุ โทษ
ประโยชนและมิใชป ระโยชนอันมันเกิดขึน้ ในกาย วาจา จิตของคนเราน้ี
ไมม คี นอนื่ ใดจะมาทาํ ใหตัวเราเอง ทาํ เอาเองทั้งนนั้ ใจคิดอยใู นสิง่
ทีเ่ ปน บาป จะทาํ บาปอยูตลอดเวลา อันนนั้ กไ็ ดชือ่ วา ทาํ กรรมทาง
จิตทางใจอยู ไมว าอยา งไร คนเราชอบพูดแตว าจาทไ่ี มดี ไมง าม มัน
กช็ ่ือวา ทําบาป พดู บาป กลา วบาปอยูตลอดเวลา ความประพฤติการ
กระทําก็ทาํ ไปในสิง่ ที่เปน บาปเปน อกุศล แตคนเราผูประกอบกระทาํ
มนั ไมร สู กึ ตวั มกั จะมาเหน็ วา ตวั เราพดู ดวี า ดี ถกู ตอ ง หาไดร ไู มว า จติ ใจ
ของเราภายในนน้ั มนั รอ นหรอื มนั เยน็ มนั ผดิ หรอื มนั ถกู สงบหรอื ไมส งบ
ต้ังมัน่ เทีย่ งตรง คงท่ไี หม ขยนั หมั่นเพียรในการปฏิบตั ิบชู าภาวนาไหม
หรือมีอารมณอันใดเปนเครื่องอยูอาศัยภายในใจของตน สิ่งเหลานี้
เราตอ งภาวนาท้ังนนั้ จงึ จะเขาใจ จิตใจสงบระงบั จึงจะเขาใจได ไมใ ชวา
คดิ ปรงุ แตงไปอะไรตอมอิ ะไร หลักการในทางคาํ สอนทางพุทธศาสนา
ทานสอนกันไวมานานแลววา อันโทษของคนอื่นเห็นไดงาย แตวา
ฝายของตัวเห็นไดยาก สงิ่ ที่เราทําผิดอยูไ มร สู ึกตวั แตคนอืน่ ทาํ เลก็ ๆ
นอยๆ ก็รูไดเ ขาใจ นคี่ อื วาใจสงนอก ใจไมส งบตง้ั ม่นั ใจไมนกึ ถึงความ

๑๗

ตายท่จี ะมาถึงตน จิตมนั กว็ นุ วาย แสสา ยไปในแตเ รื่องภายนอก ไมมา
รแู จง รูจกั รจู รงิ ภายในตัวของตัวเอง ปลอยใหค วามประมาทมวั เมาเขา
ทบั ถม จิตใจก็มดื มดิ ปดบัง เม่ือมืดมดิ ปด บงั มากเขาเทา ไหร ไมม ที าง
รูสึกตัวได เวลาทีเ่ รายังมีสติอยูพอจะตัง้ จิตต้ังใจบรกิ รรมภาวนาพุทโธ
ใหใจของเราสงบระงบั ก็ใหพ ากนั รีบทาํ รบี ทาํ รบี ปฏิบตั ิ เพราะวา วนั
เวลาไมไ ดรอทาใคร ชวี ิตของคนเรานัน้ มันไหลไปสูความแก ความชรา
ความเจ็บไขและความตายอยูตลอดเวลา ไมไดห ยุดหยอ น ถา ผูปฏบิ ัติ
ธรรมทัง้ หลายมาเลอื กกาล เลือกเวลาอยู หมายวา ขา งหนา เราจะทาํ
อยางนัน้ อยา งน้ีทงั้ หมดนนั่ แหละ อยาไปเชื่อ ไปหลง เวลาปจจบุ ันเปน
เวลาสําคัญ อดตี อนาคต ไมส าํ คัญ อดตี อนาคต มนั ปจ จุบนั มนั ผาน
มา ปจ จุบนั จะไปถึง ดวงจติ ดวงใจในเวลาปจจบุ ัน สติก็จติ ผูรนู ัน่ เอง
เปน ผูร ะลกึ ขนึ้ มา ระลึกอยเู สมอ

๑๘

ในมหาสตปิ ฏฐานพระองคสอนไวใหร ะลึกทุกเวลา และใหระลกึ
ใหมากดวย สตนิ ้นั ใหม ากที่สุดกอ นจะนั่ง น่งั ภาวนาแลวกใ็ หมสี ติ
ระลึก ระลกึ ภาวนาอยนู ั่นเองต้ังใหม ่นั เอาใหม นั จริงจังลงไป คอยระวงั
สังขารมาร กิเลสมาร มันเปนอปุ สรรคคอยฆาคอยทําลายอยูเ สมอ
มันก็อางความไมส บายบาง อางความสบายบาง พาใหหลงลืมขาด
สตสิ ัมปชญั ญะ ขาดสติความระลึกได มนั ลอยออกไป อารมณอน่ื
พทุ โธพระพุทธเจาอยูทีน่ ้ี จิตมนั ไมเ หน็ ไมม าอยูท่นี ี้ พทุ โธพระพทุ ธเจา
คอื จติ ดวงทร่ี อู ยเู ดย๋ี วน้ี ขณะนแ้ี หละ ผจู ะเขา ถงึ พทุ ธะ พทุ ธะแปลวา รู
รจู กั รจู กั ผดิ รจู ักถกู รูจักบาปละบาป รจู กั บุญทาํ บุญ รจู กั การนงั่ สมาธิ
ภาวนา ปฏบิ ัติบูชา ภาวนาในใจ ถาไมรจู กั เหลานแ้ี ลว ประกอบกบั ทาํ
ไปโดยความไมรู ผลทีส่ ุดแทนที่มันจะสงบระงบั เลยไดร ับความไมสงบ
ระงับ ไมใชเปน ความสุข มันเกดิ ความทกุ ขขึน้ มาแทนที่

การนงั่ สมาธิภาวนามนั เปน ความสุข ความสบาย เรยี กวา เปน
เวลาหยุด กายกรรม สง่ิ ทท่ี าํ การงานดวยกายกไ็ มมี เรยี กวา นั่งขัดสมาธิ
ภาวนาสงบระงับหมด นน่ั คือวา กจิ กรรมที่จะใหเปน บาป เปน อกศุ ลก็
ไมม ีแลว วจกี รรม คําพดู ตางๆ ก็ไมม ี มโนกรรมจิตใจเราก็นึกนอมอยู
ในบริกรรมภาวนา นกึ นอมอยูในกายคตาสตกิ รรมฐาน นึกอยู เจรญิ
อยูในศาสนธรรม คําสอนพระพทุ ธเจา ท้ังกาย ท้งั วาจา ท้ังจิตทง้ั ใจ ก็
ทาํ ความดีเปน อันหนง่ึ อันเดียวกนั ไปโดยตลอด จติ ทเ่ี ศราหมองขุนมัว
ก็ยอมหายไป จิตทเี่ บิกบานยมิ้ แยม แจมใสในทาน ศีล ภาวนาก็บงั เกดิ
มีขน้ึ ความทอแทอ อนแอในดวงจิต ดวงใจกห็ มดไป มีแตศ รัทธาภาษา
พระ ความเชือ่ ความเลอื่ มใสในทางพุทธศาสนา โมโหโทโส ฟุงซา น
รําคาญ ดบั ไป จิตใจก็เหมือนวา ประทปี ชวาลาสอ งทางสวา งไสว

๑๙

ทําอะไรก็รู พดู อะไรกร็ ู คิดอะไรกร็ ู บาปจะเกดิ ขึน้ กร็ ู ละไดกอ นมันเกิด
ขึน้ บุญกศุ ลก็รจู ักประกอบกระทาํ มันมีอยูใ นดวงใจน้ีทงั้ นั้น ไมตอ งไป
หาทอ่ี ืน่ จงึ วา มีอยใู นพุทโธ คณุ พระพทุ ธเจา

พุทโธพระพทุ ธเจานัน้ พระองคต ้ังอกตั้งใจบาํ เพญ็ บารมมี า ๔
อสงไขยแสนมหากปั จงึ ไดม าตรัสรเู ปนพระพทุ ธเจาขึ้นในโลก เราทกุ
คนก็ใหเ ปนผมู ีสติ ระลกึ ถึงพทุ ธองค วาทําไมพระองคจงึ มคี วามพาก
ความเพียร ความอด ความทน ความขยนั หมน่ั เพยี รไมท อถอย ทําไมใจ
ของเราจึงมีแตทจี่ ะทอ แท ออนแอ ทอถอยอยูเสมอ เวลาจะทาํ คุณงาม
ความดี ไมคอ ยเสยี สละชีวติ สู ฉะนน้ั สงั ขารมาร กเิ ลสมารอนั ใดทมี่ นั
จะมาทาํ ใหจ ติ ใจเราหลงกต็ อ งระลกึ ถงึ พระบรมศาสดาในวนั ทพ่ี ระองค
จะไดตรัสรู พระองคเ สียสละทกุ สง่ิ ทุกประการ แมช ีวิตเลอื ดเน้อื เช้ือไข
พระองคก็เสยี สละ นง่ั สมาธภิ าวนา พระองคไม จะไมลกุ ไปมาในทใ่ี ดๆ
แมชวี ิตจะแตกดบั กช็ างมันเถอะ ถา ไมไดตรสั รเู ปน พระพทุ ธเจา จึงไม
ทอถอย แสดงถึงน้าํ พระทัยใจพระพทุ ธเจาหนักแนน เหมอื นแผนดิน
พน้ื พสธุ าหนา แผน ดนิ มคี วามหนกั แนน อยา งไร นาํ้ พระทยั ใจพระพทุ ธเจา
ของเรากห็ นักแนน อยางนนั้

