70
และตอ่ ไป ตอนนที้ ว่ั โลกสว่ นใหญ่ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย เปิดการทอ่ งเที่ยว
ท่ัวโลกดินแดน หรือจะเรียกว่ายุคม่ัว ตายใจกันได้ยาก น่าจะพอดี และข้อส�ำคัญ
ยคุ นคี้ นอธรรมมมี ากมาย จงึ เปน็ สาเหตใุ หเ้ ศรษฐกจิ ตกตำ�่ หรอื จะเปน็ กรรมของสตั วโลก
แต่ละยุคแตล่ ะสมัย กส็ ดุ แตจ่ ะพิจารณา
เมอ่ื ปีพุทธศกั ราช ๒๕๔๑ เมืองไทยถูกภยั ทางด้านเศรษฐกจิ ยำ�่ ยีอย่างหนกั คา่ เงนิ
บาทตกตำ่� เป็นหนี้ต่างประเทศอยา่ งมากมายมหาศาล คนไทยจติ ใจถดถอย คนตกงาน
มากมาย ความทกุ ขเ์ ขา้ ครอบงำ� จติ ใจใหเ้ ดอื ดรอ้ นทกุ หยอ่ มหญา้ หรอื จะเรยี กวา่ สงคราม
เศรษฐกิจก็ไม่น่าจะผิด โบราณท่านว่าสงครามเลือดเย็น ท�ำแบบสงบเงียบโดยไม่รู้ตัว
ถ้าฆ่าก็ฆ่าอย่างเลือดเย็น ค่อยกลืนเข้าไปกลืนเข้าไป พอรู้สึกตัวแล้วล้มตูมลงทีเดียว
เมอื งไทยเจอเขา้ อย่างเตม็ ทีใ่ นยคุ ประชาธิปไตยนี้
ทา่ นหลวงตามหาบวั ญาณสมั ปนั โน จงึ ไดอ้ อกมาประกาศตวั เปน็ ผนู้ ำ� อยา่ งสำ� คญั
วิสุทธิบุคคลท่านไม่อยากเห็นเมืองไทยซึ่งเป็นเมืองพุทธล่มจมต่อหน้าต่อตา น่าอับอาย
ขายหน้าขายตาชาวโลกเขา เหมือนไฟเผาสัตวโลกโลการ้อนระอุ หาความร่มเย็นไม่มี
ทา่ นจงึ ไดอ้ อกมาประคบั ประคองคำ้� จนุ หนนุ แผน่ ดนิ ไทย ใหค้ วามอบอนุ่ รม่ เยน็ แกค่ นไทย
ทง้ั ชาติ โดยเอาชวี ติ เขา้ ประกนั ทา่ นพรอ้ มจะถวายชวี ติ ถา้ เมอื งไทยไมก่ ลบั คนื สสู่ ภาพปกติ
ไม่เสียดายสังขารร่างกายในเรอ่ื งใดๆ ไมก่ ลัว ไมก่ ล้า ค�ำว่าแพช้ นะกับใครๆ ไมม่ ี และ
ไม่มุง่ หวงั วัตถปุ ัจจัยเคร่ืองตอบแทนใดๆ ในแดนแหง่ ไตรภพ
ขวานทอง – ขวัญธรรมของไทย เดชะดวงชะตายังพอมีบุญบารมี เพราะ
มีทรัพยากรบุคคลส�ำคัญ ผู้มีบุญญาธิการมากอุบัติข้ึนในแผ่นดินธรรมของไทย สมณ
นักปราชญ์หนึ่ง พระราชาตั้งอยู่ในคลองธรรมหน่ึง (พระมหากษัตริย์ผู้ตั้งอยู่ในทศพิธ
ราชธรรม) เมืองไหนประเทศใดๆ กด็ ี ถ้ามที รพั ยากรบุคคลสำ� คญั สองประเภทน้เี กิดขึน้
จะท�ำให้แผ่นดินของประเทศน้ันๆ ได้รับความสงบร่มเย็นเป็นสุข และอุดมสมบูรณ์ด้วย
ทรัพยากรธรรมชาติ ไมเ่ ลอื กกาล เลอื กสมัย เหมอื นเทพบันดาล ส�ำหรับพวกเราๆ ท่านๆ
71
ซง่ึ อยูใ่ ต้อำ� นาจของกิเลสบงการยังไงกไ็ มพ่ ้นความหลงงมงายเขา้ ครอบง�ำจติ ใจ เพราะ
อำ� นาจของกเิ ลสพาใหม้ ดื มดิ ปดิ ปงั การแกป้ ญั หาทางโลกจงึ ไมร่ าบรนื่ ดงี ามมโี ทษมลทนิ
ตลอดไป โลกจงึ ไมไ่ ดร้ บั ความเจรญิ รงุ่ เรือง ความสงบสขุ สมความปรารถนา ไมเ่ หมอื น
วิสุทธิบุคคลหรือพระอริยเจ้า อุบัติข้ึนอย่างมหัศจรรย์ในศาสนาพุทธเท่านั้น น้ีเด่นมาก
ไมม่ ีอะไรเสมอเหมือนในแดนแหง่ ไตรภพ แต่ละยุคแต่ละสมัยเกดิ มไี ด้ยาก เพราะบำ� เพญ็
ไดย้ ากและยากที่ใครๆ อยากจะบ�ำเพ็ญ
พอ่ แมค่ รบู าจารยท์ า่ นหลวงตามหาบวั ญาณสมั ปนั โน ผมู้ เี มตตาธรรมเปน็ ลกู ศษิ ย์
ของทา่ นหลวงป่มู ่ัน ภูรทิ ตั ตเถระ ซ่ึงเปน็ บรู พาจารยช์ ้ันเอกวงศพ์ ระกรรมฐาน (พระปา่ )
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ ๘ และ ๙) ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ไดอ้ อกมาเปน็ ผนู้ ำ� เอาธงชยั คอื ธรรมดวงเลศิ นำ� หนา้ ดว้ ยความเฉยี บขาด องอาจกลา้ หาญ
ชาญฉลาด ไมห่ วน่ั กบั ใครๆ ในแดนแหง่ สมมตุ ิ ทา่ นรฉู้ ลาดทนั เหตกุ ารณใ์ นกลยี คุ ทกุ อยา่ ง
ในการชว่ ยชาติ
สำ� หรบั วงศพ์ ระปา่ ไมเ่ คยมมี ากอ่ น พอทา่ นไดท้ ราบขา่ วหลวงตามหาบวั ออกมาเปน็
ผูน้ �ำช่วยชาติ ไมว่ า่ ทา่ นอย่ทู ่ีไหนแดนใด จะอยใู่ นป่าในเขา ไมว่ า่ ธรรมยุตกิ นกิ าย หรือ
มหานกิ าย ปกตทิ า่ นชอบความเงยี บสงบเป็นนิสัย กไ็ ด้ออกมารว่ มกนั ชว่ ยชาติด้วยความ
สนใจจดจ่อ หว่ งใยในชาติศาสนาอย่างฝังลกึ นบั แตบ่ รรพบรุ ุษมา และตัง้ ใจเสียสละด้วย
ความเมตตา แมแ้ ต่ฝร่งั ชาวตา่ งประเทศท่ตี ัง้ ใจเข้ามาศึกษาอบรมกบั วงศ์พระกรรมฐาน
ท่านยังได้น�ำจตุปัจจัยไทยทานที่ท่านได้มาจากคณะศรัทธาญาติโยมถวายมากน้อย
ทา่ นกน็ ำ� ออกมาชว่ ยชาตไิ ทยดว้ ยนำ้� ใจทม่ี เี มตตาธรรม เพอื่ ชว่ ยเหลอื ชาตใิ นคราวจำ� เปน็
มเี ทา่ ไหรเ่ สยี สละใหห้ มด วงศพ์ ระปฏบิ ตั พิ ระประเภทนไ้ี มส่ ะสมเงนิ ทอง พระวนิ ยั หา้ มภกิ ษุ
สามเณรจบั และถอื เงินทอง ท่านเคารพพระวินยั ถอื ปฏิบตั อิ ยา่ งเคร่งครดั
พระผู้มีคุณธรรมภายในใจไม่เลือกชาติใดภาษาใด ย่อมเป็นนักเสียสละ น้�ำใจ
เต็มเปย่ี มดว้ ยเมตตาลว้ นๆ เพอื่ ชว่ ยโลกช่วยสงสารอย่างเต็มหัวใจ อยากใหผ้ า่ นพน้ ไป
72
ด้วยความสงบสขุ น่แี ลเร่ืองทางโลกกบั ทางธรรม ได้พึ่งพาอาศัยซ่ึงกนั และกัน บ้านกับวัด
ย่อมไดพ้ ง่ึ พาอาศัยกันนบั แตก่ าลไหนๆ มา และต่อๆ ไปแยกกนั ไม่ออก
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปนั โน ทา่ นได้นำ� ธรรมซงึ่ เป็นวสิ ทุ ธิธรรมออกมาคำ�้ จนุ
หนนุ แผน่ ดนิ ไทย เพอ่ื รกั ษาไวซ้ ง่ึ เอกราชและศกั ดศิ์ รอี นั ดงี ามของชาตไิ ทยหรอื ศาสนาพทุ ธ
ทบี่ รรพบรุ ษุ เคยปกปอ้ งคมุ้ ครองมานานนบั เปน็ พนั ๆ ปี ธรรมคำ�้ แผน่ ดนิ ในยคุ โลกาภวิ ตั น์
โลกาธิปไตย ผา่ นพ้นไปได้หายห่วงดว้ ยความเรียบรอ้ ยดีงามสงบร่มเยน็ ในแหลมทอง
ของไทยอย่างน่าอัศจรรย์ลือลั่นไปท่ัวโลกดินแดน ถ้าไม่ใช่วิสุทธิบุคคลผู้มีความรู้
ชาญฉลาดเหนือโลกด้วยความบริสุทธิ์สมบูรณ์มาเป็นผู้น�ำแล้ว อย่างไรก็ต้องล้มละลาย
หรอื ล่มจมต่อหนา้ ต่อตาไมน่ า่ สงสัย
ทา่ นเรมิ่ เปดิ โครงการชว่ ยชาตวิ นั ที่ ๑๒ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๑ ปดิ โครงการ
วนั ที่ ๑๒ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๗ ไดพ้ ยายามนำ� ทรพั ยส์ มบตั เิ ขา้ คลงั หลวง (ธนาคาร
แห่งประเทศไทย) เปน็ เวลา ๖ ปี ทา่ นได้กำ� หนดขดี เส้นตายไวว้ ่า ทองคำ� ตอ้ งได้ ๑๐ ตนั
เปน็ อยา่ งนอ้ ย นก่ี ไ็ ดท้ องคำ� ทนี่ ำ� เขา้ คลงั หลวงเรยี บรอ้ ย จำ� นวน ๑๐ ตนั กบั ๓๑๒ กโิ ลครงึ่
และเงนิ ดอลลารส์ หรฐั ฯ กำ� หนด ๑๐ ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ฯ ขาดไมไ่ ด้ แตถ่ งึ เวลาปดิ โครงการ
แลว้ ได้ ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ เหรยี ญสหรฐั ฯ กเ็ รยี กไดว้ า่ เกนิ ความคาดหมาย นบั วา่ เปน็ ทพ่ี อใจ
ภมู ใิ จทไ่ี มข่ าด ดงั ทไี่ ดก้ ำ� หนดไวต้ ายตวั แลว้ กเ็ พมิ่ ขนึ้ ๆ ประเทศไทยกลบั คนื สสู่ ภาพปกติ
จึงไดก้ �ำหนดปิดโครงการชว่ ยชาติ สมความตง้ั ใจ
73
พระป่าไมใ่ ช่พระเถือ่ น
คำ� วา่ พระปา่ ใชว่ า่ พระเถื่อน แบบไม่ได้รบั การศกึ ษาอบรมตามหลกั พระธรรม
วินัย ไม่มีอุปัชฌาย์อาจารย์ พระป่าในที่นี้ หมายถึงพระท่ีท่านชอบอยู่ตามป่าเขา
ลำ� เนาไพร ใช้ชวี ติ เรยี นร้ศู ึกษาอบรมในปา่ เขา ถ�ำ้ ป่าไม้ ชายป่า อนั เป็นสถานท่ีสงบ
รม่ เยน็ ตามแบบฉบบั ของพระพทุ ธเจา้ ทงั้ หลายไดท้ รงดำ� เนนิ มา ทรงไดร้ บั ผลรแู้ จง้ เหน็ จรงิ
จนเปน็ ทพ่ี อพระทัย ดงั ทป่ี รากฏชื่อลือนามของพระองคว์ ่า สตั ถา เทวมนสุ สานัง ทรงเป็น
ศาสดาเอกของโลกท้ังสาม พระองค์ทรงเป็นบรมครูส่ังสอนเทวดาและมนุษย์ท้ังหลาย
ตลอดถึงอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ครุฑ นาค ไม่มีประมาณ เพราะพระองค์ทรงเป็น
จอมปราชญ์ มีพระปรีชาญาณเฉลียวชาญฉลาดครอบโลกธาตุ เม่ือพระองค์ได้ตรัสรู้
ตามลำ� พงั พระองคโ์ ดยชอบแลว้ ทรงนำ� ความรคู้ วามฉลาดทที่ รงรแู้ จง้ เหน็ จรงิ มาประกาศ
พระศาสนา
พระป่ารุ่นเหลนก�ำลงั ท�ำไม้กวาด เพ่ือนำ� มาใช้ทำ� ความสะอาดลานวัดด้วยความไมป่ ระมาท
74
ทรงแนะนำ� ส่งั สอนพระสาวกวา่ สถานทีส่ ำ� คัญทเ่ี ราตถาคตได้ตรัสรนู้ น้ั คือรุกขมูล
ร่มไม้ ป่าไม้ ชายเขา อันเป็นสถานที่สงบร่มเย็นใจ พระองค์ทรงช้ีบอกพระสาวกว่า
นน้ั ปา่ ไมท้ บึ นน้ั เงื้อมผา นนั้ ถ้ำ� น้ันภเู ขา นน้ั ปา่ ชา้ เปน็ สถานทที่ ไ่ี มม่ ีใครๆ เขาหวงแหน
ไมผ่ ิดกฎหมายบ้านเมือง เป็นสถานทป่ี ราศจากฝูงชนเข้าไปเกยี่ วขอ้ งว่นุ วาย เป็นสถานท่ี
ไมท่ ำ� ความเดอื ดรอ้ นกระทบกระเทอื นนำ�้ ใจของใครๆ เปน็ ปา่ ตามธรรมชาติ ทา่ นทงั้ หลาย
จงไปสอู้ ดสู้ทน ตามทีเ่ ราตถาคตช้บี อกนัน้ แล้วทา่ นทง้ั หลายจะไดร้ ับความรู้ความฉลาด
เป็นมหศั จรรย์ใจ
เพราะเราตถาคตไดต้ รสั รธู้ รรมของจรงิ อยา่ งประเสรฐิ ในสถานทเ่ี ชน่ นนั้ ธรรมชาติ
แห่งธรรมท่ีอัศจรรย์ เราตถาคตได้ค้นพบในสถานท่ีเช่นนั้น ธรรมชาตินั้นชอบเกิดขึ้น
ตามปา่ ในถำ้� เง้อื มผา เมอื่ ท่านท้งั หลายไดก้ า้ วเขา้ ไปทำ� ความเพียรพยายามทางดา้ น
จิตใจ ตามสถานที่ท่ีเราตถาคตชี้บอกน้ันอย่างไม่ท้อถอย ท่านทั้งหลายจะไม่ผิดหวัง
ในการดำ� เนิน ใจของพวกทา่ นก็จะปลดเปล้อื งออกจากภาระอันหนัก กา้ วล่วงทกุ ขไ์ ปได้
ถึงแดนแห่งความเกษมส�ำราญอยา่ งแนน่ อน
พระทส่ี มบรู ณแ์ บบตามหลกั พระธรรมวนิ ยั ใจของทา่ นกก็ า้ วลว่ งจากกองทกุ ขไ์ ปได้
โดยสิ้นเชิง ค�ำว่า พระป่า คงไม่ขัดข้องต่อสังคมนิยมใดๆ ท่านบวชมาแล้วมีนิสัยชอบ
ปา่ เขาลำ� เนาไพร รกั ธรรมชาติ พยายามใชช้ วี ติ แบบสะดวก เรยี บงา่ ย พอเหมาะกบั สถานท่ี
เป็นป่าตามธรรมชาติน้ัน นักปราชญ์ทั้งหลายที่ได้มรรคได้ผล ทรงมรรคทรงผลเป็น
พระโสดาฯ พระสกทิ าคาฯ พระอนาคาฯ พระอรหนั ต์ รธู้ รรมชาตคิ วามจรงิ กา้ วออกจาก
กองทกุ ข์ไปได้ ล้วนแต่ร้ธู รรมเห็นธรรมตามสถานท่เี ปน็ ปา่ เขาล�ำเนาไพรท้งั นนั้
คำ� วา่ พระปา่ กเ็ พยี งแตใ่ หชอื่ ใหน้ ามตามสมมตุ นิ ยิ มของทางโลก ไมใ่ ชเ่ รอื่ งแปลก
ประหลาดเลศิ เลออะไร เพยี งสมมุติให้ช่อื เทา่ นนั้ เพอื่ ใหก้ ลมกลนื เหมาะสมกับธรรมชาติ
คอื ปา่ เขา ถำ้� เง้ือมผา ดงหนาปา่ ไม้ทึบ ดงั ทไ่ี ดเ้ รยี บเรียงเร่อื งพระป่า ทา่ นอาศยั ปา่
เพื่อบ�ำเพ็ญศีลบ�ำเพ็ญธรรม มีธรรมเท่าน้ันที่พาให้เลิศให้ประเสริฐ และอัศจรรย์เหนือ
สมมตุ ิใดๆ ในโลก นบั แต่กาลไหนๆ มาและตอ่ ไป
75
หลกั ควรพิจารณา
ยคุ ใดสมยั ใดๆ ถา้ สตั วโลกทงั้ มวลมพี วกอมนษุ ยอ์ ลชั ชเี กดิ ขน้ึ ในโลกมมี าก ไมเ่ กรง
กลวั ตอ่ บาป หนา้ ด้าน นักปราชญ์โบราณทา่ นเรยี กวา่ “คนอธรรม” ความคดิ สนั้ ๆ เหน็
