The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานเล่มที่ 1 สรุปสำหรับผู้บริหารป่าพรุและวิถีคนพรุควนเคร็ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Forestry Research Center, 2021-11-14 21:02:56

รายงานเล่มที่ 1 สรุปสำหรับผู้บริหารป่าพรุและวิถีคนพรุควนเคร็ง

รายงานเล่มที่ 1 สรุปสำหรับผู้บริหารป่าพรุและวิถีคนพรุควนเคร็ง

รายงานสรปุ สาหรับผ้บู ริหาร ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเครง็ วถิ ีคนและป่า | 51

3

การพฒั นากลไกและยุทธศาสตร์ระดบั ชาติ

เพ่อื การอนุรักษแ์ ละใชป้ ระโยชน์จากระบบนิเวศปา่ พรอุ ย่างยง่ั ยืน

52 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรุเพื่อเพิ่มความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างย่ังยืน

รายงานสรปุ สาหรบั ผบู้ รหิ าร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรุควนเครง็ วถิ คี นและปา่ | 53

บทนา
การขับเคลื่อนการบริหารจัดการพื้นที่ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่

กาหนดไว้ได้นั้นจาเป็นต้องมีการพัฒนากลไกและยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการอนุรั กษ์และใช้ประโยชน์จาก
ระบบนิเวศป่าพรุอย่างย่ังยืน คาว่า “ยุทธศาสตร์” คือวิชาว่าด้วยการพัฒนาและการใช้อานาจทาง
การเมือง เศรษฐกิจ จิตวิทยา และกาลังรบทางทหารตามความจาเป็นท้ังในยามสงบและยามสงคราม
(ราชบัณฑยิ สถาน, 2554, 358) ท้งั นี้ คาว่า “กลยทุ ธ์” และ “ยุทธศาสตร์” เปน็ คาท่ีอาจทาใหเ้ ขา้ ใจสบั สน
ได้ ถวิล อรัญเวศ (2560) อธิบายว่า กลยุทธ์และยุทธศาสตร์เป็นคาศัพท์มาจากทหาร ต่อมาได้ขยายเอา
ไปใช้ในทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และจิตวิทยา ทาให้มีคาว่ายุทธศาสตร์ชาติข้ึน ยุทธศาสตร์จึง
ใช้กับเรื่องใหญ่ ๆ เป็นระดับชาติ ส่วนกลยุทธ์น้ันใช้กับเร่ืองหรือองค์กรย่อยท่ีมีขนาดเล็ก คาว่า กลยุทธ์
(strategy) เม่ือนามาใช้ในทางการศึกษาและทางสังคมศาสตร์ ความหมายจะแคบลง ในหน่วยงานทาง
ราชการหรือสถานศึกษาใช้คาวา่ กลยุทธ์ แทนยทุ ธศาสตร์ และใชค้ าว่า tactic (กลวิธ)ี เป็นคาย่อยของกล
ยุทธ์ แม้คาว่ากลยุทธ์กับยุทธศาสตร์จะใช้คาว่า strategy เหมือนกันก็จริง แต่ในปัจจุบันใช้ยุทธศาสตร์
เป็นความหมายกว้าง และใช้กลยุทธ์เป็นความหมายแคบลง และเป็นส่วนย่อยของยุทธศาสตร์ เช่น
ยุทธศาสตร์ท่ี 1 ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์ เป็นต้น ดังนั้น กลยุทธ์และยุทธศาสตร์ เมื่อนามาใช้ในวง
การศึกษาและทางสังคมศาสตร์แล้ว ก็คือแผนการปฏิบัติการท่ีรวบรวมความพยายามทั้งหลายทั้งปวง
(แยบยล และมีชั้นเชิง) เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์นั้นอย่างมีประสิทธิภาพโดยอาศัยการ
วเิ คราะหจ์ ดุ แข็ง จุดออ่ น โอกาส และอุปสรรคและทาใหร้ ู้เขารู้เราแลว้ กาหนดแนวทางการดาเนินงานโดย
ใช้ทรัพยากรอันมีอยู่อย่างจากัดทาให้ได้ผลงานสูงสุด อน่ึง เสรี พงศ์พิศ (2552, 9) อธิบายว่า บูรณาการ
คือ หัวใจของแผนยุทธศาสตร์ โดยยุทธศาสตร์ท่ีดีมีประสิทธิภาพ มีลักษณะเป็นระบบ โดยการเชื่อมโยง
(บูรณาการ) ระบบย่อยให้เป็นระบบใหญ่ โดยมี “ภาพฝัน” (วิสัยทัศน์) ที่มีพลัง มี “ภาพรวม” ที่ชัดเจน
รอบด้าน เป็นภาพท่ีสมบูรณ์ อันเป็นความหมายของ “บูรณาการ” ซึ่งหมายถึงการทาให้สมบูรณ์ และมี
ภาพยอ่ ยทีเ่ ป็นรปู ธรรมชดั เจน (แผนงาน โครงการ กิจกรรม)

เช่นน้ี การพัฒนายุทธศาสตร์ชาติเพ่ือการบริหารจัดการพ้ืนท่ีภูมิทัศน์พรุควนเคร็งจึงเป็นการ
พัฒนาอยา่ งเปน็ ระบบทค่ี รอบคลุมทุกมติ ิของพน้ื ท่ีภมู ิทศั น์พรคุ วนเคร็ง โดยมกี ารกาหนดแผนปฏิบตั ิการที่
มีการเช่ือมโยงหรือบูรณาการอย่างรอบด้าน มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเพ่ือการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จาก
ระบบนิเวศป่าพรุอย่างยั่งยนื โดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย โดยกลไกสาคัญสู่ความสาเรจ็ ของการดาเนิน
โครงการ คือ การจัดให้มีคณะทางานชุดต่าง ๆ เพื่อขับเคล่ือนการทางานในแต่ละด้านเพ่ือการบริหาร
จัดการพื้นที่ภูมิทัศนพรุควนเคร็งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายของแต่ละผลสัมฤทธิ์ท่ี
กาหนดไว้ รวมถงึ การให้ความสาคัญกับการพัฒนาและรับรองเกณฑ์และวธิ ีการประเมนิ ป่าพรุ หน้าท่ีและ
บริการของป่าพรุอันเป็นผลจากการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจของระบบนิเวศพรุภูมิทัศน์ควนเคร็ง ซ่ึง
ความสาเร็จทั้งสองประการนี้จะนาไปสู่เป้าหมายสาคัญคือ การมียุทธศาสตร์ระดับชาติเพ่ือการจัดการ
พ้ืนที่พรุ ซึ่งทาให้การเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพ่ือเพิ่มความสามารถในการกักเก็บ
คาร์บอนและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างย่ังยืนบรรลุผลสาเร็จอย่างแท้จริง มีการ
ขับเคล่ือนการทางานอย่างตอ่ เนอื่ งและย่งั ยืน ปา่ พรไุ ด้รับการฟนื้ ฟู ปกป้อง ขณะเดยี วกนั เป็นการคมุ้ ครอง
วถิ ีชุมชนท่เี ช่ือมโยงกบั ปา่ พรุให้ดารงอย่ตู ่อไป

54 | โครงการเสริมศักยภาพการจดั การระบบนเิ วศปา่ พรุเพือ่ เพิ่มความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ กั ษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยง่ั ยืน

การพัฒนากลไกและยุทธศาสตร์ระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศป่าพรุอย่าง
ย่ังยืน

การดาเนินโครงการในส่วนน้ี คือ การมุ่งเป้าหมายการดาเนินโครงการในผลสัมฤทธิ์ท่ี 3 ซึ่ง
ประกอบดว้ ยเป้าหมายสาคัญใน 4 ผลผลิต คอื 1) ผลผลิตท่ี 3.1 จดั ตงั้ คณะทางานเพ่ือส่งเสริมการบริหาร
จัดการพื้นที่ภูมิทัศน์พรุแบบองค์รวม ซึ่งมีตัวช้ีวัดคือ ตัวชี้วัดท่ี 1 จัดตั้งคณะทางานที่มาจากทุกภาคส่วน
ในการสนับสนนุ แนวคิดในการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรป่าพรุอย่างย่ังยืน 2) ผลผลติ ท่ี 3.2 การพัฒนา
และรับรองเกณฑ์และวิธีการประเมินป่าพรุ หน้าที่และบริการของป่าพรุอันเป็นผลจากการประเมินมูลค่า
ทางเศรษฐกิจของระบบนิเวศพรุภูมิทัศน์ควนเคร็ง มีตัวชี้วัดคือ ตัวช้ีวัดที่ 2 เกณฑ์และวิธีการประเมิน
สถานภาพหน้าท่ีและบริการทางระบบนิเวศของป่าพรุ 3) ผลผลิตท่ี 3.3 การพัฒนาฐานข้อมูลป่าพรุใน
ประเทศไทย (รับผิดชอบ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) มีตัวชี้วัดคือ ตัวช้ีวัดท่ี 3 ฐานข้อมูล
สถานภาพป่าพรุทั้งหมดในประเทศไทย ประกอบไปด้วย ข้อมูลขอบเขต พื้นที่ป่าพรุ ทรัพยากร หน้าที่
และการให้บริการของระบบนิเวศ และผลผลิตท่ี 3.4 การพัฒนายุทธศาสตร์ การบริหารจัดการ ระบบ
นิเวศป่าพรุในประเทศไทย (รับผิดชอบ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) มีตัวชี้วัดคือ ตัวชี้วัดที่ 4 แผน
ยุทธศาสตร์การจัดการป่าพรุระดบั ชาติ

การดาเนินโครงการภายใต้ผลสัมฤทธ์ิที่ 3 ภายใต้ขอบเขตการทางานของศูนย์วนศาสตร์ชุมชน
เพื่อคนและป่า -ประเทศไทย (RECOFTC-Thailand) ซ่ึงรับผิดชอบดาเนินการในผลผลิตท่ี 3.1 การจัดตงั้
คณะทางานเพ่ือส่งเสริมการบริหารจัดการพ้ืนท่ีภูมิทัสน์พรุแบบองค์รวม และผลผลิตที่ 3.2 การพัฒนา
และรับรองเกณฑ์และวิธีการประเมินป่าพรุ หน้าท่ีและบริการของป่าพรุอันเป็นผลจากการประเมินมูลค่า
ทางเศรษฐกจิ ของระบบนิเวศพรุภูมทิ ัศน์ควนเคร็ง โดยทท่ี ้ังสองผลติ ดังกลา่ วมผี ลการดาเนนิ การดังนี้

การจดั ตง้ั คณะทางานเพ่ือสง่ เสริมการบริหารจัดการพ้ืนทีภ่ ูมิทศั นพ์ รแุ บบองค์รวม
การดาเนินการจัดตั้งคณะทางานเพ่ือส่งเสริมการบริหารจัดการพ้ืนท่ีภูมิทัศน์พรุควนเคร็งแบบ
องค์รวม อันหมายถึงการมีตัวแทนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อทางานร่วมกันในการ
ขับเคลอื่ นงานภายใตโ้ ครงการเสริมศักยภาพการจดั การระบบนเิ วศปา่ พรุเพื่อเพ่ิมความสามารถในการกัก
เก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ
คณะกรรมการกากับโครงการฯ โดยมีเลขาธิการสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม เป็นประธาน และมีผู้อานวยการกองจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นเลขานุการ
ทั้งนี้ภายใต้การทางานของคณะกรรมการกากับโครงการฯ มติให้มีการแต่งตั้งคณะทางานวางแผน
ยทุ ธศาสตรภ์ ูมทิ ัศนพ์ รุควนเคร็งเพ่ือขับเคลื่อนงานในแต่ละด้านของโครงการ โดยมีผู้แทนจากทุกภาคส่วน
ในครอบคลุมพ้ืนท่ีภูมิทัศน์พรุควนเคร็ง ท้ังนี้ การแต่งตั้งคณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์นั้นให้ผู้ว่า
ราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นผู้ลงนามแต่งตั้งซ่ึงได้มี คาสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 1195/

รายงานสรุปสาหรับผบู้ รหิ าร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถีคนและป่า | 55

๒๕๖๒ เรอื่ ง คณะทางานวางแผนยทุ ธศาสตร์ภมู ิทัศนป์ ่าพรคุ วนเครง็ ส่ัง ณ วนั ท่ี 23 เมษายน 2562 ซ่ึงมี
โครงสร้างคณะทางานดงั น้ี

คณะกรรมการกากบั โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรุ เพื่อเพม่ิ ความสามารถ

ในการกักเก็บคารบ์ อนและอนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

เลขาธกิ ารสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ประธาน

ผ้อู านวยการกองจดั การความหลากหลายทางชีวภาพ เลขานุการ

คณะทางานวางแผนยทุ ธศาสตร์ภมู ทิ ัศนป์ า่ พรุควนเคร็ง คณะทางานวางแผนการใช้ประโยชนท์ ี่ดิน
ตาบลเครง็
รองผวู้ า่ ราชการ

จงั หวดั นครศรธี รรมราช ประธาน นายอาเภอชะอวด ประธาน
ผอู้ านวยการสานักงาน เจ้าหน้าทโี่ ครงการฯ เลขานุการ

ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม

จังหวดั นครศรธี รรมราช เลขานุการ

คณะทางานเฉพาะกิจ

ดา้ นการฟนื้ ฟปู ่าและระบบนิเวศ

ผู้อานวยการสานักจดั การทรัพยากรปา่ ไม้ท่ี 12

(นครศรธี รรมราช) ประธาน

นายกอบศกั ดิ์ วนั ธงไชย

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เลขานุการ

ด้านการจัดการไฟป่าและคารบ์ อน ประธาน
เลขานุการ
ผู้อานวยการสานกั บริหารพ้ืนทอี่ นรุ กั ษ์ที่ 5
นางสาวสาพิศ ดลิ กสมั พนั ธ์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ดา้ นการจัดการนา้ บรเิ วณปา่ พรุควนเครง็

ผอู้ านวยการสานกั งานชลประทานที่ 15 ประธาน

นายสมฤทัย ทะสดวก

มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ เลขานกุ าร

ภาพท่ี 1.7 โครงสร้างคณะทางานภายใต้โครงการเสริมศักยภาพการจดการระบบนิเวศป่าพรุ เพ่ือเพ่ิมความสามารถใน
การกักเก็บคารบ์ อนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างย่งั ยนื

56 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพือ่ เพมิ่ ความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยั่งยืน

คณะกรรมการกากับโครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุ เพื่อเพิ่ม
ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน ได้มีคาส่ัง
แต่งต้ังคณะกรรมการกากับโครงการฯ โดยสานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
เลขท่ี 921/2561 เมือ่ วนั ที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ซึง่ ประกอบดว้ ยคณะบุคคลท่เี ปน็ ตัวแทนจากองค์กรต่าง
ๆ และกาหนดกรอบอานาจหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อการดาเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายอย่างมี
ประสทิ ธิภาพ รวมถึงมีผลการดาเนินงาน ดงั น้ี

องค์ประกอบ คณะกรรมการกากับโครงการฯ ประกอบดว้ ยตวั แทนจากภาคสว่ นตา่ ง ๆ
ทั้งจากองค์กรภายในประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ โดยท่ีองค์กรในประเทศ ประกอบด้วยองค์กร
ภาครัฐในระดับต่าง ๆ ท้ังระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อมทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อมในทุกมิติของการจัดการพ้ืนที่ภูมิทัศน์พรุควนเคร็ง ท้ังด้านทรัพยากร
ท่ีดิน การจัดการน้า และไฟป่า รวมถึงองค์กรด้านการศึกษาวิจัยด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อม ได้แก่ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัย และองค์กรไม่แสวงหากาไร เช่น ตัวแทนจากองค์กรพัฒนา
เอกชน ท้ังน้ี ในระดับท้องถิ่นมีตัวแทนจากแต่ละองค์กรครอบคลุมในทุกจังหวัดท่ีอยู่ในขอบเขตพ้ืนท่ีภูมิ
ทัศน์พรุควนเคร็ง นั่นคือ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา (ดูเพิ่มเติมภาคผนวก
ข)

อานาจหน้าท่ี
1) พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อแผนงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ

โครงการ
2) กากับดูแล และติดตามความก้าวหน้าการดาเนินโครงการให้เป็นไปตาม

วตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมาย
3) พิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานความก้าวหน้าการดาเนินโครงการและ

รายงานการทบทวนผลการดาเนินโครงการ
4) ให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ือแก้ปัญหา/อุปสรรคในการดาเนินโครงการ และพิจารณา

ปรับเปล่ียนแก้ไขกิจกรรมของโครงการตามความเหมาะสมโดยไม่เกิดผลกระทบต่อเป้าหมายหลักของ
โครงการ

5) ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับการจัดการความ
หลากหลายทางชวี ภาพในระดับชาติเพือ่ ให้การดาเนินโครงการมีประสิทธิภาพ

6) ให้มีอานาจแต่งต้ังคณะทางานภายใต้การดาเนินโครงการฯ เพ่ือสนับสนุน
การดาเนินงานของโครงการฯ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ

7) ปฏบิ ัติงานอืน่ ๆ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย

ทั้งนี้ คณะกรรมการกากับโครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุ เพ่ือเพิ่ม
ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างย่ังยืน ได้มีการจัดต้ัง
คณะทางานขับเคลื่อนการทางาน 2 ด้าน คือ คณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์ภูมิทัศน์ป่าพรุควนเคร็ง
และคณะทางานวางแผนการใชป้ ระโยชนท์ ีด่ นิ ตาบลเคร็ง โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี

รายงานสรปุ สาหรับผบู้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถีคนและป่า | 57

1) คณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์ภูมทิ ศั น์ป่าพรุควนเครง็ การแตง่ ต้งั คณะกรรมการ
ชุดน้ีเป็นไปตามคาสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่ี 1195/2562 ลงวันที่ 23 เมษายน 2562 ท่ีดาเนินการ
ตามมตเิ หน็ ชอบของทีป่ ระชุมคณะกรรมการกากับโครงการฯ ในคราวประชุมครั้งท่ี 1/2562 เมอื่ วันท่ี 18
มกราคม 2562 (ดูเพิ่มเตมิ เอกสารแนบภาคผนวก ข)

องค์ประกอบ คณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์ภูมิทัศน์ป่าพรุควนเคร็ง ประกอบด้วย
ตัวแทนจากทุกภาคส่วนในระดับท้องถ่ินในขอบเขตพื้นท่ีภูมิทัศน์พรคุ วนเคร็งครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัด คือ
นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา โดยท่ีตัวแทนคือผู้นาขององค์กรทั้งในระดับจังหวัด อาเภอ และ
ชมุ ชน

อานาจหนา้ ที่
1) กาหนดทิศทางการพัฒนายุทธศาสตร์ภูมิทัศน์ป่าพรุควนเคร็งอย่างมีส่วนร่วมจากทกุ
ภาคส่วนทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
2) สนับสนุนให้เกิดการขับเคล่ือนงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานส่วนท่ี
เก่ียวข้องกับการจัดการป่าพรุและความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้ประโยชน์ที่ดิน เกษตรกรรม
ประมง และการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับพ้ืนที่เพ่ือให้การดาเนินงานของโครงการเสริม
ศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุฯ เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ
3) สนับสนุนข้อมูลการดาเนินงานในพื้นที่ภูมิทัศน์พรุควนเคร็ง เพ่ือให้มีการจัดทาแผน
ยทุ ธศาสตรอ์ ย่างมีสว่ นรว่ ม
4) ให้ข้อเสนอแนะการจัดทาแผนยุทธศาสตร์ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งเพื่อเสนอหน่วยงานท่ี
เก่ียวข้องนาแผนไปสกู่ ารปฏิบตั ไิ ดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
5) ให้มีอานาจแต่งตั้งคณะทางานเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนการดาเนินงานของ
คณะทางานวางแผนยทุ ธศาสตรภ์ ูมทิ ัศน์พรคุ วนเครง็
อน่ึง ตามขอบเขตอานาจหน้าที่ในข้อท่ี 5) ที่กาหนดให้คณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์
ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งสามารถแต่งตงั้ คณะทางานเฉพาะกิจข้ึนมาเพื่อสนับสนนุ การทางานของคณะทางาน
ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและขับเคล่ือนงานไปสู่เป้าหมายของโครงการ ดังนั้น คณะทางานวางแผน
ยุทธศาสตร์ภูมิทัศน์ป่าพรุควนเคร็งได้มีมติแต่งตั้งคณะทางานเฉพาะกิจข้ึนมา 3 ชุด เพื่อสนับสนุนและ
ขับเคลื่อนการทางานในด้านต่าง ๆ ของโครงการฯ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย
คณะทางานเฉพาะกิจ ประกอบด้วย คณะทางานเฉพาะกิจด้านการฟ้ืนฟูป่าและระบบนิเวศ ด้านจัดการ
ไฟป่าและคาร์บอน และด้านการจัดการน้าในบริเวณป่าพรุควนเคร็ง ทั้งน้ีการแต่งตั้งคณะทางานต่าง ๆ
ดังกล่าวได้ดาเนินการอย่างเป็นทางการผ่านคาสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันท่ี 13 สิงหาคม 2562
กล่าวคือ คาส่ังจังหวดั นครศรีธรรมราช ท่ี 2399/2562 เพื่อแต่งตั้งคณะทางานเฉพาะกิจด้านการฟ้ืนฟปู า่
และระบบนิเวศ คาส่ังจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 2400/2562 และคาส่ังจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่
2401/2562 เพื่อแต่งตั้งคณะทางานเฉพาะกิจด้านการจัดการน้าในบริเวณป่าพรุควนเคร็ง ทั้งนี้
คณะทางานเฉพาะกิจท้ัง 3 ด้าน โดยแต่ละคณะทางานมุ่งเนน้ การมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย จึงประกอบด้วย
ตัวแทนบุคคลท้ังจากหน่วยงานภาครัฐในระดับท้องถ่ินและระดับชุมชน ตัวแทนภาคประชาชน และ
หน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการซึ่งได้มีการสรรหาบุคคลที่มีความเช่ียวชาญในงานแต่ละด้าน (ดูข้อมูล
เพ่ิมเตมิ ตามเอกสารแนบ ภาคผนวก ข)

