The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รูปแบบของวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญา และศิลปะ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thananwrat, 2022-01-17 02:33:36

ข้อมูลด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรรมท้องถิ่น

รูปแบบของวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญา และศิลปะ

Keywords: ท้องถิ่น,ชาติพันธุ์,ศิลปะ,จังหวัดเชียงราย,ศิลป์,ประเพณี,ศาสนา,ปราชญ์ชาวบ้าน

คำ ข วั ญ อำ เ ภ อ เ วี ย ง แ ก่ น

เจ้าหลวงเวียงแก่น
ชายแดนไทย-ลาว น้ำงาว พราวใส

ผาไดเด่นดัง ผาตั้งเด่นนาน
ภูชี้ฟ้าสูงตระหง่าน ส้มโอหวานรสดี

สภาวัฒนธรรมอำเภอเวียงแก่น

99

อำเภอเวียงแกน่

ประวัติควำมเปน็ มำ

อำเภอเวียงแก่นแต่เดิมนั้นขึ้นกับอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรำย ได้จัดต้ังเป็น ก่ิงอำเภอเวียงแก่น

เม่อื วันท่ี 1 เมษำยน 2530 พ้นื ทก่ี ำรปกครอง แบง่ ออกเป็น 3 ตำบล คอื ตำบลม่วงยำย ตำบลหล่ำยงำว และ
ตำบลปอ

ต่อมำได้มีกำรยกฐำนะเป็นอำเภอเวียงแก่น เมื่อวันท่ี 7 กันยำยน 2538 พ้ืนท่ีกำรปกครองแบ่ง
ออกเปน็ 4 ตำบล คอื ตำบลม่วงยำย ตำบลหลำ่ ยงำว ตำบลปอ และตำบลท่ำข้ำม

คำขวัญอำเภอเวียงแก่น

เจ้ำหลวงเวียงแกน่ ชำยแดนไทย-ลำว นำ้ งำวพรำวใส ผำไดเด่นดงั
ผำตง้ั เดน่ นำน ภชู ้ีฟำ้ สงู ตระหง่ำน ส้มโอหวำนรสดี

ลักษณะทำงกำยภำพ

ท่ตี ้งั

อำเภอเวียงแก่นตั้งอยู่ทำงทิศตะวันออกของจังหวัดเชียงรำย ห่ำงจำกตัวจังหวัดเชียงรำย

ประมำณ 150 กโิ ลเมตร ซึ่งเป็นอำเภอท่อี ยไู่ กลที่สุดของจงั หวัด

อำณำเขตติดต่อ

ทศิ เหนอื ติดต่อกับ สำธำรณรัฐประชำธปิ ไตยประชำชนลำว

ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกับ ตำบลตับเต่ำ อำเภอเทิง

ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กบั สำธำรณรัฐประชำธปิ ไตยประชำชนลำว

ทศิ ตะวนั ตก ติดต่อกับ ตำบลศรดี อนชัย อำเภอเชยี งของ และตำบลยำงฮอม อำเภอขุนตำล

ลกั ษณะภมู ิประเทศ

อำเภอเวียงแกน่ มีเนื้อที่ประมำณ 526 ตำรำงกิโลเมตร สภำพทต่ี ง้ั อยูใ่ นทีร่ ำบลบั หุบเขำ บริเวณ

ทรี่ ำบอยูร่ ะหว่ำงเทอื กเขำ ด.อยยำว ดอยผำม่น ดอยผำจิ มแี ม่น้ำสำยสำคญั คอื แม่นำ้ งำว ซ่งึ หล่อ

เลี้ยงพืชผลทำงกำรเกษตรและใช้อุปโภคของประชำชนส่วนใหญ่ และแม่น้ำโขงกนั พรมแดนระหว่ำงประเทศ

ไทยและสำธำรณรฐั ประชำธิปไตยประชำชนลำว

แหล่งท่องเทย่ี ว

๑. ผาตั้ง - ประตสู ยาม
เป็นจุดชมวิวผำตั้งอยู่ที่หมู่ 14 ตำบลปอ อำเภอ
เวยี งแกน่ จงั หวดั เชยี งรำย ซ่งึ ฤดกู ำลท่องเท่ียวอยู่ในช่วง

เดือนพฤศจิกำยน – กุมภำพันธ์ ของทุกปี มีระยะทำง
ห่ำงจำกทว่ี ำ่ กำรอำเภอ ประมำณ 32 กโิ ลเมตร ในชว่ ง
ฤดูหนำวจะมีดอกพญำเสือโคร่งบำน สะพรั่งสวยงำม
อยำ่ งมำก

100

๒. แกง่ ผาได
ตั้งอยู่ท่ีหมู่ 4 ตำบลม่วงยำย อำเภอเวยี งแกน่ จงั หวัด
เชียงรำย เป็นจุดสุดท้ำยท่ีแม่น้ำโขงไหลผ่ำนประเทศไทย
เข้ำสู่สำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนลำว โดยบริเวณ
แก่ง ผำไ ดน้ีเหมำะสำหรับ เป็น สถ ำนที่พัก ผ่อนห ย่ อ น ใ จ
มีเกำะแก่งกลำงลำน้ำโขงและหำดทรำยริมแม่น้ำโขง
ท่งี ดงำม

๓. จดุ ชมววิ บา้ นรม่ ฟ้าทอง
บรเิ วณดงั กล่ำวเป็นที่ต้งั ของพลับพลำทรงงำนของ

สมเด็จพระนำงเจ้ำสิรกิ ติ ์ิ พระบรมรำชินีนำถ พระบรม
รำชชนนีพันปีหลวง ตั้งอยู่ในพื้นท่ีบ้ำนร่มฟ้ำทอง
หมู่ 18 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรำย
สถำนทบี่ รเิ วณนี้ หำกเป็นช่วงระหว่ำงเดือนมกรำคม –
กุมภำพันธ์ ซ่ึงเป็นช่วงระหว่ำงท่ีดอกเส้ียวป่ำและ
ดอกพญำเสือโคร่งเบง่ บำนมีควำมสวยงำมมำก

๔. ภชู ้ีฟา้
ตัง้ อย่ใู นเขตพนื้ ท่ีบ้ำนร่มฟ้ำทอง หมู่ 18 ตำบลปอ
อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรำย มีทิวทัศน์ที่สวยงำม
นักท่องเท่ียวสำมำรถเดินขึ้นจำกหน่วยจัดกำรต้นน้ำ
หงำว - งำวได้ สำหรบั ท่พี กั อำหำร จะมีอยู่ หลำยแห่ง
นักทอ่ งเท่ยี วสำมำรถพกั คำ้ งคืนได้อย่ำงสะดวกสบำย

101

ภำษำขมุ

ขมุ เป็นกลุ่มชำติพันธุ์ท่ีมีถิ่นฐำนบริเวณตอนเหนือของ
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มำยำวนำน ได้แก่ บริเวณทำงใต้ของ

ประเทศจนี ทำงภำคเหนอื ของประเทศไทย ประเทศเวียดนำม
และสำธำรณรฐั ประชำธิปไตยประชำชนลำว ท่ีมีชำวขมอุ ยูเ่ ป็น

จำนวนมำกท่ีสุด จำกหลักฐำนเอกสำรเก่ำแก่ทำให้เช่ือกันว่ำ
ชำวขมุ เป็นกลุ่มชนดั้งเดิมท่ีสำคัญกลุ่มหนึ่งของดินแดน
สวุ รรณภูมิ มีช่ือขมปุ รำกฏอยู่

คำว่ำ ขมุ แปลว่ำ คน เป็นคำที่ชำวขมุใช้เรียกตนเอง จึง
เปน็ ทง้ั ชื่อเผ่ำและชื่อภำษำ คำเรยี กชำวขมุในลำว มี 2 คำ คอื

คำว่ำ “ข่ำ” และ “ลำวเทิง” หรือ “ลำวบนที่สูง” เพื่อให้
แตกตำ่ งจำกกลุม่ คนทพี่ ูดภำษำลำวและตระกูลไทยอ่ืน ๆ
สำหรับชำวขมใุ นประเทศไทย เป็นท่รี ้จู กั ทัง้ ชอื่ “ขำ่ ” และ “ขมุ”

มำเป็นเวลำนำน ชำวขมุชอบสร้ำงบ้ำนเรือนอยู่บริเวณชำยเขำหรอื บนเขำสูง จึงมักถูกมองว่ำเป็นชำวเขำกลุม่
เล็กในภำคเหนือ จังหวัดเชียงรำยและจังหวัดน่ำนบริเวณรอยต่อกับประเทศลำว นอกจำกน้ันยังพบกระจัด

กระจำยอยใู่ นจงั หวดั สพุ รรณบรุ ี กำญจนบรุ ี และอทุ ัยธำนี
ชำวขมุแต่ละกลุ่มมีวัฒนธรรมและภำษำที่ต่ำงกันไป

เล็กน้อย และมีคำว่ำ ตม้อย ที่ใช้เรียกชำวขมุด้วยกันเอง แต่

ต่ำงกลุ่มกัน ต่อท้ำยด้วยลักษณะเฉพำะหรอื ถน่ิ ท่ีอยูข่ องแต่ละ
กลุ่ม เช่น ตม้อยปูหลวง (ชื่อหมู่บ้ำนเดิม) ตม้อยเพอะ

(ลักษณะเฉพำะของภำษำ คำว่ำ “กิน”) ตม้อยอัล (คำว่ำ
“ไม่” ลกั ษณะเฉพำะของภำษำ) ตม้อยลอ้ื (อยใู่ นกลมุ่ พวกล้อื )
เป็นต้น คำว่ำ “คมุ้” หมำยถึงกลุ่มของตน ใช้ในกำรแยกชำว

ขมุออกจำกเชื้อชำติอ่ืน ๆ และคำว่ำ “แจะ” หมำยถงึ กลุ่มคน
เช้ือสำยไทย ทั้งไทยกลำง ไทยภำคเหนือ ลำว ลื้อ และไทดำ

และใช้คำว่ำ “แมว” เรียกกลุ่มแมว้ เปน็ ตน้

ภาษาขมุ อยู่ในสำขำย่อยของขมุอิค (Khmuic) สำขำมอญ-เขมร
(Mon-Khmer) ในตระกูลภำษำออสโตรเอเชียตคิ (Austroasiatic

Language Family) ซ่ึงมีภำษำมัล-ปรัย และมลำบรี เป็นภำษำ
ร่วมสำขำย่อยเดียวกัน ภำษำขมุแต่ละถ่ินแต่ละพื้นที่มีควำม

แตกต่ำงเล็กน้อยด้ำนระบบเสียง ระดับคำ และระดับประโยค
ขึ้นอยู่กบั อิทธพิ ลภำษำอ่ืน ๆ ในสงั คมท่มี ีกำรตดิ ต่อสอ่ื สำรกันด้วย
ลักษณะภำษำขมุนี้ เปน็ ของสำเนยี งหมูบ่ ำ้ นห้วยเอยี น อำเภอเวียง

แก่น จังหวัดเชียงรำย ที่ได้มีกำรศึกษำและฟ้ืนฟูภำษำด้วย
อักษรไทยแล้ว

102
พยัญชนะของภำษำขมมุ ที ัง้ หมด 22 เสียง ได้แก่ ก, ค, ง, จ, ช, ซ, ญ, ด, ต, ท, น, บ, ป, พ, ฟ, ม, ย,
ร, ล, ว, อ, และ ฮ. ซ่งึ เป็นพยญั ชนะตน้ ได้ท้ังหมด (เสียง ฟ อำจพบไดใ้ นประเภทคำยมื เท่ำนั้น)
พยัญชนะควบกลำ้ 7 เสียง ไดแ้ ก่ ปล-, ปร-, พร-, กล-, กร-, กว- และ คร-
พยญั ชนะสะกด 15 เสยี ง ไดแ้ ก่ -ก, -ง, -จ, -ยฮ, -ญ, -ด, -น, -บ, -ม, -ย, -ร, -ล, -ว, และ -ฮ.
มเี สียงสระทั้งส้ิน 20 เสยี ง แบง่ เป็นสระเสยี งสนั้ -ะ, -ำ, - ิ, - ี, - ึ, - ื, -ุ , - ู , เ-ะ, เ-, แ-ะ, แ-, โ-ะ, โ-,
เ-ำะ, -อ, เ-อะ, เ-อ, แ- ิ, และ เ-ำ.
มีสระประสม เ- ยี ะ, เ- ยี , เ- อื ะ, เ- ือ, -ัวะ และ ั-ว.
มเี สียงวรรณยกุ ต์ 1 เสียง ไดแ้ ก่ -้ ระดบั เสียงสูง-ตก

ภำษำภาษาขมุ ในชุมชนบ้ำนห้วยเอยี น ตำบลหล่ำยงำว อำเภอเวียงแก่น จงั หวดั เชยี งรำย ยงั คงใช้
กันอย่ำงแพร่หลำย เป็นภำษำที่ใช้พดู คุยกนั ในชีวิตประจำวนั ทำให้เด็กเลก็ ซมึ ซับและสำมำรถพดู ภำษำขมุ ได้

ท้ังน้ีในพ้ืนที่อำเภอเวียงแกน่ มีหมู่บ้ำนที่เป็นชนเผ่ำขมุ หลำยแห่ง ซึ่งแต่ละปีจะมีกำรจัดงำนปีใหม่ขุม
ซึ่งชนเผ่ำขมุ ในแต่ละหมู่บ้ำนของพ้ืนท่ีอำเภอเวียงแก่น จะมำร่วมงำน และจัดกำรแสดง วิถึชีวิตของชนเผ่ำ
เช่น กำรแสดง กำรละเล่น พิธีกรรม อำหำร เป็นตน้

ผทู้ ี่ถอื ปฏิบัติมรดกภูมปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรม
วนั เดือน ปีเกิด ๑๐ พฤษภำคม ๒๕๐๑
ท่อี ยู่ บำ้ นห้วยเอียน ตำบลหล่ำยงำว

อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชยี งรำย
๕๗๓๑๐
หมำยเลขโทรศพั ท์ -

103

พิธีข้นึ ท้ำวทง้ั สี่

พิธีกำรข้ึนท้ำวทั้ง 4 เป็นกำรอัญเชิญ บอกกล่ำวเทวดำ
ทั้ง 4 ทิศ ซ่ึงเป็นเทพำรักษ์เฝ้ำดูแลรักษำชีวิต ป้องกันภัย
อันตรำยต่ำง ๆ และบันดำลให้เกดิ ควำม สุขควำมเจริญแก่
เหล่ำมนุษย์ ได้แก่ ท้ำวมหำรำชธตรฐ ผู้เป็นใหญ่แห่ง
คนธรรพ์รักษำทิศตะวันออก ท้ำววิรุฬหก ผู้เป็นใหญ่แห่ง
กุมภณั ฑร์ ักษำทศิ ใต้ ท้ำววิรูปกั ษ์ ผู้เป็นใหญ่แห่งนำครักษำ
ทิศตะวันตก และท้ำวเวสสุวรรณหรือท้ำวกุเวร ผู้เป็นใหญ่
แหง่ ยักษร์ ักษำทิศเหนือ นอกจำกท้ำวทั้งสีแ่ ล้ว ยังมดี ้ำนบน
ท่ีเป็นส่วนของฟ้ำมีพระอินทร์ และด้ำนท่ีเป็นพ้ืนดินสุดมี
พระแม่ธรณี

ชำวอำเภอเวียงแก่นและชำวล้ำนนำ จะทำพิธีข้ึนท้ำว
ทั้ง 4 ในงำนมงคล เช่น ปลูกบ้ำนใหม่ ข้ึนบ้ำนใหม่ บวช
เณร อุปสมบทพระ งำนฉลองถำวรวตั ถุในศำสนำ งำนบูชำ
เสำอินทขีล (หลักเมอื ง) แรกนำและเทศกำลตรุษสงกรำนต์
ถอื วำ่ ตอ้ งทำพธิ ขี ึ้นท้ำวทัง้ ส่เี สมอ เพอ่ื ควำมเป็นสริ ิมงคลและเพือ่ ปอ้ งกันภยั อันตรำยตำ่ ง ๆ
พิธีกำรข้ึนท้ำวทงั้ ส่ี คือ กำร “ขึ้น” หรือเริ่มตน้ พธิ ีกรรมอนั เป็น

มงคล โดยจะเริ่มที่กำรบอกกล่ำว “ท้ำวท้งั ส่ี” คือมหำเทพทงั้ ๔ พระองค์

ซง่ึ เป็นผู้ดูแลโลกท้งั ในกำรสำรวจดูผู้ประกอบกุศลกรรมตำ่ ง ๆ ทัง้ ป้องกันภยั

และอำนวยควำมสุขควำมเจริญแก่มนุษย์ ในทิศทั้งส่ีของศูนย์กลำงของ

จักรวำล คือ เขำพระสุเมรุ ซึ่งในวันข้ึนหรือแรม ๑๕ ค่ำ มหำเทพทั้ง

สี่พระองค์นี้จะไปตรวจตรำโลกด้วยตนเอง และทรงเป็นหัวหน้ำของ

เทพในสวรรค์ชั้นจำตุมหำรำชิกซ่ึงต้ังอยู่บนทิวเขำยุคลธรอันสูงก่ึงหน่ึง

ของเขำพระสุเมรุ ทุกพระองค์มีอำยุกำหนด ๕๐๐ ปีทิพย์ ท้ำวท้ังสี่

พระองค์นี้ ไดแ้ ก่

๑. ท้ำวกเุ วร หรือเวสสุวณั ณ์ หรือไพสรพณ์ มหี นำ้ ที่รกั ษำโลกอยู่ทำงทศิ เหนือของเขำพระสเุ มรุ

๒. ทำ้ วธตรฐะ มหี นำ้ ทีร่ กั ษำโลกอยทู่ ำงทศิ ตะวนั ออกของเขำพระสเุ มรุ

๓. ท้ำววิรฬุ หกะ มีหนำ้ ท่รี กั ษำโลกอยู่ทำงทิศใตข้ องเขำพระสุเมรุ

๔. ท้ำววิรูปกั ขะมหี นำ้ ทดี่ ูแลโลกอยู่ทำงทิศตะวันตกของเขำพระสเุ มรุ

แต่ในกำรประกอบพิธีนั้น นอกเหนือจำกจะกล่ำวถึงมหำเทพ

ท้ังสี่ดังกล่ำวแล้ว ยังกล่ำวถึงพระอินทร์และนำงธรณีอีกด้วย ซ่ึงเมื่อ

กล่ำวถึงกลุ่มมหำเทพเช่นนี้ก็จะถือว่ำพระอนิ ทร์ซึ่ง “กินสองสวรรค์”

คือ เป็นอธิบดีของสวรรค์ ทั้งช้ันดำวดึงส์และจำตุมหำรำชิกเป็น

หัวหน้ำ ส่วนนำงธรณีน้ันปรำกฏในแง่ของ “ผู้จื่อจำน้ำอยำดหมำย

ทำน” คือผู้เป็นสักขีพยำนรับรู้ถึงกำรกระทำกรวดน้ำทำบุญทั้งปวง

ของมนุษย์ จะเลอื กประกอบพธิ ที ำงทิศตะวนั ออก เพรำะชำวล้ำนนำ

นิยมนอนหันหัวไปทำงทิศตะวันออก ซ่ึงถือเป็นทิศท่ีแสดงถึงควำม

ร่งุ โรจนเ์ ปน็ มงคล

104

เครื่องบนหรอื เครอื่ งบวงสรวง
กำรทำสถำนที่ทำเครื่องเซ่นทำด้วยกำบกล้วยเรียกว่ำ "สะตวง" คือกระหงจำนวน ๖ อัน สำหรับใส่
เคร่อื งเซน่ อำหำรและผลไมเ้ ปน็ เครอ่ื งสีป่ ระกอบดว้ ยส่งิ ตอ่ ไปน้ี
กระทงท่ี ๑. ขำ้ ว ๔ คำ
กระทงที่ ๒. อำหำร ๔ ช้ิน จะเป็นเนอ้ื หรอื ปลำก็ได้
กระทงที่ ๓. ข้ำวเหนยี วหรือข้ำว ๔ ถงุ หรือ ๔ คำ
กระทงที่ ๔. แกงส้ม ๔ ชุด
กระทงที่ ๕. แกงหวำน ๔ ชดุ
กระทงท่ี ๖. หมำกพลู บหุ รี่ เมีย่ ง ๔ ชุด
เครอื่ งประกอบ ดอกไม้ ธปู เทยี น ๔ ชุด เครอื่ งประกอบ เหลือง แดง ขำว เขยี ว ๔ ชุด กำรทำสะตวง
น้ันนิยมเอำกำบกล้วยมำหักพับเสียบด้วยไม้ไผ่ ซ่ึงจักตอกให้คงรูปเป็นสี่เหล่ียม แล้วเอำกระดำษรอง
เข้ำในสะตวง เพ่ือใช้เป็นที่วำงเครือ่ งเซ่น กำรเตรียมเครื่องเช่นไว้ ๖ ชุด ก็เพรำะคนโบรำณต้องกำรสังเวยเทพ
๖ องค์ ประกอบด้วย
1. พระอนิ ทร์ ซ่ึงเป็นใหญก่ ว่ำท้ำวจตุโลกบำล
2. ท้ำวธตรฐ รกั ษำทศิ ตะวันออก
3. ท้ำววิรฬุ หก รกั ษำทศิ ใต้
4. ท้ำววริ ูปกั ข์ รกั ษำทศิ ตะวันออก
5. ทำ้ วเวสสวุ ณั ณ์ รักษำทศิ เหนือ
6. นำงธรณีเทวธิดำ ผรู้ ักษำแผ่นดิน
กำรสังเวยตอ้ งมีสะตวง 6 อัน ของพระอนิ ทร์ ตง้ั ตรงกลำงอยู่สงู กวำ่ ตะตวงอนื่ ๆ ของนำงเทพธดิ ำธรณี
วำงไว้ล่ำงใกล้กับแผ่นดิน ส่วนท้ำวจตุโลกบำลต้ังตำมทิศต้ังตำมทิศของท้ำวจตุโลกบำลแต่ละองค์เวลำทำกำร
สังเวยหำกจะมีงำนในตอนเช้ำ นิยมสังเวยตอนเย็นก่อนวันหนึ่ง หำกจะทำพิธีตอนกลำงวัน นิยมสังเวย
ในตอนเช้ำ ควำมมุ่งหมำยก็คือต้องกำรให้เทพท้ัง 6 มำทำกำรรักษำงำนพิธีด้วย ผู้ที่เป็นเจ้ำของงำนจะทำกำร
จุดเทยี นจุดธปู บนสะตวงแล้ววำงไว้ ปูอ่ ำจำรย์จะกลำ่ วคำสังเวย
“ปัจจุบัน มีคนรนุ่ ใหม่ในชุมชน ได้มกี ำรเรียนรู้ สบื ทอด ของพิธกี รรมดงั กลำ่ วใหค้ งอยู่สืบไป”
กำรข้ึนทำ้ วท้งั สีย่ ังมใี หพ้ บเห็นเป็นประจำไมว่ ำ่ จะเปน็ งำนของบ้ำนเมือง วดั วำอำรำม ชมุ ชนและปัจเจก
ชนโดยท่ัวไป เช่น งำนบูชำเสำหลักเมือง ทำบุญเมือง งำนฉลองศำสนสถำน สำธำรณสถำน ทำบุญหมู่บ้ำน
เทศกำลสงกรำนต์ ข้ึนบ้ำนใหม่ แต่งงำน บรรพชำและอุปสมบท เป็นต้น จำกภำพท่ีปรำกฏตำมงำนต่ำง ๆ
แสดงให้เหน็ ถึงควำมสำคัญของมหำเทพทัง้ สี่ ทยี่ ังเปน็ ทน่ี ยิ มนบั ถอื ของชำวลำ้ นนำอยำ่ งไมม่ ีวนั เส่อื ม

