The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ann milaela, 2023-05-29 02:09:26

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.2

ครูเบญจวรรณ ทองเสน

ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 รายวิชา ว 22101 วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ แรง เรื่อง การเคลื่อนที่และแรง 4 คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.2/14 อธิบายและค านวณอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้ สมการ t s v และ t s v จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.2 ม.2/15 เขียนแผนภาพแสดงการกระจัดและความเร็ว 2. สาระส าคัญ การเคลื่อนที่ของวัตถุเป็นการเปลี่ยนต าแหน่งของวัตถุเทียบกับต าแหน่งอ้างอิง โดยมีปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ มีทั้งปริมาณสเกลาร์ ซึ่งเป็นปริมาณที่มีขนาด เช่น ระยะทาง อัตราเร็ว การกระจัด ความเร็ว และปริมาณเวกเตอร์ ซึ่งเป็นปริมาณที่มีทั้งขนาดและทิศทาง เช่น การกระจัด ความเร็ว 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อนที่ของวัตถุได้ (K) 2. เขียนแผนภาพแสดงการกระจัดและความเร็วได้ (P) 3. ค านวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อนที่ของวัตถุได้ (P) 4. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น และท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 4. สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) การเคลื่อนที่ของวัตถุเป็นการเปลี่ยนต าแหน่งของวัตถุเทียบกับต าแหน่งอ้างอิงโดยมีปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ซึ่งมีทั้งปริมาณสเกลาร์ และปริมาณเวกเตอร์ เช่น ระยะทาง อัตราเร็ว การกระจัด ความเร็ว ปริมาณ สเกลาร์เป็นปริมาณที่มีขนาด เช่น ระยะทาง อัตราเร็ว ปริมาณเวกเตอร์ เป็นปริมาณที่มีทั้งขนาด และทิศทาง เช่น การกระจัด ความเร็ว เขียนแผนภาพแทนปริมาณเวกเตอร์ได้ด้วยลูกศร โดยความยาวของลูกศรแสดงขนาดและหัว ลูกศรแสดงทิศทางของเวกเตอร์นั้น ๆ ระยะทางเป็นปริมาณสเกลลาร์ โดยระยะทางเป็นความยาวของเส้นทางที่เคลื่อนที่ได้


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การกระจัดเป็นปริมาณเวกเตอร์ โดยการกระจัดมีทิศชี้จากต าแหน่งเริ่มต้นไปยังต าแหน่งสุดท้าย และมีขนาดเท่ากับระยะที่สั้นที่สุดระหว่างสองต าแหน่งนั้น อัตราเร็วเป็นปริมาณสเกลาร์ โดยอัตราเร็วเป็นอัตราส่วนของระยะทางต่อเวลา ความเร็วปริมาณเวกเตอร์มีทิศเดียวกับทิศของการกระจัด โดยความเร็วเป็นอัตราส่วนของ การกระจัดต่อเวลา ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ทักษะการสังเกต (Observing) 2. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) 3. ทักษะการทดลอง (Experiment) 4. ทักษะการอภิปราย ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. ใฝ่เรียนรู้ - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมีความพยายามในการเรียนรู้ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กล้าคิด กล้าพูดแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก 2. มุ่งมั่นในการท างาน - มีความอดทน และทุ่มเทในการท างาน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค มีความพยายามคิด แก้ปัญหา และคิดค้นหาค าตอบ 3. มีความรับผิดชอบ - รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งงานตรงตามก าหนด ปฏิบัติงานจนเป็นนิสัย เป็นตัว อย่างที่ดีแก่ผู้อื่น 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูน าอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น รถทดลอง และลูกเทนนิส จากนั้นครูสุ่มนักเรียน 1 คน ออกมาหน้าชั้นเรียน โดยครูให้นักเรียนสาธิตผลักรถทดลองให้เคลื่อนที่ในแนวตรงบนโต๊ะ และปล่อยลูก เทนนิสให้ตกลงสู่พื้น จากนั้นนักเรียนแต่ละคนสังเกตลักษณะการเคลื่อนที่ของรถทดลอง และลูกเทนนิส 1.2 ครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน ดังนี้ - รถทดลองและลูกเทนนิส มีแนวการเคลื่อนที่อย่างไร (แนวตอบ : เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง) - รถทดลองเละลูกเทนนิส มีลักษณะการเคลื่อนที่เหมือนกัน หรือแตกต่างกันอย่างไร


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (แนวตอบ : รถทดลองและลูกเทนนิส เคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเหมือนกัน แต่จะต่างกันตรงที่รถทดลอง จะเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงในแนวระดับ และลูกเทนนิสจะเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงในแนวดิ่ง) 1.3 นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรียนการสอน ในหนังสือ เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 โดยบันทึกลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ 1.4 ครูถามค าถามเพื่อเป็นการน าเข้าสู่บทเรียนว่า “ความเร็วเกี่ยวข้องกับชีวิตประจ าวันของเรา อย่างไร”(แนวตอบ : อัตราเร็วหรือความเร็วในการวิ่ง การก าหนดความเร็วรถยนต์ การก าหนดอัตราเร็ว ในการท างานของเครื่องจักรในอุตสาหกรรม) ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนจับคู่กับเพื่อนในชั้นเรียน ตามความสมัครใจ จากนั้นให้นักเรียนแต่คู่ร่วมกันศึกษา ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง การเคลื่อนที่ ระยะทางและการกระจัด จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต 2.2 นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุปความรู้ ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดบันทึกวิชาวทยาศาสตร์ 2.3 ครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดง ความคิดเห็นเพื่อหาค าตอบ ดังนี้ - ปริมาณทางฟิสิกส์ แบ่งออกเป็นกี่ประเภท (แนวตอบ : แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ปริมาณสเกลาร์ และปริมาณเวกเตอร์) - ปริมาณสเกลาร์แตกต่างกับปริมาณเวกเตอร์อย่างไร (แนวตอบ : ปริมาณเวกเตอร์ มีขนาดและ ทิศทาง แต่ปริมาณสเกลาร์ มีเพียงขนาด แต่ไม่มีทิศทาง) 2.4 นักเรียนแต่ละคนวาดรูปเส้นทางจากบ้านมาโรงเรียน โดยระบุต าแหน่งเริ่มต้น และต าแหน่ง สุดท้าย รวมทั้งระยะทางของการเดินทางจากบ้านมาโรงเรียนทั้งหมด ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 . ครูสุ่มนักเรียน จ านวน 3-4 คน ออกมาน าเสนอรูปเส้นทางจากบ้านมาโรงเรียนของตนเอง แล้วอธิบายต าแหน่งเริ่มต้น ต าแหน่งสุดท้าย และระยะทางของการเดินทางมาจากบ้านไปโรงเรียน ทั้งหมดหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียนน าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมี ความเข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับจุดอ้างอิง หรือต าแหน่งอ้างอิงว่า “การเคลื่อนที่ ของวัตถุจ าเป็นต้องบอกต าแหน่งของวัตถุเพื่อระบุทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งการระบุการเคลื่อนที่ ของวัตถุนั้นจ าเป็นต้องเทียบกับจุดอ้างอิงในแนวระดับ (แกน x) และแนวดิ่ง (แกน Y) โดยการบอก ต าแหน่งอาจบอกเป็นเลขจ านวนบวก และจ านวนลบเมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้าม” 3.3 ครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็นเพื่อหาค าตอบ ดังนี้ - ในเชิงฟิสิกส์ระยะทาง จัดเป็นปริมาณใด และเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์อะไร (แนวตอบ : ปริมาณสเกลาร์ และเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ s) - ในเชิงฟิสิกส์การกระจัด จัดเป็นปริมาณใด และเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์อะไร (แนวตอบ : ปริมาณเวกเตอร์ และเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ )


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3.4 นักเรียนแต่ละคนศึกษาตัวอย่างการค านวณโจทย์ปัญหาจากตัวอย่างที่ 4.14 เรื่อง ระยะทางและการกระจัด จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 3.5 ครูเขียนโจทย์ปัญหา เรื่อง ระยะทางและการกระจัด บนกระดาน จากนั้นให้นักเรียนแต่ละ คนค านวณหาระยะทางและการกระจัด โดยเขียนลงในสมุดประจ าตัวนักเรียน ตัวอย่างโจทย์ปัญหาดังนี้ - ณดา เดินทางออกจากบ้านไปทางทิศตะวันออก 3 เมตร และเดินไปทางทิศใต้ 4 เมตร จึงจะ ถึงโรงพยาบาล จงหาระยะทางและการกระจัดที่ ณดา เดินทางออกจากบ้านไปยังโรงเรียน (แนวตอบ : ระยะทาง คือ 7 เมตร และการกระจัด 5 เมตร) ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติม และเปิดโอกาสให้นักเรียนถามในเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม ชั่วโมงที่ 2-3 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน จากชั่วโมงที่ผ่านมาเกี่ยวกับปริมาณสเกลาร์ และ ปริมาณเวกเตอร์ โดยใช้ค าถาม ดังนี้ - การเคลื่อนที่ของวัตถุมีปริมาณใดบ้างที่เป็นปริมาณสเกลาร์ และปริมาณเวกเตอร์ (แนวตอบ : ระยะทาง และอัตราเร็ว เป็นปริมาณสเกลาร์ การกระจัด และความเร็ว เป็นปริมาณ เวกเตอร์) ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4-5 คน โดยคละกลุ่มเก่ง ปานกลาง อ่อน จากนั้นให้ นักเรียนแต่กลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง อัตราเร็ว ความเร็ว และวิธีการค านวณหา อัตราเร็วและความเร็ว จากตัวอย่าง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 หรือจากใบความรู้เรื่อง อัตราเร็ว และความเร็ว 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุป ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมาน าเสนอผลการศึกษาหน้าชั้นเรียน โดยสุ่มออกมาเพียง 7 กลุ่ม ซึ่ง ครูเป็นคนเลือกว่าจะให้กลุ่มไหนน าเสนอเรื่องอะไร ตามหัวข้อเรื่องดังต่อไปนี้ อัตราเร็ว (speed) อัตราเร็วเฉลี่ย (average speed) อัตราเร็วขณะหนึ่ง (instantaneous speed) วิธีการค านวณหาอัตราเร็วจากตัวอย่าง ความเร็ว (velocity)


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความเร็วเฉลี่ย (average velocity) วิธีการค านวณหาความเร็วจากตัวอย่าง 3.2 ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรือแทรกข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนั้น ๆ ให้นักเรียนทุกคนได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น 3.3 ครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็นเพื่อหาค าตอบ ดังนี้ - เป็นไปได้หรือไม่ว่า รถยนต์คันหนึ่งที่เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยเท่ากับ 10 เมตรต่อวินาที จะมีอัตราเร็วขณะหนึ่งเท่ากับ 10 เมตรต่อวินาที และค่าทั้งสองแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : เป็นไป ได้ เนื่องจากอัตราเร็วเฉลี่ย คือ ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ทั้งหมดต่อช่วงเวลาทั้งหมด ส่วนอัตราเร็ว ขณะใดขณะหนึ่ง คือ ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ ณ ช่วงเวลานั้น ดังนั้น อัตราเร็ว ณ ช่วงเวลาหนึ่งอาจ เท่ากับอัตราเร็วเฉลี่ยที่วัตถุเคลื่อนที่) - ความเร็วกับอัตราเร็วจะมีขนาดเท่ากันได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวตอบ : เท่ากันได้ หากใน หนึ่งหน่วยเวลา ระยะทางกับการกระจัดมีขนาดเท่ากัน) ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง การเคลื่อนที่ของวัตถุ และให้ความรู้ เพิ่มเติม จากค าถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การเคลื่อนที่ของวัตถุ ในการอธิบาย เพิ่มเติม 4.2 นักเรียนแต่ละคนท าใบงาน เรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว จากนั้นครูสุ่มนักเรียนจ านวน 4 คน ออกมาเฉลยใบงาน เรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว หน้าชั้นเรียน โดยให้เพื่อนในชั้นเรียนร่วมกัน พิจารณาว่าค าตอบถูกต้องหรือไม่ จากนั้นครูเฉลยค าตอบที่ถูกต้องให้นักเรียน 4.3 นักเรียนแต่ละคนท าแบบฝึกหัด เรื่อง การเคลื่อนที่ของวัตถุ จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เป็นการบ้านส่งในชั่วโมงถัดไป ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม - ตรวจใบงานเรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว ชั่วโมงที่ 4 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน จากชั่วโมงที่ผ่านมาเกี่ยวกับอัตราเร็วและความเร็ว และ น าเข้าสู่กิจกรรมร่มชูชีพพยุงตุ๊กตา ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม โดยครูเตรียมสลากหมายเลขกลุ่ม 1-5 จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคน ออกมาหยิบสลาก ซึ่งนักเรียนที่ได้หมายเลขเดียวกันจะอยู่กลุ่มเดียวกัน ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีสมาชิกภายใน กลุ่ม 5 คน


