Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตลุ าการ
เมื่อมีขอเรียกรองเขามา ปกติอนุญาโตตุลาการจะมีการสั่งขอเรียกรองวา
“รับขอเรียกรอง สําเนาใหค ูพ พิ าทอกี ฝายยนื่ คําคดั คานภายใน ..... วนั นับแตวนั ได
รบั ขอ เรยี กรอ ง” ซงึ่ อาจเขยี นตอ ไปวา “หากไมย นื่ ใหถ อื วา ไมต ดิ ใจคดั คา น” เนอื่ งจาก
คาํ คดั คา นจะตอ งยกขอ ตอ สคู ดี ถงึ แมไ มม คี าํ คดั คา นของอกี ฝา ยหนงึ่ อนญุ าโตตลุ าการ
ก็สามารถดําเนินการตามอํานาจหนาท่ีท่ีบัญญัติไวในมาตรา 31 (2) ซึ่งบัญญัติวา
ดาํ เนินกระบวนพจิ ารณาตอไป ถาคพู พิ าทฝายทถี่ ูกเรยี กรองไมยืน่ คาํ คดั คา น ตามที่
กําหนดไวในมาตรา 29 วรรคหนึ่ง แตทั้งน้ี มิใหถือวาการไมย่ืนคําคัดคานดังกลาว
เปนการยอมรับตามขอเรียกรองนั้น ซึ่งอนุญาโตตุลาการก็อาจพิจารณาคดี
ไปฝายเดยี วได
หลงั จากอนญุ าโตตลุ าการมคี าํ สงั่ กจ็ ะเกบ็ คาํ รอ งนนั้ รวมเขา สาํ นวน ขอ เรยี กรอ ง
นั้นอาจมีการแนบเอกสารพรอมกันบัญชีพยาน ซึ่งบัญชีพยานน้ันจะย่ืนหรือไมก็ได
เพราะอยางไรก็ตามอนุญาโตตุลาการจะตองเปดโอกาสใหคูพิพาทสืบพยาน
ตามพฤติการณแหงขอพิพาท เวนแตคูพิพาทจะตกลงเปนอยางอ่ืนวาไมตองมี
การสืบพยาน ใหสงเฉพาะเอกสารแลวใหอนุญาโตตุลาการดําเนินการไดเลย แตใน
กรณีนี้ เขาจะไมตกลงกันไวลว งหนา เพราะยังไมเห็นขอเรียกรองหรอื คาํ คดั คา นของ
อกี ฝา ยหนงึ่ กจ็ ะมกี ารยน่ื เอกสารทเี่ กย่ี วขอ งกบั ขอ เรยี กรอ งและบญั ชพี ยาน โดยปกติ
เมอื่ คพู พิ าทเสนอบญั ชพี ยานพรอ มกบั ขอ เรยี กรอ ง อนญุ าโตตลุ าการกจ็ ะสงั่ ในบญั ชวี า
“รวม.....อนั ดบั ” และสงั่ ตอ ไปวา “สาํ เนาใหอ กี ฝา ย” ตามมาตรา 30 บรรดาเอกสารตา ง ๆ
ตองเปดโอกาสใหสง ใหอีกฝา ยหนง่ึ
ทางคพู ิพาทฝา ยตรงขามท่ีถกู เรียกรอ ง เราเรยี กวา “ผูคดั คา น” ซ่งึ ผูคัดคาน
มีหนาที่ตองทําคําคัดคานเขามาภายในกําหนด ถาผูคัดคานไมยื่นคําคัดคานเขามา
นติ กิ รจะรายงานคณะอนญุ าโตตลุ าการวา บดั นค้ี รบกาํ หนด คพู พิ าทฝา ยทถี่ กู เรยี กรอ ง
มไิ ดย นื่ คาํ คดั คา นเขา มาภายในกาํ หนด ขอใหด าํ เนนิ การตอ ไป แตถ า หากผคู ดั คา นได
ยื่นคําคัดคานเขามา นิติกรจะเสนอคําคัดคานตอคณะอนุญาโตตุลาการ
อนญุ าโตตลุ าการกจ็ ะสงั่ วา “รบั คาํ คดั คา น” เหตทุ ต่ี อ งตรวจคาํ คดั คา นเพราะจะทาํ ให
เห็นประเด็นวาทางฝายผูเรียกรองมีประเด็นขอพิพาทวาอยางไร และผูคัดคาน
150 การตรวจและสั่งคาํ คคู วาม/คํารอ ง (ปฏิบตั )ิ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
มีการใหการโตแยงในประเด็นใด ถาประเด็นใดท่ีผูคัดคานไมโตแยงประเด็นนั้นก็จะ
ยตุ ิ เพอ่ื ทอี่ นุญาโตตลุ าการจะไดอ ธบิ ายในวนั ทีน่ ัดพิจารณานดั แรก วันนัดพิจารณา
นัดแรกคูพิพาทเขาก็จะกําหนดวิธีพิจารณาที่เขาจะตกลงกันไวเปนอยางอ่ืน
ถาไมตกลงกันไวเปนอยางอื่น อนุญาโตตุลาการก็ดําเนินการไปตามอํานาจหนาที่
ท่กี ฎหมายบญั ญตั ิไว
ในสวนท่มี คี ําคัดคาน อนญุ าโตตุลาการจะมคี ําสงั่ วา “รับคําคัดคา น” หรือ
“คาํ คดั คานย่นื ภายในกําหนด รบั คาํ คัดคาน สาํ เนาใหอกี ฝา ย” หากผูคัดคานยนื่ เกนิ
กําหนดระยะเวลา ใหถามอีกฝายหน่ึงวาจะคานหรือไม เพ่ือใหขอพิพาทระงับและ
มีโอกาสตอสูคดี หากคูพิพาทอีกฝายหนึ่งไมคาน ใหอนุญาโตตุลาการมีคําสั่งรับ
คําคัดคา นน้นั แตห ากย่นื ภายในกําหนดใหอนญุ าโตตุลาการรับคาํ คัดคา นนัน้ ไดเลย
การดําเนินการตอไปคือ ใหคณะอนุญาโตตุลาการกําหนดนัดพิจารณา
โดยปกติจะมีการกําหนดวันนัดพรอมเพื่อกําหนดวันนัดพิจารณา ในวันนัดพรอม
อนุญาโตตุลาการจะมีโอกาสคุยกับคูพิพาทท้ังสองฝาย ซึ่งอาจตรวจวาผูรับมอบ
อํานาจน้ันมอี ํานาจดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณาแทนคพู พิ าทไดห รอื ไม
มาตรา 8 ระบวุ า ในกรณที คี่ สู ญั ญาฝา ยใดรวู า บทบญั ญตั ใิ ดในพระราชบญั ญตั นิ ี้
ซึ่งคูสัญญาอาจตกลงเปนอยางอื่นได หรือคูสัญญาอีกฝายหน่ึงยังมิไดปฏิบัติตาม
เงือ่ นไขทกี่ ําหนดไวในสญั ญาอนญุ าโตตลุ าการ ถา คูสญั ญาฝายนน้ั ยังดาํ เนนิ กระบวน
พจิ ารณาในชนั้ อนญุ าโตตลุ าการโดยไมค ดั คา นการไมป ฏบิ ตั ขิ องคสู ญั ญาอกี ฝา ยหนง่ึ
ภายในเวลาอนั สมควรหรอื ภายในเวลาทก่ี าํ หนดไว ใหถ อื วา คสู ญั ญาฝา ยนนั้ สละสทิ ธิ
ในการคดั คา น ดงั นน้ั หากคพู พิ าทไมค ดั คา นภายในระยะเวลาอนั ควรกถ็ อื วา สละสทิ ธิ
และหากไปคัดคานตอศาล ศาลก็จะไมรับฟงเพราะไมตองดวยกรณีท่ีจะยกข้ึน
เปนเหตุคัดคานคําช้ีขาดตอศาลได แตหากคูพิพาทยกขอคัดคานเขามา
ใหอนุญาโตตุลาการมีคําส่ัง “รับคํารอง สําเนาใหอีกฝาย” โดยการส่ังในรายงาน
อนญุ าโตตลุ าการ เพราะฉะนน้ั สง่ิ ทอี่ นญุ าโตตลุ าการจะตอ งส่ังไดแ ก 1. คําคคู วาม
2. ภาษาท่ีใชในการดําเนินกระบวนพิจารณา ซึ่งคูพิพาทสามารถตกลงกันไดวา
จะใชภ าษาอะไรในการดําเนินกระบวนพิจารณา
การตรวจและสัง่ คาํ คคู วาม/คาํ รอ ง (ปฏบิ ัติ) 151
Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตุลาการ
กรณีที่พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการกําหนดไวเปนอยางอื่น ไมใชเปน
กรณีท่ีจะดําเนินการในชั้นอนุญาโตตุลาการได โดยขอพิพาทบางอยางตองเสนอ
ตอศาล กรณีแรกคือ วิธกี ารช่ัวคราว ในมาตรา 16 บญั ญัติวา คูส ญั ญาทไ่ี ดทาํ สญั ญา
อนุญาโตตุลาการไว อาจยื่นคํารองยื่นตอศาลที่มีเขตอํานาจใหมีคําส่ังใหใชวิธีการ
ชวั่ คราวเพอื่ คมุ ครองประโยชนข องตนกอ น หรอื ขณะดาํ เนนิ การทางอนญุ าโตตลุ าการ
ได ถาศาลเห็นวากระบวนพิจารณาน้ันหากเปนการพิจารณาของศาลแลวศาลทําให
ไดก ็ใหศาลจดั การใหต ามคํารองนน้ั ทัง้ นี้ ใหนําบทบญั ญัตแิ หงกฎหมายวิธพี ิจารณา
ความของศาล ในสวนทเ่ี กยี่ วกบั การนน้ั มาใชบ งั คบั โดยอนุโลม จะเหน็ ไดวา มาตรา
ดังกลาวไดกําหนดใหคูพิพาทย่ืนคํารองนั้นตอศาล ขณะที่กระบวนการ
อนญุ าโตตลุ าการอาจจะเกดิ ขนึ้ หรอื ยงั ไมเ กดิ ขน้ึ กไ็ ด อาจจะยงั ไมไ ดเ สนอขอ เรยี กรอ ง
หรอื อาจจะยงั ไมไ ดด าํ เนนิ การสง ขอ เรยี กรอ งใหอ กี ฝา ยหนงึ่ หรอื ขณะดาํ เนนิ การทาง
อนญุ าโตตลุ าการ เกดิ มกี รณที คี่ พู พิ าทจาํ เปน จะตอ งขอใหก าํ หนดวธิ กี ารเพอื่ คมุ ครอง
ประโยชน เชน ฟอ งเรยี กรอ งคา เสยี หาย บดั นจี้ าํ เลยกาํ ลงั ปด กจิ การ ขนยา ยทรพั ยส นิ
โอนท่ดี นิ อนั เปน ท่ีตั้ง ยักยายถายเททรพั ย หรอื อาจจะฟอ งเร่อื งละเมิดตอสมั ปทาน
บัดนี้ เขาอาจจะกําลังขุดสัมปทานน้ันอยู ซ่ึงบัดนี้เกิดขอพิพาทเกิดขึ้นและจําเปน
จะตอ งใหห ยดุ การกระทําน้นั โดยเรง ดว น มิฉะนน้ั แลว หากตนเปนฝายชนะก็ไมอาจ
บังคับตามขอเรียกรองนั้นได วิธีการน้ีเรียกวา มาตรการในทางแพงเพ่ือคุมครอง
ประโยชน หากเขา หลักเกณฑท ีศ่ าลจะสัง่ ใหได
บทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพงที่เก่ียวของและจะนํามาใชนั้น คือมาตรา
264 ซ่งึ ระบุวา ในกรณอี ืน่ นอกจากมาตรา 253 และ 254 คคู วามอาจยนื่ คําขอให
ศาลมีคําสั่งเพื่อคุมครองประโยชนของผูขอในระหวางพิจารณาหรือเพื่อบังคับตาม
คาํ พพิ ากษาหรอื คาํ สงั่ ได เชน 1. ใหน าํ ทรพั ยส นิ ทพี่ พิ าทหรอื เงนิ ทพี่ พิ าทมาวางตอ ศาล
2. กาํ หนดใหต ง้ั ผจู ดั การรา นคา หรอื ทรพั ยส นิ ทพี่ พิ าทเพอื่ ดแู ลกจิ การหรอื รา นคา เชน
วานั้น 3. ตั้งผูปกครองของผูไรความสามารถซึ่งอยูในความดูแลแกบุคคลภายนอก
เปนตน ปกติการยึดหรืออายัดน้ันถาเปนไปตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง
การคุมครองประโยชนจะทําไมได แตในช้ันของการคุมครองประโยชนตามพระราช
บัญญัติอนุญาโตตุลาการ เพ่ือเปนการคุมครองสิทธิในการท่ีจะบังคับตามคําช้ีขาด
152 การตรวจและส่ังคําคคู วาม/คาํ รอง (ปฏบิ ตั ิ)
สถาบนั อนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
ในทสี่ ดุ ตนเองเปน ฝา ยชนะยอ มกระทาํ ได ตวั บทใชค าํ วา “โดยอนโุ ลม” เพราะฉะนน้ั
บทบัญญัตินี้การคุมครองคือสิ่งท่ีพิพาทกันใหไดรับความคุมครองไวในระหวาง
พิจารณาหรือเพ่ือการบังคับ ฉะน้ันไมวาจะเปนคูพิพาทในระหวางที่ดําเนินการทาง
อนุญาโตตุลาการไมวาจะเปนฝายผูยื่นขอเรียกรองหรือฝายท่ีถูกเรียกรองก็มีสิทธิ
ขอคมุ ครองได เพราะในตวั บทเขยี นไวใ นขอ 16 นน้ั ไมไ ดเ จาะจงเฉพาะฝา ยทย่ี น่ื ขอ เรยี กรอ ง
ฝายท่ียื่นคําคัดคานก็มีสิทธิท่ีจะขอคุมครองประโยชนไดถาหากประโยชนน้ันเปน
ส่ิงที่พิพาทกันเชน มหาวิทยาลัยแหงหนึ่งจางผูรับเหมามาทําการกอสรางในงบ
ประมาณ 1,000 ลา นบาท ปรากฏวา ในขอ สญั ญาจา งมกี ารระบวุ า หากเกดิ ขอ พพิ าท
เก่ียวกับเร่ืองของการผิดสัญญาใหตั้งอนุญาโตตุลาการ ปรากฏวายังไมมีการตั้ง
อนุญาโตตุลาการ ฝายโจทกซ่ึงเปนผูรับจางไดละท้ิงงานท่ีไดดําเนินการไปแลว
ประมาณ 60 เปอรเ ซน็ ต แตใ นขณะเดยี วกนั กท็ ง้ิ เครอื่ งจกั รรวมถงึ วสั ดกุ อ สรา งไวด ว ย
ปรากฏวา โจทกซ ง่ึ เปน ผรู บั จา ง ฟอ งมหาวทิ ยาลยั กลา วอา งวา มหาวทิ ยาลยั ไมจ า ยคา จา ง
ตามงวดงานท่ีกําหนดไว และเกิดการโตเถียงกันวาอีกฝายหน่ึงผิดสัญญา
ทางมหาวิทยาลัยไดขอคมุ ครองประโยชน ขอใหศ าลต้ังผรู กั ษาทรพั ยสินไว และเงิน
คารักษาทรัพยสินนั้นเปนคาธรรมเนียมรักษาทรัพย ซี่งตัวโจทกก็ไดเถียงวาเร่ืองนี้
โจทกเปนผูฟอง จําเลยไมมีสิทธิย่ืนคํารองขอคุมครองประโยชน เราตองกลับไปดู
สญั ญาการกอ สรา งซงึ่ มขี อ ตกลงเกยี่ วกบั อนญุ าโตตลุ าการ ซงึ่ มขี อ ตกลงวา หากฝา ยหนงึ่
ฝายใดผิดสัญญา ยินยอมใหทรัพยสิน ส่ิงของ รวมตลอดทั้งการกอสรางทั้งหลาย
ทั้งปวงท่ีไดดําเนินการไปแลว ตกลงเปนสมบัติหรือกรรมสิทธิของผูวาจาง ผลที่สุด
แลวถาศาลชี้ขาดวาฝายผูรับจางเปนฝายผิดสัญญา ทรัพยสินท้ังหลายก็ยอมตกเปน
ของผูวาจาง ผูวาจางจึงมีประโยชนเกี่ยวของดวยตัวทรัพย แมไมมีขอเรียกรอง
ศาลกช็ อบทจ่ี ะคมุ ครองประโยชนโ ดยการใหจ ดั หาผรู กั ษาทรพั ยแ ละใหค า รกั ษาทรพั ย
นน้ั เปน คา ธรรมเนยี มทฝี่ า ยแพค ดจี ะตอ งชดใชใ หแ กอ กี ฝา ยหนงึ่ ในสว นนเี้ ปน อาํ นาจ
ของศาลเพราะเปนเรอ่ื งท่ีมีผลกระทบตอทรัพยสินโดยตรง
เรอ่ื งทสี่ อง การขอใหศ าลออกหมายเรยี กพยานหรอื คาํ สง่ั เรยี กเอกสาร หรอื
วตั ถุ ตามมาตรา 33 ถา คพู พิ าทยนื่ มาทอ่ี นญุ าโตตลุ าการ พเิ คราะหแ ลว กรณเี ปน การ
ขอใชว ธิ กี ารชว่ั คราวมไิ ดอ ยใู นอาํ นาจของอนญุ าโตตลุ าการทจี่ ะดาํ เนนิ การได คพู พิ าท
การตรวจและส่ังคาํ คคู วาม/คาํ รอ ง (ปฏบิ ตั ิ) 153
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ
ชอบท่ีจะไปเสนอขอเรียกรองเชนวานั้นตอศาลที่มีเขตอํานาจ ใหยกคํารองนั้นเสีย
แตหากมีคณะอนุญาโตตุลาการจะตองปรึกษากัน โดยอาศัยเสียงขางมากในการทํา
คําสง่ั คําสงั่ ใด ๆ กต็ ามทีส่ ั่งจะตอ งรวมอยูใ นสํานวน และเรื่องนี้เปนกรณที ่ีสามารถ
สัง่ ไดโ ดยตรง ในกรณนี ้สี ามารถมีคาํ สง่ั “ยกคํารอง สาํ เนาใหอกี ฝาย” เพราะฉะน้ัน
เวลามคี าํ ส่งั อนุญาโตตลุ าการตองไมล มื ท้งิ ทายวา “สาํ เนาใหอกี ฝาย” ซง่ึ เปนไปตาม
มาตรา 30
คํารองบางเร่ืองอนุญาโตตุลาการสามารถส่ังไดแตมีขอยกเวน เชน จะตอง
ฟงอีกฝายหนึ่งกอนมีการส่ังคํารอง ถามีขอยกเวนอนุญาโตตุลาการอาจส่ัง “สําเนา
ใหอ กี ฝาย รอไวส ่งั ในวนั นัด” หรือ “สาํ เนาใหอ ีกฝาย รอไวส อบสัง่ ในวนั นดั ” ซึง่ คือ
การใหโอกาสอีกฝายหน่ึงคัดคานคํารองน้ัน แลวอนุญาโตตุลาการจึงนํามาพิจารณา
วา มคี วามจาํ เปน หรอื ไมท จี่ ะตอ งมกี ารไตส วนกอ นจะมคี าํ สง่ั คาํ รอ งนนั้ ถา เปน การเรยี ก
สงิ่ ของหรือเอกสารจะใชค ําวาคําสัง่ เรียก ซึ่งสอดคลองกบั วธิ พี ิจารณาความแพง
ถาเปนการเรียกพยานบุคคลจะใชคําวาหมายเรียก แตการท้ังหลายท้ังปวง
อนุญาโตตุลาการไมสามารถออกหมายเองได ข้ันตอนดังกลาวน้ีจะตองยื่นคําขอ
ตอ ศาล ซง่ึ มาตรา 33 บญั ญัตวิ า
มาตรา 33 คณะอนุญาโตตุลาการหรืออนุญาโตตุลาการคนใดคนหนึ่งหรือ
คูพิพาทฝายใดฝายหนึ่งโดยความยินยอมของคณะอนุญาโตตุลาการเสียงขางมาก
อาจยนื่ คาํ รอ งตอ ศาลทมี่ เี ขตอาํ นาจใหอ อกหมายเรยี กพยานหรอื มคี าํ สงั่ ใหส ง เอกสาร
หรอื วัตถุใดกไ็ ด
ในกรณีทีศ่ าลเห็นวา การดําเนินกระบวนพจิ ารณาตามคํารองตามวรรคหนึง่
ถา เปน การพจิ ารณาของศาลแลว ศาลอาจะทาํ ใหไ ด กใ็ หศ าลจดั การใหต ามคาํ รอ งนน้ั
ท้ังน้ี ใหนําบทบัญญัติแหงกฎหมายวิธีพิจารณาความของศาลในสวนท่ีเก่ียวกับ
การนัน้ มาใชบ งั คับโดยอนโุ ลม
จะเห็นไดวาเหมือนกับวิธีการช่ัวคราว คือ เปนอํานาจของศาล โดยศาล
จะมีคําส่ังเรียกเอกสาร เรียกพยานวัตถุ หรือหมายเรียกพยานบุคคล ตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 111 (1) (2)
154 การตรวจและสัง่ คาํ คคู วาม/คาํ รอง (ปฏบิ ัต)ิ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
อกี กรณหี นึ่งในมาตรา 46 เขียนไวชัดเจนวา
มาตรา 46 ในกรณที คี่ พู พิ าทมไิ ดต กลงกนั ไวเ ปน อยา งอน่ื คา ธรรมเนยี มและ
คา ใชจ า ยในชน้ั อนญุ าโตตลุ าการ ตลอดจนคา ปว ยการอนญุ าโตตลุ าการ แตไ มร วมถงึ
คาทนายความและคาใชจายของทนายความ ใหเปนไปตามท่ีกําหนดไวในคําช้ีขาด
ของคณะอนุญาโตตลุ าการ
ในกรณที ม่ี ไิ ดก าํ หนดคา ธรรมเนยี มและคา ใชจ า ยในชน้ั อนญุ าโตตลุ าการหรอื
คาปวยการอนุญาโตตุลาการไวในคําช้ีขาด คูพิพาทฝายใดฝายหนึ่งหรือ
คณะอนุญาโตตุลาการอาจยื่นคํารองใหศาลท่ีมีเขตอํานาจมีคําส่ังเรื่องคาธรรมเนียม
และคาใชจายในชั้นอนุญาโตตุลาการและคาปวยการอนุญาโตตุลาการไดตามที่เห็น
สมควร
จากมาตรา 46 นน้ั จะเหน็ ไดวา กรณีดงั กลา วเกีย่ วดว ยในชัน้ พจิ ารณาจะมี
อยู 3 ประการ ท่ีจะตองเสนอตอศาล หากไมมกี ารกาํ หนดไวใ นคาํ ชีข้ าด คอื เร่ือง
คา ธรรมเนยี มและคา ใชจายในชน้ั อนญุ าโตตลุ าการและคาปว ยการอนุญาโตตุลาการ
ตอ ไปคอื เรอื่ งทพี่ ระราชบญั ญตั กิ าํ หนดไวเ ปน อยา งอนื่ จะเรยี งตามลาํ ดบั ของ
กระบวนพิจารณาทจี่ ะตองปฏบิ ัตใิ นชนั้ อนุญาโตตุลาการ
หวั ขอ แรกคอื สถานทใี่ นการดาํ เนนิ การทางอนญุ าโตตลุ าการ คกู รณสี ามารถ
กําหนดสถานทเี่ พอื่ ดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการได ตามมาตรา 26 ซงึ่ บัญญัตวิ า
มาตรา 26 คูพิพาทอาจตกลงกําหนดสถานที่ในการดําเนินการทาง
อนุญาโตตุลาการไวก็ได ในกรณีท่ีไมมีขอตกลงเชนวานั้น ใหคณะอนุญาโตตุลาการ
กาํ หนดสถานทีโ่ ดยคํานึงถึงสภาพแหงขอ พิพาทและความสะดวกของคพู พิ าท
ในกรณีท่ีคูพิพาทมิไดตกลงกันไวเปนอยางอ่ืน คณะอนุญาโตตุลาการอาจ
กาํ หนดสถานทอี่ น่ื ใดนอกเหนอื จากทก่ี าํ หนดไวต ามวรรคหนง่ึ เพอื่ ดาํ เนนิ การปรกึ ษา
หารอื เพ่อื สบื พยานบุคคล ผเู ชยี่ วชาญหรือคพู พิ าท หรอื เพ่ือตรวจสอบวตั ถุ สถานท่ี
หรือเอกสารใด ๆ กไ็ ด
การตรวจและสัง่ คําคูความ/คาํ รอ ง (ปฏบิ ตั )ิ 155
Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตลุ าการ
ซง่ึ โดยปกตแิ ลว คพู พิ าทจะตกลงกนั และทาํ คาํ แถลงตอ อนญุ าโตตลุ าการ เชน
การดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการใหไปนั่งพิจารณาดําเนินการที่บริษัทคูพิพาท
ฝายผูเรียกรอง หากคูพิพาทมีการกําหนดสถานที่ไว อนุญาโตตุลาการไมสามารถ
ส่ังเปนอยางอ่ืนได แตอยางไรก็ดี หากคูพิพาทไมไดตกลงกันไวเปนอยางอ่ืน
อนญุ าโตตุลาการมีสิทธใิ นการท่ีจะออกไปเดนิ เผชญิ สบื พยานนอกสถานทไ่ี ด
โดยอนุญาโตตุลาการจะตองระมัดระวังไมใหมีการนําคดีขึ้นสูศาล ซ่ึงตาม
มาตรา 45 จะเปนชองทางท่ีทําใหขอ พิพาทนัน้ เสรจ็ ไดในช้นั อนญุ าโตตุลาการอยา ง
