ท่สี ดุ ของธรรม คือการพ้นทกุ ข์
ทส่ี ดุ ของโลก มันไมม่ ี
สังเวชนยี ธรรม
พระอธกิ ารเปลยี่ น ปญญฺฺ าฺ ปทีโป
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงคุณของปัญญาไว้ว่า ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต. ความว่า
ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก.
พระอธิการเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป เจ้าอาวาสวัดอรัญญวิเวก อำาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระเถระ
ในฝ่ายวิปัสสนาธุระ ผู้กอปรด้วยศีลาจารวัตรงดงาม ถึงพร้อมด้วยเนกขัมมปฏิปทาน่าเลื่อมใส ได้บำาเพ็ญกรณียะ
ในฐานะพระภิกษุผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ด้วยการแสดงธรรมแก่พุทธบริษัทถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
จนตลอดชีวิตของท่าน ดังปรากฏพยานเป็นหนังสือและแถบบันทึกเสียงจำานวนมากยังคงเป็นมรดกธรรมสู่อนุชน
ท่านเป็นผู้มีไมตรีจิตหาโอกาสมาเยี่ยมเยือนข้าพเจ้าหลายวาระ ทำาให้ได้ทราบชัดว่าเป็นผู้งามด้วยอัตหิตสมบัติ
และปรหิตปฏิบัติ มีจริยวัตรฉายชี้คุณธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนา คือ “ปัญญา” อันยังแสงสว่างในโลก ดุจประทีป
ขจัดความมืดเขลาให้เบาบางไป สมดังฉายา “ปญฺญาปทีโป” ทุกประการ
ขอกุศลธรรมที่ท่านได้กอปรไว้ด้วยดี กับทั้งกุศลทักษิณานุประทานกิจที่สาธุชนร่วมบำาเพ็ญอุทิศถวาย จงเป็น
พลวปัจจัยเพิ่มพูนบารมีธรรมแด่ พระอธิการเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ผู้ถึงมรณภาพไปแล้วนั้น ตามควรแก่คติวิสัย
ทุกประการ เทอญ.
(สมเดจ็ พระอริยวงศาคตญาณ)
สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
๖ ธันวาคม ๒๕๖๑
4 | ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์
ปญญฺ าปทโี ปนสุ รณ์ | 5
6 | ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์
ปญญฺ าปทโี ปนสุ รณ์ | 7
กตญั ญกู ตเวทติ าธรรม
หลวงปู่เปลีย่ น ปญฺญาปทีโป เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เลิศทั้งปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรม
เป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระอีกท่านหนึ่งในสมัยกึ่งพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคสมณโคดม
ผบู้ รสิ ทุ ธิ์บรบิ รู ณ์
พวกเราทัง้ หลาย ทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่มีวาสนาได้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่รู้สึกปลาบปลื้มใน
ปฏิปทาอนั หมดจด การบ�าเพ็ญเพยี รอยา่ งอกุ ฤษฏ์ จติ ใจอนั เป่ียมด้วยเมตตา การแสดงธรรมอนั งดงาม ท้ังการทุ่มเท
ทา� กจิ เพอ่ื พระศาสนาอยา่ งเตม็ กา� ลงั ของหลวงปู่ ทา� ใหพ้ วกเราสา� นกึ ในบญุ คณุ และนอ้ มนา� ธรรมมาสตู่ น ไมป่ ระมาท
ในชีวิต ไม่ประมาทในจติ ไม่ประมาทในกรรม ไม่ประมาทในธรรม
ในวาระท่หี ลวงปจู่ ากโลกน้ไี ป พวกเราท่ียังไม่ถึงท่ีสุดแหง่ ธรรมย่อมมคี วามอาลยั บา้ งเป็นธรรมดา แตห่ ลวงปู่
สอนเสมอว่าพระนิพพานเป็นสุขจริง ๆ ให้พวกเราตั้งใจปฏิบัติตามท่านไป พวกเราจึงจักตัง้ ใจระงับความอาลัย
และความวุ่นวายทัง้ หลาย พากันทุ่มเทพากเพียรปฏิบัติให้ถึงทีส่ ุดแห่งธรรมเพือ่ สืบพระศาสนาเช่นหลวงปู่ให้ได้
อันจักเปน็ การสนองคุณหลวงปู่อยา่ งแท้จริงทไ่ี ด้ทุ่มเทเพ่ือพระศาสนาและพวกเราอยา่ งหาผเู้ สมอเหมือนไดย้ าก
พระครธู รรมวิวัฒนคณุ (เจริญ จตตฺ สลโฺ ล)
เจ้าอาวาสวดั อรัญญวเิ วก, เจ้าคณะอา� เภอแม่แตง (ธ)
และคณะศิษยานุศิษย์
พิธบี ำ�เพญ็ กศุ ลถว�ยแด่องคห์ ลวงป่เู ปลย่ี น ปญญฺ �ปทีโป
๑๐๐ วนั แรก ระหว่�งวนั ศุกรท์ ี่ ๑๖ กุมภ�พนั ธ์ - วันศกุ รท์ ่ี ๒๕ พฤษภ�คม พ.ศ. ๒๕๖๑
ÊÒúÞÑ
บูรพาจารย์ของหลวงปู่เปลี่ยน ปฺาปทีโป
หลวงปมู่ ั่น ภูรทิ ตฺตเถร
หลวงปู่พรหม จิรปญุ โฺ ญ หลวงปู่ตอื้ อจลธมฺโม หลวงป่แู หวน สจุ ิณโฺ ณ
หลวงปเู่ ทสก์ เทสรํสี หลวงปู่ชอบ านสโม
หลวงปขู่ าว อนาลโย หลวงปูส่ ิม พทุ ธฺ าจาโร
สวดมนต์ทั้งเช้าทั้งค�่านี่นะ จะแผ่เมตตาหมดเลย
จะแผ่เมตตาถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ ก่อน
ตามทีห่ ลวงปู่แหวนท่านสั่งไว้ แล้วก็แผ่ให้พระหมดทุกองค์
ทัง้ ประเทศและนอกประเทศด้วย ให้พระทุกองค์ไปนิพพาน
บรรลุธรรมหมด ความเมตตาของผม อยากให้ทุกองค์นัน้
มีดวงตาเห็นธรรม น�าตนเองเข้าสู่นิพพานหมด อยากให้ทุกองค์
มีคุณธรรมถึงขนาดนี้ แล้วก็มองศรัทธาญาติโยมหมดประเทศไทยนี้เลย
ให้ทุกคนมีเมตตาอารีต่อกัน ไม่รบราฆ่าฟันรันแทงกัน
แล้วก็หมดทัว่ โลกเลย เมตตาไม่มีวันว่างเลย
หลวงปู่เปลีย่ น ปฺาปทโี ป
วยั เยาว์
ขุนจุลราชภกั ดี หลวงปู่เปลี่ยน นามสกุลเดิม วงษาจันทร์ เกิดเมือ่ วันที่
18 | ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๑๔ คำ่า
เดือน ๑๒ ปีระกา ณ บ้านโคกคอน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน
จ.สกลนคร บิดาชื่อ กิ่ง มารดาชื่อ อรดี สกุลเดิม จุลราชภักดี
บิดามารดาทำาการค้าขายมีฐานะดี คุณตาเป็นกำานันอยู่ที่ ต.โคกสี
ชือ่ ขุนจุลราชภักดี คุณยายชือ่ นางดา คุณยายรักหลานคนนีม้ าก
จงึ ขอจากบดิ ามารดาไปอยดู่ ้วยเม่อื ทา่ นมอี ายุไดป้ ระมาณ ๓ ขวบ
หลวงปู่เปลี่ยนมีพีน่ ้องร่วมบิดามารดา ๖ คน เป็นผู้ชาย
๕ คน ผู้หญิง ๑ คน มีช่ือตามลำาดับดังน้ี
๑. นายสมบิน วงษาจนั ทร์ (ถงึ แก่กรรม)
๒. นายคาำ ป่ิน วงษาจนั ทร์ (ถงึ แกก่ รรม)
๓. หลวงปเู่ ปลยี่ น ปญฺญาปทีโป (ละสังขาร ๑๕ ก.พ. ๖๑)
๔. นายเหรยี ญ (วงษาจันทร์) นันตสตู ร (ถงึ แก่กรรม)
๕. นางหนจู ีน (วงษาจันทร)์ ธรรมจติ ร (ถงึ แกก่ รรม)
๖. นายถวิล วงษาจนั ทร์ (ถงึ แกก่ รรม)
การศึกษา
การศึกษาในระยะแรก ได้เรียนกับคุณตาคุณยายที่บ้าน
เพราะระหวา่ งน้นั เกดิ สงครามมหาเอเชยี บรู พา (สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒)
ต่อมาได้เข้าโรงเรียนบ้านโคกคอน เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
เมอ่ื อายุ ๑๑ ปี สอบไดท้ ี่ ๑ ในชั้น ท่านอยากจะเรียนตอ่ แตม่ ารดา
ตอ้ งการใหท้ ่านมาชว่ ยทางการคา้ ของบิดา ทา่ นจงึ ตอ้ งปฏิบตั ติ าม
การอาชพี ภาพของหลวงปู่เปลีย่ นก่อนอปุ สมบท
ถา่ ยเม่อื พ.ศ. ๒๔๙๔ ขณะอายุ ๑๘ ปี
ในการชว่ ยการคา้ ของบดิ า บางคร้งั ทา่ นตอ้ งออกเดนิ ทางไปซอ้ื ของถงึ
