โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๓๙
กลบท นกกางปกี แบบท่ี๑
๏ สลบั สองสองสลบั ดา๎ น จบั วาง
ย๎ายศัพท๑สับย๎ายทาง เปล่ยี นยอ๎ น
ดจุ กางปีกปีกกาง วหิ ค
อ๎าโอบโอบอ๎าฟูอน แผํกว๎างกางขน ๚ะ๛
ผงั กลบท
กขขก๐ ๐๐
๐ชฌฌช ๐๐๐๐
ข้อบงั คบั
๑. เขียนสลบั คา หรือถอยหลงั ๑ คู่ ( ๔ พยางค์) ตรงไหนก็ได้ในแตล่ ะบาท (ซงึ่ ควร
สลบั ย้ายไปมาเหมือนนกบิน)
๒. บาทสดุ ท้ายจะย้ายไปสลบั ท่ที ้ายคณะแทนก็ได้ และอนโุ ลมให้ใช้คาพ้องเสยี งได้
เชน่ ไท้-ไทย เป็ นต้น
* เจ้าคณุ อู๋ ดดั แปลงจากกลอนกลบทชื่อเดยี วกนั
** คล้ายกลบทคมในฝัก และกลบทพรางขบวน
๔๐ อารยะ คชทีป
กลบท นกกางปีก แบบที่๒
๏ แตํงมีคา่ สลบั ไว๎ สลบั ค่า
ทา่ ดุจนกดจุ ท่า รํอนฟูา
ย๎ายท่ีเปล่ยี นวางน่า วางเปลยี่ น
กน้ั หนงึ่ ค่าหน่ึงก้ัน คัน่ ไว๎หนึ่งคา่ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐กข๐ ขก
คง๐งค ๐๐
ข้อบงั คบั
เขยี นสลบั คา หรือถอยหลงั ๑ คู่ โดยมคี าอนื่ คนั่ กลาง โดยจะวางตาแหนง่ ไหน
ก็ได้ (ซง่ึ ควรสลบั ย้ายไปมาเหมอื นนกบนิ )
โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๔๑
กลบท นาคเกยี่ วกระหวดั ,นาคพนั ธ์ หรือสนธิอลงกฎ
๏ น่าศพั ท๑ตวั สดุ ท๎าย ค่าสอง
สองค่ากลบั วางลอง กลับขา๎ ง
ขา๎ งกลบั ถัดไปจอง เกีย่ วกระหวัด
กระหวดั เกี่ยวตามเอยํ อา๎ ง เสนาะแท๎นาคพันธ๑ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐๐ กข
ขก๐๐๐ คง
งค๐๐๐ จฉ
ฉจ๐๐๐ ๐๐ชฌ
ข้อบงั คบั
ใช้สองคาสดุ ท้ายของบาท ไปวางสลบั คาตรงต้นบาทถดั ไป
* คล้ายกลบทเมขลาโยนแก้ว ซง่ึ เมขลาโยนแก้วใช้การซา้ คาแทนการสลบั คา
๔๒ อารยะ คชทปี
กลบท นาคบริพนั ธ์ แบบที่๑
๏ นาคบรพิ นั ธ๑สอดคลอ๎ ง ศพั ท๑เคียง
สามคํูกา่ หนดเรยี ง เนื่องรอ๎ ย
นบั รอู๎ กั ษรเพยี ง ซ่า้ พวก
สํงผํานราวอํานสร๎อย อกี ซ่า้ อกั ษร ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐กข กข
กข๐คง คง
คง๐จฉ จฉ
จฉ๐ชซ ชซ๐๐
ข้อบงั คบั
ซา้ อกั ษร ๒ คา ๓ ชดุ ทท่ี ้ายวรรคหน้า (คาท่ี ๔-๕) กบั ท้ายบาท และในท่ตี ้น
บาทตอ่ ไป
* มีปรากฏในนริ าศสพุ รรณ ของสนุ ทรภู่
โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๔๓
กลบท นาคบรพิ นั ธ์ แบบที่๒
๏ นาคบริพันธ๑อีกครั้ง สองคา่
สองคํูกา่ หนดจ่า เกยี่ วร๎อย
เกีย่ วรบั จากท๎ายนา่ คา่ รวํ ม
คา่ แรกเหมอื นเก่ียวกอ๎ ย แตงํ ซ้่าพยางค๑เดมิ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐๐ ๑ก
๑ก๐๐๐ ๒ข
๒ข๐๐๐ ๓ค
๓ค๐๐๐ ๐๐๔ง
ข้อบงั คบั
๑. ซา้ คาทต่ี ้นวรรคหลงั กบั ต้นวรรคหน้าในบาทถดั ไป
๒. ซา้ เสยี งอกั ษรในคาสดุ ท้ายของบาท กบั คาท่สี องในบาทถดั ไป
* ดดั แปลงจากกลบทกลอนชื่อเดยี วกนั
** คล้ายกบั กลบทช้างประสานงา และเสอื ซอ่ นเลบ็
๔๔ อารยะ คชทีป
กลบท นาคราชแผลงฤทธิ์
๏ นาคราชแผลงฤทธิ์ต๎อง เอาสาม
ตามอกั ษรทาบทาม ชวํ งหน๎า
ท๎าเชิงนั่นอยําขาม เสียงยา่
ค่าสดุ หยบิ มาทา๎ รวํ มต๎นสระเดมิ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐ก ขค
กขค๐ง จฉ
งจฉ๐ช ซฌ
ชซฌ๐๐ ๐ญฎฏ
ข้อบงั คบั
๑. ให้มกี ารสมั ผสั อกั ษร ระหวา่ ง ๓ คาปลายของวรรคกอ่ นหน้า กบั ๓ คาต้นของ
วรรคถดั ไป
๒. ให้มสี มั ผสั สระ ระหวา่ งคาท้ายของวรรคกอ่ นหน้า กบั คาแรกของวรรคถดั ไป
* มีปรากฏในนิราศสพุ รรณ ของสนุ ทรภู่
โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๔๕
กลบท นารายณ์กางกรณ์
(นารายกางกร ราฟ้ อนชีพถวาย)
๏ นา ขา๎ วลมพัดพลวิ้ เริง รา่
ราย ราํ งใบโบกนา่ ดุจ ฟอู น
กาง ขึงแหลงํ หวาํ นดา่ ยงั ชีพ
กร เกี่ยวก่าเก็บกอ๎ น แบงํ แลว๎ พลี ถวาย ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑๐๐๐๐ ๐๕
๒๐๐๐๐ ๐๖
๓๐๐๐๐ ๐๗
๔๐๐๐๐ ๐๐๐๘
ข้อบงั คบั
