The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โคลงกลบทมธุรสอักษรา๒

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Saruda Anampong, 2020-10-23 02:09:09

โคลงกลบทมธุรสอักษรา๒

โคลงกลบทมธุรสอักษรา๒

โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๘๙
กลบท หงส์คาบพวงแกว้

๏ หงส๑คาบคาบดอกแกว๎ แก๎วงาม

วางศพั ท๑ศัพทท๑ าบทาม ทํามหอ๎ ง

สองคูํคเํู รียงตาม ตามชํวง

ให๎แตํงแตํงค่าพอ๎ ง ผํองไดใ๎ นกล ๚ะ๛

ผงั กลบท
๐กก๐ข ข๐

ข้อบงั คบั
ในแตล่ ะบาท เขียนคาซา้ อกั ษรและสระ ๒ คู่ คอื ๒-๓ และ ๕-๖ แตไ่ มต่ ้อง
ซา้ เสยี งวรรณยกุ ต์

* คล้ายกลบทบษุ บารักร้อย ซงึ่ บษุ บารักร้อยมซี า้ ท่เี ดียว คือที่ ๒-๓ หรือ ๓-๔ ก็ได้
และคล้ายกลบทสร้อยสน ซงึ่ สร้อยสนมซี า้ ปลายบาทไปต้นบาทแทน

๙๐ อารยะ คชทปี

กลบท อรรคอักษร

๏ คา่ หนง่ึ ค่าบาทต๎น น่ามา
แล๎วแตงํ คา่ ฉาบทา ท่วั ไว๎
จะคา่ พูดคา่ จา ได๎หมด
คา่ มากค่าแตํงได๎ คิดค้่าหลายค่า ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
ให้นาคาในวรรคแรกของบาทต้น ไปแตง่ ซา้ ตลอดบท ให้มมี ากโดยไมก่ าหนด
จานวนและตาแหนง่

โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๙๑
กลบท อกั ขระโกศล

๏ คสํู รา๎ งคูํศพั ทซ๑ อ๎ น กรดี กราย

สามหนง่ึ สามนั้นหมาย แตํงซา้่

สีส่ องส่เี สยี งราย ตามแบบ

ต๎องนบั ต๎องเหนี่ยวย้่า รํวมร๎อยอักษร ๚ะ๛

ผงั กลบท
กขกข๐ ๐๐

ข้อบงั คบั
๑. ซา้ คาท่ี ๑ กบั คาท่ี ๓
๒. สมั ผสั อกั ษรคาท่ี ๒ และ ๔

* เจ้าคณุ อู๋ ดดั แปลงจากกลอนกลบทชื่อเดยี วกนั
** คล้ายกลบทระลอกแก้วระทบฝ่ัง ซง่ึ ระลอกแก้วฯ ไมต่ ้องซา้ คา และคล้ายกลบท

กินนรเก็บบวั ซง่ึ กินนรเก็บบวั นอกจากคซู่ า้ คาแล้ว ไมต่ ้องสมั ผสั อกั ษร

๙๒ อารยะ คชทีป

กลบท อักษรตาย

๏ ฝึกหดั บทแบบนี้ อาจยาก
ขบคิดอดึ อดั มาก บอกให๎
เสาะแยกคดั เลือกจาก หลากศัพท๑
อยากฝากรปู แบบไว๎ พวกพอ๎ งฝึกกัน ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. ใช้คาตายทกุ คา ยกเว้นคาโท และคาสดุ ท้ายของบาท
๒. ถ้าตอ่ หลายบท สามารถใช้คาอน่ื ใน ๓ คาแรกของบทตอ่ ไปเพอ่ื ร้อยโคลง

(สมั ผสั ระหวา่ งบท) ได้

โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๙๓
กลบท อักษรลว้ น

๏ สืบสานเสริมสํงสรา๎ ง ศัพท๑แสง

เพลนิ พศิ ผันพลิกแพลง พากย๑พอ๎ ง

เปรมปรีดป์ิ ราชญ๑เปลยี่ นแปลง แปรปรับ

เรยี งราํ งรวมรํวมร๎อง เลิศลา่้ เริงรมย๑ ๚ะ๛

ผงั กลบท
กกกกก กก

ข้อบงั คบั
ใช้เสยี งพยญั ชนะเดยี วกนั ทงั้ หมดในแตล่ ะบาท

๙๔ อารยะ คชทปี

กลบท อักษรสลบั , ฟักพนั รา้ น

๏ สลบั ศัพทร๑ าํ งสร๎าง เรอ่ื งเสียง

เรงิ คดิ ฤทธเิ์ คยี งเรยี ง คาํ ล่า้

พสิ ฐิ พศิ เสยี งเพยี ง สบเพลิด

โยงคอํู ยคํู ่ายา้่ คลํองยื้อคือเย็น ๚ะ๛

ผงั กลบท
กขกขก ขก

ข้อบงั คบั
๑. เขยี นสลบั อกั ษรในแตล่ ะบาท (ควรใช้อกั ษร ๒ ตวั เป็ นคๆู่ ในแตล่ ะบาททไ่ี มซ่ า้

กนั )
๒. ให้มสี มั ผสั สระ ๒ คู่ คือในคาที่ ๒-๓ และคาท่ี ๔-๕

* คล้ายกลบทเจ้าเซนเต้นตา้ บดุ และกลบทกบเต้นสามตอน

โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๙๕
กลบท อักษรสลับล้วน แบบที่๑

๏ มนหมกมนํุ กรุํน กล๎า ชาชงั

คิดขํนุ เครยี ดเบยี ดบัง หล่ังร๎อน

พษิ เพลงิ ผุดดุจดงั พังพําย

จดจํอเจ็บเก็บกอ๎ น ซํอนเศร๎าเงางม ๚ะ๛

ผงั กลบท
กกกข ข คค

ข้อบงั คบั
๑. ให้มกี ารสมั ผสั อกั ษร ๓ ชดุ ในแตล่ ะบาท แบง่ เป็ น ๓/๒/๒
๒.ให้มีสมั ผสั สระชิดคาท่ี ๓-๔ และ ๕-๖ (บาทสดุ ท้ายเพิ่ม ๗-๘ ด้วยก็ได้)

* ดดั แปลงจากกลบทกลอนชื่อเดยี วกนั

๙๖ อารยะ คชทปี

กลบท อักษรสลบั ลว้ น ๒

๏ สามเสยี งเสมอม่ันแม๎ จะจบั ใจ

ครํุนคิดคะนองนึกนยั ระรน่ื แล๎ว

สรรศัพทส๑ ยบยงํุ ใย ยะเยอื กยาก

คํอยคดิ คอํ ยผํองแผว๎ ผิดบ๎างบางเบา ฯ

ผงั กลบท
กกกขขข คคค

ข้อบงั คบั
๑. ให้มกี ารสมั ผสั อกั ษร ๓ ชดุ ในแตล่ ะบาท แบง่ เป็ น ๓/๓/๓
๒. ไมต่ ้องมีสมั ผสั สระชิดเหมือนกลบทอกั ษรสลบั ๑
๓. ใช้คาลหเุ ข้ามาตาแหนง่ ใดก็ได้ เพอื่ ให้ได้ครบ ๓ เสยี งอกั ษรทงั้ ๓ ชดุ โดยที่คา

โคลงไมเ่ กิน

* บาทสดุ ท้ายไมต่ ้องใช้คาลหกุ ็ครบคาทงั้ ๓ ชดุ
** ดดั แปลงจากกลบทกลอนชื่อเดียวกนั
*** คล้ายกลบทเลวงวางกรวด ทใ่ี ช้อกั ษร ๓ คา ๒ ชดุ หน้าหลงั

โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๙๗
กลบท อักษรสามหมู่

๏ วรรณยกุ ต๑รวมรํวมร๎อย คา่ ผนั

สามสงํ สร๎อยตํอกัน หมูํพอ๎ ง

กอดกอ๎ นกลุํมในบรร- ทดั หนง่ึ

ค่าค่าคา้่ โคลงคล๎อง กฎนัน้ ผันสาม ๚ะ๛

ผงั กลบท
๐ ก ก้ ก่ ๐ ๐ ๐

ข้อบงั คบั
ต้องมกี ารผนั วรรณยกุ ต์สามเสยี งในทกุ ๆบาท วรรณยกุ ต์อาจเรียงกนั เป็ น
สามญั เอก โท ตรี จตั วา หรือไมเ่ รียงก็ได้ แตต่ ้องมีสามเสยี งตอ่ กนั สาม
พยางค์ และต้องเป็ นเสยี งพยญั ชนะเดยี วกนั ด้วย เช่น พร่ังพร้อมเพลนิ ท้น
ทว่ มทาง ผาผา่ ผ้า เป็ นต้น

* คล้ายกลบทตรีประดบั กบั กลบทตรีเพชรพวง ซงึ่ ทงั้ สองกลบทนนั้ ต้องผนั เสยี งสระ
เดียวกนั

๙๘ อารยะ คชทปี

กลบท อารยะประดษิ ฐ์

๏ ณ รินธารซาํ นซ้ึง งามตา
สายพระธรรมนน้ั มา สถติ ตั้ง
ธารค่าหยดหนึ่งพา จติ ตื่น
ธรรมพุทธรนิ หยาดยงั้ เติบเตน๎ เตม็ ทรวง ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
เขยี นให้แตล่ ะแถวในแนวตงั้ อา่ นได้ใจความทงั้ ๗ แถว โดยไมต่ ้องเป็ นคาคล้อง
จองก็ได้

* คล้ายพนั ธวีสติการ กบั พนั ธติงสตกิ าร ตา่ งตรงทไี่ มต่ ้องเป็ นคาคล้องจอง
** คณุ กระดงึ กริ่งสายแก้วตงั้ ชื่อให้วา่ “อารยะประดิษฐ์”

โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๙๙

กลบท ทวภิ าค

โคลงสสี่ ภุ าพ

๏ จากบทโคลงหนงึ่ น้ัน กลนั่ ความ

หมายคิดบรรยายตาม บทสร๎าง

พจนศ๑ ิลปส์ กํู ลอนงาม กวรี ส จรดใจ

จินต๑แตงํ ท้ังส้นิ อ๎าง เพอ่ื เนอื้ เดียวกัน ๚ะ ๛

กลอนสภุ าพ

๏ จากบทโคลง หนึ่งนนั้ กลนั่ ความหมาย

คิดบรรยาย ตามบท สรา๎ งพจน๑ศิลป์

สกูํ ลอนงาม กวีรส จรดใจจนิ ต๑

แตํงท้ังส้ิน อา๎ งเพือ่ เนื้อเดยี วกัน ๚ะ ๛

ข้อบงั คบั
แตง่ โดยให้คาในโคลงกบั กลอนนนั้ เป็ นคาเดยี วกนั ทงั้ หมด

* คล้ายกลบทกลอนกระแทกสวนทวารโคลง

๑๐๐ อารยะ คชทปี

กลบท ทวภิ าคแปลงสาร

โคลงสส่ี ภุ าพ

๏ เคยงามรักเย่ียงนี้ มีสม

บดั นไี่ มผํ ลัดชม เปล่ียนเพยี้ น

ศกั ดิศ์ รสี บั รักตรม มองคาํ แครํนา

ทเี ยอ่ื ใยนี้เหยี้ น หาํ งร๎างมิดเลอื น ๚ะ๛

กลอนสภุ าพ

๏ เคยงามลักษณ๑ เยี่ยงน้ี มีสมบตั ิ

หนี้ไมผํ ลดั ชมเปลีย่ น เพย้ี นศักด์ิศรี

สับลักษณ๑ตรม มองข๎า แคํนาที

เยอื่ ใยนี้ เห้ยี นหาํ ง ลา๎ งมิตรเลอื น ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. แตง่ โดยให้คาในโคลงกบั กลอนนนั้ เป็ นเสยี งเดียวกนั ทงั้ หมด (รูปตา่ งไปกย็ งิ่ ดี เช่น

รัก - ลกั ษณ์ เป็ นต้น ) เหมือนทวภิ าค
๒. แตท่ ่แี ปลกออกไปคือ ระหวา่ งอา่ นเป็ นโคลงกบั กลอน ต้องมคี วามหมายไม่

เหมอื นกนั เช่นตวั อยา่ งนี ้เมอื่ อา่ นเป็ นโคลงได้ความหมายถึงความรักหญิงชาย
แตเ่ มอื่ อา่ นเป็ นกลอนได้ความหมายการแตกมิตรเพราะสมบตั ิ เป็ นต้น (ขออภยั ที่
แตง่ ตวั อยา่ งได้ไมช่ ดั เจน)

โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๑๐๑

กลบท ตรภี าค

โคลงสสี่ ภุ าพ ๏ สเี ขียวครามฟาู สํอง มองไป
เห็นยิง่ ปองเย็นหทยั ต่นื ฟ้นื
สุขสนั ตจ๑ ติ วไิ ล ใจชน่ื พลนั คืน
ครนั ครบวนั ผันคร้นื คึกใหน๎ กึ ตรอง ๚ะ ๛

กลอนสภุ าพ ๏ สเี ขยี วครามฟาู สํองมองไปเหน็
ยิ่งปองเยน็ หทัยตน่ื ฟืน้ สุขสนั ต๑
จติ วิไลใจชน่ื พลันคนื ครนั
ครบวนั ผันครื้นคกึ ใหน๎ ึกตรอง ๚ะ ๛

กาพย์ฉบงั ๑๖ ๏ สีเขยี วครามฟาู สอํ งมอง ไปเห็นยิ่งปอง

เย็นหทัยตนื่ ฟื้นสุขสันต๑

๏ จติ วไิ ลใจชื่นพลนั คืนครันครบวัน

ผนั คร้ืนคกึ ใหน๎ ึกตรอง ๚ะ ๛

ข้อบงั คบั
แตง่ โดยใช้ร้องกรองทงั้ สปี่ ระเภท (โคลง,ฉนั ท์,กาพย์,กลอน) ชนดิ ใดก็ได้ ๓ ชนดิ
มาแตง่ โดยให้ทงั้ ๓ ชนิดทีแ่ ตง่ เป็ นคาเดียวกนั หรือจะใช้เป็ นคาพ้องเสยี งก็ได้

๑๐๒ อารยะ คชทปี

กลบท จตรุ ภาค

โคลงสดี่ นั้ สนิ ธมุ าลา ๏ พรํางดาวดวงทํามฟาู งามตา ชน่ื ใจ

ยามต่ืนฟื้นมองมา ผํองลน๎

พราวแววเดนํ บนนภา หนสํอง ยลแล

คนตํางตนท๎นพน๎ แปลกกัน ๚ะ ๛

วชิ ชมุ มาลาฉนั ท์ ๏ พราํ งดาวดวงทาํ ม ฟาู งามตาชนื่

ใจยามต่นื ฟนื้ มองมาผอํ งล๎น

พราวแววเดํนบน นภาหนสอํ งยล

แลคนตํางตน ท๎นพ๎นแปลกกัน ๚ะ ๛

กาพย์ฉบงั ๑๖ ๏ พราํ งดาวดวงทาํ มฟาู งาม ตาช่นื ใจยาม

ต่ืนฟ้นื มองมาผอํ งลน๎

พราวแววเดํนบนนภาหน สํองยลแลคน

ตํางตนทน๎ พ๎นแปลกกัน ๚ะ ๛

กลอนสภุ าพ ๏ พราํ งดาวดวง ทาํ มฟาู งามตาชน่ื

ใจยามตื่น ฟ้นื มอง มาผอํ งล๎น

พราวแววเดนํ บนนภา หนสอํ งยล

แลคนตาํ ง ตนทน๎ พ๎นแปลกกัน ๚ะ ๛

ข้อบงั คบั
แตง่ โดยใช้ร้องกรองทงั้ สปี่ ระเภท (โคลง,ฉนั ท์,กาพย์,กลอน) โดยให้ทงั้ หมดเป็ นคา
เดยี วกนั หรือจะใช้เป็ นคาพ้องเสยี งก็ได้