แทจ ริง
มาตรา 28 คูพิพาทอาจตกลงกําหนดภาษาที่จะใชในการดําเนินกระบวน
พจิ ารณาได ในกรณที ไ่ี มม ขี อ ตกตลงเชน วา นน้ั ใหค ณะอนญุ าโตตลุ าการเปน ผกู าํ หนด
และถามิไดกําหนดไวโดยเฉพาะเปนอยางอื่น ขอตกลงหรือขอกําหนดเชนวานี้ใหใช
บังคับถึงขอเรียกรอง คาํ คดั คาน คํารองทท่ี ําเปน หนังสือของคูพ ิพาท การสบื พยาน
คําชข้ี าด คาํ วินิจฉัยหรอื การส่ือสารใด ๆ ทีท่ าํ โดยหรอื ทําตอ คณะอนญุ าโตตลุ าการ
ดวย
คณะอนุญาโตตุลาการอาจมีคําสั่งใหแนบคําแปลเอกสารท่ีคูพิพาทอางเปน
พยาน เปนภาษาตามที่คูพิพาทตกลงกันไวหรือตามท่ีคณะอนุญาโตตุลาการกําหนด
ก็ได
ในสวนของภาษาท่ใี ชน ัน้ มาตรา 28 คคู วามอาจตกลงกําหนดภาษาทจ่ี ะใช
ในการดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณาได แตห ากเปน ภาษาตา งประเทศนนั้ อนญุ าโตตลุ าการ
อาจส่ังใหคูพิพาทแปลเปนภาษาไทยได ตามมาตรา 28 วรรคสอง แตหากคูพิพาท
แปลเอกสารมาไมครบถวนนั้น อนุญาโตตุลาการมีอํานาจที่จะสั่งใหคูพิพาทฝายนั้น
แปลเอกสารใหค รบถว นได การแปลเอกสารนน้ั ไมส ามาถคดั คา นการแปลในชนั้ ศาล
และไมเปนเหตุใหศาลเพิกถอนคาํ ชี้ขาดได
มาตรา 29 ภายในระยะเวลาทค่ี พู พิ าทตกลงกนั หรอื ทค่ี ณะอนญุ าโตตลุ าการ
กําหนด ถาคูพิพาทมิไดตกลงกันไวเปนอยางอ่ืน คูพิพาทฝายท่ีเรียกรองตองแสดง
156 การตรวจและสัง่ คําคูความ/คํารอง (ปฏิบตั )ิ
สถาบนั อนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
ขอเท็จจริงเพ่ือสนับสนุนขอเรียกรอง ประเด็นขอพิพาท และคําขอบังคับของตน
สว นคพู พิ าทฝา ยทถ่ี กู เรยี กรอ งตอ งแสดงในคาํ คดั คา นถงึ ขอ ตอ สขู องตน ทง้ั น้ี คพู พิ าท
อาจแนบเอกสารทเ่ี กยี่ วขอ งหรอื บญั ชรี ะบพุ ยานทรี่ ะบถุ งึ เอกสารหรอื พยานหลกั ฐาน
อ่ืนที่ประสงคจะอา งเปน พยานมาดว ยก็ได
ในกรณีท่ีคูพิพาทมิไดตกลงกันไวเปนอยางอื่น คูพิพาทฝายใดฝายหน่ึงอาจ
ขอแกไขเพ่ิมเติมขอเรียกรองหรือคําคัดคานในระหวางพิจารณาก็ได เวนแต
คณะอนญุ าโตตลุ าการเหน็ วา การแกไ ขเพม่ิ เตมิ นน้ั ไมส มควร เมอ่ื คาํ นงึ ถงึ ความลา ชา
ท่ีจะเกิดข้นึ
การแกไขขอ เรยี กรองหรือคาํ คัดคา น มาตรา 29 วรรคทาย เปนบทบญั ญตั ิ
ทใี่ หท าํ เปนคาํ รอง วิธปี ฏบิ ัติ เขาจะตองยื่นคาํ แถลง คาํ รอ งเขามา สําเนาใหอกี ฝา ย
สอบแลวก็พิเคราะหสั่ง การส่ังจะส่ังอนุญาตหรือการส่ังจะอยูในอํานาจของ
อนญุ าโตตลุ าการหรอื ไมน น้ั ตอ งดจู ากตวั บทกฎหมายทเี่ กยี่ วขอ ง เชน กรณตี ามมาตรา 28
คูพิพาทตกลงจะใชภาษาอะไรในการดําเนินกระบวนพิจารณา อนุญาโตตุลาการจะ
ใชด ุลยพินจิ ไปเปลยี่ นภาษาไมไ ด
สวนการสืบพยานหรือการฟงคําแถลงการณดวยวาจาหรือเปนหนังสือ
มีบัญญตั ิไวในมาตรา 30 เปน เร่ืองของการสงสําเนา
การดําเนนิ การของอนญุ าโตตุลาการ คําส่งั ยตุ ติ ามมาตรา 31 กรณีท่ีมคี ําสัง่
ยุติในกรณีที่ฝายที่สั่งใหเขาเสนอขอเรียกรองเปนหนังสือแลวไมดําเนินการภายใน
กําหนด ใหย ุติกระบวนการ สวนคาํ คดั คา นไมส งไมเ ปน ไร มาตรา 31 (2) ใหดําเนิน
การตอไป แตมิใหถือวาการที่ไมย่ืนคําคัดคานน้ันเปนการยอมรับขอเท็จจริงตาม
ขอ เรียกรอ ง มาตรา31 (3) ดําเนนิ กระบวนพิจารณาตอ ไป ถาคูพ ิพาทฝายใดไมม าใน
วนั นดั สบื พยานหรอื ในนดั พจิ ารณาหรอื ไมเ สนอพยานหลกั ฐานใด ๆ และใหม คี าํ ชข้ี าด
ตอไป กใ็ หอา นดูวาจาํ เปนจะตอ งมกี ารสืบพยานหรอื ไม หรืออยางนอ ยนดั พจิ ารณา
เพ่ือตรวจเอกสารและทําความเขาใจเอกสารท่ีคูพิพาทยื่นเขามาเสียกอนวาครบถวน
ถูกตองหรอื ไม สามารถวนิ จิ ฉัยชขี้ าดไดหรือไม
การตรวจและสัง่ คําคคู วาม/คาํ รอง (ปฏิบัติ) 157
Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตลุ าการ
ในกรณมี ขี อ สงสยั เกย่ี วกบั การไมม าในวนั นดั ของเขา ในมาตรา 31 วรรคทา ย
บญั ญัติให อนุญาโตตลุ าการมีอาํ นาจไตสวนถงึ เหตทุ ่ีเขาไมมาได ถา ไมม ีเหตอุ นั ควร
ก็จะตองถือวากระบวนการนี้เปนอันจบไป อนุญาโตตุลาการสามารถช้ีขาดไปได
แตถา เหน็ วามีเหตทุ ่ที ําใหเขาไมมา คณะอนุญาโตตุลาการกม็ ีอาํ นาจท่ีจะใหเลื่อนนัด
ดังกลาวออกไปได
มาตรา 21 ของกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงจะเปนตัวท่ีกําหนดวิธี
พิจารณาในทางศาล แตจ ะเปน หลักใหส ําหรับอนญุ าโตตุลาการในการทจ่ี ะพจิ ารณา
คาํ รอ งคาํ ขอตาง ๆ ซึ่งสว นทจ่ี ะเกี่ยวขอ งกับอนุญาโตตุลาการนน้ั จะมีดังนี้
มาตรา 21 (1) (2) และ (4) บางเรือ่ งจําเปนตองไตสวน อนญุ าโตตุลาการ
ก็สามารถที่จะไตสวนในเรื่องนั้นได แตในช้ันอนุญาโตตุลาการการไตสวนบรรดา
เหตุตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหวางการพิจารณาช้ันอนุญาโตตุลาการไมคอยพบเห็นนัก
เน่ืองจากจะเปนการทําใหกระบวนพิจารณาอนุญาโตตุลาการมีความลาชา แตก็
สามารถไตสวนไดเ ทา ทจ่ี าํ เปน
สว นการขอคดั บรรดาถอ ยคาํ ของพยานฝา ยตนในระหวา งกระบวนพจิ ารณา
ชั้นอนญุ าโตตลุ าการนนั้ ไมส ามารถทําได เปน เรือ่ งตองหาม
158 การตรวจและสง่ั คําคคู วาม/คํารอง (ปฏบิ ัติ)
สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute
รวมคาํ พพิ ากษาท่ีนาสนใจเกี่ยวกบั อนญุ าโตตลุ าการ
รวมคําพพิ ากษาทีน่ า สนใจเก่ียวกับอนญุ าโตตลุ าการ 159
Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตุลาการ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุด ท่ี อ.1287/2560
เรื่อง คดีพิพาทเกย่ี วกับเร่ืองทีม่ ีกฎหมายกาํ หนดใหอยใู นเขตอํานาจศาลปกครอง
(อทุ ธรณคาํ พพิ ากษา)
ขอเท็จจริงรับฟงไดวา ผูรองวาจางผูคัดคานใหทําการกอสรางถนนลงดิน
ลูกรัง และวางทอระบายน้ําพรอมปายประชาสัมพันธโครงการ เปนเงินคาจาง
425,000 บาท แตปรากฏวาผูคัดคานทํางานไมแลวเสร็จภายในกําหนดเวลาตาม
สัญญา ผูรองจึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาและแจงใหผูคัดคานนําเงินคาปรับมาชําระ
พรอมคา ใชจ า ยท่ีเพมิ่ ข้นึ ในการทาํ งานน้ันตอใหแลวเสรจ็ แตผ คู ัดคานเพกิ เฉย ผูรอ ง
จึงไดเ สนอขอ พพิ าทตอคณะอนุญาโตตุลาการ ซงึ่ คณะอนญุ าโตตุลาการไดพิจารณา
แลว มีคาํ ชี้ขาดใหผ ูคดั คานชาํ ระเงินคาปรับ จํานวน 96,050 บาท นับแตว นั ถดั จาก
วันท่ีผูคัดคานไดรับหนังสือทวงถามจนกวาจะชําระเสร็จใหแกผูรอง และใหชําระ
คาใชจายที่เพิ่มขึ้นในการทํางานดังกลาวใหแลวเสร็จเปนเงิน 152,800 บาทพรอม
ดอกเบ้ียในอัตรา รอยละ 7.5 ตอปของจํานวนเงินคาใชจายที่เพิ่มข้ึน นับแต
วนั ถดั จากวนั ครบกาํ หนด 15 วนั ทไี่ ดร บั หนงั สอื ใหช าํ ระเงนิ ดงั กลา วจนกวา จะชาํ ระเสรจ็
และใหค กู รณอี อกคา ปว ยการคณะอนญุ าโตตลุ าการและคา ใชจ า ยชนั้ อนญุ าโตตลุ าการ
ฝา ยละครง่ึ แตผ คู ดั คานไมปฏบิ ตั ติ ามคาํ ชข้ี าดดงั กลาว ผูรองจึงย่ืนคํารองเพ่อื ขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหบ ังคับตามคําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ
คาํ วนิ จิ ฉัยของศาลปกครองสงู สุด
เม่ือขอเท็จจริงปรากฏตามคําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการวา
คณะอนญุ าโตตลุ าการไดก าํ หนดประเดน็ ขอ พพิ าทวา ผเู รยี กรอ ง (ผรู อ ง) หรอื ผคู ดั คา น
ฝา ยใดเปน ฝายผดิ สัญญา (คูพิพาทฝา ยใดเปนฝา ยผิดสัญญา และตองรบั ผดิ เพยี งใด)
ซงึ่ คณะอนญุ าโตตลุ าการไดว นิ จิ ฉยั ตามประเดน็ ขอ พพิ าทดงั กลา วแลว เหน็ วา สญั ญา
พพิ าทระหวา งผรู อ งกบั ผคู ดั คา นเปน สญั ญาจา งทาํ ของซงึ่ ตอ งเปน ไปตามเจตนารมณ
ของคกู รณที ตี่ กลงกนั เมอ่ื ไมป รากฏขอ สญั ญาวา ใหน าํ วสั ดเุ ดมิ จากถนนมาใชใ นทใี่ หม
(การนาํ ดนิ ของถนนลกู รงั เดมิ ไปถมทาํ ถนนตามแนวทจี่ ะกอ สรา งตามสญั ญา) ผคู ดั คา น
160 รวมคาํ พพิ ากษาทนี่ าสนใจเกี่ยวกบั อนุญาโตตุลาการ
สถาบันอนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute
ก็ไมสามารถจะยกเอาประเด็นขอน้ีมาตอสูกับผูเรียกรอง (ผูรอง) ได ดังนั้น เมื่อ
ผูคัดคานมิไดดําเนินการตามสัญญา จึงถือเปนผูผิดสัญญาตามประเด็นที่
คณะอนุญาโตตุลาการไดตั้งไว ผูคัดคานจึงตองรับผิดตอผูรอง เปนคาปรับในอัตรา
วนั ละ 850 บาท นบั แตว นั ถดั จากวนั ครบกาํ หนดในสญั ญา จนถงึ วนั ทผ่ี เู รยี กรอ ง (ผรู อ ง)
ไดม หี นงั สอื บอกเลิกสัญญา รวม 138 วัน คิดเปน เงนิ คาปรบั ทั้งสิน้ 117,300 บาท
โดยผูเรียกรอง (ผูรอง) ไดใชสิทธิหักเอาเงินคาปรับออกจากหลักประกันจํานวน
21,250 บาท ซ่งึ ยังคงเหลอื จํานวนเงนิ คา ปรับที่ผคู ดั คานจะตอ งรับผดิ ตอผูเรียกรอ ง
(ผรู อ ง) เปน เงนิ 96,050 บาท พรอมดอกเบีย้ ในอตั รา รอ ยละ 7.5 ตอ ป ของจํานวน
เงนิ ดงั กลา ว ตงั้ แตว นั ถดั จากวนั ทผี่ คู ดั คา นไดร บั หนงั สอื ทวงถามจนกวา จะชาํ ระเสรจ็
แกผูเ รียกรอง (ผรู อ ง) นอกจากนี้ ผคู ัดคานจะตองชาํ ระเงินคาใชจ า ยทเ่ี พิ่มขึน้ ในการ
ทาํ งานดงั กลา วตอ ใหแ ลว เสรจ็ เปน เงนิ 152,800 บาท พรอ มดอกเบยี้ ในอตั รา รอ ยละ
7.5 ตอป ของจํานวนเงินคาใชจ า ยท่ีเพมิ่ ข้ึน นบั แตวนั ถดั จากวนั ครบกาํ หนด 15 วัน
ท่ีไดรับหนังสือแจงใหชําระเงินดังกลาวจนกวาจะชําระเสร็จ และใหคูกรณีออก
คาปวยการคณะอนุญาโตตุลาการและคาใชจายชั้นอนุญาโตตุลาการฝายละคร่ึง
เห็นไดวา คําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกลาวอยูในขอบเขตของสัญญา
อนญุ าโตตลุ าการตามมาตรา 43(4) แหง พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545
และไมมีเหตุท่ีขอพิพาทนี้ไมสามารถจะระงับโดยการอนุญาโตตุลาการหรือถามีการ
บังคับตามคําชี้ขาดน้ี จะเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดี ของ
ประชาชนที่ศาลจะทําคําสั่งปฏิเสธไมรับบังคับตามคําชี้ขาดดังกลาวตามมาตรา 44
แหง พระราชบญั ญัตดิ ังกลาวแตอ ยางใด ดงั นั้น คําชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตุลาการท่ี
พิพาทจึงอยูในหลักเกณฑท่ีศาลจะมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหบังคับตามคําช้ีขาด
ดงั กลา วได ศาลปกครองชน้ั ตน จงึ ไมอ าจพจิ ารณาลดคา ปรบั ซงึ่ มลี กั ษณะเปน การแกไ ข
คําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่อยูในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการได
แมผ รู อ งจะมไิ ดอ ทุ ธรณค าํ พพิ ากษาในประเดน็ ดงั กลา วกต็ าม แตเ นอ่ื งจากกรณขี า งตน
ถือเปนปญหาอันเก่ียวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน ศาลจึงยกขึ้นวินิจฉัย
เองได ตามขอ 92 แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
วาดว ยวธิ พี ิจารณาคดปี กครอง พ.ศ. 2543
รวมคาํ พิพากษาทน่ี าสนใจเก่ยี วกบั อนุญาโตตุลาการ 161
Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตลุ าการ
สาํ หรบั ขอ อทุ ธรณข องผรู อ งในสว นทขี่ อใหผ คู ดั คา นชาํ ระคา ธรรมเนยี มและ
คา ใชจ า ยในชน้ั อนญุ าโตตลุ าการนนั้ เมอ่ื คาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการดงั กลา ว
ไดระบใุ หค า ใชจ า ยในชั้นอนุญาโตตุลาการ และคา ปว ยการคณะอนญุ าโตตุลาการให
เปนไปตามบัญชีแนบทายคําช้ีขาด โดยใหคูพิพาทท้ังสองฝายออกใชฝายละกึ่งหนึ่ง
สําหรับคาปวยการคณะอนุญาโตตุลาการและคาใชจายในการดําเนินกระบวน
พจิ ารณาของสถาบนั อนญุ าโตตลุ าการ และคา ปว ยการคณะอนญุ าโตตลุ าการทผ่ี รู อ ง
ออกใชแทนผูคัดคานไปกอนหนานั้น ใหถือวาเปนสวนหนึ่งของจํานวนเงินตาม
คําชี้ขาดทผ่ี คู ดั คานตอ งชาํ ระแกผรู อง ดงั น้นั เมอื่ ศาลไดว นิ จิ ฉัยแลว วากรณไี มม ีเหตุ
ทศ่ี าลจะทําคาํ ส่ังปฏเิ สธไมร ับบังคับตามคําชข้ี าดดงั กลา วแลว จึงมผี ลเปน การบังคบั
ตามคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการในสวนทใ่ี หผ คู ดั คา นชําระคาธรรมเนยี มและ
คาใชจายในชั้นอนุญาโตตุลาการดวยแลว กรณีจึงไมจําตองวินิจฉัยประเด็นอุทธรณ
ของผูคัดคานเนื่องจากไมทําใหผลแหงคดีเปล่ียนแปลงไป พิพากษาใหบังคับตาม
คําช้ขี าดของคณะอนุญาโตตลุ าการ
162 รวมคําพิพากษาทนี่ าสนใจเกยี่ วกบั อนุญาโตตลุ าการ
สถาบันอนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ 61/2562
เรอ่ื ง คดีพิพาทเก่ียวกับเรื่องท่ีมีกฎหมายกําหนดใหอยูในเขตอํานาจศาล
ปกครอง(คํารองอุทธรณคําส่ังไมรับคํารองขอใหบังคับตามคําชี้ขาดของ
คณะอนญุ าโตตลุ าการไวพิจารณา)
ผรู อ งทาํ สญั ญาจา งกบั ผคู ดั คา นเพอ่ื ขดุ ลอกหนองนา้ํ โดยตอ งทาํ งานใหแ ลว
เสร็จภายในวนั ท่ี 7 สงิ หาคม 2547 และตอมามกี ารตกลงเปล่ยี นแปลงแกไขสญั ญา
ใหมโดยตกลงใหผ ูคัดคานกอ สรางงานใหแ ลว เสรจ็ ภายในวันท่ี 5 ตุลาคม 2547 แต
ผูคดั คานมไิ ดป ฏบิ ตั งิ านใหแลวเสรจ็ ตามกาํ หนดเวลาในสัญญา ตอ มาผรู องมหี นงั สอื
บอกเลกิ สัญญา ริบหลกั ประกนั สญั ญาและเรียกคา ปรบั และดําเนนิ การจา งผรู บั จา ง
รายใหมเขาดําเนินการตอจนแลวเสร็จ และเมื่อผูคัดคานไมชําระเงินคาปรับตามท่ี
ผูเรียกรองใหชําระตามสัญญา ผูรองจึงนําขอพิพาทเขาสูการพิจารณาของ
อนญุ าโตตุลาการเพื่อระงบั ขอพิพาทดังกลาวตามสญั ญาจา ง คณะอนญุ าโตตุลาการ
มีคําชข้ี าดเมอื่ วันที่ 18 สงิ หาคม 2553 ชขี้ าดใหผ ูคัดคา นรว มกันชําระเงนิ แกผ ูรอง
ตอมาผูรองย่ืนคํารองขอใหศาลปกครองพิพากษาหรือบังคับตามคําชี้ขาด
ของคณะอนุญาโตตุลาการ เมอ่ื วันท่ี 22 ธนั วาคม 2559 ศาลปกครองชัน้ ตนเหน็ วา
เปนการย่ืนคํารองเมื่อพนกําหนดระยะเวลาตามตามมาตรา 42 วรรคหน่ึง
แหง พระราชบญั ญตั ิ อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 จงึ มคี าํ สง่ั ไมร บั คาํ รอ งนไี้ วพ จิ ารณา
จําหนา ยคดีออกจากสารบบความ
ผูรองย่ืนอุทธรณคําส่ังของศาลปกครองชั้นตนสรุปไดวา ผูรองไดรับทราบ
คําชขี้ าดเมอ่ื วันที่ 25 ธันวาคม 2558 ผูคดั คา นมไิ ดดําเนนิ การใหเปน ไปตามคาํ ชขี้ าด
ของคณะอนุญาโตตุลาการ แตเพิกเฉยและใชประโยชนจากระยะเวลาเพื่อใหตน
พนจากความรับผิด นอกจากนั้นโครงการขุดลอกหนองนํ้าน้ันมีวัตถุประสงคเพ่ือให
ราษฎรมแี หลง นา้ํ ไวใ ชป ระโยชนแ ละสรา งขน้ึ เพอ่ื ประโยชนส าธารณะโดยตรง จงึ ถอื วา
เปนความเสียหายแกประโยชนสาธารณะท่ีศาลปกครองอาจรับคดีน้ีไวพิจารณาได
ตามมาตรา 52 แหง พระราชบัญญตั จิ ัดตงั้ ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง
พ.ศ. 2542
รวมคาํ พิพากษาท่ีนาสนใจเกีย่ วกบั อนญุ าโตตลุ าการ 163
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ
คําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ
พ.ศ. 2545 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง บัญญตั ิวา ในกรณที ่ีคูสญั ญาไมไดต กลงกันไวเ ปน
อยา งอนื่ การสง เอกสารตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ถา ไดส ง ใหแ กบ คุ คลซงึ่ ระบไุ วใ นเอกสาร
นนั้ หรอื ปรากฎทอ่ี ยขู า งตน แมไ ดส บื หาตามสมควรแลว ถา ไดส ง ไปยงั สาํ นกั ทาํ การงาน
หรือภูมิลําเนา หรือที่อยูทางไปรษณียแหงสุดทายที่ทราบ โดยทางไปรษณีย
ลงทะเบยี นหรือไปรษณยี ล งทะเบียนตอบรับ ถาเปน การสงภายในประเทศ หรอื โดย
วธิ อี นื่ ใดทแี่ สดงถึงความพยายามในการจัดสง ใหถือวา บคุ คลซงึ่ ระบไุ วใ นเอกสารนั้น
ไดรบั เอกสารดังกลาวแลว ตามมาตรา 37 วรรคสี่ บญั ญตั วิ า เม่อื ทาํ คาํ ชี้ขาดเสรจ็
แลว ใหค ณะอนญุ าโตตลุ าการสง สาํ เนาคาํ ชขี้ าดนนั้ ใหแ กค พู พิ าททกุ ฝา ย ตามมาตรา
