The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานเล่มที่ 1 สรุปสำหรับผู้บริหารป่าพรุและวิถีคนพรุควนเคร็ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Forestry Research Center, 2021-11-14 21:02:56

รายงานเล่มที่ 1 สรุปสำหรับผู้บริหารป่าพรุและวิถีคนพรุควนเคร็ง

รายงานเล่มที่ 1 สรุปสำหรับผู้บริหารป่าพรุและวิถีคนพรุควนเคร็ง

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรุควนเคร็ง วถิ ีคนและป่า | 201

ช่วงพ.ศ. 2531 –ปัจจุบัน (ยึดตามปีของการศึกษาน้ีคือ ปี พ.ศ. 2544) อาชีพการทานากระจูด
ยังคงมีการทาแบบดั้งเดิมในพื้นที่เดิมเพราะไม่สามารถขยายพื้นที่ได้ การผลิตผลิตภัณฑ์จากกระจูดต้อง
ซอ้ื กระจูดจากพรคุ วนเคร็ง จงั หวัดนครศรธี รรมราช เกอื บทง้ั หมด

อยา่ งไรก็ตาม จากขอ้ มลู ดังกล่าวพบว่าสอดคล้องกับสถานการณปัจจบุ นั ในปี พ.ศ. 2562 ท่ีได้ลง
พื้นท่ีในชุมชนทะเลน้อยและชุมชนพรุควนเคร็ง ข้อมูลที่ได้จากเสียงคนในชุมชนท้ังสองพบว่ากระจูดท่ีใช้
สานในชุมชนทะเลน้อยส่ังซื้อมาจากพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช เน่ืองจากกระจูดมีคุณภาพ
มากกว่า นั่นคือมีขนาดเล็ก หรือท่ีชาวบ้านเรียกว่า “ตอกเล็ก” ซึ่งเม่ือนามาทางานจักสานแปรรูปเป็น
ผลติ ภัณฑ์ท่ีดูสวยงาม ขายไดร้ าคาดีกว่าผลิตภัณฑ์ทสี่ านจากกระจดู ตอกใหญ่

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับภายนอกและการเปลี่ยนแปลงในชุมชน รายงานวิจัยช้ินน้ี
ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างการผลิตกับการตลาดในแต่ละช่วงแตกต่างกัน กล่าวคือ ช่วงก่อน พ.ศ.
2500 กิจกรรมการผลิตกับกิจกรรมการดารงชีวิตมีความเป็นหน่ึงเดียวจนแทบจะแยกไม่ออก มีการนา
เส่ือกระจูดไปแลกเปล่ียนกับน้าตาลโตนดของชุมชนชาวบ้านขาว อาเภอระโนด จังหวัดสงขลา การขาย
สินค้าของชุมชนชาวทะเลน้อยในชว่ งถัดมา ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการขายผลผลิตท่ีเหลือจากการใช้ยัง
ชีพ มีพ่อค้าคนกลางมารับผลผลิต สินค้าจากกระจูดคือเส่ือกระจูด กระสอบสาหรับใส่เกลือและยา
สมุนไพร มีชุมชนใกล้เคียงเป็นตลาดหลักคือ ชุมชนชาวบ้านขาว อาเภอระโนด จังหวัดสงขลา และชุมชน
ปากพนัง อาเภอ ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วงพ.ศ. 2500 -2515 ความเปลี่ยนแปลงของการ
ผลิตและการตลาดเกิดข้ึน เมื่อมีการปรับปรุงเส้นทางหลักถนนสายควนขนุนทะเลน้อย เป็นถนนลูกรัง
มาตรฐาน เรม่ิ มีรถยนตเ์ ข้าสู่ชุมชนเพื่อซ้ือผลผลิตผลติ ภัณฑจ์ ากกระจูดเช่น เส่ือ พัดผลิตภณั ฑ์จากกระจูด
มีพ่อค้ามารับไปจาหน่ายยังจังหวัดใกล้เคียงเช่น สงขลา นครศรีธรรมราช และตรังส่งผลให้ ราษฎรใน
ชุมชนประมงทะเลน้อยมีงานทามากขึ้น แม่บ้านเกือบทุกครัวเรือนมักมีอาชีพประจา คือสานเสื่อ ช่วง
พ.ศ. 2516 -2530 การเปลี่ยนแปลงของการผลิตและการตลาดเกิดข้ึนมากกว่าช่วงก่อนหน้าน้ีมาก
เน่ืองจากปี พ.ศ. 2517 ทางหลวงจังหวัดพัทลุงได้ปรับปรุงราดยางถนนสาย 4048 จากควนขนุนไปยัง
ทะเลน้อย เริ่มมีผู้คนต่างถ่ินเข้ามาท่องเที่ยวในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย มีการเปล่ียนแปลงการผลิต
ของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่นผลิตภัณฑ์จากกระจูด ซ่ึงก่อนหน้านี้มีการผลิตเฉพาะเส่ือท่ีมีสีธรรมชาติ มีการ
ดัดแปลงเป็นเส่ือท่ีมีลวดลาย มีสีสันต่างๆให้เลือกมากมาย โดยการใช้สีย้อมกระจูดตามท่ีต้องการ และ
ช่วงพ.ศ. 2531 –ปัจจุบัน (พ.ศ. 2544 ยึดตามปีของงานวิจัย) การขยายของตลาดทั้งภายในและ
ภายนอกชุมชนชาวประมงทะเลน้อย ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการผลิต โดยเฉพาะอย่างย่ิง
ผลิตภณั ฑ์กระจูดมกี ารผลติ ในเชงิ การค้าอยา่ งเห็นไดช้ ดั โดยการนาเครอ่ื งจักรเขา้ มาชว่ ยในการผลติ สินค้า
ในหลายขั้นตอน ข้ันตอนแรกคือ การรีดกระจูด ได้ใช้เคร่ืองจักรรีดแทนเครื่องรีดโดยก้อนหินแบบเก่า ซ่ึง
ทาได้รวดเร็วและทาได้จานวนมากกว่าเดิม ในขั้นตอนการเย็บริมของเสื่อ มีการใช้จักรเย็บผ้าไฟฟ้า ซึ่ง
สามารถเย็บได้รวดเร็วมากกว่าการใช้จักรเย็บผ้าแบบเดิม ทาให้สามารถผลิตสินค้าได้หลายรูปแบบไม่
จากัดเฉพาะแต่เส่ือ อกี ทั้งผลติ ได้จานวนมากทนั ต่อความต้องการของตลาด การขายสินค้ามุ่งเน้นเพ่ือการ
ขายส่ง มีพ่อค้าภายในชุมชนและจากภายนอก เป็นผู้รับสินค้าด้วยตัวเองเพ่ือขายสินค้าไปยังตลาดต่างๆ
ตลาดท่สี าคัญไดแ้ ก่ ตลาดจงั หวัดสงขลา ตรงั นครศรีธรรมราช

เห็นได้ว่า ผลการศึกษาท่ีสะท้อนถึงลักษณะการผลิตต้ังแต่ปี 2531 สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้จาก
การลงพื้นท่ีในชุมชนท่ีพบว่ามีการใช้เคร่ืองจักรในการรีดกระจูดท่ีทาให้ลดเวลาในขั้นตอนการเตรียม

202 | โครงการเสรมิ ศักยภาพการจดั การระบบนิเวศป่าพรุเพ่ือเพมิ่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งย่ังยนื

วัตถุดิบ การใช้จักรเย็บผ้าไฟฟ้า ถึงกระน้ันก็ตาม บางครัวเรือนยังมีการใชเ้ คร่ืองมือในการรีดกระจูดแบบ
ด้ังเดิมอยู่บ้าง เช่น การกล้ิงจูด ซึ่งใช้แรงงานคนในการทาให้กระจูดแบนก่อนนาไปเข้าสู่กระบวนการจัก
สานเปน็ ผลติ ภัณฑ์ต่อไป

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างการผลิตกับการตลาด ช่วงก่อนพ.ศ. 2500 กิจกรรมการผลิตกับ
กิจกรรมการดารงชีวิตมีความเป็นหน่ึงเดียวจนแทบจะแยกไม่ออก มีการนาเส่ือกระจูดไปแลกเปลี่ยนกับ
นา้ ตาลโตนดของชุมชนชาวบ้านขาว อาเภอระโนด จังหวัดสงขลา การขายสนิ ค้าของชุมชนชาวทะเลน้อย
ในช่วงถัดมา ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการขายผลผลิตท่ีเหลือจากการใช้ยังชีพ มีพ่อค้าคนกลางมารับ
ผลผลิต สินค้าจากกระจูดคือเสื่อกระจูด กระสอบสาหรับใส่เกลือและยาสมุนไพร มีชุมชนใกล้เคียงเป็น
ตลาดหลักคือ ชุมชนชาวบ้านขาว อาเภอระโนด จังหวัดสงขลาและชุมชนปากพนัง อาเภอ ปากพนัง
จังหวดั นครศรีธรรมราช

