The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชีวประวัติ หลวงปู่ขาว หลวงปู่หล้า หลวงปู่สาม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-07-12 22:23:17

ชีวประวัติ หลวงปู่ขาว หลวงปู่หล้า หลวงปู่สาม

ชีวประวัติ หลวงปู่ขาว หลวงปู่หล้า หลวงปู่สาม

Keywords: ชีวประวัติ หลวงปู่ขาว หลวงปู่หล้า หลวงปู่สาม

ชีวประวัติและพระธรรมเทศนา

พระอนาลโย หลวงปู่ขาว

วัดถำ้� กลองเพล อำ� เภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำ� ภู

พระขนฺตธิ โร หลวงปู่หล้า

วัดป่าขันติยานสุ รณ์ (วดั ปา่ บา้ นนาเก็น) อำ� เภอน�ำ้ โสม จังหวดั อุดรธานี

พระอกิญฺจโน หลวงปู่สาม

วัดป่าไตรวเิ วก อ�ำเภอเมือง จังหวัดสุรนิ ทร์

อนสุ รณพ์ พิ ิธภณั ฑฉ์ ันทกรานสุ รณ์
วัดปา่ อัมพโรปญั ญาวนาราม ในพระสงั ฆราชูปถัมภ์
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ชีวประวตั ิและพระธรรมเทศนา

พระอนาลโย หลวงปู่ขาว  พระขนตฺ ธิ โร หลวงปู่หล้า  พระอกิญจฺ โน หลวงปสู่ าม

เลขมาตรฐานหนงั สอื : ๙๗๘-๖๑๖-๔๔๐-๐๕๖-๖
พมิ พค์ ร้ังท่ี ๑ : มถิ ุนายน ๒๕๖๐
จ�ำนวนพิมพ์ : ๕,๐๐๐ เลม่
จดั พมิ พ์โดย : วดั ป่าดานวเิ วก ต�ำบลศรชี มภู อ�ำเภอโซพ่ สิ ัย จังหวัดบงึ กาฬ

สงวนลขิ สทิ ธิ์ : หา้ มคัดลอก ตัดตอน เปลีย่ นแปลง แก้ไข ปรบั ปรงุ
ข้อความใดๆ ทั้งส้ิน หรือน�ำไปพิมพ์จ�ำหนา่ ย
หากทา่ นใดประสงคจ์ ะพิมพ์เพือ่ ใหเ้ ปน็ ธรรมทาน
โปรดตดิ ต่อขออนุญาตจากทางวดั ป่าดานวิเวก
ต�ำบลศรีชมภู อำ� เภอโซ่พิสยั จังหวัดบงึ กาฬ โทร. ๐๘๙-๑๗๒-๔๔๒๘

พิมพท์ ่ี : บริษทั ศลิ ปส์ ยามบรรจภุ ัณฑ์และการพิมพ์ จำ� กัด
๖๑ ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝ่ังเหนือ ซ.เพชรเกษม​๖๙
แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร
โทรศพั ท์ ๐­-­­๒๔๔๔-๓๓๕๑-๙ โทรสาร ๐-๒๔๔๔-๐๐๗๘
E-mail: [email protected] www.silpasiam.com

ค�ำปรารภ

เร่ืองการจัดท�ำหนังสือมรดกธรรมยอดโอวาทค�ำสอนของสมณะนักปราชญ์
วสิ ทุ ธเิ ทวา (พระปา่ ) จดั ทำ� ขน้ึ ๓๔ องค์ สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ระหวา่ งปี พทุ ธศกั ราช
๒๔๖๐-๒๕๕๔ โอวาทธรรมยอดแห่งค�ำสอนของวิสุทธิบุคคล ท่านแสดงบริสุทธิ์
สมบรู ณไ์ มว่ า่ ยคุ ใดสมยั ใด นำ� ผสู้ นใจพยายามตง้ั ใจปฏบิ ตั ติ าม ยอ่ มกา้ วลว่ งทกุ ขไ์ ปได้
สมความปรารถนา คณะปสาทะศรทั ธาเห็นควรจัดทำ� ข้ึนสงวนรกั ษาไว้ เพ่อื กุลบตุ ร
สุดท้ายภายหลังที่ พิพิธภัณฑ์ฉันทกรานุสรณ์ วัดป่าอัมพโรปัญญาวนาราม บ้าน
หนองกลางดอน ต�ำบลคลองกว่ิ อ�ำเภอบา้ นบึง จังหวดั ชลบุรี ผสู้ นใจกรณุ าเขา้ ไป
ศกึ ษาได้ตามโอกาส เวลาพอดี

ผฉู้ ลาดยึดหลักนักปราชญ์เปน็ แบบฉบับพาดำ� เนนิ ปกครองรกั ษาตน
คณะปสาทะศรทั ธา

ห้ามพิมพเ์ พือ่ จ�ำหนา่ ย สงวนลขิ สทิ ธ์ิ

สารบญั ๑

พระอนาลโย หลวงป่ขู าว ๖
ชีวประวตั ิและพระธรรมเทศนา พระอนาลโย หลวงปู่ขาว ๙
- ชวี ประวตั ิ พระอนาลโย หลวงปู่ขาว ๑๐
- สาเหตุใหท้ า่ นออกบวช ๑๓
- การบวชของหลวงปูข่ าว ๖๕
- อุปสรรคในการออกเที่ยวธุดงคกรรมฐาน ๖๘
- ช้างใหญเ่ ข้ามาหาท่านในเวลากลางคืนยามดึกสงดั ๘๔
- เรือ่ งคนหนา้ ดา้ นสนั ดานสตั ว์ ๙๒
- เป็นท่นี ่าประหลาดและอศั จรรย์ ๙๔
- ปพี รรษาที่ ๔๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงปูป่ ่วยหนกั ๙๘
- อาการป่วยทา่ นค่อยทุเลาและหายเปน็ ปกตใิ นทสี่ ดุ ๑๐๖
- ปฏปิ ทาการด�ำเนนิ ของหลวงปทู่ ั้งสมยั ยงั หน่มุ และชราภาพ
- ปฏปิ ทาทผ่ี าดโผนมากและเหน็ ผลประจกั ษ์ ๑๐๙
- โอวาทของท่านพระอาจารยข์ าว อนาลโย วดั ถำ้� กลองเพล อุดรธานี ๑๑๑
อุเทสคาถา “จติ ตฺ ํ ทนฺตํ สุขาวหํ” ๑๑๖

พระขนฺตธิ โร หลวงป่หู ล้า ๑๒๗
ชวี ประวตั ิและพระธรรมเทศนา พระขนฺติธโร หลวงปู่หลา้ ๑๒๙
- ชีวประวัติ พระขนฺติธโร หลวงปูห่ ล้า
- หลวงปูห่ ลา้ ขันติธโร จากปฏิปทาพระธดุ งคกรรมฐาน
โดย ท่านอาจารยพ์ ระมหาบัว ญาณสมั ปันโน

พระอกิญจฺ โน หลวงปสู่ าม
ชวี ประวตั แิ ละพระธรรมเทศนา พระอกิญฺจโน หลวงปู่สาม
- ชวี ประวัติ พระอกิญจฺ โน หลวงปูส่ าม

พระอนาลโย หลวงปขู่ าว

วดั ถำ�้ กลองเพล อำ�เภอเมือง จังหวัดหนองบวั ล�ำ ภู

พระอนาลโย หลวงปขู่ าว
พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี ๙

ชวี ประวัติและพระธรรมเทศนา

พระอนาลโย หลวงปขู่ าว

1



ชวี ประวัติ

พระอนาลโย หลวงปูข่ าว

พระหลวงปขู่ าว อนาลโย วดั ถำ�้ กลองเพล อ.หนองบวั ลำ� ภู จ.อดุ รธานี นามเดมิ
ทา่ นชอื่ ขาว โคระถา เกิดเมือ่ วนั ท่ี ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ ตรงกบั วนั อาทติ ย์
ปีชวด ณ บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อ�ำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี บิดาช่ือ
พัว่ มารดาชื่อ รอด โคระถา

ท่านมพี นี่ ้องร่วมบดิ ามารดาเดียวกนั ๗ คน ตามล�ำดับดงั นี้
๑. นางวัน โคระถา ๒. นายบุญจนั ทร์ โคระถา ๓. นางหนูแดง โคระถา
๔. หลวงปู่ขาว โคระถา ๕. นายกาเหว่า โคระถา ๖. นางหลอด โคระถา ๗. นางไหล
โคระถา พแี่ ละนอ้ งได้ถึงแกอ่ นจิ กรรมไปหมดแล้ว
การอาชพี เมอ่ื เปน็ ฆราวาสของหลวงปู่ ทา่ นทำ� นาคา้ ขาย เปน็ คนขยนั หมน่ั เพยี รมาก
มนี สิ ัยซือ่ สัตย์ สุจริต โอบออ้ มอารีกบั ญาตมิ ติ รเพอื่ นฝงู และผ้เู กีย่ วข้องดมี าก ใครๆ
กร็ กั และชอบคบคา้ สมาคม มเี พอื่ นฝงู มาก แตเ่ ปน็ เพอ่ื นทด่ี ี มใิ ชแ่ บบมเี พอ่ื นฝงู มาก
เหลา้ ยาปลาปง้ิ มาก ลากกนั ลงนรกทง้ั เปน็ และลม่ จมไปเปน็ แถวๆ ดงั ทร่ี ๆู้ เหน็ ๆ กนั อยู่
ในสมัยจรวดรวดเร็วทันใจ คนสมัยน้ันมักเป็นแต่คนดี การคบกันจึงเป็นสง่าราศี
แกว่ งศ์สกลุ มากกวา่ จะพาใหเ้ สยี หายล่มจม

3

เม่ืออายุ ๒๐ ปี บดิ ามารดาก็จดั ให้มีครอบครวั ภรรยาช่อื นางมี มบี ตุ รธดิ า
ดว้ ยกนั ๗ คน คนหัวปเี ปน็ ชายช่ือ คำ� มี ไดอ้ อกบวชตามพ่อคอื หลวงปู่ เวลาทา่ น
ออกบวชแล้วจนส้ินอายุในเพศนักบวชเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ นี่เองที่วัดถ�้ำกลองเพล
เม่ือบวชแล้วก็ติดสอยห้อยตามหลวงปู่และมาอยู่ท่ีวัดถ�้ำกลองเพลด้วยจนถึงวาระ
สดุ ทา้ ยแหง่ ชวี ติ คนทสี่ องชอ่ื นายลี โคระถา เปน็ ผมู้ ศี รทั ธาอตุ สา่ หต์ ดิ ตามมาปฏบิ ตั ิ
และถวายอาหารบิณฑบาตหลวงปู่เป็นประจ�ำ ลูกที่มีนิสัยทางศาสนาอย่างเด่นชัด
มอี ยู่ ๒ คน นอกน้ันกธ็ รรมดาเหมอื นโลกทัว่ ๆ ไป แต่จะไม่ขอออกนามลกู ๆ ทา่ น

ทา่ นอยคู่ รองฆราวาสตามประเพณขี องโลก......ปี แตร่ สู้ กึ ไมค่ อ่ ยราบรน่ื ชน่ื ใจนกั
ในระหวา่ งคคู่ รองทงั้ สองทอ่ี ยรู่ ว่ มกนั มา เนอ่ื งจากภรรยาไมต่ งั้ อยใู่ นความสนั โดษคอื
ความยินดีในสมบัติที่มีอยู่ของตนได้แก่คู่ครอง แต่ชอบหาเศษหาเลยซ่ึงเป็นยาพิษ
ท�ำลายจิตใจของอีกฝ่ายหน่ึงตลอดสมบัติและความม่ันคงของครอบครัว คือเมีย
คบชู้สู่ชายอื่นซึ่งเป็นประเภทกาฝากอันเป็นตัวท�ำลายถ่ายเดียวจนถึงกับอยู่ด้วยกัน
ไม่ได้จีรังย่ังยืน หากจะคิดว่าถึงวาระกรรมหรือธรรมบันดาลก็สุดจะคาดคิดด้นเดา
ไดถ้ กู เพราะถา้ ไมม่ เี หตสุ ะเทอื นใจอยา่ งหนกั เชน่ นเี้ กดิ ขนึ้ ทา่ นอาจจะยงั ไมค่ ดิ ในแง่
อรรถธรรมถึงกับต้องสละตนออกบวชในระยะนั้นก็ได้ เพราะเท่าที่ทราบในประวัติ
ความเปน็ มาของการครองเรอื นทเี่ ปน็ ตน้ เหตใุ หท้ า่ นคดิ มากถงึ กบั คดิ ถงึ การออกบวช
กม็ าจากสาเหตทุ เ่ี มยี มชี ู้ ไมอ่ าจสงสยั ไปอยา่ งอนื่ อยแู่ ลว้ ดงั นน้ั การทเี่ มยี มชี ู้ หรอื ผวั มชี ู้
เมยี มหี ลายผวั หรอื ผวั มหี ลายเมยี เหลา่ นี้ จงึ ควรยกใหก้ เิ ลสราคะตณั หาตวั ไมร่ จู้ กั อม่ิ
พอกวาดต้อนเข้าสู่คลัง มหิจฉฺ ตา ของมนั ไปเสยี เพ่อื ไม่ให้มีความกระทบกระเทอื น
ถึงอีกฝ่ายหน่ึงท่ไี ม่มีส่วนรเู้ หน็ และผดิ ดว้ ย เพราะเรอื่ งทำ� นองนมี้ ีอยทู่ ่วั ไปและยงิ่ จะ
นับวันมากขึ้นถ้าโลกต่างพอใจส่งเสริมโดยไม่สนใจเห็นโทษของมันด้วยอรรถธรรม
คอื สนตฺ ฏุ €ฺ ี ปรมํ ธนํ ความยนิ ดเี ฉพาะผวั -เมยี ของตนเปน็ ทรพั ยเ์ ครอื่ งปลมื้ ใจอยา่ ง
ประเสริฐอยู่แล้ว เพราะความสงบสุขของครอบครัวผัว-เมียอยู่ท่ีความยินดีต่อกัน
และอยู่ที่โอวาทแห่งธรรมบทนี้ มิได้อยู่ที่ มหิจฺฉตา หลายผัวหลายเมียดังท่ีคิด
และสนใจใฝฝ่ นั กนั เลย ดงั น้ัน โลกครอบครัวผวั เมียถ้าอยากมีความสงบสขุ รม่ เยน็
จีรังยั่งยืน จึงไม่ควรฝักใฝ่ใส่ใจเสาะแสวงหาหญิงชายเศษเดนประเภทยาพิษมา

4

เคลือบแฝงครอบครัวผัวเมีย ควรรักสงวนและบ�ำรุงรักษาสมบัติคือคู่ครองท่ีมีอยู่
ของตนให้มีความอบอุ่นตายใจและเห็นอกเห็นใจกันตลอดไปจนวันอวสาน จะเป็น
ผ้คู รองความสุขได้สมใจทใ่ี ฝ่ฝนั

คำ� วา่ ราคะตณั หา นนั้ ยอ่ มเหมอื นไฟในครวั เรอื น โลกปราศจากไมไ่ ดท้ ง้ั สองอยา่ ง
คอื ตอ้ งเสาะแสวงกันทง้ั หญิงทั้งชายในเร่อื งครอบครวั ผวั เมยี เพราะราคะตณั หาเปน็
นายบงั คบั ใหจ้ ำ� ตอ้ งแสวง ไฟสำ� หรบั หงุ ตม้ แกง ตลอดแสงสวา่ งตา่ งๆ อนั หาประมาณ
ไมไ่ ด้ จำ� ตอ้ งมสี ำ� หรบั มนษุ ยแ์ ละครอบครวั ทง้ั สองอยา่ งนห้ี ากนำ� มาทำ� ประโยชนต์ าม
ความจ�ำเปน็ กย็ ่อมสนองความตอ้ งการไดเ้ ท่าทคี่ วร แต่ถ้าประมาทลมื ตัว ขาดความ
ระมัดระวงั ทง้ั สองอย่างนี้ย่อมเผาผลาญมนุษย์ใหฉ้ ิบหายวายป่วงไปได้ไม่อาจสงสัย
ดงั นนั้ ปราชญท์ า่ นจงึ สอนมนษุ ยผ์ อู้ ยใู่ ตอ้ ำ� นาจแหง่ ราคคคฺ ิ โทสคคฺ ิ โมหคคฺ ิ เหลา่ น้ี
ดว้ ยธรรมอนั เปน็ นำ้� ดบั ไฟ ไมป่ ลอ่ ยใหล้ กุ ลามใหญโ่ ตจะกลายเปน็ โลกวนิ าศ เชน่ เดยี ว
กับการรกั ษาไฟในบา้ นไมใ่ ห้เป็นอนั ตรายแก่ตนและสมบัติทั้งหลายฉะน้นั

5

สาเหตุให้ท่านออกบวช

การเริ่มออกบวชของท่านได้ปรากฏขึ้นในวาระต่อมาที่ได้พบเห็นสิ่งท่ีรัก และ
ปักลึกสุดข้ัวหัวใจ กลับกลายเป็นมหาภัยสังหารท�ำลายหัวใจอย่างไม่เคยคาดคิด
มากอ่ นเลย ทา่ นเองเกดิ ความทเุ รศและความเคยี ดแคน้ แสนจะอดกลนั้ ทนทานไดใ้ น
เหตุการณ์นั้น แต่ก็คงมีบารมีธรรมท่ีเคยบ�ำเพ็ญมา มาช่วยสะกิดใจไว้ได้ทันท่วงที
ในขณะนน้ั วา่ แมแ้ ตม่ ดตวั เลก็ ๆ กดั เรายงั รจู้ กั เจบ็ และปดั ออกในทนั ทที นั ใด กก็ ารฆา่ คน
ให้ล้มตายน้ัน ความทุกข์ของผู้จะถูกฆ่าแม้เป็นฝ่ายผิดและรู้ตัวว่าผิดจะมีทุกข์มาก
ขนาดไหน จงยบั ยง้ั ใจไวพ้ จิ ารณาใหด้ แี ละละเอยี ดถถ่ี ว้ นกอ่ นจะสายเกนิ แก้ วา่ ทำ� ไม
เราจึงเป็นผ้ยู ินดแี ละพอใจท�ำในส่งิ เลวรา้ ยท่ีโลกท้ังหลายไม่พึงปรารถนาและปราชญ์
ติเตียนอย่างยิ่งเช่นนี้ เราฆ่าเขาให้ตายสมใจแล้วเราจะได้อะไรท่ีพึงใจเป็นเคร่ือง
ตอบแทนบา้ ง นอกจากมหนั ตโทษ มหนั ตทกุ ขล์ ว้ นๆ ไมม่ ปี ระมาณเทา่ นนั้ จะสะทอ้ น
ยอ้ นกลับมาเผาผลาญเรา คำ� ว่า เมยี มชี ู้ ผวั มีชู้ เมียมหี ลายผวั ผวั มีหลายเมยี นี้
เพ่ิงมาเกิดแก่เราคนเดียวเท่านั้นหรือ ในโลกทั้งหลายตลอดวงนักปราชญ์ที่ท่านมา
เปน็ ศาสดา มาเปน็ พระสาวก มาเปน็ ครอู าจารยส์ อนเรา ทา่ นไมเ่ คยมเี คยเจอสงิ่ สกปรก
อนั เปน็ สมบตั ขิ องสตั วน์ รกเหลา่ นม้ี าละหรอื ในโลกมเี ฉพาะเราคนเดยี ว เจอเฉพาะเรา
คนเดยี วเทา่ นห้ี รอื รบี คดิ และตดั สนิ ใจใหถ้ กู ถา้ จะไมต่ งั้ หนา้ ทำ� ลายตวั เองใหฉ้ บิ หาย
จนไม่มีเช้ือแห่งความดีเป็นเคร่ืองสืบต่อภพต่อชาติในภพต่อไป คนเราจะรู้ว่าตนโง่
หรือตนฉลาด จะล่มจมหรือจะเอาตัวรอดปลอดภัยถึงแดนแห่งชัยชนะได้ย่อมถือ

6

เหตุการณ์เป็นเคร่ืองวัดตวงในการปฏิบัติตัวต่อเหตุการณ์น้ันๆ ปราชญ์ทั้งหลายแต่
ดึกด�ำบรรพ์มา ท่านไม่เคยเสียท่าเสียทีเพราะการทุ่มตัวให้กับสิ่งเลวทรามท้ังหลาย
นอกจากทา่ นคดิ อบุ ายพลกิ แพลงเปลย่ี นแปลงสงิ่ เลวรา้ ยใหก้ ลายมาเปน็ ปยุ๋ หลอ่ เลยี้ ง
ธรรมใหเ้ จรญิ ภายในใจถ่ายเดยี ว แตต่ วั เจา้ เองท�ำไมจะท�ำตัวเปน็ มนุษย์เหลวแหลก
แตกกระจายไมเ่ ปน็ ทา่ ดว้ ยการทำ� ชวั่ ตามเหตกุ ารณข์ องโลกทไี่ มม่ ปี ระมาณแหง่ ความ
พอดที ผ่ี อู้ น่ื กอ่ ขนึ้ เชน่ นเ้ี ลา่ ? เพยี งเทา่ นไี้ มอ่ าจยบั ยง้ั ได้ เจา้ จะพยงุ ตวั เพอื่ ความดงี าม
ไปได้อย่างไร เมียของเจ้าเขาลุอ�ำนาจแห่งราคะตัณหาไปตามประสาของหญิงที่ไม่มี
เขตแดน แต่ตวั เจ้าเองที่เข้าใจวา่ ตวั เปน็ ฝ่ายถกู ฝา่ ยดีกวา่ เขา แตแ่ ล้วเจา้ ก็จะลอุ �ำนาจ
ไปตามโทสะความอาฆาตมาดร้ายและท�ำลายเขาให้ตายสมใจน้ัน ในคนท้ังสองคือ
เมยี ผนู้ อกใจกบั ตวั เจา้ เองผฆู้ า่ เมยี และชายชใู้ หต้ ายพรอ้ มกนั ในขณะเดยี วสองคนนนั้
จะจดั วา่ ใครเลวรา้ ยกวา่ ใคร ตามสายธรรมของจอมปราชญม์ พี ระศาสดาเปน็ พยานแลว้
ตวั เจา้ เองตอ้ งจดั วา่ เปน็ ผทู้ ำ� กรรมชว่ั อยา่ งหนกั มากจนไมม่ มี หาเมตตาในธรรมบทใด
บาทใดใหอ้ ภยั เจา้ ได้ เจา้ ตอ้ งลงนรกหลมุ มหนั ตทกุ ขโ์ ดยถา่ ยเดยี วไมเ่ ปน็ อยา่ งอนื่ เลย
เจ้าจะเช่ือโทสะกิเลสที่ก�ำลังรุมล้อมพัดผันหัวใจของเจ้าเพ่ือให้เป็นไปตามอ�ำนาจ
ของมนั หรอื จะเชอ่ื ธรรมของจอมปราชญท์ เ่ี คยพยงุ สตั วโ์ ลกผไู้ ดท้ กุ ขใ์ หเ้ บาบางสรา่ งซา
มานานแสนนาน รีบคิดและตัดสินใจโดยถูกทางเดี๋ยวนี้ อย่าชักช้าล้าหลัง กิเลส
ตวั โหดรา้ ยจะแซงธรรมและขยำ� ตวั เจา้ ใหแ้ หลกทงั้ เปน็ ถา้ ไมร่ บี จดั การกบั มนั แตข่ ณะน้ี

ท่านว่าเป็นที่แปลกประหลาดและอัศจรรย์อย่างไม่เคยคาดเคยฝันมาก่อน
พอความอัศจรรย์ผุดขึ้นจากภายในอันเป็นเชิงบอกเตือนด้วยอุบายต่างๆ ราวกับ
ครอู าจารยท์ เ่ี คารพนบั ถอื มานงั่ สง่ั สอนเราอยเู่ ฉพาะหนา้ ใหส้ งบลงไป ใจทเ่ี ปน็ เหมอื น
กองเพลิงใหญ่ซ่ึงก�ำลังส่งเปลวเต็มที่พร้อมจะเผาไหม้ส่ิงท่ีกีดขวางอยู่เวลานั้นให้เป็น
ผุยผง ชั่วประเดี๋ยวใจน้ันได้สงบตัวลงอย่างเงียบผิดธรรมดา และเกิดความสลด
สงั เวชในเหตกุ ารณเ์ กย่ี วกบั เมยี นอกใจ พรอ้ มดว้ ยความออ่ นโยนทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยความสงสาร
และความให้อภัยเต็มดวงใจ พร้อมกับความเห็นโทษแห่งความโหดร้ายหมายชีวิต
อย่างถงึ ใจในขณะเดียวกัน ยกมอื ขึ้นประนม สาธุๆๆ พระธรรมท่านโปรดปรานวา่ ที่
สตั วน์ รกไวไ้ ดท้ นั ทว่ งที หลงั จากมรสมุ ในหวั ใจสงบลงโดยสน้ิ เชงิ แลว้ ใจกลบั วา่ งเปลา่