อนั เราทกุ ๆ คนทุกดวงใจ ถา เราไมทาํ ใจเหมือนแผนดนิ แลว ก็
จะมาหวั่นไหวส่นั สะเทอื นอยูในโลกนี้ ถา โลกทเ่ี ราอยูนท้ี า นใหช่อื วา
โลกธรรม ๘ ประการ มีลาภกต็ อ งมีเสอื่ มลาภเปนคกู นั มยี ศก็ตอ งมี
เสอ่ื มยศเปนคูกนั มสี ุขก็ตองมีทกุ ขเปน คูกัน มีสรรเสรญิ เยินยอ กต็ อง
มคี วามติเตียนนินทาเปนคกู ัน ถาใครจะไปเลือกเอาขา งใดขา งหนึ่งมัน
กไ็ ดทง้ั ๒ อยา งนัน่ แหละ เพราะธรรมดาโลกมนั เปนอยูอยางน้ี ใหช อื่ วา
โลกธรรม กระทบกระเทือนใจมนษุ ยคนเราอยตู ลอดกาล แตค นเราผูไม

๒๐

ภาวนา จิตใจไมสงบ มนั ก็จะเลือกเอาแตค วามสรรเสริญเยนิ ยอเทดิ ทนู
วา ดวี า เดน หารูไมวา ถาจติ เราไปหลงอยูในแงแ หงความดี ความ
สรรเสรญิ เมอ่ื ความตเิ ตยี นนินทาวารายปายสี จิตหลงอนั น้มี ันก็ออก
ไปยดึ เอา ก็เกิดเปน ทกุ ขข ้ึนมา ถา อะไรมันเกิดขน้ึ ใหร เู ทา ทันไวว า เรา
ภาวนาทําความเพียรเพ่ือละกิเลสใหม ันหมดไปสน้ิ ไป ไมใ ชภาวนาเอา
ทกุ ข เอากิเลส เรื่องตา งๆ มันก็ตกออกจากจิตใจไป จติ ใจกย็ อมแจง
สวางไสวอยภู ายในใจของตวั เอง ไมวาจะนง่ั จะนอน จะยืน จะเดิน
ไปมาท่ไี หน ทกุ อิรยิ าบถก็บําเพญ็ ภาวนาไดต ลอดเวลา สบายก็ภาวนา
ได ไมสบายก็ภาวนาได ย่งิ ไมส บายเทาไหร ยง่ิ ภาวนาใหม าก เพราะ
วาความไมส บายนน้ั มนั แสดงทุกขสัจ ผใู ดเห็นทุกข เห็นโทษ เหน็ ภยั ใน
การมาเกิด มาตายในโลกนี้ ผนู นั้ ก็จะรบี เรง สรา งคุณงามความดขี องตน
ใหเ จริญกา วหนาไป ไมป ลอยใหจิตใจเลอะเทอะฟุงซานรําคาญไปในที่
อนื่ ผนู ้ันจะตอ งสงั วรระวังรกั ษาจิตใจของตนใหม าสงบตั้งมัน่ อยภู ายใน
กายวาจาจติ จนระลึกได เจริญไดท กุ ลมหายใจเขา-ออก ในจิตใจใหม นั
มองเหน็ อยูเ สมอ

พระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ ทาน ศลี ภาวนา การสดบั รบั ฟง
พระธรรมคาํ ส่ังสอนเพ่ือเอาจิตใจของเราใหม ารจู ัก รแู จง รูจ รงิ รูอยู
ในกายในจติ ของตวั เอง ไมใ หจ ิตประมาทมวั เมา เขามายาํ่ ยจี ติ ใจของ
ตวั เอง จนกระทัง่ หาเวลานัง่ สมาธิ ภาวนา สงบกาย สงบจติ ไมไ ด
มแี ตค วามทกุ ขค วามเดือดรอ นในหวั ใจตลอดเวลา สง่ิ เหลา นีม้ นั ไมใ ช
คนอนื่ จะแกใหได ผูอ นื่ คนอนื่ กเ็ ปนผแู นะนาํ ตักเตอื น บอกเลา สัง่ สอน
ตามกาํ ลงั ความสามารถเทา นน้ั เอง แมอ งคพ ระศาสดาสมั มาสมั พทุ ธเจา
ของเรา เมอ่ื พระองคย งั ทรงมีพระชนมชพี อยู พระองคก ท็ รงตรัสวา

๒๑

เราตถาคตนน้ั เปน ผตู รัส เปนผูชี้แจงแสดงตามหลักพระธรรมวนิ ัย แต
สาวกตา งหากจะตองนําไปประพฤติ ปฏิบัติ ชําระกเิ ลสราคะ โทสะ
โมหะของตนเอง ไมใชเ ราตถาคตไปละกิเลสใหท านทัง้ หลาย คือกไ็ ด
ความวา เราตองปฏบิ ัตภิ าวนา เราตองบําเพ็ญทาน รกั ษาศีลภาวนา
ไมใชมุงใหผ ูอ่นื ทาํ ให มนั เปน เรื่องของจิตใจ พทุ โธในดวงใจจึงตอ ง
เจริญอยูเปน นติ ย ติดตอกนั ไปไมใหข าดระยะ เมื่อจิตใจของเรามีคุณ
พระพทุ ธเจาเปนอารมณ ก็คือมีพระธรรม พระสงฆเปนอารมณ เมอ่ื
อารมณใ นคุณพระพุทธเจา มีอยู จติ ใจกเ็ ลื่อมใสศรทั ธาเต็มที่ ทา นวา
บคุ คลผใู ดกต็ าม ไมเ ลอื กวา หญงิ ชาย คฤหสั ถ และบรรพชติ มคี วามเชอ่ื
เล่ือมใสในคุณพระพทุ ธเจาเปนอารมณ ผูนัน้ แตกดับตายไปกย็ อ มไปสู
สวรรค เทวโลก พรหมโลก ไมไ ปสอู บายภมู ิดวยอาํ นาจเลอื่ มใสศรทั ธา
ในคณุ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆนี้ จงึ เปนอุบายธรรมอนั สําคญั ยิ่ง

ฉะนัน้ เมอื่ วาเราทานทั้งหลายทกุ คนไดสดับแลว ใหจดจาํ นาํ ไป
ประพฤติ ปฏบิ ัติตนกจ็ ะมแี ตค วามสุข ความเจรญิ ในทางพทุ ธศาสนา
ดงั แสดงมากส็ มควรดวยกาลเวลา เอวังก็มีดว ยประการฉะน้ี

สัพพตี โิ ย ววิ ัชชนั ตุ สพั พะโรโค วนิ สั สะตุ
มา เต ภะวัตวนั ตะราโย สุขี ทฆี ายุโก ภะวะ
อะภวิ าทะนะสีลสิ สะ นจิ จัง วฑุ ฒาปะจายิโน
จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ
อายุ วณั โณ สุขงั พะลงั ฯ

๒๒

โลกเรานี้ไมเ ทีย่ ง

นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พุทธสั สะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธสั สะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธสั สะ

ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระองคน น้ั

ณ บัดน้ไี ดเ วลาฟง ธรรม ถึงเวลาน่ังสมาธิภาวนา ปฏบิ ัติบชู า ใน
ทางพุทธศาสนา การน่ังสมาธนิ ้ใี หพ ากันนั่งขดั สมาธเิ พชร การนงั่ สมาธิ
เพชรนี้ ใหเอาขาซายขึ้นมาทับขาขวากอน แลวก็เอาขาขวามาทับขา
ซา ย มือขา งขวามาวางทับมือขา งซาย ตั้งกายใหเท่ยี งตรง หลบั ตานกึ
บริกรรมภาวนาพทุ โธเปน อารมณนกึ อยู เจรญิ อยู ทุกลมหายใจเขาออก
เมื่อถึงเวลานั่งสมาธิภาวนา ปฏิบัติบูชา อยาใหอารมณที่ลวงแลวมา
เปน อุปสรรค จงตัง้ จิตเจตนาลงไปในเวลาปจจุบันธรรม คอื ธรรมท่ีเปน
ปจจุบัน รปู ขันธ รา งกายของเราก็อยใู นปจจุบนั ชวี ติ ของเราที่มอี ยูเ ด๋ียว
นี้ก็เปนปจ จบุ นั เรานกึ พุทโธ ระลึกถงึ คุณพระพุทธเจา อยูท กุ ลมหายใจ
กเ็ ปน ปจ จุบนั ธรรมอยู สว นวาอนาคตกาลขา งหนามนั เปน เพยี งอารมณ
เทานน้ั เอง อยา ไดหลงใหลไปกับส่งิ ที่ยังไมม าถึง สิ่งน้ันทา นก็วา มนั มา

๒๓

ไมถ งึ ไมค วรเอามาคิด มาปรุง มาแตงจติ ใจอันมีอยูใ นเวลาปจจุบนั นี้
ตัวเราก็อยใู นปจ จบุ ัน คนเราเกดิ ในปจจบุ ัน แกอ ยใู นปจ จบุ นั เจ็บไขไ ด
ปว ยในเวลาปจ จบุ ัน เวลาชีวติ จะแตกดบั ที่เรยี กกันวา ตายกต็ ายในเวลา
ปจ จบุ ันนนั้ ๆ

