๓๙ ธัมมานุสสติ (นํา) หันทะ มะยัง ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส. (เชิญเถิด เราทั้งหลาย, จงทําความตามระลึกถึงซึ่งพระธรรมเถิด) ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, พระธรรมเป็ นสิ่งที่พระผูมีพระภาคเจา, ไดตรัสไวดีแลว สันทิฏฐิโก เป็ นสิ่งที่ผูศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได ดวยตนเอง อะกาลิโก เป็ นสิ่งที่ปฏิบัติไดและใหผลไดไมจํากัดกาล เอหิปั สสิโก, เป็ นสิ่งที่ควรกลาวกับผูอื่นวา ทานจงมาดูเถิด โอปะนะยิโก เป็ นสิ่งที่ควรนอมเขามาใสตัว ปั จจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหีติ. เป็ นสิ่งที่ผูรูก็รูไดเฉพาะตน, ดังนี้. ธัมมาภิคีติ (นํา) หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส. (เชิญเถิด เราทั้งหลาย, จงทําการกลาวคาถาพรรณนาเฉพาะพระธรรมเถิด) ส๎วากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสยโย, พระธรรมเป็ นสิ่งที่ประเสริฐเพราะ ประกอบดวยคุณ, คือความที่พระผูมี พระภาคเจา, ตรัสไวดีแลว เป็ นตน โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะเภโท, เป็ นธรรมอันจําแนกเป็ นมรรค ผล ปริยัติ และนิพพาน ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี, เป็ นธรรมทรงไวซึ่งผูทรงธรรม, จากการตกไปสูโลกที่ชั่ว วันทามะหัง ตะมะหะรัง วะระธัมมะเมตัง, ขาพเจาไหวพระธรรมอันประเสริฐนั้น, อันเป็ นเครื่องขจัดเสียซึ่งความมืด คำทำวัตรเย็น ๓๙
๔๐ ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, พระธรรมใดเป็ นสรณะอันเกษมสูงสุด ของสัตวทั้งหลาย ทุติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง, ขาพเจาไหวพระธรรมนั้น, อันเป็ นที่ตั้ง แหงความระลึกองคที่สองดวยเศียรเกลา ธัมมัสสาหัส๎มิ ทาโส (ทาสี)11 ๑ วะ ธัมโม เม สามิกิสสะโร, ขาพเจาเป็ นทาสของพระธรรม, พระธรรมเป็ นนายมีอิสระเหนือขาพเจา ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม, พระธรรมเป็ นเครื่องกําจัดทุกข, และทรงไวซึ่งประโยชนแกขาพเจา ธัมมัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง, ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้, แดพระธรรม วันทันโตหัง (ตีหัง)๑ จะริสสามิ ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง, ขาพเจาผูไหวอยูจักประพฤติตาม, ซึ่งความเป็ นธรรมดีของพระธรรม นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง, ที่พึ่งอื่นของขาพเจาไมมี, พระธรรมเป็ น ที่พึ่งอันประเสริฐของขาพเจา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน, ดวยการกลาวคําสัตยนี้, ขาพเจาพึงเจริญ ในพระศาสนาของพระศาสดา ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ๑ (นายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ, ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งพระธรรม, ไดขวนขวายบุญใดในบัดนี้ สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา. อันตรายทั้งปวง, อยาไดมีแกขาพเจา, ดวยเดชแหงบุญนั้น ๑ สตรีใหสวดคําในวงเล็บแทนคําที่ขีดเสนใต. คำทำวัตรเย็น ธัมมาภิคีติ ๔๐
๔๑ (พึงหมอบกราบลงวา) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, ดวยกายก็ดี ดวยวาจาก็ดี ดวยใจก็ดี ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง กรรมนาติเตียนอันใด, ที่ขาพเจากระทําแลวในพระธรรม ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, ขอพระธรรมจงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม. เพื่อการสํารวมระวังในพระธรรม ในกาลตอไป. สังฆานุสสติ (นํา) หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส. (เชิญเถิด เราทั้งหลาย, จงทําความตามระลึกถึงซึ่งพระสงฆเถิด) สุปะฏิปั นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจาหมูใด, ปฏิบัติดีแลว อุชุปะฏิปั นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจาหมูใด, ปฏิบัติตรงแลว ญายะปะฏิปั นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจาหมูใด, ปฏิบัติเพื่อรูธรรมเป็ นเครื่องออกจาก ทุกขแลว สามีจิปะฏิปั นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจาหมูใด, ปฏิบัติสมควรแลว ยะทิทัง ไดแกบุคคลเหลานี้ คือ จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, คูแหงบุรุษสี่คู นับเรียงตัวบุรุษ ไดแปดบุรุษ เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, นั่นแหละ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา อาหุเนยโย เป็ นสงฆควรแกสักการะที่เขานํามาบูชา คำทำวัตรเย็น ธัมมาภิคีติ ๔๑
๔๒ ปาหุเนยโย เป็ นสงฆควรแกสักการะที่เขาจัดไวตอนรับ ทักขิเณยโย เป็ นผูควรรับทักษิณาทาน อัญชะลิกะระณีโย, เป็ นผูที่บุคคลทั่วไปควรทําอัญชลี อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. เป็ นเนื้ อนาบุญของโลก, ไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา, ดังนี้. สังฆาภิคีติ (นํา) หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เส. (เชิญเถิด เราทั้งหลาย, จงทําการกลาวคาถาพรรณนาเฉพาะพระสงฆเถิด) สัทธัมมะโช สุปะฏิปั ตติคุณาทิยุตโต, พระสงฆที่เกิดโดยพระสัทธรรม, ประกอบ ดวยคุณ, มีความปฏิบัติดี เป็ นตน โยฏฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ, เป็ นหมูแหงพระอริยบุคคลอันประเสริฐ แปดจําพวก สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต, มีกายและจิตอันอาศัยธรรม, มีศีลเป็ นตนอันบวร วันทามะหัง ตะมะริยานะ คะณัง สุสุทธัง, ขาพเจาไหวหมูแหงพระอริยเจาเหลานั้น, อันบริสุทธิดวยดี์ สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, พระสงฆหมูใด, เป็ นสรณะอันเกษมสูงสุดของสัตวทั้งหลาย ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง, ขาพเจาไหวพระสงฆหมูนั้น, อันเป็ นที่ตั้ง แหงความระลึกองคที่สามดวยเศียรเกลา สังฆัสสาหัส๎มิ ทาโส12 ๑ (ทาสี) วะ สังโฆ เม สามิกิสสะโร, ขาพเจาเป็ นทาสของพระสงฆ, พระสงฆเป็ นนายมีอิสระเหนือขาพเจา ๑ สตรีใหสวดคําในวงเล็บแทนคําที่ขีดเสนใต. คำทำวัตรเย็น สังฆานุสสติ ๔๒
๔๓ สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม, พระสงฆเป็ นเครื่องกําจัดทุกข, และทรงไวซึ่งประโยชนแกขาพเจา สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง, ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้, แดพระสงฆ วันทันโตหัง13 ๑ (ตีหัง) จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏิปั นนะตัง ขาพเจาผูไหวอยูจักประพฤติตาม, ซึ่งความปฏิบัติดีของพระสงฆ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง, ที่พึ่งอื่นของขาพเจาไมมี, พระสงฆเป็ น ที่พึ่งอันประเสริฐของขาพเจา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน, ดวยการกลาวคําสัตยนี้, ขาพเจาพึงเจริญ ในพระศาสนาของพระศาสดา สังฆัง เม วันทะมาเนนะ๑ (นายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ, ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งพระสงฆ, ไดขวนขวายบุญใดในบัดนี้ สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา. อันตรายทั้งปวง, อยาไดมีแกขาพเจา, ดวยเดชแหงบุญนั้น. (พึงหมอบกราบลงวา) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, ดวยกายก็ดี ดวยวาจาก็ดี ดวยใจก็ดี สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง กรรมนาติเตียนอันใด, ที่ขาพเจากระทําแลวในพระสงฆ สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, ขอพระสงฆจงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ. เพื่อการสํารวมระวังในพระสงฆในกาลตอไป. ๑ สตรีใหสวดคําในวงเล็บแทนคําที่ขีดเสนใต. คำทำวัตรเย็น สังฆาภิคีติ ๔๓
๔๔ อตีตปั จจเวกขณปาฐะ ขอวาดวยจีวร อัชชะ มะยา อะปั จจะเวกขิต๎วา ยัง จีวะรัง ปะริภุตตัง, จีวรใดอันเรานุงหมแลว ไมทันพิจารณาในวันนี้ ตัง ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, จีวรนั้นเรานุงหมแลว เพียงเพื่อบําบัดความหนาว อุณหัสสะ ปะฏิฆาตายะ, เพื่อบําบัดความรอน ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ, เพื่อบําบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม แดด, และสัตวเลื้ อยคลานทั้งหลาย ยาวะเทวะ หิริโกปิ นะปะฏิจฉาทะนัตถัง. เพียงเพื่อปกปิ ดอวัยวะอันใหเกิดความละอาย ขอวาดวยบิณฑบาต อัชชะ มะยา อะปั จจะเวกขิต๎วา โย ปิ ณฑะปาโต ปะริภุตโต, บิณฑบาตใดอันเราบริโภคแลว ไมทันพิจารณาในวันนี้ โส เนวะ ทะวายะ นะ มะทายะ นะ มัณฑะนายะ นะ วิภูสะนายะ, บิณฑบาตนั้นเราบริโภคแลว, ไมใชเป็นไป เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน, ไมใช เป็ นไปเพื่อความเมามัน, ไมใชเป็ นไปเพื่อ ประดับ, ไมใชเป็ นไปเพื่อตกแตง ยาวะเทวะ อิมัสสะ กายัสสะ ฐิติยา ยาปะนายะ วิหิงสุปะระติยา พ๎รัห๎มะจะริยานุคคะหายะ, แตใหเป็ นไปเพียงเพื่อความตั้งอยูได แหงกายนี้, เพื่อความเป็ นไปไดของ อัตภาพ, เพื่อระงับความลําบากทางกาย, เพื่ออนุเคราะหแกการประพฤติพรหมจรรย อิติ ปุราณัญจะ เวทะนัง ปะฏิหังขามิ นะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปาเทสสามิ, ดวยการทําอยางนี้, เรายอมระงับเสียได ซึ่งทุกขเวทนาเกาคือความหิว, และไมทําทุกขเวทนาใหมใหเกิดขึ้น คำทำวัตรเย็น ๔๔
