The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อานนท์ ดิษฐ์จาด, 2022-06-04 05:10:39

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้สู ะเตม็ ศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถนิ่ หนา้ | 120

แบบทดสอบหลังเรียน
เร่อื ง ชวนน้องล่องสำเภา

คำช้ีแจง
1. แบบทดสอบจำนวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน
2. จงทำเครือ่ งหมายถูก (✓) หนา้ ขอ้ ที่ถูก และทำเคร่ืองหมายผดิ () หนา้ ข้อทผี่ ดิ

1. การออกแบบและสร้างเรือสำเภาจำลองใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องแรงและ
การเคลอ่ื นท่ี แรงกิรยิ าและกรงปฏกิ ิริยา

2. แรงที่กระทำต่อวัตถุที่จุดจุดหนึ่ง อาจเป็นแรงเพียงแรงเดียวหรือแรงลัพธ์ของแรงย่อยก็ได้
เรียกวา่ แรงปฏิกิรยิ า

3. แรง (force) หมายถึง สิ่งท่ีสามารถทำให้วัตถทุ อ่ี ย่นู ิง่ เคล่ือนท่ีหรือทำใหว้ ัตถุท่ีกำลงั เคลื่อนท่ี
มีความเรว็ เพม่ิ ขึน้ หรอื ชา้ ลง หรือเปลยี่ นทศิ ทางการเคลอื่ นทีข่ องวัตถไุ ด้

4. ในการตดิ ตอ่ ค้าขายระหวา่ งประเทศในสมัยกรุงศรีอยุธยาใช้นยิ มเรือในตดิ ต่อคา้ ขาย

5. ลักษณะเรือส่วนใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเรือมีเสาใบเรือ 2 เสา 3 เสา โดยใช้ลมและ
พายุในการเคลอื่ นที่

6. กระดกู งู หมายถงึ สว่ นประกอบของเรือที่เป็นแผ่นไม้กระดาน ท่ีตอ่ เตมิ เสรมิ ให้ลำเรือขยาย
กว้างออกตรงกลางลำเรือ แลว้ เรยี วแคบไปทางสว่ นหวั เรือ และทา้ ยเรอื

7. เรือสำเภาในสมัยโบราณ แบ่งลักษณะเรือออกเป็น 2 ประเภท คือ เรือตะวันออก
เรือตะวันตก

8. เรือสำเภาที่สร้างโดยช่างไทยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ เรือสำเภาไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา
เรอื สำเภาไทยสมยั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ตอนต้น เรือสำเภาเซย่ี มโล้

9. ไม้ท่ีนยิ มใชใ้ นการสรา้ งลำเรอื สมัยกรงุ ศรอี ยุธยา คือ ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้ตะเคยี น

10. เครอ่ื งสง่ สัญญาณใช้สำหรบั ติดต่อกนั ระหวา่ งเรือสำเภาในสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา เรยี กว่า แตร

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
1.  2.  3.  4.  5.  6.  7.  8.  9.  10. 

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรสู้ ะเตม็ ศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถน่ิ หน้า | 121

แบบประเมนิ ความพงึ พอใจของผู้รับบรกิ ารในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
เรือ่ ง ชวนน้องล่องสำเภา

คำชแ้ี จง กรุณาตอบแบบสอบถามโดยทำเครื่องหมาย หรือเตมิ ข้อความ ในช่องว่างตามความเปน็ จรงิ เพื่อใชเ้ ป็น

ขอ้ มูลในการพฒั นาและปรับปรุงการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทวั่ ไป

1. เพศ

 ชาย  หญงิ

2. อายุ

 10 – 20 ปี  21 - 30 ปี

 31 – 40 ปี  50 ปี ขน้ึ ไป

3. ประเภทผู้รบั บริการ

 นกั เรยี นในระบบโรงเรียน  นกั ศึกษานอกระบบโรงเรียน

 ประชาชน  อ่ืน ๆ ระบุ

4. ระดบั การศกึ ษา

 ประถมศึกษา  มธั ยมศกึ ษาตอนต้น

 มัธยมศึกษาตอนปลาย  ปรญิ ญาตรี

 สงู กวา่ ปรญิ ญาตรี  อ่ืน ๆ ระบุ

ตอนที่ 2 ความพึงพอใจต่อกจิ กรรมการเรยี นรแู้ ละการให้บริการ

รายการ มากท่ีสุด ระดบั ความพงึ พอใจ นอ้ ยที่สดุ
(5) (1)
ด้านความรู้ความเขา้ ใจ มาก ปานกลาง นอ้ ย
1. ความรูค้ วามเข้าใจในเรือ่ งน้ี กอ่ น การจัดกิจกรรม (4) (3) (2)
2. ความรูค้ วามเข้าใจในเรื่องน้ี หลงั การจัดกจิ กรรม
ด้านการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
1. รูปแบบ/กระบวนการจัดกิจกรรม
2. กจิ กรรมทจ่ี ดั เหมาะสมกับผ้รู ับบริการ
3. สาระความร้ทู ี่ไดร้ ับ
4. สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้
5. การมสี ่วนร่วมของผ้รู บั บริการ
6. ระยะเวลาในการจัดกจิ กรรม
7. สามารถนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ด้านการให้บรกิ ารและผู้จัดกิจกรรม
8. การจดั บรรยากาศเอ้อื ต่อการเรียนรู้
9. การใหบ้ รกิ ารของเจา้ หนา้ ที่
10. การบรรยายและการตอบคำถามท่ีชัดเจนของผจู้ ดั กจิ กรรม

ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม

ค่มู ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น หนา้ | 122

ฐานการเรียนท่ี 5 เร่อื ง ลูกประคบสมุนไพรไทย

แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 5 เรอื่ ง ลูกประคบสมนุ ไพรไทย

เวลา 3 ชวั่ โมง

แนวคิด
ลูกประคบสมุนไพรไทย เป็นการเรียนรู้เก่ียวกับการนำสมุนไพรพื้นบ้านชนิดต่าง ๆ

และมีพืชสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ไพล ขมิ้นชัน ตะไคร้ ผิวมะกรูด ใบมะขาม ใบส้มป่อย
ใบหนาด ใบพลับพลึง การบูร และพิมเสน มาใช้ประโยชน์ในการคลายกล้ามเน้ือ ลดอาการปวดเม่อื ย
บำรุงผิวพรรณ โดยใช้การบูรณาการ สะเต็มศึกษากับวัฒนธรรมท้องถิ่น ในการออกแบบการทำ
ลูกประคบสมุนไพรไทย ซึ่งสามารถนำไปประกอบอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้รับบริการได้ แต่เมื่อนำ
การบูรณาการความรู้ใน 4 วิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และ คณิตศาสตร์
ท่เี รียกวา่ สะเต็มศึกษา มาประยุกตใ์ ช้ โดยเนน้ การนำความร้มู าใช้แกป้ ัญหาหรือการนำไปใช้ประโยชน์
ในชีวิตจริง โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ ร่วมกับความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้ อน แบบการ
พาความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลางจากลูกประคบสมุนไพร สู่ร่างกาย การทำ
ลูกประคบสมุนไพรมีอยู่ด้วยกันหลายสูตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาคของประเทศ ซึ่งจะใช้สมุนไพร
ที่มีอยู่ในท้องถิ่นนั้น ๆ เป็นส่วนประกอบมาออกแบบและสร้างลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้ง
การออกแบบบรรจุภณั ฑ์บรรจุลูกประคบสมนุ ไพร

วัตถุประสงค์
1. อธิบายการออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์

บรรจุ ลกู ประคบสมุนไพร โดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษาและสมุนไพรไทยในท้องถน่ิ
2. ออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมท้ังการออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุ

ลกู ประคบสมนุ ไพรโดยการบูรณาการสะเตม็ ศึกษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถ่ิน
3. เห็นความสำคัญของการออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้ง

การออกแบบ บรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพรโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทย
ในทอ้ งถน่ิ

เนอ้ื หา
1. การออกแบบและทำลูกประคบสมนุ ไพรไทย รวมทง้ั การออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับ

ใส่ลกู ประคบโดยการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถิน่
1.1 ความรู้เบ้ืองต้นเกย่ี วกับลูกประคบสมนุ ไพรไทย
1.1.1 ความเป็นมาของลูกประคบสมนุ ไพรไทย
1.1.2 ความหมาย ความสำคญั และประเภทของลูกประคบสมนุ ไพรไทย
1.1.3 ประโยชนข์ องการประคบสมุนไพรไทย
1.1.4 ชอ่ื วิทยาศาสตร์ วงศ์ ช่อื อนื่ ๆ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ และสรรพคุณ

ของสมนุ ไพรไทย
1.2 หลกั การทางวิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การถา่ ยโอนความรอ้ น

คูม่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถิน่ หนา้ | 123

1.2.1 ความหมายของการถ่ายโอนความรอ้ น
1.2.2 ประเภทของการถา่ ยโอนความร้อน
1.2.3 การนำความรอ้ นไปใชป้ ระโยชน์
1.3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุลูกประคบ
สมุนไพรไทย
1.3.1 ความเขา้ ใจเกย่ี วกับบรรจภุ ัณฑ์
1.3.2 ประเภทของบรรจภุ ัณฑ์
1.3.3 วสั ดุบรรจภุ ณั ฑ์
1.3.4 ประโยชนข์ องบรรจภุ ัณฑ์
1.4 วิธีการทำลูกประคบสมุนไพรไทย และบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุลูกประคบ
สมุนไพรไทย
1.4.1 ลกู ประคบสมนุ ไพรไทย

(1) วตั ถดุ ิบ และอปุ กรณ์
(2) การคำนวณหาอัตราสว่ นผสมของการทำลูกประคบสมุนไพรไทย
(3) การทำลกู ประคบสมนุ ไพรไทย
2. การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุ
ลูกประคบสมนุ ไพร โดยการบูรณาการสะเตม็ ศึกษาและสมุนไพรไทยในท้องถนิ่
2.1 การออกแบบเชิงวิศวกรรมการทำลูกประคบสมุนไพรและการออกแบบบรรจุ
ภัณฑ์สำหรับบรรจลุ ูกประคบสมุนไพร โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรในท้องถน่ิ
2.1.1 การระบปุ ญั หา
2.1.2 การคน้ หาแนวคิดท่เี กี่ยวขอ้ ง
2.1.3 การวางแผนและการพัฒนา
2.1.4 การทดสอบและการประเมินผล
2.1.5 การนำเสนอผลลพั ธ์
2.2 การทำลูกประคบสมุนไพรและการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์สำหรบั บรรจุลูกประคบ
สมุนไพรโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรในท้องถิ่น ตามการออกแบบเชิงวิศวกรรม
การทำลูกประคบสมุนไพรโดยการบรู ณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรในท้องถน่ิ

แผนผงั ความเชื่อมโยงสะเตม็ ศึกษาบูรณาการวัฒนธร

S : Science T : Technology E : Engin
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรร

การถ่ายโอนความร้อน 1. การเลือกใช้วัสดุเพื่อนำมา การออกแบบการท
ผลติ ชนิ้ งาน และการออกแบบบร

2. การสรา้ งหรอื พฒั นา
ผลิตภณั ฑ์

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถนิ่

รรมท้องถ่ินท่ีสอดคลอ้ งกับเนอื้ หา เรื่อง “ลูกประคบสมนุ ไพรไทย”

neering M : Mathematics C : Culture
มศาสตร์ คณติ ศาสตร์ วฒั นธรรม

ลูกประคบสมุนไพร 1. การตวง วัด อตั ราสว่ น ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ การทำ
ลกู ประคบสมุนไพรไทย
รรจุภัณฑ์ 2. บญั ญัติไตรยางค์

หนา้ | 124

คูม่ อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ หนา้ | 125

ข้ันตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

ขัน้ ตอนท่ี 1 จุดประกายการเรยี นรู้ (Inspiration : I)

1. ผู้จัดกิจกรรมทักทายผู้รับบริการ พร้อมทั้งแนะนำตนเอง และฐานการเรียนรู้เรื่อง
ลูกประคบสมุนไพรไทย ซึ่งผู้รับบริการจะต้องปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ที่เป็นการบูรณาการสะเต็ม
ศึกษากบั วฒั นธรรม ที่เน้นสมนุ ไพรไทยในท้องถ่นิ

2. ผู้จัดกิจกรรมชี้แจงวัตถุประสงค์ของฐานการเรียนรู้ เรื่อง ลูกประคบสมุนไพรไทย
ซ่ึงมวี ัตถปุ ระสงค์ จำนวน 3 ข้อ ดงั น้ี

(1) อธิบายการออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้งการออกแบบบรรจุ
ภณั ฑ์บรรจุลกู ประคบสมนุ ไพร โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทยในท้องถ่นิ

(2) ออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุ
ลูกประคบสมุนไพร โดยการบูรณาการสะเตม็ ศึกษาและสมุนไพรไทยในท้องถน่ิ

(3) เห็นความสำคัญของการออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้ง
การออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพร โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทย
ในทอ้ งถ่นิ

3. ให้ผู้รับบริการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ลูกประคบสมุนไพรไทย โดยใช้เวลา
10 นาที

4. ผูจ้ ัดกิจกรรมแจกใบความรู้สำหรบั ผู้รับบริการ เร่ือง การออกแบบและทำลูกประคบ
สมุนไพรไทย รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ สำหรับใส่ลูกประคบสมุนไพรไทย โดยการบูรณาการ
สะเตม็ ศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถน่ิ “ลูกประคบสมุนไพรไทย”

5. ผู้จัดกิจกรรมชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของผู้รับบริการ ในเรื่องท่ี
จะเรียนรู้ตามฐานการเรียนรู้ โดยผู้จัดกิจกรรมสุ่มผู้รับบริการตามความสมัครใจ จำนวน 2 - 3 คน
ใหต้ อบคำถาม จำนวน 2 ประเด็น ดังนี้

