ขน้ั ตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ชั่วโมงท่ี 2)
ขน้ั นำเขา้ ส่บู ทเรยี น
1. ครูต้งั คำถามกระตุน้ ความคิดของนักเรยี นว่า นักเรยี นสามารถนำข้อคิดท่ีไดจ้ ากหลกั การใน วัน
มาฆบูชาไปประยุกตป์ ฏิบัตไิ ด้อยา่ งไรบ้าง (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของ
ครูผูส้ อน)
ขั้นสอน
2. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั วิเคราะหว์ ันสำคญั ทางพระพุทธศาสนาในใบงานที่ 1 เรือ่ ง วนั สำคัญทาง
พระพทุ ธศาสนา ตามหัวข้อต่อไปน้ี
1) ชอ่ื วนั สำคัญ
2) ตรงกับวนั ใด
3) หลักธรรม คตธิ รรมทเ่ี กีย่ วข้อง
4) แนวทางการปฏบิ ัตติ นตามหลักธรรมในวนั สำคัญทางพระพุทธศาสนา
3. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันเฉลยคำตอบในใบงานที่ 1
ขั้นสรุปผล
4. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรเู้ กีย่ วกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และการเข้ารว่ มพธิ ีกรรม
ในวนั สำคัญทางพระพุทธศาสนา
สื่อและแหล่งเรียนรู้
1. หนังสือเรียน พระพทุ ธศาสนา ม.5
2. ใบงานที่ 1 วันสำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา
3. หอ้ งจรยิ ธรรม
การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (2 ห่วง 3 เงื่อนไข)
หลกั ความพอประมาณ ใชเ้ วลาในการศกึ ษา ค้นคว้าหาความรู้
ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มค่าในอปุ กรณ์การเรียน
หลกั มเี หตุผล การอธิบายโดยการใชห้ ลักการทางพระพุทธศาสนา
การแก้ปัญหาโดยใช้หลกั การทางพระพุทธศาสนา
หลกั สร้างภมู คิ ้มุ กันในตัวท่ดี ี การมีน้ำใจ มีความรบั ผิดชอบ การทำงานเปน็ หมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เงื่อนไขความรู้ อธิบายความสำคัญของวนั สำคัญทางพระพุทธศาสนาได้
เงื่อนไขคุณธรรม มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ ซือ่ สัตย์ ม่งุ มั่นในการทำงาน
การบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงอ่ื นไข
ความรู้
ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3 ห่วง คุณธรรม
พอประมาณ
มีเหตผุ ล
มภี ูมิคุ้มกนั ในตัวท่ดี ี
ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 4 มิติ
เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม วัฒนธรรม
การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์
ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1 วันสำคัญทาง ใบงานที่ 1 วันสำคญั ทาง ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
พระพทุ ธศาสนา พระพุทธศาสนา ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงาน
รายบุคคล รายบุคคล
สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนใน แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ ม
การเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ กจิ กรรมรายกล่มุ
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมิน คุณลักษณะอันพงึ
ประสงค์
ใบงานที่ 1
เรอ่ื ง วนั สำคญั ทางพระพุทธศาสนา
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นวิเคราะห์วนั สำคญั ทางพระพุทธศาสนา ตามประเด็นทก่ี ำหนดลงในตาราง
ชอ่ื วนั สำคญั ตรงกับวนั หลกั ธรรม คตธิ รรม แนวทางการปฏิบัตติ นตาม
1. วนั มาฆบูชา ท่ีเกย่ี วเนือ่ ง หลกั ธรรม
2. วันวิสาขบชู า
3. วันอฏั ฐมีบูชา
4. วนั อาสาฬหบูชา
ชือ่ วันสำคญั ตรงกบั วัน หลักธรรม คติธรรม แนวทางการปฏิบตั ติ นตาม
5. วันธรรมสวนะ ที่เกยี่ วเนอ่ื ง หลกั ธรรม
6. วันเขา้ พรรษา
7. วนั ออกพรรษา
และวนั ตกั บาตร
เทโว
ใบงานที่ 1 เฉลย
เรือ่ ง วันสำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา
คำชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์วนั สำคัญทางพระพุทธศาสนา ตามประเดน็ ทกี่ ำหนดลงในตาราง
ช่ือวนั สำคญั ตรงกับวนั หลกั ธรรม คติธรรม แนวทางการปฏิบัติตนตาม
ที่เก่ยี วเน่อื ง หลกั ธรรม
1. วันมาฆบูชา วนั เพญ็ เดอื น 3 โอวาทปาฏโิ มกขม์ ใี จความ 1. ทาบญุ ตกั บาตรทวี่ ดั
ถา้ ปีใดมเี ดอื น 8
2. วนั วสิ าขบชู า สองหนกเ็ ลอื่ น สาคญั คอื การทาความดี ละ 2. บาเพญ็ สาธารณประโยชน์
ไปกลางเดอื น 4
3. วนั อัฏฐมีบูชา วนั เพญ็ เดอื น 6 เวน้ ความชวั่ การทาจติ ใจให้ 3. ฝึกจติ ใหส้ งบ
ถา้ ปีใดมเี ดอื น 8
4. วนั สองหนกเ็ ลอื่ น ผอ่ งใส
อาสาฬหบชู า ไปกลางเดอื น 7
วนั แรม 8 คา่ อรยิ สจั 4 หรอื ความจรงิ อนั 1. ฟังเทศน์
เดอื น 6 ถา้ ปีใด
มเี ดอื น 8 สองหน ประเสรฐิ 4 ประการ 2. สนทนาธรรม
กเ็ ลอื่ นไปกลาง
เดอื น 7 ประกอบดว้ ย ทกุ ข์ สมทุ ยั 3. รกั ษาศลี 5 ศลี 8
วนั เพญ็ เดอื น 8
นโิ รธ มรรค
อปั ปมาทะ หรอื ความไม่ 1. ตงั้ ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น
ประมาททงั้ ทางโลกกบั 2. ทางานสจุ รติ
ความไมป่ ระมาทในทาง 3. ระวงั ตนในการทาความชวั่
ธรรม หรอื ความไมด่ ี
ธมั มจกั กปั ปวตั นสตู ร 1. บาเพญ็ สาธารณประโยชน์
มชั ฌมิ าปฏปิ ทามรรคมอี งค์ ตา่ งๆ
8 เหน็ ชอบ ดารชิ อบเจรจา 2. เวยี นเทยี น
ชอบ กระทาชอบ อาชพี ชอบ 3. ฟังธรรม สนทนาธรรม
เพยี รชอบ ระลกึ ชอบ ตงั้ ใจ
ชอบ
ชอ่ื วนั สำคัญ ตรงกับวัน หลกั ธรรม คตธิ รรม แนวทางการปฏบิ ัติตนตาม
ทเี่ กยี่ วเนอื่ ง หลักธรรม
5. วันธรรมสวนะ วนั ขน้ึ 8 คา่ กาเลน ธมฺม สสวน การฟัง 1. ฟังธรรมในโอกาสทสี่ มควร
ขน้ึ 15 คา่ ธรรมตามกาล ดว้ ยความสารวม
วนั แรม 8 คา่ 2. สนทนาธรรม
วนั แรม 15 คา่ 3. ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมที่
รบั ฟัง
4. ฝึกอบรมจติ ใหเ้ ป็นสมาธิ
ขณะฟังธรรม
6. วนั เขา้ พรรษา แรม 1 คา่ อธษิ ฐานธรรม 4 ประการ 1. รกั ษาอุโบสถศลี หรอื ศลี 5
เดอื น 8 - ปัญญา - สจั จะ ตลอด 3 เดอื น
หรอื วนั ถดั จาก - จาคา - อุปสมะ
วนั อาสาฬหบชู า 2. อธษิ ฐานใจ เวน้ สงิ่ ทคี่ วร
เวน้
บาเพญ็ สงิ่ ทคี่ วรบาเพญ็
3. ฟังธรรมในโอกาสที่
เหมาะสม
7. วนั ออกพรรษา วนั ขน้ึ 15 คา่ อรยิ วงศ์ 4 ไดแ้ ก่ พอใจใน 1. พอใจในสงิ่ ของทมี่ อี ยู่ ไม่
และวนั ตัก เดอื น 11 จวี รทมี่ อี ยู่ ยนิ ดใี นการ โลภ
ทาบุญและอกุศลปวารณา 2. เมอื่ ไมไ่ ดใ้ นสงิ่ ทตี่ อ้ งการก็
บาตร เทโว การว่ากล่าวตกั เตอื น ความ ไมเ่ ร่ารอ้ น ทรุ นทรุ าย
เป็นผวู้ า่ งา่ ย 3. ไมแ่ สวงหาในสงิ่ ของตา่ งๆ
ในทางทผี่ ดิ
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 20
กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 เร่อื ง วนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสา และศาสนพธิ ี เวลา 4 ชว่ั โมง
เรอ่ื ง ศาสนพธิ ี เวลาทใ่ี ช้สอน 2 ชัว่ โมง
ครูผู้สอนชื่อ นางสาวพัชราภรณ์ กลิ่นเกษร โรงเรยี นพนมศกึ ษา
............................................................................................................................. .................................................
