The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้

การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้

Keywords: การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้

วจิ ยั และพัฒนานวัตกรรมการเรยี นรูQ 189

ควรเพิ่มประโยชนWใหQมากที่สุด (maximize benefit) เชHน การใหQความรูQในการดูแลตนเอง การตรวจ
ติดตาม สุขภาพของกลHมุ ควบคมุ ท่ีไมไH ดรQ ับยาทดลอง

ผูวQ จิ ยั ตอQ งคำนึงถึงท้ังประโยชนแW ละความเสีย่ งทีจ่ ะเกิดขนึ้ กับผเูQ ขาQ รHวมการวิจยั ทั้งในดาQ น
กายภาพ (Physical) ดQานภาวะจิตใจ (Mental) หรือแมQแตHในเรื่องของผลกระทบตHอตนเองและ
ความเป8นอยHู ( well-being) รวมถึงการอยูHในชุมชน การอยูHในสังคม ประเด็นนี้จึงเป8นประเด็นสำคัญ
ท่ีผูQวิจัยจะตQองพิจารณาและคำนึงถึงเมื่อจะออกแบบการวิจัยเพ่ือใหQเป8นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัย
ในมนุษยขW Qอที่ 2 คอื หลักการใหQคณุ ประโยชนนW น่ั เอง

หลักการจริยธรรมการวิจัยในมนุษยWในขQอน้ี Beneficence มีคำที่เกี่ยวขQองดังนี้ Do Not
Harm ก็คือ การวิจัยใดที่ทำกับมนุษยWหรือกับผูQเขQารHวมการวิจัยนั้นจะตQองไมHเป8นอันตรายตHอผูQเขQารHวม
การวิจัยหรือมีประโยชนWมากกวHาความเสี่ยงท่ีจะเกิดข้ึนกับผQูเขQารHวมการวิจัย ซ่ึงจะเห็นไดQวHา ไมHมี
โครงการวิจัยใดที่ไมHมีความเสี่ยง ทุกโครงการวิจัยมีความเสี่ยงหมด เพียงแตHวHาโครงการวิจัยน้ันเป8น
ความเสยี่ งที่ไมมH ากเกินความเสี่ยงในชวี ิตประจำวัน
หลักการการพิจารณาจริยธรรมการวิจยั ในมนษุ ยนW ้ี จะแบงH โครงการวจิ ยั ออกเป8น 3 ระดับ ดงั นี้
ระดบั แรก คอื Exemption โครงการวิจัยท่ีไดQรับการยกเวนQ ในการขอจริยธรรมการวจิ ยั ในมนุษยW
ส่ิงท่ีผQูวิจัยจะไดQรับกลับไปก็คือ Certificate of Exemption ซึ่งเป8นใบที่บอกวHาผQูวิจัยไดQรับการยกเวQน
ที่ไมHตQองขอรับการพิจารณาทางจริยธรรม งานวิจัยเหลHานี้จะมีความเสี่ยงต่ำ เชHน เป8นงานวิจัยลักษณะเชิง
การตลาดทีไ่ มไH ดQมีความเส่ียงมากกับผเQู ขาQ รวH มการวิจยั
ระดับท่ี 2 Expedited โครงการท่ีจะไดQรับการพิจารณาแบบเรHงรัด คือ เป8นโครงการที่มีความเสี่ยง
เพ่ิมมากข้ึนแตHความเสี่ยงยังไมHไดQมากกวHาความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน เชHน งานวิจัยที่มีการตรวจรHางกายวัด
ความดันทั่วไป หรือวHาเจาะเลอื ดในปรมิ าณท่ไี มมH ากเกนิ ไป
ระดับที่ 3 Full board review ความเส่ียงสูงสุด ก็คือ โครงการที่จะไดQรับการพิจารณาแบบเต็ม
รปู แบบ เชนH การพัฒนา Application เพ่ือนำไปใชQกบั ผูปQ „วยจริง หรือการวจิ ยั เก่ยี วกบั ยาใหมH การรักษาใหมH
หรือโปรแกรมตHางๆ จะนำไปใชQ ปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมผQเู ขQารHวมการวจิ ัย หรอื มีการสราQ งนวตั กรรมใหมHๆ
เพื่อใชQในการวินจิ ฉยั โรคหรอื การรกั ษาหรอื การปอv งกันผเQู ขQารHวมการวิจยั
เพราะฉะนั้นในหลักขQอ Beneficence หรือหลักการการใหQคุณประโยชนWกับผูQเขQารHวมการวิจัย ผQูวิจัย
ตQองคำนึงถึงประโยชนWและความเสี่ยงท่ีจะเกิดข้ึนนั้นกับผูQเขQารHวมการวิจัย วHาจะออกแบบอยHางไรท่ีจะทำใหQเกิด
ความเส่ียงนQอยท่ีสุด (Minimize Risk) หรือหากมีความเส่ียงอะไรเกิดขึ้น จะมีวิธีการปvองกันความเส่ียงนั้น
อยHางไร หรือถQาเกิดขึ้นแลQวจะมีวิธีการดำเนินการเพ่ือที่จะเยียวยาผูQเขQารHวมการวิจัยอยHางไร ในการออกแบบ
การวิจัย ผQูวิจัยจะตQองคำนึงถึงตั้งแตHกระบวนการการเขQาถึงผูQเขQารHวมการวิจัยกระบวนการการขอความยินยอม
กระบวนการที่เราจะคัดเลือกผQูเขQารHวมการวิจัยและรวมถึงวิธีการดำเนินการตHางๆ อันตรายหรือความเสี่ยงท่ีจะ
เกิดกับผูQเขQารHวมการวิจัย ท้ังในเร่ืองของ Mental Harm ตHอจิตใจของผQูเขQารHวมการวิจัย Economic Harm
ผQวู จิ ยั จะตอQ งพจิ ารณาคHาชดเชย คHาเสยี เวลา และการเดนิ ทางใหกQ บั ผูQเขQารวH มการวิจัยอีกดQวย

190 วิจัยและพัฒนานวตั กรรมการเรยี นรQู
3) หลักความยุตธิ รรม ( Justice )
ความยุติธรรม ในที่นี้หมายถึง การกระจายภาระและประโยชนW อยHางเป8นธรรม (distributive justice)

