The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuahuay, 2023-02-19 20:44:50

รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ"

กมธ.1

รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 113 - ภัยคุกคามจากภายนอกที่อาจเกิดขึ้น ต้องการลดต้นทุนมากขึ้นจากสภาวะการ แข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมยางล้อรถยนต์ ของจีน ทําให้มีแรงกดดันต่อราคารับซื้อยาง วัตถุดิบ มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรศาสตร์ ที่ส่งผลลบต่อความต้องการสินค้อุตสาหกรรม ไม่มี มีสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออํานวยต่อการ จัดจําหน่ายสินค้า การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนและ เศรษฐกิจของโลกมีภาวะชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี - โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเทคโนโลยีที่บ่อนทําลายความสามารถ ที่โดดเด่นของบริษัท มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียางรถยนต์ทําให้ใช้ ปริมาณยางพาราลดลงขณะที่ยางสังเคราะห์ สามารถทดแทนยางพาราในการผลิตถุงมือยางได้ 100% มีนโยบายการค้าต่างประเทศที่จํากัด ไม่มี มีข้อกําหนดทางกฎหมายที่ทําให้ต้นทุนสูงขึ้น ไม่มี เงื่อนไขสินเชื่อที่เข้มงวด ไม่มี ปัจจัยการผลิตและพลังงาน มีราคาเพิ่มขึ้น ไม่มี ที่มา: มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร (2561) วิเคราะห์อุตสาหกรรมยางพาราไทย ภัยคุกคาม (Threat) 1. มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ใช้ทดแทนยางธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว 2. การพัฒนาเทคโนโลยีช้ากว่าประเทศคู่แข่งขัน 3. การเมืองประเทศไม่มีเสถียรภาพไม่เอื้อต่อการลงทุน 4. ราคายางมีความผันผวนสูง กระทบต่อต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง และราคามี แนวโน้มอยู่ระดับสูงกว่ายางสังเคราะห์ 5. ค่าใช้จ่ายครองชีพของครัวเรือนไทยสูงขึ้น ทําให้ความจําเป็นใช้จ่ายมากขึ้นประกอบกับ โครงสร้างทางเกษตรกรรายย่อยทําให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น 6. ผู้ผลิตยางล้อรถยนต์พยายามคิดค้นเทคโนโลยีการพัฒนายางสังเคราะห์ให้มีคุณสมบัติ ทดแทนอย่างธรรมชาติได้มากขึ้นเนื่องจากราคายางธรรมชาติมีความผันผวนสูงกว่าราคาสังเคราะห์ มากประกอบกับอุปทานยางสังเคราะห์สามารถตอบสนองอุปสงค์ได้รวดเร็วกว่ายางธรรมชาติ 7. การแข่งขันที่รุนแรงมีผู้ปลูกยางรายใหม่เกิดขึ้นโดยประเทศในแถบอาเซียน ประเทศ เพื่อนบ้านเป็นคู่แข่งในการผลิตยางมากขึ้นหันมานิยมปลูกยางเพิ่มมากขึ้น


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 114 - 4.6 การวิเคราะห์ด้วยแบบจําลอง Diamond Model รูปภาพที่ 44 แบบจําลอง Diamond Model ที่มา: https://marketing-insider.eu/tag/chance/


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 115 - กลยุทธของก์จการิ โครงสราง้ และการ แขงข่นั 1) โครงสรางการผล้ ตไม ิ สมด ุ่ล มผลผลีตยางติน้ ทางมากกว่า กลางทางและปลายทางหลายเทา่ 2) อํานาจเหนือตลาดอยูท่ผีู่ส้่งออกจํานวนนอย้ กําหนดราคา เกษตรกรมจีํานวนมาก ไมม่อีํานาจ ต่อรองราคา 3) การสรางธุ้รกจใหม ิ ่ ในอตสาหกรรมยางพาราุ มจีํานวนนอย้ โดยเฉพาะธุรกจการแปรร ิ ปยางู บทบาทของรฐบาลั 1) อทธิพลของริ ัฐบาลไม่ชัดเจน ระยะสนั้ 2) โครงสรางอุ้ตสาหกรรมยางไมเปล ่่ยนแปลง ี 3) ไม่มที ศทางพ ิ ัฒนาอตสาหกรรมยางพาราทุชี่ ัดเจน ขาดบรหารยางพาราองคิ รวมของประเทศ ์ 4) กนย.ไม่สามารถขบเคลั ือนได่้ไมช่ ัดเจน ตัดสนใจไม ิ ่ทันตอสถานการณ ่ ์ 5) คกก.& กยท. ศักยภาพจํากัดและอ่อนแอ เงอนไขทางด่ื านป ้จจัยการผลัติ 1) มความพรี อมในการผล ้ตยางพาราตินทาง้ 2) ขาดโครงสรางพ้ ืนฐานและป้ัจจัยเกอหนืุ้น ทางดานอุ้ตสาหกรรมแปรรปู 3) ยังไม่มกลไกการสร ี างสรรค ้ ป์ ัจจัยการผลติ (Factor Creation) เงอนไขทางด่ืานอุ้ปสงค์ 1) อุปสงคผล์ตภิ ัณฑยางภายในประเทศม ์ ปร ีมาณนิอย้ และเตบโตช ิา้ 2) มการผลีตมากกวิ าปร ่ มาณการใช ิ เป้ ็นจํานวนมากจงึ จําเป็นตองพ้ งพาตลาดประเทศ ึ่ 3) ความตองการผล้ตภิ ัณฑยางในต ์ ่างประเทศ มการี เตบโตส ิงู อุตสาหกรรมทเกี่ยวขี่องและสน ้ บสน ัุน 1) ขาดอุตสาหกรรมทสนี่ับสนุนการแปรรปยางู อย่างเพยงพอี 2) อุตสาหกรรมตอเน่ ื่องจากยางพาราตนทางม้ ี จํานวนจํากัด บทบาทของโอกาสเปลยนแปลง่ี 1) โรคอุบตั ใหม ิ ่ ใชถุ้งมอยางมากขืนึ้ 2) ความตองการลดต้นทุ้นของผผลู้ตยางิ ลอจ้นี 3) ไทยเป็นฐานผลตรถยนติ ์ 4) สงประด่ิษฐิ & ์ ประกอบกจการิ & โอกาสยังมนีอย้ รูปภาพที่ 45 แบบจําลอง Diamond Model ของอุตสาหกรรมยางพาราไทย 4.6.1 เงื่อนไขทางด้านปัจจัยการผลิต 4.6.1.1 มีความพร้อมในการผลิตยางพาราต้นทาง 1) เกษตรกรมีทักษะความสามารถในการปลูกยาง 2) อยู่ในเขตพื้นที่เหมาะสมสําหรับการปลูกยางจํานวนมากผลผลิตมากคุณภาพดี 3) มีระบบกองทุนสงเคราะห์ยางพาราทางด้านต้นน้ําทําให้มีการผลิตยางพารา ได้มากขณะที่การแปรรูปมีจํานวนน้อย ทําให้เกิดการขาดสมดุลระบบยางพาราทั้งห่วงโซ่อุปทาน 4.6.1.2 ขาดโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยเกื้อหนุนทางด้านอุตสาหกรรมแปรรูปเป็น ผลิตภัณฑ์ยาง และกลไกการสนับสนุนอุตสาหกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางโดยเฉพาะ และยังไม่มี ระบบเงินทุนอุดหนุนอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางที่ชัดเจน และหน่วยงานรูปธรรม


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 116 - 4.6.1.3 ยังไม่มีกลไกการสร้างสรรค์ปัจจัยการผลิต (Factor Creation) อย่างเป็น รูปธรรม ทําให้ไม่มีเทคโนโยลีของตนเอง และศักยภาพบุคลากร (Talent) มีความจํากัด 1) ไม่มีบุคลากรที่มีทักษะทางด้านการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อย่างเพียงพอ (ขาดนักวิจัย และพัฒนา) และด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมทางด้านยางพารา ท่ีเพียงพอ โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมเคมีโพลิเมอร์ วิศวกรรมวัสดุและสาขาที่เกี่ยวข้อง 2) ไม่มีองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางด้านการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อย่างมาก เพียงพอโดยเฉพาะ ยางล้อยานพาหนะและถุงมือยาง รวมทั้งวัสดุศาสตร์และวิทยาศาสตร์โพลีเมอร์ 4.6.2 เงื่อนไขทางด้านอุปสงค์ อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศมีปริมาณน้อยและเติบโตช้าจึงไม่มีการแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศตอบสนองมากเพียงพอไม่จูงใจให้เกิดการลงทุนทําการผลิต 4.6.2.1 นโยบายการใช้ยางภายในประเทศของหน่วยงานภาครัฐ ยังมีความไม่ชัดเจน และไม่เป็นรูปธรรม ยังสร้างผลกระทบได้น้อย ขาดทิศทางและความต่อเนื่อง 4.6.2.2 ผลิตภัณฑ์ยางเป็นการนําเข้าโดยส่วนมากและไม่มีนโยบายทดแทน การนําเข้าการผลิตเพื่อทดแทนการนําเข้าในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่มีการส่งเสริมการลงทุนแปรรูปเป็น ผลิตภัณฑ์ยาง 4.6.2.3 มีการผลิตมากกว่าปริมาณการใช้เป็นจํานวนมากจึงจําเป็นต้องพึ่งพาตลาด ประเทศต่างประเทศเป็นอย่างมากอันเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สําคัญของอุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบ 4.6.2.4 มีการเติบโตความต้องการผลิตภัณฑ์ยางในต่างประเทศ มีการเติบโตสูง เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปเป็นต้น 4.6.3 อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและสนับสนุน 4.6.3.1 ขาดอุตสาหกรรมที่สนับสนุนภาคการผลิตอุตสาหกรรมแปรรูปยางอย่าง เพียงพอ อาทิอุตสาหกรรมเครื่องจักร อุตสาหกรรมบริการตรวจสอบ และทดสอบ อุตสาหกรรม บริการออกแบบ ยังมีขนาดเล็กและอยู่ในวงจํากัด 4.6.3.2 อุตสาหกรรมต่อเนื่องจากยางพาราต้นทางมีจํานวนจํากัด กิจการส่วนมาก เป็นการแปรรูปขั้นต้นและเน้นการส่งออกวัตถุดิบมากกว่าที่จะลงทุนแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยาง เนื่องจากขาดเทคโนโลยีขาดเงินทุน ซึ่งจําเป็นต้องใช้เงินทุนจํานวนมาก


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 117 - 4.6.4 กลยุทธ์ของกิจการ โครงสร้าง และการแข่งขัน 4.6.4.1 โครงสร้างการผลิตไม่สมดุล มีผลผลิตยางวัตถุดิบต้นทางมากกว่ายาง ขั้นกลางทางและปลายทางหลายเท่า โดยผู้ผลิตมีจํานวนมากอยู่ในต้นทาง และมีพ่อค้าซื้อ-ขายยาง จํานวนมาก ขณะที่ผู้แปรรูปขั้นกลางทางและปลายทางอันเป็นผลิตภัณฑ์ยางมีจํานวนน้อยราย เนื่องจากเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่เงินทุนจํานวนมาก และจําเป็นต้องมีการประหยัดต่อขนาด 4.6.4.2 โครงสร้างการตลาดอํานาจเหนือตลาดอยู่ที่ผู้ส่งออก ผู้ส่งออกมีจํานวนน้อย มีอํานาจในการกําหนดราคา ขณะที่ผู้ผลิตระดับเกษตรกรมีจํานวนมาก มีอํานาจต่อรองน้อย ไม่สามารถกําหนดราคาได้และเป็นผู้ขายในตลาดแข่งขันสมบูรณ์มีกําไรน้อย 4.6.4.3 การสร้างธุรกิจใหม่ (New Formulation) ในอุตสาหกรรมยางพารา มีจํานวนน้อยโดยเฉพาะธุรกิจการแปรรูปยางเนื่องจากมีความเสี่ยงและใช้เงินลงทุนมากความต้องการ ของตลาดภายในประเทศไม่เติบโตไม่ชัดเจนธุรกิจที่มีการตั้งใหม่ในแวดวงยางพาราก็จะเป็นธุรกิจที่ เน้นการซื้อมาขายไปหรือขายปัจจัยการผลิต 4.6.5 บทบาทของโอกาสเปลี่ยนแปลง 4.6.5.1 โรคอุบัติใหม่ทําให้เกิดการใช้ถุงมือยางมากขึ้น 4.6.5.2 ความต้องการลดต้นทุนของผู้ผลิตยางล้อในประเทศจีน ทําให้เข้ามาซื้อยาง โดยตรงกับเกษตรกรมากยิ่งขึ้น 4.6.5.3 อุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศซึ่งไทยเป็นฐานการผลิตรถ ที่สําคัญของ ภูมิภาคทําให้มีอุตสาหกรรมสนับสนุนอุตสาหกรรมยางจํานวนมาก 4.6.5.4 การประดิษฐ์คิดค้น และการประกอบกิจการและปัจจัยโอกาสเป็นหัวใจ สําคัญของความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ – สิ่งประดิษฐ์คิดค้นทางด้านยางพารายังมีน้อย และการประกอบกิจการแปรรูปยางพาราก็ยังมีน้อย ส่วนใหญ่ที่ทํากิจกรรมต้นทางซึ่งเป็นภาค เกษตรกรรมและทําการซื้อขายยางเป็นส่วนใหญ่และยังไม่มีนวัตกรรมยางพารา


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 118 - 4.6.6 บทบาทของรัฐบาล 4.6.6.1 อิทธิพลของรัฐบาลที่มีต่อ 4 องค์ประกอบหลักของอุตสาหกรรมยางพารา ส่วนใหญ่ไม่ชัดเจนรัฐบาลจะเข้ามามีบทบาทในระยะสั้นในการแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อน ของเกษตรกรเท่านั้น ยังไม่มีอิทธิพลส่วนอื่น ๆ 4.6.6.2 โครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมยางยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล พยายามจะส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศเพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการภายในประเทศมากขึ้น แต่จากสถิติที่ผ่านมายังไม่สัมฤทธิ์ผลเท่าที่ควร 4.6.6.3 ไม่มีทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศตลอดห่วงโซ่ อุปทาน เป้าหมายเชิงกลยุทธ์อุตสาหกรรมยางของประเทศไม่ชัดเจนและยังไม่มีการบริหารระบบ ยางพาราองค์รวมของประเทศ 4.6.6.4 คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติไม่สามารถขับเคลื่อนได้เพราะมี ขนาดใหญ่ไม่เป็นองค์กรที่ชัดเจนแน่นอนและระยะเวลาการบริหารจัดการ และตัดสินใจยาก มีการ ประชุมไม่กี่ครั้งตอป่ ีซึ่งไม่ทันต่อสถานการณ์ยางพาราที่มีการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น 4.6.6.5 คณะกรรมการบริหาร และผู้บริหารการยางแห่งประเทศไทยยังมี ศักยภาพขีดความสามารถที่จํากัด และยังอ่อนแอไม่สามารถดูแลยางได้ทั้งระบบตามเป้าหมายของ พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 119 - ตารางที่ 19 สรุปสาเหตุ - ผลกระทบข้ามรายการ Diamond Model สรุปสาเหตุ – ผลกระทบ ข้ามรายการ Diamond Model ผลกระทบ (Effect) เงื่อนไขทางด้านปัจจัยการผลิ ต เงื่อนไขทางด้านอุปสงค์ อุตสาหกรรมเกี่ยวข้องและสนับสนุน กลยุทธ์โครงสร้างและการแข่งขัน สาเหตุ (Cause) F D R S เงื่อนไขทางด้านปัจจัยการผลิต F (+) (+) (+) เงื่อนไขทางด้านอุปสงค์ D (-) (-) (-) อุตสาหกรรมเกี่ยวข้องและสนับสนุน R (-) (-) (-) กลยุทธ์ โครงสร้าง และการแข่งขัน S (-) (+) (-) โอกาสเปลี่ยนแปลง C (-) (+) (+/-) (+) บทบาทของรัฐบาล G (-) (-) (-) (-) ที่มา: วิเคราะห์โดยนักวิจัย


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 120 - 4.7 ประมวลปัญหาอุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบ ๑๐.ขาดระบบฐานข้อมูล สารสนเทศ ในการบริหาร ยางพาราทั้งระบบ* ๑๒.การบังคับใช้ พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.๒๕๔๒ ไม่เคร่งครัด ๖.การผลิตและการใช้ยางไม่ สมดุล สร้างโอกาสทาง การตลาด ๙.ความเสี่ยงจากราคายาง ไม่มีเสถียรภาพ การแข่งขัน สูง ไม่มีโอกาสชี้นําราคา ราคาขาย ๕.ระบบจัดการสวนยาง ยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ๗.ข้อเสียเปรียบในการ ผลิตยางก้อนถ้วย ๘.(๑) นโยบายการจัดการ อุตสาหกรรมยางพารา ๘.(๒) การส่งเสริมการแปร รูปยางระดับชุมชน ๑๑.งานวิจัยและพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ ยังมีน้อย และขาดสิ่งจูงใจสนับสนุน ธุรกิจยางพารา ต้นทุนโลจิสติกส์ ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ยางสังเคราะห์ กองทุนรักษาเสถียรภาพ ราคายาง ๔.การปลูกยางในพื้นที่ไม่ เหมาะสมฯ ๑๔.พระราชบัญญัติอื่นๆ ที่ ไม่เกื้อหนุนอุตสาหกรรม ยางพารา ๑๓.ความไม่คล่องตัวในการบริหาร จัดการตามพระราชบัญญัติการยาง แห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๘ * สิทธิในการขอปลูกแทน ตาม พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศ ไทย พ.ศ.๒๕๕๘ มาตรา ๖ ๘.(๓) การจัดการปัญหา สิ่งแวดล้อม ๑.กลไกการนําผลงานวิจัย และพัฒนาสู่เชิงปฏิบัติ ๒.ต้นทุนการผลิตไม่สะท้อน ความเป็นจริง ๓.โครงสร้างเกษตรกร ชาวสวนยางไทย การบริหารต้นทุน ลดต้นทุน ต้นทุนสูง ผลผลิตต่ํา หมายเหต:ุ 1) รายละเอียดของแต่ละปัญหาแสดงไว้ในห้วข้อที่๒.๕ 2) * เป็นประเด็นสําคัญนําไปสู่การพิจารณาศึกษา รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Rubber Info. รูปภาพที่ 46 การเชื่อมโยงปัญหายางพาราทั้งระบบ


