The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนภาษาไทย เทอม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tharwadee, 2023-11-19 07:55:43

แผนภาษาไทย เทอม 2

แผนภาษาไทย เทอม 2

๔๖ เฉลย ใบงำน ๓ “จ ำแนกกำรเขียนบรรยำย กำรเขียนพรรณนำ” ....พรรณนา.... ๑. ป่าใหญ่ที่เม็ดฝนกระทบเข้ากับต้นและใบไม้ กรูไกวและอึงคะนึงของเสียง ลมพายุ ดังเหมือนเสียงภูตผีปีศาจที่พากันลุกขึ้นอาละวาด หลอกหลอน ห้อมล้อมอยู่รอบใจและกายผม ....บรรยาย.... ๒. มีคนก าลังเดินขึ้นสะพานมาอีกสองคน ทางคนเลี้ยงวัวสีแดงคนหนึ่ง ผู้ชาย คนนั้นจูงเอาจักรยานขึ้นมาด้วย ส่วนทางด้านคนเลี้ยงวัวสีขาวเป็นพระที่เพิ่ง กลับจากบิณฑบาต ....พรรณนา.... ๓. ตะวันดวงโตสุกปลั่งผุดโผล่ขึ้นจากท้องทะเล สาดแสงอาบพื้นน้ าเป็น ประกายวามวาว ระลอกคลื่นริ้วเล็กม้วนตัวเข้าหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่า ยาม เมื่อต้องแดดเช้ายิ่งวูบวาบแวววาวเหมือนเกล็ดปลา ....บรรยาย.... ๔. นางเอื้อมสาวเถาย่านนางมาจากปลวกใกล้ ๆ มัดไม้ทั้งสองต่อเข้าเป็นดุ้น เดียวแล้วหาไม้เล็ก ๆ มาผูกติดเป็นเงี่ยงที่ปลายไม้นั่นอีกที ไม่นานนักมันก็ กลายเป็นไม้สอยที่เหมาะมือ ....พรรณนา.... ๕. ท้องฟ้าเหมือนคลี่คลุมด้วยม่านหมอกสีขาบเข้ม โรยรายด้วยแสงดาวราว กากเพชรพริบพรายอยู่เกลื่อนกล่น ประดับด้วยแสงเรืองรองจากหลอดไฟ นีออนสีต่าง ๆ จากร้านรวงที่ เรียงราย ชิงช้าสวรรค์ซึ่งติดไฟมลังเมลือง ....บรรยาย.... ๖. เสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นที่ประตูกุฏิ ท าให้พระภิกษุชราที่นั่งคุกเข่าหลับตาสวด มนต์ออยู่เบื้องหน้าพระพุทธรูป กลางควันธูปและแสงเทียนร าไร ลืมตาขึ้น มอง และร้องบอกอย่างไม่พอใจ ....บรรยาย.... ๗. ในโรงภัตรนั้น ผู้รับใช้ทั้งหกต่างช่วยนางนานตาแลชัญญาปรุงภัตตาหารถวายภิกษุ ก่อนอื่นใด เสร็จสิ้นแล้วจึงเตรียมให้นายของตน ชัญญาออกไปรีดนมจากแม่โค น ามาผสมข้าวยาคูแลน้ าอ้อย


๔๗ ๑๒. เครื่องมือวัดผล ๑. แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม )ดูท้ายหน่วย( ๒. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน )ดูท้ายหน่วย( ๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม )ดูท้ายหน่วย( ๔. แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประจ าหน่วยการเรียนรู้ เฉลยกิจกรรมและแบบทดสอบ กิจกรรม ๔ ๑. การเขียนบรรยาย ๔. การเขียนบรรยาย ๒. การเขียนพรรณนา ๕. การเขียนพรรณนา ๓. การเขียนบรรยาย ๖. การเขียนบรรยาย


๔๘ แบบทดสอบก่อนเรียนผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนประจ ำหน่วยกำรเรียนรู้ จงเลือกค ำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค ำตอบเดียว ๑. “คนที่รับประทานแต่ผักโดยไม่แตะต้องเนื้อสัตว์เลย มักจะรับประทานอาหารวันละ ๔-๕ มื้อ เพราะผัก ย่อยง่ายและไม่หนักท้องจึงท าให้หิวบ่อยนั่นเอง” ข้อความนี้เป็นการเขียนแบบใด ๑. การเขียนบรรยาย ๒. การเขียนพรรณนา ๓. การเขียนอธิบาย ๔. การเขียนสาธก ๒. “ผู้ชายคนที่ก าลังเดินข้ามถนน แต่งตัวดี บุคลิกดีมาก แต่ท่าทางของเขาเหมือนแบกโลกไว้ทั้งโลก ก่อนจะ ข้ามถนน เขาแวะดูสลากกินแบ่งตรงแผงหน้าตึกแถวและซื้อไว้เป็นจ านวนไม่น้อยทีเดียว” ข้อความนี้ เป็นการเขียนแบบใด ๑. การเขียนบรรยาย ๒. การเขียนพรรณนา ๓. การเขียนอธิบาย ๔. การเขียนสาธก ๓. “ปีกของผีเสื้อเบาบาง มีลายต่าง ๆ หลากสี ยามโบยบินเราจะเห็นความอ่อนพลิ้วและความสวยงาม ผสมกลมกลืนกัน อย่างลงตัว” ข้อความนี้เป็นการเขียนแบบใด ๑. การเขียนบรรยาย ๒. การเขียนพรรณนา ๓. การเขียนอธิบาย ๔. การเขียนสาธก ๔. “ยุงเป็นพาหะน าโรคร้ายแรงหลายอย่าง ทั้งไข้มาลาเรีย ไข้เลือดออก หรือแม้กระทั่งโรคเท้าช้าง แม้ยุง ที่เป็นพาหะจะเป็นยุงต่างชนิดกันก็ตาม มนุษย์เราหลบตัวเองจากยุงอยู่ในห้องติดมุ้งลวดซึ่งเป็นการ แก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด การแก้ที่ดีที่สุด คือ ท าลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง การท าลายเช่นนี้ไม่ผิดศีลข้อ ๑ แต่ประการใด” ข้อความนี้เป็นการเขียนแบบใด ๑. การเขียนบรรยาย ๒. การเขียนพรรณนา ๓. การเขียนอธิบาย ๔. การเขียนสาธก ๕. “ถนนเข้าหมู่บ้านเปลี่ยนสภาพจากถนนโคลนมาเป็นถนนลาดยางเรียบร้อยแล้ว คนในหมู่บ้านได้รับความ สะดวกสบายมากขึ้น คนเฒ่าคนแก่จะไปหาหมอก็ไปได้อย่างรวดเร็ว เด็กๆ ขี่จักรยานเล่นด้วยความสุข


๔๙ แม่บ้านน าผักไปขายที่ตัวอ าเภอก็ถึงที่ขายก่อนผักเหี่ยว ดีกว่าแต่ก่อนมากมาย” ข้อความนี้เป็นการ เขียนแบบใด ๑. การเขียนบรรยาย ๒. การเขียนพรรณนา ๓. การเขียนอธิบาย ๔. การเขียนสาธก ๖. ข้อใดเป็นลักษณะการเขียนเชิงพรรณนา ๑. เขียนให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตามตัวละคร ๒. เขียนให้ผู้อ่านได้รับข้อคิดดี ๆ จากเรื่อง ๓. เขียนให้ผู้อ่านเข้าใจล าดับเหตุการณ์ทั้งหมด ๔. เขียนให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพชัดเจน ๗. ข้อใดใช้ค าที่แสดงความเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ๑. ลมพัดเอื่อย ๆ ท าให้ระเบียงบ้านเย็นตลอดเวลา ๒. แม่ค้าเดินรี่เข้าไปหานักท่องเที่ยวต่างชาติทันที ๓. ตอนเย็นบริเวณรถไฟฟ้ามีผู้คนเดินกันอย่างขวักไขว่ ๔. ฉันก้าวฉับ ๆ ไปหาลูกค้าที่นัดไว้ ๘. การเขียนเพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านเห็นล าดับเหตุการณ์ เรียกว่าอะไร ๑. การเขียนอธิบาย ๒. การเขียนพรรณนา ๓. การเขียนบรรยาย ๔. การเขียนเทศนา ๙. การเปรียบเทียบสิ่งที่ใหญ่โตมาก ๆ ในภาษาไทยนักเปรียบเทียบว่าอย่างไร ๑. ใหญ่โตเป็นภูเขาลงกา ๒. ใหญ่โตเป็นภูเขาไท่ซาน ๓. ใหญ่โตเป็นภูเขาหิมาลัย ๔. ใหญ่โตเป็นภูเขาเลากา ๑๐. ค าว่า “ยุ่งเหมือนยุงตีกัน” มีความหมายว่าอย่างไร ๑. สับสนอลหม่าน ๒. วุ่นวาย ๓. ชุลมุน ๔. ยุ่งเหยิง เฉลย ๑. ๓ ๒. ๑ ๓. ๒ ๔. ๓ ๕. ๑ ๖. ๔ ๗. ๑ ๘. ๑ ๙. ๔ ๑๐. ๑


๕๐ แบบทดสอบหลังเรียนผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนประจ ำหน่วยกำรเรียนรู้ จงเลือกค ำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค ำตอบเดียว ๑. ข้อใดใช้พรรณนาโวหาร ๑. คนหาปลาออกจากกระท่อมแต่เช้าตรู่ คล้องแหไว้กับท่อนแขน สะพายข้องตรงไปยังชายน้ า ๒. คนหาปลาเดินเท้าเปล่าไปพร้อมแหในมือ ตาจ้องตรงไปยังผิวน้ าเบื้องหน้าอย่างสงบ ๓. ในม่านแสงสุดท้ายของดวงตะวัน คนทอดแหยืนเป็นเงาด าทะมึนอยู่ริมชายน้ า ๔. นักท่องเที่ยวเฝ้าสังเกตการทอดแหอย่างตั้งใจ ก่อนจะเข้าไปขอดูว่าปลาในแหมีกี่ตัว ๒. ข้อใดไม่ใช่การเขียนแบบบรรยาย ๑. ปลาหนักสามสิบกิโลกระแทกผิวน้ าเสียงดัง มันหงายท้องขึ้นมาครู่หนึ่งก่อนพลิกกลับ แล้วผลุบหายลงสู่ ใต้น้ า ๒. พ่อครัวรีบปีนขึ้นหลังคา อุ้มไอ้โต้งลงมาล่ามไว้ หยิบผ้าขนหนูออกมาเช็ดขนให้มัน ๓. รถยนต์คันหนึ่งเลี้ยวจากถนนใหญ่เข้ามาในซอยและจอดอยู่ใกล้ปากทางหลายนาที ๔. เขายังจ าใบหน้าท่าทางของเธอได้อย่างติดตา เธอเป็นคนอ้วน หน้าอิ่ม แก้มแดงเรื่อเหมือนดอกหงอนไก่ บาน ๓. ข้อใดใช้โวหารการเขียนต่ำงกับข้ออื่น ๑. เสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น พร้อมกับเสียงที่ทุกคนเปล่งออกมาว่า “ทรงพระเจริญ” ก็ดังก้องไป ทั่วบริเวณ ๒. มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเหลืองอร่ามสะพรั่งไปทั่วบริเวณ อาจมีสีอื่นบ้างจากร่มกั้นกางกันแดดดูเป็นสี กระด ากระด่างแซมปนอยู่ ๓. เสียงผู้คนตะโกนก้องไปทั่วว่า "ทรงพระเจริญ" แสงแดดที่แผดกล้ากลับรู้สึกอบอุ่น มีสายลมเย็นๆ แผ่ว ผ่านมา ๔. เสียงเห่เรือก้องกังวานตามผืนน้ า ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดแสงสีเหลืองทองจับเป็นประกาย บริเวณหมู่ยอดเจดีย์ ๔. ข้อใดใช้กลวิธีการเขียนต่ำงจากข้ออื่น ๑. สถานที่แห่งนี้เมื่อความเจริญทางวัตถุยังมาไม่ถึงนั้นดูเหมือนจะให้ความสุขมากกว่าเป็นความสุขสงบตาม อุปนิสัยของคนไทยแท้ๆ ทีเดียว ๒. เรือนโบราณหลังใหญ่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ นอกชานมีไม้ดอกหลากสีชูช่อล้อลมชวนให้เพลิดเพลิน ๓. ภายในห้องโถงมีสาวๆ นั่งพับเพียบเรียบร้อย ก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานร้อยดอกไม้ จีบพลู เจียนหมาก และคว้านผลไม้


๕๑ ๔. ถ้าฉันมีบ้านของฉันเอง ฉันจะปลูกกุหลาบมอญสีชมพู มีเก้าอี้เหล็กดัดลวดลายดอกไม้ตั้งไว้ในสวน กุหลาบ ๕. ข้อความต่อไปนี้เป็นการใช้โวหารในลักษณะใด “งานที่ออกมาแล้วไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ถ้าจะวิเคราะห์ปัญหาออกมา ก็อาจท าให้ทราบว่าตีเหล็กผิด จังหวะ เพราะว่ายังไม่ร้อนพอหรือร้อนแล้วแต่ตีช้าไป เหล็กเย็นก่อนงานเสร็จ ก็เป็นบทเรียนว่าครั้งต่อไป ต้องท างานให้เร็วและดีกว่าเดิม” ๑. เทศนาโวหาร ๒. อุปมาโวหาร ๓. สาธกโวหาร ๔. พรรณนาโวหาร ๖ ลุกขึ้นโลดเต้นเขม้นมุ่ง พลัดผลุงลงมาขาแทบหัก มึนเมื่อยเหนื่อยนอนหอบฮัก พิงพนักนั่งโยกตะโพกเพลีย ความข้างต้นนี้ใช้กลวิธีการเขียนแบบใด ๑. เทศนาโวหาร ๒. อุปมาโวหาร ๓. สาธกโวหาร ๔. พรรณนาโวหาร ๗. ข้อใดใช้โวหารต่ำงกับข้ออื่น ๑. พระจันทร์ลอยทวนฟ้าเรืองรองที่กลีบเมฆ ๒. มะพร้าวทุกต้นหลุบใบลู่เห็นเป็นเงาในความสลัว ๓. ตะวันคล้อยต่ าแดดอ่อนแสงลงมากแล้ว ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน ๔. ขณะที่นักเรียนชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่าน ฉันได้ยินแว่วๆ ว่าเขาก าลังถกเถียงกัน ๘. ข้อใดใช้วิธีการพรรณนาต่ำงกับข้ออื่น ๑. ทั้งพญากาสรตัวกล้าก็ลับเขาโขยดโลดลองเชิง เริงฤทธิไกรไล่ขวิดควิ้วอยู่ฉานๆ ๒. ทั้งพญาคชสารชาติฉัททันต์ ทะลึ่งถลันร้องวะแหวๆ ประแปร๋แปร๋นแล่นทะลวง งวงคว้างาหงายเงย ๓. เหี้ยมห้าวกระหึมตกมันอยู่ฮัดๆ ดั่งว่าใครมายุแย่งแกล้งผัดพานเดือดทะยานอยู่ฮักฮัก ๔. อกนางพระธรณีจะแยกแยะแตกกระจายอยู่รอนๆ สะเทื้อนสะท้านเลื่อนลั่นอยู่ครืนๆ ๙. ข้อความต่อไปนี้ใช้กลวิธีการเขียนตามข้อใด “กางเขนหนุ่มสาวพบผู้คนหลากหลายในป่าเสื่อมโทรมที่มันบินผ่านมา บ้างหาของป่า บ้างล่าสัตว์ บ้าง ก าลังโค่นต้นไม้ใหญ่เลื่อยยนต์กรีดเสียงหวีดๆ ป่าให้ทั้งอาหาร ยารักษาโรค น้ า อากาศ และความอุดม สมบูรณ์แก่มนุษย์ มันไม่เข้าใจเลยว่าท าไมมนุษย์ผู้มีสติปัญญากว่าสัตว์อื่นๆ จึงไม่สามารถจัดการให้คนกับ ป่าพึ่งพาอาศัยกันได้มากกว่านี้”


๕๒ ๑. บรรยาย ๒. บรรยาย อธิบาย ๓. พรรณนา อธิบาย ๔. พรรณนา บรรยาย ๑๐. ข้อใดใช้กลวิธีการเขียนต่ำงจากข้ออื่น ๑. เขาวิ่งกระเซอะกระเซิง เนื้อตัวลายพร้อยด้วยรอยแผลเก่าใหม่ใหญ่เล็กนับไม่ถ้วน ๒. ลัดเลาะไปตามเส้นทางป่าไผ่ ผ่านดงกล้วย นกกาส่งเสียงร้องไล่จิกกัน เพราะหวงอาหาร ๓. มองไปข้างหน้าเห็นนกคุ่มโผขึ้นจากพงหญ้า หมูป่าสามตัววิ่งพรวดพราดสวนทางมา ๔. หันมาอีกทางเห็นดวงตาด าของกวางตัวน้อยเพ่งมองมาด้วยความพิศวง เฉลย ๑. ๓ ๒. ๔ ๓. ๑ ๔. ๔ ๕. ๑ ๖. ๔ ๗. ๔ ๘. ๓ ๙. ๔ ๑๐. ๒


๕๓ กำรประเมินและสะท้อนตนเองหลังเสร็จสิ้นกำรเรียนในหน่วยกำรเรียนรู้ (Self-reflection) ๑. กำรประเมินตนเองของผู้เรียน ให้ด าเนินการดังนี้ ๑.๑ ผู้สอนทบทวนผลการเรียนรู้ประจ าหน่วยทุกข้อให้ผู้เรียนได้ทราบ โดยอาจเขียนไว้บนกระดาน พร้อมทั้งทบทวนถึงหัวข้อกิจกรรมการเรียนว่าได้เรียนอะไรบ้าง ๑.๒ ให้ผู้เรียนเขียนบันทึกการประเมินตนเองไว้ในสมุดงานด้านหลังตามหัวข้อ ดังนี้ บันทึกกำรประเมินและสะท้อนตนเองประจ ำหน่วยกำรเรียนรู้ที่.............. วัน/เดือน/ปี ที่บันทึก ................./................../................... รำยกำรบันทึก ๑. จากการเรียนที่ผ่านมาได้มีความรู้อะไรบ้าง ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ๒. ปัจจุบันนี้มีความสามารถปฏิบัติสิ่งใดได้แล้วบ้าง ........................................................................................................................... ............................................ ............................................................................................................................. .......................................... ๓. สิ่งที่ยังไม่รู้ ไม่กระจ่าง ไม่เข้าใจ มีอะไรบ้าง ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ๔. ผลงานหรือชิ้นงานที่เน้นความภาคภูมิใจจากการเรียนในหน่วยนี้คืออะไร ท าไมจึงภาคภูมิใจ ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ๒. กำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอนโดยใช้กระบวนกำรวิจัยในชั้นเรียนของผู้สอน ชื่อเรื่องที่วิจัย...................................................................................................... ๒.๑ ความเป็นมาของปัญหา สิ่งที่คาดหวัง ....................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................


๕๔ สิ่งที่เป็นจริง ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ปัญหาที่พบคือ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... สาเหตุของปัญหาคือ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ๒.๒ วัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหา ๑. เพื่อแก้ปัญหาเรื่อง............................................................................................... ของผู้เรียนชั้น............................... ห้อง................ จ านวน.................คน โดยใช้............................ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ๒. เพื่อศึกษาผลการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ............................................................................................. หลังจากที่ได้ทดลองใช้วิธีแก้ปัญหาโดย........................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๒.๓ ขอบเขตของการแก้ปัญหา ๑. กลุ่มเป้าหมายในการแก้ปัญหาคือ ผู้เรียนชั้น................................ ห้อง....................................... จ านวน......................คน ในภาคเรียนที่................. ปีการศึกษา................... ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ....................... ๒. เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษาคือ เรื่อง........................................................... หน่วยการเรียนรู้.............. วิชา................................................................................................. ๓. ระยะเวลาในการศึกษา ประมาณ....... สัปดาห์/เดือน ตั้งแต่วันที่ ......... เดือน............. พ.ศ. ....... ถึงวันที่ ............. เดือน ................................ พ.ศ. ...................