ให้คาแรกและคาท้ายของแตล่ ะบาทเป็ นกระทู้ เม่ืออา่ นลงแนวดงิ่ ต้องได้ใจความ
รวม ๘ คา
* คล้ายทวาตรึงประดบั ทที่ วาตรึงประดบั ต้องซา้ คาหวั ท้ายและอา่ นลงมีความหมาย
และคล้ายกลบทวติ ิมาลนิ ี ซงึ่ วติ มิ าลนิ ใี ช้กระท้หู น้าเพียงอยา่ งเดยี ว
๔๖ อารยะ คชทปี
กลบท นารายณ์ทรงเคร่อื ง
๏ แยกค่าย้่าคล๎อง ส่ี มํุงสมาน
กา่ หนดกฎน้ี กานท๑ สะกดซอ๎ น
ค่าติดคดิ ตา ลาน หาลหุ
ทา๎ ยชํวงทวํ งชิด ร๎อน แยํแล๎วยากเหลือ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑๒๑๒ ก ขกข
ข้อบงั คบั
๑. แตง่ บาทละ ๘ พยางค์ แบง่ เป็ นสองชว่ งอกั ษร ช่วงละ ๔ พยางค์ (๑๒๓๔ -
๕๖๗๘)
๒. ในแตล่ ะช่วงให้มีการสมั ผสั อกั ษรสลบั กนั ไปทลี ะสองคา (๑๒๑๒ - กขกข)
๓. คาท่ี ๒ - ๓ สมั ผสั สระกนั
๔. เนือ่ งจากมี ๘ พยางค์ ๓ พยางค์ในวรรคท้ายบาทที่ ๑,๒,๓ จึงต้องมคี าลหคุ า
หนงึ่ เพอ่ื ไมใ่ ห้เกินคาโคลง สว่ นบาทท่ีสจ่ี ะใช้ลหหุ รือไมใ่ ช้ก็ได้
* ดดั แปลงจากกลบทกลอนช่ือเดยี วกนั
โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๔๗
กลบท นารายณป์ ระลองศลิ ป์
๏ กะจติ คิดกระจาํ งค๎าง กะใจคลาย
สลดั รดั สลายราย สฤษฏล๑ ว๎ น
เลบงเพลงระบายพราย ระบา่ แผวํ
มยิ ากถากมิหยวนถ๎วน มิยอํ ท๎อมิหยุดทา่ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑ก ข ๑ก ข ๑ก ข
๑ก ข ๑ก ข ๑ก ข ๑ก ข
ข้อบงั คบั
๑. บงั คบั คาซา้ ๑,๔,๗ (และ ๑๐ ในบาทที่ส)ี่ และต้องเป็ นคาลหุ เพือ่ มิให้เกินใน
คาโคลง ตามผงั เลข๑ (๑กข ๑กข ๑กข)
๒. ซา้ เสยี งพยญั ชนะ ๒ เสยี ง ในคาที่ ๒,๕,๘,๑๑ (ก) เสยี งหนงึ่ และ ๓,๖,๙,๑๒ (ข)
อีกเสยี งหนงึ่
๓. ซา้ เสยี งสระ ๒ คู่ ในคาท่ี ๒-๓ และ ๔-๕ สว่ นคาที่ ๘-๙ ไมบ่ งั คบั ตามผงั ขดี เส้น
ใต้ (๑กข ๑กข ๑กข)
* ดดั แปลงจากกลบทกลอนช่ือเดยี วกนั
** ตา่ งจากกลบทพิณประสานสายตรงท่ีกลบทนบี ้ งั คบั เสยี งสระเพยี ง ๒ คู่
*** จากประชมุ จารึกวดั พระเชตพุ นฯ ไมไ่ ด้บงั คบั วา่ คาแรกของคณะต้องเป็ นลหุ แต่
เมือ่ ดดั แปลงมาเป็ นโคลงจาเป็ นต้องให้เป็ นลหุ มิฉะนนั้ คาโคลงจะเกิน
๔๘ อารยะ คชทปี
กลบท บวรโตฎก
๏ ลหุนา่ อยหูํ นา๎ เร่มิ ความ
เฉพาะเทํา นั้นยาม แตํงไว๎
ครอุ ยูํ คา่ สาม บังคับ
ปฏิบตั ิ ตามได๎ ชือ่ นั้นบวรโต ฎกเฮย ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑๑๒๐๐ ๐๐
ข้อบงั คบั
ใน ๒ พยางค์แรกของทกุ บาทให้เป็ นคาลหุ และพยางค์ท่ี ๓ บงั คบั เป็ นคาครุ
นาหน้าทกุ บาท
* ดดั แปลงจากกลบทกลอนช่ือเดยี วกนั
** คล้ายกลบทพยคั ฆฉนั ทลรรโลง เพยี งแตไ่ มต่ ้องซา้ คาเดมิ ทกุ บาท
โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๔๙
กลบท บวั บานกลีบขยาย
๏ บานกลบี งามแผกํ วา๎ ง บัวขยาย
บานกลบี อยูเํ รียงราย แหลงํ น่า้
บานกลีบ แตยํ ามสาย พลันหบุ
บานกลบี จกั บานย่า้ พรํุงเชา๎ ยงั ขยาย ๚ะ๛
ผงั กลบท
กข ๐๐๐ ๐๐
ข้อบงั คบั
เขยี นกระท้ยู ื่น ๒ พยางค์หน้าของทกุ บาท จะประยกุ ต์เปลยี่ นกระท้ใู หมท่ กุ บท
ก็ได้
* เจ้าคณุ อู๋ ดดั แปลงจากกลอนกลบทช่ือเดยี วกนั
๕๐ อารยะ คชทปี
กลบท บาทเล่อื นลา้ หรอื พไิ สยลมภอ
๏ ใจใยใหใ๎ ฝุไคล๎ ในใคร
ใดใครไํ ว๎ในใจ ใฝุใกล๎
ใจใครใสใํ จไหม ใดไมํ
ใจใฝไุ กลให๎ได๎ ใครไํ ร๎ใจใคร ๚ะ๛
ผงั กลบท
อออออ ออ
ข้อบงั คบั
ต้องซา้ เสยี งสระเดยี วกนั ตลอดทงั้ บท
โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๕๑
กลบท บปุ ผชาติดาษดา
๏ บุปผชาติงาม หยดยอ๎ ย ยองใย
ดาดาษแผํ พรมไพร พราํ งพรอ๎ ม
มาแผผํ าํ น ร่าไร เรยี งรําง
ปรากฏกล หน่ึงน๎อม นึกนน้ั นานเนา ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐ กก กก
๐๐๐ งง งงงง
ข้อบงั คบั
ใช้เสยี งพยญั ชนะเดียวกนั ตงั้ แตค่ าท่ี ๔ ไปจนบาทจบ
