หลักสูตรการอบรมเพื่อ ติวสอบใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย
หลักเกณฑ์การสอบใบอนุญาตนายหน้า > จรรยาบรรณนายหน้า 10 ข้อ 20 คะแนน (7 ข้อ) > ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 20 ข้อ 40 คะแนน > พรบ.วินาศภัย 2535 แก้ไข 2551 20 ข้อ 40 คะแนน > ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการประกันวินาศภัย ได้แก่ • หลักการประกันภัย 14 ข้อ 28 คะแนน • การประกันอัคคีภัย 14 ข้อ 28 คะแนน • การประกันภัยรถยนต์ 14 ข้อ 28 คะแนน • การประกันภัยทางทะเลฯ 14 ข้อ 28 คะแนน • การประกันภัยเบ็ตเตล็ด 14 ข้อ 28 คะแนน รวมทั้งหมด 120 ข้อ
เลือกข้อที่พิจารณาแล้ว เห็นวา ่ • ตัวแทนเป็ นคนดี มีศีลธรรม ท ำถ ูกกฎหมำย เป็ นคนตรง • ตัวแทนร้จักเรียนร ู ้ หำควำมร ู ้ ู เพิ่มเติม ทั้งเกี่ยวและไม่ เกี่ยวกับงำนตัวแทน • ตัวแทนเป็ นคนซื่อสัตย์ต่อ ล ู กค้ำ บริษัท เพื่อนร่วม วิชำชีพและวิชำชีพของตน • ตัวแทนไม่มีหนี้สิน ไม่เล่นกำร พนัน • ตัวแทนเป็ นคนรักษำควำมลับ ของล ู กค้ำไม่บอกควำมลับ ล ู กค้ำแก่ใครแม้กระทั่งสำมี หรือภรรยำของตน • ตัวแทนต้องไม่มีเพื่อนต่ำง เพศมำก • ถ้ำมีถ ู ก 2 ข้อ ให้เลือกข้อที่ ถ ูกต้องที่สุด หรือ ถ ูกทุกข้อ • ค ำตอบครอบคลุมที่สุด
“ จรรยาบรรณนายหน้า ประกันวินาศภัย ”
ข ้อที่ 1 ประกอบธุรกิจด ้วยความซอส ื่ ตย์ สุจริต ั และไม่สนับสนุนการกระท าอัน เป็นความผิดตามกฏหมาย ผิดศลธรรมและผิดจรรยาบรรณใดๆ ี 5 - นายหน้าประกนวินาศภัยที่ดี ควรปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม ั ่สนับสนุน การกระท าอันเป็ นความผิดตามกฏหมาย ผิดศีลธรรมและจรรยาบรรณ ไม่ หลอกลวง เพื่อให้ ฝ่ ายหนึ่งฝ่ ายใดได้ประโยชน์ในสิ่งที่ไม่ควรได้ - ต้องชี้แจงเงื่อนไข ความคุ้มครอง ข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกนภัย ให้ผู้เอา ั ประกนภัยทราบโดยไม ั ่ปกปิ ด เพื่อเป็ นข้อมูลให้ผู้เอาประกนภัยท าประก ั นวินาศภัย ั อยางตรงความต้องการ อันจะน ามาซึ่งภาพพจน์ที่ดีของธุรก ่ ิ จ
ปฏิบัติต่อลูกค ้าอย่างเป็นธรรม และยึดถือประโยชน์ของลูกค ้า เป็นส าคัญ ข้อที่ 2 6 นายหน้าประกนวินาศภัยที่ดีควรปฏบัติต ั ่อลูกค้าอยางป็ นธรรม และถือประโยชน์ของ ่ ลูกค้าเป็ นส าคัญ โดยให้ค าปรึกษา แนะน าและจัดการดูแลเกี่ ยวกบการประก ั นภัยให้ก ั บผู้ ั เอาประกนภัยรวมทั ั้ งการให้บริการแก่ผู้เอาประกนอยัางสม ่ ่าเสมอ ทั ้ งก ่ อนและหลังการขาย ขายประกนวินาศภัย เช ั ่ น • แนะน าชี ้แจงให้แก่ผู้เอาประกนภัยทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของผู้เอาประก ั นภัยที่ต้องการ ั กระท า • ผู้เอาประภัยมีหน้าที่ต้องช าระเบี้ ยประกนภัยตามก ั าหนดให้กรมธรรม์ประก นภัย ั • ต้องดูแลรักษาทรัพย์สินที่ประกนภัยวินาศภัยอย ั างปกติ ตามวิสัย ่ ของวิญญชนจะพึง ปฏิบัติ • เมื่อเกิดวินาศภัยขึ้นต้องแจ้งบริษัททราบโดยไม่ชักช้า
ปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชพ และ ี พัฒนาความรู้ความสามารถให ้รองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจโดยตลอด ข้อที่ 3 7 - นายหน้าประกนภัยวินาศภัยที่ดีควรปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพ อาทิ การปฏิบัติตาม กฏหมาย กฏ ั ระเบียบที่กาก บ และปฏิบัติตามจรรยาบรรณ พัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถอย ัางต่ ่อเนื่อง ทั้ งนี ้ เพื่อให้ทันต่อสภาวการณ์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา จะเห็นได้ว ่ าผลิตภัณฑ์ประก ่ นภัยวินาศภัยได้ ั พัฒนา และเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เหมาะสมกบภัยต ั ่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป - นายหน้าเป็ นผู้ชี้ ช่อง หรือจัดการให้บุคคลท าสัญญาประกนวินาศภัยก ั บบริษัทประก ั นภัยโดยการท า ั บ าเหน็จ เนื่องจากการนั้ น ดังนั ้นนายหน้าจะต้องเป็ นบุคคลที่ต้องพัฒนาให้มีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ ประกนภัยวินาศภัยที่หลากหลายสามาถอธิบายให้ลูกค้า(ผู้เอาประก ั นภัย)และความคุ้มครอง ั -การพัฒนาความรู้ ความสามารถของนายหน้าฯ เพื่อจะรับรองต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจอยางต่ ่อเนื่อง และสม่าเสมอ ส่งผลให้นายหน้าฯ มีรายได้ จากการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้ น ร่วมทั ้ งส่งผลธุรกิจประกนภัย ั วินาศภัยขยายตัวตามไปด้วย นอกจากนี้นายหน้าฯ ยังสามารถหาความร้เพิ่มเติมในด้านอื่นๆ โดยไม่ถือว่า ู ผิดจรรยาบรรณ
รักษาความลับของลูกค ้าที่ตนได ้ล่วงรู้มาจากการด าเนินธุรกิจอย่างดี และไม่เปิดเผยแก่บุคคลภายนอกอื่นใด ยกเว ้นเป็นการเปิดเผยตาม หน้าที่ หรือตามกฏหมาย ข้อที่ 4 8 นายหน้าประกันภัยวินาศภัยที่ดีต้องรักษาความลับของผ้เอาประกันภัยและของบริษัท ู • การเปิ ดเผยข้อมูลที่เป็ นความลับของผู้เอาประกนภัยและบริษัท ต ั ่ อบุคคลภายนอก เช ่ น นายหน้าฯ ทราบวา ผู้เอาประก ่ นภัยประสบปัญหา ั ทางด้านการเงิน ไม่สามารถด าเนิน ธุรก ิ จต ่อไปได้ รวมทั้งไม่สามารถช าระเบี ้ ยประกนภัยต ั ่อไปได้ ไม่สามารถช าระเบี ้ ย ประกนภัยเพื่อต ั ่ออายุกรมธรรม์ประกนภัยได้ตรงตามก ั าหนดนัดหมาย จึงเปิ ดเผยเรื่องนี ้ ให้บุคคลอื่นฟัง อาจท าให้เกิดความเสียหาย หรือเสียประโยชน์ต่อผู้เอาประกนภัย ั • นายหน้าประกนภัยวินาศภัยได้ทราบข ั ่ าวจากแหล ่ งข ่าวที่เชื่อถือได้วาบริษัทประก ่ นวินาศ ั ภัยที่ส่ งงานอยูมีฐานะทางการเงินไม ่ ่ ค ่อยมันคง จึงน าเรื่องดังกล ่ ่าวไปแจ้งเพื่อน ซึ่งกาลัง จะตัดสินใจจะท าประกนภันวินาศภัยก ั บบริษัทนี ั้ อาจท าให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท ประกนภัยได้ ั
ประกอบธุรกิจโดยมีระบบการด าเนินงานที่เป็นมาตรฐาน มีการควบคุมที่ ดี มีความโปร่งใสเพียงพอที่จะสร้างความเชอมั่นให ้กับประชาชนได ้ื่ ข้อที่ 5 9 นายหน้าปรันวินาศภัยเป็ น ผูชี้ ช ่อง หรือจัดการให้บุคคลท าสัญญาประกนภัยก ั บบริษัทจึง ั เปรียบเสมือนวานายหน้าเป็ นที่ผู้ต้องจัดบุคคลสามารถท าประก ่ นภัยที่เหมาะสมทั ั้งด้าน คุ้มครอง และราคา(เบี้ ยประกนภัย ั ) ทั ้ งนี ้ จะต้องประกอบธุรกิจโดยมีระบบการด าเนินงานที่ เป็ นมาตรฐาน มีการควบคุมที่ดี ให้เป็ นไปตามกรอบกติกา กฏหมายที่กาก บอยูั สามารถ ่ ตรวจสอบการด าเนินงานได้ เพื่อสร้างความเชื่อมันให้ก ่บประชาชน ั
ไม่ใชถ ้อยค า ้ หรือการแสดงออกในการโฆษณา ประชาสมพันธ์ ั กิจการที่เกินจริงหรือก่อให ้เกิดความเข ้าใจผิด ข้อที่ 6 10 นายหน้าประกนภัยวินาศภัย ต้องมีความรู้ความเข้าใจผลิตภัณฑ์ประก ั นวินาศภัยของแต ั ่ ละ บริษัทที่ตนส่ งงานอยางท ่ ่องแท้ โดยศึกษาจากกรมธรรม์ของบริษัทต่างๆ ทั ้ งแง ่เงื่อนไข ความคุ้มครอง อัตราเบี้ ยประกนภัย เพื่อที่จะสามารถแนะน าผู้เอาประก ั นภัยได้อย ัาง ่ เหมาะสม และไม่ใช่ถ้อยที่แสดงออกไม่ วาจะเป็ นการน าเสนอขายต ่ ่อผู้เอาประกนภัย หรือ ั ประชาชนทัวไปที่เป็ นการสร้างความเข้าใจผิด ซึ่งจะส ่ ่ งผลต ่อภาพพจน์ของธุรกิ จ
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ ่ วาด้วย “การประก ่ นภัย” ั จำกข้อสอบ 85 ข้อ กำรเตรียมพร้อมควำมร้เพื่อสอบใบอนุญำต ู นำยหน้ำประกันวินำศภัย