แกต่ ัว ไมร่ จู้ ักดี ไม่รจู้ กั ชว่ั ไมร่ ู้คุณ ไม่ร้โู ทษ ไม่รจู้ ักบำ� เพญ็ ประโยชนต์ นและประโยชน์
ท่าน ขดั แย้งต่อหลกั พระธรรมวนิ ัยของพระตถาคตเจา้ ทีต่ รสั ไว้ชอบแล้วทุกอย่าง จะเปน็
บัณฑิต มหาบัณฑิตจบในประเทศนอกประเทศก็ดี ถ้าไม่ซ่ือสัตย์สุจริตแล้วนักปราชญ์
ทา่ นเรยี กวา่ คนอธรรมทง้ั นนั้ ชวี ติ ทเ่ี กดิ มาปราศจากประโยชนข์ องตนและประโยชนท์ า่ น
โดยแท้
กาลเวลาน้ันๆ สัตวโลกจะหาความสงบสุขอบอุ่นร่มเย็นใจได้ยาก เหมือนไฟ
เผาโลกโลการ้อนระอุไม่มีกาลเวลาหาความร่มเย็นได้ยาก กาลใด ยุคใด สมัยใด
มี มนุสฺโส มนุสฺสเทโว มนุสฺสพฺรหฺมา อุบัติข้ึนในโลกมีมาก และต้ังอยู่ในคลองศีล
คลองธรรม มคี วามซ่อื สัตย์สจุ ริต ทำ� แต่ส่งิ ท่ีดีงามไมม่ ีโทษ ยคุ นน้ั กาลเวลาน้ันมนุษย์จะ
ไดร้ บั ความสงบสุขอบอนุ่ ร่มเยน็ ใจ ปราศจากโรคภัยไข้เจบ็ ไมค่ ่อยจะเบยี ดเบียน ปัญหา
ชีวิตมีน้อยมากบ้านเมืองจะมีความอุดมสมบูรณ์เจริญรุ่งเรือง เพราะอ�ำนาจที่ต้ังอยู่ใน
หลักของศีลธรรมคือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานม่ันคงภายในใจของมนุษย์ นี่แล
สายทางพากา้ วเดินเพ่อื ความสงบสุข
สรปุ โดยยอ่ เมอื งไทยเกดิ ภยั วบิ ตั ทิ างเศรษฐกจิ อยา่ งหนกั เมอื่ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐
ในครั้งน้ันได้อาศัยอ�ำนาจบุญบารมีของสมณนักปราชญ์ วิสุทธิบุคคล และพระมหา
กษตั รยิ ผ์ ตู้ ัง้ อยใู่ นคลองธรรม (ยังทรงพระชนม์) มีอยู่ในแผน่ ดนิ ทองของไทย จงึ ไดช้ ว่ ย
คุ้มครองป้องกันค้�ำจุนหนุนชาติไทยเปน็ อัศจรรยผ์ า่ นพน้ ไปไดด้ ้วยความสงบสุข คนไทย
ท้งั ชาติรสู้ ึกปล้มื ปีติเปน็ อยา่ งมาก และไม่ควรประมาท ให้ช่วยกนั คมุ้ ครองชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ของตน ซ่ึงมีพระคุณอย่างไม่มีประมาณในการให้ความสงบร่มเย็น
เป็นสขุ กายสขุ ใจแกส่ ัตวโลกทั้งมวล นบั แต่กาลไหนๆ มาและตลอดไป
76
ในอวสานทีไ่ ด้เขียนเรอ่ื งพระป่า
ขอก�ำลังพระบารมีธรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ซ่ึงเป็นมหาก�ำลังพุทธานุภาพ
และก�ำลังพระปัจเจกพุทธเจ้าท้ังหลายมีฤทธานุภาพ พร้อมท้ังเดชพระอรหันต์ท้ังหลาย
เป็นเดชานุภาพ จงมาช่วยคุ้มครองป้องกันรักษาชาติไทยเรา ซึ่งตั้งอยู่ในขอบเขตของ
ศลี และธรรม ใหป้ ราศจากสรรพภยั พบิ ตั ิท้ังหลาย ขอให้มแี ตค่ วามสขุ กายสุขใจ เจริญ
รุ่งเรืองสงบร่มเย็นเปน็ สุข ตลอดกาลนานเทอญ
77
ข้อห้ามตลอดกาล
๑. อย่าคิดปรุงเรื่องการงานซ่ึงไม่ใช่สาระ ให้กระทบกระเทือนทางด้านจิตตภาวนา
ระหว่างหมู่คณะผู้ต้ังใจปฏิบัติที่อยู่ร่วมกันตลอดไป ห้ามตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น.
ถึง ๑๕.๐๐ น.
๒. ถ้ามคี วามจ�ำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งท�ำกิจการงานใดๆ อันสมควรแกเ่ พศสมณะ เช่น ซ่อมแซม
เสนาสนะ ก็ให้ปรึกษาและปฏิบัติตามท่ีคณะสงฆ์เห็นสมควรตามกาลและโอกาส
ตลอดไป
๓. ห้ามทำ� ทางจงกรม สรา้ งกระต๊อบ หา้ ง รา้ น หรือส่งิ ปลูกสรา้ งใดๆ มากเกนิ พอดี
จะไม่เหมาะสมแก่เพศสมณะตลอดไป เพราะสถานที่วัดแห่งนี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ
ถ้าไมไ่ ด้รับอนุญาต ผิดทางกฎหมายบ้านเมือง อาจมโี ทษมลทนิ แกเ่ พศสมณะผู้รกั
ความสงบ ควรพจิ ารณาใหง้ ดเวน้ ตลอดไป
๔. งานสว่ นตวั และงานเล็กๆ น้อยๆ เชน่ ทำ� ไมส้ ีฟันและเครอ่ื งใช้ตา่ งๆ อันเป็นสาเหตุ
ให้รบกวน มีเสียงดัง ท�ำให้หมู่คณะผู้ต้ังใจประพฤติปฏิบัติทางด้านจิตตภาวนา
ไมส่ ะดวก ใหง้ ดเวน้ ตลอดไป
๕. ห้ามภกิ ษุ สามเณร บคุ คลหรือคณะบุคคลใดๆ ท่ีไมไ่ ด้รบั อนุญาตเข้าไปพดู คยุ กัน
ตามกุฏทิ กุ กาลเวลา
๖. ไม่อนุญาตให้ภิกษุ สามเณร บุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ ท่ีต้ังใจเข้ามาศึกษา
ในพทุ ธสถานแหง่ น้ี นำ� เครอ่ื งมอื สอื่ สารทกุ ชนดิ และเครอื่ งเลน่ ทใ่ี ชพ้ ลงั งาน และ/หรอื
ไมใ่ ชพ้ ลงั งานไฟฟา้ ทุกชนิด เช่น วิทยุ วดิ ีโอ โทรทัศน์ คอมพวิ เตอร์ เข้ามาบริการ
ในสถานทนี่ ี้ ทุกกาลเวลาตลอดไป เพราะไม่ใชส่ ถานทท่ี �ำงานของนักธรุ กิจ ยกเวน้
เฉพาะ เจ้าหน้าทที่ างราชการ ผรู้ บั ผิดชอบทางบ้านเมอื งของชาตไิ ทย และใหท้ �ำได้
เทา่ ที่จำ� เป็นเท่านนั้
78
๗. ห้ามนำ� หนงั สือ และ/หรอื สงิ่ พิมพห์ รือสอื่ ทุกชนิดทมี่ ีเรือ่ งทางโลกโลกีย์ อบายมุข
เรอื่ งไร้สาระขัดตอ่ ศีลธรรมอนั ดีงาม เข้ามาในสถานท่นี ที้ ุกกาลเวลาตลอดไป
ข้อควรค�ำนึง
ครงั้ สมยั ลกู ศษิ ยห์ ลวงปมู่ นั่ พาดำ� เนนิ ผเู้ ขยี นพอไดเ้ หน็ มา การกอ่ การสรา้ งทางดา้ น
วัตถุไมม่ ี ท่านทำ� พอได้อยอู่ าศยั เท่าน้ัน ปัจจัยเครื่องอาศยั ก็ขาดๆ เขินๆ เขยี มๆ มีพอได้
อาศัย เช่น น้�ำออ้ ย น้ำ� ตาล ของเค้ียวของฉนั ตา่ งๆ นานถึงจะมมี าทหี นง่ึ สถานที่ทา่ น
พักอยู่อาศัย เพื่อบ�ำเพ็ญสมณธรรมเงียบสงัดทั้งกลางวันกลางคืนเหมือนไม่มีพระเณร
เพราะทางโลกยังไม่เจริญ ในสมัยนั้นจึงมีแต่ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติตรง ปฏิบัติตามหลัก
พระธรรมวนิ ัยเท่าน้ัน ทา่ นจงึ ไดป้ รากฏชื่อลือนามตราบเท่าทุกวนั นี้ ใหพ้ วกเราไดเ้ หน็
ได้รู้ ได้กราบไหวบ้ ูชา ระลกึ ถงึ พระคณุ ท่านเสมอมา
สมัยปัจจุบันน้ีเป็นยุคโลกาภิวัตน์ โลกาธิปไตย คนทั่วโลกตกเป็นทาสแห่งวัตถุ
เพราะสงิ่ แวดลอ้ มทจี่ ะทำ� ความเสยี หาย ทำ� ลายผมู้ งุ่ ปฏบิ ตั เิ พอ่ื ศลี สมาธิ ปญั ญา นนั้ มรี อบ
ด้านจงึ ได้ด�ำรเิ ขียนกฎระเบยี บขอ้ ปฏบิ ัติ ๗ ข้อ เพอ่ื จะใหภ้ กิ ษุสามเณรผมู้ ุง่ ต้งั ใจเขา้ มา
ศกึ ษาไดด้ ำ� เนนิ ตามหลกั อรยิ วงศอ์ รยิ ประเพณที ด่ี งี ามดเี ลศิ ถา้ ใครหรอื ทา่ นผใู้ ดไมส่ นใจ
ในข้อวตั รข้อปฏบิ ัติที่ได้กล่าวมาท้ังหมดนี้ ขอเชิญหรือนิมนตอ์ อกไปแสวงหาสถานทีอ่ ่นื
ตามความสะดวกใจได้ทุกกาลเวลาตลอดไป
ผู้ท่ีควรจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เม่ือก้าวเข้าถึงหลักธรรมชาติความจริง
แห่งธรรมแล้ว เป็นสันทิฏฐิโก ปัจจัตตัง ท่ีพระพุทธเจ้าตรัสประกาศสั่งสอนให้พิสูจน์
ด้วยตนเอง รู้แจง้ เหน็ จริงเหมอื นกนั หมด ไมว่ ่าชาติชน้ั วรรณะใดๆ ไมเ่ ลือกเพศเลือกวัย
ทุกกาลสถานที่ ไม่ต้องถามใครๆ เพ่ือให้เป็นผู้รับประกันในความบริสุทธ์ิอีกตลอดกัป
กัลปาวสาน
๑๐ ตลุ าคม ๒๕๔๖
79
ประมวลเรื่องพระปา่
สงิ่ แวดลอ้ มทางโลกเขา้ มาเกยี่ วขอ้ งในวงศ์แหง่ พระป่า
พระธุดงคกรรมฐาน ประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๐ ป่าเขาล�ำเนาไพรได้ถูกท�ำลาย
ลงทรัพยากรป่าไม้ซึ่งเป็นสถานท่ีบ�ำเพ็ญศีลบ�ำเพ็ญธรรม ถูกทางกฎหมายบ้านเมือง
ครอบครองจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพราะเป็นยุคเป็นสมัยโลกาภิวัตน์โลกาธิปไตย
ทั่วโลกดินแดนทรัพยากรทีส่ ำ� คัญๆ ซึ่งเปน็ ทส่ี ัปปายะ ถูกทำ� ลายใหล้ ดนอ้ ยลง เนอ่ื งจาก
คนเกดิ เปน็ จำ� นวนมากๆ ไมม่ ที อี่ ยอู่ าศยั ทำ� มาหาเลยี้ งชพี ซงึ่ เปน็ เรอ่ื งทหี่ ลกี เลยี่ งไดย้ าก นค้ี อื
สงิ่ แวดลอ้ มทเี่ ปน็ สาเหตทุ ำ� ใหก้ ารปฏบิ ตั ทิ างดา้ นจติ ตภาวนา ดำ� เนนิ ไปไมส่ ะดวก บรรดา
ศรัทธาญาติโยมได้จัดสถานที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย พระป่าพอได้อยู่อาศัยตามป่า
ตามเขา ถ้ำ� เงอื้ มผา แยกยา้ ยกันอย่เู ป็นหมเู่ ป็นคณะ ดงั ทเ่ี ป็นอย่เู ห็นอยใู่ นปจั จบุ นั นี้
พระธดุ งคส์ ายทา่ นพระอาจารยม์ นั่ เปน็ พระปา่ นสิ ยั ชนิ กบั หลกั ธรรมชาตมิ า ทา่ นจะ
อยู่ที่ไหนแห่งใด ตามนิสัยของท่านแล้วรักธรรมชาติมาก ท่านจึงชอบสงวนสถานท่ี
ปา่ เขาลำ� เนาไพร มีมากมีน้อยท่านไม่ค่อยทำ� ลาย และไม่มีนสิ ัยท�ำลายป่าเขาลำ� เนาไพร
ถ้ำ� เงอื้ มผา นบั แตพ่ ระพทุ ธเจา้ พระสาวกอรหัตอรหันต์ ตามล�ำดับเรื่อยมาจนถึงปจั จุบัน
ยังไม่ปรากฏว่าพระป่าท่ีท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามเย่ียงอย่างอริยประเพณี
อันดีงามดีเลิศ ท�ำลายป่าเขาล�ำเนาไพร มีแต่สงวนบ�ำรุงรักษาป่าเขาให้เป็นประโยชน์
ท้งั ในวงศว์ ัด ท้ังในวงศบ์ ้าน รวมทง้ั ประเทศชาติบ้านเมอื ง ตลอดถึงสตั ว์นานาชนดิ ไมม่ ี
ประมาณ ใหไ้ ดร้ ับความรม่ เยน็ ใจ ไมถ่ ูกกระทบกระเทือนใหเ้ ดือดร้อน
เพราะธรรมที่ท่านปฏิบัติคือจุดแห่งบรมสุข ท่ีไม่มีพิษไม่มีภัย เช่นเมตตากรุณา
ธรรมน้ัน เป็นธรรมที่ให้ความร่มเย็นเป็นสุข หรือเป็นธรรมค้�ำจุนหนุนโลกทั่วแดน
โลกธาตุไม่มีธรรมบทใดแนะน�ำสั่งสอนท่ีจะไปท�ำลายทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา
80
ลำ� เนาไพร ตลอดสตั วป์ า่ นานาชนดิ ใหไ้ ดร้ บั ความทกุ ขเ์ ดอื ดรอ้ นวนุ่ วาย นบั แตก่ าลไหนๆ
มาและต่อไปไมม่ ีวนั ส้ินสุด
ท่ีกล่าวมาทั้งน้ี มิได้มุ่งหวังยกเร่ืองพระป่ากระทบกระเทือนท่านผู้หนึ่งผู้ใด
หากกล่าวตามหลักธรรมชาติความจริงท่ีพระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นมา ท่ีพระสาวก
อรหนั ตท์ า่ นไดน้ อ้ มนำ� มาดำ� เนนิ ตามหลกั สวากขาตธรรมทพี่ ระองคท์ รงตรสั ไวช้ อบแลว้
ด้วยความบริสุทธ์ิสมบูรณ์ทุกอย่างเร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน เช่นท่านพระอาจารย์ม่ัน
พาด�ำเนนิ การอยู่ปา่ อย่เู ขานีเ้ ดน่ มาก และไมเ่ คยปรากฏว่าท่านทำ� ลายป่าเขาล�ำเนาไพร
การทำ� กุฏิวิหารก็พอได้อย่อู าศัย เพอ่ื บ�ำเพญ็ สมณธรรมเท่านนั้
หากศรัทธาญาติโยมมีน�้ำใจเลื่อมใสศรัทธาเพื่อบ�ำเพ็ญบุญกุศล อยากจะสร้าง
ศาลากุฏิ ทอี่ ย่อู าศัยถวาย ทา่ นก็อนญุ าตใหท้ ำ� เพอ่ื สง่ เสริมก�ำลงั น�้ำใจ เพ่อื ใหเ้ ปน็ บญุ
กุศลย่ิงขึ้น และพอเหมาะกับก�ำลังทรัพย์ ไม่ให้บอบช้�ำทางน้�ำใจ เหมาะสมกับสถานที่
ไม่ให้รบกวนทางด้านพระสงฆ์ และไม่เห็นการก่อสร้างยิ่งไปกว่าทางด้านจิตตภาวนา
จนเสยี ความสงบ ทัง้ มิให้ผิดกฎหมายบา้ นเมือง ซง่ึ เปน็ เครื่องปกครองปอ้ งกนั ประเทศให้
อยเู่ ย็นเป็นสขุ ไม่กระทบกระเทือนซงึ่ กันและกนั ตลอดมาและตลอดไป
แต่พระป่าสายท่านพระอาจารย์มั่นในสมัยปัจจุบันน้ี ส่วนมากไปอยู่ท่ีไหนป่าเขา
ถูกท�ำลายเกือบจะทั่วประเทศก็ว่าได้ ฉะนั้นขอให้เจ้าหน้าท่ีทางบ้านเมือง (กรมป่าไม้)