๔๕ ยาต๎รา จะ เม ภะวิสสะติ อะนะวัชชะตา จะ ผาสุวิหาโร จาติ. อนึ่ง ความเป็ นไปโดยสะดวกแหง อัตภาพนี้ดวย, ความเป็ นผูหาโทษมิได ดวย, และความเป็ นอยูโดยผาสุกดวย, จักมีแกเรา ดังนี้ ขอวาดวยเสนาสนะ อัชชะ มะยา อะปั จจะเวกขิต๎วา ยัง เสนาสะนัง ปะริภุตตัง, เสนาสนะใดอันเราใชสอยแลว ไมทันพิจารณาในวันนี้ ตัง ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, เสนาสนะนั้นเราใชสอยแลว เพียงเพื่อบําบัดความหนาว อุณหัสสะ ปะฏิฆาตายะ, เพื่อบําบัดความรอน ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ, เพื่อบําบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม แดด, และสัตวเลื้ อยคลานทั้งหลาย ยาวะเทวะ อุตุปะริสสะยะวิโนทะนัง ปะฏิสัลลานารามัตถัง. เพียงเพื่อบรรเทาอันตราย อันจะพึงมี จากดินฟ าอากาศ, และเพื่อความเป็น ผูยินดีในที่หลีกเรนสําหรับภาวนา ขอวาดวยคิลานเภสัช อัชชะ มะยา อะปั จจะเวกขิต๎วา โย คิลานะปั จจะยะเภสัชชะปะริกขาโร ปะริภุตโต, คิลานเภสัชบริขารใด อันเราบริโภคแลว ไมทันพิจารณาในวันนี้ โส ยาวะเทวะ อุปปั นนานัง เวยยาพาธิกานัง เวทะนานัง ปะฏิฆาตายะ, คิลานเภสัชบริขารนั้นเราบริโภคแลว เพียงเพื่อบําบัดทุกขเวทนา, อันบังเกิด ขึ้นแลวมีอาพาธตางๆ เป็ นมูล อัพ๎ยาปั ชฌะปะระมะตายาติ. เพื่อความเป็ นผูไมมีโรคเบียดเบียน เป็ นอยางยิ่ง, ดังนี้. คำทำวัตรเย็น อตีตปัจจเวกขณปาฐะ ๔๕
๔๖ อภิณหปั จจเวกขณปาฐะ ชะราธัมโมมหิ14 ๑ (มามหิ) ชะรัง อะนะตีโต๑ (ตา), เรามีความแกเป็ นธรรมดา จักลวงพนความแกไปไมได พ๎ยาธิธัมโมมหิ๑ (มามหิ) พ๎ยาธิง อะนะตีโต๑ (ตา), เรามีความเจ็บไขเป็ นธรรมดา จักลวงพนความเจ็บไขไปไมได มะระณะธัมโมมหิ๑ (มามหิ) มะระณัง อะนะตีโต๑ (ตา), เรามีความตายเป็ นธรรมดา จักลวงพนความตายไปไมได สัพเพหิ เม ปิ เยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว, เราจักละเวนเป็ นตางๆ, คือวาจะตองได พลัดพรากจากของรักของเจริญใจทั้งสิ้นไป กัมมัสสะโกมหิ๑ (กามหิ) กัมมะทายาโท๑ (ทา) กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฏิสะระโณ๑ (ณา), เรามีกรรมเป็ นของของตน, มีกรรมเป็ นผูใหผล, มีกรรมเป็ นแดนเกิด, มีกรรมเป็ นผูติดตาม, มีกรรมเป็ นที่พึ่งอาศัย ยัง กัมมัง กะริสสามิ กัล๎ยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาโท๑ (ทา) ภะวิสสามิ, เราจักทํากรรมอันใดไว, เป็ นบุญหรือ เป็ นบาป, เราจักเป็ นทายาท, คือวา จะตองไดรับผลของกรรมนั้นสืบไป เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปั จจะเวกขิตัพพัง, เราทั้งหลาย ควรพิจารณาอยางนี้ ทุกวันๆ เถิด ๑ สตรีใหสวดคําในวงเล็บแทนคําที่ขีดเสนใต. คำทำวัตรเย็น ๔๖
๔๗ กายคตาสติภาวนาปาฐะ อะยัง โข เม กาโย, กายของเรานี้แล อุทธัง ปาทะตะลา, เบื้ องบนแตพื้ นเทาขึ้นมา อะโธ เกสะมัตถะกา, เบื้ องตํ่าแตปลายผมลงไป ตะจะปะริยันโต, มีหนังหุมอยูเป็ นที่สุดรอบ ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน, เต็มไปดวยของไมสะอาดมีประการตางๆ อัตถิ อิมัส๎มิง กาเย, มีอยูในกายนี้ เกสา คือ ผมทั้งหลาย โลมา คือ ขนทั้งหลาย นะขา คือ เล็บทั้งหลาย ทันตา คือ ฟั นทั้งหลาย ตะโจ คือ หนัง มังสัง คือ เนื้ อ นะหารู คือ เอ็นทั้งหลาย อัฏฐี คือ กระดูกทั้งหลาย อัฏฐิมิญชัง เยื่อในกระดูก วักกัง มาม หะทะยัง หัวใจ ยะกะนัง ตับ กิโลมะกัง พังผืด ปิ หะกัง ไต ปั ปผาสัง ปอด อันตัง ไสใหญ อันตะคุณัง ไสนอย อุทะริยัง อาหารใหม กะรีสัง อาหารเกา คำทำวัตรเย็น ๔๗
๔๘ มัตถะเก มัตถะลุงคัง เยื่อในสมองศีรษะ ปิ ตตัง นํ้าดี เสมหัง นํ้าเสลด ปุพโพ นํ้าเหลือง โลหิตัง นํ้าเลือด เสโท นํ้าเหงื่อ เมโท นํ้ามันขน อัสสุ นํ้าตา วะสา นํ้ามันเหลว เขโฬ นํ้าลาย สิงฆานิกา นํ้ามูก ละสิกา นํ้าไขขอ มุตตัง นํ้ามูตร (คือ นํ้าปั สสาวะ) เอวะมะยัง เม กาโย, กายของเรานี้ อยางนี้ อุทธัง ปาทะตะลา, เบื้ องบนแตพื้ นเทาขึ้นมา อะโธ เกสะมัตถะกา, เบื้ องตํ่าแตปลายผมลงไป ตะจะปะริยันโต, มีหนังหุมอยูเป็ นที่สุดรอบ ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน. เต็มไปดวยของไมสะอาด มีประการตางๆ, อยางนี้แล. คำทำวัตรเย็น กายคตาสติภาวนาปาฐะ ๔๘
๔๙ คํานมัสการรอยพระพุทธบาท วันทามิ พุทธัง ภะวะปาระติณณัง, ขาพเจาขอนมัสการพระพุทธเจา, ผูขามพนฝั่ งแหงภพ ติโลกะเกตุง ติภะเวกะนาถัง, ผูเป็ นธงชัยของไตรโลก, ผูเป็ นนาถะอันเอกของไตรภพ โย โลกะเสฏโฐ สะกะลัง กิเลสัง, เฉต๎วานะ โพเธสิ ชะนัง อะนันตัง. ผูประเสริฐในโลก ตัดกิเลสทั้งสิ้นไดแลว, ชวยปลุกชนหาที่สุดมิได, ใหตรัสรูมรรค ผลและนิพพาน ยัง นัมมะทายะ นะทิยา ปุลิเน จะ ตีเร, รอยพระบาทใด อันพระพุทธองคไดทรง แสดงไว, บนหาดทรายแทบฝั่ งแมนํ้านัมมทา ยัง สัจจะพันธะคิริเก สุมะนา จะ ลัคเค, รอยพระบาทใด อันพระพุทธองคไดทรง แสดงไว, เหนือเขาสัจจพันธและเหนือ ยอดเขาสุมนา ยัง ตัตถะ โยนะกะปุเร มุนิโน จะ ปาทัง, รอยพระบาทใด อันพระพุทธองคไดทรง แสดงไว, ในเมืองโยนกะ ตัง ปาทะลัญชะนะมะหัง สิระสา นะมามิ. ขาพเจาขอนมัสการพระบาท และรอย พระบาทนั้นๆ, ของพระมุนีดวยเศียรเกลา สุวัณณะมาลิเก สุวัณณะปั พพะเต, สุมะนะกูเฏ โยนะกะปุเร นัมมะทายะ นะทิยา, ปั ญจะปาทะวะรัง ฐานัง อะหัง วันทามิ ทูระโต, ขาพเจาขอนมัสการ สถานที่มีรอยพระบาทอันประเสริฐ, คือ ที่ภูเขาสุวรรณมาลิกะ ๑, ที่ภูเขาสุวรรณบรรพต ๑, ที่ยอดเขาสุมนกูฏ ๑, ที่โยนกบุรี ๑, ที่แมนํ้านัมมทา ๑, คำทำวัตรเย็น ๔๙
๕๐ อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง, นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง, ขาพเจาขอนมัสการอยูซึ่งพระรัตนตรัยใด, อันบุคคลควรไหวโดยสวนยิ่งอยางนี้ ดวยประการฉะนี้ ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง, ไดแลวซึ่งกองบุญอันไพบูลย ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย. ขออานุภาพแหงพระรัตนตรัยนั้น, จงขจัดภัยอันตรายเสียเถิด อามันตะยามิ โว ภิกขะเว, ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนทานทั้งหลาย ปะฏิเวทะยามิ โว ภิกขะเว, ดูกอนภิกษุทั้งหลาย, เราขอใหทานทั้งหลายทราบไววา ขะยะวะยะธัมมา สังขารา, สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสิ้นไปเป็ นธรรมดา อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถาติ. ขอทานทั้งหลายจงยังประโยชนตนและ ประโยชนทาน, ใหถึงพรอมดวยความ ไมประมาทเถิด, ดวยประการฉะนี้แล. ติลักขณาทิคาถา15 ๑ สัพเพ สังขารา อะนิจจาติ ยะทา ปั ญญายะ ปั สสะติ, เมื่อใด บุคคลเห็นอยูดวยปั ญญาวา สังขารทั้งปวงไมเที่ยง อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา. เมื่อนั้นยอมเบื่อหนายในทุกข ขอนี้เป็ นทางแหงความหมดจด สัพเพ สังขารา ทุกขาติ ยะทา ปั ญญายะ ปั สสะติ, เมื่อใด บุคคลเห็นอยูดวยปั ญญาวา สังขารทั้งปวงเป็นทุกข ๑ ขุ. ธ. ๒๕/๓๐ , สํ. มหา. ๑๙/๔๓๐ , องฺ. ทสก. ๒๔/๑๑๗ มีจํานวน ๘ คาถากึ่ง. คำทำวัตรเย็น คำนมัสการรอยพระพุทธบาท ๕๐
๕๑ อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา. เมื่อนั้นยอมเบื่อหนายในทุกข ขอนี้เป็ นทางแหงความหมดจด สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปั ญญายะ ปั สสะติ, เมื่อใด บุคคลเห็นอยูดวยปั ญญาวา ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา. เมื่อนั้นยอมเบื่อหนายในทุกข ขอนี้เป็ นทางแหงความหมดจด อัปปะกา เต มะนุสเสสุ เย ชะนา ปาระคามิโน, ในหมูมนุษยทั้งหลาย ผูที่ถึงฝั่ งแหงพระนิพพานมีนอยนัก อะถายัง อิตะรา ปะชา ตีระเมวานุธาวะติ. หมูมนุษยนอกนั้น ยอมวิ่งเลาะอยูตามฝั่ งในนี่เอง เย จะ โข สัมมะทักขาเต ธัมเม ธัมมานุวัตติโน, ก็ชนเหลาใด ประพฤติสมควรแกธรรม ในธรรมที่ตรัสไวชอบแลว เต ชะนา ปาระเมสสันติ มัจจุเธยยัง สุทุตตะรัง. ชนเหลานั้น จักถึงฝั่ งแหงพระนิพพาน ขามพนบวงแหงมัจจุ ที่ขามไดยากนัก กัณหัง ธัมมัง วิปปะหายะ สุกกัง ภาเวถะ ปั ณฑิโต, บัณฑิตควรละธรรมดําเสีย ยังธรรมขาวใหเจริญ โอกา อะโนกะมาคัมมะ วิเวเก ยัตถะ ทูระมัง. ตัต๎ราภิระติมิจเฉยยะ หิต๎วา กาเม อะกิญจะโน, จงมาถึงที่ไมมีนํ้า จากที่มีนํ้า จงละกามเสีย เป็ นผูไมมีความกังวล จงยินดีเฉพาะตอพระนิพพาน อันเป็ นที่สงัด ซึ่งสัตวยินดีไดโดยยาก ปะริโยทะเปยยะ อัตตานัง จิตตะเก๎ลเสหิ ปั ณฑิโต. บัณฑิตควรทําตนใหผองแผว จากเครื่องเศราหมองแหงจิตทั้งหลาย คำทำวัตรเย็น ติลักขณาทิคาถา ๕๑
