The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระป่าและช้างป่า ว่านยาคนโบราณ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-02-21 20:45:52

พระป่าและช้างป่า ว่านยา

พระป่าและช้างป่า ว่านยาคนโบราณ

118

119

เรอื่ งช้างปา่

การเขียนเรอื่ งชา้ งปา่ ในเขตรกั ษาพนั ธสุ์ ัตวป์ า่ ภูววั ผเู้ ขียนไมไ่ ดต้ ั้งใจจะเขยี น
หากแต่มีผู้หวังดีขอร้องให้เขียนเร่ืองพระป่ากับช้างป่า อาจจะได้ความรู้หรือมีคติ
สอนคนหรอื พระก็ได้

ช้างโขลงนี้เท่าท่ีพระและเจ้าหน้าท่ีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวเล่าให้ฟัง
มที ง้ั หมด ๓๖ เชือก มีช้างงาประมาณ ๘ เชอื ก ชา้ งงาดอ (งาเดยี ว) มี ๒ เชอื ก
ตัวหนงึ่ งาข้างซา้ ย ตัวหนง่ึ งาขา้ งขวา ตามหลักโบราณท่านพูดไวว้ า่ ...

“ชา้ งงาดอ ถ้ามอี ยู่ในป่าไหนแดนใด คนโบราณถอื ว่าเปน็ ช้างมงคล” ไม่ควร
ท�ำอันตรายช้างประเภทนี้โดยเด็ดขาด ให้รักษาไว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติ
บ้านเมืองสืบไป เท่าที่ออกมาให้คนเห็นอย่างชัดเจนมากตัวงาเดียวข้างซ้าย เป็น
หวั หนา้ โขลงด้วย

120

ชา้ งงาเดยี ว งาซา้ ย เปน็ หัวหนา้ โขลง

121

เม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ ผู้เขียนได้ขึ้นไปพักวัดถ้�ำพระภูวัวประมาณกลางเดือน
เมษายน อากาศก�ำลังร้อนมาก แต่ที่วัดถ้�ำพระภูวัวกลางคืนมีลมพัดมาเย็นเหมาะพอดี
สถานที่แห่งนี้สงบสงัดวิเวกดีมาก ท่านหลวงปู่ฝั้น อาจาโร สมัยท่านแสวงหาท่ีวิเวก
ท่านได้ขึ้นมาพักวิเวกภาวนาบริเวณพนื้ ทแ่ี หง่ นี้ ถ้�ำท่ีทา่ นพกั พอบังฝนได้ เหมาะกบั ทา่ น
ผแู้ สวงหาทางพน้ ทกุ ข์ เงียบสงดั ทง้ั กลางวันและกลางคนื ไมม่ ผี คู้ นมาเกีย่ วข้อง

ผู้เขียนได้ขึ้นไปดูถ�้ำที่ท่านหลวงปู่ฝั้นได้มาพักอาศัยฝึกฝนทรมานอบรมตน
เพ่ือหาทางพ้นทุกข์ ผู้เขียนซาบซึ้งถึงใจมาก เฉพาะส่วนตัวค�ำนึงใคร่ครวญตาม
สายทางพาก้าวเดินแห่งวงศ์อริยะประเพณี พระป่าท่านเด็ดเดี่ยวมากตรงกับโอวาทของ
พระศาสดาทรงพระเมตตาส่งั สอนสาวกวา่ รุกมลู เสนาสนงั ปา่ เขาลำ� เนาไพรเหมาะพอดี
กบั ทา่ นผแู้ สวงหาทางพน้ ทกุ ขไ์ มว่ า่ ยคุ ใดสมยั ใด ผเู้ ขยี นยงั พอมวี าสนามาเหน็ มารสู้ ถานที่
ของสมณะนักปราชญ์ท่านพาด�ำเนินหรือพาก้าวเดินหนีออกจากกองทุกข์ไม่น่าสงสัย
ควรปฏิบตั ิตาม

122

123

เร่อื งชา้ งปา่ รอ้ งขออาหาร

ในคืนวนั หนงึ่ ดกึ เงยี บสงัด ไดย้ นิ เสียงชา้ งป่ารอ้ งเปน็ เวลานาน ผเู้ ขยี นนกึ ในใจวา่
ชา้ งมนั รอ้ งอะไรนะหยดุ เปน็ พกั ๆ แลว้ กร็ อ้ งจนจวนสวา่ งเสยี งจงึ เงยี บไป พอตน่ื เชา้ มาผเู้ ขยี น
ถามพระว่า เมื่อคืนนี้ช้างมันร้องอะไร พระท่านตอบว่า ฤดูนี้ช้างมันไม่มีอาหารจะกิน
ใบไมท้ ีม่ นั กนิ กร็ ่วงหมด มันร้องขออาหาร พอทราบอยา่ งนั้นเกิดความสงสารช้างอยา่ ง
บอกไมถ่ กู ผเู้ ขยี นถามวา่ แลว้ เอาอะไรใหช้ า้ งกนิ ทา่ นตอบวา่ ไปซอ้ื ตน้ กลว้ ยมาใหม้ นั กนิ
พอประทงั ชวี ติ ไป เพราะฤดนู อ้ี อ้ ยเขากข็ ายหมดแลว้ จากนนั้ ผเู้ ขยี นสง่ั ใหค้ นถอื ปจั จยั ขน้ึ มา
มอบให้พระภูวัวหาซ้ือต้นกล้วยน�ำไปเลี้ยงช้าง ช้างป่าโขลงนี้เท่าที่ผ่านมา เขาจะมาขอ
กินอ้อยกับพระภายในต้นเดือนพฤศจิกายนหรือเดือนธันวาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม
ของทกุ ปี พอเขา้ ฤดฝู นประมาณเดอื นพฤษภาคมของทกุ ปี ใบไมเ้ รม่ิ ผลิ (ใบไมป้ ง่ ) ชา้ งก็
ไมม่ ารบกวนขอพระอกี ชา้ งปา่ โขลงนน้ี า่ เอน็ ดนู า่ สงสารมาก รจู้ กั ควรหรอื ไมค่ วร ไมเ่ หน็
แก่กินอย่างเดียว ผู้เขียนพูดกับพระว่า ต่อไปผมจะซ้ืออ้อยมาเล้ียงช้างโขลงน้ีตามมี
ตามได้ ถึงกาลอันควรก็จะยตุ ิ

124

วันหนึ่งเวลาประมาณบ่าย ๓–๔ โมง ซ่งึ เปน็ เวลาเข็นอ้อยไปเลี้ยงชา้ ง โดยมพี ระ
และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ซ่ึงได้เตรียมถังแดงไปใส่มูลช้าง (ข้ีช้าง) เพ่ือ
น�ำมาท�ำปุ๋ยใส่ต้นไม้ พอเข็นอ้อยน�ำเอาไปทิ้งเป็นจุดๆ ตามท่ีเคยท�ำมาแล้ว ก็พากัน
หาเก็บมลู ชา้ งใสถ่ งั แดงโดยไมส่ นใจอะไร ไม่นานเจา้ ช้างดอกเ็ ดนิ ออกจากปา่ ตรงเข้ามา
หาเพ่ือจะตรวจค้นรถ พระมองเห็นก็รีบเตอื นทกุ คนให้รีบเอาตวั รอด ต่างคนกต็ ่างรบี ว่ิง
ข้ึนบันไดไปยืนอยู่น่ังร้านท่ีท�ำไว้บนต้นไม้ สูงประมาณ ๑๐-๑๕ เมตร พอข้ึนไปหมด
ทุกคนแล้ว ก็สังเกตดูเห็นเจ้าช้างดอเดินตรงเข้ามาท่ีรถเข็นอ้อยแล้วรีบตรวจค้นในรถ
อยา่ งไมร่ ีรอ เอางวงลว้ งเข้าไปในท้องรถทัง้ ข้างหน้าขา้ งหลัง ล้วงลงไปในถงั แดงตรวจ
คน้ ดอู ยา่ งละเอยี ดไม่มีอะไร เขาก็ยกเท้าข้ึน พอพระมองเหน็ กลวั เขาจะถีบรถให้แหลกไป
พระกพ็ ดู ขนึ้ วา่ เฮย้ อยา่ ถบี รถนะ มคี นั เดยี ว ถา้ ถบี รถแหลกแลว้ จะไมม่ อี ะไรเขน็ ออ้ ยมาให้
กนิ อกี นะ อา้ ยชา้ งดอแสนรู้ เขากเ็ ดนิ เขา้ ปา่ ไป พระและฆราวาสเหน็ วา่ ชา้ งเขาหนเี ขา้ ปา่ แลว้
ก็รีบพากันลงจากต้นไม้ พอขึ้นรถเสร็จทุกคน เจ้าช้างดอเขาคงดักดูอยู่และรีบเดินตรงรี่
เขา้ ไปหารถทันที หา่ งจากรถประมาณ ๑๐–๒๐ เมตร พระกพ็ ูดกับฆราวาสว่า ไปไหน
ไม่ทันแล้ว มันจะท�ำอะไรก็ให้มันท�ำ พระเลยพูดกับช้างว่า “เฮ้ยเจ้าตัวใหญ่
พวกเรากลัว ค�่ำแล้วรีบกลับไปเถอะ เด๋ียวช้างฝูงออกมาเราจะไปไม่ได้” พอเจ้าช้างดอ
ไดย้ นิ พระทา่ นพดู เขากห็ นั หลงั เดนิ เขา้ ปา่ ไป พระและฆราวาสพอเหน็ ชา้ งกลบั กร็ บี ขบั รถ
กลับมาถงึ วัดอย่างโล่งอกโล่งใจ

ผู้เขียนถามพระว่า พวกท่านคิดอย่างไรท่ีช้างตรวจค้นรถและเดินรี่เข้ามาเวลา
พวกเราขนึ้ รถหมดทกุ คน พระตอบวา่ ไมไ่ ดค้ ดิ อะไร ผเู้ ขยี นพดู กบั พระวา่ ผมคดิ เอาเองวา่
ท่ีมันตรวจค้นรถนั้น ผมเข้าใจว่ามันตรวจค้นหาอาวุธ ถ้าค้นเห็นอาวุธหรือเคร่ืองมือ
สงั หารสตั วน์ น้ั รถอาจจะแหลกไปเลย ชา้ งจะเหยยี บหรอื เตะถบี เอาอยา่ งสมใจของมนั เลย
ตอนพวกทา่ นขน้ึ รถเสรจ็ เจา้ ชา้ งดอเดนิ ตรงเขา้ มาหานนั้ ผมเขา้ ใจวา่ ครบู าครบั รบี กลบั เถอะ

125
เดย๋ี วฝงู ชา้ งโขลงจะออกมามากตอ่ มาก มนั จะเปน็ อนั ตรายได้ เพราะชา้ งบางตวั บอกไมฟ่ งั
ห้ามไม่อยู่ก็มี เจ้าช้างดอจึงเดินออกมาเตือนพวกท่านให้รีบกลับ พวกเราเลี้ยงช้างป่า
มนั น่าเอ็นดู เขาช่างพดู รู้เรื่องรภู้ าษาเข้าใจได้ดี พระพูดกบั ชา้ งมันนา่ รักน่าสงสารจรงิ ๆ
ผมเลย้ี งชา้ งดว้ ยความเมตตา เพ่อื นเกิดเพอื่ นตายดว้ ยกัน

126

เรอื่ งช้าง
ทำ� อันตรายพระเสยี ชีวิต

เขียนตามค�ำพระเล่าให้ฟังแต่ไม่สามารถจ�ำได้หมดทุกตอนทุกค�ำ อาจจะมีคลาด
เคล่ือนผิดพลาดบ้าง วันหนึ่งตอนเย็นมีพระ ๒ รูป โยมผู้หญิงหนึ่งคนขึ้นมาที่วัด
ถ้�ำพระภูวัว มีความประสงค์อยากข้ึนไปดูช้างป่าในจุดที่เล้ียงช้าง ที่พระท่านทำ� นั่งร้าน
บนต้นไม้สูงประมาณ ๑๕–๒๐ เมตร พระภูวัวท่านเตือนว่ามันค�่ำแล้ว ไม่ควรขึ้นไป
ดชู า้ งในเวลาค�ำ่ คนื ชา้ งป่าอาจทำ� อนั ตรายได้ พระท้ังสองรปู ไม่ยอมฟัง แล้วพากันขน้ึ ไป
ท้ังโยมผู้หญิงด้วย ข้ึนไปอยู่น่ังร้านบนต้นไม้ท่ีท�ำไว้ นั่งและยืนคอยดูช้างป่าออกมา
กนิ ออ้ ยทพ่ี ระและฆราวาสนำ� ไปทงิ้ ไวเ้ ลยี้ งชา้ งปา่ เปน็ ประจำ� ไมท่ ราบวา่ ตอนไหน เทยี่ งคนื
หรือจวนสว่าง มีพระรูปหน่ึงลงมาปัสสาวะหรือท�ำพิธีร่ายมนต์กลคาถาอะไรก็ไม่รู้
ตอนท่ีพระลงมาน่ันแหละ ช้างมันคอยดักดูหรือมันยังกินอ้อยอยู่ก็ไม่แน่ พอช้างมอง
เห็นพระรูปน้ัน ก็รีบเข้ามาจัดการกับพระรูปน้ันจนเสียชีวิตในทันที ผู้เขียนถามพระว่า
ชา้ งมนั เหยยี บหรอื มนั เตะมนั ทำ� อะไรใหพ้ ระถงึ ตาย พระตอบวา่ เหน็ แตต่ ายแลว้ ไมท่ ราบ
ชา้ งทำ� อยา่ งไร ดงั นน้ั เรอ่ื งการไปดชู า้ งปา่ ควรไดร้ บั อนญุ าตจากเจา้ หนา้ ทเี่ ขตรกั ษาพนั ธ์ุ
สตั วป์ า่ ภวู ัวทุกกาลเวลานัน้ จะเป็นความดีงามไมม่ โี ทษ

127

เรือ่ งพระขีโ้ ม้

วันหน่ึงมีพระข้ีโม้ขึ้นไปวัดถ�้ำพระภูวัว แล้วพูดกับพระภูวัวว่า ไอ้เรื่องช้าง
ผมไมก่ ลวั เลย จะไปกลวั มนั ทำ� ไมแคเ่ รอ่ื งชา้ งเฉยๆ พระภวู วั กเ็ ลยนำ� พระรปู นนั้ ไปพกั คา้ ง
ทกี่ ฏุ ติ ามทเี่ หน็ ควร พอถงึ ตอนคำ่� เงยี บสงดั เจา้ ชา้ งปา่ ทพี่ ระชอบเรยี กวา่ “อา้ ยดอ” ชา้ งดอ
ตัวน้ีแสนรู้ เขาก็เดินตรงรี่ไปหากุฏิพระข้ีโม้ว่าไม่กลัวช้าง พอไปถึงกุฏิพระขี้โม้น้ัน
ชา้ งปา่ กเ็ อามอื ของมนั ทบุ หนา้ ตา่ งออก แลว้ เอามอื ลว้ งเขา้ ไปในกฏุ ิ พระรปู นน้ั ตกใจกร็ บี
เขา้ หลบในอกี มมุ หนง่ึ ยนื ตวั สน่ั อยา่ งใจหายหมด มอื ชา้ งสน้ั ไมส่ ามารถลว้ งเขา้ ไปถงึ มมุ กฏุ ิ
ที่พระรูปนั้นยืนได้ มันเอามือตรวจค้นดู พอมือช้างล้วงไปถูกกลดท่ีพระรูปน้ันกางนอน
กด็ งึ ออกมาเอาเทา้ เหยยี บใหแ้ หลก