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 121 - 4.8 ข้อเสนอเชิงการบริหารจัดการยางพาราที่มีประสิทธิภาพ ประการที่ 1 ป้องกันการลักลอบส่งยางออกนอกราชอาณาจักร ผู้ได้รับประโยชน์จากกองทุนพัฒนายางพาราร่วมกันหามาตรการควบคุมการลักลอบ ส่งยางออก เนื่องจากตามมาตรา49 (3) แห่งพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 กําหนดให้จัดสรรเงิน “กองทุนพัฒนายางพารา” ในอัตราร้อยละ 35 เป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือ เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง เพื่อปรับปรุงคุณภาพ ผลผลิต การผลิต การแปรรูปและการตลาด และดําเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องกับยางพารา และอุตสาหกรรมแปรรูปยางขั้นต้น อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง อุตสาหกรรมไม้ยาง ฉะนั้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์จาก “กองทุนพัฒนายางพารา” คือ เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกร ชาวสวนยางและผู้ประกอบกิจการยาง รวมทั้งอุตสาหกรรมไม้ยางจําเป็นที่บุคคลเหล่านี้ต้องพิทักษ์ ผลประโยชน์ของ “กองทุนพัฒนายางพารา” โดยภาคเกษตรกรและผู้ประกอบการร่วมกับหน่วยงาน ภาครัฐที่รับผิดชอบโดยตรงคือกรมศุลกากรซึ่งรับผิดชอบปฏิบัติพิธีการศุลกากร กรมวิชาการเกษตร ซึ่งรับผิดชอบออกใบอนุญาตส่งยางออกนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 และการยางแห่งประเทศไทยซึ่งรับผิดชอบจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ส่งยางออก ตามพระราชบัญญัติ การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 หน่วยงานดังกล่าวควรร่วมกันหามาตรการป้องกันมิให้มีการ หลีกเลี่ยงการจ่ายค่าธรรมเนียมการส่งยางออกหรือลักลอบส่งยางออก เช่น มาตรการให้มี การตรวจสอบหลักฐานย้อนกลับ มาตรการทบทวนและปรับปรุงวิธีการขั้นตอนการชําระ ค่าธรรมเนียมทางอิเลคทรอนิกส์ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งจัดให้มีคณะกรรมการปราบปรามการลักลอบส่งยางออกเช่นเดียวกับกรณีลักลอบส่งออก น้ําตาลที่ใช้ได้ผลมาแล้วเพราะมีผู้แทนสํานักงานตํารวจแห่งชาติร่วมอยู่ในคณะกรรมการปราบปรามด้วย เป็นต้น สําหรับยางพารา การยางแห่งประเทศไทย ยังมีเครื่องมือสนับสนุนการปราบปราม ให้ได้ผล คือ มีระเบียบว่าด้วยการจ่ายสินบนและเงินรางวัลในคดีจับกุมผู้กระทําผิดหลีกเลี่ยง ไม่เสียเงินสงเคราะห์ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่ปี 2547 ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทําสวนยาง พ.ศ. 2503 อย่างไรก็ตาม หน่วยงานภาครัฐทั้งสามควรต้องทบทวนระบบเอกสารที่ใช้บังคับกับการส่ง ยางออกให้เหลือเท่าที่จําเป็นเมื่อมีการใช้ระบบอีเลคทรอนิกส์ผ่านระบบ National Single Window (NSW) เพื่อลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายของผู้ส่งออกและอาจเป็นการจูงใจให้ผู้ที่เคยลักลอบหันมาส่งออก อย่างถูกต้อง


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 122 - ประการที่ 2 ปรับบทบาทของหน่วยธุรกิจการยางแห่งประเทศไทย (ปัญหาที่ 9 และ 13) จากการวิเคราะห์สถานะการเงินของการยางแห่งประเทศไทยพบว่า รายได้หลักรายได้ จากเงินค่าธรรมเนียมที่เก็บได้ในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาทเท่าเดิม แต่ค่าใช้จ่ายในขณะที่เป็น การยางแห่งประเทศไทยเพิ่มมากกว่าเดิมอย่างก้าวกระโดด กล่าวคือ (1) ค่าบุคลากรและค่าบริหาร อันเกิดจากรวมสามหน่วยงาน (2) ค่าสงเคราะห์ปลูกแทนที่เป้าหมายเพิ่มจากปีละ 300,000 ไร่ เป็นปีละ 400,000 ไร่ตั้งแต่ปี 2558 - 2564 เพื่อลดพื้นที่ปลูกยางตามนโยบายของรัฐบาล 3) ภารกิจที่กําหนดใหม่ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 49 (3) (4) (5) และ (6) เนื่องจากเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 คาดหวังว่าจะมี รายได้จากหน่วยธุรกิจ (องค์การสวนยางเดิม) มาเป็นรายได้หลักอีกช่องทางหนึ่งแต่ในความเป็นจริง ไม่สามารถทําได้เพราะจากผลประกอบการในอดีตมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้เท่านั้น มีกําไรบ้าง ขาดทุนบ้าง ทั้ง ๆ ที่ครอบครองสวนยางถึง 30,000 - 40,000 ไร่ซึ่งมากที่สุดในประเทศไทย ต้นทุนวัตถุดิบเข้าโรงงานจึงต่ํากว่าของเอกชน แม้กระนั้นก็ยังไม่มีกําไรมากนัก เนื่องด้วยความเป็น รัฐวิสาหกิจที่ไม่คล่องตัวด้านกฎและระเบียบ การบริหารจัดการ เงินทุน ตลอดจนบุคลากรที่ยัง ไม่เชี่ยวชาญด้านตลาดต่างประเทศที่จะไปแข่งขันในเวทีตลาดโลกได้เมื่อโอนมาที่การยางแห่ง ประเทศไทย โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์กึ่งสําเร็จรูปที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และโรงงานที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนืออีก 3 โรง มีกําลังการผลิตรวมกัน 100,400 ตันต่อปีแต่ผลิตได้จริงไม่ถึงร้อยละ 20 จึงเกิดผลขาดทุน ดังนั้น เมื่อหน่วยธุรกิจของการยางแห่งประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมในการบริหาร ในเชิงธุรกิจ จึงควรปรับเปลี่ยนบทบาทจากบริหารในเชิงธุรกิจมาเป็นทําหน้าที่รักษาเสถียรภาพราคายาง ซึ่งเป็นภารกิจตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 49 (3) ซึ่งต้นทุน ค่าใช้จ่ายและเงินหมุนเวียนซื้อยางใช้จ่ายเงินทุนมาตรา 49 (3) ซึ่งได้รับจัดสรรร้อยละ 35 ของเงิน ค่าธรรมเนียมส่งออกยางวิธีการคือ ใช้โรงงานแปรรูปของการยางแห่งประเทศไทยทุกแห่งที่มีกําลัง การผลิตรวม 100,400 ตันต่อปีโดยไม่หวังกําไรในเชิงธุรกิจ เป้าประสงค์คือ เพื่อดูดซับผลผลิตยาง ของเกษตรกรในราคาสูงกว่าราคาท้องถิ่นเพื่อคืนกําไรให้เกษตรกรและเสมือนหนึ่งเป็นราคาอ้างอิง หรือราคาชี้นําให้ตลาดท้องถิ่นเพื่อแก้ปัญหาราคายางตกต่ําได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะโรงงานที่จังหวัด นครศรีธรรมราช ซึ่งผลผลิตยางจากแปลง 30,000 - 40,000 ไร่สามารถทําให้ค่าเฉลี่ยต้นทุนวัตถุดิบที่ ป้อนเข้าโรงงาน อยู่ในระดับที่รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าราคาท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนโรงงานยางแท่ง 3 โรง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากรับซื้อยางก้อนถ้วยในราคาชี้นํา


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 123 - ตลาดแล้วจะต้องสร้างรูปแบบการรับซื้อยางก้อนถ้วยที่เป็นธรรมทั้งการประเมินค่าเนื้อยางแห้ง (DRC) และน้ําหนักให้เป็นตัวอย่างแก่ภาคเอกชน จึงควรต้องพัฒนาโรงงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับภารกิจ รักษาเสถียรภาพราคายาง ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 นอกจากนั้น โรงงานของการยางแห่งประเทศไทย ยังใช้เป็นโรงงานต้นแบบสําหรับ การขยายผลทางด้านงานวิจัยและพัฒนา เช่น การผลิตยางธรรมชาติกราฟ การผลิตยางแท่ง STR 5L ที่เป็นยางระดับ Premium Grade ซึ่งเป็นการสร้างค่ามาตรฐานทางด้านต้นทุนและอุตสาหกรรม ตลอดจนคุณภาพการผลิต สิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล ทั้งสวนยาง โรงงาน และการส่งออก ตลอดจนยังใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาความสมดุลของตลาดและบริหารสินค้า คงคลังอีกด้วย ประการที่ 3 สร้างมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพยางพาราของไทย (ปัญหาที่ 3) (1) แรงงานกรีดยางที่มีฝีมือยังขาดแคลนอยู่มาก การยางแห่งประเทศไทย ควรตั้งสถาบัน ฝึกอาชีพกรีดยางขึ้นโดยเฉพาะเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจมาสมัครเข้ารับการอบรมหรือเพิ่มทักษะ ให้ผู้ที่กรีดยางอยู่แล้วและจัดหางานให้ซึ่งเป็นการเพิ่มผลผลิตยางพาราเมื่อกรีดยางอย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการและเป็นแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือด้วยโดยร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อให้มีการทดสอบและได้รับใบประกาศนียบัตรและใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นหลักฐานประกอบอาชีพที่จะได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าทั่วไป (2) อาชีพที่ได้ดําเนินการจัดทํามาตรฐานในครั้งนี้ประกอบด้วย 3 อาชีพ คือ ผู้ปฏิบัติงาน ด้านจัดทําแปลงต้นยางพาราพันธุ์ดีผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดการปุ๋ยยางพารา และผู้ปฏิบัติงานด้าน การเก็บเกี่ยวผลผลิตยางพารา การจัดทํามาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ อาชีพผู้ปฏิบัติงานด้านเพาะปลูกยางพารา ในครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องใหม่ในวงการเพาะปลูกยางพาราของประเทศไทย โดยบุคลากรในกลุ่มอาชีพ ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาทดสอบความสามารถ และนําผลการทดสอบไปเป็นแนวทางเพื่อพัฒนา ศักยภาพและสมรรถนะของตนเองสําหรับผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้รับใบประกาศนียบัตรและ ใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพในอาชีพและชั้นคุณวุฒิที่สอบผ่านนอกจากนั้น ผู้ประกอบการและเจ้าของ สวนยางก็จะได้ประโยชน์ในการเลือกจ้างบุคคลที่ผ่านการทดสอบที่สามารถปฏิบัติงานได้ตรงกับ ความต้องการในสาขาอาชีพ ในส่วนของสถานศึกษาก็สามารถนําข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตร การเรียนการสอนให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการและเจ้าของสวนยางซึ่งจะนําไปสู่ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยในด้านการเพาะปลูกยางพาราในระดับสากลต่อไป


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 124 - สําหรับการนํามาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ อาชีพผู้ปฏิบัติงานด้านเพาะปลูก ยางพาราของไทยเข้าสู่ระบบการใช้งานของประเทศในอนาคตนั้น สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพมีแนวทางใน การดําเนินการโดยสนับสนุนการจัดตั้งองค์กรรับรอง (Certify Body) เพื่อประเมินสมรรถนะบุคคล ตามมาตรฐานอาชีพตามระบบ ISO 17025 โดยจะเปิดโอกาสให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับ การเพาะปลูกยางพาราเข้ารับการทดสอบสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพและพัฒนา ขีดความสามารถ เพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานในสาขาอาชีพและสร้างความก้าวหน้าในอาชีพให้กับ ตนเองต่อไป ปัจจุบันผลิตภาพแรงงานในสาขาเกษตรกรรมของไทยยังค่อนข้างต่ําเมื่อเทียบกับสาขา อุตสาหกรรมและสาขาบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานในสาขาเพาะปลูกยางพาราพบว่า ยังจําเป็นต้องเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการทํางาน เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ลดต้นทุนการผลิต ฟื้นฟู สภาพแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนในการทําสวนยาง ดังนั้น สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จึงได้ร่วมมือกับคณะทรัพยากรธรรมชาติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ดําเนินโครงการจัดทํามาตรฐาน อาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ อาชีพผู้ปฏิบัติงานด้านเพาะปลูกยางพารา โดยมีระยะเวลาดําเนินงาน 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2559 ถึงวันที่ 20 กันยายน 2560 สําหรับขั้นตอนการทํางานเริ่มจากการศึกษาข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และอินเดีย เพื่อนํามาเป็นแนวทางในการจัดทํามาตรฐานอาชีพฯ หลังจากนั้น ดําเนินการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านสื่อต่าง ๆ และจัดสัมมนาเปิดตัวโครงการ เพื่อให้เกิดการรับรู้ ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่อมาจัดประชุมเชิงปฏิบัติการคณะทํางานที่มีผู้แทนจากชาวสวนยาง นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน สื่อสารมวลชน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมจัดทํา มาตรฐานอาชีพ จากนั้นนําเสนอผลการจัดทํามาตรฐานอาชีพต่อคณะรับรองมาตรฐานอาชีพ ซึ่งมาจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นกัน เพื่อเห็นชอบร่างมาตรฐานอาชีพ แล้วเปิดรับฟังความคิดเห็น จากเวทีสัมมนาประชาพิเคราะห์และดําเนินการสร้างเครื่องมือในการประเมินสมรรถนะบุคคล ตามมาตรฐานอาชีพทั้ง 3 อาชีพ อาชีพละ 2 ชั้นคุณวุฒิ สําหรับขั้นตอนสุดท้ายของโครงการขณะนี้คือ การนําเครื่องมือในการประเมินสมรรถนะ บุคคลตามมาตรฐานอาชีพไปทดลองประเมินกับเกษตรกรชาวสวนยางกลุ่มตัวอย่าง เพื่อประเมิน ความเหมาะสมของเครื่องมือและนําผลการวิเคราะห์มาปรับปรุงเครื่องมือให้มีคุณภาพพร้อมใช้งาน ในอนาคตพร้อม ๆ กับประชาสัมพันธ์ให้ระบบมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพด้านเพาะปลูก ยางพาราเป็นที่รับรู้และยอมรับในวงกว้าง


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 125 - ประการที่ 4 กองทุนรักษาเสถียรภาพราคายาง (ปัญหาที่ 9) การจัดตั้งกองทุนที่มีพื้นฐานการมีส่วนร่วมของเกษตรกร โดยพัฒนากองทุนเพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรในรูปแบบของการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรออมทรัพย์ส่วนตัว (ลักษณะเช่นเดียวกับ พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๕๔) อันเป็นการจัดสวัสดิการเพื่อเกษตรกร ชาวสวนยางตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 49 (5) มีหลักสําคัญ ในการบรรเทาความผันผวนของรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ทําให้ชาวสวนยางมีความเข้มแข็ง ในระยะยาว แนวคิดอยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของเกษตรกรชาวสวนยาง ในขณะที่ราคายางต่ํากว่า เกณฑ์ที่กําหนดภาครัฐโดยกองทุนจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวสวนยางผู้เข้าร่วมโครงการโดยตรง ถ้าราคา ยางสูงกว่าเกณฑ์ชาวสวนยางผู้เข้าโครงการจะจ่ายเงินเข้าโครงการในชื่อของชาวสวนยางเอง เงินของ ชาวสวนยางในกองทุนจะถอนได้ตามเวลาที่กําหนด แนวความคิดในการพัฒนากองทุนรักษาเสถียรภาพราคายางพารา 1 เพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย ให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนอันเรื่องมาจากราคายางพารา ผันผวนและตกต่ํา ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกร สร้างการมีส่วน ร่วมของเกษตรกรที่จะทําให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ทําให้เกษตรกรเรียนรู้และเข้าใจ การบริหารความเสี่ยงจากราคาและรับมือกับความผันผวนของตลาดได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะที่ภาครัฐจํากัดบทบาทหน้าที่ในการจ่ายเงินสมทบช่วยเหลือเฉพาะในสภาวะที่ราคาตกต่ํา อย่างรุนแรงเกินกว่าระดับปกติเท่านั้น กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยที่จะเข้าสู่ระบบกองทุน PSF นี้ จะเป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีสวนยางไม่เกิน 15 ไร่เท่านั้น 2 เพื่อมิให้เป็นภาระทางงบประมาณมากจนเกินไป การคํานวณราคาอ้างอิง ราคายางพาราที่จะนํามาใช้อ้างอิงเป็นราคายางแผ่นรมควันคุณภาพชั้น 3 (RSS3) เพื่อที่จะได้ ชี้ชัดได้ว่าสถานการณ์ราคายางที่ผ่านมานั้น เป็นสถานการณ์แบบใด ระหว่าง (1) สถานการณ์ราคา ยางตกต่ํา (2) สถานการณ์ราคาปกติและ (3) สถานการณ์ราคายางสูงขึ้น โดยราคายางพาราอ้างอิง RSS3 ที่ใช้นี้เป็นการคํานวณราคาย้อนหลัง กล่าวคือ นําเอาราคายางพาราที่มีการซื้อขายจริงในตลาด 1 ปรับปรุงจากเนื้อหา โครงการวิจัย “การศึกษานโยบายและมาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของประเทศไทย ด้วยกองทุนรักษา เสถียรภาพราคาและแนวทางที่เหมาะสมในการจัดตั้ง” โดย ดร.มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร และคณะ – สนับสนุนทุนวิจัยงบประมาณ ปี 2555 โครงการยางพาราแห่งชาติ สํานักงานกองทุนส่งเสริมงานวิจัย (สกว.) 2 จากฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ปี 2558 มีจํานวนเกษตรกรรายย่อยทั้งสิ้น 865,060 ราย คิดเป็นพื้นที่รวม 9,164,214 ไร่ (เฉลี่ยมีสวนยาง 10.59 ไร่ต่อราย) ซึ่งเกษตรกรรายย่อยนี้คิดเป็นร้อยละ 78.54 ของจํานวนเกษตรกรชาวสวนยางทั้งหมด (1,101,479 ราย)


