มันก็เจบ็ เพิม่ ไปอกี มันหายกไ็ ด ไมม อี ะไรเที่ยงแท แนนอน ในโลกเรานี้
จะเที่ยงแทแ นนอนดที ีส่ ุด กค็ อื วา ต้งั ใจปฏิบัติบูชาภาวนา ละกเิ ลส
ความโกรธ ความโลภ ความหลงน่ีแหละ ใหเบาบางหมดส้นิ ไป เมื่อ
กิเลสหมดสนิ้ ไป แลว มันเทยี่ งแทแ นน อนแหละนะ เที่ยงแทแ นน อนตอ
พระนิพพาน นิพพานงั ปรมังสญุ ญัง นิพพานัง ปรมงั สขุ ขัง นิพพาน
เปนสุข กค็ ือใจเปนสขุ ใจสบาย ใจทําความเพยี ร ใจภาวนา ใจไมล ดละ
ในการประพฤติดปี ฏบิ ัติชอบ ประกอบในสงิ่ ทเ่ี ปนบุญเปน กศุ ล ฉะนั้น
หนา ท่ีของเราทกุ คน ทไ่ี ดเ กิดมาเปน มนุษยไดพ บพทุ ธศาสนาแลว ก็
มีหนา ที่ จะตอ งประพฤติปฏบิ ัติ สิง่ ใดทเี่ ราไดผา นมาแลวไดเลกิ ได
ละมาแลว อยาใหมนั กลบั ไปอีก ใหม นั ไปสทู างสูงทางเจรญิ ทางตา่ํ น้ัน
มันตกไปเองไหลไปเอง ธรรมดากิเลส ทา นเปรียบเหมือนอยางนา้ํ
มนั ไหลลงไปสทู ต่ี าํ่ ใจคนเราถา ใครปลอ ย ใหม นั ไหลไป คดิ ไป พดู ไป ทาํ ไป
ทําไปในทางทตี่ ่ําทราม มนั กไ็ ปไดน ัน้ แหละ เพราะวา มนั ชอบอยางน้นั
เม่ือเราเหน็ วา อยา งตํ่า มนั พาความทกุ ข ความเดอื ดรอ นใหบ ังเกิดข้นึ
เราก็อยา ไปตาม ตงั้ ใจของเราใหด ีขึ้น ใหเ จรญิ ข้ึน ใหร ูจ กั รแู จง รูจ รงิ
รอู ยใู นกาย ในจติ ในตัวของเราเอง อยา ไปมวั หาความรูท างนอก
เอาความรูภ ายในในอันมนั มเี ต็มอยูใ นกาย วาจา จิต ของเรานี้ ใหเ ปน
ไปเพือ่ ความสงบตงั้ มั่นในธรรมะปฏิบัติ ไมใ ชวาหลบั ตาอยางเดยี ว
ลมื ตากเ็ หน็ หลบั ตาก็มอี ยู จะหลบั จะลืม ใหเปน เรื่องของตา หู จมูก
ล้ิน กาย ใจ จติ ใจของเราภายในใหมคี วามต้ังมั่นภาวนาอยใู นหัวใจของ
ตน ใหไดต ลอด ทง้ั กลางวนั กลางคนื ยนื เดนิ น่ัง นอน ทุกอริ ยิ าบท
เมอ่ื ทาํ อยูเสมอ เจรญิ อยทู ุกเมอื่ ชั่ววัน สง่ิ ทไี มร ูก ห็ ายไป ส่งิ ทร่ี จู ัก รแู จง
กบ็ ังเกดิ มีขึ้นในตวั ในใจของเราทกุ คนน้ันแหละ ฉะนั้น เมอื่ วาเราทา น
๔๕
ทัง้ หลายพากนั ไดย นิ ไดฟ ง แลว ก็ใหกาํ หนดจดจํานําไปประพฤตปิ ฏิบตั ิ
กค็ งไดร ับความสขุ ความเจริญ เอวังกม็ ดี ว ยประการฉะน้ี
สัพพีตโิ ย ววิ ัชชันตุ สพั พะโรโค วินสั สะตุ
มา เต ภะวตั วันตะราโย สุขี ทฆี ายโุ ก ภะวะ
อะภิวาทะนะสลี สิ สะ นิจจงั วฑุ ฒาปะจายิโน
จัตตาโร ธมั มา วัฑฒนั ติ
อายุ วณั โณ สขุ ัง พะลงั ฯ
๔๖
ความโกรธเหมอื นไฟ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พุทธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพทุ ธสั สะ
ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระองคน ั้น
ณ บดั น้ี ถึงเวลานัง่ สมาธิภาวนา ใหพากนั นงั่ ขัดสมาธทิ กุ ๆ คน
การนั่งสมาธิ การนั่งกรรมฐานนี้ ใหเอาขาขวาขึ้นมาทับขาซาย
เอามือขวาทับมอื ซาย ตงั้ กายใหเ ทยี่ งตรงและก็หลบั ตา ตานีไ้ มต องลมื
หลับเสีย เพราะวาไมตองการใหจิตใจดูโลกภายนอก เมื่อหลับตา
ภายนอก ตาในตาใจ ทา นเรยี กวา ตาภาวนา เอาดวงจติ ดวงใจผรู ู ผเู หน็
ผมู คี วามเชอื่ ความเลอ่ื มใสภายใน มานึกนอ มเอาคุณพระพทุ ธเจา เปน
อารมณ ไดแก พทุ โธ ภายในจิต
พระธรรมคําสอนของพระพุทธเจาที่เราเรียกวา พุทธศาสนานี้
ที่จะรูไดเ ขาใจกนั ตองเปนธรรมปฏิบตั ิ ในสมัยครงั้ พทุ ธกาล มพี ระภิกษุ
องคหนึ่ง ตั้งแตมาบวชมาเรียนแลว ก็จดจําธรรมะคําสอนของ
พระพทุ ธเจา จนจําไดห มด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขนั ธ และเคยทองจํา
๔๗
มาอยา งน้ี หลายพระพทุ ธเจามาแลว กไ็ มไดส าํ เร็จมรรคผล เพราะไม
ตัง้ ใจปฏบิ ัติ เพยี งแตวา จดจําธรรมะคาํ ส่ังสอนของพระพทุ ธเจา จึงไม
เขา ใจในธรรมปฏิบัติ
คาํ วา ธรรมปฏิบตั ิ เมื่อทา นจะรูนนั้ ไปหาสามเณรนอ ยแตเปน
พระอรหนั ต ทานแสดงนิมติ หมายวา มีหัวปลวกอยหู ัวหนึง่ แตม ีเห้ยี
มตี ะกวด เขาออกอยูในหวั ปลวกนน้ั มีรูเขาออกอยู ๖ รู แลวใหป ด
๕ รู ปด ใหแ นน อยา ใหมันออกมาได แลว กเ็ ปด ทางใจ ขดุ เขาไป และ
กจ็ ะไดเหยี้ ไดตะกวดนนั้ เมอื่ ทา นทาํ ตาม ไมเ พยี งแตจ ดจํา ทาํ ตาม
จริง ๆ ผลท่ีสุด จติ ใจของทานจะไดสําเร็จมรรคผล คือวา ไดดวยการทํา
การปฏิบตั ิ แมเราทุกคน ทกุ รปู ทุกนาม ไมว า หญงิ ชาย เดก็ คนแก
คฤหัสถ บรรพชิต คําวา หัวปลวก ก็คือตัวเราทา นท้งั หลายนแี้ หละ
เมอื่ เวลาเราน่งั กเ็ หมือนแตวาจอมปลวก หรือหัวปลวก จิตมนั เขาออก
อยูในตัวในใจเราทุกคน ออกมาทางตา หลงในรปู ออกมาทางหู หลง
ในเสียง ออกมาทางจมกู หลงในกล่ิน ออกมาทางลิน้ หลงในรสอาหาร
ออกมาทางกาย หลงใหลใน โผฏฐพั พะ เยน็ รอน ออนแขง็ เมอ่ื จติ นี้
ยงั สอ สา ยลมุ หลงไปยงั อายตนะทง้ั หลาย ไมป ด ไว ไมส งั วรระวงั ในอนิ ทรยี
ท้ัง ๖ ก็ไมมีทางทจ่ี ะเขา ใจในธรรมปฏบิ ตั ิ จะปฏบิ ัติอยา งไร ยังไงกต็ าม
ถาปลอยใหตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ ลมุ หลงมวั เมาไปตามอาํ นาจกิเลส
ไมสงั วรระวงั ในอนิ ทรยี ทง้ั หลาย ไมป ด ไมก ้นั ทานใหปด ก้ันหมด ให
ขดุ ลงไปทใ่ี จ คอื ภาวนาบทใจบทหนง่ึ น้ี ภาวนาพทุ โธ พทุ โธ อยใู นใจ
นแ้ี หละเอาใหม นั แนว แนม น่ั คง มตี ากท็ าํ เปน คนตาบอด มหี กู ท็ าํ เปน คน
หหู นวก มจี มูกก็ทาํ เปน คนจมกู ไมร สู กึ กล่ิน มลี ้ินกไ็ มต ดิ ในรสอาหาร
๔๘
มีกายก็ไมหลงใหลในสิง่ ท่ีมาสัมผัส ถกู ตอง เมอื่ เปนผตู ้งั ใจมสี ติ คอย
ระวงั จิตใจอยูภายใน ขดุ คน เขา ไปที่จติ ทใี่ จ ทีภ่ าวนาพุทโธอยใู นดวงใจ
น้เี อง เมอ่ื ผูปฏบิ ัติทงั้ หลาย พุทธสาวกในสมยั กอ นนนู ทานต้ังใจขดุ คน
เขา ไปภายใน เรียกวา ธรรมะ ธรรมปฏิบตั ิ ปฏบิ ตั ิธรรมะ คอื เอากาย
วาจา จิต เอาตัวของเรา ปฏิบัติลงไปทเี ดียว อยาไปจําแตวา ธรรมะ
ธัมโม อยางนน้ั อยา งน้ี พระสูตร พระวนิ ยั พระปรมัตถ มากมายเทา ไร
เทาไรก็ตาม เม่ือจิตไมสงบตงั้ ม่นั จิตไมห ยดุ ไมอยู จิตไมส ลดสงั เวช จิต
ไมเปน ดวงหน่ึงดวงเดยี ว ชือ่ วาอยใู นขน้ั ปรยิ ตั ธิ รรม คําสอนคาํ บอกนี้
สมมติมโี ยมในโลกอนั น้ีเอง
คาํ วา ปฏบิ ตั ทิ ว่ี า ตง้ั ตวั ตง้ั ใจขน้ึ มา เมอ่ื เรานง่ั สมาธภิ าวนาฟง ธรรม
ขอใหท ําใจของเราดวย จําเอาดวงใจของเรา มันอยู่ที่ไหน ใจมี
อยใู นตวั นแี่ หละ แตใ จ จติ ใจคนเราน้ี เปน ธาตนุ ามธรรม คอื วา ไมม รี ปู รา ง
สี สัณฐาน หมายถงึ จติ ใจจริง ๆ แตจติ ใจดวงผรู ู อยใู นตวั ในใจ
นแ่ี หละ มนั พารปู รา งกายน้ี ยนื เดนิ นง่ั นอน พดู จาปราศรยั ตาดหู ฟู ง
หลงใหลไปกับคน กบั วัตถุธาตทุ ั้งหลาย เพราะไมตั้งใจภาวนา ไมร วม
จิตใจ เขาไปสูดวงใจ คือไมประกอบกระทาํ ปลอยปละละเลย ขาด
สติสมั ปชญั ญะ ขาดสมาธิ ความตง้ั มั่น ขาดปญญา ความสอดสอ งใน
ธรรม เมอื่ ขาดส่งิ เหลาน้แี ลว จิตกห็ ละหลวม ทอแทอ อนแอ ไมต้งั ใจให
เตม็ ที่ คือวา การปฏิบตั ิน้นั ยอ หยอ น ทอ ถอย มกั งาย ไมเอาจริง
ปลอ ยปละละเลยคอื ไมต ง้ั ใจทาํ จรงิ ๆไมข ดุ คน ลงไปจรงิ ๆจะไปหาทไ่ี หน
ในโลกน้ี กไ็ มเ หน็ หรอก เพราะวา จติ ใจมนั อยภู ายใน จติ ใจนม้ี นั ไมม รี ปู รา ง
เหมอื นตัวคนเราดว ย จะเอาอะไรมามดั มาผูกไว ใหมันอยูกบั ทดี่ งั
๔๙
ใจหวงั ก็ไมไ ดเหมอื นกนั เพราะมันไมม ีตัว ตวั คือรา งกายของเรา ที่มี
ขาสอง แขนสอง ศรี ษะหนง่ึ นี้ อนั นเ้ี ปนเพียงวา เปน ทอี่ ยอู าศัยของจติ
ในชั่วระยะทย่ี ังไมแตกไมตาย มาอาศัยครองรางอนั นีเ้ ปนเคร่อื งอยู เมอื่
มาอาศัยแลว สว นมากกเ็ รยี กวาอาศัยอยู เพอ่ื กเิ ลสในใจ กิเลสทางตา
ไดแก จิตหลงใหลในรูป กเิ ลสทางหู จิตหลงใหลในเสียง หลงใหลในกลิน่
หลงใหลในรสอาหารการกิน หลงใหลในโผฎฐัพพะ หลงใหลใน
ธรรมารมณ เมือ่ หลงใหลออกไปเทา ไร ๆ กย็ ิง่ หางไกลออกไป ไมอยใู น
กายในจิต เรยี กวา หางไกลพุทธธรรมคําสอนพระพทุ ธเจา
พทุ ธธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธเจานั้น คาํ วา พระไตรปฎก กาย
คอื ตัวเราน่แี หละ เปนตูพ ระไตร เปน ตูพระธรรม วาจาคอื ส่ิงทพี่ ดู
ท่เี ปลง ออกมา เปน พระธรรมคาํ สอนพระพทุ ธเจาอยทู น่ี ี่ พระสตู ร
พระวินยั พระปรมตั ถ ก็ดวงจติ ดวงใจนแ่ี หละ ตวั เราทุกคน ก็ให
เขาใจเถดิ วา น่คี อื ตพู ระธรรม ตูพระไตรปฎก ตูพระไตร หอพระไตร
๕๐
หอพระธรรม เมื่อไดก าย วาจา จติ มาแลว ชอื่ วา เราไดพระธรรม แตเปน
พระธรรมทีย่ งั ไมไดเ ปดอา น ยงั ไมไ ดป ฏบิ ตั ดิ ี ปฏิบตั ชิ อบ ยงั ไมไ ดเ จริญ
ธรรมกรรมฐาน มีอยูกเ็ หมือนกบั ไมมี เพราะยงั เอามาใชก ารอะไรไมไ ด
เหมอื นกบั วา นง่ั เฝา ตพู ระธรรมอยู แตไ มร พู ระธรรม นง่ั เฝา ตพู ระไตรอยู
แตไมรูพระไตรปฎก อาศัยอยูในตูพระธรรมวนิ ัย วตั ถุศาสนาคาํ สอน
ของพระพุทธเจา แตไ มรไู มเขา ใจ กเิ ลสมันก็พาไป กเิ ลสมันพานง่ั
กิเลสมันพานอน กเิ ลสมันพากนิ กเิ ลสมันพาวุนวาย ตงั้ แตเ กิดมาจน
ตาย ทกุ ภพทุกชาติ คอื ไมสังวรระวงั ไมตัง้ ใจปฏบิ ตั ิ ไมปฏบิ ัติรักษา
จติ ใจของตัวเอง กาย วาจา จิต ปลอยให กาย วาจา จติ นี้ หลงใหล
ไปตามรูป เสียง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ เม่ืออะไรกระทบ