ประเดน็ ที่ 1 ทา่ นทราบหรือไม่ว่า แพทยแ์ ผนโบราณใชอ้ ะไรรกั ษาคนไข”้
แนวคำตอบ สมนุ ไพร
ประเด็นที่ 2 ทา่ นรู้จกั สมุนไพรไทยอะไรบ้าง และสมนุ ไพรนั้นมปี ระโยชนอ์ ย่างไร
แนวคำตอบ ขมิ้นชัน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการ
ขับนำ้ ดี ตา้ นอนมุ ูลอิสระป้องกนั การเกิดมะเร็งในตับ ชว่ ยบำรุงตบั ฯลฯ
หลงั จากนัน้ ผ้จู ดั กจิ กรรมเปิดคลปิ วดี โิ อให้ผู้รับบริการชม เรอ่ื ง ทองเอกหมอยา
ท่าโฉลง ตอน ขอใหด้ วงวิญญาณของปดู่ ลบันดาลให้ยาหม้อนี้สัมฤทธิ์ผลด้วยเถิด
(https://www.youtube.com/watch?v=ynLJB0yI3g4) เวลา 3 นาที ใหผ้ รู้ ับบริการตอบคำถาม
จำนวน 2 ประเด็น ดังนี้
ประเดน็ ที่ 1 ท่านได้เรยี นรอู้ ะไรจากคลิปวีดโิ อน้ี
แนวคำตอบ การรกั ษาอาการเจ็บป่วย ในสมยั โบราณหมอยาใช้สมุนไพรในการรักษาโรค

คูม่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเต็มศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ หนา้ | 126

ประเด็นที่ 2 ทา่ นคดิ ว่าสมุนไพรมปี ระโยชนห์ รือไม่ อย่างไร
แนวคำตอบ มีประโยชน์ ใช้เป็นยารักษาโรค ใช้เป็นยารับประทาน ใช้เป็นยา
ทาภายนอก ใช้เป็นส่วนผสมในการประกอบอาหารและเครื่องดื่ม ใช้ทำเครื่องสำอาง ใช้เป็น
ผลิตภณั ฑ์ปอ้ งกนั กำจัดศตั รูพชื
6. ผู้จัดกิจกรรมโชว์ผลิตภัณฑ์ลูกประคบที่ทำจากสมุนไพรไทย และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้
สำหรับบรรจุลกู ประคบสมนุ ไพร
7. ผู้จัดกิจกรรมและผู้รบั บรกิ ารอภิปรายและสรปุ ผลการเรียนรู้ร่วมกัน

ขั้นตอนท่ี 2 การปฏิบัตแิ ละการประยกุ ตใ์ ช้ (Implementations : I)

1. ผู้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เรียนรู้ในขั้นตอนที่ 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ
และการประยุกต์ใช้ โดยผู้จัดกิจกรรมเปิดคลิปวิดีโอ เรื่อง ยาหมอบอก : สูตรเด็ดทำลูกประคบ
สมุนไพร จากสถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (https://www.youtube.com/watch?v=-
KtRjFE5DqY) เวลา 3.43 นาที

หลังจากนั้นผ้จู ัดกจิ กรรม ดำเนินการดงั น้ี
(1) ผู้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงสะเต็มศึกษากับการบูรณาการสมุนไพรในท้องถิ่น
ที่สอดคล้องกับเนื้อหาท่ีจะเรียนรู้ ตามใบความรู้สำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง แผนผังความเชื่อมโยง
สะเต็มศึกษากับการบูรณาการสมุนไพรในท้องถิ่น “ลูกประคบสมุนไพรไทย” และบรรยายเนื้อหา
ตาม ใบความรู้สำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้งการ
ออกแบบบรรจุภณั ฑ์ สำหรบั ใส่ลกู ประคบโดยการบรู ณาการสะเตม็ ศึกษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถนิ่
(2) อธิบายการทำลูกประคบสมุนไพรไทย ตามใบความรู้สำหรับผู้จัดกิจกรรม
เรื่อง การทำลูกประคบสมุนไพรไทย ทั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้รวมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
โดยให้ผู้รับบริการตั้งประเด็นข้อสงสัยหรือสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ในกระบวนการของการทำ ลูกประคบ
สมนุ ไพรไทย และการเช่ือมโยงส่กู ารนำไปใช้ในชีวิตจรงิ ของผรู้ บั บรกิ ารตอ่ ไป
2. แบ่งผู้รับบริการออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 – 8 คน ให้ออกแบบลูกประคบสมุนไพรและ
ให้ผู้รับบริการลงมือปฏิบัติจริง โดยผู้รับบริการแต่ละกลุ่มวางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับการทำ
ลูกประคบสมุนไพร ตามใบกิจกรรมของผู้รับบริการ เรื่อง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพร
รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพรไทย โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษา
และสมุนไพรไทยในทอ้ งถ่ิน
ผู้จัดกิจกรรมเตรียมวัสดอุ ุปกรณ์ให้กบั ผู้รับบริการในการออกแบบและทำลูกประคบ
สมุนไพร รวมทงั้ การออกแบบบรรจภุ ณั ฑบ์ รรจุลูกประคบสมนุ ไพรโดยการบรู ณาการสะเต็มศึกษาและ
สมนุ ไพรไทยในท้องถ่นิ
3. ให้ผู้รับบริการแต่ละกลุ่มตามข้อ 2 ปฏิบัติกิจกรรมตามใบกิจกรรมของผู้รับบริการ
เรื่อง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพร รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบ
สมุนไพรไทย โดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถ่ิน
ทั้งนี้ ผู้จัดกิจกรรมจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้รับบริการจนกิจกรรม
แล้วเสร็จตามใบกิจกรรมสำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย

คูม่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถิ่น หน้า | 127

รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพรไทย โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและ
สมนุ ไพรไทยในทอ้ งถิ่น

4. ใหผ้ รู้ ับบริการแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานการออกแบบการทำลูกประคบสมุนไพรไทย
และการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์บรรจลุ กู ประคบสมุนไพร จำนวน 5 ประเดน็ ดังนี้

ประเดน็ ท่ี 1 ในการทำลกู ประคบสมนุ ไพรของทา่ นมขี นั้ ตอนการทำอย่างไร
แนวคำตอบ
(1) นำสมุนไพรที่ใช้ล้างทำความสะอาด นำมาห่ันหรือสับให้เป็นชิ้น ตามขนาด
ทต่ี อ้ งการ ตำพอหยาบ
(2) ใสเ่ กลือ การบูร และพมิ เสน คลกุ เคลา้ ให้เข้าเปน็ เนือ้ เดยี วกัน
(3) แบ่งสมุนไพรที่คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วเป็นส่วน เท่ากัน ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าดิบ
ห่อเป็นลูกประคบมดั ด้วยเชอื กใหแ้ นน่
(4) นำลกู ประคบท่ีไดไ้ ปน่งึ ประมาณ 15-20 นาที
ประเด็นที่ 2 ท่านใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ในกิจกรรมการทำลูกประคบ
สมุนไพรบ้างหรอื ไม่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ การถ่ายโอนความร้อน แบบการพาความร้อน เป็นการถ่ายโอน
ความร้อนทอ่ี าศัยตัวกลางจากลูกประคบสมนุ ไพรสู่ร่างกาย
ประเด็นที่ 3 ท่านใช้ความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ในกิจกรรมการทำลูกประคบ
สมนุ ไพรบ้างหรอื ไม่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ การชั่ง ตวง วัด อัตราส่วนและบัญญัติไตรยางค์ เช่น การชั่งสมุนไพร
แต่ละชนิด การหาอตั ราสว่ นผสมของการทำลกู ประคบสมุนไพร
ประเดน็ ที่ 4 ท่านใช้อินเตอร์เนต็ สืบคน้ ขอ้ มูลบา้ งหรอื ไม่ สบื ค้นในเรื่องใดบ้าง
แนวคำตอบ สืบค้น เรื่อง วิธีการทำลูกประคบสมุนไพร บรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุ
ลูกประคบสมุนไพร
ประเด็นที่ 5 ท่านใช้กระบวนออกแบบเชงิ วศิ วกรรมในการทำลกู ประคบสมนุ ไพรไทย
และบรรจภุ ณั ฑบ์ า้ งหรือไม่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ ใช้ เร่ือง การทำลกู ประคบสมนุ ไพรและการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์
5. ผ้จู ดั กจิ กรรมและผ้รู บั บรกิ ารอภปิ รายและสรุปผลการเรียนร้รู ว่ มกัน

ขั้นตอนที่ 3 การสรุปผลการเรียนรู้ (Conclusion : C)

1. ผู้จัดกิจกรรมชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ได้เรียนรู้ในฐานการเรียนรู้น้ี
โดยผ้จู ัดกิจกรรมสุ่มผรู้ ับบรกิ าร ตามความสมัครใจ จำนวน 2 - 3 คน ให้ตอบคำถามในประเดน็

“ท่านจะนำความรู้ เรื่อง ลูกประคบสมุนไพรไทย ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา
หรือใช้ประโยชน์ในชวี ติ จรงิ ได้อย่างไร

แนวคำตอบ เมื่อเกิดอาการปวดเมื่อย ท่านสามารถทำลูกประคบใช้เองได้
หรอื ทำเปน็ อาชพี สรา้ งรายได้ให้กบั ตนเองและครอบครัวได้

2. ผู้จัดกิจกรรมและผู้รับบริกา รอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน
ตาม PowerPoint เร่ืองการสรปุ ผลการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ลูกประคบสมนุ ไพรไทย

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้สู ะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถนิ่ หน้า | 128

3. ให้ผ้รู บั บรกิ ารทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง ลูกประคบสมนุ ไพรไทย
4. ให้ผู้รับบริการทำแบบประเมินความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรมฐานการเรียนรู้
เรอ่ื ง ลกู ประคบสมนุ ไพรไทย

สอ่ื วสั ดุอปุ กรณ์ และแหลง่ เรียนรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื ง ลูกประคบสมุนไพรไทย
2. ใบความรสู้ ำหรับผรู้ ับบริการ เร่ือง การออกแบบและทำลกู ประคบสมุนไพรไทย
3. คลิปวีดิโอ เรื่อง ทองเอกหมอยาท่าโฉลง ตอน ขอให้ดวงวิญญาณของปู่ดลบันดาล

ให้ยาหม้อนี้สัมฤทธิผลด้วยเถิด (https://www.youtube.com/watch?v=ynLJB0yI3g4) เวลา
3 นาที

4. ผลิตภัณฑ์ลูกประคบที่ทำจากสมุนไพรไทย และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับบรรจุ
ลกู ประคบสมุนไพร

5. คลิปวิดโี อ เร่อื ง ยาหมอบอก : สูตรเดด็ ทำลูกประคบสมุนไพร จากสถานการแพทย์
แผนไทยประยุกต์ (https://www.youtube.com/watch?v=-KtRjFE5DqY) เวลา 3.43 นาที

6. ใบความรู้สำหรับผู้จัดกิจกรรม เรื่อง แผนผังความเชื่อมโยงสะเต็มศึกษากับ
การบรู ณาการสมนุ ไพรในทอ้ งถนิ่

7. ใบความรู้สำหรบั ผจู้ ัดกจิ กรรม เร่ือง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย
8. ใบความรสู้ ำหรบั ผจู้ ัดกิจกรรม เรอ่ื ง การทำลูกประคบสมนุ ไพรไทย
9. ใบกจิ กรรมของผู้รบั บรกิ าร เรื่อง การออกแบบและทำลกู ประคบสมุนไพรไทย
10. ใบกจิ กรรมสำหรับผู้จดั กจิ กรรม เร่ือง การออกแบบและทำลกู ประคบสมนุ ไพรไทย
11. PowerPoint เรือ่ งการสรุปผลการเรียนรู้ เร่ือง ลกู ประคบสมุนไพรไทย
12. แบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง ลูกประคบสมุนไพรไทย
13. แบบประเมินความพึงพอใจในการเข้าร่วมกจิ กรรมฐานการเรียนรู้ เรอื่ ง ลูกประคบ
สมุนไพรไทย

การวดั และประเมินผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมีส่วนร่วม ความตัง้ ใจ ความสนใจของผรู้ ับบริการ
2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน
3. ชนิ้ งานลูกประคบสมุนไพรไทยและบรรจุภณั ฑ์บรรจุลกู ประคบสมุนไพรไทย
4. ผลการประเมินความพงึ พอใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรม

คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรียนร้สู ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ หนา้ | 129

บันทึกผลหลังการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ผลการใช้แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1. จำนวนเนื้อหากบั จำนวนเวลา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม
ระบุเหตุผล

2. การเรยี งลำดบั เนื้อหากบั ความเขา้ ใจของผูร้ ับบริการ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม
ระบเุ หตผุ ล

3. การนำเข้าสู่บทเรียนกับเน้ือหาแตล่ ะหวั ข้อ  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม
ระบเุ หตผุ ล

4. วิธีการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้กับเนอื้ หาในแตล่ ะข้อ  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม
ระบุเหตผุ ล

5. การประเมินผลกบั วัตถปุ ระสงค์ในแตล่ ะเนื้อหา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม
ระบุเหตผุ ล

ผลการเรยี นรขู้ องผู้รับบริการ

ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ของผจู้ ัดกจิ กรรม

ขอ้ เสนอแนะ

คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน หน้า | 130

แบบทดสอบก่อนเรยี น
เรื่อง ลกู ประคบสมนุ ไพรไทย

คำชแ้ี จง
1. แบบทดสอบจำนวน 10 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน
2. ให้ผ้รู บั บริการทำเครื่องหมาย  หน้าคำตอบทีถ่ กู ทส่ี ุดเพียงคำตอบเดียว

1. ขอ้ ใดหมายถงึ ลกู ประคบสมุนไพร
ก. การใชส้ มนุ ไพรมาห่อด้วยใบไม้
ข. การใชส้ มนุ ไพรมาหอ่ ด้วยผ้าเป็นลกู
ค. การใช้สมุนไพรมาบดแล้วปนั้ เปน็ ลูก
ง. การใช้สมุนไพรมาตำแล้วปัน้ เป็นลกู

2. ลูกประคบสมนุ ไพรมีกป่ี ระเภท
ก. 1 ประเภท
ข. 2 ประเภท
ค. 3 ประเภท
ง. 4 ประเภท

3. ข้อใด ไมใ่ ช่ สว่ นผสมของลูกประคบสมุนไพร
ก. ผวิ มะกรดู
ข. ใบตะไคร้
ค. ใบส้มปอ่ ย
ง. ใบมะขาม