กลบทท่เี ป็นกลอกั ษร

๑๐๔ อารยะ คชทปี

กลโคลง กาโกโลกนยั น์

ผงั กลอกั ษร ซา้ - คา - ใช้ - แค่ - สองคา
สี่ - หนงึ่ - ที่ - ตา - แหนง่ นนั้
เพื่อ – จอ่ - จด - จา - ผงั แบบ
จบั - ศพั ท์ - เรียง - ปัน้ - ก่อนตงั้

ผงั โคลง

ถอดเป็ น ๏ ใชค๎ า่ ซ่า้ ใชแ๎ คํ สองคา่
ท่ีหนง่ึ ส่ีท่ตี ่า แหนงํ น้ัน
จดจอํ เพ่ือจดจา่ ผังแบบ
เรียงศัพทจ๑ ับเรยี งปน้ั กอํ นตั้งผังโคลง ๚ะ๛

ผงั กลบท ก๐๐ก๐ ๐๐

ข้อบงั คบั
ซา้ คาที่ ๑ กบั ๔ เทา่ นนั้ แล้ววางผงั กลอกั ษรตามตวั อยา่ ง

ผงั กลอกั ษร โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๑๐๕

กลบท ชา้ งกระหมวดหญ้า

วางคา ให้ตา่ งแตก
ซา้ สลบั จานจิ พิ
แตกตา่ ง ทากระบาท
แล้วเปลี่ยน ยา้ คืนกลบั

ถอดเป็ น ๏ วางคา่ แตกตํางให๎ วางคา่
ซา้่ สลบั พนิ จิ จ่า สลับซา้่
แตกตําง บาทกระท่า แตกตาํ ง
แลว๎ เปล่ียน กลับคืน ย้่า เปลย่ี นแลว๎ กลับคืน ๚ะ๛

ผงั กลบท กข๐๐๐ กข
๑๒๐๐๐ ๒๑
ค .ง ๐ ๐ ๐ คง
๓๔๕๖๐ ๔๓๕๖

ข้อบงั คบั
๑. ซา้ คาตาแหนง่ ท่ี ๑-๒ กบั ๖-๗ ในบาทที่ ๑ และท่ี ๓
๒. นาสองคาต้นบาทมาสลบั วางไว้ตาแหนง่ ที่ ๖ - ๗ ของบาทที่ ๒ และท่ี ๔
๓. ซา้ คาตาแหนง่ ท่ี ๓-๔ กบั ๘-๙ ในบาทสดุ ท้าย แล้ววางผงั กลอกั ษรตามตวั อยา่ ง

* คล้ายสารถีขบั รถ, อกั ษรจองถนน, ทวารประดบั

๑๐๖ อารยะ คชทีป

กลบท ไชยกังเวยี ร

ผงั กลอกั ษร ฝึกนาญฝนชาจนแล้วคลอ่ ง
ยง่ิ นนั้ ฝึกส่ิงยิ่งชาญเช่ียว
เพียรเทห่ ์คดิ อปุ จกั ฉานแตก
รู้ใจรอบดงั แล้วได้กอ่ กิจปัน้

ถอดเป็ น ๏ ฝึกฝนจนคลอํ งแล๎ว ชา่ นาญ
ยิง่ ฝึกยิ่งเช่ยี วชาญ สิง่ น้ัน
เพียรคิดจักแตกฉาน อุปเทหํ ๑
ร๎รู อบแล๎วกํอป้นั กิจได๎ดังใจ ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
แตง่ โคลงตามปรารถนา แล้ววางผงั กลอกั ษรตามตวั อยา่ ง

* กลนเี ้ป็ นเพียงวิธีวางกลอกั ษรในอีกรูปแบบหนง่ึ เทา่ นนั้

โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๑๐๗

กลบท ตันตะนยั

ผงั กลอกั ษร ฝึก ฝนให้มากครัง้ งาน
หดั กวา่ จกั ชานาญ สร้ าง
ให้ หมน่ั ทบทวนการ บอ่ ย
คลอ่ ง แคลว่ บล่ ืมร้าง แล้วจาเริญ

ถอดเป็ น ๏ ฝึก ฝนให๎มากครงั้ ฝึกงาน
หัด กวําจกั ชา่ นาญ หดั สรา๎ ง
ให๎ หมั่นทบทวนการ ให๎บอํ ย
คลอํ ง แคลวํ บลํ ืมร๎าง คลอํ งแล๎วจ่าเรญิ ๚ะ๛

ผงั กลบท ก๐๐๐๐ ก๐

ข้อบงั คบั
ซา้ คาท่ตี ้นวรรคหน้า กบั ต้นวรรคหลงั (คาท่ี ๑ กบั คาท่ี ๖) แล้ววางผงั กลอกั ษร
ตามตวั อยา่ ง

* คล้ายกลบทเสอื ซอ่ นเลบ็

๑๐๘ อารยะ คชทปี

กลบท ถอยหลังเขา้ คลอง

ผงั กลอกั ษร เคล้าคลกุ ผนั ศพั ท์ด้านกลบั หนั
ย้อนกลบั เข้าคลองพลนั สบั เปลี่ยน

ถอยหลงั

ถอดเป็ น ๏ เคล๎าคลกุ ผันศัพท๑ดา๎ น กลบั หัน
หนั กลับดา๎ นศพั ท๑ผัน คลกุ เคลา๎
ย๎อนกลับเคาํ คลองพลนั สับเปลย่ี น
เปลยี่ นสบั พลนั คลองเขา๎
กลบั ย๎อนถอยหลัง ๚ะ๛

ผงั กลบท กขคงจ ฉช
ชฉจงค ขก
๑๒๓๔๕ ๖๗
๗๖๕๔๓ ๒๑๐๐

ข้อบงั คบั
เอาทกุ คาของบาท ๑ มาย้อนกลบั ในบาท ๒ และทงั้ ๗ คาในบาท ๓ นามา
ย้อนกลบั ในบาท ๔ โดยอนโุ ลมให้ย้ายคาเอกในบาท ๓ ไปอยทู่ ่ี ๒ หรือท่ี ๔
ก็ได้ แล้ววางผงั กลอกั ษรดงั ตวั อยา่ ง
* บางทา่ นให้ใช้เอกโทษในคาท่ีสาม ในบาทสาม หรือโทโทษในคาทีห่ ้า ในบาทสก่ี ็ได้
** คล้ายกลบทตลบนกกลางหาว
*** ควรแตง่ เป็ นโคลงดนั้ จะเหมาะกวา่

ผงั กลอกั ษร โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๑๐๙

กลบท ไทยนับ๓

อเนดั เบอลั ้ที่กวสาษถมรา
สาราเมจก็ทดุ บกไที่คว้
นมานรั จบอนเบหวีจมยดด
ตกั้ ็เงจรั ีคกยวาไงมด้ใเบหดทิ มม่

ถอดเป็ น ๏ นับทส่ี ามแลว๎ ถอด อักษรา
เก็บที่สามทุกครา จดไว๎
นบั เวยี นรอบจดมา จนหมด
เรยี งใหมกํ ็จกั ได๎ บทตั้งความเดมิ ๚ะ๛

วธิ ีถอดกลโคลงไทยนบั ๓
นบั ครัง้ ละ ๓ อกั ษร แล้วคดั ลอกตวั อกั ษรตวั ท่ี ๓ นนั้ ออกมา เมอ่ื หมดแถวก็นบั
เวียนตอ่ ที่ต้นบรรทดั อกี จนครบอกั ษรทกุ ตวั ในแถว เช่น “อเนดั เบอลั ้ท่ีกวสาษถมรา”
นบั รอบท่ี ๑ จะได้ตวั อกั ษร น.ั .บ..ท.่ี .สา..ม
นบั รอบท่ี ๒ จะได้ตวั อกั ษร เ..เ..ล้..ว..ถ
นบั รอบท่ี ๓ จะได้ตวั อกั ษร อ..ด..อ.ั .ก..ษ..รา
เมอ่ื ครบแล้วก็จะได้คาวา่ “นบั ทส่ี ามแล้วถอดอกั ษรา”

* หมายเหตุ : อกั ษรทมี่ สี ระตามหลงั คือ อะ อา อา อาะ ฤๅ ให้นบั เป็ นหนงึ่
ตวั อกั ษร เชน่ “นาฤๅห้ามเสนาะ” นบั ได้ ๗ ตวั อกั ษร (นา..ฤๅ..ห้า..ม..เ..ส..นาะ)