เจ้าช้างดอก็เดินเข้าป่าไป พระขี้โม้ก็รีบลงจากกุฏิด้วยความกลัวตัวส่ัน ไปขอพัก
กับพระอีกรปู หน่งึ เล่าเรอื่ งช้างปา่ ใหพ้ ระฟัง พอต่ืนเช้าฉนั บณิ ฑบาตเสร็จ พระรปู นัน้ ก็
รบี หนอี ย่างใจหาย

128

129

เรอื่ งถ�ำ้ แงบ

พระอีกรูปหน่ึงไม่เคยเห็นช้าง ปรารภเรื่องอยากเห็นช้างให้พระภูวัวฟัง พระภูวัว
เลยนำ� พระรูปน้นั ไปพกั ท่ีถ�ำ้ แงบ หา่ งจากถ�ำ้ พระประมาณ ๖ กโิ ลเมตร พอถงึ เวลาคำ่� มดื
เจ้าช้างดอตวั นน้ั กเ็ ดนิ เขา้ มาหากนิ ท่บี รเิ วณถำ้� แงบ ไม่หนีไปไหนในคนื วนั นน้ั จนสวา่ ง
แลว้ ค่อยหนไี ปตามนสิ ยั ของช้างป่า

ถ้ำ� แงบตามพระเล่าใหฟ้ ัง สูงพอประมาณชา้ งสามารถเดินเข้าไปได้ พระรปู นน้ั ได้
ดูชา้ งอยา่ งสมใจและกลวั จนตวั สนั่ พอตืน่ เชา้ มาบิณฑบาตฉันเสร็จ ก็รบี แต่งของออกไป
จากวดั ถ�ำ้ พระภวู ัว ไมท่ ราบไปทางไหนจนปา่ นนี้ยังไมท่ ราบขา่ วเลย

130

เรื่องพระปา่ จะ๊ เอ๋ช้างปา่

พระอกี รปู หนงึ่ ในเวลากลางคนื ลงจากกฏุ จิ ะไปศาลาหรอื จะเดนิ ออกไปไหน พอเดนิ
ออกมาตามเส้นทางไม่มองหน้ามองหลัง ก้มหน้าเดิน ช้างมันยืนขวางทางอยู่ก็ไม่เห็น
พอเข้ามาจ๊ะเอ๋ช้างก็ตกใจกลัว รีบวิ่งกลับ ช้างก็ว่ิงตามพระไป พระว่ิงไปสะดุดหกล้ม
ช้างยืนดูพระล้มลงอย่างสิ้นท่า ซกั ประเดยี๋ วชา้ งกเ็ ดนิ หนเี ขา้ ปา่ ไป พระรปู นนั้ ลกุ ขน้ึ เดนิ
กลบั กฏุ หิ ายกงั วลเรอ่ื งกลวั ชา้ ง

เรื่องสัตว์ป่า พระป่าท่ีท่านชอบวิเวกแสวงหาที่สงบสงัดตามภูเขาป่าดงพงไพร
ในสมยั ครงั้ พทุ ธกาลตลอดมาถงึ สมยั หลวงปมู่ น่ั ไดพ้ าลกู ศษิ ยอ์ อกแสวงหาทว่ี เิ วกตามปา่
ตามเขา ยงั ไมเ่ คยไดย้ นิ วา่ พระสาวกองค์อรหันต์องค์ไหนถูกสตั ว์ป่าทำ� ลาย เช่น เสอื ช้าง
หมี นอกจากพระขาดความรอบคอบไม่รู้เรื่องของสัตว์ป่า ไปแบบไม่มองหน้ามองหลัง
เช่นเสือหวงซาก อาหารที่เสือล่าได้ กินไม่หมด ท่ีเหลือติดซากอยู่ เสือหวงอันตราย
สัตว์ก�ำลังหวงลูกหรือถูกเขายิงเจ็บมา หรือเขาจนมุมไปขวางทางเดินของเขา อย่างน้ี
สตั วป์ า่ อาจจะทำ� อันตรายได้

131

เรอื่ งช้างป่าภวู วั กับชา่ งภาพ

ชา้ งปา่ ภวู วั ถา้ เหน็ ชา่ งถา่ ยรปู เปน็ คนฝรง่ั ไปดกั คอยเพอื่ จะถา่ ยรปู ทน่ี ง่ั รา้ นบนตน้ ไม้
พอช้างมองเห็น ช้างจะออกมาเดินวนเวยี นท�ำทา่ ขฟู่ ุดฟดั ๆ ไมย่ อมยนื อยู่นิง่ ใหถ้ ่ายรูปได้
ธรรมชาติของช้างป่าเขาจะช�ำนาญเรื่องกลิ่นของคนแต่ละคน ถ้าเป็นคนไทย ช้างจะยืน
ใหถ้ า่ ยรูปตามโอกาสไดอ้ ย่างชัดเจน ถา้ เปน็ คนฝรงั่ ช้างป่าจะเดินวนเวยี นไม่ยอมยืนนง่ิ
และขูด่ ้วยไมย่ อมให้ถ่ายภาพ

ครั้งหน่ึงมีคนฝร่ังขึ้นไปน่ังร้านบนต้นไม้ท่ีท�ำไว้คอยจะถ่ายรูปช้าง พอช้างป่ารู้
ช้างปา่ จะออกมาเดนิ วนเวยี นพร้อมกบั ขู่ พระเหน็ ดังนัน้ จงึ ไปเรยี กฝรั่งใหล้ งหนไี ปเพราะ
ถงึ เวลานำ� ออ้ ยไปเลยี้ งชา้ ง ชา้ งปา่ ในเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ภวู วั ยงั ไมย่ อมใหช้ า่ งถา่ ยภาพ
ทเี่ ปน็ คนฝรง่ั ถา่ ยภาพเขาไดง้ า่ ยๆ เขาเปน็ ชา้ งปา่ ในแผน่ ดนิ ไทย ยงั สงวนศกั ดศ์ิ รที เ่ี ขาเกดิ
อาศยั บนแผ่นดินไทย ท่กี ิน ทห่ี ลบั ท่นี อน แมช้ วี ติ ก็ยอมตายในแผน่ ดนิ ไทย ช้างปา่ ภวู วั
ยังรู้จักกตัญญูต่อแผ่นดินที่เขาได้อาศัยอยู่ ช้างป่าเป็นสัตว์น่าเอ็นดูสงสาร เขารู้จักคุณ
จักโทษ เราเกดิ มาเปน็ คนแทๆ้ ความคดิ ความอา่ นไมท่ ราบวา่ รจู้ กั บญุ รจู้ กั คณุ ของแผน่ ดนิ
ทตี่ นไดพ้ งึ่ เปน็ พงึ่ ตายบา้ งหรอื ไม่ ถา้ เปน็ คนกตญั ญกู จ็ ะเบาอกเบาใจพออยพู่ อไปทไี่ ดอ้ าศยั
แผน่ ดนิ ของแดนสยาม ประเทศไทยของเราเปน็ ผนื แผน่ ดนิ ทองแผน่ ดนิ ธรรม อดุ มสมบรู ณ์
ตามธรรมชาติ ไมเ่ หมอื นแผน่ ดนิ ในแดนไหนๆ

132

ช้างปา่ ภวู ัวช่างฉลาดแสนรู้

ผเู้ ขยี นขนึ้ ไปพกั ทว่ี ดั ถำ้� พระภวู วั ตามแตโ่ อกาส พระสงฆท์ า่ นเลา่ เรอื่ งดบั ไฟปา่ ใหฟ้ งั
เมอื่ จะเขา้ ถงึ ฤดรู อ้ นประมาณปลายเดอื นธนั วาคม ถงึ เดอื นพฤษภาคมของทกุ ปี พระจะตอ้ ง
ทำ� งานหนกั ช่วยกนั ดบั ไฟป่าไมม่ ีเวลาพักผ่อน เท่าทส่ี งั เกตดสู าเหตุทไ่ี ฟไหม้ปา่ เนอื่ งจาก
ชาวบา้ นไปหาของปา่ เชน่ หาเกบ็ เหด็ ตามฤดเู หด็ ออกตามปา่ แลว้ นำ� ไมข้ ดี ไฟตดิ ตวั ไปดว้ ย
เวลาดูดบุหร่ีก็มักง่าย ทิ้งก้นบุหร่ีลงในบริเวณท่ีเป็นป่าโดยไม่ค�ำนึงถึงความเสียหาย
ทีจ่ ะตามมา เพราะก้นบหุ ร่ีที่มเี ชอื้ ไฟกส็ ามารถทำ� ให้เกดิ ไฟไหม้ ป่าดงพงไพรไม่ใช่เร่อื ง
เลก็ นอ้ ย

ผู้เขียนฟังแล้วก็ยังไม่ได้คิดอะไร พอกลางคืนสวดมนต์เสร็จ ต้ังใจอุทิศแผ่เมตตา
ให้คนและสัตว์แผ่โดยไมม่ ีประมาณ สักพักคิดถงึ พวกรกุ ขเทพเทวาท่อี าศัยตน้ ไมช้ ายเขา
รกั ษาป่า เลยต้ังจิตอธิษฐานวา่ ดูก่อนเทพเทวาทง้ั ปวง เม่อื ถึงฤดกู าลจะเข้าฤดูร้อนของ
ทกุ ปี เรอื่ งไฟป่าเกิดขึน้ ไหมป้ ่าท�ำความเสียหายตอ่ ทรพั ยากรป่าไม้มากเกอื บทกุ ปี ขอให้
ไปส่ังช้างป่าให้ช้างช่วยขับไล่ชาวบ้านที่ข้ึนไปหาเก็บเห็ดท่ีท�ำการจุดไฟป่ามีเจตนาจุด
หรอื ไมม่ เี จตนาก็ดี ให้ชา้ งไปขบั ไลพ่ อให้เขากลวั เทา่ นัน้ อยา่ ไปทำ� อนั ตรายใดๆ ใหเ้ ขา
ต่ืนเช้ามาผู้เขียนก็เล่าเร่ืองแผ่เมตตาจิตให้พระฟัง พอผู้เขียนกลับถึงวัด ๒ วันเท่าน้ัน
พระภวู วั กน็ ำ� เอาเรอื่ งชา้ งขบั ไลช่ าวบา้ นขนึ้ ไปเกบ็ เหด็ ใหผ้ เู้ ขยี นฟงั วา่ ชา้ งไลค่ นหาเกบ็ เหด็
จริงๆ คนผู้ถูกช้างปา่ ไลน่ นั้ เป็นผชู้ าย พอถกู ชา้ งป่าไล่ เขาก็รีบวิ่งขน้ึ ตน้ ไม้ ชา้ งโขลงนัน้
กพ็ ากนั มาล้อมไว้ประมาณ ๒ ชวั่ โมง คนผถู้ กู ช้างปา่ ไลบ่ อกกับพระวา่ เขากลัวมากจน
ตวั สัน่ ได้เอาผา้ อาบนำ�้ มัดตวั เองตดิ กับต้นไม้ไว้ เพราะกลวั ตวั เองจะรว่ งตกลงมา

เขียนเร่ืองอุทิศแผ่เมตตาจิตให้เทวาอารักษ์ช่วยไปสิงช้างป่าเพื่อขับไล่ชาวบ้าน
ที่ขึ้นไปเก็บเห็ดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวและท�ำให้เกิดไฟไหม้ป่า ท�ำให้พระสงฆ์
เจ้าหน้าท่ีเปน็ ภาระดับไฟล�ำบาก เขยี นไปตามภาษาพระป่า หวงั วา่ คงให้อภยั เทจ็ จริง
แคไ่ หน ผู้อยู่ในเหตกุ ารณเ์ รอ่ื งนี้ร้หู รือเขา้ ใจได้ไม่น่าสงสยั

133

ช้างปา่ กับนายพราน

ผู้เขียนจ�ำพรรษาท่ีวัดถ�้ำกลองเพล ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๔ มีช้างป่าตัวหน่ึง
ช้างป่าตัวนี้ถ้าใครไปท�ำอะไรให้เขาเป็นอันได้เรื่อง วันหน่ึงนายพรานออกล่าสัตว์และ
ไปยงิ ชา้ งตวั นเี้ ขา้ เวลาเชา้ นายพรานคนนกี้ บั ภรรยาและลกู จะออกไปสขี า้ วทบ่ี า้ นโนนทนั
ชา้ งปา่ ตวั นร้ี ดู้ ี ไปคอยดกั ทางทเ่ี ขาจะเดนิ ผา่ นโดยไปอยา่ งเงยี บๆ พอนายพรานกบั ภรรยา
และลูกเดินไปถึง ช้างป่าตัวน้ีก็วิ่งออกมา นายพรานกับภรรยาและลูกมองเห็นก็ตกใจ
รีบวิ่งหนี แต่ลูกยังเด็กวิ่งยังไม่เร็ว ช้างป่าตัวนี้เลยเหยียบเด็กให้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน
ในเวลานนั้ ชา้ งปา่ ตวั นแี้ สนรใู้ ครจะไปทำ� อนั ตรายไดย้ าก นายพรานอกี คนหนงึ่ ไปลา่ สตั ว์
และยิงช้างตัวน้ีเข้าอีก ช้างป่าพอรู้ว่านายพรานคนที่ยิงจะออกไปทางเส้นไหน เขาจะ
ไปคอยดักอยู่ในทางเส้นนั้น พอนายพรานเดินไปถึงท่ีช้างดักรออยู่ ช้างป่าตัวนี้ก็รีบวิ่ง
ออกมาเพอ่ื จะทำ� รา้ ยชวี ติ นายพรานตกใจกลวั วงิ่ เขา้ โพรงไมใ้ หญ่ ชา้ งปา่ วงิ่ รเ่ี ขา้ จบั ตวั
นายพรานเอาเท้าเหยียบแหลก นายพรานเสียชีวิตลงทันที ช้างป่าตัวน้ีเคยเข้าไปหากุฏิ
หลวงปู่ขาว ในคนื วันหนึง่ ดึกเงยี บสงัด หลวงปู่ขาวเข้าหอ้ งพักภาวนา ชา้ งเดินเขา้ ไปเอา
งวงลูบที่กฏุ ิหลวงปู่ กุฏิหลวงปู่หลังน้ีพ้ืนสูงประมาณ ๓ เมตร พอชา้ งเอางวงลว้ งกุฏิไปๆ
มาๆ อยู่ หลวงปูข่ าวก็รวู้ า่ ช้างมาลูบคลำ� กฏุ ิ ทา่ นก็เรียกชอ่ื พระทุกองค์ที่ท่านจ�ำชอ่ื ไดใ้ ห้
มาดูช้าง พระทุกองค์ต่างก็ไม่ได้ยินเสียงของหลวงปู่ เรียกเท่าไรก็เงียบไปหมดไม่เห็น
องคไ์ หนมา พอช้างลบู คล�ำกุฏินานพอสมควร ช้างกเ็ ดินหนเี ข้าปา่ ไป พอต่นื เช้ามาพระขนึ้
ไปทำ� กจิ วตั ร หลวงปู่พดู กบั พระวา่ เมือ่ คืนนช้ี า้ งเอางวงลบู คลำ� กุฏิท่าน ร้องเรยี กใหใ้ คร
มาดูก็ไม่เห็นมา เพราะหลวงปู่ท่านแก่แล้วไม่ค่อยจะมีเสียงดัง พระก็พากันเดินไปดูที่
ชา้ งลบู คลำ� กฏุ ิ กเ็ หน็ แตร่ อยมอื ชา้ งลบู คลำ� กฏุ เิ ดนิ วนเวยี นรอบกฏุ หิ ลวงปู่ โดยชา้ งกไ็ มท่ ำ�
อนั ตรายใดๆ กฏุ ิ เพียงเอางวงลูบคล�ำเทา่ นั้นกห็ นีไป