สาระสำคัญ
พทุ ธศาสนกิ ชนทุกคนพึงปฏิบัตติ นในศาสนพิธี พิธกี รรม และสวดมนต์ได้อยา่ งถูกต้อง
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.1 รู้ และเข้าใจประวตั ิ ความสำคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ตี นนับถือ
และศาสนาอื่น มีศรัทธาทถี่ ูกต้อง ยดึ มัน่ และปฏบิ ตั ิตามหลกั ธรรม เพื่ออยรู่ ่วมกนั อย่างสันติสุข
ม.4-6/20 สวดมนต์ แผ่เมตตา และบริหารจิต และเจริญปัญญาตามหลกั สติปฏั ฐาน หรือตามแนวทาง
ของศาสนาที่ตนนบั ถือ
ส 1.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏบิ ตั ติ นเปน็ ศาสนิกชนทด่ี ี และธำรงรกั ษาพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่
ตนนับถือ
ตัวชีว้ ัด ม.4-6/4 วเิ คราะห์หลกั ธรรม คตธิ รรมท่ีเกย่ี วเนื่องกับวันสำคญั ทางศาสนาและเทศกาลที่
สำคัญของศาสนาท่ตี นนบั ถือและปฏิบัติตนได้ถูกต้อง
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายความสำคัญของวนั สำคัญทางพระพทุ ธศาสนาได้ (K)
2. วิเคราะหห์ ลกั การปฏิบัติตนเปน็ ศาสนิกชนทดี่ ีได้ (P)
3. ปฏิบัตติ นในศาสนพธิ ี และพิธีกรรมในพระพทุ ธศาสนาได้ (A)
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
1) กระบวนการปฏบิ ัติ 2) กระบวนการทำงานกล่มุ
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
- ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎระเบยี บ กติกาที่ตกลงกนั ในห้องเรยี น
2. ใฝเ่ รียนรู้
- ผเู้ รียนตัง้ ใจเรียน เพียรพยายาม ในการเรียนรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
- ต้ังใจและพยายามทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. สวดมนตแ์ ปลและแผเ่ มตตา รูแ้ ละเข้าใจวิธีปฏิบตั ิและประโยชนข์ องการบรหิ ารจติ และเจรญิ ปญั ญา
- ฝกึ การบริหารจิตและเจริญปญั ญาตามหลักสติปัฏฐาน
- นำวธิ ีการบรหิ ารจติ และเจริญปัญญาไปใชใ้ นการพฒั นาการเรียนรู้ คณุ ภาพชวี ิตและสังคม
2. ประเภทของศาสนพธิ ีในพระพทุ ธศาสนา
- ศาสนพธิ ีเนอ่ื งด้วยพทุ ธบัญญัติ เช่น พิธีแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ พิธเี วยี นเทยี น ถวายสังฆทาน ถวายผ้าอาบ
นำ้ ฝน พิธที อดกฐิน พิธีปวารณา
- ศาสนพิธีที่นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเก่ียวเน่ือง เช่น การทำบญุ เลี้ยงพระในโอกาสต่างๆ
3. ความหมาย ความสำคัญ คติธรรมในพธิ กี รรม บทสวดมนต์ของนักเรียน งานพิธี คุณคา่ และ
ประโยชน์
4. พธิ ีบรรพชนอปุ สมบท คณุ สมบัตขิ องผขู้ อบรรพชาอุปสมบท เครอื่ งอฏั ฐบรขิ าร ประโยชน์ของการ
บรรพชาอปุ สมบท
5. บุญพิธี ทานพิธี กุศลพิธี
6. คณุ คา่ และประโยชน์ของศาสนพิธี
ชิน้ งานหรือภาระงาน
-
ขนั้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ช่ัวโมงที่ 1)
ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น
1. ครูแบง่ นกั เรยี นออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ แลว้ ให้แต่ละกลุ่มเลน่ เกมแข่งขนั ต่อภาพบนกระดานหรอื ปา้ ย
นิเทศหน้าชน้ั เรยี น โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนมาแขง่ ขนั กลุม่ ละ 6 คน โดยครแู จกภาพปริศนาซ่ึงเปน็ ภาพ
พธิ ีกรรมหรือกิจกรรมในศาสนพธิ ีต่างๆ ให้ตวั แทนกลมุ่ กลุ่มละ 10 ภาพ
2. ตวั แทนกลุ่มร่วมกนั จัดกลุม่ ภาพประเภทเดยี วกันให้อยู่ในกลุ่มเดียวกนั และนำไปตดิ ในหัวข้อทมี่ ี
ความสมั พนั ธก์ นั กลมุ่ ท่ีตดิ เสรจ็ กอ่ นและมีความถกู ต้องจะเปน็ ผู้ที่ชนะ จากนน้ั ให้กลุ่มที่ชนะอธบิ ายความ
เช่ือมโยงของภาพกบั พธิ กี รรม ในศาสนพิธี โดยครเู ป็นผู้ชว่ ยแนะนำเพิม่ เติม
ขนั้ สอน
3. ครใู ห้แตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทน กลุ่มละ 10 คน ผลัดกนั ออกมาเขียนแผนผงั ความคดิ เรอื่ ง คุณค่าและ
ประโยชนข์ องศาสนพธิ ี ที่กระดานหรือป้ายนิเทศหนา้ ชั้นเรียน โดยระดมความคดิ เห็นใหไ้ ด้มากทีส่ ดุ ภายใน
เวลา 5 นาที และตัวแทนแตล่ ะกลุ่มสรปุ สาระสำคัญท่ีไดจ้ ากแผนผงั ความคิด จากนั้นครูและนกั เรียนช่วยกนั
สรุปประเด็นสำคัญ และข้อคำนึงในการจดั พธิ ี
4. ครใู หน้ กั เรียนทุกคนฝกึ สวดมนตต์ ามบทสวดมนต์ ดังนี้
1) สวดมนต์ไหวพ้ ระประจำวัน
2) สวดมนต์ไหว้พระในวนั สดุ สปั ดาห์ ในบทสวดต่อไปน้ี
(1) สวดบทนมัสการ
(2) สวดบทพระพุทธคุณ
(3) สวดคำนมสั การ
(4) สวดบทธรรมคณุ
(5) สวดนมสั การพระธรรมคุณ
(6) สวดบทพระสังฆคณุ
(7) สวดคำนมัสการพระสงั ฆคุณ
(8) สวดบทเคารพคุณบดิ ามารดา
(9) สวดบทเคารพคุณครูอาจารย์
5. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละคนศึกษาความรู้เรื่อง ศาสนพธิ ี จากหนงั สอื เรียน หนงั สือค้นควา้ เพ่มิ เติม
ห้องสมดุ หรือแหล่งข้อมลู สารสนเทศ
ขนั้ สรุปผล
6. นักเรียนนำความรทู้ ี่ได้จากการศึกษามาบนั ทึกลงในแบบบนั ทึกการอา่ น
ข้ันตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ช่วั โมงที่ 2)
ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูต้งั คำถามกระตนุ้ ความคิดของนักเรียนว่า 1. การสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน จะสง่ ผลดีตอ่
นกั เรยี นอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของครผู ู้สอน) 2. การบรรพชา
อุปสมบทมีผลดตี ่อศาสนา สงั คม และประเทศชาติอยา่ งไร (1. เปน็ การสืบทอดพระพุทธศาสนา 2. ทำใหม้ ี
บคุ คลทเี่ ปน็ แบบอยา่ งท่ดี ใี นสังคม 3. ผูอ้ ปุ สมบทเป็นภกิ ษสุ ามารถอบรมสั่งสอนประชาชนให้เป็นคนดฯี ลฯ)
ข้ันสอน
2. สมาชิกแต่ละกลมุ่ ร่วมกันสรุปความร้ทู ี่ได้จากศาสนพิธี และการสวดมนต์ไหวพ้ ระประจำวนั การ
สวดมนตไ์ หว้พระกอ่ นเลิกเรยี นในวนั สุดสัปดาห์ การสวดบทเคารพคุณบิดามารดา การสวดบทเคารพคุณครู
อาจารย์ แบบสวดมนต์ไหว้พระก่อนเขา้ นอน และพธิ บี รรพชาอุปสมบท
3. ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ เตรยี มการนำเสนอการสวดมนต์ 1 บท หรือการสาธิตขั้นตอน
ของการอุปสมบทพร้อมการบรรยาย
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมาสวดมนต์ หรือสาธติ ข้นั ตอนการอปุ สมบทหน้าช้ันเรียน และครูให้
นกั เรยี นกลมุ่ อนื่ เป็นผู้สังเกตการณ์ และรว่ มกนั เสนอความคิดเหน็ หรอื ข้อเสนอแนะในการปรับปรงุ พฒั นา
ผลงานครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง
ขั้นสรปุ ผล
4. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรูเ้ กย่ี วกับเร่ือง ศาสนพิธี
สื่อและแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี น พระพุทธศาสนา ม.5
2. ห้องจรยิ ธรรม
3. หอ้ งสมุด
การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2 หว่ ง 3 เงื่อนไข)
หลกั ความพอประมาณ ใชเ้ วลาในการศกึ ษา คน้ ควา้ หาความรู้
ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มค่าในอุปกรณ์การเรยี น
หลักมีเหตุผล การอธบิ ายโดยการใชห้ ลกั การทางพระพุทธศาสนา
การแก้ปัญหาโดยใช้หลกั การทางพระพุทธศาสนา
หลกั สร้างภมู ิคุ้มกันในตวั ที่ดี การมนี ำ้ ใจ มีความรับผดิ ชอบ การทำงานเป็นหมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เงื่อนไขความรู้ อธบิ ายความสำคัญของวนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนาได้
เง่ือนไขคุณธรรม มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ ซอ่ื สตั ย์ มุง่ มั่นในการทำงาน
การบูรณาการตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 เง่อื นไข
ความรู้
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง คุณธรรม
พอประมาณ
มีเหตุผล
มีภูมิคุม้ กนั ในตัวท่ดี ี
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ
เศรษฐกิจ สังคม สง่ิ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์
ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
วธิ ีการ เครือ่ งมอื ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจแบบบันทึกการอ่าน แบบบนั ทึกการอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นใน แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วม
การเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ กิจกรรมรายกลุ่ม
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมิน คุณลกั ษณะอันพึง
ประสงค์
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 21
กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 เร่อื ง การบรหิ ารจติ และการเจรญิ ปัญญา เวลา 4 ชวั่ โมง
เรื่อง การบริหารจิต เวลาท่ใี ชส้ อน 2 ช่วั โมง
ครผู สู้ อนชื่อ นางสาวพชั ราภรณ์ กลิ่นเกษร โรงเรียนพนมศึกษา
............................................................................................................................. .................................................
สาระสำคญั