๑๑๐ อารยะ คชทปี
วิธีใสก่ ลไทยนบั ๓

๑. ให้เขยี นช่องหรือสญั ลกั ษณ์กอ่ น เทา่ จานวนอกั ษรในบรรทดั นนั้ โดยนบั สระ -า,
-ะ , -ำา, -าะ และ -ๅ รวมเป็ นหนงึ่ ตวั กบั อกั ษรท่อี ยขู่ ้างหน้า เหมอื นตอนถอด

๒. “สระแอ” ต้องนบั เป็ น ๒ ตวั อกั ษร (คอื คดิ เป็ นสระเอ ๒ ตวั )
๓. นบั ไปทีละ ๓ ช่อง/สญั ลกั ษณ์ แล้วก็เอาตวั อกั ษรไปใสต่ วั หนง่ึ ในตาแหนง่ ท่ี ๓

นนั้ ทาอยา่ งนไี ้ ปจนครบ เชน่ ทาสญั ลกั ษณ์ด้วย ๓ และตวั อกั ษรคือ “นั บ ที่
สา ม เ เ ล้ ว ถ อ ด อั ก ษ รา” มี ๑๖ ตวั อกั ษร ก็เขยี น
๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓ (๑๖ ตวั ) แล้วเอา น.ั .บ..ท.ี่ .สา..ม. ไปใส่
ตาแหนง่ ท่ี ๓..๖..๙..๑๒..๑๕ ตามลาดบั แล้วเอา ..เ..เ..ล้..ว..ถ. ไปใสต่ าแหนง่ ท่ี
๒..๕..๘..๑๑..๑๔ ตามลาดบั เป็ นต้น (เมือ่ นบั ไปสดุ ท้ายแล้วก็เวยี นกลบั มาที่
ต้นบรรทดั อีก) ไปจนหมดทกุ ตวั อกั ษร

* หมายเหตุ : ในแตล่ ะบาททน่ี ามาใสก่ ล ต้องไมใ่ ห้ครบจานวนที่ ๓ คณู ได้
เชน่ ๖, ๙, ๑๒, ๑๕ เป็ นต้น เพราะถ้าครบจานวนที่ ๓ คณู ได้พอดีจะใสเ่ ป็ นกล
ไทยนบั สามไมไ่ ด้

ผงั กลอกั ษร โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๑๑๑

กลบท ไทยนับ๕

เวเนนอั าท่ีวีไบตหั ้ายป
งบามวจเทดในเนทั้ นั้ หถน
ยลอกาเชื่ไดรป็ อทกถนวา่
ปัอ้ บงไนนห้าใทเคเช้ยเวากา่ ซน่ ตั ม่

ถอดเป็ น ๏ นบั เอาตัวทห่ี า๎ เวยี นไป
จนหมดทงั้ แถวใน บาทน้ัน
เป็นการถอดกลไทย ชอ่ื วํา
ไทยนบั ห๎าเกาํ ปั้น แตงํ ใชซ๎ อํ นความ ๚ะ๛

วิธีถอดกลโคลงไทยนบั ๕
วิธีเหมอื นไทยนบั ๓ เพยี งแตน่ บั ครัง้ ละ ๕ อกั ษร แล้วคดั ลอกตวั อกั ษรตวั ที่ ๕ นนั้
ออกมา เมอ่ื หมดแถวก็นบั เวยี นตอ่ ที่ต้นบรรทดั อกี จนครบอกั ษรทกุ ตวั ในแถว เช่น
“เวเนนอั าทว่ี ีไบตหั ้ายป”
นบั รอบท่ี ๑ จะได้ตวั อกั ษร นั บ
นบั รอบท่ี ๒ จะได้ตวั อกั ษร เ อา ตั
นบั รอบที่ ๓ จะได้ตวั อกั ษร ว ท่ี ห้า
นบั รอบที่ ๔ จะได้ตวั อกั ษร เ วี ย
นบั รอบท่ี ๕ จะได้ตวั อกั ษร น ไ ป
เม่ือครบแล้วก็จะได้คาวา่ “นบั เอาตวั ที่ห้าเวยี นไป”

๑๑๒ อารยะ คชทปี
* หมายเหตุ : อกั ษรทม่ี สี ระตามหลงั คือ อะ อา อา อาะ ฤๅ ให้นบั เป็ นหนง่ึ

ตวั อกั ษร เชน่ “นาฤๅห้ามเสนาะ” นบั ได้ ๗ ตวั อกั ษร (นา..ฤๅ..ห้า..ม..เ..ส..นาะ)

วิธีใสก่ ลโคลงไทยนบั ๕
๑. ให้เขียนชอ่ งหรือสญั ลกั ษณ์กอ่ น เทา่ จานวนอกั ษรในบรรทดั นนั้ โดยนบั สระ -า,

-ะ , -ำา, -าะ และ -ๅ รวมเป็นหนง่ึ ตวั กบั อกั ษรท่อี ยขู่ ้างหน้าเหมอื นตอนถอด
สว่ นทพี่ ิเศษคือ “สระแอ” ต้องนบั เป็ น ๒ ตวั อกั ษร (คอื คิดเป็ นสระเอ ๒ ตวั )
๒. “สระแอ” ต้องนบั เป็ น ๒ ตวั อกั ษร (คอื คดิ เป็ นสระเอ ๒ ตวั )
๓. นบั ไปทล่ี ะ ๕ ชอ่ ง/สญั ลกั ษณ์ แล้วก็เอาตวั อกั ษรไปใสต่ วั หนง่ึ ในตาแหนง่ ท่ี ๕
นนั้ ทาอยา่ งนไี ้ ปจนครบ เช่น ทาสญั ลกั ษณ์ด้วย ๕ ตวั อกั ษรคอื “นั บ เ อา
ตั ว ที่ ห้า เ วี ย น ไ ป” มี ๑๔ ตวั อกั ษร ก็เขียน
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ (๑๔ ตวั ) แล้วเอา “ นั ” ไปใสต่ าแหนง่ ที่ ๕ “บ” ไป
ใสต่ าแหนง่ ท่ี ๑๐ “เ” ไปใสต่ าแหนง่ ท่ี ๑ เป็ นต้น (เมอ่ื นบั ไปสดุ ท้ายแล้วก็เวยี น
กลบั มาทต่ี ้นบรรทดั อกี ) ไปจนหมดทกุ ตวั อกั ษร

* หมายเหตุ : ในแตล่ ะบาทที่นามาใสก่ ล ต้องไมใ่ ห้ครบจานวนท่ี ๕ คณู ได้ เช่น
๕, ๑๐, ๑๕, ๒๐ เป็ นต้น เพราะถ้าครบจานวนท่ี ๕ คณู ได้พอดีจะใสเ่ ป็ นกลไทย
นบั ห้าไมไ่ ด้

โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๑๑๓

กลบท ไทหลง

กลโคลงไทหลง ๏ อางยาแททไป่ ไถ้ ถพู กั
นาแอตก่ งาอตถถกั เจ่ีจกตี ้
หงั วลเมรี่จตอต้าอรัก สากวรัท
เผืห่ ฒห่ ตขสาปแนฉ่ ี ้ แงพ่ ้ลู ้งู ร ๚ะ๛

ถอดเป็ น ๏ หากจา่ แบบไมไํ ด๎ ดูผัง
ต่าแหนํงกา่ หนดดัง เยีย่ งนี้
อักษรเปล่ียนหนา๎ หลัง วางสลับ
เพ่อื ซํอนความแตชํ ี้ แกผํ ู๎รูก๎ ล ๚ะ๛

ข้อบงั คบั

๑. บงั คบั ใช้ตวั อกั ษรแทนกนั ซง่ึ ผ้อู า่ นต้องรู้จกั สตู รของการใช้อกั ษร เรียกวา่ "สตู ร
ไทหลง" ซง่ึ พระปิ ฎกโกสล (อว่ ม) ทาขนึ ้ ไว้ดงั แผนผงั