สัญญาประกันภัย Q กฎหมำยเกี่ยวกับกำรประกันภัยเกี่ยวข้องกับกฎหมำยใด A ละเมิด Q สัญญำประกันภัย เกิดขึ้นเมื่อ A บริษัทตกลงรับประกันภัย แม้มิได้มีลำยลักษณ์อักษร Q เหตุกำรณ์ที่แสดงว่ำ บริษัทให้ควำมคุ้มครองแล้ว A นำยสุข โทรแจ้งประกันรถยนต์ บริษัทประกันได้แจ้งเลขที่กำร รับให้นำยสุข โดยนำยสุข ยังไม่ได้ถู กเก็บเบี้ย
ลักษณะของสัญญา 1. สัญญำทำงแพ่ง 2. สัญญาต่างตอบแทนระหว่างเบี ้ยประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน 3. สัญญาที่ต้องมีการรับผิดต่อบุคคลภายนอก 4. สัญญาที่ต้องอาศัยหลักสุจริตต่อกันอย่างยิ่ง 5. ต้องมีหลักฐำนเป็ นหนังสือลงลำยมือชื่อฝ่ ำยเดียวที่ต้องรับผิดจึงฟ้ องร้องได้ 6. สัญญาสมบูรณ์เมื่อมี “ค าเสนอ” และ “สนอง” 7. เป็ นสัญญำส ำเร็จรู ป
บ ุคคลเกี่ยวข้องในสัญญา ผ้เอำประกันภัย ู มีหน้ำที่ 1. ช าระเบี ้ยประกันภัย 2. เปิ ดเผยข้อความจริง 3. บอกกล่าวการเกิดวินาศภัย 4. ป้ องกันรักษาทรัพย์สินที่เอา ประกันภัย 5. ไม่ก่อให้เกิดภัยขึ ้นเอง ผ้รับประกันภัย ู มีหน้ำที่ 1. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 2. ส ารวจภัย 3. ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัย (แม้ ผู้เอาประกันภัยมิได้ร้องขอ) 4. คืนเบี ้ยประกันภัย (บอกเลิก, ลด ทุน, ล้มละลาย) ค่สัญญำ ู ผ้รับประโยชน์ ู (จะเป็ นใครก็ได้) จะระบุในกรมธรรม์หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอย่กับผ ู ้เอำประกันภัย ู
ตัวอย่างข้อสอบ ผ้ที่เกี่ยวข้องกับสัญญา ู Q บุคคลส่งเบี้ยประกันภัย เรียกว่ำ A ผ้เอำประกันภัย ู Q ผ้มีหน้ำที่ช ำระเบี้ยประกันภัย หมำยถึง ู A ผ้เอำประกันภัย ู Q ประกันภัยใช้ภัยเป็ นข้อก ำหนดเบี้ยเพิ่มขึ้น ถ้ำภัยนั้นหมด... A ผ้เอำประกันชอบที่จะได้ลดเบี้ยตำมปกติ ู Q ผ้มีสิทธิได้รับค่ำสินไหม ู A ผ้เอำประกันภัย ู / ผ้รับผลประโยชน์ ู / ผ้เสียหำย ู (ง.ถูกทุกข้อ)
• อนุญำโตตุลำกำร คือ ผู้พิจาณาชี ้ขาดข้อพิพาทระหว่างผู้เอา ประกันภัยและ/หรือผู้เสียหายกับผู้รับประกันภัย • ตัวแทนประกันวินำศภัย คือ ผู้ซึ่งบริษัทประกันภัยมอบหมายให้ท า การชักชวนบุคคลท าสัญญาประกันภัย • นำยหน้ำประกันวินำศภัย คือ ผู้ชี ้ช่องหรือจัดการให้บุคคลท าสัญญา ประกันภัยกับบริษัทประกันภัย ผ้เกี่ยวข้องอื่นๆ ู
กรมธรรม์ประกันภัย 1. กำรยกเลิกกรมธรรม์มีผลเมื่อ – ผ้เอำประกันภัยยกเลิกเมื่อใดก็ได้ ู – ผ้รับประกันภัยยกเลิก ู 2. ผ้เอำประกันตำมกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เสียชีวิต ู – สัญญำไม่สิ้นสุดตกทอดแก่ทำยำทผ้รับโอนรถยนต์ดังกล่ำว ู 3. ผ้รับประกันทรัพย์สินไม่ต้องรับผิดตำมสัญญำประกันกรณี ู – ผ้เอำประกันหรือผ ู ้รับประโยชน์ ู ประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงหรือ ทุจริตผ้เอำประกัน ู
กรมธรรม์ประกันภัย 4. ผ้รับประกันภัยต้องส่งมอบกรมธรรม์ แม้ผ ู ้เอำประกันภัยไม่ได้ร้องขอ ู 5. กฎหมำยก ำหนดต้องลงลำยมือชื่อของผ้รับประกันภัย ู 6. ระบุวันท ำสัญญำประกันภัย หมำยถึง วันที่ท ำสัญญำประกันภัยเกิดขึ้น 7. กฎหมำยก ำหนดรำยกำรในกรมธรรม์ที่ต้องมีเสมอคือ วัตถุที่เอำประกันภัย ชื่อยี่ห้อ ผ้เอำประกัน ู ชื่อยี่ห้อ ผ้รับประกัน ู **แต่ไม่จ ำเป็ นต้องก ำหนดรำคำแห่งมูลค่ำประกัน 8. กรมธรรม์ที่ส่งมอบ : ต้องมีเนื้อควำมต้องตำมสัญญำ 9. กรมธรรม์ต้องระบุชื่อ ผ้รับประโยชน์หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่ผ ู ้เอำประกันภัย ู