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.2 ครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรม Fun Science Activity เรื่อง ร่มชูชีพพยุงตุ๊กตา ให้ นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมที่ถูกต้อง จากนั้นให้สมาชิกภายกลุ่มจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรม Fun Science Activity เรื่อง ร่มชูชีพพยุงตุ๊กตา จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.2 2.3 สมาชิกภายในกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรม Fun Science Activity เรื่อง ร่มชูชีพพยุงตุ๊กตา ตามขั้นตอน ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรม Fun Science Activity เรื่อง ร่ม ชูชีพพยุงตุ๊กตา หน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียนน าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้ นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลการปฏิบัติกิจกรรม Fun Science Activity เรื่อง ร่มชู ชีพพยุงตุ๊กตาว่า “แรงโน้มถ่วงดึงดูดให้ตุ๊กตาตกจากที่สูงด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น แต่เมื่อร่มชูชีพกางจะต้าน อากาศในทิศตรงข้ามกับการเคลื่อนทีของตุ๊กตา ท าให้การเคลื่อนของตุ๊กตาช้าลง” 3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับแรงแม่เหล็ก จาก Science in real lifeเรื่อง รถไฟฟ้าแมกเลฟ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียน เข้าใจว่า “ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้น จึงมีการประยุกต์น าเอาแรงแม่เหล็กไฟฟ้ามาใช้ กับรถไฟฟ้า ท าให้รถไฟฟ้าในบางประเทศเคลื่อนที่โดยไม่ใช้ราง” 3.4 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “การ เคลื่อนที่ เป็นการเปลี่ยนต าแหน่งของวัตถุในช่วงเวลาหนึ่งเทียบกับต าแหน่งอ้างอิง โดยมีทั้งปริมาณ สเกลาร์และปริมาณเวกเตอร์มาเกี่ยวข้อง โดยปริมาณสเกลาร์ เป็นปริมาณที่บอกขนาดเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น เวลา ระยะทาง เป็นต้น ส่วนปริมาณเวกเตอร์ เป็นปริมาณที่บอกทั้งขนาดและทิศทาง ตัวอย่างเช่น การกระจัด ความเร็ว แรง เป็นต้น ระยะทาง (s) เป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นเมตร โดย อัตราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลา คือ อัตราเร็ว (v) มีหน่วยเป็น เมตรต่อวินาที (m/s) และการกระจัด มีหน่วยเป็น เมตร โดยอัตราส่วนระหว่างการกระจัดกับเวลา คือ ความเร็ว หน่วยเป็น เมตรต่อวินาที (m/s)” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) 4.1 นักเรียนท าแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ เพื่อเป็น การวัดความรู้หลังเรียนของนักเรียน 4.2 นักเรียนแต่ละคนน าความรู้ที่ได้จากการเรียนของหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการ เคลื่อนที่ มาเขียนสรุปเป็นแผนผังมโนทัศน์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งให้สวยงาม ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ( 3 ห่วง 2 เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้และท างานเหมาะกับเวลา หลักมีเหตุผล การอธิบายเกี่ยวกับแรงและการเคลื่อนที่ได้อย่างเหมาะสมและ ถูกต้อง หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี การเลือกศึกษาจากแหล่งเรียนรู้โดยมีความถูกต้อง การวางแผนในการท างานเป็นกลุ่ม เงื่อนไขความรู้ การวิเคราะห์ผล สรุปผลเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ เงื่อนไขคุณธรรม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ สื่ออุปกรณ์ 1. หนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. Power Point เรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุ 3. ใบความรู้ เรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว 4. ใบงาน เรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว 5. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรม Fun Science Activity เรื่อง ร่มชูชีพพยุงตุ๊กตา 6. อุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น รถทดลอง และลูกเทนนิส แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. อินเทอร์เน็ต 9. เกณฑ์การประเมิน สิงที่ต้องการวัด รายการ วิธีวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถ อธิบาย ความหมายของ อัตราเร็วและ ความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุ ได้ สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่องการเคลื่อนที่ของ วัตถุ ใบงานเรื่องการ เคลื่อนที่ของวัตถุ สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ 4 คะแนน อธิบายความหมายของ อัตราเร็วและความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้ถูกต้องร้อยละ 80 ขึ้นไป 3 คะแนน อธิบายความหมายของ อัตราเร็วและความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้ถูกต้องร้อยละ 70-79 2 คะแนน อธิบายความหมายของ อัตราเร็วและความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้ถูกต้องร้อยละ 60-69


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 คะแนน อธิบายความหมายของ อัตราเร็วและความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้ถูกต้องร้อยละ 50-59 0 คะแนน อธิบายความหมายของ อัตราเร็วและความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้ถูกต้องน้อยกว่า ร้อยละ 50 ด้ า น ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร (P) นักเรียนสามารถ ค านวณหา ปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับ อัตราเร็วและ ความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุ ได้ สังเกตการปฏิบัติ กิจกรรมการเกี่ยวกับ ค านวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ อัตราเร็วและความเร็ว ของการเคลื่อนที่ของ วัตถุทางด้าน กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ แบบประเมินทักษะ กระบวนการ วิทยาศาสตร์ 3 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมค านวณหา ป ริม าณต่ าง ๆ ที่ เกี่ ย ว ข้อง กั บ อัตราเร็วและความเร็ วของกา ร เคลื่อนที่ของวัตถุตามกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้ถูกต้อง 2 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมค านวณหา ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ อัตราเร็วและความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุตามกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้ถูกต้องบางส่วน 1 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับ ค านวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับอัตราเร็วและความเร็วของการ เคลื่อนที่ของวัตถุตามกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้คลาดเคลื่อน ด้านคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ (A) นักเรียนปฏิบัติ กิจกรรมกลุ่มด้วย ความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีความใฝ่รู้ใน การเรียน 1.สังเกตการใฝ่รู้ มี ความรับผิดชอบมุ่งมั่น ในการท างานกลุ่ม 2.สังเกตพฤติกรรมการ แสดงความคิดเห็น การ ตอบค าถาม แบบประเมิน พฤติกรรมรายกลุ่ม ผ่าน หมายถึง ให้ความร่วมมือ สนใจ ใฝ่รู้รับผิดชอบ มุ่งมั่นในการท างาน กลุ่ม ปรับปรุงหมายถึง ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่สนใจใฝ่รู้ไม่รับผิดชอบ และไม่ มุ่งมั่นในการท างานกลุ่ม


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใบงาน เรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว ตอนที่ 1 ค าชี้แจง : จงอธิบายความหมายและเขียนสมการต่อไปนี้ 1. อัตราเร็ว คือ ……………………………………………………………………….……………………………………………. เขียนเป็นสมการได้ว่า……………………………………………………………………….……………………………………… 2. อัตราเร็วเฉลี่ย คือ ……………………………………………………………………….……………………………………… เขียนเป็นสมการได้ว่า ……………………………………………………………………….………………………………….. 3. อัตราเร็วขณะใดขณะหนึ่ง คือ ……………………………………………………………………….…………………… เขียนเป็นสมการได้ว่า ……………………………………………………………………….…………………………………….. 4. ความเร็ว คือ ……………………………………………………………………….……………………………………………. เขียนเป็นสมการได้ว่า ……………………………………………………………………….…………………………………….. 5. ความเร็วเฉลี่ย คือ ……………………………………………………………………….……………………………………. เขียนเป็นสมการได้ว่า ……………………………………………………………………….…………………………………….. 6. ความเร็วขณะใดขณะหนึ่ง คือ ……………………………………………………………………….……………………… เขียนเป็นสมการได้ว่า……………………………………………………………………….……………………………………… ตอนที่ 2 ค าชี้แจง : จงค านวณอัตราเร็วและความเร็วที่โจทย์ก าหนดให้ต่อไปนี้ 1. เครื่องบินล าหนึ่งต้องใช้เวลาในการเร่งเครื่อง 20 วินาที จากหยุดนิ่งวิ่งเร่งเครื่องบนทางวิ่งใช้ ระยะทาง 400 เมตร ก่อนที่จะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า จงหาอัตราเร็วของเครื่องขณะที่ขึ้นจากทางวิ่ง 2. จากภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ จาก A B C D จงหาอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อน ที่นี้ 1. อัตราเร็ว จากระยะ AB เท่ากับ ……… m/s ในเวลา 2 วินาที 2. ความเร็ว จากระยะ AB เท่ากับ ……… m/s ในเวลา 2 วินาที 3. อัตราเร็ว จากระยะ AC เท่ากับ ……… m/s ในเวลา 5 วินาที 4. ความเร็ว จากระยะ AC เท่ากับ ……… m/s ในเวลา 5 วินาที 5. อัตราเร็ว จากระยะ AD เท่ากับ ……… m/s ในเวลา 10 วินาที 6. ความเร็ว จากระยะ AD เท่ากับ ……… m/s ในเวลา 10 วินาที A B D C 3 4 4


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เฉลย ใบงาน เรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว ตอนที่ 1 ค าชี้แจง : จงอธิบายความหมายและเขียนสมการต่อไปนี้ 1. อัตราเร็ว คือ ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ในหนึ่งหน่วยเวลา เขียนเป็นสมการได้ว่า t s v 2. อัตราเร็วเฉลี่ย คือ ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ทั้งหมดต่อช่วงเวลาทั้งหมด เขียนเป็นสมการได้ว่า t s vav 3. อัตราเร็วขณะใดขณะหนึ่ง คือ ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ ต่อหนึ่งหน่วยเวลาสั้น ๆ เขียนเป็นสมการได้ว่า t s vt 4. ความเร็ว คือ การกระจัดที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ ต่อหนึ่งหน่วยเวลา เขียนเป็นสมการได้ว่า t s v 5. ความเร็วเฉลี่ย คือ การกระจัดลัพธ์ต่อช่วงเวลาทั้งหมด มีทิศทางเดียวกับทิศการกระจัดลัพธ์ เขียนเป็นสมการได้ว่า t s vav 6. ความเร็วขณะใดขณะหนึ่ง คือ การกระจัดต่อหนึ่งหน่วยเวลาสั้น ๆ มีทิศทางเดียวกับการกระจัดที่ เปลี่ยนไป เขียนเป็นสมการได้ว่า t s vt ตอนที่ 2 ค าชี้แจง : จงค านวณอัตราเร็วและความเร็วที่โจทย์ก าหนดให้ต่อไปนี้ 1. เครื่องบินล าหนึ่งต้องใช้เวลาในการเร่งเครื่อง 20 วินาที จากหยุดนิ่งวิ่งเร่งเครื่องบนทางวิ่งใช้ ระยะทาง 400 เมตร ก่อนที่จะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า จงหาอัตราเร็วของเครื่องขณะที่ขึ้นจากทางวิ่ง วิธีท า จากสมการ 5 m/s 20 400 t s v ดังนั้น อัตราเร็วของเครื่องขณะที่ขึ้นจากทางวิ่งมีค่าเท่ากับ 5 เมตรต่อวินาที


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2. จากภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ จาก A B C D จงหาอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อน ที่นี้ 1. อัตราเร็ว จากระยะ AB เท่ากับ 1.5 m/s ในเวลา 2 วินาที 2. ความเร็ว จากระยะ AB เท่ากับ 1.5 m/s ในเวลา 2 วินาที 3. อัตราเร็ว จากระยะ AC เท่ากับ 1.4 m/s ในเวลา 5 วินาที 4. ความเร็ว จากระยะ AC เท่ากับ 1 m/s ในเวลา 5 วินาที 5. อัตราเร็ว จากระยะ AD เท่ากับ 1.1 m/s ในเวลา 10 วินาที 6. ความเร็ว จากระยะ AD เท่ากับ 0.3 m/s ในเวลา 10 วินาที


