The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมบทความและคำบรรยายเกี่ยวอนุญาโตตุลาการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by taicoj2559, 2022-02-08 22:07:34

รวมบทความและคำบรรยายเกี่ยวอนุญาโตตุลาการ

รวมบทความและคำบรรยายเกี่ยวอนุญาโตตุลาการ

Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตลุ าการ

คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 3427/2562
การทโ่ี จทกจ าํ เลยในฐานะคสู ญั ญาตกลงทจี่ ะระงบั ขอ พพิ าททเ่ี กดิ ขนึ้ โดยการ

เจรจาและกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เปนการแสดงอยูในตัววาไมประสงคที่จะ
ระงับขอพิพาทท่ีเกิดข้ึนหรือเกี่ยวของกับสัญญารับเหมาชวงฯ โดยทางศาล เมื่อขอ
เทจ็ จรงิ รบั ฟง ไดว า คําวา “may” ในสัญญาขอ 19.2.1 มีความหมายในทางกําหนด
ใหค สู ญั ญาตอ งดาํ เนนิ กระบวนการทางอนญุ าโตตลุ าการ โจทกจ งึ ไมม อี าํ นาจฟอ งคดนี ้ี
ตอ ศาลชน้ั ตน

คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ 3281/2562
การที่คูสัญญาตกลงกันใหนําขอพิพาทท่ีเกิดขึ้นจากสัญญา ซึ่งมีลักษณะ

เปนการใหบริการระหวางประเทศไปฟองยังศาลแหงเมืองเบรเมิน ประเทศสหพันธ
สาธารณรฐั เยอรมนี ซึง่ ถือเปนภูมลิ ําเนาของจําเลย สามารถทําไดตามหลกั กฎหมาย
ทัว่ ไประหวางประเทศ ไมตกเปน โมฆะ

การตีความสัญญาน้ันตองตีความไปตามความประสงคหรือเจตนาอันมีรวม
กนั ของคสู ญั ญาซง่ึ เปน เจตนาทคี่ าดหมายในทางสจุ รติ โดยพเิ คราะหถ งึ ปกตปิ ระเพณี
ซึ่งตองสอดคลองกับหลักปฏิบัติและกฎหมายไทยดวย พระราชบัญญัติ
อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 ไมมีบทบัญญัติใดที่ใหคูพิพาทหรือคูสัญญาตองนํา
ขอ พพิ าทไปฟอ งรอ งตอ ศาลจนมคี าํ สงั่ หรอื คาํ พพิ ากษาเสยี กอ น แลว จงึ อทุ ธรณค าํ สง่ั
หรือคําพิพากษานั้นตออนุญาโตตุลาการ แมการระงับขอพิพาทมีดวยกันหลายวิธี
การนาํ คดีขนึ้ สูศาลยอมเปน ทางเลอื กสดุ ทา ย ดงั น้ัน การแปลและตีความสญั ญาตาม
ที่จําเลยนําสืบมาจึงรับฟงไดวา คูสัญญาประสงคใหท้ังสองฝายตกลงหาทางระงับ
ขอ พพิ าทรวมกันกอนเปน อนั ดับแรก หากตกลงเจรจากันไมสาํ เรจ็ คูสญั ญาสามารถ
เสนอขอพิพาทตออนุญาโตตุลาการตามที่กําหนดไวในยอหนาที่สองได สวนศาลท่ีมี
เขตอาํ นาจในการพจิ ารณานน้ั เปน ไปตามทก่ี าํ หนดไวใ นยอ หนา แรก สญั ญาขอ ดงั กลา ว
จึงมีผลใชบงั คับได

200 รวมคําพพิ ากษาทีน่ าสนใจเกยี่ วกับอนุญาโตตุลาการ

สถาบันอนญุ าโตตุลาการ Thai Arbitration Institute

เมื่อสัญญามีขอตกลงใหตองดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการอันถือวาเปน
สญั ญาอนญุ าโตตลุ าการตาม พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 11
แลว แมตอมาสัญญาดังกลาวจะสิ้นสุดลง ก็มิใชกรณีมีเหตุท่ีทําใหสัญญา
อนุญาโตตุลาการนัน้ เปน โมฆะ ใชบ ังคบั ไมไดหรือมีเหตุท่ีทําใหไ มสามารถปฏิบัตติ าม
สญั ญานน้ั ได ตาม พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 14 วรรคหนง่ึ
โจทกแ ละจาํ เลยยงั มีหนาทป่ี ฏิบตั ิตามเงอ่ื นไขในขอ สัญญาอนุญาโตตุลาการดังกลา ว
เม่ือขอ พพิ าทเกดิ ขึน้

คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี 2611/2562
กรณีตามขอเทจ็ จรงิ เนอ่ื งจากคพู พิ าทยังสามารถอทุ ธรณค าํ ชี้ขาด แกไขขอ

ผิดพลาดขอผิดหลงเล็กนอย หรือตีความอธิบายขอความหรือสวนหนึ่งสวนใดใน
คาํ ชขี้ าดโดยคณะกรรมการอทุ ธรณไ ด และคณะกรรมการอทุ ธรณม คี าํ ชข้ี าดฉบบั วนั ที่
28 สงิ หาคม 2556 รวมถงึ คาํ ชขี้ าดฉบบั แกไ ขเพมิ่ เตมิ ลงวนั ที่ 10 ตลุ าคม 2556 ดงั นน้ั
คาํ ชี้ขาดวันที่ 24 กนั ยายน 2555 จงึ ยงั ไมม ผี ลผูกพันเปนยตุ อิ ันอาจมคี ํารองขอให
บงั คบั ตามไดด งั ทผ่ี คู ดั คา นอทุ ธรณ แตต อ งถอื เอาตามคาํ ชข้ี าดและคาํ ชข้ี าดฉบบั แกไ ข
เพม่ิ เตมิ สองฉบบั หลงั เมอื่ ผรู อ งยน่ื คาํ รอ งขอใหบ งั คบั ตามคาํ ชขี้ าดของคณะกรรมการ
อุทธรณดานเทคนิคแหงสมาคมฝายระหวางประเทศฉบับวันท่ี 28 สิงหาคม 2556
และคาํ ช้ขี าดฉบับแกไ ขเพมิ่ เตมิ วันท่ี 10 ตลุ าคม 2556 ตอศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญา
และการคาระหวางประเทศกลางในวันที่ 26 สิงหาคม 2559 จึงอยูภายใน
กาํ หนดเวลา 3 ป นับแตวันทอี่ าจบงั คับตามคําชี้ขาดดงั กลา วตาม พระราชบญั ญัติ
อนญุ าโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 42

สาํ หรบั อทุ ธรณข องผคู ดั คา นทาํ นองวา การตกลงใหใ ชก ฎหมายองั กฤษและ
อนญุ าโตตลุ าการของสมาคมฝา ยระหวา งประเทศเปน การหลกี เลยี่ งกฎหมายเกยี่ วกบั
ความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตามกฎหมายไทย ขอกําหนด
อนุญาโตตุลาการของสมาคมฝายระหวางประเทศไมเปนไปตามมาตรฐานกฎหมาย

รวมคําพิพากษาทีน่ า สนใจเกีย่ วกับอนญุ าโตตุลาการ 201

Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตุลาการ

อนุญาโตตุลาการและกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงแหงสากลเนื่องจาก
อนุญาโตตุลาการขาดความอิสระและเปนกลาง กระบวนการอนุญาโตตุลาการของ
สมาคมฝา ยระหวา งประเทศเปน กระบวนการทปี่ ราศจากการสบื พยานบคุ คล จงึ ไมม ี
การนําเรื่องความผิดปกติของราคาฝาย ท่ีเกิดจากการปนราคามาวินิจฉัย ท้ังเมื่อ
กระบวนการอนุญาโตตุลาการผิดพลาดโดยลงลายมือชื่อไมครบองคคณะ ก็หาทาง
กลบเกลื่อนแกไขส่ิงที่ไมชอบใหกลับเปนชอบ และการแตงตั้งอนุญาโตตุลาการช้ัน
อทุ ธรณแ ตง ตง้ั โดยประธานสมาคมฝา ยระหวา งประเทศโดยมไิ ดร บั ความยนิ ยอมหรอื
ความเห็นจากคูพิพาทนั้น เห็นวา เปนการอุทธรณเกี่ยวกับขอกําหนดกระบวนการ
อนุญาโตตุลาการของสมาคมฝายระหวางประเทศทํานองวาไมเปนสากลและไมเปน
กลางกบั โตแ ยง ในเนอื้ หาของสญั ญาและดลุ พนิ จิ ในการวนิ จิ ฉยั วา ผรู อ งหรอื ผคู ดั คา น
กระทําผิดสัญญาหรือไม ซ่ึงอยูในอํานาจวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ อันมิใชการ
โตแ ยง กรณใี ดกรณหี นงึ่ ดงั ทร่ี ะบไุ วใ น พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545
มาตรา 45 วรรคหนง่ึ (1) ถึง (5) จงึ ตอ งหามมใิ หอุทธรณ ศาลฎีกาแผนกคดีทรพั ยส นิ
ทางปญญาและการคา ระหวางประเทศไมรบั วนิ ิจฉยั

สวนที่ศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศกลางพิพากษา
ใหบังคบั ตามคาํ ช้ีขาดอนญุ าโตตุลาการของสมาคมฝา ยระหวางประเทศ น้ัน ปรากฏ
วาเงินดังกลาวเปนยอดรวมของเงินสวนตางระหวางราคาสินคาตามสัญญากับราคา
ตลาด และเงินดอกเบ้ียของเงินสวนตางดังกลาวตามสัญญาซื้อขายแตละฉบับ
อันเปนการพิพากษาโดยใหคิดดอกเบ้ียซอนดอกเบี้ยในระหวางผิดนัด เน่ืองจากมี
การนาํ สว นของดอกเบยี้ ระหวา งผดิ นดั มารวมเปน เงนิ ตน ในการคาํ นวณดอกเบย้ี ตอ งหา ม
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง ศาลจงึ มอี าํ นาจทาํ คาํ สง่ั ปฏเิ สธการขอบงั คบั ตาม
คําชีข้ าดในสวนนี้ได ตาม พระราชบญั ญัติอนุญาโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 มาตรา 44
ปญ หาดงั กลา วเปน ปญ หาอนั เกย่ี วดว ยความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน แมผ คู ดั คา น
ไมอุทธรณ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศก็มี
อาํ นาจยกขน้ึ วนิ จิ ฉยั และแกไ ขใหถ กู ตองได

202 รวมคาํ พิพากษาที่นา สนใจเกย่ี วกับอนญุ าโตตุลาการ

สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute

คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี 1527/2562
เมอ่ื ขอ ตกลงตามกรมธรรมป ระกนั ภยั 2 ฉบบั นเ้ี ปน สญั ญาอนญุ าโตตลุ าการ

ที่ผูรับประกันภัยค้ําจุนทํากับผูเอาประกันภัยใหสิทธิผูมีสิทธิเรียกรองซึ่งก็คือ ผูเอา
ประกนั ภยั หรอื บุคคลผตู อ งเสยี หายจากวนิ าศภัยมีสิทธใิ ชว ธิ อี นุญาโตตลุ าการระงับ
ขอพิพาทไดถาประสงคหรือเห็นควร กรณียอมแตกตางจากการที่คูสัญญา
อนญุ าโตตลุ าการตกลงกนั ไวใ นสญั ญาอนญุ าโตตลุ าการวา หากเกดิ ขอ พพิ าทระหวา ง
กนั ใหระงับขอ พิพาทนัน้ โดยวธิ อี นญุ าโตตุลาการ ซง่ึ หากมขี อ ตกลงนคี้ สู ัญญายอมไม
อาจใชสิทธิทางศาลได ฉะนั้น ตามขอตกลงในกรมธรรมผูรองจึงอาจเลือกใชวิธี
อนญุ าโตตลุ าการยน่ื คาํ เสนอขอ พพิ าทตามสญั ญาประกนั ภยั ระหวา งตนกบั ผคู ดั คา น
ที่ 1 ผรู บั ประกนั ภัยคุม ครองผปู ระสบภยั จากรถ และกับผคู ดั คานท่ี 2 ผรู บั ประกัน
ภัยค้ําจุนตออนุญาโตตุลาการของสํานักงานคณะกรรมการดังกลาวได แมตนจะยื่น
ฟองคดีแพงผูขับรถคันที่เอาประกันภัยไวกับผูคัดคานท้ังสองเรียกรองใหรับผิดทาง
ละเมิดแลวก็ตาม การใชสิทธิยื่นคําเสนอขอพิพาทตออนุญาโตตุลาการของผูรองจึง
ไมเปน การใชส ิทธิไมสจุ รติ