การสวดมนต์แปล แผ่เมตตา การบรหิ ารจติ ตามหลกั สตปิ ัฏฐาน ยอ่ มสง่ ผลดตี อ่ การพฒั นาคณุ ภาพ
ชวี ิต และสังคม
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวตั ิ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ตี นนบั ถือ
และศาสนาอนื่ มีศรัทธาท่ถี ูกตอ้ ง ยดึ ม่ัน และปฏิบัติตามหลกั ธรรม เพ่ืออยู่รว่ มกันอยา่ งสันตสิ ุข
ม.4-6/20 สวดมนต์ แผเ่ มตตา และบริหารจติ และเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐาน หรือตามแนวทาง
ของศาสนาทตี่ นนับถือ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายความสำคัญของการบรหิ ารจิตได้ (K)
2. สวดมนต์ แผเ่ มตตา และบรหิ ารจติ ตามหลักสตปิ ัฏฐานได้ (P)
3. เหน็ ความสำคญั ในการศกึ ษาข้อมลู ทางพระพุทธศาสนา ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนิน
ชีวิตประจำวนั ได้ (A)
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทำงานกลมุ่
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
- ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎระเบียบ กติกาทต่ี กลงกันในห้องเรยี น
2. ใฝเ่ รยี นรู้
- ผูเ้ รียนต้งั ใจเรียน เพียรพยายาม ในการเรียนรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงาน
- ต้ังใจและพยายามทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
สวดมนตแ์ ปลและแผ่เมตตา รู้และเขา้ ใจวิธปี ฏิบัตแิ ละประโยชนข์ องการบริหารจติ และเจริญปัญญา
- ฝกึ การบริหารจิตและเจรญิ ปัญญาตามหลักสตปิ ฏั ฐาน
- นำวธิ กี ารบริหารจติ และเจริญปญั ญาไปใชใ้ นการพัฒนาการเรยี นรู้ คุณภาพชีวติ และสงั คม
ชิน้ งานหรอื ภาระงาน
ใบงานที่ 1 ประโยชนข์ องการบรหิ ารจิต
ขน้ั ตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (ช่ัวโมงที่ 1)
ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรียน
1. ครใู ห้นักเรียนเลา่ ประสบการณ์ท่ีเกี่ยวกับการทำสมาธิ ในประเด็นต่อไปนี้
- นักเรียนทำสมาธใิ นเวลาใด ใช้เวลานานเท่าไร
- ขณะท่นี ักเรียนทำสมาธิแตล่ ะคร้ัง นักเรียนมีปัญหา และอุปสรรคอะไรบา้ ง แลว้ แก้ไข
อย่างไร
- นักเรียนไดร้ ับประโยชนจ์ ากการทำสมาธิอยา่ งไร
ขั้นสอน
2. ครใู หน้ กั เรียนดวู ีดิทัศน์เกยี่ วกับการบรหิ ารจิตตามหลักสตปิ ัฏฐาน และการฝึกปฏบิ ัตสิ ติปฏั ฐาน ซ่ึง
เป็นการตงั้ สติ หรือฝึกใหม้ ีสติอยู่กับตัว คือ ฝกึ ใหม้ สี ติกำกับ 4 เร่ือง ได้แก่
1) กายและพฤติกรรมของกาย (กายานุปสั สนา)
2) เวทนา คือ ความร้สู ึกตา่ งๆ (เวทนานุปัสสนา)
3) ภาวะท่ีจติ เปน็ ไปตา่ งๆ เช่น จติ กำหนัดยินดี จิตมโี ทสะ โมหะ โลภะ (จติ ตานปุ ัสสนา)
4) ความนกึ คดิ ไตร่ตรองความจริง เช่น เรื่องนิวรณ์แต่ละอย่างๆ มใี นใจหรือไม่ (ธมั มานุปัสส
นา)
(ครอู าจนิมนต์พระสงฆ์ทม่ี คี วามชำนาญด้านการฝกึ ปฏบิ ตั ติ ามหลกั สติปฏั ฐาน มาฝกึ ให้
นกั เรยี นปฏิบตั ิในการบริหารจิตตามหลกั สตปิ ฏั ฐาน)
3. ครใู ห้นักเรยี นทุกคนเตรียมการฝึกสมาธิ โดยจุดธูปเทยี นบชู าพระรตั นตรยั สวดมนต์ และกล่าวแผ่
เมตตาตามขั้นตอน
4. ครูใหน้ กั เรียนฝกึ ปฏิบัตสิ ติปฏั ฐาน คือ ฝกึ จิตให้กำกบั พจิ ารณา 4 เรื่อง ได้แก่ กาย เวทนา จิต และ
ธรรม ให้มสี ตกิ ำหนดรเู้ ทา่ รู้ทนั การเคลื่อนไหวอิรยิ าบถทั้ง 4 คือ ยืน เดิน น่ัง นอน รเู้ ทา่ ทันเวทนาหรือ
ความรสู้ กึ ที่เกิดข้นึ ในขณะน้ันๆ ร้เู ท่าทันจิตหรอื ความคิด ทั้งคิดดี คดิ ไม่ดี รู้ข้อธรรมหรือเรอ่ื งต่างๆ ตามความ
เปน็ จรงิ
ข้นั สรปุ ผล
5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปและวเิ คราะห์หลกั การฝึกปฏิบัตสิ ติปฏั ฐาน
ขน้ั ตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ช่วั โมงท่ี 2)
ข้ันนำเข้าส่บู ทเรยี น
1. ครูตง้ั คำถามกระตนุ้ ความคิดของนักเรยี นวา่ นักเรยี นสามารถบรหิ ารจติ อยา่ งสม่ำเสมอใน
ชีวติ ประจำวันได้โดยวธิ ีใด และมผี ลอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของ
ครผู สู้ อน)
ขั้นสอน
2. ครใู หน้ ักเรียนทุกคนฝกึ ปฏิบัตกิ ารบรหิ ารจติ ตามหลักสติปัฏฐาน ใหช้ ำนาญในอิรยิ าบถเดินจงกรม
และนั่งสมาธิ
3. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคนผลัดกนั แสดงความร้สู กึ ในการบริหารจติ และครชู ว่ ยเสนอแนะเพิม่ เติม
4. นักเรยี นแตล่ ะคนทำใบงานท่ี 1 เรือ่ ง ประโยชนข์ องการบรหิ ารจิต เสร็จแลว้ นำสง่ ครูเพื่อตรวจสอบ
ความถูกต้อง
ขน้ั สรปุ ผล
5. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปองค์ความรู้และวิเคราะห์เกี่ยวกบั เรื่อง การบริหารจิต
ส่ือและแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.5
2. ใบงานท่ี 1 ประโยชนข์ องการบริหารจติ
3. หอ้ งจรยิ ธรรม
4. หอ้ งสมุด
การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2 หว่ ง 3 เง่ือนไข)
หลกั ความพอประมาณ ใชเ้ วลาในการศกึ ษา ค้นควา้ หาความรู้
ทำงานเหมาะกับเวลาความคุ้มค่าในอุปกรณก์ ารเรียน
หลักมีเหตุผล การอธบิ ายโดยการใช้หลกั การทางพระพุทธศาสนา
การแกป้ ัญหาโดยใช้หลกั การทางพระพุทธศาสนา
หลกั สรา้ งภมู คิ มุ้ กันในตัวที่ดี การมีน้ำใจ มีความรับผดิ ชอบ การทำงานเปน็ หมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เงือ่ นไขความรู้ อธิบายความสำคัญของการบรหิ ารจิตได้
เงื่อนไขคุณธรรม มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ ซือ่ สตั ย์ มงุ่ ม่ันในการทำงาน
การบูรณาการตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงอื่ นไข
ความรู้
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3 ห่วง คุณธรรม
พอประมาณ
มเี หตุผล
มีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทีด่ ี
ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 4 มติ ิ
เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม วัฒนธรรม
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์
รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วิธกี าร เคร่อื งมอื ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1 การบรหิ ารจิต ใบงานที่ 1 การบรหิ ารจิต ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน
รายบคุ คล รายบคุ คล
สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นใน แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วม
การเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม กจิ กรรมรายกลุ่ม
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมิน คณุ ลักษณะอนั พงึ
ประสงค์
ใบงานท่ี 1
เร่ือง การบรหิ ารจติ
ตอนท่ี 1
คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขยี นแผนผงั ความคิด เร่อื ง ประโยชนข์ องการบริหารจติ
ประโยชน์ของการบรหิ ารจิต
ตอนที่ 2
คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นเขียนอธิบายหรือตอบคำถามในประเดน็ ทีก่ ำหนด
1. ผู้ที่บริหารจิตอยา่ งสม่ำเสมอ จะส่งผลดตี ่อบุคลิกภาพอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. นักเรยี นเลา่ ประสบการณ์ของตนท่ีเคยบริหารจิตและประโยชน์ท่ไี ดร้ ับ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ใบงานที่ 1 เฉลย
เร่อื ง การบริหารจติ
ตอนที่ 1
คำชีแ้ จง ให้นักเรยี นเขยี นแผนผังความคดิ เรื่อง ประโยชน์ของการบริหารจติ
มคี วามวอ่ งไวกระฉบั กระเฉง
นอนหลบั งา่ ย สามารถตดั สนิ ใจเหมาะสม
จติ ใจสบายหายเครยี ด มคี วามเพยี รพยายามแน่วแน่
รกั ษาโรคบางอย่างได้
ประโยชนข์ องการบริหารจิต
มสี ตสิ มั ปชญั ญะ
สุขภาพกายดี มปี ระสทิ ธภิ าพในการทางาน
ส่งเสรมิ ความจา
(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
ตอนที่ 2
คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขียนอธบิ ายหรือตอบคำถามในประเดน็ ทก่ี ำหนด
1. ผทู้ บ่ี รหิ ารจติ อย่างสมำ่ เสมอ จะสง่ ผลดีตอ่ บคุ ลิกภาพอย่างไร
อารมณ์เยอื กเยน็ สุขมุ สภุ าพอ่อนโยน สดชนื่ เบกิ บาน มอี ารมณ์มนั ่ คง มเี สน่ห์ สงา่ สามารถแกไ้ ขสถานการณ์
ทมี่ ปี ัญหาไดฉ้ บั พลนั
2. นักเรียนเล่าประสบการณข์ องตนทีเ่ คยบริหารจติ และประโยชน์ที่ไดร้ ับ
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อย่ใู นดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 22
กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 เรือ่ ง การบรหิ ารจติ และการเจรญิ ปัญญา เวลา 4 ชว่ั โมง
เร่ือง การเจรญิ ปัญญาตามหลกั โยนโิ สมนสกิ าร เวลาทีใ่ ช้สอน 2 ชั่วโมง
ครูผสู้ อนชอ่ื นางสาวพชั ราภรณ์ กล่ินเกษร โรงเรยี นพนมศกึ ษา
............................................................................................................................. .................................................
สาระสำคญั
การเจริญปญั ญาด้วยการคดิ แบบแยกแยะองคป์ ระกอบ (ส่วนประกอบ) การคิดแบบวิภัชชวาท ยอ่ มมี