พจิ ารณาใหร้ อบคอบ พระปา่ ทางภาคปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ ทา่ นจะไมฝ่ า่ ฝนื ดอ้ื ดงึ ทางดา้ นกฎหมาย
ของบ้านเมือง แล้วปฏิบัติศาสนธรรมตามเย่ียงอย่างอริยประเพณี ไม่ให้มีเร่ืองราว
อะไรเกิดข้ึน
นบั แตป่ ี พ.ศ.๒๕๒๔ พระป่าสายทา่ นพระอาจารยม์ ั่นเริ่มลดนอ้ ยลง และจะลดนอ้ ย
ลงไปเรอื่ ยๆ จนนา่ วติ ก วงศพ์ ระปฏบิ ตั คิ งจะเหลอื แตช่ อ่ื เทา่ นนั้ เพราะสงิ่ แวดลอ้ มทางโลก
เข้าครอบงำ� จติ ทย่ี ังไม่เข้าถึงธรรมชาตคิ วามจรงิ แหง่ ธรรม นบั แตข่ ้นั ศีล สมาธิ ปญั ญา
81
ซึ่งเป็นรากฐานอย่างส�ำคัญมากทางด้านจิตตภาวนา ท้ังเป็นท่ีพึ่งของตน ปราศจาก
เวรภัยไกลจากทกุ ข์อย่างแนน่ อน
พระปา่ ทย่ี งั ไมไ่ ดร้ บั การอบรมบม่ นสิ ยั ใหไ้ ดร้ ากฐานมนั่ คงทางดา้ นจติ ใจ อยา่ งไร
ก็หนีไม่พ้นความเจริญทางโลก ย่อมฉุดลากลงทางต�่ำวันละเล็กละน้อย จนกลายเป็น
พระไม่มศี ลี พระไมม่ ธี รรม มีแตเ่ รื่องโลกทบั ถมหวั ใจ อันเป็นสาเหตใุ หห้ ลงใหลมวั เมา
เพลดิ เพลนิ กบั เรอื่ งภายนอก เลยหาความสงบรม่ เยน็ เปน็ สขุ ภายในใจไมเ่ จอ มแี ตย่ งุ่ เหยงิ
เกี่ยวขอ้ งติดตอ่ ฆราวาสญาตโิ ยม เหมือนพอ่ ค้าบริษทั ห้างร้าน พระกม็ แี ตช่ อ่ื ที่สมมุตใิ ห้
เปน็ พระ ใจไม่ใช่พระ ท้ังนี้ มิไดด้ ูถูกท่านผ้ใู ด
ขอใหพ้ วกเราคิดอ่านใคร่ครวญดสู าเหตุทม่ี าของพระในยคุ นี้ เร่ิมปี พ.ศ. ๒๕๓๕
รสู้ กึ เพศสมณะทโ่ี ลกเคยให้ความไว้วางใจ สว่ นมากจะกลบั เปน็ ความไม่ไว้วางใจ และ
หลอกลวงต้มตุ๋นท�ำลายน้�ำใจศรัทธาญาติโยมได้เป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อม
ทางโลกท�ำวงศ์พระป่าท่ีบวชมาท่ไี หนๆ ทกุ แหง่ หน ให้เปน็ ไปไม่นา่ สงสัย
นักปราชญ์ท่านว่า กิเลสตัณหาจอมฉลาดแหลมคม เคยต้มตุ๋นสัตว์โลกให้ หลง
มัวเมา ลืมเนื้อลืมตัว มืดมิดปิดตา ท�ำให้พระยุคนี้คนยุคน้ี ไม่มองเห็นศีลเห็นธรรม
ดวงเลิศดวงประเสริฐ เลยมองศีลธรรมในทางลบว่า ศีลธรรมไม่น�ำยุคน�ำสมัย คร่�ำครึ
ล้าสมัย เป็นของโบราณเก่าแก่ไปเสียก็อาจเป็นได้ ท้ังน้ีเพราะเจ้ากิเลสตัณหาฉุดลาก
สตั ว์โลกใหอ้ ยู่ใต้อ�ำนาจของมัน สัตว์โลกจงึ ย่อมเปน็ ไปตามกรรมของตนเอง แต่ละยุค
แตล่ ะสมยั ไป หากจะไปตำ� หนิตเิ ตียนใครๆ ก็ล�ำบาก จงึ ขอฝากไวใ้ หพ้ วกเราพจิ ารณา
ตวั ของตวั เอง นั้นคือสายทางทดี่ ี หากจะแกไ้ ขกแ็ ก้ที่ตนเอง ดำ� เนนิ ตามหลักศีล สมาธิ
ปญั ญา ซ่งึ เปน็ สายทางใหด้ ีงามดเี ลศิ เทา่ นนั้
แตท่ า่ นผปู้ ฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบมคี ณุ ธรรมภายใน ทา่ นอาจจะกลวั สง่ิ แวดลอ้ ม เกบ็ เนอื้
สงวนตวั รกั ษาตวั ของทา่ นดว้ ยความฉลาดนกี้ อ็ าจมี หรอื ทา่ นผเู้ ปน็ เนอ้ื นาบญุ ของศรทั ธา
ญาติโยม เปน็ ที่ให้ความรม่ เย็นแก่พวกเรากอ็ าจจะมีแตน่ ้อยมาก
82
ทั้งนี้ขอให้บรรดาผู้รู้ฉลาด พิจารณาใคร่ครวญด้วยเหตุด้วยผล ตามหลัก
สวากขาตธรรมทพี่ ระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั ไวช้ อบแลว้ ไมน่ า่ สงสยั พวกเราคงจะไมผ่ ดิ หวงั ใน
ทางดำ� เนิน นับแตก่ ารให้ทาน รักษาศีล ภาวนาอยา่ งแนน่ อน
ป่าเขาล�ำเนาไพรอันอุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้�ำ จึงเป็นทรัพยากรธรรมชาติ
ที่โลกมนุษย์ตลอดถึงสัตว์จ�ำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัย ในยุคใดสมัยใด ถ้ามนุษย์ท�ำลาย
ทรพั ยากรธรรมชาตใิ หห้ มดไป มนษุ ยต์ อ้ งไดร้ บั ความกระทบกระเทอื นเดอื ดรอ้ น ทรงตวั
ได้ยาก หนีไม่พ้น ต้องเจอปัญหาหนักในการด�ำเนินชีวิต ต้องล�ำบากเดือดร้อนมาก
เพราะมนษุ ยพ์ ากนั ประมาทมวั เมา สง่ เสรมิ ทางดา้ นวตั ถเุ พยี งอยา่ งเดยี ว จงึ เทา่ กบั ทำ� ลาย
ตวั เองโดยอตั โนมตั ิ เพราะไมร่ จู้ กั คณุ ประโยชนข์ องทรพั ยากรธรรมชาติ ทม่ี คี วามสำ� คญั
ต่อชีวติ ของสัตวโ์ ลกทงั้ มวล
พระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมปราชญ์ทุกๆ พระองค์ ทรงมีพระปรีชาญาณหย่ังทราบ
ธรรมชาติแห่งความจริงโดยตลอด ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเต็มเปี่ยมด้วยความ
มเี มตตามหาเมตตา ทรงแนะนำ� สงั่ สอนสตั วโ์ ลกใหท้ ำ� แตส่ ง่ิ ทเี่ ปน็ สารประโยชน์ อยา่ ทำ� สง่ิ
ทเ่ี ปน็ โทษ และทรงเมตตาสง่ั สอนสตั วโ์ ลกใหพ้ ยายามชำ� ระจติ ใจ ใหป้ ราศจากกเิ ลสเครอ่ื ง
ดองสันดาน ที่ทำ� ใหเ้ ปน็ มลทนิ ทกุ ขเ์ ศรา้ หมองใจ ดว้ ยศีล สมาธิ ปญั ญา ซ่ึงเปน็ ธรรม
ท่ีดีเลิศ เปน็ อรยิ ทรัพย์อย่างประเสริฐ อนั จะท�ำให้ผูป้ ฏบิ ัตติ ามพน้ จากกองกิเลสกองทกุ ข์
ทงั้ มวล ถงึ บรมสุขคือพระนพิ พานอันเปน็ ความสขุ อยา่ งบริสุทธิ์สมบรู ณเ์ หนอื สมมตุ ิใดๆ
พระป่าตามแนวทางของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่ทรงพาด�ำเนิน นับแต่กาล
ไหนๆ มา เปน็ สมณะประเภทร้จู กั ประโยชน์ของทรพั ยากรธรรมชาติ เพราะเหน็ คุณคา่
ของการอยู่อาศัยป่าเขาล�ำเนาไพร หรือป่าดงพงไพร จนได้รับความอัศจรรย์ใจ เกิด
ความรฉู้ ลาดเกนิ คาดเกนิ หมายไมม่ ปี ระมาณ เกนิ หลกั วชิ าทางโลก เหนอื ปญั ญาโลกยี ใ์ น
สามแดนโลกธาตจุ อมปราชญท์ ่านเรียกว่า ปญั ญาโลกตุ ระ ซึ่งเปน็ มหาสติมหาปัญญา*
* มหาสติมหาปญั ญา ศึกษาไดจ้ ากหนังสอื จิตเปน็ ของแปลกประหลาดและนา่ อัศจรรย์ ของทา่ นอาจารย์พระมหาบวั
ญาณสมั ปนั โน ได้อธบิ ายไว้
83
ท่ีเกิดความอัศจรรย์โดยอัตโนมัติ เหนือไตรโลกธาตุ ถ้าถึงพร้อมด้วยศรัทธาพยายาม
ปฏิบตั ิตามจะทราบไดเ้ ป็นอย่างดี และโลกตุ รปญั ญานี้ ชอบเกดิ ข้นึ ตามปา่ เขาล�ำเนาไพร
ถำ้� เงื้อมผา ทง้ั น้นั
จะเปน็ ยคุ ใดสมยั ใด หรอื กาลไหนๆ ในแดนแหง่ โลกมนษุ ย์ ถา้ นครใด ประเทศใด
เมอื งไหน ไมม่ ขี องวเิ ศษซง่ึ เปน็ สมบตั อิ นั ลน้ คา่ ๕ ประการ ตามทน่ี กั ปราชญไ์ ดจ้ ดจารกึ ไว้
๑. เปน็ ประเทศทีม่ เี งนิ ทองมาก
๒. เปน็ ประเทศที่มีความส�ำราญรา่ เริง ไมว่ ุน่ วาย ไม่อดอยาก อุดมสมบรู ณ์ดว้ ย
ทรัพยากรธรรมชาติ มสี มณะนกั ปราชญ์
๓. มีพระราชามหากษตั รยิ ์ตั้งอยู่ในคลองธรรม
๔. มลี �ำแม่น�ำ้ นอ้ ยใหญ่
๕. มีพร้อมหมอเวชหมอยา คือ มีแพทย์ พยาบาล
นักปราชญ์ท่านจะหนีหลีกเว้นไม่ไปนครน้ัน ประเทศนั้น เมืองน้ันย่อมหมด
ความหาย จะหาความเจรญิ รงุ่ เรอื ง รา่ เรงิ บนั เทงิ สงบรม่ เยน็ เปน็ สขุ ใจนน้ั ยาก เปรยี บเหมอื น
มีแต่แสงพระอาทิตย์ท่ีมีความรุ่มร้อนเพียงอย่างเดียวตลอดเวลา จะหาความร่มเย็นได้
ทต่ี รงไหน ใจมนษุ ย์กเ็ หมอื นกัน คือมแี ต่เพลงิ กิเลสเพลงิ ทกุ ข์ท�ำให้เรา่ ร้อนตลอดทั้งวนั
ทง้ั คนื กเ็ พราะโลกมนษุ ยข์ าดทรพั ยากรธรรมชาติ ขาดทรพั ยากรบคุ คลทล่ี น้ คา่ คอื สมณะ
นกั ปราชญ์ และพระราชามหากษตั รยิ ผ์ ทู้ รงทศพธิ ราชธรรม นเ้ี ปน็ สาเหตสุ ำ� คญั อยา่ งมาก
ไดน้ ำ� เรอื่ งพระปา่ มาเขยี นตามลำ� ดบั ลำ� ดา พรรณนาการอยปู่ า่ อยเู่ ขา เรม่ิ แตต่ น้ มา
ตามก�ำลงั สตปิ ัญญาของตน เพ่อื ให้พวกเราได้อา่ นตามยคุ ตามสมยั แล้วน�ำไปปรับปรงุ
แก้ไขตนเองมิได้มีเจตนาต�ำหนิใครหรือท่านผู้ใด ซ่ึงแสวงหาความสุขความเจริญ และ
ต้องการความสงบร่มเย็นใจด้วยกัน จึงขอยุติเรื่องวงศ์ของพระป่าไว้เพียงเท่านี้ กุศล
ผลบุญที่เกิดจากการอุตส่าห์พยายามเขียนเร่ืองพระป่าเร่ิมแต่ต้นมาจนจบ ขอนอบน้อม
84
เทิดทูนพระคุณวงศ์อริยประเพณีพระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์ม่ัน ยกถวาย
กราบสกั การะพระคุณมหาคณุ นั้นไว้บนที่สงู ท่คี วร
ขอให้ท่านผู้อ่านน�ำมาเทียบเคียงเรื่องการปฏิบัติพระพุทธศาสนา ความเสื่อม
ความเจรญิ และความเปน็ มาของสตั วโ์ ลก ทเ่ี วยี นเกดิ เวยี นตายทอ่ งเทยี่ วอยใู่ นวฏั สงสาร
ยอ่ มเปน็ ลมุ่ ๆ ดอนๆ สงู ๆ ตำ่� ๆ ตามยคุ สมยั ตามกาลเวลา และตามกรรมของตนทท่ี ำ� มาแลว้
จะหาความคงทดี่ งี ามสมำ่� เสมอ เอาเท่ียงแทแ้ นน่ อนนั้นได้ยาก ไมเ่ หมือนพระนพิ พาน
นักปราชญ์ท่านเปรียบอุปมาว่าเหมือนแม่น้�ำล�ำคลอง บางทีใส บางทีขุ่น บางที
น�้ำไม่มี แห้งแล้งเสียส่วนมาก ใจของสัตว์โลกก็เหมือนกัน ถ้าขาดศีลขาดธรรมเป็นน�้ำ
หลอ่ เลยี้ ง ไมว่ า่ ยคุ ใดสมยั ใด จะหาความเจรญิ รงุ่ เรอื ง ไดร้ บั ความอบอนุ่ สงบรม่ เยน็ เปน็ สขุ
ใจนน้ั ยาก จึงขอมอบไว้ใหท้ กุ ๆ ท่านทีต่ อ้ งการศึกษาเรยี นรู้เรียนฉลาด ให้จบสมบูรณ์
บริบูรณ์ท้ังภายนอกภายใน ได้มาพบเห็นได้อ่าน กรุณาน�ำไปใคร่ครวญตริตรองให้รู้
ด้วยปญั ญาเถิด
สุดท้ายน้ีขอชี้แนะพวกเราชาวพุทธหรือผู้สนใจ เฉพาะหนังสือสมณะนักปราชญ์
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จะเป็นพระธรรมเทศนาหรือที่ท่านได้จดจารึกไว้ก็ดี ซ่ึงเกิดจาก
ภาคปฏิบตั ดิ ้านจิตตภาวนาลว้ นๆ น้นั คอื ยอดแห่งคำ� สอน เปน็ วิสทุ ธธิ รรมแท้ น�ำผตู้ ง้ั ใจ
ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามใหไ้ ดร้ บั แตค่ วามสมหวงั กา้ วถงึ แดนแหง่ ความพน้ ทกุ ขอ์ ยา่ งแนน่ อน
เทา่ ทไ่ี ดอ้ า่ นและแนใ่ จ หนงั สอื ทน่ี กั ปราชญท์ า่ นแสดงเตม็ เปย่ี มดว้ ยความมเี มตตามหาคณุ
บรสิ ุทธส์ิ มบรู ณ์ไมน่ ่าสงสัย
๑. เจ้าพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์) อดีตเจ้าอาวาสวัด
บรมนวิ าส
๒. ขนั ธะวมิ ตุ ิสมงั คีธัมมะ จดจารึกดว้ ยลายมือท่านพระอาจารยม์ ั่น ภรู ทิ ัตโต
๓. พระสุทธิธรรมรังสคี มั ภีรเมธาจารย์ (ท่านพอ่ ลี ธมั มธโร) วัดอโศการาม
85
๔. พระราชญาณวสิ ุทธิโสภณ (ทา่ นอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน) วัดปา่
บา้ นตาด
๕. พระโพธิญาณเถร (หลวงปูช่ า สุภทั โท) วัดหนองป่าพง
๖. หลวงปหู่ ล้า เขมปตั โต วดั ภจู ้อกอ้
โอวาทคำ� สอนซง่ึ เปน็ วสิ ทุ ธธิ รรมนนั้ หาไดย้ าก ถา้ ใครไมม่ คี วรหามาอา่ น ผทู้ มี่ แี ลว้
ขยันอ่านให้พยายามปฏิบัติตามความรู้ความฉลาดความเห็นของเราจะถูกต้องดีงาม
ตามหลักคลองศีลคลองธรรม สามารถน�ำชีวิตของเราที่เกิดมาไม่ปราศจากประโยชน์
(ความสุข) โดยแท้
86
สภุ ทั ทปริพาชกทูลถามเรือ่ งสมณะ
ก่อนพระพทุ ธเจา้ เขา้ สู่ปรินิพพาน
สภุ ัททปรพิ าชก กราบทลู พระพทุ ธเจา้ วา่ “ขา้ แต่พระโคดมผู้เจรญิ สมณพราหมณ์
