The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ฺBT Teacher, 2022-09-14 12:21:13

149

ช่อื รายวิชา พลศึกษา3(กระบ่ี กระบอง) รหสั วิชา พ22102

คาอธบิ ายรายวิชา

ศกึ ษาเกยี่ วกบั ประวตั ิ คณุ คํา สนาม อปุ กรณ์ กฎ กตกิ า ทักษะเบือ้ งต๎น การเคลื่อนไหว วิธีการ

รุก วิธกี ารปอู งกันการรกุ การปูองกนั การบาดเจบ็ และการปฐมพยาบาลเบ้ืองต๎น การเสริมสร๎างความ

แข็งแรงรํางกาย สร๎างความเร็ว ความคลํองแคลํววอํ งไว การสร๎างความสมั พันธ์ในทีม การมนี ้าใจ

นกั กีฬา การแขํงขัน การตดั สิน กระบวนการทางานเปน็ ทีม การสรา๎ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ัยในการออกกาลัง

กาย สํงเสรมิ กีฬาตามความถนดั สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ๎ นชวี ติ ประจาวัน

ตัวชว้ี ัด

พ 3.1 ม.1/8

พ 3.2 ม.1/8

พ 4.1 ม.1/8

รวมท้ังหมด 24 ตัวช้วี ัด

150

ชื่อรายวิชา พลศกึ ษา 4 (กรฑี า) รหัสวิชา พ22104

คาอธบิ ายรายวชิ า

ศกึ ษาเก่ยี วกับประวตั ิ คุณคํา มารยาทผ๎ูเลํนและผดู๎ ูกีฬาท่ีดี การเคลอื่ นไหวเบอ้ื งตน๎ การ

ปอู งกนั การบาดเจ็บ และการปฐมพยาบาลเบื้องตน๎ การเสรมิ สร๎างความแขง็ แรงราํ งกาย สรา๎ งความเร็ว

ความทนทาน ความคลํองแคลํววอํ งไว กรีฑาประเภทลูํ ประเภทลาน การมนี ้าใจนักกีฬา การแขํงขนั

การตัดสนิ กระบวนการทางานเป็นทีม การสรา๎ งเสรมิ ลักษณะนิสยั ในการออกกาลงั กาย สงํ เสริมกีฬา

ตามความถนัด สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช๎ในชีวิตประจาวัน

ตวั ชี้วัด

พ 3.1 ม.2/1-8

พ 4.1 ม.2/1-8

รวมทงั้ หมด 16 ตวั ช้วี ัด

151

ชื่อรายวิชา พลศึกษา5 (บาสเกตบอล) รหัสวิชา พ23102

คาอธิบายรายวิชา

ศึกษาเพื่อใหม๎ ีความร๎ู ความเข๎าใจเก่ยี วกบั ประวัตคิ วามเปน็ มาของกีฬาบาสเกตบอลหลักการ

การเลนํ กีฬาบาสเกตบอล ปฏบิ ัตติ ามกฎ กติกา การเลํนและการแขํงขนั มีความร๎ู และฝกึ ทักษะกลวธิ ี

การรุก การปูองกัน รปู แบบการเลนํ ตาแหนงํ บทบาท และหน๎าที่ ความรํวมมือในการทางานเปน็ ทีม

ทดสอบสมรรถภาพทางกาย ศึกษาและปฏบิ ตั ใิ นทักษะการเคล่อื นไหว กิจกรรมทางกาย การทรงตัว การ

วิ่ง การกระโดด การหยุด การหมนุ ตวั ทักษะพนื้ ฐาน การรบั การสํง การเล้ียง การหลอกลํอ การยิง

ประตู การเลนํ เปน็ ทีม เห็นความสาคัญของการปฏิบตั ิ หน๎าทต่ี ามความรบั ผดิ ชอบในการแขงํ ขันกฬี า

บาสเกตบอลดว๎ ยความสนุกสนาน และเหน็ คุณคาํ ของการแขํงขนั กีฬาบาสเกตบอล ดว๎ ยความมนี า้ ใจเป็น

นกั กีฬา และเห็นความสาคัญของ การมสี มรรถภาพทางกายทด่ี ี จากการออกกาลังกาย ด๎วยกีฬา

บาสเกตบอลพร๎อมทงั้ เขา๎ รวํ มกิจกรรมตามท่ีโรงเรยี นกาหนดเพอ่ื แสดงออกถึงการมสี ุนทรียภาพทางดา๎ น

กีฬา นาหลกั การความรู๎และทักษะในการเคลอ่ื นไหว กจิ กรรมทางกาย การเลนํ เกมและการเลํนกีฬา

บาสเกตบอลไปใชส๎ ร๎างเสรมิ สุขภาพอยํางตอํ เนอ่ื ง เปน็ ระบบโดยใช๎เทคนิคทีเ่ หมาะสมกบั ตนเองและทมี

รวํ มกจิ กรรมนันทนาการอยํางนอ๎ ย 1 กิจกรรม และนาหลกั ความร๎ูวธิ กี ารไปขยายผลการเรยี นรู๎ให๎กบั

ผ๎ูอนื่

ตัวชวี้ ัด
พ 3.1 ม.2/1
พ 3.2 ม.2/1-8
พ 4.1 ม.2/1-8
รวมท้ังหมด 17 ตวั ช้ีวดั

152

ช่ือรายวิชา พลศกึ ษา6 (วอลเลย์บอล) รหสั วิชา พ23104

คาอธบิ ายรายวิชา

ศึกษาเกี่ยวกบั ประวตั ิ คุณคํา สนาม อุปกรณ์ กฎ กตกิ า ทักษะเบื้องต๎น การเคลื่อนไหว การ

เซ็ท การเลนํ ลูกสองมือลาํ ง การตบ การปูองกัน การรุก ตาแหนงํ การเลํน การการเสิรฟ์ การปอู งกันการ

บาดเจบ็ และการปฐมพยาบาลเบือ้ งตน๎ การเสรมิ สร๎างความแขง็ แรงรํางกาย สรา๎ งความเรว็ ความ

คลํองแคลวํ วํองไว การสรา๎ งความสัมพนั ธ์ในทีม การมีนา้ ใจนกั กีฬา การแขงํ ขัน การตัดสิน กระบวนการ

ทางานเปน็ ทีม การสร๎างเสริมลกั ษณะนสิ ัยในการออกกาลงั กาย สํงเสรมิ กีฬาตามความถนดั สามารถ

นาไปประยุกตใ์ ชใ๎ นชีวติ ประจาวัน

ตวั ชี้วัด

พ 3.1 ม.2/1

พ 3.2 ม.2/2-8

พ 4.1 ม.2/1-8

รวมทั้งหมด 17 ตัวชว้ี ัด

153

ช่ือรายวชิ า สุขศกึ ษา1 รหสั วชิ า พ31101
คาอธิบายรายวชิ า

ศกึ ษาเกีย่ วกบั การทางานของระบบอวยั วะตาํ งๆในราํ งกาย ความสาคัญของการทางานของ
ระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหติ กระบวนการสร๎างเสริมและดารงประสทิ ธภิ าพของระบบหายใจ
และระบบไหลเวียนโลหติ คาํ นินมในเรือ่ งเพศ คํานยิ มเรื่องเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย คํานยิ มเรอ่ื ง
เพศในสังคมและวฒั นธรรมตะวนั ตก พฤติกรรมทางเพศทเี่ หมาะสมกับวัฒนธรรมไทย ความหมายของ
ความขัดแย๎ง ลักษณะปญั หาของความขดั แย๎ง ลักษณะปัญหาของความขัดแยง๎ ในกลมํุ นักเรยี นหรือ
เยาวชนในชมุ ชน แนวทางปอู งกันและแก๎ไขปัญหาท่อี าจเกิดจากความขดั แยง๎ ของนักเรยี นหรือเยาวชน
ในชมุ ชนความหมายและความสาคัญของการสร๎างเสริมสขุ ภาพ แนวคิดการสร๎างเสรมิ สุขภาพ แนว
ทางการสร๎างเสริมสุขภาพ บทบาทความรับผดิ ชอบของบคุ คลทมี่ ีตํอการสรา๎ งเสริมสุขภาพของตนเอง
ความหมายของส่ือโฆษณาเก่ียวกบั สขุ ภาพ ความหมายของการบริโภคสื่อโฆษณาเก่ียวกับสขุ ภาพ
ความสาคญั และประเภทของสอื่ โฆษณาเกี่ยวกับสขุ ภาพอิทธพิ ลของสื่อโฆษณาเกีย่ วกับสุขภาพ หลกั การ
พิจารณาเพ่อื การรเ๎ู ทําทนั สื่อโฆษณาเกยี่ วกบั สขุ ภาพ ความหมายของการบริโภคและสทิ ธผิ บู๎ ริโภค
ความสาคัญของการปกปูองสิทธขิ องตนเองในฐานะผบู๎ รโิ ภค สถานการณ์ปัญหาของผบ๎ู ริโภค แนว
ทางการปกปอู งสทิ ธิของผบ๎ู ริโภค แนวทางการเลือกบรโิ ภคอยํางฉลาดและปลอดภัย การปฏบิ ตั ิตนตาม
สทิ ธิผบู๎ ริโภค หนํวยงานที่เก่ยี วขอ๎ งกบั การค๎ุมครองผู๎บริโภค ความหมายและความสาคัญของโรคตดิ ตํอท่ี
เป็นปญั หาสาธารณสขุ ของประเทศ หลักการปูองกันและควบคมุ โรคติดตํอ โรคติดตํอทีเ่ ป็นปญั หา
สาธารณสขุ ของประเทศ
ตัวชีวดั
พ 1.1 ม.4-6/1-4
พ 2.1 ม.4-6/1-4
รวมทั้งหมด 8 ตัวช้ีวดั

154

ชอื่ รายวชิ า พลศึกษา1 รหัสวิชา พ31201
คาอธบิ ายรายวิชา

ศึกษาหลักการเก่ียวกบั กิจกรรมพลศึกษาและกีฬา ทักษะการบริหารราํ งกาย ทกั ษะการ
เคลอ่ื นไหวพน้ื ฐาน เกมกิจกรรมนนั ทนาการ การเลํนกีฬาแบดมินตัน ตามลาดบั ข้นั ตอน โดยเนน๎
พัฒนาการตามศักยภาพของแตํละบุคคล เพอ่ื ใหม๎ ีความเข๎าใจแนวทางและการมกี ารออกกาลังกายและ
เลนํ กีฬาเปน็ ประจากบั การมีวิถีชีวติ ท่ีมสี ุขภาพดี

เขา๎ ใจ กฎ กติกา ในการเลํนและการแขํงขนั กฬี าแบดมินตัน มคี ณุ ธรรมและเหน็ คุณคํา
ของการทางานเปน็ ทมี ปฏิบัตหิ นา๎ ท่ีตามความรบั ผดิ ชอบในการเลนํ กีฬาตําง ๆ จนประสบผลสาเสรจ็
ประยุกตใ์ ช๎ความมนี า้ ใจนักกีฬาไปใชใ๎ นการทางานและดาเนินชีวติ ให๎เปน็ ประโยชน์แกตํ นเองและ
สํวนรวม
ตัวชวี ัด
พ3.1 ม.4-6/1-3
พ3.2 ม.4-6/1-5
รวมท้ังหมด 8 ตัวชี้วดั