อนึ่ง จากข้อสังเกตท่ีได้จากการลงพ้ืนที่ในชุมชนพรุควนเคร็งและชุมชนทะเลน้อยพบว่าพืช
กระจดู มีความสาคญั และมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อวิถกี ารดารงชพี ของคนในชุมชนท่ีอยู่อาศัยในพ้นื ท่ีภมู ิทัศน์พรุ
เคร็ง แทบทุกครัวเรือนยึดอาชีพท่ีเกี่ยวพันกับกระจูด มีการแปรรูปกระจูดเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีหลากหลาย
มากย่ิงขึ้นเพ่ือสอดรับกับกระแสความนิยมเข้าของเครื่องใช้ท่ีเป็นการสะท้อนถึงการรักษ์โลกรัก
ส่ิงแวดล้อม ลดการใช้พลาสติก ทาให้ภาพการทางานในชุมชนมีระบบการแบ่งงานกันทาอย่างเชื่อมโยง
และเอื้อประโยชน์ซ่ึงกันและกัน โดยที่บางครัวเรือนมีอาชีพเพียงแค่การถอนกระจูด คลุกโคลน บาง
ครัวเรือนมีอาชีพรับรีดหรือกล้ิงกระจูดให้แบน ขณะท่ีบางคนมีอาชีพคัดแยกเส้นกระจูด หรือย้อมสีเส้น
กระจูด หรอื การทาสายเชือกที่ทาจากตน้ กก พชื อีกชนดิ หนึ่งในพื้นที่พรุหรือในทน่ี าร้างที่มีนา้ ขัง แตล่ ะวัน
มีหน้าที่เพียงการทาสายเชือกขายต่อให้กับผู้รับไปใช้ประกอบเป็นตัวกระเป๋าก็สามารถดารงชีพอยู่ได้ท้ัง
ครอบครัว หลายครัวเรือนมีอาชีพเพียงการสานกระเป๋าที่ยังไม่มีการประกอบข้ึนรูปกระเป๋าที่สมบูรณ์
แล้วส่งต่อไปยังผู้รับหน้าที่ต่อน่ันคือ การใส่สาย การตกแต่ง บางครัวเรือนสานเส่ือ บางครัวเรือนมีการ
เสริมทักษะต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยการแปรรูปกระจูดเป็นสินค้าท่ีตลาดกาลังนิยม เช่น ที่ใส่แก้วน้า
เยติ กระเป๋าใส่เหรียญ ซองใส่มือถือ (ภาพที่ 1.47-1.49) นอกจากน้ี ข้อสังเกตอีกประการนั่นคือ การ
ช่วยกันทางานและแบ่งงานกันทาในครัวเรือน โดยท้ังผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก และคนสูงวัย ต่างช่วยกันทางาน
สานกระจูด บ้างมีหน้าท่ีสาน บ้างมีหน้าท่ีตัดเศษเสน้ กระจูดของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการสานมาแล้ว
เพื่อเก็บความเรียบร้อยของงาน ขณะน่ังทางานด้วยกันนั้นยังเป็นการโอกาสอันดีที่สร้างการปฏิสัมพันธ์
ระหว่างคนในครอบครัวหรือบางคร้ังอาจต่างครอบครัวด้วยก็ได้เช่นกัน พ้ืนที่การสานกระจูดเป็นอีกหน่ึง
พ้ืนท่ีในการส่ือสารแลกเปล่ียนความคิดเห็น การเรียนรู้ภูมิปัญญาการสานกระจูดจากคนรุ่นหน่ึงสู่คนอีก
รุน่ หนึ่ง

รายงานสรปุ สาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเครง็ วิถคี นและปา่ | 203

ภาพที่ 1.47 ผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่แปรรูปจากพืชกระจูด จัดว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชนพื้นท่ีภูมิทัศน์พรุ
เครง็
ที่มา: บนั ทกึ ภาพโดยสวรนิ ทร์ เบญ็ เดม็ อะหลี เม่ือปี 2562

ภาพท่ี 1.48 ชุมชนทะเลน้อย ตาบลพนางตุง อาเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงกับผลิตภัณฑ์กระจูด ที่ใส่แก้วน้าเยติ เสื่อ
กระจดู แบบพับได้ และผสู้ ูงวยั
ท่มี า: บันทึกภาพโดย สวรนิ ทร์ เบญ็ เด็มอะหลี เม่อื ปี 2562

ภาพท่ี 1.49 คนรุ่นใหม่ซงึ่ เปน็ ลกู หลานคนในชุมชนพรคุ วนเครง็ หมู่ท่ี 11 บา้ นไสขนนุ กับการต่อยอดสินค้าชมุ ชนใหเ้ ปน็
สินค้าร่วมสมัยที่สามารถสร้างความสนใจหรือดึงดูดใจของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ท่ีช่ืนชอบสีสันและความแปลกใหม่ของ
สินค้าท่ีเปน็ มติ รต่อสิง่ แวดลอ้ ม
ทมี่ า: บนั ทกึ ภาพโดย สพุ รรณณี ต้มุ คา ชาวบ้านหมู่ท่ี 4 ตาบลเคร็ง อาเภอชะอวด จังหวดั นครศรธี รรมราช

204 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนเิ วศปา่ พรุเพือ่ เพมิ่ ความสามารถในการกกั เก็บคาร์บอน
และอนุรกั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยั่งยนื

รักษ์ป่า รักโลก กับหลอดราโพ ตราคนพรุ ต้นราโพ พืชในป่าพรุเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ชาวบ้าน
นามาใช้ประโยชน์และสร้างรายได้แก่คนในชุมชนพื้นที่ภูมิทัศน์พรุเคร็ง โดยมีการนามาแปรรูปเป็นหลอด
เพ่ือใช้ดูดน้า ซ่ึงผ่านกระบวนการที่สามารถทาให้หลอดที่ทาจากพืชราโพมีอายุการใช้งานนานกว่า 1 ปี
ปัจจุบันมีการรวมกลุ่มของคนในชุมชนพรุเคร็งแปรรูปพืชราโพ ในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน ผลิตสินค้า
หลอดส่งขายทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสลากสินค้าว่า “คนพรุ” เห็นได้ว่า พืชราโพ เป็นพืช
เศรษฐกิจชุมชนที่ช่วยสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่คนในชุมชนพ้ืนที่ภูมิทัศน์พรุเคร็งได้เป็นอย่างดี
และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยท่ีจะเอ้ือให้คนในพื้นที่ภมู ิทัศน์พรุเคร็งรกั และหวงแหนผนื ป่าและร่วมกันปกป้องป่า
พรุควนเคร็งให้เป็นทนุ ของชมุ ชนสบื ตอ่ ไป (ภาพที่ 1.50-1.52)

ภาพที่ 1.50 หลอดรักษโ์ ลก จากพืชราโพ พืชชนิดหนง่ึ ในปา่ พรุ และตราสนิ ค้า “คนพรุ”
ทม่ี า: บันทึกภาพโดย สวรินทร์ เบญ็ เดม็ อะหลี เมือ่ ปี 2562

ภาพท่ี 1.51 ต้นราโพต้นอ่อนและต้นราโพ ที่โตได้ขนาดเหมาะสมในการเก็บเก่ียว และ คุณวัชระ เกตุชู ผู้ริเร่ิมสร้าง
อาชพี สเี ขียวใหแ้ กช่ ุมชน ต้นความคดิ “หลอดราโพ ตราคนพรุ”
ที่มา: ภาพจากคณุ วัชระ เกตุทอง เม่อื ปี 2562

รายงานสรุปสาหรบั ผูบ้ รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเครง็ วถิ คี นและปา่ | 205

ภาพที่ 1.52 หลอดจากตน้ ราโพ และเด็ก ๆ ในชุมชน ขณะกาลังช่วยพอ่ แม่ทาความสะอาดหลอดราโพ
ท่มี า: ภาพจากคณุ วชั ระ เกตทุ อง เมอ่ื ปี 2562

“ราโพ” เป็นพืชตระกูลเดียวกับไม้ไผห่ รือข้าว “ราโพ” เป็นภาษาพ้ืนถ่ินแถบป่าพรุควนเครง็ พรุ
ทะเลน้อยคนอีสานเรียกว่าเลา ภาษาทางเหนือเรียกว่าอ้อเล็ก ภาคกลางเรียกว่าแขม หน่ออ่อนมี
สรรพคุณทางยาเย็น โดยเฉพาะยาเด็กอ่อน ทางภาคเหนือใช้ทาที่ใส่น้าผ้ึงสาหรับดื่มในพิธีไหว้ครู ช่ือว่า
อ้อผญา หรืออ้อแห่งปัญญา (ชัชวาล ทองดีเลิศ) และราโพเป็นพืชท่ีสัมพันธ์กับสังคมทางปักษ์ใต้มานาน
เช่นกัน ดังท่ารามโนราห์ "โนราราทาบท สีโต ว่า "สีเอ้ยสีโต แลราโพ แตกปาง" ท้ังน้ี สมเจตน์ มุนีโมนัย
นักคิดนักปราชญใ์ นพ้ืนท่ีจังหวัดตรัง อธิบายว่า ตามธรรมชาติท่ัวไป ราโพ เป็นพืชตระกูลหญ้า ต้นตั้งเปน็
ลาอยา่ งไผ่ ไมม่ แี ตกกิ่งใหญ่ออกเป็นปาง (ลกั ษณะดังกล่าวน้ีคาในภาษาถิ่นใต้ เรียกว่า คา่ คบ) และเช่ือว่า
ถ้าราโพกอไหนแตกปาง นิยมว่าศักดิ์สิทธิ์แลฯ ขณะที่หลวงตาสมจิตร จิตตธรรมโม เจ้าอาวาสวัดท่า
สะท้อนเลา่ ว่า ชาวบา้ นแถบน้ใี ช้ทาเปน็ คันเบ็ดลอย หรอื เบด็ ทง รวมถงึ ซั้งสาหรับวางไซหรือลอบ ซงึ่ ใช้กัน
มาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สาหรับการทาหลอดดูด ในอดีตคนโบราณเม่ือเข้าป่าพรุไปถอดกระจูดเม่ือหิว
น้าจะขุดดินน้าใสๆ ออกมาแล้วตัดต้นราโพมาทาหลอดใช้ดูดน้าในหลุมที่ขุดไว้ (วัชระ เกตุชู ประธาน
กรรมการสถานศึกษาศนู ยก์ ารเรยี นชุมชนวถิ ไี ท, 2562)