4. ส่วนผสมของลกู ประคบสมุนไพรในขอ้ ใดที่มีสรรพคุณ แตง่ กลิน่ บำรุงหัวใจ แก้หวดั
ก. พมิ เสน
ข. การบรู
ค. ตะไคร้
ง. เกลือแกง

5. วิธีการทำลูกประคบสมุนไพรเราควร ใชเ้ วลาในการนงึ่ กีน่ าที
ก. 10-15 นาที
ข. 15-20 นาที
ค. 20-25 นาที
ง. 25-30 นาที

6. ข้อใดคอื วิธที ดลองความรอ้ นของลกู ประคบสมุนไพรที่ถูกตอ้ ง
ก. แตะที่ขาของผ้ปู ระคบกอ่ น
ข. แตะหลงั มอื ของผปู้ ระคบกอ่ น
ค. แตะหลังมอื ของผูถ้ กู ประคบก่อน
ง. แตะทีท่ ้องของผู้ถูกประคบก่อน

ค่มู อื การจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถ่นิ หนา้ | 131

7. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ประโยชน์ของการประคบสมุนไพร
ก. บรรเทาอาการปวดเม่อื ย
ข. ช่วยให้ระบบขับถา่ ยดีขึน้
ค. ลดอาการเกรง็ ของกลา้ มเนอ้ื
ง. ช่วยเพ่ิมการไหลเวยี นของเลือด

8. ลกู ประคบสมนุ ไพรไทยใชค้ วามรู้ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ในเร่อื งใด
ก. การนำความร้อน
ข. การพาความร้อน
ค. การแผร่ งั สคี วามร้อน
ง. การนำความรอ้ นและการพาความรอ้ น

9. บรรจภุ ณั ฑ์ (Package) หมายถึงข้อใด
ก. วสั ดทุ ี่ห่อห้มุ สนิ ค้าทำให้สินคา้ แขง็ แรง
ข. วัสดทุ ห่ี อ่ ห้มุ ทำให้สนิ คา้ เกิดความสวยงาม
ค. วัสดุใด ๆ ทนี่ ำมาใช้ สำหรับบรรจภุ ณั ฑ์ หอ่ หุ้ม ปอ้ งกัน และนำเสนอสนิ ค้าใหส้ วยงาม
ง. วัสดใุ ด ๆ ทนี่ ำมาใช้ สำหรบั บรรจภุ ณั ฑ์ หอ่ หุ้ม ป้องกัน ลำเลยี ง จัดสง่ และนำเสนอสินคา้

10. การออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ (Packaging Design) หมายถงึ ข้อใด
ก. สง่ เสริมทางดา้ นการตลาด
ข. การออกแบบของบรรจุภณั ฑใ์ หส้ วยงามและเพม่ิ คณุ ค่าสนิ คา้
ค. ให้ความสะดวกในเรอ่ื งการขนส่ง การจดั เก็บมคี วามรวดเร็วในการขนสง่
ง. การกำหนดรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ให้สัมพันธ์กับหน้าที่ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ เพื่อป้องกั น
ไม่ให้สินคา้ เสยี หายและเพิ่มคณุ ค่า

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
1. ข 2. ข 3. ข 4. ก 5. ข 6. ข 7. ข 8. ง 9. ง 10. ง

ใบความร้สู ำหร
เรอ่ื ง แผนผงั กระบวนการและเน้ือหา สะเต็มศึกษาบูร

S : Science T : Technology E : Engin
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรร

การถ่ายโอนความร้อน 1. การเลือกใช้วัสดเุ พื่อนำมา การออกแบบการทำ
ผลติ ช้นิ งาน สมนุ ไพรและการอ
ภัณฑ์
2. การสร้างหรือพฒั นา
ผลิตภณั ฑ์

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน

รบั ผจู้ ดั กิจกรรม
รณาการวฒั นธรรมท้องถน่ิ “ลูกประคมสมุนไพรไทย”

neering M : Mathematics C : Culture
มศาสตร์ คณติ ศาสตร์ วฒั นธรรม

ำลกู ประคบ 1. การตวง วัด อัตราส่วน ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ การทำ
ออกแบบบรรจุ 2. บัญญัตไิ ตรยางค์ ลกู ประคบสมุนไพรไทย

หนา้ | 132

คูม่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถนิ่ หน้า | 133

ใบความรสู้ ำหรบั ผ้จู ดั กิจกรรม
เรอื่ ง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย
1. ความร้เู บ้ืองต้นเก่ียวกบั ลกู ประคบสมนุ ไพร

1.1 ความเป็นมาของลูกประคบสมุนไพร
ลูกประคบ คือสิ่งที่เกิดจากภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ ที่ใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถ่ิน

นำมาใช้ในการรักษาหรือเพื่อช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ต่อมาก็ได้มีการปรับปรุงและพัฒนา
ลกู ประคบเรอ่ื ยมา เพ่ือประโยชน์ในการรกั ษาทม่ี ีประสทิ ธิภาพมากยิ่งข้นึ

1.2 ความหมาย ความสำคญั และประเภทของลกู ประคบสมุนไพร
ลูกประคบสมุนไพร คือ การนำสมุนไพรหลายๆ ชนิดมาห่อรวมกัน ส่วนใหญ่จะเป็น

ยาสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเมื่อถูกความร้อนจะระเหยออกมากลายเป็นกลิ่น เช่น ไพล
ขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย ตะไคร้ มะกรูด การบูร โดยเราสามารถนำเอาสมุนไพรเหล้านั้นมาหั่น ย่อยอย่าง
หยาบๆ จากนั้นห่อด้วยผ้าดิบแล้วนำไปผ่านกระบวนการความร้อนด้วยวิธีการนึ่งไอน้ำหรือ
ใส่ไมโครเวฟ เพื่อให้สมุนไพรละลายออกมาเป็นตัวยาซึมเข้าใต้ผิวหนังตามร่างกาย ถ้าใช้ไมโครเวฟ
จะต้องพรมน้ำใหช้ ุ่มมากกว่าการนึ่งด้วยไอน้ำ สมัยโบราณจะใช้เหล้าขาวไปพรมดว้ ย เพราะเหล้าขาว
เป็นตัวนำยา (หรือกษัยยา) เป็นการช่วยทำให้สมุนไพรละลายและซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น การนึ่ง
ระยะแรก จะใช้เวลา ประมาณ 10-15 นาที หากใช้ไมโครเวฟในการอนุ่ ลูกประคบ หา้ มพรมด้วยเหล้า
ขาวเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ลูกประคบเป็นวิธีการบำบัดรักษาของแพทย์แผนไทย
ซึ่งสามารถนำไปใช้ควบคู่กับการนวดไทย โดยใช้การประคบหลังการนวดหรือประคบพร้อมนวด
รา่ งกาย

ประเภทของลูกประคบสมุนไพร
ลกู ประคบมี 2 ประเภท คือ ลกู ประคบสมนุ ไพรสด และลูกประคบสมนุ ไพรแหง้
1. ลูกประคบสมนุ ไพรสด

ข้อดี คือ การใช้สมุนไพรสดในการปรุงลูกประคบนั้น สมุนไพรจะมี น้ำอยู่แล้ว
จึงไมจ่ ำเป็นต้องพรมน้ำก่อนนำไปใช้ ไมต่ ้องตากแหง้ ไมต่ อ้ งอบฆา่ เชือ้ ไมต่ ้องกลัวขึน้ รา

ข้อเสีย คือ เมื่อปรุงลูกประคบเสร็จแล้ว ต้องรีบนำไปใช้ ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน
ในอณุ หภูมิปกติ ตอ้ งเก็บในตู้เย็นหรือภาชนะบรรจพุ เิ ศษ

ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรียนร้สู ะเต็มศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถิน่ หน้า | 134

2. ลูกประคบสมนุ ไพรแหง้
ข้อดี คือ เก็บไว้ได้นาน สะดวกในการนำไปใช้ สามารถเตรียมสมุนไพรที่ใช้ในการปรุง

ลูกประคบได้ครบถ้วนมากขึ้น เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดไม่สามารถหาได้ในท้องถิ่น ต้องหามาจาก
แหล่งอืน่

ข้อเสีย คือ ลูกประคบแห้งเมื่ออบแห้ง กลิ่นหอมของสมุนไพรหายไปมาก แต่เก็บ
ลูกประคบได้นานขึ้น อาจจะทำลูกประคบแห้งโดยไม่ต้องอบแห้งเกินไป กลิ่นหอมยังอยู่ แต่อย่าทำทีละ
มาก ๆ เพราะเก็บนานอาจข้นึ ราได้

1.3 ประโยชนข์ องการประคบสมนุ ไพร
1.3.1 กระตนุ้ หรือเพ่มิ การไหลเวยี นของโลหิต
1.3.2 ลดอาการเกรง็ ของกลา้ มเน้ือและบรรเทาอาการปวดเมื่อย
1.3.3 ลดการตดิ ขัดของข้อต่อบริเวณทป่ี ระคบและทำใหเ้ น้ือเย่อื พังผดื ยดื ตัวออก
1.3.4 ลดอาการบวมที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือบริเวณข้อต่อต่าง ๆ หลังจาก

24 - 48 ชม. ไปแลว้
1.3.5 ชว่ ยให้รู้สึกสดชืน่ ผ่อนคลายจากกล่นิ ของนำ้ มันหอมระเหย

1.4 ชื่อวิทยาศาสตร์ วงศ์ ช่ืออ่นื ๆ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ และสรรพคุณของสมุนไพรท่ีใช้
ทำลกู ประคบสมนุ ไพร

1.4.1 ไพล

ไพล หรอื ว่านไพล ช่อื สามัญ Phlai, Cassumunar ginger, Bengal root
ไพล ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Zingiber montanum (J.Koenig) Link ex A.Dietr
(ชอ่ื พ้องวิทยาศาสตร์ Zingiber cassumunar Roxb., Zingiber purpureum Roscoe) จดั อยู่ใน
วงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
- เหง้า เป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม แก้บิด ท้องเดิน ขับประจำเดือนสตรี
ทาแก้ฟกบวม แก้ผื่นคัน เป็นยารักษาหืด ใช้ต้มน้ำอาบหลังคลอด น้ำคั้นจากเหง้ารักษาอาการเคล็ด
ขัดยอก ฟกบวม
- หัว ช่วยขบั ระดู ประจำเดือนสตรี เลือดรา้ ย แกม้ ุตกดิ ระดขู าว แก้อาเจียน แก้ปวดฟัน
- ดอก ขบั โลหติ กระจายเลือดเสีย
- ต้น แก้ธาตพุ ิการ แกอ้ ุจาระพกิ าร
- ใบ แกไ้ ข้ ปวดเมอื่ ย แก้ครัน่ เน้ือครั่นตวั แกเ้ มื่อย

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรสู้ ะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน หน้า | 135

1.4.2 มะกรูด

มะกรดู ชอ่ื สามัญ Kaffir lime, Leech lime, Mauritius papeda
มะกรดู ชอ่ื วิทยาศาสตรว์ า่ Citrus hystrix DC. จัดอยใู่ นวงศส์ ม้ (RUTACEAE)
- ผวิ ลูกมะกรูด ขบั ลมในลำไส้ ปรงุ เป็นยาลม ขบั ระดู แกป้ วดท้อง
- ใบ แก้ไอ แก้อาเจยี นเป็นเลือด แกช้ ำ้ ใน มสี ารต้านมะเรง็
- ราก แกไ้ ข้ แกก้ ำเดา ถอนพษิ แกล้ มจุกเสียด แกพ้ ษิ ฝีภายใน แก้เสมหะ
- ลกู มะกรูด นำมาดองกินเป็นยาฟอกและบำรุงเลือด

1.4.3 ตะไคร้

ตะไคร้ ช่ือสามญั : Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวทิ ยาศาสตร:์ Cymbopogon citratus
- ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำ
เปน็ ยาทานวด กไ็ ด้และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนดิ อนื่ รักษาโรคได้ เชน่ บำรุงธาตุ เจรญิ อาหาร และขับเหงอ่ื
- หัว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ
แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นจะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอนหลับลดความ
ดันสูง แกล้ มอัมพาต แก้กษยั เสน้ และ แกล้ มใบ ใบสดๆ จะช่วยลดความดนั โลหติ สูง แกไ้ ข้
- ราก ใชเ้ ปน็ ยาแกไ้ ขเ้ หนอื ปวดทอ้ งและทอ้ งเสีย
- ต้น ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตก แก้โรคทางเดิน ปัสสาวะ น่ิว
เป็นยาบำรุงไฟธาตุใหเ้ จรญิ แต่ถ้าเอาผสมกับสมนุ ไพรชนิดอื่น จะแก้โรคหนองใน และนอกจากนีย้ งั ใช้
ดับกลน่ิ คาวดว้ ย

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน หนา้ | 136

1.4.4 ใบมะขาม

ใบมะขาม ช่อื สามญั : Tamarind leaves
ใบมะขาม ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Tamarindus indica L. วงศ์ : Fabaceae
- ใบอ่อน นำมาต้มเอาน้ำโขลกศีรษะ แก้หวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ส่วนใบสดก็นำมา
ต้มน้ำอาบหลังสตรีคลอดบุตรใช้ผสมกับสมุนไพรอื่น เนื่องจากในใบมะขามสดมีรสเปรี้ยวมีกรด
หลายชนดิ ชว่ ยทำให้ผวิ หนา้ สะอาดขนึ้
- ใบและดอก ของมะขามนำมาตม้ รับประทาน น้ำชว่ ยลดความดันโลหติ ไดด้ ีมาก

1.4.5 ขมิน้ ชนั

ขมิน้ หรือ ขมนิ้ ชนั ชอื่ สามัญ Turmeric
ขม้นิ ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Curcuma longa L. จัดอย่ใู นวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
- เหงา้ ใช้รักษาโรคผดิ หนงั ผ่ืนคนั โดยทำเป็นผงผสมน้ำ หรือ เหงา้ สดฝนน้ำทา นำ้ มัน
หอมระเหย และสาร curcumin มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อหนองได้ดี รักษาโรคท้องอืดท้องเฟ้อ
และแผลในกระเพาะอาหาร

ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรียนร้สู ะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถิน่ หน้า | 137

