The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ด้านที่ 1-การจัดการเรียนรู้62 เทอม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bhangsaaa, 2019-09-16 04:22:11

ด้านที่ 1-การจัดการเรียนรู้62 เทอม 2

ด้านที่ 1-การจัดการเรียนรู้62 เทอม 2

ดา้ นที่1 ด้านจัดการเรียนการสอน

1.1 การสรา้ งและพัฒนาหลกั สตู ร
1.2 การจัดการเรียนรแู้ ละคณุ ภาพผเู้ รียน
1.3 การสร้างและพัฒนาสือ่ นวตั กรรม
เทคโนโลยที างการศึกษาและแหลง่ เรียนรู้
1.4 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้และการศกึ ษา

1.5 ศกึ ษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ หรอื วจิ ยั
เพ่ือแกป้ ญั หาหรอื พัฒนาการเรียนร้ทู ่ีส่งผลต่อคุณภาพผเู้ รียน

แบบประเมนิ ครอู ตั ราจา้ ง วิทยาลัยเทคนคิ ระยอง

ชือ่ ผูร้ บั การประเมนิ นางสาวเบญจมาศ ผอ่ งไพศาลเสรี สาขาวิชาภาษาองั กฤษ

หัวข้อประเมิน หมายเหตุ
ด้านท่ี1 ด้านจดั การเรียนการสอน

1.1 การสรา้ งและพฒั นาหลกั สูตร
1.2 การจดั การเรยี นรู้และคุณภาพผ้เู รยี น
1.3 การสร้างและพัฒนาส่อื นวตั กรรม
เทคโนโลยีทางการศกึ ษาและแหลง่ เรียนรู้
1.4 การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้และการศกึ ษา
1.5 ศึกษา วิเคราะห์ สงั เคราะห์ หรอื วิจยั
เพอ่ื แกป้ ัญหาหรือพัฒนาการเรยี นรทู้ ่ีส่งผลต่อคณุ ภาพผู้เรยี น

ท่ี รายงานการประเมิน หลกั ฐานอ้างอิง เลขท่ีอ้างอิง
1 การสร้างและพฒั นาหลกั สตู ร
- แผนการสอนวชิ าภาษาอังกฤษในชีวิตจรงิ 1.1
2 การจดั การเรียนร้แู ละคณุ ภาพผ้เู รยี น - แผนการสอนวชิ าฟัง-พูด1 1.2
- โครงการสอนวิชาชวี ิตภาษาองั กฤษในชีวติ จริง 1.3
2.1 การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ - โครงการสอนวชิ าฟงั -พดู 1 1.4

- แผนการสอนวิชาอังกฤษในชวี ติ จรงิ 2.1.1
- แผนการสอนวิชาฟัง-พูด1 2.1.2
- โครงการสอนวชิ าชีวิตภาษาอังกฤษในชีวิตจริง 2.1.3
- โครงการสอนวิชาฟงั -พูด1 2.1.4

2.2 การจัดทำแผนการจดั การเรียนรู้/แผนการจัดการ - แผนการสอนวชิ าอังกฤษในชวี ติ จรงิ 2.2.1
ศึกษาเฉพาะบคุ คล/แผนการสอนรายบคุ คล/แผนจดั - แผนการสอนวชิ าฟงั -พดู 1 2.2.2
ประสบการณ์ - โครงการสอนวิชาชวี ิตภาษาอังกฤษในชีวติ จริง 2.2.3
- โครงการสอนวชิ าฟัง-พดู 1 2.2.4

2.3 กลยทุ ธ์ในการจัดการเรียนรู้ -บนั ทึกหลังการสอนวชิ าองั กฤษในชวี ติ จริง 2.3
- บันทึกหลงั การสอนวชิ าภาษองั กฤษฟงั -พูด 1 2.3.1
ที่

2.4 คณุ ภาพผู้เรยี น

2.4.1 ผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของผูเ้ รียน -สื่อการสอน PPT VDO ใบงาน ใบความรู้ 2.4.1

2.4.2 คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงคข์ อง - ผลการเรยี น วผ.1 ใบเช็คชอ่ื คะแนนรายหนว่ ย 2.4.2

ผู้เรียน - จิตพสิ ยั

รายงานการประเมิน หลักฐานอ้างอิง เลขท่ีอ้างอิง

การสรา้ งและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม - สอ่ื ต่างๆ เช่นสมารท์ โฟน 3

3 เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรยี นรู้ สบื คน้ ขอ้ มูล สื่อการสอนจาก YOUTUBE

GOOGLE

4 การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้และการศึกษา - แบบทดสอบ แบบสรุปคะแนน 4
5
5 ศึกษา วเิ คราะห์ สังเคราะห์ หรอื วิจัย - งานวจิ ยั เรือ่ ง การวัดเจตคติทม่ี ีต่อวชิ า
ภาษาองั กฤษของนักเรยี นในระดบั ชนั้
เพอื่ แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรทู้ ส่ี ง่ ผลต่อ อาชีวศึกษาปีท่ี1 ของนักเรยี นระดบั อาชวี ศึกษา
คณุ ภาพผูเ้ รยี น วิทยาลัยเทคนคิ ระยอง

แผนจดั การเรียนร้มู ่งุ เน้นสมรรถนะอาชีพและบูรณาการปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง

รายวิชา ภาษาองั กฤษฟัง พดู 2000 1203

จดั ทาโดย
นางสาวเบญจมาศ ผ่องไพศาลเสรี

สาขาภาษาองั กฤษ

วิทยาลยั เทคนิคระยอง
สานักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการ

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1

ชอ่ื วชิ า 2000-1203 ภาษาองั กฤษฟังพดู 1 (English Listening and Speaking1)

หน่วยท่ี 1 Welcoming Guests เวลา 6 ชวั่ โมง

1. สาระสาคญั

การต้อนรบั (Welcome) เป็นการรบั รอง การกล่าวคาทกั ทาย การแสดงความเคารพ และการ
ใหบ้ รกิ ารหรอื การอานวยความสะดวกแก่ผมู้ าเยอื นหรอื ผมู้ าตดิ ต่อ การตอ้ นรบั และใหบ้ รกิ ารดว้ ยหลกั วธิ ี
ท่ีดี จะทาให้ผู้มาเยือนหรือผู้ติดต่อเกิดความประทับใจ เกิดความรู้สึกสะดวกสบายและพึงพอใจ
“Welcome to….” เป็นสานวนทน่ี ยิ มใชใ้ นการกล่าวตอ้ นรบั

2. วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้บู ูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชส้ านวนภาษาในการกลา่ วตอ้ นรบั ผมู้ าเยอื นได้
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชส้ านวนภาษาในการทกั ทาย แนะนาตวั กล่าวแสดงความยนิ ดที ่ไี ด้

รจู้ กั และขอบคุณได้

3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถออกเสยี งคาศพั ทไ์ ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
3. สาระการเรยี นรู้

1. Welcoming & Greeting guests
2. Introducing oneself
3. Expressions for getting to know
4. สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้

1. กลา่ วตอ้ นรบั
2. กล่าวทกั ทาย
3. แนะนาตวั เอง
4. แสดงความยนิ ดที ไ่ี ดร้ จู้ กั
5. ย่นื เสนอความช่วยเหลอื
6. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถกู ตอ้ ง
7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด
8. จดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาทกั ษะทางภาษา

5. กรอบการจดั การเรียนบูรณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตุผล ความพอประมาณ การมีภมู ิค้มุ กนั ที่ดี
Reasonableness Moderation Self-immunity
มมี นุษยสมั พนั ธท์ ด่ี ี
มนี ้าใจไมตรชี ว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
ตามอตั ภาพของตนเอง ในการดารงตน

เงอื่ นไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงอื่ นไขคณุ ธรรม Moral condition ซ่ือสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบง่ ปัน sharing

1. Welcoming & greeting guests 1. มมี นุษยสมั พนั ธ์
2. Introducing oneself 2. ความมวี นิ ยั
3. Expressions for getting to know 3. ความรบั ผดิ ชอบ
4. ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
5. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
6. ความสนใจใฝ่รู้
7. การละเวน้ สงิ่ เสพยต์ ดิ และการพนนั
8. ความรกั สามคั คี
9. ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
10. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม ชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ตามอตั ภาพ

มิติทางเศรษฐกิจ ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และสมเหตสุ มผล

มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง

มิติทางสิ่งแวดล้อม อนุรกั ษ์สงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

6. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

❑ ครูให้ผู้เรียนฟังบทสนทนาในสถานการณ์ต่างๆจากแผ่นซีดี แล้วตรวจสอบความรู้

ความเขา้ ใจของผูเ้ รยี น โดยให้ระบุว่าบทสนทนาท่กี าหนดให้เกดิ ข้นึ ท่ไี หน และบุคคลในบท

สนทนาประกอบอาชพี อะไร จากนนั้ หาคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั โดยครู จะอธบิ าย

คาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาจากบทสนทนาเพมิ่ เตมิ

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

❑ ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาการใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาองั กฤษทใ่ี ชพ้ ูดตอ้ นรบั ในสถานการณ์ต่างๆ
จากนนั้ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ และฝึกใหผ้ เู้ รยี นอ่านออกเสยี งพรอ้ มกนั

❑ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของผู้เรยี นโดยการให้ผู้เรยี นทาแบบฝึกหดั เขยี นคาศพั ท์สถานท่ี
ต่างๆ ตามรูปภาพทก่ี าหนด จากนนั้ ตรวจคาตอบทถ่ี ูกต้องร่วมกนั โดยครูจะสุ่มใหผ้ เู้ รยี นตอบ
และฝึกพดู ตอ้ นรบั เชน่
• Welcome to the museum.
• Welcome you to the amusement park.
• Welcome tourists to Bangkok.