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใบความรู้ เรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว ∎ อัตราเร็ว (v) หมายถึง ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ในหนึ่งหน่วยเวลา หรืออัตราการเปลี่ยนแปลง ระยะทางโดยไม่ก าหนดทิศทาง เป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นเมตรต่อวินาที (m/s) t s v อัตราเร็ว แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. อัตราเร็วขณะใดขณะหนึ่ง (vt ) หมายถึง ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ ต่อหนึ่งหน่วยเวลาสั้น ๆ t s vt 2. อัตราเร็วเฉลี่ย (vav) หมายถึง ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ทั้งหมดต่อช่วงเวลาทั้งหมด t s vav


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ∎ ความเร็ว (v) หมายถึง การกระจัดที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ ต่อหนึ่งหน่วยเวลา เป็นปริมาณเวกเตอร์ มี หน่วยเป็นเมตรต่อวินาที (m/s) t s v ความเร็ว แบ่งเป็น 2 ลักษณะ 1. ความเร็วขณะใดขณะหนึ่ง (v ) t หมายถึง การกระจัดต่อหนึ่งหน่วยเวลาสั้น ๆ มีทิศทาง เดียวกันกับทิศการกระจัดที่เปลี่ยนไป t s vt 2. ความเร็วเฉลี่ย (v ) av หมายถึง การกระจัดลัพธ์ต่อช่วงเวลาทั้งหมด มีทิศทางเดียวกันกับทิศ การกระจัดลัพธ์ t s vav


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 รายวิชา ว 22101 วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่และแรง เรื่อง การหาแรงลัพธ์ของวัตถุ 4 คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.2/1 พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่ กระท าต่อวัตถุในแนวเดียวกันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.2 ม.2/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระท าต่อวัตถุใน แนวเดียวกัน 2. สาระส าคัญ แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่มีขนาดและทิศทาง มีหน่วยเป็นนิวตัน เมื่อมีแรงหลายแรงกระท า ต่อวัตถุ แล้วแรงลัพธ์ที่กระท าต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เคลื่อนที่ แต่หากแรงหลายแรงกระท า ต่อวัตถุ แล้วแรงลัพธ์ที่กระท าต่อวัตถุมีค่าไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เคลื่อนที่ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของแรงได้ (K) 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงและค านวณหาแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระท าต่อวัตถุใน แนวเดียวกันได้ (P) 3. ปฏิบัติกิจกรรมการหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ได้อย่างถูกต้องและเป็นล าดับขั้นตอน (P) 4. มีความใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการท างาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ เมื่อมีแรงหลาย ๆ แรงกระท าต่อวัตถุ แล้วแรงลัพธ์ที่กระท าต่อวัตถุมี ค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ แต่ถ้าแรงลัพธ์ที่กระท าต่อวัตถุมีค่าไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ทักษะการสังเกต (Observing) 2. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) 3. ทักษะการทดลอง (Experiment) 4. ทักษะการอภิปราย ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. ใฝ่เรียนรู้


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมีความพยายามในการเรียนรู้ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กล้าคิด กล้าพูดแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก 2. มุ่งมั่นในการท างาน - มีความอดทน และทุ่มเทในการท างาน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค มีความพยายามคิด แก้ปัญหา และคิดค้นหาค าตอบ 3. มีความรับผิดชอบ - รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งงานตรงตามก าหนด ปฏิบัติงานจนเป็นนิสัย เป็นตัว อย่างที่ดีแก่ผู้อื่น 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1-2 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทักทายกับนักเรียน แล้วแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ จากนั้นนักเรียนท า แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ เพื่อวัดความรู้เดิมของนักเรียน ก่อนเข้าสู่กิจกรรม 1.2 ครูน าอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ลูกบอลยาง จากนั้นครูขออาสาสมัครนักเรียน 1 คน ออกมาหน้าชั้นเรียน โดยใหตัวแทนนักเรียนโยนลูกบอลยางขึ้นไปเหนือศีรษะ แล้วให้นักเรียนแต่ละคน สังเกตการเคลื่อนที่ของลูกบอลยาง 1.3 ครูถามค าถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยใช้ค าถาม จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 และร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิดว่า “แรงมีผลต่อ การเคลื่อนที่ของวัตถุอย่างไร”(แนวตอบ : แรงมีผลท าให้วัตถุเปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ ความเร็ว ทิศทาง รวมทั้งท าให้วัตถุเปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาด เช่น รถยนต์ที่พุ่งชนต้นไม้ด้วยความเร็วหนึ่ง แรง ที่พุ่งชนต้นไม้สะท้อนให้รถเกิดการช ารุด) 1.4 ครูถามค าถามเพื่อเป็นการน าเข้าสู่บทเรียนและตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับ เรื่อง แรง และการเคลื่อนที่ ของนักเรียนว่า “วัตถุที่อยู่นิ่งถูกท าให้เคลื่อนที่ได้อย่างไร” (แนวตอบ : วัตถุที่อยู่นิ่ง สามารถเคลื่อนที่ได้เนื่องจากมีแรงมากระท า โดยแรงที่มากระท าต่อวัตถุอาจสัมผัสหรือไม่สัมผัสกับวัตถุ โดยตรง เช่น แรงดึง แรงผลัก แรงดัน แรงโน้มถ่วง แรงไฟฟ้า แรงแม่เหล็ก) ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4-5 คน โดยคละกลุ่มเก่ง ปานกลาง อ่อน จากนั้นให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลากหัวข้อที่ศึกษา โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา ค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด ซึ่งหัวข้อประกอบด้วย


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มที่ 1-2 ศึกษาเกี่ยวกับความหมายของแรง กลุ่มที่ 3-4 ศึกษาเกี่ยวกับแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงย่อยที่อยู่ในแนวเดียวกันมากระท ากับ วัตถุในทิศทางเดียวกัน กลุ่มที่ 5-6 ศึกษาเกี่ยวกับแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงย่อยที่อยู่ในแนวเดียวกันมากระท ากับ วัตถุในทิศทางตรงข้ามกัน กลุ่มที่ 7-8 ศึกษาเกี่ยวกับกฎของความเฉื่อย 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน สรุปความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจ าตัวนักเรียน ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอผลการศึกษาหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียนน าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า “แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่ทั้งขนาดและทิศทาง สามารถเขียนแทนด้วยเส้นตรง โดยความยาวของเส้นแทนขนาดของแรงและต้องสอดคล้องกับมาตรา ส่วนที่ก าหนด โดยหัวของลูกศรจะชี้ไปในทิศทางที่แรงกระท า” 3.3 นักเรียนศึกษาตัวอย่าง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 จากนั้นครูเขียนโจทย์ บนกระดาน โดยให้นักเรียนแต่ละคนเขียนแผนภาพ ลงในสมุดประจ าตัวนักเรียน ตัวอย่างโจทย์ เช่น จงเขียนแรงที่มีขนาด 500 นิวตัน ที่มีทิศไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 3.4 ครูสุ่มเลขที่นักเรียน จ านวน 4 คน ออกมาเขียนค าตอบของตนเองหน้าชั้นเรียน โดยให้ เพื่อนในชั้นเรียนร่วมกันพิจารณาว่าค าตอบถูกต้องหรือไม่ จากนั้นครูเฉลยค าตอบที่ถูกต้องให้นักเรียน ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) 4.1 นักเรียนจับคู่กับเพื่อนในชั้นเรียน ตามความสมัครใจ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันท า ใบงานที่ เรื่อง แรง เมื่อท าเสร็จแล้วน าส่งครูท้ายชั่วโมง ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม - ใบงานเรื่อง แรง ชั่วโมงที่ 3-4 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูตั้งค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน ว่า นักเรียนจะหาขนาดและทิศทางของแรงได้ อย่างไร


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4-5 คน โดยคละกลุ่มเก่ง ปานกลาง อ่อน จากนั้นให้ตัวแทน กลุ่มออกมาจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรม การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ ประกอบด้วย - เครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง - ถุงทรายมวล 500 กรัม 1 ถุง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ โดยให้แต่ละกลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ - น าเครื่องชั่งสปริงเกี่ยวถุงทรายมวล 500 กรัม แล้วลากถุงทรายขนานไปกับพื้นโต๊ะจากนั้น สังเกตทิศทางการเคลื่อนที่ของถุงทราย และบันทึกค่าที่ได้จากเครื่องชั่งสปริง ลงในสมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ - น าเครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง เกี่ยวถุงทรายมวล 500 กรัม แล้วลากถุงทรายขนานไปกับพื้นโต๊ะ โดยดึงเครื่องชั่งสปริงไปในทิศทางเดียวกัน และบันทึกค่าที่ได้จากเครื่องชั่งสปริง ลงในสมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ - น าเครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง เกี่ยวถุงทรายมวล 500 กรัม แล้วลากถุงทรายขนานไปกับพื้นโต๊ะ โดยดึงเครื่องชั่งสปริงไปในทิศทางตรงข้ามกัน และบันทึกค่าที่ได้จากเครื่องชั่งสปริงลงในสมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผลและสรุปผลการ ปฏิบัติกิจกรรมการหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 ครูสุ่มนักเรียน จ านวน 3 กลุ่ม ออกมาน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรม การหาขนาดและ ทิศทางของแรงลัพธ์ ในระหว่างที่นักเรียนน าเสนอครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความ เข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 ครูตั้งประเด็นค าถามจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม ดังนี้ - แรงที่ลากถุงทรายขนานไปกับพื้นโต๊ะโดยใช้เครื่องชั่งสปริง 1 เครื่อง และ 2 เครื่อง ด้วย อัตราเร็วที่สม่ าเสมอมีขนาดแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : แตกต่างกัน แรงที่ใช้ลากถุงทรายซึ่ง อ่านได้จากเครื่องชั่งสปริงเพียงหนึ่งเครื่องจะ มีค่ามากกว่าแรงที่ใช้ลากถุงทรายด้วยเครื่องชั่งสปริงสอง เครื่อง โดยค่าที่อ่านได้จากเครื่องชั่งสปริงแต่ละเครื่องรวมกันมีค่าใกล้เคียงกับค่าแรงที่อ่านได้จากแรงที่ ใช้ดึงถุงทรายจากเครื่องชั่งสปริง 1 เครื่อง) - แรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงที่ใช้ลากถุงทรายด้วยเครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง ในทิศทางตรงข้ามกัน มีขนาดแตกต่างกันหรือไม่ และถุงทรายมีทิศทางการเคลื่อนที่อย่างไร (แนวตอบ : อาจแตกต่างหรือ เท่ากันได้ หากแรงที่ใช้ดึงเครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง มีขนาดต่างกันถุงทรายจะเคลื่อนที่ไปตามแนวแรงที่มี ขนาดมากกว่า หากแรงที่ใช้ดึงเครื่องสปริง 2 เครื่อง มีขนาดเท่ากัน ถุงทรายจะไม่เคลื่อนที่) 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม การหาขนาดและทิศทางของ แรงลัพธ์ว่า “การลากถุงทรายด้วยอัตราเร็วสม่ าเสมอ ด้วยเครื่องชั่งสปริง 1 และ 2 เครื่อง ในแนว เดียวกัน โดยถุงทรายจะเคลื่อนที่ไปตามผลรวมขนาดของแรง หรือเรียกว่า แรงลัพธ์” 3.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาตัวอย่าง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 3.5 ครูเขียนโจทย์บนกระดาน โดยให้นักเรียนลอกโจทย์ และแสดงวิธีท า ลงในสมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตัวอย่างโจทย์ ก าหนดให้ แรง F1 = 10 N F2 = 45 N และแรง F3 = 10 N มากระท าต่อกล่อง ดังภาพ จงหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ 1) 2) 3) 4) 3.6 ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า “แรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงย่อยที่อยู่ในแนวเดียวกัน ถ้า หากแรงย่อยที่มากระท ามีทิศไปทางเดียวกัน ขนาดของแรงลัพธ์จะมีค่าเท่ากับผลบวกของแรงย่อย ถ้า หากแรงย่อยที่มากระท ามีทิศตรงข้ามกัน ขนาดของแรงลัพธ์จะมีค่าเท่ากับผลต่างของแรงย่อย โดยอาจ ก าหนดแรงที่กระท าต่อวัตถุไปทางขวามีค่าเป็นบวก และแรงที่กระท าต่อวัตถุไปทางซ้ายมีค่าเป็นลบ แต่ ถ้าแรงที่มากระท าต่อวัตถุมีขนาดเท่ากันและมีทิศตรงข้ามกัน แรงลัพธ์จะมีค่าเท่ากับศูนย์ วัตถุจะรักษา สภาพการเคลื่อนที่เดิม” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง การหาแรงลัพธ์ของวัตถุ และให้ ความรู้เพิ่มเติมจากค าถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การหาแรงลัพธ์ของวัตถุ ในการ อธิบายเพิ่มเติม 4.2. นักเรียนแต่ละคนท าใบงานเรื่อง แรงลัพธ์ ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม - ใบงานเรื่อง แรงลัพธ์ F 1 F 2 F 2 F 2 F 1 F 3 F 1 F 2 F 3