40 วรรคสองบัญญัติวา คูพิพาทฝายใดฝายหน่ึงอาจรองขอใหเพิกถอนคําช้ีขาดได
โดยยนื่ คาํ รอ งตอ ศาลทม่ี เี ขตอาํ นาจภายใน 90 วนั นบั แตว นั ไดร บั สาํ เนาคาํ ชขี้ าด หรอื
ถาเปน กรณมี กี ารขอใหค ณะอนญุ าโตตลุ าการแกไ ขหรอื ตคี วามคาํ ชข้ี าดหรอื ชขี้ าดเพม่ิ
เตมิ นับแตวันท่ีคณะอนุญาโตตุลาการไดแกไขหรือตีความคําชี้ขาดหรือทําคําช้ีขาด
เพมิ่ เติมแลว มาตรา 42 วรรคหน่งึ บญั ญัติวา เมอ่ื คพู พิ าทฝายใดประสงคจ ะใหม กี าร
บังคับตามคาํ ช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ใหคพู พิ าทฝา ยนน้ั ยืน่ คํารอ งตอ ศาลท่ี
มเี ขตอํานาจภายในกาํ หนดเวลาสามปนบั แตวนั ท่ีอาจบงั คับตามคาํ ชีข้ าดได เมอ่ื ศาล
ไดร บั คาํ รอ งดงั กลา ใหร บี ทาํ การไตส วน และมคี าํ พพิ ากษาโดยพลนั ขอ บงั คบั สาํ นกั งาน
ศาลยตุ ิธรรม วาดว ยอนุญาโตตลุ าการ สถาบันอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2546 ขอ 3
กําหนดวา การสงคาํ คูความ หนงั สอื แจง ความ หรอื เอกสารอืน่ ใด ใหถือวา สมบูรณ
เม่อื ไดส งใหแก คูพพิ าทอีกฝายหนงึ่ ผแู ทนหรอื ทนายความของฝา ยนั้น หรอื ไดมีการ
สง ไปถงึ ภมู ลิ าํ เนาหรอื สถานทป่ี ระกอบธรุ กจิ ของผรู บั หากไมส ามารถสบื หาภมู ลิ าํ เนา
หรอื สถานทป่ี ระกอบธรุ กจิ ทแี่ ทจ รงิ ได ใหส ง ไปยงั ถน่ิ ทอี่ ยหู รอื สถานประกอบธรุ กจิ ท่ี
ทราบคร้งั สดุ ทา ยของบคุ คลนน้ั และขอ 30 วรรคสี่ กําหนดวา เมอื่ ทาํ คําชี้ขาดแลว
ใหรีบสงสําเนาคําช้ีขาดไปถึงคูพิพาทที่เกี่ยวของทุกฝายและใหถือวาคําชี้ขาดมี
ผลผูกพนั คพู พิ าทแลว ตัง้ แตวนั ท่สี ําเนาคาํ ชีข้ าดไปถึงคูพ พิ าทฝา ยนนั้
คดนี ขี้ อ เทจ็ จรงิ รบั ฟง ไดว า คณะอนญุ าโตตลุ าการไดม คี าํ ชขี้ าดขอ พพิ าทเมอื่
วนั ท่ี 18 สงิ หาคม 2553 และไดม กี ารสง สาํ เนาคาํ ชขี้ าดดงั กลา วทางไปรษณยี ต อบรบั
164 รวมคาํ พิพากษาที่นาสนใจเก่ยี วกับอนุญาโตตลุ าการ
สถาบันอนญุ าโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute
โดยปรากฎตามเอกสารไปรษณียตอบรับวา พนักงานรักษาความปลอดภัยของ
สํานักงานของผูรองเปนผูลงลายมือชื่อรับสําเนาคําช้ีขาดดังกลาว เม่ือวันที่ 19
กันยายน 2553 จึงถอื วา ไดม กี ารสงเอกสารใหแ กบุคคลซ่งึ ระบุไวใ นเอกสารนนั้ หรอื
ไดส ง ไปยงั สาํ นกั ทาํ การงานตามภมู ลิ าํ เนา ตามนยั มาตรา 7 วรรคหนงึ่ แหง พระราชบญั ญตั ิ
อนุญาโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 และ ขอ 3 ของขอบงั คบั สาํ นกั งานศาลยุตธิ รรม วาดว ย
อนุญาโตตลุ าการ สถาบันอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2546 แลว เม่ือผรู ับมอบอาํ นาจ
ผูรองไดรับสําเนาคําช้ีขาดไวทางไปรษณียตอบรับ ณ ภูมิลําเนาของผูรอง เม่ือวันท่ี
19 กนั ยายน 2553 วนั ดงั กลาวจึงเปน วันท่ีคําช้ีขาดมีผลผกู พันคูก รณี ตามนยั ขอ 30
วรรคสี่ ของขอบังคับสํานักงานศาลยุติธรรม วาดวยอนุญาโตตุลาการ สถาบัน
อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2546 ดงั นนั้ จงึ ถอื วา วนั ดงั กลา วเปน วนั ทผี่ รู อ งมสี ทิ ธยิ นื่ คาํ รอ ง
ตอศาลท่ีมีเขตอํานาจภายในกําหนดเวลา สามปนับแตวันที่อาจบังคับตามคําช้ีขาด
ของคณะอนุญาโตตุลาการได และเม่ือไมปรากฏขอเท็จจริงวาผูคัดคานไดมีการยื่น
คาํ รอ งตอ ศาลเพอ่ื ใหเ พกิ ถอนคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการตาม มาตรา 40 แหง
พระราชบัญญตั อิ นุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 อันจะทําใหอายคุ วามในการยื่นคาํ รอง
ใหมีการบงั คับตามคาํ ช้ีขาดของคณะอนญุ าโตตลุ าการสะดุดหยุดลง ผรู อ งจงึ ตองย่ืน
คาํ รอ งตอ ศาลเพอ่ื ขอบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดดงั กลา วภายในวนั ที่ 19 กนั ยายน 2556 ตาม
มาตรา 42 วรรคหนง่ึ แหง พระราชบัญญัติอนญุ าโตตุลาการ พ.ศ. 2545 การทผี่ ูร อ ง
ยื่นคาํ รอ งขอใหศ าลพิพากษาหรอื มคี ําสัง่ ใหบงั คับตามคําชี้ขาดในคดนี ้ี เมื่อวนั ที่ 22
ธนั วาคม 2559 จงึ เปน การยน่ื คาํ รอ งเมอ่ื พน กาํ หนดระยะเวลาตามมาตรา 42 วรรคหนงึ่
แหง พระราชบญั ญตั ดิ งั กลา ว การทศี่ าลปกครองชนั้ ตน มคี าํ สงั่ ไมร บั คาํ รอ งขอใหบ งั คบั
ตามคําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการน้ีไวพิจารณา จําหนายคดีออกจากสารบบ
ความน้นั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวย
รวมคําพิพากษาทนี่ าสนใจเก่ยี วกับอนญุ าโตตุลาการ 165
Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตุลาการ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. 968/2563
เรอื่ ง คดพี พิ าทเกยี่ วกบั เรอ่ื งทมี่ กี ฎหมายกาํ หนดใหอ ยใู นเขตอาํ นาจศาลปกครอง
(อุทธรณคําพิพากษา)
ผูรองทําสัญญาจางผูคัดคานทําแผนที่ภาษี และทะเบียนทรัพยสินเพ่ือการ
จดั ทาํ ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร (GIS) ซง่ึ กาํ หนดใหผ คู ดั คา นทาํ งานใหเ สรจ็ ภายใน
วนั ที่ 25 กรกฎาคม 2549 คา จา ง 1,500,000 บาท แบง จา ย 3 งวด ในการทาํ งานรบั จา ง
ผคู ดั คานไดส ง มอบงานงวดท่ี 1 และงวดที่ 2 และไดรับคา จางในงวดงานดังกลาวไป
แลว สําหรับงานงวดท่ี 3 ผูคัดคานมีหนังสือขอสงมอบงานแตคณะกรรมการตรวจ
การจา งมมี ตใิ หผ คู ดั คา นปรบั ปรงุ แกไ ขขอ มลู สว นทบ่ี กพรอ งแลว สง มอบงานใหม และ
ตอ มาผคู ดั คา นกไ็ ดส ง มอบงานในครง้ั 2 และครงั้ ที่ 3 แตค ณะกรรมการตรวจการจา ง
ยังไมสามารถตรวจรับงานได เน่ืองจากงานยังบกพรอง และผูคัดคานสงเอกสารมา
ไมค รบ ตอ มาผรู อ งมหี นงั สอื แจง บอกเลกิ สญั ญาไปยงั ผคู ดั คา นและแจง ใหช าํ ระคา ปรบั
ผคู ดั คานเสนอขอพพิ าทใหอ นุญาโตตลุ าการชี้ขาด คณะอนญุ าโตตุลาการวินิจฉัยวา
สัญญาระหวางผูรองและผูคัดคานเปนสัญญาจางทําของซึ่งมีหลักในการบอกเลิก
สัญญาตามมาตรา 605 แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย เมือ่ ผูรองบอกเลิก
สัญญาระหวางท่ีการจางยังไมเสร็จสมบูรณยังอยูระหวางการตรวจรับงานจาง โดย
ไมแ จง ความประสงคว า จะชดใชค า เสยี หายหรอื คา สนิ ไหมทดแทนอนั เกดิ แตก ารบอก
เลกิ สญั ญาแตก ลบั อา งวา ผคู ดั คา นผดิ สญั ญาใหน าํ เงนิ คา ปรบั ไปชาํ ระ การกระทาํ ของ
ผูรองจึงไมชอบดวยกฎหมาย ผูรองจึงเปนฝายผิดสัญญา จึงใหผูรองชําระเงิน
จํานวน 600,000 บาท พรอมดอกเบย้ี แกผ ูคดั คาน และใหผ ูรองและผูคัดคานออก
คาธรรมเนียม และคาใชจายช้ันอนุญาโตตุลาการฝายละครึ่ง และคาใชจาย
ช้ันอนุญาโตตุลาการและคาปวยการอนุญาโตตุลาการใหเปนไปตามบัญชีแนบทาย
คาํ สง่ั น้ี
ผูรองนําคดีมาฟองตอศาลปกครองเพื่อใหเพิกถอนคําชี้ขาดของ
คณะอนุญาโตตุลาการ และมีคํารองขอใหศาลมีคําส่ังหรือคําพิพากษาใหผูคัดคาน
ออกคา ใชจ า ยแตเ พยี งฝา ยเดยี วทงั้ หมด ศาลชนั้ ตน พพิ ากษาใหเ พกิ ถอนคาํ ชข้ี าดของ
166 รวมคาํ พิพากษาท่ีนา สนใจเกยี่ วกับอนญุ าโตตลุ าการ
สถาบนั อนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
คณะอนุญาโตตุลาการท้ังหมด สวนคําขอดังกลาวมิใชเปนการย่ืนคํารองขอใหศาล
บงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการ เพราะคณะอนญุ าโตตลุ าการมคี าํ ชข้ี าด
ใหผ รู อ งและผคู ดั คา นออกคา ธรรมเนยี มและคา ใชจ า ยชนั้ อนญุ าโตตลุ าการฝา ยละครง่ึ
และคาใชจายชั้นอนุญาโตตุลาการและคาปวยการอนุญาโตตุลาการใหเปนไปตาม
บญั ชแี นบทา ยคาํ ชขี้ าดน้ี ศาลจงึ ไมอ าจบงั คบั ตามคาํ ขอดงั กลา วได ผคู ดั คา นอทุ ธรณ
คําพิพากษาศาลปกครองชนั้ ตน
คําวนิ จิ ฉัยของศาลปกครองสูงสดุ
ศาลปกครองสูงสดุ เห็นวา ผคู ัดคานเสนอขอพพิ าทตอ อนญุ าโตตุลาการเพอ่ื
ใหช้ีขาดวา การบอกเลิกสัญญาของผูรองไมชอบและขอใหชําระเงินคาจางงวดที่ 3
ใหผูคัดคาน สวนผูรองย่ืนคําคัดคานและขอเรียกรองแยงวา ผูคัดคานสงมอบงาน
บกพรองไมสมบูรณ และลวงเลยระยะเวลาตามสัญญาขอใหผูคัดคานชําระคาปรับ
พรอ มดอกเบยี้ ใหผ รู อ ง ประเดน็ ตามคาํ เสนอขอ พพิ าทของผคู ดั คา นทขี่ อใหผ รู อ งชาํ ระ
เงนิ คาจางงวดที่ 3 และประเด็นตามขอเรียกรองแยง ของผรู อ งท่ขี อใหผูคัดคา นชาํ ระ
คา ปรับตามสัญญานน้ั จงึ เปนประเด็นขอ พิพาทเดียวกนั วาคูกรณีฝา ยใดเปน ฝายผิด
สัญญา คณะอนุญาโตตุลาการจึงตองวินิจฉัยในประเด็นน้ีโดยระบุเหตุผลแหงการ
วินิจฉัยทั้งปวงไวโดยชัดแจง ตามมาตรา 37 วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติ
อนญุ าโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ท้ังนี้ บทบัญญตั แิ หง กฎหมายในกรณีน้ีคือมาตรา 381
และมาตรา 386 แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ทว่ี า ดว ยการบอกเลกิ สญั ญา
และการเรียกคาปรบั การท่คี ณะอนุญาโตตลุ าการวินิจฉัยขอ พิพาทในประเด็นนต้ี าม
มาตรา 605 แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยท ก่ี าํ หนดวา ใหผ วู า จา งทป่ี ระสงค
จะบอกเลกิ สญั ญาโดยผรู บั จา งไมไ ดเ ปน ฝา ยผดิ สญั ญาตอ งชาํ ระคา สนิ ไหมทดแทนให
ผรู บั จาง โดยระบเุ หตผุ ลแตเพียงวา ผรู อ งไมแ จงความประสงควาจะชดใชค าเสียหาย
ผูรองจึงเปนฝายผิดสัญญา จึงเปนกรณีท่ีอนุญาโตตุลาการไมไดช้ีขาดขอพิพาทให
เปนไปตามกฎหมาย อันเปนการฝาฝนมาตรา 34 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แหง
พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 นอกจากนส้ี ญั ญาพพิ าทไดก าํ หนดสทิ ธิ
และหนาที่ของคูสัญญาและกําหนดกรณีการผิดสัญญาไวแลว การท่ี
รวมคําพิพากษาทนี่ าสนใจเกี่ยวกับอนุญาโตตลุ าการ 167
Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตุลาการ
คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยขอพิพาทประเด็นน้ีโดยไมไดพิจารณาถึงขอสัญญา
ที่กําหนดใหผูวาจางมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและกําหนดใหผูรับจางชําระคาปรับเมื่อ
ไมไดทํางานใหแลวเสร็จบริบูรณภายในกําหนดระยะเวลาตามสัญญา อันเปนการ
ผิดสัญญา ยอมเปนการไมวินิจฉัยช้ีขาดขอพิพาทตามขอสัญญา อันเปนการฝาฝน
มาตรา 34 วรรคส่ี แหงพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 อีกดวย
การยอมรบั หรอื บงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการดงั กลา วจงึ เปน การขดั ตอ
ความสงบเรียบรอยและศีลธรรมอันดีของประชาชนท่ีศาลตองเพิกถอนคําช้ีขาด
ดงั กลา ว ตามมาตรา 40 วรรคสาม (2)(ข) แหงพระราชบญั ญตั ิดงั กลา ว สว นการท่ี
คณะอนุญาโตตุลาการมีคําชี้ขาดในเรื่องคาธรรมเนียม คาใชจายและคาปวยการ
อนุญาโตตุลาการ โดยใหผูรองและผูคัดคานออกฝายละครึ่ง จึงเปนคําชี้ขาดท่ีชอบ
ดวยมาตรา 46 แหง พระราชบญั ญัติอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 แลวไมมเี หตุที่ศาล
ตองเพิกถอนคําช้ขี าดในสวนน้ี
ศาลปกครองสงู สดุ พพิ ากษาใหเพิกถอนคําชีข้ าดของคณะอนุญาโตตุลาการ
ยกเวนคําชี้ขาดในเรอ่ื งคาธรรมเนียม คา ใชจายและคา ปวยการอนญุ าโตตลุ าการ
168 รวมคาํ พิพากษาท่ีนาสนใจเก่ยี วกับอนุญาโตตุลาการ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดคดี ท่ี อ. 978/2563
เรื่อง คดพี พิ าทเกย่ี วกบั เรอ่ื งทม่ี กี ฎหมายกาํ หนดใหอ ยใู นเขตอาํ นาจศาลปกครอง
(อุทธรณคําพพิ ากษา)
ผูรองอุทธรณและแกไขอุทธรณโตแยงคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน
วา คําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการตามขอพิพาทหมายเลขดําท่ี 70/2552
หมายเลขแดงท่ี 38/2557 ลงวันท่ี 15 พฤษภาคม 2557 อยใู นขอบเขตของสัญญา
อนุญาโตตุลาการหรือคําชี้ขาดวินิจฉัยไมเกินขอบเขตแหงขอตกลงในการเสนอ
ขอพิพาทตอคณะอนุญาโตตุลาการ ทั้งการบังคับตามคําช้ีขาดดังกลาวไมขัดตอ
ความสงบเรยี บรอ ยและศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนแตอ ยา งใด สว นผคู ดั คา นคดั คา นวา
คําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการไมอยูในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการหรือ
คาํ ชข้ี าดวนิ จิ ฉยั เกนิ ขอบเขตแหง ขอ ตกลงในการเสนอขอ พพิ าทคณะอนญุ าโตตลุ าการ
และทศ่ี าลปกครองช้นั ตน พพิ ากษาวา คณะอนุญาโตตุลาการ ปรบั ขอ เทจ็ จรงิ ใหเขา
กบั ขอ กาํ หนดของสญั ญาทไี่ มถ กู ตอ ง คาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการตามขอ พพิ าท
หมายเลขดําท่ี 70/2552 หมายเลขแดงท่ี 38/2557 ลงวนั ท่ี 15 พฤษภาคม 2557
จงึ ไมช อบดว ยกฎหมาย ศาลจงึ พพิ ากษาใหเ พกิ ถอนคาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการ
ตามขอพิพาทดังกลาวนั้น ผูคัดคานเห็นพองดวย ผูรองจึงไมมีสิทธิขอใหบังคับตาม
คาํ ชีข้ าดของอนญุ าโตตลุ าการดังกลาว
คาํ วินจิ ฉยั ของศาลปกครองสูงสุด
คดจี งึ มปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั กอ นวา คาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการดงั กลา วชอบ
ดวยกฎหมายหรือไม พิเคราะหแลวเห็นวา เม่ือขอเท็จจริงตามคําช้ีขาดของ
อนุญาโตตุลาการดังกลาว ปรากฏวาผูคัดคานวาจางใหผูรองกอสรางท่ีจอดรถผูมา
ติดตอราชการ โดยออกแบบใหใชวัสดุกอ สรา ง เสา โครงหลังคา เปน เหลก็ ขนาดเสน
ผาศนู ยกลาง 4 นิว้ หนา 3.2 มิลลิเมตร จนั ทันและแปเปนเหลก็ ความหนาเลก็ ลงมา
ตามแบบที่กําหนดแนบทายสัญญา แตผูรองใชเหล็กกลมความหนา 2.5 มิลลิเมตร
ในการกอ สรา งเสา และโครงหลังคาซ่ึงไมเปนไปตามแบบท่ีกาํ หนด โดยผูร อ งอา งวา
รวมคาํ พพิ ากษาท่ีนาสนใจเกย่ี วกับอนุญาโตตลุ าการ 169
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนญุ าโตตลุ าการ
ไดจ ัดหาวัสดดุ งั กลา วมาใชงาน ผานการอนญุ าตจากผคู วบคุมงานของผคู ัดคา น และ
ผานการรับทราบจากผูมีอํานาจของผูคัดคานแลว ครั้นผูรองสงมอบงานภายใน
กําหนดระยะเวลาตามสัญญา ผูคัดคานปฏิเสธที่จะตรวจรับงาน เน่ืองจากมีการใช
เหลก็ โครงสรา ง เสา หลงั คา และสว นอน่ื ๆ ไมเ ปน ไปตามแบบทก่ี าํ หนดและบอกเลกิ
สญั ญาเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2552 พรอมเรียกคาปรบั ผูรองจงึ เสนอขอ พิพาทตาม
สัญญาตอคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ตอมาคณะ
อนญุ าโตตลุ าการกาํ หนดประเดน็ วา ผเู รยี กรอ งทาํ การกอ สรา งถกู ตอ งตามแบบสญั ญา
หรอื ไม โดยวนิ จิ ฉยั วา ผเู รยี กรอ งไมส ามารถจดั หาเหลก็ ขนาดความหนา 3.2 มลิ ลเิ มตร
และในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดขางเคียงมีเหล็กความหนาเพียง 2.5 มิลลิเมตร
จงึ ไดปฏบิ ตั ติ ามสัญญาขอ 14 ทรี่ ะบุวา ผรู ับจางจะตองรับรองวา ไดต รวจสอบและ
ทําความเขาใจในแบบรูปรายการละเอียดโดยถ่ีถวนแลว หากปรากฏวาแบบรูปและ
รายการละเอยี ดนนั้ ผดิ พลาดหรอื คลาดเคลอ่ื นไปจากหลกั การทางวศิ วกรรมหรอื ทาง
เทคนคิ ผรู บั จา งตกลงทจี่ ะปฏบิ ตั ติ ามคาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการตรวจการจา งหรอื
ผูควบคุมงานหรือบริษัทที่ปรึกษาท่ีวาจางแตงตั้ง เพ่ือใหงานแลวเสร็จบริบูรณ โดย
จะคิดคาใชจายใด ๆ เพ่ิมข้ึนจากผูวาจางไมได เม่ือผูเรียกรองไดติดตอกับผูควบคุม
งานโครงการตามสัญญาและไดร บั แจงใหใชเ หล็กความหนา 2.5 มิลลิเมตร ปรากฏ
ตามท่ีผคู วบคุมงานมีบันทกึ แจง ประธานกรรมการตรวจการงานลงวันที่ 29 มีนาคม