๕๒ เยสัง สัมโพธิยังเคสุ สัมมา จิตตัง สุภาวิตัง, จิตอันบัณฑิตเหลาใดอบรมดีแลว โดย ถูกตอง ในองคอันเป็ นเหตุตรัสรูทั้งหลาย อาทานะปะฏินิสสัคเค อะนุปาทายะ เย ระตา, บัณฑิตเหลาใดไมถือมั่น ยินดีแลวในการสละความยึดถือ ขีณาสะวา ชุติมันโต เต โลเก ปะรินิพพุตาติ. บัณฑิตเหลานั้น ยอมเป็ นผูไมมีอาสวะ เป็ นผูรุงเรือง ดับสนิทในโลก ดังนี้แล. ภัทเทกรัตตคาถา16 ๑ อะตีตัง นาน๎วาคะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง, บุคคลไมควรตามคิดถึงสิ่งที่ลวงไปแลวดวย อาลัย และไมพึงพะวงถึงสิ่งที่ยังไมมาถึง ยะทะตีตัมปะหีนันตัง อัปปั ตตัญจะ อะนาคะตัง. สิ่งเป็ นอดีต ก็ละไปแลว สิ่งเป็ นอนาคต ก็ยังไมมา ปั จจุปปั นนัญจะ โย ธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปั สสะติ, ผูใด เห็นธรรมอันเกิดขึ้นเฉพาะหนา ในที่นั้นๆ อยางแจมแจง อะสังหิรัง อะสังกุปปั ง ตัง วิทธา มะนุพ๎รูหะเย. ไมงอนแงน ไมคลอนแคลน เขาควรพอกพูนอาการเชนนั้นไว อัชเชวะ กิจจะมาตัปปั ง โก ชัญญา มะระณัง สุเว, ความเพียรเป็ นกิจที่ตองทําวันนี้ ใครจะรูความตายแมพรุงนี้ นะ หิ โน สังคะรันเตนะ มะหาเสเนนะ มัจจุนา. เพราะการผัดเพี้ยนตอมัจจุราช ซึ่งมีเสนามาก ยอมไมมีสําหรับเรา ๑ ม. อุ. ๑๔/๕๕๑ มีจํานวน ๔ คาถา. คําทําวัตรเย็น ติลักขณาทิคาถา ๕๒
๕๓ เอวัง วิหาริมาตาปิ ง อะโหรัตตะมะตันทิตัง, ตัง เว ภัทเทกะรัตโตติ สันโต อาจิกขะเต มุนีติ. มุนีผูสงบ ยอมกลาวเรียก ผูมีความเพียรอยูเชนนั้น ไมเกียจครานทั้งกลางวันกลางคืน วา “ผูเป็ นอยูแมเพียงราตรีเดียว ก็นาชม.” ติอุทานคาถา17 ๑ (พุทธอุทานคาถา) ยะทา หะเว ปาตุภะวันติ ธัมมา, เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏ อาตาปิ โน ฌายะโต พ๎ราห๎มะณัสสะ, แกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู อะถัสสะ กังขา วะปะยันติ สัพพา, เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง ของพราหมณนั้น ยอมสิ้นไป ยะโต ปะชานาติ สะเหตุธัมมัง. เพราะมารูแจงธรรมวาเกิดแตเหตุ ยะทา หะเว ปาตุภะวันติ ธัมมา, เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏ อาตาปิ โน ฌายะโต พ๎ราห๎มะณัสสะ, แกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู อะถัสสะ กังขา วะปะยันติ สัพพา, เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง ของพราหมณนั้น ยอมสิ้นไป ยะโต ขะยัง ปั จจะยานัง อะเวทิ. เพราะไดรูความสิ้นแหงปั จจัยทั้งหลาย ยะทา หะเว ปาตุภะวันติ ธัมมา, เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏ อาตาปิ โน ฌายะโต พ๎ราห๎มะณัสสะ, แกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู วิธูปะยัง ติฏฐะติ มาระเสนัง, พราหมณนั้นกําจัดมารและเสนา ดํารงอยูได สูโรวะ โอภาสะยะมันตะลิกขันติ. ดุจพระอาทิตยอุทัยกําจัดความมืด ทําอากาศใหสวางฉะนั้น. ๑ ขุ. อุ ๒๕/๓๘ มีจํานวน ๓ คาถา. คำทำวัตรเย็น ภัทเทกรัตตคาถา ๕๓
๕๔ พ๎รัห๎มวิหารผรณะ อะหัง สุขิโต โหมิ, ขอใหขาพเจาจงมีความสุข นิททุกโข โหมิ, จงเป็ นผูปราศจากทุกข อะเวโร โหมิ, จงเป็ นผูปราศจากเวร อัพ๎ยาปั ชโฌ โหมิ, จงเป็ นผูไมพยาบาทเบียดเบียนซึ่งกัน และกัน อะนีโฆ โหมิ, จงเป็ นผูไมมีทุกขกายทุกขใจ สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ. จงรักษาตนอยูเป็ นสุขเถิด สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ, ขอสัตวทั้งหลายทั้งปวง, จงเป็ นผูถึงความสุขเถิด สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ, ขอสัตวทั้งหลายทั้งปวง, จงเป็ นผูไมมีเวรกันเถิด สัพเพ สัตตา อัพ๎ยาปั ชฌา โหนตุ, ขอสัตวทั้งหลายทั้งปวง, จงอยาได พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเถิด สัพเพ สัตตา อะนีฆา โหนตุ, ขอสัตวทั้งหลายทั้งปวง, จงเป็ นผูไมมีทุกขกายทุกขใจเถิด สัพเพ สัตตา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ, ขอสัตวทั้งหลายทั้งปวง, จงรักษาตนอยูเป็ นสุขเถิด สัพเพ สัตตา สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ, ขอสัตวทั้งหลายทั้งปวง, จงพนจากทุกขทั้งมวลเถิด สัพเพ สัตตา ลัทธะสัมปั ตติโต มา วิคัจฉันตุ, ขอสัตวทั้งหลายทั้งปวง, จงอยาไดพราก จากสมบัติอันตนไดแลวเถิด สัพเพ สัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา, สัตวทั้งหลายทั้งปวง, มีกรรมเป็ นของของตน, มีกรรมเป็ นผูใหผล, มีกรรมเป็ นแดนเกิด, มีกรรมเป็ นผูติดตาม, มีกรรมเป็ นที่พึ่งอาศัย คำทำวัตรเย็น ๕๔
๕๕ ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัล๎ยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ. จักทํากรรมอันใดไว เป็ นบุญหรือเป็ นบาป, จักตองเป็ นทายาท, คือวา จักตองไดรับ ผลของกรรมนั้นสืบไป. คําแผเมตตาอุทิศสวนกุศล สัพเพ สัตตา สะทา โหนตุ อะเวรา สุขะชีวิโน, ขอใหสัตวทั้งหลาย อยาไดมีเวรแกกันและกันเลย, จงเป็ นผูดํารงชีพอยูเป็ นสุขทุกเมื่อเถิด กะตัง ปุญญัง ผะลัง มัยหัง สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต. ขอใหสัตวทั้งหลาย จงไดเสวยผลบุญ, ที่ขาพเจาไดบําเพ็ญดวย กาย วาจา ใจ แลวนั้นเทอญ. อักโกเธนะ ชิเน โกธัง พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ อะสาธุง สาธุนา ชิเน พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี ชิเน กะทะริยัง ทาเนนะ พึงชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้ สัจเจนาลิกะวาทินัง พึงชนะคนพูดเหลวไหล ด้วยความจริง. ขุ. ธ. ๒๕/๒๗ , ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๕๐ คำทำวัตรเย็น พ๎รัห๎มวิหารผรณะ ๕๕
๕๖ พระพุทธภาษิต สุโข พุทธานะมุปปาโท สุขา สัทธัมมะเทสะนา สุขา สังฆัสสะ สามัคคี สะมัคคานัง ตะโป สุโข. การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าทังหลาย นําควา้มสุขมาให้ การแสดงพระสัทธรรม นําความสุขมาให้ ความสามัคคีกันของหมู่คณะ นําความสุขมาให้ ความเพียรของผู้สามัคคีกัน นําความสุขมาให้ ขุ. ธ. ๒๕/๒๔ ๕๖
๕๗ ตนสวดมนต ปุพพภาคนมการะ (นํา) หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น, อะระหะโต, ซึ่งเป็ นผูไกลจากกิเลส, สัมมาสัมพุทธัสสะ. ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง. สรณคมนปาฐะ (นํา) หันทะ มะยัง ติสะระณะคะมะนะปาฐัง ภะณามะ เส. พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ขาพเจาขอถึงพระพุทธเจาเป็ นสรณะ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ, ขาพเจาขอถึงพระธรรมเป็ นสรณะ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ, ขาพเจาขอถึงพระสงฆเป็ นสรณะ ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถึงพระพุทธเจาเป็ นสรณะ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ, แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถึงพระธรรมเป็ นสรณะ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ, แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถึงพระสงฆเป็ นสรณะ ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถึงพระพุทธเจาเป็ นสรณะ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ, แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถึงพระธรรมเป็ นสรณะ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ. แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถึงพระสงฆเป็ นสรณะ. ๕๗
๕๘ ถาสวดเพื่อตออายุ หรือสวดใหคนไขฟั ง ใช พุทธัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, สังฆัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, ทุติยัมปิ พุทธัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, ทุติยัมปิ ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, ทุติยัมปิ สังฆัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, ตะติยัมปิ พุทธัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, ตะติยัมปิ ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, ตะติยัมปิ สังฆัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ, สัจจกิริยาคาถา นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ที่พึ่งอื่นของขาพเจาไมมี, พุทโธ เม สะระณัง วะรัง, พระพุทธเจา เป็ นที่พึ่งอันประเสริฐ ของขาพเจา, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ดวยการกลาวคําสัตยนี้, โสตถิ เต18 ๑ โหตุ สัพพะทา. ขอความสวัสดีจงมีแกทานทุกเมื่อ. นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ที่พึ่งอื่นของขาพเจาไมมี, ธัมโม เม สะระณัง วะรัง, พระธรรม เป็ นที่พึ่งอันประเสริฐ ของขาพเจา, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ดวยการกลาวคําสัตยนี้, โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา. ขอความสวัสดีจงมีแกทานทุกเมื่อ. นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ที่พึ่งอื่นของขาพเจาไมมี, ๑ สวดใหตนเองวา เม แปลวา แกขาพเจา. ต้นสวดมนต์ ๕๘
