The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Brands Summer Camp ปีที่ 27 : วิชาเคมี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-12 10:34:46

Brands Summer Camp ปีที่ 27 : วิชาเคมี

Brands Summer Camp ปีที่ 27 : วิชาเคมี

Keywords: เคมี

ผลของตัวเร่งปฏกิ ริ ยิ าทม่ี ตี ่อปฏิกิริยาเคมี
ตัวเร่งปฏิกิริยาท่ีใส่ลงไปช่วยให้ปฏิกิริยาเกิดได้เร็วขึ้น เน่ืองจากตัวเร่งปฏิกิริยาจะเข้าไปช่วยให้
พลงั งานก่อกมั มันตล์ ดลง ดังนนั้ จะเกดิ ปฏกิ ิรยิ าไดง้ ่ายข้นึ เพราะเม่อื พลงั งานก่อกัมมันต์ลดลงมีผลทําให้จํานวน
อนภุ าคท่ีมพี ลังงานสงู พอเพมิ่ มากขน้ึ การชนทีเ่ ปน็ ผลสาํ เรจ็ จงึ มากขึน้ หรอื อัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเพ่มิ ขน้ึ

พลงั งาน (E)

Ea1

Ea2
∆H

การดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ิริยา (t)

วธิ ีการลดพลงั งานกอ่ กัมมนั ต์ของตัวเร่งปฏกิ ริ ิยา อาจเกดิ ขนึ้ โดยวธิ ีตอ่ ไปนี้
1. ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยาจะเขา้ รวมกับสารตง้ั ต้นกลายเปน็ สารใหม่ เพือ่ ทาํ ให้โมเลกุลของสารมีความว่องไว
ในการเกดิ ปฏกิ ิรยิ ามากขึน้
2. ตัวเร่งปฏิกิริยาทําหน้าที่ดูดซับสารตั้งต้นไว้ท่ีผิวในรูปท่ีว่องไวในการเกิดปฏิกิริยา โดยกรณีน้ี
สารตั้งต้นมักจะอยู่ในสถานะแก๊ส ส่วนตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่ในสถานะของแข็ง หรือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเนื้อผสม
นนั่ เอง
3. ตัวเร่งปฏิกิริยาทําหน้าที่ดูดซับสารตั้งต้นไว้ที่ผิว และทําให้สารต้ังต้นมีพันธะภายในโมเลกุลอ่อน
ลง โมเลกลุ ของสารตง้ั ตน้ จงึ สลายตัวหรือเกิดปฏิกิริยาได้ง่ายขึ้น (พลังงานก่อกัมมันต์ลดลง) จึงเกิดปฏิกิริยาได้
เร็วข้ึน

ตัวหน่วงปฏกิ ิรยิ า

ตัวหน่วงปฏิกิริยา คือ สารท่ีเติมลงไปแล้วทําให้ปฏิกิริยาเกิดช้าลงหรือลดลง เม่ือส้ินสุดปฏิกิริยา

สารนนั้ กจ็ ะคนื มาเหมอื นเดิม มวลคงที่ แต่สมบัตทิ างกายภาพอาจจะเปล่ียน เช่น ขนาด รูปร่าง ได้แก่ ปฏิกิริยา
การสลาย H2O2 จะเกดิ ชา้ ถา้ เตมิ ฟอสเฟต PO34- เปน็ ตัวหน่วงปฏกิ ริ ยิ าไม่ใหเ้ กิด H2O และ O2 เร็ว ดังนี้
1 PO34-
H2O2(l) H2O(l) + 2 O2(g) มี เป็นตัวหนว่ งปฏกิ ิริยาให้เกดิ ชา้ ลง

โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27 ___________________________________ วิทยาศาสตร์ เคมี (149)

ผลของตวั หนว่ งปฏิกิริยาทีม่ ีตอ่ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
ตัวหน่วงปฏิกิริยาช่วยทําให้ปฏิกิริยาเคมีเกิดช้าลง เน่ืองจากจะไปทําให้พลังงานก่อกัมมันต์เพิ่มข้ึน
ดังนั้นอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมจี งึ ช้าลง ดังรปู

พลังงาน (E)

Ea2 Ea1 ∆H

การดําเนนิ ไปของปฏิกริ ยิ า (t)

*** ตัวเร่งปฏกิ ริ ิยาไม่มผี ลตอ่ คา่ ความรอ้ นของปฏิกริ ยิ า (∆H) ท่ีดูดหรือคายออกมา และเมื่อส้ินสุด
ปฏกิ ิริยาจะต้องไดต้ วั เร่งปฏกิ ิริยา และตวั หน่วงปฏกิ ิริยา คนื กลบั มา***

5. ธรรมชาติของสารตั้งต้น
สารต่างชนิดกนั จะทาํ ปฏกิ ิรยิ าเคมีไดเ้ รว็ หรอื ช้าตา่ งกนั ขนึ้ อยกู่ ับสมบตั ิของสารแต่ละชนดิ ตวั อย่างเช่น

โลหะโซเดียมทําปฏิกิริยากับนํ้าเย็นได้เร็วมากและเกิดปฏิกิริยารุนแรง ในขณะที่โลหะแมกนีเซียมทําปฏิกิริยากับ
นา้ํ เย็นไดช้ ้า แต่เกิดได้เร็วขึ้นเม่ือใช้นํ้าร้อน ท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะว่าโลหะโซเดียมมีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยาได้
ดีกว่าโลหะแมกนีเซยี ม

6. ความดันสาํ หรับปฏิกริ ยิ าของแก๊ส
ปฏิกิริยาท่ีมีสารต้ังต้นในสถานะแก๊ส เม่ือเพ่ิมความดันโดยการลดปริมาตร ทําให้ปฏิกิริยาเคมีเกิดได้

เร็วข้ึน เพราะการเพิ่มความดันโดยการลดปริมาตร ทําให้อนุภาคของสารตั้งต้นท่ีอยู่ในสถานะแก๊สอยู่ชิดกันมากข้ึน
(มคี วามเขม้ ขน้ มากข้ึน) จงึ ชนกันดว้ ยความถี่สูงข้ึน ในทางตรงกันข้าม ถ้าลดความดันโดยการเพ่ิมปริมาตร ทําให้
ปฏิกิริยาเคมีเกิดช้าลง เพราะการลดความดันโดยการเพิ่มปริมาตร ทําให้อนุภาคของสารตั้งต้นท่ีอยู่ในสถานะ
แกส๊ อยหู่ า่ งกนั มากขน้ึ (มีความเข้มข้นลดลง) จึงชนกนั ด้วยความถลี่ ดลง

วิทยาศาสตร์ เคมี (150) ____________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27

ตัวอยา่ ง จากการศกึ ษาอัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าหน่ึงพบวา่ ไดข้ อ้ มูลดังตาราง

การทดลองท่ี ความเขม้ ขน้ ทเี่ วลาเร่มิ ตน้ (M) ความเข้มข้นท่เี วลา 2 นาที (M)
[A] [B] [C]
1 [A] [B] [C] 893
2 16 8 6
3 10 10 0 8 19 3

20 10 0

10 20 0

จากการทดลองข้างตน้ ข้อใดผิด
1) อัตราการหายไปของสาร A = 2 เท่าของอัตราการหายไปของสาร B
2) การเพ่มิ ความเขม้ ข้นของสาร B ไมม่ ีผลต่ออัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยา
3) ถา้ อัตราการหายไปของ B ในช่วงเวลาหนึง่ มีค่าเท่ากับ 2 M/นาที อัตราการเกดิ C จะมีค่าเป็น 6 M/นาที
4) ถา้ ความเขม้ ขน้ ของสาร A และ B เป็น 30 M และ 20 M ตามลาํ ดบั อัตราการหายไปของสาร A

ในชว่ งเวลา 0-2 นาที มีค่าเท่ากับ 3.5 M/นาที

เฉลย 4) ถ้าความเข้มข้นของสาร A และ B เป็น 30 M และ 20 M ตามลําดับ อัตราการหายไปของสาร A
ในชว่ งเวลา 0-2 นาที มคี ่าเทา่ กับ 3.5 M/นาที

ตัวอยา่ ง ปฏกิ ิรยิ า A + B E ∆H = -700 kJ เปน็ ปฏกิ ริ ยิ าทเ่ี กิดใน 3 ขนั้ ตอนดังนี้