58 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจดั การระบบนเิ วศป่าพรเุ พ่ือเพ่ิมความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน
และอนุรกั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอย่างยั่งยืน

2) คณะทางานวางแผนการใช้ประโยชน์ท่ีดินตาบลเคร็ง ได้มีการแต่งต้ังคณะทางาน
วางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินตาบลเคร็ง ตามคาสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 2403/2562 ลงวันที่ 13
สิงหาคม 2562 เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการวางแผนการใช้ประโยชน์ท่ีดินตาบลเคร็ง โดยคณะทางาน
ประกอบด้วยบุคคลที่เป็นตัวแทนจากองคก์ รตา่ ง ๆ มีอานาจหน้าที่ และผลการดาเนนิ งาน ดงั น้ี

องค์ประกอบ คณะทางานมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย จึงประกอบด้วยตัวแทน
บุคคลทั้งจากหน่วยงานภาครัฐในระดับท้องถิ่นและระดับชุมชน ตัวแทนภาคประชาชน และหน่วยงาน
สนับสนุนด้านวิชาการซึ่งได้มีการสรรหาบุคคลท่ีมีความเช่ียวชาญในงานแต่ละด้าน (ดูข้อมูลเพ่ิมเติมตาม
เอกสารแนบ ภาคผนวก ข)

อานาจหนา้ ท่ี
1) กาหนดทศิ ทางการวางแผนการใช้ทีด่ ินตาบลเครง็
2) สนับสนุนข้อมูลและการประสานงานเพ่ือการวางแผนการใช้ท่ีดินตาบลเคร็งอย่างมี
ส่วนร่วม
3) ให้ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหาหรืออุปสรรคในการวางแผนการใช้ที่ดินตาบลเคร็งเพื่อ
เสนอตอ่ คณะกรรมการกากบั โครงการฯ
4) สามารถเรยี กขอข้อมลู จากหน่วยงานทเี่ กยี่ วข้องได้
5) สามารถแต่งต้ังคณะทางานชุดย่อยเพ่ือสนับสนุนคณะทางานวางแผนการใช้ท่ีดิน
ตาบลเคร็ง

การพฒั นาและรับรองเกณฑแ์ ละวิธกี ารประเมินป่าพรุ หน้าทีแ่ ละบริการของป่าพรุอันเป็นผล

จากการประเมนิ มลู ค่าทางเศรษฐกจิ ของระบบนเิ วศพรุภมู ิทศั นค์ วนเครง็

การดาเนินงานภายใต้ภารกิจการพัฒนาและรับรองเกณฑ์และวิธีการประเมินป่าพรุ หน้าท่ี และ
บริการของป่าพระอันเป็นผลจากการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจของระบบนิเวศพรุภูมิทัศน์ควนเคร็ง ซ่ึง
ดาเนินงานศึกษาและกาหนดร่างเกณฑ์และวิธีการประเมินโดย เพ็ญพร เจนการกิจ, อารียา โอบีเดียกวู
และนภสม สินเพ่ิมสุขสกุล (2562) ผลที่ได้คือ คู่มือ “การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ระบบนิเวศป่า
พรุ” ซึ่งจัดทาข้ึนเพ่ือประโยชน์สาหรับผู้ที่มีบทบาทกาหนดนโยบายหรือออกแบบเคร่ืองมือเชิงนโยบาย
ในการจัดการระบบนิเวศป่าพรุของประเทศ รวมถึงผ้สู นใจทว่ั ไปท่ตี ้องการเข้าใจถงึ ตน้ ทุนและประโยชน์ที่
เก่ียวข้องกับโครงการพัฒนา อนุรักษ์ หรือการจัดการพ้ืนท่ีหรือระบบนิเวศทางธรรมชาติ โดยไม่
จาเป็นต้องมีความรู้พ้ืนฐานด้านทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ส่ิงแวดล้อมมาก่อน ท้ังน้ี คู่มือจะเป็นประโยชน์
แก่ผู้สนใจศึกษา คือ 1) ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์เบ้ืองต้นที่จาเป็นสาหรับการประเมินมูลค่าทาง
เศรษฐศาสตร์ของคุณประโยชน์ระบบนิเวศป่าพรุ (ecosystem services) หรือทรัพยากรต่าง ๆ ในพ้ืนท่ี
เพ่ือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มของระบบนิเวศ
ป่าพรุ หากมกี ารใช้ประโยชนห์ รือมีแรงกดดันทางเศรษฐกจิ ในด้านตา่ ง ๆ เกดิ ขนึ้ และ 2) ความรู้เกี่ยวกับ
กระบวนการตัดสินใจเชิงเศรษฐศาสตร์ โดยอาศัยแนวทางการวิเคราะห์ต้นทุนและประโยชน์ (cost-
benefit analysis) เพ่ือพิจารณาว่าจะอนุรักษ์ระบบนิเวศป่าพรุหรือไม่ อย่างไร และในระดับใด โดย
เปรียบเทียบระหว่างมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ท่ีได้จากระบบนิเวศป่าพรุในรูปสินค้าและบริการเม่ือมีการ

รายงานสรุปสาหรบั ผบู้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วิถคี นและป่า | 59

อนุรักษ์และฟื้นฟู กับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจท่ีจะได้จากการเปล่ียนแปลงระบบนิเวศเพื่อนามาใช้
ประโยชนใ์ นรูปอ่นื

ท้ังนี้เน้ือหาในคู่มือ แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก ส่วนแรกเป็นความรู้เบื้องต้นก่อนการประเมินมูลค่า
ทางเศรษฐศาสตร์ ส่วนทีส่ องเป็นกรอบแนวคดิ และขั้นตอนในการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ ส่วนท่ี
สามเป็นเทคนิควิธีการต่าง ๆ ท่ีใช้ในการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์สาหรับระบบนิเวศป่าพรุ และ
ตัวอย่างการนามูลค่าไปใช้ประโยชน์ในเชิงนโยบาย ส่วนสุดท้ายเป็นการอภิปรายถึงแนวทางการพัฒนา
งานศกึ ษาดา้ นการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องระบบนิเวศปา่ พรใุ นประเทศไทย

การกาหนดเกณฑ์การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ การกาหนดตัวช้ีวัด และวิธีการเพื่อการ
ประเมินสถานภาพ บทบาทหน้าที่และนิเวศบริการของพ้ืนท่ีภูมิทัศน์ควนเคร็ง แบ่งได้เป็น 4 ด้าน ตาม
บทบาทและหน้าที่บริการของระบบนิเวศป่าพรุควนเคร็งต่อการดารงชีพของประชาชนและเศรษฐกิจ
ชุมชน กล่าวคือ ป่าพรุควนเคร็ง มีบทบาทและหน้าที่บริการของระบบนิเวศท่ีมีความสาคัญต่อการดารง
ชพี ของคนในชุมชนและเศรษฐกิจชุมชนในด้านต่าง ๆ ท่ีอธิบายตามกรอบของ Millennium Ecosystem
Assessment (2005, อ้างถึงใน อรพรรณ ณ บางช้าง-ศรเี สาวลักษณ์ และคณะ, 2558, 1-3) ซ่งึ มี 4 ดา้ น
คือ ด้านการเป็นปัจจัยพ้ืนฐานที่จะนามาผลิตเป็นสินค้าและบริการ (Provisioning service) ด้านการ
ควบคมุ และรักษาความสมดลุ ของระบบนเิ วศ (Regulating service) ดา้ นการสนับสนุนกระบวนการผลิต
(Supporting service) และ ดา้ นวัฒนธรรม (Cultural Service) ดงั ตารางที่ 1.1

ตารางท่ี 1.1 บริการของระบบนเิ วศ ผไู้ ดร้ ับประโยชน์ และมลู ค่าทางเศรษฐศาสตรข์ องระบบนิเวศพรุควนเคร็ง

บรกิ ารของระบบนิเวศ (ecosystem services): แหลง่ เสบียงหรือผลผลิต (provisioning services)

ประเภทผลผลติ และบรกิ าร ผไู้ ดร้ บั ประโยชน์ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์
(goods and services) (beneficiaries) (economic value)

สาหรบั บริโภค อปุ โภค และวัตถดุ บิ เพ่ือสร้างผลผลิต (ยัง ประชาชนในพื้นที่ มูลค่าจากการใช้
ชพี และการคา้ ) ประโยชนโ์ ดยตรง

 พชื เส้นใย (กระจดู ) ปลา กบ เขียด ผกั พน้ื บ้าน
น้าผึง้ รังต่อ

 ไม้ใช้สอย เช้ือเพลิง เผาถา่ น

 นา้ อุปโภค บรโิ ภค ทาเกษตร น้าดบิ เพ่อื ทา
ประปา

 ทด่ี นิ เพอ่ื การเกษตร และปศสุ ตั ว์

ท่มี า: เพ็ญพร เจนการกิจ, อารียา โอบเี ดยี กวู และ นภสม สินเพ่มิ สุขสกลุ (2562)

60 | โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศปา่ พรุเพอื่ เพ่ิมความสามารถในการกักเก็บคารบ์ อน
และอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

ตารางที่ 1.1 บริการของระบบนเิ วศ ผู้ไดร้ ับประโยชน์ และมลู ค่าทางเศรษฐศาสตรข์ องระบบนิเวศพรคุ วนเครง็ (ต่อ)

บรกิ ารของระบบนเิ วศ (ecosystem services): แหล่งควบคมุ สภาพแวดล้อม (regulating services)

 แหลง่ รกั ษาระดบั น้าใตด้ นิ และกรองน้า ประชาชนในพน้ื ที่ มลู คา่ จากการใช้
ประโยชน์โดยออ้ ม
 แหลง่ กกั เก็บและระบายนา้ ลดความเสยี่ งภยั
แล้ง น้าทว่ ม

 แหล่งชว่ ยเพิม่ ผลผลติ จากการผสมเกสรของนก
ผ้ึง แมลง

 แหล่งสะสมและดดู ซบั ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประชาชนในและนอก
พน้ื ท่ี
 แหล่งท่ีอยู่อาศัยของสตั ว์ปา่ และพชื พรรณ
ธรรมชาติ

บรกิ ารของระบบนเิ วศ (ecosystem services): แหล่งข่าวสารวัฒนธรรม (cultural services)

 แหลง่ ศกึ ษา วจิ ยั สรา้ งองค์ความรู้ ประชาชนในและนอก มูลคา่ จากการใช้
พน้ื ที่ ประโยชนโ์ ดยตรง
 แหลง่ นนั ทนาการ พักผอ่ นหย่อนใจ และ
ศึกษาวจิ ัย

บริการของระบบนเิ วศ (ecosystem services): แหลง่ ค้าจุนระบบ (supporting services)

 แหล่งดารงความหลากหลายทางชวี ภาพ ประชาชนในและนอก มูลคา่ จากการไมไ่ ด้ใช้
 แหล่งกาเนดิ พชื สตั ว์เฉพาะถน่ิ พ้นื ท่ี ประโยชน์

ท่ีมา: เพ็ญพร เจนการกิจ, อารียา โอบเี ดยี กวู และ นภสม สินเพมิ่ สขุ สกลุ (2562)

เกณฑแ์ ละวธิ ีการประเมนิ สถานภาพหนา้ ทแ่ี ละบริการระบบ นเิ วศป่าพรุควนเครง็
เกณฑ์ ตัวชี้วัด และวิธีการเพื่อการประเมินสถานภาพ บทบาทหน้าท่ีและนิเวศบริการของพ้ืนท่ี
ภมู ิทศั น์ควนเคร็ง แบ่งได้เปน็ 4 ดา้ น คอื
1) เกณฑ์ด้านคาร์บอน (Carbon) อธิบายถึงความสามารถในการดูดซับและสะสมคาร์บอนของ
พ้นื ท่ีพรุ
2) เกณฑ์ด้านอุทกวิทยา (Hydrology) อธิบายถึงระดับการท่วมขังของน้า (wetness) ในพื้นที่
พรุ ระบบควบคมุ และความสามารถในการควบคมุ ระดับนา้ เพ่ือทว่ มขัง (rewetting infrastructure)
3) ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) อธิบายถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
ความหลากหลายและจานวนของชนิดพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์ท่ีถูกคุกคาม หรือหายากและเฉพาะถ่ิน
ตลอดจนแหล่งท่ีอย่อู าศัยของชนดิ พนั ธุเ์ หล่าน้ัน
4) ความเกี่ยวข้องของมนุษย์ (Human involvement) อธิบายถึงวิถีชีวิตและกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจสังคมของมนุษย์ที่มีตอ่ พ้ืนที่พรุ การคุ้มครองทางกฎหมายของพ้ืนที่พรุ ตลอดจนความเกี่ยวข้อง
ผูกพันท่ีมีต่อพรุและความพร้อมในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์ระบบนิเวศพรุของชุมชน โดยมีสมมติฐานวา่
ชุมชนที่มีวิถีชีวิตที่พ่ึงพิงทรัพยากรท่ีมีอยู่ในป่าพรุโดยตรง รวมถึงธุรกิจชุมชน และชุมชนน่าจะมีความ
ผกู พันและมคี วามพรอ้ มในการอนรุ ักษ์

รายงานสรุปสาหรับผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเคร็ง วิถีคนและป่า | 61

กรอบคดิ ในการประเมนิ สถานภาพและเง่อื นไขของระบบนเิ วศพื้นท่ภี มู ิทัศนพ์ รคุ วนเครง็
การประเมินสถานภเพ็ญพร เจนการกิจ, อารียา โอบีเดียกวู และ นภสม สินเพิ่มสุขสกุล (2562)
ได้นาหลักการและแนวทางการประเมินระบบนิเวศพรุของอนุสัญญาแรมซาร์ บูรณาการร่วมกับกรอบ
แนวคิดการจัดการภูมิทัศน์แบบองค์รวม (landscape approach) และกรอบแนวคิดนิเวศบริการ
(ecosystem services approach) ในข้ันตอนและกระบวนการประเมนิ สถานภาพและเง่ือนไขของระบบ
นิเวศพรุ และได้ข้อสังเคราะห์ด้านหลักเกณฑ์และตัวชี้วัด จากการทบทวนประสบการณ์ในประเทศต่างๆ
สาหรบั กระบวนการตามลาดับขน้ั เพ่ือการประเมินสถานภาพระบบนิเวศพรุ กรณศี กึ ษาพื้นที่ภูมิทัศน์ควน
เคร็ง เร่ิมจากการทบทวนเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง (desk review) จากนั้นเป็นทางานวิจัยอย่างมี
ส่วนร่วมในภาคสนาม (field action research) ซ่ึงมีเน้นกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมกับชุมชนใน
พน้ื ที่และเจา้ หนา้ ทีท่ ่เี ก่ียวข้องทกุ ภาคส่วนทั้งในระดับพืน้ ท่ี จังหวดั และส่วนกลาง
กรอบแนวคิดในการวจิ ัยสาหรับการประเมินสถานภาพ บทบาทหน้าที่และบรกิ ารนเิ วศของพ้นื ที่
ภูมิทศั น์พรุควนเคร็งแสดงดงั ภาพท่ี 1.8 ซง่ึ มีกระบวนการตามลาดบั ข้นั ดังน้ี
ข้ันตอนแรก การรวบรวมข้อมูลจากการทบทวนเอกสารทางวิชาการ ตลอดจนแผนท่ีและ
ภาพถ่ายทางอากาศที่มีอยู่ (desk review) เพ่ือจัดทาฐานข้อมูลเบ้ืองต้นแสดงคุณสมบัติด้านภูมิศาสตร์
และชีวกายภาพของพ้ืนทพี่ รแุ ละการใชป้ ระโยชน์พ้นื ท่ี
ขั้นตอนที่สอง การพัฒนาหลกั เกณฑ์และตัวชวี้ ัดเพ่ือการประเมนิ พ้นื ทภี่ มู ิทศั น์ควนเครง็
ขั้นตอนที่สาม การทาวิจัยภาคสนามเพ่ือสารวจแหล่งที่ต้ังและคุณสมบัติพ้ืนที่พรุตามเกณฑ์และ
ตัวช้ีวัดที่ระบุ อาทิ สภาพอุทกวิทยา แหล่งท่ีต้ังและความลึกของดินพรุ และปริมาณคาร์บอน และใช้
เทคนิคการจดั ทาแผนท่ี peat swamp and carbon map
ข้นั ตอนท่สี ี่ ประเมนิ สถานภาพ บทบาทหน้าทีแ่ ละนิเวศบริการ ตลอดจนเง่ือนไขการใช้ทรัพยากร
ของพ้ืนที่ภูมิทัศน์ควนเคร็งด้วยกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วม เพ่ือทราบถึงกิจกรรมการใช้ประโยชน์
และมูลค่าการใช้ประโยชน์ทเ่ี ก้ือหนุนกบั วิถชี ีวติ ชุมชนในพ้ืนที่ ตลอดจนสง่ิ คุกคามต่อระบบนิเวศทเ่ี กิดขึ้น
ในปจั จุบันหรืออาจเกิดข้ึนในอนาคต
ขั้นตอนที่ห้า การระดมความเห็นร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เพื่อจัดกลุ่มและลาดับ
ความสาคัญของพ้นื ท่ีย่อยหรอื โซนภายในขอบเขตพื้นทภี่ ูมทิ ัศนค์ วนเคร็ง โดยใช้ผลการประเมินสถานภาพ
และเงอื่ นไขขา้ งต้น
ขั้นตอนที่หก การให้ข้อเสนอแนะเพ่ือเป็นแนวทางในการกาหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ
พนื้ ทภ่ี ูมิทศั นค์ วนเครง็ โดยพิจารณาตามลาดับความสาคญั ของโซนหรอื พ้นื ทีย่ ่อย

62 | โครงการเสริมศักยภาพการจดั การระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยงั่ ยืน

ภาพท่ี 1.8 กรอบแนวคดิ เชงิ วิเคราะหใ์ นการประเมนิ สถานภาพและเง่ือนไขในพนื้ ท่ีพรุควนเครง็ (KKL)
ทม่ี า: เพญ็ พร เจนการกิจ, อารยี า โอบเี ดียกวู และ นภสม สินเพ่มิ สขุ สกุล (2562)