กรณีที่คูพิพาทมิไดกําหนดกฎหมายท่ีจะใชบังคับกับขอพิพาท ก็ตองใช
กฎหมายไทยบังคบั รวมถงึ ป.วิ.พ. ดวย ซ่งึ กอ นมีคาํ วินิจฉยั ชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
ก็ใหโอกาสผูรอ งย่ืนคาํ คัดคานคํารองขอช้ีขาดเบือ้ งตน นนั้ แลว จากนน้ั จึงสงั่ งดการชี้
สองสถานและปด การพจิ ารณา ไมน าํ สบื พยานหลกั ฐานและเสนอขอ อา งขอ ตอ สขู อง
ผรู อ งตอ ไป ซงึ่ กส็ งั่ เชน นไ้ี ดเ พราะเปน การวนิ จิ ฉยั ขอ กฎหมายไมต อ งอาศยั ขอ เทจ็ จรงิ
อ่ืนจากพยานหลักฐานใดของท้ังสองฝายมานําสืบอีก การพิจารณาดังกลาวของ
อนุญาโตตุลาการจึงเปนการดําเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ไดตามท่ีเห็นสมควรใน
อาํ นาจของตน เปน การพจิ ารณาขอ พพิ าทโดยชอบและปฏบิ ตั ติ อ ผรู อ งซง่ึ เปน คพู พิ าท
อกี ฝา ยอยา งเทา เทยี มเสมอภาคกนั กบั ฝา ยผคู ดั คา น และใหโ อกาสผรู อ งเสนอขอ อา ง
ขอตอสูของตนไดตามพฤติการณแหงขอพิพาทแลว ไมเปนการขัดตอความสงบ
เรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การยอมรับหรือการบังคับตามคําชี้ขาด
ดงั กลา วของอนญุ าโตตลุ าการไมเ ปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดี
ของประชาชน จงึ ไมมีสาเหตทุ จ่ี ะเพกิ ถอนคาํ ชีข้ าดของอนุญาโตตุลาการ

รวมคําพพิ ากษาท่ีนาสนใจเกย่ี วกบั อนุญาโตตลุ าการ 203

Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตุลาการ

คําพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 544-545/2562
เม่ือคณะอนุญาโตตุลาการพิจารณาพยานหลักฐานทั้งสองฝายแลวเห็นวา

ภายหลังจากที่ไดมีการปรับเปล่ียนเทคนิคของไม โดยไดดําเนินการจัดทําเปนไมสัก
สลบั ชนั้ คสู ญั ญาทง้ั สองฝา ยไดม กี ารตกลงกนั ในการตรวจรบั ไมโ ดยเชญิ ผบู รหิ ารและ
ผูแทนของผูค ดั คานที่ 1 ที่ 2 และผูแทนของผูจดั การโครงการมาตรวจสอบลายไมท่ี
เปนลายตรงและลายภูเขา ซ่ึงผูตรวจสอบไมดังกลาวไดยอมรับไมสักสลับช้ัน
อนั เปน การวนิ จิ ฉยั ขอ เทจ็ จรงิ จากพยานหลกั ฐานในสาํ นวนของคณะอนญุ าโตตลุ าการ
การทผี่ คู ดั คา นที่ 1 อา งวา คณะอนญุ าโตตลุ าการวนิ จิ ฉยั ไมต รงตามขอ ตกลงในสญั ญา
แมเปนการโตแยงปญ หาขอ กฎหมาย แตการจะวนิ จิ ฉยั ขอ กฎหมายดังกลา ว จําตอง
อาศัยการวินิจฉัยปญหาขอเท็จจริงเสียกอน ซ่ึง พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ
พ.ศ. 2545 มาตรา 43 ไมไ ดใ หผ ซู ง่ึ จะถกู บงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดพสิ จู นโ ตแ ยง ดลุ พนิ จิ การ
วินิจฉัยปญหาขอเท็จจริงของคณะอนุญาโตตุลาการ นอกจากน้ันชื่อของสัญญา
ดงั กลา วยงั ปรากฏชดั วา เปน สญั ญาจา งงานจดั หาและสง มอบพนื้ ไมส กั สลบั ชนั้ การท่ี
คณะอนญุ าโตตลุ าการวนิ จิ ฉยั วา คสู ญั ญาไมไ ดใ หค วามสาํ คญั วา จะตอ งเปน ไมส กั ชนิ้
เดียวมีความหนา 4 มิลลิเมตร หรือเปนไมสัก 2 ช้ิน มีผิวหนารวม 4 มิลลิเมตร
จึงสอดคลองกับเจตนารมณแทจริงของคูสัญญาแลว การบังคับตามคําช้ีขาดยอมไม
เปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามพระราช
บัญญตั ิอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 มาตรา 44 ทศ่ี าลช้นั ตนพพิ ากษาใหบังคับตาม
คําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตลุ าการนั้นชอบแลว อุทธรณข องผคู ดั คา นท่ี 1 ฟงไมข น้ึ

คําพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 842/2561
ผรู อ งทงั้ สามเขา รว มประชมุ และทราบถงึ การดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณาตา ง ๆ

ของคณะอนุญาโตตุลาการมาโดยตลอด การประชุมในวันที่ 27 มีนาคม 2558
ผรู อ งทง้ั สามแถลงรบั ขอ เทจ็ จรงิ และแถลงไมค ดั คา นทคี่ ณะอนญุ าโตตลุ าการมมี ตเิ ปน
เอกฉนั ทว า ขอ พพิ าทในคดนี มี้ ขี อ เทจ็ จรงิ ตา ง ๆ เพยี งพอทจ่ี ะวนิ จิ ฉยั ไดใ หง ดสบื พยาน

204 รวมคาํ พพิ ากษาท่นี า สนใจเก่ยี วกับอนุญาโตตุลาการ

สถาบนั อนญุ าโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute

นอกจากนี้ คพู พิ าทมไิ ดต กลงกนั กาํ หนดอาํ นาจคณะอนญุ าโตตลุ าการไวเ ปน อยา งอน่ื
คณะอนญุ าโตตลุ าการจงึ มอี าํ นาจดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณาใด ๆ ไดต ามทเ่ี หน็ สมควร
ตามท่ี พระราชบัญญัตอิ นญุ าโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 25 และ 30 ใหอ ํานาจไว
การวนิ จิ ฉยั ชขี้ าดขอ พพิ าทของคณะอนญุ าโตตลุ าการเปน ไปตามพยานหลกั ฐานและ
ขอ เทจ็ จรงิ ทค่ี พู พิ าทแถลงรบั ไมป รากฏวา การยอมรบั หรอื การบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดนน้ั
จะเปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนแตอ ยา งใด สว น
การที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคําสั่งชี้ขาดเก่ียวกับขอพิพาทเสร็จเด็ดขาดโดยใหยุติ
กระบวนพิจารณาตาม พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 38
วรรคสอง (3) กเ็ ปน อาํ นาจของคณะอนญุ าโตตลุ าการทเ่ี หน็ วา สามารถดาํ เนนิ กระบวน
พจิ ารณาตอ ไปจนมคี าํ ชข้ี าดเกยี่ วกบั ขอ พพิ าทได ดงั นนั้ การดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณา
ตาง ๆ ของคณะอนุญาโตตุลาการจนกระท่ังมีคําช้ีขาดเกี่ยวกับขอพิพาทจึงเปนไป
ตามขอบเขตของกฎหมาย คํารองของผูรองท้ังสามไมตองดวย พระราชบัญญัติ
อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม (1) (ค) และ (2) (ก) (ข) ทศ่ี าลจะ
เพกิ ถอนคาํ ชข้ี าดได

คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 3542/2561
เมอื่ ขอ เทจ็ จรงิ ปรากฏวา ส. ประธานคณะอนญุ าโตตลุ าการเคยเปน ทนายความ

ของ ฟ. ซ่ึงประกอบธุรกิจประกันภัย และรับประกันภัยความเสียหายทรัพยสินใน
เหตกุ ารณเ ดียวกนั กบั คดีนี้ โดย ส. เปน ทนายความจําเลยในคดดี งั กลา ว ใหก ารตอสู
คดีในทํานองวาเหตุการณท่ีเกิดข้ึนเปนการกอความไมสงบของประชาชนท่ีลุกฮือ
ตอตานรัฐบาลและเปนการกอการราย เขาขอยกเวนความคุมครองตามกรมธรรม
ซึง่ มีผลใหบ รษิ ทั ประกันภัยไมต อ งรับผิดชอบตอเหตกุ ารณท ีเ่ กดิ ขนึ้ ตอมา ส. ไดม า
เปนประธานคณะอนุญาโตตุลาการในคดีนี้ ยอมมีแนวความคิดเห็นทํานองเดียวกับ
คดีท่ีตนเคยเปนทนายความในคดีดังกลาว ถือวาเปนเรื่องสําคัญตอความเปนกลาง
และเปน อสิ ระของอนญุ าโตตลุ าการหรอื ความสงสยั ตอ ความเปน กลางหรอื ความเปน
อิสระ ซึ่งอนุญาโตตุลาการมีหนาท่ีตองเปดเผยขอเท็จจริงต้ังแตเขาเปน

รวมคําพิพากษาทนี่ าสนใจเกยี่ วกบั อนุญาโตตลุ าการ 205

Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตุลาการ

อนุญาโตตุลาการ ตลอดจนตลอดเวลาท่ียังคงดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการดวย
การที่ ส. ไมเ ปด เผยถึงขอ เทจ็ จริงดงั กลา วยอ มทาํ ใหผ รู อ งทงั้ สบิ สไี่ มอาจทราบเพื่อท่ี
จะไดม ีโอกาสคัดคา นเสียตง้ั แตแรก นอกจากนี้การที่ ส. เปนทนายความจําเลยในคดี
ดงั กลา ว แมจ าํ เลยในคดดี งั กลา วกบั ผคู ดั คา นในคดนี เี้ ปน คนละบรษิ ทั กนั แตเ หตกุ ารณ
ทีต่ องพจิ ารณาในคดีดงั กลา วกับคดนี เ้ี ปน เหตุการณเดียวกัน ถือวามผี ลประโยชนใน
ทางคดีเก่ียวของกัน ผูคัดคานยอมคาดหวังวา ส. นาจะมีความคิดเห็นไปในทํานอง
เดยี วกบั คดดี งั กลา วอนั จะเปน ประโยชนต อ ผคู ดั คา น การที่ ส. ไมเ ปด เผยถงึ ขอ เทจ็ จรงิ
ดงั ทกี่ ลา วมาเพอื่ แสดงใหเ หน็ ถงึ ความเปน กลางและเปน อสิ ระ หรอื เหตอุ นั ควรสงสยั
ถึงความเปนกลางหรือความเปนอสิ ระของตนตามมาตรา 19 จึงทําใหอ งคป ระกอบ
และกระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการไมชอบดวยกฎหมายตามมาตรา 40
(1) (จ) ยอ มสง ผลใหก ารยอมรบั หรอื การบงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดนน้ั จะเปน การขดั ตอ ความ
สงบเรียบรอยหรอื ศลี ธรรมอนั ดีของประชาชนตามมาตรา 40 (2) (ข) ศาลชอบท่ีจะ
เพกิ ถอนคาํ ชขี้ าดของอนญุ าโตตลุ าการไดต ามมาตรา 40 (ประชมุ ใหญค รง้ั ที่ 7/2561)

คําพิพากษาศาลฎีกาท่ี 4750 - 4751/2561
ศาลจะเพกิ ถอนคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการตามพ.ร.บ.อนญุ าโตตลุ าการ

พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม (1) (ง) ได เม่ือคพู ิพาทฝา ยท่ขี อใหเ พิกถอนคาํ ชข้ี าด
สามารถพิสูจนไดวา คําชี้ขาดวินิจฉัยขอพิพาทน้ันไมอยูในขอบเขตของสัญญา
อนญุ าโตตลุ าการหรอื คาํ ชขี้ าดวนิ จิ ฉยั เกนิ ขอบเขตแหง ขอ ตกลงในการเสนอขอ พพิ าท
ตอคณะอนญุ าโตตลุ าการ เมื่อสัญญาจางเหมางานโครงสรางและงานสถาปต ยกรรม
ระบุวา หากคูสัญญามีขอพิพาท ขอขัดแยง หรือขอเรียกรองใด ๆ ซึ่งเกิดขึ้นหรือ
เก่ียวของกับสญั ญา รวมท้ังปญ หาการผดิ สญั ญา การเลกิ สญั ญา หรอื ความสมบรู ณ
ของสญั ญา ใหท าํ การวนิ จิ ฉยั ชขี้ าดโดยอนญุ าโตตลุ าการ โดยสญั ญาอนญุ าโตตลุ าการ
ดังกลาวมิไดมีขอกําหนดจํากัดขอบเขตอํานาจของคณะอนุญาโตตุลาการเอาไว
ดังนั้น เม่ือผูรอ งและผคู ัดคานมขี อพพิ าทเกีย่ วกับสญั ญาจางเหมางานโครงสรางและ
งานสถาปตยกรรม และไดเสนอขอพิพาทใหคณะอนุญาโตตุลาการช้ีขาด การท่ี

206 รวมคําพพิ ากษาทีน่ าสนใจเกยี่ วกบั อนญุ าโตตุลาการ

สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute

คณะอนุญาโตตุลาการวนิ ิจฉยั ขอพพิ าทจากพยานหลกั ฐานของผูรอ งและผคู ดั คา นท่ี
นําสืบจึงเปนการวินิจฉัยขอพิพาทภายในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการ
คําพิพากษาของศาลช้ันตนดังกลาวไดกลาวหรือแสดงเหตุผลแหงคําวินิจฉัยใน
ประเด็นแหงคดีท่ีผูคัดคานยกข้ึนโตแยงเปนประเด็นพิพาทไวถูกตองครบถวน
ตามบทบญั ญตั แิ หง ป.ว.ิ พ. มาตรา 141 (4) และ (5) แลว ไมอ าจโตแ ยง วา คาํ พพิ ากษา
ศาลช้ันตนดังกลาวไมชอบดวยกฎหมายอันจะทําใหผูคัดคานมีสิทธิอุทธรณตอ
ศาลฎีกาไดวา คําพิพากษาศาลช้ันตนฝาฝนตอบทกฎหมายอันเกี่ยวดวยความสงบ
เรียบรอยของประชาชนแตอ ยา งใด

ศาลจะแทรกแซงกระบวนการอนญุ าโตตลุ าการโดยการเขา มาตรวจสอบการ
ใชดุลพินิจของอนุญาโตตุลาการหรือแกไขเปล่ียนแปลงหรือทําลายคําช้ีขาดไมได
เวนแตกฎหมายใหอาํ นาจไวอยางชดั แจง เพราะมิฉะน้ันแลว ระบบอนุญาโตตุลาการ
ยอ มไมอาจบรรลุผลสมดังเจตนารมณข องกฎหมาย การท่ีผูคดั คานอุทธรณโตแ ยงวา
อนุญาโตตุลาการเสียงขา งมากวินจิ ฉยั ช้ีขาดวา ผคู ัดคา นกอสรางอาคารไมแ ลว เสรจ็
ตามกาํ หนดเวลาจงึ เปน ฝา ยผดิ สญั ญาและกาํ หนดคา เสยี หายใหผ คู ดั คา นรบั ผดิ ชาํ ระ
แกผูรองโดยมิไดวินิจฉัยเช่ือตามพยานหลักฐานของผูคัดคานที่นําสืบวา ผูรองมิได
ถือเอากําหนดระยะเวลาตามสัญญาเปนสาระสําคัญ ผูคัดคานจึงไมไดเปนฝาย
ผิดสัญญา และอุทธรณคัดคานในประเด็นการกําหนดคาเสียหายและคาปรับของ
อนญุ าโตตลุ าการ น้นั ลว นเปน อทุ ธรณโตแยงดลุ พนิ ิจในการวนิ ิจฉยั ชข้ี าดขอ เท็จจรงิ
ของอนุญาโตตุลาการเทานน้ั หาใชเ ปน การโตแยงวาคณะอนุญาโตตุลาการพจิ ารณา
วินิจฉัยโดยขัดตอหลักเกณฑของกฎหมายเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการไม
เม่ืออนุญาโตตุลาการเสียงขางมากไดวินิจฉัยขอเท็จจริงที่ไดมาจากการรับฟงพยาน
หลักฐานของผูคัดคานและผูรองและขอวินิจฉัยชี้ขาดแลววา ผูคัดคานเปนฝาย
ผิดสัญญาและกําหนดคาเสียหายและคาปรับภายใตพยานหลักฐานที่ผูคัดคานและ
ผูรองนําสืบในช้ันอนุญาโตตุลาการโดยไมปรากฏวาไดดําเนินการโดยไมชอบดวย
กฎหมายประการใด กรณีจึงไมตองดวยหลักเกณฑตามมาตรา 45 (1) แหง
พ.ร.บ.อนญุ าโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ทผ่ี คู ดั คา นจะอุทธรณว า การยอมรบั หรอื บงั คับ
ตามคาํ ชข้ี าดนน้ั จะเปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนได

รวมคาํ พพิ ากษาท่ีนาสนใจเกี่ยวกับอนญุ าโตตลุ าการ 207

Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตลุ าการ

คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 6025/2561
แมผูคัดคานไมไดย่ืนคํารองขอใหศาลมีคําพิพากษาบังคับตามคําชี้ขาดของ

อนญุ าโตตลุ าการกต็ าม แตผ คู ดั คา นไดย นื่ คาํ คดั คา นขอใหศ าลมคี าํ พพิ ากษายกคาํ รอ ง
ขอใหเพิกถอนคําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการของผูรองและมีคําขอใหศาลมี
คําพิพากษาบังคับตามคําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการมาในคําคัดคานโดยชําระ
คาขึ้นศาลจํานวน 50,000 บาท ตอศาลชั้นตนในวันที่ผูคัดคานยื่นคําคานมา
ชอบดว ยตาราง 1 คาธรรมเนยี มศาล (คาข้ึนศาล) ทาย ป.ว.ิ พ. ขอ (1) (ข) ถอื ไดว า
ผูคัดคานซึ่งเปนคูพิพาทที่ประสงคจะใหมีการบังคับตามคําช้ีขาดของคณะ
อนุญาโตตุลาการไดยื่นคํารองขอใหศาลบังคับตามคําชี้ขาดนั้นชอบดวยบทบัญญัติ
มาตรา 42 แหง พ.ร.บ.อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 แลว ศาลชนั้ ตน มอี าํ นาจพพิ ากษา
ใหบังคับตามคาํ ชข้ี าดของคณะอนุญาโตตลุ าการได

เงินคาเคลียรแรงงานตางดาวท่ีผูคัดคานจายใหแกเจาพนักงานตํารวจเพ่ือ
มิใหดําเนินคดีอาญาแกแรงงานตางดาวในขอหาทํางานในราชอาณาจักรโดยฝาฝน
ตอกฎหมายมีลักษณะเปนเงินสินบนท่ีใหแกเจาพนักงานเพื่อจูงใจใหไมกระทําอัน
มชิ อบดว ยหนา ที่ ซงึ่ เปน ความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 144 แมจ ะรบั ฟง ขอ เทจ็ จรงิ ตามท่ี
คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยวา ผูรองตกลงใหผูคัดคานหักเงินคาเคลียรแรงงาน
ตา งดา วออกจากเงนิ คา จา งตามสญั ญาจา งเหมากอ สรา งอาคารทผ่ี คู ดั คา นวา จา งผรู อ ง
ใหท าํ การกอ สรา งอาคารในคดนี ไ้ี ด ขอ ตกลงทใ่ี หห กั เงนิ คา เคลยี รแ รงงานตา งดา วออก
จากเงินคาจางดังกลาวเปนขอตกลงที่มีวัตถุประสงคเปนการตองหามชัดแจง
โดยกฎหมาย ขอ ตกลงนน้ั จงึ ตกเปน โมฆะไมอ าจบงั คบั กนั ไดต าม ป.พ.พ. มาตรา 150
การทคี่ ณะอนญุ าโตตลุ าการวนิ จิ ฉยั วา ผคู ดั คา นมสี ทิ ธนิ าํ เงนิ คา เคลยี รแ รงงานตา งดา ว
ทผ่ี คู ดั คา นจา ยใหแ กเ จา พนกั งานตาํ รวจมาหกั จากเงนิ คา จา งทจ่ี ะตอ งจา ยเปน คา จา ง
แกผ รู องนนั้ เปน ขอ วินจิ ฉยั ทีข่ ดั ตอ บทบัญญตั ิมาตรา 150 แหง ป.พ.พ. การยอมรับ
หรือการบังคับตามคําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในสวนน้ียอมเปนการขัดตอ
ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน ชอบทศ่ี าลจะพพิ ากษาใหเ พกิ ถอน
คาํ ช้ขี าดของคณะอนุญาโตตลุ าการในสวนดังกลาวได ตาม พ.ร.บ.อนญุ าโตตลุ าการ
พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข)

208 รวมคําพพิ ากษาท่นี า สนใจเกี่ยวกับอนุญาโตตลุ าการ

สถาบนั อนญุ าโตตุลาการ Thai Arbitration Institute

คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 6947 - 6948/2561
ปญ หาวา การยอมรบั หรอื การบงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการ

เปนคําชี้ขาดที่ขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตาม
พ.ร.บ.อนุญาโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 มาตรา 40 (2) (ข) เน่ืองจากฝาฝนกฎหมายเรอ่ื ง
การรับฟงพยานหลักฐานกรณีรับฟงพยานเอกสารที่ไมมีการปดอากรแสตมป
ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 18 ขอน้ีศาลชนั้ ตน วนิ ิจฉยั สรุปสาระสาํ คญั ไดวา ผูรองย่ืน
ขอเสนอตอคณะอนุญาโตตุลาการใหผูคัดคานชําระคาจางตามสัญญาจางเหมา
ออกแบบและกอสรางคอนโดมิเนียมและสัญญาจางกอสรางเพิ่มเติม ผูคัดคานไมได
ปฏิเสธวาไมไดทาํ สัญญาดงั กลา วกับผูรอง เพียงแตป ฏเิ สธวา สญั ญาดังกลาวไมไดป ด
อากรแสตมป ขอพิพาทในชัน้ อนุญาโตตุลาการจงึ ไมมปี ระเด็นที่ตอ งวินจิ ฉยั วาผูรอ ง
กบั ผคู ดั คา นทาํ สญั ญาจา งเหมาออกแบบกอ สรา งและสญั ญาจา งกอ สรา งเพม่ิ เตมิ หรอื ไม
การที่คณะอนุญาโตตุลาการใชดุลพินิจในการรับฟงพยานหลักฐานแลววินิจฉัยถึง
ความมีอยูของสัญญาจางกอสรางเพิ่มเติมท่ีเกี่ยวเน่ืองกับสัญญาจางเหมาออกแบบ
กอ สรา ง ซงึ่ ไดช าํ ระคา อากรแสตมปค รบถว นแลว จงึ ชอบดว ย พ.ร.บ.อนญุ าโตตลุ าการ
พ.ศ.2545 มาตรา 25 วรรคสองแลว การยอมรับหรือการบังคับตามคําช้ีขาดของ
คณะอนญุ าโตตลุ าการจงึ ไมข ดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน

คาํ พพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 7150/2561
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม บัญญัติใหศาล

