The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อานนท์ ดิษฐ์จาด, 2022-06-04 05:10:39

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น

แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

สะเตม็ ศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถนิ่

ศนู ย์วทิ ยาศาสตร์เพ่อื การศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา

สำนักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั
สำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร
กระทรวงศกึ ษาธิการ



คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ หน้า | ก

คำนำ

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่นฉบับนี้ จัดทำข้ึน
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน
ของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา ซึ่งประกอบด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น จำนวน 5 ฐาน ได้แก่ 1) วิศวกรโบราณสถานอโยธยา
2) แต่งกายไทยไปกับออเจ้า 3) ตามรอยกรุงศรีอยุธยา ตามหาขนมไข่กบ 4) ชวนพี่น้องล่องสำเภา
5) ลูกประคบสมุนไพรไทย รายละเอียดของคู่มือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการ
วัฒนธรรมท้องถิน่ นั้น ประกอบด้วยฐานการเรยี นรู้ และแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ของแต่ละฐาน
ซ่ึงแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาขึ้นโดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ กศน.
(ONIE 2IC ACTIVITY MODEL) ทเี่ น้นการเรยี นรูอ้ ยา่ งมสี ว่ นร่วม ความรับผดิ ชอบ ความคิดสร้างสรรค์
และคำนึงถึงผรู้ ับบรกิ ารเปน็ สำคญั

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา ขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องใน
การจดั ทำคู่มือการจดั กิจกรรมการเรียนร้สู ะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
นอกจากประโยชน์ ของผู้ปฏิบัติงานของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา
โดยตรงแล้ว จะเป็นประโยชน์ ต่อผู้ที่สนใจให้เกิดความรู้ความเข้าใจกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษา
บรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิน่ ทบี่ ูรณาการองค์ความรู้ทางดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละศาสตร์ทเี่ กีย่ วขอ้ งเป็นอย่างดี

(นางชยาภรณ์ อรณุ รตั น์)
ผอู้ ำนวยการศูนย์วิทยาศาสตรเ์ พอื่ การศึกษาพระนครศรีอยุธยา

มถิ นุ ายน 2562

ค่มู ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน หน้า | ข

สารบญั

เรอื่ ง หนา้

คำนำ ก

สารบัญ ข

คำช้แี จง การใชค้ มู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเต็มศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถ่ิน ง

โครงสรา้ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถิน่ ฉ

ฐานการเรยี นที่ 1 เรื่อง วศิ วกรโบราณสถานอโยธยา 1

แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนร้ทู ี่ 1 เรอื่ ง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา 1

แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง วศิ วกรโบราณสถานอโยธยา 9

ใบความรู้สำหรับผจู้ ดั กจิ กรรม เรอ่ื ง การออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลอง

โดยการบรู ณาการสะเตม็ ศกึ ษา กบั วฒั นธรรมสมยั กรุงศรีอยุธยา 1

ใบความรู้สำหรับผู้รบั บริการ เรอื่ ง การออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลอง

โดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษา กับวฒั นธรรมสมยั กรุงศรีอยุธยา 12

ใบกิจกรรมสำหรบั ผ้จู ดั กจิ กรรม เรื่อง ขน้ั ตอนการสร้างโบราณสถานสมยั กรุงศรีอยธุ ยา 17

ใบกิจกรรมสำหรบั ผูร้ ับบริการ เรอ่ื ง ขั้นตอนการสรา้ งโบราณสถานสมัยกรุงศรอี ยุธยา 20

แบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา 23

แบบประเมนิ ความพงึ พอใจของผู้รับบริการในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

เรอ่ื ง วิศวกรอโยธยา 24

ฐานการเรยี นท่ี 2 เรื่อง แต่งกายไทยไปกับออเจ้า 25

แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ี 2 เร่อื ง แตง่ กายไทยไปกับออเจา้ 25

แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรือ่ ง แตง่ กายไทยไปกับออเจ้า 33

ใบความรู้สำหรับผรู้ ับจัดกิจกรรม เรอ่ื ง แตง่ กายไทยไปกบั ออเจ้า 35

ใบความรู้สำหรบั ผรู้ บั บรกิ าร เร่อื ง แตง่ กายไทยไปกับออเจา้ 41

ใบกิจกรรมสำหรบั ผ้จู ัดกิจกรรม เรื่อง ข้นั ตอนการตัดเยบ็ ชดุ ไทยสมัยกรุงศรีอยธุ ยา 47

ใบกจิ กรรมสำหรับผ้รู บั บริการ เร่อื ง ขั้นตอนการตดั เย็บชดุ ไทยสมัยกรุงศรีอยธุ ยา 50

แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง แตง่ กายไทยไปกบั ออเจ้า 53

แบบประเมินความพึงพอใจของผู้รับบรกิ ารในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้

เรื่อง แต่งกายไทยไปกบั ออเจ้า 54

ฐานการเรยี นท่ี 3 เรอื่ ง ตามรอยกรุงศรีอยธุ ยา ตามหาขนมไขก่ บ 55

แผนการจัดกิจกรรมการเรียนร้ทู ี่ 3 เรื่อง ตามรอยกรุงศรีอยุธยา ตามหาขนมไขก่ บ 55

แบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง ตามรอยกรงุ ศรีอยุธยา ตามหาขนมไขก่ บ 63

ใบความรู้สำหรบั ผู้รับผจู้ ัดกิจกรรม เรอ่ื ง ตามรอยกรุงศรีอยุธยา ตามหาขนมไขก่ บ 65

ใบความรสู้ ำหรบั ผรู้ บั บรกิ าร เรอ่ื ง ตามรอยกรงุ ศรีอยธุ ยา ตามหาขนมไข่กบ 71

ใบกจิ กรรมสำหรับผู้จัดกิจกรรม เร่อื ง ตามรอยกรุงศรีอยุธยา ตามหาขนมไข่กบ 77

ใบกิจกรรมสำหรับผรู้ บั บริการ เรอ่ื ง ตามรอยกรุงศรีอยธุ ยา ตามหาขนมไข่กบ 81

คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถนิ่ หนา้ | ค

สารบญั (ต่อ) หนา้
86
เรอื่ ง
แบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง ตามรอยกรงุ ศรีอยธุ ยา ตามหาขนมไขก่ บ 87
แบบประเมนิ ความพึงพอใจของผู้รบั บรกิ ารในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 88
เรอ่ื ง ตามรอยกรุงศรอี ยธุ ยา ตามหาขนมไข่กบ 88
96
ฐานการเรียนท่ี 4 เรอื่ ง ชวนนอ้ งล่องสำเภา
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง ชวนน้องล่องสำเภา 98
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื ง ชวนน้องล่องสำเภา
ใบความรู้สำหรับผูจ้ ดั กิจกรรม เรื่อง การออกแบบและสร้างเรอื สำเภาจำลอง 107
โดยการบูรณาการ สะเตม็ ศึกษากับวฒั นธรรมสมยั กรุงศรอี ยุธยา
ใบความรู้สำหรับผรู้ ับบริการ เรื่อง การออกแบบและสรา้ งเรือสำเภาจำลอง 114
โดยการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษา กบั วฒั นธรรมสมัยกรงุ ศรีอยุธยา
ใบกจิ กรรมสำหรับผจู้ ดั กจิ กรรม 117
เร่อื ง ขัน้ ตอนการสรา้ งเรือสำเภาจำลองสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา 120
ใบกิจกรรมสำหรับผ้รู ับบริการ
เร่อื ง ขน้ั ตอนการสรา้ งเรือสำเภาจำลองสมยั กรุงศรอี ยุธยา 121
แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง ชวนนอ้ งลอ่ งสำเภา 122
แบบประเมินความพงึ พอใจของผรู้ บั บริการในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 122
เร่อื ง ชวนน้องลอ่ งสำเภา 130
133
ฐานการเรียนที่ 5 เร่อื ง ลกู ประคบสมุนไพรไทย 145
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี 5 เร่อื ง ลูกประคบสมุนไพรไทย 157
แบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ ง ลูกประคบสมุนไพรไทย 161
ใบความรูส้ ำหรับผ้จู ดั กจิ กรรม เรื่อง การออกแบบและทำลูกประคบสมนุ ไพรไทย 165
ใบความร้สู ำหรบั ผรู้ ับบริการ เรือ่ ง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย
ใบกิจกรรมสำหรับผู้จัดกิจกรรม เร่ือง การออกแบบและทำลูกประคบสมนุ ไพร 167
ใบกจิ กรรมของผูร้ ับบรกิ าร เรื่อง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย 168
แบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง ลูกประคบสมนุ ไพรไทย
แบบประเมินความพึงพอใจของผ้รู ับบรกิ ารในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
เรือ่ ง ลกู ประคบสมุนไพรไทย

คณะผ้จู ดั ทำ

ค่มู อื การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิน่ หน้า | ง

คำชีแ้ จง
การใช้ค่มู อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถน่ิ

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน ฉบับนี้จัดทำข้ึน
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวัฒนธรรมของศูนย์วิทยาศาสตร์เพือ่ การศึกษาพระนครศรีอยุธยา
ประกอบดว้ ยการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ สะเต็มศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิน่

รายละเอียดของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น
การจัดกจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ

ประกอบด้วยฐานการเรียนรู้ จำนวน 5 ฐาน และแต่ละฐานประกอบด้วยแผนการจัด
กิจกรรม การเรยี นรู้จำนวน 5 แผน ไดแ้ ก่

1. แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา
2. แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง แตง่ กายไทยไปกับออเจา้
3. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง ตามรอยกรุงศรีอยุธยา ตามหาขนมไข่กบ
4. แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 4 เรือ่ ง ชวนน้องลอ่ งสำเภา
5. แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนร้ทู ี่ 5 เรื่อง ลกู ประคบสมุนไพรไทย

ขั้นตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กศน. (ONIE 2IC ACTIVITY MODEL)

ซง่ึ ประกอบดว้ ย 3 ขน้ั ตอน ได้แก่
ขัน้ ตอนท่ี 1 กจิ กรรมการเรียนรปู้ ระสบการณท์ างวิทยาศาสตร์ (I : Inspiration)
ขน้ั ตอนท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรท์ ท่ี ้าทาย (I : Implementation
Activity)
ขั้นตอนที่ 3 กจิ กรรมการสรุปผลการนำวิทยาศาสตร์ไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั
(C : Conclusion Activity)

แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เปน็ ส่วนที่กำหนดส่งิ ต่อไปนี้
1. แนวคิด
2. วตั ถปุ ระสงค์
3. เน้ือหา
4. ข้ันตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
5. สือ่ วัสดอุ ปุ กรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้
6. การวัดและประเมินผล
7. บันทึกผลหลังการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น หน้า | จ

บทบาทของผู้จัดกิจกรรมตามรูปแบบการกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กศน. (ONIE 2IC
ACTIVITY MODEL)

ผู้จัดกิจกรรมจะต้องดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเป็นผู้อำนวยความสะดวก
กระตุ้น ชี้แนะ และให้คำปรึกษากับผู้รับบริการให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี ส่วนร่วม
สรา้ งสรรค์ และเน้นความรบั ผดิ ชอบของผรู้ ับบริการ

เมื่อผู้จัดกิจกรรมได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ กศน. (ONIE 2IC ACTIVITY MODEL) เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้จัดกิจกรรมต้องบันทึก
ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้หลังเสร็จกิจกรรมการเรี ยนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่แนบมา
ท้ายแผนการจัดกิจกรรมการเรียนร้ขู องทกุ ๆ แผน

การวดั และประเมนิ ผล
ในการวัดและประเมินผล กำหนดให้มีการทำข้อสอบก่อนและหลังเรียนของแต่ละแผน

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อเป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้ของผู้รับบริการที่สอดคล้อง
กับวตั ถปุ ระสงค์ท่กี ำหนด

คำจำกัดความ
ผู้จดั กจิ กรรม หมายถงึ ครู/ผู้สอน ของศูนยว์ ิทยาศาสตร์เพือ่ การศกึ ษาพระนครศรีอยุธยา
ผู้รับบริการ หมายถึง นกั เรียน นกั ศกึ ษา เยาวชน และประชาชนท่วั ไป
สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถิ่น หมายถึง การบูรณาการวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี

วศิ วกรรมศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น หมายถึง กิจกรรม

การเรียนรูใ้ นฐานการเรยี นรู้ จำนวน 5 ฐาน ได้แก่ 1) วิศวกรโบราณสถานอโยธยา 2) แต่งกายไทยไป
กบั ออเจ้า 3) ตามรอยกรงุ ศรีอยุธยา ตามหาขนมไข่กบ 4) ชวนพ่นี อ้ งลอ่ งสำเภา 5) ลูกประคบสมุนไพรไทย

สงิ่ ท่ีผู้จดั กิจกรรมตอ้ งเตรยี มกอ่ นการจัดกิจกรรม
1. ศกึ ษาเนอ้ื หาและแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้อย่างละเอยี ด
2. ตอ้ งเตรยี ม สอ่ื วสั ดุอุปกรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ทเ่ี กี่ยวข้อง

รปู แบบการจดั กิจกรรมของศูนย์วทิ ยาศาสตร์เพ่อื การศึกษาพระนครศรีอยุธยา
รูปแบบที่ 1 การเรียนรู้ผา่ นนทิ รรศการ
รูปแบบที่ 2 ค่ายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีแบบ 1 วัน (ไป - กลับ),
2 วนั (ไป-กลับ) 2 วัน 1 คืน และ 3 วนั 2 คืน
รูปแบบที่ 3 กิจกรรมการศึกษา ได้แก่การอบรมให้ความรู้ มีทั้งแบบเคลื่อนที่ และภายใน
ศนู ย์วทิ ยาศาสตร์เพ่ือการศกึ ษาพระนครศรีอยุธยา
รปู แบบที่ 4 การเรียนรู้ผ่านบริการวิชาการ ได้แก่เอกสาร วารสาร เฟซบุ๊ก เว็บไซต์
ศนู ย์วิทยาศาสตรเ์ พือ่ การศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถน่ิ หนา้ | ฉ

โครงสรา้ งการจัดกิจกรรมการเรยี นร้สู ะเตม็ ศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถน่ิ

บทนำ
สำนกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ไดใ้ หค้ วามสำคัญในเร่ือง