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ( 3 ห่วง 2 เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้และท างานเหมาะกับเวลา หลักมีเหตุผล การอธิบายเกี่ยวกับแรงลัพธ์ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี การเลือกศึกษาจากแหล่งเรียนรู้โดยมีความถูกต้อง การวางแผนในการท างานเป็นกลุ่ม เงื่อนไขความรู้ การวิเคราะห์ผล สรุปผลเรื่องแรงลัพธ์ เงื่อนไขคุณธรรม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ สื่ออุปกรณ์ 1. หนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. Power Point เรื่องการหาแรงลัพธ์ของวัตถุ 3. ใบงาน เรื่อง แรง 4. ใบงาน เรื่อง แรงลัพธ์ 5. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมการหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ 6. อุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ลูกบอลยาง แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. อินเทอร์เน็ต


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9. เกณฑ์การประเมิน สิงที่ต้องการวัด รายการ วิธีวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถ อธิบายความหมาย ของแรงได้ สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่องแรงลัพธ์ของ วัตถุ ใบงานเรื่องแรง ใบงานเรื่องแรงลัพธ์ สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ 4 คะแนน อธิบายความหมายของแรงได้ ถูกต้องร้อยละ 80 ขึ้นไป 3 คะแนน อธิบายความหมายของแรงได้ ถูกต้องร้อยละ 70-79 2 คะแนน อธิบายความหมายของแรงได้ ถูกต้องร้อยละ 60-69 1 คะแนน อธิบายความหมายของแรงได้ ถูกต้องร้อยละ 50-59 0 คะแนน อธิบายความหมายของแรง ได้ถูกต้องน้อยกว่าร้อยละ 50 ด้านทักษะ กระบวนการ (P) นักเรียนสามารถ ปฏิบัติกิจกรรมการ หาขนาดและทิศทาง ของแรงลัพธ์ได้อย่าง ถูกต้องและเป็นล าดับ ขั้นตอนได้ สังเกตการปฏิบัติ กิจกรรมการหา ขนาดและทิศทาง ของแรงลัพธ์ได้ อย่างถูกต้องและ เป็นล าดับขั้นตอน ทางด้าน กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ แบบประเมิน ทักษะ กระบวนการ วิทยาศาสตร์ 3 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมการหาขนาด และทิศทางของแรงลัพธ์ได้อย่างถูกต้อง และเป็นล าดับขั้นตอนตามกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้ถูกต้อง 2 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมการหาขนาด และทิศทางของแรงลัพธ์ได้อย่างถูกต้อง และเป็นล าดับขั้นตอนตามกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้ถูกต้องบางส่วน 1 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมการหาขนาด และทิศทางของแรงลัพธ์ได้อย่างถูกต้อง และเป็นล าดับขั้นตอนตามกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้คลาดเคลื่อน ด้านคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ (A) นักเรียนปฏิบัติ กิจกรรมกลุ่มด้วย ความมุ่งมั่นตั้งใจและ มีความใฝ่รู้ในการ เรียน 1.สังเกตการใฝ่รู้ มี ความรับผิดชอบ มุ่งมั่นในการท างาน กลุ่ม 2.สังเกตพฤติกรรม การแสดงความ คิดเห็น การตอบ ค าถาม แบบประเมิน พฤติกรรมราย กลุ่ม ผ่าน หมายถึง ให้ความร่วมมือ สนใจใฝ่รู้ รับผิดชอบ มุ่งมั่นในการท างานกลุ่ม ปรับปรุงหมายถึง ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ สนใจใฝ่รู้ไม่รับผิดชอบ และไม่มุ่งมั่นใน การท างานกลุ่ม


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใบงาน เรื่อง แรง ตอนที่ 1 ค าชี้แจง : จงตอบค าถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. แรง (Force) หมายถึง....................................................................แทนด้วยสัญลักษณ์....................... 2. หน่วยของแรง คือ................................................................................................................................. 3. แรง เป็นปริมาณ....................................เพราะ..................................................................................... 4. แรงมีผลท าให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร 1) ……………………………………………………………………………………. 2) ……………………………………………………………………………………. 3) ……………………………………………………………………………………. 5. จงยกตัวอย่างแรงที่นักเรียนรู้จักมาอย่างน้อย 3 ชนิด 1) ……………………………………………………………………………………. 2) ……………………………………………………………………………………. 3) ……………………………………………………………………………………. ตอนที่ 2 ค าชี้แจง : จงเขียนแผนภาพของแรงที่ก าหนดให้ 1. จงเขียนแรงที่มีขนาด 1400 N ไปทางทิศตะวันออก ก าหนดให้อัตราส่วนของแรงมีค่าเท่ากับ 700 N : 2 cm 2. จงเขียนแรงที่มีขนาด 3600 N ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ก าหนดให้อัตราส่วนของแรงมีค่าเท่ากับ 900 N : 4 cm ชื่อ-สกุล..... ..............................................ชั้น......................เลขที่........ กลุ่มที่.......


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใบงาน เรื่อง แรง เฉลย ตอนที่ 1 ค าชี้แจง : จงตอบค าถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. แรง (Force) หมายถึง ปริมาณที่กระท าต่อวัตถุแล้วท าให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพไปจากเดิม แทนด้วยสัญลักษณ์ F 2. หน่วยของแรง คือ นิวตัน 3. แรง เป็นปริมาณ เวกเตอร์ เพราะ มีทั้งขนาดและทิศทาง 4. แรงมีผลท าให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร 1) วัตถุที่อยู่นิ่งจะเกิดการเคลื่อนที่ 2) วัตถุที่ก าลังเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงความเร็ว 3) วัตถุเปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนที่ 5. จงยกตัวอย่างแรงที่นักเรียนรู้จักมาอย่างน้อย 3 ชนิด 1) แรงโน้มถ่วง 2) แรงเสียดทาน 3) แรงพยุง ตอนที่ 2 ค าชี้แจง : จงเขียนแผนภาพของแรงที่ก าหนดให้ 1. จงเขียนแรงที่มีขนาด 1400 N ไปทางทิศตะวันออก ก าหนดให้อัตราส่วนของแรงมีค่าเท่ากับ 700 N : 2 cm 2. จงเขียนแรงที่มีขนาด 3600 N ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ก าหนดให้อัตราส่วนของแรงมีค่าเท่ากับ 1 cm : 900 N


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใบงาน เรื่อง แรงลัพธ์ ตอนที่ 1 ค าชี้แจง : จงตอบค าถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. แรงลัพธ์ (resultant force) คือ…………………………………………………………………………………………..... 2. หากแรงย่อยที่มากระท าต่อวัตถุมี 2 แรง สามารถค านวณหาแรงลัพธ์ได้ 2 กรณี กรณีที่ 1 แรงย่อยที่กระท าต่อวัตถุไปทิศทางเดียวกัน ………………………………………………………………..... กรณีที่ 2 แรงย่อยที่กระท าต่อวัตถุไปทิศทางตรงข้ามกัน …………………………………………………………...... 3. แรงลัพธ์ค านวณได้จากสมการ……………………………………………………………………………………........… 4. แรงย่อยที่มากระท าต่อวัตถุมีตั้งแต่ 2 แรงย่อยขึ้นไปสามารถหาทิศทางของแรงลัพธ์ได้จากวิธีใดบ้าง 1) ……………………………………………………………… 2) ……………………………………………………………… 5. จงหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ที่ก าหนดให้ ต่อไปนี้ 1) 2) 3) F1 = 25 N F2 = 25 N F1 = 25 N F2 = 25 N F1 = 75 N F2 = 25 N


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4) F1 = 75 N F2 = 45 N F3 = 15 N


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เฉลย ใบงาน เรื่อง แรงลัพธ์ ตอนที่ 1 ค าชี้แจง : จงตอบค าถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. แรงลัพธ์ (resultant force) คือ ผลรวมของแรงย่อยที่มากระท าต่อวัตถุ ตั้งแต่ 2 แรงขึ้นไป 2. หากแรงย่อยที่มากระท าต่อวัตถุมี 2 แรง สามารถค านวณหาแรงลัพธ์ได้ 2 กรณี กรณีที่ 1 แรงย่อยที่กระท าต่อวัตถุไปทิศทางเดียวกัน ผลรวมของแรงย่อย กรณีที่ 2 แรงย่อยที่กระท าต่อวัตถุไปทิศทางตรงข้ามกัน ผลต่างของแรงย่อย 3. แรงลัพธ์ค านวณได้จากสมการ ลพ ั ธ ์ 1 2 F F F 4. แรงย่อยที่มากระท าต่อวัตถุมีตั้งแต่ 2 แรงย่อยขึ้นไปสามารถหาทิศทางของแรงลัพธ์ได้จากวิธีใดบ้าง 1) หัวต่อหาง 2) สร้างสี่เหลี่ยมด้านขนาน 5. จงหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ที่ก าหนดให้ ต่อไปนี้ 1) 2) 3) F1 = 25 N F2 = 25 N F1 = 25 N F2 = 25 N F1 = 75 N F2 = 25 N F 50 N 25 25 F F F ลพัธ์ ลพัธ์ 1 2 F 50 N 25 25 F F F ลพัธ์ ลพัธ์ 1 2 F 50 N 75 25 F F F ลพัธ์ ลพัธ์ 1 2


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4) F1 = 75 N F2 = 45 N F3 = 15 N F 105 N 75 45 15 F F F F ลพัธ์ ลพัธ์ 1 2 3


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 รายวิชา ว 22101 วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่และแรง เรื่อง แรงเสียดทาน 2 คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.2/6 อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.2 ม.2/7 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ขนาดของแรงเสียดทาน ว 2.2 ม.2/8 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอื่น ๆ ที่กระท าต่อวัตถุ ว 2.2 ม.2/9 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เรื่องแรงเสียดทาน โดยวิเคราะห์สถานการณ์ ปัญหา และเสนอแนะวิธีการลดหรือเพิ่มแรงเสียดทานที่เป็นประโยชน์ต่อการท ากิจกรรม ใน ชีวิตประจ าวัน 2. สาระส าคัญ แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุเพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น โดย ถ้าออกแรงกระท าต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบนพื้นผิวให้เคลื่อนที่ แรงเสียดทานก็จะต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในขณะที่วัตถุยังไม่เคลื่อนที่เรียก แรงเสียดทานสถิต แต่ถ้าวัตถุก าลังเคลื่อนที่ แรงเสียดทานก็จะท าให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง เรียก แรงเสียดทานจลน์ขนาดของแรงเสียด ทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุขึ้นกับลักษณะผิวสัมผัสและขนาดของแรงปฏิกิริยาตั้งฉากระหว่าง ผิวสัมผัสกิจกรรมในชีวิตประจ าวันบางกิจกรรมต้องการแรงเสียดทาน เช่น การเปิดฝาเกลียวของน้ า การ ใช้แผ่นกันลื่นในห้องน้ า บางกิจกรรมไม่ต้องการ แรงเสียดทาน เช่น การลากวัตถุบนพื้น การใช้ น้ ามันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ ความรู้เรื่องแรงเสียดทานสามารถน าไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ าวันได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ได้(K) 2. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทานได้ (K) 3. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอื่น ๆ ที่กระท าต่อวัตถุ (P) 4. ปฏิบัติกิจกรรมการหาขนาดของแรงเสียดทานได้และปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน อย่างถูกต้องและเป็นล าดับขั้นตอน (P) 5. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เรื่องแรงเสียดทานต่อการท ากิจกรรมในชีวิตประจ าวันได้ (A)