เพกิ ถอนคาํ ชข้ี าดไดใ นกรณดี งั ตอ ไปนี้ ... (2) มกี รณปี รากฏตอ ศาลวา (ก) คาํ ชขี้ าดนนั้
เกยี่ วกบั ขอ พพิ าททไี่ มส ามารถจะระงบั โดยการอนญุ าโตตลุ าการไดต ามกฎหมาย และ
มาตรา 11 บญั ญตั ใิ หส ญั ญาอนญุ าโตตลุ าการตอ งมหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื
คสู ญั ญา ท้งั นี้ สญั ญาอนุญาโตตุลาการอาจเปน สัญญาหน่งึ ในสญั ญาหลกั หรอื เปน
สัญญาอนุญาโตตุลาการแยกตางหากก็ได จึงเห็นไดวา การระงับขอพิพาททาง
อนญุ าโตตลุ าการเกดิ จากขอ ตกลงตามสญั ญาระหวา งคพู พิ าท ซง่ึ ในสว นนข้ี อ เทจ็ จรงิ

รวมคาํ พพิ ากษาทีน่ าสนใจเก่ยี วกบั อนญุ าโตตุลาการ 209

Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตลุ าการ

ฟงไดวางานเพ่ิมฝงสนามกอลฟ ผูเรียกรองไดเสนอคางานสวนน้ี ผูคัดคานได
ตรวจสอบคา งานดงั กลาวแลวเหน็ วา มีมลู คา สูงเกินไปมาก คสู ญั ญาจงึ ไมไ ดตกลงกนั
เปนลายลักษณอ กั ษรจะใหทํางานเพ่ิมในสวนใด เน้อื งานแตละสวนมีราคาคาวาจา ง
เทา ใด อนั เปน เรอื่ งทย่ี งั ไมไ ดม กี ารปฏบิ ตั ติ ามสญั ญารบั จา งเหมาฯ ขอ 14.5 ทกี่ าํ หนดวา
หากมีการเปล่ียนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาใหทั้งผูวาจางและผูรับจาง
ทาํ สญั ญาหรอื บนั ทกึ คาํ สง่ั เพมิ่ เตมิ ขน้ึ เปน ลายลกั ษณอ กั ษร เมอ่ื เปน เชน น้ี กรณจี งึ ยงั
ไมอ าจรบั ฟง ไดว า ผรู อ งและผคู ดั คา นตกลงใหม กี ารระงบั ขอ พพิ าทในสว นนดี้ ว ยวธิ กี าร
อนุญาโตตุลาการและตองถือวาคําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการสวนน้ีเปนคําชี้ขาด
เก่ียวกับขอพิพาทที่ไมสามารถจะระงับโดยการอนุญาโตตุลาการไดตามกฎหมาย
ตาม พ.ร.บ.อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 (2) (ก) การทค่ี ณะอนญุ าโตตลุ าการ
วนิ จิ ฉยั วา ผคู ดั คา นยงั ไมม กี ารตกลงวา จา งผรู อ งในงานสว นเพม่ิ สนามกอลฟ และมผี ล
วาผูรองไมมีสิทธิเรียกรองเงินคาจางหรือผลงานของงานท่ีไดทําไปแลวในสวนนี้เลย
จึงเปนการไมชอบ ท่ีศาลช้ันตนเห็นวาการที่คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยดังกลาว
มคี วามหมายวา คณะอนญุ าโตตลุ าการไมร บั วนิ จิ ฉยั ขอ พพิ าทในสว นน้ี ซงึ่ ไมต รงกบั ท่ี
คณะอนญุ าโตตลุ าการวินจิ ฉัยดังกลาว แลวศาลชัน้ ตนมีคําสั่งใหยกคํารอ งของผรู อง
ในสว นนด้ี ว ย แมอ าจจะแปลตามคาํ วนิ จิ ฉยั ของศาลชนั้ ตน ไดว า ผรู อ งตอ งไปเรยี กรอ ง
จากผคู ดั คา นเปน อกี กรณหี นงึ่ นอกเหนอื จากการเรยี กรอ งตามสญั ญาอนญุ าโตตลุ าการ
ก็ตาม แตการที่ศาลช้ันตนยกคํารองของผูรองมีผลเปนการยอมรับวาท่ีคณะ
อนุญาโตตลุ าการวนิ ิจฉยั มาชอบแลว ซ่ึงทําใหผ รู อ งไมอ าจเรียกรอ งคา ทําการงานใน
งานสว นเพม่ิ สนามกอลฟ นตี้ ามคาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะอนญุ าโตตลุ าการทวี่ า ไมม กี ารตกลง
วา จา งผรู อ งใหท าํ งานเพม่ิ ในสว นนี้ ซง่ึ เปน คาํ วนิ จิ ฉยั ทไี่ มช อบดงั ไดว นิ จิ ฉยั มาแลว ขา งตน
คําสั่งของศาลชั้นตนในขอน้ี จึงขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชนตาม พ.ร.บ.อนญุ าโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 และเห็นสมควรท่ีจะ
เพิกถอนคําวนิ จิ ฉยั ชี้ขาดของคณะอนญุ าโตตุลาการในสว นนี้เสยี

210 รวมคําพพิ ากษาท่ีนาสนใจเก่ยี วกับอนุญาโตตุลาการ

สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute

คาํ พิพากษาศาลฎกี าที่ 7319 - 7320/2561
ศาลช้ันตนวินิจฉัยใหบังคับผูคัดคานชําระเงินแกผูรองตามคําชี้ขาดของ

อนุญาโตตุลาการ แตตอนทายที่ศาลชั้นตนพิพากษาใหผูคัดคานชําระดอกเบ้ียหลัง
วันฟอง (ฟองวันที่ 24 ธันวาคม 2558) นับแตวันท่ีผูรองเสนอขอพิพาทตอ
อนุญาโตตุลาการจนกวาจะชําระเสร็จแกผูรองนั้นไมถูกตอง เพราะผูรองยื่นคํารอง
วันท่ี 4 ธันวาคม 2558 และคําพิพากษามีขอความแตกตางไปจากคําชี้ขาดของ
อนุญาโตตุลาการซึ่งไมอาจกระทําได ทั้งศาลช้ันตนมิไดวินิจฉัยในเร่ืองคา
ฤชาธรรมเนยี ม จึงเปน การไมชอบเพราะคาํ สงั่ ในเร่ืองคา ฤชาธรรมเนียมไมวาคคู วาม
จะมีคําขอหรือไมเปนหนาที่ของศาลตองส่ังลงไวในคําพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา
167 วรรคหนงึ่ แมไ มมีคูความฝายใดอทุ ธรณ ศาลฎีกามีอํานาจแกไ ขใหถ กู ตอ งได

รวมคาํ พิพากษาท่ีนาสนใจเกย่ี วกบั อนุญาโตตลุ าการ 211

Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตุลาการ

คาํ พิพากษาศาลฎีกาที่ 13535 - 13536/2556
พระราชบญั ญัติอนุญาโตตลุ าการ พ.ศ.2545 ม. 43, 44
พระราชบญั ญตั ลิ มละลาย พ.ศ.2483 ม. 90/12 (4), 90/13, 90/14

เรอื่ ง การคําชี้ขาดของคณะอนญุ าโตตุลาการตา งประเทศ

ผูรองเปนนิติบุคคลจดทะเบียนประเภทบริษัทมหาชนจํากัด ผูคัดคานเปน
นิติบุคคลจดทะเบียนตามกฎหมาย ผูรองยื่นคํารองขอฟนฟกู ิจการตอศาลลม ละลาย
กลาง ศาลลม ละลายกลางมีคาํ ส่งั ใหฟนฟูกิจการของผรู อง และศาลลมละลายกลาง
มีคําส่ังเห็นชอบดวยแผนฟนฟูกิจการของผูรองและใหผูรองบริหารแผนและยกเลิก
การฟน ฟกู จิ การของผรู อ ง ระหวา งนน้ั อนั เปน ชว งเวลาทผ่ี รู อ งอยใู นระหวา งการฟน ฟู
กิจการ ผูรองและผูคัดคานทําสัญญาซ้ือขายปูนซีเมนตเม็ดโดยมีขอตกลงใหนํา
ขอพิพาทขึ้นสูการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการในประเทศสิงคโปรภายใตกฎ
การอนุญาโตตุลาการของหอการคานานาชาติและใหใชกฎหมายของประเทศ
สวติ เซอรแ ลนดบ งั คบั แกส ญั ญา ตอ มาผคู ดั คา นอา งวา ผรู อ งผดิ สญั ญาจงึ นาํ ขอ พพิ าท
ใหคณะอนุญาโตตุลาการในประเทศสิงคโปรชี้ขาดวา ผูรองเปนฝายผิดสัญญาและ
ใหผ รู อ งชดใชค า เสยี หายแกผ คู ดั คา น โดยระหวา งการพจิ ารณาของอนญุ าโตตลุ าการ
ดังกลาว ผูคัดคานทราบวาผูรองอยูในระหวางการฟนฟูกิจการตามคําส่ังของ
ศาลลมละลายกลาง แตผูคัดคานมิไดย่ืนคํารองขออนุญาตตอศาลลมละลายกลาง
ดงั น้ี แมการเสนอขอ พิพาทใหคณะอนญุ าโตตุลาการในประเทศสิงคโปรช ข้ี าดนนั้ จะ
เปนการดําเนินการไปตามขอตกลงอนุญาโตตุลาการในสัญญาซ้ือขายปูนซีเมนตเม็ด
ระหวา งผรู อ งและผคู ดั คา น ซงึ่ ตอ งดาํ เนนิ การไปตามขอ กาํ หนดเพอื่ การอา งองิ (Term
of Reference) ของอนญุ าโตตลุ าการและกฎหมายภายในของประเทศสงิ คโปร และ
มผี ลผกู พนั ผรู อ งและผคู ดั คา นทจ่ี ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามคาํ ชข้ี าดดงั กลา ว แตก ารทผ่ี คู ดั คา น
จะนําเอาผลคําวินิจฉัยช้ีขาดมาบังคับแกทรัพยสินของผูรองซ่ึงเปนลูกหนี้ใน
ประเทศไทย ในขณะท่ีผูรองอยูในระหวางการฟนฟูกิจการยอมเปนการกระทบตอ
กระบวนการฟนฟูกิจการของผูรองตามมาตรา 90/12 (4) แหง พ.ร.บ.ลมละลาย
พ.ศ.2483 ซ่ึงตองขออนุญาตตอศาลลมละลายกลางกอน มิฉะนั้นแลวก็จะเกิดการ

212 รวมคําพพิ ากษาทน่ี า สนใจเกยี่ วกับอนุญาโตตลุ าการ

สถาบนั อนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute

ไดเ ปรยี บเสยี เปรยี บระหวา งเจา หนใ้ี นราชอาณาจกั รกบั เจา หนน้ี อกราชอาณาจกั รซง่ึ
มาตรา 90/12 (4) แหง พ.ร.บ.ลมละลาย พ.ศ.2483 มิไดจ าํ กดั หรือแยกใหแ ตกตาง
กนั แมค าํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการของประเทศสงิ คโปรจ ะเปน ไปตามขอ ตกลง
และดาํ เนนิ การตามขอ กาํ หนดและกฎหมายของประเทศสงิ คโปร และอาจไมม เี หตทุ ี่
จะใหเ พกิ ถอนได แตก ารทผี่ คู ดั คา นจะนาํ คาํ ชข้ี าดมาใชบ งั คบั แกผ รู อ งในประเทศไทย
กต็ อ งอยภู ายใตบ งั คบั ของ พ.ร.บ.ลม ละลาย พ.ศ.2483 เพอ่ื ใหเ กดิ ความเปน ธรรมแก
เจาหน้ีทุกฝาย เมื่อผูคัดคานไมไดดําเนินการดังกลาว จึงไมอาจนําหนี้ตามคําชี้ขาด
ของอนญุ าโตตลุ าการของประเทศสงิ คโปรมาบังคบั เอาแกกองทรพั ยส นิ ของผูรองใน
คดีลมละลายได เพราะเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน ผูคัดคา นยนื่ คาํ รองและแกไ ขเพ่มิ เติมคาํ รอ งขอใหศาลบงั คบั ตามคําชี้ขาด
ของคณะอนญุ าโตตุลาการ