ผลดตี ่อการปฏบิ ตั ติ นในทางที่ถกู ต้อง
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวตั ิ ความสำคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนับถือ
และศาสนาอนื่ มศี รัทธาทถี่ ูกต้อง ยดึ ม่ัน และปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรม เพอ่ื อย่รู ว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ุข
ม.4-6/19 เห็นคณุ ค่า เช่ือม่ัน และมุ่งม่ัน พฒั นาชวี ิตดว้ ยการพัฒนาจิตและพฒั นาการเรยี นร้ดู ว้ ยวธิ คี ิด
แบบโยนิโสมนสกิ าร หรือการพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนับถือ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความสำคัญของการเจริญปญั ญาตามหลักโยนโิ สมนสกิ ารได้ (K)
2. วิเคราะห์การกระทำท่แี สดงถึงการใช้วธิ ีคิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ วธิ ีคิดแบบวิภชั ชวาท
ได้ (P)
3. เหน็ ความสำคญั ในการศึกษาข้อมลู ทางพระพทุ ธศาสนา ท่สี ามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนนิ
ชวี ิตประจำวันได้ (A)
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
1) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2) กระบวนการทำงานกลุ่ม
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินยั
- ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎระเบยี บ กติกาที่ตกลงกันในห้องเรียน
2. ใฝ่เรยี นรู้
- ผเู้ รียนต้ังใจเรยี น เพียรพยายาม ในการเรียนรู้
3. มุง่ มัน่ ในการทำงาน
- ตงั้ ใจและพยายามทำงานท่ีได้รับมอบหมาย
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
พัฒนาการเรยี นร้ดู ว้ ยวธิ คี ดิ แบบโยนโิ สมนสกิ าร 10 วธิ ี (เน้นวธิ ีคดิ แบบแยกแยะสว่ นประกอบ และ
แบบวภิ ชั ชวาท)
ชน้ิ งานหรือภาระงาน
ใบงานที่ 2 คิดเป็น
ขน้ั ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ช่ัวโมงท่ี 1)
ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูนำภาพกิจกรรมตา่ งๆ มาใหน้ ักเรยี นวเิ คราะห์ เช่น ภาพโรงงานทอผ้า มีคนทอผ้า, ภาพ
บ้านเรอื น, ภาพเคร่ืองปั้นดนิ เผา, ภาพต้นไมห้ ลายชนดิ , ภาพตลาดน้ำมีเรือขายสินค้า มนี ักท่องเทีย่ วไปซื้อ
สินค้า
2. ครูตัง้ คำถามให้นกั เรยี นคดิ เพื่อนำเข้าสกู่ ารคดิ ตามแนว พทุ ธธรรมในเรอ่ื ง การคิดแยกแยะ
องคป์ ระกอบ และวิธคี ดิ แบบวภิ ัชชวาท ดงั นี้
- ภาพน้ปี ระกอบดว้ ยอะไรบ้าง (ในแต่ละภาพ)
- ภาพใดทน่ี ักเรยี นชอบมากที่สุด จงอธบิ ายเหตุผล
3. ครอู ธบิ ายให้นักเรยี นเข้าใจว่า การตอบคำถามของนักเรียนน้นั แสดงถงึ วิธกี ารคดิ แบบแยกแยะ
องค์ประกอบ และวธิ ีคิดแบบวภิ ัชชวาท
ข้ันสอน
4. นกั เรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั ศกึ ษาความรู้เร่ือง
วิธคี ิดแบบแยกแยะองคป์ ระกอบ (สว่ นประกอบ) วธิ คี ดิ แบบวิภัชชวาท จากหนังสือเรยี น หนังสอื คน้ ควา้
เพิม่ เติม ห้องสมดุ หรือแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ
ขัน้ สรุปผล
5. นักเรยี นนำความรู้ท่ีได้จากการศึกษามาบนั ทกึ ลงในแบบบันทึกการอา่ น
ขัน้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ชวั่ โมงที่ 2)
ข้ันนำเขา้ สู่บทเรียน
1. ครตู งั้ คำถามเพื่อกระตุน้ ความคิดของนักเรยี นวา่ การคดิ แบบแยกแยะองคป์ ระกอบ มีความ
คล้ายคลงึ หรือแตกต่างจากการคดิ แบบวภิ ชั ชวาท อยา่ งไร (การคดิ แบบวิภัชชวาทคล้ายกับการคดิ แบบ
แยกแยะองค์ประกอบ คือ เป็นการรูจ้ กั แยกแยะประเดน็ แยกเรอื่ ง แยกช้ินสว่ น)
ขน้ั สอน
2. สมาชิกแต่ละกลุ่มจับคู่กนั เปน็ 3 คใู่ หแ้ ตล่ ะคูแ่ บง่ หน้าที่กนั วเิ คราะห์ขา่ วในใบงานท่ี 2 เรอื่ ง คิดเปน็
แล้วตอบคำถาม โดยแบ่งหน้าทค่ี วามรบั ผิดชอบกันปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
- คู่ท่ี 1 วิเคราะหข์ ่าวท่ี 1 เกมคอมพิวเตอร์
- คทู่ ี่ 2 วิเคราะหข์ ่าวท่ี 2 มัคคเุ ทศก์นอ้ ยพาชมแห่เทียนเมืองอบุ ล
- คู่ท่ี 3 วเิ คราะห์ข่าวที่ 3 ชิงชยั ฟิสกิ สโ์ อลมิ ปิก
3. สมาชกิ แต่ละคู่ผลัดกนั อธบิ ายคำตอบในใบงานที่ 2 ท่คี ู่ของตนรบั ผดิ ชอบใหส้ มาชิกคู่อ่ืนภายในกลุ่ม
ฟงั สมาชิกในกลุ่มชว่ ยกนั เสนอแนะ ปรับปรุง แก้ไขผลงาน แล้วสรุปเปน็ ผลงานของกลุม่
4. ตัวแทนกลุ่ม 2-3 กลุ่ม นำเสนอคำตอบในใบงานท่ี 2 แล้วให้กลุ่มทมี่ ีผลงานแตกต่างออกไปนำเสนอ
ผลงานเพิม่ เติม ครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง
ขั้นสรปุ ผล
5. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปองค์ความรู้และวเิ คราะห์เก่ียวกบั เรอื่ ง การเจริญปญั ญาตามหลกั โยนโิ ส
มนสกิ าร
ส่อื และแหล่งเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.5
2. ใบงานที่ 2 คดิ เป็น
3. ห้องจรยิ ธรรม
4. ห้องสมดุ
การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2 หว่ ง 3 เง่ือนไข)
หลกั ความพอประมาณ ใช้เวลาในการศกึ ษา คน้ คว้าหาความรู้
ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มคา่ ในอปุ กรณ์การเรียน
หลกั มีเหตุผล การอธิบายโดยการใชห้ ลกั การทางพระพุทธศาสนา
การแกป้ ัญหาโดยใชห้ ลักการทางพระพุทธศาสนา
หลักสรา้ งภมู คิ มุ้ กันในตวั ที่ดี การมนี ้ำใจ มีความรับผิดชอบ การทำงานเป็นหมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขความรู้ อธิบายความสำคัญของการเจรญิ ปญั ญาตามหลักโยนโิ สมนสกิ ารได้
เงอ่ื นไขคุณธรรม มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ ซอ่ื สัตย์ มุ่งมน่ั ในการทำงาน
การบรู ณาการตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เงื่อนไข
ความรู้
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3 ห่วง คุณธรรม
พอประมาณ
มเี หตผุ ล
มีภมู ิคุ้มกันในตัวที่ดี
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มติ ิ
เศรษฐกจิ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์
ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ กี าร เครอื่ งมอื ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 2 คิดเปน็ ใบงานที่ 2 คิดเปน็ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน แบบบันทกึ การอ่าน
ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
สงั เกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน
รายบคุ คล รายบคุ คล
สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนใน แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ ม
การเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม กิจกรรมรายกลุ่ม
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ แบบประเมิน คุณลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์
ใบงานที่ 2
เรอ่ื ง คิดเปน็
คำชี้แจง ให้นักเรยี นอ่านข่าว แลว้ ตอบคำถามตามทีก่ ำหนด
ขา่ วที่ 1 เกมคอมพิวเตอร์
พ่อแมห่ ลายทา่ นอาจจะรสู้ ึกเป็นกังวลเวลาเห็นเดก็ ๆ หมกมนุ่ อยู่กับเกมคอมพิวเตอร์ เพราะเกรง
ว่าลกู จะกลายเปน็ เด็กติดเกมจนเปน็ ปญั หาในอนาคต
เร่อื งนแี้ ก้ไขได้ หากวางกฎกติกาในการเลน่ เกมอยา่ งชดั เจน และหากเป็นไปได้พ่อแม่ควรคอย
ชแี้ นะลูกอยู่ใกล้ๆ
ความจรงิ แลว้ เกมคอมพวิ เตอรม์ ีประโยชนม์ ากมายสำหรบั เดก็ “นิตยสารมาเธอร์ & เบบี้” ฉบับ
เดอื น ก.ค. รวบรวมมาฝาก ดังนี้
1. ฝกึ การสังเกต การตดั สนิ ใจ
เน้ือหาของเกมจะมกี ารให้เปรียบเทยี บ แยกประเภท หรือตัดสินใจอยา่ งรวดเรว็ การจะ
เอาชนะหรือผ่านดา่ นตา่ งๆ ได้ ตอ้ งใชก้ ารคิดแก้ปญั หา การสังเกต และตดั สินใจอยา่ งรวดเรว็ แม้จะ
เป็นสถานการณจ์ ำลอง
2. ฝึกภาษา
เกมในปัจจบุ ันมหี ลากหลายที่สนกุ และให้ความรู้เร่ืองศพั ทไ์ ปพรอ้ มๆ กนั รวมถงึ การได้ออก
เสยี งชัดเจนและถูกตอ้ ง คณุ พ่อคณุ แมค่ วรอยใู่ กลๆ้ เพอ่ื สอนคำศัพทต์ า่ งๆ ไปด้วย
3. เสรมิ สรา้ งจนิ ตนาการ
ปจั จบุ ันมเี กมหลากหลายท่ีให้เดก็ ๆ ไดเ้ ลือกเติมแตง่ สิ่งต่างๆ ดว้ ยตวั เอง เช่น เกมจัดหอ้ ง
แต่งตัวตกุ๊ ตา สร้างสวนสนุก หรอื เกมสร้างเมืองจำลอง เด็กจะไดส้ นกุ และคดิ ฝนั ตามจนิ ตนาการ
4. เรียนรู้กติกา
เกมในกลุ่มกีฬา เชน่ ฟุตบอล เทนนิส บาสเกตบอล กอล์ฟ ฯลฯ จะทำให้ผู้เลน่ เข้าใจกฎ กตกิ า
จึงจะเล่นได้ เป็นการปูพ้นื ฐานใหเ้ ดก็ ทำความร้จู ักกับกีฬาประเภทนนั้ ๆ และหากมีโอกาสคณุ พ่อคุณแม่
กค็ วรชวนลูกไปเลน่ กีฬาท่เี ขาชอบจากเกม อาจจะทำใหล้ กู ลมื กีฬาในจอคอมพวิ เตอร์ไปเลยก็ได้
ท่มี า : หนังสอื พิมพ์ขา่ วสด ฉบบั วนั จันทรท์ ่ี 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำถาม
1. เกมคอมพิวเตอร์มสี ่วนในการฝกึ ภาษาอย่างไร (วิธีคิดแบบแยกแยะองคป์ ระกอบ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เกมคอมพิวเตอร์มผี ลต่อการเล่นกฬี าในเรอ่ื งใด (วิธคี ดิ แบบแยกแยะองค์ประกอบ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การเลน่ เกมคอมพิวเตอร์มปี ระโยชนห์ รอื มโี ทษ แยกตอบทลี ะประเดน็ และสรุป