๕๕ ๒.๔ วิธีด าเนินการในการแก้ไขปัญหา ๑. เครื่องมือที่ใช้ในการแก้ปัญหาคือ ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ซึ่งมีขั้นตอนในการสร้างและพัฒนาดังนี้ ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ๒. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ซึ่งมีขั้นตอนในการสร้างและตรวจสอบคุณภาพดังนี้ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ๓. การเก็บรวบรวมข้อมูล ได้ด าเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามวิธีการดังนี้ ๑. น าเครื่องมือที่ใช้ในการแก้ปัญหาไปทดลองใช้กับผู้เรียนในเวลา............................................... โดย........................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ๒. น าเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลไปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ................................................................ โดย................................................................................................................. .......................... ......................................................................................................................................................... ๔. การวิเคราะห์ข้อมูลและการสรุปผล ได้ด าเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลดังนี้ ............................................................................................................................. .......................................... .......................................................................................................................................................................


๕๖ ๒.๕ ผลการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาเกี่ยวกับ ..................................................................................................................... ของผู้เรียนกลุ่มเป้าหมาย ปรากฏผลดังนี้ ....................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................... ........................................ .......................................................................................................................................................................


๕๗ เครื่องมือวัดผล เลขที่ ชื่อ-สกุล ควำม สนใจ ควำม ตั้งใจ ควำม ร่วมมือ ควำม รับผิดชอบ ระเบียบ วินัย คะแนน รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน ดีมาก ให้คะแนน ๔ ดี ให้คะแนน ๓ พอใช้ ให้คะแนน ๒ ควรปรับปรุง ให้คะแนน ๑ เกณฑ์กำรประเมิน นักเรียนได้คะแนนรวม ๑๖ - ๒๐ อยู่ในเกณฑ์ดีมาก นักเรียนได้คะแนนรวม ๑๑ - ๑๕ อยู่ในเกณฑ์ดี นักเรียนได้คะแนนรวม ๖ - ๑๐ อยู่ในเกณฑ์พอใช้ นักเรียนได้คะแนนรวม ๑ - ๕ อยู่ในเกณฑ์ควรปรับปรุง ลงชื่อ....................................................................)ผู้ประเมิน( แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเรียน


๕๘ กลุ่มที่.............. ข้อที่ รำยกำรประเมิน ดีมำก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ควร ปรับปรุง (๑) ๑ ความร่วมมือและการจัดการภายในกลุ่ม ๒ ความสามารถปฏิบัติกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายอย่างถูกต้อง ๓ การรักษาระเบียบวินัยในการปฏิบัติกิจกรรม ๔ ความเรียบร้อยในการปฏิบัติงาน ๕ ความสนใจและความกระตือรือร้นของสมาชิกในกลุ่ม ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม............................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. สรุปผลกำรประเมิน............................................................................................................................. นักเรียนได้คะแนนรวม ๒๑ - ๒๕ แสดงว่าผลงานนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ ดีมาก นักเรียนได้คะแนนรวม ๑๖ - ๒๐ แสดงว่าผลงานนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ ดี นักเรียนได้คะแนนรวม ๖ - ๑๐ แสดงว่าผลงานนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ พอใช้ นักเรียนได้คะแนนรวม ๐ - ๕ แสดงว่าผลงานนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ ควรปรับปรุง ลงชื่อ........................................................................)ผู้ประเมิน( แบบประเมินกำรปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม


๕๙ ค ำชี้แจง เขียนเติมคะแนนและระดับคุณภาพตามความเป็นจริง กิจกรรม คะแนน ได้ระดับคุณภำพ เต็ม ได้ กิจกรรม ๑ ข้อ ๑ ๑๐ ......................................... ข้อ ๒ ๕ ข้อ ๓ ๕ ข้อ ๔ ๔ ข้อ ๕ ๑๐ รวมคะแนน ๓๔ กิจกรรม ๒ ข้อ ๑ ๑๐ ......................................... ข้อ ๒ ๓ ข้อ ๓ ๑๐ ข้อ ๔ ๑๒ รวมคะแนน ๓๕ กิจกรรม ๓ ข้อ ๑ ๑๐ ......................................... ข้อ ๒ ๑๐ ข้อ ๓ ๑๐ ข้อ ๔ ๘ รวมคะแนน ๓๘ กิจกรรม ๔ ข้อ ๑ ๕ ข้อ ๒ ๑๐ ......................................... รวมคะแนน ๑๕ ผู้ประเมิน ครู เพื่อน ตนเอง เกณฑ์กำรประเมิน ค าตอบถูกต้อง ชัดเจน มีเหตุมีผล เกณฑ์กำรจัดอันดับคุณภำพ คะแนนรวมในแต่ละกิจกรรมได้ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ให้ ๓ )ดี( คะแนนรวมในแต่ละกิจกรรมได้ร้อยละ ๕๐ - ๗๙ ให้ ๒ )พอใช้( คะแนนรวมในแต่ละกิจกรรมได้ร้อยละ ๕๐ ให้ ๑ )ควรปรับปรุง( เกณฑ์คุณภำพกำรผ่ำน ได้ระดับ “พอใช้” ขึ้นไป แบบประเมินผลกำรปฏิบัติกิจกรรม


๖๐ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๒๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ บทความ “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” จ านวน ๗ ชั่วโมง เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับบทความ “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” เวลา ๖๐ นาที ๑. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วัด มำตรฐำน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อน าไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน การด าเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ตัวชี้วัดที่ ๒ จับใจความส าคัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ๓ เขียนผังความคิดเพื่อแสดงความเข้าใจในบทเรียนต่างๆ ที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ๔ อภิปรายแสดงความคิดเห็นและข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ๕ วิเคราะห์และจ าแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และข้อคิดเห็นจากบทความที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ๖ ระบุข้อสังเกตการชวนเชื่อ การโน้มน้าว หรือความสมเหตุสมผลของการเขียน ตัวชี้วัดที่ ๗ อ่านหนังสือ บทความ หรือค าประพันธ์อย่างหลากหลายและประเมินคุณค่าหรือแนวคิด ที่ได้จากการอ่าน เพื่อน าไปใช้แก้ปัญหาในชีวิต มำตรฐำน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและน ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดที่ ๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านในระดับที่ยากขึ้น ตัวชี้วัดที่ ๒ วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่นที่อ่าน พร้อมยก เหตุผลประกอบ ตัวชี้วัดที่ ๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ๔ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดที่ ๕ ท่องจ าบทอาขยานตามที่ก าหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ


๖๑ ๒. สำระส ำคัญ ๒.๑ บทน าเรื่อง ๒.๒ เนื้อเรื่อง ๒.๓ อธิบายศัพท์ ๓. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ ๓.๑ อภิปรายแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์จากบทความที่อ่านได้ ๓.๒ แสดงทรรศนะเกี่ยวกับการน าความรู้และข้อคิดที่ได้รับจากการอ่านบทความไปใช้ใน ชีวิตประจ าวัน ๔. สำระกำรเรียนรู้ ๔.๑ การแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับงานเขียนประเภทบทความ “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” ๔.๒ การน าความรู้และข้อคิดจากการอ่านบทความไปใช้ในชีวิตประจ าวัน ๕. ชิ้นงำน/ภำระงำน ๕.๑ กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ ๕.๒ ภาระงาน “จัดหาใบไม้ที่มีชื่อเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อของคนไทยพร้อมค าอธิบาย” ๕.๓ ใบงาน ๕.๔ แบบทดสอบ ๕.๕ กิจกรรมเสนอแนะ ๖. ค ำถำมส ำคัญ ๖.๑ จากบทความ “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” นักเรียนได้ข้อคิดใดจากบทความนี้ ๖.๒ นักเรียนคิดว่า ภาษาส่งผลต่อวัฒนธรรมหรือไม่ อย่างไร ๗. กิจกรรมกำรเรียนกำรสอนเพื่อกำรเรียนรู้ ๗.๑ ขั้นน ำ นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับความหมายของชื่อบุคคล สิ่งของ และสถานที่ต่าง ๆ ที่นักเรียน รู้จัก ครูเชื่อมโยงถึงความเป็นสิริมงคลแก่เจ้าของและผู้ที่เกี่ยวข้อง การสนทนาอาจครอบคลุมไปถึงต้นไม้ที่ นักเรียนปลูกไว้ที่บ้านว่ามีชื่อที่เกี่ยวกับความเชื่อของคนไทยในเรื่องดังกล่าวมากน้อยเพียงใด จากนั้นนักเรียน ช่วยกันกล่าวถึงบทความที่เคยเรียนหรือเคยอ่าน ครูช่วยสรุปอย่างกว้างๆ ถึงลักษณะของบทความเพื่อเสริม ประสบการณ์เดิมของนักเรียน


๖๒ ๗.๒ ขั้นสอน ๑. ครูให้นักเรียนศึกษาบทน าเรื่องและบทความเรื่อง “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” จากหนังสือเรียน และ ใบความรู้ประกอบเรื่อง “การเขียนบทความ” ๒. ครูให้นักเรียนช่วยกันสรุปใจความส าคัญของบทความ “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” ครูช่วยแก้ไข ๓. ครูให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับจุดประสงค์ของการเขียน บทความเรื่อง “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” โดยกระบวนการอภิปรายครูก าหนดให้นักเรียนต้องแสดงเหตุผลพร้อม ยกตัวอย่างข้อความในบทความประกอบการแสดงความคิดเห็น ครูและนักเรียนคนอื่นช่วยติชม แก้ไข และ สรุป ๔. ครูให้กลุ่มของนักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง “อักษรตั้งชื่อ” แล้วช่วยกันท าใบงาน ๑ ซึ่งก าหนดให้ นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์บทความเรื่อง “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” ๕. ครูให้ตัวแทนกลุ่มออกมาน าเสนอผลการปฏิบัติงานในข้อ ๔ นักเรียนคนอื่นฟังแล้วร่วมกันแสดง ความคิดเห็น ครูสรุปและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ๖. ครูให้นักเรียนช่วยกันแสดงทรรศนะเกี่ยวกับการน าความรู้และข้อคิดที่ได้รับจากการอ่านบทความ “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” ไปใช้ในชีวิตประจ าวัน ครูสรุปและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ๗. ครูให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ๑ และกิจกรรม ๒ น าส่งครูเป็นรายบุคคล ๗.๓ ขั้นสรุป ๑. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปตามประเด็น ดังนี้ ๑. สรุปเรื่อง “ความหมายและลักษณะของงานเขียนประเภทบทความ” ๒. สรุปเรื่อง “สาระส าคัญจากบทความเรื่อง “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” ๓. สรุปเรื่อง “การน าความรู้และข้อคิดที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจ าวัน” ๒. นักเรียนท าใบงาน ๑ และกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจทุกกิจกรรม ๓. ครูแจ้งผลการปฏิบัติงานของนักเรียนข้อ ๑ – ๗ และให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ๘. สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ ๘.๑ สื่อกำรเรียนรู้ ๑. ใบความรู้เรื่อง “การเขียนบทความ” ๒. ใบความรู้เรื่อง “อักษรตั้งชื่อ” ๓. ใบงาน ๑ “การเขียนแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์บทความเรื่อง “ชื่อนั้นส าคัญไฉน””