มีปญหาวินิจฉัยวา ผูรองมีสิทธิย่ืนคํารองขอใหเพิกถอนคําวินิจฉัยของ
คณะอนุญาโตตุลาการและผูคัดคานมีอํานาจรองขอใหบังคับตามคําช้ีขาดของ
คณะอนุญาโตตุลาการหรือไม ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ.2483 มาตรา
90/12 (4) บัญญตั ิวา ภายใตบ งั คับมาตรา 90/13 และมาตรา 90/14 นบั แตวนั ท่ี
ศาลมคี าํ สง่ั รบั คาํ รอ งขอไวพ จิ ารณาจนถงึ วนั ครบกาํ หนดระยะเวลาดาํ เนนิ การตามแผน
หรือวันที่ดําเนินการเปนผลสําเร็จตามแผน หรือวันที่ศาลมีคําสั่งยกคํารองขอหรือ
จาํ หนา ยคดหี รอื ยกเลกิ คาํ สง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การหรอื ยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การหรอื พทิ กั ษท รพั ย
ของลกู หนี้เดด็ ขาดตามความในหมวดนี้ (4) หา มมิใหฟอ งลูกหนเี้ ปนคดแี พงเก่ยี วกบั
ทรพั ยส นิ ของลกู หนหี้ รอื เสนอขอ พพิ าททลี่ กู หนอี้ าจตอ งรบั ผดิ หรอื ไดร บั ความเสยี หาย
ใหอ นญุ าโตตลุ าการชขี้ าด ถา มลู แหง หนนี้ น้ั เกดิ ขน้ึ กอ นวนั ทศ่ี าลมคี าํ สง่ั เหน็ ชอบดว ย
แผน จากบทบัญญัตดิ ังกลาวหมายความวา เมื่อผูรอ งไดย นื่ คํารอ งขอฟน ฟกู ิจการตอ
ศาลลมละลายกลางในวนั ที่ 21 กรกฎาคม 2543 และศาลลมละลายกลางรับคาํ รอ ง
ไวพิจารณาแลว กรณีจึงตองหามใหมีการเสนอขอพิพาทท่ีผูรองอาจตองรับผิดหรือ
ไดรบั ความเสยี หายใหอ นุญาโตตุลาการวนิ ิจฉยั ชี้ขาด ถามูลแหงหน้ีเกิดขึน้ กอ นวันที่
ศาลมีคําส่ังเห็นชอบดวยแผน ดังนั้นเมื่อขอพิพาทท่ีผูคัดคานเสนอให
คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดเปนขอพิพาทเก่ียวกับการผิดสัญญาซื้อขาย

รวมคาํ พิพากษาท่ีนาสนใจเก่ยี วกบั อนญุ าโตตลุ าการ 213

Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตลุ าการ

ปูนซีเมนตเม็ดระหวางผูรองและผูคัดคานจํานวนสามฉบับ ซ่ึงทําข้ึนพรอมกันใน
วันท่ี 6 ธันวาคม 2543 มูลแหงหนี้ระหวางผูรองและผูคัดคานซ่ึงคือสัญญาซ้ือขาย
ปนู ซเี มนตเ ม็ดทัง้ สามฉบับจึงเกิดข้ึนในวนั ท่ี 6 ธันวาคม 2543 กอ นวนั ท่ีศาลมีคาํ สงั่
เห็นชอบดวยแผน ซึ่งตามมาตรา 90/12 (4) แหงพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ.2483 ดงั กลา ว หา มใหม กี ารเสนอขอ พพิ าททผี่ รู อ งอาจตอ งรบั ผดิ หรอื ไดร บั ความ
เสียหายใหคณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาด แมการเสนอขอพิพาทให
คณะอนุญาโตตลุ าการชี้ขาดนัน้ ผคู ัดคา นเสนอขอ พิพาทใหค ณะอนญุ าโตตุลาการที่
ประเทศสงิ คโปรเ ปน ผวู นิ จิ ฉยั ชข้ี าดอนั เปน ไปตามขอ ตกลงอนญุ าโตตลุ าการในสญั ญา
ซอื้ ขายปนู ซเี มนตเ มด็ ระหวางผรู องและผคู ัดคา นซงึ่ การดาํ เนนิ การอนุญาโตตลุ าการ
ระหวางผูรองและผูคัดคานตองดําเนินการไปตามขอกําหนดเพื่อการอางอิง (Term
of Reference) ของอนญุ าโตตลุ าการและกฎหมายภายในของประเทศสงิ คโปรและ
มผี ลผกู พนั ผรู อ งและผคู ดั คา นทจ่ี ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามคาํ ชข้ี าดดงั กลา ว แตก ารทผี่ คู ดั คา น
จะนาํ เอาผลคาํ วนิ จิ ฉยั ชข้ี าดมาบงั คบั ใชก บั ลกู หนคี้ อื ผรู อ งในประเทศไทยซงึ่ เปน การ
บงั คบั แกท รพั ยส นิ ของผรู อ งในประเทศไทยในขณะทผี่ รู อ งอยใู นระหวา งฟน ฟกู จิ การ
ยอมเปนการกระทบตอกระบวนการฟนฟูกิจการของผูรองตามพระราชบัญญัติ
ลม ละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (4) ซึง่ ตองขออนญุ าตตอ ศาลลม ละลายกลาง
กอน มิฉะนั้นแลวก็จะเกิดการไดเปรียบเสียเปรียบระหวางเจาหนี้ในราชอาณาจักร
กบั เจา หนนี้ อกราชอาณาจกั รซง่ึ พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (4)
มิไดจํากัดหรือแยกใหแตกตางกัน ดังน้ัน แมวาคําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ
ของประเทศสิงคโปรที่พิพาทกันน้ีเปนไปตามขอตกลงในสัญญาและดําเนินการตาม
ขอ กาํ หนดและกฎหมายภายในของประเทศสงิ คโปรแ ละอาจไมม เี หตทุ จ่ี ะใหเ พกิ ถอนได
แตการที่ผูคัดคานจะนําคําชี้ขาดมาใชบังคับกับผูรองในประเทศไทยเพ่ือบังคับเอา
แกท รพั ยส นิ ของผรู อ งในประเทศไทย ผคู ดั คา นกต็ อ งอยภู ายใตบ งั คบั พระราชบญั ญตั ิ
ลม ละลาย พ.ศ.2483 ทตี่ อ งดาํ เนนิ การใหถ กู ตอ งตามขนั้ ตอนทบี่ ญั ญตั ไิ วใ นกฎหมาย
เพอ่ื ใหเ กดิ ความเปน ธรรมแกบ รรดาเจา หนท้ี กุ ฝา ย เมอ่ื ปรากฏวา ผคู ดั คา นมไิ ดด าํ เนนิ
การตามข้นั ตอนทพ่ี ระราชบญั ญตั ิลมละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (4) บญั ญัติ
ไวจึงไมอาจนําหนี้ตามคําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการของประเทศสิงคโปรมาบังคับ

214 รวมคําพพิ ากษาท่ีนา สนใจเกย่ี วกับอนุญาโตตลุ าการ

สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute

เอาแกกองทรัพยสินของผูรองในคดีลมละลายได เพราะเปนการขัดตอความสงบ
เรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และเปนกรณีท่ีศาลมีอํานาจปฏิเสธการ
ขอบังคับตามคําชี้ขาดที่ไดทําข้ึนโดยคณะอนุญาโตตุลาการในตางประเทศไดตาม
พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 44 ประกอบมาตรา 43 ที่
ศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศกลางพพิ ากษาใหผ รู อ งปฏบิ ตั ติ าม
คาํ ชีข้ าดของคณะอนญุ าโตตุลาการระหวา งประเทศน้ัน ศาลฎกี าแผนกคดที รัพยส ิน
ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศไมเ หน็ พอ งดว ย อทุ ธรณข องผรู อ งฟง ขน้ึ บางสว น
เมอื่ วนิ ิจฉยั เชนน้แี ลว ประเดน็ ขอ อนื่ ตามอุทธรณของผรู องกไ็ มจําตอ งวินจิ ฉัยเพราะ
ไมทําใหผลของคดีเปล่ียนแปลง พิพากษาแกเปนวา ใหยกคํารองของผูคัดคานที่
ขอใหบังคับตามคําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการระหวางประเทศแหงหอการคา
นานาชาติเสียดว ย นอกจากที่แกใ หเปนไปตามคาํ พพิ ากษาศาลทรัพยส นิ ทางปญ ญา
และการคา ระหวางประเทศกลาง คาฤชาธรรมเนียมท้ังสองศาลใหเปนพับ

รวมคําพิพากษาทีน่ าสนใจเกี่ยวกบั อนุญาโตตลุ าการ 215

Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตุลาการ

คําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 840/2561
ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ม. 150, 172 วรรคสอง, 411
พระราชบัญญัติอนญุ าโตตุลาการ พ.ศ.2545 ม. 44
พระราชบัญญัติอาคารชดุ พ.ศ.2522 ม. 19

เรอ่ื ง เพกิ ถอนคาํ ช้ขี าดอนญุ าโตตุลาการทสี่ ญั ญาเปนโมฆะ

ผรู อ งเปน นติ บิ คุ คลประเภทบรษิ ทั จาํ กดั ซงึ่ ไมม สี ญั ชาตไิ ทย เมอื่ ไมป รากฏวา
ผูรองไดรับบัตรสงเสริมการลงทุนตามกฎหมายวาดวยการสงเสริมการลงทุน จึงถือ
ไมไดวาบริษัทผูรองซึ่งเปนคนตางดาวตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281
ลงวนั ที่ 24 พฤศจกิ ายน 2515 มคี ณุ สมบัติทีจ่ ะถือกรรมสิทธ์ิในหองชดุ ตามสัญญา
ดงั กลา วไดป รากฏตามหนงั สอื รบั รองบรษิ ทั ผรู อ งวา บรษิ ทั ผรู อ งมวี ตั ถปุ ระสงคใ นการ
ดาํ เนนิ ธรุ กจิ การลงทนุ ทว่ั ไปและถอื ครองทรพั ยส นิ ในการประกอบกจิ การของบรษิ ทั
ผรู อ ง จงึ มเี หตผุ ลใหเ ชอ่ื วา กอ นทบี่ รษิ ทั ผรู อ งจะเขา ถอื ครองทรพั ยส นิ โดยซอ้ื ทรพั ยส นิ
ในตางประเทศ ผูรอ งไดศ ึกษากฎหมายของประเทศทีผ่ รู อ งจะไปซื้อทรพั ยส นิ แลววา
บริษัทผูรองมีคุณสมบัติที่จะเขาถือครองทรัพยสินในประเทศน้ันไดหรือไม ที่ผูรอง
อุทธรณและนําสืบวา ผูคัดคานปฏิบัติผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินไมสงมอบหองชุด
ใหผ รู อ งภายในกาํ หนด ผูรอ งกับผคู ัดคานจงึ ทําบนั ทกึ ยกเลิกการซอ้ื ขายหองชุดและ
ตกลงกันตามขอตกลงเปลี่ยนขอตกลงเดิมเปนการตกลงคืนเงินคาหองชุดท่ีผูรองได
ชาํ ระใหแ กผ คู ดั คา นไปแลว บางสว นนน้ั แมผ รู อ งกบั ผคู ดั คา นจะมไิ ดต กลงยกเลกิ การ
ซื้อขายหองชุดดังกลาวและมิไดตกลงใหผูคัดคานคืนเงินคาหองชุดที่ผูรองไดชําระ
ใหแ กผ คู ดั คา นไปแลว บางสว นกต็ าม แตเ มอ่ื สญั ญาจะซอื้ จะขายหอ งชดุ ตกเปน โมฆะ
และหากผูคัดคานตองคืนเงินคาหองชุดที่ผูรองไดชําระใหแกผูคัดคานไปบางสวน
ป.พ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง ก็บัญญัติใหนําบทบัญญัติวาดวยลาภมิควรได
แหง ประมวลกฎหมายนมี้ าใชบ งั คบั เมอ่ื ผคู ดั คา นผดิ นดั ไมค นื เงนิ คา หอ งชดุ ทผ่ี รู อ งได
ใหแ กผ คู ดั คา นบางสว นตามขอ ตกลงผรู อ งจงึ เสนอขอ พพิ าทใหค ณะอนญุ าโตตลุ าการ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ สํานักระงับขอพิพาท สํานักงานศาลยุติธรรม ช้ีขาดตาม
ขอสญั ญาอนญุ าโตตุลาการ ขอ 4.2 ในบันทกึ ขอ ตกลง ซึง่ ส. คณะอนุญาโตตลุ าการ