7

โลง่ สบาย หายทกุ ขเ์ ขญ็ เวรภยั ทงั้ ปวงในขณะนน้ั ราวกบั เกดิ ชาตใิ หมข่ นึ้ มาในรา่ งกาย
และใจดวงเดยี วกนั ทำ� ใหค้ ดิ ทบทวนหวนกลบั ไปกลบั มา ยอ้ นหนา้ ยอ้ นหลงั ทง้ั อดตี
ที่เคยตีบตันอ้ันตู้จนจะหาทางออกไม่ได้ถึงกับจะคิดเผาไหม้ตัวเองสดๆ ร้อนๆ
โดยเห็นว่าเป็นทางออกที่ดี ท้ังอนาคตเกี่ยวกับความเป็นไปในวันข้างหน้าว่าจะควร
ปฏิบัติอย่างไรจึงจะสมมักสมหมายไม่คลุกเคล้าด้วยมูตรด้วยคูถด้วยฟืนด้วยไฟ
ดังทีเ่ ป็นมาแลว้ ทนี่ า่ สลดสงั เวชน่าขยะแขยงและไมพ่ งึ ปรารถนาตลอดอนันตกาล

แต่ก่อนท่านไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการหวังความเจริญในทางโลก เม่ือมา
ประสบเหตุการณ์ธรรมทูตนี้ ความรู้สึกส�ำนึกท้ังหลายจึงหนักไปในอรรถในธรรม
มากกว่าจะคิดไปในแง่อ่ืนๆ จนถึงขั้นปลงใจบวชด้วยความเห็นโทษเห็นคุณจริงๆ
เนอ่ื งจากอะไรก็เคยคิดเคยผ่านมามากต่อมากแลว้ สิ่งท่จี ะใหส้ มหวังไมค่ ่อยปรากฏ
มกั มแี ตส่ ง่ิ ไมพ่ งึ หวงั มาปรากฏซำ�้ ๆ ซากๆ จนถงึ ขนั้ ชอกชำ้� เตม็ ทแี่ ทบจะหาทป่ี ลงทวี่ าง
ไมไ่ ด้ คิดเหน็ แตธ่ รรมอย่างเดยี วจะพึง่ เป็นพ่ึงตายได้ ดว้ ยการออกบวชปฏบิ ตั ิธรรม
ใหเ้ ตม็ กำ� ลงั ความสามารถ อยา่ งอน่ื ๆ ไมค่ อ่ ยมใี นหว้ งแหง่ ความคดิ นกึ จงึ ไดต้ ดั สนิ ใจ
ออกบวช โดยบอกความประสงคใ์ หญ้ าตมิ ติ รเพอ่ื นฝงู ทราบแลว้ กอ็ อกถวายตวั เปน็ นาค
ในวัดเพื่อบวชโดยไม่ชักชา้

8

การบวชของหลวงปขู่ าว

ท่านออกบวชคราวแรก บวชท่ีวัดโพธ์ิศรี บ้านบ่อชะเนง ต�ำบลหนองแก้ว
อำ� เภออำ� นาจเจริญ จังหวดั อุบลราชธานี เมอื่ วนั ท.ี่ .....พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ โดย
พระครพู ฒุ ศิ กั ด์ิ เจา้ คณะอำ� เภออำ� นาจเจรญิ เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ พระอาจารยบ์ ญุ จนั ทร์
เป็นพระกรรมวาจา และอยู่จ�ำพรรษาเพ่ือศึกษาหลักพระธรรมวินัยในวัดโพธ์ิศรี
ถงึ ๖ ปี ในเวลาที่อยู่ในวัดนั้น สงั เกตดูครอู าจารยแ์ ละเพอ่ื นภกิ ษุสามเณรด้วยกัน
ประพฤตปิ ฏบิ ตั พิ ระธรรมวนิ ยั กเ็ ปน็ ลมุ่ ๆ ดอนๆ ผดิ ๆ พลาดๆ ไมเ่ ปน็ ทจ่ี บั ใจเชอ่ื ถอื ได้
ไม่สมเจตนาท่อี อกบวชเพือ่ มรรคเพอ่ื ผลดว้ ยความบรสิ ทุ ธ์ใิ จดังทต่ี ง้ั ไว้ เมอื่ คดิ อ่าน
ทบทวนเกี่ยวกับการอยู่และการออกปฏิบัติธรรมจนเป็นที่แน่ใจแล้ว จึงเข้ากราบลา
อุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดญาติมิตรเพ่ือนฝูง เพื่อทราบเจตนาและความประสงค์ใน
การออกปฏบิ ัตธิ รรม

9

อุปสรรคในการออกเที่ยวธุดงคกรรมฐาน

ตอนกอ่ นปฏบิ ตั กิ รรมฐาน ทา่ นกเ็ คยไดร้ บั อารมณเ์ ขยา่ กอ่ กวนใจนานาประการ
ทจ่ี ะใหเ้ ปน็ อปุ สรรคตอ่ การบำ� เพญ็ จากคนทงั้ หลายทงั้ เปน็ พระทงั้ เปน็ ฆราวาส วา่ เวลานี้
มรรคผลนิพพานหมดเขตหมดสมัยไปนานแล้ว ใครจะบ�ำเพ็ญถูกต้องดีงามตาม
พระธรรมวินัยเพียงไรก็ไม่สามารถบรรลุผลส�ำเร็จตามใจหวังได้บ้าง ว่าการบ�ำเพ็ญ
ภาวนาทำ� ใหค้ นเปน็ บา้ ถ้าใครอยากเป็นบา้ ก็ออกบ�ำเพ็ญภาวนา ถ้าใครยังอยากเปน็
คนดเี หมอื นชาวบา้ นเขากไ็ มค่ วรออกกรรมฐานเพอื่ ความเปน็ บา้ บา้ ง วา่ สมยั นเี้ ขาไมม่ ี
พระธดุ งคกรรมฐานกนั หรอก นอกจากพระธดุ งคกรรมฐานทจ่ี ำ� หนา่ ยตะกรดุ คาถาวชิ า
อาคมของขลงั ต่างๆ เชน่ พวกเสน่หย์ าแฝด อยูย่ งคงกระพนั ชาตรี ดูฤกษ์งามยามดี
ดูชาตาราศีเท่านั้น ส่วนพระธุดงคกรรมฐานท่ีด�ำเนินตามทางพระธุดงค์น้ันไม่มีแล้ว
สำ� หรบั ทกุ วนั นี้ อยา่ ไปทำ� ใหเ้ สยี เวลาและเหนอื่ ยเปลา่ เลย สอู้ ยสู่ บายอยา่ งนไี้ มไ่ ดบ้ า้ ง
บรรดาอปุ สรรคทกี่ ดี ขวางทางออกบำ� เพญ็ ธดุ งควตั รในเวลานนั้ รสู้ กึ มมี ากมาย สำ� หรบั
ทา่ นเองไมย่ อมฟงั เสยี งใคร แตไ่ มค่ ดั คา้ นใหเ้ ปน็ ความกระเทอื นใจกนั เปลา่ ๆ ไมเ่ กดิ
ประโยชน์อะไรทง้ั สองฝ่าย ในความร้สู กึ ท่ีฝงั ลึกอย่ภู ายในทา่ นมีว่า คนเหลา่ นแ้ี ละ
พระอาจารย์เหล่าน้ีมิได้เป็นเจ้าของศาสนา มิได้เป็นเจ้าของมรรคผลนิพพาน และ
มิได้เป็นผู้มีอ�ำนาจท�ำผู้อ่ืนให้เป็นบ้าเป็นบอได้พอจะเช่ือถือได้ เราเช่ือพระพุทธเจ้า
พระองคเ์ ดยี วกบั พระธรรมและพระสงฆส์ าวกอรหนั ตเ์ ทา่ นน้ั วา่ เปน็ ผปู้ ระเสรฐิ ในโลก
ท้ังสาม ท่านท่ีพูดหว่านล้อมกีดกันไม่ให้เราออกกรรมฐานด้วยอุบายต่างๆ น้ีมิใช่
ผวู้ เิ ศษวโิ สอะไรเลย เพยี งมองดกู ริ ยิ าทา่ ทางทแี่ สดงออกกพ็ อทราบไดว้ า่ เปน็ นกั ปราชญ์
หรอื เปน็ คนพาลมสี นั ดานเปน็ อยา่ งไรบา้ ง ฉะนน้ั คำ� กดี กนั หวงหา้ มใดๆ ทแี่ สดงออก

10

จึงไม่เป็นสิ่งท่ีเราจะน�ำมาวินิจฉัยให้เสียเวลา เราจะต้องออกปฏิบัติกรรมฐานโดย
ถ่ายเดียวในไม่ช้าน้ี และจะค้นหาของจริงตามหลักธรรมท่ีประทานไว้จนสุดก�ำลัง
ความสามารถขาดดิ้นสิน้ ซาก พระกรรมฐานคอื ตัวเราเอง ตายกย็ อมถวายชวี ิตไว้กบั
พระธรรมดวงเลิศ เม่ือพร้อมแล้วท่านก็ออกเดินธุดงค์ในท่ามกลางประชาชนและ
ครูอาจารย์ทั้งหลายที่ก�ำลังชุมนุมกันอยู่ในวัดเวลาน้ัน เวลาจะไป ท่านพูดส่ังเสีย
ด้วยความจริงใจเพ่ือเป็นการแก้ปัญหาต่างๆ ที่คัดค้านโดยปริยายว่า เมื่อกระผม
และอาตมาไปแลว้ ถา้ สอนตวั เองไม่ไดเ้ ต็มภูมิจิตภูมธิ รรมตราบใด จะไม่มาใหท้ า่ น
ทงั้ หลายเหน็ หนา้ ตราบนน้ั จะหวงั ตายเพอื่ ความรคู้ วามเหน็ แจง้ ในธรรมเทา่ นน้ั ไมเ่ ปน็
อย่างอื่นแน่นอน กรุณาช่วยจ�ำค�ำนี้ไว้ด้วยหากยังมีวาสนาได้กลับมาพบหน้ากันอีก
จะลมื ไปเสยี การทเี่ ราจะมโี อกาสไดพ้ บเหน็ กนั ในอนาคตจงึ มอี ยเู่ พยี งอยา่ งเดยี วดงั ที่
เรยี นแลว้ คอื การรเู้ หน็ ธรรมประจกั ษใ์ จหายสงสยั โดยสน้ิ เชงิ แลว้ ถงึ จะกลบั มาใหท้ า่ น
ทง้ั หลายเหน็ หนา้

ทา่ นวา่ ขณะทผ่ี คู้ นสว่ นมาก ทง้ั พระอาจารยใ์ หญๆ่ ทงั้ ฆราวาส ทชี่ าวบา้ นเคารพ
นบั ถอื กนั วา่ เปน็ นกั ปราชญร์ าชบณั ฑติ พดู คดั คา้ นกดี กนั อยนู่ นั้ ใจเราเหมอื นจะกดั เพชร
ทง้ั ก้อนให้แหลกเปน็ ผุยผงไปในนาทีเดียว และเหมือนจะเหาะเหินเดินไปทางอากาศ
ให้เขาดูในเวลานั้น รู้สึกมันมานะมันกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ ราวกับจะออก
แสงแจม่ จา้ พงุ่ ออกมาใหค้ นทงั้ หลายเหลา่ นนั้ เหน็ เสยี ที ซง่ึ เปน็ ลกั ษณะประกาศตนวา่
“นี่ไงล่ะแสงเพชรอยู่ในใจข้านี้ไงล่ะ พากันเห็นหรือยัง จะพากันมัวประมาทข้าว่า
จะไปเป็นบา้ เปน็ บอลบู คล�ำอะไรต่างๆ อยู่นัน้ หรอื ใจขา้ กับใจท่านทงั้ หลายมนั มไิ ด้
เปน็ ใจดวงเดยี วกนั พอจะกวาดตอ้ นเขา้ มามว่ั สมุ ชมุ นมุ กนั ตายแบบไมม่ คี ณุ คา่ ราวกบั
หมาตายอยา่ งไรกนั ขา้ ยงั ไมพ่ อใจจะตายตามแบบทท่ี า่ นทง้ั หลายจะพาตายอยเู่ วลาน้ี
ข้าประสงคจ์ ะตายแบบพระพทุ ธเจา้ พาตายซึ่งไมม่ ีเช้อื แหง่ ภพเหลอื หลออยูเ่ ลย ตาย
แบบนขี้ า้ เคยตายมามากตอ่ มากแลว้ จนไมส่ ามารถจะพรรณนาปา่ ชา้ ของตนได้ แมไ้ มร่ ู้
ด้วยญาณ ขา้ ก็เชอื่ พระพุทธเจา้ ผ้ทู รงญาณอนั เอกไมม่ ีใครเสมอเหมอื น” เสร็จแลว้
กล็ าพระอาจารยน์ กั ปราชญท์ ง้ั หลายออกเดนิ ทางทา่ มกลางประชาชนจำ� นวนมาก มงุ่ หนา้
ไปทางพระธาตพุ นม เดนิ บกุ ปา่ ฝา่ ดงไปดว้ ยเทา้ ตามทางลอ้ ทางเกวยี น เพราะสมยั นน้ั
ถนนไมม่ ีแม้แต่รูปรา่ ง นอกจากทางคนเดนิ เทา้ และทางเกวยี นเท่าน้นั ในดงใหญน่ ้นั

11

ชา้ งกช็ มุ เสอื กม็ าก สตั วป์ า่ ชนดิ ตา่ งๆ มเี ตม็ ไปทกุ หนทกุ แหง่ เพราะไมม่ บี า้ นผบู้ า้ นคน
มากเหมือนสมัยทุกวันนี้ซ่ึงไปท่ีไหนมีเต็มไปด้วยผู้คนบ้านเรือน ป่าก็ป่าจริงๆ
ถา้ เดนิ ผดิ ทางกม็ หี วงั อดขา้ วหรอื อาจตายได้ เนอ่ื งจากไมพ่ บบา้ นพบเรอื นคนทไ่ี หนเลย
แมเ้ ดนิ ทางตง้ั วนั กแ็ ทบจะไมเ่ จอบา้ นคน อตุ สา่ หเ์ ดนิ บกุ ปา่ ฝา่ ดงมาจนถงึ พระธาตพุ นม
ลุถึงอุดรฯ หนองคาย เพื่อตามหาท่านอาจารย์ม่ัน ซ่ึงทราบว่าท่านจ�ำพรรษาอยู่ท่ี
อ�ำเภอท่าบ่อ เมื่อไปถึงและอาศัยอยู่กับท่าน ได้พักอบรมกับท่านชั่วระยะเท่าน้ัน
ยังไม่จุใจทีอ่ ยากอยู่เลย ท่านก็หนีจากเราไปทางเชียงใหมห่ ายเงียบไปเลย คราวน้ัน
กน็ บั วา่ เปน็ คนสน้ิ ทา่ ไปพกั หนง่ึ เพราะไมม่ คี รอู าจารยใ์ หโ้ อวาทสงั่ สอน พอทราบขา่ ววา่
ทา่ นอาจารยม์ น่ั ไปพกั บำ� เพญ็ เพยี รอยทู่ เ่ี ชยี งใหม่ จงึ พยายามตามหลงั ทา่ นไปโดยการ
เท่ยี วธุดงคกรรมฐานไปเรือ่ ยๆ ตามล�ำแม่น�้ำโขง จนลถุ ึงเชยี งใหม่ และเท่ยี วบ�ำเพ็ญ
อยู่ตามอ�ำเภอต่างๆ ด้วยความสงบสุข

ทท่ี ท่ี า่ นพกั บำ� เพญ็ แตล่ ะแหง่ นนั้ ลว้ นเปน็ ปา่ เปน็ เขาและหา่ งไกลจากหมบู่ า้ นมาก
ทา่ นอาจารยม์ นั่ เองกเ็ ทยี่ วอยตู่ ามแถบนนั้ เชน่ กนั แตต่ ามทา่ นไมพ่ บอยา่ งงา่ ยๆ เพราะ
ทา่ นชอบปลกี ตวั จากหมคู่ ณะอยเู่ สมอ ไมย่ อมใหใ้ ครพบอยา่ งงา่ ยดาย ทา่ นกพ็ ยายาม
ตามท่านอย่างไม่ลดละ จนได้พบและได้ฟงั การอบรมจากท่านจริงๆ แตท่ ่านไมค่ อ่ ย
ให้ใครอยู่ด้วย ท่านชอบอยู่เฉพาะองค์เดียว ท่านว่าท่านก็พยายามไปอยู่ในแถว
ใกล้เคียงท่านพอไปมาหาสู่เพ่ือรับโอวาทได้ในคราวจ�ำเป็น เม่ือเข้าไปเรียนศึกษา
ขอ้ อรรถขอ้ ธรรม ทา่ นกเ็ มตตาสง่ั สอนอยา่ งเตม็ ภมู ไิ มม่ ปี ดิ บงั ลล้ี บั แตไ่ มค่ อ่ ยใหใ้ คร
อยดู่ ว้ ย ทา่ นวา่ ทา่ นกพ็ อใจทท่ี า่ นเมตตาสง่ั สอนในเวลาจำ� เปน็ เขา้ ไปเรยี นถาม เมอื่ หมด
ขอ้ ข้องใจแลว้ ก็กราบลาทา่ นไปบ�ำเพญ็ ตามล�ำพงั มีการเขา้ ๆ ออกๆ อยู่เสมอ เมอ่ื อยู่
นานไปบางปที า่ นกเ็ มตตาใหเ้ ขา้ ไปจำ� พรรษาดว้ ย รสู้ กึ ดใี จเหมอื นตวั จะลอยทพี่ ยายาม
มาหลายปเี พง่ิ สำ� เรจ็ จากนน้ั กไ็ ดจ้ ำ� พรรษากบั ทา่ นเรอื่ ยมา การบำ� เพญ็ ทางจติ ตภาวนา
รู้สึกได้ก�ำลังข้ึนเป็นล�ำดับตอนไปอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว พร้อมกับได้ครูอาจารย์
ผู้เช่ียวชาญคอยแนะน�ำสั่งสอน ใจจึงเหมือนจะเหาะจะบินด้วยอ�ำนาจแห่งความ
อม่ิ เอบิ ในธรรมทป่ี รากฏอยกู่ บั ใจ ไมม่ คี วามอบั เฉาเศรา้ ใจเพราะความเปน็ ลมุ่ ๆ ดอนๆ
ของใจเหมอื นพกั อยทู่ อี่ น่ื ๆ ใจนบั วนั เจรญิ ขนึ้ โดยลำ� ดบั ทงั้ ดา้ นสมาธแิ ละดา้ นปญั ญา
มีความเพลิดเพลินในความเพียรท้งั กลางวันและกลางคนื ไม่มเี วลาอม่ิ พอ

12

ช้างใหญ่เข้ามาหาทา่ นในเวลากลางคืนยามดึกสงัด

คืนวนั หนึ่งในพรรษา ทราบวา่ ท่านจ�ำพรรษาอยู่ด้วยกนั ๒ องค์ เวลาดกึ สงัด
ทา่ นกำ� ลงั นง่ั ภาวนาอยใู่ นกฎุ เี ลก็ ๆ ขณะนนั้ ชา้ งใหญเ่ ชอื กหนงึ่ ทเ่ี จา้ ของเขาปลอ่ ยใหเ้ ทย่ี ว
หากินตามล�ำพังในป่าเขาแถบน้ัน ไม่ทราบว่ามาจากท่ีไหน เดินต้วมเตี้ยมเข้ามาใน
บรเิ วณด้านหลงั กฎุ ีทา่ น และเดนิ ตรงเข้ามาหากุฎที ่าน แตเ่ ผอญิ กุฎดี ้านหลงั มีม้าหนิ
ใหญก่ อ้ นหนงึ่ บงั อยู่ ชา้ งจงึ ไมส่ ามารถเขา้ มาถงึ ตวั ทา่ นได้ พอมนั เขา้ มาถงึ หนิ กอ้ นนนั้
แล้วก็เอางวงสอดเข้ามาในกุฎีจนถึงกลดและมุ้งบนศีรษะท่านท่ีก�ำลังน่ังภาวนาอยู่
เสยี งสูดลมหายใจดมกลน่ิ ทา่ นดังฟูดฟาดๆ จนกลดและมงุ้ ไหวไกวไปมาและเย็นไป
ถงึ ศรี ษะทา่ น องคท์ า่ นเองกน็ ง่ั ภาวนาบรกิ รรมพทุ โธๆ อยอู่ ยา่ งฝากจติ ฝากใจ ฝากเปน็
ฝากตายกบั พทุ โธจรงิ ๆ ไมม่ ที อ่ี าศยั ชา้ งใหญต่ วั นนั้ กย็ นื นง่ิ อยทู่ นี่ น้ั ไมย่ อมหนไี ปไหน
เปน็ เวลา ๒ ชั่วโมงเศษๆ และคงยนื ดักนิง่ อยทู่ ำ� นองนั้นราวกบั จะคอยตะครุบท่าน
ใหแ้ หลกไปในเวลานั้น นานๆ จะไดย้ ินเสยี งลมหายใจและสดู กลน่ิ ท่านอยนู่ อกมงุ้
ครั้งหนึง่ แล้วเงยี บไป จากนั้นก็เดินกลับออกไปทางดา้ นตะวนั ตกกฎุ ี แล้วเอามือล้วง
เขา้ ไปในตะกรา้ มะขามเปรย้ี วทข่ี า้ งตน้ ไมซ้ งึ่ โยมเขาเอามาไวเ้ พอื่ ขดั ฝาบาตรออกมากนิ
เสียงเค้ยี วดงั กร้วมๆ อยา่ งเอรด็ อรอ่ ย ทา่ นจึงนกึ วา่ ทีนม้ี ะขามส�ำหรับขดั ฝาบาตรเรา
คงเกล้ียงไม่มีเหลือแน่นอน ถ้าลงเจ้าท้องใหญ่พุงหลวงได้คว้าถูกมือแล้ว เมื่อมัน
กินมะขามเปรี้ยวในตะกร้าหมดแล้วก็ต้องเดนิ เขา้ มากฎุ เี รา คราวนีต้ ้องเข้าถึงตัวและ
บดขยเี้ ราแหลกไปอยา่ งแนน่ อน อยา่ กระนนั้ เลย เราควรออกไปพดู กบั มนั ใหร้ เู้ รอ่ื งกนั

13

เสยี บา้ ง เพราะสตั วพ์ รรคน์ มี้ นั รภู้ าษาคนไดด้ ี เนอื่ งจากมนั เคยอยกู่ บั คนมานาน เวลา
เราออกไปพดู กบั มนั ดว้ ยดใี หร้ เู้ รอื่ งแลว้ มนั คงฟงั เสยี งเรา นา่ จะไมฝ่ นื ดอ้ื ทะลง่ึ เขา้ มา
หากมนั ฝนื ทะลงึ่ พรวดพราดเขา้ มาจะฆา่ เรากย็ อมตายเสยี เทา่ นน้ั แมเ้ ราไมอ่ อกไปพดู
กบั มนั แตเ่ วลามนั กนิ มะขามหมดแลว้ กต็ อ้ งเขา้ มาหาเราจนได้ ถา้ มนั จะฆา่ กต็ อ้ งตาย
หนไี มพ่ น้ แนน่ อนเพราะเปน็ เวลาคำ�่ คนื ตากม็ องไมเ่ หน็ หนทางอะไรดว้ ย พอตกลงใจแลว้
ท่านกอ็ อกจากกฎุ ีเล็กมายนื แอบโคนต้นไมห้ นา้ กฎุ ี แล้วพดู กับมนั ว่า พชี่ าย นอ้ งขอ
พูดด้วยสักค�ำสองค�ำ ขอพี่ชายจงฟังค�ำของน้องจะพูดเวลานี้ พอได้ยินเสียงท่าน
พูดข้ึน มันก็หยุดน่ิงเงยี บราวกับสัตวไ์ มม่ หี วั ใจ จากน้ันท่านก็เริ่มมธุภาษิตกบั มนั ว่า
พ่ีชายเปน็ สตั ว์ของมนษุ ยน์ ำ� มาเล้ยี งในบา้ นเป็นเวลานานจนเป็นสตั วบ์ ้าน ความรสู้ ึก
ทุกอย่างตลอดภาษามนุษย์ท่ีเขาพูดกันและพร�่ำสอนพี่ชายตลอดมาน้ัน พี่ชายรู้ได้ดี
ทุกอย่างยิ่งกว่ามนุษย์บางคนเสียอีก ดังนั้น พี่ชายควรจะรู้ขนบธรรมเนียมและ
ขอ้ บงั คบั ของมนษุ ย์ ไมค่ วรทำ� อะไรตามใจชอบ เพราะการทำ� บางอยา่ งแมจ้ ะถกู ใจเรา
แต่เป็นการขัดใจมนุษย์ก็ไม่ใช่ของดี เม่ือขัดใจมนุษย์แล้วเขาอาจท�ำอันตรายเราได้
ดไี ม่ดีอาจถงึ ตายก็ได้ เพราะมนษุ ย์เปน็ สัตวฉ์ ลาดแหลมคมกว่าบรรดาสตั วท์ ี่อยู่ร่วม
โลกกนั สตั วท์ ้ังหลายจึงกลวั มนุษย์มากกว่าสตั วด์ ว้ ยกนั ตัวพช่ี ายเองกอ็ ยใู่ นบังคับ
ของมนุษย์ จึงควรเคารพมนุษย์ผู้ฉลาดกว่าเรา ถ้าดื้อดึงต่อเขาอย่างน้อยเขาก็ตี
เขาเอาขอสับลงท่ศี ีรษะพี่ชายให้ไดร้ บั ความเจ็บปวด มากกว่านนั้ เขาฆา่ ให้ตาย พชี่ าย
จงจำ� ไวอ้ ยา่ ไดล้ มื คำ� ทนี่ อ้ งสง่ั สอนดว้ ยความเมตตาอยา่ งยง่ิ น้ี ตอ่ นไ้ี ปพชี่ ายจงรบั ศลี หา้
นอ้ งเปน็ พระ จะใหศ้ ลี หา้ แกพ่ ชี่ าย จงรกั ษาใหด้ ี เวลาตายไปจะไดไ้ ปสคู่ วามสขุ อยา่ งตำ�่
กม็ าเกดิ เปน็ มนษุ ยผ์ มู้ บี ญุ มคี ณุ ธรรมในใจ ยง่ิ กวา่ นน้ั กไ็ ปเกดิ บนสวรรคห์ รอื พรหมโลก
สูงขน้ึ ไปเป็นลำ� ดับ ดกี ว่ามาเกดิ เปน็ สัตว์เดียรจั ฉาน เช่น เป็นช้างเป็นมา้ ใหเ้ ขาขบั ขี่
เฆย่ี นตแี ละขนไมข้ นฟนื ซงึ่ เปน็ ความลำ� บากทรมานจนตลอดวนั ตายกไ็ มไ่ ดป้ ลอ่ ยวาง
ภาระหนักดังท่เี ป็นอยู่เวลานี้