155

ชือ่ รายวชิ า สุขศึกษา2 รหสั วิชา พ31102
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษา ความหมายของการวางแผนพฒั นาสุขภาพ ความสาคญั ของการวางแผนพฒั นาสุขภาพ
ของตนเองและครอบครวั การวางแผนพัฒนาสขุ ภาพของตนเองและครอบครัว การพฒั นาสมรรถภาพ
ทางกาย ความหมายและประเภทสมรรถภาพทางกายและสมรรถภาพทางกลไก ความสาคญั และการ
ทดสอบสมรรถภาพทางกายและสมรรถภาพทางกลไก การประเมนิ และวธิ กี ารทดสอบสมรรถภาพทาง
กายและสมรรถภาพทางกลไก การวางแผนปรบั ปรงุ และพัฒนาสมรรถภาพทางกายและสมรรถภาพทาง
กลไก สารเสพติด ความหมายสารเสพตดิ ประเภทสารเสพติด สถานการณร์ ะบาดของสารเสพติด การ
ดาเนนิ งานปอู งกันสารเสพติดในโรงเรียน การจดั กิจกรรมปูองกันความเส่ยี งตํอการใช๎สารเสพติด การใช๎
ยา การใชย๎ าสามญั ประจาบา๎ นและยาสมนุ ไพร ยาสามัญประจาบา๎ น ยาแผนโบราณ ยาสมนุ ไพร การใช๎
ยาทถ่ี ูกวิธี อนั ตรายจากการใชย๎ า ปัญหาจากการใช๎ยา แนวทางปูองกันไมํใหเ๎ กดิ ปัญหาจากการใช๎ยา
การดูแลตนเองเมื่อเจ็บปุวย การชวํ ยฟน้ื คนื ชพี ความสาคัญการชวํ ยฟื้นคืนชพี หลักการชวํ ยฟ้นื คนื ชพี
การชํวยเหลือคนถูกไฟฟูาดดู การชวํ ยเหลือคนหวั ใจวาย การชวํ ยเหลือคนจมน้า
ตวั ชี้วดั
พ 4.1 ม.4-6/1-4
พ 5.1 ม.4-6/1-4
รวมทัง้ หมด 8 ตวั ช้ีวัด

156

ช่ือรายวิชา พลศึกษา2 รหัสวิชา พ31202
คาอธบิ ายรายวิชา

ศกึ ษาหลักการเกี่ยวกบั กิจกรรมพลศึกษาและกีฬา ทักษะการบรหิ ารราํ งกาย ทักษะการ
เคลือ่ นไหวพ้ืนฐาน เกมกิจกรรมนนั ทนาการ การเลํนกีฬาตะกร๎อ ตามลาดับขน้ั ตอน โดยเน๎น
พฒั นาการตามศักยภาพของแตลํ ะบคุ คล เพอ่ื ใหม๎ ีความเข๎าใจแนวทางและการมีการออกกาลงั กายและ
เลํนกฬี าเป็นประจากับการมวี ิถชี วี ิตทีม่ สี ุขภาพดี

เขา๎ ใจ กฎ กตกิ า ในการเลนํ และการแขํงขนั กีฬาตะกร๎อ มคี ุณธรรมและเห็นคุณคาํ ของ
การทางานเป็นทีม ปฏิบตั ิหนา๎ ทีต่ ามความรบั ผดิ ชอบในการเลนํ กีฬาตําง ๆ จนประสบผลสาเรจ็
ประยุกตใ์ ช๎ความมนี ้าใจนักกีฬาไปใช๎ในการทางานและดาเนนิ ชวี ติ ใหเ๎ ป็นประโยชน์แกตํ นเองและ
สํวนรวม
ตัวชีวดั
พ 3.1 ม.4-6/1-3
พ 3.2 ม.4-6/1-5
รวมท้งั หมด 8 ตวั ชว้ี ัด

157

ช่ือรายวชิ า สุขศกึ ษา3 รหัสวชิ า พ32101
คาอธบิ ายรายวชิ า

อธิบายความสาคัญของระบบประสาทและระบบตํอมไร๎ทํอทีม่ ตี ํอสุขภาพและการเจรญิ เติบโต
ดแู ลรักษาระบบประสาทและระบบตอํ มไร๎ทอํ ให๎ทางานได๎อยาํ งมปี ระสิทธภิ าพอธบิ ายพัฒนาการการ
เปลี่ยนแปลงทางราํ งกาย จติ ใจ อารมณแ์ ละพัฒนาการทางเพศ นอกจากน้ียังสามารถปูองกันตนเอง
จากการถูกลวํ งละเมิดทางเพศ เขา๎ ใจหลักของการออกกาลงั กายเพ่ือเพิม่ พูนความสามารถของตนตาม
หลักการเคลื่อนไหวท่ใี ช๎ทักษะกลไกและทักษะพน้ื ฐานท่นี าไปสูํการพฒั นาทักษะการเลํนกีฬา สามรถที่
จะเลือกรบั ประทานอาหารทเ่ี หมาะสมกบั วัย รจ๎ู ักปญั หาจากภาวะโภชนาการและควบคุมน้าหนกั ตนเอง
ใหอ๎ ยูํในเกณฑ์มาตรฐานได๎ อธิบายความหมายและปฏิบตั กิ ารปฐมพยาบาลเบื้องต๎นไดอ๎ ยํางมี
ประสิทธภิ าพ อธบิ ายลักษณะอาการของผ๎ูติดสารเสพติดและปูองกันการตดิ สารเสพติด แสดงวธิ ชี กั ชวน
ให๎ผ๎ูอื่นลด ละเลิกสารเสพตดิ โดยใชท๎ ักษะตาํ ง ๆ
ตวั ชว้ี ัด
พ 1.1 ม.4-6/1-4
พ 2.1 ม.4-6/1-4
รวมทั้งหมด 8 ตวั ชว้ี ดั

158

ชอ่ื รายวิชา พลศกึ ษา3 รหสั วชิ า พ32202
คาอธิบายรายวชิ า

ศกึ ษาหลักการเกีย่ วกบั กิจกรรมพลศึกษาและกีฬา ทกั ษะการบริหารรํางกาย ทกั ษะการ
เคลอ่ื นไหวพนื้ ฐาน เกมกิจกรรมนนั ทนาการ การเลนํ กีฬาบาสเกตบอล ตามลาดบั ข้นั ตอน โดยเนน๎
พัฒนาการตามศักยภาพของแตํละบคุ คล เพอื่ ให๎มีความเข๎าใจแนวทางและการมีการออกกาลงั กายและ
เลํนกีฬาเป็นประจากับการมีวิถชี ีวติ ที่มสี ุขภาพดี

เขา๎ ใจ กฎ กติกา ในการเลนํ และการแขงํ ขนั กฬี าบาสเกตบอล มคี ณุ ธรรมและเหน็ คณุ คาํ
ของการทางานเป็นทมี ปฏบิ ัติหนา๎ ที่ตามความรับผดิ ชอบในการเลํนกีฬาตาํ ง ๆ จนประสบผลสาเสรจ็
ประยกุ ต์ใช๎ความมีน้าใจนักกีฬาไปใชใ๎ นการทางานและดาเนนิ ชวี ติ ให๎เป็นประโยชน์แกํตนเองและ
สวํ นรวม
ตัวชวี ดั
พ 3.1 ม.4-6/1-3
รวมทงั้ หมด 3 ตวั ชว้ี ัด

159

ช่ือรายวชิ า สุขศกึ ษา4 รหัสวชิ า พ32103
คาอธบิ ายรายวชิ า

อธิบายความสาคัญของระบบประสาทและระบบตํอมไร๎ทํอทีม่ ตี ํอสุขภาพและการเจริญเติบโต
ดแู ลรักษาระบบประสาทและระบบตอํ มไร๎ทอํ ให๎ทางานได๎อยาํ งมปี ระสิทธภิ าพอธบิ ายพัฒนาการการ
เปลี่ยนแปลงทางราํ งกาย จติ ใจ อารมณแ์ ละพัฒนาการทางเพศ นอกจากน้ียังสามารถปูองกันตนเอง
จากการถูกลวํ งละเมิดทางเพศ เขา๎ ใจหลักของการออกกาลงั กายเพ่ือเพิม่ พูนความสามารถของตนตาม
หลักการเคลื่อนไหวท่ใี ช๎ทักษะกลไกและทักษะพน้ื ฐานท่นี าไปสูํการพฒั นาทักษะการเลํนกีฬา สามรถที่
จะเลือกรบั ประทานอาหารทเ่ี หมาะสมกบั วัย รจ๎ู ักปญั หาจากภาวะโภชนาการและควบคุมน้าหนกั ตนเอง
ใหอ๎ ยูํในเกณฑ์มาตรฐานได๎ อธิบายความหมายและปฏิบตั กิ ารปฐมพยาบาลเบื้องต๎นได๎อยํางมี
ประสิทธภิ าพ อธบิ ายลักษณะอาการของผ๎ูติดสารเสพติดและปูองกันการตดิ สารเสพติด แสดงวธิ ชี กั ชวน
ให๎ผ๎ูอื่นลด ละเลิกสารเสพตดิ โดยใชท๎ ักษะตาํ ง ๆ
ตวั ชว้ี ัด
พ 4.1 ม.4-6/1-4
พ 5.1 ม.4-6/1-4
รวมทั้งหมด 8 ตวั ชว้ี ดั

160

ชอื่ รายวชิ า พลศกึ ษา4 รหัสวิชา พ32202
คาอธบิ ายรายวิชา

ศกึ ษาหลักการเกีย่ วกับกจิ กรรมพลศึกษาและกีฬา ทกั ษะการบริหารรํางกาย ทักษะการ
เคล่ือนไหวพื้นฐาน เกมกิจกรรมนนั ทนาการ การเลนํ กีฬาเปตอง ตามลาดับขัน้ ตอน โดยเน๎น
พฒั นาการตามศักยภาพของแตํละบคุ คล เพอ่ื ให๎มีความเข๎าใจแนวทางและการมีการออกกาลังกายและ
เลํนกฬี าเป็นประจากับการมวี ิถีชวี ติ ที่มสี ขุ ภาพดี

เข๎าใจ กฎ กตกิ า ในการเลํนและการแขงํ ขันกีฬาเปตอง มีคุณธรรมและเหน็ คณุ คําของการ
ทางานเป็นทีม ปฏบิ ตั หิ นา๎ ที่ตามความรับผดิ ชอบในการเลํนกฬี าตาํ ง ๆ จนประสบผลสาเสรจ็
ประยุกตใ์ ช๎ความมนี า้ ใจนักกีฬาไปใช๎ในการทางานและดาเนนิ ชวี ิตให๎เปน็ ประโยชนแ์ กตํ นเองและ
สํวนรวม
ตวั ชีวัด
พ 3.1 ม.4-6/1-3
พ 3.2 ม.4-6/1-5
รวมทั้งหมด 8 ตวั ช้วี ัด