จ.อุดรธานี โดยนงั่ รถโดยสารบ้าง รถบรรทุกหรือรถขายถ่านบ้าง สินค้า
ส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือเครือ่ งใช้ทั่วไป เมื่อถึงฤดูทำานาเก็บเกี่ยวข้าวได้มาก
จึงขยายกิจการไปค้าขายข้าวเปลือกกับโรงสีใหญ่ ๆ ด้วย หลังผ่านการ
เกณฑ์ทหารแล้ว ท่านหันไปสนใจด้านการแพทย์ ได้เรียนรู้เรื่องยาและ
การรกั ษาคนไข้จากหมอประจำาอำาเภอซึง่ เป็นญาติกัน แต่มารดาต้องการให้
ทา่ นดูแลการคา้ ต่อไป จงึ ไม่อนญุ าตให้ท่านไปศึกษาต่อทางด้านนี้
โดยทีท่ ่านเป็นผู้มีความรับผิดชอบในการงาน กอปรกับมีฐานะการ
เงนิ ดี ญาตพิ ่นี อ้ งและผใู้ กลช้ ดิ จงึ ไวใ้ จ ไดพ้ ากนั นาำ เงนิ มาฝากทา่ นเสมอื นหน่งึ
เป็นธนาคาร ท่านก็เก็บรักษาให้พวกเขาโดยไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน
ท่านทำาให้กับทุกคนด้วยความรักและนับถือสมกับที่พวกเขาวางใจท่าน
ต�ารายาและกระเปา๋ ฉดี ยา
ของหลวงปู่สมยั เปน็ ฆราวาส
ปญญฺ าปทโี ปนสุ รณ์ | 19
กอ่ นบวช หลวงป่พู รหม จิรปุญฺโญ
ต้งั แตอ่ ายุ ๑๑-๑๒ ปี ทา่ นจะทา� หนา้ ทไี่ ปรบั พระทว่ี ดั เมอ่ื ทางบา้ น
มีงานบุญ จึงได้เห็นวิธีเดินจงกรมของพระอาจารย์ลี ติ ธมฺโม วัดป่า
บา้ นตาล ซง่ึ ไดแ้ นะนา� ทา่ นใหไ้ ปหาหลวงปพู่ รหม จริ ปญุ โฺ ญ หลวงปพู่ รหม
ได้เดินจงกรมให้ดู และสอนให้หลวงปู่เปลีย่ นเดินด้วย หลวงปู่พรหมจึง
ถือเป็นพระอาจารย์องค์แรกของท่าน
หลวงปู่พรหมชวนให้ท่านบวช ท่านก็อยากบวชมากจนนอน
ไม่หลับ คิดเร่ืองการบวชตลอดเวลา หลวงปู่พรหมใหล้ าบิดามารดาก่อน
มารดาท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มัน่ ไปจ�าศีลที่วัดหลวงปู่ครัง้ ละ
๓ คืน ๔ คืน แต่เม่ือท่านขออนุญาตมารดาบวชตอนอายุ ๑๒ ปี ก็
ยังไม่ได้รับอนุญาต ท่านก็ขอบวชมาเรื่อย ๆ ทุกปี จนพี่ชายท้ง ๒ คน
บวชแล้ว ท่านก็ยังไม่ได้รับอนุญาตจากมารดาท่าน ระหว่างรอคอยทีจ่ ะ
บวช ท่านก็เข้าวัดสวดมนต์กับครูบาอาจารย์ไปเรื่อย ๆ
ใน พ.ศ. ๒๔๙๗ บิดาของท่านถึงแก่กรรมด้วยวัณโรค และ
เมือ่ คุณลุงถึงแก่กรรมอีกคนหนึง่ ใน พ.ศ. ๒๕๐๒ หลวงปู่เปลีย่ น
จึงใช้ความพยายามขอบวชอีกครัง้ ซึ่งมารดาและคุณตาอนุญาตให้
บวชเพียง ๗ วัน
ก่อนท่ีจะบวช ท่านได้คืนเงินทีร่ ับฝากไว้ตัง้ แต่ท่านอายุ ๑๒ ปี
จนถึง ๒๕ ปีให้กับเจ้าของจนหมด หลังจากท่านส่งเงินคืนหมดแล้ว
จติ ใจกส็ บายเหมอื นไดเ้ หาะอยบู่ นอากาศ มคี วามสขุ หมดหว่ ง เตรยี มตวั
บวช ระหว่างเตรียมตัวบวช ท่านได้หัดขานนาคและฝึกสวดมนต์เจ็ด
ต�านาน จนสามารถสวดได้เกือบหมดเล่มภายในเวลา ๔๐ วัน โดยมี
พระอาจารย์สุภาพ ธมฺมปญฺโญ เป็นครูผู้ฝึกสอน
20 | ปญญฺ าปทีโปนุสรณ์
พระครูอดุลสังฆกจิ พระครพู พิ ิธธรรมสนุ ทร การบวช
(พระอปุ ัชฌาย์) (พระกรรมวาจาจารย)์
หลวงปู่เปลี่ยนเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดธาตุมีชัย
หนังสือสุทธิของหลวงปู่เปลี่ยน บ้านโคกคอน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
เมอื่ วันที่ ๓๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๐๒
พระครูอดุลสงั ฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูพพิ ธิ ธรรมสุนทร เปน็ พระกรรมวาจาจารย์
ได้ฉายาวา่ ปญญฺ าปทีโป
เมอ่ื บวชแลว้ ท่านไปอยู่วัดทงุ่ สวา่ ง ซ่งึ อย่ใู กล้กับ
วดั ธาตมุ ชี ยั ทา่ นมคี วามสบายกายสบายใจมาก เพราะได้
ปลอ่ ยวางภาระตา่ ง ๆ ท่รี บั มาต้งั แตอ่ ายุ ๑๒ ปี หลงั บวช
ได้ ๑๘ วัน โยมมารดาก็ขอให้สึกเพราะเลยก�าหนดเวลา
แล้ว แต่ท่านขอบวชต่อให้ครบ ๑ พรรษา
จิตสงบครั้งแรก
เมื่อบวชได้ ๒๑ วัน ท่านนึกถึงค�าปฏิญาณ
ต่อพระพุทธปฏิมากรเมือ่ วันบวช “การท�าให้แจ้งซึง่
พระนิพพานเปน็ หน้าท่ขี องพระทกุ องค์ท่ไี ดม้ าบวชใน
ศาสนา” ทา่ นจงึ จดั ทา� ทางสา� หรบั การเดนิ จงกรม วนั แรก
ท่านเดินจงกรมติดต่อกันนานถึง ๒ ชัว่ โมง จึงเปลี่ยน
อิริยาบถไปนั่ง โดยนัง่ เก้าอี้พิงพนัก ตัง้ สัจจะว่า “ถ้ายุง
ตัวใดจะดูดกินเลือด ก็จะถือเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา
สังฆบูชา เพือ่ ปฏิบัติธรรมตามค�าสอนของพระพุทธเจ้า
แม้จะต้องเป็นไข้มาลาเรียตายก็ยอม รุ่งขึ้นเช้าไป
บิณฑบาตมา ฉันแล้วก็เปลี่ยนเป็นเลือดได้” และ
ปล่อยวางจิตเข้าสู่สมาธิแล้วหายไปหมดทั้งร่าง ไม่รู้สึก
อะไร เป็นความสงบครั้งแรกในชีวิตทีย่ าวนานเกือบ
๓ ชั่วโมงครึ่ง นับแต่นั้นมา ท่านได้เดินจงกรมและ
ท�าสมาธิให้ใจสงบทุกวันไม่เคยขาดเลย
ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์ | 21
“การท�าให้แจ้งซ่ึงพระนิพพาน
เป็นหน้าทีข่ องพระทุกองค์
ที่ได้มาบวชในศาสนา”
พระประธานในอโุ บสถ วดั ธาตุมชี ัย
ท�าวัตรหลวงปูพ่ รหม จิรปุญโฺ ญ
กอ่ นเขา้ พรรษา พระอาจารยส์ ภุ าพไดน้ าำ หลวงปเู่ ปล่ยี นและพระในวดั ทงุ่ สวา่ ง พระอาจารยล์ ี
ติ ธมฺโม วัดป่าบ้านตาล พระอาจารย์อ่อนศรี านวโร วัดธรรมกิ าราม พระในวัดของพระอาจารย์ผาง
ปรปิ ุณโฺ ณ กบั วดั ธรรมยตุ ในละแวกน้ัน ไปทาำ วตั รหลวงปพู่ รหม จริ ปุญโฺ ญ ทว่ี ดั ประสิทธธิ รรม บา้ นดงเย็น
อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลวงปู่พรหมได้เทศน์เรือ่ งปฏิสงั ขาโย เฉพาะทุกข์และสมุทยั เท่านนั้
คืนนนั้ เวลาประมาณสีท่ ุ่มครึง่ ท่านนกึ ถึงคำาเทศน์ของหลวงปู่พรหมเม่ือตอนเย็น จิตลงสู่
ความสงบ ปรากฏว่าตัวท่านไปนัง่ อยู่ข้างหน้าหลวงปู่พรหมในกุฏิของหลวงปู่ หลวงปู่พรหมได้เทศน์
เรอื่ ง ทุกข์ สมุทัย นโิ รธ มรรคให้ฟัง และเร่งให้ปฏิบัตมิ าก ๆ เดินจงกรมให้มาก นงั่ ภาวนาให้มาก
ให้ท�าทุกขณะ เมื่อภาวนาแล้ว ตวั จะเบามากเหมือนลอยขนึ้ ไปในอากาศ ต้องระวงั ให้ดี เมือ่ ผ่าน
ภาวะน้ีแล้วขอให้เป็นผู้มีสตปิ ัญญา แยกกายกับจติ ออกจากกันให้ได้
22 | ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์
บา้ นเกดิ หลวงป่เู ปล่ยี น ปญฺญาปทโี ป
พรรษาท่ี ๑๕๐๒ วัดทงุ่ สว่าง บา้ นโคกคอน ต.โคกสี
๒ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
พระอาจารย์สภุ าพ ธมมฺ ปญฺโญ ในพรรษานีพ้ ระอาจารย์สุภาพ ธมฺมปญฺโญ ที่มีพรรษามากที่สุดเป็น
ประธานสงฆ์ หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ มีกิจนิมนต์มาฉันทีว่ ัดบ่อย ๆ แต่
หลวงปู่เปลีย่ นไม่กล้ากราบเรียนถามอะไร เพียงกราบนมัสการทำาความ
เคารพเท่านั้น หลวงปู่เปลี่ยนได้ทำาความเพียรอย่างมากตลอดพรรษา