มา ก็ไมมีปญญาพนิ ิจพิจารณา เปน ตน วา ตาเห็นรปู รูปน้นั มนั จะเปน
รูปเรา รูปเขา รปู คน รูปสัตว รูปวัตถขุ าวของ รูปตน ไม ภูเขา ทอ งฟา
อากาศ รูปอะไรก็ตาม เมื่อมันมาปรากฏในสายตานัน้ แลว ตองกาํ หนด
พิจารณา อยา ใหมันหลงใหลไปอยางเดยี ว
รปู ทงั้ หลายแหล สวนมากจติ ใจหลงน้ี มันกช็ อบแตสว นทร่ี ูปดี
รปู ดีทจี่ ิตมนั เหน็ วา ดี มันก็ตองการรูปดี ๆ รปู ทสี่ วยสดงดงามตาม
สมมติภาษานั้น แลวมันหารูไมวา ในรปู ท่วี าดีนัน้ มันจะมีสง่ิ ทไ่ี มดีอยู
ในน้นั อยา งวา รปู รา งกายของเราทกุ คน ที่มนั มีหนังหุมอยูเปน ที่สดุ รอบ
พระพุทธเจา ทรงตรัสวา เปนกอ นอสภุ กรรมฐาน หรือทา นวา ตวั คนเรา
ทกุ คนน่ี เปน กอนอสุภะ ยังมีชวี ติ ยงั ไมต าย ก็ใหช อ่ื วา เปน ผดี บิ ไมใ ช
ผีตาย ไมใชผ ีสุกผดี ิบ ผีดิบน้ี เม่อื มนั ยังไมต าย มีเรอ่ื งราวมากมายหลาย
อยา งหลายประการ แมคาํ แนะนาํ ส่ังสอน จะสอนวา ใหภาวนาพุทโธ
๕๑
ตงั้ ใจบรกิ รรมภาวนาหรอื อบุ ายใดกต็ ามจติ ใจทมี่ นั อยใู นรา งผดี บิ ตนนนั้
มันไมไดเชอ่ื มนั มีแตจ ะหลงไป คาํ วาหลง คอื ไมส งบ ไมต้งั มัน่ ไม
เห็นกอ นอสภุ กรรมฐาน ไมเ หน็ ซากศพ ซากศพ ซากผดี ิบ เมือ่ จติ ไม
เพง ดูกาย ดตู วั ของเราใหเหน็ แจงดว ยสติปญ ญา กม็ าลูบคลําสาํ คัญผดิ
คดิ วา ตวั เรานไ้ี ม ไมเ ปน อะไร มแี ตค วามสขุ ความสบาย ความเจบ็ ไขไ ด
ปว ยไมมี มีแตค วามสะอาด แตเราหารูไมว า ทาํ ไมจึงอาบนาํ้ ชาํ ระลาง
เมื่อนงุ ผา ผอ นทอนสไบ ปกปด รา งกายแลว เคร่ืองนุง หม น้นั จะแสดง
สิ่งปฏิกลู ใหป รากฏการณนั้นมาจากไหน ไมใชม ันมีอยูในตัวในกอน
กรรมฐานนีห้ รอื นี่แหละตอ งดู กาํ หนดพิจารณาใหดี ถา ยงั มชี ีวติ อยู
ยงั ยนื เดิน นง่ั นอน ไปมาพูดจาปราศรัย ทาํ ดีทาํ ชว่ั ไดอยู ก็พอทาํ เนา
แตห ากวาเกิดแตกดบั เกดิ ตายขึ้นมา อะไรละจะเกดิ ข้ึนทนี ี้ ยงั ไมต าย
มันก็เจียนตาย ยังไมเ นาไมเปอ ย มันก็เจียนเนา เจยี นเปอ ยอยูแลว ใน
รางกายสังขารนี้
พระพุทธเจา พระองคจงึ เตือนไวว า รปู ขันธนีก้ ค็ ือวา กอ นอสภุ ะ
คําวา อสุภะ ก็คอื วาสงิ่ ไมส วย ไมง าม เตม็ อยูในรางกายสังขารอันนี้ ที่มี
หนงั หมุ อยูเปนทีส่ ดุ รอบ จติ ใครจะมาหลงวา เราสะอาดสะอานอยางไร
ก็ตาม ตอ งตรองดู พิจารณาใหเขาใจ วา เราไดถายปสสาวะทุกวันไหม
กย็ อมตอบไดวา ปสสาวะทุกวัน ปสสาวะท่ีเราถา ยออกมามันหอมหรอื
มนั เหมน็ คิดดใู หเหน็ ดวยตนเอง หรือเราถา ยมูตรคูถอยูทกุ วัน มันหอม
หรอื เหม็น ใหด เู ขา ไปขางใน ท่พี ระพทุ ธองคท า นตรสั วา อสภุ กรรมฐาน
ถา กาํ หนดใหเห็น เปน ของไมงาม เตม็ ไปดว ย พทุ โธโลหิต เต็มไปดวย
ของไมส ะอาด มีประการตาง ๆ เม่ือกาํ หนดไดใจกส็ งบ ใจกส็ ลด สังเวช
๕๒
ในรปู ขันธอันนี้ ถา กาํ หนดไมไ ดใจมนั ก็เพลดิ เพลนิ ไมเ หน็ ความแก
ความชรา ไมเห็นความเจบ็ ไขไ ดป ว ย ไมเห็นธรรมกรรมฐาน เม่ือไมเห็น
กค็ อื วา จิตมันบอด จติ มนั มืด จติ ไมภ าวนา เม่อื จิตไมรู จิตไมแ จง จติ
ไมเ หน็ จิตมดื จิตมดื จติ บอด เหมือนคนตาบอด ธรรมดาคนตาบอด
หรอื สัตวตาบอดก็ตาม อะไรทีต่ ามันบอดแลว ไปไหนมาไหนยอมมภี ัย
อนั ตรายมาก ถา เดินไมระมดั ระวงั ตกหลุม ตกบอ ตกเหว ตกนํา้ บอ
เอาถึงตายได นั่นเพราะวาจิตมันมืด จิตไมภ าวนา จติ ไมเปน ดวงหน่ึง
ดวงเดียว ทท่ี า นตกั เตอื นใหเราทกุ ลมภาวนา ทกุ ลมหายใจเขา ออก
เพอื่ ใหจติ มนั แจง มันใส รจู กั ผดิ ถกู ช่ัวดี ดีชั่ว ละชั่วบําเพญ็ บุญ จิตใจนน้ั
จงึ จะสวางแจงข้ึนมา ถาปลอ ยไปตามยถากรรมนัน้ ๆ แลว เหมือนคน
ตาบอด จะมากเทา ไรกต็ าม ข้ึนชอ่ื วาคนตาบอด หรือเอาคนตาบอดจงู
คนตาบอด นัน่ แหละ จะเกิดภยั อันตราย เพราะวาผูจูง ผูแนะนาํ ผูพาไป
กต็ าบอด ไมเ ห็นทาง ไมเ ห็นทาง มันก็ผิดทาง เมอ่ื ผิดทางมันก็โดน
ภยั อนั ตรายตา ง ๆ เพราะจติ มันบอด ถาจะมหี ลายคนตาบอด แตว า
มีคนตาดีจูง คนตาบอดท้งั หลายจับเชือกจบั ไม ก็ยอมไปได อนั นไ้ี ดแ ก
เราทกุ คน ทุกดวงใจ แมจ ะมืดมาแลว ตง้ั แตอ เนกชาติ นบั ภพนบั ชาติ
ไมถ ว น เมอ่ื มาถงึ ชาตปิ จ จบุ นั น้ี กใ็ หเ ชอ่ื ตอ พระธรรมวนิ ยั พระพทุ ธศาสนา
คาํ สอนของพระพุทธเจา ตง้ั ใจปฏบิ ตั ิดี ปฏิบัติชอบ ประกอบในสงิ่ ที่
เปนบญุ เปนกศุ ล ไมเ ปน คนดือ้ ดานหยาบคาย ทําตามอํานาจ กเิ ลส
ความโกรธ โลภ หลง ของตน แบบวา เลิกละกิเลสตา ง ๆ ออกไป
ในกายวาจาจติ ของเราน้ีใหถอื วา เปน ตพู ระธรรมตพู ระไตรปฎ ก
เราจะตองดู นัง่ กด็ ูกาย วาจา จิต นอนกด็ ูกาย วาจา จติ ภาวนา
๕๓
อยูภายใน ยืนเดนิ ไปมาทไ่ี หน ก็ภาวนาอยูในกาย วาจา จติ อันน้ี
ไมยอมขาดสติ ไมใ หข าดสมาธิ ไมใ หขาดปญญา ใหเ กิดความรูค วาม
เขา ใจ ต้งั อกต้งั ใจอยูภายใน รูปขันธก ายอยูทีไ่ หน ใจกใ็ หอ ยูทน่ี ัน่ ไมใ ช
อยเู ฉย ๆ อยดู วยการภาวนา อยูดวยการพนิ จิ พจิ ารณา วา รปู ธรรม
นามธรรม ตัวตนอนั นี้ มนั มีอายยุ ืนยาว คราวไกลขนาดไหน เปนของ
มั่นคงถาวร ยง่ั ยืนชว่ั ฟาดนิ สลายหรอื ใหมองเหน็ วา มันรอความตาย
อยทู ุกลมหายใจเขาออก พระพทุ ธเจา พระองคจ งึ เตอื นวา ใหภาวนาอยู
ทุกลมหายใจเขา ออก อยาไดป ระมาท คนอื่นประมาทมัวเมาเปนเรือ่ ง
ของเขา จติ ใจเราผภู าวนาผตู ้ังใจไมป ระมาท โดยตอ งทํา ไมใชเพียง
แตวา จาํ จดจําไดแตวา ไดเ ทา น้นั ยังไมสมบรู ณแ บบ คือตองลงมือทํา
คําวาลงมือทาํ คือเอาตวั ทาํ เอากาย วาจา จิตทํา นั่งสมาธภิ าวนา ก็
เอากาย วาจา จิตนัง่ ใจภาวนา รา งกายก็นัง่ อยใู นทาสงบ อยูในทา
ความตั้งใจ ต้งั ในใจ ตงั้ ในกาย ตงั้ ทุกอยา ง ไมย อมใหมนั ลมุ หลง มวั เมา
๕๔
ไปอยูใตอํานาจกิเลส ไมวา จะเปนกิเลสความโกรธ ก็ไมยอมใหมันเขา
มาเหยยี บยํ่าได กเิ ลสความโลภ กิเลสราคะตัณหา ก็ไมย อมใหม ันเขา
มายํา่ ยีหวั ใจได กายระลึกภาวนาอยู มองเห็นทุกข เห็นโทษ เหน็ ภัยใน
โลก ในวัฏสงสารอยู การทคี่ นเราเกดิ มามีตัวตน รปู นาม กาย ใจ อยู
อยางทกุ วันนี้ ธรรมดารูปขันธ มภี ยั อนั ตรายรอบดาน มภี ยั อนั ตรายได
ทุกเวลา ภยั อนั ตรายเกิดขนึ้ ภายในรปู ขนั ธน ้กี ม็ ี ภยั อนั ตรายมนั เกดิ มา
จากภายนอกก็มี ไมควรน่งิ นอนใจ จงมองเหน็ ชราความแก มองใหเห็น
พยาธิความเจบ็ ไขไ ดปวยอยูตลอดกาล นกึ เตอื นใจใหไ ดว า ความตาย
นั้น มันใกลเขามา คืบคลานเขามา เกดิ ข้ึน มีขนึ้ ไดทกุ เวลา
ความตายของพระพุทธเจา ทานเตอื นไววา ทานวา มนั ตายไดท ุก
ลมหายใจเขา ไป ตายไดท ุกลมหายใจออกมา เพราะมนั ตายไดท กุ เวลา
เราก้ันไมไ ด แกไมได จติ ใจมนั กแ็ กท งั้ นนั้ แหละ บรโิ ภคอาหาร บริโภค
เพื่อกันตาย กนิ หยูกยาแกโรคภัยไขเ จ็บ กค็ ือวากันไวไ มใ หม ันตาย
นุง หม ผา ผอนซอนสไบ ก็กันไมใ หมนั ตาย มบี านเรอื น กฏุ ิ วหิ ารเปน ทอ่ี ยู
อาศยั ก็กนั ไมใหม นั ตาย แตเ ม่อื ถงึ เวลามนั จะแตก จะตายจริง ๆ แลว
ไมว าโรคชนดิ ใด ถา มนั เลนแรง มันตายไดทกุ อยาง น่ังอยดู ี ๆ ตายก็มี
นอนอยูดี ๆ ตายกเ็ ยอะ เดินไปไหนมาไหน เกดิ ภยั พบิ ตั ิ ตายไดทุกเวลา
ย่งิ สมัยยวดยานพาหนะ หรอื สมยั ทีม่ นุษย เหีย้ มโหด มีศาสตราอาวธุ
ประหัตประหารกัน ยิ่งมีภัยอันตราย เรียกวาตายไดทุกลมหายใจ
ฉะนนั้ อยา ประมาท จงพากันเรง รีบ รบี เรง คําวา เรง ก็คอื วา ตัง้ ใจไมให
ตกอยใู นความประมาท ทกุ ลมหายใจเขา ทุกลมหายใจออก ประมาท
ไมไ ด ใครประมาท ผนู ัน้ ชอื่ วาตาย ศลี ๕ ศลี ๘ ศลี ๑๐ ศลี ๒๒๗ ไม
๕๕
รกั ษา ไมภาวนาไว คอื วา ประมาท ประมาทเลินเลอ เผอเรอ ปลอ ยให
ชวี ิตความเปนอยูม ันหมดไป หมดไป ตามวนั คนื เดือนป ผลทีส่ ดุ ชวี ิตก็
จบลงไปดวยมรณภยั คือความตาย มันตายแลว เอาทาํ อะไรไมได เมือ่
คนมนั กนิ ไมไ ด ทาํ ปลารากินกไ็ มไ ด ยางไวเ หมอื นเนื้อสัตวกนิ ก็ไมได
มนั รงั เกยี จ
น่ีแหละใหเราคดิ ตามพิจารณาภาวนาดูใหดีเรียกวาธรรมเรยี กวา
ศึกษา ไมใชจํา จาํ คาํ สง่ั คําสอน คําบอก คําเลา แตเ วลาเราเอามา
ประพฤติ ปฏิบัติ เอามาละกเิ ลสความโกรธก็ไมออก มาละกเิ ลสความ
โลภกไ็ มอ อก จากใจ จากกาย เอามาละความหลงในใจก็ไมไ ดเร่อื ง อนั
นีค้ ือวา ไมใชธรรมปฏิบัติ มันเปน ความจดจาํ ไวเทา น้นั ธรรมปฏิบัติ คอื
เอามาปฏิบตั ิ เอามาแกไข พินจิ พิจารณาในจิตใจของตัวเองใหไ ด ไมไ ด
ไปยอมมันเลย นงั่ กภ็ าวนาพจิ ารณาดู ในหลักอนิจจงั คือความไมเ ทย่ี ง
ในหลกั ทกุ ขัง คอื ความเหน็ ทกุ ข ในหลักอนัตตา คือความไมใชตัวตน
ของเรา ทําไมจึงมายึดมาถอื วา ตวั ขา ของขา ตัวกู ของกู ตวั เรา ของเรา
เปน ของเราทไ่ี หน บอกไดวา ฟงหรอื ถา มันบอกไดว า ฟง คนมันกไ็ มแกสิ
อยใู นวัยไหนที่ตวั เองชอบ ก็ใหอ ยูในวยั นั้นตลอดไป อันนี้มนั เปนไป
ไมไ ด บอกเลาสัง่ สอนบอกได แตวา แกช รา มันบอกไมฟง บอกไมให
เจบ็ ไขไ ดป ว ยไมใ หม พี ยาธโิ รคาบอกไดแ ตม นั ไมฟ ง มนั กเ็ จบ็ ไขไ ดป ว ยเตม็
โรคอยูอยา งน้ี ทีนถ้ี งึ เวลาบทมันจะแตกจะตาย จะมโี รค ไมมีโรคอะไร
ก็ตาม แตวาถามันมเี กิดแลว มนั ตอ งมีตาย มนั คูกันอยางน้ี เวลามนั จะ