161

ช่อื รายวิชา สุขศึกษา5 รหสั วชิ า พ33101
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษา วเิ คราะห์ อธบิ ายถงึ การมีสวํ นในการปอู งกนั ความเสี่ยงตํอการใช๎ยา การใชส๎ ารเสพ
ตดิ ความรุนแรง เพ่ือสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และสงั คม ผลกระทบทเ่ี กดิ จากการครอบครอง
การใช๎ และการจาหนาํ ยสารเสพติด ปจั จยั ที่ผลตอํ สขุ ภาพหรอื ความรุนแรงของคนไทยและเสนอ
แนวทางปูองกัน

โดยใชก๎ ระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู สบื ค๎น ขอ๎ มลู วเิ คราะห์ และอภิปราย เพ่ือใหเ๎ กิด
ความร๎ู ความเขา๎ ใจ สานกึ ในคณุ คํา ศักยภาพ และความเปน็ ตวั ของตวั เอง สามารถสือ่ สารสิ่งท่ี
เรยี นรูแ๎ ละนาความร๎ูไปใช๎ประโยชนใ์ นการดารงชีวิต
ตวั ช้ีวดั
พ 5.1 ม.4-6/1-3
รวมท้ังหมด 3 ตวั ชีว้ ดั

162

ช่ือรายวิชา พลศกึ ษา5 รหัสวิชา พ33201
คาอธิบายรายวิชา

ศกึ ษา วิเคราะห์ อธิบายการวางแผนกาหนดแนวทางลดอุบัตเิ หตุและสรา๎ งเสรมิ ความ
ปลอดภยั ในชุมชน มีสํวนรวํ มในการสรา๎ งเสรมิ ความปลอดภยั ในชุมชน ใชท๎ ักษะการตัดสินใจแกป๎ ญั หา
ในสถานการณท์ เี่ สย่ี งตํอสขุ ภาพและความรุนแรง แสดงวธิ ีการชวํ ยฟ้ืนคืนชพี อยาํ งถูกวธิ ี
โดยใช๎กระบวนการสบื เสาะหาความร๎ู สืบค๎น ข๎อมูล วิเคราะห์ และอภปิ ราย เพ่อื ให๎เกิดความร๎ู
ความเขา๎ ใจ สานึกในคณุ คํา ศกั ยภาพ และความเปน็ ตวั ของตัวเอง สามารถสอ่ื สารส่งิ ท่ีเรยี นร๎ูและนา
ความร๎ไู ปใชป๎ ระโยชนใ์ นการดารงชวี ิด
ตัวช้วี ัด
พ 5.1 ม.4-6/4-7
รวมท้งั หมด 3 ตวั ชวี้ ัด

163

ช่ือรายวชิ า สุขศึกษา6 รหสั วิชา พ33104
คาอธบิ ายรายวิชา

ศึกษา อาหารท่เี หมาะสมตามวัย หลักการบรโิ ภคที่ถกู ต๎อง ปจั จัยที่มผี ลกระทบตํอพัฒนาการ
ทางราํ งกาย สาเหตกุ ารตายของคนไทยตํอปัญหาสาธารณสุขของประเทศ โรคติดตํอ โรคที่เกิดจากการมี
เพศสมั พันธ์ โรคเอดส์ โรคไข๎หวัดนก การปอู งกันโรคตดิ ตํอ การแกป๎ ัญหาโรคทเี่ ปน็ ปญั หาสาธารณสขุ
ของประเทศ โรคท่ีไมตํ ดิ ตํอ โรคหัวใจ โรคความดนั โลหติ สงู เบาหวาน มะเรง็ สิ่งแวดล๎อมท่เี ปน็ ปญั หา
ในชุมชน ปัจจัยทมี่ อี ทิ ธติ ํอสงิ่ แวดลอ๎ ม การวางแผนการออกกาลงั กาย การพกั ผํอนและการสร๎างเสริม
สมรรถภาพทางกาย การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ปจั จัยเส่ยี งพฤติกรรมเสี่ยงตํอสขุ ภาพตํอสุขภาพ
แนวทางการปูองกันความเสยี่ งตํอสุขภาพ ปัญหาและผลกระทบจากการใชค๎ วามรนุ แรง วิธีการหลกี เล่ียง
การใช๎ความรุนแรง อิทธิพลของสอื่ ตํอพฤติกรรมสขุ ภาพและความรุนแรง ปัจจัยเสี่ยงทผ่ี ลตอํ ความปลอด
ชนิดของปัจจยั เส่ียงท่ีกํอใหเ๎ กิดอุบัตเิ หตุ กฎหมายทเ่ี กย่ี วข๎องกบั อุบัตเิ หตุ การชํวยให๎ฟ้นื คืนชีพ วธิ กี าร
ชํวยการฟืน้ คนื ชพี
ตัวชีว้ ัด
พ.1.1ม.4-6/1-8
พ.2.1ม.4-6/1-6
พ.2.1ม.4-6/7-8
รวมทั้งหมด 22 ตัวช้ีวดั

164

ชอ่ื รายวิชา พลศกึ ษา6 รหสั วชิ า พ33104
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาเพ่ือให๎มีความรู๎ ความเข๎าใจเกี่ยวกับประวัติความเปน็ มาของกีฬาบาสเกตบอล หลักการ
การเลํนกีฬาบาสเกตบอล ปฏบิ ตั ติ ามกฎ กติกา การเลํนและการแขํงขนั มีความร๎ู และฝึกทกั ษะกลวธิ ี
การรกุ การปูองกัน รปู แบบการเลํน ตาแหนํง บทบาท และหน๎าท่ี ความรวํ มมือในการทางานเป็นทีม
ทดสอบสมรรถภาพทางกาย

ศกึ ษาและปฏิบัตใิ นทักษะการเคลือ่ นไหว กจิ กรรมทางกาย การทรงตัว การว่ิง การกระโดด
การหยุด การหมุนตัว ทักษะพืน้ ฐาน การรับ การสงํ การเล้ยี ง การหลอกลํอ การยงิ ประตู การเลํนเป็น
ทมี เหน็ ความสาคญั ของการปฏบิ ัติ หนา๎ ทต่ี ามความรบั ผิดชอบในการแขํงขนั กฬี าบาสเกตบอลดว๎ ย
ความสนกุ สนาน และเหน็ คณุ คําของการแขํงขนั กีฬาบาสเกตบอล ดว๎ ยความมีนา้ ใจเป็นนักกฬี า และ
เหน็ ความสาคญั ของ การมสี มรรถภาพทางกายทีด่ ี จากการออกกาลงั กาย ดว๎ ยกฬี าบาสเกตบอลพรอ๎ ม
ทั้งเขา๎ รํวมกิจกรรมตามท่ีโรงเรยี นกาหนดเพ่ือแสดงออกถึงการมีสนุ ทรยี ภาพทางดา๎ นกฬี า นาหลักการ
ความรูแ๎ ละทักษะในการเคล่ือนไหว กจิ กรรมทางกาย การเลนํ เกมและการเลํนกีฬาบาสเกตบอลไปใช๎
สร๎างเสรมิ สุขภาพอยํางตํอเน่ือง เป็นระบบโดยใช๎เทคนิคท่ีเหมาะสมกับตนเองและทีม รวํ มกิจกรรม
นนั ทนาการอยํางน๎อย 1 กจิ กรรม และนาหลักความร๎วู ิธีการไปขยายผลการเรยี นรู๎ให๎กับผอู๎ น่ื
ตัวชี้วดั
พ 5.1 ม.4-6/4-7
รวมทัง้ หมด 3 ตัวชวี้ ัด

165

คาอธิบายรายวิชา
กล่มุ สาระการเรียนรูศ้ ิลปะ

166

โครงสร้างการจัดการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรียนร้ศู ลิ ปะ

โรงเรยี นบ้านตรวจ อาเภอศรณี รงค์ จังหวดั สุรินทร์

...................................................................................................................................................

รายวิชาพนื้ ฐาน

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1

ภาคเรยี นที่ 1 ศ21101 ทัศนศิลป์ 2 ช่วั โมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกิต

ภาคเรยี นท่ี 2 ศ21102 ดนตรี-นาฏศิลป์ 2 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกติ

ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2

ภาคเรียนที่ 1 ศ22101 ดนตรี 2 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกิต

ภาคเรียนที่ 2 ศ22102 ทศั นศิลป์-นาฏศิลป์ 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกติ

ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3

ภาคเรียนที่ 1 ศ23101 นาฏศิลป์ 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกติ

ภาคเรยี นที่ 2 ศ23102 ทัศนศิลป์-ดนตรี 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกติ

รายวชิ าพ้นื ฐาน

ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 ศ31101 ศิลปะ1 1 ช่ัวโมง/สัปดาห์จานวน 0.5 หนํวยกติ
ภาคเรียนท่ี 1 ศ31102 ศลิ ปะ2 1 ชั่วโมง/สปั ดาห์จานวน 0.5 หนวํ ยกติ
ภาคเรียนที่ 2
ศ32101 ศลิ ปะ3 1 ชวั่ โมง/สปั ดาห์จานวน 0.5 หนํวยกิต
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ศ32102 ศลิ ปะ4 1 ชว่ั โมง/สปั ดาห์จานวน 0.5 หนํวยกติ
ภาคเรยี นที่ 1
ภาคเรยี นท่ี 2 ศ33101 ศลิ ปะ5 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์จานวน 0.5 หนวํ ยกิต
ศ33102 ศิลปะ6 1 ช่วั โมง/สัปดาห์จานวน 0.5 หนํวยกิต
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
ภาคเรียนที่ 1
ภาคเรยี นที่ 2

167

ชอื่ รายวชิ า ศลิ ปะ1 รหสั วชิ า ศ21101
คาอธบิ ายรายวชิ า

ศกึ ษา ความแตกตํางและความคลา๎ ยคลงึ กนั ของทัศนธาตุในงานทัศนศิลป์และส่ิงแวดล๎อม
ลักษณะรปู แบบงานทัศนศิลป์ของชาติและของท๎องถ่ินตนเองจากอดีตจนถงึ ปัจจุบัน หลักการออกแบบ
งานทศั นศิลป์ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน ความสมดุล และการส่ือถึงเรื่องราวในงานปัน้ หรอื
งานสือ่ ผสม การออกแบบงานปั้นรูปตาํ ง ๆ และงานประดิษฐ์ งานทัศนศลิ ป์ภาคตําง ๆ ในประเทศไทย
หลกั การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ การออกแบบรูปภาพสัญลกั ษณ์หรือกราฟิก ความแตกตาํ งของงาน
ทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทยและสากล การประเมนิ งานทัศนศลิ ป์ และการมจี ิตสาธารณะในการ
สร๎างสรรค์งานศิลปะ

ฝึกปฏบิ ัติการสร๎างสรรคผ์ ลงานทางทศั นศิลป์ ตามความถนดั ความสนใจ
ความสามารถด๎านการเขยี นรูปและการป้นั รูปตาํ งๆงานประดิษฐ์ ดว๎ ยวัสดุ – อปุ กรณ์ท่วั ๆ ไป และวัสดุ
อุปกรณ์ ท๎องถนิ่ ทส่ี อดคล๎องกับสภาพทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท๎องถนิ่ ภมู ิปญั ญาไทย ภมู ิปญั ญาสากล
และมีจติ สาธารณะในขณะปฏบิ ตั ิ
กิจกรรมศิลปะ