ไมHเลือกกลHุมคนที่แบกภาระอยHูแลQวใหQแบกเพ่ิมโดยไมHสมควร หรือ ปฏิเสธที่จะใหQประโยชนWอันเกิดจากการวิจัย
แกHผูQสมควรไดQ ไมHเลือกบุคคลโดยลำเอียง การประเมินความยุติธรรมอาศัย การพิจารณาวิธีการคัดเลือกบุคคล
เขQามาเป8นผูQรHวมวิจัยวHาเป8นธรรม และผลลัพธW ก็เป8นธรรม ไมHเลือกบางกลุHมบุคคลเขQารHวมการวิจัย ดQวยเหตุผล
เพียงเพราะ หางHาย จัดการงHาย หรือมีความเปราะบาง แทนท่ีจะเลือกมาดQวยเหตุผล เพ่ือตอบโจทยWวิจัย ซึ่ง
ครอบคลุมตั้งแตHกระบวนการการเขQาถึง คัดเลือกผูQเขQารHวมการวิจัย วHาทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเขQารHวมโครงการนี้ โดยท่ี
ไมHมีอคติใดๆ หรือผูQวิจัยเลือกเฉพาะกลHุมที่คิดวHาเป8นกลHุมผูQเขQารHวมการวิจัยที่สะดวกกับผQูวิจัยเองจะถือวHาผิดหลัก
ความยุติธรรม หากผูQวิจัยตQองการเลือกกลุHมผูQเขQารHวมการวิจัยที่เฉพาะเจาะจง ผQูวิจัยตQองชี้แจงเหตุผลวHาทำไม
จะตQองเป8นผQูเขQารHวมการวิจัยกลุHมน้ี ซ่ึงจะตQองมีเหตุผลท่ีเพียงพอใหQกรรมการผQูพิจารณาเห็นวHามันมีความจำเป8น
ที่จะตอQ งใชผQ เูQ ขาQ รวH มการวิจัยกลHมุ ดังกลาH ว

ขQอพิจารณาอีกอยHางของหลักความยุติธรรมก็คือในเร่ืองของ Vulnerable group หรือผูQเขQารHวมการ
วิจัยกลุHมเปราะบาง หากการวิจัยน้ัน เป8นประโยชนWก็สามารถทำไดQแตHอยHาลืมวHาประโยชนWตQองมากกวHาความ
เสี่ยงท่ีจะเกิดขึ้นกับผูQเขQารHวมการวิจัย ในการ design การออกแบบการวิจัย ผูQวิจัยจะตQองนำหลักทั้ง 3 ขQอ คือ
ขQอ 1 Respect for person ขQอ 2 Beneficence และขQอ 3 Justice มาผนวกรวมกันและนำใชQเป8นหลักในการ
ออกแบบโครงการวจิ ัยท่ผี Qูวิจยั ตอQ งการทจี่ ะศกึ ษาตHอไป

อีกประเด็นหนึ่งท่ีสำคัญ คือ การกระจายความเส่ียงและประโยชนWอยHางเทHาเทียม ยกตัวอยHางเชHน ใน
กระบวนการพัฒนาผูQเรียน แลQวเก็บขQอมูลเพื่อทำวิจัย เด็กกลุHมหน่ึงไดQรับการสอนโดยใชQนวัตกรรม เด็กอีกกลHุม
หน่ึงไมHไดQรับการสอนหรือไดQรับการสอนแบบบรรยายปกติ ผQูวิจัยจะทำอยHางไรที่จะทำใหQผQูเขQารHวมการวิจัยทุกคน
ที่เขQามาในโครงการวิจัยนั้นไดQรับประโยชนWหรือมีการกระจายความเสี่ยงที่เทHาเทียมกัน ผูQวิจัยก็ตQองมี
กระบวนการท่เี รยี กวาH กระบวนการการสุHม (Randomization)

โดยสรปุ ในประเด็นเร่ืองของหลักยตุ ธิ รรมน้ันเรากจ็ ะพิจารณาอยHู 3 ประเดน็ หลกั ๆ ดังน้ี
1) เรือ่ งของความเทHาเทยี มที่จะเขQามาเป8นผูเQ ขาQ รHวมการวจิ ัย ผูหQ ญงิ คนทQอง คนสงู อายุ เด็ก ไมใH ชHขอQ

หQามในการทีจ่ ะทำวิจยั สามารถทำไดแQ ตจH ะตอQ งมีกระบวนการปกปvองผเูQ ขาQ รวH มการวจิ ยั หากกลุHม
ผูเQ ขาQ รHวมการวิจัยเหลาH น้นั เป8นกลุHมผเQู ขQารHวมการวจิ ยั เปราะบาง ผวQู จิ ัยจะตอQ งชใ้ี หQเหน็ ถึงความ
จำเป8นและความสำคัญทจ่ี ะทำการวจิ ัยในกลุมH ผูเQ ขQารHวมการวจิ ัยกลมุH น้ี
2) หากเปน8 กลHุมผูQเขQารวH มการวิจยั เปราะบางเราจะมกี ระบวนการปกปvองผเูQ ขาQ รHวมการวิจัยอยHางไร
ตงั้ แตกH ระบวนการเขาQ ถึงผูQเขQารHวมการวจิ ยั หรือการเขQาถงึ ขอQ มูลของผูQเขQารวH มการวจิ ยั กระบวนการการใหขQ อQ มูล
และขอความยนิ ยอม รวมถงึ กระบวนการวิธีการดำเนินการกับผเูQ ขาQ รHวมการวจิ ยั ผวQู จิ ยั จะตQองมีมาตรการการ
ดแู ลปกปอv งผูเQ ขQารHวมการวิจยั หรือเตรยี มรบั มือกับเหตกุ ารณWทเ่ี กดิ ข้นึ รวมทั้งความรับผิดชอบของผูQวจิ ัยอยาH งไร
บาQ ง
3) เรอื่ งของการกระจายความเสย่ี งทีเ่ ทHาเทียมกัน ซงึ่ ผูวQ ิจยั จะตอQ งพจิ ารณาออกแบบในเรอ่ื งของ
กระบวนการการสมHุ (Randomization) รวมถึงการจดั สรร (Allocation) ของผูQเขQารHวมการวิจัยทีจ่ ะใหไQ ปอยHูใน
แตลH ะกลHุมของการทดลองของผQูวิจัย

วิจยั และพฒั นานวัตกรรมการเรยี นรQู 191

ประวตั คิ วามเปนB มาของจริยธรรมการวจิ ัยในมนุษย/

ในอดตี กอH นทจี่ ะมีหลัก 3 ขQอ นเี้ ริม่ ตนQ มาจากการวจิ ยั ทีเ่ กดิ ขนึ้ กHอนหนาQ นีก้ อH นชHวงสงครามโลกครงั้ ที่ 2
ในระหวHางชวH งสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 และหลงั สงครามโลกครั้งท่ี 2 ที่เป8นพ้ืนฐานกอH ใหQเกิดหลักจริยธรรมการวจิ ัย
ในมนษุ ยW 3 ขอQ น้ี หรือที่เรยี กวาH Belmont report

หลกั การเคารพในบุคคล หลักการใหป< ระโยชนB หลักความยุตธิ รรม
(Respect for Person) ไมEกอE อนั ตราย (Justice)
(Beneficence)

