The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือประกอบโครงการทางรถไฟสายโบราณคดี คณะกรรมการนักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2563.

ISBN 9789746417679

บทบรรณาธิการ -- โครงการทางรถไฟสายโบราณคดี / ภาณุพงศ์ ชลสวัสดิ์ -- รักษ์สถานี / วันวิสข์ เนียมปาน -- การอนุรักษ์และพัฒนาสถานีรถไฟสูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา / ปริญญา ชูแก้ว / ทางรถไฟไทยสร้างบนเส้นทางสมัยโบราณ (1) ทางสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา / ประภัสสร์ ชูวิเชียร -- การคมนาคมระหว่างกรุงเทพฯกับหัวเมืองอีสานก่อนมีทางรถไฟ สายนครราชสีมา พ.ศ. 2445 / ชุมพล แนวจำปา -- รถจักร น้ำ ฟืน และทางรถไฟเล็กสูงเนิน / กฤษฎา นิลพัฒน์ -- นครราชสีมากำเนิดจากโคราชเก่า เมืองเสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา / สุจิตต์ วงษ์เทศ -- อำเภอสูงเนิน ลักษณะทางภูมิศาสตร์และปัจจัยทางธรรมชาติที่ก่อให้เกิดการตั้งถิ่นฐานในสมัยทวารวดี / สายรุ้ง แจ้งจิตร -- วัฒนธรรมทวารวดีที่ปรากฏในเมืองโบราณเสมา / พรหมพิริยะ พรหมเมศ -- หลักหิน-ใบเสมา เอกลักษณ์ทวารวดีอีสานที่สูงเนิน / กฤษฎา นิลพัฒน์ -- พระพุทธรูปไสยาสน์วัดธรรมจักรเสมาราม / ประภัสสร์ ชูวิเชียร -- หลักฐานโบราณวัตถุประเภทจารึกที่มีอายุเก่ากว่า พ.ศ. 1800 จากอำเภอสูงเนิน นครราชสีมา / รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล -- อโรคยาศาล: ปราสาทบ้านเก่า น้ำพระทัยแห่ง พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 / วิทูร ชีพดำรงสกุล -- สูงเนิน : ตัวตนในนิราศ กาพย์และกลอน / จิรวัฒน์ ตั้งจิตเจริญ -- ผ้าทอเงี่ยงนางดำ เอกลักษณ์สำคัญของชาวสูงเนิน / อาทิตยา สุกรสุต -- เพลงโคราช ภาพสะท้อนโคราชผ่านบทเพลง / ภัทรชนก จุฑาเทศ -- "นครราชสีมา" ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชั้นนำ และข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 / พนมกร นวเสลา -- กำหนดการกิจกรรมโครงการทางรถไฟสายโบราณคดี ตอน "บอกเล่าให้รู้จัก บอกรักษ์สูงเนิน"

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Panupong Chonsawat, 2021-09-29 19:01:05

บอกรักษ์สูงเนิน : รวมบทความวิชาการ-สารคดีในพื้นที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา

หนังสือประกอบโครงการทางรถไฟสายโบราณคดี คณะกรรมการนักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2563.

ISBN 9789746417679

บทบรรณาธิการ -- โครงการทางรถไฟสายโบราณคดี / ภาณุพงศ์ ชลสวัสดิ์ -- รักษ์สถานี / วันวิสข์ เนียมปาน -- การอนุรักษ์และพัฒนาสถานีรถไฟสูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา / ปริญญา ชูแก้ว / ทางรถไฟไทยสร้างบนเส้นทางสมัยโบราณ (1) ทางสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา / ประภัสสร์ ชูวิเชียร -- การคมนาคมระหว่างกรุงเทพฯกับหัวเมืองอีสานก่อนมีทางรถไฟ สายนครราชสีมา พ.ศ. 2445 / ชุมพล แนวจำปา -- รถจักร น้ำ ฟืน และทางรถไฟเล็กสูงเนิน / กฤษฎา นิลพัฒน์ -- นครราชสีมากำเนิดจากโคราชเก่า เมืองเสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา / สุจิตต์ วงษ์เทศ -- อำเภอสูงเนิน ลักษณะทางภูมิศาสตร์และปัจจัยทางธรรมชาติที่ก่อให้เกิดการตั้งถิ่นฐานในสมัยทวารวดี / สายรุ้ง แจ้งจิตร -- วัฒนธรรมทวารวดีที่ปรากฏในเมืองโบราณเสมา / พรหมพิริยะ พรหมเมศ -- หลักหิน-ใบเสมา เอกลักษณ์ทวารวดีอีสานที่สูงเนิน / กฤษฎา นิลพัฒน์ -- พระพุทธรูปไสยาสน์วัดธรรมจักรเสมาราม / ประภัสสร์ ชูวิเชียร -- หลักฐานโบราณวัตถุประเภทจารึกที่มีอายุเก่ากว่า พ.ศ. 1800 จากอำเภอสูงเนิน นครราชสีมา / รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล -- อโรคยาศาล: ปราสาทบ้านเก่า น้ำพระทัยแห่ง พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 / วิทูร ชีพดำรงสกุล -- สูงเนิน : ตัวตนในนิราศ กาพย์และกลอน / จิรวัฒน์ ตั้งจิตเจริญ -- ผ้าทอเงี่ยงนางดำ เอกลักษณ์สำคัญของชาวสูงเนิน / อาทิตยา สุกรสุต -- เพลงโคราช ภาพสะท้อนโคราชผ่านบทเพลง / ภัทรชนก จุฑาเทศ -- "นครราชสีมา" ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชั้นนำ และข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 / พนมกร นวเสลา -- กำหนดการกิจกรรมโครงการทางรถไฟสายโบราณคดี ตอน "บอกเล่าให้รู้จัก บอกรักษ์สูงเนิน"

Keywords: สูงเนิน,นครราชสีมา,รถไฟ,สถานีรถไฟ,อนุรักษ์สถานีรถไฟ,โบราณคดี,ประวัติศาสตร์,โครงการทางรถไฟสายโบราณคดี,คณะกรรมการนักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร,การรถไฟแห่งประเทศไทย,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เพลงโคราช ภาพสะทอ้ นเมอื งโคราชผ่านเพลงพืน้ บา้ น

เพลงโคราช ภาพสะทอ้ นเมอื งโคราชผา่ นเพลงพ้ืนบ้าน

ภัทรชนก จฑุ าเทศ01

“จะยกสำเนาขึ้นเป็นกำหนด พระรถเป็นไม่เรรวน

พามเหสที า่ นไปชมสวน ท่ายว่ั ทา่ ยวนในอทุ ยาน

เปน็ กลอุบายจะใหถ้ ูกบ่วง หวงั เอามะมว่ งเปน็ อย่างแม่นม่ันกบั

ทั้งมะนาวอยากไดม้ านาน จงึ ชวนเมียนัน้ ไปชมในสวน

เมรีไมข่ ดั ในอนาคต เพราะรกั พระรถเป็นไม่ร่ำไร

ใหจ้ ดั กองทพั แมอ่ รไท ไปชมทา่ ใหญ่สวนอุทยาน

ครัน้ ไปถึงแลว้ กไ็ มล่ ามลวน ทา่ นจึงชมสวนด้วยความกระสนั

พอ่ ทองสำรดิ มจี ิตรสำราญ ชมสวนอทยุ านของแม่ฉัยยา...”2

กลอนที่ได้ยกมาข้างต้นนี้เป็นกลอนเรื่อง พระรถเมรี ที่ใช้ร้อง
ในการแสดง “เพลงโคราช” ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านของจังหวัด
นครราชสีมา หรือที่เราคุ้นหูกันดีว่า เมืองโคราช เมืองย่าโม จังหวัดท่ี
เป็นดั่งประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันมีวัฒนธรรมที่ได้รับการ
ผสมผสานจากทั้งภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือไว้ได้อย่างลง

1 นกั ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี ช้นั ปที ่ี 2 สาขาวิชาประวัตศิ าสตรท์ อ้ งถน่ิ
คณะโบราณคดี มหาวทิ ยาลัยศิลปากร

2 วฒั นธรรม พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ เอกลกั ษณ์และภูมิ
ปัญญาจงั หวัดนครราชสีมา (กรงุ เทพฯ, พมิ พเ์ นื่องในงานเฉลิมพระชนมพรรษา 6
รอบ 5 ธันวาคม 2542 ), 251.