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุเพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น โดย ถ้าออกแรงกระท าต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบนพื้นผิวให้เคลื่อนที่ แรงเสียดทานก็จะต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในขณะที่วัตถุยังไม่เคลื่อนที่เรียก แรงเสียดทานสถิต แต่ถ้าวัตถุก าลังเคลื่อนที่ แรงเสียดทานก็จะท าให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง เรียก แรงเสียดทานจลน์ขนาดของแรงเสียด ทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุขึ้นกับลักษณะผิวสัมผัสและขนาดของแรงปฏิกิริยาตั้งฉากระหว่าง ผิวสัมผัสกิจกรรมในชีวิตประจ าวันบางกิจกรรมต้องการแรงเสียดทาน เช่น การเปิดฝาเกลียวของน้ า การ ใช้แผ่นกันลื่นในห้องน้ า บางกิจกรรมไม่ต้องการ แรงเสียดทาน เช่น การลากวัตถุบนพื้น การใช้ น้ ามันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ ความรู้เรื่องแรงเสียดทานสามารถน าไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ าวันได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ทักษะการสังเกต (Observing) 2. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) 3. ทักษะการทดลอง (Experiment) 4. ทักษะการอภิปราย ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. ใฝ่เรียนรู้ - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมีความพยายามในการเรียนรู้ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กล้าคิด กล้าพูดแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก 2. มุ่งมั่นในการท างาน - มีความอดทน และทุ่มเทในการท างาน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค มีความพยายามคิด แก้ปัญหา และคิดค้นหาค าตอบ 3. มีความรับผิดชอบ - รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งงานตรงตามก าหนด ปฏิบัติงานจนเป็นนิสัย เป็นตัว อย่างที่ดีแก่ผู้อื่น 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการแก้ปัญหา


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1-2 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ เรื่อง แรงในชีวิตประจ าวัน จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 1.2 ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับแรงเสียดทาน จากนั้นครูถามค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน ว่า “ในชีวิตประจ าวันกิจกรรมใดบ้างที่ท าให้เกิดแรงเสียดทาน” โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด (แนวตอบ : เช่น การเข็นรถ การเดิน การ ปั่นจักรยาน) 1.3 ครูน าอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ผ้าขนหนู 2 ผืน ครูขออาสาสมัครนักเรียน จ านวน 2-3 คน ออกมาหน้าชั้นเรียน จากนั้นให้ตัวแทนนักเรียนน าผ้าขนหนู 2 ผืน พับเข้าหากัน แล้วดึงผ้าขนหนู ออกคนละข้าง โดยครูหนีบผ้าขนหนูไว้ตรงกลางประมาณ 2 นิ้ว แล้วให้นักเรียนแต่ละคนสังเกต 1.4 ครูถามค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน ดังนี้ - ขณะที่เพื่อนทั้ง 2 คน ดึงผ้าขนหนูออก ซึ่งดึงออกยากมากเป็นเพราะเหตุใด (แนวตอบ : แรง เสียดทาน) - นักเรียนสังเกตเห็นความยากล าบากของการออกแรงกระท าต่อวัตถุอื่น ๆ ในชีวิตประจ าวัน ใดอีกบ้าง (แนวตอบ : การเปิดฝาขวดน้ า การเปิดฝากระป๋อง เป็นต้น) ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนจับคู่กับเพื่อนในชั้นเรียน ตามความสมัครใจ จากนั้นให้นักเรียนแต่คู่ร่วมกันศึกษา ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง ความหมายของแรงเสียดทาน แรงเสียดทานสถิต และแรงเสียดทานจลน์ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต 2.2 นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุปความรู้ที่ ได้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจ าตัวนักเรียน เพื่อน าส่งครูท้ายชั่วโมง 2.3 ครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า “รถยนต์ที่ไถลลงจากเขาจนกระทั่งหยุดนิ่ง มีแรงใดมากระท าบ้าง” โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพื่อหาค าตอบ (แนวตอบ : มีแรงเสียดทานสถิต เกิดขึ้นเมื่อขณะที่มีแรงมากระท าต่อวัตถุแล้ววัตถุยังอยู่นิ่งกับที่และจะมี ค่ามากที่สุดเมื่อรถที่หยุดนิ่งก าลังจะเริ่มเคลื่อนที่ และมีแรงเสียดทานจลน์ เกิดขึ้นเมื่อรถไถลลงจากเขา ด้วยความเร็วคงที่) 2.4 ครูให้นักเรียนนับจ านวน 1-6 วนไปเรื่อย ๆ จนครบทุกคน เพื่อแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน โดยคนที่นับจ านวนเดียวกันให้อยู่กลุ่มเดียวกัน จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรม การหาขนาดของแรงเสียดทาน ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมที่ถูกต้อง e. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากิจกรรม การหาขนาดของแรงเสียดทาน เพื่อหาขนาด ระบุ ประเภท และเขียนภาพแสดงแรงเสียดทานที่มากระท าต่อวัตถุ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 f. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 g. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภิปราย ผลร่วมกัน


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียน น าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 ครูถามค าถามท้ายกิจกรรม โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น เพื่อหาค าตอบ ดังนี้ • ถุงทรายที่วางนิ่งอยู่บนพื้นโต๊ะ มีแรงใดมากระท าต่อถุงทรายบ้าง (แนวตอบ : มีเพียงแต่แรงโน้มถ่วงของโลกที่มากระท าต่อวัตถุ) • ขณะที่ออกแรงดึงถุงทราย แต่ถุงทรายไม่เคลื่อนที่ มีแรงใดมากระท าต่อถุงทรายบ้าง และแรงลัพธ์ที่กระท าต่อถุงทรายมีค่าเท่าใด (แนวตอบ : แรงเสียดทานสถิต ซึ่งมีทิศทางตรงข้ามกับวัตถุ ที่ก าลังจะเริ่มเคลื่อนที่ โดยแรงลัพธ์ที่กระท าต่อถุงทรายมีค่าเท่ากับค่าแรงที่อ่านได้จากเครื่องชั่งสปริง ขณะที่ถุงทรายเริ่มเคลื่อนที่) • เมื่อออกแรงดึงถุงทรายให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว มีแรงใดมากระท าต่อถุงทรายบ้าง และแรงลัพธ์ที่กระท าต่อถุงทรายมีค่าเท่าใด (แนวตอบ : แรงเสียดทานจลน์ ซึ่งมีทิศทางตรงข้ามกับการ เคลื่อนที่ของวัตถุ โดยแรงลัพธ์ที่กระท าต่อถุงทรายมีค่าเท่ากับค่าแรงที่อ่านได้จากเครื่องชั่งสปริงขณะที่ ถุงทรายเคลื่อนที่) 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม การหาขนาดของแรงเสียดทานว่า “ขนาดของ แรงเสียดขึ้นอยู่กับลักษณะผิวสัมผัสและขนาดของแรงที่กระท าตั้งฉากกับผิวสัมผัส โดยแรงเสียดทาน แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ แรงเสียดทานสถิต ซึ่งจะมีค่าสูงสุดเมื่อวัตถุเริ่มจะเคลื่อนที่และแรงเสียด ทานจลน์ ซึ่งจะมีค่าสูงสุดเมื่อวัตถุก าลังเคลื่อนที่” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติม และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ไม่เข้าใจถาม เพื่อให้ได้ เข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม ชั่วโมงที่ 3-4 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน จากชั่วโมงที่ผ่านมา โดยใช้ค าถาม ดังนี้ - แรงเสียดทาน คืออะไร (แนวตอบ : แรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ 2 ชิ้นที่สัมผัสกัน ซึ่ง เป็นแรงที่ผิววัตถุหนึ่งต้านทานการเคลื่อนที่ของผิววัตถุอีกชนิดหนึ่ง ส่งผลให้วัตถุเคลื่อนที่ช้าลงจนกระทั่ง หยุดนิ่ง) - แรงเสียดทาน มีกี่ประเภท อะไรบ้าง (แนวตอบ : มี 2 ประเภท คือ แรงเสียดทานสถิตและแรง เสียดทานจลน์) - ขนาดของแรงเสียดทานจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสิ่งใด (แนวตอบ : ผิวสัมผัสของวัตถุ น้ าหนัก หรือแรงกดของวัตถุที่กดลงบนวัตถุอีกชนิดหนึ่ง)


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) จากชั่วโมงที่ผ่านมา จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรม ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมที่ถูกต้อง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากิจกรรม ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน เพื่อระบุ ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน และออกแบบการทดลองให้สอดคล้องกับปัจจัยที่มีผลต่อขนาด ของแรงเสียดทาน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 2.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้ว อภิปรายผลร่วมกัน ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียน น าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 ครูถามค าถามท้ายกิจกรรม โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น เพื่อหาค าตอบ ดังนี้ • มวลของวัตถุมีผลต่อขนาดของแรงเสียดทานอย่างไร (แนวตอบ : มวลของวัตถุมีผลต่อแรง กดบนพื้น ถ้ามวลของวัตถุมีมากจะท าให้แรงกดบนพื้นมีมากขึ้นส่งผลให้แรงเสียดทานเพิ่มขึ้น) • พื้นผิวสัมผัสมีผลต่อขนาดของแรงเสียดทานอย่างไร (แนวตอบ : ผิวสัมผัสที่เรียบจะมีแรง เสียดทานน้อยกว่าผิวสัมผัสที่หยาบ) 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทานว่า “มวลของวัตถุหรือน้ าหนักของวัตถุมีผลต่อแรงกดของวัตถุที่กดลงบนพื้น ถ้าน้ าหนักหรือแรงกดขอวัตถุ มาก จะเกิดแรงเสียดทานมาก ถ้าน้ าหนักหรือแรงกดของวัตถุน้อยจะเกิดแรงเสียดทานน้อย นอกจากนี้ พื้นผิวสัมผัสยังส่งผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน โดยวัตถุผิวเรียบย่อมท าให้เกิดแรงเสียดทานน้อยกว่า ผิวสัมผัสที่หยาบ เนื่องจากวัตถุที่มีพื้นผิวเรียบมีการเสียดสีที่น้อยกว่า” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง แรงเสียดทาน และให้ความรู้เพิ่มเติม จากค าถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง แรงเสียดทาน ในการอธิบายเพิ่มเติม 4.2 ครูสุ่มนักเรียน จ านวน 2 คู่ ออกมาแสดงวีการค านวณหาผลลัพธ์ที่ได้ร่วมกันศึกษา ครูอาจ เสนอแนะ หรืออธิบายเพิ่มเติมในตัวอย่างนั้น ๆ จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันท าใบงานเรื่อง แรงเสียดทาน 4.3 ครูสุ่มเลขที่นักเรียน จ านวน 2-3 คน ให้ยกตัวอย่างประโยชน์ของการเพิ่มและลดแรงเสียดทาน ในชีวิตประจ าวัน มาคนละ 1 ตัวอย่าง (แนวตอบ : เช่น พื้นรองเท้ากีฬาช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน การใช้ น้ ามันหล่อลื่น เพื่อลดแรงเสียดทานของกระบอกสูบเครื่องยนต์) 4.4 นักเรียนแต่ละคนท าแบบฝึกหัด เรื่อง แรงเสียดทาน ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม - ตรวจใบงานเรื่องแรงเสียดทาน


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ( 3 ห่วง 2 เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้และท างานเหมาะกับเวลา หลักมีเหตุผล การอธิบายเกี่ยวกับแรงเสียดทานได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี การเลือกศึกษาจากแหล่งเรียนรู้โดยมีความถูกต้อง การวางแผนในการท างานเป็นกลุ่ม เงื่อนไขความรู้ การวิเคราะห์ผล สรุปผลเรื่องแรงเสียดทาน เงื่อนไขคุณธรรม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ สื่ออุปกรณ์ 1. หนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. Power Point เรื่องแรงเสียดทาน 3. ใบงาน เรื่อง แรงเสียดทาน 4. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมการหาขนาดของแรงเสียดทาน 5. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน 6. อุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ผ้าขนหนู 2 ผืน แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. อินเทอร์เน็ต