สรปุ รวม เพอ่ื ให๎เกิดคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และเสริมสร๎างสมมรรถนะสาคัญของ
ผูเ๎ รยี น ใหม๎ คี วามสามารถในการส่อื สาร การคิด การแก๎ปญั หา การใชท๎ ักษะ และการใช๎เทคโนโลยี
ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม

ตัวช้ีวดั
ศ๑.๑ ม.๑/๑
ศ ๑.๑ ม.๑/๒,
ศ ๑.๑ ม.๑/๓,
ศ ๑.๑ ม.๑/๔,
ศ ๑.๑ ม.๑/๕,
ศ๑.๑ ม.๑/๖,
ศ ๑.๒ ม.๑/๑,
ศ ๑.๒ ม.๑/๒,
ศ ๑.๒ ม.๑/๓
รวม ๙ ตวั ชว้ี ดั

168

ชอ่ื รายวิชา ศลิ ปะ2 รหสั วิชา ศ21102

คาอธิบายรายวิชา

ศึกษาคน๎ คว๎าข๎อมลู และคิดวิเคราะห์หาความสัมพันธร์ ะหวํางธรรมชาติกับศิลปะใช๎

กระบวนการคิดกวา๎ ง และคิดลึกซงึ้ สร๎างสรรคง์ านทัศนศิลปจ์ ากสอื่ อปุ กรณ์ทัว่ ไป และจากส่ือท๎องถิ่น

ดูแลรักษาเครอ่ื งดนตรีและแสดงออกทางนาฎศลิ ปโ์ ดยใชห๎ ลักการจดั ทัศนธาตุ หลกั องค์ประกอบดนตรี

และนาฎศลิ ป์ พร๎อมทั้งรํวมอนุรักษ์ สืบทอดศิลปะดนตรี นาฎศิลป์ โดยจัดกิจกรรมบูรณาการ

เพื่อให๎เกิดการชน่ื ชมและเหน็ คณุ คาํ ความงามความไพเราะ และความภมู ใิ จในมรดกทาง

วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย

ตัวชีว้ ดั

ศ 1.1 ม.1/4-6

ศ 1.2 ม. 1/1-3

ศ 2.1 ม.1/5-9

ศ 2.2 ม.1/2

ศ 3.1 ม.1/4-5

ศ 3.2 ม.1/2

รวมท้งั หมด 20 ตวั ชวี้ ัด

169

ชือ่ รายวชิ า ศิลปะ3 รหสั วิชา ศ22101

คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาค๎นคว๎าศิลปะหลกั ในการสรา๎ งสรรค์งาน เกี่ยวกบั ทัศนธาตุในดา๎ นรปู แบบและแนวคดิ ของ

งานทศั นศิลป์ บรรยายความเหมือนและความแตกตาํ งของรปู แบบการใชว๎ สั ดุ อุปกรณ์ในงานทศั นศิลป์

วาดภาพด๎วยเทคนิคทีห่ ลากหลายในการสอ่ื ความหมายและเรอ่ื งราวตาํ งๆ โดยกระบวนการบรู ณาการ

ส่อื วัสดอุ ปุ กรณ์อยาํ งเหมาะสม มีความชน่ื ชอบและเหน็ คุณคาํ นาไปใช๎ในชวี ติ ประจาวัน เปรยี บเทยี บ

แนวคดิ ในการออกแบบงานทัศนศลิ ป์ท่มี าจากวฒั นธรรมไทยและสากลฝึกทกั ษะการฟงั และเทคนิคการ

ขบั ร๎องและบรรเลงดนตรีไทย การราวงมาตรฐานตลอดจนการนาความรู๎และหลกั การทางดนตรีมาใช๎

กับวชิ าอนื่ ๆ และชีวิตประจาวนั เพือ่ ให๎เกิดความช่นื ชมเห็นคณุ คําความงาม ความไพเราะ ความ

ภมู ใิ จในมรดกทางวฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย

ตวั ช้วี ัด

ศ 1.1 ม.2/1-4

ศ 1.2 ม.2/1-2

ศ 2.1 ม.2/1-4

ศ 2.2 ม.2/1

ศ 3.1 ม.2/1-3

ศ 3.2 ม.2/1-2

รวมทงั้ หมด 16 ตัวชีว้ ดั

170

ช่อื รายวชิ า ศลิ ปะ4 รหัสวิชา ศ22102

คาอธิบายรายวิชา

ศึกษาค๎นควา๎ ศลิ ปะหลกั ในการสร๎างสรรค์งาน โดยกระบวนการบรู ณาการสื่อวสั ดอุ ปุ กรณอ์ ยําง

เหมาะสม มีความชืน่ ชอบและเห็นคุณคาํ นาไปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั ฝึกทักษะการฟัง และเทคนิคการ

ขับรอ๎ งและบรรเลงดนตรีไทย การราวงมาตรฐานตลอดจนการนาความรู๎และหลกั การทางดนตรีมาใช๎

กับวชิ าอ่นื ๆ และชีวิตประจาวัน เพือ่ ให๎เกิดความช่ืนชมเห็นคุณคาํ ความงาม ความไพเราะ ความ

ภมู ิใจในมรดกทางวฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย

ตวั ช้วี ดั

ศ 1.1 ม.2/4-7

ศ 1.2 ม.2/2-3

ศ 2.1 ม.2/5-7

ศ 2.2 ม.2/2

ศ 3.1 ม.2/4-5

ศ 3.2 ม.2/2-3

รวมทัง้ หมด 14 ตัวช้วี ัด

171

ชอื่ รายวิชา ศลิ ปะ5 รหัสวิชา ศ23101

คาอธิบายรายวชิ า

ศกึ ษาค๎นคว๎า วเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์และความแตกตํางของศลิ ปะไทยและสากล สร๎างสรรค์

งานศิลปะโดยใช๎กระบวนการคิดสรา๎ งสรรค์ด๎วยวสั ดธุ รรมชาติ วเิ คราะหบ์ รรยายวธิ กี ารใช๎ทศั นธาตุ และ

หลกั การออกแบบในการสร๎างสรรคง์ านทศั นศิลปข์ องตนเองใหม๎ ีคณุ ภาพ และนาเทคโนโลยีไปใชไ๎ ด๎อยาํ ง

เหมาะสมสร๎างสรรค์ทางดนตรี วิเคราะห์ วิจารณ์ งานดนตรใี หเ๎ กิดสุนทรยี ภาพทางดนตรี และการ

แสดงนาฏศลิ ป์รปู แบบตาํ งๆ การประดิษฐท์ าํ รา เพ่ือตระหนกั ในคุณคําของการจดั กิจกรรมนาฏศลิ ป์

และบงํ บอกคํานยิ มประเพณแี ละวฒั นธรรมไทยภูมปิ ัญญาไทยสูํสากล

ตัวชว้ี ดั

ศ 1.1 ม.3/1-6

ศ 1.2 ม.3/1

ศ 2.1 ม.3/1-3

ศ 2.2 ม.3/1

ศ 3.1 ม.3/1-3

ศ 3.2 ม.3/1-2

รวมทัง้ หมด 16 ตัวชวี้ ัด

172

ชอ่ื รายวิชา ศิลปะ6 รหัสวิชา ศ23102

คาอธิบายรายวชิ า

ศกึ ษาค๎นคว๎า วเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์และความแตกตํางของศิลปะไทยและสากล สร๎างสรรค์

งานศิลปะโดยใช๎กระบวนการคดิ สรา๎ งสรรคด์ ๎วยวสั ดุธรรมชาตแิ ละนาเทคโนโลยีไปใชไ๎ ด๎อยํางเหมาะสม

สร๎างสรรค์ทางดนตรี วิเคราะห์ วิจารณ์ งานดนตรใี ห๎เกดิ สนุ ทรยี ภาพทางดนตรี และการแสดง

นาฏศิลปร์ ปู แบบตํางๆ การประดิษฐ์ทาํ รา เพอื่ ตระหนักในคุณคําของการจัดกจิ กรรมนาฏศิลป์ และ

บํงบอกคํานยิ มประเพณีและวฒั นธรรมไทยภมู ปิ ญั ญาไทยสํูสากล

ตัวชี้วดั

ศ 1.1 ม.3/7-11

ศ 1.2 ม.3/2

ศ 2.1 ม.3/4-7

ศ 2.2 ม.3/2

ศ 3.1 ม.3/4-7

ศ 3.2 ม.3/2-3

รวมทัง้ หมด 17 ตวั ช้ีวดั

173

ชือ่ รายวชิ า ศลิ ปะ1 รหัสวิชา ศ31101
คาอธิบายรายวิชา

ศกึ ษาเพื่อใหม๎ ีความรคู๎ วามเข๎าใจและฝึกปฏบิ ตั ิงานศลิ ปะ ด๎านทศั นศลิ ปเ์ กย่ี วกับ ทัศนธาตุ
องค์ประกอบศลิ ป์ สนุ ทรยี ภาพและความงามเพ่ือใหเ๎ ข๎าใจหลักการอธิบายในเชิงวิเคราะห์ วิจารณ์
ประเมนิ คํา งานศิลปะตามหลักการและวฒุ ิภาวะ วเิ คราะห์การใช๎ทศั นธาตแุ ละหลกั การออกแบบในการ
ส่อื ความหมายในรูปแบบ ตาํ งๆ สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์ด๎วยเทคโนโลยีตาํ งๆ โดยเน๎นหลกั การ
ออกแบบและการจัดองค์ประศลิ ป์ การขับร๎อง ดนตรีในด๎านชนิดและประเภท องค์ประกอบของดนตรี
ยุคสมัย วิวัฒนาการดนตรี นาฏศลิ ปใ์ นเรอ่ื งคุณคํา พนื้ ฐานนาฏศิลป์ การปฏบิ ตั ินาฏศิลป์แบบ
มาตรฐาน การประดิษฐท์ าํ รา ประโยชน์ของนาฏศลิ ป์ ประวตั ิววิ ัฒนาการนาฏศิลปแ์ ละการละครไทย
เพ่ือส่ือความคดิ ความงาม ความรู๎สกึ ประทับใจ
มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
ศ1.1ม.4/1-4
ศ1.2ม.4/1
ศ2.1ม.4/1
ศ2.2ม.4/1
ศ3.1ม.4/1-2
ศ3.2ม.4/1
รวมทัง้ หมด 11 ตวั ชว้ี ัด

174

ช่ือรายวชิ า ศิลปะ2 รหัสวิชา ศ31102
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาเพ่ือให๎มีความรค๎ู วามเข๎าใจและฝึกปฏบิ ตั งิ านศลิ ปะด๎านทศั นศิลปเ์ กี่ยวกับทัศนธาตุ
องค์ประกอบศิลป์ สนุ ทรียภาพและความงามเพื่อใหเ๎ ข๎าใจหลักการอธิบายในเชิงวเิ คราะห์ วจิ ารณ์
ประเมินคํา งานศลิ ปะตามหลักการและวุฒภิ าวะ การขับรอ๎ ง ดนตรีในดา๎ นชนิดและประเภท
องค์ประกอบของดนตรี ยคุ สมัย ววิ ัฒนาการดนตรี นาฏศิลปใ์ นเรอื่ งคณุ คํา พืน้ ฐานนาฏศิลป์ การ
ปฏบิ ัตนิ าฏศลิ ปแ์ บบมาตรฐาน การประดิษฐท์ ํารา ประโยชน์ของนาฏศลิ ป์ ประวัติวิวัฒนาการ
นาฏศิลปแ์ ละการละครไทย เพ่อื สื่อความคดิ ความงาม ความร๎สู ึกประทับใจ
มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
ศ1.1 ม.4/1-4
ศ1.2 ม.4/1
ศ1.2 ม.4/2
ศ2.1 ม.4/2
ศ2.2 ม.4/2
ศ3.1 ม.4/1-2
ศ3.2 ม.4/2
รวมท้งั หมด 11 ตวั ชี้วัด