ขั้นตอนท่ี 1 A + B 2C ∆H = -500 kJ, Ea = 1,000 kJ
∆H = X kJ, Ea = 500 kJ
ข้นั ตอนที่ 2 2C D ∆H = Y kJ, Ea = 600 kJ

ข้ันตอนท่ี 3 D E

พลังงานศักย์ของสาร A และ B = 1,000 kJ

พลงั งานศักยข์ องสาร D = 700 kJ

คา่ ของ X และ Y เป็นกก่ี โิ ลจูล ตามลาํ ดบั

1) 200 และ 400 2) -200 และ -400

3) -200 และ 400 4) 200 และ -400

เฉลย 4) 200 และ -400

ตวั อยา่ ง การศกึ ษาอัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี 2A(aq) B(aq)

พบวา่ การเปลี่ยนแปลงความเขม้ ขน้ ของสาร A เปน็ ฟังกช์ นั ของเวลา (t) ในหนว่ ยวินาทีดงั สมการ

[A] = 4 - t

อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยา ณ วนิ าทีที่ 4 มีค่าเท่าใด

1) 0.125 2) 0.250 3) 0.375 4) 0.500

เฉลย 1) 0.125

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (151)

ตวั อยา่ ง การเปลีย่ นแปลงพลังงานของปฏกิ ิริยา ก จ แสดงดงั แผนภาพตอ่ ไปน้ี



พ ัลงงาน (E) ง จ
คC

AB

D



การดําเนินไปของปฏิกิรยิ า (t)

การเปลี่ยนแปลงของพลังงานน้อยทีส่ ดุ ท่ีทาํ ให้เกิดปฏกิ ิริยาย้อนกลับคอื ขอ้ ใด

1) A 2) C

3) A - (B + C) 4) A - (B + D)

เฉลย 4) A - (B + D)

ตวั อยา่ ง ทาํ การทดลองวัดอตั ราเร็วของการสลายตัวของสารตั้งต้นในปฏิกิริยา R(s) P(s) จํานวน 2

การทดลอง (การทดลอง A และ B) โดยเรมิ่ ตน้ จากความเขม้ ข้นของสาร R เท่ากันภายใต้ความดันเดียวกันได้ผล

การทดลองดังทแ่ี สดงในกราฟ

อัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยา

A การดําเนินไปของปฏิกิริยา (t)
B

ข้อใดผดิ

1) การทดลอง A เกดิ ข้ึนที่อณุ หภูมสิ ูงกว่าการทดลอง B

2) พลังงานกอ่ กมั มันตข์ องการทดลอง A สงู กว่าการทดลอง B

3) มกี ารเติมสารเร่งปฏิกริ ยิ าลงในการทดลอง B

4) มีการบดสารตัง้ ตน้ R ในการทดลอง B

เฉลย 1) การทดลอง A เกดิ ข้ึนที่อุณหภมู ิสงู กว่าการทดลอง B

————————————————————

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (152) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 27

เก็งขอสอบ

ชดุ ที่ 1

1. นกั วทิ ยาศาสตร์คนใดทีค่ ้นพบนิวเคลยี สในอะตอม
1) เซอร์ จอห์น ดอลตนั
2) เซอร์ จอหน์ ทอมสนั
3) ลอรด์ เออรเ์ นสต์ รัทเทอร์ฟอรด์
4) นีลล์ โบร์

2. 2131Na จากสญั ลกั ษณ์นิวเคลียร์นี้ ข้อใดไม่ถกู ตอ้ ง
1) เลขมวล = 23
2) เลขอะตอม = 11
3) มีโปรตอน = 11
4) มีนิวตรอน = 23

3. ธาตทุ มี่ สี ัญลกั ษณ์นิวเคลียร์ในข้อใด อย่ใู นหม่เู ดยี วกัน

7 A 147 B 32 C 39 D
3 16 19

1) A กบั B

2) B กับ C

3) C กบั B

4) A กบั D

4) สารประกอบในข้อใดไมเ่ กดิ พันธะโคเวเลนต์

1) H2O
2) CO2
3) NaCl

4) F2

5. ธาตุ X เลขอะตอม 38 และธาตุ Y เลขอะตอม 53 สูตรของสารประกอบของธาตคุ ่นู คี้ อื ข้อใด

1) XY

2) XY2
3) X2Y
4) XY3

โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (153)

6. ธาตทุ ม่ี เี ลขอะตอมต่อไปน้ี มสี ่ิงใดเหมอื นกัน
3 11 19 37 55

1) มจี าํ นวนอนภุ าคมูลฐานเทา่ กนั
2) มีระดบั พลังงานเท่ากนั
3) มเี วเลนซ์อิเลก็ ตรอนเทา่ กัน
4) มีเลขมวลเทา่ กัน

7. ข้อใดไม่ถูกตอ้ งเก่ยี วกบั ตารางธาตุ
1) ตารางธาตุในปจั จุบนั เรยี งลาํ ดบั ตามเลขอะตอม
2) เลขมวล แสดงนํา้ หนักของอะตอม
3) เลขอะตอม แสดงจาํ นวนโปรตอนซ่งึ จะมคี ่าเทา่ กบั จํานวนนวิ ตรอน
4) จาํ นวนโปรตอนเป็นเอกลกั ษณข์ องธาตุ

8. เพราะเหตใุ ดคนท่ีอาศัยอยู่ใกล้โรงงานไฟฟ้าถา่ นหินจงึ ไม่ควรเกบ็ นํา้ ฝนมาเพอื่ บรโิ ภค
1) มฝี ุ่นละอองมากจึงไมเ่ หมาะกับการบริโภค
2) มสี ารประกอบไฮโดรคารบ์ อนมากมีผลตอ่ สมองได้
3) มกี รดกํามะถันปนอยู่
4) มีกรดไนตรกิ ปนอยู่

9. ข้อใดไมไ่ ด้เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
1) การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื
2) การเกิดหินงอกหนิ ยอ้ ย
3) การเกิดการเผากระดาษ
4) เมฆรวมตัวเป็นฝน

10. ข้อใดไมม่ ีผลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี
1) การนาํ เนอ้ื หมูไปแชใ่ นชอ่ งแชแ่ ข็ง
2) การเคีย้ วยาลดกรดชนิดเม็ดใหล้ ะเอียดจนกลนื
3) การเตมิ น้ํากลนั่ ลงไปอีกเท่าตวั
4) การเปลี่ยนขนาดภาชนะท่บี รรจุสารละลาย

11. กรดไขมนั ชนดิ หนึง่ มีสตู รโครงสร้างดังนี้
CH3 (CH2)7 CH CH (CH2)7 CO2H

ข้อใดเปน็ ข้อสรปุ ของกรดไขมันชนิดน้ี
1) เป็นกรดไขมนั ไม่อ่ิมตัว
2) มจี ุดหลอมเหลวสงู
3) พบมากในไขมนั สตั ว์
4) สามารถเกิดปฏกิ ิริยาเคมไี ด้น้อย

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (154) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

12. ขอ้ ใดเป็นอาหารโปรตนี ท่มี คี ุณภาพต่าํ ทสี่ ุด
1) เน้ือสตั ว์
2) นม
3) ไข่
4) ถ่ัวเหลอื ง

13. ในการแกพ้ ิษจากการกนิ ยาฆ่าแมลงควรปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นดว้ ยวธิ ใี ดจงึ จะเหมาะสมทส่ี ดุ
1) ดื่มน้าํ เปล่าตามเข้าไปมากๆ
2) ดื่มแอลกอฮอล์แบบไม่ผสม
3) กนิ ไข่ขาวดิบหรือนมสด
4) กินหญา้ ทม่ี ลี ําต้นเรยี วยาว

14. ข้อใดไมใ่ ชห่ น้าทข่ี องคารโ์ บไฮเดรต
1) เปน็ แหล่งพลังงานหลกั ของรา่ งกายสิ่งมีชวี ติ
2) เปน็ อาหารท่จี าํ เปน็ ของเซลลแ์ ละเน้ือเย่อื ในสมอง
3) เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ในพชื
4) การลาํ เลียงแก๊สออกซเิ จนและสารอาหาร

15. สารพันธุกรรมเป็นสารประเภทใด
1) กรดนวิ คลอี ิก
2) โปรตีน
3) ลพิ ิด
4) คาร์โบไฮเดรต