จากการให้สัมภาษณ์เพ่ิมเติมของคุณวัชระ เกตุชู ชาวบ้านท่าสะท้อน ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.
นครศรีธรรมราช ครูอาสาโรงเรียนวัดท่าสะท้อน และประธานกรรมการสถานศึกษาศูนย์การเรียนชุมชน
วถิ ีไท ผูไ้ ด้รบั การเชดิ ชเู ปน็ บุคคลเกียรติยศจากมลู นธิ ิโกมล คมี ทอง และประธานกลุม่ วสิ าหกิจชุมชนราโพ
คนพรุชะอวด ไดก้ ลา่ วว่า “แรงบันดาลใจในการคิดนาวัสดจุ ากธรรมชาติซ่ึงมีมากในป่าพรุ คือ ปัญหาขยะ
ในทะเลท่ีส่งผลให้พะยูนกินพลาสติกตาย รวมถึงข่าววาฬท่ีตายเพราะขยะพลาสติก และเห็นว่าขยะย่ิง
มากข้ึน กองเป็นภูเขาเกือบทุกอาเภอทั่วประเทศ ในแง่การใช้ประโยชน์จากป่าพรุ และการดูแลปกป้อง
ผืนป่า คิดวา่ จะเป็นผลที่เกิดตามมาสะทอ้ นไดจ้ าก ณ ตอนน้ีมชี าวบ้าน 10 ครอบครัว ทางานมรี ายได้พวก
เขาเหล่านี้ก็จะเป็นหูเป็นตาในการดูแลรักษาป่าได้ดังคาเปรียบเปรยที่ว่า ไผ่ศรีสุขอยู่ได้เพราะข้าวหลาม
ป่าพรุก็เช่นกันหากชาวบ้านเขาได้ประโยชน์ก็จะได้ช่วยกันดูแล ส่วนการจัดการเศษจากต้นราโพที่ตัดไป
ทาหลอดแล้วนน้ั ชมุ ชนไดม้ กี ารนาไปทาปุ๋ยใส่พชื ในแปลงเกษตร”

เหน็ ไดว้ ่า การรวมกลุ่มของชาวบา้ นประกอบอาชีพสเี ขียวทเ่ี ปน็ มติ รกับส่งิ แวดลอ้ มในกรณกี ารทา
หลอดดูดน้าจากต้นราโพ พืชที่มีในป่าพรุ ก่อเกิดประโยชน์หลายอย่างทั้งต่อชุมชนและสังคม โดยในแง่
ชุมชน นอกจากการผลิตหลอดราโพจะสร้างรายได้อันถือเป็นการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจของชุมชนแล้ว
ในแง่มุมทางสังคมยังเป็นการสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชุมชนสะท้อนได้จากการแบ่งงานแบ่งรายได้
ขณะเดียวกันการรวมกลุ่มยังเป็นพื้นท่ีสร้างการเรียนรู้ท่ีผ่านกระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกันทั้ง

206 | โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพอ่ื เพม่ิ ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน
และอนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอย่างยั่งยนื

ภายในชุมชนและกลุ่มคนในสังคมซึ่งอาจอยู่ในบทบาทลูกค้าท่ีร่วมเสนอแนะรูปแบบสินค้า หรือ
นักวิชาการ องค์กรต่าง ๆ และจากการได้เรียนรู้ดังกล่าว หรือรายได้ท่ีชุมชนได้รับจนสร้างความ
เปล่ียนแปลงที่ชุมชนรับรู้ได้ก็จะนาไปสู่ความรู้สึกการเป็นเจ้าของที่รักและหวงแหนทรัพยากรของชุมชน
ร่วมกนั ปกป้องดแู ลรักษาผืนป่าต่อไป ยงิ่ กวา่ น้นั การสร้างผลติ ภัณฑ์ที่เป็นการลดการใช้พลาสติกดว้ ยการ
ใช้หลอดราโพที่ได้รับความนยิ มมากข้ึนในสงั คมนน้ั ถือเป็นส่วนหน่งึ ของรว่ มชว่ ยแก้ปัญหาทางส่ิงแวดลอ้ ม
ท้งั ในระดบั ชมุ ชน สังคม และโลกได้ระดับหนึ่ง

การทาประมงพ้ืนบ้าน เป็นอีกรูปแบบการใช้ประโยชน์จากป่าพรุควนเคร็ง ชาวบ้านมักใช้
เครื่องมือจับสัตว์ด้วยเคร่ืองมือประมงพ้ืนบ้านท่ีสามารถทาได้ด้วยวัสดุที่มีในชุมชนและภูมิปัญญาการทา
เครื่องมือประมงท่ีสืบทอดต่อกันมา เช่น ไซ แห สุ่ม ฯลฯ รวมถึงภูมิปัญญาการดักจับสัตว์น้าโดยการขุด
บ่อในช่วงหน้าแล้งให้มีน้าขัง เมื่อเข้าสู่ฤดูน้าหลากจะทาให้ปลายังคงมีอยู่ในบ่อ ชาวบ้านเรียกวิธีการดัก
จับสัตว์น้าลักษณะนี้ว่า “บ่อล่อปลา” ท้ังนี้ ปลาที่หามาได้มีทั้งนามาปรุงอาหาร ขายสดให้กับลูกค้าเพ่ือ
สร้างรายได้เล้ียงชีพในการนาเงินมาใช้จ่ายในปัจจัยยังชีพด้านอ่ืน ๆ ต่อไป และนามาแปรรูปด้วยภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นท่ีสามารถทาให้เก็บไว้ได้นานเพื่อการยังชีพในช่วงฤดูขาดแคลน เช่น การทาปลาแดดเดียว
การทาปลาเค็ม การนาปลามาทาเป็นกะปิที่ทาจากปลา ท่ีเรียกว่า “เคยปลา” ซึ่งสามารถนามาใช้ปรุง
อาหารทเี่ รียกวา่ แกงนา้ เคย อันเป็นเมนอู าหารเล่ืองชอ่ื ของท้องถ่ิน โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในพน้ื ทภ่ี ูมิทัศน์พรุ
เคร็ง มกั เป็นเมนูอาหารท่ชี ่นื ชอบของแทบทกุ ครวั เรอื น (ภาพท่ี 1.53-1.56)

ภาพที่ 1.53 วิถีชุมชนสะท้อนบทบาทหญงิ ชาย โดยผู้ชายในหม่บู ้านกับบทบาทการทาประมงพ้ืนบ้านในเขตป่าโดยการ
ใช้เคร่ืองมือประมงพื้นบ้าน เรยี กว่า “แห” และผู้หญิงกับบทบาทการทาหน้าท่ีแปรรปู ผลผลติ ท่ีหาได้ทั้งเพื่อเป็นอาหาร
ในครัวเรือนและขาย
ทมี่ า: บนั ทกึ ภาพโดยเจ้าหน้าที่ UNDP เมื่อปี 2562

รายงานสรปุ สาหรบั ผบู้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ ีคนและป่า | 207

ภาพท่ี 1.54 การวางไซดักปลาตามชอ่ งทางนา้ ไหลในปา่ พรุควนเครง็ และปลาไหลทห่ี าได้เป็นมือ้ อาหาร
ที่มา: บนั ทกึ ภาพโดยเจา้ หน้าท่ี UNDP เม่อื ปี 2562

บทสรปุ

ภาพท่ี 1.55 เคยปลา หรอื กะปิทท่ี าจากปลาท้ังตัว ใชป้ รงุ อาหารไดห้ ลากหลายเมนู โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ แกงนา้ เคย
ทมี่ า: บันทกึ ภาพโดยเจ้าหนา้ ที่ UNDP เมอื่ ปี 2562

ภาพที่ 1.56 การใช้ประโยชนพ์ ื้นท่ีพรเุ ขตชมุ ชนทะเลนอ้ ยในการทาประมงด้วยเคร่ืองมือประมงพ้ืนบ้านทีเ่ ป็นภมู ปิ ญั ญา
ของคนทอ้ งถ่ิน และการใช้พน้ื ท่ีพรุในการเลี้ยง “ควายนา้ ” ที่เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะถน่ิ ของชุมชนในพื้นที่ภูมิทัศนพ์ รุควน
เครง็
ท่ีมา: บนั ทึกภาพโดย นันทวรรณ อุ่นจางวาง เมอ่ื ปี พ.ศ. 2562

ท่องเท่ยี วเชิงนิเวศชุมชน สะพานเชอ่ื มชุมชนสู่สังคมภายนอก เป็นอีกรูปแบบการใช้ประโยชน์
ของชุมชนท่ีสร้างรายได้เลี้ยงชีพให้แก่คนในชุมชนในพื้นท่ีภูมิทัศน์พรุควนเคร็งในเขตพื้นท่ีท้ัง 3 จังหวัด
คือนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา เช่นชุมชนควนเคร็ง ตาบลเคร็ง อาเภอชะอวด จังหวัด
นครศรีธรรมราช ชุมชนทะเลน้อย ตาบลพนางตุง อาเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และชุมชนบ้านขาว

208 | โครงการเสริมศกั ยภาพการจดั การระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิ่มความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนรุ กั ษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งย่งั ยนื