กำรประกันภัยค ้ำจุน คือ การประกันภัยตนเองต่อบุคคลภำยนอก สิ่งที่สามารถท าประกันภัยได้ มี 3 ประเภทคือ ทรัพย์สิน ชีวิต/ร่ำงกำย ควำมรับผิดตำม กฎหมำย ความรับผิดตาม ก.ม. ต่อบุคคลภายนอก ประกันภัยทดแทนแรงงาน ความรับผิดตาม ก.ม.ของนายจ้าง อุบัติเหตุส่วนบุคคล สุขภาพ โรงมะเร็ง อัคคีภัย โจรกรรม รถยนต์
บ ุคคลภายนอก/สัญญาประกันภัยค ้าจุ น บุคคลภำยนอก คือ - ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัย - ไม่ใช่บุคคลในครอบครัวของผู้เอาประกันภัย - ไม่ใช่ผู้รับประกันภัย - เป็ นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดของผู้เอาประกันภัย
วิชาความรู้ทัวไป ่ เก ี่ ยวกบการประก ั นภัย ั
องค์ประกอบของภัย
ภัย (Peril) 1. สาเหตุจากธรรมชาติ (Natural Perils) เป็นเหตุซงอยู่ ึ่ นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ เชน ไฟไหม ้ป่ า ่ , ลมพายุ (ท า ประกันภัยได ้) 2. สาเหตุจากบุคคล (Human Perils) เป็นการกระท าของมนุษย์ เชน การลอบวางเพลิง ่ , การโจรกรรม (ท าประกันภัยได ้) 3. สาเหตุจากเศรษฐกิจ (Economic Perils) เป็นการเกิดจาก สภาพเศรษฐกิจ หรือสภาพธุรกิจของสงคม เช ั น เงินเฟ้อ ่ (ท า ประกันภัยไม่ได ้)
ลักษณะการเขียนภัย (Peril) ในกรมธรรม์ แบบระบุภัย (Name Perils) หมายถึง การเขียนระบุภัยที่ กรมธรรม์ประกันภัยให ้ความ คุ้มครองไว ้ในกรมธรรม์ประกันภัย แจ ้งชด ั เชน ่ ประกันอัคคีภัย, ประกันโจรกรรม ฯลฯ แบบสรรพภัย (All Risks) หมายถึง การเขียนระบุภัยที่ กรมธรรม์ประกันภัยไม่ให ้ความ คุ้มครองไว ้แจ ้งชดในกรมธรรม์ ั ประกันภัย เชน ่ ประกันอุบัติเหตุ สวนบุคคล่, ประกันความเสยงภัย ี่ ทุกชนิด ฯลฯ หลักในการตีความกรมธรรม์ประกันภัย เนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยได้พัฒนาและออกแบบมาโดยผู้รับประกันภัย ฉะนั้นหากข้อความ หรือรายละเอียดในกรมธรรม์ใด ไม่สามารถที่จะตีความได้อย่าง ชัดเจน “ถ้ามีข้อสงสัยต้องตีความให้เป็นประโยชน์แก่ผู้เอาประกันภัย”
ความเสี่ยงภัย (Risk) 1. ความเสยงภัยแท้จริง ( ี่ Pure Risk) และ ความเสยงภัยที่มุ่งเก็งก าไร ี่ (Speculative Risk) - ความเสยงภัยแท้จริง ( ี่ Pure Risk) การเสยงภัยจากเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ี่ ตามธรรมชาติ เชน ไฟไหม ้ หรือภัยธรรมชาติ ่ (ท าประกันภัยได ้) - ความเสยงภัยที่มุ่งเน้นก าไร ( ี่ Speculative Risk) คือ เกิดจากการจงใจสร ้างความ เสยงภัยขึ้น เพื่อหวังก าไรทางธุรกิจ เช ี่ น การพนัน ขาดทุนจากหุ้น ่ (ท าประกันภัยไม่ได ้) 2. ความเสยงภัยที่เอาประกันภัยได้ ( ี่ Insurable Risk) และ ความเสยงภัยที่ ี่ เอาประกันภัยไม่ได้ (Uninsurable Risk) - ความเสยงภัยที่เอาประกันภัยได้ ( ี่ Insurable Risk) คือ ความเสยงภัยแท ้จริง และ ี่ ความเสยงภัยจ าเพาะ โดย “ ี่ จ านวนความเสยหายนั้นจะต้องมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ี และจ านวนมากพอ” - ความเสยงภัยที่เอาประกันภัยไม่ได้ ( ี่ Uninsurable Risk) เพราะ สาเหตุมาจาก การ ขาดสถิติ, ขัดต่อกฎหมาย, ไม่มีสวนได ้เส ่ยี, เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และมหันตภัย
ความเสี่ยงภัยที่จะสามารถรับประกันภัยได้ จะต้อง ลักษณะภัยที่มักไม่ค้มครอง หรือมักอย ุ ่ในข้อยกเว้น ู สงคราม จลาจล ปฏิวัติ
วิธีการจัดการความเสี่ยงภัย 1.หลีกเลี่ยงความเสยงภัย ( ี่ Avoidance) เชน กลัวเครื่องบินตก จึงไม่ขึ้น ่ เครื่องบิน 2. ลดความเสยงภัย ( ี่ Reduction) คือ การท าให ้โอกาสเกิดภัยได ้น้อยลง 2.1 การป้องกันภัย (ท าก่อนเกิดภัย) เชน เปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้า ่, ฝึกซอม้ ดับเพลิง, ตรวจสภาพรถก่อนเดินทาง 2.2 การปกป้องภัย (ท าระหว่างเกิดภัย เพื่อให ้ภัยดับลง) เชน การดับ ่ ไฟ ขณะไฟไหม ้, การสูบน ้าออกจากบ ้าน 2.3 การแยกทรัพย์สน เชิ น การสร ้างโรงงาน โดยแยกออฟฟิต โกดัง ่ โรงงานผลิต ออกจากกัน 3. รับความเสยงภัยไว ้เอง ( ี่ Retention of Risk) เชน ซ่ อมรถยนต์เอง ่ เพราะไม่ได ้ท าประกันไว ้ 4. โอนความเสยงภัย ( ี่ Transfer) เชน ่ การท าประกันภัย