พช่ี ายจงตงั้ ใจฟงั และตง้ั ใจรบั ศลี ดว้ ยเจตนาจรงิ ๆ คอื ขอ้ ทหี่ นงึ่ ปาณาฯ อยา่ ฆา่ คน
ฆา่ สตั วใ์ หเ้ ขาตายดว้ ยกำ� ลงั การกระทำ� ของตน และอยา่ เบยี ดเบยี นคนเบยี ดเบยี นสตั ว์
ดว้ ยกนั มนั เปน็ บาป ขอ้ สอง อทนิ นาฯ อยา่ ลกั ขโมยของทเ่ี จา้ ของหวงแหน เชน่ มะขาม

14

ในตะกรา้ ทพี่ ชี่ ายเคยี้ วกนิ อยเู่ มอ่ื กนี้ ้ี ซงึ่ คนเขาเอามาใหน้ อ้ งขดั ฝาบาตร แตน่ อ้ งไมใ่ ห้
พี่ชายเป็นบาปเป็นกรรมอะไรหรอก เพียงบอกให้ทราบว่าเป็นของมีเจ้าของ ถ้าเขา
ไมใ่ ห้ อยา่ กิน อย่าเหยยี บยำ่� ทำ� ลาย มันเป็นบาป ข้อสาม กาเมฯ อยา่ เสพสตั ว์ที่เขา
มีเจา้ ของหวงแหน มนั เป็นบาป ถา้ จะเสพกค็ วรเสพเฉพาะสัตว์ตวั ไม่มคี ไู่ ม่มเี จา้ ของ
จึงไม่เป็นบาป ขอ้ สี่ มสุ าฯ อยา่ โกหกหลอกลวง กิริยาแสดงออกใหต้ รงตอ่ ความจรงิ
อยา่ แสดงเปน็ กริ ยิ าทห่ี ลอกลวงใหผ้ อู้ น่ื หลงเชอ่ื มนั เปน็ บาป ขอ้ หา้ สรุ าฯ อยา่ กนิ ของ
มนึ เมามสี รุ าเมรยั เปน็ ตน้ กนิ แลว้ เปน็ บาป ตายไปตกนรกทนทกุ ขท์ รมานเปน็ เวลานาน
ต้ังกัปตั้งกัลป์กว่าจะหมดกรรมข้ึนจากนรก แม้พ้นจากนรกข้ึนมาแล้วยังมีเศษแห่ง
กรรมชว่ั ตดิ ตวั มาอกี มาเสวยชาตเิ ปน็ เปรตเปน็ ผเี ปน็ สตั วเ์ ดยี รจั ฉานทรมานตามวบิ าก
ของตนท่ีเคยท�ำมา กว่าจะได้มาเกิดเป็นคนจึงแสนลำ� บากเพราะกรรมช่ัวกดถ่วงไว้
พ่ชี ายจงจำ� ไว้ให้ดแี ละท�ำตามค�ำทน่ี ้องสง่ั สอนน้ี จะไดพ้ น้ จากก�ำเนิดของสตั วไ์ ปเกดิ
เป็นมนษุ ย์ เทวบตุ รเทวดา ในชาตติ อ่ ไปโดยไมส่ งสยั เอาละ น้องส่งั สอนเพียงเทา่ น้ี
หวังว่าพี่ชายจะยินดีท�ำตาม ต่อนี้ไปขอให้พ่ีชายจงไปเท่ียวหาอยู่หากินตามสบาย
เปน็ สขุ กายสขุ ใจเถดิ นอ้ งกจ็ ะไดเ้ รม่ิ บำ� เพญ็ ภาวนาตอ่ ไปและอทุ ศิ สว่ นกศุ ลแผเ่ มตตา
ให้พชี่ ายเปน็ สุขๆ ทกุ วนั เวลาไมล่ ดละเมตตา เอา๊ พ่ชี ายไปไดแ้ ล้วจากทนี่ ่ี

เปน็ ทนี่ า่ ประหลาดใจเหลอื จะกลา่ ว ขณะทที่ า่ นกำ� ลงั ใหโ้ อวาทสง่ั สอนอยนู่ นั้ ชา้ งใหญ่
ตัวน้ันยืนนิ่งราวก้อนหิน ไม่กระดุกกระดิกอวัยวะส่วนใดส่วนหน่ึงแม้แต่น้อยเลย
ยนื นงิ่ ฟงั ทา่ นอธบิ ายจนจบ พอทา่ นใหศ้ ลี ใหพ้ รสนิ้ สดุ ลงและบอกใหไ้ ปได้ มนั จงึ เรม่ิ
เคลอ่ื นไหวอวยั วะเสียงปงึ ปงั ๆ ราวกบั ฟ้าดนิ จะถลม่ ไปดว้ ยในขณะทม่ี นั เรมิ่ หันหลงั
กลบั ตวั ออกจากท่ีนั้นหนไี ป และไปแบบรู้เร่อื งรู้ราวกบั ค�ำสั่งเสียทกุ อยา่ งจรงิ ๆ คดิ ดู
แลว้ นา่ สงสารมากทกี่ ายเปน็ สตั ว์ แตใ่ จเปน็ มนษุ ยร์ ดู้ รี ชู้ วั่ ในคำ� สง่ั สอน ไมด่ อ้ื ดงึ ฝา่ ฝนื
สมเปน็ สตั วใ์ หญม่ กี ำ� ลงั มาก แตก่ ลบั ออ่ นโยนดว้ ยใจทรี่ ะลกึ รใู้ นคำ� ผดิ ถกู ชว่ั ดที กุ อยา่ ง
พอพระทา่ นวา่ ทนี พ้ี ชี่ ายไปไดแ้ ลว้ เทา่ นนั้ กห็ มนุ ตวั กลบั ไปเลยในทนั ที เวลาฟงั คำ� สง่ั สอน
กต็ งั้ ใจฟงั เสยี จนแทบไมห่ ายใจ เหมอื นคนฟงั เทศนพ์ ระดว้ ยความเคารพธรรมฉะนนั้
จึงเป็นเร่ืองท่ีน่าคิดและอัศจรรย์ทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ส่ังสอนช้างก็ช่างมีอุบาย
แยบคาย เลือกเฟ้นคำ� แปลกๆ มาสอนไดอ้ ย่างจับใจไพเราะ ไมเ่ พยี งแต่ชา้ งเปน็ สตั ว์

15

จะสนใจฟงั แมม้ นษุ ยเ์ ราถา้ ไดฟ้ งั ในขณะนนั้ กค็ งเคลบิ เคลมิ้ หลงใหลอยา่ งไมม่ ปี ญั หา
เพราะเปน็ คำ� มธภุ าษติ ทห่ี าฟงั ไดย้ าก ไมม่ ใี ครอาจพดู ไดอ้ ยา่ งนนั้ ฝา่ ยชา้ งใหญก่ ส็ นใจฟงั
ดว้ ยความสนทิ ตดิ ใจ ไมก่ ระดกุ กระดกิ อวยั วะกระทงั่ หหู าง จนพระทา่ นเทศนจ์ บกณั ฑ์
และบอกใหไ้ ป จงึ ยอมไปเทย่ี วหากนิ ตามประสาสตั วท์ แี่ สนดหี ายาก จงึ ทำ� ใหค้ ดิ ซง้ึ ในใจ
เพม่ิ เข้าไปอีกว่า ไมว่ ่าสัตว์ว่ามนษุ ย์ ถา้ ไดป้ ระสบส่งิ ทต่ี ้องใจแล้ว ยอ่ มทำ� ให้หแู จ้ง
ตาสวา่ งไปไดเ้ หมอื นไมม่ กี ลางคนื ใจซาบซา่ นไปดว้ ยปตี คิ วามพอใจไยดใี นปยิ วาจาที่
แสนมีรสชาตซิ ึ่งปรารถนามานาน แมจ้ ะรับประทานไปมากเพียงไรกไ็ ม่มีวนั อมิ่ วนั พอ
เพราะเป็นส่งิ ทม่ี ีคณุ คา่ มากแก่จติ ใจ

หลวงปู่ขาวท่านช่างพูดช่างยอ พูดยอเสียจนช้างใหญ่ตัวน้ันเคลิ้มหลับไปด้วย
คำ� ออ่ นหวานทมี่ รี สซงึ้ ฝงั อยภู่ ายใน เชน่ คำ� วา่ “พชี่ ายพมี่ กี ำ� ลงั มาก สว่ นนอ้ งเปน็ ผนู้ อ้ ย
ไม่มีเร่ียวแรงเหมอื นพีช่ าย นอ้ งกลวั พ่ีชายมาก” ฟงั แลว้ ซ้ึงสดุ จะกลา่ ว จนช้างใหญ่
หลบั ทงั้ ยืนลมื สนใจเสียทุกอย่าง แม้มะขามเปร้ยี วทไี่ ด้หลงเคีย้ วกลนื เข้าไปบ้างแลว้
กอ็ ยากจะคายออกมาใสต่ ะกรา้ ใหน้ อ้ งชายผนู้ า่ รกั นา่ สงสารเสยี สน้ิ ไมอ่ ยากใหต้ ดิ ปาก
ตดิ ท้องไปเสียเลย จะเสียศกั ด์ศิ รีของชา้ งตัวใหญม่ ีก�ำลงั และแสนรู้ ประหน่ึงตู้มงคล
เคล่ือนท่ีได้ พอได้รับค�ำสั่งสอนเต็มพุงแล้ว ก็ไปเท่ียวหากินตามล�ำพัง มิได้มา
เกยี่ วขอ้ งรบกวนพระทา่ นอกี เลย กระทง่ั ทา่ นออกพรรษาแลว้ เทยี่ วไปทอ่ี นื่ กไ็ มป่ รากฏ
ว่ามนั กลับมารบกวนทา่ นอกี จงึ นา่ อัศจรรย์ใจสัตวต์ วั แสนรู้ องค์ทา่ นเองกอ็ อกเที่ยว
ไปตามอัธยาศัยเพ่ือบ�ำเพ็ญสมณธรรมให้ยิ่งๆ ข้ึนไป ท่านรู้สึกเป็นพระกรรมฐาน
ทอ่ี าจหาญเดด็ เดยี่ วมากประจำ� นสิ ยั ทำ� อะไรทำ� จรงิ ทา่ นพกั อยใู่ นภเู ขาไดใ้ หโ้ ยมทำ� ทาง
เดนิ จงกรมไวส้ ามสาย สายหนงึ่ เพอื่ เดนิ บชู าพระพทุ ธเจา้ สายทส่ี องเดนิ บชู าพระธรรม
สายทส่ี ามเดนิ บชู าพระสงฆส์ าวกทา่ น ทา่ นเดนิ จงกรมทงั้ สามสายนตี้ ามเวลาเปน็ ประจำ�
ไมใ่ หข้ าดได้ พอฉนั เสรจ็ กเ็ รมิ่ เดนิ จงกรมสายพทุ ธบชู า จนถงึ เทย่ี งวนั ทา่ นจงึ หยดุ พกั
พอบา่ ย ๒ โมง กเ็ รมิ่ ลงเดนิ สายธรรมบชู าจนบา่ ย ๔ โมง ถงึ เวลาปดั กวาดสรงนำ�้ จงึ หยดุ
เมือ่ ท�ำข้อวตั รทุกอยา่ งเสร็จแลว้ ก็เริม่ ลงเดนิ สายสงั ฆบูชาไปจนถึง ๔-๕ ทุ่ม จึงเข้า
ท่ีพักภาวนา หลังจากนนั้ ก็พกั จ�ำวดั พอตื่นขน้ึ มาก็เรมิ่ เขา้ ทที่ ำ� สมาธิภาวนาจนสว่าง
ถดั จากนัน้ กล็ งเดินจงกรมตอ่ ไปจนถึงเวลาออกบณิ ฑบาตคอ่ ยหยุดเดิน

16

บางคืนท่านนั่งภาวนาจนตลอดสว่างโดยไม่ลุกจากที่น่ังเลยก็มี คืนท่ีท่านนั่ง
ภาวนาตลอดรุ่ง ใจรู้สึกสว่างไสวมาก แม้ออกจากสมาธิภาวนามาแล้วในเวลาปกติ
ขณะนงั่ ภาวนาตลอดรงุ่ น้นั ปรากฏว่าโลกธาตไุ ด้ดับหายไปจากความรูส้ กึ โดยสนิ้ เชิง
แม้กายตัวเองก็ไม่ปรากฏว่ามีอยู่เลยเวลาน้ัน เป็นความอัศจรรย์อย่างยิ่ง นับแต่
ขณะนงั่ พจิ ารณาทกุ ขเวทนาจนดบั ไปดว้ ยการพจิ ารณา จติ ไดห้ ยงั่ ลงสคู่ วามสงบอยา่ ง
ละเอยี ดแนบแนน่ ขณะนน้ั ปรากฏจำ� เพาะความรเู้ พยี งอนั เดยี วทที่ รงตวั อยดู่ ว้ ยความ
สงบสขุ ละเอยี ดออ่ นจนบอกไมถ่ กู ไมม่ อี ารมณใ์ ดแมส้ ว่ นละเอยี ดปรากฏขน้ึ ภายในจติ
จึงเป็นเหมือนโลกธาตุดับไปพร้อมกับอารมณ์ท่ีดับไปจากจิต จนกว่าถอนข้ึนมา
อารมณ์ท่ีเคยปรุงจิตจึงค่อยๆ ปรากฏตัวข้ึนกับจิตทีละเล็กละน้อย จากน้ันก็ท�ำ
ความเพยี รตอ่ ไปตามธรรมดา ขณะทจ่ี ติ รวมตวั ลงสคู่ วามสงบ แมเ้ ปน็ เวลาหลายชวั่ โมง
กไ็ มร่ สู้ กึ วา่ นานตามเวลาทผี่ า่ นไป คงเปน็ เอกจติ เอกธรรมอยจู่ ำ� เพาะใจเพยี งดวงเดยี ว
ไม่มีสองกับส่ิงใด เวลาจิตถอนขึ้นมาจึงรู้ได้ว่าจิตรวมสงบอยู่เป็นเวลาเท่าน้ันช่ัวโมง
เท่าน้ชี ว่ั โมง ถ้าคืนใดจติ ตภาวนาสะดวกสงบลงไดง้ ่าย คนื น้ันแมจ้ ะนงั่ จนตลอดรงุ่
กเ็ ทา่ กบั น่งั ราว ๒-๓ ชัว่ โมงเท่าน้ัน ไม่ทำ� การกดถ่วงเน่นิ นานอะไรเลยทา่ นวา่

หลวงปู่ขาวชอบเผชิญอันตรายเกี่ยวกับช้างมากกว่าอย่างอ่ืน ท่านว่าพอผ่าน
อนั ตรายจากคราวนน้ั มาแลว้ ไมน่ านนกั เลยกไ็ ปเจอกบั ชา้ งใหญต่ วั หนงึ่ เขา้ อกี ทแ่ี มป่ าง
จังหวัดลำ� ปาง แทบเอาตวั ไมร่ อดคราวนี้ ตัวนเ้ี ป็นช้างป่าจรงิ ๆ มิไดเ้ ปน็ ชา้ งบา้ นทเ่ี ขา
เลยี้ งไวเ้ หมอื นคราวท่ีแลว้ นัน้ คือตอนกลางคืนทา่ นก�ำลังเดินจงกรมอยู่ ได้ยนิ เสยี ง
มันเดินบุกป่าฝ่าดงและเสียงไม้หักดังปึงปังๆ มาตลอดทาง โฉมหน้ามุ่งมายังท่าน
และเดนิ ใกล้เข้ามาทกุ ที จะหลบหลกี ปลีกหนไี ปไหนกไ็ มท่ นั จึงตดั สนิ ใจว่าธรรมดา
ชา้ งปา่ ทง้ั หลายมกั กลวั แสงไฟ ทา่ นจงึ รบี ออกจากทางจงกรมไปเอาเทยี นไขในทพี่ กั มา
จดุ ทีละหลายๆ เล่ม ปกั เสยี บรอบไวต้ ามสายทางเดนิ จงกรมยาวเหยยี ดเชียว คนเรา
มองดูแล้วสว่างไสวงามตาเย็นใจ แต่ช้างมันจะมองไปในแง่ไหนนั้นเราทราบไม่ได้
พอจดุ เทยี นปกั เสยี บไวเ้ สรจ็ เทา่ นน้ั ชา้ งกเ็ ดนิ มาถงึ ทนี่ นั่ พอดี ขณะนน้ั ทา่ นเองไมม่ ที าง
หลบหลกี ปลกี ตวั มแี ตต่ งั้ สตั ยาธษิ ฐานขอบนั ดาลคณุ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์
จงช่วยคุ้มครองป้องกัน อย่าให้ช้างใหญ่ตัวนี้ท�ำอันตรายแก่ข้าพระพุทธเจ้าได้

17

พออธิษฐานจบลง ช้างก็เข้ามาถึงที่น่ันพอดี และหยุดยืนกางหูตัวผ่ึงอยู่ไม่กระดุก
กระดกิ อวยั วะสว่ นใดๆ ณ ขา้ งทางจงกรม หา่ งจากทา่ นประมาณวาเศษ ทา่ มกลางไฟ
ก�ำลังสว่างไสวอยู่รอบตัวท่านเวลานั้นซึ่งมองเห็นช้างได้ถนัดชัดเจน ท่านว่าช้าง
ตวั นั้นใหญ่เท่าภเู ขาลกู ย่อมๆ นเ่ี อง ทา่ นเองก็เดนิ จงกรมไปมาอยอู่ ยา่ งไมส่ นใจกับ
มนั เลย ทง้ั ทกี่ ลวั มนั อยา่ งเตม็ ที่ ใจเหมอื นกบั ขาดลมหายใจไปแลว้ แตข่ ณะมองเหน็
มันเดินเข้ามาหาอย่างผึ่งผายทีแรก มีเพียงความรู้สึกท่ีเก่ียวพันกับองค์พุทโธอย่าง
เหนียวแน่นท่ีน้อมมาระลึกเป็นองค์ประกันชีวิตเท่านั้น นอกนั้นไม่คิดเห็นอะไรเลย
แมช้ า้ งทง้ั ตวั ทใี่ หญเ่ ทา่ ภเู ขาทง้ั ลกู มายนื อยขู่ า้ งทางจงกรมกไ็ มย่ อมสง่ จติ ออกไปหามนั
กลัวจิตจะพรากจากพุทโธซ่ึงเป็นองค์สรณะอันประเสริฐสุดในเวลานั้น พุทโธกับจิต
กลมกลนื เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั จนใจหายกลวั เหลอื แตค่ วามรกู้ บั คำ� บรกิ รรมพทุ โธ
ซ่ึงกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน ช้างก็คงยืนดูท่านอยู่แบบภูเขาไม่ยอมกระดุกกระดิก
ตัวเลยขณะน้ัน หูกางผ่ึงราวกับจะแผ่เมตตาให้ไม่ยอมรับ เพราะลักษณะท่าทางที่
มันเดินเข้ามาหาท่านทีแรกเหมือนจะเข้ามาขย้ีขย�ำอย่างไม่มีรีรอแม้ช่ัววินาทีหน่ึงเลย
แต่พอมาถึงที่น่ันแล้วกลับยืนตัวแข็งทื่อราวกับสัตว์ไม่มีหัวใจ พอจิตกับพุทโธเข้า
เป็นอันหนึ่งอนั เดียวกันแลว้ ท่านก็หายกลวั มิหน�ำยงั กลบั เกิดความกล้าหาญขน้ึ มา
สามารถจะเดนิ เขา้ ไปหามนั ไดอ้ ยา่ งไมส่ ะทกสะทา้ นอะไรทงั้ สนิ้ แตม่ าคดิ อกี แงห่ นง่ึ วา่
การเดนิ เขา้ ไปหามนั ซง่ึ เปน็ สตั วร์ า้ ยอาจเปน็ ฐานะแหง่ ความประมาทอวดดกี ไ็ ด้ เปน็ สงิ่
ไม่ควรท�ำ จึงเป็นเพียงเดินจงกรมแข่งกับการยืนของมันอย่างองอาจกล้าหาญราว
กับไมม่ ีอนั ตรายใดๆ จะเกิดขึ้นในทน่ี นั้ นับแตข่ ณะช้างตวั นั้นเดินเข้ามายนื อยทู่ น่ี ่ัน
เปน็ เวลาชัว่ โมงเศษๆ ไฟเทยี นไขชนดิ ดๆี ยาวๆ ทีจ่ ดุ ไว้ บางเลม่ กห็ มดไป บางเล่ม
กจ็ วนจะหมด มันจงึ ได้กลับหลงั หันแล้วเดินกลับออกไปทางเก่า และเท่ียวหากนิ ใน
แถบบรเิ วณน้นั เสียงหักไม้กินเปน็ อาหารสนนั่ ป่าไปหมด

ท่านได้เห็นความอัศจรรย์ของจิตและของพุทโธประจักษ์ใจในคราวนั้นเป็น
ครง้ั แรก เพราะเปน็ คราวจำ� เปน็ จรงิ ๆ ไมส่ ามารถจะหลบหลกี ปลกี ตวั ไปทไี่ หนใหพ้ น้ ได้
นอกจากต้องสดู้ ้วยวธิ ีนนั้ เท่านั้น แม้ตายก็ยอมโดยไมม่ ที างเลอื กได้ นับแต่ขณะนั้น
มาแลว้ ทำ� ใหเ้ กดิ ความมนั่ ใจวา่ เปน็ เรอื่ งอะไรกต็ าม ถา้ จติ กบั พทุ โธเปน็ ตน้ ไดเ้ ขา้ สนทิ