❑ ครูให้ผู้เรยี นศึกษาความหมายและการอออกเสยี งคาศพั ท์ท่กี าหนดไว้ในแบบฝึกหดั จาก
พจนานุกรม จากนนั้ ครใู หผ้ เู้ รยี นฝึกออกเสยี งคาศพั ทต์ ามแผ่นซดี ี และตรวจสอบความหมาย
ของคาศพั ทท์ ถ่ี ูกต้องพรอ้ มกนั

❑ ครูตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจดา้ นการใชค้ าศพั ท์ โดยใหผ้ ูเ้ รยี นเตมิ คาศพั ท์ลงในประโยคท่ี
กาหนดใหถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสม ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบ

❑ ครูให้ผู้เรียนอ่านและฟังบทสนทนาเก่ียวกับการพูดต้อนรบั และทาความรู้จกั แขก จากนัน้
ตรวจสอบความเขา้ ใจโดยใหผ้ เู้ รยี นตอบคาถามเกย่ี วกบั บทสนทนา ครูอ่านคาถามและผูเ้ รยี น
อา่ นคาตอบ แลว้ หาคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั

❑ ครูให้ผู้เรยี นศึกษาวลีท่ีใช้ในการกล่าวต้อนรบั การกล่าวแสดงความยินดีท่ีได้รู้จกั การ
สอบถามช่อื และแนะนาตวั รวมถงึ คาถามท่มี กั ถามเม่อื รู้จกั กนั เป็นครงั้ แรก จากนัน้ ครูสรุป

ทบทวนให้ผู้เรียนอกี ครงั้ พร้อมกบั สุ่มสอบถามให้ผู้เรยี นฝึกพูดออกเสยี งโดยใช้โครงสร้าง
ภาษาตามตวั อยา่ ง เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามเขา้ ใจมากยง่ิ ขน้ึ

❑ ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อย่างการพูดตอ้ นรบั แขก แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นสรา้ งประโยคตามสถานการณ์ท่ี
กาหนด 4 สถานการณ์ โดยครคู อยใหค้ าชแ้ี นะ และตรวจสอบความถูกตอ้ ง ตวั อยา่ งเช่น
“Welcome to Dusit International. My name is Daniel Cooper.
It’s a great pleasure to meet you. Please tell me if you need help.”

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คาลงในประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง โดยฟังบทสนทนาจากแผ่นซีดี
เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การใชค้ าศพั ท์และสานวนในการกล่าวตอ้ นรบั และทกั ทาย
แขก จากนนั้ ตรวจสอบคาตอบและความหมายร่วมกนั ในชนั้ เรยี น

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อย่างบทสนทนา แลว้ จบั ค่รู ว่ มกนั สรา้ งบทสนทนาเก่ยี วกบั การกล่าว
ต้อนรบั แขก จากนัน้ ครูให้ผู้เรียนแสดงบทบาทสมมติตามบทสนทนาท่ีเขียนไว้ ครูเป็นผู้
ประเมนิ ทกั ษะการพดู ของผเู้ รยี น ตวั อย่างเช่น
A: Good afternoon, sir. How can I help you?
B: Good morning. My name is Ben Kingston.
I’m from City Walk Co., LTD.
A: It’s a pleasure to meet you. I’m Adam Tyler. I’m a general manager.
B: I’m pleased to meet you, Mr. Tyler.
A: Welcome to Annex Power. Thanks for your visit.
B: You’re welcome.

กิจกรรมการเขียน

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรปุ คาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

7. สื่อการเรียนรู้

❑ หนงั สอื เรยี น
❑ ใบงาน
❑ แผนการจดั การเรยี นรู้
❑ แบบทดสอบ

8. การวดั และประเมินผล

วิธีวดั

• วดั ทกั ษะการพดู
• วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• ประเมนิ ตนเองดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เครื่องมือวดั และประเมินผล

• แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู
• แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมิน

• เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี นตอ้ งอย่ใู นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2

ชอ่ื วชิ า 2000-1203 ภาษาองั กฤษฟังพดู 1 (English Listening and Speaking1)

หน่วยท่ี 2 Talking about Health เวลา 9 ชวั่ โมง

9. สาระสาคญั

“Health is wealth” มีความหมายว่า “ความไม่มีโรคเป็นลาภอนั ประเสรฐิ ” การมี

สุขภาพดี จะต้องปฏบิ ตั ติ ามสุขบญั ญตั ิ 6 ประการ อย่างเหมาะสมและสม่าเสมอ คอื การควบคุม

น้าหนกั ตวั (Weight) ใหอ้ ย่ใู นเกณฑพ์ อดี การรบั ประทานอาหารทถ่ี กู ตอ้ ง การออกกาลงั กาย (Exercise)

อย่างเหมาะสมและสม่าเสมอ การหลกี เลย่ี งการบรโิ ภคสารทอ่ี นั ตรายต่อร่างกาย การรจู้ กั บรหิ ารจดั การ

กบั ความวติ กกงั วลและการพกั ผ่อนท่เี พยี งพอ และการตรวจเชค็ ร่างกาย (Check-up) ตามระยะเวลาท่ี

เหมาะสม

10.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้บู ูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. เพ่อื ให้ผู้เรยี นสามารถใช้คาศพั ท์และสานวนภาษาในการสอบถามและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั

ปัญหาสุขภาพได้

2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ และใหค้ าแนะนาในการแกป้ ัญหา สุขภาพได้
3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความตระหนกั ในการมสี ขุ ภาพทด่ี ี
11. สาระการเรียนรู้

1. Vocabulary about Health Problems
2. Talking about Feeling /Health
3. Giving opinions and advice for a remedy.
12.สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้

1. สอบถามและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั สุขภาพ
2. บอกคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั โรคต่างๆ
3. แสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั สขุ ภาพ
4. ใหค้ าแนะนาในการแกไ้ ขปัญหาสุขภาพ
5. กล่าวขอบคุณ
6. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถกู ตอ้ ง
7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด
8. เขยี นบทสนทนาตามทก่ี าหนดได้

13.กรอบการจดั การเรยี นบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมีเหตุผล ความพอประมาณ การมีภมู ิค้มุ กนั ที่ดี
Reasonableness Moderation Self-immunity
ปฏบิ ตั ติ วั ตามสุขบญั ญตั ิ
ความไม่มโี รคเป็นลาภอนั ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
ประเสรฐิ ในการดารงตน

เง่ือนไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม Moral condition ซ่ือสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบ่งปัน sharing

1. Vocabulary about Health 11. มมี นุษยสมั พนั ธ์
12. ความมวี นิ ยั
Problems 13. ความรบั ผดิ ชอบ
14. ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
2. Talking about Feeling /Health 15. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
3. Giving opinions and advice for a 16. ความสนใจใฝ่รู้
17. การละเวน้ สงิ่ เสพยต์ ดิ และการพนนั
Remedy. 18. ความรกั สามคั คี
19. ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
20. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม รจู้ กั ดแู ลช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั

มิติทางเศรษฐกิจ ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั และสมเหตุสมผล

มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง

มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

14.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

❑ ครูให้ผู้เรยี นดูภาพและฟังบทสนทนาเก่ียวกบั การสอบถามสุขภาพจากแผ่นซีดี แล้วให้
ผู้เรยี นร่วมกนั สรุปสาระสาคญั และตอบคาถามจากบทสนทนาว่ามปี ัญหาสุขภาพอะไร ควร
ไดร้ บั คาแนะนาในการกั ษาอย่างไร จากนนั้ ครตู รวจสอบคาตอบและอธบิ ายคาศพั ทแ์ ละสานวน
ภาษาจากบทสนทนาเพมิ่ เตมิ

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาคาศพั ท์ทเ่ี ก่ยี วกบั ปัญหาสุขภาพ โดยตรวจสอบความหมายจากพจนานุกรม
แลว้ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของผูเ้ รยี นจากการทาแบบฝึกหดั เขยี นคาศพั ท์ปัญหาสุขภาพให้
ตรงกบั รูปภาพท่กี าหนดให้ จากนัน้ ตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกต้องพร้อมกนั โดยครูสุ่มให้ผู้เรยี น
บอกความหมายและฝึกอา่ นออกเสยี ง เช่น
A: What’s wrong with Cathy?

B: She’s got a sneeze.

A: What’s the matter with Raff?

B: He’s got dizziness.

❑ ครูตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรยี นในด้านคาศพั ท์และสานวนในการใช้บรรยาย
เก่ยี วกบั ปัญหาสุขภาพทไ่ี ดศ้ กึ ษามา โดยใหผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั เขยี นประโยคตามตวั อย่างท่ี
กาหนด และทาแบบฝึกหดั ชนิดเติมคาลงในช่องว่าง จากนัน้ ฝึกอ่านออกเสยี งตรวจความ
ถกู ตอ้ งพรอ้ มกนั

❑ ครูให้ผู้เรยี นอ่านและฟังบทสนทนาเก่ยี วกบั การสอบถามปัญหาสุขภาพ จากนัน้ ตรวจสอบ
ความเขา้ ใจโดยใหผ้ เู้ รยี นตอบคาถามเกย่ี วกบั บทสนทนา ครอู า่ นคาถามและผเู้ รยี นอ่านคาตอบ
แลว้ หาคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั

❑ ครูใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาวลที ่ใี ชใ้ นการสอบถามสุขภาพและการพูดแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับการ
แนะนาการรกั ษาอาการ หรอื โรคภยั ต่างๆ แล้วหลงั จากนัน้ ครูยกตวั อย่างประโยคและสุ่ม
สอบถามผเู้ รยี นสอบถามกนั เกย่ี วกบั อาการตา่ งๆ เชน่
ผ้เู รยี น1: What's the problem with you?

ผ้เู รียน2: I have a stomachache.

ผเู้ รียน1: I think you should go to see a doctor.

ผ้เู รยี น2: Thank you for your advice.

❑ ครูใหผ้ ูเ้ รยี นฟังเสยี งคาศพั ท์จากแผ่นซดี ี แลว้ ใหศ้ กึ ษาความหมายของคาศพั ท์ทก่ี าหนดจาก
พจนานุกรม แล้วครูตรวจสอบความรู้ความเข้าใจด้านการใช้คาศพั ท์และสานวนท่ใี ช้ในการ
สอบถามสุขภาพ การพูดแนะนาการรกั ษาโดยให้ผูเ้ รยี นทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ ลงในช่องว่าง
ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั

❑ ครูให้นักเรียนศึกษาประโยคคาถามภาษาอังกฤษท่ีเก่ียวกับพฤติกรรมการกินอยู่ใน
ชีวิตประจาวนั จากนัน้ ครูอ่านประโยคคาถาม โดยครูและผู้เรยี นร่วมกันอภิปรายถึงแนว
ทางการรกั ษาสุขภาพทด่ี ี กจิ กรรมทด่ี หี รอื ทม่ี ผี ลเสยี ตอ่ ร่างกาย เช่น
• Do you smoke or drink alcohol?
• Do you sleep at least 8 hours a day?
• Do you exercise daily?

