The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรวิทยาศาสตร์ 2563-วัดกลางฉบับสมบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bifrean, 2022-06-14 10:01:41

หลักสูตรวิทยาศาสตร์ 2563-วัดกลางฉบับสมบูรณ์

หลักสูตรวิทยาศาสตร์ 2563-วัดกลางฉบับสมบูรณ์

หลักสูตรโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563

ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551

กลุ่มสาระการเรยี นรู้
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

สำนกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาปทมุ ธานีเขต 1
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563

คำนำ

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดทำหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยี ฉบับนี้ ซึ่งเป็นเอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวัดกลางคลองสาม พุทธศักราช 2563 ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อเป็นเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และ
กระบวนการจัดการเรียนรู้ เพอื่ เปน็ กรอบและทศิ ทางในการจัดการเรยี นการสอน ให้ตรงตามมาตรฐาน ตัวชีว้ ดั และสาระ
การเรียนรู้ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยพิจารณาตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดกลางคลองสาม พุทธศักราช
2563 ซึง่ มีองคป์ ระกอบดงั น้ี

- วิสยั ทัศน์ หลักการ จุดหมาย
- สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
- คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
- คณุ ภาพผู้เรยี น
- ตวั ช้ีวดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- รายวิชาทีเ่ ปิด
- คำอธบิ ายรายวิชาและโครงสรา้ งรายวิชาพนื้ ฐาน
- คำอธิบายรายวิชาและโครงสรา้ งรายวิชาเพิ่มเตมิ
- สื่อ/แหล่งเรยี นรู้
- การวดั และประเมินผลการเรียนรู้
คณะผ้จู ดั ทำขอขอบคณุ ผู้ทมี่ ีส่วนร่วมในการพัฒนาและจัดทำหลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยีและเทคโนโลยี ฉบับนี้ จนสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดประโยชน์ต่อการ จัดการ
เรียนรู้ใหก้ บั ผู้เรียนต่อไป

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คณะผู้จัดทำ

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563

สารบัญ หน้า

คำนำ 1
สารบัญ 1
วสิ ัยทัศน์ 2
หลกั การ 3
จุดหมาย 4
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 5
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 7
ทำไมต้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ 8
เรยี นรอู้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์ 9
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 11
ทกั ษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 22
คณุ ภาพผู้เรยี น 112
ตวั ซ้ีวดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 114
รายวชิ าทีเ่ ปิดสอน 136
คำอธิบายรายวชิ าและโครงสร้างรายวชิ าพ้ืนฐาน 149
คำอธบิ ายรายวิชาและโครงสรา้ งรายวชิ าเพมิ่ เติม 150
ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ 168
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 169
ภาคผนวก 173

อภธิ านศพั ท์
คณะผจู้ ดั ทำ

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี



เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 1

วสิ ยั ทัศน์

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งเสรมิ ผู้เรียนใหม้ กี ารพัฒนาทักษะกระบวนการ คิดข้ัน
สูง เพอื่ นำไปสคู่ วามเป็นเลิศทางวชิ าการ มเี จตคตทิ ีเ่ หมาะสมต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร้คู ุณค่าของ ภูมิปัญญา
ไทย

หลกั การ

1. พัฒนาความรู้ ความสามารถทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ตามศักยภาพของผู้เรียน และสามารถ นำไป
เป็นเครื่องมอื ในการเรียนรสู้ ่งิ ต่าง ๆ และเป็นพ้นื ฐานสำหรับการศึกษาตอ่

2. จัดกิจกรรมกระบวนการเรียนรู้อย่างหลากหลายต่อเนื่อง ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการ เรียนรู้
อย่างมคี วามสขุ

3. จดั แผนการเรียนการสอนให้แก่ผเู้ รียน เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนได้มโี อกาสเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตาม
ความถนัดและความสนใจ

4. พัฒนาบุคลากรของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้มีความรู้และทักษะตลอดจน นำ
ประสบการณม์ าใชใ้ นการเรยี นการสอนโดยเน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ

5. มีการนิเทศและติดตามอยา่ งเป็นระบบในดา้ นการเรยี นการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
6. จัดการเรียนการสอนโดยการสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ในทุกรายวิชาอย่างเป็นรูปธรรม จัด กิจกรรม

วิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใหน้ กั เรยี นกล้าแสดงออก และไดป้ ฏบิ ัติกจิ กรรมต่าง ๆ ตามความ
ถนดั และความสนใจ
7. จัดกิจกรรมนำเสนอผลงานนักเรียน - ครู ในงานนิทรรศการทางวชิ าการภายในโรงเรยี น
8. สนบั สนุน ส่งเสริมให้ครู ผลติ สอ่ื และนวตั กรรมประกอบการเรียนการสอนตามเนือ้ หาการเรียนรู้
9. จัดกิจกรรมส่งเสริม พัฒนาผู้เรียนที่มีความสามารถ และช่วยเหลือผู้เรียนที่มีปัญหาด้านการเรียน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
10. วัดผลและประเมินผลตามสภาพจริง ด้วยวิธีการที่หลากหลายให้ครอบคลุมทั้งทางด้านความรู้ ทักษะ/
กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 |2

จุดมุ่งหมาย

กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มุง่ พฒั นาผู้เรยี นให้เปน็ คนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพใน
การศึกษาตอ่ และประกอบอาชีพ และผูเ้ รยี นมคี ุณภาพตามเกณฑ์ของคุณภาพผ้เู รียนกลุ่มสาระ การเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยี เมอ่ื จบการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ดังนี้

1. มีคณุ ภาพตามเกณฑ์ของคุณภาพผู้เรียนกลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
2. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมทพ่ี ึงประสงค์ เหน็ คุณค่าของตนเอง มีวนิ ยั และปฏบิ ตั ติ นตาม หลกั ธรรมของ

พระพุทธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนบั ถือ ยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
3. มีความรู้ ความสามารถในการสอื่ สาร การคดิ การแก้ปญั หา การใช้เทคโนโลยี และมที กั ษะชวี ิต
4. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตท่ดี ี มีสุขนิสยั และรักการออกกำลงั กาย
5. มีความรกั ชาติ มีจติ สานึกในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ยดึ มน่ั ในวิถีชวี ิต และการปกครองตาม ระบอบ

ประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข
6. มจี ติ สานึกในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย การอนรุ ักษ์และพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ ม มจี ติ สาธารณะที่มุง่ ทำ

ประโยชน์และสร้างส่ิงท่ดี ีงามในลังคม และอย่รู ่วมกันในสงั คมอยา่ งมีความสขุ

หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 |3

สมรรถนะสำคัญของ ผู้เรยี น

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มุ่งพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ัน
พนื้ ฐานม่งุ เน้นพัฒนาผเู้ รียนให้มีคณุ ภาพตามมาตรฐานทีก่ ำหนด ซงึ่ จะช่วยให้ผเู้ รยี นเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ
ดังน้ี

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มวี ัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอด
ความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และ
ประสบการณอ์ นั จะเปน็ ประโยชนต์ ่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้งั การเจรจาตอ่ รองเพือ่ ขจัดและลด
ปญั หาความขัดแย้งตา่ ง ๆ การเลือกรับหรอื ไมร่ ับขอ้ มลู ข่าวสารดว้ ยหลักเหตุผลและความ ถูกต้อง ตลอดจน
การเลอื กใช้วธิ ีการสื่อสารทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบทมี่ ตี ่อตนเองและ สังคม

2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคดิ ลังเคราะห์ การคดิ อยา่ ง สร้างสรรค์
การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ เพอ่ื นำไปสู่การสรา้ งองค์ความรหู้ รอื สารสนเทศเพื่อการ
ตดั สินใจเกย่ี วกับตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่าง
ถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ ความสัมพันธ์และการ
เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกตค์ วามรู้มา ใช้ในการปอ้ งกนั และแกไข
ปญั หา และมีการตัดสนิ ใจทีม่ ีประสิทธิภาพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบท่เี กดิ ขึ้น ต่อตนเอง สงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต เปน็ ความสามารถในการนำกระบวนการตา่ ง ๆ ไปใชใ้ นการ ดำเนนิ ชีวติ
ประจำจัน การเรยี นรู้ด้วยตนเอง การเรียนรอู้ ย่างตอ่ เน่ือง การทำงาน และการอยูร่ ว่ มกัน ในสังคมด้วยการ
สร้างเสริมความสัมพันธ์อันตรี ะหว่างบคุ คล การจัดการปัญหาและความขดั แย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การ
ปรับตัวให้ทนั กบั การเปลี่ยนแปลงของสังคมและความขดั แย้งต่าง ๆ อย่าง เหมาะสม การปรับตัวให้ทนั กบั
การเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผล
กระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือกและใชเ้ ทคโนโลยดี า้ นตา่ ง ๆ และมี ทกั ษะ
กระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพฒั นาตนเองและสงั คมในดา้ นการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การ
แกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถูกตอ้ งเหมาะสมและมีคณุ ธรรม

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี



คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทย และพลโลก ตามหลักสูตร แกนกลาง
การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน ดังนี้

1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย นิยมไทย ปฏิบัติตามคำสั่งสอน ของ
ศาสนาเคารพเทิดทูนศาสนา แสดงความจงรักภักดี เทิดทูนพระเกียรติและพระราชกรณียกิจของ
พระมหากษตั รยิ ์

2. ซ่ือสัตยส์ ุจริต หมายถงึ การประพฤตปิ ฏบิ ตั อิ ยา่ งเหมาะสม และตรงตอ่ ความเปน็ จรงิ ประพฤตปิ ฏิบตั ิ อย่าง
ตรงไปตรงมา ทั้งกาย วาจา ใจ ต่อตนเองและผู้อืน่ รวมตลอดท้ังตอ่ หนา้ ที่การงานและคำมั่น สัญญา ความ
ประพฤติที่ตรงไปตรงมาและจริงใจในส่ิงที่ถูกที่ควร ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมรวมไป ถึงการไม่คิดคด
ทรยศ ไมค่ ดโกงและไม่หลอกลวงนอกจากน้ีแล้วความซอ่ื สัตย์สุจริตยังรวมไปถึงการ รกั ษาคำพูดหรือคำม่ัน
สัญญาและการปฏิบัติหน้าที่การงานของตนเองด้วยความรับผิดขอบและด้วย ความซื่อสัตย์ไม่แสวงหา
ผลประโยชน์ใหแ้ กต่ นเองและพวกพ้องดว้ ยการใชอ้ ำนาจหน้าทโ่ี ดยมิขอบซง่ึ ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ น้ีจะดำเนิน
ไปดว้ ยความตั้งใจจรงิ เพอื่ ทำหนา้ ท่ีของตนเองให้สำเรจ็ ลลุ ่วง ดว้ ยความ ระมดั ระวงั และเกิดผลดีต่อตนเอง
และสังคม

3. มีวินัย หมายถึง การควบคุมความประพฤติใหถ้ ูกต้องและเหมาะสมกับจรรยามารยาท ข้อบังคับ ข้อตกลง
กฎหมายและศีลธรรมการรู้จักควบคุมตนเองให้ประพฤติปฏิบัติตามข้อตกลง ข้อบังคับ ระเบียบแบบแผน
และฃนบธรรมเนยี มประเพณีอนั ดีงามย่อมนำมาซึง่ ความสงบสุขในชวี ิตของตน ความเปน็ ระเบียบเรียบร้อย
ของสังคมและประเทศชาติ

4. ใฝ่เรยี นรู้ หมายถึง การค้นควา้ หาความรู้หรือสิง่ ทเ่ี ป็นประโยชน์ เพ่ือพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
5. อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง การมีความพอดีในการบริโภค ไข้ทรัพยากรและเวลาว่างให้เป็นประโยชน์

คำนึงถึงฐานะและเศรษฐกิจ คิดก่อนไข้จ่ายตามความเหมาะสมรู้จักการเพิ่มพูนทรัพย์ ด้วยการเก็บ และ
นำไปไข้ใหเ้ กดิ ประโยชนด์ ูแลรักษาบูรณทรัพยข์ องตนเอง มีการเกบ็ ออมเงนิ ไว้ตามสมควร
6. มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง การศึกษาเรียนรู้เพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่ความจริงในสิ่งท่ี
ต้องการเรียนรู้ หรือต้องการหาคำตอบเพื่อนำคำตอบที่ได้นั้นมาไข้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การ
ยกระดับความรกู้ ารนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน หรอื นำมาสรุปเป็นความจริงได้
7. รักความเป็นไทย หมายถึง เข้าใจ หวงแหนความเป็นไทยซึ่งถือเป็นต้นทุนทางสังคมทำให้ทุกศาสนา
สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติโดยต้องมีการดำเนินชีวิตโดยกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริตเป็น
คุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสังคมและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น ความมีกิริยามารยาท การ
ปรบั ตัว ความตรงต่อเวลา ความสภุ าพ การมีสมั มาคารวะ การพูดจาไพเราะ และอ่อนนอ้ มถอ่ มตน

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี



เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 |5

8. มีจติ สาธารณะ หมายถึง คณุ ลักษณะทางจิตใจของบคุ คลเก่ียวกับการมองเห็นคุณค่า หรือการให้ คุณค่าแก่
การมปี ฏสิ ัมพนั ธท์ างลังคมและสิ่งตา่ ง ๆ ทเี่ ป็นส่งิ สาธารณะทไ่ี ม่มผี ใู้ ดผ้ผู ู้หนึง่ เปน็ เจ้าของ หรือเป็นสง่ิ ทีค่ นใน
สังคมเป็นเจ้าของร่วมกันเป็นสิ่งที่สามารถสังเกตได้จากความรู้สึกนึกคิด หรือการ กระทำที่แสดงออกมา
ได้แก่ การหลีกเลี่ยงการใช้หรือการกระทำท่ีจะทำให้เกิดความชำรุดเสียหายต่อ ส่วนรวมที่ใช้ประโยชน์
ร่วมกันของกลุ่มการถือเป็นหน้าที่ที่จะมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาของส่วนรวม ในวิสัยที่ตนสามารถทำได้
และการเคารพสทิ ธิในการใชข้ องส่วนรวมทเ่ี ปน็ ประโยชนร์ ่วมกันของกลมุ่

ทำไมตอ้ งเรยี นวิทยาศาสตร์

การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ท้ัง
กระบวนการและความรู้ จากวธิ กี ารสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนำผลท่ไี ด้มาจดั ระบบเปน็ หลกั การ
แนวคิด และองคค์ วามรู้การจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์จึงมเี ปา้ หมายที่สำคัญ ดงั นี้

1. เพ่ือให้เขา้ ใจหลกั การ ทฤษฎี และกฎที่เป็นพ้ืนฐานในวิชาวทิ ยาศาสตร์
2. เพือ่ ใหเ้ ข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และขอ้ จำกัดในการศึกษาวชิ าวทิ ยาศาสตร์
3. เพอ่ื ให้มที ักษะทีส่ ำคัญในการศึกษาค้นคว้าและคดิ ค้นทางเทคโนโลยี
4. เพอื่ ให้ตระหนักถงึ ความสมั พันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษยแ์ ละสภาพแวดล้อม ใน
เชงิ ที่มอี ทิ ธิพลและผลกระทบซึง่ กนั และกนั
5. เพื่อนำความรู้ ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชนต์ ่อสงั คมและ การ
ดำรงชีวิต
6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการ ทักษะ ใน
การสื่อสาร และความสามารถในการตดั สินใจ
7. เพ่ือให้เปน็ ผู้ทม่ี จี ิตวทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี
อยา่ งสรา้ งสรรค์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563

เรยี นรอู้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์มงุ่ หวงั ให้ผู้เรียนไดเ้ รยี นร้วู ิทยาศาสตร์ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้
กบั กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการคน้ ควา้ และสร้างองค์ความรู้ โดยใชก้ ระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้
และแก้ปัญหาทหี่ ลากหลาย ให้ผูเ้ รียนมสี ่วนรว่ มในการเรยี นร้ทู กุ ข้ันตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมอื ปฏิบัตจิ ริงอย่าง
หลากหลาย เหมาะสมกับระดับชนั้ โดยกำหนดสาระสำคัญ ดงั น้ี

• วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ เรียนรูเ้ ก่ียวกับ ชีวติ ในส่ิงแวดล้อม องค์ประกอบของส่ิงมชี วี ติ การ
ดำรงชวี ิต ของมนษุ ย์และสตั ว์ การดำรงชีวติ ของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ
และววิ ัฒนาการของ สิง่ มีชวี ติ

• วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ เรยี นร้เู ก่ยี วกบั ธรรมชาตขิ องสาร การเปลีย่ นแปลงของสาร การเคลอ่ื นที่
พลงั งาน และคลน่ื

• วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ เรียนร้เู กย่ี วกับ องคป์ ระกอบของเอกภพ ปฏสิ ัมพนั ธ์ ภายใน
ระบบสรุ ิยะ เทคโนโลยอี วกาศ ระบบโลก การเปล่ียนแปลงทางธรณวี ิทยา กระบวนการ
เปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศ และผลต่อสงิ่ มีชวี ติ และส่ิงแวดลอ้ ม

• เทคโนโลยี
-การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับ เทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ
เปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามรู้และทกั ษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตรแ์ ละศาสตร์อนื่ ๆ เพอื่ แก้ปัญหา
หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่าง
เหมาะสมโดยคำนงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชีวติ สงั คม และสิ่งแวดล้อม
-วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกย่ี วกบั การคดิ เชิงคำนวณ การคิดวเิ คราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและ เป็น
ระบบ ประยุกต์ใช้ความร้ดู า้ นวทิ ยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร ในการ แกป้ ัญหาที่
พบในชีวิตจริงได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

• วิทยาศาสตรเ์ พ่มิ เตมิ ผู้เรียนจะได้เรยี นรสู้ าระสำคญั ดังน้ี
- ชีววิทยา เรียนรู้เก่ียวกับ การศึกษาชีววิทยา สารท่ีเป็นองค์ประกอบของส่ิงมีชีวิต เซลล์
ของสิ่งมีชีวิต พันธุกรรมและการถ่ายทอด วิวัฒนาการ ความหลากหลายทางชีวภาพ โครงสร้างและ
การทำงาน ของส่วนต่าง ๆ ในพืชดอก ระบบและการทำงานในอวัยวะต่าง ๆ ของสัตว์ และมนุษย์
และส่ิงมีชีวิตและ ส่ิงแวดล้อม
- เคมี เรียนรู้เก่ียวกับ ปริมาณสาร องค์ประกอบและสมบัติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร
ทักษะและการแก้ปัญหาทางเคมี
- ฟิสิกส์ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติและการค้นพบทางฟิสิกส์ แรงและการเคลื่อนที่และ
พลังงาน
- โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกและกระบวนการเปลี่ยนแปลงทาง
ธรณีวิทยา ข้อมูลทางธรณีวิทยาและการนำไปใช้ประโยชน์ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนของโลก
การเปลี่ยนแปลง ลักษณะลมฟ้าอากาศกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ โลกในเอกภพ และดาราศาสตร์
กับมนุษย์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี



เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 |8

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้

สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต

และความสัมพันธร์ ะหว่างสิงมีชีวิตกบั สิง่ มีชีวิตตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลงแทนที่ใน
ระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปญั หาและผลกระทบทม่ี ตี อ่ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มแนวทางในการ
อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและการแกไิ ขปัญหาส่งิ แวดล้อม รวมทงั้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องสิ่งมีชวี ิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออก จาก
เซลล์ ความสมั พันธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท่ขี องระบบตา่ ง ๆของสัตวแ์ ละมนษุ ย์ทที่ ำงานสัมพันธก์ ัน ความสมั พันธ์ของ
โครงสร้างและหน้าท่ขี องอวยั วะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธก์ ัน รวมทัง้ นำความรูใ้ ปใช้ ประโยชน์

มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร
พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ ของ
ส่ิงมีชีวิต รวมทง้ั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสมบัติของสสาร กับ

โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิด
สารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี

มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคล่ือนท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพนั ธ์
ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณท์ ีเ่ กี่ยวขอ้ ง กบั เลียง แสง และ
คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพกาแล็กซี ดาว

ฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทั้งปฏิสัมพนั ธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะท่สี ่งผลตอ่ ส่งิ มชี วี ิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบและความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก

และบนผิวโลก ธรณพี บิ ตั ภิ ยั กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศโลก รวมทง้ั ผล ต่อสงิ่ มีชวี ติ และ
สิ่งแวดล้อม

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 |9

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พื่อการดำรงชวี ิตในสังคมท่มี กี ารเปลยี่ นแปลง อยา่ งรวดเร็ว ใช้

ความรู้และทกั ษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่นื ๆ เพอ่ื แก้ปญั หาหรือ พฒั นางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์

ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอยา่ ง เหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม และ

สง่ิ แวดลอ้ ม

มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็น ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ

ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรกู้ ารทำงาน และการแก้ปัญหาได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทัน และมี

จรยิ ธรรม

ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

การศกึ ษาทางวิทยาศาสตร์คือ การศกึ ษาเกี่ยวกบั ทกุ ๆ ส่ิงที่อยู่รอบตัวอยา่ งมรี ะเบยี บแบบแผน เพอ่ื ให้ได้ข้อสรปุ และ
สามารถนำความรู้ที่ได้มาอธิบายปญั หาตา่ ง ๆ ซึง่ การจะตอบหรืออธิบายปัญหาท่สี งสยั ได้ นั้นจำเป็นต้องมีทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (science process skill) หมายถึง ความสามารถ และความ ชำนาญ
ในการคิด เพื่อค้นหาความรู้ และการแก้ไขปญั หา โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อาทิ การสังเกต การวัด การ
คำนวณ การจำแนก การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา การจดั กระทำ และสื่อความหมาย ขอ้ มลู การลงความ
คิดเห็น การพยากรณ์ การตง้ั สมมติฐาน การกำหนดนยิ าม การกำหนดตัวแปร การทดลอง การวิเคราะห์ และแปรผล
ข้อมูล การสรุปผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ 13 ทักษะ
แบง่ เปน็ 2 ระดับ คือ

1. ระดบั ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขน้ั พน้ื ฐาน 8 ทกั ษะ เป็นทักษะเพ่อื การแสวงหา ความรู้
ทวั่ ไป ประกอบด้วย

ทักษะท่ี 1 การสังเกต (Observing) หมายถึง การใช้ประสาทสมั ผสั ของรา่ งกายอยา่ งใดอย่างหน่งึ หรือ
หลายอยา่ ง ได้แก่ หู ตา จมกู ลนิ้ กายสัมผสั เขา้ สัมผสั กับวตั ถุหรือเหตุการณ์เพ่ือใหท้ ราบ และรบั ร้ขู อ้ มูล รายละเอยี ด
ของสิงเหลา่ น้นั โดยปราศจากความคดิ เห็นสว่ นตน ข้อมลู เหลา่ นจ้ี ะประกอบดว้ ย ข้อมูลเชิง คณุ ภาพ เชิงปริมาณ และ
รายละเอยี ดการเปลย่ี นแปลงท่ีเกิดข้ึนจากการสงั เกต

ทักษะที่ 2 การวดั (Measuring) หมายถึง การใชเ้ ครื่องมือสำหรบั การวดั ข้อมลู ในเชงิ ปริมาณของสิ่ง ตา่ ง ๆ
เพอ่ื ใหไ้ ด้ขอ้ มลู เป็นตวั เลขในหน่วยการวดั ทถ่ี ูกต้อง แม่นยำได้ ท้งั นี้ การใช้เครือ่ งมอื จำเปน็ ต้องเลอื กใช้ ใหเ้ หมาะสมกบั
ส่ิงทีต่ ้องการวดั รวมถงึ เขา้ ใจวธิ ีการวัด และแสดงขัน้ ตอนการวดั ไดอ้ ย่างถกู ต้อง

ทักษะ ท่ี 3 การคำนวณ (Using numbers) หมายถึง การนับจำนวนของวตั ถุ และการน่าตัวเลขทีไ่ ด้ จาก
นบั และตวั เลขจากการวดั มาคำนวณดว้ ยสตู รคณิตศาสตร์ เชน่ การบวก การลบ การคณู การหาร เป็นต้น โดยการเกดิ
ทกั ษะการคำนวณจะแสดงออกจากการนบั ที่ถกู ต้อง สว่ นการคำนวณจะแสดงออกจากการเลอื ก สตู รคณติ ศาสตร์ การ
แสดงวธิ คี ำนวณ และการคำนวณท่ีถกู ต้อง แมน่ ยำ

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี



เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พุทธศกั ราช 2563 I 10

ทักษะที่ 4 การจำแนกประเภท (Classifying) หมายถึง การเรียงลำดับ และการแบ่งกลุ่มวัตถุหรือ
รายละเอียดข้อมูลดว้ ยเกณฑ์ความแตกตา่ งหรือความสม้ พนั ธใ์ ด ๆอยา่ งใดอย่างหนง่ึ

ทักษะที่ 5 การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา (Using space/Time
relationships) สเปลของวัตถุ หมายถึง ที่ว่างที่วัตถุนัน้ ครองอยู่ ซึ่งอาจมีรูปร่างเหมือนกันหรือแตกตา่ งกบั วตั ถุ นั้น
โดยทว่ั ไปแบง่ เปน็ 3 มิติ คอื ความกว้าง ความยาว และความสูง ความสม้ พนั ธร์ ะหวา่ งสเปลกับสเปลของ วัตถุ ได้แก่
ความส้มพันธ์ระหว่าง 3 มิติ กับ 2 มิติ ความส้มพันธ์ระหว่างตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุหนึ่งกับวัตถุหนึ่ง ความส้มพันธ์
ระหว่างสเปลของวัตถุกับเวลา ได้แก่ ความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของวัตถุกับ ช่วงเวลา หรือ
ความสมั พนั ธ์ของสเปลของวัตถุที่เปลีย่ นไปกับช่วงเวลา

ทักษะที่ 6 การจัดกระทำ และสื่อความหมายข้อมูล (Communication) หมายถึง การน่าขอ้ มูลทีไ่ ด้ จาก
การสังเกต และการวัด มาจัดกระทำให้มีความหมาย โดยการหาความถี่ การเรียงลำดับ การจัดกลุ่ม การ คำนวณคา่
เพื่อให้ผ้อู ่นื เขา้ ใจความหมายไดด้ ีขึ้น ผ่านการเสนอในรปู แบบของตาราง แผนภมู ิ วงจร เขยี นหรือ บรรยาย เปน็ ต้น

ทกั ษะที่ 7 การลงความเห็นจากขอ้ มลู (Inferring) หมายถงึ การเพิ่มความคิดเหน็ ของตนต่อข้อมูลที่ ได้จาก
การสังเกตอย่างมีเหตผุ ลจากพ้นื ฐานความรู้หรอื ประสบการณท์ ่มี ี

ทกั ษะท่ี 8 การพยากรณ์ (Predicting) หมายถึง การทำนายหรือการคาดคะเนคำตอบ โดยอาศัย ข้อมูลท่ีได้
จากการสังเกตหรือการทำซา้ํ ผ่านกระบวนการแปรความหายของขอ้ มลู จากสัมพันธภ์ ายใต้ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์

2. ระดับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ 5 ทักษะ เป็นทักษะกระบวนการขั้นสูงที่ มี
ความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อแสวงหาความรู้ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้ันพื้นฐาน เป็นพื้นฐาน ในการ
พฒั นา ประกอบด้วย

ทักษะท่ี 9 การตั้งสมมตฐิ าน (Formulating hypotheses) หมายถงึ การตงั้ คำถามหรอื คดิ คำตอบ ล่วงหน้า
กอ่ นการทดลองเพ่ืออธิบายหาความสมั พันธ์ระหวา่ งตวั แปรตา่ ง ๆ ว่ามคี วามสัมพันธ์อย่างไรโดย สมมติฐานสรา้ งข้ึนจะ
อาศัยการสังเกต ความรู้ และประสบการณ์ภายใตห้ ลกั การ กฎ หรอื ทฤษฎีท่ีสามารถ อธิบายคำตอบได้

ทักษะที่ 10 การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ (Defining operationally) หมายถึง การกำหนด และ
อธิบายความหมาย และขอบเขตของคำตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้องกบั การศึกษาหรือการทดลองเพือ่ ให้เกิดความเขา้ ใจ ตรงกัน
ระหว่างบคุ คล

ทักษะที่ 11 การกำหนด และควบคุมตัวแปร (Identifying and controlling variables) หมายถึง การ
บง่ ชี้ และกำหนดลักษณะตวั แปรใด ๆใหเ้ ปน็ เปน็ ตวั แปรอสิ ระหรือตวั แปรต้น และตวั แปรใด ๆใหเ้ ป็นตวั แปรตาม และ
ตัวแปรใด ๆให้เปน็ ตวั แปรควบคุม

ทักษะที่ 12 การทดลอง (Experimenting) หมายถึง กระบวนการปฏิบัติ และทำซํ้าในขั้นตอนเพื่อหา
คำตอบจากสมมติฐาน แบง่ เปน็ 3 ขน้ั ตอน คือ

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี



เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 11

1. การออกแบบการทดลอง หมายถึง การวางแผนการทดลองกอ่ นการทดลองจริง ๆ เพ่ือกำหนดวธิ ีการ และ
ข้ันตอนการทดลองท่สี ามารถดำเนินการไดจ้ รงิ รวมถึงวิธีการแก่ไขปญหาอุปสรรคท่ีอาจเกดิ ขึ้นขณะทำ การทดลอง
เพื่อใหก้ ารทดลองสามารถดำเนินการให้สำเรจ็ ลุลว่ งดว้ ยดี

2. การปฏิบัตกิ ารทดลอง หมายถงึ การปฏิบตั กิ ารทดลองจริง
3. การบันทกึ ผลการทดลอง หมายถงึ การจดบนั ทกึ ข้อมลู ท่ไี ดจ้ ากการทดลองซึ่งอาจเป็นผลจากการ สังเกต การ
วัดและอนื่ ๆ

ทักษะท่ี 13 การตีความหมายข้อมูล และการลงข้อมูล (Interpreting data and conclusion)
หมายถงึ การแปรความหมายหรอื การบรรยายลกั ษณะและสมบัติของข้อมลู ทมี่ อี ยู่ การตีความหมายข้อมลู ใน บางคร้ัง
อาจต้องใชท้ ักษะอนื่ ๆ เช่น ทักษะการสงั เกต ทกั ษะการคำนวณ

คณุ ภาพผเู้ รยี น

• รายวิชาพืน้ ฐาน

จบชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3
♦♦♦ เขา้ ใจลกั ษณะทวั่ ไปของสงิ่ มชี วี ิตและการดำรงชีวติ ของส่ิงมชี ีวติ รอบตัว
♦♦♦ เข้าใจลักษณะที่ปรากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุ และการเปลี่ยนแปลง ของ

วัสดุรอบตวั
♦♦♦ เข้าใจการดึง การผลัก แรงแม่เหล็ก และผลของแรงที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถุ

พลังงานไฟฟ้า และการผลติ ไฟฟ้า การเกิดเสียง แสงและการมองเห็น
♦♦♦ เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ปรากฏการณก์ ารข้ึนและตก ของดวง อาทิตย์

การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ลักษณะของหิน การจำแนกชนิดดิน และการใช้ประโยชน์ ลักษณะและ
ความสำคญั ของอากาศ การเกดิ ลม ประโยชน์และโทษของลม

♦♦♦ ตง้ั คำถามหรือกำหนดปัญหาเกีย่ วกับส่ิงท่ีจะเรยี นรู้ตามทีก่ ำหนดใหห้ รือตามความสนใจ สังเกต สำรวจ
ตรวจสอบโดยใช้เครือ่ งมอื อย่างง่าย รวบรวมข้อมลู บันทกึ และอธบิ ายผลการสำรวจ ตรวจสอบด้วยการเขยี นหรือวาด
ภาพ และสื่อสารสิ่งทีเ่ รยี นรู้ด้วยการเล่าเร่ือง หรือด้วยการแสดง ท่าทางเพอื่ ให้ผู้อื่นเข้าใจ

♦♦♦ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการ
ส่ือสารเบ้อื งตน้ รกั ษาขอ้ มลู สว่ นตัว

♦♦♦ แสดงความกระตอื รือรน้ สนใจที่จะเรยี นร้มู ีความคิดสร้างสรรค์เก่ียวกับเร่อื งทจี่ ะศกึ ษาตามท่ี กำหนดให้
หรอื ตามความสนใจ มีส่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ และยอมรับฟ้ง ความคิดเห็นผ้อู ่นื

♦♦♦ แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมายอยา่ งม่งุ มน่ั รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงาน
ลุลว่ งเป็นผลสำเรจ็ และทำงานร่วมกับผอู้ นื่ อยา่ งมีความสุข

♦♦♦ ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องการใช้ความรแู้ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการ ดำรงชวี ติ ศกึ ษา หา
ความรู้เพิม่ เตมิ ทำโครงงานหรอื ช้ินงานตามทก่ี ำหนดให้หรอื ตามความสนใจ

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 12

จบชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6
♦♦♦ เขา้ ใจโครงสร้าง ลกั ษณะเฉพาะการปรบั ตวั ของสง่ิ มชี ีวติ รวมทั้งความสัมพันธ์ของ สิ่งมีชีวิตใน แหลง่ ที่

อยู่ การทำหน้าท่ีของสว่ นต่าง ๆ ของพืช และการทำงานของระบบย่อยอาหาร ของมนษุ ย์
♦♦♦ เข้าใจสมบัตแิ ละการจำแนกกล่มุ ของวสั ดุ สถานะและการเปล่ียนสถานะของสสาร การละลาย การ

เปลยี่ นแปลงทางเคมี การเปลยี่ นแปลงท่ีผนั กลับได้และผนั กลบั ไม่ได้ และการแยกสาร อยา่ งง่าย
♦♦♦ เข้าใจลักษณะของแรงโนม้ ถ่วงของโลก แรงลัพธ์ แรงเสยี ดทาน แรงไฟฟา้ และ ผลของแรงตา่ ง ๆ ผลท่ี

เกดิ จากแรงกระทำตอ่ วตั ถุ ความดนั หลกั การทีม่ ตี อ่ วัตถุ วงจรไฟฟ้าอยา่ งงา่ ย ปรากฏการณเ์ บื้องตน้ ของเสยี ง และแสง
♦♦♦ เขา้ ใจปรากฏการณ์การขน้ึ และตก รวมถึงการเปล่ยี นแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ องค์ประกอบ

ของระบบสรุ ิยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกตา่ งของ ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การ ช้ินและตกของกลุ่ม
ดาวฤกษ์ การใช้แผนทีด่ าว การเกิดอุปราคา พฒั นาการและประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ

♦♦♦ เขา้ ใจลักษณะของแหล่งน้ำ วฏั จักรนํา้ กระบวนการเกดิ เมฆ หมอก นํ้าคา้ ง นำ้ คา้ งแขง็ หยาดน้ํา ฟ้า
กระบวนการเกดิ หนิ วัฏจกั รหิน การใชป้ ระโยชน์หินและแร่ การเกิด ซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลมบก ลม ทะเล มรสุม
ลกั ษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณพี บิ ตั ิภัย การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์ เรอื นกระจก

♦♦♦ ค้นหาข้อมูลอย่างมปี ระสทิ ธิภาพและประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื ตดั สินใจเลือกขอ้ มลู ใช้เหตุผลเชิง ตรรกะ
ในการแกป้ ัญหา ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการทำงานรว่ มกนั เขา้ ใจสิทธิและหน้าที่ของ ตน เคารพสิทธิ
ของผู้อ่ืน

♦♦♦ ต้งั คำถามหรือกำหนดปัญหาเกย่ี วกบั สิ่งทีจ่ ะเรยี นร้ตู ามทีก่ ำหนดให้หรอื ตามความสนใจ คาดคะเน
คำตอบหลายแนวทาง สรา้ งสมมติฐานท่สี อดคลอ้ งกับคำถามหรือปัญหา ทีจ่ ะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและ สำรวจ
ตรวจสอบโดยใช้เครือ่ งมอื อปุ กรณ์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ ท่เี หมาะสม ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทงั้ เชิงปริมาณและ
คุณภาพ

♦♦♦ วิเคราะหข์ อ้ มูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพนั ธ์ของขอ้ มูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบใน รปู แบบ
ท่ีเหมาะสม เพือ่ สื่อสารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบได้อย่างมี เหตุผลและหลักฐานอา้ งองิ

♦♦♦ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรือ่ งทีจ่ ะศกึ ษาตาม ความ
สนใจของตนเอง แสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง ยอมรับในข้อมลู ท่มี ี หลักฐานอา้ งอิง และรับฟังความ คดิ เห็นผอู้ นื่

♦♦♦ แสดงความรับผดิ ขอบดว้ ยการทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมายอย่างมงุ่ มนั่ รอบคอบ ประหยดั ซอื่ สัตย์ จนงาน
ลลุ ่วงเป็นผลสำเร็จ และทำงานร่วมกบั ผอู้ ื่นอย่างสร้างสรรค์

♦♦♦ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความรู้และ กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต แสดงความชืน่ ชม ยกย่อง และเคารพสิทธใิ นผลงาน ของผู้คิดค้นและศึกษาหา ความรู้
เพ่ิมเติม ทำโครงงานหรือชนิ้ งานตามทก่ี ำหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ

♦♦♦ แสดงถึงความซาบซึ้ง หว่ งใย แสดงพฤติกรรมเก่ียวกบั การใช้ การดูแลรักษา ทรพั ยากรธรรมซาติ และ
สง่ิ แวดลอ้ มอย่างร้คู ณุ คา่

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 13

จบช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3
♦♦♦ เข้าใจลักษณะและองค์ประกอบที่สำคัญของเซลลส์ ิ่งมชี ีวิต ความสัมพันธ์ของการ ทำงานของ ระบบ

ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ การดำรงชีวิตของพืช การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของ ยีนหรือ
โครโมโซม และตัวอย่างโรคท่ีเกดิ จากการเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรม ประโยชน์และผลกระทบของ สิ่งมีชีวิตดัดแปร
พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ ปฏิสัมพันธ์ ขององค์ประกอบของระบบนิเวศและการ ถ่ายทอดพลังงานใน
ส่งิ มชี ีวิต

♦♦♦ เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของธาตุ สารละลาย สารบริสุทธ สารผสม หลักการแยกสาร การ
เปล่ยี นแปลงของสารในรูปแบบของการเปลีย่ นสถานะ การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี และ สมบัติทาง
กายภาพ และการใชป้ ระโยซน์ของวสั ดุประเภทพอสเิ มอร์ เซรามกิ และวสั ดุผสม