134

135

เร่อื งชา้ งปา่
ปีพทุ ธศกั ราช ๒๔๙๙ –๒๕๕๗

ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๔๙๙ ชา้ งปา่ โขลงนี้ พอไดย้ นิ เสยี งเปา่ หวอไมไ้ ผท่ พี่ ระปา่ ถอื ตดิ ตวั
ท่านไปเพอื่ เปา่ เตือนชา้ งปา่ เม่อื เขาไดย้ นิ เสียงหวอเป่า เขารบี หนโี ดยเร็ว ช้างเขารวู้ ่าคน
อาจเป็นอันตรายก็ได้

ถึงปี ๒๕๕๗ น้ี ชา้ งป่าโขลงนี้ ตามพระเลา่ ให้ผูเ้ ขยี นฟัง เมื่อเปา่ หวอไมไ้ ผ่ ชา้ งป่า
เดินเขา้ มาหาเลย พระทา่ นกร็ บี เดินหนไี ปยนื อยูท่ เ่ี หน็ ควรวา่ ปลอดภยั ยืนดูอยูส่ กั พักหนง่ึ
ชา้ งก็เดนิ หนเี ข้าปา่ ไป ไม่ท�ำอนั ตรายใดๆ ผูเ้ ขยี นคิดเอา ช้างปา่ อาจจะชนิ กับเสียงหวอ
ที่พระเปา่ หรอื ชินกับพระ เหน็ พระป่ามานานมากกว่า ๕๐ ปี ไมเ่ ห็นมภี ยั อนั ตรายใดๆ
ช้างป่าเป็นสัตว์ฉลาดและยืนนิ่งคอยสังเกตเหตุการณ์รู้ว่าจะมีภัย และรู้ฟังเสียงพระพูด
คนพดู เขา้ ใจ

136

ทา่ นหลวงปูม่ ั่น
ออกเท่ยี ววิเวก

ผเู้ ขยี นจำ� วนั -เดอื น-ปี ไมไ่ ดเ้ พราะนาน พระาณสมปฺ นโฺ น องคห์ ลวงตามหาบวั
ได้จดจารึกไว้ในประวัติหลวงปู่ม่ันตอนหนึ่งว่า ท่านไปเท่ียววิเวกด้วยกัน ๓ องค์
มีหลวงปูม่ น่ั หลวงปขู่ าว และทา่ นอาจารยม์ หาทองสขุ พากันเดินบกุ ปา่ ฝา่ ดงไปเจอะเอา
ช้างปา่ ยืนขวางทางอยู่ระหวา่ งทางช่องแคบ จะหลีกไปทางไหนก็ไม่ได้ ระหวา่ งทางเดนิ
ผ่านช้างไปประมาณ ๑.๕๐ เมตร ถ้าจะเดนิ ผ่านทางชอ่ งแคบนัน้ กช็ ้างปา่ ยนื ขวางทางอยู่
สักพักหน่ึงหลวงปมู่ น่ั พดู ขน้ึ วา่ “ใหท้ า่ นขาวไปพดู ขอทางกบั ชา้ งด”ู หลวงปขู่ าวเดินเข้า
ไปยนื เลยเอย่ ปากพูดว่า “พ่ีชายเอย เจา้ ตวั ใหญ่ พวกเราตวั นอ้ ย จะเดินทางผ่านไปน้ี
เจ้าพ่ีชายยืนขวางทางอยู่ พวกเรากลัวไปไม่ได้ ขอให้พ่ีชายหลีกทางให้พวกเราไป
เจา้ พชี่ ายเอย” พอชา้ งไดย้ นิ เสยี งหลวงปขู่ าวพดู ขอทางเดนิ ไป ชา้ งกซ็ กุ หวั เขา้ กอไผห่ นั หลงั
ออกมาหาทาง หลวงปู่ม่นั เลยพดู ขน้ึ ว่า “ไปได้แลว้ ที่นีเ่ ขาไมท่ �ำอะไรแล้ว” หลวงปมู่ ่ัน
เดนิ กอ่ น หลวงปขู่ าวเดนิ ตามหลงั หลวงปมู่ น่ั ทา่ นอาจารยม์ หาทองสขุ เดนิ ตามหลงั สดุ ทา้ ย
ไม่ทราบว่าเจ้ากรรมนายเวรอะไร เผอิญขอกลดท่านพระอาจารย์มหาทองสุขที่แบกอยู่
บนบา่ ไปเกาะเอากง่ิ ไมไ้ ผไ่ ว้ พยายามปลดออกจนเหงอื่ แตกออกซมึ ไปทัง้ ตัว เอาจนกว่า
ขอกลดจะหลุดออกไปได้ แทบใจหายเพราะกลัวช้าง พอไปถึงหลวงปู่มั่นน่ังคอยดูอยู่
พอนงั่ สกั พัก ทา่ นอาจารยม์ หาทองสขุ เปน็ ผขู้ อโอกาสถามหลวงปมู่ นั่ วา่ “ขอโอกาสพอ่ แม่
ครบู าอาจารย์ เวลาพวกเราเดนิ ผา่ นมานน้ั พอ่ แมค่ รบู าอาจารยก์ �ำหนดดูใจชา้ งหรอื เปล่า”
หลวงปู่ม่ันตอบว่า “ท�ำไมจะไม่ก�ำหนดดู เร่ืองถึงขนาดคอขาดบาดตายขนาดน้ัน”
ท่านอาจารยม์ หาทองสขุ ก็ถามต่อไปว่า “ใจชา้ งคิดอยา่ งไร” หลวงป่มู น่ั ตอบเป็นเชิงดุวา่
“ถามไปหาอะไร ท�ำไมไมด่ ูใจเจา้ ของ” เปน็ อนั จบลงเรื่องเดินทางผ่านชา้ งปา่ พูดด้วย
วาจาดใี จมเี มตตา แมช้ ้างปา่ กย็ ังพอใจ

137

ช้างภูวัวตัวหน่ึง พระชอบเรียกว่า “ช้างดอ” หรือ “อ้ายดอ” เจ้าช้างดอก็เรียก
เจ้าช้างดอตัวน้ีชอบเดินไปตัวเดียว ชอบเข้าไปหาพระ กลางวันก็มา มีพระองค์หนึ่งที่
วดั ถำ�้ พระภวู วั ชา้ งดอตวั นรี้ กั ชอบทา่ น เมอื่ ทา่ นไมส่ บายไปรกั ษาตวั ทก่ี รงุ เทพฯ หายแลว้
ทา่ นกลบั มาถงึ วัด พอกลับมาถึงกฏุ ทิ ่าน กุฏิอยู่บนก้อนหนิ สงู ชา้ งข้ึนไปไมไ่ ด้ อา้ ยดอ
ตวั นพ้ี อทราบวา่ ทา่ นกลบั มา กร็ บี มาถามขา่ วทา่ น มากลางวนั มาเดนิ วนไปเวยี นมารอบ
กฏุ ทิ า่ น ทา่ นกเ็ ลยพดู กบั ชา้ งดอวา่ “เออ ปกู่ ลบั มาแลว้ ไมม่ อี ะไร ปไู่ ปรกั ษาตวั หายดแี ลว้
ขอบใจเจ้านะท่ีมาถามข่าวปู่ ให้เจ้าไปหาอยู่หากินตามป่าตามเขาตามสบายเถอะ”
ช้างป่าฟังท่านพูดจบลง สักประเด๋ียวเขาก็เดินเข้าป่าไป ท่านว่า บางคร้ังท่านไปเดิน
เที่ยวปา่ ช้างดอตัวน้ีกเ็ ดินตามหลงั ท่านไป ท่านก็หันหนา้ กลบั มาพดู กบั ชา้ งวา่ “มาเดนิ
ตามหลงั ปทู่ ำ� ไม ปไู่ มม่ อี ะไรจะใหก้ นิ ดอก เจา้ ไปหากนิ ตามป่าดงพงไพรตามภาษาเด้อ”
ช้างฟังทา่ นพดู แล้วก็เดินเข้าป่าไป

ชา้ งดอตวั นชี้ อบเดนิ ลงไปตามทงุ่ นาเขา คนเคยเหน็ ชา้ งปา่ ตวั นบี้ อ่ ยกเ็ คยชนิ กค็ ลาย
ความกลัวลง วนั หนง่ึ เจา้ ช้างดอตวั นี้เดนิ ผ่านท่งุ นามา ชาวนาก็เอ่ยปากพูดกบั ชา้ งป่าว่า
“ขอถ่ายรูปเจ้าไว้เพ่ือดูเถอะ” พอช้างได้ยินเขาขอถ่ายรูป ช้างก็ยืนนิ่งให้เขาถ่ายรูป
เสร็จแล้วช้างก็เดินเร่ือยไป เข้าป่าไป อ้ายช้างป่าช่างน่าเอ็นดูแสนน่ารัก คนไม่ควร
เบียดเบยี นชา้ งปา่ ซึง่ มชี วี ติ เหมือนกนั มอี ะไร เช่น เกลือหรอื กล้วย ให้เขากนิ บ้างก็จะดี
มีใจเมตตาสัตวม์ ีความร่มเย็นใจตอ่ กัน

138

139

ชา้ งปา่ ภูววั
มีเจ้าดอองอาจกลา้ หาญ

ชา้ งปา่ อา้ ยดอตวั นอ้ี งอาจกลา้ หาญแสนรชู้ า่ งสงั เกต เวลาพระและฆราวาสนำ� ออ้ ยใส่
รถไปเลี้ยงชา้ งปา่ ชา้ งดอหรอื อ้ายดอตวั น้ี เขาจะมายืนรอคอยอยู่กอ่ นฝูงชา้ งแล้ว พอรถ
ไปถึง เขากร็ ีบเดนิ ออกมา เขา้ มาหารถเข็นอ้อยทนั ที พระและฆราวาสกก็ ลวั ไมส่ ามารถ
(ไม่กล้า) ลงจากรถเอาอ้อยไปทิ้งตามจุดที่เคยเลี้ยงช้างมา มีพระองค์หนึ่งท่านเคยชิน
แมจ้ ะมคี วามกลวั แตก่ ม็ คี วามกลา้ เพราะทา่ นเคยพดู กบั อา้ ยชา้ งดอตวั นไ้ี มเ่ คยมกี ริ ยิ าดรุ า้ ย
ท่านก็ลงจากรถไปยืนพูดกับเจ้าช้างดอว่า “อย่าเพ่ิงเข้ามา พระท่านกลัว ให้พระท่าน
เข็นอ้อยไปทิ้งเสร็จก่อน แล้วค่อยเข้ามากิน” ท่านก็โยนอ้อยไปให้เขากินบ้างตามควร
บางคร้ังช้างดอตัวน้ีก็เดินขยับเข้ามาเร่ือยใกล้ๆ เข้ามา ท่านจับเอากาบกล้วยท่ีวางไว้
ยกขึ้นแกว่งไปแกว่งมาพร้อมกับพูดว่า “เดี๋ยวปู่จะตีเอาน๊ะ” อ้ายช้างดอได้ยินพระพูด
อย่างนั้น ก็ขยับถอยออกไปท้ังแกว่งหูและหลับตาถอยๆ ออกไป ท่านว่ามีกลัวอยู่บ้าง
มีสติระวังท�ำใจให้กล้าพร้อมกับมองดูช้างแล้วคิดดูแสนน่ารัก ช้างป่าน้ีแสนรู้และฉลาด
ช่างสังเกต คอยดูพระและคนท่ีน�ำอ้อยไปเล้ียง มีน้�ำใจเมตตา ไม่มีเวรมีภัยหรือเป็น
อันตรายใดๆ ช้างป่าจึงกล้าเดินเข้ามาหาโดยไม่มีความกลัวใดๆ ผู้เขียนคิดเอาว่า
ชา้ งเขากม็ จี ติ ใจเหมอื นคน ชา่ งเปน็ นกั สงั เกต นบั แตไ่ ดเ้ หน็ พระทา่ นมาสงั เกตดกู ารนำ� ออ้ ย
มาใหก้ นิ เมื่อถงึ เวลาประมาณตอนบ่ายทกุ ๆ วนั ช้างเห็นทกุ วนั ไมม่ ีกิริยาอาการใดๆ
ที่จะท�ำร้ายชีวิตหรือท่าทางเบียดเบียน จึงเป็นท่ีแน่ใจตายใจ ช้างป่าภูวัวจึงไม่ค่อยจะ
กลัวพระและเป็นท่ีแน่ใจตายใจของช้างป่าภูวัวตลอดมา ความเชื่อใจตายใจต่อกันได้
หมดความกังวลไม่มีเวรมภี ยั เปน็ มงคลแกส่ ตั วโ์ ลกทง้ั มวล

140

ชาวนาพดู กับชา้ งปา่ ภูววั

วันหน่ึงช้างป่าภูวัวโขลงนี้ลงไปกินข้าวชาวนาบ้านค�ำภู พ้ืนที่นาติดกับเขตรักษา
พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ภวู วั พนื้ ทนี่ ามไี มม่ าก ชา้ งปา่ ลงไปกนิ ขา้ วฤดเู กยี่ วขา้ วเกบ็ ขา้ วกวา้ นกนิ เกอื บ
หมดขา้ วในนา ชาวนาคนนเ้ี ลยพดู กบั ชา้ งปา่ วา่ “ขอใหช้ า้ งอยา่ ลงมากนิ ขา้ วอกี เถอะ นามี
ขา้ วนอ้ ย ถา้ ลงกนิ หมดแลว้ เรากไ็ มม่ อี ะไรทจี่ ะกนิ ไดเ้ ลย้ี งชวี ติ ตอ่ ไป” นบั แตช่ าวนาไดพ้ ดู
กบั ชา้ งในวนั นนั้ ชา้ งปา่ ทง้ั โขลงกไ็ มเ่ หน็ ลงมากนิ ขา้ วของชาวนาอกี ตอ่ ไป