อาเภอระโนด จงั หวัดสงขลา ซง่ึ ไดร้ ับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหนว่ ยงานภาครฐั ทเ่ี กี่ยวขอ้ งทง้ั ในและ
นอกชุมชน ท่ีทางานเช่ือมโยงกันท้ังภาครัฐ เอกชน และชุมชน รวมถึงหน่วยงานที่สนับสนุนทางด้าน
วชิ าการทมี่ ีบทบาทซึง่ เปรยี บเสมือนสื่อกลางในการประสานให้ทกุ ฝ่ายได้มีโอกาสในการแลกเปลย่ี นเรียนรู้
และหาแนวทางร่วมกันผ่านกระบวนการศึกษาวิจัยเพื่อนาไปสู่การพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้และนาไปสู่
การพัฒนารูปแบบการท่องเท่ียวอย่างมีระบบ ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้กระทาการที่สาคัญที่จะทาให้โครงการ
ส่งเสริมการท่องเที่ยวหรือกิจกรรมการท่องเท่ียวเชิงนิเวศของชุมชน ดาเนินไปอย่างต่อเน่ืองคือองค์กร
ชุมชนและผู้นา โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและวิสัยทัศน์ของผู้นาชุมชนทั้งท่ีเป็นทางการและ
ไม่เปน็ ทางการลว้ นเปน็ ปจั จัยสาคญั ในการขับเคลื่อนกจิ กรรมการสง่ เสรมิ การท่องเท่ียงเชงิ นิเวศของชุมชน
ให้ประสบผลสาเร็จ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นการเปิดชุมชนให้เป็นท่ีรู้จักแก่คนภายนอกได้รู้จัก และ
ร่วมเรียนรู้ชุมชนผ่านสื่อท่ีมีคุณค่าในตัวเองน่ันคือ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชน ถือเป็นทุนทาง
ธรรมชาติท่ีสาคญั ในการขับเคล่ือนการพฒั นาชุมชนอันจะสร้างความเปน็ ดีอยดู่ ีแก่คนในชมุ ชน สรา้ งความ
ตระหนักรักบ้านเกิด เกิดภาคภูมิใจในรากเหง้า และสร้างแรงบันดาลใจในการร่วมอนุรักษ์ทรพั ยากรอันมี
ค่าของชมุ ชนใหด้ ารงอยู่ต่อไป ดังสะท้อนไดจ้ ากความคิดเหน็ ของผู้มสี ่วนได้สว่ นเสียจากชุมชน ซึ่งเป็นผู้ใช้
ประโยชน์จากพ้ืนที่ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งในเขตพื้นท่ีทะเลน้อย ตาบลพนางตุง อาเภอควนขนุน จังหวัด
พัทลุง ในด้านการท่องเท่ียว ผู้พลิกชีวิตจากการสร้างการท่องเที่ยวกลุ่มเรือนาเท่ียวเพื่อการอนุรักษ์ทะเล
นอ้ ย ทก่ี ลา่ วในเวทีการเสวนา “ปา่ พรุ….ต้นธารฐานเศรษฐกิจ ฐานชีวติ คนเคร็ง” เมอ่ื วนั ที่ 22 กันยายน
2562 ด้วยความภาคภูมใิ จและรู้ถึงคุณค่าของทรพั ยากรธรรมชาตขิ องชุมชนว่า “ทะเลน้อยคือหอ้ งรับแขก
ของพัทลุง จึงอยากให้พรุควนเคร็ง เป็นหน้าบ้านทส่ี วยงามเพ่ือต้อนรับผู้มาเยือน” (นายพรประเสริฐ เก้ือ
คราม, สรา้ งการท่องเทีย่ วกลุ่มเรือนาเทย่ี วเพอ่ื การอนุรกั ษท์ ะเลน้อย) (ภาพท่ี 1.57-1.59)

ภาพที่ 1.57 การใช้ประโยชน์ในดา้ นการท่องเท่ียวเชิงนเิ วศโดยชุมชน ในพน้ื ท่ีทะเลนอ้ ย ตาบลพนางตุง อาเภอควนขนนุ
จังหวดั พทั ลงุ
ทีม่ า: บนั ทึกภาพโดย นันทวรรณ อ่นุ จางวาง เม่อื ปี พ.ศ. 2562

ภาพท่ี 1.58 การท่องเทย่ี วเชิงนเิ วศชุมชน ในแง่การใช้ประโยชนใ์ นมติ ทิ างวัฒนธรรมชมุ ชน (วถิ ชี วี ติ ของชุมชน)
ท่ีมา: บันทึกภาพโดย สวรนิ ทร์ เบ็ญเด็มอะหลี เมอื่ ปี พ.ศ. 2562

รายงานสรุปสาหรบั ผ้บู ริหาร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถคี นและป่า | 209

ภาพที่ 1.59 บ้านพักแบบโฮมสเตย์ในชุมชนทะเลน้อย ตาบลพนางตุง อาเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง การใช้ประโยชน์
ทางอ้อมของชุมชนที่ได้จากการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศชุมชนในพื้นท่ีภูมิทัศน์พรุควนเคร็งที่มา: บันทึกภาพโดย สว
รนิ ทร์ เบญ็ เดม็ อะหลี เมื่อปี พ.ศ. 2562

อน่ึง โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุ เพ่ือเพิ่มความสามารถในการกักเก็บ
คาร์บอนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างยั่งยืนจงึ ให้ความสาคัญกบั ข้อเสนอจากเสยี งของผู้
มีส่วนได้ส่วนเสียในเวทีต่าง ๆ ท่ีมักมีข้อเสนอในด้านการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพ่ือการพัฒนาความ
เป็นอยู่ที่ดีเนื่องจากเป็นช่องทางการสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนโดยใช้ทุนชุมชน ท่ีมีอยู่อย่างอุดม
สมบูรณ์ทั้งทุนด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทุนทางสังคมและวัฒนธรรม ซ่ึงเอ้ือต่อการพัฒนาการท่องเท่ียว
และจากขัอเสนอผา่ นเสยี งสะท้อนเหล่าน้ี จงึ กลายมาเปน็ แผนการจัดการท่องเที่ยววถิ ีชุมชนคนกับพรุ อัน
เกิดจากกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้ท่ีเก่ียวข้อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงคนในชุมชน ซ่ึงเป็นผู้ที่จะได้รับ
ประโยชน์จากการดาเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวและยังเป็นผู้กระทาการที่สาคัญในกระบวนการจัดการ
ท่องเท่ียวในแต่ละกิจกรรมที่ผนวกรวมอยู่ในแผนการจัดการท่องเท่ียววิถีชุมชนคนกับพรุ (ภาพที่ 1.59-
1.60)

210 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

ภาพท่ี 1.60 แผนท่ที อ่ งเที่ยววถิ ีชมุ ชนคนกับพรุ
ที่มา: โครงการเสริมศักยภาพการจดั การระบบนิเวศปา่ พรเุ พื่อเพิ่มความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอนและอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอย่างย่งั ยนื

รายงานสรุปสาหรับผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรุควนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 211

การเสริมศกั ยภาพพื้นที่ภูมิทัศนพ์ รคุ วนเคร็งกับนโยบายรฐั ข้อมูลข้างต้นยังชใ้ี ห้เห็นวา่ ในด้าน
การจัดการป่าพรุควนเคร็งอย่างยั่งยืนนั้นต้องมีการทางานร่วมกันจากทุกฝ่ายในแบบบูรณาการในทุก ๆ
ด้าน น่ันคือจาเป็นต้องใช้ “เครื่องมือผสม-วิถีผสาน” และ “ความรู้ผสม-ความร่วมมือประสาน” ต้อง
ร่วมมือกันท้ังภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพอื่ จดุ มุ่งหมายท่ีตอบโจทยย์ ุทธศาสตร์การพัฒนาของชาติ โดยที่
การพัฒนาในพื้นท่ีภูมิทัศน์พรุควนเคร็งสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580 ทั้งในมิติ
ความม่ันคง มั่งค่ัง และย่ังยืน (สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ, 2561) ทั้งนี้ ใน
มิติความมนั่ คง คือ การท่ปี ่าพรุควนเคร็งเปรียบเสมือนแหล่งความมนั่ คงทางอาหาร พลงั งาน และนา้ คน
ในชุมชนมีอาชีพที่สร้างรายได้จากการใช้ประโยชน์จากผลผลิตจากป่า เช่น กระจูด ทาให้มีความม่ังคง
ทางเศรษฐกิจ ขณะเดยี วกนั ยงั ทาให้สมาชิกครอบครวั มีเวลาอยู่ด้วยกนั ดแู ลกัน การแบ่งงานกันทาในการ
ทาผลิตภัณฑ์กระจูดของชุมชน กิจกรรมเหล่านี้เป็นพ้ืนท่ีสร้างการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน รวมถึง
ภายในครอบครัว นาไปสู่การเป็นชุมชนท่ีมี สังคมเปี่ยมสุข และเมื่อชุมชนได้ประโยชน์จาก
ทรัพยากรธรรมชาติคือป่าพรุ ย่อมทาให้เกิดความรู้สึกหวงแหน เป็นเจ้าของร่วม จึงร่วมกันอนุรักษ์ ดูแล
ปกป้อง ส่งผลให้ชุมชนมีส่ิงแวดล้อมท้ังด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ น่ันคือชุมชนมีความ
มั่นคงท้ังทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่วนในมิติความมั่งค่ัง คือ ชุมชนมีทุนทางธรรมชาติ
วฒั นธรรม ที่สามารถพัฒนาต่อยอดสร้างเศรษฐกิจชมุ ชน โดยมีการสง่ เสริมความรู้ความสามารถให้กับคน
ในชุมชนและผู้ที่เก่ียวข้อง เป็นการเสริมศักยภาพตัวบุคคล สาหรับมิติความยั่งยืน น่ันคือ การที่คนใน
ชุมชนมีความมั่นคง มั่งคั่ง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาและการจัดการป่าพรุในพ้ืนท่ีภูมิทัศน์พรุควนเครง็
ย่อมสะท้อนถึงความย่ังยืนของชุมชนและป่าพรุควนเคร็ง น่ันเอง นอกจากน้ี การท่ีป่าพรุเป็นแหล่งสร้าง
อาชีพและก่อเกิดรายได้ท่ีเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน สร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์
ด้านการสร้างความสามารถทางการแข่งขันที่มุ่งเน้นยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ
ภายใต้แนวคิด (๑) ท่ีว่า “ต่อยอดอดีต” โดยมองกลับไปท่ีรากเหง้าทางเศรษฐกิจอัตลักษณ์ วัฒนธรรม
ประเพณี วิถชี ีวติ และจุดเดน่ ทางทรัพยากรธรรมชาตทิ ี่หลากหลาย รวมทงั้ ความไดเ้ ปรียบเชงิ เปรียบเทียบ
ของประเทศในด้านอ่ืน ๆ น่ามาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพ่ือให้สอดรับกับบริบท
ของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม่

ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดูแล ควบคุมเพ่ือการอนุรักษ์ผืนป่าของ
ประเทศ ได้กล่าวไว้ในเวทีเสวนา “ป่าพรุ….ต้นธารฐานเศรษฐกิจ ฐานชีวิตคนเคร็ง” เม่ือวันท่ี 22
กันยายน 2562 เช่นกัน ซึ่งช้ีให้เห็นว่า หน่วยงานให้ความสาคัญกับชุมชนและปฏิบัติตามแนวทาง
ยุทธศาสตร์ชาติ แม้ว่ากฎหมายอาจจะยังมีข้อจากัดในทางปฏิบัติ แต่ก็มีทางออกของปัญหาดังกล่าวได้
เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยกล่าวว่า “คนต้องอยู่ร่วมกับป่าได้ โดยสามารถ
จดั ทาโครงการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งย่ังยนื ระหว่างสานักงานบริหารพ้ืนที่
อนุรักษ์และชุมชนโดยรอบพ้ืนที่ ซ่ึงมีระยะเวลาบังคับใช้คราวละไม่เกิน 20 ปี เพ่ือแก้ปัญหาการดารงชีพ
ตามวิถีชีวิตด้ังเดิม โดยสามารถเก็บหาทรัพยากรที่เกิดใหม่ทดแทนได้ตามฤดูกาล” (นายดารัส โพธิ์
ประสิทธ์ิ, ผู้อานวยการสานักบริหารพ้ืนท่ีอนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช)) ซึ่งเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ด้านการจัดการป่าไม้ภายใต้ยุทธศาสตร์กรมป่าไม้ ระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560-2579 ซึ่งมีการกาหนด
สอดคล้องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 ภายใต้นโยบายรัฐบาล ข้อท่ี 9 การ
รักษาความม่ันคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่าง

212 | โครงการเสรมิ ศักยภาพการจดั การระบบนเิ วศป่าพรุเพ่ือเพ่ิมความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน
และอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอย่างยงั่ ยนื

ย่ังยืน ซ่ึงกรมป่าไม้มีการกาหนดแผนยุทธศาสตร์โดยการพัฒนาระบบบริหารจัดการที่ดิน และแก้ไขการ
บุกรุกที่ดินของรัฐโดยยึดแนวพระราชดาริที่ให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้ เช่น กาหนดเขตป่า
ชุมชนให้ชัดเจน พ้ืนท่ีใดท่ีสงวนหรือกันไว้เป็นพ้ืนที่ป่าสมบูรณ์ก็ใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด
พนื้ ท่ใี ดสมควรให้ประชาชนใช้ประโยชนไ์ ด้กจ็ ะผอ่ นผันใหต้ ามความจาเป็นโดยใช้มาตรการทางการบริหาร
จัดการ มาตรการทางสังคมจิตวิทยา และการปลูกป่าทดแทนเข้าดาเนินการ ท้ังจะให้เชื่อมโยงกับการ
ส่งเสริมการมอี าชพี และรายได้อื่นอันเป็นบ่อเกิดของเศรษฐกจิ ชมุ ชนทต่ี ่อเนื่อง เพอ่ื ให้คนเหลา่ น้ันสามารถ
พึ่งพาตนเองได้ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในยุทธศาสตร์ท่ี 5
ด้านการสร้างการเติบโตท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม (๑) การจัดระบบอนุรักษ์ ฟ้ืนฟูและป้องกันการทาลาย
ทรัพยากรธรรมชาติ

เห็นได้ว่า การใช้ประโยชน์ของชุมชนในด้านต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นชัดว่า ป่าพรุ
คือทุนทางธรรมชาติที่สาคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม ทั้งในระดับชุมชนท้องถ่ิน
ระดับประเทศ และระดับโลก หรือกล่าวอีกนัยหน่ึงได้ว่า ป่าพรุควนเคร็ง คือฐานรากของการพัฒนาที่
ย่ังยืนของชุมชนและประเทศที่มีอยู่เดิมแล้ว นั่นเพราะว่าป่าพรุควนเคร็งเอ้ือประโยชน์ต่อชุมชนทั้งในมิติ
ทางเศรษฐกจิ สังคม และสงิ่ แวดล้อม ครอบคลมุ ปัจจยั พน้ื ฐานในทกุ ด้านของการดารงชีพของคนในชุมชน
ซึ่งอาจได้รับประโยชน์ท้ังโดยทางตรงและโดยทางอ้อม ท้ังน้ีในระดับชุมชนท้องถิ่นกล่าวได้ว่า ป่าพรุคน
เคร็ง คือ ทุนทางธรรมชาติของชุมชนในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่สามารถสร้างความเป็นอยู่ทีดีแก่คน
ในชมุ ชนได้ เมือ่ ชมุ ชนมีเศรษฐกจิ ดี ย่อมเออ้ื ต่อการมีสงั คมท่ีดี ปัญหาสงั คมน้อยลง คนในชมุ ชนมคี วามสุข
มีความตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ ย่อมดีไปด้วย และหากการ
พฒั นาในระดับชมุ ชนท้องถิน่ อันเป็นหน่วยเล็ก ๆ ของประเทศมีความเข้มแข็ง ชุมชนพง่ึ พาตนเองได้ ยอ่ ม
เอ้ือตอ่ การพัฒนาทสี่ รา้ งความเขม้ แขง็ ในดา้ นต่าง ๆ ในระดับประเทศ

ป่าพรุควนเคร็งและคนในชุมชนรายรอบพ้ืนที่ภูมิทัศน์พรุควนเคร็งเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง
มนุษย์และธรรมชาติที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่ามนุษย์พึ่งพิงอาศัยธรรมชาติในการดารงชีพ จึงมีการจัดการ
ต่อทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนซึ่งสะท้อนได้จากการใช้เคร่ืองมือในการเก็บเก่ียวผลผลิตจากธรรมชาติ
ท่ีอยู่บนพ้ืนฐานของความพอเพียง ใช้ประโยชน์โดยคานึงถึงความย่ังยืน ด้วยวิธีการเก็บเก่ียวท่ีใช้ภูมิ
ปัญญาในการใช้และการทาเคร่ืองมือ เช่น การใช้ไซ แห การถอนกระจูด เป็นต้น ท้ังน้ี Callicot et al.,
1999, 23-24 อ้างถึงใน สวรินทร์ เบ็ญเด็มอะหลี, 2558, 29) ได้อธิบายถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
ที่แตกต่างกันไปตามมุมมองท่ีมีต่อสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์กับระบบนิเวศธรรมชาติของหลักปรัชญา
สาคัญท่ีมีอทิ ธิพลตอ่ แนวคิดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ นั่นคือ หลกั ปรชั ญาองค์ประกอบนยิ ม มองว่า
มนุษย์ไม่ได้เป็นองค์ประกอบหนงึ่ ของระบบนิเวศธรรมชาติ แต่เป็นผู้คุมคามหรอื ผู้ควบคุม ขณะท่ีปรัชญา
หน้าทน่ี ยิ มมองว่ามนษุ ย์เปน็ องค์ประกอบหน่ึงของระบบนเิ วศธรรมชาติ ทุกสรรพสิ่งเชื่อมโยงกนั

ทั้งน้ีหากพิจารณาวิถีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนในพ้ืนที่ภูมิทัศน์พรุเคร็ง
จะเห็นได้ว่ามีความสอดคล้องตามหลักปรัชญาหน้าท่ีนิยมท่ีมองว่ามนุษย์เป็นองค์ประกอบหน่ึงของระบบ
นิเวศธรรมชาติ หรือคนเคร็งเป็นองค์ประกอบหน่ึงของพรุควนเคร็ง มีความเป็นหน่ึงเดียวกันระหว่างคน
และพรุ เช่นนยี้ ่อมอธิบายได้ว่า เม่อื มนุษยม์ องว่าตนเปน็ ส่วนหนึ่งของระบบนิเวศธรรมชาติ หรือมนุษย์คือ
หน่ึงในความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศธรรมชาติ การปฏิบัติต่อธรรมชาติก็ย่อมเป็นไปอย่าง
นอบนอ้ มและใหค้ วามเคารพต่อธรรมชาติในฐานะผู้ให้คุณประโยชนต์ ่อการดารงชวี ิตของตน ดังสะทอ้ นได้

รายงานสรุปสาหรับผู้บริหาร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรุควนเคร็ง วถิ คี นและป่า | 213

จากพิธกี รรมความเชื่อต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตทิ ้ังแม่น้า ป่าไม้ ท่ีมัก
มีพิธีกรรมที่แสดงการระลึกถึงบุญคุณ เช่น การเซ่นหัวหมี ด้วยน้าผ้ึงภายหลังการตผี ึ้งของชาวตาบลควน
โส อาเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา ซ่ึงในแง่ความเชื่อของชุมชนถือเป็นการเอาน้าผึ้งตอบแทนท่ีทาให้ได้
น้าผึง้ (สวรินทร์ เบญ็ เด็มอะหลี, 2558, 196) หรอื พิธกี รรมท่ีมกี ารไหว้เจา้ ที่เจา้ ทางหรือบนบานขอต่อเจ้า
ที่เจ้าทางให้ได้น้าผ้ึง เป็นต้น เหล่านี้คือพิธีกรรมความเชื่อท่ีสืบทอดต่อกันมา เป็นภูมิปัญญาการใช้
ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนที่ให้การเคารพต่อธรรมชาติ (หมายความรวมถึงสิ่งเหนือ
ธรรมชาติในความเข้าใจท่ัวไปซง่ึ แทจ้ รงิ ในอกี มมุ มองหนงึ่ ถอื เป็นธรรมชาตดิ ว้ ยเช่นกนั ) ทว่า เมือ่ ใดกต็ ามที่
เกิดการบุกรุกทาลายป่า เผาป่า สถานการณ์เช่นน้ีมักเกิดจากคนภายนอกชุมชนท่ีมิได้มีความผูกพันหรือ
เช่ือมโยงกับการดารงชีพของตนมาก่อน จึงมีการปฏิบัติหรือจัดการกับธรรมชาตใิ นลกั ษณะที่ไม่เคารพต่อ
ธรรมชาติ เล็งเห็นแต่ประโยชนส์ ่วนตน ลักษณะเช่นน้ีจึงอธิบายไดด้ ้วยแนวคิดตามหลกั ปรัชญาโครงสร้าง
หน้าท่ีซ่ึงมองว่ามนุษยม์ ิใชอ่ งค์ประกอบของระบบนเิ วศธรรมชาติ หากแต่เป็นผู้คุกคามหรือผู้ควบคุม การ
ปฏบิ ตั ิตอ่ ระบบนิเวศพรุควนเคร็งจงึ เป็นไปในทางทาลายมากกว่าการดแู ลรักษาหรอื ปกป้อง