❑ ครูใหน้ ักเรยี นศกึ ษาบทสนทนาตวั อย่าง แลว้ จบั ค่สู รา้ งบทสนทนาเกย่ี วกบั การพูดคุยสอบถาม
ปัญหาสุขภาพ และแนะนาวธิ ีการรกั ษา จากนัน้ ครูให้ผู้เรียนแสดงบทบาทสมมติ ตามบท
สนทนาทเ่ี ขยี นไว้ ครเู ป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการพดู ของผเู้ รยี น เชน่
A: You look unwell today. What’s wrong with you?

B: I’m not fine. I’m suffering from migraine. I have a bad headache.

A: I’m very sorry to hear that.

I think you should take a medicine and consult a doctor.

B: Good idea. Thanks.

A: Get well soon. Bye.

กิจกรรมการเขียน

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นจดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

15.สื่อการเรยี นรู้

❑ หนงั สอื เรยี น
❑ ใบงาน
❑ แผนการจดั การเรยี นรู้
❑ แบบทดสอบ

16.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั

• วดั ทกั ษะการพดู
• วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• ประเมนิ ตนเองดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล

• แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู
• แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เกณฑ์การประเมิน

• เกณฑก์ ารพูดของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอย่ใู นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 3

ช่อื วชิ า 2000-1203 ภาษาองั กฤษฟังพดู 1 (English Listening and Speaking1)

หน่วยท่ี 3 Entertaining Life เวลา 9 ชวั่ โมง

17. สาระสาคญั

การเชอ้ื เชญิ (Invitations) เป็นเรอ่ื งปกตทิ ต่ี อ้ งพบเจออยเู่ สมอในชวี ติ การเชอ้ื เชญิ มที งั้ ในแบบท่ี
เป็นทางการ (Formal) และไม่เป็นทางการ (Informal) ขน้ึ อย่กู บั ผทู้ ถ่ี ูกเชญิ การตอบรบั (Accepting) คา
เชอ้ื เชญิ มกั กลา่ วไปพรอ้ มกบั คาขอบคุณ สว่ นการตอบปฏเิ สธ (Refusing) คาเชอ้ื เชญิ มกั การกล่าว
ขอบคุณผทู้ เ่ี ชญิ พรอ้ มทงั้ ชแ้ี จงเหตุผลทต่ี อบปฏเิ สธ

18.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนร้บู ูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบอกประเภทของภาพยนตรแ์ ละเพลงได้
2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชส้ านวนภาษาในการเชญิ ตอบรบั และปฏเิ สธคาเชญิ ได้
3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถสอบถามและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั สงิ่ ทช่ี อบหรอื ไม่ชอบได้
4. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถอธบิ ายเกย่ี วกบั แผนทว่ี างไวไ้ ด้

19.สาระการเรยี นรู้
1. Types of Movies and Music
2. Making, Accepting and Refusing an Invitation
3. Expressing likes and dislikes
4. Talking about plans.

20. สมรรถนะประจาหน่ วยการเรียนรู้
1. กล่าวเชญิ
2. ตอบรบั และปฏเิ สธคาเชญิ
3. แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สุขภาพ
4. ใหค้ าแนะนาในการแกไ้ ขปัญหาสขุ ภาพ
5. กล่าวขอบคณุ
6. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถกู ตอ้ ง

7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด

8. เขยี นบทสนทนาตามทก่ี าหนดได้
21.กรอบการจดั การเรยี นบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตุผล ความพอประมาณ การมภี มู ิค้มุ กนั ที่ดี
Reasonableness Moderation
Self-immunity
เลอื กสรรสง่ิ ทม่ี ปี ระโยชน์และ ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
เหมาะสม ในการดารงตน มคี วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรคแ์ ละ
ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง

เงือ่ นไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงือ่ นไขคณุ ธรรม Moral condition ซ่ือสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สุจริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบ่งปัน sharing

1. Types of Movies and Music 21. มมี นุษยสมั พนั ธ์
2. Making, Accepting and 22. ความมวี นิ ยั
23. ความรบั ผดิ ชอบ
Refusing 24. ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
an Invitation 25. ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
26. ความสนใจใฝ่รู้
3. Expressing likes and dislikes 27. การละเวน้ สงิ่ เสพยต์ ดิ และการพนนั
4. Talking about plans. 28. ความรกั สามคั คี
29. ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์
30. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม เสรมิ สรา้ งมติ รไมตรตี ่อผอู้ น่ื

มิติทางเศรษฐกิจ ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และสมเหตุสมผล

มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง

มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษ์สง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

22. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นดูภาพและฟังบทสนทนาเก่ยี วกบั การเชญิ ชวนไปร่วมทากจิ กรรมต่างๆ เชน่ ดหู นัง
ฟังเพลง แล้วใหผ้ ูเ้ รยี นร่วมกนั สรุปสาระสาคญั และตอบคาถามจาก บทสนทนาว่าเป็น
หนังหรอื เพลงอะไร ประเภทไหน จากนนั้ ครตู รวจสอบคาตอบและอธบิ ายคาศพั ทแ์ ละสานวน
ภาษาจากบทสนทนาเพม่ิ เตมิ

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

❑ ครูให้ผูเ้ รยี นศกึ ษาและเขยี นความหมายของคาศพั ท์ท่เี ก่ยี วกบั ประเภทต่างๆ ของภาพยนตร์
จากนัน้ ครูให้ผูเ้ รยี นฟังเสยี งคาศพั ท์จากแผ่นซีดี แลว้ สุ่มให้นักเรยี นบอกความหมายและฝึก
ออกเสยี งตามพรอ้ มกนั

❑ ครตู รวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ รยี นดา้ นคาศพั ท์ โดยใหผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั ชนิดจบั คู่
ความหมายของคาท่กี าหนดให้ จากนัน้ ครูและผู้เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบ โดยครูเป็น
ผอู้ า่ นคาถามและผเู้ รยี นอ่านคาตอบ

❑ ครูใหผ้ ูเ้ รยี นอ่านขอ้ มูลเก่ยี วกบั ตารางหนังหรอื ภาพยนตรจ์ ากใบงานทแ่ี จก ว่ามภี าพยนตร์
เร่อื งอะไร แนวไหน และเวลาทฉ่ี าย แลว้ ครสู ุม่ สอบถามขอ้ มลู จากผเู้ รยี น ตวั อยา่ งเชน่
• What movies are now showing?
• What type of movies is it?
• What is the showing time?

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาการใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการพูดเชอ้ื เชญิ การตอบรบั และปฏเิ สธให้
ถูกต้อง เหมาะสม จากนัน้ ให้ฝึกอ่านออกเสยี งตามตวั อย่างประโยค ครูสุ่มสอบถามผู้เรยี น
เกย่ี วกบั การเชอ้ื เชญิ ตา่ งๆ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นฝึกสนทนาโตต้ อบและเพม่ิ ความเขา้ ใจในการใชภ้ าษา
เช่น
คร:ู Would you like to go to a cinema?

นักเรียน: Thank you. That sounds fun.

นักเรยี น: I am sorry I can’t.

นักเรยี น: I’d love to but I have to work

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นอ่านและฟังบทสนทนาเกย่ี วการพดู เชญิ ชวน จากนนั้ ตรวจสอบความเขา้ ใจโดยให้
ผเู้ รยี นตอบคาถามเก่ยี วกบั บทสนทนาและทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คาลงในช่องวา่ ง แลว้ ร่วมกนั
คาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง โดยครอู า่ นคาถามและผเู้ รยี นอ่านคาตอบ

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นจบั คู่ สรา้ งบทสนทนาเกย่ี วกับการพูดเชญิ ชวนไปทากจิ กรรมต่างๆ เพอ่ื ตรวจสอบ
ความเขา้ ใจในการใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนทไ่ี ดศ้ กึ ษามา โดยครคู อยใหค้ าช้แี นะ แลว้ หลงั จากนัน้
ครใู หผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาทสมมตติ ามบทสนทนาทไ่ี ดส้ รา้ งไว้ ตวั อย่างเชน่
A: Hi, Carlos. Are you interested in going to a cinema this evening?
B: I’d love to. Thanks.
A: Do you like a thriller movie?
B: No. Why don’t we watch a comedy movie?
A: That sounds great. The movie is now showing at 6 p.m. See you.

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั ประเภทของเพลงและดนตรี แลว้ เขยี นความหมายของคาลง
ไปชอ่ งว่างทก่ี าหนดให้ ครใู หผ้ เู้ รยี นฟังเสยี งคาศพั ท์จากซดี แี ละใหผ้ เู้ รยี นฝึกอา่ นออกเสยี งตาม
พรอ้ มตรวจสอบคาตอบทถ่ี กู ตอ้ ง

❑ ครูให้ผู้เรยี นฝึกฟังบทสนทนาเก่ยี วกบั การวางแผนทากจิ รรมในช่วงวนั หยุดจาก แผ่นซีดี
แลว้ ตรวจสอบความเขา้ ใจโดยครูใหผ้ เู้ รยี นตอบคาถามเกย่ี วกบั บทสนทนาและทาแบบฝึกหดั
ชนิดเตมิ คาลงในประโยคใหถ้ ูกต้อง จากนนั้ ครแู ละแลว้ ร่วมกนั ร่วมกนั สรุปใจความสาคญั จาก
เร่อื งทฟ่ี ัง และตรวจสอบคาคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั

❑ ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาวลแี ละสานวนจากบทสนทนาตวั อย่าง แลว้ จบั คสู่ รา้ งบทสนทนาตามหวั ขอ้
ท่กี าหนด โดยครูคอยช้ีแนะและตรวจสอบความถูกต้อง จากนัน้ ครูให้ผู้เรยี นแสดงบทบาท
สมมตติ ามบทสนทนาทเ่ี ขยี นไว้ ครเู ป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการพดู ของผเู้ รยี น ตวั อย่างเชน่

A: Hey, Bob. Do you like reggae?