187

เพลงโคราช ภาพสะท้อนเมอื งโคราชผ่านเพลงพ้ืนบา้ น

ตัว จนทำให้เป็นจังหวัดมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวจังหวัดหนึ่ง
และเพลงโคราชนเี้ องก็เป็นหน่ึงในผลของการผสมผสานทีล่ งตัวนี้

เพลงโคราช ไม่มีใครทราบว่าเริ่มเล่นครั้งแรกเมื่อใด มีเพียง
คำบอกเล่าและมุขปาฐะว่า สมัยท้าวสุรนารี (ย่าโม) ยังมีชีวิตอยู่ ท่าน
ชอบเพลงโคราชมาก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด หากแต่มี
หลกั ฐานเก่ยี วกับเพลงโคราชว่า ราวพ.ศ. 2456 คราวทส่ี มเด็จพระศรี
พัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงเสด็จพระ
ราชดำเนินมานครราชสีมาเพื่อเปิดถนนจอมสุรางค์ยาตร์ และเสด็จ
ไปพมิ าย ในการรบั เสด็จครง้ั นั้น มหี มอเพลงชายรุ่นเกา่ ช่ือเสียงโดง่ ดงั
งมากชื่อนายหรี่ บ้านสวนข่า ได้มีโอกาสเลน่ เพลงโคราชถวาย เพลงที่
ใชเ้ ล่นเปน็ เพลงหลัก เช่น

“...ได้สดับว่าจะรับเสด็จ เพื่อเฉลิมพระเดชพระจอมแผ่นดิน
โหส่ ามลา ฮาสามหลั่น เสียงสนน่ั ...ธานนิ ทร์…”3

ต่อมาเพลงโคราชมีโอกาสได้แสดงถวายอีกครั้งเมื่อคราวงาน
ชุมนุมลูกเสือคร้ังที่ 1 ในนามการแสดงมหรสพของมณฑลนครราชสีมา

3 ธวัชชัย สาครนิ ทร,์ นครราชสมี า โคราชของเรา (กรุงเทพฯ: มงั กร
การพิมพ์, 2542), 140.

188

เพลงโคราช ภาพสะทอ้ นเมืองโคราชผา่ นเพลงพืน้ บา้ น

สมเดจ็ พระศรีพชั รินทราบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง
ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับที่มาของเพลงโคราชที่มีความน่าเชื่อถือ

แบง่ ออกเปน็ 2 ข้อใหญ่ ๆ คือ ประการแรก เชื่อว่าเพลงโคราชมาจาก
การขับร้องและรา่ ยรำของหมบู่ ้านสก ปัจจบุ ัน คือ ชุมชนบ้านสก อำเภอ
เมอื ง จังหวัดนครราชสีมา เพ่ือเป็นการเฉลมิ ฉลองชัยชนะจากการที่

189

เพลงโคราช ภาพสะท้อนเมอื งโคราชผา่ นเพลงพน้ื บา้ น

สามารถเอาชนะพวกเขมรหรือขอมได้34 ท่าทางการรำรุกรำถอย และ
การป้องหูกันระหว่างการเล่นเพลงโคราช เพลงโคราชในยุคแรกนั้น
เป็นการร้องทำนองเพลงก้อม สันนิษฐานกันว่าอาจเป็นการประยุกต์
มาจากการเล่นเจรียง ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านของชาวสุรินทร์ผสมผสาน
กับเพลงพน้ื บ้านของภาคกลาง เนอื่ งจากรูปแบบของเพลงโคราชมีฉันท
ลักษณ์ทีค่ ล้ายคลึงกับเพลงพื้นบ้านของภาคกลางเป็นอยา่ งมาก แม้แต่
รูปแบบการเล่นคำ การเล่นคำซ้ำ การร้องเนื้อร้องและทำนองซ้ำ ๆกนั
ก็คล้ายคลึงกับการเล่นเพลงพื้นบ้านในภาคกลางอย่างมาก แต่เพลง
โคราชจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตรงภาษาที่ใช้เป็นภาษาท้องถิ่นโคราช
กล่าวคอื มีคำร้องที่เปน็ สำเนียงแบบโคราช เสยี งวรรณยุกต์จะสงู ตำ่ ไม่
เหมือนภาษาถ่ินกลาง หรอื ภาษาถิน่ อีสานไปเสียท้งั หมด สะทอ้ นให้เห็น
ภาพการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างภูมิภาค และแสดงให้เห็นซึ่ง
วัฒนธรรมที่ตกค้างอยู่ของภาคกลางในอีสานนี้ด้วย อีกประการหน่ึง
คือ เชื่อกันว่าเพลงโคราชนั้นมาจากตำนานเกี่ยวกับนายพรานคนหนึ่ง
ชื่อ เพชรน้อย ออกไปล่าสัตว์แล้วพบลูกสาวพญานาคขึ้นมาจากหนอง
น้ำ และมานั่งร้องเพลงคนเดียว นายพรานนี้จึงแอบฟังแล้วนำมาร้อง
ต่อเป็นทำนองเพลงกอ้ ม หรอื เพลงคสู่ อง45

4 ธวัชชัย สาครนิ ทร์, นครราชสมี า โคราชของเรา (กรุงเทพฯ: มงั กร
การพมิ พ,์ 2542), 140.

5 เบญจพร เจ๊กจนั ทกึ . “แนวทางการอนุรกั ษแ์ ละฟ้นื ฟภู มู ิปัญญา
การแสดงเพลงโคราชแบบดัง้ เดมิ ของจังหวดั นครราชสีมา.” วทิ ยานิพนธ์

190

เพลงโคราช ภาพสะท้อนเมอื งโคราชผ่านเพลงพื้นบา้ น

จากข้อสันนิษฐานข้างต้นนี้ ทำให้ทราบว่าแม้ที่มาและการ
กำเนิดของเพลงโคราชนัน้ จะมคี วามแตกต่างกัน
แต่ก็สะทอ้ นให้เห็นว่าเพลงโคราชในระยะแรกมีทำนองการเล่นแบบเพลง
กอ้ ม โดยคำว่า “ก้อม” เป็นภาษาโคราชและภาษาอสี าน หมายถึง ส้ัน
ดังนั้นเพลงก้อม จึงหมายถึงเพลงที่มีการโต้ตอบกันสั้น ๆ อาจมี
ความหมายหรือไม่มีความหมายเลยก็ได้ ต่อมาเมื่อมกี ารเพิ่มจงั หวะให้
ยาวขนึ้ จะเรียกกนั ว่าเปน็ เพลงคู่ อาจเปน็ คู่สี่ คูห่ ก หรอื คูแ่ ปด เวลา
เรยี กน้นั ไม่นิยมเรียกว่าเป็นเพลงก้อมคสู่ ่ี แตม่ ักเรยี กด้วยลีลาของเพลง
ซ่งึ แตกตา่ งชอื่ กันไปตามแต่หมอเพลงทา่ นใดจะคดิ เรยี กขึ้นมาใช้56

ปัจจุบันนี้เพลงโคราชสามารถแบ่งเป็นประเภทได้ 3 ประเภท
คือ เพลงโคราชแบบดั้งเดิม เพลงโคราชแก้บน เพลงโคราชประยุกต์
หรือเพลงโคราชซิ่ง67 เพลงโคราชซึ่งจากชื่อของประเภทเพลงโคราชนั้น
สะท้อนให้เราเห็นว่า เพลงโคราชมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้เข้า
กับบริบทของสังคมอยู่เสมอ และมีหน้าที่ต่อสังคมที่แตกต่างกันไป
กลา่ วคอื

ปริญญามหาบณั ฑิต สาขาวิชาการจดั การทรพั ยากรวัฒนธรรม บณั ฑติ วิทยาลัย
มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2557.

6 ธวัชชยั สาครนิ ทร,์ นครราชสมี า โคราชของเรา (กรุงเทพฯ: มงั กร
การพมิ พ์, 2542), 140.