216 รวมคําพพิ ากษาท่นี า สนใจเกยี่ วกบั อนุญาโตตุลาการ

สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute

ท่ีผูรองกับผูคัดคานแตงต้ังตามขอ 4.2 ในบันทึกขอตกลงก็ไดมีคําวินิจฉัยช้ีขาดเม่ือ
วนั ท่ี 8 ธนั วาคม 2558 ตามคาํ ชขี้ าดใหผ คู ดั คา นคนื เงนิ จาํ นวน 17,136,747.59 บาท
พรอมดว ยดอกเบีย้ ในอัตรารอยละ 10 ตอป นบั แตวันท่ี 16 กมุ ภาพันธ 2553 ถงึ
วนั ท่ี 2 ตลุ าคม 2556 จาํ นวน 7,134,408.14 บาท และดอกเบย้ี ผดิ นดั ในอตั รารอ ยละ
15 ตอ ป นบั แตว นั ที่ 3 ตลุ าคม 2556 เปน ตน ไปจนกวา ผรู อ งจะไดร บั ชาํ ระหนคี้ รบถว น
คาเสียหายเปนเงินจํานวน 2,000,000 บาท และคาธรรมเนียมและคาใชจายของ
คณะอนญุ าโตตลุ าการกงึ่ หนง่ึ ทผ่ี รู อ งทดรองจา ยแทนผคู ดั คา นไปกอ นจาํ นวน 65,258 บาท
แกผ รู อ ง การทผี่ รู อ งจดทะเบยี นเปน บรษิ ทั จาํ กดั ตามกฎหมายดนิ แดนหมเู กาะบรติ ชิ
เวอรจิน ซ่ึงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 281 ลงวันท่ี 24 พฤศจิกายน 2515
ขอ 3 ถือวาเปนคนตางดาวรูอยูแลววาผูรองยังไมไดรับบัตรสงเสริมการลงทุนตาม
กฎหมายวาดวยการสงเสริมการลงทุนไมอาจถือกรรมสิทธิ์ในหองชุด ตาม
พ.ร.บ.อาคารชดุ พ.ศ.2522 มาตรา 19 (4) ไดเ ขา ทาํ สญั ญาจะซอ้ื หอ งชดุ จากผคู ดั คา น
ซง่ึ ตกเปน โมฆะ และผรู อ งไดชาํ ระคาหอ งชุดใหแกผูคัดคา นไปบางสวนถือเปนการท่ี
ผูรองไดกระทําการเพ่ือชําระหน้ีเปนการอันฝาฝนขอหามตามกฎหมาย ผูรองจึง
ไมอาจเรียกรองใหผูคัดคานคืนเงินคาหองชุดที่ผูรองชําระใหแกผูคัดคานไปบางสวน
ในฐานลาภมิควรไดแ กผูร อ ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 411 ได ซง่ึ บทบัญญตั ิแหง ป.พ.พ.
มาตรา 411 เปนบทบัญญตั แิ หงกฎหมายทเี่ กี่ยวกับความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรม
อันดีของประชาชน ท่ีคณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยช้ีขาดตามคําชี้ขาดใหผูคัดคาน
คนื เงินแกผูรองตามขอ ตกลง จึงเปน การวินิจฉยั ช้ีขาดที่ขัดตอ ป.พ.พ. มาตรา 411

มปี ญ หาทต่ี อ งวินจิ ฉยั ตามอทุ ธรณของผูรอ งวา การบังคับตามคาํ ชีข้ าดของ
คณะอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ สํานักระงับขอพิพาท สํานักงาน
ศาลยตุ ิธรรม ในคดหี มายเลขแดงที่ 165/2558 ลงวนั ที่ 8 ธันวาคม 2558 เปน การ
ขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามพระราชบัญญัติ
อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 44 หรอื ไม เหน็ วา เม่ือไมปรากฏจากทางนําสบื
ของผูรองวา ผูรองไดรับบัตรสงเสริมการลงทุนตามกฎหมายวาดวยการสงเสริม
การลงทุน ขอเท็จจริงจึงรับฟงไมไดวา บริษัทผูรองซึ่งเปนคนตางดาวตามประกาศ
ของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 ลงวันท่ี 24 พฤศจิกายน 2515 มีคุณสมบัติที่จะถือ

รวมคาํ พิพากษาทีน่ าสนใจเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการ 217

Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตุลาการ

กรรมสทิ ธ์ิในหองชดุ ตามสัญญาจะซือ้ จะขายหอ งชดุ ลงวันที่ 12 สงิ หาคม 2548 ได
การท่ีผูรองและผูคัดคานทราบดีวาผูรองยังไมไดรับบัตรสงเสริมการลงทุนตาม
กฎหมายวาดวยการสงเสริมการลงทุน แตยังเขาทําสัญญาจะซื้อจะขายหองชุดกัน
สญั ญาจะซอื้ จะขายหอ งชดุ ลงวนั ท่ี 12 สงิ หาคม 2548 จงึ เปน สญั ญาทมี่ วี ตั ถปุ ระสงค
เปนการตองหามชัดแจงโดยกฎหมาย สัญญาจะซื้อจะขายหองชุดยอมตกเปนโมฆะ
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 150 แมผูรองกับผูคัดคานจะมิได
ตกลงยกเลกิ การซอื้ ขายหอ งชดุ ดงั กลา วและมไิ ดต กลงใหผ คู ดั คา นคนื เงนิ คา หอ งชดุ ท่ี
ผรู อ งไดช าํ ระใหแ กผ คู ดั คา นไปแลว บางสว นกต็ าม แตเ มอื่ สญั ญาจะซอื้ จะขายหอ งชดุ
ตกเปนโมฆะ และหากผูคัดคานตองคืนเงินคาหองชุดที่ผูรองไดชําระใหแกผูคัดคาน
ไปบางสว น ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 172 วรรคสอง ก็บญั ญตั ใิ ห
นําบทบัญญัติวาดวยลาภมิควรไดแหงประมวลกฎหมายนี้มาใชบังคับ เม่ือผูคัดคาน
ผิดนัดไมคืนเงินคาหองชุดที่ผูรองไดใหแกผูคัดคานบางสวนตามขอตกลง ผูรองจึง
เสนอขอพิพาทใหคณะอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ สํานักระงับ
ขอ พพิ าท สาํ นกั งานศาลยตุ ธิ รรม ชขี้ าดตามขอ สญั ญาอนญุ าโตตลุ าการ ขอ 4.2 ไดม ี
คาํ วนิ จิ ฉยั ชขี้ าดเมอื่ วนั ท่ี 8 ธนั วาคม 2558 ใหผ คู ดั คา นคนื เงนิ จาํ นวน 17,136,747.59 บาท
พรอ มดวยดอกเบี้ยในอัตรารอยละ 10 ตอป นับแตว ันท่ี 16 กมุ ภาพนั ธ 2553 ถึง
วนั ท่ี 2 ตลุ าคม 2556 จาํ นวน 7,134,408.14 บาท และดอกเบยี้ ผดิ นดั ในอตั รารอ ยละ
15 ตอ ป นบั แตว นั ที่ 3 ตลุ าคม 2556 เปน ตน ไปจนกวา ผรู อ งจะไดร บั ชาํ ระหนค้ี รบถว น
คาเสียหายเปนเงินจํานวน 2,000,000 บาท และคาธรรมเนียมและคาใชจายของ
คณะอนญุ าโตตลุ าการกงึ่ หนง่ึ ทผ่ี รู อ งทดรองจา ยแทนผคู ดั คา นไปกอ นจาํ นวน 65,258 บาท
แกผ ูร อง

ปญ หาวา การบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการดงั กลา วเปน การ
ขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตามพระราชบัญญัติ
อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 44 หรอื ไม เห็นวา การทีผ่ ูร อ งจดทะเบยี นเปน
บรษิ ทั จาํ กดั ตามกฎหมายดนิ แดนหมเู กาะ บ ซงึ่ ประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 281
ลงวันท่ี 24 พฤศจกิ ายน 2515 ขอ 3 ถอื วาเปน คนตางดาวรอู ยูแลว วา ผรู อ งยงั ไมได
รับบัตรสงเสริมการลงทุนตามกฎหมายวาดวยการสงเสริมการลงทุนไมอาจถือ

218 รวมคาํ พพิ ากษาทนี่ าสนใจเกีย่ วกบั อนญุ าโตตุลาการ

สถาบนั อนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute

กรรมสิทธใิ์ นหองชุด ตามพระราชบญั ญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 19 (4) ไดเ ขา
ทาํ สญั ญาจะซอื้ หอ งชดุ จากผคู ดั คา นซงึ่ ตกเปน โมฆะดงั ไดว นิ จิ ฉยั ขา งตน และผรู อ งได
ชําระคาหองชุดใหแกผูคัดคานไปบางสวนถือเปนการท่ีผูรองไดกระทําการเพ่ือชําระ
หนเี้ ปน การอนั ฝา ฝน ขอ หา มตามกฎหมาย ผรู อ งจงึ ไมอ าจเรยี กรอ งใหผ คู ดั คา นคนื เงนิ
คาหองชุดท่ีผูรองชําระใหแกผูคัดคานไปบางสวนในฐานลาภมิควรไดแกผูรอง
ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา 411 ได ซึ่งบทบัญญัติแหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 411 เปนบทบัญญัติแหงกฎหมายที่เกี่ยวกับ
ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน ทค่ี ณะอนญุ าโตตลุ าการวนิ จิ ฉยั
ช้ีขาดตามคําชขี้ าดใหผ ูค ดั คานคนื เงนิ แกผ ูร อ งตามขอ ตกลง จึงเปนการวนิ ิจฉยั ชีข้ าด
ท่ีขัดตอประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 411 ซ่ึงเปนบทบัญญัติแหง
กฎหมายที่เก่ียวกับความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การบังคับ
ตามคาํ ชีข้ าดของคณะอนญุ าโตตุลาการ ยอมเปนการขัดตอความสงบเรยี บรอยหรอื
ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน ศาลชอบทจ่ี ะมคี าํ สงั่ ปฏเิ สธไมร บั บงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดของ
คณะอนุญาโตตุลาการเอกสารตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545
มาตรา 44 ท่ีศาลช้ันตนวินิจฉัยวา เมื่อคําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเปน
การช้ีขาดที่เกิดจากนิติกรรมท่ีเปนโมฆะ การยอมรับหรือบังคับตามคําชี้ขาดจึง
เปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนตามมาตรา 40 (2) (ข)
แหงพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 กรณีไมอาจบังคับตามคําชี้ขาด
ของอนุญาโตตุลาการได ที่ศาลชั้นตนมีคําสั่งใหยกคํารองขอของผูรองน้ัน ศาลฎีกา
เหน็ พองดวยในผลอทุ ธรณข องผรู องฟง ไมข้ึน

รวมคําพพิ ากษาทนี่ า สนใจเกีย่ วกบั อนุญาโตตุลาการ 219

Thai Arbitration Institute สถาบนั อนญุ าโตตลุ าการ

คาํ พพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 9691/2555
ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย ม. 303 306
พระราชบัญญัติอนญุ าโตตุลาการ พ.ศ.2545 ม. 44

เร่อื ง การบงั คบั ตามคําชี้ขาดของอนญุ าโตตุลาการ
พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ 2545 มาตรา 12 บญั ญตั วิ า ความสมบรู ณ