จติ ใจของเราใหส ังเกตเขา มา อยาไดแ สส า ยไปภายนอก จติ ใจ
เปนของมอี ยูภายในจติ ภายในตวั น่เี อง ทีค่ นเรามีปรมิ ณฑลหนังหุมอยู
เปน ทีส่ ดุ รอบ ดวงจิตอยูภ ายในนี้ ดวงจิตนท้ี า นใหช ื่อวา ดวงจิตผรู ูอ ยู
ดวงจิตดวงน้ีมคี วามรอู ยูในจติ ในใจ ในตัวคนเราทุกคน ถาเรากาํ หนด
ลมหายใจเขาออกใหด ี ใหใ จสงบ ตัง้ ม่นั ลงไป จะเห็นวา ดวงจติ ดวงใจ
นน้ั มอี ยูภายในจรงิ มีความรสู ึกอยูตลอดเวลา แตส ังขารจติ ตณั หาใน
จติ มนั พาใหด้ินรน วนุ วาย กระสับกระสา ย แสอ อกไป หลงออกไป
ภายนอก จนไมม ีท่สี น้ิ สดุ ยุตลิ งไปได แลวรา งกายสงั ขารทจ่ี ติ ใจมาอยู
อาศยั นี้ กม็ กั จะมีอปุ สรรคอยูเ สมอ เพราะวา รา งกายน้ี ถา อยดู ี สบาย
ความเจ็บไขไดปวยไมบังเกิดมีขึ้น จิตมันก็เพลิดเพลินไปตามอารมณ
ของคนเดก็ คนหนมุ เพราะวา อารมณเหลา นี้ พาใหใ จหลงใหลไปตาม
อาการภายนอก ตองทวนกระแสเขามาภายในวา จิตใจดวงที่รูอยูนี้
รูจักวารางกายเราสบาย รางกายไมสบาย มีความรูสึกอยูตลอดเวลา
ถารางกายไมสบาย มันก็เปนอุปสรรคอยางหนึ่ง จิตนั้นก็มายึด มา
ถือวา เราไมสบาย ไอความจรงิ ก็คือ รางกาย ธาตุดิน เขาไมสบายตา ง
หาก ชา งมันเถิด จติ ใจเราก็ใหภาวนาไดอ ยู ธาตดุ นิ นํา้ ไฟ ลม ธาตุ ๔
ขนั ธ ๕ อายตนะ ๑๒ เขาเจ็บไขไดป วยก็เปน เรือ่ งของเขา จติ เรา
ใหตั้งจิตอยู ณ ภายในหวั ใจ ทาํ ใจใหเย็นสบายอยใู นเวลาปจ จบุ นั นี้

๒๔

อดีต อนาคต ไมเ กี่ยว คนอ่นื สตั วอ น่ื สงิ่ อืน่ ภายนอกกไ็ มตอ งไปหวง
ไปดีใจ เสยี ใจกับเขา เมือ่ เขามาเกดิ คนอนื่ ผอู ่นื เขากเ็ กดิ มาเอง เมอ่ื
เขาแกเขาก็แกไปเอง เวลาเขาเจ็บไขไ ดป ว ยเรากช็ วยไมได เวลาเขาตาย
เขาก็ตายไปเองเขา

ฉะนั้นการภาวนา ปฏิบัติบูชา ในจิตใจของเรานี้สําคัญกวา ให
รวมจิตใจเขามาสรู ะยะน้ี เด๋ยี วน้ี เวลานีใ้ หไดทุกเวลา ใจคนเราถา สงบ
ยอ มรูไดเขาใจทุกคน ถา ใจมารวม มาสงบอยูจ ะมีปรากฏการณ วา ใน
ใจไมม คี วามทกุ ข ความเดอื ดรอ น เปน จติ ใจทีเ่ ย็นสบาย นัง่ อยกู ็สบาย
ยืนอยูก็สบาย เดินไปที่ไหน มาที่ไหนก็สบาย ไมรูวาอะไรกระทบตา
กระเทือนหู กม็ จี ิตใจเย็นสบายอยใู นตัว ในใจน่เี อง น่ีคอื วา จิตใจมนั
สงบอยู ต้งั มน่ั อยู ถาหากวาใจนไี้ มสงบ ต้งั ม่นั แลว มันกแ็ สสายไปนนู
แสสายไปน้ี จิตใจของบุคคลผนู ้นั กส็ ั่นสะเทือนดว ยอารมณตา งๆ คือ
วา กามตัณหามนั พาไป ภวตณั หาพาไป วิภวตณั หาพาไป นั่งมันกไ็ ปอยู
นอนมันกไ็ ปอยู ยนื มนั กไ็ ป เดินมันกไ็ ป เรอ่ื ยไป คอื ไมส งบ ระงบั ตง้ั มั่น
อยใู นดวงใจ คอื ไมถือเวลานี้ เด๋ยี วนเี้ ปน หลกั มารสงั ขารมนั โกหกพกลม
คนเราอยูตลอดเวลา นั่งอยูนม่ี นั ก็ไมอยูที่น่ัง เดนิ อยูมนั กไ็ มอ ยูท ่ี
เดินนน่ั มันวนุ วายไปตามอารมณก ิเลส เวลาภาวนาทา นจะใหนกึ นอม
เพียรเพง ดูรา งกาย สงั ขารของตัวเราเองนี้ วามนั มคี วามชาํ รุดทรดุ โทรม
เปนไปอยเู สมอ คนเราทุกคนน้ันไมใชอ ยูดีสบาย แตเราก็เขาใจวา เดี๋ยว
นี้ เวลานี้เราไม เราอยดู สี บายอยู ความเจ็บไขไดปว ยอนั รุนแรงยังไม
มาถึง เรากว็ า เราสบาย แตความสบายของรูปขันธน ี้ อยา เขา ใจวามัน
สบายแลว กส็ บายเร่ือยไป ถามนั ไมสบายขน้ึ มา ความทกุ ขก ็เกดิ ขน้ึ ใน

๒๕

จิต เพราะวาความไมสบายน้ัน มันเปนการเจบ็ ปวดทกุ ขเวทนา ไมว า
โรคชนดิ ใด มนั บงั เกดิ มขี น้ึ ในรา งกายตัวตนคนเราแลว มันก็เสียดแทง
อยอู ยา งนัน้ เอง ทีน้ีเม่ือความสบายมาถงึ เขา กเ็ หมือนกบั วา เราไมเคย
เจ็บไขไดปวยประการใด เพราะความสบายกายมันบังเกิดมีขึ้นจิตก็
พลอยมาอาศยั อยใู นรางกายท่ีวา สบายนั้น

อันความจริงแลว ทานวา ความสุขสบายนั้น มันไมเที่ยงแท
แนนอน ไมยั่งยืน ไมเปนอยูอยางนั้นตลอดไป เพราะวาในโลกเรานี้
พระพุทธเจาทรงตรัสไววา นามรูปง อนิจจงั นามเปนรูปไมเทยี่ ง คือวา
นามเปน รูปไมเ ท่ยี ง นาม กห็ มายถงึ จติ ใจดวงที่มีความรูอยู คิดนึกอยู
นเี่ อง ปรงุ แตงอยนู ่ีแหละ เรียกวา นามขันธ รูป กห็ มายถงึ รางกาย
สังขาร ตัวเราทานทั้งหลาย ที่นั่งฟงธรรมอยูนี่ นั่งสมาธิอยูนี่แหละ
รูปนี้ก็ไมเที่ยงแทแนนอน ไมเปนอยางนี้ตลอดไป ดู เวลาเราเกิดมา
ทแี รกเปน อยา งหนง่ึ เจรญิ ขน้ึ มาเปน อยา งหนง่ึ เมอ่ื แกช รากจ็ ะเปลย่ี นรปู

๒๖

เปลี่ยนโฉม ไปอีกอยางหนึ่ง ก็ยอมแสดงถึงความไมเที่ยงทั้งหมด
อยา วาแตตวั ตนคนเรา ส่ิงภายนอกจะมวี ญิ ญาณครองไดแก มนษุ ยและ
สัตวทงั้ หลาย ไมมวี ญิ ญาณครองไดแ ก ตน ไม เถาวลั ย ดนิ ทั้งหลายมัน
กไ็ มเทย่ี งแทแ นน อน มีเปลี่ยนแปลงอยทู ุกขณะทุกเวลา แตว า คนเรา
มนั ก็กาํ หนดไมได มองไมเหน็ วา สิง่ เหลาน้นั มนั เปลยี่ นแปลงอยเู สมอ
สวนมากอยา งคนเราก็เห็นเพียงแตว า มนษุ ยค นเราไมวาที่ไหนเกดิ มา
แลว มันก็ด้ินรน วุนวาย แสวงหาการกิน การนอนไปตามภาษามนุษย
แลว มนั ก็มงุ จะเอาความสขุ ความสบายในการที่เกิดมา แตห ารไู มวา
ความตายนนั้ มันรออยู มนั คอยอยู รอกาลเวลาไดจ ังหวะเม่อื ใดมันก็
ตาย น่ันกค็ อื วา มนั ไมเ ทย่ี งมันจึงตาย มนั ไมเ ทย่ี งจงึ มีความทกุ ข เมื่อ
ไมเท่ียงกม็ ที ุกข ไมเทีย่ งกไ็ มใ ชตัวตนของเรา จิตอยาไดหลงใหลออก
ไปรับเอา ใหน กึ ใหภาวนาเพยี รเพง อยูใ นจิตใจอนั มีความสงบตั้งมน่ั
เพราะส่ิงทัง้ หลายในโลกเรานี้ ทุกสง่ิ ทุกอยางที่มันเปนอยูน น้ั ถา เราดู
ผวิ เผนิ กเ็ หมือนกบั วามนั จะเปนอยูอยางนัน้ คนเราท่เี กดิ มาทแี รกเปน
เดก็ เปน ทารก ถาเราดไู มถ ีถ่ วนก็เขาใจวา จะเปนทารกอยา งนนั้ ตลอด
ไป อกี ไมนานความไมเท่ยี ง เปนทกุ ข เปน อนตั ตา มันก็เปลี่ยนแปลง
ขึน้ มาโดยลาํ ดบั แรกไปไหนมาไหนไมไดก็เคล่ือนไหวไปมาได แรก
ตวั เล็กนิดเดียว ตอ มามันกเ็ จริญวยั ใหญโ ตขนึ้ มาโดยลาํ ดับ เมื่อเจริญวยั
ใหญโตขึ้นไปหมดอีก ก็แสดงความชํารุดทรุดโทรม ตาไมดี หูไมดี
ฟนไมดี เนอ้ื หนงั มังสงั โรคภยั ไขเจ็บ ก็ตามเบียดเบยี นเขา มาอีก น่ี
แหละมนั แสดงหลกั อนิจจัง ทกุ ขัง อนัตตา อยทู ง้ั ในตวั เรา ทง้ั ในตัว
บุคคลผูอื่น ทั้งมนุษยโลก สัตวโลกทั้งหลายมันก็แสดง แสดงความ
ไมเ ท่ียงเปน ทกุ ขอยูในโลกอยา งนีเ้ อง