แตกจะตายเราบอกไดหรือ พอ แม ครูบาอาจารยบอกไดห รอื วา ไมใ ห
ตายนะ ใหอ ยนู ะ มันอยูไดท่ีไหน เขาตายกนั ทง้ั โลก กาํ หนดพจิ ารณาดู
๕๖
ใหดี เมอ่ื มนั ตายแลวอะไรแสดงออกมา ตายแลวมันก็เนา ยงั ไมตายมัน
ก็เนา กเ็ หมน็ แตเมอื่ เราไมพ จิ ารณาก็มายึดมาถอื ปด บังไว ปดไว
บงั ไว หอ ไว หมุ ไว ไมพ นิ จิ พจิ ารณาใหม นั แจง ใจ จติ มนั กม็ าลมุ หลงมวั เมา
เขาใจผิดคดิ หลงไป
ฉะนน้ั ทานกใ็ หน ึกอยเู สมอ เม่อื เห็นสัตวอ่ืนตาย ก็ใหน อ มเขา มา
ใหเ อามาเตือนใจของเรา วาเมอ่ื ตวั เราตายก็เหมอื นกัน เหมอื นสัตวต าย
เหมือนคนโนน ตาย คนนตี้ าย ไมว า คฤหัสถแ ละบรรพชติ เกิดมาแลว
ตอ งตาย คนอ่นื ตายก็เอามาเตือนใจ เตือนจิตน้ี ไมใหน่งิ นอนใจ
เมือ่ ถึงเวลาเราตาย เราจะทําอยา งไร ถาเราไมทํา ไมป ฏิบัติในขณะที่
ยังอยูดี สบายอยู ตายแลว มนั จะทนั เหรอ ตายแลวจะเอาอะไรไปได
ไมเห็นหรอื ไมวา ใคร ๆ ในโลกน้ี ตายแลวมันกท็ ้งิ รา งกายไวท่ีนน่ั เอา
ไปเผาผี ฉกี กระดูกดวยตนเองไดท ่ไี หน ตายกท็ งิ้ ไวทน่ี ั้นเอง มนษุ ย
ทเ่ี ขายังไมต าย กเ็ อาไปฝง ไปเผาตามหนา ท่ี เราจะมาอวดดบิ อวดดี
วาเราดี ดีทไี่ หน ตายแลวมนั เนา ตายแลว มันเปอย ตายแลว มันเหลือ
แตกระดกู รอ น เผาไฟก็ไหมหมด ฝงดินกจ็ มเปนดิน ตายในนา้ํ ก็จมลง
ไปในน้ํา มนั ดยี งั ไง กาํ หนดพจิ ารณาภาวนาใหมันเห็นแจง อยามามัว
ทําซึม ๆ งว งเหงาหาวนอน ฟุงซา น ราํ คาญ หัวเราะ รอ งไห ไมต้ังใจ
ปฏบิ ัตดิ ี ปฏบิ ัติชอบ ใหเ กดิ สติ สมาธิ ปญ ญา ตัวแกไมรสู ึกตัว ตัวเจ็บไข
ไดพ ยาธิไมร ูสกึ ตวั รูปขันธมันรอวันแตกวนั ทําลายอยูไมรสู กึ ตัวทนี ีเ้ มือ่
ถึงคราวมันแตกมันทําลาย เอาละวนุ วาย รองไหน า้ํ ตาไหล รอ งหาพอ
หาแม หาพ่หี านอง หาอะไรตอ มอิ ะไร วุนวายไปหมด ภาวนาพุทโธอยู
ในใจไมไ ด วงิ่ ไปโรงพยาบาล เขา ใจวาโรงพยาบาลมันจะแกไ ดทกุ ราย
๕๗
บางคนไปถึงโรงพยาบาล ยังไมถงึ มันกต็ ายเสียกอน กินหยกู กนิ ยา
เขาใจวา มนั จะหาย แทนทีจ่ ะไดก ลับมาวัด มาบา นตวั เอง รวบไปปาชา
ไปเลย นนั่ เพราะอะไร กเ็ พราะรางกาย สังขาร รปู ขันธ อนั นี้ มันมชี รา
พยาธิมรณะครอบงําอยูตลอดกาล เราอยา เขา ใจวา มันจะแกไ ด แลว
อยาไปเขา ใจวามนั หาย กินหยูกกินยาหรือไมก ินก็ตาม มันหายไป หาย
แลว ถามวา สบายดไี หม สบายดี ถา มนั สบายดคี นนน้ั มนั ไมต ายหรอื
ตอ ไปมนั ก็ตายได คาํ วา สบาย มันเพียงแตเ ปน ภาษาสมมตเิ ทาน้ัน มนั
ระงับลงไปช่วั ระยะหนึง่ เหมือนกินยาระงบั ความเจบ็ ปวด มันจะระงับ
ไปนดิ ๆ หนอ ย ๆ เทาน้ัน อกี ไมน าน มันจะเจ็บปวดขึ้นมาอกี ผลท่ีสดุ
มนั เอาตายวา เรายงั จะมานง่ิ นอนใจ วา เราสบาย เรายงั เด็ก ยงั หนมุ
ไมเปนไร มอี ะไรเปนเครอ่ื งอา ง อางไดทไ่ี หน ไมมใี ครจะมาก้ันกลางได
เกดิ ทีไ่ หนตอ งมีตายทน่ี น่ั ไมว าคนน้นั จะเปน ชาตใิ ด ภาษาใดกต็ าม
เปนเดก็ กต็ ายได เปนหนมุ ก็ตายได เปนหญิง เปน ชายตายได คฤหัสถ
และนกั บวชตายไดเหมือนกนั ไมม ีใครวิเศษกวา กนั สง่ิ เหลานีก้ ้ันไมไ ด
๕๘
เยียวยา พยาบาล บรรเทาไปเทานน้ั เอง แกรําคาญไป มันเอาจรงิ ๆ
แลว ไมเหลือ ทาวพระยามหากษตั ริย ก็ตาย พระภิกษุสงฆ สามเณร
ผา ขาว นางชี ษกี ็ตาย เราทกุ คนท่ีนั่งฟงธรรมอยูน ี้ ก็ตองตายภายใน
๑๐๐ ปหรือเลย ๑๐๐ ปไปกไ็ มพ นความตาย
เราจะยังมาสงสยั อยหู รอื มัวหลบั มวั นอน ไมภ าวนาละกเิ ลส
นอนไปถงึ ไหน นอนในทองแม ๙ เดือน ๑๐ เดือน จงึ คลอดออกมา
ยงั มาหลงหลับหลงนอนตอ ไป ไมภ าวนาพุทโธในใจไมได ท่พี ึง่ ในใจ
ยังไมม ี ในใจนีม้ ันยงั มีแตกเิ ลสโลเล ตาเหน็ รปู กโ็ ลเลในรปู หฟู ง เสียงก็
โลเลในเสียงจมกู ดมกล่ินลิ้นลิ้มรสก็โลเลกนั ทั้งนน้ั ยังไมมีอะไรขามพน
เปนอยา ง ๆ ไปเลย ทาํ อะไรกต็ กอยูใ นอํานาจของกิเลสความโกรธ
พูดทําอะไรกต็ กอยใู นกเิ ลสราคะตัณหา คดิ อา นอะไรก็ตกอยูใ นอวชิ ชา
ตณั หา จิตไมร ู จิตไมร ู จติ หลง จติ หลง จติ เมามันก็ไมรอู ะไร เหมือนคน
หหู นวกหูตึง ฟง เสียงไมไดย ินอยา งนน้ั เสียงฟา รองกไ็ มไดยิน เหมอื น
คนตาบอดตง้ั แตก าํ เนดิ เกดิ มา ดวงอาทติ ย พระจนั ทร มอี ยใู นโลกกไ็ มเ หน็
เพราะอะไร เพราะตาบอด คนไมภ าวนา ไมละกิเลส ช่ือวา ตาใจมัน
บอด พุทโธ ธัมโม สงั โฆ ในใจ นกึ ไมไ ด เจริญไมไ ด แตจ ติ ใจทีด่ ุดา วา
รา ยปา ยสใี หแ กบุคคลผูอน่ื เขา ใจ พดู ได ดา ได ฆา สตั วตดั ชวี ิตอะไร
ทกุ อยางทาํ ได น่แี หละท่ีเรียกวา คนใจบอด คนใจมืด คนใจดํา ใจไม
ภาวนา ใจไมล ะความโกรธ ใจไมละความโลภ โลภะตัณหา โลภไปถึง
ไหน โลภไปถึงวันตาย ตายแลวก็เกิดมาใหม โลภไปอกี นแี่ หละมนั จะ
มาโลเลอยทู าํ ไม ใหลกุ ขน้ึ ต่นื ขนึ้ ลกุ ขึ้น ภาวนา สรา งคณุ งามความดี
ใหเ กิดมีขน้ึ ในจิตในใจ ในกายวาจาจิตของเรา จงเห็นตูพระธรรม กราบ
๕๙
ไหวต ูพระธรรม เอาตพู ระธรรมไหวพระ เอาตูพระธรรมสวดมนต เอา
ตพู ระธรรมภาวนา รักษาตพู ระธรรมคาํ สอนใหยืนยาวคราวไกล ดว ย
การปฏิบัติบูชาภาวนาไมทอ ถอย สรางศรทั ธา ความเชื่อ ความเลอื่ มใส
ใหเกิดขน้ึ ในดวงใจ ในการประพฤตดิ ี ปฏิบัตชิ อบ ประกอบในสงิ่ ที่เปน
บุญเปน กศุ ล ไมใ หจ ิตใจมนั ทอแทอ อนแอ ใหจิตใจมันรู ฉลาด สามารถ
คนเราเม่ือมศี รัทธา ความเชอื่ ความเลอื่ มใส จิตใจมัน่ คงหนักแนน
ในธรรมปฏิบตั ิน้ัน ทาํ ดีไดตลอดเวลา พดู ดีไดต ลอดเวลา คดิ ดีได คดิ
ภาวนาไดตลอดเวลา สว นศรัทธาความเช่ือ ศรัทธาความเลอื่ มใสใน
พทุ ธธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธเจา ศรัทธาตง้ั มัน่ ในธรรมปฏบิ ัติ เมอื่
ศรัทธาตั้งมั่นในธรรมปฏิบัติ เต็มดวงจิตดวงใจของตนอยูแลว นั่น
แหละ สาวโก สาวกพระพทุ ธเจา มีอยทู กี่ าย วาจา จติ ของตัวเอง
ทกุ คน ดงั แสดงมากส็ มควรดวยกาลเวลา เอวงั ก็มีดว ยประการฉะน้ี
๖๐
จติ ไมเ อาถา น
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพทุ ธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สมั พุทธัสสะ
ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระองคน ั้น
ณ โอกาสนไี้ ปเปน โอกาสที่เราทง้ั หลายจะไดน ัง่ สมาธิภาวนา การ
นั่งสมาธินี้ใหพากันนั่งขัดสมาธิเอาขาขวาทับขาซาย เอามือขางขวา
วางทับมือขางซาย ตั้งกายใหเที่ยงตรง หลับตานึกบริกรรมภาวนา
พุทโธทุกลมหายใจเขา ออก การภาวนานี้เมื่อถึงเวลาเรานั่งสมาธิ
ภาวนาแลวก็ใหปลอยวางอารมณภ ายนอก จะเปนความดีอกดีใจกต็ าม
เสยี อกเสยี ใจทกุ โทมนสั คบั แคน แนน ใจอนั ใดกต็ าม เมอ่ื ถงึ เวลานง่ั ภาวนา
แลวจงทําใจของเราใหสบาย ตั้งใจกําหนดลมหายใจเขาออก พุทโธ
พระพทุ ธเจา เตอื นใจของเราอยทู กุ เวลาเพราะวา พระพทุ ธเจา นน้ั มคี วาม
มุงหวัง ปรารถนาจะใหพวกเราท้งั หลายไดมีความสุขกายสบายใจไมใ ห
ใจเดอื ดรอนวุนวาย พระพุทธเจา นัน้ พระองคไ ดต รัสรแู ลว ยงั สอนผูอ น่ื
ใหส าํ เร็จมรรคผล ถงึ ซึ่งนิพพานดว ย พระพุทธเจานี้จงึ ใหพากันรําลกึ
๖๑
ถึงอยทู ุกขณะทกุ เวลา คุณพระพทุ ธเจา น้นั ไมม ปี ระมาณ ผใู ดระลกึ ถึง
พระพทุ ธเจาอยูยอ มเปน ไปเพอื่ ความเจรญิ ทั้งทางโลก และทางธรรม ผู
ใดขาดคุณพระพุทธเจาจิตใจของบุคคลผูน้ันก็มักจะมีแตความเรารอน
ในหัวใจ และจะมภี ยั อนั ตราย สิ่งทีต่ นเองไมปรารถนามกั จะบังเกิดมี
ขน้ึ ไดดวย เพราะวาคุณพระไมคมุ ครอง พระพุทธเจา ที่เราภาวนารําลกึ
ถึงคุณพระแลววาครอบครองปกปกรักษาไมใหมีภัยอันตรายตางๆ
นานา พระพทุ ธเจา นจ้ี งึ ควรสกั การะบชู าทง้ั กาย กราบไหวบ ชู าพระพทุ ธเจา
วาจาก็ไหวพระพทุ ธเจา ดวงใจไหวพ ระพทุ ธเจา ไดแ ก ดวงใจทีม่ ีความ
สงบตง้ั มน่ั ไมล งั เลสงสัยในทต่ี า งๆ ระงับดับความสงสัยในใจของตน
ออกไปใหหมดสิน้ ตั้งใจบรกิ รรมภาวนาพทุ โธในดวงใจในจิตใจดวงผรู ู
อยภู ายในใจของเราทกุ คนน้ใี หช มุ ชน่ื อยดู วยพทุ โธ พุทโธ พระพทุ ธเจา
ใจของผใู ดถึงคุณพระพทุ ธเจา จติ ใจของผนู ้ันยอมมีความสุข พุทโธ
๖๒
พระพทุ ธเจานั่งอยูก ็พุทโธในใจ ยนื อยูก็พุทโธในใจ เดนิ ไปมาทีไ่ หนก็
พุทโธในใจ นอนอยยู ังไมหลับก็ พทุ โธในใจ ตื่นขึ้นมากพ็ ทุ โธในใจ ใจ
อิจฉา ใจพยาบาท ใจอาฆาตจองเวรไมใ หม ใี นใจของเราผูภาวนาพทุ โธ
เพราะวาพระพทุ ธเจานัน้ ความโกรธ ทานก็ไมมี ละทิ้งแลว ความโลภ
ความอยากไดท า นก็ไมม ีทานละทิง้ แลว ความหลงไมว าหลงในที่ใดๆ
พระองคก ล็ ะทิง้ ไดหมด ผใู ดไหวค ณุ พระพุทธเจา ยอ มอยูเยน็ เปน สขุ
ความทกุ ขในใจกห็ ายไป การเจริญสมถะภาวนากเ็ จริญกาวหนา เพราะ
วาดวยอํานาจคุณพระพุทธเจาน้ันเปนไปเตชานุภาพเปนอานุภาพมาก
ผูใดภาวนาอยูเจริญอยูจ งึ เปนไปเพ่ือความเจรญิ ถา ยเดียว บุคคลผใู ด
มาเลื่อมใสในคุณของพระพุทธเจายังมีชีวิตอยูในโลกนี้ก็เปนชีวิตท่ีมี
ความสุข บคุ คลผนู น้ั ถงึ เวลาแตกกายตายไปแลวก็ไปสูส วรรคเทวโลก
ดว ยอาํ นาจความเลอ่ื มใสศรทั ธาใน คณุ พระพทุ ธเจา พทุ โธพระพทุ ธเจา
ที่เรารําลึกถึงอยูจึงเปนผูดีวิเศษไดละกิเลสพรอมทั้งวาสนาหมดไปแลว