214 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรปุ สาหรับผ้บู รหิ าร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเครง็ วถิ ีคนและปา่ | 215

9

บทสรุป

216 | โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศปา่ พรุเพอื่ เพิม่ ความสามารถในการกกั เก็บคาร์บอน
และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างยงั่ ยืน

ขอ้ มูลป่าพรุควนเคร็งและวิถชี ุมชนในแง่มุมต่าง ๆ ที่กล่าวมาขา้ งตน้ ทาให้เข้าใจรากเหง้าอันเป็น
แก่นแกนของความเป็นชุมชนในพ้ืนที่ภูมิทัศน์พรุเคร็งได้ว่า ด้านภูมิศาสตร์ที่ตั้งนั้นเมื่อมีการสืบค้นข้อมูล
ผ่านงานวิจัยต่าง ๆ ระบุสอดคล้องกันว่า พรุควนเคร็งเคยเป็นทะเลมาก่อน โดยมีข้อมูลบ่งชี้นั่นคือ การ
เปล่ียนแปลงสภาพแวดล้อมการตั้งถิ่นฐาน แผนที่เก่าของชาวต่างชาติ โบราณวัตถุท่ีบ่งชี้การเป็นจุดแวะ
พักหรือมีการติดต่อค้าขายทางทะเล เช่น เศษเครื่องถ้วยจีนท่ีพบในพ้ืนที่พรุเคร็ง คาบอกเล่าของผู้อยู่
อาศัยในชมุ ชน ตานานเร่อื งเล่า ความเชอ่ื รวมถงึ ชื่อสถานที่ต่าง ๆ ในชุมชน ทม่ี ีช่อื ท่ีประกอบดว้ ยคาต่าง
ๆ ที่มคี วามหมายเกยี่ วข้อง เช่น คาวา่ เล (ทะเล) อา่ ว แหลม หมู่บา้ น ทง้ั น้ี หลักฐานและข้อมูลเหล่านี้ทา
ให้ทราบได้ว่าในความเป็นจริงแล้วพื้นที่พรุควนเคร็งคือทะเล อันเป็นพื้นที่ที่เป็นพ้ืนน้าส่วนหน่ึงของโลกท่ี
ตืน้ เขนิ จนแปรสภาพเปน็ พื้นทพี่ รุ นอกจากนีใ้ นพน้ื ท่ีภมู ทิ ศั น์พรุเครง็ มผี ืนป่าท่ีเคยเปน็ ปา่ ทีส่ มบรู ณ์มีความ
หลากหลายของพันธ์ุพืชและสัตว์ในความหลากหลายทางชีวภาพท่ีรวมถึงมนุษย์ ซ่ึงคือคนในชุมชน ที่
อพยพย้ายถิน่ เข้ามาอยอู่ าศัยตามแหลง่ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ่ีพอจะพ่งึ พงิ อาศัยในการดารงชพี ได้

ปา่ พรคุ วนเครง็ ในพืน้ ท่ีภมู ิทัศน์พรุเคร็งภายใต้ขอบเขตการศึกษาของโครงการน้ี จดั เปน็ พื้นที่พรุ
ท่ีใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย มีเนื้อที่ป่าพรุประมาณ 154,363 ไร่ ครอบคลุมเขตจังหวัด
นครศรีธรรมราช ใน 5 อาเภอ คือ อาเภอเชียรใหญ่ อาเภอชะอวด อาเภอเฉลิมพระเกียรติ อาเภอร่อน
พบิ ูลย์ อาเภอหัวไทร จังหวัด (ตาบลพนางตุง ตาบลทะเลนอ้ ย อาเภอควนขนนุ จังหวดั พทั ลงุ ) และสงขลา
(ตาบลบ้านขาว อาเภอระโนด) ภายใต้พื้นท่ีภูมิทัศน์พรุเคร็ง คนในชุมชนพื้นท่ีภูมิทัศน์พรุเคร็งดารงชีพ
ด้วยการพึ่งพิงทรัพยากรของชุมชนในหลากหลายรูปแบบ เช่น การทาประมงพื้นบ้านในเขตป่าด้วย
เคร่ืองมือประมงท่ีใช้ภูมิปัญญาของท้องถ่ินซึ่งทาจากวัสดุธรรมชาติท่ีหาได้ในชุมชน การใช้ประโยชน์โดย
การหาพืชกินได้เป็นอาหาร เช่น เห็ดเสม็ด เห็ดตับเต่า และพืชกินได้อื่น ๆ รวมถึงพืชสมุนไพรท่ีใช้เป็นยา
รักษาโรค และพืชที่ใช้แปรรูปเป็นของใช้ เช่น กระจูด ซ่ึงชาวบ้านนามาสานเป็นเสื่อหรือสาดไว้ปนู ่ัง นอน
สานเปน็ กระสอบใส่ข้าว เกลอื และภาชนะอ่ืน ๆ อีกมากมาย จวบจนปจั จุบันทมี่ ีการพัฒนางานหตั ถกรรม
สนิ ค้าจากกระจูดในหลายรปู แบบ ซงึ่ มกี ารพฒั นาตอ่ ยอดเป็นสินค้าท่ีสรา้ งรายได้ใหแ้ กช่ ุมชนและมสี ่วนใน
การพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน และยังเอื้อในการพัฒนาในมิติทางสังคม และส่ิงแวดล้อมอีกด้วย ไม่
เพียงแต่พืชกระจูด ปัจจุบันนี้มีการนาต้นราโพมาผลิตเป็นหลอดดูดน้าที่สร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนอีก
ทางหนง่ึ ถือเปน็ พืชเศรษฐกจิ อีกอย่างหนึ่งของชมุ ชนในภูมทิ ัศน์พรเุ ครง็ นอกจากนย้ี ังมีการใชป้ ระโยชน์ใน
การทานาขา้ ว ป่ายังเปน็ แหล่งพลังงานของครัวเรือนในชมุ ชน นั่นคือ การใช้ไมฟ้ นื การเผาถ่านไม้จากเศษ
ไม้ที่ลม้ จากภยั ธรรมชาติ รวมถึงการจับสตั วอ์ ่นื ๆ เช่น การตผี ง้ึ เพอื่ หานา้ ผ้งึ อันเปน็ แหล่งนา้ หวานยุคแรก
ของมนุษย์ ซ่ึงนอกจากจะเป็นแหล่งน้าหวานแล้ว น้าผึ้งยังถือเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคอีกอย่างหนึ่ง
ปัจจุบนั อาชีพตผี งึ้ ยังมอี ยใู่ นชุมชนและสร้างรายไดจ้ ากการขายน้าผง้ึ ป่าในการยังชีพ

ปัจจบุ นั พื้นทป่ี ่าทว่ั โลกไดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณป์ ัญหาต่าง ๆ ไม่ต่างจากปา่ พรุควนเคร็ง
ป่าผืนใหญ่ท่ีเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาและภัยคุกคาที่ส่งผลกระทบทั้งต่ อสรรพชีวิตในป่าและคนใน
ชุมชนรายรอบพ้ืนท่ีภูมิทัศน์พรุเคร็ง เช่น ปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งสาเหตุโดยส่วนใหญ่มาจาก
กิจกรรมของมนุษย์ ท้ังโดยต้ังใจและไม่ตั้งใจ ทั้งน้ี สาเหตุที่เกิดจากความต้ังใจน้ันมีความเช่ือมโยงกับการ
ใช้ประโยชนท์ ่ีดินในด้านเกษตรกรรมเพ่ือการขยายพ้นื ทปี่ ลูกพชื เศรษฐกจิ ท่ไี ดร้ ับการส่งเสริมตามนโยบาย
ของรัฐ น่ันคือ ปาล์มน้ามัน และยางพารา แน่นอนว่าต้นตอหรือรากของปัญหาท่ีพอจะวิเคราะห์ได้อีก
ประการน่ันคอื นโยบายของรัฐนน่ั เอง ทีก่ ่อใหเ้ กิดการแตกหน่อต่อยอดของปัญหาออกไปในหลาย ๆ ดา้ น

รายงานสรุปสาหรับผบู้ รหิ าร ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถีคนและปา่ | 217

ท่ีทาให้พ้ืนท่ีป่าอนุรักษ์หรือพื้นที่สาธารณะร่วมต่าง ๆ ของชุมชน กลายเป็นพื้นท่ีเป้าหมายในการ
ครอบครองเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนายทุนทั้งในและนอกชุมชนที่มีทุนและมีความสัมพันธ์
เช่ือมโยงกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ถือเป็นกลุ่มท่ีมีอิทธิพลสูงบางส่วนที่ขาดธรรมาภิบาลหรือพร่อ งใน
จรยิ ธรรมในการทางาน ทาให้ป่าหลายพืน้ ท่ี รวมถึงป่าพรคุ วนเคร็งจะแปรสภาพพ้นื ท่ีเป็นป่าท่ีครอบครอง
ไดต้ ามกฎหมายโดยการเออ้ื ของกลมุ่ คนเหลา่ น้ี

