The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พื้นฐานงานสำรวจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongpairat, 2022-11-22 09:49:33

พื้นฐานงานสำรวจ

พื้นฐานงานสำรวจ

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ่งุ เนน้ สมรรถนะ

ช่อื วชิ า พน้ื ฐานงานสำรวจ รหัสวิชา 30106 – 0003

ทฤษฎี 1 ปฏิบตั ิ 4 หน่วยกิต 3

 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพ  หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชน้ั สงู

ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม สาขาวิชากอ่ สร้าง

สาขางานกอ่ สร้าง

จดั ทำโดย

ว่าท่ีร้อยตรี ไพรตั น์ ขนุ คำ
ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย

แผนกวชิ าช่างก่อสร้าง

วิทยาลยั เทคนคิ เชยี งราย
สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา

กระทรวงศึกษาธกิ าร

คำนำ

แผนการสอนเล่มนี้ จัดทำขึ้นตามรูปแบบแผนการสอนมุ่งเน้นฐานสมรรถนะวิชาชีพ ในรายวิชา
ชื่อวิชา พื้นฐานงานสำรวจ รหัสวิชา 30106 – 0003 สาขาวชิ าก่อสร้าง หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ
ชนั้ สงู พทุ ธศกั ราช 2563 ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม สาขาวชิ าก่อสร้าง โดยมีจดุ ประสงค์เพ่อื ให้ผู้เรียนศึกษา
และปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการสำรวจเบ้ืองต้น การวัดระยะด้วยเครื่องมอื ชนิดต่าง ๆ การสำรวจ และการเก็บ
รายละเอยี ดสภาพแวดลอ้ มในพน้ื ที่ด้วยเคร่อื งมือชนิดต่าง ๆ เพ่อื การทาแผนท่ี การใช้กล้องระดับ และกล้อง
วัดมุม และการบำรุงรักษาเคร่ืองมืออุปกรณ์ในงานสำรวจโดย แบ่งออกเป็น 5 หน่วยงานศึกษา หลักการ
เบื้องต้นของการสำรวจ ,มาตราส่วนแผนท่ี ,การวัดระยะด้วยเครือ่ งมือและอุปกรณช์ นดิ ต่าง ๆ ,การสำรวจ
ด้วยกลอ้ งระดับ ,การสำรวจด้วยกล้องวัดมุม เพอื่ ให้ในการจัดการเรียนการสอนเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสมั ฤทธต์ิ ามสมรรถนะทก่ี ำหนดไว้

แผนการสอนเล่มนี้ได้รับความอนุเคราะห์และสนับสนุน แนะนำ ตลอดให้คำปรึกษาจากคณะ
ผู้บริหาร หัวหน้าแผนกวิชาช่างก่อสร้าง – โยธา และสถาปัตยกรรม ผู้ทรงคุณวุฒิของวิทยาลัยเทคนิค
เชียงราย สถาบันการอาชีวศึกษา ภาคเหนือ 2 เป็นอย่างดีและขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสน้ี
หากพบข้อผิดพลาดหรือสิ่งที่ควรแก้ไขเพิ่มเติมประการใดหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมก็ขอน้อมรับและ
ผ้จู ดั ทำจะไดท้ ำการปรบั ปรุงและแกไ้ ขต่อไป

วา่ ที่รอ้ ยตรีไพรตั น์ ขนุ คำ
ผจู้ ดั ทำ

สารบญั หนา้

เรอื่ ง ก

คำนำ ค
สารบญั ง
หลักสตู รรายวิชา จ
หนว่ ยการเรียนรู้ ฉ
ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู ร ช
หนว่ ยการเรียนร้แู ละสมรรถนะประจำหนว่ ย
การวดั และประเมินผลรายวชิ า
แผนการเรียนการสอน

หน่วยท่ี 1
หนว่ ยท่ี 2
หน่วยท่ี 3
หน่วยท่ี 4
หน่วยท่ี 5

หลกั สตู รรายวชิ า

ชอื่ วชิ า พน้ื ฐานงานสำรวจ รหสั วิชา 30106 – 0003

ทฤษฎี 1 ปฏิบตั ิ 4 หน่วยกติ 3

 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี  หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี ช้ันสงู

ประเภทวิชาอุตสาหกรรม สาขาวชิ าก่อสร้าง

สาขางานก่อสร้าง

จุดประสงคร์ ายวชิ า เพอ่ื ให้
1. มคี วามเข้าใจหลกั การสำรวจเบ้ืองตน้ การใช้ บารงุ รักษาเคร่อื งมือพน้ื ฐานในงานสำรวจ
2. สามารถเก็บรายละเอียดสภาพแวดล้อมในพื้นที่ด้วยเครื่องมือชนิดต่าง ๆ เพื่อการทำแผนที่
การใช้กลอ้ งระดับและกล้องวดั มมุ และการบารงุ รกั ษาเครอ่ื งมืออปุ กรณ์ในงานสำรวจ
3. มเี จตคตแิ ละกจิ นสิ ัยที่ดใี นการทำงานอย่างมวี นิ ยั ความละเอยี ดรอบคอบ ความปลอดภัย

คำอธิบายรายวิชา
ศึกษาและปฏิบัตเิ กยี่ วกบั หลกั การสำรวจเบื้องต้น การวัดระยะด้วยเครื่องมอื ชนิดตา่ ง ๆ การสำรวจ

และการเก็บรายละเอียดสภาพแวดล้อมในพื้นที่ด้วยเครื่องมือชนิดต่าง ๆ เพื่อการทำแผนที่ การใช้
กล้องระดบั และกลอ้ งวดั มุม และการบำรงุ รักษาเครือ่ งมืออปุ กรณ์ในงานสำรวจ

สมรรถนะรายวชิ า
1. แสดงความรเู้ กยี่ วกับการปฏิบตั ิงานสำรวจเบ้อื งตน้ และการใชเ้ ครื่องมอื พืน้ ฐานในการสำรวจ
2. เตรียมความพรอ้ มของร่างกาย เครอ่ื งมือ วสั ดุอุปกรณใ์ นการปฏบิ ัติงานสำรวจ
3. ปฏิบตั งิ านสำรวจตามขน้ั ตอน
4. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่อหาความรู้และใช้เหตุผลเกี่ยวกับ
งานสำรวจ รวมถงึ การแก้ไขปัญหาเก่ยี วกบั งานก่อสร้าง

หน่วยการเรียนรู้

หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ จำนวน สัปดาห์ท่ี
ชว่ั โมง
1 หลักการเบอ้ื งตน้ ของการสำรวจ 1
2 มาตราส่วนแผนที่ 5 2
3 การวัดระยะดว้ ยเครอ่ื งมอื และอุปกรณช์ นิดตา่ ง ๆ 5 3–6
4 การสำรวจด้วยกลอ้ งระดบั 20 7 – 12
5 การสำรวจดว้ ยกลอ้ งวดั มุม 30 13 – 17
25

สอบปลายภาค 5 18
90
รวมท้ังหมด

ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู ร

ช่อื วิชา พื้นฐานงานสำรวจ รหสั วิชา 30106 – 0003

ทฤษฎี 1 ปฏิบตั ิ 4 หน่วยกิต 3

 หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี  หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้นั สูง

ประเภทวชิ าอุตสาหกรรม สาขาวชิ ากอ่ สร้าง

สาขางานก่อสรา้ ง

พฤตกิ รรม พุทธิพิสยั
ความรู้
ชอ่ื หน่วย ความข้าใจ
นำไปใช้
1. หลกั การเบือ้ งต้นของการสำรวจ วิเคราะห์
2. มาตราส่วนแผนท่ี ัสงเคราะห์
3. การวัดระยะดว้ ยเครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ ประเ ิมน ่คา

ชนิดตา่ ง ๆ ทักษะ ิพ ัสย
4. การสำรวจดว้ ยกลอ้ งระดบั จิตพิ ัสย
5. การสำรวจดว้ ยกล้องวดั มมุ จำนวนคาบ

✓✓✓ ✓✓ 5
✓✓✓✓ ✓✓ 5

✓✓✓✓ ✓✓ 20

✓✓✓✓ ✓✓ 30
✓✓✓✓ ✓✓ 25

สอบปลายภาค 5
สดั สว่ น
25 55 20 90
25 75

หนว่ ยการเรียนรแู้ ละสมรรถนะประจำหน่วย

ชือ่ หน่วย สมรรถนะ

หน่วยท่ี 1 ความรู้ ทักษะ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์
หลักการเบ้อื งต้น 1. หลักการสำรวจ
1. เข้าใจ อธบิ าย เขียน - ความเสียสละ
ของการสำรวจ เบ้อื งตน้ ได้
2. ความหมายและคำ หลักการสำรวจเบ้ืองตน้ ได้ - ซอ่ื สัตย์สจุ ริต

จำกัดความต่าง ๆ ใน 2. อธิบายความหมายและคำ - กตญั ญกู ตเวที
การสำรวจได้
3. ความสำคัญ ของการ จำกดั ความตา่ ง ๆ ในการ - มีจิตสำนึกและเจคติที่ดีต่อ
สำรวจ
4. ลักษณะงานสำรวจ สำรวจได้ วชิ าชีพและสงั คม
5. ชนดิ ของการสำรวจ
6. ประเภทเคร่ืองมอื 3. บอกความสำคญั หลักการ - ความมีวินัย
อุปกรณ์ในงานสำรวจ
7. วธิ ีการบำรงุ รักษา ของการสำรวจ - ความรบั ผิดชอบ
เครื่องมอื และอุปกรณ์
ในงานสำรวจ 4. อธิบายลกั ษณะงานสำรวจ - ความรกั สามัคคี

5. จำแนกชนดิ ของการสำรวจ - มมี นษุ ยสัมพนั ธ์

6. บอกประเภทเครอ่ื งมอื - เช่อื มนั่ ในตนเอง

อปุ กรณ์ในงานสำรวจ - ขยนั

7. บอกวธิ กี ารบำรงุ รกั ษา - ประหยดั

เคร่อื งมือและอุปกรณ์ในงาน - พึง่ ตนเอง

สำรวจ - ปฏิบัติงานโดยคำนงึ ถึง

ความปลอดภัยอาชีว อนามัย

- การอนุรักษ์พลังงานและ

ส่งิ แวดลอ้ ม

- ความสนใจใฝร่ ู้

- ความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์

หนว่ ยการเรยี นร้แู ละสมรรถนะประจำหนว่ ย

ชื่อหน่วย ความรู้ สมรรถนะ คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์
1. ความหมายของมาตรา ทักษะ - ความเสยี สละ
หนว่ ยท่ี 2 1. บอกความหมายของมาตรา - ซอ่ื สัตย์สุจริต
มาตราส่วนแผนท่ี สว่ นแผนท่ี สว่ นแผนที่ - กตัญญกู ตเวที
2. ชนดิ ของมาตราสว่ น 2. จำแนกชนิดของมาตราสว่ น - มีจิตสำนึกและเจคติที่ดีต่อ
3. คำนวณเกีย่ วกับ 3. คำนวณเกย่ี วกับมาตราส่วน
4. ใชม้ าตราส่วนได้ วชิ าชีพและสังคม
มาตราสว่ น 5. คำนวนเกย่ี วกับมาตราสว่ น - ความมวี ินยั
- ความรับผิดชอบ
- ความรกั สามัคคี
- มมี นษุ ยสมั พันธ์
- เชือ่ มัน่ ในตนเอง
- ขยัน
- ประหยดั
- พ่งึ ตนเอง
- ปฏบิ ตั ิงานโดยคำนึงถึง

ความปลอดภยั อาชีว อนามัย
- การอนุรักษ์พลังงานและ

สิ่งแวดล้อม
- ความสนใจใฝร่ ู้
- ความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์

หนว่ ยการเรยี นรแู้ ละสมรรถนะประจำหน่วย

ชื่อหน่วย ความรู้ สมรรถนะ คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์
ทักษะ - ความเสยี สละ
หน่วยท่ี 3 1. การนบั ระยะช่วงก้าว 1. นบั ระยะช่วงก้าวและ - ซ่ือสตั ย์สจุ ริต
อธิบายการนับระยะชว่ งกา้ ว - กตญั ญกู ตเวที
การวัดระยะด้วย 2. การวัดระยะดว้ ยโซ่ – 2. อธบิ ายการวดั ระยะดว้ ยโซ่ - มีจิตสำนึกและเจคติที่ดีต่อ
– เทป
เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ เทป 3. ตรวจสอบการวัดระยะดว้ ย วิชาชีพและสงั คม
โซ่ – เทปได้ - ความมวี นิ ยั
ชนิดตา่ ง ๆ 3. การตรวจสอบการวดั 4. อธิบายการตรวจสอบการ - ความรับผิดชอบ
วดั ระยะดว้ ยโซ่ – เทป - ความรกั สามคั คี
ระยะด้วยโซ่ – เทป 5. เก็บรายละเอยี ดดว้ ยวิธสี กดั - มีมนษุ ยสมั พันธ์
ได้ - เชอ่ื มั่นในตนเอง
4. หลักการเก็บรายระ 6. อธิบายการเกบ็ รายระเอยี ด - ขยัน
ด้วยวิธรี ะยะสกัด - ประหยัด
เอียดดว้ ยวธิ ีระยะสกัด 7. เกบ็ รายละเอียดด้วยวิธี - พึ่งตนเอง
ระยะฉากได้ - ปฏบิ ตั งิ านโดยคำนงึ ถงึ
5. หลักการเกบ็ 8. อธิบายหลกั การเก็บ
รายละเอยี ดดว้ ยวิธีระยะ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย
รายละเอยี ดด้วยวธิ ี ฉาก - การอนุรักษ์พลังงานและ

ระยะฉาก สิ่งแวดล้อม
- ความสนใจใฝร่ ู้
- ความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์

หนว่ ยการเรยี นรู้และสมรรถนะประจำหนว่ ย

ชอื่ หน่วย ความรู้ สมรรถนะ คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์
ทกั ษะ