7 ศกร พนิ จิ ไชยและคณะ, ความเป็นมาของเพลงโคราช. เขา้ ถงึ เม่ือ
27 กนั ยายน 2563. เข้าถงึ ได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=Kaf6k0pL0j

191

เพลงโคราช ภาพสะท้อนเมืองโคราชผ่านเพลงพน้ื บ้าน

พอ่ ใหญ่ วเิ ศษพลกรงั ศิลปนิ แหง่ ชาติ สาขาศลิ ปะการแสดงพน้ื บา้ น เพลงโคราช
เมอื่ ปี พ.ศ. 2539

เขา้ ถงึ เมอื่ 13 ตลุ าคม 2563 เข้าถึงได้จาก
http://www.koratmuseum.com/8_kongdee.html

เพลงโคราชแบบดัง้ เดิม ปรากฏอย่ภู ายใตบ้ รบิ ทของสังคมเดิม
อยา่ งสังคมเกษตรกรรม ทำใหห้ น้าที่ของเพลงโคราชสะทอ้ นภาพการใช้
ชีวิต ผ่านการโต้ตอบ เกี้ยวพาราสีของหมอเพลง ซึ่งต่างจากเพลง
โคราชแก้บน ที่ปรากฏภายใต้บริบทของการประกอบพิธีกรรม ทำให้
หน้าที่ของเพลงโคราชมีขึ้นเพื่อแก้บนท้าวสุรนารี (ย่าโม) ซึ่งการร้อง
เพลงนั้นมักมีเนื้อหาซ้ำ ๆ ไม่ได้ถ่ายทอดปฏิภาณไหวพริบและดึงดูด
ผู้ชมเหมือนเพลงโคราชแบบดั้งเดิม และยังต่างจากเพลงโคราช
ประยุกต์ซึ่งปรากฏอยู่ภายใต้บริบทของสังคมที่มีความเจริญมากขึ้น
กล่าวคือเพลงโคราชประยุกต์มีการนำแนวเพลงแบบลูกทุ่ง เครื่อง
ดนตรีสากล และการเต้นหางเครื่องเข้ามาใช้ เล่นสลับกับเพลงโคราช

192

เพลงโคราช ภาพสะทอ้ นเมืองโคราชผา่ นเพลงพื้นบา้ น

แบบดั้งเดิม ทำให้หน้าที่ของเพลงโคราชเป็นเพลงเพื่อการดู การฟัง
และการสรา้ งการมีสว่ นรว่ มต่อผูช้ มมากขน้ึ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเพลงโคราชจะปรากฏคุณค่าด้านความ
บันเทิงแล้ว ยังสามารถสะท้อนให้เราเห็นภาพและบริบทของสังคม
ออกมาได้มากเช่นกัน แม้ว่าในปัจจุบันเพลงโคราชอาจจะมิได้รับความ
นิยมเท่ากับในอดีตเนื่องจากทิศทางของกระแสเพลงสมัยใหม่ทั้งใน
ประเทศและนอกประเทศก็ตาม แต่เราก็ยังเคยได้ยินได้ฟัง หรือรับรู้
รับทราบจากสื่อประเภทอื่น ๆ ทั้งนี้เพลงโคราชจะยังสามารถดำรงคง
อย่ไู ด้ในสังคมไทย ย่อมตอ้ งมาจากคนในทอ้ งถนิ่ และสังคมท่ีจะร่วมกัน
สืบสาน รักษาและต่อยอดไว้ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ร่วมกับการ
อนุรักษ์และรักษาประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่ออื่นที่กำลังจะสูญ
หายไปในอนาคตดว้ ยเช่นเดียวกนั

193

เพลงโคราช ภาพสะทอ้ นเมืองโคราชผ่านเพลงพืน้ บา้ น

บรรณานุกรม
ธวัชชัย สาครินทร์, นครราชสีมา โคราชของเรา (กรุงเทพฯ: มังกรการพิมพ์,

2542).
เบญจพร เจ๊กจนั ทกึ . “แนวทางการอนุรกั ษแ์ ละฟืน้ ฟูภมู ิปัญญาการแสดงเพลง

โคราชแบบดั้งเดิมของจังหวัดนครราชสีมา.” วิทยานิพนธ์ปริญญา
มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร, 2557.
วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัด
นครราชสมี า (กรงุ เทพฯ, พมิ พ์เน่อื งในงานเฉลมิ พระชนมพรรษา 6 รอบ
5 ธนั วาคม 2542 ).
ศกร พินิจไชยและคณะ, ความเป็นมาของเพลงโคราช. เข้าถึงเมื่อ 27 กันยายน
2563. เขา้ ถงึ ไดจ้ ากhttps://www.youtube.com/watch?v=Kaf6k0pL0jU.

194

“นครราชสมี า” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชนั้ นำและข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลท่ี 5

“นครราชสีมา” ผานมุมมองการตรวจราชการ
ของชนชั้นนำและขาราชการสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

พนมกร นวเสลา1

เอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปยังหัว
เมืองต่าง ๆ ในช่วงรัชกาลที่ 5 มีอยู่หลายประเภท เช่น นิราศ, ใบบอก,
พระราชหัตถเลขา รวมถึงเอกสารตรวจราชการ โดยเฉพาะเอกสารของ
กระทรวงมหาดไทยที่กล่าวถึงสภาพพื้นที่ของหัวเมืองต่าง ๆ ซึ่งบรรดา
ขนุ นางในกระทรวงมหาดไทยมหี นา้ ทไี่ ปตรวจข้อราชการและการดำเนิน
นโยบายในแต่ละท้องที่นั้น ๆ ได้บันทึกเอาไว้ ในบทความนี้ได้นำเสนอ
การตรวจราชการเมืองนครราชสีมา ซ่ึงไม่เพียงแต่สะท้อนสภาพของ
เมืองนคราชสีมาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เท่านั้นแต่ยังสะท้อนให้เห็นถึง
มุมมอง วิธีคิดของ ชนชั้นนำและข้าราชการต่อท้องถิ่นในพื้นที่เมือง
นครราชสีมาด้วยเช่นกนั

การเดินทางของบุคคลในสังกัดราชสำนักสยามไปยังเมือง
นครราชสีมาในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 ยังคง
เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำสงครามเป็นหลัก มีเหตุการณ์สำคัญ คือ การ
ทำสงครามระหว่างราชสำนักสยามกับเจ้าอนุวงศ์กษัตริย์เมือง
เวยี งจนั ทน์ ในสมัยรชั กาลท่ี 3 ซง่ึ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

1 นักวิชาการอสิ ระ

195

“นครราชสมี า” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนช้ันนำและข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

โปรดเกล้าฯ ให้ยกทัพจากกรุงเทพฯและบรรดาหัวเมืองต่าง ๆ ขึ้นไปตี
เมืองเวียงจันทน์ โดยมีทัพหลวงซึ่งสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาศักดิ
พลเสพทรงเปน็ ผ้คู ุมทพั เดนิ ทางขึ้นไปทางดงพญาไฟ ตง้ั อยทู่ ัพ ณ เมือง
นครราชสีมาในปี พ.ศ. 23702

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 มีหลักฐานเอกสารจดหมายเหตุเรื่อง
“คัดใบบอก พณะ า ที่พระสมุหพระกะลาโหม เรื่องวัดระยะทางเสด็จ
คราวเสด็จพระราชดำเนีนประพาศ เมืองนครราชสิมา เมืองพิมาย เม่ือ
ปีมโรงอัฐศกศักราช 1218 (พ.ศ.2399)”3 ระบุรายละเอียดเส้นทาง
ระหว่างปากเพรียวถึงเมืองนครราชสีมา ประกอบไปด้วยสถานที่ต่าง ๆ
ได้แก่ ปากเพรียว แก่งคอย หมวกเหล็ก ลำตครอง ท่าฉาง กุดไม้ฉนวน
สูงเนิน ภูเขาราช เมืองนครราชสีมา รวมระยะทาง 4,072 เส้น และ
ระยะทางระหว่างเมืองพระพุทธบาทถึงเมืองนครราชสีมา ประกอบไป
ด้วยสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ เมืองพระพุทธบาท หนองกระดี่ บ้านโกทลุง
ท่าสำโรง ปลักแรดลำคลองสันที ลำพระยากลางเชิงเขาตก ช่องพระยา
ไฟ บ้านสูงเนิน เมืองนครราชสีมา รวมระยะทาง 5,065 เส้น ในใบบอก

2 เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บนุ นาค). พระราชพงศาวดาร
กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี 3. พมิ พค์ รั้งท่ี 7.กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ครุ ุสภาลาดพร้าว
,2547, 22.