ของการพัฒนา การเผยแพร่ และการส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา
และประชาชนอย่างมาก ด้วยการจัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้
ที่ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย โดยจัดให้เป็นแหล่งบริการความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชนทั่วไป ได้เข้าไปศึกษา
หาความรู้ จัดบริการหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถ
นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
พระนครศรีอยุธยา เป็นสถานศึกษาขึ้นตรง สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มีบทบาทหน้าที่ความรับผิ ดชอบ
ในการพัฒนาการศึกษา คุณภาพทรัพยากรมนุษย์ และรับผิดชอบในการส่งเสริมการจัดกิจกรรมการ
เรียนการสอน ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ที่อยู่ทั้งในและนอก
ระบบโรงเรยี น ซ่ึงถอื เป็นการสนองนโยบายของรฐั บาลในการพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ให้เป็นศูนย์กลาง
ของการพัฒนา รวมทั้งยังเป็นการกระจายโอกาสทางการศึกษาของคนไทยทั้งชาติอีกด้วย นอกจากนี้
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา มีหน้าที่ในการจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมให้เกิด
กระบวนการ เรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ทั้งในส่วนของการเรียน
การสอนตามหลักสูตร และการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยจัดกิจกรรม 4 กรรมหลัก ได้แก่
การเรียนรู้ผ่านนิทรรศการ ค่ายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กิจกรรมการศึกษา และ
การบริการวิชาการ ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่มีคุณค่าย่ิง
การเรียนรู้ผ่านนิทรรศการ เป็นการจัดแสดงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
ผา่ นนทิ รรศการสอ่ื ประสม ที่ทนั สมยั น่าสนใจ ทง้ั สือ่ แสงสเี สยี ง ของเล่น เกม ฯลฯ ที่ผชู้ มสามารถเข้า
ไปมีส่วนร่วมในการลองเล่น ลองฝึกปฏิบัติลองหาคำตอบจากการเล่นเกมต่าง ๆ ค่ายวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็นกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกรูปแบบ
หนึ่งที่มีคุณค่ายิ่งเป็นกิจกรรมที่จัดให้ผู้รับบริการ มาพักแรมอยู่ร่วมกัน ได้ทั้งความรู้และ
ความสนุกสนาน พร้อมกับปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ที่ถูกจัดไว้อย่างผสมผสานกลมกลืนตลอดระยะเวลา
การอยู่ค่าย กิจกรรมการศึกษาเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้บริการการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และส่ิงแวดล้อม และอื่น ๆ แก่นกั เรยี น นกั ศึกษา เยาวชน และประชาชนท่วั ไปในเขตพื้นที่
รับผิดชอบและกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ทั่วประเทศ สอดคล้องตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พุทธศักราช 2542 ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ มุ่งเสริมสร้างทักษะกระบวนการและกระตุ้นให้ผู้เรียนมี
ความสนใจในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ซึ่งจัดลักษณะการเรียนรู้ทั้งลักษณะการเรียนรู้นอกระบบและ
การเรียนรู้ตามอัธยาศัย บริการวิชาการ เป็นการให้ความรู้เชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และสิง่ แวดล้อม ในลักษณะการบริการขอ้ มลู ข่าวสาร ท้งั ในส่วนของข่าวสารข้อมูลการจดั กิจกรรมการ
เรียนรู้และข้อมูลด้านวิชาการวิทยาศาสตร์สมัยใหม่โลกของการศึกษาได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่าง
มาก ในศตวรรษที่ 21 เครื่องมือเพื่อแสวงหาความรู้มีความสำคัญมากกว่าเนื้อหาความรู้

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเตม็ ศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถนิ่ หนา้ | ช

ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารทำให้ผู้เรียนสามารถค้นหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
จากแหลง่ ต่าง ๆ มากมายและตลอดเวลาท่ีตอ้ งการ ส่งผลให้กระบวนทัศน์ทางการศกึ ษาเปล่ียนแปลงไป
การจัดการศึกษาทุกระดับเน้นให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะ การคิดขั้นสูง เน้น การคิดสร้างสรรค์
การคิดแก้ปัญหา การคิดแบบวิจารณญาณ ฯลฯ รวมทั้งการพัฒนาทักษะ การสื่อสาร การใช้
เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้และการมีทักษะทางสังคม แนวโน้มการจัดการศึกษา
จึงจำเป็นตอ้ งบูรณาการท้ังด้านศาสตร์ต่าง ๆ และบูรณาการการเรียนในห้องเรียนและชีวิตจริง ทำให้
การเรียนนั้นมีความหมายต่อผู้เรียน ซึ่งผู้เรียนจะเห็นประโยชน์คุณค่าของการเรียน และสามารถ
นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งเป็นการเตรียมผู้เรียนในการเรียนต่อไปในชั้นสูงขึ้น
เกิดการเพิ่มโอกาสการทำงานในอนาคต การเพิ่มมูลค่า และการสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศ
ด้านเศรษฐกิจ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) กำหนดเป้าหมายการพัฒนา
ประเทศ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความม่ันคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนา
แล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนา
ความมั่นคง เศรษฐกิจ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม โดยการมสี ่วนร่วมของทุกภาคสว่ นในรูปแบบ “ประชารัฐ”
โดยประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ คือ 1) ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง 2) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการ
สรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั 3) ยุทธศาสตรช์ าติดา้ นการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรพั ยากร
มนุษย์ 4) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5) ยุทธศาสตร์ชาติ
ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6) ยุทธศาสตร์ชาติ
ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ทั้งนี้ ตามยุทธศาสตร์ที่ 3 เรื่อง
การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์นั้น มีเป้าหมายสำคัญคือ การพัฒนาคนในทุกมิติ
และในทุกช่วงวัย ให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ คนไทยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา
มพี ัฒนาการท่ดี รี อบดา้ นและมสี ขุ ภาวะที่ดีในทุกช่วงวยั

แนวทางการจัดการเรียนรู้ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบั นเป็นแนวคิดการจัดการ
เรียนรู้ที่มีการบูรณาการเนื้อหาและทักษะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์
และเทคโนโลยี ที่เรียกว่า“สะเต็มศึกษา”โดยที่ทั้ง 4 วิชาในสะเต็มศึกษา เป็นวิชาที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน
ได้รับความรคู้ วามสามารถท่จี ะดำรงชวี ิตได้อย่างมีคุณภาพในศตวรรษที่ 21 ที่มีการเปลยี่ นแปลงอย่าง
รวดเร็ว มีความเป็นโลกาภิวัตน์ที่สังคมตั้งอยู่บนฐานของความรู้และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่จะมี
ความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะเต็มศึกษา STEM Education คือ แนวทางการจัดการศึกษา
ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่บูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรม
และคณิตศาสตร์ ไปใช้ในการเช่อื มโยงและแก้ปัญหาในชวี ิตจรงิ รวมทง้ั พฒั นากระบวนการหรือผลผลิต
ใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนาแห่งศตวรรษที่ 21 (คำนิยามของกระทรวงศึกษาธิการ และ สสวท.) สะเต็ม
ศึกษาจึงเป็นการบูรณาการความรู้ของ 4 ศาสตร์ ได้แก่ S – วิทยาศาสตร์ T – เทคโนโลยี
E – วิศวกรรมศาสตร์ M - คณิตศาสตร์ ร่วมกันเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดและพัฒนา
อย่างยั่งยืน โดยหลักการสำคัญของการจัดการศึกษาตามแนวทางสะเต็มศึกษา จะเกี่ยวข้องและ
เชอ่ื มโยงกบั การดำเนินชีวติ มีจดุ ประสงคส์ ำคัญ คอื สง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รยี นรักและเห็นคุณค่าของการเรียน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ว่าเป็นเร่ืองใกล้ตัวสามารถนำมาใช้ได้
การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษามีลักษณะ 5 ประการ ได้แก่ (1) เป็นการสอนที่เน้นการ

คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถ่นิ หน้า | ซ

บรู ณาการ (2) ชว่ ยผู้เรียนสร้างความเชื่อมโยงระหวา่ งเนื้อหาวิชาทั้ง 4 วชิ า กับชวี ติ ประจำวันและการ
ทำอาชีพ (3) เน้นการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 (4) ท้าทายความคิดของผู้เรียน และ
(5) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น และความเข้าใจที่สอดคล้องกับเนื้อหาทั้ง 4 วิชา
ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นฐานในการพัฒนาประเทศ
พัฒนาศักยภาพคนให้สามารถนำองค์ความรู้มาบูรณาการการคิดแก้ปัญหา สร้างสรรค์นวัตกรรมท่ี
เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิน่ สู่สังคมแหง่ การเรียนรูต้ ลอดชวี ติ ที่บูรณาการกบั
วัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น ได้แก่ สิ่งท่ี
เกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่ได้มีการคิดค้นสรรค์สร้างมาตั้งแต่อดีตและยังคงดำรงอยู่ถึงปัจจุบัน ซึ่งวัฒนธรรม
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือวัฒนธรรมทางวัตถุ คือ เครื่องมือเครื่องใช้ที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวัน
หรือท่ีเรียกรวม ๆว่าโบราณวตั ถตุ ลอดจนท่ีอยู่อาศัยสถานทปี่ ระกอบกิจกรรมแหล่งศิลปกรรม สถานท่ี
ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของท้องถ่ินนั้น หรือเรียกว่าโบราณสถาน รวมไปถึง
หลักฐานการบันทึกเรื่องราว เช่น จารึกและสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ภาษา ความเชื่อ การแสดงออก
ทางศิลปะ เป็นต้น และวัฒนธรรมทางจิตใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์
เพื่อให้เกิดปัญญาและมีจิตใจที่งดงาม อันได้แก่ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม คติธรรม ตลอดจนศิลปะ
วรรณคดีและระเบียบแบบแผนของขนบธรรมเนยี มประเพณี

การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนากระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ เป็นภาระหน้าที่หลักที่สำคัญ
ตามบทบาทหน้าท่ีของกลุม่ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ดังน้ัน เพือ่ ให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย
ได้รับการพัฒนาศักยภาพ สำนักงาน กศน. จึงได้มอบหมายให้กลุ่มศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
ดำเนินการ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ STEM โดยให้มีการทบทวนในเรื่องการดำเนินงานให้ชัดเจน
และพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยนำหลักการ STEM Education มาบูรณาการ
กับวถิ ีการดำเนินชีวติ และวัฒนธรรมท้องถิ่น (STEM Education + Culture) ดงั นนั้ ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์
เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา จึงได้ดำเนินการจัดทำคู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษา
บูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อใช้เป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทาง
สะเต็มศึกษาของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา ให้มีความสอดคล้องกับบริบท
และสภาพของผรู้ ับบรกิ าร และกระบวนการเรยี นรู้ของ กศน. ซง่ึ จะเปน็ แนวทางในการพัฒนากิจกรรม
การเรยี นร้ขู องศูนย์วทิ ยาศาสตร์เพ่ือการศกึ ษาพระนครศรีอยธุ ยาให้มีประสิทธิภาพมากย่งิ ขนึ้

วตั ถปุ ระสงค์
เพ่ือให้ผจู้ ดั กิจกรรมมีความรคู้ วามเข้าใจ ทักษะ และเจตคติทีด่ ีในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

สะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น ในฐานการเรียนรู้ จำนวน 5 ฐาน ไดแ้ ก่
1. วศิ วกรอโยธยา
2. แตง่ กายไทยไปกับออเจ้า
3. ตามรอยกรุงศรีอยุธยา ตามหาขนมไขก่ บ
4. ชวนพนี่ อ้ งล่องสำเภา
5. ลูกประคบสมุนไพรไทย

คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน หน้า | ฌ

ขอบขา่ ยเน้ือหา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น ประกอบด้วยฐาน

การเรยี นรู้ จำนวน 5 ฐาน ไดแ้ ก่
1. วศิ วกรอโยธยา
2. แตง่ กายไทยไปกบั ออเจา้
3. ตามรอยกรุงศรีอยธุ ยา ตามหาขนมไข่กบ
4. ชวนพ่นี อ้ งล่องสำเภา
5. ลกู ประคบสมุนไพรไทย

ขั้นตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ใชร้ ูปแบบการจดั กิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ กศน. (ONIE 2IC ACTIVITY MODEL)
ซ่งึ ประกอบด้วย 3 ข้ันตอน ได้แก่

ขน้ั ตอนท่ี 1 กจิ กรรมการเรยี นรปู้ ระสบการณท์ างวิทยาศาสตร์ (I : Inspiration)
1. ผู้จัดกิจกรรมทักทายและแนะนำตนเองแก่ผู้รับบริการ รวมทั้งแนะนำฐานการเรียนรู้
ชี้แจงวัตถุประสงค์ของฐานการเรียนรู้กิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น
และการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาที่จะเรี ยนรู้จากประสบการณ์เดิมสู่ประสบการณ์
การเรยี นรใู้ หม่
2. ผจู้ ัดกจิ กรรมใหผ้ รู้ ับบรกิ ารทำแบบทดสอบก่อนเรยี น
3. ผจู้ ดั กจิ กรรมซักถามประสบการณ์เดมิ ของผูร้ บั บริการเก่ียวกับเรื่องท่จี ะเรยี นรู้
4. ผู้จดั กจิ กรรมและผ้รู ับบริการแลกเปล่ียนความคิดเหน็ และสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน
5. ผู้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของผู้รับบริการกับเนื้อหาการเรียนรู้ โดยการ
บรรยาย หรืออภิปราย หรือใช้วิธีการต่าง ๆ ที่กระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียน หลังจากนั้นผู้จัดกิจกรรม
เช่ือมโยงสะเตม็ ศกึ ษากบั การบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ ทสี่ อดคล้องกับเน้ือหาท่จี ะเรยี นรู้
6. ผู้จัดกิจกรรมแจกใบความรู้สำหรับผู้รับบริการ ให้ผู้รับบริการได้รวบรวมและศึกษาเป็น
ข้อมูล รวมทั้งแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ ประกอบการออกแบบวิธีการแก้ปัญหาโดยเชื่อมโยง
สะเต็มศึกษาที่บูรณาการกับวัฒนธรรมท้องถิ่น หลังจากนั้น ผู้จัดกิจกรรมและผู้รับบริการแลกเปล่ยี น
ความคิดเห็นและสรุปผลการเรยี นรู้รว่ มกัน

ขั้นตอนที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ท้าทาย (C : Challenge Learning
Activity)

1. ผู้จดั กจิ กรรมเชื่อมโยงเนื้อหาในขัน้ ตอนที่ 1 โดยใชส้ ือ่ ตา่ ง ๆ อาทิ คลิปวดิ ีโอ หลงั จากน้ัน
ผู้จัดกิจกรรมเสนอสถานการณ์ในชีวิตจริงที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้รับบริการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
หลังจากนั้นผู้จัดกิจกรรมอธิบายและสาธิต พร้อมทั้งให้ผู้รับบริการร่วมปฏิบัติในการสาธิตของ
ผู้จดั กจิ กรรมดว้ ย

2. ให้ผู้รับบริการตั้งประเด็นข้อสงสัยหรือสิ่งที่อยากรู้ในกระบวนการหรือหลักการ
ท่เี กีย่ วขอ้ งจากการสาธิตของผจู้ ัดกิจกรรม รวมไปถงึ การนำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ

3. ผู้จดั กิจกรรมและผรู้ บั บริการแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ และสรปุ ผลการเรียนรรู้ ว่ มกัน

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ หน้า | ญ

ขั้นตอนที่ 3 กิจกรรมการสรุปผลการนำวิทยาศาสตร์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน (I :
Implementation Conclusion Activity)