การจาแนกพ้ืนที่พรุในบริเวณภูมิทัศน์ควนเคร็งตามความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน การ
ดารงความหลากหลายทางชีวภาพ และการเก้ือหนุนต่อวิถีชีวิตและเศรษฐกิจสังคมของชุมชน ทาให้
คณะทางานสามารถจัดลาดับความสาคัญของพื้นที่ สาหรับพื้นที่พรุท่ียังคงสภาพสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
จาเป็นต้องให้ความสาคัญและได้รบั คุ้มครองดูแลเป็นพเิ ศษ ในขณะเดียวกันพื้นท่ีพรุท่ีได้รับความคุ้มครอง
ตามกฎหมายอยู่แล้ว หรือเป็นพ้ืนที่ที่ชุมชนมีความพร้อมในการอนุรักษ์น่าจะเป็นพ้ืนท่ีที่มีโอกาสประสบ
ความสาเร็จในการอนุรักษ์และคุ้มครองมากกว่าพนื้ ท่ีสว่ นอ่ืน ผลลพั ธจ์ ากการประเมนิ สถานภาพของพ้ืนที่
พรุ จะทาให้คณะทางานมีความรู้ความเข้าใจในพ้ืนที่ สามารถให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางในการ
พฒั นากลยทุ ธท์ ีเ่ หมาะสมเพอ่ื การคุ้มครองและฟ้นื ฟูภมู ิทัศน์ควนเคร็งตามสถานภาพและเงื่อนไขของพื้นท่ี
ดงั กล่าว กระบวนการเรยี นร้ทู คี่ ณะทางานได้พัฒนาจากการใช้ภูมิทัศน์ควนเครง็ เปน็ กรณศี ึกษานาร่อง จะ
นาไปสู่การให้ข้อเสนอแนะเพ่ือเป็นแนวทางในการกาหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการระบบนิเวศพรุ
ระดับชาติ (national peatlands strategy)

รายงานสรปุ สาหรบั ผบู้ ริหาร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรุควนเคร็ง วิถคี นและป่า | 63

เกณฑใ์ นการประเมินศึกษาสถานะป่าพรดุ ้านการใชป้ ระโยชน์ท่ดี ินภมู ทิ ศั นพ์ รคุ วนเคร็ง
โดย: รศ. ประสงค์ สงวนธรรม

เกณฑใ์ นการประเมนิ

เกณฑห์ ลักด้าน: การใช้ประโยชน์ทดี่ ิน และข้อมลู สารสนเทศเชิงภูมศิ าสตร์
ประกอบดว้ ย
1. ขอบเขตพ้นื ท่ีโครงการใหช้ ดั เจนและอยใู่ นรูปข้อมูลเชงิ เลข (Renew Shape File)
2. ขอบเขตการปกครอง แผนทีท่ รพั ยากร แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ
3. แผนที่ลักษณะการใช้พ้ืนที่ด้านตา่ ง ๆ พรอ้ มพร้อมพิกดั และขอบเขต
4. ผมู้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสียและบทบาทท่เี กีย่ วข้อง พร้อมพิกัดของกิจกรรมท่ีเก่ียวข้อง
5. สบื ค้นขอ้ มูลภาพถ่ายทางอากาศท่มี ีอยู่จากพื้นที่ทาการจดั เรยี งและต่อภาพถ่าย
6. ซ้อนทบั ข้อมูลภาพถา่ ยจากดาวเทยี มแบนด์ 3. 4. 5. 8. 10, และ 11
ปรบั แก้ความคมชดั เลอื กวิธีการปรบั ปรงุ ข้อมลู

วัตถปุ ระสงค์

1. ประเมนิ สถานการณ์การใช้ประโยชน์ที่ดนิ ในบรเิ วณภมู ิทศั น์พรุควนเครง็ และโดยรอบ
2. ศึกษาอิทธพิ ลของการใชป้ ระโยชน์ท่ดี ินลักษณะตา่ ง ๆ ท่ีมีผลตอ่ ระบบนเิ วศพรุ
3. วิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสยี และทิศทางการพัฒนาในพื้นที่ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภูมิทัศน์พรุควน
เครง็
4. สรา้ งฐานขอ้ มูลเพ่อื จดั ทาแผนการใชท้ ี่ดนิ ในพื้นท่ตี าบลเครง็ อยา่ งบูรณาการรว่ มกับผูม้ สี ว่ นเก่ยี วข้อง

วิธีการประเมนิ

1. ประมวลขอ้ มลู ภาพถา่ ยจากดาวเทยี ม Landsat-8 path/row 129/54
2. รวบรวม และตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด และปรับแก้ข้อมูลเชิงเรขาคณิต (Geometric

Correction)
3. ตั้งเป้าหมายและการคัดเลือกเกณฑ์สาหรับการประเมิน ด้านกายภาพ ด้านเศรษฐกิจสังคมและ

สง่ิ แวดลอ้ ม
4. ตรวจสอบความถกู ต้องในภาคพืน้ ดนิ (Ground Truth Checking)
5. เชอ่ื มโยงผลการการวิเคราะห์แบบลาดบั ช้ัน(AHP) กบั ระบบภูมสิ ารสนเทศ
สรุปผล (และ(หรอื การจัดทาแผนการใชท้ ่ดี ินท่เี หมาะสมในภาพรวมในอนาคต/

64 | โครงการเสริมศกั ยภาพการจดั การระบบนเิ วศปา่ พรุเพ่ือเพิม่ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยั่งยืน

รายละเอียดของพ้นื ท่ปี ระกอบดว้ ย

1) ขอ้ มลู เชิงภูมิศาสตร์ และขอบเขต
2) สถานทต่ี งั้ ของหนว่ ยงาน โรงเรยี นชมุ ชน องค์กร ปา่ ชุมชน พื้นท่ที ีช่ ุมชนใช้ประโยชน์ ลักษณะต่างๆ
3) นเิ วศปา่ พรลุ กั ษณะต่างๆ
4) พน้ื ท่กี ารถอื ครองตามกฎหมายด้านต่าง ๆ
5) จดุ เสี่ยงต่อความเสยี หายจากไฟปา่ ภัยคกุ คาม การบุกรุก
6) จดุ ทค่ี วรมีการฟืน้ ฟู หรือไดร้ ับการดูแลอย่างใกล้ชิด
7) ทิศทางการไหนของนา้ ชลประทาน การเดินทางทางน้า
8) พิกัดภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ และศกั ยภาพเพอ่ื การพฒั นาศูนยก์ ารเรียนรู้
9) พกิ ัดพื้นท่ีทมี่ ีศกั ยภาพเพ่ือการพัฒนาความเปน็ อยู่ อาชีพ กิจกรรมเพ่ือการสร้างรายได้
10) พืน้ ทท่ี ม่ี ศี ักยภาพในการสร้างความร่วมมอื กับหนว่ ยงาน ภาคธรุ กจิ หรอื อ่ืน ๆ
11) ขอบเขตการทางานขององค์กรพฒั นาเอกชน ส่อื ทอ้ งถนิ่ หรือ โครงการท่ีอาจมอี ิทธพิ ลกบั พรุในพื้นท่ี

ขอ้ เสนอแนะ

1. ผลทไี่ ด้จากการวิเคราะห์ จาเปน็ ตอ้ งตรวจเชค็ กับ ตัวแทนหนว่ ยงาน ผมู้ ีสว่ นได้สว่ นเสยี ในพื้นท่ี
2. ข้อมลู ที่ได้รับจากภาพถา่ ยดาวเทยี ม อาจมีความคลาดเคลอื่ น หรือไม่ชัดเจน จาเปน็ ตอ้ งตรวจสอบ
กับหน่วยงาน หรือเก็บข้อมลู เพ่มิ เติมในภาคพื้นดนิ
3. ผลการวิเคราะห์จะนาไปใช้ในการกาหนดแผนการจดั การปา่ พรุเชงิ บรู ณาการกับหนว่ ยงาน และผู้มี
สว่ นได้ส่วนเสียต่อไป

เกณฑ์ในการประเมนิ พน้ื ทปี่ ่าพรดุ า้ นการประเมนิ การกักเกบ็ คาร์บอนของพื้นที่พรุ
โดย: ผศ.ดร. สาพศิ ดิลกสมั พันธ์ ภาควชิ าวนวัฒนวิทยา คณะวนศาสตรม์ หาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพอ่ื ใหท้ ราบถึงศกั ยภาพของการกกั เกบ็ คาร์บอนของพน้ื ที่พรอุ ันเป็นบทบาทสาคัญท่ีมตี ่อการ
บรรเทาการเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศ

2. เพอื่ ติดตามการเปลย่ี นแปลงปริมาณการกักเก็บคารบ์ อนของพนื้ ท่ีพรอุ ันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง
สงั คมพชื สภาพแวดล้อม และการใชท้ ่ีดิน

3. เพอ่ื ใช้เปน็ เสน้ ฐานอ้างองิ (baseline) ในการดาเนินกิจกรรมการลดกา๊ ซเรือนกระจก

รายงานสรุปสาหรับผบู้ ริหาร ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วิถคี นและป่า | 65

เกณฑ์ในการประเมิน

การประเมินการกักเก็บคาร์บอนของพน้ื ที่พรโุ ดยการสารวจภาคสนาม
1. การกาหนดแหล่งสะสมคาร์บอนของพน้ื ทีพ่ รุสาหรับประเมิน ไดแ้ ก่ มวลชีวภาพเหนอื ดนิ มวล

ชวี ภาพใต้ดิน ไม้ตาย ซากพชื และในดิน ที่เหมาะสมและครอบคลุมแหล่งสะสมคาร์บอนที่สาคัญ
2. การสารวจและวางแปลงตวั อยา่ ง ท้ังในดา้ นขนาดและรูปร่างของแปลงตัวอยา่ งท่ีเหมาะสมกบั

แหลง่ สะสมคาร์บอนแต่ละประเภท พืน้ ท่ีทเ่ี หมาะสมของแปลงสุ่มตัวอยา่ ง แนวปฏิบตั ิในการสารวจ
และวางแปลงตวั อย่างเพ่ือให้แปลงตัวอย่างเป็นตัวแทนท่ีดีของพืน้ ทีป่ ระเมิน
3. การตรวจวัดและเกบ็ ขอ้ มลู ที่มีความถูกต้องตามหลกั วชิ าการและสอดคลอ้ งกบั แหล่งสะสมคาร์บอน
แตล่ ะประเภท เช่น การวัดตน้ ไม้สาหรับประเมินการกกั เกบ็ คาร์บอนในมวลชีวภาพ การเกบ็
ตวั อยา่ งดนิ /พรุ เพ่ือนาไปวิเคราะหป์ รมิ าณคาร์บอนในดิน เป็นตน้
4. การเลอื กวธิ กี ารและสมการทีเ่ หมาะสมสาหรับการคานวณ เช่น สมการแอลโลเมตรี (allometric
equation) ทเ่ี หมาะสมสาหรับการประเมินการกกั เกบ็ คาร์บอนในมวลชวี ภาพ
5. ความสอดคล้อง (consistency) ในการตรวจวดั และติดตามปรมิ าณการกกั เกบ็ คาร์บอนในแหลง่
สะสมคาร์บอนแต่ละประเภท
6. การประเมนิ การกกั เก็บคาร์บอนของพ้ืนที่พรุโดยการสารวจระยะไกล
7. ประเภทและความละเอยี ดของภาพถ่ายดาวเทียมท่เี หมาะสมกับขนาดและสภาพพื้นท่ีพรุ
8. ความเหมาะสมของดัชนพี ชื พรรณ (vegetation index) ทีใ่ ชใ้ นการประเมนิ การกักเก็บคารบ์ อนใน
แหล่งสะสมคาร์บอนแต่ละประเภท
9. การเลือกวธิ กี ารและสมการทเี่ หมาะสมสาหรับการคานวณในแหลง่ สะสมคาร์บอนแต่ละประเภท
10. ความเหมาะสมของวิธีการในการตรวจสอบความถกู ต้อง (verification) กับการประเมินโดยการ
สารวจภาคสนาม
11. ความสอดคล้อง (consistency) ในการตรวจวดั และตดิ ตามปรมิ าณการกักเกบ็ คารบ์ อนในแหล่ง
สะสมคารบ์ อนแตล่ ะประเภท

เกณฑใ์ นการประเมิน

การประเมินการปล่อยกา๊ ซเรือนกระจกจากพื้นทพ่ี รุ
12. การสารวจและวางแปลงตัวอยา่ ง ทั้งในดา้ นจานวนจดุ สารวจ และการกระจายของจุดสารวจเพือ่

เป็นตัวแทนท่เี หมาะสมของพื้นที่
13. ความเหมาะสมของความถ่ีในการวดั /การเก็บตวั อย่างกับวัตถุประสงค์และสภาพพ้นื ที่พรุทีป่ ระเมิน
14. ความเหมาะสมของวิธีการและเทคโนโลยีกบั วัตถปุ ระสงค์ งบประมาณ และสภาพพน้ื ท่ีพรทุ ี่

ประเมิน
15. ความสอดคล้อง (consistency) ในการตรวจวัดและตดิ ตามปรมิ าณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

66 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรุเพ่ือเพิ่มความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยง่ั ยนื

วิธีการประเมนิ

1) การประเมนิ การกกั เก็บคาร์บอนของพน้ื ที่พรโุ ดยการสารวจภาคสนาม
2) การประเมินการกักเก็บคาร์บอนของพื้นที่พรุโดยการสารวจระยะไกล
3) การประเมินการปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจกจากพน้ื ที่พรโุ ดยการใช้ Closed chamber
4) การประเมนิ การปล่อยก๊าซเรอื นกระจกจากพื้นที่พรุโดยการวิเคราะห์ในหอ้ งปฏบิ ตั ิการ

เกณฑใ์ นการประเมินศกึ ษาสถานะป่าพรดุ า้ นการจดั การระบบน้าในป่าพรุ
โดย: ผศ.ดร. สมฤทัย ทะสดวก

วตั ถุประสงค์

1. ศกึ ษาลกั ษณะทางอทุ กวิทยาและชลศาสตร์ในพืน้ ท่เี กย่ี วกับลักษณะการไหลเขา้ -ออกของนา้ ในปา่ พรุ
2. จัดทาแบบจาลองเพ่ือวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงระดับน้าและปริมาณน้าในป่าพรุในแต่ละช่วงเวลา
3. เสนอแนะแนวทางการบริหารจัดการน้าสาหรับระบบน้าท่ีเก่ียวข้องกับป่าพรุเพื่อเสนอแนวทางการ
บริหารจดั การนา้ สาหรบั ระบบหมุนเวยี นนา้ ท่ีเก่ียวข้องกบั ปา่ พรุเพื่อวัตถุประสงคใ์ นการฟื้นฟูปา่ พรุ

เกณฑใ์ นการประเมิน

1. ศกึ ษาทิศทางการไหลของน้าทา่ ที่ไหลเข้า-ออกป่าพรุในแตล่ ะตาแหนง่ และปริมาณนา้ ทา่ ทไี่ หลเข้า-
ออกป่าพรุในแต่ละช่วงเวลา
2. ศึกษาลกั ษณะและตาแหน่งของอาคารควบคุมการไหลของนา้ เข้า-ออกปา่ พรุ
3. ศึกษาแหลง่ กกั เกบ็ นา้ ตน้ ทุนและกระบวนการเกิดนา้ ตน้ ทุนในป่าพรุ
4. ศึกษาการสูญเสยี ของนา้ ต้นทนุ ท่สี ง่ ผลกระทบต่อระบบน้าในปา่ พรุ
5. ศึกษาวิธีการบรหิ ารจดั การระบบน้าในป่าพรุโดยใช้องค์อาคารที่เกี่ยวข้องเพ่ือให้เกิดความสมดลุ ของ
ระบบนา้ ในป่าพรใุ นแต่ละชว่ งเวลา

รายงานสรุปสาหรับผบู้ รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วิถีคนและปา่ | 67

วิธีการประเมนิ

1. วเิ คราะห์ขอ้ มลู ทางอุทกวิทยาเพอื่ ประเมนิ องค์ประกอบของวัฏจักรทางอทุ กวทิ ยาเพื่อใชเ้ ป็นขอ้ มูล
พจิ ารณาสมดุลนา้ ในป่าพรุ
2. วเิ คราะหค์ วามเก่ยี วขอ้ งของโครงการพฒั นาแหลง่ น้าและโครงการบรรเทาอทุ กภยั ในพื้นทตี่ ่อการ
เปลี่ยนแปลงระดับน้าในป่าพรุ
3. วิเคราะหก์ ารควบคุมการไหลของน้าเข้าสู่ปา่ พรุและออกจากป่าพรโุ ดยพิจารณาโครงข่ายลาน้าและ
อาคารชลศาสตร์ท่ีเกย่ี วข้องในพ้ืนที่ รวมทั้งการสารวจข้อมูลภาคสนาม
4. เกบ็ รวมรวมข้อมูลปฐมภูมิด้านอตุ ุนยิ มวทิ ยาและอุทกวทิ ยาท่ีเกีย่ วข้องกับปา่ พรโุ ดยการตดิ ตั้ง
เคร่ืองมอื เพ่ือตรวจวดั ขอ้ มูลภาคสนาม ประกอบดว้ ย ขอ้ มลู ระดับนา้ ในป่าพรุ ข้อมลู น้าฝน ขอ้ มลู น้าท่า
อุณหภมู ิ ความชื้นสัมพัทธ์ ความเร็วลม/ทศิ ทางลม ปริมาณแสงอาทติ ย์ รวมท้ังข้อมลู การใช้ประโยชน์
ทด่ี นิ และลักษณะดนิ ในป่าพรุและบรเิ วณท่เี กี่ยวขอ้ ง

วิธีการประเมิน

5. จัดทาแบบจาลองคณิตศาสตร์แสดงการไหลของนา้ เขา้ -ออกป่าพรพุ ร้อมอาคารชลศาสตรค์ วบคุมการ
ไหลของน้าและแบบจาลองสมดลุ น้าเพ่ือใชเ้ ป็นตัวแทนระบบหมนุ เวียนนา้ ในป่าพรุ
6. ประยุกต์ใชแ้ บบจาลองคณิตศาสตรเ์ พื่อศึกษาวธิ กี ารบริหารจัดการระบบน้าในปา่ พรุเพ่ือใหเ้ กดิ ความ
สมดุลของระบบนา้ ในป่าพรใุ นแต่ละช่วงเวลา

ขอ้ เสนอแนะ/ขอ้ ควรพจิ ารณา

1. วถิ ีชวี ิตและการมสี ่วนรว่ มของผู้มสี ่วนไดเ้ สยี ในทอ้ งถนิ่ กับการจัดการระบบนา้ ในปา่ พรุ
2. อทิ ธพิ ลจากอาคารชลศาสตรท์ เ่ี ก่ียวข้องและรูปแบบการบรหิ ารจัดการน้าของโครงการพัฒนาแหลง่
น้าและบรรเทาอุทกภัยในปจั จุบันทีส่ ่งผลต่อระบบน้าในปา่ พรุ รวมทั้งผลกระทบจากโครงการทีม่ ี
แผนการดาเนนิ งานในอนาคต

68 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจดั การระบบนเิ วศป่าพรุเพอื่ เพิม่ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยง่ั ยนื

เกณฑ์ในการประเมนิ ศกึ ษาสถานะป่าพรดุ า้ นนิเวศอุทกวิทยา
โดย ดร. ปิยพงษ์ ทองดนี อก มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

วตั ถุประสงค์

1. เพ่อื ศึกษาดชั นีทางด้านอุทกวทิ ยาทสี่ ัมพนั ธก์ บั ระบบนิเวศในปา่ พรุ
2. เพื่อศึกษาการตอบสนองทางของสังคมพชื ต่อการเปล่ยี นแปลงทางอทุ กวทิ ยา

เกณฑ์ประเมิน

เกณฑ์หลักด้าน:อทุ กวทิ ยาเชงิ นเิ วศ เกณฑ์รองดา้ น:นิเวศวิทยา
ประกอบดว้ ย 1. การใช้นา้ ของพชื (crop water consumption) และ 2. ความหนาแน่นของสังคมพชื
ปริมาตรไม้ในสงั คมพชื

วธิ ีการประเมนิ

1. ประเมินค่าการคายระเหยน้าของพืชในพ้ืนที่ป่าพรุโดยใช้วิธีการประเมินค่าการคายระเหยน้าจาก
วิธีการสมดุลน้าเฉพาะจุด (water balance at point) ร่วมกับวิธีการประเมินค่าการใช้น้าของพืชโดยใช้
โปรแกรม CROPWAT และแบบจาลองจากข้อมูลทางอุตุนิยมวทิ ยา (meteorological data) ที่ตรวจวดั
อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ปริมาณฝน ความหนักเบาของฝน จานวนวันท่ีฝนตก อุณหภูมิอากาศ ความเร็วลม
ทิศทางลม และความช้ืนสัมพัทธ์ ในการประเมินค่าการคายระเหยน้า โดยใช้สมการต่างๆ ได้แก่
Modified Penman, Bleney Criddle, Hargreaves, Radiation และ Penman Montieth