หลวงปู่พรหมจะมาสอนท่านในสมาธิอย่างน้อยเดือนละ ๒ คร้ัง เมือ่ ออก
พรรษาวันแรก โยมมารดามาถามท่านถึงเรือ่ งการสึก หลวงปู่เปลี่ยนขอผัด
ให้รับกฐินก่อน พอรับกฐินเสร็จ หลวงปู่เปลี่ยนก็กราบลาพระอาจารย์สุภาพ
ออกธุดงค์ทันที เพือ่ ไปแสวงหาครูบาอาจารย์ทีจ่ ะสามารถแนะนำาเรือ่ งการ
แก้ปัญหาทีจ่ ิตสงบนิ่งไปไม่รู้ตัว ซึ่งท่านไม่กล้าถามหลวงปู่พรหมเพราะท่าน
เกรงกลัวหลวงปู่มาก
การออกธุดงค์ครง้ั ที่ ๑
ภาคอีสาน
หลวงปเู่ ปลี่ยนไปหาพระอาจารยอ์ ่อนศรี านวโร วดั ธรรมิการาม บา้ นบึงโน อ.สว่างแดนดนิ จ.สกลนคร
ซึ่งไม่สามารถตอบปัญหาของท่านเรือ่ งจิตได้ จึงเดินทางต่อไป โดยมีพระที่วัดพระอาจารย์อ่อนศรีองค์หนึง่ และ
พระที่วัดทุ่งสว่างที่ตามมาสมทบอีกองค์หนึง่ รวม ๓ องค์ ออกธุดงค์ไปด้วยกัน ทั้ง ๓ องค์เดินทางไปที่สำานักสงฆ์
บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.สกลนคร พักอยู่ ๑๐ วัน มีสามเณรติดตามมาอีก ๑ องค์ มุ่งหน้าไปบ้านโพธิ์ อ.บ้านผือ
จ.อุดรธานี ทีบ่ ้านโพธิ์ท่านได้ยินกิตติศัพท์ความเคร่งครัดของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ และได้ยินว่าท่าน
กำาลังปฏิบัติธรรมอยู่ทีด่ งหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ทั้ง ๔ องค์จึงออกติดตามไปทางดงศรีชมภู เดิน
บุกป่าทึบจนถึงดงหม้อทอง แต่ท่านพระอาจารย์จวนได้ออกธุดงค์ต่อไปแล้ว หลวงปู่เปลี่ยนจึงพักในกุฏิท่าน
พระอาจารย์จวน ท่านได้ลงไปเดินจงกรมที่พลาญหินข้างล่างจนถึงเที่ยงคืน แล้วเข้าไปภาวนาต่อในกุฏิ
24 | ปญญฺ าปทโี ปนสุ รณ์
วัดถ�า้ จนั ทน์ ดงศรีชมภู
แม่น้�าโขง หนองคาย โพนพิสัย โซ่พสิ ยั พลาญหนิ ท่ีดงหม้อทอง
อทุ ยานแห่งชาติ
นายูงน้�าโสม บ้านม่วง อุทยานแห่งชาตภิ ลู ังกา
บ้านดงุ
เลย นครพนม
บ้านผอื อดุ รธานี วานรนิวาส
สว่างแดนดนิ
สกลนคร
บำาเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วัน จึงออกธุดงค์ต่อ ผ่านบ้านสงเปือยจนถึงบ้านดงขีเ้ หล็ก อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ปรากฏว่า
ท่านพระอาจารย์จวนเพิง่ จะเดินทางจากไป
ทีพ่ ักบ้านดงขีเ้ หล็กเป็นสำานักสงฆ์ร้าง มีกุฏิพระใกล้หมู่บ้านอยู่ ๓ หลัง ส่วนหลวงปู่เปลีย่ นพักอยู่
อีกหลังในป่าลึกห่างจากหมู่บ้านมาก เวลาท่านนัง่ สมาธิ จะได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ใต้ถุนทั้งผู้หญิงผู้ชายแต่
ไม่เห็นตัว บางทีเดินจงกรมอยู่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงสาวร้องเพลงมาตามลำาห้วยจะเข้ามาหา เป็นภาษาที่ไม่รู้จัก
เดินตามไปดูใกล้ ๆ ก็ไม่เห็น เดินกลับมาก็ได้ยินเสียงร้องเพลงตามหลังมา ท่านได้พักอยู่ที่บ้านดงข้ีเหล็ก
ถึง ๑๙ วัน ได้ปฏิบัติภาวนาจนทราบว่าสถานทีน่ ี้เป็นเมืองเก่าโบราณ เป็นทีอ่ ยู่ของภพภูมิขอม ท่านชอบทีน่ ี่
มากเพราะการปฏิบัติธรรมก้าวหน้าดีสมกับความตัง้ ใจของท่าน
ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์ | 25
เธอนมี้ ันตดิ สมมุติ
ต้องเปลี่ยนสมมุติใหร้ ู้
ข้ามสมมตุ ใิ หไ้ ด้
พระอาจารย์จวน กลุ เชฏโฺ
จากนั้น หลวงปู่เปลีย่ นออกเดินทางต่อไปถ้ำาจันทน์ ดงศรีชมภู ได้พบท่านพระอาจารย์
จวนไปปฏิบัติธรรมอยู่บนตน้ ไมใ้ นเหว ทา่ นพระอาจารยจ์ วนไดพ้ ูดธรรมะให้ฟงั ส้นั ๆ วา่ “เธอนี้
มนั ตดิ สมมตุ ิ ตอ้ งเปล่ยี นสมมตุ ใิ หร้ ู้ ขา้ มสมมตุ ใิ หไ้ ด”้ หลวงปเู่ ปลย่ี นฟงั แลว้ กพ็ อใจ คมุ้ กบั ความ
เหนอื่ ยยากทีไ่ ดต้ รากตราำ ฟนั ฝ่าเอาชวี ติ ไปพบ
หลงั จากถามธรรมะทา่ นพระอาจารยจ์ วนพอสมควรแลว้ หลวงปเู่ ปลย่ี นจงึ เดนิ ทางไปพกั
ทส่ี าำ นกั สงฆบ์ า้ นหนองแวง อ.โซพ่ ิสยั จ.หนองคาย เมอ่ื กลับมาวดั ท่งุ สวา่ ง โยมมารดากม็ าขอให้
สกึ อกี หลวงปเู่ ปล่ยี นยนื ยนั ทจ่ี ะอยใู่ นศาสนาตอ่ ไป ครง้ั น้ที า่ นไดเ้ ดนิ ทางไปท่บี า้ นและมอบสมบตั ิ
ตา่ ง ๆ ของทา่ นให้แก่พี่ชายและนอ้ งชายจนหมด
26 | ปญญฺ าปทโี ปนสุ รณ์
ผมเปน็ อาจารย์ของท่านนะ การออกธุดงคค์ รัง้ ท่ี ๒
ท่านเปน็ ยังไง ๆ กใ็ ห้บอกผม
ภาคใต้
หลวงปูเ่ ทสก์ เทสรสํ ี
ประจวบคีรีขนั ธ์ ระหว่างอยู่ทีว่ ัด คุณลุงของท่านซึง่ เคยบวช
นานถึง ๕ พรรษา แล้วสึกออกมาประกอบอาชีพจน
ชุมพร มีฐานะร�า่ รวยแต่ไม่เข้าวัด ได้ถึงแก่กรรมลงไปอีก
คนหนึ่ง หลวงปู่เปลีย่ นเป็นผู้ท�าพิธีฌาปนกิจให้ เมือ่
สุราษฎร์ธานี วดั เจรญิ สมณกิจ ท่านพิจารณาแล้วก็เกิดความสลดใจว่า คนเราเกิดมา
ภเู ก็ต นครศรีธรรมราช มีเงินทองแค่ไหนก็ตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้
แล้วก็ถูกเผาเหลือแต่ฝุ่นเท่านัน้
ตรัง
ท่านจึงออกธุดงค์จากวัดทุ่งสว่างไปเพียงองค์
เดียวถึงวัดศรีสะอาด อ.สว่างแดนดิน ท่านได้พบกับ
พระอาจารย์จันดี เขมปญฺโญ และหลวงพ่อสุพรรณ
จนฺทว�โส ทีว่ ัดศรีสะอาดนี้ หลวงปู่เปลี่ยนได้ภาวนา
นานถึง ๓ ชัว่ โมงเศษ จนได้อสุภกรรมฐานเห็นคน
กลายเป็นกองกระดูกไป
หลวงปเู่ ปลี่ยน พระอาจารยจ์ ันดี และหลวงพอ่
สุพรรณ ต่างต้องการหาครูบาอาจารย์ ทัง้ หมดจึงออก
เดินทางไปภาคใต้ มีจุดหมายอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ระหว่าง
ทางได้แวะพักที่ อ.หัวหิน แล้วเดินทางต่อไป จ.ชุมพร
จ.สรุ าษฎรธ์ านี จ.นครศรธี รรมราช และ จ.ตรงั ตามลา� ดบั
จากนัน้ นัง่ เรือไป จ.ภูเก็ต ไปพักทีว่ ัดเจริญสมณกิจ
ทีว่ ัดนีห้ ลวงปู่เปลีย่ นได้เห็นหลวงปู่เทสก์ เทสร�สี เดิน
จงกรมอยู่ ท่านชอบใจลักษณะการเดินจงกรมของ
หลวงปู่มาก นัง่ ดูอยู่เป็นชัว่ โมงจนหลวงปู่หยุดเดิน
หลวงปไู่ ดเ้ ดนิ ออกมาพบทา่ นและพดู คยุ ดว้ ยจนทราบวา่
หลวงปู่เปลี่ยนมาแสวงหาครูบาอาจารย์เพื่อภาวนา
หลวงปู่เทสก์ได้กล่าวว่าจะเป็นอาจารย์สอนให้ มีข้อ
ขัดข้องอะไรให้ไปถามได้เวลาหลวงปู่ว่าง
ปญญฺ าปทโี ปนุสรณ์ | 27
พรรษาที่ ๒๐๕๒ วดั ราษฎรโ์ ยธี บา้ นโคกกลอย
๓ ต.โคกกลอย อ.ตะกัว่ ทงุ่ จ.พังงา
พระอาจารย์คำาพอง ติสฺโส ได้มาขอให้หลวงปู่ หลวงปู่พรหม จิรปุญโฺ ญ
เปล่ียนไปจำาพรรษาท่ีวดั ราษฎรโ์ ยธี ในพรรษานี้หลวงปู่
เปล่ียนเรง่ ปฏิบตั ิ ลดอาหารลงเหลอื เพียง ๕ ช้อนต่อวนั จ.ภเู ก็ต ว่า “อาหารการกินเปน็ เรื่องของขนั ธ์ ๕ เราฉนั
แล้วเพิม่ เป็น ๗ ช้อนบ้าง ๙ ช้อนบ้าง ลดบ้างเพ่ิมบ้าง เพยี งเลก็ นอ้ ย ๕ ชอ้ น ๑๐ ชอ้ น เพื่อเลีย้ งขนั ธ์ ๕ ใหอ้ ยู่
ท่านนง่ั ภาวนาจนสามารถตดั เสยี งตา่ ง ๆ ทีไ่ ดย้ ินนัน้ ได้ ได้ ไม่กนิ มนั ตาย ส่วนสขุ เป็นเรอื่ งของใจ เรอ่ื งของกาย