เหลา่ ใดเป็นเจา้ หมู่ เป็นเจา้ คณะ เป็นคณาจารย์ มชี อ่ื เสยี ง มยี ศ เปน็ เจ้าลทั ธิ ปวงชนเปน็
อนั มากสรรเสรญิ วา่ เปน็ คนดี คอื บรู ณกสั สปะ มกั ขลโิ คสาละ อชติ เกสกมั พละ ปกธุ กจั จายนะ
สัญชัยเวลัฏฐบุตร นิครณนาฏบุตร สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมดที่ปฏิญญาตนได้
ตรัสรู้แล้ว หรอื ทั้งหมดไมไ่ ดต้ รสั รู้ หรอื ว่าบางพวกไม่ได้ตรสั รู้”
“อยา่ เลย สภุ ทั ทะ ขอ้ นน้ั หยดุ ไวก้ อ่ น เราจะแสดงธรรมแกท่ า่ น ทา่ นจงฟงั ธรรมนน้ั
จงใสใ่ จใหด้ ี”
สภุ ทั ทปรพิ าชกทลู รับ
พระผูม้ พี ระภาคเจ้าตรัสว่า “ดกู ่อน สภุ ัททะ อริยมรรคพรอ้ มด้วยองค์ ๘ หาไมไ่ ด้
ในธรรมวนิ ยั ใด แมส้ มณะท่ี ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ท่ี ๔ ก็หาไม่ได้ในธรรมวินยั นนั้ หรอื ใน
เจา้ ลัทธนิ น้ั ก็หามีไม่ สภุ ัททะ อรยิ มรรคอนั ประกอบดว้ ยองคแ์ ปด หาไดใ้ นธรรมวนิ ยั ใด
สมณะวสิ ทุ ธบิ ุคคล พระอรยิ สาวกนับแต่พระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคา พระอรหนั ต์
มีข้ึนได้เกิดขึ้นได้ในธรรมวินัยท่ีบริสุทธ์ิสมบูรณ์ด้วยมรรคมีองค์แปดเท่านั้น ถ้ายังมีผู้ใด
ตั้งใจปฏิบตั ิดำ� เนนิ ตามสายทางแหง่ อรยิ มรรคประกอบดว้ ยองคแ์ ปด สมณะท่ี ๑ สมณะ
ที่ ๒ สมณะที่ ๓ สมณะท่ี ๔ พระอรหนั ตว์ ิสทุ ธบิ ุคคลจะไมว่ า่ งจากโลก”
ถอดจากหนงั สือ พระสูตรและอรรถกถา แปล
ทีฆนิกาย มหาวรรค
เลม่ ท่ี ๒ ภาค ๑
มกราคม พุทธศกั ราช ๒๕๕๙
87
เรอื่ งพระพทุ ธศาสนา
กบั
เจา้ หนา้ ท่ีปา่ ไม้
พระป่าสมยั กรุงรตั นโกสินทร์ ทา่ นหลวงปูม่ น่ั ออกปฏิบตั ิ
พระป่าสมัยท่านหลวงปู่มั่นออกปฏิบัติ ประมาณปีพุทธศักราช ๒๔๖๐ ป่าเขายัง
สมบูรณ์ตามธรรมชาติ ประชากรชาวไทยประมาณ ๑๘ ล้านคน กฎหมายทางบ้าน
เมอื งยังไมอ่ อกคมุ้ ครองสงวนทรพั ยากรธรรมชาติ พระปา่ ชอบอยู่อาศัยป่าเขา เพลินกบั
ป่าเขาล�ำเนาไพร เพื่อแสวงหาความสงบร่มเย็นใจ ร่าเริงในการบ�ำเพ็ญสมณธรรม
ตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงส่ังสอนให้ยินดีในที่สงัดวิเวก คือ “รุกขมูลเสนาสะนัง”
เอาเป็นแบบฉบับตลอดชีวติ
พระป่าท่านบวชเขา้ มาแลว้ ไมม่ ีอะไรเปน็ สมบัตติ ิดตัว มีเพียงบรขิ าร ๘ เท่าน้นั
ท่านอาศยั ปา่ เขา ถำ้� เง้ือมผา ซึง่ ไมม่ ใี ครๆ หวงแหนครอบครอง เพ่ือหาทางได้พน้ ทุกข์
กพ็ อใจ พระปา่ ในสมยั น้นั ท่านไดร้ ับความสะดวกมาก ในการบ�ำเพ็ญสมณธรรม
ในสมยั ปัจจบุ ัน เรมิ่ แต่ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๐๐ เรือ่ ยมา ประชากรคนไทยก็มจี ำ� นวน
มากขนึ้ ดงหนาปา่ ไมท้ บึ ปา่ เขาถกู ทำ� ลาย เพราะคนมจี ำ� นวนมากอาศยั ความเปน็ อยตู่ าม
ธรรมชาตเิ ลี้ยงชีวติ เปน็ การหลีกเลีย่ งได้ยาก ทางบา้ นเมอื งจึงออกกฎหมายครอบครอง
เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้อุดมสมบูรณ์ ประเทศชาติ บ้านเมือง ประชากร
ทัง้ แผน่ ดนิ จะได้พ่ึงพาอาศัยเปน็ สมบตั อิ ันล�้ำค่าของชาติ จะได้พึ่งเปน็ พ่ึงตายจริงๆ
ท่านพระอาจารยม์ ัน่ ภูริทตั โต สมยั ทา่ นออกปฏบิ ัติ ป่าดงพงไพรยงั อดุ มสมบรู ณ์
ไมม่ ใี ครหวงแหนครอบครอง สว่ นมากท่านหลวงปมู่ ่นั ชอบไปองคเ์ ดยี ว
88
ในสมยั นน้ั สง่ิ แวดลอ้ มทจี่ ะทำ� ความเสอ่ื มเสยี และเปน็ พษิ ภยั ทางดา้ นจติ ใจไมค่ อ่ ยมี
พระท่านผ้มู งุ่ ตอ่ แดนพน้ ทุกข์ จงึ ไดร้ ับความสะดวกอยา่ งสมความมุ่งมาดปรารถนา
ผู้เขียนยังพอได้เห็นปฏิปทาบรรดาคณะลูกศิษย์ของหลวงปู่ม่ันพาออกปฏิบัติ
ท่านจะไม่รบกวนใครๆ ให้ล�ำบากและหนักใจ เร่ืองท่ีอยู่อาศัยเพ่ือท�ำความพากเพียร
ทางภาคปฏบิ ตั ดิ ้านจิตตภาวนา ในสมยั น้ัน ทา่ นพากันไปแสวงหาทส่ี งบสงดั ท่านจะไป
ด้วยกันอย่างมากเพียงสามองค์เท่านั้น เพ่ือไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องที่พักที่อาศัย ท่าน
ชอบอยูแ่ บบเรียบงา่ ย
พระป่าประเภทน้ีมีแต่องค์ใจเด็ดๆ ท้ังน้ัน ท่านเด็ดเพ่ือศีลเพ่ือธรรม มอบกาย
ถวายชวี ิต เพอ่ื รู้แจง้ เห็นจริงในธรรมเทา่ นัน้ ไมห่ วงไม่ห่วงอะไร และไม่แสวงหาอะไร
ท่ีทางโลกนิยม ยิ่งไปกว่าธรรมท่ีเลิศท่ีประเสริฐ ธรรมเท่านั้น ที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน
ผ้ปู ฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแก่ธรรมให้บรสิ ุทธิ์ผุดผ่อง ไมม่ เี วรไมม่ ภี ัย ไกลจากกเิ ลสกองโทษ
ทุกข์ทั้งมวลและยังช่วยส่งเสริมสัตวโลก ให้ได้รับความเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์สงบ
ร่มเย็น หรือเป็นสายทางพาให้ก้าวเดินของสัตวโลกท้ังมวล ด�ำเนินตรงเข้าสู่บรมสุข
แดนเกษมส�ำราญ ไม่มกี าลไมม่ เี วลาชัว่ นิรันดร
เจา้ หน้าท่ีทางบ้านเมือง ควรใครค่ รวญให้รดู้ ว้ ยปญั ญาดงั น้ี
เรอื่ งควรพจิ ารณาใหร้ อบคอบ ทางดา้ นกฎหมาย ทกุ อยา่ งถา้ ทำ� ใหพ้ อดสี มดลุ ยก์ นั
ไม่ว่าทางโลกทางธรรม ก็จะท�ำให้ประเทศชาติ เจริญรุ่งเรืองสงบร่มเย็น ไม่มีกาล
มสี มัยตลอดไป เรื่องโลกกับธรรม เปน็ ของคู่เคียงพ่งึ พาอาศยั ซ่งึ กนั ตามล�ำพงั สตปิ ัญญา
ของปัญญาโลกียแ์ ล้ว อาจจะมองไม่เห็นต้นสายปลายเหตุ
ยคุ ใดสมยั ใดถา้ โลกขาดธรรม ซงึ่ เปน็ ธรรมชาตสิ รา้ งโลกใหไ้ ดร้ บั ความสงบรม่ เยน็
เจรญิ รงุ่ เรอื งอดุ มสมบรู ณ์ โลกถา้ ขาดธรรมยอ่ มกอ่ ความไมส่ งบสขุ วดั กบั บา้ นยอ่ มอาศยั
ซง่ึ กนั และกนั แยกกันไม่ออก
89
ปา่ อดุ มสมบรู ณต์ ามหลกั ธรรมชาติ เปน็ ทรพั ยากรของโลกอยา่ งสำ� คญั มาก ยอ่ มเปน็
ทีพ่ ง่ึ อาศยั ของสตั วโลกทง้ั มวล นบั แตก่ ปั ไหนกลั ปไ์ หนๆ มา ถา้ ขาดทรพั ยากรธรรมชาติ
สตั วโลกย่อมทนอยูไ่ ม่ได้
ปา่ เขาลำ� เนาไพร ซง่ึ ไมม่ ใี ครหวงแหนครอบครอง อดุ มสมบรู ณต์ ามหลกั ธรรมชาติ
สงบสงัดวิเวก ควรแก่การพักอยู่อาศัย เหมาะพอดี ในการบ�ำเพ็ญ เพื่อตรัสรู้ธรรม
ดวงมหศั จรรยข์ องพระพทุ ธเจา้ ผเู้ ปน็ จอมปราชญ์ ทรงสงั่ สอนโลกทงั้ ๓ ใหไ้ ดร้ บั แสงสวา่ ง
จากธรรมอย่างมหัศจรรย์ลือลั่นครอบโลกธาตุ และเป็นสถานที่ควรแก่การอยู่อาศัย
ของพระสาวกผมู้ งุ่ หวงั ตอ่ แดนพน้ ทกุ ข์ เพอื่ รแู้ จง้ แทงทะลธุ รรม ซงึ่ เปน็ ธรรมชาตขิ องจรงิ
อย่างประเสริฐ
บรรดาพระสาวกองค์พระอรหันต์ ท่านผู้เลิศผู้ประเสริฐเหนือแดนแห่งไตรภพ
เป็นทรัพยากรบุคคลอย่างล้�ำค่า เกิดข้ึนยากในโลก ถ้าเกิดมีข้ึนไม่ว่ายุคใดสมัยใด
ทา่ นผเู้ ปีย่ มดว้ ยเมตตาธรรม ช่วยแนะน�ำสงั่ สอนปวงชน ใหเ้ ป็นคนดงี าม ดีเลิศดีประเสริฐ
ทส่ี ดุ และชว่ ยสง่ เสรมิ กำ� ลงั ทางดา้ นจติ ใจ ใหส้ ตั วโลกทวั่ แดนโลกธาตไุ ดร้ บั แสงสวา่ งจาก
เมตตาธรรม เต็มเปีย่ มด้วยพระคณุ มหาคุณเหนือสมบัตใิ ดๆ ในแดนแหง่ ไตรภพ สุดวิสยั
ของปญั ญาโลกีย์ จะดน้ เดาคาดคะเนใหถ้ กู ต้องพอดี
กอ่ นจะอนญุ าตใหพ้ ระเขา้ อยอู่ าศยั เพอื่ บำ� เพญ็ สมณธรรมในเขตพน้ื ทที่ ม่ี กี ฎหมาย
คุ้มครองทุกประเภท เจ้าหน้าท่ีทางบ้านเมือง กรุณาใคร่ครวญดูพระให้รอบคอบ
อย่าคาดหรือเดาพระไปในทางผิด ดูพระให้ดูการสังวรปฏิบัติ ตามหลักพระธรรมวินัย
เป็นเคร่ืองวินิจฉัย ถ้าทางเจ้าหน้าที่ไม่รู้หลักธรรมหลักวินัย และไม่เคยปฏิบัติศีลธรรม
มาเลย กล็ ำ� บากเหมือนกัน
และยังไม่ปรากฏว่า พระสาวกองค์พระอรหันต์ นับจากสมัยคร้ังพุทธกาลถึงสมัย
ปจั จุบนั (กรุงรตั นโกสินทร์) ท่านหลวงปมู่ นั่ พาบรรดาคณะศษิ ย์ ดำ� เนนิ ตามสายทาง
พระอริยวงศ์ภาคปฏิบัติด้านจิตตภาวนา เฉพาะพระป่าท่านผู้มุ่งหวังต่อแดนพ้นทุกข์
90
ไปอย่ทู ่ีไหนแดนใด ไดส้ รา้ งปญั หาความหนักใจใหท้ างบ้านเมอื ง ตลอดถึงสรรพสัตวท์ ่ี
มวี ิญญาณครองทว่ั โลกดินแดน ให้ได้รับความกระทบกระเทอื นบอบชำ�้ ทางน�้ำใจ
ขอใหท้ า่ นผรู้ ู้ ทางบา้ นเมอื งคำ� นงึ ถงึ จดุ บกพรอ่ ง ใหร้ ตู้ ามความจรงิ เพราะอาจจะ
มีปัญหาระหว่างพระสงฆก์ บั พนื้ ทปี่ ่าไม้ดังนี้
๑. พระสงฆ์ปฏิบัติย่อหย่อน ไม่ถูกต้อง ตามหลักพระธรรมวินัย เพราะขาด
พระอริยสงฆผ์ ู้มคี ณุ ธรรมภายในใจ เป็นหวั หนา้ ผ้พู าด�ำเนนิ ก็เปน็ ได้
๒. เจ้าหน้าท่ีผู้ปกครองทางบ้านเมือง ปฏิบัติตัวไม่จริงใจต่อหน้าที่การงาน
ทุกๆ อยา่ ง ขาดความซื่อสตั ยส์ จุ ริตกเ็ ปน็ ได ้
สรปุ โดยย่อ พระสงฆ์ผ้มู คี ณุ ธรรมภายในใจมี แต่มนี อ้ ย เจา้ หน้าที่ทางบา้ นเมอื ง
ผู้มีคุณภาพและคุณธรรมมี แต่มีก�ำลังไม่ทั่วถึง ความเจริญหรือความเสื่อม ก็เป็นหลัก
ธรรมชาติมีประจำ� โลกนบั แตก่ าลไหนๆ มาสุดแตจ่ ะพจิ ารณาใหร้ ้ดู ว้ ยปญั ญาเถดิ
พระเฉพาะพระปา่ ทา่ นผมู้ งุ่ หวงั ตอ่ แดนพน้ ทกุ ข์ ขออนญุ าตเขา้ อยอู่ าศยั เพอื่ บำ� เพญ็
ศลี สมาธิ ปญั ญา ให้กา้ วเดินหนไี ปจากวัฏฏสงสาร ในเขตป่าคุ้มครองทุกประเภทตาม
โอกาสอนั ควร เพียงทอ่ี ยูอ่ าศัยชว่ั คราว ท่านถือปฏบิ ตั ิตามสนั ตุฏฐธี รรม ยนิ ดีเทา่ ท่ีมอี ยู่
ไม่ชอบท�ำแบบหรูหราก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะท่านไม่ได้ไปแสวงหาวัตถุปัจจัยใดๆ
ทา่ นไปแสวงหาธรรม ธรรมมแี ตท่ ำ� โลกใหส้ งบรม่ เยน็ ตลอดถงึ สรรพสตั วท์ ง้ั มวลทอ่ี าศยั
ปา่ เขาลำ� เนาไพร ไดร้ บั กระแสจากเมตตาธรรมกอ็ บอนุ่ รม่ เยน็ ใจหมด ไมเ่ ปน็ ทร่ี ะแวงสงสยั
ท้ังน้กี ส็ ดุ แตท่ างบ้านเมอื งจะพิจารณาเหน็ ควรตลอดไป
91
เร่ืองการบำ� รุงรักษาเสนาสนะของสงฆ์
และทรัพยากรธรรมชาติ
วดั แสงอรณุ (วัดป่าดานวเิ วก)
เสนาสนะและเครื่องใช้ของสงฆ์ ตลอดถึงทรัพยากรธรรมชาตทิ ุกชนิดทีม่ อี ยู่แล้ว
ตามธรรมชาติ ภายในบริเวณพื้นที่วัดแสงอรุณ (วัดป่าดานวิเวก) ขอให้คณะสงฆ์
พระภกิ ษสุ ามเณร เจา้ หนา้ ทพ่ี ทุ ธสมนุ ไพรคแู่ ผน่ ดนิ ไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ตลอดถงึ
ผู้ที่มาเพ่ือมุ่งปฏิบัติศีลปฏิบัติธรรมทุกชนช้ัน เม่ือได้เข้ามาอยู่อาศัยในบริเวณพ้ืนที่
วัดป่าดานวิเวก จะจงใจหรือไม่ก็ตาม ต้องช่วยกันบ�ำรุงรักษาเสนาสนะของสงฆ์และ
ทรพั ยากรธรรมชาติ ปฏบิ ตั ติ ามหลกั พระธรรมวนิ ยั กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ตามทไ่ี ดต้ กลงกนั
ไวแ้ ลว้ ทุกเวลาตลอดกาล
กาลใดเวลาใดขาดพระสงฆ์ หรอื ไมม่ พี ระสงฆอ์ ยปู่ ระจำ� ยกใหเ้ จา้ หนา้ ท่ี กอ.รมน.