หน่วยท่ี 4 1. หลักการใช้กลอ้ งระดับ 1. อธบิ ายหลักการใช้กล้อง - ความเสยี สละ

การสำรวจด้วย 2. ความหมายและคำ ระดับและต้ังระดับกล้อง - ซื่อสตั ย์สจุ รติ

กลอ้ งระดบั จำกดั ความต่าง ๆ ใน ระดบั - กตญั ญูกตเวที

งานระดบั 2. บอกความหมายและคำ - มีจิตสำนึกและเจคติที่ดีต่อ

3. การบำรุงรกั ษากล้อง จำกัดความต่าง ๆ ในงาน วชิ าชพี และสังคม

ระดับ ระดับ - ความมีวินัย

4. การตงั้ ระดับกล้อง 3. บำรงุ รักษากล้องระดับ - ความรับผิดชอบ

ระดบั และอา่ นคา่ ไม้ 4. ตัง้ ระดบั กลอ้ งระดับและ - ความรักสามคั คี

ระดบั อา่ นคา่ ไม้ระดบั - มีมนษุ ยสัมพันธ์

5. การสร้างหมุด 5. สรา้ งหมดุ หลกั ฐานการ - เชื่อมัน่ ในตนเอง

หลักฐานการระดบั ระดับ - ขยัน

6. การทำระดบั แบบหา 6. ทำระดับแบบหาความสูง - ประหยดั

ความสงู ตา่ งต่อเน่อื ง ต่างตอ่ เน่ืองระหวา่ งจุดสอง - พึ่งตนเอง

ระหว่างจุดสองจดุ จุด - ปฏบิ ัตงิ านโดยคำนึงถึง

7. การทำระดับแบบ 7. ทำระดับแบบวงรอบเปิด ความปลอดภัยอาชวี อนามยั

วงรอบเปิด 8. ทำระดบั แบบวงรอบปดิ - การอนุรักษ์พลังงานและ

8. การทำระดบั แบบ 9. อธิบาย คำนวณ และ สงิ่ แวดลอ้ ม

วงรอบปิด วิเคราะห์ชั้นของงานระดบั - ความสนใจใฝ่รู้

9. ชน้ั ของงานระดบั ได้ - ความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์

10. ความคลาดเคลื่อนใน 10. อธิบายความคลาดเคลือ่ น

การทำระดบั ในการทำระดับ

11. การทำระดบั แบบสาม 11. ทำระดับแบบสามสายใย

สายใย 12. ทำระดับของจุดต่าง ๆ เป็น

12. การทำระดบั ของจุด ชุดตอ่ เนื่องกนั

ตา่ ง ๆ เป็นชดุ

ตอ่ เนอ่ื งกนั

หนว่ ยการเรียนรแู้ ละสมรรถนะประจำหนว่ ย

ชอ่ื หน่วย สมรรถนะ

ความรู้ ทักษะ คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์

หนว่ ยที่ 5 1. หลักการใช้กลอ้ งวดั 1. อธิบายหลกั การใชก้ ล้องวดั - ความเสียสละ

การสำรวจด้วย มมุ มมุ และต้ังระดับกลอ้ งวัดมมุ - ซื่อสัตยส์ จุ รติ

กล้องวดั มุม 2. การตง้ั ระดบั กล้องวดั 2. อธิบายการตัง้ กล้องวัดมุมให้ - กตญั ญูกตเวที

มมุ ตรงหมดุ และตั้งระดบั กล้อง - มีจิตสำนึกและเจคติที่ดีต่อ

3. การบำรุงรกั ษากลอ้ ง วดั มุม วชิ าชีพและสงั คม

ระดับ 3. การวดั มุมราบแบบวดั - ความมีวินัย

4. การตั้งกลอ้ งวดั มุมให้ ทศิ ทาง - ความรบั ผิดชอบ

ตรงหมดุ 4. อธบิ ายการวัดมมุ ราบแบบ - ความรกั สามัคคี

5. การวัดมุมราบแบบวดั วดั ทศิ ทาง - มีมนษุ ยสัมพนั ธ์

ทิศทาง 5. การวดั มุมดง่ิ - เช่อื ม่นั ในตนเอง

6. การวัดมมุ ดง่ิ 6. อธบิ ายการวัดมุมดง่ิ - ขยนั

7. การวางแนวเสน้ ตรง 7. อธบิ ายการวางแนวเส้นตรง - ประหยดั

โดยใช้กลอ้ งหน้าเดียว โดยใชก้ ล้องหนา้ เดยี ว - พงึ่ ตนเอง

8. การวางแนวเส้นตรง 8. อธบิ ายการวางแนวเส้นตรง - ปฏบิ ตั ิงานโดยคำนงึ ถงึ

โดยใช้กล้องสองหนา้ โดยใช้กล้องสองหนา้ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั

9. อธิบายการวางแนวเส้นตง้ั - การอนุรักษ์พลังงานและ

ฉาก ส่ิงแวดล้อม

10. บำรงุ รักษากล้องวัดมุม - ความสนใจใฝร่ ู้

- ความคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์

การวดั และประเมนิ ผลรายวิชา

รายวชิ าน้ีแบง่ เปน็ 5 หนว่ ยการเรยี น การวัดและประเมินผลจะดำเนนิ การดงั น้ี

1. วธิ ีการใชก้ ารประเมินผลอัตรานส่วน 75 : 25 จากข้อมลู ต่อไปน้ี

• จิตพสิ ยั 20 คะแนน

• แบบฝกึ หดั หรอื งาน 10 คะแนน

• รายงานหรอื ผลงาน 30 คะแนน

• คะแนนสอบกลางภาค 15 คะแนน

• คะแนนสอบปลายภาค 25 คะแนน

รวม 100 คะแนน

2. เกณฑผ์ า่ นผทู้ ่ีจะผา่ นวิชานี้จะต้อง
2.1 นกั ศึกษาต้องมเี วลาเรียนไมต่ ่ำกวา่ 80% ของเวลาเรยี นทง้ั หมด
2.2 นกั ศกึ ษาจะต้องผา่ นการประเมินตามข้อ 1 คะแนนไมต่ ่ำกวา่ 50%

3. เกณฑ์คา่ ระดับคะแนน

3.1 พิจารณาตามเกณฑ์ผ่านรายวิชาตามข้อ 2 ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ข้อ 2 จะได้รับ ค่าระดับ

คะแนนเปน็ 0

3.2 ผทู้ ีส่ อบผา่ นเกณฑข์ ้อ 2 จะไดร้ ับค่าระดบั คะแนน ตามเกณฑ์ดังนี้

คะแนนร้อยละ 80 - 100 ได้ 4.0

คะแนนร้อยละ 75 - 79 ได้ 3.5

คะแนนร้อยละ 70 - 74 ได้ 3.0

คะแนนร้อยละ 65 - 69 ได้ 2.5

คะแนนร้อยละ 60 - 64 ได้ 2.0

คะแนนร้อยละ 55 - 59 ได้ 1.5

คะแนนร้อยละ 50 - 54 ได้ 1.0

คะแนนร้อยละ 0 - 49 ได้ 0

รายการตรวจสอบและอนญุ าตให้ใช้

 เหน็ ควรอนญุ าตให้ใชก้ ารสอนได้
 เห็นควรปรับปรงุ เกีย่ วกบั

 ควรอนุญาตให้นำไปใช้สอนได้ ลงชอื่
 ควรปรับปรุงเก่ียวกับ. (นางสาวมัทนา เมืองมลู )
 อ่นื ๆ
หัวหนา้ สาขาวิชาชา่ งก่อสร้าง
 อนุญาตใหน้ ำไปใชส้ อนได้ //
 อ่ืน ๆ
ลงช่ือ
(นายดนยั เกี๋ยงแก้ว)

รองผ้อู ำนวยการฝา่ ยวิชาการ
//

ลงชอ่ื
(นายทวีผล แปงณวี งค์)

ผูอ้ ำนวยการวทิ ยาลยั เทคนิคเชยี งราย
//

แผนการจัดการเรียนรมู้ ุง่ เน้นสมรรถนะ หน่วยที่ 1
สอนคร้งั ที่ 1
ชือ่ หนว่ ย หลักการเบื้องต้นของการสำรวจ ชว่ั โมงรวม 5
ชื่อวิชา หลักการเบื้องตน้ ของการสำรวจ รหัสวชิ า 30106 – 0003 จำนวนชั่วโมง 5

1. สาระสำคัญ

หลักการเบ้ืองต้นของการสำรวจ
1.1 ความสำคัญ การที่จะให้มนุษย์แลเห็นไกลออกไปมากกว่าที่จะแลเห็นด้วยตาเปล่า ทำให้

เกิดความรู้ความเข้าใจถึงลักษณะภูมิประเทศและรูปร่างลกั ษณะของโลกจ าเปน็ จะต้องอาศยั แผนที่
แผนผังการทำแผนที่เป็นวิชาแขนงหน่ึงของวทิ ยาศาสตร์ ซึ่งการที่จะได้แผนที่แผนผังต้องใชว้ ิธกี าร
สำรวจ

1.2 ความหมาย “การสำรวจ” (Surveying) คือ การเก็บรายละเอียดทั่วไป โดยใช้หลักการ
“การสังเกต” (Observation) และการวัดระยะเพื่อที่จะทำขอบเขตของพื้นที่ ขนาด ปริมาณ
ตำแหน่ง สภาพต่าง ๆ ของจุดที่สำรวจ ของพื้นที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ (อาคาร บ้านเรือน ฟาร์ม
เหมอื งแร่ ฯลฯ) อยา่ งไรก็ตาม งานสำรวจตอ้ งส้ินสุดดว้ ยการรายงานข้อมูลของการสำรวจในแบบท่ี
เหมาะสม

2. สมรรถนะประจำหนว่ ย

เพ่ือใหผ้ เู้ รียนมีความรูท้ ่วั ไปเกี่ยวกบั การสารวจ อธิบายลกั ษณะงานสารวจ บอกชนิดของ
การสารวจ ประเภทเครื่องมืออปุ กรณใ์ นงานสารวจและวธิ ีการบารุงรกั ษาเคร่ืองมือและอปุ กรณใ์ น
งานสารวจ

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

3.1 ด้านความรู้
3.1.1 หลกั การสำรวจเบื้องตน้
3.1.2 ความหมายและคำจำกดั ความต่าง ๆ ในการสำรวจ
3.1.3 ความสำคัญของการสำรวจ
3.1.4 ลกั ษณะงานสำรวจ
3.1.5 ชนิดของการสำรวจ
3.1.6 ประเภทเคร่ืองมืออุปกรณ์ในงานสำรวจ
3.1.7 วธิ ีการบำรงุ รกั ษาเครื่องมือและอุปกรณใ์ นงานสำรวจ

3.2 ด้านทักษะ
3.2.1 เข้าใจ อธบิ าย เขียน หลกั การสำรวจเบอ้ื งตน้
3.2.2 อธบิ ายความหมายและคำจำกดั ความตา่ ง ๆ ในการสำรวจ
3.2.3 บอกความสำคญั หลักการของการสำรวจ
3.2.4 อธิบายลกั ษณะงานสำรวจ
3.2.5 จำแนกชนดิ ของการสำรวจ
3.2.6 บอกประเภทเครอ่ื งมืออุปกรณ์ในงานสำรวจ
3.2.7 บอกวิธกี ารบำรุงรักษาเครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ในงานสำรวจ

3.3 คุณลกั ษณะที่พึ่งประสงค์
3.3.1 ความเสยี สละ
3.3.2 ซอื่ สัตยส์ จุ รติ
3.3.3 กตัญญูกตเวที
3.3.4 มีจิตสำนึกและเจคตทิ ่ีดตี ่อวชิ าชพี และสังคม
3.3.5 ความมีวนิ ยั
3.3.6 ความรับผดิ ชอบ
3.3.7 ความรักสามัคคี
3.3.8 มมี นุษยสัมพนั ธ์
3.3.9 เช่ือมั่นในตนเอง
3.3.10 ขยัน
3.3.11 ประหยัด
3.3.12 พึ่งตนเอง
3.3.13 ปฏบิ ัติงานโดยคำนึงถึงความปลอดภยั อาชีวอนามยั
3.3.14 การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดลอ้ ม
3.3.15 ความสนใจใฝ่รู้
3.3.16 ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์

4. เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้

4.1 หลักการสำรวจเบือ้ งต้น
4.2 ความหมายและคำจำกดั ความต่าง ๆ ในการสำรวจ
4.3 ความสำคญั ของการสำรวจ
4.4 ลักษณะงานสำรวจ
4.5 ชนดิ ของการสำรวจ
4.6 ประเภทเคร่ืองมืออุปกรณ์ในงานสำรวจ
4.7 วธิ ีการบำรงุ รกั ษาเคร่อื งมือและอุปกรณ์ในงานสำรวจ

5. กิจกรรมการเรียนการสอน

5.1 การนำเข้าส่บู ทเรยี น
5.1.1 ให้ผู้เรยี นทำสมาธิก่อนเรียน 5 นาที เพ่อื นำไปส่กู ารเป็นผู้ทีป่ ระพฤติดีแล้วทำการ
เชค็ รายชื่อ
5.1.2 ผู้สอนสนทนาซกั ถามความรู้เบ้ืองต้นเก่ยี วกบั เร่อื งหลักการเบื้องต้นของการสำรวจ
โดยใช้สือ่ Power Point
5.1.3 ผสู้ อนกลา่ วนำเขา้ สูบ่ ทเรียนเรอ่ื งหลกั การเบือ้ งตน้ ของการสำรวจ