ทันที ไม่คำานึงถึงเสียงรอบตัวท่านเลย ท่านยังได้ค้นคว้า ต้องกินอาหาร” หลวงปู่เทสก์เล่าว่าเมื่อครัง้ ที่ท่านไปจำา
อา่ นพระไตรปฎิ กและหนงั สอื ธรรมประเภทอ่นื ดว้ ย สว่ น พรรษาที่ภาคเหนือกับพวกชาวเขาเผ่ามูเซอ ท่านเคย
หลวงปู่พรหมยังคงตามไปสอนหลวงปู่เปลี่ยนในสมาธิ เกิดปีติจนหมดความอยากในอาหารเช่นเดียวกัน แต่ก็
เสมอ เวลาท่านลอยมาเหมือนเป็นตัวมา นัง่ หลับตา พยายามฉนั
จะเห็นตัวท่านนัง่ อยู่ใกล้ ๆ พอลืมตาก็ไม่มีเลย แต่พอ
หลับตาท่านก็นั่งอยู่ทีเ่ ดิม หลวงปู่เปลีย่ นจะลองเอา
มือไปจับขาท่านก็ไม่ถูก เพราะเป็นจิตที่ส่งมาสอนด้วย
ความเมตตา เมื่อหลวงปู่สอนเสร็จก็ลอยออกไปทาง
หน้าต่าง
หลวงปู่เทสก์ได้ตักเตือนเรื่องการอดอาหารของ
หลวงปู่เปลี่ยน เมื่อหลวงปู่เปลี่ยนไปหาหลวงปู่เทสก์ที่
การออกธุดงค์ครง้ั ท่ี ๓
ภาคใต้
ออกพรรษาแล้ว หลวงปู่เปลี่ยนย้ายไปพักที่วัดเขาควนดิน อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ได้พบกับพระอาจารย์เนตร
จิรปุญฺโญ ได้ปฏิบัติธรรมร่วมกันพักหนึ่ง พระอาจารย์เนตรก็ออกธุดงค์ต่อไป ต่อมาพระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจ
ได้มาอยู่ปฏิบัติด้วยประมาณเดือนครึ่ง หลวงปู่เปลีย่ นได้ขอร้องคะยั้นคะยอให้พระอาจารย์สุวัจน์เทศน์ให้ฟัง
พระอาจารย์สุวัจน์ได้เทศน์เรือ่ งอนัตตา เรือ่ งตัดธาตุตัดขันธ์ภายใน ซึ่งท่านเทศน์ได้ดีมาก หลังจากน้ันพระอาจารย์
สุวัจน์ได้ธุดงค์ต่อไปยังวัดบางเหนียว จ.ภูเก็ต
28 | ปญญฺ าปทโี ปนุสรณ์
ภาคใต้ ชุมพร แมน่ �้าโขง หนองคาย
ระนอง อุทยานแห่งชาติ หนองววั ซอ
นายงู น�า้ โสม สว่างแดนดนิ
วัดปา่ นิโครธาราม
เลย สกลนคร
อดุ รธานี
สุราษฎรธ์ านี หนองบัวลำาภู
พังงา นครศรธี รรมราช ภาคอีสาน
ภูเก็ต กระบี่
วดั ถ้�ากลองเพล
หลวงปู่เทสก์เดินทางมาสอนหลวงปู่เปลยี่ นทวี่ ัดเขาควนดิน หลวงปู่เปลีย่ นจึงมี หลวงปู่ขาว อนาลโย
โอกาสปรนนิบตั หิ ลวงปอู่ ยา่ งใกลช้ ดิ ทา่ นไดถ้ ามหลวงปเู่ ทสกเ์ รอ่ื งการน่งั สมาธขิ องทา่ นแลว้
จติ ดง่ิ ลกึ ลงไปอยู่ ๓ ชว่ั โมงคร่งึ โดยทา่ นไมร่ วู้ า่ จติ อยทู่ ไ่ี หน เพราะวา่ จติ ดบั หมดไมไ่ ดย้ นิ
เสยี งอะไรทง้ั ส้นิ จติ เปน็ สมาธมิ ากข้นึ แตก่ อ่ นน้ที า่ นยงั ไดย้ นิ เสยี งแตก่ ม็ ปี ตี มิ ากจนไมอ่ ยาก
จะฉนั อาหาร หลวงปเู่ ทสกช์ แ้ี จงวา่ อาการเชน่ นน้ั เรยี กวา่ นพิ พานพรหม จติ ดบั จนกระท่งั
ไมไ่ ดย้ นิ เสยี ง ไมร่ บั รอู้ ะไรจากภายนอก จติ ลงไปสสู่ ว่ นลกึ ท่สี ดุ เปน็ อปั ปนาฌาน เรยี กวา่
พรหมลกู ฟกั เป็นพรหมชัน้ สงู ถา้ ไมแ่ ก้ไขผู้นัน้ จะคิดวา่ ตนไดพ้ บพระนพิ พาน จะไป
ไหนไม่รอด หลวงปู่เทสก์ได้เล่าว่า หลวงปู่ขาว อนาลโย เมือ่ ติดตามไปอยู่กับหลวงปู่มั่น
ทางภาคเหนอื และพกั อยสู่ าำ นักสงฆอ์ รญั ญวเิ วก (วดั อรญั ญวเิ วก บา้ นปง) ไดน้ ง่ั สมาธติ ้งั แต่
๖ โมงเย็น ไปจนถงึ ๖ โมงเช้าวนั รงุ่ ขึน้ น้ำาคา้ งจบั รา่ งจนเปียกชมุ่ ทา่ นจึงรสู้ กึ ตวั ออกจาก
สมาธิ แต่ก็ไม่ทราบว่าจติ ไปอยู่ที่ไหน จึงไปถามหลวงปมู่ น่ั ซ่งึ ท่านสอนหลวงปขู่ าวเพียง
นิดเดียวคอื ใหห้ ลวงปูข่ าวต้งั ต้นใหม่ ตดิ ตามดูจิตตง้ั แต่เร่ิมตน้ เขา้ สมาธิ ใช้สตปิ ญั ญา
ตามดจู ติ ใหด้ วี า่ วางอารมณอ์ ะไรจงึ ดบั เสยี งไปหมด ใหด้ วู า่ จติ ไปอยทู่ ่ไี หนตอ้ งตามใหร้ ู้
เมือ่ ท่านได้รับคำาสอนจากหลวงปู่เทสก์แล้ว ท่านเร่ิมปฏิบัติทนั ทีเมอื่ ออกเดินทาง
กลับไปเยีย่ มมารดาซึ่งล้มป่วย ระหว่างทางได้แวะเยีย่ มหลวงปู่อ่อน ญาณสริ ิ ทีว่ ัดป่า
นโิ ครธาราม และหลวงปขู่ าว อนาลโย กับพระอาจารย์บุญเพง็ เขมาภริ โต ท่วี ดั ถำา้ กลองเพล
หลวงปู่เปลยี่ นได้เล่าปัญหาของท่านที่นัง่ ภาวนาจนจิตเป็นสมาธิแต่ไม่รู้ว่าหายไปไหนให้
หลวงปขู่ าวทราบ ซง่ึ หลวงปขู่ าวไดเ้ ลา่ ยืนยนั และยา้ำ ใหด้ จู ติ ของตนเองใหไ้ ด้ เมอ่ื ไดร้ บั คาำ แนะนาำ
จากหลวงปู่ขาวแล้ว ท่านจึงกลับไปวัดทุ่งสว่างและไปเยี่ยมมารดา ปรากฏว่าหายป่วยแล้ว
ปญญฺ าปทโี ปนุสรณ์ | 29
พรรษาที่ ๓๒๐๕ วดั ทุง่ สว่าง บา้ นโคกคอน ต.โคกสี ในพรรษานี้ หลวงปู่เปลยี่ นตั้ง
สัจจะวา่ “จะรบั บาตรเฉพาะเวลาเดนิ ทาง
๔ อ.สวา่ งแดนดิน จ.สกลนคร ออกจากวดั เทา่ นน้ั เทย่ี วกลบั จะไมร่ บั ของ
ใครทัง้ สนิ้ และไม่รับบาตรในบริเวณวัด
30 | ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์ เช่นกัน” การบณิ ฑบาตนชี้ าวบ้านจะใส่
แต่ข้าวเปล่า และนำาอาหารตามมาถวาย
ภายหลัง เมือ่ หลวงปู่เปลี่ยนไมร่ ับประเคน
ในเทยี่ วกลับ ท่านจึงได้ฉนั แต่ข้าวเปล่า
เป็นสว่ นมาก
หลวงปเู่ ปล่ยี นทาำ ทางเดนิ จงกรม
ยาวประมาณ ๒๐ เมตรไว้ข้างหน้ากุฏิ
ทพ่ี กั ทา่ นเดนิ จงกรมตามท่พี ระอาจารยล์ ี
หลวงปพู่ รหม หลวงปเู่ ทสกไ์ ดส้ ่งั สอนทา่ น
มา เดินทุกวันจนทางจงกรมเป็นร่องลึก
นา้ำ จะขงั เวลาฝนตกจนตอ้ งวิดน้าำ ออก
ถึงแม้หลวงปู่เปลี่ยนจะปฏิบัติ
ธรรมอย่างหนักไม่ท้อถอย เพือ่ จะติดตาม
ดูจิตตามทหี่ ลวงปู่เทสก์และหลวงปู่ขาว
แนะนำาก็ตาม ปรากฏว่าสมาธิของท่าน
ด่งิ ลงเรว็ มาก จติ จงึ ดบั ไมร่ บั รอู้ ะไร จงึ ได้
แต่สงบเท่าน้ัน
หลังจากออกพรรษาที่ ๓ แล้ว
พระอาจารยส์ ภุ าพแนะนาำ ใหห้ ลวงปเู่ ปล่ียน
สอบนกั ธรรมตรี ซ่งึ ท่านกส็ อบได้
กอ่ นออกธดุ งค์ หลวงปเู่ ปลย่ี นมใี จจะสงเคราะหม์ ารดา ทา่ นจงึ ขอปจั จยั จากมารดาของทา่ นมา
ซอ้ื ผา้ มงุ้ กลดใหมจ่ าำ นวน ๕๐ บาท เปน็ เพยี งคร้งั เดยี วเทา่ น้ันในชวี ติ การบวชของทา่ นทข่ี อปจั จยั ทง้ั นก้ี ็
เพ่ือผลบญุ น้ีจะได้ติดตามมารดาของท่านไปทุกภพทุกชาติ ซ่งึ มารดาของท่านก็รีบถวายทนั ที
การออกธดุ งคค์ รงั้ ท่ี ๔
ภาคอสี าน
ท่านได้ธุดงค์ไปหาพระอาจารย์อ่อนศรี วัดธรรมิการาม ได้เข้าไปฟังเทศน์หลวงปู่พรหม
ทีว่ ัดประสิทธิธรรม และได้พบกับหลวงปู่หงษ์ โอภาโส และพระอาจารย์อ่อน ญาโณทโย ทีว่ ัดดงบัง
(วัดศิริพันธวงศ์) อ.สว่างแดนดิน
วดั ประสิทธธิ รรม
วัดดงบัง
แมน่ ้�าโขง อทุ ยานแหง่ ชาติ หนองคาย
นายงู นา�้ โสม อดุ รธานี
บ้านดุง อทุ ยานแหง่ ชาตภิ ูลงั กา
เลย สว่างแดนดิน
นครพนม
อทุ ยานแห่งชาตภิ พู าน สกลนคร
อุทยานแห่งชาติภผู ายล
ปญญฺ าปทโี ปนสุ รณ์ | 31
พรรษาท่ี ๔๐๕๒ วัดทงุ่ สว่าง บ้านโคกคอน ต.โคกสี ก่อนเข้าพรรษา หลวงปู่เปลี่ยนได้พบกับหลวงปู่คำาดี ปภาโส