ภาพที่ 10.1 หลกั การเบลมองตW
ปg ค.ศ.1947 กฏนูเรมเบอรก3 (Nuremberg Code)
ในชHวงสงครามโลกคร้ังที่ 2 มีเหตกุ ารณWในประวตั ศิ าสตรW ไดแQ กH การทดลองของกลมุH นาซี ( Nazi
experiment) ซง่ึ ถือวาH เปน8 การทดลองท่ีโหดรQายและละเมดิ สิทธิมนุษยชนเปน8 อยาH งมาก
การทดลองแรกกค็ ือการทดลองทม่ี กี ารนำผูQเขาQ รHวมการวิจัย ซึง่ เปน8 เชลยศึกลงไปแชHในนำ้ เยน็ แลQวดวู าH
ทนไดหQ รือไมH อกี งานวิจัยหนง่ึ คือ การทดลองทมี่ กี ารฉดี แบคทเี รียเขาQ ไปในกลมHุ ผูเQ ขQารHวมการวิจัยเพอื่ จะดวู Hาจะ
เกิดผลอะไรจะตอQ งมีการรกั ษาอยHางไรเพอื่ ใหQการติดเชอ้ื น้ันดขี ้นึ รวมทงั้ การทดลอง โดยฉดี น้ำทะเลเขQาเสQนเลือด
ของผเQู ขQารHวมการวจิ ยั เพื่อจะดูวาH หากไดรQ ับนำ้ ทะเลเขาQ ไปในกระแสเลือด ผQูเขาQ รHวมการวิจัยจะสามารถทนไดQ
หรอื ไมHและจะเกดิ ผลอะไรตามมา

ภาพที่ 10.2 การทดลองแชนH ้ำเย็นที่คHายกกั กนั ของนาซี
ท่ีมา : https://hmong.in.th/wiki/Sigmund_Rascher
และหลังจากสงครามโลกคร้ังที่ 2 น้ัน กลุHมแพทยWท่ีเป8นผูQทำการทดลอง ก็ไดQข้ึนศาลทหารโลกเพ่ือเขQา
รับการพิจารณารับโทษ ซ่ึงในการตัดสินของศาลทหารในคร้ังน้ีก็ไดQถือกำเนิดกฎ 10 ขQอที่เรียกวHา Nuremburg

192 วิจัยและพัฒนานวตั กรรมการเรยี นรQู
Code เพ่ือใชQเป8นแนวทางในการทดลองทางการแพทยWในมนุษยW ซึ่งจะเนQนไปที่การขอความยินยอมและ
กระบวนการขอความยินยอมนั้น จะตQองเป8นไปโดยสมัครใจจะตQองคำนึงถึงประโยชนWและความเส่ียงท่ีจะเกิด
ขึ้นกับผูQเขQารHวมการวิจัย ซ่ึงการทดลองทางการแพทยWจะตQองแสดงใหQเห็นถึงประโยชนWมากกวHาความเส่ียงท่ีจะ
เกิดข้ึนกับตัวผูQเขQารHวมการวิจัยเอง รวมทั้งจะตQองพิจารณาถึงความรูQความชำนาญของแพทยWผูQวิจัยอีกดQวย แตHใน
Nuremburg Code นย้ี งั ไมไH ดมQ กี ารพูดถึงผQูเขาQ รวH มการวิจัยในกรณที ผี่ Qเู ขQารHวมการวิจัยเป8นผปูQ „วย
ปg ค.ศ. 1964 ปฏิญญาเฮลซิงกิ (Declaration of Helsinki)
สมาคมแพทยโW ลกกไ็ ดอQ อกประกาศ Declaration of Helsinki ซึ่งถอื วHาเป8นมาตรฐานจริยธรรมแรก
ของการวจิ ยั ทางดQานชีวเวชศาสตรW และเปน8 คร้งั แรกทมี่ กี ารแนะนำใหใQ ชเQ อกสารการขอความยนิ ยอม (Written
Informed Consent) ซงึ่ หลกั ทส่ี ำคัญของ Declaration of Helsinki จะถือประโยชนตW อH ผเQู ขาQ รHวมการวิจยั มา
กHอนประโยชนทW างวิชาการและประโยชนWตHอสงั คม
ปg ค.ศ. 1974 Belmont Report (Basic ethical principles)
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกจุดหนึ่งของหลักจริยธรรมพื้นฐานการวิจัยในมนุษยW เกิดขึ้นในป” 1972 มีการวิจัย
โรคซิฟ‡ลิสทัสกีจี (Tuskegee Syphilis Study) โครงการวิจัย Tuskegee Syphilis น้ีเร่ิมดำเนินการมาต้ังแตHป”
1932 ซึ่งไดQมีขHาวออกมาเป8นท่ีรับรูQกับสาธารณชนในป” 1972 จากการตีพิมพW ของหนังสือพิมพW The New
York Times ซ่ึงไดQระบุวHาเป8นการทดลองท่ีไมHไดQมีการใหQยารักษายาวนานท่ีสุดในประวัติศาสตรWของวงการ
แพทยW การทดลองนี้เป8นการใชQชาวผิวดำท่ีอยูHในชนบทในรัฐ Alabama เป8นกลHุมผูQเขQารHวมการวิจัย โดยนำกลHุม
คนเหลHาน้ีมาตรวจหาเช้ือแฝง ซึ่งในยุคน้ันยังไมHมีการคิดคQนยาที่สามารถใชQรักษาซิฟ‡ลิสไดQ แตHในชHวงป” 1950 ซ่ึง
ยังอยHูในชHวงท่ีทำการวิจัยไดQมีการคQนพบยารักษา คือ Penicillin จึงถือไดQวHาโครงการวิจัยน้ีเป8นการเพิ่มความ
เส่ียงตHอผูQเขQารHวมการวิจัยโดยไมHจำเป8น เพราะเมื่อรูQแลQววHาผูQเขQารHวมการวิจัยเป8นโรค แตHไมHไดQรับการรักษาที่
เหมาะสม มีการกระทำท่ีไมHเป8นธรรมโดยเลือกเฉพาะกลุHมผQูเขQารHวมการวิจัยท่ีเป8นชาวผิวดำท่ียากจน และอยHูใน
ชนบท ตอH มาจึงเกิดการฟอv งรอQ งเกิดข้ึนและรฐั บาลตอQ งชดใชQใหQกับผเูQ สยี หายในครอบครัวของผูทQ ยี่ ังมีชีวิตอยHู
และในป” 1974 สหรัฐอเมริกาไดQออกกฎหมายการวิจยั แหHงชาติขน้ึ ซ่ึงการประชุมกรรมาธกิ ารในครัง้ น้ี
ไดเQ กดิ ขน้ึ ที่ Belmont conference center อกี 4 ป” ตHอมาจงึ ไดเQ กิดรายงาน The Belmont Report (1978)
Ethical Principles and Guidelines for the Protection of Human Subjects of Research ซ่งึ ไดQ
กลาH วถึงหลกั จรยิ ธรรมการวิจัยในมนุษยW 3 ขQอ ดวQ ยกันที่เราไดกQ ลHาวถึงกHอนหนQานี้ ก็คือขอQ 1 หลกั การเคารพใน
เป8นบคุ คล (Respect for Person) ขQอที่ 2 หลกั การใชQประโยชนW (Beneficence) และขอQ ท่ี 3 หลกั ความ
ยตุ ธิ รรม (Justice)
ปg ค.ศ. 1974 Code of Federal Regulation Title 45 Part 46 (45CFR46)
มีการประกาศใชQกฎระเบียบปกปvองผQูเขQารHวมการวิจัยท่ีเขQารHวมการวิจัยไดQในสหรัฐอเมริกาโดย
Department of Health Education and Welfare ตHอมาหนHวยงานนี้ไดQเปลี่ยนชื่อเป8น Department of
Health and Human Service โดยเร่ิมใหQมีกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษยWเป8นกลไกหน่ึงในการปกปvอง
ผQูเขQารHวมการวิจัย และหลังจาก The Belmont Report ไดQออกมา ทางดQาน DHHS และ FDA จึงไดQปรับปรุง
และออกระเบียบประกาศใหมใH นป” 1981 ทีป่ รากฏอยใHู น Code of Federal Regulation Title 45 Part 46
เรยี กสั้นๆ วHา 45CFR46 ซึง่ เป8นตัวยอH ทม่ี กั จะเหน็ บอH ยๆ ในหลักจรยิ ธรรมการวิจัยในมนษุ ยW

วจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมการเรยี นรQู 193

ซึ่งก็ไดQมีการปรับปรุงมาเป8นระยะ และหนHวยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ไดQรHวมกันจัดทำนโยบาย
กลาง ท่ีเรียกวHา Common Rules เพ่ือใหQเป8นระเบียบปฏิบัติกับหนHวยงานของรัฐซึ่งมีขQอกำหนดใหQ
โครงการวิจัยท่ีจะตQองทำการวิจัยในมนุษยWจะตQองผHานการรับรอง โดยคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษยW
และจะตQองมีการขอความยินยอมกับกลุHมผQูเขQารHวมการวิจัย มีการสรรหาผQูเขQารHวมโครงการวิจัยอยHางเป8นธรรม มี
กระบวนการปกปvองกลุHมผQูเขQารHวมการวิจัยเปราะบางท่ีเหมาะสม และมีการทบทวนพิจารณาการวิจัยอยHาง
ตอH เนื่อง ซึ่งนโยบายน้ไี ดQนำมาใสไH วQใน 45CFR46 และเป8นพื้นฐานใหหQ นHวยงานของรัฐปฏิบัติตาม

นอกจากนี้ยังมี CIOMS Guidelines หนHวยงานที่เราเรียกวHา The Council for International
Organization of Medical Sciences หรือเรียกยHอๆ วHา CIOMS CIOMS Guidelines เป8น International
CIOMS Guidelines ท่ีเกิดจากการรHวมมือของ CIOMS และองคWการอนามัยโลก พัฒนาแนวทางจริยธรรมการ
วิจัยในมนุษยWโดยอาศัยหลัก Belmont Report 3 ขQอ ซึ่งไดQออกมาเป8น Ethical Guidelines for Biomedical
Research Involving Human Subjects ในป” 1993 ซึ่งนับวาH เป8น International Guidelines ฉบับแรก
ทีป่ ระกอบดวQ ยแนวทาง 15 แนวทางดQวยกัน

หัวขอQ หลกั ท่ี CIOMS Guidelines ท่ีมงHุ เนQน กค็ ือ
1) การขอความยนิ ยอม
2) การวิจัยในประเทศทก่ี ำลังพัฒนา
3) การปกปvองกลุมH ผูQเขQารHวมการวิจยั เปราะบางหรือวHาผอQู HอนดQอย
4) การกระจายภาระและผลประโยชนWทจ่ี ะเกิดขึ้นกบั ผเQู ขาQ รวH มการวิจยั
5) บทบาทของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนษุ ยW ซ่งึ เปน8 เร่อื งทสี่ ำคญั ทสี่ ุด
และตอH มาก็ไดQมกี ารปรับปรุงเพื่อใหQครอบคลุมเนอื้ หามากยง่ิ ขนึ้ และปyจจบุ นั Guldelines ของ
CIOMS จะประกอบดวQ ยทั้งหมด 21 ขQอดวQ ยกนั การวิจัยในมนษุ ยทW ่เี ราตQองพจิ ารณากัน
จรยิ ธรรมการวจิ ัยในประเทศไทย
ป” พ.ศ. 2543 กระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทยศาสตรW ของมหาวิทยาลัย ในประเทศไทย 9 คณะ
ไดQรHวมกันจัดต้ังหนHวยงานที่เราเรียกวHา ชมรมจริยธรรมการวิจัยในคนในประเทศไทย หรือ FERCIT (Forum for
Ethical Review Committee in Thailand) เพื่อกำหนดแผนงานในการสHงเสริมจริยธรรมการวิจัยในคนและ
ไดQจัดต้ังคณะทำงานขึ้น เพ่ือรHางหลักเกณฑWแนวทางการทำวิจัยในคน เพ่ือเป8นแนวทางปฏิบัติระดับชาติ ซึ่งไดQ
เอาแนวทางตHางๆ ที่เก่ียวขQองกับการจริยธรรมการวิจัยในระดับ International มาใชQในการรHางแนวปฏิบัติ
สำหรับการวิจัยในคนสำหรับประเทศไทย และไดQตีพิมพWหนังสือแนวทางจริยธรรมการวิจัยในคนแหHงชาติ คร้ัง
แรกขึ้นในป” พ.ศ. 2545 และไดQมกี ารปรบั ปรุงเปน8 ระยะๆอยHางตอH เนือ่ งมาจนถงึ ปyจจุบัน