B: Of course.

A: Would you like to go to a reggae concert this Saturday?

B: Yes. That sounds great. What time and where will we meet?

A: Shall we meet at 6 p.m. at Moonwalk Theater?

B: Okay. See you.

กิจกรรมการเขียน

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นจดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

23.ส่ือการเรยี นรู้

❑ หนงั สอื เรยี น
❑ ใบงาน
❑ แผนการจดั การเรยี นรู้
❑ แบบทดสอบ

24.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั

• วดั ทกั ษะการพดู
• วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• ประเมนิ ตนเองดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
เครอ่ื งมือวดั และประเมินผล

• แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู
• แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เกณฑก์ ารประเมิน

• เกณฑก์ ารพูดของผเู้ รยี นตอ้ งอย่ใู นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 4

ช่อื วชิ า 2000-1203 ภาษาองั กฤษฟังพดู 1 (English Listening and Speaking1)

หน่วยท่ี 4 Expressing Thanks เวลา 6 ชวั่ โมง

25. สาระสาคญั

เม่อื ได้รบั ความช่วยเหลอื จากผู้อ่ืน ผู้ได้รบั ความช่วยเหลอื ต้องกล่าวคาขอบคุณ (Thanking)

สานวนการกล่าวขอบคุณ มีรูปแบบง่ายๆเช่น Thank you หรือ Thanks เม่ืออีกฝ่ ายหน่ึงได้ยินคา

ขอบคุณ อาจพดู โตต้ อบว่า “ดว้ ยความยนิ ด”ี โดยใชส้ านวนภาษาองั กฤษ ว่า you’re welcome.

หรอื My pleasure

26.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้บู ูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง การ

1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบอกชอ่ื วสั ดุสานกั งานได้
2. เพ่อื ให้ผู้เรยี นสามารถใช้สานวนภาษาในการย่นื เสนอความช่วยเหลือและ

ขอรอ้ งได้

3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชส้ านวนภาษาในการตอบรบั และปฏเิ สธได้
4. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชส้ านวนภาษาในการขอบคุณและตอบรบั การขอบคุณได้
5.
27.สาระการเรยี นรู้

1. Vocabulary about Office Suppliers
2. Thanking & Replying to Thanks
3. Offering Helps
4. Asking for Helps

28.สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้

1. บอกช่อื วสั ดสุ านกั งาน
2. กล่าวขอบคุณและตอบรบั คาขอบคณุ
3. ยน่ื เสนอความช่วยเหลอื
4. กลา่ วขอรอ้ ง

5. ตอบรบั และปฏเิ สธ

6. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถกู ตอ้ ง

7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด

8. จดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาทกั ษะทางภาษา
29.กรอบการจดั การเรียนบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตุผล ความพอประมาณ การมภี มู ิค้มุ กนั ท่ีดี
Reasonableness Moderation
Self-immunity
ชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ตามอตั ภาพ ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
ของตนเอง ในการดารงตน พง่ึ พาตนเองและช่วยเหลอื
ผอู้ น่ื ตามกาลงั ของตน

เงอื่ นไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม Moral condition ซื่อสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบง่ ปัน sharing

1. Vocabulary about Office 31. มมี นุษยสมั พนั ธ์

Suppliers 32. ความมวี นิ ยั

2. Thanking & Replying to Thanks 33. ความรบั ผดิ ชอบ
34. ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
3. Offering Helps 35. ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
4. Asking for Helps 36. ความสนใจใฝ่รู้

37. การละเวน้ สง่ิ เสพยต์ ดิ และการพนนั

38. ความรกั สามคั คี

39. ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์

40. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม ช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั

มิติทางเศรษฐกิจ ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั และสมเหตสุ มผล

มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง

มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษ์สงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

30.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรียน

❑ ครูใหผ้ ู้เรยี นดูภาพและฟังบทสนทนาเก่ยี วกบั การกล่าวขอบคุณในสถานการณ์ต่างๆ แล้วให้
ผูเ้ รยี นร่วมกนั สรุปใจความสาคญั จากเร่อื งทฟ่ี ังและตอบคาถามจากบทสนทนาว่าใครเป็นคน
กล่าวคาขอบคุณ พูดตอบรบั อย่างไร จากนัน้ ครูตรวจสอบคาตอบและอธิบายคาศัพท์และ
สานวนทางภาษาจากบทสนทนาเพม่ิ เตมิ

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาเกย่ี วกบั คาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาองั กฤษทใ่ี ชใ้ นการกล่าวขอบคณุ การตอบ
รบั คาขอบคุณ จากนนั้ ครใู หผ้ เู้ รยี นฝึกอ่านออกเสยี งพรอ้ มกนั เชน่
คร:ู Thank you very much.

นักเรยี น: No problem. /Never mind. / With pleasure./Not at all.

❑ ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาคาศพั ทท์ เ่ี ก่ยี วกบั วสั ดุอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นสานกั งาน โดยคน้ หาความหมายจาก
พจนานุกรม จากนัน้ ครูให้ผู้เรียนฟังเสียงคาศัพท์จากแผ่นซีดีเพ่ือฝึกออกเสียงตาม และ
ตรวจสอบความหมายของคาศพั ทร์ ่วมกนั

❑ ครูใหผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คาลงในช่องว่างและเขยี นคาศพั ท์อปุ กรณ์ในสานกั งานให้
ใต้ภาพท่ีกาหนด เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจด้านคาศพั ท์ของผู้เรียน จากนัน้ ครูตรวจสอบ
คาตอบทถ่ี กู ตอ้ ง โดยใหผ้ เู้ รยี นอา่ นออกเสยี งคาตอบพรอ้ มกนั

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาการใชค้ าศพั ท์และสานวนภาษาในการพดู รอ้ งขอความช่วยเหลอื การเสนอ
ความช่วยเหลอื การตอบรบั และปฏเิ สธใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม แลว้ ครยู กตวั อยา่ งประโยค อธยิ าย
เพม่ิ เติมเพ่อื เพม่ิ ความเข้าใจผู้เรียนให้มากข้นึ จากนัน้ ให้ผู้เรียนฝึกออกเสยี งตามตวั อย่าง
ประโยค

❑ ครูให้ผู้เรยี นอ่านและฟังบทสนทนาเก่ียวการพูดเสนอและร้องขอความช่วยเหลือ จากนัน้
ตรวจสอบความเขา้ ใจของผเู้ รยี นโดยการใหต้ อบคาถามเก่ยี วกบั บทสนทนาและทาแบบฝึกหดั
ชนิดเตมิ คาลงในช่องว่าง ครูและผเู้ รยี นร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งพรอ้ มกนั โดยครสู ุ่ม
ใหผ้ เู้ รยี นอ่านออกเสยี งคาถามและคาตอบ

❑ ครูให้ผู้เรยี นศกึ ษาวลีและประโยคจากตวั อย่างบทสนทนาเก่ยี วกบั การพูดร้องขอและเสนอ
ความช่วยเหลอื และให้ผู้เรยี นสร้างบทสนทนาตามคาท่กี าหนดให้ โดยครูคอยให้คาช้ีแนะ
หลงั จากนนั้ ครูใหผ้ เู้ รยี นจบั ค่ฝู ึกพูดสนทนา ครตู รวจสอบคาตอบโดยสุม่ ใหผ้ เู้ รยี นออกมาแสดง
บทบาทสมมุตหิ น้าชนั้ เรยี น เชน่
A: Hi. Would you like some help?

B: Sure. Thank you. Will you give me a post-it-note?

A: Certainly. Here you are.

❑ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจในการใช้คาศพั ท์และสานวนภาษาในการพูดร้องขอความช่วยเหลอื
โดยใหผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั เขยี นประโยครอ้ งขอช่วยเหลอื ทเ่ี หมาะสมกบั สถานการณ์ทก่ี าหนด
เชน่
สถานการณ์: You are too hot.

คารอ้ งขอ: Could you turn on the air conditioner, please?

❑ ครูใหผ้ เู้ รยี นจบั ค่สู รา้ งบทสนทนาเกย่ี วกบั การพดู รอ้ งขอ/เสนอความช่วยเหลอื แลว้ กล่าว
พดู ขอบคุณตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนด โดยศกึ ษาประโยคและสานวนภาษาไดจ้ ากบทสนทนาตวั อย่าง
จากนนั้ ครูใหผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาทสมมตติ ามบทสนทนาท่เี ขยี นไว้ ครูเป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการ
พดู ของผเู้ รยี น ตวั อยา่ งเช่น
A: You look serious. May I help you?

B: Sure, thanks. Could you possibly clean up the office?

A: No problem.

B: Thanks a lot.

A: Not at all.