16. สารชนดิ ใดออกมาดา้ นบนสุดของหอกล่นั ปิโตรเลียม
1) แกส๊ มเี ทน
2) แกส๊ อเี ทน
3) แกส๊ โพรเพน
4) แก๊สบิวเทน

17. ขอ้ ใดไม่ถูกต้องเก่ียวกับการเผาไหมท้ ่สี มบรู ณ์
1) เกิดขึน้ เมอื่ มีออกซเิ จนมากเพียงพอ
2) จะได้แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
3) จะเกิดแก๊สพิษท่ีสามารถจบั กับฮีโมโกลบนิ ไดด้ ี
4) ไม่มเี ขมา่

โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (155)

18. แกส๊ ในข้อใด คอื LPG
1) มีเทน + อีเทน
2) อีเทน + โพรเพน
3) โพรเพน + บิวเทน
4) มเี ทน + บิวเทน

19. ในการบอกคุณภาพของน้ํามันเบนซิน จะเปรียบเทยี บกับประสทิ ธิภาพการเผาไหม้ของของผสมในข้อใด
1) ไอโซออกเทน กบั เฮปเทน
2) ไอโซออกเทน กับ ซเี ทน
3) ซเี ทน กับ เฮปเทน
4) ซีเทน กับ แอลฟาเมทลิ แนฟทาลนี

20. สารในขอ้ ใดใชเ้ ติมเพ่อื เพิ่มเลขออกเทนและไมเ่ ปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพ
1) เตตระเมทลิ เลด
2) เมทิล เทอร์เชยี รี่ บิวทิล อเี ทอร์
3) เมทลิ แอลกอฮอล์
4) เมทิลเมอรแ์ คปแทน

21. สารชีวโมเลกลุ ในข้อใดไม่ใชพ่ อลเิ มอร์
1) ไขมัน
2) โปรตีน
3) แปง้
4) DNA

22. พอลิเมอร์ชนดิ ใดใช้ในเคลือบภาชนะหุงต้ม
1) พอลเิ อทิลีน
2) พอลไิ วนิลคลอไรด์
3) พอลิเตตระฟลูออโรเอทลิ นี
4) พอลแิ ซกคาไรด์

23. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ เทอรโ์ มเซตถกู ต้อง
1) มโี ครงสรา้ งแบบโซ่ตรง
2) เม่ือไดร้ บั ความร้อนจะออ่ นตวั
3) ใช้ทาํ ดา้ มจบั กระทะ
4) นํากลับมาหลอมใช้ใหม่ได้

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (156) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 27

24. ข้อใดเป็นพอลิเมอร์ธรรมชาติ
1) ซิลโิ คน
2) พอลสิ ไตรีน
3) พอลิไอโซปรนี
4) พอลโิ พรพิลีน

25. เส้นใยชนิดใดไม่ได้เป็นสารประเภทเซลลโู ลส
1) ฝ้าย
2) นนุ่
3) ปอ
4) ไหม

26. ข้อใดเปน็ สมบตั ิทนี่ ยิ มใช้ในการจาํ แนกประเภทของพลาสตกิ
1) ความยืดหย่นุ
2) การตดิ ไฟ
3) การละลาย
4) การหลอมขึ้นรูปใหมไ่ ด้

27. ข้อใดมผี ลทาํ ใหอ้ ัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมีเกดิ ได้ช้าลง
1) ผลไม้ท่เี กบ็ ไวใ้ นทม่ี อี ณุ หภูมสิ งู
2) การเคีย้ วข้าวใหล้ ะเอียดกอ่ นกลืน
3) การใชแ้ ทง่ แก้วคนสารละลาย
4) การเตมิ นํา้ ลงในสารละลายอกี เทา่ ตวั

28. ข้อใดไมใ่ ช่โลหะแทรนซิชนั
1) ทองแดง (Cu)
2) แคลเซียม (Ca)
3) โครเมยี ม (Cr)
4) โคบอลต์ (Co)

29. ข้อใดไมใ่ ช่สารชวี โมเลกลุ
1) โปรตีน
2) คารโ์ บไฮเดรต
3) ไขมัน
4) วิตามนิ

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 27 ___________________________________ วิทยาศาสตร์ เคมี (157)

30. ขอ้ ใดถกู ต้อง
1) สบู่ผลิตการปฏิกิรยิ าไฮโดรจเิ นชนั ของไขมนั และน้ํามันกับเบสแก่
2) คอเลสเทอรอลเปน็ สารเบื้องต้นของการสรา้ งวิตามินดี หากผิวหนงั ได้รับแสงอาทติ ย์
3) กรดไขมนั อ่ิมตวั จะเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าออกซิเดชันได้สารทมี่ กี ล่นิ เหมน็
4) กรดไขมนั จําเปน็ ซงึ่ ร่างกายสามารถสงั เคราะห์ได้

31. ขอ้ ใดเป็นนาํ้ ตาลโมเลกุลคู่
1) กลโู คส
2) ซูโครส
3) กาแลกโตส
4) ไม่มีข้อถูก

32. ข้อใดไม่ใช่หนา้ ทขี่ องโปรตนี ในร่างกายมนษุ ย์
1) เรง่ ปฏิกิริยา
2) เปน็ แหลง่ พลงั งานหลกั ของรา่ งกาย
3) ลาํ เลยี งแก๊สออกซเิ จนและสารอาหาร
4) เปน็ โครงสรา้ งและใหค้ วามแข็งแรงของเนอื้ เย่อื

33.

ชนดิ ของสารอาหาร สารละลายทงิ เจอร์ สารละลาย สารละลาย NaOH
ไอโอดีน เบเนดิกต์ ผสมกับ CuSO4
A
B สนี ํา้ ตาล ตะกอนแดงอฐิ สีฟา้
C สนี ้ําตาล สีฟา้ สมี ว่ ง
D สจี างหายไป สีฟ้า สฟี ้า
สีนํ้าตาล สีฟ้า
ตะกอนแดงอิฐ

ถา้ นกั เรยี นต้องดแู ลคนไข้ที่มีระดับน้ําตาลในเลือดสงู กว่า 110 mg ต่อเลอื ด 100 cm3 และมคี วามดันสูง
นักเรียนไมค่ วรใหอ้ าหารชนิดใดกบั คนไข้
1) A เทา่ นัน้
2) B เทา่ นน้ั
3) D เทา่ นน้ั
4) A และ D

วิทยาศาสตร์ เคมี (158) ____________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

34. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง
ก. แก๊สโซฮอลเ์ ป็นสารผสมระหวา่ งนํา้ มนั เบนซนิ และเมทานอล
ข. แกส๊ หุงต้ม หรอื LPG เปน็ แกส๊ ผสมระหวา่ งโพรเพนและบวิ เทน
ค. การเผาไหม้ได้สมบรู ณ์ จะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์

1) ก. และ ข. เทา่ นั้น
2) ก. และ ค. เท่านนั้
3) ข. และ ค. เท่าน้นั
4) ท้ัง ก., ข. และ ค.
35. ขอ้ ใดจบั คู่ มอนอเมอร์ : พอลเิ มอร์ ไม่ถูกต้อง
1) กรดอะมิโน : โปรตีน
2) ฟรักโทส : แปง้
3) ไอโซปรนี : ยางธรรมชาติ
4) เตตระฟลอู อโรเอทิลีน : เทฟรอน

โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (159)

ชดุ ที่ 2

36. จากกราฟการละลายของเกลอื ไออนิก AB2 ชนิดหนง่ึ ดังแสดงตอ่ ไปน้ี ค่า Ksp ของเกลือ AB2 นี้ ทีอ่ ุณหภูมิ
60°C มคี ่าเทา่ กับเท่าไร ถ้ามวลสตู รของสารประกอบน้ีเทา่ กบั 250
การละลาย (กรมั /นาํ้ 100 ลบ.ซม.)