194 วิจัยและพัฒนานวตั กรรมการเรียนรQู

สรุป
หลักจรยิ ธรรม 3 ขอ. ประกอบด.วย ข.อแรกหลักการเคารพในบุคคล (Respect for person)
ผู.วจิ ยั สามารถปฏิบัติตามหลกั จรยิ ธรรมในข.อนผี้ าQ นกระบวนการการใหข. อ. มลู และขอความยินยอมกับ
ผเ.ู ขา. รวQ มการวจิ ัย ข.อทสี่ อง คือ เปนV Beneficence หลกั การให.คุณประโยชน\ ซง่ึ ผ.วู จิ ยั จะต.องคำนงึ ถึง
ประโยชน\และ Risk หรอื วQาความเสี่ยงอันตรายทจี่ ะเกิดขน้ึ กบั ผ.ูเขา. รวQ มการวจิ ัยนัน่ เอง และขอ. ทส่ี าม
หลักความยตุ ิธรรม ความเทQาเทยี มทผ่ี .ูเขา. รQวมการวจิ ยั สามารถท่ีจะเขา. รวQ มโครงการน้ีได.แตจQ ะตอ. งอยQูบน
พื้นฐานของหลกั การใหค. ุณประโยชนซ\ ่งึ จะตอ. งมปี ระโยชน\มากกวQาโทษตQอผูเ. ข.ารQวมการวจิ ัย และไมQเปนV
การเอาผูเ. ขา. รQวมการวิจัยมาเสี่ยงโดยไมจQ ำเปนV เพ่ือผลประโยชน\ของบคุ คลอ่นื หรือชุมชน
ดงั นั้น ในการการออกแบบการวิจัย ผู.วจิ ยั จะต.องนำหลักท้ัง 3 ขอ. คือ Respect for person
Beneficence และ Justice มาผนวกรวมกันและนำใชเ. ปนV หลกั ในการออกแบบโครงการวจิ ัยทีผ่ .วู ิจยั
ตอ. งการทจ่ี ะศกึ ษาตอQ ไป

วจิ ัยและพฒั นานวตั กรรมการเรยี นรQู 195

กจิ กรรมทา4 ยบท

จงตอบคำถามและทำแบบฝ¬กหัดดงั ตHอไปน้ี
1. หลักจริยธรรม 3 ขQอ มอี ะไรบQาง
2. สิง่ ท่ตี Qองคำนงึ ถึงเมอ่ื จะดำเนนิ การวจิ ยั ในมนุษยW มอี ะไรบQาง
3. กฏเกณฑWจรยิ ธรรมการวจิ ัยในคนฉบับแรก มชี ่อื วHาอะไร
4. ขQอใดในหลกั ของ Belmont report ที่เปน8 พน้ื ฐานของการขอคำยินยอม
5. จริยธรรมการวจิ ยั ในมนษุ ยWมีประวัติความเป8นมาอยHางไร

196 วจิ ัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรQู

รายการอา4 งอิง

ภาษาไทย
ชมรมจริยธรรมการวิจัยในคนในประเทศไทย. (2558). แนวทางจริยธรรมการทำวิจยั ในเด็ก. คนQ จาก

http://www.fercit.org/publish.php
สัญญา สุขพณิชนนั ทW. (2551). เหตกุ ารณท3 ีน่ ำไปส9หู ลกั การของจริยธรรมการวิจัยในคน. เวชบนั ทึกศิรริ าช

๒๕๕๑;๒:๖๗-๗๐.
สาํ นกั งานคณะกรรมการวิจยั แหHงชาติ. (2562). หลักจรยิ ธรรมการทาํ วิจัยในคน. คนQ จาก

http://www.crecthai.org/html/th/index.php
สำนักงานคณะกรรมการวจิ ยั แหงH ชาติ. (2562). แนวทางจรยิ ธรรมการทำวจิ ยั ที่เกย่ี วข6องกับมนษุ ย3 ฉบบั

ปรับปรุง ครั้งท่ี 1.-- กรุงเทพฯ : สำนกั , 52 หนาQ
สำนกั งานคณะกรรมการวิจยั แหHงชาต.ิ (2555). จรรยาวชิ าชีพวจิ ัยและแนวทางปฎิบัติ ฉบับปรบั ปรุง ครง้ั ท่ี

1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพจW ุฬาฯ
ภาษาองั กฤษ
Belmont Report: Ethical Principles and Guidelines for the Protection of Human Subjects of

Research. Report of the National Commission for Protection of Human Subjects of
Biomedical and Behavioral Research. Federal Register Vol. 44, No. 76 April 18, 1979,
p.23192.

บรรณานกุ รม

-------------. (2543). เทคนคิ การวดั ผลการเรยี นร.2ู พมิ พ-ครง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : สุวีริยาสาสน-.
กรริสา จันทร-สุวรรณ. (2563). “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร-และความสามารถในการ

แกPปRญหา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปZท่ี 1 โดยการจัดการเรียนรPูดPวยกระบวนการ ใชPปRญหาเป`น
ฐานตามแนวสะเต็มศกึ ษา” วารสารสังคมศาสตรว9 ิจยั 11, 1 (มกราคม-มิถนุ ายน 2563) : 1-16.
คุ รุ ส ภ า . (2556). ข2 อ บั ง คั บ คุ รุ ส ภ า ว@ า ด2 ว ย ม า ต ร ฐ า น วิ ช า ชี พ พ .ศ . 2556. [online]

http://www.ksp.or.th/ksp2013/content/ view.php?mid=136&did=1193
จักรกฤษณ- สําราญใจ. (2544). การกําหนดขนาดของกล@ุมตัวอย@างเพื่อการวิจัย. สืบคPนวันท่ี 25 ธันวาคม

2563, จาก http://www.jakkrit.lpru.ac.th/pdf/27_11_44/9.pdf
จันทิมา เมยประโคน. (2555) การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและความพึงพอใจในการเรียนวิชาศิลปะ

เร่ือง การสร2างสรรค9เศษวัสดุ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปVท่ี 5 ท่ีเรียนด2วยการจัดการเรียนร2ูแบบ 4
MAT. ปรญิ ญานิพนธ- กศ.ม. (ศลิ ปศกึ ษา). กรงุ เทพฯ : บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ.
จิรวดี ไทยสงคราม. (2555). “การเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห- ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและเจตคติเชิง
วิทยาศาสตร- กลุˆมสาระการเรียนรูPวิทยาศาสตร- เรื่องสารและการเปล่ียนแปลงของนักเรียน ชั้น
มัธยมศึกษาปZที่ 2 ระหวˆางกลุˆมท่ีเรียนโดยวิธีการสอนแบบผสมผสานกับวิธีการสอนแบบปกติ.”
วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม. 2 ,1 (มกราคม - เมษายน 2555) : 109 -115.
เจตน-สฤษฎ์ิ สังขพันธ- และคณะ (2558). “สภาพ และปRญหาการเรียนรPูภาษาอังกฤษของโรงเรียนระดับ
มัธยมศึกษาสังกัดเทศบาลในพ้ืนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใตP.” การประชุมหาดใหญ@วิชาการ
ระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 6. 26 มถิ นุ ายน 2558 : 270-284
ชมรมจริยธรรมการวจิ ยั ในคนในประเทศไทย. (2558). แนวทางจรยิ ธรรมการทำวจิ ัยในเดก็ . คPนจาก
http://www.fercit.org/publish.php
ชรินทร-ทิพย- บัติสูงเนิน. (2560). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิทางการเรียนและความสามารถในการแก2ป^ญหา
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปVท่ี 1 โดยใช2วิธีสอนแบบบูรณาการร@วมกับศิลปะกับวิธีสอนแบบปกติ.
วิทยานพิ นธ- คม. (วิทยาศาสตร-ศึกษา). ลพบุรี : มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเทพสตร.ี
โชติกา ภาษีผล. (2554). การสร2างและการพัฒนาเครื่องมือในการวัดและประเมินผลการศึกษา.
พิมพ-ครั้งท่ี 2. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ-มหาวทิ ยาลยั .
ฐาปนี สีเฉลียว. (2564) “รูปแบบการเรียนการสอนตามหลักการแกPปRญหาเชิงสรPางสรรค-รˆวมกับส่ือสังคมเพ่ือ
สˆงเสริมการสรPางสรรค-นวัตกรรมการศึกษาสําหรับนิสิตวิชาชีพครู” วารสารศึกษาศาสตร9
มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร9 วิทยาเขตปต^ ตานี. 32, 1 (มกราคม - เมษายน 2564) : 186-201.