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 126 - ในช่วงที่ผ่านมา มาใช้ในการคํานวณ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและชัดเจน โดยคํานวณราคาย้อนหลัง 12 เดือน แล้วเอามาเฉลี่ยกันเป็นราคาของแต่ละเดือนถือเป็นราคาอ้างอิง และบวกเพิ่มร้อยละ 15 ได้เส้นราคาขอบเขตบน และลดลงร้อยละ 15 ได้เส้นราคาขอบเขตล่าง ตามรูป ที่เป็นตัวอย่างการ คํานวณราคารายเดอนตื ั้งแต่ปี 2550 ถึง 2555 รูปภาพที่ 47 ราคายางพาราแผ่นรมควัน FOB : ราคาจริงและคํานวณย้อนหลัง12เดือน (บาท/กิโลกรัม) โดยสามารถอธิบายสถานการณ์ราคา ได้ว่า 1. ราคายางตกต่ําหมายถึง ราคายางเฉลี่ย อยู่ต่ํากว่าเส้นขอบเขตล่าง 2. ราคาปกติหมายถึงราคายางเฉลี่ยเท่ากับ หรืออยู่ระหว่างเส้นขอบเขตบนและขอบเขตล่าง 3. ราคายางสูงขึ้นหมายถึง ราคายางเฉลี่ย อยู่สูงกว่าเส้นขอบเขตบน หากกําหนดกรอบเวลาบริหารสถานกาณ์ราคาเป็นทุก ๆ 6 เดือน ก็หมายความว่าราคา ยางพาราจะมีการพิจารณาสถานการณ์ในเดือนมกราคม และกรกฎาคมของทุกปี และมีการจ่ายเงิน สมทบเข้าบัญชีเกษตรกร 2 รอบต่อปี เพื่อมิให้เป็นภาระแก่งบประมาณแผ่นดินมากเกินไป เกษตรกร จะได้รับเงินสมทบจากภาครัฐผ่านทางกองทุน PSF นี้ไม่เกิน 500 บาทต่อไร่ต่อปี 3 นั่นหมายความว่า จะเป็นการจ่ายสมทบช่วงเวลา 6 เดือนครั้งละ 250 บาทต่อไร่ ในช่วงเวลาที่เป็นสถานการณ์ราคาตกต่ํา 3 การกําหนดจํานวนเงินนั้น อาจจะพิจารณาเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่า หรือตามรอบของกองทุนแต่ละปีแต่ในที่นี้กําหนด จํานวนเงิน 500 บาทต่อไร่ต่อปีเป็นเบื้องต้น เพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณมากเกินไป 0 20 40 60 80 100 120 140 160 180 200 31- … 30- … 27- … 31- … 31- … 30- … 31- … 31- … 30- … 30- … 31- … 30- … 29- … 30- … 30- … 29- … 31- … 29- … 29- … 31- … 31- … 30- … 31- … 31- … 31- … 30- … ราคาจริง ราคาคํานวณย้อนหลัง ราคาคํานวณย้อนหลังลบ 15% ราคาคํานวณย้อนหลังบวก 15%


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 127 - รูปแบบการจ่ายเงิน เป็นการจ่ายเข้าบัญชีส่วนตัวของเกษตรกร (ที่เป็นบัญชีธกส เฉพาะของโครงการนี้) โดยที่ในช่วงเวลา 6 เดือนไหน “สถานการณ์ราคาตกต่ํา” กองทุนก็จะจ่ายเงินเข้า บัญชีเงินฝากเกษตรกร 250 บาทต่อไร่ (คูณตามจํานวนไร่ตามจริงที่ลงทะเบียน) ในช่วงเวลา 6 เดือนท่ี “สถานการณ์ราคาสูงขึ้น” เกษตรกรชาวสวนยางก็ต้องมีหน้าที่จ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากของตนเองใน จํานวนที่เท่ากัน และหากช่วงเวลา 6 เดือนที่ “สถานการณ์ราคาปกติ” เกษตรกรชาวสวนยางก็จะต้อง ฝากเงินเข้าบัญชีตนเองเช่นกัน แต่เป็นเพียงครึ่งเดียวคือ 125 บาทต่อไร่ (คูณจํานวนไร่ที่ลงทะเบียน) กองทุนไม่มีการจ่ายเงินสมทบ จะเห็นว่า ยังไงเกษตรกรชาวสวนยางก็ต้องฝากเงินทุก ๆ 6 เดือน หากเป็นช่วงเวลาที่ สถานการณ์ราคาปกติและราคาสูงขึ้น ยกเว้นในช่วงเวลา 6 เดือนใดที่เป็นสถานการณ์ราคาตกต่ํา เกษตรกรไม่ต้องจ่ายเข้าบัญชีแถมยังเบิกเงินก้อนที่กองทุนจ่ายเข้ามาให้เอามาใช้จ่ายได้ด้วย ส่วนเงิน ก้อนอื่น ๆ ที่ฝากไว้ในสถานการณ์ราคาปกติและราคาสูง เหล่านี้เกษตรกรจะยังถอนเงินไม่ได้จนกว่า จะครบ 5 ปี ตารางที่ 20 ตัวอย่างจํานวนเงินจ่ายสมทบเข้าบัญชีของเกษตรกรชาวสวนยาง พื้นทของี่ เกษตรกร (ไร่) ผู้จ่ายเงิน สมทบ จํานวนเงนจิ ่ายสมทบ (บาท)ตามสถานการณ์ราคายาง ราคาตกต่ํา ราคาปกติราคาสูงขึ้น 5 กองทุน 250 บาท x 5 ไร่ =1,250 บาท - - เกษตรกร - 125 บาท x 5 ไร่ =625 บาท 250 บาท x 5 ไร่ =1,250 บาท 10 กองทุน 250 บาท x 10 ไร่ =2,500 บาท - -


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 128 - พื้นทของี่ เกษตรกร (ไร่) ผู้จ่ายเงิน สมทบ จํานวนเงนจิ ่ายสมทบ (บาท)ตามสถานการณ์ราคายาง ราคาตกต่ํา ราคาปกติราคาสูงขึ้น เกษตรกร - 125 บาท x 10 ไร่ =1,250 บาท 250 บาท x 10 ไร่ =2,500 บาท เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย เป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องเข้ามาดูแล โดยเป็นรายย่อย ที่มีสวนยางไม่เกิน 15 ไร่และต้องมีคุณสมบัติเป็นสมาชิกการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) แต่การ คํานวณเงินสมทบจะคํานวณตามเนื้อที่ปลูกยางจริง เงินสมทบเข้าบัญชีเกษตรกร จ่ายปีละ 2 ครั้ง ในเดือนมกราคมและกรกฎาคมของทุกปีซึ่งจะเป็นหน้าที่จ่ายเข้าบัญชีของเกษตรกรชาวสวนยาง หรือกองทุน ซึ่งแล้วแต่เงื่อนไขของสถานการณ์ราคาในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านั้น ระบบกองทุนนี้ เริ่มต้นใหม่กันทุก ๆ 5 ปีและเป็นการเข้าร่วมโครงการโดยสมัครใจ โดยหากชาวสวนยางรายใด ไม่ฝากเงินเข้าบัญชีตนเองตามสัญญากจะถ็ูกปรับ สมาชิกภาพของกองทุนจะสิ้นสุดทันทีและไม่ได้รับ เงินสมทบจากกองทุนหากสถานการณ์ราคาตกต่ํา ภาระงบประมาณมีมากแค่ไหน รัฐบาลโดยกองทุนจะต้องจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกร ในสถานการณ์ราคาตกต่ําเท่านั้น คิดเป็นจํานวนเงิน 500 บาทต่อไร่ต่อปี x 9,164,214 ไร่ คิดเป็น ยอดเงินรวมเท่ากับ 4,582 ล้านบาท ซึ่งจ่ายเฉพาะช่วงเวลาที่ “สถานการณ์ราคาตกต่ํา” เท่านั้น รูปภาพที่ 48 กลไกการฝากเงินสมทบ และการถอนเงินออกจากกองทุน เกษตรกร (สมาชิก) กองทุนรักษาเสถียรภาพ ราคายางพารา บัญชีเงินฝาก ของเกษตรกร เงินชดเชยกรณีราคายางพาราตกต่ํา เกษตรกรสามารถถอนได้เฉพาะจํานวนเงนทิ ี่ จ่ายสมทบจากกองทุน ถอนเงนคิ ืนเต็มจํานวนเมื่อครบรอบของ กองทุน (ระยะเวลา 5 ปี) เงินต้น ดอกเบี้ยเงินฝากประจํา หรือดอกผลจากการ ลงทุน ถอนเงิน รฐับาล จ่ายเงินสมทบเมอราคายางตกตื่ ่ํา* ฝากเงนิ ฝากเงนิ ประกอบด้วย


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 129 - จะเห็นว่าเกษตรกรชาวสวนยางมีความมั่นคงในอาชีพและในชีวิตอย่างเห็นได้ชัด เกษตรกรไม่จําเป็นต้องเร่งรีบขายยางในช่วงที่ราคาตกต่ํา หรือนําไปแปรรูปขั้นต้นให้ได้ราคาดีขึ้น เพราะมีเงินจํานวนหนึ่งเข้าบัญชีมาเป็นระยะ ๆ แม้ว่าจะเป็นเงินจํานวนไม่มากนัก แต่สามารถบรรเทา สถานการณ์รายได้เกษตรกรได้ระดับหนึ่งทุก ๆ 6 เดือน หากสถานการณ์ราคาตกต่ํายังคงต่อเนื่อง ส่วนปีใดที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นเกษตรกรจะต้องฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อเก็บไว้เป็นทุนสํารองในอนาคต ที่ครบกําหนด 5 ปีก็สามารถถอนออกมาได้และจะได้ดอกผลจากเงินฝากเพิ่มเติมจากธนาคาร ลักษณะของกองทุนนี้เป็นกองทุนรักษาเสถียรภาพราคาในมิติของเกษตรกรรายย่อย ซึ่งมีความจําเป็นที่จะต้องคุ้มครองความผันผวนของราคายางพาราให้กับเกษตรกรรายย่อยก่อน เป็นลําดับแรก เนื่องจากเกษตรกรชาวสวนยางเหล่านี้มักจะขาดข้อมูลข่าวสารและอาจปรับตัวไม่ทัน ความผันผวนของราคายาง ประการที่ 5 กลไกการเก็บเงินค่าธรรมเนียมส่งยางออก (CESS) (ปัญหาที่ 7 ) กรณีส่งออกเป็นน้ํายางสดหรือยางก้อนถ้วยไม่ได้แปรรูปในประเทศจะทําให้เสียประโยชน์ จากการไม่ได้มูลค่าเพิ่มของสินค้าและภาษีนิติบุคคลร้อยละ 20 นอกจากนั้นผู้นําไปแปรรูปนอก ประเทศจะส่งขายในตลาดโลกตัดราคากับไทย เช่น รับซื้อยางก้อนถ้วยกดราคาให้ต่ําแล้วส่งออก นําไปแปรรูปประเทศอื่น ผลิตเป็นยางแท่งแล้วแข่งขันตัดราคากับยางแท่งไทย ฉะนั้น จึงนําเสนอ การยางแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของ มาตรการการเก็บเงินค่าธรรมเนียมส่งยาง ออกเป็นกลไกทางตลาด โดยกรณีดังกล่าวการส่งออกยางก้อนถ้วยควรเก็บในอัตรา ที่สูงกว่าอัตราปกติและลดอัตราค่าส่งออกยางสําหรับผลผลิตที่ผ่านการแปรรูปในประเทศ ตารางที่ 21 ตัวอย่างการจัดเก็บค่าธรรมเนียมส่งออกยาง (CESS)อัตราใหม่ ประเภทยาง สัดส่วน ยางแห้ง (%DRC) อัตราCESS ปัจจุบัน บาท/กก ยางแห้ง ยางแปร รูป? เพิ่ม CESS ยางไม่แปรรูป 3.00 บาท บาท/กกยางแห้ง New CESS ยางแผ่น รมควัน 100% 2.00 2.00 ใช่ 2.00 2.00 น้ํายางสด 35% 0.70 2.00 ไม่ใช่ 3.00 1.05 น้ํายางข้น 60% 1.20 2.00 ใช่ 2.00 1.20 ยางก้อนถ้วย 70% 1.40 2.00 ไม่ใช่ 3.00 2.10


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 130 - ยางอื่น 100% 2.00 2.00 ไม่ใช่ 3.00 3.00 ยางแท่ง 100% 2.00 2.00 ใช่ 2.00 2.00 ยางเครพ 100% 2.00 2.00 ใช่ 2.00 2.00 ยางก้อน 100% 2.00 2.00 ไม่ใช่ 3.00 3.00 เศษยาง 100% 2.00 2.00 ไม่ใช่ 3.00 3.00 ยางผสม คํานวณ 2.00 ใช่ 2.00 2.00 ปัจจุบันการส่งออกยางประเภทยางก้อนถ้วยและน้ํายางสดมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่ายาง แปรรูปซึ่งทําให้ประเทศเสียผลประโยชน์ หากขายเป็นน้ํายางสดและยางก้อนถ้วยไม่มีการเพิ่มมูลค่า ภายในประเทศ (ไม่คุ้มค่าต่อต้นทุนรวมของประเทศ) อันมีสาเหตุมาจากมาตรการจํากัดการส่งออก ยาง AETS ทําให้เกิดการส่งออกยางก้อนถ้วยไปยังต่างประเทศมากขึ้นเนื่องจากไม่มีการกําหนด มาตรฐานยางก้อนถ้วยจึงไม่เข้าข่ายมาตรการจํากัดการส่งออก ทําให้ประเทศไทยไม่ได้ภาษีจากกําไร จากการแปรรูปยาง (ภาษีนิติบุคคล) ขณะที่การส่งออกยางก้อนถ้วยที่ราคาถูกแล้วไปทํายางแท่งใน ต่างประเทศ (เมียนมาร์จีน ลาว มาเลเซีย) แล้วส่งขายไปแข่งขันตัดราคากับยางแท่งของไทย ทําให้ราคารับซื้อยางในประเทศไทยถูกกดราคาต่ําลงอีก ประการที่ 6 การส่งเสริมการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางสําเร็จรูป (ปัญหาที่ 6 และ 8) ควรจะสนับสนุนและผลักดันภาคเอกชนภายใต้การบริหารตามหลักบรรษัทภิบาล ให้แปรรูปผลิตภัณฑ์ยางสําเร็จรูปให้มากขึ้นเป็นการกระตุ้นให้ได้เป้าหมายการใช้ยางพารา ภายในประเทศเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ได้รวดเร็วกว่าโดยยึดหลักการ ได้แก่ลดสัดส่วนการส่งออก ผลิตยางพาราแปรรูปกลางทางเพื่อเป็นวัตถุดิบที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เพิ่มกิจกรรมแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปขั้นปลายทางให้เกิดในประเทศเพื่อการส่งออกหรือใช้ในประเทศโดยอาศัย แรงจูงใจจากรัฐ พิจารณาเชิงมูลค่าเพิ่มสินค้าโดยสร้างแนวทางที่ชัดเจนเพื่อส่งเสริมในระยะยาว สําหรับยางพาราต้นทางกลางทาง ปลายทาง ที่สามารถเพื่อสินค้าที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้สูงสุด พิจารณาเชิงปริมาณที่สามารถขายได้ของสินค้าโดยสร้างแนวทางที่ชัดเจนเพื่อส่งเสริมในระยะสั้นและ ระยะยาว (1) ยางพาราต้นทางกลางทางปลายทางที่ก่อให้เกิดสภาพคล่องในการขาย (2) ผลิตภัณฑ์ ยางแปรรูปขั้นปลายทางที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดคือน้ํายาง /ถุงมือยางซึ่งเป็นสินค้าที่มีการเจริญเติบโตสูง ซึ่งประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านปริมาณวัตถุดิบและคุณภาพแต่มีข้อด้อยคือการส่งเสริม อุตสาหกรรมประเภทนี้ยังไม่ชัดเจน ต้นทุนพลังงานสูงกว่าประเทศคู่แข่งต้นทุนการขนส่ง เพื่อส่งออกสูง