♦♦♦ เข้าใจการเคลื่อนที่ แรงลัพธ์และผลของแรงลัพธ์กระทำต่อวัตถุ โมเมนต์ของแรง แรงที่ปรากฏใน
ชวี ิตประจำวนั สนามของแรง ความสัมพันธข์ องงาน พลังงานจลน์ พลังงานศกั ย์โน้มถ่วง กฎการอนรุ ักษ์ พลังงาน การ
ถา่ ยโอนพลังงาน สมดุลความรอ้ น ความสัมพนั ธข์ องปริมาณทางไฟฟ้า การตอ่ วงจรไฟฟ้าในบ้าน พลังงานไฟฟ้า และ
หลักการเบือ้ งต้นของวงจรอเิ ล็กทรอนิกส์

♦♦♦ เขา้ ใจสมบัติของคลน่ื และลักษณะของคล่ืนแบบต่าง ๆ แสง การสะท้อน การหักเหของแสงและ
ทัศนอปุ กรณ์

♦♦♦ เขา้ ใจการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดู การเคลื่อนที่ ปรากฏของดวงอาทิตย์ การ
เกิดข้างขึ้นข้างแรม การขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเกิดน้ำขึ้นน้ำลง ประโยชน์ฃองเทคโนโลยีอวกาศ และ
ความก้าวหนา้ ของโครงการสำรวจอวกาศ

♦♦♦ เข้าใจลักษณะของชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบและปัจจัยที่มีผลต่อลมฟ้าอากาศ การเกิดและ
ผลกระทบของพายุฟ้าคะนอง พายุหมุนเขตร้อน การพยากรณ์อากาศ สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศโลก
กระบวนการเกิดเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และการใช้ประโยชน์ พลังงานทดแทนและการใช้ประโยชน์ ลักษณะ
โครงสรา้ งภายในโลก กระบวนการเปลีย่ นแปลง ทางธรณีวิทยาบนผิวโลก ลักษณะชน้ื หน้าตดั ดนิ กระบวนการเกิดดิน
แหล่งน้ำผิวดนิ แหลง่ นำ้ ใตด้ นิ กระบวนการเกดิ และผลกระทบของภัยธรรมชาติ และธรณพี ิบัตภิ ยั

♦♦♦ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยี
ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกบั ศาสตรอ์ ื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือ คณติ ศาสตร์ วเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และ
ตดั สนิ ใจเพอื่ เลอื กใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถงึ ผลกระทบ ต่อชวี ติ สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ ทกั ษะ และ
ทรัพยากรเพื่อออกแบบและสร้างผลงานสำหรับการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน หรือการประกอบอาชีพ โดยใช้
กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย
รวมท้ัง คำนึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา

♦♦♦ นำข้อมูลปฐมภมู ิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศได้ ตาม
วัตถุประสงค์ ใชท้ ักษะการคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชีวิตจริง และเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย เพื่อชว่ ยในการ
แกป้ ญั หา ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร อย่างรเู้ ท่าทนั และรับผิดชอบตอ่ สงั คม

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 14

♦♦♦ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่เชื่อมโยงกับพยานหลักฐาน หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่มี การ
กำหนดและควบคมุ ตวั แปร คิดคาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐาน ที่สามารถนำไปสู่การสำรวจ ตรวจสอบ
ออกแบบและลงมอื สำรวจตรวจสอบโดยใช้วสั ดแุ ละเครอ่ื งมอื ท่เี หมาะสม เลอื กใช้เครื่องมอื และ เทคโนโลยีสารสนเทศ
ทเ่ี หมาะสมในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ทั้งในเชงิ ปรมิ าณและคณุ ภาพที่ได้ผลเทย่ี งตรงและปลอดภัย

♦♦♦ วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของข้อมูลท่ีได้จากการสำรวจตรวจสอบจาก พยานหลักฐาน
โดยใชค้ วามร้แู ละหลักการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการแปลความหมายและลงขอ้ สรปุ และสื่อสาร ความคดิ ความรู้ จากผล
การสำรวจตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ หรือใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือให้ผ้อู นื่ เข้าใจได้อย่างเหมาะสม

♦♦♦ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมัน่ รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในสิ่งที่จะเรียนรู้มีความคิด สร้างสรรค์
เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เครื่องมือและวิธีการ ที่ให้ใด้ผลถูกต้อง เชื่อถือได้ ศึกษา
ค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นของตนเอง รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น และยอมรับการ
เปลย่ี นแปลงความรู้ที่ค้นพบ เมอื่ มีข้อมูล และประจักษพ์ ยานใหมเ่ พิ่มข้ึนหรือโต้แย้งจากเดิม

♦♦♦ ตระหนกั ในคณุ คา่ ของความรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ใี่ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั ใช้ความรู้และ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวติ และการประกอบอาชพี แสดงความชนื่ ชม ยกย่อง และ
เคารพสิทธใิ นผลงานของผคู้ ิดคน้ เขา้ ใจผลกระทบท้งั ดา้ นบวกและดา้ นลบของการพัฒนาทางวิทยาศาสตรต์ ่อสง่ิ แวดลอ้ ม
และตอ่ บริบทอ่ืน ๆ และศึกษาหาความรู้ เพ่ิมเติม ทำโครงงานหรือสรา้ งชิ้นงานตาม ความสนใจ

♦♦♦ แสดงถงึ ความซาบซึง้ ห่วงใย มีพฤติกรรมเกย่ี วกับการดูแลรกั ษาความสมดลุ ของระบบนเิ วศ และความ
หลากหลายทางชีวภาพ

จบชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
♦♦♦ เข้าใจการลำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ กลไกการรกั ษาดลุ ยภาพของมนษุ ย์ ภมู คิ ุ้มกันในร่างกาย

ของมนุษย์และความผดิ ปกติของระบบภูมิค้มุ กัน การใชป้ ระโยชน์จากสาร ต่าง ๆ ที่พืชสร้างขน้ึ การถา่ ยทอดลักษณะ
ทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม วิวัฒนาการ ที่ทำให้เกิดความหลากหลายของ สิ่งมีชีวติ ความสำคัญ
และผลของเทคโนโลยที างดีเอ็นเอตอ่ มนุษย์ สงิ่ มชี ีวติ และสิง่ แวดล้อม

♦♦♦ เขา้ ใจความหลากหลายของใบโอมในเขตภูมิศาสตรต์ า่ ง ๆ ของโลก การเปลยี่ นแปลง แทนที่ใน ระบบ
นิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และการแก้ไขปญั หาสิ่งแวดลอ้ ม

♦♦♦ เขา้ ใจชนดิ ของอนุภาคสำคัญทีเ่ ป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบางประการของธาตุ การ
จัดเรียงธาตุในตารางธาตุ ชนิดของแรงยดึ เหนีย่ วระหว่างอนุภาคและสมบตั ิ ต่าง ๆ ของสารที่มี ความสัมพันธ์กับแรง
ยึดเหนยี่ ว พันธะเคมี โครงสรา้ งและสมบตั ิของพอสิเมอร์ การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ปัจจัยทม่ี ี ผลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยา
เคมี และการเขียนสมการเคมี

♦♦♦ เขา้ ใจปรมิ าณทเี่ กยี่ วกับการเคล่อื นที่ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรง มวลและความเร่งผลของ ความเร่งที่มี

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 15

ตอ่ การเคล่ือนทีแ่ บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพนั ธ์ ระหว่าง สนามแม่เหล็กและกระแสไฟฟา้
และแรงภายในนวิ เคลียส

♦♦♦ เข้าใจพลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลี่ยนพลังงานทดแทน เป็น
พลงั งานไฟฟ้า เทคโนโลยดี ้านพลงั งาน การสะทอ้ น การหักเห การเล้ยี วเบน และการรวมคล่ืน การได้ยนิ ปรากฏการณ์
ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับเสยี ง สกี ับการมองเหน็ สี คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า และประโยชนข์ องคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า

♦♦♦ เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีท่ี
สัมพนั ธก์ บั การเกดิ ลักษณะธรณสี ัณฐาน สาเหตุ กระบวนการเกิดแผน่ ดนิ ไหว ภเู ขาไฟ ระเบิด ลีนามิ ผลกระทบ แนว
ทางการเฝ้าระวัง และการปฏิบัตติ นให้ปลอดภยั

♦♦♦ เข้าใจผลของแรงเน่อื งจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ แรงคอริออลิส ทีม่ ีตอ่ การ หมนุ เวียนของ
อากาศ การหมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละติจูด และผลทมี่ ตี อ่ ภมู ิอากาศ ความสัมพนั ธ์ของ การหมุนเวยี นของอากาศ
และการหมนุ เวยี นของกระแสนำ้ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ ร และผลต่อลักษณะลมฟ้า อากาศ ส่ิงมชี วี ติ และสิ่งแวดล้อม ปจั จัย
ตา่ ง ๆ ที่มผี ลต่อการเปลีย่ นแปลง ภมู ิอากาศโลก และแนวปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ลดกิจกรรมของมนุษยท์ ส่ี ่งผลตอ่ การเปลยี่ นแปลง
ภมู ิอากาศโลก รวมท้ังการแปลความหมายสญั ลักษณล์ ม ฟ้าอากาศทีส่ ำคัญจากแผนท่ีอากาศ และขอ้ มูลสารสนเทศ

♦♦♦ เขา้ ใจการกำเนิดและการเปลย่ี นแปลงพลงั งาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานท่ี สนับสนนุ
ทฤษฎีบกิ แบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสรา้ งและองค์ประกอบของ กาแลก็ ซีทางขา้ งเผือก กระบวนการเกดิ และการ
สรา้ งพลังงาน ปจั จยั ทีส่ ่งผลตอ่ ความสอ่ งสวา่ งของ ดาวฤกษ์ และความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งความส่องสวา่ งกับโชตมิ าตรของ
ดาวฤกษ์ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสี อุณหภูมผิ ิว และสเปกตรัมของดาว ฤกษ์วิวฒั นาการและการเปลีย่ นแปลงสมบัติบาง
ประการของ ดาวฤกษก์ ระบวนการเกิดระบบสุรยิ ะ การแบง่ เขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ ทเี่ อ้ือ
ตอ่ การดำรงชีวิต การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผล ทม่ี ตี อ่ โลก รวมทั้งการสำรวจอวกาศและ การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี
อวกาศ

♦♦♦ ระบปุ ญั หา ตง้ั คำถามที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมีการกำหนดความสมั พนั ธร์ ะหว่าง ตัวแปรต่าง ๆ
สืบคน้ ข้อมูลจากหลายแหล่ง ตง้ั สมมติฐานที่เป็นไปไดห้ ลายแนวทาง ตดั สนิ ใจเสือก ตรวจสอบสมมตฐิ านที่ เป็นไปได้

♦♦♦ ต้ังคำถามหรือกำหนดปัญหาทอี่ ยู่บนพน้ื ฐานของความรแู้ ละความเขา้ ใจทางวิทยาศาสตร์ ท่ี
แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การใช้ความคิดระดบั สงู ทีส่ ามารถสำรวจตรวจสอบหรือศกึ ษาค้นคว้า ไคอ้ ย่างครอบคลมุ และ เชอื่ ถือได้
สร้างสมมตฐิ านท่มี ที ฤษฎีรองรับหรอื คาดการณ์สิ่งทีจ่ ะพบ เพ่ือนำ ไปสู่การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบวิธีการสำรวจ
ตรวจสอบตามสมมตฐิ านที่กำหนดไว้ไคอ้ ยา่ งเหมาะสม มหี ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ เสือก วัสดุ อุปกรณ์ รวมทัง้ วธิ กี ารในการ
สำรวจตรวจสอบอยา่ งถกู ตอ้ ง ทงั้ ในเชิงปริมาณและคณุ ภาพ และบนั ทกึ ผลการสำรวจตรวจสอบอย่างเปน็ ระบบ

♦♦♦ วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมลู และประเมนิ ความสอดคลอ้ งของข้อสรุปเพื่อตรวจสอบกบั สมมติฐาน
ทตี่ ง้ั ไว้ ให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ือปรับปรงุ วธิ ีการสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำขอ้ มลู และนำเสนอข้อมูล ดว้ ยเทคนิควิธที ี่
เหมาะสม ส่อื สารแนวคดิ ความร้จู ากผลการสำรวจตรวจสอบ โดยการพดู เขียน จัดแสดง หรือใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อใหผ้ ูอ้ ่ืนเข้าใจโดยมีหลกั ฐานอา้ งองิ หรือมที ฤษฎรี องรบั

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 16

♦♦♦ แสดงถึงความสนใจ มุ่งม่ัน รบั ผิดขอบ รอบคอบ และชอื่ สตั ย์ในการสืบเสาะหาความรู้ โดย ใชเ้ ครอ่ื งมือ
และวธิ กี ารทใี่ ห้ได้ผลถกู ต้อง เชื่อถือได้ มเี หตุผลและยอมรบั ไดว้ า่ ความรู้ ทางวิทยาศาสตรอ์ าจมี การเปลีย่ นแปลงได้

♦♦♦ แสดงถึงความพอใจและเหน็ คณุ ค่าในการค้นพบความรู้ พบคำตอบ หรอื แก้ปญั หาได้ ทำงานรว่ มกบั ผู้อื่น
อย่างสรา้ งสรรค์ แสดงความคดิ เหน็ โดยมีข้อมลู อ้างองิ และเหตุผลประกอบ เกยี่ วกบั ผลของการพัฒนาและการใช้
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคณุ ธรรมต่อสังคม และส่ิงแวดล้อม และยอมรบั ฟ้งความ คดิ เหน็ ของผอู้ ่นื

♦♦♦ เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ของความรู้วทิ ยาศาสตร์ทม่ี ีผลตอ่ การพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆและการพฒั นา
เทคโนโลยที ่สี ่งผลใหม้ กี ารคดิ คน้ ความร้ทู างวิทยาศาสตร์ท่ีก้าวหนา้ ผลของเทคโนโลยีตอ่ ชีวิต สงั คม และสง่ิ แวดล้อม

♦♦♦ ตระหนักถึงความสำคัญและเหน็ คุณคา่ ของความรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ใช้
ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีในการดำรงชวี ติ และการประกอบอาชีพ แสดงความช่ืนชม ภมู ิใจ
ยกย่อง อ้างองิ ผลงาน ช้นิ งานที่เป็นผลมาจาก ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ และการพัฒนาเทคโนโลยีทที่ ันสมัย ศกึ ษาหาความรู้
เพม่ิ เตมิ ทำโครงงานหรือ สร้างชน้ิ งานตามความสนใจ

♦♦♦ แสดงความซาบซ้ึง หว่ งใย มีพฤติกรรมเกีย่ วกบั การใช้และรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติและ สงิ่ แวดลอ้ ม
อยา่ งรคู้ ณุ คา่ เสนอตัวเองร่วมมอื ปฏบิ ตั กิ บั ขุมชนในการปอ้ งกนั ดแู ล ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมของทอ้ งถน่ิ

♦♦♦ วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยีที่ซับช้อน การเปลี่ยนแปลงของ
เทคโนโลยี ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ วิเคราะห์
เปรียบเทียบ และตัดสนิ ใจเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบ ต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดลอ้ ม
ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ ทรัพยากรเพื่อออกแบบ สร้างหรือพัฒนาผลงาน สำหรับแก้ปัญหาท่ีมี ผลกระทบต่อสังคม
โดยใช้กระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนำเสนอ ผลงาน เลือกใช้วัสดุ
อปุ กรณ์ และ เครอื่ งมอื ไดอ้ ย่างถกู ต้อง เหมาะสม ปลอดภยั รวมทัง้ คำนงึ ถึงทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา

♦♦♦ใช้ความรูท้ างดา้ นวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดจิ ทิ ัล เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร เพ่ือรวบรวม
ข้อมลู ในชวี ิตจรงิ จากแหลง่ ต่าง ๆ และความรู้จากศาสตร์อื่น มาประยุกตใ์ ช้ สร้างความรู้ใหม่ เขา้ ใจ การเปล่ียนแปลง
ของเทคโนโลยีทมี่ ีผลตอ่ การดำเนินชีวิต อาชพี สังคม วฒั นธรรม และใช้อยา่ งปลอดภยั มจี ริยธรรม

• รายวชิ าเพ่มิ เตมิ

สาระชีววทิ ยา
1. เขา้ ใจธรรมชาตขิ องส่ิงมชี ีวติ การศึกษาชีววิทยาและวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ สารที่เป็น องคป์ ระกอบของ

สิ่งมีชวี ิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต กล้องจุลทรรศน์โครงสร้างและ หน้าที่ของเซลล์ การลำเลียงสารเข้าและ
ออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์

2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทขัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานข้อมูลและแนวคิด เกี่ยวกับวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิต
ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลาย ทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความ
หลากหลายของส่งิ มีชวี ติ และอนุกรมวธิ าน รวมท้งั นำความรู้ ไปใช้ประโยชน์

3. เขา้ ใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายนํ้าฃองพืช การลำเลยี งของพืช การ สังเคราะห์
ด้วยแสง การสบื พันธขุ์ องพืชดอกและการเจรญิ เตบิ โต และการตอบสนองของพชื รวมท้ังนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 17

4. เขา้ ใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปล่ียนแกส๊ การลำเลียงสารและการ
หมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การเคลื่อนที่ การสืบพันธุ์ และการ
เจรญิ เติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดลุ ยภาพ และพฤตกิ รรม ของสัตว์ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

5. เข้าใจแนวคิดเก่ียวกับระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวยี น สารในระบบ นิเวศ
ความหลากหลายของไบโอม การเปลย่ี นแปลงแทนทขี่ องสิ่งมีชีวติ ในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบ การเพ่มิ ของ
ประชากร ทรัพยากรธรรมซาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาและ ผลกระทบทีเ่ กิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการ
แก้ไขปัญหา
สาระเคมี

1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบัติของ สาร
แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนำความรู้ ไปใช้
ประโยชน์

2. เขา้ ใจการเขียนและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสมั พนั ธใ์ นปฏิกริ ิยาเคมี อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมดุลใน
ปฏิกริ ิยาเคมี สมบตั ิและปฏกิ ริ ิยาของกรด-เบส ปฏกิ ิริยารีดอกซแ์ ละเซลลเ์ คมี ไฟฟ้า รวมทงั้ การนำ ความรไู้ ปใช้
ประโยชน์

3. เขา้ ใจหลักการทำปฏบิ ตั ิการเคมี การจดั ปรมิ าณสาร หนว่ ยจดั และการเปล่ยี นหนว่ ย การคำนวณ ปรมิ าณ
ของสาร ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย รวมท้งั การบูรณาการความรแู้ ละทกั ษะ ในการอธิบาย ปรากฏการณใ์ น
ชีวติ ประจำวนั และการแกป้ ัญหาทางเคมี
สาระฟิสิกส์

1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรงแรงและกฎการเคลื่อนที่
ของนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวตั ถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลงั งานกล โมเมนตมั และ
กฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตมั การเคล่ือนท่แี นวโคง้ รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

2. เขา้ ใจการเคลื่อนทแ่ี บบฮาร์มอนิกส์อยา่ งงา่ ย ธรรมชาตขิ องคล่นื เลียงและ การไค้ยิน ปรากฏการณ์ ท่ี
เก่ยี วขอ้ งกับเลยี ง แสงและการเห็น ปรากฏการณท์ เี่ ก่ยี วข้องกับแสง รวมทงั้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมษ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟ ฟ้า และกฎ ของ
โอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทน เป็นพลังงานไฟฟ้า
สนามแม่เหล็ก แรงแมเ่ หล็กที่กระทำกับประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ การเหน่ยี วนำ แมเ่ หล็กไฟฟ้าและกฎ ของฟารา
เดย์ ไฟฟ้ากระแสสลบั คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และการสือ่ สาร รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

4. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกบั การเปล่ียนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพยืดหยุน่ ของ วัสดุ
และมอตุลสั ของยงั ความดันในของไหล แรงพยุง และหลักของอารค์ ิมีดีส ความตงึ ผวิ และแรงหนืดของ ของเหลว ของ
ไหลอดุ มคติ และสมการแบร์นลู ลี กฎของแกส๊ ทฤษฎีจลน์ ของแก๊สอุดมคติและพลังงานใน ระบบ ทฤษฎีอะตอมของ
โบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะ ของคลื่นและอนภุ าค ก้มมันตภาพรังสี แรงนิวเคลียร์ ปฏิกิริยานิวเคลียร์
พลังงานนวิ เคลียร์ ฟิสกิ ส์ อนภุ าค รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 18

สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
1. เข้าใจกระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก ธรณพี ิบัติภยั และผลต่อส่ิงมชี ีวิต และสง่ิ แวดล้อม รวมท้ัง

การศกึ ษาลำดับชนั้ หิน ทรัพยากรธรณี แผนที่ และการนำไปใช้ประโยชน์
2. เข้าใจสมดุลพลงั งานของโลก การหมนุ เวยี นของอากาศบนโลก การหมนุ เวยี นของนํ้า ในมหาสมทุ ร การ

เกดิ เมฆ การเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลกและผลต่อส่ิงมชี ีวติ และสงิ่ แวดล้อม รวมทงั้ การพยากรณ์อากาศ
3. เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ

ระบบสุริยะ ความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์จากการศึกษาตำแหน่ง ดาวบนทรงกลมฟ้าและปฏิสัมพันธ์
ภายในระบบสรุ ิยะ รวมทง้ั การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ในการดำรงชีวติ

ผ้เู รยี นทเ่ี รยี นครบทุกผลการเรยี นรู้ มีคุณภาพดงั น้ี
♦♦♦ เข้าใจวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับส่ิงมีชีวิต สารที่เป็น องค์ประกอบของ

สิ่งมีชีวิต และปฏิกริ ิยาเคมีภายในเซลล์ การใช้กล้องจุลทรรศน์ โครงสร้าง และหน้าทีข่ องเซลล์ การลำเลียง สารเขา้
และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์

♦♦♦ เข้าใจหลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต การถ่ายทอดยีน บนออโตโซมและ
โครโมโซมเพศ โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ การจำลองดีเอ็นเอ กระบวนการสังเคราะห์ โปรตนี
การเกดิ มิวเทชนั ในส่ิงมชี ีวติ หลกั การและการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยี ทางดีเอ็นเอ หลักฐานและขอ้ มลู ที่ ใช้ในการศึกษา
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แนวคิดเกี่ยวกับ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เงื่อนไขของภาวะสมดุลของ ฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก
กระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่ ของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ลักษณะสำคัญของ
สิ่งมีชีวิต กลุ่มแบคทีเรีย โพรทีสต์ พืช ฟ้งไจ และสัตว์ การจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็น หมวดหมู่ และวิธีการเขียน ซ่ือ
วทิ ยาศาสตร์

♦♦♦ เข้าใจโครงสร้างและสว่ นประกอบของพชื ทั้งราก ลำตน้ และใบ การแลกเปลี่ยนแกส๊ การคายน้ํา การ
ลำเลียงน้ําและธาตุอาหาร การลำเลียงอาหาร การสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื กระบวนการสรา้ งเซลล์ สบื พนั ธ์ุและการ
ปฏสิ นธิของพชื ดอก การเกิดผลและเมล็ด บทบาทของสาร ควบคุมการเจริญเติบโตของพชื และการประยกุ ต์ใช้ และ
การตอบสนองของพชื

♦♦♦ เขา้ ใจกลไกการรักษาดุลยภาพของสิ่งมชี วี ติ โครงสรา้ ง หนา้ ท่ี และกระบวนการ ตา่ ง ๆ ของสตั ว์ และ
มนษุ ย์ได้แก่ การย่อยอาหารการแลกเปลี่ยนแกส๊ การเคลอ่ื นท่ี การกำจัดของเสีย ออกจากร่างกายของ สิง่ มชี วี ิต ระบบ
หมุนเวยี นเลอื ด ระบบภูมิคมุ้ กันในรา่ งกายของมนษุ ย์ การทำงาน ของระบบประสาทและ อวยั วะรับความรูส้ ึก ระบบสืบ
พันธุ การปฏิสนธิ การเจรญิ เตบิ โต ฮอร์โมน และพฤตกิ รรมของสัตว์

♦♦♦ เขา้ ใจกระบวนการถ่ายทอดพลงั งานและการหมุนเวยี นสารในระบบนิเวศ ความหลากหลาย ของไบโอม
การเปลยี่ นแปลงแทนทแี่ บบต่าง ๆ ในระบบนเิ วศ การเปลย่ี นแปลง จำนวนประซากรมนษุ ยใ์ น

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 19

ระดบั ทอ้ งถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก แนวทางการปอ้ งกนั และแก้ใขปัญหาทรพั ยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม
♦♦♦ เขา้ ใจการศึกษาโครงสรา้ งอะตอมของนกั วิทยาศาสตร์ การจดั เรยี งอิเล็กตรอน ในอะตอม สมบัตบิ าง

ประการของธาตุและการจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตุ พนั ธะเคมี สมบตั ขิ องสารที่มคี วามสัมพันธ์กับพนั ธะเคมี กฎต่าง ๆ
ของแก๊ส และสมบัติของแกส๊ ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอนิ ทรีย์ และประเภทและสมบตั ขิ องพอลิเมอร์

♦♦♦ เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี การคำนวณปริมาณสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยา เคมี
อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมีและปัจจัยทม่ี ีผลต่ออัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี สมดุล ในปฏิกิรยิ าเคมีและ ปัจจัยที่มีผลต่อ
สมดุลเคมี ทฤษฎีกรด-เบส สมบัติและปฏกิ ริ ยิ าของกรด-เบส สารละลายบฟั เฟอร์ ปฏิกิริยารดี อกซ์ และเซลล์เคมีไฟฟ้า

♦♦♦ เข้าใจข้อปฏิบัติเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำปฏิบัติการเคมีการเลือกใช้อุปกรณ์หรือ
เครื่องมือในการทำปฏิบัติการ หน่วยจัดและการเปลี่ยนหน่วยวัดด้วยการ ใซ้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่ วย การ คำนวณ
เกีย่ วกบั มวลอะตอม มวลโมเลกุล และมวลสูตร ความสมั พนั ธ์ ของโมล จำนวนอนุภาค มวล และ ปริมาตรของแก๊สท่ี
STP การคำนวณสูตรอย่างง่ายและสูตร โมเลกุลของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย การ เตรียมสารละลาย และ
การบรู ณาการความรแู้ ละ ทักษะในการอธิบายปรากฏการณใ์ นชวี ิตประจำวันและการแก้ปัญหาทางเคมี

♦♦♦ เขา้ ใจธรรมชาติของฟสิ ิกส์ กระบวนการวดั ความสัมพันธ์ระหวา่ งปริมาณที่เก่ียวข้องกับการเคล่ือนที่
การเคลื่อนที่ในแนวตรง แรงลัพธ์ กฎการเคลื่อนที่ แรงเสียดทาน กฎความโน้มถว่ งสากล สนามโน้มถ่วงงาน กฎการ
อนุรกั ษ์พลงั งานกล สมดุลกลของวัตถุ เคร่ืองกลอย่างงา่ ย โมเมนตัมและการดล กฎการ อนุรกั ษโ์ มเมนตมั การชน และ
การเคลื่อนที่ในแนวโคง้

♦♦♦ เข้าใจการเคลือ่ นที่แบบคลื่น ปรากฏการณ์คลื่น การสะท้อน การหักเหการเลี้ยวเบนและการ แทรก
สอด หลกั การของฮอยเกนส์ การเคลือ่ นที่ของคลืน่ เสียง ปรากฏการณ์ ทเี่ กี่ยวข้องกบั เสยี ง ความเขม้ เสียงและระดับ
เสียง การไดย้ นิ ภาพทเ่ี กิดจากกระจกเงาและเลนส์ ปรากฏการณ์ทีเ่ ก่ียวข้องกบั แสงและการ มองเหน็ แสงสี

♦♦♦ เข้าใจสนามไฟฟา้ แรงไฟฟ้า กฎของคูลอมบ์ ศักย์ไฟฟ้า ตวั เก็บประจุ ตัวตา้ นทานและกฎของ โอห์ม
พลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนพลงั งานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน สนามแม่เหล็ก ความสัมพันธ์
ระหว่างสนามแม่เหล็กกับกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็ก ไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับ คลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า และ
ประโยชนข์ องคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า

♦♦♦ เข้าใจผลของความรอ้ นต่อสสาร สภาพยืดหยุ่น ความดนั ในของไหล แรงพยุง ของไหลอุดมคติ ทฤษฎี
จลน์ของแก๊ส แนวคิดควอนตัมของพลังงาน ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิ ภาวะของคลนื่
และอนุภาค การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี ก้มมันตภาพ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงาน นิวเคลียร์ ความสัมพันธ์
ระหว่างมวลและพลงั งาน แรงภายในนิวเคลียส และการคน้ ควา้ วจิ ัยค้านฟิสกิ ส์อนภุ าค

♦♦♦ เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ที่
สมั พนั ธก์ บั การเกิดลักษณะธรณสี ณั ฐานและธรณีโครงสรา้ งแบบตา่ ง ๆ หลกั ฐาน ทางธรณีวิทยาท่พี บใน ปัจจุบันและ
การลำดบั เหตุการณท์ างธรณวี ทิ ยาในอดตี สาเหตุ กระบวนการ เกดิ แผน่ ดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ผลกระทบ แนว
ทางการเฝ้าระวงั และการปฏิบัติตนให้บ่ลอดภัย สมบัติและการจำแนกชนิดของแร่ กระบวนการเกดิ และการจำแนก
ชนดิ หนิ กระบวนการเกดิ และการสำรวจแหลง่ ปีโตรเลียมและถา่ นหนิ การ แปลความหมายจากแผนที่ภมู ิประเทศและ
แผนที่ ธรณีวทิ ยา และการนำข้อมูลทางธรณีวทิ ยาไปใชป้ ระโยชน์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 20

♦♦♦ เข้าใจปัจจัยสำคัญที่มผี ลต่อการรับและปลดปล่อยพลังงานจากดวงอาทิตย์กระบวนการที่ทำให้ เกิด
สมดลุ พลงั งานของโลก ผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอรอิ อลสิ แรงสู่ ศูนย์กลางและแรง
เสยี ดทานทีม่ ีต่อการหมนุ เวยี นของอากาศ การหมนุ เวียน ของอากาศตามเขตละติจูด และผล ทมี่ ีต่อภมู อิ ากาศ ปจั จยั ท่ี
ทำให้เกิดการแบ่งช้ันนํา้ และการหมุนเวียน ของนํ้าในมหาสมุทร รูปแบบการ หมุนเวียนของนํา้ ในมหาสมทุ ร และผล
ของการหมุนเวียนของนํ้า ในมหาสมุทรทีม่ ีต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชวี ิตและสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหวา่ ง
เสถยี รภาพ อากาศและการเกดิ เมฆ การเกดิ แนวปะทะอากาศ แบบตา่ ง ๆ และลักษณะลมฟ้าอากาศท่ีเก่ยี วขอ้ ง ปจั จยั
ต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ ลมฟ้าอากาศ และการ
พยากรณ์ลกั ษณะลมฟ้าอากาศเบอื้ งต้น จากแผน ที่อากาศและขอ้ มูลสารสนเทศ

♦♦♦ เข้าใจการกำเนิดและการเปล่ียนแปลงพลังงาน สสาร ขนาดอุณหภูมิของเอกภพหลกั ฐานท่สี นับสนนุ
ทฤษฎีบกิ แบง ประเภทของกาแลก็ ซี โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของกาแลก็ ซี ทางขา้ งเผอื ก กระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์
และการสรา้ งพลงั งานของดาวฤกษ์ ปจั จยั ทส่ี ่งผลตอ่ ความลอ่ งสวา่ งของดาวฤกษ์ และความสัมพันธร์ ะหวา่ งความล่อง
สวา่ งกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสี อุณหภมู ิผวิ และ สเปกตรัมของดาวฤกษ์ วิธีการหาระยะทาง
ของดาวฤกษ์ ด้วยหลักการแพรัลแลกซ์ วิวัฒนาการและการ เปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์
กระบวนการเกดิ ระบบสุรยิ ะ การแบง่ เขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลกั ษณะของดาวเคราะห์ท่เี ออ้ื ต่อการ ดำรงชีวติ การ
โคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์ด้วยกฎเคพเลอร์ และกฎความโน้มถ่วงของนวิ ตนั โครงสรา้ งของดวงอาทิตย์ การ
เกดิ ลมสุริยะ พายสุ ุริยะและผลท่ีมตี ่อโลก การระบพุ ิกดั ของดาว ในระบบขอบฟ้าและระบบศูนยส์ ูตร เส้นทางการขึ้น
การตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ เวลา สุริยคติ และการเปรียบเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบนโลก การสำรวจ
อวกาศและการประยุกตใ์ ช้ เทคโนโลยีอวกาศ

♦♦♦ ระบุปัญหา ตั้งคำถามที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมีการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง ตัวแปรต่าง ๆ
สืบค้นขอ้ มูลจากหลายแหลง่ ต้งั สมมตฐิ านทเ่ี ปีนไปไคห้ ลายแนวทาง ตดั สนิ ใจเลือก ตรวจสอบสมมตฐิ านท่ี เปน็ ไปได้

♦♦♦ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความรูแ้ ละความเข้าใจทางวทิ ยาศาสตร์ ที่ แสดงให้
เห็นถึงการใช้ความคิดระดับสงู ท่ีสามารถสำรวจตรวจสอบหรอื ศึกษาค้นคว้าได้ อย่างครอบคลุมและ เชื่อถือได้ สร้าง
สมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ เพื่อนำไปสู่การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบวิธีการสำรวจ
ตรวจสอบตามสมมตฐิ านที่กำหนดไว้ได้อยา่ งเหมาะสม มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เลือก วัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการใน
การสำรวจตรวจสอบอยา่ งถกู ต้อง ทั้งในเชงิ ปริมาณและคุณภาพ และบนั ทกึ ผล การสำรวจตรวจสอบอยา่ งเปน็ ระบบ

♦♦♦ วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุปเพื่อตรวจสอบกับ
สมมติฐานที่ตั้งไว้ ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำ ข้อมูลและนำเสนอข้อมูล ด้วย
เทคนิควิธีที่เหมาะสม สื่อสารแนวคิด ความรู้ จากผลการสำรวจ ตรวจสอบ โดยการพูด เขียน จัดแสดง หรือใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ เพือ่ ให้ผ้อู น่ื เข้าใจ โดยมีหลักฐาน อา้ งองิ หรอื มที ฤษฎีรองรบั

♦♦♦ แสดงถึงความสนใจ มงุ่ มนั่ รบั ผดิ ขอบ รอบคอบ และซือ่ สัตย์ในการสืบเสาะหาความรโู้ ดยใช้ เคร่ืองมือ
และวิธีการทีใ่ ห้ไดผ้ ลถูกตอ้ ง เชอ่ื ถอื ได้ มเี หตผุ ลและยอมรบั ได้ว่าความรู้ ทางวทิ ยาศาสตรอ์ าจมีการ เปลย่ี นแปลงได้

♦♦♦ แสดงถึงความพอใจและเห็นคณุ ค่าในการค้นพบความรู้ พบคำตอบ หรือแก้ปัญหาได้ทำงาน ร่วมกับ
ผ้อู ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ แสดงความคดิ เหน็ โดยมีขอ้ มูลอ้างองิ และเหตผุ ลประกอบ เก่ยี วกับผลของการพฒั นาและการใช้

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 21
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยอี ย่างมีคุณธรรมตอ่ สงั คม และส่ิงแวดล้อม และยอมรบั ฟ้งความ คดิ เห็นของผอู้ ่นื

♦♦♦ เข้าใจความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มผี ลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และ การ
พัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และ
สงิ่ แวดลอ้ ม

♦♦♦ ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ใน ชีวิตประจำจัน
ใชค้ วามรูแ้ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยใี นการดำรงชีวติ และการประกอบ อาชพี แสดงความชื่นซม
ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ชิ้นงานทีเ่ ปน็ ผลมาจาก ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการพัฒนาเทคโนโลยีทีท่ ันสมัย ศึกษาหา
ความรู้เพมิ่ เตมิ ทำโครงงาน หรือสร้างช้ินงานตามความสนใจ

♦♦♦ แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมซาติและสิ่งแวดลอ้ ม
อย่างรคู้ ณุ ค่า เสนอตวั เองร่วมมอื ปฏบิ ตั กิ ับชมุ ชนในการป้องกนั ดแู ลทรพั ยากร ธรรมซาติและ สง่ิ แวดลอ้ มของหอ้ งถนิ่

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 22

ตัวชีว้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ

มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชวี ิต กับ สิ่งมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหวา่ งสงิ่ มีชีวติ กบั ส่ิงมชี วี ิตตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน
ระบบนเิ วศ ความหมาย ของประชากร ปัญหาและผลกระทบทม่ี ีต่อทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม แนวทางใน
การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ใขปัญหาส่งิ แวดล้อม รวมท้งั นำความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์

ชัน้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ป.1 ๑. ระบุชอ่ื พชื และสตั วท์ ี่อาศยั อยู่ •บรเิ วณตา่ ง ๆ ในทอ้ งถน่ิ เชน่ สนามหญา้ ใตต้ ้นไม้ สวนหย่อม

บริเวณต่าง ๆ จากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ แหล่งนำ้ อาจพบพชื และสัตว์หลายชนดิ อาศยั อยู่

๒. บอกสภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมกับ • บรเิ วณทแ่ี ตกต่างกนั อาจพบพชื และสตั ว์แตกตา่ งกัน เพราะ

การดำรงชวี ติ ของสตั ว์ในบริเวณที่ สภาพแวดล้อมของแตล่ ะบรเิ วณจะมี ความเหมาะสมต่อการ

อาศัยอยู่ ดำรงชวี ิตของพชื และสตั ว์ ทอี่ าศยั อย่ใู นแต่ละบรเิ วณ เช่น สระนำ้ มี