ด้วยคุณค่าของพรุเคร็งในมิตติ ่าง ๆ ทั้งทางวัฒนธรรมอันหมายถึงวถิ ีการดารงชวี ิตของผูค้ นราย
รอบพรุเคร็งในพื้นที่ภูมิทัศน์พรุเคร็ง และคุณค่าของผืนป่าพรุควนเคร็งท่ีมีคุณค่าและประโยชน์อย่าง
มหาศาลต่อวิถีการดารงชีวิตของคนในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก ท้ังในมิติทางเศรษฐกิจอันหมายถึง
เศรษฐกจิ ชุมชนเปน็ หลกั มติ ทิ างสงั คม ทีเ่ ชอื่ มโยงสมั พนั ธก์ ับวถิ ชี วี ิตและวฒั นธรรมการดารงอยขู่ องชุมชน
รายรอบพนื้ ท่ีภูมิทัศนพ์ รุเคร็ง และมติ ทิ างสงิ่ แวดลอ้ ม ที่นบั ไดว้ ่าป่าพรเุ ปน็ พื้นที่ท่มี ีศักยภาพสูงในการเก็บ
กกั คาร์บอนท่ลี ดปัญหาโลกร้อนได้อยา่ งมาก การดาเนินการท่เี ป็นการจดั การร่วมกันอย่างบรู ณาการท้ังใน
แง่การมีส่วนร่วมในระดับความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ดังเช่นการจัดทาแผนยุทธศาสตร์
การจัดการอย่างมีส่วนร่วม ให้ทุกฝ่ายได้ร่วมคิด ร่วมวางแผน และกาหนดนโยบายจากระดับล่างสู่บน
การบรู ณาการวิธีการจดั การ ชุดความรูต้ า่ ง ๆ ผสมผสานวิธกี าร ทั้งการใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกนั การเสื่อม
โทรมของพื้นท่ีป่าพรุ การฟื้นฟูระบบนิเวศป่าพรุท่ีเสื่อมโทรม การสร้างส่ือเพ่ือการสอื่ สารสร้างการเรยี นรู้
พรุเคร็งท้ังในระดับชุมชนและสังคม เพื่อร่วมกันปกป้อง เป็นหูเป็นตาคอยสอดส่อง เหล่านี้ถือเป็นการ
สร้างเกราะค้มุ กนั ให้กับผืนปา่ พรุเครง็ และยังเปน็ การคุ้มครองวถิ ชี วี ติ คนพรุใหด้ ารงอย่สู บื ไป

218 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรปุ สาหรบั ผ้บู ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 219

บรรณานุกรม

220 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรุปสาหรับผบู้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วิถีคนและป่า | 221

บรรณานุกรม

กรมพัฒนาท่ีดิน. (ม.ป.ป.). ลักษณะและสมบัติของชุดดิน ภาคใต้และชายฝ่ังทะเลภาคตะวันออก. สืบค้น
เ ม่ื อ 1 พ ฤ ศ จิ ก า ย น 2562, จ า ก http://www.ldd.go.th/thaisoils_museum
/pf_desc/south/Kd.htm

กรมอุตุนิยมวิทยา . (2563). หนังสืออุตุนิยมวิทยา . สืบค้นเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2563, จาก
https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=68

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช. (ม.ป.ป). การดับไฟในป่าพรุ. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2562,
จาก http://www.dnp.go.th/forestfire/FIRESCIENCE/lesson%207/lesson7_2.htm

กรรณิการ์ ตันประเสริฐ, ภูธร ภูมะธน, แสงอรุณ กนกพงศ์ชัย, ประทุม ชุ่มเพ็งพันธุ์, ต้วน ล่ีเง, ชวลิต อัง
วิทยาธร, ทิวา ศุภจรรยา และสุกรี เจริญสุข. (2540). รายงานการวิจัยสนองพระราช
ประสงค์ เร่ืองนครศรีธรรมราช กรณีศึกษา 1) การตั้งถิ่นฐานที่กรุงชิงและพรุควนเคร็ง 2)
จนี : ประวัตศิ าสตร์ โบราณคดี ผคู้ น และวฒั นธรรม. กรงุ เทพฯ : สภามหาวิทยาลัยหวั เฉียว
เฉลมิ พระเกยี รติ.

กอบศักด์ิ วันธงไชย, ประสงค์ สงวนธรรม, สาพิศ ดิลกสัมพันธ์, สาวิตรี การีเวทย์, พรเทพ เหมือนพงษ์,
จงรัก วัชรินทร์รัตน์. (2558). การจัดการไฟป่าเพ่ือบรรเทาปัญหาการเปล่ียนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศในพื้นท่ีป่าพรุคว นเคร็ง . เข้าถึงเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2562, จาก
http://www.thai-explore.net /search_detail/result/1728

กอบศักดิ์ วันธงไชย, สุทธิพงษ์ ไชยรักษ์, พลากร คูหา, และ กรรณเกษม มีสุข. (2555). การประเมิน
ลักษณะเช้ือเพลิงและพฤติกรรมไฟป่าจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง จังหวัด
นครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. 2555. การประชุมวิชาการแลนาเสนอผลงานวิชาการเครือข่าย
งานวิจัยนิเวศวิทยาป่าไม้ประเทศไทย ณ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
กรุงเทพฯ ระหวา่ งวันท่ี 23-24 มกราคม พ.ศ. 2557. 168-179.

คุณาพร ไชยโรจน์. (2549). “ทวด” ในรูปสตั ว์ (ทวดงู ทวดจระเข้ ทวดช้าง และทวดเสือ). สงขลา: วนิดา
การพมิ พ์. 148 หน้า.

จาเป็น อ่อนทอง. (2550). ดินมีปัญหาและการจัดการ. สงขลา: ภาควิชาธรณีศาสตร์ คณะ
ทรพั ยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์. 262.

เจริญวิชญ์ หาญแก้ว. 2562. ป่าพรุ…แหล่งเก็บกักคาร์บอนสาคัญของโลก. I-Green. เข้าถึงเม่ือ 18
กนั ยายน 2562. จาก http://www.igreenstory.co/phru-kuan-kreng/

ฉัตรไชย รตั นไชย, ศกั ดช์ิ ยั ปรีชาวีรกุล, วิชยั กาญจนสวุ รรณ และนฤทธิ์ ดวงสุวรรณ.์ (2559). การบรหิ าร
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
สภาพภูมิอากาศในลุ่มน้าทะเลสาบสงขลาด้วยหลักธรรมาภิบาล. (รายงานวิจัยฉบับ
สมบูรณ)์ . สงขลา: สานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแหง่ ชาติ.

ชวลิต นิยมธรรม และพิชา พิทยขจรวุฒิ. 2540. ป่าพรุโต๊ะแดง. กรุงเทพฯ: ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติ
ป่าพรุสริ นิ ธร. 88 หน้า.

222 | โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพือ่ เพิ่มความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยงั่ ยืน

ไชยรัตน์ ส้มฉุน. (2549). “วิจัย…เสม็ดขาวเติบโตดีพ้ืนท่ีพรุ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
ภูเก็ต” สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2555. http://fulltext.phuket.psu.ac.th/clipping/2549
/29798.jpg.

ธนิตย์ หนูยิ้ม. (2547). คู่มือการปลูกและฟ้ืนฟูป่าพรุ (Peatswamp Forest Rehabilitation and
Planting). พิมพ์คร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ: โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง (งานป่าไม้)
ส่วนโครงการพระราชดารแิ ละความม่ันคง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. 130
หน้า.

ธวัชชัย สันติสุข, สุรพล สุดารา และสนิท อักษรแก้ว. (2534). สุวลักษณ์ นาทีกาญจนลาภ
(บรรณาธิการ). ป่าพรุ. กรุงเทพฯ: โครงการอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเล มูลนิธิคุ้มครองสัตว์
ปา่ และพรรณพชื แหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชินูปถมั ภ์.

ธวัชชัย สันติสุข, สุรพล สุดารา, และ สนิท อักษรแก้ว. (2534). ป่าพรุ. สุวลักษณ์ นาทีกาญจนาลาภ
(บรรณาธิการ). กรุงเทพฯ: โครงการอนุรักษ์พ้ืนที่ชายฝั่งทะเล มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและ
พรรณพชื แห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถมั ภ์. 28 หนา้ .

นพรัตน์ บารงุ รกั ษ.์ (2554). ปา่ พรขุ องทะเลสาบสงขลา. สงขลา: คณะการจดั การสิ่งแวดล้อมและสถาบัน
ทรัพยากรทะเลและชายฝง่ั มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์. 120 หน้า.

นฤมล ขุนวีช่วย. (2558). พลวัตการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าพรุควนเคร็ง. วารสารมนุษยศาสตร์
และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษิณ. 10(1), 53-74.

นิธิตา สิริพงศ์ทักษิณ. (2561). การจัดการความขัดแย้งโดยใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของชุมชน
พรคุ วนเครง็ จงั หวดั นครศรธี รรมราช. วารสารการวจิ ัยเพอ่ื พฒั นาชมุ ชน. 11(1). 167-176.

ปิยวฒั น์ พรหมรักษา และโกสนิ ทร์ พฒั นมณ.ี (2552). “ป่าเสม็ด ผืนป่าทคี่ วรค่าแก่การอนุรักษ์ เพ่อื การ
ใช้ประโยชน์อย่างย่ังยืน” สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สืบค้น
เมื่อ 12 สิงหาคม 2554. http://www.eric.chula.ac.th/journal/ej/v13y2552 /v13n3y
2552/ar6v13n3y2552.pdf.

พงษ์ชยั ดารงโรจนว์ ัฒนา, พทั ธธ์ รี า เพชรทองเกลยี้ ง และชุตาภา คณุ สขุ . (2561). การสะสมธาตคุ าร์บอน
ในมวลชวี ภาพเหนอื พื้นดินของไม้ยืนตน้ ในพื้นที่ปกปักทรัพยากร มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏราไพ
พรรณี (Carbon Storage of Trees in the Resource Conservation Forest, Rambhai
Barni Rajabhat University) . วารสารวิจยั ราไพพรรณี. 12(3), 190-200.

พิสุทธ์ิ วิจารสรณ์. 2527. ดินอินทรีย์ในจังหวัดนราธิวาส. เอกสารทางวิชาการฉบับที่ 1 ศูนย์ศึกษาการ
พฒั นาพิกุลทอง กองสารวจดิน กรมพัฒนาทดี่ นิ หน้า 4-12.