ผู้ที่ถอื ปฏิบตั ิมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
ชอื่ นำยมดั ทิพย์หมึก
ท่ีอยู่ 132/1 หมู่ 5 ตำบลม่วงยำย

อำเภอเวียงแกน่ จงั หวัดเชยี งรำย
๕๗๓๑๐
หมำยเลขโทรศัพท์ -

105

เหลำ้ อุ หรอื สุรำหมกั

เหล้ำไห(เหล้ำอุ) เป็นสุรำหมักอินทรีย์ ในภูมิปัญญำ
ของชนเผ่ำ ขมุ ในพ้ืนที่ อ.เวียงแก่น ท่ีใช้เป็นเครื่องดื่มที่มี

แอลกอฮอล์ไม่เกิน 20 %” เหล้ำอุของชนเผ่ำขมุ ทำมำ
จำกข้ำวเหนียวท่ีสีเป็นข้ำวสำรแล้ว นำมำล้ำงทำควำม

สะอำด พร้อมกับแกลบหยำบ ผึ่งให้แห้งนำทั้ง 2 อย่ำงมำ
บรรจุในไหดินในปริมำณท่ีเหมำะสม เติมน้ำเปล่ำให้ท่วม
พอดี ปิดฝำไหให้สนิท ท้ิงไว้ 2 - 3 วันหรือหลำยวัน

กส็ ำมำรถนำมำด่ืมได้ มกี ลน่ิ หอมชวนด่มื และเป็นเคร่ืองด่ืม
ทช่ี นเผำ่ ขมุ ในหมู่บ้ำนปกตจิ ะเปน็ เครอื่ งดื่มที่ใช้ในงำนประเพณีของชนเผำ่ ขมุ เชน่ เทศกำลปีใหม่ ขึน้ บ้ำนใหม่

แต่งงำน หรือกิจกรรมงำนพิธีทำงควำมเช่ือของชุมชน และใช้ต้อนรับแขกผู้มำเยือน เหล้ำไห (เหล้ำอุ) เป็น
เครื่องดื่มพ้ืนบ้ำนท่ีผลิตขึ้นจำกข้ำวเหนียวผสมแกลบแล้วหมักในไห จำกน้ันปิดด้วยข้ีเถ้ำจนสนิท เวลำด่ืมต่ำง
จำกสุรำพื้นบ้ำนทั่วไปตรงท่ีต้องเติมน้ำ แล้วใช้หลอดท่ีผลิตจำก “ไม้ซำง” ไม้ไผ่ชนิดหน่ึงท่ีมีขนำดลำเล็ก

เจำะลงไปแล้วด่ืม ซึ่งมักใช้ด่ืมนงำนประเพณีต้อนรับแขก โดยล้อมวงด่ืมแล้วเวียนไหไปรอบวงเป็นเครื่องด่ืม
เชิงวฒั นธรรม

เหล้ำ ๑ ไห จะใช้วัสดุ ดังนี้
๑. ขำ้ วกลอ้ ง ๑ กิโลกรัม
๒. แกลบ ๓ ขีด

๓. หัวเชอ้ื ๑.๕ ขดี
กำรทำข้ึนอยู่กับอุปกรณ์ ส่วนมำกแล้วจะทำคร้ังหน่ึงประมำณ ๒๐ ไห โดยกำรนำข้ำวกล้องไปแช่น้ำไว้

๑ คืน จำกน้ันนำแกลบมำคลุกเคล้ำให้เข้ำกัน เสรจ็ แลว้ นำไปนงึ่ ให้สุก นำออกมำผงึ่ ลมใหข้ ำ้ วเย็น จำกน้ันนำหวั
เชื้อมำคลกุ เคล้ำให้เขำ้ กันแลว้ นำไปหมกั ไวท้ ไ่ี หมังกรขนำดใหญ่ จำนวน ๓ คืน แลว้ นำออกมำบรรจใุ ส่ไห แล้วใช้
ใบตองปดิ ปำกไหกอ่ น แลว้ เอำขีเ้ ถ้ำผสมน้ำพอเป็นกอ้ นปดิ ทับอกี ครง้ั หนึ่ง จำกนนั้ หมกั ไว้อีก ๑๕ วัน ก็สำมำรถ

นำมำด่มื ได้แล้ว
ผู้ท่ถี อื ปฏิบัติมรดกภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม

ช่อื นำงสำวนภำพร สมศรี
ที่อยู่ 96 หมู่ 6 ตำบลหลำ่ ยงำว

อำเภอเวยี งแกน่ จงั หวดั เชียงรำย

๕๗๓๑๐
หมำยเลขโทรศพั ท์ 086 183 5193

106

ไม้โถกเถก หรอื ขำโถกเถก

เป็นกำรเล่นต่อขำให้สูงสนั นิษฐำนวำ่ จะมำจำกกำรท่ี
ผู้ใหญ่ใช้วิธีกำรนี้เดินข้ำมน้ำ หรือ เข้ำป่ำเข้ำพง แต่ไม่มี
รองเท้ำสวมใส่กันหนำมไหน่ เมื่อป่ำพงหมดไปมีรองเท้ำ
สวมใส่ป้องกันหนำมไหนไ่ ด้กค็ งจะเลิกใช้กัน แต่เด็กนำมำเป็น
ของเล่น เล่นกันให้สนุกสนำน นอกเหนือจำกควำมสนุกสนำน
แล้ว ยังเป็นเครื่องมือออกกำลังกำย ที่ช่วยให้ได้บริหำร
ส่วนต่ำงๆ ของร่ำงกำยเป็นอย่ำงดี เพ่ิมควำมแข็งแรงระบบ
กลำ้ มเนื้อแขนขำ เพ่ิมทักษะกำรทรงตัว

อปุ กรณใ์ นกำรเลน่
ไม้ไผ่ท่อนเล็กขนำดพอเหมำะมือจับได้มั่น ๒ ท่อน ยำวท่อนละ
ประมำณ ๑.๕๐ - ๒ เมตร เลือกไม้ไผ่ที่มีแขนงท่ีแข็งแรงยื่นออกมำจำก
บ้องโดยกะขนำดให้ได้ควำมสูงในกำรที่จะขึ้นไปยืนและก้ำวเดินได้ตำม
ที่ต้องกำร หำกหำไม้ไผ่ที่แขนงแข็งแรงจำกปล้องไม่ได้ คะเนควำมสูง
ตำมที่ต้องกำรแล้วทำเคร่ืองหมำยไว้ จำกนั้นเจำะรูจำกท่ีทำเครอ่ื งหมำย
ให้ทะลุไปอีกด้ำนหนึ่ง หำไม้เหนียว ๆ แข็งแรง หรือเหล็กสอดเข้ำไป
ในรูทำสลัก และหำไม้ไผ่ท่อนยำวประมำณ ๑ คืบ ๑ คู่ ไม้ไผ่คู่นเ้ี ลือกตัด
ให้มีปล้องไม้ไผ่อยู่ตรงกลำง เหนือปล้องไม้ไผ่ด้ำนหนึ่งเจำะเป็นรูกว้ำง
พอที่จะสวมไม้ไผ่ท่อนยำวได้ให้ลงมำวำงอยู่บนแขนงไม้ท่ียื่นจำกปล้อง
หรือลงบนไมห้ รอื เหลก็ ที่ทำสลักไวเ้ วลำเลน่ ขนึ้ ไปเหยียบบนท่อนไม้ท่ีสวม
ไม้ท่อนยำววำงเท้ำให้มั่นคง และจับไม้ท่อนยำวให้ต้ังตรง ก้ำวเดินไป
คล้ำยเดินธรรมดำ หำกหัดจนชำนำญก็พำไม้ว่ิงได้อย่ำงรวดเร็ว ถ้ำต้อง
เดินสูงมำกจะทำรูสลักสูง เวลำข้ึนไปยืนบนไม้โถกเถกต้องใช้บันไดบ้ำน
หรือกำแพงสำหรับพงิ ไม้โถกเถก แล้วข้นึ ไปยนื
ปัจจุบันกำรเล่นไม้โถกเถกไมค่ ่อยนยิ มเล่นแล้วในหมู่เด็ก นอกจำกในบำงท้องถิ่น เพรำะมีของเล่น
อ่ืน ๆ ท่ีสำมำรถหำซื้ออุปกรณ์มำเล่นกันได้สะดวกข้ึน ค่ำนิยมจำกภำยนอกเข้ำไปกำหนดและวำงรูปแบบท่วี ่ำ
เป็นสำกล กำรศึกษำ กำรเรียนกำรสอนเป็นกำรละเล่นที่เป็นสำกลนิยม ไม่มีเรื่องของท้องถิ่น กำรสืบทอด ภูมิ
ปัญญำในกำรประดิษฐ์ของเล่นพ้ืนถิ่นจึงค่อย ๆ หำยไปจนคนรุ่นหลังไม่มีโอกำสได้เรียนรู้
กำรละเล่นไม้โถกเถก หรือขำโถกเถก เล่นได้ทุกโอกำสเด็ก ๆ จะวิ่งแข่งกัน หรือเล่นในงำนโรงเรยี น
เป็นกำรแข่งขันระหว่ำงช้ันปี หรือในเทศกำลต่ำง ๆ เพื่อควำมสนุกสนำนและควำมสำมัคคี

ผู้ท่ีถอื ปฏิบัติมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
ชอ่ื นำยจนั ทร์ ขันทะ
ทีอ่ ยู่ หมู่ 6 ตำบลหลำ่ ยงำว

อำเภอเวียงแก่น จังหวดั เชยี งรำย
๕๗๓๑๐
หมำยเลขโทรศพั ท์ -

คำ ข วั ญ อำ เ ภ อ พ า น

พระธาตุจอมแว่ศักดิ์สิทธิ์
แหล่งผลิตลำไย ถ้ำ​ผา​โขง
งามสดใส เลื่องลือไกลถิ่นข้าวสาร
งามตระการ พระธาตุสามดวง​​
เที่ยวดอยหลวงน้ำตกปูแกง

สภาวัฒนธรรมอำเภอพาน

108

อำเภอพำน

ประวัติควำมเป็นมำ

ความเป็นมาของอาเภอพาน เดิมได้ปกครองตามระบอบ “พ่อเมือง” อาคารที่ทาการอาเภอต้ังอยู่ท่ี
บา้ นฝั่งตน้ื ปจั จุบันเปน็ หมทู่ ่ี 8 ตาบลมว่ งคา พอ่ เมืองนี้ข้นึ ตรงต่อเจา้ ผู้ปกครองนครลาพูน ต่อมาเม่อื ร.ศ.126
(พ.ศ.2450) ทางราชการได้เปลย่ี นฐานะการปกครองจากระบอบพ่อเมืองข้ึนเป็นกิ่งอาเภอ โดยมีปลัดอาเภอ

เป็นปลัดกิ่งอาเภอมาประจาเรียกวา่ “กิง่ อาเภอเมืองพาน” แต่ที่ทาการยังอยู่ที่บ้านฝั่งตื้นและต่อมาได้โอนก่ิง
อาเภอเมืองพานเข้าไปอยู่กับอาเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย คร้ันถึงปี ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451)

ทางราชการได้ให้โอนกิ่งอาเภอเมืองพานไปข้ึนตรงต่ออาเภอแม่ใจ เพราะอยู่ใกล้อาเภอแม่ใจมาก เพื่อสะดวก
แกร่ าษฎรท่ีมาติดตอ่ ราชการ ไดด้ าเนินการมาจนถึง ร.ศ. 131 (พ.ศ. 2455) ทางราชการได้ยกฐานะกิง่ อาเภอ
เมืองพานแล้วยุบอาเภอแม่ใจ และเขตอาเภอเมืองเชียงรายบางส่วน ให้ขึ้นกับอาเภอเมืองพาน การท่ีได้ยก

ฐานะขึ้นเป็นอาเภอใหมน่ ี้ กไ็ ดย้ ้ายทว่ี ่าการอาเภอจากบา้ นฝัง่ ตื้น ไปตัง้ ทต่ี าบลเมอื งพาน อนั เป็นทที่ าการอาเภอ
แม่ใจปัจจุบันและได้ขนานนามว่า “อาเภอเมืองพาน” โดยอาศัยพลับพลา ซึ่งไว้รับเสด็จพระบาทสมเด็จ

พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 6 ในสมัยเม่ือดารงตาแหน่งมกุฎราชกุมาร เม่ือ ร.ศ.124 ตั้งเป็นที่ว่าการอาเภอ
ซ่งึ ท่ดี ินเปน็ ท่ีของหลวงอยแู่ ล้ว ไมไ่ ด้ซื้อจากผู้ใด ส่วนอาเภอแม่ใจ เมอ่ื ยบุ ลงแลว้ คงมแี ต่สถานีตารวจอยา่ งเดียว
ต่อมาเม่ือ พ.ศ.2492 พลบั พลาซึ่งได้ใช้เป็นที่ว่าการอาเภอได้ชารุดทรุดโทรมลงมากประกอบกบั ทางราชการ

ได้ยุบอาเภอดอกคาใต้ จึงได้รื้ออาคารที่ว่าการอาเภอดอกคาใต้มาปลูกสร้าง ณ ท่ีว่าการอาเภอเมืองพาน
โดยสร้างเป็นโรงไม้ชั้นเดียว ตามแบบของกระทรวงมหาดไทย ตัวท่ีว่าการอาเภอที่ปลูกใหม่นี้ใช้อยู่ได้ไม่นานก็

ชารุดทรดุ โทรมลงอีก จึงได้มีการปลกู สร้างข้ึนใหม่เป็นเรือนไมช้ ้ันเดียวแบบเดียวกัน ต่อมาในสมยั ที่นายอาเภอ
เมืองพาน ชื่อนายกมล สุทธนะ ได้ร่วมกับ ข้าราชการ กานัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในเขตอาเภอเมือง
พาน จัดการก่อสร้างที่ว่าการอาเภอข้ึนใหม่ ได้สร้างเป็นตัวตึกสองชั้น ชั้นล่างเป็นตัวตึก ส่วนชั้นบนเป็นไม้

ได้ช่วยกันดาเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เปิดเป็นที่ทาการเม่ือวันที่ 5 มกราคม 2493 ต่อมา เมื่อ พ.ศ. 2515
ในสมัยนายสมเกียรติ เกียรติสมฤทธ์ิ มาดารงตาแหน่งนายอาเภอเมืองพาน ทางกรมการปกครอง กระทรวง

มหาดไทย ได้อนุมัติเงินงบประมาณ จานวน 90,000 บาท (เก้าหมื่นบาทถ้วน) ให้นายอาเภอ เมืองพาน
เพื่อทาการบูรณะปรับปรุงและซ่อมแซมที่ว่าการอาเภอหลังนี้ข้ึนใหม่ให้มีสภาพดีข้ึน แต่ต่อมาสภาพได้ชารุด
ทรุดโทรมขนึ้ อีกทาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ไดอ้ นุมตั ิเงินงบประมาณจานวน 7,595,000 บาท

(เจด็ ลา้ นห้าแสน เก้าหมนื่ หา้ พันบาทถ้วน) จึงได้รอื้ ถอนอาคารที่วา่ การอาเภอหลังเดิมในปี พ.ศ. 2540 ในสมัย
ของ นายศักดา คดิ หาทอง เปน็ นายอาเภอพาน และไดก้ อ่ สรา้ งทวี่ ่าการหลังปจั จบุ ันแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541

และเปิดใช้เป็นทางการเม่ือวันที่ 12 มิถุนายน 2541 โดย ฯพณฯ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรี
กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี ซ่ึงอยู่ในสมัย นายสัญญา สันทัด เป็นนายอาเภอพาน ส่วนชื่ออาเภอ
ที่เรียกว่า “อาเภอเมืองพาน” นั้น ต่อมาทางราชการได้สั่งให้เปลี่ยนชื่ออาเภอเสียใหม่ว่า “อาเภอพาน”

เพราะช่ือคาวา่ “เมอื ง” นั้น ซึ่งไปตรงกบั อาเภอเมือง และก็เปน็ ทีต่ ้ังของศาลากลางจงั หวัดเทา่ นน้ั ฉะน้นั อาเภอ
เมืองพาน จงึ ตัดคาว่า “เมือง” ออกไป กค็ งเรียกวา่ “อาเภอพาน” มาจนกระท่งั ทุกวันน้ี

คำขวัญอำเภอพำน แหลง่ ผลติ ลาไย
เลือ่ งลือไกลถิ่นข้าวสาร
พระธาตุจอมแว่ศักดสิ์ ทิ ธิ์ เทย่ี วดอยหลวงนาตกปูแกง
ถาผาโขงงามสดใส
งามตระการพระธาตสุ ามดวง

109

ลักษณะทำงกำยภำพ

ท่ตี ้ังและอาณาเขต
อาเภอพาน เป็นอาเภอหน่ึงใน 18 อาเภอ เป็นอาเภอท่ีอยทู่ างทิศใต้สุดของจังหวัดเชยี งราย หา่ งจาก
ทต่ี ้ังจงั หวัดเชียงรายประมาณ 43 กโิ ลเมตร มีพ้ืนที่ประมาณ 1,023 กิโลเมตร หรือประมาณ 639,375 ไร่
คดิ เป็นร้อยละ 8.76 ของจงั หวดั เชยี งราย
ทิศเหนอื ติดต่อกบั อาเภอแม่ลาว และอาเภอเมืองเชียงราย จังหวดั เชียงราย
ทิศตะวันออก ติดตอ่ กบั อาเภอปา่ แดด จังหวัดเชยี งราย
ทิศใต้ ตดิ ต่อกบั อาเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา และอาเภอวังเหนือ จงั หวัดลาปาง
ทศิ ตะวนั ตก ติดต่อกบั อาเภอแมส่ รวย และอาเภอเวยี งป่าเป้า จังหวัดเชียงราย

ลักษณะภูมปิ ระเทศ
สภาพพื้นที่โดยท่ัวไปส่วนใหญ่เป็นราบลุ่ม และเป็นพื้นที่ราบระหว่างภูเขา มเี ทือกเขาสูงสลับซับซ้อน
เป็นแนวยาวท้ังสองทาง คือ ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เทือกเขาเหล่านี้มีความสูงระหว่าง 350 –
600 เมตร จากระดับน้าทะเลปานกลาง มีท่ีราบสาหรับทาการเพาะปลูกได้ดี มีลาน้าท่ีสาคัญ ได้แก่ ลาน้า
แม่ส้าน ลาน้าแม่ลาว ลาน้อร่องธาร ลาน้าแม่เย็น ลาน้าแม่คาวโตน ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีระบบคลองส่งน้า
ชลประทาน ของระบบชลประทานแม่ลาว และยงั มีแหล่งเก็บกับน้าที่สาคัญ ไดแ้ ก่ หนองฮ่าง หนองเวียงห้าว
หนองบวกปลาค้าว หนองควายหลวง ฯลฯ

ลกั ษณะภูมิอำกำศ
มอี ากาศแบบมรสุมเมอื งร้อน อุณหภูมเิ ฉล่ียประมาณ 24 - 27 องศาเซลเซียส มีปรมิ าณน้าฝนเฉลี่ย
ทัง้ ปีประมาณ 1,853 มิลลิเมตร ฝนตกชุกในฤดูฝน ฤดูหนาวไดร้ ับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนอื พัด
พาเอาความหนาวเย็นมาให้ บางคร้ังอากาศหนาวเย็นมาก อุณหภูมิต่าถึง 6 องศาเซลเซียส ฤดูร้อน มีอากาศ
รอ้ น บางครั้งอุณหภูมิสงู ถึง 30 องศาเซลเซียส

แหลง่ ท่องเทยี่ ว

๑. วัดพระธาตุจอมแว่
เป็นหนึ่งในพระธาตุ 9 จอม ซ่งึ เป็นปูชนยี สถานที่สาคญั แห่งหนึ่งของ
จงั หวดั เชียงราย ตง้ั อยู่ที่ตาบลเมอื งพาน อาเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็น
พระธาตทุ ่ีมีประชาชนชาวอาเภอพานและอาเภอใกล้เคียงนับถอื กนั วา่ เป็น
พระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ เม่ือถึงเดือน 9 ขึ้น 15 ค่า จะมีงานนมัสการ
องคพ์ ระธาตุทุกปี