๕๙ สังโฆ เม สะระณัง วะรัง, พระสงฆ เป็ นที่พึ่งอันประเสริฐ ของขาพเจา, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ดวยการกลาวคําสัตยนี้, โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา. ขอความสวัสดีจงมีแกทานทุกเมื่อ. มหาการุณิโก นาโถติอาทิกาคาถา มะหาการุณิโก นาโถ อัตถายะ สัพพะปาณินัง, ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา ปั ตโต สัมโพธิมุตตะมัง, พระพุทธเจาผูเป็ นที่พึ่ง ทรงประกอบดวย พระกรุณาใหญ ทรงบําเพ็ญพระบารมี ทั้งสิ้น เพื่อประโยชนแกสัตวทั้งปวง ไดบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแลว เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ มา โหนตุ สัพพุปั ททะวา. ดวยการกลาวคําสัตยนี้ ขอสรรพอุปั ทวะทั้งหลาย จงอยาไดมี มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง, ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา ปั ตโต สัมโพธิมุตตะมัง, พระพุทธเจาผูเป็ นที่พึ่ง ทรงประกอบดวย พระกรุณาใหญ ทรงบําเพ็ญพระบารมี ทั้งสิ้น เพื่อเกื้ อกูลแกสัตวทั้งปวง ไดบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแลว เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ มา โหนตุ สัพพุปั ททะวา. ดวยการกลาวคําสัตยนี้ ขอสรรพอุปั ทวะทั้งหลาย จงอยาไดมี มะหาการุณิโก นาโถ สุขายะ สัพพะปาณินัง, ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา ปั ตโต สัมโพธิมุตตะมัง, พระพุทธเจาผูเป็ นที่พึ่ง ทรงประกอบดวย พระกรุณาใหญ ทรงบําเพ็ญพระบารมี ทั้งสิ้น เพื่อความสุขแกสัตวทั้งปวง ไดบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแลว เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ มา โหนตุ สัพพุปั ททะวา. ดวยการกลาวคําสัตยนี้ ขอสรรพอุปั ทวะทั้งหลาย จงอยาไดมี. ต้นสวดมนต์ สัจจกิริยาคาถา ๕๙
๖๐ เขมาเขมสรณคมนปริทีปิ กาคาถา19 ๑ พะหุง เว สะระณัง ยันติ ปั พพะตานิ วะนานิ จะ, อารามะรุกขะเจต๎ยานิ มะนุสสา ภะยะตัชชิตา. มนุษยทั้งหลายเป็ นอันมาก, เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแลว, ยอมถือเอาภูเขาทั้งหลายบาง ป าไมทั้งหลายบาง, อารามและรุกขเจดียบาง วาเป็ นสรณะ. เนตัง โข สะระณัง เขมัง นั่นมิใชสรณะอันเกษมเลย, เนตัง สะระณะมุตตะมัง, นั่นมิใชสรณะอันสูงสุด, เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ. เขาอาศัยสรณะนั่นแลว, ยอมไมพนจากทุกขทั้งปวงได, โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต, สวนผูใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ เป็ นสรณะแลว, จัตตาริ อะริยะสัจจานิ สัมมัปปั ญญายะ ปั สสะติ. เห็นอริยสัจ คือความจริงอันประเสริฐสี่, ดวยปั ญญาอันชอบ. ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง คือ เห็นความทุกข, เหตุใหเกิดทุกข, ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง, ความกาวลวงทุกขเสียได, อะริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง และหนทางมีองคแปด อันประเสริฐ, ทุกขูปะสะมะคามินัง. เครื่องถึงความระงับทุกข. เอตัง โข สะระณัง เขมัง นั่นแหละ เป็ นสรณะอันเกษม, เอตัง สะระณะมุตตะมัง, นั่นเป็ นสรณะอันสูงสุด, เอตัง สะระณะมาคัมมะ เขาอาศัยสรณะนั่นแลว. สัพพะทุกขา ปะมุจจะตีติ. ยอมพนจากทุกขทั้งปวงได, ดังนี้แล. ๑ ขุ. ธ. ๒๕/๒๔ มีจํานวน ๕ คาถา. ต้นสวดมนต์ ๖๐
๖๑ ธัมมคารวาทิคาถา20 ๑ เย จะ อะตีตา สัมพุทธา พระสัมพุทธเจาเหลาใด ที่ลวงมาแลวดวย เย จะ พุทธา อะนาคะตา, พระพุทธเจาเหลาใด ที่ยังไมมาอุบัติดวย โย เจตะระหิ สัมพุทโธ พะหุนนัง โสกะนาสะโน. พระสัมพุทธเจาใด ผูยังความโศกของคน เป็ นอันมากใหพินาศไป มีอยูในกาลนี้ดวย สัพเพ สัทธัมมะคะรุโน วิหะริงสุ วิหาติ จะ, พระพุทธเจาทั้งปวงนั้น ลวนทรงเคารพในพระสัทธรรม ทรงมีมาแลวดวย ทรงมีอยูดวย อะถาปิ วิหะริสสันติ เอสา พุทธานะ ธัมมะตา. และจักทรงมีตอไปอีกดวย ขอนี้เป็ น ธรรมดาของพระพุทธเจาทั้งหลาย ตัส๎มา หิ อัตตะกาเมนะ มะหัตตะมะภิกังขะตา, เพราะเหตุนั้นแล บุคคลผูใครตอประโยชน ตน จํานงความเป็ นใหญอยู สัทธัมโม คะรุกาตัพโพ สะรัง พุทธานะ สาสะนัง. เมื่อระลึกถึงคําสั่งสอนของพระพุทธเจา ทั้งหลาย พึงทําความเคารพพระสัทธรรม ทุททะทัง ทะทะมานานัง ทุกกะรัง กัมมะ กุพพะตัง,21 ๒ เมื่อสัตบุรุษทั้งหลาย ใหสิ่งที่บุคคลให โดยยาก กระทํากรรมที่บุคคลกระทําได โดยยากอยู อะสันโต นานุกุพพันติ สะตัง ธัมโม ทุรันวะโย. พวกอสัตบุรุษยอมทําตามไมได ธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย อสัตบุรุษเอาอยางไดโดยยาก ๑ องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๒๗. ๒ ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๖๓. ต้นสวดมนต์ ๖๑
๖๒ ตัส๎มา สะตัญจะ อะสะตัญจะ นานา โหติ อิโต คะติ, เพราะเหตุนั้น ความไปจากโลกนี้ ของสัตบุรุษและอสัตบุรุษทั้งหลาย จึงเป็ นของตางกัน อะสันโต นิระยัง ยันติ พวกอสัตบุรุษยอมไปนรก สันโต สัคคะปะรายะนา. สัตบุรุษทั้งหลายยอมไปสวรรค นะ หิ ธัมโม อะธัมโม จะ อุโภ สะมะวิปากิโน, ธรรมและอธรรม ๒ อยางนี้ มีผลเสมอกันหามิไดเลย อะธัมโม นิระยัง เนติ ธัมโม ปาเปติ สุคคะติง. อธรรมยอมนําไปนรก ธรรมยอมใหถึงสุคติสวรรค ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง, ๑ ธรรมแล ยอมรักษาผูประพฤติธรรมเป็ น ปกติ ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ, ธรรมอันบุคคลประพฤติดีแลว ยอมนําสุขมาให เอสานิสังโส ธัมเม สุจิณเณ, ขอนี้เป็ นอานิสงสในพระธรรม ที่บุคคลประพฤติดีแลว นะ ทุคคะติง คัจฉะติ ธัมมะจารี. ผูประพฤติธรรมเป็ นปกติ ยอมไมไปสูทุคติ นะ ปุปผะคันโธ ปะฏิวาตะเมติ, ๒ กลิ่นดอกไมยอมไปทวนลมไมได นะ จันทะนัง ตะคะระมัลลิกา วา, กลิ่นจันทน หรือกฤษณา และกระลําพัก ก็ไปทวนลมไมได สะตัญจะ คันโธ ปะฏิวาตะเมติ, สวนวากลิ่นของสัตบุรุษทั้งหลาย ยอมไปทวนลมได สัพพา ทิสา สัปปุริโส ปะวายะติ. เพราะสัตบุรุษยอมฟ ุงเฟื่ องไปไดทุกทิศ ๑ ขุ. ชา. ๒๗/๒๙๐. ๒ ขุ. ธ. ๒๕/๒๒. ต้นสวดมนต์ ธัมมคารวาทิคาถา ๖๒
๖๓ จันทะนัง ตะคะรัง วาปิ อุปปะลัง อะถะ วัสสิกี, เอเตสัง คันธะชาตานัง สีละคันโธ อะนุตตะโร. กลิ่น คือ ศีล เป็ นเยี่ยมกวากลิ่นแหงคันธชาติทั้งหลาย เหลานี้ คือ จันทนกฤษณา ดอกบัว และมะลิเครือ อัปปะมัตโต อะยัง คันโธ ย๎วายัง ตะคะระจันทะนี, กลิ่นกฤษณาและจันทนนี้ใด กลิ่นนี้เป็ นกลิ่นมีประมาณเล็กนอย โย จะ สีละวะตัง คันโธ วาติ เทเวสุ อุตตะโม. สวนวากลิ่นของผูมีศีลทั้งหลายอันใด กลิ่นอันนั้นสูงสุด หอมฟ ุงไปในเทวดา และมนุษยทั้งหลาย เตสัง สัมปั นนะสีลานัง อัปปะมาทะวิหารินัง, สัมมะทัญญา วิมุตตานัง มาโร มัคคัง นะ วินทะติ. มารยอมคนหาไมพบซึ่งทาง ของทานทั้งหลาย ผูมีศีลถึงพรอมแลว ผูอยูดวยความไมประมาท ผูหลุดพนไดเด็ดขาด เพราะรูชอบ ยะถา สังการะธานัส๎มิง อุชฌิตัส๎มิง มะหาปะเถ, ปะทุมัง ตัตถะ ชาเยถะ สุจิคันธัง มะโนระมัง. ดอกบัวมีกลิ่นดี พึงเกิดในกองแหงหยากเยื่อ อันเขาทิ้งแลวใกลทางใหญนั้น ยังเป็ นที่ชอบใจฉันใด เอวัง สังการะภูเตสุ อันธะภูเต ปุถุชชะเน, อะติโรจะติ ปั ญญายะ สัมมาสัมพุทธะสาวะโกติ. พระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจา (แมเกิด)ในหมูชนผูเป็ นดังหยากเยื่อ ยอมรุงเรืองลวงปุถุชนทั้งหลาย ที่เป็ นผูมืดดวยปั ญญา ฉันนั้นแล. ต้นสวดมนต์ ธัมมคารวาทิคาถา ๖๓
๖๔ ติรตนนมคาถา24 ๑ โย สันนิสินโน วะระโพธิมูเล, มารัง สะเสนัง สุชิตัง ชินิต๎วา, สัมโพธิมาคัจฉิ อะนันตะญาโณ, โลกุตตะโม ตัง ปะณะมามิ พุทธัง. พระพุทธเจาพระองคใด ทรงมีพระญาณ หาที่สุดมิได เป็ นผูสูงสุดในโลก ประทับนั่ง ประชุมธรรมอยูที่โคนโพธิพฤกษอันประเสริฐ ทรงชนะมารพรอมดวยกองทัพเด็ดขาดแลว บรรลุพระสัมโพธิญาณ ขาพเจาขอนอบนอม พระพุทธเจาพระองคนั้น อัฏฐังคิโก อะริยะปะโถ ชะนานัง, โมกขัปปะเวสายะ อุชู จะ มัคโค, มรรคมีองคแปด เป็ นหนทางอันประเสริฐ เป็ นหนทางตรง เพื่อเขาไปเปลื้ องเหลาชน ใหพนทุกข ธัมโม อะยัง สันติกะโร ปะณีโต,พระธรรมนี้ทําความสงบ ประณีต นิยยานิโก ตัง ปะณะมามิ ธัมมัง. นําสัตวออกจากทุกข ขาพเจาขอนอบนอมพระธรรมนั้น สังโฆ วิสุทโธ วะระทักขิเณยโย,พระสงฆเป็ นผูบริสุทธิ์ เป็ นทักขิไณยบุคคล ผูประเสริฐ สันตินท๎ริโย สัพพะมะลัปปะหีโน,มีอินทรียสงบ ละมลทินไดหมดแลว คุเณหิเนเกหิ สะมิทธิปั ตโต, เป็ นผูถึงความพรั่งพรอมดวยคุณมากมาย อะนาสะโว ตัง ปะณะมามิ สังฆัง.ไมมีอาสวะ ขาพเจาขอนอบนอม พระสงฆนั้น โย กัปปะโกฏีหิปิ อัปปะเมยยัง, กาลัง กะโรนโต อะติทุกกะรานิ, เขทัง คะโต โลกะหิตายะ นาโถ, พระพุทธเจาพระองคใด ทรงทํากิจที่คน ทําไดยากยิ่งนัก สิ้นกาลที่นับมิได แมดวยหลายโกฏิกัป ไดรับความลําบาก ในที่สุด ทรงไดเป็ นนาถะเพื่อประโยชน เกื้ อกูลแกสัตวโลก ๑ คําฉันทประเภท อินทรวิเชียรฉันท ๑๑ มีจํานวน ๗ คาถา. ต้นสวดมนต์ ๖๔
๖๕ นะโม มะหาการุณิกัสสะ ตัสสะ. ขอนอบนอมพระพุทธเจาพระองคนั้น ผูทรงพระมหากรุณา อะสัมพุธัง พุทธะนิเสวิตัง ยัง, ภะวาภะวัง คัจฉะติ ชีวะโลโก, สัตวโลกเมื่อไมตรัสรูธรรมใด ที่พระพุทธเจาเสพอยูเป็ นนิจ ยอมทองเที่ยวไปสูภพนอยและภพใหญ นะโม อะวิชชาทิกิเลสะชาละ-, วิทธังสิโน ธัมมะวะรัสสะ ตัสสะ. ขอนอบนอมพระธรรมอันประเสริฐนั้น อันขจัดขายคือกิเลส มีอวิชชา เป็ นตน คุเณหิ โย สีละสะมาธิปั ญญา-, วิมุตติญาณัปปะภุตีหิ ยุตโต, พระอริยสงฆใด ประกอบดวยคุณ มีศีล สมาธิ ปั ญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะ เป็ นตน เขตตัญชะนานัง กุสะลัตถิกานัง, เป็ นนาบุญของเหลาชนผูตองการบุญ ตะมะริยะสังฆัง สิระสา นะมามิ.ขาพเจาขอนอบนอมพระอริยสงฆนั้น ดวยเศียรเกลา อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง, นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง. ขาพเจานอบนอมอยูซึ่งพระรัตนตรัยใด ที่ควรนอบนอมโดยสวนยิ่ง อยางนี้ ดวยประการฉะนี้ ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง,ไดแลวซึ่งกองบุญอันไพบูลย ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย. ดวยอานุภาพแหงพระรัตนตรัยนั้น จงขจัดอันตรายเสียเถิด. ต้นสวดมนต์ ติรตนนมคาถา ๖๕