แม้ช้างป่าเขายังมีหัวใจลดความอยาก ความหิวกระหายได้ ไม่มารบกวนหัวใจ
คนที่ขอร้องเขาเพราะมีชีวิตความอยากความหึงหวงในสมบัติในชีวิตก็มีเหมือนกัน
มนุษยเ์ ราควรคิดเห็นใจคนใจสตั ว์บา้ ง ชา้ งป่าแท้ๆ เขายังร้จู กั ควรหรอื ไมค่ วร

141

ช้างป่าภูวัวตามคำ� บอกเลา่ ของคนโบราณ

นางต่ิงเล่าตามค�ำพูดซ่ึงได้ฟังมาจากพ่อเขียวผู้เป็นบิดาว่า “พ่อเขียวเป็นคนจริง
มคี วามซ่อื สตั ย์ มใี จเมตตาเกือ้ กูลคนและสัตว์ มีแต่ความรม่ เยน็ ไม่ประมาทรุกขเทวดา
หรือเจ้าป่าเจ้าเขา พ่อเขียวจะท�ำพิธีการบูชาคุณเจ้าถิ่นเจ้าฐานทุกปีมิเคยขาด” โดย
พอ่ เขยี วเลา่ ใหน้ างตงิ่ ฟงั วา่ “ชา้ งตวั ใหญจ่ ะมรี กุ ขเทพวเิ ศษคมุ้ ครองรกั ษา เวลาออกหากนิ
จะรวู้ า่ คนผจู้ ะทำ� รา้ ยหรอื อนั ตรายอยจู่ ดุ ไหน ชา้ งปา่ ตวั หวั หนา้ โขลงจะร้องตะโกนเตือน
ฝูงชา้ งหยดุ เป็นพกั ๆ หรอื เป็นทอดๆ ใหช้ า้ งรู้ท่ัวกนั ”

พ่อเขียวเล่าให้นางต่ิงฟังว่า ประมาณปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ถึงฤดูท�ำนาช่วง
เดอื นหก พอ่ เขยี วออกไปไถนาเตรยี มหวา่ นกลา้ พอไถ คราดนา ทำ� รอบคนั เสรจ็ เรยี บรอ้ ย
กเ็ อาถงั ปลกู ขา้ ว (ทอขา้ วปลกู ) วางไวบ้ นคนั นาเพอ่ื จะหวา่ นหรอื โปรยขา้ วแตม่ ดื คำ่� เสยี กอ่ น
วนั นั้นจงึ เดนิ ทางกลบั บา้ น พอตืน่ เชา้ วันใหมจ่ ะออกไปดูทห่ี วา่ นกลา้ ในนา พอไปเหน็ นา
ท่ีคราดไว้ก็ตกตะลึงภายในใจ เพราะช้างป่าลงมาหว่านกล้าใส่นาท่ีคราดไว้ให้เสร็จ
เรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีหกเรี่ยราดบ้างตรงท่ีวางทอข้าวปลูก พ่อเขียวจึงออกปากว่า
“หวา่ นขา้ วให้กะดอี ยดู่ อก แตม่ ันหกเรย่ี ราดตรงท่ีวางทอขา้ วปลูก พอ่ เอ๊ย (ชา้ ง) ไม่ตอ้ ง
ลงมาช่วยลกู (หมายถึง ชาวนา) ลกู จะท�ำเองก็ได้ ไม่ต้องเป็นกงั วล”

พอวันต่อมา พ่อเขียวออกไปนาดูแปลงนาท่ีหว่านข้าวปลูกไว้ ก็ตกตะลึงใจอีก
เพราะตรงที่ช้างป่าท�ำหกเร่ียราดนั้น ตกกลางคืนช้างป่าออกมาเก็บกวาดเรียบร้อยปกติ
ทกุ อย่างเหมือนคนทำ� เสียงเล่าลือเรอ่ื งชา้ งป่าภวู วั มาตกกลา้ หวา่ นกลา้ ใหช้ าวนาคนบ้าน
ภเู งนิ และตามหมบู่ า้ นตา่ งๆ กพ็ ดู กนั เสยี งเลา่ ลอื ไปไมม่ สี นิ้ สดุ ในสมยั นนั้ ไมม่ เี ครอื่ งบนั ทกึ
ภาพบนั ทกึ เสยี งได้ จงึ ไดจ้ ดและเขยี นตามคำ� บอกเลา่ จากชาวนาหมบู่ า้ นภเู งนิ พ้นื ท่นี าเขา
ติดกับเขตรกั ษาพนั ธ์ุสัตวป์ ่าภูววั เทจ็ จริงแค่ไหนสุดแตจ่ ะใครค่ รวญให้รดู้ ว้ ยตนเองเถิด

นายเพรยี บ สนธหิ า เป็นผ้ถู า่ ยทอด

142

วาสนาบารมีของสัตว์

ชา้ งปา่ มมี าแตก่ ปั ไหนกลั ปไ์ หนกไ็ มร่ ู้ หรอื เกดิ คเู่ คยี งกบั แผน่ ดนิ เรากไ็ มส่ ามารถคาด
หรือเดาได้ สมัยคร้ังพุทธกาลในพระไตรปิฎกท่านก็กล่าวถึงเรื่องช้างป่า พระพุทธองค์
ทรงเสด็จไปจ�ำพรรษาอยู่อาศัยด้วยช้างป่าเลไลย์และท่านพระอัญญาโกณฑัญญะท่าน
ก็ได้อาศัยช้างป่าเล้ียงชีวิต เม่ือถึงกาลอันควรสิ้นอายุสังขาร ท่านได้ออกมากราบบังคม
ทูลลาพระพุทธเจ้าเพื่อดับอายุสังขารในป่าฝูงช้างก้าวเข้าสู่แดนบรมสุขเกษมส�ำราญ
พวกเราๆ ทา่ นๆ อาจจะคิดเดาไมถ่ งึ เพราะสดุ วสิ ัยของปุถชุ น

ช้างมีหลายประเภทเหมือนมนุษย์และสัตว์ท่ีเกิดขึ้นในแดนแห่งโลกธาตุ ช้างเป็น
มงคลมหามงคล ช้างเผือกงานิลก็มี เช่น ช้างทรงพระราชามหากษัตริย์ ช้างท่ีออกรบ
เอาบ้านต้านเอาเมอื งกม็ ี ช้างทำ� ใหเ้ จา้ ของเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีก็มี งาชา้ งท่ีมคี ่าราคา
มหาศาลกม็ ี จะพดู ถึงเรือ่ งช้างมีจำ� นวนมากและกม็ สี ารพัดช้าง ชา้ งท่ีทำ� บ้านเมืองใหเ้ ป็น
สิริมงคลมหามงคลเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ควรสงวนรักษาไว้ ถ้าใครท�ำอันตรายช้าง
ประเภทนี้ อาจท�ำให้ประเทศชาติล่มจมเกิดภัยพิบัติก็ได้ นักปราชญ์ท่านกล่าวถึงช้าง
ประเภทน้วี า่ พระโพธสิ ตั วเ์ สวยชาตจิ ตุ มิ าเกดิ เป็นช้างตามบุญตามกรรม ค�ำว่าบุญกศุ ล
หรอื วาสนาบารมี เปน็ พระโอวาทคำ� สง่ั สอนของพระพทุ ธเจา้ ทกุ ๆ พระองค์ เตม็ เปย่ี มดว้ ย
พระเมตตามหาเมตตา ทรงแนะน�ำสั่งสอนสัตว์โลกให้บ�ำเพ็ญบุญกุศล สร้างบารมีเพ่ือ
ช่วยสง่ เสริมภพชาตใิ นการเกิด การตาย การท่องเท่ียวในวฏั สงสารของสัตวโ์ ลกทั้งมวล
จะเป็นมนษุ ย์ อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ เทวดา หรือเปน็ สตั ว์ ถา้ ขาดบุญกุศลเป็นเคร่อื ง
สง่ เสรมิ ยอ่ มเจรญิ รงุ่ เรอื งไดย้ าก มแี ตแ่ บกกองทกุ ข์ จะอยทู่ ไี่ หนแดนใด เจอแตค่ วามทกุ ข์
เศรา้ โศกโศกา แห้งแล้ง จดื จาง คำ� วา่ “สมหวัง ไม่มี” ใครอยากจะเชื่อจอมปราชญ์ คือ
พระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเอกทรงส่ังสอนโลกท้ังสาม ก็สุดแต่จะเรียกเอาตามใจชอบนั้น
เป็นหลักตดั สนิ ใจความพอดีเพ่ือตนเอง

143

144

เร่อื งคนสมยั โบราณ

คนสมัยโบราณสืบทอดตอ่ ๆ กนั มา ไมว่ ่ายคุ ใดสมัยใด โลกถ้าขาดพระพุทธเจา้
ลงมาตรัสรู้เพ่ือทรงโปรดสัตว์โลก ทรงน�ำธรรมที่ได้รู้แจ้งแทงทะลุชาญฉลาดรู้ด้วย
พระปรีชาญาณ มีพระมหาเมตตาทรงน�ำมาแนะนำ� สง่ั สอน รื้อสัตวข์ นสตั ว์ผู้มีอปุ นสิ ยั ให้
ออกจากวัฏสงสาร และยุคสมัยใดถ้าขาดพระปัจเจกพุทธเจ้าหรือขาดสมณะนักปราชญ์
ผมู้ ีคุณธรรมมาอบรมแนะนำ� สั่งสอน สตั ว์โลกยอ่ มมดื มนอนธกาล มนุษย์เรายอ่ มมีความ
เห็นผดิ ถอื ผิด หลงผิดเป็นไปต่างๆ นานา เช่น นับถอื ประเภทผี สาง นางไม้ ท�ำการบชู า
สรา้ งกระตอ๊ บ (ตูบ) บวงสรวงบูชาตามหวั ไร่ปลายนา ตามป่า ตามภเู ขา นบั ถอื จำ� พวก
ผไี ท้ นางทรง ผสี งิ เรอ่ื งเหลา่ นส้ี าเหตกุ ค็ อื ขาดทพี่ ง่ึ ทางดา้ นจติ ใจ เปน็ เรอ่ื งอยา่ งสำ� คญั มาก
คนเราถ้าไม่มีสัตย์มีศีลมีความซ่ือสัตย์สุจริตภายในตนแล้ว อมนุษย์ทั้งนั้น ไม่น่าจะผิด
ท�ำสภาพจิตใจให้อ่อนแอไหวตัวเร็วอ่อนไหวง่าย ท�ำความเกรงกลัวเกรงขามถือผิด
ไดเ้ รว็ คนสมยั โบราณชอบนบั ถอื กนั ไปอยา่ งน้นั จะพรรณนาไม่มสี ้ินสดุ จะขอกลา่ วถงึ
คนโบราณสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แต่ก่อนท่ีผ่านไปประมาณ ๑๐๐ กว่าปีเท่าน้ัน
คนสมัยนั้นมีความซื่อสัตย์ต่อกันดีมาก ผู้เขียนยังพอได้เห็น คนไทยเรามีประมาณ ๑๘

145

ล้านคน ปา่ อุดมสมบูรณ์เตม็ ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ฟา้ ฝนชลธารตกลงถูกตอ้ งตาม
ฤดกู าล ยังไมเ่ คยเหน็ คนลกั ฉก ปล้น จ้ี จับกล่มุ ทะเลาะเบาะแวง้ ซ่ึงกนั และกนั ไมเ่ คย
เห็นเลยในสมัยน้ัน บ้านเมืองมีความสงบร่มเย็น เมตตาสงสารสงเคราะห์เก้ือกูลซึ่งกัน
และกันอบอุ่นดีมาก คนอายุ ๑๕-๑๖ ปี ยงั ไมร่ ู้เร่ืองในการแต่งเน้อื แตง่ ตัว ชู้สาวก็ยัง
ไม่ปรากฏแสดงกิริยาใดๆ ส�ำหรับเพศหญงิ ในสมัยนัน้ สังวรรกั ษาตนดมี าก คนสมัยนัน้
ดูแลควบคุมรกั ษาลูกสาวดมี าก ตกมาสมัยเริม่ แต่ปี ๒๕๐๐ เร่ือยมา คนมีจ�ำนวนมากขนึ้
คนกไ็ ม่มคี ุณภาพ ไมม่ ีความจรงิ ใจซื่อสตั ยส์ ุจริตต่อกนั จนถึงสมัยปจั จบุ นั ปี ๒๕๕๗ นี้
เดก็ อายุ ๙ ปี ๑๑-๑๒ ปี มชี สู้ าวหรอื มแี ฟนกันแลว้ บ้านเมอื งก็ไมค่ อ่ ยจะมคี วามสงบ
รม่ เยน็ ชอบมีเร่ืองยงุ่ เหยิงว่นุ วายมากขนึ้ มนุษย์หรือคนเราถ้าไมม่ คี วามจริงใจซื่อสตั ย์
ตอ่ กันแลว้ คงไมต่ ่างอะไรกับสัตว์ นา่ เสียดายชีวติ ท่เี กดิ มาไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

๓ กันยายน ๒๕๕๗

146

เรื่องการใหอ้ าหารช้างป่า (เลย้ี งช้างป่า)

การเลยี้ งชา้ งปา่ ทภี่ วู วั ใหด้ ว้ ยความเมตตาตามฤดกู าลเวลาชา้ งปา่ ขาดแคลนอาหาร
เมอ่ื ถงึ ฤดกู าลประมาณตน้ เดอื นพฤศจกิ ายน-ธนั วาคม ในชว่ งนข้ี องทกุ ปที ผ่ี า่ นมา ชา้ งเขา
จะมารอ้ งขออาหาร พระและฆราวาสจะช่วยกันจัดหาออ้ ยและอนื่ ๆ นำ� ไปเลีย้ งชา้ งตามมี
ตามได้ การเลย้ี งชา้ งไมค่ วรใหม้ ากจนอมิ่ หนำ� สำ� ราญ ถา้ ใหม้ ากจนเหลอื เฟอื ยอ่ มมคี วาม
ประมาท ไม่วา่ คนและสตั วถ์ ้าอยู่สบายกินสบายยอ่ มลืมตวั ขเ้ี กยี จ ไม่คอ่ ยคดิ ช่วยตัวเอง
คดิ หวังพ่ึงแตผ่ ู้อ่นื ยกเวน้ ท่านผู้มีคณุ ธรรมรูฉ้ ลาด ในโลกนีท้ กุ อยา่ งเปน็ ของไมแ่ น่นอน
สะดวกและลำ� บากกเ็ ปน็ ของค่กู นั สุขกบั ทุกขก์ เ็ ป็นคูก่ ัน การใหค้ วรค�ำนึง ใหด้ ว้ ยความ
มีเมตตาสงสาร กาลใดเวลาใดอาหารขาดแคลนหรอื หมดผมู้ เี มตตา ไม่มใี ครให้อาหาร
ช้างป่าและสตั ว์ คิดดนู ่าสงสารเขา และชว่ ยตัวเองไมไ่ ด้ เอาตวั ไปไมร่ อด นพ้ี ดู หรือเขยี น
ถึงการเลี้ยงสัตว์ป่า ควรให้อาหารเขาพอประทังชีวิต หรือวันหน่ึงสงเคราะห์เล้ียงเขา
พอชีวิตเป็นอยู่ได้ ไม่หิวโหยจนเกินไป เพ่ือให้เขาช่วยตัวเอง ได้หากินเองตามล�ำพัง
ให้พึ่งตัวเองบ้างตามหลักธรรมชาติน้ันเป็นความเหมาะพอดี และควรพิจารณาตามกาล
สถานที่ บคุ คล หรอื ตามโอกาสการใหด้ ว้ ยความเมตตาธรรม ไมน่ า่ จะมปี ญั หา มแี ตส่ รา้ ง
ความอบอ่นุ ร่มเยน็ ไม่เปน็ ทร่ี ะแวงสงสยั แก่สัตวโลกท้งั มวลทั่วโลกดนิ แดน