198 วจิ ัยและพฒั นานวัตกรรมการเรยี นรPู
ทัณฑธร จPุยสวัสด์ิ. (2564). การวิจัยเชิงปฏิบัติการในการจัดการเรียนรู2โดยใช2ปรากฏการณ9เปfนฐาน เรื่อง
จลนศาสตร9เคมี ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปVท่ี 5 เพื่อส@งเสริมผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและทักษะการ
คิดอย@างมีวิจารณญาณ. วิทยานิพนธ- กศ.ม. (การสอนวิทยาศาสตร-) ชลบุรี : บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลัยบูรพา.
ทศิ นา แขมณ.ี (2547). ศาสตร9การสอน องค9ความร2เู พื่อการจดั กระบวนการเรยี นรท2ู มี่ ปี ระสิทธิภาพ. พิมพ-
คร้งั ที่3 ฉบับปรับปรุง, กรงุ เทพฯ: สำนกั พมิ พ-แหงˆ จุฬาลงกรณ-มหาวทิ ยาลัย.
ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร9และสังคมศาสตร9. อุบลราชธานี : สถาบัน
ราชภัฎอุบลราชธาน.ี
นันทกาญจน- ชินประหัษฐ- (2553). การพัฒนาโปรแกรมการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพ่ือส@งเสริมการคิด
ไตร@ตรองของนิสิตครูระหว@างการฝiกประสบการณ9วิชาชีพ : การทดลองแบบพหุกรณีศึกษา.
วิทยานิพนธค- รุศาสตรดษุ ฎบัณฑิต คณะครศุ าสตร- จุฬาลงกรณ-มหาวทิ ยาลยั
น้ำมนต- เรืองฤทธ์ิ. (2560). “การพัฒนานวัตกรรมการสอนแบบผสมผสานโดยใชPโครงงานเป`นฐาน รายวิชา
468 310 เทคนิคการนำเสนอและการจัดนิทรรศการ.” Veridian E-Journal, Silpakorn
University. 10, 1 (มกราคม – เมษายน 2560) : 679-693.
นิอบิณูรอวี บือราเฮง. (2558) ผลของการสอนแบบบูรณาการด2วยการสอนแบบห2องเรียนกลับด2าน สื่อ
ประสม และนวัตกรรม คุณลักษณ9ศึกษาด2านทักษะทางสังคมท่ีมีต@อพฤติกรรมและผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียน สาระการเรียนร2ูศาสนประวัติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปVท่ี 1. วิทยานิพนธ- ศศ.ม.
(เทคโนโลยีและสอื่ สารการศกึ ษา). สงขลา : มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร-.
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2534). เทคนิคการสร2างเคร่ืองมือรวบรวมข2อมูลสำหรับการวิจัย. พิมพ-คร้ังที่ 3.
กรุงเทพฯ : บีแอนด-บี การพมิ พ.-
ปย“ ะนนั ท- หิรัณย-ชโลทร และ สทิ ธกิ ร สมุ าล.ี (2561). “การพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรยี นรPูเพื่อพัฒนาทกั ษะการ
คดิ ของผเPู รียน ในระดบั ประถมศกึ ษา.W วารสารศลิ ปากรศกึ ษาศาสตรว9 จิ ัย. 10,1 (มกราคม – มถิ ุนายน
2561) : 44 -60.
ผˆองพรรณ ตรัยมงคลกูลและสุภาพ ฉัตราภรณ-. (2555). การออกแบบการวิจัย (พิมพ-ครั้งที่ 7). สำนักพิมพ-
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.-
ผˆองพรรณ ตรัยมงคลกูล และสุภาพ ฉัตราภรณ-. (2543). การวิจัยเชิงทดลองทางพฤติกรรมศาสตร9ในการ
ออกแบบวจิ ัย. พมิ พ-ครง้ั ท่ี 3. กรงุ เทพฯ : สำนักพิมพม- หาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร- .
พระราชบัญญัติการสˆงเสริมวิทยาศาสตร-การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ.2562. (2562). ราชกิจจานุเบกษา.
เลมˆ 136 (ตอนที่ 68 ก )หนPา 2 25 พฤษภาคม 2562.
พวงรัตน- ทวีรัตน-. (2543). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร9และสังคมศาสตร9. (พิมพ-คร้ังที่ 7).
กรงุ เทพมหานคร : สำนกั ทดสอบทางการศกึ ษาและจติ วทิ ยา มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ.
พชิ ญส- ินี เจดยี ร- ตั น- และคณะ. (2564). “การพฒั นาทักษะการคิดวเิ คราะหข- องนกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปทZ ่ี 4
โดยใชกP ารจดั การเรียนรูPแบบสืบเสาะหาความรรPู ˆวมกบั เทคนคิ การใชคP าํ ถาม.” วารสารศกึ ษาศาสตร9
มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร9 วิทยาเขตป^ตตาน.ี 3, 1 (มกราคม-เมษายน 2564) : 61-75 .
พชิ ติ ฤทธจิ์ รญู . (2559). เทคนคิ การวิจยั เพ่อื พฒั นาการเรยี นรู2. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พแ- หงˆ จฬุ าลงกรณ-

วิจยั และพฒั นานวัตกรรมการเรียนรPู 199
เพชราวดี จงประดับเกียรติ. (2565). ส่ิงที่ควรร2ูก@อนเริ่มต2นทำวิจัย. สืบคPนเมื่อ 9 มกราคม 2565. จาก.