๖๖ ปั พพโตปมคาถา25 ๑ ยะถาปิ เสลา วิปุลา นะภัง อาหัจจะ ปั พพะตา, สะมันตา อะนุปะริเยยยุง นิปโปเถนตา จะตุททิสา. ภูเขาทั้งหลาย เป็ นภูเขาหินลวน อันไพบูลย และสูงจรดฟ า กลิ้งบดขยี้สัตวโลกทั้งหลายมาโดยรอบ ทั้งสี่ทิศ แมฉันใด. เอวัง ชะรา จะ มัจจุ จะ อะธิวัตตันติ ปาณิโน, ความแกและความตาย, ยอมครอบงําสัตวโลกทั้งหลายเอาไวฉันนั้น, ขัตติเย พ๎ราห๎มะเณ เวสเส คือ กษัตริย พราหมณ และพลเรือน, สุทเท จัณฑาละปุกกุเส. คนไพร คนจัณฑาล คนเทหยากเยื่อ. นะ กิญจิ ปะริวัชเชติ มิไดยกเวนใครๆ เลย, สัพพะเมวาภิมัททะติ, ยอมยํ่ายีสัตวทั้งปวงทีเดียว, นะ ตัตถะ หัตถีนัง ภูมิ นะ ระถานัง นะ ปั ตติยา. สมรภูมิแหงพลชาง พลรถ พลเดินเทา ยอมไมมีในความแก และความตายนั้น. นะ จาปิ มันตะยุทเธนะ สักกา เชตุง ธะเนนะ วา, อนึ่ง ไมมีใครสามารถจะเอาชนะความแก และความตายได, โดยการสูรบดวยเวทมนต หรือดวยทรัพย, ตัส๎มา หิ ปั ณฑิโต โปโส เพราะเหตุนั้นแล ผูเป็ นบัณฑิตชน, สัมปั สสัง อัตถะมัตตะโน. เมื่อเล็งเห็นประโยชนของตน. พุทเธ ธัมเม จะ สังเฆ จะ ธีโร สัทธัง นิเวสะเย. ผูมีปั ญญา ควรทําศรัทธาใหตั้งมั่นใน พระพุทธเจา, พระธรรม และพระสงฆ, โย ธัมมะจารี กาเยนะ ผูใดเป็ นผูประพฤติธรรม ดวยกาย วาจายะ อุทะ เจตะสา, ดวยวาจา หรือดวยใจ. ๑ สํ. ส. ๑๕/๔๑๕ มีจํานวน ๕ คาถากึ่ง. ต้นสวดมนต์ ๖๖
๖๗ อิเธวะ นัง ปะสังสันติ เปจจะ สัคเค ปะโมทะติ. บัณฑิตทั้งหลาย ยอมสรรเสริญผูนั้นใน โลกนี้นี่แล, เขาละโลกนี้ไปแลว ยอมบันเทิงในสวรรค. อริยธนคาถา26 ๑ ยัสสะ สัทธา ตะถาคะเต ศรัทธาในพระตถาคตของผูใด, อะจะลา สุปะติฏฐิตา, ตั้งมั่นอยางดีไมหวั่นไหว, สีลัญจะ ยัสสะ กัล๎ยาณัง และศีลของผูใดงดงาม, อะริยะกันตัง ปะสังสิตัง. เป็ นที่สรรเสริญที่พอใจของพระอริยเจา. สังเฆ ปะสาโท ยัสสัตถิ ความเลื่อมใสของผูใดมีในพระสงฆ, อุชุภูตัญจะ ทัสสะนัง, และความเห็นของผูใดตรง, อะทะลิทโทติ ตัง อาหุ บัณฑิตกลาวเรียกเขาผูนั้นวา คนไมจน, อะโมฆันตัสสะ ชีวิตัง. ชีวิตของเขาไมเป็ นหมัน. ตัส๎มา สัทธัญจะ สีลัญจะ ปะสาทัง ธัมมะทัสสะนัง, อะนุยุญเชถะ เมธาวี สะรัง พุทธานะ สาสะนันติ. เพราะฉะนั้น, เมื่อระลึกได ถึงคําสั่งสอนของพระพุทธเจาอยู, ผูมีปั ญญาควรกอสรางศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส, และความเห็นธรรมให เนืองๆ ดังนี้แล. ๑ องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๕๒ มีจํานวน ๓ คาถา. ต้นสวดมนต์ ปัพพโตปมคาถา ๖๗
๖๘ พระพุทธภาษิต สุภานุปัสสิง วิหะรันตัง บุคคลที่เห็นอารมณ์ว่างามอยู่เสมอ อินท๎ริเยสุ อะสังวุตัง ไม่สํารวมในอินทรีย์ทั้งหลาย โภชะนัมหิ อะมัตตัญ�ุง ไม่รู้ประมาณในการบริโภค กุสีตัง หีนะวีริยัง เกียจคร้าน มีความเพียรน้อย ตัง เว ปะสะหะติ มาโร มารย่อมรังควานยํ่ายีเขาได้ วาโต รุกขัง วะ ทุพพะลัง. เหมือนลมระรานต้นไม้ที่ไม่แข็งแรง อะสุภานุปัสสิง วิหะรันตัง บุคคลที่เห็นอารมณ์ว่าไม่งามอยู่เสมอ อินท๎ริเยสุ สุสังวุตัง สํารวมดีแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย โภชะนัมหิ จะ มัตตัญ�ุง รู้ประมาณในการบริโภค สัทธัง อารัทธะวีริยัง มีศรัทธา มีความเพียรสมํ่าเสมอ ตัง เว นัปปะสะหะติ มาโร มารย่อมรังควานยํ่ายีเขาไม่ได้ วาโต เสลัง วะ ปัพพะตัง. เหมือนลมระรานภูเขาหินไม่ได้. ขุ. ธ. ๒๕/๑๖ ๖๘
๖๙ พระปริตร คําอาราธนาพระปริตร วิปั ตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปั ตติสิทธิยา, สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พ๎รูถะ มังคะลัง. ขอพระสงฆทั้งหลาย จงสวดพระปริตร อันเป็ นมงคล เพื่อป องกันความวิบัติ เพื่อความสําเร็จในสมบัติทั้งปวง เพื่อใหทุกขทั้งปวงจงพินาศไป วิปั ตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปั ตติสิทธิยา, สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พ๎รูถะ มังคะลัง. ขอพระสงฆทั้งหลาย จงสวดพระปริตร อันเป็ นมงคล เพื่อป องกันความวิบัติ เพื่อความสําเร็จในสมบัติทั้งปวง เพื่อใหภัยทั้งปวงจงพินาศไป วิปั ตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปั ตติสิทธิยา, สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พ๎รูถะ มังคะลัง. ขอพระสงฆทั้งหลาย จงสวดพระปริตร อันเป็ นมงคล เพื่อป องกันความวิบัติ เพื่อความสําเร็จในสมบัติทั้งปวง เพื่อใหโรคทั้งปวงจงพินาศไป คําอาราธนาธรรม พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ, ทาวสหัมบดีพรหมผูเป็ นใหญแหงโลก กัต๎อัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ, ประคองอัญชลีกราบทูลอาราธนา พระสัมมาสัมพุทธเจาผูประเสริฐวา สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา, หมูสัตวโลกที่มีธุลีในดวงตานอย ยังมีอยู เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิ มัง ปะชัง. ขอทรงเอ็นดู แสดงธรรมโปรดหมูสัตวนี้ ดวยเถิด. ๖๙
๗๐ คาถาจุดเทียนชัย พุทโธ สัพพัญุตะญาโณ พระพุทธเจา ทรงมีพระสัพพัญุตญาณ ธัมโม โลกุตตะโร วะโร, พระธรรม เป็ นธรรมอันประเสริฐเหนือโลก, สังโฆ มัคคะผะลัฏโฐ จะ พระสงฆ เป็ นผูดํารงอยูในมรรคและผล อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง, สามอยางนี้รวมเป็ นพระรัตนตรัย ดังนี้, เอตัสสะ อานุภาเวนะ ดวยอานุภาพแหงพระรัตนตรัยนี้ สัพพะทุกขา อุปั ททะวา, ขอความทุกขทั้งปวง ความอุบาทวทั้งหลาย, อันตะรายา จะ นัสสันตุ และอันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสูญไป สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน.27 ๑ ขอความสวัสดีทั้งปวง จงมีแกขาพเจา ทั้งหลาย เทอญ. พุทธมงคลคาถา ทิวา ตะปะติ อาทิจโจ พระอาทิตยยอมสองแสงรุงเรืองในกลางวัน รัตติมาภาติ จันทิมา, พระจันทรยอมสองแสงรุงเรืองในกลางคืน, สันนัทโธ ขัตติโย ตะปะติ กษัตริยทรงเครื่องรบ ยอมรุงเรือง ฌายี ตะปะติ พ๎ราห๎มะโณ. พราหมณผูมีความเพียรเพง ยอมรุงเรือง. อะถะ สัพพะมะโหรัตตัง พุทโธ ตะปะติ เตชะสา, สวนพระพุทธเจาทรงรุงเรืองดวยพระเดช ตลอดกลางวันและกลางคืน, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ดวยการกลาวคําสัตยนี้ สุวัตถิ โหตุ สัพพะทา. ขอความสวัสดี จงมีทุกเมื่อ. ๑ ถาสวดเพื่อผูอื่นหลายคน เปลี่ยน โน เป็ น โว ff แกทานทั้งหลาย. ถาสวดเพื่อผูอื่นคนเดียว เปลี่ยน โน เป็ น เต ff แกทาน. พระปริตร ๗๐
๗๑ บทชุมนุมเทวดา ถาสวดเจ็ดตํานานใหขึ้นตนดวย สะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ ผะริต๎วานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ.28 ๑ คําแปล ขอเชิญทานผูเจริญทั้งหลาย จงมีเมตตาแผไมตรีจิตไววา ขออานุภาพพระปริตร จงคุมครองรักษาพระมหากษัตริย ผูเป็ นใหญในหมูนรชน พรอมทั้งสิริราชสมบัติ กับทั้งเสนามาตยและพระราชวงศทุกเมื่อ แลวอยามีจิตฟ ุงซาน สวดพระปริตรกันเถิด. ถาสวดสิบสองตํานานใหขึ้นตนดวย สะมันตา จักกะวาเฬสุ อัต๎ราคัจฉันตุ เทวะตา สัทธัมมัง มุนิราชัสสะ สุณันตุ สัคคะโมกขะทัง.29 ๒ คําแปล ขอเชิญเทวดาทั้งหลาย ในจักรวาลทั้งหลายโดยรอบ จงมาประชุมกัน ณ สถานที่นี้ ขอเชิญฟั งพระสัทธรรม ที่ชี้ทางไปสูสวรรคและนิพพาน ของพระจอมมุนีเจากันเถิด. ๑ พระโบราณจารยผูเป็ นปราชญ ไดประพันธคาถานี้เป็ นภุชงคปยาตฉันท ๑๒ มีจํานวน ๒ คาถา. ๒ประพันธคาถานี้เป็ น ปั ฐยาวัตรฉันท มีจํานวน ๑ คาถา. พระปริตร ๗๑
๗๒ ตอไปสวดเหมือนกันทั้งเจ็ดตํานาน และสิบสองตํานาน30 ๑ สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน, ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต, ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา, ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ.31 ๒ ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา. คําแปล ขอเชิญเหลาเทวดา ซึ่งสถิตอยูในสวรรค ชั้นกามภพก็ดี รูปภพก็ดี และภุมมเทวดา ซึ่งสถิตอยูในวิมาน หรือยอดภูเขาและหุบผา ในอากาศ ในเกาะ ในแวนแควน ในบาน ในตนพฤกษาและป าชัฏ ในเรือนและในไรนาก็ดี และยักษ คนธรรพ นาค ซึ่งสถิตอยู ในนํ้า บนบก และในที่อันไมราบเรียบก็ดี อันอยูในที่ใกลเคียง จงมาประชุมพรอมกัน ในที่นี้ คําใดเป็ นคําของพระจอมมุนีเจาผูประเสริฐ ทานสาธุชนทั้งหลาย ขอจงสดับคําของ ขาพเจานั้นเถิด. ทานผูเจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็ นกาลฟั งธรรม ทานผูเจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็ นกาลฟั งธรรม ทานผูเจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็ นกาลฟั งธรรม ๑ เจ็ดตํานาน มีจํานวน ๗ พระปริตร คือ มังคลปริตร(สุตตัง), รตนปริตร(สุตตัง), เมตตปริตร (กรณียเมตตสุตตัง), ขันธปริตร, โมรปริตร, ธชัคคปริตร(สุตตัง) และอาฏานาฏิยปริตร สิบสองตํานาน มีเพิ่มอีก ๕ พระปริตร คือ วัฏฏกปริตร, อังคุลิมาลปริตร, โพชฌังคปริตร, อภยปริตร และชัยปริตร ๒ คาถานี้ทานประพันธเป็ น สัทธราฉันท ๒๑. พระปริตร บทชุมนุมเทวดา ๗๒