7.50

5.00

2.50

0.00 0 20 40 60 อณุ หภมู ิ (°C)

1) 1 × 10-3
2) 4 × 10-3
3) 1 × 10-6
4) 4 × 10-6

37. ถา้ ปฏิกิริยาการสลายตวั ของ N2O4(g) ไดเ้ ป็น NO2(g) เป็นปฏิกริ ิยาดดู ความร้อนการกระทําใดต่อไปน้ีที่จะมี
ผลใหค้ วามดันของ NO2 ลดลง
1) ลดอณุ หภูมิ

2) เพ่มิ ปรมิ าตรของภาชนะ

3) เพมิ่ ความดันรวมโดยอัดแก๊สเฉ่ือยลงไป

4) ทาํ ไดท้ ัง้ ขอ้ 1) และ 3)

38. จากขอ้ 37 ถ้าค่าคงท่ี Kp ของปฏิกิริยานที้ อี่ ุณหภูมิคงที่ค่าหน่ึงเท่ากับ 4 โดยการทําปฏิกิริยาในภาชนะปิด
ขนาด 2 ลิตร หากบรรจุ N2O4 และ NO2 ลงในภาชนะด้วยความดัน 1 และ 4 atm ตามลําดับ เมื่อเข้าสู่
สมดุล ความดนั ของ NO2 จะเป็นอยา่ งไร
1) เพิม่ ขน้ึ

2) ลดลง

3) เท่าเดมิ

4) ข้อมูลไมพ่ อ

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (160) ____________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27

39. ขอ้ ใดถอื เป็นคูก่ รดของ HPO24-
1) H3PO4

2) H2PO-4
3) PO34-

4) ท้ังข้อ 1) และ 2)

40. สารละลายผสมกรดอ่อน HA เข้มข้น 1 โมลาร์ กับ HCl เข้มข้น 0.1 โมลาร์ จะมีความเข้มข้นของ A-
ทีส่ มดุลเทา่ ไร ถ้าค่าคงที่การแตกตัวของกรดน้มี คี า่ เทา่ กับ 10-6
1) 10-3
2) 10-4
3) 10-5
4) 10-6

41. ค่า pH ของสารละลายเกลือ NaA เข้มข้น 0.1 โมลาร์มีค่าเท่ากับเท่าไร ถ้าค่า Ka ของกรด HA
มีคา่ เทา่ กับ 10-5
1) 3
2) 5
3) 9
4) 11

42. ข้อใดไม่ใชป่ ฏกิ ิรยิ าระหว่างกรด-เบส

1) การผุกร่อนของรูปปัน้ หนิ ปนู โดยฝนกรด

2) การทดสอบกรดอินทรียด์ ว้ ยโซเดียม
3) การทดสอบโปรตีนด้วยสารละลาย Cu2+

4) ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้

43. ขอ้ ใดเปน็ buffer ท่ีคุม pH ได้ดี ทนทานต่อการเตมิ NaOH ลงไปไดม้ ากท่ีสดุ
1) HA 0.1 โมลาร์ ผสม NaA 0.1 โมลาร์ HA มี Ka = 10-3
2) HA 0.2 โมลาร์ ผสม NaA 0.2 โมลาร์ HA มี Ka = 10-4
3) HA 0.3 โมลาร์ ผสม NaA 0.4 โมลาร์ HA มี Ka = 10-5
4) HA 0.6 โมลาร์ ผสม NaA 0.5 โมลาร์ HA มี Ka = 10-6

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (161)

44. ตารางการเปล่ียนสขี องอนิ ดเิ คเตอร์ 4 ชนดิ ในชว่ ง pH ตา่ งๆ และในกรด 2 ชนดิ ที่มีความเขม้ ขน้ เท่ากัน

อนิ ดเิ คเตอร์ การเปลี่ยนสีของอนิ ดิเคเตอร์ การเปลีย่ นสขี องอินดิเคเตอร์
ในช่วง pH ตา่ งๆ ในสารละลายกรด
ฟีนอลเรด
เมทิลเรด pH การเปลีย่ นสี HA HB
โบรโมไทมอลบลู เหลอื ง เหลอื ง
อะโซลมิ นิ 6.7-8.3 เหลือง-แดง เหลือง ส้ม
เขยี ว เหลือง
4.4-6.0 แดง-เหลอื ง
ม่วง ม่วง
6.0-7.6 เหลอื ง-น้ําเงนิ

5.0-8.0 แดง-น้าํ เงนิ

ถ้าเปรยี บเทยี บ pH ของสารละลายกรดและเกลอื ของกรดตอ่ ไปน้ีทีค่ วามเขม้ ข้นเท่ากัน ขอ้ ใดถกู ต้อง
1) HB > HA
2) NaA > NaB
3) NaB < HA
4) NaA < HB

45. อินดิเคเตอร์ทมี่ คี า่ pKI เท่ากบั 8.5 ไม่เหมาะกับการไทเทรตระหว่างกรด-เบสคใู่ ดท่ีสุด
1) กรดแก่ และ เบสแก่
2) กรดออ่ น และ เบสแก่
3) กรดแก่ และ เบสออ่ น
4) เบสแก่ และ เกลอื ของเบสออ่ น

46. ในการไทเทรตระหว่างสารละลายกรด HCN เข้มข้น 0.2 mol/dm3 ปริมาตร 25 cm3 กับสารละลายเบส
NaOH เขม้ ขน้ 0.1 mol/dm3 โดยการเตมิ สารละลาย NaOH ลงในสารละลาย HCN ดังตาราง

จดุ ท่ี ปรมิ าตรของ HCN (cm3) ปรมิ าตรของ NaOH (cm3)

1 25 20
2 25 25
3 25 40
4 25 50

5 25 60

ขอ้ สรุปต่อไปน้ี ข้อใดถูกต้อง
1) จดุ ท่ี 2 เป็นจุดท่กี รดและเบสทาํ ปฏิกิริยากันแลว้ เหลอื HCN เข้มข้น 0.1 mol/dm3

2) จุดท่ี 3 เปน็ จดุ ทก่ี รดและเบสทาํ ปฏกิ ิริยากันแลว้ ไดส้ ารละลายเป็นบฟั เฟอร์

3) จดุ ท่ี 4 เปน็ จดุ ท่กี รดและเบสทําปฏกิ ิริยาพอดกี นั ได้เป็นเกลอื ซง่ึ เกิดไฮโดรลซิ ิสแลว้ ได้สารละลายท่ีมี pH < 7

4) จดุ ท่ี 5 เปน็ จุดทก่ี รดและเบสทําปฏิกริ ิยาพอดกี ัน ได้สารละลายทมี่ ี pH > 7

วิทยาศาสตร์ เคมี (162) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27

47. ขอ้ ใดเรียงลําดับเลขออกซิเดชนั ของไนโตรเจนในสารต่อไปนจี้ ากน้อยไปมากไดถ้ กู ต้อง

1) NO-2 < NO2+ < NO < NO2 2) NO < NO-2 < NO2 < NO2+

3) NO-2 < NO < NO2 < NO2+ 4) NO-2 < NO < NO2+ < NO2

48. ธาตไุ นโตรเจนสองอะตอมในสารประกอบใดทม่ี คี ่าเลขออกซเิ ดชันเท่ากัน

1) N2O 2) N2O4
3) NH4NO3 4) ถกู ทกุ ข้อ

49. P4 สลายตัวในเบส ไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ปน็ PH3 และ H2PO-2 สมการทีส่ มดลุ จะมี H2O และ OH- อยู่ฝั่งใด
1) ฝัง่ สารต้งั ต้นทง้ั คู่

2) H2O เป็นสารตง้ั ตน้ OH- เป็นผลติ ภัณฑ์
3) ฝ่ังผลิตภัณฑ์ทัง้ คู่

4) H2O เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ OH- เปน็ สารตั้งตน้

50. พจิ ารณาสมการและคา่ ศกั ยไ์ ฟฟ้าของปฏกิ ิรยิ าตอ่ ไปน้ี

G+(aq) + e- G(s) E° = +0.45 V
J+(aq) + e- E° = +0.27 V
L3+(aq) + e- J(s) E° = -0.35 V
M2+(aq) + e- L2+(aq) E° = -0.45 V
M+(aq)

ครง่ึ เซลลข์ อ้ ใดเมอื่ นาํ มาต่อกับขัว้ ไฮโดรเจนมาตรฐานแลว้ จะให้คา่ พลังงานนอ้ ยท่สี ุด

1) G(s) | G+ (1 M)

2) J(s) | JNO3 (1 M)
3) Pt(s) | L3+ (1 M), L2+ (1 M)

4) Pt(s) | MCl (1 M), MCl2 (1 M)