* คล้ายเบญจพรรณห้าสี กบั อกั ษรล้วน
๕๒ อารยะ คชทปี
กลบท บุษบงแย้มผกา หรือ ชลาสังวาลย์
๏ งาม บษุ บงผลิแยม๎ ผกากรอง
งาม หยุดชนนง่ิ มอง อยไูํ ด๎
งาม ศลิ ปอ์ กั ษรตรอง กวีราํ ง
งาม เลศิ ภาษาไซร๎ สะกดให๎เพลนิ มอง ๚ะ๛
ผงั กลบท
ก ๐๐๐๐ ๐๐
ข้อบงั คบั
เขียนกระท้ยู ืน่ ๑ พยางค์หน้าของทกุ บาท
* เจ้าคณุ อู๋ ดดั แปลงจากกลอนกลบทช่ือเดยี วกนั
โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๕๓
กลบท บษุ บารกั ร้อย หรือ รักรอ้ ย
๏ บษุ บารักรกั ร๎อย โคลงกล
สามสท่ี ี่ท่ีดล ศพั ท๑ย่า้
สองสามยา่ ยา่ ยล ได๎อยํู
หดั บํอยบอํ ยแตํงซา้่ เกงํ ได๎ไมนํ าน ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐กก๐ ๐๐
ข้อบงั คบั
ซา้ คาตรงคาที่ ๒-๓ หรือ ๓-๔ ก็ได้ ทกุ บาท
* คล้ายกลบทสร้อยสน ตา่ งทสี่ ร้อยสนบงั คบั ซา้ คาที่ ๒-๓ และซา้ คาสดุ ท้ายกบั
บาทตอ่ ไป และคล้ายหงส์คาบพวงแก้ว ซงึ่ หงสค์ าบพวงแก้วมซี า้ ท่ี ๕-๖ ด้วย
๕๔ อารยะ คชทีป
กลบท เบญจพรรณห้าสี
๏ ส๎มุ เสียงสร๎างศัพทซ๑ ๎อน เบญจพรรณ
คราครบครอบครองครัน แตํงตั้ง
เหมิ หาญหํอนเหหัน เลบงบท
เพลินพจน๑เผื่อพลาดพลั้ง คอํ ยรอ๎ ยเรยี งกานท๑ ๚ะ๛
ผงั กลบท
กกกกก ๐๐
ข้อบงั คบั
เขยี นโดยใช้ ๕ คาแรกในแตล่ ะบาทเป็ นเสยี งอกั ษรเดียวกนั
* คล้ายกลบทอกั ษรล้วน และบปุ ผชาติดาษดา
โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๕๕
กลบท พจนพ์ รรณราย
๏ พจน๑พรรณรายราํ ยร๎อย พจนเ๑ สียง
คูอํ กั ษรซา่้ เคยี ง คูํคล๎อง
ย้า่ หนา๎ วรรควางเรียง ย่า้ อีก
ท่ีแรกและหลังพ๎อง ท่ีนนั้ ค่าเดมิ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑๐กก๐ ๑๐
ข้อบงั คบั
๑. ซา้ คาทตี่ ้นวรรคหน้า กบั ต้นวรรคหลงั
๒. ซา้ เสยี งอกั ษรท่ี ๓ กบั ๔
* คล้ายกบั กลบทเสอื ซอ่ นเลบ็
๕๖ อารยะ คชทีป
กลบท พยัคฆข์ า้ มหว้ ย
๏ คา่ ที่สามแตงํ ซ้า่ เชนํ สาม
กา่ หนดท๎ายตดิ ตาม ตอํ ท๎าย
ทุกบาทแบบนี้งาม ตามแบบ
สวํ นบาทปลายน่ีย๎าย สดุ โนน๎ ตรงปลาย ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐ก๐๐ ๐ก
๐๐ง๐๐ ๐๐๐ง
ข้อบงั คบั
ซา้ คาที่ ๓ กบั คาท่ี ๗
เฉพาะบาทสดุ ท้ายย้ายคาซา้ (ที่ ๗) ไปซา้ ในคาสดุ ท้าย (ที่ ๙)
โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๕๗
กลบท พยัคฆฉันทลรรโลง
๏ บริ บาลจนเติบแลว๎ เจริญวัย
บริ สุทธิ์รักจากใจ แมนํ ัน้
บริ บรู ณ๑ยิง่ กวําใด มาเปรียบ
บริ บทสดุ ฟูากั้น มอิ าจอา๎ งแสดงความ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑๒ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
๑๒ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
๑๒ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
๑๒ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
ข้อบงั คบั
ให้คาแรกมี ๒ พยางค์และเหมือนกนั ทกุ บาท โดยพยางค์แรกเป็ น ลหุ ( บริ )
* คล้ายบวั บานกลบี ขยาย กบั บษุ บงแย้มผกา ตา่ งตรงทใี่ ช้คาลหุ โดยให้ ๒ พยางค์
แรกนบั เป็ นหนง่ึ คา
๕๘ อารยะ คชทปี
กลบท พระจนั ทรด์ ้นั เมฆ
๏ พระจันทร๑ ดัน้ เมฆลอ๎ ม กลางหาว
กลางดึก น้่าค๎างพราว เกาะหญ๎า
ทํามฟาู แผไํ อหนาว เยน็ เยยี บ
เมฆขนุํ ยงั ปกฟาู มืดครมึ้ คลุมสถาน ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑๒ ๐๐๐ ๐๐
๓๔ ๐๐๐ ๐๐
๕๖ ๐๐๐ ๐๐
๗๘ ๐๐๐ ๐๐๐๐
ข้อบงั คบั
เขยี นเหมอื นโคลงกระท้ทู ว่ั ไป โดยใช้ “คาสาคญั ” (หมายถึงสองพยางค์หน้าทมี่ ี
ความหมายในกลมุ่ หรือประเภทเดยี วกนั ) เชน่ พระจนั ทร์, กลางดกึ , ทา่ มฟ้ า,
เมฆขนุ่ เป็ นต้น
* คล้ายกลบทสถิตอษั ฎาพรหม
โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๕๙
กลบท พระจนั ทรท์ รงกลด
๏ ฉายจันทร๑สํองสอํ งหลา๎ จันทรฉ๑ าย