กิจกรรมการเขียน

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นจดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

31.สื่อการเรยี นรู้

❑ หนงั สอื เรยี น
❑ ใบงาน
❑ แผนการจดั การเรยี นรู้
❑ แบบทดสอบ

32.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั

• วดั ทกั ษะการพดู
• วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• ประเมนิ ตนเองดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล

• แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู
• แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เกณฑ์การประเมิน

• เกณฑก์ ารพูดของผเู้ รยี นตอ้ งอย่ใู นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอย่ใู นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 5

ชอ่ื วชิ า 2000-1203 ภาษาองั กฤษฟังพดู 1 (English Listening and Speaking1)

หน่วยท่ี 5 Asking for Permission เวลา 9 ชวั่ โมง

33. สาระสาคญั

การขออนุญาต (Asking for Permission) ถอื เป็นมารยาททางสงั คม หากเราต้องการรบกวน
ผู้อ่ืนเพ่ือทาอะไรบางอย่าง สานวนท่ีใช้ขออนุญาตอย่างง่ายและมักได้ยินบ่อยๆ เช่น Can
I…………? หรอื May I…………? ถ้าต้องการให้การอนุญาต ก็สามารถกล่าวได้ว่า Sure, go ahead.
หรอื I’m afraid/sorry you can’t. หากไม่อนุญาตใหด้ าเนินการ

34.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรบู้ รู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถอธบิ ายกจิ กรรมในชวี ติ ประจาวนั โดยใช้ Infinitive Verb Phrase
2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชส้ านวนภาษาในการขออนุญาต ใหก้ ารอนุญาตและ ไมอ่ นุญาต

ได้

3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบอกความหมายป้ายความปลอดภยั ได้

35. สาระการเรียนรู้
1. Vocabulary about Daily Routines
2. Asking for Permission
3. Giving and Refusing a Permission
4. Prohibition Signs

36. สมรรถนะประจาหน่ วยการเรียนรู้
1. บอกชอ่ื กจิ กรรมทท่ี าในชวี ติ ประจาวนั
2. ขออนุญาต
3. กล่าวอนุญาตและไม่ใหอ้ นุญาต
4. อธบิ ายความหมายของป้ายหา้ ม

5. ตอบรบั และปฏเิ สธ

6. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถูกตอ้ ง

7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด

8. จดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาทกั ษะทางภาษา
37.กรอบการจดั การเรียนบูรณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตุผล ความพอประมาณ การมภี มู ิค้มุ กนั ที่ดี
Reasonableness Moderation
Self-immunity
ใหเ้ กยี รตแิ ละเคารพสทิ ธิ ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
ของผอู้ ่นื ในการดารงตน มมี รรยาทและวางตวั ให้
เหมาะสม

เง่อื นไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงอื่ นไขคณุ ธรรม Moral condition ซ่ือสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบง่ ปัน sharing

1. Vocabulary about Daily 41. มมี นุษยสมั พนั ธ์
42. ความมวี นิ ยั
Routines 43. ความรบั ผดิ ชอบ
44. ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
2. Asking for Permission 45. ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
3. Giving and Refusing a 46. ความสนใจใฝ่รู้
47. การละเวน้ สงิ่ เสพยต์ ดิ และการพนนั
Permission 48. ความรกั สามคั คี
49. ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์
4. Prohibition Signs 50. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั

มิติทางเศรษฐกิจ ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และสมเหตสุ มผล

มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง

มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษ์สงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

38.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

❑ ครูใหผ้ ู้เรยี นดูภาพและฟังบทสนทนาเก่ยี วกบั การพูดขออนุญาตในสถานการณ์ต่างๆ แลว้ ให้
ผเู้ รยี นรว่ มกนั สรุปใจความสาคญั จากเรอ่ื งทฟ่ี ังและตอบคาถามจากบทสนทนาว่าผพู้ ดู ทาอาชพี
อะไร ใหก้ ารอนุญาตหรอื ไม่ จากนนั้ ครูตรวจสอบคาตอบและอธบิ ายคาศพั ท์และสานวนภาษา
จากบทสนทนาเพม่ิ เตมิ

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นดูรูปภาพกจิ กรรมต่างๆ ทม่ี กั เจอในชวี ติ ประจาวนั เช่น รอ้ งเพลง ดูทวี ี เปิดพดั ลม
เป็นต้น แล้วครูสุ่มใหผ้ ูเ้ รยี นออกมาเขยี นคาศพั ท์บนกระดาน ครูตรวจสอบความถูกต้องและ
ฝึกอ่านออกเสยี งพรอ้ มกนั ครูใหผ้ ู้เรยี นทาแบบฝึกหดั แต่งประโยคคาถามเพ่อื ขออนุญาตทา
กจิ กรรมตา่ งๆ ตามรปู ภาพทก่ี าหนดให้ แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นฝึกพดู ขออนุญาต เช่น
• May I listen to music?
• Can I play a computer game?

❑ ครูให้ผู้เรียนฟังเสียงคาศัพท์จากแผ่นซีดี แล้วให้ศึกษาหาความหมายคาศัพท์ตามท่ี
กาหนดให้จากพจนานุกรม จากนัน้ ครูให้ผู้เรียนเพ่ือฝึกอ่านออกเสียงพร้อมกันและบอก
ความหมายของคาศพั ท์

❑ ครูตรวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจดา้ นคาศพั ท์ของผเู้ รยี น โดยใหผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหัดชนิดเตมิ
คาลงในช่องว่างหรอื ประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง ครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาการใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการพดู ขออนุญาต การใหแ้ ละไม่ให้การ
อนุญาต ครูยกตัวอย่างประโยคและอธิยายเพิม่ เติมเพ่อื เพมิ่ ความเข้าใจผู้เรียนให้มากข้ึน
จากนนั้ ใหผ้ เู้ รยี นฝึกออกเสยี งตามตวั อยา่ งประโยค

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นอา่ นและฟังบทสนทนาเก่ยี วการพดู ขออนุญาตชว่ ย จากนนั้ ตรวจสอบความเขา้ ใจ
ของผู้เรียนโดยการให้ตอบคาถามเก่ียวกบั บทสนทนาและทาแบบฝึกหดั ชนิดเติมคาลงใน
ช่องว่าง ครูและผู้เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกต้องพร้อมกัน โดยครูสุ่มให้ผูเ้ รยี นอ่าน
ออกเสยี งคาถามและคาตอบ

❑ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจในการใชค้ าศพั ท์และสานวนภาษาองั กฤษของผเู้ รยี น โดยให้ผู้เรยี น
ทาแบบฝึกหดั เขยี นประโยคขออนุญาตและใหอ้ นุญาตตามสถานการณ์ทก่ี าหนด ครใู หผ้ เู้ รยี น
จบั คู่ฝึกพูด จากนัน้ ครูตรวจสอบคาตอบของผู้เรยี นโดยการสุ่มให้ออกมาแสดงบทบาทสมมุติ
หน้าชนั้ เรยี น เช่น
You are going to a hardware store. You want to use a bicycle.

A: I’m going to a hardware store. Can I use your bicycle?

B: No problem. Go ahead.

❑ ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาดูรปู ภาพและศกึ ษาเก่ยี วกบั ป้ายห้ามต่างๆ ครอู ธบิ ายคาศพั ทแ์ ละสานวนท่ี
มกั พบบนป้ายห้ามเพ่มิ เติมเพ่อื เพิ่มความเข้าใจให้กบั ผู้เรียนมากข้นึ จากนัน้ ครูตรวจสอบ
ความรู้ความเขา้ ใจของผู้เรยี นโดยการทาแบบฝึกหดั จบั คู่รูปภาพและคาศพั ท์ใหถ้ ูกต้อง แลว้
ตรวจสอบคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งร่วมกนั ในชนั้ เรยี น

❑ ครสู รุปทบทวนเก่ยี วกบั คาศพั ทแ์ ละสานวนทใ่ี ชใ้ นการขออนุญาต ใหอ้ นุญาต การตอบรบั และ
ปฏิเสธอย่างสุภาพ จากตัวอย่างบทสนทนา จากนัน้ ให้ผู้เรียนจับคู่สร้างบทสนทนาตาม
สถานการณ์ทก่ี าหนด โดยครคู อยแนะนาและตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนนั้ ครใู หผ้ ู้เรยี นแสดง
บทบาทสมมตติ ามบทสนทนาทเ่ี ขยี นไว้ ครเู ป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการพดู ของผเู้ รยี น เชน่
A: I have to edit my report. Can I use the computer here?

B: I’m afraid that someone is using it now.

A: No problem. Can I borrow your laptop?

I’ll return it within half an hour.

B: Of course, you can.

A: Thank you.

กิจกรรมการเขียน

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นจดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

39.สื่อการเรยี นรู้

❑ หนงั สอื เรยี น
❑ ใบงาน
❑ แผนการจดั การเรยี นรู้
❑ แบบทดสอบ

40.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั

• วดั ทกั ษะการพดู
• วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• ประเมนิ ตนเองดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
เครอ่ื งมือวดั และประเมินผล

• แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู
• แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เกณฑ์การประเมิน

• เกณฑก์ ารพูดของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอย่ใู นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 6

ช่อื วชิ า 2000-1203 ภาษาองั กฤษฟังพดู 1 (English Listening and Speaking1)

หน่วยที่ 6 Talking about the Past เวลา 9 ชวั่ โมง

41. สาระสาคญั

Past Simple Tense นามาใชเ้ พอ่ื อธบิ ายการกระทาหรอื เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอดตี และสน้ิ สุดลง
ไปแลว้ หรอื ใชอ้ ธบิ ายการกระทาทเ่ี ป็นกจิ วตั รหรอื เหตุการณ์เกดิ ขน้ึ เป็นประจาในอดตี คากรยิ าท่ใี ชใ้ น
Past Simple Tense เรยี กว่า Past Simple Verb มที งั้ รูปปกติ คอื เตมิ –ed ทา้ ยคากรยิ า และรปู ไม่ปกติ
ทเ่ี รยี กวา่ Irregular Verb คอื ไมเ่ ตมิ –ed ทา้ ยคากรยิ า

42.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้บู รู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถสอบถามและใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกบั การกระทาและเหตุการณ์ ในอดตี

ได้

2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถออกเสยี งกรยิ าทล่ี งทา้ ยดว้ ย –ed ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
3. เพ่อื ให้ผู้เรยี นสามารถส่อื สารในชวี ติ ประจาวนั โดยใชโ้ ครงสร้างประโยคแบบ Past Simple

Tense ได้

43.สาระการเรยี นรู้
1. Talking about the Past Actions
2. Past Simple Tense
3. Regular & Irregular Verb

44. สมรรถนะประจาหน่ วยการเรียนรู้
1. สอบถามและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั การกระทาหรอื เหตกุ ารณ์ในอดตี
2. บอกคากรยิ าในรปู อดตี ทไ่ี ม่ผนั ตามกฏ
3. ออกเสยี งคากรยิ าทล่ี งทา้ ยดว้ ย –ed
4. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถกู ตอ้ ง
5. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด
6. เขยี นบรรยายตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดใหใ้ นรปู Past Simple Tense

45.กรอบการจดั การเรียนบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตุผล ความพอประมาณ การมีภมู ิค้มุ กนั ที่ดี
Reasonableness Moderation
Self-immunity
พฒั นาความสามารถและ ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
ทกั ษะจากขอ้ ผดิ พลาดในอดตี ในการดารงตน มคี วามสนใจใฝ่รู้ พฒั นา
ความรตู้ นเองอยเู่ สมอ

เงอ่ื นไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม Moral condition ซ่ือสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สุจริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบ่งปัน sharing