147

ข้อควรสังวร

อนงึ่ ชา้ งปา่ สัตว์ป่าทกุ ชนิด เมอ่ื เขาสงั เกตดอู าการกริ ยิ าใดๆ ไมม่ ีอนั ตรายตอ่ ชวี ติ
เขาแลว้ เขายอ่ มตายใจหรอื ไมร่ ะแวงแคลงใจสงสยั เชอื่ ง ชนิ จนไมร่ ะวงั แมช้ วี ติ กป็ ลอ่ ยตวั
จนลืมตาย น้ีนิสัยของสัตว์ป่าเป็นส่วนมาก เห็นใครเข้าก็จะตายใจเสียหมด เขาไม่ได้
คิดว่าคนทุกคนมีจิตใจต่างกัน แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านยังทรงเสด็จจ�ำพรรษากับช้างป่า
เลไลยก์ สาเหตกุ ็เพราะพระสงฆ์ปถุ ุชนหัวดือ้ มคี วามเหน็ ไม่ลงรอยกัน คือเจ้าทฏิ ฐิ กเิ ลส
ตัวใหญ่หลวง ซึ่งเป็นภัยแก่สัตว์โลกน่ันเอง ดังท่านหลวงปู่ม่ันพูดถึงท่านผู้มีศีลมีธรรม
ยอ่ มเป็นผูป้ ลกู และสง่ เสรมิ สุขบนหัวใจคนและสตั ว์ท่ัวโลกให้มแี ต่ความอบอนุ่ ใจ ไมเ่ ปน็
ทร่ี ะแวงสงสยั เรอ่ื งชา้ งปา่ ภวู วั อา้ ยดอ ชว่ งนกี้ ำ� ลงั เชอื่ งกบั พระหรอื คนมากขน้ึ พระและคน
ก็ไม่ควรไปเล่นกับช้างมากจนเกินไป วันใดวันหนึ่งอาจจะเข้าใจผิดต่อคน ท�ำอันตราย
แก่คนหรือพระได้ ข้ึนช่ือว่ากิเลสแล้วตายใจได้ยาก ถ้าพระ-คน มีญาณเคร่ืองรู้ฉลาด
ควรหรือไม่ เรื่องเหล่าน้ีผู้มีธรรมไม่เป็นอันตรายแก่สัตว์โลกทั้งมวล ท่านผู้มีคุณธรรม
ภายในใจสามารถกำ� หนดรู้เรื่องคุณและโทษของสัตว์ผู้มืดมิดไปด้วยอำ� นาจกิเลสตัณหา
ย่อมไมท่ �ำใหเ้ กดิ โทษแกต่ น มแี ต่คณุ ประโยชนแ์ กส่ ัตว์โลกไมม่ ปี ระมาณ

๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗

148

เรือ่ งการไปดชู ้างป่า

เม่ือวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ผเู้ ขยี นไดข้ น้ึ ไปพักเพ่อื วิเวกตามโอกาสที่วัดถำ�้
พระภวู วั ออกจากวัดประมาณ ๙.๔๙ น. ถึงวัดถำ�้ พระภวู ัวประมาณ ๑๑.๐๐ น. เข้าทพ่ี กั
กฏุ ิ เงยี บสงบดี อากาศลมพดั พอดตี ามธรรมชาตขิ องสถานท่ี ภเู ขาเปน็ หนิ ทราย (หนิ ดาน)
เยน็ สบายถูกกบั ธาตุขนั ธ์รา่ งกายคนแก่ เขา้ พักกฏุ ิ ปกติทกุ อยา่ ง ไม่เป็นกังวลเรื่องใดๆ

วันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน เปน็ วันสนิ้ เดอื นพอดี ประมาณบา่ ย ๓ โดยพระมานิมนต์
ใหไ้ ปดชู า้ งปา่ ทเี่ อาอ้อยไปเลี้ยงช้างผ่านมาแล้ว ๓ ปี หมู่พระไปดว้ ยกัน ๕ องค์ เจา้ ของ
คนขบั รถ ๑ คน แล้วพากนั ขึน้ รถไปสถานทบ่ี รเิ วณท้งิ ออ้ ยเลีย้ งชา้ งป่า ระยะทางหา่ งจาก
กุฏพิ ักของผเู้ ขียนไปประมาณ ๑ กโิ ลครง่ึ เป็นอย่างมาก รถวง่ิ ข้ึนบนก้อนหินสูงชัน ไปได้
เฉพาะรถโฟรว์ ิลเทา่ น้ัน พอรถว่งิ เข้าเขตเลยี้ งอาหารช้าง จอดรถทง้ิ ไวร้ ิมป่า ห่างจากที่
ไปดูช้างกินอ้อยประมาณ ๓๐๐ เมตร ลงจากรถเดินไปตามทางหินดานโล่ง ไม่ค่อย
มีต้นไม้ใหญ่ มองไปเห็นแต่ต้นข่อยดานเกิดข้ึนตามพลาญหินเป็นแห่งๆ มีห่างๆ กัน
เดนิ เข้าไปอยา่ งเงียบๆ ไมพ่ ูดหรือคยุ กนั พอไปถงึ มองเข้าไป ชา้ งเขา้ มากนิ อยกู่ อ่ นแล้ว
๒ ตัว ตัวหน่งึ งาคู่ ดูอายสุ กั ประมาณ ๑๕ ปี อีกตัวหนึ่งเล็ก คงอายไุ ดป้ ระมาณ ๓ ปี
พวกเราพากนั เดนิ ไปอยา่ งเงยี บๆ ดา้ นทศิ ตะวนั ตก หา่ งจากชา้ งกนิ ออ้ ยประมาณ ๔๐ เมตร
คอ่ ยๆ เดนิ ขน้ึ บนเนินหนิ ดานพอมองดูช้างได้ชัดเจน แลว้ พากนั นัง่ ลงหมดทุกคน จอ้ งตา
ดูช้างกินอ้อยอย่างไม่กะพริบตา เจ้างาคู่ดูการเค้ียวกินอ้อยอย่างมีความสุข แกว่งหู
ทงั้ สอง กนิ อยา่ งสบายหายกงั วล เคย้ี วกนิ ออ้ ยเฉย ไมร่ ะแวงกงั วลกบั พระกบั คนเรอื่ งใดๆ
ดแู ลว้ นา่ สงสาร คนเรานา่ จะคดิ เอน็ ดสู งสารสตั ว์ ไมค่ วรเบยี ดเบยี นกนั ทเ่ี ปน็ ปา่ สงวนรกั ษา
พันธุ์สัตวป์ ่า ควรจะช่วยกนั สงวนรักษาอย่างเอาจรงิ ไว้เปน็ ทรพั ยากรธรรมชาตคิ ู่แผ่นดนิ
สยาม สรา้ งความร่มเย็นใจท้ังคนทั้งสตั ว์ สร้างความอุดมสมบรู ณ์ทั้งผนื แผ่นดนิ ไทยให้
ลกู หลานมที รัพยากรธรรมชาติเปน็ ทีอ่ ยู่อาศัยอยา่ งอุดมสมบรู ณ์ จะไมผ่ ดิ หวังในการอยู่
อาศัยพงึ่ เปน็ พง่ึ ตาย ไมแ่ หง้ แลง้ จืดจางชว่ั ลกู -หลาน-เหลน อย่างมีความสขุ ตลอดไป

149

สักพักไม่ถึงนาที พวกเราจ้องดูช้างป่ากินอ้อย เจ้าหัวหน้าโขลง หรือเรียกว่า
“อา้ ยงาซา้ ย” มงี าขา้ งเดยี วงาซ้าย เดนิ ออกมาจากปา่ ท่าทางองอาจสงา่ งาม เดนิ ออกมา
อย่างเงียบๆ ออกมายืนกินอ้อย เคี้ยวกินอ้อย ดูท่าทางเหมือนเขามีอ�ำนาจในป่าแห่งน้ี
สกั ประเดย๋ี วเจา้ งาซา้ ยกเ็ ดนิ เขา้ ไปหาชา้ งตวั มงี าคแู่ ละชา้ งตวั เลก็ ชา้ งทงั้ สองตวั กลวั หวั หนา้
โขลงเจา้ งาซา้ ย กร็ ีบเดินหนเี ขา้ ปา่ ไปโดยเร็ว ในขณะเดยี วกนั นน้ั อา้ ยงาซ้ายก็กา้ วเดิน
หันหน้ามาทางคณะพวกเราที่ไปดูช้าง ก้าวเดินอย่างองอาจ ก้าวเดินเข้ามาๆ แล้วยืน
จอ้ งมาหาทางพวกเรา พร้อมกับจับเอาล�ำอ้อยมาเค้ียวกิน มองดทู ่าทางยืนอยา่ งองอาจ
กลา้ หาญ พร้อมกบั โชว์งวงขึน้ เหนอื หัว โชว์แกวง่ หใู หพ้ วกเราดูอยา่ งสะใจ ยนื เค้ยี วอ้อย
กนิ อยา่ งสบายๆ ไม่สะทกสะทา้ นหวนั่ กลัวใครๆ สมกบั เป็นหวั หนา้ โขลงชา้ ง มองดูแลว้
นา่ รกั นา่ สงสารชา้ งปา่ ผเู้ ขยี นคดิ เอาวา่ ชา้ งปา่ ไมเ่ คยมกี ารทำ� กริ ยิ าอยา่ งนี้ เทา่ ทเ่ี คยเหน็
ช้างปา่ มา คร้ังนห้ี วั หนา้ โขลงเจา้ งาซา้ ย ดูเจตนาท่าทางออกมาขอขอบบญุ ขอบคณุ ของ
พวกเราที่เล้ียงช้างป่าท้ังโขลงตลอดมา หัวหน้าโขลงเจ้างาซ้ายจึงออกมาแสดงโชว์งวง
ขึ้นยกใส่เหนือหัวขอขอบบุญขอบคุณด้วยคณะพวกเราที่ต้ังใจออกไปดูช้างป่า ดูท่าทาง
เจ้างาซ้ายแล้วน่าเอ็นดูมากกว่าที่จะคิดน่ากลัว ช้างอยู่ในป่าแทๆ้ ไม่มีใครจะไปแนะนำ�
สั่งสอนเร่ืองบุญเรื่องคุณให้รู้ เขายังออกมาแสดงพอให้ดูกิริยาน�้ำใจช้างป่ารู้จักบุญคุณ
คนแท้ๆ ไม่รู้เร่ืองบุญเร่ืองคุณ ไม่รู้จักบุญคุณ ไม่รู้จักกตัญญู ก็หมดสายทางพาให้
ก้าวเดินแห่งชีวิต กรรมพาให้มืดมิดปิดบังแล้วก็จบลง สุดแต่จะตริตรองหรือใคร่ครวญ
ใหร้ ู้ดว้ ยปญั ญา สกั ประเด๋ยี วผูเ้ ขียนก็พาคณะกลบั ทพ่ี กั กฏุ ิ

ทีพ่ วกเราช่วยกนั เล้ยี งช้างปา่ ภวู วั นับว่าไดช้ ่วยเหลอื ชา้ งป่าไม่ให้ขาดแคลนอาหาร
จนเกนิ ไป เมื่อถงึ ฤดูเดอื นพฤศจิกายน-ธนั วาคมของทกุ ปี เป็นฤดใู บไม้รว่ ง พวกช้างปา่
ขาดแคลนอาหาร ผู้ใดมีใจเมตตาสัตว์ป่าได้ช่วยเหลือให้อ้อยหรืออ่ืนๆ ตามมีตามได้
ช่วยเหลือช้างป่าซึ่งเป็นเพื่อนเกิดเป็นตายร่วมกัน ให้ด้วยความเมตตาไม่มุ่งหวังอะไร
เป็นความพอดสี บายใจ

150

การไปดชู ้างป่าท่ภี วู วั นา่ เอ็นดสู งสารชา้ ง ตอ่ ไปทกุ คนไมค่ วรไปดูช้างป่า ชว่ ยกัน
อนุเคราะหเ์ ล้ยี งเขา ปลอ่ ยใหเ้ ขาอย่ตู ามหลักธรรมชาติของสตั ว์ป่าน้ันเหมาะพอดีทุกกาล
สถานท่ี ไมว่ ่าคนและสตั ว์ยอ่ มชอบอิสระ ถ้ารบกวนมากๆ ความคดิ อาจจะเปล่ียนถึงกบั
เปน็ อันตรายได้ สร้างเวรสร้างกรรมต่อกัน อาจเป็นไปได้ ควรค�ำนึงเร่ืองการไปดูชา้ งป่า

เรอ่ื งการไปดชู า้ งปา่ ควรไปแบบระวงั ภยั ไมป่ ระมาท อยา่ พดู หรอื คยุ กนั ไปใหม้ เี สยี ง
ไปอยา่ งเงยี บ อยา่ เดนิ แบบไมม่ องหนา้ มองหลงั ไมค่ วรไปมากคน ถา้ อยากดชู า้ งปา่ จรงิ ๆ
ควรข้ึนไปบนน่ังร้านที่ท�ำเอาไว้บนต้นไม้ เป็นความปลอดภัยท่ีดี อย่าไปยืนดูเหมือน
สตั วบ์ า้ นด้วยความประมาทเกินไป เมอ่ื เกิดมอี ันตรายแก้ไขอะไรได้ยาก ไปดชู ้างป่าภวู วั
สงั เกตดู ชา้ งมีความฉลาด นา่ สงสาร ร้เู ร่ืองอะไรบางอยา่ งของมนุษย์ไดด้ ี