(วธิ ีคิดแบบวิภัชชวาท)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข่าวท่ี 2 มคั คุเทศกน์ อ้ ยพาชมแห่เทียนเมืองอุบลฯ
กลมุ่ เยาวชนโรงเรียนเทศบาลสองหนองบวั จงั หวดั อบุ ลราชธานี เปน็ กล่มุ มัคคุเทศก์นอ้ ยนำกลมุ่
ชาวต่างชาตทิ ่องเท่ียวชมศิลปะและความงดงามของเทียนพรรษา เมืองอุบลราชธานี และเลา่ ให้
นักทอ่ งเทย่ี วชาวญ่ปี นุ่ ให้มคี วามรเู้ รอื่ ง งานประเพณีแหเ่ ทยี นพรรษา ซึง่ ถือวา่ เปน็ งานบญุ ท่ยี งิ่ ใหญท่ สี่ ุด
ของจงั หวดั อบุ ลราชธานี
ชาวอุบลราชธานีทำตน้ เทยี นประกวดประชันความงาม ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2470 จนเม่อื ปี พ.ศ. 2520
จงั หวัดอบุ ลราชธานีจดั งานสัปดาห์ประเพณแี ห่เทียนพรรษาใหเ้ ปน็ งานประเพณีทีย่ งิ่ ใหญ่ นอกจากจะ
แสดงออกถึงความยดึ ม่ันสบื สานงานบุญทางพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครดั ของชาวเมืองอุบลราชธานี
แลว้ ยังเป็นงานท่ีแสดงออกถึงวิวฒั นาการด้านศิลปะของสกลุ ช่างเมืองอบุ ลราชธานอี ีกด้วย เนอื่ งจาก
บรรดาช่างศลิ ปเ์ มืองอุบลราชธานที ี่มอี ย่มู ากมายหลากหลายแขนง และผลิตงานด้านศลิ ปะอย่าง
ต่อเนอ่ื งตลอดมา ไมว่ า่ จะเป็นงานศิลปะรว่ มสมยั งานหัตถกรรมพนื้ บา้ น และงานก่อสรา้ งตกแต่งโบสถ์
วิหารตา่ งๆ จะใชโ้ อกาสในชว่ งเทศกาลน้ีกลบั มาทดสอบ ทดลองและประลองฝีมอื เชิงช่างผา่ นตน้ เทยี น
พรรษา
ต้นเทียนพรรษาท่ปี ระกวดในงานประเพณแี ห่เทียน มี 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทแกะสลกั และ
ประเภทติดพิมพ์ ซง่ึ ประเภทแกะสลักน้นั วัดพระธาตหุ นองบวั ถอื ว่ามชี ื่อดา้ นงานฝีมือที่ละเอยี ดออ่ น
และได้รับรางวัลการนั ตีทุกปีด้วยเชน่ กนั
คณุ ลงุ แก้ว อาจหาญ ช่างฝมี ือระดับช้นั ครูแห่งวดั บูรพาเลา่ ว่า “เสน่หข์ องตน้ เทียนพรรษาประเภท
ตดิ พมิ พแ์ หง่ วัดบรู พาอยู่ทีท่ ุกคนในชุมชนสามารถมีสว่ นร่วมได้ ทัง้ การตม้ เทยี น และสลักลวดลายต่างๆ
ไปจนถงึ การตดิ ลวดลายบนเทียน”
จงึ ไมน่ า่ แปลกใจทีเ่ ราได้เห็นเยาวชนในชุมชนวัดบูรพา ขะมักเขมน้ กับการแกะลวดลายจากขี้ผึง้
ทัง้ ลายประจำยาม ลายพนม ลายกระจังรวน ลายกาบบัว ลายรกั รอ้ ย และอีกหลากหลายลวดลาย ที่
สะท้อนความงามแบบไทยท่ีหาชาตใิ ดเสมอเหมอื น
งานนี้แมแ้ ต่นักท่องเท่ยี วชาวต่างชาตทิ ไ่ี ด้มาเยือนชมุ ชนแห่งนย้ี งั อดไม่ได้ทจ่ี ะแสดงฝีมือและร่วม
เปน็ ส่วนหนึ่งของต้นเทยี นพรรษาวัดบรู พา
ท่มี า : หนงั สอื พมิ พ์ข่าวสด เดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำถาม
1. การประกวดทำต้นเทยี นของชาวอบุ ลราชธานี ในชุมชนวัดบรู พา มกี ารแกะลวดลายจากข้ีผ้ึง
เป็นลายอะไรบ้าง (วธิ คี ดิ แบบแยกแยะองคป์ ระกอบ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ในข่าวน้ี แสดงถึงการมีส่วนรว่ มของบุคลหรือกลุ่มบคุ คลใดบา้ ง (วธิ ีคิดแบบแยกแยะ
องคป์ ระกอบ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ประเพณแี ห่เทยี นพรรษา มีผลต่อการดำเนนิ ชีวติ ของคนไทยในดา้ นใดบ้าง อธบิ าย
(วธิ คี ิดแบบวภิ ชั ชวาท)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขา่ วที่ 3 ชิงชยั ฟิสกิ ส์โอลมิ ปกิ
ออกเดนิ ทางเป็นตวั แทนประเทศ เขา้ ร่วมชิงชัยฟิสกิ สโ์ อลิมปกิ วิชาการกันแล้ว ณ กรุงซาเกร็บ ประเทศ
โครเอเชยี ระหวา่ งวนั ที่ 17-25 ก.ค. หลังไดร้ ับคดั เลอื กจากสถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
(สสวท.) ซึ่งผลงานเมอ่ื ปที แี่ ล้วทแี่ ม็กซโิ ก เยาวชนไทยคว้ามาได้ 1 เหรยี ญทอง 4 เหรียญเงิน
ปีนม้ี าร่วมส่งแรงเชยี รเ์ ด็กไทยกันอีกครั้ง เริ่มท่ี วี นายวีภัทร พิทยครรชติ ช้ัน ม.6 โรงเรยี นเตรียมอดุ มศกึ ษา
บอกวา่ ช่นื ชอบฟสิ กิ ส์ โดยเฉพาะดา้ นทฤษฏี เพราะเมอื่ เห็นอะไรรอบตวั เกดิ คำถามหรอื ข้อสงสัย เพียงแคม่ ีกระดาษ
และปากกากห็ าคำตอบได้ทุกท่ี ทุกเวลา เนอ่ื งจากฟิสกิ ส์ช่วยสร้างจติ นนาการในการมองสงิ่ ตา่ งๆ
ส่วนเคลด็ ลับการเรยี น วเี ผยว่า หากค้นพบวา่ ตัวเองชอบอะไร ฝันจะทำส่ิงใด อยา่ มวั แตค่ ดิ วา่ จะทำขอให้ลงมือ
ทำด้วยความต้งั ใจ เม่ือผดิ พลาดกค็ วรปลอ่ ยวางกบั สงิ่ ทผี่ ่านไป
เกง่ นายนครนิ ทร์ โลหิตศริ ิ ชนั้ ม.5 โรงเรยี นเตรียมอดุ ม เล่าว่า วิชาฟิสกิ ส์ โดยเฉพาะทฤษฎที ำใหเ้ ราได้เหน็
ความสวยงามของธรรมชาตผิ า่ นสมการอนั เรยี บง่ายทางคณติ ศาสตร์ ซงึ่ จำเปน็ ต้องจนิ ตนาการและทำความเขา้ ใจใน
ปรากฏการณต์ า่ งๆ อยา่ งลกึ ซง้ึ จึงจะวิเคราะหอ์ อกมาได้ คณุ ครวู ิทยาศาสตรค์ วรสอนเดก็ ๆ ให้เขา้ ใจถงึ แกน่ และ
เน้อื หาสาระน้ันๆ โดยอาจมีการทดลองหรอื นำปรากฏการณท์ ีเ่ ห็นไดท้ ัว่ ไป หรือนา่ ตื่นเต้นมากระตุ้นความสนใจเด็กจะ
ทำใหเ้ ข้าใจงา่ ยข้นึ หรือเปลยี่ นความคิดมาชอบวทิ ยาศาสตร์กไ็ ด้
ตลุ ย์ นายชยากร พงษ์ศริ ิ ช้ัน ม.5 โรงเรียนมหดิ ลวทิ ยานสุ รณ์ บอกว่า สนุกกบั การเรียนรฟู้ สิ กิ ส์ โดยเฉพาะ
ภาคปฏิบตั ิ เพราะไม่นา่ เบื่อ ชอบทำการทดลองต่างๆ จะพยายามเตรยี มตัวให้พร้อมดว้ ยการฝกึ ฝนทำโจทยบ์ ่อยๆ
รวมทัง้ เตรยี มดา้ นจติ ใจดว้ ย ตลุ ยม์ ีหลักของตัวเองวา่ ตั้งใจเรยี นในหอ้ งเรียนใหด้ ีที่สดุ เวลาว่างกพ็ กั ผอ่ น ดูโทรทศั น์
เหมอื นเดก็ ทั่วไป
ปร๊ินซ์ นายอิสระพงศ์ เอกสินชล ชนั้ ม.6 โรงเรยี นมหดิ ลวิทยานสุ รณ์ กล่าวว่า ในการเรียนส่ิงท่ีไมช่ อบนัน้ ต่อ
ใหต้ ั้งใจมากแค่ไหนกค็ งไปไดไ้ มไ่ กลนัก และคงไมม่ ีความสุข มแี ตจ่ ะเครียดและฝืนตัวเองเกนิ ไป
สำหรับปริ้นซ์ วิชาฟิสกิ สค์ อื วิชาที่เขารกั และสนุกกับการเรยี น และตอ้ งการเรียนรู้ในเน้ือหาท่ลี กึ ซงึ้ ข้นึ การเข้า
ร่วมโครงการโอลิมปิกวชิ าการทำให้มโี อกาสฝึกการปฏบิ ัติการ ฝกึ การใช้เคร่ืองมอื ต่างๆ ทำใหค้ ้นพบวา่ การปฏิบตั กิ าร
ก็นา่ สนใจไมน่ อ้ ยกว่าทฤษฎี ตอนน้ีจึงสนใจท้งั สองด้านเท่าๆ กัน และพฒั นาไปพรอ้ มกนั ด้วย ปริ้นซเ์ ผยถึงวธิ ตี ัง้ ใจ
เรียน ที่ไม่ควรละเลยเดด็ ขาด คือ นอนหลบั พกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ ตอ่ ให้อ่านหรือเรยี นมากแคไ่ หนสมองก็รับไม่ได้
หมด พลอยทำให้ความคดิ ไมเ่ ฉยี บคม
ป้อ นายสริ ภทั ร จงอร่ามรุ่งเรือง ชั้น ม.6 โรงเรยี นมหดิ ลวิทยานุสรณ์ กลา่ วว่า เมอ่ื ได้เรยี นร้ฟู สิ ิกส์แล้วร้สู กึ สนกุ
ไดค้ ิดวเิ คราะห์ ไมต่ อ้ งท่องจำ วิชาฟสิ ิกสเ์ ปดิ มมุ มองโลกทัศนท์ ำให้มองส่ิงตา่ งๆ ด้วยมุมมองท่ีเป็นวทิ ยาศาสตรม์ ากข้นึ
เขา้ ใจกฎธรรมชาติมากขนึ้ นำมาสร้างเทคโนโลยีและวิทยาการใหมๆ่ ได้
ป้อใหค้ วามเหน็ ตอ่ การแขง่ ขันโอลมิ ปิกวิชาการวา่ มสี ่วนช่วยสนับสนนุ และกระตุ้นกลุ่มนักเรยี นท่ีช่นื ชอบและ
ถนดั ทางด้านนเ้ี ปน็ อยา่ งดี เพราะได้พัฒนาศกั ยภาพในตวั ฝึกความเพยี รและอดทน ซึง่ เป็นส่วนสำคญั ท่ชี ่วยใหเ้ ด็กรุ่น
ใหมต่ ่อยอดความคิดและความฝันของแตล่ ะคน
ทมี่ า : หนงั สือพมิ พ์ข่าวสด ฉบับวนั พธุ ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำถาม
1. เดก็ นกั เรียนไทยทีไ่ ปแข่งฟสิ กิ ส์โอลิมปกิ คือใครบ้าง เป็นนกั เรยี นช้นั ใด และอย่โู รงเรียนใด (วธิ ี
คดิ แบบแยกแยะองคป์ ระกอบ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เด็กไทยทเ่ี ป็นตัวแทนแขง่ ฟิสกิ ส์โอลมิ ปกิ นั้นมีมุมมองหรือมขี ้อคิดสำคัญเก่ยี วกับการศึกษาวชิ า
ฟิสกิ สอ์ ย่างไร (วธิ คี ิดแบบวิภชั ชวาท)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 2 เฉลย
เรอ่ื ง คิดเป็น
คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านข่าว แล้วตอบคำถามตามที่กำหนด
ขา่ วท่ี 1 เกมคอมพิวเตอร์
พอ่ แม่หลายท่านอาจจะรูส้ ึกเป็นกงั วลเวลาเห็นเด็กๆ หมกมุ่นอยู่กับเกมคอมพวิ เตอร์ เพราะเกรง
ว่าลกู จะกลายเป็นเด็กติดเกมจนเปน็ ปัญหาในอนาคต
เรอ่ื งนแี้ กไ้ ขได้ หากวางกฎกติกาในการเล่นเกมอย่างชดั เจน และหากเป็นไปได้พ่อแม่ควรคอย
ชีแ้ นะลูกอยู่ใกลๆ้
ความจริงแลว้ เกมคอมพิวเตอรม์ ีประโยชนม์ ากมายสำหรับเด็ก “นติ ยสารมาเธอร์ & เบบี้” ฉบับ
เดอื น ก.ค. รวบรวมมาฝาก ดังนี้
1. ฝึกการสังเกต การตัดสนิ ใจ
เน้อื หาของเกมจะมีการให้เปรียบเทียบ แยกประเภท หรอื ตัดสนิ ใจอย่างรวดเรว็ การจะ
เอาชนะหรือผา่ นดา่ นต่างๆ ได้ ตอ้ งใช้การคิดแกป้ ญั หา การสงั เกต และตัดสนิ ใจอย่างรวดเรว็ แม้จะ
เป็นสถานการณ์จำลอง
2. ฝกึ ภาษา
เกมในปัจจบุ นั มีหลากหลายท่ีสนุกและให้ความรู้เรอ่ื งศพั ท์ไปพรอ้ มๆ กัน รวมถงึ การไดอ้ อก
เสยี งชัดเจนและถกู ต้อง คุณพ่อคุณแมค่ วรอย่ใู กล้ๆ เพื่อสอนคำศัพทต์ า่ งๆ ไปดว้ ย
3. เสริมสร้างจนิ ตนาการ
ปจั จุบนั มเี กมหลากหลายท่ใี ห้เด็กๆ ไดเ้ ลือกเติมแต่งสงิ่ ต่างๆ ด้วยตัวเอง เชน่ เกมจดั หอ้ ง
แตง่ ตัวตกุ๊ ตา สร้างสวนสนุก หรอื เกมสร้างเมอื งจำลอง เด็กจะได้สนกุ และคดิ ฝันตามจนิ ตนาการ