1.4.6 ใบสม้ ปอ่ ย

ส้มปอ่ ย ช่ือสามญั Soap Pod
ส้มป่อย ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia concinna (Willd.) DC. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์
Acacia rugata (Lam.) Merr., Mimosa concinna Willd.) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ
LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยสีเสียด (MIMOSOIDEAE หรือ MIMOSACEAE) เป็นพืชยืนต้น
ขนาดเล็กหรือเป็นไม้พุ่ม ลักษณะลำต้นเลื้อยหาที่ยึดเกาะขึ้นไปตามกิ่งไม้ แต่ไม่มีมือจับ เถาของ
สม้ ปอ่ ยจะแข็งแรงมาก สามารถเล้ือยไปตามตน้ ไม้อนื่ ได้สูงถึง 6-7 เมตร
- ใบรสเปรี้ยว ฝาดร้อนเล็กน้อย สรรพคุณช่วยขับเสมหะ ขับระดูขาว แก้บิด ฟอก
โลหติ แก้โรคตา
- ดอก รสเปรี้ยว ฝาด มัน แกเ้ ส้นเอน็ พิการให้สมบูรณ์
- ฝกั รสเปรยี้ ว เปน็ ยาขับเสมหะ แกไ้ อ ทำให้อาเจยี น แกน้ ้ำลายเหนยี ว แก้โรคผิวหนงั
ช่วยขจัดรังแคบำรงุ เส้นผม
- เปลอื ก รสขมเปร้ยี ว เผด็ เจรญิ อาหาร กัดเสมหะ แก้ไอ ซางเดก็
- ต้น รสเปรย้ี ว ฝาดแกต้ าพิการ
- ราก รสขม แกไ้ ข้ แก้ท้องร่วง

2. หลกั การทางวิทยาศาสตร์ เร่อื ง การถา่ ยโอนความรอ้ น
2.1 ความหมายของการถ่ายโอนความร้อน
การถา่ ยโอนความรอ้ น หมายถงึ การถา่ ยเทพลังงานความรอ้ นจากบริเวณที่มีอุณหภูมสิ ูงไปยัง

บริเวณทม่ี อี ุณหภมู ติ ำ่ กวา่ จนกระทั่ง อณุ หภมู ิทั้ง 2 บรเิ วณเท่ากัน จงึ จะหยดุ การถา่ ยเทพลังงาน
2.2 ประเภทของการถ่ายโอนความรอ้ น
การถา่ ยโอนความรอ้ นมี 3 แบบ ดงั นี้
1) การนำความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนเกิดขึ้นจากโมเลกุลของสารในตำแหน่งท่ี

สัมผัสกับความร้อน มีพลังงานเพิ่มขึ้น ทำให้โมเลกุลสั่น และส่งผลกระทบไปยังโมเลกุลอื่นที่อยู่
ข้างเคียงเป็นการถ่ายโอนพลังงาน ความร้อนจากโมเลกุลหนึ่งไปยังอีกโมเลกุลหนึ่งต่อเนื่องกันไป
โดยไม่มีการเคลื่อนที่ของโมเลกุล สารแต่ละชนิดมีความสามารถในการนำความร้อนได้ต่างกัน
เราเรียกว่า สภาพนำความร้อน สารที่นำความร้อนได้ดี เรียกว่า ตัวนำความร้อน เช่น โลหะ ของแข็ง
สามารถนำความร้อน ได้ดีกว่าของเหลว และของเหลวนำความร้อนได้ดีกว่าแก๊ส ส่วนสุญญากาศ

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น หนา้ | 138

ไม่สามารถนำความร้อนได้ สารท่ีนำความร้อนไดไ้ ม่ดีเรียกวา่ ฉนวนความร้อน เช่น แก้ว ไม้ พลาสตกิ
ยาง อากาศ เป็นตน้

รูปแสดงการนำความร้อน

การนำความรเู้ ร่อื งการนำความรอ้ นไปใช้ประโยชน์
ภาชนะที่ใช้ในการหุงต้มเช่น กระทะ หม้อ ต้องการให้ความร้อนส่งผ่านไปยังอาหาร
ที่ปรุงได้รวดเร็วจะทำด้วยโลหะ สเตนเลส หรืออลูมิเนียม ส่วนด้ามจับภาชนะหรือหูหิ้วจะเป็นวัสดุ
ประเภทไมห้ รอื พลาสติก ซึง่ เปน็ ฉนวนความร้อน
ข้อมือหรือข้อเท้าเกิดอาการเคล็ด ขัดยอก ให้ใช้ของเย็น ๆ ประคบตรงบริเวณที่เกิด
อาการ เพราะเป็นการนำความร้อนออกจากบริเวณร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะช่วยลดการไหล
เวียนของเลือด ไม่ให้เกิดอาการปวดบวม

2) การพาความร้อน เป็นวิธีการถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหน่ึง
ผ่านวัตถุหรือตัวกลางที่เป็นของเหลวหรือแก๊สซึ่งความร้อนจะเคลื่อนที่ไปกับตัวกลางนั้นตัวอย่างเช่น
เมื่อให้คว ามร้อนแก่น้ำไปบีกเกอร์แก้วโดยใช้ เปลว ไฟลนที่ก้นแก้ว น้ำด้านล่างได้รับความร ้ อน
จะขยายตัวลอยขึ้นพาเอาความร้อนไปสู่ตอนบน น้ำตอนบนที่เย็นกว่าก็จะจมลงและเมื่อได้รับความ
ร้อนก็จะลอยตัวขึ้น หมุนเวียนเรื่อยไปจนน้ำในบีกเกอร์ร้อนทั่วกัน ถ้าเอามือไปอังเหนือเปลวไฟ
จะรู้สึกร้อน ทั้งนี้เพราะอากาศที่อยู่เหนือเปลวไฟมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งโมเลกุลของอากาศเมื่อได้รับ
ความรอ้ น จะเคลอื่ นเร็วข้ึนและลอยตัวข้นึ มากระทบมือเรา จนเรารู้สกึ รอ้ น ขณะเดียวกันโมเลกุลของ
อากาศที่เย็นกว่าจะเข้ามาแทนที่ ดังนั้น การที่เราเอามือไปอังเหนือเปลวไฟแล้วรู้สึกร้อน ทั้ง ๆ
ทเ่ี ราองั หา่ งจากเปลวไฟแลว้ น่ันเปน็ เพราะอากาศเปน็ ตัวพาความรอ้ นจากเปลวไฟมาสู่มือเรา

รูปแสดงการพาความร้อน

คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถน่ิ หนา้ | 139

3) การแผ่รังสีความร้อน เป็นการถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่า
ไปยังบริเวณ ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวกลางในการถ่ายโอนความร้อนแต่สำหรับ
การถ่ายโอนพลังงาน ความร้อนแบบการแผ่รังสีความร้อน สามารถแผ่มาได้เองในรูปของรังสีความ
ร้อน เช่น ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนมายังโลก หรือพลังงานรังสีความร้อนซึ่งอยู่ในรูปของคล่ืน
แมเ่ หล็กไฟฟ้า

ตัวอย่างเช่น เตาถ่านที่มีตะแกรงโลหะวางอยู่ใช้สำหรับย่างอาหาร ภายในเตาถ่าน
มีความร้อนสูง อากาศลอยตัวขึ้นไป ดังนั้น จึงไม่มีอากาศเป็นตัวกลางแก่ความร้อนจากถ่านที่ลุกไหม้
จะแผ่รงั สีความรอ้ นไปยังอาหารท่ยี า่ ง ทำให้อาหารสุกได้

3. ความรเู้ บือ้ งต้นเกยี่ วกบั การออกแบบบรรจภุ ัณฑส์ ำหรับบรรจลุ ูกประคบสมนุ ไพร
3.1 ความเขา้ ใจเก่ยี วกับบรรจุภณั ฑ์
บรรจุภัณฑ์ (Package) คือ วัสดุใด ๆ ที่นำมาใช้ สำหรับบรรจุภัณฑ์ ห่อหุ้ม ป้องกัน ลำเลียง

จดั สง่ และนำเสนอสนิ ค้า
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) หมายถึง การกำหนด รูปแบบและโครงสร้าง

ของบรรจภุ ณั ฑใ์ หส้ ัมพนั ธก์ ับหน้าที่ใช้สอยของ ผลติ ภัณฑ์ เพื่อการค้มุ ครองป้องกันไมใ่ ห้สนิ ค้าเสียหาย
และเพิม่ คณุ ค่า ด้านจติ วทิ ยาตอ่ ผู้บริโภค โดยอาศัยท้ังศาสตร์และศิลป์ ในการสรา้ งสรรค์

3.2 ประเภทของบรรจภุ ัณฑ์
การแบ่งบรรจุภัณฑ์แบ่งได้หลายวิธี เช่น แบ่งประเภทตามลักษณะกรรมวิธีการผลิต และ

วิธีการขนถ่ายผลิตภัณฑ์ การแบ่งและเรียกชื่อบรรจุภัณฑ์ อาจแตกต่างกันออกไป ในที่นี้ขอ
แบง่ ประเภทของบรรจภุ ัณฑ์ได้ ดงั นี้

1) บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย (Individual Package) คือ บรรจุภัณฑ์จะห่อหุ้มและสัมผัสกับ
ผลติ ภณั ฑ์โดยตรง บรรจุภณั ฑช์ นั้ ในจะทำหนา้ ท่ีหลักในการป้องกนั สนิ คา้ ทีจ่ ะทำให้ผลิตภัณฑเ์ สยี คุณภาพ

2) บรรจุภัณฑ์ช้ันใน (Inner Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่ทำหน้าที่ในการห่อหุ้ม บรรจุภัณฑ์
ชั้นในไม่ให้ได้รับแรงกระแทกจากภายนอก บรรจุภัณฑ์ชั้นที่สองมี หน้าที่รวบรวมบรรจุภัณฑ์ชั้นแรก
ไว้ดว้ ยกัน

ค่มู ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเตม็ ศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ หนา้ | 140

3) บรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุด (Outer Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นหน่วยรวม ขนาดใหญ่
ทำหน้าที่ในการป้องกันผลิตภัณฑ์ การขนถ่ายสินค้าเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพและรวดเร็ว
ในระหว่างการขนส่ง

3.3 วสั ดุบรรจภุ ณั ฑ์
วัสดุบรรจุภัณฑ์ (PACKAGING MATERIALS) จัดว่าเป็นเครื่องมือที่มีหน้าที่ของ กายภาพ

(PHYSICAL FUNCTIONS) คือ หน้าที่ทางด้านการปกป้องคุ้มครอง (PROTECTION) และการใช้
ประโยชน์ (UTILITY) ของบรรจุภัณฑ์ วสั ดุที่ได้รับ ความนิยมมากในปัจจุบันมี 4 ชนดิ ไดแ้ ก่

1) กระดาษ (PAPER)
2) พลาสตกิ (PLASTIC)
3) โลหะ (METAL)
4) แกว้ (GLASS)
3.4 ประโยชนข์ องบรรจภุ ัณฑ์
3.4.1 การทำหนา้ ท่ีบรรจใุ ส่สินคา้ เชน่ ใสห่ อ่ สนิ ค้า ดว้ ยการชัง่ ตวงวดั หรือนับ
3.4.2 การทำหน้าท่คี มุ้ ครองป้องกนั ตัวผลิตภัณฑ์ ไมใ่ หส้ ินคา้ เสยี รูปแตกหักไหลซึม
3.4.3 ทำหน้าท่ีรักษาคุณภาพอาหาร เช่น ปอ้ งกนั อากาศซมึ ผา่ น ปอ้ งกนั แสง และป้องกนั ความชนื้
3.4.4 หน้าที่เป็นฉลากแสดงข้อมูลรายละเอียดของสินค้า เช่น เครื่องหมายการค้า ข้อมูล
ส่วนผสม และแหล่งผลิต
3.4.5 ให้ต้งั ราคาขายได้สูงขนึ้ เนอ่ื งจากความสวยงามของบรรจุภณั ฑ์จะสรา้ งมูลค่าเพ่ิมใหแ้ ก่สนิ คา้
3.4.6 เพ่อื อำนวยความสะดวกในการจัดวางขนสง่ และจดั แสดง
3.4.7 สรา้ งความนา่ สนใจและดึงดูดผู้บริโภค เป็นการส่งเสรมิ การขายและเพ่ิมยอดขาย

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น หนา้ | 141

4. วิธกี ารทำลกู ประคบสมุนไพร
4.1 ลกู ประคบสมนุ ไพร
(1) การทำลกู ประคบสมุนไพร
1. นำหวั ไพล ขมิ้นชนั ตะไคร้ ใบส้มป่อย ใบมะขาม และผลมะกรดู ล้างทำความสะอาด

นำมาหันหรอื สับใหเ้ ป็นชิ้น ตามขนาดที่ต้องการ ตำพอหยาบๆ

2. ใสเ่ กลือ การบูร และพิมเสน คลุกเคลา้ ใหเ้ ข้าเปน็ เนอ้ื เดยี วกัน แตอ่ ยา่ ให้แฉะเป็นนำ้

3. นำส่วนทั้งหมดมาวางตรงกลางของผ้า เริ่มต้นจับมุมผ้าทีละ 2 มุม ขึ้นมาทบกัน
จับจนครบท้ัง 4 มมุ ให้รวบมุมผา้ ท่ีละมุม อกี คร้งั หนึ่งจนครบอกี ทง้ั 4 มมุ

คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถนิ่ หนา้ | 142

4. แต่งชายผ้าให้เรียบร้อย ซ้อนกันเป็นชายเดียวจากนั้นค่อย ๆ จัดแต่งลูกประคบ
ให้เปน็ รูปทรงกลม ท่สี วยงาม มดั ดว้ ยเชอื กทที่ ำเปน็ ห่วงคลอ้ ง แลว้ มัดปมให้แนน่

5. การทำด้ามจับ โดยการจบั ชายผ้าทเ่ี หลือมาซ้อนกันให้เรยี บร้อย เสร็จแลว้ พบั เข้าหากัน
เพอ่ื เก็บซ่อนชายผา้ ทงั้ สองด้าน