18

กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยหลักธรรมชาติแล้ว ไม่สามารถท�ำอันตรายได้
อย่างแน่นอน น่ีเป็นความเชื่ออย่างสนิทใจตลอดมา ท่านว่าช้างตัวนั้นก็เป็นสัตว์ที่
แปลกอยมู่ าก เวลาเขา้ มาถงึ ทนี่ น้ั แลว้ แทนทจี่ ะแสดงอาการอยา่ งไรกไ็ มแ่ สดง คงยนื นงิ่
หกู างอยอู่ ย่างสงบ แลดูท่านเดินจงกรมกลบั ไปกลบั มาอย่างไมเ่ บ่ือ พอดูเตม็ ตาแลว้
กก็ ลบั หลงั หนั คืนทางเก่า แล้วเท่ยี วหากินไปเรอ่ื ยๆ แบบทองไมร่ รู้ อ้ น และหายเงียบ
ไปเลย ซึ่งเป็นสัตว์ที่น่ารักอีกตัวหน่ึงไม่ด้อยกว่าตัวที่ผ่านมาแล้ว ซ่ึงเป็นสัตว์บ้าน
ทรี่ ้ภู าษาคนไดด้ ี สำ� หรบั ตวั หลังนเี้ ป็นสตั ว์ป่ามาแตก่ �ำเนิด ซ่ึงมอี ายไุ มต่ ่ำ� กว่ารอ้ ยปี
ไม่อาจรู้ภาษาคนได้ ท่านจึงไม่ได้พูดอะไรกับมัน เป็นแต่เดินจงกรมเฉยอยู่เท่านั้น
ตวั หลงั นไี้ มม่ ลี กู พรวนแขวนคอเหมอื นตวั นน้ั ทง้ั ชาวบา้ นกบ็ อกวา่ เปน็ ชา้ งปา่ และเคย
เปน็ นายโขลงมานาน เฉพาะคราวนที้ ำ� ไมจงึ มาเทยี่ วตวั เดยี วกไ็ มท่ ราบ อาจจะพรากจาก
โขลงมาชว่ั คราวกไ็ ดด้ งั นี้ แมช้ า้ งตวั นน้ั หนไี ปแลว้ ทา่ นยงั เดนิ จงกรมตอ่ ไปดว้ ยความ
อัศจรรย์ใจและเห็นคุณของช้างตัวนั้นที่มาช่วยให้จิตท่านได้เห็นความอัศจรรย์ใน
ธรรมเกี่ยวกับความกลัวความกล้า แต่คราวนี้ช้างมาช่วยเสริมให้รู้เร่ืองนี้ได้อย่าง
ประจักษ์ใจหมดทางสงสัย ช้างตวั นัน้ จงึ เป็นเหมอื นช้างเทวบุตรหรือช้างเทพบันดาล
กน็ ่าจะไมผ่ ิด เพราะธรรมดาชา้ งในปา่ ซ่งึ ไม่คนุ้ เคยและให้อภยั แกผ่ ู้ใด นอกจากจะสู้
ไมไ่ หวจรงิ ๆ แลว้ จงึ รบี วงิ่ หนเี อาตัวรอดเท่านน้ั แตช่ า้ งตวั นตี้ ัง้ หนา้ ตง้ั ตาเดนิ มาหาเรา
อย่างอสิ ระ มิไดถ้ ูกบังคับขบั ไล่ดว้ ยวิธีใดๆ จากผู้ใด และเดนิ มาหาเราท้งั ทไี่ ฟก็ตาม
สว่างอยู่รอบด้าน แทนท่ีมันจะตรงเข้าขยี้ขยำ� เราให้แหลกเป็นจุณวิจุณไปด้วยกำ� ลัง
กไ็ มท่ ำ� หรอื จะตน่ื ตกใจกลวั ไฟรบี วง่ิ หวั ซกุ หวั ปำ� เขา้ ปา่ ไปกไ็ มไ่ ป เมอื่ เดนิ อยา่ งองอาจ
ชาติอาชาไนยเข้ามาถึงท่ีเราอยู่แล้ว ยังกลับยืนทื่อดูเราอยู่เป็นเวลาตั้งช่ัวโมงเศษๆ
จงึ หนไี ปแบบธรรมดา มไิ ดก้ ล้ามไิ ด้กลัวอะไรทัง้ สน้ิ จึงเปน็ สตั วท์ นี่ า่ คิดพิศวงงงงนั
อยู่ไม่ลืมจนบัดนี้ จากคราวน้ันมาแล้วจะไปเที่ยวและพักอยู่ในที่เช่นไรก็ไม่คิดกลัว
เพราะเชอ่ื ธรรมอยา่ งถงึ ใจแตบ่ ดั นน้ั เปน็ ตน้ มา สมกบั ธรรมบทวา่ พระธรรมยอ่ มรกั ษา
ผปู้ ฏิบัติ ไม่ปลอ่ ยใหต้ ายจมดนิ จมนำ้� แบบขอนซุงแน่นอน

ความรู้เรื่องของจิตของธรรมอย่างถึงใจย่อมรู้กันในเวลาคับขัน ถ้าไม่คับขัน
จติ มกั เลน่ ตวั ยว่ั เราดว้ ยกเิ ลสชนดิ ตา่ งๆ ไมม่ ปี ระมาณจนตามแกไ้ มท่ นั ยอมใหม้ นั ขา้ ม

19

ศรี ษะไปตอ่ หนา้ ตอ่ ตา ประหนง่ึ ไมม่ คี วามสามารถหกั หา้ มตามแกม้ นั ใหห้ ลดุ ไปไดเ้ ลย
พอเวลาเขา้ ทค่ี บั ขนั จนมมุ จรงิ ๆ กำ� ลงั ของจติ ของธรรมไมท่ ราบวา่ มาจากไหน ใจกห็ มอบ
และยอมเชื่อเราเชอื่ ธรรม ไม่ฝา่ ฝนื ก�ำหนดบังคับให้อยอู่ ย่างไรหรอื กบั ธรรมบทใด
กอ็ ยอู่ ยา่ งนน้ั ไมฝ่ า่ ฝนื คงจะเปน็ เพราะความกลวั ตายกเ็ ปน็ ไดถ้ า้ ฝา่ ฝนื จงึ กลายเปน็
จิตที่ว่านอนสอนง่ายไม่ด้ือดึงในเวลาเช่นน้ัน น่าจะเป็นเพราะเหตุน้ีที่พระธุดงค-
กรรมฐานทา่ นชอบเขา้ แตป่ า่ แตเ่ ขาทงั้ ทกี่ ลวั ตายและใจหนง่ึ ไมอ่ ยากเขา้ สำ� หรบั จติ ผม
เป็นเชน่ นี้ ส่วนจิตของท่านผ้อู ่นื น้ันไม่ทราบได้ แต่ถา้ ตั้งใจฝกึ ใหถ้ งึ เหตุถงึ ผลจรงิ ๆ
กน็ า่ จะเหมอื นๆ กนั เพราะจติ เปน็ ทส่ี ถติ อยแู่ หง่ ธรรมและกเิ ลสทที่ ำ� ใหม้ คี วามรสู้ กึ กลา้
รสู้ กึ กลวั รู้สกึ ดชี วั่ ต่างๆ เชน่ เดียวกนั การฝึกฝนทถ่ี กู กับเหตผุ ลซง่ึ เปน็ จดุ มุ่งหมาย
ของธรรมจึงสามารถท�ำให้กิเลสชนิดต่างๆ ยอมจ�ำนนหมอบราบและส้ินสูญไปจน
ไมเ่ หลอื เปน็ เชอ้ื อกี ตอ่ ไป ผมเองซง่ึ มนี สิ ยั หยาบ จงึ มกั เชอ่ื ตอ่ การทรมานชนดิ หยาบๆ
เพอื่ ใหท้ นั กบั กเิ ลสซงึ่ เปน็ ธรรมชาตหิ ยาบทมี่ อี ยใู่ นตน ดงั คราวชา้ งใหญเ่ ดนิ เขา้ มาหา
ขณะกำ� ลงั เดนิ จงกรมอยู่ เปน็ ขณะทไี่ ดเ้ หน็ กเิ ลสและธรรมของพระพทุ ธเจา้ อยา่ งชดั เจน
ภายในใจ เพราะปกติจิตท่ีมีกิเลสเปน็ เจา้ อำ� นาจครองใจรูส้ กึ ฝกึ ทรมานยาก ดีไม่ดี
เราผจู้ ะฆา่ มนั ใหฉ้ บิ หายสน้ิ ซากไป แตก่ ลบั จะตายไปกอ่ นมนั เพราะความเหนยี วแนน่
แก่นอาสวะที่เกาะกินเรามานานเสียด้วยซ้�ำ แต่พอเข้าตาจนและได้ช้างใหญ่มาช่วย
ปราบเทา่ นน้ั กเิ ลสตวั ดอื้ ดา้ นตา้ นทานความเพยี รเกง่ ๆ ไมท่ ราบหายหนา้ ไปไหน ใจก็
บอกงา่ ย สง่ั ใหอ้ ยอู่ ยา่ งไรและใหอ้ ยกู่ บั ธรรมบทใดกย็ อมรบั ทนั ทที นั ใด ราวกบั นำ้� มนั
เคร่อื งหลอ่ ล่นื ไมฝ่ า่ ฝืนดังที่เคยเปน็ มาเลย พอกเิ ลสขยายตวั ออกจากใจ ธรรมที่
เตรยี มพรอ้ มอยแู่ ลว้ ในขณะเดยี วกนั กแ็ สดงความสวา่ งไสว และความองอาจกลา้ หาญ
ตอ่ ทกุ สง่ิ ขน้ึ มาภายในใจทนั ทใี หไ้ ดเ้ หน็ ไดช้ มอยา่ งเตม็ ใจทกี่ ระหายมานาน ความกลวั ตาย
ไม่ทราบหายหน้าไปไหน จึงท�ำให้เห็นได้ชัดว่าความกลัวก็คือกิเลสตัวเคยออกหน้า
ออกตามานานเราดีๆ นี่เอง พอความกลัวซ่ึงเป็นเคร่ืองกดถ่วงลวงใจดับลงไปแล้ว
แมจ้ ะไม่ดับไปโดยสน้ิ เชงิ แต่ก็ทำ� ใหเ้ หน็ โทษของมันอยา่ งประจกั ษ์ในขณะนั้น วาระ
ตอ่ ไปถงึ จะเกดิ ขน้ึ มาอกี ตามความมอี ยขู่ องมนั แมเ้ ชน่ นนั้ กย็ งั พอใหเ้ ราระลกึ ไดบ้ า้ งวา่
“ความกลัวมิใช่หน้ามิตรมงคลของเรา แต่เป็นหน้าศัตรูที่เคยมาในรูปร่างแห่งมิตร

20

ตา่ งหาก” จงึ ไมท่ ำ� ใจใหเ้ ชอื่ ชนดิ ตดิ จมในมนั เหมอื นทแ่ี ลว้ ๆ มา และพยายามกำ� จดั มนั
ออกทกุ วาระแหง่ ความเพยี ร จนสภาพแหง่ ศตั รทู มี่ าในสภาพแหง่ มติ รเหลา่ นส้ี น้ิ สญู ไป
จากใจนนั่ แล จงึ จะนอนใจและอยเู่ ปน็ สขุ หายกงั วลโดยประการทงั้ ปวงได้ ตามความ
รสู้ กึ ของผมวา่ คนเราถา้ หวงั พงึ่ ธรรม สนใจในธรรม รกั ใครใ่ ฝใ่ จในธรรม ปฏบิ ตั ติ าม
ธรรมจริงตามที่พระองคป์ ระทานไวด้ ้วยความแนพ่ ระทยั และพระเมตตาจรงิ ๆ คำ� วา่
รธู้ รรมเหน็ ธรรมขน้ั ตา่ งๆ ดงั พทุ ธบรษิ ทั ครง้ั พทุ ธกาลรเู้ หน็ กนั จะไมเ่ ปน็ ปญั หาทส่ี ดุ เออ้ื ม
ตามความคาดคิดอะไรเลย จ�ำต้องรู้เห็นกันได้ธรรมดาๆ เหมือนท่านท่ีรู้เห็นกัน
มาแล้วในครั้งพุทธกาลนั่นแล ท่ีกาลสถานท่ีและบุคคลสมัยนี้ขัดกับครั้งพุทธกาล
โดยทางมรรคทางผลอยู่เวลานี้ ก็เพราะเราเองท�ำตัวให้ขัดต่อทางด�ำเนินของตัวเอง
โดยตอ้ งการผลแตม่ ไิ ดส้ นใจกบั เหตคุ อื วธิ ดี ำ� เนนิ วา่ ถกู หรอื ผดิ ประการใดบา้ ง จะควร
ดัดแปลงกายวาจาใจให้ตรงต่อธรรมคือทางด�ำเนินเพื่อมรรคผลนิพพานอย่างไรบ้าง
ถา้ มกี ารทดสอบตนกบั ธรรมอยเู่ สมอเพื่อความมุ่งหมายจะสำ� เร็จตามใจบ้าง อย่างไร
ตอ้ งสำ� เรจ็ ในขนั้ ใดขนั้ หนงึ่ ตามกำ� ลงั สตปิ ญั ญาของตนแนน่ อน เพราะครง้ั พทุ ธกาลกบั
สมยั นก้ี เ็ ปน็ สมยั ทกี่ เิ ลสจะพงึ แกด้ ว้ ยธรรม และหายไดด้ ว้ ยธรรมเชน่ เดยี วกนั ดงั โรค
นานาชนดิ ในสมยั ตา่ งๆ ทหี่ ายไดด้ ว้ ยยาทถี่ กู กบั โรคตลอดมาฉะนนั้ ผมเองเชอ่ื อยา่ งน้ี
มานานแล้ว ยง่ิ ปฏบิ ัตมิ านานเพยี งไรก็ย่ิงเชอ่ื อยา่ งฝงั ใจถอนไมข่ ้ึนเพียงน้ัน และยง่ิ
ไดฟ้ ังค�ำทท่ี า่ นอาจารยม์ ่นั ส่งั สอนอยา่ งถึงใจสมยั ทอ่ี ยกู่ บั ทา่ นด้วยแลว้ ความเชื่อมั่น
กย็ ิ่งฝังใจลงลึกจนกลายเป็นอันหนง่ึ อนั เดยี วกันกบั ใจ โดยท่านสอนว่า

การดูกิเลสและแสวงธรรม ท่านท้ังหลายอย่ามองข้ามใจซึ่งเป็นที่อยู่ของกิเลส
และเป็นท่ีสถติ อย่แู หง่ ธรรมทั้งหลาย กเิ ลสก็ดี ธรรมกด็ ี มไิ ด้อยู่กับกาลสถานท่ใี ดๆ
ทงั้ สน้ิ แตอ่ ยทู่ ใี่ จ คอื เกดิ ขนึ้ ทใี่ จ เจรญิ ขนึ้ ทใี่ จ และดบั ลงทใ่ี จดวงรนู้ เ้ี ทา่ นน้ั การแกก้ เิ ลส
ทอี่ นื่ และแสวงธรรมทอ่ี น่ื แมจ้ นวนั ตายกไ็ มพ่ บสง่ิ ดงั กลา่ ว ตายแลว้ เกดิ เลา่ กจ็ ะพบแต่
กิเลสที่เกิดจากใจซึ่งก�ำลังเสวยทุกข์เพราะมันนี้เท่าน้ัน แม้ธรรมถ้าแสวงหาที่ใจก็จะ
มีวันพบโดยล�ำดับของความพยายาม สถานที่กาลเวลาน้ันเป็นเพียงเคร่ืองส่งเสริม
และเครอื่ งกดถว่ งกเิ ลสและธรรมใหเ้ จรญิ ขน้ึ และเสอื่ มไปเทา่ นน้ั เชน่ รปู เสยี งเปน็ ตน้
เป็นเครื่องส่งเสริมกิเลสท่ีมีอยู่ในใจให้เจริญยิ่งขึ้น และการเข้าบ�ำเพ็ญในป่าในเขา

21

ก็เพ่ือส่งเสริมธรรมที่มีอยู่ในใจให้เจริญย่ิงข้ึนเท่าน้ัน กิเลสแท้ธรรมแท้อยู่ที่ใจ
ส่วนเครื่องส่งเสริมและกดถ่วงกิเลสและธรรมนั้นมีอยู่ท่ัวไปท้ังภายในภายนอก
ฉะนั้น ทา่ นจงึ สอนให้หลบหลกี ปลีกตัวจากสิง่ ยว่ั ยวนกวนใจอนั จะท�ำให้กเิ ลสทม่ี ีอยู่
ภายในก�ำเริบล�ำพอง มีรูปเสยี งเป็นตน้ และสอนให้เท่ยี วอย่ใู นท่วี เิ วกสงัดเพือ่ ก�ำจัด
กเิ ลสชนดิ ต่างๆ ด้วยความเพียรได้ง่ายข้ึน อนั เปน็ การยน่ วฏั ฏะภายในใจใหส้ ้ันเข้า
ด้วยเหตุนี้การแสวงหาที่อยู่อันเหมาะสมเพ่ือความเพียรส�ำหรับนักบวชผู้หวังความ
พ้นทุกข์ภายในใจจึงเป็นความชอบย่ิงตามหลักธรรมท่ีพระพุทธเจ้าผู้ทรงเห็นภัย
ประจักษ์พระทัยประทานไว้เพื่อหมู่ชน เพราะการอยู่ในท่ีธรรมดากับการอยู่ในที่
แปลกๆ เปลย่ี วๆ ความรสู้ กึ ในใจดวงเดยี วนนั้ มกี ารเปลยี่ นแปลงไปตามสถานทอ่ี ยเู่ สมอ
ไมแ่ น่นอน ย่ิงพอทราบว่าจติ มีอาการชนิ ชาต่อสถานท่เี ท่านัน้ ผ้เู ป็นนกั สงั เกตตัวเอง
จะทราบไดท้ นั ทแี ละรบี เปลย่ี นแปลงโยกยา้ ยสถานทเ่ี พอื่ ความเหมาะสมไมน่ ง่ิ นอนใจ
อันเป็นการเปดิ โอกาสใหก้ ิเลสสง่ั สมก�ำลงั เพื่อทำ� ลายตนโดยไมร่ ้สู ึกการแกเ้ หตุการณ์
ด้วยความไม่ประมาทได้ทันท่วงที กิเลสย่อมไม่มีโอกาสก่อตัวและส่ังสมก�ำลังข้ึน
ทำ� ลายจติ และธรรมซงึ่ มอี ยภู่ ายในใจดวงเดยี วกนั ได้ และมที างกา้ วหนา้ ไมเ่ สอื่ มคลาย
ผู้ปฏบิ ตั ิเพอ่ื ความเหน็ ภยั ต้องเป็นผ้มู ีสตริ ะลกึ รู้อยู่กบั ใจตลอดเวลา ไม่พลงั้ เผลอได้
เป็นการดี ความไมพ่ ล้งั เผลอนั่นแล คือทำ� นบเครอื่ งปอ้ งกันกิเลสต่างๆ ทีย่ ังไมเ่ กิด
ไมใ่ หม้ โี อกาสเกดิ ขนึ้ ได้ ทม่ี อี ยซู่ ง่ึ ยงั แกไ้ มห่ มดกไ็ มก่ ำ� เรบิ ลำ� พอง และทำ� ความพยายาม
กำ� จดั ปดั เปา่ ดว้ ยสติ ปญั ญา ศรทั ธา ความเพยี ร ไมล่ ดละทอ้ ถอย สถานทใ่ี ดจติ กลวั
และมีสติระวังตัวดี สถานที่นั้นคือป่าช้าเผาผลาญกิเลสท้ังมวลด้วยตปธรรม
คอื ความเพียร มสี ติปัญญาเปน็ เคร่อื งมอื เผาผลาญท�ำลาย คำ� วา่ ฌานกด็ ี สมาธิก็ดี
ปญั ญากด็ ี วมิ ตุ ตหิ ลดุ พน้ กด็ ี และคำ� วา่ กเิ ลสเสอื่ มอำ� นาจกด็ ี กเิ ลสตายไปโดยลำ� ดบั
ไม่กำ� หนดสถานที่เวลานาทีก็ดี หรอื กิเลสตายไปจนหมดสิ้นภายในใจก็ดี จะปรากฏ
ประจักษ์กับใจในสถานที่บ�ำเพ็ญอันถูกต้องเหมาะสมของผู้มีความเพียรเป็นไปด้วย
ความรอบคอบนั่นแล ไม่มีที่อื่นเป็นท่ีเกิดและดับของกิเลสทั้งมวล โปรดทราบไว้
อยา่ งถงึ ใจวา่ ธรรมเจรญิ ณ ทใี่ ด กเิ ลสยอ่ มเสอ่ื มและดบั สญู ไป ณ ทน่ี น้ั คำ� วา่ “ทใี่ ด”
นักปฏบิ ตั ิทง้ั หลายพึงทราบวา่ คือท่ีใจดวงเดียวเท่านน้ั ฉะนน้ั จงพากันหำ้� หน่ั ฟนั ฝา่

22

ฆา่ กเิ ลสดว้ ยความกลา้ ตายในสนามรบคอื ทใ่ี จ โดยอาศยั สถานทเี่ หมาะสมเปน็ เครอื่ ง
หนนุ กำ� ลงั เพอ่ื ชยั ชนะเอาตวั รอดเปน็ ยอดคนดว้ ยประโยคแหง่ ความเพยี รของตนเถดิ
อย่าหันเหเรรวนว่ากิเลสกองทุกข์จะมีอยู่ในท่ีอื่นใด นอกจากมีอยู่ในใจดวงเดียวนี้
เทา่ นนั้ เทา่ ทปี่ ฏบิ ตั มิ าแตข่ นั้ เรม่ิ แรกซงึ่ เปน็ ไปดว้ ยความตะเกยี กตะกายและลบู ๆ คลำ� ๆ
เพราะขาดครอู าจารยผ์ อู้ บรมสง่ั สอนโดยถกู ตอ้ ง จนไดม้ าเปน็ ครอู าจารยส์ ง่ั สอนหมคู่ ณะ
กม็ ไิ ดเ้ หน็ กองทกุ ขแ์ ละความแปลกประหลาดพรอ้ มกบั ความอศั จรรยเ์ กนิ คาดทง้ั หลาย
ทไี่ ม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อนแสดงข้นึ ณ ทแ่ี หง่ ใดเลย นอกจากแสดงขน้ึ ท่ใี จดวงเดยี ว
ซึง่ เปน็ ทเ่ี กิดและสถติ อยแู่ หง่ ธรรมและกิเลสท้งั หลายนเี้ ท่านนั้ และมที กุ ข์กับสมุทยั ที่
มีอยู่ในใจของเราของท่านแต่ละรายนี้เท่าน้ันเป็นสิ่งท่ีมีอ�ำนาจมากเหนือส่ิงใดๆ ใน
โลกทงั้ สาม ทสี่ ามารถปดิ กนั้ ทางเดนิ เพอื่ มรรคผลนพิ พานไดอ้ ยา่ งมดิ ชดิ แมเ้ ครอื่ งมอื
ท�ำการขุดค้นบุกเบิกทุกข์สมุทัยเพ่ือมรรคผลนิพพานให้ปรากฏขึ้นอย่างเปิดเผย
ก็ไม่มีอะไรในสามโลกท่ีสามารถยิ่งไปกว่านิโรธกับมรรคซ่ึงมีอยู่ในใจดวงเดียวกันน้ี
เรื่องมีอยู่เพียงเท่านี้ อย่าไปสนใจคิดถึงกาลสถานที่หรือบุคคลใดๆ ว่าเป็นภัยและ
เปน็ คณุ ใหเ้ สยี เวลาและลา่ ชา้ ไปเปลา่ โดยไมเ่ กดิ ประโยชนอ์ ะไร ยงิ่ กวา่ การคดิ เรอ่ื งกเิ ลส
กับธรรมซึ่งมีอยู่ที่ใจ จะผิดพระประสงค์ความมุ่งหมายของศาสดาผู้ประทานธรรม
สอนโลกด้วยความถูกต้องแมน่ ย�ำตลอดมา

นเี้ ปน็ ใจความโอวาททที่ า่ นอาจารยม์ นั่ สงั่ สอนอยา่ งถงึ เหตถุ งึ ผลสมยั อยกู่ บั ทา่ น
ทเ่ี ชียงใหม่ จ�ำได้อย่างฝังใจไมเ่ คยหลงลมื จนบดั นี้ ท่านว่า

บางครงั้ หลวงปขู่ าวเกดิ ความสงสยั เรยี นถามทา่ นอาจารยม์ น่ั ทา่ นยงั ดเุ อา โดยทา่ นวา่
ถามเอาตามความชอบใจของตน มิได้เล็งดูหลักธรรมคือความจริงควรจะเป็น
อยา่ งไรบา้ ง ความสงสยั ท่ีเรยี นถามน้ันมีวา่ ในคร้งั พุทธกาลตามประวตั วิ ่า มีผ้สู �ำเร็จ
มรรคผลนพิ พานมากและรวดเรว็ กวา่ สมยั นี้ ซงึ่ ไมค่ อ่ ยมที า่ นผใู้ ดสำ� เรจ็ กนั แมไ้ มม่ าก
เหมือนคร้ังโน้น หากมีการส�ำเร็จได้ก็รู้สึกจะช้ากว่ากันมาก ท่านย้อนถามทันทีว่า
ทา่ นทราบไดอ้ ยา่ งไรวา่ สมยั นไ้ี มค่ อ่ ยมที า่ นผไู้ ดส้ ำ� เรจ็ มรรคผลกนั แมส้ ำ� เรจ็ ไดก้ ช็ า้ กวา่
กันมากดังนี้ ท่านเรียนตอบท่านว่า ก็ไม่ค่อยได้ยินว่าใครส�ำเร็จเหมือนครั้งโน้น