นำ้ เป็น ทอ่ี ยู่อาศัยของหอย ปลา สาหรา่ ย เปน็ ท่หี ลบภัย และมี

แหลง่ อาหารของหอยและปลา บรเิ วณ ต้นมะม่วงมีตน้ มะม่วงเปน็

แหล่งที่อยู่และมอี าหาร สำหรบั กระรอกและมด

• ถ้าสภาพแวดลอ้ มในบรเิ วณทพ่ี ชื และสัตวอ์ าศัยอยู่ มกี าร

เปลีย่ นแปลง จะมีผลตอ่ การดำรงชวี ติ ของ พชื และสตั ว

ป.2 - -
-
-

ป.๓

ป.4 - -

ป.๕ ๑. บรรยายโครงสร้างและลกั ษณะ • สิ่งมชี ีวติ ทั้งพชื และสตั วม์ ีโครงสร้างและลกั ษณะ ท่ีเหมาะสมในแต่
ของสง่ิ มีชวี ิต ทเ่ี หมาะสมกับการ ละแหล่งท่อี ยู่ซงึ่ เปน็ ผลมาจาก การปรบั ตวั ของสง่ิ มชี วี ิต เพ่อื ให้
ดำรงชีวติ ซง่ึ เปน็ ผลมาจาก การ ดำรงชีวิตและ อยรู่ อดไดใ้ นแต่ละแหล่งท่อี ยู่ เช่น ผกั ตบชวามี ชอ่ ง
ปรบั ตัวของสง่ิ มีชวี ิตในแต่ละแหลง่ ที่ อากาศในก้านใบ ช่วยใหล้ อยนำ้ ได้ต้นโกงกาง ทขี่ ้ึนอยู่ในป่าชายเลน
อยู่ มรี ากค้ำจนุ ทำให้ลำต้น ไมล่ ้ม ปลามคี รีบชว่ ยในการเคลอ่ื นท่ีในนำ้

หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชั้น ตัวชี้วัด เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 23
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

๒. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง • ในแหลง่ ที่อยูห่ นึ่ง ๆ ส่ิงมีชีวติ จะมีความสมั พนั ธ์ ซงึ่ กันและกัน

ส่ิงมชี ีวติ กับ สง่ิ มีชวี ิต และ และสัมพนั ธ์กับสง่ิ ไม่มีชีวิต เพอ่ื ประโยชนต์ อ่ การดำรงชวี ิต เช่น

ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสง่ิ มีชวี ติ กบั ความสมั พันธ์กนั ดา้ นการกนิ กนั เป็นอาหาร เป็นแหลง่ ทอ่ี ยอู่ าศัย

สิง่ ไมม่ ีชวี ิต เพ่อื ประโยชนต์ ่อการ หลบภยั และเลย้ี งดูลูกอ่อน ใช้อากาศในการหายใจ

ดำรงชวี ติ • ส่งิ มีชีวิตมีการกนิ กันเปน็ อาหาร โดยกินต่อกัน เป็นทอดๆใน

๓. เขียนโซ่อาหารและระบุบทบาท รูปแบบของโซ่อาหาร ทำให้สามารถ ระบุบทบาทหน้าทขี่ อง

หน้าที่ของ สิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและ ส่งิ มีชีวิตเป็นผูผ้ ลิตและ ผูบ้ ริโภค

ผู้บรโิ ภคในโซ่อาหาร

๔. ตระหนักในคณุ ค่าของสงิ่ แวดล้อมท่ี

มีต่อการ ดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต โดยมี

สว่ นรว่ มในการดูแล รกั ษาสิ่งแวดล้อม

ป.6 - -

ม.1 - -

ม.2 - -

ม.๓ 1. อธิบายปฏิสัมพันธ์ของ

องค์ประกอบของระบบนเิ วศที่ได้ • ระบบนิเวศประกอบด้วยองค์ประกอบที่มีชีวิต เช่น พืช สัตว์

จากการสำรวจ จลุ ินทรยี ์ และองค์ประกอบทีไ่ มม่ ีชวี ติ เช่น แสง น้าํ อุณหภมู ิ แร่ธาตุ

2. อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ แก๊สองค์ประกอบเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์กัน เช่น พืชต้องการแสง น้ำ

ระหว่างสง่ิ มีชีวิตกบั ส่ิงมชี วี ิต รปู แบบ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในการสร้างอาหาร สัตว์ต้องการอาหาร

ตา่ ง ๆ ในแหล่งท่ีอยู่ เดยี วกันทีไ่ ด้ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการดำรงชีวิต เช่น อุณหภูมิ

จากการสำรวจ ความชน้ื องค์ประกอบท้งั สองสว่ นนจี้ ะต้องมีความสมั พันธ์กันอย่าง

3. สร้างแบบจำลองในการอธบิ าย เหมาะสม

การถ่ายทอดพลังงานในสายใย • สงิ่ มชี ีวิตกับสง่ิ มชี ีวิตมคี วามสัมพนั ธก์ นั ในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น

อาหาร ภาวะพึง่ พากัน ภาวะอิงอาศยั ภาวะเหย่ือกบั ผ้ลู ่า ภาวะปรสิต

4. อธิบายความสมั พนั ธข์ อง • สิ่งมีชีวติ ชนดิ เดียวกันทอ่ี าศัยอยรู่ ่วมกนั ในแหล่งทอี่ ยู่ เดียวกนั

ผูผ้ ลิต ผ้บู รโิ ภค และผู้ย่อยสลาย ในช่วงเวลาเดยี วกนั เรยี กว่าประซากร

สารอินทรยี ์ในระบบนเิ วศ • กลุม่ สง่ิ มชี วี ติ ประกอบด้วยประซากรของส่ิงมีชีวติ หลาย ๆ ชนดิ

5. อธบิ ายการสะสมสารพิษใน อาศัยอยูร่ ว่ มกนั ในแหลง่ ท่อี ยเู่ ดียวกัน

สง่ิ มชี วี ิตในโซ่อาหาร

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 24

ชัน้ ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

6. ตระหนักถงึ ความสัมพนั ธข์ อง • กลมุ่ ส่งิ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศแบ่งตามหน้าที่ไดเ้ ป็น

ส่งิ มีชวี ติ และสิง่ แวดล้อมใน ระบบ 3 กล่มุ ไดแ้ ก่ ผูผ้ ลิต ผูบ้ รโิ ภค และผูย้ ่อยสลายสารอนิ ทรีย์

นิเวศ โดยไมท่ ำลายสมดุลของระบบ สงิ่ มีชีวิตท้ัง 3 กล่มุ น้ี มีความสัมพนั ธ์กนั ผผู้ ลติ เปน็ สง่ิ มีชวี ติ ท่ี

นิเวศ สร้างอาหารไดเ้ อง โดยกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

ผบู้ ริโภค เปน็ ส่ิงมชี ีวติ ทีไ่ ม่สามารถสรา้ งอาหารไดเ้ อง และต้อง

กินผ้ผู ลติ หรือสิ่งมีชวี ิตอ่ืนเปน็ อาหาร เม่ือ ผผู้ ลิตและผู้บริโภค

ตายลง จะถกู ยอ่ ยโดยผยู้ ่อยสลาย สารอินทรียซ์ ง่ึ จะเปลีย่ น

สารอินทรียเ์ ปน็ สารอนินทรีย์ กลบั คืนสสู่ ิ่งแวดลอ้ ม ทำใหเ้ กดิ

การหมนุ เวยี นสารเปน็ วฏั จักร จำนวนผู้ผลติ ผบู้ ริโภค และผู้

ยอ่ ยสลายสารอนิ ทรีย์ จะต้องมีความเหมาะสม จึงทำใหก้ ล่มุ

สงิ่ มชี วี ติ อยไู่ ดอ้ ย่างสมดลุ

• พลงั งานถูกถา่ ยทอดจากผูผ้ ลิตไปยังผู้บริโภคลำดบั ตา่ ง ๆ

รวมทัง้ ผ้ยู ่อยสลายสารอนิ ทรยี ใ์ นรูปแบบสายใยอาหาร ท่ี

ประกอบดว้ ย โซอ่ าหารหลายโซท่ ่ีสมั พนั ธ์กนั ในการถา่ ยทอด

พลงั งานในโซอ่ าหาร พลงั งานทถี่ ูกถา่ ยทอดไปจะลดลงเรอ่ื ย ๆ

ตามลำดับของการบริโภค

• การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ อาจทำให้มสี ารพษิ สะสม

อยูใ่ นสิง่ มีชวี ติ ได้ จนอาจก่อให้เกิดอันตรายตอ่ ส่งิ มีชีวติ และ

ม.4 ๑. สบื ค้นข้อมูลและอธบิ าย • บทรำเิ ลวณายขสอมงดโลุลกในแรตะล่ บะบบนรเิเิ ววณศ มดสีังนภั้นาพกทาราดงแูภลูมรศิ กั าษสาตรระ์ ทบ่ีแบตนกิเตวา่ ศงใกหัน้
ความสัมพันธ์ของสภาพ ทาง แบเง่กอิดอคกวไาดมเ้ สปมน็ ดหลุ ลาแยลเะขคตงตอายม่ตู ลสอภดาพไปภจมู งึ ิอเปา็นกาสศ่งิ แสลำคะัญปรมิ าณน้ำฝน

ภูมิศาสตรบ์ นโลกกับความหลากหลาย ทำให้มี ระบบนิเวศท่ีหลากหลายซ่ึงสง่ ผลให้เกิด ความหลากหลาย

ของ ไบโอม และยกตวั อย่างไบโอม ของไบโอม

ชนดิ ต่าง ๆ • การเปลีย่ นแปลงของระบบนเิ วศเกดิ ข้นึ ได้ ตลอดเวลาทัง้ การ

๒. สืบค้นข้อมูล อภิปรายสาเหตุและ เปล่ยี นแปลงทีเ่ กิดขน้ึ เอง ตามธรรมชาตแิ ละเกดิ จากการกระทำของ

ยกตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงแทนท่ี มนษุ ย์ • การเปลย่ี นแปลงแทนท่เี ปน็ การเปลย่ี นแปลงของ กลมุ่

ของระบบนิเวศ ส่งิ มชี วี ติ ทเ่ี กดิ ข้ึนอยา่ งชา้ ๆ เปน็ เวลานาน ซง่ึ เปน็ ผลจาก

ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งองคป์ ระกอบ ทางกายภาพและทางชวี ภาพ

สง่ ผลใหร้ ะบบนิเวศ เปลย่ี นแปลงไปสู่สมดลุ จนเกิดสังคมสมบูรณ์ได้

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชน้ั ตัวช้ีวัด เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 25
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

๓. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายและ • การเปลีย่ นแปลงขององค์ประกอบในระบบนเิ วศ ท้ังทาง
ยกตวั อยา่ งเก่ยี วกับ การ กายภาพและทางชวี ภาพมีผลตอ่ การ เปลยี่ นแปลงขนาดของ
เปล่ยี นแปลงขององค์ประกอบทาง ประชากร
กายภาพ และทางชีวภาพที่มผี ลต่อ • มนษุ ย์ใชท้ รัพยากรธรรมชาตโิ ดยปราศจาก ความระมัดระวงั
การเปลย่ี นแปลงขนาด ของ และมกี ารพฒั นาเทคโนโลยใี หมๆ่ เพอ่ื ชว่ ยอำนวยความสะดวก
ประชากรสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ ตา่ ง ๆ แก่มนุษย์ ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงทรพั ยากรธรรมชาติ
และส่งิ แวดล้อม
๔. สบื คน้ ขอ้ มลู และอภิปราย • ปญั หาท่ีเกิดกับทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม บาง
เกี่ยวกบั ปัญหาและ ผลกระทบทมี่ ตี อ่ ปญั หาสง่ ผลกระทบในระดับท้องถ่ิน บางปัญหากส็ ่งผลกระทบ
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ส่ิงแวดล้อม ในระดับประเทศ และบางปญั หาส่งผลกระทบในระดบั โลก
พรอ้ มท้ังนำเสนอแนวทางในการ • การลดปริมาณการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ การกำจดั ของเสียท่ี
อนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและการ เปน็ สาเหตขุ องปัญหาส่งิ แวดล้อม และการวางแผนจดั การ
แกไ้ ขปญั หา ส่ิงแวดลอ้ ม ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีดี เป็นตัวอย่างของแนวทางในการอนรุ ักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการลดปญั หาสงิ่ แวดล้อม ทเี่ กิดขึน้
เพ่ือให้เกิดการใชป้ ระโยชน์ทีย่ ง่ั ยนื

ม.๕ - -
-
-

ม.6

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 26
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของสง่ิ มชี ีวติ หนว่ ยพน้ื ฐานของส่ิงมชี ีวิต การลำเลียงสารเขา้ และออกจาก เซลล์
ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ทข่ี องระบบตา่ ง ๆ ของสตั ว์และมนษุ ยท์ ี่ทำงานสมั พันธ์กนั ความสัมพนั ธข์ อง
โครงสรา้ งและหน้าที่ ของอวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ที่ทำงานสัมพนั ธ์กนั รวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ ประโยชน์

ชนั้ ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ป.1 ๑. ระบุชื่อ บรรยายลักษณะและ • มนุษยม์ ีสว่ นต่าง ๆ ท่มี ีลกั ษณะและหนา้ ที่ แตกต่างกนั เพือ่ ให้

บอกหนา้ ที่ของ ส่วนตา่ ง ๆ ของ เหมาะสมในการดำรงชีวติ เช่น ตามีหนา้ ทีไ่ วม้ องดูโดยมีหนังตา

รา่ งกายมนษุ ย์สัตวแ์ ละพืช รวมทั้ง และขนตา เพ่อื ป้องกนั อันตรายให้กบั ตา หมู หี น้าท่ีรบั ฟงั เสยี ง

บรรยายการทำหนา้ ทร่ี ว่ มกนั ของ โดยมีใบหแู ละรูหูเพ่ือเปน็ ทางผ่านของเสยี ง ปากมหี นา้ ทีพ่ ดู กนิ

ส่วนตา่ งๆของรา่ งกายมนุษย์ในการ อาหาร มีช่องปากและมี รมิ ฝีปากบนลา่ ง แขนและมอื มหี น้าท่ยี ก

ทำกจิ กรรมตา่ งๆ จากข้อมูลท่ี หยบิ จับ มีทอ่ นแขนและนิว้ มอื ทขี่ ยบั ได้สมองมหี น้าท่ี ควบคุม

รวบรวมได้ การทำงานของสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย อยใู่ นกะโหลกศีรษะ โดย

๒. ตระหนักถงึ ความสำคัญของส่วน ส่วนตา่ งๆของร่างกาย จะทำหนา้ ทรี่ ่วมกนั ในการทำกจิ กรรม ใน

ตา่ ง ๆ ของ ร่างกายตนเอง โดยการ ชีวิตประจำวนั

ดแู ลส่วนต่างๆ อย่าง ถูกตอ้ ง ให้ • สัตวม์ หี ลายชนิด แตล่ ะชนดิ มีสว่ นตา่ ง ๆ ทมี่ ี ลกั ษณะและ

ปลอดภยั และรักษาความสะอาด หนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั เพ่อื ให้เหมาะสม ในการดำรงชวี ติ เช่น ปลามี

อยู่เสมอ ครบี เปน็ แผ่น สว่ นกบ เตา่ แมว มขี า ๔ ขา และมีเทา้ สำหรับใช้

ในการ เคลอ่ื นท่ี

• พืชมสี ่วนตา่ ง ๆ ทมี่ ลี กั ษณะและหนา้ ที่แตกตา่ งกัน เพือ่ ให้

เหมาะสมในการดำรงชวี ติ โดยทว่ั ไป รากมี ลักษณะเรยี วยาว และ

แตกแขนงเป็นรากเลก็ ๆ ทำหน้าท่ดี ูดน้ำ ลำตน้ มลี กั ษณะเป็น

ทรงกระบอก ต้ังตรงและมีก่ิงกา้ น ทำหนา้ ทชี่ ูก่งิ ก้าน ใบ และดอก

ใบมลี กั ษณะเป็นแผน่ แบน ทำหนา้ ท่ี สรา้ งอาหาร นอกจากนพ้ี ืช

หลายชนิด อาจมดี อก ท่ีมสี ีรูปรา่ งตา่ ง ๆ ทำหนา้ ทส่ี บื พันธร์ุ วมท้ัง

มีผล ทม่ี ีเปลือก มเี นอ้ื ห่อหุม้ เมล็ด และมีเมล็ด ซงึ่ สามารถงอก

เป็นต้นใหม่ได้

• มนษุ ยใ์ ช้ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายในการทำ กจิ กรรมต่าง ๆ เพอื่

การดำรงชีวิต มนุษยจ์ ึงควร ใช้ส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกายอยา่ ง

ถกู ต้อง ปลอดภัย และรักษาความสะอาดอย่เู สมอ เชน่ ใช้ตามอง

ตวั หนงั สอื ในทีท่ ่ีมแี สงสวา่ งเพียงพอ ดแู ลตาให้ ปลอดภยั จาก

อนั ตราย และรักษาความสะอาดตา อยูเ่ สมอ

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 27

ชน้ั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

๑. ระบุว่าพืชต้องการแสงและน้ำ เพื่อ • พชื ตอ้ งการนำ้ แสง เพื่อการเจริญเตบิ โต

การเจริญ เติบโต โดยใช้ข้อมูลจาก • พืชดอกเมอื่ เจรญิ เติบโตและมดี อก ดอกจะมีการ สืบพนั ธ์ุ

หลักฐานเชงิ ประจักษ์ เปลีย่ นแปลงไปเป็นผล ภายในผลมีเมลด็ เมือ่ เมลด็ งอก ต้นออ่ นที่

๒. ตระหนักถึงความจำเป็นที่พืชต้อง อยู่ภายในเมล็ดจะเจริญ เติบโตเปน็ พืชตน้ ใหม่ พชื ตน้ ใหม่จะ
ป.2 ได้รับน้ำและ แสงเพื่อการเจริญเติบโต เจรญิ เติบโต ออกดอกเพ่อื สืบพนั ธุ์มผี ลต่อไปไดอ้ กี หมุนเวยี น

โดยดูแลพืชให้ได้รับ สิ่งดังกล่าวอย่าง ตอ่ เนือ่ งเปน็ วัฏจักรชวี ติ ของพืชดอก

เหมาะสม

๓. สร้างแบบจำลองที่บรรยายวัฏจักร

ชีวิตของ พชื ดอก • มนุษย์และสัตวต์ อ้ งการอาหาร นำ้ และอากาศ เพื่อการ
๑. บรรยายสิง่ ที่จำเปน็ ต่อการดำรงชวี ติ ดำรงชวี ติ และการเจรญิ เตบิ โต

และการ เจริญเติบโตของมนุษย์และ • อาหารช่วยให้รา่ งกายแขง็ แรงและเจริญเตบิ โต นำ้ ชว่ ยให้
รา่ งกายทำงานได้อย่างปกติอากาศใช้ ในการหายใจ
สัตว์โดยใชข้ ้อมลู ท่รี วบรวมได้
• สัตวเ์ มอ่ื เปน็ ตวั เต็มวัยจะสบื พันธมุ์ ลี กู เม่อื ลูก เจริญเตบิ โตเปน็
๒. ตระหนักถึงประโยชน์ของอาหาร ตัวเต็มวยั ก็สบื พันธม์ุ ลี กู ตอ่ ไป ไดอ้ กี หมุนเวยี นต่อเนื่องเป็นวฏั
จกั รชวี ิตของสตั ว์ ซง่ึ สตั ว์แตล่ ะชนดิ เชน่ ผเี ส้ือ กบ ไก่ มนุษย์
น้ำ และอากาศ โดยการดูแลตนเอง จะมีวัฏจกั รชีวิตท่ีเฉพาะและแตกต่างกนั

และสัตว์ให้ได้รับสิ่งเหล่านี้ อย่าง

ป.3 เหมาะสม
๓. สร้างแบบจำลองทบ่ี รรยายวฏั จกั ร

ชวี ิตของสตั ว์ และเปรยี บเทียบวฏั จักร

ชวี ิตของสตั ว์บางชนิด

๔. ตระหนกั ถงึ คุณค่าของชีวติ สตั วโ์ ดย

ไมท่ ำให้ วฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว์
เปลี่ยนแปลง

๑. บรรยายหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ• ส่วนตา่ งๆของพชื ดอกทำหน้าทีแ่ ตกต่างกนั