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 131 - และขาดองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปขั้นปลายทางที่สร้างเชิงปริมาณสูงสุด ของประเทศไทยเป็นสินค้าประเภทยางแท่ง/ยางยานพาหนะ ข้อได้เปรียบคือไทยมีข้อได้เปรียบ ด้านปริมาณวัตถุดิบคุณภาพวัตถุดิบและการส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยางยานพาหนะ แต่มีข้อด้อยคือ เป็นสินค้าที่อาศัยเทคโนโลยีการวิจัยและพัฒนาสินค้าการทดสอบคุณภาพการยอมรับ จากผู้ผลิตยานพาหนะการตลาดสู่ผู้บริโภคและข้อกําหนดด้านความยั่งยืนอื่น ๆ เป็นอย่างสูง ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปขั้นปลายทางขนาดกลางหรือเล็กที่ใช้การผสมยางพารากับวัสดุอื่น เช่น พลาสติก สารเคมีหรือยางประเภทอื่นที่ใช้เทคโนโลยีไม่ยุ่งยาก เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ในครัวเรือนหรืออุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ สามารถเพิ่มการใช้วัตถุดิบยางแผ่นยางแท่งหรือยางอื่น ๆ นั้นให้มีจํานวนมากขึ้นโดยมีนัยยะ และเพิ่มความรู้ด้านการแปรรูปในวงกว้างพิจารณาแรงจูงใจ การส่งเสริมการนําเข้าสารเคมีหรือการนําเข้าเครื่องจักรในการผสมยาง Compound ดังกล่าวจะ ส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมปลายทางในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางมากขึ้นหรือลงทุนสําหรับ ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าต่อปริมาณ เช่น น้ํายาง ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าต่อปริมาณสูงกว่าผลิตภัณฑ์ ประเภทอื่น ๆ เป็นต้น ดังนั้น การสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้น้ํายางพาราโดยเฉพาะถุงมือยาง ยางยืดและถุงยางอนามัยทั้งการส่งเสริมการลงทุนการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบ ถึงสินค้าจะก่อให้เกิดอํานาจการต่อรองภายในประเทศมากขึ้นและสามารถดันราคาภายในประเทศ ได้มากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์สําเร็จรูปอื่น ๆ ที่ใช้ยางแผ่น น้ํายางหรือยางอื่น ๆ เป็นวัตถุดิบสามารถผลิต ได้ในระดับสถาบันเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน SME หรือ Start-Up โดยภาครัฐสนับสนุนเงินทุนความรู้ เกี่ยวกับการผสมยางพารากับวัสดุอื่น เช่น สารเคมีหรือยางประเภทอื่น ๆซึ่งกระบวนการผลิตไม่ยุ่งยาก 1. ระบบการส่งออกท่าเรือที่สามารถเพิ่มช่องทางการระบายสินค้าอุปกรณ์ที่ครบและ สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับประเทศคู่แข่งได้ 2. การวิจัยและพัฒนาให้สอดคล้องกับสินค้าที่ต้องการเพิ่มมูลค่าหรือลดต้นทุนในระยะยาว 3. เพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องทั้งด้านคุณภาพการผลิตสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน 4. เพิ่มบทบาทการแปรรูปอย่างก้าวกระโดดในสินค้าที่มีการเพิ่มมูลค่าสูงสุดภายในประเทศ ด้วยการเสริมความเข้มแข็งด้านภาษีการวิจัยและพัฒนาที่เข้าถึงได้ง่าย ความร่วมมือระหว่างประเทศ ข้อตกลงทางการค้าเพื่อสร้างขีดความสามารถของการแข่งขันในตลาดโลกให้ดีขึ้น 5. ระบบ QR Code สําหรับสวนยาง ในภายภาคหน้าธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์ไม้ยางปลายทางอาจจะให้ผู้ขายยางกลางทางและต้นทาง ชี้ให้เห็นว่าผลผลิตยาง


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 132 - มาจากแหล่งใด เช่น จากสวนยางในเขตป่าหวงห้ามหรือไม่พันธุ์ยางที่ปลูกเป็นพันธุ์อะไร เป็นต้น ฉะนั้น ไทยจะต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่บัดนี้โดยศึกษาระบบการทํา QR Code สําหรับสวนยาง เมื่อบรรจุข้อมูลสถานะของต้นยางในสวนยางไว้ใน QR Code แล้วเมื่อถึงเวลาใช้สามารถเรียกดู โดย scan ออกมาดูได้เป็นการก้าวสู่เทคโนโลยีที่ทันสมัย ประการที่ 7 เมืองยาง (Rubber City) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดทําโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) เพื่อตอบสนองนโยบายในการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ํา โดยเพิ่มอุปสงค์ ในการใช้ยางในภาคอุตสาหกรรมขั้นกลางทางและปลายทาง เพื่อเพิ่มมูลค่าโครงการตั้งอยู่ที่นิคม ตําบลฉลุง อําเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา มีเนื้อที่ 1,218 ไร่ เป็นทางเลือกของนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตั้งในเขตพื้นที่ภาคใต้ที่เป็นแหล่งปลูกยางที่มีผลผลิตกว่าร้อยละ 70 ของผลผลิต รวมทั้งประเทศ ที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางบก น้ําอากาศสาธารณูปโภคพร้อม มีความสะดวกและคุ้มค่า ต่อการลงทุน ปรากฏว่าขณะนี้การใช้งานยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการ ควรที่จะได้ศึกษา วิเคราะห์หาสาเหตุเพื่อให้มีการใช้บริการเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป้าหมายการใช้ยางพาราในประเทศ สู่ร้อยละ 30 ภายใน 5 ปี ประการที่ 8 คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ มีอํานาจหน้าที่กํากับดูแลทางด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ตลอดจนการแก้ไขปัญหา ยางพาราทั้งระบบ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ดังนั้น เพื่อให้ระบบการบริหารจัดการ มีประสิทธิภาพ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติควรกําหนดจัดให้มีการประชุมเป็นประจําทุกเดือน เพื่อวางแผน และติดตามผลได้ทันเหตุการณ์โดยเฉพาะในช่วงที่ราคายางตกต่ําและ เห็นควรให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรทําหน้าที่เลขานุการเนื่องจากเป็นผู้กํากับดูแลและควบคุมยาง ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 133 - บทท ี่ 5 สร ุ ปผลการศึ กษา การแก้ไขปัญหายางพาราไทยส่วนใหญ่เป็นการแก้ไขสถานการณ์ราคายางตกต่ํา ขณะที่ การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างระบบยางพารายังไม่มีการดําเนินการอย่างชัดเจน ทั้งที่ยางพาราเป็นพืช เศรษฐกิจที่สําคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อเกษตรกรจํานวนมาก และประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออก ยางพารารายใหญ่ของโลกมาตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา โดยมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดถึงร้อยละ 36.3 ที่ส่งออกวัตถุดิบแปรรูปขั้นต้น มูลค่า 204,770 ล้านบาท (2560) คิดเป็นปริมาณยางพารา ในสัดส่วนร้อยละ 89.4 ของผลผลิตทั้งหมด เปรียบเทียบกับมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง 262,368 ล้านบาท ที่มากกว่าแต่ใช้ปริมาณยางสัดส่วนร้อยละ 15.8 โครงสร้างระบบยางพาราลักษณะนี้ทําให้ ขีดความสามารถทางการแข่งขันอุตสาหกรรมยางพาราพัฒนาได้อย่างล่าช้า และทําให้รายได้เฉลี่ย ของครัวเรือนเกษตรกรชาวสวนยางคงอยู่ในระดับต่ํา ในปี 2557 รัฐบาลในสมัยของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ได้มีความพยายามแก้ไขปัญหาราคายางในระยะยาว ด้วยการกําหนดเป้าหมายการใช้ยางพารา ภายในประเทศ โดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด ภายในระยะเวลา 5 ปี แต่ผลสําเร็จจากมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ดังแสดงให้เห็นได้ จากสถิติการใช้ยางพาราภายในประเทศ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากสัดส่วนร้อยละ 12.51 ในปี 2557 เพิ่มเป็นร้อยละ 13.42, 13.60 และ 12.72 ในปี 2558, 2559 และ 2560 ตามลําดับ มีค่าเฉลี่ย เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.74 ต่อปีเท่านั้น นับว่ายังห่างไกลจากเป้าหมายที่กําหนดไว้สาเหตุจากปริมาณ ผลผลิตยางพาราต้นทางของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีการบริหารพื้นที่ปลูกยางพารา ในระดับประเทศ แม้ว่าการเพิ่มสัดส่วนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศจะเป็นทิศทางที่ ถูกต้อง แต่กลไกขับเคลื่อนมาตรการยังไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะสร้างผลความเปลี่ยนแปลงได้ตาม เป้าหมาย จากผลการศึกษาพบว่าปัญหาของยางพาราไทยมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ตลอดห่วงโซ่อุปทาน และปัญหามาจากการขาดประสิทธิภาพการบริหารระบบยางพารา ซึ่งเกิดจาก การขาดข้อมูลสารสนเทศที่ดีและขาดระบบฐานข้อมูลสารสนเทศยางพารา (Rubber Information System – Rubber Info) อันเป็นกลไกข้อมูลที่จําเป็นต่อการบริหารยางพาราทั้งระบบของประเทศ ทําให้แต่ละขั้นตอนของระบบยางพาราขาดการควบคุม และจากปัญหาที่การปฏิบัติงานตาม พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ที่ไม่เคร่งครัดและครอบคลุม โดยเฉพาะกิจกรรมการซื้อขาย


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 134 - ยางและการจดทะเบียน ระบบ Rubber info จึงเป็นเครื่องมือที่จะทําให้การควบคุมยางพาราของ ประเทศทําได้ดียิ่งขึ้น ทําให้รู้ข้อมูลยางพาราตั้งแต่ระดับต้นทางจนถึงปลายทางและระบบ Rubber Info ยังเป็นแกนกลาง (Backbone) ของระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) ของยางพาราที่จะเกิดขึ้นใน อนาคตที่มีการพัฒนาต่อเนื่องโดยการยางแห่งประเทศไทย รวมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลปัจจัยสําคัญภาย นอกจากทั่วโลก (Global Rubber Information) ที่เป็นการทํางานของศูนย์บริหารจัดการยางพารา ที่จัดตั้งจากคณะทํางานร่วมหลายกระทรวงโดยรัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณเพื่อดําเนินการดังกล่าว กลไกเหล่านี้จะถูกนํามาใช้ในการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงด้านราคายางตกต่ํา ไม่มีเสถียรภาพแก้ไข ปัญหานี้ในระยะยาวคือ การลดอิทธิพลของตลาดซื้อขายยางล่วงหน้า ด้วยการทําให้สัดส่วนการผลิต และการใช้ยางภายในประเทศห่างกันไม่มากและสร้างความสมดุลระบบยางพาราภายในประเทศอันมีผล ต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของรายได้เกษตรกร ผลการศึกษาบ่งชี้ว่ารัฐควรส่งเสริมการออม โดยกําหนดให้มีกองทุนรักษาเสถียรภาพเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อเป็นเกราะป้องกันรายได้ เกษตรกรรายย่อยจากความผันผวน ซึ่งปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคายางพาราจะเป็นราคาซื้อขายยาง ล่วงหน้าในตลาดเซี่ยงไฮ้ (SHFE) โตเกียว (TOCOM) และสิงคโปร์ (SICOM) ภาวะเศรษฐกิจโลกและ ประเทศจีน ราคายางสังเคราะห์ที่ผูกพันกับราคาน้ํามันปริมาณสต๊อก (มีผลในระยะสั้น) และอื่น ๆ ขณะที่ปัจจัยภายในจะเป็นปริมาณผลผลิตและราคายางในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งราคา ยางพาราตกต่ํามิใช่เป็นตัวปัญหา หากแต่เป็นความเดือดร้อนของเกษตรกรจากภาวะราคายางตกต่ํา ที่เป็นปัญหาที่แท้จริง และเกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลของระบบโครงสร้างยางพาราไทยการใช้ยาง ไม่สมดุลกันเป็นปัญหาระยะยาวที่เป็นผลจากการส่งเสริมการผลิตยางพาราต้นทางเป็นหลัก แต่ขาดการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องในการแปรรูปยางขั้นต้นและการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง รวมทั้ง ขาดการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาง ทําให้ประเทศไทยมีอํานาจต่อรองต่ําในเรื่องราคายางพาราที่ ส่งขายเป็นวัตถุดิบ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับปัญหาขาดนโยบายการจัดการอุตสาหกรรมยางพารา ที่เป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปต่อเนื่องสู่ผลิตภัณฑ์ยางและการส่งเสริมการแปรรูปยางใน ระดับชุมชน ที่รัฐควรจะส่งเสริมให้กลุ่มสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสามารถที่จะแปรรูปเพิ่มมูลค่า เบื้องต้นและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่ไม่ซับซ้อน รวมทั้งพัฒนาช่องทางการตลาดเพื่อให้สถาบัน เกษตรกรเหล่านี้เกิดความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้และนํามาสู่การแก้ไขปัญหาข้อเสียเปรียบจาก การผลิตยางก้อนถ้วยที่เกษตรกรมักจะถูกกดราคารับซื้อขณะที่จําเป็นต้องแก้ไขปัญหาเรื่องน้ําเสีย และกลิ่นของกิจกรรมการแปรรูปยางที่มีผลกระทบต่อชุมชนให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและการควบคุม ซึ่งปัจจุบันปัญหายังคงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว นอกจากนั้น ยังจําเป็นต้อง


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 135 - ส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาง ที่ต่อยอดนําไปสู่เชิงธุรกิจและผู้บริโภค โดยรัฐ จะต้องจัดสรรงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยยางพาราอย่างเป็นการเฉพาะและจัดตั้งศูนย์ทดสอบ ห้องปฏิบัติการและเครื่องมือ เพื่อให้มีศักยภาพการรับรองตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ส่งเสริม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปต่อเนื่องสู่ผลิตภัณฑ์ยางและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ในด้านการผลิตต้นทางยังคงมีปัญหาผลผลิตต่อไร่ต่ําและต้นทุนการผลิตสูงกว่าประเทศ คู่แข่ง จึงเสียเปรียบทางการแข่งขันในตลาดโลกเพราะผู้ซื้อจะเลือกซื้อยางจากประเทศที่ราคาต่ํา ก่อนแม้ว่าคุณภาพยางไทยจะสูงกว่า รัฐควรต้องกําหนดเป้าหมายการลดต้นทุนการผลิตและ เพิ่มผลผลิตต่อไร่แม้ว่ามีความจํากัดที่โครงสร้างการผลิตยางพาราไทยเป็นเกษตรกรรายย่อย จํานวนมากโดยร้อยละ 78.5 เป็นเกษตรกรที่มีสวนยางน้อยกว่า 15 ไร่ที่มีต้นทุนสูง เมื่อราคา ยางพาราตกต่ําย่อมได้รับความเดือดร้อนจึงจําเป็นต้องปรับแนวทางการทําสวนยาง ให้สามารถดํารงอาชีพ อยู่ได้อย่างมั่นคงด้วยรูปแบบสวนยางเชิงผสมผสานกับการปลูกพืชอื่นเป็นทางเลือกให้เกษตรกร การปลูกพืชแซมยาง พืชร่วมยาง สวนยางวนเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกและประยุกต์ใช้ หลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการบริหารสวนยางเป็นแปลงใหญ่ที่มีหลักการให้ต้นทุนรวมลดลง และเกษตรกรได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้น การใช้พันธุ์ยางที่เหมาะสมกับเขตพื้นที่ควบคู่ไปกับการ กําหนดพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกยางพารา การประกาศเขตพื้นที่เหมาะสมตามพระราชบัญญัติ ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 และกําหนดมาตรการลดการส่งเสริมการปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม การกําหนดกรอบมิให้เกิดการปลูกยางในเขตพื้นที่สงวนหวงห้ามของรัฐ และคํานึงถึงความสมดุล ด้านการผลิตและการตลาด เพื่อสร้างระบบความยั่งยืนให้กับเกษตรกร รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนให้ เกิดการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการบริหารจัดการสวนยาง การจัดทํามาตรฐานตรวจวัดค่าเนื้อยาง แห้ง การรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อแปรรูปยางพาราขั้นต้น และการจัดระบบการทําสวนยางอย่างยั่งยืน ตามมาตรฐานสากลที่การยางแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดําเนินงานอย่าง เร่งด่วนในระยะ 3 ปีในการนํามาตรฐาน มอก. 14061 และ มอก. 2861 มารับรองสวนยางพารา กระบวนการผลิตและแปรรูปยางพาราในระดับเกษตรกร เพื่อป้องกันปัญหาการกีดกันทางการค้า ที่จะมีขึ้นกับผลผลิตยางพาราและไม้ยางพาราของไทย และภาครัฐควรเร่งนําผลงานวิจัยและพัฒนา ไปใช้ในระดับปฏิบัติการของเกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ซึ่งกลไกนี้ยังไม่มีประสิทธิผลในปัจจุบัน


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 136 - นอกจากนั้น ยังมีปัญหาข้อมูลต้นทุนการผลิตไม่สะท้อนความเป็นจริงการสื่อสารต้นทุน การผลิตแบบตัวเลขเดียวใช้เป็นตัวแทนของสวนยางพาราทั้งประเทศ ไม่อาจสะท้อนปัญหาได้อย่าง รอบด้าน จําเป็นจะต้องคํานวณต้นทุนโดยจําแนกประเภทของต้นทุนและผู้ใช้ต้นทุนประเภทผลผลิต ขนาดของพื้นที่ปลูก ภูมิภาคและอื่น ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งเผยแพร่ข้อมูล อยู่เป็นระยะเพื่อสร้างการยอมรับและนําไปใช้ในการเทียบเคียง อนึ่ง ผลผลิตต่อไร่ที่ต่ํากว่าเกณฑ์มาตรฐานทางวิชาการ ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหา การปลูกยางในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม รัฐควรกําหนดมาตรการลดหรืองดการส่งเสริมในพื้นที่ปลูกทดแทน ที่ไม่เหมาะสมหรือเหมาะสมน้อย อีกทั้งควรให้ความสําคัญในระบบการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนตาม มาตรฐานสากลที่การยางแห่งประเทศไทยจะต้องพัฒนาให้สวนยางได้รับการรับรอง FSC หรือ PEFC ภายในระยะเวลา 3 ปีเพื่อป้องกันปัญหาการกีดกันทางการค้าและตลาดถูกจํากัดในอนาคต อันเป็น การจัดการการปลูกยางในพื้นที่ป่าหรือพื้นที่ผิดกฎหมาย ซึ่งระบบ Rubber Info จําเป็นต้องเข้าถึง ปัญหานี้ด้วยเช่นกัน เพื่อนําข้อมูลไปสู่การแก้ไขปัญหา ในมิติของปัญหาทางด้านกฎหมาย ผลการศึกษาพบว่า มีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อ การพัฒนาระบบยางพาราของประเทศ ความไม่คล่องตัวในการบริหารงานตามพระราชบัญญัติการ ยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558เป็นปัญหาหลักในการบริหารจัดการยางพาราไทยทั้งระบบอย่าง บูรณาการ ซึ่งการยางแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการบริหารระบบยางพาราของประเทศ แต่ในปัจจุบันยังไม่สามารถดําเนินการได้ตามเจตนารมณ์เนื่องจากมีความอ่อนแอในการบริหารงาน ภายในองค์กร และการควบรวม 3 หน่วยงานที่ยังไม่กลมกลืน มีข้อจํากัดทางการเงินจากการรับภาระ งบประมาณมากขึ้นขณะที่ค่าธรรมเนียมส่งออกยางได้เท่าเดิม รวมทั้งความไม่พร้อมในการดําเนิน ธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และปัญหาสิทธิ์การขอปลูกทดแทนของเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน อีกทั้งยังมีปัญหาความไม่เกื้อหนุนของกฎหมายอื่น อาทิพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.2518 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. 2535 เป็นต้น โดยเฉพาะ ประกาศผังเมืองทั่วประเทศ ที่เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งโรงงานแปรรูปยางพารา ซึ่งกฎหมายเหล่านี้ ควรจะต้องได้รับการทบทวนเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยางพาราต่อไป