รายงานสรปุ สาหรับผบู้ รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถคี นและปา่ | 69

วธิ ีการประเมนิ (ตอ่ )

2. สารวจความหนาแน่นของสังคมพืชในพ้ืนท่ีป่าพรุ และประเมินปริมาตรไม้ในสังคมพืชป่าพรุ โดยใช้
วิธีการสารวจแจงนับทรัพยากรป่าไม้ (forest inventory) ด้วยแปลงตัวอย่างสารวจข้อมูลทรัพยากรป่า
ไมต้ ามวธิ กี ารของส่วนวิจัยการอนุรกั ษ์ปา่ ไม้ วางแปลงเพื่อศึกษาลักษณะทางนิเวศวิทยาป่าไม้ในบริเวณท่ี
มีสภาพเป็นพื้นท่ีป่าไม้ โดยวางแปลงเพื่อจาลองลักษณะโครงสร้างของป่า (Plant profile diagram)
ท้ังน้ี เพื่อศึกษาโครงสร้างของป่าในลักษณะของ plant profile เป็นการแสดงโครงสร้างของสังคมพืชปา่
ไม้ โดยสามารถแสดงโครงสร้างทางด้านต้ัง (Profile diagram) และการปกคลุมของเรือนยอด (Crown
cover) ในพ้ืนท่ีป่าได้เพ่ือให้เห็นสภาพได้ชัดเจนขึ้นจากการบรรยาย โดยแปลงตัวอยา่ งกาหนดใหม้ ีขนาด
50X50 เมตร และวางตวั แนวเหนอื -ใต้ เป็นหลัก และในแปลงตวั อยา่ งแต่ละแปลงทาการระบุชนิดของไม้
ใหญ่ (ไม้ทีม่ ีขนาดความโตวัดโดยรอบ (GBH) ที่ระดับความสูงเพยี งอกตงั้ แต่ 30 เซนติเมตรข้ึนไป) ทกุ ต้น
วัดความสูงท้ังหมด ความสูงถึงก่ิงแรก ความกว้างของเรือนยอด (วัดสองทิศทางตั้งฉากกัน) จากน้ันจึงทา
การจาลองรูปลักษณ์ของต้นไม้ นอกจากนี้ยังได้บันทึกชนิดพันธ์ไม้เลื้อย ลูกไม้ กล้าไม้ ไผ่ และไม้อื่น ๆ ที่
พบในแปลง โดย ในการกาหนดตาแหน่งท่ีต้ังของแปลง กาหนดโดยใช้เคร่ืองกาหนดตาแหน่งด้วย
ดาวเทียม (GPS) ที่มุมแปลงด้านฐาน 2 มุม และจากข้อมูลท่ีได้จะนาไปจาลองลักษณะโครงสร้างด้านตั้ง
(Profile diagram) และการปกคลมุ ของเรือนยอด (plot plan of crown cover)

เกณฑใ์ นการประเมินพน้ื ท่ปี ่าพรุด้านการฟื้นฟูปา่ พรุ
โดย: ดร. กอบศักด์ิ วนั ธงไชย มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพอื่ ทราบสถานการณ์ปา่ พรุ และศกั ยภาพของพ้ีนท่เี พอ่ื การฟน้ื ฟู
2. เพื่อทราบปัจจัย และองคป์ ระกอบหลักทเี่ ก่ยี วข้องกบั ความสาเร็จของการฟืน้ ฟูปา่ พรุ

เกณฑก์ ารประเมนิ

เกณฑห์ ลักดา้ น: การฟนื้ ฟปู า่ พรุ
1. เปา้ หมายของการฟน้ื ฟูระบบนิเวศในพ้ืนทื่
2. พ้ืนทยี่ งั คงหรือเดมิ เคยเป็นระบบนิเวศพรหุ รือไม่ มหี ลักฐานใดทเ่ี ป็นตวั บงชี้ความเปน็ พรุ
3. ลักษณะโครงสร้าง องคป์ ระกอบของสงั คมพืชปจั จบุ นั ในบริเวณน้ัน
4. สภาพของการใชท้ ี่ดนิ ระบบการไหลเวยี นและการระบายของน้าในพน้ื ที่พรุ ซ่ึงอาจมีผลต่อการ
ควบคมุ ระดับนา้ และระยะเวลาการท่วมขังของน้า

70 | โครงการเสรมิ ศักยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรเุ พ่ือเพิ่มความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยงั่ ยนื

เกณฑก์ ารประเมิน (ต่อ)

เกณฑ์หลักดา้ น: การฟนื้ ฟูปา่ พรุ
5. พน้ื ที่โดยรอบใกล้เคียงยงั ปรากฏสงั คมปา่ พรหุ รือมีตน้ ไม้ป่าพรุด้งั เดิมอยู่หรือไม่ และต้นไมห้ รอื หม่ไู ม้
เหล่าน้ันมโี อกาสทีจ่ ะแพร่กระจายเมล็ดหรอื ส่วนสบื พันธ์กุ ลับเขา้ มาในพน้ื ท่ีได้มากน้อยเพียงใด
6. สังคมพืชด้งั เดิมในบริเวณนั้นเปน็ อยา่ งไร มชี นิดไมเ้ ด่นอะไรบ้าง
7. เป้าหมายของการฟ้ืนฟรู ะบบนเิ วศในพนื้ ท่ื
8. พนื้ ทีย่ ังคงหรือเดิมเคยเป็นระบบนิเวศพรุหรือไม่ มีหลกั ฐานใดทเี่ ปน็ ตัวบงชี้ความเป็นพรุ
9. ลักษณะโครงสร้าง องค์ประกอบของสังคมพืชปจั จบุ ันในบริเวณนนั้
10. สภาพของการใชท้ ี่ดิน ระบบการไหลเวียนและการระบายของน้าในพ้ืนที่พรุ ซ่งึ อาจมีผลต่อการ

ควบคุมระดบั น้าและระยะเวลาการท่วมขังของน้า
11. พน้ื ทโ่ี ดยรอบใกลเ้ คยี งยงั ปรากฏสังคมปา่ พรุหรอื มีต้นไม้ป่าพรุดั้งเดิมอยู่หรอื ไม่ และต้นไม้หรอื หมู่ไม้

เหล่าน้นั มีโอกาสทจ่ี ะแพร่กระจายเมลด็ หรอื สว่ นสืบพันธก์ุ ลับเข้ามาในพ้นื ท่ีได้มากน้อยเพียงใด
12. สงั คมพชื ด้งั เดิมในบริเวณน้ันเปน็ อย่างไร มชี นดิ ไมเ้ ด่นอะไรบา้ ง
13. ประเมนิ ศักยภาพในการฟื้นฟูบรเิ วณดงั กล่าวว่ามีความจาเป็นตอ้ งปลกู เสริมหรอื ไม่ หรอื ใช้เพียง

กลไกการปอ้ งกนั ปัจจยั รบกวนแล้วปล่อยให้ปา่ มีการฟ้ืนฟูกลบั มาเองตามธรรมชาติ หรือรูปแบบอน่ื
14. ประเดน็ ดา้ นกฏหมายทเ่ี กยี่ วข้องในการฟ้นื ฟู เชน่ หากจาเป็นต้องตัดไมเ้ พ่ือเปดิ ช่องว่างและแสง

สวา่ ง จะมปี ญั หาในแงข่ องกฎหมายและการยอมรับของชุมชนในพ้นื หรอื ไม่
15. ปจั จัยรบกวนทส่ี าคญั ท่ีมีผลต่อการฟนื้ ฟูในแง่ใดบา้ ง เช่น ความเสย่ี งจากการเผา การระบายน้า การ

จดั การนา้ ความพรอ้ ม และการได้มากล้าไม้ป่าพรเุ พื่อปลกู ฟ้นื ฟู
10. กลไกในการตดิ ตามวดั ผลสาเรจ็ ของการฟ้ืนฟูที่มอี ยู่เปน็ อย่างไร
11. เปา้ หมายของการฟ้นื ฟูระบบนิเวศในพ้ืนทื่
16. พื้นทยี่ ังคงหรือเดิมเคยเปน็ ระบบนเิ วศพรหุ รือไม่ มหี ลักฐานใดที่เป็นตัวบงชี้ความเป็นพรุ
17. ลักษณะโครงสรา้ ง องคป์ ระกอบของสังคมพืชปจั จุบนั ในบริเวณนนั้
18. สภาพของการใช้ท่ดี นิ ระบบการไหลเวียนและการระบายของนา้ ในพนื้ ที่พรุ ซ่ึงอาจมีผลต่อการ

ควบคมุ ระดับน้าและระยะเวลาการทว่ มขังของนา้
19. พ้ืนท่โี ดยรอบใกล้เคียงยงั ปรากฏสงั คมปา่ พรหุ รือมีตน้ ไม้ป่าพรดุ ั้งเดมิ อยู่หรอื ไม่ และตน้ ไม้หรือหมู่ไม้

เหลา่ น้ันมโี อกาสทจี่ ะแพร่กระจายเมล็ดหรือสว่ นสบื พันธก์ุ ลับเขา้ มาในพ้นื ที่ได้มากน้อยเพียงใด
20. สงั คมพชื ด้ังเดิมในบรเิ วณน้นั เป็นอยา่ งไร มีชนิดไมเ้ ดน่ อะไรบา้ ง

รายงานสรุปสาหรับผู้บริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถคี นและป่า | 71

วิธีการประเมิน

1. ตรวจเอกสารจากข้อมลู ทตุ ยิ ภูมทิ เ่ี กยี่ วข้อง
2. หารอื กบั ตัวแทนผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสยี ในภมู ิทัศน์ เพ่ือทาความตกลงในกรอบการประเมนิ
3. เกบ็ ข้อมลู ภาคสนาม
4. ตรวจสอบข้อมลู กบั ตวั แทนผ้มู ีส่วนได้ส่วนเสยี ในภูมทิ ัศน์

ขอ้ เสนอแนะ/ขอ้ ควรพิจารณา

1. ชุมชนบรเิ วณรอบพืน้ ท่ีมคี วามคดิ เหน็ อย่างไร มีความต้องการจะฟน้ื ฟรู ะบบนิเวศหรือไม่ อยา่ งไร
2. ชนิดไมอ้ ะไรบ้างท่ชี ุมชนมีความต้องการให้นามาฟน้ื ฟู
3. ชุมชนมีความตอ้ งการใชป้ ระโยชน์จากปา่ พรุท่ีฟน้ื ฟูอยา่ งไร
4. ชุมชนมีความพร้อมในการร่วมฟื้นฟรู ะบบนเิ วศป่าพรุอย่างไร

เกณฑ์ในการประเมนิ ศึกษาสถานะปา่ พรุดา้ นสถานการณป์ า่ ชุมชน
โดย RECOFTC

วตั ถุประสงค์

1. สถานการณ์การจดั การปา่ ชุมชนทเ่ี กดิ ขึน้ ในปัจุบนั
2. โอกาส และปัญหาในการปรับปรุงแผนการจดั การปา่ ชุมชนเพ่ือการใชป้ ระโยชน์อย่างยง่ั ยืน
3. กาหนดทิศทาง และขั้นตอนในการพฒั นาแผนการจัดการปา่ ชุมชนในระยะสน้ั และระยะยาว

เกณฑป์ ระเมนิ

เกณฑ์หลักดา้ น: สถานการณ์ป่าชุมชนในบรเิ วณพรุ
ประกอบดว้ ย
1. สถานการณ์ทรัพยากรในปา่ ชุมชน ความหลากหลาย ชนิดพรรณ การกระจายตวั ขอบเขต และ

ลักษณะการใช้ประโยชน์
2. การใช้ประโยชน์ป่าชุมชน ความต้องการของชมุ ชน ผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสยี ในระดบั ต่างๆ
3. การเรยี นรู้ และการปรบั ตัวของชุมชนในการจดั การป่าชุมชนในสถานกรณ์ท่ีเปลยี่ นไป
4. ธรรมาภบิ าล การบริหารจดั การป่า องค์กร การตดั สนิ ใจ การสร้างกฎระเบยี บ กติกาการใชท้ รัพยากร

และการบรหิ ารจดั การผลประโยชน์
5. สิทธิของชุมชนในการจัดการทรัพยากร การยอมรับของสังคม และการสนับสนุนจากหน่วยงานที่
เกย่ี วข้อง

72 | โครงการเสรมิ ศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรเุ พอ่ื เพิม่ ความสามารถในการกักเก็บคารบ์ อน
และอนุรักษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยัง่ ยนื

วิธกี ารประเมิน

1. ทบทวนวรรณกรรมและศึกษาคน้ ควา้ เอกสารงานวชิ าการทเี่ กยี่ วกบั การจัดการป่าพรุ
2. ทาความเข้าใจกับชุมชน และตวั แทนปา่ ชุมชนเกยี่ วกับกรอบการศกึ ษา
3. เก็บข้อมูลและวเิ คราห์ข้อมลู ร่วมกับตัวแทนชมุ ชน ปา่ ชุมชน และหนว่ ยงานทเ่ี ก่ยี วข้อง
4. นาเสนอผลการศึกษา เพอ่ื กาหนดทิศทาง และขนั้ ตอนในการพัฒนาแผนการจัดการป่าชุมชนใน

ระยะสนั้ และระยะยาว

ขอ้ เสนอแนะ/ข้อควรพจิ ารณา

1. จาเป็นอย่างยิง่ สาหรับการมสี ่วนรว่ มของชุมชน ตวั แทนป่าชมุ ชน และหนว่ ยงานทเี่ ก่ยี วข้องใน
การศกึ ษาประเมินสถานะ เพื่อให้ไดผ้ ลการศกึ ษาท่ีถูกต้องใกลเ้ คียงกับความเปน็ จรงิ

2. ขอ้ มูลจากผ้มู ีส่วนไดส้ ว่ นเสยี อาจมีความเหมือน หรอื แตกต่าง เนือ่ งจากผู้มสี ่วนได้สว่ นเสียมคี วาม
เข้าใจ หรือความสนใจท่แี ตกต่างกนั

3. การศึกษาร่วมกบั ชุมชนจาเป็นตอ้ งมกี ระบวนการ วธิ กี ารที่เหมาะสม และอาจใช้เวลา

เกณฑใ์ นการประเมนิ พน้ื ทีป่ ่าพรดุ ้านการประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องระบบนเิ วศป่าพรุ
โดย ผศ.ดร. เพ็ญพร เจนการกจิ ดร.นภสม สนิ เพ่มิ สุขสกุล และดร.อารียา โอบเิ ดียกวู ภาควชิ า
เศรษฐศาสตรเ์ กษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

วัตถปุ ระสงค์

1. เพอ่ื ให้เหน็ ถงึ ระดับความสาคัญของแตล่ ะบทบาทท่รี ะบบนิเวศปา่ พรุมตี ่อการดารงชีพของ
ประชาชนในทอ้ งที่ และต่อเศรษฐกิจชุมชน

2. เพอื่ เป็นข้อมูลพื้นฐานในการประกอบการตัดสินใจเก่ียวกบั ทางเลอื กการจัดการที่เหมาะสมท่สี ดุ
สาหรบั ป่าพรุทีเ่ สอ่ื มโทรม โดยเฉพาะการจัดการปา่ พรเุ สอื่ มโทรมสาหรบั การปลูกปาลม์ น้ามัน

3. เพื่อประเมนิ ทางเลอื กการจดั การระบบนิเวศป่าพรุตามมุมมองของผมู้ สี ว่ นได้สว่ นเสยี เชน่ ชมุ ชน
นักวิชาการ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ เปน็ ตน้

4. เพือ่ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการพฒั นาเคร่อื งมอื ในการจัดการทรพั ยากร เชน่ การจ่ายเพ่ือตอบแทน
คุณประโยชนร์ ะบบนเิ วศ ในรูปโครงการคารบ์ อนเครดิต หรอื โครงการชดเชยคารบ์ อน หรือ
โครงการธนาคารเพื่อการอนรุ ักษป์ ่าพรุ เปน็ ต้น

รายงานสรุปสาหรับผ้บู ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 73

เกณฑก์ ารประเมิน

สาหรับการประเมนิ ทางเลือกท่ีเหมาะสมในการจดั การระบบนเิ วศปา่ พรุจะตอ้ งประเมนิ โดยใช้
หลกั เกณฑ์ ดังต่อไปน้ี
1. หลกั เกณฑเ์ ชิงกายภาพ คือ หลงั จากท่ไี ดด้ าเนนิ การจัดการระบบนิเวศปา่ พรุแลว้ คุณภาพและ

ปรมิ าณของทรัพยากรรวมถงึ บรกิ ารเชิงนเิ วศของปา่ พรุจะตอ้ งไมเ่ ส่ือมถอยกวา่ กรณีที่ไม่มีการ
จัดการระบบนิเวศปา่ พรุดังกล่าว (Baseline environmental conditions of the Kuan Kreng
Landscape, KKL)
2. หลักเกณฑเ์ ชงิ เศรษฐศาสตร์ คอื หลังจากท่ีไดด้ าเนินการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุแล้ว สวัสดิการ
สงั คมจะต้องไม่ต่ากว่ากรณีที่ไม่มกี ารจดั การระบบนเิ วศป่าพรุขา้ งต้น (Baseline level of social
welfare)
จากหลักเกณฑข์ ้างตน้ จึงมีความจาเป็นท่นี ักวจิ ยั จะต้องพึ่งพา Project outcomes อืน่ สาหรับ
ขอ้ มลู พ้ืนฐานทางกายภาพของระบบนเิ วศป่าพรเุ พื่อการจดั ทา พน้ื ฐานคุณภาพสิง่ แวดล้อมของนเิ วศป่า
พรุ (Baseline environmental conditions of the KKL) และแปลงข้อมูลดังกล่าวใหอ้ ยู่ในรปู
สวัสดกิ ารสงั คม (Baseline level of social welfare) โดยจะสามารถทาได้โดยการใช้การประเมนิ
มลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์ประเภทตา่ ง ๆ เช่น
 การใช้ประโยชน์โดยตรงจากทรพั ยากรในระบบนิเวศปา่ พรุ คือ รายได้จากการหาปลา หรอื จากการ
หานา้ ผึ้ง หรอื การประหยดั คา่ ใช้จา่ ยจากการเลย้ี งปศุสัตวใ์ นปา่ พรุ เป็นตน้
 การวิเคราะห์ตน้ ทุนและผลประโยชนเ์ ชงิ การเงิน เศรษฐศาสตรแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ ม โดยเฉพาะการ
จดั การปา่ พรเุ ส่ือมโทรมและการปลกู ปาล์มนา้ มนั เพ่อื เปน็ ข้อมูลพน้ื ฐานในการประกอบการ
ตดั สนิ ใจเกี่ยวกับทางเลอื กการจัดการท่เี หมาะสมทส่ี ุดสาหรับปา่ พรุท่ีเสื่อมโทรม
 การประเมินทางเลือกการจัดการระบบนิเวศป่าพรตุ ามมุมมองของผ้มู ีสว่ นไดส้ ว่ นเสีย เช่น ชมุ ชน
นกั วิชาการ หรอื องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ

วิธีการประเมนิ

1. การประเมนิ โดยใช้มลู ค่าตลาด (market based method)
2. การประเมนิ ตน้ ทนุ ผลประโยชน์ (cost-benefit analysis)
3. การประเมนิ โดยใช้วธิ แี บบจาลองทางเลือก (choice experiment)

74 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรเุ พอื่ เพมิ่ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยนื

บทสรุป

การดาเนินโครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรุ เพ่ือเพิ่มความสามารถในการกัก
เก็บคาร์บอน และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างย่ังยืน ภายใต้การดาเนินงานในผลสัมฤทธ์ิที่
3 การสนับสนุนเพ่ือพัฒนานโยบาย มาตรฐานและกลไกการบังคับใช้เพ่ือการอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์ป่า
พรุอย่างย่ังยืน ซึ่งมีเป้าหมายตัวช้วี ัดความสาเร็จของโครงการ ได้แก่ ประการแรก การจัดต้ังคณะทางาน
ทม่ี าจากทุกภาคส่วนในการสนับสนนุ แนวคดิ ในการอนรุ ักษ์และการใชท้ รัพยากรป่าพรุอย่างยงั่ ยืน ประการ
ที่สอง การกาหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินสถานภาพหน้าท่ีและบริการทางระบบนิเวศของป่าพรุ และ
ประการท่ีสาม การจัดทาฐานข้อมูลสถานภาพป่าพรุทั้งหมดในประเทศไทย ประกอบไปด้วย ข้อมูล
ขอบเขตพื้นที่ป่าพรุ ทรัพยากร หน้าที่และการให้บริการของระบบนิเวศ และประการที่สี่ การจัดทาแผน
ยทุ ธศาสตร์การจัดการปา่ พรุระดับชาติ