แหง สญั ญาอนญุ าโตตลุ าการและการตง้ั อนญุ าโตตลุ าการยอ มไมเ สยี ไป แมใ นภายหลงั
คูสัญญาฝายใดฝายหนึ่งตายหรือสิ้นสุดสภาพความเปนนิติบุคคล ถูกพิทักษทรัพย
เดด็ ขาดหรอื ถกู ศาลสง่ั ใหเ ปน คนไรค วามสามารถหรอื เสมอื นไรค วามสามารถ อนั แสดง
ใหเ หน็ วา การเปลยี่ นตวั คสู ญั ญาดว ยเหตใุ ดเหตหุ นงึ่ ไมท าํ ใหก ารตง้ั อนญุ าโตตลุ าการ
เสียไป และมาตรา 13 แหงพระราชบัญญัติเดียวกันบัญญัติวา เม่ือมีการโอนสิทธิ
เรยี กรอ งหรอื ความรบั ผดิ ใดสญั ญาอนญุ าโตตลุ าการทมี่ อี ยเู กย่ี วกบั สทิ ธเิ รยี กรอ งหรอื
ความรบั ผดิ นน้ั ยอ มผกู พนั ผรู บั โอนดว ย อนั แสดงใหเ หน็ ดว ยวา แมจ ะมกี ารเปลยี่ นตวั
เจาหนไี้ ปโดยผลของการโอนสิทธเิ รยี กรอ งในสัญญาหลัก ผูร ับโอนสทิ ธเิ รียกรองและ
คูสัญญาอีกฝายหน่ึงก็ตองผูกพันตามขอสัญญาอนุญาโตตุลาการ กรณีที่
อนุญาโตตุลาการมีคําชี้ขาดออกมาแลวหากคูพิพาทฝายที่มีหนาที่ตามคําช้ีขาดยอม
ปฏบิ ตั ติ ามขอ พพิ าททเี่ กดิ ขนึ้ ยอ มระงบั ไปโดยผลสมบรู ณ แตห ากคพู พิ าทนน้ั ไมย อม
ปฏิบัติตามคําช้ีขาด คูพิพาทฝายชนะคดีตามคําชี้ขาดก็มีสิทธิรองขอใหศาลดําเนิน
การบังคับใหเปนไปตามคําช้ีขาด สิทธิเรียกรองของคูพิพาทฝายชนะคดีท่ีจะไดรับ
ชาํ ระหนตี้ ามคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการจากคพู พิ าทฝา ยแพค ดเี ปน สทิ ธเิ รยี กรอ ง
ทจี่ ะพงึ โอนกันไดตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยม าตรา 303 วรรคหน่ึง

การทบ่ี รษิ ทั บ. ผเู ปน คพู พิ าทฝา ยชนะคดตี ามคาํ ชขี้ าดของอนญุ าโตตลุ าการ
ทําหนังสือซ่ึงระบุวาเปนสัญญาโอนสิทธิเรียกรอง ขอโอนสิทธิการรับชําระหนี้ตาม
คาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการใหแ กผ รู อ ง และผรู อ งตกลงชาํ ระคา ตอบแทนการรบั โอน
สิทธิการรับชําระหน้ีดังกลาวนั้น เปนสัญญาโอนหนี้อันผูคัดคานจะพึงตองชําระแก
บรษิ ทั บ. โดยเฉพาะเจาะจง และมกี ารแจง โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งเปน หนงั สอื แกผ คู ดั คา น
ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา 306 บญั ญัตแิ ลว สทิ ธิเรยี กรองตาม

220 รวมคาํ พิพากษาทน่ี า สนใจเกย่ี วกับอนญุ าโตตุลาการ

สถาบันอนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute

คาํ ชขี้ าดของอนญุ าโตตลุ าการจงึ ตกเปน ของผรู อ ง คาํ วา คพู พิ าท ทร่ี ะบไุ วใ นพระราช
บัญญัติอนุญาโตตุลาการพ. ศ. 2545 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง วา ...คําชี้ขาดของ
คณะอนุญาโตตุลาการไมวาจะไดทําข้ึนในประเทศใดใหผูกพันคูพิพาท และเม่ือ
ไดมีการรองขอตอศาลท่ีมีเขตอํานาจยอมบังคับไดตามคําชี้ขาดนั้น และมาตรา 42
วรรคหนึ่งวา เม่ือคูพิพาทฝายใดประสงคจะใหมีการบังคับตามคําช้ีขาดของ
คณะอนญุ าโตตลุ าการใหค พู พิ าทฝา ยนนั้ ยน่ื คาํ รอ งตอ ศาล ไมจ าํ กดั เฉพาะคสู ญั ญาใน
สัญญาอนุญาโตตุลาการเทานั้น แตหมายถึงผูสืบสิทธิตามสัญญาทั้งโดยผลของ
กฎหมายและโดยผลของสัญญาดว ย

ผูรองขอใหบังคับตามคําชี้ขาดอนุญาโตตุลาการตางประเทศที่อยูในบังคับ
แหงอนุญาโตตุลาการตางประเทศฉบับนครนิวยอรก ซึ่งประเทศไทยเปนภาคีตาม
พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 41 วรรค 2 โดยมาตรา 43 แหง
พระราชบัญญัติดังกลาวบัญญัติวา ศาลมีอํานาจทําคําสั่งปฏิเสธไมรับบังคับตาม
คาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการไมว า คาํ ทข่ี าดนน้ั จะไดท าํ ขน้ึ ในประเทศใด ถา ผซู ง่ึ
จะถูกบังคับตามคําพิพากษาพิสูจนไดวา (1) คูสัญญาตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ
ฝา ยใดฝา ยหนงึ่ เปน ผบู กพรอ งในเรอ่ื งความสามารถตามกฎหมายทใ่ี ชบ งั คบั แกส ญั ญา
ฝา ยนน้ั (2) สญั ญาอนญุ าโตตลุ าการไมม ผี ลผกู พนั ตามกฎหมายแหง ประเทศทคี่ สู ญั ญา
ไดตกลงกันไว หรอื ตามกฎหมายของประเทศท่ที ําคําช้ีขาดนน้ั ในกรณที ี่ไมมขี อ ตกลง
ดงั กลา ว (3) ไมม กี ารแจง ใหผ ซู งึ่ ถกู บงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดลว งหนา โดยชอบถงึ การแตง ตงั้
คณะอนุญาโตตุลาการหรือการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ หรือบุคคล
ดังกลาวไมสามารถเขาตอสูคดีในช้ันอนุญาโตตุลาการไดเพราะเหตุประการอ่ืน
(4) คําชี้ขาดวินิจฉัยขอพิพาทซึ่งไมอยูในขอบเขตสัญญาอนุญาโตตุลาการหรือ
คําวินิจฉัยชี้ขาดเกินขอบเขตแหงขอสัญญาในการเสนอขอพิพาทตอคณะ
อนญุ าโตตลุ าการ (5) องคป ระกอบของคณะอนญุ าโตตลุ าการหรอื กระบวนพจิ ารณา
ของอนุญาโตตุลาการไมไดเปนไปตามที่คูพิพาทไดตกลงกันไว หรือไมไดเปนไปตาม
กฎหมายของประเทศท่ีทําคําช้ีขาดในกรณีที่คูพิพาทไมไดตกลงกันไว หรือ
(6) คาํ ชข้ี าดไมม ผี ลผกู พนั หรอื ไดถ กู เพกิ ถอน หรอื ระงบั ใชเ สยี โดยศาลทม่ี เี ขตอาํ นาจ
หรอื ภายใตก ฎหมายของประเทศทท่ี าํ คาํ ชขี้ าด และมาตรา 44 บญั ญตั วิ า ศาลมอี าํ นาจ

รวมคาํ พิพากษาท่นี า สนใจเก่ยี วกบั อนุญาโตตลุ าการ 221

Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตุลาการ

ทําคําสั่งปฏิเสธการขอบังคับตามคําช้ีขาดตามมาตรา 43 ได ถาปรากฏตอศาลวา
คาํ ชขี้ าดนน้ั เกย่ี วกบั ขอ พพิ าททไ่ี มส ามารถจะระงบั โดยวธิ กี ารอนญุ าโตตลุ าการไดต าม
กฎหมาย หรอื ถา การบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดนน้ั จะเปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื
ศีลธรรมอันดขี องประชาชน ดงั นั้น ศาลจะทาํ คําส่ังปฏิเสธไมบังคบั ตามคําชขี้ าดของ
อนญุ าโตตุลาการตามคาํ รองไดต อเมื่อปรากฏวา มีเหตทุ ีบ่ ญั ญตั ิไวใ นมาตรา 43 หรือ
มาตรา 44 แตผ คู ดั คา นซงึ่ ถกู บงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดดงั กลา วไมไ ดย นื่ คาํ คดั คา นและไมไ ด
พิสูจนใหเห็นวา มีเหตุที่ศาลซ่ึงมีอํานาจทําคําส่ังจะปฏิเสธขอบังคับตามมาตรา 43
แตอยางใด ทั้งเม่ือพิเคราะหคําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการซึ่งเปนการระงับ
ขอพิพาททางธุรกรรมทางการเงินและการบริการของคูพิพาท โดยชี้ขาดใหคูพิพาท
ฝายหน่ึงชําระหน้ีท่ีเกิดข้ึนตามสัญญาพรอมดอกเบี้ยและคาใชจายในการดําเนิน
กระบวนการชนั้ อนญุ าโตตลุ าการแลว มใิ ชค าํ ชข้ี าดเกยี่ วกบั ขอ พพิ าททไ่ี มส ามารถจะ
ระงบั โดยอนญุ าโตตลุ าการไดต ามกฎหมาย หรอื ถา การบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดนน้ั จะทาํ ให
เปน การขดั ตอความสงบเรยี บรอ ยหรือศีลธรรมอันดขี องประชาชน ศาลจึงไมอาจทาํ
คําสั่งปฏิเสธการขอบงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดนัน้ โดยเหตุใดเหตุหนึง่ ดังกลาวได

222 รวมคําพิพากษาที่นาสนใจเกย่ี วกับอนุญาโตตลุ าการ

สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute

คําพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 3119/2562
สนธสิ ญั ญา New York convention ค.ศ.1958 มาตรา 5 (1) (B) และ (D)
ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย ม. 193/13 193/14
พระราชบญั ญัติอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 ม. 44

เรอื่ ง การบังคับตามคาํ ชขี้ าดของอนุญาโตตุลาการ

ปญ หาวา จะยอมรบั นบั ถอื และบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการ
เศรษฐกจิ และการคา ระหวา งประเทศจนี หรอื ไมน นั้ คดนี ผ้ี คู ดั คา นทาํ คาํ ใหก ารคดั คา น
ขอใหศ าลปฏเิ สธไมร บั บงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการระหวา งประเทศ
ซ่ึงศาลจําตองพิจารณาเปนสําคัญเสียกอนวินิจฉัยประเด็นขอพิพาทดังกลาว
องคประกอบและการแตง ตั้งอนุญาโตตลุ าการเปน ไปตามขอ บังคับหรือไม มีการแจง
กาํ หนดวนั นดั พจิ ารณาดว ยวาจาครงั้ แรกและครงั้ ถดั ไปมาใหผ คู ดั คา นทราบลว งหนา
โดยชอบหรอื ไม และกระบวนพจิ ารณาของคณะอนญุ าโตตลุ าการไมม คี วามเปน กลาง
เปน ผลใหผ คู ดั คา นไมส ามารถเขา ตอ สคู ดใี นชน้ั อนญุ าโตตลุ าการหรอื ไม ประเดน็ คดนี ี้
เก่ียวดวยเรื่องการแตงตั้งคณะอนุญาโตตุลาการท่ีมีการเสนอช่ือนาย ก. เปน
อนุญาโตตุลาการของฝายผูคัดคาน รับรองจากประธาน cietac ใหทําหนาท่ีเปน
อนุญาโตตุลาการน้ันเห็นวา ตามกฎขอบังคับ cietac มาตรา 24 และมาตรา 25
ไดความตามนัยของขอบังคับท้ัง 2 มาตราดังกลาววา ไมมีการหามคูความเสนอชื่อ
หรอื แตง ตงั้ อนญุ าโตตลุ าการนอกบญั ชรี ายชอื่ อนญุ าโตตลุ าการของ cietac แตอ ยา งใด
โดยเฉพาะขอบังคับมาตรา 24 (2) บัญญัติใหคูความสามารถตกลงกันเสนอชื่อ
อนุญาโตตุลาการฝายของตนนอกบัญชีรายช่ืออนุญาโตตุลาการ cietac เทานั้น
ดงั นน้ั ที่ cietac ปฏเิ สธไมเ หน็ ชอบดว ยโดยใหเ หตผุ ลวา นาย ก. ไมอ ยใู นบญั ชรี ายชอ่ื
จงึ เปน การแสดงความเหน็ ทไี่ มส อดคลอ งกบั ขอ บงั คบั คาํ สงั่ ไมเ หน็ ชอบดว ยกบั บคุ คล
ทผ่ี คู ดั คา นเสนอและคาํ สงั่ ปฏเิ สธนน้ั ไมไ ดร ะบเุ หตผุ ลอนื่ ใดอกี คงมแี ตผ คู ดั คา นเสนอ
ชื่อใหมภายใน 3 วนั เทาน้ัน โดยไมป รากฏวามีการระบใุ หเสนอชือ่ อนุญาโตตุลาการ
เฉพาะในบัญชีรายชือ่ เทาน้นั