๖๓ ๔. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๘.๒ แหล่งเรียนรู้ ๑. ห้องสมุดโรงเรียน ๒. ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๓. หอสมุดแห่งชาติ ๔. แหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต ๙. กำรวัดและกำรประเมินผลกำรเรียนรู้ ๙.๑ การตอบค าถามจากกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ ๙.๒ ผลงานจากภาระงาน “จัดหาใบไม้ที่มีชื่อเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อของคนไทยพร้อมค าอธิบาย” ๙.๓ ผลงานจากใบงาน ๙.๔ การท าแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ๙.๕ การตอบค าถามกิจกรรมเสนอแนะ


๖๔ ๑๐. แบบกำรประเมินกำรสังเกตพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์คุณภำพกำรสังเกตพฤติกรรมนักเรียนด้ำน......................................... ที่ รำยกำรประเมิน ระดับคุณภำพ ๑ ๒ ๓ ๑ การท างานร่วมกัน - ยอมรับมติการท างาน ของกลุ่ม แต่ปฏิบัติตาม น้อยครั้ง - ยอมรับมติของกลุ่ม - ยอมรับมติของกลุ่ม - รับผิดชอบงานที่รับ มอบหมายจากกลุ่ม ๒ ความกระตือรือร้น - ช่วยเหลืองานภายใน กลุ่มเมื่อมีการร้องขอ - ช่วยเหลืองานในกลุ่ม - ร่ ว ม แ ส ด ง ค ว า ม คิดเห็น - ช่วยเหลืองานภายใน กลุ่ม - ร่วมแสดงความ คิดเห็น - ใฝ่รู้ใฝ่เรียน - ศึกษาค้นคว้า ๓ การตอบค าถาม - มีส่วนร่วมในการตอบ ค าถามน้อยมาก - มีส่วนร่วมในการตอบ ค าถามบางครั้ง - ให้ความร่วมมือในการ ตอบค าถามเป็นอย่างดี ๔ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ - ร่วมกิจกรรมตามที่ กลุ่มขอร้อง - รับฟังแต่แสดงความ คิดเห็นที่คล้อยตาม เพื่อนๆ - ร่วมรับฟังและแสดง ความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่มีประโยชน์


๖๕ แบบกำรประเมินกำรสังเกตพฤติกรรมนักเรียนด้ำนกำรท ำงำนเป็นกลุ่ม ที่ ชื่อ-สกุล รำยกำรประเมิน รวม (๑๒) สรุปผล กำรท ำงำน ร่วมกัน (๓) ควำม กระตือรือร้น (๓) กำรตอบ ค ำถำม (๓) ควำมคิดริเริ่ม สร้ำงสรรค์ (๓) ผ่ำน ไม่ผ่ำน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เกณฑ์กำรประเมิน ๙ - ๑๒ คะแนน ระดับ ๓ = ดี ๕ - ๘ คะแนน ระดับ ๒ = พอใช้ ต่ ากว่า ๕ คะแนน ระดับ ๑ = ควรปรับปรุง สรุปผลกำรประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง เกณฑ์กำรตัดสินใจ ผ่าน ไม่ผ่าน หมำยเหตุ : เกณฑ์เป็นไปตำมที่โรงเรียนก ำหนด ลงชื่อ............................................................................ผู้ประเมิน )...........................................................................(


๖๖ ๑๑. กิจกรรมเสนอแนะ ๑๑.๑ กิจกรรมส่งเสริมกำรอ่ำนเชิงวิเครำะห์ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้ ขั้นรวบรวมข้อมูล นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คน ค้นหาบทความเรื่องอื่นๆ มาอ่าน และศึกษาความรู้เรื่อง “การ เขียนบทความ” จากใบความรู้ ขั้นวิเครำะห์ กลุ่มของนักเรียนอ่านบทความที่กลุ่มของตนเตรียมไว้ และศึกษาว่าบทความนั้นมีลักษณะเฉพาะของ บทความอย่างไร การวางโครงเรื่องและวิธีเขียนดีเพียงใด บทความนั้นมีเนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อ ผู้อ่านหรือไม่ อย่างไร ขั้นสรุป นักเรียนสรุปลักษณะเฉพาะของบทความ การวางโครงเรื่อง วิธีเขียน เนื้อหาและประโยชน์ที่ได้รับ จากบทความ ขั้นประยุกต์ใช้ นักเรียนสรุปประเด็นส าคัญแล้วน ามาจัดแสดงที่ป้ายนิเทศภายในชั้นเรียน ๑๑.๒ กิจกรรมบูรณำกำร ครูสามารถบูรณาการการเรียนรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาระที่ ๑ : สิ่งมีชีวิตกับ กระบวนการด ารงชีวิต โดยก าหนดภาระงานให้นักเรียนจัดหาใบไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลและไม่เป็นมงคล เช่น ใบมะยม ใบเฟื่องฟ้า ฯลฯ มาใส่ไว้ในซองพลาสติกแล้วเขียนชื่อและความเชื่อเกี่ยวกับชื่อของไม้ชนิดนั้นติดไว้ ที่ซองดังกล่าว


๖๗ ภำระงำน “จัดหำใบไม้ที่มีชื่อเกี่ยวเนื่องกับควำมเชื่อของคนไทยพร้อมค ำอธิบำย” กำรบูรณำกำร ว ๑.๑ จุดประสงค์กำรเรียนรู้อธิบายได้ว่าชื่อใบไม้ )จากต้นไม้( ต่างๆ มีอิทธิพลต่อชีวิตคนไทยตลอดมา ผลงำนที่ต้องกำร ใบไม้ใส่ซองพลาสติกใสพร้อมชื่อและค าอธิบายเกี่ยวกับความเชื่อของชื่อไม้ชนิดนั้นๆ ขั้นตอนกำรท ำงำน ๑. นักเรียนจัดหาใบไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคลตามความเชื่อของคนไทย ๒. เขียนชื่อใบไม้พร้อมค าอธิบายเกี่ยวกับความเชื่อของคนไทยต่อไม้ชนิดนั้นๆ ๓. น าผลงานที่ปฏิบัติจัดท าเป็นสมุดใบไม้ ตกแต่งหน้าปกอย่างสวยงามน าไปจัด แสดงไว้ที่ห้องศูนย์ภาษาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เกณฑ์กำรประเมิน ๑. ใบไม้มีความหลากหลายทั้งที่มีชื่อเป็นมงคลและไม่เป็นมงคล ๒. ค าอธิบายความเชื่อเรื่องชื่ออ่านเข้าใจง่ายและมีการแสดงความคิดเห็นของกลุ่ม เพิ่มเติมบ้าง ๓. ความสวยงาม ประณีต เรียบร้อยของชิ้นงาน


๖๘ ๑๒. ใบควำมรู้ ใบงำน และเครื่องมือวัดผล ๑๒.๑ ใบควำมรู้ ใบควำมรู้เรื่อง “กำรเขียนบทควำม” บทควำม คือ ความเรียงที่เขียนขึ้นโดยมีหลักฐาน ข้อเท็จจริง โดยแทรกข้อเสนอแนะเชิงวิจารณ์หรือ สร้างสรรค์เอาไว้ด้วย บทความเป็นงานเขียนที่ปรากฏคู่กับหนังสือพิมพ์ เพราะบทความส่วนใหญ่เผยแพร่ทาง หนังสือพิมพ์ เริ่มนิยมกันในหมู่ผู้อ่านและผู้เขียนในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและ แพร่หลายอย่างรวดเร็ว รูปแบบการเขียนบทความคล้ายกับเรียงความมาก และถึงแม้เนื้อหาของบทความ ส่วนใหญ่จะได้จากข่าวสด แต่วิธีเขียนบทความก็ต่างจากวิธีเขียนข่าว ลักษณะเฉพำะของบทควำม ๑. ต้องเป็นเรื่องที่ผู้อ่านส่วนใหญ่สนใจอยู่ในขณะนั้น อาจเป็นปัญหาที่ก าลังอยากรู้ว่าจะด าเนินต่อไป อย่างไร หรือมีผลอย่างไร หรือเป็นเรื่องที่เข้ายุคเข้าสมัย ๒. ต้องมีแก่นสาร มีสาระ อ่านแล้วได้ความรู้หรือความคิดเพิ่มเติม มิใช่เรื่องเลื่อนลอยไร้สาระ ๓. ต้องมีทรรศนะ ข้อคิดเห็น ตลอดจนข้อเสนอแนะของผู้เขียนแทรกอยู่ด้วย ๔. มีวิธีเขียนชวนให้อ่าน อ่านแล้วท้าทายความคิด และสนุกเพลิดเพลินจากความคิดในเชิงถกเถียง โต้แย้งนั้น ๕. เนื้อหาสาระและส านวนภาษาเหมาะส าหรับผู้อ่านที่มีการศึกษาอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะผู้อ่านที่มี การศึกษาน้อยนิยมอ่านข่าวสดมากกว่าบทความ ลักษณะที่แตกต่ำงกันและเหมือนกันของบทควำม เรียงควำม และข่ำว ๑. รูปแบบ เรียงความและบทความมีรูปแบบการเขียนเหมือนกันคือ มีโครงเรื่อง ๓ ส่วน ได้แก่ ค าน า เนื้อเรื่อง และสรุปหรือค าลงท้าย การตั้งชื่อเรื่องหรือหัวข้อเรื่องอาจเหมือนกันหรืออาจคล้ายคลึงกัน ส่วนข่าว เป็นการเสนอเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง สาระส าคัญของข่าวอยู่ที่ความน าอันเป็นย่อ หน้าแรกของการเขียนข่าว ส่วนย่อหน้าต่อๆ มามีความส าคัญลดหลั่นกันลงมาตามล าดับ จนกระทั่งถึงย่อหน้า สุดท้ายอาจตัดทิ้งไปโดยไม่เสียดายความถ้าเนื้อที่กระดาษจ ากัด ๒. ควำมมุ่งหมำย บทความเขียนขึ้นเพื่อเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องหรือเหตุการณ์นั้นๆ ส่วน เรียงความเป็นการเขียนเพื่อแสดงความรู้เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องนั้นแต่เพียงอย่างเดียว ๓. เนื้อเรื่อง หัวข้อเรื่องของบทความต้องทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ อยู่ในความสนใจของผู้อ่านใน ขณะนั้น เวลาผ่านไปเพียงสัปดาห์หนึ่งหรือมากกว่านั้นก็อาจล้าสมัยไป ส่วนเรียงความจะหยิบยกเอาเรื่องใดๆ