1. แบ่งผู้รับบริการออกเป็นกลุ่ม ๆ ให้ออกแบบและปฏิบัติการ โดยการวางแผน
และดำเนินการเกี่ยวกับการออกแบบและปฏิบัติการ ทดลอง ลงมือปฏิบัติ โดยการบูรณาการสะเต็ม
ศึกษาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งนี้ ผู้จัดกิจกรรมเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้กับผู้รับบริการในการออกแบบ
และปฏิบตั ิการ ทดลอง ลงมอื ปฏบิ ัติ

2. ผรู้ บั บริการนำเสนอผลงานการออกแบบและปฏิบัตกิ ารทดลอง
3. ใหผ้ ้รู ับบรกิ ารตอบคำถามจากประสบการณท์ ี่ได้เรียนรู้ผ่านกจิ กรรมครั้งน้ี

ประเด็นท่ี 1 ในการปฏิบัติการ ทดลอง ลงมอื ปฏบิ ัติ สิง่ ทศี่ ึกษามกี ารเปลยี่ นแปลงอย่างไร
ประเดน็ ท่ี 2 สง่ิ ทีศ่ ึกษามีลกั ษณะอย่างไร
ประเด็นท่ี 3 ไดร้ บั ความรใู้ นด้านวทิ ยาศาสตรใ์ นกจิ กรรม บา้ งหรือไม่ อย่างไร
ประเด็นที่ 4 ได้รับความรู้ในด้านคณติ ศาสตร์ในกิจกรรม บ้างหรือไม่ อย่างไร
ประเด็นท่ี 5 ไดใ้ ช้อินเตอรเ์ น็ต สบื ค้นขอ้ มลู บ้างหรือไม่ สบื คน้ ในเรอ่ื งใดบ้าง
ประเดน็ ท่ี 6 ได้ใช้กระบวนการเทคโนโลยีในกจิ กรรม บ้างหรือไม่ อยา่ งไร
4. ให้ผู้รับบริการตอบคำถาม ตามความสมัครใจของผู้รับบริการ ให้ตอบคำถามในประเด็น
“ท่านจะนำความรู้ เรื่อง ที่ศึกษา ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาหรือใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้
อย่างไร”
5. ผู้จัดกิจกรรมและผู้รับบริการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน โดย
ใช้สื่อ อาทิ PowerPoint
6. ให้ผรู้ บั บริการทำแบบทดสอบหลงั เรียน
7. ใหผ้ ู้รบั บริการทำแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อกจิ กรรมการเรยี นรู้

สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน
2. ใบความร้ขู องผู้จดั กิจกรรม
3. ใบความรสู้ ำหรบั ผู้รับบรกิ าร
4. คลปิ วิดโี อ
5. ใบกิจกรรมของผู้รับบริการ
6. วสั ดอุ ุปกรณใ์ หก้ ับผรู้ บั บรกิ ารในการออกแบบและปฏิบตั ิการ ทดลอง ลงมือปฏบิ ัติ
7. PowerPoint
8. แบบทดสอบหลังเรียน
9. แบบประเมนิ ความพึงพอใจทมี่ ตี อ่ กิจกรรมการเรียนรู้

คูม่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ หน้า | ฎ

การวัดและประเมินผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนรว่ ม ความต้ังใจ และความสนใจของผู้รบั บริการ
2. ผลการทดสอบก่อนและหลังเรยี น
3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรค์นวัตกรรมและสงิ่ ทีต่ อ้ งการพัฒนา/ช้ินงาน/ผลงาน
4. ผลการประเมินความพงึ พอใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้

รปู แบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา จัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษา

บูรณาการวัฒนธรรมท้องถนิ่ ในรูปแบบ ดงั นี้
รูปแบบท่ี 1 ฐานการการเรยี นร้นู ิทรรศการ
รูปแบบที่ 2 ค่าย ซง่ึ มแี บบ 1 วนั (ไป - กลบั ), 2 วนั 1 คืน, 3 วัน 2 คนื
รปู แบบที่ 3 กิจกรรมการศึกษา ได้แก่การอบรมให้ความรู้ มีทั้งแบบเคลื่อนท่ี และภายใน

ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การศกึ ษาพระนครศรีอยธุ ยา
รปู แบบท่ี 4 การเรียนรู้ผ่านบริการวิชาการ ได้แก่เอกสาร วารสาร เฟซบุ๊ค เว็ปไซต์

ศูนย์วทิ ยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา

กล่มุ เป้าหมาย
ผู้รับบริการ ไดแ้ ก่ นกั เรียน นกั ศึกษา เยาวชน และประชาชนท่วั ไป

ระยะเวลาท่ีใช้ในการจดั กจิ กรรม

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น จำนวน 15 ช่ัวโมง ได้แก่

1. วศิ วกรอโยธยา จำนวน 3 ช่ัวโมง

2. แต่งกายไทยไปกับออเจา้ จำนวน 3 ช่วั โมง

3. ตามรอยกรงุ ศรอี ยุธยา ตามหาขนมไขก่ บ จำนวน 3 ชั่วโมง

4. ชวนพน่ี ้องลอ่ งสำเภา จำนวน 3 ชว่ั โมง

5. ลูกประคบสมนุ ไพรไทย จำนวน 3 ชั่วโมง

คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถ่นิ หนา้ | 1

ฐานการเรยี นท่ี 1 เร่ือง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา

แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา

เวลา 3 ชัว่ โมง

แนวคดิ
วิศวกรโบราณสถานอโยธยา เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับโบราณสถานของจังหวัด

พระนครศรีอยุธยา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความงดงามและแข็งแรงทนทานที่ยังคงอยู่ได้นับร้อยปี
ความรู้ความสามารถในการก่อสร้างของคนสมัยกรุงศรีอยุธยา ทำให้เห็นคุณค่าของการสืบทอด
วัฒนธรรมให้กับคนรุ่นหลังได้เรียนรู้เกี่ยวกับโบราณสถานในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยใช้การบูรณาการ
สะเต็มศึกษากับวัฒนธรรม ในการสร้างโบราณสถานจำลองซ่ึงสามารถนำไปใช้ ในการประกอบอาชีพ
สร้างรายได้ ดังนั้น การสร้างโบราณสถานจำลองจึงเป็นการบูรณาการสะเต็มศึกษาความรู้ใน 4 วิชา
ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ที่เรียกว่า สะเต็มศึกษา
มาประยุกต์ใช้ โดยเน้นการนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาหรือใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง โดย
การนำเทคโนโลยีมาใช้ ร่วมกบั ความรู้เกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีของสารเคมีตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป
มารวมตัวกัน โดยมีอัตราส่วนของส่วนประกอบที่แน่นอน ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ให้ความคงทน
แขง็ แรง มาออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยธุ ยา

วัตถุประสงค์
1. อธิบายการออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากับ

วฒั นธรรมสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา
2. การปฏิบัติการออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็ม

ศึกษากับวฒั นธรรมสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา
3. เห็นความสำคัญของการออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการ

สะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมสมัยกรุงศรีอยธุ ยา

เน้ือหา
1. การออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากับ

วฒั นธรรมสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา
1.1 ความรเู้ บอ้ื งต้นเก่ยี วกับโบราณสถานสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา
1.1.1 ประวตั คิ วามเปน็ มาของโบราณสถานสมยั กรุงศรีอยธุ ยา
1.1.2 คุณคา่ และความสำคญั ของโบราณสถานสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา
1.1.3 ประเภทและรปู ทรงโบราณสถานสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา
1.2 การปฏบิ ัตกิ ารออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองสมยั กรุงศรีอยุธยา
1.2.1 การเลอื กใช้วสั ดแุ ละเคร่อื งมอื ในการสรา้ งโบราณสถานจำลอง
1.2.2 ข้นั ตอนการออกแบบโบราณสถานจำลอง
1.2.3 ข้นั ตอนการสร้างโบราณสถานจำลอง

คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิน่ หนา้ | 2

1.3 หลักการทางวิทยาศาสตร์การสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยา
เรอื่ งการเกิดปฏิกริ ิยาทางเคมขี องสาร

2. การปฏิบัติการออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็ม
ศกึ ษากบั วฒั นธรรมสมยั กรุงศรีอยุธยา

2.1 การออกแบบเชิงวิศวกรรมการสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการ
สะเตม็ ศึกษากับวัฒนธรรมสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา

2.1.1 การระบุปญั หา
2.1.2 การคน้ หาแนวคดิ ท่ีเกยี่ วข้อง
2.1.3 การวางแผนและการพัฒนา
2.1.4 การทดสอบและการประเมินผล
2.1.5 การนำเสนอผลลัพธ์
2.2 การปฏิบัติการสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและ
วัฒนธรรม ตามการออกแบบเชิงวิศวกรรม การสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็ม
ศึกษาและวัฒนธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา

แผนผังความเช่ือมโยงสะเตม็ ศึกษากับการบรู ณากา

S : Science T:Technology E:Engin
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรร

การเกิดปฏกิ ิริยาทางเคมีของ 1. การเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ การออกแบบแล
สาร 2. การสบื ค้นข้อมูล โบราณสถานจำล
ศรีอยุธยา ให้มีค
แขง็ แรง

คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถิ่น

ารวฒั นธรรมสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา “วิศวกรโบราณสถานอโยธยา”

neering M:Mathematics C:Culture
มศาสตร์ คณิตศาสตร์ วัฒนธรรม

ละการสรา้ ง การคำนวณอัตราสว่ นในการ 1. ประเภทของโบราณสถานใน
ลองในสมยั กรุง ผสมสารละลาย สมยั กรุงศรีอยุธยา
ความทนทาน
2. รปู ทรงโบราณสถานในสมัย
กรุงศรีอยธุ ยา

หน้า | 3

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถ่นิ หน้า | 4

ข้ันตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ข้นั ตอนที่ 1 จุดประกายการเรยี นรู้ (Inspiration : I)

1. ผู้จัดกิจกรรมทักทายผู้รับบริการ พร้อมทั้งแนะนำตนเองและฐานการเรียนรู้ เรื่อง
วิศวกรโบราณสถานอโยธยา ซึ่งผู้รับบริการจะต้องปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ที่เป็นการบูรณาก าร
สะเตม็ ศึกษากบั วฒั นธรรมสมัยกรงุ ศรีอยุธยา

2. ผูจ้ ดั กจิ กรรมช้ีแจงวัตถปุ ระสงค์ของฐานการเรียนรู้ เรอื่ ง วศิ วกรโบราณสถานอโยธยา
ซึง่ มจี ำนวน 3 ขอ้ ดงั น้ี

(1) อธิบายการออกแบบโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากับ
วัฒนธรรมสมยั กรงุ ศรีอยุธยา

(2) ออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากับ
วัฒนธรรมสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา

(3) เห็นความสำคัญของการสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็ม
ศึกษากบั วฒั นธรรมสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา

3. ให้ผู้รับบริการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา
โดยใช้เวลา 10 นาที

4. ผู้จัดกิจกรรมแจกใบความรู้สำหรับผู้รับบริการ เรื่อง การออกแบบและสร้าง
โบราณสถานจำลองสมยั กรุงศรีอยธุ ยาโดยการบูรณาการสะเตม็ ศึกษากับวัฒนธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา
เพอ่ื ใช้สำหรับประกอบการเรียนรฐู้ านการเรยี นรู้ เรือ่ ง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา

5. ผู้จัดกิจกรรมชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของผู้รับบริการในเรื่องที่จะ
เรียนรู้ตามฐานการเรียนรู้นี้ โดยผู้จัดกิจกรรมสุ่มผู้รับบริการตามความสมัครใจ จำนวน 2 – 3 คน
ให้ตอบคำถาม จำนวน 2 ประเด็น ดงั นี้

ประเดน็ ที่ 1 “ท่านทราบหรือไม่ว่า โบราณสถานในจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา มีทใี่ ดบา้ ง”
แนวคำตอบ วดั ไชยวฒั นาราม วดั ราชบูรณะมีอีกไหม ?
ประเด็นที่ 2 “ท่านทราบหรือไม่ว่า การสร้างโบราณสถานในสมัยกรุงศรีอยุธยา
มีวิธีการสรา้ งโบราณสถานอย่างไร และใช้สว่ นผสมอย่างไรบ้าง”
แนวคำตอบ ใช้แรงงานคนในการสร้าง วัสดุส่วนใหญไ่ ด้มาจากธรรมชาติ เช่น อิฐได้
จากดินเหนยี วผสมแกลบ เป็นต้น
หลังจากน้ันผู้จัดกิจกรรมเปิดคลิปวิดิโอให้ผู้รับบริการชม เรื่อง 8 โบราณสถานแห่ง
กรุงศรีอยุธยาhttps://www.youtube.com/watch?v=k_3gXTz-F5k เวลา 5.14 นาที แล้วให้
ผูร้ บั บริการตอบคำถาม จำนวน 2 ประเด็น ดงั นี้
ประเดน็ ที่ 1 ทา่ นได้เรยี นร้อู ะไรจากคลปิ วดิ ีโอน้ี
แนวคำตอบ โบราณสถานสมัยกรุงศรีอยุธยาควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสาน
ประเพณีวัฒนธรรม
ประเดน็ ท่ี 2 ทา่ นคิดวา่ โบราณสถานบ่งบอกถึงวฒั นธรรมได้อยา่ งไร และมีประโยชน์
หรือไมอ่ ย่างไร

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น หน้า | 5

แนวคำตอบ ทำให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ และทำให้รู้เรื่องราว
ในอดตี สมยั กรงุ ศรอี ยุธยา

6. ผู้จัดกิจกรรมโชว์โมเดลโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยา และให้ผู้รับบริการ
ตอบคำถามเป็นรายบุคคลและรายกลุ่มในประเด็น “จากโมเดลที่เห็น ท่านคิดว่าเป็นโมเดลอะไร
ทำมาจากอะไร และมีประโยชน์หรือไม่ อยา่ งไร”

7. ผจู้ ดั กิจกรรมและผรู้ ับบรกิ ารอภิปรายและสรุปผลการเรียนรูร้ ่วมกนั

ขนั้ ตอนท่ี 2 การปฏิบัตแิ ละประยุกต์ใช้ (Implementation : I)

1. ผู้จัดกจิ กรรมเช่ือมโยงสิ่งท่ไี ด้เรยี นรใู้ นข้ันตอนที่ 1 ในการนำความรู้ไปสกู่ ารปฏบิ ัติ
และประยุกตใ์ ช้ โดยผ้จู ัดกจิ กรรมเปดิ คลปิ วดิ โี อ เรื่อง การหล่อเรซินโมเดลประกบ
https://www.youtube.com/watch?v=01qCtUvzUOg เวลา 4.15 นาที