เรอ่ื งการใหอ้ าหารชา้ งปา่ ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรอ่ื งการซอ้ื การขายของผใู้ ห้ เพอ่ื เปน็ การเกอื้ กลู
กันตามเจตนาของผู้มีเมตตา จะเป็นการซ้ืออ้อยหรือซ้ืออะไรก็แล้วแต่ เพ่ือน�ำไปเลี้ยง
ชา้ งปา่ และสตั วท์ วั่ ๆ ไป ไมไ่ ดจ้ ดั เปน็ คา่ เปน็ ราคาชนดิ ซอ้ื ขาย ใหต้ ามมตี ามได้ เปน็ ความพอดี
สะดวกสบายใจทกุ กาลทุกสถานทแี่ ละบคุ คล ไมม่ ีเร่ืองการซ้อื ขายของผู้มีเมตตา เรียกวา่
ให้เพือ่ อนุเคราะห์สงเคราะห์ เพ่ือเกือ้ กูลกนั คนละเร่ืองกบั การซอื้ การขาย การใหอ้ าหาร
ชา้ งปีหนึง่ ทผ่ี ่านมาปลี ะ ๕-๖ เดือนเท่าน้ัน คิดเป็นปจั จัยปีละหนึง่ แสนกวา่ บาท ให้ดว้ ย
ความเมตตา มแี ต่ความสงบร่มเยน็ ใจต่อสัตวโ์ ลกไม่มปี ระมาณ

151

ช้างปา่ ภวู วั เจา้ สีดอฉลาดแสดงความกลา้ หาญ
ใสค่ ณะเจ้าหนา้ ที่

ผู้เขียนได้มีโอกาสข้ึนไปเย่ียมพระสงฆ์วัดถ�้ำพระภูวัว พระเล่าเรื่องลูกช้างป่า
ถูกกับดักของนายพราน ผู้เขียนจึงสั่งให้พระวัดถ้�ำพระภูวัวเขียนเร่ืองลูกช้างที่ถูกกับดัก
ส่งมาให้ อยากทราบความจริงเป็นมาอย่างไร ตามท่ีทางพระถ�้ำพระภูวัวเขียนเล่า
ให้ฟังว่า เรื่องการให้อาหารช้างเป็นปกติเหมือนทุกปี ปีนี้เริ่มให้อาหารช้างประมาณ
กลางเดอื นพฤศจกิ ายนจนถงึ เดือนมกราคม ใสร่ ถเขน็ ข้ึนไปวนั ละ ๒ รอบ เวลาประมาณ
๑๕.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ทกุ ๆ วนั โดยมหี วั หน้าโขลง เจา้ งาซา้ ย (งาเดียว) เจ้าสีดอจะ
พาน�ำหน้าโขลงออกมากินเป็นประจ�ำ ถึงเดือนธันวาคม พระท่านจะข้ึนไปดูลานช้าง
ตอนกลางคืน และคืนนั้นได้เห็นช้างตัวเล็กบาดเจ็บเป็นแผล จึงน�ำมากราบเรียนให้พระ
ผู้ใหญ่ทราบด้วยความมีเมตตาเอ็นดูช้าง พระผู้ใหญ่ท่านจึงสั่งให้พระท่ีจะเข้าใจเร่ือง
ชา้ งดี ชว่ งเวลาตอนเชา้ พระไดข้ น้ึ ไปดชู า้ งไปลานเลย้ี งชา้ ง ปรากฏวา่ ลกู ชา้ งไดร้ บั บาดเจบ็
เปน็ แผลดา้ นหนา้ ขาขวา แลดเู หมอื นจะมเี ชอื กหรอื เสน้ ลวดรดั ทข่ี าชา้ งและมแี ผลนา่ สงสาร

พอพระผู้ใหญ่ได้ทราบเรื่องช้างป่าตามความจริงแล้ว จึงแจ้งให้หน่วยงาน
เจ้าหนา้ ทเ่ี ขตรกั ษาพันธส์ุ ตั วป์ า่ และแจง้ ใหค้ ณะแพทยท์ ราบ เมือ่ เจา้ หน้าท่ปี ่าไม้มาดูแลว้
แจง้ ให้เจ้าหน้าท่หี วั หนา้ เขต ๑๐ ใหท้ ราบ พอคณะแพทยแ์ ละเจา้ หน้าทต่ี กลงกำ� หนดวนั
และเวลากันแล้ว จึงได้มานิมนต์พระท่ีท่านเคยพูดกับช้างป่าให้พาข้ึนไปดูลูกช้างที่ลาน
ให้อาหารช้าง

พระได้พาคณะแพทย์และเจ้าหน้าท่ีป่าไม้เข้าไปถึงลานเล้ียงช้างเพ่ือจะรักษาช้างป่า
ท่ีบาดเจ็บเป็นแผล พอเข้าไปถึงลานเลี้ยงช้าง ก็ไปเจอเจ้าสีดอซ่ึงก�ำลังกินอ้อยอยู่พอดี
เจ้าสดี อกนิ ออ้ ยอย่างสบายและเดนิ อยรู่ อบๆ ไมก่ ลวั ใครๆ พอพระเอ่ยพูดวา่ ไหนเอาน้อง
ไปไวท้ ี่ไหน เราจะพาหมอมารักษาให้ พอพดู จบ เจา้ สีดอกแ็ สดงอาการไมพ่ อใจและเดิน

152

ตรงก้าวเข้ามาหาพระอย่างไม่ฟังเสียงพูดใดๆ และยังเดินเข้าหาพระอย่างไม่ถอย
แสดงกิริยาเหมือนจะท�ำอันตราย พระจึงเตือนเจ้าหน้าท่ีป่าไม้และคณะแพทย์ให้ขึ้นไป
บนก้อนหินเพื่อความปลอดภัย ส่วนพระท่านก็ข้ึนบันไดไป เห็นว่าพ้นอันตราย คอยดู
เหตกุ ารณเ์ จา้ สดี อ ทา่ นกพ็ ดู คยุ กบั อา้ ยสดี อจนรเู้ รอื่ งและเขา้ ใจ หยดุ กางหใู ส่ ดทู า่ ทางแลว้
สนิทใจเหมือนเป็นมิตรกัน พระท่านเลยลงมาโยนอ้อยให้เจ้าสีดอกินอย่างสบาย
กวา่ จะพูดกับเจา้ สีดอใหห้ นีออกจากลานเลีย้ งอาหารช้างไดก้ ก็ ินเวลานานพอสมควร

จากนั้นแลว้ พระจงึ ไดพ้ าคณะหมอและเจา้ หนา้ ที่ปา่ ไมอ้ อกจากลานเล้ียงช้าง พอถงึ
เมือ่ วนั ท่ี ๗ มกราคม ๒๕๕๙ คณะแพทย์และเจา้ หนา้ ท่ปี า่ ไมไ้ ดข้ ้นึ ไปดูลูกช้างตอนเชา้
ประมาณ ๐๖.๓๐ น. จงึ ไดเ้ หน็ ลูกช้างบาดเจบ็ ซง่ึ อย่ตู วั เดยี ว แม้ชา้ งเจา้ สดี อก็หนเี ข้าปา่ ไป
จงึ เปน็ โอกาสเหมาะพอดที จ่ี ะทำ� การรกั ษาชา้ งปา่ ทถี่ กู กบั ดกั ของนายพราน ทำ� ใหเ้ ทา้ ชา้ ง
เปน็ แผลบาดเจบ็ เป่อื ยเน่า คณะแพทยจ์ ึงเดินเข้าไปหาลกู ช้างที่บาดเจ็บ เดินเขา้ ไปใกล้ๆ
ดูชา้ งป่าไดป้ ระมาณ ๒-๓ เมตร และได้ท�ำการรกั ษาอย่างสะดวก โดยใชก้ ารยิงยาแก้
อักเสบเข้าไปใส่ถึง ๔ เขม็ และไดก้ ลับออกมาปรกึ ษากนั จึงตกลงกนั เหน็ ควรยิงเพิม่ อกี
๒ เขม็ จากนน้ั ลกู ชา้ งกเ็ ดนิ หนเี ขา้ ปา่ ไป สตั วป์ า่ แทๆ้ พระเรยี กใหเ้ ขาเดนิ เขา้ มา ลกู ชา้ งปา่
กเ็ ดนิ เขา้ มาหาพระเณรดว้ ยความสนทิ ใจ พระจงึ สงั่ ใหเ้ ณรพจิ ารณาหากง่ิ ไมท้ มี่ ใี บออ่ นมา
ให้ลูกชา้ งกนิ ลูกช้างก็เดนิ เขา้ มาเอากง่ิ ไมไ้ ผ่ไปกนิ ซง่ึ อยหู่ า่ งกันไม่เกิน ๒ เมตร ไมแ่ สดง
อาการเกรงกลวั นีแ้ ลคลนื่ กำ� ลงั กระแสจติ ใจท่ีมีเมตตาไมม่ ีเวรมภี ยั แกใ่ ครและสตั ว์โลก
ทั้งมวล ช้างป่าสัตว์ป่าเขายังสังเกตกิริยาของพระเณรได้ จิตใจผู้มีความเมตตาธรรม
เตม็ ไปดว้ ยความเอน็ ดสู งสาร มแี ตก่ ระแสคลนื่ แหง่ ความอบอนุ่ รม่ เยน็ ไมเ่ ปน็ ทร่ี ะแวงสงสยั
ผ้มู เี มตตาจติ มีแต่กระแสแหง่ ความสงบร่มเย็นต่อสตั วโ์ ลกท้ังมวลไม่มกี าลเวลา

พระท่านก�ำลังเดินทางลงมาจากถ้�ำแงบมาเจอลูกช้างตัวท่ีบาดเจ็บตาย พระจึง
กราบเรยี นใหพ้ ระผใู้ หญท่ ราบ จากนน้ั ทางพระวดั ถำ�้ พระภวู วั จงึ แจง้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทที่ ราบ
เรื่องลูกช้างป่าท่ีบาดเจ็บตาย เจ้าหน้าที่จึงข้ึนไปน�ำศพลูกช้างลงมา พอดีอ้ายสีดอก�ำลัง

153

เดินออกมา คนขับรถได้เห็นเจ้าสีดอและร้องบอกกันว่า นั่นอ้ายสีดอ ทุกคนต่างว่ิงหนี
ออกจากรถอย่างรวดเร็วเพราะกลัวเจ้าสีดอ พอพระที่เคยพูดคุยกับเจ้าสีดอพูดสักพัก
เห็นท่าทางเจ้าสีดอไม่ท�ำอันตรายใดๆ ทุกคนก็กลับเข้าไปเอาศพลูกช้างขึ้นใส่รถเสร็จ
เรยี บรอ้ ย เคลอ่ื นศพลกู ชา้ งออกมาไวบ้ รเิ วณกอ้ นหนิ นำ้� ออ้ ยรอเจา้ หนา้ ทม่ี าตรวจศพตอ่ ไป

พอเจ้าหน้าท่ีมาตรวจศพลูกช้างท่ีตายเสร็จ จากน้ันแล้วก็พร้อมกันขุดหลุมฝังศพ
ลูกช้างในบริเวณพ้ืนที่วัดถ�้ำพระภูวัวตามท่ีเห็นควรจนเป็นท่ีเรียบร้อย เรื่องเจ้าสีดอ
เดินเข้าใส่พระท่ีเคยสนิทกันกลับไม่ไว้ใจพระ จึงแสดงกิริยาต่อต้านเพ่ือป้องกัน
ลูกช้าง หงึ หวงไม่ยอมให้คณะแพทยท์ �ำการรักษา หรอื เขาคิดอยา่ งไรเรากไ็ ม่รู้ เพราะ
ไม่มีญาณเครื่องรู้ดักใจสัตว์ เพราะช้างป่าสัตว์ป่าเขาอยู่ป่าอยู่เขาตามธรรมชาติ
ตามบุญตามกรรมของสัตว์ แต่มนุษย์คณะแพทย์ผู้มีความเมตตาคิดจะช่วยเพื่อรักษา
พยาบาลให้บรรเทาทุกข์น้ันเป็นความคิดที่ดีของท่านผู้มีเมตตา แต่ควรค�ำนึงถึงสัตว์ป่า
ใคร่ครวญดูอาการให้รอบคอบแล้วค่อยลงมือท�ำน้ัน เป็นทางที่ดีหรือพอดีปลอดภัย
ความจรงิ แลว้ มนษุ ยเ์ อาเปรยี บสตั วม์ ากทกุ ดา้ น ยกเวน้ ทา่ นผมู้ คี ณุ ธรรมในใจ ทา่ นสรา้ งแต่
ความอบอุน่ รม่ เย็นใจตอ่ สัตวโ์ ลกท้งั มวลนบั แต่กปั ไหนกลั ปไ์ หนมา

สรปุ เรอ่ื งชา้ งปา่ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ภวู วั เจา้ สดี อชา่ งพดู รเู้ รอ่ื งรรู้ าว พระชวนพดู
ชวนคยุ ด้วยกย็ นื ฟังเหมือนรูเ้ รื่อง พระเรียกเข้ามาหากม็ า พระชวนไปด้วยก็ไป ช่างสนิท
ตายใจกบั พระเหมือนเพ่อื นสนิทกนั นา่ รกั น่าเอ็นดู แต่ก็ควรระวงั ไมค่ วรประมาท ข้ึนชื่อ
ว่าสัตว์ผู้ยังมีเจ้ากิเลสตัณหาครองในหัวใจแล้ว ไม่ควรประมาททุกกาลเวลาน้ันเหมาะ
พอดี จะไม่ทำ� ใหม้ ีเรือ่ งใดๆ ทำ� ใหเ้ กิดความทกุ ขเ์ ดอื ดร้อนเป็นอันตรายใดๆ สมกับเป็น
มนุษย์ผ้มู จี ติ ใจสูงฉลาดกว่าสัตว์

เร่ืองนายพรานตัดสินใจถอนตัวออกจากการไม่เบียดเบียนสัตว์นั้น เป็นความคิด
ทด่ี ไี มม่ เี วรมภี ยั ซง่ึ กนั และกนั สรา้ งแตค่ วามอบอนุ่ รม่ เยน็ ใจ ไมเ่ ปน็ ทร่ี ะแวงสงสยั เปน็ คณุ
หนุนจิตใจ ไม่มีโทษมลทินใดๆ เหมาะพอดีทุกโอกาสทุกกาลเวลา มแี ต่ความเป็นอดุ ม

154

มงคลทงั้ ทา่ นทง้ั เรา ทง้ั สตั วผ์ แู้ สวงหาความสขุ กไ็ ดร้ บั ความสขุ ปลอดภยั แหง่ ชวี ติ สมความ
ปรารถนาสดุ ท่จี ะพรรณนา

ผู้เขียนจึงขออนุโมทนาเร่ืองนายพรานคิดงดเว้นการไม่เบียดเบียนสัตว์ทุกๆ ท่าน
ทกุ คนโดยทวั่ กนั