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 137 - ดังนั้น การแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบอย่างยั่งยืนนั้น รัฐจะต้องเป็นผู้นําในการปรับเปลี่ยน โครงสร้างระบบยางพาราไทยซึ่งจําเป็นจะต้องบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทานด้วยข้อมูล สารสนเทศที่ดีเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นและ เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดีของประเทศชาติต่อไป รูปภาพที่ 49 ต้นยางเปลือกแตก


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 139 - บทท ี่ 6 ข ้ อเสนอเชิงนโยบาย ระบบยางพาราของไทยในปัจจุบันอยู่ในสถานะที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยรอบด้าน อันเป็นปัจจัยภายนอกที่มีอิทธิพลต่อราคายางพาราของไทยและตลาดโลก โดยที่รัฐไม่สามารถควบคุมได้ และด้วยเหตุที่อุตสาหกรรมยางพารามีความซับซ้อนและเชื่อมโยงสัมพันธ์กันตลอดห่วงโซ่อุปทาน จึงเกิดความเสี่ยงต่อระบบการบริหารและการค้ายางพาราไทย ขณะที่ต้นทุนการผลิตปรับตัว เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อเกษตรกรในวงกว้าง ผู้ประกอบการ ภาคอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงจําเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐ จะต้องกําหนดนโยบายและมีมาตรการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาโครงสร้างอุตสาหกรรมยางพารา ของไทยทั้งระบบให้มีความเข้มแข็ง รับมือกับสถานการณ์ทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงไปและเพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้นโยบายการจัดการ เชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) ดังต่อไปนี้ 1. จัดให้มีการบริหารจัดการข้อมูลยางพารา(Rubber Information Management Centre – RIMC) อย่างเป็นเอกภาพ จัดให้มีการบริหารจัดการข้อมูลยางพารา (Rubber Information Management Centre - RIMC) โดยกรมวิชาการเกษตรผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 เป็นหน่วยงานแกนกลางในการทําหน้าที่ประสานจัดการบริหารจัดการข้อมูลยางพาราภายใต้นโยบาย ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยบทบาทการบริหารจัดการข้อมูลยางพาราจะเป็นการทําหน้าที่ ประสานการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการด้านยางพารา ตอบสนองการทํางานของ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยปรับให้อธิบดี กรมวิชาการเกษตร ทําหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการแทนเลขาธิการสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร และการดําเนินงานจะเป็นรูปแบบบูรณาการการทํางานร่วมกัน อันเป็นการบูรณาการความเชี่ยวชาญ แต่ละส่วนเข้ามาทํางานร่วมของหลายหน่วยงาน ได้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์เป็นต้น รวมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทําหน้าที่ขับเคลื่อนด้านนโยบายและการบูรณาการทุกส่วนงานภายใต้ พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 และ พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 140 - นอกจากนั้น การบริหารจัดการข้อมูลยางพารายา RIMC จะมีการพัฒนา “ระบบข้อมูล สารสนเทศยางพารา (Rubber Info.)” และเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงานด้านยางพารา วิเคราะห์ ข้อมูลและสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายและมาตรการของรัฐบาล โดยกําหนดหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจนและสอดคล้องกับระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณ ให้กรมวิชาการการเกษตรพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลยางพารา และยกระดับเป็นระบบฐานข้อมูลใหญ่ (Big Data) เชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลยางระดับโลก (Global Rubber Information) และเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 อย่างเคร่งครัด ให้ผู้เกี่ยวข้องยางพารา กิจกรรมซื้อขายยาง การจดทะเบียน และส่วนที่ กฎหมายกําหนด เข้าสู่ระบบ Rubber Info ทําให้ควบคุมดูแลยางพาราทั้งระบบทําได้ดียิ่งขึ้น ตรวจสอบข้อมูลได้ตลอดห่วงโซ่อุปทานยางพาราในประเทศ ข้อมูลต้นทางจนถึงปลายทาง อนึ่ง เพื่อให้การบริหารจัดการข้อมูลยางพาราสามารถบริหารข้อมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบได้นั้น จําเป็นต้องมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติ ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 อย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอนเพื่อให้การบริหารจัดการยางพาราเป็นระเบียบ มีข้อมูลถูกต้องตามสภาพความเป็นจริง สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์วิเคราะห์สถานะภาพของ ยางพาราในแต่ละพื้นที่และภาพรวมทั้งประเทศให้ผู้บริหารเป็นข้อมูลพิจารณา กําหนดนโยบายและ ทิศทางการบริหารยางพาราให้เข้มแข็งทั้งระบบและแข่งขันกับต่างประเทศได้ส่งผลให้ราคายางพารา ในประเทศมีเสถียรภาพ 2. เร่งรัดการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น เร่งรัดพัฒนา ส่งเสริมให้มีการใช้ยางพาราในประเทศแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมาก ขึ้นเป็นร้อยละ 30 ของผลผลิตรวมทั้งหมดของประเทศ ภายในปี 2566 และให้มีอัตราการใช้ ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปีของปีต่อ ๆ ไป โดยเน้นมาตรการส่งเสริมการ ลงทุนภาคเอกชนในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง บริหารแผนงานการเกษตรสมัยใหม่ ให้เกิดสมดุลใน ระบบการผลิตต้นทาง กลางทาง และปลายทางไปสู่ผู้บริโภค ภายใต้แผนงานวิจัยและนวัตกรรมขนาด ใหญ่เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) พัฒนาส่งเสริม อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเพื่อเพิ่มการใช้ยางในประเทศ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษและ นิคมอุตสาหกรรมยางด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษีสินเชื่อและอื่น ๆเพื่อสร้างความสมดุลและเสถียรภาพ ของระบบยางพาราภายในประเทศ ทําให้อัตราส่วนการผลิตยางดิบส่งออกลดลงและเพิ่มการใช้ยาง ภายในประเทศให้สูงขึ้น ความแตกต่างที่ลดลงจะลดอิทธิพลของตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าต่อราคายาง


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 141 - ในประเทศให้ราคายางในประเทศมีการเคลื่อนไหวอิสระตามอุปสงค์และอุปทานจริง ในระดับราคา ที่สูงกว่าต้นทุนการผลิตที่เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร เน้นมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้ผู้ประกอบการในประเทศและจากต่างประเทศ ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง โดยส่งเสริมภาคเอกชนด้วยเงินทุนดอกเบี้ยต่ํา สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นกรณีพิเศษ ปรับขั้นตอนการยื่นขออนุญาตจากภาครัฐให้คล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้นและ สนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางส่งเสริมเพิ่มการใช้ยางพาราเพื่อเพิ่มโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตผลิตภัณฑ์ยางสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางดิบเป็นผลิตภัณฑ์ในประเทศแล้วส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่ สามารถสร้างรายได้สูงกว่าเข้าประเทศและการสนับสนุนด้วยเงินทุนดอกเบี้ยต่ํา สิทธิประโยชน์ทาง ภาษีเป็นกรณีพิเศษ และสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางแก่สถาบันเกษตรกร ที่มีศักยภาพสูงในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์บางสําเร็จรูป อาทิผลิตภัณฑ์ยางสนามฟุตซอลสนามเด็กเล่น หมอนยางพารา ที่นอนยางพารา เป็นต้น ตามมาตรา 49 (3) แห่งพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 นอกจากนั้น ด้วยผลิตภัณฑ์ยางพาราที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานรับรอง อาทิเช่น มาตรฐาน มอก. ยังมีน้อย รัฐบาลควรต้องมีมาตรการส่งเสริมให้มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางให้เพิ่มมากขึ้น และจัดให้มีระบบการตรวจรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางเพื่อเสริมแรงจูงใจให้มีการขยายตลาด ผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่มีมาตรฐาน รวมทั้งเร่งขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนายางพาราเพิ่มมากขึ้นในทุกระดับการผลิต และเพิ่มงบประมาณ สนับสนุนงานวิจัยด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางสู่เชิงพาณิชย์ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติควรจัดตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและติดตาม การใช้ยางพาราภายในประเทศ เพื่อติดตามการดําเนินงานตามนโยบายเพิ่มสัดส่วนการใช้ยาง ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง มีบทบาทในการการสนับสนุนการวิจัยและให้สิทธิพิเศษในการลงทุน แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางและเชื่อมโยงการทํางานกับการบริหารจัดการข้อมูลยางพารา


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 142 - 3. บริหารจัดการพื้นที่ปลูกยางพารา เพื่อให้สมดุลกับความต้องการของตลาด พื้นที่ปลูกยางพาราของประเทศในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีการขยายพื้นที่เพาะปลูก อย่างก้าวกระโดด ขาดการควบคุมและบริหารจัดการเป็นระบบ ปริมาณผลผลิตยางพาราของ ประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการขยายพื้นที่ปลูกยางบางส่วนไปบุกรุกทับซ้อนในพื้นที่ป่าสงวนและ ป่าอนุรักษ์ประมาณ 5.79 ล้านไร่ และปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสมในการปลูกยาง ที่มีผลผลิตต่อไร่ ต่ํามาก จํานวน 4.55 ล้านไร่ผลกระทบทําให้ปริมาณผลผลิตยางพาราของไทยในช่วงระยะเวลา หลายปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมากแต่มีต้นทุนการผลิตสูงและทําให้ไทยอยู่สถานการณ์ ที่เสี่ยงต่อการถูกมาตรการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งรัดปฏิบัติการบริหารจัดการการปลูกยางในพื้นที่ป่า และส่วนที่นอก เขตพื้นที่ป่าที่เกษตรกรยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์และบังคับใช้กฎหมายในสวนยางพาราที่บุกรุกพื้นที่ป่า แก้ไขปัญหาพื้นที่ปลูกยางบางส่วนไปบุกรุกทับซ้อนในพื้นที่ป่าสงวนและป่าอนุรักษ์จํานวน 5.79 ล้านไร่ รวมถึงพื้นที่ไม่เหมาะสมในการปลูกยาง จํานวน 4.55 ล้านไร่ เพื่อควบคุมและบริหารจัดการ พื้นที่ปลูก และปริมาณผลผลิตยางพารารวมของประเทศบริหารจัดการพื้นที่ปลูกและปริมาณผลผลิตยางพารา ควบคู่ไปกับการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยาง รัฐบาลควรมีมาตรการบริหารจัดการ พื้นที่ปลูกโดยเน้นการเพิ่มผลผลิตต่อไร่มากกว่าการขยายพื้นที่ปลูกยางพาราเพื่อให้สมดุลกับ ความต้องการของตลาดโดยยังคงรักษาสถานะการเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลกควบคู่ไปกับ การเร่งพัฒนาเพิ่มอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางอย่างมียุทธศาสตร์สวนยางที่ปลูกในพื้นที่ ไม่เหมาะสมควรดําเนินมาตรการเร่งรัดปลูกแทน มาตรการช่วยเหลือปรับเปลี่ยนไปสู่การปลูกพืช ชนิดอื่นตามระบบการสงเคราะห์ปลูกแทนยางของการยางแห่งประเทศไทยในลักษณะผสมผสานตาม รูปแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ 4. ส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปขั้นต้นในระดับชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับ สถาบันเกษตรกร รัฐบาลควรมุ่งเน้นให้ความสําคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับชุมชน โดยส่งเสริม ให้สถาบันเกษตรกรดําเนินกิจการแปรรูปยางพาราขั้นต้นด้วยเงินทุนดอกเบี้ยต่ําและเทคโนโลยี และจัดระบบ Supply chain ในทุกภูมิภาคเพิ่มการแข่งขันซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรอาทิจัดให้มีโควตา รับซื้อยางก้อนถ้วยในระดับราคาที่สูงกว่าตลาดระหว่าง 0.20 - 0.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็นต้น โดยต้อง จัดระบบการซื้อขาย เพื่อสร้างเสถียรภาพและความยั่งยืนระหว่างต้นทางกับโรงงานแปรรูปกลางทาง และส่งผ่านราคาไปสู่เกษตรกรโดยกําไรที่ได้รับแต่ละปีนํามาจ่ายเป็นเงินปันผลคืนแก่


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 143 - ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่เกษตรกร สมาชิกผู้ถือหุ้นและพนักงานของสถาบันเกษตรกร นอกจากนั้น ควรที่จะต้องบริหารเส้นทางห่วงโซ่ธุรกิจ อันเป็นการเชื่อมโยงภาคการผลิตระดับสวนยางของ เกษตรกรสู่อุตสาหกรรมชุมชนในการแปรรูปยางขั้นต้นทั้งระบบ เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ ผู้เกี่ยวข้องทุกระดับก่อให้เกิดความยั่งยืน 5. มาตรการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องอันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบยางพารา กฎหมายเกี่ยวข้องกับยางพาราที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนายางพาราของประเทศ สมควรปรับปรุงเพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวในการบริหารจัดการยางพาราไทยทั้งระบบ จะต้องได้รับการ ทบทวนเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยางพาราดังนี้ 5.1 พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ต้องบริหารจัดการให้เข้มงวดกับการบังคับใช้ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องกับยางพาราดําเนินการอย่างสอดคล้อง ในกิจกรรมซื้อขายยางพารา การจดทะเบียน การบันทึกและรายงาน ตามส่วนที่กฎหมายกําหนดไว้เพื่อเป็นเครื่องมือป้อนข้อมูล เข้าระบบข้อมูลสารสนเทศยางพารา (Rubber info.) ทั้งระบบ ของการบริหารจัดการข้อมูลยางพารา เพื่อนําผลข้อมูลมาวิเคราะห์สังเคราะห์แล้วนําผลเสนอแนวทางที่ถูกต้องให้ผู้บริหารยางพาราระดับสูง ได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจนําไปใช้ในการบริหารจัดการและกําหนดนโยบาย ยางพาราของประเทศ 5.2 พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2538 ปรับปรุงระบบการอนุญาตจดทะเบียนโรงงานยาง ตามสภาพพื้นที่ปลูกยางพารา ให้มีโรงงานแปรรูปเป็นศูนย์กลางรับผลผลิตจากเกษตรกรอยู่ในพื้นที่ สวนยางได้ถูกต้องเพื่อสนับสนุนให้มีการใช้ยางภายในประเทศ 5.3 พระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 ปรับปรุงให้อํานวยความสะดวกต่อการตั้ง โรงงานอุตสาหกรรมยางพาราในเขตพื้นที่สวนยางพารา 5.4 พระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. 2518 การประกาศผังเมืองรวมและผังเมืองเฉพาะ ต้องกําหนดเขตการใช้ประโยชน์พื้นที่อุตสาหกรรมยาง ต้องสนับสนุนให้มีการสร้างโรงงานแปรรูปยาง ในเขตที่มีการปลูกยางพารามากให้สามารถสร้างโรงงานแปรรูปยางและโรงงานผลิตภัณฑ์ยาง ได้อย่างถูกต้องเพื่อสนับสนุนให้มีการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น 5.5 พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 สร้างความมีประสิทธิภาพ ในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะที่เกิดจากการรวม 3 องค์กร เข้าเป็นการยางแห่งประเทศไทย การปรับโครงสร้างใหม่เพื่อให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นและ


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 144 - เสนอแก้ไขกฎหมายและออกกฎหมายลูกที่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการ รัฐบาลควรดําเนินการปฏิรูปโครงสร้าง/ระบบการบริหารจัดการโรงงานแปรรูปยาง ในสังกัดการยางแห่งประเทศไทย ให้สามารถทําการผลิตยางให้เต็มกําลังการผลิต โดยจัดองค์กรแยก การบริหารออกไปเป็น “บริษัทลูก” อย่างชัดเจน ภายใต้เง่ือนไขการซื้อยางจากเกษตรกรในราคานําตลาด สร้างผลกําไร และจ่ายคืนเป็นปันผลคืนแก่เกษตรกรผู้นํายางมาขายให้โรงงาน 6. สร้างความมั่นคงทางรายได้ของเกษตรกร โดยตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายาง รัฐบาลควรจัดตั้งกองทุนที่มีพื้นฐานการมีส่วนร่วมของเกษตรกรเพื่อพัฒนาความเข้มแข็ง ได้อย่างยั่งยืน โดยพัฒนากองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในรูปแบบของการสร้างแรงจูงใจ ให้เกษตรกรออมทรัพย์ส่วนตัว (ลักษณะเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ) อันเป็นการจัดสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 49 (5) แนวความคิดในการพัฒนากองทุนรักษาเสถียรภาพราคายางพาราโดยความสมัครใจ ของเกษตรกรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย ให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อน อันเนื่องมาจากราคายางพาราผันผวนและตกต่ําซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางรายได้และ ความเป็นอยู่ของเกษตรกร ทําให้เกษตรกรเรียนรู้และเข้าใจการบริหารความเสี่ยงจากราคา และรับมือกับความผันผวนของตลาดได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาครัฐยังคงมี บทบาทหน้าที่ในการจ่ายเงินสมทบช่วยเหลือภาวะที่ราคาตกต่ําอย่างรุนแรงเกินกว่าระดับปกติ นอกจากนั้น ภาครัฐควรมีบทบาทในการลดความเสี่ยงของเกษตรกรในระดับต้นทาง ที่ยังมีปัญหาผลผลิตต่อไร่ต่ํา และต้นทุนการผลิตสูงกว่าประเทศคู่แข่ง จําเป็นที่ภาครัฐจะต้องเข้ามา ช่วยเหลือให้เกิดการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลิตต่อไร่ด้วยนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และควรส่งเสริมสร้างความมั่นคงทางอาชีพด้วยการปลูกยางในรูปแบบเชิงผสมผสานกับพืชชนิดอื่น ปลูกพืชแซม ปลูกพืชร่วมยางและประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงตามศาสตร์พระราชา และส่งเสริม การจัดการสวนยางของเกษตรกรรายย่อยด้วยเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเพิ่มรายได้ในพื้นสวนยาง ด้วยเกษตรผสมผสาน ทั้งพืชร่วมพืชแซม ปศุสัตว์ประมง