๒. วัดพระธาตสุ ามดวง
วัดพระธาตุสามดวง มีช่ือเดิมว่า “พระเจดีย์สามองค์” หรือท่ี
เรียกว่า “พระธาตุสามดวง” วัดแห่งนี้จัดได้ว่าเป็นสถานท่ีท่องเท่ียว
แห่งหน่ึงในอาเภอพานเหมือนกัน ซึ่งสถานที่ท่องเท่ียวแห่งน้ีตั้งอยู่
บ้านป่าหุ่ง หมู่ 1 กับบ้านศาลาเหมืองหิน หมู่ 11 ตาบลป่าหุ่ง
อาเภอพาน จังหวัดเชียงราย ห่างจากท่ีทาการอาเภอพาน ไปทางทิศ
ตะวันตก ระยะทาง 12 กม. และสถานท่ีท่องเท่ียวแห่งนี้ยังจัดเป็น
โบราณท่สี าคญั เหมือนกบั วดั พระธาตุดอยจอมแว่

110

๓. น้าตกปแู กง
น้าตกปูแกง อยู่ห่างจากท่ีทาการอุทยานฯประมาณ 500 เมตร
เป็นนา้ ตกหินปนู ขนาดใหญ่ท่ีเกิดจากการทับถมของหินปนู ทไี่ หลปะปน
มากับสายน้า มีทั้งหมด 9 ช้ัน แต่ละช้ันอยู่ห่างกันประมาณ 100
เมตร ทุกชั้นสามารถลงเล่นน้าได้ ภายในยังมีถ้าต้ืนมากมายหลายแห่ง
เป็นท่ีนิยมของนักท่องเท่ียวท่ีเข้ามาพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์เป็น
ประจา บริเวณน้าตกน้ียังเป็นแหล่งรวมของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์
นานาชนิด และท่านท่สี นใจชมธรรมชาติที่หลากหลาย ทางอทุ ยาน
แห่งชาติดอยหลวงได้จัดเส้นทางศึกษาธรรมชาติไว้บริการ การเดินทางไปน้าตกมีทางแยกจากถนนสาย
เชียงราย-พะเยาบริเวณหลกั กิโลเมตรที่ เข้าไปถงึ บริเวณน้าตก ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร เสน้ ทางใชไ้ ดต้ ลอดปี

๔. บ่อน้ารอ้ นห้วยทรายขาว
บ่อน้าร้อนห้วยทรายขาว หรือ น้าพุร้อนห้วยทรายขาว

ต้ังอยู่หมู่ 5 บ้านทรายขาว ตาบลทรายขาว อาเภอพาน จังหวัด
เชียงราย ตั้งอยู่ในทางหลวงแหมายเลข 1 ตอนต่อเขตแขวง
การทางพะเยาที่ 1 – แยกไปอาเภอแม่สรวย ระหว่าง กม.
793+228 – กม. 793+541 ทางด้านซ้าย อยู่ในบริเวณ
ที่ราบลุ่ม มีลัก ษ ณ ะ เป็ น ตะก อ น น้ า (Alluvial deposit)
ซ่ึงประกอบด้วยชั้นของหินทรายและดินท่ียังไม่จับตัวกันแน่น
บรเิ วณแหลง่ นา้ พรุ ้อนครอบคลุมพื้นทป่ี ระมาณ 16 ไร่ ติดถนน
พหลโยธิน ทางด้านตะวันออก ลักษณะของแหล่งน้าพุรอ้ นเป็นบ่อน้าร้อนธรรมชาติที่กอ่ เป็นบ่อซีเมนต์ บ่อน้า
ร้อน บอ่ น้าอุน่ และบ่อน้าเย็น

๕. ถ้าผาโขงหรอื ถ้าน้าลอด
ตั้งอยู่ท่ีเขตบริเวณหมู่บ้านปางเกาะทรายหมู่ 6 ตาบลป่าหุ่ง
ห่างออกจากอาเภอพานประมาณ 15 กิโลเมตรโดยจะผ่านหลังท่ี
ทาการอ.พานไปทางทิศตะวนั ตกเป็นพื้นท่ีรับผิดชอบขององค์การ
บริหารส่วนตาบลป่าหุ่ง และเป็นเขตอนุรักษอ์ ุทยานแหง่ ชาติดอย
หลวง อยู่หา่ งจากที่ทาการอาเภอพานไปทางทศิ ตะวันตกประมาณ
6 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางและต่อด้วยถนนซีเมนต์ประมาณ
15 กิโลเมตรและถนนลูกรังอีก 1 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นแบบ
ถา้ หินปูนยังมีน้าไหลผา่ นออกมาจากถ้าตลอดท้ังปี ภายในของถ้า
เป็นโพรงกว้าง มีหินงอก หินย้อยลงมาสวยงามมาก สามารถเดิน
ผ่านและไปเที่ยวได้ถึงหลังถ้า สามารถเข้าเที่ยวชมได้ตลอดท้ังปี
โด ย เฉ พ า ะ ช่ ว ง เท ศ ก า ล ส ง ก ร า น ต์ จ ะ มี นั ก ท่ อ ง เที่ ย ว นิ ย ม ม า
ทอ่ งเที่ยวและเกบ็ ภาพเปน็ จานวนมาก โดยจะองค์การบรหิ ารสว่ น
ตาบลป่าหุ่งมีการจัดให้มีร้านอาหาร ห้องน้า ส่ิงอานวยความ
สะดวกอื่น ๆ เหมาะสาหรับนักท่องเท่ียวที่มาเท่ียวชมท้ังชาวไทย
และชาวต่างประเทศอยา่ งมากมาย

111

ซอล้ำนนำ

“ซอล้านนา” มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เป็นเอกลักษณ์
ทางวัฒนธรรมที่สาคญั และโดดเด่นย่ิงของชาวล้านนา มีความสัมพันธ์

กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เป็นกระจกเงา สะท้อนวิถีการดารงชีวิตของ
ชาวล้านนาในด้านต่างๆ เช่น ความเช่ือ ค่านิยม ขนบธรรมเนียม

ประเพณี สถาบันศาสนา สถาบันครอบครัว การประกอบอาชีพ
อาหารและ โภชนาการ การแต่งกาย นอกจากนย้ี งั มีความงดงาม ของ
ภาษาคาเมือง หรือภาษาถ่ินเหนือ จึงเป็นภูมิปัญญาทาง ภาษาท่ี

บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้อย่างงดงามทรงคุณค่า น่าภูมิใจยิ่ง ซอจึง
เป็นการขับขานหรือการร้องร้อยกรองท่ีเป็นภาษาคาเมืองหรือภาษา

ถิ่นเหนือมีฉันทะลักษณ์เฉพาะ จัดเป็นศิลปะการแสดงพ้ืนบ้านของ
ล้านนาท่ีเป็นภูมิปัญญาทางภาษาที่ได้สร้างสรรค์ไว้อย่างงดงามและ
ทรงคุณค่า แฝงด้วยคติธรรมคาสอน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์

ของมนุษย์กับมนษุ ย์ มนุษย์กบั ธรรมชาติ และมนษุ ยก์ บั สิ่งท่ีอยเู่ หนือ
ธรรมชาติไว้อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท่ีสาคัญ มีความสัมพันธ์กับวิถีความเป็นอยู่

ของชาวล้านนาในด้านต่าง ๆ เช่น ความเช่ือ ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี สถาบันศาสนา สถาบัน
ครอบครัว การประกอบอาชีพ อาหารและโภชนาการ การแตง่ กาย การสาธารณะสุขมลู ฐาน เป็นต้น

ซอพ้ืนเมืองล้านนา หรือท่ีชาวพ้ืนเมืองล้านนาเรียกว่า ซอ

(มักเรียกประกอบกันเป็น สะล้อ ซอ ซึง) เป็นรูปแบบการร้องเพลง
ท่ีชาวพ้ืนเมืองล้านนาใช้ขับกล่อมให้คลายทุกข์ โดยจะมีคาเรียกผู้ร้อง

เพลงซอว่าช่างซอ การขับซอในปัจจุบัน จะมีลีลาและรูปแบบที่
เปล่ียนแปลงไปตามยคุ สมัย การซอมที ั้งขับร้องเดี่ยวและคู่ ซึ่งเรียกว่า
"คู่ถ้อง" สลับด้วยดนตรี คือ ป่ีชุม 3 ปี่ชุม 4 หรือป่ีชุม 5 (ภาษา

พ้นื เมอื งจะออกเสียงวา่ ปจี มุ ) ทีน่ ิยมกนั มาแต่โบราณ

ผู้ขับเพลงซอ หรือท่ีเรียกตามภาษาท้องถ่ินว่า “ช่างซอ” ท่ีร้องโต้ตอบกันเรียกว่า “คู่ถ้อง” ช่างซอที่
เป็น คู่ถ้องต้องเป็นผู้มีปฏิภาณไหวพริบดีและได้รับการฝึกฝน จนชานาญ เพราะต้องโต้ตอบกับอีกฝ่ายอย่าง
ทนั ทว่ งที ตอ้ งมีความรรู้ อบตวั และมีความจาดี เพราะสามารถนาสงิ่ รอบข้างมาใช้ในการซอ ได้ นอกจากนตี้ ้อง
จาทานองของ เพลงซอ ได้อยา่ งขนึ้ ใจ เน้ือรอ้ งของซอ เป็นการแก้ปญั หาเฉพาะหน้าข้ึนอยู่ กับสถานการณ์และ
โอกาสท่ีไปแสดง เช่น ถ้าไปแสดง ในงานบวชนาค ช่างซอก็จะร้องเพลงซอพรรณนาเกี่ยวกับ การตอบแทน
พระคณุ พอ่ แม่

ผูท้ ีถ่ อื ปฏิบตั ิมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
ชือ่ แมค่ รูบัวลอย โชติสริ พิ ัชญ์

ศูนย์การเรยี นรู้ขับซอพื้นเมืองแมค่ รูบวั ลอย โชติสิรพิ ัชญ์
ทอ่ี ยู่ 30 หมู่ 7 บา้ นสันต้นผ้ึง ตาบลมว่ งคา

อาเภอพาน จงั หวัดเชียงราย 57120
หมายเลขโทรศพั ท์ 087 176 4714

112

หมกกบสมุนไพรไทลื้อ

“หมกกบสมุนไพรไทลอื้ ” หรือ “หมกแม่หม่อน” เป็นอาหารใน
วัฒนธรรมท้องถิ่นไทล้ือชุมชนบ้านกล้วยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
หมกกบเป็นตัวคลุกเคล้าด้วยสมุนไพร ผิงไฟอ่อน ๆ หอมกล่ิน
สมุนไพรใหอ้ รรถรสอาหารชวนชมิ

โดยภาพรวมแล้วเมนูห่อหมกนั้น ช่วยให้ผู้รับประทานนั้นเจริญ
อาหารจากเคร่ืองแกง และมีฤทธิ์ขับลม จากเครื่องแกงที่ตารวมกัน
โดยใช้ ข่า, รากผักชี, มะกรูด, กระชาย และสูตรที่ใส่กระเทียมนั้นจะ
ช่วย
ย่อยอาหาร และยับย้ังการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารด้วย และในวัฒนธรรมการรับประทาน
อาหารหลายจังหวดั นิยมทาห่อหมกเพื่อใช้ในงานพิธีมงคล หรืองานจัดเล้ียง เนื่องจากเป็นอาหารท่ีมรี สชาติเป็นท่ีช่ืน
ชอบของทุกกลมุ่ ชว่ งอายุ ไม่เผด็ มากเกนิ ไป เด็ก ๆ รบั ประทานได้ และรับประทานกับข้าวสวยอุน่ ๆ กอ็ ร่อย
1. การทาหมกกบสมนุ ไพรไทล้ือจะแตกต่างจากพ้ืนที่อนื่ คอื จะใช้กบท้งั ตัวมาปรุงรส ไม่สับเป็นชิ้น และจะไม่
นาตวั กบไปยา่ งไฟเพราะจะทาใหเ้ น้ือกบกระดา้ งแข็ง ไม่นุม่
2. ควรคลุกเครื่องปรุงให้เข้ากับเน้ือกบ เคร่ืองสมุนไพรจะซึมเข้ากับเน้ือกบทาให้ดับกล่ินคาว เน้ือกบหอม
กล่ินสมุนไพร
3. ควรใช้ขม้ินชนั หรอื ขมิน้ แกง โดยเลือกเน้ือในหัวเป็นสีเหลืองอมส้มแก่ เพราะจะมีกลน่ิ หอมแรง เพ่ิมสีสัน
ของเน้อื กบให้นา่ รับประทาน
สว่ นประกอบ
❖ กบ 500 กรมั ❖ เกลอื 10 กรมั
❖ หอมแดง 20 กรัม ❖ ตน้ หอม 50 กรัม
❖ กระเทียม 30 กรัม ❖ ผกั ชี 50 กรัม
❖ ขมน้ิ ชนั 30 กรมั ❖ รากผกั ชี 50 กรมั
❖ ขา่ 10 กรัม ❖ เมล็ดผักชี 50 กรัม
❖ ตะไคร้ 40 กรมั ❖ ผักชีฝรั่ง 50 กรมั
❖ พริกแห้ง 40 กรมั ❖ ใบมะกรูด 50 กรมั
❖ ผงชูรส 10 กรมั
ขัน้ ตอนกำรทำ
๑. ผ่าท้องกบแล้วล้างให้สะอาด
๒. หั่นตะไคร้ ใบมะกรดู ตน้ หอม หอมแดง ข่า ผกั ชแี ละผกั ชีฝรัง่
๓. โขลกตะไคร้เมล็ดผักชี รากผักชี ข่า ขม้ิน หอมแดง กระเทียม ผงชูรส เกลือและพรกิ แห้งให้ละเอียดตกั ใส่ภาชนะ
๔. นาเครื่องปรุงคลุกเคล้าให้เข้ากับตัวกบ จากน้ันนาใบมะกรูด ต้นหอม ผักชี และผักชีฝร่ังทีซอยเตรียมไว้ผสมให้
เข้ากันและโรยบนตวั กบ
๕. ห่อกบด้วยใบตอง ยึดดว้ ยไม้กลัด
๖. นาห่อกบไปปงิ้ บนเตาถ่านไฟอ่อน ๆ ย่างจนกระท่งั ใบตองเหลอื งเกรียม คอยกลับด้านใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทรี อกบสุก
หรือนาไปหมกกบั ทรายบนเตาไฟออ่ น เรยี กว่า “หมกแม่หม่อน” นาใส่จานพร้อมรบั ประทาน

ผูท้ ่ีถอื ปฏิบตั ิมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม

ชอื่ นายนรวัฒน์ พรหมเผา่

ท่ีอยู่ ตาบลสันมะเค็ด อาเภอพาน

จังหวดั เชยี งราย 57120

หมายเลขโทรศพั ท์ 086 185 2624

113

ผำ้ ทอมอื ไทลอ้ื ชุมชนบำ้ นกล้วย
ประชากรในชุมชนไทล้ือบ้านกล้วย หมู่ ๕ ตาบลสันมะเค็ด อาเภอพาน
จังหวัดเชียงราย ได้อพยพถิ่นฐานมาจากชนเผ่าไทล้ือ บ้านกล้วยแพะ
ตาบลกล้วยแพะ อาเภอเมืองลาปาง จังหวัดลาปาง เม่ือปี พ.ศ. 2467
จึงได้มีการนาเอาวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ความเช่ือต่าง ๆ
รวมไปถงึ มรดกภูมปิ ัญญาการทอผ้าของชาวไทลอื้ มาใช้ในชวี ิตประจาวนั
วัสดุ - อุปกรณ์

กีท่ อผา้ กระสวย หลอดด้าย ไมก้ า้ วใหญ่-น้อย เขาฟืม

ดา้ ยสีต่าง ๆ
ข้ันตอนกำรทอผ้ำ (ไมห้ ลาบ)
๑. การปั่นด้าย เป็นการนาเส้นด้ายจาก “อัก” ท่ีผ่านการกรอเส้นไหมอย่างเป็นระเบียบ
เพื่อไม่ให้เส้นไหมพันกัน ใช้ร่วมกับอุปกรณ์อีกอย่างที่เรียกว่า “ไน” เป็นกงล้อหมุนที่ใช้
สาหรับการกรอหรือการตตี ะกอของเส้นด้าย เข้ากบั หลอดพุง่ เพือ่ ใช้ในการทอผา้
๒. วธิ กี ารเตรียมหกู และการสบื หกู
- เตรยี มเสน้ ด้ายทีเ่ ป็นเสน้ ยนื (เครอื ) และเสน้ พ่งุ ตามสที ก่ี าหนดจากตวั แบบลายผ้าท่ตี อ้ งการ
- นาเส้นด้ายทเ่ี ป็นเสน้ ยืน (เครือ) ข้ึนขึงกับก่ี ตรวจความเรยี บรอ้ ยของฟมื และเขาใหเ้ รยี บร้อย
- นาเขาวางหลงั ก่ี คล่ดี ้ายเสน้ ยืน (เครือ) ออกแลว้ นามาสอดในเขา ในการสอดจะต้องสอดจากขวาไปซ้าย ดา้ ย 1
เส้นตอ่ เขาหูก 1 ช่อง ทาเหมือนกนั จนหมดเสน้ ด้าย หลังจากน้นั ตรวจสอบความถูกต้อง
- นาเขาหูกผูกติดกบั รอกกรอผ้าใหแ้ นน่ นาฟืมไปใสใ่ นไมก้ ๊อบเพ่อื เป็นไม้กระทบด้ายเวลาทอผ้าให้แนน่
- เริ่มข้นั ตอนการทอผ้า โดยนาหลอดด้ายใส่กระสวยพุ่งทอ 3-5 รอบ ตรวจดูความถกู ตอ้ งคร้งั สุดท้ายกอ่ นการทอผ้า
หลงั ตรวจสอบความถูกตอ้ งเสร็จก็สามารถเร่ิมขน้ั ตอนการทอผ้าให้ครบตามเครอื ผ้าท่ีเตรียมไว้
เทคนคิ กำรเก็บลำยผำ้ ทอ
- ช่างทอผา้ ออกแบบผนื ผา้ กาหนดลายผา้ ทอหลกั และลายผ้าทอรอง กาหนดความยาวของก่านผา้
- เรม่ิ เก็บลายผา้ ดว้ ยวธิ กี ารนบั ลายจากกระดาษตารางทีก่ าหนดลายตน้ แบบทเี่ ตรียมไว้ โดยเริม่ นับเก็บจากเส้นท่ี 1 จนครบ
ลายท่ีสรา้ งข้นึ
- ในการเกบ็ ลายจะใช้ไม้เกบ็ ลายเล็กเปน็ ตวั เกบ็ ลายทนี่ ับไดก้ ่อนจากนั้นสอดไมเ้ กบ็ ลายใหญ่ไว้เพ่อื กากับเส้นด้ายจนหมดแถว
- สอดไมก้ า้ วเลก็ ในช่องระหวา่ งเสน้ ด้ายยืนหนา้ ฟืม ดงึ ไม้เก็บลายใหญอ่ อก พลกิ ไมก้ ้าวเลก็ ตัง้ ขนาดกบั ผา้
- นาไมก้ ้าวใหญ่สอดหลงั ฟืม ดึงไมก้ า้ วเลก็ ออก พลกิ ไมก้ ้าวใหญ่ต้ังขนาดกับผ้า
- สอดไม้กา้ วเลก็ ในช่องระหว่างเสน้ ด้ายยืนหลังเขา และนาไม้ก้าวใหญส่ อดหลงั ไม้ก้าวเล็กอกี ทพี ลิกไม้ก้าวทั้งเล็กและใหญ่ขน้ึ
- นากระสวยด้ายทีเ่ ตรียมไว้พงุ่ ลอดเสน้ ยืน (เครือ) กระทบผ้าใหแ้ น่น
- ถอดไม้ก้าวท้ังเล็กและใหญ่ออกจากเส้นยืน (เครือ)
- เริ่มเก็บลายแถวท่ี 2 ต่อไปดว้ ยวิธีการเดิมจนครบลายที่กาหนด โดยใช้เส้นด้ายตามสีท่กี าหนดไวใ้ นแบบ จะไดล้ วดลาย
ตามแบบที่กาหนดไว้
ผทู้ ่ีถือปฏิบัติมรดกภูมิปญั ญาทางวฒั นธรรม
ชื่อ นางจนั ทรฟ์ อง พรหมเผา่
ท่ีอยู่ 219 หม1ู่ 2 ตาบลสันมะเค็ด
อาเภอพาน จังหวดั เชยี งราย 57120

หมายเลขโทรศพั ท์ 086 185 2627

114

จกั สำน

จักสานถือได้ว่าเป็นแขนงหนึ่งในงานหัตถกรรม
และหตั ถกรรมศลิ ป์ ทไ่ี ด้ทาหนา้ ท่รี บั ใช้มนุษยม์ านานนับ

พันปีเช่นเดียวกัน จนปัจจุบันจักสานก็ยงั คงทาหน้าท่ีไม่
น้อยกว่ายุคสมัยที่ผ่านมา พร้อมกับการพัฒนาวิธีการ

ผลิต รูปแบบและการตลาด จน สามารถกระจาย
แพร่หลายอย่างทั่วถงึ ท้ังในและต่างประเทศ จนสามารถ
เป็นสินค้าออกที่เชิดหน้าชูตาได้ดีประเภทหนึ่ง เช่น

กระเป๋าถือ และแฟ้มใส่เอกสาร รวมถึงงานที่ประณีต
ดว้ ยฝมี อื ทท่ี าดว้ ยไม้ไผ่ หรอื ไมช้ นิดตา่ ง ๆ