51. เขยี นแผนภาพเซลลจ์ ากรูปต่อไปน้ี

1) Pt | Sn4+(1.0 M), Sn2+(1.0 M) || Zn2+(1.0 M) | Zn
2) Pt | Sn2+(1.0 M), Sn4+(1.0 M) || Zn2+(1.0 M) | Zn
3) Zn | Zn2+(1.0 M) || Sn4+(1.0 M), Sn2+(1.0 M) | Pt
4) Zn | Zn2+(1.0 M) || Sn2+(1.0 M), Sn4+(1.0 M) | Pt

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (163)

52. จากค่า E° ของคร่งึ ปฏกิ ิริยาต่อไปน้ี

ปฏกิ ริ ิยารดี กั ชัน ศกั ย์ไฟฟา้ (โวลต์)

2H2O + 2e- H2 + 2OH- -0.83
2H+ + 2e- H2 0.00
4OH- +0.40
O2 + 2H2O + 4e- +1.09
Br2 + 2e- 2Br- +1.23
O2 + 4H+ + 4e-
2H2O

ปฏกิ ิรยิ าอเิ ล็กโทรลซิ สิ ของสารละลาย HBr เขม้ ขน้ 1 mol/dm3 ใหผ้ ลตามข้อใด
1) ผลติ ภณั ฑ์ทเี่ กิดทีข่ วั้ แอโนด คือ O2
2) ผลิตภณั ฑ์ทเี่ กดิ ทีข่ ้วั แคโทด คอื Br2
3) ศกั ยไ์ ฟฟ้าภายนอกท่ที ําใหเ้ กิดปฏิกริ ิยาเทา่ กับ 1.09 โวลต์
4) pH ของสารละลายจะคอ่ ยๆ เพิ่มขนึ้

53. สารประกอบใดต่อไปน้ีทีไ่ มจ่ ดั เปน็ สารประกอบอนิ ทรยี ์
1) CaC2
2) C2H2
3) NaC CH
4) ไม่มีคาํ ตอบ

54. C7H8O มีโครงสร้างที่ประกอบด้วยวง benzene 1 วง รวมกี่ไอโซเมอร์
1) 2
2) 3
3) 4
4) 5

55. สารประกอบประเภทใดทีน่ า่ จะมีจดุ เดอื ดสงู ที่สุด เม่ือพิจารณาจากโครงสร้างอ่มิ ตวั ที่มมี วลใกลเ้ คยี งกัน
1) acetamide
2) acetic acid
3) acetaldehyde
4) ethanol

56. สารชนดิ ใดท่สี ามารถนํามาใช้ทําปฏิกริ ิยาบอกความแตกตา่ งระหว่างกรดและแอลกอฮอล์ท่มี คี ารบ์ อน 6 ตัว
เท่ากนั ได้ดีที่สุด
1) Na(s)
2) NaHCO3(aq)
3) NaOH(aq)
4) HCl(aq)

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (164) ____________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27

57. 1, 3 cyclopentadiene เมื่อทําปฏกิ ิริยากับ HCl ที่มากเกนิ พอแลว้ จะได้ผลติ ภณั ฑ์กีไ่ อโซเมอร์

1) 1

2) 2

3) 4

4) ไม่เกดิ ปฏิกิริยา

O

58. ยาพาราเซตามอลมีโครงสร้างดังแสดงต่อไปน้ี การทําปฏิกิริยา hydrolysis HN OH

ในการละลายกรด จะได้ผลติ ภัณฑส์ องชนดิ ชนดิ ที่มนี า้ํ หนักโมเลกุลสงู กว่ามีหมู่ฟังกช์ ันเปน็ อะไร

1) เอมนี
2) คาร์บอกซิลิก
3) แอลกอฮอล์
4) ถกู มากกว่า 1 ข้อ

59. สาร A เป็น carbohydrate ชนิดหน่ึงท่ีเกิดปฏิกิริยากับเบเนดิกต์แต่เมื่อต้มสาร A ในน้ําที่มีกรดเป็น
ตัวเรง่ ปฏิกิรยิ า ผลิตภณั ฑ์ท่ไี ดเ้ มื่อทาํ ปฏิกิริยากับเบเนดิกต์จะเกดิ ตะกอนสีแดง สาร A อาจเปน็ ขอ้ ใด
1) Glyceraldehyde
2) Lactose
3) Glycogen
4) ขอ้ 2) หรือ 3) กไ็ ด้

60. oligopeptide ต่อไปน้เี ปน็ โมเลกุลประเภทใด และมีพันธะ peptide กพ่ี นั ธะ

O

H2N O NH O OH
NH O NH OH

O

1) tripeptide, 2 peptide bonds
2) tetrapeptide, 3 peptide bonds
3) tetrapeptide, 4 peptide bonds
4) pentapeptide, 5 peptide bonds

61. เมื่อนํา collagen จากกระดูกสัตว์ไปต้มในกรด จะได้เจลาตินสําหรับนําไปทําวุ้นประกอบอาหารได้
กระบวนการตม้ กับกรดทาํ ให้เกิดผลตามข้อใด
1) โปรตนี เสยี สภาพธรรมชาติ
2) เกิดการยอ่ ยได้เป็นกรดอะมิโน
3) เกิดการย่อยไปบางส่วน
4) กรดอะมโิ นสลายตัวไปบางสว่ น

โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 ___________________________________ วิทยาศาสตร์ เคมี (165)

62. เมอ่ื ต้ม NaOH(aq) กับสารในขอ้ ใด จะใหผ้ ลติ ภัณฑท์ ่เี ป็นสบู่
1) ไขมัน
2) กรดไขมัน
3) โปรตีน
4) ขอ้ 1) และ 2)

63. ไบโอดีเซลท่ใี ช้กนั มากในประเทศไทย สามารถเตรียมไดโ้ ดยการตม้ น้ํามนั ปาล์มกบั เมทานอล หรือเอทานอล
โดยมีเบสเป็นตวั เรง่ ปฏิกิรยิ า ไบโอดเี ซลหรือผลติ ภณั ฑ์ทไ่ี ด้น้เี ป็นสารประกอบประเภทใด
1) ไฮโดรคาร์บอน
2) แอลกอฮอล์
3) กรดไขมนั
4) เอสเทอร์

64. จากข้อที่แล้ว ไบโอดีเซลทไ่ี ด้ มีความสามารถในการเผาไหม้ดีกว่าน้ํามันปาลม์ ซ่ึงเป็นสารตง้ั ต้นดว้ ยเหตุใด
1) นาํ้ หนกั โมเลกลุ ตํ่ากว่า
2) ขนาดโมเลกลุ เลก็ กวา่
3) เกิดจากการเตมิ น้าํ เข้ามาในโมเลกลุ
4) ถูกทุกข้อ

65. เช้อื เพลงิ ปิโตรเลียมขอ้ ใดเผาไหมไ้ ด้ดที ่ีสุด ในสภาวะปฏกิ ริ ิยาเดยี วกนั
1) iso-octane บริสทุ ธิ์ เพราะมีคา่ เลขออกเทนเท่ากบั 100
2) cetane บริสุทธ์ิ เพราะมีค่าเลขซเี ทนเท่ากบั 100
3) ก๊าซธรรมชาตอิ ดั (CNG) เพราะมขี นาดโมเลกุลเล็ก
4) ขอ้ 1 และ 3 เผาไหม้ไดด้ ีเทา่ ๆ กัน

66. การกระทาํ ใดที่ไมส่ ามารถเพิ่มความสามารถในการเผาไหม้ของน้ํามันปิโตรเลยี มได้
1) ตัดโมเลกลุ ให้เลก็ ลง
2) isomerise ให้เป็นก่ิง
3) เพิ่มพันธะคู่หรือสามลงในโมเลกุล
4) เพิ่มสารที่ช่วยเพมิ่ คา่ ความดันไอ

67. สารตงั้ ตน้ ตอ่ ไปนสี้ ามารถเตรียมเปน็ พอลิเมอรก์ ับสารอืน่ ได้หลายชนดิ ยกเว้นขอ้ ใด

OO

Cl Cl

1) HO OH 2) H2N OH
O

3) H2N NH2 4) HO NH2

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (166) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 27

68. จากข้อ 67 พอลเิ มอร์ที่เกดิ จากสารต้งั ต้นชนิดใดจะมีความแขง็ แรงสูงทสี่ ุด
1) HO OH
2) H2N OH
3) H2N NH2
O
4) HO NH2