http://edu.bsru.ac.th/index.php/th/ดาวน-โหลดสาขาวิชาการประเมินผลและวิจัยทางการศึกษา/
item/สิ่งทคี่ วรรกูP ˆอนเรมิ่ ทำวจิ ัย.html
ภัทราวดี วงศส- ุเมธ. (2559). “การพัฒนาสอ่ื การเรียนการสอนในรปู แบบเกมเสริมทกั ษะภาษาอังกฤษสาํ หรบั
นักเรยี น ระดับประถมศกึ ษา: กรณศี ึกษาตPนแบบเกมระดบั ประถมศกึ ษาปทZ ี่ 1 – 3” วารสาร
วจิ ัยสหวทิ ยาการไทย. 11, 3 (พฤษภาคม-มถิ นุ ายน 2559) : 251-263.
มนธิชา ทองหัตถา. (2564). “สภาพการจัดการเรียนรูPแบบออนไลน-ในสถานการณ-การแพรˆระบาดของโรคติด
เช้ือ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของครูกลˆุมสาระการเรียนรูPภาษาตˆางประเทศ โรงเรียนปากพนัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช.” วารสารลวะศรี มหาวิทยาลัยเทพสตรี. 5, 1 (มกราคม -มิถุนายน 2564) :
43-52.
มนสิชา เปลˆงเจริญศิริชัย. (2558). “การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปZที่ 4
ที่เรียนดPวยการเรียนแบบรˆวมมือ กับการเรียนแบบผสมผสานรˆวมกับการเรียนแบบรˆวมมือ” Veridian
E-Journal, Slipakorn University. 8, 2 (พฤษภาคม – สงิ หาคม 2558). 950-966.
มหาวิทยาลัย.
มาเรียม นิลพันธ-ุ. (2554). วิธีการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ-คร้ังที่ 9. นครปฐม : คณะศึกษาศาสตร-
มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร.
รตั นะ บัวสน (2563). การวจิ ัยและพัฒนานวัตกรรมการศึกษา. กรุงเทพมหานคร. พมิ พ-ครั้งที่ 2 สำนักพิมพ-
จุฬาลงกรณ-มหาวทิ ยาลยั .
ราชบัณฑิตยสภา. (2561). พจนานุกรมศัพท9สถิติศาสตร9 ฉบับราชบัณฑิตยสภา (พิมพ-คร้ังที่ 2). สำนักงาน
ราชบัณฑิตยสภา.
ราชบัณฑิตสถาน. (2546). พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: นานมบี ุคส-.
แรกขวัญ นามสวˆาง และคณะ. (2558). “การศึกษาสภาพปRญหาและความตPองการการจัดการเรียนการสอน
ภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนท่ีมีความบกพรˆองทางการเรียนรูPดPานการอˆาน ในระดับช้ันประถมศึกษา
ปZท่ี 2-3.” วารสารวิชาการศึกษาศาสตร9 คณะศึกษาศาสตร9 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 16 ,
1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2558) :124-135.
ลPวน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2536). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ-ครั้งท่ี 3. กรุงเทพฯ :
สำนักพมิ พศ- ูนย-สงˆ เสรมิ วิชาการ.
ลPวน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2538). เทคนิคการวจิ ัยทางการศึกษา. พมิ พค- รั้งท่ี 4. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาสน.-
ลีลาวดี ชนะมาร. (2563). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู2เชิงรุก เพื่อส@งเสริมความสามารถในการ
ออกแบบ การจัดประสบการณ9สำหรับเด็กปฐมวัย ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย. ดุษฏี
นิพนธ- กศ.ด. (หลักสตู รและการสอน). ชลบุรี : มหาวทิ ยาลัยบูรพา.
วัฒนา พลาชัย และวินัย เพ็งภิญโญ. (2562). “การพัฒนาบทเรียนออนไลน- Mobile Learning โดยใชPปRญหาเป`น
ฐาน รˆวมกับเทคนิคการเรียนแบบรˆวมมือ ในรายวิชาการเขียนเว็บไซต- สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปZที่
6 โรงเรียนศรีประจันต- “เมธีประมุข””. วารสารสังคมศาสตร9วิจัย. 10, 1 (มกราคม-มิถุนายน 2562) :
189-200.

200 วิจัยและพฒั นานวัตกรรมการเรยี นรูP

วาโร เพ็งสวัสด์ิ. (2557). “การวิจัยเชิงทดลองทางการศึกษา”. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. 6, 11 :
(มกราคม- มิถุนายน 2557) : 181-190.

วิเชียร อินทรสมพันธ- และคณะ. (2563). การวัดและประเมินผลการเรียนร2ู Learning Measurement
and Evaluation. กรงุ เทพฯ : หจก. วรานนท- เอน็ เตอรไ- พรส-.

วิเชียร อินทรสมพันธ-. (2562) เครื่องมือที่ใช2ในการเก็บรวบรวมข2อมูลเพ่ือการวิจัย. พิมพ-ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ
: สหธรรมมิกจำกัด.

วริ ชั วรรณรตั น์. (-./-). การตรวจคณุ ภาพเคร.ืองมือในการวดั ผลและการวิจยั . กรุงเทพฯ : สาํ นัก
ทดสอบทางการศกึ ษาและจติ วทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร.

ศรัญญา ศิริวรศิลปž. (2558). “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การผลิตสินคPาและบริการ และ
ความสามารถดPานกระบวนการวิจัย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปZท่ี 2 ดPวยการจัดการเรียนรูPโดยใชP
วิจัยเป`นฐาน”. Veridian E-Journal, Slipakorn University. 8 , 2 (พฤษภาคม – สิงหาคม
2558) : 1161-1175.

สัญญา สุขพณชิ นนั ท.- (2551). เหตกุ ารณท9 ่ีนำไปสห@ู ลกั การของจรยิ ธรรมการวจิ ัยในคน. เวชบนั ทึกศริ ิราช
2551;2:67-70.