6. จัดแต่งและซ่อนชายผ้าเรียบร้อยแล้ว ให้พับปลายลงมาประมาณ กะประมาณความยาว
ก้านใหส้ วยงาม มว้ นทบดา้ มให้เรียบร้อย ใช้ปลายเชอื กเส้นเดิมผูกแบบเง่ือนตายใหแ้ น่น อีกครงั้ หนง่ึ

7. ซ่อนปลายเชือกไว้ในซอกผ้าตรงรอยพับที่เป็นด้ามจับ และเพื่อให้ลูกประคบมีความ
แข็งแรงสวยงาม คงทนตอ่ การใช้งาน การทำเช่นนจี้ ะทำใหเ้ ชือกเรยี งกันดสู วยงามและเป็นระเบยี บ

คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ หน้า | 143

วธิ ีการใชล้ กู ประคบสมุนไพร
นำลูกประคบที่ได้ไปนึ่งประมาณ 15-20 นาที เมื่อลูกประคบร้อนได้ท่ีแล้ว ก่อนนำมาใช้
ประคบควรมีการทดสอบความร้อนโดยแตะที่ท้อง แขนหรือหลังมือก่อน และในช่วงแรกที่ลูกประคบ
ยังร้อนอยู่ต้องประคบด้วยความเร็ว ไม่วางลูกประคบไว้บนผิวหนังนาน ๆ เพียงแตะลูกประคบแล้ว
ยกขึ้นแต่เมื่อลูกประคบคลายความร้อนลง สามารถวางลูกประคบได้นานขึ้นพร้อมกับกดคลึงจนกว่า
ลูกประคบคลายความร้อน แล้วจึงเปลี่ยนลูกประคบ ลูกใหม่มาใช้แทน และนำลูกประคบที่เย็นแล้ว
กลับไปนึ่งเพอื่ นำมาใช้ตอ่ ไป

ขอ้ ควรระวงั ในการประคบสมนุ ไพร
1. ไม่ควรใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะบริเวณผิวหนังที่เคยเป็นแผลมาก่อนหรือ
บรเิ วณทมี่ ีกระดกู ยืน่ และต้องระมดั ระวงั เป็นพิเศษในผปู้ ่วยโรคเบาหวาน อัมพาต ในเดก็ และผู้สูงอายุ
เพราะมักมคี วามร้สู ึกในการรับรแู้ ละตอบสนองชา้ อาจทำใหผ้ วิ หนังไหม้พองได้ง่าย
2. ไม่ควรใช้การประคบสมนุ ไพรในกรณที ี่มีอาการอักเสบบวม แดง รอ้ น ในชว่ ง 24 - 48 ชม.
แรก เพราะจะทำให้อกั เสบบวมมากชิ้นและอาจมีเลือดออกมากตามมาได้
3. หลังจากประคบสมุนไพรเสร็จใหม่ๆ ไม่ควรอาบน้ำทนั ที เพราะจะไปล้างตัวยาจากผวิ หนงั
และรา่ งกายยังไมส่ ามารถปรบั ตัวไดท้ ัน (รอ้ นเป็นเยน็ ทนั ทที ันใด) อาจทำใหเ้ กดิ เป็นไขไ้ ด้

การเกบ็ ลกู ประคบสมุนไพร
ลูกประคบสมุนไพรที่ใช้ครั้งหนึ่งแล้วสามารถเก็บไวได้นาน 3 - 5 วัน หลังจากใช้แล้วควรผ่ึง
ลูกประคบให้แห้ง เก็บใส่ถุงหรือภาชนะปิดฝาให้แน่น แช่ตู้เย็นจะเก็บได้นานขึ้น ให้สังเกต
ถ้าลูกประคบมีเชื้อราปรากฏให้เห็น และมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือสีเหลืองจางลง แสดงว่าตัวยาเสีย
ไมม่ คี ณุ ภาพ ไมค่ วรนำมาใชอ้ กี ตอ่ ไป เพราะจะใช้ไมไ่ ด้ผล

ประโยชน์ของการประคบสมุนไพร
1. กระตุ้นหรือเพม่ิ การไหลเวยี นของโลหิต
2. ลดอาการเกรง็ ของกลา้ มเนื้อและบรรเทาอาการปวดเม่ือย
3. ลดการตดิ ขดั ของข้อต่อบริเวณท่ีประคบและทำใหเ้ น้ือเยื่อพังผดื ยดื ตัวออก
4. ลดอาการบวมทเ่ี กดิ จากการอักเสบของกลา้ มเนอ้ื หรือบริเวณข้อตอ่ ต่าง ๆ หลงั จาก 24 - 48 ชม.
ไปแลว้
5. ช่วยให้รสู้ ึกสดชื่น ผอ่ นคลายจากกลนิ่ ของน้ำมนั หอมระเหย

คูม่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิน่ หน้า | 144

(2) การคำนวณหาอตั ราส่วนผสมของการทำลกู ประคบสมุนไพร

บัญญัติไตรยางค์ คือ การเปรียบเทียบสิ่งของจำนวนที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงในสัดส่วน

ทีเ่ ทา่ ๆ กนั

ตัวอยา่ ง กำหนดให้

ไพร 1,000 กรัม

ขมิน้ ชัน 200 กรัม

ผวิ มะกรดู 400 กรัม

ตะไคร้ 200 กรมั

ใบมะขาม 400 กรัม

ใบส้มปอ่ ย 200 กรัม

เกลอื 40 กรัม

การบรู 80 กรมั

พิมเสน 80 กรัม

รวมนำ้ หนกั 2,600 กรัม

(ทำลกู ประคบสมนุ ไพรได้ 20 ลกู ขนาดลูกละ 130 กรมั )

ให้ผู้รับบริการแสดงการคำนวณหาอัตราส่วนของสมุนไพรแต่ละชนิดในการทำ

ลกู ประคบสมุนไพร 1 ลกู ขนาดลกู ละ 130 กรัม

วิธีคดิ ไพร 1,000 กรัม ทำลูกประคบได้ 20 ลูก = 1,000 ÷ 20 = 50

ถ้าตอ้ งการทำลกู ประคบขนาดลูกละ 130 กรัม ตอ้ งใชไ้ พรจำนวน 50 กรัม

คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิน่ หนา้ | 145

ใบความรู้สำหรบั ผูร้ ับบริการ
เรอ่ื ง การออกแบบและทำลูกประคบสมนุ ไพรไทย
1. ความร้เู บอ้ื งต้นเกย่ี วกบั ลกู ประคบสมุนไพร

1.1 ความเปน็ มาของลกู ประคบสมนุ ไพร
ลูกประคบ คือสิ่งที่เกิดจากภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ ที่ใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถ่ิน

นำมาใช้ในการรักษาหรือเพื่อช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ต่อมาก็ได้มีการปรับปรุงและพัฒนา
ลกู ประคบเรื่อยมา เพอ่ื ประโยชนใ์ นการรกั ษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน

1.2 ความหมาย ความสำคญั และประเภทของลูกประคบสมุนไพร
ลูกประคบสมุนไพร คือ การนำสมุนไพรหลายๆ ชนิดมาห่อรวมกัน ส่วนใหญ่จะเป็นยา

สมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเมื่อถูกความร้อนจะระเหยออกมากลายเป็นกลิ่น เช่น ไพล ขมิ้นชนั
ขมิ้นอ้อย ตะไคร้ มะกรูด การบูร โดยเราสามารถนำเอาสมุนไพรเหล้านั้นมาห่ัน ย่อยอย่างหยาบๆ
จากนั้นหอ่ ด้วยผา้ ดิบแล้วนำไปผา่ นกระบวนการความร้อนดว้ ยวธิ ีการน่ึงไอน้ำหรือใสไ่ มโครเวฟ เพ่ือให้
สมุนไพรละลายออกมาเป็นตัวยาซึมเข้าใต้ผิวหนังตามร่างกาย ถ้าใช้ไมโครเวฟจะต้องพรมน้ำให้ชุ่ม
มากกว่าการนึ่งด้วยไอน้ำ สมัยโบราณจะใช้เหล้าขาวไปพรมด้วย เพราะเหล้าขาวเป็นตัวนำยา
(หรือกษัยยา) เป็นการชว่ ยทำใหส้ มนุ ไพรละลายและซึมเข้าสู่ผวิ หนังไดด้ ีย่ิงขนึ้ การนึง่ ระยะแรก จะใช้
เวลา ประมาณ 10-15 นาที หากใช้ไมโครเวฟในการอุ่นลูกประคบ ห้ามพรมด้วยเหล้าขาวเด็ดขาด
เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ลูกประคบเป็นวิธีการบำบัดรักษาของแพทย์แผนไทยซึ่งสามารถ
นำไปใชค้ วบคู่กับการนวดไทย โดยใชก้ ารประคบหลงั การนวดหรอื ประคบพร้อมนวดรา่ งกาย

ประเภทของลกู ประคบสมนุ ไพร
ลูกประคบมี 2 ประเภท คอื ลกู ประคบสมนุ ไพรสด และลกู ประคบสมนุ ไพรแหง้
1. ลูกประคบสมนุ ไพรสด

ข้อดี คือ การใช้สมุนไพรสดในการปรุงลูกประคบน้ัน สมุนไพรจะมีน้ำอยู่แล้ว
จึงไม่จำเปน็ ตอ้ งพรมนำ้ กอ่ นนำไปใช้ ไมต่ ้องตากแหง้ ไมต่ ้องอบฆ่าเช้ือ ไม่ต้องกลัวขนึ้ รา

ข้อเสีย คือ เมื่อปรุงลูกประคบเสร็จแล้ว ต้องรีบนำไปใช้ ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน
ในอณุ หภมู ิปกติ ต้องเก็บในตเู้ ย็นหรอื ภาชนะบรรจุพิเศษ

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถน่ิ หนา้ | 146

2. ลูกประคบสมุนไพรแห้ง
ข้อดี คือ เก็บไว้ได้นาน สะดวกในการนำไปใช้ สามารถเตรียมสมุนไพรที่ใช้ในการปรุง

ลูกประคบได้ครบถ้วนมากขึ้น เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดไม่สามารถหาได้ในท้องถ่ิน ต้องหามาจาก
แหลง่ อ่นื

ข้อเสีย คือ ลูกประคบแห้งเมื่ออบแห้ง กลิ่นหอมของสมุนไพรหายไปมาก แต่เก็บลูก
ประคบได้นานข้ึน อาจจะทำลูกประคบแห้งโดยไม่ต้องอบแห้งเกินไป กลิ่นหอมยังอยู่ แต่อย่าทำทีละมาก ๆ
เพราะเกบ็ นานอาจขนึ้ ราได้

1.3 ประโยชนข์ องการประคบสมุนไพร
1.3.1 กระต้นุ หรือเพิ่มการไหลเวยี นของโลหิต
1.3.2 ลดอาการเกรง็ ของกล้ามเน้ือและบรรเทาอาการปวดเม่ือย
1.3.3 ลดการตดิ ขดั ของข้อตอ่ บริเวณที่ประคบและทำใหเ้ น้ือเยอ่ื พงั ผดื ยืดตวั ออก
1.3.4 ลดอาการบวมที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือบริเวณข้อต่อต่าง ๆ หลังจาก

24 - 48 ชม. ไปแลว้
1.3.5 ช่วยใหร้ สู้ กึ สดชืน่ ผ่อนคลายจากกลน่ิ ของน้ำมนั หอมระเหย

1.4 ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ วงศ์ ช่ืออ่ืน ๆ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ และสรรพคุณของสมุนไพรท่ีใช้
ทำลกู ประคบสมุนไพร

1.4.1 ไพล

ไพล หรือ ว่านไพล ชอื่ สามัญ Phlai, Cassumunar ginger, Bengal root
ไพล ชือ่ วิทยาศาสตร์ Zingiber montanum (J.Koenig) Link ex A.Dietr
(ช่อื พ้องวทิ ยาศาสตร์ Zingiber cassumunar Roxb., Zingiber purpureum Roscoe) จดั อยใู่ น
วงศ์ขงิ (ZINGIBERACEAE)
- เหง้า เป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม แก้บิด ท้องเดิน ขับประจำเดือนสตรี
ทาแก้ฟกบวม แก้ผื่นคัน เป็นยารักษาหืด ใช้ต้มน้ำอาบหลังคลอด น้ำคั้นจากเหง้ารักษาอาการเคล็ด
ขดั ยอก ฟกบวม
- หัว ชว่ ยขบั ระดู ประจำเดือนสตรี เลอื ดร้าย แก้มุตกดิ ระดขู าว แก้อาเจยี น แก้ปวดฟนั
- ดอก ขับโลหติ กระจายเลือดเสยี
- ตน้ แกธ้ าตพุ กิ าร แก้อจุ าระพิการ
- ใบ แก้ไข้ ปวดเมื่อย แกค้ รน่ั เนอ้ื ครัน่ ตัว แกเ้ มอ่ื ย

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น หน้า | 147

1.4.2 มะกรูด

มะกรดู ช่ือสามัญ Kaffir lime, Leech lime, Mauritius papeda
มะกรูด ช่ือวิทยาศาสตร์วา่ Citrus hystrix DC. จดั อยู่ในวงศ์สม้ (RUTACEAE)
- ผิวลูกมะกรูด ขบั ลมในลำไส้ ปรงุ เปน็ ยาลม ขับระดู แกป้ วดท้อง
- ใบ แก้ไอ แก้อาเจยี นเปน็ เลือด แกช้ ำ้ ใน มสี ารตา้ นมะเรง็
- ราก แก้ไข้ แกก้ ำเดา ถอนพิษ แก้ลมจุกเสยี ด แก้พิษฝีภายใน แก้เสมหะ
- ลูกมะกรูด นำมาดองกินเป็นยาฟอกและบำรงุ เลอื ด

1.4.3 ตะไคร้

ตะไคร้ ชอื่ สามญั : Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Cymbopogon citratus
- ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำ
เปน็ ยาทานวด กไ็ ด้และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนดิ อน่ื รักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจรญิ อาหาร และขับเหง่ือ
- หัว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ
แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นจะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอนหลับลดความ
ดันสูง แกล้ มอัมพาต แก้กษยั เสน้ และ แกล้ มใบ ใบสดๆ จะช่วยลดความดนั โลหิตสูง แกไ้ ข้
- ราก ใช้เปน็ ยาแกไ้ ขเ้ หนอื ปวดทอ้ งและท้องเสยี
- ต้น ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตก แก้โรคทางเดิน ปัสสาวะ น่ิว
เป็นยาบำรุงไฟธาตใุ หเ้ จริญแต่ถ้าเอาผสมกับสมุนไพรชนิดอืน่ จะแก้โรคหนองใน และนอกจากนี้ยงั ใช้
ดับกลน่ิ คาวดว้ ย