สิ้นไปแลว ยงั เหลือแตพวกเราทง้ั หลายกําลงั เจรญิ ภาวนาอยูก าํ ลงั ตงั้ ใจ
ท่ีจะเดินทางอยูเราก็ตองตั้งอกต้ังใจตั้งแตวาระน้ีปจจุบันน้ีเปนตนไป
ไมใหจ ิตใจของเรางอนแงนคลอนแคลน ตงั้ ใจลงไปใหมันแนว แน คน
เราทําอันใดน้ันแมว าทาํ จรงิ ๆ ภาวนาจริงๆ ปฏิบัตบิ ชู าภาวนาใหแนว
แนใ นดวงใจ ถา ใจของเราแนว แนอะไรๆ ก็จริงหมดความอยากได
อยากดี อยากเปน ในทไ่ี หนกต็ ามจะสาํ เรจ็ ลลุ ว งไป มนั อยทู ค่ี วามแนว แน
ความตั้งใจม่ันในจติ ใจของเราแตล ะดวงจติ ดวงใจนี่เอง เวลาภาวนา
ทา นจงึ วาใหต้งั อกต้ังใจรวมจติ รวมใจเขามาภายในใหไ ดจริงๆ เพราะ
วา ดวงใจนน้ั มนั อยภู ายในจติ ใจของคนเรา ไมไ ดอ ยภู ายนอก แตอ ารมณ
ของใจ สงั ขารมาร กเิ ลสมาร มนั ตดิ ตอ ไปตามหนา ทข่ี องกเิ ลสเทา นน้ั เอง
๖๓
จติ ใจผรู ูอยเู ราไดยนิ เสยี งอยูตลอดเวลา นั่นแหละดวงจติ ดวงใจดวงน้ี
อยภู ายใน จะไปไหนก็หอบหว้ิ เอารูปขนั ธนไ้ี ปดวย คือจติ ใจหายนน้ั เอง
เปนผคู รอบครองอยใู นตวั ในกาย วาจา จิตน้ี เวลาภาวนาเมือ่ เรา
หลบั ตาแลว กใ็ หใจแจงภายใน ตานอกไมต องดูอะไร ตาในนัน่ ดูกาย ดู
จติ ดภู าวนาของเรา ในจิตใจนัน่ เอง เม่อื ตาในแจง ใสหมดจดสะอาดก็
จะมองเหน็ ทัง้ ทางโลก และทางธรรม อนั ใดพาไปสทู ุกขอันใดสูส ุขกร็ ูใน
จิตใจอันน้นั ดงั นัน้ ใจดวงนี้ บัดนี้ เวลาน้ไี มไดอยูท ีอ่ ่นื หากมอี ยูภายใน
ปริมณฑลหนังหุมอยเู ปนทีส่ ดุ รอบนี้ ไมต อ งไปหาทอ่ี นื่ หาท่ีอ่ืนไมพ บ
ไมเ หน็ ทา นใหโ อปนยโิ กนอ มเขา มารวมเขา มาสงบเขา มา ครน้ั รวมเขา มา
สูดวงจติ ดวงใจผรู ู ผเู หน็ อยภู ายในนี้ จงใหม าตงั้ มน่ั อยูใ นทีน่ ้ี ท่ีน้ี
แหละถาตัง้ ใจใหมั่นกอ นจติ ใจจะลงสูความสงบไมนาน แตต องต้งั ใจ
๖๔
นกึ นอมเจรญิ ใหดไี มตอ งไปหาท่ไี หน ตามดทู ่เี รานึกพทุ โธทกุ ลมหายใจ
เขาออก ใครเปนผรู วู าลมหายใจออกลมหายใจเขา รสู ึกลมหายใจใคร
เปนผูรูถาจิตใจดวงนี้ไมอยูในสารพังรางกายน้ีออกหนีไปแลวเหมือน
คนตาย เราฟง ธรรมกไ็ มไ ดยินรางกายสงั ขารก็มแี ตจะเปอยเนาพุพงั ไป
ถา ดวงจติ อนั นไ้ี มอ ยใู นรา งกาย ในขณะน้ี เวลาน้ี บดั น้ี เดย๋ี วน้ี จติ ใจดวง
นี้ครองอยูในรางนี้ใจนี้เปนใหญเปนประธานสําเร็จแลวดวยดวงใจ
ถา ใจคนเราดี ใจภาวนากท็ าํ บญุ ใหท าน รักษาศีล ภาวนา ปฏบิ ัติบชู าไม
ทอถอน ถาใจดวงนี้ไมเอาถาน ศลี ก็ไมร กั ษา ภาวนาไมเ ก่ยี ว ใจดวงนี้
จะฟุงซานรําคาญหาเวลาพักผอนไมไดเทากันก็วาจิตดวงนี้มันด้ินรนไป
ตามอาํ นาจของตณั หา กามตณั หา ภวตณั หา วภิ วตณั หา ดนิ้ รนวุนวาย
ไปสคู วามทุกขค วามเดอื นรอนท้งั นนั้ ในโลกเรานี้มันรอนเปนไฟ คาํ วา
รอ นเปน ไฟ หมายถงึ ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ จติ ผูใดไมป ลอยไม
วางไปยึดไปถอื อยูใ นอาํ นาจราคะ ตณั หา ใจตณั หามานะ ทิฐอิ นั น้ีมันก็
เผาใหรอ นระอุอยภู ายใน คือ มันเผามาแลวตงั้ แตอ เนกชาติ นบั ภพนบั
ชาติ นบั กัปนับกลั ปไมไ ดแ ลว กเิ ลสความโกรธ โลภ หลง อวิชชาตัณหา
นไ้ี ฟราคะ โทสะ โมหะ มนั ไหมห วั ใจ ไหมจติ ใจคนเราอยตู ลอดเวลา
เวลาเราภาวนาพุทโธ ทาํ ใจใหส งบ ถาใจไมส งบไฟกไ็ หม ถา ใจสงบลง
ไปไดแลวก็ไดชื่อวาไฟไหมไมถึงใจของบุคคลผูนั้นก็ภาวนาไดทุกลม
หายใจเขา ทกุ ลมหายใจออก เพราะวาจิตใจไมพ ลง้ั เผลอไมลมุ หลง
มวั เมาไปในทต่ี า งๆ ใจมนั มาหยดุ มาอยภู ายในใจไมไ ดอ อกหนจี ากรา งกาย
สังขาร ถา ใจออกหนีจากรา งกายสงั ขารแลว ตัวเราของเรา ที่เปนรูป
ขนั ธน้ีจะอยูอ ยางนไี้ มไ ดจ ะตอ งทบั ถมซ่งึ แผนดินไมม อี ะไรดี ทานวาจิต
ไมอยูในรางกายแลว รา งกายของบคุ คลเราเหมอื นกนั ทอ นไม ไมม อี ะไร
๖๕
เปน สาระแกน สาร คนเราทวี่ า ดกี ็เพราะมีดวงใจอยภู ายในนี้เอง ถา
ดวงใจออกจากรางไปแลวรางกายท่ีเรามองเห็นน้ีนับวันเวลาแตจะ
เปล่ยี นแปลงไป จากปกติธรรมดากจ็ ะมาเปนแข็งกระดาง เม่ือมาแขง็
กระดางอยวู ัน สองวัน สามวนั ไปสรรี ะอันนี้จะคอ ยพองขึ้น จะเปล่ียนสี
จากสเี ดยี วน้ีเปนสเี ขยี วสีดําไปตามเร่อื ง รอพอจะแตกออกมาเปน นํ้าเหลอื ง
ไหลไปนี่แหละ อันความสวยงามทเ่ี ราวาสวยวางาม มีความรักใคร
พอใจในรปู รส กลิ่น เสยี ง น่นั คือความไมร นู ัน่ เอง คนเรานั้นถา รเู ขา ใจ
แลว ก็ไมเ อาจิตใจไปเกย่ี วเกาะกงั วล เหมอื นกับเรามองเหน็ ถา นไฟเราก็
ไมเ หยียบยํ่าถา นไฟนั้น เรามองเหน็ ขา งหนาเปน ขวากเปน หนามเปน
ของแหลมท่ีจะมาทุมแทงเถา ของเรา เราจะหลีกเต็มท่ีไมใ หขวากหนาม
ตาํ เถา ตาํ ตนี ได เพราะวา เมอ่ื ตาํ เขา ไป และมนั จะเปน ทกุ ขใ นรา งกายนน้ั
ฉันใดใจของคนเราไมภาวนาพุทโธในใจไมรวมจิตใจของตนเอง
๖๖
ปลอยใหใ จวนุ วาย แตเ รือ่ งภายนอกมันกร็ อนในใจ เมอ่ื ใจรอ นแลว อยา
วา รอ นในใจมันรอ นเต็มโลก นัง่ ทไ่ี หนกร็ อนท่ีนั่น เพราะวา ใจมันรอ น
นะ รอ นหมด ยนื อยูท่ไี หนก็รอ นท่ีน่นั เดินไปทไี่ หนกร็ อนทน่ี น่ั เพราะ
มันมีไฟอยูใ นใจ ไฟความรอ น คอื ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ เมอ่ื กเิ ลส
๓ กองน้ยี งั มีอยูใ นจติ ใจของผูใด ผูนน้ั กร็ อ นไหมอยูอยางน้นั เอง เรา
ตองการความเยน็ สบายไหม ทุกคนก็ตอ งการ เมอ่ื เราตองการความ
เยน็ สบายในใจกใ็ หรวมจิตรวมใจเขา มาสงบต้งั มนั่ อยูใ นตวั ตั้งมน่ั อยูใ น
ใจทกุ ลมหายใจเขาออก คือ ไมใ หใจหนีจากรางกายสังขาร ไมใ หใ จ
หลงลมื คําภาวนาพทุ โธในใจ หรือบทใดที่เราเอามาภาวนาก็ใหน กึ บท
นน้ั ไมใ หห ลงลืม สวนรางกายสังขารนี้จําเปน จะตอ งพิพจิ พจิ ารณาให
เขา ใจ บทท่ีเราจะพจิ ารณานนั้ มากมายหลายอยา งหลายประการ ถา
หากวา จติ ใจของผใู ดถกู กบั รา งกาย สว นใดสว นหนง่ึ กใ็ หก าํ หนดพจิ ารณา
ตามที่เมื่อนึกเมอื่ เจรญิ แลว ซาบซ้ึงในใจเหน็ จริงเห็นแจง ตามสภาวะท่ี
มนั เปนอยทู า นก็ใหกําหนดอยา งนนั้ อยางบางคนวา กาํ หนดอยางอืน่ ไม
สงบ กาํ หนดอฐั กิ ัง ๓๐๐ ทอ น จนมองเหน็ รางกายสงั ขารของตวั เอง
กระดูก ๓๐๐ ทอนเปน ทอ นๆ อยู น่ังกเ็ หน็ กระดูกของตวั เอง ยนื ก็เหน็
กระดูกตวั เองอยูตลอดเวลา เดินไปมาท่ไี หนก็เหน็ กระดกู ของตวั เอง
เมอ่ื เหน็ ในกระดกู ตวั เองแลว คนอน่ื ผอู น่ื กเ็ หมอื นๆ กนั เราจะไปหลงไหล
กับรูปคนอน่ื ทําไม รปู ของเรานแี้ หละพิจารณาใหดี ถาเราพิจารณาอฐั ิ
กังกระดกู ๓๐๐ ทอนของเราไดดแี ลว กจ็ ะมองเหน็ คนทัว่ ไปไมวา เพศ
หญงิ เพศชาย คฤหัสถ และบรรพชิต เดก็ หนมุ แกกเ็ หมอื นๆ กนั
เมอื่ ยงั มีชวี ติ อยูกระดูก ๓๐๐ ทอ น ยงั ตอกันอยกู ็ยืน เดนิ นั่ง นอน ไป
มาตามประสากระดูกยังไมห ลุด ด้นิ รนวุนวายไปตามอาํ นาจของกิเลส
๖๗
ตัณหาในใจของแตล ะบคุ คลอยางน้ันเอง เม่อื ด้ินรนวุนวายไปมนั สดุ ขีด
สดุ เหวยี่ งสุดทีม่ นั จะอยูไดก ระดกู ๓๐๐ ทอนหมดลมหายใจเมอื่ ใดเวลา
ใดกระดกู ๓๐๐ ทอนกจ็ ะลงกองแผนดิน ถา มนุษยเห็นมนษุ ยก ็จะเอา
ไปฝง ดินบางเอาไปเผาไฟบางอันนเ้ี ปนเรื่องของมนุษย สว นตวั เราทาน
ทง้ั หลายนนั้ ไมม สี ิทธใิ ดจะมาเผาผีจก่ี ระดูกตัวเองได มีอยอู ยางเดียว
หนาที่ในเวลาน้ีก็ภาวนาทําใจของเราใหมีความสงบต้ังมั่นอยาให
อํานาจกิเลสฝายตํ่ามาดึงดูดเอาจิตใจของเราเอาไปตามอารมณกิเลส
จงพิจารณาอัฐิกังกระดกู ๓๐๐ ทอนของตัวเราเองใหได ผูใ ดพจิ ารณา
กระดกู ๓๐๐ ทอ นของตวั ไดจ ติ ใจกจ็ ะเยน็ สบายลงไปตง้ั แตข ณะนเ้ี ดย๋ี วน้ี
เวลาน้ี แลว ในรา งกายสังขารของเราน้ที านใหช่อื วามีอาการ ๓๒ อยู
นับต้ังแตผ ม ขน เล็บ ฟน หนงั เน้อื เอ็น กระดกู ตบั ไต ไสพ งุ ลงไป
เถอะมนั ได ๓๒ ชนิ้ ๓๒ ช้นิ น่ีแหละมันเปน อบุ ายภาวนาไดแ ตล ะชน้ิ ละ
ชิ้นไมวาจิตใจของผูใด กําหนดสวนใดเห็นแจงเห็นจริงตามสติปญญา
ของตนกใ็ หกําหนดสง่ิ น้นั กอ น เพราะวาเมอื่ กําหนดสิ่งนัน้ จนจติ ตัง้ มน่ั
ไดด ีแลว จะกาํ หนดอะไรมันเหน็ แจงในจติ ในใจทุกอยางนน้ั แหละ แต
ไมใชวา แจงเหมอื นเราเห็นของภายนอก แจง ในใจ คือ ใจมนั เห็นวา เปน
อยางน้ันผลทีส่ ดุ มันไมเปน อยา งอืน่ มนั เปนอยางน้ันตามความเปนจริง
ความเห็นแจงไมไดเหมือนแจงเหมือนดวงอาทิตยพระจันทรสอง
เหมือนดวงไฟสอง คอื วา แจง ในใจของตวั เอง ไมสงสยั วา เปน อยา งอื่น
นนั่ แหละเรยี กวา แจง เมอ่ื เหน็ อยา งน้ัน คนอ่นื ก็เหมือนกนั สัตวอื่นก็
เหมอื นกัน เต็มไปดว ยของไมสะอาดมปี ระการตางๆ ถาเห็นแจง ในใจ
แลว บางคนพจิ ารณารางกายสงั ขารของตัวเองไปเรือ่ ยๆ พอไปถึงลําไส
ไปถึงไสพุง อาหารใหม อาหารเกา ยังเกิดจะไมก นิ ขาวกินน้ําเสยี แลว
๖๘
เพราะวา มนั เปนของปฏิกลู โสโครก บางคนเมอ่ื เห็นแจงอยางนั้นถา ไมรู
จักเขา ใจใหดี มนั จะไมก ินขา วจะปลอยใหตวั เองตาย เพราะวา รา งกาย
สงั ขารมนั ไมง าม ไมเหมอื นเมือ่ เวลาจิตหลง จติ หลงมันดูภายนอก
อะไรๆ กส็ วยสดงดงาม นา รกั ใครพ อใจ ทนี เ้ี มอ่ื เหน็ ตบั ไตไสพ งุ รอ ยเปน
พวงเหมือนกนั เขาไปหาปลาแลว เอาเชอื กเอาหยังรอย ปลาเปน พวง
อยางนนั้ แหละ ตบั ไตไสพงุ ของเรากด็ ู ถา ดตู ั้งแตล าํ ไสใหญร บั เอา