23

ซงึ่ เขยี นไวใ้ นตำ� ราวา่ สำ� เรจ็ กนั ครงั้ ละมากๆ แตล่ ะครง้ั ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรมโปรด
ตลอดการบ�ำเพ็ญโดยล�ำพังในที่ต่างๆ ก็ทราบว่าท่านส�ำเร็จโดยรวดเร็วและง่ายดาย
จรงิ ๆ นา่ เพลนิ ใจดว้ ยผลทที่ า่ นไดร้ บั แตม่ าสมยั ทกุ วนั นที้ ำ� แทบลม้ แทบตายกไ็ มค่ อ่ ย
ปรากฏผลเท่าที่ควรแก่เหตุบ้างเลย อันเป็นสาเหตุให้ผู้บ�ำเพ็ญท้อใจและอ่อนแอต่อ
ความเพียร ท่านอาจารย์มั่นถามท่านว่า ครั้งโน้นในต�ำราท่านแสดงไว้ด้วยหรือว่า
ผบู้ ำ� เพญ็ ลว้ นเปน็ ผสู้ ำ� เรจ็ อยา่ งรวดเรว็ และงา่ ยดายทนั ใจทกุ รายไป หรอื มที ง้ั ผปู้ ฏบิ ตั ิ
ลำ� บากทงั้ รไู้ ดช้ า้ ผปู้ ฏบิ ตั ลิ ำ� บากแตร่ ไู้ ดเ้ รว็ ผปู้ ฏบิ ตั สิ ะดวกแตไ่ ดช้ า้ และผปู้ ฏบิ ตั สิ ะดวก
ทั้งรู้ได้เร็ว อันเป็นไปตามประเภทของบุคคลที่มีภูมิอุปนิสัยวาสนาย่ิงหย่อนต่างกัน
หลวงปขู่ าวเรยี นตอบวา่ มแี บง่ ภาคไวต้ า่ งๆ กนั เหมอื นกนั มไิ ดม้ แี ตผ่ สู้ ำ� เรจ็ อยา่ งรวดเรว็
และงา่ ยดายอยา่ งเดยี ว สว่ นผปู้ ฏบิ ตั ลิ ำ� บากทงั้ สำ� เรจ็ ไดช้ า้ และปฏบิ ตั ลิ ำ� บากแตไ่ ดเ้ รว็
กม็ ี แตร่ สู้ กึ ผดิ กบั สมยั ทกุ วนั นอ้ี ยมู่ าก แมจ้ ะมแี บง่ ประเภทบคุ คลไวต้ า่ งกนั เชน่ เดยี วกบั
สมยั นี้ ทา่ นอาจารยอ์ ธบิ ายวา่ ขอ้ นข้ี นึ้ อยกู่ บั ผแู้ นะนำ� ถกู ตอ้ งแมน่ ยำ� ผดิ กนั ตลอดอำ� นาจ
วาสนา ระหวา่ งพระพทุ ธเจา้ กบั พระสาวกและพวกเราผดิ กนั อยมู่ ากจนเทยี บกนั ไมไ่ ด้
อกี ประการหนง่ึ เกย่ี วกบั ความสนใจในธรรมตา่ งกนั มากสำ� หรบั สมยั นก้ี บั สมยั พทุ ธกาล
แม้พ้ืนเพนิสัยกผ็ ดิ กันกบั ครัง้ น้นั มาก เม่อื อะไรๆ ก็ผิดกัน ผลจะให้เปน็ เหมือนกนั
ย่อมเป็นไปไม่ได้ เราไม่ต้องพูดเร่ืองผู้อื่นสมัยอ่ืนให้เยิ่นเย้อไปมาก แม้ตัวเราเอง
ยังแสดงความหยาบกระทบกระเทือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาท้ังท่ีเป็นนักบวชและ
นกั ปฏบิ ตั ิ ซง่ึ กำ� ลงั เขา้ ใจวา่ ตวั ประกอบความเพยี รอยเู่ วลานน้ั ดว้ ยวธิ เี ดนิ จงกรมอยบู่ า้ ง
นงั่ สมาธภิ าวนาอยบู่ า้ ง แตน่ น้ั เปน็ เพยี งกริ ยิ าแหง่ ความเพยี รทางกาย สว่ นใจมไิ ดเ้ ปน็
ความเพยี รไปตามกริ ยิ าเลย มแี ตค่ วามคดิ สงั่ สมกเิ ลสความกระเทอื นใจอยตู่ ลอดเวลา
ในขณะทเ่ี ขา้ ใจว่าตนก�ำลังทำ� ความเพยี รดว้ ยวิธนี ัน้ ๆ ดังน้ัน ผลจงึ เป็นความกระทบ
กระเทือนใจโดยไม่เลือกกาลสถานที่ แล้วก็มาเหมาเอาว่าตนท�ำความเพียรรอดตาย
ไมไ่ ดร้ บั ผลเทา่ ท่คี วร ความจริงตนเดินจงกรมน่งั สมาธิส่งั สมยาพษิ ทำ� ลายตนโดยไม่
รสู้ กึ ตวั ตา่ งหาก มไิ ดต้ รงความจรงิ ตามหลกั แหง่ ความเพยี รเลย ฉะนน้ั ครงั้ พทุ ธกาล
ทท่ี า่ นท�ำความเพยี รด้วยความจริงจังหวังพน้ ทุกข์จริงๆ กบั สมยั ท่ีพวกเราทำ� เลน่ ราว
เดก็ กบั ตกุ๊ ตา จงึ นำ� มาเทยี บกนั ไมไ่ ด้ ขนื เทยี บไปมากเทา่ ไรยง่ิ เปน็ การขายกเิ ลสความ

24

ไมเ่ ปน็ ทา่ ของตวั มากเพยี งนนั้ ผมแมเ้ ปน็ คนในสมยั ทำ� เลน่ ๆ ลวงๆ ตวั เองกไ็ มเ่ หน็ ดว้ ย
กับค�ำพูดดูถูกศาสนาและดูถูกตัวเองดังท่ีท่านว่ามาน้ัน ถ้าท่านยังเห็นว่าตัวยังพอมี
สารคุณอยู่บ้าง ท่านลองท�ำตามแบบท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้โดยถูกต้องดูซิ
อย่าท�ำตามแบบทีก่ เิ ลสพาฉุดลากไปอยู่ทกุ วท่ี ุกวันทุกเวลา แม้ขณะกำ� ลังเข้าใจวา่ ตน
ก�ำลังท�ำความเพียรอยู่ มรรคผลนิพพานท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้เป็นสมบัติกลาง
จะเป็นสมบัติอันพึงใจท่านในวันหน่ึงแน่นอนโดยไม่มีค�ำว่ายากล�ำบากและส�ำเร็จ
ได้ช้ามาเป็นอุปสรรคได้เลย ขนาดที่พวกเราท�ำความเพียรแบบกระดูกจะหลุดออก
จากกนั เพราะความขเ้ี กยี จออ่ นแออยเู่ วลานี้ ผมเขา้ ใจวา่ เหมอื นคนทแี่ สนโงแ่ ละขเี้ กยี จ
เอาสง่ิ อนั เลก็ ๆ เทา่ นว้ิ มอื ไปเจาะภเู ขาทง้ั ลกู แตห่ วงั ใหภ้ เู ขานน้ั ทะลใุ นวนั เวลาเดยี ว
ซ่ึงเป็นท่ีน่าหัวเราะของท่านผู้ฉลาดปราดเปร่ืองด้วยปัญญาและมีความเพียรกล้า
เปน็ ไหนๆ พวกเราลองคดิ ดู ประโยคแหง่ ความเพยี รของทา่ นผเู้ ปน็ ศากยบตุ รพทุ ธสาวก
ในครง้ั พทุ ธกาลทา่ นทำ� กนั กบั ความเพยี รของพวกเราทที่ ำ� แบบเอาฝา่ มอื ไปแตะแมน่ ำ�้
มหาสมทุ รซงึ่ สดุ ทน่ี า่ สมเพชเวทนาเหลอื ประมาณ แตห่ วงั พระนพิ พานดว้ ยความเพยี ร
เทา่ ฝา่ มอื นน้ั ลองคดิ ดู กเิ ลสเทา่ มหาสมทุ ร แตค่ วามเพยี รเทา่ ฝา่ มอื นนั้ มนั หา่ งไกลกนั
ขนาดไหน คนสมยั ฝา่ มอื แตะมหาสมทุ ร ทำ� ความเพยี รเพยี งเลก็ นอ้ ยแตค่ วามหมายมน่ั
ปน้ั มอื วา่ จะขา้ มโลกสงสาร เมอ่ื ไมไ่ ดต้ ามใจหวงั กห็ าเรอ่ื งตำ� หนศิ าสนาและกาลสถานท่ี
ตลอดคนสมยั นั้นสมัยนี้ ไมล่ ะอายการประกาศความไม่เป็นท่าของตวั ใหน้ กั ปราชญ์
ท่านหัวเราะด้วยความอ่อนใจว่าเราเป็นผู้หมดความสามารถโดยประการท้ังปวง
การลงทุนแต่เพียงเล็กน้อยด้วยความเสียดายเร่ียวแรงแต่ต้องการผลก�ำไรล้นโลก
ล้นสงสาร น้ันเป็นทางเดินของโมฆบุรุษโมฆสตรี ผู้เตรียมสร้างป่าช้าไว้เผาตัว
และนอนจมอยู่ในกองทุกข์ ไม่มีวันลดหย่อนผ่อนวัฏฏะว่าจะผ่านพ้นไปได้เม่ือไร
ค�ำถามของท่านท่ีถามผมเป็นเชิงชมเชยศาสนธรรม ชมเชยกาลสถานท่ีและบุคคล
ในครั้งพทุ ธกาล แต่ต�ำหนศิ าสนธรรม ตำ� หนกิ าลสถานท่ีและบคุ คลในสมยั นี้ จงึ เปน็
คำ� ชมเชยและตเิ ตยี นของโมฆบรุ ษุ โมฆสตรที ปี่ ดิ กนั้ ทางเดนิ ของตนจนหาทางเลด็ ลอด
ปลอดจากภยั ไปไมไ่ ด้ และเปน็ คำ� ถามของคนสน้ิ ทา่ เปน็ คำ� ถามของคนผตู้ ดั หนามกนั้
ทางเดนิ ของตวั มไิ ดเ้ ปน็ คำ� ถามเพอ่ื ชว่ ยบกุ เบกิ ทางเดนิ ใหเ้ ตยี นโลง่ พอมที างปลอดโปรง่

25

โลง่ ใจเพราะความสนใจปลดเปลอ้ื งตนจากกเิ ลสดว้ ยสวากขาตธรรม อนั เปน็ มชั ฌมิ า
ท่ีเคยให้ความเสมอภาคแก่สัตว์โลกผู้สนใจปฏิบัติตามโดยถูกต้องตลอดมาแต่
อยา่ งใดเลย ถา้ ทา่ นจะมสี ตปิ ญั ญาเปลอื้ งตนพอเปน็ ทชี่ มเชยบา้ งแมโ้ ดยการเทยี บเคยี ง
วา่ โรคทกุ ชนดิ ไม่ว่าชนิดร้ายแรงหรือชนดิ ธรรมดา เมอื่ สนใจรกั ษาและโรคถกู กบั ยา
ย่อมมีทางสงบและหายได้ด้วยกัน แต่ถ้ามิได้สนใจรักษา โรคย่อมก�ำเริบและเป็น
อนั ตรายได้ นอกจากโรคหวดั หรอื โรคเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ตามผวิ หนงั ซงึ่ บางชนดิ ไมร่ กั ษา
กม็ ที างหายไดต้ ามกาลของมนั โรคกเิ ลสซง่ึ มใิ ชโ่ รคหดิ โรคเหา โรคกลาก โรคเกลอ้ื น
พอจะหายไปเอง ตอ้ งรกั ษาดว้ ยยาคอื ธรรมในทางความเพยี รตามแบบของศากยบตุ ร
พทุ ธสาวกทที่ า่ นทำ� กนั จะเปน็ กเิ ลสชนดิ รา้ ยแรงหรอื ไมเ่ พยี งไรกจ็ ำ� ตอ้ งสงบและหายได้
ไม่มีทางสงสัย ทา่ นคดิ เพียงเท่าน้ผี มก็พอเบาใจและชมเชยว่าท่านก็เปน็ ผ้มู ีความคดิ
แยบคายบ้างผู้หนึ่งท่ีจะพอเชื่อความสามารถของตัวได้ว่าจะเป็นผู้ข้ามโลกสงสารได้
และเช่ือความสามารถของพระพุทธเจ้าและศาสนธรรมว่าเป็นผู้ตรัสรู้ธรรมด้วย
พระปรชี าสามารถ ทรงประกาศศาสนธรรมไวโ้ ดยชอบและเปน็ นยิ ยานกิ ธรรมนำ� สตั ว์
ใหข้ า้ มพน้ ไดจ้ รงิ ไมต่ ำ� หนติ เิ ตยี นตนวา่ มกี เิ ลสหนาทำ� ใหร้ ธู้ รรมไดช้ า้ โดยไมส่ นใจแกไ้ ข
ไม่ติเตียนพระพุทธเจ้าว่าทรงประกาศสอนธรรมไม่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ติเตียน
พระธรรมว่าไรส้ มรรถภาพหรือเรยี วแหลม ไมส่ ามารถแก้กิเลสของสัตว์ในสมยั นี้ได้
เหมือนครง้ั พุทธกาล

ทา่ นอาจารยม์ น่ั วา่ ทา่ นมไิ ดป้ ฏเิ สธเกยี่ วกบั กเิ ลสของคนทมี่ หี นาบางตา่ งกนั และ
ยอมรับว่าคนในพุทธสมัยมีความเบาบางมากกว่าสมัยปัจจบุ ัน แมก้ ารอบรมส่ังสอน
ก็ง่ายผิดกับสมัยน้ีอยู่มาก ประกอบกับผู้ส่ังสอนในสมัยน้ันก็เป็นผู้รู้ยิ่งเห็นจริงเป็น
สว่ นมาก มพี ระศาสดาเปน็ พระประมขุ ประธานแหง่ พระสาวกในการประกาศสอนธรรม
แก่หมู่ชน การสอนจึงไม่ค่อยผดิ พลาดคลาดเคล่ือนจากความจรงิ ทรงถอดออกมา
จากพระทยั และใจทบ่ี รสิ ทุ ธล์ิ ว้ นๆ หยบิ ยน่ื ใหผ้ ฟู้ งั อยา่ งสดๆ รอ้ นๆ ไมม่ ธี รรมแปลก
ปลอมเคลือบแฝงออกมาด้วยเลย ผู้ฟังก็เป็นผู้มุ่งต่อความจริงอย่างเต็มใจ ซ่ึงเป็น
ความเหมาะสมทั้งสองฝ่าย ผลท่ีปรากฏเป็นข้ันๆ ตามความคาดหมายของผู้มุ่ง
ความจริงจึงไม่มีปัญหาท่ีควรขัดแย้งได้ว่าสมัยน้ันคนส�ำเร็จมรรคผลกันทีละมากๆ

26

จากการแสดงธรรมแตล่ ะครงั้ ของพระศาสดาและพระสาวก สว่ นสมยั นไี้ มค่ อ่ ยมใี คร
สำ� เร็จได้ คล้ายกบั คนไม่ใช่คน ธรรมไมใ่ ช่ธรรม ผลจึงไมม่ ี ความจริงคนก็คือคน
ธรรมก็คือธรรมอยูน่ ่นั เอง แต่คนไม่สนใจธรรม ธรรมกเ็ ข้าไม่ถึงใจ จงึ กลายเปน็ ว่า
คนกส็ กั วา่ คน ธรรมกส็ กั วา่ ธรรม ไมอ่ าจยงั ประโยชนใ์ หส้ ำ� เรจ็ ได้ แมค้ นจะมจี ำ� นวนมาก
และแสดงให้ฟงั ท้งั พระไตรปฎิ ก จงึ เป็นเหมอื นเทน�้ำใส่หลงั หมา มนั สลัดออกเกลย้ี ง
ไมม่ เี หลอื ธรรมจงึ ไมม่ คี วามหมายในใจของคน เหมอื นนำ�้ ไมม่ คี วามหมายบนหลงั หมา
ฉะนน้ั ทา่ นถามหลวงปขู่ าววา่ ทา่ นเลา่ เวลานใ้ี จเปน็ เหมอื นหลงั หมาหรอื อยา่ งไรกนั แน่
จึงมัวต�ำหนิแต่ธรรมโดยถ่ายเดียวว่าไม่ยังผลให้เกิดข้ึนแก่ตนเพ่ือส�ำเร็จมรรคผล
นิพพานง่ายๆ เหมือนครั้งพุทธกาล โดยไม่ค�ำนึงใจตัวบ้างซึ่งก�ำลังสลัดปัดธรรม
ออกจากใจยิ่งกว่าหมาสลัดน�้ำออกจากหลังของมัน ถ้าย้อนมาคิดถึงความบกพร่อง
ของตนบ้าง ผมเขา้ ใจวา่ ธรรมจะมที ี่ซึมซาบและสถติ อยู่ในใจได้บา้ ง ไมไ่ หลผา่ นไปๆ
ราวกบั ลำ� คลองไมม่ แี อง่ เกบ็ นำ�้ ดงั ทเ่ี ปน็ อยเู่ วลาน้ี คนสมยั พทุ ธกาลมกี เิ ลสบางหรอื หนา
ก็เป็นคุณและโทษของคนสมัยนั้นโดยเฉพาะ มิได้มาท�ำความล�ำบากหนักใจให้แก่
คนสมัยน้ีซ่ึงมีกิเลสชนิดใดก็ก่อความเดือดร้อนให้แก่กันเองแทบจะไม่มีโลกให้อยู่
ถ้าไม่สนใจแก้ไขพอให้โลกว่างจากการวางเพลิงเผากันบ้าง การตำ� หนิติชมใครและ
สมัยใดกต็ ามย่อมไม่เกดิ ประโยชน์ใดๆ ท้งั สิน้ ถ้าไมส่ นใจต�ำหนิตชิ มตวั เองผู้ก�ำลงั
ก่อไฟเผาตวั และผอู้ ่ืนใหเ้ ดอื ดร้อนอย่เู วลาน้ี อนั เป็นการพรากไฟราคะ โทสะ โมหะ
ออกจากกันและกันท่ีเก่ียวเนื่องกันอยู่ พอมีทางก้าวเดินเข้าสู่ความสงบสุขได้บ้าง
ไม่ร้อนระอุด้วยไฟเหล่าน้ีจนเกินตัว สมกับโลกมนุษย์อันเป็นแดนของสัตว์ผู้ฉลาด
กว่าสัตว์อืน่ ๆ บรรดาท่อี ยู่รว่ มโลกกันดงั น้ี

ท่านว่า ท่านอาจารย์มั่นเข่นใหญ่เก่ียวกับปัญหาโลกแตกของเราที่เรียนถาม
แมไ้ มเ่ รยี นมากมายนกั แตเ่ วลาทา่ นหยบิ ยกออกมาคลา้ ยกบั ปญั หานเ้ี ปน็ เสยี้ นหนาม
แกพ่ ระศาสนาและทา่ น ตลอดตวั เราเองแบบจะเยยี วยาไมไ่ ด้ เรารสู้ กึ เหน็ โทษของตวั
และเกิดความไม่สบายใจหลายวัน ท้ังท่ีความจริงเราก็มิได้สงสัยว่าสมัยน้ีจะไม่มี
ผสู้ ามารถบรรลธุ รรมได้ ทา่ นเลยสบั เขกเอาเสยี นบั วา่ พอดกี บั คนปากไวอยไู่ มเ่ ปน็ สขุ
แตก่ ด็ อี ยา่ งหนง่ึ ทไี่ ดฟ้ งั ธรรมทา่ นอยา่ งถงึ ใจ เทา่ ทผ่ี มเลา่ มานย้ี งั ไมถ่ งึ เสย้ี วแหง่ ธรรม

27

ลึกซึ้งและเผ็ดร้อนท่ีท่านแสดงน้ันเลย น้ันย่ิงลึกซึ้งและเผ็ดร้อนยิ่งกว่ามหาสมุทร
สดุ สาครและไฟในนรก แมเ้ รอื่ งผา่ นไปแลว้ ทา่ นยงั ใสป่ ญั หาผมอยา่ งเหนบ็ แนมเรอ่ื ยมา
บางครง้ั ยงั ยกปญั หานนั้ มาประจานตอ่ หนา้ ทปี่ ระชมุ อกี ดว้ ย ไมใ่ หเ้ สรจ็ สนิ้ ลงงา่ ยๆ วา่
มจิ ฉาทฐิ บิ า้ ง เทวทตั ทำ� ลายศาสนาบา้ ง แหลกไปหมดไมม่ ชี นิ้ ดเี ลย จนทำ� ใหห้ มเู่ พอื่ น
สงสัยมาถามก็มีวา่ เป็นดงั ท่านว่าจรงิ ๆ หรอื ผมต้องได้ช้ีแจงให้ท่านทราบว่า ผมมิได้
เปน็ ไปตามปัญหาทเี่ รยี นถามทา่ น เป็นแต่อบุ ายเพื่อฟังธรรมทา่ นเท่านนั้ ปกตถิ า้ ไม่มี
อุบายแปลกๆ ขึ้นเรียนถาม ท่านไม่เทศน์ให้ฟัง แต่การยกอุบายขึ้นเรียนถามนั้น
ผมเองกโ็ งไ่ ปโดดไปควา้ เอาคอ้ นมาใหท้ า่ นตหี วั เอา แทนทจ่ี ะยกอบุ ายอนั ราบรน่ื ดงี าม
ขน้ึ เรียนถามและฟงั ท่านอธิบายพอหอมปากหอมคอ

ตามปกตกิ เ็ ปน็ ดงั หลวงปขู่ าวเลา่ ใหฟ้ งั ถา้ ไมม่ อี ะไรแปลกๆ เรยี นถาม ทา่ นกพ็ ดู
ไปธรรมดา แม้เปน็ ธรรมกเ็ ปน็ ไปอยา่ งเรียบๆ ไมค่ อ่ ยถึงใจนกั เมือ่ เรียนถามปญั หา
ชนิดแปลกๆ รู้สึกท่านคึกคัก และเน้ือธรรมที่แสดงออกเวลานั้นก็เหมาะกับความ
ต้องการดังท่ีเคยเรียนแล้วในประวัติท่าน ความจริงท่านก็มิได้สงสัยหลวงปู่ขาวว่า
เหน็ ผดิ ไปตา่ งๆ ดงั ทีท่ า่ นดุด่าขู่เข็ญ แต่เป็นอุบายของทา่ นผ้ฉู ลาดในการแสดงธรรม
ยอ่ มมกี ารพลกิ แพลงเปลย่ี นแปลงไปตา่ งๆ เพอื่ ปลกุ ประสาทผฟู้ งั ใหไ้ ดข้ อ้ คดิ เปน็ คติ
เตือนใจไปนานๆ บ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะพากันนอนกอดความโง่ไม่สนใจคิดอะไรกัน
บา้ งเลย และจะกลายเปน็ กบเฝา้ กอบวั อยเู่ ปลา่ ๆ พอถกู ทา่ นสบั เขกเสยี บา้ ง ดเู หมอื น
หูต้ังตาสว่างขึ้นได้บ้าง นิสัยพระธุดงคกรรมฐานสายท่านอาจารย์ม่ันชอบขู่เข็ญ
สบั เขกอยเู่ สมอ จึงพอได้สติปัญญาขบคิดบ้าง ถ้าแสดงไปเรียบๆ ฟงั ไปเงยี บๆ ไม่มี
ทสี่ ะดดุ ฉดุ ใจใหต้ นื่ เตน้ ตกใจและกลวั บา้ ง ใจคอยแตจ่ ะหลบั ใน ไมค่ อ่ ยไดอ้ บุ ายพอเปน็
เคร่ืองส่งเสริมสติปัญญาบ้างเลย กิเลสชนิดต่างๆ ที่คอยจะแซงหน้าอยู่แล้วมักได้
โอกาสออกเพ่นพ่านก่อกวนและรังควานใจเพราะอุบายไม่ทันกับความฉลาดของมัน
เมื่อไดร้ บั อุบายแปลกๆ จากทา่ นเพราะการเรยี นถามปัญหาเป็นสาเหตุ สติ ปัญญา
กร็ ้สู กึ คึกคักแพรวพราวขน้ึ บ้าง ดงั น้นั ทหี่ ลวงปขู่ าวเรียนถามทา่ นอาจารย์มั่น แมจ้ ะ
ผิดบ้างถกู บ้าง จงึ อยใู่ นข่ายท่ีควรได้รับประโยชนจ์ ากปญั หาธรรมนัน้ ๆ ตามสมควร
ดงั ทเ่ี คยได้รับเสมอมา