5.2 การเรียนรู้
5.2.1 ผู้สอนบรรยายความรู้เกี่ยวกับหลักการสำรวจเบื้องต้น โดยใช้สื่อ Power Point
และคลิปวีดีโอ
5.2.2 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับหลักการสำรวจเบื้องต้น และดูคลิปวีดีโอประกอบการ
เรยี นการสอน
5.2.3 ผู้สอนบรรยายเกี่ยวกับความหมายและคำจำกัดความต่าง ๆ ในการสำรวจ โดยใช้
ส่ือ Power Point และคลปิ วีดโี อ
5.2.4 ผูเ้ รยี นฟังบรรยายเกี่ยวกับความหมายและคำจำกัดความต่าง ๆ ในการสำรวจและดู
คลปิ วดี โี อประกอบการเรียนการสอน
5.2.5 ผู้สอนบรรยายเกี่ยวกับความสำคัญของการสำรวจ โดยใช้ สื่อ Power Point และ
คลิปวีดีโอ
5.2.6 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับความสำคัญของการสำรวจและดูคลิปวีดีโอประกอบการ
เรียนการสอน
5.2.7 ผู้สอนบรรยายเกย่ี วกบั ลกั ษณะงานสำรวจ โดยใช้ สอ่ื Power Point และคลิปวีดีโอ
5.2.8 ผู้เรยี นฟังบรรยายเกย่ี วกับลกั ษณะงานสำรวจและดูคลปิ วีดีโอประกอบการเรียนการ
สอน
5.2.9 ผสู้ อนบรรยายเกยี่ วกับชนิดของการสำรวจ โดยใช้ สื่อ Power Point และคลปิ วดี ีโอ
5.2.10 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับชนิดของการสำรวจและดูคลิปวีดีโอประกอบการเรียน
การสอน
5.2.11 ผู้สอนบรรยายเกี่ยวกับประเภทเครื่องมืออุปกรณ์ในงานสำรวจ โดยใช้ สื่อ Power
Point และคลิปวีดีโอ
5.2.12 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับประเภทเครื่องมืออุปกรณ์ในงานสำรวจและดูคลิปวีดีโอ
ประกอบการเรียนการสอน
5.2.13 ผสู้ อนบรรยายเก่ียวกบั วิธีการบำรุงรักษาเครื่องมือและอปุ กรณ์ในงานสำรวจ โดยใช้
สือ่ Power Point และคลิปวีดีโอ

5.2.14 ผูเ้ รียนฟังบรรยายเกย่ี วกบั วธิ กี ารบำรงุ รักษาเครอื่ งมือและอปุ กรณ์ในงานสำรวจและ
ดูคลปิ วดี ีโอประกอบการเรยี นการสอน

5.2.15 ผเู้ รียนตอบคำถามท่ผี สู้ อนซกั ถาม
5.2.16 ผเู้ รียนลงมอื ปฏิบัติทำตามใบงานท่ผี สู้ อนมอบหมายให้
5.3 การสรปุ
5.3.1 ผู้เรยี นส่งงานจากการปฏบิ ตั ิใบงาน
5.3.2 ผสู้ อนวิจารณแ์ ละอภปิ รายผลงาน
5.3.3 ผสู้ อนและผูเ้ รยี นสรปุ บทเรยี น
5.3.4 ผู้สอนสรุปทางสงั คมโดยชมเชย และประเมนิ ผล
5.4 การวดั และประเมนิ ผล
5.4.1 เครอ่ื งมือวดั ผลการเรยี นรู้

ใบงานหน่วยเรือ่ ง หลักการเบอื้ งตน้ ของการสำรวจ
วิธกี ารวัด

ประเมินจากการปฏิบัติตามใบงานหน่วยเร่อื ง หลกั การเบ้อื งตน้ ของการสำรวจ
เกณฑ์การประเมิน

ผเู้ รยี นปฏิบตั ิใบงานไดค้ ะแนนรวม 80% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ
5.4.2 เครอ่ื งมอื วัดพฤติกรรมการเรยี นรู้

แบบประเมินผลหนว่ ยการเรียนรู้
วธิ ีการวัด

ประเมนิ ประเมนิ ผลหนว่ ยการเรยี นรู้
เกณฑ์การประเมิน

ผู้เรียนได้รับผลการประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ด้วยคะแนนรวม 80 % ขึ้นไป
ถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมิน

6. ส่อื การเรียนรู้/แหล่งการเรยี นรู้

6.1 สอ่ื ส่ิงพิมพ์
6.1.1 ใบเนื้อหาเรื่อง หลกั การเบ้ืองต้นของการสำรวจ
6.1.2 ใบงานเรอื่ ง หลกั การเบื้องตน้ ของการสำรวจ

6.2 สอ่ื โสตทศั น์
6.2.1 สื่อ Power Point
6.2.2 คลปิ วีดโี อ

6.3 หุน่ จำลองหรือของจรงิ
6.3.1 –

6.4 อ่นื ๆ
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

7. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ )

7.1 ใบเนื้อหา
7.2 ใบงาน
7.3 ใบเฉลย

8. การบูรณาการ/ความสัมพันธก์ ับวชิ าอื่น

8.1 บรูณากับวิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝึกปฏิบัตติ น
ทางสงั คมด้านการเตรียมความพร้อม ความรับผดิ ชอบ และความสนใจใฝร่ ู้

8.2 บรณู าการกับวิชาวศิ วกรรมการทาง ด้านการออกแบบถนน
8.3 บรูณาการกบั วิชางานสำรวจเพอ่ื การก่อสร้างอาคาร
8.4 บรณู าการกับวชิ าการสำรวจเพ่ือการกอ่ สรา้ งงานโยธา

9. การวัดและประเมนิ ผล

9.1 ก่อนเรียน
9.1.1 จัดเตรยี มเอกสาร สอ่ื การเรียนการสอนตามท่ีผสู้ อนและบทเรยี นกำหนด
9.1.2 ทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียน และการให้ความร่วมมือในการทำ
กจิ กรรม

9.2 ขณะเรียน
9.2.1 ปฏิบตั ิใบงานเรอ่ื ง หลกั การเบื้องต้นของการสำรวจ
9.2.2 ศึกษาใบเนื้อหาเร่อื ง หลกั การเบ้ืองต้นของการสำรวจ
9.2.3 ร่วมกันสรปุ เนือ้ หาเร่ือง หลกั การเบอื้ งตน้ ของการสำรวจ

9.3 หลงั เรียน
9.3.1 ตรวจผลใบงาน
9.3.2 วดั ประเมนิ ผลตามหน่วยเรียนรู้

10. การบูรณาการกับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และคุณลักษณะ 3D

• หลักความพอประมาณ
1. ผ้เู รียนจดั สรรเวลาในการฝึกปฏบิ ตั ติ ามใบงานไดอ้ ย่างเหมาะสม
2. กำหนดเนอ้ื หาเหมาะสมกับเกณฑ์การประเมินเรือ่ งหลักการเบ้อื งต้นของการสำรวจ
3. ผเู้ รยี นปฏิบัตติ นเปน็ ผนู้ ำและผตู้ ามท่ดี ี

4. ผู้เรียนเป็นสมาชกิ ที่ดขี องเพือ่ นและสังคม

• หลักความมีเหตุผล
1. เห็นคณุ คา่ ในของหลักการเบ้ืองตน้ ของการสำรวจ
2. กลา้ แสดงความคดิ อยา่ งมเี หตุผล
3. กลา้ ทักท้วงในสงิ่ ที่ไมถ่ ูกต้องอยา่ งถูกกาลเทศะ
4. กล้ายอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่น
5. ใช้วัสดถุ กู ต้องและเหมาะสมกับงาน
6. ไมม่ ีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผ้อู ่ืน
7. คดิ สิ่งใหม่ ๆ ท่เี กดิ ประโยชน์ต่อตนเองและสงั คม
8. มีความคดิ วิเคราะหใ์ นการแก้ปญั หาอย่างเป็นระบบ

• หลักความมีภูมคิ ุ้มกัน
1. ผู้เรียนได้รับความรู้ที่ถูกต้อง พร้อมทั้งกำหนดเนื้อหาได้ครบถ้วนถูกต้องตามชื่อเรื่อง หลักการ
เบอ้ื งตน้ ของการสำรวจและมสี าระสำคญั สมบูรณ์
2. มกี ารเตรียมความพร้อมในการเรยี นและการปฏบิ ัตงิ าน
3. กล้าซกั ถามปญั หาหรือข้อสงสยั ต่างๆ อยา่ งถูกกาลเทศะ
4. แก้ปญั หาเฉพาะหน้าได้ดว้ ยตนเองอย่างเป็นเหตุเป็นผล
5. ควบคุมอารมณข์ องตนเองได้
6. ควบคุมกิรยิ าอาการในสถานการณต์ ่าง ๆ ไดเ้ ปน็ อย่างดี
การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงหรือตามปรัชญาของเศรษฐกจิ

พอเพียงนั้น ตอ้ งอาศยั ท้งั ความรู้และคณุ ธรรมเป็นพืน้ ฐานดังนี้

• เง่ือนไขดา้ นความรู้
1. ผเู้ รยี นได้ใชก้ ระบวนการคิดในการเรียนรู้หลักการเบื้องต้นของการสำรวจ (ความสนใจใฝ่รู้ ความ
รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั )
2. มีความรู้ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งหลักการเบื้องตน้ ของการสำรวจ
3. ปฏบิ ัติงานด้วยความละเอยี ดรอบคอบ
4. มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกบั หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง

• เงือ่ นไขคณุ ธรรม
1. ปฏบิ ัตงิ านท่ีไดร้ ับมอบหมายเสร็จตามกำหนด (ความรบั ผิดชอบ)
2. มคี วามเพียรพยายามและกระตือรือรน้ ในการเรยี นและการปฏบิ ัติงาน (ความขยนั ความอดทน)
3. ให้ความร่วมมือกบั การทำกจิ กรรมของส่วนรวม อาสาช่วยเหลืองานครแู ละผู้อ่นื (แบง่ ปัน)

11.บนั ทกึ หลงั การสอน

11.1 ผลการใช้แผนการจดั การเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.2 ผลการเรียนรขู้ องนักเรียน ผู้เรียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ................................................ครูผสู้ อน ลงชอ่ื ...............................................หวั หน้าแผนกฯ
(..................................................) (.................................................)

วนั ที.่ ........เดอื น.......................พ.ศ. ............. วนั ท.่ี ........เดอื น.......................พ.ศ. .............



ใบความร้ทู ่ี 1 หน่วยท่ี 1
ชอ่ื วิชา พน้ื ฐานการสำรวจ สอนสปั ดาห์ที่ 1
ช่อื หนว่ ย หลกั การเบอ้ื งตน้ ของการสำรวจ จำนวน 5 ช่ัวโมง
ชอื่ เร่ือง หลักการเบ้ืองต้นของการสำรวจ

1. ความสำคญั ความหมายของการสำรวจ
1.1 ความสำคัญ การทจ่ี ะให้มนษุ ย์แลเห็นไกลออกไปมากกว่าที่จะแลเหน็ ด้วยตาเปล่า ทำให้เกิดความรู้

ความเข้าใจถึงลักษณะภูมิประเทศและรูปร่างลักษณะของโลกจ าเป็นจะต้องอาศัยแผนที่ แผนผังการทำแผนที่
เป็นวิชาแขนงหน่งึ ของวิทยาศาสตร์ ซึ่งการทีจ่ ะได้แผนทแี่ ผนผงั ต้องใชว้ ธิ ีการสำรวจ

1.2 ความหมาย “การสำรวจ” (Surveying) คือ การเก็บรายละเอียดทั่วไป โดยใช้หลักการ
“การสงั เกต” (Observation) และการวัดระยะเพอื่ ทจ่ี ะทำขอบเขตของพ้ืนท่ี ขนาด ปรมิ าณ ตำแหนง่ สภาพตา่ ง
ๆ ของจุดที่สำรวจ ของพื้นที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ (อาคาร บ้านเรือน ฟาร์ม เหมืองแร่ ฯลฯ) อย่างไรก็ตาม งาน
สำรวจต้องสิ้นสดุ ดว้ ยการรายงานขอ้ มูลของการสำรวจในแบบท่เี หมาะสม

2. จุดประสงคก์ ารสำรวจ
2.1 เพื่อนำเอาลักษณะภูมิประเทศและรูปร่างลักษณะของพื้นผิวโลกให้เข้ามาใกล้ตัวมนุษย์โดยไม่ต้อง

ไปดู สัมผัสกับพื้นที่จรงิ
2.2 เพือ่ ใหไ้ ดแ้ ผนทแ่ี ผนผัง อันใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงส่ิงตา่ ง ๆ ได้

3. ชนดิ ของการสำรวจ

3.1 การสำรวจทางธรณวี ทิ ยา(Geodetic Survey) จะใช้กับการสำรวจทำเหมอื งแร่
3.2 การสำรวจภมู ปิ ระเทศ(Topographic Survey) จะใช้กบั การสำรวจท าแผนท่ีตา่ ง ๆ สำรวจทำเส้น
ชน้ั ความสูง(Contour Line)
3.3 การสำรวจเส้นขอบเขตพื้นที่(Cadastral Survey) จะใช้กับการสำรวจเกี่ยวกับการรังวัดที่ดิน
ขอบเขตของประเทศ การสำรวจเส้นทาง
3.4 การสำรวจวิศวกรรม(Engineering Survey) จะใช้ในการสำรวจบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง (Site

Survey)

4. ขั้นตอนในการสำรวจ
4.1 การเก็บข้อมูลท่ัวไป เพื่อทจ่ี ะเกบ็ ลกั ษณะรปู รา่ ง หน้าตาทั่ว ๆ ไปของงานทจ่ี ะสำรวจเสียก่อนก่อนที่

จะลงมอื สำรวจเกบ็ รายละเอียดตา่ ง ๆ
4.2 การสังเกตและการวดั ในการสำรวจพ้ืนทีต่ ้องมีการรังวัด เพื่อที่จะหาตำแหน่งของหมุดต่าง ๆ และ

หาขนาดรปู ร่างตามธรรมชาติ รวมทั้งสงิ่ ตา่ ง ๆ ท่ธี รรมชาตสิ รา้ งหรือมนษุ ยส์ รา้ งขึ้นในพนื้ ที่น้นั ๆ