๗๓ ถาเป็ นงานพิธีของพระโดยตรง เชน พิธีเขาพรรษา ออกพรรษา หรือพิธีหลอ พระพุทธรูป เป็ นตน นิยมเปลี่ยนตอนทายเป็ น พุทธะทัสสะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา สังฆะปะยิรุปาสะนะกาโล อะยัมภะทันตา. คําแปล ทานผูเจริญทั้งหลาย กาลนี้ เป็ นกาลเขาเฝ าพระพุทธเจา ทานผูเจริญทั้งหลาย กาลนี้ เป็ นกาลฟั งธรรม ทานผูเจริญทั้งหลาย กาลนี้ เป็ นกาลนั่งใกลพระสงฆ นมการสิทธิคาถา32 ๑ โย จักขุมา โมหะมะลาปะกัฏโฐ, ทานพระองคใด มีพระปั ญญาจักษุ ขจัดมลทิน คือโมหะเสียแลว, สามัง วะ พุทโธ สุคะโต วิมุตโต, ไดตรัสรูเป็ นพระพุทธเจาโดยลําพัง พระองคเอง เสด็จไปดี พนไปแลว, มารัสสะ ปาสา วินิโมจะยันโต, ปาเปสิ เขมัง ชะนะตัง วิเนยยัง. ทรงเปลื้ องชุมนุมชนอันเป็ นเวไนย จากบวงแหงมาร นําใหถึงความเกษม. พุทธัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ, ขาพระพุทธเจา ขอถวายนมัสการ พระพุทธเจา ผูบวรพระองคนั้น, ๑ พระนิพนธ ของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แตงรอยกรอง ดวยคําฉันทแบบอินทรวิเชียรฉันท ๑๑ มีจํานวน ๖ คาถา. พระปริตร บทชุมนุมเทวดา ๗๓
๗๔ โลกัสสะ นาถัญจะ วินายะกัญจะ, ผูเป็ นนาถะและเป็ นผูนําแหงโลก, ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ, ดวยเดชพระพุทธเจานั้น ขอความสําเร็จแหงชัยชนะ จงมีแกทาน, สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุ. และขออันตรายทั้งมวล จงถึงความพินาศไป. ธัมโม ธะโช โย วิยะ ตัสสะ สัตถุ, พระธรรมเจาใด เป็ นดุจธงชัย แหงพระศาสดาพระองคนั้น, ทัสเสสิ โลกัสสะ วิสุทธิมัคคัง, แสดงทางแหงความบริสุทธิแกโลก, ์ นิยยานิโก ธัมมะธะรัสสะ ธารี, เป็ นคุณอันนํายุคเข็ญ คุมครองชนผูทรงธรรม, สาตาวะโห สันติกะโร สุจิณโณ. ประพฤติดีแลว นําความสุขมา ทําความสงบ. ธัมมัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ, ขาพระพุทธเจา ขอถวายนมัสการ พระธรรม อันบวรนั้น โมหัปปะทาลัง อุปะสันตะทาหัง, อันทําลายโมหะ ระงับความเรารอน, ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ, ดวยเดชพระธรรมเจานั้น ขอความสําเร็จแหงชัยชนะ จงมีแกทาน, สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุ. และขออันตรายทั้งมวล จงถึงความพินาศไป. สัทธัมมะเสนา สุคะตานุโค โย, พระสงฆเจาใด เป็ นเสนาประกาศ พระสัทธรรม ดําเนินตามพระศาสดา ผูเสด็จไปดีแลว โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะเชตา, ผจญเสียซึ่งอุปกิเลสอันลามกของโลก, สันโต สะยัง สันตินิโยชะโก จะ, เป็ นผูสงบเองดวย ประกอบผูอื่นไว ในความสงบดวย, ส๎วากขาตะธัมมัง วิทิตัง กะโรติ. ยอมทําพระธรรม อันพระศาสดา ตรัสไวดีแลว ใหมีผูรูตาม. สังฆัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ, ขาพระพุทธเจา ขอถวายนมัสการ พระสงฆเจา ผูบวรนั้น, พุทธานุพุทธัง สะมะสีละทิฏฐิง, ผูตรัสรูตามพระพุทธเจา มีศีลและทิฐิ เสมอกัน, พระปริตร นมการสิทธิคาถา ๗๔
๗๕ ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ, ดวยเดชพระสงฆเจานั้น ขอความสําเร็จแหงชัยชนะ จงมีแกทาน, สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุ. และขออันตรายทั้งมวล จงถึงความพินาศไป เทอญ. สัมพุทเธติอาทิกานมการคาถา สัมพุทเธ อัฏฐะวีสัญจะ ท๎วาทะสัญจะ สะหัสสะเก, ปั ญจะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง, ขาพเจา ขอนอบนอมพระสัมพุทธเจา ทั้งหลาย หาแสนหนึ่งหมื่นสองพันยี่สิบ แปดพระองคดวยเศียรเกลา (๕๑๒,๐๒๘ พระองค) เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง, ขอนอบนอมพระธรรม และพระสงฆ ของพระสัมพุทธเจาเหลานั้นโดยเคารพ, นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุปั ททะเว, ดวยอานุภาพแหงการกระทําความ นอบนอม, จงขจัดเสียซึ่งอุปั ทวะทั้งปวง, อะเนกา อันตะรายาปิ แมอันตรายทั้งหลายเป็ นอเนก วินัสสันตุ อะเสสะโต. จงพินาศไปโดยไมเหลือ. สัมพุทเธ ปั ญจะปั ญญาสัญจะ จะตุวีสะติสะหัสสะเก, ทะสะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง, ขาพเจา ขอนอบนอมพระสัมพุทธเจา ทั้งหลาย หนึ่งลานสองหมื่นสี่พันหาสิบ หาพระองค ดวยเศียรเกลา (๑,๐๒๔,๐๕๕ พระองค) เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง, ขอนอบนอมพระธรรม และพระสงฆ ของพระสัมพุทธเจาเหลานั้นโดยเคารพ, นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุปั ททะเว, ดวยอานุภาพแหงการกระทําความ นอบนอม, จงขจัดเสียซึ่งอุปั ทวะทั้งปวง, พระปริตร นมการสิทธิคาถา ๗๕
๗๖ อะเนกา อันตะรายาปิ แมอันตรายทั้งหลายเป็ นอเนก วินัสสันตุ อะเสสะโต. จงพินาศไปโดยไมเหลือ. สัมพุทเธ นะวุตตะระสะเต อัฏฐะจัตตาฬีสะสะหัสสะเก, วีสะติสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง. ขาพเจา ขอนอบนอมพระสัมพุทธเจา ทั้งหลาย สองลานสี่หมื่นแปดพัน หนึ่งรอยเกาพระองค ดวยเศียรเกลา (๒,๐๔๘,๑๐๙ พระองค) เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง, ขอนอบนอมพระธรรม และพระสงฆ ของพระสัมพุทธเจาเหลานั้นโดยเคารพ, นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุปั ททะเว, ดวยอานุภาพแหงการกระทําความ นอบนอม, จงขจัดเสียซึ่งอุปั ทวะทั้งปวง, อะเนกา อันตะรายาปิ แมอันตรายทั้งหลายเป็ นอเนก วินัสสันตุ อะเสสะโต. จงพินาศไปโดยไมเหลือ. นโมการอัฏฐกัง0 ๑ นะโม อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ มะเหสิโน, ขอนอบนอมแดพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ผูแสวงหาประโยชนอันใหญ, นะโม อุตตะมะธัมมัสสะ ส๎วากขาตัสเสวะ เตนิธะ. ขอนอบนอมแดพระธรรมอันสูงสุด ในพระศาสนานี้ ที่พระพุทธองคตรัสไวดีแลว. นะโม มะหาสังฆัสสาปิ วิสุทธะสีละทิฏฐิโน, ขอนอบนอมแดพระสงฆหมูใหญ ผูมีศีลและทิฐิอันหมดจดงดงาม, นะโม โอมาต๎ยารัทธัสสะ ระตะนัตตะยัสสะ สาธุกัง. ขอนอบนอมแดพระรัตนตรัยที่ปรารภแลว วาโอม ดังนี้ (อะ อุ มะ) ใหสําเร็จประโยชน. ๑ พระราชนิพนธของรัชกาลที่ ๔ ทรงรอยกรองดวยคําฉันท ปั ฐยาวัตรฉันท มีจํานวน ๔ คาถา. พระปริตร สัมพุทเธติอาทิกานมการคาถา ๗๖
๗๗ นะโม โอมะกาตีตัสสะ ตัสสะ วัตถุตตะยัสสะปิ , ขอนอบนอมแมแดพระรัตนตรัยนั้น อันลวงพนโทษตํ่าชาเสียได, นะโมการัปปะภาเวนะ วิคัจฉันตุ อุปั ททะวา. ดวยอํานาจแหงการกระทําความนอบนอม ขออุปั ทวะทั้งหลายจงปราศจากไป. นะโมการานุภาเวนะ สุวัตถิ โหตุ สัพพะทา, ดวยอานุภาพแหงการกระทําความ นอบนอม ขอความสวัสดีจงมีทุกเมื่อ, นะโมการัสสะ เตเชนะ วิธิมหิ โหมิ เตชะวา. ดวยเดชแหงการกระทําความนอบนอม ขอเราจงเป็ นผูมีเดช ในมงคลพิธีเถิด. มังคลสุตตัง34 ๑ เอวัมเม สุตัง, ขาพเจา ไดสดับมาแลวอยางนี้, เอกัง สะมะยัง ภะคะวา, สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา, สาวัตถิยัง วิหะระติ, เชตะวะเน อะนาถะปิ ณฑิกัสสะ, อาราเม. ประทับอยูที่เชตวันวิหาร อารามของ อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกลเมืองสาวัตถี. อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา, ครั้งนั้นแล เทวดาองคใดองคหนึ่ง, อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปั ง เชตะวะนัง โอภาเสต๎วา, เมื่อราตรีแหงปฐมยามลวงไปแลว มีรัศมีงดงามยิ่งนัก ยังพระเชตวันวิหาร ทั้งสิ้นใหสวางไสวทั่วแลว, เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิ, ไดเขาเฝ าพระผูมีพระภาคเจา ถึงที่ประทับ, อุปะสังกะมิต๎วา ภะคะวันตัง อะภิวาเทต๎วา เอกะมันตัง อัฏฐาสิ. ครั้นเขาไปเฝ าแลว ถวายอภิวาทพระผูมีพระภาคเจาแลว ไดยืนอยู ณ ที่ควรสวนขางหนึ่ง. ๑ ขุ. ธ. ๒๕/๕ มีจํานวน ๑๒ คาถา. พระปริตร นโมการอัฏฐกัง ๗๗
๗๘ เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิ. เทวดาผูยืนอยู ณ ที่สวนขางหนึ่งนั้นแล ไดกราบทูลพระผูมีพระภาคเจา ดวยคาถาวา พะหู เทวา มะนุสสา จะ มังคะลานิ อะจินตะยุง, อากังขะมานา โสตถานัง พ๎รูหิ มังคะละมุตตะมัง. เทวดาและมนุษยเป็ นอันมาก ผูหวังความ สวัสดี ไดพากันคิดคนหามงคล คือเหตุให ถึงความเจริญทั้งหลาย ขอพระองคจงตรัส บอกมงคลอันสูงสุดดวยเถิด. อะเสวะนา จะ พาลานัง การไมคบคนพาลทั้งหลาย ๑ ปั ณฑิตานัญจะ เสวะนา, การคบบัณฑิตทั้งหลาย ๑ ปูชา จะ ปูชะนียานัง การบูชาคนที่ควรบูชาทั้งหลาย ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๓ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ การอยูในประเทศที่สมควร ๑ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา, การเป็ นผูมีบุญอันทําแลวในกาลกอน ๑ อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ การตั้งตนไวโดยชอบ ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๓ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. พาหุสัจจัญจะ สิปปั ญจะ การไดยินไดฟั งแลวมาก ๑ เป็ นผูรูศิลปศาสตร ๑ วินะโย จะ สุสิกขิโต, ความเป็ นผูมีวินัยอันศึกษาดีแลว ๑ สุภาสิตา จะ ยา วาจา การกลาวแตวาจาที่ดี ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. มาตาปิ ตุอุปั ฏฐานัง การบํารุงมารดาและบิดา ๑ ปุตตะทารัสสะ สังคะโห, การสงเคราะหบุตร ๑ การสงเคราะหภรรยา ๑ อะนากุลา จะ กัมมันตา การงานทั้งหลายไมคั่งคาง ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะ การใหทาน ๑ การประพฤติธรรม ๑ พระปริตร มังคลสุตตัง ๗๘