๖๙ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมมาเขียนก็ได้ และหัวข้อเรื่องเดียวกันนี้จะเขียนเมื่อไรก็ได้ไม่ถือว่าล้าสมัย แต่ ข่าวมีอายุอยู่ ๒๔ ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าเสนอข่าวช้าไป ๑ วันหรือ ๒ วันก็ไม่น่าสนใจ ๔. วิธีเขียน เรียงความเขียนด้วยท่วงท านองการเขียนแบบเรียบๆ ไม่โลดโผน ต่างจากวิธีเขียน บทความที่ต้องการใช้ส านวนโวหารอันชวนให้อ่าน ให้ติดตามเนื้อเรื่อง การเขียนข่าวต้องตอบปัญหา ๕ ข้อ คือ ใคร ท าอะไร ที่ไหน เมื่อไร และท าไม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น สั้นๆ ตรงไปตรงมา ไม่มี ข้อคิดเห็นของผู้เขียน ไม่มีชื่อผู้เขียนข่าว ใช้ภาษาที่ชนทุกชั้นอ่านได้ ไม่มีข้อความใดที่จะบ่งบอกอารมณ์และ ความโน้มเอียงของผู้เขียน วิธีเขียนบทควำม การวางโครงเรื่องได้ดีจะช่วยในการเขียนได้มาก เพราะโครงเรื่องจะช่วยควบคุมการเขียนให้เป็นไปตาม แนวคิดที่ก าหนดไว้ ทั้งยังเป็นการป้องกันมิให้เขียนซ้ าซ้อนวนเวียนด้วย โครงเรื่องแบ่งออกเป็น ๓ ตอน คือ ค าน า เนื้อเรื่อง และสรุป ดังนี้ ๑. ค ำน ำ เป็นการเกริ่นหรือบอกกล่าวให้รู้ว่าจะเขียนเรื่องอะไร ค าน ามี ๒ แบบ คือ การกล่าวทั่วๆ ไปก่อนที่จะวกเข้าเรื่องที่จะเขียน และการกล่าวเจาะจงลงไปตรงกับหัวเรื่องที่จะเขียน การเขียนค าน าต้องใช้ ภาษาให้น่าอ่านชวนติดตาม เพราะผู้อ่านนิยมอ่านย่อหน้าแรกก่อน ถ้าเขียนค าน าได้ดีจะเร้าความสนใจของ ผู้อ่านได้ ๒. เนื้อเรื่อง แบ่งเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกเป็นการขยายความ เมื่อเกริ่นในค าน าแล้วผู้อ่านยังติดตาม ความคิดได้ไม่ดีพอ ก็ต้องขยายความออกไปเพื่อช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น ส่วนที่ ๒ เป็นรายละเอียด มีการให้ สถิติ การรวบรวมข้อมูล การเปรียบเทียบหรือการยกตัวอย่างประกอบ แต่ต้องระวังว่าไม่ควรมีมากเกินไปจน น่าเบื่อ ๓. ค ำลงท้ำย เป็นส่วนที่แสดงทรรศนะ ข้อคิดเห็นของผู้เขียน รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะในการ แก้ปัญหาที่มีด้วย


๗๐ ใบควำมรู้เรื่อง “อักษรตั้งชื่อ” เพื่อความสะดวกและเป็นสิริมงคลส าหรับผู้ที่ประสงค์จะตั้งชื่อ ให้หมุนวงในและให้หัวลูกศรตรงกับช่อง วันเกิด คือ เลข ๑ อาทิตย์ ๒ จันทร์ ๓ อังคาร ๔ พุธ ๕ พฤหัสบดี ๖ ศุกร์ ๗ เสาร์ ๘ เป็นพุธ กลางคืน ช่องด้านซ้ายมือจะเป็นอักษรที่ต้องห้าม คือ กาลกรรณี )กาลกิณี( การตั้งชื่อนิยมอักษรที่เป็นเดช ศรี มนตรี


๗๑ ๑๒.๒ ใบงำน ใบงำน ๑“กำรเขียนแสดงควำมคิดเห็นเชิงวิเครำะห์ บทควำมเรื่อง “ชื่อนั้นส ำคัญไฉน”” ค ำชี้แจง ตอบค าถามต่อไปนี้ ๑. นักเรียนคิดว่าชื่อมีอิทธิพลต่อความเชื่อและการด าเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันเพียงใด จง อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบให้เห็นจริง ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ๒. “แต่เดิมดอกลั่นทมห้ามปลูกไว้บริเวณบ้านเพราะชื่อไม่เป็นมงคล แต่เมื่อเปลี่ยนชื่อเป็น “ลีลา วดี” ก็สามารถปลูกได้ โดยปัจจุบันนักแต่งสวน แต่งบ้านนิยมใช้ไม้ชนิดนี้กันมากเนื่องจากเป็น ไม้พุ่มที่มีรูปทรงและดอกสวยงาม” จากข้อความข้างต้น แสดงให้เห็นอิทธิพลของภาษาที่มีต่อ สังคมไทยอย่างไร นักเรียนคิดว่าเป็นเรื่องงมงายที่ขัดกับหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ เพราะเหตุใด ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ๓. เมื่ออ่านบทความ “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” จบแล้ว ถ้าบ้านนักเรียนมีต้นไม้หรือการกระท าใดที่มีชื่อ ไม่เป็นมงคล นักเรียนจะท าอย่างไร เพราะเหตุใด ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ )เฉลยแล้วแต่ดุลยพินิจของอาจารย์ผู้สอน(


๗๒ ๑๒.๓ เครื่องมือวัดผล ๑. แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม )ดูท้ายหน่วย( ๒. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน )ดูท้ายหน่วย( ๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม )ดูท้ายหน่วย( ๔. แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประจ าหน่วยการเรียนรู้ เฉลยกิจกรรมและแบบทดสอบ กิจกรรม ๑ ค าตอบอิสระ แต่จะเฉลยเป็นแนวค าตอบ ดังนี้ หมายเลข ๑ ต้นมะยม เพราะค าว่า “ยม” มีเสียงพ้องกับค าว่า “นิยม” เชื่อกันว่าถ้าปลูก ต้นมะยมไว้หน้าบ้าน จะมีคนนิยมชมชอบ หมายเลข ๒ ต้นขนุน เพราะค าว่า “ขนุน” มีเสียงพ้องกับค าว่า “สนับสนุน” เชื่อกันว่าถ้า ปลูกต้นขนุนไว้หลังบ้าน จะมีคนช่วยสนับสนุนให้เจริญรุ่งเรือง หมายเลข ๓ ต้นมะขาม เพราะค าว่า “ขาม” มีเสียงพ้องกับค าว่า “เกรงขาม” เชื่อกันว่าถ้า ปลูกต้นมะขามไว้ข้างบ้าน จะมีคนเกรงขาม หมายเลข ๔ ต้นเฟื่องฟ้า เพราะค าว่า “เฟื่องฟ้า” มีเสียงพ้องกับค าว่า “ฟ้า” เชื่อกันว่าถ้าปลูก ต้นเฟื่องฟ้าใส่กระถางไว้ริมรั้วจะท าให้เจริญก้าวหน้า มียศถาบรรดาศักดิ์สูงขึ้น กิจกรรม ๒ ค าตอบอิสระ


๗๓ แบบทดสอบก่อนเรียนผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนประจ ำหน่วยกำรเรียนรู้ จงเลือกค ำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค ำตอบเดียว ๑. บทความเรื่อง “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” เป็นบทความประเภทใด ๑. บทความทั่วไป ๒. บทความแสดงความคิดเห็น ๓. บทความสัมภาษณ์ ๔. บทความทางวิชาการ ๒. บทความเรื่อง “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” มีประเด็นส าคัญกล่าวถึงเรื่องใด ๑. ความพอใจของผู้ใช้ภาษาไทย ๒. อิทธิพลของภาษาที่มีต่อสังคมไทย ๓. ความงมงายของคนไทยที่มีต่อภาษา ๔. ความเชื่อและค่านิยมของวิถีชีวิตแบบไทย ๓. ภาษามีความส าคัญในข้อใดมากที่สุด ๑. ก าหนดเชื้อชาติของผู้ใช้ ๒. ก าหนดวิถีชีวิตของผู้ใช้ ๓. ใช้เป็นเครื่องมือในการสืบทอดวัฒนธรรม ๔. ใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ๔. เหตุใดการตั้งชื่อบุตรหลานจึงต้องพิจารณาถึงพยัญชนะที่ใช้ประสมเป็นชื่อ ๑. เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของบุตรหลาน ๒. เพื่อความไพเราะตามลักษณะของภาษาไทย ๓. เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อของบิดามารดา ๔. เพื่อให้เกิดความสุขความเจริญแก่ครอบครัว ๕. สมัยก่อนคนไม่นิยมปลูกต้นลั่นทมไว้ในบ้าน แต่ปัจจุบันเริ่มมีคนน าไปปลูกประดับบ้านแล้ว การ เปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากสาเหตุใด ๑. คนไทยไม่เชื่อเรื่องชื่อพันธุ์ไม้มากเท่าสมัยก่อนแล้ว ๒. คนไทยนิยมแต่งบ้านแบบบาหลีตามสมัยนิยม ๓. ต้นลั่นทมได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นต้นลีลาวดีแล้ว ๔. ต้นลั่นทมมีดอกค่อนไปทางสีขาว ซึ่งคนไทยนิยมว่าเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ ๖. ต้นไม้ชนิดใดนิยมปลูกไว้หน้าบ้านมากที่สุด ๑. ต้นยอ ๒. ต้นมะยม ๓. ต้นรัก ๔. ต้นมะพร้าว