๒๗

เมื่อมันแสดงอยางนี้แลวจิตใจใหภาวนา ดูใหเขาใจพระพุทธเจา
ทรงตรัสวา รปู นาม กาย ใจ ตัวตน สตั ว บุคคลทั้งหลาย เมอื่ เกิดข้นึ
มาแลว มคี วามไมเท่ียงแท แนน อน มีความเปน ทุกข มคี วามไมใ ชตัวตน
ของบุคคลผูใด แตจิตใจคนเราก็มักจะยึดเอาถือเอาวา ตัวขาของขา
ตัวกขู องกู ตัวเราของเรา เราเปนนน่ั เราเปน น่ี มนั กเ็ ปนไดช่วั ระยะ
หนึ่ง ไมคงที่ ไมเปนอยอู ยางนี้ตลอดไป เพราะอะไรเลา ก็เพราะวา
รูปขนั ธค นเราน้นั มชี รา ความแก มพี ยาธิ ความเจบ็ ไขร อกาลเวลาอยู
มมี รณะ คอื ความตายท่ีจะมาถึง สตั ว ตัวตน บุคคลทีอ่ ยนู ี่ ไมม ใี ครจะ
พนไปจากความแกช รา เจ็บไขไดปวย แตกดับ ตายไปไดเลย เมอื่ หนี
ไปไมไ ด พระพทุ ธเจา พระองคเ ปน ผเู ฉลยี วฉลาดสามารถ สพั พญั พู ทุ ธะ
พระองคก็รูวาทางที่จะหลบหลีกก็มีอยู ทางภาวนา ทางรักษาศีล
บาํ เพ็ญทานภาวนาน่เี อง เมือ่ ภาวนาอยจู ติ ใจ ตงั้ ม่ันอยูอะไรๆ เมื่อใจ
เราตัง้ มัน่ ใจ ไมไปทกุ ข ไปรอ นกบั ส่งิ ท้งั หลาย ใจสงบ ใจเย็น ใจสบาย
ใจเปนดวงหนง่ึ ดวงเดียวอยู นีแ่ หละความสงบระงับนแ่ี หละ เปนทาง
หลบหลีก หลกี ออกจากความทกุ ข ความเดือดรอนตา งๆ สมมติวา
รา งกายเราไมสบาย จติ ดวงหนงึ่ มนั กม็ ายึด มาถือวาเราไมส บาย นอ ย
เนอ้ื ตา่ํ ใจเพราะวา เราเปน คนมีโรค มีภัยจิตมันวิตกวิจารณไ ป แตจ ติ
หนง่ึ ถา เราภาวนาดูใหด แี ลว ธรรมดารปู ขนั ธอ นั น้ี เม่ือเกิดขน้ึ มาแลว
ก็ไมม ีทางหลบหลกี ไปได จะไมใหม ันเจ็บไขไดปวยนน้ั เปนไปไมไ ด ตาง
แตวา มากบา ง นอยบางตาม ตามแตร างกายของบุคคลนัน้ ๆ

เมื่อเวลาอยดู ีสบายจติ ก็อยาไดประมาท ประมาทวา เราไมม ีโรค
มีภัยก็ไมไดเพราะวา มันเจ็บไดทุกเวลา มันเกิดขึ้นมาไดสิ่งที่เราวา

๒๘

มนั ไมค งไมเกิดข้นึ มา มันกเ็ กิดข้ึนได ส่ิงท่เี ราคดิ วามันคงไมเ ปนไปได
แตม นั เปน ไปไดก ม็ ี เมอื่ เปนเชน นี้ หนา ที่ของผูป ฏิบตั ธิ รรมนั้นจะตอง
ภาวนา มงุ มองใหเ หน็ ในรา งกาย สังขารของเราทุกคนน่แี หละ ภายใน
เปนอยางไร เราเห็นแตผ วิ นอกรางกาย ภายในหนงั หมุ อยูเขาไป ถา
มอี ะไรมาถูก มาตาํ เขา ถงึ หนงั ขาดถลอกปอกเปลือกไป จะมีนํา้ เลือด
นาํ้ เหลืองไหลออกมา แสดงวา ในรา งกายของคนเรานี้ เราไมคอยได
เพงพิจารณาดู กายคตาสตกิ รรมฐาน การกําหนดกายของตวั เองมกั จะ
หลงลืม คอื คดิ ไปต้ังแตอารมณท่มี นั เคยลุม หลง มวั เมาอยูสว นรางกาย
สังขารอนั เต็มไปดว ยเนอ้ื หนัง มงั สงั เสนเอน็ กระดกู กระดกู ๓๐๐
ทอนของตัวเองไมด ู ไมก ําหนดพิจารณา จติ จึงไดไปหลงกระดูก ๓๐๐
ทอ นของบคุ คลผอู นื่ บุคคลผูอ่นื มันกม็ ีกระดูก ๓๐๐ ทอนดว ยกัน มันรอ
เวลาหลุด เวลาทาํ ลายอยู ตวั เรากเ็ หมอื นกันกระดูก ๓๐๐ ทอน มันรอ
กาลเวลา มันจะหลดุ ออกเมื่อใด เวลาใด ไมม ีใครรู ระหวา งกระดกู เทา
และกระดูกแขง มนั จะหลุดออกเม่อื ใด เวลาใดมันก็รอเวลา ระหวา ง
กระดกู ขากับกระดูกแขง ทอนบน มันกร็ อเวลามันจะหลดุ เด๋ยี วน้ี
เนอื้ หนังมังสงั ยังหอหมุ อยู ถาหมดลมหายใจวนั ไหน เวลาใดกห็ ลดุ มนั
อยูไมไ ด เพราะรา งกายสังขารน้ี มันมีความชํารุดทรดุ โทรม มีความแก
ความชรา มีความชาํ รดุ ทรุดโทรม มคี วามเสื่อมไป สิ้นไปเปนธรรมดา
อยูอ ยางน้นั

การมชี ีวติ อยใู นโลกน้ี ก็คอื วาซอมแซมอยูเสมอ เขาโรงอยูเสมอ
เขา โรงซอ มอยเู สมอ ที่เราบรโิ ภคอาหารกันทุกวันๆ กนิ ไมห มดซัก
กินไมแ ลว ซกั ที ก็คือวา โรงซอ มน่นั เอง รา งกายสังขารนมี้ นั เปน ของ

๒๙

โสโครกปฏิกูล ไดม าจากสิ่งปฏกิ ลู โสโครก เมอื่ ไดมาแลว กต็ อ งซอ ม
ดว ย ดแู ลรกั ษาดวยของโสโครกปฏกิ ลู ดูอาหารมนุษยท ี่เราบริโภค
สวนมากนั้น มักจะมสี ่งิ ทป่ี ฏกิ ลู หรอื เครอ่ื งดองของหมกั อยูเ สมอ มา
หลอเล้ียงรางกายอันเตม็ ไปดวยของปฏิกลู เรียกวา ซอ มอยอู ยางน้ัน
ซอ มแซมอยูตลอดเวลา แตดว ยอํานาจอวิชชา จิตไมรูต ณั หา จิตดน้ิ รน
จึงไมไดกําหนดพจิ ารณา มาดูสังขารรางกายท่ตี วั เองซอมมนั อยตู ลอด
เวลา หนาวมาก็หาผาผอ น ทอ นสไบมานงุ มาหม มนั กซ็ อ มแซมอยู
เสมอ ทห่ี ลบั ทนี่ อน ทอี่ ยอู าศยั กต็ อ งมกี ฏุ ิ วิหาร บานเรือน เปน ท่ี
อยูอาศัย ก็คือวาเปนโรงพยาบาล เปนโรงรถที่ซอมอยูตลอดเวลา
นั่นเอง ดูรา งกายสงั ขารของเราใหด ี จะเหน็ วา เราซอมแซมอยตู ลอด
เวลา เด๋ียวกป็ วดหวั ตวั รอ นเปนไข ไมส บายกนิ ยาแกป วด หรอื มโี รค
ชนิดใด หมอโกหกอยางไรแลวเราก็เชื่อ หลงไปหายาอยางนั้นมากิน
อันยานใี้ หเ ราเขาใจใหดี โรคภยั ไขเ จบ็ ทม่ี นั เกดิ ข้ึนมาน้ี โรคบางอยา ง

๓๐

นนั้ เม่อื เกิดขึ้นแลว ไมก ินยาก็หายไดก ม็ ี ทนี ้โี รคบางอยา งเมอ่ื มันเกดิ ข้ึน
มาแลวตอ งกินยาจึงหายคาํ วาหายน้ันอยา เขา ใจวา หายขาดมนั เพียงแต
บรรเทาลงไปชว งระยะหน่งึ แลวมันกเ็ กิดขน้ึ มาใหม เปน อยูอยางน้ีท่ีเรา
วา มันหาย ทีน้ีโรคอยางหน่งึ นน้ั เมอื่ เกิดมีในรางกาย สังขารของมนษุ ย
แลว กนิ ยากไ็ มห ายไมกนิ ยาก็ไมหาย ตายแลว กห็ าย น่แี หละโรคภยั
ไขเจ็บมนั เกิดขึ้นมัน มีอยู ๓ หลกั ดงั กลา วนี้