หลงั จากน้ันผู้จัดกิจกรรมดำเนินการดงั น้ี
(1) ผู้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงสะเต็มศึกษากับการบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น
ที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่จะเรียนรู้ ตามใบความรู้สำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง แผนผังความเชื่อมโยงสะ
เตม็ ศกึ ษากบั การบรู ณาการวัฒนธรรมสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา “วศิ วกรโบราณสถานอโยธยา” และบรรยาย
เนื้อหาตามใบความรู้สำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง การออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการ
บูรณาการสะเต็มศึกษากับวัฒนธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อใช้สำหรับประกอบการเรียนรู้ฐาน
การเรียนรู้ เร่ือง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา

ในส่วนของผู้รับบริการให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้รับบริการ ประกอบการ
บรรยายของผู้จัดกจิ กรรม ตามใบความรู้สำหรบั ผู้รับบรกิ าร เรื่อง แผนผังความเชื่อมโยงสะเต็มศึกษา
กับการบูรณาการวัฒนธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา “วิศวกรโบราณสถานอโยธยา” และศึกษาใบความรู้
สำหรบั ผู้รบั บริการ เรอ่ื ง การออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยธุ ยาโดยการบูรณา
การสะเต็มศึกษากับวัฒนธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่แจกให้ผู้รับบริการหลังการทดสอบก่อนเรียน
ประกอบการบรรยายของผ้จู ัดกจิ กรรม

(2) อธิบายและสาธิตการสร้างโบราณสถานจำลอง ตามใบความรู้สำหรับผู้จัด
กจิ กรรม เร่อื ง การออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองสมยั กรุงศรีอยุธยาโดยการบรู ณาการสะเต็ม
ศกึ ษากบั วฒั นธรรมสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา พรอ้ มทง้ั ใหผ้ รู้ ับบรกิ ารร่วมปฏิบัติในการสาธติ ของผู้จัดกจิ กรรม
ดว้ ย ทัง้ นเี้ ปดิ โอกาสใหผ้ รู้ ับบริการได้แลกเปลย่ี นเรียนรโู้ ดยให้ผ้รู ับบรกิ ารตั้งประเดน็ ข้อสงสัยหรือสิ่งท่ี
ต้องการเรียนรู้ในกระบวนการของการสาธิต และเชื่อมโยงสู่การนำไปใช้ในชีวิตจริงของผู้รับบริการ
ต่อไป

2. แบ่งผู้รับบริการออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 – 8 คน ให้ออกแบบการสร้างโบราณสถาน
จำลองและให้ผู้รับบริการลงมือปฏิบัตจิ รงิ โดยผู้รับบริการแต่ละกลุม่ วางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับ
การสร้างโบราณสถานจำลอง ตามใบกจิ กรรมของผรู้ ับบรกิ าร เร่ือง โบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยธุ ยา

ท้งั น้ี ผู้จดั กจิ กรรมเตรียมวสั ดุอปุ กรณใ์ ห้กับผ้รู ับบรกิ ารในการออกแบบและการสร้าง
โบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากับวัฒนธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา ตามใบความรู้
สำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง การออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยการ
บรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วัฒนธรรมสมัยกรุงศรอี ยุธยา

คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ หนา้ | 6

3. ใหผ้ ูร้ ับบริการแต่ละกลมุ่ ตามข้อ 1 ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามใบกจิ กรรมสำหรับผู้รับบริการ
เรื่อง การสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากับวัฒนธรรม
สมัยกรงุ ศรอี ยุธยา

ทั้งนี้ ผู้จัดกิจกรรมจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้รับบริการจนกิจกรรม
แล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง การสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยา
โดยการบูรณาการสะเตม็ ศึกษากับวฒั นธรรมสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา

4. ให้ผู้รับบริการแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานการออกแบบการสร้างโบราณสถานจำลอง
จำนวน 5 ประเด็น ดังน้ี

ประเด็นที่ 1 ในการการสร้างโบราณสถานจำลอง ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีลักษณะอย่างไร
เปน็ ไปตามทีอ่ อกแบบไว้หรอื ไม่

แนวคำตอบ เมอ่ื แกะโบราณสถานจำลองออกจากแม่พมิ พ์แลว้ ได้ผลิตภัณฑต์ รงตาม
แบบแมพ่ มิ พ์ และตรงตามแบบที่ได้ออกแบบไว้

ประเด็นที่ 2 ท่านใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ในกิจกรรมการสร้างโบราณสถาน
จำลอง อยา่ งไรบ้าง

แนวคำตอบ ความรู้เรื่องปฏิกิริยาทางเคมีนำมาผสมสารละลาย ให้ได้ตามสัดส่วน
ทีเ่ หมาะสม

ประเด็นที่ 3 ท่านใช้ความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ในกิจกรรมการสร้างโบราณสถาน
จำลองอย่างไรบา้ ง

แนวคำตอบ การคำนวณหาปริมาณสารละลายตามสัดส่วนที่เหมาะสมในการสร้าง
โบราณสถานจำลอง

ประเดน็ ที่ 4 ท่านใชอ้ นิ เตอรเ์ นต็ สบื คน้ ข้อมูลบ้างหรอื ไม่ สืบคน้ ในเรือ่ งใดบา้ ง
แนวคำตอบ ใช้สบื ค้นขอ้ มลู เรือ่ ง การหล่อเรซน่ิ
ประเด็นท่ี 5 ทา่ นใช้กระบวนการเทคโนโลยีในกิจกรรมการสร้างโบราณสถานจำลอง
อยา่ งไรบ้าง
แนวคำตอบ การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ท่เี หมาะสมกบั ชิ้นงาน
5. ผ้จู ัดกิจกรรมและผู้รับบริการอภปิ รายและสรปุ ผลการเรยี นรู้รว่ มกนั

ขัน้ ตอนท่ี 3 การสรุปผลกจิ กรรมการเรียนรู้ (Conclusions : C)

1. ผู้จัดกิจกรรมชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ได้เรียนรู้ในฐานการเรียนรู้นี้ โดยผู้จัด
กิจกรรมสุ่มผู้รับบริการ ตามความสมัครใจ จำนวน 2 - 3 คน ใหต้ อบคำถามในประเดน็

“ท่านจะนำความรู้ เร่ือง วศิ วกรโบราณสถานอโยธยา ไปประยุกต์ใชใ้ นการแก้ปัญหา
หรือใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ จรงิ ได้อย่างไร

2. ผู้จัดกิจกรรมและผู้รับบริการอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน
ตาม PowerPoint เรือ่ งการสรปุ ผลการเรยี นรู้ เรื่อง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา

3. ใหผ้ ู้รับบรกิ ารทำแบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา
4. ให้ผูร้ ับบรกิ ารทำแบบประเมนิ ความพงึ พอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนร้สู ะเต็มศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ หน้า | 7

สอ่ื วัสดอุ ุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา
2. ใบความรู้สำหรบั ผ้รู บั บรกิ าร เรือ่ ง การออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลอง

โดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากับวฒั นธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา
3. คลปิ วดิ โี อ เร่ือง 8 โบราณสถานแห่งกรุงศรอี ยุธยา

https://www.youtube.com/watch?v=k_3gXTz-F5k เวลา 5.14 นาที
4. โมเดลโบราณสถานจำลองสมัยกรงุ ศรีอยุธยา
5. คลิปวดิ ีโอ เร่อื ง การหล่อเรซินโมเดลประก

https://www.youtube.com/watch?v=01qCtUvzUOg เวลา 4.15 นาที
6. ใบความรู้สำหรับผู้รับบริการ เรื่อง แผนผังความเชื่อมโยงสะเต็มศึกษากับการ

บรู ณาการวฒั นธรรมสมยั กรุงศรีอยุธยา “วิศวกรโบราณสถานอโยธยา”
7. ใบความรู้สำหรับผู้จัดกจิ กรรม เรื่อง การออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดย

การบรู ณาการสะเตม็ ศึกษากับวฒั นธรรมสมยั กรงุ ศรีอยุธยา
8. ใบกจิ กรรมสำหรับผู้รบั บริการ เร่อื ง การสรา้ งโบราณสถานสมยั กรงุ ศรีอยุธยา
9. ใบกิจกรรมสำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง การสร้างโบราณสถานจำลองสมัย

กรงุ ศรอี ยธุ ยาโดยการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษากับวฒั นธรรมสมยั กรงุ ศรีอยุธยา
10. PowerPoint การสรุปผลการเรียนรู้ เรอื่ ง วศิ วกรโบราณสถานอโยธยา
11. แบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง วิศวกรโบราณสถานอโยธยา
12. แบบประเมินความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม ฐานการเรียนรู้ เรื่อง วิศวกร

โบราณสถาน อโยธยา

การวดั และประเมินผล
1. สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ความตง้ั ใจ ความสนใจของผูร้ บั บรกิ าร
2. ผลการทดสอบก่อนและหลังเรียน
3. ผลการออกแบบและสร้างสรรค์นวัตกรรมและสิง่ ทต่ี อ้ งการพฒั นา/ชิ้นงาน/ผลงาน
4. ผลการประเมินความพงึ พอใจในการเข้าร่วมกจิ กรรม

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิน่ หนา้ | 8

บนั ทกึ ผลหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ผลการใช้แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
1. จำนวนเนอ้ื หากบั จำนวนเวลา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม
ระบุเหตผุ ล

2. การเรียงลำดับเน้ือหากับความเขา้ ใจของผูร้ ับบริการ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม
ระบเุ หตผุ ล

3. การนำเขา้ สูบ่ ทเรียนกบั เนื้อหาแตล่ ะหวั ข้อ  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม
ระบเุ หตผุ ล

4. วธิ ีการจดั กิจกรรมการเรียนรู้กบั เนื้อหาในแต่ละข้อ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม
ระบุเหตุผล

5. การประเมนิ ผลกับวัตถปุ ระสงคใ์ นแต่ละเนอื้ หา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม
ระบุเหตุผล

ผลการเรียนรู้ของผู้รบั บริการ

ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ของผู้จดั กิจกรรม

ข้อเสนอแนะ

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนร้สู ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ หน้า | 9

คำชแ้ี จง แบบทดสอบก่อนเรียน
เรอ่ื ง วศิ วกรโบราณสถานอโยธยา

1. แบบทดสอบ จำนวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน
2. จงทำเคร่ืองหมายถูก (✓) หน้าขอ้ ท่ีถกู และทำเครื่องหมายผิด () หน้าขอ้ ท่ผี ิด

1. คุณค่าของโบราณท่เี กยี่ วข้องกบั ขนบธรรมเนยี มจารีตประเพณเี ปน็ คณุ ค่าด้านการเมือง
2. วัสดุในการสรา้ งโบราณสถานแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดิน อิฐ หินและศลิ าแลง ไม้
3. การก่อสรา้ งสมัยโบราณ นยิ มใชว้ ัสดุหลากหลายประเภท เช่น หิน ดนิ ทราย ไม้ เป็นต้น
4. โบราณสถานทีส่ ร้างด้วยไม้ นิยมใช้สร้างปราสาท วัด ตา่ ง ๆ
5. สารเคมหี ลกั ท่ีใชใ้ นการหลอ่ โบราณสถานจำลอง คอื โพลเี อสเทอร์เรซ่ิน
6. สารทเี่ ป็นตัวเรง่ ปฏิกิริยาซึ่งทำให้เรซ่นิ แขง็ ตัวไดง้ ่าย คือ โคบอลท์
7. เจดยี ์ในสมยั อยุธยามคี วามหลากหลายตามสมัย ยกตัวอย่างเชน่ เจดยี ท์ รงหกเหลี่ยมเพิม่ มุม
8. รปู ทรงขององค์เจดีย์วดั ราชบูรณะ คือเจดีย์ทรงปรางค์
9. การเติมผงทลั คมั หรอื ปูนปลาสเตอร์ ช่วยเพม่ิ เนื้อเรซิน่
10. ผลของการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีทำใหเ้ กิดสารใหม่ เรยี กว่า ผลิตภัณฑ์

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
1.  2. ✓ 3. ✓ 4.  5. ✓ 6. ✓ 7.  8. ✓ 9. ✓ 10 ✓

ใบความรู้ส
เรอื่ ง แผนผังความเชอื่ มโยงสะเต็มศึกษ

“วิศวกรโบร

S : Science T : Technology E : Engin
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรร

การเกิดปฏิกริ ิยาทางเคมี 1. การเลือกใช้วัสดุ อปุ กรณ์ การออกแบบแล
ของสาร 2. การสืบคน้ ข้อมูล โบราณสถานจำล
กรุงศรีอยุธยา ให
แขง็ แรง

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิน่

สำหรับผู้จดั กิจกรรม
ษากับการบูรณาการวฒั นธรรมสมัยกรุงศรีอยธุ ยา
ราณสถานอโยธยา”

neering M : Mathematics C : Culture
มศาสตร์ คณิตศาสตร์ วัฒนธรรม

ละการสร้าง การคำนวณอัตราสว่ น 1. ประเภทของโบราณสถาน
ลองในสมัย ในการผสมสารละลาย ในสมัยกรุงศรีอยธุ ยา
หม้ ีความทนทาน
2. รูปทรงโบราณสถานในสมัย
กรงุ ศรีอยธุ ยา

หนา้ | 10

คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถน่ิ หน้า | 1

ใบความรู้สำหรับผู้จดั กจิ กรรม
เร่ือง การออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบรู ณาการสะเตม็ ศกึ ษา

กบั วฒั นธรรมสมัยกรุงศรอี ยุธยา

ประวัติความเป็นมาของโบราณสถานสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใน พ.ศ. 1893 และได้ถูกพม่าทำลายลง

ในพุทธศตวรรษ ที่ 23 แม้จะถูกทำลายลงก็ยังคงมีร่องรอยความยิ่งใหญ่และความเจริญรุ่งเรืองของ
เมืองดังที่ปรากฏมา จนถึงปัจจุบัน ต่อมาครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี ได้มีการรื้ออิฐจากสถาปัตยกรรมในกรุงศรีอยุธยา
เพื่อไปก่อสร้างกรุงเทพมหานคร ทำให้โบราณสถานต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้างไป ครั้นถึง
สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้อนุรักษ์และฟื้นฟูโบราณสถานในกรุงศรีอยุธยา
ขน้ึ อกี ครัง้

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาโบราณ
ราชธานินท์ ข้าหลวงมณฑลกรุงเก่าทำการขุดแต่งโบราณสถาน และปรับปรุงสภาพในพระราชวัง
โบราณ

เมื่อปี พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานหลายแห่งในเกาะ
รอบเมืองพระนครศรีอยุธยาเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ รวม 69 แห่ง ต่อมาในสมัยของ จอมพล
ป. พบิ ลู สงคราม จงึ ไดเ้ ริ่มโครงการบูรณะพระทีน่ ่ังและวัดตา่ ง ๆ โดยมกี รมศลิ ปากรเปน็ ผ้ดู ูแล