4.3 การเสนอรายงาน ในการสำรวจถือวา่ เปน็ การรายงานข้อมูลจากการสำรวจในแบบที่เหมาะสมเปน็
สิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะการรายงานจะต้องถูกต้อง ชัดเจน และเป็นที่เข้าใจสำหรับคนอื่นที่จะดูรายงานนั้น ๆ ซ่ึง
อาจจะเป็นการเขยี นรายงาน การแสดงรายการ ปรมิ าตรของงาน รายงานิแสดงข้อมลู การเขียนแผนผัง หรอื แผน
ที่แสดงลักษณะขนาด รูปร่าง ลักษณะภูมิประเทศ สิ่งปลูกสร้างของพื้นที่ โดยมีขนาดตามมาตราส่วนตามท่ี
ต้องการ

5. การใช้ และวิธีการเกบ็ รักษาเครื่องมอื ในงานสำรวจ
ในการสำรวจรังวัด เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลถือว่าเป็นสิ่งจ าเป็นอย่างยิ่งที่นักสำรวจ

ต้องตระหนักและระลึกอยูเ่ สมอว่า “เครื่องมือสำรวจเป็นหัวใจของการสำรวจ” แม้ว่าจะเป็นนักสำรวจที่เก่งกาจ
เชี่ยวชาญแค่ไหน แต่ถ้าขาดเครื่องมือที่จะใช้เก็บรวบรวมข้อมูล หรือถึงจะมีเครื่องมือแต่เครื่องมือเหล่านั้นไม่
สมบูรณ์ ไม่พร้อมที่จะใช้งาน มีความคลาดเคลื่อนในการรงั วัดการทำงานสำรวจนัน้ ๆจะไม่ประสบผลสำเร็จลงได้
นอกจากนั้นเครื่องมือสำรวจยังเป็นเครื่องมือเฉพาะอาชีพ มีราคาสูง ไม่ใช่มีจำหน่ายโดยทั่วไปในท้องตลาด ถ้า
เกิดการชำรุด เสียหาย หรือสูญหายย่อมก่อให้เกิดปัญหาอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในสนาม ดังนั้นการนำ
เครอ่ื งมือสำรวจออกไปใช้งานอย่างระมัดระวัง ถนอม ทำนุบำรงุ ดแู ล เกบ็ รกั ษาให้อยู่ในสภาพทดี่ ีท่ีสุดมีอายุการ
ใช้งานที่ยาวนานจะทำให้เกิดการคุ้มค่าต่อการลงทุน ซึ่งวิธีการใช้และการเก็บรักษาเครื่องมือสำรวจสามารถ
ปฏิบัติได้ ดงั นี้

5.1 การยก-การถือเครื่องมือ ควรกระทำด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอาเครื่องมือ
ออกจากกล่อง หรือหีบห่อที่ใชบ้ รรจุ เพราะเครื่องมือไม่มีเกราะป้องกันอันตราย และต้องปิดเก็บกล่องเครือ่ งมอื
ให้สนิททันทีเพื่อป้องกันความชื้น หรือสิ่งไม่พึงประสงค์เข้าไปในกล่องเครื่องมืออันจะทำให้เครื่องมือเกิดความ
เสียหาย และสัมผัสกบั ความชน้ื ภายนอกได้

5.2 การติดตงั้ เครื่องมือ ตอ้ งปักยดึ ขาตั้งใหม้ ัน่ คงเรียบร้อยเสยี ก่อน แลว้ จงึ นำเคร่อื งมือเข้าประกอบ
ตดิ ตง้ั กบั ขาต้ัง

5.3 การขนย้ายเครื่องมือ เวลาจะขนย้ายเครื่องมือจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ต้องรัดขาตั้งให้
เรียบรอ้ ย ในกรณีท่ีไมถ่ อดเครอ่ื งมอื ออกจากขาตั้งตอ้ งยึดตวั เครือ่ งมือให้แน่น รดั ขาตัง้ แลว้ ยกขาตั้งแบกข้ึนใส่บ่า
ใหต้ วั เครอ่ื งมืออยู่ข้างหน้าคนแบก ใชม้ ือข้างหนึ่งจับประคองเคร่ืองมือไว้ แต่ถา้ เคล่ือนย้ายไม่ไกลมากนัก อาจใช้
มือจับขาตั้งเอาแขนรัดขาตั้งแนบเข้าข้างล าตัวบริเวณใต้รักแร้ส่วนอีกมือจับประคองเครื่องมือหันไปข้างหน้า
เอาไวใ้ นขณะขนย้าย

5.4 การกำหนดจดุ ตัง้ เครื่องมือ ไมต่ ั้งเครือ่ งมือในจุด หรอื บรเิ วณที่จะทำใหเ้ กิดอุบตั ิเหตุได้ง่าย แต่ถ้า
มีความจำเป็นจริงๆ จะต้องคอยยืนเฝ้าเครื่องมืออย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และการร่มเอาไว้เพื่อให้มองเห็นได้
ชัดเจน เชน่ บนทางเดิน บนถนน หรอื ในบริเวณพน้ื ทก่ี อ่ สร้างต่างๆ โดยเลอื กตง้ั เครอ่ื งมือในบรเิ วณท่ีมดี ินแขง็

พอทีจ่ ะรบั นำ้ หนักได้ ไม่ควรตง้ั ในพื้นหิน คอนกรตี หรือพื้นที่เป็นดนิ เลน ยกเว้นมฐี านรองรบั บงั คับขาตั้ง
เครือ่ งมือไว้

5.5 การต้งั ขาเคร่ืองมอื ไมค่ วรต้งั ขาเครอื่ งมอื กวา้ ง หรอื แคบจนเกนิ ไป อนั เปน็ สาเหตใุ หเ้ คร่อื งมอื ทรุด
หรือล้มได้ในขณะปฏิบัติงาน การปักขาตั้งเครื่องมือต้องกดขาตั้งลงพื้นไปตามแนวความลาดของขาตั้งโดยออก
แรงพอประมาณ ไมก่ ดขาตง้ั ลงพ้ืนไปในแนวด่งิ จะทำใหข้ าตั้งหกั ได้

5.6 การยืนในการปฏิบัติงาน ไม่ยืนคล่อมขาตั้งเคร่ืองมือ ตอ้ งยืนอยู่ตรงบริเวณช่องว่างระหว่างขาต้ัง
เครื่องมือเท่านั้น ไม่ยืนเกาะขาตั้งหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องมือโดยที่ไม่จำเป็น ให้จับหรือแตะต้องเฉพาะ
ส่วนทจ่ี ะใช้งานเทา่ นนั้

5.7 การหมุนปรับตั้งขณะใช้งานเครื่องมือ ไม่หมุนหรือคลายสกรู เพื่อปรับตั้งส่วนต่างๆของขาตั้ง
ในขณะปฏิบัติงานอยู่ให้แนน่ จนเกนิ ไปจะทำให้คลายสกรลู าบากหรอื คลายไม่ออก เป็นเหตทุ ำให้เกลียวของสกรู
เสีย ในการหมุนปรับตั้งส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องมือจะต้องหมุนปรับด้วยความระมัดระวังเป็นที่สุดโดย
ยดึ ถอื หลักทว่ี า่ “หมนุ ปรับตงั้ ดว้ ยความระวังหนักแนน่ แต่นม่ิ นวล”

5.8 การใช้เครื่องมือวัดระยะ ไม่ดึงด้วยแรงที่มากเกินไปจะทำให้เครื่องมือยืด หรือขาดเสียห ายได้
ควรออกแรงดงึ ด้วยแรงทก่ี ำหนดตามคู่มือการใชเ้ คร่ืองมือวัดระยะชนิดนน้ั ๆ

5.9 การใช้เข็มทิศ เมื่อเลิกใช้งานแล้วต้องหมุนล็อกเข็มทิศในแนว 00 ̊ เสมอ และไม่ควรหมุนสกรูล็
อกให้แน่นเกินไปจะทำใหเ้ ข็มทศิ เสียหายได้

5.10 การใช้กล้องระดับ กล้องวัดมุม เมือ่ เลิกใชง้ านแลว้ ต้องตรวจดูสภาพของกลอ้ งใหอ้ ยใู่ นสภาพเดิม
และชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ อยูใ่ นตำแหน่งปกติพร้อมทจ่ี ะใช้งานได้ทันทีในครั้งต่อไปโดยในขณะท่ีมีหมอก ไอน้ำ
หรือมลี ะอองฝนหา้ มนำกลอ้ งออกจากกล่องโดยเดด็ ขาด เพราะจะทำใหค้ วามชน้ื เข้าไปเกาะภายในเลนส์และจาน
องศา ทำใหเ้ กดิ สนิมและเปน็ ราเกาะอยู่ภายในไมส่ ามารถใชง้ านได้ต่อไป

5.11 การบำรุงรักษาเครื่องมือ เมื่อเลิกใช้งานแล้วต้องทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งให้อยู่ในสภาพ
สะอาด เรียบร้อยไม่ให้เปรอะเปื้อนดิน โคลน หรือเปียกน้ำ ต้องเช็ดทำความสะอาดให้แห้งสนิท มีการหยอ
นำ้ มันหล่อล่นื เฉพาะเครือ่ งมอื นั้น ๆ ในบางชิ้นสว่ นของเคร่ืองมอื เพ่ือป้องกันสนิมและเชอื้ รา

5.12 การเช็ดเลนส์ ให้ใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นทำความสะอาดแล้วใช้ผ้าสำหรับเช็ดเลนส์โดยเฉพาะทำ
ความสะอาดเลนส์ก่อนเก็บเคร่อื งมอื เข้ากล่องหรือหีบห่อ ห้ามใช้มอื หรือผ้าทไี่ ม่สะอาดเช็ดเลนส์โดยเด็ดขาด

5.13 การเก็บเครื่องมือ ตอ้ งเกบ็ เครื่องมือในห้องหรือสถานทท่ี ี่ไม่มคี วามชน้ื ภายในอากาศมากควรเก็บ
ในห้องที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้จะเป็นการดีที่สุด และควรเปิดกล่องหรือหีบห่อเพื่อผึ่งแดดเป็นบางครั้งใน
กรณที เ่ี กบ็ เคร่ืองมือเปน็ เวลานาน ๆโดยทไี่ ม่ได้เปิดออกมาใช้งาน

5.14 การขนย้ายเครื่องมือ เมื่อเลิกปฏิบัติงานแล้วควรขนย้ายเครื่องมือด้วยความระมัด ระวังไม่ให้
กระทบกระเทือนหรอื สน่ั สะเทือนตกหลน่ กระแทกเปน็ อนั ขาด ควรทนถุ นอมรักษาเครอ่ื งมือใหด้ ีในขณะขนยา้ ย

6. สัญญาณมือทใี่ ช้ในการปฏบิ ตั ิงานสำรวจ
การปฏิบัติงาน สำรวจต้องทำงานกันเป็นทีมเป็นกลุ่ม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องติดต่อ สื่อสาร

ประสานงานให้เข้าใจซึ่งกันและกันในการปฏิบัติงาน โดยปฏิบัติงานในภูมิประเทศที่มีพื้นที่แตกต่างกันตาม
ลักษณะของพื้นผิวโลก ซึ่งมีระยะทางที่ห่างไกลกัน การติดต่อสื่อสารประสานงานกันในทีมผู้ปฏิบัติงานถ้าใช้

เสียงพูดหรือตะโกนจะต้องใช้เสียงดังมาก เกิดการสะท้อนของเสียงได้เป็นผลให้การสื่อสารเกิดการเข้าใจผิด
ระหว่างคนพูดกับคนฟัง ท าใหก้ ารสอื่ สารผดิ เป้าหมายไปนอกจากน้ันการสง่ เสียงดังยงั เป็นการรบกวนบุคคลอ่ืน
ท่สี ัญจรไปมาอยู่ในบริเวณนนั้ ทอี่ าจจะเขา้ ใจผิดเอาได้ ดงั นนั้ จึงมีความจ าเปน็ อยา่ งยงิ่ ที่ตอ้ งนำสญั ญาณมือมาใช้
ในการปฏิบัติงานสำรวจซึ่งนักสำรวจที่ดีจะต้องเข้าใจในสัญญาณมือ เพื่อให้การสื่อสารเป็นที่เข้าใจตรงกัน
สามารถปฏิบัติงานได้สะดวกรวดเร็วการใช้สัญญาณมือในการปฏิบัติงานสำรวจผู้ให้สัญญาณและผู้รับสัญญาณ
ต้องยืนหันหน้าเข้าหากันเพื่อความสะดวกในการมองเห็นสัญญาณ แต่ในบางกรณีผู้รับสัญญาณไม่สามารถ
มองเห็นผู้ให้สัญญาณได้จึงต้องใช้คนรับสัญญาณช่วงอยู่ระหว่างกลางเพื่อถ่ายทอดสัญญาณอีกทอดหนึ่ง ผู้รับ
สัญญาณเมื่อเห็นสัญญาณแล้วต้องทำตามคำสั่งนั้น ซึ่งสัญญาณมือเป็นสัญญาณสากลที่นิยมใชต้ อนเครื่องบินจะ
ขนึ้ -ลง จึงนำมาปรับใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะการปฏิบัติงานสำรวจโดยสญั ญาณมือทน่ี ักสำรวจต้องทราบและใช้
ใหเ้ กิดความชำนาญจนเคยชนิ เปน็ นิสยั ได้แก่

1. สัญญาณว่าได้ที่หรือตรงเป้าหมายแล้วโดยการย่ืน
แขนออกข้างลำตวั ทง้ั สองข้างสูงระดับเสมอไหลใ่ ห้คว่ำฝ่ามือแล้ว
โบกแขนขึ้นลงช้า ๆ เหมือนนกบินจนกว่าผู้รับหรือผู้ส่งสัญญาณ
จะมองเห็นและเข้าใจแล้วจึงหยดุ เอาแขนลง

2. สญั ญาณว่าใหน้ ่งิ หรือตรงจุดแล้วโดยการย่ืนแขนออก สญั ญาณไดท้ ี่ ตรงเปา้ หมาย, ให้น่ิง
ข้างลำตัวทั้งสองข้างสูงระดับเสมอไหล่ให้คว่ำฝ่ามือแล้วหยุดนิ่ง
อย่กู ับที่