๗๔ ๗. ต้นไม้ชนิดใดไม่นิยมปลูกในบริเวณบ้านอย่างเด็ดขาด ๑. ต้นกล้วย ๒. ต้นสวาด ๓. ต้นคุณนายตื่นสาย ๔. ต้นพะยอม ๘. ตามวิถีชีวิตของคนไทยเชื่อกันว่าไม่ควรปลูกต้นรักคู่กับต้นไม้ในข้อใด ๑. ต้นอโศก ๒. ต้นพุทรา ๓.ต้นลั่นทม ๔. ต้นหางจระเข้ ๙. คนไทยเชื่อกันว่า “บานไม่รู้โรย” เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งใด ๑. ความยั่งยืน ๒. ความคงทน ๓. ความแจ่มใส ๔. ความสวยงาม ๑๐. การจัดขันเงินทุนกับขันเงินสินสอดในพิธีแต่งงานไม่นิยมใส่สิ่งใดลงไป ๑. ใบพุทธรักษา ๒. ใบรักเร่ ๓. ใบเงิน ๔. ใบตอง เฉลย ๑. ๑ ๒. ๒ ๓. ๔ ๔. ๑ ๕. ๓ ๖. ๒ ๗. ๔ ๘. ๓ ๙. ๑ ๑๐. ๒


๗๕ แบบทดสอบหลังเรียนผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนประจ ำหน่วยกำรเรียนรู้ จงเลือกค ำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค ำตอบเดียว ๑. ชื่อพันธุ์ไม้ในข้อใดแสดงความไม่เป็นมงคลอย่างชัดเจน ๑. มะลิซ้อน ๒. มะขวิด ๓. มะไฟ ๔. ต าแย ๒. บุคคลที่มีอาชีพเป็นคนรับใช้พอใจให้เรียกว่า “แม่บ้าน” เพราะเหตุใด ๑. แสดงให้เห็นความส าคัญของตนเอง ๒. แสดงความมีเกียรติในตนเอง ๓. แสดงความเป็นใหญ่ในบ้าน ๔. แสดงลักษณะอาชีพที่น่าภูมิใจ ๓. “คนบ้านนอก” เป็นค าเรียกที่ผู้ฟังไม่พอใจ ควรใช้ค าเรียกว่าอย่างไรจึงจะเป็นที่พอใจของผู้ฟัง ๑. คนอยู่ห่างไกลความเจริญ ๒. คนนอกเมือง ๓. คนท้องนา ๔. คนต่างจังหวัด อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบค าถามข้อ ๔ - ๕ ๔. ปัจจุบันนี้ค าว่า เครดิตการ์ด เรียกเป็นภาษาไทยว่าอะไร ๑. เงินพลาสติก ๒. บัตรเงินเชื่อ ๓. บัตรเงินด่วน ๔. เงินสดล่วงหน้า ๕. เหตุใดคนทั่วไปจึงพอใจค าว่า เครดิต แทนค าว่า บัตรของคนไม่มีเงิน ๑.เพราะอับอายที่จะต้องยอมรับว่าตนเองไม่มีเงิน ๒.เพราะค าว่า เครดิตการ์ด ให้ความรู้สึกภาคภูมิใจแก่ผู้ใช้ ๓.เพราะค าว่า เครดิตการ์ด เป็นภาษาอังกฤษที่ฟังหรูหราน่าใช้ ๔.เพราะเกรงผู้อื่นจะดูถูกว่าตนไม่มีเงินสดที่จะใช้จ่าย ๖. ข้อใดแสดงให้เห็นว่า “ภาษามีพลัง” ๑. การใช้ถ้อยค าที่ไพเราะในการแต่งค าประพันธ์ ๒. การเปลี่ยนชื่อต้นไม้ที่มีความหมายไม่เป็นมงคล ๓. การเขียนสื่อสารถึงบุคคคลที่ต้องการสื่อสารด้วย “บัตรที่ใช้แทนเงินสด ทุกคนพอใจให้เรียกว่า เครดิตการ์ด แทนที่จะใช้ภาษาไทยเรียกว่า บัตรของคนไม่มีเงิน”


๗๖ ๔. ไม่มีข้อถูก ๗. ขนมไทยชนิดใดมักไม่ปรากฏในงานมงคลด้วยอิทธิพลของภาษา ๑. ขนมถังแตก ๒. ขนมทองหยิบ ๓. ขนมเม็ดขนุน ๔. ขนมทองหยอด ๘. ด้วยอิทธิพลของภาษา ต้นไม้ใดในอดีตที่ไม่นิยมปลูกตามบ้านเรือน ๑. บานไม่รู้โรย ๒. กรรณิการ์ ๓. ทานตะวัน ๔. ลั่นทม ๙. ผู้ที่เปลี่ยนชื่อ “ต้นลั่นทม” เป็น “ต้นลีลาวดี” คือใคร ๑. สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ๒. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ๓. สมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ๔. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ๑๐. ผลไม้ชนิดใดไม่นิยมน ามาถวายพระ ๑. ส้ม ๒. มะม่วง ๓. มังคุด ๔. กล้วยหอม เฉลย ๑. ๓ ๒. ๒ ๓. ๔ ๔. ๑ ๕. ๒ ๖. ๒ ๗. ๑ ๘. ๔ ๙. ๒ ๑๐. ๓


๗๗ ๑๓. ข้อเสนอแนะและควำมคิดเห็นของผู้บริหำร ได้ท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ นางธารวดี ทักขนนท์ แล้วมีความคิดเห็น ดังนี้ ๑๓.๑ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๑๓.๒ การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๑๓.๓ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ น าไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช้ ๑๓.๔ ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ................................................... )นายณัฐชภัทร สุราช) ผู้อ านวยการโรงเรียนภูพานวิทยา


๗๘ แบบบันทึกหลังกำรสอน ๑.ผลกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ๑.๑ กำรประเมินด้ำนควำมรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๑.๒ กำรประเมินด้ำนทักษะกระบวนกำร ................................................................................................................................................................. ............. ...................................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................... ................................................................... ๑.๓ กำรประเมินด้ำนคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. ปัญหำและอุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๓. แนวทำงแก้ไข .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................................... ..... ลงชื่อ........................................................... )นางธารวดี ทักขนนท์( ครูผู้สอน


๗๙ ความคิดเห็น / ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ........................................................... )นางฉวีวรรณ เพ็ญจันทร์( หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ความคิดเห็น / ข้อเสนอแนะผู้บังคับบัญชา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................ .............. ลงชื่อ....................................................... )นายณัฐชภัทร สุราช( ผู้อ านวยการโรงเรียนภูพานวิทยา


๘๐ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๒๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ บทความ “ชื่อนั้นส าคัญไฉน” จ านวน ๘ ชั่วโมง เรื่อง การเขียนจดหมายกิจธุระ มารยาทการเขียน การพูดโน้มน้าวใจ เวลา ๖๐ นาที ๑. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วัด มำตรฐำน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ๖ เขียนจดหมายกิจธุระ ตัวชี้วัดที่ ๘ มีมารยาทในการเขียน มำตรฐำน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ๔ พูดในโอกาสต่างๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ๒. สำระส ำคัญ ๒.๑ การเขียนจดหมายกิจธุระ ๒.๒ มารยาทการเขียน ๒.๓ การพูดโน้มน้าวใจ ๓. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ ๓.๑ อธิบายหลักการเขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระได้ ๓.๒ เขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระได้ถูกต้องตามหลักการเขียน ๓.๓ บอกมารยาทในการเขียนและอธิบายความส าคัญของมารยาทในการเขียนได้ถูกต้อง ๓.๔ บอกจุดประสงค์และอธิบายหลักในการพูดโน้มน้าวใจได้ ๓.๕ จ าแนกลักษณะการใช้ภาษาในการพูดโน้มน้าวใจได้ถูกต้อง ๔. สำระกำรเรียนรู้ ๔.๑ เข้าใจหลักการเขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระ


๘๑ ๔.๒ เขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระได้ตามหลักการเขียน ๔.๓ รู้ เข้าใจ และเห็นความส าคัญของมารยาทในการเขียน ๔.๔ เข้าใจจุดประสงค์และหลักในการพูดโน้มน้าวใจ ๔.๕ วิเคราะห์ลักษณะการใช้ภาษาในการพูดโน้มน้าวใจ ๕. ชิ้นงำน/ภำระงำน ๕.๑ กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ ๕.๒ ภาระงาน “การพูดโน้มน้าวใจให้รักการออกก าลังกาย” ๕.๓ แบบทดสอบ ๕.๔ กิจกรรมเสนอแนะ ๖. ค ำถำมส ำคัญ ๖.๑ การเขียนจดหมายกิจธุระมีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง ๖.๒ มารยาทการเขียนมีอะไรบ้าง ๖.๓ การพูดโน้มน้าวใจที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร ๗. กิจกรรมกำรเรียนกำรสอนเพื่อกำรเรียนรู้ ๗.๑ ขั้นน ำ นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับความส าคัญของการสื่อสารทางจดหมาย โดยให้นักเรียน ช่วยกันยกตัวอย่างประเภทของจดหมายที่นักเรียนรู้จักและประสบการณ์ในการเขียนหรืออ่านจดหมายของ นักเรียน ครูพยายามเชื่อมโยงถึงมารยาทในการเขียน และให้นักเรียนยกตัวอย่างข้อความที่ใช้ในการโฆษณา สินค้าทางโทรทัศน์ แล้วสนทนากันเกี่ยวกับการใช้ภาษาในการพูดโน้มน้าวใจจากข้อความดังกล่าว ๗.๒ ขั้นสอน ๑. ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง “การเขียนจดหมายกิจธุระ” จากหนังสือเรียน และศึกษาใบความรู้เรื่อง “การเขียนจดหมาย” ๒. ครูให้นักเรียนช่วยกันอธิบายหลักการเขียนจดหมายกิจธุระ โดยครูช่วยแก้ไขและอธิบายเพิ่มเติม ๓. ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง “มารยาทในการเขียน” จากหนังสือเรียนแม็ค ๔. ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกมารยาทในการเขียนพร้อมแสดงความคิดเห็น ครูสรุปและอธิบาย เพิ่มเติม ๕. ครูให้นักเรียนช่วยกันอธิบายความส าคัญของมารยาทในการเขียน โดยครูช่วยยกตัวอย่าง ประกอบ เช่น จดหมายลางานฉบับหนึ่งเขียนว่า “หัวหน้าครับ กระผมขอลางานประมาณ ๓ วัน เพราะ


๘๒ เหตุที่เมียของผมเจ็บหนักมาก” จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าผิดหลักมารยาทในการเขียน อย่างไร ๖. ครูให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ๓ ซึ่งก าหนดให้เขียนจดหมายกิจธุระ นักเรียนน าส่งครูเป็น รายบุคคล ครูตรวจพิจารณาแล้วส่งผลงานคืนให้นักเรียนปรับปรุงแก้ไข ๗. ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง “การพูดโน้มน้าวใจ” จากหนังสือเรียนแม็ค ๘. ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกจุดประสงค์และอธิบายหลักในการพูดโน้มน้าวใจ ครูช่วยแก้ไขและ อธิบายเพิ่มเติม ๙. ครูให้นักเรียนท ากิจกรรม ๔ ซึ่งก าหนดให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน เพื่อช่วยกันพิจารณา สารโน้มน้าวใจที่ก าหนด แล้วจ าแนกลักษณะการใช้ภาษาในการโน้มน้าวใจให้ถูกต้อง ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มเฉลย กิจกรรม โดยให้นักเรียนกลุ่มอื่นช่วยกันพิจารณาแสดงความคิดเห็น ครูช่วยแก้ไขและอธิบายเพิ่มเติม ๗.๓ ขั้นสรุป ๑. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปตามประเด็น ดังนี้ ๑. สรุปเรื่อง “หลักการเขียนบทความ” ๒. สรุปเรื่อง “หลักการเขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระ” ๓. สรุปเรื่อง “การใช้ภาษาในการพูดโน้มน้าวใจ” ๔. สรุปเรื่อง “มารยาทในการเขียน” ๒. นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจทุกกิจกรรม ๓. ครูแจ้งผลการปฏิบัติงานของนักเรียนข้อ ๑ – ๙ และให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ๘. สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ ๘.๑ สื่อกำรเรียนรู้ ๑. ใบความรู้เรื่อง “การเขียนจดหมาย” ๒. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๘.๒ แหล่งเรียนรู้ ๑. ห้องสมุดโรงเรียน ๒. ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๓. แหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต


๘๓ ๙. กำรวัดและกำรประเมินผลกำรเรียนรู้ ๙.๑ การตอบค าถามจากกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ ๙.๒ ผลงานจากภาระงาน “การพูดโน้มน้าวใจให้คนรักการออกก าลังกาย” ๙.๓ การท าแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ๙.๔ การตอบค าถามกิจกรรมเสนอแนะ


๘๔ ๑๐. แบบกำรประเมินกำรสังเกตพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์คุณภำพกำรสังเกตพฤติกรรมนักเรียนด้ำน......................................... ที่ รำยกำรประเมิน ระดับคุณภำพ ๑ ๒ ๓ ๑ การท างานร่วมกัน - ยอมรับมติการท างาน ของกลุ่ม แต่ปฏิบัติตาม น้อยครั้ง - ยอมรับมติของกลุ่ม - ยอมรับมติของกลุ่ม - รับผิดชอบงานที่รับ มอบหมายจากกลุ่ม ๒ ความกระตือรือร้น - ช่วยเหลืองานภายใน กลุ่มเมื่อมีการร้องขอ - ช่วยเหลืองานในกลุ่ม - ร่ ว ม แ ส ด ง ค ว า ม คิดเห็น - ช่วยเหลืองานภายใน กลุ่ม - ร่วมแสดงความ คิดเห็น - ใฝ่รู้ใฝ่เรียน - ศึกษาค้นคว้า ๓ การตอบค าถาม - มีส่วนร่วมในการตอบ ค าถามน้อยมาก - มีส่วนร่วมในการตอบ ค าถามบางครั้ง - ให้ความร่วมมือในการ ตอบค าถามเป็นอย่างดี ๔ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ - ร่วมกิจกรรมตามที่ กลุ่มขอร้อง - รับฟังแต่แสดงความ คิดเห็นที่คล้อยตาม เพื่อนๆ - ร่วมรับฟังและแสดง ความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่มีประโยชน์


๘๕ แบบกำรประเมินกำรสังเกตพฤติกรรมนักเรียนด้ำนกำรท ำงำนเป็นกลุ่ม ที่ ชื่อ-สกุล รำยกำรประเมิน รวม (๑๒) สรุปผล กำรท ำงำน ร่วมกัน (๓) ควำม กระตือรือร้น (๓) กำรตอบ ค ำถำม (๓) ควำมคิดริเริ่ม สร้ำงสรรค์ (๓) ผ่ำน ไม่ผ่ำน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เกณฑ์กำรประเมิน ๙ - ๑๒ คะแนน ระดับ ๓ = ดี ๕ - ๘ คะแนน ระดับ ๒ = พอใช้ ต่ ากว่า ๕ คะแนน ระดับ ๑ = ควรปรับปรุง สรุปผลกำรประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง เกณฑ์กำรตัดสินใจ ผ่าน ไม่ผ่าน หมำยเหตุ : เกณฑ์เป็นไปตำมที่โรงเรียนก ำหนด ลงชื่อ.................................................................. ..........ผู้ประเมิน )...........................................................................(


๘๖ ๑๑. กิจกรรมเสนอแนะ ๑๑.๑ กิจกรรมส่งเสริมกำรอ่ำนเชิงวิเครำะห์ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้ ขั้นรวบรวมข้อมูล นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๒-๓ คน รวบรวมการโน้มน้าวใจแบบโฆษณาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ขั้นวิเครำะห์ นักเรียนวิเคราะห์ว่าการโน้มน้าวใจนั้นมีลักษณะอย่างไร มีการใช้ถ้อยค าในลักษณะใดหรือสร้าง ความรู้สึกใดแก่ผู้รับสาร ขั้นสรุป กลุ่มของนักเรียนสรุปประเด็นส าคัญแล้วเขียนบันทึกไว้ในสมุดงานด้วยส านวนภาษาของตนเอง ขั้นประยุกต์ใช้ นักเรียนช่วยกันรวบรวมประเด็นส าคัญในขั้นสรุปเขียนติดป้ายนิเทศจัดแสดงไว้หลังห้องเรียน ๑๑.๒ กิจกรรมกำรบูรณำกำร ครูสามารถบูรณาการการเรียนเข้ากับกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สาระที่ ๓ : การ เคลื่อนไหว การออกก าลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล โดยก าหนดภาระงานให้นักเรียนพูด โน้มน้าวใจให้คนรักการออกก าลังกาย


๘๗ ภำระงำน “กำรพูดโน้มน้ำวใจให้คนรักกำรออกก ำลังกำย” กำรบูรณำกำร พ ๓.๒ จุดประสงค์กำรเรียนรู้ เขียนบทพูดโน้มน้าวใจให้คนรักการออกก าลังกายและพูดโน้มน้าวใจหน้าชั้นเรียนได้ ผลงำนที่ต้องกำร บทพูดโน้มน้าวใจให้คนรักการออกก าลังกายและพูดน าเสนอหน้าชั้นเรียน ขั้นตอนกำรท ำงำน ๑. แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ ๓ – ๔ คน ๒. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนบทพูดโน้มน้าวใจให้คนรักการออกก าลังกาย ๓. แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาพูดโน้มน้าวใจให้คนรักการออกก าลังกายหน้า ห้องเรียน ๔. ครูให้ค าแนะน าและข้อเสนอแนะตามความเหมาะสม เกณฑ์กำรประเมิน ๑. ความน่าสนใจของบทพูด ๒. ศิลปะในการพูดโน้มน้าวใจ ๓. การท างานร่วมกัน