ผลการดาเนนิ งานเป็นไปตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ กลา่ วคอื ประการแรก การจัดต้ังคณะทางาน
คณะกรรมการกากับโครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุ เพ่อื เพม่ิ ความสามารถในการกัก
เก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน คณะกรรมการกากับโครงการฯ
ประกอบด้วยตัวแทนจากภาคสว่ นต่าง ๆ ท้ังจากองค์กรภายในประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ โดย
ท่ีองค์กรในประเทศ ประกอบด้วยองค์กรภาครัฐในระดับต่าง ๆ ท้ังระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน ที่เกี่ยวข้อง
กับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อมในทุกมิติของการจัดการพื้นท่ี
ภูมิทัศน์พรุควนเคร็ง ท้ังด้านทรัพยากรท่ีดิน การจัดการน้า และไฟป่า รวมถึงองค์กรด้านการศึกษาวิจัย
ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัย และองค์กรไม่
แสวงหากาไร เช่น ตัวแทนจากองค์กรพัฒนาเอกชน ท้ังนี้ ในระดับท้องถิ่นมีตัวแทนจากแต่ละองค์กร
ครอบคลุมในทุกจังหวัดที่อยู่ในขอบเขตพ้ืนทภี่ ูมทิ ัศน์พรุควนเคร็ง นนั่ คอื จงั หวัดนครศรธี รรมราช จังหวัด
พัทลงุ และจังหวดั สงขลา

ทงั้ นี้ คณะกรรมการกากบั โครงการฯ ได้มกี ารแต่งต้ังคณะทางาน 2 ชดุ คือ
1) คณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์ภูมิทัศน์ป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งคณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์
ภูมิทัศน์ป่าพรุควนเคร็ง ประกอบด้วย ตัวแทนจากทุกภาคส่วนในระดับท้องถิ่นในขอบเขตพ้ืนที่ภูมิทัศน์
พรุควนเคร็งครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา โดยที่ตัวแทนคือผู้นาของ
องค์กรท้ังในระดับจังหวัด อาเภอ และชุมชน และคณะทางานวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินตาบลเคร็ง
อีกทั้งภายใต้การทางานของคณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์ภูมิทัศน์ป่าพรุควนเคร็ง ได้มีการแต่งต้ัง
คณะทางานเฉพาะกิจเพ่ือสนับสนุนการดาเนินงานของคณะทางานวางแผนยุทธศาสตร์ภูมิทัศน์พรุควน
เครง็ ไดแ้ ก่
คณะทางานเฉพาะกิจด้านการฟ้ืนฟูป่าและระบบนิเวศ เป็นคณะทางานท่ีสนับสนุนงานของ
โครงการฯ เพ่อื ขบั เคลอ่ื นงานด้านการฟน้ื ฟปู ่าและระบบนเิ วศ
คณะทางานเฉพาะกิจด้านการจัดการไฟป่าและคาร์บอน เป็นคณะทางานที่สนับสนุนงานของ
โครงการฯ เพอื่ ขบั เคลอื่ นงานด้านการจดั การไฟปา่ และคารบ์ อน
คณะทางานเฉพาะกิจด้านการจัดการน้าในบริเวณป่าพรุควนเคร็ง เป็นคณะทางานเฉพาะกิจอีก
ดา้ นที่สนบั สนนุ งานดา้ นการจัดการนา้ ในบริเวณปา่ พรคุ วนเครง็ เนื่องจากนา้ เป็นปจั จยั สาคัญประการหน่ึง
ของป่าพรแุ ละวถิ เี กษตรกรรมของคนในชุมชนรายรอบพื้นที่ภมู ิทัศน์พรุควนเครง็

รายงานสรุปสาหรับผบู้ รหิ าร ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเครง็ วถิ ีคนและป่า | 75

2) คณะทางานวางแผนการใชป้ ระโยชน์ที่ดินตาบลเคร็ง ได้มีการแต่งตั้งคณะทางานวางแผนการ
ใช้ประโยชน์ท่ีดินตาบลเคร็ง ตามคาสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 2403/2562 ลงวันที่ 13 สิงหาคม
2562 เพ่ือขับเคลื่อนงานด้านการวางแผนการใช้ประโยชน์ท่ีดินตาบลเคร็ง โดยคณะทางานประกอบด้วย
บุคคลท่เี ป็นตวั แทนจากองคก์ รตา่ ง ๆ

ประการทส่ี อง การกาหนดเกณฑแ์ ละวิธกี ารประเมินสถานภาพหน้าท่แี ละบรกิ ารทางระบบนิเวศ
ของปา่ พรุ ได้แก่

เกณฑ์ในการประเมนิ ศึกษาสถานะป่าพรุด้านการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี ินภูมทิ ัศน์พรุควนเครง็
เกณฑ์ในการประเมินพืน้ ทป่ี ่าพรุดา้ นการประเมินการกักเก็บคาร์บอนของพนื้ ท่ีพรุ

เกณฑ์ในการประเมินศึกษาสถานะปา่ พรุดา้ นการจดั การระบบน้าในปา่ พรุ
เกณฑ์ในการประเมนิ ศึกษาสถานะปา่ พรุด้านการจดั การระบบนา้ ในปา่ พรุ
เกณฑ์ในการประเมินศกึ ษาสถานะปา่ พรุด้านนเิ วศอุทกวทิ ยา
เกณฑ์ในการประเมินพืน้ ทป่ี า่ พรุด้านการฟ้ืนฟูป่าพรุ
เกณฑ์ในการประเมินศกึ ษาสถานะปา่ พรุด้านสถานการณ์ป่าชมุ ชน
เกณฑ์ในการประเมินพน้ื ท่ปี า่ พรุด้านการประเมนิ มลู ค่าทางเศรษฐศาสตรข์ องระบบนิเวศป่าพรุ

ประการที่สามและประการท่ีส่ี การจัดทาฐานข้อมูลสถานภาพป่าพรุทั้งหมดในประเทศไทย
ประกอบไปด้วย ข้อมูลขอบเขตพื้นท่ีป่าพรุ ทรัพยากร หน้าท่ีและการให้บริการของระบบนิเวศ และ
ประการท่สี ี่ การจดั ทาแผนยทุ ธศาสตรก์ ารจดั การปา่ พรรุ ะดับชาติ

เห็นได้ว่า การดาเนินงานของโครงการภายใต้ผลสัมฤทธ์ิท่ี 3 คือการยกระดับการคุ้มครองพื้นที่
พรใุ นประเทศไทยเพ่อื ใหม้ รี ะบบการบรหิ ารจัดการทีม่ ีความกา้ วหนา้ และเปน็ ไปตามหลกั การตามแนวทาง
ที่อนุสัญญาว่าด้วยพื้นท่ีชุ่มน้าที่มีความสาคัญระหว่างประเทศหรืออนุสัญญาแรมซาร์ได้กาหนดเพื่อให้มี
การประเมินพ้ืนทปี่ ่าพรใุ นเขตร้อนไว้ทีห่ ลายประเทศท่ัวโลกซ่ึงมีพ้นื ทพ่ี รุท่มี ีความสาคัญระดับโลกและเป็น
พ้ืนท่ีสาคัญของประเทศท่ีมีการใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายและเข้มข้ม ซ่ึง เพ็ญพร เจนการกิจ, อารียา
โอบีเดียกวู และ นภสม สินเพ่ิมสุขสกุล (2562) ได้ระบุว่ากลุ่มประเทศท้ังในสหภาพยุโรป เช่น เยอรมันนี
และสหราชอาณาจกั ร หรือหลายประเทศในภมู ิภาคเอเชยี เชน่ มองโกเลยี อนิ โดนเี ซยี และมาเลเซีย ซ่ึงมี
การใช้ประโยชน์จากพ้ืนท่ีพรุอย่างเข้มข้น มีการออกมาตรการคุ้มครองพ้ืนท่ีพรุโดยมีการจัดทาระบบ
ฐานข้อมูลและแนวทางปฏิบัติการประเมินระบบนิเวศพรุ รวมถึงการพัฒนายุทธศาสตร์แห่งชาติเพื่อการ
อนุรักษ์ระบบนิเวศพรุ (national peatland strategy) เช่น ประเทศเครือสหภาพยุโรปจะมีนโยบาย
คุ้มครองธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพภายใต้ข้อตกลง Natura 2000 ได้แก่ ประเทศ
เยอรมนั นี และสหราชอาณาจักร (รวมอังกฤษ สก๊อตแลนด์ และไอรแ์ ลนด์) และประเทศอน่ื ๆ ในภมู ภิ าค
เอเชียท่ีมีความก้าวหน้าด้านการคุ้มครองพ้ืนที่พรุ เช่น มองโกเลีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เป็นต้น อนึ่ง
การมีมาตรการทั้งในรูปแบบนโยบายสาธารณะระดับชาติ โดยการมียุทธศาสตร์ชาติในการคุ้มครองพ้ืนท่ี
พรุ การมรี ะบบฐานขอ้ มลู พ้ืนที่พรุของประเทศเพ่ือการบริการจดั การอย่างเป็นระบบและมมี าตรฐาน และ
มกี ารจดั เกบ็ ข้อมูลสถานภาพพน้ื ท่ีพรุในด้านต่าง ๆ อยา่ งต่อเนื่อง นบั เปน็ แนวปฏบิ ัตทิ ่ีมคี วามสาคัญอย่าง
ย่ิง ไม่เพียงแต่การคุ้มครองพ้ืนท่ีพรุเหล่าน้ีไว้เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ทว่า การคุ้มครองพื้นท่ีพรุ
ของประเทศยงั เปน็ แนวทางสาคญั ที่เป็นการคมุ้ ครองโลกจากสภาวะการเปลย่ี นแปลงของสภาพภูมอิ ากาศ

76 | โครงการเสรมิ ศักยภาพการจดั การระบบนเิ วศปา่ พรุเพอื่ เพิ่มความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยงั่ ยืน

โลกที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากย่ิงขึ้น อันเป็นผลพวงจากกิจกรรมการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ของมนุษย์
ทว่ั โลกทอ่ี าจละเลยต่อผลกระทบดา้ นสิ่งแวดล้อม

เฉกเช่นเดียวกันกับพื้นที่พรุควนเคร็งและพ้ืนท่ีพรุอีกหลายแห่งในประเทศไทยที่นับเป็นพ้ืนที่ท่ีมี
ความสาคัญทั้งต่อชุมชนท้องถ่ิน ประเทศ และโลก โดยเฉพาะอย่างย่ิงชุมชนท้องถิ่นที่มีการใช้ประโยชน์
อย่างเข้มข้นจากพ้ืนที่พรุ เป็นทั้งแหล่งทามาหากิน ประกอบอาชีพเพื่อการดารงชีวิต และอื่น ๆ อีก
หลากหลายด้านตามบทบาทและหน้าท่ีการบริการของพ้ืนท่ีพรุซึ่งมีท้ังมูลค่าและคุณค่าทางเศรษฐศาสตร์
โดยเม่ือมีการประเมินค่าทางเศรษฐศาสตร์ทั้งในแง่ที่แสดงเป็นตัวเลขมูลค่าและในแง่ที่เป็นคุณค่าท่ีมิอาจ
วัดในเชิงตัวเลขได้ จะเห็นได้ว่า พื้นท่ีพรุ เป็นพื้นท่ีท่ีมีความสาคัญอย่างยิ่งท่ีมีความสาคัญทั้งในมิติ
เศรษฐกจิ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม หรือกลา่ วอีกนัยหนง่ึ วา่ พน้ื ทีพ่ รุ คอื พ้ืนท่สี ะท้อนความยัง่ ยืนและความ
ม่ันคงของชุมชน สังคม และประเทศ นั่นเพราะระบบเศรษฐกิจที่ขับเคล่ือนด้วยความเข้มแข็งของระบบ
เศรษฐกิจชมุ ชนซ่ึงเป็นหน่วยเล็ก ๆ ย่อมนาไปสคู่ วามเข้มแขง็ ของระบบเศรษฐกจิ ในภาพรวมของประเทศ
เช่นเดียวกัน เม่ือเศรษฐกิจชุมชนมั่นคง ชุมชนมีความเป็นอยู่ท่ีดีมีรายได้ที่ดี มิติสังคมย่อมดี ทานอง
เดียวกัน การท่ีพ้ืนที่พรุในแต่ละแห่งของประเทศมีความสมบูรณ์ มีสภาพเป็นป่าพรุที่สมบูรณ์ย่อม
เอื้ออานวยให้เกิดสภาพแวดลอ้ มท่ีดีในชุมชน สังคม และประเทศไดเ้ ช่นกัน ดังนั้น โครงการเสริมศกั ยภาพ
การจัดการระบบนิเวศป่าพรุ เพื่อเพ่ิมความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลาย
ทางชีวภาพอย่างย่ังยืน ได้เล็งเห็นแล้วว่า พื้นท่ีพรุในประเทศไทยซ่ึงมีอยู่เป็นจานวนมากนั้นเป็นพ้ืนท่ีท่ีมี
การใช้ประโยชน์จากพื้นท่ีพรุอย่างเข้มข้นไม่ต่างจากประเทศอ่ืน ๆ ทั่วโลก ดังนั้น โครงการจึงให้
ความสาคัญกับการกาหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินสถานภาพหน้าท่ีและบริการทางระบบนิเวศของป่า
พรุควนเคร็ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการท่ีดี การมีระบบฐานข้อมูลพื้นท่ีพรุ และการมีแผน
ยุทธศาสตร์ป่าพรุควนเคร็งเป็นต้นแบบพ้ืนท่ีพรุที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ และท้ายที่สุดของ
การดาเนินคือการมีแผนยุทธศาสตร์แหง่ ชาติเพื่อการอนุรักษ์ระบบนเิ วศป่าพรขุ องประเทศ ซึ่งไม่เพียงแค่
การปกป้องพื้นท่ีเหล่าน้ีไว้เพื่อการดารงชีพของคนในชุมชน ทว่า ยังเป็นการปกป้องพื้นท่ีท่ีมีศักยภาพสูง
ในการกักเกบ็ คาร์บอนของโลก ที่จะเปน็ การบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนท่ีมแี นวโนม้ รนุ แรงข้ึน

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถีคนและปา่ | 77

4

บทวิเคราะหเ์ ป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยนื แห่งสหสั วรรษ
กับการดาเนินการภายใตโ้ ครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจดั การระบบ

นิเวศปา่ พรุเพอ่ื เพมิ่ ความสามารถในการกกั เก็บคาร์บอนและ
อนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพ

78 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยัง่ ยืน

รายงานสรปุ สาหรับผบู้ รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเคร็ง วถิ ีคนและป่า | 79

การพฒั นาที่ยงั่ ยืน
การพัฒนาท่ีย่ังยืน (Sustainable Development: SD) น้ันมีการพูดถึงอย่างกว้างขวางและใช้

อ้างอิงอย่างแพร่หลายในทุกวงการ นับต้ังแต่ปี ค.ศ. 1972 โดยมีการกาหนดนิยามของการพัฒนาท่ียง่ั ยนื
ซ่ึงให้ความสาคัญต่อการพัฒนาท่ีเอื้อประโยชน์ต่อคนรุ่นปัจจุบันโดยไม่ก่อผลกระทบต่อคนรุ่นต่อไป โดย
ตามนิยามในเอกสารรายงานที่ชื่อว่า อนาคตของเรา ซึ่งเสนอต่อสหประชาชาติในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ.
2530) ระบุว่า “การพัฒนาท่ีย่ังยืน เป็นการพัฒนาที่สามารถสนองความต้องการท่ีจาเป็นของคนรุ่น
ปัจจุบัน โดยไม่กระทบต่อขีดความสามารถในการสนองความต้องการที่จาเปน็ ของคนในร่นุ ต่อไป” โดยมี
การประชุมเพ่ือเป็นการสานต่อแนวคิดการพัฒนาท่ีย่ังยืนของโลกในวาระการประชุมต่าง ๆ เรื่อยมาจน
เมื่อคราวประชุมสหประชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ย่ังยืน (UNCSD) ที่ได้มีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ท่ีมีชื่อ
ว่า “อนาคตท่ีเราต้องการ” ซึ่งเน้นย้าถึงความสาคัญของการพัฒนาที่ย่ังยืน และนับเป็นจุดเร่ิมต้นของ
กระบวนการหารือเพ่ือกาหนดวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ. 2015 ซึ่งก่อเกิดความคิดริเริ่มสาคัญคือ
การจัดการเป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืน ที่ยกร่างโดยคณะทางานของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วย
เป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืน โดยมีผู้แทนประเทศไทยอยู่ในคณะทางานด้วย อน่ึง เป้าหมายการพัฒนาที่
ย่งั ยืน หรือ Sustianable Development Goal: SDGs เปน็ การสรา้ งความสมดุลใหแ้ ก่ความตอ้ งการของ
ประเทศกาลงั พฒั นาและประเทศที่กาลังพัฒนาทง้ั ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม ดังนั้น SDGs
จงึ ไดร้ บั การยอมรับจากประเทศท่พี ัฒนาแลว้ และประเทศท่ีกาลังพัฒนา (สถาบันไทยพฒั น์, 2560; สมพร
แสงชยั , 2561)

เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals – MDGs) จะสิ้นสุด
ลงในปี พ.ศ. 2558 UN จึงได้ริเร่ิมกระบวนการหารือเพื่อกาหนดวาระการพัฒนาภายหลังปี พ.ศ. 2558
(post-2015 development agenda) ตามกระบวนทัศน์ “การพัฒนาท่ียั่งยืน” โดยประเด็นสาคัญของ
วาระการพัฒนาภายหลังปี พ.ศ. 2558 คือ การจัดทาเป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืน (Sustainable
Development Goals–SDGs) โดยในการประชุมสดุ ยอดวา่ ด้วยการพัฒนาท่ีย่ังยนื ที่จัดข้ึน ณ สานักงาน
ใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 25-27 กันยายน ค.ศ. 2015 หรือ
ปี พ.ศ. 2558 และไดม้ กี ารรับรองเอกสารวาระการพัฒนาทย่ี ง่ั ยืน ค.ศ. 2030 ซง่ึ สาระสาคัญของวาระการ
พัฒนาท่ีย่ังยืน ค.ศ. 2030 มุ่งเน้นการมีกลไกการดาเนินงาน การติดตามและทบทวนผลภายใต้ขอบเขต
การดาเนินงาน 5 เร่ืองหลัก ได้แก่ ประชาชน (people) โลก (planet) ความมั่งค่ัง (prosperity)
สันติภาพ (peace) และความเปน็ หนุ้ ส่วน (partnership) โดยมีเปา้ หมายการพัฒนาท่ีย่ังยนื 17 ข้อ (ภาพ
ท่ี ) เป็นแผนท่ีนาทางในการพัฒนาจวบจนปี ค.ศ. 2030 หรือ ปี พ.ศ. 2573 (สถาบันไทยพัฒน์, 2560)
(ภาพที่ 1.9) กลา่ วคอื

ข้อท่ี 1 การขจัดความยากจน
ข้อที่ 2 การขจัดความหวิ โหย
ข้อที่ 3 การมีสขุ ภาพและความเปน็ อยทู่ ี่ดี
ข้อที่ 4 การศกึ ษาทเ่ี ท่าเทียม
ข้อท่ี 5 ความเทา่ เทยี มทางเพศ
ข้อท่ี 6 การจัดการนา้ และสขุ าภบิ าล
ข้อท่ี 7 พลงั งานสะอาดที่ทุกคนเขา้ ถงึ ได้

80 | โครงการเสริมศกั ยภาพการจดั การระบบนิเวศปา่ พรเุ พอ่ื เพ่มิ ความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนรุ กั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างยง่ั ยืน