เรอื้ งรัศมีมปี ระกาย รัศมเ์ิ ร้อื ง
แผวํ งขอบขอบขยาย วงแผํ
คนื เดํนยาํ งยํางเยือ้ ง ยอํ งเน๎นเดํนคืน ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑๒กก๐ ๒๑
ข้อบงั คบั
๑. นาสองคาต้นบาทมาวางสลบั ไว้ทท่ี ้ายบาททกุ บาท (เหมือนสารถีขบั รถ)
๒. ซา้ คาที่ ๓-๔ ทกุ บาท
* ดดั แปลงจากกลบทกลอนพระจนั ทร์ทรงกลด
** คล้ายกลบทพระจนั ทร์เสยี ้ ว, รักร้อย, สารถีขบั รถ
๖๐ อารยะ คชทปี
กลบท พระจันทรเ์ สยี้ ว
๏ พระจนั ทร๑แหวํงแหวํงเส้ียว พระจนั ทร๑
เคยแจํมจ๎าจ๎าอนั แจํมจา๎
ยงั มอบสุขสุขสนั ต๑ มอบสุข
สวํางงามงามฟูา กอํ นดอ๎ ยสวาํ งงาม ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑๒๐๐๐ ๑๒
๐๓๔๐๐ ๓๔
๐๕๖๐๐ ๕๖
(๗ ๘๐) ๐ ๐ ๐ ๐ ๗ ๘
ข้อบงั คบั
๑. นาคาท่ี ๑-๒ ในบาทท่ี ๑ กบั ที่ ๔ ไปวางซา้ อกี ครัง้ ทที่ ้ายบาท
๒. นาคาที่ ๒-๓ ในบาทที่ ๒ กบั ท่ี ๓ ไปวางซา้ อกี ครัง้ ที่ท้ายบาท
๓. ซา้ คาท่ี ๓ กบั คาท่ี ๔
๔. ในบาทท่ี ๔ เนอ่ื งจากคาที่ ๒ ที่ต้องนาไปวางซา้ ท้ายบาท ตรงกบั ตาแหนง่ คา
เอกทตี่ ้นวรรค จงึ ให้ใช้พยางคแ์ รกเป็ นลหุ แล้วใช้สามพยางค์ต้นบาทไปวางท้าย
บาทเป็ นสองคา
* ดดั แปลงจากกลบทกลอนพระจนั ทร์ทรงกลด
** คล้ายกลบทงกู ลนื หาง ซงึ่ ใช้คาที่ ๒-๓ แทน ๑-๒ , คล้ายกลบทสารถีขบั รถ ซงึ่ ใช้
การสลบั คาแทนการซา้ คา และคล้ายกลบทพระจนั ทร์ทรงกลด
โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๖๑
กลบท พวงแก้วกดุ ่ัน
๏ กลน้ใี ห๎เพม่ิ ซา่้ คา่ เดิม
วางเพิ่มตา่ แหนํงเตมิ เพ่มิ ซ่้า
ค่าเอกเพิ่มโทเสริม ล๎วนเพ่มิ
ตอ๎ งเพม่ิ ทกุ ทซ่ี า่้ เพมิ่ ซ่้าเอกโท ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐กข ๐๐
๐ก๐๐๐ กข
๐๐ก๐๐ ๐ก
๐ก๐๐ข กข๐๐
ข้อบงั คบั
ซา้ คาตรงตาแหนง่ “เอก” และ “โท” ตลอดบท
* เจ้าคณุ อู๋ ดดั แปลงจากกลอนกลบทชื่อเดยี วกนั
๖๒ อารยะ คชทปี
กลบท พันธติงสติการ
๏ สายธารธรรมแหลงํ น้ี ใครหา
น้่าปริ่มรนิ ปลุกมา ใสํไว๎
ดา่ อิ่มถน่ิ สขุ พา ใจใฝุ
มานฉ่าแจง๎ ดีให๎ คาํ นัน้ อนันตา ๚ะ๛
ข้อบงั คบั
ทงั้ ๗ แถวต้องอา่ นลงแล้วต้องเป็ นกระท้ทู ่ีเป็ นคาคล้องจอง และคล้องจองกบั
แถวตอ่ ๆ ไปด้วย ดงั ตวั อยา่ ง สายนา้ ดา่ มาน, ธารปร่ิมอ่มิ ฉ่า, ธรรมรินถิ่นแจ้ง,
แหลง่ ปลกุ สขุ ด,ี นมี ้ าพาให้, ใครใสใ่ จคา่ , หาไว้ใฝ่ นนั้ อนนั ตา
คณุ อรณีย์ตงั้ ชื่อให้วา่ พนั ธติงสตกิ าร (เพราะรูปแบบคล้าย พนั ธวีสติการ)
โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๖๓
กลบท พันธวสี ตกิ าร
๏ สบื คา่ พจน๑คา่ ผู๎ ศาสดา
สานเน่อื งจากทาํ นมา ตอกย้่า
ลานเรืองหลากหาญหา ทางสวาํ ง
ธรรมรสจา่ ร๎ลู า่้ เลศิ แทค๎ า่ สอน ๚ะ๛
ข้อบงั คบั
ห้าแถวแรกต้องอา่ นลงแล้วต้องเป็ นกระท้ทู ่เี ป็ นคาคล้องจอง
และคล้องจองกบั แถวตอ่ ๆ ไปด้วย ดงั ตวั อยา่ ง สบื สานลานธรรม, คาเนอ่ื งเรือง
รส, พจน์จากหลากจา, คาทา่ นหาญรู้, ผ้มู าหาลา้
๖๔ อารยะ คชทปี
กลบท พิณประสานสาย
๏ ประนอมซํอมประหนง่ึ ซ้ึง ประณามทราม
แสยะแคะสยามคาม สยุํงคล๎ุง
วจรี ่วี ะจามลาม วจาลํา
จะมัว่ ท่ัวจะมํงุ ทุ๎ง จะมน่ั ทัน้ จะไหมไ๎ ทย ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑กข๑กข ๑กข
๑กข๑กข ๑กข๑กข
ข้อบงั คบั
๑. บงั คบั คาซา้ ๑,๔,๗ (และ ๑๐ ในบาททส่ี )ี่ และต้องเป็ นคาลหุ เพื่อมใิ ห้เกินในคา
โคลง (๑กข ๑กข ๑กข)
๒. ซา้ เสยี งพยญั ชนะ ๒ เสยี ง ในคาท่ี ๒,๕,๘,๑๑ (ก) เสยี งหนงึ่ และ ๓,๖,๙,๑๒
(ข) อีกเสยี งหนงึ่
๓. ซา้ เสยี งสระ ๓ คู่ ในคาที่ ๒-๓, ๔-๕, ๘-๙ (และ ๑๑-๑๒ ในบาททสี่ ดี่ ้วย)
(๑กข ๑กข ๑กข)
* ตา่ งจากกลบทนารายณ์ประลองศิลป์ ตรงทก่ี ลบทนบี ้ งั คบั เสยี งสระทงั้ ๓ คู่