และดอก ของพืชดอก โดยใช้ข้อมูลที่- รากทำหนา้ ที่ดูดน้ำและธาตอุ าหารข้นึ ไปยังลำตน้

ป.4 รวบรวมได้ - ลำต้นทำหน้าท่ีลำเลียงนำ้ ต่อไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของพชื

- ใบทำหน้าที่สร้างอาหาร อาหารที่พืชสร้างขึ้น คือ น้ำตาลซึ่งจะ

เปลย่ี นเป็นแป้ง

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 28

ชัน้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

- ดอกทำหนา้ ทส่ี บื พนั ธ์ปุ ระกอบดว้ ย ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่
กลบี เลีย้ ง กลีบดอก เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ซงึ่ ส่วนประกอบ
แต่ละส่วนของดอกทำหน้าที่แตกต่างกัน

ป.5 - -

ป.6 ๑. ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ • สารอาหารที่อยู่ในอาหารมี๖ ประเภท ไดแ้ ก่ คารโ์ บไฮเดรต

ของ สารอาหารแต่ละประเภทจากโปรตีน ไขมัน เกลอื แร่ วติ ามนิ และนำ้

อาหารท่ีตนเอง รบั ประทาน • อาหารแต่ละชนดิ ประกอบดว้ ยสารอาหารที่ แตกตา่ งกัน อาหาร

๒ . บ อ ก แ น ว ท า ง ใ น ก า ร เ ล ื อ กบางอยา่ งประกอบด้วยสารอาหาร ประเภทเดียว อาหารบางอย่าง

รับประทานอาหาร ให้ได้สารอาหารประกอบด้วย สารอาหารมากกว่าหนึ่งประเภท

ครบถ้วน ในสัดส่วนที่เหมาะสม กับ• สารอาหารแตล่ ะประเภทมีประโยชนต์ ่อร่างกาย แตกตา่ งกนั โดย

เพศและวัย รวมทั้งความปลอดภัยต่อ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี และไขมัน เปน็ สารอาหารทใี่ ห้พลงั งานแก่

สุขภาพ รา่ งกายสว่ นเกลอื แร่ วิตามิน และน้ำ เปน็ สารอาหารทไ่ี มใ่ ห้พลังงาน

๓. ตระหนักถึงความสำคัญของแก่รา่ งกาย แตช่ ่วยให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ

สารอาหาร โดยการ เลือกรับประทาน• การรบั ประทานอาหาร เพอ่ื ให้ร่างกายเจรญิ เติบโต มีการ

อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ในเปลีย่ นแปลงของร่างกายตามเพศ และวยั และมีสุขภาพดีจำเปน็ ต้อง

สัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รบั ประทาน ให้ไดพ้ ลงั งานเพียงพอกับความต้องการของรา่ งกาย

รวมทัง้ ปลอดภัยต่อสุขภาพ และให้ได้สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วน ทเ่ี หมาะสมกบั เพศและวยั

๔. สร้างแบบจำลองระบบย่อยอาหาร รวมท้ังตอ้ งคำนงึ ถึง ชนดิ และปรมิ าณของวตั ถเุ จือปนในอาหาร เพ่ือ

และบรรยาย หน้าที่ของอวัยวะใน ความปลอดภยั ต่อสุขภาพ

ระบบย่อยอาหาร รวมทั้ง อธิบายการ• ระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะตา่ งๆ ได้แก่ ปาก หลอด

ย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ และตบั

๕. ตระหนักถึงความสำคัญของระบบ ออ่ น ซงึ่ ทำ หน้าท่ีรว่ มกนั ในการยอ่ ยและดูดซมึ สารอาหาร - ปากมี

ย่อยอาหาร โดยการบอกแนวทางใน ฟนั ช่วยบดเคยี้ วอาหารให้มีขนาดเลก็ ลง และมลี นิ้ ช่วยคลกุ เคล้า

การดูแลรักษาอวัยวะ ในระบบย่อยอาหารกบั นำ้ ลาย ในนำ้ ลายมีเอนไซม์ยอ่ ยแปง้ ใหเ้ ป็นนำ้ ตาล -

อาหารใหท้ ำงานเปน็ ปกติ หลอดอาหารทำหน้าทีล่ ำเลียงอาหารจากปาก ไปยังกระเพาะอาหาร

ภายในกระเพาะอาหาร มีการย่อยโปรตีนโดยกรดและเอนไซม์ที่

สร้าง จากกระเพาะอาหาร

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้ โรงเรียนวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 29

ช้ัน ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

- ลำไสเ้ ล็กมีเอนไซม์ท่ีสรา้ งจากผนังลำไส้เลก็ เอง และจากตับออ่ น

ท่ชี ่วยยอ่ ยโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน โดยโปรตนี

คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน ท่ีผ่านการย่อยจนเปน็ สารอาหารขนาด

เล็กพอ ทจ่ี ะดดู ซมึ ได้รวมถงึ นำ้ เกลือแร่และวติ ามิน จะถูกดดู ซึมที่

ผนังลำไสเ้ ลก็ เขา้ สกู่ ระแสเลือด เพอื่ ลำเลยี งไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของ

รา่ งกาย ซึ่ง โปรตนี คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จะถกู นำไปใช้ เปน็

แหล่งพลังงานสำหรับใชใ้ นกจิ กรรมตา่ ง ๆ สว่ นนำ้ เกลือแรแ่ ละ

วติ ามิน จะชว่ ยใหร้ ่างกาย ทำงานไดเ้ ปน็ ปกติ

- ตับสรา้ งน้ำดีแลว้ สง่ มายังลำไสเ้ ล็กชว่ ยใหไ้ ขมนั แตกตวั

- ลำไส้ใหญท่ ำหนา้ ทดี่ ูดน้ำและเกลอื แร่ เปน็ บริเวณที่มีอาหารท่ี

ยอ่ ยไมไ่ ดห้ รือย่อยไม่หมด เป็นกากอาหาร ซึง่ จะถกู กำจดั ออกทาง

ทวารหนกั

• อวัยวะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารมคี วามสำคัญ จึงควรปฏบิ ัติตน

ดแู ลรกั ษาอวัยวะใหท้ ำงาน เป็นปกติ

ม.1 ๑. เปรียบเทยี บรปู รา่ ง ลักษณะ และ • เซลลเ์ ป็นหน่วยพน้ื ฐานของสิ่งมชี ีวิตส่ิงมชี วี ติ บางชนิดมีเซลล์เพียง
โครงสรา้ ง ของเซลล์พชื และเซลล์ เซลลเ์ ดียว เช่น อะมีบา พารามีเซยี ม ยสี ต์บางชนิดมหี ลายเซลลเ์ ช่น
สัตว์รวมทง้ั บรรยายหนา้ ที่ ของผนงั พืช สัตว์
เซลลเ์ ย่อื หมุ้ เซลลไ์ ซโทพลาซึม • โครงสร้างพ้ืนฐานทพ่ี บท้ังในเซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์ และสามารถ
นิวเคลียส แวควิ โอล ไมโทคอนเดรีย สังเกตไดด้ ว้ ยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ไดแ้ ก่ เย่อื หุม้ เซลลไ์ ซโทพลาซมึ
และคลอโรพลาสต์ และนิวเคลียส โครงสรา้ งทีพ่ บในเซลลพ์ ชื แต่ไมพ่ บในเซลล์สตั ว์ ได้แก่
๒. ใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ใชแ้ สงศึกษา ผนงั เซลล์และคลอโรพลาสต์
เซลล์ และโครงสร้างตา่ ง ๆ ภายใน • โครงสรา้ งต่างๆของเซลลม์ หี นา้ ทแ่ี ตกตา่ งกัน
เซลล์อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง - ผนังเซลล์ทำหน้าท่ใี หค้ วามแข็งแรงแกเ่ ซลล์
รูปรา่ งกบั การทำหน้าทข่ี องเซลล์ - เยอื่ หุ้มเซลล์ทำหนา้ ที่ห่อหมุ้ เซลล์และควบคมุ การลำเลียงสารเข้า
๓. อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่าง และออกจากเซลล์
รปู รา่ ง กับการทำหน้าทข่ี องเซลล์ - นิวเคลยี ส ทำหน้าทค่ี วบคุมการทำงานของเซลล์
๔. อธบิ ายการจัดระบบของสิง่ มีชวี ติ - ไซโทพลาซมึ มีออร์แกเนลลท์ ีท่ ำหนา้ ทแ่ี ตกต่างกัน
- แวคิวโอล ทำหน้าทเ่ี ก็บน้ำและสารตา่ ง ๆ
โดยเร่ิมจาก เซลลเ์ นือ้ เยอ่ื อวยั วะ
ระบบอวยั วะ จนเปน็ สง่ิ มีชวี ิต - ไมโทคอนเดรีย ทำหนา้ ทเ่ี กย่ี วกับการสลายสาร อาหารเพ่ือให้ได้
พลงั งานแกเ่ ซลล์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 30

ชนั้ ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

- คลอโรพลาสต์เป็นแหล่งที่เกดิ การสังเคราะห์ ดว้ ยแสง

๕. อธบิ ายกระบวนการแพร่และ • เซลลข์ องสิ่งมชี วี ติ มรี ปู ร่าง ลักษณะ ทหี่ ลากหลาย และมคี วาม
ออสโมซสิ จาก หลักฐานเชงิ ประจักษ์ เหมาะสมกับหนา้ ที่ของเซลล์นน้ั เช่น เซลลป์ ระสาทสว่ นใหญ่ มี
เสน้ ใยประสาทเปน็ แขนงยาว นำกระแสประสาทไปยงั เซลล์อน่ื ๆ
และยกตัวอยา่ งการแพร่ และออสโม
ซิสในชวี ติ ประจำวัน ที่ อยไู่ กลออกไป เซลลข์ นราก เป็นเซลล์ผิวของราก ทมี่ ีผนังเซลล์
๖. ระบปุ จั จัยทีจ่ ำเปน็ ในการ และเย่ือห้มุ เซลล์ย่ืนยาวออกมา ลกั ษณะคลา้ ยขนเส้นเล็ก ๆ เพอื่
เสกงั ิดเคขรน้ึ าจะาหกด์ ก้วายรแสสังงเคแร•ลาะะเซหผลลด์ ลผ้วข์ ยลอแติ งสทงแ่ี ขโดนยง• เพ่ิมพื้นทผี่ วิ ใน การดดู นำ้ และธาตอุ าหาร
ใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ พืชและสัตวเ์ ป็นส่งิ มชี วี ิตหลายเซลล์มีการจดั ระบบ โดยเริ่มจาก
๗. อธิบายความสำคัญของการ เซลล์ไปเปน็ เนือ้ เย่อื อวัยวะ ระบบอวยั วะและส่ิงมีชีวติ ตามลำดบั
เซลล์หลาย เซลล์มารวมกนั เป็นเน้อื เยือ่ เนอื้ เยือ่ หลายชนดิ มา
สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ของพชื ต่อ รวมกันและทำงานรว่ มกนั เปน็ อวยั วะอวัยวะตา่ งๆ ทำงานรว่ มกนั
สงิ่ มชี วี ติ และสิ่งแวดลอ้ ม
๘. ตระหนักในคณุ ค่าของพชื ท่มี ีต่อ เป็นระบบอวัยวะ ระบบอวยั วะ ทกุ ระบบทำงานร่วมกันเป็น
สิง่ มชี วี ติ และ ส่ิงแวดลอ้ ม โดยการ สง่ิ มชี วี ิต
• เซลล์มีการนำสารเขา้ สู่เซลลเ์ พื่อใช้ในกระบวนการ ต่าง ๆ ของ
ร่วมกนั ปลกู และดูแลรกั ษา ต้นไมใ้ น เซลลแ์ ละมีการขจดั สารบางอย่าง ทเ่ี ซลลไ์ ม่ตอ้ งการออกนอก
โรงเรียนและชุมชน
๙. บรรยายลกั ษณะและหนา้ ท่ีของ เซลล์การนำสารเขา้ และออกจากเซลล์มีหลายวิธีเช่น การแพร่
ไซเลม็ และ โฟลเอม็ เป็นการเคล่ือนทีข่ องสารจากบรเิ วณทมี่ คี วาม เข้มขน้ ของสารสงู
ไปสู่บริเวณทมี่ ีความเข้มขน้ ของสารต่ำ ส่วนออสโมซสิ เปน็ การ
๑๐. เขียนแผนภาพที่บรรยายทศิ ทาง แพรข่ องน้ำ ผา่ นเย่ือหมุ้ เซลล์จากดา้ นท่ีมีความเข้มข้นของ
การลำเลยี งสารในไซเล็มและโฟลเอม็
ของพชื สารละลายต่ำไปยงั ดา้ นท่ีมคี วามเข้มขน้ ของ สารละลายสงู กว่า
๑๑. อธบิ ายการสืบพนั ธ์แุ บบอาศยั • กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืชทีเ่ กิดขน้ึ ในคลอโรพ
ลาสต์จำเป็นต้องใชแ้ สงแก๊สคาร์บอนไดออกไซดค์ ลอโรฟิลล์และ
น้ำ ผลผลติ ท่ไี ด้จาก การสงั เคราะหด์ ้วยแสง ได้แก่ นำ้ ตาลและ
เรดพ๑วอศม๒กท.ทแง้ัอี่มลบธสีะริบว่ รไานมยยาอ่ ลทยาักำศใษกยัหาณเเ้ร•พกะปกศิดโฏคาขกิสรรอาสงนรงสงัถพธเร่าขิคชื า้ยอรดงเงาขอรพะณอกหชื งู ์ด้วยแกพแสกรละง๊สังบงอเาปวอนน็นกกกซในารเิ จระรนเบปู ดวสียนาวรกทปาีส่รระทากมีส่ อาำรบคถญัอนินำตทพ่อรลสียงั่งิแ์ งมลาชี นะีวเแกติ ส็บงเสพมะราสาเปมะลเใปนี่ย็นรนปู เปแ็นบบ ต่าง
ดอก การเกิดผลและเมล็ด การ
กระจายเมล็ด และการงอกของเมลด็ ๆ ในโครงสรา้ งของพชื พชื จงึ เป็นแหล่ง อาหารและพลงั งานที่
สำคญั ของสิง่ มีชีวิตอ่ืน นอกจากนก้ี ระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

ยงั เปน็ กระบวนการหลกั ในการสร้างแก๊สออกซเิ จนให้กับ

บรรยากาศเพอ่ื ใหส้ ิ่งมชี ีวิตอ่นื ใช้ในกระบวนการ หายใจ

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 31

ช้นั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

๑๓. ตระหนกั ถึงความสำคญั ของสัตว์ที่ • พชื ดอกทกุ ชนิดสามารถสบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศได้ และบางชนิด

ช่วยในการ ถ่ายเรณูของพชื ดอก โดย สามารถสืบพนั ธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศได้

การไมท่ ำลายชีวิต ของสตั วท์ ช่ี ่วยใน • การสบื พันธ์ุแบบอาศัยเพศเปน็ การสบื พนั ธุท์ ี่มีการ ผสมกนั ของ

การถา่ ยเรณเู มลด็ สเปิรม์ กบั เซลล์ไขก่ ารสบื พนั ธุ์ แบบอาศัยเพศของพชื ดอกเกิดข้นึ ท่ี

๑๔. อธบิ ายความสำคัญของธาตุ ดอกโดยภายใน อับเรณูของสว่ นเกสรเพศผมู้ เี รณซู ึง่ ทำหน้าท่ี สรา้ ง

อาหาร บางชนดิ ทีม่ ีผลต่อการ สเปริ ์ม ภายในออวลุ ของสว่ นเกสรเพศเมีย มีถุงเอ็มบรโิ อ ทำหนา้ ท่ี

เจริญเติบโต และการดำรงชวี ิตของพชื สร้างเซลล์ไข่

๑๕. เลือกใชป้ ุ๋ยทมี่ ีธาตอุ าหาร • การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศเปน็ การสืบพันธ์ทุ ่พี ชื ตน้ ใหมไ่ ม่ได้

เหมาะสมกับพชื ใน สถานการณ์ที่ เกิดจากการปฏิสนธริ ะหวา่ งสเปริ ม์ กบั เซลลไ์ ข่แตเ่ กิดจากส่วนต่าง ๆ

กำหนด ของพชื เชน่ ราก ลำต้น ใบ มกี ารเจรญิ เติบโตและพฒั นาขึน้ มา เป็น

๑๖. เลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชให้ ตน้ ใหม่ได้

เหมาะสมกับ ความต้องการของมนษุ ย์• การถา่ ยเรณูคอื การเคลอ่ื นยา้ ยของเรณจู าก อบั เรณไู ปยงั ยอด

โดยใช้ความรู้ เกย่ี วกับการสืบพันธุ์ของเกสรเพศเมีย ซึง่ เก่ยี วขอ้ งกบั ลักษณะและโครงสร้างของดอก เชน่ สี

พชื ของ กลีบดอก ตำแหนง่ ของเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศ เมีย โดยมสี ง่ิ ท่ี

๑๗. อธบิ ายความสำคัญของเทคโนโลยีชว่ ยในการถา่ ยเรณูเช่น แมลง ลม

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชในการใช้ • การถา่ ยเรณูจะนำไปสูก่ ารปฏสิ นธิซ่งึ จะเกดิ ขนึ้ ท่ี ถุงเอ็มบริโอ

ประโยชน์ ดา้ นตา่ ง ๆ ภายในออวุล หลงั การปฏสิ นธจิ ะได้ ไซโกต และเอนโดสเปิรม์ ไซโก

๑๘. ตระหนักถึงประโยชน์ของการ ตจะพฒั นาตอ่ ไป เป็นเอ็มบรโิ อ ออวุลพัฒนาไปเป็นเมลด็ และรงั ไข่

ขยายพันธุ์พืช โดยการนำความรู้ไปใช้ พัฒนาไปเปน็ ผล

ในชีวติ ประจำวัน • ผลและเมล็ดมกี ารกระจายออกจากตน้ เดิม โดย วิธีการตา่ ง ๆ เมื่อ

เมล็ดไปตกในสภาพแวดล้อมที่ เหมาะสมจะเกดิ การงอกของเมล็ด

โดยเอม็ บริโอ ภายในเมล็ดจะเจรญิ ออกมา โดยระยะแรก จะอาศยั

อาหารที่สะสมภายในเมล็ด จนกระทง่ั ใบแท้พัฒนา จนสามารถ

สังเคราะห์ด้วยแสงได้ เตม็ ท่แี ละสร้างอาหารได้เองตามปกติ

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้ โรงเรียนวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 32