เมื่อโรคภัยไขเจ็บอันใดบังเกิดมีขึ้นในรูปขันธ จิตใจผูอยูอาศัยนี้
จะตองกาํ หนดพจิ ารณา อยาไปคิดวาเกดิ โรคขึ้นมา เจบ็ ไขไดปวยกว็ า
แตตัวเองจะตายอยูท กุ เวลา มนั ไมต ายตลอดไป มนั ก็ยงั มีอยู ถาใคร
เจบ็ ไขไดป วยตาย มนั จะมีคนอยใู นโลกหรอื มันก็ยอ มไมม ี ใครเจ็บแลว
กต็ ายกไ็ มมีคน ทนี ี้ที่มนั มอี ยกู ็คอื วามนั ทนไปไดช่ัวระยะหน่ึง รางกาย
สังขารนจ้ี งึ ไดเยยี วยา พยาบาลอยูทกุ เวลา ความทุกขทงั้ หลายแหลที่
มนษุ ยมีความทกุ ขอยู กด็ เู ถดิ ด้นิ รน วุนวายในเรือ่ งอาหารการกินตลอด
ต้ังแตเกิดมาตัวเองเยียวยาพยาบาลตัวเองไมไดผูอื่นก็ชวยดูแลรักษาให
เม่ือเราใหญแ ลวกเ็ ล้ียงดูรกั ษาตัวเองมาตลอดเวลา ก็เปน อยอู ยางนี้ ให
ดเู รือ่ งที่มนั เปนอยู มอี ยู ในตัวน่แี หละ อยา ไปดทู ีอ่ ่ืน รางกาย สงั ขาร
มันมคี วามชํารุดทรุดโทรมอยอู ยางน้ี จงึ ตองมเี ยียวยา พยาบาล กินยา
บาง อะไรตอมิอะไร ความทกุ ข ความเดอื ดรอน ท่มี นั จะบงั เกิดมขี นึ้
ในรปู รา งกายนี้มากมายหลายอยางหลายประการ ส่งิ ท่จี ะมาสังหาร
ชีวติ ของเราใหแ ตกใหท าํ ลาย ใหตายหนจี ากโลกนี้นัน้ มันมีอยทู กุ ท่ี
ทุกฐาน มันเกดิ ขึ้นจากคนเราดว ยกันก็มี เกิดข้ึนจากวตั ถุ ยวดยาน
พาหนะที่พาไปมาก็มี ถาไมอยางนั้นโรคภัยไขเจ็บในรางกายสังขาร

๓๑

โรคลม โรคอะไรกเ็ กิดขน้ึ ไดทกุ เวลา มนั เอาใหต ายไดท กุ เวลา อยา
ไปรอใหม นั ตาย ทําดีไวก อ น ภาวนาพุทโธไวก อ นสงบจิตสงบใจ ของ
เราใหไ ด ไมใ หใจฟุงซาน ราํ คาญ รวั่ ไหลไปอยูใตอาํ นาจกเิ ลส แตเปน
กฎธรรมดาอยวู า ถาใจของผใู ดไมภาวนา ไมเ ห็นแจง ในหลกั อนจิ จัง
ทุกขงั อนตั ตาอยูเสมอแลว เม่ือเหตกุ ารณส งิ่ ตา งๆ บงั เกิดมีข้ึน จิต
ปถุ ุชน คนเหลา นั้นเรียกวา เอาไหนไมได ฟงุ ซานไปหมด เปน ทกุ ข
เปน รอนไปหมด มีแตโ มโหโทโส ฟงุ ซา นขึ้นมา น่นั คอื วา ความสงบ
ไมมีในใจ ความตง้ั มั่นในตวั ในใจไมมี ผูท่ีจะมีปญญา พจิ ารณา เห็น
แจง ในหลักแหงความไมเทย่ี ง ในหลกั แหงความเปนทุกขท ี่เกดิ มาน้ีเม่อื
ไมพ ิจารณา ไมเ พยี รเพง ดใู หด ี แลวจิตมันก็มาเปนทุกข เปนรอน
กระวนกระวายอยู ไมร ูวา อะไรเปน ตวั เราของเรา มายดึ เอาหมด มายดึ
สบาย ก็ยดึ วา เราสบาย แตม ีเมื่อเวลาสบายมันกด็ ูไมม ีทุกขเทาไหรนกั
เพราะวา มนั สบาย ไมไ ดเจ็บไขไ ดป วยรุนแรง มนั เจ็บเล็กๆ นอยๆ ทีนี้
ครัน้ มาถงึ เวลามนั เจ็บปวด ทกุ ขเวทนาโรคอะไรตอมิอะไรมันเกดิ มีข้นึ
ยง่ิ โรคชนิดใดทมี่ นษุ ยรงั เกยี จ โรคขี้ทตู กดุ ถงั อันมนุษยไมชอบ เมื่อมนั
เกิดมีข้ึน กเ็ อาแหละทาํ ใหจิตใจเสยี ไปวาเราเปน โรค โรคท่ีเขารงั เกยี จ
อันโรคมนั มอี ยทู ี่รางกาย ดวงจติ ดวงใจที่เราภาวนาพุทโธอยู มนั ไมใช
โรคอยางนี้จะมาอยใู นจติ ในใจได ใจนนั้ ถาภาวนาใหดี ทาํ จิตใจใหขาว
สะอาด ไมใหขุนของหมองใจดว ยอารมณใ ดๆ ใจของผูน้ัน ก็ยอมต้ังม่ัน
เย็นสบายอยภู ายใน

มธี รรมะ คาํ ส่ังสอนของพระพทุ ธเจา เตอื นจิตใจอยู เพราะวา
ธรรมวนิ ัย คําสอนพระพทุ ธเจานัน้ มนั มอี ยูท้ังในกาย ภายในกายกม็ ี

๓๒

ภายนอกกายกม็ ี ภายในวาจากม็ ี นอกวาจาก็มี ภายในจิตก็มี นอก
จิตออกไปก็มี ภายนอกกม็ ี ภายในกม็ ี หยาบ ละเอยี ดมนั มีหมดทกุ
อยา ง ถาหากวาจติ ของผูป ฏิบัติภาวนาตง้ั มน่ั เย็นสบาย ไมห ลงใหล ไม
คลาดเคล่ือน ไมหลงออกจากท่ตี ้งั ทกุ สิ่งทกุ อยางน้นั เขาจะแสดง
ใหป รากฏ ท้งั คน ทง้ั สตั ว ท่ีมีวญิ ญาณครอง ท้งั วัตถุ ธาตุทั้งหลาย
ตนไม ปาดงพงพี ภเู ขา เขาก็จะแสดงใหป รากฏอยู ใบไมแ ตล ะใบที่
มันรวงหลน ลงมา เขากเ็ ทศนาสอนเราทา นทัง้ หลาย วา ใบไมย ังมีเวลา
หลดุ หลน ใบไมม นั ยงั ตายได ตัวเราจะไมตายเอาไปไวท ไ่ี หน ตัวเราไม
แกมันมีแตท ี่ไหนเลา เมื่อใบไมรว งหลนลงมาใหปรากฏ และกิ่งไมเลก็ ๆ
นอยๆ จนถงึ กงิ่ ใหญ บางแหงบางตน ก็โคนลงมาเปน ตนเปนลาํ แสดง
ใหปรากฏแกคนเราทงั้ หลายอยู ก็แสดงใหปรากฏการณอยา งนี้ บางคน
ตนไมยังหักทับไดหรือก่ิงไมขางบนมาถูกรางกายของคนเราจนเจ็บปวด
ทุกขเวทนากม็ ี นั่นกค็ ือวา มนั เตอื นน่นั เอง เตอื นวา ในโลกเรานไ้ี ม
เที่ยงนะ ในโลกเรานม้ี นั ไม ไมใชสุขสบายอยา งจติ ใจเราคดิ เหน็ จติ นนั้
มนั มกั จะมองไปในแงทเ่ี รียกวา สุขสบาย แตว าความทุกขมนั มองไมเหน็
อยางมนษุ ย คนเราในโลกเมื่อเวลาไมส บายกด็ ี สบายกด็ ีแลวเมือ่ เวลา
ปจจัยทงั้ ๔ มนั ขาดตกบกพรอง มนษุ ยก ็มกั จะมองไปในแงวา มนั ขาด
ทรัพยส ินเงนิ ทอง ถา มที รพั ยสนิ เงนิ ทองแลว จะมคี วามสุขอยางเดียว
ตลอดกาล อันนีเ้ ราวาความคดิ ข้นั ความคดิ กม็ องไปอยา งนนั้ แตว า ไอ
ข้ันความจริง มันไมไดเ ปนไปอยางวา อยางน้ันตลอดไป

อันทรพั ยสิน เงนิ ทอง วตั ถุ ขาวของ ท่ีมนุษยห ลงอยอู ยาก
ไดอยู ไมมที ส่ี ้นิ สุดนน้ั ไมใชมนั ใหค วามสขุ อยา งเดยี ว มนั ใหความ

๓๓

ทุกขกม็ ีตลอดกาล แตว าเราพจิ ารณาไมทนั ก็เขา ใจวา จะใหค วามสขุ
บคุ คลทีม่ ีทรัพยสนิ เงินทอง เปน เศรษฐี มหาเศรษฐี ในโลกสมยั นี้
มนั กม็ ีเยอะแยะ แตว า เม่อื ไมมกี อ็ ยากใหมนั มี เมื่อมีแลว การรกั ษา
พยาบาลไมใ หทรพั ยสมบตั เิ หลา นั้นเกดิ วิกลวกิ าล กเ็ ปน การลําบาก
บางอยางบางประการ บางบุคคล การมีทรัพยส ินเงนิ ทองก็เปน
ภยั อันตรายใหผอู นื่ โจร ผูรา ย อา ยขโมย มาฆา มาฟน ตวั เอง
ใหต ายหรอื วาจับไปเรยี กคาไถ อะไรตอมิอะไร บางคนเพง่ิ มมี ากเขา มา
จะทาํ บุญสนุ ทานก็ไมได จะตองน่งั เฝา นอนเฝา ทรพั ยส นิ เงินทอง
ตลอดกาล มีความทุกขไ ปอกี แงหน่ึง