69. ขอ้ ใดไมถ่ ูกต้องเกี่ยวกับสารประกอบเพพไทด์
1) ไดเพพไทด์คอื สารที่มจี าํ นวนกรดอะมโิ น 2 หน่วย
2) ถา้ มีกรดอะมโิ น N หนว่ ย จะต้องมีจาํ นวนพันธะเพพไทด์ N-1 พนั ธะเสมอ
3) เป็นพอลิเมอร์แบบควบแน่น
4) พอลิเพพไทดเ์ ป็นได้ทงั้ พอลิเมอร์แบบเสน้ ตรง แบบกงิ่ และ แบบวง

70. ขอ้ ใดกลา่ วถูกเกี่ยวกับพอลิเมอร์ในธรรมชาติ
1) คารโ์ บไฮเดรตทกุ ชนดิ เป็นพอลิเมอร์
2) กรดนวิ คลอิ กิ จัดเป็นพอลเิ อสเทอร์
3) โปรตนี จดั เปน็ โฮโมพอลิเมอร์ทเ่ี กดิ จากกรดอะมิโน
4) ยางพาราจัดเปน็ พอลิเมอรป์ ระเภทคารโ์ บไฮเดรต

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (167)

ชดุ ท่ี 3

71. เพราะเหตุใดพลงั งานไอออไนเซชนั ลําดบั ท่ี 1 ของไนโตรเจนถงึ มีคา่ มากกวา่ ของออกซเิ จน
1) เพราะไนโตรเจนมีรศั มีอะตอมมากกวา่ ออกซเิ จน
2) เพราะไนโตรเจนมอี เิ ลก็ โทรเนกาติวติ ตี า่ํ กว่าออกซเิ จน
3) เพราะไนโตรเจนมคี วามหนาแน่นมากกว่าออกซเิ จน
4) เพราะไนโตรเจนมีการจดั เรยี งอิเลก็ ตรอนทเ่ี สถยี รกวา่ ออกซิเจน

72. การจัดเรียงอิเล็กตรอนของธาตุในข้อใดไม่ถูกต้อง (กําหนดเลขอะตอม K = 19, Ca = 20, Sc = 21 และ

Ti = 22)
1) K+ = 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6
2) Ca+ = 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1
3) Sc+ = 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2
4) Ti+ = 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 3d2

73. ผลรวมของเลขออกซเิ ดชนั ของคาร์บอนในกรดแอซิตกิ (CH3COOH) มคี ่าเท่ากบั เทา่ ไร
1) 0 2) 1

3) 2 4) 3

74. ข้อใดถูกต้องเก่ียวกับการทดลองของบอร์
1) สามารถใช้สมการการคาํ นวณหาพลงั งานของแตล่ ะระดับพลงั งานของธาตไุ ด้ทกุ ชนดิ
2) ความแตกตา่ งของพลงั งานระหว่าง n = 1 กับ n= 2 มีค่ามากกวา่ n = 1 กับ n = 3
3) ความแตกต่างของระดับพลังงานจะลดลงเรอ่ื ยๆ เมอื่ ระดับพลงั งานย่งิ สงู ขึ้นไป
4) มีขอ้ ถกู มากกว่า 1 ขอ้

75. พจิ ารณาขอ้ ความเก่ยี วกบั ธาตุหม่ทู ี่ 18

ก. ธาตุ Kr และ Xe เปน็ ธาตเุ พียง 2 ชนิดในหมนู่ ้ที ส่ี ามารถหาค่าอเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ิตีได้

ข. ธาตทุ ุกชนิดมีความเสถยี รมาก ไม่สามารถเกดิ เปน็ สารประกอบได้

ค. ปัจจุบันนยิ มใช้ธาตุหมูน่ ้ใี นอุตสาหกรรมเลเซอร์

ข้อใดถกู ตอ้ งที่สดุ

1) ก. และ ข. 2) ก. และ ค.

3) ข. และ ค. 4) ก., ข. และ ค.

76. พจิ ารณาการสลายตัวของธาตุ Y-90 ดงั สมการ
9309Y 90 0
40 Z + -1 e มีครึ่งชีวิตเทา่ กบั 64 ช่ัวโมง

หากเร่ิมต้นด้วย Y-90 หนัก 50 กรัม เกิดการสลายตัวจนเหลือ Y-90 เพียง 3.125 กรัม จงหา

ปรมิ าณของ Z-90 ทีเ่ กดิ ข้นึ และเวลาท้งั หมดท่ใี ชใ้ นการสลายตวั ตามลาํ ดับ

1) 3.125 กรมั 256 ชม. 2) 3.125 กรมั 320 ชม.

3) 46.875 กรมั 256 ชม. 4) 46.875 กรัม 320 ชม.

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (168) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

77. การทดลองในขอ้ ใดสง่ ผลใหร้ ทั เทอร์ฟอรด์ คน้ พบโปรตอน

1) การยิง 9 Be ด้วยอนุภาคแอลฟา ได้ผลติ ภัณฑ์เปน็ 12 C
4 6

2) การยิง 12 C ด้วยอนุภาคแอลฟา ได้ผลิตภณั ฑเ์ ปน็ 16 N
6 7

3) การยงิ 197 Au ด้วยอนภุ าคแอลฟา ไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ปน็ 200 Hg
79 80

4) การยิง 14 N ดว้ ยอนุภาคแอลฟา ไดผ้ ลติ ภัณฑเ์ ป็น 17 O
7 8

78. ขอ้ ใดเรียงลาํ ดับจุดเดือดของสารไดถ้ ูกตอ้ ง

1) CH3OH < HCl < SiO2 < Hg 2) SiO2 < CH3OH < HCl < Hg
3) HCl < CH3OH < Hg < SiO2 4) CH3OH < HCl < Hg < SiO2

79. ผลติ ภณั ฑจ์ ากปฏกิ ิริยากบั แกส๊ คลอรนี ในสภาวะทเ่ี หมาะสมของ ไซโคลเฮกเซนและไซโคลเฮกซีนมีค่าพลังงาน

ในการสลายพันธะต่างกันเท่าไร (กําหนดพลังงานพันธะ C C = 348 kJ/mol, C C = 614 kJ/mol,

C H = 413 kJ/mol, C Cl = 330 kJ/mol, Cl Cl = 243 kJ/mol, H Cl = 432 kJ/mol)

1) 83 kJ/mol 2) 266 kJ/mol

3) 330 kJ/mol 4) 596 kJ/mol

80. สารค่ใู ดมรี ูปรา่ งและสภาพขวั้ ตา่ งกันทัง้ หมด

1) NO2 XeO2 2) SO3 BCl3
3) CCl4 KrF4 4) PCl5 ICl5

81. สารประกอบตอ่ ไปนี้มพี นั ธะโคออร์ดิเนตโคเวเลนตท์ ้งั หมดยกเวน้ ขอ้ ใด

1) O3 N2O 2) SO2 N-3

3) NOCl3 H3O+ 4) HNO3 NH+4

82. แก๊สสมมติ X2 ปริมาณ 8 กรัม มีปริมาตร 11.2 dm3 ท่ี STP ดังนั้น แก๊ส X2 จํานวน 1.204 × 1024
โมเลกุล จะมมี วลเท่าใด

1) 16 กรมั 2) 32 กรมั

3) 64 กรมั 4) 128 กรมั

83. จากสมการ CaCO3 ∆ CaO + CO2 ถ้านําของผสมระหว่าง CaCO3(s) กับ CaO(s) จํานวน 20 กรัม
มาเผาจนเกิดปฏิกริ ยิ าสมบรู ณ์ พบวา่ เหลอื ของแข็งหนัก 12.96 กรัม จงหาร้อยละโดยน้ําหนักของ CaCO3
ในของผสม

1) 20 2) 40

3) 60 4) 80

84. เม่ือนํา FeSO4 ⋅ nH2O จํานวน 41.7 กรัม มาเผาที่อุณหภูมิ 100°C พบว่าเหลือของแข็งหนัก 22.8 กรัม
จงหาร้อยละของออกซเิ จนท่ีเปน็ องค์ประกอบในสารประกอบนี้ (Fe = 56, S = 32, O = 16)

1) 28.8 2) 35.7

3) 56.6 4) 63.3

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (169)

85. ในการถลงุ แร่เหลก็ น้ันต้องอาศัยการเกดิ ปฏกิ ิริยากับ CO ท่ไี ดจ้ ากการเผาถ่านโค้ก ดงั สมการ

C + O2 CO

ซ่งึ CO ท่ไี ด้ จะถกู นําไปใช้รดี ิวซ์แร่เหล็กดงั กลา่ ว ดงั สมการ

Fe2O3 + CO Fe3O4 + CO2

Fe3O4 + CO FeO + CO2

FeO + CO Fe + CO2

ถ้าเริ่มต้นจากแร่เหล็ก (Fe2O3) 1 ตัน จะได้เหล็กบริสุทธิ์ออกมากี่ตันและใช้ถ่านโค้กกี่ตันตามลําดับ

(Fe = 56, C = 12, O = 16)

1) 0.350, 0.075 2) 0.700, 0.075

3) 0.350, 0.675 4) 0.700, 0.675

86. กราฟในข้อใดท่มี ี T1 > T2

PV P

T1
T2

V TTV21

กราฟรูป ก. กราฟรปู ข.