3 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงค้นพบใบบอกดังกล่าวใน
กระทรวงมหาดไทย จงึ ไดค้ ัดเพื่อทลู เกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้
เจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที่ 5) เมือ่ วันที่ 11 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2451

196

“นครราชสีมา” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชัน้ นำและขา้ ราชการสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

นี้ยังระบุถึงรายละเอียดของสภาพเมืองนครราชสีมา ดังความตอนหน่ึง
วา่

ในเมืองมีสวนหมาก สวนมะพร้าว มีบ้าน มีเรือน
พอเตม็ ไขนำ้ ลำตครองข้ึนใช้ได้ ข้างนอกมีคูรอบ
กว้าง 10 วา นอกเมือง ด้านเหนือแลด้านตวัน
ออก เปนทุ่งนา ด้านตวันตก เปนบ้านเปนสวน
ดา้ นใต้เปนปา่ ไม้

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงระยะทางจากเมืองนครราชสีมาไปยัง
เมืองพิมาย รวมถึงขนาดอาคารและสภาพของปราสาทหินพิมาย อีกทั้ง
ยังกล่าวถึงเมืองเก่าที่บ้านสูงเนิน เรียกว่า “เมืองเสมาเก่า” สันนิษฐาน
ว่าเมืองเสมาเปน็ ทีร่ ูจ้ กั อยา่ งนอ้ ยช่วงรชั กาลที่ 4 เป็นต้นมา4 อีกนัยหนึ่ง
การเสด็จพระราชดำเนินดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงการให้ความสนใจ
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในพื้นที่ด้วยเช่นกัน5 ส่วนท้ายของใบบอก ฯ ระบุ
ถงึ วันท่ีพระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกล้าเสด็จมายังเมอื งนครราชสีมา

4 อย่างไรกต็ ามเนอื่ งจากเป็นเอกสารที่คดั ลอกโดย “การพมิ พ์” จงึ ไม่อาจ
ตรวจสอบได้ว่ารายละเอียดการกล่าวถึงสภาพเมืองเสมาร้างและเมืองพิมายนั้น
ถกู เพ่ิมเตมิ ขึ้นในภายหลังหรอื ไม่

5 การให้ความสนใจต่อความรู้ทางด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ใน
พื้นที่นั้นก็เป็นความนิยมประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในชว่ งรัชกาลที่ 4 ดังกรณีการย้าย
ศิลาจารึกหลักที่ 1 และพระแท่นมนังศิลาบาตรจากสุโขทัยมาไว้ที่กรุงเทพฯ เป็น
ตน้

197

“นครราชสีมา” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนช้ันนำและข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลท่ี 5

พระบาทสมเดจ็ พระปิ่นเกลา้ เจ้าอยู่หัว

198

“นครราชสมี า” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนช้นั นำและขา้ ราชการสยามในสมยั รัชกาลท่ี 5

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า า เสด็จจาก
ณจกเวสนัารวดงุก2ฯัน็จเลท3ไ6ฯพพปคบเ2ม่ำาุรคือีณไว่ำปงนั วนถเนัส6ฯคึงดรพ11ฯร็จ0ลคาไับ3ปชำ่ พสเคถมิมล่ำงึือาาเเงมสวปลือันดาพง็จกวบสไเันปพรุร9ฯีะเรณมบีย2อื รุววงีคันวพว่ำันนั8ฯมิ ถา9ฯ9ฯ2ึงยเ21ก6มลคคือบั่ำ่ำง
ทั้งนี้ใบบอกการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระ
ปิ่นเกล้า ปี พ.ศ. 2399 เสมือนเป็นบันทึกการเดินทางที่ให้ความสำคัญ
กบั ระยะทาง, ภมู ศิ าสตร์บา้ นเมือง และโบราณสถานในพื้นท่ี เท่านั้นแต่
มิได้กล่าวถึงการบริหารและการดำเนินงานของงานราชการในท้องถิ่น
แต่อย่างใด ถัดมาในปี พ.ศ. 2400 การจดบันทึกการเดินทางและ
เหตกุ ารณท์ ่เี กดิ ข้นึ ในท้องถน่ิ สำหรับชนชนั้ นำและขุนนางทเี่ ดินทางไปยัง
พื้นที่ต่าง ๆ ถูกเน้นย้ำมากขึ้นตามประกาศเรื่อง “ประกาศให้ผู้ที่ไป
ราชการหัวเมืองแลต่างประเทศทำหนังสือกราบบังคมทูลโดยตรง”
ใจความประกาศฉบบั นีร้ ะบุว่าผู้ท่ีมศี ักดินาตัง้ แต่ 400 ไร่ขึ้นไป เมื่อต้อง
เดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ หากพบเหตุการณ์ผิดปกติ หรือ มีเหตุการณ์

6 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
เบ็ดเตล็ด. ร.5 บ.2/1. เรื่อง “ระยะทางพระปิ่นเกล้าเสด็จเมืองนครราชสีมา”.
(2451).

199

“นครราชสมี า” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนช้ันนำและขา้ ราชการสยามในสมยั รัชกาลท่ี 5

สำคญั ทเ่ี กิดขึ้นกับทอ้ งที่นน้ั ตอ้ งทำรายงานทูลเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงทราบ ดังความในประกาศ
ตอนหนงึ่ วา่

“...ตั้งแต่นี้สืบไป โปรดเกล้าฯ ดำรัสให้ข้า
ทูลละอองคนใดถือศักดินาตั้งแต่ 400 ไร่ขึ้นไปจะ
ไปราชการหัวเมืองปักษ์ใต้ ฝ่ายเหนือ ฝ่าย
ตะวันตก ตะวันออก เมืองประเทศราชก็ดีแลจะ
เป็นราชทูต อุปทูต ตรีทูต ออกไปประเทศต่าง ๆ
ก็ดี ถ้าข้าทูลละออกไปถึงบ้านเมืองใด มี
เหตุการณ์สิ่งใดแลสืบข่าวทราบข่าวแปลก
ประหลาดควรจะตอ้ งบอก ก็ให้พร้อมกนั บอกเข้า
มากราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับ 1 บอกมายัง
เจา้ พนักงานตามกระทรวงฉบบั 1...”7

ในสมัยรัชกาลที่ 5 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เม่ือ
ครั้งทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (ระหว่างปี พ.ศ.
2435-2458) พระองค์ได้ปรับปรุงระบบการทำงานของ
กระทรวงมหาดไทยในด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงการ

7 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. รวมพระราชนิพนธ์ใน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ประชุมประกาศรัชกาลที่ 4.
กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, 2548, 135.

200

“นครราชสีมา” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนชั้นนำและข้าราชการสยามในสมยั รัชกาลท่ี 5

ปกครองส่วนภูมิภาคด้วยการจัดตั้ง “มณฑลเทศาภิบาล” ขึ้น8 และ
จัดส่งข้าราชการจากส่วนกลางลงไปปฏิบัติหน้าที่ในท้องถิ่น9 อีกทั้งมี
การติดตามการดำเนินงานตามนโยบายจากรัฐบาลส่วนกลาง คือ “การ
ออกตรวจราชการ” เพือ่ ไปจัดการและปรบั ปรุงปัญหาในทอ้ งท่ี การออก
ตรวจราชการนั้นมิได้เพียงติดตามงานของกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงงานของกระทรวงอื่น ๆ ที่ต้องกำกับติดตามด้วยเช่นกัน
อาทิ ตรวจงานที่เกี่ยวกับ กรมแร่ กรมป่าไม้ (สังกัดกระทรวงเกษตร),
ตรวจการศาลหัวเมือง เรือนจำนักโทษ (สังกัดกระทรวงยุติธรรม) เป็น
ต้น เนื่องจากกระทรวงเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดงบประมาณที่จะส่ง
ข้าราชการออกมาตรวจราชการ10 อีกนัยหนึ่งการตรวจราชการยังเป็น

8 รูปแบบการปกครองดังกล่าวได้แบบอย่างมาจากการปกครองของ
อังกฤษที่ปกครองพม่าและกลุ่มเมืองในแหลมมลายู โดยสมเด็จฯ กรมพระยา
ดำรงราชานุภาพ ทรงงมอบหมายให้ พระสฤษดิ์พจนกรเป็นผู้ไปศึกษาการ
ดำเนินงานและทำรายงานให้พระองค์นำขึ้นกราบทูลฯ รัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.
2437 โดยทางรัฐบาลจะแบ่งพ้ืนทีต่ ่าง ๆ ด้วยการรวมบา้ นเข้าด้วยกนั เป็นหมู่บ้าน
มีผู้ใหญ่บ้านปกครอง หลายหมู่บ้านรวมกันเป็นตำบลมีกำนันปกครอง หลาย
ตำบลรวมกันเป็นอำเภอมีนายอำเภอปกครอง หลายอำเภอรวมกันเปน็ เมอื งหนึ่งมี
เจ้าเมืองปกครอง และตั้งแต่ 3 เมืองขึ้นไปรวมกันเป็นหนึ่งมณฑลมีข้าหลวง
เทศาภิบาลเปน็ ผบู้ ญั ชาการ

9 จักรกฤษณ์ นรนิติผดุงการ. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยา
ดำรงราชานภุ าพกบั กระทรวงมหาดไทย. พิมพค์ รง้ั ที่ 3. กรงุ เทพฯ : มตชิ น, 2545.
129-131.