สภาวะภัย (Hazard) สภาพหรือเงื่อนไขที่ท าให้ภาวะ ความเสี่ยงภัยเพิ่มขึ้น หรือลดน้อยลง ทำงกำยภำพ / ทำงวัตถุ (Physical) -บ้ำนไม้ บ้ำนครึ่งตึกครึ่งไม้ -บ้ำนในชุดชนแออัด -Q หลังคำมุงจำก (สภำวะ ภัยส ูงสุด) -Q : สภำวะภัยต ่ำสุด...บ้ำน ตึกหลังคำมุงกระเบื้อง Q : ทำงอุปนิสัย (Morale Hazard) -ส ูบบุหรี่บนเตียง เผลอ หลับเรียกว่ำ... สภำวะภัย ทำงอุปนิสัย -ไม่ดับธ ู ปก่อนนอน -เปิ ดแก็สอุ่นอำหำรทิ้งไว้ (ถูกทุกข้อ) ประมำทเลินเล่อไม่เจตนำ Q : ทำงศีลธรรม : เจตนำ ทุจริต (Moral Hazard) ทั้งผ้เอำ ู ประกันภัย หรือผ้รับ ู ผลประโยชน์กระท ำมิชอบ -กำรกระท ำโดยทุจริตเพื่อ หวังค่ำสินไหม, กำรเผำ / วำงเพลิงเอำประกันภัย -ผลท ำให้ผ้รับประโยชน์ ู เสียสิทธิ์ในกำรรับ ประโยชน์ -Q : หน้ำที่พิส ูจน์ทุจริต ประมำทเลินเล่อร้ำยแรง เป็ นของผ้รับประกันภัย ู
1. นำยอ ำนำจถ ูกฟ้ ำผ่ำ ขณะเดินกลำงทุ่ง ที่ขณะฝนตกใส่สร้อยคอทองค ำหนัก 2 บำท ถำม... 3 ข้อ – ตัวภัย คือ...ฟ้ าผ่า – โอกำสที่นำยอ ำนำจจะถ ู กฟ้ ำผ่ำ คือ การเสี่ยงภัย – สภำวะภัย คือ เดินกลางทุ่ง เดินขณะฝนตก ใส่สร้อยคอทองค าเดิน 2. โรงงำนผลิตกระดำษ สร้ำงด้วยไม้ ตั้งไม่ห่ำงจำกสถำนีน ้ำมัน ถำม 2 ข้อ – สภำวะภัย คือ... กำรผลิตกระดำษ ตั้งใกล้สถำนีบริกำรน ้ำมัน สร้ำงด้วยไม้ (ถูกทุกข้อ) – โอกำสที่โรงงำน จะถ ู กไฟไหม้ ถือเป็ น...การเสี่ยงภัย – ตัวภัย คือ....ไม่มี เพราะยังไม่เกินภัย ตัวอย่างข้อสอบ
3. สมศรี ปล ูกบ้ำนด้วยไม้ในชุมชนรำชวิถี 6 เกิดเพลิงไหม้ – สภำวะภัย คือ – ตัวภัย คือ – กำรเสี่ยงภัย คือ ตัวอย่างข้อสอบ ก. บ้ำนตั้งอย่ในชุมชน ู ซอยรำชวิถี 6 ข. เพลิงไหม้ ค. โอกำสเกิดเพลิงไหม้ ง. ถ ูกทุกข้อ
กำรประกันภัย กำรพนัน 1. เกี่ยวข้องกับส่วนได้เสีย ส่วนกำรพนัน...ทุกข้อตรงข้ำม 2. ไม่แสวงหำก ำไร Q : กำรพนันถือเป็ นกำรเสี่ยงภัยระเภท 3. เป็ นกำรลดควำมเสี่ยงภัย - กำรเสี่ยงเพื่อก ำไร Q : ควำมแตกต่ำง คือ ผ้เอำประกันภัยต้องมีส่วนได้เสีย แต่กำรพนันไม่ต้อง ู มีส่วนได้เสียที่เอำพนัน** Q : แต่สิ่งที่กำรประกันภัย และ กำรพนันเหมือนกันคือ เป็ นเรื่องเกี่ยวกับ เหตุกำรณ์ไม่แน่นอนในอนำคต การประกนภัย และ การพนัน ั
1. โอนโดยสัญญาและมีการแจ้งผู้รับประกันภัย 2. โอนโดยพินัยกรรม 3. โอนโดยบทบัญญัติของ ก.ม. ถ้าทรัพย์สินเปลี่ยนมือไป สิทธิตามสัญญาจะโอนไปด้วยกรณี ประโยชน์ของการประกันภัย • ท าให้เกิดการออมทรัพย์ • ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ ้น • ก่อให้เกิดเสถียรภาพในการประกอบธุรกิจ • เป็ นรากฐานส าคัญของระบบสินเชื่อ แต่ต้องไม่ ท ำให้เกิด Xก ำไร
• ที่มำของรำยได้... – กำรรับ ปกภ. – กำรลงทุน • ที่มำของรำยจ่ำย... – ค่ำใช้จ่ำย – ค่ำสินไหม – ค่ำบ ำเหน็จหรือนำยหน้ำ (ง.ถูกทุกข้อ) รายได้ - รายจ่าย “ค่ำสินไหมทดแทน” เป็ น รำยจ่ำยที่ไม่สำมำรถ ควบคุมได้ล่วงหน้ำ
• กฎจ านวนมาก (Law of Large Number) หมายถึง การน าเอา “ค่า ความน่าจะเป็น” ของการเกิดความเสียหายที่มีจ านวนมากพอมา ประเมินโอกาสของความเสียหายในอนาคต (ความน่าจะเป็นต้องอยู่ ระหว่าง 0 – 1) • การประกันภัยต้องสามารถหาค่าความเป็นไปได้โดยอาศัย ประสบการณ์หรือเก็บสถิติที่เกิดขึ้นในอดีต (Empirical Method) เช่น การเกิดอุบัติเหตุรถชน, การเกิดไฟไหม้บ้านในประเทศไทย แต่ การ โยนเหรียญ หรือการทอดลู กเต๋า เก็บสถิติไม่ได้ ทฤษฎีและสถิติ