4. เรยี นรกู้ ตกิ า
เกมในกลุ่มกีฬา เชน่ ฟุตบอล เทนนสิ บาสเกตบอล กอลฟ์ ฯลฯ จะทำใหผ้ ้เู ล่นเขา้ ใจกฎ กติกา
จึงจะเล่นได้ เป็นการปพู น้ื ฐานใหเ้ ด็กทำความรูจ้ กั กับกีฬาประเภทนั้นๆ และหากมโี อกาสคุณพ่อคุณแม่
ก็ควรชวนลกู ไปเล่นกีฬาท่เี ขาชอบจากเกม อาจจะทำใหล้ ูกลมื กฬี าในจอคอมพิวเตอร์ไปเลยกไ็ ด้
ที่มา : หนงั สือพมิ พ์ขา่ วสด ฉบบั วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำถาม
1. เกมคอมพิวเตอรม์ สี ่วนในการฝกึ ภาษาอย่างไร (วิธีคดิ แบบแยกแยะองค์ประกอบ)
รู้คำศพั ท์ ออกเสยี งชัดเจน
2. เกมคอมพิวเตอร์มีผลต่อการเล่นกฬี าในเรอ่ื งใด (วิธคี ดิ แบบแยกแยะองค์ประกอบ)
รู้จกั กฎกติกา ประเภทของกฬี า
3. การเลน่ เกมคอมพิวเตอร์มีประโยชนห์ รือมโี ทษ แยกตอบทีละประเด็น และสรุป
(วิธีคิดแบบวิภชั ชวาท)
เกมคอมพวิ เตอรม์ ที งั้ ประโยชน์และโทษ โดยแยกประเดน็ ดงั น้ี
1 )มปี ระโยชน์ เชน่
- เป็นการฝึกสงั เกตและตดั สนิ ใจ
- ฝึกภาษาใหร้ เู้ รอื่ งคาศพั ทแ์ ละการออกเสยี ง
- เสรมิ จนิ ตนาการในการสรา้ งเกมสมมตติ ่างๆ
- มปี ระโยชน์ต่อการกฬี า ใหร้ จู้ กั กฎ ระเบยี บ กตกิ า
2)มโี ทษ เชน่
- ถา้ เล่นโดยใชเ้ วลานานมผี ลเสยี ตอ่ การเรยี น คอื มเี วลาอ่านหนงั สอื น้อยลง
- เสยี สายตา เมอื่ เพง่ มองจอคอมพวิ เตอรน์ าน ทาใหต้ าพร่ามวั เลนสต์ าเสอื่ มเรว็
- ถา้ เล่นเพลนิ ตอนกลางคนื อาจทาใหอ้ ดนอน เสยี สุขภาพ
สรุป เกมคอมพวิ เตอรม์ ที งั้ ประโยชน์และโทษ ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งรจู้ กั เล่นอยา่ งเหมาะสม
ขา่ วท่ี 2 มคั คุเทศกน์ อ้ ยพาชมแห่เทียนเมืองอุบลฯ
กลุม่ เยาวชนโรงเรียนเทศบาลสองหนองบวั จงั หวดั อบุ ลราชธานี เปน็ กล่มุ มัคคุเทศก์นอ้ ยนำกลมุ่
ชาวต่างชาตทิ ่องเท่ียวชมศลิ ปะและความงดงามของเทยี นพรรษา เมืองอุบลราชธานี และเลา่ ให้
นักทอ่ งเทย่ี วชาวญ่ปี นุ่ ให้มีความรเู้ รอื่ ง งานประเพณีแห่เทยี นพรรษา ซึง่ ถือวา่ เปน็ งานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ของจงั หวดั อบุ ลราชธานี
ชาวอุบลราชธานที ำตน้ เทยี นประกวดประชันความงาม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 จนเม่อื ปี พ.ศ. 2520
จงั หวัดอบุ ลราชธานีจดั งานสัปดาห์ประเพณแี ห่เทียนพรรษาใหเ้ ป็นงานประเพณีท่ียงิ่ ใหญ่ นอกจากจะ
แสดงออกถึงความยดึ ม่นั สบื สานงานบุญทางพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครดั ของชาวเมืองอุบลราชธานี
แลว้ ยังเป็นงานท่ีแสดงออกถึงวิวฒั นาการด้านศิลปะของสกุลช่างเมืองอบุ ลราชธานอี ีกด้วย เน่ืองจาก
บรรดาช่างศลิ ปเ์ มืองอุบลราชธานที ี่มอี ย่มู ากมายหลากหลายแขนง และผลิตงานด้านศลิ ปะอย่าง
ต่อเนอ่ื งตลอดมา ไมว่ า่ จะเป็นงานศิลปะรว่ มสมยั งานหัตถกรรมพน้ื บา้ น และงานก่อสรา้ งตกแต่งโบสถ์
วิหารตา่ งๆ จะใชโ้ อกาสในชว่ งเทศกาลน้ีกลบั มาทดสอบ ทดลองและประลองฝีมอื เชงิ ช่างผ่านตน้ เทยี น
พรรษา
ต้นเทียนพรรษาทป่ี ระกวดในงานประเพณแี หเ่ ทียน มี 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทแกะสลัก และ
ประเภทติดพิมพ์ ซง่ึ ประเภทแกะสลักน้นั วัดพระธาตหุ นองบวั ถอื ว่ามชี ื่อดา้ นงานฝีมือที่ละเอียดอ่อน
และได้รับรางวัลการนั ตีทุกปีด้วยเชน่ กนั
คณุ ลงุ แก้ว อาจหาญ ช่างฝมี ือระดับชน้ั ครูแห่งวดั บูรพาเล่าวา่ “เสน่หข์ องตน้ เทยี นพรรษาประเภท
ตดิ พมิ พแ์ หง่ วัดบรู พาอยู่ทีท่ ุกคนในชมุ ชนสามารถมสี ว่ นร่วมได้ ทงั้ การตม้ เทยี น และสลักลวดลายต่างๆ
ไปจนถงึ การตดิ ลวดลายบนเทียน”
จงึ ไมน่ า่ แปลกใจที่เราได้เห็นเยาวชนในชุมชนวัดบูรพา ขะมักเขมน้ กับการแกะลวดลายจากข้ผี ึ้ง
ทัง้ ลายประจำยาม ลายพนม ลายกระจังรวน ลายกาบบัว ลายรกั ร้อย และอีกหลากหลายลวดลาย ที่
สะท้อนความงามแบบไทยท่ีหาชาตใิ ดเสมอเหมอื น
งานนี้แมแ้ ต่นักท่องเท่ียวชาวต่างชาตทิ ไ่ี ด้มาเยือนชมุ ชนแห่งนี้ยงั อดไม่ได้ทจ่ี ะแสดงฝีมือและรว่ ม
เปน็ ส่วนหนึ่งของต้นเทยี นพรรษาวัดบรู พา
ท่มี า : หนงั สอื พมิ พ์ข่าวสด เดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำถาม
1. การประกวดทำตน้ เทียนของชาวอบุ ลราชธานี ในชมุ ชนวัดบูรพา มกี ารแกะลวดลายจากขผ้ี งึ้
เป็นลายอะไรบ้าง (วิธคี ดิ แบบแยกแยะองค์ประกอบ)
ลายประจายาม ลายพนม ลายกระจงั รวน ลายกาบบวั ลายรกั รอ้ ย
2. ในข่าวนี้ แสดงถงึ การมีสว่ นรว่ มของบุคลหรือกลุ่มบุคคลใดบา้ ง (วิธคี ดิ แบบแยกแยะ
องคป์ ระกอบ)
นกั เรยี น ชำวต่ำงชำติ วดั ชำวบำ้ นในชมุ ชน ชำ่ งศลิ ป์ ชำ่ งฝีมอื ระดบั ครู ประชำชนชำวอบุ ล
3. ประเพณีแห่เทยี นพรรษา มีผลตอ่ การดำเนินชวี ติ ของคนไทยในด้านใดบา้ ง อธิบาย
(วธิ คี ิดแบบวภิ ัชชวาท)
1) ดา้ นพระพุทธศาสนา คอื ชาวไทยทงั้ ในจงั หวดั อบุ ลราชธานี และจงั หวดั อนื่ ไดม้ สี ว่ นรว่ ม
ในพธิ กี รรมในวนั สาคญั ของพระพุทธศาสนา
2) ดา้ นการอนุรกั ษ์ ศลิ ปวฒั นธรรมไทย เป็นการสบื ทอดงานดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมไทยใหค้ งอยู่
ตลอดไป
3) ดา้ นการศกึ ษา เดก็ เยาวชนไดศ้ กึ ษาความรจู้ ากวถิ ชี วี ติ จรงิ
4) ดา้ นสอื่ มวลชน สอื่ มวลชนไดเ้ ผยแพรง่ านแห่เทยี นของชาวจงั หวดั อบุ ลราชธานี ซงึ่ เป็น
ศลิ ปวฒั นธรรม แก่คนทวั่ ไปทงั้ ชาวไทยและชาวตา่ งชาติ
5) ดา้ นเศรษฐกจิ การทคี่ นไปท่องเทยี่ วในชว่ งเทศกาลแหเ่ ทยี นพรรษาทาใหร้ ายไดข้ องชาว
อบุ ลราชธานีมจี านวนมากขน้ึ
ขา่ วที่ 3 ชิงชยั ฟิสกิ ส์โอลมิ ปกิ
ออกเดนิ ทางเป็นตวั แทนประเทศ เขา้ ร่วมชิงชัยฟิสกิ สโ์ อลิมปกิ วิชาการกันแล้ว ณ กรงุ ซาเกร็บ ประเทศ
โครเอเชยี ระหวา่ งวนั ที่ 17-25 ก.ค. หลังไดร้ ับคดั เลอื กจากสถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
(สสวท.) ซึ่งผลงานเมอ่ื ปที แี่ ล้วทแี่ ม็กซโิ ก เยาวชนไทยคว้ามาได้ 1 เหรยี ญทอง 4 เหรยี ญเงนิ
ปีนม้ี าร่วมส่งแรงเชยี รเ์ ด็กไทยกันอีกครั้ง เริ่มท่ี วี นายวีภัทร พิทยครรชติ ช้ัน ม.6 โรงเรยี นเตรยี มอดุ มศกึ ษา
บอกวา่ ช่นื ชอบฟสิ กิ ส์ โดยเฉพาะดา้ นทฤษฏี เพราะเมอื่ เห็นอะไรรอบตวั เกดิ คำถามหรอื ข้อสงสัย เพียงแคม่ ีกระดาษ
และปากกากห็ าคำตอบได้ทุกท่ี ทุกเวลา เนอ่ื งจากฟิสกิ ส์ช่วยสรา้ งจติ นนาการในการมองสง่ิ ต่างๆ
ส่วนเคลด็ ลับการเรยี น วเี ผยว่า หากค้นพบวา่ ตัวเองชอบอะไร ฝันจะทำส่ิงใด อยา่ มวั แตค่ ดิ วา่ จะทำขอให้ลงมือ
ทำด้วยความต้งั ใจ เม่ือผดิ พลาดกค็ วรปลอ่ ยวางกบั สงิ่ ทผี่ ่านไป
เกง่ นายนครนิ ทร์ โลหิตศริ ิ ชนั้ ม.5 โรงเรยี นเตรียมอดุ ม เล่าว่า วิชาฟิสกิ ส์ โดยเฉพาะทฤษฎที ำใหเ้ ราได้เห็น
ความสวยงามของธรรมชาตผิ า่ นสมการอนั เรยี บง่ายทางคณติ ศาสตร์ ซงึ่ จำเปน็ ต้องจนิ ตนาการและทำความเขา้ ใจใน
ปรากฏการณต์ า่ งๆ อยา่ งลกึ ซง้ึ จึงจะวิเคราะหอ์ อกมาได้ คณุ ครวู ิทยาศาสตรค์ วรสอนเดก็ ๆ ให้เขา้ ใจถงึ แกน่ และ
เน้อื หาสาระน้ันๆ โดยอาจมีการทดลองหรอื นำปรากฏการณท์ ีเ่ ห็นไดท้ ัว่ ไป หรือนา่ ตื่นเต้นมากระตุ้นความสนใจเด็กจะ
ทำใหเ้ ข้าใจงา่ ยข้นึ หรือเปลยี่ นความคิดมาชอบวทิ ยาศาสตร์กไ็ ด้
ตลุ ย์ นายชยากร พงษ์ศริ ิ ช้ัน ม.5 โรงเรียนมหดิ ลวทิ ยานสุ รณ์ บอกว่า สนุกกบั การเรยี นรฟู้ สิ กิ ส์ โดยเฉพาะ
ภาคปฏิบตั ิ เพราะไม่นา่ เบื่อ ชอบทำการทดลองต่างๆ จะพยายามเตรยี มตวั ให้พร้อมดว้ ยการฝึกฝนทำโจทยบ์ ่อยๆ
รวมทัง้ เตรยี มดา้ นจติ ใจดว้ ย ตลุ ยม์ ีหลักของตัวเองวา่ ตั้งใจเรยี นในหอ้ งเรียนใหด้ ีที่สดุ เวลาว่างกพ็ กั ผอ่ น ดูโทรทศั น์
เหมอื นเดก็ ทั่วไป
ปร๊ินซ์ นายอิสระพงศ์ เอกสินชล ชนั้ ม.6 โรงเรยี นมหดิ ลวิทยานสุ รณ์ กล่าวว่า ในการเรียนส่ิงท่ีไมช่ อบนัน้ ต่อ
ใหต้ ั้งใจมากแค่ไหนกค็ งไปไดไ้ มไ่ กลนัก และคงไมม่ ีความสุข มแี ตจ่ ะเครียดและฝืนตัวเองเกนิ ไป
สำหรับปริ้นซ์ วิชาฟิสกิ สค์ อื วิชาที่เขารกั และสนุกกับการเรยี น และตอ้ งการเรียนรู้ในเน้อื หาท่ลี กึ ซงึ้ ข้นึ การเข้า
ร่วมโครงการโอลิมปิกวชิ าการทำให้มโี อกาสฝึกการปฏบิ ัติการ ฝกึ การใช้เคร่ืองมอื ต่างๆ ทำใหค้ ้นพบวา่ การปฏิบตั กิ าร
ก็นา่ สนใจไมน่ อ้ ยกว่าทฤษฎี ตอนน้ีจึงสนใจท้งั สองด้านเท่าๆ กัน และพฒั นาไปพรอ้ มกนั ด้วย ปริ้นซเ์ ผยถึงวธิ ตี ัง้ ใจ
เรียน ที่ไม่ควรละเลยเดด็ ขาด คือ นอนหลบั พกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ ตอ่ ให้อา่ นหรือเรยี นมากแคไ่ หนสมองก็รับไมไ่ ด้
หมด พลอยทำให้ความคดิ ไมเ่ ฉยี บคม
ป้อ นายสริ ภทั ร จงอร่ามรุ่งเรือง ชั้น ม.6 โรงเรยี นมหดิ ลวทิ ยานุสรณ์ กลา่ วว่า เมอ่ื ไดเ้ รยี นร้ฟู สิ กิ ส์แล้วร้สู ึกสนกุ
ไดค้ ิดวเิ คราะห์ ไมต่ อ้ งท่องจำ วิชาฟสิ ิกสเ์ ปดิ มมุ มองโลกทัศนท์ ำให้มองส่ิงต่างๆ ด้วยมุมมองท่ีเป็นวทิ ยาศาสตร์มากข้นึ
เขา้ ใจกฎธรรมชาติมากขนึ้ นำมาสร้างเทคโนโลยีและวิทยาการใหมๆ่ ได้