ไดเ้ ขยี นเรอื่ งชา้ งปา่ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ภวู วั ในเขตพน้ื ทจ่ี งั หวดั บงึ กาฬใหพ้ วกเรา
ได้อ่านตามภาษาพระป่า นับว่ามากพอประมาณ ไม่ค่อยจะมีภาษาไพเราะเพราะพริ้ง
ออ่ นหวานตามภาษาสังคมนิยมมากนกั จงึ ขออภยั ไว้ ณ โอกาสนี้ดว้ ย ท้ายสุดขอความ
กรุณาทุกๆ ทา่ น อยา่ เข้าไปรบกวนพระสงฆ์ท่าน เรื่องพระปา่ ทา่ นกพ็ ูดไปตามเร่อื ง
สัตว์ป่าช้างป่าตามธรรมชาติ ผู้เขียนก็น�ำลงมาเขียนให้พวกเราได้อ่านพอได้รู้เรื่อง
ช้างป่าหรืออาจน�ำมาเป็นคติได้ เรื่องการรบกวนกันไม่ว่าเรื่องใดๆ หากไม่มีเหตุเรื่อง
ความจ�ำเป็นจริงๆ จึงไม่ควรเข้าไปรบกวนท่าน เช่น พระสงฆ์ในเขตพื้นท่ีรักษาพันธุ์
สตั วป์ า่ วดั ถำ�้ พระภวู วั หรอื สถานทวี่ ดั ไหนๆ ทที่ า่ นชอบความสงบ หลกี เรอ่ื งของการคลกุ คลี
ซง่ึ กัน ควรใหโ้ อกาสพระท่าน จะเป็นความสงบร่มเย็นพอดีทกุ กาลเวลา

155

ในอวสานการเขยี นเรอ่ื งช้างปา่ ยตุ ิลง

ขอให้ช่วยกันส่งเสริมรักษาทรัพยากรธรรมชาติบนผืนแผ่นดินไทยให้เป็นป่าอย่าง
อดุ มสมบูรณ์ เพอื่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และเพอ่ื เรา จะเจรญิ รุ่งเรอื งเปน็ สริ มิ งคล
มหามงคลชั่วนิรนั ดร์

ประเทศชาติบา้ นเมอื งมกี ฎหมายคุ้มครองเหมาะพอดีแลว้ คนเราทง้ั ชาตทิ งั้ แผน่ ดนิ
ควรชว่ ยกนั บำ� รงุ รกั ษาไวใ้ หอ้ ดุ มสมบรู ณค์ เู่ คยี งกบั ความเปน็ อยอู่ าศยั เลย้ี งชวี ติ ไมม่ กี าลเวลา
ถ้าขาดทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ประเทศชาติบ้านเมืองจะหาความอุดมสมบูรณ์สงบ
รม่ เยน็ ใจรว่ มรักสามคั คีกันไดท้ ไ่ี หน

ขออ�ำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักด์ิสิทธิ์ในสากลโลก จงมาช่วยคุ้มครอง
ปอ้ งกนั ภยั ทวั่ สารทศิ ทง้ั เบอ้ื งบนเบอื้ งลา่ ง ขอใหท้ า่ นทงั้ หลายจงมแี ตค่ วามสงบรมุ่ เยน็ ใจ
ไดร้ ับแต่ความสขุ อย่างไพบูลย์โดยทัว่ กนั

เขียนที่ วดั ปา่ ดานวเิ วก
(จบการเขียนพรรณนาเรื่องของชา้ งป่า)

156

หนงั สือ

วา่ นยาคนโบราณ

158

สารบัญ

หนังสอื วา่ นยาคนโบราณ
เรื่องวา่ น............................................................................................ ๑๕๙
การใชว้ ่าน......................................................................................... ๑๖๐
วธิ ีรักษาโรคของคนโบราณด้วยว่านและสมนุ ไพร.................................... ๑๖๐
ข้อหา้ มเรือ่ งวา่ นและสมุนไพร................................................................ ๑๖๑
ค�ำแนะนำ� การใชย้ าสมุนไพร ................................................................ ๑๖๒
เขียนประวตั ไิ มจ้ นั ทน์แดง ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ .............................................. ๑๘๕
ประวัตยิ อ่ ไมจ้ นั ทนแ์ ดงในคร้ังพุทธกาล ................................................ ๑๘๗
ไม้จันทนแ์ ดงในมลิ นิ ทปัญหา .............................................................. ๑๘๙
จนั ทนแ์ ดงแทไ้ มใ่ ช่ไม้ลักจั่น ................................................................ ๑๙๐
ประวตั ิ ตน้ พญาง้ิวด�ำ.......................................................................... ๑๙๑
ต้นตมู กาขาว (ตน้ แสลงใจ) ................................................................ ๑๙๓
ตูมกาแดง หรือ ต้นแสลงใจ ................................................................ ๑๙๔
ต้นล�ำดวน ........................................................................................ ๑๙๕
ช่ือต้นโคลงเคลง (เอน็ อา้ ดอกขาว) ........................................................ ๑๙๖
ต้นองั กาบ ยาสมนุ ไพรเกิดบนผนื แผน่ ดนิ ไทย ......................................... ๑๙๗
ยาเกร็ด เฉพาะทม่ี ผี เู้ คยใชไ้ ดผ้ ลมาแลว้ ................................................. ๑๙๘
พ้ืนทส่ี งวนยาสมุนไพร ........................................................................ ๒๑๗
ขอ้ หา้ มตลอดกาล ............................................................................... ๒๑๘

ต�ำรับยาบางต�ำรับ ....................................................................................... ๒๑๙
ต�ำรายาสมุนไพรรกั ษาโรค โดยพอ่ หมอสมพงษ์ บ้านรงั สิต คลอง ๓ ................... ๒๒๖

159

เร่อื งวา่ น

จะขออธิบายเรือ่ งว่าน ซง่ึ เกดิ ข้ึนในแผ่นดินไทยสมยั ดึกด�ำพรรพ์
ว่านทน่ี ำ� มาปลูกในพุทธสถานทรัพยากร วดั ปา่ ดานวเิ วก

มปี ระมาณ ๑๕๐ กวา่ ชนิด เปน็ วา่ นท่นี ำ� มาจากทุกหนทกุ แห่ง
หรอื เกิดเองตามธรรมชาติในพืน้ ท่ีแหง่ นี้ และทวั่ ภาคอสี าน ๑๙ จังหวัด

ซงึ่ ถ่ายทอดหรือปลูกรกั ษากนั มาเรอ่ื ยๆ จนถึงปัจจบุ นั
ว่านบางประเภทอาจจะมเี คลื่อนคลาดในการจดจ�ำช่ือวา่ นกนั มาตามภาษา

ของคนท้องถิน่ ในแตล่ ะภาค และการใช้ภาษาท่ีต่างกัน
วา่ นบางชนิดอาจต้ังช่อื ใหม่กไ็ ด้ จึงไมแ่ นใ่ จว่าจะถกู ต้องท้ังหมด
ว่านบางชนดิ รกั ษาโรคและแกอ้ สรพษิ อาจจะลดคณุ ภาพลงไม่ดีเหมือนเดิม

ผูเ้ ขียนเขา้ ใจว่าอาจจะเป็นเพราะจ�ำผดิ พลาดก็ได้
จงึ ไดเ้ ขยี นประวัตวิ า่ นไว้พอสงั เขป เท่าทไ่ี ดย้ นิ ได้ฟงั
หรอื บอกเล่าตอ่ ๆ กันมา ให้พวกเราไดร้ ไู้ ดเ้ ขา้ ใจเร่อื งวา่ นชอ่ื ชนดิ ต่างๆ
ท่ไี ดน้ �ำมาลงไว้ที่น้ี บางชนดิ อาจจะมกี ารเคลอ่ื นคลาดและผิดได้

160

การใช้ว่าน

การใช้ว่านช่ือไหนชนิดใด ถ้ารักษาโรคหรือแก้อสรพิษต่างๆ ได้ผลเป็นท่ีพอใจ
ใหย้ ดึ ถอื และจดจำ� วา่ นชนดิ นน้ั ๆ ชอ่ื นนั้ วา่ เปน็ ทแ่ี นใ่ จ และถกู ตอ้ งตามคำ� บอกเลา่ ตอ่ ๆ กนั มา
ผู้เขียนเข้าใจว่าเป็นว่านที่เชื่อถือได้ ซ่ึงเกิดข้ึนในแผ่นดินไทยสมัยดึกด�ำพรรพ์ของเรา
ไมน่ ่าสงสัย

วธิ ีรักษาโรคของคนโบราณดว้ ยว่านและสมุนไพร

สมยั คนโบราณใชว้ า่ นและสมนุ ไพรรกั ษากนั ตามหลกั ธรรมชาติ ในสมยั ทบ่ี า้ นเมอื ง
ยังไม่เจริญ ทุกรายท่ีหมอรักษาจะเป็นโรคชนิดใดๆ ก็ตาม ถ้าไม่หาย เขาจะไม่คิด
ค่ายาหรือค่ารักษาใดๆ คนโบราณคิดกันถึงคุณยา จึงได้ท�ำการบูชาคุณของยาและผู้มี
พระคุณ (หมอยา) นิยมพูดว่ายกครูยกคาย ยกให้ด้วยความนอบน้อมบูชาคุณหมอ
คุณยาจริงๆ หมอโบราณด้ังเดิมไม่ได้ค�ำนึงถึงเร่ืองเงิน รักษากันเพ่ืออยากให้หายจาก
การเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยน้�ำใจเอ็นดูสงสาร ตั้งจิตตั้งใจช่วยเหลือเกื้อกูลกันเมื่อถึงคราว
จำ� เปน็ จรงิ ๆ ดว้ ยน�้ำใจเมตตา

สมัยโบราณไม่ค่อยคิดกันถึงเรื่องได้น้อยได้มากเพ่ือการรับจ้างรางวัลใดๆ
เพราะสมัยคร้ังนั้นมีแต่คนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ค่อยมีความรู้ความฉลาดเหมือนคนในสมัย
ยคุ โลกาภวิ ฒั นโ์ ลกาธปิ ไตยนเ้ี ลย ถา้ คนไหนหมอไดร้ กั ษาจนหายแลว้ ตอ้ งระลกึ ถงึ บญุ คณุ
ของหมอ แต่ไม่ใช่คิดแบบแทนหนี้บุญคุณ เม่ือได้เวลาตามที่หมอบอกไปยกคายกับ
หมอผู้มียารักษาโรคให้หาย การก�ำหนดยกครูยกคายในสมัยน้ันแล้วแต่หมอจะบอก
เชน่ บางหมอบอกวา่ ตอ้ งใสค่ า่ ยกคาย คอื เปน็ การสมนาคณุ นนั่ เอง บางหมอกำ� หนดวนั ขนึ้
๑ ค่ำ� ๖ คำ่� ๑๑ ค่�ำ ตามแต่หมอจะบอก หมอจะเปน็ ผกู้ �ำหนดวันน้นั ๆ ยกครูยกคายของ
ยากบั หมอ เทา่ ทเี่ คยเห็นมีการยกคายดงั น้ี ผ้าขาว ๑ วา สใี ดกไ็ ด้ เทียนขผ้ี ึง้ ดี ๑ คู่
ดอกไม้ขาว ๓ คู่ หรือ ๕ คู่ ๘ คู่ หมอจะบอกเอง แต่ละหมอแต่ละโรคกไ็ ม่เหมือนกัน

161

เงนิ สมยั นน้ั เปน็ เงินแท้ ๑ สตางค์แดง ๓ สตางค์ ๑ เฟอื่ ง ๑ สลงึ หรอื ๖ สลึง ๑ บาท
อนั นี้ขนึ้ อยกู่ บั หมอจะเป็นผู้บอกทัง้ นนั้

สมยั นน้ั ไมม่ กี ารขอตอ่ รองกนั เลย เพราะไมใ่ ชห่ าเงนิ ดว้ ยวธิ กี ารเปน็ หมอ การกำ� หนด
วธิ ยี กครยู กคายตามหลกั ของหมอโบราณในสมยั นนั้ มเี จตนาเพอื่ จะชว่ ยใหย้ านนั้ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ
คนไขจ้ ะไดห้ ายเรว็ นเ้ี ปน็ พธิ กี รรมของหมอโบราณเทา่ ทเ่ี คยเหน็ ดงั ทไี่ ดอ้ ธบิ ายมาพอให้
เข้าใจตามสมควรเท่านนั้

ขอ้ ห้ามเร่อื งวา่ นและสมนุ ไพร

หา้ มบคุ คล คณะบคุ คลใดๆ รวมทง้ั คนไทยและคนตา่ งชาติ ทำ� การวจิ ยั ใดๆ จากวา่ น
และสมุนไพรทุกชนิดในเขตพุทธสถานทรัพยากรวัดป่าดานวิเวก ยกเว้นมูลนิธิพุทธ-
สมนุ ไพรโครงการเฉลมิ พระเกียรตดิ �ำเนนิ การเอง เพ่อื สง่ เสริมภูมปิ ัญญาของแพทยแ์ ผน
ปัจจบุ ันคนชาตไิ ทยไดต้ ามสมควร ทกุ กาลเวลาตลอดไป

ห้ามท�ำการผสมพันธุ์ยาสมุนไพรตามธรรมชาติทุกชนิดโดยวิธีใดๆ และห้ามน�ำ
ปุ๋ยเคมีต่างๆ น�ำมาบ�ำรุงรักษาทุกประเภท ส่วนมากจะปล่อยให้เกิดเองตามธรรมชาติ
คุณภาพจะดที ี่สุด

หา้ มนำ� สมนุ ไพรและวา่ นประเภทตดั ตอ่ กง่ิ หรอื ผสมพนั ธต์ุ ามหลกั วชิ าการสมยั ใหม่
มาปลูกในบริเวณท่ีมีสมุนไพรเกิดอยู่ตามธรรมชาติ ในเขตพุทธสถานทรัพยากรวัดป่า
ดานวเิ วกโดยเดด็ ขาด จะเปน็ เหตใุ หเ้ สยี ธรรมชาตทิ มี่ อี ยเู่ ดมิ ในสมยั ดกึ ดำ� บรรพ์ หรอื อาจ
เส่ือมสภาพยาสมนุ ไพรได้

ยาสมนุ ไพรทีโ่ บราณเคยใชม้ าเปน็ วิธงี ่ายๆ และไดผ้ ลเป็นทนี่ ่าพอใจ และไม่ค่อย
จะเกิดโทษหรือมีพิษตกค้าง ถ้ารู้จักใช้ว่านและยาสมุนไพรตามหลักของหมอโบราณท่ี
เคยใชม้ า ยาแผนโบราณไมค่ อ่ ยเปน็ อนั ตรายใดๆ

162

ค�ำแนะน�ำการใชย้ าสมนุ ไพร

ยาสมุนไพรเป็นยาที่ใช้รักษาโรคในสมัยโบราณ เพราะไม่มีหมอหรือแพทย์
แผนปจั จบุ นั อยา่ งเช่นทกุ วนั นี้

ยาสมุนไพรถา้ เปน็ ชนดิ ตม้ กนิ ควรใชน้ ำ้� บอ่ หรือนำ�้ ฝน ใช้ต้มด้วยเตาที่ใช้ถา่ นและ
ใชห้ มอ้ ดนิ เปน็ ดี