** จากประชมุ จารึกวดั พระเชตพุ นฯ ไมไ่ ด้บงั คบั วา่ คาแรกของคณะต้องเป็ นลหุ แต่
เมื่อดดั แปลงมาเป็ นโคลงจาเป็ นต้องให้เป็ นลหุ มิฉะนนั้ คาโคลงจะเกิน
โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๖๕
กลบท ภมุ รินเชยทราบเกสร
๏ กา่ หนด บาทหนึ่งนั้น และสอง
กา่ หนด ตน๎ บาทจอง ท่ไี ว๎
สองศัพท๑ คูํเหมอื นครอง ตน๎ บาท
สองศัพท๑ ปรับเปล่ียนใช๎ สี่ต๎องเหมือนสาม ๚ะ๛
ผงั กลบท
กข๐๐๐ ๐๐
กข๐๐๐ ๐๐
คง๐๐๐ ๐๐
คง๐๐๐ ๐๐๐๐
ข้อบงั คบั
กาหนดให้บาทท่ี ๑ และ ๒ ใช้สองคาต้นบาทเป็ นคาเดียวกนั และบาทท่ี ๓
กบั ๔ ก็ใช้สองคาต้นบาทเป็ นคาเดยี วกนั อกี เปลย่ี นไปเร่ือยๆ จนจบเนือ้ โคลงที่
จะเขียน
* คล้ายบวั บานกลบี ขยาย ตา่ งกนั ท่ภี มุ รินฯ เปลย่ี นคาทกุ สองบาท
๖๖ อารยะ คชทีป
กลบท มธุรสวาที
๏ ซา้่ เสียงเคียงครูํ อ๎ ย ทยอยค่า
สองคูํดจู ดจา่ ด่าไว๎
เพราะพร้ิงยงิ่ ฝกึ น่า ย่้าคลอํ ง
แตํงบํอยคอํ ยเกํงได๎ ใฝุสรา๎ งทางโคลง ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๑๑๐๒ ๒๐
ข้อบงั คบั
เขยี นเน้นสมั ผสั เสยี งสระตรงตาแหนง่ ๒-๓ และ ๕-๖
* เจ้าคณุ อู๋ ดดั แปลงจากกลอนกลบทชื่อเดยี วกนั
** เหมาะสาหรับผ้เู ริ่มเขียนโคลงกลบทให้ไพเราะนา่ ฟัง
*** คล้ายกลบทสหี ติกากาม ท่เี น้นสมั ผสั สระตรงตาแหนง่ ๒-๓ เพยี งอยา่ งเดยี ว
และคล้ายกลบทช้างชงู วง ท่ีเปลยี่ นจากสมั ผสั สระจาก ๒-๓ เป็ น ๓-๔
โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๖๗
กลบท เมขลาโยนแก้ว, ม้าเทียมรถ
(อลงกฎ และ ตอ่ ต้า กด็ ้วย)
๏ เมขลาโยนกํองแก๎ว กลบท
กลบทนจ้ี า่ จด คซํู ้่า
คูํซ้่าวาํ ตามกฎ ตํอเน่อื ง
ตอํ เนอ่ื งจากทา๎ ยย่้า สูหํ น๎าบาทโคลง ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐๐ กข
กข๐๐๐ คง
คง๐๐๐ จฉ
จฉ๐๐๐ ๐๐ชฌ
ข้อบงั คบั
นาสองพยางค์ท้าย ไปซา้ คาท่ีสองพยางค์หน้าในบาทตอ่ ไป
* คล้ายกลบทววั พนั หลกั ซงึ่ ววั พนั หลกั ซา้ คาเพยี งพยางค์เดียว และคล้ายกลบท
นาคเก่ียวกระหวดั ซง่ึ นาคเก่ียวกระหวดั ใช้การสลบั คาแทนการซา้ คา
๖๘ อารยะ คชทปี
กลบท ยมก
๏ แตงํ โดยมกี ระทู๎ ดดี ี
ให๎ อยํูหน๎าหนา๎ ซี ทุกคร้ัง
ได๎ ย่าย่าค่ามี ทกุ บาท ด๎วยนา
ความ เชํนแบบยง้ั ย้ัง ด่งั ไม๎ยมกมี ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑ ๐กก๐ ๐๐
๒ กก๐๐ ๐๐
๓ ๐๐๐๐ กก
๔ ๐๐กก ๐๐๐๐
ข้อบงั คบั
๑. บงั คบั กระทู้ ๑ คา ต้นบาทให้มีความหมายและคล้องจอง (แตง่ ,ให้,ได้,ความ)
๒. ซา้ คา ๒ คา เลอื่ นตาแหนง่ ทกุ บาท (ตรงไหนก็ได้ แตอ่ ยา่ ซา้ ในตาแหนง่ เดยี วกบั
บาทอ่ืน ในบทเดยี วกนั )
โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๖๙
กลบท ยัตภิ ังค์
๏ ยัติภงั คพ๑ ังข๎าแนํ ปวดข-
มองครุํนครุํนคดิ จะ พํายล๎ม-
เลกิ แตงํ แตํงอื่นซะ ดีรึ-
เปลาํ เน่อื งเนอื่ งลุกก๎ม ยากแทห๎ าคา่ ๚ะ๛
ข้อบงั คบั
๑. ให้มีการเขยี นคาทีไ่ มจ่ บคาหรือความในแตล่ ะวรรค จะต้องละคาหรือความนนั้ ไว้
เป็ นยตั ภิ งั ค์เพื่อเช่ือมคาหรือความในวรรคถดั ไป
๒. ซา้ คาหนง่ึ คู่ ท่ี ๒-๓ หรือ ๓-๔ ก็ได้
* ดดั แปลงจากกลบทกลอนชื่อเดยี วกนั
** คล้ายกลบทบษุ บารักร้อย, สร้อยสน
๗๐ อารยะ คชทปี
กลบท ระลอกแก้วกระทบฝง่ั
๏ เดํนคา่ ดุจคลนื่ พลว้ิ เคลอ่ื นมา
ลมสงํ แรงเสริมดา- ดาษเข๎า
สํหู าดสาดโหมถา โถมฝงั่
ไพเราะเพราะรํวมเคล๎า ดง่ั แก๎วกังสดาล ๚ะ๛
ผงั กลบท
กขกข๐ ๐๐
ข้อบงั คบั
ซา้ อกั ษร ๒ ชดุ หน้าในแตล่ ะบาท ตาแหนง่ ที่ ๑-๒ กบั ๓-๔
* คล้ายกลบทกบเต้นกลางสระบวั ซงึ่ กบเต้นกลางสระบวั มสี มั ผสั สระในคาที่ ๒-๓
และซา้ คาแรกกบั คาสดุ ท้ายแบบครอบจกั รวาลด้วย และคล้ายกลบทอกั ขระ
โกศล ซง่ึ อกั ขระโกศลต้องซา้ คาด้วยหนงึ่ คา
โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๗๑
กลบท รนื่ กระแสสินธ์ุ
๏ ใชค๎ า่ ท่ีหกน้ัน อกี ครา