ช้นั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

• พชื ต้องการธาตุอาหารที่จำเป็นหลายชนิดในการ เจริญเติบโตและ
การดำรงชีวิต
• พืชต้องการธาตุอาหารบางชนิดในปริมาณมากได้แก่ ไนโตรเจน
ฟอสฟอรสั โพแทสเซยี ม แคลเซียม แมกนเี ซียม และกำมะถนั ซ่ึงใน
ดนิ อาจมไี ม่เพียงพอ สำหรับการเจรญิ เติบโตของพชื จงึ ตอ้ งมีการให้
ธาตอุ าหารในรปู ของปุ๋ยกับพืชอยา่ งเหมาะสม
• มนุษย์สามารถนำความรู้เรื่องการสืบพันธ์ุ แบบอาศัยเพศและไม่
อาศัยเพศ มาใช้ในการ ขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนพืช เช่น การใช้
เมล็ด ที่ได้จากการสืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศมาเพาะเล้ียง วิธีการนี้จะ
ได้พืชในปริมาณมาก แต่อาจมีลักษณะ ทแ่ี ตกต่างไปจากพ่อแม่ส่วน
การตอนกิ่ง การปักชำ การต่อกิ่ง การติดตา การทาบกิ่ง การ
เพาะเลยี้ ง เนอ้ื เยอื่ เป็นการนำความรูเ้ ร่ืองการสืบพนั ธแุ์ บบ ไมอ่ าศัย
เพศของพืชมาใช้ในการขยายพันธ์ุ เพื่อให้ได้พืชที่มีลักษณะเหมือน
ต้นเดมิ ซ่งึ การขยายพันธุ์ แต่ละวิธีมีข้นั ตอนแตกตา่ งกัน จงึ ควรเลอื ก
ให้ เหมาะสมกับความตอ้ งการของมนุษย์โดยต้อง คำนึงถึงชนิดของ
พชื และลกั ษณะการสืบพันธุ์ ของพชื
• เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เป็นการนำ ความรู้เกี่ยวกับ
ปัจจยั ทีจ่ ำเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โต ของพชื มาใช้ในการเพิม่ จำนวนพชื
และทำให้พืช สามารถเจริญเติบโตได้ในหลอดทดลอง ซึ่งจะได้ พืช
จำนวนมากในระยะเวลาสั้น และสามารถนำ เทคโนโลยีการ
เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมาประยุกต์ เพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
ปรับปรุงพันธุ์พืช ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจการผลิตยาและ
สารสำคัญในพชื และอ่นื ๆ

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 33

0ชน้ั/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ม.2 1. ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าท่ี • ระบบหายใจมอี วัยวะต่าง ๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ไดแ้ กจ่ มกู ทอ่ ลม
ของอวัยวะทเ่ี ก่ียวขอ้ งในระบบ ปอด กะบงั ลม และกระดกู ซีโ่ ครง
หายใจ • มนษุ ย์หายใจเข้า เพ่ือนำแกส๊ ออกซิเจนเขา้ สรู่ า่ งกายเพ่อื
2. อธบิ ายกลไกการหายใจเขา้ นำไปใชใ้ นเซลล์ และหายใจออกเพือ่ กำจัดแก๊ส
และออก โดยใช้แบบจำลอง คารบ์ อนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย
รวมท้ังอธิบายกระบวนการ • อากาศเคลื่อนที่เข้าและออกจากปอดได้เนื่องจากการ
แลกเปลยี่ นแก๊ส เปลย่ี นแปลงปรมิ าตรและความดนั ของอากาศภายในช่องอก
3. ตระหนกั ถึงความสำคัญของ ซงึ่ เก่ียวขอ้ งกับการทำงานของกะบงั ลม และกระดกู ซโี่ ครง
ระบบหายใจโดยการบอก • การแลกเปล่ียนแกส๊ ออกซิเจนกบั แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
แนวทางในการดแู ลรกั ษาอวยั วะ ในร่างกาย เกดิ ขึ้นบรเิ วณถงุ ลมในปอดกบั หลอดเลือดฝอยท่ี
ในระบบหายใจใหท้ ำงานเปน็ ปกติ ถงุ ลม และระหวา่ งหลอดเลอื ดฝอยกบั เน้ือเยอ่ื

4. ระบอุ วัยวะและบรรยายหนา้ ที่ • การสูบบุหรี่ การสูดอากาศที่มสี ารปนเป้ือน และการเป็น
ของอวยั วะในระบบขับถา่ ยใน โรคเกย่ี วกบั ระบบหายใจบางโรคอาจทำใหเ้ กิดโรคถุงลมโปง่
การกำจัดของเสยี ทางไต พอง ซงี่ มผี ลใหค้ วามจุอากาศของปอดลดลง ดงั นน้ั จึงควร
ดูแลรกั ษาระบบหายใจ ใหท้ ำหน้าท่ีเป็นปกติ
5. ตระหนกั ถึงความสำคญั ของ
ระบบขับถา่ ยในการกำจัดของเสยี • ระบบขับถา่ ยมอี วยั วะทเ่ี ก่ียวขอ้ ง คือ ไต ท่อไต
ทางไต โดยการบอกแนวทางใน กระเพาะปัสสาวะ และทอ่ ปัสลาวะ โดยมีไตทำหนา้ ทกี่ ำจดั
การปฏบิ ัติตนทีช่ ว่ ยให้ระบบ ของเสยี เชน่ ยูเรยี แอมโมเนีย กรดยูริก รวมท้ังสารที่ร่างกาย
ขบั ถ่ายทำหน้าท่ีได้อย่างปกติ ไมต่ ้องการออกจาก เลอื ด และควบคมุ สารทีม่ ีมากหรือน้อย

6. บรรยายโครงสร้างและหน้าท่ี เกนิ ไป เชน่ น้ำ โดยขบั ออกมาในรปู ของปสลาวะ
ของหวั ใจหลอดเลือด และเลอื ด • การเลอื กรบั ประทานอาหารทเี่ หมาะสม เชน่ รบั ประทาน
7. อธิบายการทำงานของระบบ อาหารทีไ่ ม่มรี สเคม็ จัด การดมื่ น้ำสะอาดใหเ้ พียงพอ เป็น
แนวทางหนงึ่ ทชี่ ว่ ยใหร้ ะบบขับถา่ ยทำหน้าทไ่ี ดอ้ ยา่ งปกติ
หมุนเวียนเลือดโดยใชแ้ บบจำลอง

8. ออกแบบการทดลองและ • ระบบหมุนเวียนเลอื ดประกอบดว้ ย หัวใจหลอดเลอื ด และ
ทดลอง ในการเปรียบเทียบอัตรา เลอื ด
การเต้นของหัวใจ ขณะปกติ • หวั ใจของมนุษยแ์ บ่งเปน็ 4 ห้อง ไดแ้ ก่ หัวใจหอ้ งบน 2
และหลังทำกจิ กรรม ห้อง และหอ้ งลา่ ง 2 หอ้ ง ระหวา่ งหัวใจห้องบนและหัวใจ
ห้องล่างมลี น้ิ หวั ใจก้ัน
9. ตระหนักถึงความสำคญั ของ
ระบบหมนุ เวยี นเลอื ดโดยการบอก • หลอดเลือด แบง่ เปน็ หลอดเลือดอาร์เตอรีหลอดเลือดเวน
หลอดเลอื ดฝอย ซง่ึ มีโครงสรา้ งตา่ งกนั
แนวทางในการดูแลรักษาอวยั วะ

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้ โรงเรียนวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 34

ชัน้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ในระบบหมนุ เวยี นเลอื ดใหท้ ำงาน • เลอื ด ประกอบดว้ ย เซลล์เม็ดเลอื ด เพลตเลตและพลาสมา

เป็นปกติ • การบบี และคลายตวั ของหวั ใจทำใหเ้ ลอื ดหมุนเวียนและ

10.ระบอุ วยั วะและบรรยาย หนา้ ท่ี สำเลียงสารอาหาร แก๊ส ของเสีย และสารอื่น ๆ ไปยังอวัยวะ และ

ของอวยั วะในระบบ ประสาท เซลลต์ ่าง ๆ ทั่วร่างกาย

สว่ นกลางในการควบคุม การทำงาน • เลอื ดทีม่ ีปริมาณแกส๊ ออกซิเจนสงู จะออกจากหวั ใจไปยัง เซลล์ต่าง

ตา่ ง ๆ ของร่างกาย ๆ ทั่วร่างกาย ขณะเดยี วกัน แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์จากเซลลจ์ ะ

11.ตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของ แพรเ่ ขา้ สูเ่ ลอื ดและสำเลยี ง กลับเข้าส่หู วั ใจและถกู ส่งไป

ระบบประสาทโดยการบอก แนวทาง แลกเปลยี่ นแก๊สทีป่ อด

ในการดแู ลรักษา รวมถงึ การปอ้ งกนั • ชีพจรบอกถึงจังหวะการเต้นของหวั ใจซึง่ อัตราการเต้นของ หัวใจ

การกระทบกระเทือนและอนั ตราย ในขณะปกติและหลังจากทำกิจกรรมต่าง ๆ จะแตกต่าง กันส่วน

ต่อสมองและไขสนั หลงั ความดันเลือด ระบบหมุนเวียนเลือดเกิดจากการทำงานของหัวใจ

12.ระบอุ วัยวะและบรรยาย หน้าท่ี และหลอดเลอื ด

ของอวยั วะในระบบสืบพนั ธขุ์ องเพศ • อตั ราการเตน้ ของหัวใจมคี วามแตกตา่ งกนั ในแต่ละบุคคล คนที่

ขายและเพศหญงิ โดยใช้แบบจำลอง เปน็ โรคหวั ใจและหลอดเลือดจะสง่ ผลทำใหห้ ัวใจสูบฉีด เลือดไม่

13.อธบิ ายผลของฮอร์โมนเพศ ขาย เปน็ ปกติ

และเพศหญงิ ท่ีควบคุมการ • การออกกำลังกาย การเลอื กรับประทานอาหาร

เปลย่ี นแปลงของรา่ งกาย เมอ่ื เขา้ สู่ • ระบบประสาทส่วนกลาง ประกอบดว้ ยสมองและไขสันหลัง

วัยหนมุ่ สาว จะทำหนา้ ทร่ี ว่ มกับเสน้ ประสาทซ่ึงเป็นระบบประสาทรอบ นอก

14.ตระหนักถงึ การเปล่ียนแปลง ของ ในการควบคมุ การทำงานของอวยั วะตา่ ง ๆ รวมถงึ การ แสดง

ร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว โดยการ พฤติกรรม เพ่ือการตอบสนองต่อสิง่ เร้า

ดแู ลรักษารา่ งกายและจติ ใจของตนเอง • เม่ือมีส่งิ เร้ามากระตุ้นหนว่ ยรบั ความรสู้ กึ จะเกิดกระแส

ในชว่ งท่มี ี การเปลย่ี นแปลง ประสาทสง่ ไปตามเซลล์ประสาทรับความรสู้ ึกไปยังระบบ

15.อธิบายการตกไข่ การมี ประสาทสว่ นกลาง แล้วสง่ กระแสประสาทมาตามเซลล์ ประสาท

ประจำเดือนการปฏสิ นธิ และการ ส่ังการ ไปยังหน่วยปฏบิ ัติงาน เชน่ กลา้ มเน้อื

พัฒนาของไซโกตจนคลอดเป็น • ระบบประสาทเป็นระบบที่มีความซับซ้อนและมี

ทารก ความสัมพนั ธก์ ับทุกระบบในร่างกาย ดงั นน้ั จึงควรปอ้ งกนั การ

เกดิ อบุ ตั เิ หตุทกี่ ระทบกระเทือนตอ่ สมอง หลกี เลยี่ งการใช้ สาร

เสพตดิ หลกี เล่ียงภาวะเครยี ด และรับประทานอาหารท่ี มี

ประโยชน์เพ่ือดูแลรักษาระบบประสาทให้ทำงานเปน็ ปกติ

• มนษุ ย์มรี ะบบสืบพันธทุ์ ปี่ ระกอบดว้ ยอวยั วะตา่ ง ๆ ท่ที ำ

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ โรงเรียนวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธคกั ราช 2563 I 35

ชน้ั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

16.เลอื กวิธกี ารคมุ กำเนดิ ที่ หน้าท่เี ฉพาะ โดยรงั ไขใ่ นเพศหญงิ จะทำหน้าทผ่ี ลิตเซลลไ์ ข่ สว่ น
เหมาะสมกบั สถานการณท์ ี่ อัณฑะในเพศขายจะทำหน้าทสี่ รา้ งเซลล์อสุจิ
กำหนด • ฮอรโ์ มนเพศทำหนา้ ทคี่ วบคุมการแสดงออกของลกั ษณะทาง
17.ตระหนักถึงผลกระทบของ เพศที่แตกต่างกัน เมือ่ เขา้ สู่วยั หนุ่มสาวจะมกี ารสรา้ งเซลลไ์ ข่ และ
การตงั้ ครรภ์ก่อนวยั อนั ควร โดย เซลลอ์ สจุ ิ การตกไข่การมีรอบเดือน และลา้ มีการ ปฏสิ นธขิ อง
การประพฤติตนใหเ้ หมาะสม เซลลไ์ ขแ่ ละเซลล์อสจุ จิ ะทำให้เกดิ การตง้ั ครรภ์
• ฮอรโ์ มนเพศทำหนา้ ทค่ี วบคุมการแสดงออกของ ลกั ษณะทาง

เพศท่ีแตกตา่ งกนั เม่อื เข้าสู่วัยหนุ่มสาวจะมกี าร สรา้ งเซลล์ไข่
และเซลลอ์ สจุ ิ การตกไขก่ ารมีรอบเดอื น และ ถา้ มีการปฏสิ นธิ
ของเซลลไ์ ข่และเซลล์อสจุ ิจะทำให้เกิดการ ต้งั ครรภ์

ม.3 - -

ม.4 ๑. อธบิ ายโครงสรา้ งและสมบตั ขิ อง • เยอ่ื หมุ้ เซลลม์ ีโครงสร้างเป็นเย่ือหุ้มสองชน้ั ท่ีมีลิพิดเปน็

เยือห้มุ เซลลท์ ีส่ ัมพนั ธก์ ับการ องคป์ ระกอบ และมโี ปรตีนแทรกอยู่

ลำเลยี งสาร และเปรียบเทยี บ การ • สารทลี่ ะลายได้ในลพิ ดิ และสารท่ีมขี นาดเล็กสามารถแพร่ ผ่าน

ลำเลยี งสารผา่ นเยอื่ หุม้ เซลล์ แบบ เยื่อหุ้มเซลลไ์ ด้โดยตรง ส่วนสารขนาดเล็กทมี่ ปี ระจตุ อ้ ง ลำเลียง

ต่าง ๆ ผา่ นโปรตีนทแ่ี ทรกอยู่ท่เี ยื่อห้มุ เซลล์ ซงึ่ มี 2 แบบ คอื การแพร่

๒. อธิบายการควบคมุ ดลุ ยภาพ ของนา้ํ แบบฟาซิลเิ ทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต ในกรณี

และสารในเลือดโดยการ ทำงานของไต สารขนาดใหญ่ เช่นโปรตนี จะลำเลยี งเขา้ โดย

๓. อธบิ ายการควบคมุ ดุลยภาพ กระบวนการเอนโดไซโทซิส หรือลำเลียงออกโดย

ของกรด-เบสของเลือดโดยการ กระบวนการเอกโซไซโทซสิ

ทำงานของไตและปอด • การรกั ษาดุลยภาพของน้าํ และสารในเลอื ดเกิดจากการ ทำงาน

๔. อธิบายการควบคมุ ดุลยภาพ ของ ของไต ซึง่ เปน็ อวัยวะในระบบขบั ถา่ ยท่ีมคี วามสำคญั ในการกำจัด

อณุ หภมู ิภายในรา่ งกายโดย ระบบ ของเสยี ทีม่ ไี นโตรเจนเปน็ องค์ประกอบ รวมท้งั นํ้าและสารท่มี ี

หมนุ เวยี นเลือด ผิวหนัง และ ปริมาณเกินความต้องการของรา่ งกาย

กลา้ มเนื้อโครงร่าง • การรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบสในเลือดเกดิ จากการทำงาน ของ

๕. อธิบาย และเขียนแผนผัง ไตทที่ ำหน้าท่ีขบั หรือดูดกลบั ไฮโดรเจนไอออน ไฮโดรเจน

เกี่ยวกบั การตอบสนองของ คารบ์ อเนตไอออนและแอมโมเนียมไอออน และการทำงาน ของ

ปอดท่ีทำหนา้ ทีก่ ำจัดคารบ์ อนไดออกไซด์

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 36

ช้นั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ร่างกายแบบไม่จำเพาะ และแบบ • การรักษาดุลยภาพของอุณหภูมภิ ายในร่างกายเกิดจากการ ทำงาน

จำเพาะต่อสง่ิ แปลกปลอมของ ของระบบหมุนเวียนเลือดที่ควบคุมปริมาณเลือดไปที่ ผิวหนัง การ

ร่างกาย ทำงานของต่อมเหงื่อ และกล้ามเนื้อโครงร่าง ซึ่งส่งผลถึงปริมาณ

๖.สืบค้นขอ้ มลู อธบิ าย และ ความร้อนทถี่ ูกเก็บหรือระบายออกจากรา่ งกาย

ยกตวั อย่างโรคหรืออาการทเ่ี กิด • เมอ่ื เชือ้ โรคหรอื ส่งิ แปลกปลอมอ่ืนเขา้ สู่เนอ้ื เยือ่ ในร่างกาย รา่ งกาย

จากความผิดปกตขิ องระบบ จะมีกลไกในการต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอม ทั้งแบบไม่

ภูมคิ มุ้ กนั จำเพาะและแบบจำเพาะ

๗.อธบิ ายภาวะภมู ิคมุ้ กัน บกพร่องที่ • เซลล์เม็ดเลือดชาวกลุ่มฟาโกไซต์จะมีกลไกในการต่อต้าน หรือ

มสี าเหตุมาจากการตดิ เชื้อ HIV ทำลายสงิ่ แปลกปลอมแบบไมจ่ ำเพาะ

๘.ทดสอบ และบอกชนดิ ของ • กลไกในการต่อต้านหรือทำลายส่ิงแปลกปลอมแบบจำเพาะ เป็น

สารอาหารท่ีพชื สงั เคราะห์ได้ การทำงานของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวลมิ โฟไซด์ชนิดบีและชนิดที ซึ่ง

๖. สบื ค้นข้อมูล อภปิ ราย และ ยกตัวอยา่ ง เซลล์เม็ดเลือดขาวท้ังสองชนิดจะมีตวั รบั แอนตเิ จน ทำใหเ้ ซลล์ทัง้
เกย่ี วกับ การใช้ ประโยชนจ์ ากสารต่าง สองสามารถตอบสนองแบบจำเพาะต่อแอนติเจนนนั้ ๆ ได้
• เซลล์บีทำหนา้ ทีส่ ร้างแอนตบิ อดี ซึ่งชว่ ยในการจบั กบั ส่ิง
ๆ ที่ พืชบางชนดิ สร้างช้ืน แปลกปลอมตา่ ง ๆ เพือ่ ทำลายตอ่ ไปโดยระบบภูมคิ ุ้มกัน เซลลท์ ี
๙.ออกแบบการทดลอง ทดลอง ทำหน้าท่หี ลากหลายเชน่ กระตนุ้ การทำงานของเซลล์ บแี ละเซลล์
และอธบิ ายเกี่ยวกับปัจจยั ภายนอก ที
ทม่ี ผี ลต่อการ เจริญเติบโตของพชื • บางกรณีร่างกายอาจเกิดความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น
10.สบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สาร ภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อแอนติเจนบางชนิด อย่างรุนแรงมากเกินไป
ควบคุมการเจรญิ เติบโตของพชื ท่ี หรอื รา่ งกายมีปฏกิ ิรยิ าตอบสนอง ต่อแอนตเิ จนของตนเองอาจทำให้
มนษุ ยส์ ังเคราะห์ขึ้นและ รา่ งกายเกิดอาการผิดปกติได้
ยกตัวอยา่ งการนำมาประยกุ ต์ใช้ • บุคคลทไี่ ด้รับเลอื ดหรอื สารคัดหลัง่ ทมี่ ีเช้อื HIV ซ่ึงสามารถ ทำลาย
ทางดา้ นการเกษตรของพืช เซลล์ที ทำใหภ้ ูมิคมุ้ กันบกพรอ่ ง และตดิ เช้ือตา่ ง ๆ ได้ ง่ายขึ้น
11.สงั เกต และอธิบายการ • กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเปีนจุดเริ่มต้นของการสร้าง
ตอบสนองของพืชตอ่ ส่ิงเรา้ ใน น้ำตาลในพืช พืชเปลี่ยนน้ำตาลไป เป็นสารอาหารและสาร อื่น ๆ
รปู แบบตา่ ง ๆ ที่มผี ลตอ่ การ เชน่ คาร่โบไฮเดรต โปรตนี ไขมนั ทจี่ ำเปน็ ต่อการ
ดำรงชีวติ