1) ก. เท่านนั้ 2) ข. เทา่ น้ัน
3) ถกู ทั้ง ก. และ ข. 4) ผิดทง้ั ก. และ ข.

87. จะต้องใช้แก๊สออกซิเจน (O2) ความดันเท่าไร จึงจะเพียงพอต่อการกําจัดแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)
ที่ความดัน 1 บรรยากาศ ในภาชนะขนาด 112 ลิตร อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ทั้งหมดให้กลายเป็นแก๊ส

คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
กาํ หนดให้ คา่ คงท่ีของแก๊สสมบรู ณ์ (R) เท่ากับ 0.0821 L ⋅ atm mol-1 K-1

1) 0.2 บรรยากาศ 2) 0.5 บรรยากาศ

3) 1.0 บรรยากาศ 4) 2.0 บรรยากาศ

88. พจิ ารณาปฏกิ ริ ยิ าชนิดหนงึ่ เกดิ ผ่านขั้นตอนย่อยดงั นี้

ขัน้ ท่ี 1 2A → C + D Ea = 500 kJ ∆H = 150 kJ
ขัน้ ที่ 2 C + E → 2F Ea = 100 kJ ∆H = -250 kJ
ข้อใดไม่ถูกตอ้ ง

1) ปฏิกิริยาข้นั ท่ี 1 เปน็ ขนั้ กาํ หนดอตั รา

2) ปฏิกริ ยิ ายอ้ นกลับของข้นั ที่ 2 มีพลังงานกระตนุ้ 350 kJ

3) ปฏิกริ ยิ าน้เี ป็นปฏกิ ิรยิ าดูดความรอ้ น 100 kJ

4) ปฏกิ ริ ยิ าน้ีเป็นปฏิกิรยิ าอนั ดบั สอง

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (170) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

89. นําเหล็ก 56 กรัม มาทําปฏิกิริยากับกรดเกลือ 2 M 500 cm3 เม่ือเวลาผ่านไป 10 นาที เกิดก๊าซท่ีมี

ปริมาตร 0.41 L ความดัน 0.3 atm ท่ีอุณหภูมิ 27°C อัตราการลดลงของกรดเกลือมีกี่โมลต่อนาที
(กาํ หนดคา่ คงทขี่ องก๊าซ = 0.082 L ⋅ atm mol-1 K-1)

1) 0.001 2) 0.005

3) 0.01 4) 0.05

90. ที่สมดุลของปฏิกิริยา H2(g) + Cl2(g) HCl(g) (สมการยังไม่ดุล) พบ H2 0.2 M, Cl2 0.2 M และ

HCl 0.16 M เมื่อเติม HCl ลงไปเพ่ิม ที่สมดุลใหม่พบว่า H2 มีความเข้มข้นเป็น 0.25 M HCl ท่ีเติมลงไป

เพิ่มนัน้ มีความเขม้ ขน้ เทา่ ไร

1) 0.06 M 2) 0.09 M

3) 0.10 M 4) 0.14 M

91. หากนํา PbSO4 0.303 กรัม มาละลายนํ้าจนมีปริมาตรเป็น 500 มิลลิลิตร สารละลายท่ีได้จะเป็นอย่างไร
(กําหนด ค่า Ksp ของสมดุลการละลายของ PbSO4 = 1.44 × 10-8 มวลอะตอม Pb = 207, S = 32,
O = 16)

1) สารละลายใสและยงั ไมอ่ ม่ิ ตัวสามารถละลายเพมิ่ ไดอ้ ีก

2) สารละลายใสและอ่มิ ตวั พอดี

3) สารละลายอมิ่ ตัวและมีตะกอนของ PbSO4 บางส่วนเหลอื อยู่
4) ไมส่ ามารถละลายไดเ้ พราะ PbSO4 เปน็ สารทไ่ี ม่ละลายนํ้า

92. กําหนด ปฏิกิริยา A(g) + B(g) 2C(g) ∆H = -109 kJ/mol ผลการทดลองข้อใดไม่ถูกต้อง

จากการรบกวนสมดุล โดยวธิ ีการดงั ต่อไปนี้

1) หากเพม่ิ ความดันของ A จะทาํ ให้สมดลุ เล่อื นไปทางขวา

2) หากลดอุณหภูมจิ ะส่งผลให้คา่ คงท่ีสมดลุ เพ่มิ ข้ึน

3) หากลดปริมาตรของระบบจะไม่มผี ลตอ่ สมดลุ โดยทส่ี ารยงั มีความเขม้ ขน้ คงท่ี

4) หากเพิม่ อุณหภูมิจะทําใหส้ มดุลเล่ือนไปทางซา้ ย

93. สารละลายผสมระหว่าง NaOH เข้มข้น 0.1 M ปริมาตร 25 cm3 กับ NaCl เข้มข้น 0.1 M ปริมาตร
25 cm3 จะมี pH เท่าใด

1) 13.70 2) 13.30

3) 12.30 4) 12.70

94. ถ้าต้องการเตรียมสารละลายอ่ิมตัว NaOH จะสามารถเตรียมได้ค่า pH มากที่สุดเท่าใด (กําหนดค่า

การละลายนา้ํ ของ NaOH 120 g/100 cm3 ท่ี 25°C และ log3 = 0.48)

1) 12.52 2) 14.00

3) 15.48 4) ไม่มขี อ้ ถกู

โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (171)

95. สารละลายผสมในข้อใดเป็นบฟั เฟอร์

1) CH3COOH 0.1 M 10 mL + NaOH 0.05 M 30 mL
2) NaOH 0.05 M 100 mL + CH3COOH 0.2 M 25 mL
3) NH3 0.1 M 100 mL + HCl 0.05 M 50 mL
4) HCl 0.05 M 100 mL + NH3 0.1 M 50 mL

96. ในหอ้ งเรียนแหง่ หน่งึ นกั เรียนทั้งสามคนได้แยกกันจัดจําแนกประเภทของสารที่อุณหภูมิห้องโดยใช้เกณฑ์

ในการจําแนกท่แี ตกตา่ งกนั ดงั นี้

นกั เรียนคนที่ 1 จดั นา้ํ เชื่อม น้าํ นม ปรอท และน้ําส้มค้ัน เปน็ สารประเภทเดียวกนั
นกั เรียนคนที่ 2 จัดนํ้าโซดา อากาศ แกส๊ ออกซิเจน และเอทานอล เปน็ สารประเภทเดียวกนั

นักเรยี นคนที่ 3 จัดทองคําขาว นา้ํ บรสิ ุทธ์ิ แก็สไนโตรเจน และเพชร เปน็ สารประเภทเดยี วกนั
ข้อใดระบเุ กณฑ์การจาํ แนกสารของนกั เรียนทง้ั สามคนน้ีใช้ได้อยา่ งถกู ตอ้ งท่สี ดุ ตามลาํ ดับ
1) สถานะ เนื้อสาร ความบรสิ ุทธิ์
2) เน้ือสาร ความบรสิ ุทธ์ิ ความนาํ ไฟฟา้
3) ความบริสุทธิ์ เนอ้ื สาร สถานะ