กับมูลนิธิฯ เป็นผู้มีอ�ำนาจคุ้มครองในการบ�ำรุงรักษาเสนาสนะของสงฆ์และทรัพยากร
ธรรมชาติ ตามหลักพระธรรมวนิ ยั กฎหมาย กฎระเบยี บ เพือ่ ให้เกิดประโยชนแ์ กช่ าติ
ศาสนาพุทธ พระมหากษัตริย์ไทย ตลอดกลั ปาวสาน
มติคณะสงฆ์วดั แสงอรุณ (วัดปา่ ดานวิเวก)
๘ กมุ ภาพนั ธ์ พทุ ธศักราช ๒๕๕๓
92
เรอื่ งอนญุ าตการก่อสร้างเสนาสนะที่มกี ารช�ำรุด
ในเขตตามที่ก�ำหนด
บริเวณพน้ื ท่ีวดั แสงอรุณ (วัดป่าดานวิเวก)
เขตพื้นท่ีบริเวณที่จัดไว้เฉพาะโยมผู้หญิง ซ่ึงอยู่บริเวณข้างนอกประตูวัด (ด้าน
ถัดจากพระสถปู ศลิ ามหามงคล) ทกี่ ำ� หนดเขตให้สร้างเรือนปฏิบตั ธิ รรม ภายในก�ำแพง
รอบพ้ืนที่ประมาณ ๑๐ ไร่ นั้น การด�ำเนินการใดๆ ห้ามมิให้เสียหายต่อธรรมชาติ
จงึ อนญุ าตใหส้ รา้ งเรอื นปฏบิ ตั ธิ รรมไดไ้ มเ่ กนิ ๑๐ หลงั เวลานท้ี ำ� การกอ่ สรา้ งขน้ึ แลว้ ๗ หลงั
และถ้าไมม่ เี หตจุ �ำเป็นก็ไมค่ วรก่อสร้างเพ่ิมขึน้ อีกตลอดไป
เร่ืองท�ำการก่อสร้างบ้านพักปฏิบัติธรรมเฉพาะโยมผู้หญิง อย่าก่อสร้างแบบ
หรูหรา ซ่ึงไม่เหมาะสมกับผู้ออกมาเพื่อปฏิบัติธรรม สะดวกจนลืมตัวไม่พอดีตลอดไป
หากมีการช�ำรุดและไม่มีใครดูแลรักษาหรือเกินก�ำลังท่ีจะรักษา จะร้ือถอนให้ลดลง
พอเหมาะกับความเป็นอยู่เพ่ือดูแลรักษาได้ง่าย หรือน�ำส่วนท่ีเห็นว่าควรจะท�ำ
ประโยชน์ได้ น�ำไปเก็บรักษาไว้ตามท่ีเห็นสมควร อนุญาตให้กระท�ำได้ ไม่ว่ากุฏิ
พระสงฆ์ และบ้านพักปฏิบัติธรรมฆราวาสชาย-หญิง หรอื สดุ แต่ กอ.รมน. และมูลนิธิ
พุทธสมุนไพรคู่แผ่นดินไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะพิจารณาเห็นสมควรอนุญาตให้
กระท�ำไดต้ ลอดกาล
อนุญาตเริม่ ต้งั แตเ่ ดอื นกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เปน็ ต้นไป
มูลนธิ พิ ทุ ธสมุนไพรคแู่ ผ่นดนิ ไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์
93
พื้นทพี่ ทุ ธสถานทรัพยากรคู่แผ่นดนิ ไทย
วดั แสงอรุณ (วัดปา่ ดานวเิ วก)
เส้นทางรอบบริเวณพื้นที่พุทธสถานทรัพยากรคู่แผ่นดินไทยท�ำเป็นถนนเพื่อ
ป้องกันไฟ และให้ชาวบ้านใกล้เคียงได้รับความสะดวกในการสัญจรไปมาเข้าพื้นที่
การเกษตรของตนเอง มีเสาคอนกรตี กอ.รมน. ฝังไวเ้ ปน็ เขตตามแนวทางรอบทั้ง ๔ ทิศ
อีกท้ังชาวบ้านจะได้ช่วยกันรักษาทรัพยากรอันล�้ำค่าไว้เพื่อสมบัติของชาติไทยและ
พุทธศาสนาคแู่ ผน่ ดินสยามตลอดกาล
ข้อควรชว่ ยกนั ปอ้ งกันรักษา
๑. ต้ังแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป ห้ามรถทุกชนิดผ่าน ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน
ควรแจง้ ใหท้ างมลู นธิ ิฯ ทราบลว่ งหน้า ๑ วัน ยกเวน้ เส้นทางหลวงชนบทเส้นไปบึงกาฬ
๒. หา้ มใชว้ ธิ กี ารใดๆ เพอ่ื ทำ� ลายสตั วท์ กุ ชนดิ ในบรเิ วณพนื้ ทพ่ี ทุ ธสถานทรพั ยากร
คแู่ ผน่ ดนิ ไทย และนำ� ทรพั ยากรทกุ ชนดิ ออกไปโดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร
จาก กอ.รมน. และมลู นธิ พิ ทุ ธสมนุ ไพรคแู่ ผน่ ดนิ ไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ทกุ กาลเวลา
ตลอดไป
๓. หา้ มนำ� เครอ่ื งมอื ลา่ สตั วท์ กุ ชนดิ และสนุ ขั ลา่ สตั ว์ เขา้ ไปในบรเิ วณพนื้ ทพ่ี ทุ ธสถาน
ทรัพยากรคู่แผน่ ดนิ ไทย ทกุ กาลเวลาตลอดไป
มูลนธิ ิพทุ ธสมนุ ไพรคู่แผน่ ดนิ ไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์
94
ขอ้ ปฏิบัตใิ นการก่อสร้างและปฏสิ ังขรณ์ถาวรวตั ถุ
ในบรเิ วณพ้นื ท่ีพุทธสถานทรัพยากร
วัดแสงอรณุ (วัดป่าดานวเิ วก)
ต�ำบลศรีชมพู อ�ำเภอโซพ่ ิสัย จงั หวดั บงึ กาฬ
กาลเวลาใด กุฏิหลังหน่ึงหลังใดเกิดช�ำรุด ถูกท�ำลายเสียหายอันเนื่องจากภัย
ธรรมชาติ หรือว่างลงเกินก�ำลังท่ีจะดูแลบ�ำรุงรักษา อนุญาตให้รื้อออกและน�ำส่วน
ประกอบของกุฏิท่ีเห็นว่าจะท�ำประโยชน์ได้ น�ำไปเก็บรักษาไว้ตามที่เห็นควรอนุญาต
ใหท้ ำ� ไดต้ ลอดกาล
ศาลากฏุ พิ ระสงฆเ์ ดิมที่ศรทั ธาสรา้ งถวาย กฏุ เิ ล็กมี ๒๑ หลัง กุฏใิ หญม่ ี ๘ หลงั
รวมทงั้ หมดมี ๒๙ หลงั และบ้านพกั ปฏิบตั ธิ รรมฆราวาสชายมี ๔ หลัง ฆราวาสหญงิ มี
๑๒ หลงั ไม่อนุญาตให้ท�ำการกอ่ สร้างหรือตอ่ เติมเพ่ิมขึ้นอีกตลอดไป แต่จะท�ำใหเ้ หลือ
นอ้ ยลงตามกำ� ลงั ของผูท้ ีจ่ ะดูแลบำ� รงุ รกั ษา ก็เหน็ ควรอนุญาต
ศาลา กุฏิ อนุญาตให้ท�ำการก่อสร้างข้ึนแทนในจุดเดิม หากจ�ำเป็นต้องเปลี่ยน
สถานทก่ี อ่ สรา้ งใหม่ ตอ้ งใหเ้ จา้ หนา้ ทพ่ี ทุ ธสมนุ ไพรคแู่ ผน่ ดนิ ไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์
พิจารณาตรวจพื้นท่ีจะท�ำการก่อสร้างก่อนทุกครั้งตลอดไป โดยอนุญาตให้ท�ำการ
กอ่ สร้างเทา่ ที่จ�ำเป็นจรงิ ๆ เทา่ นนั้ คือ
๑. ให้เตรยี มส่วนประกอบของอาคาร เชน่ เสา คาน ฯลฯ โดยการเจาะ, บาก,
ถาก, ไส ฯลฯ ให้แลว้ เสรจ็ ภายในบริเวณพ้ืนทอี่ าคารมูลนิธพิ ทุ ธสมนุ ไพรค่แู ผน่ ดนิ ไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์เท่าน้ัน สามารถน�ำไปประกอบติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ไม่เป็น
การยุ่งยาก ห้ามเข้ามาท�ำส่วนประกอบดังกล่าวอันจะท�ำให้เกิดเสียงดังในบริเวณวัด
โดยเดด็ ขาด ทุกกาลเวลาตลอดไป
95
๒. อนุญาตให้ก่อสร้างกุฏิขนาดเล็ก มีขนาดตามที่ได้ก�ำหนดไว้ คือ กว้าง
ไม่เกิน ๓ เมตร ยาวไม่เกิน ๓ เมตร ระเบียงดา้ นเดียว กวา้ งไมเ่ กิน ๒ เมตร ยาว
ไมเ่ กนิ ๓ เมตร เทา่ นน้ั เมือ่ ทำ� การกอ่ สร้าง ตอ้ งใหแ้ ล้วเสร็จภายใน ๒๐ วนั ถา้ ก่อสรา้ ง
ไม่ส�ำเร็จตามที่อนุญาตไว้ ก็ให้ยุติการก่อสร้าง และไม่อนุญาตให้ท�ำการก่อสร้างอีก
ตลอดไป
๓. อนุญาตให้ก่อสร้างกุฏิขนาดใหญ่ มีขนาดตามท่ีได้ก�ำหนดไว้ คือ กว้าง
ไม่เกิน ๕ เมตร ยาวไม่เกิน ๙ เมตร (รวมทั้งห้องน้�ำและทางจงกรม) หากมีเหตุ
จ�ำเป็นจริงๆ อนุญาตให้สร้างแทนหลังที่ช�ำรุดได้ไม่เกิน ๕ หลัง เม่ือท�ำการก่อสร้าง
ต้องแล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน ถ้าก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามที่อนุญาตไว้ ก็ให้ยุติการ
กอ่ สรา้ งและไมอ่ นญุ าตให้ท�ำการก่อสร้างตลอดไป ห้ามทำ� การกอ่ สร้างแบบหรหู ราโดย
เด็ดขาดตลอดกาล
ไม่อนุญาตให้ท�ำการก่อสร้างถาวรวัตถุใดๆ ในช่วงฤดูเข้าพรรษา เริ่มต้ังแต่
วันที่ ๑ กรกฎาคม ถึงวนั ที่ ๓๑ ตุลาคม ของทุกๆ ปี ถ้ามีเรอื่ งจำ� เปน็ ให้คณะสงฆ์
พจิ ารณาตามท่ีเหน็ สมควรตลอดกาล
ขอใหย้ ดึ ข้อปฏิบตั ิข้างตน้ อยา่ งเคร่งครัดตลอดไป เว้นเสยี แตพ่ ระมหากษัตรยิ ไ์ ทย
ผทู้ รงทศพธิ ราชธรรม จะเหน็ สมควรตลอดกาล กอ่ นทำ� การกอ่ สรา้ งทกุ ครง้ั ใหร้ บั อนญุ าต
จาก กอ.รมน. เทา่ นัน้
มลู นิธพิ ุทธสมนุ ไพรคู่แผน่ ดินไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
๘ กมุ ภาพนั ธ์ ปีพุทธศกั ราช ๒๕๕๓
96
เร่ืองก�ำหนดทางเดนิ จงกรม
ทิศทางและความส้ันยาวของทางส�ำหรับเดินจงกรม ตามปฏิปทาของพระธุดงค-
กรรมฐานทนี่ ักปราชญ์ทา่ นได้พาปฏบิ ตั มิ ามีดังนี้ ทางเดินจงกรมตามทีท่ า่ นกำ� หนดรไู้ ว้
และปฏบิ ตั ติ ามเรอ่ื ยมานนั้ มสี ามทศิ ดว้ ยกนั คอื ตรงไปตามแนวตะวนั ออก-ตะวนั ตกหนงึ่
ไปตามแนวทิศตะวันตกเฉียงใต้หนึ่ง และไปตามแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือหน่ึง
การเดนิ จงกรมกเ็ ดนิ ไปตามแนวทง้ั สามทกี่ ำ� หนดไวใ้ นแนวใดแนวหนง่ึ ความสน้ั ยาวของ
ทางจงกรมแต่ละสายนั้น ท่านวา่ ตามแต่ควรส�ำหรบั รายนัน้ ๆ ไมต่ ายตัว ก�ำหนดเอาเอง
ได้ตามสมควร แต่อย่างส้ันท่านว่าไม่ควรให้สั้นกว่าสิบก้าว ส�ำหรับเวลาอยู่ในท่ีจ�ำเป็น
หาทางเดินมิได้ ทางจงกรมขนาดธรรมดายาวราวย่ีสิบก้าว ขนาดยาวราวย่ีสิบห้า
ถึงสามสบิ กา้ วเป็นความเหมาะสมท่วั ๆ ไป เฉพาะทิศทาง ทา่ นถอื เปน็ แบบฉบับและปฏิบตั ิ
ตามนั้นจริงๆ ไม่ให้เคลื่อนคลาดในเม่ือไม่จ�ำเป็นจริงๆ และสั่งสอนพระเณรให้ปฏิบัติ
ตามน้ันดว้ ย
ถ้าคดิ ทางเดนิ จงกรมขนาดธรรมดาตามมาตราวดั ความกว้างประมาณ ๒ เมตร
ความยาวประมาณ ๒๐ เมตร ถ้าท�ำอยู่ในพ้ืนท่ีบริเวณกุฏิไม่ว่าช้ันบนหรือชั้นล่าง
ความกว้างประมาณ ๑.๓๐ เมตร ความยาวประมาณ ๑๐ เมตร
การสร้างทางจงกรมทุกเส้น ไม่อนุญาตให้ก่อสร้างท�ำหรูหรา เช่น เทคอนกรีต
เฉพาะทางจงกรมอนุญาตให้เทกั้นเป็นขอบ เพื่อมิให้น�้ำไหลเป็นร่อง กว้างประมาณ
๒๐ เซนตเิ มตร ความยาวเทา่ ที่ไดก้ ำ� หนดทางจงกรมตามทเ่ี หน็ ควรไว้แล้ว ความลึกให้
พอเหมาะกบั พนื้ ที่ ที่จะรักษาทางจงกรมไมใ่ หเ้ สียหายพน้ื ท่ีดนิ ตามธรรมชาติตลอดไป
การก�ำหนดทางเดินจงกรม เฉพาะวดั แสงอรุณ (วัดปา่ ดานวิเวก) พ้นื ท่ีอยู่ในเขต
ป่าสงวนแห่งชาติ และเขตปฏริ ปู ท่ดี ินทไี่ ดร้ ับอนญุ าตจากทางราชการ และมีการก�ำหนด
เขตรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติ ดงั นนั้ กอ่ นจะลงมอื ทำ� ควรขออนญุ าตจากเจา้ หนา้ ทม่ี ลู นธิ ิ
97
พทุ ธสมนุ ไพรคแู่ ผน่ ดินไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ทุกกาลเวลา และควรค�ำนงึ จ�ำพวก
ยาสมุนไพรชนิดหาได้ยากซึ่งก�ำลังจะสูญพันธุ์ และพ้ืนที่อุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
ควรสงวนรักษาไว้ อย่าท�ำอันตรายใดๆ ตลอดกาล ทางจงกรมท่ีได้ท�ำไว้แล้วเมื่อปี
พุทธศักราช ๒๕๑๕ ถึงปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ พอเหมาะพอดีแล้ว ไม่ควรท�ำเพิ่มขึ้นอีก
ตลอดไป.