10 เรอื่ งเดียวกนั , 493.
201

“นครราชสีมา” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนชน้ั นำและข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลท่ี 5

การรวบรวมข้อมูลทางด้านภูมิศาสตร์ ชาติพันธุ์และวัฒนธรรมใน
ท้องถิ่น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้าน
ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ทั้งการรวบรวมโบราณวัตถุ เชน่ พระพุทธรูป
ศิลาจารึก จากหัวเมืองต่าง ๆมาไว้ที่กรุงเทพฯ การมอบหมายหรือ
สนบั สนุนให้ขนุ นางให้ดำเนินการสืบค้นข้อมูลทางโบราณคดีในพื้นที่ต่าง
ๆ อาทิ พระยาประชากิจกรจกั ร (แช่ม บนุ นาค) มีตวั อย่างผลงานสำคัญ
คือ พงศาวดารโยนก ซึ่งเป็นงานเขียนที่เรียบเรียงขึ้นจากการรวบรวม
เอกสารในท้องถิ่น , พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) มี
ตัวอยา่ งผลงานชนิ้ สำคัญ คอื ตำนานกรุงเก่า เป็นตน้ 11

สำหรับเมืองนครราชสีมา ได้ถูกรวมตั้งขึ้นเป็นมณฑล
นครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2437 มีเมืองในสังกัดได้แก่ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ
นางรอง และนครราชสีมา ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2446 ในพระราชอาณาจักร
สยามแบ่งสำหรับปกครองรัตนโกสินทรศก 122 (พ.ศ. 2446) ระบุว่า
เมืองนครราชสีมามีอำเภอในสังกัดทั้งหมด 10 อำเภอ ได้แก่ เมือง
นครราชสมี า, สนั เทียะ, กระโทก, นอก, นครจนั ทกึ , พันชะนะ, เมืองปัก

11 ดูรายละเอยี ดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนิพนธ์ประวัตศิ าสตร์สยามจากการ
ตรวจราชการของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ใน อิทธิกร ทองแกม
แก้ว. “การตรวจราชการหัวเมืองของสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพกับการ
สร้างความรู้ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีสยาม ทศวรรษ 2440-2450”.
วารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 42, 1 (มกราคม-มิถุนายน 2563) :
46-61.

202

“นครราชสมี า” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชนั้ นำและขา้ ราชการสยามในสมยั รัชกาลที่ 5

ธงไชย, เมืองพิมาย, สูงเนิน, และ กลาง12 (สะกดชื่ออำเภอตามเอกสาร
ต้นฉบับ) และตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 5) ชนชั้นนำสยาม13และข้าราชการได้เดินทางเข้ามาตรวจ
เยี่ยมการจัดการหน่วยราชการบริหารท้องถิ่น รวมถึงบันทึกเส้นทาง
คมนาคม สภาพเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมในพื้นที่นครราชสีมาอยู่
เป็นระยะ ๆ ลำดับได้ดังนี้

ปี พ.ศ. 2436 ก่อนการตั้งมณฑลนครราชสมี า กรมหม่ืนสรรพ
สิทธิ์ประสงค์ (พระยศในขณะนั้น) เสด็จไปยังเมืองนครราชสีมาโดยเรือ
และเกวียน ที่ พระองค์ไดม้ จี ดหมายถงึ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวลงวันที่ 15 กรกฎาคม ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) กล่าวถึงการ
เดินทางของพระองค์ผ่านเมืองและชุมชนต่าง ๆ ดังนี้ กรุงเทพฯ เมือง
ฉะเชิงเทรา เมืองปราจีนบุรี เมืองประจันตคาม เมืองกบิลทร์บุรี ด่าน
พระปรง (ปจั จุบันอยูใ่ นเขตจังหวัดปราจีนบุร)ี ดา่ นสระแก้ว เมืองวัฒนา
นคร บ้านละลมติม (ปัจจบุ นั อยใู่ นเขตสระแก้ว) เขาช่องตะโก บ้านปะคำ
(ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดปราจีนบุรี) เมืองนางรอง บ้านชำนิต (คือบ้าน

12 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.1/9. เรื่อง ปันแขวงปกครองหัวเมือง (23 ตุลาคม
2436 – 6 ตลุ าคม 2453)

13 ชนชั้นนำสยาม ในท่นี ีห้ มายถงึ พระมหากษตั รยิ ์และพระบรมวงศานุ
วงศ์

203

“นครราชสมี า” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนช้ันนำและข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลท่ี 5

ชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์) บ้านสะแกโพรง เมืองบุรีรัมย์ และเมือง
นครราชสีมา ซงึ่ เอกสารส้นิ สดุ ความเพยี งเทา่ น้ี แมต้ ลอดเส้นทาง

พระองค์ไม่ได้กล่าวถึงราชการในท้องที่ระหว่างเสด็จ แต่
ราชการในเมอื งนครราชสมี า ได้ทรงกลา่ วถึงงานราชการไวส้ ามประการ
ประการแรกคือจำนวนเลขเกณฑ์ไพร่เพื่อนำไปใช้ในราชการที่เมือง
หนองคายและเมอื งอุบลราชธานี ประการทส่ี อง ให้เกณฑไ์ พรไ่ วเ้ ปน็ กอง
สมทบและอยู่ทำนาพร้อมทั้งได้สั่งให้ทางอำเภอและกำนันฝึกให้ผู้หญิง
หดั ทำนาเพอื่ จะได้ทำนาแทนผู้ชายที่ถูกเกณฑไ์ ปราชการ ประการท่ีสาม
คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยในท้องที่และการปราบโจรผู้ร้าย
เป็นไปดว้ ยดี14

ปี พ.ศ. 2439 พระพรหมาภิบาลได้ไปตรวจราชการมณฑล
นครราชสีมา และทำรายงานถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ วั ลงวันที่ 4 กนั ยายน ร.ศ.115 (พ.ศ.2439) พระพรหมาภิบาลได้
ใช้เส้นทางไปเมืองนครราชสีมาเส้นทางเดียวกับกรมหมื่นสรรพสิทธิ
ประสงคค์ ือผ่านทางช่องเขาตะโก

14 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.46/7. เรื่อง กรมหมื่นสรรพสิทธ์เสด็จขึ้นไปเมือง
นครราชสีมา ศก 112 และพระหลวงกรมการราษฎรออกเงินทูลเกล้าฯถวายใน
การแผน่ ดิน (15 กรกฎาคม 2436 – 11 มถิ ุนายน 2440)

204

“นครราชสมี า” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชนั้ นำและข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลท่ี 5

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธปิ ระสงค์

205

“นครราชสีมา” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนชนั้ นำและข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลท่ี 5

อย่างไรก็ตามบันทึกฉบับนี้แม้ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ
ราชการในเมืองนครราชสีมามากนัก แตไ่ ด้บนั ทกึ ช่ือหมู่บ้านสถานที่ต่าง
ๆ และสภาพภูมิศาสตร์ตลอดเส้นทางโดยละเอียด ตั้งแต่เข้าเขตพื้นที่
มณฑลนครราชสีมา ขณะเดียวกันได้เรียกประชาชนในท้องที่มา
สอบถามข้อราชการและความเป็นอยู่ต่าง ๆ ทำให้ทราบจำนวน
ประชากร วิถีชีวิต ชาติพันธุ์ในพื้นที่ ยกตัวอย่างบ้านทเมนไชย (ปัจจุบัน
อย่ใู นเขตอำเภอลำปลายมาศจังหวัดบุรีรัมย)์ ความว่า

“ได้ไปดูบ้านในบ้าน ๆ ทเมนไชยนั้น กว้าง
ประมาณ 22 เสน้ เศษ ยาว 27 เสน้ เศษ มคี ูแลเนีน
ดินหนาประมาณ 2 ศอก แต่ฃุดทำลายไปมาก
เรือนราษฎรมีอยู่ประมาณ 120 หลังเศษ ราษฎร
เดก็ ผ้ใู หญช่ ายหญงิ ประมาณ 700 เศษ คนเศษ มี
วัดสองวัดพระสงฆ์จำพรรษาอยู่วัดละ 190� บ้าง
ราษฎรเปน็ ลาว ประกอบการเพาะปลูก ทอหกู ป่ัน
ฝ่ายทำไหม ต้นผลไม้มีมพร้าว ต้นหม่อนเป็นพื้น
การโจรผู้รา้ ยบ้านนัน้ ไมม่ ี ราษฎรทำมาหากินโดย
สดวก”15

15 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.14/13. เรอ่ื ง พระพรหมาภิบาลออกไปตรวจราชการ
มณฑลนครราชสมี า (4 กันยายน 2439).