ปี พ.ศ. 2512 ได้มีโครงการช่ือ โครงการสำรวจขุดแต่งและบูรณะปรับปรุงโบราณสถาน
โดยมีความพยายามที่จะประสานงานร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ในอันที่จะอนุรักษ์เมืองประวัติศาสตร์
พระนครศรอี ยุธยาไว้

ในที่สุด พ.ศ. 2519 ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างของงานชิ้นใหม่ แล้วจัดทำโครงการ
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาขึ้น และเริ่มทำการบูรณะปรับปรุงโบราณสถานเป็นต้นมา
ต้ังแต่ พ.ศ. 2520 และในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 ปี พ.ศ. 2534
ณ เมอื งคาร์เธจ ประเทศตูนิเซีย นครประวตั ศิ าสตร์พระนครศรีอยุธยา พรอ้ มด้วยเมืองประวัติศาสตร์
สุโขทัยและเมืองบริวาร (อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร) และเขตรักษา
พนั ธุ์สตั วป์ า่ ทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแขง้ ได้รับการข้นึ ทะเบียนเปน็ แหลง่ มรดกโลก

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถ่นิ หน้า | 2

ตวั อยา่ งโบราณสถานในอดีต ผสู้ รา้ ง

ที่ ชอื่ รูปภาพ สร้าง

1 พระราชวงั โบราณ พ.ศ. 1893 สมเด็จพระรามาธิบดที ่ี 1

2 วดั ไชยวฒั นาราม พ.ศ. 2173 สมเด็จพระเจา้ ปราสาททอง
3 วดั พระศรสี รรเพชญ์ พ.ศ. 1991 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
4 วัดมหาธาตุ พ.ศ. 1917 สมเด็จพระบรมราชาธริ าชที่ 1

5 วัดราชบรู ณะ พ.ศ. 1967 สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี 2

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2540 กรมศิลปากรได้ประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน
พระนครศรีอยุธยาเพิ่มเติม ซึ่งครอบคลุมเกาะเมืองอยุธยาและพื้นที่รอบนอกเกาะเมืองทุกด้าน

คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน หนา้ | 3

ที่ปรากฏหลักฐาน ด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำการอนุรักษ์และพัฒนาให้
เหมาะสมกับการที่นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกซึ่งในเขตที่ดิน
เพ่ิมเตมิ นี้ มีโบราณสถานที่สำคญั

(ทม่ี า : อุทยานประวัตศิ าสตร์พระนครศรีอยธุ ยาhttps://goo.gl/NULXfL )

คุณคา่ และความสำคัญของโบราณสถาน
1. ด้านเอกลกั ษณ์ เป็นคณุ ค่าของโบราณสถานท่ีแสดงการรับรู้ หรือความเข้าใจถึงท่ีมา

สถานที่ตั้ง ชนชาติ ความเชื่อ ศาสนา ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชุมชนใดชุมชนหนึ่ง หรือ
ประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น การที่เราเรียนรู้โบราณสถานภาคตะวันออกนั้น ทำให้เรา
สามารถรู้ถงึ ท่ีมาและความเช่อื ในการกอ่ สรา้ งและวฒั นธรรมทผ่ี า่ นมาในสมัยก่อนได้

2. ด้านวิชาการ เป็นคุณค่าของโบราณสถานที่สะท้อนเรื่องราวในอดีตเป็นข้อมูล
ทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ซึ่งเป็นเครื่องแสดงประวัติความเป็นมา
อันเก่าแก่ของชุมชน ของชาติ รวมท้ังเป็นแหล่งศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่น โบราณสถานทำให้
เรารู้ถึงอายุในการก่อสร้างและประวัติ ในการสร้างสมัยก่อนได้ สามารถบอกเรื่องราว
ทางประวัติศาสตร์จากลักษณะของวฒั นธรรมทเี่ ปน็ รปู ธรรมได้อกี ดว้ ย

3. ด้านเศรษฐกิจ เป็นคุณค่าของโบราณสถานที่ก่อให้เกิดรายได้ของชุมชนและ
ของประเทศ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว สร้างกิจกรรมต่าง ๆ อันสืบ
เนื่องจากการท่องเที่ยวพรอ้ ม ๆ กับการศกึ ษาหาความรู้

4. ด้านการใช้สอย เป็นคุณค่าของโบราณสถานที่สามารถนำมาใช้งานได้ในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นการใช้งานที่ไม่ก่อให้เกิดการเส่ือมสภาพ การเปลี่ยนแปลง หรือการรื้อทำลายโบราณสถานน้ัน
เช่น โบราณสถานเมืองเพนียด จังหวัดจันทบุรีนั้นทำให้เรารู้ถึงล่องลอยการก่อสร้างรูปแบบ
สถาปัตยกรรมทใ่ี ชป้ ระโยชน์ในสมยั ก่อนได้

5. ด้านสังคม เป็นคุณค่าของโบราณสถานที่เก่ียวข้องกับขนบธรรมเนียมจารตี ประเพณี
เป็นความภาคภูมิใจของคนในสงั คม เปน็ ศูนยร์ วมจิตใจของคนในสงั คม

6. ด้านการเมือง เป็นคุณค่าของโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญ
ในประวัติศาสตร์ การกำหนดขอบเขตหรือการรักษาอธิปไตย และการสร้างความร่วมมือร่วมใจของ
คนท้ังชาติ

7. ด้านสุนทรียภาพ เปน็ คณุ คา่ ความงามของศิลปกรรมและสถาปตั ยกรรม

(ทม่ี า สบื คน้ เม่อื วันท่ี 1 เมษายน 2562 : https://naturalpasinee.wordpress.com)

ประเภทของโบราณสถานสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา
การศึกษาอดตี เป็นเร่ืองทส่ี ามารถทำให้เรากำหนดอนาคตได้ บางคร้ังเราก็อดไม่ได้ท่ีเห็น

การก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ในสมัยอดีต ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกหรือโบราณสถานต่าง ๆ ที่มีอยู่
อย่างชุกชุม ทำให้คนในยุคปัจจุบันอดทึ่งในความสามารถนั้น สำหรับประเภทของการก่อสร้าง
โบราณสถานแบบตา่ ง ๆ หากยึดเอาตามการแบง่ ประเภทของการบูรณะของกรมศิลปากรก็จะแบ่งได้
4 ประเภท ดังน้ี

1. โบราณสถานที่สร้างด้วยดิน โบราณสถานแบบนี้มักเป็นโบราณสถานที่ไม่มีความ
สลับซับซ้อนอะไรมากนักมักจะถูกสร้างเปน็ กำแพงเมือง คนั ดนิ คูเมอื งตา่ ง ๆ

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ หน้า | 4

2. โบราณสถานที่สร้างด้วยอิฐ โบราณสถานจำพวกนี้ถูกก่อสร้างด้วยอิฐเป็นส่วนใหญ่
เช่น โบสถ์ วิหารเจดีย์ต่าง ๆ ซงึ่ กรรมวธิ ขี น้ั ตอนในด้านการก่อสร้างจะแตกตา่ งกันไปในแต่ละภูมิภาค

3. โบราณสถานทีส่ รา้ งดว้ ยหินและศิลาแลง โบราณสถานจำพวกน้ีมักถูกสร้างด้วยหิน
หรือศิลาแลงเป็นส่วนใหญ่ ดั่งพวกปราสาทหินที่พบในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง
ปราสาทหินพมิ าย เป็นต้น

4. โบราณสถานที่สร้างด้วยไม้ เช่น พวกอาคารบ้านเรือนของราษฎรในอดีต อย่างเช่น
ศาลาพระท่ีนงั่ วิมานเมฆกท็ ำการสร้างด้วยไมเ้ ปน็ หลักเช่นกนั

วัดไชยวัฒนารามอีกหน่งึ โบราณสถานทสี่ วยงามของไทย
(ภาพจาก www.pointthailand.com)

รปู ทรงโบราณสถาน
เจดยี แ์ บบกอ่ นกรงุ ศรีอยุธยา และกรงุ ศรีอยุธยา (ราว พ.ศ. ๑๘๐๐-๒๓๑๐)
1. เจดยี ์ทรงปรางค์
ลักษณะ เจดียท์ รงปรางค์วดั ราชบรู ณะ

รูปทรงเจดีย์เพรียวสูงเป็นสอบเรียวโดยลำดับจากชุดฐานที่กว้าง ผ่านเรือนธาตุขึ้นไป
ส่วนบนเจดีย์ เป็นชั้นซ้อนคลี่คลายเป็นแท่งสอบมนที่ปลาย โดยต่อเนื่องเป็นนภศูลและทำตรีมุข
ย่ืนออกทางด้านตะวันออก

ความเป็นมา
ก่อนราชธานีกรุงศรีอยุธยาราว ๑๐๐ ปี คือ เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๙ เมืองลพบุรี

ซง่ึ อยู่ในเครือข่ายวัฒนธรรมขอมมากอ่ น มกี ารสรา้ งเจดียท์ รงปรางค์อนั เป็นแบบอยา่ งระยะแรก ตอ่ มา
ได้กลายเป็นต้นแบบให้แก่เจดีย์ทรงปรางค์ ช่วงระยะแรกของกรุงศรีอยุธยาที่สถาปนาเป็นราชธานี
ในปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ซึ่งตรงกับ พ.ศ. ๑๘๙๓ เช่น เจดีย์ประธานทรงปรางค์ พระศรีรัตนมหา
ธาตุ ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอเมือง ฯ จังหวัดลพบุรี เจดีย์ประธานทรงปรางค์ที่สำคัญองค์น้ี

คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ หนา้ | 5

มีลักษณะทางพัฒนาการอันเป็นระยะแรก ต้นแบบ คือ ปราสาทแบบขอม แต่ปรางค์พระศรีรัตน
มหาธาตุมีรูปทรงที่เพรียวกว่าต้นแบบ ความซับซ้อน ของส่วนประกอบทั้งหลายก็ลดลงมากด้วย
อย่างไรก็ดี ชน้ั ซอ้ นแบบปราสาทขอมยงั ชดั เจนใกล้เคยี งกบั ต้นแบบ

(เจดียป์ ระธานทรงปรางค์ พระศรรี ัตนมหาธาตุ ทว่ี ัดพระศรรี ตั นมหาธาตุ อำเภอเมืองฯ จงั หวดั ลพบรุ )ี
ภาพจาก https://bit.ly/2wpoucK

เจดีย์ทรงปรางค์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของราชธานีกรุงศรีอยุธยา โดยมีการสร้างเป็น
ปรางค์ประธานของวัดตั้งแต่แรกเริ่มราชธานี มาเป็นลำดับ เช่น ปรางค์ประธานของวัดราชบูรณะ
อำเภอพระนครศรีอยธุ ยา จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ที่สร้างขน้ึ ในรัชกาล สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท่ี ๒
(เจ้าสามพระยา) พ.ศ. ๑๙๖๗ ปรางค์ประธานองค์นี้มีรูปทรงเพรียว พัฒนามาจากเจดีย์ทรงปรางค์
ระยะแรก คือ ส่วนบนซึ่งเป็นชั้นซ้อนคลี่คลายเป็นแท่ง ที่ดูเรียบง่ายกว่าเดิม การทำตรีมุขยื่นออก
ทางด้านตะวันออก รวมทั้งส่วนฐานที่เพิ่มความสูงยิ่งกว่าต้นแบบ ปรางค์ประธานของวัดนี้ ยังอยู่ใน
สภาพทด่ี ีกวา่ ปรางค์ประธานของวัดอน่ื ที่สรา้ งขึ้นกอ่ น

เจดยี ป์ รางคป์ ระธานของวัดราชบรู ณะ อำเภอพระนครศรอี ยุธยา จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
(ภาพจาก https://bit.ly/2wpoucK)

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถ่นิ หนา้ | 6

(เจดยี พ์ ระศรีรัตนมหาธาตุ วดั พระศรรี ตั นมหาธาตเุ ชลยี ง อำเภอศรีสัชนาลัย จงั หวัดสโุ ขทัย)
ภาพจาก https://bit.ly/2wpoucK

เจดีย์ทรงปรางค์แบบกรุงศรีอยุธยายังมีให้เห็นที่อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
อันเป็นเมืองเก่าแก่สมัยสุโขทัย คือ เจดีย์พระศรีรัตนมหาธาตุ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง
อำเภอศรีสัชนาลัย จงั หวดั สโุ ขทัย ซึ่งสรา้ งขน้ึ ราว พ.ศ. ๒๐๑๘ ในรัชกาลสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
รูปแบบโดยรวมเทียบได้กับปรางค์ประธานของวัดราชบูรณะ ในกรุงศรีอยุธยา ซึ่งสร้างขึ้น ในรัชกาล
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ คือ รูปทรงเพรียวสูงที่สอบเรียวโดยลำดับจากชุดฐานที่กว้าง
ผา่ นเรอื นธาตุขึ้นไป เป็นชั้นซ้อนทรงแท่งสอบมนที่ปลาย โดยต่อเน่ืองเปน็ นภศูล เจดีย์ทรงปรางค์เป็น
เสมือนหลักฐานอันแสดงถึงอำนาจของกรุงศรีอยุธยาที่มีเหนือดินแดนสุโขทัย รูปทรงสัดส่วนของ
ปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง นอกจากเป็นแบบอย่าง ของศิลปะอยุธยาในช่วงเวลานั้นแล้ว
ผลการศึกษาความหมายและรูปแบบงานปูนปั้นเรื่องราวพุทธประวัติที่ประดับหน้าบันซุ้ ม
ของเรือนธาตุกบ็ ่งชว้ี า่ ปั้นข้ึนในคราวเดียวกับงานสร้างปรางค์ดว้ ย

คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถน่ิ หน้า | 7

2. เจดีย์ทรงระฆงั

เจดียป์ ระธาน ๓ องค์ วัดพระศรสี รรเพชญอำเภอพระนครศรอี ยุธยา จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
(ภาพจาก https://bit.ly/2wpoucK)

ลกั ษณะเจดียท์ รงระฆงั สมยั อยุธยา
เจดยี ป์ ระธานทรงระฆังในศลิ ปะอยุธยา มีลักษณะเฉพาะอยา่ งหนงึ่ ซง่ึ อย่ใู ตท้ รงระฆัง คือ

มีเส้นนนู คล้ายหวายผา่ ซกี คาดอยูโ่ ดยรอบ จำนวน ๓ เส้น โดยซอ้ นลดหล่ันกนั เรียกวา่ มาลยั เถา และ
เหนือขึ้นไปก่อนถึงทรงระฆงั เป็นบัวปากระฆัง เจดีย์ทรงระฆงั ในศิลปะสุโขทัยก็มีบวั ปากระฆังเชน่ กนั
แตไ่ ม่ได้ทำมาลยั เถา ทำเปน็ ชุดบวั ถลาแทน

ในราชธานีกรุงศรีอยุธยา นอกจากเจดีย์ ทรงปรางค์แล้วยังมีเจดีย์รูปทรงอ่ืน
คือ เจดีย์ทรงระฆัง ที่มีขนาดใหญ่เด่นชัด ได้แก่ เจดีย์ประธาน ๓ องค์ ที่วัดพระศรีสรรเพชญ อำเภอ
พระนครศรีอยุธยา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา สรา้ งขนึ้ ในรชั กาลสมเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ ๒ พ.ศ. ๒๐๓๕