1. Talking about the Past Actions 51. มมี นุษยสมั พนั ธ์
52. ความมวี นิ ยั
2. Past Simple Tense
53. ความรบั ผดิ ชอบ
3. Regular & Irregular Verb 54. ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ

55. ความเช่อื มนั่ ในตนเอง

56. ความสนใจใฝ่รู้

57. การละเวน้ สงิ่ เสพยต์ ดิ และการพนนั

58. ความรกั สามคั คี

59. ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์

60. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม ปรบั ตวั ใหเ้ หมาะสม พรอ้ มรบั มอื กบั ปัญหาต่างๆ

มิติทางเศรษฐกิจ ใชจ้ า่ ยอย่างประหยดั และสมเหตุสมผล

มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง

มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษ์สงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

46.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

❑ ครูให้ผู้เรียนฟังบทสนทนาเก่ียวกับเหตุการณ์ต่างๆ ท่ีได้ทามาในอดีต เช่น การ

เดนิ ทางไปเท่ยี วในวนั หยุด การประชุม เป็นต้น แล้วให้ผูเ้ รยี นร่วมกนั สรุปใจความสาคญั จาก

เร่อื งทฟ่ี ังและตอบคาถามจากบทสนทนาว่าใครทาอะไร ทไ่ี หน จากนนั้ ครตู รวจสอบคาตอบและ

อธบิ ายคาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาจากบทสนทนาเพม่ิ เตมิ

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

❑ ครูให้ผูเ้ รยี นศกึ ษาหลกั การเปล่ยี นรูปคากรยิ าทเ่ี ตมิ –ed แล้วใหผ้ ูเ้ รยี นศกึ ษาหาความหมาย

และฝึกอ่านออกเสยี งคาศพั ท์ทก่ี าหนดใหใ้ นรปู ของอดตี (Past Form) จากพจนานุกรม

แลว้ ครูให้ผู้เรยี นทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คากรยิ าท่กี าหนดให้ลงในช่องว่างให้ถูกต้อง จากนัน้

ตรวจสอบความถกู ตอ้ งพรอ้ มกนั โดยครสู ุม่ ใหผ้ เู้ รยี นอา่ นออกเสยี งและบอกความหมาย

❑ ครูใหผ้ เู้ รยี นดูรปู ภาพกจิ กรรมต่างๆ แลว้ ครูใหผ้ เู้ รยี นร่วมกนั บอกและเขยี นคาศพั ท์ใหต้ รงกบั
ภาพ ในรูปของคากริยาช่องท่ี 2 จากนัน้ ครูสุ่มผู้เรียนออกมาเขยี นคาตอบบนกระดานเพ่อื
ตรวจสอบความถูกต้อง ครูตรวจสอบและทบทวนความเขา้ ใจของผู้เรยี นโดยครูจะเป็นผู้อ่าน
คาถามและใหผ้ เู้ รยี นฝึกพดู ตอบเพอ่ื บรรยายกจิ กรรมตามภาพ ตวั อย่างเช่น
A: What did he/she do?

B: He / She took a bus to a shopping mall.

❑ ครใู หอ้ ธบิ ายเก่ยี วกบั หลกั การออกเสยี งคากรยิ าทเ่ี ตมิ –ed วา่ มกี ารออกเสยี งอย่างไร แลว้ ครู
ตรวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ รยี นโดยใหฟ้ ังเสยี งคากรยิ าทเ่ี ตมิ –ed จากแผ่นซดี ี แลว้
ใหผ้ เู้ รยี นฝึกอา่ นออกเสยี งตามใหถ้ ูกตอ้ ง ครอู ธบิ ายความหมายของคาศพั ทน์ นั้ ๆ เพมิ่ เตมิ เช่น

• described /d/ อธบิ าย enjoyed /d/ สนุก

• watched /t/ ดู asked /t/ ถาม

• invited /id/ เชญิ ชวน needed /id/ ตอ้ งการ

❑ ครูให้ผูเ้ รยี นฟังและอ่านบทสนทนาเก่ยี วกบั การเล่าเหตุการณ์ท่ไี ดท้ ามาในอดตี จากนัน้ ครู
ตรวจสอบความเขา้ ใจของผเู้ รยี นโดยการใหต้ อบคาถามเกย่ี วกบั บทสนทนาและทาแบบฝึกหดั
ระบุว่าประโยคทก่ี ล่าวมาถูกหรอื ผดิ ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งพรอ้ มกนั
โดยครสู มุ่ ใหผ้ เู้ รยี นอ่านออกเสยี งคาถามและคาตอบ

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาหลกั การใชโ้ ครงสรา้ งประโยคเพ่อื บรรยายเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอดตี หรอื
ทามาแล้วในรูปของ Past Simple Tense และ Irregular Verb คากรยิ าทไ่ี ม่ผนั ตามกฎ ครูให้
ผเู้ รยี นยกตวั อย่างประโยคและฝึกอ่านออกเสยี งตามตวั อย่างประโยคเพ่อื เพม่ิ ความเขา้ ใจของ
ผเู้ รยี นใหม้ ากขน้ึ

❑ ครูใหผ้ ู้เรยี นเติมคากรยิ า Irregular Verb ตามท่กี าหนด ลงในช่องว่างของตารางกรยิ าสาม
ช่องให้ถูกต้อง โดยตรวจสอบการสะกดคาและความหมายได้จากพจนานุกรม จากนัน้ ครูให้
ผเู้ รยี นอ่านเสยี งพรอ้ มกนั และบอกความหมายของคา

❑ ครตู รวจสอบความรู้ความเขา้ ใจด้านการใชค้ าศพั ท์และสานวนในการพูดบรรยายเหตุการณ์ท่ี
ผ่านมาแลว้ โดยใหผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คาลงในช่องว่างและเขยี นประโยคเพ่อื บอก
เล่าเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอดตี ใหถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสมตามโครงสรา้ งภาษาองั กฤษ จากนนั้ ครูและ
ผเู้ รยี นตรวจคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั

❑ ครูใหผ้ ู้เรยี นศึกษาตวั อย่างบทสนทนาเก่ยี วกบั การพูดคุยสงิ่ ทไ่ี ด้ทามาในวนั หยุดสุดสปั ดาห์
แลว้ ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกนั สรุปสาระสาคญั เกย่ี วกบั การใชโ้ ครงสรา้ ง การออกเสยี งคากรยิ าในรูป
ของ Present Simple Tense จากนนั้ ครใู หผ้ เู้ รยี นจบั ค่สู รา้ งบทสนทนาโดยครูคอยใหค้ าช้แี นะ
ครใู หผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาทสมมตติ ามบทสนทนาทไ่ี ดส้ รา้ งไว้ ตวั อย่างเชน่
A: Hello, Francis. How was your weekend?

B: It was wonderful.

A: What did you do at weekend?

B: My family and I went to a temple, visited Chiangmai Zoo,

and dined out in a Chinese restaurant.

A: Great. I went shopping with friends and watched a movie.

กิจกรรมการเขียน

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นจดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

47.สื่อการเรยี นรู้

❑ หนงั สอื เรยี น
❑ ใบงาน
❑ แผนการจดั การเรยี นรู้
❑ แบบทดสอบ

48.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั

• วดั ทกั ษะการพดู
• วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• ประเมนิ ตนเองดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล

• แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู
• แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เกณฑ์การประเมิน

• เกณฑก์ ารพูดของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอย่ใู นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7

ชอ่ื วชิ า 2000-1203 ภาษาองั กฤษฟังพดู 1 (English Listening and Speaking1)

หน่วยท่ี 7 Talking about Careers เวลา 9 ชวั่ โมง

49. สาระสาคญั

คาถามท่มี กั เจอบ่อยๆ ในการสอบถามขอ้ มูลเก่ียวกบั อาชีพ ได้แก่ “What’s your job?” หรอื
“What do you do?” มคี วามหมายว่า “เธอทางานอะไร” หากต้องการตอบว่ามอี าชีพอะไร สามารถใช้
สานวนวา่ “I’m a/an + ชอ่ื อาชพี ” หรอื “I work as a/an + อาชพี ” มคี วามหมายวา่ “ฉนั ทางานเป็น...”

50.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนร้บู ูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง การ
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบอกช่อื อาชพี ได้
2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชส้ านวนภาษาในการสอบถามและใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั

ทางานได้

3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถอา่ นทาความเขา้ ใจประกาศรบั สมคั รงานได้
4. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถเขยี นประวตั สิ ว่ นตวั โดยย่ออย่างงา่ ยได้

51. สาระการเรียนรู้
1. Occupations
2. Asking and Giving information about Jobs
3. Talking about Skills & Abilities
4. Job Advertisement
5. Writing Resume

52.สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้
1. บอกชอ่ื อาชพี
2. สอบถามและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั การทางาน
3. อธบิ ายลกั ษณะงาน

4. อ่านประกาศโฆษณาสมคั รงาน
5. เขยี นประวตั สิ ว่ นตวั โดยยอ่
6. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถกู ตอ้ ง
7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด
8. จดั ทาบนั ทกึ การเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาทกั ษะภาษา
53.กรอบการจดั การเรยี นบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมีเหตุผล ความพอประมาณ การมีภมู ิค้มุ กนั ท่ีดี
Reasonableness Moderation
Self-immunity
ทางานตามความชอบและถนดั ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
ในการดารงตน มคี วามความรบั ผดิ ชอบ
ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ ในอาชพี ของตน

เง่ือนไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม Moral condition ซ่ือสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สุจริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบง่ ปัน sharing

1. Occupations 61. มมี นุษยสมั พนั ธ์
2. Asking and Giving information 62. ความมวี นิ ยั
63. ความรบั ผดิ ชอบ
about Jobs 64. ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
65. ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
3. Talking about Skills & Abilities 66. ความสนใจใฝ่รู้
4. Job Advertisement 67. การละเวน้ สง่ิ เสพยต์ ดิ และการพนนั
5. Writing Resume 68. ความรกั สามคั คี
69. ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์
70. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม ประกอบอาชพี ดว้ ยความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ มคี วามรบั ผดิ ชอบ ตอ่ สงั คม

มิติทางเศรษฐกิจ ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และสมเหตุสมผล

มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง

มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษ์สงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

54.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

❑ ครูให้ผู้เรยี นฟังบทสนทนาในสถานการณ์ต่างๆ จากแผ่นซีดี เช่น การสอบถามเร่อื งอาชีพ
หน้าทใ่ี นการทางาน การสมั ภาษณ์งาน เป็นตน้ จากนนั้ ครใู หผ้ เู้ รยี นรว่ มกนั สรุปใจความสาคญั
จากเร่อื งท่ฟี ังและตอบคาถามจากบทสนทนาว่าบุคคลในบทสนทนาทางานอะไร มหี น้าท่ี
รบั ผดิ ชอบอย่างไร แลว้ ครูตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกต้องพร้อมอธบิ ายคาศพั ท์และสานวนภาษา
จากบทสนทนาเพมิ่ เตมิ

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

❑ ครูใหผ้ ูเ้ รยี นศกึ ษาคาศพั ท์และวลที ่ใี ช้ในการสอบถามและให้ขอ้ มูลเก่ยี วกบั อาชพี แลว้ ครูให้
ผเู้ รยี นดรู ปู ภาพแลว้ รว่ มกนั ระบวุ ่าบุคคลในภารทาอาชพี อะไร โดยครสู มุ่ ใหผ้ เู้ รยี นออกมาเขยี น
คาศพั ทอ์ าชพี บนกระดาน จากนนั้ ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งและทบทวนความขา้ ใจของผเู้ รยี น
จากการสอบถามคาถามเกย่ี วกบั อาชพี ของบุคคล ในภาพ แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นตอบคาถาม เช่น
คร:ู What does he/she do?

ผเู้ รยี น: He is a barber.

คร:ู What is his/her job?

ผ้เู รียน: She works as an office clerk.

❑ ครูให้ผู้เรยี นศกึ ษาความหมายคาศพั ท์ท่เี ก่ยี วกบั อาชพี จากพจนานุกรม แลว้ ครูใหผ้ ู้เรยี นฝึก
ออกเสยี งโดยฟังเสยี งคาศพั ท์จากแผ่นซดี ี จากนัน้ ครูสุ่มใหผ้ ู้เรยี นบอกความความหมายของ
คาศพั ท์

❑ ครูตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจดา้ นคาศพั ท์ท่เี ก่ยี วกบั อาชพี และหน้าท่กี ารทางาน โดยให้
ผเู้ รยี นทาแบบฝึกหดั ชนิดจบั ค่คู าศพั ท์ จากนนั้ ครแู ละผเู้ รยี นตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งพร้อม
กนั

❑ ครูใหผ้ ู้เรยี นจบั คู่เพ่อื ฝึกพูดสนทนาสอบถามเก่ยี วกบั อาชพี หน้าทแ่ี ละความสามารถในการ
ทางานดว้ ยประโยคคาถาม Yes/No Question จากนนั้ ครสู ุม่ ใหผ้ เู้ รยี นพูดและแปลความหมาย
ของประโยค เช่น
A: Does a barber design clothing?

B: No, he doesn’t.

A: Does an author write a book?

B: Yes, she does.

❑ ครูให้ผู้เรยี นศกึ ษาและฝึกออกเสยี งคาศพั ท์และสานวนภาษาในการสอบถามอาชพี การบอก
ลกั ษณะงาน สถานทท่ี างาน และความรบั ผดิ ชอบในหน้าท่ี แลว้ ครยู กตวั อยา่ งประโยคพรอ้ มทงั้
อธยิ ายเพม่ิ เตมิ จากนนั้ ครสู ุม่ สอบถามผเู้ รยี นเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจในการใชส้ านวนภาษา
เช่น
คร:ู Where do you work?

ผ้เู รยี น: I work in an engineering company.

คร:ู What are you responsible for?

ผ้เู รียน: I maintain tools and machines.

❑ ครูให้ผู้เรยี นอ่านและฟังบทสนทนาเก่ยี วการสอบถามขอ้ มูลการทางาน แล้วให้ผู้เรยี นตอบ
คาถามเก่ยี วกบั บทสนทนาและทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คาลงในช่องว่างเพ่อื ตรวจสอบความ
เขา้ ใจ ครูและผเู้ รยี นร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกต้องพรอ้ มกนั โดยครูสุ่มใหผ้ เู้ รยี นอ่านออก
เสยี งคาถามและคาตอบ

❑ ครูให้ผู้เรียนศึกษาความหมายคาศัพท์และสานวนท่ีใช้ในประกาศโฆษณาสมคั ร จาก
ตัวอย่างในหนังสือเรียน ครูตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียนโดยการสุ่มสอบถาม
ความหมายของคาศพั ท์และให้ผู้เรยี นฝึกออกเสยี ง จากนัน้ ครูให้ผู้เรยี นทาแบบฝึกหดั เขยี น
ตอบคาถามจากประกาศโฆษณาสมคั รงานทอ่ี ่าน แลว้ ตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกต้องพรอ้ มกนั ใน
ชนั้ เรยี น

❑ ครูใหผ้ เู้ รยี นจบั ค่เู พอ่ื สรา้ งบทสนทนาเกย่ี วกบั การสอบถามขอ้ มูลอาชพี โดยศกึ ษาคาศพั ทแ์ ละ
สานวนภาษาจากบทสนทนาตวั อย่าง จากนนั้ ครใู หผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาทสมมตติ ามบทสนทนาท่ี
สรา้ งไวห้ น้าชนั้ เรยี น ครเู ป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการพดู ของผเู้ รยี น ตวั อย่างเช่น
A: Glad to meet you again.

B: Glad to meet you too. What’s your job now?

A: I’m a secretary in an export company.

I manage time and arrangement for the boss. And you?

B: I work as a public relations officer.

I write and edit in-house magazines.

กิจกรรมการเขียน

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อย่างการเขยี นประวตั สิ ว่ นตวั Resume แลว้ ครอู ธบิ ายคาศพั ทแ์ ละสานวน
เพมิ่ เตมิ เพ่อื เพม่ิ ความเขา้ ใจของผเู้ รยี นใหม้ ากขน้ึ จากนนั้ ครใู หผ้ เู้ รยี นฝึกเขยี นประวตั สิ ่วนตวั
โดยครคู อยชแ้ี นะและตรวจสอบความถูกตอ้ งของชน้ิ งาน

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เรอ่ื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

❑ ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

55.สื่อการเรยี นรู้

❑ หนงั สอื เรยี น
❑ ใบงาน
❑ แผนการจดั การเรยี นรู้
❑ แบบทดสอบ

56.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั

• วดั ทกั ษะการพดู
• วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• ประเมนิ ตนเองดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เคร่อื งมอื วดั และประเมินผล

• แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู
• แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
• แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมิน

• เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
• แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

ค่มู ือครู
วิชาภาษาองั กฤษในชีวิตจริง

รหสั 20000-1201

จดั ทาโดย
นางสาวเบญจมาศ ผอ่ งไพศาลเสรี

สาขาวิชาภาษาองั กฤษ

วิทยาลยั เทคนิคระยอง
สานักงานคณะกรรมการการ
อาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการ

ค่มู ือครู
วิชาภาษาองั กฤษในชีวิตจริง

รหสั 20000-1201

จดั ทาโดย
นางสาวเบญจมาศ ผอ่ งไพศาลเสรี

สาขาวิชาภาษาองั กฤษ

วิทยาลยั เทคนิคระยอง
สานักงานคณะกรรมการการ
อาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการ

แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 1 สอนครงั้ ท่ี 1 (1-2)
จานวน 2 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-1201 ภาษาองั กฤษในชีวิตจริง (Real Life English)
ชื่อหนว่ ย/เรือ่ ง ปฐมนิเทศ, The Whole family

แนวคิด

การศกึ ษาวชิ าน้เี ป็นวชิ าทเ่ี น้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั เพ่อื ปลกู ฝังใหพ้ ฒั นาทกั ษะของตนเองในการพดู อ่าน เขยี น

และนาไปใชใ้ นงานอาชพี อย่างสม่าเสมอ และนาไปประยุกตเ์ พอ่ื วางแผนใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตอ่ ไป และยงั เป็นการให้
ผเู้ รยี นไดม้ โี อกาสฝึกทกั ษะความชานาญการเรยี นรดู้ า้ นความรู้ ความสามารถพ่อื มสี ว่ นรว่ มในการเรยี นอยา่ งเตม็ ทใ่ี น
การฝึกทกั ษะการปฏบิ ตั จิ รงิ เพอ่ื พฒั นาทกั ษะ ความรู้ และความสามารถรวมทงั้ สตปิ ัญญาเพ่อื แกป้ ัญหาได้ ผเู้ รยี นวชิ า
น้นี อกจากจะไดค้ วามรทู้ ถ่ี ูกตอ้ งแลว้ สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่อื เป็นเครอ่ื งมอื ทส่ี าคญั

ในการแกป้ ัญหาในชวี ติ ประจาวนั อกี ดว้ ย

ครอบครวั เป็นสงิ่ ทอ่ี ยใู่ กลต้ วั เรามากทส่ี ุด มที งั้ ความใกลช้ ดิ ความรกั ความอบอุ่น คนไทยสว่ นใหญไ่ ม่มโี อกาส
ไดใ้ ชภ้ าษาองั กฤษภายในครอบครวั แตเ่ ม่อื ตอ้ งสนทนากบั ชาวต่างชาตหิ รอื ใชภ้ าษาองั กฤษ เพอ่ื ใหข้ อ้ มลู เร่อื งเกย่ี วกบั
ครอบครวั และบา้ น มกั จะเป็นหวั ขอ้ ทถ่ี กู กลา่ วถงึ ในการส่อื สารอย่เู สมอ

ผลการเรยี นร้ทู ี่คาดหวงั

-บอกจุดประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า และคาอธบิ ายรายวชิ าตามหลกั สตู รฯ ได้
-บอกแนวทางวดั ผลและการประเมนิ ผลการเรยี นรไู้ ด้
1.อธบิ ายคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั สมาชกิ ในครอบครวั ได้
2.กล่าวคาการทกั ทายผอู้ น่ื ได้
3.อ่านเร่อื งราวเกย่ี วกบั แนวโน้มการเปลย่ี นแปลงขนาดของครอบครวั ได้
4.บรรยายลกั ษณะบุคคลได้
5.กลา่ วคาอาลา การอวยพรตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมได้
6.จาแนกความแตกตา่ งของชอ่ื ของบุคคลได้
7.ใชภ้ าษาท่าทางในภาษาองั กฤษได้
8.มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานักงาน
คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง

8.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 8.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนัน

8.2 ความมวี นิ ยั 8.9 ความรกั สามคั คี

8.3 ความรบั ผดิ ชอบ 8.10 ความกตญั ญกู ตเวที

8.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ

8.5 ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง

8.6 การประหยดั

8.7 ความสนใจใฝ่รู้

สมรรถนะรายวิชา

 ฟัง ดภู าษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน

 สนทนาโตต้ อบตามสถานการณ์ในชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน

 อ่านขอ้ ความ กาหนดการ และป้ายประกาศภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน

 กรอกแบบฟอรม์ ทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน

 เขยี นขอ้ ความและจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ นชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน

 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศพฒั นาทกั ษะภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน

สมรรถนะรายหน่วย
ใชภ้ าษาองั กฤษโตต้ อบในชวี ติ ประจาวนั

สาระการเรียนรู้

-บอกจุดประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า และคาอธบิ ายรายวชิ าตามหลกั สตู รฯ ได้
-บอกแนวทางวดั ผลและการประเมนิ ผลการเรยี นรไู้ ด้
1.คาศพั ทเ์ กย่ี วกบั สมาชกิ ในครอบครวั
2.การทกั ทายผอู้ น่ื
3.เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั แนวโนม้ การเปลย่ี นแปลงขนาดของครอบครวั
4.การบรรยายลกั ษณะบุคคล

5.การกลา่ วคาอาลา การอวยพรตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรม
6.การรจู้ กั ช่อื ของบคุ คล
7.การใชภ้ าษาท่าทาง

กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น

1.ครแู นะนาจุดมุ่งหมายทผ่ี เู้ รยี นจะไดจ้ ากหลกั สตู ร โดยกาหนดใหผ้ เู้ รยี นทกุ คนตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ
เกย่ี วกบั หลกั การใชภ้ าษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน สามารถฟัง ดู พดู อา่ นและเขยี นภาษาองั กฤษ
ในชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน รวมทงั้ ใหต้ ระหนกั ถงึ ความสาคญั และเหน็ ประโยชน์ของการใชภ้ าษาองั กฤษใน
ชวี ติ ประจาวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน

2.ครแู สดงรปู ภาพสมาชกิ ในครอบครวั ทน่ี ักเรยี นคุน้ เคย และรจู้ กั เป็นอยา่ งดี มาใหน้ ักเรยี นไดใ้ ชศ้ พั ทใ์ น
การเรยี กลาดบั ญาตเิ ป็นภาษาองั กฤษไดถ้ กู ตอ้ ง โดยใหพ้ จิ ารณารปู ภาพดา้ นล่างน้ี แลว้ ลองอา่ นและแปลคาศพั ทแ์ ต่ละ
คา เพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา้ ส่เู น้อื หาการเรยี นการสอนในหน่วยน้ี

3.ครผู สู้ อนชใ้ี หผ้ เู้ รยี นไดเ้ หน็ ความสาคญั ของสมาชกิ ในครอบครวั รวมทงั้ เครอื ญาตแิ ต่ละคน จะชว่ ยให้
ผเู้ รยี นมที กั ษะและประสบการณ์การใชค้ าศพั ทเ์ รยี กไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และสามารถตงั้ คาตอบและตอบคาถาม เพ่อื สนทนา
กนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมมากยง่ิ ขน้ึ

4.ครเู น้นใหผ้ เู้ รยี นเหน็ ว่าการอ่านคาศพั ทพเ์ พอ่ื ทาความเขา้ ใจเกย่ี วกบั สมาชกิ ในครอบครวั ถอื เป็นเรอ่ื งสาคญั
และฝึกสนทนากนั ไดใ้ นยามว่าง

ขนั้ สอน

5.ครผู สู้ อนชแ้ี จงหลกั สตู รการเรยี นการสอนวชิ าน้ี และบอกแนวทางการวดั ผล ประเมนิ เมนิ รวมทงั้

การประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นในขณะเรยี นวชิ าน้ี
6.ผเู้ รยี นรบั ฟังคาชแ้ี จงสงั เขปรายวชิ าและการวดั ประเมนิ ผล ซกั ถามขอ้ ปัญหารวมทงั้ แสดงความ

คดิ เหน็ เกย่ี วกบั การเรยี นวชิ าน้ี
7.ครแู ละผเู้ รยี นใชเ้ ทคนิคการสอนแบบ Role Playing การจดั การเรยี นรแู้ บบแสดงบทบาทสมมตุ ิ คอื

กระบวนการทผ่ี สู้ อนกาหนดหวั ขอ้ เรอ่ื งปัญหาหรอื สรา้ งสถานการณ์ขน้ึ มาใหค้ ลา้ ยกบั สภาพความเป็นจรงิ แลว้ ใหผ้ เู้ รยี น
สวมบทบาท หรอื แสดงบทบาทนนั้ ตามความรสู้ กึ นกึ คดิ และประสบการณ์ของผเู้ รยี นทค่ี ดิ ว่าควรจะเป็น ภายหลงั ของ
การแสดงบทบาทสมมตุ จิ ะตอ้ งมกี ารอภปิ รายเกย่ี วกบั การแสดงออกทงั้ ดา้ นความรแู้ ละพฤตกิ รรมของผแู้ สดงเพ่อื การ
เรยี นรตู้ ามวตั ถปุ ระสงคเ์ กย่ี วกบั “The Whole family” โดยผเู้ รยี นฝึกทกั ษะการฟังใน Activity ซา้ หลายรอบ

8.ครอู ธบิ ายศพั ทค์ าวา่ “Nncle&Aunt” ซง่ึ แปลว่าลุงและป้า ซง่ึ เป็นพช่ี ายหรอื พช่ี ายพส่ี าวของพ่อและแม่ โดย
คาวา่ uncle and aunt ในภาษาองั กฤษมคี วามหมายหลายอย่างแตกต่างกนั ไปแลว้ แตก่ ารเรยี ก

9.ผเู้ รยี นฝึกทกั ษะโดยครกู าหนดช่อื เรยี นภาษาไทย แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นบอกคาศพั ทว์ า่ เป็น uncle หรอื aunt เช่น
“พช่ี ายของพ่อ (ลงุ ) จะเรยี กวา่ “uncle” สว่ น “พส่ี าวของแม่ (ป้า) จะเรยี กว่า “aunt” เป็นตน้

10.ผเู้ รยี นดรู ปู ภาพสมาชกิ ในครอบครว้ แลว้ ตอบคาถามว่าเป็นใคร เชน่ father and mother หรอื grandfather
and grandmother เป็นตน้

11.ครแู ปลคาศพั ทแ์ ละอธบิ ายการใชค้ าว่า “Niece&nephew” แปลวา่ “หลานสาว และหลานชาย” ครยู ก
ประโยคใหผ้ เู้ รยี นตอบวา่ เป็น “niece or nephew” เช่น the daughter of my brother ซง่ึ ผเู้ รยี นไดต้ อบวา่ เป็น “niece”
เป็นตน้

12.ครกู ล่าวว่าในหน่งึ ครอบครวั ส่วนใหญม่ สี มาชกิ ตงั้ แตร่ ุน่ บรรพบุรุษมาจนถงึ รุ่นลูกและหลาน ใน
ภาษาองั กฤษเรยี กวา่ “grand-“ เพ่อื แสดงถงึ รนุ่ พอ่ ของพอ่ รุ่นแมข่ องแม่ รนุ่ ลกู ของลูก และการใชค้ าว่า great- เพ่อื
แสดงถงึ รุ่นทวดและรุ่นเหลน ดงั แสดงในรปู ภาพ

13.ผเู้ รยี นจบั ค่ดู งั ประโยคตอ่ ไปน้ี “Match each word with its meaning.

14.ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกนั ทากจิ กรรมโดยครอู ธบิ ายและแปลคาศพั ์ “In-laws” แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นฝึกทกั ษะดว้ ยการทา
กจิ กรรม (Activity) ดงั ต่อไปน้ี

15.ผเู้ รยี นฟังและพดู ตาม CD ทค่ี รเู ปิดใหฟ้ ัง จากนัน้ ใหจ้ บั ค่สู นทนากนั โดยใหค้ นหน่งึ เป็นผถู้ าม และอกี คน
เป็นผตู้ อบ เพอ่ื ฝึกทกั ษะการฟังและพดู ดงั ประโยคต่อไปน้ี

16.ผเู้ รยี นฟัง CD ซ้าหลายรอบ แลว้ ฝึกพดู ประโยคต่อไปน้ี

17.ผเู้ รยี นจบั ค่สู นทนากนั ตามประโยคต่อไปน้ี

18.ผเู้ รยี นฝึกอ่านเร่อื ง “A change in the family units” และตอบคาถามโดยการเขยี นเป็นประโยคคาตอบ
19.ผเู้ รยี นพจิ ารณารปู ภาพแต่ละรปู โดยครบู รรยายลกั ษณะของบุคคลในภาษาองั กฤษ ดงั ต่อไปน้ี

20.ครแู ละผเู้ รยี นกาลงั สนทนาและแปลคาว่า “Communication”
“Saying goodbye and wishing someone a nice day”

โดยใหผ้ เู้ รยี นฟัง CD ของประโยคต่อไปน้ซี า้ หลายรอบ แลว้ ฝึกสนทนา

21.ครอู ่านและแปลคาศพั ทใ์ หผ้ เู้ รยี นฝึกตามวา่ การรวู้ า่ ชอ่ื ไหนเป็นช่อื ของผชู้ าย และชอ่ื ไหนเป็นชอ่ื ของผหู้ ญงิ
จาทาใหเ้ กดิ การรบั รทู้ างดา้ นภาษา โดยการฟังประโยคจาก CD ดงั ตอ่ ไปน้ี

“Listen to these common names in English. Then repeat afer the CD and notice which names are
mames and which are female names.”


Click to View FlipBook Version