โพสทูเดย์. (2562). ชาวบ้านเสนอ 4 แนวทางแก้ปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งอย่างถาวร. ข่าวภูมิภาค
หนังสือพิมพ์โพสทูเดย์ วันท่ี 09 ก.ย. 2562 เวลา 20:47 น. สืบค้นเมื่อ 1 พฤศจิกายน
2562, จากhttps://www.posttoday.com/social/local/600168

มนฑล จาเริญพฤกษ์. (ม.ป.ป). วนวัฒน์วิทยาประยุกต์. สืบค้นเมื่อ 2 มกราคม 2562, จาก
http://www.lookforest.com/html/paper/applysilvics.htm

ระบบฐานข้อมลู ป่าพรุควนเครง็ แผนที่เพือ่ การจัดการทรพั ยากร. (2562). สืบคน้ เมือ่ 31 มกราคม 2562,
จาก https://swampforest.i-bitz.co.th/

รายงานสรุปสาหรบั ผูบ้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรุควนเครง็ วิถีคนและปา่ | 223

ราชกิจจานุเบกษา. (2562). พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562. สืบค้นเมื่อ 2 มกราคม 2562,
จาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th /DATA/PDF/2562 /A/050/ T_0106.PD
F?fbclid=IwAR0J-I_tuxbcmQ1RmFc IKNS20LBouC76LAab5_ Zz5w 0x22cSJxy
N0QSSQNA

ร า ช บั ณ ฑ ย ส ถ า น . (2554). อุ ท ก , อุ ท ก วิ ท ย า . สื บ ค้ น เ ม่ื อ 23 กุ ม ภ า พั น ธ์ 2562, จ า ก
http://www.royin.go.th/dictionary/

ลิขิต ธีรเว คิน . (2552). คว ามขัดแย้งในสังค มมนุษย์ . สืบค้นเม่ือ 30 มกราคม 2562, จาก
https://mgronline.com/daily/detail/9520000077095

ลีลาภรณ์ บัวสาย. (2554). กลุ่มคนแห่งสายน้า ผืนนา และป่าลุ่ม. เลิศชาย ศิริชัย บรรณาธิการ. ยุววิจัย
ประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถิน่ ภาคใต้ เลม่ ท่ี 1 นครศรีธรรมราช. 414 หน้า.

ศิริจิต ทุ่งหว้า ยุคล เหมบัณฑิต อาแว มะแส และสุธัญญา ทองรักษ์ . (2544). การจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของชุมชนชาวประมง (บริเวณ) ทะเลน้อย อาเภอควน
ขนุน จังหวัดพัทลุง. สงขลา: ภาควิชาพัฒนาการเกษตร คณะทรัพยากรธรรมชาติ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 193 หน้า.

ศุลีพร บุญบงการ. (2558). ศพั ทค์ วรรใู้ นโครงการพระราชดาริ. มูลนิธชิ ยั พัฒนา. เขา้ ถงึ เม่อื 27 กนั ยายน
2562, จาก http://www.chaipat.or.th/publication/publish-document/tips/36-
2015-04-03-10-16-17.html

สถาบันไทยพัฒน์. (2560). SDG Business : Corporate Action on Sustainable Development.
กรงุ เทพฯ: สถาบนั ไทยพัฒน์, 72 หน้า.

สมพร แสงชยั . (2561). ววิ ัฒนาการแนวคดิ ของการพฒั นาทย่ี ่งั ยนื . วารสารการจัดการสง่ิ แวดลอ้ ม. 14(2),
96-111.

สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. (2550). ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม. พิมพ์คร้ังที่ 6. กรุงเทพฯ:
สานักพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . 447 หนา้ .

สมศักด์ิ สุขวงศ์ และคณะ. (2562). ชุมชนในเปลวเพลิง พรุควนเคร็ง. กรุงเทพฯ : สถาบันลูกโลกสีเขียว.
33 หนา้

สวรินทร์ เบ็ญเด็มอะหลี. (2557). การจัดการความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของ
ชุมชนควนโส. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษณิ , 8(2), 1-16.

สวรินทร์ เบ็ญเด็มอะหลี. (2560). ปัจจัยที่เอื้อและเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสร้างความร่วมมือ เพื่อ
การจัดการป่าทุ่งบางนกออก เขตลุ่มน้าทะเลสาบสงขลาตอนล่าง (Contributing and
Restraining Factors to Collaborative Process for Sustainable Management of
Thung Bank Nok Ohk Forest in Lower Songkhla Lake Basin), วารสารการพัฒนา
ชุมชนและคุณภาพชีวติ . 5(3), 610-619.

สานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม. (2557). พื้นที่ชุ่มน้า. สืบค้นเม่ือ 1
ตุลาคม 2562, จาก http://wetland.onep.go.th/w_mean.html

สานักงานราชบัณฑิตยสภาพ. (2553). อุตุ, สืบค้นเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2563, จาก http://www.
royin.go.th/ ?knowledges=อตุ ุ-๔-สงิ หาคม-๒๕๕๓

224 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจดั การระบบนิเวศป่าพรุเพ่ือเพม่ิ ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน
และอนุรักษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอย่างยงั่ ยืน

สานักราชบัณฑิตยสภา. (2550). วิสัยทัศน์และพันธกิจ. สืบค้นเม่ือ 30 มิถุนายน 2563, จาก
http://www.royin.go.th/?knowledges=วสิ ยั ทัศน์-และ-พันธกิจ-๒.

สานักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง กระทรวงทรพัยากรธรรมชาติ
และส่ิงแวดล้อม. 2554. ดินป่าชายเลนในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์
การเกษตรแห่งประเทศไทย. 142 หนา้ .

สานางานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ, 2556. ดิน น้า
ลม ไฟ สมดุลสิง่ แวดลอ้ มอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ.

สุทธิวงศ์ พงษ์ไพบูลย์. (2542). เคร็ง, ตาบล ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ เล่มท่ี 3 หน้า 1089-
1090. กรงุ เทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย์.

สุวิชา เป้าอารีย์. (2562). การจัดการความขัดแย้งในปัญหาทรัพยากรสาธารณะ. สืบค้นเมื่อ 30 มกราคม
2562, จาก https://www.nationweekend.com/columnist/11/1431

อรวรรณ คหู เจรญิ . (2535).ปา่ เขตร้อน. กรงุ เทพฯ: คบไฟ. 234 หน้า.
อุทัย ปริญญาสุทธินันท์. (2559). การจัดการชุมชน : มโนทัศน์และทฤษฎีที่จาเป็นต้องทบทวน. วารสาร

การจัดการสมยั ใหม่. 13(2), 11-21.
อุทัย ปริญญาสุทธินันท์. (2561). การพัฒนาองค์การ: ประเด็นท่ีต้องทบทวนสู่การประยุกต์ใช้เพื่อการ

จัดการชมุ ชน. วารสารมหาวทิ ยาลัยศิลปากร, 38(6), 24-48.
ฮัสวานี เล็มกะเต็ม, พรพิมล เชื้อดวงผุย และอุมาพร มุณีแนม. (2558). การรับรู้ของผู้ให้ข้อมูลหลักต่อ

การอนุรักษ์ปลาท่ีมีแนวโน้มใกล้สูญพันธ์ุกรณีศึกษา: ปลาดุกลาพันในพื้นท่ีพรุควนเคร็ง
จังหวัดนครศรีธรรมราช. การประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติ คร้ังที่ 626 มิถุนายน
2558 มหาวทิ ยาลัยหาดใหญ่.
Too, Keller, Sickel, Lee, & Yule (2018). Microbial Community Structure in a Malaysian
Tropical Peat Swamp Forest: The Influence of Tree Species and Depth. Front
Microbiol. 4(9), 2859.

รายงานสรปุ สาหรับผ้บู รหิ าร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรคุ วนเครง็ วถิ คี นและปา่ | 225

ภาคผนวก

226 | โครงการเสรมิ ศักยภาพการจดั การระบบนิเวศป่าพรุเพอ่ื เพิ่มความสามารถในการกกั เก็บคาร์บอน
และอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยัง่ ยืน

ภาคผนวก ก

ผงั มโนทศั น์การจัดการเรยี นรหู้ ลกั สูตรท้องถิ่น
เชิงบรู ณาการสาระการเรียนรู้ภมู ิทัศน์พรุควนเครง็

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 227

228 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 229

230 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 231

232 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรปุ สาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วิถคี นและปา่ | 233

ภาคผนวก ข

ขอ้ มูลคาส่งั แต่งตง้ั คณะทางานต่าง ๆ

234 | โครงการเสรมิ ศักยภาพการจัดการระบบนเิ วศปา่ พรุเพือ่ เพิ่มความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งย่ังยนื

คาสง่ั แตง่ ต้งั คณะกรรมการกากับโครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบ
นิเวศป่าพรเุ พื่อเพ่มิ ความสามารถในการกกั เกบ็ คารบ์ อนและอนุรกั ษ์
ความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยัง่ ยืน
(Maximizing Carbon Sink Capacity and Conserving
Biodiversity through Sustainable Conservation, Restoration
and Management of Peat Swamp Ecosystems)

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 235

236 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 237

238 | โครงการเสริมศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพอ่ื เพ่มิ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนุรักษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอย่างย่ังยืน

คาสั่งแตง่ ตั้งคณะทางานวางแผยทุ ธศาสตรภ์ ูมทิ ัศน์ปา่ พรุควนเครง็

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 239

240 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 241

242 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรุปสาหรบั ผ้บู รหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเครง็ วิถีคนและปา่ | 243

ภาคผนวก ค

ข้อมูลคณะทางานชุดเฉพาะกิจ

244 | โครงการเสรมิ ศักยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพ่อื เพม่ิ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ กั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างยั่งยนื

คณะทางานเฉพาะกจิ ดา้ นการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศป่าพรุควนเครง็

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 245

246 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรปุ สาหรบั ผบู้ ริหาร ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และพรุควนเครง็ วิถีคนและปา่ | 247

คณะทางานเฉพาะกิจด้านการจดั การไฟป่าและคาร์บอน

248 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศปา่ พรุเพื่อเพิม่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คาร์บอน
และอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยัง่ ยืน

รายงานสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย และพรคุ วนเคร็ง วถิ คี นและปา่ | 249

250 | โครงการเสรมิ ศกั ยภาพการจัดการระบบนิเวศป่าพรุเพ่อื เพม่ิ ความสามารถในการกักเกบ็ คาร์บอน
และอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งย่ังยืน

คณะทางานเฉพาะกิจด้านบรหิ ารจัดการนา้ บริเวณป่าพรคุ วนเครง็


Click to View FlipBook Version