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 145 - 7. การจัดการสวนยางของประเทศอย่างยั่งยืน ตามมาตรฐานสากล ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลูกยางมากที่สุดในโลกประมาณ 30 ล้านไร่ แต่มีสวนยาง ที่ผ่านการรับรองการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากลประมาณ 50,000 ไร่เท่านั้น ซึ่งจะมีผลกระทบอีก 3 ปีข้างหน้าในตลาดยุโรปญี่ปุ่นต่อไปจะเป็นจีนและประเทศอื่น ๆ ที่เป็นประเทศ คู่ค้ากับไทยจะใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีมาเป็นตัวกําหนดทางการค้ากับไม้ยางผลิตภัณฑ์จากไม้ยาง ผลผลิตจากยางพารา ตลอดจนผลิตภัณฑ์ยางสําเร็จรูปโดยให้มีการยืนยันว่าแหล่งที่มาของไม้ ผลิตภัณฑ์จากไม้ผลผลิตยางที่แปรรูปมาจากป่าหรือสวนป่าที่มีการจัดการอย่างยั่งยืนสอดคล้อง ตามระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Chain of Custody) อันเป็นหลักฐานที่เป็นเครื่องมือยืนยันทางการค้า ภาครัฐควรสนับสนุนให้ชาวสวนยางเป็น Smart Farmer โดยสนับสนุนทางเทคโนโลยี นําผลงานวิจัยและพัฒนาไปใช้ในการปฏิบัติของเกษตรกร และรวมกลุ่มสวนยางบริหารจัดการ ตามมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก.14061, มอก.2861 และมาตรฐาน FSC/PEFC เป็นภารกิจที่การยางแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้อง ดําเนินงานอย่างเร่งด่วนในระยะ 3 ปีเพื่อป้องกันปัญหาการกีดกันทางการค้าที่จะมีขึ้นกับผลผลิต ยางพาราและไม้ยางพาราของไทย


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ -147 บรรณาน ุ กรม Michael E. Porter (1990), The Competitive Advantage of Nations, The Free Press, New York. Montchai Pinitjitsamut (2016), Trade Promotion Impact from One Belt One Road and Thailand 4.0 Policy:The Global Forecasting Model of Thailand - China Natural Rubber Trade. Montchai Pinitjitsamut (2017), China’s Rubber Industry Development and Natural Rubber Trade Relationship between China and ASEAN under the Belt and Road Initiatives, “The Sixth Thai – Chinese Strategic Research Seminar” (7 –11 November 2017), HQ Xiamen, China. Montchai Pinitjitsamut (2017), A Development of Econometric Forecasting Model for Global Natural Rubber Demand and Supply – Research Report, Center for Applied Economics Research, Faculty of Economics, Kasetsart University and INTERNATIONAL RUBBER CONSORTIUM LIMITED (IRCo). Montchai Pinitjitsamut (2017), 'Sustainable Agribusiness Model for Poverty Reduction Among Thai Small-scale Rubber Farmers' Newton Fund Institutional Links Grants – Application (2018 IL7 – April). TURTON, JONATHAN. 1999. UNDER PRESSURE: HOW TYRE-MAKERS COPE WITH RUBBER PRICE VOLATILITY. CORPORATE FINANCE. 171. 37-39. การยางแห่งประเทศไทย. (2558). เอกสารประกอบการชี้แจง คณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ ประกาศคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้น ทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง. ราชกิจจานุเบกษา 8 ตุลาคม 2558 เล่ม 132 ตอนพิเศษ 246 ง หน้า 4 – 6. การยางแห่งประเทศไทย. (2561). เอกสารประกอบการชี้แจง คณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์. การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไข ประกาศการยางแห่งประเทศไทยให้สามารถขึ้นทะเบียนคนกรีดยางรายย่อยที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์.


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ -148 การยางแห่งประเทศไทยและศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. (2560). ยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 - 2579). กองการยาง กรมวิชาการเกษตร. (2561). เอกสารประกอบการชี้แจง คณะกรรมาธิการเกษตรและ สหกรณ์. ขั้นตอนการขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2524 กองการยาง กรมวิชาการเกษตร. (2561). เอกสารประกอบการชี้แจง คณะกรรมาธิการเกษตรและ สหกรณ์. ขั้นตอนการขอรับบริการออกใบอนุญาตในระบบ NSW ยางพารากรมวิชาการเกษตร กองการยาง กรมวิชาการเกษตร.(2561). เอกสารประกอบการชี้แจง คณะกรรมาธิการเกษตรและ สหกรณ์. รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542. กองการยาง กรมวิชาการเกษตร. (2561). พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542. กองนโยบายและแผนการใช้ที่ดิน. (2560). เขตความเหมาะสมของพื้นที่ปลูกยางพาราของประเทศไทย. กรมพัฒนาที่ดิน. ขวัญชัย ดวงสถาพร,ปัสสีประสมสินธ์และพิชิต ลําใย. (2561). การพัฒนาคู่มือและศักยภาพของ ผู้ทําสวนยางพาราและผู้ประกอบธุรกิจไม้ยางพาราให้ได้รับการรับรองการจัดการป่าไม้ ในระดับนานาชาติ. คณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับกองทุนสนับสนุนการวิจัย. ชัยโรจน์ธรรมรัตน์. (2542). การวิจัยพัฒนายางภายใต้โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดําริจังหวัดนราธิวาส. ยางพารา ปีที่ 19 ฉบับที่ 3 ก.ย. - ธ.ค. 2542 หนา้ 153 – 169. ชัยโรจน์ธรรมรัตน์. (2548). แนวทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจยางพาราของไทยรายงานหลักสูตร ประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชนรุ่นที่ 4 สถาบันพระปกเกล้า ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3098 วันที่ 22 - 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558. ชง‘ประยุทธ์’ชดเชยยาง 1.97 พันบาท / ไร่. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร. (2554). รายงานการวิจัย การศึกษาความเป็นไป ได้ในการจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร. นริสา จันทร์เรือง และวิเชียร หงส์มณี. (2561). เสริมรายได้ของเกษตรกรในสวนยางที่มีร่มเงา. รายงานผลการวิจัยเรื่องเต็ม ประจําปี 2560 สถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย. หน้า 359 – 365.


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ -149 มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร. (2555). รายงานฉบับสมบูรณ์การศึกษานโยบายและมาตรการรักษาเสถียรภาพ ราคายางพาราของประเทศไทย ด้วยกองทุนรักษาเสถียรภาพราคาและแนวทางที่เหมาะสม ในการจัดตั้ง. มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร. (2556). การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ราคาและการส่งผ่านราคายางธรรมชาติใน 3 ตลาด : ตลาดท้องถิ่นชาวสวนยางไทย ตลาดผู้ส่งออกไทย และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ยางพาราเซี่ยงไฮ้, เอกสารประกอบการนําเสนองานประชุมวิชาการ ยุทธศาสตร์วิจัยไทย ครั้งที่ 2 ณ เมืองเซี๊ยะเหมิน สาธารณประชาชนจีน. มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร. (2557). วิธีการประมูลยางพารา ที่ประเทศศรีลังกา, วารสารยางไทย เดือนธันวาคม 2557. มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร. (2558). สถานการณ์ยางพาราประเทศเวียดนาม, วารสารยางไทย เดือนมกราคม 2558. มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร. (2559). ยางพาราไทย : ทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์? เอกสารประกอบการ บรรยาย วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559: คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. รัตน์เพชรจันทร์. (2513). ยางพารา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มงคลการพิมพ์. สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2558). พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอนที่ 63 ก. สุจินต์แม้นเหมือน, ประพาส ร่มเย็น และชัยโรจน์ธรรมรัตน์. (2543). ใคร?..เปิดประตูยางพารา อีสาน ว.ยางพารา 33 (4) : 15-19 (2555) สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. สุทัศน์สุรวาณิช. (2551). โครงการจัดทําฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ของยางพาราปี 2550 โดยการสํารวจ ข้อมูลระยะไกลและเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จากข้อมูลดาวเทียม SPOT 5 ปี. อุทัย สอนหลักทรัพย์. (2560). การแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ําของสภาเครือข่ายสถาบันเกษตรกร ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย(สยยท.) เสนอต่อคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลผลิต ทางการเกษตร กรกฎาคม 2560.


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 151 - ภาคผนวก ก. ตลาดยางพาราไทย1 ปัจจุบันเกษตรกรมีรูปแบบการจําหน่ายผลผลิตยางที่หลากหลายมากขึ้นทั้งในรูปน้ํายางสด ยางก้อนถ้วย ยางแผ่นดิบ หรือยางแผ่นรมควันชนิดไม่อัดก้อน ดังนั้น การวางแผนทางการตลาด รูปแบบการจําหน่าย และข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับราคายางจึงเป็นปัจจัยสําคัญที่เกษตรกร ควรรับทราบและสามารถนํามาปรับใช้ให้ทันต่อสถานการณ์สําหรับตลาดยางพาราในประเทศไทย สามารถแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะคือ ตลาดท้องถิ่น ตลาดกลางยางพารา และตลาดซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งแต่ละลักษณะสามารถอธิบายได้ดังนี้ 1. ตลาดท้องถิ่น เป็นตลาดที่อยู่ใกล้แหล่งผลิตของเกษตรกร การซื้อขายจะเป็นการตกลงระหว่างผู้ซื้อกับ ผู้ขายแต่ละราย ไม่มีกฎระเบียบที่แน่นอน ไม่มีมาตรฐานคุณภาพยางที่ชัดเจน ผู้ซื้อจะเป็นผู้ประเมิน คุณภาพยาง และเป็นผู้กําหนดราคา การจ่ายเงินจะจ่ายเป็นเงินสด ตลาดท้องถิ่นจะประกอบด้วย พ่อค้าหลายระดับ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตําบล อําเภอ จังหวัด และโรงงานแปรรูปยาง ซึ่งโรงงาน แปรรูปยางจะรับซื้อยางจากพ่อค้ารายใหญ่เท่านั้น ตลาดท้องถิ่นมีข้อดีคือมีความสะดวกในการขนส่ง เพราะอยู่ใกล้แหล่งผลิต และเกษตรกรได้รับเงินทันทีนอกจากนั้นยังมีตลาดประมูลท้องถิ่นในความ ดูแลของสํานักงานกองทุนสงเคราะห์การทําสวนยาง ซึ่งมีรูปแบบตลาดแตกต่างตามชนิดของผลผลิต ยางแบ่งเป็น 4 ประเภทคือ 1.1 ตลาดประมูลทั่วไป เป็นตลาดประมูลยางที่เกษตรกรนําผลผลิตยางที่ส่วนใหญ่ เป็นยางแผ่นดิบและยางก้อนถ้วยมารวบรวมในตลาดเพื่อคัดแยกชั้นและชั่งน้ําหนักรอผู้ซื้อมาตรวจสอบ คุณภาพและประมูลราคาแข่งกัน ในกรณีนี้ผู้ซื้อยังเป็นผู้กําหนดราคาซื้อผลผลิต 1 ข้อเขียนของอธิวีณ์แดงกนิษฐ์และอรอุมา ประเสริฐ– การยางแห่งประเทศไทย


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 152 - 1.2 ตลาดประมูลแบบ Paper Rubber Market โดยรวบรวมผลผลิตยางจากจุดรวมยาง ของแต่ละสถาบันเกษตรกรและต้องได้รับการรับประกันคุณภาพในระดับหนึ่ง แล้วจึงให้ผู้ซื้อทั้ง ผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่ให้ราคาประมูลผ่านทางระบบการสื่อสาร 1.3 ตลาดตกลงราคา เป็นตลาดสําหรับการขายผลผลิตน้ํายางสด โดยทําการตกลงราคา ไว้ก่อนอย่างน้อยหนึ่งวัน แล้วจึงรวบรวมยางจากเกษตรกร 1.4 ตลาดข้อตกลงยาง (Forward Market) เป็นรูปแบบตลาดซื้อขายล่วงหน้ากําหนด ราคาโดยการตกลงราคาล่วงหน้าก่อนการส่งมอบ ผู้ผลิตเป็นฝ่ายเสนอราคาแล้วให้ผู้ซื้อต่อรอง 1.5 (ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์, 2555) ปัจจุบันตลาดประมูลท้องถิ่นได้พัฒนา รูปแบบการประมูลเป็นการประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์โดยตลาดจะกําหนดราคากลางซึ่งโดยส่วนมาก จะอ้างอิงจากราคาตลาดกลางยางพาราและให้ผู้ซื้อเสนอราคาเพิ่มขึ้นจากราคากลาง 2. ตลาดกลางยางพารา ตลาดที่มีการซื้อขายแล้วส่งมอบจริงโดยมีสถาบันวิจัยยางเป็นผู้ดูแล มีวัตถุประสงค์ใน การจัดตั้งตลาดเพื่อสร้างราคาที่เป็นแหล่งอ้างอิงราคาของประเทศ และส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนา คุณภาพยางให้ได้มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ การดําเนินงานมีกฎระเบียบขั้นตอน และกระบวนการตามธุรกิจที่ทุกฝ่ายยอมรับ ช่วยลดปัญหาการตลาดและสร้างอํานาจต่อรองในการขายยาง ให้แก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ยางที่ทําการซื้อขายผ่านตลาดกลาง ได้แก่ยางแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควันชนิดไม่อัดก้อน ปัจจุบันมีให้บริการ 6 ตลาดคือ ตลาดกลางยางพาราสงขลา ตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช ตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานีตลาดกลางยางพารา หนองคาย ตลาดกลางยางพาราบุรีรัมย์และตลาดกลางยางพารายะลา ครอบคลุมพื้นที่ปลูกยางใน ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รูปแบบตลาดสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 2.1 ตลาดซื้อขายวันต่อวัน (Physical Spot Market) เป็นตลาดซื้อขายส่งมอบจริงทุก วันทําการ สําหรับยางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันชนิดไม่อัดก้อน โดยเกษตรกร สถาบันเกษตรกรนํา ยางเข้าตลาด และมีการคัดแยกยางตามชั้นคุณภาพ มีมาตรฐานคุณภาพยางที่ชัดเจน ยางแผ่นดิบ ตามมาตรฐานสถาบันวิจัยยาง และยางแผ่นรมควันตามมาตรฐาน Green Book ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ในการซื้อขายยางแผ่นรมควัน และใช้วิธีการประมูลผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่มีค่าธรรมเนียม การใช้บริการตลาดแต่อย่างใด จึงทําให้ราคาเสนอซื้อสะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อ ส่งผลให้เกษตรกรที่นํายางมาขายได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการนํายางไปขายในตลาด


ท้องถิ สะดว สามา กลาง มอบ เกษต เกษต ข้อตก การต ส่งมอ ถิ่นทั่วไป จึงเป วกในการจัด ารถใช้ราคาตล 2.2 ต ยางพารานค จริงระยะ 14 ตรกร ทําให้ ตรกรตัดสินใจ กลงส่งมอบจ ตกลงซื้อขายจ อบ ณ ตลาดก ป็นแรงจูงใจใ ดหารวบรวม ลาดกลางเป็น ตลาดข้อตกลง รศรีธรรมราช 4 วัน ซึ่งจะส เกษตรกรลด จขายบนพื้น จริง ผู้ซื้อผู้ขา จะเป็นลักษณ กลางภายใน รูปภาพ : รายงา ให้เกษตรกรมี มยาง สามาร ราคาอ้างอิงก งส่งมอบจริง ช เป็นการซื้อ สอดคล้องกับ ดความเสี่ยง นฐานของการ ายเสนอทั้งร ณะของการจั 14 วัน โดยผู้ : แสดงการซื้ านการพิจาร คณะกรรม - 153 - มีการพัฒนาค รถรวบรวมย การซื้อขายยาง (Physical Fo อขายยางแผ่น บรอบการผลิ ที่อาจขาดทุ รทราบต้นทุน ราคาและปริม จับคู่สัญญาเมื ผขายจะไดู้ ้รับ ซอขายแบบื้ รณาศึกษา ภ มาธิการการเกษ คุณภาพการผ ยางได้ในปริม งในระดับท้อง orward Ma นรมควันชั้น ลิตยางแผ่นร ทุนจากความ นการผลิตที่แ มาณที่ต้องก ม่ือราคาตรงก บเงินค่ายาง Real time ภาพรวมขอ ษตรและสหกรณ ผลิตยาง ในข มาณและคุณ งถิ่นระดับประ rket) ปัจจุบั 3 ชนิดไม่อัด รมควันของเก มผันผวนของ แน่นอน รูปแ ารซื้อขายผ่า กัน หลังจากน ผ่านเว็บไซต งยางพาราท ณ์ สภานิติบัญญั ขณะที่ผู้ซื้อได้ ณภาพที่ต้อง ะเทศและระ ันมีให้บริการ ดก้อนล่วงหน้ กษตรกรและ งราคายาง เ แบบการซื้อข านระบบอินเ นั้นผู้ขายจึงน ต์ ทั้งระบบ ญัติแห่งชาติ ด้รับความ การและ ดับโลก ร ณ ตลาด น้าแล้วส่ง ะสถาบัน นื่องจาก ขายตลาด เตอร์เน็ต นํายางมา