ถา้ จะมีการทำ� ทางเดินจงกรมต่อเตมิ เสรมิ เพิม่ ข้นึ และสร้างนงั่ รา้ นหรือกระต๊อบ
ควรใหเ้ จา้ หนา้ ที่พทุ ธสมนุ ไพรคแู่ ผน่ ดินไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ มาตรวจดูพ้ืนท่ีที่จะ
ลงมอื ทำ� กอ่ นทกุ ครง้ั ไป การทำ� ทางจงกรมควรใหท้ ำ� พอเหมาะกบั สภาพพนื้ ท่ี ควรปรบั ปรงุ
ให้ดี ไม่ควรท�ำอันตรายในพ้ืนท่ีดินเดิมตามธรรมชาติและบริเวณใกล้เคียงให้เสียหาย
จะเปน็ การสง่ เสรมิ ทรพั ยากรธรรมชาตใิ หพ้ อดสี มดลุ กนั ทงั้ ทรพั ยากรภายในอดุ มสมบรู ณ์
คงทีด่ งี าม เป็นความเหมาะสมของผทู้ ่ีอยู่ในพืน้ ที่ปา่ คุ้มครองทางด้านกฎหมายทกุ เวลา
ตลอดกาล.
มูลนธิ พิ ทุ ธสมุนไพรคู่แผ่นดนิ ไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
๘ กมุ ภาพนั ธ์ ปีพทุ ธศักราช ๒๕๕๓
98
ข้อควรพิจารณาในการก่อสร้างถาวรวตั ถุ
บรเิ วณพื้นทพ่ี ุทธสถานทรัพยากร วดั แสงอรณุ (วดั ปา่ ดานวิเวก)
ได้มีการก่อสร้างศาลาขึ้นคร้ังแรกเมื่อวันท่ี ๑๙ มกราคม ปีพุทธศักราช ๒๕๑๕
ไดท้ �ำการก่อสร้างกฏุ ิ ปพี ุทธศักราช ๒๕๑๗ และได้ท�ำการก่อสรา้ งเพม่ิ ข้ึนตามแต่โอกาส
ของคณะศรัทธาสร้างถวายเรื่อยมา ทั้งมีการต่อเติมเสริมขึ้นตามที่เห็นควรจนถึงปี
พทุ ธศักราช ๒๕๕๓ ถาวรวตั ถทุ ้ังหมดมดี งั นี้
๑. ศาลารวมนำ้� ใจ ๑ หลงั
๒. กฏุ พิ ระสงฆ์ ๒๘ หลงั และกฏุ เิ กบ็ ของสงฆ์ ๑ หลงั รวม ๒๙ หลัง
๓. บา้ นพกั ปฏบิ ตั ธิ รรมของฆราวาสชาย ๔ หลัง
๔. บ้านพักปฏิบตั ิธรรมของฆราวาสหญงิ ๑๒ หลัง
๕. โรงน�้ำรอ้ นพระสงฆ์ ๑ หลงั
๖. โรงครัวส�ำหรบั ทำ� อาหาร ๓ หลงั
๗. โรงเก็บวสั ดอุ ปุ กรณ์ต่างๆ ๓ หลัง
ฉนฺทกโร ผู้เป็นหัวหน้าน�ำหมู่คณะ พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดแสงอรุณ (วัดป่า-
ดานวเิ วก) ลงมตเิ หน็ สมควรไมอ่ นญุ าตใหท้ ำ� การกอ่ สรา้ งและตอ่ เตมิ ถาวรวตั ถใุ ดๆ เชน่
ศาลา กุฏิ พระเจดีย์ พระสถูป วหิ าร อาคาร พิพธิ ภณั ฑ์ รปู หลอ่ ต่างๆ เปน็ ต้น เพ่ิมขน้ึ อกี
นับตัง้ แต่เดอื นกมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๓ เปน็ ตน้ ไป เพราะพทุ ธสถานทรพั ยากร วดั แสงอรุณ
(วัดป่าดานวิเวก) มิได้มีความมุ่งหวังเพื่อจะให้ก่อสร้างถาวรวัตถุใดๆ ย่ิงไปกว่าการ
ด�ำเนินภาคปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย จะพยายามให้ใกล้เคียงกับสายทางด�ำเนิน
สมัยคร้ังพุทธกาลใหม้ ากทีส่ ุด และสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาตใิ ห้อุดมสมบรู ณค์ ูช่ าติ
บ้านเมอื งไทยเราตลอดไป
99
พระผู้มีคุณธรรมภายในใจ เป็นผู้ที่รักธรรมชาติ ชอบอาศัยในสถานที่ท่ีเป็น
ป่าเขา ที่สงบสงัดวิเวก ไม่ชอบคลุกคลีกับการสร้างถาวรวัตถุใดๆ ซ่ึงขัดต่อวิสัย
ของผู้มุ่งสู่แดนพ้นทุกข์ นับแต่กาลไหนๆ มาและตลอดไป หากจ�ำเป็นก็ท�ำพอได้
อยู่อาศัยเพื่อบ�ำเพ็ญสมณธรรมเท่านั้น ขอให้เจ้าหน้าท่ีบ้านเมืองพิจารณาตริตรอง
ในเรื่องของวงศ์พระภาคปฏิบัติให้รอบคอบ จะเป็นประโยชน์ต่อทรัพยากรธรรมชาติ
ไม่มีประมาณ และส่งเสริมทางด้านจิตใจให้มีคุณธรรม เท่ากับเป็นการสร้างมนุษย์
ทั้งมวลใหเ้ ป็นทรพั ยากรบคุ คลอย่างล�ำ้ ค่า ทำ� ใหช้ าติ ศาสนาพุทธ พระมหากษตั ริยไ์ ทย
ม่ันคงถาวรอยูค่ ู่แผ่นดินสยามชวั่ กัลปาวสาน.
มลู นิธพิ ทุ ธสมนุ ไพรคแู่ ผ่นดนิ ไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์
๘ กมุ ภาพันธ์ ปีพุทธศกั ราช ๒๕๕๓
100
กจิ วตั รประจ�ำวนั
วงศอ์ ริยประเพณีตามสายทางทา่ นพาด�ำเนนิ
เราพอไดเ้ ห็นลกู ศษิ ย์ท่านหลวงป่มู ่ันพาปฏบิ ัตปิ ระมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๙
• เช้าพอสว่าง รีบเตรียมลงไปศาลา (ถ้าไม่มีศาลา ก็จัดให้พอเหมาะกับพื้นท่ี)
ทำ� ความสะอาดใหเ้ รยี บรอ้ ยดว้ ยความระมดั ระวงั อยา่ ใหม้ เี สยี งดงั ปอู าสนะถวายครบู า-
อาจารย์ ทา่ นมีกาน�้ำเฉพาะทกุ องค์ สมยั ก่อนไมค่ อ่ ยมีกระโถน ใชก้ ระบอกไม้ไผ่ประจำ�
ทุกองค์ วางให้มรี ะเบยี บเรียบร้อย อยดู่ ว้ ยความสงบคอยเวลาบิณฑบาต
• เตรยี มออกบณิ ฑบาตตามกาลเวลาและโอกาสอนั ควร พระผนู้ อ้ ยเตรยี มจดั ซอ้ นผา้
สงั ฆาฏิไว้ ใส่รงั ดมุ ลูกดมุ เพ่อื ถวายครบู าอาจารย์ ทำ� ดว้ ยความสงั วร ด้วยสตไิ ม่ประมาท
ผู้น้อยออกเดนิ ก่อนประมาณ ๕ นาที ไปรอคอยทา่ นอยทู่ ่ีก่อนจะเข้าบ้านตามสายทางที่
เขา้ บณิ ฑบาต ขากลบั ผนู้ อ้ ยกลบั กอ่ น องคไ์ หนคอยรบั บาตรพระผใู้ หญใ่ หศ้ กึ ษาวตั รปฏบิ ตั ิ
การรบั และดแู ลรกั ษาบาตรใหด้ ี จะไมใ่ หท้ า่ นไดห้ นกั ใจ กลบั ถงึ วดั กอ่ นรบี จดั อาหารออก
จากบาตรไปรวมกัน ช่วยกันจัดอาหาร แจกอาหารหวานคาวให้พอเหมาะกับจริตนิสัย
ตามท่ีเห็นควรของทุกๆ องค์ เสร็จเรียบร้อยนั่งเข้าที่ทุกองค์ ถ้ามีญาติโยมหัวหน้า
ใหพ้ รเสร็จ น่งั พิจารณาอาหารประมาณ ๓-๕ นาที หัวหนา้ ลงมือฉันกอ่ น ฉันด้วยความ
มสี ติ อยา่ ใหม้ เี สยี งดงั กบุ๊ ๆ กอ๊ บๆ กจิ วตั รเรอื่ งฉนั ทา่ นถอื ปฏบิ ตั ติ ามหลกั พระวนิ ยั เสขยิ วตั ร
ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทา่ นไดท้ รงแสดงไวไ้ มผ่ ดิ ทกุ กาลเวลา ในสมยั นน้ั ไมค่ อ่ ยจะมญี าตโิ ยมตาม
ไปส่งอาหาร เหมาะพอดกี ับพระธดุ งค์กรรมฐานทางภาคปฏบิ ตั ิตลอดกาล.
101
ข้อวัตรปฏบิ ตั ิวดั ป่าดานวิเวก
๑. กิจวัตรตอนเช้า พอสว่างรีบน�ำบาตรบริขารท่ีจ�ำเป็นใช้ไปที่ศาลา ช่วยกันปัด
กวาดศาลาให้สะอาดด้วยความมีสติสังวรประจ�ำตน อย่าให้มีเสียงดังรบกวนความสงบ
ช่วยกันปเู สอ่ื (สาด) ปอู าสนะถวายพระผูใ้ หญ่และปูท่ีนง่ั เสือ่ (สาด) พระผู้นอ้ ยตามลำ� ดบั
อายุพรรษา วางกระโถน กาน�้ำ ให้มีระเบียบเรียบรอ้ ยสะดวกพอดีกับการเข้าออกตาม
ท่ีเห็นควร ผู้มีหน้าท่ีซ้อนสังฆาฏิถวายครูบาอาจารย์ สังเกตดูอากาศฟ้าฝนตามฤดูกาล
ท�ำด้วยความรอบคอบ ใส่รังดุมลูกดุมเสร็จแล้ววางไว้ตามที่ท่านเคยวางไว้ด้วยความ
เคารพนนั้ จะเปน็ ความพอดี และชว่ ยกนั ดแู ลรกั ษาความสะอาดรอบบรเิ วณทศ่ี าลาทกุ ๆ วนั
จากนน้ั แล้วอย่ดู ้วยความสงบคอยจนถงึ เวลาออกบิณฑบาต
๒. ข้อปฏิบัติเวลาออกบิณฑบาต ก�ำหนดเวลาออกบิณฑบาตเฉพาะฤดูร้อน
วัดนี้เวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. ผู้ที่ออกบิณฑบาตสายทางไกลไปตามเวลาที่ได้
ก�ำหนดกันไว้ตามโอกาสที่เห็นควร การออกบิณฑบาต ผู้น้อยออกเดินก่อนประมาณ
๕ นาที การเดินไปบิณฑบาต เดินไปภาวนาไปทั้งขาไปและกลับ อย่าพูดหรือคุยกัน
อยู่ในอิริยาบถท่าสติสังวร จะเป็นความงามสงบร่มเย็นทุกกาลเวลา ขากลับผู้น้อย
กลับถึงก่อนแล้วจัดอาหารออกจากบาตร สมัยลูกศิษย์หลวงปู่มั่นพาปฏิบัติเรื่อง
จัดอาหารนำ� ออกจากบาตรมมี ากมีน้อยทุกองค์ ท่านจะนำ� ออกไปรวมกันแห่งเดยี ว แลว้
ช่วยกันแจกแบง่ ตามมตี ามไดใ้ หท้ วั่ ถึงกันตามสมควร เรื่องแจกอาหาร ดูกิริยาทา่ นแล้ว
งามตาเยน็ ใจมาก เพราะทา่ นทำ� ดว้ ยความคดิ อา่ นกอ่ นลงมือท�ำพอดีตามหลกั พระธรรม
วนิ ยั ปจั จบุ นั นอี้ าหารเหลอื เฟอื พระทา่ นผมู้ คี ณุ ธรรมภายในใจจะดแู ลชว่ ยกนั แจกแบง่ ให้
พอดตี ามท่ีเห็นควรให้จนทว่ั ถงึ กนั ไมใ่ ห้เหลอื เฟอื จนเกินไป
๓. กิจวัตรก่อนฉัน หลังจากแจกอาหารเสร็จ นั่งเข้าท่ีพร้อมกัน ถ้ามีศรัทธา
ญาตโิ ยมมา หวั หน้าใหพ้ ร จะใหอ้ งคเ์ ดยี วหรอื พร้อมกนั ใหส้ ดุ แต่จะพิจารณาตามเวลา
และโอกาส จากนน้ั แลว้ นง่ั เขา้ ทที่ ำ� ความสงบ พจิ ารณาอาหารในบาตรตามสมควร ๓-๕
นาที หวั หนา้ ลงมอื ฉนั ก่อน การฉันบณิ ฑบาตให้ถึงพร้อมดว้ ยความมีสตเิ สมอ อย่าให้มี
102
เสียงดังกบุ๊ ๆ ก๊อบๆ ในพระวนิ ัยเสขยิ วัตร พระพทุ ธเจา้ ทา่ นได้ทรงแสดงไวใ้ หถ้ อื ปฏิบัติ
ตามนนั้ จะไมม่ โี ทษมลทนิ ทกุ กาลเวลา
๔. กิจวัตรเวลาฉันเสร็จ รีบน�ำบาตรออกไปล้าง ตั้งใจท�ำด้วยความมีสติจดจ่อ
ท�ำหน้าที่ล้างบาตรจนเป็นทแ่ี นใ่ จว่าสะอาดแล้ว เช็ดถจู นกว่าจะแหง้ ดีเปน็ ทแ่ี น่ใจวา่ หมด
ความช้ืน ถ้ามีแดด น�ำบาตรออกผ่ึงแดดประมาณ ๑๕ นาที อยา่ ท้ิงบาตรผ่ึงแดดนาน
เกนิ ไปโดยไมส่ นใจดว้ ยความประมาทในการรกั ษาดแู ลบาตรจะไมพ่ น้ โทษ จากนน้ั แลว้
ชว่ ยกนั ดแู ลเกบ็ รกั ษาอาสนะเสอ่ื (สาด) นำ� ออกตากแดดใหแ้ หง้ พระผมู้ จี ติ ตภาวนาชอบคดิ อา่ น
มีเหตุผลภายในตน ก่อนลงมือทำ� ใคร่ครวญรอบคอบ เชน่ ฤดูฝน การดูแลรกั ษาความ
สะอาดเสอื่ (สาด) อาสนะทน่ี ง่ั ทน่ี อน หอ้ งนำ�้ (หอ้ งสว้ ม) ควรระวงั ความชนื้ ทำ� ใหเ้ กดิ เชอ้ื รา
อย่าท�ำด้วยความขเี้ กียจมกั ง่าย ยอ่ มไม่มผี ลดตี ่อหน้าท่กี ารงานทกุ ๆ อย่างทกุ กาลเวลา
๕. กิจวัตรเวลาบ่าย ประมาณบ่าย ๓-๔ โมง เมื่อถึงเวลาที่ได้ก�ำหนดไว้
เพื่อท�ำกิจวัตร พระทุกองค์เร่ิมลงมือกวาดลานวัด (กวาดตาด) เริ่มจากกุฏิท่ีพัก
อาศัยของตนเอง กวาดเร่ือยมาตามเส้นทางไปจนถึงบริเวณศาลาพอดี กิจวัตรเรื่อง
การกวาดลานวัด ขอให้ต้ังใจพยายามท�ำด้วยความมีสติ ควรกวาดหนักเบาตาม
พื้นที่สูงต�่ำ ใช้สติปัญญากวาดให้พอเหมาะกับพ้ืนที่ ควรระวังอย่าให้ความขี้เกียจ
มักง่ายท�ำหน้าที่เข้าบงการแทนสติปัญญาซ่ึงเป็นธรรมคู่เคียงสังหารทันกับเจ้ากิเลส
ตัณหาทุกกาลทุกเวลา ถ้าต้ังใจท�ำด้วยความจดจ่อต่อเน่ืองอย่างเอาจริงแล้ว เท่ากับ
มคี วามเพยี รเปน็ คณุ หนนุ นำ� กำ� ลงั สตปิ ญั ญาไปในตวั เสรจ็ จากกวาดลานวดั แลว้ พรอ้ มกนั