อกี ที่คา่ แรกมา แตงํ ไว๎
แตํงเพียงเทําน้ีหนา กลบท
กลงาํ ยมอื ใหมํใช๎ เร่มิ รอ๎ ยกลโคลง ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐๐ ก๐
ก๐๐๐๐ ๐๐
ข้อบงั คบั
ใช้คาที่ ๖ ของบาทไปเป็ นคาท่ี ๑ ในบาทตอ่ ไป
* คล้ายนาคบริพนั ธ์ แบบท๒่ี
๗๒ อารยะ คชทีป
กลบท ลิ้นตะกวดคะนอง
๏ ล้นิ ตะกวดอาํ นได๎ สวนทาง
กลบั ศัพทแ๑ ล๎วชวนวาง เลํนหม้ัง
สองค่าสุดทวนหาง มาสลับ
วางส่หี า๎ เนน๎ ตงั้ เปลีย่ นขา๎ งตาํ งค่า ๚ะ๛
สลบั แล้วอา่ นใหม่
๏ ลิน้ ตะกวดอาํ นได๎ ทางสวน
กลบั ศพั ท๑แลว๎ วางชวน ม่งั เหลน๎
สองคา่ สุดหางทวน มาสลับ
วางสี่หา๎ ตั้งเนน๎ เปลี่ยนขา๎ งตํางคา่ ๚ะ๛
ข้อบงั คบั
๑. แตง่ โดยให้ ๒ คาท้ายบาทแรก และ ๒ คาท้ายวรรคหน้า บาทสองและสาม (คา
ท่ี ๔-๕) สามารถสลบั กนั แล้วได้ความหมายทงั้ สองแบบ และสมั ผสั กนั เป็ นโคลง
อกี บทหนง่ึ
๒. คาท่ี ๖-๗ ในบาทที่ ๒ และคาที่ ๔-๕ ในบาทสดุ ท้ายก็เชน่ กนั แตเ่ ฉพาะสอง
คาท้ายบาทท่ีสองนนั้ ต้องเป็ นเสยี งโทท่สี ามารถใช้เอกโทษหรือโทโทษ เม่ือสลบั
ตาแหนง่ ได้
* ด้วยข้อกาหนดแบบนี ้ทาให้กลบทนี ้ สามารถอา่ นพลกิ กลบั ไปมาได้เหมือนลนิ ้
ตะกวดทม่ี สี องแฉก ฉะนนั้ คาสองคาที่อยใู่ นข้อบงั คบั เวลาอา่ นสลบั ไปมาแล้ว
ต้องได้ความหมาย ซงึ่ เป็ นการคงรูปแบบของกลบทกลอนไว้ได้ด้วย
** กลบทกลอนนมี ้ ีปรากฏทงั้ ใน "กลบทศริ ิวบิ ลุ กิตติ์" และ "จารึกวดั พระเชตพุ นฯ"
(ในกลบทจารึกวดั พระเชตพุ นฯ เรียกกลบทนวี ้ า่ กลบทลนิ ้ ตะกวดคาน้อง)
โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๗๓
กลบท เลวงวางกรวด (เลวงวางตรวจ)
๏ วงวัฏฏ๑เวียนเปล่ียนแลว๎ ลามไหล
ทุกทําทีผํานวยั วํายเว้ิง
ชีพชนม๑ชวํ งผอํ งใส แสนสขุ
แคํครํูคลายสน้ิ เซ้ิง สูํด๎าวเดนิ เดยี ว ๚ะ๛
ผงั กลบท
ก ก ก /๐/ ข ข ข
ช ช ช/ซ ซ ซ/ฌ ฌ ฌ
ข้อบงั คบั
๑. บาท ๑,๒,๓ ซา้ อกั ษร ๒ ชดุ ชดุ ละ ๓ คาคอื ท่ี ๓ คาแรกและ ๓ คาสดุ ท้าย
ของแตล่ ะบาท
๒. เฉพาะบาท ๔ ซา้ อกั ษร ๓ ชดุ ชดุ ละ ๓ คาคือ ๑๒๓, ๔๕๖ และ ๗๘๙
* คล้ายกลบทอกั ษรสลบั ล้วน ๒
๗๔ อารยะ คชทีป
กลบท ววั พนั หลกั , นาคเก่ยี วชั้นเดยี ว
๏ กลวัวพนั หลักน้ี เพยี งค่า
ค่าหนง่ึ จากท๎ายนา่ สํูหนา๎
หน๎าบาทตํอไปทา่ โยงศัพท๑
ศพั ท๑ดจุ มัดววั ม๎า เก่ียวออ๎ มหลกั พนั ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐๐ ๐ก
ก๐๐๐๐ ๐ข
ข๐๐๐๐ ๐ค
ค๐๐๐๐ ๐๐๐ง
ข้อบงั คบั
นาคาสดุ ท้ายของบาท ไปวางซา้ ทคี่ าแรกของบาทตอ่ ไป
* คล้ายกลบทงกู ระหวดั หาง ซง่ึ งกู ระหวดั หางใช้การซา้ อกั ษรแทนการซา้ คา และ
คล้ายกลบทเมขลาโยนแก้ว ซง่ึ เมขลาโยนแก้วให้ซา้ สองคา
โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๗๕
กลบท วิตมิ าลนิ ี
๏ ผูก เรียงค่าเสกสรา๎ ง เปน็ โคลง
ถอ๎ ย วิจิตรยามโยง หลากล๎น
ร๎อย พันเรื่องจรรโลง สานตอํ
ความ ชวํ ยร๎สู ืบคน๎ แจมํ แจง๎ ปัญญา ๚ะ๛
ผงั กลบท
ก๐๐๐๐ ๐๐
ข๐๐๐๐ ๐๐
ค๐๐๐๐ ๐๐
ง๐๐๐๐ ๐๐๐๐
ข้อบงั คบั
บงั คบั กระทู้ ๑ คา ต้นบาท อา่ นลงเป็ นคาคล้องจอง
* คล้ายกลบทนารายณ์กางกร ซงึ่ นารายณ์กางกรใช้กระท้หู น้าหลงั รวม ๘ คา และ
คล้ายกลบททวาตรึงประดบั ซง่ึ ทวาตรึงประดบั มกี ระท้หู ลงั เหมือนกระท้หู น้า
๗๖ อารยะ คชทปี
กลบท วสิ ตู รสองไข
๏ วสิ ตู รวเิ ศษฝึกสร๎าง สล๎างเสลา
ขยกุ ขยกิ หยิบเอา เขยาํ ขย่า้
อเนจอนาถขัดเกลา สะเดาํ สะเด็ด
เขมาํ ขมองชอกช่า้ กระหนา่ กระนน้ั มนึ งง ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑ก ๑ข ๐ ๐ ๒ ค ๒ง
ข้อบงั คบั
๑. เขียนให้ชว่ งแรกของวรรคหน้าและวรรคหลงั ของโคลงเป็ นคา ๒ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๔
พยางค์ (วรรคหน้ารวมมี ๖ พยางค์)