“ จักสาน” คาวา่ จัก คือ การทาใหเ้ ป็นแฉก เป็นหยักๆ ด้วยฟันเล่ือย หรืออีกวธิ ีการหน่ึง การท่ีชาวบ้าน
ใช้คมมีดผ่าไมไ้ ผ่แล้วทาให้เป็นเส้นบาง ๆ วธิ ีการอยา่ งน้กี เ็ รียกว่า จกั เช่นกัน สว่ นไม้ไผ่ หรอื หวาย ทจ่ี กั ออกมา
เป็นเส้นบาง ๆ น้ันเรยี กว่า ตอก ถึงตอนนี้การที่ชาวบ้านนาตอกมาขัดกันจนเกิดลวดลายท่ีตอ้ งการ เราเรียกว่า

สาน ต่อจากนัน้ แล้วก็จะเปน็ การสรา้ งสรรค์ใหเ้ กดิ รปู ทรงตา่ ง ๆ จนทา้ ยท่สี ดุ เปน็ ภาชนะสามารถนาไปใช้สอยได้
ตามต้องการ การจักสานต้องมีความคงทนถาวรและประโยชน์ใช้สอยเพ่ิมเตมิ คือการไปใส่น้า การใช้ภูมปิ ัญญา

ดังกล่าว มีมาแต่ครั้งสุโขทัย หรืออาจจะก่อนหน้านน้ั ปจั จุบันเคร่ืองจักสานได้พัฒนาการไปมาก มกี ารประดิษฐ์
คิดคน้ ทาใหไ้ ด้รปู แบบตา่ ง ๆ

โดยทวั่ ไปการสร้างเคร่ืองจกั สานจะขน้ึ อยู่กบั เงอ่ื นไขทางความตอ้ งการดา้ นประโยชน์ใช้สอยตามสภาพ

ภูมิศาสตร์รวมถึงประเพณี ความเช่ือ ศาสนา และวัสดุในท้องถิ่นน้ัน ๆ ประกอบกันขึ้นเป็นเคร่ืองจักสานใน
รูปแบบและลวดลายต่าง ๆ ซึ่งการจักสานของอาเภอพานน้ัน ผลิตข้ึนจากความคิดสร้างสรรค์และฝีมืออัน

ประณีตของคนอาเภอพาน และมกี ารออกแบบทท่ี ันสมยั ประกอบกับเป็นผลติ ภณั ฑ์ท่ที าข้ึนจากวัสดุธรรมชาติ
ซ่งึ มคี วามงดงามตามธรรมชาตอิ ยแู่ ลว้

วัตถดุ บิ /อปุ กรณ์
❖ กา้ นมะพร้าว
❖ ไม้ไผ่
❖ ปอทอเสื่อ ( ปอเทยี มเสน้ เล็ก )
❖ หวายเทียม
❖ ลวด
❖ คีมลอ็ ก
❖ คีมปากนกแกว้
❖ คมี ปากจ้ิงจก
❖ กรรไกรตัดกง่ิ ไม้
❖ เลอ่ื ยสาหรับตัดไม้ไผ่
❖ เหลก็ แหลม
❖ มีดตอก
❖ มีดใหญ่
❖ สายวัด
❖ เขม็ เยบ็ ผ้าเบอรใ์ หญ่
❖ ดนิ สอหรือปากกา

115

กระบวนกำร/ขน้ั ตอน
๑. เลอื กกา้ นมะพรา้ วเหลือง ๆ ไมอ่ ่อนไม่แก่เกินไป จะทาให้ได้ตะกรา้ ท่ีแขง็ แรง มสี ีสวย ถา้ เป็นกา้ นท่แี ก่
มากจะทาให้สีคล้า หรืออ่อนเกินไปจะออกสีเขียวอ่อนและไม่แข็งแรง มะพร้าวน้าหอมจะมีก้านท่ีสั้นกว่า
มะพร้าวใหญ่หรอื มะพรา้ วที่ใชท้ าขนมและแกงกะทิ ทง้ั น้ีขึ้นอยู่กับช้ินงานวา่ ต้องการตะกร้าใบใหญ่หรือใบเล็ก
๒. นาก้านมะพร้าวมาเหลาใบออก ใช้มดี ขดู ใหเ้ กล้ียง จากน้ัน นาไปตากแดดให้แห้งเพราะจะทาใหส้ าน
ตะกร้าได้แนน่ ไมห่ ลวม และชว่ ยปอ้ งกนั ไมใ่ หข้ ้นึ ราไดง้ ่าย
๓. เหลาไม้ไผ่ให้เป็นเส้นแบน ๆ ความหนาแล้วแต่ความต้องการ เพื่อใชข้ ดเป็นวงสาหรับทาโครงตะกร้า
ต้องการให้เป็นรูปทรงใดอยู่ที่ขั้นตอนนี้ ตะกร้า ๑ ใบใช้โครงไม้ไผ่ ๕ อัน ประกอบเป็นส่วน ก้นตะกร้า ๒ อัน
ตวั ตะกร้า ๑ อนั (ส่วนกลาง ) และปากตะกรา้ ๒ อัน
๔. นาก้านมะพร้าวที่เหลาและตากแดดเรียบร้อยแล้วมาสานไขว้กันไปมา ให้มีความถ่ีห่างแล้วแต่ความ
ต้องการ โดยเร่ิมสานกับโครงไม้ไผ่ส่วนท่ีเป็นตัวตะกร้า ใช้ปอทอเสื่อท่ีร้อยเข็มแล้วมัดให้ก้านมะพร้าวกับ
โครง ไมไ้ ผต่ ิดกัน ขนั้ ตอนนี้ต้องพยายามจดั กา้ นมะพร้าวใหเ้ รยี งเสมอกนั และมดั ดว้ ยปอทอเสื่อใหแ้ นน่ หนา
๕. เม่ือสานส่วนตัวตะกร้าจนรอบแล้วจึงสานก้นตะกร้าโดยใช้โครงไม้ไผ่ประกัน ๒ วง และมัดด้วยลวด
และหวายเทยี ม
๖. จากนั้นนาโครงไม้ไผ่อีก ๒ อัน ประกบตรงส่วนปากตะกร้า ใช้ลวดและหวายเทียมมัดเช่นกัน
ขนั้ ตอนนี้จะตกแต่งปากตะกร้าด้วยการสานหวายเทยี ม
๗. รวบก้านมะพรา้ วส่วนที่เหลือท้ังสองข้างไวด้ ้วยกัน แล้วนาก้านมะพร้าวทงั้ สองข้างมดั เชอ่ื มต่อกันด้วย
หวายเทยี มเพื่อเป็นหูตะกร้า ตดั ก้านมะพร้าวท่ยี าวเกนิ ไปออกและตกแต่งใหเ้ รยี บร้อย

ผ้ทู ถี่ อื ปฏิบตั ิมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม
ชื่อ นางจนั ทรฟ์ อง พรหมเผ่า
ทีอ่ ยู่ 219 หม1ู่ 2 ตาบลสนั มะเคด็

อาเภอพาน จังหวดั เชียงราย 57120
หมายเลขโทรศัพท์ 086 185 2627

คำ ข วั ญ อำ เ ภ อ ป่ า แ ด ด

ป่าแดดข้าวหอม ธาตุจอมสูงสง่า
ถ้ำผาแหล่งธรรม งามล้ำผ้าไหม

สภาวัฒนธรรมอำเภอป่าแดด

117

อำเภอปา่ แดด

ประวตั ิอำเภอปา่ แดด
อำเภอป่าแดดเดิมเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอพาน ชื่อว่า ตำบลป่าแดด เป็นท้องที่ทุรกันดาร

และตั้งอยู่ห่าไกลจากตัวอำเภอพาน การเดินทางไปมาเพื่อติดต่อราชการกับที่ว่าการอำเภอพานแต่ละคร้ัง
ต้องเดินเท้า เนื่องจากไม่มียานพาหนะใดๆ และด้วยระยะทางไกลทำให้ต้องมีการพักค้างแรมระหว่าง
การเดินทาง ส่วนสัมภาระต่างๆ ก็ต้องใช้คนแบกหาม และด้วยราษฎรส่วนใหญ่ไม่ได้รับความสะดวก
ในการเดินทาง นายสง่า ไชยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในสมัยนั้นได้รายงานต่อกระทรวงมหาดไทย
ขอตั้งเป็นกิ่งอำเภอ กระทรวงมหาดไทยจึงมีประกาศเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 ให้ยกฐานะ
ตำบลป่าแดดขึ้นเปน็ กิง่ อำเภอปา่ แดด และให้ขึ้นอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอพาน จงั หวัดเชยี งราย ต้ังแต่วันที่
1 มิถุนายน พ.ศ. 2512

ต่อมากิง่ อำเภอปา่ แดดเป็นชมุ ชนที่หนาแน่นข้ึนและมีสภาพเจริญขึ้นกว่าเดิมมาก ม.ร.ว.คกึ ฤทธ์ิ
ปราโมช นายกรัฐมนตรีในสมัยนน้ั จงึ อาศยั อำนาจตามความในมาตรา 192 ของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย
และมาตรา 56 วรรค 2 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2515
ตราพระราชกฤษฎกี าต้ังก่งิ อำเภอป่าแดด อำเภอพาน จงั หวัดเชียงราย เปน็ อำเภอปา่ แดด ข้นึ กับจังหวัดเชียงราย
เมื่อวนั ท่ี 8 สงิ หาคม พ.ศ. 2518 ในราชกิจจานเุ บกษา เล่มท่ี 92 ตอนที่ 166 ลงวนั ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2518

แผนท่อี ำเภอป่าแดดโดยสังเขป
คำขวญั อำเภอป่าแดด

“ หลวงพอ่ หนมุ่ คเู่ มือง ลือเลื่องถ่ินข้าวหอม พระธาตสุ ามจอมสงู สงา่
ถ้ำผาจรยุ แหลง่ ธรรม งามล้ำผา้ ไหมไทย ”

118

ลักษณะทางกายภาพ

๑. สภาพทวั่ ไป

ตำแหน่งท่ีต้ัง

ตง้ั อย่หู ่างจากตวั จงั หวัดเชยี งราย ประมาณ 52 กโิ ลเมตร

อาณาเขตตดิ ต่อ

▪ ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกับอำเภอพาน อำเภอเมอื งเชียงราย และอำเภอเทิง
▪ ทิศตะวันออก ติดต่อกบั อำเภอเทงิ และอำเภอจนุ (จงั หวดั พะเยา)
▪ ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอจุน อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว และอำเภอแม่ใจ

(จงั หวดั พะเยา)
▪ ทิศตะวันตก ติดตอ่ กับอำเภอพาน
๒. สภาพภมู ิประเทศ

อำเภอป่าแดดมีภูเขาและป่าไม้ล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ทางด้านทิศตะวันออกส่วนใหญ่เป็นภูเขา

และป่าไม้ ทางราชการไดก้ ำหนดเป็นป่าสงวนแหง่ ชาติขึ้นเรียกวา่ "ปา่ แมพ่ ุง" ทางทิศตะวนั ตกเป็นป่าสงวนแห่งชาติ

อีกป่าหนึ่ง เรียกว่า "ป่าแม่ปืม" สภาพพื้นที่ทั่วไปของอำเภอป่าแดด เป็นที่ราบลุ่ม มี แม่น้ำพุงไหลผ่านจาก
ทิศตะวันตกจากตำบลป่าแงะ ผ่านบ้านแม่พุง ตำบลป่าแดด ผ่านบ้านวังผา ตำบลสันมะค่า อำเภอป่าแดด
และมีภเู ขาสำคญั ช่ือ "ดอยงาม" ซ่งึ เป็นเขตก้นั ระหวา่ งอำเภอพานกบั อำเภอป่าแดด

๓. ลกั ษณะภูมอิ ากาศ

อำเภอป่าแดดมีลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบร้อนชื้นสลับร้อนแห้งแล้ง อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี

ประมาณ 24 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลย่ี /ปี 80 มลิ ลเิ มตร ฝนสว่ นใหญ่จะมใี นชว่ งทีม่ ีลมมรสุมตะวันตก
เฉียงใต้พัดผ่านประเทศไทย และด้านที่เป็นต้นลมจะได้รับปริมาณฝนมากกว่าด้านปลายลม ซึ่งฝนที่ตกอยู่นั้น
เป็นลักษณะของฝนภูเขา พื้นที่หน้าเขาจะได้รับฝนมากกว่าด้านหลังเขา เนื่องจากได้รับฝนจากพายุดีเปรสชัน
ทพ่ี ดั มาจากทะเลจนี ใต้ อำเภอป่าแดดมี 3 ฤดู คือ ฤดูฝน ฤดหู นาว และฤดรู อ้ น

▪ ฤดูฝน : ซึง่ เป็นฤดทู ี่เรมิ่ ลงมอื เพาะปลกู พืชเมืองรอ้ น จะเร่ิมประมาณกลางเดือนพฤษภาคม
และไปสิ้นสุดฤดใู นเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม ฝนที่ตกเป็นฝนจากมรสุมตะวันตก
เฉยี งใต้ที่พดั มาจากอ่าวเบงกอล กับฝนจากพายดุ เี ปรสชนั ทพ่ี ดั จากทะเลจีนใต้

▪ ฤดูหนาว : เป็นฤดูของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคม
และสิ้นสุดประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ฤดูหนาวในภาคเหนือมีลักษณะเห็นเด่นชัดกว่า
ภาคกลาง และภาคใต้ เพราะอยู่ใกล้แนวเคลื่อนที่ของอากาศหนาวเย็นที่เคลื่อนที่จาก
เขตความกดอากาศสงู ในไซบเี รยี และผ่านประเทศจนี

▪ ฤดรู อ้ น : เร่ิมตน้ ประมาณกลางเดือนกุมภาพนั ธแ์ ละไปส้นิ สุดประมาณกลางเดอื นพฤษภาคม
ในเดือนกุมภาพนั ธ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเร่ิมอ่อนกำลังลง ทำให้ลมตะวันออกเฉียงใต้
จากทะเลจนี มกี ำลังแรงข้ึน เปน็ ผลใหเ้ กดิ พายฤุ ดูร้อนขน้ึ ในภาคเหนือเป็นคร้ังคราว ในเดือน
มีนาคมและเมษายนอณุ หภูมใิ นภาคเหนอื ขึน้ สงู มาก

119

ขอ้ มลู แหง่ เรียนรู้

ศนู ยก์ ารเรียนรู้ชมุ ชนตำบลปา่ แดด

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยการริเริ่มของ นายแพทย์ธารา อ่อนชมจันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล
ป่าแดดขึ้น ในขณะนั้นได้ก่อตั้งชมรมหมอเมืองอำเภอป่าแดด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดกิจกรรมส่งเสริม
การดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้านหลายๆ ด้านโดยใช้ภูมิปัญญาของชุมชน เช่น การใช้สมุนไพรพธิ ีกรรมเช็ดแหกขาง
และการนวด หลังจากนั้นก็ได้ขยายเครือข่ายหมอพื้นบ้าน โดยได้ตั้งชมรมหมอพื้นบ้านเชียงราย – พะเยา
ถึงแม้ว่าหมอธารา อ่อนชมจันทร์ ย้ายไปรับราชการที่อื่นการดำเนินกิจกรรมร่วมกันของกลุ่มหมอพื้นบ้าน
อำเภอปา่ แดด กย็ ังมกี ารรวมตวั กนั มาจนถึงในปจั จบุ นั

ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้จัดตั้ง ศูนย์ถ่ายทอดภูมิปัญญาด้านการแพทย์พื้นบ้านอำเภอป่าแดด
ณ วัดศรีชุมประชาหมู่ที่ 4 ตำบลป่าแดด โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการ “หนึ่งตำบลหนึ่งบริการนวด
พื้นบ้าน” (OTOP) และกลุ่มงานการแพทย์พื้นบ้านกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
กระทรวงสาธารณสุขโดยได้ดำเนินกิจกรรมตา่ ง ๆ ดงั น้ี

▪ จดั ทำมาตรฐานการนวดพืน้ บ้าน
▪ การให้บริการนวดพื้นบ้านภายในศูนย์ฯ และเป็นศูนย์กลางในการรับผู้ป่วยจากหน่วยงาน

สาธารณสขุ
▪ เปน็ ที่พบปะแลกเปล่ียนเรยี นรู้ของหมอพนื้ บา้ น

▪ เปน็ ศูนยก์ ารเรียนรู้ภมู ิปัญญาพ้ืนบ้านดา้ นตา่ ง ๆ

ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติกระทรวงวัฒนธรรม
ได้เห็นความสำคัญของการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนในทุกๆ ด้าน จึงได้จัดสรร
งบประมาณให้สภาวัฒนธรรมอำเภอป่าแดด จดั ต้ังศูนยก์ ารเรยี นรูช้ ุมชนตำบลป่าแดดอำเภอละ ๑ แหง่ ขึ้น

ปัจจุบัน คณะกรรมการของศูนย์ถ่ายทอดภูมิปัญญาด้านการแพทย์พื้นบ้านอำเภอป่าแดด
และคณะกรรมการศูนย์การเรียนรูช้ ุมชนตำบลป่าแดด ได้ประชุมและมีความเห็นตรงกนั ว่า วัตถุประสงค์ของการ
จัดตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวตรงกัน และต้องการให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน มีรูปแบบแนวคิดการจัดกิจกรรม
ที่เหมือนกันจึงได้ตกลงรวมศูนย์โดยให้เป็นชื่อ “ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตำบลป่าแดด” และได้ดำเนินการแต่งตั้ง
คณะกรรมการจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และตอบสนองความต้องการ
ของชุมชนเกดิ ความยง่ั ยืนเป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนต่อไป

บา้ นโปง่ ศรีนคร

เป็นแหล่งเรียนรู้ ที่มีคณะศึกษาดูงานอย่าง
ต่อเนื่องกว่า 200 คณะ เป็นชุมชนน่าอยู่ต้นแบบ
ของสำนักงานกองทนุ สนับสนนุ การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ
(สสส.) และยังได้รับเลอื กให้เป็นศูนยเ์ รยี นรู้ เพื่อการ
พัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ต้นแบบในระดับประเทศ
ของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.)
มกี ารลดปญั หาการด่ืมสุรา มีสหกรณข์ ยะท่ีช่วยทำให้
หมู่บ้านมคี วามสะอาด และมีทศั นียภาพท่สี วยงาม

120

วดั พระธาตนุ ำ้ ดอกบัวตอง 12 ราศี

พระธาตุน้ำดอกบัวตอง 12 ราศี เป็นวัดที่มีเจดีย์ธาตุโบราณ และมีโบราณวัตถุเก่าหลายชิ้น
ปัจจุบันได้ดำเนินการสร้างเจดีย์ธาตุใหม่ครอบเจดีย์ธาตุอันเก่าทุกปี ในวันเพ็ญเดือน 8 เหนือ จะมีพิธีนมัสการ
และสรงน้ำพระธาตขุ องชาวล้านนาต้องเตรียมเครอ่ื งสักการะ ดอกไม้ธปู เทียน ฝักสม้ ปอ่ ย หม้อไห ข้าวสุกข้าวสาร
อาหารแห้ง จากนั้น จะพากันเข้าพักในศาลาบาตร ที่รายล้อมองค์เจดีย์หรือรายล้อมตามแนวกำแพงวัดด้านใน
แล้วจึงไปปัดกวาดลานพระธาตุ ลานต้นโพธิ์ เรียกว่าอุปัฏฐากพระธาตุ ถึงเวลากลางคืนมีการจุดธูปเทียน
ถวายขา้ วตอกดอกไม้ ทำวัตรสวดมนต์ สวดกล่าวคำไหวพ้ ระธาตเุ ป็นภาษาบาลี

แหลง่ ทอ่ งเทีย่ ว

พระธาตจุ อมคีรี

พระธาตุจอมคีรี ตั้งอยู่บนยอดเขาเตี้ยๆ
ไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ มีแต่พระธาตุหรือเจดีย์องค์
เดียวเท่านั้น องค์พระธาตุตั้งอยู่ในเขตตำบลป่าแดด
โดยมีทางแยกจากถนนสายใหญ่ เข้าไปประมาณ
3 กิโลเศษ และมีทางรถยนต์วิ่งเลียบไปข้างๆ
โรงเรยี นป่าแดดวทิ ยาคม

ถ้ำผาจรุย

ถ้ำผาจรุยนั้นเป็นถ้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์สวยงาม
ทั้งยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานในบริเวณถ้ำ บริเวณวัดมี
พื้นที่ประมาณ 60 ไร่ มีลักษณะเป็นภูเขาตั้งโดดเด่น
แยกตัวออกมาจากภูเขาลูกอื่น ซึ่งภายในประกอบด้วย
ภูเขาเล็กๆ สลับซับซ้อนอย่างลงตัวและสวยงาม
นอกจากนั้นยังมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยกระจัดกระจาย
อยู่โดยทัว่ ไป

อา่ งเกบ็ นำ้ ห้วยแดด

อ่างเก็บน้ำห้วยแดด เป็นโครงการชลประทาน
ขนาดเล็กเร่งด่วนที่ทางรัฐบาลสร้างให้กับชาวบ้าน
โรงช้าง เมื่อปีปี พ.ศ. 2537 เพื่อใช้ประโยชน์
และบำรุงรักษา ร่วมกันโดยการชลประทานขนาด
เล็กท่ี 2 กรมชลประทานเป็นฝ่ายทำการก่อสร้าง
อ่างเก็บน้ำห้วยแดด ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำห้วยแดด
ได้จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในตอนเทศกาลสงกรานต์
อีกแหง่ หนง่ึ ในอำเภอป่าแดด