28

ทา่ นว่าปจี ำ� พรรษากับท่านอาจารยม์ ่นั ปแี รกท่ีเชยี งใหม่ เกดิ ความปีตยิ ินดอี ย่าง
บอกไมถ่ กู สมทพี่ ยายามตดิ ตามทา่ นมาหลายปี แมจ้ ะไดฟ้ งั โอวาททา่ นบา้ งในทตี่ า่ งๆ
ก็เพยี งช่วั ระยะไม่จุใจ เดย๋ี วกถ็ กู ทา่ นขบั ไล่หนไี ปอยคู่ นละทิศละทาง เม่อื สบโอกาส
วาสนาชว่ ยไดจ้ ำ� พรรษากบั ทา่ นจรงิ ๆ ในพรรษานน้ั จงึ ดใี จมาก และเรง่ ความเพยี รใหญ่
แทบไม่ได้หลบั นอน บางคืนประกอบความเพยี รตลอดรงุ่ คนื วนั หน่ึงจิตสงบรวมลง
อย่างเต็มท่ีไปพักใหญ่จึงถอนข้ึนมา เกิดความอัศจรรย์ในความสว่างไสวของใจซึ่ง
ไมเ่ คยเปน็ ถงึ ขนาดนน้ั มากอ่ น ทำ� ใหเ้ พลดิ เพลนิ ในธรรมจนสวา่ งคาตาไมไ่ ดห้ ลบั นอนเลย
ในคืนวันนั้น พอต่ืนเช้าได้เวลาเข้าไปท�ำข้อวัตรอุปัฏฐากท่านอาจารย์ม่ัน และขน
บริขารท่านลงมาท่ีฉัน พอท่านออกจากที่ภาวนา ตาท่านจับจ้องมองดูหลวงปู่ขาว
จนผดิ สังเกต ทา่ นเองรู้สกึ กระดากอายและกลวั ทา่ นวา่ ตนทำ� ผิดอะไรไปหรอื อย่างไร
สักประเดี๋ยวท่านก็พูดออกมาวา่ ท่านขาวนภี้ าวนาอย่างไร คนื นีจ้ ิตจึงสว่างไสวมาก
ผดิ กบั ทเี่ คยเปน็ มาทกุ ๆ คนื นบั แตม่ าอยกู่ บั ผม ตอ้ งอยา่ งนซ้ี จิ งึ สมกบั ผมู้ าแสวงธรรม
ทีน้ที า่ นทราบหรือยงั ว่าธรรมอยู่ที่ไหน คนื น้ีสว่างอย่ทู ีไ่ หนล่ะทา่ นขาว สวา่ งอยทู่ ใี่ จ
ครับผม ท่านเรียนตอบท้ังกลัวทั้งอายแทบตัวส่ันท่ีไม่เคยได้รับค�ำชมเชยแกม
คำ� ซกั ถามเชน่ นนั้ แตก่ อ่ นธรรมไปอยทู่ ไ่ี หนเลา่ ทา่ นจงึ ไมเ่ หน็ นน่ั แลธรรม ทา่ นจงทราบ
เสยี แตบ่ ดั นเี้ ปน็ ตน้ ไป ธรรมอยทู่ ใ่ี จนนั่ แล ตอ่ ไปทา่ นจงรกั ษาระดบั จติ ระดบั ความเพยี ร
ไว้ใหด้ ี อย่าใหเ้ สอื่ มได้ นั่นแลคือฐานของจิต ฐานของธรรม ฐานของความเชื่อม่ัน
ในธรรม และฐานแหง่ มรรคผลนพิ พานอยทู่ นี่ นั่ แล จงมนั่ ใจและเขม้ แขง็ ตอ่ ความเพยี ร
ถา้ อยากพน้ ทกุ ข์ การพน้ ทกุ ขต์ อ้ งพน้ ทน่ี นั่ แนน่ อนไมม่ ที อ่ี น่ื เปน็ ทห่ี ลดุ พน้ อยา่ ลบู คลำ�
ให้เสียเวลา เรามิใช่คนตาบอดพอจะลบู คลำ� คืนน้ีผมส่งกระแสจิตไปดูทา่ น เหน็ จติ
สว่างไสวท่ัวบริเวณ ก�ำหนดจิตส่งกระแสไปทีไรเห็นเป็นอย่างน้ันอยู่ตลอดจนสว่าง
เพราะคนื นผี้ มมไิ ดพ้ กั นอนเลย เขา้ สมาธภิ าวนาไปบา้ ง ตอ้ นรบั แขกเทพบา้ ง กำ� หนดจติ
ดูทา่ นบา้ งเร่อื ยมาจนสว่างโดยไม่รสู้ ึก พอออกจากท่ีจงึ ต้องมาถามทา่ น เพราะอยาก
ทราบเร่ืองของหมู่คณะมานาน สบายไหม อัศจรรย์ไหม ทีนี้ท่านถาม ท่านเล่าว่า
ทา่ นนง่ิ ไมก่ ลา้ เรยี นตอบทา่ น เพราะทา่ นดตู บั ดปู อดเราจนหมดแลว้ จะเรยี นตอบเพอ่ื
ประโยชนอ์ ะไร นบั แต่วันนน้ั มายิ่งกลวั และระวงั ท่านมากข้นึ แมแ้ ตก่ อ่ นก็เชื่อทา่ นว่า

29

รู้จิตใจคนอย่างเต็มใจไม่มีทางสงสัยอยู่แล้ว ย่ิงมาโดนเข้าคืนนั้น ก็ยิ่งเชื่อยิ่งกลัว
ทา่ นมากจนพดู ไมถ่ กู นบั แตว่ นั นนั้ เปน็ ตน้ มา ทา่ นตงั้ หลกั ใจไดอ้ ยา่ งมน่ั คง และเจรญิ
ยิ่งขน้ึ โดยล�ำดับไมม่ เี ส่ือมถอยเลย ท่านอาจารย์ม่นั กจ็ ี้ใจเราอยู่เสมอ เผลอตวั ไม่ได้
เปน็ โดนทา่ นดทุ นั ที และดเุ รว็ ยงิ่ กวา่ แตก่ อ่ น การทท่ี า่ นช่วยจ้ชี ่วยเตือนเรือ่ ยมานั้น
ความจริงท่านช่วยรักษาจิตรักษาธรรมให้เรากลัวจะเสื่อมไปเสีย นับแต่นั้นมาก็ได้
จ�ำพรรษากบั ทา่ นเรอ่ื ยมา พอออกพรรษาแลว้ ก็ออกเทีย่ วบำ� เพญ็ ในท่ีต่างๆ ทเ่ี ห็นวา่
สะดวกแก่ความเพียร ท่านอาจารย์เองก็ไปอีกทางหนึ่งโดยล�ำพัง ท่านไม่ชอบให้
พระตดิ ตาม ตา่ งองคต์ า่ งแยกกนั ไปตามอธั ยาศยั เมอื่ เกดิ ขอ้ ขอ้ งใจคอ่ ยไปเรยี นถาม
เพื่อท่านชี้แจงแก้ไขให้เป็นพักๆ ไป ความเพียรทางใจของหลวงปู่ขาวนับวันเจริญ
ก้าวหน้า สติปัญญาค่อยแตกแขนงออกไปโดยสม่�ำเสมอจนกลมกลืนเป็นอันหนึ่ง
อนั เดยี วกนั กบั ใจ อริ ยิ าบถตา่ งๆ เปน็ อยดู่ ว้ ยความเพยี ร มสี ตกิ บั ปญั ญาเปน็ เพอ่ื นสอง
ในการประกอบความเพียร จติ ใจรู้สกึ อาจหาญชาญชัย ไม่หว่นั เกรงต่ออารมณ์ท่เี คย
เป็นขา้ ศึกและแน่ใจต่อทางพน้ ทกุ ข์ไม่สงสยั แมย้ ังไม่หลุดพ้น

เวลาทา่ นไมส่ บายอยใู่ นปา่ อยใู่ นเขา ทา่ นไมค่ อ่ ยสนใจกบั หยกู ยาอะไรเลยยง่ิ ไป
กวา่ การระงับดว้ ยธรรมโอสถ ซึ่งไดผ้ ลทงั้ ทางร่างกายและจติ ใจไปพรอ้ มๆ กนั และ
ยดึ เปน็ หลกั ใจระลกึ ไวไ้ ดน้ านกวา่ ธรรมดา ทา่ นเคยระงบั ไขด้ ว้ ยวธิ ภี าวนามาหลายครง้ั
จนเปน็ ทมี่ น่ั ใจตอ่ การพจิ ารณาเวลาไมส่ บาย เรมิ่ แตจ่ ติ เปน็ สมาธคิ อื มคี วามสงบเยน็ ใจ
เวลาเป็นไข้ทีไร ท่านต้องต้ังหน้าสู้ตายกับการภาวนาด้วยความม่ันใจที่เคยเห็นผล
ประจักษ์มาแล้ว แรกๆ ได้อาศัยท่านอาจารย์ม่ันคอยให้อุบายเสมอในเวลาเป็นไข้
โดยยกเรื่องท่านข้ึนเป็นพยานว่า ท่านจะได้ก�ำลังใจส�ำคัญๆ ทีไร ต้องได้จากการ
เจบ็ ปว่ ยแทบท้ังสิน้ เจ็บหนักปว่ ยหนักเทา่ ไร สติปัญญายงิ่ หมนุ ตัวดีและรวดเรว็ ไป
กบั เหตกุ ารณ์นน้ั ๆ ทเ่ี กิดขึ้นในเวลาเจบ็ ปว่ ย โดยไม่ต้องถกู บังคับใหพ้ จิ ารณา และ
ไมส่ นใจกบั ความหายหรอื ความตายอะไรเลย นอกจากจะพยายามใหร้ คู้ วามจรงิ ของ
ทกุ ขเวทนาท้ังหลายท่ีเกดิ ขึน้ และโหมเขา้ มาในเวลานั้นด้วยสติปัญญาทเี่ คยฝึกหัดอยู่
เปน็ ประจำ� จนช�ำนชิ ำ� นาญ บางครัง้ ท่านอาจารยม์ นั่ มาเตือนขณะเป็นไข้เป็นเชิงปญั หา
เหน็บๆ ว่า ท่านเคยคดิ ไหมวา่ ทา่ นเคยทกุ ขก์ อ่ นจะตาย ทกุ ขม์ ากย่ิงกวา่ ทกุ ข์ทก่ี ำ� ลัง

30

เปน็ อยขู่ ณะนใ้ี นภพชาตทิ ผ่ี า่ นๆ มา เพยี งทกุ ขใ์ นเวลาเปน็ ไขธ้ รรมดา ซงึ่ โลกๆ เขามไิ ด้
เรยี นธรรมเขายงั พออดทนได้ บางรายเขายังมีสตดิ ีมีมรรยาทงามกว่าพระเราเสยี อกี
คือเขาไม่แสดงอาการทุรนทุรายกระสับกระส่ายร้องครางทิ้งเน้ือทิ้งตัวเหมือนพระ
บางองคท์ แ่ี ยๆ่ ซง่ึ ไมน่ ่าจะมแี ฝงอยู่ในวงพุทธศาสนาเลย และไมน่ ่าจะมเี พราะจะท�ำ
ศาสนาให้เปื้อนเปรอะไปด้วย แม้เจบ็ มากทุกขม์ ากเขายงั มสี ติควบคุมมรรยาทใหอ้ ยู่
ในความพอดีงามตาไดอ้ ย่างน่าชม ผมเคยเห็นฆราวาสปว่ ยมาแล้ว โดยลูกๆ เขามา
นมิ นตผ์ มเขา้ ไปเยยี่ มพอ่ เขาเวลาจวนตวั จะไปไมร่ อด พอ่ เขาอยากพบเหน็ และกราบไหว้
ในวาระสดุ ทา้ ยพอเปน็ ขวญั ใจระลกึ ไดเ้ วลาจะแตกดบั จรงิ ๆ ขณะเราเขา้ ถงึ บา้ น พ่อเขา
พอมองเห็นเราก�ำลังก้าวเข้าไปที่เตียงนอนเท่านั้น ทั้งท่ีก�ำลังป่วยหนัก ปกติลุกนั่ง
คนเดยี วไมไ่ ด้ ตอ้ งชว่ ยพยงุ กนั แตข่ ณะนน้ั เขายงั สามารถลกุ พรวดพราดขนึ้ คนเดยี วได้
ดว้ ยสหี นา้ ทยี่ ม้ิ แยม้ แจม่ ใสเตม็ ที่ ไมม่ อี าการไขแ้ ละปว่ ยหนกั ใดๆ ปรากฏเหลอื อยพู่ อให้
ทราบได้ว่าเขาป่วยหนักเลย ทั้งกราบท้ังไหว้ด้วยความร่ืนเริงบันเทิงในจิตใจและ
มรรยาททอี่ อ่ นนอ้ มสวยงาม จนใครๆ ในบา้ นเกดิ พศิ วงงงงนั ไปตามๆ กนั วา่ เขาลกุ ขน้ึ มา
โดยล�ำพงั คนเดียวได้อยา่ งไร เมอ่ื ปกตแิ ม้จะพลิกตวั เปล่ียนการนอนท่าตา่ งๆ ก็ได้
ช่วยกันอย่างเต็มไม้เต็มมือเพราะความระมัดระวัง กลัวจะถูกกระทบกระเทือนมาก
และอาจสลบหรือตายไปเสียในขณะนั้น แต่พอเห็นทา่ นเขา้ มากลบั เป็นคนใหม่ขน้ึ มา
จากคนไขท้ ี่จวนจะตายอยแู่ ลว้ จงึ อศั จรรยไ์ ม่เคยเหน็ ดังน้ี และชาวบ้านพดู กบั ผมว่า
เขาตายไปหลังจากเวลาที่ผมออกมาไม่นานนักเลยด้วยความมีสติตลอดเวลาใน
ลมหายใจ และไปอยา่ งสงบ ประสบสคุ โตไมผ่ ดิ พลาด สว่ นทา่ นเองไมเ่ หน็ เปน็ ไขห้ นกั
ถึงขนาดนั้น ท�ำไมนอนใจไม่พิจารณา หรือมันหนักด้วยความอ่อนแอทับถมจิตใจ
จงึ ทำ� ใหร้ า่ งกายออ่ นเปยี กไปดว้ ย พระกรรมฐาน ถา้ ขนื เปน็ กนั ลกั ษณะนมี้ ากๆ ศาสนา
ตอ้ งถกู ตำ� หนิ กรรมฐานตอ้ งลม่ จม ไมม่ ใี ครสามารถทรงไวไ้ ด้ เพราะมแี ตค่ นออ่ นแอ
กรรมฐานออ่ นแอ คอยแตข่ นึ้ เขยี งใหก้ เิ ลสมนั สบั เอายำ� เอา สตปิ ญั ญาพระพทุ ธเจา้ ทา่ น
มิได้ประทานไว้สำ� หรับคนข้ีเกียจอ่อนแอ โดยนอนเฝ้าน่ังเฝ้าไข้อยู่เฉยๆ ไม่คิดค้น
พจิ ารณาดว้ ยธรรมดงั กลา่ วเลย การหายไขห้ รอื การตายของผอู้ อ่ นแอไมเ่ ปน็ ประโยชน์
อะไรเลย สหู้ นตู ายตวั เดยี วกไ็ มไ่ ด้ ทา่ นอยา่ นำ� ลทั ธแิ ละวชิ าหมนู อนคอยเขยี งอยเู่ ฉยๆ

31

มาใช้ในวงศาสนาและวงพระกรรมฐาน ผมอายฆราวาสผู้เขาดีกว่าพระ และอายหนู
ตัวที่ตายแบบเรียบๆ ซ่ึงดีกว่าพระที่เป็นไข้แล้วอ่อนแอและตายไปด้วยความไม่มี
สตปิ ญั ญารกั ษาตวั ทา่ นลองพจิ ารณาดซู วิ า่ สจั ธรรมมที กุ ขสจั เปน็ ตน้ ทปี่ ราชญท์ า่ นวา่
เปน็ ธรรมของจรงิ สดุ สว่ นนน้ั จรงิ อยา่ งไรบา้ ง และจรงิ อยทู่ ไี่ หนกนั แน่ หรอื จรงิ อยทู่ คี่ วาม
ประมาทออ่ นแอดงั ทพี่ ากนั เสรมิ สรา้ งอยเู่ วลาน้ี นนั่ คอื การเสรมิ สรา้ งสมทุ ยั ทบั ถมจติ ใจ
ใหโ้ งหัวไม่ขน้ึ ต่างหาก มิได้เปน็ ทางมรรคเครือ่ งนำ� ใหห้ ลดุ พ้นแตอ่ ย่างใดเลย ผมท่ี
กลา้ ยนื ยนั วา่ เคยไดก้ ำ� ลงั ใจในเวลาปว่ ยหนกั นน้ั ผมพจิ ารณาทกุ ขท์ เี่ กดิ กบั ตวั จนเหน็
สถานที่เกดิ ข้นึ ต้งั อยู่ และดบั ไป ของมนั อยา่ งชัดเจนดว้ ยสตปิ ญั ญาจรงิ ๆ จิตท่รี ู้
ความจรงิ ของทกุ ขแ์ ลว้ กส็ งบตวั ลง ไมแ่ สดงการสา่ ยแสแ่ ปรสภาพไปเปน็ อน่ื นอกจาก
ดำ� รงตนอยใู่ นความจรงิ และเปน็ หนง่ึ อยเู่ พยี งดวงเดยี ว ไมม่ อี ะไรมารบกวนลวนลาม
เทา่ นนั้ ไมเ่ หน็ ความแปลกปลอมใดๆ เขา้ มาเคลอื บแฝงไดเ้ ลย ทกุ ขเวทนากด็ บั สนทิ ลง
ในเวลานนั้ แมไ้ มด่ บั กไ็ มส่ ามารถทบั จติ ใจเราได้ คงตา่ งอนั ตา่ งจรงิ อยเู่ พยี งเทา่ นน้ั นแี่ ล
ทวี่ า่ สจั ธรรมเปน็ ของจรงิ สดุ สว่ น จรงิ อยา่ งนเี้ องทา่ น คอื ทา่ นอยทู่ จ่ี ติ ดวงมสี ตปิ ญั ญา
รอบตวั เพราะการพจิ ารณา มใิ ชเ่ พราะออ่ นแอเพราะนงั่ ทบั นอนทบั สตปิ ญั ญาเครอ่ื งมอื
ท่ีทนั กันกบั การแกก้ เิ ลสอยเู่ ฉยๆ

ผมจะเปรยี บเทยี บใหท้ า่ นฟงั หนิ นน้ั ปาหวั คนกแ็ ตก ทบั หวั คนกต็ ายได้ แตน่ ำ� มา
ทำ� ประโยชน์ เชน่ เปน็ หนิ ลบั มดี หรอื อะไรๆ กไ็ ด้ ตามแตค่ นโงจ่ ะนำ� มาทำ� ลายสงั หารตน
หรือคนฉลาดจะน�ำมาท�ำเป็นหินลับมีดหรืออ่ืนๆ เพ่ือประโยชน์แก่ตนตามต้องการ
สตปิ ญั ญากเ็ ชน่ กนั จะนำ� ไปใชใ้ นทางผดิ คดิ ไตรต่ รองในทางไมช่ อบ ฉลาดประกอบ
อาชีพในทางผิด เช่น ฉลาดหาอุบายฉกลักปล้นจ้ีเขาเร็วย่ิงกว่าลิงจนตามไม่ทัน
กย็ อ่ มเกดิ โทษเพราะนำ� สตปิ ญั ญาไปใชใ้ นทางทผี่ ดิ จะนำ� สตปิ ญั ญามาใชเ้ ปน็ การอาชพี
ในทางทถ่ี ูก เชน่ คิดปลกู บ้านสรา้ งเรอื น เปน็ ช่างไมช้ า่ งเขียน ชา่ งแกะลวดลายตา่ งๆ
เป็นต้น หรือจะน�ำมาใช้แก้กิเลสตัณหาตัวเหนียวแน่นแก่นวัฏฏะที่พาให้เวียนเกิด
เวยี นตายอยไู่ มห่ ยดุ จนหมดสน้ิ ไปจากใจ กลายเปน็ ความบรสิ ทุ ธถ์ิ งึ วมิ ตุ ตพิ ระนพิ พาน
ท้ังเป็นในวันนี้เดือนนี้ปีน้ีชาติน้ีก็ไม่เหลือวิสัยของมนุษย์จะท�ำได้ ดังที่ท่านผู้ฉลาด
ท�ำได้กันมาแล้วแต่ต้นพุทธกาลจนถึงปัจจุบันคือวันนี้ ปัญญาย่อมอ�ำนวยประโยชน์

32

ให้แก่ผู้สนใจใคร่ครวญไม่มีทางส้ินสุด เพราะสติกับปัญญาไม่เคยจนตรอกหลอก
ตัวเองแต่ไหนแต่ไรมา พอจะท�ำให้กลัวว่าตนจะมสี ติปัญญามากเกินไป จะกลายเป็น
คนดีซ่านผลาญธรรมประคองตัวไปไม่รอดและจอดจมในกลางคัน สติปัญญาน้ี
ปราชญ์ท่านชมว่าเป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดอย่างออกหน้าออกตาแต่ดึกด�ำบรรพ์มาไม่เคย
ล้าสมัย ท่านจึงควรคิดค้นสติปัญญาขึ้นมาเป็นเคร่ืองป้องกันและท�ำลายข้าศึกอยู่
ภายในใหส้ น้ิ ซากไป จะเหน็ ใจดวงประเสรฐิ วา่ มอี ยกู่ บั ตวั แตไ่ หนแตไ่ รมา การสอนทา่ น
ดว้ ยธรรมเหลา่ น้ี ลว้ นเปน็ ธรรมท่ผี มเคยพิจารณาและได้ผลมาแล้ว มไิ ด้สอนแบบ
สมุ่ เดาเกาหาทคี่ นั ไมถ่ กู แตส่ อนตามทร่ี ทู้ เี่ หน็ ทเี่ คยเปน็ มาไมส่ งสยั ใครทอ่ี ยากพน้ ทกุ ข์
แต่กลัวทุกข์ที่เกิดข้ึนกับตน ไม่ยอมพิจารณา ผู้นั้นไม่มีวันพ้นทุกข์ไปได้ เพราะ
ทางไปนิพพานต้องอาศัยทุกข์กับสมุทัยเป็นท่ีเหยียบย่างไปด้วยมรรคเครื่องด�ำเนิน
พระพุทธเจ้าและพระสาวกอรหันต์ทุกๆ พระองค์ ท่านส�ำเรจ็ มรรคผลนิพพานด้วย
สัจธรรมส่ีกันทั้งนั้น ไม่ยกเว้นแม้องค์เดียวว่าไม่ได้ผ่านสัจธรรมส่ีโดยสมบูรณ์
ก็เวลาน้ีมีสัจจะใดบ้างท่ีก�ำลังประกาศความจริงของตนอยู่ในกายในใจท่านอย่าง
เปดิ เผย ทา่ นจงพจิ ารณาสจั จะนนั้ ดว้ ยสตปิ ญั ญาใหร้ แู้ จง้ ตามความจรงิ ของสจั จะนน้ั ๆ
อยา่ นงั่ เฝา้ นอนเฝา้ กนั อยเู่ ฉยๆ จะกลายเปน็ โมฆบรุ ษุ ในวงสจั ธรรมซงึ่ เคยเปน็ ของจรงิ
มาด้ังเดิม ถ้าพระธุดงคกรรมฐานเราไม่สามารถอาจรู้ความจริงท่ีประกาศอยู่กับตน
อยา่ งเปดิ เผยได้ กไ็ มม่ ใี ครจะสามารถอาจรไู้ ด้ เพราะวงพระกรรมฐานเปน็ วงทใี่ กลช้ ดิ
สนิทกับสัจธรรมอยู่มากกว่าวงอื่นๆ ท่ีควรจะรู้เห็นได้ก่อนใครหมด วงนอกจากนี้
แม้จะมีสัจธรรมประจ�ำกายประจ�ำใจด้วยกันก็จริง แต่ยังห่างเหินต่อการพิจารณา
อนั เปน็ ทางรแู้ จง้ ผดิ กนั เนอ่ื งจากเพศและโอกาสทจี่ ะอำ� นวยตา่ งกนั เฉพาะพระธดุ งค-
กรรมฐานซ่ึงพร้อมทุกอย่างแล้วในการด�ำเนินและเดินก้าวเข้าสู่ความจริงท่ีประกาศ
อยกู่ ับตวั ทุกเวลา ถา้ ท่านเปน็ เลือดนกั รบสมนามทศ่ี าสดาทรงขนานให้วา่ ศากยบตุ ร
พทุ ธชโิ นรส จรงิ ๆ แลว้ ทา่ นจงพยายามพจิ ารณาใหร้ แู้ จง้ สจั จะคอื ทกุ ขเวทนาทก่ี ำ� ลงั
ประกาศตวั อยอู่ ยา่ งโจง่ แจง้ เปดิ เผยในกายในใจทา่ นเวลาน้ี อยา่ ปลอ่ ยใหท้ กุ ขเวทนา
เหยียบย่�ำท�ำลายและกาลเวลาผ่านไปเปล่า ขอให้ยึดความจริงจากทุกขเวทนาข้ึนสู่
สตปิ ญั ญา และตตี ราประกาศฝังใจลงอย่างแน่นหนาแต่บัดน้เี ปน็ ตน้ ไปว่า ความจริง