ฉะนน้ั ผูภาวนาจงเพง เล็งใหเ ห็นแจง วา ความสุขอันแทจริงนัน้
ไมใ ชเ ก่ียวกบั สิ่งภายนอก ความสขุ สงบจรงิ ๆ มันเกยี่ วกบั ภายใน ถาใจ
ภาวนา พิจารณาเห็นแจงวา อะไรทง้ั หมดในโลกเรานี้ มันไมเที่ยงแท
แนนอนอยา งน้เี อง ทาํ ไมมนั จึงเจบ็ ไขไดป วย กเ็ พราะวา มนั ไมเ ที่ยงนน่ั
แหละ มนั เปนทุกขน่นั แหละ มันไมใชตวั ตนของเรา คอื วา บอกวาอยา
มาเจ็บไขไ ดปว ยในรา งกายสงั ขารของขาพเจาเลย ขา พเจาไมช อบ แต
วา มนั ก็ไมยอม

สพั พีติโย วิวชั ชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ

มา เต ภะวตั วนั ตะราโย สขุ ี ทฆี ายโุ ก ภะวะ

อะภวิ าทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายโิ น

จัตตาโร ธัมมา วฑั ฒันติ

อายุ วณั โณ สุขงั พะลัง ฯ ๓๔

ใหใ จอยูกบั สติ

นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สมั พุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สัมพทุ ธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สัมพทุ ธสั สะ

ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระองคน ้ัน

ณ บดั นี้ ถงึ กาลเวลาน่ังสมาธภิ าวนา ใหพ ากนั น่งั ขัดสมาธิ เอา
ขาขวาทับขาซา ย เอามอื ขางขวาวางทับมอื ขา งซายต้ังกายใหเ ทีย่ งตรง
แลวก็หลับตา นึกบริกรรมภาวนาพทุ โธ รวมจติ รวมใจเขามาภายใน ให
จติ ใจสงบระงับ เย็นสบาย ใจของคนเราน้ัน ถาไมสงบ เปนใจทีเ่ รารอน
อยูดวยกเิ ลสราคะ โทสะ โมหะ ไมสงบระงบั เยน็ สบาย ถา ใจผใู ดมา
รวม มาสงบอยู เปน จติ ใจทเ่ี รียกวา เยน็ สบาย พทุ ธะ พุทโธ จรงิ ๆ
หมายถึง จิตใจเราเย็นสบายนนั้ เอง ฉะนัน้ จงึ ใหรวมจิต รวมใจเขา มา
ภายใน เรือ่ งอะไรที่มนั ยงุ เหยิงอยูใ นใจของเราทกุ คน ก็ใหป ลดปลอ ย
ออกไปใหห มดสน้ิ ถอื เวลาการปฏิบตั บิ ชู า น่ังสมาธิภาวนานแ้ี หละ
เปน การสาํ คญั เรียกวาปจจุบนั ธรรม ธรรมทเ่ี ปน ปจจุบนั คอื เปน ธรรม
ทจ่ี ะตอง ยกจติ ยกใจของเราใหสงู ขึน้ ไมใ หไปหมอบอยูใ ตกิเลส ความ

๓๕

โกรธ ความโลภ ความหลง กิเลสราคะ โทสะ โมหะ อยาเกบ็ มาไวใน
หวั ใจ ทําใจของเราใหส ูง คอื วา ไมตกไปอยูฝายกเิ ลส สูงกวา กเิ ลส คือ
รูเทา ทันกิเลส กิเลส กเิ ลสน้นั รวมแลวก็มากมายหลวงหลาย ทีม่ ัน
ผกู มดั รัดตรึง ทําใหจ ิตใจของคนเราติดอยขู อ งอยู ภาวนาไมไ ด ก็เพราะ
กิเลส กเิ ลสความข้เี กยี จ กิเลสความขี้ครา น กเิ ลสความมกั หลับมกั นอน
กเิ ลสเหลา นี้ เราตอ งยกใจใหสูงขน้ึ อยา ใหม ันมาทบั ถมจติ ใจ อันความ
สขุ ความทุกขอ นั ใดทมี่ อี ยูใ นโลกนี้ ทกุ คนมนั กผ็ านมา โดยเฉพาะความ
ทกุ ขน ั้น เราเกิดมาในโลกหลายปห ลายสิบป ความทุกขย อมไดผ า น ไม
วาทุกขก าย คอื เจ็บไขไดปว ย มโี รคภัยไขเจบ็ บงั เกดิ มขี น้ึ ทกุ ขใ จ ไดแก
ความอดั อ้ันตันใจ หรอื จิตใจเปนทุกขเปนรอ นอยางใดอยา งหนึ่ง ก็ยอ ม
มเี ปนธรรมดา เพราะวา ทกุ ขเหลาน้ี เปน ทกุ ขป ระจําโลก ประจํา
มนษุ ยโลก ใครเกิดมาเปน คน ความทกุ ขในเรอื่ งคน มันกม็ ขี ึ้นในตวั มี
ขน้ึ ในใจ ของแตทุกๆคน แตว าถา เราไมภ าวนาใหด ี พทุ โธ ธมั โม สังโฆ
ไมอยูในใจ เม่ือความทกุ ขเหลา น้ี มันพังเขา มา มันกระทบเขามา แลว
จติ นี้มันก็จะหลง หรอื จติ มนั จะเกดิ เปน จติ มดื จติ ดาํ ข้ึนมา พิจารณา
ธรรมกรรมฐานไมไ ด เพราะวา มนั มดื เหมอื นกลางคืน กลางคนื ถา
ไมมีไฟ เดนิ ไปมนั กต็ าํ ตนไม เหยยี บขวากหนาม เพราะวามันมืด ใจ
คนเราไมภ าวนา ปลอ ยปละละเลยใหจ ติ ใจคดิ ไปปรงุ ไปตามอาํ นาจ
กิเลสราคะตณั หา อันนแี้ หละมนั พาใหใจคนเรามืด มันมืดมน อนธกาล
อยใู นตัวในใจ ความจริงนัน้ ตามันกไ็ มม ืด เวน เสยี แตคนตาบอด คน
ตาบอดน้นั เรียกวา มืดนอก คนตาไมบอด แตไ มภ าวนา ไมละกิเลสอนั
มีอยูในใจของตน อนั นี้ เรียกวา มนั บอดใน ใจมันบอด ตาหนังน้ไี มบอด
แตตาในมนั บอด ตาไมภาวนา ตาไมร ักษาศีล ตาไมอ ยูภายใน ตาไปอยู

๓๖

ภายนอก หลงไหลไปตามรูป หลงไหลไปตามเสยี ง ตามกล่นิ ตามรส
นัน้ เรียกวา มนั มืดใน ใจมันมดื อยาไปใหใ จมดื ใหใ จแจง ใสหมดจด
สะอาด คําวา แจงใส นน้ั อยางไร ดกู ายของตัวเองก็ใหเห็นวา รูปขนั ธ
อนั น้มี นั มชี ราพยาธมิ รณะคอยเบยี ดเบยี นอยเู สมอ ไมใ ชวา เมอื่ มนั เจบ็
ไขไดป วยโนน ขา งหนายงั ไมม าถงึ โนน จึงวา เบยี ดเบยี น ดูชราความแก
มันเบียดเบียนอยทู กุ เวลา แตม ันเปน ของลล้ี ับ ซับซอน ถา ใจเราไมสงบ
กม็ องไมเ ห็น ใจไมห ยุด ไมอยู ก็มองไมเห็น ใจมนั กเ็ ขา ใจวา เราอยดู ี
สบาย ไมแ ก ไมช รา โดยเฉพาะผูตกอยใู นปฐมวยั มัชฌมิ วัย คอื วัยใน
การเปนเดก็ เปน หนมุ มกั จะมองไมเหน็ วา เราไมแก ไมชรา หารไู มว า
ความแกความชรา นนั้ มนั ไมมีวันไหนเวลาใดหยดุ เหมอื นกับจุดไฟจุด
เทยี นจดุ ธูปแลวมันก็ไหมไ ป อยางน้นั แหละ อีกไมน านมนั กห็ มดไป
แหละ คําวา แกชรา หรอื เจ็บไขไ ดป วย คาํ วา ตาย น่ีกเ็ หมอื นกนั มนั ไม
ไดหยุด ไมไ ดอ ยู มนั ติดแลว ลกุ ข้นึ มาแลว มนั ก็ไหมเ รือ่ ยไป แกไป
ทกุ วนั ทกุ คนื ท้ังยนื ทัง้ เดนิ ทัง้ นง่ั ท้งั นอน ทุกอิริยาบท ทกุ ช่ัวโมง
นาที วนิ าที มนั เลือ่ นไปอยู มันแกไปอยู มนั เจบ็ ไขไ ดปว ยอยูตลอดเวลา
แตเ ปน ของละเอยี ด มนั ปด บงั เรามองไมเห็น ตอ งภาวนาในใจ เม่อื
จติ ใจสงบระงบั ตงั้ ม่ัน จะมองเห็นรไู ดเ ขา ใจความทุกขเหลา น้ี ทกุ คนมัน
ตอ งผาน ความทกุ ขใจ ความทกุ ขใ จน่ีมันมาก มากเหลือลนพน
ประมาณ เม่อื ทานตัดใหมนั รวมๆแลว ทานวา กิเลสความโกรธ กเิ ลส
ความโลภ กเิ ลสความหลง กเิ ลสราคะ กิเลสโทสะ กิเลสโมหะ กก็ เิ ลส
อนั เกา นนั่ แหละ มนั เต็มอยใู นตัว เตม็ อยใู นใจ แลวกว็ า กิเลสพนั หา
ตณั หารอ ยแปด มันก็อยใู นใจ อยูในใจ อยูใ นตัว อยใู นอายตนะทงั้
หลาย เม่อื นบั ใหมันมากก็มาก นบั มันใหน อยกน็ อ ย รวมเขา มาในจิตใจ