รวมคาํ พิพากษาทนี่ า สนใจเกย่ี วกบั อนุญาโตตุลาการ 223

Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ

เมอื่ ผูค ัดคานตอ งขอขยายเวลาในการเสนอชอ่ื อนุญาโตตุลาการ ซง่ึ cietac
อนุญาตใหขยายเวลาไดแลวก็ตาม ผูคัดคานก็ยังคงเสนอชื่อนาย ก. ใหเปน
อนญุ าโตตลุ าการของฝา ยผคู ดั คา นอกี ครงั้ หนงึ่ แต cietac กย็ งั ปฏเิ สธวา บคุ คลทพ่ี ดู
คา นเสนอช่อื ไมใชบุคคลตามบญั ชรี ายชือ่ ของ cietac เชน เดมิ และแจงวา ประธาน
cietac มกี ารตัง้ อนุญาโตตุลาการฝายผูค ดั คานใหแ ทน และแตง ตั้งอนุญาโตตลุ าการ
ครบ 3 ทานแลว ตามเอกสารหมาย ร.16 วา ผูคัดคานไมมีโอกาสเสนอชื่อ
อนญุ าโตตลุ าการฝา ยตน อกี ครงั้ ปรากฏวา ขณะผคู ดั คา นเสนอชอื่ นาย ก. ไปยงั สถาบนั
cietac แลว cietac มีการสอบถามไปยังผูรองถึงบุคคลที่ผูคัดคานเสนอช่ือเปน
อนญุ าโตตลุ าการ ซง่ึ ผรู อ งมคี วามเหน็ คดั คา นไปยงั cietac วา ไมเ หน็ ดว ยทจ่ี ะแตง ตงั้
นาย ก. เปนอนุญาโตตุลาการฝายผูคัดคาน โดยอางเหตุผลวา ไมมีความรูความ
สามารถในกฎหมายจนี ซงึ่ เปน กฎหมายทใี่ ชบ งั คบั แกส ญั ญานี้ เหน็ วา กรณขี อ พพิ าท
เกย่ี วกบั สญั ญาซื้อขายตามเอกสารหมาย 4 ขอ 10 คูความตกลงใหระงับขอ พิพาท
ดวยฉันมิตรกอน หากไมสําเร็จจะตกลงใหเสนอขอพิพาทตอคณะกรรมการ
อนุญาโตตุลาการเศรษฐกิจและการคาระหวางประเทศจีนเทานั้น กรณีจึงไมอาจ
ตีความมีการตกลงใหมีการบังคับใชกฎหมายของประเทศจีนไปดวยแตอยางใด
ซ่ึงกรณีท่ีคูพิพาทมิไดกําหนดถึงกฎหมายท่ีจะนํามาใชบังคับขอพิพาทไว ในกรณี
ขอ พิพาทระหวางประเทศตามพระราชบญั ญัติอนุญาโตตลุ าการมาตรา 34 วรรค 2
บัญญตั วิ า ใหคณะอนญุ าโตตุลาการชี้ขาดขอพพิ าทไปตามกฎหมายไทย เวน แตเ ปน
กรณที ม่ี กี ารขดั กนั แหง กฎหมาย กใ็ หพ จิ ารณาจากหลกั วา ดว ยการขดั กนั แหง กฎหมาย
ท่ีคณะอนุญาโตตุลาการเห็นสมควรนํามาปรับใช ดังนั้น กรณีขอพิพาทระหวาง
ประเทศดงั กลา วถอื เปน กรณขี ดั กนั แหง กฎหมาย ซงึ่ ตอ งพจิ ารณาดว ยหลกั ขดั กนั แหง
กฎหมายทค่ี ณะอนญุ าโตตลุ าการเหน็ สมควร ขอ อา งของผรู อ งทคี่ ดั คา นการเสนอชอื่
นาย ก. วา ไมม คี วามรคู วามสามารถกฎหมายจนี จงึ เปน ขอ โตแ ยง ทคี่ าดเดาไปลว งหนา
วา จะตอ งใชก ฎหมายจนี ไปกอ นการแตง ตงั้ อนญุ าโตตลุ าการ ซง่ึ จะเปน ผพู จิ ารณาเรอื่ ง
การใชกฎหมายใดบังคับ เหตุผลที่ผูรองคัดคานจึงไมสมเหตุสมผล ท้ังบงช้ีถึงความ
ไมพยายามระงับขอพิพาทอยางฉันมิตรตามขอตกลงและไมเปนธรรม สวนกรณี
คณุ สมบตั แิ ละวฒุ กิ ารศกึ ษากบั ประสบการณข องนาย ก. จบปรญิ ญาตรนี ติ ศิ าสตรบณั ฑติ

224 รวมคําพพิ ากษาท่ีนาสนใจเก่ยี วกับอนุญาโตตลุ าการ

สถาบันอนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute

จากมหาวทิ ยาลยั ลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจกั ร และเปน สมาชกิ เนตบิ ณั ฑติ ยสภา
ของประเทศสหราชอาณาจกั ร จบปรญิ ญาโทนติ ศิ าสตรม หาบณั ฑติ จากมหาวทิ ยาลยั
เคมบรดิ จ และเนตบิ ณั ฑติ ไทย เคยทาํ งานทสี่ าํ นกั คณะกรรมการกฤษฎกี าในตาํ แหนง
เลขานกุ ารคณะกรรมการรา งกฎหมายตง้ั แตป  2521 ถงึ 2540 ซง่ึ สอื่ ใหเ หน็ คณุ ธรรม
ความเสยี สละของนาย ก. ในการดาํ รงตาํ แหนง ฐานะนกั กฎหมายในหนว ยงานของรฐั
เปน ระยะเวลานานและบง ชวี้ า นาย ก. เปน บคุ คลผมู คี วามรทู งั้ ในภาคทฤษฎแี ละภาค
ปฏิบัติทั้งเปนบุคคลท่ีเปนท่ีรูจักมีช่ือเสียงในวงกวางในดานความสามารถและ
คุณธรรมในวงการนักกฎหมายไทยในยุคสมัยหนึ่ง การที่ผูรองเปนนิติบุคคลตาง
ประเทศมคี วามเหน็ วา บคุ คลทผี่ คู ดั คา นเสนอใหเ ปน อนญุ าโตตลุ าการไมม คี วามพรอ ม
หรือความรูความสามารถหรือประสบการณน ้นั จึงเปนเพยี งความเห็นท่ีไมประกอบ
ดวยเหตุผลโดยมุง ท่จี ะใหม ีการตัง้ อนญุ าโตตุลาการตามบญั ชรี ายชื่อของ cietac ซงึ่
มแี ตบ คุ คลสญั ชาตจิ นี เปน สว นใหญเ ทา นนั้ ประกอบกบั เอกสารโตต อบกอ นมกี ารแตง ตง้ั
อนุญาโตตุลาการของฝายผูคัดคานแสดงใหเห็นวาผูคัดคานเรียกรองขอความ
รว มมอื จากผรู อ งเพอ่ื ใชก ระบวนการเจรจาฉนั มติ รตามขอ ตกลงทว่ั ไปของสญั ญากอ น
การเสนอขอพิพาทใหคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการ แตไมมีการดําเนินการจาก
ผรู อ งใหม กี ารเจรจาฉนั มติ รอยา งเพยี งพอตามขอ ตกลงทว่ั ไปของคสู ญั ญาทงั้ สองฝา ย
ใหเกิดข้ึนตามที่ผูคัดคานไดใชความพยายาม พฤติการณในการไมรับการเสนอช่ือ
อนญุ าโตตลุ าการของผคู ดั คา นของฝา ยผรู อ งจงึ ตอบไปในทางไมเ ปน ธรรมไมใ หโ อกาส
ผคู ัดคา นในการตอสคู ดอี ยา งเตม็ ทม่ี ากกวา ประกอบกบั พฤติการณของ cietac ใน
การดําเนินการแตงตั้งอนุญาโตตุลาการและการดําเนินกระบวนพิจารณามีลักษณะ
รวบรดั ไมมีการดาํ เนินการตามการรว มกนั ตามขอ ตกลง cietac มาตรา 24 (2) เพือ่
การแตง ต้ังอนุญาโตตลุ าการนอกบญั ชรี ายชอ่ื ของ cietac แตอ ยา งใดแลว คงมีเพยี ง
รับฟงแตคําปฏิเสธการเสนอช่ือของฝายผูรองแตฝายเดียว โดยเหตุผลท่ีอางก็
ไมสมเหตุสมผลกับข้ันตอนและกระบวนการพิจารณาชั้นแตงต้ังอนุญาโตตุลาการ
ดงั ทวี่ นิ จิ ฉยั ขา งตน ที่ cietac ดาํ เนนิ การแตง ตง้ั อนญุ าโตตลุ าการตามขอ บงั คบั มาตรา
25 มลี กั ษณะรวบรดั ไมใ หโ อกาสผคู ดั คา นในการแตง ตงั้ อนญุ าโตตลุ าการฝา ยของตน
จึงไมชอบดวยสนธิสัญญาวาดวยการยอมรับนับถือและการใชบังคับคําช้ีขาด

รวมคาํ พพิ ากษาทีน่ าสนใจเกีย่ วกบั อนุญาโตตลุ าการ 225

Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตลุ าการ

อนุญาโตตุลาการตางประเทศ คศ 1958 มาตรา 5 (1) และพระราชบัญญัติ
อนุญาโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 มาตรา 43 (5)

ตามวนิ จิ ฉยั มาทงั้ หมดขา งตน ขอ อา งทผี่ รู อ งนาํ สบื และทป่ี รากฏในคาํ แถลง
ปด คดี ไมว า จะดว ยเรอื่ งวธิ กี ารสง และการแจง เลอ่ื นวนั นดั หรอื การแจง วนั นดั โดยการ
สงจดหมายอิเล็กทรอนิกส หรือเหตุผลการกําหนดระยะเวลาแจงนัดพิจารณาดวย
วาจาทัง้ 2 คร้ังของ cietac อางวาเปน กาํ หนดเวลาท่ีเพียงพอเหมาะสมแลวทง้ั หมด
นน้ั ยงั ไมม เี หตผุ ลหรอื นาํ้ หนกั เพยี งพอหกั ลา งขอ ทวี่ า ดว ยการแจง วนั นดั พจิ ารณาครง้ั
แรกทไ่ี มป ฏิบัตติ ามขอบงั คับ cietac มาตรา 35 ประกอบประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย มาตรา 193/3 และ 193/4 ทั้งกระบวนพิจารณาและการแตงต้ัง
อนญุ าโตตลุ าการมลี กั ษณะขดั ตอ หลกั การดาํ เนนิ การโดยสจุ รติ และเปน กลางตามสนธิ
สัญญา New York convention ค. ศ. 1958 มาตรา 5(1) (B) และ (D) และ
พระราชบญั ญัตอิ นุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 43และ มาตรา 44 ดังท่ีวนิ ิจฉัย
ทางนําสืบของผูคัดคานมีนํ้าหนักควรรับฟงไดมากกวาผูรอง ศาลจึงไมอาจยอมรับ
นับถือและใชบังคับตามคําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการระหวางประเทศจีน cietac
ตามคาํ รอ งของผรู องได

226 รวมคําพพิ ากษาทนี่ าสนใจเกี่ยวกบั อนุญาโตตุลาการ

สถาบันอนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute

รวมคาํ พพิ ากษาท่นี าสนใจเก่ยี วกับอนญุ าโตตลุ าการ 227


Click to View FlipBook Version