2551 และผเู รยี กรอ งไดข อปรบั ลดคา งานลง แตผ คู ดั คา นปฏเิ สธทจี่ ะตรวจรบั งานและ
จายคาจางแกผูเรียกรอง โดยอางวาผูเรียกรองปฏิบัติไมเปนไปตามแบบรูป
รายละเอียดและแจงการใชเหล็กโครงสราง เสาและหลังคาในวันสงมอบงาน
อนั เปน การปฏบิ ตั ไิ มถ กู ตอ งนน้ั เปน กรณที ผี่ เู รยี กรอ งไดป ฏบิ ตั ติ ามคาํ แนะนาํ ของทง้ั
ผคู วบคมุ งานและประธานกรรมการตรวจการจา ง และมวี ศิ วกรโยธารบั รองโครงสรา ง
มีความแข็งแรง ไมกอใหเกิดอันตราย จึงเห็นวาผูเรียกรองไดทําการกอสรางถูกตอง
ตามแบบสัญญาขอ 14 แลว สวนประเด็นวา ผูคดั คานไมม สี ิทธปิ รับและใหป รับลด
คา กอ สรา งตามเนอ้ื งาน จงึ ชข้ี าดใหผ คู ดั คา นชาํ ระเงนิ คา กอ สรา งตามขอ พพิ าทใหแ ก
ผรู ับจางโดยปรบั ลดคากอสรา งหลงั จากมีการปรับเนอ้ื งาน (เหลก็ โครงสราง) พรอ ม
ดอกเบย้ี คาํ ชขี้ าดของอนญุ าโตตลุ าการดงั กลา วชอบดว ยกฎหมายแลว กรณจี งึ ไมต อ ง
170 รวมคําพพิ ากษาท่นี าสนใจเกย่ี วกับอนุญาโตตุลาการ
สถาบนั อนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
ดว ยเหตตุ ามมาตรา 43 (4) และ(6) แหง พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545
และเม่อื ไมป รากฎวา การบังคบั ตามคําช้ีขาดของอนุญาโตตลุ าการนี้ เปนขอ พิพาทท่ี
ไมสามารถจะระงับโดยการอนุญาโตตุลาการไดตามกฎหมาย หรือการบังคับตาม
คําช้ีขาดนั้น จะเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ตามมาตรา 44 แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ดังน้ัน จึงไมมีเหตุท่ีศาลจะไมออก
คาํ บงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการตามขอ พพิ าทหมายเลขดาํ ที่ 70/2552
หมายเลขแดงท่ี 38/2557 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2557
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคําพิพากษาศาลปกครองชั้นตน และให
บงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการตามขอ พพิ าทหมายเลขดาํ ท่ี 70/2552
หมายเลขแดงท่ี 38/2557 ลงวนั ที่ 15 พฤษภาคม 2557
รวมคาํ พพิ ากษาทนี่ าสนใจเกีย่ วกบั อนุญาโตตลุ าการ 171
Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตุลาการ
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ ค.1/2563
คดีนี้ ผูรองยื่นคํารองตอศาลปกครองชั้นตน (ศาลปกครองกลาง) ขอให
กําหนดวิธีการชั่วคราวเพี่อคุมครองประโยชนขณะดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการ
ตามมาตรา 16 แหงพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 โดยมีคําขอหาม
มิใหผูคัดคานเรียกรองเงินตามหนังสือค้ําประกันของธนาคารไวจนกวาคณะ
อนญุ าโตตลุ าการจะมคี าํ ชข้ี าด และหา มมใิ หธ นาคารชาํ ระเงนิ ตามหนงั สอื คา้ํ ประกนั
ดังกลาวใหแกผูคัดคานจนกวาคณะอนุญาโตตุลาการจะมีคําชี้ขาด โดยผูรองอางวา
ธนาคารอาจจะชําระเงินตามหนังสือคํ้าประกันดังกลาวใหแกผูคัดคาน ซ่ึงเห็นไดวา
การท่ีธนาคารจะชําระเงินตามหนังสือคํ้าประกันหรือไมเปนเรื่องระหวาความรับผิด
ระหวางผูค้ําประกันกับผูคัดคานซ่ึงเปนเจาหน้ี และการท่ีธนาคารจะชําระเงินตาม
หนังสือคํ้าประกันใหแกผูคัดคานหรือไมเปนความสมัครใจของผูค้ําประกันที่ศาล
ไมอาจมีคาํ ส่ังฝา ฝนความสมคั รใจท่ีจะชาํ ระหน้ขี องผคู าํ้ ประกันได ดงั น้นั คําขอของ
ผูรองที่ขอใหศาลมีคําสั่งหามมิใหผูคัดคานใชสิทธิเรียกรองใหธนาคารชําระเงินตาม
หนังสือค้ําประกันดังกลาวและหามมิใหธนาคารชําระเงินตามหนังสือคํ้าประกัน
ดงั กลา วไวจ นกวา จะมคี าํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการถงึ ทสี่ ดุ จงึ ไมอ ยใู นลกั ษณะทศี่ าล
จะกาํ หนดวธิ กี ารคมุ ครองเพอื่ บรรเทาทกุ ขช ว่ั คราวหรอื วธิ กี ารเพอ่ื คมุ ครองประโยชน
ของผขู อในระหวา งการพจิ ารณาได การทศ่ี าลปกครองชนั้ ตน มคี าํ สง่ั หา มมใิ หผ คู ดั คา น
ใชสิทธิเรียกรองใหธนาคารชําระเงินตามหนังสือคํ้าประกันดังกลาว และหามมิให
ธนาคารชําระเงินตามหนังสือค้ําประกันดังกลาวไวจนกวาจะมีคําชี้ขาดของ
อนุญาโตตลุ าการถงึ ท่สี ุดน้ัน ศาลปกครองสงู สดุ ไมเหน็ พอ งดว ย จึงมคี ําสัง่ กลับคําสั่ง
ของศาลปกครองช้ันตนเปนใหยกคาํ ขอของผูรอ ง
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ค.2/2561
กรณตี ามคาํ รอ งน้ี ผรู อ งขอใหศ าลมคี าํ พพิ ากษาหรอื คาํ สงั่ เพกิ ถอนคาํ วนิ จิ ฉยั
ของคณะอนุญาโตตุลาการ และใหยอมรับตามคํารองคัดคานอนุญาโตตุลาการของ
ผรู อ ง โดยหามมใิ หผ คู ดั คา นที่ 2 ปฏิบตั ิหนา ที่อนุญาโตตลุ าการ กรณผี ูคัดคา นที่ 4
ไดแตงตั้งผูคัดคานท่ี 2 เปนอนุญาโตตุลาการฝายผูคัดคานท่ี 4 ผูรองไดย่ืนคัดคาน
172 รวมคําพิพากษาทีน่ า สนใจเกีย่ วกบั อนุญาโตตุลาการ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
ผูคัดคานท่ี 2 โดยแสดงเหตุอนั ควรสงสยั ถงึ ความเปนกลางและความเปนอิสระของ
อนญุ าโตตลุ าการตามพระราชบญั ญตั ิอนุญาโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 19 และ
มาตรา 20 ขอ เทจ็ จรงิ ปรากฏวา ถงึ แมผ คู ดั คา นที่ 2 ดาํ รงตาํ แหนง เปน พนกั งานอยั การ
แตมิไดเปนพนักงานอัยการผูรางสัญญาพิพาทหรือตรวจรางสัญญาพิพาทหรือเปน
พนักงานอัยการผูดําเนินคดีในขอพิพาทน้ีแทนผูคัดคานท่ี 4 และมิไดเปนกรรมการ
หรอื ผบู ริหารของผูคัดคานท่ี 4 อกี ท้งั ไมป รากฏขอ เท็จจรงิ วา ผูคัดคานท่ี 2 มคี วาม
สัมพันธกับผูคัดคานที่ 4 หรือพนักงานอัยการซ่ึงเปนผูรับมอบอํานาจใหดําเนินคดี
แทนผคู ดั คา นที่ 4 จนถงึ ขนาดทจ่ี ะทาํ ใหก ารปฏบิ ตั หิ นา ทอี่ นญุ าโตตลุ าการไมม คี วาม
เปน กลางหรอื ความเปน อสิ ระหรอื มพี ฤตกิ ารณอ น่ื ใดทมี่ สี ภาพรา ยแรงอนั อาจกระทบ
ตอ ความเปน กลางหรอื ความเปน อสิ ระ นอกจากน้ี อาํ นาจหนา ทข่ี องพนกั งานอยั การ
ตามทกี่ ฎหมายกาํ หนดเปน การปฏบิ ตั หิ นา ทตี่ ามกฎหมาย การจะพจิ ารณาวา มคี วาม
ไมเปนกลางหรือความเปนอิสระหรือไม จําตองพิจารณาจากขอเท็จจริงและ
พฤตกิ ารณเ ปน รายกรณี ไมอ าจพจิ ารณาจากเพยี งอาํ นาจหนา ทต่ี ามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ ด
กรณีจึงยังไมอาจถือวามีเหตุอันควรสงสัยในความเปนกลางและความเปนอิสระของ
ผูคัดคานท่ี 2 ตามที่ผูรองกลาวอาง สวนขอที่ผูรองกลาวอางวาศาลปกครองชั้นตน
ไมไ ดแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ เพิ่มเติมในประเด็นผคู ัดคา นท่ี 2 อาจเคยเปน ผบู งั คบั บญั ชา
หรือเคยปฏิบัติงานรว มกบั ผูรับมอบอํานาจวาตา งแกตางใหแ กผ คู ดั คา นที่ 4 ซงึ่ เปน
กรณีท่ีมีความสัมพันธทางอาชีพ หนาท่ีการงาน ความสัมพันธทางสังคมระหวาง
อนุญาโตตุลาการกับคูพิพาทน้ัน ศาลปกครองชั้นตนไดมีคําสั่งเรียกใหผูคัดคานที่ 2
ทําคําคัดคานคํารองคัดคานอนุญาโตตุลาการ และผูคัดคานท่ี 2 ไดทําคําใหการแก
คาํ รอ งคดั คา นอนญุ าโตตลุ าการยน่ื ตอ ศาลปกครองชน้ั ตน แลว วา ผคู ดั คา นท่ี 2 ไมเ คย
มคี วามสมั พนั ธห รอื มคี วามเกย่ี วพนั กบั ผคู ดั คา นท่ี 4 ไมว า ในดา นการเงนิ ธรุ กจิ อาชพี
หรือความสัมพันธทางครอบครัวและสังคม ไมมีผลประโยชนทางการเงินหรือ
ผลประโยชนอื่นใดไมวาโดยตรงหรือโดยออม ไมเคยเปนบอรดหรือกรรมการของ
ผคู ดั คา นท่ี 4 ไมเ คยเปน ทปี่ รกึ ษากฎหมายหรอื ตรวจรา งสญั ญาพพิ าทใหก บั ผคู ดั คา น
ท่ี 4 อกี ทงั้ ผคู ดั คา นท่ี 2 ไมเ คยเปน ผบู งั คบั บญั ชาหรอื รว มทาํ งานในสาํ นกั งานเดยี วกนั
กบั พนกั งานอยั การซงึ่ เปน ผรู บั มอบอาํ นาจใหด าํ เนนิ คดแี ทนผคู ดั คา นท่ี 4 อนั เปน การ
รวมคําพิพากษาทีน่ าสนใจเกี่ยวกบั อนุญาโตตุลาการ 173
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ
แสวงหาขอ เทจ็ จรงิ โดยใหโ อกาสคกู รณที ง้ั สองฝา ยชแี้ จงและโตแ ยง คดั คา นตามความ
เหมาะสมแลว ขอ กลา วอา งของผรู อ งจงึ มอิ าจรบั ฟง ไดเ ชน เดยี วกนั การทศ่ี าลปกครอง
ชั้นตนมีคําส่ังยกคํารองคัดคานอนุญาโตตุลาการของผูรองน้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พองดวย จึงมคี าํ สัง่ ยืนตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชั้นตน
คําพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 9477/2558
แมหนี้ตามสัญญาซื้อขายท่ีมีคําช้ีขาดนี้จะเปนหน้ีเงิน ซึ่งกฎหมายใหคิด
ดอกเบี้ยไดนับแตวันที่ผิดนัด แตคําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการก็ตองเปนไปตาม
ขอ เรยี กรอ งและคาํ ขอทใ่ี หช ข้ี าดในเรอื่ งนน้ั ๆ ซง่ึ ตามขอ เรยี กรอ งของผรู อ งมไิ ดม คี าํ ขอ
ดอกเบี้ยที่ขาดดวยและอนุญาโตตุลาการก็ช้ีขาดดอกเบี้ยเฉพาะตามท่ีขอ เมื่อผูรอง
มาขอบังคับตามคําชี้ขาด ผูรองจึงไมอาจขอใหบังคับเกินไปกวาการชี้ขาดน้ันได
ดงั นน้ั แมผ รู อ งจะมคี าํ ขอดอกเบยี้ รอ ยละ 7.5 ตอ ปน บั แตว นั รอ งขอเปน ตน ไปจนกวา
จะชําระเสร็จมาทายคํารอ ง ก็เปน การขอบงั คบั เกนิ ไปกวา คําชี้ขาดท่ีกาํ หนดสถานะ
ความรบั ผดิ ของผคู ดั คา นจากการผดิ สญั ญาซอื้ ขายไวโ ดยเฉพาะแลว และตามพระราช
บญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 นนั้ ศาลไมอ าจมคี าํ พพิ ากษาบงั คบั เกนิ คาํ ชขี้ าด
ของอนญุ าโตตลุ าการได
คําพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 732/2559
บรษิ ทั บ. ทาํ สญั ญาประกนั ภยั รถยนตโ ดยสารไวก บั ผรู อ งเปน ผรู บั ประกนั ภยั
คํ้าจุนคนแรกและบริษัท ส. เปนผูรับประกันภัยคํ้าจุนคนท่ีสอง ดังน้ัน ผูรองตอง
รับผิดเพ่ือความวินาศภัยกอนตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 870
วรรคสาม เม่ือเกดิ วินาศภยั ขึน้ ผูรบั ประโยชนช อบทจ่ี ะไดร บั คา สินไหมทดแทนเพียง
เสมอจาํ นวนวนิ าศจรงิ ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา 870 วรรคหนง่ึ
แมบ รษิ ทั ส. จะตอ งจา ยคา เสยี หายเบอื้ งตน แกผ ปู ระสบภยั จากรถตามพระราชบญั ญตั ิ
คุมครองผปู ระสบภยั จากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 28 แตก็ปรากฏวา ผูคดั คานท้ังสอง
ทาํ สญั ญาประนปี ระนอมยอมความกบั บรษิ ทั ส. โดยไมป รากฏวา บรษิ ทั ส. ยอมชดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูคัดคานท้ังสองเปนจํานวนเทาใด อยางไรก็ดี การท่ีผูคัดคาน
174 รวมคาํ พพิ ากษาที่นาสนใจเกยี่ วกับอนุญาโตตุลาการ
สถาบนั อนญุ าโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute
ทั้งสองซึ่งเปนผูรับประโยชนยอมสละสิทธิอันมีตอผูรับประกันภัยรายหนึ่งยอม
ไมก ระทบกระทงั่ สทิ ธแิ ละหนา ทขี่ องผรู บั ประกนั ภยั รายอน่ื ตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ย มาตรา 871 เมอื่ อนญุ าโตตลุ าการใชด ลุ พนิ จิ กาํ หนดคา เสยี หายทแี่ ทจ รงิ
แกผูคัดคานท้ังสองคนละ 25,000 บาท แตช้ีขาดใหผูรองเพียงรายเดียวตองชําระ
คา สินไหมทดแทนจํานวนดังกลาว โดยไมไดค ํานงึ วาผคู ดั คานท้งั 2 ไดรบั ชาํ ระไดร บั
ชดใชคา สินไหมทดแทนจากบริษทั ส. แลว จาํ นวนเทาใด ทําใหผูคัดคานทั้งสองจะได
รับคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวนวินาศจริงจึงเปนคําชี้ขาดที่ฝาฝนตอกฎหมาย
การยอมรับหรือวาการบังคับตามคําชี้ขาดจะเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือ
ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนศาลยอ มมอี าํ นาจเพกิ ถอนคาํ ชข้ี าดไดต ามพระราชบญั ญตั ิ
อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข)
คําพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 1465/2560
การวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการตองพิจารณาจากพยานหลักฐานท้ัง
หลายที่อยูในสํานวนมิใชที่มาจากพยานหลักฐานช้ินใดชิ้นหนึ่งหรือสองชิ้นเทานั้น
คดีน้ีคณะอนุญาโตตุลาการไดพิจารณาพยานหลักฐานของคูพิพาททั้งสองฝาย ท้ัง
พยานเอกสารและพยานบคุ คลแลว วนิ จิ ฉยั ขอ เทจ็ จรงิ คาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการ
ยอมชอบดวยกฎหมาย คําคัดคานของผูคัดคานที่วาคําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
ขัดแยงตอพยานหลักฐานในสาํ นวน จึงเปน การโตแ ยงดลุ พนิ จิ การวินจิ ฉยั ขอเท็จจรงิ
ของคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งไมมีบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ
พ.ศ. 2545 ใหผ ูคดั คานขอเพิกถอนหรือไมป ฏบิ ตั ติ ามคําชข้ี าดได
คาํ พพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 4750-4751/2561
ศาลจะเพิกถอนคําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการตามพระราชบัญญัติ
อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 40 วรรคสาม (1) (ง) ได เมอื่ คพู ิพาทฝา ยท่ี
ขอใหเพิกถอนคําชี้ขาดสามารถพิสูจนไดวาคําชี้ขาดวินิจฉัยขอพิพาทนั้นไมอยูใน
ขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการหรือคําช้ีขาดเกินขอบเขตแหงขอตกลงในการ
เสนอขอพิพาทตอคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อสัญญาจางเหมางานกอสรางและ
รวมคาํ พิพากษาที่นาสนใจเกยี่ วกบั อนญุ าโตตลุ าการ 175
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนญุ าโตตุลาการ
งานสถาปตยกรรมระบวุ า หากคูสญั ญามขี อ พิพาท ขอขดั แยงหรือขอ เรียกรองใด ๆ
ซ่ึงเกิดข้ึนหรือเกี่ยวของกับสัญญารวมท้ังปญหาการผิดสัญญา การเลิกสัญญา หรือ
ความสมบูรณของสัญญา ใหทําการวินิจฉัยชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ โดยสัญญา
อนุญาโตตุลาการดังกลาวมิไดมีขอกําหนดจํากัดขอบเขตอํานาจของคณะ
อนุญาโตตุลาการเอาไว ดังน้ัน เมื่อผูรองและผูคัดคานมีขอพิพาทเก่ียวกับสัญญา
จางเหมางานโครงสรางและงานสถาปตยกรรม และไดเสนอขอพิพาทใหคณะ
อนุญาโตตุลาการชี้ขาด การท่ีคณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยขอพิพาทจากพยาน
หลกั ฐานของผูร องและผูค ัดคานทน่ี าํ สบื จึงเปนการวินจิ ฉัยขอ พิพาทภายในขอบเขต
ของสัญญาอนุญาโตตุลาการ คําพิพากษาของศาลชั้นตนดังกลาวไดกลาวหรือแสดง
เหตุผลแหงคําวินิจฉัยในประเด็นแหงแหงคดีที่ผูคัดคานยกขึ้นโตแยงเปนประเด็น
ขอ พพิ าทไวถ กู ตอ งครบถว นตามบทบญั ญตั แิ หง ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง
มาตรา 141 (4) และ (5) แลว ไมอ าจโตแ ยงวา คาํ พิพากษาศาลช้ันตน ดงั กลาวไมชอบ
ดวยกฎหมายอาจจะทาํ ใหผูคัดคา นมสี ทิ ธอิ ุทธรณตอศาลฎีกาไดวา คาํ พพิ ากษาศาล
ชน้ั ตน ฝา ฝน ตอ บทกฎหมายอนั เกยี่ วดว ยความสงบเรยี บรอ ยของประชาชนแตอ ยา งใด
ศาลจะแทรกแซงกระบวนการอนญุ าโตตลุ าการโดยการเขา มาตรวจสอบการ
ใชดุลพินิจของอนุญาโตตุลาการหรือแกไขเปลี่ยนแปลงหรือทําลายคําช้ีขาดไมได
เวน แตก ฎหมายใหอ าํ นาจไวอยา งชัดแจง เพราะมิฉะนน้ั แลว ระบบอนญุ าโตตุลาการ
ยอ มไมอาจบรรลุผลสมดงั เจตนารมณของกฎหมาย การท่ีผคู ัดคา นอุทธรณโตแยง วา
อนุญาโตตุลาการเสียงขางมากวนิ จิ ฉัยช้ีขาดวา ผคู ดั คา นกอ สรา งอาคารไมแลวเสรจ็
ตามกาํ หนดเวลา จงึ เปน ฝา ยผดิ สญั ญาและกาํ หนดคา เสยี หายใหผ คู ดั คา นรบั ผดิ ชาํ ระ
แกผูรอง โดยมิไดวินิจฉัยเช่ือตามพยานหลักฐานของผูคัดคานที่นําสืบวา ผูรองมิได
ถอื เอากาํ หนดระยะเวลาตามสญั ญาเปน สาระสาํ คญั ผคู ดั คา นจงึ ไมไ ดท าํ การเปน ฝา ย
ผิดสัญญาและอุทธรณคัดคานในประเด็นการกําหนดคาเสียหายและคาปรับของ