ถ้าเป็นชนิดฝนกิน ควรใช้น้�ำที่ปราศจากสารเคมี เช่นน�้ำฝนหรือน้�ำบ่อจึงจะมี
สรรพคุณดีในการใช้ยาสมุนไพร เพราะน�้ำที่มีสารเคมีอาจจะท�ำลายคุณภาพของยา
รากไมไ้ ด้ ใชร้ าก-แกน่ หรอื เปลอื กฝนใสห่ นิ ฝนยาในสมยั โบราณ หา้ มใชห้ นิ ทม่ี หี นิ ปนู เกาะ
ฝนยา จะทำ� ให้เป็นอันตรายต่อไตได้

ถา้ ไมใ่ ชค่ นชาตไิ ทย หา้ มทอ่ งเทยี่ วในเขตพทุ ธสถานทรพั ยากรวดั แสงอรณุ (วดั ปา่
ดานวเิ วก) ทุกกาลเวลาตลอดไป

163

ยาประคบ
ยาประคบ (ยาตั้ง) แผนโบราณ

ส่วนผสมของตัวยา เปลือกแดง เปลือกหนามแท่ง ว่านชน เป้าใหญ่หรือเป้าน้อยก็ได้
หัวว่านไฟ ต้นและใบหนาด หัวและใบว่านตูบหมูบ (ว่านเปราะ) และ
หวั ขมน้ิ ขึน้

วิธปี รุงยา เปลอื กแดงและหนามแท่ง ใช้มดี ขดู เอาเปลือกให้ไดม้ ากพอสมควร เปา้ นอ้ ย
หรือเปา้ ใหญ่ หรอื ถ้ามีเป้าเงนิ หรือเปา้ ทองกใ็ ชไ้ ดเ้ ช่นกัน ให้เอาส่วนเปลือก
และใบฟกั (สับ) จนละเอียดให้ไดม้ ากพอสมควร

ส่วนหนาด ว่าน และขม้ิน ใช้ได้ทั้งหัวใบและล�ำต้น ฟักจนละเอียดให้
ได้มากพอสมควร แบ่งส่วนยาท้ังหมดน้ีให้เท่ากัน คลุกผสมให้เข้ากัน
แลว้ แบง่ ใส่หอ่ ผ้าด�ำหมอ้ นิล๑ พอทจ่ี ะใชป้ ระคบไดง้ ่าย น�ำไปนึ่งจนรอ้ นแล้ว
นำ� มาประคบตามลำ� ตวั ใหท้ ว่ั ถงึ ประคบไวน้ านพอสมควร รอ้ นกข็ ยบั ไปทใ่ี หม่
ประคบจนยาเย็นแล้วน�ำไปน่ึงใหม่ค่อยเอามาใช้ประคบอีก ท�ำอย่างน้ี
ประมาณ ๑ ช่วั โมง ทกุ ๆ วนั จนกวา่ เหน็ สมควรจะหยุดใช้ยา (ควรจะทำ� เป็น
๒ หอ่ น่งึ ผลัดเปลี่ยนกัน

สรรพคณุ ใชป้ ระคบแกอ้ าการฟก ชำ้� บวม เน่ืองจากอบุ ตั เิ หตุต่างๆ โดยเฉพาะคนเฒ่า
คนแก่เวลาเลอื ดลมเดนิ ไม่สะดวก เจบ็ หลัง ปวดเอว ครั่นเน้อื คร่ันตัวและปวด
ตามข้อ ให้เอายาขนานน้ีมาประคบ

อนง่ึ การใชย้ าประคบนเี้ ปน็ วธิ ที ดี่ ที สี่ ดุ เหมาะกบั อบุ ตั เิ หตตุ า่ งๆ ทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์
ได้ดกี วา่ ยาอืน่ ๆ แพทย์แผนปัจจบุ ันกย็ อมรบั

๑ สมัยโบราณใช้ผ้าด�ำที่ย้อมด้วยน�้ำต้นครามหมักใส่หม้อไว้ สมัยน้ันเรียกกันว่าน้�ำหม้อนิล เมื่อใช้จนเก่า
คร่�ำคร่าแลว้ น�ำมาหอ่ ยาเพื่อประคบ นยิ มกันว่าดีส�ำหรบั ยาประคบ สมัยนีถ้ า้ หาผ้าด�ำยอ้ มนำ้� ครามไม่ได้ จะใช้
ผา้ ดำ� หรือผ้าขาวธรรมดาแทนกไ็ ด้

164

ยาแก้โรคเบาหวาน

ตำ� ราของหลวงปบู่ ัวบาน วัดปา่ สันติธรรม อ.ศรสี งคราม จ.นครพนม

ส่วนผสมของตวั ยา แกน่ อบเชย (ขิงไคตน้ ) เถาแห่ม (เครือแห่ม)
วธิ ีปรุง ใหเ้ อาของ ๒ อย่างเทา่ ๆ กนั ตม้ ใส่น�ำ้ พอประมาณ (ห้ามต้มเคย่ี ว) ใหต้ วั ยา

ออกพอสมควรแลว้ กนิ ไปเรอ่ื ยๆ ตามตอ้ งการจนกวา่ จะหาย เทา่ ทไ่ี ดร้ กั ษามา
หายทกุ ราย

ยาแก้ลูกหมากอักเสบโต

สว่ นผสมของตวั ยา งวงตาล (โคย็ ตาล) ติวไมไ้ ผ่รวก (เปลอื กไม้รวก)
วธิ ีปรุงยาและการใชย้ า ให้เอาของท้ัง ๒ อย่างเท่าๆ กัน ส่วนไม้รวกให้ผ่าเอาแต่

เปลือกนอก ต้มด้วยเตาไฟท่ีใช้ถ่านและใช้หม้อดินต้มเป็น
ดีทีส่ ดุ แลว้ กินไปเร่ือยๆ จนกวา่ จะหาย

ยาแกโ้ รคมะเร็งทุกชนิด

ส่วนผสมของตวั ยา รากหนอนตายอยาก (หัวสามสิบกลีบ)
ข้าวเยน็ เหนือ (เครอื ยาหวั ใหญ)่
ขา้ วเยน็ ใต้ (ยาหวั คอ้ นกระแต, ยาหัวข้อ, ยาหัวตน้ )

วธิ ปี รงุ ยาและการใชย้ า เอาของทงั้ ๓ อยา่ งเทา่ ๆ กนั ตม้ ดม่ื แทนนำ�้ เปน็ ประจำ� จนกวา่
จะหาย (หา้ มต้มเคีย่ วข้นจนเกินไป)

165

ยาแก้คัน - แกแ้ พ้ - ตมุ่ เป็นพิษ

๑. วา่ งจงอางศึก ๒. ยาสบู ยาเมา ๓. ปนู ขาวหรือปนู แดง
วิธีท�ำ ๑. น�ำเอาว่านจงอางศึกมาฝานเป็นชิ้นๆ ให้ได้มากๆ บดให้ละเอียด ใส่น้�ำ

ประมาณ ๑ ขนั หรอื ๑ ขวดแก้วโหล
๒. นำ� เอาปนู ขาวผสมกบั ยาเมาอยา่ งละเทา่ ๆ กนั ใหไ้ ดเ้ ทา่ ฟองไขโ่ ดยประมาณ

(เทา่ ไข่ไก่)
๓. นำ� ยาทงั้ สามอย่างมาค้นั ใสน่ ้ำ� ใหอ้ อกมสี พี อสมควร หรือเทา่ ท่เี ห็นควรแล้ว

ปล่อยทงิ้ ไวป้ ระมาณคร่งึ วนั หรอื ๑ วันกไ็ ด้ แลว้ รินเอาน้�ำยาท่ีใสๆ เกบ็ ไวใ้ ช้
สรรพคุณ ทาแก้เกล้ือน กลาก เรอ้ื นถ่าน ตุม่ คนั พษิ จากพิษตา่ งๆ
วธิ ีใช้ ทาวันละ ๑ ครง้ั เทา่ นั้นพอ

ยาแกไ้ ขม้ าลาเลยี ชนดิ พิเศษ

๑. รากแก ๒. รากตมู คาน ๓. รากเหีย้ นกวาง บางแหง่ เรยี กแหง้ กวาง
วิธีท�ำ ใหเ้ อารากยาทงั้ ๓ ชนดิ กำ� หนดใหเ้ ทา่ ๆ กนั แลว้ นำ� มาตม้ ใสน่ ำ�้ ฝน หรอื

น้ำ� สะอาดทปี่ ราศจากสารเคมี ตม้ เตาใชถ้ า่ นใส่หมอ้ ดินต้มย่ิงดี ให้มีออก
มสี พี อสมควร หรอื ทเี่ หน็ ควร ไมถ่ งึ กบั เคยี่ ว กนิ มากนอ้ ยเทา่ ทรี่ า่ งกายจะ
รับได้ จนกวา่ จะหาย
สรรพคุณ แก้โรคมาลาเรีย เชอ้ื เอฟ เชื้อวี ไข้จับสน่ั วนั เวน้ วนั เฉพาะเชอ้ื วีใช้มาแล้ว
ทุกราย ได้ผลหายทุกราย

166

ยาแก้นว่ิ ทุกชนดิ

๑. กอ่ มกอ้ ยลอดขอน ๒. หนวดแมว (พยบั เมฆ) ๓. ขน้ึ ฉ่าย
วธิ ีท�ำ นำ� ยาทงั้ สามอยา่ ง เอาทงั้ ใบ ตน้ และราก อยา่ งละเทา่ ๆ กนั นำ� มาตม้ ใส่

นำ้� สะอาดปราศจากสารเคมี ตม้ พอใหน้ ำ�้ มสี ไี มถ่ งึ กบั เคย่ี ว แลว้ กนิ จนกวา่
จะหาย ยานี้เคยใชม้ าแลว้ ได้ผลดีทกุ ราย

วา่ นแก้

สรรพคุณ แกพ้ ษิ เบอื่ เมาตา่ งๆ เชน่ เบอ่ื เหด็ เบอ่ื อาหารทเ่ี ปน็ พษิ พษิ จากวา่ นเบอ่ื เมา
วิธีใช้ อนื่ ๆ และแก้พิษแมลงสัตวก์ ดั ตอ่ ยไดด้ ีอีกดว้ ย
วธิ ปี ลกู เอาหัวว่านมาล้างให้สะอาด หนั่ หรอื ฝานบางๆ เคี้ยวกนิ ๒-๓ ชน้ิ หรือ
จะฝนผสมกับน้�ำกนิ ก็ได้
ปลกู วนั องั คาร เวลาเชา้ ถงึ เทย่ี ง ในพน้ื ทโ่ี ลง่ แจง้ ไมม่ ตี น้ ไมใ้ หญป่ กคลมุ
ปยุ๋ เคมีทกุ ชนิดห้ามเอาใสบ่ �ำรุงในแปลงปลูกวา่ น

วา่ นพระตะบะ

สรรพคุณ เปน็ วา่ นถอนพิษที่มีคณุ สมบตั ิเป็นพิเศษ ใชถ้ อนพษิ รา้ ยแรง เช่น ยาสง่ั -
ไซยาไนด์ มนต์ด�ำ เสนห่ ย์ าแฝด พิษเขี้ยวทวั่ ไป ถอนพิษงู ใช้ถอนพิษใน
วิธใี ช ้ อาหารทเ่ี ปน็ พิษไดด้ ีอีกดว้ ย
วิธีปลูก น�ำหวั วา่ นมาลา้ งให้สะอาด ฝนผสมน้ำ� ประมาณ ๑ แกว้ ให้ออกน้�ำขนุ่ ๆ
ขน้ ๆ แล้วกนิ หรือจะหัน่ บางๆ เคีย้ วกินเลยก็ได้ ว่านนใี้ ชไ้ ดผ้ ลดนี กั
ปลกู วันองั คาร เวลาทเี่ หมาะในการปลูก เช้าถึงเทีย่ ง โดยไม่มไี มใ้ หญ่
ปกคลุม ป๋ยุ เคมที ุกชนิดหา้ มเอาใสแ่ ปลงบ�ำรุงวา่ น

167

สรรพคณุ ว่านหมาวอ้ (สนุ ขั บ้า) ๑
วธิ ใี ช้
ใช้แกพ้ ิษสนุ ขั บ้า
วธิ ีปลกู นำ� หวั วา่ นมาลา้ งใหส้ ะอาด เคย้ี วกนิ สดๆ เปน็ อนั ดบั แรกเพอื่ ถอนพษิ จากนน้ั
ค่อยน�ำหัวว่านไปต้มให้น้�ำพอออกสีเหลืองๆ กินเพื่อขับพิษในร่างกาย
สรรพคณุ กนิ ไปจนเปน็ ทแ่ี นใ่ จวา่ จะหาย สำ� หรบั ผปู้ ว่ ยทเี่ ปน็ หนกั จนชว่ ยเหลอื ตวั เอง
วธิ ใี ช้ ไม่ได้ ใชห้ วั ว่านฝนกับนำ้� ข้นๆ น�ำ้ สะอาด ให้ดื่มแทนเคย้ี วสด
วิธีปลูก ปลกู วนั องั คาร เวลาท่ีเหมาะในการปลูก เชา้ ถึงเท่ยี ง ในพืน้ ทโ่ี ลง่ แจ้ง
โดยไม่มีไม้ใหญ่ปกคลุม ปุ๋ยเคมีทุกชนิดห้ามเอาใส่แปลงบำ� รงุ ว่าน
สรรพคุณ
วิธใี ช ้ จา่ ว่าน เนอ้ื ในขาว
วิธีปลูก
แก้พิษเบอ่ื เมา อาหารเป็นพิษ ทอ้ งอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง เจบ็ ทอ้ ง
เอาหัววา่ นมาลา้ งใหส้ ะอาด ห่นั เป็นชนิ้ ๆ ๒-๓ ช้ินเค้ียวกิน หรือจะต้มใส่
นำ้� กนิ ก็ได้ แล้วแต่จะสะดวกของผใู้ ช้ กินแลว้ ได้ผลดีนักแล
ปลกู วนั องั คาร ในชว่ งเชา้ ไปถงึ เทยี่ ง เปน็ เวลาเหมาะในการปลกู ปลกู ใน
พน้ื ทโ่ี ลง่ แจง้ โดยไมม่ ไี มใ้ หญป่ กคลมุ ปยุ๋ เคมที กุ ชนดิ หา้ มเอาใสแ่ ปลงปลกู
บำ� รุงว่าน

ว่านแกโ้ รคตบั

ใชร้ กั ษาโรคตับ
ใชใ้ บวา่ นสดประมาณ ๓ ใบ ลา้ งให้สะอาดนำ� ไปตม้ ใชด้ ่ืมแกโ้ รคตบั
หรือจะใชใ้ บทต่ี ากแห้งแล้วก็ไดเ้ หมอื นกนั
ปลกู วันพฤหสั บดี ห้ามใส่ปุ๋ยเคมี


Click to View FlipBook Version