206

“นครราชสมี า” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนชัน้ นำและข้าราชการสยามในสมยั รัชกาลที่ 5

ในปีเดียวกันนี้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จขึ้น
ไปตรวจราชการที่เมืองนครราชสีมา ทรงพบปัญหาการตัดสินของศาล
เมืองนครราชสีมา และปัญหาคดีแพ่ง (คดีความหนี้สิน) ของชาวจีนใน
เมืองนครราชสีมา16 ซึ่งได้ทูลเกล้าฯ รายงานต่อพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าพีพัฒน์ศักด์ิ
(พระยศในขณะน้ัน) เสนาบดกี ระทรวงยตุ ธิ รรม

ปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้
เสด็จพระราชดำเนินเปิดเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ-นครราชสีมา
ระหว่างวันที่ 21 – 25 ธันวาคม พ.ศ. 2443 พระองค์ได้เสด็จพระราช
ดำเนินโดยรถไฟไปยังเมืองนครราชสีมา ระหว่างทางทรงแวะ
ทอดพระเนตรเสาศิลาจารึกของพระองค์17 กระทั่งรถไฟพระที่นั่งเดิน
มาถึงเมืองนครราชสีมา พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสรรพสิทธิประสงค์
(พระยศในขณะนั้น) ซึ่งได้มาจัดการรับเสด็จและได้มีข้าราชการใน
มณฑลนคราราชสีมาและในพื้นที่ใกล้เคียงเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท
รับเสด็จ จากนั้นพระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมืองนครราชสีมา ตลอด
ระยะเวลาที่พระองค์ประทับอยู่ที่เมืองนครราชสีมา พระองค์ได้เสดจ็ ไป

16 หอจดหมายเหตุแหงชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.14/66. เรื่อง กรมหมื่นดำรงเสด็จขึ้นไปตรวจเมือง
นครราชสีมาเหน็ วาการชำระความทโี่ รงศาลยงั ไมเ รียบรอ ย (8-12 มนี าคม 2439).

17 ปจจุบันอยูที่ บานริมบึง หมูที่ 17 ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัด
นครราชสีมา เปนจารึกที่สรางขึน้ ในคราวเสดจ็ พระราชดำเนนิ ทอดพระเนตร การสราง
รถไฟสายกรงุ เทพ-นครราชสีมา

207

“นครราชสีมา” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชน้ั นำและขา้ ราชการสยามในสมยั รัชกาลที่ 5

ยังสถานที่ต่าง ๆ อาทิ ลำน้ำปรุ, วัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลาง),
ศาลพระนารายณ์, โรงทหารกองราบท่ี 5 มณฑลนครราชสีมา, เรอื นจำ
, ตลอดจนตามร้านค้า และตลาดภายในเมือง ราษฎรได้นำสิ่งของและ
สัตว์ป่าในท้องถิ่นมาทูลเกล้าฯ ถวาย นอกจากนี้พระองค์ยังได้
ทอดพระเนตรวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ที่จดั ขึ้นถวายพระองค์ ไดแ้ ก่ มวยโคราช
และ การเปา่ แคน, การทรงผี18, แหบ่ ้องไฟ ตีกลองประชนั กัน เป็นต้น19

ปี พ.ศ. 2446 หลวงนรราชจำนง ปลัดกรมพลำภังไปตรวจ
ราชการในมณฑลนครราชสีมาได้ทำรายงานทูลสมเด็จฯ กรมพระยา
ดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 18 กรกฎาคม ร.
ศ.122 (พ.ศ.2446) มีใจความว่า ได้เดินทางโดยรถไฟไปยังเมือง
นครราชสีมา และเดินต่อไปยังท้องที่ต่าง ๆ ในมณฑลนครราชสีมา
พร้อมทั้งได้ถวายงานราชการในด้านต่าง ๆ ของแต่ละพื้นที่ลำดับตาม
รายงาน ได้แก่ ที่ว่าการมณฑลนครราชสีมา, อำเภอเมืองนครราชสีมา,
อำเภอพิมาย, อำเภอเมืองบุรีรัมย์, อำเภอประโคนชัย, อำเภอนางรอง,
อำเภอกระโทก, อำเภอปักธงชัย, อำเภอนครจันทึกและอำเภอสูงเนิน

18 ตน้ ฉบับเอกสารกลา่ ววา่ “...มนี างมดเขมรมาทรงผถี วายทอดพระเนตร
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยุ่หวั หยดุ มา้ พระทน่ี ั่ง เสดจ็ พระราชดำเนินทอดพระเนตร
นางมดแลว้ ทรงม้าพระทีน่ ่ังต่อไปถงึ พลับลพลา...”

19 กรมการรถไฟ. เร่อื ง การรถไฟไทย. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์กรมรถไฟ (ที่
ระลึกในงานพระราชทานเพลงิ พระศพ หมอ่ มเจ้า เสริมสวาสดิ์ กฤดากร ณ สุสาน
หลวงวัดเทพศิรนิ ทราวาส วนั ท่ี 22 มนี าคม พ.ศ.2484) 100-110.

208

“นครราชสมี า” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชั้นนำและขา้ ราชการสยามในสมยั รัชกาลท่ี 5

งานราชการที่ตรวจการนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 งานหลัก ได้แก่ การทำสำ
มโนครัวและทะเบียนประชากร, สภาพของที่ทำการอำเภอและการ
จัดเก็บเอกสารราชการ, เรื่องการเรือนจำและคดีความในท้องที่ต่าง ๆ
นอกจากนี้บางที่มีงานราชการที่ต่างไปจากที่อื่นเพิ่มเติม เช่น งานดูแล
รกั ษาปราสาทหนิ ท่อี ำเภอพมิ าย เป็นต้น20

ปี พ.ศ. 2449 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จ
ตรวจราชการมณฑลอุดรและมณฑลอีสาน โดยพระองค์ทรงประทับน่งั
รถไฟจากกรุงเทพฯ และไปเริ่มต้นตรวจราชการที่เมืองนครราชสีมา
และเมื่อครั้งจะเสด็จกลับก็สิ้นสุดที่เมืองนครราชสีมาเช่นกัน การเสด็จ
ตรวจราชการคราวนี้ได้ไปยังบ้านเมืองต่าง ๆ ในพื้นที่ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับในเขตเมืองนครราชสีมาในบันทึกของ
พระองค์พบว่าเป็นเรื่องราวของผู้คนท้องถิ่นมากกว่าการกล่าวถึง
หน่วยงานราชการ อาทิ กลุ่มชาติพันธ์ุ21, จำนวนประชากรในแต่ละ
หมบู่ า้ นทีเ่ สด็จผ่าน, อาชพี ของคนในทอ้ งถิ่น ตลาดในพืน้ ที่ ตลอดจนวัด

20 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.14/18. เรื่อง รายงานหลวงนรราชจำนงไปตรวจ
การมณฑลนครราชสีมา ( 27 กรกฎาคม 2446).

21 รายละเอียดของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงจด
บันทึก ดูเพิ่มเติมได้ใน ประภัสสร์ ชูวิเชียร. “ผู้คนและชาติพันธุ์ลุ่มแมน่ ำ้ โขงใน
งานค้นคว้าของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ”. วารสารดำรงราชานุ
ภาพ (ฉบับพิเศษ ธันวาคม 2555), 155-184.

209

“นครราชสมี า” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนช้นั นำและข้าราชการสยามในสมยั รัชกาลท่ี 5

วาอาราม และยังจดบนั ทึกโบราณสถานในท้องที่ ทั้งจากที่พระองค์ทรง
พบ และจากการสอบถามกบั ทางราษฎร ดังตวั อยา่ งความตอนหน่ึงของ
การตรวจราชการอำเภอพิมาย ความวา่

“...ราษฎรในอำเภอพิมายนี้มีจำนวน
218,500 คน การทำมาหาเล้ียงชพี มีการทำนาทำ
ไรแ่ ลทำสวนบา้ งเล็กน้อย กับมกี ารตัดไม้ในป่าแล
เกีย่ วแฝกมุงหลงั คา ผสมโคกระบอื เลยี้ งไหม แล
ทอผ้าทอสื่อบ้าง แลมีพ่อค้าเกวียนเที่ยวค้าขาย
ถึงมณฑลอุดร แลอิสาณ ไปจากเมืองพิมายน้ี
มาก...”