๒. เม่ือเขยี นโคลงขนึ ้ มาแล้ว ให้เปลย่ี นเฉพาะตวั อกั ษรท่ใี ช้แทนกนั เช่น คาวา่
“หาก” เม่ือ ห. ใช้สลบั กนั กบั อ. และ ก. ใช้สลบั กนั กบั ง. ก็เขยี นในกลเป็ น “อาง”
เป็ นต้น ซง่ึ ผ้ถู อดก็เพยี งแคส่ ลบั อ. มาเป็ น ห. สลบั ง. มาเป็ น ก. เป็ นต้น สว่ น
สระและวรรณยกุ ต์คงไว้ทเ่ี ดมิ

๑๑๔ อารยะ คชทีป

กลบท ประดิษฐ์เดก็ เลน่

ผงั กลอกั ษร ฝึก.........กล........บท.......ฝึ ก
เพลิน....เพราะ...สร้ าง.....หดั
ยิ่ง........เสนาะ....ศพั ท์.....ใช้
ฝึก.........บอ่ ย.....บอ่ ย......ฝึ ก

ถอดเป็ น ๏ ฝกึ กลบทสร๎างศพั ท๑ เสนาะเพราะ
ฝกึ หัดใช๎ศพั ทเ๑ สนาะ เพราะสร๎าง
ฝกึ บอํ ยบํอยเสนาะเพราะ สรา๎ งศัพท๑
ฝึก ยิง่ เพลินเพราะสรา๎ ง ศพั ทส๑ รา๎ งเสนาะเพลนิ ๚ะ๛

ผงั กลบท ๑๐๐๒๓ ๔๕
๑๐๐๓๔ ๕๒
๑๐๐๔๕ ๒๓
๑๐๖๕๒ ๓๒๔๖

โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๑๑๕
ข้อบงั คบั
๑. คาหน้าเป็ นคาเดยี วกนั เหมือนกลบทบษุ บงแย้มผกา
๒. สงั เกตผงั กลอกั ษรเป็ นหลกั โดยใช้สคี่ าที่อยภู่ ายในผงั กลอกั ษรเป็ นแบบ ซงึ่ ต้องมี
คาโท ๑ คา และคาตาย ๓ คา และสองในสามนนั้ ต้องสมั ผสั สระกนั แล้ววางผงั
กลอกั ษรตามตวั อยา่ ง

* ตวั อยา่ งที่เคยเหน็ บาททส่ี ใี่ ช้ ๑๐๖๕๒..๓๔๕๒ (ฝึกย่ิงเพลนิ เพราะสร้าง… ศพั ท์
เสนาะเพราะสร้าง) แตเ่ ห็นวา่ ผิดคาโทด้วย และคาท้ายกลายเป็นคาโทด้วย จึง
จดั เรียงใหมเ่ ป็ นดงั ตวั อยา่ ง

๑๑๖ อารยะ คชทปี

กลบท พยัคฆานอนซอ่ นเลบ็

ผงั กลอกั ษร ตงั้ บาทหน้าหนงึ่ เก็บ
สดุ แหนง่ ตาหลงั บาทวาง แล้ว
ครัง้ ส่ีคาได้กนั ตอ่ มา
นาหนง่ึ ท้กู ระหนดกา วาง

ถอดเป็ น ๏ วาง กา่ หนดกระท๎ู หนึ่งน่า
มา ตอํ กนั ได๎ค่า สคี่ รั้ง
แลว๎ วางบาทหลังต่า แหนํงสุด
เก็บ หน่ึงหน๎าบาทต้งั เกบ็ แล๎วมาวาง ๚ะ๛

ผงั โคลง ก๐๐๐๐ ๐๐
ข๐๐๐๐ ๐๐
ค๐๐๐๐ ๐๐
ง๐๐๐๐ งคขก

ข้อบงั คบั
กระท้หู น้าหนง่ึ คา แล้วเอามาวางอีกครงั้ ในท้ายวรรคของบาทสี่ แล้ววางผงั โคลง
ตามแบบ

ผงั กลอกั ษร โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๑๑๗

กลบท พรางขบวน

ซา้ – วางสบั - สองคา
จา - หนงึ่ สอง - จดไว้
นา - สดุ ท้าย - เน่ืองอีก
ได้ - บอ่ ยเขียน - เดน่ ด้วย

ถอดเป็ น ๏ ศัพทว๑ างวางสบั ซา่้ สองค่า
สองหนึ่งหนึ่งสองจา่ จดไว๎
ท๎ายสดุ สดุ ท๎ายน่า เนอื่ งอกี
เขียนบํอยบํอยเขยี นได๎ เดํนด๎วยบํอยเขียน ๚ะ๛

ผงั กลบท ๑๒๒๑ก ก๐
๓๔๔๓ข ข๐
๕๖๖๕ค ค๐
๗๘๘๗ง ง๐๘๗

ข้อบงั คบั

๑. นาคาที่ ๑-๒ มาวางสลบั ในคาท่ี ๓-๔ และในคาท่ี ๘-๙ ในบาทสดุ ท้ายด้วย
๒. ให้คาที่ ๕-๖ สมั ผสั อกั ษรกนั แล้ววางผงั กลอกั ษรดงั ตวั อยา่ ง
* คล้ายกลบทนกกางปี ก และกลบทคมในฝัก เพยี งแตค่ มในฝักมีข้อบงั คบั น้อย
กวา่

** จากประชมุ จารึกวดั เชตพุ นฯ ไมบ่ งั คบั สมั ผสั อกั ษรในคาท่ี ๕-๖ แตเ่ พ่ือให้ตา่ ง
จากคมในฝักมากขนึ ้ จงึ เสริมขนึ ้ ให้มีหลากหลาย และหลายทา่ นก็แตง่ แบบนอี ้ ยู่
แล้วในปัจจบุ นั

๑๑๘ อารยะ คชทปี

กลบท ม้าลำพอง, ฉัตรสามชัน้

ผงั กลอกั ษร สบั ย้อนข้างเปลี่ยน
ได้แตง่ กลบั ด้าน
แตง่ สามจบั คา
เรียงบทร้ อยร่วมไว้

ถอดเป็ น ๏ สับย๎อนขา๎ งเปล่ียนขา๎ ง ยอ๎ นสบั
ไดแ๎ ตงํ กลับด๎านกลับ แตํงได๎
แตํงสามจบั ค่าจบั สามแตํง
เรยี งบทร๎อยรวํ มไว๎ รวํ มรอ๎ ยบทเรยี ง ๚ะ๛

ผงั กลบท ๑๒๓๐๓ ๒๑
๔๕๖๗๐ ๗๖๕๔

ข้อบงั คบั
แตง่ โดยใช้สามคาต้นไปวางสลบั ข้างทท่ี ้ายบาทนนั้ ๆ ตา่ งจากกลบทหกสวนขวญั
ตรงท่วี างย้อนกลบั ไมไ่ ด้วางในรูปเดิม และบาทสดุ ท้ายใช้ ๔ คา (กลบทหกสวน
ขวญั ใช้ ๓ คา) แล้ววางผงั กลอกั ษรดงั ตวั อยา่ ง

ผงั กลอกั ษร โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๑๑๙

กลบท ฤษีแปลงสาร

งาวลกยดโนยล่ีปเนาด้บลสั าค
งอต้ดอถนคืงจึ่ ำานนาอด่ ้ไ
งลปแราสงสม่ าวคาสญคงั ยิ่
มายกศอึ ม่ืเนอก่ช้ในอซอ่ นืเ้มาวคราส

ถอดกล ๏ วางกลโดยเปลีย่ นดา๎ น สลบั ค่า

ต๎องถอดคนื จ่ึงนา่ อํานได๎

แปลงสารสงํ ความสา่ - คัญยิง่

ยามศกึ เมือ่ กํอนใช๎ ซอํ นเนอื้ ความสาร ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
ถอดและใสก่ ล โดยการกลบั ด้านตวั อกั ษรทีละคา เชน่ งาว - วาง, ลก - กล,
ยดโ - โดย, นยลปี่ เ - เปลย่ี น เป็ นต้น

๑๒๐ อารยะ คชทีป กลบท หกสวนขวญั
ผงั กลอกั ษร
ซา้ สามคาแตง่
ทาอีกครัง้ วาง
จาไมห่ มดหาก
ให้จดจารจิตตงั้ ฝึก