121

อักษรธัมม์ล้านนา หรือ ตัวเมือง

หรือ อักษรยวน ในอดีตเรียกว่า ไทยเฉียงลาวเฉียงตาม
ชื่อมณฑลลาวเฉียง เป็นอักษรที่ใช้ใน ๓ ภาษา
ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นเหนือ, ภาษาไทลื้อ ในประเทศ
จีน และภาษาไทเขิน ในประเทศพม่า นอกจากนี้
อักษรล้านนายังใช้กับลาวธรรม (หรือลาวเก่า)
และภาษาถิ่นอื่น ในคัมภีร์ใบลานพุทธ และสมุดบันทึก
อกั ษรน้ยี ังเรยี ก อักษรธรรมหรืออักษรยวน

ภ า ษ า ไ ท ย ถ ิ ่ น เ ห น ื อ เ ป ็ น ภ า ษ า ใ ก ล ้ ช ิ ด กั บ
ภาษาไทยและเป็นสมาชิกของตระกูลภาษาเชียงแสน
มีผู้พูดเกือบ 6,000,000 คนในภาคเหนือของประเทศ
ไทย และหลายพันคนในประเทศลาว ซึ่งมีจำนวนน้อย
ทีร่ ู้อกั ษรลา้ นนา อักษรนย้ี ังใช้อยใู่ นพระสงฆอ์ ายมุ าก

อักษรธัมม์ล้านนามีอายุยาวนานจนปรากฏ

หลักฐานบน จารึกต่างๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นจารึกทาง
พระพุทธศาสนา อักษรธัมม์ล้านนาจึงมีบทบาทสำคัญ
ต่อพระพุทธศาสนามาตั้งแต่อดตี ในฐานะอกั ษรท่ีใช้บันทกึ

เรื่องราวทางพระพุทธศาสนาจนถึงปัจจุบัน อีกท้ัง
อยู่ในฐานะสื่อกลางที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
และความรทู้ างพระพุทธศาสนา

สำหรับชื่อเรียก “อักษรธัมม์ล้านนา” นั้น ได้ปรากฏชื่อเรียกต่างกันไป จำนวน ๕ ชื่อ ได้แก่

อักษรธรรมล้านนา อักษรธรรมเหนือ ตัวหนังสือเมืองหรือตัวเมือง อักษรล้านนาไทย และอักษรไทยยวน
โดยมีข้อสันนิษฐานวา่ แต่ละชือ่ ต้ังข้นึ ด้วยเหตุผลดงั ต่อไปนี้

ผู้ท่ีถือปฏิบตั ิมรดกภูมิปัญญา ๑. อักษรธรรมล้านนา เรียกชื่อนี้เพราะเป็นตัวอักษรทีใ่ ช้เขียนพระ
ช่ือ นายมนสั กัณทะวัช ธรรมทางพระพุทธศาสนาและใชใ้ นอาณาจักรล้านนา
ทอี ยู่ หมู่ท่ี ๘ ตำบลปา่ แดด
๒. อกั ษรเหนอื เรยี กชอื่ นเี้ พราะเปน็ ตวั อกั ษรทใี่ ช้เขยี นพระธรรมทาง
อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย พระพทุ ธศาสนา และใชใ้ นภาคเหนือของประเทศไทย
หมายเลขโทรศัพท์ 0899526195
๓. ตัวหนังสือเมืองหรือตัวเมือง (คำเรียกตามสำเนียงล้านนาว่า
ตั๋วเมือง) เป็นคำเรียกตัวเองของคนภาคเหนือ ที่เรียกว่า
“คนเมือง” จึงเรียกตัวหนังสือที่เป็นของตนว่า “ตัวหนังสือเมือง
หรือ ตวั เมือง” เพือ่ ให้แตกต่างจากตวั หนังสือไทย ภาคกลาง

๔. อกั ษรล้านนาไทย เรียกชอ่ื นเี้ พราะเป็นตวั อักษรท่ีใช้ในอาณาจักร
ล้านนาไทย

๕. อกั ษรไทยยวน เรียกชอ่ื นี้เพราะเปน็ ตัวอกั ษรท่ี “ไทยยวน” ซ่งึ เปน็
ชาติพนั ธท์ุ างภาคเหนือใชใ้ นการส่อื สาร

122

การฟ้อนสามปอยหลวง ถือกำเนิดมาจากงานประเพณี

พิธีปอยหลวงในภาคเหนือ เป็นงานทำบุญ เพื่อเฉลิมฉลองศาสนสมบัติต่างๆ
เพื่อให้เกิดอานุสงส์แก่ตนและครอบครัว ถือว่าได้บุญกุศลแรงมาก นอกจากนี้
ยังเป็นเครื่องแสดงถึงความสามัคคีกลมเกลียวของคณะสงฆ์และชาวบ้านด้วย
เพราะเป็นงานใหญ่ การทำบุญปอยหลวงที่นิยมทำกันคือทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศล
ให้พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือญาตพิ ่ีน้องที่ลว่ งลับไปแล้วกไ็ ด้ การฟ้อนสามปอยหลวง
มีความเช่ือวา่ หากใครไดฟ้ อ้ นนำครัวทานเข้าวัดในงานปอยหลวงแลว้ จะได้อานิสงสม์ าก
เกิดไปในภายหน้าจะมรี ูปร่างหนา้ ตางดงามยิ่งข้นึ

คำว่า “สามปอยหลวง” มีที่มาจากดอกไม้ชนิดหนงึ่
ช่อื ว่า “ดอกเอือ้ งสามปอยหลวง” เปน็ กล้วยไมแ้ วนด้าใบแบน
มีถิ่นกำเนิดทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ดอกมีสีเหลืองอมสีน้ำตาลมีกลิ่นหอมเย็นชวนดมมาก
และเป็นพันธุ์ที่หายาก ในการฟ้อนสามปอยหลวงจะนิยม
ทดั ดอกเอือ้ งสามปอยหลวงเพือ่ ประดบั ไว้บนหัว อกี ดว้ ย

เพลงประกอบที่มักจะใช้ในการแสดง นั้น คือเพลง "สามปอยหลวง" ของสุนทรี เวชานนท์
ซึ่งเปน็ เพลงทีไ่ พเราะทีม่ ีเนือ้ หา ชื่นชม และเชิดชูความรักของสาวเหนือวา่ ส่วนมากแล้วจะเป็นความรกั ท่มี ีจิตใจ
ที่ม่นั คง และบรสิ ทุ ธิ์ รักใครรักจรงิ ดุจดั่งดอกเอือ้ งสามปอยหลวง

เน้อื เพลง "สามปอยหลวง"

“ สวยงามหาใดปานเปรียบ......เทยี บเอือ้ งนอ้ ยสามปอยหลวง

ดอกลดหลนั่ เปน็ ชัน้ เป็นพวง..........เออื้ งหลวงเจ้างามตาแต๊

เหลอื งดงั สที องทาบทา..............เอือ้ งเมอื งฟา้ ชวนใฝต่ าแล

ฮักหลงกล่นิ และสเี จ้าแตเ้ จา้ เอ้อื งนอ้ ยสามปอยหลวง

*เป็นศรเี ออ้ื งไพรชาวเจยี งใหม่

ซาบซง้ึ ซ่านทรวง................................เออ้ื งสามปอยหลวง

เป็นขวัญคู่ งามเหลือ............................ชดิ ชมไม่มวี นั หนา่ ย

เฮอ้ื งสดใส เหมือนใจสาวเหนอื .............บรสิ ทุ ธไิ์ มป่ นไมเ่ จอื

เมอ่ื ฮกั ไผหวั ใจม่ันเอย (ซ้ำ *) ”

ผทู้ ่ถี ือปฏิบตั ิมรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม

ช่อื นางกลั ยา อารหี นู

ท่ีอยู่ ตำบลป่าแงะ อำเภอป่าแดด จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 0932836953

123

การข้นึ ตา๊ วต้ังสี่

ต๊าวตง้ั สี่ หรือ ท้าวท้ังสี่ หมายถึง ท้าวจตุโลกบาล ทัง้ สพ่ี ระองค์ ซ่ึงเป็นมหาเทพที่ย่ิงใหญ่ และทรง

เป็นหัวหน้าของเหล่าเทพในสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิก ซึ่งตั้งอยู่เหนือทิวเขายุคลธร อันมีเขาพระสุเมรุเปน็
ศนู ย์กลาง ทา้ วทงั้ สม่ี หี น้าทค่ี อยปกปอ้ งภัยอันตรายและอำนวยความสุขความเจรญิ แกม่ วลมนุษย์ โดยในวันขึ้นหรือ

แรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ จะเสดจ็ ลงมาตรวจตราดูแลความสงบสุขของมนุษย์อยู่เสมอ รายละเอยี ดเก่ยี วกับท้าวทั้งสี่
ในเร่ืองของปราสาท ทศิ ทาง บริวารและพระโอรส พอสรปุ ได้ ดงั น้ี

❖ ทา้ วธตรฐะ ประทบั อยู่ปราสาเงิน ทิศตะวันออกของเขาพระสุเมรุ
❖ ทา้ ววริ ุฬหกะ ประทับอยปู่ ราสาทแก้วมณี ทิศใตข้ องเขาพระสเุ มรุ
❖ ทา้ ววริ ปู กั ขะ ประทับอยู่ปราสาทแกว้ ทิศตะวันตกของเขาพระสุเมรุ
❖ ท้าวเวสสุวรรณ ประทบั อยู่ปราสาททอง ทิศเหนอื ของเขาพระสุเมรุ

ตามความเชอื่ ของคนลา้ นนา แต่ละพืน้ ท่ีจะมีเทพ 4 องค์คอยดแู ลรกั ษาพ้นื ที่นั้นไว้ ก่อนทจ่ี ะลงมอื
ทำอะไร จะมีการบูชาด้วยเคร่ืองสักการะ เพื่อให้เทพารักษ์ช่วยปกปักรักษาให้รอดปลอดภัยจากเภทภัยอันตราย
ทั้งปวง ทั้งนี้ นอกจากสี่ทิศแล้วยังมีส่วนของฟ้ายังมีพระอินทร์ผู้ ซึ่งเป็นประมุขของเทพทั้งปวงเป็นผู้รักษา
ส่วนของผนื ดินมีพระแม่ธรณเี ป็นผรู้ ักษา ดังน้ันเม่อื จะทำการบชู าจึงต้องทำเครอ่ื งสกั การะเปน็ 6 ส่วน โดย 4 สว่ น
ใช้บูชาทศิ ทง้ั 4 อกี 2 ส่วนใช้บชู าพระอินทรแ์ ละพระแม่ธรณี

การบชู าท้าวท้งั ส่ีจะต้องมีการจัดเตรยี มสิ่งของตา่ ง ๆ ประกอบดว้ ย

1.เสาไม้ที่ตีไม้ไขว้เป็นกากบาทหันไปยัง 4 ทิศ มีความสูงประมาณ
2 ฟุต ด้านบนและปลายไม้ติดด้วยแผ่นไม้ขนาดเท่าหรือใหญ่กว่าสะตวง
หรอื เรียกอีกอยา่ งวา่ หอประสาทเสาเดียว

2. สะตวงทำด้วยกาบกล้วย นำมาหักพับเสียบด้วยไม้ไผ่ ให้เป็นรูป
สเี่ หล่ยี ม รองด้วยกระดาษ เพือ่ ใชส้ ำหรบั บรรจเุ ครอ่ื งสกั การะ

3. เครอ่ื งสักการะในสะตวง มี หมาก เมยี่ ง บหุ รี่ ของกนิ อยา่ งละ 4 พร้อมด้วยกรวยดอกไม้ ที่สำคัญมีตุง
ที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ในการบูชา ทำด้วยกระดาษตัดเป็นรูปคล้ายธงปักไว้ท่ีสะตวงทั้งสีแ่ จ่ง จากนั้นผู้ประกอบพธิ ีจะ
เร่มิ ทำพธิ ี

ผ้ทู ่ีถือปฏบิ ัติมรดกภมู ิปญั ญาทางวฒั นธรรม

ช่ือ นายปญั ญา ดอนมีไพร

ท่ีอยู่ ตำบลปา่ แงะ อำเภอป่าแดด จังหวัดเชยี งราย

โทรศัพท์ 0932386953

124

ไข่ป่าม คือ หรือ ไข่ป๋าม (ป่าม เป็น ภาษาพื้นเมือง

แปลว่า ปิ้ง) เป็นอาหารพ้ืนเมืองทางภาคเหนือ ที่ปรุงไข่ให้สกุ ดว้ ยวิธี
ป่าม โดยเทไข่ลงบนใบตอง และเทน้ำลงใต้ใบตอง ตั้งไฟให้ไข่สุก
มีลักษณะคลา้ ยไข่เจยี วและมกี ลน่ิ หอมออ่ น ๆ ของใบตอง บางครงั้ เรียก
ไข่ทอดตอง

ในอดีตยงั ไมม่ ีอุปกรณ์ครัวที่สามารถประกอบอาหารได้สะดวกเหมือนทกุ วันน้ี จึงนำใบตองมาใช้
เปน็ ภาชนะ ในการใสอ่ าหาร เพือ่ ทำให้สุก ไข่ป่าม คือการนำใบตองมาเย็บ หรอื กลัดดว้ ยไม้กลัดจากนั้นนำไข่ตอก
ใสก่ ระทงใบตอง (หรอื บางส่วนจะนำไขม่ าปรงุ รส ใสผ่ กั เหด็ มะเขือเทศ ทุกอย่างทต่ี ้องการกอ่ นท่จี ะเทลงใบตอง)
ก่อไฟย่างจนไขส่ กุ จนกลายเปน็ วฒั นธรรมการกินของคนเหนือทเ่ี รยี กอาหารจานน้วี า่ “ไขป่ า่ ม”

การทำไข่ป่ามในอดีตจะใช้การก่อเตาถ่านเพื่อใช้ในการย่าง ไข่ป่ามโดยใช้ใบตองเป็นตัวกลาง
ที่ช่วยถนอมไข่ไม่ให้เกิดการไหม้ อีกทั้งยังช่วยเรื่องกลิ่นหอมหลังจากใบตองโดนความร้อน ปัจจุบันการทำ
ไข่ป่ามทางภาคเหนือได้มีการประยุกต์เป็น การนำไข่ไก่มาปรุงเครื่องเหมือนไข่เจียว และใส่ เครื่องต่างๆ
ตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นต้นหอม มะเขือเทศ หอมใหญ่ ปูอัด หมูสับ แหนม เห็ด พริกขี้หนูหั่นซอย
และนำมาเทลงใบตองย่างใหส้ กุ คลา้ ยๆ ไขน่ งึ่

ส่วนผสมไข่ปา่ ม

▪ ไข่ไก่ 5 ฟอง
▪ ต้นหอมซอย 2 ชอ้ นโตะ๊
▪ พรกิ ซอย 2 เม็ด
▪ เกลอื ป่น ½ ช้อนชา

วธิ กี ารทำไขป่ า่ ม

1. ตีไข่ไก่ใส่ชาม
2. ใสเ่ กลอื พรกิ หยวก ตน้ หอม
3. ตไี ขไ่ ก่และส่วนผสมใหเ้ ขา้ กนั
4. เตรยี มกระทงกว้างประมาณ 5 นิ้ว นำมาซอ้ นกนั สลบั

หัวทา้ ย จบี เป็นกระทงใช้ไม้กลดั ทำทง้ั สองดา้ น
5. ใส่ส่วนผสมลงในกระทง
6. นำไปยา่ งไฟอ่อน ๆ จนไขส่ ุกและเหลอื งทว่ั

ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั มิ รดกภมู ปื ัญญาทางวฒั นธรรม

ช่อื นางสภุ าพ อมอุ่น
ที่อยู่ เลขท่ี ๔๗ หมูท่ ่ี ๑๐ ตำบลปา่ แดด อำเภอป่าแดด

จงั หวัดเชยี งราย

โทรศพั ท์ 08995542326

คำ ข วั ญ อำ เ ภ อ แ ม่ ส ร ว ย

ดอยช้างสูงเด่น
ร่มเย็นพระธาตุจอมแจ้ง
แหล่งชาวาวี ประเพณีสูงค่า

งามสง่าศาลสมเด็จฯ

สภาวัฒนธรรมอำเภอแม่สรวย

126

อำเภอแม่สรวย

ประวตั อิ ำเภอแมส่ รวย

อำเภอแมส่ รวย จดั ต้ังขึ้นเป็นอำเภอมาตั้งแต่ ร.ศ.๑๑๙ (พ.ศ.๒๔๔๔) มฐี านะเป็นอำเภอหน่ึงของ
จังหวดั พายัพ ภาคเหนือ และอยู่ในบริเวณเมืองเชียงใหม่ ตำนานกล่าวว่า ชื่อของอำเภอมาจากชือ่ ของแมน่ ำ้
ที่ไหลผ่านหมู่บ้านและตำบลที่ตั้งของอำเภอเดิมทีเ่ รียกวา่ “แม่ซ่วย” ซึ่ง “ซ่วย” เป็นภาษาพื้นเมือง หมายถึง
“ลา้ ง” ต่อมาเรยี กชอื่ เป็น “แม่สรวย” เดมิ ทีว่ ่าการอำเภอแม่สรวย อยทู่ างด้านทิศตะวันออกของดอยจอมแจ้ง
ซึ่งเป็นที่ตัง้ ของวัดพระธาตุจอมแจ้งในเขตตำบลแม่สรวย ซึ่งมีแม่น้ำแม่สรวยไหลผ่านหน้าที่ว่าการอำเภอ
และได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปอยู่บริเวณหน้าวัดแม่พริก ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๗ ได้มีหลวงดำรงฯ นายแขวง
ในขณะนนั้ เห็นวา่ ทตี่ ั้งของทว่ี า่ การอำเภออยใู่ นทำเลทไี่ มเ่ หมาะสม และไม่สะดวก แก่ราษฎรในการตดิ ตอ่ ราชการ
ประกอบกบั ในฤดแู ลง้ นำ้ ในลำหว้ ยแมพ่ รกิ แหง้ ขอดไม่พอใช้สอยในการเกษตร และการบรโิ ภคจงึ ไดย้ า้ ยทว่ี า่ การ
อำเภอจากตำบลแม่พริก มาอย่ทู ่ีบ้านแม่สรวย ตำบลแม่สรวย ซ่ึงเปน็ สถานท่ีตั้งที่วา่ การอำเภอแมส่ รวยในปัจจบุ นั

เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๔ โดยมีประกาศเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้รวมเมอื ง
เชียงแสน เมอื งฝาง อำเภอเวยี งปา่ เป้า เมอื งพะเยา อำเภอแม่ใจ อำเภอดอกคำใต้ อำเภอแมส่ รวย เมอื งเชียงคำ
เมอื งเทิง เมืองเชยี งของ ต้งั เป็นเมืองจตั วา เรียกวา่ “เมอื งเชยี งราย” อยู่ในมณฑลพายพั และจัดแบง่ การปกครอง
ออกเปน็ ๑๖ อำเภอ ๒ ก่ิงอำเภอ อำเภอแม่สรวย จึงมีฐานะเปน็ อำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ต้ังแต่บัดนั้น
เปน็ ต้นมา

คำขวัญอำเภอแม่สรวย แผนทอ่ี ำเภอแมส่ รวยโดยสงั เขป

“ ดอยช้างสูงเด่น ร่มเย็นพระธาตจุ อมแจง้
แหลง่ ชาวาวี ประเพณสี ูงคา่ งามสง่าศาลสมเด็จ ”

127

ลักษณะทางกายภาพ
๑. สภาพท่วั ไป

ตำแหนง่ ท่ตี งั้

อำเภอแม่สรวยตั้งอยู่ถนนเชียงราย – เชียงใหม่ ในบริเวณตำบลแม่สรวย ซึ่งอยู่ห่างจังหวดั
เชยี งราย ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใตป้ ระมาณ ๕๐ กโิ ลเมตร พ้นื ทสี่ ว่ นใหญเ่ ป็นภเู ขาและปา่ ไม้ มีที่ราบระหว่างภูเขา
อยูส่ งู กวา่ ระดับนำ้ ทะเลเฉล่ียประมาณ ๔๓๗ เมตร

อาณาเขตติดต่อ

▪ ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอแม่ลาว จังหวดั เชยี งราย และอำเภอแมอ่ าย จังหวัดเชียงใหม่
▪ ทศิ ใต้ ติดตอ่ กบั อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวดั เชยี งราย
▪ ทศิ ตะวันออก ติดตอ่ กบั อำเภอแม่ลาว และอำเภอพาน จังหวัดเชยี งราย
▪ ทิศตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กับ อำเภอไชยปราการ อำเภอฝาง และอำเภอพร้าว จงั หวัดเชยี งใหม่

เน้ือท่ี

อำเภอแม่สรวย มีพน้ื ที่ทั้งหมด ๘๙๒,๘๘๒ ไร่ ( ๑,๔๒๘.๖๑ ตร.กม. )

๒. สภาพภมู ิประเทศ
▪ พ้ืนทีร่ าบ ๘๙,๓๓๑ ไร่ คดิ เป็นร้อยละ ๙.๕๕ ของพืน้ ท่ที ้ังหมด
▪ ภเู ขา ๗๙๙,๒๑๗ ไร่ คดิ เป็นร้อยละ ๘๙.๙๙ ของพื้นทท่ี งั้ หมด
▪ พนื้ นำ้ ๔,๓๓๔ ไร่ คิดเปน็ ร้อยละ ๐.๔๖ ของพ้ืนทท่ี ้งั หมด

๓. ลกั ษณะภมู ิอากาศ

อำเภอแม่สรวยได้รับอิทธพิ ลจากลมทะเลน้อยมาก เนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา
และปา่ ไม้ จึงทำใหอ้ ณุ หภมู แิ ละฤดกู าลแตกตา่ งกันมาก ดังนี้