(วัดถา้ำ ผาปูน่ ิมติ อ.เมือง จ.เลย) ที่วัดประสิทธธิ รรม ซ่งึ ภายหลังมาพกั อยู่
๕ อ.สว่างแดนดนิ จ.สกลนคร กบั หลวงปู่เปลีย่ นทีว่ ัดท่งุ สวา่ งถงึ ๑๐ วัน และได้เมตตาชีแ้ จงข้อบกพรอ่ ง
ใหห้ ลวงป่เู ปล่ียนแกไ้ ขในการปฏบิ ตั ิธรรมเป็นอันมาก
หลวงปคู่ า� ดี ปภาโส
ระหว่างพรรษา หลวงปเู่ ปล่ียนเกิดเจ็บทอ้ ง ไดร้ บั ทกุ ขเวทนาแสน
สาหัส ไม่ทราบจะทำาอย่างไรดี จึงนั่งสมาธิจนจิตดิง่ ดับทัง้ ความรู้สึก
ภายในและภายนอก แตพ่ อออกจากสมาธิ ความเจบ็ ปวดยงั คงมีอยู่ ได้ให้
หมอมารักษา แต่พอหมดฤทธิย์ าก็เกิดเจ็บปวดขึ้นดังเดิมอีก เมือ่ รักษา
ดว้ ยยาไม่หาย ทา่ นจึงตั้งจิตว่า “ถ้าจะหายก็หาย ถา้ ไม่หายก็ตายไปเลย”
แลว้ กน็ ง่ั สมาธกิ าำ หนดจติ พจิ ารณาทกุ ขเวทนานน้ั ไดก้ าำ หนดรแู้ ละพจิ ารณา
ก้อนลมที่เป็นตัวการทำาให้เกิดความเจ็บปวด พิจารณาจนก้อนลมละลาย
เมื่อออกจากสมาธิความเจ็บปวดก็หายไป การนั่งปฏิบัติพิจารณาธรรม
นัน้ ก้าวหน้าไปเรือ่ ย ๆ การใช้สติและปัญญาตามจิตไปนั้นก็ทำาได้นาน
ข้นึ กว่าเดิม
ออกพรรษาแล้ว มารดาของท่านกล็ ม้ เจ็บ ทา่ นพยาบาลมารดาด้วย
ความกตัญญูกตเวที มารดาของท่านป่วยได้ ๑๕ วันก็ถึงแก่กรรม การที่ได้
เห็นทัง้ บิดามารดาเสียชีวิต ทำาให้ท่านเห็นธรรมตามคำาสัง่ สอนขององค์
สมเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจ้าในกฎของไตรลกั ษณ์ คือ อนิจจัง ทกุ ขงั อนัตตา
และเกิดความเบอ่ื หน่ายยิ่งข้นึ จึงเปน็ เหตใุ หท้ ่านเตรยี มตัวไปธุดงค์ต่อ
การออกธุดงคค์ ร้งั ท่ี ๕ พระอาจารย์เจรญิ ญาณวุฑโฺ ฒ
ภาคเหนอื
หลวงปเู่ ปลย่ี นไดย้ นิ กติ ตศิ พั ทห์ ลวงปตู่ ้อื อจลธมโฺ ม และหลวงปแู่ หวน สจุ ณิ โฺ ณ
จึงชวนอาจารย์ประสิทธิ์ ฉนทฺ าคโม (น้องพระอาจารย์ทองสุก อุตฺตรปญฺโญ) และ
สามเณรบัวราไป จ.เชยี งใหม่ ท่เี ชยี งใหมท่ า่ นไปพกั อยทู่ ว่ี ดั สนั ตธิ รรม แลว้ เดนิ ทางตอ่ ไป
ทีว่ ัดป่านำ้าริน (ห้วยนำ้าริน) ได้พบกับพระอาจารย์เจริญ ญาณวุฑฺโฒ ซึ่งชวนท่าน
ไปภาวนาทีถ่ ำ้าปากเพียง (ปากเปียง) ท่านได้พบกับพระอาจารย์ทองสุกและอาจารย์
ศรีจนั ทร์ คณุ ากโร ทน่ี ัน่ ถ้ำาปากเพียงอย่ใู กลก้ ับถา้ำ ผาปล่อง ซง่ึ หลวงป่สู มิ พทุ ธฺ าจาโร
พาำ นกั อยู่ หลวงปเู่ ปล่ียนจึงไปสรงนาำ้ หลวงปู่สิมทีถ่ า้ำ ผาปลอ่ งทกุ วนั
32 | ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์
ที่ถ้ำานีม้ ีงูเห่าตัวขนาดข้อมืออยู่เหนือหลืบถำ้าข้ึนไปอีกชั้นหนึ่งหย่อนหัวลงมาดูหลวงปู่
เปลีย่ น ท่านก็ตั้งจิตแผ่เมตตาให้ สักพักงูก็ชูหัวรับแล้วก็หายขึน้ ไปข้างบน เป็นเช่นนี้ถึง ๓ ครัง้
ตลอดเวลาทีท่ ่านบำาเพ็ญเพียรอยู่
พวกภพภูมิที่ถำ้าปากเพียงไม่ชอบฟังสวดมนต์บทยานีหรือบทรัตนสูตร ถ้าวันใดหลวงปู่
เปลี่ยนสวดก็จะมาหลอกหลอนต่าง ๆ นานา พวกภพภูมิมาบอกท่านในสมาธิว่าการสวดมนต์
บทนี้เท่ากับเป็นการขับไล่เขา ท่านได้ลองสวดต่อไปอีก ๔-๕ ครัง้ ก็ถูกหลอกต่าง ๆ เมื่อแน่ใจ
จึงได้หยุดสวด หลวงปู่เปลีย่ นพักอยู่ที่ถำ้าปากเพียงได้ประมาณ ๔ เดือน จึงย้ายไปหาทีส่ งบ
แห่งใหม่คือถำ้าเบี้ยซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของถำ้าปากเพียง ท่านได้สวดทบทวนปาฏิโมกข์ ซึง่ ท่าน
สวดได้ตัง้ แต่ตอนทีอ่ ยู่ จ.พังงาและได้แสดงปาฏิโมกข์ครัง้ แรกเมือ่ กลับมาทีว่ ัดทุ่งสว่าง
หลวงปเู่ ปลี่ยนบนั ทึกประวัตกิ ารสวดพระปาฏิโมกข์
ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๐๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๐
ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์ | 33
สาธารณรฐั แหง่ วดั พระเจ้าระแข่ง ทา่ ขีเ้ หลก็ เชียงแสน วดั ถ�้าผาจม
สหภาพพมา่
แมส่ าย
ถ�้าปากเพยี ง
เชยี งราย
เมอื ง
แม่ฮ่องสอน เชยี งดาว พร้าว ดอยหลวง
แมแ่ ตง เวยี งปา่ เป้า
แมร่ ิม
เมอื ง สันทราย ดอยสะเก็ด
เชียงใหม่
ล�าพูน วดั พระธาตจุ อมกิตติ
วัดสันตธิ รรม ล�าปาง
เกาะคา
หลวงปู่เปลีย่ นได้ธุดงค์มาพักทีส่ ำานกั สงฆ์ป่าเมีย่ งแม่สาย บ้านป่าเม่ียง ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พัก
อย่ไู มน่ านก็ออกเดนิ ทางต่อ ผ่านไปทาง อ.เวยี งปา่ เป้า มาพักท่ีวดั เม็งรายมหาราช บนดอยฮอ่ งลี่ อ.เมอื ง จ.เชียงราย
ทา่ นพกั อยู่ ๑๓ วนั ขณะเดินจงกรมหรือน่งั สมาธิถูกผีรบกวนตลอดเวลา จึงแผ่เมตตาอุทศิ ส่วนกศุ ลให้ แต่ผีเหล่าน้นั
จติ คงจะหยาบมาก จึงไมย่ อมรบั ผลบญุ ที่อุทิศให้เลย จากนั้นท่านเดนิ ทางผ่าน อ.แม่จนั จนถึงวดั ถ้ำาผาจม อ.แมส่ าย
จ.เชียงราย (ขณะนน้ั ประมาณเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๐๖)
หลวงปู่เปลีย่ นตัง้ ใจจะไปถึงเมืองอินเดียด้วยการธุดงค์ผ่านทางพม่า ท่านได้เดินทางไปวัดพระเจ้าระแข่งฝั่ง
พมา่ แตไ่ มส่ ามารถเดินทางไปตอ่ ได้ เนื่องจากรฐั บาลพม่าและพวกไทยใหญ่กำาลังรบกนั ท่านจึงต้องถอยกลบั มาอยู่
วดั ถา้ำ ผาจม ในเวลากลางวนั ท่านจะขา้ มไปอยฝู่ ัง่ พมา่ พอตกคา่ำ กจ็ ะกลับมาพกั ทถี่ ำ้าผาจม
34 | ปญญฺ าปทีโปนุสรณ์
ท่ีวัดถำ้าผาจม พระอยู่กันหลายองค์ ภาวนา
ไม่สะดวก ท่านจึงเดินทางไปวัดพระธาตุจอมกิตติ
อ.เชียงแสน ท่านจะขึน้ ไปนัง่ สมาธิข้างบนทีเ่ จดีย์
ตอน ๕ ทุม่ พอสองยามกจ็ ะกลบั ไปจาำ วดั ตี ๓ จะ
กลับขึ้นไปไหว้พระสวดมนต์จนรุ่งเช้า ท่านสังเกต
ว่ามเี ทวดามาคอยน่งั ฟงั ข้างหลงั ทา่ น เมอ่ื เทพมาจะ
ยืนยกมอื พนมไหว้ แลว้ นัง่ ลงพนมมือ เวลาจะกลับ
จะยืนลอยขน้ึ แล้วกม้ ลงพนมมอื ไหว้ พวกเทพจะไม่
กราบ เวลานัง่ เทพผ้ชู ายจะน่ังขา้ งหน้า นางฟ้าจะ
น่งั ขา้ งหลงั
หลวงปเู่ ปลย่ี นพกั อยทู่ ว่ี ดั พระธาตจุ อมกติ ติ
ประมาณ ๑ เดือน (พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๖) จึง
เดินทางต่อไปที่วัดป่าสักหลวง พักอยู่ไม่นานก็
เดินทางกลับมาเชียงราย แล้วธุดงค์ต่อลงมาพักที่
ปา่ ชา้ วดั สาำ ราญนวิ าส จ.ลาำ ปาง ท่นี ที่ า่ นเร่มิ มอี าการ
เจบ็ ซี่โครงข้างซ้าย
เมือ่ ออกจากวัดสำาราญนิวาส ท่านไปพักที่
วดั สนั ตธิ รรม จ.เชยี งใหม่ อาการเจบ็ ซโ่ี ครงรนุ แรง
ยิ่งขึ้น ท่านจึงคิดจะลองใช้ธรรมโอสถอีกครัง้ หลัง
ฉันอาหารเชา้ แล้ว ทา่ นจงึ เข้าไปในโบสถ์ซ่งึ ยงั สรา้ ง
ไม่เสร็จ นั่งสมาธิกำาหนดจิตน่ิงเข้าไปตรงที่ปวด ก็
พบว่ามีก้อนเลือดคั่งอยู่บริเวณนั้นทำาให้อักเสบ
จึงกำาหนดจิตจีเ้ ข้าไปแล้วเข้าสมาธิดับนิง่ อยู่