“...เวลาบ่ายเที่ยวดูปราสาทหิน แลถ่ายรูป แล้ว
ไปวัดเดิม ปิดทองพระพุทธรูป ซึ่งหลวงภักดี
ศรีขัณพเสมานายอำเภอเมืองพิมาย เก็บพระ
เศียรของเก่ามาทำองค์ศิลาประกอบขึ้นใหม่ เป
นพระประธานในอุโบสถ...”22

22 กรมศลิ ปากร. เรอ่ื งเทยี่ วที่ต่าง ๆ ภาค 1-5. กรุงเทพฯ : บริษทั เอดิ
สัน เพรส โพรดกั ส์, 2550, 68-69.

210

“นครราชสีมา” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชัน้ นำและขา้ ราชการสยามในสมยั รัชกาลท่ี 5

ปี พ.ศ.2451 พระยาจ่าแสนบดีขึ้นไปรับราชการเมือง
นครราชสีมา เดินทางขึ้นไปโดยรถไฟและได้ส่งรายงานการตรวจ
ราชการในเมืองนครราชสีมาและอำเภอโดยรอบลงวันที่ 19 พฤษภาคม
ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) ทูลสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดี
กระทรวงมหาดไทย มีใจความเน้นการพัฒนาเมืองนครราชสีมา 3
ประการ ได้แก่ ประการแรก การจัดวางผังบ้านเมืองและการปรับปรุง
ถนนที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จหรือชำรุด, ประการที่สอง การจัดการระบบ
ชลประทานบริเวณเมอื งนครราชสมี า ได้แก่ การทำทำนบปอ้ งกันนำ้ และ
การขดุ ลอกคเู มอื ง และหนองนำ้ สำหรับไว้เปน็ ท่ีรับนำ้ ในฤดฝู น ประการ
ที่สาม เสนอให้มีการจัดตั้งสุขาภิบาลขึ้นในเมืองนครราชสีมาแก้ปัญหา
ขยะในตลาด นอกจากนี้พระยาจ่าแสนบดียังเสนอให้มีการทำถนนไปยงั
หัวเมืองต่าง ๆ เพื่อให้การค้นส่งสินค้าจากเมืองนครราชสีมาสามารถ
กระจายไปยงั ทอ้ งทต่ี า่ ง ๆ ได้แก่ การสรา้ งถนนใหม้ ัน่ คงถาวรไปยังเมือง
อุดรธานี, เมืองอุบลราชธานี และถนนผ่านช่องตะโกไปยังเมือง
ปราจีนบุรี เพื่อที่จะส่งสินค้าระหว่างหัวเมืองต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งปีและ
แก้ปัญหาเส้นทางธรรมชาติถูกตัดขาดในคราวฤดูน้ำหลาก ซ่ึง
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงได้รบั รายงานของพระยา
จ่าแสนบดีและมีพระราชหัตถเลขาลงวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2451
ตอบกลบั เร่ืองแนวคิดการสร้างถนนไว้วา่

211

“นครราชสีมา” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนชั้นนำและขา้ ราชการสยามในสมยั รัชกาลท่ี 5

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
212

“นครราชสมี า” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนช้นั นำและข้าราชการสยามในสมยั รัชกาลท่ี 5

การท่จี ะทำให้ถนนแขงนด้ี ูเปนสำคญั ยิ่งกว่าสิ่งอ่ืน
ถา้ ถนนยังอ่อนอยกู่ ลัวจะท้งิ ไวก้ ไ็ ม่ไดด้ ี ถา้ รกั ษาก็
ต้องทำทุกปี ข้อนี้บางทีพระยาจ่าแสนจะเหนเปน
การใหญ่เกินไปจึงไม่นึกถึง แต่ที่แท้เปนการทำให้
ค่ารักษาถนนถูกลงเปนอันมาก ควรจะตักเตือน
ใหพ้ จิ ารณาหาทำทางดูสักที

ในปี พ.ศ.2452 ได้รายงานการตรวจราชการอำเภอพิมาย
กล่าวถึง การดูแลรักษาปราสาทหินพิมายพร้อมทั้งได้รายงานการสร้าง
เรอื นจำขน้ึ ใหม่23

บันทึกการเดินทางและการตรวจราชการของบุคคลต่าง ๆ ท่ี
เดินทางไปยังเมืองนครราชสีมา ที่กล่าวถึงในข้างต้น รัฐบาลสยามใน
ขณะนั้นให้ความสำคัญกับเมืองนครราชสีมาและมณฑลนครราชสีมา
ค่อนข้างมาก ประการหนึ่งเนื่องด้วยเป็นมณฑลที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มี
พลเมืองอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับตำแหน่งที่ตั้งของเมือง
นครราชสีมาตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าระหว่างกรุงเทพฯ กับหัวเมืองใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงมีดำริที่จะตัดถนนเพื่อให้การค้าเป็นไป

23 หอจดหมายเหตุแหงชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.14/16. เรื่อง รายงานมณฑลนครราชสีมา ( 8
กุมภาพันธ 2444-2452).

213

“นครราชสีมา” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนช้ันนำและขา้ ราชการสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

โดยสะดวกมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเอกสารเหล่านี้ในคุณค่าทาง
ประวัติศาสตร์และโบราณคดี มีความสำคญั 3 ประการ กลา่ วคอื

ประการแรก เอกสารบันทึกการตรวจราชการเมือง
นครราชสีมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้สะท้อนให้เห็นถึง ความสนใจของชน
ชั้นนำต่อความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี รวมถึง
วฒั นธรรมในพืน้ ที่เมืองนครราชสีมา ซ่งึ เรม่ิ ปรากฏมาตั้งแต่สมัยรัชกาล
ที่ 4 และเด่นชั้นขึ้น โดยเฉพาะเอกสารของพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัวและสมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ประการที่สอง เอกสารชุดนี้ยังสะท้อนถึงนโยบายของ
กระทรวงมหาดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เกิดขึ้นในเมืองนครราชสีมา
หรืออีกนัยหนึ่งคือ รัฐบาลสยามพยายามควบคุมหัวเมืองผ่านนโยบาย
ของส่วนกลาง ในการ “ควบคุม”, “จดั ระเบยี บ”, “พัฒนา” สว่ นหนง่ึ เป็น
นโยบายที่ปรับใช้จากวิทยาการปกครองของชาติยุโรป อาทิ การเกณฑ์
เลขไพร่, การจัดตั้งสุขาภิบาล, การตัดถนนขุดคลอง ฯลฯ ขณะเดียวกัน
การตรวจสอบของรัฐบาลส่วนกลางด้วยการ ส่งขุนนางหรือแม้กระทั่ง
เสนาบดีมาตรวจราชการมิได้ประเมินเพียงแค่การบริหารจัดการของ
ส่วนราชการท้องถิ่น แต่หากยังรวมถึงการสอบถามจากราษฎรในพื้นท่ี
เพื่อสอบทานกับรายงานของข้าราชการท้องถิ่น และยังทำให้ได้รับฟัง
ปัญหาจากราษฎรในทอ้ งถน่ิ โดยตรง

ประการที่สาม ข้อมูลจากเอกสารตรวจราชการนั้น
นอกเหนอื จากการบันทกึ จำนวนประชากร กลุ่มชาตพิ นั ธุว์ รรณา ความ

214

“นครราชสมี า” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนชน้ั นำและขา้ ราชการสยามในสมัยรัชกาลท่ี 5

เป็นอยู่ของผู้คน วิถีชีวิต สภาพเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม รวมถึง
ประวัติศาสตร์ในพื้นที่มณฑลนครราชสีมา ยังสะท้อนถึงการเดินทาง
ของตัวผู้บันทึกเองเช่นกัน กล่าวคือ ก่อนการเปิดใช้งานรถสาย
กรุงเทพฯ-นครราชสีมา เมื่อปีพ.ศ. 2443 จะพบว่า เส้นทางที่ใช้จาก
กรุงเทพฯ ไปยงั เมอื งนครราชสมี ามสี องเส้นทาง คือ ผา่ นทางชอ่ งดงพระ
ยาไฟ และทางดา้ นช่องตะโก อย่างไรก็ตามภายหลังการเปดิ ใช้งานรถไฟ
การเดินทางไปยงั เมืองนครราชสีมาจึงโดยสารรถไฟผา่ นทางช่องดงพระ
ยาไฟเป็นหลัก และบันทึกการตรวจราชการยังสะท้อนถึงความสำคัญ
ของสถานตี ่อการเดนิ รถไฟ เชน่ สถานีสูงเนนิ คอื สถานีทเ่ี ป็นจุดจอดรถ
เตมิ น้ำเข้าหัวรถจักร24