3.สัญญาณให้ไปทางซ้ายหรือขวาโดยการยกมือข้างท่ี สัญญาณใหไ้ ปทางขวา สญั ญาณใหไ้ ปทางซ้าย
ต้องการให้เคลื่อนที่ขึ้นมาสูงระดับเสมอไหล่ ให้งอข้อศอกหันฝ่า
มือออกข้างลำตัวแล้วโบกผลักออกไปข้างลำตัวช้า ๆ ทำซ้ำกัน
หลายๆครงั้ จนกว่าผู้รบั สัญญาณจะเคล่ือนท่ีไปถงึ จุดที่ต้องการจึง
หยุดเอามือลง(ถ้าต้องการให้ไปทางซ้ายก็ให้ยกมือซ้าย ถ้า
ต้องการให้ไปทางขวาให้ยกมือขวา) สัญญาณให้ไปทางขวา
สญั ญาณให้ไปทางซา้ ย

4. สัญญาณให้หยุดอยู่ท่ีเดิม หรือตงั้ ทเ่ี ดิมโดยการยกมือ
ข้างใดข้างหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะ แขนเหยียดตรงหันฝ่ามือไป
ข้างหน้าชูมือค้างนิ่งไว้เหนือศีรษะ จนกว่าผู้รับสัญญาณจะเข้าใจ
และทำตามแล้วจึงเอามือลง

สัญญาณใหอ้ ยู่ทเี่ ดิม

5. สัญญาณชีจ้ ดุ ที่ต้องการหรือใหเ้ ล็งแนวเปน็ สัญญาณที่ สัญญาณชี้จุดทตี่ ้องการ
ผอู้ ยู่ข้างหนา้ เมื่อได้พบหมุดท่ีจะเลง็ แล้ว ใหย้ กหลักเล็งหรือไม้วัด สญั ญาณใหต้ ั้งไมใ้ นแนวดิง่
ระดับชูขึ้นเหนือศีรษะ ด้วยมือทั้งสองข้างในลักษณะแนวราบ
ขนานกับพื้น แล้วหมุนกลับเอาลงมาตั้งที่พื้นดินในแนวดิ่ง ทำ
ซ้ำกันหลายๆ ครั้งจนกว่าผู้ส่องกล้อง(ผู้รับสัญญาณ) จะเข้าใจ
และตอบกลับมาจงึ หยดุ กระทำ

6. สัญญาณให้ต้ังหลักเลง็ หรอื ไม้วดั ระดบั ให้ไดใ้ นแนวดิง่
ในกรณที ่ีผถู้ อื หลกั เล็งหรือไมว้ ัดระดบั เอียงไปข้างใดขา้ งหนงึ่ เม่ือ
ต้องการให้ถือหลักเล็งหรือไม้วัดระดับให้ตั้งตรงในแนวดิ่ง ให้ยก
มือข้างใดขา้ งหน่ึงข้ึนเหนือศรี ษะ แขนเหยียดตรงหันฝ่ามือเข้าหา
ศีรษะแล้วโบกมือเข้า-ออกจากศีรษะไปทางข้างกระทำหลายๆ
ครั้ง จนกว่าผู้รับสัญญาณจะเข้าใจและท าตามแล้วจึงเอามือลง
(ต้องการให้ไปทางซ้ายก็ให้ใช้มือซ้ายต้องการให้ไปทางขวาก็ให้ใช้
มอื ขวา)และเม่ือได้ทีแ่ ล้วกใ็ หส้ ญั ญาณให้น่งิ เหมือนข้อ 2

7.สัญญาณให้เปลี่ยนจุดตั้งกล้องหรือเปลี่ยนจุดตั้งไม้วัด สัญญาณใหเ้ ปล่ยี นจุดตั้งไมห้ รือจดุ ตั้ง
ระดับ เมื่อต้องการย้ายจุดตั้งกล้อง หรือต้องการให้ย้ายจุดตั้งไม้ กลอ้ ง
วัดระดบั ไปตั้งท่จี ุดต่อไป จงึ ต้องใหส้ ัญญาณกับคนถือไม้วัดระดับ
หรือคนส่องกล้อง โดยการยกมือข้างใดข้างหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะ สญั ญาณแจ้งจดุ เปล่ยี นที่ตั้งไม้
แขนเหยียดตรงหันฝ่ามือไปข้างหน้าแล้วโบกหมุนมือเป็นวงกลม
หลายๆรอบจนกว่าผู้รับสัญญาณจะเข้าใจและทำตามแล้วจึงเอา
มือลง

8.สัญญาณผู้ถือไม้วัดระดับแจ้งจุดเปลี่ยนที่ตั้งไม้วัด
ระดับแล้วเป็นสัญญาณที่ผู้ถือไม้วัดระดับแจ้งผู้ส่องกล้องเมื่อได้
พบหมุดที่เป็นจุดเปลี่ยนที่ตั้งไม้ระดับแล้วโดยให้ยกไม้วัดระดับ
ชูขึ้นเหนือศีรษะด้วยมือทั้งสองข้างในลักษณะแนวราบขนานกับ
พน้ื แล้วหมนุ กลบั เอาลงมาตั้งท่พี ืน้ ดนิ ในแนวดง่ิ ทำซำ้ กนั หลายๆ
ครั้งจนกว่าผู้ส่องกล้อง(ผู้รับสัญญาณ) จะเข้าใจและตอบกลับมา
จงึ หยุดกระทำ

9. สัญญาณให้โยกไมว้ ัดระดับไปมาในกรณีท่ีผู้ส่องกล้อง สัญญาณให้โยกไม้วดั ระดับไป-มา
มองไม่เห็นหลักเล็งหรือไม้ระดับชัดเจนต้องการให้ผู้ถือหลักเล็ง
หรือไมว้ ดั ระดบั โยกหลักเลง็ หรอื ไมว้ ัดระดบั ไปมา ใหย้ กมือข้างใด
ข้างหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะ แขนเหยียดตรงหนั ฝ่ามอื ไปข้างหน้าแล้ว
โบกมือไปมาทางข้างช้า ๆ กระทำหลายๆครั้งจนกว่าผู้รับ
สัญญาณจะเข้าใจและทำตามแล้วจงึ เอามอื ลง

10. สัญญาณให้หมุนหน้าไม้วัดระดับให้ตรงแนวแกน สัญญาณใหโ้ ยกไม้วัดระดับไป-มา
กล้องบางครั้งผู้ถือหลักเล็งหรือไม้วัดระดับไม่ตรงกับแนวแกน
กล้องหรือเมื่อต้องการให้หันหน้าไม้วัดระดับมาตรงกับแนวแกน
กล้อง ให้ยกมือทั้งสองข้าง ขึ้นเหนือศีรษะ แขนเหยียดตรงหัน
ฝ ่ามือไปห าผู้รับสัญญาณแล้วห ยุดน ิ่งค้างเอาไว้ จน กว่าผู้รับ
สญั ญาณจะเขา้ ใจและทำตามแลว้ จึงเอามือลง

11. สัญญาณให้กลับหัวไม้วัดระดบั หรือกลับหัวหลักเลง็ สัญญาณให้กลับหวั ไมว้ ดั ระดบั
แนวในบางครั้งผู้ถือหลักเล็งหรือไม้วัดระดับกลับหัวกลับปลาย สญั ญาณยดื ไม้วัดระดับออกให้สดุ
เมื่อต้องการให้หมุนกลับหลักเล็งหรือไม้วัดระดับใหม่ ให้ยก
แขนขวาและแขนซา้ ยขึ้นเหนือศีรษะ แขนเหยียดตรงแล้วโบกข้ึน
ลง สลับกนั โดยแขนขา้ งหน่ึงแนบชดิ ติดกบั ลำตวั แขนอกี ข้างหนึ่ง
โบกขึ้นเหนือศีรษะ ทำสลับกันขึ้นลงช้า ๆ กระทำหลายๆคร้ัง
จนกวา่ ผรู้ ับสัญญาณจะเขา้ ใจและทำตามแลว้ จึงเอามอื ลง

12. สญั ญาณให้ดงึ ไม้วัดระดับออกให้หมดความยาวของ
ไม้ในบางครั้งผู้ถือไม้วัดระดับเลื่อนไม้วัดระดับออกไม่หมดความ
ยาวเพ่อื ความสะดวกในการใชง้ านเมื่อต้องการให้เล่ือนหรือยืดไม้
วัดระดับออกให้สุดความยาว ให้ยื่นแขนทั้งสองข้างออกไป
ข้างหน้าข้างลำตัวในระดับเอวในลักษณะหงายฝ่ามือ แล้วค่อยๆ
ยก มือขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะทั้งสองแขน แล้วลดมือลง ให้ทำใหม่
ทำซ้ำ กันหลายๆ เที่ยว(ทำคล้ายๆกับการกำลังยกของขึ้นมา
ชา้ ๆ ) จนกว่าผ้รู ับสัญญาณจะเขา้ ใจและทำตามแลว้ จงึ หยดุ ทำ

13. สัญญาณให้เคลื่อนที่ต่อไปเมื่อต้องการให้ผู้รับ สัญญาณให้เคล่ือนทตี่ ่อไป
สัญญาณเคล่ือนทต่ี ่อไปขา้ งหนา้ อีก ใหย้ กมือท้ังสองข้างขึ้นมาอยู่ สัญญาณใหถ้ อยย้อนกลับมา
ในระดับไหลใ่ นลักษณะงอขอ้ ศอกตั้งขน้ึ หนั ฝา่ มอื ไปข้างหน้าแล้ว สัญญาณใหเ้ ลื่อนขน้ึ - ลง
เหยียดแขนออกไปข้างลำตัวทั้งสองข้างในระดับไหล่ ทำซ้ำกัน
หลายๆ เที่ยว ช้า ๆ จนกว่าผู้รับสัญญาณจะเข้าใจและทำตาม
หรือเดินไปจนถงึ ท่หี มายแลว้ จงึ หยุดทำ

14. สัญญาณให้ถอยย้อนกลับมายังจุดที่ในกรณีที่ผู้ถือ
หลกั เลง็ หรือไม้วัดระดับเดินเลยไปจากจุดท่ีต้องการ เม่ือต้องการ
ให้ถอยย้อนกลับมายงั จดุ ทตี่ ้องการ ให้ยกมอื ข้างใดขา้ งหน่งึ ข้ึนมา
อยู่ในระดับไหล่ งอข้อศอกตั้งขึ้นหันฝ่ามือไปข้างหน้า แล้วให้
เหยียดแขนออกไปข้างลำตัวในระดับไหล่ กระทำซ้ำกันหลายๆ
ครั้ง จนกว่าผู้รับสัญญาณจะเข้าใจและเดินกลับมายังจุดที่
ต้องการแลว้ จงึ เอามือลง

15. สัญญาณให้เลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงในกรณีที่ต้องการ
ให้ผู้ถือหลักเล็งหรือไม้วัดระดับ ขยับเลื่อนหลักเล็งหรือไม้วัด
ระดับข้ึนหรือลง ใหย้ น่ื แขนข้างใดข้างหนึ่งออกมาขา้ งลำตัวขึ้นมา
อยู่ในระดับไหล่ถ้าต้องการให้เลื่อนขึ้นก็ให้หงายฝ่ามือ แล้วยก
แขนขึ้นช้า ๆ กระทำซ้ำกันหลายๆครั้ง และถ้าต้องการให้เลื่อน
ลงก็ให้คว่ำฝ่ามือ แล้วลดแขนลงช้า ๆ แนบกับล าตัว กระทำ
ซ้ำกันหลายๆครั้ง จนกว่าผู้รับสัญญาณจะเข้าใจและกระทำตาม
แล้วจงึ เอามอื ลง

16. สญั ญาณเรียกใหก้ ลบั เขา้ มาหาเมื่อต้องการเรียก สัญญาณเรียกให้กลับเข้า
ให้ผู้รับสัญญาณเดินกลับมาหาให้ชแู ขนข้างใดข้างหนึง่ ขึ้นมา
อยเู่ หนือศรี ษะฝ่ามอื คว่ำชีค้ ่อนมาข้างหน้า แลว้ โบกหมนุ แขน
ลงเปน็ วงลงมาด้านหน้าคลา้ ยการหมุนของเข็มนาฬิกา ทำซ้ำ
กันหลายๆ รอบ จนกว่าผู้รับสัญญาณจะเข้าใจและเดินกลับ
เขา้ มาหาแลว้ จงึ หยดุ ทำเอามอื ลง

17. สัญญาณให้เก็บเครื่องมือเมื่อเสร็จสิ้นการทำงานใน สญั ญาณใหเ้ กบ็ เคร่อื งมือ
สนามแล้วต้องการเก็บเครื่องมือ อุปกรณ์ ให้ยื่นแขนตรงทั้งสอง
ข้างออกไปข้างลำตัว โดยหันฝ่ามือเข้าหาลำตัวห่างจากสะโพก
เพียงเล็กน้อยแล้วงอข้อศอกแกว่งมือทั้งสองข้างเข้ามาด้านหน้า
ในระดับเอวพร้อม ๆ กันในลักษณะปรบมือหน้าหัวเข็มขัดก็ได้
ทำซำ้ กันหลายๆ เทย่ี วจนกว่า ผู้รบั สญั ญาณจะเขา้ ใจและทำตาม
แล้วจึงหยดุ ทำ

7. ขนาดของแผนท่ี
7.1 แผนท่ี (Maps) จะมมี าตราสว่ นขนาดเลก็ สามารถแสดงรปู รา่ ง หนา้ ตาของพืน้ ภูมิประเทศไดก้ วา้ งๆ

ส่วนมากจะใช้สัญลกั ษณแ์ ทนหนา้ ตาของวตั ถุScale ทีใ่ ช้ 1 : 1,000 ขึ้นไป
7.2 แผนผงั (Plans) จะแสดงรปู ร่างของสง่ิ ต่างๆบนพนื้ ภูมปิ ระเทศได้อยา่ งถูกต้องครบถว้ นมี

Scale ขนาด 1 : 1,000 ลงมา แตท่ ีน่ ิยมใชก้ ันคือ 1 : 500

8. มาตราสว่ นแผนท่ี
ในการสำรวจพื้นที่ การเสนอรายงานการสำรวจมักจะอยู่ในรูปของแผนที่(มีมาตราส่วนขนาดเลก็ ขนาด