ถอดเป็ น ๏ ซา่้ สามคา่ แตงํ ซ้่า สามค่า
ทา่ อกี ครั้งวางทา่ อกี ครั้ง
จา่ ไมํหมดหากจา่ ไมํหมด
ใหจ๎ ดจารจิตต้ัง ฝกึ ให๎จดจาร ๚ะ๛

ผงั กลบท ๑๒๓๐๑ ๒๓
๔๕๖๐๐ ๐๔๕๖

ข้อบงั คบั
แตง่ โดยใช้สามคาต้น ไปวางซา้ อกี ครัง้ ท่ีท้ายบาท ตา่ งจากม้าลาพองตรงทวี่ างใน
รูปเดิม ไมว่ างย้อนกลบั และบาทสดุ ท้ายก็ใช้สามคาเหมือนบาทอน่ื ๆ (ม้าลาพองใช้
๔ คาในบาทสดุ ท้าย) แล้ววางผงั กลอกั ษรดงั ตวั อยา่ ง

* บางแหง่ เรียกสารถีขบั รถ โดยแตง่ และวางผงั กลเหมือนกบั หกสวนขวญั ทกุ อยา่ ง

ผงั กลอกั ษร โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๑๒๑

กลบท อักษรจองถนน

--------------- [ตามหรีดล้วน] --------------
(๑) งามกลีบ --------------------ดอกไม้ (๒)
-----------------[จดั เรียงตาม] ----------------
------------------[นน่ั คนขาม] ----------------
(๔) แท้หวาด-----------------พรรณผอ่ ง (๓)
---------------- [คนขลาดใช้] ----------------

ถอดเป็ น ๏ งามกลบี ตามหรดี ล๎วน กลีบงาม
ไมด๎ อกจัดเรยี งตาม ดอกไม๎
ผํองพรรณน่นั คนขาม พรรณผํอง
แท๎หวาดคนขลาดใช๎
หวาดแท๎กลบี งาม ๚ะ๛

ผงั กลบท กข๐๐๐ ขก
คง๐๐๐ งค
จฉ๐๐๐ ฉจ
ชฌ๐๐๐ ฌชขก

ข้อบงั คบั
นาสองคาต้นบาท มาสลบั วางไว้คาที่ ๖-๗ ทกุ บาท และนาสองคาท้ายบาท
แรกมาวางทที่ ้ายบาทสด่ี ้วย แล้ววางผงั กลอกั ษรดงั ตวั อยา่ ง

* คล้ายกลบทสารถชี กั รถ ซง่ึ สารถีชกั รถ ในบาทท่ี ๔ วางคาสลบั ไว้ท่ี ๘-๙

๑๒๒ อารยะ คชทปี

กลบท อกั ษรซ่อนกล

ผงั กลอกั ษร ๏ โคลงอกั ษรชื่อนี.้....... ซอ่ นกล
{ - ยล } { - ไว้ - }
วางรูปแบบชวน - ก่อ - ทางโคลง
{ - ใช้ } { - สร้าง - }
โบราณช่างคดิ ดล........ กาหนด เรียงแฮ

ถอดเป็ น ๏ โคลงอักษรชือ่ นี้ ซอํ นกล
วางรปู แบบชวนยล กอํ ไว๎
โบราณชาํ งคิดดล ก่าหนด เรียงแฮ
วางรปู แบบชวนใช๎ กอํ สร๎างทางโคลง ๚ะ๛

ผงั กลบท ๐๐๐๐๐ ๐๐
กขคง๐ จ๐
๐๐๐๐๐ ๐๐
กขคง๐ จ๐๐๐

ข้อบงั คบั
ซา้ ๔ แรกและคาท่ี ๖ เฉพาะในบาทท่ี ๒ กบั บาทท่ี ๔ เทา่ นนั้ แล้ววางผงั กล
อกั ษรดงั ตวั อยา่ ง

ผงั กลอกั ษร โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๑๒๓

กลบท อกั ษรซ่อนเงื่อน

อกั ษรซอ่ นเง่ือนนี.้.......จงมอง
-----{สองส่ีให้}.............ตรึกไว้
ในบาท---------------------------
-----{สี่และสอง}..........ศพั ท์นนั้ คาเดมิ
สองคาย่าเกี่ยวดอง.....คาเก่า อีกนา

ถอดเป็ น ๏ อักษรซอํ นเง่อื นน้ี จงมอง
ในบาทส่แี ละสอง ตรึกไว๎
สองคา่ ย่าเกี่ยวดอง คา่ เกาํ อกี นา
ในบาทสองส่ีให๎ ศพั ทน๑ น้ั คา่ เดมิ ๚ะ๛

ผงั กลบท ๐๐๐๐๐ ๐๐
กข๐๐๐ ๐๐
๐๐๐๐๐ ๐๐
กข๐๐๐ ๐๐๐๐

ข้อบงั คบั พเิ ศษเพียงวธิ ีการวางรูปแบบ
ซา้ เพยี งสองพยางค์แรกในบาททส่ี องกบั บาททสี่ ี่
ผงั กลอกั ษรซอ่ นเงื่อนเทา่ นนั้

๑๒๔ อารยะ คชทปี

กลบท อักษรรวนสมุทร

ผงั กลอกั ษร [คา]----------[สองทกุ ครัง้ ]--------[เสริม]
[และ]--------[หกต้องเตมิ ]---------[ยา้ ]
--------- ที่ ------------------- ศพั ท์ -------
[สอง]-------[ตาแหนง่ เดมิ ]--------[เก่า]
[จา]----------[บอกไว้ซา้ ]-----------[เดมิ ]

ถอดเป็ น ๏ ค่าท่ีสองทกุ คร้ัง ศพั ทเ๑ สรมิ
และที่หกตอ๎ งเตมิ ศพั ทย๑ า่้
สองที่ต่าแหนงํ เดมิ ศัพทเ๑ กํา
จา่ ทบี่ อกไวซ๎ ้า่ ศัพทเ๑ ดิม ๚ะ๛

ผงั กลบท ๐ก๐๐๐ ข๐

ข้อบงั คบั
๑. ให้คาที่ ๒ และคาที่ ๖ ของทกุ บาท เป็ นคาเดมิ ทกุ บาท และวางผงั กลอกั ษรดงั

ตวั อยา่ ง
๒. กลอกั ษรรวนสมทุ ร วรรคสดุ ท้ายของบาท ๔ เป็ นโคลงดนั้ คือมี ๒ คา ซง่ึ ต้อง

ย้ายคาโทไปไว้คาที่ ๔

โคลงผวนคำ

๑๒๖ อารยะ คชทปี

โคลงผวนคำ

๏ เขนิ ชอ หมอํ งเพอ่ื นพู๎ ลวนผอง
ขา๎ หวดิ มวนนาํ ชอง ไตํแวง๎
หดิ ใชคํ ํา จวนยอง กาดบวํ น
คัดฝึกแหํ ไทวา๎ ง เผื่อเช๎าบางใคร ๚ะ๛

ผวนกลบั

๏ ขอเชิญ หมเูํ พอ่ื นพ๎อง ลองผวน

คดิ วาํ มองนาํ ชวน แตงํ ไว๎

หาใชคํ ิด จ๎องยวน กวนบาท

แคํฝึกหดั ทางไว๎ เผือ่ ใชบ๎ างคราว ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
แตง่ โคลงให้สามารถผวนกลบั เป็นคๆู่ ๒ คาบ้าง ๓ คาบ้าง แล้วสมั ผสั ได้ตาม
ฉนั ลกั ษณ์ แม้ผวนคาแล้ว

โคลงกลบทมธรุ สอกั ษรา ๑๒๗
โคลงผวน ตลบมงุ้

๏ ซา่้ คล๎อง ค่าหนา๎ วรรค สองค่า
สไลดว๑ ับ ตา่ แหนงํ จ่า สลับไว๎
เนียนแปลง อยําใหต๎ า่ แหนํงเปลย่ี น
จ่าศพั ท๑ ผกผวนได๎ จบั ซา้่ สลับหา ฯ