อาหารตั้งแตปาก แตค อลงไปแลว รอยเปน พวงอยูท เ่ี ดียว จติ ใจก็จะได
สงบระงบั ไมเ หน็ วาเปนของมน่ั คงถาวรประการใด เหน็ วาเปนของทไ่ี ม
สวย ไมง าม เปน ของที่ไมค งทนเปน ของใชช่ัวครั้งช่ัวคราวเทาน้นั เอง
ไมใ ชว า รูปรา งกายนี้จะไมม แี กม ชี ราเลยจะไมเจบ็ ไมไข แลวจะตั้งอยู
อยา งนไ้ี มแ ตกไมต ายเปน ไปไมไ ด เพราะรา งกายนเ้ี ตม็ ไปดว ยชรา ความแก
เตม็ ไปดว ยพยาธโิ รคาความเจ็บไขไดปว ย มรณภยั คือ ความตาย
มนั รอทาอยูเ สมอ มันจะมาถึงเมอ่ื ใดเวลาใด เรากต็ ายไปเมอื่ นน้ั เวลา
นน้ั เราจะคดิ วา เรายงั ไมเ จบ็ ไขไ ดป ว ยคงไมต ายแนๆ ไมไ ด พระพทุ ธเจา
เตือนไวว า อนั ความตายนน้ั มันไมไดอ ยทู ีอ่ ืน่ มนั อยทู ี่ลมหายใจเขา
ออกนเ่ี อง ชีวติ อายุของคนเราจริงๆ กม็ อี ยูทล่ี มหายใจเขา ลมหายใจ
ออก ถา ยงั สดู ลมหายใจเขา ไปถงึ ทอ ง ถงึ ไส ถงึ ปอดอยู กย็ งั มอี ายอุ ยู ถา
ลองสดู ลมหายใจเขาไปออกมาไมไ ด ออกไปแลว เขา ไปอกี ไมไ ด ชีวิต
ของบคุ คลผูนั้นกจ็ บลงไปดวย มรณะ กัมมฐานนนั่ เอง จึงใหม องเห็น
ชวี ติ ของตัวเองทกุ ลมหายใจเขาออกวา มันเสอ่ื มไปสิ้นไปเกดิ ขึน้ มาแลว
มันหมดไปไมใชอยู มนั หมดไปส้นิ ไป จืดไป จางไป ตามหนา ที่ของ
สังขารธรรมอยางน้ันเอง ถา จิตใจมารูแ จง อยภู ายในวา ทกุ ส่ิงทกุ อยา ง
ในโลกนี้มนั ไมเทีย่ งแทแนน อน ท้ังหมด ทงั้ สว นยอย สว นตัวทกุ คน จน
๖๙
กระท่ังถงึ พื้น แผน ดิน ทองฟา อากาศ ดวงอาทติ ย พระจนั ทรใ นโลก
มันกไ็ มเ ท่ยี งแทแนนอนมันเหมอื นกนั แตว ามันสิง่ ใดมนั ใหญ หรือวา
มัน่ คงกอ็ ยไู ปนานหนอย ถา สงิ่ ใดมนั ไมม ่ันคงมนั ก็แตกไปดบั ไปสิ้นไป
เปนธรรมดาอยางนน้ั ผูภ าวนาจงตามรตู ามเหน็ อยู ในดวงจิตดวงใจ
ใหเ ห็นวารางกายสงั ขารอนั นี้เต็มไปดว ยทกุ ขเ ตม็ ไปดวยโทษดว ยภัย จะ
นั่ง นอน ยนื เดินไปมาทีไ่ หนกเ็ ต็มไปดวยความลําบาก เพราะวา ชรา
พยาธิ มรณะมนั คกุ คามอยู ในตวั มนษุ ยค นเราไมว า ใครๆ ถาจะวา ถงึ
ความจริงทา นวาไมมคี นสบายในโลก เรานี้มีแตคนทุกขทง้ั น้ัน คนเจ็บ
คนไข คนไมส บาย เตม็ ทัง้ โลก ถาเราถามดูในใจคนเราบุคคลเลา นั้นเขา
จะตอบวาอยางไร อยูดีสบายดไี หม ไมม ีเจ็บไขไดปว ยประการใดไหม
สงิ่ ที่เก่ียวกับปจจัยทั้ง ๔ มีทรพั ยส ินเงนิ ทอง มีความมงุ มน่ั ปรารถนา
ตางๆ นานา สมบูรณบ ริบูรณไ หม มแี ตค วามสุขอยา งเดียวไหมในตวั ใน
๗๐
ใจในครอบครัว ในโลกมนุษยนไ้ี มมีใครจะไปตอบไปอยางอน่ื ก็ตอบวา
มันเต็มไปดวยทุกข นงั่ ก็เปนทุกข นอนก็เปน ทุกข ยืนไปมาทไ่ี หนกเ็ ปน
ทกุ ข ไมมสี ตางคจา ย ก็เปน ทุกข กนิ ไมอ ิ่มก็เปน ทกุ ข กินอิม่ มากก็
เปน ทกุ ขอ ีก สบายกเ็ ปนทกุ ขไ ปอยางหน่งึ ไมสบายก็เปน ทกุ ขอ ยา ง
หนึ่งดว ยเหตนุ ั้นพระพทุ ธเจา ของเราพระองคจ งึ ทรงตรัสวา “ชาตคิ วาม
เกิดเปน ทกุ ข ชราความแกเ ปนทุกข พยาธเิ จ็บไขเปนทุกข มรณะความ
ตายเปน ทุกข” ทั้งคนท้ังสตั วท ง้ั วัตถุธาตุท้งั หลายมนั เตม็ ไปดวยความ
ทุกขในโลกนี้ พระพุทธเจา พระอรยิ สงฆส าวกเจา ท้งั หลาย ทา นจงึ ไม
อยูในโลกน้ีปลอยใหเราเปนคนหลงคนพาลคนไมรูก็มาอยูก็เปนทุกข
เปน รอ นอยา งนแ้ี หละ จงพากนั เจรญิ ภาวนาอยา งไดท อ ถอย พทุ โธในใจ
อยา ไดหลงลมื จงนกึ จงเจรญิ อยูใ นใจของเราถือเสมือนหน่ึงวาพทุ โธ
เปน แสงประทีป เปนแสงไฟสอ งทางสอ งใหแจง ใหสวางเหมอื นดวง
ไฟฟาดวงไฟ ถา พทุ โธในใจของเรานน่ั แหละ ตดิ ตอ เนือ่ งจนเอาจิตใจ
ของตนไดจ ริงๆ เหน็ จริงเหน็ แจงในธรรมะ ปฏบิ ัตผิ นู ัน้ จะนง่ั จะนอนจะ
ยนื จะเดนิ จะไปทไ่ี หนก็ยอมมคี วามสุขจติ สขุ ใจ แมช วี ติ จะแตกดบั
ทาํ ลายไปแลว ก็สขุ สบายอยทู ง้ั นน้ั ไมมเี รอ่ื งทกุ ขเพราะวา ใจมันหมด
ทกุ ข ตอนท่ใี จมนั ไมห มดยงั ไมหมดทุกขน ีม่ นั จึงเปน ทกุ ขเปน รอนเปน
ธรรมดา อยางนี้เองแตไมมที างอ่นื ใดท่จี ะแกไขดีเทากับการภาวนา ทาํ
ความเพยี รละกเิ ลสสงบจติ สงบใจลงไป ความทะเยอทะยานในใจอันใด
มีก็ปลอยวางออกไปใหมันลดนอยถอยลงไปจนเหลือแตจิตใจพุทโธอัน
เดียว แจง ใสหมดจดสะอาดตาปราศจากมลทินโทษ ไมหลงไหลในรปู
ไมห ลงใหลในเสียง ไมเหลวไหลในกลิน่ ในรส ในโผฏฐพั พะธรรมารมณ
เปน ผปู ฏิบัตภิ าวนาจริงๆ แลว วา จิตใจคนเราเมอ่ื มนั จรงิ มนั แจงแทง
๗๑
ตลอดอยใู นหวั ใจของเราอยแู ลวที่น้ี และทา นวาเปน ทีเ่ จรญิ ภาวนาเปน
ทีท่ าํ ความเพยี ร เพ่อื ละกิเลส ฉะนนั้ เมื่อเราทา นท้งั หลายพากนั ไดย นิ
ไดฟงแลวก็ใหกําหนดจดจํานําไปประพฤติปฏิบัติก็คงไดรับความสุข
ความเจริญ เอวัง ก็มีดวยประการฉะน้ี
สพั พีติโย ววิ ัชชนั ตุ สัพพะโรโค วนิ ัสสะตุ
มา เต ภะวตั วันตะราโย สุขี ทฆี ายุโก ภะวะ
อะภิวาทะนะสลี ิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายโิ น
จัตตาโร ธมั มา วัฑฒนั ติ
อายุ วณั โณ สุขงั พะลัง ฯ
๗๒
ทางพน ทกุ ขค อื ทางจิตทางใจ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สัมพทุ ธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพทุ ธสั สะ
ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระองคนน้ั
ณ โอกาสนไี้ ป เปนโอกาสฟง ธรรม เปนโอกาสท่เี ราจะไดนั่งสมาธิ
ภาวนากนั การนัง่ สมาธินี้ ใหพากันนัง่ ขดั สมาธิเพชร การนงั่ ขัดสมาธิ
เพชรนี้ ใหเอาขาซา ยขนึ้ มาทับขาขวากอ น แลว ก็เอาขาขวาขึ้นมาทบั ขา
ซาย เอามือขา งขวาวางทับมือขางซาย ตง้ั อกตั้งใจรวมกาํ ลังจติ ใจเขา
มาภายใน ไมใ หจ ิตใจเราแสสายไปตามรอ นหนาวภายนอก เร่อื งคนอน่ื
ผอู ่นื ไมต องเก่ยี ว เมอื่ เราน่ังเรียบรอยหลับตาแลว กต็ งั้ ใจระลกึ ถงึ คุณ
พระพทุ ธเจา คุณพระธรรม คุณพระสงฆ คุณพระศรีรตั นตรัย ท้ังหมด
ทัง้ มวลก็ใหรวมเขา มาสูจติ ใจของเราท่นี ั่งภาวนา พทุ โธ พุทโธ อยูนี้ ตัว
เราใจเราอยใู นท่ีนี้ ไมต องไปทอ่ี ่นื สง่ิ นน้ั กค็ ือ จติ ดวงผูรู มอี ยูในกายใน
จิตของเราทกุ คน ใหร วมกําลังจิตใจอนั นี้ เขา มาตง้ั มาสงบนิ่งแนวเปน
ดวงเดียว อะไรสใู จของเราไมไ ด ใจของเราทุกคนนัน้ แหละ เปนที่พ่ึงพา
๗๓
อาศัยไดท้ังทางโลกและทางธรรม ถาเราย่งิ ภาวนาทาํ ใจใหส งบ แนว แน
ม่ันคงไดดีเทาไร ชอ่ื วา เปนผไู มจ น ภาวนาพทุ โธ อยูใ นใจ ไมจ นใจ จน
สิง่ ภายนอกไมส ําคัญ จติ ใจเราไมจน ภาวนาพุทโธ ไดท ุกลมหายใจ จน
เลกิ ละกเิ ลส ความโกรธ ความโลภ ความหลงในใจน้ใี หหมดสิ้นไป น่นั
แหละสาํ คญั
ในโลกนี้ ไมวา จะเปน มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก เปฏาโลก
โลกใดกต็ ามใหช่อื วาโลกทีม่ ดี วงจติ ดวงวิญญาณของสัตวท ั้งหลายอยู
อาศยั ใหพากันรวมจติ ใจใหสงบ ตงั้ มน่ั ไมต อ งไปลมุ หลงมวั เมา ตาม
เร่ืองราวภายนอก รูปขนั ธ รางกายของเรานงั่ ท่ีนี้ ภาวนาพทุ โธ อยทู ี่
น้กี ็ใหจ ิตใจเยน็ สบายในทีน่ ี้ ไมตองไปเปน ทุกขเปน รอนกับเรอ่ื งอดีต
อนาคต แมเ ราจะทําอะไร จะไปทางไหน จะอยอู ยางไร เปน เรื่องของ
วบิ ากขนั ธ คือรปู ขันธของคนเรายงั มอี ยู กต็ องมกี ิจกรรมการงาน ไม
เปน บุญ ก็เปน บาป แตเ วลานีเ้ ปนเวลารวมกาํ ลงั ตัง้ ใจใหม่ันคง ไมให
หลงใหลหว่ันไหวไปตามโลกธรรม
โลกธรรมมอี ยู ๘ ประการ โลกธรรม ๘ ประการ มันกระทบ
กระเทอื นจติ ใจของคนเราและสตั วโ ลกอยูเ สมอ ทม่ี ันกระทบไดก ็เพราะ
มคี วามยดึ ถืออยู ถา ไมยึดถือแลว ทา นวา มนั กห็ ลุดลุย ไดทุกอยางทกุ
ประการ อยา มคี วามยึดถือในเร่ืองราวภายนอก อดตี อนาคต ใหร วม
กาํ ลังจติ ใจเขามาอยใู นปริมณฑลหนงั หุม อยูเปนทสี่ ดุ รอบ คือรปู กบั ใจ
รูปกบั นาม ตวั ตนของเราทกุ คนนน่ั แหละ อนั รูปขนั ธน ้ี เปนเรือนราง
ของจิตใจ จิตใจมาเกดิ ในโลกนก้ี ม็ าอาศยั รา งกายอนั น้เี ปน อยู เหมอื น
๗๔
คนเราท่เี กิดรูปกายมาแลว จะตองมีบานเรอื นเปนทอี่ ยอู าศัย กนั ลม กัน
ฝน กันแดด กันภัยอนั ตราย ไมว าจะเกดิ จากคน จากสตั ว เกดิ อะไร
กต็ าม ถา มีบานเรอื นเปน ที่อยูอ าศยั กาํ บงั ปอ งกันภัยแลว สวนมาก
พวกภัยอนั ตรายก็ไมค อ ยจะถึง เพราะมบี า นเรอื นเปน ท่ีอยูสบายแลว
อะไรมากบ็ า นเรือนเปน ท่ีกาํ บัง คนเราท่ีเกดิ มาเปนมนษุ ยช าติหน่งึ ก็ได
สรีระรางกายอันน้ีครบทกุ สวน ทกุ ประการแลว คนเราท่ีมตี าดี ตาไม
บอด หดู ี หูไมหนวก จมกู ดี ลน้ิ ดี กายดี ใจดี มันกเ็ ทานแี้ หละ เมอื่ เรา
ไดดมี าแลว ครบตามอาการ ๓๒ เปน ธรรมดาของรปู นามคนเราตอ งมัน
ก็แคนี้
ทนี ้จี ะใหดีขน้ึ ไปอกี กม็ ีหลัก ทาน ศีล ภาวนา ทาน ศีล ภาวนา
นี้คอื วา ยอ เขา มาใหม นั สน้ั ใหมันนอ ย ทาน การทาํ บุญใหท านหนงึ่
การรักษาศลี ๕ ศีล ๘ ขน้ึ ไปหนงึ่ การปฏบิ ัตภิ าวนาไมใ หจติ ใจเราไป
ดีใจ เสียใจตามอารมณต าง ๆ ตงั้ ใจใหม ่ัน พุทโธใหด ี พุทโธภายใน
ไมใชพทุ โธภายนอก พทุ โธภายนอกนน้ั ใคร ๆ กพ็ ุทโธได เด็กอมมือมนั
กว็ าได พุทโธ พุทโธ แตม นั ไมรคู วามหมาย ผปู ฏบิ ตั ใิ หรูความหมาย
ตงั้ ใจใหถกู ทาํ ใจใหองอาจ กลาหาญ ไมต องเปนคนทุกขร อ นในใจ อัน
โลกธรรมนน้ั ความสรรเสรญิ เยนิ ยอ คนเราชอบ แตวาความติเตยี น