ข้อท่ี 8 การจา้ งงานทีม่ ีคุณค่าและเตบิ โตทางเศรษฐกจิ
ขอ้ ที่ 9 อุตสาหกรรม นวตั กรรม และโครงสรา้ งพนื้ ฐาน
ข้อที่ 10 ลดความเหลอื่ มลา้
ข้อท่ี 11 เมอื งและถนิ่ ฐานมนษุ ยอ์ ย่างย่ังยืน
ข้อท่ี 12 แผนการบริโภคและการผลติ ทยี่ ่งั ยนื
ขอ้ ที่ 13 การรับมอื การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ
ข้อท่ี 14 การใชป้ ระโยชนจ์ ากมหาสมทุ รและทรัพยากรทางทะเล
ข้อท่ี 15 การใชป้ ระโยชนจ์ ากระบบนเิ วศทางบก
ข้อที่ 16 สังคมสงบสขุ และยุตธิ รรม ไมแ่ บ่งแยก
ขอ้ ที่ 17 ความร่วมมอื เพอ่ื การพัฒนาท่ยี ่ังยืน

ภาพที่ 1.9 เปา้ หมายการพฒั นาทยี่ งั่ ยืน
ทม่ี า: United Nation Thailand (2015)

รายงานสรุปสาหรับผูบ้ รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเครง็ วถิ คี นและป่า | 81

โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรคุ วนเคร็งกบั เป้าหมายการพฒั นาทีย่ ัง่ ยนื

การดาเนนิ โครงการปา่ พรุควนเคร็งมคี วามสอดคล้องกบั เป้าหมายการพฒั นาท่ีย่ังยนื ในหลายขอ้
กล่าวคือ

การขจัดความยากจนทุกรปู แบบ
ผลสมั ฤทธ์ิ (Achievements)
ก า ร ด า เ นิ น โ ค ร ง ก า ร เ ส ริ ม ศั ก ย ภ า พ ก า ร จั ด ก า ร ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ป่ า พ รุ เ พ่ื อ เ พ่ิ ม
ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
ได้มีการดาเนินการท่ีถือว่าตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในข้อท่ี 1 ท่ีมุ่ง
ขจัดความยากจนให้แก่ประชาชน คือ การดาเนินการภายใต้ผลสัมฤทธิ์ที่ 1-3 ที่ให้ความสาคัญกับการ
ฟื้นฟูป่าพรุให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งการที่ป่าพรุมีความอุดมสมบูรณ์ย่อมส่งผลต่อชุมชนในด้าน
บวกน่ันคือ การท่ีชุมชนมีแหล่งทรัพยากรท่ีสมบูรณ์ เช่น มีต้นกระจูด ต้นราโพ สัตว์น้า เป็นต้น การท่ีป่า
พรุมีความหลากหลายทางชีวภาพที่เปรยี บเสมือนคลังอาหารธรรมชาติของชุมชนท้องถิ่น8]y’ การพัฒนา
เศรษฐกิจชุมชนบนฐานทรัพยากรป่าพรุควนเคร็งในรูปแบบการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ท้ังในด้านอาชีพท่ี
เกย่ี วข้องกับพืชกระจูดท่ีมีการนามาพัฒนาเปน็ ผลิตภัณฑส์ ินคา้ ของใชจ้ ากกระจูดทต่ี อบวัตถุสงค์การใช้งา
ในหลากหลายรูปแบบและเป็นมิตรกับสิงแวดล้อม เช่น กระเป๋า ภาชนะใส่ของ การใช้ประโยชน์จากตน้
ราโพที่มีการนามาทาเปน็ หลอดดดู นา้ หรอื เครื่องดื่มท่ีเปน็ มิตรกับส่งิ แวดลอ้ ม การทาประมง

การขจัดความหิวโหย
ผลสมั ฤทธิ์ (Achievements)
การดาเนินโครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพ่ือเพิ่ม
ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ที่
มีการดาเนินการภายใต้ผลสัมฤทธิ์ทั้ง 3 ด้านอย่างเช่ือมโยงกัน ซ่ึงแต่ละผลผลิต
ภายใต้การดาเนินงานของแต่ละผลสัมฤทธิ์ได้มีการดาเนินการที่ถือว่าตอบโจทย์
เป้าหมายการพัฒนาทย่ี ั่งยืนในข้อที่ 2 ที่สามารถอธิบายได้ว่า การจัดการระบบนิเวศป่าพรุใหม้ ีความอุดม
สมบูรณ์ มกี ารดแู ล รกั ษาผืนป่าในรปู แบบต่าง ๆ ท้ังการฟนื้ ฟูพื้นทป่ี ่าเส่ือมโทรมจากไฟป่าหรือการบุกรุก
ให้เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพมากข้ึนโดยการนาพันธุพ์ ืชท้องถิ่นการจัดการในรูปแบบป่าชุมชนทใ่ี ห้
ชุมชนมสี ่วนร่วมในการจัดการและใช้ประโยชน์จากปา่

การมสี ขุ ภาพและการเป็นอยู่ท่ีดี
การดาเนินโครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพ่ือเพ่ิม
ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
ภายใต้ผลสัมฤทธ์ิทั้ง 3 ด้าน โดยมีการดาเนินงานในผลผลิตต่าง ๆ ล้วนเอื้อต่อ
การส่งเสริมการมีสุขภาพและการเป็นอยูท่ีดีของประชาชนในพ้ืนท่ีพรุควนเคร็ง
อาทิ ผลสมั ฤทธิท์ ่ี 1 เพ่ิมศกั ยภาพในการคุ้มครองระบบนเิ วศป่ปาพรุทม่ี ีคุณค่าต่อ

82 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจดั การระบบนเิ วศป่าพรุเพ่อื เพม่ิ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างยงั่ ยืน

การอนรุ กั ษ์สูงและดาเนินการจัดการปา่ พรแุ บบบรู ณาการอย่างยั่งยืน ซึง่ มกี ารพัฒนากลไกการอนุรักษ์ที่มี
ศักยภาพเพ่ือเป็นเคร่ืองมือในการเชื่อมโยงความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เก่ียวข้อง เพื่อช่วย
ยกระดบั ความรคู้ วามเขา้ ใจและตระหนกั ถึงคณุ ค่าของทรพั ยากร และผสานความรว่ มมอื จากทกุ ฝ่ายอย่าง
เข้าใจและกระชับความเป็นหน่ึงเดียวกันของกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าพรุและป่าชุมชน ในการ
ทางานร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟู จัดการปัญหาน้าทั้งเพื่อเกษตรกรรมและเพื่อการแก้ปัญหาไฟป่า
ผลสัมฤทธ์ิที่ 2 การใช้เทคโนโลยีเพื่อหลีกเลี่ยงความเส่ือมโทรมของป่าพรุและฟ้ืนฟูป่าพรุที่เสื่อมโทรม
และผลสัมฤทธิ์ท่ี 3 การสนับสนุนเพ่ือพัฒนานโยบาย มาตรฐานและกลไกการบังคับใช้เพ่ือการอนุรักษ์
และใช้ประโยชน์ป่าพรุอย่างย่ังยืน ซ่ึงผลจากการดาเนินการภายใต้ผลสัมฤทธิ์เหล่านี้ ที่สุดแล้วก็เพื่อ
ส่งเสริมการเป็นอยู่ท่ีดีแก่คนในชุมชนและการมีสุขภาพที่ดี ชุมชนมีทรัพยากรป่าที่อุดมสมบูรณ์ให้เป็นที่
พึ่งพิงสร้างรายได้ เป็นแหล่งความม่ันคงทางอาหารและรายได้ ไมต่ ้องเผชิญกับปัญหาทางสุขภาวะอันเกิด
จากไฟป่าทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพกายและใจ และสรา้ งผลกระทบต่อแหล่งรายได้ แหล่งทามาหากินเพื่อ
การดารงชพี

การศึกษาท่ีเท่าเทยี ม
ผลสัมฤทธ์ิ (Achievements)
การดาเนินโครงการป่าพรุควนเคร็งกับความสอดคล้องต่อเป้าหมายการพัฒนาท่ี
ยั่งยืนในประเด็นการศึกษาที่เท่าเทียม สะท้อนได้จากการจัดทาหลักสูตรท้องถ่ิน
ที่มีเน้ือหาเกี่ยวกับชุมชนท้องถ่ิน แหล่งทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม น่ัน
คอื ปา่ พรุควนเคร็ง โดยไดจ้ ัดให้มกี ารจดั การเรยี นการสอนแบบมสี ่วนรว่ ม นบั เป็น
จัดทาหลักสูตรการเรียนการสอนท่ีเช่ือมโยงกับบริบทชุมชนท้องถิ่น และชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทา
หลักสูตร จึงสอดคล้องตามหลักการสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษา ตามกฎหมายที่กาหนดไว้
พระราชบัญญัติการศกึ ษา พ.ศ. 2542 ท่ีให้ความสาคัญกับการมีสว่ นร่วมของสังคมในการจัดการศึกษาซึง่
ได้มีการกระจายอานาจการจัดการศึกษาสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ิน และในการจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการศึกษาน้ันให้ยึดหลักการมีส่วนร่วมในรูปแบบต่าง
ๆ ของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กร
วชิ าชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบนั สงั คมอืน่
อย่างไรก็ตาม การศึกษาท่ีเท่าเทียม แม้บทบัญญัติแห่งรัฐได้กาหนดหลักการมีส่วนร่วมไว้แล้วก็
ตาม ทว่า ประเด็นการศึกษาที่เท่าเทียมยังคงเป็นประเด็นเรียกร้องในสังคมอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน
นั่นเพราะว่า ภาคปฏิบัติการของกฎหมายในประเทศไทยมักมีปัญหาอยู่เสมอ ถึงกระนั้นก็ตาม การที่
โครงการป่าพรุควนเคร็งได้พยายามส่งต่อชุดความรู้เก่ียวกับพ้ืนท่ีพรุควนเคร็งในมิติต่าง ๆ ไปยังคนรุ่น
ต่อไปโดยใช้กระบวนการเรียนการสอนในโรงเรียนผ่านหลักสูตรท้องถิ่นเพ่ือเชื่อมโยงการเรียนรู้เก่ียวกับ
ชุมชนท้องถิ่นตนเอง แหล่งทรัพยากรอันมีค่าของชุมชน โดยเฉพาะอย่างย่ิงพื้นที่พรุควนเคร็ง เหล่านี้คือ
การร่วมกันพัฒนาระบบการศึกษาขั้นพ้ืนฐานที่ควรมีในทุกชุมชนท้องถ่ินของประเทศ และการจัดให้มี
กระบวนการจัดทาหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องนั้นถือเป็นการสร้างความเท่าเทียมใน
สทิ ธทิ จ่ี ะจดั ให้มกี ารศึกษาเรยี นรูต้ ามที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องและสอดคล้องกบั วิถีท้องถิน่

รายงานสรปุ สาหรบั ผบู้ รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเคร็ง วิถีคนและปา่ | 83

ความเทา่ เทยี มทางเพศ
ผลสัมฤทธิ์ (Archeivements)
บทบาทผู้หญิงกับการใช้ประโยชน์จากป่าพรุควนเคร็งในรูปแบบต่าง ๆ จาก
การศึกษาบทบาทหญิงชายต่อการพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติในพรุควนเคร็ง ซ่ึงเก็บข้อมูลครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัด คือ
นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2546 หรือราว 17 ปีที่ผ่านมา
สะท้อนขอ้ มลู ทีน่ า่ สนใจเกย่ี วกับบทบาทหญฺ ิงชายในพ้นื ทพ่ี รุควนเคร็ง โดยระบุว่า ประเดน็ แรก การมีส่วน
ร่วมของหญิงและชายต่อกิจกรรมในครัวเรือและกิจกรรมด้านอาชีพ ผู้หญิงยังมีบทบาทนาผู้ชายในแทบ
ทุกเรื่องสาหรบั กจิ กรรมในครวั เรือน มีเพียงประเด็นเดียวท่หี ญิงและชายมีบทบาทเทา่ เทยี มกันคือ การหา
รายได้มาใช้จ่ายในครัวเรือน ส่วนการประกอบอาชีพน้ัน หญิงและชายมีบทบาทเท่าเทียมกัน ท้ังบทบาท
ในการทางานภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตร ประเด็นท่ีสอง บทบาทการตัดสินใจของหญิงและ
ชายในระดับครัวเรือนและการประกอบอาชีพผู้หญิงมีบทบาทการตัดสินใจมากว่าชายแทบทุกเรื่ องใน
ระดับครัวเรือน ยกเว้นการเลือกคู่ครองของบุตร และการเลือกอาชีพใหม่ ๆ หญิงกับชายมีบทบาทเท่า
เทยี มกัน สาหรับด้านการประกอบอาชีพน้ันผ้หู ญิงจะมบี ทบาทในการตดั สินใจน้อยกว่าชายใน 2 กิจกรรม
นั่นคือ การทาประมงและการเลี้ยงสัตว์ แต่กลับมีบทบาทมากกว่าชายในด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จาก
ปลา การเก็บกระจูด การจักสานกระจูด สาหรับการเลี้ยงปลาและการทานา หญิงและชายมีบทบาทใน
การตัดสินใจเท่าเทียมกัน ประเด็นที่สาม ทัศนคติของประชาชนท่ีมีต่อการยอมรับบทบาทผูห้ ญิงในระดับ
ตา่ ง ๆ พบวา่ มกี ารยอมรบั บทบาทผ้หู ญงิ ในระดับครวั เรือน ระดับกลุม่ และในระดบั ชุมชนดีขึ้นเป็นลาดับ
และผู้หญิงมีบทบาทมากข้ึนในแทบทุกประเด็นของระดับครัวเรือน และได้รับการยอมรับมากข้ึนในการมี
บทบาทนาในการพฒั นากลุ่มอาชพี รวมทงั้ การพฒั นาชมุ ชน

การจดั การนา้ และสขุ าภิบาล
ผลสมั ฤทธิ์ (Achievements)

การจัดการน้าและสุขาภิบาล เป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืนในข้อนี้ เม่ือตีความใน
แง่การบริหารจัดการพ้ืนที่พรุควนเคร็งแล้วกล่าวได้ว่า โครงการป่าพรุควนเคร็ง
เป็นโครงการท่ีเข้าข่ายหลักการพัฒนาท่ีย่ังยืนในข้อที่ 6 นี้ได้ในแง่ท่ีว่า การ
พัฒนาพ้ืนที่ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งน้ัน โครงการให้ความสาคัญกับการบริหารจัดการน้าเป็นอย่างมาก ถือ
เปน็ หวั ใจสาคัญของการจัดบรหิ ารจดั การพืน้ ทภี่ ูมทิ ัศน์พรคุ วนเคร็ง เนอ่ื งจากพน้ื ทีพ่ รคุ ือระบบนิเวศท่ีต้อง
มีน้าหล่อเล้ียงในระดับที่เหมาะสมตลอดเวลา ขณะท่ีพรุคือพ้ืนท่ีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
ของคนในชุมชนท่ีมีการใช้ประโยชน์อย่างเข้มข้นในหลายรูปแบบ และพ้ืนที่โดยรอบพรุควนเคร็งรายลอ้ ม
ไปดว้ ยพ้ืนท่เี กษตรกรรมท่ีตอ้ งใช้น้าในการหล่อเลย้ี งนิเวศเกษตรเชน่ เดียวกัน ดงั นน้ั นา้ จงึ เป็นปจั จยั สาคัญ
ของการดารงอยู่ทั้งระบบนเิ วศพรุและวถิ ีคนในชมุ ชนที่ยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรมท่ีต้องใช้น้าในการ
บารงุ และดูแลพืชผลตา่ ง ๆ อนึ่ง ผลการดาเนินงานดา้ นการจดั การน้าสะท้อนได้จากตวั แบบการจดั การน้า
ในพ้ืนท่ีพรุควนเคร็งท่ีวิเคราะห์ผลผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านการจัดการน้าท่ีมีประสิทธิภาพ น่ัน

84 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจดั การระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพมิ่ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนุรักษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งย่ังยืน

คือ แบบจาลอง MIKE SHE ซึ่งแสดงผลให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ลาน้าในแต่ละสายในเขตพรุควนเคร็ง
ควรมีการปิดก้ันลาน้า ณ จุดใด และมีการติดต้ังระบบการสูบน้า ณ จุดใด ที่จะทาให้ระบบสามารถรักษา
ระดับน้าในพรุควนเคร็งไว้ได้อย่างเหมาะสม และการจัดการน้าในพ้ืนท่ีพรุเพ่ือรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ
ได้อยา่ งเหมาะสม

การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ผลสัมฤทธ์ิ (Achievements)
โครงการมีการดาเนินการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุ
ควนเครง็ และภายใตผ้ ลสัมฤทธนิ์ ี้ไดม้ ีการจา้ งงานแก่คนในชมุ ชนทั้งในด้านการ
ปลูก การติดตาม ซ่ึงไม่เพียงสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน ทว่างานลักษณะ
เช่นนี้ยังถือว่าเป็นงานท่ีมีคุณค่าสะท้อนการการมีส่วนร่วมในการดูแลฟ้ืนฟูป่า
ให้มีความหลากหลายของทางชีวภาพซ่ึงมีความสาคัญกับการดารงชีพของคนในชุมชน น่ันเพราะว่า
ปัจจุบนั คนในชุมชนจานวนมากยังประกอบอาชพี ทเ่ี ชอื่ มโยงกบั ทรัพยากรธรรมชาตใิ นพ้ืนทีพ่ รุควนเครง็

การลดความเหล่ือมล้า
ผลสัมฤทธ์ิ (Achievements)
โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุควนเคร็งหรือโครงการป่า
พรุควนเคร็ง มีการดาเนินการที่ครอบคลุมท้ังด้านการอนุรักษ์ควบคู่ไปกับการ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของชุมชน
ท้องถ่ินซ่ึงถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียท่ีมีการใช้ประโยชน์จากป่าพรุควนเคร็งท้ัง
โดยตรงและโดยอ้อม โดยที่หลายชุมชนมีวิถีการดารงชีพที่พึ่งพิงทรัพยากรจากป่าพรุเป็นหลัก มี
หลากหลายอาชีพที่ต้องอาศัยพึ่งพิงป่าเป็นแหล่งทามาหากินและสร้างรายได้ โครงการป่าพรุควนเคร็งได้
ให้ความสาคัญกับยุทธศาสตร์การพัฒนาที่เป็นการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่ชุมชน น่ันคือ การการพัฒนา
อาชีพท่ีเช่ือมโยงกับทรัพยากรธรรมชาติในพื้นท่ีป่าพรุควนเคร็งในหลากหลายรูปแบบ เพ่ือสร้างความ
เป็นอย่ทู ด่ี ีแก่คนในชุมชน ซึง่ ถือเปน็ หนึ่งแนวทางในการลดความเหล่ือมล้าทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันยัง
มีการจัดทาหลักสูตรท้องถ่ินท่ีเป็นการสรา้ งความเท่าเทียมในการจัดการศึกษา โดยให้ชุมชนมสี ว่ นร่วมนั้น
ถือเป็นการลดความเหลื่อมล้าทางการศึกษา การสร้างส่ือประชาสมั พันธต์ ่าง ๆ ให้สังคมได้รับรูแ้ ละเข้าใจ
ป่าพรุ ป่าพรุควนเคร็ง และวิถีชุมชนในด้านต่าง ๆ ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี และการดารงชีพ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งสินค้าชุมชนท่ีผลิตจากภูมิปัญญาซึ่งเป็นวัฒนธรรมท่ีทรงคุณค่าของชุมชน เหล่าน้ีถือเป็นการลด
ความเหลอื่ มล้าทางสงั คมอีกทางหน่งึ

รายงานสรุปสาหรบั ผบู้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 85

เมอื งและถนิ่ ฐานมนุษยอ์ ย่างย่ังยนื
ผลสัมฤทธิ์ (Achievements)
เป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืนในข้อน้ีคือการทาให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของ
มนุษย์มีความปลอดภัย ท่ัวถึงพร้อมรับการเปล่ียนแปลงและย่ังยืน สาหรับการ
ดาเนินโครงการป่าพรุควนเคร็งที่มีวัตถุประสงค์คือการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูป่าพรุ
เพ่ือเพ่ิมศักยภาพป่าพรุในการทาหน้าที่กักเก็บคาร์บอน เป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัย
สาหรับพันธ์ุพืชและสัตว์ที่มีความสาคัญระดับโลก และเป็นระบบนิเวศที่ให้บริการและปรับปรุงวิถีชีวิต
ชุมชนท้องถ่ิน โดยมีการดาเนินการให้เกิดผลสาเร็จท่ีสาคัญ หรือผลสัมฤทธิ์ 3 ประการ น่ันคือ การเพิ่ม
ศักยภาพในการกคุ้มครองระบบนิเวศป่าพรุ การใช้เทคโนโลยีเพ่ือช่วยในการหลีกเลี่ยงความเส่ือมโทรม
ของปา่ พรแุ ละชว่ ยฟื้นฟูป่าพรุทเ่ี สื่อมโทรม และการสนบั สนนุ เพอื่ พัฒนานโยบาย มาตรฐานและกลไกการ
บังคับใช้เพ่ือการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากป่าพรุอย่างย่ังยืน เหล่านี้คือแนวทางในการพัฒนาที่ยั่งยืน
สอดคลอ้ งตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในข้อที่ 11 น้ไี ด้ เน่ืองจาก พรคุ วนเคร็ง คือ ถนิ่ ฐานของมนุษย์
ที่มีความสาคัญยงิ่ ท้ังในระดบั ชุมชนทอ้ งถน่ิ ประเทศ และระดับโลก