๏ ร๎ูชอ่ื วาํ ตลบมง๎ุ ฤๅชู
ใสวํ ํางระดับครู สร๎างไว๎
ใหฝ๎ ึกแตงํ ผวนดู ฮกึ ใฝุ
เฟนู นกึ หาศพั ทใ๑ ช๎ ฝกึ เนน๎ ผวนคา่ ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
ผวนคาท่ี ๑-๒ กบั คาที่ ๖-๗ ของบาทนนั้ ๆ ตามตวั อยา่ ง (ซา้ คล้อง - สองคา)

๑๒๘ อารยะ คชทปี

โคลงผวน ตลบมงุ้ กลางหอ้ ง

๏ ตลบม๎ุง กลางห๎อง สูํ กองหาง
สามสี่ ทีช่ ํวง กลาง ทํวงช้ี
ผกสลบั พบั กวน ทาง ผวนกลบั
หกเจ็ด วางเสียง น้ี เหว่ยี งสรา๎ งท๎ายโคลง ฯ

๏ โยงความเพยี งร๎ูเรอ่ื ง ผเ๎ู รยี ง
พออาํ นร๎ูศัพท๑เสียง ลับสู๎
เพย้ี นศัพท๑นดิ บ๎างเพียง นางบิด
ผวนเถอะให๎วดั ร๎ู หัดไวไ๎ มเํ สยี ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
ผวนคาท่ี ๓-๔ กบั คาท่ี ๖-๗ ของบาทนนั้ ๆ ตามตวั อยา่ ง (กลางห้อง - กอง
หาง)

โคลงกลบทมธุรสอกั ษรา ๑๒๙
โคลงผวน ตลบมงุ้ โดมิโน

๏ กลผวน อกี ตลบมุ๎ง กวนผล
ผลคล่ี คลายวกวน พคี่ ๎น
ค๎นย่า้ เสาะศัพทจ๑ น คา่ ยนํ
ยนํ ถกั คว้ิ ดุจก๎น หยกั ทน๎ ขมวดโต ฯ

๏ ตํอหลงั โดมโิ นนํ ้ี ตง้ั รอ
รอถํมคา่ เดิมหนอ ลมํ ทอ๎
ทอ๎ ใจแตํไมํพอ ไถจํอ
จอํ ฤทธิ์จนกวาํ อ๎อ จติ ลอ๎ เริงโคลง ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. ผวนสองคาต้นบาท ๑-๒ กบั คาที่ ๖-๗ ทกุ บาท ตามตวั อยา่ ง (กลผวน - กวน

ผล)
๒. ซา้ คาท้ายบาท (คาท่ี ๗) กบั คาที่ ๑ ของบาทตอ่ ไป ตามตวั อยา่ งขดี เส้นใต้ (ผล

- ผล)

๑๓๐ อารยะ คชทปี

โคลงผวน นอนกางมุง้

๏ ทา๎ ลอง ทอํ งหลา๎ รัศม์ิ ทารอง
พ่ีสํอง ผํองสี ทอง พซี่ อ๎ ง
อุํนละ อรุณ จอง อนํุ หละ
ฟูาผอํ ง ฟอุ งผํา ห๎อง ฝุาพ๎องนภาผนื ฯ

๏ ตื่นช๎าตาช่นื ลมิ้ ตน้ื ชา
ชืดหนํอยชอ๎ ยหนดื มา ชืดนอ๎ ย
ชาพรอํ งชอํ งพาหา ชา๎ ผํอง
เช๎าตรูํชเูํ ตาคลอ๎ ย เชําตด๎ู สู าย ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑.ใช้คาท่ี ๓-๔ เป็ นคหู่ ลกั ในการผวน โดยผวนคคู่ าแรกไปสคู่ าหน้าบาท (๑-๒) ตาม

ตวั อยา่ ง (ท้าลอง - ทอ่ งหล้า)
๒.ผวนอีกครัง้ จากคาท่ี ๓-๔ ไปสคู่ าท่ี ๖-๗ ท้ายบาท ตามตวั อยา่ งขดี เส้นใต้ (ทอ่ ง

หล้า - ทารอง)

โคลงกลบทมธรุ สอักษรา ๑๓๑
โคลงผวน นางพญาทาบขนานทาง

๏ ท๎าย ตน๎ ตาํ ง ถํางไว๎ พญา วาง
แถวราบ ท่ัวขนานทาง ทาบแลว๎
ข๎างกรอบ และ ขอบกลาง ผวนทั่ว
นางทาบ นาบทาง แผ๎ว โลํงคล๎อง รํองโคลง ฯ

๏ แหยํโยงผังเย่ยี มแท๎ ใชํเทยี ม
แลเทิดสธูํ รรมเนียม เลศิ แท๎
เหนยี มลองฝึกนอ๎ งเรยี ม โยงแตํง
ใหมผํ ลิมพิ าํ ยแพ๎ ปุวนสป๎ู ูสุ รวล ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. บาททีห่ นงึ่ นาคาที่ ๔-๕ ไปผวนเป็ นคาที่ ๑,๗ ตามตวั อยา่ ง (ถา่ งไว้ - ท้าย

วาง)
๒. บาทที่สอง นาคาที่ ๑-๒ ไปผวนเป็ นคาท่ี ๖-๗ ตามตวั อยา่ ง (แถวราบ - ทาบ

แล้ว)
๓. บาทท่สี าม นาคาที่ ๑-๒ ไปผวนเป็ นคาท่ี ๔-๕ ตามตวั อยา่ ง (ข้างกรอบ - ขอบ

กลาง)
๔. บาททีส่ ่ี นาคาท่ี ๑-๒ ไปผวนเป็ นคาท่ี ๓-๔ ตามตวั อยา่ ง (นางทาบ - นาบทาง)

และผวนสค่ี าท้ายบาทด้วย ตามตวั อยา่ งขดี เส้นใต้ (โลง่ คล้อง - ร่องโคลง)

๑๓๒ อารยะ คชทปี

โคลงผวน นางพญานาฏลลี า

๏ ลี ลาเพญ็ เลนํ ผา๎ สไบแสง
อวด แขํงดาว ขาวแดง ฟุองฟูา
ขํม แขงํ ใสํ ใครแซง มิหยดุ ยอมแฮ
อํุนละ อรุณ กล๎า เทาํ นั้นจึงยอม ฯ

๏ ดาวดอ๎ มเหน็ เดนํ หอ๎ ม รา่ ไร
มิใชคํ รวญชวนใคร หลีกเร๎น
เพญ็ ไผสํองผอํ งใส เตม็ อ่ิม
ดาวเลํนนอ๎ ยลอยเน๎น ผํอนให๎บุหลัน ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑.สมั ผสั อกั ษร ๒ คาต้นบาท เฉพาะในบาทที่ ๑ และท่ี ๒ ตามตวั อยา่ ง (ลลี า -

ขม่ แขง่ )
๒. สองคาต้นบาทท่ี ๒ ต้องเป็นอกั ษรตา่ งกนั ตามตวั อยา่ ง (อวดแขง่ ) สว่ นบาท

สดุ ท้ายเป็ นอิสระ
๓. ผวนคาท่ี ๒-๓ กบั ๔-๕ ตามตวั อยา่ งขีดเส้นใต้ (ลาเพญ็ - เลน่ ผ้า) สว่ นบาท

สดุ ท้าย จะย้ายไป ๑-๒ กบั ๓-๔ ก็ได้

โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๑๓๓
โคลงผวน นางสิงหข์ ่มพยัคฆา

๏ สิงห๑เธอ สลัด เซํอทิง้ เปลย่ี นเขลา
เปลาํ เฆ่ยี น เพยี งคาดเดา ลํวงร๎ู
เซาเง้อื ขํม เสอื เหงา หลอํ นขูํ
ร๎คู ํอน ปหี ากส๎ู แมเํ จ๎าเอาตาย ฯ

๏ พเี่ ลนํ หมายเผนํ ล้ี หลบตัว
รัวตบยิง่ นํากลัว จบั ได๎
จ่ัวพบั เรอื่ งจับผัว หลอํ นเกํง
เลง็ กอํ นแลว๎ ปาดให๎ พยัคฆ๑ร๎องโหยหวน ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. ผวนคแู่ รก คาที่ ๑-๒ กบั ๔-๕ เฉพาะในบาทท่ี ๑ และท่ี ๓ ตามตวั อยา่ ง (สงิ ห์