ดังนั้นบันทึกการตรวจราชการจึง เป็นหลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่สำคัญประเภทชั้นต้นต่อ
การศึกษาประวัติศาสตร์ในท้องที่เมืองนครราชสีมา ทั้งในเร่ืองเกี่ยวกบั
ผู้คนและพื้นที่ในท้องถิ่น รวมถึงนโยบายของรัฐบาลสยามต่อเมื่อ
นครราชสีมา อีกทั้งยังสะท้อนค่านิยมของชนชั้นนำที่มีความสนใจ
ทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีในพื้นที่มณฑลนคราราชสีมาด้วย
เช่นกนั

24 พบวรรณกรรมทีก่ ลา่ วถงึ การรอเติมนำ้ เข้าหัวรถจกั ร ณ สถานสี งู เนนิ
อย่บู ้าง อาทิ “นริ าศอุบลราชธาน”ี แต่งโดยพระมหาวไิ ชย (จนั อตุ รนคร) เม่อื ปี
พ.ศ. 2443

215

“นครราชสมี า” ผ่านมุมมองการตรวจราชการของชนชั้นนำและข้าราชการสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

บรรณานกุ รม

เอกสารช้นั ต้น

หอจดหมายเหตุแห่งชาต.ิ เอกสารกรมราชเลขาธกิ าร รัชกาลท่ี 5 เบ็ดเตล็ด. ร.5 บ.
2/1. เรอื่ ง “ระยะทางพระปิ่นเกลา้ เสดจ็ เมอื งนครราชสมี า”. (2451).

หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.1/9. เร่อื ง ปัน แขวงปกครองหัวเมือง (23
ตลุ าคม 2436 – 6 ตลุ าคม 2453)

หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.46/7. เรื่อง กรมหมื่นสรรพสิทธ์เสด็จขึ้นไป
เมืองนครราชสีมา ศก 112 และพระหลวงกรมการราษฎรออกเงิน
ทลู เกล้าฯ ถวายในการแผ่นดิน (15 กรกฎาคม 2436 – 11 มิถุนายน
2440)

หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.14/13. เรื่อง พระพรหมาภบิ าลออกไปตรวจ
ราชการมณฑลนครราชสมี า (4 กนั ยายน 2439).

หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.14/66. เร่อื ง กรมหมื่นดำรงเสด็จขึ้นไป
ตรวจเมืองนครราชสีมาเห็นว่าการชำระความที่โรงศาลยังไม่เรียบร้อย
(8-12 มนี าคม 2439).

หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5
กระทรวงมหาดไทย. ร.5 ม.2.14/18. เรอ่ื ง รายงานหลวงนรราชจำนงไป
ตรวจการมณฑลนครราชสีมา ( 27 กรกฎาคม 2446).

216

“นครราชสมี า” ผา่ นมุมมองการตรวจราชการของชนชนั้ นำและขา้ ราชการสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

หนังสือ

กรมการรถไฟ. เรอ่ื ง การรถไฟไทย. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์กรมรถไฟ (ทรี่ ะลึกในงาน
พระราชทานเพลิงพระศพหม่อมเจ้า เสริมสวาสดิ์ กฤดากร ณ สุสาน
หลวงวัดเทพศิรนิ ทราวาส วนั ที่ 22 มนี าคม พ.ศ.2484).

กรมศิลปากร. เรื่องเที่ยวที่ต่าง ๆ ภาค 1-5. กรุงเทพฯ : บริษัทเอดิสัน เพรส โพร
ดกั ส์, 2550.

จักรกฤษณ์ นรนติ ิผดุงการ. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุ
ภาพกับกระทรวงมหาดไทย. พมิ พค์ รัง้ ที่ 3. กรุงเทพฯ : มตชิ น, 2545.

จอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว, พระบาทสมเด็จพระ. รวมพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัวเรื่อง ประชุมประกาศรชั กาลที่ 4. กรุงเทพฯ
: องค์การค้าของครุ ุสภา, 2548.

ทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุง
รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3. พิมพ์ครั้งที่ 7.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา
ลาดพร้าว, 2547.

บทความ

ประภสั สร์ ชวู ิเชียร. “ผู้คนและชาติพนั ธล์ุ มุ่ แม่น้ำโขงในงานค้นคว้าของสมเด็จฯ กรม
พระยาดำรงราชานภุ าพ”. วารสารดำรงราชานภุ าพ (ฉบับพเิ ศษ ธันวาคม
2555), 155-184.

อิทธิกร ทองแกมแก้ว. “การตรวจราชการหัวเมืองของสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงรา
ชานุภาพกบั การสรา้ งความรู้ ด้านประวตั ศิ าสตร์และโบราณคดีสยาม
ทศวรรษ 2440-2450”. วารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ศลิ ปากร 42, 1 (มกราคม-มถิ ุนายน 2563) : 46-61.

217

กำหนดการ

กำหนดการโครงการทางรถไฟสายโบราณคดี
ตอน “บอกเลา่ ให้รู้จัก บอกรกั ษ์สงู เนิน”

วนั ท่ี 16-17 มกราคม 2564 ณ อำเภอสงู เนิน จังหวดั นครราชสีมา
-------------------------------------------------

วันที่ 1 ( 16 มกราคม 2564 )

06.40 - 11.46 น. ออกเดินทางจากสถานีรถไฟกรุงเทพไปยังสถานี

รถไฟสูงเนิน โดยขบวนรถเร็วที่ 135 (กรุงเทพ-

อบุ ลราชธาน)ี

12.00 – 12.45 น. รบั ประทานอาหารกลางวนั

12.45 – 13.00 น. เดินทางไปวดั พระนอนธรรมจกั รเสมาราม

13.00 – 13.30 น . ช ม ก า ร ล ะ เ ล ่ น เ พ ล ง โ ค ร า ช ท ี ่ ว ั ด พ ร ะ น อ น

ธรรมจกั รเสมาราม

- วิทยากรท้องถิน่ เพลงโคราช

13.30 – 16.30 น . บ ร ร ย า ย แ ล ะ น ำ ช ม โ บ ร า ณ ส ถ า น พ ร ะ น อ น

พิพิธภัณฑ์วัดพระนอนธรรมจักรเสมาราม

โบราณสถานเมืองเสมา และหลกั หนิ บา้ นหินตัง้

- วทิ ยากร รศ.ดร.ประภสั สร์ ชวู เิ ชยี ร

16.30 น. กลบั ท่ีพัก ณ โรงแรมบา้ นสกลุ เพชร

17.00 น. รับประทานอาหารเยน็

18.00 น. กลบั ทพี่ ักและพักผ่อนตามอัธยาศยั

218

กำหนดการ

วนั ท่ี 2 ( 17 มกราคม 2564 )

07.00 น. ตน่ื นอน

08.00 - 09.00 น. เดินทางออกจากทีพ่ ักและรับประทานอาหารเข้า

09.00 น. เดินทางไปปราสาทเมอื งแขกและปราสาทบ้านเกา่

09.15 – 10.15 น. บรรยายและนำชมโบราณสถานปราสาทเมือง

แขกและปราสาทบ้านเกา่

- วทิ ยากร รศ.ดร.ประภสั สร์ ชวู ิเชียร

10.30 – 11.30 น. เดินทางไปชมการทอผ้าเงย่ี งนางดำ

- วิทยากรท้องถน่ิ ผา้ เงยี่ งนางดำ

11.30 น. รับประทานอาหารกลางวนั

13.00 – 14.00 น. เดินเทา้ ดยู า่ นชุมชนเกา่ รมิ ทางรถไฟ

- วิทยากร ผศ.ปริญญา ชูแกว้

14.00 – 15.00 น. ชมพิพิธภัณฑ์เฮือนรักษร์ ถไฟและเสวนารว่ มกบั

คนในชุมชนสูงเนิน

- ผศ.ปรญิ ญา ชแู ก้วแกว้ คณุ วันวิสข์ เนยี มปาน

- ครพู รนิภา ฉะกระโทก

15.30 น. เตรียมการโดยสารรอรถไฟท่สี ถานรี ถไฟสงู เนนิ

15.52 น. โดยสารรถไฟกลับกรุงเทพด้วยขบวนรถเร็วที่ 142

(อุบลราชธานี – กรุงเทพ)

21.30 น. ถึงสถานีรถไฟกรุงเทพโดยสวัสดภิ าพ

หมายเหตุ - กำหนดการอาจมีการเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสม

219

กำหนดการ

220




Click to View FlipBook Version