3. เจดียท์ รงส่เี หลยี่ มยกเก็จ (เจดียเ์ พม่ิ มุม)
ลกั ษณะเจดยี ์ทรงส่ีเหลยี่ มยกเก็จ เจดีย์ศรสี ุรโิ ยทัย ศลิ ปะอยธุ ยา

แผนผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพิ่มมุมของเจดีย์องค์นี้ เป็นลำดับจากส่วนฐานขึ้นไปเรือนธาตุ
และทรงระฆัง สว่ นยอดเป็นทรงกรวยกลม เจดียย์ อดเหนอื หลังคาของจัตุรมุข (มุขประจำ ๔ ดา้ นของเจดีย์)

เจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมยกเก็จซึ่งทำให้มีจำนวนมุมเพ่ิมขึ้น จึงมักเรียกกันว่า เจดีย์เพิ่มมุม
แทนชื่อเดิมที่เคยเรียกกันว่า "เจดีย์ย่อมุม" ตัวอย่างเจดีย์ลักษณะดังกล่าว เช่น เจดีย์ศรีสุริโยทัย
ศิลปะอยุธยา สร้างขึ้นราวรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๑
(หลัง พ.ศ. ๒๐๙๑) อยใู่ นวดั ร้างชอ่ื วดั สวนหลวงสบสวรรค์ แผนผงั รูปส่เี หลย่ี มจัตรุ ัสเพิ่มมุมของเจดีย์
องค์น้ี เป็นลำดับจากส่วนฐานขึ้นไปเรือนธาตุ และทรงระฆัง ส่วนยอดเป็นทรงกรวยกลม เจดีย์ยอด
เหนือหลังคาของจัตุรมุข (มุขประจำ ๔ ด้านของเจดีย์) มีมาก่อนแล้ว คือ เจดีย์ทรงระฆัง ๓ องค์
ซึ่งเป็นเจดีย์ประธานของวัดพระศรีสรรเพชญ ปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ปรับปรุง และใช้เป็นบริเวณ
ของสำนักงานโครงการนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เจดีย์เพิ่มมุมองค์นี้ คงเป็นแบบอย่าง
ระยะแรก เชื่อว่าเกิดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิในราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๑ คือ
หลงั พ.ศ. ๒๐๙๑ อนั เปน็ ปีที่สมเดจ็ พระสุริโยทยั ส้ินพระชนม์กลางศึกพม่า

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถ่นิ หน้า | 8

เจดีย์ศรีสรุ โิ ยทัยจ.พระนครศรอี ยธุ ยา
( ภาพจาก https://bit.ly/2wpoucK )

แบบอย่างของเจดียเ์ พม่ิ มมุ ไดค้ ล่ีคลายไป อกี ระดับหนึ่งในเวลาต่อมา เช่น เจดีย์ประธาน
วัดภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนลดหล่ัน
แต่ละฐานยกเก็จ และเอนสอบยืน่ ออกมาเต็มฐาน ซึ่งแตกต่างจากฐานของเจดีย์ในศิลปะอยธุ ยาทั่วไป
ดงั นั้น ฐานของเจดยี ์ประธาน วัดภูเขาทอง จึงเปน็ แบบพิเศษ ทำนองเดียวกบั ฐานเจดีย์แบบมอญ-พม่า
ขณะที่เหนือจากชุดฐานดังกล่าวข้ึนไป เป็นเจดียเ์ พิ่มมุม คล้ายแบบอยา่ งของเจดียศ์ รีสุรโิ ยทัย แต่เช่ือ
ว่ามีการปรับรูปแบบด้วย คือ การใช้ฐานเจดีย์ตามแบบอย่าง มอญ-พม่า ปัจจุบัน ไม่มีหลักฐาน
ใดทบี่ ง่ ชี้วา่ ฐานเจดียแ์ บบน้ี ได้ผ่านพฒั นาการ ในศลิ ปะอยธุ ยามากอ่ น จึงอาจเชื่อไดว้ า่ เจดีย์ประธาน
องค์นี้สร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากท่ีทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง
เมื่อ พ.ศ. ๒๑๒๗ หรือหลังจากนั้น คือ คราวที่ทรงกระทำยุทธหัตถีได้ชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา
ของพม่า ใน พ.ศ. ๒๑๓๕ เหตุการณ์สำคัญดังกล่าว ทำให้เชื่อว่า เป็นที่มาของการสร้างฐานเจดีย์
แบบมอญ - พม่า รองรบั เจดยี ์ทรงไทย ซงึ่ เจดยี แ์ บบพิเศษนี้ มอี ยเู่ พยี งองค์เดียวในกรุงศรีอยธุ ยา

เจดียป์ ระธานวัดภเู ขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา
( ภาพจาก https://bit.ly/2wpoucK )

คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน หน้า | 9

หลังจากนั้นต่อมา เจดีย์เพิ่มมุมก็ได้รับการปรับปรุงใหม่อีกครั้ง เรียกว่า เจดีย์สี่เหลี่ยม
เพิ่มมุม และกลายเป็นรูปแบบเฉพาะของเจดีย์ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ดังตัวอย่างเช่น
เจดีย์ที่วัดไชยวัฒนาราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้ น
ในพ.ศ. ๒๑๗๓ และในรัชกาลนี้ เจดีย์แบบกรุงศรีอยุธยาได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็นลำดับ
จนมลี ักษณะใหม่ คือ ไมม่ ีท้งั เรือนธาตแุ ละจระนำ

4. เจดยี ์ทรงเครือ่ ง

ภาพจาก https://bit.ly/2wpoucK

ลักษณะเจดยี ์ทรงเครือ่ ง
มีลกั ษณะเหมือนเจดีย์ทรงเพิ่มมมุ แตม่ ีมมุ เพม่ิ มากกว่าเจดียท์ รงเพ่มิ มุมเจดีย์ทรงเคร่ือง

สมัยอยุธยาตอนปลายเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ๒ องค์อยู่เคียงกัน มีขนาดเท่ากัน สร้างไว้เคียงคู่กับเจดีย์
เพม่ิ มุม ทีว่ ัดภูเขาทอง อำเภอพระนครศรอี ยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา

ความเปน็ มา
นอกจากเจดีย์เพิ่มมุมแบบปกติแล้ว ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ยังมีเจดีย์เพิ่มมุมแบบ

พิเศษที่เรียกว่า เจดีย์ทรงเครือ่ ง เมื่อครั้งบูรณะวดั นี้ ราว พ.ศ. ๒๒๘๗ ในรัชกาลสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั
บรมโกศ เจดีย์ทรงเคร่ืองสมัยอยุธยาตอนปลายเปน็ เจดีย์ขนาดเล็ก ๒ องค์อยู่เคียงกัน มีขนาดเท่ากนั
สร้างไว้เคียงคู่กับเจดีย์เพิ่มมุม ที่วัดภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
แบบอย่างของเจดีย์ทั้ง ๒ องค์นี้สามารถช่วยให้กำหนดอายุได้ในคราวบูรณะ คือ ฐานของเจดีย์
ทุกแบบเม่ือเขา้ สู่ระยะปลายของราชธานี จะมีลักษณะเฉพาะคือ ฐานสิงหจ์ ำนวน ๓ ฐานซ้อนลดหล่ัน
กันเปน็ ชุด อันเป็นแบบแผนของสมัยอยุธยาตอนปลาย ท้ังนี้ ในสมัยอยธุ ยาตอนปลาย เจดียท์ รงเคร่ือง
ได้รับความนิยมแทนท่ีเจดีย์เพิม่ มมุ ปกติ โดยสืบทอดความนิยมต่อเนอ่ื งมาในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนต้นดว้ ย

(ทมี่ า สืบค้นเม่ือ 5 เมษายน 2562 : https://bit.ly/2wpoucK)

การสร้างโบราณสถานจำลองดว้ ยโพลีเอสเทอร์เรซ่นิ

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรสู้ ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ หนา้ | 10

การก่อสร้างโบราณสถานจำลองโบราณสถานจำลองด้วยโพลีเอสเตอร์เรซิ่น เป็นการ
สร้างรูปแบบจำลองของโบราณสถานโดยจะต้องอาศัยการเกิดปฏิกิริยาของสารหลายชนดิ จึงจะทำให้
รูปแบบจำลองของโบราณสถานมคี วามคงทน แข็งแรงและสามารถเกาะเป็นเนื้อเดียวกันได้

การเกดิ ปฏิกริ ยิ าทางเคมี
ปฏิกิริยาเคมี หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสารแล้วส่งผลให้ได้สารใหม่ที่มี

คุณสมบัติเปลี่ยนไปจากเดิม โดยในการเกิดปฏิกิริยาเคมี จะต้องเกิดจากสารตั้งต้น (reactant)
ทำปฏิกิรยิ ากนั แล้วเกดิ เป็นสารใหม่ เรยี กว่า ผลิตภณั ฑ์ (product)

สารเคมีท่ีใช้ในการกอ่ สร้างโบราณสถานจำลอง
โพลเี อสเทอร์เรซิ่น คือ พลาสตกิ หล่อทมี่ ีคุณสมบตั ิทั้งทางกายภาพ ทางไฟฟ้า และทางเคมี

มีคุณสมบัติทางกายภาพ มีคุณสมบัติให้เนื้อแข็ง ใส เงา ทนอุณหภูมิสูงดีกว่าพลาสติกชนิด
เทอร์โมพลาสติก ( termoplastic ) แต่น้อยกว่าโลหะ เม่อื เสริมแรงด้วยใยแก้ว จะไดค้ วามแข็งแรงที่เพิ่ม
มากขึ้น มีความเบา แข็งแรงเหนียว ไม่เปราะ คุณสมบัติทางไฟฟ้า เรซิ่นมีคุณสมบัติทางไฟฟ้า
ที่ครบถว้ น สามารถนำไปใช้เปน็ ฉนวนไฟฟ้า ( insulator ) ได้

ตัวมว่ ง หรือ cobalt ทำหน้าที่เปน็ ตัวเรง่ ใหเ้ กิดปฏกิ ิริยาซึ่งจะทำให้เรซน่ิ เกิดการแข็งตัวได้
ท่อี ุณหภูมหิ ้องโดยจะทำหน้าท่ีกนั คนละอย่างกับตัวทำแขง็ แตเ่ ปน็ การทำงานร่วมกนั คำถามทพี่ บเจอบ่อยๆ

(ทีม่ า สืบคน้ เมอ่ื วนั ท่ี 5 พฤษภาคม 2562 : https://th.wikipedia.org/wiki/สารประกอบ)

ตัวทำให้แข็ง หรือ hardener เป็นส่วนประกอบของ mixtures บางชนิด ในสารผสม
บางชนิดใช้สารเพิ่มความแข็งเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของส่วนผสมเมื่อตั้งค่า ในสารผสมอื่น ๆ สารเพิ่ม
ความแข็งจะถูกใช้เป็นส่วนประกอบในการบ่ม ตัวทำละลายสามารถเป็นตัวทำปฏิกิริยาหรือตัวเร่ง
ปฏกิ ริ ยิ าในปฏกิ ริ ยิ าทางเคมที เ่ี กดิ ข้นึ ในระหวา่ งกระบวนการผสม

(ท ี ่ ม า สื บ ค้ น เ ม ื ่ อ ว ั น ท ี ่ 5 พ ฤ ษ ภ า ค ม 2562 : th.mejorresinaepoxi.com/info/what-is-hardener-
23627829.html)

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิน่ หน้า | 11

วสั ดุอปุ กรณ์

ที่ รายการ จำนวนต่อกลมุ่
1. เรซ่ินเบอร์ PC-600-8 1 ขวด
2. ตัวช่วยเรง่ ปฏกิ ิรยิ า เรยี กวา่ ตัวมว่ ง 1 ขวด
3. ตัวทำให้แขง็ (Hardener) 1 ขวด
4. ผงทัลคัม หรอื ปูนปลาสเตอร์ 1 ขวด
5. สีผสมเรซิน่ 3 สี
6. ภาชนะผสม ไม้กวน 2 ชดุ
7. อาซโี ตนหรือ ทนิ เนอร์ 1 ขวด
8. แมพ่ ิมพย์ างซลิ ิโคนโมเดลโบราณสถาน4 รูปแบบ 4 ชิน้
9. สนี ำ้ มัน 1 ชดุ
10. นำ้ ยาถอดแบบ พีวเี อ 1 ขวด

ขั้นตอนการทำ

1. นำตวั เร่งปฏิกริ ิยา (ตวั มว่ ง) ผสมกบั เรซ่ินเบอร์ PC-600-8 ปริมาณ 0.2 - 0.5%
2. นำตัวทำให้แข็งผสมใส่ลงในเรซิ่นข้อที่ 1 ใช้ในปริมาณ 1 - 2% ของเรซ่ิน (เรซิ่น 30-40 กรัม

ใชต้ วั ทำแข็ง 15 - 30 หยด)
3. ผสมผงทัลคัมหรือปูนปลาสเตอร์ ลงไปในข้อที่ 2 เพื่อให้เกิดการทึบแสง ใช้ปริมาณ 40-50%

ของเรซิ่น
4. เติมสผี สมเรซ่ิน ลงไปในข้อท่ี 3
5. นำนำ้ ยาถอดแบบ พีวเี อ ทาลงในแม่พมิ พซ์ ิลิโคนใหท้ ่ัว
6. หลังจากไดต้ ัวเรซิน่ ในขอ้ ที่ 4 แล้ว นำมาเทใสแ่ มพ่ มิ พ์ยางซลิ ิโคนที่เลอื กไวแ้ ล้ว 1 ใน 4 รปู แบบ
7. ทิ้งเรซิน่ ไว้ใหแ้ ห้ง แกะออกจากแมพ่ ิมพ์ ตกแต่งระบายสใี หส้ วยงานด้วยสีน้ำมนั
8. หลังจากเสร็จสนิ้ ทุกขน้ั ตอน ใช้อาซิโตนหรอื ทนิ เนอรล์ า้ งอุปกรณ์

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรียนร้สู ะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน หน้า | 12

ใบความรู้สำหรบั ผรู้ บั บริการ
เรื่อง การออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษา

กบั วฒั นธรรมสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา

1. ประวัติความเป็นมาของโบราณสถานสมัยกรงุ ศรีอยุธยา
พระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใน พ.ศ. 1893 และได้ถูกพม่าทำลายลง

ในพุทธศตวรรษที่ 23 แม้จะถูกทำลายลงก็ยังคงมีร่องรอยความยิ่งใหญ่และความเจริญรุ่งเรืองของ
เมืองดังที่ปรากฏมา จนถึงปัจจุบัน ต่อมาครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี ได้มีการรื้ออิฐจากสถาปัตยกรรมในกรุงศรีอยุธยา
เพื่อไปก่อสร้างกรุงเทพมหานคร ทำให้โบราณสถานต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้างไป ครั้นถึง
สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้อนุรักษ์และฟื้นฟูโบราณสถานในกรุงศรีอยุธยา
ข้นึ อีกคร้ัง