๒. ใน ๔ พยางค์ (ทงั้ ๒ กลมุ่ ) นนั้ ให้พยางค์ท่ี ๑ กบั พยางค์ท่ี ๓ เป็ นคาลหทุ ีซ่ า้ กนั
๓. ใน ๔ พยางค์ (ทงั้ ๒ กลมุ่ ) นนั้ ให้พยางค์ท่ี ๒ กบั พยางค์ที่ ๔ สมั ผสั อกั ษรกนั
(เชน่ เขยา่ ขยา้ )
๔. พยางค์สดุ ท้ายในวรรคหน้า สมั ผสั สระกบั พยางค์ที่สองของวรรคหลงั (ขดี เส้นใต้)
* ดดั แปลงจากกลบทกลอนช่ือเดยี วกนั
* คล้ายกลบทสะบดั สะบงิ ้ ทมี่ ีสะบดั คาแตช่ ว่ งหลงั และไมบ่ งั คบั สมั ผสั สระดงั ข้อ ๔
โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๗๗
กลบท สกดั กระทู้
๏ สกดั หัวท๎ายกระทู๎ เพยี ง ค่า (สกดั คา่ )
สอง ฝัง่ มากระท่า รํวม ข๎าง (สองขา๎ ง)
รวม มาตอํ เนือ่ งน่า เปน็ รําง (รวมราํ ง)
มา สํูค่าใหมสํ ร๎าง เมื่อร๎อยค่า เรียง (มาเรียง)
ผงั กลบท
ก ๐๐๐๐ ๐ ข
ค ๐๐๐๐ ๐ ง
จ ๐๐๐๐ ๐ ฉ
ช ๐๐๐๐ ๐๐๐ ฌ
ข้อบงั คบั
นากระท้หู น้าและกระท้ทู ้ายบาท มารวมกนั แล้วให้เป็ นคาคล้องจอง หรือมี
ความหมายได้ใจความ เช่น สกดั คา, สองข้าง, รวมร่าง, มาเรียง เป็ นต้น
๗๘ อารยะ คชทีป
กลบท สถติ อัษฎาพรหม
๏ ตักน่้าใส แล๎วคํอย เทลง
ใสํกะโหลก บรรจง น่ิงไว๎
แล๎วชะโงก ดตู รง กลางน่นั
ดรู ปู เงา บอํ ยได๎ จกั ร๎ูเจียมตัว ๚ะ๛
ผงั กลบท
กขค ๐๐ ๐๐
งจฉ ๐๐ ๐๐
ชซฌ ๐๐ ๐๐
ฎฏฐ ๐๐ ๐๐๐๐
ข้อบงั คบั
เขียนเหมอื นโคลงกระท้ทู ว่ั ไป โดยใช้คาสาคญั สามพยางค์ตรงต้นบาทให้มี
ความหมายและคล้องจองกนั เชน่ ตกั นา้ ใส, ใสก่ ะโหลก, แล้วชะโงก, ดรู ูปเงา
* คล้ายกลบทพระจนั ทร์ดนั้ เมฆ
โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๗๙
กลบท สรอ้ ยคสู่ ะคราญ
๏ แตํละสองบาทนัน้ แตงํ โยง
ค่ากํอนท๎ายบาทโคลง แตงํ ยา่้
สํวนคา่ สุดทา๎ ยโขลง สมั ผสั กนั นา
ไดค๎ แํู ล๎วเปลยี่ นค่้า แตํงให๎สมั พันธ๑ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐๐ ก๑
๐๐๐๐๐ ก๒
๐๐๐๐๐ ข๓
๐๐๐๐๐ ๐๐ข๔
ข้อบงั คบั
๑. ท้ายบาท ๑-๒ นนั้ ให้คาก่อนท้ายซา้ คา สว่ นคาสดุ ท้ายซา้ อกั ษร
๒. ท้ายบาท ๓-๔ ก็ทาในลกั ษณะเดยี วกนั คอื แบง่ เป็ น ๒ คู่ ล้ออกั ษรกนั แตใ่ ช้
คาตา่ งจากสองบาทข้างต้น
* กลบทกลอนสร้อยคสู่ ะคราญ ถกู คิดประดษิ ฐ์ขนึ ้ มาโดย คณุ ชาญชนะ ฆงั คะโชติ
ปรากฏทมี่ าในหนงั สอื "ลลี า อารมณ์"
** ดดั แปลงมาเป็ นกลบทโคลง จากกลบทกลอนดงั กลา่ ว
๘๐ อารยะ คชทปี
กลบท สรอ้ ยสน
๏ สร๎อยสนสนสอดสรอ๎ ย สุดสวย
สวยศพั ท๑ศัพท๑รมุํ รวย คยํู า่้
ยา่้ ดงั่ ด่งั เขนิ ขวย พูดติด อํางนอ
ตดิ อกี อกี ค่าซ้่า จากทา๎ ยโยงยาง ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๑๑๐๐ ๐ก
ก๒๒๐๐ ๐ข
ข๓๓๐๐ ๐ค
ค๔๔๐๐ ๐๐๐ง
ข้อบงั คบั
๑. ซา้ คาตรงคาที่ ๒-๓
๒. นาคาสดุ ท้ายของแตล่ ะบาท (ไมร่ วมสร้อย) มาซา้ ยงั ต้นบาทตอ่ ไป
* เจ้าคณุ อู๋ ดดั แปลงจากกลอนกลบทช่ือเดียวกนั
** คล้ายกลบทบษุ บารักร้อย ตา่ งที่รักร้อยซา้ คาท่ี ๓-๔ ก็ได้ และไมต่ ้องซา้ คา
ท้ายมายงั บาทตอ่ ไป และคล้ายหงส์คาบพวงแก้ว ซง่ึ หงสค์ าบพวงแก้วซา้ คา
ที่ ๕-๖ แทน
โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๘๑
กลบท สะบัดสะบิง้
๏ แตํงให๎ค่าวรรคท๎าย สวัดไสว
ลหุสบั ครุไป กระดกกระเด๎ง
ประหน่งึ ยํางครรไล ขยึกขยัก
กลบทนามงามเช๎ง สะบัดสะบง้ิ สนกุ สนาน ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๑ก ๑ก
ข้อบงั คบั
๑. เขียนให้สองคาท้ายบาทมี ๔ พยางค์ (ท้ายบาทที่ ๔ มี ๘ พยางค์)
๒. ใน ๔ พยางค์นนั้ ให้พยางค์ท่ี ๑ กบั พยางค์ที่ ๓ เป็ นคาลหทุ ี่ซา้ กนั
๓. ใน ๔ พยางค์นนั้ ให้พยางค์ที่ ๒ กบั พยางค์ที่ ๔ สมั ผสั อกั ษรกนั (เช่น
สะบดั สะบงิ ้ )
* เจ้าคณุ อดู๋ ดั แปลงจากกลบทกลอนช่ือเดยี วกนั
** คล้ายกลบทวสิ ตู รสองไข ท่ีบงั คบั สะบดั คาในวรรคหน้าและบงั คบั สมั ผสั สระ
ระหวา่ งวรรคหน้ากบั วรรคหลงั ด้วย
๘๒ อารยะ คชทปี