ประมาณ ๔ ชัว่ โมง เมื่อออกจากสมาธิอาการเจ็บ
กห็ ายไปส้นิ
ระหว่างอยู่ทวี่ ัดสนั ติธรรม ท่านได้ถามพวก
เทพทีพ่ ากันมาไหวเ้ จดยี ใ์ นเวลากลางคนื จงึ ทราบว่า
วัดเก่าทีว่ ัดสันติธรรมสร้างคร่อมอยู่นี้ พระเจ้า
ติโลกราชกษัตริย์ในสมัยนั้นเป็นผู้สร้างขึ้น รวมถึง
วดั เจดีย์หลวงและวัดสวนดอกด้วย
ปญญฺ าปทโี ปนสุ รณ์ | 35
พรรษาท่ี ๕๒๐๕ วัดปา่ อาจารยต์ ้ือ ต.สนั มหาพน
๖ อ.แมแ่ ตง จ.เชยี งใหม่
หลวงปู่เปลีย่ นมาพักปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ขันธ์ ๕ ของใครกข็ องมัน
ที่วัดป่าอาจารย์ตือ้ ท่านได้เห็นการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ตือ้ แล้ว ท้องใครกท็ อ้ งมัน ปากใครกป็ ากมัน
ชอบมาก จงึ พยายามปฏบิ ตั ใิ หไ้ ดใ้ กลเ้ คยี ง หลวงปตู่ ้อื มคี วามสามารถ ฉันไปแล้ว อ่มิ แลว้ ไปลา้ งบาตร
ในการสอนธรรมะและอธบิ ายขอ้ สงสยั ตา่ ง ๆ อยา่ งกระจา่ งแจง้ สมคาำ แลว้ ไปภาวนา เราจะฉนั วันไหน
รำ่าลือ และคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากทีท่ ่านดั้นด้นไปหาเพือ่ ฝากตัว เวลาไหน กเ็ ปน็ เร่อื งของเรา
เปน็ ศษิ ย์ หลวงป่เู ปลีย่ นตามปรนนบิ ตั ิหลวงปู่อย่างใกลช้ ดิ ทาำ หนา้ ท่ี หลวงปู่ตอ้ื อจลธมฺโม
ทุกอย่างถวายด้วยตนเอง พอคำ่าลงท่านจะมาบีบนวดหลวงปู่ทุกวัน พดู กบั พระเมื่อพระรอฉันอาหารพรอ้ มกับท่าน
ระหว่างนัน้ หลวงปู่จะเทศน์บา้ ง สอนธรรมบ้าง สอนการปฏบิ ตั ิบา้ ง
สอนให้ละขันธ์ ๕ สอนทางพ้นทุกข์ ฯลฯ สิง่ ใดท่ีหลวงปู่เปลี่ยน วัดปา่ อาจารยต์ ้ือ
สงสัย หลวงปู่จะไขให้จนกระจ่าง ประมาณเที่ยงคืนจึงจะกลับไป
นั่งพิจารณาธรรมะท่ีหลวงปู่สอนสัง่ แล้วเดินจงกรมจนถึงตี ๒
ทา่ นพกั ผอ่ นได้ ๒ ช่วั โมงกต็ ่นื ตี ๔ ทาำ วตั รสวดมนตแ์ ลว้ ทาำ ความเพยี ร
ตอ่ จนถงึ เวลาออกบณิ ฑบาต เสรจ็ การฉนั แลว้ ทา่ นจะปรนนบิ ตั หิ ลวงปู่
จนเวลาเท่ยี ง จึงไปนงั่ ภาวนาช่วั โมงครง่ึ ปฏบิ ัตไิ ปนาน ๆ เข้า พอได้
เวลาทา่ นจะออกจากสมาธเิ อง โดยไม่ต้องใชน้ าฬกิ าปลุกเลย
หลวงปู่ตือ้ จะเทศน์ให้หลวงปู่เปลี่ยนพิจารณาลมหายใจ
เข้าออก เมื่อหายใจเข้าแล้วไม่มีลมออกก็อยู่ไม่ได้ เมือ่ ลมหายใจ
ออกแลว้ ไมห่ ายใจเขา้ กต็ าย เม่อื ตายแลว้ ไมส่ ามารถนา� อะไรตดิ ตวั
ไป สมบัติตา่ ง ๆ ทส่ี ะสมไว้ขณะมีชวี ติ อยู่ ก็ตอ้ งทิ้งไว้ แขนขาเนอ้ื
หนงั กระดกู ของตวั เรากต็ อ้ งทง้ิ ไวใ้ นโลกน้ี ไมม่ ใี ครสามารถนา� ตดิ ตวั
ไปได้ สว่ นต่าง ๆ ของร่างกายจะเอาไปกินก็ไมไ่ ด้ สูข้ าหมยู งั ไม่ได้
เพราะขาหมูสามารถเอาไปขายได้ เอาไปกินได้ มนุษย์จะสวย
แค่ไหน งามแค่ไหน ขายไม่ได้ สู้ไก่ยังไม่ได้ ร่างกายมนุษย์นีไ้ ม่มี
ประโยชน์อะไร จะไปหลงรกั หลงชงั อยู่ท�าไม
36 | ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์
เม่อื หลวงปเู่ ทศนเ์ รอ่ื งอานาปานสติ พจิ ารณาลม แลว้ พจิ ารณาความตาย แลว้ ตอ่ ดว้ ยอสภุ กรรมฐาน
หลวงปู่จะเตือนผู้เฒ่าผู้แก่ว่า แก่แล้วทำาไมไม่เอาพุทโธ เป็นพระมาบวช ถ้าไม่เอาพุทโธ ไม่เอาภาวนา
แล้วมาบวชทำาไม ถ้าไมเ่ อาภาวนาก็จะเปน็ พระหมา พระแมว พระววั พระควาย
เมื่อร่างกายตายแล้ว เน่าเหม็นเอาไปไม่ได้ เราก็ต้องเอาจิตเอาใจของเรา ต้องทำาแต่ความดี
จิตใจไม่ได้มีอะไรมาก มีอยู่แค่อันเดียว ไม่ต้องไปรู้ว่ามีจิตกี่ตัว ให้รู้ว่ามีแค่จิตเดียว เพราะว่ามีจิต
หลายตัว จงึ ไดเ้ ป็นบา้ ไปหมด
หลวงปู่เปลี่ยนได้ขอให้หลวงปู่ตือ้ อธิบายถึงนิมิตแปลก ๆ เช่น เห็นคนเดินมาแล้วเปลีย่ น
เปน็ สนุ ขั จากสนุ ขั เปน็ แมว เมอ่ื ใกลเ้ ขา้ มากลบั กลายเปน็ คนเชน่ เดมิ ทา่ นอธบิ ายวา่ เปน็ เพราะจติ มหี ลาย
ระดบั แทรกกันเข้ามาตามลาำ ดบั ทา่ นยงั ไดอ้ ธิบายนมิ ิตเพิ่มเตมิ ว่า
นิมติ เห็นคนธรรมดานุ่งห่มด้วยสีเหลอื ง แสดงว่าจิตของผู้นัน้ เป็นผู้มีสมาธิ มจี ิตใจเป็นพระ
คนน่งุ หม่ ด้วยเส้ือผา้ ขาว แสดงวา่ จติ ของผ้นู ัน้ เป็นผ้ทู ่มี ีศลี ๕ เป็นปรกติ มีใจเป็นเทพ
คนนุ่งหม่ ดว้ ยชุดดาำ แสดงว่าเปน็ ผ้มู ีศีลไมบ่ รสิ ทุ ธิ์
ถ้าชุดดำาและเป็นเครื่องนุ่งห่มทีข่ าด แสดงว่าจิตตำ่าลงไปกว่าความเป็นคน จิตที่ตำ่าลงไป
จะแสดงนมิ ติ ในรปู ของควาย สุนขั ถา้ เปน็ งกู ็แสดงวา่ ต่ำาหยาบช้าที่สดุ
สว่ นนิมติ ของผเู้ ปน็ พระในลักษณะต่าง ๆ ท่ที ่านพบมา มดี ังนี้
นุ่งสบง คลมุ จวี ร พาดสงั ฆาฏิ แสดงว่าทา่ นมีศีล สมาธิและปญั ญาดี เป็นพระทส่ี มบรู ณ์
คลุมแต่จีวรมา แสดงวา่ มสี มาธดิ ี
นุ่งสบงใสอ่ ังสะ แสดงว่ามศี ลี บรสิ ุทธิ์
คลุมดว้ ยจวี รขาด แสดงว่าสมาธทิ ีเ่ คยมี เส่อื มถอย
ใส่กางเกง แสดงว่ามีศีลขาด ศีลทะลุ ศลี ดา่ งพร้อย
หลวงปตู่ ้อื จะทราบลว่ งหนา้ วา่ ใครจะมาหาจากนมิ ติ เสมอ เหน็ อะไรกถ็ กู หมด แลว้ จะบอกหลวงปู่
เปลย่ี นใหท้ ราบ ทาำ ใหห้ ลวงปเู่ ปลย่ี นพยายามฝกึ ตามแบบทา่ นดว้ ยการเขา้ สมาธแิ ลว้ เหน็ นมิ ติ ใหเ้ รว็ ท่สี ดุ
(อนาคตังสญาณ) ครัง้ แรกหลวงปู่เปลี่ยนได้นิมิตว่า โยมจากบ้านสะลวงมาหา มือหนึง่ ถือดอกไม้มา
สามดอก อกี มอื หนงึ่ ถอื รองเทา้ เข้ามาใกลก้ ฏุ ิ เปน็ การเหน็ ระยะใกล้ หลงั จากนั้นอีกประมาณสองชว่ั โมง
ก็มีโยมถือดอกไมแ้ ละรองเทา้ มาจรงิ ๆ ท่านก็เรง่ ปฏบิ ัติจนเหน็ ไกลออกไปถงึ ประตวู ดั แลว้ ก็ไกลออกไป
ถึงสองกิโล ไกลออกไปเรื่อย ๆ จนท่านสามารถทำาได้อยา่ งคล่องแคล่ว
ปญญฺ าปทโี ปนุสรณ์ | 37
การออกธดุ งค์คร้ังท่ี ๖
เชยี งใหม่
ออกพรรษาแล้ว หลวงปู่เปลีย่ นได้ชวนสามเณรองค์หนงึ่ เดินธุดงค์ไปพักปฏิบัติธรรมอยู่
วดั ป่าสะลวง อ.แม่รมิ จ.เชยี งใหม่ จนกระท่ังถงึ เดือนกุมภาพันธ์ ทา่ นไดพ้ าสามเณรออกเดนิ ทาง
ไปนมัสการพระพุทธบาทสร่ี อย การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลาำ บาก ถงึ พระพุทธบาทสรี่ อย
เม่อื เวลา ๖ โมงเย็นวันเดยี วกนั รวมเวลาเดนิ ทางทั้งสน้ิ ๙ ช่วั โมง ปรากฏวา่ อากาศทีน่ ่นั เย็นมาก
และเร่มิ มดื ลง เนอื่ งจากความเมอื่ ยลา้ และอากาศทหี่ นาวเย็น หลวงปู่เปลี่ยนจึงงดสรงน้ำา และได้
ขึ้นไปทำาวัตรสวดมนต์เย็นในวิหารตรงรอยพระพุทธบาท นัง่ ทำาความเพียรแล้วก็ต่างเข้ากลดใน
บรเิ วณวิหารนั่นเอง ตกดึกอากาศหนาวเยน็ มาก ต้องใชม้ ุง้ กลดมาคลมุ หอ่ รา่ งกาย หลวงปเู่ ปลีย่ น
จำาวดั เพยี งชวั่ โมงเศษกต็ ้องลกุ ขน้ึ มาปฏิบตั คิ วามเพียรตอ่ สว่ นสามเณรตอ้ งลุกขึ้นมากอ่ ไฟ ปีน้นั