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาโบราณราช
ธานินท์ ข้าหลวงมณฑลกรงุ เกา่ ทำการขุดแตง่ โบราณสถาน และปรบั ปรงุ สภาพในพระราชวงั โบราณ

เมื่อปี พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรประกาศข้ึนทะเบียนโบราณสถานหลายแห่งในเกาะรอบ
เมืองพระนครศรีอยุธยาเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ รวม 69 แห่ง ต่อมาในสมัยของจอมพล
ป. พิบูลสงคราม จงึ ไดเ้ ร่มิ โครงการบรู ณะพระท่นี ่ังและวัดต่าง ๆ โดยมีกรมศิลปากรเป็นผูด้ ูแล

ปี พ.ศ. 2512 ได้มีโครงการชื่อ โครงการสำรวจขุดแต่งและบูรณะปรับปรุงโบราณสถาน
โดยมีความพยายามที่จะประสานงานร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ในอันที่จะอนุรักษ์เมืองประวัติศาสตร์
พระนครศรอี ยธุ ยาไว้

ในที่สุด พ.ศ. 2519 ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างของงานชิ้นใหม่ แล้วจัดทำโครงการ
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาขึ้น และเริ่มทำการบูรณะปรับปรุงโบราณสถานเป็นต้นมา
ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 และในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 ปี พ.ศ. 2534
ณ เมืองคาร์เธจ ประเทศตนู เิ ซีย นครประวตั ิศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พรอ้ มด้วยเมืองประวัติศาสตร์
สุโขทัยและเมืองบริวาร (อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร) และเขตรักษา
พนั ธ์สุ ัตวป์ ่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ไดร้ บั การขน้ึ ทะเบียนเปน็ แหล่งมรดกโลก

2. ประเภทของโบราณสถานสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา
ประเภทของการก่อสร้างโบราณสถานแบบต่าง ๆ หากยึดเอาตามการแบ่งประเภทของ

การบูรณะของกรมศลิ ปากรกจ็ ะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังน้ี

1. โบราณสถานที่สร้างด้วยดิน โบราณสถานแบบนี้เป็นโบราณสถานที่ไม่มีความ
สลับซบั ซอ้ น เช่น กำแพงเมอื ง คนั ดิน คเู มอื งต่าง ๆ

2. โบราณสถานที่สร้างด้วยอิฐ โบราณสถานแบบนี้ถูกก่อสร้างด้วยอิฐเป็นส่วนใหญ่
เชน่ โบสถ์ วหิ ารเจดยี ์ตา่ ง ๆ

ค่มู ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถิน่ หน้า | 13

3. โบราณสถานที่สร้างด้วยหินและศิลาแลง โบราณสถานแบบนี้มักถูกสร้างด้วยหิน
หรือศิลาแลง เป็นส่วนใหญ่ ดั่งพวกปราสาทหินที่พบในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง
ปราสาทหนิ พมิ าย เปน็ ต้น

4. โบราณสถานที่สร้างด้วยไม้ โบราณสถานแบบนี้จะใช้ไม้ในการสร้าง เช่น
พวกอาคารบ้านเรือนของราษฎรในอดีต เช่นศาลาพระที่นั่งวิมานเมฆก็ทำการสร้างด้วยไม้เป็นหลัก
เช่นกนั

วดั ไชยวัฒนารามอีกหนึง่ โบราณสถานทสี่ วยงามของไทย
(ภาพจาก www.pointthailand.com)

2.1 รปู ทรงโบราณสถาน
1. เจดยี ท์ รงปรางค์
ลกั ษณะ เจดีย์ทรงปรางค์วดั ราชบูรณะ
รูปทรงเจดีย์เพรียวสูงเป็นสอบเรียวโดยลำดับจากชุดฐานที่กว้าง ผ่านเรือนธาตุขึ้นไป

ส่วนบนเจดีย์ เป็นชั้นซ้อนคลี่คลายเป็นแท่งสอบมนที่ปลาย โดยต่อเนื่องเป็นนภศูลและทำตรีมุข
ย่ืนออกทางด้านตะวันออก

เจดยี ์ปรางค์ประธานของวัดราชบรู ณะ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา

คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ หนา้ | 14

2. เจดียท์ รงระฆัง
ลกั ษณะเจดยี ท์ รงระฆัง สมยั อยุธยา

เจดีย์ประธานทรงระฆังในศิลปะอยุธยา มีลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ทรงระฆัง
คือ มีเส้นนูนคลา้ ยหวายผ่าซีกคาดอยู่โดยรอบ จำนวน ๓ เส้น โดยซ้อนลดหลั่นกัน เรียกว่า มาลัยเถา
และเหนือขึ้นไปก่อนถึงทรงระฆัง เป็นบัวปากระฆัง เจดีย์ทรงระฆังในศิลปะสุโขทัยก็มีบัวปากระฆัง
เช่นกัน แตไ่ ม่ได้ทำมาลยั เถาทำเป็นชุดบวั ถลาแทน

เจดียป์ ระธาน ๓ องค์ วัดพระศรสี รรเพชญอำเภอพระนครศรีอยธุ ยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

3. เจดีย์ทรงสเี่ หลยี่ มยกเกจ็ (เจดยี เ์ พิ่มมุม)
ลักษณะเจดียท์ รงสเ่ี หลี่ยมยกเกจ็ เจดียศ์ รีสรุ ิโยทัย ศลิ ปะอยธุ ยา
แผนผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรสั เพิ่มมุมของเจดีย์องค์นี้ เป็นลำดับจากส่วนฐานขึ้นไปเรือนธาตุ

และทรงระฆัง สว่ นยอดเปน็ ทรงกรวยกลม เจดยี ย์ อดเหนือหลงั คาของจัตุรมุข (มุขประจำ ๔ ด้านของเจดีย์)
เจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมยกเก็จซึ่งทำให้มีจำนวนมุมเพิ่มขึ้น จึงมักเรียกกันว่า เจดีย์เพิ่มมุม

แทนช่อื เดมิ ทีเ่ คยเรยี กกนั วา่ "เจดยี ย์ ่อมมุ " ตวั อยา่ งเจดียล์ ักษณะดงั กล่าว เช่น เจดียศ์ รสี รุ โิ ยทยั ศลิ ปะอยุธยา

เจดียศ์ รีสรุ ิโยทยั จ.พระนครศรีอยุธยา เจดีย์ประธานวัดภเู ขาทอง อ.พระนครศรอี ยธุ ยา

คูม่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรสู้ ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ หนา้ | 15

4.เจดยี ท์ รงเครือ่ ง
ลกั ษณะเจดยี ท์ รงเครอ่ื ง

มลี ักษณะเหมือนเจดีย์ทรงเพ่ิมมุม แตม่ ีมุมเพมิ่ มากกว่าเจดีย์ทรงเพมิ่ มุมเจดีย์ทรงเครื่อง
สมัยอยุธยาตอนปลายเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ๒ องค์อยู่เคียงกัน มีขนาดเท่ากัน สร้างไว้เคียงคู่กับเจดีย์
เพ่ิมมุม ทวี่ ดั ภเู ขาทอง อำเภอพระนครศรีอยธุ ยา จังหวดั พระนครศรีอยุธยา

การสรา้ งโบราณสถานจำลองด้วยโพลีเอสเทอรเ์ รซนิ่
การก่อสร้างโบราณสถานจำลองโบราณสถานจำลองด้วยโพลีเอสเตอร์เรซิ่น เป็นการ

สร้างรูปแบบจำลองของโบราณสถานโดยจะตอ้ งอาศัยการเกดิ ปฏิกิริยาของสารหลายชนิดจึงจะทำให้
รปู แบบจำลองของโบราณสถานมีความคงทน แข็งแรงและสามารถเกาะเป็นเนื้อเดียวกันได้

การเกดิ ปฏกิ ิริยาทางเคมี
ปฏิกิริยาเคมี หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสารแล้วส่งผลให้ได้สารใหม่ที่มี

คุณสมบัติเปลี่ยนไปจากเดิม โดยในการเกิดปฏิกิริยาเคมี จะต้องเกิดจากสารตั้งต้น (reactant)
ทำปฏกิ ิริยากันแลว้ เกิดเป็นสารใหม่ เรียกวา่ ผลิตภณั ฑ์ (product)

สารเคมที ใ่ี ชใ้ นการก่อสร้างโบราณสถานจำลอง
โพลเี อสเทอรเ์ รซิ่น คือ พลาสตกิ หล่อทีม่ ีคุณสมบัติท้ังทางกายภาพ ทางไฟฟ้า และทางเคมี

มีคุณสมบัติทางกายภาพ มีคุณสมบัติให้เนื้อแข็ง ใส เงา ทนอุณหภูมิสูงดีกว่าพลาสติกชนิดเทอร์โม
พลาสติก ( termoplastic ) แต่น้อยกว่าโลหะ เมื่อเสริมแรงด้วยใยแก้ว จะได้ความแข็งแรงที่เพิ่มมากข้นึ
มีความเบา แข็งแรงเหนียว ไม่เปราะ คุณสมบัติทางไฟฟ้า เรซิ่นมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่ครบถ้วน
สามารถนำไปใช้เป็นฉนวนไฟฟ้า ( insulator ) ได้

ตวั มว่ ง หรอื cobalt ทำหนา้ ท่เี ป็นตวั เรง่ ให้เกิดปฏกิ ิริยาซึ่งจะทำให้เรซิ่นเกิดการแข็งตัวได้
ท่อี ณุ หภูมหิ ้องโดยจะทำหน้าท่ีกนั คนละอย่างกบั ตวั ทำแขง็ แตเ่ ปน็ การทำงานรว่ มกัน คำถามทพี่ บเจอบอ่ ยๆ

(ที่มา สบื ค้นเมือ่ วนั ท่ี 5 พฤษภาคม 2562 : https://th.wikipedia.org/wiki/สารประกอบ)

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถิน่ หนา้ | 16

ตัวทำให้แข็ง หรือ hardener เป็นส่วนประกอบของ mixtures บางชนิด ในสารผสม
บางชนิดใช้สารเพิ่มความแข็งเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของส่วนผสมเมื่อตั้งค่า ในสารผสมอื่น ๆ

สารเพิ่มความแข็งจะถูกใช้เป็นส่วนประกอบในการบ่ม ตัวทำละลายสามารถเป็นตัวทำปฏิกิริยาหรือ

ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยาในปฏิกิริยาทางเคมีทีเ่ กิดขน้ึ ในระหว่างกระบวนการผสม

(ท ี ่ ม า ส ื บ ค ้ น เ มื่ อ ว ั น ท ี ่ 5 พ ฤ ษ ภ า ค ม 2562 : th.mejorresinaepoxi.com/info/what-is-hardener-
23627829.html)

วัสดอุ ปุ กรณ์

ที่ รายการ จำนวนต่อกล่มุ
1. เรซ่ินเบอร์ PC-600-8 1 ขวด
2. ตัวชว่ ยเร่งปฏิกริ ิยา เรยี กว่า ตัวมว่ ง 1 ขวด
3. ตัวทำใหแ้ ข็ง (Hardener) 1 ขวด
4. ผงทัลคมั หรอื ปูนปลาสเตอร์ 1 ขวด
5. สผี สมเรซิน่ 3 สี
6. ภาชนะผสม ไม้กวน 2 ชุด
7. อาซโี ตนหรอื ทินเนอร์ 1 ขวด
8. แมพ่ ิมพ์ยางซิลิโคนโมเดลโบราณสถาน4 รูปแบบ 4 ช้ิน
9. สีนำ้ มนั 1 ชดุ
10. น้ำยาถอดแบบ พีวเี อ 1 ขวด

ขน้ั ตอนการทำ

1. นำตวั เร่งปฏกิ ิรยิ า (ตวั มว่ ง) ผสมกับเรซน่ิ เบอร์ PC-600-8 ปรมิ าณ 0.2-0.5%
2. นำตวั ทำใหแ้ ข็งผสมใส่ลงในเรซิ่นข้อท่ี 1 ใช้ในปรมิ าณ 1-2% ของเรซิ่น (เรซ่ิน 30-40 กรมั ใช้

ตัวทำแขง็ 15-30 หยด)
3. ผสมผงทัลคัมหรอื ปูนปลาสเตอร์ ลงไปในข้อที่ 2 เพื่อให้เกิดการทึบแสง ใช้ปริมาณ 40-50%

ของเรซิ่น
4. เตมิ สผี สมเรซิ่น ลงไปในขอ้ ท่ี 3
5. นำนำ้ ยาถอดแบบ พีวเี อ ทาลงในแม่พิมพ์ซิลิโคนใหท้ ัว่
6. หลังจากได้ตัวเรซิ่นในข้อที่ 4 แล้ว นำมาเทใส่แม่พิมพ์ยางซิลิโคนที่เลือกไว้แล้ว 1 ใน 4

รปู แบบ
7. ท้งิ เรซ่ินไว้ใหแ้ ห้ง แกะออกจากแม่พมิ พ์ ตกแตง่ ระบายสีใหส้ วยงานดว้ ยสนี ้ำมัน
8. หลังจากเสร็จสิน้ ทุกข้ันตอน ใช้อาซโิ ตนหรือ ทนิ เนอรล์ า้ งอปุ กรณ์

คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรสู้ ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น หน้า | 17

ใบกิจกรรมสำหรับผจู้ ัดกิจกรรม
เรื่อง ขนั้ ตอนการสร้างโบราณสถานสมัยกรงุ ศรีอยุธยา

วัตถุประสงค์
ออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากับวัฒนธรรม

สมยั กรงุ ศรีอยุธยา

คำชีแ้ จง
ให้ผรู้ ับบรกิ ารออกแบบ และสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยา
1. การวางแผนการออกแบบ และลงมือปฏิบัติจากอุปกรณ์ที่เตรียมให้ โดยการ

บูรณาการสะเตม็ ศกึ ษากบั วัฒนธรรมสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา
2. ปฏิบัติการสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยการบูรณาการสะเต็ม

ศกึ ษากบั วฒั นธรรมสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา
3. บันทึกผลปฏิบัติการสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยการบูรณาการ

สะเตม็ ศกึ ษากับวฒั นธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา
4. สรุปปัญหา/อุปสรรค ในปฏิบัติการสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยา

โดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากับวัฒนธรรมสมยั กรุงศรอี ยุธยา

วสั ดุและอปุ กรณ์ทีเ่ ตรียมใหส้ ำหรบั การออกแบบและปฏบิ ัติการสรา้ งโบราณสถานจำลอง

ที่ รายการ จำนวนต่อกล่มุ
1. เรซิ่นเบอร์ PC-600-8 1 ขวด
2. ตัวช่วยเร่งปฏิกริ ิยา เรียกวา่ ตัวม่วง 1 ขวด
3. ตัวทำใหแ้ ข็ง (Hardener) 1 ขวด
4. ผงทัลคัม หรอื ปูนปลาสเตอร์ 1 ขวด
5. สีผสมเรซน่ิ 3 สี
6. ภาชนะผสม ไมก้ วน 2 ชดุ
7. อาซีโตนหรือ ทนิ เนอร์ 1 ขวด
8. แม่พิมพ์ยางซิลิโคนโมเดลโบราณสถาน 4 รปู แบบ 4 ช้ิน
9. สนี ำ้ มัน 1 ชุด
10. นำ้ ยาถอดแบบ พวี ีเอ 1 ขวด
11. ถงุ มอื ยาง 5 คู่
12. หนงั สอื พิมพ์ 5 แผน่

1. จุดประสงคใ์ นการออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา
แนวคำตอบ เพือ่ เหน็ คณุ ค่าความสำคัญของโบราณสถานสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา

ค่มู ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ หนา้ | 18

2. ร่างแบบแผนการออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยา
2.1 จงอธิบายรูปทรงโบราณสถานในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ใช้ในการออกแบบโบราณสถาน
จำลอง
แนวคำตอบ เจดีย์ทรงปราง เจดยี ์ทรงระฆัง เจดยี ท์ รงสเ่ี หลี่ยมยกเก็จ เจดยี ์ทรงเครื่อง

อัตราส่วนผสม

ความสงู 1. = กรัม
ความกว้างของฐาน 2. = กรมั
ความกวา้ งของยอด 3. = กรมั
4. = มล.
5. = มล.

ภาพรา่ งโบราณสถานจำลองสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา

2.1 การระบุปัญหา
แนวคำตอบ 1. ผู้จัดกิจกรรม ให้ผู้รับบริการแต่ละกลุ่มวิเคราะห์ปัญหาในการสร้าง
โบราณสถานจำลองสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา
2. สรปุ กรอบของปัญหาในการสรา้ งโบราณสถานจำลองสมยั กรุงศรีอยุธยา

2.2 การคน้ หาแนวคดิ ทเี่ กี่ยวข้อง

ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรสู้ ะเต็มศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ หน้า | 19

แนวคำตอบ 1. ผู้จัดกิจกรรมให้ผู้รับบริการแต่ละกลุ่ม รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ
โบราณสถานสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งอาจศึกษาจากใบความรู้ อินเตอร์เน็ต หรือระดมสมอง
เพ่อื ให้ครอบคลุมปัญหาทีต่ อ้ งการแกไ้ ข

2. ให้ผู้รับบริการบันทึกรายละเอียดการแก้ปัญหาตามวิธีการข้างต้น
ในรูปแบบของแผนที่ความคดิ (concept map) และนำเสนอขอ้ มูล

2.3 การวางแผนและพฒั นา
แนวคำตอบ 1. ผู้จัดกิจกรรมให้ผู้รับบริการแต่ละกลุ่มวางแผนการสร้างโบราณสถาน
จำลองทไี่ ดอ้ อกแบบไว้ จากน้ันดำเนนิ การสร้างตามแผน
2. ผจู้ ดั กิจกรรมให้ผู้รับบริการตรวจสอบผลการสร้างโบราณสถานจำลอง
สมัยกรงุ ศรีอยุธยา สามารถแกป้ ัญหาตามท่ตี ้องการไดห้ รือไม่ ต้องปรบั ปรงุ แกไ้ ขอยา่ งไร

2.4 ผลการปฏิบตั งิ านการการออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา
แนวคำตอบ 1. ผจู้ ัดกิจกรรมใหผ้ รู้ ับบริการสรปุ ผลการสร้างโบราณสถานจำลอง
2. ผู้รับบริการสรุปผลการแก้ไขปญั หา และแนวทางการปรับปรงุ แก้ไขชน้ิ งาน
เปน็ ไปตามแผนทีว่ างไว้หรอื ไม่

2.5 สรุปปัญหา/อปุ สรรค ในการออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา
แนวคำตอบ ชนิ้ งานไม่เปน็ ไปตามแผนท่ีวางไว้ เกดิ การแตกรา้ วของชน้ิ งาน เกิดความ
เสียหายและเสยี เวลาในการสร้างชิ้นงานขน้ึ ใหม่

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ หนา้ | 20

ใบกิจกรรมสำหรับผรู้ บั บรกิ าร
เร่อื ง ขนั้ ตอนการสรา้ งโบราณสถานสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา

วตั ถปุ ระสงค์
ออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากับวัฒนธรรม

สมัยกรงุ ศรีอยุธยา

คำชีแ้ จง
ให้ผู้รับบรกิ ารออกแบบ และสร้างโบราณสถานจำลองสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา
1. การวางแผนการออกแบบ และลงมือปฏิบัติจากอุปกรณ์ที่เตรียมให้ โดยการ

บรู ณาการสะเตม็ ศึกษากบั วฒั นธรรมสมยั กรุงศรีอยธุ ยา
2. ปฏิบัติการสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยการบูรณาการสะเต็ม

ศึกษากับวัฒนธรรมสมยั กรุงศรีอยธุ ยา
3. บันทึกผลปฏิบัติการสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยการบูรณาการ

สะเตม็ ศึกษากบั วฒั นธรรมสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา
4. สรุปปัญหา/อุปสรรค ในปฏิบัติการสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรีอยุธยา

โดยการบรู ณาการสะเต็มศึกษากับวฒั นธรรมสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา

วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ทเ่ี ตรยี มให้สำหรบั การออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารสรา้ งโบราณสถานจำลอง

ท่ี รายการ จำนวนต่อกล่มุ
1. เรซิน่ เบอร์ PC-600-8 1 ขวด
2. ตัวช่วยเร่งปฏกิ ิริยา เรียกวา่ ตัวม่วง 1 ขวด
3. ตัวทำใหแ้ ขง็ (Hardener) 1 ขวด
4. ผงทลั คมั หรือปูนปลาสเตอร์ 1 ขวด
5. สผี สมเรซน่ิ 3 สี
6. ภาชนะผสม ไมก้ วน 2 ชดุ
7. อาซโี ตนหรือ ทินเนอร์ 1 ขวด
8. แมพ่ ิมพย์ างซิลิโคนโมเดลโบราณสถาน 4 รูปแบบ 4 ช้ิน
9. สีนำ้ มัน 1 ชุด
10. น้ำยาถอดแบบ พวี ีเอ 1 ขวด
11. ถงุ มอื ยาง 5 คู่
12. หนังสอื พิมพ์ 5 แผ่น

1. จุดประสงค์ในการออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน หน้า | 21

2. ร่างแบบแผนการออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา
2.1 จงอธบิ ายรูปทรงโบราณสถานในสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยาท่ีใชใ้ นการออกแบบโบราณสถานจำลอง

อัตราส่วนผสม

ความสงู 1. = กรัม
ความกว้างของฐาน 2. = กรมั
ความกวา้ งของยอด 3. = กรัม
4. = มล.
5. = มล.

ภาพรา่ งโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรอี ยธุ ยา

2.2 การระบุปญั หา
2.3 การค้นหาแนวคดิ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง

ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ หนา้ | 22

2.4 การวางแผนและพฒั นา

2.5 ผลการปฏิบัติงานการการออกแบบและสรา้ งโบราณสถานจำลองสมยั กรุงศรอี ยุธยา

2.6 สรปุ ปญั หา/อุปสรรค ในการออกแบบและสร้างโบราณสถานจำลองสมัยกรุงศรอี ยธุ ยา

คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน หนา้ | 23

แบบทดสอบหลังเรียน
เร่อื ง วศิ วกรโบราณสถานอโยธยา

คำช้แี จง
1. แบบทดสอบ จำนวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน
2. จงทำเครอ่ื งหมายถกู (✓) หน้าขอ้ ทีถ่ กู และทำเครื่องหมายผดิ () หน้าข้อที่ผิด

1. โบราณสถานทส่ี รา้ งดว้ ยไม้ นิยมใช้สรา้ งปราสาท วัด ต่าง ๆ
2. เจดีย์ในสมยั อยธุ ยามีความหลากหลายตามสมยั ยกตัวอย่างเช่น เจดยี ์ทรงหกเหลยี่ มเพิม่ มมุ
3. การกอ่ สร้างสมัยโบราณ นิยมใช้วสั ดุหลากหลายประเภท เชน่ หนิ ดนิ ทราย ไม้ เปน็ ตน้
4. วัสดุในการสร้างโบราณสถานแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดิน อฐิ ไม้ หินและศิลาแลง
5. รูปทรงขององค์เจดีย์วดั ราชบูรณะ คอื เจดยี ์ทรงปรางค์
6. คณุ คา่ ของโบราณที่เก่ียวข้องกบั ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณเี ปน็ คณุ ค่าดา้ นการเมือง
7. ผลของการเกิดปฏิกริ ิยาเคมที ำใหเ้ กดิ สารใหม่ เรยี กว่า ผลิตภณั ฑ์
8. สารทเี่ ปน็ ตวั เร่งปฏิกริ ยิ าซึ่งทำให้เรซ่นิ แขง็ ตัวได้งา่ ย คอื โคบอลท์
9. สารเคมีหลกั ทใ่ี ช้ในการหล่อโบราณสถานจำลอง คอื โพลเี อสเทอรเ์ รซ่นิ
10. การเตมิ ผงทลั คัมหรือปูนปลาสเตอร์ ชว่ ยเพมิ่ เนื้อเรซิน่

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
1.  2.  3. ✓ 4. ✓ 5. ✓ 6.  7. ✓ 8. ✓ 9. ✓ 10 ✓

คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรสู้ ะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถนิ่ หนา้ | 24

แบบประเมนิ ความพึงพอใจของผูร้ ับบรกิ ารในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
เร่อื ง วิศวกรอโยธยา

คำชแี้ จง กรุณาตอบแบบสอบถามโดยทำเคร่ืองหมาย หรือเติมขอ้ ความ ในช่องวา่ งตามความเป็นจรงิ เพ่ือใช้เป็น

ขอ้ มูลในการพฒั นาและปรับปรงุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ตอนที่ 1 ข้อมลู ทั่วไป

1. เพศ

 ชาย  หญิง

2. อายุ

 10 – 20 ปี  21 - 30 ปี

 31 – 40 ปี  50 ปี ขึ้นไป

3. ประเภทผรู้ ับบริการ

 นักเรียนในระบบโรงเรยี น  นักศึกษานอกระบบโรงเรียน

 ประชาชน  อื่น ๆ ระบุ

4. ระดับการศกึ ษา

 ประถมศึกษา  มธั ยมศึกษาตอนตน้

 มัธยมศึกษาตอนปลาย  ปริญญาตรี

 สูงกว่าปรญิ ญาตรี  อนื่ ๆ ระบุ

ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรยี นรแู้ ละการให้บรกิ าร

รายการ มากทส่ี ดุ ระดับความพงึ พอใจ นอ้ ยที่สดุ
(5) (1)
ด้านความรคู้ วามเขา้ ใจ มาก ปานกลาง น้อย
1. ความรูค้ วามเขา้ ใจในเร่ืองน้ี กอ่ น การจัดกิจกรรม (4) (3) (2)
2. ความรูค้ วามเข้าใจในเร่อื งนี้ หลัง การจัดกจิ กรรม
ด้านการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1. รูปแบบ/กระบวนการจัดกิจกรรม
2. กจิ กรรมทจ่ี ดั เหมาะสมกบั ผูร้ บั บริการ
3. สาระความรทู้ ่ีได้รับ
4. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้
5. การมีส่วนร่วมของผูร้ ับบริการ
6. ระยะเวลาในการจดั กิจกรรม
7. สามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ด้านการใหบ้ รกิ ารและผจู้ ดั กิจกรรม
8. การจัดบรรยากาศเออ้ื ต่อการเรียนรู้
9. การใหบ้ รกิ ารของเจ้าหน้าท่ี
10. การบรรยายและการตอบคำถามท่ีชดั เจนของผู้จดั กจิ กรรม

ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ

คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรสู้ ะเตม็ ศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ หน้า | 25

ฐานการเรียนที่ 2 เรือ่ ง แต่งกายไทยไปกับออเจ้า

แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ือง แตง่ กายไทยไปกับออเจ้า

เวลา 3 ช่วั โมง

แนวคดิ
แตง่ กายไทยไปกับออเจา้ เปน็ การเรยี นรเู้ ก่ียวกบั วฒั นธรรมการแต่งกายในสมยั กรุงศรีอยุธยา

ในการสบื ทอดวัฒนธรรมใหค้ นรุ่นหลังได้เรียนรู้เกีย่ วกับการแต่งกายในสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยาโดยใช้สะเต็ม
ศึกษากบั วฒั นธรรม ในการออกแบบการแต่งกายสมัยกรงุ ศรีอยุธยา เปน็ การบูรณาการสะเต็มศึกษา 4 วิชา
ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ที่เรียกว่า สะเต็มศึกษา
มาประยุกต์ใช้ โดยเน้นการนำความรู้มาใช้แก้ปัญหา หรือการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง พบว่า
มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ ร่วมกับความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลางจากผ้าสู่ร่างกาย
และการคำนวณหาขนาดเพ่ือออกแบบในการตัดเย็บชุดไทยสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา

วัตถปุ ระสงค์
1. อธิบายการออกแบบชุดไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษา

กบั วัฒนธรรมการแต่งกายในสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา
2. ออกแบบและตัดเย็บชุดไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษา

กบั วฒั นธรรมการแตง่ กายในสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา
3. เห็นความสำคัญของการแต่งกายชุดไทยสมัยกรุงศรีอยธุ ยาโดยการบูรณาการสะเต็ม

ศกึ ษากบั วฒั นธรรมการแตง่ กายในสมยั กรุงศรีอยุธยา

เนอื้ หา
1. การออกแบบชุดไทยสมัยกรุงศรีอยธุ ยาโดยการบรู ณาการสะเต็มศึกษากับวัฒนธรรม

การแต่งกายในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา
1.1 ความรู้เบ้ืองต้นเกยี่ วกบั การออกแบบชุดไทยสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา
1.1.1 ความเป็นมาของการแต่งกายสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา
1.1.2 ประเภทของการแตง่ กายสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา
1.1.3 ความสำคัญและชนิดของผ้าไทยในสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา
1.1.4 ประเภทของการแตง่ กายสมยั กรงุ ศรีอยุธยา
1.2 ความรู้เก่ียวกบั การตัดเย็บเสือ้ ผ้าอย่างง่าย
1.2.1 การวดั ตัวตัดชุดไทยสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา
1.2.2 การสรา้ งแพทเทริ ์นชุดไทยสมัยกรุงศรีอยธุ ยา
1.3 หลักการทางวิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายโอนความรอ้ น
1.3.1 ความหมายของการถา่ ยโอนความร้อน
1.3.2 ประเภทของการถา่ ยโอนความรอ้ น
1.3.3 การนำความรอ้ นไปใชป้ ระโยชน์


Click to View FlipBook Version