33

สี่อยา่ งท่พี ระพุทธเจา้ ทรงประกาศไวต้ ลอดมานน้ั บัดน้ที กุ ขสัจไดแ้ จ้งประจักษก์ บั สติ
ปญั ญาเราแลว้ ไมม่ ที างสงสยั นอกจากจะพยายามเจรญิ ใหค้ วามจรงิ นนั้ ๆ เจรญิ ยงิ่ ขนึ้
โดยลำ� ดบั จนหายสงสยั โดยสนิ้ เชงิ เทา่ นนั้ ถา้ ทา่ นพยายามดงั ทผี่ มสง่ั สอนนี้ แมไ้ ขใ้ นกาย
ทา่ นจะกำ� เรบิ รนุ แรงเพยี งไร ทา่ นเองจะเปน็ เหมอื นคนมไิ ดเ้ ปน็ อะไร คอื ใจทา่ นมไิ ด้
ไหวหวนั่ สน่ั สะเทอื นไปตามอาการแหง่ ความสขุ ความทกุ ขท์ เี่ กดิ ขน้ึ ในกายนนั่ เลย มแี ต่
ความภาคภูมิใจท่สี มั ผัสสัมพนั ธ์กบั ความท่ีไดร้ แู้ ลว้ เหน็ แลว้ โดยสมำ�่ เสมอ ไม่แสดง
อาการลมุ่ ๆ ดอนๆ เพราะไขก้ ำ� เรบิ หรอื ไขส้ งบตวั ลงแตอ่ ยา่ งใด นแ่ี ลคอื การเรยี นธรรม
เพอ่ื ความจรงิ ปราชญท์ า่ นเรยี นกนั อยา่ งนี้ ทา่ นมไิ ดไ้ ปปรงุ แตง่ เวทนาตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ ไป
ตามความตอ้ งการ เชน่ อยากใหเ้ ปน็ อยา่ งนน้ั อยากใหเ้ ปน็ อยา่ งนต้ี ามชอบใจ ซง่ึ เปน็
การสงั่ สมสมทุ ยั ใหก้ ำ� เรบิ รนุ แรงยง่ิ ขน้ึ แทนทจี่ ะเปน็ ไปตามใจชอบ ทา่ นจงจำ� ไวใ้ หถ้ งึ ใจ
พิจารณาให้ถึงอรรถถึงธรรมคือความจริงที่มีอยู่กับท่านเอง ซึ่งเป็นฐานะท่ีควรรู้ได้
ดว้ ยตนเองแตล่ ะรายๆ ผมเปน็ เพยี งผแู้ นะอบุ ายใหเ้ ทา่ นน้ั สว่ นความเกง่ กาจอาจหาญ
หรอื ความลม้ เหลวใดๆ นนั้ ขน้ึ อยกู่ บั ผพู้ จิ ารณาโดยเฉพาะ ผอู้ นื่ ไมม่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งดว้ ย
เอานะ ท่าน จงทำ� ใหส้ มหน้าสมตาท่เี ปน็ ลกู ศษิ ยม์ คี รสู ่ังสอน อยา่ นอนเป็นท่ีเชด็ เทา้
ให้กิเลสขึน้ ยำ่� ยีตแี ผ่ได้ จะแยแ่ ละเดอื ดร้อนในภายหลงั จะวา่ ผมไมบ่ อก

ทา่ นเลา่ ว่า พอท่านเทศน์ใหเ้ ราแบบพายบุ แุ คมอยู่พกั ใหญ่แลว้ กห็ นีไป เราเอง
รสู้ กึ ตวั จะลอยเพราะความปตี ยิ นิ ดแี ละตนื้ ตนั ในโอวาททฉ่ี ลาดแหลมคม และออกมา
จากความเมตตาท่านล้วนๆ ไม่มอี ะไรจะมีคุณคา่ เสมอเหมอื นได้ในเวลานั้น พอท่าน
ไปแล้วเท่านั้น เราเองก็น้อมอุบายท่ีท่านเมตตาส่ังสอนเข้าพิจารณาแก้ทุกขเวทนา
ท่ีก�ำลังแสดงตัวอยู่เต็มความสามารถโดยไม่มีความย่อท้ออ่อนแอแต่อย่างใดเลย
ขณะพิจารณาทกุ ขเวทนาหลงั จากท่านไปแลว้ ราวกบั ท่านน่งั คอยดแู ละคอยให้อุบาย
ชว่ ยเราอยู่ตลอดเวลา ยิ่งท�ำให้มีกำ� ลงั ใจทจี่ ะตอ่ สู้กบั ทุกขม์ ากขึ้น ขณะพิจารณาน้ัน
ไดพ้ ยายามแยกทุกขอ์ อกเปน็ ขันธๆ์ คอื แยกกายและอาการต่างๆ ของกายออกเป็น
ขันธ์หนึ่ง แยกสัญญาที่คอยมั่นหมายหลอกลวงเราออกเป็นขันธ์หนึ่ง แยกสังขาร
คือความคิดปรุงตา่ งๆ ออกเปน็ ขนั ธ์หนึ่ง และแยกจิตออกเป็นพเิ ศษส่วนหน่งึ แล้ว
พจิ ารณาเทยี บเคยี งหาเหตผุ ลตน้ ปลายของตวั ทกุ ขท์ ก่ี ำ� ลงั แสดงอยใู่ นกายอยา่ งชลุ มนุ

34

วนุ่ วาย โดยมไิ ดม้ กี ำ� หนดวา่ ทกุ ขจ์ ะดบั เราจะหาย หรอื ทกุ ขจ์ ะกำ� เรบิ เราจะตาย แตส่ ง่ิ
ที่หมายมั่นปั้นมือจะให้รู้ตามความมุ่งหมายเวลานั้นคือความจริงของสิ่งทั้งหลาย
เหลา่ นน้ั เฉพาะท่ีอยากรู้มากในเวลาน้ันคือ ทกุ ขสัจ ว่าเปน็ อะไรกนั แน่ ทำ� ไมจงึ มี
อำ� นาจมาก สามารถทำ� จติ ใจของสตั วโ์ ลกใหส้ ะเทอื นหวนั่ ไหวไดท้ กุ ตวั สตั วไ์ มย่ กเวน้
ว่าเป็นใครเอาเลย ท้ังเวลาทุกข์แสดงข้ึนธรรมดาเพราะความกระทบกระเทือนจาก
เหตุต่างๆ ทั้งแสดงขึ้นในวาระสุดท้ายตอนจะโยกย้ายภพภูมิไปสู่โลกใหม่ภูมิใหม่
สตั วท์ กุ ถว้ นหนา้ รสู้ กึ หวน่ั เกรงกนั นกั หนา ไมม่ รี ายใดหาญสหู้ นา้ กลา้ เผชญิ นอกจาก
ทนอยู่ด้วยความหมดหนทางเท่าน้ัน ถ้าสามารถหลบหลีกได้ก็น่าจะหลบไปอยู่
คนละมุมโลกเพราะความกลัวทุกข์ตัวเดียวนี้เท่าน้ัน เราเองก็นับเข้าในจ�ำนวน
สตั ว์โลกผู้ขี้ขลาดหวาดกลัวทกุ ข์ จะปฏิบัตติ วั อย่างไรกับทุกข์ท่ีก�ำลงั แสดงอยนู่ จี้ งึ จะ
เปน็ ผอู้ งอาจกลา้ หาญดว้ ยความจรงิ เปน็ พยาน เอาละ เราตอ้ งสกู้ บั ทกุ ขด์ ว้ ยสตปิ ญั ญา
ตามทางศาสดาและครูอาจารยส์ ั่งสอนไว้ เมื่อสักครู่นที้ า่ นอาจารย์มัน่ ท่านก็ได้เมตตา
สงั่ สอนอยา่ งถงึ ใจไมม่ ที างสงสยั ทา่ นสอนวา่ ใหส้ ดู้ ว้ ยสตปิ ญั ญา โดยแยกแยะขนั ธน์ น้ั ๆ
ออกดอู ยา่ งชัดเจน ก็เวลาน้ที ุกขเวทนาเป็นขนั ธ์อะไร เป็นรปู เปน็ สญั ญา เป็นสังขาร
เปน็ วญิ ญาณ และเปน็ จติ ไดไ้ หม? ถา้ เปน็ ไมไ่ ด้ ทำ� ไมเราจงึ เหมาเอาทกุ ขเวทนาวา่ เปน็ เรา
เปน็ เราทกุ ข์ เราจรงิ ๆ คอื ทกุ ขเวทนานลี้ ะหรอื หรอื อะไรกนั แน่ ตอ้ งใหท้ ราบความจรงิ กนั
ในวันนี้ ถา้ เวทนาไมด่ บั และเราไม่ร้แู จ้งทุกขเวทนาด้วยสตปิ ญั ญาอยา่ งจรงิ ใจ แม้จะ
ตายไปกบั ทนี่ ง่ั ภาวนานเ้ี รากย็ อม แตจ่ ะไมย่ อมลกุ จากทใี่ หท้ กุ ขเวทนาหวั เราะเยย้ หยนั
เปน็ อันขาด นบั แตข่ ณะนัน้ สตปิ ญั ญาทำ� การแยกแยะห้ำ� หนั่ กนั อย่างเอาเปน็ เอาตาย
เขา้ วา่ ระหวา่ งสงครามของจติ กบั ทกุ ขเวทนาตอ่ สกู้ นั อยเู่ วลานนั้ กนิ เวลาหา้ ชวั่ โมง จงึ ได้
รคู้ วามจรงิ จากขนั ธแ์ ตล่ ะขนั ธไ์ ด้ เฉพาะอยา่ งยง่ิ รเู้ วทนาขนั ธอ์ ยา่ งชดั เจนดว้ ยปญั ญา
ทุกขเวทนาดับลงในทันทีท่ีพิจารณารอบตัวเต็มท่ี ท่านว่าท่านได้เร่ิมเชื่อสัจธรรม
มที กุ ขสจั เปน็ ตน้ วา่ เปน็ ของจรงิ แตบ่ ดั นน้ั มาอยา่ งไมห่ วน่ั ไหว แตน่ นั้ มาเวลาเกดิ เจบ็ ไข้
ไดป้ ว่ ยตา่ งๆ ขน้ึ มา ใจมที างตอ่ สกู้ นั กบั ทกุ ขเวทนาเพอื่ ชนะ ทางสตปิ ญั ญาไมอ่ อ่ นแอ
ปวกเปยี ก ใจมกั ได้กำ� ลงั ในเวลาเจ็บป่วยเพราะเปน็ เวลาเอาจริงเอาจังเอาเปน็ เอาตาย
กนั จรงิ ๆ ธรรมทเ่ี คยถอื เปน็ ของเลน่ โดยไมร่ สู้ กึ ตวั มาประจำ� นสิ ยั ปถุ ชุ นในเวลาธรรมดา
ไมจ่ นตรอก กแ็ สดงความจรงิ ใหเ้ หน็ ชดั ในเวลานนั้ ขณะพจิ ารณาทกุ ขเวทนารอบแลว้

35

ทุกขด์ บั ไป ใจก็รวมลงถึงฐานของสมาธิ หมดปญั หาตา่ งๆ ทางกายทางใจไปพักหนง่ึ
จนกว่าจิตถอนขึ้นมาซึ่งกินเวลาหลายช่ัวโมง มีอะไรค่อยพิจารณากันต่อไปอีกด้วย
ความอาจหาญตอ่ ความจริงที่เคยเหน็ มาแลว้

ท่านว่าเม่ือจิตรวมลงถึงฐานสมาธิเพราะอำ� นาจการพิจารณาแล้ว ไข้ได้หายไป
แตบ่ ดั นนั้ ไมก่ ลบั มาเปน็ อกี เลย จงึ เปน็ ทน่ี า่ ประหลาดใจวา่ เปน็ ไปไดอ้ ยา่ งไร ขอ้ นสี้ ำ� หรบั
ผู้เขียนเชื่อท้ังร้อยไมค่ ดั ค้าน เพราะเคยพจิ ารณาแบบเดียวกันน้ีมาบ้างแล้วผลกเ็ ปน็
แบบเดียวกับที่ท่านพูดให้ฟังไม่มีผิดกันเลย จึงท�ำให้สนิทใจตลอดมาว่าธรรมโอสถ
สามารถรกั ษาโรคไดอ้ ยา่ งลกึ ลบั และประจกั ษก์ บั ทา่ นผปู้ ฏบิ ตั ทิ ม่ี นี สิ ยั ในทางน้ี โดยมาก
พระธดุ งคกรรมฐานทา่ นชอบพจิ ารณาเยยี วยาธาตขุ นั ธข์ องทา่ นเวลาเกดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็
อย่างเงียบๆ โดยล�ำพัง ไม่ค่อยระบายให้ใครฟังง่ายๆ นอกจากวงปฏิบัติด้วยกัน
และมนี ิสยั คลา้ ยคลงึ กนั ท่านจงึ สนทนากนั อย่างสนิทใจ ท่ีว่าท่านบำ� บัดโรคด้วยวิธี
ภาวนานน้ั มไิ ดห้ มายความวา่ บำ� บดั ไดท้ กุ ชนดิ ไป แมท้ า่ นเองกไ็ มแ่ นใ่ จวา่ โรคชนดิ ใด
บ�ำบัดได้ และโรคชนิดใดบำ� บัดไม่ได้ แต่ท่านไม่ประมาทในเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นกับ
ตวั ทา่ น ถงึ รา่ งกายจะตายไปเพราะโรคในกาย แตโ่ รคในจติ คอื กเิ ลสอาสวะตา่ งๆ กต็ อ้ ง
ให้ตายไปด้วยอ�ำนาจธรรมโอสถท่านบ้างเหมือนกัน ฉะน้ัน การพิจารณาโรคต่างๆ
ทั้งโรคในกายและโรคในใจ ท่านจึงมิได้ลดละท้ังสองทาง โดยถือว่าเป็นกิจจ�ำเป็น
ระหว่างขนั ธก์ บั จติ จ�ำตอ้ งพจิ ารณาและรับผิดชอบกันจนวาระสุดทา้ ย

คราวท่านจ�ำพรรษาท่ีวดั ป่าบา้ นโปง่ อ.สันมหาพล จ.เชียงใหม่ พรรษานั้นท่าน
เรง่ ความพากเพยี รในทา่ และอิรยิ าบถต่างๆ มากกว่าพรรษาก่อนๆ ซง่ึ เคยเขา้ ใจวา่ มี
ความเพยี รดี แตพ่ รรษานมี้ พี เิ ศษไปกวา่ พรรษาทแ่ี ลว้ ๆ มา โดยมอี ริ ยิ าบถ ๓ ดว้ ยการ
ประกอบความเพยี รถา่ ยเดยี ว คอื ยนื เดนิ นงั่ ทำ� ความเพยี ร ไมย่ อมนอน หากจะมี
หลบั บา้ งกใ็ หห้ ลบั ในทา่ นงั่ ทำ� สมาธภิ าวนาขณะทธ่ี าตขุ นั ธเ์ พยี บเตม็ ทต่ี ามสภาพของมนั
ที่ทนทานต่อการไม่ยอมหลับเลยไปไม่ไหว ซึ่งเป็นเวลาท่ีสติอ่อนตัวลง แต่ไม่ยอม
ทอดธรุ ะตอ่ การหลบั นอนดงั ทเี่ คยเปน็ มาในอริ ยิ าบถ ๔ ทง้ั นเ้ี พราะเหน็ ผลประจกั ษใ์ จ
ทง้ั ดา้ นสมาธแิ ละดา้ นปญั ญาวา่ ใจมคี วามสงบแนบแนน่ ปญั ญามคี วามละเอยี ดแหลมคม

36

และคล่องตัวกว่าความเพียรท่ีด�ำเนินไปตามปกติธรรมดา จึงท�ำให้มีก�ำลังใจในการ
ประคองความเพยี รในทา่ อริ ยิ าบถ ๓ ตลอดพรรษา โดยไมย่ อมเอนกายลม้ ตวั ลงหลบั
นอนเลย ถา้ จะพดู ตามภาษานกั ตอ่ สเู้ พอื่ เอาแพเ้ อาชนะกนั ระหวา่ งกเิ ลสตวั เหน็ แกเ่ สอื่
แกห่ มอน นอนทอดอาลยั ตายอยากแบบคนสนิ้ ทา่ ลำ� ตวั ยาวเหยยี ดเหมอื นงู กบั ศรทั ธา
ธรรม วริ ิยธรรม สตธิ รรม สมาธธิ รรม ปญั ญาธรรม แล้วก็วา่ กเิ ลสตัวดงึ ดูดพระ
ลงเสอื่ ลงหมอน ตอ้ งทนอดอาหาร (เนอื้ พระอรอ่ ยสำ� หรบั กเิ ลส) ทอ้ งแฟบไปสามเดอื น
พลธรรมทัง้ หา้ ดงั กลา่ วแลว้ ไดโ้ อกาสกา้ วเดนิ ตามวิถที างของศาสดา มองเหน็ ชยั ชนะ
จากการตอ่ สู้ด้วยความเพียรในทา่ อิรยิ าบถ ๓ ไมห่ ่างไกลจากตัวเลย ราวกบั จะได้
จะถงึ ธรรมอยทู่ กุ อริ ยิ าบถ พอใหเ้ กดิ กำ� ลงั ใจในความเพยี รอยตู่ ลอดเวลา รา่ งกายกเ็ บา
ใจกเ็ บาดว้ ยธรรมประเภทตา่ งๆ ความเพยี รกเ็ บาในการเคลอื่ นไหวเพอ่ื ตอ่ ยทุ ธก์ บั กเิ ลส
ไมส่ ะทกสะทา้ นตอ่ ความทกุ ขค์ วามลำ� บากในการตอ่ สกู้ บั กเิ ลสทเ่ี หน็ วา่ เปน็ ขา้ ศกึ อยา่ ง
ถงึ ใจ

ในคนื วนั หนง่ึ ขณะนงั่ สมาธภิ าวนาจติ สงบลงอยา่ งละเอยี ดถงึ ฐานสมาธิ และพกั อยู่
เป็นเวลานานพอสมควรแล้วถอยออกมาอยู่ข้ันอุปจารสมาธิ จิตปรากฏนิมิตเป็น
แผน่ ดนิ ไหวหมนุ เปน็ กงจกั ร จติ เพง่ พนิ จิ เทา่ ไร นมิ ติ นน้ั ยงิ่ หมนุ เรว็ ราวกบั ฟา้ ดนิ จะถลม่
ในขณะนน้ั ในความรูส้ ึกปรากฏว่าตัวเหาะลอยไปตามแผ่นดนิ โดยมิไดก้ า้ วเดนิ เลย
ขณะทก่ี ายในนมิ ติ เหาะลอยอยนู่ นั้ คลา้ ยกบั เหาะลอยไปมาอยบู่ นทางจงกรมทเ่ี จา้ ของ
เคยเดนิ ในเวลาปกติ เหาะลอยไปมาอยหู่ ลายตลบจงึ หยดุ และปรากฏแสงสว่างขน้ึ
ในขณะทก่ี ายหยดุ เหาะลอย แสงสวา่ งในนมิ ติ นนั้ ปรากฏวา่ มาจากบนทอ้ งฟา้ สอ่ งสวา่ ง
เขา้ ในดวงใจทา่ น ทำ� ใหม้ องเหน็ อวยั วะสว่ นตา่ งๆ ภายในรา่ งกายไดอ้ ยา่ งชดั เจนและ
เพลินในการพจิ ารณาดรู า่ งกายสว่ นตา่ งๆ ด้วยอสุภกรรมฐานและไตรลักษณอ์ ยเู่ ป็น
เวลานาน ใจมีความยมิ้ แย้มแจม่ กระจา่ งด้วยปญั ญา ศรทั ธา อตุ สาหะ อยา่ งแรงกลา้
อบุ ายต่างๆ อนั เปน็ เครื่องถอดถอนกิเลสประเภทต่างๆ เกดิ ขึ้นโดยสมำ่� เสมอ นับวา่
ในพรรษานนั้ ใจมกี ำ� ลงั มาก รเู้ หน็ ไดอ้ ยา่ งเดน่ ชดั ไมม่ คี วามอบั เฉาเศรา้ ใจเขา้ รบกวน
ดงั ทเี่ คยเปน็ บอ่ ยในกาลทแ่ี ลว้ ๆ มา มแี ตค่ วามมน่ั คงทางสมาธแิ ละความแยบคายและ
คลอ่ งตวั ทางสตปิ ญั ญาเปน็ คมู่ ติ รแหง่ ความเพยี รประจำ� ใจในอริ ยิ าบถตา่ งๆ ระหวา่ งจติ

37

กบั สตปิ ญั ญา อนั เปน็ ลกั ษณะความเพยี รอตั โนมตั เิ รมิ่ ปรากฏตวั อยา่ งเดน่ ชดั ภายในจติ
อริ ยิ าบถทง้ั สเ่ี วน้ แตข่ ณะหลบั จติ อยใู่ นทา่ แหง่ ความเพยี รโดยสมำ�่ เสมอ ไมถ่ กู บงั คบั
ขเู่ ขญ็ เหมอื นแตก่ อ่ นซง่ึ จำ� ตอ้ งบงั คบั ถไู ถกนั เปน็ ประจำ� ไมง่ นั้ กเิ ลสนำ� ขน้ึ เขยี งชนดิ ตาม
ยอ้ื แยง่ ไมท่ นั เลย เพราะระยะนน้ั กเิ ลสคลอ่ งตวั รวดเรว็ แหลมคมกวา่ ธรรม มสี ตธิ รรม
ปญั ญาธรรม วริ ยิ ธรรม เป็นต้น เป็นไหนๆ ใครจงึ ไมค่ วรอวดตวั วา่ เก่งกล้าสามารถ
ขนาดจติ ทอ่ี ยเู่ พยี งสมาธคิ วามสงบเทา่ นน้ั แมจ้ ติ สงบกย็ งั ตกอยใู่ นอำ� นาจเพลงกลอ่ ม
ของกเิ ลสใหต้ ดิ ในสมาธิ ไมส่ นใจออกพจิ ารณาทางดา้ นปญั ญาอนั เปน็ อบุ ายถอดถอน
มันออกจากใจจนได้ ต่อเม่ือปัญญาเคลื่อนย้ายออกท�ำงานการรบการต่อสู้กับกิเลส
ประเภทต่างๆ และไดช้ ยั ชนะไปโดยล�ำดบั ไม่อบั จนอยา่ งง่ายดาย น่นั แล จงึ จะเริ่มรู้
เพลงกลอ่ มของกเิ ลสชนดิ ตา่ งๆ ไดโ้ ดยลำ� ดบั วา่ ไพเราะเพราะพรง้ิ ออ้ ยอง่ิ นา่ ตดิ จมอยู่
กบั มนั จรงิ ๆ ดงั นนั้ สตั วโ์ ลกจงึ ไมเ่ บอ่ื เพลงกลอ่ มชนดิ ตา่ งๆ ของกเิ ลสกนั แมจ้ ะกลอ่ ม
ซ�้ำซากใหร้ ักใหช้ ัง ให้เกลยี ดให้โกรธ ให้โลภมาก ใหอ้ ยากหิวโหย และเกดิ ความ
อิดโรยและทนทุกข์ทรมานมากน้อยก่ีร้อยกี่พันก่ีหม่ืนก่ีแสนกี่ล้านและก่ีล้านๆ คร้ัง
กไ็ มเ่ คยเบอื่ หนา่ ยอม่ิ พอและเหน็ โทษแหง่ เพลงกลอ่ มของมนั บา้ งเลย จะมบี า้ งราวกบั
ฟ้าแลบก็ตอนได้รับความทุกข์ทรมานมากจนตรอกซอกมุมจนหาทางออกไม่ได้จริงๆ
นนั่ แล จากนัน้ ก็ถูกกลอ่ มใหเ้ คลมิ้ หลับไปอกี ไมม่ ีวนั ตน่ื พอเหน็ โทษของมนั บ้างเลย

ความเพยี รขนั้ นเี้ รม่ิ เปน็ ความเพยี รรกุ ความเพยี รรบ ความเพยี รตตี ลบหลายสนั
หลายคมเพ่ือเข่นฆ่ากิเลสไปโดยล�ำดับ ไม่อับเฉาเมามัวม่ัวสุมกับกิเลสว่าเป็นมิตร
เปน็ สหายและมอบเปน็ มอบตายกบั มนั เหมอื นแตก่ อ่ นทธี่ รรมาวธุ มสี ตปิ ญั ญาเปน็ ตน้
ยงั ไมอ่ าจหาญเกรยี งไกร ระยะนธ้ี รรมาวธุ ทกุ ประเภททกุ ขนาดเรม่ิ เกรยี งไกรฉายแสง
แพรวพราวออกมา แลว้ สนกุ ขุดคน้ หยบิ ยกขน้ึ หำ้� หนั่ กับกเิ ลสชนดิ ต่างๆ อย่างไม่อน้ั
ไมอ่ อมแรง ความมงุ่ มนั่ ตอ่ แดนพน้ ทกุ ขน์ บั วนั มกี ำ� ลงั กลา้ ถงึ ขนาดเรง่ ความเพยี รชนดิ
กลา้ เปน็ กลา้ ตาย ใครดใี ครอยู่ ใครไมด่ จี งบรรลยั ไมม่ คี ำ� วา่ เสยี ดายปา่ ชา้ การเกดิ ตาย
ซึ่งเป็นขวากหนามทก่ี ิเลสปักเสยี บไว้ ใจดวงที่กิเลสเคยเปน็ เจา้ อ�ำนาจครอบครองมา
นานแสนนาน จะไมย่ อมปล่อยให้มนั ครอบครองอีกต่อไป ต้องเปน็ วสิ ทุ ธธิ รรมอัน
ประเสริฐเลิศเลอเท่านั้นครอบครองใจ ท่ีจะยอมให้กิเลสวัฏจักรก็ครองใจ ธรรมก็