175

ชอื่ รายวชิ า ศลิ ปะ3 รหัสวชิ า ศ32101
คาอธิบายรายวิชา

ศกึ ษาเพื่อให๎ความรู๎ ความเข๎าใจและฝึกปฏิบตั งิ านศลิ ปะ ดา๎ นทศั นศิลปเ์ กย่ี วกบั การวเิ คราะห์
วิจารณ์ การประเมนิ คุณคํางานทศั นศลิ ป์พ้ืนฐาน ความเป็นไทยศิลปะประจาชาติ สรา๎ งสรรค์ลวดลาย
ไทย เพื่อใหเ๎ กิดความรัก ช่นื ชม และเห็นคณุ คําของศลิ ปวัฒนธรรมไทย สรา๎ งสรรค์งานทัศนศลิ ปด์ ว๎ ย
เทคโนโลยตี ํางๆ โดยเนน๎ หลกั การออกแบบและการจัดองค์ประกอบศิลป์ ออกแบบงานทัศนศลิ ป์ได๎
เหมาะสมกบั โอกาสและสถานที่ การขบั ร๎องดนตรไี ทย ในดา๎ นหลกั การผสมวงดนตรีไทย และสากล
นาฎศลิ ป์ในเรือ่ งการแสดงนาฎศลิ ป์ โขน การประดษิ ฐ์เคร่ืองประดับ การวิเคราะห์ วจิ ารณก์ ารแสดง
ประวัติวิวฒั นาการ นาฏศิลปส์ ากล กิจกรรมนาฎศิลป์ ที่บงํ บอกถงึ คํานิยม ประเพณี เพ่อื ใหเ๎ กดิ
ความภาคภมู ิใจในวัฒนธรรมของไทย
มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด
ศ1.1 ม.5/5-7
ศ1.2 ม.5/1
ศ2.1 ม.5/3
ศ2.2 ม.5/3
ศ3.1 ม.5/3-4
ศ3.2 ม.5/1-2
รวมทั้งหมด 14 ตัวชวี้ ดั

176

ช่ือรายวิชา ศลิ ปะ4 รหัสวชิ า ศ32102
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาเพ่ือใหค๎ วามรู๎ ความเข๎าใจและฝกึ ปฏิบัตงิ านศิลปะ ดา๎ นทัศนศลิ ปเ์ ก่ยี วกบั เทคนคิ วิธกี าร
สร๎างสรรคง์ านศิลปะเพ่ือให๎มีลักษณะนิสัยทีด่ ี มนี ้าใจ เลือกสรรค์ปฏบิ ัตงิ านศลิ ปะดว๎ ยปญั ญา และ
ความรับผิดชอบ การขับร๎องดนตรีในด๎านหลักเบื้องตน๎ ทางดนตรี ไปใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั นาฏศลิ ปใ์ น
เร่ืองการแสดง เหน็ คณุ คํานาฏศลิ ป์ ท่ีส่ือถงึ ภูมปิ ัญญาท๎องถิน่ ภูมิปัญญาไทย ภมู ิปญั ญาสากล
มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
ศ1.1ม.5/5,7
ศ1.2ม.5/2,4
ศ2.2ม.5/4
ศ3.1ม.5/3-4
ศ3.2ม.5/1-2
รวมทัง้ หมด 8 ตวั ชี้วดั

177

ช่อื รายวชิ า ศลิ ปะ5 รหัสวชิ า ศ33101
คาอธบิ ายรายวชิ า

ศกึ ษาเพื่อให๎มีความรู๎ ความเขา๎ ใจและฝึกปฏิบตั ิงานศิลปะ ดา๎ นทัศนศลิ ป์ เกีย่ วกบั
ประวัติศาสตร์ ศลิ ปะ ยคุ สมัยศลิ ปะไทย และสากล ศลิ ปะเพ่ืออนาคต ศลิ ปะกับศาสนา วัฒนธรรม
ประเพณี เอกลักษณค์ วามเป็นไทย สรา๎ งสรรคง์ านศลิ ปะ สื่อความเปน็ ไทย วเิ คราะห์และมีทักษะและ
เทคนิคในการเลอื กใช๎วสั ดุอปุ กรณ์ และกระบวนการท่ีสงู ข้ึนในการแสดงออกทางทัศนศิลป์ วาดภาพ
ระบายสีเปน็ ภาพล๎อเลียนหรือภาพการต์ ูนเพื่อแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับสภาพสังคมในปัจจบุ นั การขบั
ร๎องดนตรใี นด๎านร๎ูแบบตํางๆ การขบั ร๎องโดยใช๎เทคนคิ เพื่อให๎เกิดความไพเราะ การรกั ษาและซํอมแซม
เครอื่ งดนตรี วิเคราะห์ เปรียบเทียบยุคสมยั วิวัฒนาการทางดนตรี นาฏศิลปใ์ นการวเิ คราะห์ตคี วาม
วรรณกรรมและบทละคร หลักการจดั การแสดงและพัฒนาการดว๎ ยวธิ ีการ และสรุปรปู แบบตาํ งๆ
ความหมายของชีวิตและสงั คม ววิ ัฒนาการนาฏศิลป์บรบิ ทของประวตั ศิ าสตร์และสงั คม ละครพื้นบ๎าน
การเลําเรือ่ งตํางๆ เพ่ือให๎เห็นคุณคําในมรดกวัฒนธรรม
มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
ศ1.1ม.6/8 -10
ศ1.2 ม.6/1-2
ศ2.1 ม.6/5-6
ศ2.2 ม.6/5
ศ3.1 ม.6/5-6
ศ3.2 ม.6/3-4
รวมทัง้ หมด 12 ตัวชี้วัด

178

ชือ่ รายวชิ า ศิลปะ6 รหสั วิชา ว33102
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาเพื่อใหม๎ ีความรู๎ ความเข๎าใจและฝึกปฏบิ ัตงิ านศลิ ปะ ด๎านทัศนศิลปเ์ ก่ียวกบั ศลิ ปะ
พื้นบ๎าน ภมู ิปัญญาไทย เลอื กสรรพัฒนาเทคโนโลยกี บั การสร๎างสรรคง์ านศิลปะพน้ื บ๎าน ขับรอ๎ ง
ดนตรี ในดา๎ นการฟังเพลงเพื่อการวิเคราะห์เปรยี บเทียบบทเพลงมารยาทในการชม และการแสดง
ดนตรี การฝึกปฏิบัตทิ ักษะทางดนตรี กิจกรรมประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปัญญาไทยที่เกยี่ วข๎องกบั
ดนตรี นาฏศิลป์ในเรอื่ งการคัดเลอื กบทละคร การฝึกปฏิบตั กิ ารแสดงละคร จากการเลือกสรร
เช่ือมโยง นาฏศลิ ปก์ บั ชีวิต และสังคมละครพืน้ บา๎ นกับภมู ปิ ญั ญาท๎องถ่ิน และภูมิปญั ญาไทย เพ่ือให๎
เหน็ คณุ คาํ อนุรกั ษ์ และสบื ทอดมรดกทางวัฒนธรรม
มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
ศ1.1ม.6/9-11
ศ1.2 ม.6/2-3
ศ2.1 ม.6/7-8
ศ2.2 ม.6/4-5
ศ3.1 ม.6/7-8
ศ3.2 ม.6/3-4
รวมทั้งหมด 13 ตวั ช้วี ัด

179

คาอธิบายรายวิชา
กลุ่มสาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี

180

โครงสรา้ งการจัดการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี
โรงเรยี นบา้ นตรวจ อาเภอศรีณรงค์ จังหวดั สุรนิ ทร์
...................................................................................................................................................
รายวิชาพ้นื ฐาน
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1
ภาคเรยี นที่ 1 ง21101 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 1 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกิต
ภาคเรียนที่ 2 ง21102 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 2 2 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกติ
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2
ภาคเรียนที่ 1 ง22101 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 3 2 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกติ
ภาคเรยี นที่ 2 ง22102 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 4 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกิต
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3
ภาคเรียนที่ 1 ง23101 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 5 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกิต
ภาคเรยี นท่ี 2 ง23102 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 6 2 ช่ัวโมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกิต

รายวชิ าเพ่มิ เติม -
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 -

ภาคเรียนท่ี 1 -
ภาคเรียนที่ 2 -
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2
ภาคเรียนที่ 1 -
ภาคเรียนท่ี 2 -
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1
ภาคเรยี นท่ี 2

181

รายวชิ าพื้นฐาน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ง31101 เทคโนโลยีสารสนเทศและ
ภาคเรยี นท่ี 1
การสื่อสาร 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกติ
ภาคเรยี นที่ 2
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ง31102 ทักษะการดารงชวี ติ 2 ชวั่ โมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกิต

ภาคเรยี นท่ี 1 ง32101 พ้นื ฐานการเขยี นโปรแกรม 2 ช่วั โมง/สัปดาห์
จานวน 1.0 หนวํ ยกิต
ภาคเรยี นที่ 2
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6

ภาคเรยี นที่ 1
ภาคเรยี นท่ี 2

ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 รายวชิ าเพิ่มเติม
ภาคเรยี นท่ี 1
ภาคเรียนที่ 2 -
ง3010..... ..................................... 2 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกติ
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5
ภาคเรียนที่ 1
ภาคเรียนท่ี 2

ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6
ภาคเรียนที่ 1 ง3010..... ..................................... 2 ชวั่ โมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกิต
ภาคเรียนที่ 2 ง3010..... ..................................... 2 ชวั่ โมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกิต

182

ชื่อรายวชิ า การงานอาชีพและเทคโนโลยี1 รหสั วิชา ง21101

คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษาค๎นควา๎ อธิบาย หลกั การทางานของคอมพวิ เตอร์ บทบาทของคอมพิวเตอรใ์ นการชํวย

อานวยความสะดวกในการดาเนินกิจกรรมตาํ งๆ บอกประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในการทางาน ศกึ ษา

อภปิ ราย ลกั ษณะสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศในด๎านตาํ งๆ

ศกึ ษาเก่ียวกับความหมาย และการประมวลผลขอ๎ มูล และสารสนเทศ ประเภท วิธกี ารประมวลผล

ข๎อมูล และขัน้ ตอนการจัดการสารสนเทศ

โดยการวิเคราะห์หลักการทางานของคอมพิวเตอร์ ลักษณะสาคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศ

ปฏบิ ัตติ ามขั้นตอนการจดั การสารสนเทศ ใชก๎ ระบวนการสืบค๎นขอ๎ มลู

และการแก๎ปัญหา

เพื่อใหเ๎ กดิ ความร๎ู ความเขา๎ ใจ ทกั ษะ เจตคติ เห็นสาคัญ และประโยชนข์ องคอมพิวเตอร์

ตระหนักถึงผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศในด๎านตํางๆ และมีความมํุงมั่นในการทางาน

ตัวชวี้ ัด

ง 3.1 ม.1/1-3

รวมทง้ั หมด 3 ตวั ชวี้ ดั

183

ช่ือรายวชิ า การงานอาชีพและเทคโนโลยี2 รหสั วิชา ง21102

คาอธบิ ายรายวิชา

ศึกษาความหมายความสาคัญเกย่ี วกบั บทบาทหนา๎ ที่ของสมาชกิ ในครอบครัว อธบิ ายวิธีการ

ขัน้ ตอนกระบวนการทางาน การจัดการงานบ๎าน งานเกษตร งานชาํ ง งานประดษิ ฐ์ และแนวทาง

การเลอื กอาชพี ในอนาคต

โดยการวเิ คราะหข์ น้ั ตอน กระบวนการทางาน เลอื กใชเ๎ คร่ืองมอื วสั ดุ อปุ กรณ์อยํางสรา๎ งสรรค์

และเหมาะสมกับงาน ลงมือผลิตชิ้นงานตามขั้นตอน กระบวนการทางานโดยใชก๎ ระบวนการกลุํม

นาเสนอผลงาน และแนวทางการประกอบอาชีพได๎อยํางสร๎างสรรค์

เพื่อให๎เกดิ ความรู๎ ความเข๎าใจ ทกั ษะ เจตคติ ทด่ี ีตอํ การประกอบอาชีพ เหน็ ความสาคัญของ

การสร๎างอาชีพ ทางานด๎วยความเสยี สละและการแกป๎ ัญหาอยาํ งมเี หตผุ ล ซ่ึงคานงึ ถงึ ความค๎มุ คาํ มี

ประสิทธภิ าพ อนรุ ักษ์สง่ิ แวดลอ๎ ม และสังคม

ตวั ชวี้ ัด

ง 1.1 ม.1/1-3

ง 4.1 ม.1/1-3

รวมทง้ั หมด 6 ตวั ช้วี ัด

184

ชื่อรายวชิ า การงานอาชีพและเทคโนโลยี3 รหสั วิชา ง22101

คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษา วิเคราะห์ สารวจ และแสวงหาความรู๎ เพื่อพัฒนาการทางานโดยใช๎กระบวนการ

แกป๎ ญั หา มีความคิดสร๎างสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทางาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการ

แกป๎ ัญหา ทักษะการทางานรํวมกัน ทักษะการแสวงหาความร๎ู ศึกษา สารวจ วิเคราะห์ การจดั

ประสบการณ์อาชีพ การเตรียมตัวเขา๎ สํูอาชีพ และมีทกั ษะท่ีจาเป็นตอํ งานอาชีพ

โดยการฝึกปฏิบตั ิทกั ษะทีจ่ าเป็นตอํ การประกอบอาชพี ด๎วยทกั ษะกระบวนการทางาน การแก๎ปัญหา

การทางานรวํ มกนั ตลอดจนการแสวงหาความรู๎จากแหลงํ เรียนรู๎ตํางๆ ดว๎ ยกระบวนการคดิ วิเคราะห์

กระบวนการทางานเป็นกลุํม และกระบวนการแก๎ปญั หา

เพ่อื ใหม๎ คี ุณธรรม มีเจตคติทดี่ ีตํออาชีพ มีจิตสานึกในการใช๎พลังงานทัพยากร และส่ิงแวดล๎อม

อยํางประหยดั และคุํมคํา เพ่ือการดารงชีวติ และครอบครวั สามารถอยรํู ํวมกนั ในสังคมอยํางมีความสุข

ตวั ชวี้ ดั

ง 1.1 ม 2/1-3

ง 4.1 ม 2/1-3

รวมทง้ั หมด 6 ตวั ชีว้ ดั

185

ชอื่ รายวชิ า การงานอาชีพและเทคโนโลยี4 รหสั วิชา ง22102

คาอธิบายรายวิชา

ศกึ ษา คน๎ คว๎า วิเคราะห์ และอธบิ ายกระบวนการเทคโนโลยีและการสรา๎ งสิงของเครื่องใชต๎ าม

กระบวนการเทคโนโลยี อยํางปลอดภยั การออกแบบโดยถํายทอดความคดิ เป็นภาพรําง 3 มิติ หรือภาพ

ฉาย เพื่อนาไปสํูการสรา๎ งตน๎ แบบของส่งิ ของเครื่องใช๎ หรอื ถํายทอดความคดิ ของวิธกี ารเป็นแบบจาลอง

ความคิดและการรายงานผล เพื่อนาเสนอวธิ ีการ มคี วามคิดสรา๎ งสรรค์ในการแกป๎ ัญหาหรือสนองความ

ต๎องการในงานที่ผลติ เอง เลอื กใชเ๎ ทคโนโลยีอยํางสรา๎ งสรรค์ ตํอชวี ติ สังคม สงิ่ แวดลอ๎ ม และมีการ

จดั การเทคโนโลยดี ๎วยการลดการใชท๎ รพั ยากรหรอื เลือกใชเ๎ ทคโนโลยีด๎วยการลดการใช๎ทรพั ยากร หรอื

เลือกใช๎เทคโนโลยที ่ไี มมํ ผี ลกระทบตํอสิง่ แวดลอ๎ ม

ดว๎ ยกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการทางานเปน็ กลมํุ และกระบวนการแก๎ปญั หา

โดยการศึกษา คน๎ ควา๎ วเิ คราะห์ และอธบิ ายหลักการเบ้ืองตน๎ ของการสอื่ สารขอ๎ มลู และเครอื ขําย

คอมพิวเตอร์ อธิบายหลักการ และวธิ กี ารแกป๎ ญั หาดว๎ ยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ ดว๎ ย

กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ กระบวนการทางานเปน็ กลมํุ และกระบวนการแก๎ปัญหา

เพื่อใหค๎ น๎ หาข๎อมลู และตดิ ตํอส่อื สารผาํ นเครือขาํ ยคอมพวิ เตอร์ อยํางมคี ุณธรรมและจริยธรรม ใช๎

ซอฟต์แวรใ์ นการทางาน

ตัวช้วี ดั

ง 2.1 ม 2/1-4

ง 3.1 ม 2/1-4

รวมทัง้ หมด 8 ตวั ช้ีวัด

186

ชอ่ื รายวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลยี5 รหัสวชิ า ง23101

คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษา วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ขน้ั ตอนการทางาน การซกั ตาก พบั เก็บ เสอ้ื ผ๎าทต่ี อ๎ งการ

การดูแลอยาํ งประณีต การสร๎างชน้ิ งานหรอื ผลงาน การทางานรํวมกันในการเตรียม ประกอบ อาหาร

ประเภทสารบั การประดษิ ฐ์บรรจุภณั ฑจ์ ากวัสดธุ รรมชาติ การจัดการในดา๎ นธรุ กิจประเภทตํางๆ การ

ขยายพนั ธพุ์ ืช การติดตงั้ /ประกอบผลติ ภัณฑ์ที่ใชใ๎ นบ๎าน วธิ กี ารทางงานเยบ็ ปัก ถัก จกั สาน และงาน

ปลกู พืชในท๎องถ่นิ

ศึกษา วิเคราะห์ และอธบิ าย กระบวนการเทคโนโลยี ระดับของเทคโนโลยี แบํงตามระดบั

ความรท๎ู ใ่ี ช๎เปน็ 3 ระดบั คอื ระดบั พืน้ บ๎านหรือพนื้ ฐานระดบั กลาง และระดบั สูง จะทาใหผ๎ เ๎ู รียนทางาน

อยาํ งเปน็ ระบบ สามารถย๎อนกลับมาแกไ๎ ขไดง๎ าํ ย ภาพฉาย เป็นภาพแสดงรายละเอียดของชน้ิ งาน

ประกอบด๎วยภาพด๎านหนา๎ ด๎านขา๎ ง ด๎านบน แสดงขนาดและหนวํ ยวดั เพ่ือนาไปสรา๎ งชน้ิ งาน

โดยใช๎กระบวนการสืบค๎น กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการพัฒนาคาํ นิยม การสร๎าง

ส่งิ ของเครอ่ื งใช๎หรือวธิ ีการตามกระบวนการเทคโนโลยี กระบวนการทางานเกลุํม และกระบวนการ

แกป๎ ญั หา

เพ่ือใหเ๎ กดิ ความรู๎ ความเข๎าใจ ความคดิ การใช๎ทรัพยากรส่งิ แวดลอ๎ มอยาํ งประหยดั ใช๎ทักษะ

ในการทางานรวํ มกนั อยาํ งมีคุณธรรม และทางานอยํางมีประสทิ ธภิ าพ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ

พอเพยี ง นาภมู ปิ ัญญาท๎องถ่ินเขา๎ มาประยกุ ต์ใช๎ในการดารงชีวิตอยใํู นสังคมรวํ มกนั อยาํ งมีความสขุ

ตวั ชี้วดั

ง 1.1 ม 3/1-3

ง 2.1 ม 3/1-2

รวมท้งั หมด 5 ตัวชี้วัด

187

ชอ่ื รายวชิ า การงานอาชีพและเทคโนโลยี6 รหสั วิชา ง23102

คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษา วเิ คราะห์ อภิปราย สรุปพร๎อมนาเสนอเกี่ยวกบั หลกั การทาโครงงาน เปน็ การพฒั นา

ผลงานที่เกิดจากการศึกษา ค๎นคว๎า ดาเนินการพัฒนาตามความสนใจ และความถนัด โดยใช๎เทคโนโลยี

สารสนเทศ หลักการพื้นฐานในการเขยี นโปรแกรม แนวคิดและหลักการโปรแกรม โครงสรา๎ งโปรแกรม

ตวั แปร การลาดบั คาสั่ง การตรวจสอบเง่อื นไข การควบคุมโปรแกรม คาส่งั แสดงผล และรับข๎อมลู การ

เขยี นโปรแกรม แบบงํายๆ การเขียนสครปิ ต์ เชนํ จาวาสครปิ ต์ แฟลช การเลือกซอฟต์แวรท์ ี่เหมาะสม

กับลกั ษณะของงาน การใช๎ซอฟต์แวรแ์ ละอุปกรณ์ดจิ ทิ ัลมาชวํ ยในการนาเสนองาน การใช๎คอมพิวเตอร์

ชํวยสรา๎ งงานตามหลกั การทาโครงงาน โดยมกี ารอ๎างอิงแหลํงขอ๎ มลู การใชท๎ รัพยากรอยํางค๎ุมคํา ไมํ

คดั ลอกผลงานผู๎อ่ืน ใช๎คาสุภาพ และไมสํ รา๎ งความเสียหายตํอผอ๎ู ื่น

ศกึ ษา วิเคราะห์ อภิปราย สรุป การหางานหรอื ตาแหนงํ ทว่ี ํางจากสือ่ สิง่ พมิ พ์และส่ือ