๗๙ ญาตะกานัญจะ สังคะโห, การสงเคราะหญาติทั้งหลาย ๑ อะนะวัชชานิ กัมมานิ การงานทั้งหลายอันไมมีโทษ ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. อาระตี วิระตี ปาปา การงดเวนจากบาป ๑ มัชชะปานา จะ สัญญะโม, ความสํารวมจากการดื่มนํ้าเมา ๑ อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ ความไมประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๓ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. คาระโว จะ นิวาโต จะ ความเคารพ ๑ ความออนนอมถอมตน ๑ สันตุฏฐี จะ กะตัญุตา, ความสันโดษ ๑ ความกตัญู ๑ กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง การฟั งธรรมตามกาลเวลา ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๕ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. ขันตี จะ โสวะจัสสะตา ความอดทน ๑ ความเป็ นผูวางาย ๑ สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง, การไดพบเห็นสมณะ คือผูสงบ ๑ กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา การสนทนาธรรมตามกาลเวลา ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. ตะโป จะ พ๎รัห๎มะจะริยัญจะ ความเพียรเผากิเลส ๑ การประพฤติพรหมจรรย ๑ อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง, การเห็นอริยสัจทั้งหลาย ๑ นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ การทํานิพพานใหแจง ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ จิตของผูใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกตอง แลวยอมไมหวั่นไหว ๑ อะโสกัง วิระชัง เขมัง จิตไมเศราโศก ๑ จิตปราศจากธุลี ๑ จิตเกษม ๑ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ขอนี้เป็นมงคลอันสูงสุด. พระปริตร มังคลสุตตัง ๗๙
๘๐ เอตาทิสานิ กัต๎วานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา, สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ เทวดาและมนุษยทั้งหลาย กระทํามงคล เชนนี้แลว เป็ นผูไมพายแพในที่ทั้งปวง ยอมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ. ขอนั้นเป็ นมงคลอันสูงสุด ของเทวดา และมนุษยทั้งหลายเหลานั้น ดังนี้แล. รตนสุตตัง35 ๑ ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ, ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลิกเข, ภูตประจําถิ่นเหลาใดประชุมกันแลว ในนครนี้ก็ดี ในอากาศก็ดี สัพเพ วะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ, ขอหมูภูตทั้งปวงนั้น จงเป็ นผูมีใจดี, อะโถปิ สักกัจจะ สุณันตุ ภาสิตัง, และจงฟั งภาษิตโดยเคารพเถิด. ตัส๎มา หิ ภูตา นิสาเมถะ สัพเพ, เพราะเหตุนั้นแล ภูตทั้งปวงจงตั้งใจฟั ง เมตตัง กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ, จงกระทําไมตรีจิตในประชาชาวมนุษย ทิวา จะ รัตโต จะ หะรันติ เย พะลิง, มนุษยเหลาใด ทําพลีกรรมอุทิศภูต ทั้งหลาย ทั้งกลางวันและกลางคืน ตัส๎มา หิ เน รักขะถะ อัปปะมัตตา. เพราะเหตุนั้น ทานทั้งหลายจงเป็ น ผูไมประมาท รักษาเขาเหลานั้นดวยเถิด. ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา, ทรัพยเครื่องปลื้ มใจ อันใดอันหนึ่ง ในโลกนี้หรือในโลกอื่น สัคเคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง. หรือรัตนะแสนประณีตอันใดในสวรรค นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ, รัตนะนั้นที่เสมอดวยพระตถาคตเจาไมมีเลย อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้ เป็ นรัตนะอันประณีต ในพระพุทธเจา เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. ๑ ขุ. ธ. ๒๕/๗ , ๓๑๔ มีจํานวน ๒๑ คาถากึ่ง. พระปริตร มังคลสุตตัง ๘๐
๘๑ ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง, ยะทัชฌะคา สัก๎ยะมุนี สะมาหิโต. พระศากยมุนีเจา มีพระหฤทัยดํารงมั่น ไดบรรลุธรรมอันใด เป็ นที่สิ้นกิเลส เป็ นที่สิ้นราคะ เป็ นอมตะประณีต นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ, สิ่งที่เสมอดวยพระธรรมนั้นยอมไมมี อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระธรรม, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สุจิง, พระพุทธเจาผูประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญ สมาธิใดวา เป็ นธรรมสะอาด, สะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ, บัณฑิตทั้งหลายกลาวซึ่งสมาธิอันใด วาใหผลโดยลําดับ, สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ, สมาธิอื่นเสมอดวยสมาธินั้นยอมไมมี อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระธรรม, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัตถา, จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ. บุคคลเหลาใด ๘ จําพวก, ๔ คู อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแลว. เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา, บุคคลเหลานั้น เป็ นสาวกของพระสุคต ควรแกทักษิณาทาน, เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ. ทานทั้งหลายอันบุคคลถวายในทาน เหลานั้น ยอมมีผลมาก อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ, นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ. บุคคลเหลาใด ประกอบความเพียรอยางดี ดําเนินไปในศาสนาของพระโคดมเจา ดวยใจมั่นคง. เต ปั ตติปั ตตา อะมะตัง วิคัยหะ, บุคคลเหลานั้น บรรลุธรรมอันควรบรรลุ หยั่งเขาสูพระนิพพาน, พระปริตร รตนสุตตัง ๘๑
๘๒ ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา. ไดซึ่งความดับกิเลสโดยเปลาๆ เสวยผลอยู อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. ยะถินทะขีโล ปะฐะวิง สิโต สิยา, จะตุพภิ วาเตภิ อะสัมปะกัมปิ โย. เสาเขื่อนที่ฝั งลงดินอยางมั่นคงแลว ลมทั้ง ๔ ทิศ ไมพึงทําใหหวั่นไหวได ฉันใด ตะถูปะมัง สัปปุริสัง วะทามิ, โย อะริยะสัจจานิ อะเวจจะ ปั สสะติ. เราตถาคตกลาววา สัตบุรุษผูหยั่งเห็น อริยสัจธรรม ก็มีอุปมาฉันนั้น นั่นแล. อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. เย อะริยะสัจจานิ วิภาวะยันติ, คัมภีระปั ญเญนะ สุเทสิตานิ. บุคคลเหลาใด ทําใหแจงอยูซึ่งอริยสัจ ทั้งหลาย อันพระศาสดาผูมีปั ญญาลึกซึ้ง แสดงไวดีแลว. กิญจาปิ เต โหนติ ภุสัปปะมัตตา, นะ เต ภะวัง อัฏฐะมะมาทิยันติ. บุคคลเหลานั้น แมเป็ นผูประมาทอยูมาก แตทานเหลานั้น ยอมไมถือเอาภพที่ ๘. อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. สะหาวัสสะ ทัสสะนะสัมปะทายะ, ต๎ยัสสุ ธัมมา ชะหิตา ภะวันติ. สักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉิตัญจะ, สีลัพพะตัง วาปิ ยะทัตถิ กิญจิ. สังโยชน ๓ ประการ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส ซึ่งเป็ นกิเลสผูกมัดสัตวเอาไวในภพ อันพระโสดาบันละไดแลว เพราะความถึงพรอมแหงญาณทัสสนะ, จะตูหะปาเยหิ จะ วิปปะมุตโต, ฉะ จาภิฐานานิ อะภัพโพ กาตุง. พระโสดาบันเป็ นผูพนแลวจากอบาย ๔ และไมควรเพื่อจะทําฐานะอันหนัก ๖ ประการ (อภิฐาน ๖) อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ, พระปริตร รตนสุตตัง ๘๒
๘๓ เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. กิญจาปิ โส กัมมัง กะโรติ ปาปะกัง, กาเยนะ วาจายุทะ เจตะสา วา. พระโสดาบันนั้น ถึงจะยังมีการทําบาป ทางกาย ทางวาจา หรือทางใจบาง. อะภัพโพ โส ตัสสะ ปะฏิจฉะทายะ, ทานก็ไมปกปิ ดบาปกรรมอันนั้นเลย, อะภัพพะตา ทิฏฐะปะทัสสะ วุตตา. พระผูมีพระภาคตรัสเรียกทานผูเห็นทาง แหงพระนิพพานแลววาไมปกปิ ดบาปกรรม อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. วะนัปปะคุมเพ ยะถา ผุสสิตัคเค, คิมหานะมาเส ปะฐะมัส๎มิง คิมเห. พุมไมในป า มียอดบานสะพรั่งแลว ในเดือนตนคิมหะแหงคิมหันตฤดู ฉันใด. ตะถูปะมัง ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ, นิพพานะคามิง ปะระมัง หิตายะ. พระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงพระธรรม ใหถึงพระนิพพาน เพื่อประโยชนแกสัตว ทั้งหลาย ก็มีอุปมาฉันนั้น อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีต ในพระพุทธเจา, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. วะโร วะรัญู วะระโท วะราหะโร, อะนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ. พระพุทธเจาผูประเสริฐ ทรงทราบธรรม อันประเสริฐ ประทานธรรมอันประเสริฐ นํามาซึ่งธรรมอันประเสริฐ ทรงไมมีใคร ยิ่งกวา ไดทรงแสดงแลวซึ่งพระธรรม อันประเสริฐ. อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีต ในพระพุทธเจา, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิสัมภะวัง, กรรมเกาของพระอริยบุคคลเหลาใด สิ้นแลว กรรมสมภพใหมยอมไมมี, พระปริตร รตนสุตตัง ๘๓