1 : 1,000 ขึ้นไป) หรือแผนผัง(มีมาตราสว่ นขนาดใหญ่ ขนาด 1 : 1,000 ลงมาที่นิยมใช้กันคือ 1 : 500) หรืออยู่
ในรูปของไดอะแกรม(Diagram) พร้อมด้วยรายละเอียดที่บันทึกในแบบที่เหมาะสม(สมุดสนาม หรือ Field
Books) มีมาตราส่วนก าหนดใช้สญั ลักษณ์แทนสิ่งตา่ งๆ ที่มีในพื้นภูมิประเทศ รวมทั้งการคำนวณต่างๆที่ได้จาก
ขอ้ มลู

8.1 แผนที่มาตรส่วนเล็ก (Small Scale Surveys) จะต้องใช้สัญลักษณ์แสดงหน้าตาของวัตถุที่มีใน
บริเวณสำรวจ โดยไม่บันทึกขนาดที่แน่นอนของวัตถุนั้น ส่วนมากใช้ มาตราส่วน หรือ Scale 1 : 2,000 ถึง
1 : 1,000,000

8.2 แผนที่มาตรส่วนใหญ่ (Large Scale work) จ าเปน็ ตอ้ งแสดงรายละเอียดของอาคารท่ตี ้องเขียนลง
ในแผนทีด่ ว้ ย แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามถ้าวัตถุท่ีไมส่ ามารถระบุรายละเอียดไดจ้ ะต้องใช้สัญลักษณ์แทนหน้าตาของวัตถุที่
มใี นบริเวณสำรวจ โดยท่ัวไปจะใชม้ าตราส่วน หรอื Scale 1 : 1,000 ถงึ 1 : 10,000

9. คุณสมบตั ิประจำตัวนกั สำรวจ
งานสำรวจรังวัดไมส่ ามารถทำงานคนเดียวได้ ต้องทำงานกนั เป็นทีมเป็นกลุ่ม พบปะอยู่ร่วมกันกับคน

หมู่มาก มกี ารเจรจาชแี้ จงให้ ข้อมลู ดว้ ยเหตุด้วยผล การเปน็ นักสำรวจจงึ มิใช่แคป่ ระกอบอาชีพในงานสำรวจเพ่ือ
หาเงินมาเลี้ยงชีพเท่านั้น แต่ต้องร่วมกับกลุ่มบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในการประกอบอาชีพทางด้านนี้ ที่จะต้อง
รว่ มกนั แกไ้ ขปญั หาอปุ สรรคต่าง ๆ ทเี่ กดิ ข้นึ ในการปฏบิ ัติงาน ดังนน้ั การมคี วามรู้ ความชำนาญและประสบการณ์

ที่ได้พบเห็นมาจึงไม่เพียงพอที่จะเป็นนักสำรวจที่ดีได้ สิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งคือต้องมีคุณลักษะหรือ
คณุ สมบัตปิ ระจำตวั สำหรบั นกั สำรวจควบคไู่ ปดว้ ย ซึง่ นักสำรวจที่ดตี ้องมคี ณุ สมบัติดังนี้

9.1 เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ จะต้องกระทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นคนที่มีคุณค่าต่อผู้อ่ืน
เสมอ พดู จาสุภาพมสี ัมมาคารวะ รับฟงั ความคิดเห็นของคนอื่น ชว่ ยเหลือผู้อนื่

9.2 เป็นผู้มีวินัย ตรงต่อเวลา มีความเที่ยงตรงในตนเองและส่วนรวม ยึดถือความยุติธรรมประจำใจ
ประพฤติตนถูกตอ้ งตามระเบยี บของสังคม มีศลี ธรรมอนั ดีงาม

9.3 เป็นผู้รับผิดชอบ ตั้งใจทำงาน ทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อย มีมาตรฐาน ไม่ประมาทสะเพร่า
ปฏิบตั ิงานตามหนา้ ทต่ี นเอง ทำงานเสรจ็ ตามกำหนดเวลามีความปลอดภยั ตอ่ ตนเองและผู้อืน่

9.4 เป็นผู้มีความอดกลั่น มีสติ สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี เป็นคนสุขุมรอบครอบควบคุม
กริ ิยามารยาทในสถานการณ์ทไี่ ม่พงึ ประสงคไ์ ด้ เปน็ คนมอี ารมณ์ดอี ย่เู สมอ

9.5 เป็นผู้มีความเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง แสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
พดู ความจรงิ ยอมรับความเปน็ จริงไม่นำผลงานของคนอ่ืนมาแอบอา้ งเป็นของตนเอง

แผนการจดั การเรียนรมู้ ่งุ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี 2
สอนคร้ังท่ี 2
ชอ่ื หนว่ ย มาตราส่วนแผนท่ี ชั่วโมงรวม 5
ชื่อวชิ า มาตราสว่ นแผนท่ี รหสั วชิ า 30106 – 0003 จำนวนชั่วโมง 5

1. สาระสำคญั

1.1 ความสำคญั มนุษย์สามารถรูค้ วามเขา้ ใจถงึ ลักษณะภูมปิ ระเทศและรูปรา่ งลักษณะของ
พื้นโลก สามารถแลเห็นไกลออกไปมากกว่าทจี่ ะแลเหน็ ด้วยตาเปล่าจำต้องอาศัยแผนท่ีแผนผังซึ่งใน
การทำแผนที่แผนผังเราไม่สามารถนำแผนที่แผนผังเท่าของจริงมานำเสนอได้เพราะมีขนาดกว้าง
ใหญ่มากจึงต้องจัดทำให้มีขนาดที่พอเหมาะแก่การใช้งานแต่ยังคงรายละเอียดลักษณะภูมปิ ระเทศ
และรูปร่างลักษณะของพื้นโลกไว้เช่นเดิม การที่จะกระทำเช่นนั้นได้จึงต้องใช้มาตราส่วนในการ
ดำเนินการ

1.2 ความหมาย “มาตราส่วน” (Scale) หมายถึง อัตราส่วนความยาวจริงในพื้นที่กับ
ความยาวในแผนที่ หรือหมายถึง ระยะเปรียบเทยี บระหวา่ งระยะจรงิ ในภูมิประเทศกับระยะในแผน
ที่

2. สมรรถนะประจำหนว่ ย

แสดงความรูท้ ่วั ไปเกี่ยวกับมาตราส่วน บอกความหมายของมาตราส่วนแผนท่ีชนิดของ
มาตราสว่ น และวธิ ีการคานวณเกี่ยวกบั มาตราสว่ น

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้
3.1.1 ความหมายของมาตราส่วนแผนที่
3.1.2 ชนิดของมาตราสว่ น
3.1.3 คำนวณเกยี่ วกับมาตราส่วน

3.2 ด้านทักษะ
3.2.1 บอกความหมายของมาตราส่วนแผนท่ี
3.2.2 จำแนกชนดิ ของมาตราสว่ น
3.2.3 บอกความสำคญั หลกั การของการสำรวจ
3.2.4 คำนวณเก่ยี วกบั มาตราส่วน
3.2.5 ใชม้ าตราสว่ นได้
3.2.6 คำนวนเก่ียวกับมาตราส่วน

3.3 คุณลกั ษณะที่พึ่งประสงค์
3.3.1 ความเสยี สละ
3.3.2 ซอื่ สตั ยส์ จุ ริต
3.3.3 กตญั ญูกตเวที
3.3.4 มจี ติ สำนึกและเจคตทิ ่ีดีต่อวชิ าชพี และสงั คม
3.3.5 ความมีวนิ ยั
3.3.6 ความรบั ผดิ ชอบ
3.3.7 ความรักสามัคคี
3.3.8 มมี นษุ ยสัมพนั ธ์
3.3.9 เชือ่ ม่นั ในตนเอง
3.3.10 ขยนั
3.3.11 ประหยัด
3.3.12 พึ่งตนเอง
3.3.13 ปฏบิ ตั ิงานโดยคำนึงถึงความปลอดภยั อาชีวอนามัย
3.3.14 การอนรุ ักษ์พลงั งานและสงิ่ แวดลอ้ ม
3.3.15 ความสนใจใฝร่ ู้
3.3.16 ความคดิ รเิ รมิ่ สร้างสรรค์

4. เน้ือหาสาระการเรยี นรู้

4.1 ความหมายของมาตราส่วนแผนที่
4.2 ชนิดของมาตราส่วน
4.3 คำนวณเก่ยี วกบั มาตราส่วน

5. กิจกรรมการเรยี นการสอน

5.1 การนำเขา้ สู่บทเรียน
5.1.1 ให้ผเู้ รียนทำสมาธิก่อนเรียน 5 นาที เพอ่ื นำไปสู่การเป็นผู้ที่ประพฤติดีแล้วทำการ
เช็ครายชอ่ื
5.1.2 ผู้สอนสนทนาซักถามความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องมาตราส่วนแผนที่ โดยใช้สื่อ
Power Point
5.1.3 ผูส้ อนกล่าวนำเขา้ สบู่ ทเรยี นเรือ่ งมาตราสว่ นแผนที่

5.2 การเรยี นรู้
5.2.1 ผู้สอนบรรยายความรู้เกี่ยวกับความหมายของมาตราส่วนแผนท่ี โดยใช้สื่อ Power
Point และคลปิ วดี โี อ

5.2.2 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับความหมายของมาตราส่วนแผนท่ี และดูคลิปวีดีโอ
ประกอบการเรยี นการสอน

5.2.3 ผู้สอนบรรยายเกี่ยวกับชนิดของมาตราส่วน โดยใช้ สื่อ Power Point และคลิป
วีดีโอ

5.2.4 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับชนิดของมาตราส่วนและดูคลิปวีดีโอประกอบการเรียน
การสอน

5.2.5 ผู้สอนบรรยายเกี่ยวกับคำนวณเกี่ยวกับมาตราส่วน โดยใช้ สื่อ Power Point และ
คลปิ วดี ีโอ

5.2.6 ผู้เรียนฟังบรรยายเกีย่ วกับคำนวณเกี่ยวกบั มาตราส่วนและดูคลิปวีดีโอประกอบการ
เรียนการสอน

5.2.7 ผ้เู รียนตอบคำถามทีผ่ สู้ อนซกั ถาม
5.2.8 ผ้เู รยี นลงมอื ปฏิบัติทำตามใบงานท่ีผ้สู อนมอบหมายให้
5.3 การสรุป
5.3.1 ผู้เรียนสง่ งานจากการปฏบิ ตั ิใบงาน
5.3.2 ผูส้ อนวิจารณ์และอภิปรายผลงาน
5.3.3 ผสู้ อนและผเู้ รียนสรปุ บทเรยี น
5.3.4 ผู้สอนสรุปทางสงั คมโดยชมเชย และประเมนิ ผล
5.4 การวดั และประเมนิ ผล
5.4.1 เคร่อื งมอื วดั ผลการเรยี นรู้

ใบงานหนว่ ยเรอื่ ง มาตราสว่ นแผนที่
วิธกี ารวดั

ประเมนิ จากการปฏิบัตติ ามใบงานหน่วยเรือ่ ง มาตราสว่ นแผนท่ี
เกณฑก์ ารประเมนิ

ผเู้ รยี นปฏิบตั ิใบงานได้คะแนนรวม 80% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
5.4.2 เคร่อื งมอื วดั พฤติกรรมการเรยี นรู้

แบบประเมินผลหน่วยการเรียนรู้
วธิ กี ารวัด

ประเมินประเมนิ ผลหน่วยการเรยี นรู้
เกณฑก์ ารประเมนิ

ผู้เรียนได้รับผลการประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ด้วยคะแนนรวม 80 % ขึ้นไป
ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ

6. สอ่ื การเรียนรู้/แหล่งการเรยี นรู้

6.1 สือ่ สิง่ พมิ พ์
6.1.1 ใบเน้อื หาเร่ือง มาตราสว่ นแผนท่ี
6.1.2 ใบงานเรื่อง มาตราสว่ นแผนที่

6.2 สื่อโสตทัศน์
6.2.1 สอื่ Power Point
6.2.2 คลิปวีดีโอ

6.3 หุ่นจำลองหรือของจริง
6.3.1 –

6.4 อืน่ ๆ
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

7. เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ )

7.1 ใบเน้อื หา
7.2 ใบงาน
7.3 ใบเฉลย

8. การบรู ณาการ/ความสมั พันธ์กับวชิ าอ่ืน

8.1 บรูณากับวิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝึกปฏิบัตติ น
ทางสงั คมด้านการเตรยี มความพร้อม ความรบั ผดิ ชอบ และความสนใจใฝ่รู้

8.2 บรณู าการกบั วชิ าวิศวกรรมการทาง ดา้ นการออกแบบถนน
8.3 บรูณาการกบั วิชางานสำรวจเพอื่ การกอ่ สรา้ งอาคาร
8.4 บรูณาการกบั วชิ าการสำรวจเพ่อื การก่อสร้างงานโยธา

9. การวดั และประเมนิ ผล

9.1 กอ่ นเรียน
9.1.1 จัดเตรยี มเอกสาร สื่อการเรยี นการสอนตามท่ผี ้สู อนและบทเรียนกำหนด
9.1.2 ทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียน และการให้ความร่วมมือในการทำ
กจิ กรรม

9.2 ขณะเรียน
9.2.1 ปฏบิ ัติใบงานเร่อื ง มาตราสว่ นแผนที่
9.2.2 ศึกษาใบเนอื้ หาเรอื่ ง มาตราส่วนแผนที่

9.2.3 รว่ มกันสรุปเน้อื หาเร่ือง มาตราส่วนแผนท่ี

9.3 หลงั เรียน
9.3.1 ตรวจผลใบงาน
9.3.2 วดั ประเมนิ ผลตามหนว่ ยเรียนรู้

10. การบูรณาการกับปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และคณุ ลักษณะ 3D