นนิ ทาวา รา ย ปายสีนนั้ คนไมชอบ แลวมนั ก็ไดเทา ๆ กันนั่นแหละ เมอ่ื
เรายังมชี วี ติ อยใู นโลก สรรเสรญิ กบั นินทามันกเ็ หมือนกับวา เราหาบ
อยูนน่ั แหละ มีลาภเสือ่ มลาภ ก็เปนธรรมดาของโลก เวลามลี าภดีใจ
เวลาลาภเส่ือมหมดไปสนิ้ ไปกไ็ มดี ความจรงิ มันก็เทา เกานั่นแหละ มี
ลาภก็ตองเสอ่ื มลาภ มยี ศกต็ อ งเสื่อมยศ จะไมเสือ่ มอยางใด เปนอนั วา
๗๕
อยไู มได ข้ึนช่ือวาโลกแลว ไมว า วตั ถเุ ลก็ นอย ปรมาณูก็ชา ง ใหญทสี่ ุด
เทา กบั ผืนแผนดนิ ทอ งมหาสมทุ ร ทอ งฟา กม็ เี กิดมีดับ เปลี่ยนแปลง
อยูเ สมอ จะเอาแนน อนไมไ ด แนน อนท่ีสดุ ก็คือวา จติ ใจผรู ูอยูภายใน
ใจของเรา อยา ไดหว่นั ไหว ภาวนาในใจไว นกึ นอ มเอา พระพุทธเจา
เปน อารมณ พระธรรมเปนอารมณ พระอรยิ สงฆสาวกเจาทงั้ หลายเปน
อารมณ เอาทาน ศีล ภาวนา ท่ีเราประพฤติปฏิบัตเิ ปน อารมณ จิตใจ
กย็ อมโลง โปรง เยน็ สบาย พุทโธอยใู นดวงใจ ใหจติ ใจเราเยน็ สบาย
เหมอื นอากาศในถาํ้ ผาปลอ ง อากาศในถํ้าผาปลอ งเวลานไ้ี มหนาวเกนิ
ไป เรียกวา เยน็ สบาย เมอื่ อากาศเขาเยน็ สบาย ใจเราเย็นสบายหรอื
ไม ถาใจไมสบายก็รีบภาวนาเขา ที่เจาใจนม้ี นั คอยไปทกุ ขไ ปรอ นแทน
ผอู ่ืน ไมไดม าพนิ จิ พิจารณาธรรมกรรมฐานใหแ นน อน ถา มากําหนด
ธรรมกรรมฐานใหแ นนอนแลว จิตใจจะไดเ ยน็ ตลอดวนั เยน็ ตลอดคืน
ยนื เดิน นง่ั นอน ทกุ อิรยิ าบถ
๗๖
ในโลกน้มี สี ขุ กม็ ีทุกขอ ยางน้ี มีหนาวก็มีรอนตามธรรมดาของโลก
ขน้ึ ไดชอ่ื วา โลก มนั เปนทกุ ข นาํ ความทุกขใ หเ กิดมีข้นึ มรี ูปนาม กาย
ใจ ตัวตน สัตว บคุ คล ท่ไี หนก็มีทกุ ขท ่นี ่นั ทางพน ทุกขคอื ทางจติ ทาง
ใจ มารูจกั จิตใจ รจู กั เอาใจของตนใหมคี วามสงบตง้ั ม่ัน ใหใ จรจู กั รูแจง
รูจรงิ ในลกั ษณะ ๓ อาการ คอื หลกั อนจิ จัง หลักทกุ ขงั หลกั อนัตตา
เปน ของมอี ยูประจําในโลกเรานี้ ขนึ้ ช่อื วาโลก ไมวา อยูท ีไ่ หน ภพใด
ชาตใิ ดกต็ าม ก็ตกอยใู นหลักอนจิ จงั ทุกขัง อนตั ตา ตลอดเวลา ฉะนั้น
ใจท่ภี าวนาอยู เพยี รเพงอยใู นจติ ใจดวงผรู ูอ ยูภ ายในจิต จนเหน็ วา รูป
นาม กายใจ ตวั ตน สัตว บคุ คล ตัวเรา ตวั เขานี้ ไมม สี ่งิ ใดจะเที่ยงแท
แนนอนยงั่ ยืน มเี กดิ ขึ้นกด็ ับไป เปนอยูอยา งน้แี หละ ดูแตมนษุ ยค นเรา
ทีเ่ ราเหน็ กันอยใู นโลกสมัยนี้ เวลานี้ วนั นี้ คนื นแ้ี หละ มนั กช็ วั่ ระยะหนึง่
มันเปลย่ี นแปลงอยูเสมอ ถามันเกิดไดมนั ก็ตายได เกดิ ไดม นั ก็ดับได ไม
วาจะเปน วัตถไุ มมจี ติ ใจครองก็ตาม มนั ก็เกดิ ดบั อยูต ามหนาทนี่ ่ันเอง
ยงิ่ เมอื่ มจี ิตวญิ ญาณครองอยูใ นรางกาย สงั ขาร อยา งมนษุ ยและสัตว
ทงั้ หลาย กย็ อ มมคี วามทกุ ขเพราะวา เม่อื มันเกิดทุกขเวทนาขึน้ มา มนั ก็
ยอ มไดรบั ผล หรอื สุขเวทนาสบายก็ไดรับผลในนี้แหละ
เวลานั่งภาวนา ปฏบิ ตั บิ ูชาภาวนานนั้ ทา นจึงใหร าํ ลกึ อยูใ นใจ
เสมอ พุทโธอยใู นดวงใจ ยังดวงจิตดวงใจของเรา ใหมีความเยอื กเยน็
สบาย ไมใ หไปทกุ ขรอนแทนผูคนผูใด จงใหร ใู หเขาใจวา ตัวเราของ
เราจริง ๆ น้ันมนั ไมใชของภายนอก แตเปน ของภายใน ตัวเราคอื รปู
รา งกาย ธาตุ ดิน นํา้ ไฟ ลม น้ี เราจะใชม นั ไดกใ็ นเมื่อเวลามนั อยดู ี
สบาย ธาตุทั้ง ๔ ขันธท งั้ ๕ ยงั สมาํ่ เสมอกนั อยกู ใ็ ชก ารได เมือ่ ใชไ ดก ็
๗๗
เหมือนกับวา เปน ตวั เราของเรา แทท่จี ริงนน้ั มันไมใช แตม ันใชไดช่วั
ระยะหนง่ึ เทา นนั้ เองทนี ้ีถามันเกดิ ใชไ มไ ดข้ึนมาเราจะไปใชมนั ไดท ไี่ หน
ใชไ มได จงภาวนาทาํ ใจใหสงบระงบั ตัง้ มนั่ เย็นสบายอยใู นหวั ใจ
นง่ั อยกู ภ็ าวนาในใจ ยืนอยูก็ภาวนาในใจ เดินไปมาท่ไี หนกภ็ าวนา
ในใจ พทุ โธ พทุ ธะ จติ ผูรูอยูทีไ่ หน กใ็ หรวมกาํ ลงั มาสูจติ ใจดวงผูรอู ยู
ส่งิ อืน่ ใดนอกจากจิตใจดวงผรู ูน้ีออกไปทัง้ โลกแหละ ไมมอี ะไรจะเท่ยี ง
แทแนน อน ยง่ั ยืน เปน อยูอยางนี้ตลอดไป ยอ มเปนเร่อื งทกุ ข ใครไมร ู
ไปยึดถอื ก็เปนทุกข การท่ใี จมายึดวา ตวั กขู องกู ตวั ขา ของขา ตวั เราของ
เรา ฟงุ ซา นรําคาญไปตาม รูป เสยี ง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ
นัน้ อยาไดล ุมหลงมัวเมาไป รวมกําลังมาตงั้ มน่ั ในจิตใจดวงผูร ูอยูในตวั
ในใจนี้ใหไ ดทกุ ลมหายใจเขาออก เมอ่ื รวมกําลังเขามาที่นี่แลว อะไรๆ
มันกม็ ารวมทีใ่ จ ทจ่ี ติ ใจดวงผรู ูอยภู ายในน้ีแหละ ถา นอกน้ไี ปแลว อยา
ไดหวงั เด๋ียวก็สขุ เดย๋ี วกท็ กุ ข เปลี่ยนแปลงอยตู ลอดเวลา เพราะมนั
เปนกระแสของโลก ไมใชกระแสของธรรม
กระแสของธรรม ของธรรม กค็ อื ใหร ูอ ยู เหน็ อยู ในจิตใจภายในน้ี
ใหเ ห็นวา ทุกสง่ิ ทุกอยา ง ท้ังคน ท้งั สัตว ทัง้ วตั ถธุ าตุทงั้ หลายในโลกนี้ มี
ความไมเทีย่ งแทแ นน อนย่ังยนื อยูเลย เปนทกุ ข เปน อนัตตาทง้ั นนั้
ขึน้ ชือ่ วา สงั ขารท้ังหลาย มีความไมเ ท่ยี งทงั้ หมดทง้ั มวล ท้งั คน ท้งั สตั ว
ทัง้ วัตถทุ ัง้ หลาย ท่ีจิตใจมาลุมหลงมวั เมาอยูน้หี มดน้แี หละ จงปลอย
วาง เลิกละ อาการทั้งหมดตอไป น่งั กภ็ าวนารูใจของเราเอง กเิ ลส
อนั ใดมันจะเกดิ ขึน้ ก็เลิกละออกไปหมดสน้ิ เตอื นใจของตัวเองใหไ ด
วา ความตายนั้นมนั ใกลเ ขา มา หรอื วามนั ตายไปโดยลําดบั ลาํ ดับ แต
๗๘
ปญ ญาวิชชาเราไมท ัน กเ็ ขาใจวา มันไมแตก ไมทําลาย ชวี ิตของคนเรา
น้นั มนั เปรียบเหมือนอยา งเราจุดธูป จุดเทยี น เมอื่ จดุ แลว ไฟมันก็ไหม
เมื่อไฟไหมแ ลวมันไมไดอยูทเี่ กา เทยี นทย่ี าวประเด๋ยี วก็สั้นลงไป สน้ั ลง
ไป ผลที่สุดกห็ มด หมดก็ดบั ชีวติ ของคนเราแตล ะบุคคลมนั ก็เหมอื นไฟ
ไหมธปู ไหมเ ทียนอยา งนัน้ มนั เสอ่ื มไป สิน้ ไป หมดไป
พระพทุ ธองค ทรงตรสั วา ขน้ึ ชอ่ื วา สงั ขารทง้ั หลายทม่ี คี วามเกดิ ขน้ึ
เปนรปู สังขารคอื ตัวของคนเรา นามสงั ขารคือจิตใจของคนเรา เมื่อมนั
เกดิ ข้ึนแลว มันกต็ ัง้ อยชู ว่ั ระยะเดยี ว มนั ก็เสือ่ มไป สิ้นไป หมดไป ดับไป
ผลทีส่ ุดกไ็ มม ีอะไรเหลอื ธาตดุ ินกเ็ ปนธาตดุ ินไป ธาตุนํ้า ธาตไุ ฟ ธาตุ
ลม มนั กเ็ ปนไปตามหนาที่ของเขา จติ กเิ ลส จิตตัณหา ก็พาเวยี นไหว
ตายเกดิ ตอไป จติ ผใู ดเลกิ ละ ปลดปลอย หยุดนิง่ ไมไ ปทไ่ี หน มคี วาม
รแู จง เห็นจริงอยูในหลกั อนิจจัง ทกุ ขัง อนตั ตา ก็แลว วา หยุดเกิด แก
เจ็บ ตาย วนุ วายตอไปอีก มีความสงบตั้งมั่น จิตใจเยอื กเย็นสบาย ไม
ไดห มายวา กายสบาย กายน้จี ะหาความสบายไดย าก เพราะวารางกาย
ทกุ ชน้ิ สว นมนั เตม็ ไปดว ยพยาธิ คอยรอวนั แตกวนั ทาํ ลายอยอู ยา งนน้ั เอง
แตจิตใจผรู ผู ูเห็นแจงในธรรมปฏิบัติ ไมท อแทออนแอในหัวใจ เปนทีอ่ ยู
อาศัยของผูปฏิบัติธรรม ไมว ายคุ ใดสมัยใด ไมมอี ะไรเส่อื มไปสนิ้ ไป
เลย ธรรมปฏบิ ัติ ขอใหต ง้ั ใจปฏบิ ัติทกุ ลมหายใจเขา ออก พระพทุ ธองค
ทรงตรัสวา ถา ผใู ดภาวนา บทใด ขอใดกต็ าม หรือวา นกึ ถงึ ความตาย
ท่จี ะมาถึงตนใหไ ดทุกลมหายใจเขาออก ยอมตัดบวง หว งอาลยั กเิ ลส
ตัณหาในจิตใจนั้นไดหมดสิน้ ไมตองสงสยั มรณงั เม ภวสิ สติ เราตอ ง
ตายภายใน ๑๐๐ ป แมจ ะเลย ๑๐๐ ป ไปก็ไมพ นความตาย
๗๙
คาํ วาตาย ตายน้ี มันเปนเรือ่ ง ธาตุดิน ธาตนุ าํ้ ธาตุไฟ ธาตุลม ที่
มนั ประชมุ กนั อยูช ่ัวระยะหนึ่ง แลว มนั กแ็ ตกสลายไปตามหนา ทีข่ องเขา
อยางน้ันเอง จิตใจผไู มตายมอี ยภู ายในกายน้แี หละ เวลานี้ ทมี่ นั ตาย
มันเกดิ กด็ วยอาํ นาจ กิเลสราคะ ตณั หา กิเลสโทสะ กิเลสโมหะ มันหอ
หุมจิตใจ พาใหดนิ้ รน วนุ วายเกิดตาย เกิดตายอยไู มจ บสกั ที เมื่อมานง่ั
ภาวนา ทําความเย็น ทําใจใหบรสิ ุทธิ์ หลดุ พนออกจาก รูป เสยี ง กล่ิน
รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ ไมมายดึ หนาถอื ตา ไมมายึดตวั ถอื ตน ไม
มายดึ เรา ยึดของของเราในโลกนี้ ทั้งโลกนี้แหละไมใ ชของเรา ไมใ ชข อง
เขา ไมใ ชของใครทั้งนั้น เขาเกดิ ขึน้ มา ต้ังอยู เขากด็ บั ไปตามหนา ทขี่ อง
เขาอยางนัน้ เอง เมอ่ื ผูปฏบิ ัติมาเหน็ แจงวา โลกนีไ้ มใชข องเราไมใชของ
เขา เปนของโลกธรรมดา จติ ใหรเู ทา ทัน อยาไดม าดีใจ เสียใจไปตาม
๘๐
เรือ่ งราวเหลา น้ี จงทาํ ความรแู จงในจิตใจของผูปฏิบัติ ในใจของผูปฏบิ ตั ิ
นั้นและเหน็ แจงดวยปญญา เมอื่ เหน็ แจงดว ยปญ ญา ความยึดตวั ยึดตน
ยึดเรา ยดึ ของ ๆ เรากค็ ลายออกไปโดยลําดับ จนหมดไปสน้ิ ไปในวัน
เวลาหนง่ึ จนได
จงรวมกําลงั เขา มาต้ังภายใน อยาใหจิตใจวนุ วายภายนอก ใหใ จ
มคี วามเยือกเย็นสบาย ต้ังม่นั อยูในตัวในใจ อะไรผานตา ผานหู ผาน
จมกู ผานลนิ้ ผานกาย กใ็ หเห็นวา สิ่งทม่ี ันผา นอยนู ้นั ใหร ะวงั จิตใจ
อยา ไปยดึ มน่ั ถือม่นั เมื่อมันผานไดม นั ก็ดับไปได เมอื่ มันผานไดมนั ก็
แกชรา ชํารุด ทรุดโทรมไปได อยาไปยดึ ไปถือใหม ากเกินไป พุทโธ จติ
ผูรอู ยทู ่นี ี่ จงใหร ูใหแจงอยใู นจติ ในใจของตวั เอง เมื่อคนอืน่ พูดอะไรไม
สบกบั หู กบั ใจ กอ็ ยาไปยึดไปถือ ปลอยใหม ันผา นไปเสยี มนั ก็หมดเร่ือง
ไมต อ งมาทาํ ใจใหวุน วายกับรูปเสียง กลิ่น รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ
ใหเ หน็ วาอะไร ๆ มันเกิดมนั มีขน้ึ มันกย็ อ มมคี วามเปลย่ี นแปลงไป
เปนธรรมดาอยางน้นั เอง หนา ท่ีของผูปฏบิ ตั ธิ รรม กต็ องปฏิบตั เิ รอื่ ยไป
ภาวนาเรื่อยไป จนถึงซ่ึงนพิ พาน ถึงนพิ พานอยูท่ไี หน นพิ พานก็อยูใน
จิตในใจทกุ คนน่นั แหละ เด๋ียวนี้กิเลสมนั หอหุม ไวจ ึงไมร ูพระนิพพาน
จึงมีหนา ท่ี ปฏิบัตบิ ูชาในการทาํ บญุ ใหทาน รักษาศลี ภาวนา ปฏบิ ัติ
บูชา อยา ใหมีจิตใจขุน หมอง เศราหมอง ชั่วระยะหน่งึ ท่เี ราตง้ั ใจภาวนา
อยู ดวงจิตดวงใจผรู ูอ ยทู ไี่ หนใหรแู จง อยูในทีน่ ี้ สงบอยใู นทน่ี ้ี จงใหเหน็
ในจิตผูนั้นอยูเ สมอวา ส่งิ ใดมนั เกิดข้ึนมาแลว อยา เขา ใจวามันจะอยู
อยา งนัน้ ตลอดไป ความสรรเสริญเยนิ ยอ ยกยอง เทิดทนู มนั ก็เกิดข้ึน
ชั่วระยะหนงึ่ แลวมนั กด็ ับไป ทัง้ คน ท้งั สตั ว ทัง้ วตั ถธุ าตุท้งั หลาย ไมมี
๘๑
อะไรเทีย่ งแทแ นน อนยั่งยนื อยูเลย จงรวบรวมกาํ ลงั จิตกําลังใจของเรา
ภายในใหมคี วามสงบตงั้ มน่ั จนรูแ จง ในหลัก ๓ ประการ คือ อนิจจัง
ทุกขงั อนตั ตานนั่ แหละ ฉะนนั้ เม่ือวา เราทา นทัง้ หลาย พากนั ไดย ินได
ฟงแลว ก็ใหก ําหนดจดจาํ นาํ ไปประพฤตปิ ฏบิ ัติ กค็ งไดรบั ความสขุ
ความเจรญิ เอวงั กม็ ดี วยประการฉะน้ี
สพั พตี ิโย ววิ ชั ชนั ตุ สัพพะโรโค วินสั สะตุ
มา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ
อะภวิ าทะนะสลี ิสสะ นจิ จงั วฑุ ฒาปะจายิโน
จัตตาโร ธมั มา วัฑฒนั ติ
อายุ วัณโณ สขุ ัง พะลัง ฯ
๘๒
ทกุ ขเ ปนของจริง
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สัมพทุ ธสั สะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พุทธสั สะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สัมพุทธัสสะ
ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระองคนนั้
ณ บดั นถ้ี งึ เวลาปฏบิ ตั บิ ชู า นง่ั สมาธภิ าวนา ใหพ ากนั นง่ั ขดั สมาธเิ พชร
ใหไดท ุกๆคน การนั่งขดั สมาธิเพชร นน้ั แสดงถึง ความองอาจ กลา หาญ
คือ แสดงออกวาเราจะตอ สูกับ กเิ ลส ราคะ โทสะ โมหะ ใหไ ดช ัยชนะ
เหมอื นกับอยางพระพุทธเจานั่งสมาธภิ าวนาใตรมไมโ พธิ์ พระองค
เอาชนะได
เราทุกคนกไ็ ดม าสสู ถานท่ีวเิ วกภาวนา ถา้ํ ผาปลองนีเ้ ปน ทว่ี ิเวก
เปนทีภ่ าวนา เราทุกคนก็ไดม าถงึ สถานทนี่ ี้ และไดร่าํ รองมานานวา
เมอ่ื ใดหนอ ขาพเจาจะไดทีเ่ งียบสงดั ภาวนา บัดนส้ี ถานทีภ่ ายนอกน้ัน
ก็เรียกไดวาพรอมบริบูรณ หางไกลจากทชี่ มุ นมุ ชน ไมม เี สยี งรบกวน
ที่วาเสนาสนะสัปปายะ ที่อยูอาศัยเปนที่สบาย เมื่อเรามาอยูในที่
สบาย จติ ใจเราไมตอ งฟงุ ซา น ร๘ําค๓าญ รั่วไหลไปท่ีอ่ืน รวบรวมกําลงั
จิตกําลังใจ ปลอยวางเรื่องราวภายนอก จะมีอารมณเรื่องราวอะไร
ขดั ขอ ง สงสัยก็ตามไมต อ งเปนหวง เมื่อเรานัง่ ขัดสมาธเิ พชรเรียบรอ ย
แลว หลบั ตานกึ ภาวนา “พุทโธ” พทุ โธนี้ เปน คณุ พระพุทธเจา เรยี กวา
พทุ ธคุณ คณุ พระพุทธเจา ในพทุ ธศาสนานี้ ถาไมม ีพระสัมมาสัมพุทธ
เจามาตรสั รใู นโลก อะไรท้ังหมด เราเห็นอยูในประเทศ บานเมอื งเรา
จะไมม ีวดั วา ศาสนาโบสถ วหิ าร เจดยี ศาลาการเปรียญ วหิ าร เราจะ
ไมเ หน็ ไมเ ห็นพระสงฆอ งคเจา หม ผา กาสาวพัตร ผา เหลือง ผาขาวจะ
ไมม ี ท่เี ราเห็นน้ี ก็คอื วา มาจากพระพุทธเจา พระองคนงั่ สมาธิ ภาวนา
เดินจงกรม รวมจติ รวมใจของพระองคในวนั วิสาขบูชา เดอื นหกเพ็ญ
พระองคไมป ลอ ยปละละเลยใหจ ติ ใจกเิ ลสน้นั ๆ เขา มารบกวนจติ ใจ
ของพระองคได
๘๔
บทภาวนาของพระพุทธเจาของเราก็ไมใชอ่ืนไกลที่ไหนเอาลม
หายใจเขา ออกเปน อุบายภาวนา แตจิตใจของพระองคกลาหาญทสี่ ุด
เรียกวา สละชีวิต สละตาย ถา ไมส ละตายแลวสูมันไมไ ด มารกเิ ลส
กเิ ลสราคะ กิเลสโทสะ โมหะ มันเปน เจา ใหญน ายโต อยภู ายในของ
มนุษย ปถุ ุชนคนเรา เราตอ งลกุ ขึน้ มาบําเพ็ญภาวนา อันพระพุทธเจา
นนั้ พระองคเ อาชนะไดแ ลว สละชีวติ ลงไปไดแลว ตัดกิเลสความโกรธ
ไดแ ลว ตดั กเิ ลสความโลภไดแ ลว ตัดกิเลสความหลงไดห มดส้นิ แลว
ละกิเลสพรอมทงั้ วาสนา ในเดอื นหกเพ็ญเสร็จเรียบรอ ย แตพ วกเรา
นย้ี ังอยู ยังหวงหนา หวงหลัง วิตก วิจารณไปตา งๆ นานา เพราะยัง
ไมเสยี สละเต็มที่ ความจรงิ กค็ ือวา นง่ั สมาธภิ าวนาแลว จติ ใจไมค วร
ใหไปทีอ่ น่ื ใหจติ ใจนอมเขา มารวมเขามา ใจคนเราไมใ หม นั อยนู อก
รางกาย ไปท่เี ราเหน็ ตนไม ภูเขานนั้ อนั นั้นมนั ลกู ตา มันมองออกมา
ทางสายตา ก็เห็นตน ไม ภูเขา แลวใครเปนผูมองมา คดิ ออกมา น่นั
ทาน เรียกวา “จิตดวงผรู ”ู อยใู นตัวเราทกุ คน จงรวมกาํ ลงั จติ ใจ ให
มาอยูใ นดวงจติ ทีร่ ูอยูนั้น ดวงจติ ทรี่ ูอยูนน้ั ก็ใชลึกซึ้งจนกระทง่ั มองไม
เหน็ เรา หดู ีฟง เสยี งไดย ิน เสยี งน้ีมนั จะลอยไปในอากาศ กระทบโสต
หูไปรทู ี่จิต จิตนัน้ ไมตองไปหาเปนกอ น เปน หนว ย เปนสสี นั วรรณะ
เหมอื นคน เหมอื นลกู แกว ไมม ี เหมอื นเรามองไปในอากาศไมมีอยา ง
นัน้ แตม นั มคี วามรูอยูใ นตัวในใจอนั น้นั เวลารวมจติ ใจดวงนเ้ี ขามาเปน
ดวงหนง่ึ ดวงเดยี วใหไ ดเ สยี กอ น จึงจะรูจ กั รแู จง เมื่อภายหลงั วา กิเลส
นน้ั มันซมึ ซาบอยูในจติ ใจดวงนแ้ี หละ กเิ ลสความโกรธมันก็อยทู จี่ ติ ใจ
ดวงผูรู ผคู ิด ผนู กึ นี้ กิเลสความโกรธ ความโลภ ความหลง มนั ไมไ ด
มากมายเหมอื นอยูในใจ ถาจติ ใจของเราตงั้ มนั่ ลงไป ไมหวนั่ ไหว พุทโธ
๘๕
ลงไปในหัวใจ จติ ดวงที่รอู ยทู ี่ไหนกต็ ้ังลงไปใหม ันมั่นคง ความยดึ หนา
ยึดตา ยดึ ตวั ยดึ ตนไมใหมี
ตัวตนของเรานั้น เพยี งธาตดุ นิ ธาตนุ ้าํ ธาตไุ ฟ ธาตลุ ม ไป
ประชุมกันอยูเทานั้นเอง ไมใชของเราแท เรียกวายืมโลกเขามา เพื่อ
ปฏบิ ัติธรรม เพื่อบําเพ็ญบุญบารมขี องเราใหแ กก ลา ทานบารมยี งั ไม
แกกลา เราก็ตองละตองทาํ ทานบารมี ศีลบารมยี ังไมบรสิ ทุ ธิ์ ยงั ไม
แกกลา เรากจ็ ะไดบ าํ เพ็ญศลี บารมี นับตง้ั แตหลกั ศลี หาข้ึนไป เวน
จากการฆาสตั ว เวนจากลกั ขโมย วตั ถุ ขา วของ ของบุคคลผอู ่ืน เวน
จากการประพฤติผดิ ในกาม เวน จากการกลาวมุสาวาท เวนจากการดม่ื
กนิ สุราเมรยั แลววา หลักศลี หา หลักศลี แปด ศีลสบิ ศลี สองรอ ยยี่สบิ
เจด็ ขอ ขึน้ ไป เปน การฝก จติ ฝก ใจ สงั วรระวงั กายวาจา ไดแ ลว กเ็ หลือ
จติ จิตนั้นมอี ารมณ เปน เครื่องอยู มนั อยเู ฉยๆ ไมได มนั มีอารมณ
เปน เครอื่ งอยู
อารมณของจติ นน้ั มนั มีอยู ๕ อยา ง ไดแก รปู เมอ่ื เหน็ รูปแลว
รูปนั้นแหละมาเปนอารมณในจิต ถารูปนั้นดีก็ชอบพอใจ ถารูปนั้น
ขี้รา ย ขเ้ี หลก็เกลยี ดชงั อยากใหมันตายไปเสยี อันนีน้ ับเปนอารมณ
อยูใ นจติ เสียงดเี สยี งเพราะก็ชอบใจ รองรําทาํ เพลง ถา เสยี งเขาดดุ า
วา รายปา ยสใี ห ก็ไมพ อใจ จติ มีอยตู รงน้ี กลน่ิ เหม็นกไ็ มช อบ ถากลิ่น
หอมแลวชอบใจ ถาเปนดอกไมก เ็ อามาดม เอามาเหน็บหู ใหมัน
ใกลจมกู อนั นม้ี นั เปนเรื่องกิเลสในใจ แลวใจนีแ้ หละ เม่ือรสอาหาร
มันผานลิ้น โดยที่ไมพิจารณาธาตุกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน ไมได
๘๖
พจิ ารณาวา การบรโิ ภคนน้ั เพอ่ื เปน ประโยชนอ ะไร จติ มนั กไ็ ปหลงตดิ อยใู น
รสอาหารการกนิ
เวลาเราภาวนาน้ี เปน เวลาสงบ เปน เวลา ละ วางไมใ หเรื่อง
เหลา นม้ี าเปน อารมณอ ยูใ นจิต เยน็ รอ นออ นแขง็ กระทบรางกาย ก็ไม
ใหจิตใจมายินดียินรา ย ท่ีทา นใหน ึกบรกิ รรม พุทโธ อยใู นตัวในใจนัน้
เพอื่ รวมกําลงั ใหต งั้ มน่ั ภายในจติ นน้ั แนว แนมัน่ คง ไมใ หห ลงใหล มี
สติสมั ปชญั ญะ สตคิ วามระลึกได สติน้ีเปน การฝก ใหเจริญมากๆ แลว
จะไมหลง สติ ก็คือ จติ ใจดวงผรู ทู วี่ า นีแ้ หละ ต้งั มน่ั ลงไป แลว กร็ ะลึก
ไมใหมันหลง เวลารางกายรูปขันธ นั่ง สติก็ตองระลึกอยูวานั่งแบบ
ไหน สตคิ วามระลึกได ตองดูตวั เองนงั่ ใหร อบคอบ จิตรู จติ รใู จอยู
ภายใน ไมใ หพลัง้ เผลอ ลมุ หลง มัวเมา ไปตามอายตนะภายนอก คนท่ี
ขาดสติไมว านงั่ สมาธิ ภาวนา ก็หลับใหลไป ก็คือวา ขาดสติ ขาดสมาธิ
ขาดปญ ญา ขาดหมดทกุ อยา ง ทุกประการ
คาํ วา สติ ความระลกึ ได ก็จติ ใจดวงผรู ู อนั เดยี วกนั น้ีระลกึ ขึ้น
มา ที่นึกบริกรรม พทุ โธ ก็คือวา หัดสติ หัดจติ ใจ ใหม ีสติระลกึ อยู
ไมห ลงใหลไปกับเรื่องใดๆ ทง้ั หมด เตอื นจิตใจดวงนี้อยตู ลอดเวลา
ธรรมดาจิตใจคนเราน้นั ทานอุปมาเหมอื นดัง่ ทารกท่ีเกิดขึน้ มาใหม ไมร ู
อะไร ถาบดิ ามารดาผูบังเกิดเกลาไมด ูแล ทารกนน้ั จะตองเกดิ อนั ตราย
มนั ยังไมรูอ ะไร พลัดตก คอหกั ที่คนเราเหลือมาน้ี อาศยั บดิ ามารดา
พเ่ี ลย้ี ง นางนม ชว ยดูแลให มันจะตกเขากจ็ บั ไว ไมใหต กไป แตวาเม่อื
มนั ใหญแลว คนเราก็มกั จะลืมบุญคณุ ของผูอน่ื ที่เคยดแู ลให
๘๗
เมอื่ เราภาวนาก็ใหตัง้ ใจขน้ึ มา ระลกึ ข้ึนมา ดวงสติ คอื จติ ระลึก
อยู ทา นใหร ะลึกอยูเรยี กวา “สตปิ ฏฐานสี”่ ระลกึ พจิ ารณาอยูในกาย
ในกาย หมายถงึ ขาสอง แขนสอง ศีรษะหนึง่ มันมีหนงั หุมอยูเ ปนที่สุด