ทีพ่ ระพุทธบาทสร่ี อยเปน็ ปที มี่ ีอากาศหนาวเยน็ ที่สุดทีท่ า่ นได้พบมาในชีวิตการเดินธุดงค์
รงุ่ ข้นึ เชา้ ไดอ้ อกบณิ ฑบาตใกล้ ๆ กบั พระพทุ ธบาทสร่ี อย ไดก้ ลว้ ยมา ๒ ใบและขา้ วเหนยี ว
เลก็ นอ้ ย ทา่ นแบง่ อาหารใหส้ ามเณรเกอื บทัง้ หมด ตวั ท่านฉนั กล้วยคร่ึงใบเทา่ นนั้ เมือ่ ฉันอาหาร
เสรจ็ ทา่ นอธษิ ฐานวา่ ทา่ นมคี วามปรารถนาจะลงไปทาำ ความสะอาดรอยพระพทุ ธบาทท้งั ส่รี อยน้ี
ให้แลดสู วยงามขนึ้ ขออย่าให้การล่วงละเมดิ ครง้ั นตี้ ้องเปน็ บาปกรรมเลย และขอใหง้ ดโทษและ
อโหสิกรรมแก่ท่านด้วย อธิษฐานเสร็จแล้วจึงก้มลงกราบ แล้วปีนขึน้ ไปทีร่ อยพระพุทธบาท
รอยเล็กซึ่งอยู่ล่างสุด เก็บเศษใบไม้ ใบตอง หยากไย่ และเช็ดถูจนสะอาดแล้ว จึงปีนลงมา
ขา้ งล่างกม้ กราบอกี ครัง้ หน่ึง สว่ นบริเวณโดยรอบซงึ่ มีตน้ หญ้าขึ้นเต็มไปหมด ท่านไดข้ อยืมจอบ
จากชาวบา้ นมาใหส้ ามเณรดายหญา้ จนเสรจ็ ต้งั แตส่ ามเณรทาำ ความสะอาดบรเิ วณพระพทุ ธบาท
แลว้ มสี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง ไมว่ า่ จะไปธดุ งคท์ ่ใี ดกไ็ มเ่ คยเจบ็ ปว่ ย อาจจะเปน็ อานสิ งสจ์ ากการ
ทำาความสะอาดครง้ั นกี้ ็ได้
หลังจากพักปฏิบัติธรรมที่พระพุทธบาทสีร่ อย ท่านได้ออกธุดงค์ต่อไปยังบ้านผาแด่น
สามเณรทีต่ ิดตามมาด้วยฉันอาหารของชาวกะเหรีย่ งซึ่งมีกลิน่ คาวมากไม่ได้ จึงย้ายไปอยู่กับ
หลวงปู่สาม อกิญฺจโน ที่บ้านแม่หลอด เมือ่ หลวงปู่เปลีย่ นอยู่องค์เดียว จึงเร่งปฏิบัติความเพียร
ทง้ั กลางวนั และกลางคนื ทกุ อริ ยิ าบถ คอื ยนื เดนิ น่งั นอน สลบั กนั ไป ไมม่ คี วามงว่ งเหงาหาวนอน
เมื่อทำาความเพียรจนพอใจแล้ว ท่านจึงบอกลาชาวบ้านทีผ่ าแด่นเพือ่ เดินทางไปบ้านแม่หลอด
ท่บี า้ นแมห่ ลอดไดพ้ บสามเณรอยปู่ ฏบิ ตั ธิ รรมกบั หลวงปสู่ าม พระอาจารยจ์ นั ดี เขมปญโฺ ญ ซ่งึ เคย
ธุดงคไ์ ปทางใต้ด้วยกันกอ็ ยูท่ ่ีนีด้ ้วย
38 | ปญญฺ าปทโี ปนุสรณ์
กฏุ ทิ ีห่ ลวงปู่เปลี่ยนเคยพักทสี่ �านักสงฆ์บา้ นผาแด่น
สำานักสงฆ์บ้านผาแด่นขณะนนั้ มีพระอาจารย์บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต พักปฏิบัติธรรมอยู่
แต่ท่านจะมาทีห่ มบู่ า้ นเฉพาะเวลาเช้าเพอ่ื บณิ ฑบาต ฉันเสรจ็ แล้วจะปลีกตวั เขา้ ไปอยู่ในป่า
หลวงป่เู ปลี่ยนอยู่บา้ นแมห่ ลอดได้ประมาณ ๑ เดอื น จงึ ชวนสามเณรกลับวดั ป่าสะลวง
เดนิ ทางผา่ นทางบา้ นแมจ่ วิ ซ่งึ หา่ งจากบา้ นแมห่ ลอดประมาณ ๔ กโิ ลเมตร ทบ่ี า้ นแมจ่ วิ น้ี มบี อ่ นาำ้
ทีห่ ลวงปู่สามให้ขุด ยังไมส่ าำ เร็จหลวงปสู่ ามกเ็ ดินทางจากไปก่อน หลวงปู่เปลี่ยนได้ยืนดูนา้ำ ในบ่อ
ทีผ่ ุดขึน้ มาแรง ๆ คล้ายกบั ปลาช่อนเอาหางตีนำ้าใหแ้ ตกกระจาย นำ้าเริม่ วนเปน็ วงกลมและข่นุ ขึ้น
เร่ือย ๆ ทา่ นยนื ดูจนนำ้าหยดุ นิ่ง เมอ่ื ตรวจดพู บว่า ที่บอ่ น้ำามีพญานาคอาศยั อยู่ เป็นพญานาคทีม่ ี
ใจหยาบ โกรธงา่ ย ไม่อยากรับศลี ชอบลองฤทธ์ิ
ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์ | 39
สาธารณรฐั แห่ง เชยี งราย
สหภาพพม่า
กฏุ ิที่หลวงปูเ่ ปล่ียนเคยพกั แมฮ่ ่องสอน เชยี งดาว พรา้ ว ดอยหลวง วัดดอยแมป่ งั๋
ที่ส�านักสงฆ์บ้านผาแด่น แม่แตง เวยี งปา่ เป้า วัดพระพทุ ธบาทส่ีรอย
แม่รมิ ดอยสะเก็ด
สันทราย
เมือง เชียงใหม่
ลา� พนู สันกำาแพง
กุฏิท่หี ลวงปู่เปลี่ยนสรา้ ง
ทว่ี ัดปา่ สะลวง
วดั เชยี งแสนนอ้ ย
วัดโรงธรรมสามัคคี
หลังจากกลับมาทีว่ ัดป่าสะลวง ท่านได้ปฏิบัติธรรมเป็นเวลา ๘ วัน จึงเดินทางกลับ
วัดหลวงปู่ตือ้ ท่านพักอยู่ระยะหนึง่ จึงย้อนกลับไปทีว่ ัดป่าสะลวงอีกครั้ง หลวงปู่เปลีย่ นพัก
ปฏิบัติธรรมทีว่ ัดป่าสะลวงระยะหนึง่ จึงเดินทางกลับไปหาหลวงปู่ตือ้ อีก จากนัน้ จึงออกธุดงค์
ไปหาพระอาจารย์จาม มหาปุญฺโญ วัดจิตตาราม บ้านช่อแล อ.แม่แตง ได้สนทนาแลกเปลีย่ น
การปฏิบตั ิธรรม พระอาจารย์จามไดเ้ ทศน์ใหฟ้ งั และหลวงปู่ได้ฝกึ หดั การภาวนากบั ท่านด้วย
ระหวา่ งอยู่ทว่ี ดั ปา่ สะลวง หลวงป่เู ปลยี่ นไดส้ รา้ งกฏุ เิ พอ่ื อยู่อาศัยหลังหนงึ่ โดยชาวบา้ น
มศี รทั ธาบรจิ าคกระเบอ้ื ง ไม้ และวสั ดกุ อ่ สรา้ งให้ ทา่ นตอ้ งขน้ึ ๆ ลง ๆ หยบิ เครอ่ื งมอื ของใชต้ า่ ง ๆ
เพยี งองคเ์ ดยี ว เพราะไม่มใี ครชว่ ยเหลือการกอ่ สรา้ งในคร้ังน้ี
40 | ปญญฺ าปทโี ปนุสรณ์
หลวงปู่เปล่ียน ปญญฺ าปทโี ป
ณ สา� นักสงฆ์สะลวงนอก อ.แมร่ ิม จ.เชียงใหม่
วนั ที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๗
มรรค ผล นพิ พาน
ยงั มอี ยคู่ รบบริบรู ณ์
พวกทา่ นจงพยายามทา� กันนะ
หลวงปแู่ หวน สจุ ิณโฺ ณ
ใกลเ้ ขา้ พรรษาท่ี ๖ หลวงปเู่ ปลย่ี นไดพ้ บกบั พระกลมุ่ ใหม่ คอื พระอาจารยอ์ ดุ ม ญาณรโต
พระอาจารยค์ ำาบ่อ ติ ปญโฺ ญ อาจารยป์ ระสิทธ์ิ อาจารยว์ สิ ูตร ทุกองคค์ ิดจะไปหาหลวงปู่แหวน
สุจิณฺโณ ซึง่ ขณะนนั้ ได้ไปอยู่ดอยแม่ปั๋งแล้ว การไปดอยแม่ปั๋งจะต้องเดินข้ามดอยอีกหลายลูก
มดี อยแมต่ องสงู ใหญท่ ่สี ดุ หลวงปเู่ ปล่ยี นรบั ภาระชว่ ยสะพายบาตรและกระตกิ นาำ้ ของพระอาจารย์
อุดมด้วย
เม่ือไปถงึ ดอยแม่ป๋ัง ไดพ้ บพระอาจารยห์ นู สจุ ิตโฺ ต คณะทง้ั หมดก็ไปกราบหลวงปแู่ หวน
ณ กฏุ หิ ลังเก่าซ่ึงเปน็ เรอื นไม้หลงั เล็ก ๆ อยู่ขา้ งทางจงกรม ขณะนัน้ หลวงปแู่ หวนยังไมม่ ใี ครรู้จกั
มาก ในวัดจึงมกี ฏุ อิ ยไู่ มก่ ี่หลงั มพี ระอาจารยห์ นูเป็นผปู้ ฏบิ ตั ิหลวงปูแ่ หวนเท่านั้น หลวงป่แู หวน
ได้กล่าวกับคณะทัง้ หมดว่า “มรรค ผล นิพพาน ยังมีอยู่ครบบริบูรณ์ พวกท่านจงพยายามทำา
กันนะ” เมื่อรับโอวาทแล้ว จึงกลับลงมาทำากิจส่วนตัว แล้วทำาวัตรสวดมนต์เย็น หลังจากนั้น
หลวงป่เู ปลี่ยนไดน้ ั่งภาวนาและเดินจงกรมตอ่ ขณะนนั้ เป็นเวลาตีสอง พระอาจารยห์ นูไดก้ อ่ ไฟ
ใหห้ ลวงปแู่ หวนผงิ หลวงปแู่ หวนเหน็ ทา่ นยงั ไมน่ อน จงึ พดู กบั พระอาจารยห์ นวู า่ “ตนุ๊ ม่ี นั เอาจรงิ
42 | ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์
มันเดินมาทัง้ วันแล้ว มันยังไม่พัก” เมื่อหลวงปู่เปลีย่ นได้ยินคำาชมของหลวงปู่แหวนก็มีกำาลังใจ
มากขึ้น จึงเดินจงกรมต่อไปอย่างไม่เหน็ดเหนือ่ ย คืนแรกที่หลวงปู่เปลีย่ นไปถึงได้นอนพัก
ประมาณ ๑ ช่วั โมงคร่ึงเท่าน้นั
คืนทีส่ อง ได้ไปปฏิบัติธรรมในวัดกับหลวงปู่แหวน ในเวลาดึกสงัด ขณะที่หลวงปู่เปลีย่ น
กา� ลงั น่งั ภาวนากเ็ หน็ นมิ ติ วา่ หลวงปแู่ หวนนา� ทองคา� มาย่นื ใหท้ า่ นหนง่ึ กอ้ น ขนาดเทา่ ผลมะตมู