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 154 - เมื่อส่งมอบยางตามคุณภาพครบตามจํานวนในสัญญา ทางด้านผู้ซื้อจะชําระเงินค่ายาง เมื่อได้รับมอบยาง และสิ้นสุดสัญญาเมื่อได้รับมอบยางและชําระเงินครบตามจํานวนในสัญญา โดยตลาดจะทําหน้าที่ในการรับรองคุณภาพยางตามมาตรฐาน Green Book การกํากับดูแลให้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามสัญญาและเป็นผู้ดําเนินธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งตลาดข้อตกลงส่งมอบ จริงเป็นตลาดที่สามารถพัฒนาต่อยอดและขยายการให้บริการเพื่อรองรับการผลิตยางแท่ง STR 20 และยางแผ่นรมควันชนิดอัดก้อนหรือยางลูกขุน ของสถาบันเกษตรกรที่ผ่านมาตรฐาน GMP สถาบันวิจัยยาง 3. ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่สําคัญในปัจจุบัน ได้แก่ตลาดล่วงหน้าสิงคโปร์ตลาดล่วงหน้า เซี่ยงไฮ้ตลาดล่วงหน้าโตเกียว และตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้ ปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จํากัด มหาชน (TFEX) มีรูปแบบ การซื้อขายล่วงหน้าระยะ 6 เดือน ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นลักษณะการซื้อขายสัญญามากกว่าการส่ง มอบจริง ลูกค้าของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ผู้ประกันความเสี่ยง (Hedger) และนักเก็งกําไร (Speculator) ซึ่งเป็นผู้เข้ามาซื้อขายตั๋วสัญญาเพื่อต้องการกําไร จากส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขายเท่านั้น ส่วนลูกค้าที่เป็นผู้ประกันความเส่ียง จะเข้ามาดําเนิน กิจกรรมในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า 2 ลักษณะคือ การซื้อล่วงหน้า โดยลูกค้ากลุ่มนี้มี ความต้องการยางจริงในอนาคต แต่ต้องการลดต้นทุนในการเก็บรักษา และการขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา 4. ปัจจัยที่มีผลต่อราคายางและการพยากรณ์ราคายาง ในปี 2558 ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตยางพาราธรรมชาติ 4.473 ล้านตัน มีการใช้ ในประเทศ 0.600 ล้านตัน และเป็นการส่งออกในรูปวัตถุดิบ 3.749 ล้านตัน จึงทําให้ราคายางขึ้นอยู่ กับกลไกตลาดโลกถึงแม้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางอันดับ 1 ของโลกก็ตาม โดยราคายางจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในการขายยางของผู้ส่งออกยางซึ่งจะมีลักษณะการทําสัญญาเป็น 3 ประเภทคือ การทําสัญญาแบบ Spot เป็นการซื้อขายที่ผู้ส่งออกมีปริมาณยางอยู่แล้วเมื่อตกลง ราคาซื้อขายจะสามารถส่งมอบยางได้ทันทีการทําสัญญาแบบ Short Term เป็นการซื้อขายยางล่วงหน้า โดยส่วนมากจะเป็นระยะ 1 ถึง 3 เดือน และการทําสัญญาแบบ Long Term เป็นการทําสัญญา


ล่วงห วันส่ง ตามสั ตลาด แห่งป ยางแ ดอลล ยางพ ดอลล รองล ตลาด แห่งนี ท้องถิ หน้าระยะยาว งมอบโดยส่วน การกํ สัญญาต้นทุน ดล่วงหน้าสิงค ประเทศไทยยั สําหรับ แผ่นรมควันชั้ ลาร์สหรัฐ) มี พาราในตลาด ลาร์สหรัฐ ดัง ลงมาคือ ราค ดล่วงหน้าสิงค น้ีมีอัตราส่วน ถิ่น โดยในการ วเป็นปีโดยจ นมากจะใช้รา าหนดราคา นในการดําเนิ คโปร์ตลาดล่ ยังไม่มีผลต่อร รูปภาพ ับปัจจัยที่ใช้ใ ชั้น 3 ชนิดไม มีผลต่อการเป ดโลกนั้น ส่วน งนั้น การเปลี คายางจากต คโปร์ซึ่งเป็น นของการส่งม รซื้อขายยางผ รายงา จะเป็นการกํ าคาเฉลี่ยราย รับซื้อของผู้ นินการแล้ว ผู้ ล่วงหน้าเซี่ยง ราคายางมาก : กราฟเปรี ในการคาดก ม่อัดก้อน พบ ปลี่ยนแปลงร นใหญ่จะซื้อข ล่ียนแปลงขอ ลาดล่วงหน้า นตลาดล่วงหน มอบจริงมากก ผ่านตลาดนี้ส านการพิจาร คณะกรรม - 155 - ําหนดปริมา ยเดือนของตล ผู้ส่งออกแต่ล ผู้ส่งออกยังใช้ ไฮ้ตลาดล่วง กนักเนื่องจาก ยบเทียบราค การณ์ราคายา บว่า การเปลี ราคายางแผ่น ขายและชําร งอัตราแลกเป า ซึ่งตลาดล่ น้าที่เก่าแก่ที่ส กว่าตลาดล่ว ส่วนใหญ่จะทํา รณาศึกษา ภ มาธิการการเกษ ณการส่งมอบ ลาดล่วงหน้าสิ ละวัน นอกจ ช้แนวโน้มราค งหน้าโตเกียว กมีปริมาณกา คายางแผ่นรม างรายวันนั้น ล่ียนแปลงอัต นรมควันชั้น ระเงินกันด้วย ปลี่ยนย่อมส่ง วงหน้าที่มีผ สุดเนื่องจากก งหน้าอื่นและ าการซื้อขายย ภาพรวมขอ ษตรและสหกรณ บในแต่ละช่ว สงคโปร ิ ์ จากกําหนด คายางในตลา ว ส่วนตลาดส ารทําสัญญาน้ มควันชั้น 3 น จากงานวิจั ตราของอัตร 3 มากที่สุด ยเงินสกุลหลัก งผลกระทบต ลต่อราคายา การซื้อขายย ะในการซื้อขา ยาง RSS3 แ งยางพาราท ณ์ สภานิติบัญญั วง และตกลง จากการส่งม าดซื้อขายล่ว สินค้าเกษตร นอย้ จัยการพยาก ราแลกเปลี่ยน เนื่องจากกา ักของโลก โด ต่อราคายางพ างมากที่สุด ยางผ่านตลาด ายไม่ต้องผ่าน ละ TSR 20 ร ทั้งระบบ ญัติแห่งชาติ งราคา ณ มอบยาง วงหน้าทั้ง รล่วงหน้า รณ์ราคา น (บาท/ ารซื้อขาย ดยเฉพาะ พาราด้วย คือราคา ดล่วงหน้า นเงินสกุล รองลงมา


คือ ร หนึ่งข ยางใ เช่นกั ในกา ที่มีผล ไปกับ ได้มา ดัชนีด และส 6.7 ซึ ขยาย ไตรม ส่งผล ซึ่งปริ 3,159 ราคายางตลา ของโลก และ นตลาดล่วงห กัน สําหรับกา ารซื้อขายยาง ลต่อราคายา บราคายาง ถ้ าจากน้ํามันมี ดาวน์โจนส์ซึ ในปัจ สหรัฐฯ ที่ยังค ซึ่งเป็นอัตรา ยตัวร้อย 1.4 มาส 1/2559 ลให้การใช้ยา รมาณผลผลิติ 9,000 ตัน จา รูปภาพ : ก าดล่วงหน้าเซี ะเป็นประเทศ หน้าเซี่ยงไฮ้ ารเปลี่ยนแป ผ่านตลาดแห าง ได้แก่ราค ถ้าราคาน้ํามัน การปรับตัวสู ซึ่งถือได้ว่าเป็ จุบัน จากปัญ คงชะลอตัวล าการขยายตั 4 ลดลงจากไต ของสหรัฐฯ งของโลกลด ตส่วนเกินนี้ทาํ ากปัจจัยกดดนั กราฟเปรียบ รายงา ซี่ยงไฮ้เนื่อง ศที่ไทยส่งออ จึงมีผลต่อก ปลงของราคา ห่งนี้ส่วนใหญ คาน้ํามันดิบ นมีการปรับต สูงขึ้นด้วย จึง นสัญญาณบ่ง ญหาทางด้าน ลงอย่างต่อเนื่ ัวต่ําสุด ตั้งแ ตรมาสที่ผ่าน ฯ จะขยายตัว ดลง อีกทั้งปริ าให้สต็อกยา นดังกล่าวจึงส เทียบราคาย านการพิจาร คณะกรรม - 156 - จากประเทศ อกยางพาราไ การเปลี่ยนแป ตลาดล่วงหน ญ่ไม่ได้ส่งมอบ เนื่องจากน้ํา ตัวสูงขึ้น กร งส่งผลบวกต่ งบอกถึงควา นการชะลอตั นื่อง โดย GD แต่ไตมาส 2/ นมาซึ่งขยายต วเพียงร้อยละ ริมาณยางโลก งโลกปรับตวั ส่งผลให้ราคาย ยางโลก ปริม รณาศึกษา ภ มาธิการการเกษ ศจีน เป็นประ ไปมากที่สุด ด ปลงของราค น้าโตเกียวมีผ บจริงเป็นลัก มันเป็นปัจจั ะทบต้นทุนย อราคายางธ มมั่นใจของนั ตัวของเศรษฐ P ไตรมาส /2558 และ ตัวร้อยละ 2 ะ 0.7 จากกา กที่เพิ่มสูงขึ้น วสูงขึ้น โดยใน ยางปรับตัวลด าณการใช้ก ภาพรวมขอ ษตรและสหกรณ ะเทศที่บริโภ ดังนั้น การเป คายางแผ่นรม ผลต่อราคาย ษณะเก็งกําไ ยที่สําคัญมา ยางสังเคราะ รรมชาติที่เป็ นกลงทัุนต่อภ ฐกิจโลก โดย 1/2559 ขอ GDP สหรัฐ .0 อีกทั้งมีกา ารชะลอตัวเ ก่อให้เกิดปริ นปี 2558 สต็ ดลง การผลิต และ งยางพาราท ณ์ สภานิติบัญญั ภคยางมากเป็ ปลี่ยนแปลงข มควันในประ างน้อยที่สุดเ ไร สําหรับปัจ กที่มักจะขึ้น ะห์ซึ่งเป็นผลิ ปนสินค้าทดแ ภาวะเศรษฐกิ ยเฉพาะเศรษ องจีนขยายตัว ฐฯ ไตรมาส ารคาดการณ ศรษฐกิจโลก ริมาณผลผลิต ต็อกยางโลกอ ะสต็อกยางโล ทั้งระบบ ญัติแห่งชาติ ป็นอันดับ ของราคา ะเทศไทย เนื่องจาก จจัยอื่น ๆ นลงควบคู่ ตภัณฑ์ที่ แทน และ จโลก ษฐกิจจีน ว ร้อยละ 4/2558 ณ์ว่า GDP กดังกล่าว ตส่วนเกิน อยู่ที่ระดับ ลก


สม่ําเ ติดต ของป และเ ต่อรา ราคา ข้อมูล ยางดั นําคํา prod เนื่อง ยางแ หรือย ยางใน การติด สมอเพื่อใช้เป็ ามอย่างส ประเทศผู้ใช้ย เป็นดัชนีชี้นํา าคายางมากที ายางรายวัน ลเพิ่มเติมได้ที รปู ดังนั้น ดังเช่นในช่วง าถามพื้นฐาน duce?) จะผลิ งจากการจําห แผ่นดิบ หรือ ยางเครฟ จึง นพื้นที่โดยเลื ดตามสถานก ป็นเครื่องมือใ ม่ําเสมอคือ ยาง เนื่องจาก GDP ปริมา ท่ีสุด สําหรับ รายสัปดาห์ ท่ศีูนย์วิเคราะ ปภาพ : กราฟ ในช่วงที่การ 2 – 3 ปีที่ นทางเศรษฐ ลิตอย่างไร (H หน่ายสินค้า อการรวมกลุ่ม ควรเลือกกา ลอกผลื ิตหรือ รายงา การณ์ราคายา ในการวิเครา อ ดัชนีผู้จัด กดัชนี PMI ณผลผลิตยา บข้อมูลข่าวสา รวมถึงบทวิเ ะห์เศรษฐกิจย ฟเปรียบเทีย รเพิ่มขึ้นของ ผ่านมา เกษต ฐกิจมาปรับใ How to pro ายางของเกษ มเป็นสถาบัน ารผลิตหรือเลื อจําหน่ายผล านการพิจาร คณะกรรม - 157 - างจึงมีปัจจัย ะห์ทิศทางรา ดการฝ่ายจั เป็นตัวชี้วัด ง ปริมาณส ารด้านราคา เคราะห์สถาน ยางพารา (ww บราคายางโล ปริมาณการใ ตรกรจึงต้องม ใช้ในการทํา oduce?) แล ษตรกรมีควา นเกษตรกรเ ลือกจําหน่าย ผลิตที่เสียตน้ รณาศึกษา ภ มาธิการการเกษ หลายตัวที่จะ าคายาง โดยใ จัดซื้อ (Pur แนวโน้มการ ต็อกยาง โดย ยาง การวิเค นการณ์และส ww.rubbert ลก กับดัชนี ใช้ยางน้อยก มีการปรับตัว อาชีพยางพ ะจะผลิตเพื่อ ามหลากหลา พื่อผลิตเป็น ยในรูปแบบใด นทุนการผลิต ภาพรวมขอ ษตรและสหกรณ ะต้องติดตาม ในระยะสั้น ( rchasing Ma รเติบโตของเศ ยปริมาณผลผ ราะห์สถานก สถิติราคายา thaiforward PMI ญี่ปุ่นแ ว่าการเพิ่มข้ึ วให้ทันต่อสภ าราคือ จะผ อใคร (To wh ายทั้งในรูปน ยางแผ่นรมค ดให้ตรงกับค ต้นทุนการด งยางพาราท ณ์ สภานิติบัญญั มความเคลื่อน (1 เดือน) ปัจ anagers Ind ศรษฐกิจของ ผลิตยางที่เพิ่ม การณ์การค งย้อนหลัง ส d.com) และจีน ้นของปริมาณ ภาวะปัจจุบัน ผลิตอะไร (W hom to pro น้ํายาง ยางก ควัน ยางแผ่ ความต้องการ ดําเนินการตา่ํ ทั้งระบบ ญัติแห่งชาติ นไหวโดย จจัยที่ควร dex:PMI) งประเทศ มขึ้นมีผล าดการณ์ สามารถดู ณผลผลิต โดยอาจ What to oduce?) ก้อนถ้วย นผึ่งแห้ง รของผู้ใช้ าที่สุด คือ


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 158 - เมื่อคํานวณต้นทุนการผลิต ต้นทุนการดําเนินการเมื่อนําไปเปรียบเทียบกับราคาที่จะขายได้แล้ว ต้องสามารถประมาณกําไรในการผลิตเบื้องต้นได้และเมื่อทําการผลิตแล้วจะขายผลผลิตให้แก่ใคร ขายที่ไหน ขายในราคาเท่าไร ที่มีค่าธรรมเนียมการตลาดน้อยที่สุด และทําให้มีส่วนเหลื่อมการตลาด หรือส่วนต่างของราคาที่เกษตรกรได้รับกับราคารับซื้อของโรงงานแปรรูปยางน้อยที่สุด


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 159 - ภาคผนวก ข. มาตรฐานFSC/ PEFCและการจัดการสวนยาง อย่างยั่งย ื ง การพัฒนาเปลี่ยนแปลงแข่งขันด้านการตลาดของสินค้าผลิตผลจากสวนยางและ ผลิตภัณฑ์น้ํายางและไม้ยางพารา มีการแข่งขันแย่งชิงตลาดกันสูงมากโดยเฉพาะกลุ่มประเทศใน สหภาพยุโรป (EU-European Union) แต่ละประเทศมักจะนําข้ออ้างกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่มิใช่กฎหมาย มากีดกันทางการค้า เป็นอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี (Non–Tariff Barriers : NTB) ดังนั้น การพัฒนาสวนยางเข้าระบบมาตรฐานระดับโลกเพื่อให้แข่งขันในรูปแบบมาตรฐานที่เป็นที่ ยอมรับกันแพร่หลายทั่วโลกและนิยมกันมาก ได้แก่ Forest Stewardship Council (FSC) และ Program for the Endorsement of Forest Certification (PEFC) ทั้ง 2 องค์กรเป็นองค์กรเอกชน ในระดับนานาชาติที่ไม่หวังผลกําไรต้องการจัดระเบียบการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การนําผลผลิต ออกมาจากป่าต้องผ่านระบบการตรวจสอบย้อนกลับที่ถูกต้อง ไม่มีผลกระทบต่อสังคมดั้งเดิมในพื้นที่ อนุรักษ์สภาพสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ไม่ทําลายปัจจัยต่างๆ ที่มีผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสิ่งแวดล้อม ของป่าและท้องถิ่น มีเป้าหมายใช้กลไกการตลาดเป็นเครื่องมือควบคุมจัดการ ตามหลักการให้ การรับรอง ประเมินตรวจสอบและการอนุมัติให้ติดตราสัญลักษณ์บนผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์สินค้าได้ เพื่อการแข่งขันชิงการได้เปรียบในตลาด 1. Forest Stewardship Council (FSC) เป็นองค์กรที่ไม่หวังผลกําไร ภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มต่าง ๆ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จากทั่วโลก อาทิกลุ่มอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ผู้ค้าไม้ผู้ผลิตสินค้าจากไม้และองค์กรผู้ให้ การรับรองไม้หรือผลิตภัณฑ์จากไม้เพื่อจัดทําระบบการให้การรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ให้มีหลักประกันว่าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ได้รับการประทับเครื่องหมาย FSC เป็นไม้หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ไม้จากป่าธรรมชาติหรือป่าปลูกที่มีการจัดการป่าอย่างถูกต้อง เป็นการจัดการที่ยอมรับในระดับ นานาชาติคือ มีการปลูกป่าไม้แบบยั่งยืน การรับรองทางป่าไม้ (Forest Certification) เป็นวิธีการใหม่ของป่าไม้ทั่วโลก โดยการใช้ การตลาดเป็นข้อกําหนดในการจูงใจให้ปรับปรุงวิธีการจัดการป่าไม้ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย และมีการรับรองที่เห็นผลอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการชักจูงให้กระทําตามโดยมิใช่บังคับโดยกฎหมาย หรือกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างที่เคยปฏิบัติมาในอดีต และหลักการสําคัญวิธีการนี้สามารถช่วยให้ ผู้เกี่ยวข้องกับป่าไม้ (Stakeholder) หันหน้าเข้าหากันและเดินไปตามหลักการของการพัฒนาแบบยั่งยืน