แผนการบริโภคและการผลิตอย่างยงั่ ยนื
ผลสมั ฤทธ์ิ (Achievements)
แผนการบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืนในมมุ มองการจัดการพ้ืนที่พรุควนเครง็
ผ่านโครงการป่าพรุควนเคร็งที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนจาก
ทรัพยากรธรรมชาติซ่ึงก็คือพ้ืนที่พรุควนเคร็ง เช่น การผลิตสินค้าจากกระจูด
พืชเศรษฐกิจในป่าพรุ การทาประมงพื้นบ้านในป่าพรุ ท่ีคานึงถึงการใช้
ประโยชน์ท่ีต้องตระหนักถึงศักยภาพการผลิตของผืนป่าพรุที่มีอยู่อย่างจากัด
การกาหนดกาเกณฑ์การจัดการป่าชุมชนเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ควบคู่กับการอนุรกั ษ์ รวมถึงการวาง
แผนการใช้ประโยชน์ท่ีดินท่ีเหมาะสมกับสภาพพ้ืนท่ีเพื่อนาไปสู่การจัดการและการส่งเสริมการใช้
ประโยชนใ์ นทีด่ นิ อยา่ งค้มุ ค่าและเกิดประโยชนอ์ ย่างแท้จริง

การรับมือการเปล่ยี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ
ผลสัมฤทธ์ิ (Achievements)
การดาเนินโครงการป่าพรุควนเคร็งในแต่ละผลสัมฤทธ์ิล้วนเป็นมีเป้าหมายที่
สาคัญคือการปกป้องคุ้มครองพื้นท่ีป่าพรุควนเคร็งและวิถีชีวิตของคนในชุมชน
มุ่งส่งเสริมความร่วมมือในการทางานร่วมกันในการอนุรกั ษ์และฟื้นฟูป่าพรุเพ่ือ
เพิ่มศักยภาพป่าพรุในการทาหน้าท่ีกักเก็บคาร์บอน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย
สาหรับพันธ์ุพืชและสัตว์ที่มีความสาคัญระดับโลกและเป็นระบบนิเวศทีให้บริการและปรับปรุงวิถีชีวิตขุม
ชนท้องถ่ิน และการเสริมศักยภาพในการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพ่ือเพ่ิมความสามารถในการกักเก็บ

86 | โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรุเพือ่ เพิ่มความสามารถในการกักเก็บคารบ์ อน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างย่งั ยืน

คาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพน้ันนับได้ว่าเป็นแนวทางหน่ึงในการเตรยี มความพร้อม
ของทุกฝ่ายในทกุ ระดบั ทัง้ ชุมชน สังคม และโลกเพอ่ื รับมือกับการเปล่ยี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศของโลก

การใช้ประโยชนจ์ ากมหาสมุทรและทรพั ยากรทางทะเล
ผลสมั ฤทธ์ิ (Achievements)
การดาเนินโครงการเพ่ือการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้าในการดารงชีวิตถือว่า
สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืนในข้อนี้ได้ เนื่องจากพรุควนเคร็งถือ
เป็นแหล่งทรัพยากรทางน้าท่ีสาคัญต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก
โดยตีความมหาสมุทรและทะเล คือ แหล่งน้า โดยที่พรุ หรือพรุควนเคร็ง คือ
พื้นท่ีชุ่มน้าท่ีเป็นแหล่งน้าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นท่ีอยู่อาศัยของทรัพยากรสัตว์น้าและพืชท่ีมีหลากหลายชนิด
และเป็นคนในชุมชนใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่าน้ีอย่างเข้มข้น ประกอบอาชีพที่เช่ือมโยงกับการใช้
ทรัพยากรจากแหล่งน้าในพื้นท่ีพรุควนเคร็ง ท้ังการทาประมงพ้ืนบ้านด้วยเครื่องมือประมงที่คิดและทา
จากภูมิปัญญาของคนในชุมชนซ่ึงสืบทอดความรู้มาอย่างต่อเน่ืองจวบจนปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งการใช้
ประโยชน์ในแง่การท่องเท่ียววถิ ีชมุ ชนคนและพรุ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรจากแหล่งน้าหรอื
พรุควนเคร็งเช่นกัน ท้ังน้ี การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรพรุควนเคร็งนี้สร้างรายได้ท่ีมีมูลค่าสูงซ่ึงหล่อ
เล้ียงวิถีชวี ิตของคนในชมุ ชนทง้ั พื้นทจี่ งั หวดั นครศรีธรรมราช จงั หวดั พทั ลงุ และจงั หวดั สงขลา

การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก
ผลสมั ฤทธิ์ (Achievements)
การใช้ประโยชน์ท่ีดิน การทาเกษตร ท่ีมีการสนับสนุนและดาเนินการภายใต้
โครงการในแต่ละผลสัมฤทธ์ิเอื้อต่อเป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืนในข้อที่ 15 น้ี
ซึ่งมุ่งเน้นให้มีการพัฒนาท่ีมุ่งเป้าเพื่อการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก
หรือท่ีดินให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุดโดยไม่ก่อผลกระทบต่อการนาไปใช้
ทั้งนี้ การดาเนินโครงการให้ความสาคัญกับการใช้ประโยชน์ท่ีดินท่ีสอดคล้องกับแผนการจัดเขตท่ีดินใหม่
ของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะอย่างย่ิง การดาเนินการในกรณีการจัดทาแผนการใช้ประโยชน์
ท่ดี ินในพืน้ ที่นารอ่ งตาบลเคร็ง อาเภอชะอวด จงั หวัดนครศรีธรรมราช

สงั คมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก
ผลสัมฤทธ์ิ (Achievements)

โครงการมีการส่งเสริมความรู้ การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ส่งเสริมการมีส่วน
ร่วมในการทางานร่วมกันในการจัดการพ้ืนที่พรุควนเคร็งร่วมกันทุกฝ่าย การ
ดาเนินการในลักษณะน้ีเป็นการลดความไม่เข้าใจกันระหว่างผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสีย
ต่าง ๆ ทาให้แต่ละฝ่ายมีการเรียนรู้และเข้าใจในบทบาทซึ่งกันและกัน ไว้วางใจกันมากข้ึน และลดความ
ขัดแย้งที่จะเกิดข้ึนจากการใช้ทรัพยากรจากป่าพรุควนเคร็ง ท้ังคู่กรณีระหว่างคนในชุมชนหรือคู่กรณี
ระหว่างคนในชมุ ชนและเจา้ หนา้ ทใ่ี นหนว่ ยงานของรัฐ

รายงานสรุปสาหรบั ผูบ้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรุควนเครง็ วถิ คี นและปา่ | 87

ผลการศึกษาการจัดการความขัดแย้ง การมีระบบเครือญาติ การประนีประนอม การมีดารงชีพ
ด้วยหลักพอเพยี ง การยดึ ม่ันในจารีตประเพณีทสี่ ะท้อนจากการดารงอยู่ของประเพณีต่าง ๆ ของชมุ ชน ที่
ล้วนสะท้อนถึงความสามัคคี ตลอดจนระบบการแบ่งงานกันทาในกรณีการผลิตสินค้าจากกระจูด โดยแต่
ละครัวเรือนเลือกมีบทบาทท่ีต่างกันและมีการซ้ือขายจนกลายเป็นสินค้าที่พร้อมส่งต่อไปยังนอกชุมชน
เช่น บางครัวเรือนมีอาชีพทาเชือกท่ีใช้ทาสายกระเป๋า บางครัวเรือนเลือกทาอาชีพเพียงแค่การถอน
กระจูดข้ึนมาขายสด ๆ หรือบางครัวเรือนเลือกทาอาชีพสานกระเป๋าอย่างเดียว บางครัวเรือนเลือกทา
อาชีพขายกระเป๋าและสินค้าจากกระจูด โดยประกอบช้ินส่วนต่าง ๆ จนสมบูรณ์พร้อมส่งจาหน่ายไปยัง
ตลาด

ความรว่ มมอื เพื่อพัฒนาทยี่ ่ังยืน
ผลสมั ฤทธิ์ (Achievements)
การดาเนินโครงการให้ความสาคัญกับการมีส่วนร่วมและการสร้างความ
ร่วมมือในการจัดการระบบนิเวศป่าพรุในทุกกระบวนการ ทุกผลสัมฤทธ์ิ
ดาเนินการภายใต้ความร่วมมือและการทางานร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างย่ิงการให้ความสาคัญกับการทางานในรูปแบบการ
เปน็ หุ้นสว่ นซง่ึ กนั และกัน

บทสรุป
การดาเนินงานของโครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพ่ือเพ่ิมความสามารถใน

การกักเก็บคาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน จะเห็นได้ว่า “ความยั่งยืน” คือ
คาสาคัญหนึ่งที่โครงการกาหนดและมุ่งเป้าหมายเพื่อให้มีการบริหารจัดการระบบนิเวศป่าพรุที่มีความ
ยั่งยืน นั่นคือ การคุ้มครองพ้ืนท่ีพรุควนเคร็งและการมองไปข้างหน้าถึงพ้ืนท่ีพรุทั่วประเทศต้องได้รับการ
คมุ้ ครองภายใตร้ ะบบการบรหิ ารจัดการที่ครอบคลุมทุกมิตติ ามแนวคดิ การพัฒนาทย่ี ่งั ยนื ไดแ้ ก่ เศรษฐกิจ
สังคม และส่ิงแวดล้อม ท้ังนี้ การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ คือการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระดับชุมชน
ท้องถิ่น โดยการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพท่ีเช่ือมโยงกับการใช้ทรัพยากรจากพื้นที่พรุโดยตระหนักถึงการ
ใชป้ ระโยชนใ์ นรุน่ ตอ่ ไปและไม่ส่งผลกระทบตอ่ สิ่งแวดล้อม ส่วนการพัฒนาดา้ นสังคม คือ การสง่ เสรมิ การ
เรยี นรู้ในรูปแบบหลากหลาย การพัฒนาศักยภาพบุคคลในบทบาทตา่ ง ๆ และการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน
ที่ก่อเกิดรายได้ คือ การส่งผลเชื่อมโยงไปยังการมีสังคมที่ดีของชุมชน และเมื่อมีการยกระดับการบริหาร
จัดการพื้นที่พรุอย่างเป็นระบบทุกแห่งทั่วประเทศ ย่อมเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากท่ีแผ่กว้าง
ในทกุ ชุมชนท้องถน่ิ ทีม่ ีพรเุ ป็นแหลง่ ทรพั ยากรธรรมชาตขิ องชุมชน

อน่ึง เมื่อพิจารณาความเกี่ยวข้องกันระหว่างเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ยทุ ธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) และแผนพฒั นาเศรษฐกิจ
และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) ดงั ที่ อทุ ัย ปริญญาสุทธินันท์ (2563, 196) ได้วิเคราะห์
แยกเป็นประเด็นที่เก่ยี วข้องกนั ใน 5 ประเดน็ หลัก คือ (1) คน (2) โลก (3) ความเจริญรุ่งเรอื ง (4) สันตสิ ุข
และ (5) ความเป็นหุ้นส่วนกันในเป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืน โดยเมื่อนาแนวทางนี้มาวิเคราะห์ความ
เชือ่ มโยงระหวา่ งเปา้ หมายการพฒั นาทย่ี ่ังยืน รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ยุทธศาสตร์

88 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งย่งั ยนื

ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-
2564) และเพิ่มเติมในสว่ นการดาเนนิ งานของโครงการปา่ พรคุ วนเครง็ นั่นคือ แผนยทุ ธศาสตร์การจัดการ
พรคุ วนเคร็งอย่างมสี ่วนรว่ ม และแผนยุทธศาสตรก์ ารจดั การพรุระดบั ชาติ จะเห็นวา่ ประเด็นการพฒั นามี
ความสอดคล้องกันตามแนวทางท้ัง 5 ประเด็นหลักข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสาคัญกับ “คน” อัน
หมายถึง การพัฒนาศักยภาพของตัวบุคคลหรอื ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียท่ีเกี่ยวข้องกับพ้ืนท่ีพรุควนเคร็งและพรุ
ท่ัวประเทศ ทั้งเพื่อการพัฒนาความรูความสามารถในการนาไปประยุกต์ใช้ในการทางานตามบทบาท
หน้าที่ และเป้าหมายที่สาคัญย่ิงในการพัฒนาคนผ่านกระบวนการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ที่ค่อย ๆ ปรับ
ทัศนคติ ความรู้ความเข้าใจในด้านต่าง ๆ โดยคาดหวังถึงความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ทัศนคติ ความคิด
ของบุคคลที่จะนาไปสู่สร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับชุมชนและสังคมต่อไป โดยที่โครงการมีการส่งเสริม
การเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมือการสื่อสารและการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไปในแต่ละรูปแบบ
ของกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่และสถานภาพของบุคคล และตระหนักถึงความ
ย่ังยนื เชน่ การพัฒนาศนู ยก์ ารเรยี นรูช้ ุมชน การจดั ทาหลกั สูตรท้องถิ่นเกีย่ วกับพรุและชุมชนท้องถ่ิน การ
จัดทาคู่มือเรือนเพาะชา การจัดทาคู่มือการฟ้ืนฟูป่าพรุเสื่อมโทรม การจัดทาคู่มือการประเมินมูลค่าทาง
เศรษฐศาสตร์ป่าพรุ ฯลฯ โดยชี้ได้จากแผนยุทธศาสตร์การจัดการพรุอย่างมีส่วนร่วมในพ้ืนที่ภูมิทัศน์พรุ
ควนเคร็งที่ระบุชัดเจนในยุทธศาสตร์ท่ี 4 การสร้างจิตสานึก ความรู้ และความเข้าใจในระบบนิเวศป่าพรุ
และยุทธศาสตร์ท่ี 5 การคุ้มครอง รักษามาตรฐานการดารงชีพและคุณภาพชีวิตของประชาชน อย่างไรก็
ตาม ยุทธศาสตร์อื่น ๆ ท้ังยุทธศาสตร์ท่ี 1 การจัดการไฟป่าและคาร์บอน ยุทธศาสตร์ท่ี 2 การบริหาร
จัดการน้าพรุควนเคร็ง ยุทธศาสตร์ที่ 3 การฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศป่าพรุควนเคร็ง และยุทธศาสตร์ท่ี 6
แผน นโยบาย และการปฏิบัติที่สอดคล้องกับระเบียบข้อกฎหมาย เหล่านี้ล้วนเอ้ือประโยชน์ต่อวิถีการ
ดารงชพี ของคนท้ังสน้ิ

ส่วนการให้ความสาคัญกับ “โลก” น่ันคือ การคุ้มครองพ้ืนที่พรุซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีที่มีคุณค่าควรแก่การ

อนุรักษ์เนื่องจากพรุเป็นพ้ืนท่ีมีความสาคัญระดับโลก เป็นพื้นท่ีสาคัญท้ังต่อวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่นท่ัวโลก
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรุมีความสาคัญต่อสิ่งแวดล้อมของโลกเน่ืองจากพรุเป็นพ้ืนที่ที่สามารถกักเก็บ
คาร์บอนได้ในระดับท่ีสูงกว่าพ้ืนทปี่ ่าประเภทอ่นื ๆ ท้งั น้ี การกักเก็บคาร์บอนไดเ้ ปน็ ปริมาณมากของพ้ืนที่
พรุเป็นแนวทางหนึ่งของการปกป้องโลกด้วยการลดผลกระทบที่จะเกิดจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง

สภาพภูมิอากาศหรือโลกร้อน ซ่ึงภาวะโลกร้อนไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ทว่าผลกระทบยงั
เช่อื มโยงไปถึงการดารงชีวิตของมนษุ ย์อีกดว้ ย สาหรับประเด็น “ความเจรญิ รุ่งเรือง” ในที่นห้ี มายถงึ การ
ให้ความสาคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนทั้งด้วยวิธีการจ้างงานผ่านกระบวนการทางานภายใต้การ
ดาเนินงานของโครงการในกิจกรรมการมีส่วนร่วมต่าง ๆ และการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เชื่อมโยงกับ

การใชป้ ระโยชนจ์ ากพื้นท่ีพรเุ พื่อสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนท่ีมีวิถีการดารงชีพดว้ ยการพ่ึงพิงทรัพยากร
จากป่าพรุ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชกระจูด ต้นราโพนามาทาหลอดน้าด่ืมท่ีไม่สร้างขยะทาลาย
สิ่งแวดล้อม การพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชุมชนคนและพรุ เป็นต้น ส่วนประเด็น “สันติสุข” ในกรณีการ

ดาเนนิ งานของโครงการป่าพรุควนเคร็งน้ีอาจตีความไดใ้ นแง่การสรา้ งความรว่ มมือจากทุกฝ่ายเพอื่ ทางาน
ร่วมกนั ในการจดั การพื้นที่พรคุ วนเคร็ง นั่นเท่ากับการประสานรอยร้าวและสร้างความเข้าใจในบทบาทซ่ึง

รายงานสรปุ สาหรับผบู้ รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเคร็ง วิถคี นและปา่ | 89

กันและกัน ลดความขัดแย้งระหว่างคู่กรณีหลาย ๆ คู่กรณีท่ีอาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานในบทบาทของ
แต่ละฝ่ายที่ไม่เคยมีเวทีการได้ร่วมหารือหรือแลกเปล่ียนเรียนรู้ซ่ึงกันและกัน นอกจากนี้ สันติสุข อาจ
ตีความในแง่การพัฒนาเศรษฐกิจชมุ ชนได้อีกด้วย เพราะเศรษฐกิจดี คนในชุมชนมีรายได้ การพัฒนาด้าน
สังคมท้ังในด้านการพัฒนาการศึกษา ความเป็นอยู่ของแต่ละครัวเรือนที่ดีขึ้น ย่อมสร้างความสันติสุขใน
ชุมชนได้อีกแนวทางหน่ึง และในประเด็นสุดท้าย คือ “ความเป็นหุ้นส่วนกัน” น่ันคือ การมีส่วนร่วม ซึ่ง
การดาเนินโครงการป่าพรุควนเคร็งได้ระบุชัดถึงแนวทางการกาหนดแนวทางการบริหารจั ดการพรุควน
เคร็งต้องให้ความสาคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้ที่เก่ียวข้องทุกฝ่าย และโดยเฉพาะอย่างย่ิงคนในชุมชน
ท้องถ่ินที่เป็นผู้กระทาการหรือผู้ได้รับผลกระทบหรือผู้ใช้ประโยชน์โดยตรงจากพื้นที่พรุ โดยสะท้อนได้
จากกระบวนการอนั เปน็ ท่ีมาของแผนยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ยทุ ธศาสตร์ที่เกิดจากการมสี ว่ นร่วมของทุกฝ่ายใน
ทุกขั้นตอน ถึงกระนั้นก็ตาม ท้ังวิสัยทัศน์หรือภาพฝันของโครงการและ 6 ยุทธศาสตร์ในการจัดการพ้ืนท่ี
ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งล้วนให้ความสาคัญในทุกประเด็น ท้ังโลก ความเจริญรุ่งเรือง สันติสุข และความเป็น
หุ้นส่วนกัน หรือการมีส่วนร่วม ท้ังน้ี เห็นได้ว่า การดาเนินงานสอดคล้องไปตามผลลัพธ์ UNPAF: กรอบ
ความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหประชาชาติ เร่ือง การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ และยุทธศาสตร์ UNDP: การพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมโดยเท่าเทียมและ
ยง่ั ยืน ซง่ึ ช้ชี ัดวา่ การดาเนินงานของโครงการมคี วามสอดคล้องตามเปา้ หมายการพฒั นาทีย่ ั่งยนื