๓๗

อยูที่ไหน ก็เพียรละกิเลสในใจของเรานี้แหละใหได ความอยากความ
ด้นิ รนในอารมณใดๆ เมอื่ มันเกิดมขี น้ึ แลว ทานใหช ่ือวา ตัณหา จะ
เปน กามตัณหา ภวตณั หา วิภวตัณหา ตณั หาอะไรกต็ าม เมอ่ื มันเกดิ
ข้ึนในใจมนษุ ยป ุถชุ นคนเราแลว มนั ลกุ ไหมเหมือนไฟไหม ธรรมดาไฟ
เมอ่ื มันลกุ ขึน้ ทไี่ หน ก็เผาท่ีนน่ั ทาํ ท่ีนั่นใหวอดวายไป กิเลสราคะกิเลส
โทสะอันมันเกดิ มีข้ึนในจิตใจมนษุ ยคนเรา นีก่ ็คลายกัน มนั ไหมข ึ้นมา
ทีไ่ หนแลว มนั วอดวายไปหมด จึงใหภาวนาทกุ ลมหายใจเขา ออก
อะไรๆทกุ อยา งมนั เปนเคร่อื งเตือนใจ เตอื นใจของเราไดท ุกอยา ง ถา
เรานอมนึกรําลึกเขา มา อยางความตาย กใ็ หเ อามาเตือนตาใจของตน
อยเู สมอ ถา ไมเ อามาเตอื นใจแลว มันทําใหจ ติ ใจคนเราหลงไดง า ยๆ
คือวา ลมื ตาย ลืมวา เราไมตาย คนเดก็ คนหนมุ ลมื วาตวั ไมตาย เราจะ
ตอ งหาความสขุ ความสบายในทางโลกใหพอ เม่ือใกลเ ขาพรรษา ผู
เตรยี มบวชก็มาบวช ทนี ้ีหลวงพี่หลวงเณร ยงั จะบวชแลวก็เตรียมสึก

๓๘

อยา งน้ีกม็ ี เตรียมสึกพระพุทธเจา ไมไ ดสอน กเิ ลสในใจของเรามนั สอน
มนั บอกมนั หลอกลวง มันผีหลอก กเิ ลสในใจคนเราน้ี ผีมันหลอก ผี
นอกมนั ไมมี ผใี จเรานัน่ แหละมันหลอก หลอกวาเราไมต ายงาย ๆ
หลอกวา เรายงั ไมแก รอใหแกเ สียกอน มนั แกแลวตาไมดี หูไมด ี ไป
ไหนมาไหนกไ็ มไหว ลุกขนึ้ กโ็ อยปวดหวั เขา นั่งลงก็โอยปวดหัวเขา นนั่
แหละทําอะไรได วนุ วายขึ้นมาแลว ใหร ีบทํา เม่ือเรายงั เด็กยงั หนุมให
รีบเรง อยา ไปรอใหแกช รา แกชราแลว มนั อะไรๆมนั แกไ ปหมด ตาก็
แก อา นหนงั สือไมไ ดเ พราะวาตามันแก จะใสแวน ที ชกั มนั กล็ าํ บากอยู
นนั่ แหละ ฉะนั้น ใหรีบเรง เรงรบี ไมต อ งไปรอใหมันแกชรา แลว ไมต อ ง
รอใหม ันตาย ตายมนั จะทนั อยางไร เอากอ น ภาวนากอ น นัง่ ภาวนา
สวดมนต ไหวพ ระ ทําจติ ใจของตนใหมสี ติ มีสมาธิ มปี ญ ญา ไมใ หใจ
ทอแท ออ นแอ มกั งาย จงเจรญิ อยูในจิตในใจ รางกายจะไมไดทําอะไร
ใจกใ็ หภาวนา วาจาไมไ ดพ ดู อะไร ใจกใ็ หภาวนา ใจก็ใหน กึ อยใู น
คณุ พระคุณธรรม ใหมีธรรมะคาํ สอนอยใู นตัวอยูในใจ เมื่อธรรมะคําส่งั
สอนของพระพทุ ธเจา อยูในใจ ใจมันกเ็ กิดปต ิธรรม มีความสขุ อยู
ภายใน ใจไมโ กรธใหใ คร ใจไมโลภเอาของใคร ใจไมอ ิจฉาพยาบาทใคร
คนเราเมอ่ื ใจ กเิ ลสมนั เกดิ ขน้ึ กเิ ลสตณั หามนั เกดิ ขน้ึ เมอ่ื ตวั เองผดิ พลาด
กต็ าม คนอื่นผิดพลาดก็ตาม มกั จะไมมองเหน็ ความผดิ ของตัวเอง
มองเห็นวา คนโนน ผดิ อยา งโนน อยา งน้ี ทําไมถ ูกไมตอง แตว าตวั เอง
ทาํ ไมถูกตองไมร ู ตนเองพูดผดิ ไมรู ตนเองคิดผิดไมรู ตนเองเปน
มิจฉาทิฏฐิไมรูท้งั น้ัน นคี่ ือวา ขาดปญ ญา ขาดภาวนา แลว กอ็ ยากได
ปญญา อยากไดว ชิ ชาความรู ความรูมันมาจากไหน ความรมู นั ก็มาจาก
จติ เมื่อเราเอาจติ เอาใจภาวนานอ มนกึ รําลกึ อยูใ นทาน ในศลี ใน

๓๙

ภาวนา แมสิง่ ใดเราไมไ ดทํา ก็ใหน กึ ใหไ ดเจริญใหได ใหมนั เขา ใจถูก
ตองตามทาํ นองคลองธรรมไว เมือ่ เราถึงคราว ทําจิตทําใจใหส งบระงบั
เมอ่ื ใด เวลาไหนใหมันไดท กุ เวลา ไมว ากลางวนั กลางคืน ยนื เดิน น่ัง
นอน ทกุ อิรยิ าบท ตั้งใจลงไปใหไ ด เพราะวา เมอ่ื มีภัยอันตรายมาถึงเขา
จิตใจเราจะไดทันทวงที เพราะเราเตรียมอยู ภาวนาอยูในใจน้ี แมยังไม
แก เราก็นกึ ไดวา เราตองมีความแกเปน ธรรมดา หนคี วามแกไ มพ น แม
ยังไมเ จบ็ เราก็เตอื นใจของเราวา เราตอ งมีความเจ็บไขไดปว ยเปน
ธรรมดา หนีความเจ็บไขไ ดปว ยไมได เมือ่ เรานึกอยา งนี้ ใจของเรากใ็ ห
ซาบซึ้งลงไปในพระธรรมคําสั่งสอนน้ันๆ ไมใ ชเพยี งแตว า เปน ภาษาคํา
พดู กใ็ ชได ใจไมถ ึง ใจไมร ู เอาใหใ จมนั รู ใจมนั ถงึ ใจมันอยใู นธรรม
คําสอนพระพทุ ธเจา มันอยูในธรรมนน้ั อยูในธรรม อยใู นถ้าํ อยใู นใจ
เมอ่ื อยใู นกาย พิจารณากายอยู อยูใ นใจ ภาวนาอยู จติ ใจมีความเช่อื
ความเลอ่ื มใส ไมใหใจหลงลมื คือใจใหมสี ติอยทู ุกขณะทุกเวลา ทกุ ลม
หายใจ จนเปนมหาสติ เรียกวา มหาสติ มหาสมาธิ มหาปญ ญา เรียกวา
ใหญ สตใิ หญ ปญ ญาใหญ สมาธิมนั่ คงใหญ คอื ใจไมทอแทออ นแอ
ใจเพียรใจพยายามทจี่ ะเอาชนะกเิ ลสในจิตในใจใหได แมผ ทู ีย่ งั เอาชนะ
ไมไ ด กไ็ มต อ งทอถอย ตั้งใจไวอ ยูเสมอ เพยี รพยายามอยทู ุกเวลา เพียร
พยายามอยูทกุ ลมหายใจ ลมเขา ลมออก ก็พิจารณาธรรมกรรมฐาน
รวมจติ รวมใจเขา มาภายใน ความจรงิ น้นั จติ ใจมันอยูภ ายในนแ้ี ลว ไม
ไดไ ปไหน แตว า สังขารมาร กเิ ลสมาร มนั ดึงดดู ใหไ ปเหน็ ดีเห็นชอบตาม
อาํ นาจกเิ ลส ราคะ โทสะ โมหะโนน ไมมารวมไมมาสงบภายใน ไมอยู
ในหวั ใจ มันอยนู อกหัวใจ เมอ่ื อยูน อกเกินไป อยูน อกนานเทา ไหรมนั ก็
ยิ่งแข็งกระดาง กระดางกระเดอ่ื ง กระดางคือวา เคลอ่ื นไหวไปมาใน