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 160 - การรับรองป่าไม้ (FC) ได้มีการพัฒนาต่อจากการประชุม United Nation Conference on Environment & Development (UNCED) ที่เมือง Rio De Janeiro ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 3 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2535 ซึ่งมีข้อสรุปร่วมกันที่จะให้ความสนใจ 3 ประการหลักคือ 1.1 ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biological Diversity) 1.2 การเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศ (Climate Change) 1.3 การต่อสู้กับการขยายตัวของทะเลทราย (Combat Desertification) ทั้งนี้มีการกําหนดหลักการป่าไม้ขึ้น (Forest Principles) สําหรับเป็นหลักในการนําไป ปฏิบัติทั่วโลก และจากการประชุมการป่าไม้ของทวีปยุโรปที่กรุงเฮลซิงกิประเทศฟินแลนด์ปี 2536 ได้ดําเนินการอย่างมีมาตรฐาน และในการนําสินค้าออกจากป่าก็ต้องดําเนินการในลักษณะการจัดการ ป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมทั้งมีแนวคิดเรื่องการติดฉลากรับรองสินค้าจากไม้ที่ถูกต้องและในเดือนตุลาคม 2536 ได้มีการประชุมร่วมกันจาก 25 ประเทศ ร่วมก่อตั้งองค์กรขึ้นที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนนาดา ได้มีการลงมติให้ FSC เป็นองค์กร มีสมาชิกและเลือกกรรมการบริหารขึ้นมา มีสํานักงานใหญ่อยู่ที่ เมือง Oaxaca ประเทศเม็กซิโก ต่อมาในปี 2543 ประเทศสมาชิกของ International Tropical Timber Organization (ITTO) ได้มีการตกลงกันว่าให้ประเทศสมาชิกเสนอรายละเอียดการดําเนินการ ตามหลักการจัดการป่าไม้แบบยั่งยืนเพื่อจะได้ใช้ในการปฏิบัติการต่อไป การจัดการพื้นที่สวนยางแบบยั่งยืน ได้ปรับหลักการจัดการป่าไม้แบบยั่งยืนมาเป็น แนวทางที่จะนํามาใช้ในการบริหารงานสวนยางตั้งแต่ระดับเกษตรกรสวนยางขนาดเล็กผู้ประกอบการ สวนยางขนาดใหญ่และการบริหารภาพรวมในระดับประเทศ ซึ่งจําเป็นต้องพัฒนาให้เป็นไป ในทิศทางเดียวกันโดยยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในการใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรให้มีผลประโยชน์สูงสุดและคํานึงถึงสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะหากสามารถรวมกลุ่มเกษตรกรสวนยางขนาดเล็กและผู้ประกอบการสวนยางขนาดใหญ่ ให้ปฏิบัติตามหลักการ 10 ข้อ ตามหลักการของ FSC (Forest Stewardship Council) จะทําให้ง่าย ต่อการบริหารจัดการสวนยางตามมาตรฐานสากลเพื่อนําสวนยางเข้าระบบ FSC กล่าวคือ หลักการที่ 1 ความสอดคล้องระหว่างกฎหมายกับหลักการต่าง ๆ ของ FSC หลักการที่ 2 สิทธิในการถือครองการใช้ประโยชน์ที่ดิน ทรัพยากรสวนยางและความรับผิดชอบ หลักการที่ 3 ให้การยอมรับและเคารพสิทธิของชนพื้นเมือง


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 161 - หลักการที่ 4 ความสัมพันธ์ต่าง ๆ กับชุมชนและสิทธิต่าง ๆ ของคนงาน กระบวนการ จัดการสวนยางต้องส่งเสริมสถานภาพทางสังคม เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของคนงานสวนยางและ ชุมชนท้องถิ่นต่าง ๆ ด้วย หลักการที่ 5 ผลประโยชน์จากสวนยาง กระบวนการจัดการสวนยางสามารถช่วย สนับสนุนประสิทธิภาพของการใช้ผลประโยชน์ผลผลิตจากสวนยางและบริการเพื่อเป็นการประกัน ความอยู่รอดทางเศรษฐกิจและผลประโยชน์ทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างเต็มรูปแบบ หลักการที่ 6 ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนจะอนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพและคุณค่าการอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติ หลักการที่ 7 กําหนดหลักการจัดการเป็นลายลักษณ์อักษร ตามความเหมาะสมของ ขนาดพื้นที่และวิธีการบริหารจัดการสวนยาง หลักการที่ 8 การตรวจตรากํากับดูแลและการประเมินผล โดยต้องดําเนินการตามความ เหมาะสมของขนาดพื้นที่และวิธีการบริหารจัดการสวนยาง หลักการที่ 9 การฟื้นฟูสวนยางตามหลักการป่าไม้ที่มีคุณค่าต่อการอนุรักษ์สูง (High Conservation Value Forests) กิจกรรมในการจัดการต่าง ๆ จะต้องทํานุบํารุงหรือส่งเสริม ลักษณะของพื้นที่สวนยางนั้นอย่างชัดเจน หลักการที่ 10 มีการวางแผนจัดการพื้นที่สวนยางให้สอดคล้องกับหลักการที่ 1- 9 ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น (Forest Stewardship Council, 2008) ทั้งนี้การจัดการสวนยางภายใต้หลักการจัดการป่าไม้ของ FSC เป็นแนวทางและหลักสําคัญ ที่จะนําพาให้อุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบอยู่รอดได้ในปี 2560 สหภาพยุโรป (EU-European Union) ประกาศออกมาแล้วว่าอีก 3 ปีข้างหน้าจะไม่รับซื้อไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพารา เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา ไม้ยางพาราแปรรูป น้ํายางข้น ยางแท่ง ยางแผ่น ฯลฯ ที่ไม่ได้ผ่านการทําป่าไม้ อย่างยั่งยืน ตามมาตรฐานของ FSC จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ประเทศไทย ต้องเร่งปรับระบบยางพารา ทั้งหมดเข้าสู่มาตรฐานสากลที่ทุกประเทศยอมรับ การนําสวนยางพาราเข้าสู่การรับรอง FSC ถ้าเกษตรกรให้ความเอาใจใส่ศึกษาปฏิบัติตาม คําแนะนําอย่างเคร่งครัดก็จะผ่านการรับรอง มีตัวอย่าง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 30 สิงหาคม 2560 ได้รายงานบทสัมภาษณ์นายก้องภพ ศรีสุวรรณ วัย 43 ปีเจ้าของสวนยางพารา อําเภอกระบุรีจังหวัดระนอง บอกถึงการทําแปลง FSC ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน เนื่องจากมุมมองและนิสัย คนไทยไม่เหมือนชาติตะวันตก เพราะมาตรฐานที่ออกมาจะเน้นให้ความสําคัญในเรื่องสวัสดิการและ


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 162 - ความปลอดภัยของคนงานเป็นหลัก ในขณะที่คนไทยไม่ค่อยสนใจกับปัญหาดังกล่าวเท่าที่ควร อันนําไปสู่คําถามที่ว่าการทํามาตรฐานดังกล่าวชาวบ้านธรรมดาจะทําได้ไหม? ยากแค่ไหน? นายก้องภพ ศรีสุวรรณ เจ้าของสวนยางพารา อําเภอกระบุรีจังหวัดระนอง ได้ให้ข้อมูลว่า “ผมได้เริ่มทํามาตั้งแต่ปี 2559 แต่ช่วงแรกไม่ได้ลงมือทําเองอย่างจริงจัง เพราะไม่ได้อ่านเอกสาร ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทํามา 6 เดือน มีเจ้าหน้าที่ FSC มาตรวจแปลงไม่ผ่านมาตรฐานตามที่เขา กําหนดเลยต้องมาปรับปรุงแก้ไขใหม่และเมื่อไปศึกษาดูในวิธีการทําตามระเบียบแล้วไม่ได้ยาก” “ข้อกําหนดหลัก ๆ จะมีแค่คนงานต้องได้รับเงินค่าจ้างในอัตราค่าแรงงานขั้นต่ํา มีสวัสดิการรักษาพยาบาล ห้ามใช้แรงงานอายุต่ํากว่า 18 ปีขณะกรีดยางต้องมีรองเท้าบูทให้สวมเพื่อ ป้องกันสัตว์ร้าย มีหมวกมุ้งคลุมป้องกันยุงในเวลากลางคืน มียาทาป้องกันแมลง มียาสามัญประจํา บ้านเตรียมพร้อมให้คนงาน ในที่พักต้องสะอาด มีถังน้ําให้ดื่มอย่างน้อย 2 ลิตร ต่อคน ต่อวัน ส่วนการปรับปรุงแปลงปลูกยางพารา ก้องภพบอกว่า ไม่ค่อยยุ่งยากอะไรมากมาย แค่ต้องมีแนวกันไฟ ที่ปกติทุกแปลงทํากันไว้อยู่แล้ว ที่มีเพิ่มเติมแค่การกําจัดวัชพืช ห้ามใช้สารเคมี หรือยาฆ่าหญ้า ต้องใช้วิธีตัด และถางให้โลงเตียน ประการสําคัญห้ามทิ้งขวดแก้ว ขวดพลาสติก ลวดผูกรองถ้วยน้ํายาง เมื่อผุพังต้องนําออกจากแปลงให้หมด “หลังจากได้ลงมือทําเองตามเอกสารแนะนํา ผลเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ FSC มาตรวจอีกครั้ง ปรากฏว่าได้รับรองให้แปลงเข้าสู่ระบบ FSC ได้สวนยางที่รับการพัฒนาใหม่ เกิดความปลอดภัยกับตัวคนงานและเกษตรกรเองด้วย การเกิด FSC ครั้งแรกของประเทศไทยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในช่วงสมัยเป็นสํานักงานกองทุน สงเคราะห์การทําสวนยางประมาณปี 2545 ได้ร่วมกับบริษัทเมโทร เอ็ม.ดี.เอฟ จํากัด นําสวน ยางพาราที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยทางบริษัทบริหารจัดการให้สวนยางเข้าระบบ ผลผลิตไม้ ยางพาราที่ป้อนโรงงานอุตสาหกรรม ได้นําสวนยางพาราเข้าระบบมาตรฐาน FSC ได้สําเร็จเป็นครั้ง แรก ปัจจุบันทางการยางแห่งประเทศไทยได้ดําเนินการจัดการสวนยางเข้าระบบ FSC โครงการเด่น คือ ตราดโมเดล นําสวนยางเกษตรกรประมาณ 60,000ไร่เข้า FSC และมีเป้าหมายที่จะขยายให้ได้ พื้นที่ 200,000 ไร่


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 163 - กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่รับผิดชอบสวนยางพาราในพื้นที่ป่า โดยองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้นําสวนยางพาราในพื้นที่ป่า ประมาณ 200,000 ไร่ เข้าระบบ FSC แล้ว เมื่อแบ่งภารกิจสวนยางที่อยู่ในพื้นที่ป่าให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กรมป่าไม้และกรมเกี่ยวข้องที่ได้กําหนดให้รับผิดชอบตาม พันธะของกฎหมายที่ได้กําหนดให้รับผิดชอบพื้นที่ป่าที่สวนยางพาราตั้งอยู่จะทําให้สามารถควบคุม ผลผลิตน้ํายางและไม้ยางของสวนยางในพื้นที่ป่า ตามหลักการของFSC และ/หรือPEFC ได้โดยแยก ออกมาไม่ไปปนกับผลผลิตในระบบของสวนยางในพื้นที่นอกเขตป่าในการควบคุมของการยางแห่ง ประเทศไทยเพื่อให้สะดวกต่อการจัดการสวนยางทั้งระบบไปเป็น FSC 2. Program for the Endorsement of Forest Certification (PEFC) PEFC เป็นองค์กรไม่หวังผลกําไร มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน โดยใช้กลไกการตลาดเป็นเครื่องมือ มีการติดตามตรวจสอบ ให้การรับรอง ติดตราสัญลักษณ์บน สินค้าเช่นเดียวกับ FSC มีกลไกกําหนดมาตรฐาน และการรับรองป่าไม้การตรวจสอบย้อนกลับถึง แหล่งที่มา Chain of Custody (CoC) มีหลักการแตกต่างจาก FSC คือ PEFC เป็นองค์กรแม่ข่ายที่ ให้การประเมิน และให้การยอมรับ ระบบการรับรองป่าไม้ระดับประเทศ โดยอาศัยหลักการแนวทาง ปฏิบัติและเกณฑ์การประเมินที่พัฒนาขึ้นโดย ITTO องค์กรระหว่างประเทศที่ประเทศต่าง ๆ ให้การยอมรับ ขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นและมติจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่โดยกําหนดเป็น หลักเกณฑ์พื้นฐานของ PEFC โดยมีเกณฑ์มาตรฐาน กฎหมายและข้อกําหนดของแต่ละประเทศเกณฑ์ที่กําหนดของ PEFC ในการให้การรับรอง ป่าไม้อย่างยั่งยืน ต้องไม่ขัดแย้งหรือละเมิดกฎหมายหรือนโยบายของประเทศนั้น ๆ 2.1 International Labor Organization (ILO) Convention 2.1.1 การบังคับใช้แรงงาน (Forced Labor) 2.1.2 Freedom of Associations and Protection of the Right to Organize 2.1.3 สิทธิในการรวมตัวและต่อรอง 2.1.4 การจ่ายค่าตอบแทนอย่างเท่าเทียม 2.1.5 การเลิกการบังคับใช้แรงงาน 2.1.6 การกีดกัน (Discrimination) 2.1.7 อายุขั้นต่ํา


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 164 - 2.1.8 Worst forms of child labor 2.2 ปฏิณญาสากลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องข้อตกลงระดับชาติที่ประเทศได้ลงนามไว้เช่น Kyoto protocol, Convention on Biological Diversity, CITES และ Biosafety Protocol ฯลฯ 2.3 เกณฑ์อื่น ๆ 3.1 สิทธิในการถือครองทรัพย์สิน และสิทธิในการใช้ประโยชน์จากที่ดิน 3.2 มีการเผยแพร่แผนการจัดการป่าไม้ที่มีรายละเอียดของมาตรการจัดการป่าไม้ที่จะใช้ สู่สาธารณะ มาตรฐานการรับรองภายใต้ PEFC แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มการรับรองการจัดการป่าไม้ และการรับรอง Chain- of- Custody (CoC) โดยการรับรองการจัดการป่าไม้สามารถทําได้หลาย รูปแบบตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ส่วนการรับรอง Chain-of-Custody (CoC) อาจพิจารณา ประเด็นความเข้ากันได้ของข้อกําหนดแต่ละประเทศ นอกจากนั้น PEFC ยังเป็นระบบการรับรองป่าไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมาตรฐานที่ น่าเชื่อถือในการเปลี่ยนการจัดการป่าไม้ทั้งในระดับโลกและในประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นใจถึง ดุลยภาพระหว่างประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจที่มีในป่าไม้ 3. นโยบายการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ปี 2562 3.1 ความเป็นมา กระแสของการอนุรักษ์และความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการสินค้า ที่ไม่ได้มาจากการทําลายป่าธรรมชาติส่งผลให้เกิดการก่อตั้งองค์กรเอกชนโดยกลุ่มต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น กลุ่มนักอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ผู้ค้าไม้ผู้ผลิตสินค้าจากไม้และกลุ่มชนพื้นเมือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ให้การรับรองมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการ รับประกันว่าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล เช่น FSC หรือ PEFC ซึ่งเป็น มาตรฐานที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลกว่าผลผลิตและผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาจากป่าธรรมชาติ แต่ได้มาจากการปลูกที่มีการจัดการป่าไม้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและให้ความสําคัญ กับความยั่งยืนของระบบ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยสรุปผลผลิตจากสวนยางที่ยังไม่ได้ รับการรับรองมาตรฐานสากลอาจจะขายไม่ได้ราคาหรือไม่มีผู้ซื้อ ตลาดก็จะแคบลง ระบบ ตรวจสอบจะเป็นตรวจสอบย้อนกลับ หลักฐานที่เป็นเครื่องมือยืนยันทางการค้า ปัจจุบัน คือ ใบรับรอง FSC หรือ PEFC ตามเงื่อนไขของประเทศผู้ซื้อ


รายงานการพิจารณาศึกษา ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ - 165 - สําหรับประเทศไทยมีมาตรฐานที่เกี่ยวกับการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นมาตรฐานแห่งชาติคือ มอก. 14061 สําหรับการตรวจรับรองการจัดการสวนป่าหรือป่าปลูก อย่างยั่งยืน (Forest Management: FM) และ มอก. 2861 ซึ่งเป็นมาตรฐานการตรวจรับรองการ ควบคุมการนําเคลื่อนที่ไม้ของป่าและผลิตภัณฑ์ (Chain of Custody: COC) หน่วยงานดําเนินการ หรือรับผิดชอบมาตรฐานคือสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม การยางแห่งประเทศไทย ในฐานะที่รับผิดชอบสวนยางของประเทศ สามารถปรับ กฎเกณฑ์การทําสวนยางของชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. (มีเอกสารสิทธิ) ที่ขอรับการปลูก แทนให้สอดคล้องกับมาตรฐาน มอก. 14061 ก็จะได้รับการประกาศและรับรองสวนยาง ถือว่าเป็น มาตรฐานของประเทศไทย ส่วนการต่อยอดให้ได้ใบรับรองระดับสากล FSC หรือ PEFC สามารถนํา สวนยางที่ปฏิบัติตามมาตรฐานของประเทศไทยไปขอการรับรองกับมาตรฐานสากล มีหลักปฏิบัติดังนี้ (1) กําหนดพื้นฐานการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานของประเทศไทย ร่วมกับสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ .) ได้กําหนดและประกาศใช้ มาตรฐานการจัดการสวนป่าไม้เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน มอก. 14061 เป็นมาตรฐานระดับชาติ) เพื่อเป็น แนวทางข้อปฏิบัติสําหรับผู้ประกอบการในการจัดการด้านป่าไม้เศรษฐกิจที่ต้องการยื่นขอการรับรอง มาตรฐาน และเพื่อให้หน่วยรับรอง (CB) ใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาให้การรับรองเพื่อให้เกษตรกร ชาวสวนยางเข้าสู่การจัดการสวนยางอย่างยั่งยืน จึงปรับปรุงหลักปฏิบัติการปลูกแทนการยางแห่ง ประเทศไทย โดยมีขั้นตอนการดําเนินงานร่วมกับ สมอ. ดังนี้


Click to View FlipBook Version