ขน้ึ ทำ� ความสะอาดเชด็ ถศู าลาปดั กวาดศาลาดว้ ยความสงั วรมสี ติ อยา่ เชด็ ถศู าลาทำ� ใหเ้ สยี ง
ดังตึงตังด้วยความคึกคะนองเหมือนคนไม่มีหลักยึด ท�ำให้รบกวนเสียความสงบ นั้นแล
กจิ วตั รของทา่ นผู้มีความเพยี รพยายามเพือ่ ตน จากนน้ั แล้วช่วยกันตักน�ำ้ หามนำ�้ ใช้ ดแู ล
น้�ำฉันจนใหพ้ อเพยี งทุกวัน เสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ ต่างองคต์ ่างหาสรงนำ�้ ตามอธั ยาศัย
๖. กิจวัตรข้อปฏิบัติฆราวาส สมัยลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ฆราวาสไม่ควรออก
เดินตามพระไปเวลาออกบิณฑบาต ผู้มีศรัทธาอยากจะช่วยพระรับบาตร ควรสนใจ
103
ศึกษาวิธีการรับบาตรดูแลรักษาบาตรจนเป็นที่ท่านไว้วางใจ ท่านจึงอนุญาตให้
รบั บาตร สมยั น้นั ฆราวาสคอยรบั บาตร เวลาพระทา่ นออกจากหมู่บา้ นขากลบั วดั คอยรบั
บาตรจากพระผใู้ หญอ่ ยนู่ อกบา้ น รบั บาตรจากทา่ นดว้ ยความเคารพคารวะสงั วร ไมเ่ ดนิ
พูดคุยกนั กบั พระ เดินไปกับพระดว้ ยอาการรกั ษาความสงบ ส่วนมากพระผ้มู ีพรรษานอ้ ย
ทา่ นจะไมอ่ นญุ าตใหฆ้ ราวาสรบั บาตร
อนง่ึ เวลาพระนง่ั พจิ ารณากอ่ นฉนั หรอื ลงมอื ฉนั แลว้ ฆราวาสควรอยดู่ ว้ ยความสงบ
พระทา่ นฉันบิณฑบาต ท่านจะฉันด้วยความมีสตสิ ังวรพจิ ารณาอาหารหวานคาวไปด้วย
พระมมี ากมนี อ้ ย เม่ือเวลาทา่ นฉันบณิ ฑบาตเงียบสงดั เหมือนไม่มีพระ ใครผมู้ ลี กู มหี ลาน
มีเด็กก�ำลังดื้อและหัดพดู ตามภาษา ควรชว่ ยกนั ดแู ลรกั ษา ขอความกรุณาทุกคนคิดอ่าน
ใคร่ครวญไตร่ตรองให้พอดีกับกาลสถานที่บุคคล เพราะวัดป่าสายวงศ์พระปฏิบัติเป็น
สถานทอี่ ยหู่ ่างไกลจากสง่ิ แวดล้อม ไม่ใช่สถานทีย่ ุ่งเหยิงวนุ่ วายเหมือนทางโลก ทุกทา่ น
ผู้แสวงหาบุญกุศลเพื่อความอบอุ่นร่มเย็นเพื่อตน ให้พิจารณาตามโอกาสอันควรจะเป็น
การปฏิบัติท่ีดีงามสงบร่มเยน็ ใจต่อกนั ทกุ กาลสถานท่ีไมม่ ีวนั จดื จาง
หนงั สอื ทางภาคปฏบิ ตั ิ ซงึ่ วสิ ทุ ธบิ คุ คลทา่ นไดแ้ สดงไวบ้ รสิ ทุ ธสิ์ มบรู ณเ์ รอื่ งธดุ งค์ ๑๓
และขอ้ วตั รปฏบิ ตั ิ จากหนงั สอื ประวตั หิ ลวงปมู่ น่ั หรอื หนงั สอื ปฏปิ ทาพระธดุ งคกรรมฐาน
สายหลวงป่มู ่ัน ทางจิตตภาวนาจากหนงั สอื ปญั ญาอบรมสมาธิ เรียบเรยี ง (จารึก) โดย
พระธรรมวสิ ุทธิมงคล พระญาณสมั ปันโน (หลวงตามหาบวั ) ท่านเปน็ วสิ ทุ ธเิ ทวา แสดง
ด้วยปัญญาญาณความรู้ชาญฉลาดเหนือปัญญาโลกีย์ในแดนแห่งไตรภพ ท่านผู้สนใจ
ทางภาคปฏิบัติ กรุณาหาหนังสอื ไดจ้ ากวดั ป่าบ้านตาด จ.อดุ รธานี หรอื ท่เี จดีย์มหามงคล
“บวั ” จ.ร้อยเอด็ และหอสมดุ แหง่ ชาติ ตามเวลาและโอกาสอนั ควร เพอ่ื เปน็ แบบฉบบั นำ�
มาเป็นคเู่ คียงกบั ภาคปฏบิ ตั ิ คำ� ว่าผิดหรือผดิ พลาดนน้ั ไม่มีผสู้ นใจนอ้ มน�ำไปปฏิบตั ิตาม
สายทางพาก้าวเดินแห่งอริยวงศ์มีแต่ได้รับความสมหวังสมปรารถนาไม่มีกาลไม่มีเวลา
ทกุ สถานท่ชี ่วั นริ ันดร
104
เรื่องทางภาคปฏิบัติด้านจิตภาวนาน้ัน ตามความรู้สึกของผู้เขียน บรรดาลูกศิษย์
หลวงปู่ม่ันสมัยนั้นพอได้เห็นมา บุญบารมีของทุกองค์ที่ได้บ�ำเพ็ญมาส่งเสริมก�ำลังทาง
ด้านจติ ภาวนาของทา่ น การเรง่ ความเพียรนี้เดน่ มาก เช่น เดนิ จงกรม นั่งสมาธิ ไม่วา่
กลางวนั กลางคืน ยืน เดนิ นง่ั นอน ทา่ นถืองานน้เี ปน็ อย่างสำ� คัญมาก ย่งิ กวา่ งานอ่นื ใด
ทางโลกนิยม ฉนั บิณฑบาตเสร็จ รบี ลา้ งบาตรเช็ดบาตรเสรจ็ สมยั นั้นถา้ มแี ดดก็ผงึ่ บาตร
ใหแ้ หง้ พอประมาณ ศาลากไ็ มม่ ใี หญๆ่ เหมอื นทกุ วนั น้ี มพี อไดอ้ าศยั นง่ั ฉนั บณิ ฑบาตและ
ประชมุ ลงอโุ บสถเท่านั้น ภาระการดูแลรกั ษาก็งา่ ย จากนนั้ รบี กลบั ที่พกั มีเพยี งกระตอ๊ บ
สว่ นมาก กฏุ มิ ไี มม่ าก และไมใ่ หญห่ รหู รา ไมอ่ ยากเรยี กวา่ กฏุ ิ รกั ษากง็ า่ ยไมเ่ ปน็ ภาระมาก
เกบ็ บาตรบรขิ ารเรยี บรอ้ ยเขา้ ทางจงกรม ทา่ นเดนิ จงกรมจนถงึ เกอื บจะเทยี่ งหรอื ประมาณ
๕ โมงเชา้ คำ� วา่ พกั จำ� วดั หรอื พกั ผอ่ นรา่ งกายพอสมควร ไมเ่ คยเหน็ องคไ์ หนทา่ นจำ� วดั มาก
สมยั นน้ั ไมค่ อ่ ยจะมนี าฬกิ า คดิ ประมาณเอาอยา่ งมากไมเ่ กนิ ชว่ั โมง บางองคท์ า่ นเดด็ เดยี่ ว
จะไม่ค่อยเห็นท่านพักจ�ำวัด จากนั่งลงเดินจงกรมแล้วก็น่ังสมาธิจนถึงเวลาท�ำกิจวัตร
กวาดลานวัด (กวาดตาด) ตามเวลาท่ีได้ก�ำหนดไว้พร้อมกันกวาด ต่างองค์ต่างกวาด
ด้วยสติปัญญา เสร็จเรียบร้อยพร้อมกันขึ้นดูแลศาลาแล้วเสร็จ พร้อมช่วยกันตักน�้ำใช้
นำ้� ฉันจนเพียงพอแลว้ ต่างองคท์ า่ นหาสรงน�ำ้ (อาบน�ำ้ ) ตามอัธยาศยั จากนน้ั แล้วตอน
คำ�่ มดื ถา้ ไมม่ กี ารนดั ประชมุ เขา้ ทางจงกรมจนถงึ ๓-๔ ทมุ่ และบางองคไ์ มน่ อนตลอดคนื
ในสมัยนั้นตอนค�่ำไม่มีประชุมรวมกันไหว้พระสวดมนต์ ต่างองค์ต่างไหว้พระสวดมนต์
ตามเวลาและโอกาสสะดวกของแตล่ ะองค์ แต่สวดมนต์นบ่ี างองคส์ วดมนตเ์ ก่งมาก ๑-๒
ชั่วโมง เวลาสวดมนต์ออกเสียงเบาพอได้ยินโดยเฉพาะตนเท่านั้น พระธุดงค์กรรมฐาน
ทางภาคปฏบิ ตั สิ มยั ลกู ศษิ ยท์ า่ นหลวงปมู่ นั่ ถา้ จะเทยี บกบั สมยั วตั ถเุ จรญิ ปจั จบุ นั นไี้ กลกนั
มากราวฟ้ากับดิน เรายังมองเห็นนี่ เกือบจะไม่มองเห็นสายทางอริยวงศ์แล้วในยุคน้ี
ขอใหพ้ ากันพิจารณา
วัดป่าดานวิเวก
ฉนทฺ กโร
๑๖ เมษายน พุทธศกั ราช ๒๕๕๕
พุทธสถานทรพั ยากรวดั ป่าดานวเิ วก
ขอใหป้ ฏิบตั ิตามเจตนานี้
๑. เพอื่ ปลูกบ�ำรุงรักษาป่าให้อุดมสมบรู ณท์ ุกกาลเวลาคูแ่ ผ่นดนิ ไทย
๒. เปน็ สถานที่อยอู่ าศัยเพอ่ื วเิ วกพระสงฆ์มาจากทิศท้ัง ๔
๓. เพอื่ อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตทิ ง้ั บนดนิ ใตด้ นิ ใหเ้ ปน็ มรดกของแผน่ ดนิ ไทย
๔. ห้ามก่อสร้างถาวรวัตถุใดๆ ใหญ่โตหรูหราใหญ่เกิน ๓ ĭ ๓ เมตร
สร้างมากเกินความจ�ำเป็น ท�ำลายทรัพยากรธรรมชาติ เสียความสงบ
โดยไม่ร้ตู วั ผดิ สายทางเดินแห่งอริยวงศ์ไมพ่ อดีทุกกาลเวลา
๕. ไมค่ ลกุ คลีกันทกุ ยุคทุกสมัยทกุ กาลเวลา เป็นความพอดตี ลอดไป
พระฉนทฺ กโร
(เพิ่มเตมิ ๑)
(เพ่มิ เตมิ ๒)
105
ระเบยี บและขอ้ บงั คบั ส�ำหรับการใชอ้ าคารสถานท่ี
ของมลู นธิ พิ ุทธสมนุ ไพรคแู่ ผ่นดนิ ไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ์
วดั ปา่ ดานวเิ วก (วดั แสงอรณุ ) ตำ� บลศรชี มพู อำ� เภอโซพ่ สิ ยั จงั หวดั บงึ กาฬ
๑. ผู้เข้าพักอาศัยต้องรักษาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ห้ามมิให้ใช้วิธีการ
ทำ� ลายใดๆ โดยเดด็ ขาด ซงึ่ ในการจะทำ� การใดๆ ในสถานทแ่ี หง่ น้ี ตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจาก
มลู นธิ ฯิ เทา่ นนั้
๒. ผู้เข้าพักอาศัยสามารถอยู่ในสถานท่ีพักแห่งน้ีได้ไม่เกิน ๗ วัน และมีความ
ประสงคจ์ ะอยตู่ อ่ ตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากทางมลู นธิ ฯิ กอ่ น และอยไู่ ดไ้ มเ่ กนิ ๗ วนั ตอ่ ครง้ั
และมรี ะยะหา่ งไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๕ วนั ในการกลบั มาพกั อาศยั แตล่ ะครงั้ และไมค่ วรเกนิ ๕ คน
ตอ่ คณะ
๓. ไมอ่ นญุ าตใหอ้ อกนอกสถานทพ่ี กั เพอ่ื คลกุ คลกี นั ในหมคู่ ณะ โดยเฉพาะหญงิ ชาย
ตอ้ งแยกกนั โดยเหมาะสมแกก่ าลแกเ่ หตุ และหา้ มจดั กจิ กรรมใดๆ โดยเดด็ ขาด
๔. การแตง่ กายตอ้ งพจิ ารณาถงึ ความเหมาะสม เนอื่ งจากเปน็ เขตวดั หญงิ ชายตอ้ ง
แต่งกายด้วยความสุภาพเรียบร้อย ไม่ควรใส่เส้ือผ้าสีฉูดฉาดไม่เหมาะไม่ควร และใหม้ ี
ความสามคั คใี นหมคู่ ณะ งดสง่ เสยี งใดๆ เพอ่ื เปน็ การรบกวนกนั ในขณะเขา้ พกั อาศัย
๕. งดใชเ้ ครอื่ งเลน่ ทกุ ชนดิ ไมว่ า่ จะเปน็ โทรศพั ทม์ อื ถอื , เครอื่ งเสยี งทกุ ชนดิ ทส่ี ง่ เสยี ง
รบกวนซง่ึ กนั และกนั หา้ มนำ� ทวี ี วทิ ยุ เครอ่ื งคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาในสถานทนี่ โ้ี ดยเดด็ ขาด
ยกเวน้ การนำ� มาซ่งึ เครื่องฟังสำ� หรับธรรมะปฏบิ ตั ิเทา่ น้นั และห้ามนำ� หนงั สืออ่ืนๆ หรอื ท่ี
เกี่ยวข้องกับลัทธอิ ่ืนๆ อันไม่เหมาะไม่ควร โดยเฉพาะที่ไม่เกีย่ วขอ้ งกับธรรมปฏบิ ตั ิ
๖. อาคารทพ่ี กั แยกหญงิ ชาย ชดั เจน ไมค่ วรยา้ ยทพี่ กั อาศยั เองโดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต
106
๗. ไม่อนุญาตให้น�ำเข้ามาและเสพส่ิงเสพติด รวมทั้งบุหร่ีและสุราเคร่ืองดื่มของ
มนึ เมา ฯลฯ ทกุ ชนิด
๘. ไมค่ วรเก็บของมีค่าในห้องพกั และเพ่อื ปอ้ งกันมดและหนู แมลงสาป หา้ มน�ำ
อาหารเข้าไปในบรเิ วณห้องพักนอกจากน้�ำดม่ื
๙. ก่อนกลับ กรุณาท�ำความสะอาดหอ้ งพกั ปดั กวาด เช็ดถู ลา้ งหอ้ งน้�ำ ปดิ ประตู
หนา้ ตา่ งให้เรยี บรอ้ ย
๑๐. ระเบียบหรือข้อห้ามใดท่ีไม่ได้ก�ำหนดไว้ในข้อบัญญัติน้ี ให้อนุโลมน�ำกฎ
๑๐ ข้อของวัดป่าดานวิเวก (วดั แสงอรณุ ) มาใช้บังคับด้วยเพ่ือความเหมาะสม
ประกาศ ณ วันท่ี ๑๓ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
พลเรือโท ประธานกรรมการ
(ตรรี ตั น์ ชมะนนั ทน)์
มลู นธิ ิพุทธสมุนไพรคูแ่ ผน่ ดินไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์
107
เรือ่ งปญั หาพระสงฆใ์ นพ้นื ทป่ี า่ ไม้
๑. ไม่ควรอนุญาตให้สรา้ งวัด หรอื สำ� นกั สงฆ์ และถาวรวัตถุใดๆ ข้นึ ในพ้ืนท่ี
ปา่ สงวน และทม่ี กี ฎหมายคมุ้ ครองทกุ ประเภท ถา้ บา้ นเมอื งจะเหน็ ควรอนญุ าต ใหเ้ ฉพาะ