ฤดูหนาว

ฤดูหนาวของอำเภอแม่สรวย เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนกุมภา พั นธ์
เมื่อลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดเข้าสู่ประเทศไทย หรือมีบริเวณความกดอากาศสูง หรือมีอากาศเยน็
จากประเทศจนี แผ่ลงมาปกคลมุ ประเทศไทย รวมระยะเวลานานประมาณ ๔ เดือน เป็นระยะเวลาเปลี่ยนฤดูกาล
จากฤดฝู นเข้าสฤู่ ดูหนาว อากาศสงู กำลงั แรงจากประเทศจนี จะแผม่ าปกคลมุ ประเทศไทย เปน็ ระยะๆ ทำให้บริเวณ
อำเภอแมส่ รวยมีอากาศหนาวจดั โดยเฉพาะบรเิ วณเทอื กเขาในเดอื นกุมภาพันธ์ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ท่ีพัดปกคลุมประเทศไทย มีกำลงั อ่อนลงเป็นลำดบั ทำใหบ้ รเิ วณอำเภอแม่สรวย มอี ณุ หภูมสิ ูงขึ้น และมีอากาศร้อน
ในตอนบ่าย ซง่ึ เป็นการสิ้นสุดฤดหู นาวในชว่ งประมาณเดือนกมุ ภาพันธ์ และเรมิ่ เขา้ ส่ฤู ดูร้อนต่อไป แต่ยังมีอากาศ
หนาวเยน็ ในตอนเช้าต่อไป ในระยะหนึ่ง

ฤดรู ้อน

ฤดูร้อนของอำเภอแม่สรวย เริ่มระหวา่ งเดอื นมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม อุ ณหภูมิสูงสุด
ในตอนบ่าย จะเริ่มขึ้นเกิน ๓๕.๐ องศาเซลเซียส แต่ในช่วงเชา้ จะยังคงมีอากาศหนาวเย็น จนถึงประมาณ
เดือนมนี าคม ลมที่พัดจากประเทศไทยเปลย่ี นจากลมมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนือเป็นลมฝ่ายตะวันออกและลม

128

ฝ่ายใต้มากขนึ้ โดยมลี มจากทะเลจนี ใต้ และอา่ วไทยพดั เขา้ สู่ประเทศไทยในทางทิศใตแ้ ละตะวันออก ประกอบกับ
จะมีหย่อมความกดอากาศตำ่ เนื่องจากความรอ้ นปกคลมุ ประเทศไทยตอนบนในชว่ งฤดรู ้อน ทำใหม้ อี ากาศร้อน
อบอ้าวและแห้งแล้งทั่วไป และอาจเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นได้ในบางวัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมจนถงึ
เดอื นเมษายน

ฤดูฝน

ฤดูฝนของอำเภอแม่สรวย เร่มิ ระหวา่ งเดือนมิถนุ ายน ถึงเดือนตุลาคม ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้
พดั เขา้ สู่ประเทศไทย และรอ่ งความกดอากาศตำ่ เล่อื นขนึ้ มาพาดผา่ นบริเวณประเทศไทย และจะไปสิน้ สุดประมาณ
กลางเดือนตุลาคม เป็นระยะเวลานานประมาณ ๕ เดือน จะมีฝนตกชุกในเดือนสิงหาคมและกันยายน
ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะอ่อนกำลัง และจะเปลี่ยนเป็นลมมรสุม
ตะวันออกเฉยี งเหนือบรเิ วณประเทศไทยตอนบนจะลดนอ้ ยลงเป็นลำดบั

ขอ้ มูลแหง่ เรยี นรู้

โครงการบ้านเลก็ ในปา่ ใหญ่

เป็นโครงการตามพระราชดำริของสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ เนื้อที่ ๑๕,๐๐๐ ไร่ บริเวณหมู่บ้าน
เป็นที่ราบหุบเขาต้นน้ำลำธาร จัดสร้างบ้านให้อยู่อาศยั
ตามวิถีชีวิตของชาวเขา พร้อมที่ดินทำกินให้ครอบครัวละ
ประมาณ ๕ ไร่ มีที่ทำนา เลี้ยงปลา ปลูกพืชผกั ผลไม้เมอื ง
หนาว เลยี้ งสตั ว์ไว้เป็นอาหาร มธี นาคารขา้ ว อาคารศิลปาชีพ
การศึกษาในระบบนอกโรงเรียน ให้การเรียนรู้ด้านการ
ดำรงชีวิตกับธรรมชาติแวดล้อม ส่งเสริมการปลูกป่า
ป้องกันการตัดไม้ ทำลายป่า ทำไร่เลื่อนลอย มุ่งเน้น
การอนุรักษ์ไม้ เพื่อให้คนอยู่กบั ป่าได้อย่างสมดุล และเปน็
หมู่บ้านนำร่องเพื่อเปน็ แบบอยา่ งกับหมู่บ้านบนพ้ืนทีส่ ูงอืน่
ต่อไป

ศูนยว์ ิจยั พฒั นาการเกษตรทส่ี งู เชยี งราย (วาวี)

เป็นศูนย์วิจัยการเกษตรที่สูง (วาวี) จุดประสงค์เพอื่
การพัฒนาชาวเขาให้มีการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ ลดปัญหา
การตัดไม้ทำลายปา่ และสง่ิ แวดล้อม ปัจจบุ นั ได้มีการส่งเสริม
ให้ปลูกกาแฟ ข้าว บ๊วย มะคาเดเมีย ลิ้นจี่ และพืชผลดอกไม้
เมอื งหนาว บนยอดดอยช้างมที วิ ทศั นท์ ี่สวยงาม มองดทู ศั นียภาพ
เมืองเชียงรายได้อย่างสวยงาม ประทับใจ เห็นยอดเขา
สลับซับซ้อนบริเวณสถานมี ีสวนไม้ดอก ไม้ประดบั สำนักสงฆ์
บ่อน้ำศักดิ์สทิ ธ์ิ และบ้านชาวเขาเผ่า อาข่า ลีซู จีนฮ่อ อยู่กัน
เป็นหย่อมๆ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ กาแฟสดอาราบิก้า
จากยอดดอยช้าง เป็นสถานที่สวยงาม เหมาะสำหรับการ
ทอ่ งเที่ยวเชงิ อนุรักษ์อีกแหง่ หน่งึ

129

แหล่งท่องเทย่ี ว

หมู่บ้านวาวแี ละบา้ นเลาลี (หมบู่ ้านสวนชา)

เป็นหมู่บา้ นปลูกชา แหล่งสำคัญของตำบลวาวี
มีโรงงานอบใบชา และเป็นแหล่งปลูกชาที่ใหญ่ที่สดุ
ของอำเภอแม่สรวย ประกอบด้วยชาพันธพุ์ ้ืนเมืองพันธุ์
ต่างๆ ที่พเิ ศษ คอื ชาพนั ธซ์ุ ิงซงิ อูหลง หรือพนั ธม์ุ ังกรดำ
เป็นหมู่บา้ นท่องเทย่ี วท่สี ำคัญอกี แห่งหน่ึงทีห่ มูบ่ ้านเลาลี
มกี ารแสดงศลิ ปวัฒนธรรมของเผ่าชนเปน็ ประจำทกุ คืน

โครงการหลวงห้วยน้ำขุ่นและศูนย์ส่งเสริมการเกษตร
ทส่ี งู ห้วยนำ้ ขุ่น

ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยน้ำขุ่น ตำบลท่าก๊อ วัตถุประสงค์ของ
โครงการเพ่อื สง่ เสรมิ การเกษตร และเป็นแหล่งทอ่ งเท่ยี วที่สำคัญ
อกี แหง่ หนึง่ ของอำเภอแมส่ รวย มที วิ ทศั น์ที่สวยงาม เปน็ ภูเขาสูง
มีชาวเขาอาศัย ส่วนใหญ่ส่งเสริมการปลุกผลไม้เมืองหนา ว
และมีการปลกู ข้าว และเลีย้ งสัตว์

ดอยชาพันปี

เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ค้นพบใน
เดอื นพฤศจิกายน ๒๕๔๘ ถือว่าเป็นต้นชาพันปีท่ีใหญ่ท่ีสุด
ในประเทศไทย มีขนาด ๒-๓ คน โอบ ต้นชาที่พบเป็น
ต้นชาพันธุ์อัสสัม หรือที่ชาวท้องถิ่นภาคเหนือเรียกว่า
ต้นเมี่ยง ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปีนอกจากนั้นยังมี
ตน้ เล็กตน้ นอ้ ยขนึ้ อยู่อีกมากมาย รวมทั้งกลว้ ยไม้และพนั ธ์ุไม้
ตา่ งๆ ในพืน้ ทไี่ ม่ต่ำกว่า ๕๐๐ ไร่

จดุ ชมววิ “ดอยกาดผี” (ภูนมสาว)

เป็นจุดชมวิวที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ
๑,๕๐๐ เมตร ดอยกาดผีติดกับเขตอำเภอเมืองเชียงราย
และอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถชมทวิ ทัศน์รอบด้าน
ท้ัง ๔ ทศิ ๓ ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และพมา่ และยงั สามารถ
มองเห็นความสวยงามในยามค่ำคืนของอำเภอเมืองเชียงราย
และอำเภอฝาง มชี ่องลมพดั แรงตลอดทั้งปี สภาพภมู ิอากาศหนาว
มีบริเวณที่กว้างคล้ายตลาด ในภาษาเหนือ เรียก “กาด” คือ
การปัดกวาดใหส้ ะอาดอยู่เสมอ จงึ ไดช้ ื่อว่า “ดอยกาดผี”

130

ตำราสุภาษิตสอนใจ ตำราส่งเคราะห์-ฮ้องขวญั
และตำราทำนายฝัน

ตำราสุภาษติ สอนใจ ตำราส่งเคราะห์-ฮ้องขวัญ และตำราทำนายฝัน เป็นตำราพนื้ เมอื งที่รวบรวม
และแต่งขึ้นโดย นายบุญมี วงศ์น้อย ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
ซง่ึ เปน็ ภูมิปัญญาปราชญด์ า้ นภาษาลา้ นนาและตำราพื้นเมอื งโบราณ ซงึ่ เป็นองคค์ วามรทู้ ่ไี ด้จากการศึกษา ค้นคว้า
ตั้งแต่ยงั บวชเป็นพระทีว่ ัดดงขนุน ตำบลธารทอง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และเมื่อลาสิกขาบทออกมา
กไ็ ด้ทำการศึกษา คน้ ควา้ ด้วยตนเอง

เนือ่ งจากมีความสนใจส่วนตัว และมีพรสวรรค์ในศาสตร์ดา้ นนี้ ทำใหไ้ ดศ้ กึ ษาทงั้ จากตำราของไทย
ลา้ นนา พมา่ และตำราจนี รวมทัง้ ศกึ ษาจากครบู าอาจารย์ตามทตี่ ่างๆ จนสามารถทำการรวบรวมองค์ความรู้
ในศาสตรด์ ้านนี้ และ มกี ารเพิม่ เติมข้อมูลหรือองค์ความรทู้ ม่ี ีของตนเองนำมาเขยี นเปน็ ตำรา ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับพธิ ีกรรม
ล้านนา เชน่ การส่งเคราะห์ - ฮ้องขวญั , การตง้ั ศาลพระภมู ,ิ ตำราทำนายฝัน และสุภาษติ สอนใจ ขน้ึ มาเผยแพร่
แก่ผู้สนใจ

เปน็ ตำราโบราณทีไ่ ดร้ ับการศกึ ษาและสืบทอดมาจากผมู้ อี งค์ความรดู้ า้ นพิธีกรรมและภาษาล้านนา
นำมารวบรวมเรยี บเรียงใหเ้ ข้าใจง่าย และมกี ารเพิ่มเติมองค์ความรใู้ หม้ ีความสมบูรณ์ ครบถ้วนมากย่งิ ขึน้

ผู้ท่ถี อื ปฏบิ ตั ิมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
ช่อื นายบุญมี วงศน์ ้อย
ทีอ่ ยู่ เลขท่ี ๑๔ หม่ทู ่ี ๑ บ้านดนิ ดำ ตำบลท่าก๊อ

อำเภอแมส่ รวย จังหวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศพั ท์ 098-7477107

ผ้าฝา้ ยทอมือยอ้ มสธี รรมชาติ 131

กลุ่มผ้าฝ้ายพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ เกิดจากการ
รวมกลุ่มกันของกลุ่มแม่บ้านบ้านหนองบัวสรวย ที่มี
ความสามารถในการทอผา้ สมาชิกกลุม่ ฯ ได้รับการสบื ทอด
ภูมิปัญญามาจากบรรพบุรุษ เนื่องจากในสมัยก่ อนผู้
หญงิ ไทยจะทำเครือ่ งนุ่งห่มไวใ้ ช้เองในชีวติ ประจำวนั และสี
ย้อมผ้าสังเคราะห์ยังไม่มีใช้แพร่หลายเหมือนในปัจจบุ ัน
การย้อมผ้าจงึ นำเอาวสั ดุธรรมชาตจิ ากพืช หรือสัตว์ท่ีมีอยู่
ในท้องถิ่น ซึ่งสามารถหาได้งา่ ยมาย้อมผ้าให้เกิดสีตา่ งๆ
ตามความตอ้ งการ

การทอผ้าย้อมสธี รรมชาติยังเป็นการแสดงถึงวถิ ชี วี ติ ของคนในท้องถนิ่ ตั้งแตข่ ้ันตอนการผลติ ดา้ ย

จนถึงการเยบ็ ผา้ ดว้ ยมือ โดยทางกลุม่ ฯ ได้มีการรวบรวมวิธีการยอ้ มสี การทอ การแตง่ ลวดลาย การออกแบบ
การตัดเย็บ และการทำบรรจภุ ณั ฑ์ใหต้ รงตามความตอ้ งการของตลาดอกี ด้วย เป็นผลติ ภณั ฑท์ ่ีผลติ โดยคนในทอ้ งถนิ่
โดยกระบวนการในการผลิตทกุ ข้ันตอนไมใ่ ช้สารเคมีท่เี ปน็ อนั ตราย และวัสดทุ ี่ใชเ้ ป็นวสั ดุจากธรรมชาติ

สีจากวสั ดธุ รรมชาติท่ีใช้ในการยอ้ มผ้า เชน่

❖ สนี ้ำตาล จาก ไมป้ ระดู่
❖ สนี ำ้ เงิน จาก ใบฮอ้ ม
❖ สีเหลือง จาก มะเฟือง, ขมนิ้ , ปเู ลย
❖ สเี ขียว จาก ใบมะกอก
❖ สดี ำ จาก น้ำเปลอื กกล้วย + ต้นห้า

กลุ่มผ้าฝ้ายพื้นเมืองย้อมสธี รรมชาติบ้านหนองบัว

สรวยจึงได้ร่วมกันอนุรกั ษ์ สืบสานและสืบทอดภูมิปัญญา
ท้องถ่ินของบรรพบรุ ุษในการทอผ้าฝ้ายจากสธี รรมชาติไม่ให้
สูญหาย นอกจากจะเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว
การทอผ้าย้อมสีธรรมชาติยังเป็นการแสดงถึงวิถีชีวิตของ
คนในท้องถิน่ ตั้งแต่ ขั้นตอนการผลติ ด้ายจนถึงการเย็บผา้
ดว้ ยมือ โดยทางกลมุ่ ฯ ได้มกี ารรวบรวมวธิ กี ารย้อมสี การทอ
การแต่งลวดลาย การออกแบบ การตดั เย็บ และการทำบรรจุ
ภณั ฑ์ให้ตรงตามความตอ้ งการของตลาดอีกดว้ ย

132

การทอผ้าพื้น เป็นการใช้หลักการทอผ้าเบื้องตน้
ทน่ี ำเอาดา้ ยเสน้ ยนื และดา้ ยเส้นพุง่ มาขดั กนั เพ่อื ให้เกิดเป็นผืน
ผ้า โดยด้ายเส้น พุ่งและเส้นยืนอาจเป็นด้ายสีเดียว กัน
หรอื ตา่ งสกี ัน หรอื นำเอาเสน้ ด้ายทเี่ ปน็ ดิ้นเงินหรือดิ้นทอง
มาทอควบดา้ ย เพ่ือใหผ้ า้ มีความมันระยบั สวยงามยงิ่ ขน้ึ

ข้นั ตอน/วธิ กี ารทำผ้าฝ้ายทอมอื

๑. สบื เส้นด้ายยนื เขา้ กบั แกนม้วนดา้ ยยืน และร้อยปลายด้ายแต่ละเสน้ เขา้ ในตะ กอแตล่ ะชุดและฟันหวี
ดึงปลายเส้นด้ายยืนทั้งหมดม้วนเข้ากบั แกนม้วนผ้าอีกด้านหนึ่ง ปรับความตึงหย่อนให้พอเหมาะกรอด้ายเขา้
กระสวยเพ่ือใช้เปน็ ดา้ ยพงุ่

๒. เร่ิมการทอโดยกดเครอ่ื งแยกหม่ตู ะกอ เส้นด้ายยนื ชดุ ท่ี ๑ จะถกู แยกออกและเกดิ ชอ่ งวา่ งสอดกระสวย
ดา้ ยพงุ่ ผา่ น สลบั ตะกอชดุ ที่ ๑ ยกตะกอชุดที่ ๒ สอดกระสวยดา้ ยพงุ่ กลบั ทำสลบั กันไปเรอื่ ยๆ

๓. การกระทบฟนั หวี (ฟืม) เมือ่ สอดกระสวยดา้ ยพ่งุ กลบั ก็จะกระทบ ฟนั หวี เพ่ือใหด้ ้ายพ่งุ แนบตดิ กันได้
เนอื้ ผ้าทแ่ี นน่ หนา

๔. การเก็บหรอื ม้วนผา้ เมอ่ื ทอผ้าได้พอประมาณแลว้ กจ็ ะมว้ นเก็บใน แกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกนด้ายยืน
ให้คลายออกและปรบั ความตึงหยอ่ นใหม่ใหพ้ อเหมาะ

ผู้ทีถ่ ือปฏิบัตมิ รดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ช่อื นางสมหมาย ศริ ิ
ที่อยู่ เลขที่ ๖๙ หมู่ท่ี ๓ บา้ นหนองบวั สรวย ตำบลศรีถอ้ ย

อำเภอแมส่ รวย จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 089-9525679

133

ยำผักกาดอาข่า หรือ เหาะปะโซะ

เปน็ อาหารเพือ่ สุขภาพ เน่อื งจากในการปรุงอาหารจะไม่ใช้น้ำมัน
ในการปรุงอาหาร อุดมไปดว้ ยวติ ามิน เกลือแร่ จากผกั และสมนุ ไพร
ซึ่งส่วนประกอบแต่ละอย่างเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย วัตถุดบิ
สามารถหาได้ง่าย และวิธีการปรุงก็ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน
รสชาติจะอย่ทู ่คี วามกรอบ หวานจากผักกาด ซึ่งเลอื กผักกาดท่ีไม่
ออ่ นหรือแก่เกนิ ไป การลวกต้องไม่ลวกนานจนผกั กาดเละ ความเผด็
จากพริกและขิง รวมถึงความมนั จากถว่ั ลิสงค่ัว

ส่วนประกอบ
❖ ผักกาดจอ้ น หรอื ผักกวางตงุ้ พนั ธ์ุมดี อก
❖ ถวั่ ลิสงควั่
❖ ขงิ หั่นเปน็ แวน่
❖ เกลือ
❖ พริกป่น หรือ พริกขีห้ นแู หง้
❖ กระเทยี ม

ขน้ั ตอนการทำ
๑. นำผกั กาดไปล้างนำ้ ใหส้ ะอาด จากนัน้ ตม้ น้ำใหเ้ ดอื ด นำผักกาดท่ีลา้ งนำ้ สะอาดแล้ว ไปลวกในน้ำเดือด

พอใหผ้ กั กาดสุก (ผักจะมีเนือ้ นม่ิ ) อยา่ ลวกนานจะทำใหผ้ ักกาดเปอ่ื ยจนเละ
2. เมอ่ื ผักสกุ จนเนือ้ ผักน่ิมแลว้ นำผักไปแชใ่ นนำ้ เย็น หรือ น้ำอุณหภูมิปกติก็ได้ เพอ่ื ให้ผักมเี น้ือสมั ผัสทก่ี รอบ
3. นำผกั มาฉีกเปน็ เสน้ ฝอยๆ จากนนั้ บบี เอานำ้ ออกให้หมด เน้ือผักกาดจะมลี กั ษณะแห้งๆ จากนั้นพกั ไว้

4. โขลกกระเทียม ถว่ั ลสิ งค่ัว และพริก ใหล้ ะเอยี ด ปรุงรสดว้ ยเกลอื นำไปคลกุ กบั ผักกาดท่พี กั ไว้
5. จากน้นั นำขงิ มาโขลกให้แหลก บีบเอานำ้ ออกแล้วนำเน้ือขงิ ลงไปคลกุ กับผักกาดที่ปรุงเรยี บร้อยแลว้ ตักใส่
จาน พร้อมเสรฟิ ทานกับข้าว

ผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั ิมรดกภมู ปิ ัญญทางวัฒนธรรม
ชอื่ นายชนะชยั วงค์ชนินท์
ท่ีอยู่ เลขท่ี ๖๙ หมทู่ ี่ ๑๐ บ้านแสนเจรญิ ตำบลวาวี

อำเภอแม่สรวย จงั หวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศพั ท์ 081-๔๘๓๒๐๒๓

คำ ข วั ญ อำ เ ภ อ เ วี ย ง ป่ า เ ป้ า

เมืองโบราณเวียงกาหลง
มีองค์พระธาตุแม่เจดีย์ น้ำพุร้อนดี

ทุ่งเทวีและโป่งน้ำร้อน

สภาวัฒนธรรมอำเภอเวียงป่าเป้า

135

อำเภอเวียงปา่ เป้า

ประวตั อิ ำเภอเวยี งปา่ เปา้
จากอดีตสู่ปัจจุบัน เวียงป่าเป้าเป็นชุมชนเก่าแก่ แต่เดิมเป็นหมู่บ้านเล็กๆ สันนิษฐานว่า