รอบ ทา นใหเอาสตมิ าระลกึ ดกู ายน้ี ภายในหนงั หมุ เขา ไปมอี ะไร เต็มไป
ดว ยน้าํ เลือด นํ้าเหลอื ง เต็มไปดวยของไมสะอาด มปี ระการตา งๆ แต
เมื่อเราไมกําหนด พจิ ารณา จติ มันก็ประมาท มวั เมา เหน็ เปนของสวย
ของงาม ของมั่นคงถาวร แทท่ีจรงิ ไมม ีอะไรเลย มันรอความแตกดับ
อยูตลอดเวลา จงรวมจิตรวมใจลงไป ระลึกพิจารณาในรางกายสังขาร
อนั นีว้ า ระลกึ อยใู นกาย จนแจม แจง แลว ทกุ สวน ทกุ ประการใน
รางกายสังขารน้ี จนไมหลง ไมค ดิ ไปในทางหลง คิดไปในทางรู สวน
เวทนาก็ตองระลกึ สขุ เวทนามาถงึ เขา ทุกขเวทนามาถงึ เขา เฉยๆ
เวทนามาถงึ เขา ทานก็ใหใชส ติ ความระลกึ ได ไมใ หหลงใหลไปตาม
เวทนา สุข ทกุ ข เฉยๆ น่ันแหละวา องคสติระลึก ดูกาย ดูเวทนา ดจู ิต
ความคิดนึกปรุงแตงอะไรตอมิอะไร กต็ อ งเอาจิตใจดวงผรู ูมาคิดมานึก
มาภาวนาน่ันเอง ใหสงบระงบั ตงั้ มั่นลงไป
๘๘
คําวา ธรรม หรอื ธรรมารมณ อารมณเรื่องราวท่ีมนั ผานมา ที่มา
เปน อารมณอ ยูในจิต กาย เวทนา จติ ธรรม สี่อยา งนี้ เรียกวา สติ
ตองระลึก พจิ ารณา เห็นแจง ตามความเปนจรงิ ไมใ หเพยี งแตว า
มายึดหนาถือตา มายึดตัวถือตน มายึดเรายึดของเรา จะกําหนด
พิจารณาอะไรไมไดอนั น้ีเปน ความผิดความหลง พระพุทธเจา พระองค
เตือนมา ใหมีสติ ความระลึกได ขอแรกทานก็วาใหระลึกถึง พุทโธ
ตง้ั จติ ใหม ่ันในใจ มนั ก็ต้งั ม่ัน ถา ไมฝกไมฝ น ปลอ ยใหม นั ไปตามอารมณ
ที่กเิ ลส ราคะ โทสะ โมหะ กเ็ มาไปอยา งนัน้ ไมมคี วามรูสึกตัว ตอ งต้งั ใจ
ข้ึนมาและก็ระลกึ อยูใน กาย เวทนา จติ ธรรม รวบรดั เอาดวงจติ ดวงใจ
ดวงผรู อู ยภู ายใน ใหอ ยูทีน่ ี้ ไมใหแสสายไปทีอ่ ่ืน ท่ีอืน่ ไมใชท ี่อยขู องจิต
จิตคนเรามนั อยใู นกาย ในรูปขันธน ี้ กอ นที่จะไดเนอ้ื หนงั มงั สงั ตัวตน
อันนมี้ า ตองไปนอนอยใู นทอ งแม ต้ัง ๑๐ เดือน จงึ ไดรา งกายสังขาร
นี้มา เมือ่ ไดมาแลว กจ็ ะมาลุมหลง มัวเมา เพลดิ เพลนิ ไปตามอนั น้ี
ไมได เพราะรางกายสงั ขารนีเ้ ปนของเครอ่ื งใช ชวั่ คราว มนุษยยคุ นี้
สมัยนี้ อายุไมคอ ยถงึ รอยปกต็ องตายแลว เราจะมาเพลิดเพลนิ ลุมหลง
มันเมา ไปตามรปู นามไมไ ด ตอ งภาวนาทาํ ใจใหสงบตงั้ ม่ันเปน ดวง
หนง่ึ ดวงเดียวใหได ท่เี ราจะทําได กต็ อ งต้ังใจ แตบ ัดนี้ เดย๋ี วนี้เปน ตน
ไป ไมป ลอยปละละเลย นั่งกม็ สี ติระลกึ อยู ยืน เดิน นั่ง นอน กม็ ีสติ
ความระลกึ ได คําบรกิ รรมในใจมอี ยู ม่ันคง หนักแนนอยใู นหัวใจ พทุ โธ
อยทู น่ี ี่ ธมั โมกอ็ ยทู น่ี ี้ สงั โฆก็อยูท่ีน้ี อยทู ี่ดวงจติ ดวงใจผูร อู ยู สว น
สังขารมาร จิตปรงุ แตง คดิ นึกเร่อื ยเปอ ยไปไมตอ งตามมันไป ตามไป
ไมมที สี่ ดุ ทัง้ สนิ้ ตามกเิ ลสตณั หามาตงั้ แตอ เนกชาติ นับภพนบั ชาติ
ไมถ ว นแลว มาบดั น้ี เดย๋ี วน้เี ปน ตนไป เราจะไมต ามไป เราจะภาวนา
๘๙
พจิ ารณา สงบจิตใจดวงน้ีอยู เมอ่ื จิตใจดวงนอ้ี ยแู ลว กจ็ ะตองกําหนด
ใหร จู กั หลกั อนจิ จัง ทกุ ขัง อนตั ตาสอนจิตใจดวงนใ้ี หร ูจ กั ความรู
ความฉลาด ความสามารถ อาจหาญข้ึนมา จติ ใจทอแทออนแอ กลัว
ตายไมใหมี ตัง้ ใจภาวนารวมจิตรวมใจลงไป ใหเปน ดวงหนึ่งดวงเดียว
ใหไ ด วันไหนคนื ไหน ใจไมส งบ ขา จะไมนอน ขา จะน่ังภาวนา หากจิต
มนั ยังดอ้ื อยู เราจะนง่ั ใหมนั ตายไป เหมอื นพระพทุ ธเจา ของเรา ทรงวา
ถาตรัสรไู มได พระองคจ ะไมล ุกขึ้นไปแสวงหาอาหาร หรือบณิ ฑบาตมา
เลี้ยงชีพอีกตอไป พระองคทานจะนัง่ ภาวนาใหมันตายในรม ไมนั้น เรา
ทุกคนทกุ ดวงใจ ก็ตองมจี ติ ใจแนวแนเหมอื นพระพทุ ธเจาจึงจะตดั ได
ละได ปลอยได วางได ไมท าํ ตามอาํ นาจกเิ ลสความโกรธบอกใหท ํา
ไมท ําตามอาํ นาจกเิ ลสความโลภ โลภจติ บอกใหท ํา ไมหลงไปตาม
อวิชชา ตณั หาในจติ ใจ ทีเ่ ต็มไปดว ยกิเลสบอกใหหลง เราจะภาวนา
ทําใหแลวซึ่งนิพพาน อันเปนสถานที่ไมเกิด ไมแก ไมเจ็บ ไมไข
ไมตาย มันมอี ยใู นใจน่นั แหละ แตถ าไมร วม ไมส งบลงไป มนั ก็ไปทั่ว ถา
รวมสงบลงไปแลว มนั ก็มีใจดวงเดยี วแลว เอกงั จติ ตงั ตอ งทาํ จิตใหเ ปน
ดวงเดยี ว เอโกธรรมโม ทําใจใหเ ปน ดวงเดยี ว ไมใ หแ สสาย ลุมหลงไป
ในทใ่ี ดๆ เอาจติ ใจดวงนี้ มัดจิตใจดวงน้ีดว ยสมถกรรมฐาน จติ สงบ
ระงบั ไว เอาวิปส สนากรรมฐาน พจิ ารณา รูป นาม กาย ใจ ตวั ตน
สังขารทุกคนทง้ั ภายนอกภายใน ท้งั สอนตน และบุคคลผูอื่น จนส่งิ ท่ี
จติ เคยลุมหลง มัวเมา มาแกไขไมใ หล มุ หลงมัวเมาอกี ตอไป เรยี กวา
ตดั ในใจใหม นั ขาด อะไรกระทบตา กระเทอื นหู กท็ ําใจใหว าง ใหมนั
เฉย ไมต องไปลุม หลง มัวเมาไมมที ่ีส้ินสุด จติ ใจดวงผรู ูอ ยูทนี ่ี เห็นจริง
เห็นแจงอยทู ่นี ้ี ไมตอ งใหม ันมาหลอกลวงอีกตอไป จิตใจของผปู ฏิบัติ
๙๐
จะไดม่นั คงลงไป เกิดแลว มันตอ งเปนอยา งนี้ แก ชรา เจ็บไขไ ดปวย
ผลทสี่ ดุ มนั กแ็ ตกดับ ตายไป ตายไปแลวจะไดอ ะไร ไมมอี ะไรได เมือ่
ยังมชี ีวิต ลมหายใจอยอู ยางนี้ เราจะตอ งปฏบิ ัตบิ ชู า น่งั สมาธิ ภาวนา
เดนิ จงกรม ชําระจติ ใจดวงน้ี ใหผ อ งใสสะอาดอยทู ุกลมหายใจเขา
ทุกลมหายใจออก เราจะไมเปนคนประมาทมวั เมาอกี ตอ ไป
ทกุ ขัง อริยะสจั จัง ทกุ ขเปนของจรงิ มีอยใู นรปู นาม ตวั ตนของเรา
ทกุ คน อยา ไดม าหลง ยดึ หนา ถอื ตา ยึดตวั ถือตน ยึดเรายดึ ของเรา ยึด
ชาติ ยึดตระกลู กูของกู ตัวขาของขา ตวั เราของเรา ของเราทีไ่ หน ของ
โลกเขา โลกกิเลสมนั สรางขึ้นมา สรางขนึ้ มาเปนตวั เปน ตน เปน สตั ว
เปนบคุ คล หลอกลวงใหล ุม หลง มวั เมา วนเวียนอยใู นวัฏสงสาร ไมมี
ทส่ี ิ้นสุด ยุติลงไปได เราจะตอ งทาํ ความเพียร ภาวนาในจิตใจดวงน้ี
ใหม่ันคง หนกั แนน ลงไป มีสตทิ กุ เวลา มสี มาธิ จติ ต้ังม่ันอยูท ุกเวลา
มปี ญ ญาเฉลียวฉลาดสามารถ อาจหาญ รอบรใู นกองสงั ขาร ไมใ หจิตใจ
หว่ันไหวส่นั สะเทอื น ไปตามรูป เสยี ง กล่นิ รส โผฎฐพั พะ อารมณ
เอาจิตใจดวงน้ใี หวาง วางเฉยลงไป เปนดวงหนึ่งดวงเดียว กิเลสอะไร
มันยังของผา นอยูในใจ ก็ตดั ละลงไป ใหม ันหมดสิ้น เหลือดวงจิตที่
บริสุทธิ์ ผองใส สะอาด ไมเจือปนดว ยรูป เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ
ธรรมารมณ ปฏบิ ตั ดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบ ประกอบสวนที่เปนกศุ ล อยใู นจิตใจ
ของตน ทําความเพยี รเพง อยภู ายใน ภายนอกไมเกย่ี ว ไมไ ปยดึ ไปถือ
อะไรทงั้ หมด ดวงจติ ดวงใจไมใชไ ปอยทู ีอ่ ื่น มันอยใู นกายน้ี เราไดยิน
เสียงนี้ ก็คอื ใจนน่ั แหละอยูท่นี ้ี ถาใจมันออกจากรา งนไ้ี ป เหมือนคน
ตายทาํ อะไรไมได คนเราจะประพฤตปิ ฏิบตั ิไดก็ในเม่ือเวลามันยังอยู
๙๑
ในรปู ขนั ธน ้ีแหละ เม่อื อยูในรูปขันธ มันจะไดร ูจักวา มันสุข มันทุกข
สบาย ไมส บาย สบายอยางไร รอ นหนาวมันรูอยู ที่นีแ้ หละทําความ
เพียร ปฏบิ ตั ิบชู า ส่งิ อนื่ ใด นอกจากดวงผรู ู ออกไปทง้ั หมดไมตองไป
หลง ตองใหรูวา อนจิ จงั ไมเ ท่ียงท้งั หมดท้งั มวล ทุกขงั ใครไปยดึ ถอื
ไปหลง กเ็ ปนทกุ ขจ ิตทกุ ขใจ อนัตตา คือ สําคัญผดิ คดิ วาตวั เราของ
เรา ความจรงิ มนั ไมไดเปนของเรา ของธาตโุ ลกเขา อาศยั กิเลส ตณั หา
มานะ ทิฐิ เปน เครอื่ งยึดเหนยี่ วใหต ดิ ใหขอ ง ใหห ลงอยตู างหาก เวลา
ตายจากโลกน้ี แบกหามอะไรไปไดบา ง ทง้ิ ไวท้งั น้ัน ตอไปเราจะไดไ ม
ตองไปวนุ วายกับส่ิงใดๆ เรยี กวา พุทโธ จติ ใจดวงผูร อู ยูท่ีน้ี ตามรู ตาม
ละ ตามปลอยวาง กเิ ลสตณั หา มานะทฐิ ิ ใหห มดสิน้ ไปในคืนวนั น้ี ตั้งใจ
ลงไปจรงิ ๆ เมอื่ ตั้งใจเตม็ ท่ีได จิตใจก็ยอมสงบ ระงบั ตั้งมั่น เทีย่ งตรง
คงท่ีอยใู นใจ ใจรอ นกจ็ ะไดหายไป ใจเยน็ ก็จะไดเ กิดข้ึนมาแทนท่ี เพราะ
จติ ดวงผรู ู มีอยใู นตัวเราทกุ คน จติ สังขาร จิตกเิ ลส จิตตัณหา มานะทฐิ ิ
๙๒
ไมต อ งเกย่ี วขอ ง พระพทุ ธเจา ตรสั ไวว า นตั ถิ ตณั หา สมานที แมน้ําจะ
เสมอดวยตณั หาไมม ี ตณั หา ความอยาก ความวุน วาย ในมนุษย ปุถุชน
คนเรา มันวนุ วายทีส่ ดุ เลกิ ละ ปลดปลอ ย ออกไปใหห มดสิ้น
เอกังจติ ตัง เอาจติ ใหเปนดวงเดียว
เอโกธรรมโม เอาจติ ใหเ ปน ธรรมดวงเดียว
แนวแนมั่นคง ไมหลงใหล ไมไปขางหนา ขางหลัง ขางซาย
ขา งขวา เบือ้ งบน เบือ้ งต่ํา ไมห นจี ากทีน่ ี้
ปจ จงั ตัง เวทติ พั โพ วญิ หู ีติ วิญชู นทัง้ หลาย ผูปฏิบัตติ นท้งั
หลาย จงรูแจง รจู ริงอยูในจิตใจของตนน้ใี หไดจ ึงช่ือวา สาวโก สาวก
ของพระพทุ ธเจา ทานภาวนา ทาํ ความเพยี ร ละกิเลส เราทุกคนผูเปน
สาวกในทางพระพุทธศาสนา กใ็ หเลกิ ละ ปลอยวางทกุ ส่งิ ทุกอยา ง
ลงไปสูจุดดวงรูอยู ในจิตใจนั้นใหได ไมไดไมตองถอยความเพียร
เอาความเพียรเปนท่ตี ัง้ น้แี หละ เราทานทั้งหลายจงพากนั ปฏบิ ตั บิ ูชา
ในจติ ในใจ ใหม นั แนวแนเ ดด็ ขาดลงไป แสดงมาสมควรดว ยเวลา เอวงั
กม็ ดี วยประการฉะนี้
สพั พีตโิ ย วิวัชชันตุ สพั พะโรโค วนิ สั สะตุ
มา เต ภะวัตวันตะราโย สขุ ี ทีฆายโุ ก ภะวะ
อะภิวาทะนะสีลสิ สะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน
จตั ตาโร ธมั มา วฑั ฒันติ
อายุ วณั โณ สุขงั พะลงั ฯ
๙๓