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 37

ชน้ั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ดำรงชวี ติ ของพชื และสตั ว์
• มนุษยส์ ามารถนำสารต่าง ๆ ท่ีพืชบางชนิดสรา้ งขน้ึ ไปใช้
ประโยชน์ เชน่ ใช้เป็นยาหรือสมนุ ไพร ในการรกั ษาโรคบาง ชนิด
ใชใ้ นการไล่แมลง กำจดั ศตั รูพืชและสัตว์ ใช้ในการยับยงั้ การ
เจริญเตบิ โตของแบคทีเรีย และใชเ้ ปน็ วตั ถุดบิ ใน อตุ สาหกรรม
• ปจั จยั ภายนอกทีม่ ีผลต่อการเจรญิ เตบิ โต เช่น แสง นาํ้ ธาตุ
อาหาร คารบ์ อนไดออกไซด์ และออกซิเจนปัจจยั ภายใน เช่น
ฮอรโ์ มนพชื ซึง่ พชื มกี ารสงั เคราะห์ขึ้น เพ่ือ ควบคุมการ
เจรญิ เติบโตในช่วงชวี ิตตา่ ง ๆ
• มนษุ ย์มีการสงั เคราะห์สารควบคุมการเจรญิ เตบิ โต
• การตอบสนองตอ่ สิง่ เร้าของพืชแบง่ ตามความ สัมพนั ธก์ ับทิศทาง

ของส่ิงเร้าได้ ไดแ้ ก่ แบบทีม่ ีทิศทาง สัมพันธ์กับทิศทางของสง่ิ
เรา้ เช่นดอกทานตะวันหนั เขา้ หา แสง ปลายรากเจรญิ เข้าหา
แรงโนม้ ถว่ งของโลก และแบบท่ี ไม่มีทิศทางสัมพันธก์ บั ทศิ ทาง
ของสิ่งเร้า เช่น การหบุ และบานของดอก หรอื การหบุ และ
กางของใบพชื บางชนิด
• การตอบสนองต่อสิง่ เรา้ ของพชื บางอย่างสง่ ผลต่อการ
เจริญเติบโต เชน่ การเจริญในทิศทางเข้าหาหรือตรงข้ามกับ แรง
โน้มถว่ งของโลก การเจริญในทศิ ทางเขา้ หาหรอื ตรงข้าม กบั แสง
และการตอบสนองต่อการสมั ผัสสิง่ เรา้

ม.๕ - -
-
-

ม.6

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 38
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม สารพันธกุ รรม การ
เปล่ยี นแปลงทางพันธกุ รรมทมี่ ีผลต่อสง่ิ มชี ีวติ ความหลากหลาย ทางชวี ภาพและวิวฒั นาการของสง่ิ มชี ีวิต รวมท้งั นำ
ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

ชนั้ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ป.1 - -

1. เปรียบเทยี บลกั ษณะของ • ส่งิ ท่ีอยรู่ อบตัวเรามีท้ังทเ่ี ป็นสงิ่ มชี ีวิตและสิ่งไม่มีชีวติ
ส่งิ มีชวี ิตต้องการอาหาร มกี ารหายใจเจริณเติบโต ขบั ถ่าย
ป.2 สง่ิ มชี ีวิตและสงิ่ ไม่มีชวี ิต จาก
ข้อมูลท่รี วบรวมได้ เคลื่อนไหว ตอบสนองตอ่ ส่งิ เรา้ และสบื พนั ธ์ุไดล้ ูกท่มี ลี ักษณะ
คล้ายคลงึ กบั พ่อแม่ สว่ นส่ิงไมม่ ีชีวิตจะไมม่ ีลกั ษณะดงั กล่าว
ป.๓ -
1. จำแนกส่งิ มชี วี ิตโดยใช้ความ -
• สิ่งมชี ีวติ มีหลายชนิด สามารถจดั กลุ่มได้โดยใชค้ วาม
เหมอื น และความแตกต่างของ เหมอื นและความแตกตา่ งของลักษณะต่าง ๆเช่น กลมุ่ พชื
ลกั ษณะของส่งิ มชี ีวติ ออกเป็น สร้างอาหารเองได้ และเคลอ่ื นท่ีดว้ ยตนเองไม่ได้ กลมุ่ สตั วก์ นิ
กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ี ส่งิ มีชวี ติ อื่นเป็นอาหารและเคลอ่ื นทไ่ี ด้ กลุ่มท่ีไม่ใชพ่ ชื และ
ไมใ่ ชพ่ ชื และสัตว์ สตั ว์ เชน่ เห็ด รา จลุ ินทรยี ์
2. จำแนกพชื ออกเป็นพืชดอก • การจำแนกพชื สามารถใช้การมดี อกเปน็ เกณฑ์
และพชื ไม่มดี อกโดยใชก้ ารมีดอก ในการจำแนก ได้เป็นพชื ดอกและพชื ไม่มดี อก
• การจำแนกสตั ว์ สามารถใชก้ ารมกี ระดูกสนั หลงั
เปน็ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ที่ เปน็ เกณฑใ์ นการจำแนก ได้เปน็ สัตว์มกี ระดกู สนั หลงั
ป.4 รวบรวมได้ และสัตว์ไม่มกี ระดกู สันหลัง

3. จำแนกสตั วอ์ อกเปน็ สัตว์มี • สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั มีหลายกลุ่ม ไดแ้ ก่ กลมุ่ ปลา
กระดกู สนั หลงั และสตั วไ์ ม่มี กล่มุ สัตวส์ ะเทินนํ้าสะเทนิ บก กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน
กระดกู สนั หลัง โดยใช้การมีกระดูก กลมุ่ นก และกลุ่มสัตวเ์ ลีย้ งลูกด้วยนํ้านม ซงึ่ แตล่ ะกลมุ่
สนั หลงั เปน็ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ท่ี จะมีลักษณะเฉพาะทส่ี ังเกตได้
รวบรวมได้

4. บรรยายลักษณะเฉพาะท่ี สังเกต
ไดข้ องสัตวม์ กี ระดูกสัน หลังในกลุ่ม
ปลา กลมุ่ สตั วส์ ะเทิน นา้ํ สะเทินบก
กลุ่ม สัตว์เลื้อยคลาน กลมุ่ นก และ
กลุ่มสตั วเ์ ลีย้ งลกู ดว้ ยน้าํ นม และ
ยกตวั อยา่ งส่ิงมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 39

ชน้ั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ป.๕ 1. อธิบายลักษณะทางพันธุกรรม ที่มี • สง่ิ มีชีวติ ทั้งพืช สัตว์ และมนษุ ย์ เมอ่ื โตเตม็ ทีจ่ ะมกี าร สืบพนั ธุ์
การถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก ของพืช เพือ่ เพิ่มจำนวนและดำรงพันธุ์ โดยลูกทเ่ี กิดมาจะ ได้รบั การ
สตั ว์ และมนษุ ย์
ถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมจากพ่อแมท่ ำใหม้ ี ลกั ษณะทาง
2. แสดงความอยากรู้อยากเหน็ โดย พันธกุ รรมที่เฉพาะแตกต่างจากสง่ิ มชี ีวิตชนิดอนื่
การถามคำถามเกย่ี วกับ ลกั ษณะที่ • พชื มกี ารถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม เช่นลกั ษณะของ ใบ สี
คล้ายคลงึ กันของตนเองกบั พอ่ แม่ ดอก

• สตั วม์ กี ารถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม เชน่ สขี น ลกั ษณะของ

ขน ลกั ษณะของหู

• มนุษยม์ ีการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม เชน่ เชิงผมที่

หนา้ ผาก ลักยมิ้ ลกั ษณะหนงั ตา การหอ่ ลน้ิ ลกั ษณะของตงิ่ หู

ป.6 - -

ม.1 - -

ม.2 - -

ม.๓ 1.อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างยีน • ลักษณะทางพนั ธกุ รรมของส่งิ มชี ีวิตสามารถถา่ ยทอดจาก รนุ่

ดเี อ็นเอ และโครโมโซม โดย หนึ่งไปยงั อีกรนุ่ หนง่ึ ได้ โดยมียีนเปน็ หนว่ ยควบคุม ลักษณะทาง

ใช้แบบจำลอง พันธุกรรม

2.อธิบายการถ่ายทอดลักษณะ ทาง •โครโมโซมประกอบดว้ ย ดีเอ็นเอ และโปรตีนขดอยใู่ น นวิ เคลียส

พันธุกรรมจากการผสมโดย พิจารณา ยีน ดีเอน็ เอ และโครโมโซมมคี วามสัมพนั ธ์กนั โดย บางสว่ นของดี

ลกั ษณะเดียวทแ่ี อลลีลเดน่ ขม่ เอ็นเอทำหน้าทเ่ี ปน็ ยีนทีก่ ำหนดลักษณะของ สงิ่ มีชวี ติ

แอลลีลดอ้ ยอย่าง สมบูรณ์ • สงิ่ มชี วี ิตทมี่ ีโครโมโซม 2 ชุด โครโมโซมทเี่ ปน็ คู่กนั มีการ

3.อธบิ ายการเกดิ จโี นไทป์และฟีโนไทป์ เรียงลำดบั ของยนี บนโครโมโซมเหมือนกนั เรียกวา่

ของลกู และคำนวณ อัตราสว่ นการเกิด ฮอมอโลกัสโครโมโซม ยนี หนงึ่ ทอี่ ยู่บนคู่ฮอมอโลกสั โครโมโซม

จีโนไทป์และฟโี นไทป์ของรุน่ ลกู อาจมีรปู แบบแตกตา่ งกันเรยี กแต่ละรูปแบบของยนี ทตี่ ่างกันนว้ี ่า

4.อธบิ ายความแตกต่างการแบง่ แอลลีล ซงึ่ การเขา้ คู่กนั ของแอลลีลต่าง ๆ อาจส่งผลทำให้สิ่งมชี วี ติ

เซลลแ์ บบไมโทซิสและไมโอซสิ มลี ักษณะทีแ่ ตกต่างกันได้

• ส่งิ มีชวี ิตแตล่ ะชนิดมจี ำนวนโครโมโซมคงที่ มนษุ ย์ มจี ำนวน

โครโมโซม 23 คู่ เปน็ ออโตโซม 22 คู่ และ

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สตู รโรงเรียนวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 40

ชน้ั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

5. บอกไดว้ ่าการเปล่ียนแปลงของ โครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศหญงิ มโี ครโมโซมเพศ
ยนี หรือโครโมโซมอาจทำใหเ้ กดิ เปน็ XX เพศชายมโี ครโมโซมเพศเป็น XY

โรคทางพนั ธกุ รรม พรอ้ มทั้ง • เมนเดลได้ศกึ ษาการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม
ยกตวั อย่างโรคทางพันธกุ รรม ของตน้ ถั่วชนิดหนง่ึ และนำมาสูห่ ลกั การพน้ื ฐาน
6. ตระหนกั ถึงประโยชน์ของ ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมของ
ความร้เู รือ่ งโรคทางพนั ธุกรรม สง่ิ มีชีวติ

โดยร้วู ่าก่อนแตง่ งานควรปรกึ ษา • สงิ่ มีชวี ิตที่มโี ครโมโซมเป็น 2 ขุด ยนี แต่ละตำแหน่งบน
แพทย์เพ่ือตรวจและวนิ จิ ฉัยภาวะ ฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลีลโดยแอลลีลหน่ึงมาจากพ่อ
เลี่ยงของลูกทอ่ี าจเกิดโรคทาง และอีกแอลลลี มาจากแม่ ซึ่งอาจมรี ปู แบบเดียวกัน หรือ

พันธกุ รรม แตกตา่ งกันแอลลีลทแ่ี ตกตา่ งกันน้ี แอลลลี หน่งึ อาจมกี าร
7. อธบิ ายการใชป้ ระโยชนจ์ าก แสดงออกข่มอีกแอลลลี หนึ่งได้ เรียกแอลลีลนน้ั วา่ เปน็ แอลลลี
สิ่งมชี ีวิตดัดแปรพนั ธุกรรม และ เดน่ ส่วนแอลลลี ทีถ่ ูกขม่ อย่างสมบูรณ์
ผลกระทบทอ่ี าจมตี อ่ มนุษย์ เรียกว่าเป็นแอลลลี ด้อย
และสิง่ แวดลอ้ ม โดยใช้ข้อมูลที่ • เม่ือมีการสร้างเซลล์สบื พันธ์ุ แอลลลี ทเ่ี ปน็ คู่กันในแตล่ ะ
รวบรวมได้ ฮอมอโลกสั โครโมโซมจะแยกจากกนั ไปสเู่ ซลลส์ ืบพันธุ์แต่ละ
8. ตระหนักถึงประโยชนแ์ ละ เซลล์ โดยแตล่ ะเซลลส์ ืบพนั ธุ์จะได้รบั เพียง 1 แอลลลี และจะมา
ผลกระทบของสงิ่ มีชีวิตดดั แปร เข้าคู่กับแอลลีลทต่ี ำแหนง่ เดียวกนั ของอกี เซลลส์ ืบพนั ธุ์หน่ึง
พนั ธกุ รรมที่อาจมตี อ่ มนุษย์และ เมือ่ เกดิ การปฏิสนธิ จนเกดิ เป็นจโี นไทป์
สงิ่ แวดล้อมโดยการเผยแพรค่ วามรู้ • กระบวนการแบ่งเซลล์ของส่งิ มชี วี ิตมี 2 แบบ คอื
ทีได้จากการโต้แยง้ ทาง
ไมโทซิส และไมโอซิส
วทิ ยาศาสตร์ ซึ่งมีขอ้ มลู สนบั สนนุ • ไมโทซิส เปน็ การแบ่งเซลล์เพื่อเพ่ิมจำนวนเซลล์
9. เปรียบเทยี บความหลากหลาย รา่ งกาย ผลจากการแบ่งจะได้เซลลใ์ หม่ 2 เซลล์ท่มี ลี กั ษณะ
ทางชวี ภาพในระดับชนดิ สง่ิ มชี วี ติ และจำนวนโครโมโซมเหมือนเซลล์ต้งั ต้น
ในระบบนิเวศตา่ ง ๆ • ไมโอซิส เป็นการแบ่งเซลล์เพอ่ื สรา้ งเซลลส์ บื พนั ธ์ุ
10. อธบิ ายความสำคญั ของความ ผลจากการแบ่งจะไดเ้ ซลล์ใหม่ 4 เซลล์ ที่มจี ำนวน
หลากหลายทางชวี ภาพทม่ี ตี ่อการ โครโมโซมเป็นคร่งึ หน่ึงของเซลลต์ ัง้ ต้นเมอ่ื เกิดการปฏิสนธิ
รกั ษาสมดลุ ของระบบนิเวศ ของเซลล์สบื พนั ธุ์ ลูกจะได้รับการถา่ ยทอดโครโมโซมขุด
และตอ่ มนษุ ย์ หนึ่งจากพอ่ และอีกขุดหน่ึงจากแม่ จึงเปน็ ผลใหร้ ่นุ ลูกมี จำนวน
โครโมโซมเท่ากบั รุ่นพอ่ แมแ่ ละจะคงที่ในทุก ๆ รุ่น
• การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซม สง่ ผลให้

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้ โรงเรยี นวดั กลางคลองสาม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นวดั กลางคลองสาม พทุ ธศกั ราช 2563 I 41

ช้ัน ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

11. แสดงความตระหนักในคณุ คา่ เกดิ การเปลย่ี นแปลงลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของ ส่งิ มชี วี ิต เชน่
และความสำคัญของความ โรคธาลสั ซีเมยี เกดิ จากการ เปลยี่ นแปลงของยีน กลุ่มอาการดาวน์
หลากหลายทางชวี ภาพ โดยมี ส่วน เกิดจากการ เปลีย่ นแปลงจำนวนโครโมโซม •โรคทางพนั ธกุ รรม
รว่ มในการดูแลรกั ษาความ สามารถถา่ ยทอดจากพอ่ แมไ่ ปสู่ ลูกได้ ดงั น้ันกอ่ นแตง่ งานและมี
หลากหลายทางชวี ภาพ บุตรจึงควรป้องกัน โดยการตรวจและวนิ จิ ฉัยภาวะเสย่ี งจากการ
ถ่ายทอดโรค ทางพันธุกรรม
• มนษุ ย์เปลี่ยนแปลงพนั ธุกรรมของสิ่งมชี วี ติ ตาม ธรรมชาติ

เพ่ือใหไ้ ด้สิ่งมชี วี ติ ทมี่ ลี กั ษณะตามตอ้ งการ เรยี ก ส่ิงมีชีวิตนี้ว่า
สี่งมีชวี ิตดัดแปรพันธุกรรม
•ในปจั จบุ นั มนษุ ย์มกี ารใชป้ ระโยชน์จากสิ่งมีชวี ิต
ดัดแปรพันธกุ รรมเปน็ จำนวนมาก เชน่ การผลิตอาหาร การ
ผลติ ยารกั ษาโรค การเกษตร อย่างไรกด็ ีสงั คมยังมีความ กงั วล
เกี่ยวกับผลกระทบของส่งิ มชี ีวิตดัดแปรพนั ธกุ รรมท่ีมี ต่อสิ่งม'ี
ชวี ิตและส่ิงแวดล้อม ซึ่งยงั ทำการตดิ ตามศกึ ษาผลกระทบ
ดังกล่าว
• ความหลากหลายทางชวี ภาพ มี 3 ระดับ ไดแ้ ก่ความ
หลากหลายของระบบนิเวศ ความหลากหลายของชนดิ สง่ิ ม'ีชีวิต
และความหลากหลายทางพันธกุ รรม ความ หลากหลายทาง
ชีวภาพน้มี คี วามสำคญั ตอ่ การรักษาสมดลุ ของระบบนิเวศระบบ
นิเวศทม่ี คี วามหลากหลายทางชวี ภาพ สูงจะรักษาสมดลุ ได้ดีกวา่
ระบบนิเวศทมี่ ีความหลากหลาย ทาง'ชวี ภาพตํ่ากวา่ นอกจากนี้
ความหลากหลายทางชีวภาพ ยงั มีความสำคญั ต่อมนษุ ย์ในดา้ น
ตา่ ง ๆ เช่น ใชเ้ ป็นอาหารยา รกั ษาโรค วตั ถุดิบในอตุ สาหกรรม
ต่าง ๆ ดงั นั้นจงึ เปน็ หนา้ ที่ ของทุกคนในการดูแลรกั ษาความ
หลากหลายทางชวี ภาพให้ คงอยู่

ม.4 1. อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง • ดเี อน็ เอ มีโครงสร้างประกอบด้วยนวิ คลโี อไทด์มาเรียงต่อ
ยีน การสงั เคราะห์โปรตนี และ กัน โดยยีนเป็นชว่ งของสายดีเอ็นเอท่ีมลี ำดบั นิวคลีโอไทด์ท่ี
ลักษณะทางพนั ธกุ รรม กำหนดลกั ษณะของโปรตีน

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้ โรงเรียนวดั กลางคลองสาม


Click to View FlipBook Version