แล้วพูดว่า “นี่ก้อนทองค�า เอาทองค�าให้มันได้ทองค�า” หลวงปู่เปลีย่ นตอบปฏิเสธไม่รับ
ก้อนทองค�า เพราะเป็นของธรรมดา เป็นธาตุ ไม่ทราบจะเอาไปใช้ประดับอะไร หลวงปู่แหวน
จึงบอกว่า “กลืนทองค�าน้ีลงไปไว้ในใจ ก้อนทองค�าทีเ่ ราจะให้นีค้ ือ ท�าใจของเราให้เหมือน
ก้อนทองค�า ให้มันเป็นทองค�า ให้มันเย็นฉ�่าอยู่ข้างใน ไม่ให้โกรธใคร ไม่ให้เกลียดใคร ให้
เหมือนกับว่ามันวางอยู่เฉย ๆ ใครจะด่า ใครจะว่าก็ให้เฉย ๆ เหมือนกับก้อนทองค�านี้ ทองค�า
เปน็ ของมคี า่ ฉะนน้ั ตอ้ งทา� ใจใหเ้ หมอื นกบั ทองคา� ” หลวงปเู่ ปลย่ี นเขา้ ใจคาำ พดู ของหลวงปแู่ หวน
ในนิมิต จึงเกิดความปลืม้ ปีติออกจากสมาธิลืมตามาดู เห็นหลวงปู่กำาลังนัง่ ผิงไฟอยู่องค์เดียว
หลวงปู่เปลี่ยนจึงลุกออกมาเดินจงกรมอีกจนพอใจแล้วจึงมาช่วยสุมไฟ หลวงปู่ได้บอกว่า
“เอาดี ๆ เน้อ” เมื่อท่านปฏิบัติหลวงปู่แหวนแล้ว หลวงปู่เปลีย่ นได้กลับไปยังกุฏิและทำา
ความเพียรต่อ
คณะของท่านพักที่ดอยแม่ปั๋งได้ ๑๖ วัน ก็กราบลาหลวงปู่แหวน โดยหลวงปู่เปลีย่ น
และอาจารย์วิสูตร แยกกลุ่มธุดงค์ไป อ.สันกำาแพง พักปฏิบัติธรรมที่วัดโรงธรรมสามัคคีกับ
พระอาจารยท์ องบวั ตนตฺ กิ โร ได้ ๒๐ วนั จงึ เดนิ ทางไปกราบครบู าหลา้ จนโฺ ท ท่วี ดั ปา่ ตงึ ครบู าหลา้
แนะนำาให้คณะของท่านไปพักทีว่ ัดเชียงแสนน้อย ซึ่งเป็นวัดร้างอยู่ในป่า
เมือ่ ไปถึงวัดเชียงแสนน้อย เกิดมีลมพายุพัดปั่นป่วนขึ้นในบริเวณวัดประมาณ ๑ ชัว่ โมง
แต่ไม่มีฝน เมือ่ พายุสงบ จึงไปสรงน้ำาแล้วกลับมาทำาวัตรเย็น อาจารย์วิสูตรท่านเหนือ่ ยจึงนอน
สบู บหุ ร่ี หลวงปเู่ ปลย่ี นไดน้ ง่ั ภาวนาตอ่ ไดเ้ กดิ พายขุ น้ึ มาอกี คร้งั ทา่ นจงึ หาของหนกั ๆ ทบั มงุ้ กลด
ไว้ไม่ให้ปลิวไปตามลม แล้วน่ังสมาธิต่อ ปรากฏว่ามีเจ้าที่มาสองคน นุ่งแต่กางเกงไม่ใส่เสือ้
สักลายไปหมดทั้งตัว ถือคันธนูและมีแล่งธนูสะพายอยู่ข้างหลัง คนหนึ่งได้จับขาอาจารย์วิสูตร
อีกคนเอามือไปกดรัดคอ หลวงปู่เปลี่ยนได้ยินเสียงอาจารย์วิสูตรร้องครางในลำาคอ และดิ้นถีบ
บาตร มุ้งและกลดกระเด็นไปหมด จึงถามอาจารย์วิสูตรว่าเป็นอะไร อาจารย์วิสูตรตอบว่า ผี
ตวั ใหญม่ าก ๒ ตวั มาบบี คอเจบ็ จนพดู ออกมาไมไ่ ด้ หลวงปเู่ ปลย่ี นจงึ บอกวา่ เรามาปฏบิ ตั ภิ าวนา
ต้องเดินจงกรม ไม่ควรมานอนเฉย อาจารย์วิสูตรจึงเริ่มปฏิบัติแต่ก็ไม่จริงจังนัก
ปญญฺ าปทีโปนสุ รณ์ | 43
ยานวิเศษ อนุสาวรยี ห์ ม่นื ดาบเรอื น
หลวงปเู่ ปล่ยี นพกั ท่วี ดั เชยี งแสนนอ้ ย เจดยี ์
ได้ ๑๕ วนั วันหนึ่งได้รบั นมิ ติ ว่า มผี นู้ ่งั ยาน
ลงมาจากสวรรค์ มาด้วยกัน ๒ ลำา ลำาใหญ่ นอกจากนั้นมีเจดีย์องค์หนึง่ ทีส่ ร้างพร้อมกับวัด เมือ่
๑ ลำา ลำาเลก็ ๑ ลาำ พวกท่ีไม่ได้นง่ั ยาน ก็ลอย หลวงปู่เปลี่ยนนัง่ สมาธิตรวจดู ก็เห็นเณร ๗ องค์วิ่งอยู่รอบ ๆ
ลงมาจากสวรรค์ เมือ่ ลงมาถึงที่ใกล้เจดีย์ เจดีย์ เล่ากันว่าเคยมีผู้มาขุดในเวลากลางวันสองหน แต่ไม่สำาเร็จ
ทา่ นไดก้ าำ หนดจติ ถามผทู้ น่ี ่งั มาในยานลาำ ใหญ่ เพราะเกิดฟ้าผ่าขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนวันวิสาขบูชา ชาวบ้าน
ถึงสาเหตุทีม่ า ได้คำาตอบว่ามาเยีย่ มวัดเก่า มาทาำ ความสะอาดเจดยี ก์ นั แต่ทาำ เฉพาะสว่ นล่าง ไม่มใี ครขึ้นไปทำา
ตวั เขาช่อื ราชมนตรีเทพบุตร เม่อื เปน็ มนุษย์ ส่วนบน หลวงปู่เปลี่ยนจึงให้ทำาบันไดพาดขึ้นไปเพื่อจะถอนหญ้า
ชื่อว่า หมื่นดาบเรือน ปัจจุบันอยู่สวรรค์ ท่ขี น้ึ อยสู่ ว่ นบนออก ทา่ นนำาชาวบา้ นขน้ึ ไปเอง เพราะไมม่ ีใครกล้า
ชนั้ ดาวดงึ ส์ เป็นผู้สร้างวัดนี้เพราะปรารถนา ขึน้ ข้างบน ท่านได้พบเหรียญเงินสมัยโบราณเป็นจำานวนมาก
เป็นพระพุทธเจ้าจึงสร้างบารมีเป็นพุทธภูมิ แต่สั่งห้ามคนนำาลงไปเป็นสมบัติส่วนตัว บางวันท่านนัง่ ภาวนา
หลวงปเู่ ปล่ยี นเคยสรา้ งวดั มาดว้ ยกนั ตอนนน้ั เห็นวัดร้างในละแวกนัน้ เมื่อออกจากสมาธิแล้ว ท่านจะเดินทาง
หลวงปู่เปลีย่ นเป็นทหารเอกคุมกองทัพของ ไปพิสูจน์และก็ได้เห็นวัดร้างเหลือแต่ซากเหมือนในนิมิต
เขา สว่ นท่นี ง่ั มาในยานลาำ เลก็ น้นั เปน็ ลกู ชาย
เจดียว์ ัดเชยี งแสนน้อย
44 | ปญญฺ าปทีโปนุสรณ์
พระอาทติ ย์ทรงกลด เมื่อวันท่ี ๒๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
ถ่ายท่เี จดยี ว์ ัดเชยี งแสนนอ้ ย
พรรษาท่ี ๖๕๒๐ วดั ป่าสะลวง บ้านสะลวงนอก หลวงปเู่ ปล่ยี นพักอยูว่ ดั เชียงแสนนอ้ ย ประมาณ ๒๖ วนั
จึงเดินทางกลับไปพักอยู่วัดโรงธรรมสามัคคี ปล่อยให้อาจารย์
๗ ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชยี งใหม่ วิสูตรอยู่ที่วัดนีต้ ่อ ตัวท่านออกธุดงค์ไปองค์เดียว มุ่งตรงไป
วัดปา่ อาจารย์ตือ้ พกั อยู่ ๔ วัน จึงกลับไปวดั ป่าสะลวง จาำ พรรษา
หลวงปู่เปล่ยี น หน้ากฏุ ิทท่ี ่านสรา้ งเองทีว่ ดั ปา่ สะลวง กบั หลวงพอ่ สพุ รรณ และอาจารย์ศรีจนั ทร์ โดยพักท่กี ฏุ ิส่วนตัวท่ี
46 | ปญญฺ าปทโี ปนสุ รณ์ ทา่ นสร้างเอง
ในพรรษานี้ ท่านตั้งใจแน่วแน่ทีจ่ ะเอาชนะจิตให้ได้
จึงหันมาสนใจเรื่องจิตมากขึ้น พิจารณาให้นานขึน้ ใช้อิริยาบถ
ทงั้ ๔ ทำาความเพยี ร หากเกิดความเม่อื ยลา้ กห็ ันไปอา่ นหนงั สือ
วิสทุ ธมิ รรคสลับกนั ไป หลวงป่เู ปลยี่ นได้อธบิ ายการดจู ิตดังนี้
การดเู ขา้ ไปในจิตเรอื่ ย ๆ มนั จะเรม่ิ วางเสียงลงได้ เสียง
จะเบาลง ๆ จนกระทัง่ ดับนิ่ง จึงรู้ว่าจิตเราวางเสียงดังนี้นีเ่ อง
เม่ืออยู่นิง่ ๆ นานเข้า ใช้สติปญั ญาเข้าไปครองจติ ใหน้ ง่ิ มันก็
จะสงบลงไปหมด ว่างไปเหมือนไม่มตี วั ไม่มกี าย วา่ งอยู่เฉย ๆ
มนั น่งิ สบาย จงึ รวู้ า่ จติ มาอยนู่ เ่ี อง รา่ งกายกเ็ หมอื นไมม่ ี อยวู่ า่ ง ๆ
สบาย คอยดจู ติ อยู่ มนั เหมอื นไมม่ ใี ครอยดู่ ว้ ยเหมอื นจ�าพรรษา
อยคู่ นเดยี ว
การดูจติ ของเราไปตลอดเวลา ทำาใหห้ นงั สอื ทเี่ คยทอ่ งมา
เช่น วิสุทธิมรรคทีอ่ ่านอยู่ เกิดตัวรู้ขึ้นมาทันทีตั้งแต่ต้นจนจบ
ตงั้ แตบ่ รรทัดแรกจนบรรทดั สดุ ทา้ ย รคู้ ำาแปลของวสิ ุทธิมรรค จะ
ออกมาให้รู้ทีละบรรทัด เหมือนกับอ่านบาลี และรู้ทั้งหมดทันที
นนั้ เอง
เม่อื สามารถควบคมุ จิตไดแ้ ล้ว การทจี่ ะนอนหรือไมน่ อน
เสยี งจะดงั รบกวนมากหรอื นอ้ ยไมใ่ ชอ่ ปุ สรรคอกี ตอ่ ไป ในพรรษาน้ี
ส่วนมากนอน ๒๕ นาทีตอ่ วนั เทา่ นน้ั การเหน็ นิมติ ยงั ชัดเจนและ
แม่นยำายง่ิ ข้ึน