• หลักความพอประมาณ
1. ผูเ้ รียนจดั สรรเวลาในการฝกึ ปฏบิ ตั ิตามใบงานได้อย่างเหมาะสม
2. กำหนดเนื้อหาเหมาะสมกับเกณฑก์ ารประเมนิ เร่อื งมาตราส่วนแผนท่ี
3. ผเู้ รยี นปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผ้นู ำและผตู้ ามที่ดี
4. ผ้เู รียนเป็นสมาชิกท่ดี ีของเพอื่ นและสงั คม

• หลกั ความมเี หตผุ ล
1. เห็นคณุ คา่ ในของมาตราส่วนแผนท่ี
2. กลา้ แสดงความคิดอย่างมีเหตุผล
3. กลา้ ทักทว้ งในส่ิงท่ีไม่ถูกต้องอยา่ งถกู กาลเทศะ
4. กลา้ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อืน่
5. ใช้วัสดุถกู ตอ้ งและเหมาะสมกับงาน
6. ไมม่ เี รื่องทะเลาะววิ าทกบั ผูอ้ ่ืน
7. คดิ ส่ิงใหม่ ๆ ทเ่ี กดิ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คม
8. มคี วามคิดวิเคราะหใ์ นการแก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบ

• หลักความมีภูมิคุ้มกนั
1. ผู้เรียนได้รับความรู้ที่ถูกต้อง พร้อมทั้งกำหนดเนื้อหาได้ครบถ้วนถูกต้องตามชื่อเรื่องมาตราส่วน
แผนท่ีและมสี าระสำคญั สมบูรณ์
2. มกี ารเตรยี มความพรอ้ มในการเรยี นและการปฏิบตั งิ าน
3. กลา้ ซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยตา่ งๆ อยา่ งถูกกาลเทศะ
4. แกป้ ัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยตนเองอยา่ งเปน็ เหตุเป็นผล
5. ควบคมุ อารมณข์ องตนเองได้
6. ควบคุมกิริยาอาการในสถานการณต์ า่ ง ๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงหรือตามปรัชญาของเศรษฐกจิ

พอเพียงนนั้ ต้องอาศยั ทงั้ ความร้แู ละคณุ ธรรมเปน็ พื้นฐานดงั นี้

• เง่ือนไขด้านความรู้
1. ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดในการเรียนรู้มาตราส่วนแผนท่ี (ความสนใจใฝ่รู้ ความรอบรู้
รอบคอบ ระมัดระวัง)

2. มีความรู้ ความเข้าใจในเรอ่ื งมาตราส่วนแผนท่ี
3. ปฏบิ ตั ิงานด้วยความละเอยี ดรอบคอบ
4. มีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง

• เงื่อนไขคณุ ธรรม
1. ปฏิบัตงิ านทีไ่ ด้รบั มอบหมายเสร็จตามกำหนด (ความรบั ผดิ ชอบ)
2. มคี วามเพียรพยายามและกระตอื รือร้นในการเรยี นและการปฏบิ ัติงาน (ความขยนั ความอดทน)
3. ให้ความรว่ มมอื กับการทำกิจกรรมของส่วนรวม อาสาช่วยเหลอื งานครแู ละผอู้ ่ืน (แบ่งปนั )

11.บนั ทึกหลงั การสอน

11.1 ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.2 ผลการเรียนรู้ของนกั เรียน ผู้เรยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางการพฒั นาคุณภาพการเรยี นรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ................................................ครผู ู้สอน ลงชือ่ ...............................................หวั หนา้ แผนกฯ
(..................................................) (.................................................)

วนั ที.่ ........เดอื น.......................พ.ศ. ............. วนั ท.่ี ........เดอื น.......................พ.ศ. .............



ใบความรู้ท่ี 2 หนว่ ยที่ 2
ชื่อวิชา พ้ืนฐานการสำรวจ สอนสัปดาหท์ ่ี 2
ชอ่ื หน่วย มาตราส่วนแผนท่ี จำนวน 5 ชั่วโมง
ชือ่ เร่ือง มาตราส่วนแผนที่

1. ความสำคัญ ความหมายของมาตราส่วน
1.1 ความสำคัญมนุษย์สามารถรู้ความเข้าใจถึงลักษณะภูมิประเทศและรูปร่างลักษณะของพื้นโลก

สามารถแลเห็นไกลออกไปมากกว่าทีจ่ ะแลเหน็ ดว้ ยตาเปล่าจำตอ้ งอาศยั แผนทีแ่ ผนผังซ่ึงในการทำแผนท่ีแผนผังเรา
ไม่สามารถนำแผนที่แผนผังเท่าของจริงมานำเสนอได้เพราะมีขนาดกว้างใหญ่มากจึงต้องจั ดทำให้มีขนาดท่ี
พอเหมาะแก่การใชง้ านแตย่ ังคงรายละเอียดลักษณะภมู ิประเทศและรูปร่างลักษณะของพน้ื โลกไว้เชน่ เดิม การที่จะ
กระทำเชน่ น้ันได้จงึ ตอ้ งใช้มาตราสว่ นในการดำเนนิ การ

1.2 ความหมาย “มาตราสว่ น” (Scale) หมายถึง อตั ราส่วนความยาวจรงิ ในพน้ื ท่ีกบั ความยาวในแผนท่ี
หรือหมายถึง ระยะเปรียบเทียบระหว่างระยะจรงิ ในภมู ปิ ระเทศกับระยะในแผนที่

มาตราส่วน (Scale) ; RF = ระยะในแผนท่ี (Map Distance) = MD
ระยะในพื้นทจ่ี รงิ (Ground Distance) GD

เมอื่ MD = ระยะในแผนที่ (Map Distance)
GD = ระยะในพื้นทจี่ ริง (Ground Distance)

2. การใชม้ าตราส่วน
2.1 ประเภทของมาตราสว่ น มาตราส่วนสามารถแบง่ เปน็ ประเภทได้ ดังนี้
1) Numerical Scale คอื มาตราสว่ นตัวเลขเศษส่วน จะบอกเป็นตัวเลขไมม่ หี น่วย

2) Verbal Scale คอื มาตราส่วนคำพดู ซงึ่ เขียนระบุในแผนผงั
เช่น 1 cm = 40 m 2 cm = 5 km, 1 นิว้ = 5 ไมล์ และ 2 นว้ิ = 5000 หลา

3) Graphic Scale คอื มาตราส่วนรปู ภาพเสน้ บรรทัดจึงเรยี กว่า “Scale bar”ซึง่ อาจจะเขียนใน
รูปแบบเส้นเดยี่ ว หรือเส้นคู่ก็ได้ เช่น

2.2 การใช้มาตราส่วนในแผนที่ ขนาดของมาตราส่วนจะเป็นตัวกำหนดชนิดของแผนที่ซึ่งสามารถแบ่ง
ชนิดของแผนที่ แผนผงั จากขนาดของมาตราส่วนได้ ดังนี้

1) แผนที่มาตราส่วนขนาดเล็ก(Small Scale maps) เป็นแผนที่ที่ใช้มาตราส่วนขนาด
1 : 1,000,000 , 1 : 500,000 , 1 : 200,000 , 1 : 50,000 1 : 25,000 , 1 : 20,000 แต่ที่นิยม คือ 1 : 50,000
1 : 25,000 เช่น แผนทีป่ ระเทศ แผนท่ีจงั หวัด

2) แผนที่มาตราส่วนขนาดใหญ่ (Large Scale maps) เป็นแผนที่ที่ใช้มาตราส่วน ขนาด
1 : 10,000 1 : 5,000 1 : 4,000 1 : 2,500 และ 1 : 1,000 เชน่ แผนทอี่ ำเภอ แผนทต่ี ำบล แผนท่ีท่ดี นิ

3) แผนผังแสดงที่ตั้งอาคารต่าง ๆ (Site plans) เป็นแผนผังกำหนดตำแหน่งของการก่อสร้าง
ต่าง ๆ จะใชม้ าตราสว่ นทมี่ ขี นาด 1 : 500 1 : 200 1 : 100 และ 1 : 50

4) แผนผงั แสดงรายละเอียด (Detail plans) เปน็ แผนผังกำหนดแสดงรายละเอียดในการก่อสร้าง
ตา่ งๆ เชน่ คู คลองตา่ ง จะใช้มาตราสว่ นขนาด 1 : 20 1 : 10 1 : 5 และ 1 : 1

2.3 การแปลงมาตราส่วน ในการอ่านแผนที่ แผนผังจำเป็นต้องมีการแปลงมาตราส่วนที่ระบุในแผนท่ี
แผนผังเป็นมาตราสว่ นทีท่ ำให้เราเข้าใจไดง้ า่ ยขึน้ ซ่งึ สามารถแปลงมาตราสว่ นไดด้ งั น้ี

1) การแปลงมาตราสว่ นรูปภาพเส้นบรรทัดเป็นมาตราส่วนตวั เลขเศษสว่ น สามารถกระทำได้โดย
ทำการวดั ระยะ 1 ชว่ งเต็มของมาตราสว่ นรูปภาพเส้นบรรทัดว่ายาวเท่าไร ในกรณีนว้ี ดั ได้ 2 เซนตเิ มตร ซึ่งสามารถ
นำไปคำนวณหามาตราสว่ นตวั เลขเศษสว่ นได้ ดงั นี้

2) การแปลงมาตราส่วนคำพูดเป็นมาตราส่วนตัวเลขเศษส่วน เช่น มาตราส่วนคำพูดระบุ
2 น้วิ = 5 ไมล์ สามารถแปลงเป็นมาตราสว่ นตวั เลขเศษสว่ น ไดด้ งั น้ี

3) การแปลงมาตราส่วนตัวเลขเศษส่วนเป็น มาตราส่วนรูปภาพเส้นบรรทัด เช่น ให้สร้างมาตรา
ส่วนรูปภาพบรรทัดสำหรับแผนที่ 1 : 50,000 โดยให้มีหน่วยวัดระยะหน่วยละ 1,000 เมตรและให้สามารถอ่าน
ครอบคมุ ภมู ิประเทศได้ 5,000 เมตร

การหาจากมาตราส่วนที่กำหนดให้เป็น 1 : 50,000 นั่นคือ 1 เซนติเมตร จะเท่ากับ 50,000 เซนติเมตร
แสดงวา่ GD = 50,000 เซนติเมตร MD = 1 เซนติเมตร
ดังนั้น จาก GD 50,000 cm = 1 cm

ความยาวของเส้นบรรทัดทั้งหมด คือ ความยาวส่วนแบ่งเต็มที่ต้องการสร้าง บวกกับ ส่วนแบ่งย่อย เป็น
10 cm + 2 cm เท่ากับ 12 cm โดยมีขนาดความละเอียดของช่องแบ่งย่อยเท่ากับ 2 mm แล้วนำค่าความยาว
ดงั กล่าวไปสร้างมาตราส่วนรูปภาพเส้นบรรทดั ไดด้ ังน้ี

ลำดบั ขั้นการปฏบิ ัติ อธิบายจากรปู
3.1) กำหนดมาตราส่วนตามตามทีก่ ำหนดคือ 1 : 50,000
3.2) ขดี เสน้ ตรงคู่กันกว้าง 4 มลิ ลเิ มตร ยาว 12 เซนตเิ มตร

3.3) แบง่ เส้นตรงออกเป็น 2 สว่ น โดยส่วนแรกอย่ซู ้ายมอื ยาว 2 ซม. สว่ นท่ี 2 อยทู่ างขวามือยาว
10 เซนตเิ มตร

3.4) แบ่งส่วนแรกออกเป็นช่องย่อย ๆ ช่องละ 2 มิลลิเมตร หมายระยะทุกๆ 2มิลลิเมตร จะได้
10 ชอ่ ง เขยี นเลขกำกบั 0 และ 1,000

3.5) แบ่งส่วนที่ 2 ออกเป็นส่วนย่อยๆ ช่องละ 2 เซนติเมตร จะได้ 5 ช่อง โดยช่องแรกที่ติดกับ
ส่วนแรกให้แบ่งครึ่งข้างละ 1 เซนติเมตร แล้วเขียนเลขกำกับ 1,000 2,000 3,000 4,000 และ 5,000 เรียง
ตามลำดบั ทำการแรเงาทึบในแตล่ ะช่องสลบั บนลา่ ง ดังรปู

ข้อควรระวัง การวดั ระยะเพ่ือสรา้ งมาตราสว่ นต้องวดั ดว้ ยความระมดั ระวังและละเอยี ด

แผนการจัดการเรียนรมู้ ุง่ เน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 3

ช่อื หนว่ ย การวัดระยะด้วยเครื่องมือและ สอนครง้ั ท่ี 3 – 6

อปุ กรณ์ชนิดตา่ ง ๆ ชัว่ โมงรวม 20

ช่ือวชิ า การวัดระยะด้วยเครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ชนดิ ตา่ ง ๆ จำนวนช่ัวโมง 20
รหสั วิชา 30106 – 0003

1. สาระสำคญั

ในการสำรวจสิ่งต้องทราบเป็นเบื้องต้นคือระยะทาง (Distance) วิธีการวัดระยะทางมี
หลายวิธีขึ้นอยู่กับความละเอียดของงานที่ต้องการ ในร่างกายมนุษย์มีอวัยวะที่สามารถใช้วัด
ระยะทางได้ การวัดระยะทางโดยการนับก้าว ก็เป็นการวัดระยะอีกวิธีหนึ่งที่สามารถกระทำได้
ขั้นตอนในการสำรวจต้องทราบระยะก้าวก่อน แล้วทำการเดินสำรวจภูมิประเทศ (Walking
Survey) ร่างแผนผังขอบเขตพื้นที่ กำหนดหมุดขอบเขตกำหนดแนวเดินสำรวจ จดบันทึก
รายละเอียดข้อมลู ในสมุดสนาม ตรวจสอบข้อมูล เขียนแผนผังลงรายละเอียดและคำนวณหาเนือ้ ที่
ให้ถกู ตอ้ งในการปฏบิ ัติงานตอ้ งคำนงึ ถึงความพอประมาณในการก้าวเดนิ สำรวจ ไมก่ ้าวเดนิ ยาวหรือ
สนั้ เกินไปตอ้ งเดนิ ปกตติ ามธรรมชาตขิ องตนเองไม่รบี เรง่ เพ่ือให้ได้ขอ้ มลู ท่ีถูกต้องเป็นจรงิ