อนญุ าโตตลุ าการนน้ั ลว นเปน อทุ ธรณโ ตแ ยง ดลุ ยพนิ จิ ในการวนิ จิ ฉยั ชขี้ าดขอ เทจ็ จรงิ
ของอนุญาโตตลุ าการเทานั้น หาใชเ ปนการโตแยงวาคณะอนุญาโตตลุ าการพจิ ารณา
วินิจฉัยขอกฎหมายโดยขัดตอหลักเกณฑของกฎหมายเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการไม
เม่ืออนุญาโตตุลาการเสียงขางมากไดวินิจฉัยขอเท็จจริงที่ไดมาจากการรับฟงพยาน
176 รวมคาํ พิพากษาท่นี าสนใจเกย่ี วกับอนุญาโตตุลาการ
สถาบนั อนญุ าโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute
หลักฐานของผูคัดคานและผูรองและขอวินิจฉัยชี้ขาดแลววา ผูคัดคานเปนฝาย
ผิดสัญญาและกําหนดคาเสียหายและคาปรับภายใตพยานหลักฐานที่ผูคัดคานและ
ผูรองนําสืบในช้ันอนุญาโตตุลาการโดยไมปรากฏวาไดดําเนินการโดยไมชอบดวย
กฎหมายประการใด กรณจี ึงไมตองดว ยหลกั เกณฑต ามมาตรา 45 (1) แหง พระราช
บัญญัตอิ นญุ าโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ที่ผคู ัดคา นจะอุทธรณว า การยอมรับหรอื บงั คบั
ตามคาํ ชขี้ าดนน้ั จะเปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนได
คําพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 1190/2560
โจทกก ับ บ. และ ว. รวมกันทาํ กจิ การคา ใชช ่อื วา “กิจการรว มคา ซ.” เขา
ทาํ สญั ญาจา งเหมาออกแบบรวมกอ สรางโครงการทางดว นสายบางนา – บางพลี –
บางปะกง กับจําเลย ตอมาเกิดขอพิพาทตามสัญญาจางตามคําพิพากษาศาลฎีกาที่
7277/2549 ระหวาง บ.กับพวก ผูรอง ก.ผูคัดคาน ศาลฎีกาวินิจฉัยวาสัญญาจาง
เหมาออกแบบรวมกอสรางโครงการทางดวนเกิดจากการกระทําโดยไมชอบดวย
กฎหมายอนั เกย่ี วดว ยความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน จงึ ไมม ผี ลผกู พนั จาํ เลย และ
ปฏิเสธไมรบั บงั คบั ใหต ามคาํ ช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการ เมื่อกจิ การรว มคา ซ. ไมไ ด
รับราคาท่ีเพ่ิมเติมจากจําเลย โจทกซ่ึงเปนหุนสวนในกิจการรวมคา ซ. จึงเปนผูมี
สว นไดเ สยี โดยตรงในสญั ญาจา งเหมาดงั กลา วยอ มมอี าํ นาจฟอ งเรยี กคนื เงนิ ราคาคงท่ี
เพมิ่ เตมิ และดอกผลคา ผา นทางดว นจากจาํ เลยในฐานลาภมคิ วรได โดยไมจ าํ เปน ตอ ง
ฟองรวมกับ บ. และ ว. และเมื่อคดีนี้ โจทกและจําเลยตางเปนคูความในคดีตาม
คําพิพากษาศาลฎีกาท่ี 7277/2549 ซ่ึงไดวินิจฉัยขอเท็จจริงไวแลววาโจทกกับ
นิติบุคคลตางประเทศ 2 ราย ดังกลาว ทําสัญญาจางเหมาออกแบบรวมกอสราง
โครงการทางดว นกบั จาํ เลยโดยไมส จุ รติ มาตง้ั แตต น โจทกจ งึ มสี ว นรว มในการกระทาํ
อันมิชอบดวยกฎหมายอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยและประชาชนเปนผลให
สัญญาดังกลาวไมมีผลผูกพันจําเลย แมโจทกกับพวกจะทํางานตามสัญญาจางเหมา
น้ันเสร็จส้ินแลวโดยสงมอบโครงการทางดวนใหจําเลยรับไปและมีราคาคงที่เพ่ิมเติม
ภายหลังก็ตาม ก็ถือไดวาโจทกไดกระทําการเพ่ือชําระหนี้อันเปนการฝาฝนขอหาม
ตามกฎหมายหรือศีลธรรมอนั ดี โจทกจึงไมม สี ิทธิเรยี กราคาคงทเ่ี พ่มิ เติมและคาดอก
รวมคําพิพากษาทน่ี าสนใจเกยี่ วกับอนญุ าโตตลุ าการ 177
Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตุลาการ
ผลในคา ผา นทางดว นจากจาํ เลยในฐานะลาภมคิ วรได ตามประมวลกฎหมายแพง และ
พาณิชย มาตรา 411
คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ชขี้ าดอาํ นาจหนา ทรี่ ะหวา งศาลที่ 25/2563
คดที ผ่ี รู อ งยน่ื คาํ รอ งขอใหศ าลปกครองกลางมคี าํ พพิ ากษาหรอื มคี าํ สงั่ ใหก าร
เปนอนญุ าโตตลุ าการสิน้ สดุ ลงน้นั ตามพระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545
มาตรา 9 ประกอบมาตรา 21 วรรคสอง กาํ หนดใหศ าลทมี่ เี ขตอํานาจวินจิ ฉัยถงึ การ
สนิ้ สดุ ของการเปน อนญุ าโตตลุ าการ คอื ศาลทมี่ เี ขตอาํ นาจพจิ ารณาพพิ ากษาขอ พพิ าท
ซงึ่ ไดเสนอตอ อนุญาโตตลุ าการน้ัน เม่ือขอพพิ าททเ่ี สนอตออนญุ าโตตลุ าการในคดนี ี้
เปนขอพิพาทเก่ียวกับสัญญาจางเหมาออกแบบและกอสรางอาคารเคร่ืองปฏิกรณ
ปรมาณวู จิ ยั พรอ มเครอ่ื งปฏกิ รณร ะบบผลติ ไอโซโทปพรอ มอปุ กรณ ระบบจดั การกาก
กัมมันตรังสีพรอมอุปกรณ ระบบจัดการกากกัมมันตรังสีพรอมอุปกรณ ระหวาง
สํานักงานปรมาณูเพ่ือสันติ กับเอกชน ซ่ึงมีคูสัญญาฝายหนึ่งเปนหนวยงานทาง
ปกครอง และมีลักษณะเปนสัญญาจัดใหมีสิ่งสาธารณูปโภค สัญญาดังกลาวจึงเปน
สญั ญาทางปกครองตามบทนยิ ามในมาตรา 3 แหง พระราชบญั ญตั จิ ดั ตงั้ ศาลปกครอง
และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ศาลปกครองจึงเปนศาลมีเขตอํานาจเหนือ
ขอ พพิ าทดงั กลา ว ตามมาตรา 9 วรรคหนงึ่ (4) แหง พระราชบญั ญตั จิ ดั ตงั้ ศาลปกครอง
และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ขอพิพาทในคดีน้ีจึงอยูในอํานาจพิจารณา
พพิ ากษาของศาลปกครอง
คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ชขี้ าดอาํ นาจหนา ทร่ี ะหวา งศาลท่ี 113/2561
คดที รี่ อ งขอใหเ พกิ ถอนคาํ ชี้ขาดของอนญุ าโตตลุ าการ ตามพระราชบญั ญัติ
อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 นั้น ตองพิจารณาลักษณะเนือ้ หาของสัญญาทเ่ี ปนเหตุ
แหงการยื่นคํารองขอใหอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดวาเปนสัญญาทางแพงหรือ
สัญญาทางปกครอง จึงจะวินิจฉัยเขตอํานาจศาลเหนือคดีท่ีขอใหเพิกถอนคําช้ีขาด
ของอนญุ าโตตลุ าการนนั้ ได คดนี ี้ คาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการวนิ จิ ฉยั ขอ พพิ าทเกย่ี ว
กับสัญญาจางเหมาออกแบบรวมกอสรางโครงการทางดวนสายบางนา-บางพลี-
178 รวมคาํ พิพากษาทน่ี าสนใจเกีย่ วกับอนญุ าโตตุลาการ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
บางปะกง ระหวาง ก. ผูรอ ง ซ่ึงเปนหนว ยงานทางปกครอง กบั ผคู ัดคา นทัง้ สามซ่ึง
เปนเอกชน มีลักษณะเปนสัญญาทางปกครอง ขอพิพาทเก่ียวกับสัญญาดังกลาว
จึงเปนขอพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง และการรองขอ ใหปฏิบัติตามหรือ
เพกิ ถอนคาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการเกย่ี วกบั สญั ญาทางปกครอง ควรอยใู นอาํ นาจ
พจิ ารณาพพิ ากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา 9 วรรคหนง่ึ (4) แหง พระราชบญั ญตั ิ
จดั ตงั้ ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. 2542 แตเ นอื่ งจากวา การระงบั
ขอพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการในคดีนี้ คูสัญญาไดเคยมอบขอพิพาทให
อนุญาโตตุลาการพิจารณาเมื่อป 2543 ซ่ึงถือวาวิธีพิจารณาช้ันอนุญาโตตุลาการได
เกดิ ขึน้ แลว ตามมาตรา 27 แหง พระราชบัญญตั ิอนุญาโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 และ
เกดิ ขน้ึ กอ นศาลปกครองเปด ทาํ การ ทงั้ คกู รณที ง้ั สองฝา ยไดข อใหศ าลแพง ออกหมาย
เรียกพยานซ่ึงศาลแพงไดออกหมายเรียกพยานใหตามคําขอ และผูรองไดย่ืนคํารอง
ตอ ศาลแพง ขอใหม คี าํ สง่ั ใหป ระธานคณะอนญุ าโตตลุ าการพน จากตาํ แหนง ซงึ่ ตอ มา
ศาลฎีกาไดมีคําพิพากษาใหความเปนอนุญาโตตุลาการของบุคคลดังกลาวส้ินสุดลง
จึงถือวา ศาลยุติธรรมเปนศาลท่ีมีการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการตั้งแตเร่ิมตน
กระบวนการชนั้ อนญุ าโตตลุ าการ ตามมาตรา 9 แหง พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ
พ.ศ. 2545 การย่ืนคํารองขอใหเพิกถอนคําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการตามมาตรา
40 แหงพระราชบัญญัติดังกลาวในคดีนี้ จึงตองย่ืนตอศาลที่มีเขตอํานาจที่มีการ
พิจารณาช้ันอนุญาโตตุลาการอยูในเขตศาล ซึ่งไดแกศาลยุติธรรม ประกอบกับ
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหนาที่ระหวางศาลเคยมีคําวินิจฉัยที่ 1/2546
เกี่ยวกับการขอใหบังคับตามคําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการอันเน่ืองมาจากสัญญา
ฉบบั นวี้ า เปน คดที อี่ ยใู นอาํ นาจพจิ ารณาพพิ ากษาของศาลยตุ ธิ รรม ซง่ึ ตอ มาศาลฎกี า
ไดมีคําพิพากษาศาลฎีกาที่ 7277/2549 ขอพิพาทในคดีน้ี จึงควรอยูในอํานาจ
พิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม เพื่อใหการตรวจสอบกระบวนพิจารณาช้ัน
อนุญาโตตลุ าการเกยี่ วกบั สญั ญาฉบบั เดยี วกันนอี้ ยภู ายใตเ ขตอาํ นาจศาลเดียวกนั
รวมคาํ พพิ ากษาทีน่ าสนใจเกีย่ วกบั อนญุ าโตตลุ าการ 179
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ
คําพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 6488/2560
ศาลช้ันตนเปนศาลที่มีอํานาจที่จะรับคํารองขอใหบังคับตามคําชี้ขาดของ
อนุญาโตตุลาการ ตามพระราชบญั ญตั อิ นุญาโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 9 เพราะ
เปน ศาลทผี่ คู ดั คา นมภี มู ลิ าํ เนาอยใู นเขตศาล ซงึ่ ในขณะทผ่ี รู อ งยน่ื คาํ รอ งนน้ั ผรู อ งยงั
ไมทราบวาคดีจะอยูในอํานาจของศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวาง
ประเทศกลางหรือไม จนกระทั่งผูคัดคานย่ืนคํารองคัดคานขอใหประธาน
ศาลฎกี าวนิ จิ ฉยั เนอื่ งจากมปี ญ หาวา คดอี ยใู นอาํ นาจของศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและ
การคาระหวางประเทศกลางหรือไม ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพยสินทาง
ปญญาและการคาระหวางประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพยสินทางปญญาและ
การคา ระหวา งประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 9 (เดมิ ) แลว มคี าํ วนิ จิ ฉยั ของประธานศาลฎกี า
ใหค ดนี อ้ี ยใู นอาํ นาจพจิ ารณาของศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศ
กลางซงึ่ เปน ศาลชาํ นญั พเิ ศษ กรณนี จ้ี งึ เปน เรอ่ื งทค่ี วามปรากฏในภายหลงั วา คดอี ยใู น
เขตอํานาจของศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศกลาง ไมไดอยู
ในอํานาจของศาลชั้นตน การที่ศาลช้ันตนมีคําสั่งใหโอนสํานวนคดีพรอมคาฤชา
ธรรมเนียมไปยังศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศกลาง แลวให
จาํ หนา ยคดอี อกจากสารบบความนนั้ จงึ เปน การส่งั โอนคดไี ปยังศาลยุตธิ รรมอ่นื ที่มี
เขตอาํ นาจ ตามพระธรรมนญู ศาลยุตธิ รรม มาตรา 16 วรรคทา ย แลว
คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 6296/2562
อนุญาโตตลุ าการนดั พรอ มเพ่อื กาํ หนดประเด็นขอ พพิ าท หนาทนี่ าํ สืบ และ
กาํ หนดกระบวนพิจารณาช้นั อนญุ าโตตลุ าการ โดยกาํ หนดประเด็นขอพิพาท ขอ 1
วา ผูคัดคานท่ี 1 ไมตองรับผิดที่ทํางานที่รับจางไมแลวเสร็จเพราะผูรองไดยกเลิก
สัญญาพพิ าทดังท่ผี คู ัดคานที่ 1 กลา วอางหรือไม 2...3 ผคู ัดคา นท่ี 2 ตอ งรวมรบั ผิด
กับผูคัดคานที่ 1 หรือไม ตอมาในช้ันทําคําช้ีขาด อนุญาโตตุลาการเห็นวา ในการ
กาํ หนดประเดน็ ขอ พพิ าทมกี ารเรยี กผคู ดั คา นทง้ั สองสลบั กนั จงึ ไดว นิ จิ ฉยั ตามประเดน็
ขอพิพาทที่ถูกตอ ง คือ ประเด็นขอ พิพาทขอ (1) ผคู ัดคา นท่ี 2 ไมตอ งรับผิดที่ทํางาน
ทีร่ ับจางไมแลวเสรจ็ เพราะผรู องไดยกเลิกสัญญาพิพาทดังทผี่ ูคดั คา นท่ี 2 กลา วอาง
180 รวมคําพิพากษาที่นาสนใจเกย่ี วกับอนุญาโตตุลาการ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
หรือไม (2)...(3) ผูคดั คา นที่ 1 ตองรวมรบั ผิดกับผคู ัดคา นท่ี 2 หรอื ไม ซึง่ การแกไข
ดังกลาวเปนการแกไขโดยเรียกผูคัดคานใหตรงตามท่ีผูรองเสนอขอพิพาทและ
ผูคัดคานย่ืนคําคัดคาน การแกไขและการชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจึงเปนไปตาม
ประเด็นท่ีผูคัดคานย่ืนคําคัดคานและชอบดวยกฎหมายแลว อุทธรณของผูคัดคาน
จงึ ไมต องดว ยกรณที ีจ่ ะอุทธรณไดตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตลุ าการ พ.ศ. 2545
มาตรา 45
คาํ พิพากษาศาลฎีกาที่ 6251/2562
การที่อนุญาโตตุลาการจะหยิบยกพยานหลักฐานใดข้ึนมาวินิจฉัยภายใน
กรอบของกฎหมายยอมมีอํานาจกระทาํ ไดโดยชอบ ผูรองไมมอี ํานาจโตแ ยง ดลุ พินิจ
ของอนญุ าโตตลุ าการในการรบั ฟง พยานหลกั ฐาน ในชนั้ อนญุ าโตตลุ าการ ผรู อ งและ
ผูคัดคานตกลงกันใหนําประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชบังคับ ดังน้ัน
การพจิ ารณาของอนญุ าโตตลุ าการจงึ ตอ งนาํ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง
วา ดว ยพยานหลกั ฐาน มาใชบ งั คบั โดยอนโุ ลม เมอื่ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความ
แพง มาตรา 125 บญั ญัตใิ หค คู วามฝา ยทถ่ี กู คูความอีกฝายอางองิ เอกสารเปน พยาน
หลกั ฐานยนั ตน อาจคดั คา นเอกสารนน้ั โดยคดั คา นกอ นการสบื พยานเอกสารนน้ั เสรจ็
หรือไมว า เวลาใดกอ นศาลพิพากษาโดยไดร ับอนญุ าตจากศาล แตผ รู อ งหาไดค ัดคาน
สําเนาเอกสารท่ีผคู ัดคานนํามาสืบแตอยา งใดไม การท่ีอนุญาโตตลุ าการรบั ฟงสาํ เนา
เอกสารที่ผูคัดคานนํามาสืบเปนพยานหลักฐานจึงชอบดวยประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพง มาตรา 93 (4) การยอมรับหรือการบังคับตามคําช้ีขาดของ
อนญุ าโตตุลาการจึงไมข ัดตอ ความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอนั ดีของประชาชน ไม
เขา เกณฑใ หศ าลเพกิ ถอนตามพระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 มาตรา 40
วรรคสาม (2) (ข)
คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี 3427/2562
คดีนโ้ี จทกฟองใหจาํ เลยรบั ผดิ ตามสญั ญารับเหมาชวงฯ อนั เปนการฟอ งให
รบั ผดิ ในมลู สญั ญา มใิ ชร อ งขอใหเ พกิ ถอนคาํ ชข้ี าด หรอื ขอใหบ งั คบั ตามคาํ ชข้ี าดของ
รวมคาํ พิพากษาท่นี า สนใจเกยี่ วกับอนุญาโตตุลาการ 181
Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตุลาการ
อนุญาโตตุลาการตามที่บัญญัติไวในหมวด 6 และหมวด 7 ของพระราชบัญญัติ
อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ทจี่ ะตองอทุ ธรณไ ปยงั ศาลฎกี าหรอื ศาลปกครองสูงสดุ
แลว แตก รณเี ทาน้นั ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ นพระราชบัญญัติอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545
มาตรา 45 วรรคสอง ดงั นน้ั เมอ่ื ศาลชน้ั ตน มคี าํ สงั่ ใหจ าํ หนา ยคดโี ดยเหน็ วา โจทกไ มม ี
อํานาจฟองจําเลยตอศาลช้ันตน โจทกก็ยอมอุทธรณคําส่ังของศาลช้ันตนไปยัง
ศาลอุทธรณภาค 2 ไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 223
ศาลอุทธรณภาค 2 จงึ มอี าํ นาจทจ่ี ะพิจารณาพพิ ากษาคดีน้ี
โจทกจ าํ เลยในฐานะคสู ญั ญาตกลงทจี่ ะระงบั ขอ พพิ าททเี่ กดิ ขนึ้ โดยการเจรจา
และกระบวนการอนญุ าโตตลุ าการ การทท่ี งั้ สองฝา ยตกลงกนั ไวด งั กลา วเปน การแสดง
อยูในตัววาไมประสงคที่จะระงับขอพิพาทท่ีเกิดข้ึนหรือเก่ียวของกับสัญญารับเหมา
ชวงฯ โดยทางศาล คําวา “May” จงึ ไมน าจะมคี วามหมายในทางใหสทิ ธคิ สู ญั ญาท่ี
จะเลอื กฟอ งคดตี อ ศาลดงั ทโ่ี จทกก ลา วอา งมาในคาํ คดั คา น เมอื่ ขอ เทจ็ จรงิ รบั ฟง ไดว า
คาํ วา “May” ในสญั ญาขอ 19.2.1 มคี วามหมายในทางกาํ หนดใหค สู ญั ญาตอ งดาํ เนนิ
กระบวนการทางอนญุ าโตตลุ าการ โจทกจ งึ ไมม อี ํานาจฟอ งคดีน้ีตอศาลชน้ั ตน
คาํ พพิ ากษาศาลฎีกาที่ 2082/2562
ขอวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการที่วาผูรองมิไดสงมอบสินคาลาชา