๔๐

สตปิ ฏ ฐานไมไ ด จติ ใจจะระลกึ ในสง่ิ ทด่ี ี มนั ไมย อมใหน กึ จติ ใจทก่ี ระดา ง
กระเดอ่ื งอยูภ ายใน ภาวนาไมได ภาวนาไมลง กมหัวไหวพ ระไมไ ด อนั
น้ีทา นวา มันเปน ความหลงของจิต ผไู มพ ินจิ พิจารณาผไู มภ าวนาอยูทุก
ลมหายใจ มันยอ มเกดิ มขี ึน้ มาได แลวในใจนน้ั มนั กเ็ ปน ใจกระดา งดวย
คดิ อา นธรรมะคําสอนไมได ถา วาคดิ จะไปโกรธ ไปโลภ ไปหลงภายนอก
นน้ั มนั สวางไสว มันจะพาใหต าย อยาไดไปตามมนั สังขาร วญิ ญาณ
กเิ ลส รวมจติ รวมใจเขามา พุทโธในใจ พทุ โธ ทุกลมหายใจเขาออก
นึกพุทโธ พุทโธ มนั จะไดอะไร มนั มไี ดอยู ใหน กึ ไปกอนเจรญิ ไปกอน
จนกระทงั่ พุทโธน้นั มนั รวมตัวรวมใจ ลงไปอยใู นใจได จนปนองคพ ทุ ธะ
ธัมมะ สังฆะ อยูในจิตในใจแลว นนั่ แหละมันอยูทนี่ ี่ เมอ่ื อยูท่ีนี่ มาสงบ
ทีน่ ี่ มาแจง ที่น่ี มารจู ัก รแู จง รจู รงิ รอู ยู ในจิตในใจนต้ี ลอดเวลา สว น
ภายนอกมันกห็ างไปเอง อารมณ สัญญา กิเลส ตัณหา ความมุงมาด
ปรารถนา ตามกเิ ลสของตนนัน้ ความอยากไดอ ยากมอี ยากเปน อยากมี
อะไร ยกไวเ สยี กอ น มาทาํ จิตใจของเราใหมนั หลุดใหมนั พน ออกจาก
กเิ ลส ใหไ ดเ สียกอ น จึงจะเขาใจถูกตอง ถาหากวา ไมภ าวนา ไม
ทาํ ความเพียรภายใน ปลอยใหโ มโหโทโส ฟุงซานรําคาญเขา มาทับถม
จติ ใจของตัวเอง จนจมลงไป ทานวา จมลงไปเหมือนชางตกหลม
สตั วท ้ังหลายตกลงไปในหลมมันจมดดู เขา ไปในในดิน ไปตายในใตดนิ
ฉันใดกเิ ลสความโกรธ โลภ หลง ท่จี ิตใจของมนษุ ยเขา ใจผิดคดิ วา เปน
ความสุขความสบาย เห็นรูปวาสบาย ฟงเสียงวา สบาย ดมกล่นิ ล้มิ รส
โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ มนั สบาย มันสบาย แตว า มันพาใหเ รามาเกดิ
มาตาย ในโลกน้ี นบั ไมถวนแลว พระพทุ ธเจา พระองคผูพนไปแลว วา
ทกุ ๆคนมาหลงอยูต ดิ อยู ขอ งอยู การมาเกิดในโลกเปนมนุษย เปนสตั ว

๔๑

เดรัจฉาน ตกนรก อเวจี ขน้ึ สวรรคชน้ั ฟาเปนไปมาเหลาน้ี ทา นวานบั
ไมถ วน นบั เปนเอนกชาติ เรียกวา นับภพนบั ชาตไิ มถวน มนั มากมายจะ
นบั เปนอยา งไรอยางไรมันกน็ ับได คนเรามนั เกิด มนั ตายอยตู ลอดเวลา
เกิดตายน่ีเขาหมายถงึ รูปขนั ธรา งกายมนั เกิดขน้ึ ตง้ั อยูชวั่ ระยะกาล
และมนั ก็แตกตายไป อันจิตใจท่ีเต็มไปดวยกเิ ลส มันเกิดมานานแลว
นับไมถ ว นแลว แตม ันปดบังไว ไมใ หเรารู ถาไปรู เสียมนั กจ็ ะ เสียทา
กเิ ลสมาร สังขารมาร มนั จะไดไ มไ ดนาํ มาใชอ ีก เหมือนพระพทุ ธเจา
ของเรา พระอรยิ สงฆสาวกเจาทง้ั หลายทานรู เม่อื ทานรูแ ลว เอาทาน
มาใชไ มได เอามาหลงในโลกน้ีอีกไมไ ด ทีนี้ปุถชุ นคนเรามันหลงอยแู ลว
มนั มืดอยูแ ลว มนั ดําอยูแลว เมอ่ื กเิ ลสเหลาน้ี มอี ยูแลว มนั หามาเพิ่ม
ได หามาใหห ลงได เพราะวามารกเิ ลสกิเลสในใจ ของแตละบคุ คลนั้น
มันอยใู นใจเรา มนั อยใู นตัวของเรา มันอยทู ี่กาย วาจา จติ มนั รู วาเรา

๔๒

เปนจรติ อะไร จรติ ราคะตณั หามนั กเ็ อาเรื่องราคะตณั หามาหลอกลวง
หรอื ใครเปน โทสะจริต ศรทั ธาจริต พทุ ธะจริต จริตอะไรก็ตาม มนั รู รู
แลว มันกเ็ อาเร่ือง เอาเร่ืองเหลา นัน้ มาหลอกมาลวง ใหห ลง เราไม
ภาวนาใหดี ตั้งใจไมม น่ั คง กจ็ ะหลงไปตามมารกิเลสเหลานี้ เวลาใด
ไมด ี เทา กบั เวลานี้ เดีย๋ วน้ขี ณะน้ที เ่ี รายังมชี ีวติ อยู มลี มหายใจอยู วนั
ขา งหนา ไมมใี ครรู เรารแู ตเ วลานย้ี งั มีชวี ติ ลมหายใจอยู ตอไปขางหนา
ไมมีใครรู มนั จะตายเม่อื ใด เวลาใด ไมม ีใครรู มนั ตายแลวโนนแหละ
จึงรวู า คนนั้นตายแบบนั้น คนน้ตี ายแบบนี้ เม่อื มันยงั ไมตายนม้ี นั ยัง
หากินไดอยู ไมค อ ยรู จงึ จําเปน ตอ งมีวธิ กี ารปฏิบัตบิ ูชา นงั่ สมาธิ
ภาวนา อยา ไดมคี วามทอ ถอย ใหมคี วามพากความเพียรความพยายาม
อยใู นหัวใจ จติ ใจทานไมใ หน ง่ิ นอนใจ จิตใจทไ่ี มน ิง่ นอนใจ ระลึกอยู
อนั นี้ทานวา เปน สติ เปน สตปิ ฏฐาน ระลกึ อยใู นกาย ในเวทนา ในจิต
ในธรรม ระลึกอยูในกายในจติ ใหมันรู ใหมันเขา ใจ อยา ไปเขา ใจวา
เรานกึ นดิ ๆหนอยๆก็พอแลว มนั ยงั ไมพอ นกึ จนมนั รมู ันเขาใจ เด๋ียวน้ี
นึกเจรญิ เลก็ ๆนอ ยๆ มันไมพ อกับเหตุการณ ไมพอกบั ความหลง แก
ความหลงในใจไมไ ด นกึ เจรญิ ภาวนาจนมากทว มทน ความหลงทั้ง
หลายมันจงึ หมดไปสิ้นไปได ถา เราเจริญเลก็ ๆ นอยทาํ นอยๆ มันก็
ไมพอ จึงจาํ เปนจะตองรวบรวมกาํ ลังจติ กําลังใจใหเปน พลงั งานอนั
สามารถอาจหาญ ไมม ีความทอแท ออ นแอในดวงใจ ศีลท่ีเรารกั ษา ก็
รกั ษาใหมนั ดีเจรญิ ขึน้ ไป สมาธทิ ีต่ ัง้ จติ ตง้ั ใจไดบ างแลว ก็ใหตง้ั จิตตัง้ ใจ
ใหมนั เจรญิ กา วหนา อยา ใหม ันถอยหลังเขาคลอง ถอยหลงั เขา คลอง
ถอยหลงั คนื บา น มนั ไดม ันไมไ ปไหนแหละ แตวามันปนทกุ ขต วั เอง
กวา จะมาศึกษาธรรมคาํ สอนในทางพระพุทธศาสนาได กวาท่ีเราจะได

๔๓

มานงั่ สมาธภิ าวนาหลับตา นกึ พทุ โธ ใหใ จสงบระงับ ทาํ สมาธิภาวนา
มนั ยากอยู แตเ มอ่ื เราไดม าถึงมาพบแลว เรากไ็ มต องอยากทํา ปฏบิ ตั ิ
เร่ือยไป ภาวนาอยูทุกวัน ยืน เดนิ น่ัง นอน ไมใหประมาท มสี ติอยทู ้งั
นัน้ เตือนใจของตนอยูท ้งั นั้น อยาไดประมาท คนประมาทมัวเมา หรอื
วาใจเราประมาทมวั เมา มันเปนมาแลว วนุ วายในโลกนี้ ไมม ที จ่ี บทีส่ นิ้
เปนทุกขเ ปนรอ น ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งจติ ทัง้ ใจ มนั มคี วามทุกขมาแลว
ทุกๆ ดวงใจ เมอ่ื ความทุกขเหลา น้ีมี เราก็มาเปลย่ี นใหจิตใจดวงน้ี
ภาวนาพจิ ารณา รปู นามกายใจ ของตัวเอง ใหร ู ใหเ ขา ใจ สิ่งเหลานี้
มันมีอยู แตวาจิตของเราไมสงบตงั้ ม่นั ไมมาพินจิ พจิ ารณา เลยเปน
จติ หลง จติ เมา จติ ไมร ู ก็เลยมวั เมาไปอยา งนัน้ เอง ถาเรารูสกึ สาํ นึกข้นึ
มาไดว า ทุกวนั คืน เดือน ปทเ่ี ราเปน อยูน้ี ความแก ความชรา บังคบั
บัญชารา งกายสังขารเราอยูตลอดเวลา เราไมรูไดว าความเจ็บความไข
ความตายมนั จะมาถึงเราเมอ่ื ใดเวลาใด ยงั ไมเ จบ็ มนั ก็เจบ็ ได เจบ็ แลว

๔๔


Click to View FlipBook Version