๘๔ วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัส๎มิง. พระอริยบุคคลเหลาใด มีจิตอันหนายแลวในภพตอไป เต ขีณะพีชา อะวิรุฬหิฉันทา, พระอริยบุคคลเหลานั้นมีพืชสิ้นไปแลว มีความพอใจงอกไมไดแลว นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป. เป็ นผูมีปั ญญา ปรินิพพานเหมือน ประทีปดับไป ฉะนั้น อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง, แมอันนี้เป็ นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ. ดวยคําสัตยนี้ ขอความสวัสดีจงมี. ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ, ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลิกเข. ภูตประจําถิ่นเหลาใด ประชุมกันแลวในนครนี้ก็ดี ในอากาศก็ดี ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง, พุทธัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ. เราทั้งหลาย จงนมัสการพระพุทธเจา ผูมาแลวอยางนั้น ผูอันเทวดาและ มนุษยบูชาแลว ขอความสวัสดีจงมี. ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ, ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลิกเข. ภูตประจําถิ่นเหลาใด ประชุมกันแลวในนครนี้ก็ดี ในอากาศก็ดี ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง, ธัมมัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ. เราทั้งหลาย จงนมัสการพระธรรม อันมาแลวอยางนั้น อันเทวดาและ มนุษยบูชาแลว ขอความสวัสดีจงมี. ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ, ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลิกเข. ภูตประจําถิ่นเหลาใด ประชุมกันแลวในนครนี้ก็ดี ในอากาศก็ดี ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง, สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ. เราทั้งหลาย จงนมัสการพระสงฆ ผูมาแลวอยางนั้น ผูอันเทวดาและ มนุษยบูชาแลว ขอความสวัสดีจงมี. พระปริตร รตนสุตตัง ๘๔
๘๕ กรณียเมตตสุตตัง36 ๑ กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ, กิจอันภิกษุผูฉลาดในประโยชน ใครจะ บรรลุบทอันสงบอยูเสมอ พึงกระทํา คือ สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ พึงเป็ นผูอาจหาญ เป็ นคนตรง เป็ นคนซื่อ สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี. เป็ นผูวางาย ออนโยน และไมเยอหยิ่ง สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ, เป็ นผูสันโดษ เป็ นผูเลี้ยงงาย เป็ นผูมี กิจธุระนอย ประพฤติเบากายเบาจิต สันตินท๎ริโย จะ นิปะโก จะ มีอินทรียอันสงบระงับ มีปั ญญารักษาตน อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ. ไมคะนอง ไมพัวพันในสกุลทั้งหลาย นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญู ปะเร อุปะวะเทยยุง, ไมพึงประพฤติในสิ่งที่เป็ นเหตุใหผูอื่น ซึ่งเป็ นผูรูทั้งหลาย ติเตียนเอาได (แผเมตตาจิตไปในหมูสัตววา) สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา. ขอสัตวทั้งปวง จงเป็ นผูมีความสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด. เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา, สัตวมีชีวิตเหลาใดเหลาหนึ่งมีอยู ยังเป็ นผูสะดุง หรือเป็ นผูมั่นคง ทั้งหมดไมเหลือ, ทีฆา วา เย มะหันตา วา เหลาใดมีลําตัวยาวหรือใหญ มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา. ปานกลาง, สั้น, ผอม หรืออวนพี ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เหลาใดที่เราเห็นแลวหรือมิไดเห็น เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร, เหลาใดอยูในที่ไกลหรือในที่ใกล ภูตา วา สัมภะเวสี วา ที่เกิดแลว หรือกําลังแสวงหาภพก็ดี ๑ ขุ. ธ. ๒๕/๑๐ มีจํานวน ๑๐ คาถา. พระปริตร ๘๕
๘๖ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา. ขอสัตวทั้งปวงเหลานั้น จงเป็ นผูมีตนถึงความสุขเถิด. นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ สัตวอื่นไมควรขมเหงสัตวอื่น นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ, ไมควรดูหมิ่นใครๆ ไมวาในที่ไหนๆ พ๎ยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ. ไมควรปรารถนาทุกขแกกันและกัน เพราะความขุนเคือง โกรธแคนกัน. มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข, มารดาถนอมบุตรคนเดียว ผูเกิดในตน ดวยการยอมสละชีวิตของตนแทน ฉันใด เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง. บุคคลพึงเจริญเมตตาจิต อันกวางใหญ ไมมีประมาณ ในสัตวทั้งปวงแมฉันนั้นเถิด. เมตตัญจะ สัพพะโลกัส๎มิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง, บุคคลพึงเจริญเมตตาพรหมวิหารมีในใจ อันไมมีประมาณไปในโลกทั้งสิ้น อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ ทั้งเบื้ องบน เบื้ องตํ่า เบื้ องขวาง อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปั ตตัง. เป็ นธรรมอันไมคับแคบ ไมมีเวร ไมมีศัตรู ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ, ผูเจริญเมตตาจิตนั้น ยืนอยูก็ดี เดินไปก็ดี นั่งแลวก็ดี นอนแลวก็ดี เป็ นผูปราศจาก ความงวงนอนเพียงใด เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พ๎รัห๎มะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ. ก็ตั้งสติไวเพียงนั้น บัณฑิตทั้งหลาย กลาวกิริยาอันนี้วา เป็ นพรหมวิหารใน พระศาสนานี้ ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปั นโน, บุคคลที่มีเมตตา ไมถือทิฐิ เป็ นผูมีศีล ถึงพรอมแลวดวยทัสสนะ กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นําความหมกมุนในกามทั้งหลายออก นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ. ยอมไมถึงความนอนในครรภอีก โดยแททีเดียวแล. พระปริตร กรณียเมตตสุตตัง ๘๖
๘๗ ขันธปริตตคาถา37 ๑ วิรูปั กเขหิ เม เมตตัง ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับพญางูตระกูลวิรูปั กขทั้งหลาย เมตตัง เอราปะเถหิ เม, ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับพญางูตระกูลเอราบถทั้งหลาย ฉัพ๎ยาปุตเตหิ เม เมตตัง ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับพญางูตระกูลฉัพยาบุตรทั้งหลาย เมตตัง กัณหาโคตะมะเกหิ จะ. ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับพญางู ตระกูลกัณหาโคตมกะทั้งหลาย อะปาทะเกหิ เม เมตตัง ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับสัตวไมมีเทาทั้งหลาย เมตตัง ทิปาทะเกหิ เม, ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับสัตวสองเทาทั้งหลาย จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับสัตวสี่เทาทั้งหลาย เมตตัง พะหุปปะเทหิ เม, ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับสัตวมากเทาทั้งหลาย มา มัง อะปาทะโก หิงสิ สัตวไมมีเทา อยาไดเบียดเบียนเรา มา มัง หิงสิ ทิปาทะโก, สัตวสองเทา อยาไดเบียดเบียนเรา มา มัง จะตุปปะโท หิงสิ สัตวสี่เทา อยาไดเบียดเบียนเรา มา มัง หิงสิ พะหุปปะโท. สัตวมากเทา อยาไดเบียดเบียนเรา สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา ขอสรรพสัตวที่มีชีวิตทั้งหลาย สัพเพ ภูตา จะ เกวะลา, ที่เกิดมาทั้งหมดจนสิ้นเชิงดวย สัพเพ ภัท๎รานิ ปั สสันตุ จงประสบแตความเจริญดวยกันทั้งหมดเถิด มา กิญจิ ปาปะมาคะมา. อยาไดรับโทษอันชั่วชาใดๆ เลย. ๑ ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๒๕๕ มีจํานวน ๕ คาถา. พระปริตร ๘๗
๘๘ อัปปะมาโณ พุทโธ, พระพุทธเจาทรงพระคุณไมมีประมาณ, อัปปะมาโณ ธัมโม, พระธรรมทรงพระคุณไมมีประมาณ, อัปปะมาโณ สังโฆ, พระสงฆทรงพระคุณไมมีประมาณ, ปะมาณะวันตานิ สิริงสะปานิ, สัตวเลื้ อยคลานทั้งหลายอันมีประมาณ คือ อะหิ วิจฉิกา สะตะปะที งู แมงป อง ตะขาบ อุณณานาภี สะระพู มูสิกา, แมลงมุม ตŏุกแก และหนู กะตา เม รักขา ความรักษาอันเรากระทําแลว กะตา เม ปะริตตา, ความป องกันอันเรากระทําแลว ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ, หมูสัตวทั้งหลายจงหลีกไปเสีย, โสหัง นะโม ภะคะวะโต, เรานั้นกระทําการนอบนอม แดพระผูมีพระภาคเจาอยู, นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธานัง. ทําการนอบนอม แดพระสัมมาสัมพุทธเจา ๗ พระองคอยู. โมรปริตตัง38 ๑ อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส. พระอาทิตยนี้เป็ นดวงตาของโลก เป็ นเจาแหงแสงสวาง กําลังอุทัยขึ้นมา สาดแสงสีทองสองพื้ นปฐพี. ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง, เราขอนอบนอม ซึ่งพระอาทิตยนั้น ผูสาดแสงสีทองสองพื้ นปฐพี, ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง, เราทั้งหลายอันทานคุมครองแลวในวันนี้ พึงอยูเป็ นสุขตลอดวัน, ๑ ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๑๖๗ มีจํานวน ๕ คาถา. พระปริตร ขันธปริตตคาถา ๘๘