ขอเท็จจรงิ ก็ปรากฏวาผคู ดั คา นรบั มอบสินคาไว จึงตอ งถือวาผูร อ งสงมอบสินคาตาม
สญั ญาและตามใบสง่ั ซอื้ สนิ คา ใหแ กผ คู ดั คา นครบถว นเรยี บรอ ยแลว ทง้ั ในการประชมุ
เจรจาระหวา งผรู อ งกบั ผคู ดั คา น ยงั ถกเถยี งกนั เรอื่ งตวั เลขคา ปรบั และการเรมิ่ คาํ นวณ
ดอกเบ้ีย ยังไมเปนท่ียุติการโตตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกสระหวางผูรองกับ
ผูคัดคานก็ไมมีขอความใดแสดงวาเปนการรับสภาพหน้ี ขอวินิจฉัยของคณะ
อนุญาโตตุลาการดังกลาวเปนการวินิจฉัยปญหาขอเท็จจริงตามพยานหลักฐานใน
สาํ นวน ไมใ ชข อ อา งทผี่ รู อ งจะยกขนึ้ ขอใหเ พกิ ถอนคาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการ
ไดต ามพระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 มาตรา 40 เมอื่ ผรู อ งกบั ผคู ดั คา น
ยงั โตแ ยง กนั เรอ่ื งคา ปรบั และดอกเบย้ี โดยยงั ไมไ ดข อ ยตุ ิ ขอ ความในการประชมุ เจรจา
และในจดหมายโตตอบจึงไมอาจถือวาผูคัดคานยอมรับสภาพหนี้ ไมเปนเหตุใหอายุ
182 รวมคาํ พิพากษาที่นาสนใจเก่ียวกับอนญุ าโตตลุ าการ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
ความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา 193/14 (1) ทง้ั
การทผ่ี รู อ งเคยนาํ ขอ พพิ าทนย้ี นื่ ฟอ งผคู ดั คา นตอ ศาลแพง ซงึ่ พน กาํ หนดอายคุ วาม 5 ป
ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1)
แตศ าลแพง มคี าํ สงั่ จาํ หนา ยคดเี พราะเหตตุ อ งเสนอขอ พพิ าทตอ คณะอนญุ าโตตลุ าการ
ผูรองก็มิอาจอางวาไดฟองคดีเพ่ือต้ังหลักฐานสิทธิเรียกรองหรือเพื่อใหชําระหนี้อัน
เปนเหตุใหอายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา
193/14 (2) เพราะเปนขอพิพาทท่ีตองเสนอตอคณะอนุญาโตตุลาการตามมาตรา
193/14 (4) ดังน้ัน ผูรองย่ืนคําเสนอขอพิพาทตอสถาบันอนุญาโตตุลาการ สํานัก
อนุญาโตตุลาการ สํานักงานศาลยุติธรรม เรียกเอาคาสินคาที่ไดสงมอบพนกําหนด
อายคุ วาม 5 ป ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา 193/33 (5) ประกอบ
มาตรา 193/34 (1) ทคี่ ณะอนญุ าโตตลุ าการมคี าํ ชข้ี าดวา สทิ ธเิ รยี กรอ งของผรู อ งขาด
อายุความจึงชอบดวยกฎหมายแลวการยอมรับหรือการบังคับตามคําชี้ขาดนั้น
ไมเ ปนการขดั ตอ ความสงบเรยี บรอยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน ไมมีเหตุท่ีศาล
จะเพกิ ถอนคาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการตามพระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ
พ.ศ. 2545 มาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข)
คําพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 8516/2561
แมมาตรา 46 บัญญัติวา “ในการพิพากษาคดีสวนแพง ศาลจําตองถือ
ขอ เทจ็ จริงตามทีป่ รากฏในคําพพิ ากษาคดีสว นอาญา” อยา งไรกด็ ี หากผลคดีอาญา
ยังไมปรากฏขอเท็จจริงเปนประการใด ศาลในคดีสวนแพงยอมมีดุลพินิจดําเนิน
กระบวนพิจารณาและพิพากษาไปไดตามพยานหลักฐานท่ีปรากฏในสํานวนโดย
ไมตองรอคําพิพากษาคดีสวนอาญา การใชดุลพินิจดังกลาวไมเปนการตองหามตาม
กฎหมาย และไมขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน คํารอง
ของผูรองเปนการโตแยงการใชดุลพินิจของอนุญาโตตุลาการ การยอมรับหรือการ
บังคับตามคําช้ีขาดไมเปนการขัดตอกฎหมายและความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรม
อันดีของประชาชน ขออุทธรณประการอื่นที่วา อนุญาโตตุลาการไตสวนพยาน
ผคู ดั คา นเพยี งปากเดยี ว ไมไ ตส วนพยานอนื่ กเ็ ปน การโตแ ยง ดลุ พนิ จิ การรบั ฟง พยาน
รวมคําพพิ ากษาที่นาสนใจเกย่ี วกับอนุญาโตตลุ าการ 183
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ
หลกั ฐานและวนิ จิ ฉัยขอเทจ็ จริงเชน กนั ซง่ึ ไมเปนเหตุทศี่ าลจะเพิกถอนคาํ ช้ขี าดของ
อนญุ าโตตลุ าการไดตามพระราชบัญญัตอิ นญุ าโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40
คําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 6292/2561
ผรู อ งยนื่ คาํ รอ งตอ ศาลชน้ั ตน ขอใหบ งั คบั ตามคาํ ชขี้ าดของอนญุ าโตตลุ าการ
ตา งประเทศ ผรู อ งจงึ ไมอ าจมคี าํ ขอใหบ งั คบั เกนิ ไปกวา คาํ ชขี้ าดของอนญุ าโตตลุ าการ
และตามพระราชบัญญัตอิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 นนั้ ศาลไมอ าจมคี ําพิพากษา
บงั คบั เกนิ คาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการได ผรู อ งจงึ ไมม สี ทิ ธขิ อใหศ าลชนั้ ตน กาํ หนด
ในเร่ืองดอกเบ้ยี แตกตางไปจากคําชีข้ าดของอนุญาโตตุลาการ
อุทธรณข องผูคดั คานทัง้ สองที่วา ตามพยานหลักฐานท่ีผูร องนํามาสบื ยังรบั
ฟงไมไดวาผูรองเปนนิติบุคคลตามกฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลี ผูรองจึงไมอาจ
รองขอตอศาลใหบังคับตามคําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการไดน้ัน เปนการโตแยง
ดลุ พนิ จิ ในการวนิ จิ ฉยั ขอ เทจ็ จรงิ และรบั ฟง พยานหลกั ฐานของศาลชนั้ ตน จงึ ไมอ ยใู น
หลักเกณฑขอยกเวนตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45
สวนที่ผูคัดคานทั้งสองอุทธรณวา ตามคําคัดคานของผูคัดคานท้ังสองมิไดขอให
ศาลมคี าํ สั่งเพกิ ถอนคําชขี้ าดของอนญุ าโตตลุ าการ แตเปนการขอใหศาลปฏิเสธการ
บังคับตามคําช้ีขาดของอนุญาโตตลุ าการ หรือทอี่ ทุ ธรณว า อนุญาโตตลุ าการวนิ จิ ฉยั
เกินขอบเขตแหงขอตกลงในการเสนอขอพิพาทตออนุญาโตตุลาการก็ดี ขออุทธรณ
ของผคู ดั คา นทงั้ สองดงั กลา วนเี้ ทา กบั เปน การกลา วอา งวา คาํ สง่ั หรอื คาํ พพิ ากษาของ
ศาลชั้นตนที่บังคับตามคําช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการจะเปนการขัดตอความสงบ
เรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนรวมทง้ั ฝา ฝน ตอ กฎหมายอนั เกยี่ วกบั ความ
สงบเรยี บรอ ยของประชาชนตามมาตรา 45 (1) และ (2) ผคู ดั คา นจงึ มอี าํ นาจอทุ ธรณไ ด
ผูรองย่ืนคํารองขอใหบังคับตามคําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการตางประเทศ
ตามพระราชบญั ญัตอิ นุญาโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 42 ผูคัดคานในฐานะผถู ูก
บงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดจงึ อาจยนื่ คาํ คดั คา นขอใหศ าลชน้ั ตน ปฏเิ สธการบงั คบั ตามคาํ ชขี้ าด
ของอนุญาโตตุลาการไดตามมาตรา 43 ซ่ึงศาลช้ันตนจะตองวินิจฉัยวามีเหตุตาม
มาตรา 43 (1) ถงึ (6) ทจ่ี ะไมบ งั คบั ตามคาํ ชข้ี าดหรอื ไม การทศี่ าลชนั้ ตน ไปวนิ จิ ฉยั วา
184 รวมคาํ พิพากษาทีน่ าสนใจเก่ยี วกบั อนุญาโตตลุ าการ
สถาบันอนญุ าโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
กรณีไมมีเหตุท่ีจะเพิกถอนคําวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ จึงเปนการวินิจฉัยนอก
ประเด็น ไมช อบดวยประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความแพง มาตรา 142 วรรคหนงึ่
ขอเทจ็ จรงิ ไดค วามจากสญั ญา ขอ 9.10 ของสัญญาซือ้ ขายหนุ วา คูสัญญาตกลงให
ขอพิพาท ขอขัดแยงและขอ เรียกรองใด ๆ ที่เกดิ ข้นึ จากหรอื เก่ียวกับสญั ญาซือ้ ขาย
หุนหรือการกระทําผิดสัญญา การบอกเลิกสัญญาหรือความไมสมบูรณของสัญญา
ดังกลาวใหระงับ โดยกระบวนการอนุญาโตตุลาการตามขอบังคับอนุญาโตตุลาการ
ของคณะกรรมาธิการวาดวยกฎหมายการคาระหวางประเทศแหง สหประชาชาติ
(UNCITRAL ARBITRATION RULES) ที่ใชบังคับ และขอสัญญา ขอ 8.01 (ก) ก็
กาํ หนดใหผูแ ทน ของผูขายแตละคนรวมกนั และแทนกนั รบั ผดิ และชดใชค าเสียหาย
แกผูซื้อ แสดงวามีการตกลงเร่ืองความรับผิดของคูสัญญาไวโดยชัดแจงแลว ดังน้ัน
การทอ่ี นญุ าโตตลุ าการมคี าํ ชขี้ าดใหผ คู ดั คา นทง้ั สองซงึ่ เปน ผแู ทนของผขู ายรบั ผดิ ตาม
ทผี่ รู อ งเรยี กรอ ง จงึ หาใชเ ปน คาํ ชขี้ าดทว่ี นิ จิ ฉยั เกนิ ขอบเขตแหง สญั ญาอนญุ าโตตลุ าการ
หรอื คาํ ขอของผรู องตามท่ีผคู ัดคานทง้ั สองกลา วอางไม
สวนท่ีผูคัดคานท้ังสองกลาวอางวา คําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเปน
คาํ ชข้ี าดทข่ี ดั แยง กบั บทบญั ญตั แิ หง ประมวลรษั ฎากร อนั เปน กฎหมายเกย่ี วกบั ความ
สงบเรียบรอ ยและศลี ธรรมอนั ดีของประชาชนนน้ั เห็นวา เม่ือตามสัญญาซอื้ ขายหุน
ไดก าํ หนดเรอื่ งการชดใชค า เสยี หายและขอ จาํ กดั ความรบั ผดิ ไวใ นขอ สญั ญา ขอ 8.01 (ก)
โดยกาํ หนดไววา “ใหผ แู ทนของผูข ายแตล ะคน (และไมใ ชฝา ยผูขายรายอ่ืน) รว มกัน
และแทนกนั รบั ผดิ และชดใชค า เสยี หายและใหผ ซู อ้ื ปราศจากความสญู เสยี , ความรบั ผดิ ,
ขอ เรียกรอ ง, ความเสยี หาย, คาใชจาย หรือ รายจา ยใด (รวมถงึ แตไมจาํ กัดเฉพาะ
การสูญเสียกําไรและการลดลงของมูลคา) รวมถึงคาธรรมเนียมและคาใชจายทาง
กฎหมายใน จํานวนที่เหมาะสม (เรียกรวมกันวา “คาเสียหาย”) ของผูซ้ือหรือที่
เกดิ ขนึ้ กบั ผซู อ้ื ทเี่ กดิ ขน้ึ จากทเ่ี กย่ี วพนั กบั หรอื เกยี่ วขอ งโดย ประการอน่ื กบั (1)... (3)
คาเสียหายใด ๆ และทัง้ หมด (รวมถึงภาษีตา ง ๆ) ทเ่ี กดิ ข้นึ กับบริษัทฯ ทเ่ี กดิ ข้ึนจาก
ท่ีเกี่ยวพันกับ หรือ เกี่ยวของโดยประการอื่นกับการซ้ือท่ีดินและทรัพยสินที่มิใช
สนิ ทรพั ยห ลกั ของผขู ายจากบรษิ ทั ฯ ตามทร่ี ะบไุ วใ นขอ 5.07 ทง้ั นคี้ า เสยี หายดงั กลา ว
จะไมรวมการขาดทนุ ทางบญั ชี (accounting loss) ทเี่ กิดขึ้นโดยบรษิ ัทฯ อนั เปนผล
รวมคาํ พพิ ากษาที่นา สนใจเก่ยี วกบั อนญุ าโตตลุ าการ 185
Thai Arbitration Institute สถาบันอนญุ าโตตุลาการ
มาจากการขายทีด่ ินและทรัพยส นิ ที่ มิใชส ินทรพั ยห ลักตามขอ 5.07 หรือ...” จากขอ
สญั ญาแสดงใหเ หน็ วา ผรู อ งและผคู ดั คา นทง้ั สองในฐานะคสู ญั ญาในสญั ญาซอื้ ขายหนุ
ไดตกลงกันไวตั้งแตขณะทําสัญญาแลววา ใหผูคัดคานทั้งสองเปนผูรับผิดชอบใน
เรอื่ งคาใชจ า ยทเ่ี กดิ ข้นึ กับบริษทั ท. จาํ กดั (มหาชน) อนั เนือ่ งมาจากการทผี่ ขู ายหุน
ของบรษิ ทั ท. จาํ กดั (มหาชน) ใหแ กผ รู อ งซอื้ ทดี่ นิ และทรพั ยส นิ ทไี่ มใ ชส นิ ทรพั ยห ลกั
จากบรษิ ทั ดงั กลา ว ซง่ึ ผรู อ งและผคู ดั คา นทงั้ สองในฐานะคสู ญั ญาชอบทจี่ ะตกลงเชน
น้ันได ขอตกลงดังกลาวจึงหาใชขอตกลงท่ีขัดตอบทบัญญัติแหงประมวลรัษฎากร
ดังที่ผูคัดคานท้ังสองกลาวอางไม สวนประเด็นวาผูคัดคานท้ังสองมี ฐานะเปนผูซ้ือ
ท่ีดินและทรัพยสินที่ไมใชสินทรัพยหลักหรือไมน้ัน ผูคัดคานท้ังสองมิไดโตแยงเปน
อยา งอนื่ จงึ ตอ งฟง วา ผคู ดั คา นทงั้ สองเปน ผซู อ้ื กรณจี งึ ไมม เี หตทุ จ่ี ะปฏเิ สธการบงั คบั
ตามคําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
สัญญาซื้อขายหุนมีขอสัญญา ขอ 9.09 กําหนดไววา ความสมบูรณ การ
ตีความ และการดําเนินการตามสัญญาน้ีใหใชบังคับตามกฎหมายไทยการวินิจฉัย
ชข้ี าดขอ พพิ าทตามสญั ญาซอ้ื ขายหนุ ของอนญุ าโตตลุ าการจงึ ตอ งเปน ไปตามประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 224
การทอี่ นญุ าโตตลุ าการชขี้ าดใหผ คู ดั คา นทง้ั สองรบั ผดิ ชาํ ระดอกเบย้ี ทบตน รายวนั ซง่ึ
ก็คือใหผูรองคิดดอกเบ้ียซอนดอกเบ้ียไดนั้น ยอมเปนการไมชอบดวยบทบัญญัติ
มาตรา 224 วรรคสอง และเขา เกณฑเปน กรณที ก่ี ารยอมรับหรอื บังคบั ตามคําช้ีขาด
ของอนุญาโตตุลาการเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน กรณีจงึ ไมอ าจบังคับตามคาํ ชขี้ าดในสวนนขี้ องอนุญาโตตลุ าการได
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ค.1/2564
สํานักอนุญาโตตุลาการ สํานักงานศาลยุติธรรม ไดมีหนังสือ ลับ ท่ี ศย
026(ส)/500 ลงวันที่ 2 กันยายน 2562 สงสําเนาคาํ ชขี้ าดของคณะอนุญาโตตุลาการ
ใหพ นักงานอัยการผูร ับมอบอาํ นาจจากผรู อ งทราบ ผรู ับมอบอํานาจจากผูร อ งไดร ับ
หนังสือดังกลาวพรอมกับสําเนาคําชี้ขาดเมื่อวันท่ี 3 กันยายน 2562 กรณีจึงถือวา
ผูรองไดรับสําเนาคําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเม่ือวันที่ 3 กันยายน 2562
186 รวมคาํ พิพากษาท่ีนาสนใจเกย่ี วกับอนญุ าโตตุลาการ
สถาบันอนญุ าโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
ตามนัยขอ 4 วรรคหนึ่ง (1) ของขอบังคับสํานักงานศาลยุติธรรม วาดวย
อนญุ าโตตุลาการ สถาบนั อนญุ าโตตุลาการ ซ่ึงผูร องจะตอ งยน่ื คาํ รอ งตอ ศาลเพ่อื ขอ
ใหเพิกถอนคําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการภายในเกาสิบวันนับแตวันดังกลาว
คอื ภายในวนั ท่ี 2 ธนั วาคม 2562 การทผี่ รู อ งยนื่ คาํ รอ งตอ ศาลขอใหเ พกิ ถอนคาํ ชข้ี าด
ดงั กลา วเมอ่ื วนั ที่ 16 ธนั วาคม 2562 จงึ เปน การยนื่ คาํ รอ งขอใหเ พกิ ถอนคาํ ชข้ี าดของ
คณะอนุญาโตตุลาการเมื่อพนกําหนดระยะเวลาตามมาตรา 40 วรรคสอง แหง
พระราชบัญญตั ิอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.44/2561
คณะอนญุ าโตตลุ าการวนิ จิ ฉยั วา ผเู รยี กรอ งทาํ การกอ สรา งถกู ตอ งตามแบบ
สญั ญาแลว ตามขอ 14 ของสญั ญาซงึ่ ระบถุ งึ รายละเอยี ดทผ่ี ดิ พลาดหรอื คลาดเคลอ่ื น
ไปจากหลักการทางวิศวกรรมหรือเทคนิค ผูรับจางตกลงที่จะปฏิบัติตามคําวินิจฉัย
ของคณะกรรมการตรวจการจางหรือผูควบคุมงาน เม่ือผูเรียกรองจัดหาเหล็ก
โครงสรา งขนาดความหนา 3.2 มลิ เิ มตร ไมไ ด จงึ ขอใชเ หลก็ ความหนา 2.5 มลิ ลเิ มตร
แทน และไดหารือกับนาย ค. ชา งผคู วบคมุ งาน และนาย ค. ไดป รึกษารวมท้งั แจง ให
ประธานกรรมการตรวจการจางทราบเร่ืองดังกลาวแลว ผูเรียกรองจึงไดจัดซื้อวัสดุ
ขนาดดงั กลา วมาใชใ นงานจา งตามสญั ญาแลว นนั้ เหน็ วา การทคี่ ณะอนญุ าโตตลุ าการ
วินิจฉัยวา การที่ผูคัดคานแจงชางผูควบคุมงานกรณีจัดหาเหล็กที่มีความหนาตาม
สญั ญาไมไ ด และไดร บั แจง จากผคู วบคมุ งานซงึ่ ไดส อบถามผมู อี าํ นาจแลว วา หากไมม ี
เหล็กความหนา 3.2 มิลลิเมตร ใหใชเหล็กความหนาสูงสุดท่ีมีขายได เปนกรณีที่
ผคู ดั คา นไดด าํ เนนิ การตามคาํ แนะนาํ ของชา งควบคมุ และประธานกรรมการตรวจการ
จา งตามสญั ญาขอ 14 แลว การวนิ จิ ฉยั ของคณะอนญุ าโตตลุ าการจงึ ไมเ ปน การวนิ จิ ฉยั
นอกเหนือไปจากขอบเขตของสัญญา และไมเ ปนการฝา ฝน มาตรา 34 วรรคสี่ แหง
พระราชบัญญตั ิอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545
เมอื่ คณะอนญุ าโตตลุ าการไดช ขี้ าดวา ผคู ดั คา นไดท าํ การกอ สรา งถกู ตอ งตาม
แบบในสญั ญาแลว ผรู อ งจงึ ตอ งชาํ ระเงนิ คา จา งแกผ คู ดั คา นตามคาํ ชขี้ าดดงั กลา ว สว น
การงานทผ่ี คู ดั คา นไดท าํ ไวน นั้ แมผ รู อ งจะเหน็ วา อาจจะกอ ใหเ กดิ อนั ตรายดา นความ
รวมคาํ พิพากษาทน่ี า สนใจเกย่ี วกบั อนุญาโตตุลาการ 187
Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตุลาการ
มัง่ คงแข็งแรงของโครงสรางอาคารท่ีจอดรถตอ ผมู าใชบ รกิ าร น้นั ผูรอ งยอ มมีหนา ท่ี
จะตองดาํ เนนิ การใด ๆ เพอ่ื ความปลอดภัยจากการใชอาคารทจ่ี อดรถดังกลา ว การท่ี
ผูรองจะตองยอมรับเอาการงานท่ีผูคัดคานไดทําไปน้ัน หากจะมีผลตอการจัดทํา
บริการสาธารณะของผูรองดังอาง ผูรองอาจหาตัวผูรับผิดจากความบกพรองในการ
บรหิ ารสญั ญา การควบคมุ งาน ใหต อ งรบั ผดิ เพราะเหตทุ ม่ี ไิ ดป ฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและ
ระเบียบที่เกี่ยวของ จึงเห็นวา การท่ีคณะอนุญาโตตุลาการไดวินิจฉัยช้ีขาดใหผูรอง
ตองชําระเงินคาจางตามสัญญาแกผูคัดคานโดยปรับลดราคาคาจางตามขนาดของ