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9. เกณฑ์การประเมิน สิงที่ ต้องการวัด รายการ วิธีวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K) นักเรียน สามารถอธิบาย แรงเสียดทาน สถิตและแรง เสียดทานจลน์ ปัจจัยที่มีผลต่อ ขนาดของแรง เสียดทานได้ สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่องแรงเสียดทาน ใบงานเรื่องแรง เสียดทาน สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ 4 คะแนน อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรง เสียดทานจลน์ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรง เสียดทานได้ถูกต้องร้อยละ 80 ขึ้นไป 3 คะแนน อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรง เสียดทานจลน์ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรง เสียดทานได้ถูกต้องร้อยละ 70-79 2 คะแนน อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรง เสียดทานจลน์ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรง เสียดทานได้ถูกต้องร้อยละ 60-69 1 คะแนน อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรง เสียดทานจลน์ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรง เสียดทานได้ถูกต้องร้อยละ 50-59 0 คะแนน อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรง เสียดทานจลน์ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรง เสียดทานได้ถูกต้องน้อยกว่าร้อยละ 50 ด้านทักษะ กระบวนการ (P) นักเรียน สามารถปฏิบัติ กิจกรรมเรื่อง แรงเสียดทานได้ สังเกตการปฏิบัติ กิจกรรมเรื่องแรง เสียดทานทางด้าน กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ แบบประเมิน ทักษะ กระบวนการ วิทยาศาสตร์ 3 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับแรงเสียด ทานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ ถูกต้อง 2 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับแรงเสียด ทานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ ถูกต้องบางส่วน 1 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับแรงเสียด ทานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ คลาดเคลื่อน ด้าน คุณลักษณะ อันพึง ประสงค์ (A) นักเรียนปฏิบัติ กิจกรรมกลุ่ม ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจและมี ความใฝ่รู้ในการ เรียน 1.สังเกตการใฝ่รู้ มี ความรับผิดชอบ มุ่งมั่นในการท างาน กลุ่ม 2.สังเกตพฤติกรรม การแสดงความ คิดเห็น การตอบ ค าถาม แบบประเมิน พฤติกรรมราย กลุ่ม ผ่าน หมายถึง ให้ความร่วมมือ สนใจใฝ่รู้ รับผิดชอบ มุ่งมั่นในการท างานกลุ่ม ปรับปรุงหมายถึง ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่สนใจ ใฝ่รู้ไม่รับผิดชอบ และไม่มุ่งมั่นในการท างาน กลุ่ม


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนการจัดการเรียนรู้ที่23 รายวิชา ว 22101 วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนและแรง เรื่อง แรงดันในของเหลวและแรงพยุง 4 คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.2/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดันของของเหลว ว 2.2 ม.2/4 วิเคราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของวัตถุในของเหลวจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ว 2.2 ม.2/5 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว 2. สาระส าคัญ แรงดันในของเหลวเป็นแรงที่ของเหลวกระท าตั้งฉากกับผิวของวัตถุต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เรียกว่า ความดันของของเหลว ซึ่งมีความสัมพันธ์กับความลึกจากระดับผิวหน้าของของเหลว โดยบริเวณที่ลึกลง ไปจากผิวหน้าของของเหลวมากขึ้นจะท าให้ความดันของเหลวเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเหลวที่อยู่ลึกกว่าจะ มีน้ าหนักของของเหลวด้านบนกระท ามากกว่า และเมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงพยุง ซึ่งเป็นแรงที่ ของเหลวกระท าต่อวัตถุที่อยู่ในของเหลว มีทิศขึ้นในแนวดิ่ง โดยขนาดของแรงพยุงมีค่าเท่ากับขนาดของ น้ าหนักของของเหลวที่ถูกวัตถุแทนที่ หากน้ าหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลวมีค่าเท่ากัน วัตถุจะ ลอยนิ่งอยู่ในของเหลว แต่หากวัตถุมีน้ าหนักมากกว่าแรงพยุงของของเหลววัตถุจะจม 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อความดันของของเหลวได้ (K) 2. อธิบายลักษณะการจมและลอยของวัตถุในของเหลวได้ (K) 3. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลวได้ (P) 4. ปฏิบัติกิจกรรมความดันของของเหลวและแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลวได้อย่างถูกต้อง และเป็นล าดับขั้นตอน (P) 5. มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และท างานที่ได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A) 4. สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) แรงดันในของเหลวเป็นแรงที่ของเหลวกระท าตั้งฉากกับผิวของวัตถุต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เรียกว่า ความดันของของเหลว ซึ่งมีความสัมพันธ์กับความลึกจากระดับผิวหน้าของของเหลว โดยบริเวณที่ลึกลง


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปจากผิวหน้าของของเหลวมากขึ้นจะท าให้ความดันของเหลวเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเหลวที่อยู่ลึกกว่าจะ มีน้ าหนักของของเหลวด้านบนกระท ามากกว่า และเมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงพยุง ซึ่งเป็นแรงที่ ของเหลวกระท าต่อวัตถุที่อยู่ในของเหลว มีทิศขึ้นในแนวดิ่ง โดยขนาดของแรงพยุงมีค่าเท่ากับขนาดของ น้ าหนักของของเหลวที่ถูกวัตถุแทนที่ หากน้ าหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลวมีค่าเท่ากัน วัตถุจะ ลอยนิ่งอยู่ในของเหลว แต่หากวัตถุมีน้ าหนักมากกว่าแรงพยุงของของเหลววัตถุจะจม ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ทักษะการสังเกต (Observing) 2. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) 3. ทักษะการทดลอง (Experiment) 4. ทักษะการอภิปราย ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. ใฝ่เรียนรู้ - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมีความพยายามในการเรียนรู้ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กล้าคิด กล้าพูดแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก 2. มุ่งมั่นในการท างาน - มีความอดทน และทุ่มเทในการท างาน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค มีความพยายามคิด แก้ปัญหา และคิดค้นหาค าตอบ 3. มีความรับผิดชอบ - รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งงานตรงตามก าหนด ปฏิบัติงานจนเป็นนิสัย เป็นตัว อย่างที่ดีแก่ผู้อื่น 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ เรื่อง แรงเสียดทาน จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์ การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 1.2 นักเรียนดูวีดิทัศน์เกี่ยวกับความดันของของเหลว จากนั้นครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความ สนใจนักเรียนว่า “เมื่อน าน้ าใส่ในลูกโป่ง ท าไมลูกโป่งจึงมีขนาดใหญ่ขึ้น” โดยให้นักเรียนแต่ละคน ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด (แนวตอบ : เพราะแรงดัน ของน้ าท าให้ลูกโป่งขยายตัว) ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration)


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.2 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4-5 คน โดยคละกลุ่มเก่ง ปานกลาง อ่อน จากนั้นให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง แรงดันในของเหลว จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.2 หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุป ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 . ครูสุ่มนักเรียน จ านวน 4 กลุ่ม ออกมาเสนอผลจากการศึกษาข้อมูลหน้าขั้นเรียน ใน ระหว่างที่นักเรียนน าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 นักเรียนแต่ละคนพิจารณาภาพปลาที่อยู่ในภาชนะที่มีรูปทรงแตกต่างกัน จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.2 จากนั้นครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า “ปลาทั้ง 2 ตัว จะได้รับความ ดันของของเหลวเท่ากันหรือไม่ อย่างไร” โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพื่อ หาค าตอบ (แนวตอบ : เท่ากัน เนื่องจากปลาทั้งสองตัวอยู่ในระดับความลึกที่เท่ากันซึ่งรูปร่างของ ภาชนะไม่มีผลต่อความดันของของเหลว) 3.3 นักเรียนแต่ละคนศึกษาตัวอย่าง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 จากนั้นครูสุ่ม นักเรียน จ านวน 2 คน ออกมาแสดงวิธีการค านวณหาผลลัพธ์ที่ได้ศึกษา ครูอาจเสนอแนะหรืออธิบาย เพิ่มเติมในตัวอย่างนั้น ๆ 3.4 ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า “เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงที่ของเหลวกระท า ต่อวัตถุในทุกทิศทาง ซึ่งแรงจะกระท าต่อวัตถุในทิศทางตั้งฉากต่อหนึ่งพื้นที่ เรียกว่า ความดันของ ของเหลว ขนาดของแรงที่มากระท าต่อวัตถุจะสัมพันธ์กับพื้นที่ผิวของวัตถุ ความหนาแน่นของของเหลว และความลึกของของเหลว โดยรูปร่างของภาชนะไม่มีผลต่อความดันของของเหลว” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติม และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ไม่เข้าใจถาม เพื่อให้ได้ เข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 2. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม ชั่วโมงที่2 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ เรื่อง แรงดันของของเหลว จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน โดยคละกลุ่มเก่ง ปานกลาง อ่อน จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์ของกิจกรรม ความดันของของเหลว ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมที่ ถูกต้อง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากิจกรรม ความดันของของเหลว เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อ


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความดันของของเหลว จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 2.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 2.5 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้ว อภิปรายผลร่วมกัน ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 2.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียน น าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 2.2 ครูถามค าถามท้ายกิจกรรม โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพื่อ หาค าตอบ ดังนี้ - จากกิจกรรม ที่ระดับความสูงรูที่ 1 กับรูที่ 2 รูใดที่ของเหลวพุ่งออกจากขวดไปได้ระยะไกล กว่ากัน(แนวตอบ : พิจารณาจากผลการท ากิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง รูที่ 2 ของเหลวจะพุ่งไปได้ไกลกว่า เนื่องจากความดันของของเหลวแปรผันตรงกับความลึกของของเหลว) - จากกิจกรรมที่ระดับความสูงเดียวกันของเหลวชนิดใดที่พุ่งออกจากขวดไปได้ระยะทางไกล กว่ากัน (แนวตอบ : พิจารณาจากผลการท ากิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง ของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่า ย่อมมีความดันมากกว่าของเหลวที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า) 2.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม ความดันของของเหลวว่า “ที่ระดับความลึก เดียวกันแรงดันน้ าจะพุ่งออกมาเท่ากัน แต่ถ้ายิ่งลึกขึ้น แรงดันน้ าจะพุ่งออกมามากขึ้น เนื่องจากที่ระดับ ความลึกมาก ความดันของของเหลวจะมีค่ามาก และที่ระดับความลึกเท่ากัน ของเหลวจะมีความดัน เท่ากัน โดยรูปร่างของภาชนะไม่มีผลต่อแรงดันน้ า นอกจากนี้ที่ระดับความลึกเท่ากันแรงดันน้ าจะแปร ผันกับความหนาแน่นของของเหลว ถ้าของเหลวชนิดใดมีความหนาแน่นมากกว่าย่อมมีแรงดันน้ า มากกว่าของเหลวที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติม และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ไม่เข้าใจถาม เพื่อให้ได้ เข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ เรื่อง แรงดันของของเหลว จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครูน าอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น บีกเกอร์ จุกไม้คอร์ก และก้อนหิน จากนั้นครูเติมน้ าลง ในบีกเกอร์ แล้วน าจุกไม้คอร์ก และก้อนหิน ใส่ลงในบีกเกอร์ที่บรรจุน้ า โดยให้นักเรียนแต่ละคนสังเกต การจมลอยของจุกไม้คอร์ก และก้อนหิน