กลบท สายไหม
๏ ซา่้ สระตา่ แหนงํ ห๎า มองหา
กับท่เี จด็ ทาบทา ทํวงทา๎
และรวํ มอักษรา มาลํา
ใครแตํงได๎บํช๎า ยกน๎อมรินชา ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐ก ๐ก
๐๐๐๐อ ๐๐๐อ
ข้อบงั คบั
ซา้ ทงั้ เสยี งอกั ษรและเสยี งสระในคาท่ี ๕ กบั ท่ี ๗ ให้ตา่ งเพยี งเสยี งวรรณยกุ ต์
เทา่ นนั้ เฉพาะบาทสดุ ท้ายย้ายไปซา้ ในคาท่ี ๙
โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๘๓
กลบท สารถีขับรถ
๏ คา่ สองมาเสพสอ๎ ง สองคา่
ทา๎ ยจํออกี ครั้งจ่า จํอท๎าย
กลับทศิ วรรคหลังทา่ ทศิ กลบั
วางสับต่าแหนงํ ย๎าย โยกด๎านสับวาง ๚ะ๛
ผงั กลบท
กข๐๐๐ ขก
ชฌ๐๐๐ ๐๐ฌช
ข้อบงั คบั
๑. นาสองคาต้นบาทมาสลบั วางไว้ทท่ี ้ายบาททกุ บาท
๒. สมั ผสั อกั ษรในคาที่ ๕-๖ ทกุ บาท
* คล้ายกลบททวารประดบั , กลบทพระจนั ทร์ทรงกลด, กลบทอกั ษรจองถนน, กลบท
ช้างกระหมวดหญ้า
** โคลงกลบทนมี ้ ีปรากฏท่ีมาในตารากลบท "จารึกวดั พระเชตพุ นฯ"
หมายเหตุ : บางทา่ นแปลงกลบทกลอนสารถีชกั รถมาเป็ นแบบเดยี วกบั งกู ลนื หาง
คอื ซา้ คาและย้ายตาแหนง่ มาท่ี ๒-๓ สว่ นบางทา่ นก็แปลงออกมาเป็ นแบบสารถี
ขบั รถ คอื วางสลบั กนั จงึ เป็ นเหตใุ ห้คิดวา่ กลบททงั้ สองนตี ้ า่ งกนั เพียงชื่อ ซงึ่
โครงสร้างของสารถชี กั รถ กบั สารถีขบั รถแตกตา่ งกนั ชดั เจนทีก่ ารวางซา้ กบั วาง
สลบั ดงั นนั้ ลกั ษณะของสารถีชกั รถเมือ่ ดดั แปลงเป็ นกลบทโคลง จงึ ควรเหมือน
งกู ลนื หางมากกวา่ เพราะวางศพั ท์ในรูปเดิมเหมือนกนั ในทนี่ จี ้ งึ เรียกงกู ลนื หาง
วา่ เป็ นสารถีชกั รถด้วย (เพราะมผี ้แู ปลงไว้อยา่ งนนั้ แล้ว)
๘๔ อารยะ คชทปี
กลบท สงิ โตเลน่ หาง แบบท่ี๑
๏ เขียนอักษรอกี ซ้่า สํงไป
ตา่ แหนงํ ห๎าหกใน หน่งึ นน้ั
จักซ่า้ อกั ษรใด ดคู ูํ
แตํงงาํ ยไมํหลากชน้ั ชอ่ื ข๎องหางสิงห๑ ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐๐ก ก๐
ข้อบงั คบั
เขยี นซา้ อกั ษรในพยางค์ท่ี ๕ กบั ที่ ๖ ในทกุ บาท
โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๘๕
กลบท สงิ โตเลน่ หาง แบบท่ี๒
๏ สองอักษรคูํรู๎ รับคา่
อกี สระตอ๎ งยา่ ทา่ ทีท่ ๎า
ส่ีหา๎ จกั ซ่า้ จ่า จารจด
สํวนอกั ษราห๎า หกย่้าคา่ สวย ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐๐๐กก ข๐
ข้อบงั คบั
เขยี นซา้ อกั ษรในพยางค์ที่ ๕ กบั ท่ี ๖ ในทกุ บาท และซา้ สระในคาท่ี ๔ กบั ท่ี ๕ ด้วย
๘๖ อารยะ คชทปี
กลบท สีหติกำกาม
๏ กลนีส้ ีหตแิ ท๎ กา่ กาม
สมั ผสั จัดสระงาม คํูคลอ๎ ง
ตรงนี้ทีส่ องสาม กา่ หนด
วางศพั ท๑จับเรียงต๎อง สระรอ๎ ยกลมกลนื ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐ออ๐๐ ๐๐
ข้อบงั คบั
ซา้ เสยี งสระในคาที่ ๒ กบั คาท่ี ๓ ในทกุ บาท
* คล้ายกลบทมธุรสวาที ซงึ่ มธุรสวาทเี พม่ิ สมั ผสั สระท่ี ๕-๖ ด้วย
โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๘๗
กลบท สุรางคร์ ะบำ
๏ สุรางค๑บทเลํนบา๎ ง ระบา่
ก่าหนดใจนบั จ่า หนกั จอ๎ ง
ใช๎สามคํศู พั ทค๑ า่ เสรมิ คาํ
หดั แตํงคา่ ตดิ ข๎อง ตราบคลอ๎ งตามโคลง ๚ะ๛
ผงั กลบท
๐กขกข กข
ข้อบงั คบั
ซา้ อกั ษร ๓ คู่ คอื ๒-๓, ๔-๕ และ ๖-๗ ของทกุ บาท เฉพาะบาทสดุ ท้ายเพิ่ม
๘-๙ ด้วย
* เจ้าคณุ อู๋ ดดั แปลงจากกลอนกลบทช่ือเดียวกนั
** คล้ายกลบทกบเต้นสลกั เพชร ซง่ึ กบเต้นสลกั เพชรต้องมีสมั ผสั สระอกี สองชว่ ง
ด้วย
๘๘ อารยะ คชทีป
กลบท เสอื ซ่อนเล็บ
๏ คา่ ที่หนง่ึ แตงํ ซา่้ คา่ ไทย
รวํ มศัพท๑ค่าหกใด รํวมสร๎าง
คา่ สองกับเจ็ดใน ค่าศพั ท๑
รํวมแบบมิใหร๎ ๎าง รวํ มบา๎ งกลไทย ๚ะ๛
ผงั กลบท
๑ก๐๐๐ ๑ก
ข้อบงั คบั
๑. ซา้ คาทต่ี ้นวรรคหน้า กบั ต้นวรรคหลงั
๒. ซา้ เสยี งอกั ษรท่ี ๒ กบั ๗
* คล้ายกบั กลบทพจน์พรรณราย, นาคบริพนั ธ์ และกลโคลงตนั ตะนยั