๘๘ ๑๒. ใบควำมรู้ ใบงำน และเครื่องมือวัดผล ๑๒.๑ ใบควำมรู้ ใบควำมรู้เรื่อง “กำรเขียนจดหมำย” จดหมำยกิจธุระ จดหมายเป็นความเรียงอย่างหนึ่งที่มีรูปแบบโดยเฉพาะ ต้องมีความระมัดระวังในการเขียนเป็นพิเศษ เพราะความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลและความส าเร็จในการประกอบกิจธุระนั้นขึ้นอยู่กับจดหมายที่มีไปมาถึง กันเป็นส่วนใหญ่ ประเภทของจดหมำย จดหมายมีหลายประเภท ได้แก่ ๑. จดหมายส่วนตัว เป็นจดหมายถึงเพื่อน ญาติ ครู ศิษย์ เพื่อส่งข่าวคราว ถามทุกข์สุข ขอความ ช่วยเหลือ เล่าเรื่องน่ารู้สู่กันฟัง ๒. จดหมายกิจธุระ เช่น จดหมายสมัครงาน ขอค าแนะน าเกี่ยวกับการงานต่างๆ ติดต่อกับห้าง ร้าน บริษัท องค์การต่างๆ ใช้ค าขึ้นต้นว่า “เรียน” และค าลงท้ายว่า “ขอแสดงความนับถือ” ๓. จดหมายธุรกิจ เป็นจดหมายที่บริษัท ห้างร้าน และองค์การต่างๆ เขียนติดต่อกันเกี่ยวกับ พาณิชยกิจและการเงิน ๔. จดหมายราชการหรือหนังสือราชการ เป็นจดหมายส าคัญ เป็นหลักฐานทางราชการ ต้องมีเลขที่ ซองจดหมาย และมีการลงทะเบียนรับส่ง หลักเกณฑ์ในกำรเขียนจดหมำย หลักเกณฑ์ในการเขียนจดหมายมีดังนี้ ๑. เขียนให้ถูกรูปแบบของจดหมายแต่ละประเภท ๒. ใช้ค าขึ้นต้น ค าลงท้าย ให้เหมาะสมกับผู้รับจดหมาย )จดหมายส่วนตัวอาจใช้ภาษาระดับกันเอง ถ้าสนิทสนมกันมาก แต่ก็ควรส ารวมระวังให้สุภาพด้วย( ๓. ใช้ถ้อยค าสุภาพและจริงใจ ๔. รักษาความสะอาดเรียบร้อยในการเขียนหรือพิมพ์ ๕. เขียนด้วยลายมือเรียบร้อยอ่านง่าย ใช้ภาษาถูกต้องตามความนิยม ๖. จ่าหน้าซองให้ถูกต้องสมบูรณ์ ปฏิบัติตามระเบียบการไปรษณีย์เกี่ยวกับอัตราไปรษณียากร การจ่าหน้าซอง และการบอกรหัสไปรษณีย์


๘๙ ตัวอย่ำงจดหมำยกิจธุระ จดหมายลากิจ )ลาหยุดเรียน( ตัวอย่ำงจดหมำยธุรกิจ


๙๐ จดหมายสอบถาม


๙๑ จดหมายตอบแบบสอบถาม


๙๒ กำรใช้ค ำขึ้นต้น ค ำสรรพนำม และค ำลงท้ำยในกำรเขียนจดหมำย ผู้รับ ค ำขึ้นต้น สรรพนำม ค ำลงท้ำย ผู้เขียน ผู้รับ พ่อ, แม่ กราบเท้า...................... ที่เคารพอย่างสูง ลูก, หนู, ผม, กระผมดิฉัน หรือใช้ ชื่อเล่นแทน คุณพ่อ, พ่อ คุณแม่, แม่ ด้วยความเคารพรัก อย่างสูง ญาติผู้ใหญ่ กราบเท้า...................... ที่เคารพอย่างสูงหรือ กราบเรียน..................ที่ เคารพอย่างสูง หลาน, ผม, หนู, กระผม, ดิฉัน หรือ คุณลุง, คุณป้า คุณปู่, คุณย่า, คุณตา, คุณยาย, คุณน้า, คุณอา ด้วยความเคารพรัก อย่างสูง พี่หรือเพื่อนที่ อาวุโสกว่า เรียนคุณพี่ที่เคารพหรือ กราบ........ที่เคารพ น้อง, หนู, ผม, ดิฉัน หรือใช้ชื่อเล่น แทน คุณพี่, คุณ.......... ด้วยความเคารพ, ด้วยความเคารพรัก น้องหรือเพื่อน ......น้องรัก หรือคุณ...... ที่รัก หรือ )ชื่อเล่น( ที่ รัก ฉัน, พี่ เธอ, คุณ, น้อง ด้วยความรัก, ด้วยความรักยิ่ง, รักและคิดถึง บุคคลทั่วไป เรียน ..............หรือเรียน ผู้จัดการบริษัท...... จ ากัด กระผม, ผม, ดิฉัน, ข้าพเจ้า คุณ, ท่าน ขอแสดงความนับถือ พระภิกษุทั่วไป นมัสการ....................... กระผม, ผม, ดิฉัน, ข้าพเจ้า ท่าน, พระ คุณท่าน, พระคุณเจ้า ขอนมัสการด้วย ความเคารพ ครู, อาจารย์ เรียนอาจารย์............... ที่เคารพ กระผม, ผม, ดิฉัน, ข้าพเจ้า คุณครู, อาจารย์ ด้วยความเคารพ อย่างสูง


๙๓ ๑๒.๒ เครื่องมือวัดผล ๑. แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม )ดูท้ายหน่วย( ๒. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน )ดูท้ายหน่วย( ๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม )ดูท้ายหน่วย( ๔. แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประจ าหน่วยการเรียนรู้ เฉลยกิจกรรมและแบบทดสอบ กิจกรรม ๓ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน กิจกรรม ๔ ๑. ขอร้อง ๒. เสนอแนะ ๓. เสนอแนะ ๔. เร้าใจ ๕. ขอร้อง ๖. เสนอแนะ ๗. เร้าใจ


๙๔ แบบทดสอบก่อนเรียนผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนประจ ำหน่วยกำรเรียนรู้ จงเลือกค ำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค ำตอบเดียว ๑. สิ่งส าคัญที่สุดในการเขียนจดหมายกิจธุระคืออะไร ๑. ลายมือเรียบร้อย อ่านง่าย ๒. รูปแบบถูกต้อง ๓. ถ้อยค าสุภาพ ๔. กระดาษที่เลือกใช้สะอาดเหมาะสม ๒. ใครมีมารยาทในการเขียนจดหมายมากที่สุด ๑. ต้อยใช้ปากกาหมึกแดง ๒. แตงใช้กระดาษสีชมพูเข้ม ๓. เตยใช้กระดาษสีขาวมีลายดอกไม้เล็กๆ ๔. ตองใช้ปากกาสีส้มแบบสะท้อน ๓. หากนักเรียนต้องเขียนจดหมายสมัครงานเพื่อท างานในภาคฤดูร้อน เหตุผลใดที่ไม่ควรเขียนในเนื้อความ ของจดหมายสมัครงานนั้น ๑. ต้องการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ๒. ต้องการหาทุนการศึกษา ๓. ต้องการหาเพื่อนใหม่ๆ จากการท างาน ๔. ต้องการหารายได้พิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว ๔. ข้อใดไม่ถือว่าเป็นจดหมายกิจธุระที่ดี ๑. ใช้ภาษากระชับ ๒. ใช้กระดาษสีสุภาพเพื่อความเรียบร้อย ๓. ใช้กระดาษมีเส้นเพื่อความสะดวกในการเขียน ๔. มีตราของหน่วยงานเพื่อความสะดวกในการติดต่อกลับ ๕. ข้อใดไม่ใช่ความส าคัญของการมีมารยาทในการเขียน ๑. รักษามิตร ถนอมน้ าใจผู้รับสาร ๒. สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตามเจตนาของผู้ส่งสาร ๓. ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น ๔. เป็นแนวทางในการด ารงชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม ๖. “คุณครู หนูมาหาครูหลายรอบแล้ว แต่ไม่เจอ ก็เลยไม่ได้ส่งงาน เพราะกันยาเพื่อนหนูบอกว่าเห็นครู ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว ก็เลยไม่รอไว้ พรุ่งนี้หนูจะมาใหม่ ประมาณ ๑๐ โมงเช้าค่ะ” ข้อใดไม่ใช่ข้อบกพร่องของงานเขียนข้างต้น ๑. ใช้ส านวนภาษาไม่เหมาะสม ๒. เว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง ๓. สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ๔. เขียนสะกดค าผิด


๙๕ ๗. ข้อใดไม่ใช่สารโน้มน้าวใจ ๑. การอ่านหนังสือช่วยพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ๒. รับประทานผักผลไม้ทุกวันป้องกันมะเร็งล าไส้ ๓. ห้ามตัดไม้ท าลายป่าในเขตป่าสงวน ๔. น้ าประปามีค่าต่อชีวิต ประหยัดวันละนิด ช่วยเศรษฐกิจชาติได้ ๘. ข้อใดคือสารโน้มน้าวใจ ๑. คนสูบบุหรี่คือเชื้อโรคตัวร้ายที่เราต้องระมัดระวังอย่าเข้าใกล้ ๒. ถ้านักเรียนตั้งใจเรียน เพียรศึกษา อนาคตจะส าเร็จดังประสงค์ทุกประการ ๓. เธอต้องเลิกกินจุบกินจิบเสียทีเพราะนี่ก็ใกล้รองชนะเลิศอันดับหนึ่งเทพีธิดาช้างแล้ว ๔. ลูกไม่อยากให้พ่อกินเหล้า ไม่อยากให้พ่อเมา ลูกกลัว กลัวว่าพ่อจะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูกสิ้นเดือน นี้ ๙. “ลดน้ าหนักอย่างได้ผล ไม่ต้องใช้ยา ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลทันทีภายใน ๒ สัปดาห์ ลดแล้ว ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งอมชมพู ปรึกษาเราโทร.๐๒-๓๒๔-๖๕๖๗” ข้อใดคือจุดประสงค์ของสารโน้มน้าวใจข้างต้น ๑. ต้องการให้ผู้ฟังคล้อยตามและใช้บริการ ๒. ต้องการให้ผู้ฟังเลิกใช้ยาลดความอ้วนแบบเดิม ๆ ๓. ต้องการให้ผู้ฟังใช้บริการต่อไป ๔. ต้องการให้ผู้ฟังเชื่อถือและคล้อยตาม ๑๐. “อากาศเป็นพิษ ชีวิตจะสั้น ต้องท าอย่างไร ให้รอดปลอดภัย ไร้โรคมะเร็ง” ข้อความข้างต้นผิดหลักในการโน้มน้าวใจอย่างไร ๑. ไม่เร้าอารมณ์ผู้ฟังให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม ๒. ไม่แสดงให้เห็นประโยชน์จากการปฏิบัติตาม ๓. ไม่กระตุ้นให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ ๔. ไม่แสดงจุดประสงค์ของสารโน้มน้าวใจให้ชัดเจน เฉลย ๑. ๓ ๒. ๓ ๓. ๓ ๔. ๓ ๕. ๔ ๖. ๔ ๗. ๓ ๘. ๒ ๙. ๑ ๑๐. ๔


Click to View FlipBook Version