ป้อใหค้ วามเหน็ ตอ่ การแขง่ ขันโอลมิ ปิกวิชาการวา่ มสี ่วนชว่ ยสนับสนุนและกระตุ้นกลมุ่ นักเรยี นท่ีช่นื ชอบและ
ถนดั ทางด้านนเ้ี ปน็ อยา่ งดี เพราะได้พัฒนาศกั ยภาพในตวั ฝึกความเพยี รและอดทน ซึง่ เป็นส่วนสำคญั ท่ชี ่วยให้เด็กรุ่น
ใหมต่ ่อยอดความคิดและความฝันของแตล่ ะคน
ทมี่ า : หนงั สือพมิ พ์ข่าวสด ฉบับวนั พธุ ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำถาม
1. เดก็ นกั เรียนไทยทไ่ี ปแข่งฟิสิกส์โอลิมปกิ คอื ใครบ้าง เป็นนกั เรียนชั้นใด และอยู่โรงเรยี นใด (วิธี
คดิ แบบแยกแยะองค์ประกอบ)
1) นายวรี ภัทร พิทยสรรชติ ชั้น ม.6 โรงเรียนเตรยี มอุดมศึกษา
2 ) นายนครนิ ทร์ โลหติ ศิริ ชั้น ม.5 โรงเรยี นเตรียมอุดมศกึ ษา
3) นายชยากร พงษ์ศริ ิ ชน้ั ม.5 โรงเรยี นมหิดลวิทยานสุ รณ์
4) นายอสิ ระพงศ์ เอกสนิ ชล ชั้น ม.6 โรงเรียนมหิดลวิทยานสุ รณ์
5) นายสริ ภทั ร จงอรา่ มร่งุ เรือง ชั้น ม.6 โรงเรยี นมหดิ ลวิทยานสุ รณ์
2. เด็กไทยที่เปน็ ตัวแทนแขง่ ฟสิ กิ สโ์ อลิมปิกนัน้ มีมมุ มองหรอื มีข้อคิดสำคัญเกี่ยวกบั การศกึ ษาวิชา
ฟิสกิ ส์อยา่ งไร (วิธคี ดิ แบบวิภัชชวาท)
1) นายวีรภทั ร พทิ ยสรรชิต ชั้น ม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- ฟิสิกสช์ ่วยสร้างจินตนาการในการมองสิ่งตา่ งๆ
2) นายนครนิ ทร์ โลหติ ศิริ ชัน้ ม.5 โรงเรียนเตรยี มอุดมศึกษา
- ฟิสกิ ส์จะต้องจนิ ตนาการและทำความเขา้ ใจกับปรากฏการณต์ า่ งๆ อย่างลกึ ซึ้งจงึ จะ
วเิ คราะหอ์ อกมาได้
3) นายชยากร พงษศ์ ิริ ชน้ั ม.5 โรงเรยี นมหิดลวิทยานสุ รณ์
- มีการเรยี นร้ฟู ิสิกส์ภาคปฏบิ ัติ จะตอ้ งมกี ารทดลอง มีการฝกึ ฝนทำโจทย์บ่อยๆ
4) นายอิสระพงศ์ เอกสินชล ชั้น ม.6 โรงเรยี นมหิดลวิทยานสุ รณ์
- การเรยี นรฟู้ ิสกิ ส์นัน้ จะตอ้ งฝึกปฏบิ ตั ิ ฝกึ การใช้เคร่อื งมอื ตา่ งๆ มีการเรียนรู้ทฤษฎี
และปฏบิ ตั ิควบคกู่ ัน
6) นายสริ ภทั ร จงอรา่ มรงุ่ เรือง ชั้น ม.6 โรงเรยี นมหิดลวิทยานุสรณ์
- การเรยี นฟสิ ิกสต์ ้องวิเคราะห์ วชิ าฟิสิกสเ์ ปิดมมุ มองโลกทศั น์ ทำให้เข้าใจกฎ
ธรรมชาติมากขนึ้
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 23
กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 8 เร่ือง พระพุทธศาสนากับการแกป้ ญั หา และการพัฒนา เวลา 5 ชวั่ โมง
เรือ่ ง พระพุทธศาสนากบั การแก้ปญั หา เวลาทีใ่ ช้สอน 1 ชวั่ โมง
ครผู สู้ อนชื่อ นางสาวพชั ราภรณ์ กลิ่นเกษร โรงเรยี นพนมศึกษา
.................................................................................................................................. ............................................
สาระสำคญั
พระพุทธศาสนามีหลักธรรมคำสอนท่มี ีความสำคัญต่อการนำไปใชใ้ นการแก้ปัญหาและพัฒนาสังคม
มาตรฐานการเรยี นรู้
ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวตั ิ ความสำคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ
และศาสนาอ่นื มศี รัทธาท่ีถูกต้อง ยดึ ม่นั และปฏิบัติตามหลักธรรม เพ่อื อยู่รว่ มกนั อย่างสนั ตสิ ขุ
ม.4-6/22 เสนอแนวทางการจัดกิจกรรมความรว่ มมือของทุกศาสนาในการแกป้ ญั หาและพฒั นาสังคม
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายความสำคญั ของพระพุทธศาสนากบั การแกป้ ญั หาได้ (K)
2. เสนอแนวทางการจัดกิจกรรมความรว่ มมือของศาสนาในการแกป้ ัญหาและพฒั นาสงั คมได้
ได้ (P)
3. เห็นความสำคญั ในการศกึ ษาข้อมลู ทางพระพุทธศาสนา ท่ีสามารถนำไปใช้ประโยชนใ์ นการดำเนิน
ชวี ิตประจำวนั ได้ (A)
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
1) กระบวนการปฏบิ ัติ 2) กระบวนการทำงานกล่มุ
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี ินยั
- ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎระเบียบ กตกิ าที่ตกลงกนั ในห้องเรียน
2. ใฝ่เรยี นรู้
- ผเู้ รียนตง้ั ใจเรียน เพียรพยายาม ในการเรียนรู้
3. มุง่ ม่ันในการทำงาน
- ตง้ั ใจและพยายามทำงานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
ช้ินงานหรอื ภาระงาน
ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง พระพุทธศาสนากับการแก้ปญั หาและการพัฒนา
ขั้นตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรยี น
1. ครนู ำข่าว หรือภาพที่แสดงถึงปญั หาสงั คม มาให้นักเรียนช่วยกนั วเิ คราะห์ โดยใหน้ กั เรียนตอบ
คำถาม ดังน้ี
- ปญั หา คืออะไร
- สาเหตขุ องปญั หา คืออะไร
- สิ่งทต่ี ้องการให้หมดปญั หา คอื อะไร
- วิธกี ารแกไ้ ขปัญหาท่ีเหมาะสมทำอย่างไร เพ่ือให้หมดปัญหา
ขัน้ สอน
2. ครูอธบิ ายให้นักเรยี นเข้าใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาท่ีสามารถนำมาเปน็ แนวทางในการ
แกป้ ัญหา คือ
1) พรหมวิหาร 4 4) อทิ ธบิ าท 4
2) สนั โดษ 3 5) ฆราวาสธรรม 4
3) มติ รแท้ 6) ธรรมคมุ้ ครองโลก 2
3. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 6 คน ตามความสมคั รใจ ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง
สภาพปัญหาในชมุ ชนและสังคมไทย และธรรมะกับการแก้ปัญหา จากหนังสือเรียน หนังสอื ค้นควา้ เพม่ิ เติม
หอ้ งสมดุ หรอื แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
4. นกั เรียนนำความรู้ที่ได้จากการศกึ ษามาบนั ทึกลงในแบบบันทึกการอ่าน
5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั หาข้อมลู ข่าวสารที่เป็นปญั หาในสังคมไทย แล้วนำมาวเิ คราะห์วิจารณ์
ตามหวั ข้อในใบงานท่ี 1 เรือ่ ง พระพุทธศาสนากับการแกป้ ัญหาและการพัฒนา
6. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอคำตอบในใบงานท่ี 1 และให้กลุ่มอืน่ ซง่ึ เป็นผู้ฟงั แสดงความคดิ เห็น
เพ่มิ เติม โดยปฏิบตั ิ ดงั นี้
- กลุม่ ที่ 1 นำเสนอผลงาน กลมุ่ ที่ 2 แสดงความคิดเห็น
- กลมุ่ ที่ 2 นำเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 3 แสดงความคดิ เห็น
- กล่มุ ที่ 3 นำเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 4 แสดงความคดิ เห็น
- กลมุ่ ที่ 4 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 5 แสดงความคดิ เหน็
- กล่มุ ที่ 5 นำเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 1 แสดงความคดิ เห็น
ครูตรวจสอบความถูกต้อง
ขัน้ สรปุ ผล
7. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปแนวทางการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปใชใ้ นการแกป้ ญั หา
สังคม
ส่อื และแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.5
2. ใบงานท่ี 1 เรื่อง พระพทุ ธศาสนากบั การแกป้ ัญหาและการพฒั นา
3. ห้องจริยธรรม
4. ห้องสมดุ
การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2 หว่ ง 3 เง่ือนไข)
หลกั ความพอประมาณ ใช้เวลาในการศึกษา ค้นควา้ หาความรู้
ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มคา่ ในอปุ กรณ์การเรยี น
หลักมเี หตผุ ล การอธิบายโดยการใชห้ ลกั การทางพระพุทธศาสนา
การแกป้ ัญหาโดยใช้หลกั การทางพระพุทธศาสนา
หลักสร้างภูมิค้มุ กันในตัวทด่ี ี การมนี ำ้ ใจ มีความรบั ผดิ ชอบ การทำงานเปน็ หมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เง่ือนไขความรู้ อธิบายความสำคัญของพระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาได้
เงอื่ นไขคุณธรรม มีวินยั ใฝ่เรียนรู้ ซื่อสตั ย์ ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
การบรู ณาการตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไข
ความรู้
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง คณุ ธรรม
พอประมาณ
มเี หตุผล
มีภูมิคุม้ กันในตัวที่ดี
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มติ ิ
เศรษฐกจิ สังคม สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรม
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1 เรือ่ ง อธบิ าย ใบงานท่ี 1 เรือ่ ง อธบิ ายความสำคัญ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา ของพระพุทธศาสนากบั การแกป้ ญั หา
กับการแกป้ ญั หาได้ ได้ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจแบบบันทกึ การอ่าน แบบบันทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงาน
รายบคุ คล รายบุคคล
สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นใน แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วม
การเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ กจิ กรรมรายกลุม่
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ
ประสงค์
ใบงานที่ 1
เร่อื ง พระพุทธศาสนากับการแกป้ ญั หาและการพฒั นา
ตอนท่ี 1
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นหำข่ำวทเ่ี ป็นปัญหำสงั คมไทยในปัจจุบนั มำวเิ ครำะหต์ ำมประเดน็ ทก่ี ำหนด
ช่อื ขำ่ ว......................................................................