จะเป็นที่พักสำหรับผู้เดินทางค้าขายระหว่างจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และลำพูน ต่อมาชุมชนหนาแน่นข้ึน
“เจ้าอินทวิชยานนท์” เจ้าผู้ปกครองนครเชียงใหม่ ได้แต่งตั้ง “พระยาไชยวงค์” ขึ้นมาปกครอง โดยตั้งเมือง
อยู่ที่ป่าเฟือยไฮหรือป่าไทร อยู่ทางตอนใต้ของที่ว่าการอำเภอปัจจุบัน ชื่อ “เมืองเฟือยไฮ” ตามลักษณะ
ภมู ิประเทศเดิม ต่อมาประมาณ ปี พ.ศ. 2430 พระยาไชยวงคเ์ หน็ วา่ เมืองเฟือยไฮเปน็ ทลี่ มุ่ มีน้ำท่วมประจำทุกปี
ไมเ่ หมาะเปน็ ชุมชนอาศัยจึงย้ายมาตัง้ เมอื งใหมท่ างตอนเหนอื ซ่ึงประชาชนมาถางป่าต้งั บา้ นเรือนอยู่ก่อนหน้าโดย
เรียกเมืองใหม่ว่า “เมืองป่าเป้า” ด้วยพื้นที่เมืองแห่งใหม่มีป่าไม้เป้า (เปล้า) จำนวนมาก ต่อมาในปี
พ.ศ. 2440 พระยาไชยวงค์ถึงแก่อนิจกรรม “พระยาเทพณรงค์” บุตรเขยได้รับการสถาปนาเป็นผู้ครอง
เมืองป่าเป้า ได้ปรับปรุงเมืองก่อกำแพงเมืองด้วยอิฐ ให้มีสภาพมั่นคงถาวรยิ่งขึ้นและขนานนาใหม่ว่า
“เวียงป่าเป้า” ต่อมาพระยาเทพณรงค์ถึงแก่อนิจกรรม “พระยาขันธเสมา” ซึ่งเป็นบุตรเขย ได้รับการสถาปนา
ครองเมืองสืบมา

ในปี พ.ศ. 2446 พวกเงี้ยว หรือ ไทยใหญ่ ได้ก่อการจารจลที่เมืองเชียงราย กองทัพจาก
เมืองลำปางและเมืองเชียงใหม่ขึ้นไปปราบปราม เมื่อเสร็จสิ้นจึงได้ตั้งจุดชุมนุมพลให้เป็นเมืองที่ตำบลแม่พริก
(ปัจจุบันอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอแม่สรวย บนฝั่งแม่น้ำลาว) ทั้งนี้ให้ชุมชนเวียงป่าเป้าเป็นกิ่งอำเภอ
ขึน้ การปกครองกับตำบลแมพ่ รกิ และไดร้ ับการยกฐานะเปน็ อำเภอเวยี งปา่ เปา้ เมื่อปี พ.ศ. 2450 มีผดู้ ำรงตำแหนง่
นายอำเภอถงึ ปัจจุบัน รวม 40 คน

แผนทีอ่ ำเภอเวยี งงป่าเปา้ โดยสงั เขป
คำขวญั อำเภอเวยี งป่าเปา้

“ เมอื งโบราณเวยี งกาหลง มอี งค์พระธาตุแม่เจดยี ์ น้ำพรุ อ้ นดี ทงุ่ เทวแี ละโปง่ นำ้ รอ้ น ”

136

ลักษณะทางกายภาพ

1. สภาพทว่ั ไป

ตำแหนง่ ท่ีต้ัง

อำเภอเวียงปา่ เป้า เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากจังหวัดเชียงราย
ประมาณ 91 กโิ ลเมตร และอยหู่ ่างจากจงั หวัดเชยี งใหม่ ตามเสน้ ทางเชียงใหม่ – เชยี งราย ประมาณ 95 กิโลเมตร

อาณาเขตติดตอ่

▪ ทศิ เหนือ ติดตอ่ กบั ตำบลท่าก๊อ อำเภอแมส่ รวย จังหวัดเชยี งราย
▪ ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกับ อำเภอเมืองปาน จงั หวดั ลำปาง อำเภอดอยสะเกด็ จังหวดั เชียงใหม่
▪ ทศิ ตะวนั ออก ติดต่อกับ อำเภอพาน จงั หวัดเชียงราย
▪ ทศิ ตะวนั ตก ติดต่อกับ อำเภอพร้าว จังหวดั เชียงใหม่ อำเภอวังเหนือ จงั หวดั ลำปาง

เนือ้ ท่ี

มีเน้ือท่ีประมาณ 1,217 ตารางกิโลเมตร หรือ 760,605 ไร่

2. สภาพภมู ิประเทศ

สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขาล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน มีสภาพอากาศและดินเหมาะสม

กับการปลูกชา กาแฟ พืชผักไม้เมืองหนาว มีพื้นที่ราบอยู่ระหว่างกลางมีลักษณะทอดยาวจากทางทิศเหนือ
ไปทางทิศใต้ประมาณ 52 กิโลเมตร และกว้างจากทางทิศตะวันออกไปยัง ทิศตะวันตก ประมาณ 27 กิโลเมตร
และแม่น้ำลาว แมน่ ้ำแม่เจดยี ์ แม่น้ำแม่หาง แมน่ ้ำแมฉ่ างข้าว เหมาะสมกับการปลูกข้าว และพชื ผัก ผลไม้ตลอด

แนวทิศตะวันออกและทิศเหนือมีภูเขาไม่ค่อยสลับซับซ้อนเหมือนทิศอื่น สภาพบ้านเรือนส่วนใหญ่ เป็นกลุม่ บ้าน
ทอดยาวไปตามสองข้างทาง ตามถนนสายเชียงราย – เชียงใหม่ และมีหมู่บ้านอยู่ตามแหล่งน้ำต่างๆ แม่น้ำสาย
สำคัญของอำเภอเวยี งปา่ เป้า มี 5 สาย ดังนี้

๒.๑ แม่น้ำลาว ไหลผ่านทุกตำบล เขตต้นน้ำอยู่บนภูเขาเขตติดต่อกับ อำเภอดอยสะเก็ด
จงั หวดั เชยี งใหม่

๒.๒ แม่นำ้ แมป่ นู ไหลผ่านตำบลเวียง ตำบลสันสลี
๒.๓ แมน่ ำ้ แม่ฉางข้าว ไหลผ่านตำบลป่างว้ิ ตำบลบ้านโป่ง
๒.๔ แม่น้ำแมห่ าง ไหลผา่ นตำบลแม่เจดีย์ ตำบลปา่ ง้วิ
๒.๕ แมน่ ้ำแม่เจดีย์ ไหลผา่ นตำบลแมเ่ จดยี ์
3. ลักษณะภูมิอากาศ

อำเภอเวียงป่าเป้า มีลักษณะอากาศเป็นแบบมรสุม มี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว

อณุ หภูมเิ ฉลย่ี 25 – 30 องศาเซลเซียส ในฤดูหนาวอากาศหนาวจัดมหี มอกปกคลมุ เน่ืองจากภูมิประเทศ เป็นป่า
และภูเขา

137

ขอ้ มลู แห่งเรยี นรู้

พพิ ธิ ภณั ฑ์เมอื งโบราณเวยี งกาหลง

อาคารพพิ ธิ ภณั ฑ์เมืองโบราณเวียงกาหลง
ตั้งอยู่ที่ 83 หมู่ที่ ๕ ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงปา่ เปา้
จังหวัดเชียงราย ภายในตัวอาคารจัดนิทรรศการแสดง
เกี่ยวกับความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์
ล้านนาที่สามารถเชื่อมโยงกันทั้ง ๔ จังหวัดภาคเหนือ
ตอนบน ๒ คือ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์สืบสาน ศิลปะ วัฒนธรรม
มรดกเครื่องเคลือบที่มีความเชื่อมโยงกับอารยะธรรม
ล้านนาตะวันออก และเพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
เชงิ อนรุ ักษว์ ัฒนธรรมเวียงกาหลง

พิพธิ ภัณฑ์พระ วัดพระธาตุแม่เจดีย์

“พิพิธภัณฑ์พระ” ที่ได้รับการจัดสร้าง โดยท่าน
พระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุ
แม่เจดยี ์ เพ่ือรวบรวมพระเครอ่ื งพระบชู าหลากหลายรนุ่
และวัตถุโบราณต่างๆ ที่ขุดได้จากกรุวัดน้อยซึ่งเป็น
วัดร้าง อีกส่วนหนึ่งเป็นของสะสมของท่านพระครู
และญาติโยมนำมาบริจาค เพื่อเก็บรักษาไว้ให้อนุชน
คนร่นุ หลงั ไดศ้ ึกษาตอ่ ไป

พิพธิ ภณั ฑท์ อ้ งถน่ิ วัดศรีสทุ ธาวาส

วัดศรีสุทธาวาสถือเป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจ
และสัญลักษณ์ของคนชุมชน และชาวบ้านยังคงมี
สำนึกร่วมกันในการบำรงุ รักษาวฒั นธรรมของตนเอง
กลายเป็นแรงผลักดันให้ท่านเจ้าอาวาส และชุมชน
รอบวัดร่วมกันก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ วัดศรีสุทธาวาส
ขน้ึ ในปี 2540 ทา่ านเจา้ อาวาสกล่าวถงึ วัตถปุ ระสงค์
ในการทำวา่

"ไม่ต้องการใหพ้ พิ ธิ ภัณฑ์เป็นแหลง่ หารายไดห้ รือแหลง่ ทอ่ งเทีย่ ว แต่อยากให้เปน็ แหลง่ เรียนรูใ้ ห้
ข้อมูลสำหรับเด็ก นักเรียน เยาวชนที่ต้องการหาข้อมูลในท้องถิ่น ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เหมือนกับปลวกค่อย
สรา้ งทีละนิดทลี ะนอ้ ย แม้จะใช้เวลานานแตฐ่ านจะม่ันคงมากกว่า"

ของที่จัดแสดงส่วนใหญ่เป็นวัตถุทางธรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนา บางส่วนจัดแสดงเครื่องใช้
ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงเศษเครื่องถ้วยเตาเวียงกาหลง ข้าวของอีกส่วนหนึ่งนำไปจัดแสดงไว้ที่วิหารราย
ซึ่งดัดแปลงพื้นที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ตำบลเวียงป่าเป้า ภายในจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในวิถีการผลิต
ดา้ นเกษตรกรรมของชาวบ้าน

138
พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียวรูปทรงแบบล้านนาประยุกต์ ใช้ไม้จากการรื้อวิหาร
หลังเกา่ มาสรา้ ง ภายในจัดแสดงขา้ วของต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นโบราณวัตถุที่ทางวัดเก็บรักษาไว้ และของส่วนหน่ึง
ไดม้ าจากการบริจาคจากชาวบา้ น เน้อื หาการจัดแสดงไดร้ ับการสนับสนนุ จดั ทำข้อมูลทางวิชาการ และทำทะเบยี น
โบราณวตั ถจุ ากนักวิชาการท้องถนิ่ และมลู นิธเิ ลก็ -ประไพ วริ ยิ ะพนั ธ์ุ
ของที่จัดแสดงส่วนใหญ่เป็นวัตถุทางธรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนา บางส่วนจัดแสดงเครื่องใช้
ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงเศษเครื่องถ้วยเตาเวียงกาหลง ข้าวของอีกส่วนหนึ่งนำไปจัดแสดงไว้ที่วิหารราย
ซึ่งดัดแปลงพื้นที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ตำบลเวียงป่าเป้า ภายในจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในวิถีการผลิต
ด้านเกษตรกรรมของชาวบ้าน พิพิธภัณฑ์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภายในอาคารเท่านั้น หากยังครอบคลุมถึงบริเวณวัด
ทัง้ หมด รวมถึงผืนป่าชมุ ชนข้างวัดราว 37 ไร่ ทีเ่ ปน็ แหล่งให้ความรูเ้ ร่อื งพันธุไ์ มห้ ายาก รวมถงึ สมนุ ไพรนานาชนิด

เครอ่ื งเคลอื บดินเผาเวียงกาหลง ศิลปะที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรมแหง่ ล้านนา
เวียงกาหลงเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ที่เป็นแหล่งกำเนิด
เครอ่ื งเคลอื บดินเผาเวยี งกาหลงโบราณ ท่มี อี ายุนับพนั ปี ท่ีใหญท่ ส่ี ุดของล้านนา มีเตาเผาโบราณจำนวนนับพันเตา
เครือ่ งเคลือบ ดนิ เผาเวยี งกาหลง มลี กั ษณะเด่นไม่เหมอื นใคร
นายทัน ธิจิตตัง และ นายศรี ลืมเนตร ได้ทำการศึกษาวิจัยภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผา
แบบโบราณ ศึกษาคิดค้นการนำธาตุที่เกิดจากผลิตผลพรรณไม้บางชนิดมาเป็นส่วนประกอบของสีธรรมชาติ
เพื่อใช้ในการเขียนลวดลาย และเคลือบแบบโบราณเครื่องปั้นดินเผา สืบทอดภูมิปัญญาเครื่องปั้นดินเผา
เวียงกาหลงที่เชื่อมโยงกับพันธุกรรมพืชในท้องถิ่น พัฒนาเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ดีเด่นของจังหวัดเชียงราย
ดำเนินการจัดกิจกรรมการสืบทอดภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผาแบบโบราณแก่นักเรียนและเยาวชน
เปดิ ใหเ้ ปน็ แหล่งเรียนรู้ เพื่อสร้างจติ สำนกึ ในการอนุรกั ษแ์ กค่ นในทอ้ งถ่ินหรือผู้ทีส่ นใจตอ่ ไป

139

แหลง่ ท่องเที่ยว

ดอยลังกา/ดอยผาโงม้

เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด มีความสูง
2,030 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งยอดเขามีขนาด
สูงสุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ประกอบด้วยดอย
ผาโง้ม ดอยลังกาน้อย และดอยลังกาหลวง จุดเด่น
ของเสน้ ทางเดินป่าเสน้ นี้ คือ การเดินตามแนวสันดอย
ไปตลอดเสน้ ทางได้พบได้เห็นป่าสภาพต่างๆ มีทั้งป่า
ดิบเขา ป่าสน และ ทงุ่ หญา้ บนดอยสงู

บ่อน้ำพุรอ้ นแมข่ ะจาน

น้ำพุร้อนแม่ขะจาน อยู่ในท้องที่บ้านโป่งน้ำร้อน
ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ บนเส้นทางสายเชียงราย - เชียงใหม่ มี
ร้านขายของที่ระลึกและเครื่องดื่มอาหาร เป็นสถานที่ท่ี
เหมาะสำหรบั การหยุดพกั เวลาเดนิ ทางผา่ นไปมา

วงั มจั ฉา

วังมัจฉา หรือที่รู้จักกันในชื่อ ห้วยย่าคำมา เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่บริเวณวัดพระธาตุแม่เจดีย์
ซ่งึ ในอดีตเปน็ สถานท่ศี ักด์ิสิทธิ์ ทเี่ คารพ สกั การะบชู า ของประชาชนใน อำเภอเวียงปา่ เป้า ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2531
พระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ได้เข้ามาปฏิบัติธรรมณสถานที่แห่งนี้และได้ลงมือพัฒนาพื้นที่และทำการบูรณะ
ใหม้ สี ภาพคงเดมิ ทำให้เปน็ แหลง่ ท่องเที่ยวทน่ี กั ทอ่ งเทีย่ วชอบมาพกั ผอ่ นเปน็ ท่ีรจู้ กั ไปแพร่หลาย

140

ร ะ บ ำ ม ้ ง เป็นศิลปะการแสดงดั้งเดิม

ซึ่งมรี ากเหงา้ ดั่งเดิมเริ่มมมี าพร้อมๆ กับชนชาตมิ ง้ พัฒนาการ
ต่างๆ กันไปตามยุคสมัยจนกลายเป็น "ระบำม้ง" ในปัจจุบัน
นับเนื่องเหตุการณ์จากการที่มีการหยุดพักผ่อน เพื่อพิธีการ
กินข้าวใหม่ และต่อเนื่องยาวนานกับเทศกาลเฉลิมฉลอง
ปีใหม่ หรือ เทศกาล "น่อเป๊ะเจา" ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1
ของทุกปี หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรต์ ่างๆทีเ่ ขยี นขึ้น

ตา่ งกก็ ล่าวอา้ งถงึ ชาวมง้ วา่ เปน็ กลุม่ ชนเผา่ ท่มี ีชอบร้องรำทำเพลง และมกี ารแสดงศิลปวัฒนธรรมภายใน
งานรน่ื เรงิ เทศกาลปีใหม่น้ัน มีการเต้นระบำในการตอ้ นรบั แขกเมืองประกอบเพลง เปน็ ทีร่ ื่นรมยม์ าก

รากเหง้าของระบำม้ง มาจากการที่มีแคนม้งเป็นเครื่องดนตรีเปา่
ทำนองขึ้นมาใช้ประกอบในพิธีกรรม และมีการร้องเพลงกลอนสด
หรือเพลงโต้ตอบกันระหว่างชายหญิง เปรียบเหมือนกับการร้องลำตัด
แต่การร้องเพลงสดหรือกลอนสดโต้ตอบของม้ง เป็นไปแบบไม่มีดนตรี
ประกอบและร้องด้วยการน่ังร้องตอบโต้กันเปน็ เรอ่ื งราว จบี กนั หรือหยอก
ล้อ เหมือนหนุ่มสาวคุยกนั แต่เป็นการคุยกันด้วยท่วงทำนอง ที่เป็นเพลงมี
เสน่ห์เฉพาะตัวอยู่ที่ภาษาม้งที่ให้สำเนยี งแปลกประหลาดต่อหูผู้อื่น แม้มิ
เขา้ ใจความหมาย

ระบำม้งโดยหญิงสาวชาวม้งเน้นลีลาการเต้น
การก้าวกระโดด แสดงออกซึ่งความสนุกสนาน ร่าเริง
ถอดแบบจากวิถีชีวิตของชาวม้ง มาประยุกต์เป็นท่ารำ
การแต่งการเพื่อการแสดงจะแต่งชุดม้งเต็มยศ ครบเครื่อง
และมีการใช้อปุ กรณอ์ ื่นประกอบด้วย

ระบำม้งมีหลายรูปแบบ แต่มีลักษณะเด่น
ประการเดียวและเป็นแบบอย่างเพียงแบบอย่างเดียว
ที่เหมือนกันคือ เรื่องของการแต่งกาย ระบำม้งจะเน้น
การแต่งกายด้วยชุดม้งเต็มยศไม่ว่าหญิงหรือชาย มีการใส่
หรือคาดกระเป๋าเหรียญเงินรูปีอินเดีย เชื่อกันว่าถ้าไม่ได้ยิน
เสียงเหรียญเงินน้ี ไม่ใช่บรรยากาศของระบำม้งแบบของแท้
และดงั่ เดมิ

ผ้ทู ่ถี ือปฏิบตั มิ รดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรม

ช่ือ นายอสิ ระ อศั วะเจรญิ กลุ

ที่อยู่ แมต่ ะละ ตำบลสันสลี อำเภอเวียงป่าเปา้ จังหวัดเชียงราย

โทรศพั ท์ -

141

อั๊วเน่ง เป็นการรักษาอีกประเภทหนึ่งของม้ง

การอั๊วเน้ง (การทำผีหรือลงผี) มีอยู่ 3 ประเภท การอั๊วเน้ง
ข่อยชั๊วะ การอั๊วเน้งเกร่ทั่ง และการอั๊วเน้งไซใย่ ซึ่งแต่ละ
อั๊วเน้งมีความแตกต่างกันออกไปการรักษาก็แตกต่างกันไป

ด้วย การจะอั๊วเน้งได้ เมื่อมีคนในครอบครัวเจ็บป่วยโดย
ไม่รู้สาเหตุ เปน็ การรกั ษาอีกประเภทหนึง่ ดังน้ันมง้ มกั จะนิยม
เ ร ี ย ก ข ว ั ญ ท ี ่ ห า ย ไ ป ห ร ื อ ม ี ผ ี พ า ไ ป ใ ห ้ ก ล ั บ ค ื น ม า เ ท ่ า นั้ น

ซงึ่ ชาวมง้ เชอ่ื วา่ การเจ็บปว่ ยเกิดจากขวัญท่ีอยูใ่ นตวั หายไป

ชาวม้งมีการนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับ
ธรรมชาติส่งิ แวดลอ้ มที่ ชาวม้งจะตอ้ งเซ่นสังเวยสงิ่ ศกั ดิ์สิทธิ์ตา่ งๆ เหล่าน้ีปี
ละคร้ัง โดยเชอ่ื วา่ พธิ ีไสยศาสตร์เหล่านี้จะชว่ ยให้วินิจฉยั โรคได้ถูกตอ้ ง และ
ทำการรกั ษาได้ผล เพราะความเจ็บปว่ ยท้งั หลายลว้ นแต่เป็นผลมาจากการ
ผิดผี ทำให้ผีเดอื ดดาลมาแกแ้ ค้นลงโทษใหเ้ จ็บปว่ ย จึงตอ้ งใช้วิธจี ดั การกับผี
ให้คนไขห้ ายจากโรค

ม้งเชื่อว่าการที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง โดยไม่มีโรคภัยมา
เบียดเบียน นั่นคือความสุขอันยิ่งใหญ่ของม้ง ฉะนั้นม้งจึงต้องทำทุกอย่าง
เพื่อเป็นการรักษาให้หายจากโรคเหล่านั้น ซึ่งพิธีกรรมในการรักษาโรค
ของมง้ นั้นมอี ย่หู ลายแบบ ซ่ึงแต่ละแบบกร็ ักษาโรคแต่ละโรคก็แตกต่างกัน
ออกไป การที่จะทำพิธีกรรมการรักษาได้นั้นต้องดูอาการของผู้ป่วยว่า
อาการเปน็ เชน่ ไร แลว้ จึงจะเลอื กวิธกี ารรกั ษาโดยวธิ ใี ดถงึ จะถกู ต้อง