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.2 ครูถามค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยครูให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดง ความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด ดังนี้ • มีแรงชนิดใดบ้างที่กระท าต่อจุกไม้คอร์กและก้อนหิน (แนวตอบ : แรงดันในของเหลว) • เพราะเหตุใดก้อนหินจึงจมน้ า แต่จุกไม้คอร์กลอยน้ าได้ (แนวตอบ : เพราะแรงลัพธ์ในแนวดิ่ง หรือแรงพยุงมีค่าไม่เท่ากับศูนย์) 2.3 จากนั้นให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง ลักษณะการจมและลอยของวัตถุ เนื่องจากแรงพยุง และยกตัวอย่างปัจจัยที่ส่งผลต่อขนาดของแรงพยุงมา 1 ตัวอย่าง จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.2 หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด 2.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้แต่ละกลุ่มน าข้อมูลที่ได้จาก การค้นคว้ามาจัดท าในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนภาพ แผนผังมโนทัศน์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่ง ให้สวยงาม ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 2.1 นักเรียนแต่ละคนออกมาน าเสนอผลการศึกษาข้อมูลหน้าขั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียน น าเสนอครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 2.2 ครูถามค าถาม ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพื่อหา ค าตอบ โดยใช้ค าถาม ว่า “วัตถุที่ลอยนิ่งอยู่ในของเหลวกับวัตถุที่จมอยู่ในของเหลว มีขนาดของแรงที่มา กระท าต่อวัตถุเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร” (แนวตอบ : วัตถุที่จมและลอยในของเหลวล้วนมีแรงดัน ในของเหลวมากระท าต่อวัตถุในแนวระดับขนาดเท่ากัน ท าให้แรงลัพธ์ในแนวระดับมีค่าเท่ากับศูนย์ เหมือนกัน แต่วัตถุที่จมจะมีแรงที่กระท าต่อวัตถุทางด้านบนมากกว่าด้านล่าง ส่วนวัตถุที่ลอยน้ าจะมีแรง ที่กระท าต่อวัตถุทางด้านล่างมากกว่าด้านบน) 2.3 จากนั้นครูถามค าถามเพิ่มเติมว่า “นักเรียนคิดว่า ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อขนาดของแรงพยุง” (แนวตอบ : ปริมาตรของวัตถุและความหนาแน่นของของเหลว) ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติม และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ไม่เข้าใจถาม เพื่อให้ได้ เข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม ชั่วโมงที่ 4 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ เพื่อเข้าสู่กิจกรรมแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยคละกลุ่มเก่ง ปานกลาง อ่อน จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์ของกิจกรรม แรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติ กิจกรรมที่ถูกต้อง


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากิจกรรม แรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว เพื่อเขียน แผนภาพแสดงแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 จากนั้นแต่ละ กลุ่มส่งตัวแทนออกมารับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว c. สมาชิกภายในกลุ่มร่วมกันเขียนภาพแสดงแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลวลงในกระดาษ A4 จากนั้นร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางของแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 2.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียน น าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 2.2 ครูถามค าถามท้ายกิจกรรม โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพื่อ หาค าตอบ ดังนี้ - แรงและขนาดของแรงที่มากระท าต่อวัตถุในแต่ละภาพมีขนาดเท่าใด และมีแรงชนิดใดบ้าง (แนวตอบ : มีแรงดันในของเหลว และแรงพยุง) - เพราะเหตุใดลักษณะการจมและลอยของวัตถุในแต่ละภาพจึงแตกต่างกัน (แนวตอบ : แรงลัพธ์ในแนวดิ่งมีค่าไม่เท่ากับศูนย์) 2.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม แรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลวว่า“วัตถุที่จมน้ า จะมีน้ าหนักมากกว่าขนาดของแรงพยุง วัตถุที่ลอยน้ าจะมีขนาดของแรงพยุงมากกว่าน้ าหนักของวัตถุ” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง แรงดันในของเหลวและแรงพยุง และให้ความรู้เพิ่มเติมจากค าถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง แรงดันในของเหลว และแรงพยุง ในการอธิบายเพิ่มเติม 4.2 นักเรียนแต่ละคนท าแบบฝึกหัด เรื่อง แรงดันในของเหลวและแรงพยุง ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม - ตรวจแบบฝึกหัดเรื่องแรงดันในของเหลวและแรงพยุง 7. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ( 3 ห่วง 2 เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้และท างานเหมาะกับเวลา หลักมีเหตุผล การอธิบายเกี่ยวกับแรงดันในของเหลวและแรงพยุงได้อย่างเหมาะสม และถูกต้อง หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี การเลือกศึกษาจากแหล่งเรียนรู้โดยมีความถูกต้อง การวางแผนในการท างานเป็นกลุ่ม เงื่อนไขความรู้ การวิเคราะห์ผล สรุปผลเรื่องแรงดันในของเหลวและแรงพยุง เงื่อนไขคุณธรรม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ สื่ออุปกรณ์ 1. หนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. Power Point เรื่องแรงดันในของเหลวและแรงพยุง 3. วิดีโอ ความดันของของเหลว จาก https://www.youtube.com/watch?v=CSdM7B71BEM 4. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมความดันของของเหลว 5. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว 6. อุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น บีกเกอร์ จุกไม้คอร์ก และก้อนหิน แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. อินเทอร์เน็ต


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9. เกณฑ์การประเมิน สิงที่ต้องการวัด รายการ วิธีวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถ อธิบายปัจจัยที่มี ผลต่อความดัน ของของเหลว ลักษณะการจม และลอยของวัตถุ ในของเหลวได้ สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่องแรงดันใน ของเหลวและแรงพยุง แบบฝึกหัดเรื่องแรงดัน ในของเหลวและแรง พยุง สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ 4 คะแนน อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดันของของเหลว ลักษณะการจมและลอยของวัตถุใน ของเหลวได้ถูกต้องร้อยละ 80 ขึ้นไป 3 คะแนน อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดันของของเหลว ลักษณะการจมและลอยของวัตถุใน ของเหลวได้ถูกต้องร้อยละ 70-79 2 คะแนน อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดันของของเหลว ลักษณะการจมและลอยของวัตถุใน ของเหลวได้ถูกต้องร้อยละ 60-69 1 คะแนน อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดันของของเหลว ลักษณะการจมและลอยของวัตถุใน ของเหลวได้ถูกต้องร้อยละ 50-59 0 คะแนน อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดันของของเหลว ลักษณะการจมและลอยของวัตถุใน ของเหลวได้ถูกต้องน้อยกว่าร้อยละ 50 ด้านทักษะ กระบวนการ (P) นักเรียนสามารถ ปฏิบัติกิจกรรม เรื่องแรงดันใน ของเหลวและแรง พยุงได้ สังเกตการปฏิบัติ กิจกรรมแรงดันใน ของเหลวและแรงพยุง ทางด้านกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ แบบประเมิน ทักษะ กระบวนการ วิทยาศาสตร์ 3 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับ แรงดันในของเหลวและแรงพยุงตาม กระบวนกา รท างวิทย าศาสต ร์ได้ ถูกต้อง 2 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับ แรงดันในของเหลวและแรงพยุงตาม กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ ถูกต้องบางส่วน 1 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับ แรงดันในของเหลวและแรงพยุงตาม กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ คลาดเคลื่อน


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ (A) นักเรียนปฏิบัติ กิจกรรมกลุ่มด้วย ความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีความใฝ่รู้ใน การเรียน 1.สังเกตการใฝ่รู้ มี ความรับผิดชอบมุ่งมั่น ในการท างานกลุ่ม 2.สังเกตพฤติกรรมการ แสดงความคิดเห็น การตอบค าถาม แบบประเมิน พฤติกรรมราย กลุ่ม ผ่าน หมายถึง ให้ความร่วมมือ สนใจ ใฝ่รู้รับผิดชอบ มุ่งมั่นในการท างาน กลุ่ม ปรับปรุงหมายถึง ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่สนใจใฝ่รู้ไม่รับผิดชอบ และไม่มุ่งมั่น ในการท างานกลุ่ม


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 24 รายวิชา ว 22101 วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ แรง เรื่อง โมเมนต์ของแรง 2 คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.2/10 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายโมเมนต์ของ แรง เมื่อวัตถุอยู่ในสภาพสมดุลต่อการหมุน และค านวณโดยใช้สมการ M = Fl 2. สาระส าคัญ โมเมนต์ของแรงเป็นแรงที่กระท าต่อวัตถุโดยไม่ผ่านศูนย์กลางมวลของวัตถุ ซึ่งท าให้วัตถุ หมุนรอบศูนย์กลางมวลของวัตถุ โดยโมเมนต์ของแรงในทิศทวนเข็มนาฬิกาจะมีค่าเท่ากับโมเมนต์ ของแรงในทิศตามเข็มนาฬิกา 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายโมเมนต์ของแรง เมื่อวัตถุอยู่ในสภาพสมดุลต่อการหมุน ได้ (K) 2. ค านวณโดยใช้สมการ M = Fl ได้ (K) 3. ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายโมเมนต์ได้ (P) 4. มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และท างานที่ได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A) 4. สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) เมื่อมีแรงที่กระท าต่อวัตถุโดยไม่ผ่านศูนย์กลาง มวลของวัตถุ จะเกิดโมเมนต์ของแรง ท าให้วัตถุ หมุนรอบศูนย์กลางมวลของวัตถุนั้น โมเมนต์ของแรงเป็นผลคูณของแรงที่กระท าต่อวัตถุกับระยะทาง จากจุดหมุนไปตั้งฉากกับแนวแรง เมื่อผลรวมของโมเมนต์ของแรงมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะอยู่ในสภาพสมดุล ต่อการหมุน โดยโมเมนต์ของแรงในทิศทวนเข็มนาฬิกาจะมีขนาดเท่ากับโมเมนต์ของแรงในทิศตามเข็ม นาฬิกา ของเล่นหลายชนิดประกอบด้วยอุปกรณ์หลายส่วนที่ใช้หลักการโมเมนต์ของแรง ความรู้เรื่อง โมเมนต์ของแรงสามารถน าไปใช้ออกแบบและประดิษฐ์ของเล่นได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ทักษะการสังเกต (Observing) 2. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) 3. ทักษะการทดลอง (Experiment) 4. ทักษะการอภิปราย


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. ใฝ่เรียนรู้ - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมีความพยายามในการเรียนรู้ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กล้าคิด กล้าพูดแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก 2. มุ่งมั่นในการท างาน - มีความอดทน และทุ่มเทในการท างาน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค มีความพยายามคิด แก้ปัญหา และคิดค้นหาค าตอบ 3. มีความรับผิดชอบ - รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งงานตรงตามก าหนด ปฏิบัติงานจนเป็นนิสัย เป็นตัว อย่างที่ดีแก่ผู้อื่น 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ เรื่อง แรงในชีวิตประจ าวัน จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์ การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 1.2 ครูน าอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น เครื่องชั่งสองแขน และเหรียญเงิน จากนั้นครูขออาสาสมัคร นักเรียน จ านวน 2 คน โดยให้ตัวแทนนักเรียนน าเหรียญเงินมาวางบนแขนทั้งสองข้างของเครื่องชั่ง เพื่อให้แขนทั้งสองข้างของเครื่องชั่งสมดุลกัน หากแขนทั้งสองข้างของเครื่องชั่งยังไม่สมดุล ครูอาจสุ่ม นักเรียนออกมา 1 คน มาใส่เหรียญเงินเพื่อให้แขนทั้งสองข้างของเครื่องชั่งสมดุล 1.3 นักเรียนแต่ละคนสังเกตกิจกรรมการทดลอง จากนั้นครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความคิด นักเรียนโดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูก หรือผิด ดังนี้ - หลักการของแรงเรื่องใดที่สามารถน ามาประยุกต์ใช้กับเครื่องชั่งสองแขน (แนวตอบ : โมเมนต์ของ แรง) - นักเรียนคิดว่า วัตถุที่ใส่ในแขนเครื่องชั่งด้านขวาของตาชั่งเป็นโมเมนต์ของแรงประเภทใด (แนว ตอบ : โมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา) - นักเรียนคิดว่า วัตถุที่ใส่ในแขนเครื่องชั่งด้านซ้ายของตาชั่งเป็นโมเมนต์ของแรงประเภทใด (แนวตอบ : โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกา) ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ตามความสมัครใจ เพื่อร่วมกันศึกษา เรื่อง โมเมนต์ของแรง