38

ครองใจ แต่ถูกขับไล่ให้พ่ายแพ้แก่กิเลสอยู่ร�่ำไปดังท่ีเป็นมาแล้วนั้น จะไม่ยอมให้
มีในใจดวงนี้ได้อีก อย่างไรต้องปราบวัฏจักรวัฏจิตให้บรรลัยลงจากใจในภพน้ีและ
ในไมช่ า้ นีด้ ้วยธรรมาวธุ อันทนั สมยั อยา่ งไม่สงสยั

พอออกพรรษาแลว้ ทา่ นกอ็ อกเทย่ี วธดุ งคกรรมฐานไปตามอธั ยาศยั ทา่ นเลา่ วา่
ท่านไปพักอยู่หมบู่ า้ นป่าใน จ.เชยี งใหม่ ซึ่งมีกฎุ ีเลก็ เพือ่ บ�ำเพญ็ ภาวนาอยู่หลังหนึ่ง
เพราะทนี่ นั่ เคยเปน็ ทพ่ี กั บำ� เพญ็ ของพระธดุ งคกรรมฐานมากอ่ น เหน็ วา่ สงดั ดแี ละหา่ ง
จากหมบู่ า้ นพอประมาณ ทา่ นจงึ เขา้ พกั บำ� เพญ็ ทนี่ น่ั วนั หนง่ึ ตอนกลางวนั ฝนตกหนกั
ไม่อาจลงเดินจงกรมได้ ทา่ นจึงปิดประตหู น้าต่างฝาแถบ (ฝาขดั แตะ) น่ังภาวนาอยู่
ในกฎุ นี น้ั ซง่ึ มพี น้ื สงู พอประมาณ ขณะทน่ี ง่ั พจิ ารณาธรรมทงั้ หลายอยู่ ปรากฏเหมอื น
มีทอ่ ไฟแทงข้นึ มาท่กี น้ ทา่ นรอ้ นแปลบๆ หยดุ ไปแลว้ ก็ร้อนขน้ึ มาอีก ทา่ นจึงย้อนมา
พิจารณาว่าคืออะไร พอย้อนจิตมาก�ำหนดจดจ่อเพื่อเอาเหตุเอาผลกับท่อไฟที่ก�ำลัง
เผาก้นท่านอยนู่ น้ั ก็ทราบว่าไฟนเ้ี ป็นไฟราคะตัณหาแสดงขน้ึ มาจากใตถ้ ุนกฎุ ี มิได้
แสดงขน้ึ กบั ใจทา่ นเอง ทา่ นกำ� หนดพจิ ารณาทบทวนกท็ ราบอยอู่ ยา่ งนนั้ วา่ เปน็ ไฟราคะ
ตัณหาแสดงขึ้นมาจากใต้ถุนกุฎี ส�ำหรับในจิตท่านไม่มีไม่ปรากฏว่าจิตเป็นราคะ
ตัณหาแต่อย่างใด ขณะที่ท่านก�ำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่กับการพิจารณาไฟชนิดนั้น
ก็ไม่คิดสะดดุ ใจวา่ ไฟน้ีมาจากอะไรที่ไหน เปน็ เพียงรำ� พงึ อยู่ภายในใจวา่ ไฟราคะน้ี
มันติดตามเรามาไดอ้ ย่างไร เพราะเรามไิ ด้มคี วามก�ำหนัดยินดีกบั หญิงชายใดๆ ใจก็
เป็นปกติ ไม่เกิดราคะ การไปบิณฑบาตในหมู่บ้านก็ไปด้วยความส�ำรวมระวังมีสติ
อยกู่ บั ตวั ระวงั สงั เกตทกุ แงท่ กุ มมุ บรรดาอารมณท์ เี่ คยเปน็ ขา้ ศกึ ตอ่ จติ ใจ ใจกไ็ มเ่ หน็
มเี รอ่ื งราคะตณั หาเปน็ อารมณแ์ ตอ่ ยา่ งใด พอเรอ่ื งไฟสงบไมแ่ สดงอกี ทา่ นกล็ มื ตาขน้ึ
จะออกจากการภาวนาหลังจากฝนหยุดแล้ว ก็พอดีมองเห็นด้านหลังผู้หญิงคนหน่ึง
กำ� ลงั เดนิ ออกไปจากใตถ้ นุ กฎุ ี ทำ� ใหท้ า่ นนำ� เรอ่ื งไฟทเี่ ผากน้ ทา่ นออกพาดพงิ กบั หญงิ ท่ี
เพงิ่ ออกไปจากกฎุ ที า่ น หญงิ คนนคี้ งคดิ ไมด่ กี บั เรา เหตกุ ารณจ์ งึ ไดแ้ สดงขน้ึ ทำ� นองน้ี
ท่เี ราเองกไ็ ม่คาดไมค่ ิดวา่ จะเป็นไปได้

ความจรงิ ผหู้ ญงิ คนนนั้ อยใู่ นวยั เบญจเพส ยงั ไมแ่ กอ่ ะไรเลย อาจจะเปน็ สาวแก่
หรอื แมม่ า่ ยมากกวา่ หญงิ ทม่ี สี ามี แกมาเทย่ี วเกบ็ ผกั หกั ฟนื หาอยหู่ ากนิ กไ็ มอ่ าจทราบได้

39

ในมือถือตะกร้าใบหน่งึ ขณะท่แี กมาถึงทน่ี ัน่ เกดิ ฝนตกหนกั พอดี แกเลยรีบเข้ามา
หลบฝนทใี่ ตถ้ นุ กฎุ หี ลวงปู่ จนฝนหยดุ แลว้ แกถงึ ไดอ้ อกไปจากทนี่ น่ั เวลาทา่ นมองออก
ไปตามช่องหน้าต่างซึง่ เปน็ ฝาขัดแตะหา่ งๆ จึงมองเห็นหญิงนน้ั ได้อย่างชัดเจน

ท่ที ่านเลา่ เร่ืองน้ีให้พระเณรฟงั ตามโอกาสท่คี วรนนั้ ท่านมิได้เลา่ ดว้ ยการต�ำหนิ
ตฉิ นิ นนิ ทาหญงิ นนั้ แตอ่ ยา่ งใด เปน็ เพยี งทา่ นยกหญงิ นน้ั ขนึ้ เปน็ ตน้ เหตใุ หไ้ ดท้ ราบเรอ่ื ง
กระแสภายในภายนอกของจิตว่าเป็นสิ่งละเอียดมากเกินกว่าธรรมดาจะรู้จะเห็นได้
นอกจากการพจิ ารณาทางภาคปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนาจงึ สามารถทราบไดเ้ ปน็ ขนั้ ๆ ตอนๆ ไป
ทา่ นวา่ ตอนนนั้ จติ ทา่ นละเอยี ดมากพอสมควร สตปิ ญั ญากด็ แี ละรวดเรว็ ตอ่ เหตกุ ารณ์
เหลา่ นี้ ไมช่ กั ชา้ เหมอื นขน้ั เรมิ่ ตน้ ฝกึ หดั เชน่ ขณะราคะภายในจติ ตวั เองกระเพอ่ื มแยบ็
เทา่ นน้ั สตกิ ท็ นั แมป้ ญั ญาจะยงั ไมส่ ามารถตดั ใหข้ าดไดใ้ นระยะนน้ั แตต่ อ่ มากพ็ น้ มอื
ของสตปิ ญั ญาทฝี่ กึ ซอ้ มตวั อยตู่ ลอดเวลาไปไมไ่ ด้ ตอ้ งขาดสะบนั้ ไปจากใจอยา่ งประจกั ษ์
ทา่ นเลา่ วา่ ตอนนนั้ ความเพยี รทา่ นรสู้ กึ วา่ รบี เรง่ เกง่ กาจมาก แมเ้ วลาทำ� วตั รเชา้ และเยน็
ท่านก็ท�ำเพียงย่อๆ จิตใจรีบด่วนต่อความเพียรด้วยสติปัญญาอย่างมาก ส่วนการ
สวดมนตส์ ตู รตา่ งๆ ดงั ทเ่ี คยสวดมาแตเ่ กา่ กอ่ น ทา่ นตอ้ งงดทงั้ สนิ้ เรง่ ทางดา้ นสตปิ ญั ญา
อย่างเดยี วเพ่ือใหห้ ลุดพ้นอย่างรวดเร็วทนั กาลเวลา กลวั จะตายไปเสยี ก่อนยังไมถ่ ึง
จดุ ทห่ี มายอันพึงใจได้แก่พระอรหตั ธรรม

พรรษาตอ่ มานี้ ไขก้ ห็ นกั ความเพยี รกเ็ อาการ ไมม่ ใี ครยอ่ หยอ่ นออ่ นขอ้ ตอ่ ใคร
การไข้ก็ไข้ได้ตลอดพรรษา การพิจารณาทุกขเวทนากับกายอันเป็นเรือนรังของทุกข์
กไ็ มล่ ดละทอ้ ถอย ไขห้ นกั ทกุ ขม์ ากเทา่ ไร ยง่ิ ราวกบั ไสเชอื้ เพลงิ ปอ้ นสตปิ ญั ญาใหแ้ สดง
ลวดลายอยา่ งเตม็ ฝมี อื ใจถอื เอาทกุ ขเวทนาทเี่ กดิ จากไขแ้ ละกายทเ่ี กย่ี วโยงกนั กบั ทกุ ข์
เปน็ เวทีต่อสกู้ บั กิเลสชนิดไม่มีการให้น้ำ� ในบางกาล ถ้าสตปิ ัญญาจะมวั ใหน้ �ำ้ อยู่ ไข้ก็
เอาตายและแพร้ าบคาบหญา้ ตอ้ งตอ่ สกู้ นั แบบสดๆ ร้อนๆ ไข้และทกุ ขไ์ ม่ผ่อนคลาย
ความเพยี รจะผอ่ นคลายไมไ่ ด้ ไมท่ นั กนั ปราบกนั ไมอ่ ยู่ ตอ้ งเอาใหอ้ ยใู่ นเงอ้ื มมอื ของ
ความเพยี ร ขณะนนั้ จะหลีกเล่ยี งไปไหนไมไ่ ด้ ตอ้ งสู้จนเหน็ เหตเุ ห็นผลทา่ เดยี วจงึ จะ
มีชัยและภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเอง ในพรรษานี้นับว่าหนักและหักโหม
เอาการทัง้ ทางกายและทางจิต เพราะเป็นไขม้ าลาเรียตลอดพรรษา ทกุ ขท์ างร่างกาย

40

จงึ มาก ทางใจ ความเพยี รกห็ มนุ ตวั เปน็ เกลยี วไปตามไขแ้ ละทกุ ขเวทนา พอออกพรรษา
ไข้ก็ค่อยๆ หายไป องค์ท่านเองก็ออกเท่ียววิเวกเปลี่ยนสถานท่ีไปตามอัธยาศัย
ไมเ่ ยอื่ ใยกบั สิ่งใดนอกจากความเพียรอยา่ งเดียว ในระยะน้ันเป็นฤดูเก็บเก่ียวข้าว

เย็นวันหน่ึงเม่ือปัดกวาดเสร็จ ท่านออกจากท่ีพักไปสรงน�้ำ ได้เห็นข้าวในไร่
ชาวเขาก�ำลังสกุ เหลอื งอร่าม ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาขึ้นมาในขณะนั้นวา่ ข้าวมนั งอกขึ้นมา
เพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด ใจท่ีพาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุดก็น่าจะมีอะไรเป็นเช้ือ
อยภู่ ายในเช่นเดยี วกบั เมล็ดขา้ ว เช้อื นน้ั ถ้าไมถ่ ูกทำ� ลายเสียทใ่ี จให้สิน้ ไป จะตอ้ งพา
ให้เกิดตายอยไู่ ม่หยดุ กอ็ ะไรเป็นเชอื้ ของใจเล่า ถ้าไม่ใช่กเิ ลสอวิชชาตัณหาอปุ าทาน
คดิ ทบทวนไปมาโดยถอื อวชิ ชาเปน็ เปา้ หมายแหง่ การวพิ ากษว์ จิ ารณ์ พจิ ารณายอ้ นหนา้
ถอยหลงั อนโุ ลมปฏโิ ลม ดว้ ยความสนใจอยากรตู้ วั จรงิ แหง่ อวชิ ชา นบั แตห่ วั คำ�่ จนดกึ
ไม่ลดละการพิจารณาระหว่างอวิชชากับใจ จวนสว่างจึงตัดสินกันลงได้ด้วยปัญญา
อวชิ ชาขาดกระเดน็ ออกจากใจ ไมม่ ีอะไรเหลือ การพจิ ารณาข้าวกม็ ายุตกิ นั ทขี่ ้าวสุก
หมดการงอกอีกต่อไป การพจิ ารณาจติ ก็มายุติกันที่อวิชชาดับ กลายเปน็ จติ สกุ ขึน้ มา
เชน่ เดียวกบั ขา้ วสุก จติ หมดการกำ� เนดิ เกดิ ในภพตา่ งๆ อย่างประจกั ษใ์ จ สิ่งท่เี หลอื
ให้ชมอย่างสมใจคือความบริสุทธิ์แห่งจิตล้วนๆ ในกระท่อมกลางเขา มีชาวป่าเป็น
ผูอ้ ปุ ัฏฐากดแู ล ขณะท่ีจติ ผ่านดงหนาปา่ กเิ ลสวัฏฏ์ไปไดแ้ ลว้ เกิดความอศั จรรย์อยู่
คนเดียว ตอนสว่างพระอาทติ ย์ก็เรม่ิ สวา่ งบนฟ้า ใจกเ็ รม่ิ สว่างจากอวิชชาข้นึ สธู่ รรม
อศั จรรย์ ถงึ วมิ ตุ ตหิ ลดุ พน้ ในเวลาเดยี วกนั กบั พระอาทติ ยอ์ ทุ ยั ชา่ งเปน็ ฤกษง์ ามยาม
วิเศษเอาเสียจรงิ ๆ

พอฤกษ์งามยามมหาอุดมมงคลผ่านไปแลว้ กไ็ ดเ้ วลาออกบิณฑบาต ท่านเริ่ม
ออกจากทม่ี หามงคล มองดกู ระทอ่ มเลก็ ทใี่ หค้ วามสขุ ความอศั จรรย์ และมองดทู ศิ ทาง
ตา่ งๆ ขณะนนั้ ปรากฏอะไรกก็ ลายเปน็ มหาอดุ มมงคลไปกบั ใจดวงอศั จรรยโ์ ดยสน้ิ เชงิ
ทง้ั ทสี่ ง่ิ ทงั้ หลายกเ็ ปน็ อยโู่ ดยธรรมดาของตนๆ นนั่ แล ขณะไปบณิ ฑบาต ใจกอ็ ม่ิ ธรรม
มองเหน็ ชาวปา่ ชาวเขาทเ่ี คยอปุ ฏั ฐากดแู ลทา่ นมาราวกบั เปน็ ชาวฟา้ มาจากบนสวรรคก์ นั
ท้งั ส้ิน จติ ระลึกถึงบญุ ถึงคณุ ทเี่ ขาเคยมแี ก่ตนอยา่ งเหลือลน้ พ้นทีจ่ ะพรรณนาคณุ ให้

41

จบสนิ้ ลงได้ เกดิ ความเมตตาสงสารชาวปา่ แดนสวรรคเ์ ปน็ ประมาณ อดทจ่ี ะแผเ่ มตตาจติ
อุทิศส่วนกุศลแก่เขามิได้ ตลอดสายทางท่ีผ่านมาจนถึงบริเวณท่ีพักอันแสนสำ� ราญ
ขณะจดั อาหารทพิ ยข์ องชาวเขาลงในบาตร ใจกอ็ ม่ิ ธรรม ไมค่ ดิ สมั ผสั กบั อาหารทเี่ คย
ดำ� รงและใหค้ วามผาสกุ แกอ่ ตั ภาพมาแตอ่ ยา่ งใด แตก่ ฉ็ นั ไปตามธรรมเนยี มทธี่ าตกุ บั
อาหารเคยอาศยั กนั มา ทา่ นเลา่ วา่ นบั แตว่ นั เกดิ มากเ็ พง่ิ มาเหน็ ชวี ติ ธาตขุ นั ธก์ บั จติ ใจ
ปรองดองสดช่ืนต่อกันเหลือจะพรรณนาให้ถูกต้องกับความจริงได้ในเช้าวันนั้นเอง
เป็นความอัศจรรยแ์ ละพเิ ศษผดิ คาดผิดหมาย และกลายเป็นประวตั ิส�ำคัญของชีวติ
อยา่ งประทบั ใจตลอดมา

นับแต่ขณะโลกธาตุไหวฟ้าดินถล่มวัฏจักรภายในจิตจมหายไปแล้ว ธาตุขันธ์
และจติ ใจทุกสว่ นตา่ งอันตา่ งเป็นอสิ ระไปตามธรรมชาติของตน ไม่ถูกจับจองกดถว่ ง
จากฝา่ ยใด อนิ ทรยี ห์ า้ อายตนะหก ทำ� งานตามหนา้ ทข่ี องตนจนกวา่ ธาตขุ นั ธจ์ ะหาไม่
โดยไมม่ กี ารทะเลาะววิ าทกระทบกระเทอื นกนั ดงั ทเี่ คยเปน็ มา (การทะเลาะ ทา่ นหมายถงึ
ความไม่ลงรอยระหวา่ งสง่ิ ภายในกับภายนอกสมั ผสั กนั ท�ำให้เกิดความยนิ ดยี ินรา้ ย
กลายเปน็ ความสขุ ทกุ ข์ขน้ึ มา และเกี่ยวโยงกันไปเหมือนลูกโซไ่ ม่มีเวลาจบสิ้นลงได้)
คดีต่างๆ ภายในจิตทีม่ มี ากและวุ่นวายยง่ิ กวา่ คดใี ดๆ ในโลกไดย้ ตุ ลิ งอยา่ งราบคาบ
นับแต่ขณะศาลสถิตยุติธรรมได้สร้างข้ึนภายในใจโดยสมบูรณ์แล้ว เรื่องก่อกวน
ลวนลามตา่ งๆ ไมม่ ปี ระมาณ ซง่ึ เคยยดึ จติ เปน็ สนามเตน้ รำ� และทะเลาะววิ าทบาดหมาง
ไมม่ เี วลาสงบลงได้ เพราะอวชิ ชาตณั หาเปน็ หวั หนา้ บงการบญั ชางานใหโ้ กลาหลวนุ่ วาย
รอ้ ยแปดพนั ประการนน้ั ไดส้ งบลงอยา่ งราบรน่ื ชน่ื ใจ กลายเปน็ โลกรา้ งวา่ งเปลา่ ภายในจติ
ทผ่ี ลติ วชิ าธรรมอนั บวรขนึ้ เสวยเมอื งจติ ราชแทนอธรรม กจิ นอกการภายในไดเ้ ปน็ ไป
โดยธรรมความสม่ำ� เสมอ ไม่มอี ริข้าศกึ ศัตรมู าก่อกวนว่นุ วาย ตาเหน็ หูได้ยิน จมูก
ดมกลนิ่ ลน้ิ ลมิ้ รส กายสมั ผสั เยน็ รอ้ นออ่ นแขง็ ใจรบั ทราบอารมณต์ า่ งๆ เปน็ ไปโดย
ธรรมชาติ ไมอ่ าจเออ้ื มปนี เกลยี วยแุ หยแ่ ปรรปู คดใี หผ้ ดิ เปน็ ถกู ผกู เปน็ แก้ แยเ่ ปน็ ดี
ผีเปน็ คน พระเป็นเปรต เปรตกลบั เปน็ คนดี ดงั ท่เี จา้ อธรรมมีอ�ำนาจบญั ชางานมา
แตเ่ ก่ากอ่ น นงั่ อย่สู บาย แมเ้ ป็นหรือตายกม็ ีความสุข นค่ี อื ท่านผู้นริ ทุกข์นิรภัยแท้
ปราศจากเครื่องร้อยรดั โดยประการทง้ั ปวง ซ่ึงเป็นคำ� ท่านอุทานในใจทา่ นเวลานัน้

42

หลวงปขู่ าวกเ็ ปน็ อกี องคห์ นงึ่ ทเ่ี ปน็ ลกู ศษิ ยท์ า่ นอาจารยม์ นั่ ซง่ึ เปลอื้ งทกุ ขส์ น้ิ ภยั
ออกจากใจได้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเล่าว่าสถานที่บ�ำเพ็ญจนถึงความสิ้นทุกข์
ภายในก็ดี กระท่อมกุฎเี ลก็ ๆ พอหมกตัวท�ำความเพียรและพกั ผอ่ นกายกด็ ี สถานท่ี
เดนิ จงกรมกด็ ี สถานทนี่ งั่ สมาธภิ าวนาในกลางวนั และกลางคนื กด็ ี หมบู่ า้ นเปน็ ทโี่ คจร
บิณฑบาตพอยังอัตภาพใหเ้ ป็นไปในละแวกนนั้ กด็ ี รสู้ กึ เป็นท่ีซาบซ้งึ ประทบั ใจผิดท่ี
ทั้งหลายอย่างบอกไม่ถูก และฝังใจตลอดมาจนทุกวันน้ีมิได้จืดจางรางเลือนไปเลย
นับแต่ขณะท่ีวัฏจักรได้ถูกคว่�ำลงจากใจเพราะความเพียรสังหารแล้ว สถานที่น้ันได้
กลายเปน็ ท่บี รมสุขในอิริยาบถท้ังหลายตลอดมา ราวได้เขา้ เฝ้าพระศาสดาในสถานท่ี
ตรัสรู้และท่ีทรงบ�ำเพ็ญเพียรในที่ต่างๆ โดยตลอดทั่วถึงฉะนั้น หายสงสัยใน
พระพุทธเจ้าแม้ทรงปรินิพพานไปนานตามกาลของสมมุติ ประหนึ่งประทับอยู่บน
ดวงใจเราทกุ ขณะ มไิ ดท้ รงจากไปตามกาลแหง่ ปรนิ พิ พานเลย หายสงสยั ในพระธรรมวา่
มาก น้อย ลกึ ตน้ื หยาบ ละเอยี ด ท่ีประทานไวแ้ กม่ วลสัตว์ ปรากฏว่าพระธรรม
เหล่าน้ันสถิตอยู่ในใจดวงเดียว และใจดวงเดียวบรรจุธรรมไว้อย่างพร้อมมูล
ไมม่ อี ะไรบกพรอ่ ง หายสงสยั ในพระสงฆส์ าวกองคส์ ปุ ฏปิ นั โน ผบู้ รสิ ทุ ธท์ิ งั้ สามรตั นะ
นไี้ ดเ้ กยี่ วเนอื่ งเชอื่ มโยงเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ภายในใจมคี วามเปน็ อยดู่ ว้ ย พทุ ธะ
ธัมมะ และสังฆะ องค์บริสุทธ์ิรวมกันเป็นธรรมแท่งเดียว มีความสบายหายห่วง
นบั แตบ่ ดั นนั้ เปน็ ตน้ มา ไมม่ เี ครอ่ื งกดถว่ งลวงใจ อยใู่ นอริ ยิ าบถใดกเ็ ปน็ ตวั ของตวั ไป
ตามอริ ยิ าบถนน้ั ๆ ไมม่ สี งิ่ กดขหี่ รอื แอบแทรกขอแบง่ กนิ แบง่ ใชเ้ หมอื นแตก่ อ่ นทอ่ี ยกู่ บั
นกั ขอทานโดยไมร่ สู้ กึ ตวั เดย๋ี วขอนน้ั เดยี๋ วขอนี้ อยทู่ กุ อริ ยิ าบถ คำ� วา่ ขอนนั่ ขอนี่ นน้ั
ทา่ นหมายถงึ กเิ ลสตวั บกพร่องขาดแคลน ไม่มีเวลาอิ่มพอประจ�ำนสิ ยั ของมนั เมือ่ มี
อ�ำนาจตั้งบา้ นเรอื นบนหวั ใจคนและสตั วแ์ ลว้ จึงตอ้ งท�ำการบงั คบั หรอื ขออยู่ไม่ถอย
ซง่ึ เปน็ งานประจำ� นสิ ยั ของมนั โดยขอใหค้ ดิ อยา่ งนนั้ ขอใหพ้ ดู อยา่ งน้ี ขอใหท้ ำ� อยา่ งโนน้
ตามอ�ำนาจของมันอยู่ไม่หยุด ถ้าไม่มีธรรมไว้ปิดกั้นความร่ัวไหลจากการบังคับและ
การขอเอาอยา่ งดื้อดา้ นของเหลา่ กิเลส จึงมักแบง่ หรือเสียให้มนั เอาไปกินจนหมดตวั
ไมม่ คี วามดตี ดิ ตวั พอเปน็ เครอื่ งสบื ภพตอ่ ชาตเิ ปน็ คนดมี ศี ลี ธรรมตอ่ ไปได้ เกดิ ภพใด
ชาตใิ ดกล็ ว้ นแตเ่ กดิ ผดิ ทผ่ี ดิ ฐาน ไมม่ คี วามสำ� ราญบานใจไดบ้ า้ งพอควรแกภ่ พกำ� เนดิ

43


Click to View FlipBook Version