มีวิธีการรักษาดังนี้ คนที่เป็นพ่อหมอจะเริ่มไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วร่ายเวทมนต์คาถาต่างๆ
พร้อมกับตดิ ตอ่ สือ่ สารกบั ผแี ล้วไปคลี่คลายเรอ่ื งราวต่างๆกับผี ถา้ คล่ีคลายไดแ้ ลว้ จะมีการฆ่าหมู แต่ก่อนจะฆ่าหมู
นั้น จะต้องให้คนไข้ไปนั่งอยู่ข้างหลังพ่อหมอ แล้วผูกข้อมือ จากนั้นนำหมูมาไว้ข้างหลังคนไข้ แล้วพ่อหมอ
จะสั่งให้ฆ่าหมู การที่จะฆ่าหมูได้นั้นจะต้องมีคนหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของพ่อหมอ และสามารถฟังเรื่องราว
ของการอว๊ั เน้งได้ ร้วู า่ ตอนนพี้ ่อหมอตอ้ งการอะไรหรือส่งั ให้ทำอะไร เมอ่ื พ่อหมอส่งั ลงมา คนทเี่ ปน็ ตัวแทนตอ้ งบอก
กับคนในครอบครัวให้ทำตามคำบอกกล่าวของพ่อหมอ เมื่อสั่งให้ห่าหมูก็ต้องนำหมูมาฆ่าแล้วจะนำกัวะมาจุ่ ม
กับเลือดหมู พร้อมกับมาปะที่หลังคนไข้ แล้วพ่อหมอจะเป่าเวทมนต์ให้ จากนัน้ จะนำกัวะไปจุม่ เลือดหมู เพื่อไป
เซ่นไหวท้ ่ีผนงั ที่เปน็ ทรี่ วมของของบชู าเหลา่ นนั้

ผู้ท่ีถอื ปฏิบัติมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม

ชอื่ นายภูริณฐั ปันแกว้

ที่อยู่ บา้ นทุ่งมา่ นเหนอื หม่ทู ี่ ๑๓ ตำบลเวยี งกาหลง
อำเภอเวยี งป่าเป้า จงั หวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 0880316150

142

สมุนไพรพืน้ บา้ นรกั ษาโรค

คำว่า สมุนไพร ตามพระราชบัญญัติหมายความถึง ยาที่ได้
จากพชื สตั ว์ และแร่ ซง่ึ ยังมไิ ด้ชมกี ารผสมปรุงหรือแปรสภาพ (ยกเวน้ การทำ
ให้แห้ง) เช่น พืชก็ยังคงเป็นส่วนของราก ลำต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ยังไม่ได้
ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใดๆ เช่น การหั่น การบด การกลั่น การสกัดแยก
รวมทั้งการผสมกับสารอื่นๆ แต่ในทางการค้า สมุนไพรมักจะถูกดัดแปลง
ในรูปแบบ ต่างๆ เช่น ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กลง บดให้เป็นผง อัดให้เป็นแท่ง
หรือปอกเปลือกออก เป็นต้น เมื่อพูดถึงสมุนไพร คนทั่วๆ ไปมักจะนึกถึง
เฉพาะพืชท่นี ำมาใชป้ ระโยชน์ในทางยา ทงั้ น้ีเพราะ สตั ว์ และแรม่ ีการใช้น้อย
จะใชเ้ ฉพาะในโรคบางชนดิ เท่าน้นั

สมุนไพร คือ ของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้กับ
มวลมนุษยชาติ มนุษย์เรารู้จักใช้สมุนไพรในด้านการบำบัด
รักษาโรค ในประเทศไทยมีภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเจริญ
งอกงามของพืชนานาชนดิ โดยเฉพาะพืชสมนุ ไพรมีอยู่ มากมายเปน็
แสนๆ ชนิด ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและจากการเพาะปลูก
บางชนิดก็ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาแผนปัจจุบัน สมุนไพร
หลายชนิด ถูกนำมาใชใ้ นรูปของยากลางบ้าน คนไทยไม่เพียงแต่ใช้
พืชสมุนไพรเปน็ ยารกั ษาโรคเท่านนั้ แต่ไดน้ ำมาดดั แปลงเพอื่ บรโิ ภค
ในรูปของอาหารและเคร่ืองด่มื สมนุ ไพร

ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยนั้นมีรากฐานมานานนับร้อยนับพันปี อารยธรรมต่างๆ
ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ในการแสดงถึงชาติ แสดงถึงเผ่าพันธุ์ และความเป็นผู้ที่เจริญแล้ว สิ่งหนึ่งที่แสดง
ออกมาไดเ้ ป็นอย่างดกี ค็ อื ศิลปะทีผ่ สมผสานและผกู พันอยใู่ นการใช้ชีวติ ประจำวนั ของคนไทยนั่นเอง ศิลปะดงั กล่าว
รวมไปถึงเรอ่ื งการกินอยู่ดว้ ย

ตวั อย่าง : ยาสมุนไพรสลายน่ิวในไต สรรพคุณเปน็ ยาขับปัสสาวะ
ถ้าเป็นนิ่ว นิ่วก็จะหลุดออกมาโดยไม่ต้องผา่ ตัดประกอบด้วยตวั ย
ตัวยา ดงั นี้

❖ รากมะนาว
❖ รากมะพร้าวไฟ
❖ เงา่ สับปะรด
❖ รากมะเฟือง และต้วยาอื่นๆ

ผ้ทู ีถ่ ือปฏิบตั ิมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม

ช่อื หมอธวัช เลยี ลา ประธานชมรมหมอเมืองเวยี งกาหลง

ท่ีอยู่ ตำบลเวยี งกาหลง อำเภอเวยี งปา่ เปา้ จงั หวดั เชียงราย

โทรศัพท์ 0635752654

143

เครอื่ งปน้ั ดนิ เผาเวยี งกาหลง

เวียงกาหลงปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ศึกษา เพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ

เครื่องป้ันดินเผา ตลอดจนความเป็นมา คือสถานที่สำคญั ทางประวัติศาสตร์แหลง่ เตาเผายิ่งใหญ่เมืองโบราณนาม
เวียงกาหลง เป็นเมืองโบราณ ที่สร้างมา 2,000 กว่าปีมาแล้ว มีการค้นพบเตาเผา ประมาณ 3,000 กว่าเตา

ที่ไม่มีข้อมูลการค้นพบเตาเผาโบราณที่ไหนมาก่อน
ในประเทศไทย และคาดว่าเครื่องปั้นดินเผาเวียงกาหลง
เป็นทีร่ ู้จักมาตง้ั แตพ่ ทุ ธศตวรรษท่ี 19 - 26 และรุง่ โรจน์จน

เป็นที่รู้จักของนักสะสมในปี พ.ศ.2467 เป็นต้นมา
เนื่องจากเครื่องเคลือบของเวียงกาหลง เป็นเครื่องเคลือบ
ทีม่ ีคณุ ภาพ ประณตี สวยงาม มีเอกลกั ษณโ์ ดดเดน่ เฉพาะตัว

มนี ้ำหนักเบา ลายเส้นคมชัด ดูแล้วไม่เบอ่ื ตา

ปัจจุบันเครื่องปั้นดินเผาเวียงกาหลงเน้นรูปแบบลวดลาย
อันเป็นเอกลักษณ์ 4 แบบ ซึ่งเป็นที่นิยมของนักสะสม และผู้ที่ชอบ
นำไปตกแต่งอาคารบ้านเรือน คือ ลายศรีโคมคำ ลวดลายสัตว์ป่า
หิมพานต์ ลวดลายดอกกา และลวดลายปลา ซึ่งทุกลวดลาย
บนภาชนะล้วนสะท้อนเรือ่ งราวในพระพุทธศาสนาทั้งสิน้ ความเป็น
เอกลักษณ์ของผลติ ภณั ฑเ์ หล่านี้ไดส้ รา้ งชื่อเสียงมาสู่จังหวัดเชียงราย
และประเทศไทย

ชอ่ื เสยี งของตำบลเวียงกาหลขจรขจายออกไปจนเปน็ ที่รู้จกั อยา่ งกว้างขวาง ปัจจบุ ันเครื่องปัน้ ดินเผาเวียง
กาหลง ที่นี่ประยุกต์ลวดลาย สร้างความสวยงามของภาชนะอย่างสมสัดส่วนและลงตัว โดยเฉพาะความละเอียด
ของเน้อื ดินและการขึ้นรูปทม่ี คี วามบางเบา เพราะใชเ้ นือ้ ดนิ ที่มีคุณภาพสูง เรยี กว่า “ดินดำ” ทีส่ ันนิษฐานว่ามีอายุ
ไมต่ ่ำกว่า 1,000 ปี และมแี หง่ เดยี วในประเทศไทยด้วย ทำให้งานทอี่ อกมามเี นอื้ ผิวละเอียดออ่ น นับเป็นสุดยอด
หัตถกรรมของเครอื่ งปั้นดนิ เผาทมี่ ีความได้เปรยี บกวา่ กล่มุ เตาเผาอนื่

สำหรับขั้นตอนของการทำเครื่องปั้นดินเผาเวียงกาหลง มีการนำดินดำมาขึ้นเป็นรูปทรงเสร็จแล้ว
จะนำไปเผาในอุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส จากนั้นจะนำมาเขียนลวดลายด้วยสีแร่ธรรมชาติ และนำไปชุบน้ำ
เคลือบก่อนจะนำไปเผาต่อที่อุณหภูมิ 1,220-1,250 องศาเซลเซียส จนเสร็จสิ้นกระบวนการก็จะได้
เครอื่ งป้นั ดนิ เผาท่ีคงคณุ ค่าความงามทางศิลปะและความเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั

ผทู้ ่ถี อื ปฏบิ ตั ิมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม
ช่ือ นายสขุ นริ ันดร์ นันตะ๊
ท่ีอยู่ หมูท่ ี่ 5 ตำบลปา่ ส่าน อำเภอเวียงปา่ เปา้

จังหวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศพั ท์ 0810314080

"รถล้อเลื่อนไม้" 144

หรือเรียกกันติดปากว่า "ฟอร์มูล่าม้ง" ปีใหม่เท่านั้น จะเป็นการเล่นของเด็กและผู้ใหญ่
ซึง่ สมัยกอ่ นม้งไมม่ ีรถ หรอื ยวด ยานพาหนะใชใ้ นการเดนิ ทาง
เป็นภูมิปัญญาของชาวเขาที่ดัดแปลง มาจาก และไม่มีของเล่นให้กับเด็กๆ ได้เล่นกนั เนื่องจากอยู่หา่ งไกล
รถเข็นผลผลิตทางการเกษตร แต่ปัจจุบัน ความเจริญมาก ดังนั้นไม่สามารถที่จะหาซื้อของเล่นให้
ร ถล ้ อ เ ล ื ่ อ น ไม ้ ถู ก แ ท น ท ี ่ ด ้ วย ร ถ ย น ต์ กับเด็กๆ เล่นได้ ดังนั้นผู้ใหญ่จึงได้คิดค้นสร้างรถข้ึน
และจักรยานยนต์ไปแล้ว เหลือเพียงการละเล่น ต่อมาจึงได้มีการนำมาขี่แข่งขันกัน และได้มีวิวัฒนาการ
และแข่งขันกันเพื่อความสนุกสนานในหมู่เพ่อื น ที่จะพัฒนาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้ผู้ใหญ่สามารถทีจ่ ะเล่น
ฝูงกลุ่มเล็กๆภายในหมู่บ้าน และขยายเป็น รถล้อเลื่อไม้ได้ จึงได้มีการประกวดแข่งขันกันว่า รถคันไหน
การแข่งขนั กันระหวา่ งหมบู่ ้าน ไปไกลทสี่ ุด และรถคนั ไหนตกแต่งได้สวยงามท่สี ดุ

โดยการแข่งขันได้มีนักแข่งขันล้อเลื่อนของชนเผ่าต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวนมาก
ต่างร่วมกันลงชิงชัย ในการแข่งขันล้อเลื่อนชนเผ่า หรือโกลคลาสม้ง ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปและพี่น้อง
ชาติพันธุ์เข้าร่วมการแข่งขันกัน รวมทั้งนักแข่งขันโกคาสม้งมืออาชีพจากทั่วภาคเหนือเข้าร่วมชิงชัย
ซงึ่ บรรยากาศเปน็ ไปอยา่ งคกึ คกั สรา้ งความสนุกสนานให้กบั ผู้เข้าชมกันเปน็ อย่างมาก

ผ้ทู ถ่ี ือปฏิบัติมรดกภูมปิ ญั ญทางวัฒนธรรม
ชอ่ื นายอิสระ อัศวะเจริญกลุ
ทีอ่ ยู่ แมต่ ะละ ตำบลสันสลี

อำเภอเวียงปา่ เป้า จงั หวัดเชยี งราย
โทรศพั ท์ -

คำ ข วั ญ อำ เ ภ อ แ ม่ จั น

พระธาตุกู่แก้วคู่บ้าน
แม่น้ำจันคู่เมือง ลิ้นจี่หวานลือเลื่อง

รุ่งเรืองวัฒนธรรม

สภาวัฒนธรรมอำเภอแม่จัน

146

อำเภอแมจ่ ัน

ประวัตคิ วามเปน็ มา

อำเภอแม่จันเดิมเป็นเพียงหมู่บ้านหรือตำบลหนึ่งในเขตควบคุมของเมืองเชียงแสนหลวง
ตามพงศาวดารโยนก กลา่ ววา่ เมอื งเชียงแสนมีพืน้ ท่คี รอบคลมุ บริเวณท่รี าบลมุ่ เชียงแสนท้ังหมด ซึง่ มีอาณาเขต
ทก่ี วา้ งขวางตอ่ มาเมืองเชียงแสนหลวงได้เกดิ นำท่วมบ่อย ๆ ปีหนึง่ นำจะทว่ มเป็นเวลาหลายเดือน ชาวบ้านแถบ
นี้ที่มีอาชีพเพาะปลูกและทำนาไม่สามารถที่จะทำนาได้จึงพากันอพยพลงมาทางใต้ ประมาณ 25 กิโลเมตร
มาอยู่ที่ "บ้านขิ" (ซึ่งปัจจุบันคือ บ้านแม่คี หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 9 ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน) ซึ่งมีบริเวณ
เปน็ ทีร่ าบลุ่มกวา้ งมีแม่นำไหลผา่ น ทำเลดี เหมาะแกก่ ารเพาะปลูกและทำนา และยงั มชี าวบ้านมาตั้งบ้านเรือน
ก่อนแล้วเกอื บ 400 หลงั คาเรือน ประกอบกับเปน็ เสน้ ทางค้าขายยงั รัฐฉาณและยูนาน และตอ่ มาชาวบา้ นเมือง
เชยี งแสนหลวงก็อพยพมาอยู่ร่วมกนั ท่ีบ้านขเิ พมิ่ มากขนึ้

ในปี พ.ศ. 2424 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ทรงโปรดเกลา้ ให้เจ้าอินต๊ะ ซ่ึงครองเมือง
ลำพนู เมืองลำปาง และเจา้ กาวิละ เจา้ ผู้ครองนครเชยี งใหม่ นำราษฎรจากเชียงใหม่ประมาณ 1,500 ครวั เรือน
ไปตั้งถิ่นฐานที่เมืองเชียงแสนหลวง และพระราชทานบรรดาศักดิ์เจ้าอินต๊ะ เป็น พระยาเดช ดำรงตำแหน่ง
เจา้ เมอื งเชียงแสน ในปี พ.ศ. 2437

ในปี พ.ศ. 2442 เป็นปีกุน (ช้าง) จุลศักราช 1261 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ นายไชยวงศ์
บุตรของพระยาราชเดชดำรง (เจ้าอินต๊ะ) เป็นพระยาราชเดชดำรง สืบตระกูลแทนบิดา เป็นนายอำเภอแม่จัน
ที่เรียกว่า "แขวงเชียงแสนหลวง" คนแรก ซึ่งย้ายมาจากเมืองเชียงแสน มาต้ังอยู่ที่อำเภอแม่จัน โดยใช้ชื่อว่า
"แขวงเชียงแสนหลวง" (แม่จัน) ในครั้งแรกมาตั้งอาคารที่ว่าการอยู่ที่หมู่บ้านแม่คี เพราะบ้านแม่คีสมัยนั้นเป็น
หมู่บ้านใหญ่ เป็นศูนย์กลางการคมนาคม และการค้าแลกเปลี่ยนสินค้า จากนั้นได้ย้ายที่อาคารที่ทำการแขวง
เชียงแสนหลวง (อำเภอแม่จัน) จากหมู่บ้านแม่คีลงมาทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร มาสร้างอาคารที่ว่าการ
แขวงเชียงแสนหลวงใหม่ที่ริมฝั่งแม่นำจัน ตำบลเวียงกาสา จนถึงปี พ.ศ. 2452 เป็นปีเปิกเล้า จุลศักราช
1271 ไดเ้ ปล่ยี นชื่อจาก "แขวงเชียงแสนหลวง" มาเปน็ "อำเภอแม่จัน" ตง้ั แต่บดั น้ันเป็นตน้ มา

1. ลักษณะทางกายภาพ

อำเภอแมจ่ นั มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอขา้ งเคยี ง ดังน้ี
▪ ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอแมฟ่ ้าหลวง อำเภอแมส่ าย และอำเภอเชียงแสน
▪ ทิศตะวันออก ติดตอ่ กบั อำเภอเชยี งแสน อำเภอดอยหลวง และอำเภอเวยี งเชียงรุ้ง
▪ ทศิ ใต้ ติดต่อกบั อำเภอเมอื งเชียงราย
▪ ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กบั อำเภอแม่ฟ้าหลวง
2. ลักษณะภูมปิ ระเทศ

สภาพลักษณะภูมิประเทศของเทศบาลตำบลแม่จัน มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มระหว่างหุบเขา
โดยมีแม่น้ำจันซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของอำเภอแม่จัน ไหลเข้าสู่ตัวเทศบาลตำบลทางทิศตะวันตก แล้วไหลวิ่ง
ขึ้นทิศเหนอื ขนาบเทศบาลฝ่ังทิศตะวนั ตก (ตามภาพ) และไหลออกจากเทศบาลไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ลงสู่แม่นำ้ โขงตอ่ ไป

3. ลักษณะภมู ิอากาศ
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม รวม 3 เดือน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ

27 องศาเซลเซยี ส อณุ หภูมสิ งู สดุ ประมาณ 39 องศาเซลเซยี ส
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน – เดือนตุลาคม รวม 5 เดือน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ

27 องศาเซลเซยี ส อณุ หภมู ิสูงสุดประมาณ 39 องศาเซลเซยี ส
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ รวม 4 เดือน อุณหภูมิเฉล่ีย

ประมาณ 7- 10 องศาเซลเซียส

แหล่งท่องเทยี่ ว 147

โป่งน้ำรอ้ น
ตั้งอยู่ท่ีบ้านโป่งน้ำร้อน หมู่ 11 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน
จงั หวดั เชยี งราย อยู่ระหวา่ งทางไปดอยแมส่ ลองสายใหม่ เป็นสถานที่
ท่องเที่ยวหลักของตำบล และอำเภอ แม่จัน โดยสร้างเป็นสวนหย่อม
ใจริมทาง สำหรับเป็นจุดแวะพักรถระหว่างทางไป-กลับดอยแม่สลอง
เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่สวยงาม ภายในบริเวณโป่งน้ำร้อนมีลานน้ำพุร้อน
ซึ่งมีความสูงถึง 10 เมตร อุณหภูมิของน้ำอยู่ระหว่าง 70-109
องศาเซลเซยี ส โดยสร้างฐานคอนกรีตล้อมบรเิ วณน้ำพรุ อ้ น

นำ้ ตกตาดทอง
ตั้งอยู่ที่บ้านป่าตึง หมู่ 7 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัด
เชียงรำย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่อยู่ใกล้ ที่ว่าการอำเภอแม่จัน
อย่างมาก โดยมีระยะทางห่างไปเพียงแค่ ๖ กิโลเมตร มีความร่มรื่น
อย่างมาก

นำ้ ตกหว้ ยก้างปลา
น้ำตกห้วยก้างปลาเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดใน เพราะ
ลักษณะของน้ำตกห้วยก้างปลามีธรรมชาติล้อมรอบ น้ำใส
สะอาดบรรยากาศที่หน้าท่องเที่ยวในหน้าร้อน น้ำตกห้วย
ก้างปลาจะมีนักท่องเที่ยว เข้าไปเยี่ยมชมในช่วงเดือนมีนาคม
ถึงเดือนเมษายน เป็นจำนวนมากและถึงแม้การเดินทางไปถึง
นำ้ ตกหว้ ยก้างปลาจะไม่สะดวกมากนกั ต้องเดนิ เทา้

ลานทองอทุ ธยานวัฒนธรรมลมุ่ น้ำโขง
ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 12 ของทางหลวงหมายเลข 1089 (แม่จัน
- ท่าตอน) ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 36 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว่า
400 ไร่ จัดเป็นหมู่บ้านทางวัฒนธรรม เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตความ
เป็นอยู่ของคนบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นหุบเขา
และลำห้วยขุนน้ำแม่จัน มีอุทยานไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์
ห้อมล้อมด้วยไร่ชา และสวนดอกท้อ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ ขี่ช้าง
นั่งเกวียน มีการแสดงของช้าง การสาธิตต่าง ๆ เช่น การทำเครื่องเงิน
เครื่องจกั สาน การทำกระดาษสา การปั่นฝา้ ยทอผา้ งานเยบ็ ปกั


Click to View FlipBook Version