อิเล็กทรอนิกส์ แนวทางเขา๎ สูํอาชพี ตามคุณสมบตั ทิ ่จี าเปน็ ความมัน่ คง และการประเมินทางเลือก การ

ประเมนิ ทางเลอื กอาชีพตามหลักแนวทางการประเมิน รปู แบบการประเมิน และเกณฑ์การประเมิน

โดยใช๎กระบวนการสบื คน๎ กระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการพฒั นาคาํ นิยม กระบวนการ

ทางานเกลุมํ และกระบวนการแก๎ปัญหา

เพ่อื ใหเ๎ กิดความร๎คู วามเขา๎ ใจ ความคิด จนสามารถสร๎างช้นิ งานจากจินตนาการ

หรืองานที่ทาในชีวติ ประจาวนั ตามหลักการทาโครงงานที่หลากหลายจนสามารถ วิเคราะห์ ประเมนิ

ทางเลอื กในการประกอบอาชีพของตนเอง โดยนาภูมปิ ญั ญาท๎องถ่ินมาประยุกต์ใชต๎ ามหลกั ปรชั ญา

เศรษฐกิจพอเพยี งในการดารงชวี ติ

ตวั ชีว้ ดั

ง 3.1 ม 3/1-4

ง 4.1 ม 3/1-3

รวมท้งั หมด 7 ตัวช้ีวัด

188

ช่ือรายวชิ า ทักษะการดารงชีวิต รหสั วิชา ง31101
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาวธิ ีการทางานเพอื่ การดารงชีวิต ซงึ่ เปน็ การทางานทจ่ี าเปน็ เกยี่ วกบั ความเป็นอยํูใน
ชีวติ ประจาวัน สามารถสร๎างผลงานอยาํ งมีความคิดสร๎างสรรค์
โดยมีการนาทักษะกระบวนการเหลาํ นีม้ าใชใ๎ นการทางาน ได๎แกํ ทักษะการทางานรํวมกัน ทักษะการ
จดั การทางาน ทกั ษะกระบวนการแก๎ปัญหาในการทางาน รวมทง้ั ทกั ษะในการแสวงหาความร๎ูเพ่ือการ
ดารงชวี ติ

เพอื่ ใหเ๎ กดิ ลกั ษณะนสิ ยั ในการทางาน มคี ุณธรรม ใช๎พลงั งาน ทรพั ยากร ในการทางานอยําง
คม๎ุ คําและยัง่ ยืน เพ่ือการอนรุ ักษส์ ิง่ แวดล๎อม
มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
ง1.1 ม.4-6/1-7
รวมท้งั หมด 7 ตัวชี้วัด

189

ช่ือรายวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร รหัสวิชา ง31102
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาข๎อมูล สารสนเทศ หลกั การและวธิ ีการทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ ซอฟตแ์ วร์ในการจดั การ
ข๎อมูล การประมวลผลข๎อมลู ให๎เปน็ สารสนเทศ การตัดสนิ ใจโดยใช๎ขอ๎ มลู และสารสนเทศ เรยี นร๎ู
เกย่ี วกับองคป์ ระกอบและการทางานของระบบคอมคอมพวิ เตอร์ ระบบเครอื ขาํ ยคอมพิวเตอร์และการ
สอ่ื สารข๎อมูล การใช๎บริการอินเตอร์เนต็ เพ่อื การศึกษาและสบื ค๎นขอ๎ มูล

โดยปฏบิ ัตกิ ารเลอื กใชเ๎ คร่ืองมอื ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการจดั การรวบรวมข๎อมูล
ประมวลผลหรือสร๎างงานนาเสนอตามจินตนาการหรือประยุกต์ใชใ๎ นชีวติ ประจาวันแลว๎ นาเสนออยาํ ง
เหมาะสม

เพอ่ื ให๎เปน็ ผูท๎ ใี่ ชส๎ ารสนเทศตามข๎อควรปฏบิ ตั ิ อยาํ งมีความรบั ผดิ ชอบ มีมารยาท อยํางคุ๎มคาํ
และเกิดประโยชนส์ ูงสุดตอํ ตนเองและสงั คม
มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
ง3.1 ม.4-6/1-5,8-11,13
รวมท้ังหมด 9 ตวั ชี้วดั

190

ชอื่ รายวชิ า พนื้ ฐานการเขียนโปรแกรม รหัสวิชา ง32101
คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษาความร๎ูเกยี่ วกับ ประเภทของภาษาคอมพวิ เตอร์ ข๎อดแี ละข๎อด๎อยของภาษาคอมพิวเตอร์
แตลํ ะประเภท การวิเคราะห์ปัญหา การออกแบบโปรแกรม การเขียนโปรแกรม การทดสอบ
โปรแกรม และการจัดทาเอกสารประกอบ
โดยใชก๎ ารสืบค๎นข๎อมลู การอภิปราย เพือ่ ให๎เกิดความร๎ู ความเขา๎ ใจและปฏบิ ตั กิ ารพัฒนาโปรแกรม
ตามขัน้ ตอน 5 ข้ันตอน คือ การวเิ คราะหป์ ัญหา การออกแบบโปรแกรม การเขียนโปรแกรม การ
ทดสอบโปรแกรม และการจัดทาเอกสารประกอบ ในภาษาใดภาษาหนงึ่ กับเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อสรา๎ งงานอยาํ งมีความรบั ผดิ ชอบ ขยนั หม่ันเพียร เอื้อเฟ้ือเผ่ือแผํ ใช๎เวลาวาํ งใหเ๎ ป็นประโยชน์
ทางานรวํ มกบั ผ๎ูอนื่ ได๎ นาความรแ๎ู ละทักษะจากการปฏบิ ตั ิไปประยุกตใ์ ชใ๎ นชีวติ ประจาวัน
มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
ง3.1 ม.4-6/6
รวมทง้ั หมด 1 ตัวชว้ี ดั

191

ชื่อรายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี รหสั วิชา ง32102
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาความสัมพันธ์ระหวาํ งเทคโนโลยกี บั ศาสตร์อ่ืนๆ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ องคป์ ระกอบ
ของระบบเทคโนโลยี วิเคราะหร์ ะบบเทคโนโลยี การสร๎างและพัฒนาสง่ิ ของเครื่องใชห๎ รอื วธิ กี ารตาม
กระบวนการเทคโนโลยี การใช๎ซอฟต์แวรช์ ํวยในการการออกแบบหรอื นาเสนอผลงาน หลักการวเิ คราะห์
ผลติ ภณั ฑเ์ บอ้ื งตน๎ ภาพฉายแสดงรายละเอียดของชิน้ งาน ลกั ษณะของความคดิ สร๎างสรรค์ การ
วเิ คราะห์ผลดี ผลเสยี การประเมนิ การตัดสนิ ใจเพื่อเลอื กใชเ๎ ทคโนโลยีท่เี หมาะสม และการเลอื กใช๎
สงิ่ ของเคร่อื งใชอ๎ ยํางสรา๎ งสรรค์

โดยปฏบิ ตั กิ ารสร๎างและพัฒนาสิ่งของเครอ่ื งใช๎ หรือวิธีการตามกระบวนการเทคโนโลยอี ยําง
ปลอดภยั มีความคิดสร๎างสรรค์ การถํายทอดความคดิ เปน็ ภาพฉาย และแบบจาลอง การใชซ๎ อฟต์แวร์
ชวํ ยในการออกแบบหรือนาเสนอผลงาน ในการชวํ ยราํ งภาพ ทาภาพ 2 มิติ และ 3 มิติ โดยคานึงถงึ
หลกั การวิเคราะห์ผลติ ภัณฑ์เบ้อื งตน๎

เพ่ือใหม๎ คี วามร๎ู ความเขา๎ ใจ และมีทักษะในการวเิ คราะห์ ออกแบบ การสร๎าง พฒั นาและ
เลอื กใชส๎ ่งิ ของเครอ่ื งใชต๎ ามกระบวนการเทคโนโลยใี นทางสร๎างสรรคต์ อํ ชีวติ สังคม สิง่ แวดล๎อม และมี
สวํ นรวํ มในการจดั การเทคโนโลยีทยี่ งั่ ยนื ได๎
มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั
ง2.1 ม.4-6/1,2,3 ,4,5
รวมทั้งหมด 5 ตวั ช้ีวดั

192

ชื่อรายวชิ า โครงงานคอมพิวเตอร์ รหสั วิชา ง33101
คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษา วเิ คราะห์ อภปิ ราย สรุป เกีย่ วกับความหมาย ประเภท คณุ คําโครงงานคอมพวิ เตอร์
ขั้นตอนการพฒั นาโครงงานคอมพิวเตอร์ ใช๎คอมพิวเตอร์ชํวยสร๎างชน้ิ งานหรือโครงงานตามหลักการทา
โครงงาน ผลกระทบด๎านสังคมและส่ิงแวดล๎อมท่ีเกิดจากงานทีส่ รา๎ งข้ึน เพื่อหาแนวทางปรบั ปรุงและพฒั นา

โดยฝึกปฏิบัติทาโครงงานคอมพิวเตอรต์ ามหลกั การทาโครงงาน โดยใช๎ความร๎ู ความคดิ
จนิ ตนาการ ทักษะ เหตผุ ล และกระบวนการตาํ งๆ ทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ ตลอดจนประสบการณ์
ดา๎ นคอมพวิ เตอร์ โดยมีการ บูรณาการความร๎จู ากกลุมํ สาระการเรียนรู๎ตํางๆ หรือความร๎ูดา๎ นอนื่ ๆ ท่ี
เกย่ี วข๎องเขา๎ มารํวมในการพัฒนาโดยใช๎กระบวนการเทคโนโลยี การบวนการสบื ค๎น กระบวนการ
แก๎ปัญหา กระบวนการคิดวเิ คราะห์
เพ่อื ให๎เกดิ ความร๎ู ความเข๎าใจ และสามารถนาเอาคอมพวิ เตอรม์ าประยกุ ตใ์ ช๎ในการสร๎างโครงงานได๎
อยาํ งมจี ิตสานึกและมีความรับผิดชอบ
มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
ง3.1 ม.4-6/ 7,12
รวมทั้งหมด 2 ตวั ชว้ี ดั

193

ช่ือรายวิชา การงานอาชีพ รหัสวิชา ง33102
คาอธบิ ายรายวิชา

ศกึ ษา ค๎นคว๎า รวบรวมข๎อมูลเกยี่ วกบั อาชีพ ที่มีอยใํู นประเทศ และอาชพี ตํางๆ ทมี่ ีอยูํในโลก
เพื่อเปน็ ขอ๎ มลู ในการตัดสนิ ใจในการเลอื กงาน

วิเคราะห์ อภปิ ราย จาแนก จัดกลํุม เปรียบเทยี บ สังเคราะห์ ประเมินคาํ สรปุ และนา
ขอ๎ มลู มาเปน็ สวํ นประกอบเป็นแนวทางสํอู าชพี ประเมินทางเลอื กอาชพี เปน็ การร๎ูจักตนเองด๎านความร๎ู
ความสามารถ ทัศนคติ ศกั ยภาพ วิสยั ทัศน์ แนวโนม๎ ทเ่ี หมาะสมกับความสนใจ ความถนดั และ
ทักษะทางดา๎ นอาชพี