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต โดยสมาชิก ภายในกลุ่มแบ่งหน้าที่กันศึกษา หัวข้อเรื่อง มีดังนี้ คนที่ 1 ศึกษาความหมายของโมเมนต์ของแรง คนที่ 2 ศึกษาประเภทของโมเมนต์ของแรง คนที่ 3 ศึกษาสมการโมเมนต์ของแรง 2.2 สมาชิกภายในกลุ่มน าเรื่องที่ตนเองศึกษามาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟัง แล้วร่วมกันสรุปข้อมูลที่ได้ ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอผลการศึกษาหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียนน าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการน าหลักการของโมเมนต์มาใช้ประโยชน์ใน ด้านต่าง ๆ ว่า “หลักการของโมเมนต์สามารถน ามาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น โมบาย ของเล่น ไม้กระดก คีมตัดลวด ล้อและเพลา เป็นต้น” 3.3 นักเรียนแต่ละคนศึกษาตัวอย่างการค านวณโจทย์ปัญหาจากตัวอย่าง จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.2 จากนั้นครูสุ่มนักเรียน จ านวน 3-4 คน ออกมาแสดงวิธีการค านวณหาผลลัพธ์ที่ได้ ศึกษา ครูอาจเสนอแนะ หรืออธิบายเพิ่มเติมในตัวอย่างนั้น ๆ ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติม และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ไม่เข้าใจถาม เพื่อให้ได้ เข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 3. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) a. ครูทบทวนบทเรียนเรื่องโมเมนต์ของแรง เพื่อน าเข้าสู่กิจกรรมสมดุลต่อการหมุนและโมเมนต์ ของแรง ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4-5 คน โดยคละกลุ่มเก่ง ปานกลาง อ่อน จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์ของกิจกรรม สมดุลต่อการหมุนและโมเมนต์ของแรง ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการ ปฏิบัติกิจกรรมที่ถูกต้อง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากิจกรรม สมดุลต่อการหมุนและโมเมนต์ของแรง เพื่อ ออกแบบคานจากวัสดุที่ก าหนดให้และทดลองท าให้วัตถุอยู่ในสมดุลด้วยหลักการโมเมนต์ของแรง จาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้ว อภิปรายผลร่วมกัน ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างค าอธิบาย (Explanation) 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอคานที่ประดิษฐ์ขึ้น โดยอธิบายระยะของจุดหมุนไปยัง แนวแรงที่มากระท า และรูปแบบที่ท าให้คานอยู่ในสภาพสมดุลต่อการหมุน หน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่ นักเรียนน าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 3.2 ครูถามค าถามท้ายกิจกรรม โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น เพื่อหาค าตอบ ดังนี้ - โมเมนต์ของแรง คืออะไร (แนวตอบ : ผลของแรงซึ่งกระท าต่อวัตถุ แล้วท าให้วัตถุหมุนรอบจุด รอบ หรือจุดศูนย์กลางมวล) - คานจะอยู่ในสภาพสมดุลได้อย่างไร (แนวตอบ : เมื่อผลรวมของโมเมนต์ของแรงมีค่าเท่ากับ ศูนย์ หรือผลรวมของโมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกามีค่าเท่ากับผลรวมของโมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา) 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม สมดุลต่อการหมุนและโมเมนต์ของแรงว่า “โมเมนต์ของแรง คือ การหมุนของวัตถุรอบจุดศูนย์กลางมวล หรือจุดหมุน เนื่องจากแรงมากระท าต่อ วัตถุในแนวศูนย์กลางมวลของวัตถุ เมื่อพิจารณาจากทิศทางการหมุนจะสามารถแบ่งโมเมนต์ของแรงได้ เป็น 2 ลักษณะ คือ โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกาและโมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา โดยโมเมนต์ของแรงสามารถ ค านวณได้จากผลคูณของแรงที่กระท าต่อวัตถุกับระยะทางจากจุดหมุนไปตั้งฉากกับแนวแรงที่มา กระท า” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง โมเมนต์ของแรง และให้ความรู้เพิ่มเติม จากค าถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง โมเมนต์ของแรง ในการอธิบายเพิ่มเติม 4.2 นักเรียนแต่ละคนท าแบบฝึกหัด เรื่อง โมเมนต์ของแรง จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ - การบันทึกการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกวิชาวิทยาศาสตร์ - สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม - ตรวจแบบฝึกหัดเรื่อง โมเมนต์ของแรง 7. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ( 3 ห่วง 2 เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้และท างานเหมาะกับเวลา หลักมีเหตุผล การอธิบายเกี่ยวกับโมเมนต์ของแรงได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี การเลือกศึกษาจากแหล่งเรียนรู้โดยมีความถูกต้อง การวางแผนในการท างานเป็นกลุ่ม เงื่อนไขความรู้ การวิเคราะห์ผล สรุปผลเรื่องโมเมนต์ของแรง เงื่อนไขคุณธรรม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ สื่ออุปกรณ์ 1. หนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. Power Point เรื่องโมเมนต์ของแรง 3. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมสมดุลต่อการหมุนและโมเมนต์ของแรง 4. อุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น เครื่องชั่งสองแขน และเหรียญเงิน แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. อินเทอร์เน็ต 9. เกณฑ์การประเมิน สิงที่ต้องการวัด รายการ วิธีวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K) นักเรียน สามารถ อธิบาย โมเมนต์ของ แรง ค านวณหา ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ โมเมนต์ของ แรงได้ สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่องโมเมนต์ของ แรง แบบฝึกหัดเรื่อง โมเมนต์ของแรง สมุดบันทึกวิชา วิทยาศาสตร์ 4 คะแนน อธิบายโมเมนต์ของแรง ค านวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ โมเมนต์ของแรงได้ถูกต้องร้อยละ 80 ขึ้นไป 3 คะแนน อธิบายโมเมนต์ของแรง ค านวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ โมเมนต์ของแรงได้ถูกต้องร้อยละ 70-79 2 คะแนน อธิบายโมเมนต์ของแรง ค านวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ โมเมนต์ของแรงได้ถูกต้องร้อยละ 60-69 1 คะแนน อธิบายโมเมนต์ของแรง ค านวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ โมเมนต์ของแรงได้ถูกต้องร้อยละ 50-59 0 คะแนน อธิบายโมเมนต์ของแรง ค านวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ โมเมนต์ของแรงได้ถูกต้องน้อยกว่าร้อยละ 50 ด้านทักษะ กระบวนการ (P) นักเรียน สามารถ ปฏิบัติ กิจกรรมสมดุล ต่อการหมุน และโมเมนต์ ของแรงได้ อย่างถูกต้อง และเป็นล าดับ ขั้นตอน ได้ สังเกตการปฏิบัติ กิจกรรมสมดุลต่อ การหมุนและ โมเมนต์ของแรง ได้อย่างถูกต้อง และเป็นล าดับ ขั้นตอน ตาม กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ แบบประเมิน ทักษะ กระบวนการ วิทยาศาสตร์ 3 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมสมดุลต่อการหมุน และโมเมนต์ของแรงได้อย่างถูกต้องและเป็น ล า ดับ ขั้ น ต อ น ต า ม ก ร ะ บ ว น ก า รท าง วิทยาศาสตร์ได้ถูกต้อง 2 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมสมดุลต่อการหมุน และโมเมนต์ของแรงได้อย่างถูกต้องและเป็น ล าดับขั้นตอน ตามกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ได้ถูกต้องบางส่วน 1 คะแนน ปฏิบัติกิจกรรมสมดุลต่อการหมุน และโมเมนต์ของแรงได้อย่างถูกต้องและเป็น


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ล าดับขั้นตอน ตามกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ได้คลาดเคลื่อน ด้านคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ (A) นักเรียน ปฏิบัติ กิจกรรมกลุ่ม ด้วยความ มุ่งมั่นตั้งใจ และมีความใฝ่ รู้ในการเรียน 1.สังเกตการใฝ่รู้ มี ความรับผิดชอบ มุ่งมั่นในการท างาน กลุ่ม 2.สังเกตพฤติกรรม การแสดงความ คิดเห็น การตอบ ค าถาม แบบประเมิน พฤติกรรมราย กลุ่ม ผ่าน หมายถึง ให้ความร่วมมือ สนใจใฝ่รู้ รับผิดชอบ มุ่งมั่นในการท างานกลุ่ม ปรับปรุงหมายถึง ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่สนใจ ใฝ่รู้ไม่รับผิดชอบ และไม่มุ่งมั่นในการท างาน กลุ่ม


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25 รายวิชา ว 22101 วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่และแรง เรื่อง สนามของแรง 2 คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.2/11 เปรียบเทียบแหล่งของสนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้า และสนามโน้มถ่วง และ ทิศทางของแรงที่กระท าต่อวัตถุที่อยู่ในแต่ละสนาม จากข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 2.2 ม.2/12 เขียนแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วงที่กระท าต่อวัตถุ ว 2.2 ม.2/13 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรงโน้ม ถ่วงที่กระท าต่อวัตถุที่อยู่ในสนามนั้น ๆ กับระยะห่างจากแหล่งของสนามถึงวัตถุจากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. สาระส าคัญ ในธรรมชาติจะมีแรง 3 แรง ได้แก่ แรงจากสนามโน้มถ่วง เป็นแรงที่กระท าต่อวัตถุในทิศทางพุ่ง เข้าหาวัตถุที่เป็นแหล่งของสนามโน้มถ่วงส่งผลให้วัตถุตกจากที่สูงลงมาสู่ที่ต่ า แรงจากสนามแม่เหล็ก เป็นแรงที่เกิดกับวัตถุที่มีประจุไฟฟ้า ซึ่งประจุไฟฟ้าจะมีทิศพุ่งเข้าหา หรือออกจากวัตถุที่มีประจุเป็น แหล่งของสนามไฟฟ้า และแรงจากสนามแม่เหล็ก เป็นแรงที่เกิดจากวัตถุที่เป็นแม่เหล็ก โดยแรงแม่เหล็ก ที่กระท าต่อขั้วแม่เหล็กจะมีทิศพุ่งเข้าหาหรือออกจากขั้วแม่เหล็กที่เป็นแหล่งของสนามแม่เหล็ก 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและลักษณะสนามของแรงได้ (K) 2. เปรียบเทียบแหล่งของสนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้า และสนามโน้มถ่วง และทิศทางของแรงที่ กระท าต่อวัตถุที่อยู่ในแต่ละสนามได้ (K) 3. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วงที่กระท า ต่อวัตถุที่อยู่ในสนามนั้น ๆ กับระยะห่างจากแหล่งของสนามถึงวัตถุได้ (K) 4. เขียนแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วงที่กระท าต่อวัตถุได้ (P) 5. มีความใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการท างาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) วัตถุที่เป็นแม่เหล็กจะมีสนามแม่เหล็กอยู่โดยรอบแรงแม่เหล็กที่กระท าต่อขั้วแม่เหล็กจะมี ทิศพุ่งเข้าหาหรือออกจากขั้วแม่เหล็กที่เป็นแหล่งสนามแม่เหล็ก ขนาดของแรงโน้มถ่วง แรงไฟฟ้า และแรงแม่เหล็กที่กระท าต่อวัตถุที่อยู่ในสนามนั้น ๆ จะมีค่าลดลง เมื่อวัตถุอยู่ห่างจากแหล่งของสนามนั้น ๆ มากขึ้น


ครูเบญจวรรณ ทองเสน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ทักษะการสังเกต (Observing) 2. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) 3. ทักษะการทดลอง (Experiment) 4. ทักษะการอภิปราย ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. ใฝ่เรียนรู้ - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมีความพยายามในการเรียนรู้ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กล้าคิด กล้าพูดแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก 2. มุ่งมั่นในการท างาน - มีความอดทน และทุ่มเทในการท างาน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค มีความพยายามคิด แก้ปัญหา และคิดค้นหาค าตอบ 3. มีความรับผิดชอบ - รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งงานตรงตามก าหนด ปฏิบัติงานจนเป็นนิสัย เป็นตัว อย่างที่ดีแก่ผู้อื่น 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1-2 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูทักทายนักเรียน จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ที่จะเรียนในวันนี้ให้นักเรียนทราบ 1.2 นักเรียนดูวีดิทัศน์เกี่ยวกับการทดลองแรงดึงดูดของกาลิเลโอ จากนั้นครูตั้งประเด็นค าถาม กระตุ้นความคิดนักเรียนว่า “จากวีดิทัศน์ ถ้าปล่อยขนนกกับลูกบอล ให้ตกลงในท่อที่สูบอากาศออกหมด วัตถุทั้งสองจึงตกถึงพื้นพร้อมกัน เพราะเหตุใด” โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความ คิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด (แนวตอบ : เพราะวัตถุทั้งสองเป็นการตกในแนวดิ่ง เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกมากระท าต่อวัตถุ ทั้งสองเพียงแรงเดียว โดยไม่มีแรงต้านอากาศ) ขั้นที่ 2 ส ารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ตามความสมัครใจ จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์ของแต่ละกิจกรรม ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมที่ถูกต้อง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ปฏิบัติกิจกรรมที่ 1 เรื่อง สนามโน้มถ่วง


Click to View FlipBook Version