2. สมรรถนะประจำหนว่ ย

แสดงความรูท้ ่วั ไปเก่ียวกบั การนบั ระยะช่วงกา้ ว การวดั ระยะดว้ ยโซ่ – เทป การตรวจสอบ
การวดั ระยะหลกั การเก็บรายระเอียดดว้ ยวิธีระยะสกดั และหลกั การเก็บรายละเอียดดว้ ยวิธีระยะ
ฉาก

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้
3.1.1 การนับระยะชว่ งก้าว
3.1.2 การวัดระยะดว้ ยโซ่ – เทป
3.1.3 การตรวจสอบการวดั ระยะด้วยโซ่ – เทป
3.1.4 หลกั การเก็บรายระเอยี ดด้วยวธิ ีระยะสกดั
3.1.5 หลักการเก็บรายละเอยี ดด้วยวิธีระยะฉาก

3.2 ด้านทักษะ
3.2.1 นับระยะช่วงกา้ วและอธบิ ายการนบั ระยะช่วงกา้ ว
3.2.2 อธิบายการวดั ระยะด้วยโซ่ – เทป
3.2.3 ตรวจสอบการวดั ระยะด้วยโซ่ – เทปได้

3.2.4 อธิบายการตรวจสอบการวัดระยะดว้ ยโซ่ – เทป
3.2.5 เก็บรายละเอียดด้วยวธิ สี กดั ได้
3.2.6 อธิบายการเกบ็ รายระเอยี ดดว้ ยวิธีระยะสกัด
3.2.7 เกบ็ รายละเอยี ดดว้ ยวิธีระยะฉากได้
3.2.8 อธบิ ายหลักการเกบ็ รายละเอยี ดด้วยวิธรี ะยะฉาก
3.3 คุณลักษณะทีพ่ ึ่งประสงค์
3.3.1 ความเสียสละ
3.3.2 ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ
3.3.3 กตญั ญูกตเวที
3.3.4 มีจติ สำนกึ และเจคติท่ีดีต่อวชิ าชพี และสังคม
3.3.5 ความมีวนิ ัย
3.3.6 ความรับผดิ ชอบ
3.3.7 ความรกั สามัคคี
3.3.8 มมี นุษยสัมพนั ธ์
3.3.9 เชือ่ มนั่ ในตนเอง
3.3.10 ขยนั
3.3.11 ประหยดั
3.3.12 พ่ึงตนเอง
3.3.13 ปฏบิ ัตงิ านโดยคำนึงถงึ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย
3.3.14 การอนรุ ักษ์พลงั งานและสิง่ แวดล้อม
3.3.15 ความสนใจใฝ่รู้
3.3.16 ความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์

4. เนื้อหาสาระการเรียนรู้

4.1 การนับระยะช่วงก้าว
4.2 การวดั ระยะดว้ ยโซ่ – เทป
4.3 การตรวจสอบการวดั ระยะด้วยโซ่ – เทป
4.4 หลักการเกบ็ รายระเอียดด้วยวธิ ีระยะสกัด
4.5 หลักการเก็บรายละเอยี ดด้วยวิธีระยะฉาก

5. กจิ กรรมการเรียนการสอน

5.1 การนำเข้าส่บู ทเรยี น
5.1.1 ให้ผูเ้ รียนทำสมาธิก่อนเรยี น 5 นาที เพือ่ นำไปสู่การเป็นผู้ที่ประพฤติดีแล้วทำการ
เชค็ รายชอื่

5.1.2 ผู้สอนสนทนาซักถามความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องการวัดระยะด้วยเครื่องมือและ
อุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ โดยใช้สอื่ Power Point

5.1.3 ผู้สอนกลา่ วนำเข้าส่บู ทเรียนเรือ่ งการวัดระยะด้วยเครอ่ื งมือและอุปกรณ์ชนิดตา่ งๆ

5.2 การเรยี นรู้
5.2.1 ผู้สอนบรรยายความรู้เกี่ยวกับการนับระยะช่วงก้าว โดยใช้สื่อ Power Point และ
คลปิ วีดโี อ
5.2.2 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับการนับระยะช่วงก้าว และดูคลิปวีดีโอประกอบการเรียน
การสอน
5.2.3 ผู้สอนบรรยายเกี่ยวกับการวัดระยะด้วยโซ่ – เทป โดยใช้ สื่อ Power Point และ
คลิปวีดโี อ
5.2.4 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับการวัดระยะด้วยโซ่ – เทปและดูคลิปวีดีโอประกอบการ
เรียนการสอน
5.2.5 ผู้สอนบรรยายเกี่ยวกับการตรวจสอบการวัดระยะด้วยโซ่ – เทป โดยใช้ สื่อ Power
Point และคลิปวีดีโอ
5.2.6 ผเู้ รียนฟังบรรยายเกยี่ วกบั การตรวจสอบการวัดระยะดว้ ยโซ่ – เทปและดูคลิปวีดีโอ
ประกอบการเรยี นการสอน
5.2.7 ผู้สอนบรรยายเกย่ี วกับหลักการเก็บรายระเอียดด้วยวิธรี ะยะสกดั โดยใช้ สือ่ Power
Point และคลปิ วดี ีโอ
5.2.8 ผู้เรียนฟังบรรยายเกี่ยวกับหลักการเก็บรายระเอียดด้วยวิธีระยะสกัดและดูคลิป
วีดีโอประกอบการเรียนการสอน
5.2.9 ผูส้ อนบรรยายเก่ยี วกับหลกั การเกบ็ รายละเอียดดว้ ยวิธีระยะฉาก โดยใช้ สอื่ Power
Point และคลปิ วีดโี อ
5.2.10 ผูเ้ รียนฟังบรรยายเกยี่ วกบั หลักการเก็บรายละเอียดดว้ ยวธิ รี ะยะฉากและดูคลิปวีดีโอ
ประกอบการเรยี นการสอน
5.2.11 ผเู้ รยี นตอบคำถามท่ีผ้สู อนซักถาม
5.2.12 ผูเ้ รียนลงมอื ปฏิบัติทำตามใบงานทผ่ี สู้ อนมอบหมายให้

5.3 การสรปุ
5.3.1 ผเู้ รียนส่งงานจากการปฏิบัติใบงาน
5.3.2 ผสู้ อนวิจารณ์และอภิปรายผลงาน
5.3.3 ผูส้ อนและผเู้ รยี นสรุปบทเรียน
5.3.4 ผู้สอนสรุปทางสังคมโดยชมเชย และประเมนิ ผล

5.4 การวัดและประเมินผล
5.4.1 เคร่อื งมือวดั ผลการเรยี นรู้
ใบงานหนว่ ยเร่ือง การวดั ระยะด้วยเครอื่ งมือและอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ
วธิ กี ารวัด
ประเมินจากการปฏิบัติตามใบงานหน่วยเรื่อง การวัดระยะด้วยเครื่องมือและ
อุปกรณ์ชนิดตา่ ง ๆ
เกณฑ์การประเมิน
ผเู้ รียนปฏบิ ัติใบงานได้คะแนนรวม 80% ข้นึ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์การประเมนิ
5.4.2 เครื่องมือวดั พฤตกิ รรมการเรียนรู้
แบบประเมนิ ผลหนว่ ยการเรียนรู้
วิธกี ารวัด
ประเมินประเมินผลหน่วยการเรียนรู้
เกณฑ์การประเมนิ
ผู้เรียนได้รับผลการประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ด้วยคะแนนรวม 80 % ขึ้นไป
ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ

6. สอื่ การเรยี นรู้/แหล่งการเรียนรู้

6.1 ส่ือสง่ิ พิมพ์
6.1.1 ใบเนือ้ หาเร่ือง การวดั ระยะด้วยเครื่องมือและอุปกรณช์ นิดตา่ ง ๆ
6.1.2 ใบงานเรอื่ ง การวดั ระยะดว้ ยเครอื่ งมือและอปุ กรณช์ นดิ ต่าง ๆ

6.2 สื่อโสตทัศน์
6.2.1 ส่อื Power Point
6.2.2 คลปิ วีดีโอ

6.3 หุ่นจำลองหรือของจรงิ
6.3.1 –

6.4 อืน่ ๆ
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

7. เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ )

7.1 ใบเน้ือหา
7.2 ใบงาน
7.3 ใบเฉลย

8. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กบั วิชาอ่ืน

8.1 บรูณากับวิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝึกปฏิบัตติ น
ทางสงั คมด้านการเตรยี มความพรอ้ ม ความรบั ผดิ ชอบ และความสนใจใฝ่รู้

8.2 บรณู าการกับวิชาวิศวกรรมการทาง ด้านการออกแบบถนน
8.3 บรูณาการกบั วิชางานสำรวจเพ่ือการกอ่ สรา้ งอาคาร
8.4 บรูณาการกับวิชาการสำรวจเพ่อื การก่อสร้างงานโยธา

9. การวดั และประเมินผล

9.1 กอ่ นเรียน
9.1.1 จดั เตรียมเอกสาร สอ่ื การเรียนการสอนตามทผี่ ้สู อนและบทเรียนกำหนด
9.1.2 ทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียน และการให้ความร่วมมือในการทำ
กิจกรรม

9.2 ขณะเรยี น
9.2.1 ปฏิบัติใบงานเร่อื ง การวัดระยะด้วยเคร่อื งมือและอุปกรณช์ นิดตา่ ง ๆ
9.2.2 ศกึ ษาใบเนอ้ื หาเร่อื ง การวัดระยะดว้ ยเคร่ืองมือและอุปกรณช์ นดิ ตา่ ง ๆ
9.2.3 ร่วมกนั สรุปเน้ือหาเรื่อง การวัดระยะด้วยเครือ่ งมือและอปุ กรณ์ชนดิ ตา่ ง ๆ

9.3 หลังเรยี น
9.3.1 ตรวจผลใบงาน
9.3.2 วัดประเมนิ ผลตามหนว่ ยเรยี นรู้

10. การบูรณาการกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และคณุ ลักษณะ 3D

• หลกั ความพอประมาณ
1. ผูเ้ รยี นจดั สรรเวลาในการฝึกปฏิบตั ิตามใบงานได้อย่างเหมาะสม
2. กำหนดเนือ้ หาเหมาะสมกับเกณฑ์การประเมนิ เรอื่ งการวัดระยะด้วยเคร่ืองมือและอุปกรณช์ นดิ
ตา่ ง ๆ
3. ผเู้ รยี นปฏิบตั ิตนเป็นผนู้ ำและผ้ตู ามทดี่ ี
4. ผเู้ รยี นเปน็ สมาชิกทดี่ ขี องเพ่อื นและสังคม

• หลกั ความมเี หตผุ ล
1. เห็นคณุ คา่ ในของการวัดระยะด้วยเคร่ืองมือและอุปกรณช์ นิดตา่ ง ๆ
2. กล้าแสดงความคิดอย่างมเี หตุผล
3. กล้าทักทว้ งในส่งิ ที่ไมถ่ ูกต้องอย่างถูกกาลเทศะ
4. กล้ายอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อน่ื
5. ใชว้ สั ดุถกู ต้องและเหมาะสมกับงาน

6. ไม่มีเร่ืองทะเลาะวิวาทกบั ผู้อื่น
7. คดิ ส่ิงใหม่ ๆ ทเ่ี กดิ ประโยชน์ต่อตนเองและสงั คม
8. มีความคดิ วเิ คราะหใ์ นการแก้ปญั หาอย่างเป็นระบบ

• หลกั ความมีภูมคิ ุ้มกัน
1. ผู้เรียนไดร้ บั ความร้ทู ่ีถูกต้อง พรอ้ มทั้งกำหนดเนื้อหาได้ครบถว้ นถูกต้องตามช่ือเรื่องการวัดระยะ
ดว้ ยเครอ่ื งมือและอุปกรณ์ชนดิ ต่าง ๆและมีสาระสำคญั สมบูรณ์
2. มีการเตรียมความพร้อมในการเรียนและการปฏบิ ตั ิงาน
3. กลา้ ซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยต่างๆ อยา่ งถกู กาลเทศะ
4. แก้ปัญหาเฉพาะหนา้ ได้ดว้ ยตนเองอยา่ งเป็นเหตเุ ป็นผล
5. ควบคมุ อารมณ์ของตนเองได้
6. ควบคมุ กิริยาอาการในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ไดเ้ ปน็ อย่างดี
การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงหรือตามปรัชญาของเศรษฐกจิ

พอเพยี งนัน้ ต้องอาศยั ทั้งความรูแ้ ละคุณธรรมเป็นพืน้ ฐานดังน้ี

• เงอื่ นไขดา้ นความรู้
1. ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดในการเรียนรู้การวัดระยะด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ
(ความสนใจใฝ่รู้ ความรอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั )
2. มคี วามรู้ ความเข้าใจในเรื่องการวัดระยะด้วยเครื่องมือและอปุ กรณ์ชนดิ ต่าง ๆ
3. ปฏิบตั งิ านดว้ ยความละเอยี ดรอบคอบ
4. มคี วามร้คู วามเข้าใจเกีย่ วกับหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง

• เง่ือนไขคุณธรรม
1. ปฏบิ ัตงิ านทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสร็จตามกำหนด (ความรับผิดชอบ)
2. มีความเพียรพยายามและกระตือรือรน้ ในการเรียนและการปฏิบตั ิงาน (ความขยัน ความอดทน)
3. ให้ความร่วมมอื กบั การทำกิจกรรมของสว่ นรวม อาสาชว่ ยเหลืองานครแู ละผูอ้ ื่น (แบ่งปนั )

11.บนั ทกึ หลงั การสอน

11.1 ผลการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.2 ผลการเรียนร้ขู องนกั เรยี น ผู้เรียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ................................................ครผู สู้ อน ลงช่อื ...............................................หวั หนา้ แผนกฯ
(..................................................) (.................................................)

วนั ที.่ ........เดอื น.......................พ.ศ. ............. วันท่ี.........เดอื น.......................พ.ศ. .............


Click to View FlipBook Version