เธอ - เซอ่ ทงิ ้ )
๒. ผวนคทู่ ส่ี อง คาท่ี ๖-๗ ท้ายบาทแรกไปผวนกบั คาที่ ๑-๒ ของบาททส่ี อง และ

คาที่ ๖-๗ ท้ายบาททสี่ ามไปผวนกบั คาที่ ๑-๒ ของบาทท่สี ่ี ตามตวั อยา่ งขีด
เส้นใต้ (เปลย่ี นเขลา - เปลา่ เฆ่ยี น)

๑๓๔ อารยะ คชทีป
โคลงผวน นางสงิ หย์ ่องยามเผลอ

๏ นางสิงห๑ คง น่ิงสรา๎ ง ยามเผลอ
เออแบบ คง แอบเบลอ ขณะนั้น
เพอ๎ จติ อาจ พิศเจอ สิงหย๑ ํอง
ฝันคดิ เลย ฟติ ข้ัน หนงึ่ ไดบ๎ ทกล ฯ

๏ ราํ งเสริมคนเรม่ิ สร๎าง คงหญิง
ชิงจดั นามชัดจริง ใชแํ ท๎
นง่ิ สรา๎ งชอื่ นางสงิ ห๑ ยาํ งยอํ ง
แม๎ผิวํามิแพ๎ ยํองขย้า่ พยคั ฆย๑ าม ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. ใช้คาที่ ๑-๒ ผวนกบั คาที่ ๔-๕ ตามตวั อยา่ ง (นางสงิ ห์ – น่งิ สร้าง)

โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๑๓๕
โคลงผวน นางสงิ ห์วางหมากรุก

๏ ทน จางคิด จติ คา๎ ง ทางคน
อยูํ ดง่ั คร้ึม มาฝน หมนํ ฟาู
อยําง คนหวิด คิดวน ยลวําง
น้ี เหน่อื ยจน อํอนลา๎ อาํ รอ๎ นรมุ สมุ ฯ

๏ กล๎ุมแดลบั ดบั แล๎ แกํรุม
จติ เมือ่ ยามเฒําคุม ทํุมเข๎า
คดิ รมุ ซอํ นร๎อนสุม คุม๎ สทิ ธิ์
จากแกรํงมาเหนือ่ ยเร๎า เนาํ เลอื้ ยมอี ะไร ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. ผวนคาชดุ แรก เฉพาะในบาทที่ ๑ กบั ๓ นาคาที่ ๑ และที่ ๕ มารวมกนั แล้ว

ผวนเป็ นคาที่ ๖-๗ ตามตวั อยา่ ง (ทนค้าง - ทางคน)
๒. ผวนคาชดุ ทส่ี อง เฉพาะในบาทท่ี ๑ กบั ๓ นาคาที่ ๒-๓ ผวนเป็ นคาที่ ๔-๕

ตามตวั อยา่ งขีดเส้นใต้ (จางคิด - จิตค้าง)
๓. ผวนคาชดุ ทสี่ าม เฉพาะในบาทที่ ๒ กบั ๔ นาคาท่ี ๔-๕ ผวนเป็ นคาที่ ๖-๗

ตามตวั อยา่ ง (มาฝน - หมน่ ฟ้ า)
๔. ให้คาแรกเป็ นกระท้หู นง่ึ คา เมอ่ื อา่ นลงแล้วได้ความหมาย

๑๓๖ อารยะ คชทีป

โคลงผวน ผวนหัวสะบัดหาง

๏ กาแฟ แก๎ฝุา คร้ัง งํวงงง
งงลํวง งํวงลง ปลง ดบั ได๎
ไดน๎ ่ัง ดั่งใน วง สติตื่น
ต่นื คดิ ติดคร้ืน ไร๎ งํวงพ๎นงงคลาย ฯ

๏ ตอนบาํ ยตายบํอนเกลีย้ ง ตาปรือ
ปรือหลบั ปรับร้อื คือ งวํ งแท๎
แท๎ขาดถาดแคถํ ือ แก๎วใสํ
ใสรํ สสดไร๎แก๎ ตน่ื แลว๎ มแี รง ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. ใช้คาที่ ๑-๒ ผวนเป็ นคาที่ ๓-๔ ตามตวั อยา่ ง (กาแฟ - แก้ฝ่ า)
๒. ใช้หนง่ึ คาสดุ ท้ายบาท ไปแตง่ ซา้ ในคาแรกของบาทตอ่ ไป ตามตวั อยา่ งขดี เส้นใต้

(งง - งง)

โคลงกลบทมธุรสอักษรา ๑๓๗
โคลงผวน พยัคฆ์ครวญเลอื กคู่

๏ ไมํ แคล๎วร๎ู คํแู ลว๎ แมวใคร
คราง ใสจํ ํู สูํใจ ใครสํ รา๎ ง
เธอ ใหมํนํา มาไหน ไทยเหมํอ
สาว วาํ งแบบ แวบบา๎ ง ส่งั เว๎า แมวสวย ฯ

๏ หมวยแซว หลังส่งั แลว๎ แมวซวย
มนั ปวุ ยหมดปลดมวย มํวยป้นั
มีสวยล่าซา่้ รวย หมวยซิ
แสนหมนั่ เขยี้ วเหมียวคน้ั สั่นแมน๎ ตลอดหาง ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
ผวนคาทกุ คแู่ บบ “โคลงผวน พยคั ฆ์ยอ่ งตลบม้งุ ” เพิ่มเติมเพียงให้สองคาท้ายบท
ไปผวนเป็ นสองคาต้นของบทตอ่ ไป ตามตวั อยา่ งขีดเส้นใต้ (แมวสวย - หมวย
แซว)

* ดตู วั อยา่ งท่โี คลงผวน พยคั ฆ์ยอ่ งตลบม้งุ หน้า ๑๔๔

๑๓๘ อารยะ คชทปี

โคลงผวน พยัคฆ์ครวญหาคู่

๏ หย่งั คาม ยามคลัง่ ไคล๎ ยลเยน็
แสงหมํ สมแหํง เห็น สอํ งสร๎าง
กจิ ผอํ น กอํ นพิศ เพ็ญ กกุ อํ ง
ทิวะ ทวี ว๎าง ทวํ มทน๎ ทนถม ฯ

๏ ลิว่ พรมลมพลวิ้ ผาํ น รํางโลม
ยาํ งค่าย่าขา๎ งโคม หยดย๎อย
อาบแสงแองํ สาบโสม เอมอมิ่
แขเดํนเขํนแดด๎วย เคลอ่ื นคล๎อยคอยใคร ๚ะ๛

ข้อบงั คบั
๑. ผวนคหู่ น้าคอื คาท่ี ๑-๒ ผวนกบั ๓-๔ ตามตวั อยา่ ง (หยงั่ คาม - ยามคลงั่ )
๒. คาที่ ๕-๖ ใช้อกั ษรตวั เดียวกนั ตามตวั อยา่ งท่ีขดี เส้นใต้ (คลง่ั ไคล้)
๓. วรรคท้ายบาททงั้ วรรค ใช้อกั ษรเดยี วกบั คาแรกต้นบาท ตามตวั อยา่ ง (ยลเย็น) ซง่ึ

ในหนงึ่ บาทจะมอี กั ษรทงั้ หมดสองเสยี งเทา่ นนั้

* เห็นมอี ยทู่ ่ีหนง่ึ ใช้อกี ชื่อวา่ “พยคั ฆ์เย้ยนางสงิ ห์” แตเ่ หน็ วา่ สว่ นใหญ่ใช้ช่ือ “พยคั ฆ์
ครวญหาค”ู่ จงึ เข้าใจวา่ กลมุ่ ผ้คู ดิ ค้นขนึ ้ มาอาจเปลยี่ นช่ือ จึงไมแ่ นใ่ จวา่ ปัจจบุ นั
ใช้ช่ือใดแน่ หรือมีรายละเอยี ดทตี่ า่ งกนั อยา่ งไรอีก หากผิดพลาดประการใดก็ขอ
อภยั ไว้ ณ ทีน่ ี ้


Click to View FlipBook Version