ค่มู ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น หน้า | 148

1.4.4 ใบมะขาม

ใบมะขาม ชื่อสามัญ : Tamarind leaves
ใบมะขาม ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Tamarindus indica L. วงศ์ : Fabaceae
- ใบอ่อน นำมาต้มเอาน้ำโขลกศีรษะ แก้หวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ส่วนใบสดก็นำมา
ต้มน้ำอาบหลังสตรีคลอดบุตรใช้ผสมกับสมุนไพรอื่น เนื่องจากในใบมะขามสดมีรสเปรี้ยวมีกรดหลาย
ชนิดชว่ ยทำให้ผิวหนา้ สะอาดข้ึน
- ใบและดอก ของมะขามนำมาตม้ รับประทาน นำ้ ชว่ ยลดความดนั โลหิตไดด้ มี าก

1.4.5 ขมน้ิ ชัน

ขม้ิน หรือ ขม้นิ ชนั ชอ่ื สามัญ Turmeric
ขมน้ิ ชอื่ วิทยาศาสตร์ Curcuma longa L. จดั อยู่ในวงศข์ งิ (ZINGIBERACEAE)
- เหงา้ ใชร้ กั ษาโรคผดิ หนงั ผ่ืนคัน โดยทำเปน็ ผงผสมน้ำ หรอื เหง้าสดฝนนำ้ ทา นำ้ มัน
หอมระเหย และสาร curcumin มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อหนองได้ดี รักษาโรคท้องอืดท้องเฟ้อ
และแผลในกระเพาะอาหาร

คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรียนร้สู ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถนิ่ หนา้ | 149

1.4.6 ใบสม้ ปอ่ ย

ส้มป่อย ชอ่ื สามัญ Soap Pod
ส้มป่อย ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia concinna (Willd.) DC. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์
Acacia rugata (Lam.) Merr., Mimosa concinna Willd.) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ
LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยสีเสียด (MIMOSOIDEAE หรือ MIMOSACEAE) เป็นพืชยืนต้น
ขนาดเล็กหรือเป็นไม้พุ่ม ลักษณะลำต้นเลื้อยหาที่ยึดเกาะขึ้นไปตามกิ่งไม้ แต่ไม่มีมือจับ เถาของ
สม้ ป่อยจะแขง็ แรงมาก สามารถเล้อื ยไปตามต้นไมอ้ ืน่ ได้สงู ถึง 6-7 เมตร
- ใบรสเปรี้ยว ฝาดร้อนเล็กน้อย สรรพคุณช่วยขับเสมหะ ขับระดูขาว แก้บิด ฟอก
โลหติ แก้โรคตา
- ดอก รสเปรี้ยว ฝาด มัน แก้เส้นเอน็ พิการใหส้ มบรู ณ์
- ฝกั รสเปรี้ยว เปน็ ยาขบั เสมหะ แก้ไอ ทำให้อาเจียน แก้นำ้ ลายเหนยี ว แกโ้ รคผิวหนงั
ช่วยขจดั รงั แคบำรุงเส้นผม
- เปลอื ก รสขมเปรีย้ ว เผด็ เจริญอาหารกัดเสมหะ แกไ้ อ ซางเด็ก
- ตน้ รสเปร้ียว ฝาดแกต้ าพกิ าร
- ราก รสขม แกไ้ ข้ แกท้ ้องรว่ ง

2. หลักการทางวทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยโอนความร้อน
2.1 ความหมายของการถ่ายโอนความรอ้ น
การถ่ายโอนความรอ้ น หมายถึง การถ่ายเทพลังงานความร้อนจากบริเวณท่ีมีอุณหภมู สิ ูงไปยัง

บริเวณทม่ี ีอุณหภมู ติ ่ำกวา่ จนกระท่ัง อณุ หภมู ิทั้ง 2 บรเิ วณเทา่ กัน จึงจะหยดุ การถา่ ยเทพลังงาน
2.2 ประเภทของการถ่ายโอนความรอ้ น
การถา่ ยโอนความร้อนมี 3 แบบ ดังน้ี
1) การนำความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนเกิดขึ้นจากโมเลกุลของสารในตำแหน่งที่

สัมผัสกับความร้อน มีพลังงานเพิ่มขึ้น ทำให้โมเลกุลสั่น และส่งผลกระทบไปยังโมเลกุลอื่นที่อยู่
ข้างเคียงเป็นการถ่ายโอนพลังงาน ความร้อนจากโมเลกุลหน่ึงไปยงั อีกโมเลกุลหนึง่ ต่อเนื่องกันไป โดย
ไม่มีการเคลื่อนที่ของโมเลกุล สารแต่ละชนิดมีความสามารถในการนำความร้อนได้ต่างกัน
เราเรียกว่า สภาพนำความร้อน สารที่นำความร้อนได้ดี เรียกว่า ตัวนำความร้อน เช่น โลหะ ของแข็ง
สามารถนำความร้อน ได้ดีกว่าของเหลว และของเหลวนำความร้อนได้ดีกว่าแก๊ส ส่วนสุญญากาศ

คูม่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถิน่ หน้า | 150

ไม่สามารถนำความรอ้ นได้ สารที่นำความร้อนได้ไม่ดีเรียกว่า ฉนวนความร้อน เช่น แก้ว ไม้ พลาสติก
ยาง อากาศ เป็นต้น

รูปแสดงการนำความรอ้ น

การนำความรู้เร่ืองการนำความรอ้ นไปใชป้ ระโยชน์
ภาชนะที่ใช้ในการหุงต้มเช่น กระทะ หม้อ ต้องการให้ความร้อนส่งผ่านไปยังอาหาร
ที่ปรุงได้รวดเร็วจะทำด้วยโลหะ สเตนเลส หรืออลูมิเนียม ส่วนด้ามจับภาชนะหรือหูหิ้วจะเป็นวัสดุ
ประเภทไมห้ รอื พลาสติก ซึ่งเป็นฉนวนความรอ้ น
ข้อมือหรือข้อเท้าเกิดอาการเคล็ด ขัดยอก ให้ใช้ของเย็น ๆ ประคบตรงบริเวณที่เกิด
อาการ เพราะเป็นการนำความรอ้ นออกจากบริเวณร่างกายท่ีได้รับบาดเจบ็ ซึ่งจะช่วยลดการไหลเวียน
ของเลอื ด ไมใ่ หเ้ กดิ อาการปวดบวม

2) การพาความร้อน เป็นวิธีการถ่ายโอนพลังงานความรอ้ นจากจุดหน่ึงไปยังอีกจุดหนึง่ ผ่าน
วัตถุหรือตัวกลางที่เป็นของเหลวหรือแก๊สซึ่งความร้อนจะเคลื่อนที่ไปกับตัวกลางนัน้ ตัวอย่างเช่น เมื่อ
ใ ห ้ ค ว า ม ร ้ อน แ ก ่ น ้ ำ ไ ป บ ี ก เ ก อร ์ แ ก ้ ว โ ด ย ใ ช้ เ ป ล ว ไ ฟ ล น ท ี ่ ก ้ น แ ก ้ ว น ้ ำ ด ้ า น ล ่ า ง ไ ด ้ ร ั บ ค ว า ม ร ้ อ น
จะขยายตัวลอยขึ้นพาเอาความร้อนไปสู่ตอนบน น้ำตอนบนที่เย็นกว่าก็จะจมลงและเมื่อได้รับความ
ร้อนก็จะลอยตัวขึ้น หมุนเวียนเรื่อยไปจนน้ำในบีกเกอร์ร้อนทั่วกัน ถ้าเอามือไปอังเหนือเปลวไฟ
จะรู้สึกร้อน ทั้งนี้เพราะอากาศที่อยู่เหนือเปลวไฟมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งโมเลกุลของอากาศเมื่อได้รับ
ความร้อน จะเคล่ือนเร็วขึ้นและลอยตวั ข้นึ มากระทบมือเรา จนเรารู้สึกร้อน ขณะเดียวกันโมเลกุลของ
อากาศที่เย็นกว่าจะเข้ามาแทนที่ ดังนั้น การที่เราเอามือไปอังเหนือเปลวไฟแล้วรู้สึกร้อน ทั้ง ๆ
ทีเ่ ราอังห่างจากเปลวไฟแลว้ นัน่ เป็นเพราะอากาศเป็นตัวพาความรอ้ นจากเปลวไฟมาส่มู ือเรา

รปู แสดงการพาความร้อน

คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเต็มศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น หนา้ | 151

3) การแผ่รังสีความร้อน เป็นการถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่า
ไปยังบริเวณ ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวกลางในการถ่ายโอนความร้อนแต่สำหรับ
การถ่ายโอนพลังงาน ความร้อนแบบการแผ่รังสีความร้อน สามารถแผ่มาได้เองในรูปของรังสีความ
ร้อน เช่น ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนมายังโลก หรือพลังงานรังสีความร้อนซึ่งอยู่ในรูปของคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้า

ตัวอย่างเช่น เตาถ่านที่มีตะแกรงโลหะวางอยู่ใช้สำหรับย่างอาหาร ภายในเตาถ่าน
มีความร้อนสูง อากาศลอยตัวขึ้นไป ดังนั้น จึงไม่มีอากาศเป็นตัวกลางแก่ความร้อนจากถ่านที่ลุกไหม้
จะแผ่รงั สีความร้อนไปยังอาหารทย่ี า่ ง ทำใหอ้ าหารสุกได้

3. ความรู้เบ้ืองตน้ เกย่ี วกับการออกแบบบรรจุภณั ฑส์ ำหรบั บรรจุลูกประคบสมุนไพร
3.1 ความเขา้ ใจเก่ยี วกับบรรจุภณั ฑ์
บรรจุภัณฑ์ (Package) คือ วัสดุใด ๆ ที่นำมาใช้ สำหรับบรรจุภัณฑ์ ห่อหุ้ม ป้องกัน ลำเลียง

จัดสง่ และนำเสนอสนิ ค้า
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) หมายถึง การกำหนด รูปแบบและโครงสร้าง

ของบรรจุภัณฑ์ใหส้ ัมพันธ์กับหน้าที่ใชส้ อยของ ผลติ ภณั ฑ์ เพ่ือการคุ้มครองป้องกันไม่ให้สินค้าเสียหาย
และเพ่มิ คณุ คา่ ด้านจติ วทิ ยาต่อผ้บู ริโภค โดยอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ ในการสรา้ งสรรค์

3.2 ประเภทของบรรจภุ ณั ฑ์
การแบ่งบรรจุภัณฑ์แบ่งได้หลายวิธี เช่น แบ่งประเภทตามลักษณะกรรมวิธีการผลิต และ

วิธีการขนถ่ายผลิตภัณฑ์ การแบ่งและเรียกชื่อบรรจุภัณฑ์ อาจแตกต่างกันออกไป ในที่นี้ขอแบ่ง
ประเภทของบรรจุภณั ฑ์ได้ ดงั นี้

1) บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย (Individual Package) คือ บรรจุภัณฑ์จะห่อหุ้มและสัมผัสกับ
ผลิตภัณฑโ์ ดยตรง บรรจุภณั ฑ์ชั้นในจะทำหน้าทหี่ ลกั ในการปอ้ งกันสนิ คา้ ที่จะทำให้ผลติ ภณั ฑ์เสยี คณุ ภาพ

2) บรรจุภัณฑ์ชั้นใน (Inner Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่ทำหน้าที่ในการห่อหุ้ม บรรจุภัณฑ์
ชั้นในไม่ให้ได้รับแรงกระแทกจากภายนอก บรรจุภัณฑ์ชั้นที่สองมี หน้าที่รวบรวมบรรจุภัณฑ์ชั้นแรก
ไว้ด้วยกัน

ค่มู ือการจัดกจิ กรรมการเรียนร้สู ะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ หน้า | 152

3) บรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุด (Outer Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นหน่วยรวม ขนาดใหญ่
ทำหน้าที่ในการป้องกันผลิตภัณฑ์ การขนถ่ายสินค้าเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพและรวดเร็ว
ในระหว่างการขนส่ง

3.3 วสั ดุบรรจุภณั ฑ์
วัสดุบรรจุภัณฑ์ (PACKAGING MATERIALS) จัดว่าเป็นเครื่องมือที่มีหน้าที่ของ กายภาพ

(PHYSICAL FUNCTIONS) คือ หน้าที่ทางด้านการปกป้องคุ้มครอง (PROTECTION) และการใช้
ประโยชน์ (UTILITY) ของบรรจภุ ัณฑ์ วัสดุทีไ่ ด้รับ ความนยิ มมากในปจั จุบนั มี 4 ชนิด ไดแ้ ก่

1) กระดาษ (PAPER)
2) พลาสติก (PLASTIC)
3) โลหะ (METAL)
4) แกว้ (GLASS)
3.4 ประโยชน์ของบรรจภุ ณั ฑ์
3.4.1 การทำหน้าท่ีบรรจุใส่สนิ คา้ เชน่ ใสห่ อ่ สนิ คา้ ดว้ ยการช่ังตวงวดั หรอื นับ
3.4.2 การทำหนา้ ทคี่ ุ้มครองปอ้ งกนั ตัวผลิตภัณฑ์ ไมใ่ ห้สินค้าเสียรปู แตกหักไหลซมึ
3.4.3 ทำหน้าท่ีรักษาคณุ ภาพอาหาร เช่น ปอ้ งกนั อากาศซมึ ผ่าน ปอ้ งกันแสง และปอ้ งกันความชนื้
3.4.4 หน้าที่เป็นฉลากแสดงข้อมูลรายละเอียดของสินค้า เช่น เครื่องหมายการค้า ข้อมูล
ส่วนผสม และแหลง่ ผลิต
3.4.5 ให้ตัง้ ราคาขายได้สูงขนึ้ เนอื่ งจากความสวยงามของบรรจภุ ณั ฑจ์ ะสร้างมลู ค่าเพ่มิ ใหแ้ ก่สนิ คา้
3.4.6 เพอ่ื อำนวยความสะดวกในการจัดวางขนสง่ และจดั แสดง
3.4.7 สรา้ งความนา่ สนใจและดึงดูดผู้บริโภค เป็นการส่งเสริมการขายและเพิม่ ยอดขาย