• กำรประกันภัยต่อ (Reinsurance) ผ้รับ ปกภ.แบ่งภำระด้ำน ู ควำมเสี่ยงภัยไปให้แก่ผ้รับปกภ.อื่นอีกทอดหนึ่ง ู • กำรประกันภัยร่วม (Co-Insurance)... ผ้รับ ปกภ.หลำยรำย ู ตกลงร่วมรับ ปกภ. รำยเดียวกัน ตำมอัตรำส่วนที่ตกลงกันไว้ Re-insurance & Co-Insurance
ใบค าขอเอาประกันภัย คือ เอกสารซึ่งผู้เอาประกันภัยกรอกข้อความยื่นต่อ บริษัทประกันภัยเพื่อแสดงความประสงค์ขอเอาประกันภัยรายละเอียดในใบ ค าขอ - ชื่อ นามสกุล และอายุ ของผู้เอาประกัน - ที่อยู่ของผู้เอาประกัน - รายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุที่เอาประกัน - จ านวนเงินเอาประกัน - ภัยที่ต้องการคุ้มครอง - ประวัติการท าประกัน - ความเสี่ยงภัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน - ส่วนได้เสียหรือความสัมพันธ์กับวัตถุที่เอาประกันภัย เอกสารที่เกี่ยวข้อง
กรมธรรม์ประกันภัย (Policy) คือ เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งของสัญญา ประกันภัย ซึ่งระบุถึงสาระส าคัญของข้อตกลง เงื่อนไข และความคุ้มครอง ตามสัญญาประกันภัย - วัตถุที่เอาประกันภัย - ภัยที่ผู้รับประกันรับเสี่ยง - ราคาแห่งมูลประกันภัย (ระบุหรือไม่ระบุก็ได้) - จ านวนเงินเบี้ยประกัน - สถานที่และวันที่ได้ท ากรมธรรม์ประกันภัย - ระยะเวลาเริ่มต้น – สิ้นสุด - ชื่อของผู้รับประกันภัย - ชื่อของผู้เอาประกันภัย - ชื่อของผู้รับประโยชน์ (ระบุหรือไม่ระบุก็ได้) - วันท าสัญญาประกันภัย - จ านวนเงินเอาประกันภัย เอกสารที่เกี่ยวข้อง วันที่กรมธรรม์ ประกันภัยเกิดขึ้น “เงินสูงสุดที่ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด” หรือ“จ านวนเงิน สูงสุดที่ผู้เอาประกันภัยจะสามารถเรียกร้องได้”
ตารางกรมธรรม์ประกันภัย (Schedule) คือ เป็นสวนหนึ่งของ ่ กรมธรรม์ประกันภัยที่สรุปรายละเอียดทั้งหมดในการประกันภัย ใบสลักหลัง (Endorsement) คือ ข ้อความที่เขียนเป็นลายลักษณ์ อักษรเพิ่มเติม จากข ้อความปกติในกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อจะเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง แก ้ไข เงื่อนไขหรือข ้อความต่างๆ จากเงื่อนไข หรือข ้อความเดิม ซงจะท าขึ้นก่อน หรือการเอาประกันภัยก็ได ้ ึ่ เอกสารแนบท้าย คือ ใชเป็นเอกสารส ้ าหรับแก ้ไขข ้อความในกรมธรรม์ ประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นข ้อตกลงคุ้มครอง หรือข ้อยกเว ้น หรือการเปลี่ยนแปลง อื่น ๆ “เพื่อแก ้ไขรายละเอียดให ้ถูกต ้อง” “พื่อเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงสทธิ ิ ประโยชน์และหน้าที่ของผู้เกี่ยวข ้องในกรมธรรม์ประกันภัย” และ “เพื่อลดหรือ เพิ่มขอบเขตข ้อตกลงคุ้มครองตามสญญาประกันภัย” ั หนังสอคุ้มครองช ื วคราว ( ั่ Cover Note) คือ เป็นเอกสารที่บริษัท ประกันภัยออกให ้ผู้เอาประกันภัย เพื่อเป็นหลักฐานรับรองว่าสนค ้าดัง ิ รายละเอียดที่ระบุไว ้ใน Cover Note จะได ้รับการคุ้มครองตามเงื่อนไขและ จ านวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว ้ เอกสารที่เกี่ยวข้อง
การก าหนดท ุ นและเบี้ยประกันภัย • กำรเอำประกันภัยส ู งกว่ำม ูลค่ำ (Over Insurance) หมายถึง การที่ผู้เอาประกันภัยก าหนดจ านวนเงินเอาประกันภัยสูงกว่ามูลค่าที่ แท้จริงของทรัพย์สิน • กำรเอำประกันภัยต ่ำกว่ำม ู ลค่ำ (Under Insurance) หมายถึง การที่ผู้เอาประกันภัยก าหนดจ านวนเงินเอาประกันภัยต ่ากว่า มูลค่าแท้จริงของทรัพย์สิน • ข้อม ูลพื้นฐำนที่ใช้ในกำรพิจำรณำก ำหนดอัตรำเบี้ยประกันภัย คือ จ ำนวนครั้งที่เกิดควำมเสียหำย