ศึกษาข๎อมลู ในเรื่อง แนวโนม๎ ด๎านอาชพี ทต่ี ๎องการของตลาดแรงงาน การเตรียมตวั หางานและ
สมคั รงาน การพฒั นาบคุ ลิกภาพเขา๎ สูงํ าน ลักษณะความมัน่ คงและความกา๎ วหน๎าของอาชีพตาํ งๆ
วิธกี ารสมัครงาน การเตรยี มตัวในการสัมภาษณ์ ลกั ษณะการทางาน เชํน เวลาท่ีเข๎าทางาน สถานที่
ทางาน การเตรยี มตัวในการเปล่ียนอาชีพ

โดยเลือกและใช๎เทคโนโลยีอยํางเหมาะสมกบั อาชีพ สามารถประยุกตใ์ ชใ๎ หเ๎ หมาะกบั งาน โดยมี
ความร๎เู กยี่ วกับวธิ กี ารใช๎อยาํ งถกู วิธี ใช๎โดยมีหลักการและมีความสมเหตสุ มผลในการใช๎ โดยผําน
กระบวนการวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตัดสินใจเลือกใชเ๎ ทคโนโลยีอยาํ งมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ความ
รับผิดชอบและเจตคติที่ดตี ํอสังคมและส่ิงแวดลอ๎ ม

โดยฝกึ ปฏบิ ตั ิ เพอื่ เพิ่มประสบการณใ์ นอาชพี ที่ถนดั และสนใจ โดยสามารถจาลองอาชพี เชํน
การจดั นทิ รรศการ และ เขา๎ รํวมกจิ กรรมอาชีพ

เพอื่ ใหผ๎ ูเ๎ รียน มีคุณธรรม จรยิ ธรรม เจตคติ คาํ นิยม และลักษณะนิสยั ในการทางาน
ประกอบด๎วย ความซื่อสัตย์ เสยี สละ ยตุ ิธรรม ประหยดั ขยนั อดทน รบั ผิดชอบ ตรงเวลา
รอบคอบ ปลอดภัย คม๎ุ คาํ ยัง่ ยืน สะอาด ประณตี มีเหตุผล มมี ารยาท ชวํ ยเหลอื ตนเอง ทางาน
บรรลเุ ปาู หมาย ทางานถูกวธิ ี ทางานเปน็ ข้นั ตอน ทางานเปน็ ระบบ มคี วามคดิ สร๎างสรรค์ มี
ประสิทธภิ าพ รกั ษาส่ิงแวดล๎อม และเห็นคณุ คําของอาชพี สจุ รติ ฯลฯ

เพื่อให๎ผเ๎ู รียนมคี วามรู๎ความเข๎าใจและมีความสามารถตามมาตรฐานหลกั สูตรกลุํมสาระการ
เรยี นร๎กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี
มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
ง1.1 ม.4-6/1-7
ง2.1 ม.4-6/1-4
รวมทั้งหมด 11 ตัวช้ีวัด

194

คาอธิบายรายวิชา
กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ

195

โครงสร้างการจดั การเรยี นรู้กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
โรงเรียนบา้ นตรวจ อาเภอศรีณรงค์ จังหวัดสุรนิ ทร์
...................................................................................................................................................
รายวิชาพ้นื ฐาน
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1

ภาคเรียนที่ 1 อ21101 ภาษาอังกฤษ1 3 ช่วั โมง/สัปดาห์ จานวน 1.5 หนวํ ยกิต
ภาคเรยี นท่ี 2 อ21102 ภาษาอังกฤษ2 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน 1.5 หนํวยกติ
ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2
ภาคเรียนที่ 1 อ22101 ภาษาองั กฤษ3 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน 1.5 หนํวยกติ
ภาคเรียนที่ 2 อ22102 ภาษาองั กฤษ4 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน 1.5 หนวํ ยกติ
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3
ภาคเรียนที่ 1 อ23101 ภาษาองั กฤษ5 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน 1.5 หนํวยกติ
ภาคเรียนท่ี 2 อ23102 ภาษาองั กฤษ6 3 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.5 หนวํ ยกิต

รายวชิ าเพ่ิมเติม -
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 -

ภาคเรยี นที่ 1 อ22202 ภาษาองั กฤษฟัง-พูด1 2 ชัว่ โมง/สัปดาห์จานวน 1.0 หนํวยกิต
ภาคเรยี นท่ี 2 อ22202 ภาษาองั กฤษฟัง-พดู 2 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์จานวน 1.0 หนํวยกติ
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2
ภาคเรียนที่ 1 อ23202 ภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวัน1 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์
ภาคเรยี นท่ี 2 จานวน 1.0 หนวํ ยกติ
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1 อ23/02 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน2 2 ชว่ั โมง/สปั ดาห์
จานวน 1.0 หนํวยกิต
ภาคเรียนท่ี 2

196

รายวิชาพื้นฐาน
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4

ภาคเรียนท่ี 1 อ31101 ภาษาองั กฤษพื้นฐาน1 3 ช่ัวโมง/สัปดาห์ จานวน 1.5หนํวยกิต
ภาคเรียนท่ี 2 อ31102 ภาษาอังกฤษพื้นฐาน2 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ จานวน 1.5หนํวยกติ
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5
ภาคเรยี นที่ 1 อ32101 ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน3 3 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.5หนํวยกิต
ภาคเรียนท่ี 2 อ32102 ภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน4 3 ช่วั โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.5หนวํ ยกิต
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6
ภาคเรยี นท่ี 1 อ33101 ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน5 3 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 1.5หนํวยกติ
ภาคเรยี นที่ 2 อ33102 ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน6 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน 1.5หนํวยกิต

รายวิชาเพมิ่ เติม
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4

ภาคเรยี นที่ 1 อ32201 ภาษาองั กฤษฟงั -พูด1 2 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกิต
ภาคเรยี นท่ี 2 อ32202 ภาษาอังกฤษฟงั -พูด1 2 ช่วั โมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกติ
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5
ภาคเรียนที่ 1 อ32201 ภาษาองั กฤษเพื่อการสือ่ สาร1 2 ช่ัวโมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนวํ ยกติ
ภาคเรียนท่ี 2 อ32202 ภาษาอังกฤษเพ่อื การส่อื สาร2 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ จานวน 1.0 หนํวยกิต
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ภาคเรยี นที่ 1
ภาคเรียนที่ 2

197

ชอื่ รายวชิ า ภาษาอังกฤษ1 รหสั วชิ า อ31101
คาอธิบายรายวชิ า

ศกึ ษาภาษา น้าเสียง กริยาทาํ ทางที่เหมาะสมตามมารยาทสงั คม การสื่อสารในสถานการณ์
จาลอง สถานการณจ์ ริงทั้งภายในและนอกสถานศึกษา ภาษาในการค๎นคว๎า ข๎อมลู ความรูส๎ าขาวชิ า
ตําง ๆ คาสั่ง คาขอรอ๎ ง คาแนะนา คาชแี้ จงงําย ๆ สอ่ื ทีไ่ มํเปน็ ความเรยี ง ปูาย สญั ลักษณ์ และที่
เป็นความเรยี งประเภทสงิ่ พิมพ์ ฉลากสินคา๎ โฆษณา บทสนทนา เพลง นิทาน บทความสน้ั ๆ
เรื่องราวท่ีเกย่ี วกบั ตนเอง ครอบครวั อาหาร เครื่องดื่ม ออกเสยี งคา วลี ประโยค บทอาํ นสนั้ ๆ
กจิ วัตรประจาวนั ประสบการณ์ มารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา วันสาคัญ
เทศกาล วัฒนธรรมของเจา๎ ของภาษา

โดยอาํ นออกเสียงได๎ถูกต๎องตามหลกั การอําน พดู และเขยี นโตต๎ อบ บรรยาย เลอื ก ระบุ
สรปุ ใจความสาคัญ วเิ คราะห์ ระบุ เขยี น แสดงความคิดเห็น ใหเ๎ หตผุ ล เลอื กใชภ๎ าษา นา้ เสยี งและ
กริ ิยาทาํ ทางเหมาะสมกับบุคคลและโอกาสตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา

เพ่ือใหผ๎ ๎ูเรียนมีความเช่ือมัน่ ในตนเอง รอบคอบ มีคณุ ธรรม จริยธรรม มีเจตคติทด่ี ีตํอ
ภาษาอังกฤษ เห็นประโยชน์และคุณคําของภาษาองั กฤษ
ตวั ชวี้ ดั
ต1.1ม.1/1-4
ต1.2ม.1/1-5
ต1.3ม.1/1-3
ต2.1ม.1/1-3
ต2.2ม.1/1-2
ต3.1ม.1/1
ต4.1ม.1/1
ต4.2ม.1/1
รวมท้ังหมด 20 ตวั ช้วี ัด

198

ช่ือรายวชิ า ภาษาอังกฤษ2 รหัสวิชา อ31102
คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษาภาษา น้าเสียง กริยาทําทางที่เหมาะสมตามมารยาทสงั คม การส่ือสารในสถานการณ์
จาลอง สถานการณจ์ รงิ ทัง้ ภายในและนอกสถานศกึ ษา ภาษาในการคน๎ ควา๎ ข๎อมลู ความรส๎ู าขาวิชา
ตาํ ง ๆ คาส่งั คาขอร๎อง คาแนะนา คาชแ้ี จงงําย ๆ สอ่ื ทไ่ี มํเป็นความเรียง ตารางกราฟ แผนภูมิ
ปูาย สัญลักษณ์ และทเี่ ป็นความเรยี งประเภทสิง่ พิมพ์ ฉลากสินค๎า ฉลากยาสุขภาพ บทสนทนา
เพลง นันทนาการ อาชพี ลมฟาู อากาศ สิง่ แวดล๎อม ออกเสยี งคา วลี ประโยค บทร๎อยกรองสั้น ๆ
การแสดงความต๎องการ การขอ การตอบรบั การปฏเิ สธ มารยาททางสังคมและวัฒนธรรมของเจ๎าของ
ภาษา

โดยอํานออกเสียงไดถ๎ ูกต๎องตามหลักการอาํ น พดู และเขยี นโตต๎ อบ บรรยาย เลือก ระบุ
สรปุ ใจความสาคญั วิเคราะห์ ระบุ เขยี น แสดงความคิดเห็น ใหเ๎ หตุผล เลอื กใช๎ภาษา น้าเสียงและ
กริ ยิ าทาํ ทางเหมาะสมกับบุคคลและโอกาสตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจา๎ ของภาษา

เพอ่ื ใหผ๎ ู๎เรยี นมคี วามเช่ือมั่นในตนเอง รอบคอบ มีคณุ ธรรม จริยธรรม มีเจตคติที่ดีตํอ
ภาษาองั กฤษ เห็นประโยชนแ์ ละคุณคําของภาษาองั กฤษ
ตัวชวี้ ดั
ต1.1ม.1/1-4
ต1.2ม.1/1-5
ต1.3ม.1/1-3
ต2.1ม.1/2-3
ต2.2ม.1/1-2
ต3.1ม.1/1
ต4.1ม.1/1
ต4.2ม.1/1
รวมท้ังหมด 19 ตวั ช้ีวดั


Click to View FlipBook Version