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ หนา้ | 153

4. วิธกี ารทำลกู ประคบสมุนไพร
4.1 ลกู ประคบสมนุ ไพร
(1) การทำลกู ประคบสมุนไพร
1. นำหวั ไพล ขมิ้นชนั ตะไคร้ ใบส้มป่อย ใบมะขาม และผลมะกรูด ล้างทำความสะอาด

นำมาหันหรอื สับใหเ้ ป็นชิ้น ตามขนาดทต่ี ้องการ ตำพอหยาบๆ

2. ใสเ่ กลือ การบูร และพมิ เสน คลกุ เคล้าให้เข้าเปน็ เนื้อเดียวกัน แต่อยา่ ให้แฉะเปน็ น้ำ

3. นำส่วนทั้งหมดมาวางตรงกลางของผ้า เริ่มต้นจับมุมผ้าทีละ 2 มุม ขึ้นมาทบกัน
จับจนครบท้ัง 4 มมุ ให้รวบมุมผ้าท่ีละมุม อกี ครง้ั หนง่ึ จนครบอกี ทง้ั 4 มุม

คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ หน้า | 154

4. แต่งชายผ้าให้เรียบร้อย ซ้อนกันเป็นชายเดียวจากนั้นค่อย ๆ จัดแต่งลูกประคบ
ให้เปน็ รูปทรงกลม ท่สี วยงาม มดั ดว้ ยเชอื กทที่ ำเปน็ หว่ งคลอ้ ง แล้วมัดปมให้แน่น

5. การทำด้ามจับ โดยการจบั ชายผ้าทเ่ี หลือมาซ้อนกนั ให้เรียบร้อย เสรจ็ แลว้ พับเข้าหากัน
เพอ่ื เก็บซ่อนชายผา้ ทงั้ สองด้าน

6. จัดแต่งและซ่อนชายผ้าเรียบร้อยแล้ว ให้พับปลายลงมาประมาณ กะประมาณความยาว
ก้านใหส้ วยงาม มว้ นทบดา้ มให้เรียบร้อย ใช้ปลายเชอื กเส้นเดมิ ผูกแบบเง่ือนตายใหแ้ น่น อีกครั้งหน่ึง

7. ซ่อนปลายเชือกไว้ในซอกผ้าตรงรอยพับที่เป็นด้ามจับ และเพื่อให้ลูกประคบมีความ
แข็งแรงสวยงาม คงทนตอ่ การใช้งาน การทำเช่นนจ้ี ะทำให้เชือกเรียงกันดสู วยงามและเป็นระเบียบ

คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ หนา้ | 155

วธิ ีการใช้ลูกประคบสมนุ ไพร
นำลูกประคบที่ได้ไปนึ่งประมาณ 15-20 นาที เมื่อลูกประคบร้อนได้ที่แล้ว ก่อนนำมาใช้
ประคบควรมีการ ทดสอบความร้อนโดยแตะท่ีท้อง แขนหรอื หลงั มือก่อน และในช่วงแรกท่ีลูกประคบ
ยังรอ้ นอยตู่ ้องประคบด้วย ความเร็ว ไม่วางลูกประคบไว้บนผิวหนังนาน ๆ เพยี งแตะลกู ประคบแล้วยก
ชิ้น แต่เมื่อลูกประคบคลายความร้อนลง สามารถวางลูกประคบได้นานขึ้นพร้อมกับกดคลึงจนกว่าลกู
ประคบคลายความร้อน แล้วจึงเปลี่ยนลูกประคบ ลูกใหม่มาใช้แทน และนำลูกประคบที่เย็นแล้ว
กลับไปน่งึ เพ่ือนำมาใช้ต่อไป

ขอ้ ควรระวงั ในการประคบสมนุ ไพร
1. ไม่ควรใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะบริเวณผิวหนังที่เคยเป็นแผลมาก่อนหรือ
บริเวณที่มีกระดกู ยนื่ และต้องระมัดระวังเปน็ พิเศษในผูป้ ่วยโรคเบาหวาน อัมพาต ในเด็กและผู้สูงอายุ
เพราะมกั มคี วามรูส้ ึกในการรบั รู้และตอบสนองชา้ อาจทำให้ผวิ หนงั ไหม้พองไดง้ า่ ย
2. ไม่ควรใช้การประคบสมุนไพรในกรณที ีม่ ีอาการอักเสบบวม แดง ร้อนในช่วง 24 - 48 ชม.
แรก เพราะจะทำใหอ้ ักเสบบวมมากช้ินและอาจมเี ลือดออกมากตามมาได้
3. หลังจากประคบสมุนไพรเสร็จใหม่ๆ ไม่ควรอาบน้ำทันที เพราะจะไปล้างตัวยาจากผวิ หนัง
และร่างกายยังไมส่ ามารถปรบั ตัวไดท้ ัน (ร้อนเปน็ เยน็ ทนั ทที นั ใด) อาจทำใหเ้ กดิ เป็นไข้ได้
การเก็บลูกประคบสมุนไพร
ลูกประคบสมุนไพรที่ใช้ครั้งหนึ่งแล้วสามารถเก็บไวได้นาน 3 - 5 วัน หลังจากใช้แล้วควร
ผึ่งลูกประคบให้แห้ง เก็บใส่ถุงหรือภาชนะปิดฝาให้แน่น แช่ตู้เย็นจะเก็บได้นานขึ้น ให้สังเกต
ถ้าลูกประคบมีเชื้อราปรากฏ ให้เห็น และมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือสีเหลืองจางลง แสดงว่าตัวยาเสีย
ไม่มคี ณุ ภาพ ไม่ควรนำมาใช้อีกตอ่ ไป เพราะจะใช้ ไม่ได้ผล
ประโยชน์ของการประคบสมนุ ไพร
1. กระตนุ้ หรอื เพ่ิมการไหลเวยี นของโลหิต
2. ลดอาการเกร็งของกล้ามเน้อื และบรรเทาอาการปวดเม่อื ย
3. ลดการตดิ ขัดของข้อตอ่ บริเวณที่ประคบและทำให้เน้อื เย่ือพงั ผืดยืดตัวออก
4. ลดอาการบวมทีเ่ กดิ จากการอกั เสบของกลา้ มเนอ้ื หรือบรเิ วณข้อต่อต่าง ๆ หลังจาก 24 - 48 ชม.
ไปแล้ว
5. ช่วยให้รสู้ กึ สดช่ืน ผอ่ นคลายจากกลน่ิ ของนำ้ มันหอมระเหย

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิน่ หน้า | 156

(2) การคำนวณหาอัตราสว่ นผสมของการทำลกู ประคบสมนุ ไพร

บัญญัติไตรยางค์ คือ การเปรียบเทียบสิ่งของจำนวนที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงในสัดส่วน

ท่เี ทา่ ๆ กนั

ตัวอย่าง กำหนดให้

ไพร 1,000 กรัม

ขมิ้นชนั 200 กรมั

ผวิ มะกรดู 400 กรัม

ตะไคร้ 200 กรมั

ใบมะขาม 400 กรัม

ใบส้มปอ่ ย 200 กรัม

เกลอื 40 กรัม

การบูร 80 กรัม

พิมเสน 80 กรัม

รวมน้ำหนัก 2,600 กรัม

(ทำลูกประคบสมนุ ไพรได้ 20 ลูก ขนาดลูกละ 130 กรมั )

ให้ผู้รับบริการแสดงการคำนวณหาอัตราส่วนของสมุนไพรแต่ละชนิดในการทำ

ลูกประคบสมนุ ไพร 1 ลูก ขนาดลกู ละ 130 กรมั

วิธคี ดิ ไพร 1,000 กรมั ทำลูกประคบได้ 20 ลกู = 1,000 ÷ 20 = 50

ถา้ ต้องการทำลกู ประคบขนาดลกู ละ 130 กรมั ตอ้ งใช้ไพรจำนวน 50 กรมั

ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิน่ หนา้ | 157

ใบกิจกรรมสำหรับผจู้ ัดกจิ กรรม
เรื่อง การออกแบบและทำลูกประคบสมนุ ไพร

วตั ถปุ ระสงค์
ให้ผู้รับบริการออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์

บรรจุลกู ประคบสมุนไพร โดยการบูรณาการสะเตม็ ศึกษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถนิ่

คำช้ีแจง
ให้ผู้รับบริการออกแบบลูกประคบสมุนไพรและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้งการ

ออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพร และลงมือปฏิบัติการทำลูกประคมสมุนไพรและบรรจุ
ภัณฑบ์ รรจุลูกประคบสมุนไพร

1. วางแผนการออกแบบลูกประคบสมุนไพร และทำลูกประคบสมุนไพร รวมทั้งการ
ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพร และลงมือปฏบิ ัตจิ ากอปุ กรณ์ทเี่ ตรยี มให้ โดยการบูรณา
การสะเตม็ ศกึ ษาและสมุนไพรไทยในท้องถิ่น

2. ปฏิบัติการทำลูกประคบสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพร โดยการ
บรู ณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทยในทอ้ งถ่ิน

3. บันทึกผลการปฏิบัติการทำลูกประคบสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบ
สมนุ ไพรโดยการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษาและสมุนไพรไทยในท้องถิน่

4. สรุปปัญหา/อุปสรรค ในการทำลูกประคบสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบ
สมุนไพร โดยการบรู ณาการสะเตม็ ศึกษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถนิ่
วตั ถุดิบและอุปกรณท์ ่ีเตรียมให้สำหรับทำลกู ประคบสมนุ ไพรและบรรจุภัณฑบ์ รรจุลูกประคบสมนุ ไพร

ที่ รายการ จำนวนต่อกลุ่ม
1 ไพล 50 กรมั
2 ขมน้ิ ชัน 10 กรัม
3 ใบมะขาม 20 กรัม
4 ตน้ ตะไคร้ 10 กรัม
5 ผลมะกรูด 20 กรมั
6 ใบส้มปอ่ ย 10 กรัม
7 เกลอื 2 กรัม
8 การบรู 4 กรัม
9 พมิ เสน 4 กรมั
10 ผา้ ฝ้าย/ผ้าดบิ
11 เชอื กฝ้าย 70x70 ซม.
12 เคร่ืองช่ัง 200 ซม.
13 ชามใหญ่ 1 เคร่ือง
14 ทพั พี 1 ใบ
1 อนั

คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน หน้า | 158

ที่ รายการ จำนวนตอ่ กล่มุ
15 ชามเล็ก 9 ใบ
16 ชอ้ น 9 คัน
17 กรรไกร 1 เล่ม
18 เขยี ง 1 อนั
19 มดี 1 เล่ม
20 กระดาษหน้าขาวหลงั เทา 1 แผ่น
21 สเี มจกิ 1 กลอ่ ง
22 เทปใส 1 ม้วน
23 แผน่ พลาสติกใส 1 แผน่

1. จุดประสงค์ในการทำลกู ประคบสมนุ ไพร คอื

แนวคำตอบ 1. สามารถนำความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณต่าง ๆ ของสมุนไพรไปใช้ในการดูแลสุขภาพ
เบื้องตน้ ของตนเองและในครอบครัวได้

2. มอี าชีพเสรมิ และมีรายได้
3. มีความรใู้ นขัน้ ตอนการผลติ และนำไปใช้ประโยชน์

2. วิธีการทำลกู ประคบสมุนไพรและประโยชน์ของลูกประคบสมนุ ไพร

แนวคำตอบ 1. นำสมุนไพรท่ใี ช้ล้างทำความสะอาด นำมาหนั หรือสบั ใหเ้ ปน็ ช้นิ ตามขนาดท่ตี ้องการ
ตำพอหยาบๆ

2. ใสเ่ กลือ การบูร และพิมเสน คลุกเคล้าใหเ้ ข้าเปน็ เน้ือเดยี วกนั
3. แบ่งสมุนไพรทีค่ ลุกเคล้าให้เข้ากันแลว้ เป็นส่วนๆ เท่ากนั ใช้ผ้าฝา้ ยหรอื ผ้าดบิ หอ่ เป็น

ลกู ประคบมัดด้วยเชอื กให้แน่น
4. นำลกู ประคบทีไ่ ด้ไปนงึ่ ประมาณ 15-20 นาที

3. จุดประสงค์การทำบรรจุภณั ฑบ์ รรจลุ ูกประคบสมุนไพร คือ

แนวคำตอบ 1. เพื่อชว่ ยปกป้องคุ้มครองและรกั ษาคุณภาพสินค้า
2. เพ่ือเปน็ ตัวชบี้ ่ง และสอื่ สารรายละเอยี ดสินค้า ดึงดูดผบู้ รโิ ภค ใหแ้ สดงถึงภาพลกั ษณ์
3. เพอ่ื สร้างบรรจุภณั ฑ์ให้สามารถเอื้อประโยชนด์ า้ นหน้าที่ใชส้ อยไดด้ ี มคี วามปลอดภยั
ประหยดั และมีประสทิ ธภิ าพ
4. เพ่อื สรา้ งบรรจภุ ัณฑใ์ ห้สามารถส่ือสาร และสร้างผลกระทบตอ่ ผูบ้ ริโภคโดยใช้ความรู้
แขนงศลิ ปะเขา้ มาสร้างคุณ ลกั ษณะ เช่น มีเอกลกั ษณ์ลักษณะพเิ ศษท่ดี งึ ดดู และ
สรา้ งการจดจำ ตลอดจนเขา้ ถึงความหมายและคุณประโยชนข์ องผลิตภณั ฑ์

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถ่ิน หน้า | 159

4. ใหผ้ ูร้ บั บรกิ ารร่างแบบแผนการทำบรรจภุ ณั ฑบ์ รรจลุ ูกประคบสมุนไพร

ความกว้าง เซนตเิ มตร

ความยาว เซนติเมตร

ความสงู เซนตเิ มตร

แบบร่างบรรจุภัณฑ์ ประกอบแบบรา่ งบรรจุภัณฑ์

5. ใหผ้ ู้รับบริการอธบิ ายขนั้ ตอนการออกแบบลกู ประคบสมนุ ไพรไทยและบรรจภุ ณั ฑ์

5.1 การระบุปญั หา
แนวคำตอบ ผู้จัดกิจกรรมตั้งคำถามเกี่ยวกับอาการปวดเมื่อย ซึ่งต้องบรรเทาอาการปวด