• เงื่อนไขบับคับก่อน – ผ้เอำ ปกภ ู. ต้องสร้ำงโรงงำนเสร็จเรียบร้อยกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย จึงมี ผลบังคับ • เงื่อนไขบังคับหลัง – ถ้ำผ้เอำ ปกภ ู. โอนทรัพย์สินไปยังบุคคลภำยนอก กรมธรรม์สิ้นผลบังคับ ทันที • เงื่อนไขแห่งควำมรับผิด – เมื่อเกิดควำมเสียหำ ผ้เอำ ปกภ ู. ต้องแจ้งให้บริษัท ปกภ.ทรำบโดยไม่ชักช้ำ • เงื่อนไขโดยปริยำย... – ผ้เอำ ปกภ ู. มีส่วนได้เสีย – วัตถุที่เอำ ปกภ.มีอย่จริงในขณะท ำสัญญำและในขณะเกิดวินำศภัย ู – ถกต้องตำมกฎหมำย ู เงื่อนไขส าคัญ
ผู้ยกเลิกกรมธรรม์ ผู้เอาประกันภัยต้องคืนเบียฯ ้ ผู้รับประกันภัย คืนเบี้ยโดยหักสวนที่คุ้มครองแล ้วออก ่ ตามสวน่ ผู้เอาประกันภัย คืนเบี้ยแบบระยะสน ั้ (Short Period)
1) กำรประกันภัยขนส่งทำงทะเล ◦ กำรประกันเกิดขึ้นครั้งแรกของโลก ◦ เริ่มจำกร้ำนขำยกำแฟของนำย Edward Lloyd จุดแรกรูปแบบประกันภัย จนปัจจุบันอย่ในู ประเทศ...อังกฤษ ◦ บริษัทประกัน มีชื่อเสียง > 300 ปี ปัจจุบันชื่อว่ำ ... Lloyd’s of London 2) กำรประกันอัคคีภัย 3) กำรประกันภัยรถยนต์ ◦ ภำคบังคับ (พ.ร.บ.คุ้มครองผ้ประสบภัยจำกรถ) ู ◦ ภำคสมัครใจ 4) กำรประกันภัยเบ็ดเตล็ด ◦ Q : โค, กระบือ, โจรกรรม, ควำมรับผิดตำมกฎหมำย ส ำหรับผลิตภัณฑ์ ถือเป็ นประเภท... เบ็ดเตล็ด ◦ Q : สิ่งที่ไม่ใช่กำรประกันภัยเบ็ดเตล็ดคือ... ก.สุขภำพ ข.อุบัติเหตุเดินทำง ค.กำรประกันภัยขนส่ง ทำงทะเล ง.พืชผล ◦ Q : สำมำรถซื้อประกันอุบัติเหตุจำกที่ใด... บริษัทประกันชีวิต หรือ บริษัทประกันวินำศภัย ประเภทการประกนภัยในไทยแบ ั ่ง 4 ประเภท
1. หลักส่วนได้เสียในเหตุประกันภัย (โมฆะ : ไม่มีผลผ ูกพันธ์แต่ต้น) 2. หลักสุจริตอย่ำงยิ่ง (โมฆียะ: กรมธรรม์สมบ ูรณ์ แต่รอกำรบอกล้ำง) 3. หลักกำรชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน (จ่ำยตำมจริง ไม่เกินทุน) 4. หลักกำรรับช่วงสิทธิ (ผ้รับประกันสวมสิทธิแทนผ ู ้เอำประกัน) ู 5. หลักกำรเฉลี่ย (ชดใช้ตำมส่วนหรือก่อนหลัง) 6. หลักสำเหตุใกล้ชิด (ต่อเนื่องไม่ขำดตอน) ***หลักกำรที่ไม่มีประกันชีวิต คือ หลักกำรชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน, หลักกำรเฉลี่ย และหลักกำรรับช่วงสิทธิ์ หลักการประกนภัย 6 หลักการ ั
1.หลักส่วนได้เสียในเหต ุ ประกันภัย หมายถึง ผู้ที่มีกรรมสิทธิ ์ , สิทธิตำมกฎหมำย และควำมรับผิดตำม กฎหมำย กล่าวคือ บุคคลที่จะมีส่วนได้เสียจะต้อง - ได้ประโยชน์จากการทีทรัพย์สินนั่ ้ น ๆ เมื่อคงสภาพอย่หรือ ู จะได้รับความเสียหายจากการทีทรัพย์สินนั่ ้ นถ ู กท าลายไป - ได้รับประโยชน์จากการใช้ทรัพย์สินนั ้ น ๆ เมื่อคงสภาพอย่ ู หรือจะได้รับค่าสินไหมทดแทนเมื่อทรัพย์สินนั ้ นถ ู กท าลายไป - มีสิทธิครอบครองทรัพย์สินนั ้ น ๆ เมื่องคงสภาพอย่ หรือ ู เมื่อทรัพย์สินนั ้ น ๆ ถู กท าลายไป เช่น เจ้ำของทรัพย์สิน, ผ้เช่ำซื้อ ู , หรือ ผ้ครอบครองทรัพย์สินตำมสัญญำเช่ำ ู
หลักส่วนได้เสียในเหต ุ ประกันภัย - ผ้เอำประกันภัยต้องมีส่วนได้เสียใน ู “ขณะที่ท ำประกันภัย” - ส่วนได้เสียที่เอำประกันภัยไม่ได้ เช่น ประโยชน์ที่อาจได้รับในอนาคต, ความคาดหวังจะได้ทรัพย์สินมาในอนาคต, สิทธิซึ่งจะเกิดขึ ้นในอนาคต - เหตุผลที่ผู้เอาประกันภัยต้องมีส่วนได้เสียในขณะที่ท าประกันภัย เพื่อ ป้ องกันกำรแสวงหำผลประโยชน์จำกกำรประกันภัย - ผู้เอาประกันภัยใดไม่มีส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกันภัย สัญญาจะตกเป็ น “โมฆะ” หมายถึง “สัญญำไม่มีผลผู กพันธ์ตั้งแต่ต้น” ผู้รับประกันภัยต้องคืน เบี ้ยให้กับผู้เอาประกันภัยทั ้งหมด และผู้เอาประกันภัยต้องคืนค่าสินไหม ทดแทนทั ้งหมด หากได้มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว
2. หลักส ุ จริตใจอย่างยิ่ง ก าหนดให้ “ผ้เอาประกันภัย ู ” ต้อง “เปิ ดความจริง” “ไม่แถลงข้อความ เท็จ” และ “ปฏิบัติตามค ารับรอง” ที่ให้ไว้กับผู้รับประกันภัย เพราะว่า ข้อควำมจริงเหล่ำนั้นอย่ในควำมร ู ้เห็นของผ ู ้เอำ ู ประกันภัย แต่เป็ นหน้ำที่ของผ้เอำประกันภัยที่จะต้องเปิ ดเผย ู ข้อควำมจริงนั้นให้ผ้รับประกันภัยทรำบโดยกฎหมำย และข้อควำม ู จริงเหล่ำนั้นเป็ นข้อควำมจริงที่ผ้รับประกันภัยจะใช้พิจำรณำเพื่อ ู ตัดสินใจเข้ำรับกำรเสี่ยงภัยหรือไม่ และคิดเบี้ยประกันภัยเท่ำใด โดยผ้รับประกันภัยจะต้องเชื่อในค ำบอกเล่ำดังกล่ำวของผ ู ้เอำ ู ประกันภัย
2. หลักส ุ จริตใจอย่างยิ่ง • การเปิ ดเผยข้อความจริง “ต้องท ำในขณะที่ขอเอำประกันภัย” • หากผู้เอาประกันภัย ไม่เปิ ดเผยความจริงที่เป็ นสาระส าคัญในการเอา ประกันภัย หรือ แถลงข้อความเท็จ หรือ ไม่ปฏิบัติตามค ารับรองที่ให้ไว้ กับผู้รับประกันภัย สัญญาประกันภัยที่ท าไว้นั ้น จะตกเป็ น “โมฆียะ” คือ สัญญานั ้นมีผลสมบูรณ์ แต่บริษัทมีสิทธิบอกล้างสัญญาภายใน เวลาที่ก าหนด (ภำยใน 1 เดือน นับจำกวันเริ่มคุ้มครอง)
2. หลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน • คือ การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ ้นจริง แต่ไม่ เกินจ านวนเงินเอาประกันภัย และต้องเป็ นค่าเสียหาย ณ สถานที่และใน เวลาที่เกิดภัยขึ ้น • สินไหมกรุณำ (Ex-Gratia Payment) หมายถึง จ านวนเงินที่ ผู้รับประกันภัยจ่ายให้แก่ผู้เรียกร้องค่าเสียหาย แม้จะมีความเห็นว่าไม่ ต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยก็ตาม
2. หลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน • ผ้เอำประกันภัยไม่ต้องชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนให้แก่ผ ู ้เอำประกันภัย ู ในกรณี ดังต่อไปนี ้ - การทุจริตของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ เพื่อให้ได้ค่าสินไหมทดแทน - การประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง - ความไม่สมประกอบแห่งวัตถุที่เอาประกันภัย - เป็ นข้อยกเว้นที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย (ข้อยกเว้นโดยทั่วไป ภัย สงคราม, ภัยจราจล, การปฏิวัติ) • ซึ่งมีวิธีกำรชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน 4 วิธีด้วยกัน ประกอบด้วย 1. การชดใช้โดยการจ่ำยเป็ นเงิน 2. การชดใช้โดยการซ่อมแซม 3. การชดใช้โดยการหำของแทน 4. การชดใช้โดยการสร้ำงขึ้นให้ใหม่
• Deductible / Excess หมายถึง : จ านวนความเสียหายส่วนแรกซึ่งผู้เอา ประกันภัยตกลงที่จะรับผิดชอบเองทุกครั ้ง ที่เกิดวินาศภัยขึ ้น และบริษัทรับประกันภัย จะชดใช้ในส่วนที่เกิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ “ให้ผ ู ้เอาประกันภัยมีความระมัดระวัง ในทรัพย์สินมากขึ้น” วัตถุประสงค์ = เพื่อให้ผ้เอำประกันภัยมีควำมระมัดระวังในทรัพย์สินมำกขึ้น ู • Franchise หมำยถึง : ความสูญเสียหรือเสียหายขึ้นต่ าที่ก าหนดเป็นอัตราร้อยละหรือเป็นจ านวนเงิน ซึ่งถ้าความเสียหายไม่ถึงอัตราหรือจ านวนที่ก าหนดไว้ ผู้รับประกันภัยจะไม่ชดใช้ค่า สินไหมทดแทนให้ แต่ถ้าความเสียหายที่กิดขึ้นถึงอัตราหรือจ านวนเงินที่ก าหนดไว้ ผู้รับ ประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายให้ตั้งแต่บาทแรก ค่าเสียหายส่วนแรก