4) ความนําไฟฟ้า ความบริสุทธ์ิ เนือ้ สาร

97. กําหนดปฏิกิริยารีดอกซ์ ClO2 + H2O → HClO3 + HCl หากนํา ClO2 มา 40.5 กรัม มาทําปฏิกิริยา

จะเกดิ HClO3 กี่กรมั (กําหนดมวลอะตอม Cl = 35.5, O = 16, H = 1)

1) 16.9 2) 25.35

3) 42.25 4) 50.7

98. กําหนด Cu2+(aq) + 2e- → Cu(s) E0 = 0.34
Pb2+(aq) + 2e- → Pb(s) E0 = -0.13
Fe2+(aq) + 2e- → Fe(s) E0 = -0.44

ในการทดลองแยกตะก่ัวออกมาจากโลหะผสมโดย นําโลหะผสมทองแดง ตะก่ัวและเหล็กต่อกับขั้วบวก

และนาํ ตะกั่วบรสิ ุทธ์ิตอ่ เข้ากบั ขว้ั ลบของแบตเตอรีท่ ่มี ีความต่างศักย์ 0.1 V และใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์

เปน็ PbSO4 ผลการทดลองขอ้ ใดไม่ถกู ตอ้ ง
1) ตะกัว่ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชันและรีดกั ชัน

2) เหลก็ เกิดปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชัน

3) ทองแดงเกิดปฏกิ ิริยารีดักชัน

4) สารละลาย PbSO4 มคี วามเข้มขน้ คงที่

99. สารไฮโดรคาร์บอนชนิดหนึ่งมีสูตรโมเลกุลเป็น C6H12 จงหาไอโซเมอร์ทั้งหมดที่เป็นไปได้ของสารน้ีที่
สามารถฟอกโบรมนี ไดเ้ ฉพาะในท่ที ีม่ ีแสงสวา่ งเทา่ นั้น

1) 6 แบบ 2) 8 แบบ

3) 10 แบบ 4) 12 แบบ

วิทยาศาสตร์ เคมี (172) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27

พิจารณาปฏกิ ิรยิ าตอ่ ไปนี้ตอบคาํ ถามขอ้ ท่ี 100-101

O

O + NaOH A + B

A + HCl C +D

C + Br2 ที่มดื E

จากการตรวจสอบพบวา่ สาร A มีหมคู่ ารบ์ อนลิ เปน็ องคป์ ระกอบ

สาร C สามารถเปลยี่ นกระดาษลิตมัสจากสีน้ําเงินไปเป็นแดงได้

100. สารประกอบในข้อใดสามารถทาํ ปฏกิ ิริยากบั โลหะโซเดยี มได้แก๊สไฮโดรเจน
1) A
2) B
3) C
4) มีคําตอบถกู มากกวา่ 1 ข้อ

101. สตู รโมเลกุลท่ีถกู ตอ้ งของสาร E เปน็ ได้ตามข้อใด
1) C3H4 Br2O2
2) C3H6 Br2O2
3) C3H5 Br O2
4) C3H4 Br2O

102. ข้อใดกล่าวไมถ่ ูกต้องเก่ยี วกบั พอลเิ มอร์ พอลิสไตรนี บิวทาไดอีน

n

1) เปน็ ยางธรรมชาตทิ ี่มคี ณุ สมบัติยดื หยุน่ ดีเปน็ พิเศษ
2) เป็นพอลเิ มอร์แบบเส้น

3) เกดิ จาก มอนอเมอร์ และ

4) เกิดผ่านปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชนั แบบเติม

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 ___________________________________ วิทยาศาสตร์ เคมี (173)

OO
103. กําหนด มอนอเมอร์

OO
หากเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันจะได้พอลิเมอร์มีโครงสร้างเป็นอย่างไร เกิดผ่านปฏิกิริยาใด และเป็น

พอลเิ มอรช์ นิดใด

โครงสรา้ งพอลเิ มอร์ ชนดิ ปฏกิ ิรยิ า ชนดิ พอลเิ มอร์
O ควบแน่น โฮโมพอลิเมอร์

1) O

n

2) O ควบแน่น โฮโมพอลเิ มอร์
เตมิ โฮโมพอลิเมอร์
O n

O

3) O

n

4) O เติม โคพอลิเมอร์

n

O

104. จากตารางการทดสอบความอิ่มตวั ของนํ้ามันท้งั 4 ชนิด โดยใชน้ ํา้ โบรมีนไดผ้ ลการทดลอง ดงั นี้

ชนดิ นา้ํ มัน จาํ นวนหยดของโบรมนี
น้ํามนั A 38
นํา้ มนั B 22
นาํ้ มัน C 41
นํา้ มนั D 18

พจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี

ก. หากพจิ ารณาจากความอมิ่ ตัวของกรดไขมนั เปน็ องคป์ ระกอบ นํ้ามัน D จะเกดิ การเหม็นหนื ไดง้ า่ ยทสี่ ดุ

ข. ลาํ ดับจุดหลอมเหลวไดเ้ ปน็ C < A < B < D

ค. หากนํานาํ้ มนั ท้ัง 4 ชนดิ ไปทําสบู่ สบทู่ ีไ่ ดจ้ ากน้ํามนั C จะมคี วามแข็งมากที่สุด

ข้อใดผิด

1) ก. และ ข. 2) ก. และ ค.

3) ข. และ ค. 4) ก., ข. และ ค.

วทิ ยาศาสตร์ เคมี (174) ____________________________________โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 27

105. พิจารณาโครงสร้างตอ่ ไปน้ี

OH

S CH3 O C H3C CH3

O H2C CH2 H2C O H2C CH2 CH O

HN C NH HC C NH HC C NH HC C NH HC C OH
OO

จากโครงสรา้ งของสารประกอบดงั กลา่ ว พจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี

ก. สารประกอบเพปไทด์น้ีประกอบไปกรดอะมิโนทง้ั หมด 5 ชนิดทแ่ี ตกต่างกัน

ข. สารประกอบน้สี ามารถเกิดปฏิกริ ิยากบั การทดสอบไบยเู ร็ตได้สารเชิงซอ้ นสมี ่วง

ค. สารประกอบน้ีประกอบด้วยพันธะเพปไทด์ 4 พันธะ อาจเรียกช่ือท่ัวไปได้เป็นสารประกอบ

เพนตะเพปไทด์

จากขอ้ ความขา้ งตน้ มีขอ้ ทีถ่ กู ต้องทั้งหมดก่ขี อ้

1) 1 ขอ้ 2) 2 ขอ้

3) 3 ข้อ 4) ไม่มีขอ้ ใดถูก

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 27 ___________________________________ วทิ ยาศาสตร์ เคมี (175)

เฉลย

ชดุ ที่ 1 3. 4) 4. 3) 5. 3) 6. 3) 7. 3) 8. 3) 9. 4) 10. 4)
13. 3) 14. 4) 15. 1) 16. 1) 17. 3) 18. 3) 19. 1) 20. 2)
1. 3) 2. 4) 23. 3) 24. 3) 25. 4) 26. 4) 27. 4) 28. 2) 29. 4) 30. 2)
11. 1) 12. 4) 33. 4) 34. 3) 35. 2)
21. 1) 22. 3)
31. 2) 32. 2)

ชดุ ท่ี 2 38. 2) 39. 2) 40. 3) 41. 3) 42. 2) 43. 4) 44. 2) 45. 3)
48. 2) 49. 1) 50. 2) 51. 3) 52. 3) 53. 1) 54. 4) 55. 1)
36. 2) 37. 1) 58. 4) 59. 3) 60. 2) 61. 3) 62. 4) 63. 4) 64. 2) 65. 3)
46. 2) 47. 2) 68. 3) 69. 2) 70. 2)
56. 2) 57. 2)
66. 3) 67. 4)

ชุดที่ 3 73. 1) 74. 3) 75. 2) 76. 3) 77. 4) 78. 3) 79. 1) 80. 4)
83. 4) 84. 4) 85. 4) 86. 1) 87. 2) 88. 3) 89. 1) 90. 4)
71. 4) 72. 3) 93. 4) 94. 3) 95. 3) 96. 1) 97. 3) 98. 3) 99. 4) 100. 4)
81. 2) 82. 2) 103. 1) 104. 2) 105. 4)
91. 3) 92. 3)
101. 1) 102. 1)

————————————————————

วิทยาศาสตร์ เคมี (176) ____________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27


Click to View FlipBook Version