(สาระสาคญั ของขา่ ว)
ท่ีมา : ………………………………………………………………………………………………………………
1. ชอ่ื ขา่ ว
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
2. ปัญหาสำคัญของขา่ ว คืออะไร
..........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
3. สาเหตทุ ี่ทำใหเ้ กิดปัญหาน้ัน ได้แกอ่ ะไรบา้ ง
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
4. ควรนำหลักธรรมใดมาเป็นแนวทางการแกป้ ัญหา อธิบายพรอ้ มยกตัวอย่างประกอบ
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
5. ผลทคี่ าดวา่ จะได้รับ คอื อะไร อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ตอนที่ 2
คำช้ีแจง ให้นักเรยี นแสดงความคดิ เห็นว่า การเรียนพระพทุ ธศาสนาวันอาทติ ย์ มปี ระโยชน์
อย่างไร
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ใบงานที่ 1 เฉลย
เรอื่ ง ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตอนที่ 1
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นหำข่ำวทเ่ี ป็นปัญหำสงั คมไทยในปัจจบุ นั มำวเิ ครำะหต์ ำมประเดน็ ทก่ี ำหนด
ช่อื ขำ่ ว......................................................................
(สาระสาคญั ของขา่ ว)
ทมี่ า : ………………………………………………………………………………………………………………
1. ชอื่ ขา่ ว
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
2. ปัญหาสำคัญของขา่ ว คืออะไร
..........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
3. สาเหตุท่ีทำให้เกดิ ปญั หานน้ั ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู ู้สอน)
4. ควรนำหลักธรรมใดมาเปน็ แนวทางการแก้ปัญหา อธิบายพรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
5. ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ คอื อะไร อธบิ ายพรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ วา่ การเรยี นพระพุทธศาสนาวนั อาทิตย์ มีประโยชน์
อยา่ งไร
1) ทำให้เยาวชนไดเ้ รยี นร้แู ละศกึ ษาพระพทุ ธศาสนานอกเวลาเรียน จะช่วยให้เขา้ ใจหลักธรรม
คำสอนของพระพุทธศาสนามากข้ึน
2) เยาวชนสามารถนำหลกั ธรรมไปประยุกต์ใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิต
3) ทำให้เยาวชนรูจ้ กั ใช้วิธคี ิดตามแนวพระพุทธศาสนาไปใช้ในการแกป้ ัญหาคนและสงั คม
4) เยาวชนรู้จักรบั ผดิ ชอบตนเองและสงั คม
5) เยาวชนเป็นพลเมอื งดขี องชาติและพระพทุ ธศาสนา
6) เยาวชนเห็นคุณค่าของพระพทุ ธศาสนาที่สง่ เสริมความก้าวหนา้ ของสังคม
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของครผู ู้สอน)
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 24
กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 เรื่อง พระพุทธศาสนากบั การแก้ปญั หา และการพฒั นา เวลา 5 ชว่ั โมง
เรอ่ื ง การปกป้อง คมุ้ ครองพระพุทธศาสนา เวลาท่ีใชส้ อน 2 ชว่ั โมง
ครผู ู้สอนช่อื นางสาวพชั ราภรณ์ กลน่ิ เกษร โรงเรยี นพนมศกึ ษา
................................................................................................................................ ..............................................
สาระสำคัญ
พุทธศาสนกิ ชนควรมสี ว่ นร่วมในการธำรงรกั ษา ปกป้อง คุ้มครองพระพุทธศาสนา
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.2 ตระหนกั และปฏบิ ตั ติ นเป็นศาสนกิ ชนทดี่ ี และธำรงรักษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ
ม.4-6/5 สัมมนาและเสนอแนะแนวทางในการธำรงรักษาศาสนาทีต่ นนบั ถือ อนั สง่ ผลถึงการพัฒนาตน
พัฒนาชาติ และโลก
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายการปกป้อง คุ้มครอง ธำรงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาของชาวพุทธในสงั คมได้ (K)
2. วเิ คราะหแ์ นวทางการปกป้อง ค้มุ ครอง ธำรงรักษาพระพุทธศาสนาของชาวพุทธในสังคมได้ (P)
3. เหน็ ความสำคญั ในการศกึ ษาข้อมลู ทางพระพทุ ธศาสนา ทส่ี ามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนนิ
ชวี ิตประจำวนั ได้ (A)
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทำงานกลุ่ม
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
- ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎระเบียบ กตกิ าที่ตกลงกนั ในห้องเรียน
2. ใฝ่เรียนรู้
- ผ้เู รยี นตงั้ ใจเรยี น เพยี รพยายาม ในการเรยี นรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
- ตั้งใจและพยายามทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. การปกปอ้ ง คุม้ ครอง ธำรงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาของพุทธบรษิ ทั ในสงั คมไทย
2. การปลกู จิตสำนึกและการมสี ว่ นรว่ มในสงั คมพุทธ
ชนิ้ งานหรือภาระงาน
ใบงานที่ 2 เรือ่ ง แนวทางการจดั กิจกรรมเพ่อื แกป้ ัญหาและพฒั นาสงั คม
ขนั้ ตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ชั่วโมงที่ 1)
ข้ันนำเข้าสบู่ ทเรยี น
1. ครูให้นกั เรียนช่วยกันเล่าประสบการณ์เก่ยี วกบั การเขา้ ร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาทีแ่ สดงถึง
ความรว่ มมอื กันพัฒนาสงั คม ซึง่ นกั เรียนสามารถตอบไดห้ ลากหลาย เชน่
- เขา้ ค่ายพุทธบตุ ร
- เข้ารว่ มพิธีกรรม เช่น ทำบุญตักบาตร เวยี นเทยี น พิธปี วารณา พธิ ถี วายกฐนิ พธิ บี รรพชา
อุปสมบท พธิ เี ข้าพรรษา
2. นกั เรยี นช่วยกันวเิ คราะหป์ ระโยชนข์ องการเขา้ ร่วมกิจกรรมในข้อ 1 เช่น
- สร้างความสามคั ครี ะหว่างกัน
- ร่วมมือกันแก้ไขปญั หา
- สืบสานประเพณี วัฒนธรรม
- มีการแลกเปลยี่ นข้อมูลขา่ วสาร
- มีความคิดเหน็ เป็นมติ รท่ดี ตี ่อกัน
ขั้นสอน
3. ครอู ธบิ ายถงึ แนวทางการจัดกจิ กรรมเพอ่ื แกป้ ัญหาและพัฒนาสังคม มหี ลายประการ เชน่
1) การเข้าค่ายพระพุทธบุตร
2) การเข้าร่วมพธิ ีกรรมทางพระพทุ ธศาสนา
3) การศึกษาพระพทุ ธศาสนาวันอาทิตย์
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่ม (กล่มุ เดมิ จากแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 23) ร่วมกันศึกษาความรเู้ ร่ือง แนว
ทางการจัดกจิ กรรมเพื่อแกป้ ัญหาและพัฒนาสังคม การสัมมนาและเสนอแนะแนวทางในการธำรงรักษา
พระพุทธศาสนา การปกป้องคุ้มครองพระพทุ ธศาสนาของพทุ ธบรษิ ทั ในสงั คมไทย และการปลกู จิตสำนกึ และ
การมสี ว่ นร่วมในสังคมพุทธ จากหนังสือเรียน หรอื หนังสอื ค้นคว้าเพ่มิ เติม ใบความรู้ ห้องสมุด หรือแหล่งข้อมลู
สารสนเทศ แลว้ นำความรทู้ ี่ได้จากการศกึ ษามาบนั ทึกลงในแบบบันทกึ การอ่าน
ขนั้ สรุปผล
5. สมาชกิ ในแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันทำใบงานที่ 2 เร่ือง แนวทางการจัดกิจกรรมเพอื่ แกป้ ัญหาและพฒั นา
สังคม จากน้ันรว่ มกันเฉลยคำตอบในใบงาน และสรุปการมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนา
สังคม
ขน้ั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (ชั่วโมงที่ 2)
ขั้นนำเข้าสูบ่ ทเรยี น
1. ครูกระตุน้ ความคิดของนักเรียนโดยต้ังคำถามวา่ กิจกรรมใดของสถานศึกษาท่ีมสี ว่ นสำคญั ในการ
แก้ปัญหาและพฒั นาสงั คม จงยกตัวอย่าง (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของ
ครผู ู้สอน)
ข้นั สอน
2. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันวางแผนอภิปรายหน้าชัน้ เรยี นในเร่อื ง แนวทางการธำรงรกั ษาและ
ปกปอ้ งคมุ้ ครองพระพทุ ธศาสนา โดยใหค้ รอบคลุมประเด็นตอ่ ไปนี้
1) แนวทางการธำรงรักษาพระพุทธศาสนา
2) แนวทางการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพทุ ธบรษิ ทั ในสังคมไทย
3) แนวทางการปลกู จติ สำนึกและการมสี ่วนร่วมในสังคมพุทธ
4) การดำเนินการอภปิ รายตามขั้นตอนและเร้าความสนใจ
นักเรยี นแต่ละกลุ่มซักซอ้ มการดำเนินการอภิปรายใหไ้ ดต้ ามประเดน็ และเวลาทก่ี ำหนด
3. ครูสนทนากับนักเรยี นถงึ ความพรอ้ มของการเตรียมการอภิปรายตามหวั ข้อท่กี ำหนด และการแบ่ง
หน้าท่คี วามรบั ผดิ ชอบของสมาชิกภายในกลมุ่
4. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ประเด็นสำคญั เกี่ยวกบั แนวทาง การธำรงรกั ษาพระพุทธศาสนา แนว
ทางการปกป้องคุม้ ครองพระพทุ ธศาสนาของพทุ ธบรษิ ัทในสังคมไทย แนวทางการปลกู จิตสำนึกและการมสี ่วน
ร่วมในสังคมพุทธ
ขั้นสรุปผล
5. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ องค์ความรู้และวเิ คราะห์ เร่ือง การปกป้อง คมุ้ ครองพระพุทธศาสนา
สอ่ื และแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น พระพทุ ธศาสนา ม.5
2. ใบงานท่ี 2 เรอื่ ง แนวทางการจดั กจิ กรรมเพอ่ื แก้ปัญหาและพฒั นาสังคม
3. ห้องจริยธรรม
4. หอ้ งสมุด
การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (2 ห่วง 3 เงื่อนไข)
หลกั ความพอประมาณ ใชเ้ วลาในการศึกษา คน้ คว้าหาความรู้
ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มคา่ ในอปุ กรณก์ ารเรยี น
หลักมเี หตุผล การอธิบายโดยการใชห้ ลกั การทางพระพุทธศาสนา
การแก้ปัญหาโดยใช้หลักการทางพระพุทธศาสนา
หลกั สร้างภมู คิ ุ้มกันในตัวท่ดี ี การมนี ำ้ ใจ มีความรบั ผิดชอบ การทำงานเปน็ หมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขความรู้ อธิบายการปกป้อง คุ้มครอง ธำรงรกั ษาพระพุทธศาสนาของชาวพทุ ธใน
สงั คมได้
เงอื่ นไขคุณธรรม มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ ซอื่ สตั ย์ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
การบูรณาการตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เง่ือนไข
ความรู้
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3 หว่ ง คุณธรรม
พอประมาณ
มีเหตุผล
มีภมู คิ ุ้มกนั ในตวั ทีด่ ี
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มติ ิ
เศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 2 เรอื่ ง แนวทางการ ใบงานที่ 2 เร่อื ง แนวทางการจัด รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
จัดกิจกรรมเพ่อื แกป้ ัญหาและ กิจกรรมเพอื่ แกป้ ัญหาและพัฒนาสงั คม
พฒั นาสังคม
ตรวจแบบบนั ทึกการอา่ น แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
รายบุคคล รายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนใน แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ ม
การเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ กิจกรรมรายกล่มุ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมิน คณุ ลักษณะอันพงึ
ประสงค์
ใบงานท่ี 2
เรือ่ ง แนวทางการจัดกิจกรรมเพือ่ แกป้ ญั หาและพฒั นาสงั คม
ตอนท่ี 1
คำช้ีแจง ให้นักเรียนดภู าพ แล้ววเิ คราะหภ์ าพและตอบคำถาม
ภาพชุดที่ 1
คำถาม
1.ควรตั้งชอ่ื ภาพชดุ นี้ วา่ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
2.กิจกรรมในค่ายพทุ ธบตุ รท่ีสำคญั ได้แกอ่ ะไรบา้ ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การเข้าค่ายพุทธบุตรเปน็ การแกป้ ญั หาและพฒั นาสังคมอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………