สำนกั งานคณะกรรมการวิจยั แหˆงชาต.ิ (2555). จรรยาวิชาชพี วิจัยและแนวทางปฎิบัติ ฉบับปรับปรงุ ครงั้ ท่ี
1. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พจ- ุฬาฯ

สำนักงานคณะกรรมการวจิ ยั แหงˆ ชาติ. (2562). แนวทางจรยิ ธรรมการทำวจิ ยั ทเี่ กย่ี วข2องกบั มนุษย9 ฉบบั
ปรบั ปรงุ คร้งั ท่ี 1.-- กรุงเทพฯ : สำนกั , 52 หนPา

สํานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแหˆงชาติ. (2562). หลกั จรยิ ธรรมการทําวจิ ัยในคน. คนP จาก
http://www.crecthai.org/html/th/index.php

สำนักงานคณ ะกรรมการวิจัยแหˆงชาติ.(2552). คู@มือนักวิจัยมือใหม@. พิมพ-คร้ังท่ี 2. กรุงเทพ ฯ :
วงศ-สวˆางการพิมพ.-

สำนักงานคณะกรรมการวจิ ัยแหงˆ ชาติ.(2552). ค@มู อื นักวิจัยมอื ใหม@. พมิ พ-ครัง้ ท่ี 2. กรงุ เทพ ฯ : วงศส- วˆางการพมิ พ-.
สำนักงานคณ ะกรรมการวิจัยแหˆงชาติ.(2552). ค@ูมือนักวิจัยมือใหม@. พิมพ-คร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ :

วงศ-สวาˆ งการพิมพ-.
สิ ริ ก ร โต ส ติ . (2 5 62). ค ว า ม ร2ู พื้ น ฐ า น เก่ี ย ว กั บ ก า ร วิ จั ย ป ฏิ บั ติ ก า ร ใน ช้ั น เรี ย น . [online]

https://drive.google.com/file/d/1zi-WgQNuQ8BC6PgyLZlarXgAaHIMGv4E/view
สิริพันธุ- สุวรรณมรรคา. (2554). โมดูล 8 การวิจัยปฏิบัติการในช้ันเรียน. (เอกสารอัดสำเนา). ภาควิชาวิจัย

และจติ วทิ ยาการศกึ ษา คณะครศุ าสตร- จุฬาลงกรณม- หาวทิ ยาลัย.
สุชาดา บวรกิตวิ งศ.- (2548). สถติ ิประยุกตท9 างพฤติกรรมศาสตร.9 สำนกั พิมพ-แหงˆ จฬุ าลงกรณม- หาวทิ ยาลัย.
สุภรณ- ลิ้มบริบูรณ- และคณะ. (2563). การวิจัยทางการศึกษา (Educational Research). พิมพ-ครั้งท่ี 8.

กรงุ เทพฯ: บริษัทสหธรรมมิก จำกดั

วจิ ยั และพฒั นานวัตกรรมการเรยี นรPู 201

สุเมธ เนาว-รุˆงโรจน-. (2561). “การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง การถˆายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ที่
จัดการเรียนรPู แบบสืบเสาะหาความรูP (5E) และความพึงพอใจในการจัดการเรียนรูPของนักเรียนระดับชั้น
มัธยมศึกษาปZท่ี 6 โรงเรียนหPวยยอด จังหวัดตรัง”. วารสารนวัตกรรมการเรียนร2ู. 4, 1 (มกราคม-
มิถนุ ายน 2561) : 23-34.

สุวิมล วอˆ งวานชิ . (2555). การวิจัยปฏบิ ตั ิการในช้นั เรยี น (พมิ พ9ครัง้ ท่ี 16). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ-แหˆง
จฬุ าลงกรณม- หาวทิ ยาลยั .

สุวิมล วˆองวาณิช. (2543). แนวคิดและหลักการวิจัยในชั้นเรียน. ในพิมพันธ- เตชะคุปต-, ลัดดา ภˆูเกียรติ และ
สุวัฒนา สุวรรณเขตนิคม (บรรณาธิการ). ประมวลบทความนวัตกรรมเพื่อการเรียนร2ูสำหรับครู
ยุคปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: คณะครุศาสตร- จุฬาลงกรณ-มหาวิทยาลัย

อรสา จังหวัดสุข. (2554). การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร9 เรื่อง โจทย9ป^ญหาการแปรผัน
ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปVท่ี 1 ท่ีมีผลการเรียนต@อโดยใช2ชุดกิจกรรมซ@อมเสริม
คณิตศาสตร9. สารนิพนธ- กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนคริ
นทรวิโรฒ.

อรุณ จริ วัฒนก- ลุ . (2556). สถติ ทิ างวิทยาศาสตรส9 ขุ ภาพเพอื่ การวจิ ัย (พิมพค- ร้ังที่ 3). วิทยพฒั น-.
ภาษาอังกฤษ
Allport, G.W., Vernon, P.E. and Lindszey, G. Study of Values : A Scale for Measuring the

Dominant Interests in Personality. Boston : Houghton Co. 1960.
Belmont Report: Ethical Principles and Guidelines for the Protection of Human Subjects of

Research. Report of the National Commission for Protection of Human Subjects of
Biomedical and Behavioral Research. Federal Register Vol. 44, No. 76 April 18, 1979,
p.23192.
Best, John W. (1977). Research in Education. 3rd ed., Hall Inc. New Jersey.
Best, John W., & Kahn, James V. (1995). Research in Education. 5th ed., New Delhi : Prentice
– Hall of India Pvt Ltd.
Bloom, Benjamin S. (1979). Taxonomy of Educational Objectives : The Classification of
Educational Goals. Handbook I Cognitive Domain. 2nd ed. London: Longman.
Cambel and Stanley. (1963). Experimental and quasi-experimental designs for research. Chicago:
Rand McNally & Company.
GNU Project. (2015). GNU PSPP (Version 0.8.5) [Computer Software]. Free Computer Software
Foundation. Boston, MA.
Hari Shankar Shyam. (2017). Research Methodology. New Delhi : Publishing House Pvt. Ltd.
Hinkle, D. E., Wiersma, W., & Jurs, S. G. (2003). Applied statistics for the behavioral sciences
(5thed.). Houghton Mifflin.
Howell, D. C. (2016). Fundamental statistics for the behavioral sciences. Cengage learning.

202 วิจยั และพฒั นานวตั กรรมการเรียนรูP
Kerlinger, Fred N. (1986). Foundations of Behavioral Research. Tokyo : CBB Publishing Japan Ltd.,
Krejcie, R.V. & Morgan, V.D. (1970) Determining Sampling Size for Research Activities.
Educational and Psychological Measurement. 30, p. 608-609.
Likert, Rensis. (1970). A Technique for the Measurement of Attitude. In. G. F. Summer(ed.).
Attitude Measurement. Chicago : Rand McNally. pp. 149-158.
Newcomb, T. M. (1943). Personality and social change; attitude formation in a student
community. Ft Worth, TX, US: Dryden Press.
Osgood C. E. , Suci, C.J. and Tannenbaum, P.H. (1957). The Measurement of Meaning.
Urbana: University of Illinois Press.
Shyam, H. S. (2017). Research Methodology. New Delhi : Publishing House Pvt. Ltd.
Thurstone, L.L. (1970). Attitude Can Be Measured. In G. F. Summer(ed.). Attitude
Measurement. Chicago : Rand McNally.. pp. 127-141.
Webster, N.N. (1 9 8 5 ) . New Webster’s Dictionary of the English Language Deluxe
Encyclopedia (ed). New York : Simon & Schuster.
Yamane, Taro. Statistics : An Introductory Analysis. 2nd. Ed., Harper and Row. 1967.




Click to View FlipBook Version