เป็นสถานท่ีวิเวกท�ำเพียงกระต๊อบพอได้อยู่อาศัย เพ่ือบ�ำเพ็ญศีลบ�ำเพ็ญธรรมทางภาค
ปฏิบัติดา้ นจติ ภาวนาเหมาะพอดีแต่ละสถานที่ ไมค่ วรสร้างขึ้นมากเกนิ ๕ หลงั ถา้ มาก
จะเสยี ความสงบตามธรรมชาตโิ ดยไมร่ ตู้ วั ยกเวน้ พระมหากษตั รยิ ผ์ ทู้ รงทศพธิ ราชธรรม
ของไทยเท่าน้ัน ท้ังน้ีเพ่ือส่งเสริมก�ำลังทางด้านจิตภาวนาให้มีคุณธรรมซ่ึงเป็นมรดก
อย่างล้�ำค่า เพื่อสัตว์โลกท้ังมวลจะได้พึ่งเป็นพึ่งตาย มีธรรมเท่านั้นท่ีจะได้รับความสุข
สมหวังสมปรารถนาทุกกาลเวลาไม่ล้าสมัย
๒. บ้านเมืองขาดความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และขาดศีลธรรมท่ี
ดีงามเปน็ ก�ำลังสง่ เสริมทางดา้ นจิตใจ ก็เท่ากบั สร้างปญั หามคี วามทกุ ขเ์ ดือดรอ้ นตามมา
ปวงชนชาวไทยท้ังแผน่ ดนิ ย่อมไม่มีความสงบสุข
๓. การสร้างวัดก็นับว่าก่อสร้างมากท่ัวพระราชอาณาจักรไทย ควรหรือไม่ควร
อนุญาต ให้รู้จักก�ำลังฐานะให้พอเหมาะพอดีกับพื้นท่ี แต่ถ้าบ้านเมืองขาดทรัพยากร
ธรรมชาตผิ บู้ ำ� รงุ รกั ษา ชาติ ศาสนาพทุ ธ พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย จะอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร ควรคำ� นงึ ถงึ
การกอ่ สรา้ งถาวรวตั ถุ ไมค่ วรทำ� ลายทรพั ยากรธรรมชาตขิ องแผน่ ดนิ ทองแผน่ ดนิ ธรรม
ของชาติไทย บุญกุศลไม่เคยท�ำให้ประเทศชาติล้มละลาย หรือท�ำโลกให้ผิดหวัง และ
พังทลาย
การสร้างวัดและการให้ทานในครั้งพุทธกาล ล้วนแต่ท่านผู้มีทรัพย์สินบริสุทธ์ิ
สมบรู ณท์ างโภคทรพั ย์ เชน่ พระราชามหากษตั รยิ ์ เศรษฐมี หาเศรษฐี ตลอดถงึ คนยากจน
ในพระไตรปิฎกทา่ นกล่าวไว้ไม่มีประมาณ หาทตี่ ้องตมิ ไิ ด้ สร้างวดั ข้ึนจากน�ำ้ จิตน�้ำใจ
ใสศรทั ธาในพระพทุ ธเจา้ และพระอรยิ สงฆส์ าวกทง้ั ปวง สรา้ งถวายไวใ้ นบวรพระพทุ ธ-
ศาสนา มไิ ด้มงุ่ หวังสงิ่ ตอบแทนจากวตั ถปุ ัจจัยใดๆ นอกจากบุญกุศลเท่าน้ัน
108
การสร้างถาวรวตั ถุ สรา้ งวดั ในสมยั ปจั จุบนั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ผู้ท่จี ะสรา้ งวัดข้นึ
ดว้ ยนำ้� ใจใสศรทั ธา และมที รพั ยส์ นิ บรสิ ทุ ธส์ิ มบรู ณท์ างโภคทรพั ยน์ นั้ มจี ำ� นวนนอ้ ย และ
ผทู้ สี่ รา้ งวัด เพือ่ มงุ่ หวังบุญกศุ ลจริงๆ ก็มี แตจ่ �ำนวนน้อยมาก ผลลัพธ์ คอื ความสมหวัง
ความสขุ ความเจรญิ กา้ วหนา้ คอื กศุ ลผลบญุ ทจี่ ะพงึ ไดร้ บั จงึ ตา่ งกนั เพราะการทำ� ตน้ เหตุ
คือการบำ� เพ็ญกุศลแตกต่างกัน
บุญกุศลคงที่ดีงามที่พระพุทธเจ้าทรงแนะน�ำส่ังสอนสัตวโลกให้บ�ำเพ็ญ นับแต่
กัปไหนกัลป์ไหนมา ไม่เคยท�ำให้ผู้บ�ำเพ็ญได้รับความทุกข์เดือดร้อนกระทบกระเทือน
น�้ำใจสัตวโลกทั้งมวลให้ได้รับความบอบช�้ำน้�ำใจนับแต่กาลไหนๆ มา และตลอดไป
นอกจากไมฉ่ ลาดให้พอดใี นเรอื่ งบุญกุศลเทา่ นนั้
๔. เรื่องกฎหมายก็เป็นหลักปกครองโลกมนุษย์ท้ังมวล และยังเป็นหลักอย่าง
ส�ำคัญมาก ช่วยคุ้มครองป้องกันประเทศชาติบ้านเมืองให้ได้รับความสงบสุข เป็นหลัก
คู่เคียงกับการปกครองโลกนับแต่บรรพบุรุษเรื่อยมา โลกมนุษย์ถ้าไม่มีหลักกฎหมาย
และกฎระเบียบทีด่ งี ามไม่มีโทษช่วยปกครองแล้ว มนษุ ย์กไ็ มต่ า่ งอะไรกบั สัตว์
๕. พระถา้ ปฏบิ ตั ติ วั เกนิ ขอบเขตของหลกั พระธรรมวนิ ยั และยงั ดอื้ ฝา่ ฝนื ทางกฎหมาย
บ้านเมือง ประเภทนี้ไม่ใช่พระผู้แสวงหาความสงบร่มเย็นทางด้านจิตใจเพ่ือตนเอง
ตามหลักพระธรรมวินัย พระประเภทนสี้ ดุ แตท่ างโลกจะวนิ ิจฉัยตามที่เห็นควร
๖. พระสงฆบ์ างรปู ท่านไม่รู้เรือ่ งทางกฎหมายจริงๆ ก็มี เจา้ หน้าทท่ี างบ้านเมอื ง
กรณุ าแนะน�ำให้ทา่ นเข้าใจ เมอื่ ร้แู ล้วยังดือ้ และฝ่าฝนื ทางกฎหมาย เจ้าหนา้ ทคี่ วรปฏบิ ตั ิ
หน้าท่ีตามกฎหมายของบ้านเมอื งเท่านน้ั ทุกกาลสถานที่ตลอดไป
ขอให้เจ้าหน้าที่ใคร่ครวญดูพระให้รอบคอบ จะไม่สร้างปัญหาเรื่องพระกับ
ทรัพยากรป่าไม้ อนั เป็นมรดกอย่างล้ำ� ค่าของชาตไิ ทยเราตลอดกาล
ผ้เู ขียน
มีนาคม ปีพทุ ธศักราช ๒๕๕๓
109
ขอ้ ควรพิจารณาในการแปลธรรมะจากภาษาไทย
เป็นภาษาตา่ งประเทศ
ผู้ที่จะแปลภาษาตามหลักศาสนธรรมค�ำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ควรเป็นผู้มี
คุณธรรมภายในเกิดจากภาคปฏิบัติ ความรู้ทางจิตตภาวนาตามธรรมชาติความจริง
แห่งธรรม รู้ด้วยปัญญาญาณความรู้ชาญฉลาด เป็นความรู้อย่างมหัศจรรย์เหนือ
ความรใู้ ดๆ ในแดนแหง่ ไตรภพ รแู้ ลว้ หมดความสงสยั รเู้ หน็ ธรรมภายในใจ ทา่ นเรยี กวา่
ความรเู้ กดิ จากปญั ญาโลกตุ ระ และประกอบกบั ความรทู้ างโลก เปน็ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การศกึ ษาสงู
มีความรู้ดี แตกฉานทางภาษา เรียกว่าปัญญาโลกีย์ ถ้าท่านเป็นผู้แปลหรือเป็นผู้
ตรวจทานน้ันพอเหมาะพอดี ค�ำว่าผิดพลาดคงจะมีแต่น้อยมาก และจะท�ำให้หลัก
ศาสนธรรมของพระพทุ ธเจา้ ทรงไวใ้ ห้คงทีด่ งี ามอยา่ งบริสุทธิ์สมบูรณ์ ท้ังด้านปริยัติและ
ทางภาคปฏิบตั ิ เจรญิ รุ่งเรอื งเป็นอกาลโิ กตลอดไป
หลักศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์เป็นธรรมเหนือโลก มีแต่สารคุณ
สารประโยชนเ์ ท่านัน้ มคี ณุ อนนั ต์แกส่ ตั วโลกทง้ั มวลทนี่ �ำไปปฏบิ ตั ติ าม ไม่มีโทษมลทนิ
ใดๆ มีแต่จะได้รับความสุขความสมหวังทุกกาลเวลาตลอดไป สัตวโลกท่ียังตกอยู่ใต้
อำ� นาจกเิ ลสครอบครอง เพราะความโลภความโกรธความหลงพาใหม้ ดื มดิ ปดิ บงั คดิ ไมไ่ ด้
คาดไมถ่ งึ มองไมเ่ ห็นธรรมทีเ่ ลศิ ของจรงิ อย่างประเสรฐิ ถ้าแปลธรรมะของพระพทุ ธเจา้
หรือวงศ์อริยประเพณีท�ำให้ผิดพลาดจากหลักความจริงแล้ว ย่ิงจะท�ำให้ผู้น�ำไปศึกษา
หลงผิด ซึง่ จะท�ำความเสอื่ มเสยี อยา่ เขา้ ใจเปน็ เรอ่ื งเลก็ น้อย นอกจากนัน้ ผ้นู �ำไปด�ำเนนิ
ทางภาคปฏบิ ตั จิ ะไมส่ มหวังทุกกาลเวลา ปราศจากประโยชน์ (ความสุข) โดยแท้ ผทู้ ่จี ะ
แปลภาษาตา่ งประเทศควรค�ำนึงใหด้ ี
110
หนงั สือทีน่ ำ� มาเป็นหลักในการเขยี น
๑. ประมวลธรรมบรรยาย ชุดพิเศษ เลม่ ท่ี ๖ พระอุบาลคี ณุ ปู มาจารย์ (สริ ิจนั โท
จนั ทร์)
๒. วินยั มขุ เล่ม ๒ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
๓. ธรรมวิภาค เลม่ ๒ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
๔. พทุ ธประวัติ เลม่ ๓ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (สา)
๕. บพุ พสิกขาวรรณนา พระอมราภริ ักขติ (อมโร เกิด)
๖. ประวตั ทิ า่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตั โต ทา่ นอาจารยพ์ ระมหาบวั ญาณสมั ปนั โน
๗. ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารยม์ น่ั ทา่ นอาจารย์พระมหาบัว
ญาณสัมปันโน
๘. บรู พาจารย์ คณะศิษยานุศิษย์
111
เร่ืองช้างป่า
ในเขตรกั ษาพนั ธ์ุสตั ว์ปา่ ภวู วั
112
113 ๑๑๔
๑๑๙
สารบญั ๑๒๓
๑๒๖
เรอ่ื งช้างปา่ ในเขตรักษาพนั ธ์ุสตั ว์ป่าภูววั ๑๒๗
เรื่องช้างป่า ๑๒๙
เรื่องช้างปา่ ร้องขออาหาร ๑๓๐
เรือ่ งช้างท�ำอันตรายพระเสยี ชีวิต ๑๓๑
เรอื่ งพระขี้โม้ ๑๓๒
เรื่องถำ�้ แงบ ๑๓๓
เรื่องพระปา่ จ๊ะเอช๋ า้ งปา่ ๑๓๕
เรือ่ งชา้ งปา่ ภูววั กบั ชา่ งภาพ ๑๓๖
ช้างปา่ ภูววั ช่างฉลาดแสนรู้ ๑๓๙
ช้างปา่ กบั นายพราน ๑๔๐
เรอ่ื งชา้ งป่า ปีพทุ ธศักราช ๒๔๙๙-๒๕๕๗ ๑๔๑
ท่านหลวงปูม่ ัน่ ออกเท่ยี ววเิ วก ๑๔๒
ชา้ งปา่ ภูวัวมีเจ้าดอองอาจกล้าหาญ ๑๔๔
ชาวนาพูดกับช้างป่าภวู วั ๑๔๖
ชา้ งปา่ ภูววั ตามคำ� บอกเล่าของคนโบราณ ๑๔๘
วาสนาบารมขี องสตั ว์ ๑๕๑
เร่อื งคนสมัยโบราณ ๑๕๕
เรื่องการให้อาหารช้างป่า (เลีย้ งช้างป่า)
เรื่องการไปดูชา้ งป่า
ช้างปา่ ภวู วั เจ้าสดี อฉลาดแสดงความกล้าหาญใส่คณะเจา้ หนา้ ท่ ี
ในอวสานการเขียนเรอื่ งช้างป่ายุติลง
114
115
116
ผเู้ ขยี นได้ข้นึ ไปจำ� พรรษาภูวัว เมอ่ื ปีพทุ ธศกั ราช ๒๔๙๙ ในเขตบ้านทงุ่ ทรายจก
บริเวณถ้�ำแกว - ถ�้ำมว่ ง ตอนน้ันเพิ่งบวชได้ ๓ พรรษา ติดตามหลวงปขู่ าวข้ึนไป โดย
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ขออาราธนานิมนต์หลวงปู่ขาวข้ึนไปจ�ำพรรษาท่ีภูวัว
ในสมยั นน้ั สตั วป์ า่ มเี ยอะ ชา้ งปา่ เสอื ววั ปา่ กระทงิ อเี กง้ กวาง นกยงู ไกฟ่ า้ พญาลอ ฯลฯ
เป็นจ�ำนวนมาก ไม่ค่อยจะมีคนขึ้นไปเที่ยวป่าเพราะกลัวเสือ และทางบ้านเมืองยัง
ไมม่ ีกฎหมายคุ้มครองสตั วป์ ่า และยงั ไม่ได้ประกาศเปน็ เขตรักษาพนั ธ์ุสตั ว์ปา่ ภูวัว ปา่ ดง
พงไพรอุดมสมบูรณ์มากในสมัยน้ัน จะมาเทียบกับปัจจุบันไม่ได้เลยราวฟ้ากับดิน ยัง
มองเหน็ สมยั จำ� พรรษาทภ่ี วู วั ทา่ นพระอาจารยจ์ วนเตอื นพระเวลาออกเทย่ี วปา่ ใหเ้ ตรยี ม
หวอ (ไม้ไผเ่ ล็กๆ) ติดตวั ไปด้วย เวลาเจอะช้างป่าหากนิ หากได้ยินเสยี งเขาหากนิ ใบไผ่
ใบไม้ต่างๆ เขาไม่ค่อยระวังระแวง เพราะไม่มีคนเข้าไปรบกวนเขา พอได้ยินเสียงเขา
หากนิ เรากใ็ ช้หวอไม้ไผ่ทตี่ ดิ ตวั ไปควกั ออกมาเปา่ เพ่อื ปอ้ งกันชา้ งท่ีมลี ูกยงั เด็กกำ� ลงั ซน
ทา่ นพระอาจารยจ์ วนเตอื นวา่ บางทลี กู ของมนั อาจจะวง่ิ เขา้ มาหาพระกไ็ ด้ แมช่ า้ งหวงลกู
ของเขา กลวั วา่ พระหรอื คนจะทำ� อนั ตรายลกู เขา เขาอาจจะทำ� รา้ ยพระหรอื คนในเวลานน้ั
ก็ได้ ท่านจึงให้ถือหวอไม้ไผ่ติดตัวไปด้วย เม่ือเวลาพบให้รีบเป่าหวอเพ่ือเตือนช้าง
พอชา้ งได้ยนิ เสียงหวอ เขาจะรีบหนีทนั ที เปน็ วิธสี อนพระป่าเพ่ือป้องกันภัยอนั ตราย
117
ชา้ งปา่ เขตรักษาพนั ธุ์สตั วป์ า่ ภวู วั