เมื่อยด้วยการประคบ จากนั้นให้ผู้รับบริการยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการประคบ จากนั้นให้
ผู้รับบริการศึกษาสถานการณ์ทีก่ ำหนด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติและไม่สามารถจัดเตรียมกระเป๋า
นำ้ ร้อนได้ จงึ ต้องทำลูกประคบสมนุ ไพรขน้ึ เอง โดยเลอื กใชส้ มุนไพรทม่ี ีอยใู่ นท้องถิ่น

5.2 การคน้ หาแนวคิดทเี่ กี่ยวขอ้ ง
แนวคำตอบ แบ่งผู้รับบริการออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 4 – 8 คน ใหอ้ อกแบบลูกประคบสมุนไพร

และให้ผู้รบั บรกิ ารลงมอื ปฏิบัติจรงิ โดยผู้รับบริการแตล่ ะกลุม่ วางแผนและดำเนนิ การเก่ียวกบั การทำ
ลูกประคบสมุนไพร ตามใบกจิ กรรมของผูร้ บั บรกิ าร เร่ือง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพร
จากนน้ั ให้ร่วมกันทำลกู ประคบสมุนไพรไทย

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน หนา้ | 160

5.3 การวางแผนและพัฒนา
แนวคำตอบ ใหผ้ ้รู ับบริการออกแบบการทำลูกประคบสมนุ ไพรและออกแบบและทำบรรจุ

ภัณฑ์ในการบรรจุลูกประคบสมุนไพร

5.4 ผลการปฏบิ ตั ิงานการทำลูกประคบสมนุ ไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจลุ ูกประคบสมนุ ไพร
แนวคำตอบ 1. ผู้รับบริการได้ลูกประคบสมุนไพรที่สามารถนำไปช่วยบรรเทาอาการปวด
เม่อื ยได้
2. ผู้รับบริการได้บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามสามารถนำไปสร้างรายได้ให้กับ
ครอบครวั และชุมชนได้

5.5 สรปุ ปัญหา/อปุ สรรค ในการทำลูกประคบสมนุ ไพรและบรรจุภัณฑบ์ รรจุลูกประคบสมุนไพร
1. การทำลกู ประคบสมนุ ไพร
แนวคำตอบ ในการทำลูกประคบสมุนไพรตอ้ งคำนวณอัตราสว่ นผสมใหถ้ ูกต้อง
2. การทำบรรจุภณั ฑล์ กู ประคบสมุนไพร
แนวคำตอบ ในการทำบรรจภุ ณั ฑ์ตอ้ งคำนวณขนาดใหพ้ อดีกับลูกประคบสมุนไพร

คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น หน้า | 161

ใบกจิ กรรมของผูร้ ับบริการ
เรอื่ ง การออกแบบและทำลูกประคบสมุนไพรไทย

วตั ถุประสงค์
ให้ผู้รับบริการออกแบบและทำลูกประคบสมนุ ไพรไทย รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์

บรรจุลูกประคบสมนุ ไพร โดยการบรู ณาการสะเตม็ ศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถ่นิ

คำช้ีแจง
ให้ผู้รับบริการออกแบบลูกประคบสมุนไพรและทำลูกประคบสมุนไพรไทย รวมทั้งการ

ออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพร และลงมือปฏิบัติการทำลูกประคมสมุนไพรและบรรจุ
ภณั ฑ์บรรจลุ กู ประคบสมนุ ไพร

1. วางแผนการออกแบบลูกประคบสมุนไพร และทำลูกประคบสมุนไพร รวมท้ัง
การออกแบบบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพร และลงมือปฏิบัติจากอุปกรณ์ที่เตรียมให้ โดย
การบูรณาการสะเตม็ ศึกษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถน่ิ

2. ปฏิบัติการทำลูกประคบสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบสมุนไพร โดยการ
บูรณาการสะเตม็ ศึกษาและสมุนไพรไทยในทอ้ งถิ่น

3. บันทึกผลการปฏิบัติการทำลูกประคบสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบ
สมนุ ไพรโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษาและสมุนไพรไทยในท้องถิน่

4. สรุปปัญหา/อุปสรรค ในการทำลูกประคบสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบ
สมุนไพร โดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถิน่

วัตถุดิบและอุปกรณ์ที่เตรียมให้สำหรับทำลูกประคบสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจุลูกประคบ
สมุนไพร

ท่ี รายการ จำนวนตอ่ กลุ่ม
1 ไพล 50 กรมั
2 ขมน้ิ ชัน 10 กรมั
3 ใบมะขาม 20 กรมั
4 ตน้ ตะไคร้ 10 กรัม
5 ผลมะกรดู 20 กรัม
6 ใบสม้ ป่อย 10 กรัม
7 เกลือ 2 กรัม
8 การบรู 4 กรัม
9 พิมเสน 4 กรัม
10 ผ้าฝา้ ย/ผา้ ดิบ
11 เชือกฝ้าย 70x70 ซม.
12 เคร่อื งชั่ง 200 ซม.
13 ชามใหญ่ 1 เคร่อื ง
1 ใบ

คูม่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ หนา้ | 162

ที่ รายการ จำนวนตอ่ กลุ่ม
14 ทัพพี 1 อัน
15 ชามเล็ก 9 ใบ
16 ชอ้ น 9 คนั
17 กรรไกร 1 เลม่
18 เขยี ง 1 อัน
19 มดี 1 เลม่
20 กระดาษหน้าขาวหลังเทา 1 แผ่น
21 สีเมจกิ 1 กล่อง
22 เทปใส 1 ม้วน
23 แผน่ พลาสติกใส 1 แผ่น

1. จุดประสงคใ์ นการทำลูกประคบสมนุ ไพร คือ

2. วธิ ีการทำลกู ประคบสมุนไพรและประโยชนข์ องลูกประคบสมุนไพร

3. จุดประสงค์การทำบรรจภุ ัณฑ์บรรจลุ กู ประคบสมุนไพร คือ

คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ หน้า | 163

4. ให้ผรู้ บั บรกิ ารร่างแบบแผนการทำบรรจภุ ณั ฑ์บรรจุลูกประคบสมนุ ไพร

ความกว้าง เซนตเิ มตร

ความยาว เซนติเมตร

ความสงู เซนติเมตร

แบบร่างบรรจภุ ัณฑ์ ประกอบแบบรา่ งบรรจภุ ณั ฑ์

5. ให้ผ้รู ับบริการอธบิ ายขนั้ ตอนการออกแบบลกู ประคบสมุนไพรไทยและบรรจุภณั ฑ์
5.1 การระบปุ ัญหา

5.2 การค้นหาแนวคิดทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง

ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเตม็ ศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถน่ิ หน้า | 164

5.3 การวางแผนและพฒั นา

5.4 ผลการปฏิบตั งิ านการทำลูกประคบสมุนไพรและบรรจภุ ัณฑ์บรรจุลูกประคบสมนุ ไพร

5.5 สรปุ ปัญหา/อุปสรรค ในการทำลูกประคบสมนุ ไพรและบรรจุภัณฑ์บรรจลุ กู ประคบสมุนไพร

คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถน่ิ หน้า | 165

แบบทดสอบหลังเรยี น
เรอ่ื ง ลกู ประคบสมนุ ไพรไทย

คำชี้แจง
1. แบบทดสอบจำนวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน
2. ให้ผู้รบั บรกิ ารทำเครือ่ งหมาย  หน้าคำตอบทถี่ กู ท่ีสุดเพียงคำตอบเดยี ว

1. บรรจุภัณฑ์ (Package) หมายถงึ ข้อใด
ก. วัสดุท่หี อ่ หมุ้ สนิ ค้าทำให้สินคา้ แข็งแรง
ข. วัสดุทห่ี อ่ หุ้มทำให้สนิ คา้ เกิดความสวยงาม
ค. วัสดใุ ด ๆ ทน่ี ำมาใช้ สำหรับบรรจุภณั ฑ์ หอ่ หุม้ ป้องกัน และนำเสนอสินค้าใหส้ วยงาม
ง. วัสดุใด ๆ ทน่ี ำมาใช้ สำหรับบรรจุภัณฑ์ หอ่ หุม้ ปอ้ งกนั ลำเลยี ง จัดสง่ และนำเสนอสินค้า

2. การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ (Packaging Design) หมายถงึ ข้อใด
ก. ส่งเสรมิ ทางดา้ นการตลาด
ข. การออกแบบของบรรจุภัณฑใ์ ห้สวยงามและเพ่มิ คุณคา่ สนิ คา้
ค. ใหค้ วามสะดวกในเรือ่ งการขนสง่ การจดั เกบ็ มีความรวดเรว็ ในการขนสง่
ง. การกำหนดรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ให้สัมพันธ์กับหน้าท่ีใช้สอยของผลิตภัณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้
สินคา้ เสียหายและเพ่ิมคุณค่า

3. ขอ้ ใดหมายถงึ ลกู ประคบสมุนไพร
ก. การใชส้ มนุ ไพรมาหอ่ ดว้ ยใบไม้
ข. การใช้สมุนไพรมาห่อดว้ ยผา้ เป็นลกู
ค. การใชส้ มนุ ไพรมาบดแล้วปั้นเป็นลกู
ง. การใช้สมุนไพรมาตำแลว้ ป้ันเป็นลูก

4. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สว่ นผสมของลูกประคบสมุนไพร
ก. ผวิ มะกรดู
ข. ใบตะไคร้
ค. ใบสม้ ปอ่ ย
ง. ใบมะขาม

5. ลูกประคบสมุนไพรมีก่ปี ระเภท
ก. 1 ประเภท
ข. 2 ประเภท
ค. 3 ประเภท
ง. 4 ประเภท

ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรียนรูส้ ะเตม็ ศึกษาบรู ณาการวัฒนธรรมท้องถน่ิ หนา้ | 166

6. วิธกี ารทำลกู ประคบสมนุ ไพร เราควรใชเ้ วลาในการนึง่ ก่นี าที
ก. 10-15 นาที
ข. 15-20 นาที
ค. 20-25 นาที
ง. 25-30 นาที

7. สว่ นผสมของลกู ประคบสมุนไพรในขอ้ ใดท่มี ีสรรพคุณ แต่งกลน่ิ บำรุงหัวใจ แกห้ วดั

ก. ตะไคร้
ข. การบรู
ค. พมิ เสน
ง. เกลือแกง
8. ลกู ประคบสมนุ ไพรใช้ความรู้ด้านวทิ ยาศาสตร์ในเรอื่ งใด
ก. การนำความรอ้ น
ข. การพาความรอ้ น
ค. การแผ่รงั สีความร้อน
ง. การนำความร้อนและการพาความร้อน
9. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ประโยชน์ของการประคบลูกประคบสมุนไพร
ก. บรรเทาอาการปวดเมอ่ื ย
ข. ลดอาการเกร็งของกลา้ มเน้ือ
ค. ช่วยใหร้ ะบบขบั ถ่ายดีข้ึน
ง. ชว่ ยเพ่มิ การไหลเวียนของเลือด
10. ข้อใดคือวิธที ดลองความรอ้ นของลูกประคบสมุนไพรทถี่ ูกต้อง
ก. แตะทขี่ าของผู้ประคบก่อน
ข. แตะหลงั มือของผูป้ ระคบก่อน
ค. แตะหลงั มือของผู้ถกู ประคบก่อน
ง. แตะที่ท้องของผู้ถกู ประคบก่อน

เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
1. ง 2. ง. 3. ข. 4. ข 5. ข. 6. ข. 7. ค 8. ง 9. ค 10. ข

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูส้ ะเต็มศึกษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน หน้า | 167

แบบประเมินความพึงพอใจของผู้รับบรกิ ารในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
เรือ่ ง ลูกประคบสมุนไพรไทย

คำช้ีแจง กรณุ าตอบแบบสอบถามโดยทำเครอ่ื งหมาย หรอื เติมข้อความ ในชอ่ งว่างตามความเป็นจริง เพอื่ ใชเ้ ป็น

ข้อมลู ในการพฒั นาและปรับปรุงการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ตอนท่ี 1 ข้อมูลทว่ั ไป

1. เพศ

 ชาย  หญิง

2. อายุ

 10 – 20 ปี  21 - 30 ปี

 31 – 40 ปี  50 ปี ขน้ึ ไป

3. ประเภทผ้รู ับบรกิ าร

 นักเรยี นในระบบโรงเรียน  นกั ศึกษานอกระบบโรงเรียน

 ประชาชน  อ่นื ๆ ระบุ

4. ระดับการศึกษา

 ประถมศึกษา  มัธยมศึกษาตอนตน้

 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย  ปริญญาตรี

 สูงกวา่ ปริญญาตรี  อ่นื ๆ ระบุ

ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจตอ่ กจิ กรรมการเรียนร้แู ละการให้บรกิ าร

รายการ มากทีส่ ดุ ระดบั ความพึงพอใจ นอ้ ยที่สดุ
(5) (1)
ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ มาก ปานกลาง น้อย
1. ความรู้ความเข้าใจในเรือ่ งนี้ ก่อน การจดั กจิ กรรม (4) (3) (2)
2. ความรู้ความเขา้ ใจในเรื่องนี้ หลัง การจดั กจิ กรรม
ดา้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
1. รปู แบบ/กระบวนการจดั กจิ กรรม
2. กจิ กรรมที่จัดเหมาะสมกบั ผรู้ บั บรกิ าร
3. สาระความรทู้ ี่ได้รบั
4. สือ่ การเรียนรู/้ แหลง่ เรยี นรู้
5. การมีส่วนรว่ มของผรู้ ับบริการ
6. ระยะเวลาในการจดั กจิ กรรม
7. สามารถนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ด้านการใหบ้ รกิ ารและผู้จดั กิจกรรม
8. การจดั บรรยากาศเออ้ื ต่อการเรียนรู้
9. การใหบ้ รกิ ารของเจา้ หนา้ ที่
10. การบรรยายและการตอบคำถามทชี่ ัดเจนของผู้จดั กจิ กรรม

ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ


Click to View FlipBook Version