เหลก็ โครงสรา งพรอ มดอกเบยี้ ในอตั รารอ ยละ 7.5 ตอ ป จากตน เงนิ ทป่ี รบั ลดแลว นบั
จากวันทไ่ี ดสงมอบงานจนกวา จะชําระเสรจ็ การบังคับตามคาํ ชีข้ าดดงั กลาวจึงไมขดั
ตอความสงบเรยี บรอยหรือศีลธรรมอันดขี องประชาชนตามนยั มาตรา 40 วรรคสาม
(2)(ข) แหง พระราชบัญญตั อิ นุญาโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 แตอยางใด กรณีจึงไมม เี หตุ
ท่ีศาลจะเพิกถอนคาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการ
คาํ พิพากษาศาลฎกี าท่ี 7635/2562
ผูร อ งยื่นคาํ รอ งขอใหศาลเพิกถอนคําชีข้ าดของอนุญาโตตลุ าการโดยอา งวา
การยอมรบั หรือการบงั คบั ตามคาํ ชี้ขาดนน้ั จะเปนการขดั ตอ ความสงบเรยี บรอยหรอื
ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน ตาม พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา
40 วรรคสาม (2) (ข) ปญ หาวนิ จิ ฉัยจงึ มวี าการยอมรับหรือการบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าด
ของอนญุ าโตตลุ าการทช่ี ขี้ าดวา ขอ พพิ าทของผรู อ งขาดอายคุ วามโดยถอื วนั ทผ่ี รู อ งนาํ
รถยนตไ ปใหเ ชา เปน วนั วนิ าศภยั นนั้ จะเปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรม
อันดีของประชาชนหรือไม แตศาลชั้นตนตั้งประเด็นวินิจฉัยวา คําชี้ขาดของ
อนุญาโตตลุ าการขัดตอ กฎหมายหรือไม ซง่ึ ไมตรงกับประเด็นขอ พิพาทแหง คดี แลว
วินิจฉัยวาพยานหลักฐานท่ีผูรองนําเขาไตสวนไมมีน้ําหนักรับฟงไดวาคําชี้ขาดของ
อนญุ าโตตลุ าการเปน ไปตาม พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 40
โดยไมไ ดว นิ จิ ฉยั วา การยอมรบั หรอื การบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการทว่ี า
วนั วนิ าศภยั หรอื วนั ทผ่ี รู อ งสง มอบรถยนตใ หแ ก บ. ผหู ลอกลวงอนั นาํ ไปสกู ารวนิ จิ ฉยั
วา การเสนอขอ พพิ าทของผรู อ งขาดอายคุ วามนนั้ จะเปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ย
188 รวมคาํ พพิ ากษาท่ีนา สนใจเกย่ี วกบั อนุญาโตตุลาการ
สถาบนั อนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
หรอื ศลี ธรรมอนั ดีของประชาชนหรือไมแตอ ยางใด จึงเปนการไมช อบดว ย ประมวล
กฎหมายวิธพี ิจารณาความแพง มาตรา 142 วรรคหนึง่
เมอื่ อนญุ าโตตลุ าการมคี าํ ชข้ี าดวา การกระทาํ ความผดิ ของ บ. เปน ความผดิ
ฐานลักทรพั ยโ ดยใชก ลอุบาย ดังนี้ ในวันที่ 13 มกราคม 2558 ทีผ่ ูร องสงมอบรถยนต
คันดงั กลา วใหแ ก บ. กับพวก แมจะเปน สวนหนง่ึ ของอุบายที่ บ. กับพวกวางแผนไว
เพอ่ื ประสงคจ ะลกั ทรพั ยต ามทอี่ นญุ าโตตลุ าการมคี าํ ชข้ี าด แตใ นขณะนน้ั บ. กบั พวก
ยังมิไดลงมือแยงการครอบครองหรือเอารถยนตไปจากผูรอง ไมอาจถือไดวาวัน
ดงั กลา วเปน วนั ทล่ี กั ทรพั ยส าํ เรจ็ ตอ มาเมอ่ื บ. กบั พวกไมช าํ ระคา เชา แลว พากนั หลบหนี
ไปพรอมรถยนตคันดังกลาว ถือไดวา บ. กับพวกเอารถยนตคันดังกลาวไปจากการ
ครอบครองของผูรองแลว ผูร องไมอาจตามหาตัว บ. กบั พวกไดและเขา รองทกุ ขต อ
เจาพนักงานตํารวจเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2558 จึงถอื ไดว า วนั ทรี่ อ งทกุ ขเ ปน วันท่ี
ผรู อ งถกู บ. กบั พวกลกั รถยนตไ ปอนั เปน วนั วนิ าศภยั ตามประมวลกฎหมายแพง และ
พาณิชย มาตรา 882 วรรคหน่ึง เม่ือผูรองเสนอขอพิพาทตออนุญาโตตุลาการเม่ือ
วนั ท่ี 21 มีนาคม 2560 จึงยงั ไมพน กาํ หนด 2 ป คดขี องผรู องยงั ไมข าดอายคุ วาม
ดังนั้น ที่อนุญาโตตุลาการมีคําช้ีขาดวา วันท่ีผูรองสงมอบรถยนตเปนวันวินาศภัย
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา 882 จึงเปนการปรับบทกฎหมาย
ไมถ กู ตอ ง ไมใ ชเ พยี งการวนิ จิ ฉยั อายคุ วามเทา นน้ั การยอมรบั หรอื บงั คบั ตามคาํ ชข้ี าด
ดังกลาวจึงเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตาม
พระราชบัญญตั อิ นญุ าโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข)
คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี 6741/2562
การท่ีผูรองทั้งสองสงมอบรถยนตใหแกหางหุนสวนจํากัด ส. ในวันท่ี 18
ธนั วาคม 2557 และในวนั ท่ี 22 ธนั วาคม 2557 โดยในระยะแรกผูรองทัง้ สองไดรับ
คา เชา รถยนตต ามสญั ญา ตอ มาเมอ่ื ผรู อ งทงั้ สองไมไ ดร บั คา เชา ผรู อ งทง้ั สองจงึ ทราบ
วา ผรู อ งทงั้ สองถกู ฉอ โกง ตอ มามกี ารดาํ เนนิ คดอี าญาแกผ กู ระทาํ ความผดิ ศาลชนั้ ตน
พพิ ากษาลงโทษผกู ระทาํ ผดิ ฐานฉอ โกง กรณไี มอ าจถอื วา ในวนั ทผี่ รู อ งทงั้ สองสง มอบ
รถยนตเปนวันท่ีความผิดสําเร็จอันจะถือเปนวันวินาศภัยซ่ึงจะสงผลวาผูรองทั้งสอง
รวมคาํ พพิ ากษาทน่ี าสนใจเก่ียวกับอนญุ าโตตลุ าการ 189
Thai Arbitration Institute สถาบันอนุญาโตตลุ าการ
ยน่ื คาํ เสนอขอ พพิ าทเมอื่ พน กาํ หนดสองป ตามคาํ ชขี้ าดของอนญุ าโตตลุ าการซง่ึ หาก
มีการยอมรับหรือบงั คบั ตามคําชข้ี าดของอนุญาโตตุลาการ ซ่ึงหากมกี ารยอมรับหรอื
บงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดดงั กลา วยอ มเปน ผลใหผ รู อ งทง้ั สองเสยี ประโยชน เพราะขอ เทจ็ จรงิ
ยอมเปนการยากตอวิญูชนคนท่ัวไปที่จะทราบวาถูกฉอโกงมาต้ังแตวันที่มีการ
สง มอบรถยนตไปตามสญั ญา กรณจี ึงไมอ าจถอื ไดวา วันวนิ าศภัยใหนับตัง้ แตวันที่มี
การสงมอบรถยนตตามสัญญา การช้ขี าดของอนญุ าโตตุลาการยอมขัดตอความสงบ
เรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงเห็นไดวา กรณีมีเหตุที่จะเพิกถอน
คาํ ช้ขี าดของอนุญาโตตลุ าการตามมาตรา 40 แหงพระราชบญั ญตั ิอนญุ าโตตลุ าการ
พ.ศ.2545
คําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 6252/2562
พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 บญั ญตั วิ า “หา มมใิ ห
อุทธรณคาํ สั่งหรือคําพิพากษาของศาลตามพระราชบัญญตั ิน้ี เวนแต (1) การยอมรบั
หรอื การบงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดนนั้ จะเปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดี
ของประชาชน (2) คาํ สง่ั หรอื คาํ พพิ ากษานนั้ ฝา ฝน ตอ บทกฎหมายอนั เกย่ี วดว ยความ
สงบเรยี บรอยของประชาชน...” สําหรับกรมธรรมป ระกนั ภยั ภาคสมคั รใจมีลักษณะ
เปนสัญญาประกันภัยค้ําจุน ผูคัดคานจะรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกบุคคล
ภายนอกตอเม่อื ผเู อาประกันภยั ตองรบั ผดิ ในวนิ าศภัยนนั้ อนญุ าโตตลุ าการจงึ มีสทิ ธิ
วนิ จิ ฉยั ความรบั ผดิ ของผเู อาประกนั ภยั ตอ ผรู อ งได สว นกรมธรรมป ระกนั ภยั คมุ ครอง
ผูประสบภัยจากรถ ผูคัดคานตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนตามกฎกระทรวง
กําหนดจํานวนเงินเอาประกันภัย ตามชนิด ประเภท และขนาดของรถ พ.ศ.2554
ขอ 3 (3) ทอ่ี อกตามความในมาตรา 5 แหง พระราชบญั ญตั คิ มุ ครองผปู ระสบภยั จากรถ
พ.ศ.2535 ใหแกทายาทโดยธรรมของผูตาย ในกรณีมีทายาทโดยธรรมหลายคน
ก็ตองแบงชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกทายาทโดยธรรมครบทุกคน ดังน้ัน
คาํ พพิ ากษาศาลชัน้ ตน ที่วินจิ ฉยั วา คําชี้ขาดของอนญุ าโตตลุ าการชอบดว ยกฎหมาย
แลว และยกคาํ รอ งของผรู อ ง จงึ ไมใ ชค าํ พพิ ากษาทฝ่ี า ฝน ตอ บทกฎหมายอนั เกยี่ วดว ย
ความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดขี องประชาชน และการยอมรับหรือการบงั คบั
190 รวมคําพพิ ากษาที่นาสนใจเกยี่ วกับอนุญาโตตลุ าการ
สถาบันอนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute
ตามคําชี้ขาดนั้นก็ไมเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน กรณจี งึ ไมเ ขา หลกั เกณฑต าม พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545
มาตรา 45 วรรคหนงึ่ (1) (2) ท่ีผูรอ งจะอทุ ธรณไ ด ศาลฎีกาจึงไมร บั วินิจฉัยอทุ ธรณ
ของผรู อง
คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 5310/2562
ผูคัดคานรับประกันภัยรถยนตโดยสารประจําทางซ่ึงเปนสัญญาประกันภัย
ค้ําจุน เม่ือ ว. ผูขับข่ีรถยนตโดยสารประจําทางที่เอาประกันภัยไวกับผูคัดคานตอง
รบั ผดิ ฐานละเมดิ ตอ ผรู อ งทงั้ สามเพราะขบั รถยนตโ ดยสารประจาํ ทางโดยประมาทไปทบั
จ. ถึงแกความตายตามคําพิพากษาคดีสวนอาญา แมในคดีอาญาผูคัดคานจะไมได
ถกู ฟอ งเปน จาํ เลยจงึ ไมถ กู ผกู พนั ในการพพิ ากษาคดสี ว นแพง ทศี่ าลจาํ ตอ งถอื ขอ เทจ็ จรงิ
ตามท่ีปรากฏในคําพิพากษาคดีสวนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญา มาตรา 46 ก็ตาม แตผูคัดคานเปนผูรับประกันภัย ตกลงวาจะใชคาสินไหม
ทดแทนในนามของผเู อาประกนั ภยั เพอื่ ความวนิ าศภยั อนั เกดิ ขนึ้ แกบ คุ คลอกี คนหนงึ่
และซึ่งผูเอาประกันภัยจะตองรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา 887 วรรคหนึง่ ซงึ่ ผคู ัดคานก็ไมไดโตแ ยง วา ผเู อาประกันภัยไมตองรวมรับผิด
กบั ว. ผคู ดั คา นไมอ าจนาํ สบื เปลยี่ นแปลงใหผ ดิ ไปจากความรบั ผดิ ของ ว. ได ผคู ดั คา น
จึงตองรับผิดตอผูรองทั้งสามตามสัญญาประกันภัย ที่อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยวา
คาํ พพิ ากษาของศาลอาญาทว่ี นิ จิ ฉยั วา ว. กระทาํ โดยประมาทไมผ กู พนั ผคู ดั คา นเพราะ
ผคู ดั คา นมไิ ดเ ปน คคู วามในคดี แลว วนิ จิ ฉยั ฟง ขอ เทจ็ จรงิ วา ว. มไิ ดเ ปน ฝา ยขบั รถโดย
ประมาท เปนคําชข้ี าดท่ไี มช อบดว ยกฎหมาย การยอมรับหรอื บงั คับตามคาํ ชี้ขาดจะ
เปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ศาลมีอํานาจ
เพิกถอนคําช้ีขาดได ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40
วรรคสาม (2) (ข)
รวมคาํ พพิ ากษาทีน่ า สนใจเกย่ี วกบั อนุญาโตตลุ าการ 191
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนญุ าโตตุลาการ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.321 -322/2560
ผูรองไดทําหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกรองใหธนาคารกรุงไทย จํากัด
(มหาชน) และไดมีหนังสือบอกกลาวใหผูคัดคานทราบถึงการโอนสิทธิเรียกรอง
ดังกลาวแลว ซึ่งทําใหการโอนหน้ีอันเปนสิทธิเรียกรองนี้สมบูรณและยกขึ้นเปน
ขอ ตอ สลู กู หนแ้ี ละบคุ คลภายนอกไดต ามมาตรา 306 วรรคหนง่ึ แหง ประมวลกฎหมาย
แพง และพาณชิ ย และมีสภาพแหง สิทธทิ ่ีเปด ชองใหโอนกนั ไดต ามมาตรา 303 วรรค
หนงึ่ แหงประมวลกฎหมายดงั กลา ว กต็ าม แตคําช้ขี าดของคณะอนุญาโตตลุ าการก็
ยงั หาเปนทรพั ยซงึ่ เปน วัตถแุ หงหน้ีตามมาตรา 195 แหง ประมวลกฎหมายเดียวกัน
ทผ่ี รู บั โอนพงึ ทราบจาํ นวนทแ่ี นน อน เนอื่ งจากตามเอกสารแนบทา ยสญั ญาพพิ าทและ
สตู รการปรบั ราคากาํ หนดวา “การจา ยเงนิ แตล ะงวดใหจ า ยคา จา งงานทผ่ี รู บั จา งทาํ ได
แตละงวดตามสัญญาไปกอน สวนคางานเพิ่มหรือคางานลดลงซ่ึงจะคํานวณไดเมื่อ
ทราบดชั นรี าคาวสั ดกุ อ สรา งซงึ่ นาํ มาคาํ นวณหาคา K ของเดอื นทส่ี ง มอบงานในเดอื น
นน้ั ๆ เปน ทแี่ นน อนแลว เม่ือคํานวณเงินเพ่ิมไดใ หข อทําความตกลงเร่ืองการเงนิ กบั
สํานักงบประมาณ” กรณีจึงไมตัดสิทธิของผูรองในการนําขอพิพาทเขาสูการช้ีขาด
ของคณะอนุญาโตตุลาการเพ่ือใหกําหนดจํานวนเงินในสวนดังกลาวใหเปนจํานวนท่ี
แนนอนกอน อีกท้ังในการโอนสิทธิเรียกรองของผูรองใหกับธนาคารกรุงไทย จํากัด
(มหาชน) ผูคัดคานก็ไมเคยยกเปนขอตอสูในชั้นวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการ
ดงั นนั้ เมอ่ื คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะอนญุ าโตตลุ าการดงั กลา วไมม ลี กั ษณะอยา งหนง่ึ อยา งใด
อันเปนขอท่ีไมสามารถระงับโดยการอนุญาโตตุลาการไดตามกฎหมายหรือถาการ
บังคับตามคําช้ีขาดน้ันจะเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน ศาลจึงไมอาจทําคําปฏิเสธการขอบังคับตามคําชี้ขาดของคณะ
อนญุ าโตตลุ าการไดต ามมาตรา 44 แหง พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545
ท้ังน้ี คําวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการน้ีไมกระทบตอหนังสือโอนสิทธิเรียกรอง
ระหวางผูโอนกับผูรับโอน เม่ือมีการโอนสิทธิเรียกรองหรือความรับผิดใด สัญญา
อนุญาโตตุลาการที่มีอยูเก่ียวกับสิทธิเรียกรองหรือความผิดน้ันยอมผูกพันผูรับโอน
ดว ยตามมาตรา 13 แหง พระราชบญั ญตั ดิ งั กลา ว พพิ ากษาใหบ งั คบั ตามคาํ ชขี้ าดของ
คณะอนญุ าโตตลุ าการ
192 รวมคําพพิ ากษาที่นา สนใจเกี่ยวกับอนญุ าโตตุลาการ
สถาบันอนุญาโตตลุ าการ Thai Arbitration Institute
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ 366-367/2558
ขอเท็จจริงปรากฏวาคําวินิจฉัยช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการตามขอ
พิพาทหมายเลขดําท่ี 118/2549 ขอพิพาทหมายเลขแดงที่ 52/2554 ลงวันที่ 18
พฤษภาคม 2554 คณะอนญุ าโตตลุ าการไดแ ยกปญ หาทจ่ี ะวนิ จิ ฉยั โดยความเหน็ ชอบ
ของคพู ิพาททงั้ สองฝายออกเปน 4 ประเด็น ดังนี้ (1) ผรู องสง มอบพน้ื ทก่ี อสรา งให
แกผูคัดคานท่ี 1 กอนเร่ิมทําการกอสรางหรือไม (2) เหตุการณไมสงบในพ้ืนที่สาม
จังหวดั ชายแดนภาคใตมีผลกระทบทําใหผูคัดคานท่ี 1 ไมส ามารถกอสรา งทางหลวง
หมายเลข 418 สายบา นคลองขุด – บานทา สาป ตอน 1 ไดหรอื ไม (3) ผรู อ งบอกเลกิ
สญั ญาชอบหรอื ไม และ (4) ผรู อ งเรยี กรอ งคา เสยี หายในสว นทเ่ี ปน เงนิ คา จา งลว งหนา
ท่ีเหลือจํานวน 42,832,806.77 บาท และคาเสียหายในสวนคาใชจายท่ีเพิ่มขึ้น
ในการทํางานใหแลวเสร็จตามสัญญาไดหรือไม เพียงใด หลังจากน้ันคณะ
อนุญาโตตุลาการไดมีคาํ วินจิ ฉยั ช้ขี าดขอ พิพาทใหผ ูร อ งสงมอบหนงั สอื ค้าํ ประกันคนื
แกผูคัดคานที่ 1 และใหผูคัดคานท่ี 1 คืนเงินคาจางลวงหนาที่เหลือจํานวน
42,832,806.77 บาท แกผ รู อง สาํ หรบั คา เสียหายในสวนคา ใชจายท่ีเพม่ิ ขึน้ ในการ
ทํางานใหแลว เสรจ็ ตามสัญญา นัน้ ผูรอ งไมอ าจเรยี กรองจากผูค ดั คา นท่ี 1 ได เพราะ
เปนการตกลงเลิกสัญญาโดยปริยายจึงไมมีฝายใดเปนฝายผิดสัญญา ตอมา
ศาลปกครองชน้ั ตน มคี าํ พพิ ากษาตามคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการดงั กลา ว โดย
พพิ ากษายกคาํ รอ งของผรู อ งทขี่ อใหศ าลเพกิ ถอนคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการ
และใหบังคับตามคําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการตามขอพิพาทหมายเลขดําท่ี
118/2549 ขอพิพาทหมายเลขแดงท่ี 52/2554 ลงวันท่ี 18 พฤษภาคม 2554 โดย
ใหผูรองสงมอบหนังสือคํ้าประกันของธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) เลขท่ี
C 058/2100220060 ลงวนั ท่ี 4 มถิ นุ ายน 2545 คนื ผคู ดั คา นที่ 1 และใหผ คู ดั คา นที่ 1
คนื เงนิ คา จางลวงหนา ท่ีเหลือจํานวน 42,832,806.77 บาท แกผูร องในเวลาเดยี วกัน
โดยใหคกู รณีปฏบิ ตั กิ ารชําระหนด้ี ังกลา วใหแ ลว เสรจ็ ภายใน 30 วัน นับแตวันท่ีคดี
ถงึ ทสี่ ดุ หากคกู รณฝี า ยใดไมป ฏบิ ตั กิ ารชาํ ระหนภ้ี ายในกาํ หนด ใหร บั ผดิ ชาํ ระดอกเบย้ี
ในอัตรารอ ยละ 7.5 ตอ ป นับแตวนั พน กาํ หนดระยะเวลา 30 วันดังกลาวเปน ตนไป
คําขออ่ืนนอกจากน้ีใหยก โดยใหคืนคาธรรมเนียมศาลตามสวนของการชนะคดีแก
รวมคาํ พพิ ากษาท่นี า สนใจเกยี่ วกบั อนุญาโตตลุ าการ 193
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ
ผูรอง และใหคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผูคัดคานท่ี 1 สําหรับคาธรรมเนียม
คาใชจา ยในช้นั อนุญาโตตุลาการและคา ปว ยการของคณะอนุญาโตตลุ าการยอมตอง
เปน ไปตามคาํ ชขี้ าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการทกุ ประการ หลงั จากนน้ั ผรู อ งอทุ ธรณ
คาํ พพิ ากษาของศาลปกครองชนั้ ตน ศาลปกครองชน้ั ตน พจิ ารณาคาํ อทุ ธรณข องผรู อ ง
แลวมีคําสั่งไมรับคําอุทธรณดังกลาว เน่ืองจากคําอุทธรณของผูรองตองหามมิให
อุทธรณคําพิพากษาของศาลตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติ
อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 ผรู อ งอทุ ธรณค าํ สงั่ ของศาลปกครองชนั้ ตน วา ผคู ดั คา น
ท่ี 1 ไมมีสทิ ธิตามขอกฎหมายและขอ สัญญาในการบอกเลกิ สัญญา ซึง่ สทิ ธิดงั กลาว
เปนเอกสิทธขิ์ องผูรองเทา นนั้ และเมอื่ ผคู ัดคานท่ี 1 เปนฝา ยผิดสญั ญา เมือ่ ผูรองได
ใชสิทธิบอกเลิกสัญญาแลว ผูคัดคานที่ 1 จึงตองรับผิดชดใชคาเสียหายอันเกิดจาก
การผดิ สญั ญา คาํ ชข้ี าดของคณะอนญุ าโตตลุ าการในประเดน็ ทวี่ า คพู พิ าทแตล ะฝา ย
จะเรียกรองคาเสียหายตอกันไมได จึงไมชอบดวยกฎหมายและขัดตอความสงบ
เรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนตอ งหา มตามมาตรา 40(2)(ข) แหง พระราช
บัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 เห็นวาคําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่
วินิจฉัยขอพิพาทอยูในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการ และหาไดเปนคําชี้ขาด
ทวี่ นิ จิ ฉยั เกนิ ขอบเขตแหง ขอ ตกลงในการเสนอขอ พพิ าทตอ คณะอนญุ าโตตลุ าการทงั้
4 ประเดน็ แตอ ยา งใด การยอมรบั หรอื การบงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดจงึ หาไดเ ปน การขดั ตอ
ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน หรอื คาํ พพิ ากษานนั้ ฝา ฝน ตอ บท
กฎหมายอนั เก่ียวดวยความสงบเรียบรอ ยของประชาชน หรือไมตรงกับคาํ ชีข้ าดของ
คณะอนญุ าโตตลุ าการ กรณจี งึ เปน การตอ งหา มมใิ หอ ทุ ธรณค าํ พพิ ากษาของศาลตาม
มาตรา 45 วรรคหนึ่ง แหงพระราชบญั ญัติอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. 2545 การท่ีศาล
ปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับอุทธรณไวพิจารณาน้ัน ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย
จึงมคี ําสงั่ ยนื ตามคาํ สงั่ ของศาลปกครองช้นั ตน
194 รวมคําพพิ ากษาท่ีนาสนใจเกยี่ วกับอนุญาโตตลุ าการ
สถาบันอนุญาโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ 6741/2562
การท่ีผูรองท้ังสองสงมอบรถยนตใหแกหางหุนสวนจํากัด ส. ในวันที่ 18
ธันวาคม 2557 และในวันที่ 22 ธันวาคม 2557 โดยในระยะแรกผรู องทงั้ สองไดร บั
คา เชา รถยนตต ามสญั ญา ตอ มาเมอ่ื ผรู อ งทง้ั สองไมไ ดร บั คา เชา ผรู อ งทงั้ สองจงึ ทราบ
วา ผรู อ งทงั้ สองถกู ฉอ โกง ตอ มามกี ารดาํ เนนิ คดอี าญาแกผ กู ระทาํ ความผดิ ศาลชน้ั ตน
พพิ ากษาลงโทษผกู ระทาํ ผดิ ฐานฉอ โกง กรณไี มอ าจถอื วา ในวนั ทผ่ี รู อ งทงั้ สองสง มอบ
รถยนตเปนวันท่ีความผิดสําเร็จอันจะถือเปนวันวินาศภัยซึ่งจะสงผลวาผูรองท้ังสอง
ยน่ื คาํ เสนอขอ พพิ าทเมอื่ พน กาํ หนดสองป ตามคาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการซงึ่ หาก
มกี ารยอมรับหรอื บังคบั ตามคาํ ช้ีขาดของอนุญาโตตุลาการ ซงึ่ หากมีการยอมรับหรือ
บังคับตามคําช้ีขาดดังกลาวยอมเปนผลใหผูรองท้ังสองเสียประโยชน เพราะขอเท็จ
จริงยอมเปนการยากตอวิญูชนคนทั่วไปที่จะทราบวาถูกฉอโกงมาต้ังแตวันที่มีการ
สงมอบรถยนตไปตามสัญญา กรณจี งึ ไมอ าจถอื ไดวา วนั วนิ าศภัยใหน ับตงั้ แตวนั ท่ีมี
การสงมอบรถยนตตามสัญญา การชีข้ าดของอนญุ าโตตุลาการยอ มขัดตอความสงบ
เรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงเห็นไดวา กรณีมีเหตุที่จะเพิกถอน
คําช้ีขาดของอนญุ าโตตุลาการตามมาตรา 40 แหง พระราชบัญญัติอนญุ าโตตุลาการ
พ.ศ. 2545
คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี 6551/2562
ผูรองย่ืนคําเสนอขอพิพาทตออนุญาโตตุลาการสํานักงานคณะกรรมการ
กาํ กบั และสง เสรมิ การประกอบธรุ กจิ ประกนั ภยั ขอใหว นิ จิ ฉยั ชข้ี าดใหผ คู ดั คา นซง่ึ เปน
ผูรับประกันภัยคํ้าจุนชําระคาสินไหมทดแทน 1,000,000 บาท พรอมดอกเบี้ยแก
ผรู อ ง ผคู ดั คา นยน่ื คาํ คดั คา น อนุญาโตตุลาการพจิ ารณาแลว มีคําชี้ขาดใหผ ูค ัดคา น
ชําระคาสินไหมทดแทน 124,970 บาท พรอมดอกเบี้ยแกผูรอง การยอมรับหรือ
การบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการดงั กลา วไมข ดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื
ศีลธรรมอันดีของประชาชน ไมเขาเกณฑใหศาลเพิกถอนตามพระราชบัญญัติ
รวมคาํ พพิ ากษาทน่ี า สนใจเกยี่ วกับอนญุ าโตตลุ าการ 195
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนญุ าโตตุลาการ
อนุญาโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข) เน่อื งจาก พระราชบญั ญตั ิ
อนุญาโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 25 วรรคสอง บญั ญตั วิ า “ในกรณีท่ีคูพิพาทมิได
ตกลงกนั หรอื กฎหมายนม้ี ไิ ดบ ญั ญตั ไิ วเ ปน อยา งอนื่ ใหค ณะอนญุ าโตตลุ าการมอี าํ นาจ
ดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณาใด ๆ ไดต ามทเี่ หน็ สมควร อาํ นาจของคณะอนญุ าโตตลุ าการ
นี้ใหรวมถึงอํานาจวินิจฉัยในเร่ืองการรับฟงพยานหลักฐานและการชั่งน้ําหนักพยาน
หลกั ฐานทั้งปวงดวย” และมาตรา 30 วรรคหนงึ่ บัญญัติวา “ในกรณีที่คูพิพาทมไิ ด
ตกลงกันไวเปนอยางอ่ืน ใหคณะอนุญาโตตุลาการเปนผูกําหนดวาจะสืบพยานหรือ
ฟง คาํ แถลงการณด วยวาจาหรือเปน หนงั สือ หรอื จะดาํ เนินกระบวนพจิ ารณาโดยรับ
ฟงเพียงเอกสารหรือพยานหลักฐานอื่นใดก็ได” บทบัญญัติดังกลาวใหอํานาจ
อนญุ าโตตลุ าการใชด ลุ พนิ จิ ในการรบั ฟง พยานหลกั ฐานและชง่ั นา้ํ หนกั พยานหลกั ฐาน
ทง้ั ปวง การทอ่ี นญุ าโตตลุ าการจะหยบิ ยกพยานหลกั ฐานใดขน้ึ มาวนิ จิ ฉยั ภายในกรอบ
ของกฎหมายยอมมีอํานาจกระทําไดโดยชอบ ผูรองไมมีอํานาจโตแยงดุลพินิจของ
อนญุ าโตตลุ าการในการรบั ฟง พยานหลกั ฐาน และแมว า ขอ เทจ็ จรงิ รบั ฟง ไดด งั ทผ่ี รู อ ง
อทุ ธรณว า ในชนั้ อนญุ าโตตลุ าการผรู อ งและผคู ดั คา นตกลงกนั ใหน าํ ประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพงมาใชบังคับ ดังน้ัน การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการจึงตอง
นําประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงวาดวยพยานหลักฐานมาใชบังคับโดย
อนโุ ลม เมอ่ื ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา 125 บญั ญตั ใิ หค คู วาม
ฝา ยทถ่ี กู คคู วามอกี ฝา ยอา งองิ เอกสารเปน พยานหลกั ฐานยนั ตนอาจคดั คา นเอกสารนน้ั
โดยคัดคานกอนการสืบพยานเอกสารน้ันเสร็จ หรือไมวาเวลาใดกอนศาลพิพากษา
โดยไดรับอนุญาตจากศาล แตผูรองหาไดคัดคานสําเนาเอกสารท่ีผูคัดคานนํามาสืบ
แตอยางใดไม การท่ีอนุญาโตตุลาการรับฟงสําเนาเอกสารท่ีผูคัดคานนํามาสืบเปน
พยานหลกั ฐาน จงึ ชอบดว ยประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา 93 (4) แลว
การกลา วอา งวา คาํ พพิ ากษาของศาลชนั้ ตน ฝา ฝน ตอ บทบญั ญตั แิ หง ประมวล
กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา 142 ซ่ึงเปน กฎหมายอนั เกยี่ วดวยความสงบ
เรียบรอยของประชาชน แมไมมีฝายใดรองขอ ผูรองมีอํานาจยกขึ้นอุทธรณไดตาม
พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 (2) อีกทง้ั ประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง มาตรา 167 วรรคหน่ึง บญั ญัตใิ หศาลมคี าํ สง่ั ในเรอื่ งคาฤชา
196 รวมคําพพิ ากษาที่นา สนใจเก่ียวกบั อนญุ าโตตุลาการ
สถาบันอนญุ าโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
ธรรมเนียมลงไวในคําพิพากษาไมวาคูความจะมีคําขอหรือไมก็ตาม ดังนี้ การท่ี
ศาลช้ันตนกําหนดใหผูรองใชคาฤชาธรรมเนียมแทนผูคัดคาน จึงเปนการกําหนด
คาฤชาธรรมเนียมใหแกฝายท่ีชนะคดีตามบทบัญญัติดังกลาว หาไดเกินคําขอหรือ
นอกคาํ รอ งนอกคําคดั คาน
คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 5560 - 5563/2562
พระราชบญั ญตั อิ นญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มวี ตั ถปุ ระสงคเ พอื่ ใหก ารระงบั
ขอ พพิ าทโดยการอนญุ าโตตลุ าการเปน ไปดว ยความรวดเรว็ สมดงั เจตนาของคพู พิ าท
ทเ่ี ลอื กใชว ธิ รี ะงบั ขอ พพิ าทโดยการอนญุ าโตตลุ าการแทนการนาํ ขอ พพิ าทไปฟอ งคดี
ตอศาล จึงบัญญัติใหคําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจะไดรับการพิจารณาจาก
ศาลเพยี งชนั้ เดยี ว ยกเวนเปน คาํ สั่งหรอื คําพิพากษาตามกรณมี าตรา 45 (1) ถึง (5)
จงึ จะอทุ ธรณต อ ศาลฎกี าได ทผ่ี คู ดั คา นอทุ ธรณแ ละแกไ ขอทุ ธรณค าํ พพิ ากษาศาลชน้ั ตน
โดยอาศัยสิทธิตามมาตรา 45 (1) และ (2) เพื่อใหศาลฎีกาเพิกถอนคําช้ีขาดและ
ปฏิเสธไมรับบังคับตามคําช้ีขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจึงเปนอุทธรณเก่ียวกับ
การยอมรบั หรอื การบงั คบั ตามคาํ ชขี้ าดนนั้ จะเปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื
ศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือคําส่ังหรือคําพิพากษาน้ันฝาฝนตอบทกฎหมาย
อันเกย่ี วดว ยความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน หลกั ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรม
อนั ดขี องประชาชนไมม บี ทนยิ ามหรอื วเิ คราะหศ พั ทข องกฎหมายบญั ญตั ไิ วจ งึ เปน เรอื่ ง
ท่ีศาลจะตองใชวิจารณญาณตามพฤติการณของขอพิพาทและกาลสมัยของคุณคา
สังคม โดยคํานึงถึงหลักการคุมครองประโยชนสาธารณะ บริการสาธารณะ
ผลประโยชนข องประชาชนสว นรวมโดยตรง มใิ ชผ ลประโยชนข องคพู พิ าทโดยเฉพาะ
หรือการดําเนินกระบวนพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการชอบดวยกฎหมายหรือ
ไมเ ปน ตน ดงั นนั้ การทจ่ี ะนาํ หลกั ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน
มาปรบั ใชก บั การยอมรบั หรอื การบงั คบั ตามคาํ ชข้ี าดหรอื คาํ สง่ั หรอื คาํ พพิ ากษาฝา ฝน
ตอบทกฎหมายตองพิจารณาลักษณะขอพิพาทใหสอดคลองกับหลักดังกลาวขางตน
เปนรายกรณไี ป
รวมคาํ พพิ ากษาทนี่ า สนใจเก่ียวกับอนญุ าโตตลุ าการ 197
Thai Arbitration Institute สถาบนั อนญุ าโตตลุ าการ
การที่ผูรองไดทําสัญญาโอนสิทธิเรียกรองเงินคาวาจางตามสัญญาจางเหมา
กอ สรา งใหแ กธ นาคาร ท. มผี ลใหส ทิ ธเิ รยี กรอ งเงนิ คา วา จา งดงั กลา วโอนไปยงั ธนาคาร
ท. แลว เปนเหตุใหผูรองไมมีสิทธิเรียกรองใหผูคัดคานชําระเงินตามสัญญาอีกตาม
ป.พ.พ. มาตรา 306 หรอื สัญญาโอนสิทธเิ รยี กรองระหวา งผูร อ งกับธนาคาร ท. ไมใช
การโอนสิทธิเรียกรองตามมาตรา 306 แตเปนเพียงสัญญาที่เปนหลักประกันหนี้ที่
ผูรองเบิกเงินไปจากธนาคาร ท. เทาน้ันเปนเหตุใหหนี้ตามสัญญาจางเหมากอสราง
ระหวางผูรอ งกบั ผูค ดั คา นยังไมระงบั น้ัน ตองพิจารณาจากการแสดงเจตนาท่แี ทจรงิ
ของคูสญั ญาระหวางผรู อ งกบั ธนาคาร ท. ในการทาํ สัญญาโอนสทิ ธิเรียกรอ ง ตามขอ
เทจ็ จรงิ ทป่ี รากฏในพยานหลกั ฐานตา ง ๆ ของผรู อ งกบั ผคู ดั คา นทงั้ ปวง เมอ่ื ทางปฏบิ ตั ิ
หลังจากทําสัญญาโอนสิทธิเรียกรองกันแลว ผูรองยังคงเปนผูเรียกเก็บเงินจาก
ผคู ดั คา น หากผคู ดั คา นไดรับใบเรียกเกบ็ เงนิ จากผรู อ ง ผคู ัดคานจะส่งั จา ยเชค็ ใหแ ก
ผรู อ งไมใ ชธ นาคาร ท. โดยผรู อ งและธนาคารดงั กลา วจะไปรบั เชค็ พรอ มกนั เพอ่ื นาํ เขา
บญั ชขี องผูรอง แลว ธนาคารจะหกั เงินจากบญั ชีของผูรอ งบางสวนเพ่อื ชําระหน้ีเงนิ กู
ของธนาคารโดยจะคนื สว นทเี่ หลอื ใหแ กผ รู อ ง กบั ผรู อ งเปน ผอู อกใบเสรจ็ รบั เงนิ ใหแ ก
ผูคัดคาน แสดงวาหลังจากทําสัญญาโอนสิทธิเรียกรองกันแลว ผูคัดคานยังคงชําระ
เงนิ คาวาจางตามสัญญาพพิ าทใหแ กผ ูรองมาโดยตลอดไมเคยชาํ ระใหแกธ นาคาร ท.
และธนาคารก็ไมเคยทักทวงไปยังผูรองหรือผูคัดคาน ซ่ึงคณะอนุญาโตตุลาการใช
อํานาจวินิจฉัยในเรื่องการรับฟงขอเท็จจริงตามพยานหลักฐานและการชั่งนํ้าหนัก
พยานหลกั ฐานทง้ั ปวง แลว นาํ ไปปรบั ใชก บั ขอ กาํ หนดในสญั ญาหรอื ขอ กฎหมายแลว
มีคําวินิจฉัยวา การโอนสิทธิเรียกรองดังกลาวไมใชการโอนสิทธิเรียกรองตามมาตรา
306 แตเปนเพียงสัญญาที่เปนหลักประกันหนี้ที่ผูรองเบิกเงินไปจากธนาคาร ท.
ซง่ึ ขอ พพิ าทน้ีเกยี่ วขอ งกับผลประโยชนข องคพู ิพาทโดยเฉพาะเทาน้ัน จงึ ไมเปน การ
ขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน เมอื่ ไมป รากฏวา คาํ วนิ จิ ฉยั
ของคณะอนญุ าโตตลุ าการฝา ฝน ตอ บทบญั ญตั กิ ฎหมาย ศาลไมอ าจตรวจสอบการใช
ดุลพินิจรับฟงพยานหลักฐานและการช่ังนํ้าหนักพยานหลักฐานของคณะ
อนุญาโตตุลาการในเร่ืองการโอนสิทธิเรียกรองดังกลาวน้ีซ้ําอีก การยอมรับหรือการ
บังคับตามคําช้ีขาดไมเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของ
198 รวมคาํ พิพากษาทน่ี า สนใจเกีย่ วกับอนญุ าโตตลุ าการ
สถาบนั อนญุ าโตตุลาการ Thai Arbitration Institute
ประชาชน หรอื คาํ พพิ ากษาของศาลชนั้ ตน ไมฝ า ฝน ตอ บทกฎหมายอนั เกย่ี วดว ยความ
สงบเรียบรอยของประชาชน
คา ฤชาธรรมเนยี มเปน เรอื่ งทก่ี ฎหมายบงั คบั ใหศ าลตอ งมคี าํ สง่ั ไมว า ผรู อ งจะ
มคี าํ ขอหรอื ไมก ต็ าม เปน ดลุ พนิ จิ ของศาลโดยแท คดนี ผี้ คู ดั คา นยน่ื คาํ รอ งขอวางหลกั
ประกนั การงดการบงั คบั คดจี นตอ มาศาลชน้ั ตน มคี าํ สง่ั วา หลกั ประกนั เพยี งพอตอ การ
ปฏบิ ตั ติ ามคาํ พพิ ากษาแลว ใหงดการบงั คับคดตี าม ป.วิ.พ. มาตรา 289 (2) จึงเปน
กรณที ผ่ี คู ดั คา นมาขอใหง ดการบงั คบั คดที ศ่ี าลชน้ั ตน ไดพ พิ ากษาใหบ งั คบั ตามคาํ ชข้ี าด
ของคณะอนุญาโตตุลาการไวกอน ถือไดวาเปนกรณีขอใหงดการบังคับคดีทั่วไปซ่ึง
เปนอํานาจของศาลชั้นตนท่ีจะมีคําสั่งงดการบังคับคดีหรือไมก็ได เม่ือศาลช้ันตนมี
คําส่ังใหงดการบังคับคดีแลว ยอมไมอาจบังคับคดีกันอีกไดในหน้ีท้ังหมดตาม
บทบัญญัติในภาค 4 ลักษณะ 2 แหงประมวลกฎหมายดังกลาว อีกท้ังการงดการ
บงั คบั คดใี นกรณตี ามบทบญั ญตั นิ ม้ี ไิ ดบ ญั ญตั หิ ลกั เกณฑห รอื เงอ่ื นไขการงดการบงั คบั
คดไี ว หากศาลชน้ั ตน เหน็ วา เปน กรณมี เี หตอุ นั สมควรและหลกั ประกนั เพยี งพอตอ การ
ปฏิบัตติ ามคําพิพากษา ยอมใชดลุ พนิ จิ มคี ําส่ังใหง ดการบังคบั คดีได คําสัง่ ศาลชัน้ ตน
ทยี่ กคาํ รอ งขอออกหมายบงั คบั คดี (ในสว นทศ่ี าลสง่ั คนื หนงั สอื คา้ํ ประกนั ) ของผรู อ งชอบ
ดว ยกฎหมายแลว
คําพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 5052/2562
คําวินจิ ฉัยของ คชก. จงั หวัดถือวาเปน คาํ ชข้ี าดของอนญุ าโตตุลาการ และ
การพจิ ารณาพพิ ากษาตามคาํ วนิ จิ ฉยั ของ คชก. จงั หวดั ใหเ ปน ไปตามกฎหมายวา ดว ย
อนญุ าโตตลุ าการ ศาลจงึ มอี าํ นาจทาํ คาํ สั่งปฏเิ สธการขอบงั คับตามคําชีข้ าดน้นั ไดถ า
การบังคับจะเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตาม
พระราชบญั ญัติอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.2545 มาตรา 41 และมาตรา 44
รวมคาํ พพิ ากษาทนี่ าสนใจเกย่ี วกับอนุญาโตตุลาการ 199