90 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยัง่ ยืน

รายงานสรปุ สาหรบั ผ้บู รหิ าร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรุควนเครง็ วถิ คี นและปา่ | 91

5

ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย

92 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยัง่ ยืน

รายงานสรปุ สาหรบั ผูบ้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเคร็ง วิถีคนและปา่ | 93

ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย
จากการดาเนินงานของโครงการในแต่ละผลสัมฤทธ์ิท่ีมีการดาเนินงานตั้งแต่การขั บเคลื่อน

กิจกรรมต่าง ๆ ในระดับชุมชนท้องถ่ินจนถึงการผลักดันข้อเสนอจากการทางานร่วมกันไปสู่โครงการต่าง
ๆ ท่ีเป็นภาคปฏิบัติการของแผนยทุ ธศาสตร์ในแต่ละด้าน ซ่ึงครอบคลุมทั้ง 6 ด้านท่ีสอดคล้องกันระหวา่ ง
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี
(พ.ศ. 2560-2579) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) และ
เพ่ิมเติมในส่วนการดาเนินงานของโครงการป่าพรุควนเคร็ง น่ันคือ แผนยุทธศาสตร์การจัดการพรุควน
เคร็งอย่างมีส่วนร่วม และแผนยุทธศาสตร์การจัดการพรุระดับชาติ ที่มีความเกี่ยวข้องกันใน 5 ประเด็น
หลัก คือ (1) คน (2) โลก (3) ความเจริญรุ่งเรือง (4) สันติสุข และ (5) ความเป็นหุ้นส่วนกันในเป้าหมาย
การพฒั นาที่ย่งั ยืน ดังนัน้ ข้อเสนอเชิงนโยบายทสี่ าคัญ คือ

ประการที่แรก ผลการดาเนินงานผลสัมฤทธ์ิท่ี 1 เพิม่ ศักยภาพในการคมุ้ ครองระบบนิเวศป่าพรุที่มี
คุณค่าการอนุรักษ์สูง และพัฒนาต้นแบบการใช้ประโยชนจ์ ากปา่ พรุอย่างยง่ั ยืนโดยสร้างการมีส่วนรว่ มของ
ทุกภาคส่วนทีเ่ ก่ียวข้อง จะเห็นไดว้ า่ การดาเนนิ งานของโครงการมีท้ังการพฒั นา “คน” ในบทบาทต่าง ๆ
ด้วยแนวทางท่ีหลากหลายที่เป็นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ และการพัฒนาต้นแบบเพื่อเป้าหมาย
การใช้ประโยชน์จากป่าพรุอย่างยั่งยืน ทั้งในการวิเคราะห์หากลไกการจัดการพื้นที่ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งท่ี
เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของระบบนิเวศป่าพรุและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถ่ิน การดาเนินกิจกรรมที่
เปน็ การสง่ ต่อชุดความรู้อย่างบูรณาการทั้งความรู้ใหม่ในเชิงวชิ าการและภูมิปัญญาท้องถิน่ ทั้งน้ี แนวทาง
เหล่านี้ โดยเฉพาะต้นแบบในกรณีพรุควนเคร็งจะเป็นประโยชน์ต่อการกาหนดนโยบายหรือแนวทางการ
จัดการพ้ืนที่พรุในพื้นท่ีอ่ืน ๆ ของประเทศได้เป็นอย่างดี ถึงกระนั้นก็ตาม กลไกการทางานขับเคลื่อนการ
จัดการพื้นที่ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งหรือพื้นที่พรุอื่น ๆ ทั่วประเทศจะเป็นไปอย่างต่อเน่ือง จาเป็นอย่างยิ่งที่
ตอ้ งมกี ารดาเนินงานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยมกี ารสนับสนนุ ทง้ั ในด้านทนุ สนับสนนุ การดาเนนิ กจิ กรรมและการ

ประการที่สอง ผลการดาเนินงานในผลสัมฤทธ์ิท่ี 2 การใช้เทคโนโลยีเพ่ือหลีกเลี่ยงความเส่ือม
โทรมของป่าพรุและฟื้นฟูป่าพรุท่ีเสื่อมโทรม ซึ่งมีการดาเนินงานในพ้ืนที่นาร่อง และได้มีการสร้างชุด
ความรู้เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิธีการเพื่อการจัดการน้าในพื้นท่ีพรุควนเคร็ง โดยมีตัวแบบหรือ
แบบจาลองทม่ี ีข้อเสนอแนะท่ีชดั เจนในการแกป้ ัญหาการลดลงของระดับน้าในพ้ืนที่พรคุ วนเคร็งในจุดต่าง
ๆ ท่ีจาเป็นต้องมีการสร้างทานบปิดกั้นลาน้าสายต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพื้นท่ีพรุ และการติดต้ังเครื่องสูบน้าเพื่อ
สูบน้าเติมเต็มในพื้นท่ีให้ระดับน้าอยู่ในระดับที่เหมาะสมตามท่ีมีการเสนอแนะ อีกทั้ง ในด้านการฟื้นฟูปา่
พรุที่เสื่อมโทรมท่ีมีการปลูกพันธุ์ไม้ท้องถ่ินในพ้ืนที่ป่าเสม็ดเพื่อเพ่ิมความหลากหลายของชนิดพันธุ์ไม้ให้
พ้ืนท่ีเหล่านี้มีสภาพเป็นป่าพรุดั้งเดิม ซ่ึงผลการติดตามและตรวจวัดปริมาณคาร์บอนและการปลดปล่อย
ก๊าซเรือนกระจกได้ช้ีชัดแล้วว่า ป่าพรุดั้งเดิมคือพื้นที่ที่มีความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนได้สูงและ
ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากพื้นที่พรุควนเคร็งได้เมื่อมีการรักษาระดับน้าในพื้นที่พรุให้อยู่
ในระดับท่ีเหมาะสม เช่นน้ี ผู้ท่ีเกี่ยวข้องในระดับนโยบายควรมีการนารูปแบบข้อเสนอจากผลการ
ดาเนินงานของโครงการมาเป็นข้อมูลเพื่อการตัดสินใจกาหนดนโยบายท่ีชัดเจนและกาหนดให้วาระการ
จัดการพื้นที่พรุควนเคร็งเป็นพื้นท่ีนาร่องอย่างเร่งด่วน ทั้งน้ีเพื่อนาแนวทางที่ได้รับการศึกษาแล้วน้ีไปสู่
การปฏบิ ตั ิหรอื การลงมือทาเพ่ือการจดั การพ้ืนท่ีพรุควนเคร็งให้เกิดผลอย่างเป็นรปู ธรรม ซ่งึ เปน็ การแสดง
ให้ทุกฝ่ายได้เห็นเป็นที่ประจักษช์ ัด ทั้งน้ี การดาเนินโครงการหลาย ๆ โครงการในอดีตที่ขาดรปู ธรรมจาก

94 | โครงการเสริมศกั ยภาพการจดั การระบบนิเวศป่าพรเุ พ่อื เพม่ิ ความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างย่งั ยนื

การดาเนินงานได้สง่ ผลต่อความทัศนคติของชุมชนท่ีมีต่อโครงการและสง่ ผลต่อการมีสว่ นร่วมของชาวบ้าน
ในชมุ ชน

ประการท่ีสาม ผลการดาเนินงานภายใต้ผลสัมฤทธิ์ท่ี 3 การพัฒนานโยบาย มาตรฐานและกลไก
การบังคบั ใช้นโยบายเพือ่ การอนุรักษ์และใช้ประโยชนป์ า่ พรุอย่างยั่งยนื โดยมกี ารดาเนินการภารกจิ สาคัญ
ในด้านต่าง ๆ ทั้งในระดับพื้นท่ีและระดับชาติ นับเป็นข้อเสนอท่ีสาคัญจากโครงการท่ีหน่วยงานภาครัฐที่
เก่ียวข้องกับการกาหนดนโยบายต้องให้ความสาคัญและนาไปเป็นข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ
กาหนดนโยบาย มาตรฐาน และกลไกการบังคับใช้นโยบายเพ่ือการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากป่าพรุ
อย่างยง่ั ยนื ในทุกพ้นื ท่ีพรุของประเทศเพื่อยกระดบั การคมุ้ ครองพื้นที่พรุในประเทศไทยเพื่อให้มีระบบการ
บริหารจัดการท่ีมีความก้าวหน้าและเป็นไปตามหลักการตามแนวทางที่อนุสัญญาว่าด้วยพ้ืนที่ชุ่มน้าที่มี
ความสาคัญระหว่างประเทศหรืออนุสัญญาแรมซาร์ ซ่ึงได้กาหนดเพ่ือให้มีการประเมินพ้ืนที่ป่าพรุในเขต
ร้อนไว้ที่หลายประเทศท่ัวโลกซ่ึงมีพื้นที่พรุท่ีมีความสาคัญระดับโลกและเป็นพ้ืนที่สาคัญของประเทศที่มี
การใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายและเข้มข้น ดังประสบการณ์จากกลุ่มประเทศท้ังในสหภาพยุโรป เช่น
เยอรมันนีและสหราชอาณาจักร หรือหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น มองโกเลีย อินโดนีเซีย และ
มาเลเซีย ซึ่งมีการใช้ประโยชน์จากพ้ืนท่ีพรุอย่างเข้มข้น มีการออกมาตรการคุ้มครองพ้ืนท่ีพรุโดยมีการ
จัดทาระบบฐานข้อมูลและแนวทางปฏิบัติการประเมินระบบนิเวศพรุ รวมถึงการพัฒนายุทธศาสตร์
แห่งชาติเพ่ือการอนุรักษ์ระบบนิเวศพรุ (national peatland strategy) เช่น ประเทศเครือสหภาพยุโรป
จะมีนโยบายคุ้มครองธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพภายใต้ข้อตกลง Natura 2000 ได้แก่
ประเทศเยอรมันนี และสหราชอาณาจักร (รวมอังกฤษ สก๊อตแลนด์ และไอร์แลนด์) และประเทศอื่น ๆ
ในภูมิภาคเอเชียท่ีมีความก้าวหน้าด้านการคุ้มครองพ้ืนท่ีพรุ เช่น มองโกเลีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
เป็นตน้

ประการสี่ ข้อพิจารณาผลการดาเนินงานในทุกผลสัมฤทธิ์กับนโยบายในระดับต่าง ๆ การกาหนด
นโยบายสาธารณะด้านการจดั การทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมที่ให้ความสาคัญกับ 5 ประเดน็ คือ
คน โลก ความเจริญรุ่งเรือง ความสันติสุข และความเป็นหุ้นส่วนกันของทุกฝ่าย เพ่ือให้นโยบายมีความ
สอดคลอ้ งไปตามแนวทางในระดับสากลและปรบั ประยกุ ต์ใหส้ อดคลอ้ งกับบริบทของประเทศ

รายงานสรุปสาหรบั ผ้บู ริหาร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วิถีคนและปา่ | 95

สว่ นที่ 2

ความเป็นมาโครงการ

96 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกักเกบ็ คารบ์ อน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยัง่ ยืน

รายงานสรุปสาหรับผู้บริหาร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถคี นและปา่ | 97

สาระสาคัญของโครงการ

ช่ือโครงการ: โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุ เพ่ือเพิ่มความสามารถ

ในการกักเกบ็ คารบ์ อนและอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

( Maximizing Carbon Sink Capacity and Conserving Biodiversity

through Sustainable Conservation, Restoration, and

Management of Peat Swamp Ecosystems)

ผลลพั ธ์ UNPAF: กรอบความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างไทยกบั สหประชาชาติ เร่อื ง การตอบสนอง

ตอ่ การเปลีย่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศอย่างมปี ระสิทธภิ าพ

ยทุ ธศาสตร์ UNDP: การพัฒนาอยา่ งมีส่วนร่วมโดยเท่าเทยี มและยง่ั ยนื

ผลลัพธร์ ะดับประเทศ: ประเทศไทยมีการเตรียมการท่ีเหมาะสมมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาการ

เปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศและประเด็นความมั่นคงทางส่ิงแวดล้อมอย่าง

บูรณาการ ด้วยการเสริมศักยภาพภายในประเทศและเพิ่มความพร้อมเชิง

นโยบาย

ผลผลิตระดบั ปฏบิ ัติการ: 1) เพิ่มศักยภาพในการคุ้มครองป่าพรุที่มีคุณค่าการอนุรักษ์สูง และพัฒนา

ต้นแบบการใช้ประโยชน์ป่าพรุอย่างยั่งยืนโดยคานึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาค

ส่วนทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 2) ลดการเส่ือมโทรมของสภาพปา่ พรทุ ีม่ ีคุณคา่ ทางนิเวศ

3) กาหนดกรอบนโยบายท่ีมีประสิทธิภาพในการจัดการภัยคุกคามท่ีส่งผลต่อ

การทาลายพื้นที่พรุ และแนวทางการจัดการที่เหมาะสมต่อระบบนิเวศพรุใน

ประเทศไทย

ผู้รับผิดชอบโครงการ: สานกั งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม (สผ.)

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และสานักงานโครงการพัฒนา

แห่งสหประชาชาติ

ระยะเวลาดาเนนิ งาน: 4 ปี (กรกฎาคม 2559 – มิถนุ ายน 2563)

งบประมาณสนับสนนุ : 3,224,400 เหรียญสหรัฐฯ จากกองทุนส่ิงแวดล้อมโลก และการสนับสนุนใน

รปู แบบท่ไี ม่ใชต่ วั เงิน 13,382,711 เหรียญสหรัฐฯ จากสานกั งานนโยบายและ

แผนทรัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ ม

กรมอทุ ยานสัตวป์ า่ และพนั ธ์พุ ชื สานกั งานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ

และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นใน ตาบลเคร็ง ตาบลชะอวด และตาบล

บา้ นตูล อาเภอชะอวด จังหวดั นครศรีธรรมราช

98 | โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศป่าพรุเพ่ือเพ่มิ ความสามารถในการกักเก็บคารบ์ อน
และอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอย่างยั่งยืน

หลกั การและเหตุผล

ป่าพรุควนเคร็งต้ังอยู่ในพื้นท่ีภาคใต้ฝ่ังตะวันออกของประเทศไทย ในเขตรอยต่อระหว่างลุ่มน้าปาก
พนังและ ลุ่มน้าทะเลสาบสงขลา ประกอบด้วยพ้ืนท่ีป่าพรุที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองของประเทศ รองจากป่า
พรุโต๊ะแดงในจังหวัดนราธิวาส ป่าพรุเป็นระบบนิเวศท่ีให้บริการท่ีหลากหลายต่อวิถีชีวิตของชุมชนใน
ท้องถ่ิน โดยทาหน้าท่ีเป็นแหล่งกักเก็บน้าฝนและน้าท่า เป็นแนวกันชนลดผลกระทบจากพายุฝนและ
อุทกภัย เป็นแหล่งกรองตะกอนตามธรรมชาติก่อนท่ีน้าจะไหลลงทะเลสาบสงขลา เป็นแหล่งกักเก็บ
คาร์บอนที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่สาคัญ โดยเป็นท่ีอยู่อาศัยและ
เพาะพันธ์ุของสตั วท์ ่ีถูกคุกคามและมีความสาคัญระดับโลกหลายชนิด ในปจั จุบนั พบว่า โดยประมาณร้อย
ละ 65 ของพื้นท่ีพรุควนเคร็งเสี่ยงต่อภัยคุกคาม และความเสื่อมโทรมทางนิเวศจากหลากหลายปัจจัย
ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงพื้นท่ีพรุเป็นสวนปาล์มน้ามัน การสูญเสียระดับน้าในพรุ และไฟป่า ส่งผลให้พื้นที่
พรุธรรมชาติอันเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ และแหล่งกักเก็บคาร์บอนลดน้อยลง แนว
ทางการแก้ปัญหาระยาวในการจัดการพื้นที่พรุของประเทศไทยคือ การประสานความร่วมมือให้เกิดการ
ปรับเปล่ยี นจากวิถีการใช้ประโยชน์พน้ื ที่อย่างไม่ยง่ั ยืนไปสกู่ ารบูรณาการ การใช้ทรพั ยากรป่าพรอุ ยา่ งย่ังยนื

โครงการน้ีมีวัตถุประสงค์และแนวทางการทางานสอดคล้องกับแผนแม่บทบูรณาการจัดการความ
หลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2558-2564 ของประเทศไทย ในฐานะภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความ
หลากหลายทางชีวภาพ โดยส่งเสริมการจัดการพื้นที่พรุอย่างมีส่วนร่วมเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความ
หลากหลายทางชีวภาพ (Aichi Biodiversity Targets) ท้ังน้ี กิจกรรมภายใต้โครงการจะนาไปสู่การ
พัฒนาและติดตามดัชนีความสมบูรณ์ ของระบบนิเวศในป่าพรุควนเคร็ง การนาเสนอต้นแบบแนวทาง
ปฏิบัติต่างๆ ในการจัดการระบบนิเวศป่าพรุอย่างมีส่วนร่วมและมีประสิทธิภาพ การรักษาแหล่งกักเก็บ
คาร์บอนและลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากพื้นที่พรุ การเสริมศักยภาพของหน่วยงานในพ้ืนท่ี
รับผิดชอบในการตรวจวัดการกักเก็บคาร์บอนและการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดทาฐานข้อมูล
ระบบนิเวศป่าพรุ ในประเทศไทยและเกณฑ์การประเมินคุณค่าของบริการทางนิเวศ ตลอดจนการพัฒนา
ยุทธศาสตรร์ ะดบั ชาตเิ พ่ือเป็นแนวทางการจดั การระบบนเิ วศปา่ พรุอยา่ งย่ังยืน

วัตถุประสงค์
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศป่าพรุ เพื่อเพิ่มศักยภาพของ

พื้นที่พรุในการทาหน้าที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสาหรับพันธ์ุพืชและพันธุ์สัตว์ที่มีความสาคัญระดับโลก แหล่ง
กักเก็บคารบ์ อน และแหลง่ บริการทางนเิ วศทเี่ สรมิ สร้างคณุ ภาพชวี ิตท่ีดขี ้ึนของชุมชนทอ้ งถ่นิ

พืน้ ที่ดาเนนิ การ (ตาม Project Document)
พ้ืนท่ีดาเนินโครงการมีเนื้อท่ีรวม 154,363 เฮกตาร์ (964,769 ไร่) ครอบคลุมพื้นท่ีเขตห้ามล่าสัตว์

ป่าบ่อล้อ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย พ้ืนท่ีรอยต่อเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เขตปฏิรูปท่ีดินเพ่ือ

รายงานสรปุ สาหรับผูบ้ รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเครง็ วิถีคนและป่า | 99

การเกษตร พ้ืนท่ีพรุในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ท่ดี นิ สาธารณะ และพืน้ ทป่ี า่ ชุมชนนาร่อง 3 แห่ง คือ ปา่ ชมุ ชน
ควนเงิน ป่าชุมชนสวนสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ และป่าชุมชนไสขนุน ท้ังนี้ คาบสมุทรสทิงพระ คือ พื้นที่ท่ี
ไดผ้ ลประโยชน์จากการดาเนินงานโครงการฯ ดงั ตารางท่ี 1.2 และ ภาพที่ 1.10

ตารางท่ี 1.2 พ้ืนทเี่ ป้าหมายโครงการ

พื้นท่ี เนอ้ื ที่ ไร่
เฮกตาร์ 500,000
คาบสมทุ รสทงิ พระ 80,000 285,625
เขตหา้ มล่าสตั วป์ ่าทะเลน้อย 45,700 14,375
พนื้ ทร่ี อยต่อเขตห้ามล่าสัตวป์ ่าทะเลนอ้ ย 2,300 62,600
เขตหา้ มลา่ สัตว์ปา่ บอ่ ล้อ 10,016 56,781.25
เขตปฏิรูปทด่ี นิ เพื่อการเกษตร 9,085 27,231.25
พน้ื ท่ีพรใุ นเขตปา่ สงวนแหง่ ชาติ 4,357 18,156.25
ทด่ี ินสาธารณะ 2,905 964,769
รวมท้งั หมด 154,363

100 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนเิ วศปา่ พรุเพื่อเพ่มิ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยงั่ ยนื

ภาพที่ 1.10 ขอบเขตพื้นที่ดาเนินโครงการ


Click to View FlipBook Version